• 2025 ปีแห่งวิกฤตสภาพคล่องทางการเงิน (ep.2) : คนเคาะข่าว 03-03-68
    : อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #วิกฤตสภาพคล่อง #เศรษฐกิจโลก #การเงิน2025 #คนเคาะข่าว #ตลาดการเงิน #วิกฤตเศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #ดอกเบี้ย #ลงทุน #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #ThaiTimes #ข่าวเศรษฐกิจ #ตลาดหุ้น #เงินทุน #ภาวะถดถอย
    2025 ปีแห่งวิกฤตสภาพคล่องทางการเงิน (ep.2) : คนเคาะข่าว 03-03-68 : อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #วิกฤตสภาพคล่อง #เศรษฐกิจโลก #การเงิน2025 #คนเคาะข่าว #ตลาดการเงิน #วิกฤตเศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #ดอกเบี้ย #ลงทุน #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #ThaiTimes #ข่าวเศรษฐกิจ #ตลาดหุ้น #เงินทุน #ภาวะถดถอย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • 35 ปี สัญญาณเริ่มล่มสลาย “สหภาพโซเวียต” เปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ จุดสิ้นสุดพรรคคอมมิวนิสต์

    📅 ย้อนไปเมื่อ 35 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) เป็นวันที่เปรียบเสมือน “ระฆังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ของสหภาพโซเวียต (USSR) เมื่อคณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศยุติการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การล่มสลาย ของมหาอำนาจยุคสงครามเย็น ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

    จากการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ เพียงพรรคเดียว มายาวนานกว่า 70 ปี สหภาพโซเวียต ต้องเผชิญกับปัญหาภายใน อย่างหนักหน่วง ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การเมืองที่เริ่มไร้เสถียรภาพ และขบวนการชาตินิยม ในสาธารณรัฐต่างๆ ที่ต้องการแยกตัวออก ในที่สุด ระบบที่เคยแข็งแกร่ง ก็ต้องถึงกาลอวสาน

    🔴 จากการปฏิวัติ สู่มหาอำนาจโลก ต้นกำเนิดของ USSR 📌
    สหภาพโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics: USSR) ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2465 หลังการปฏิวัติเดือนตุลาคม (1917) ที่พรรคบอลเชวิค ภายใต้การนำของ วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) โค่นล้มระบอบกษัตริย์ และรัฐบาลเฉพาะกาลของรัสเซีย

    USSR ประกอบด้วย 15 สาธารณรัฐย่อย ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน เบลารุส เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลโดวา จอร์เจีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน คีร์กีซสถาน และทาจิกิสถาน

    👉 เมืองหลวงของสหภาพโซเวียตคือ มอสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม

    📌 สมัยแห่งอำนาจของสหภาพโซเวียต
    หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตกลายเป็น หนึ่งในสองมหาอำนาจของโลก คู่กับสหรัฐอเมริกา นำไปสู่สงครามเย็น (Cold War) ที่กินเวลายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ

    พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปกครอง ควบคุมทุกด้านของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญ ในวงการอวกาศ เช่น ส่ง ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) เป็นมนุษย์คนแรก ที่ขึ้นสู่อวกาศในปี 2504

    🔥 สัญญาณแห่งการล่มสลาย ปัจจัยที่ทำให้ USSR พังทลาย
    แม้ว่าสหภาพโซเวียต จะดูแข็งแกร่งจากภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยรอยร้าว ที่ค่อยๆ ก่อตัวจนถึงจุดแตกหัก

    📉 1. วิกฤตเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ที่ล้มเหลว
    เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียต เป็นระบบวางแผนจากส่วนกลาง (Centralized Economy) ซึ่งรัฐบาลควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจัดสรรทรัพยากร แต่ระบบนี้ เริ่มประสบปัญหาหนักในช่วงปี 2523

    - ขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค ประชาชนต้องต่อแถวซื้อขนมปัง เป็นชั่วโมง
    - ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ไม่มีแรงจูงใจให้แรงงานทำงานหนัก
    - ค่าใช้จ่ายทางทหารสูงลิ่ว ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการแข่งขันอาวุธกับสหรัฐฯ

    ⚔️ 2. สงครามอัฟกานิสถาน (1979-1989) บาดแผลที่ยากจะสมาน
    การส่งทหาร เข้าไปช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในอัฟกานิสถาน กลายเป็นสงครามเวียดนาม ของโซเวียต เนื่องจากถูกกองกำลังมูจาฮิดีน ต่อต้านอย่างหนัก สงครามนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้โซเวียต สูญเสียทหารจำนวนมาก แต่ยังทำลายขวัญกำลังใจ ของประชาชนอีกด้วย

    🌍 3. ขบวนการแยกตัว ของสาธารณรัฐต่างๆ
    หลายสาธารณรัฐภายใน USSR เริ่มมีความต้องการเป็นอิสระ เช่น
    - กลุ่มบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย) ประกาศเอกราชในปี 2533
    - ยูเครนและจอร์เจีย มีการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัว

    เมื่อรัฐบาลกลาง ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้เกิดการล่มสลายในที่สุด

    🛑 4. การปฏิรูปของกอร์บาชอฟ กลัสนอสต์ & เปเรสตรอยคา
    เมื่อ มีฮาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ขึ้นเป็นผู้นำในปี 2528 เขาพยายามปฏิรูปประเทศผ่านนโยบายสำคัญ 2 ข้อ

    - กลัสนอสต์ (Glasnost) การเปิดเผยข้อมูล และให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากขึ้น
    - เปเรสตรอยคา (Perestroika) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แบบตลาดเสรี

    แม้ว่านโยบายเหล่านี้ มีเป้าหมายที่ดี แต่กลับทำให้ปัญหาภายในปะทุเร็วขึ้น ประชาชนเริ่มเรียกร้องเสรีภาพมากขึ้น และในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ ก็สูญเสียการควบคุม

    💥 วันที่พรรคคอมมิวนิสต์สูญเสียอำนาจ จุดจบของ USSR
    📆 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) คณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งสหภาพโซเวียตประกาศ ยกเลิกการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

    📆 25 ธันวาคม 2534 (1991) กอร์บาชอฟลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และ USSR ยุติการดำรงอยู่ โดยรัสเซียกลายเป็นรัฐเอกราช

    👉 บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของรัสเซีย และอดีตสาธารณรัฐต่างๆ ก็แยกตัวเป็นเอกราช

    🎭 บทเรียนจากการล่มสลาย ของสหภาพโซเวียต
    - การรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป อาจเป็นจุดอ่อน แทนที่จะเป็นจุดแข็ง
    - เศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพ นำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชน
    - การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน

    📢 35 ปี หลังจากวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่ง USSR สูญเสียอำนาจ โลกยังคงเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ การล่มสลายของโซเวียต ไม่ใช่แค่เรื่องของอดีต แต่มันเป็นบทเรียนสำหรับทุกประเทศ ที่ต้องการคงไว้ซึ่งเสถียรภาพ และอำนาจ 📌

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 071329 ก.พ. 2568

    #สหภาพโซเวียต #USSR #โซเวียตล่มสลาย #สงครามเย็น #คอมมิวนิสต์ #Gorbachev #เยลต์ซิน #ColdWar
    35 ปี สัญญาณเริ่มล่มสลาย “สหภาพโซเวียต” เปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ จุดสิ้นสุดพรรคคอมมิวนิสต์ 📅 ย้อนไปเมื่อ 35 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) เป็นวันที่เปรียบเสมือน “ระฆังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ของสหภาพโซเวียต (USSR) เมื่อคณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศยุติการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การล่มสลาย ของมหาอำนาจยุคสงครามเย็น ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี จากการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ เพียงพรรคเดียว มายาวนานกว่า 70 ปี สหภาพโซเวียต ต้องเผชิญกับปัญหาภายใน อย่างหนักหน่วง ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การเมืองที่เริ่มไร้เสถียรภาพ และขบวนการชาตินิยม ในสาธารณรัฐต่างๆ ที่ต้องการแยกตัวออก ในที่สุด ระบบที่เคยแข็งแกร่ง ก็ต้องถึงกาลอวสาน 🔴 จากการปฏิวัติ สู่มหาอำนาจโลก ต้นกำเนิดของ USSR 📌 สหภาพโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics: USSR) ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2465 หลังการปฏิวัติเดือนตุลาคม (1917) ที่พรรคบอลเชวิค ภายใต้การนำของ วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) โค่นล้มระบอบกษัตริย์ และรัฐบาลเฉพาะกาลของรัสเซีย USSR ประกอบด้วย 15 สาธารณรัฐย่อย ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน เบลารุส เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลโดวา จอร์เจีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน คีร์กีซสถาน และทาจิกิสถาน 👉 เมืองหลวงของสหภาพโซเวียตคือ มอสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 📌 สมัยแห่งอำนาจของสหภาพโซเวียต หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตกลายเป็น หนึ่งในสองมหาอำนาจของโลก คู่กับสหรัฐอเมริกา นำไปสู่สงครามเย็น (Cold War) ที่กินเวลายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปกครอง ควบคุมทุกด้านของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญ ในวงการอวกาศ เช่น ส่ง ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) เป็นมนุษย์คนแรก ที่ขึ้นสู่อวกาศในปี 2504 🔥 สัญญาณแห่งการล่มสลาย ปัจจัยที่ทำให้ USSR พังทลาย แม้ว่าสหภาพโซเวียต จะดูแข็งแกร่งจากภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยรอยร้าว ที่ค่อยๆ ก่อตัวจนถึงจุดแตกหัก 📉 1. วิกฤตเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ที่ล้มเหลว เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียต เป็นระบบวางแผนจากส่วนกลาง (Centralized Economy) ซึ่งรัฐบาลควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจัดสรรทรัพยากร แต่ระบบนี้ เริ่มประสบปัญหาหนักในช่วงปี 2523 - ขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค ประชาชนต้องต่อแถวซื้อขนมปัง เป็นชั่วโมง - ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ไม่มีแรงจูงใจให้แรงงานทำงานหนัก - ค่าใช้จ่ายทางทหารสูงลิ่ว ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการแข่งขันอาวุธกับสหรัฐฯ ⚔️ 2. สงครามอัฟกานิสถาน (1979-1989) บาดแผลที่ยากจะสมาน การส่งทหาร เข้าไปช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในอัฟกานิสถาน กลายเป็นสงครามเวียดนาม ของโซเวียต เนื่องจากถูกกองกำลังมูจาฮิดีน ต่อต้านอย่างหนัก สงครามนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้โซเวียต สูญเสียทหารจำนวนมาก แต่ยังทำลายขวัญกำลังใจ ของประชาชนอีกด้วย 🌍 3. ขบวนการแยกตัว ของสาธารณรัฐต่างๆ หลายสาธารณรัฐภายใน USSR เริ่มมีความต้องการเป็นอิสระ เช่น - กลุ่มบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย) ประกาศเอกราชในปี 2533 - ยูเครนและจอร์เจีย มีการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัว เมื่อรัฐบาลกลาง ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้เกิดการล่มสลายในที่สุด 🛑 4. การปฏิรูปของกอร์บาชอฟ กลัสนอสต์ & เปเรสตรอยคา เมื่อ มีฮาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ขึ้นเป็นผู้นำในปี 2528 เขาพยายามปฏิรูปประเทศผ่านนโยบายสำคัญ 2 ข้อ - กลัสนอสต์ (Glasnost) การเปิดเผยข้อมูล และให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากขึ้น - เปเรสตรอยคา (Perestroika) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แบบตลาดเสรี แม้ว่านโยบายเหล่านี้ มีเป้าหมายที่ดี แต่กลับทำให้ปัญหาภายในปะทุเร็วขึ้น ประชาชนเริ่มเรียกร้องเสรีภาพมากขึ้น และในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ ก็สูญเสียการควบคุม 💥 วันที่พรรคคอมมิวนิสต์สูญเสียอำนาจ จุดจบของ USSR 📆 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) คณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งสหภาพโซเวียตประกาศ ยกเลิกการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ 📆 25 ธันวาคม 2534 (1991) กอร์บาชอฟลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และ USSR ยุติการดำรงอยู่ โดยรัสเซียกลายเป็นรัฐเอกราช 👉 บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของรัสเซีย และอดีตสาธารณรัฐต่างๆ ก็แยกตัวเป็นเอกราช 🎭 บทเรียนจากการล่มสลาย ของสหภาพโซเวียต - การรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป อาจเป็นจุดอ่อน แทนที่จะเป็นจุดแข็ง - เศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพ นำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชน - การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน 📢 35 ปี หลังจากวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่ง USSR สูญเสียอำนาจ โลกยังคงเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ การล่มสลายของโซเวียต ไม่ใช่แค่เรื่องของอดีต แต่มันเป็นบทเรียนสำหรับทุกประเทศ ที่ต้องการคงไว้ซึ่งเสถียรภาพ และอำนาจ 📌 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 071329 ก.พ. 2568 #สหภาพโซเวียต #USSR #โซเวียตล่มสลาย #สงครามเย็น #คอมมิวนิสต์ #Gorbachev #เยลต์ซิน #ColdWar
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน

    จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก
    "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก

    การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic)

    ลักษณะการแพร่เชื้อ
    โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
    ✅ มีไข้
    ✅ ไอแห้ง
    ✅ หายใจลำบาก

    มาตรการป้องกันเบื้องต้น
    ✅ ล้างมือบ่อยๆ
    ✅ สวมหน้ากากอนามัย
    ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม
    ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ

    จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์
    ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์

    มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19
    🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
    🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน
    🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ
    🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว
    📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น
    📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน

    โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน
    เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่

    💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
    📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ

    🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน)
    📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
    📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด

    ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา
    📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน
    💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง
    💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง
    💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80%

    📚 ผลกระทบต่อการศึกษา
    🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์
    📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต
    📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต

    วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด
    ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน

    แผนการฉีดวัคซีนในไทย
    ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย
    ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน
    ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

    ผลของการฉีดวัคซีน
    📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง
    📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น
    📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

    บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย
    ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่

    📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19
    🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
    🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง
    🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ
    🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว

    ประเทศไทยหลังโควิด-19
    ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
    ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
    ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น

    นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568

    🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน” ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) 30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic) ลักษณะการแพร่เชื้อ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✅ มีไข้ ✅ ไอแห้ง ✅ หายใจลำบาก มาตรการป้องกันเบื้องต้น ✅ ล้างมือบ่อยๆ ✅ สวมหน้ากากอนามัย ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์ มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19 🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน 🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ 🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น 📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่ 💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน 📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน) 📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ 📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา 📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน 💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง 💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง 💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80% 📚 ผลกระทบต่อการศึกษา 🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์ 📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต 📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน แผนการฉีดวัคซีนในไทย ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ผลของการฉีดวัคซีน 📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง 📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น 📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ 📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19 🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต 🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง 🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ 🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว ประเทศไทยหลังโควิด-19 ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568 🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ควรเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย สืบเนื่องจากชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะและประชากรอินูอิตของรัสเซีย มีความเกี่ยวดองกันทางภาษาพูด จากคำชี้แนะของวิตาลี มีโลนอฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแดนหมีขาวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์
    .
    ความเห็นล่าสุดของเขามีขึ้นตามหลังถ้อยแถลงอันเป็นที่ถกเถียงเป็นชุดๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนผนวกกรีนแลนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา แม้มีเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นจากผู้นำฝักใฝ่เอกราชของเกาะและเดนมาร์ก
    .
    "เราได้ยินถ้อยแถลงต่างๆ จากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าแคนาดา ในข้อเท็จจริงคือ เป็นมลรัฐที่ยากจนที่สุดในอเมริกา ต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ โดยสิ้นเชิง แต่ตัวอเมริกาเองก็อยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการปกครองของโจ ไบเดน" มิโลนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Gazeta สื่อมวลชนรัสเซียเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.)
    .
    "สถานการณ์เช่นนี้ รัสเซียจึงอยู่ในฐานะรัฐปกติเพียงรัฐเดียว ที่มีระบบการเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะสนับสนุนชนพื้นเมืองชาวกรีนแลนด์ ผู้ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกับประชากรอินูอิตของรัสเซีย ทั้ง 2 กลุ่มพูดภาษาพื้นเมืองในภาษาเดียวกัน" เขากล่าวอ้าง
    .
    มิโลนอฟ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้สนับสนุนตัวยง "ค่านิยมรัสเซียดั้งเดิม" และส่งสียงคัดค้านในสิ่งที่เขาเรียกว่าความเสื่อมทรามของตะวันตก ในนั้นรวมถึงโฆษณาชวนเชื่อ LGBT และอุดมการณ์ที่ไม่ต้องการมีลูก บ่อยครั้งเขาตกเป็นข่าวพาดหัวในแนวคิดอันเป็นที่ถกเถียงต่างๆ อย่างเช่นเรียกร้องให้ปิดเซ็กซ์ชอปทั้งหมดในรัสเซีย และเอาเซ็กซ์ทอยส์ที่ยึดมาเหล่านั้นไปทิ้งบอมบ์ใส่ยูเครน
    .
    จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่าราว 70% ของพลเมืองราว 60,000 คนของกรีนแลนด์ พูดภาษากรีนแลนดิก "ภาษาเอสกิโม-อะลิวต์" ซึ่งแตกออกมาเป็นภาษาอินูอิต ขณะที่นักภาษาศาสตร์ ณ ศูนย์ภาษาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เน้นว่าภาษากรีนแลนกิด มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับภาษายูปิก ที่ใช้พูดกันในไซบีเรีย
    .
    "กรีนแลนด์อาจกลายมาเป็นดินแดนใหม่ของสหพันธรัฐรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐประชาชนกรีนแลนดิก" มิโลนอฟเสนอ พร้อมอ้างว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการแรงสนับสนุนและการปกป้องจากรัสเซีย หลังถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ ภายใต้บังเหียนของเดนมาร์ก "ผู้รุกราน"
    .
    ทั้งนี้ กรีนแลนด์ อดีตอาณานิคมของเดนมาร์ก ได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 ขณะที่ มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีของเกาะแห่งนี้ เน้นย้ำเมื่อช่วงกลางเดือนว่า เกาะกำลังเสาะหาความเป็นเอกราช และอยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำประชามติ แต่ไม่ได้ให้กรอบเวลาอย่างเจาะจง
    .
    "กรีนแลนด์มีไว้สำหรับประชาชนชาวกรีนแลนดิก เราไม่ต้องการเป็นคนเดนมาร์ก เราไม่อยากเป็นคนอเมริกา" เอเกเด ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ก่อนหน้านั้น ที่เสนอซื้อหรือผนวกเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009490
    ..............
    Sondhi X
    กรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ควรเข้าร่วมสหพันธรัฐรัสเซีย สืบเนื่องจากชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะและประชากรอินูอิตของรัสเซีย มีความเกี่ยวดองกันทางภาษาพูด จากคำชี้แนะของวิตาลี มีโลนอฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแดนหมีขาวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ . ความเห็นล่าสุดของเขามีขึ้นตามหลังถ้อยแถลงอันเป็นที่ถกเถียงเป็นชุดๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับแผนผนวกกรีนแลนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา แม้มีเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นจากผู้นำฝักใฝ่เอกราชของเกาะและเดนมาร์ก . "เราได้ยินถ้อยแถลงต่างๆ จากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าแคนาดา ในข้อเท็จจริงคือ เป็นมลรัฐที่ยากจนที่สุดในอเมริกา ต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ โดยสิ้นเชิง แต่ตัวอเมริกาเองก็อยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการปกครองของโจ ไบเดน" มิโลนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Gazeta สื่อมวลชนรัสเซียเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) . "สถานการณ์เช่นนี้ รัสเซียจึงอยู่ในฐานะรัฐปกติเพียงรัฐเดียว ที่มีระบบการเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะสนับสนุนชนพื้นเมืองชาวกรีนแลนด์ ผู้ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกับประชากรอินูอิตของรัสเซีย ทั้ง 2 กลุ่มพูดภาษาพื้นเมืองในภาษาเดียวกัน" เขากล่าวอ้าง . มิโลนอฟ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้สนับสนุนตัวยง "ค่านิยมรัสเซียดั้งเดิม" และส่งสียงคัดค้านในสิ่งที่เขาเรียกว่าความเสื่อมทรามของตะวันตก ในนั้นรวมถึงโฆษณาชวนเชื่อ LGBT และอุดมการณ์ที่ไม่ต้องการมีลูก บ่อยครั้งเขาตกเป็นข่าวพาดหัวในแนวคิดอันเป็นที่ถกเถียงต่างๆ อย่างเช่นเรียกร้องให้ปิดเซ็กซ์ชอปทั้งหมดในรัสเซีย และเอาเซ็กซ์ทอยส์ที่ยึดมาเหล่านั้นไปทิ้งบอมบ์ใส่ยูเครน . จากข้อมูลของสหประชาชาติพบว่าราว 70% ของพลเมืองราว 60,000 คนของกรีนแลนด์ พูดภาษากรีนแลนดิก "ภาษาเอสกิโม-อะลิวต์" ซึ่งแตกออกมาเป็นภาษาอินูอิต ขณะที่นักภาษาศาสตร์ ณ ศูนย์ภาษาแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เน้นว่าภาษากรีนแลนกิด มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับภาษายูปิก ที่ใช้พูดกันในไซบีเรีย . "กรีนแลนด์อาจกลายมาเป็นดินแดนใหม่ของสหพันธรัฐรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐประชาชนกรีนแลนดิก" มิโลนอฟเสนอ พร้อมอ้างว่าดินแดนแห่งนี้ต้องการแรงสนับสนุนและการปกป้องจากรัสเซีย หลังถูกลิดรอนสิทธิต่างๆ ภายใต้บังเหียนของเดนมาร์ก "ผู้รุกราน" . ทั้งนี้ กรีนแลนด์ อดีตอาณานิคมของเดนมาร์ก ได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 ขณะที่ มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีของเกาะแห่งนี้ เน้นย้ำเมื่อช่วงกลางเดือนว่า เกาะกำลังเสาะหาความเป็นเอกราช และอยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำประชามติ แต่ไม่ได้ให้กรอบเวลาอย่างเจาะจง . "กรีนแลนด์มีไว้สำหรับประชาชนชาวกรีนแลนดิก เราไม่ต้องการเป็นคนเดนมาร์ก เราไม่อยากเป็นคนอเมริกา" เอเกเด ตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ก่อนหน้านั้น ที่เสนอซื้อหรือผนวกเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009490 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2068 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV

    เพิ่มพูนความรู้ ด้วยหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่ ให้ตัวเองและคนที่คุณรักด้วยหนังสือดีๆ ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ

    The House of Rothschild จักรวรรดิที่มองไม่เห็น

    ผู้เขียน: ทวีสุข ธรรมศักดิ์
    สำนักพิมพ์: บ้านพระอาทิตย์/baanphraathit
    หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV

    อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ เจ้าของผลงานหนังสือขายดี The Great Reset – ปฏิวัติระเบียบโลกใหม่ทุบสถิติยอดจองสูงสุดทางออนไลน์ของสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ และหนังสือขายดีในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 จนถึงร้านออนไลน์ในปัจจุบัน

    · เตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ในเชิงโครงสร้าง ที่ต้องไปจบที่สงครามใหญ่ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของระบบไปสู่อีกระบบหนึ่ง
    · พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการต่อยอดระบบวิธีคิดเกี่ยวกับการจัดระเบียบโลกใหม่ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ
    · ระเบียบโลกใหม่ New World Order ไม่ใช่เหตุบังเอิญ
    · ศึกษาข้อมูลครอบครัวรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบโลกมากที่สุดครอบครัวหนึ่งมากว่า 200 ปี ทั้งข้อมูลประวัติศาสตร์ ข้อมูลแนวทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy) รวมถึงการทำงานทางการเงินระหว่างประเทศ

    หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV

    · ภายในเล่ม พบกับ

    o ถอดหน้ากากองค์กรลับอิลลูมินาติ (Illuminati) กับอุดมการณ์ One World Government

    o ขบวนการไซออนิสต์ (Zionism) เพื่อการยึดครองโลก

    o ขบวนการสมคบคิดการปฏิวัติครั้งสำคัญ รวมทั้งสงครามโลกที่ผ่านมา และครั้งต่อไป

    o พ่อมดการเงิน ผู้กุมชะตาวิกฤตเศรษฐกิจโลก
    หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV

    #TheHouseofRothschild #Rothchild #รอธไชลด์ #ตระกูลรอธไชลด์ #Elite #อีลิท#NewWorldOrder #นิวเวิล์ดออเดอร์ #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ #บ้านพระอาทิตย์ #baanpraathit #หนังสือขายดี #TheGreatReset #Conspiracy #ทฤษฎีสมคบคิด #Illuminati #อิลลูมินาติ #Zionism #ไซออนนิสต์ #สงครามโลก #OneWorldGovernment
    หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV เพิ่มพูนความรู้ ด้วยหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่ ให้ตัวเองและคนที่คุณรักด้วยหนังสือดีๆ ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ The House of Rothschild จักรวรรดิที่มองไม่เห็น ผู้เขียน: ทวีสุข ธรรมศักดิ์ สำนักพิมพ์: บ้านพระอาทิตย์/baanphraathit หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ เจ้าของผลงานหนังสือขายดี The Great Reset – ปฏิวัติระเบียบโลกใหม่ทุบสถิติยอดจองสูงสุดทางออนไลน์ของสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ และหนังสือขายดีในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 จนถึงร้านออนไลน์ในปัจจุบัน · เตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ในเชิงโครงสร้าง ที่ต้องไปจบที่สงครามใหญ่ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของระบบไปสู่อีกระบบหนึ่ง · พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการต่อยอดระบบวิธีคิดเกี่ยวกับการจัดระเบียบโลกใหม่ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ · ระเบียบโลกใหม่ New World Order ไม่ใช่เหตุบังเอิญ · ศึกษาข้อมูลครอบครัวรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบโลกมากที่สุดครอบครัวหนึ่งมากว่า 200 ปี ทั้งข้อมูลประวัติศาสตร์ ข้อมูลแนวทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy) รวมถึงการทำงานทางการเงินระหว่างประเทศ หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV · ภายในเล่ม พบกับ o ถอดหน้ากากองค์กรลับอิลลูมินาติ (Illuminati) กับอุดมการณ์ One World Government o ขบวนการไซออนิสต์ (Zionism) เพื่อการยึดครองโลก o ขบวนการสมคบคิดการปฏิวัติครั้งสำคัญ รวมทั้งสงครามโลกที่ผ่านมา และครั้งต่อไป o พ่อมดการเงิน ผู้กุมชะตาวิกฤตเศรษฐกิจโลก หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV #TheHouseofRothschild #Rothchild #รอธไชลด์ #ตระกูลรอธไชลด์ #Elite #อีลิท#NewWorldOrder #นิวเวิล์ดออเดอร์ #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ #บ้านพระอาทิตย์ #baanpraathit #หนังสือขายดี #TheGreatReset #Conspiracy #ทฤษฎีสมคบคิด #Illuminati #อิลลูมินาติ #Zionism #ไซออนนิสต์ #สงครามโลก #OneWorldGovernment
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 975 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV

    เพิ่มพูนความรู้ ด้วยหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่ ให้ตัวเองและคนที่คุณรักด้วยหนังสือดีๆ ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ

    The House of Rothschild จักรวรรดิที่มองไม่เห็น

    ผู้เขียน: ทวีสุข ธรรมศักดิ์
    สำนักพิมพ์: บ้านพระอาทิตย์/baanphraathit
    หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV

    อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ เจ้าของผลงานหนังสือขายดี The Great Reset – ปฏิวัติระเบียบโลกใหม่ทุบสถิติยอดจองสูงสุดทางออนไลน์ของสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ และหนังสือขายดีในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 จนถึงร้านออนไลน์ในปัจจุบัน

    · เตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ในเชิงโครงสร้าง ที่ต้องไปจบที่สงครามใหญ่ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของระบบไปสู่อีกระบบหนึ่ง
    · พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการต่อยอดระบบวิธีคิดเกี่ยวกับการจัดระเบียบโลกใหม่ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ
    · ระเบียบโลกใหม่ New World Order ไม่ใช่เหตุบังเอิญ
    · ศึกษาข้อมูลครอบครัวรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบโลกมากที่สุดครอบครัวหนึ่งมากว่า 200 ปี ทั้งข้อมูลประวัติศาสตร์ ข้อมูลแนวทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy) รวมถึงการทำงานทางการเงินระหว่างประเทศ

    หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV

    · ภายในเล่ม พบกับ

    o ถอดหน้ากากองค์กรลับอิลลูมินาติ (Illuminati) กับอุดมการณ์ One World Government

    o ขบวนการไซออนิสต์ (Zionism) เพื่อการยึดครองโลก

    o ขบวนการสมคบคิดการปฏิวัติครั้งสำคัญ รวมทั้งสงครามโลกที่ผ่านมา และครั้งต่อไป

    o พ่อมดการเงิน ผู้กุมชะตาวิกฤตเศรษฐกิจโลก
    หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV

    #TheHouseofRothschild #Rothchild #รอธไชลด์ #ตระกูลรอธไชลด์ #Elite #อีลิท#NewWorldOrder #นิวเวิล์ดออเดอร์ #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ #บ้านพระอาทิตย์ #baanpraathit #หนังสือขายดี #TheGreatReset #Conspiracy #ทฤษฎีสมคบคิด #Illuminati #อิลลูมินาติ #Zionism #ไซออนนิสต์ #สงครามโลก #OneWorldGovernment

    หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV เพิ่มพูนความรู้ ด้วยหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่ ให้ตัวเองและคนที่คุณรักด้วยหนังสือดีๆ ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ The House of Rothschild จักรวรรดิที่มองไม่เห็น ผู้เขียน: ทวีสุข ธรรมศักดิ์ สำนักพิมพ์: บ้านพระอาทิตย์/baanphraathit หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ เจ้าของผลงานหนังสือขายดี The Great Reset – ปฏิวัติระเบียบโลกใหม่ทุบสถิติยอดจองสูงสุดทางออนไลน์ของสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ และหนังสือขายดีในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 จนถึงร้านออนไลน์ในปัจจุบัน · เตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ในเชิงโครงสร้าง ที่ต้องไปจบที่สงครามใหญ่ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของระบบไปสู่อีกระบบหนึ่ง · พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการต่อยอดระบบวิธีคิดเกี่ยวกับการจัดระเบียบโลกใหม่ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ · ระเบียบโลกใหม่ New World Order ไม่ใช่เหตุบังเอิญ · ศึกษาข้อมูลครอบครัวรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบโลกมากที่สุดครอบครัวหนึ่งมากว่า 200 ปี ทั้งข้อมูลประวัติศาสตร์ ข้อมูลแนวทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy) รวมถึงการทำงานทางการเงินระหว่างประเทศ หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV · ภายในเล่ม พบกับ o ถอดหน้ากากองค์กรลับอิลลูมินาติ (Illuminati) กับอุดมการณ์ One World Government o ขบวนการไซออนิสต์ (Zionism) เพื่อการยึดครองโลก o ขบวนการสมคบคิดการปฏิวัติครั้งสำคัญ รวมทั้งสงครามโลกที่ผ่านมา และครั้งต่อไป o พ่อมดการเงิน ผู้กุมชะตาวิกฤตเศรษฐกิจโลก หนังสือ ปกแข็ง 272 หน้า (พร้อมลายเซ็นอาจารย์)👉👉 https://s.shopee.co.th/3LAXfkzFNV #TheHouseofRothschild #Rothchild #รอธไชลด์ #ตระกูลรอธไชลด์ #Elite #อีลิท#NewWorldOrder #นิวเวิล์ดออเดอร์ #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ #บ้านพระอาทิตย์ #baanpraathit #หนังสือขายดี #TheGreatReset #Conspiracy #ทฤษฎีสมคบคิด #Illuminati #อิลลูมินาติ #Zionism #ไซออนนิสต์ #สงครามโลก #OneWorldGovernment
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 970 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯอยู่ในภาวะถดถอยทางการเงินอย่างเสรี

    วิกฤตเศรษฐกิจกำลังใกล้เข้ามา, ซึ่งการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและการผ่อนปรนเชิงปริมาณไม่สามารถหยุดยั้งได้

    ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใด, จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในโครงสร้างการป้องกันประเทศ, ความเป็นผู้นำ,ฅ และแนวคิด

    Douglas Macgregor
    .
    The United States is in fiscal free fall.

    An economic crisis looms, one that bailouts and quantitative easing cannot stop.

    Regardless of the circumstances, profound changes in defense structure, leadership, and thinking are needed.
    .
    3:30 AM · Nov 20, 2024 · 39.2K Views
    https://x.com/DougAMacgregor/status/1858971241732075832
    สหรัฐฯอยู่ในภาวะถดถอยทางการเงินอย่างเสรี วิกฤตเศรษฐกิจกำลังใกล้เข้ามา, ซึ่งการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและการผ่อนปรนเชิงปริมาณไม่สามารถหยุดยั้งได้ ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใด, จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในโครงสร้างการป้องกันประเทศ, ความเป็นผู้นำ,ฅ และแนวคิด Douglas Macgregor . The United States is in fiscal free fall. An economic crisis looms, one that bailouts and quantitative easing cannot stop. Regardless of the circumstances, profound changes in defense structure, leadership, and thinking are needed. . 3:30 AM · Nov 20, 2024 · 39.2K Views https://x.com/DougAMacgregor/status/1858971241732075832
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทันทีที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ เขาจะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 94 ฉบับที่ออกโดยรัฐบาลไบเดนและแฮร์ริส ซึ่งทำให้เกิดวิกฤตชายแดนและวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา

    Fox News รายงาน
    ทันทีที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ เขาจะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 94 ฉบับที่ออกโดยรัฐบาลไบเดนและแฮร์ริส ซึ่งทำให้เกิดวิกฤตชายแดนและวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา Fox News รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧵ชัยชนะของทรัมป์ทำให้โซรอสต้องโศกเศร้า: นี่คือสาเหตุ

    กองทุนป้องกันความเสี่ยงมหาเศรษฐี จากฉลามที่ผันตัวมาเป็น “นักการกุศล” เสรีนิยมที่มีแนวคิดฉ้อฉล ผลประโยชน์ทางการเงินของจอร์จ โซรอส และโครงการทางการเมืองอาจประสบปัญหาเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาที่ทำเนียบขาว.
    .
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา, Bloomberg รายงานว่า Soros Fund Management มีแผนจะปิดสำนักงานในฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "การปรับโครงสร้างองค์กร" แบบกะทันหัน หลังจากดำเนินกิจการมาเป็นเวลา ๑๔ ปี
    .
    ในขณะเดียวกัน, แคมเปญของเฒ่าโซรอสผู้เป็นพ่อและอเล็กซ์ลูกชายของเขาเพื่อให้พรรคเดโมแครตยังคงอยู่ในทำเนียบขาวก็ล้มเหลวในการจ่ายเงินปันผล, แม้ว่ากองทุนเพื่อการปฏิรูปนโยบายของโซรอสจะโอนเงิน ๖๐ ล้านดอลลาร์ให้กับ Future Forward, ซึ่งเป็นกลุ่มซูเปอร์ PAC ที่บริจาคเงินมืดสนับสนุนพรรคเดโมแครต นอกเหนือจากเงินบริจาค ๑๕ ล้านดอลลาร์จากบริษัทในเครือ Open Society Foundations ในปี ๒๐๒๓
    .
    นอกจากเงินแล้ว ครอบครัว Soros ยังได้ลงทุนส่วนตัวจำนวนมากในการรณรงค์ต่อต้าน “พรรครีพับลิกันแบบ MAGA” ในปี ๒๐๒๔ ในช่วงต้นปี ๒๐๒๓, Alex Soros ได้ประกาศลดขนาดการดำเนินงานของ OSF ในยุโรปตะวันตกลงอย่างมาก เพื่อมุ่งเน้นไปที่ยูเครน, มอลโดวา, บอลข่านตะวันตก, และสหรัฐอเมริกา โดยพยายามหยุดยั้งไม่ให้ทรัมป์กลายเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด
    .
    จอร์จ โซรอส ส่งสัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์เป็นครั้งแรกในปี ๒๐๑๖, เมื่อเขาทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของฮิลลารี คลินตัน หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง, โซรอสได้ให้ทุนสนับสนุน “ขบวนการต่อต้าน” ต่อต้านทรัมป์ โดยแสดงออกผ่านการประท้วงบนท้องถนน, การท้าทายวาระในประเทศของทรัมป์ในศาล, การล็อบบี้ลับๆ ของสมาชิกในรัฐบาลของเขา, การสนับสนุนสมาชิกรัฐสภาที่ส่งเสริมนโยบายต่างประเทศแบบเสรีนิยมใหม่, และแม้แต่เงินสด ๑ ล้านดอลลาร์ที่ใช้ไปกับเอกสาร “สมคบคิดระหว่างทรัมป์-รัสเซีย” ที่ฉาวโฉ่
    .
    ในช่วงวาระแรกของทรัมป์, โซรอสได้ล็อบบี้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ให้ควบคุมโซเชียลมีเดีย จัดหาเงินทุนสำหรับแคมเปญเพื่อสนับสนุนอัยการและผู้พิพากษาสายเสรีนิยม, ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ, ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา, และเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและท้องถิ่นอื่นๆ หลายสิบหรือหลายร้อยคนในปี ๒๐๑๘ และ ๒๐๒๐
    .
    การเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดของ Soros และ OSF จากการแทรกแซงในต่างประเทศไปสู่การแทรกแซงการเมืองภายในประเทศของสหรัฐฯ ทำให้ผู้สนับสนุนทรัมป์โกรธแค้น, ซึ่งพยายามประกาศว่าเขาเป็น “ผู้ก่อการร้ายในประเทศ,” ริบทรัพย์สินของเขา, และขับไล่มหาเศรษฐีชาวฮังการีผู้นี้ออกจากประเทศ
    .
    เมื่อโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งในปี ๒๐๒๐, กลุ่มนักวิจัยที่เชื่อมโยงกับโซรอสได้ล็อบบี้รัฐบาลของเขาให้สนับสนุนนโยบายที่สนับสนุนหลักการ OSF ในนโยบายด้านที่แตกต่างกันเกือบสองโหล, และจัดสรรเงิน ๒๐ ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง "องค์กรระดับรากหญ้า" เพื่อขายร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ของไบเดน
    .
    ในปี ๒๐๒๒, โซรอสได้จัดสรรเงิน ๑๒๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯให้กับ “Democracy PAC” เพื่อสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้าน MAGA ในช่วงกลางเทอม
    .
    ในปี ๒๐๒๓, เมื่อเริ่มมีการฟ้องร้องทางอาญากับทรัมป์, อดีตประธานาธิบดีเชื่อมโยงการ "ล่าแม่มด" ทางการเมืองต่อตัวเขาเข้ากับโซรอส และอัลวิน แบร็กก์ อัยการแมนฮัตตันที่ "คัดเลือกและจัดหาเงินทุนเอง" ของเขาทันที ซึ่งแคมเปญหาเสียงในปี ๒๐๒๑ โซรอสเป็นที่รู้จักว่าบริจาคเงินให้อย่างน้อย ๑ ล้านดอลลาร์
    .
    “ผมคาดว่าทรัมป์จะถูกตัดสินว่ามีความผิดอย่างน้อยในบางกรณี, และจะต้องติดคุกในวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ๒๐๒๔,” โซรอสกล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๐๒๓ “ถ้าผมพูดถูก, เขาไม่น่าจะชนะการเลือกตั้ง แต่ถ้าผมพูดผิด, สหรัฐฯ จะเผชิญกับวิกฤตรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน”
    .
    ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการคำนวณของมหาเศรษฐี, โดยอดีตผู้จัดการด้านการเงินของโซรอส, สแตน ดรัคเคนมิลเลอร์, ได้เตือนเมื่อกลางเดือนตุลาคมว่าตลาด "มั่นใจมาก" ว่าทรัมป์จะชนะ
    .
    🧵TRUMP’S TRIUMPH SOWS SORROW FOR SOROS: HERE’S WHY

    Billionaire hedge fund shark-turned liberal “philanthropist” George Soros’ financial interests and political projects may be in trouble when Donald Trump returns to the Oval Office.
    .
    On Friday, Bloomberg reported that Soros Fund Management plans to shut down its Hong Kong office as part of a surprise “administrative reorganization” after 14 years of operations.
    .
    Meanwhile, the campaign by the elder Soros and his son Alex to keep a Democrat in the White House has failed to pay dividends, despite the Soros’ Fund for Policy Reform’s transfer of $60 million to Future Forward, a pro-Democrat dark money super PAC. That’s on top of a $15 million donation by an Open Society Foundations subsidiary in 2023.
    .
    Along with money, the Soros family invested significant personal capital into the campaign against “MAGA-style Republicans” in 2024. In early 2023, Alex Soros announced a dramatic scaling back of the OSF’s operations in Western Europe to focus on Ukraine, Moldova, the Western Balkans, and the United States, with the effort to stop Trump becoming a top priority.
    .
    George Soros first sounded the alarm over Trump’s “America First” foreign policy in 2016, when he pumped millions into Hillary Clinton’s presidential campaign. After Trump won, Soros funded an anti-Trump “resistance movement,” manifesting itself in street protests, court challenges to his domestic agenda, secret lobbying of members of his administration, support for lawmakers promoting a neoliberal foreign policy, and even $1 million in cash spent on the infamous “Trump-Russia collusion” dossier.
    .
    During Trump’s first term, Soros lobbied tech giants to regulate social media, funded a campaign to support dozens, if not hundreds, of liberal prosecutors and judges, gubernatorial candidates, congressional hopefuls, and other state and local officials in 2018 and 2020.
    .
    Soros and the OSF’s noticeable shift away from meddling abroad to interfering in US domestic politics earned the ire of Trump backers, who sought to declare him a “domestic terrorist,” strip him of his assets, and expel the Hungarian-born billionaire from the country.
    .
    When Joe Biden won in 2020, a Soros-linked think tank lobbied his administration to support policies favoring OSF principles in nearly two dozen different policy areas, and laid out $20 million to create “grass roots organizations” to sell Biden’s $1.2 trillion infrastructure bill.
    .
    In 2022, Soros channeled $125 million into a “Democracy PAC” to support anti-MAGA candidates in the midterms.
    .
    In 2023, as criminal indictments began to come down on Trump, the former president immediately linked the political “witch hunt” against him to Soros and his “hand-picked and funded” Manhattan DA Alvin Bragg, to whose 2021 campaign Soros is known to have donated at least $1 million.
    .
    “I expect that Trump will be found guilty at least in some cases, and will be in jail by election day in November 2024,” Soros said in an August 2023 interview. “If I am right, he is unlikely to win the election. But if I am wrong, the US will face a constitutional crisis that is likely to bring on an economic crisis as well.”
    .
    Something seems to have gone terribly wrong in the billionaire’s calculations, with Soros’ ex-money manager, Stan Druckenmiller, warning in mid-October that the markets were “very convinced” that Trump would win.
    .
    8:20 PM · Nov 9, 2024 · 28.4K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1855239000606265400
    🧵ชัยชนะของทรัมป์ทำให้โซรอสต้องโศกเศร้า: นี่คือสาเหตุ กองทุนป้องกันความเสี่ยงมหาเศรษฐี จากฉลามที่ผันตัวมาเป็น “นักการกุศล” เสรีนิยมที่มีแนวคิดฉ้อฉล ผลประโยชน์ทางการเงินของจอร์จ โซรอส และโครงการทางการเมืองอาจประสบปัญหาเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาที่ทำเนียบขาว. . เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา, Bloomberg รายงานว่า Soros Fund Management มีแผนจะปิดสำนักงานในฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "การปรับโครงสร้างองค์กร" แบบกะทันหัน หลังจากดำเนินกิจการมาเป็นเวลา ๑๔ ปี . ในขณะเดียวกัน, แคมเปญของเฒ่าโซรอสผู้เป็นพ่อและอเล็กซ์ลูกชายของเขาเพื่อให้พรรคเดโมแครตยังคงอยู่ในทำเนียบขาวก็ล้มเหลวในการจ่ายเงินปันผล, แม้ว่ากองทุนเพื่อการปฏิรูปนโยบายของโซรอสจะโอนเงิน ๖๐ ล้านดอลลาร์ให้กับ Future Forward, ซึ่งเป็นกลุ่มซูเปอร์ PAC ที่บริจาคเงินมืดสนับสนุนพรรคเดโมแครต นอกเหนือจากเงินบริจาค ๑๕ ล้านดอลลาร์จากบริษัทในเครือ Open Society Foundations ในปี ๒๐๒๓ . นอกจากเงินแล้ว ครอบครัว Soros ยังได้ลงทุนส่วนตัวจำนวนมากในการรณรงค์ต่อต้าน “พรรครีพับลิกันแบบ MAGA” ในปี ๒๐๒๔ ในช่วงต้นปี ๒๐๒๓, Alex Soros ได้ประกาศลดขนาดการดำเนินงานของ OSF ในยุโรปตะวันตกลงอย่างมาก เพื่อมุ่งเน้นไปที่ยูเครน, มอลโดวา, บอลข่านตะวันตก, และสหรัฐอเมริกา โดยพยายามหยุดยั้งไม่ให้ทรัมป์กลายเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด . จอร์จ โซรอส ส่งสัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์เป็นครั้งแรกในปี ๒๐๑๖, เมื่อเขาทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของฮิลลารี คลินตัน หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง, โซรอสได้ให้ทุนสนับสนุน “ขบวนการต่อต้าน” ต่อต้านทรัมป์ โดยแสดงออกผ่านการประท้วงบนท้องถนน, การท้าทายวาระในประเทศของทรัมป์ในศาล, การล็อบบี้ลับๆ ของสมาชิกในรัฐบาลของเขา, การสนับสนุนสมาชิกรัฐสภาที่ส่งเสริมนโยบายต่างประเทศแบบเสรีนิยมใหม่, และแม้แต่เงินสด ๑ ล้านดอลลาร์ที่ใช้ไปกับเอกสาร “สมคบคิดระหว่างทรัมป์-รัสเซีย” ที่ฉาวโฉ่ . ในช่วงวาระแรกของทรัมป์, โซรอสได้ล็อบบี้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ให้ควบคุมโซเชียลมีเดีย จัดหาเงินทุนสำหรับแคมเปญเพื่อสนับสนุนอัยการและผู้พิพากษาสายเสรีนิยม, ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ, ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา, และเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและท้องถิ่นอื่นๆ หลายสิบหรือหลายร้อยคนในปี ๒๐๑๘ และ ๒๐๒๐ . การเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดของ Soros และ OSF จากการแทรกแซงในต่างประเทศไปสู่การแทรกแซงการเมืองภายในประเทศของสหรัฐฯ ทำให้ผู้สนับสนุนทรัมป์โกรธแค้น, ซึ่งพยายามประกาศว่าเขาเป็น “ผู้ก่อการร้ายในประเทศ,” ริบทรัพย์สินของเขา, และขับไล่มหาเศรษฐีชาวฮังการีผู้นี้ออกจากประเทศ . เมื่อโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งในปี ๒๐๒๐, กลุ่มนักวิจัยที่เชื่อมโยงกับโซรอสได้ล็อบบี้รัฐบาลของเขาให้สนับสนุนนโยบายที่สนับสนุนหลักการ OSF ในนโยบายด้านที่แตกต่างกันเกือบสองโหล, และจัดสรรเงิน ๒๐ ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง "องค์กรระดับรากหญ้า" เพื่อขายร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ของไบเดน . ในปี ๒๐๒๒, โซรอสได้จัดสรรเงิน ๑๒๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯให้กับ “Democracy PAC” เพื่อสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้าน MAGA ในช่วงกลางเทอม . ในปี ๒๐๒๓, เมื่อเริ่มมีการฟ้องร้องทางอาญากับทรัมป์, อดีตประธานาธิบดีเชื่อมโยงการ "ล่าแม่มด" ทางการเมืองต่อตัวเขาเข้ากับโซรอส และอัลวิน แบร็กก์ อัยการแมนฮัตตันที่ "คัดเลือกและจัดหาเงินทุนเอง" ของเขาทันที ซึ่งแคมเปญหาเสียงในปี ๒๐๒๑ โซรอสเป็นที่รู้จักว่าบริจาคเงินให้อย่างน้อย ๑ ล้านดอลลาร์ . “ผมคาดว่าทรัมป์จะถูกตัดสินว่ามีความผิดอย่างน้อยในบางกรณี, และจะต้องติดคุกในวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ๒๐๒๔,” โซรอสกล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๐๒๓ “ถ้าผมพูดถูก, เขาไม่น่าจะชนะการเลือกตั้ง แต่ถ้าผมพูดผิด, สหรัฐฯ จะเผชิญกับวิกฤตรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน” . ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการคำนวณของมหาเศรษฐี, โดยอดีตผู้จัดการด้านการเงินของโซรอส, สแตน ดรัคเคนมิลเลอร์, ได้เตือนเมื่อกลางเดือนตุลาคมว่าตลาด "มั่นใจมาก" ว่าทรัมป์จะชนะ . 🧵TRUMP’S TRIUMPH SOWS SORROW FOR SOROS: HERE’S WHY Billionaire hedge fund shark-turned liberal “philanthropist” George Soros’ financial interests and political projects may be in trouble when Donald Trump returns to the Oval Office. . On Friday, Bloomberg reported that Soros Fund Management plans to shut down its Hong Kong office as part of a surprise “administrative reorganization” after 14 years of operations. . Meanwhile, the campaign by the elder Soros and his son Alex to keep a Democrat in the White House has failed to pay dividends, despite the Soros’ Fund for Policy Reform’s transfer of $60 million to Future Forward, a pro-Democrat dark money super PAC. That’s on top of a $15 million donation by an Open Society Foundations subsidiary in 2023. . Along with money, the Soros family invested significant personal capital into the campaign against “MAGA-style Republicans” in 2024. In early 2023, Alex Soros announced a dramatic scaling back of the OSF’s operations in Western Europe to focus on Ukraine, Moldova, the Western Balkans, and the United States, with the effort to stop Trump becoming a top priority. . George Soros first sounded the alarm over Trump’s “America First” foreign policy in 2016, when he pumped millions into Hillary Clinton’s presidential campaign. After Trump won, Soros funded an anti-Trump “resistance movement,” manifesting itself in street protests, court challenges to his domestic agenda, secret lobbying of members of his administration, support for lawmakers promoting a neoliberal foreign policy, and even $1 million in cash spent on the infamous “Trump-Russia collusion” dossier. . During Trump’s first term, Soros lobbied tech giants to regulate social media, funded a campaign to support dozens, if not hundreds, of liberal prosecutors and judges, gubernatorial candidates, congressional hopefuls, and other state and local officials in 2018 and 2020. . Soros and the OSF’s noticeable shift away from meddling abroad to interfering in US domestic politics earned the ire of Trump backers, who sought to declare him a “domestic terrorist,” strip him of his assets, and expel the Hungarian-born billionaire from the country. . When Joe Biden won in 2020, a Soros-linked think tank lobbied his administration to support policies favoring OSF principles in nearly two dozen different policy areas, and laid out $20 million to create “grass roots organizations” to sell Biden’s $1.2 trillion infrastructure bill. . In 2022, Soros channeled $125 million into a “Democracy PAC” to support anti-MAGA candidates in the midterms. . In 2023, as criminal indictments began to come down on Trump, the former president immediately linked the political “witch hunt” against him to Soros and his “hand-picked and funded” Manhattan DA Alvin Bragg, to whose 2021 campaign Soros is known to have donated at least $1 million. . “I expect that Trump will be found guilty at least in some cases, and will be in jail by election day in November 2024,” Soros said in an August 2023 interview. “If I am right, he is unlikely to win the election. But if I am wrong, the US will face a constitutional crisis that is likely to bring on an economic crisis as well.” . Something seems to have gone terribly wrong in the billionaire’s calculations, with Soros’ ex-money manager, Stan Druckenmiller, warning in mid-October that the markets were “very convinced” that Trump would win. . 8:20 PM · Nov 9, 2024 · 28.4K Views https://x.com/SputnikInt/status/1855239000606265400
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1038 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยแพร่ข้อมูล
    ภาพรวมการส่งออกของไทยในปัจจุบัน อยู่ในสภาวะ
    อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ หากไม่ทำอะไรเลย

    นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 การส่งออก
    เป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมายาวนาน
    คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-65% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม
    ภายในประเทศ (จีดีพี) การส่งออกมีบทบาทสำคัญ
    ในการสร้างรายได้จากต่างประเทศ การจ้างงาน และเพิ่ม
    ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

    อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยได้สูญเสียบทบาท
    และความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นที่เคยเป็นมา

    SCB EIC มองว่า เครื่องยนต์ส่งออกของไทยกำลังอ่อนแรงลงมาก
    จากปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งมีส่วนทำให้การส่งออกไทย
    ไม่สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก
    ได้เหมือนในอดีต และไม่สามารถปรับตัวตามกระแสโลก
    ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ทัน

    ปัจจัยภายในประเทศ :

    1) สินค้าส่งออกไทยไม่ค่อยสอดคล้องกับความต้องการของโลก :
    ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดการผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ
    ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป
    เช่น สมาร์ตโฟน แผงวงจรไฟฟ้า หรือสินค้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาด
    ขณะที่สินค้าหมวดเครื่องจักรและเครื่องใช้เครื่องกลที่ไทยผลิต
    กลับเป็นสินค้าที่โลกต้องการซื้อน้อยลงเช่น Hard Disk Drives (HDD)
    ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย แต่เมื่อเทคโนโลยี
    เปลี่ยนไปสู่ Solid State Drives (SSD) ความต้องการ HDD
    ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับสินค้าหมวดยานพาหนะ ส่วนประกอบ
    และอุปกรณ์เสริม ที่ไทยเคยส่งออกดีมาก จากการส่งออกยานยนต์
    และเครื่องยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทาย
    จากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของผู้ซื้อ ซึ่งรวมมูลค่า
    การส่งออก 2 หมวดใหญ่นี้คิดเป็น 27% ของมูลค่าการส่งออก
    ไทยทั้งหมดในปี 2566

    2) โครงสร้างการผลิตเพื่อส่งออกไทยเปลี่ยนแปลงช้า :
    ภาคการผลิตของไทยยังผูกโยงกับห่วงโซ่อุปทานเก่าอยู่มาก
    ส่งผลให้โครงสร้างการส่งออกเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้า
    ขณะที่โครงสร้างการผลิตของประเทศคู่แข่งหลายราย
    ที่เคยผลิตสินค้าล้าสมัยกว่าไทยในอดีต กลับสามารถ
    ปรับตามกระแสความต้องการในตลาดโลกที่เปลี่ยนไปได้
    อย่างรวดเร็วจากการหาห่วงโซ่อุปทานใหม่ สะท้อนจาก
    ส่วนแบ่งยอดขายสินค้าไทยในตลาดโลก ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง
    จาก 10 ปีก่อนมากนัก เช่น รถยนต์ EV แผงวงจรไฟฟ้า/เซมิคอนดักเตอร์
    สมาร์ตโฟน แผงโซลาร์เซลล์ (เป็นกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีสัดส่วนสูงขึ้นในตลาดโลก)

    ทั้งนี้ถึงแม้การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ของไทยจะมีสัดส่วนต่อมูลค่าการส่งออก
    ทั้งหมดสูงขึ้น แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 17% ในปี 2556-2560 เป็น 23%
    ในปี 2561-2565 ซึ่งแตกต่างจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
    ที่มีสัดส่วนการส่งออกกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมาก จาก 16% เป็น 32%, 38%
    เป็น 44% และ 40% เป็น 48% ตามลำดับ โดยสาเหตุเป็นเพราะว่า
    ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ผลิตสินค้ากลุ่มนี้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
    มีขั้นตอนการผลิตซับซ้อนกว่า และสร้างมูลค่าเพิ่มสูงกว่าได้
    ในขณะที่ไทยส่วนใหญ่แล้วยังคงผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีระดับกลาง
    และมีความซับซ้อนน้อยกว่า สะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันที่ต่ำกว่า
    แสดงให้เห็นว่าไทยอาจไม่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น
    ในปัจจุบันได้มากเท่าประเทศเพื่อนบ้าน

    3) ความสามารถในการกระจายตลาดใหม่ไม่ค่อยสูง :
    การส่งออกของไทยกว่า 75% ยังคงกระจุกตัวในบางตลาดหลัก เช่น จีน สหรัฐฯ
    ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน เช่นในอดีต ซึ่งหากเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น
    ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ก็อาจสร้างความเสี่ยงสูงต่อไทยตามมา เช่น เศรษฐกิจจีน
    ชะลอตัว ในช่วงที่ผ่านมา จะกระทบการส่งออกไทยไปตลาดจีนตามไปด้วย
    สะท้อนความจำเป็นในการขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง
    และเพิ่มยอดส่งออกของไทยได้

    จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าปัญหาหลักของการส่งออกไทยมาจาก
    ปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคการผลิตในประเทศที่ไม่ค่อยตอบโจทย์
    สินค้าใหม่ ๆ คำถามสำคัญคือ อะไรเป็นสาเหตุทำให้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
    ภาคการผลิตของไทยมาถึงจุดนี้?

    SCB EIC มองว่าสาเหตุหลักมาจากทักษะแรงงานไทยและการลงทุน
    จากต่างชาติที่ลดลง :

    1) แรงงานสูงวัยและทักษะต่ำ : ประเทศไทยกำลังเผชิญสังคมผู้สูงอายุ
    22.7% จากประชากรทั้งหมดในปี 2566 (อายุ 60 ปีขึ้นไป) และมีแนวโน้ม
    เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน รวมถึงปัญหาแรงงานขาดทักษะ
    ที่จำเป็น โดยเฉพาะทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตสินค้า
    และการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    ปัญหานี้ทำให้การผลิตสินค้าเทคโนโลยีของไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับ
    เทคโนโลยีขั้นกลาง และการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงจึงเกิดขึ้นค่อนข้างช้า
    เนื่องจากเพิ่มศักยภาพแรงงานไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

    2) สัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลดลง :
    FDI เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยได้รับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และทันสมัย
    เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและการส่งออก
    รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
    การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในไทยลดลงมาก จากที่เคยเป็นหนึ่ง
    ในจุดหมายปลายทางหลักในอาเซียน ไทยกลับตกอันดับมาเรื่อย ๆ
    อยู่อันดับ 7 ในปี 2566 แย่กว่าในปี 2543 2553 และ 2562 ที่อันดับ 3, 3,
    และ 6 ตามลำดับ เสียอีก (ข้อมูลจาก World Bank)

    สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก

    (1) ทักษะแรงงานไทยไม่สูงและสัดส่วนแรงงานสูงวัย
    ยังมีมากที่สุดในอาเซียน

    (2) ไทยขาดการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)
    กับประเทศสำคัญ ๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศคู่แข่ง
    เช่น เวียดนาม ได้เปรียบจากการมีข้อตกลง FTA กับสหภาพยุโรป
    และการเข้าร่วม CPTPP ทำให้เข้าถึงตลาดสำคัญในโลกได้ง่ายขึ้น

    (3) การเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูง

    (4) นโยบายเศรษฐกิจระยะยาวขาดความชัดเจนและความต่อเนื่อง
    นักลงทุนไทยและต่างประเทศขาดความมั่นใจที่จะลงทุน
    วิจัยและพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เนื่องจากเป็นการลงทุนสูง
    และใช้เวลากว่าจะเห็นผล และ

    (5) กฎระเบียบภาครัฐซับซ้อน ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้นักลงทุน
    ต่างชาติเลือกลงทุนในประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง
    และนโยบายและสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการลงทุนดีกว่า

    ปัจจัยภายนอก :

    การส่งออกของไทยยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกหลายประการ

    ได้แก่ 1) China over-capacity ที่อาจซ้ำเติมปัญหาความสามารถ
    ในการแข่งขันของไทย โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันด้านราคา
    กับสินค้าจีน

    2) ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจสร้างความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี
    สินค้านำเข้าทุกประเภทจากทุกประเทศเพิ่มเติม

    3) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามยืดเยื้อ การแบ่งขั้ว
    ทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น หรือมาตรการกีดกันการค้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบ
    ต่อการค้าโลก

    4) การผันผวนของค่าเงินบาท จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง
    สำคัญทั่วโลก

    (5) ค่าระวางเรือและค่าขนส่งที่อาจจะกลับมาสูงขึ้น จากสงครามที่เกิดขึ้นบ่อย
    และรุนแรงขึ้น รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเรือขนส่งและตู้คอนเทนเนอร์


    ปัจจัยภายในและนอกประเทศเหล่านี้กดดันให้เครื่องยนต์ส่งออกของไทย
    อ่อนแอลง และเป็นสัญญาณที่น่ากังวล เนื่องจากการบริโภคและการลงทุน
    ในประเทศก็กำลังอ่อนแรงเช่นกัน โดยการบริโภคถูกจำกัดจากภาระหนี้
    ครัวเรือนสูง และการลงทุนได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในประเทศ
    ที่เปราะบาง

    อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังไม่ไร้ความหวังเสียทีเดียว
    หากรัฐบาลสามารถจัดการ 3 ปัจจัยหลักได้ ได้แก่ แรงงาน การลงทุน
    โดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และยุทธศาสตร์นโยบายอุปทานที่ชัดเจน
    ประเทศไทยจะสามารถปรับโครงสร้างการผลิตให้แข็งแกร่งขึ้น
    และช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้บนข้อได้เปรียบที่ไทยมีอยู่แล้ว
    เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทังนี้ปัจจัยกดดันจากภายนอกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถ
    ควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม SCB EIC มองว่าหากโครงสร้างการผลิตของไทย
    แข็งแกร่ง จะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้ได้ และอาจทำให้ไทย
    ได้รับประโยชน์จากบางปัจจัย เช่น ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจนำมาซึ่ง
    การย้ายฐานการผลิตและการลงทุนใหม่ ๆ

    การส่งออกไทยในปัจจุบันเปรียบเหมือนรถที่กำลังวิ่งอย่างเชื่องช้า
    ที่ต้องเลือกว่าจะเริ่มซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างเครื่องยนต์
    ให้ทันสมัยจุดไหนบ้าง เพื่อให้รถคันนี้กลับมาวิ่งเร็วได้อีกครั้ง
    แต่หากไม่เริ่มทำอะไรวันนี้ เครื่องยนต์เก่านี้อาจพังในไม่ช้า
    ทำให้รถเราค่อยๆ หยุดวิ่ง และปล่อยให้รถคันอื่นแซงหน้า
    ไปคันแล้วคันเล่า

    ที่มา : SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #การส่งออกไทย #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยแพร่ข้อมูล ภาพรวมการส่งออกของไทยในปัจจุบัน อยู่ในสภาวะ อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ หากไม่ทำอะไรเลย นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 การส่งออก เป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมายาวนาน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-65% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (จีดีพี) การส่งออกมีบทบาทสำคัญ ในการสร้างรายได้จากต่างประเทศ การจ้างงาน และเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยได้สูญเสียบทบาท และความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นที่เคยเป็นมา SCB EIC มองว่า เครื่องยนต์ส่งออกของไทยกำลังอ่อนแรงลงมาก จากปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งมีส่วนทำให้การส่งออกไทย ไม่สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก ได้เหมือนในอดีต และไม่สามารถปรับตัวตามกระแสโลก ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ทัน ปัจจัยภายในประเทศ : 1) สินค้าส่งออกไทยไม่ค่อยสอดคล้องกับความต้องการของโลก : ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดการผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป เช่น สมาร์ตโฟน แผงวงจรไฟฟ้า หรือสินค้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาด ขณะที่สินค้าหมวดเครื่องจักรและเครื่องใช้เครื่องกลที่ไทยผลิต กลับเป็นสินค้าที่โลกต้องการซื้อน้อยลงเช่น Hard Disk Drives (HDD) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย แต่เมื่อเทคโนโลยี เปลี่ยนไปสู่ Solid State Drives (SSD) ความต้องการ HDD ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับสินค้าหมวดยานพาหนะ ส่วนประกอบ และอุปกรณ์เสริม ที่ไทยเคยส่งออกดีมาก จากการส่งออกยานยนต์ และเครื่องยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทาย จากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของผู้ซื้อ ซึ่งรวมมูลค่า การส่งออก 2 หมวดใหญ่นี้คิดเป็น 27% ของมูลค่าการส่งออก ไทยทั้งหมดในปี 2566 2) โครงสร้างการผลิตเพื่อส่งออกไทยเปลี่ยนแปลงช้า : ภาคการผลิตของไทยยังผูกโยงกับห่วงโซ่อุปทานเก่าอยู่มาก ส่งผลให้โครงสร้างการส่งออกเปลี่ยนแปลงค่อนข้างช้า ขณะที่โครงสร้างการผลิตของประเทศคู่แข่งหลายราย ที่เคยผลิตสินค้าล้าสมัยกว่าไทยในอดีต กลับสามารถ ปรับตามกระแสความต้องการในตลาดโลกที่เปลี่ยนไปได้ อย่างรวดเร็วจากการหาห่วงโซ่อุปทานใหม่ สะท้อนจาก ส่วนแบ่งยอดขายสินค้าไทยในตลาดโลก ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง จาก 10 ปีก่อนมากนัก เช่น รถยนต์ EV แผงวงจรไฟฟ้า/เซมิคอนดักเตอร์ สมาร์ตโฟน แผงโซลาร์เซลล์ (เป็นกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีสัดส่วนสูงขึ้นในตลาดโลก) ทั้งนี้ถึงแม้การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ของไทยจะมีสัดส่วนต่อมูลค่าการส่งออก ทั้งหมดสูงขึ้น แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 17% ในปี 2556-2560 เป็น 23% ในปี 2561-2565 ซึ่งแตกต่างจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่มีสัดส่วนการส่งออกกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นมาก จาก 16% เป็น 32%, 38% เป็น 44% และ 40% เป็น 48% ตามลำดับ โดยสาเหตุเป็นเพราะว่า ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ผลิตสินค้ากลุ่มนี้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง มีขั้นตอนการผลิตซับซ้อนกว่า และสร้างมูลค่าเพิ่มสูงกว่าได้ ในขณะที่ไทยส่วนใหญ่แล้วยังคงผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีระดับกลาง และมีความซับซ้อนน้อยกว่า สะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันที่ต่ำกว่า แสดงให้เห็นว่าไทยอาจไม่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น ในปัจจุบันได้มากเท่าประเทศเพื่อนบ้าน 3) ความสามารถในการกระจายตลาดใหม่ไม่ค่อยสูง : การส่งออกของไทยกว่า 75% ยังคงกระจุกตัวในบางตลาดหลัก เช่น จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน เช่นในอดีต ซึ่งหากเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ก็อาจสร้างความเสี่ยงสูงต่อไทยตามมา เช่น เศรษฐกิจจีน ชะลอตัว ในช่วงที่ผ่านมา จะกระทบการส่งออกไทยไปตลาดจีนตามไปด้วย สะท้อนความจำเป็นในการขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มยอดส่งออกของไทยได้ จากการวิเคราะห์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าปัญหาหลักของการส่งออกไทยมาจาก ปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคการผลิตในประเทศที่ไม่ค่อยตอบโจทย์ สินค้าใหม่ ๆ คำถามสำคัญคือ อะไรเป็นสาเหตุทำให้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ภาคการผลิตของไทยมาถึงจุดนี้? SCB EIC มองว่าสาเหตุหลักมาจากทักษะแรงงานไทยและการลงทุน จากต่างชาติที่ลดลง : 1) แรงงานสูงวัยและทักษะต่ำ : ประเทศไทยกำลังเผชิญสังคมผู้สูงอายุ 22.7% จากประชากรทั้งหมดในปี 2566 (อายุ 60 ปีขึ้นไป) และมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน รวมถึงปัญหาแรงงานขาดทักษะ ที่จำเป็น โดยเฉพาะทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตสินค้า และการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัญหานี้ทำให้การผลิตสินค้าเทคโนโลยีของไทยส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับ เทคโนโลยีขั้นกลาง และการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงจึงเกิดขึ้นค่อนข้างช้า เนื่องจากเพิ่มศักยภาพแรงงานไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง 2) สัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลดลง : FDI เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยได้รับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และทันสมัย เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและการส่งออก รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในไทยลดลงมาก จากที่เคยเป็นหนึ่ง ในจุดหมายปลายทางหลักในอาเซียน ไทยกลับตกอันดับมาเรื่อย ๆ อยู่อันดับ 7 ในปี 2566 แย่กว่าในปี 2543 2553 และ 2562 ที่อันดับ 3, 3, และ 6 ตามลำดับ เสียอีก (ข้อมูลจาก World Bank) สาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก (1) ทักษะแรงงานไทยไม่สูงและสัดส่วนแรงงานสูงวัย ยังมีมากที่สุดในอาเซียน (2) ไทยขาดการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศสำคัญ ๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม ได้เปรียบจากการมีข้อตกลง FTA กับสหภาพยุโรป และการเข้าร่วม CPTPP ทำให้เข้าถึงตลาดสำคัญในโลกได้ง่ายขึ้น (3) การเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูง (4) นโยบายเศรษฐกิจระยะยาวขาดความชัดเจนและความต่อเนื่อง นักลงทุนไทยและต่างประเทศขาดความมั่นใจที่จะลงทุน วิจัยและพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เนื่องจากเป็นการลงทุนสูง และใช้เวลากว่าจะเห็นผล และ (5) กฎระเบียบภาครัฐซับซ้อน ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้นักลงทุน ต่างชาติเลือกลงทุนในประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายและสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการลงทุนดีกว่า ปัจจัยภายนอก : การส่งออกของไทยยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกหลายประการ ได้แก่ 1) China over-capacity ที่อาจซ้ำเติมปัญหาความสามารถ ในการแข่งขันของไทย โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันด้านราคา กับสินค้าจีน 2) ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจสร้างความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี สินค้านำเข้าทุกประเภทจากทุกประเทศเพิ่มเติม 3) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามยืดเยื้อ การแบ่งขั้ว ทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น หรือมาตรการกีดกันการค้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบ ต่อการค้าโลก 4) การผันผวนของค่าเงินบาท จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง สำคัญทั่วโลก (5) ค่าระวางเรือและค่าขนส่งที่อาจจะกลับมาสูงขึ้น จากสงครามที่เกิดขึ้นบ่อย และรุนแรงขึ้น รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเรือขนส่งและตู้คอนเทนเนอร์ ปัจจัยภายในและนอกประเทศเหล่านี้กดดันให้เครื่องยนต์ส่งออกของไทย อ่อนแอลง และเป็นสัญญาณที่น่ากังวล เนื่องจากการบริโภคและการลงทุน ในประเทศก็กำลังอ่อนแรงเช่นกัน โดยการบริโภคถูกจำกัดจากภาระหนี้ ครัวเรือนสูง และการลงทุนได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในประเทศ ที่เปราะบาง อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังไม่ไร้ความหวังเสียทีเดียว หากรัฐบาลสามารถจัดการ 3 ปัจจัยหลักได้ ได้แก่ แรงงาน การลงทุน โดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และยุทธศาสตร์นโยบายอุปทานที่ชัดเจน ประเทศไทยจะสามารถปรับโครงสร้างการผลิตให้แข็งแกร่งขึ้น และช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้บนข้อได้เปรียบที่ไทยมีอยู่แล้ว เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทังนี้ปัจจัยกดดันจากภายนอกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถ ควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม SCB EIC มองว่าหากโครงสร้างการผลิตของไทย แข็งแกร่ง จะช่วยลดผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้ได้ และอาจทำให้ไทย ได้รับประโยชน์จากบางปัจจัย เช่น ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจนำมาซึ่ง การย้ายฐานการผลิตและการลงทุนใหม่ ๆ การส่งออกไทยในปัจจุบันเปรียบเหมือนรถที่กำลังวิ่งอย่างเชื่องช้า ที่ต้องเลือกว่าจะเริ่มซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างเครื่องยนต์ ให้ทันสมัยจุดไหนบ้าง เพื่อให้รถคันนี้กลับมาวิ่งเร็วได้อีกครั้ง แต่หากไม่เริ่มทำอะไรวันนี้ เครื่องยนต์เก่านี้อาจพังในไม่ช้า ทำให้รถเราค่อยๆ หยุดวิ่ง และปล่อยให้รถคันอื่นแซงหน้า ไปคันแล้วคันเล่า ที่มา : SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #การส่งออกไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1200 มุมมอง 0 รีวิว
  • The House of Rothschild
    จักรวรรดิที่มองไม่เห็น

    เขียนโดย : ทวีสุข ธรรมศักดิ์

    กล่าวถึง ข้อมูลครอบครัวรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบโลก ตั้งแต่ศัตวรรษที่ 18

    - ข้อมูลประวัติศาสตร์ ข้อมูลแนวทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy)
    - การทำงานทางการเงินระหว่างประเทศ
    - ระเบียบโลกใหม่ New World Order
    - ถอดหน้ากากองค์กรลับ อิลลูมินาติ (Illuminati)
    - อุดมการณ์ One World Government
    - ขบวนการไซออนิสต์ (Zionism) เพื่อการยึดครองโลก
    - ขบวนการสมคบคิดการปฏิวัติครั้งสำคัญ
    - พ่อมดการเงิน ผู้กุมชะตาวิกฤตเศรษฐกิจโลก
    - สงครามโลกที่ผ่านมา และครั้งต่อไป

    เหมาะสำหรับ นักบริหาร นักการเงิน-ธนาคาร นักลงทุนรุ่นใหม่ นักลงทุน start up และนักบริหารกองทุน เพื่อ

    • เตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ ในเชิงโครงสร้าง ที่ต้องจบลงที่สงครามใหญ่ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของระบบไปสู่อีกระบบหนึ่ง

    • พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการต่อยอดระบบวิธีคิดเกี่ยวกับการจัดระเบียบโลกใหม่ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ

    The House of Rothschild จักรวรรดิที่มองไม่เห็น เขียนโดย : ทวีสุข ธรรมศักดิ์ กล่าวถึง ข้อมูลครอบครัวรอธส์ไชลด์ (Rothschild) ที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบโลก ตั้งแต่ศัตวรรษที่ 18 - ข้อมูลประวัติศาสตร์ ข้อมูลแนวทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy) - การทำงานทางการเงินระหว่างประเทศ - ระเบียบโลกใหม่ New World Order - ถอดหน้ากากองค์กรลับ อิลลูมินาติ (Illuminati) - อุดมการณ์ One World Government - ขบวนการไซออนิสต์ (Zionism) เพื่อการยึดครองโลก - ขบวนการสมคบคิดการปฏิวัติครั้งสำคัญ - พ่อมดการเงิน ผู้กุมชะตาวิกฤตเศรษฐกิจโลก - สงครามโลกที่ผ่านมา และครั้งต่อไป เหมาะสำหรับ นักบริหาร นักการเงิน-ธนาคาร นักลงทุนรุ่นใหม่ นักลงทุน start up และนักบริหารกองทุน เพื่อ • เตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงรอบใหญ่ ในเชิงโครงสร้าง ที่ต้องจบลงที่สงครามใหญ่ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของระบบไปสู่อีกระบบหนึ่ง • พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการต่อยอดระบบวิธีคิดเกี่ยวกับการจัดระเบียบโลกใหม่ที่มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ปฏิเสธแนวคิดเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน ที่จะปล่อยให้ฮิซบอลเลาะห์อยู่ใกล้ชายแดนทางเหนือของประเทศ หลังจากพวกนักรบกลุ่มนี้ขู่ยกระดับการโจมตี
    .
    ความเห็นของเนทันยาฮู มีขึ้นในขณะที่ สหรัฐฯ ยกระดับกดดันอิสราเอลต่อแนวทางการทำสงครามในเลบานอนและฉนวนกาซา โดยวิพากษ์วิจารณ์ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มกรุงเบรุตเมื่อเร็วๆ นี้ และเรียกร้องให้เปิดทางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ดินแดนของปาเลสไตน์มากยิ่งขึ้น
    .
    ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทางเนทันยาฮู บอกว่าเขาคัดค้านการหยุดยิงฝ่ายเดียว ที่จะไม่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ความมั่นคงในเลบานอน และสุดท้ายแล้วมันก็จะกลับสู่หนทางเดิมเหมือนที่เป็นอยู่ จากถ้อยแถลงของทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอล
    .
    เนทันยาฮู และกองทัพอิสราเอลยืนยันว่าจำเป็นต้องมีแนวกันชนตามชายแดนของอิสราเอลติดกับเลบานอน บริเวณที่ต้องไม่มีพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ปรากฏตัว "นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู พูดชัดเจนว่าอิสราเอลจะไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงใดๆ ที่ไม่มอบเขตกันชนนี้ ซึ่งจะไม่สามารถหยุดพวกฮิซบอลเลาะห์จากการเติมอาวุธและรวมกลุ่มกันใหม่" ถ้อยแถลงระบุ
    .
    ก่อนหน้านี้ ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ นาอิม กัสเซม รองหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ บอกว่าทางออกเดียวคือข้อตกลงหยุดยิง แต่ขณะเดียวกันเขาได้ขู่ขยายขอบเขตการยิงขีปนาวุธโจมตีทั่วอิสราเอล "เนื่องด้วยศัตรูอิสรเอลเล็งเป้าหมายทั่วเลบานอน เราจึงมีสิทธิจากฐานะป้องกันตนเอง เล็งเป้าหมายในทุกๆ พื้นที่ในอิสราเอลเช่นกัน" เขากล่าว
    .
    ในอีกวันของการสู้รบ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เผยว่าได้ยิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่เมืองไฮฟา ทางเหนือของอิสราเอล และเล็งเป้าเล่นงานยานเกราะและรถถังของอิสราเอลที่อยู่ใกล้ชายแดน
    .
    อีกด้านหนึ่ง กองทัพอิสราเอลได้ทิ้งบอมบ์ถล่มหลายพื้นที่ในทางภาคใต้และตะวันออกของเลบานอนในวันอังคาร (15 ต.ค.) ในนั้นรวมถึงหุบเขาเบคา ทำให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองบาอัลเบค ต้องหยุดปฏิบัติการ ตามรายงานของสำนักข่าวแห่งชาติเลบานอน ขณะที่กองทัพอิสราเอลเผยด้วยว่าสามารถจับกุมนักรบฮิซบอลเลาะห์ได้ 3 ราย ทางใต้ของเลบานอน
    .
    กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน ระบุมีผู้เสียชีวิต 9 ราย ในเหตุโจมตีทางใต้ของประเทศในช่วงเย็นวันอังคาร (15 ต.ค.) และมีผู้เสียชีวิตอีก 5 คนในทางภาคเหนือ ในนั้นรวมถึงเด็ก 3 คน
    .
    ครั้งถูกถามเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเลบานอน ซึ่งพุ่งโดนอาคารที่พักอาศัยในย่านใจกลางกรุงเบรุต เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผย "เราแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ว่าเราคัดค้านยุทธการในแนวทางแบบเดียวกับที่เราพบเห็นพวกเขาดำเนินการในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาบอกกับผู้สื่อข่าว
    .
    ในหนังสือที่ส่งถึงรัฐบาลอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ และลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เตือนด้วยว่า อเมริกาอาจระงับการส่งมอบอาวุธ จนกว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะถูกส่งมอบแก่ชาวปาเลสไตน์ในกาซาเพิ่มเติม
    .
    อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการทางอากาศถล่มพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นมา จากนั้นก็เปิดปฏิบัติการรุกรานทางภาคพื้นในอีก 1 สัปดาห์ให้หลัง อ้างว่าเป็นความพยายามผลักดันให้พวกนักรบติดอาวุธล่าถอยออกห่างชายแดนทางเหนือ
    .
    ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดหลายพันลูกเข้าใส่อิสราเอลตลอดขวบปีที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนพันธมิตรอย่างนักรบฮามาส ที่สู้รบกับอิสราเอลในกาซา ทำให้ชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนต้องไร้ถิ่นฐาน
    .
    มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,356 ราย ในเลบานอน นับตั้งแต่อิสราเอลยกระดับการทิ้งบอมบ์เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกัน สงครามในเลบานอน ชาติที่ทุกข์ทรมานมาจากวิกฤตเศรษฐกิจมานานหลายปี ก็ส่งผลให้มีชาวบ้านต้องไร้ถิ่นฐานอย่างน้อย 690,000 ราย
    .
    นอกเหนือจากปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ฝ่ายแล้ว อิสราเอลยังกำลังชั่งใจเกี่ยวกับแนวทางเอาคืนอิหร่าน ต่อกรณีที่เตหะรานรัวยิงขีปนาวุธมากกว่า 200 ลูก เข้าใส่ประเทศของพวกเขาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม
    .
    ทำเนียบนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู บอกว่าอิสราเอลจะเป็นคนตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางการตอบโต้เอาคืน ไม่ใช่พันธมิตรอย่างสหรัฐฯ "เรารับฟังความเห็นจากสหรัฐฯ แต่เราจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายบนพื้นฐานของผลประโยชน์แห่งชาติของเรา" ถ้อยแถลงระบุ
    .
    อิหร่านรัวยิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล แก้แค้นอิสราเอลที่ปฏิบัติการโจมตีในกรุงเบรุต สังหาร ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ และนายพลระดับสูงของอิหร่านรายหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 กันยายน
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ รัฐบาลผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ป้อนแก่อิสราเอล เตือนอิสราเอลต่อการคิดโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์และน้ำมันของอิหร่าน และล่าสุดหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวันจันทร์ (14 ต.ค.) อ้างอิงเจ้าหน้าที่อเมริกาที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม เผยว่า เนทันยาฮู รับปากกับทำเนียบขาว ว่าอิสราเอลจะพิจารณาโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099600
    ..............
    Sondhi X
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ปฏิเสธแนวคิดเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน ที่จะปล่อยให้ฮิซบอลเลาะห์อยู่ใกล้ชายแดนทางเหนือของประเทศ หลังจากพวกนักรบกลุ่มนี้ขู่ยกระดับการโจมตี . ความเห็นของเนทันยาฮู มีขึ้นในขณะที่ สหรัฐฯ ยกระดับกดดันอิสราเอลต่อแนวทางการทำสงครามในเลบานอนและฉนวนกาซา โดยวิพากษ์วิจารณ์ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ถล่มกรุงเบรุตเมื่อเร็วๆ นี้ และเรียกร้องให้เปิดทางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ดินแดนของปาเลสไตน์มากยิ่งขึ้น . ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทางเนทันยาฮู บอกว่าเขาคัดค้านการหยุดยิงฝ่ายเดียว ที่จะไม่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ความมั่นคงในเลบานอน และสุดท้ายแล้วมันก็จะกลับสู่หนทางเดิมเหมือนที่เป็นอยู่ จากถ้อยแถลงของทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอล . เนทันยาฮู และกองทัพอิสราเอลยืนยันว่าจำเป็นต้องมีแนวกันชนตามชายแดนของอิสราเอลติดกับเลบานอน บริเวณที่ต้องไม่มีพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ปรากฏตัว "นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู พูดชัดเจนว่าอิสราเอลจะไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงใดๆ ที่ไม่มอบเขตกันชนนี้ ซึ่งจะไม่สามารถหยุดพวกฮิซบอลเลาะห์จากการเติมอาวุธและรวมกลุ่มกันใหม่" ถ้อยแถลงระบุ . ก่อนหน้านี้ ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ นาอิม กัสเซม รองหัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ บอกว่าทางออกเดียวคือข้อตกลงหยุดยิง แต่ขณะเดียวกันเขาได้ขู่ขยายขอบเขตการยิงขีปนาวุธโจมตีทั่วอิสราเอล "เนื่องด้วยศัตรูอิสรเอลเล็งเป้าหมายทั่วเลบานอน เราจึงมีสิทธิจากฐานะป้องกันตนเอง เล็งเป้าหมายในทุกๆ พื้นที่ในอิสราเอลเช่นกัน" เขากล่าว . ในอีกวันของการสู้รบ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เผยว่าได้ยิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่เมืองไฮฟา ทางเหนือของอิสราเอล และเล็งเป้าเล่นงานยานเกราะและรถถังของอิสราเอลที่อยู่ใกล้ชายแดน . อีกด้านหนึ่ง กองทัพอิสราเอลได้ทิ้งบอมบ์ถล่มหลายพื้นที่ในทางภาคใต้และตะวันออกของเลบานอนในวันอังคาร (15 ต.ค.) ในนั้นรวมถึงหุบเขาเบคา ทำให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองบาอัลเบค ต้องหยุดปฏิบัติการ ตามรายงานของสำนักข่าวแห่งชาติเลบานอน ขณะที่กองทัพอิสราเอลเผยด้วยว่าสามารถจับกุมนักรบฮิซบอลเลาะห์ได้ 3 ราย ทางใต้ของเลบานอน . กระทรวงสาธารณสุขเลบานอน ระบุมีผู้เสียชีวิต 9 ราย ในเหตุโจมตีทางใต้ของประเทศในช่วงเย็นวันอังคาร (15 ต.ค.) และมีผู้เสียชีวิตอีก 5 คนในทางภาคเหนือ ในนั้นรวมถึงเด็ก 3 คน . ครั้งถูกถามเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเลบานอน ซึ่งพุ่งโดนอาคารที่พักอาศัยในย่านใจกลางกรุงเบรุต เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผย "เราแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ว่าเราคัดค้านยุทธการในแนวทางแบบเดียวกับที่เราพบเห็นพวกเขาดำเนินการในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาบอกกับผู้สื่อข่าว . ในหนังสือที่ส่งถึงรัฐบาลอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ และลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เตือนด้วยว่า อเมริกาอาจระงับการส่งมอบอาวุธ จนกว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะถูกส่งมอบแก่ชาวปาเลสไตน์ในกาซาเพิ่มเติม . อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการทางอากาศถล่มพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นมา จากนั้นก็เปิดปฏิบัติการรุกรานทางภาคพื้นในอีก 1 สัปดาห์ให้หลัง อ้างว่าเป็นความพยายามผลักดันให้พวกนักรบติดอาวุธล่าถอยออกห่างชายแดนทางเหนือ . ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดหลายพันลูกเข้าใส่อิสราเอลตลอดขวบปีที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนพันธมิตรอย่างนักรบฮามาส ที่สู้รบกับอิสราเอลในกาซา ทำให้ชาวอิสราเอลหลายหมื่นคนต้องไร้ถิ่นฐาน . มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,356 ราย ในเลบานอน นับตั้งแต่อิสราเอลยกระดับการทิ้งบอมบ์เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเดียวกัน สงครามในเลบานอน ชาติที่ทุกข์ทรมานมาจากวิกฤตเศรษฐกิจมานานหลายปี ก็ส่งผลให้มีชาวบ้านต้องไร้ถิ่นฐานอย่างน้อย 690,000 ราย . นอกเหนือจากปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ฝ่ายแล้ว อิสราเอลยังกำลังชั่งใจเกี่ยวกับแนวทางเอาคืนอิหร่าน ต่อกรณีที่เตหะรานรัวยิงขีปนาวุธมากกว่า 200 ลูก เข้าใส่ประเทศของพวกเขาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม . ทำเนียบนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู บอกว่าอิสราเอลจะเป็นคนตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางการตอบโต้เอาคืน ไม่ใช่พันธมิตรอย่างสหรัฐฯ "เรารับฟังความเห็นจากสหรัฐฯ แต่เราจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายบนพื้นฐานของผลประโยชน์แห่งชาติของเรา" ถ้อยแถลงระบุ . อิหร่านรัวยิงห่าขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล แก้แค้นอิสราเอลที่ปฏิบัติการโจมตีในกรุงเบรุต สังหาร ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ และนายพลระดับสูงของอิหร่านรายหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 กันยายน . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ รัฐบาลผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ป้อนแก่อิสราเอล เตือนอิสราเอลต่อการคิดโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์และน้ำมันของอิหร่าน และล่าสุดหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวันจันทร์ (14 ต.ค.) อ้างอิงเจ้าหน้าที่อเมริกาที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม เผยว่า เนทันยาฮู รับปากกับทำเนียบขาว ว่าอิสราเอลจะพิจารณาโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099600 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1188 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เศรษฐพุฒิ”ผู้ว่าแบงก์ชาติเทวดา-หัวใจฝรั่ง บนซากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่
    .
    ผมไม่อยากจะพูดว่า 4 ปีเต็มที่คุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิเป็นผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ที่หล่อเหลา บุคลิกดี จบปริญญาโท ปริญญาเอก จากเยล พูดภาษาอังกฤษคล่องแบบน้ำไหลไฟดับเหมือนคนต่างชาติ ท่านคิดแบบฝรั่งหมดเลย ท่านไม่เข้าใจถึงบริบท ข้อเท็จจริงทางการเมือง หรือข้อเท็จจริงในสังคมไทย ไม่มีเหตุผลอะไรอื่นที่แบงก์ชาติจะต้องทำให้ค่าเงินบาทแข็งเพื่อลดแต้มต่อให้คู่แข่ง
    .
    เพราะฉะนั้นแล้วราคาสินค้าส่งออกไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญ ทั้งจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน โรงงานใหญ่โรงงานน้อยปิดกันไปหมด แล้วประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร สภาพมันลามไปถึงโรงงานใหญ่แล้ว SME ถูกปิดไปแล้ว สินค้าการเกษตรตกต่ำไปแล้ว ต่อไปนี้จะลามถึงโรงงานใหญ่ๆ ซึ่งโรงงานรถยนต์ปิดไปแล้ว โรงเหล็กก็ปิดไปแล้ว ธุรกิจขนาดเล็กของเรามีแต่ตายกับตาย คนงานที่เคยได้เงินเดือนประจำมาใช้จ่ายในครอบครัว แล้วมาโดนหนี้นอกระบบกระทืบซ้ำอีก คนพวกนี้เป็นคนที่น่าสงสารมาก
    .
    ทั้งหมดที่เขาโดนปิดโรงงานเพราะค่าเงินบาทแข็งจนเกินไป เพราะว่าท่านยึดถือ Dollar Index จริงๆ แล้วท่านน่าจะอยู่FED มากกว่านะ
    .
    คุณเศรษฐพุฒิ มักให้สัมภาษณ์ว่า เพราะเคยทำงานอยู่ธนาคารโลก จึงทำให้รู้ว่าธนาคารโลก และ ไอเอ็มเอฟ ต้องการอะไร คล้ายๆ อ่านทางอีกฝ่ายได้ทะลุปรุโปร่ง การเจรจาระหว่างประเทศไทยกับ 2 องค์กรการเงินโลกที่เป็นเจ้าหนี้ หยิบยื่นเงินกู้มาให้ไทยฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงนั้น จึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
    .
    ผมอยากจะถามคำว่า "สำเร็จลุล่วงไปได้ดี" นั้น ดีอย่างไร ? ดีกับนายทุนฝรั่ง แต่เลวร้ายอย่างยิ่งกับคนไทยและนักธุรกิจไทย ใช่หรือเปล่า ? คำตอบ ใช่ครับ เพราะประวัติของ ปรส. ชี้ชัดเลยว่าคนไทยต้องฉิบหายวายป่วงเพราะฝรั่งอีแร้งเข้ามาสูบเลือดคนไทยไปหมด และนี่คือ "ลุล่วงไปด้วยดี" ของคุณเศรษฐพุฒิ
    .
    ท่านผู้ว่าฯ ครับ ผมไม่อยากจะพูดว่า ท่านกับคุณวิรไท สันติประภพ ทำให้ประเทศชาติฉิบหายไปแล้วในช่วงไอเอ็มเอฟ และ World Bank ตอนวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งครั้งหนึ่งแล้ว นี่จะเป็นครั้งที่สอง ท่านเกษียณไปบนซากปรักหักพังของหลายส่วนในภาคสังคมธุรกิจเล็กๆ กลางๆ และกำลังจะลามมาใหญ่แล้ว ท่านจะมีความสุขมากนักหรือ ท่านก็จะมีความสุข เพราะว่าท่านยังคงเท่เหมือนเดิม ท่านยังคงมี FC ที่เชื่อท่านอยู่
    .
    ท่านทั้งหล่อ เท่ มาดแมน ชงกาแฟได้ เป็นบาริสต้าที่เก่ง ถ้าทำได้อย่างที่พูดมาก็ดี แต่การที่ประชาชนมีหนี้ท่วมอย่างมหาศาล มากมาย ประเทศชาติตกอยู่ในวังวนของเงินฝืด เศรษฐกิจโตต่ำ ขณะที่นายแบงก์ นายทุนธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย กำไรอย่างมากมายมหาศาลโตขึ้นทุกปีๆ ด้วยความสัตย์จริง นี่คือผลงานในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของแบงก์ชาติ และนี่คือสิ่งที่สังคมควรจะได้รับจากความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือเปล่า ปล่อยให้บรรดานายทุน นายแบงก์เหล่านี้ทำนาบนหลังคน กอบโกยกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ภาวะวิกฤตหนี้ครัวเรือนของคนไทยอยู่ประมาณ 91% ของ GDPซึ่งGDPอยู่ที่18 ล้านล้านบาท
    .
    หลักฐานที่ผมพูดมานี้เป็นความจริง และหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พิสูจน์แล้ว นี่ล่ะคือผลงานของผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนปัจจุบัน ท่านผู้ว่าฯ ครับ กรุณาอย่าโกรธผม ท่านเป็นผู้ว่าฯเทวดา คนไทยหัวใจฝรั่ง
    “เศรษฐพุฒิ”ผู้ว่าแบงก์ชาติเทวดา-หัวใจฝรั่ง บนซากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่ . ผมไม่อยากจะพูดว่า 4 ปีเต็มที่คุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิเป็นผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ที่หล่อเหลา บุคลิกดี จบปริญญาโท ปริญญาเอก จากเยล พูดภาษาอังกฤษคล่องแบบน้ำไหลไฟดับเหมือนคนต่างชาติ ท่านคิดแบบฝรั่งหมดเลย ท่านไม่เข้าใจถึงบริบท ข้อเท็จจริงทางการเมือง หรือข้อเท็จจริงในสังคมไทย ไม่มีเหตุผลอะไรอื่นที่แบงก์ชาติจะต้องทำให้ค่าเงินบาทแข็งเพื่อลดแต้มต่อให้คู่แข่ง . เพราะฉะนั้นแล้วราคาสินค้าส่งออกไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญ ทั้งจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน โรงงานใหญ่โรงงานน้อยปิดกันไปหมด แล้วประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร สภาพมันลามไปถึงโรงงานใหญ่แล้ว SME ถูกปิดไปแล้ว สินค้าการเกษตรตกต่ำไปแล้ว ต่อไปนี้จะลามถึงโรงงานใหญ่ๆ ซึ่งโรงงานรถยนต์ปิดไปแล้ว โรงเหล็กก็ปิดไปแล้ว ธุรกิจขนาดเล็กของเรามีแต่ตายกับตาย คนงานที่เคยได้เงินเดือนประจำมาใช้จ่ายในครอบครัว แล้วมาโดนหนี้นอกระบบกระทืบซ้ำอีก คนพวกนี้เป็นคนที่น่าสงสารมาก . ทั้งหมดที่เขาโดนปิดโรงงานเพราะค่าเงินบาทแข็งจนเกินไป เพราะว่าท่านยึดถือ Dollar Index จริงๆ แล้วท่านน่าจะอยู่FED มากกว่านะ . คุณเศรษฐพุฒิ มักให้สัมภาษณ์ว่า เพราะเคยทำงานอยู่ธนาคารโลก จึงทำให้รู้ว่าธนาคารโลก และ ไอเอ็มเอฟ ต้องการอะไร คล้ายๆ อ่านทางอีกฝ่ายได้ทะลุปรุโปร่ง การเจรจาระหว่างประเทศไทยกับ 2 องค์กรการเงินโลกที่เป็นเจ้าหนี้ หยิบยื่นเงินกู้มาให้ไทยฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงนั้น จึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี . ผมอยากจะถามคำว่า "สำเร็จลุล่วงไปได้ดี" นั้น ดีอย่างไร ? ดีกับนายทุนฝรั่ง แต่เลวร้ายอย่างยิ่งกับคนไทยและนักธุรกิจไทย ใช่หรือเปล่า ? คำตอบ ใช่ครับ เพราะประวัติของ ปรส. ชี้ชัดเลยว่าคนไทยต้องฉิบหายวายป่วงเพราะฝรั่งอีแร้งเข้ามาสูบเลือดคนไทยไปหมด และนี่คือ "ลุล่วงไปด้วยดี" ของคุณเศรษฐพุฒิ . ท่านผู้ว่าฯ ครับ ผมไม่อยากจะพูดว่า ท่านกับคุณวิรไท สันติประภพ ทำให้ประเทศชาติฉิบหายไปแล้วในช่วงไอเอ็มเอฟ และ World Bank ตอนวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งครั้งหนึ่งแล้ว นี่จะเป็นครั้งที่สอง ท่านเกษียณไปบนซากปรักหักพังของหลายส่วนในภาคสังคมธุรกิจเล็กๆ กลางๆ และกำลังจะลามมาใหญ่แล้ว ท่านจะมีความสุขมากนักหรือ ท่านก็จะมีความสุข เพราะว่าท่านยังคงเท่เหมือนเดิม ท่านยังคงมี FC ที่เชื่อท่านอยู่ . ท่านทั้งหล่อ เท่ มาดแมน ชงกาแฟได้ เป็นบาริสต้าที่เก่ง ถ้าทำได้อย่างที่พูดมาก็ดี แต่การที่ประชาชนมีหนี้ท่วมอย่างมหาศาล มากมาย ประเทศชาติตกอยู่ในวังวนของเงินฝืด เศรษฐกิจโตต่ำ ขณะที่นายแบงก์ นายทุนธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย กำไรอย่างมากมายมหาศาลโตขึ้นทุกปีๆ ด้วยความสัตย์จริง นี่คือผลงานในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของแบงก์ชาติ และนี่คือสิ่งที่สังคมควรจะได้รับจากความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือเปล่า ปล่อยให้บรรดานายทุน นายแบงก์เหล่านี้ทำนาบนหลังคน กอบโกยกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ภาวะวิกฤตหนี้ครัวเรือนของคนไทยอยู่ประมาณ 91% ของ GDPซึ่งGDPอยู่ที่18 ล้านล้านบาท . หลักฐานที่ผมพูดมานี้เป็นความจริง และหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พิสูจน์แล้ว นี่ล่ะคือผลงานของผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนปัจจุบัน ท่านผู้ว่าฯ ครับ กรุณาอย่าโกรธผม ท่านเป็นผู้ว่าฯเทวดา คนไทยหัวใจฝรั่ง
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1343 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุรา กุมาร ดิสสานายาเก สส.จากพรรคมาร์กซิสต์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีศรีลังกา สามารถโค่น นายนรานิล วิกรมสิงห์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันออกไปได้

    22 กันยายน 2567-รายงานข่าวเอพีระบุว่า นายดิสซานายาเกรณรงค์หาเสียงสนับสนุนจากชนชั้นแรงงานและต่อต้านชนชั้นนำทางการเมือง ทำให้เขาเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นหนุ่มสาว เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 39 ตามมาด้วยนายสาจิธ เปรมทาสา ผู้นำฝ่ายค้านได้คะแนนร้อยละ 34 ตามผลการนับคะแนนที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง

    การเลือกตั้งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่21 กันยายนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศกำลังพยายามฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์และ ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นตามมาโดยมีผู้สมัคร 38 คนลงแข่งขัน แต่โดยส่วนใหญ่จะเน้นที่ผู้สมัครสามคนคือ Dissanayake, Wickremesinghe และPremadasa

    สำหรับนาย ดิสสานายาเก วัย 55 ปี เป็นผู้นำของกลุ่มแนวร่วมฝ่ายซ้ายที่เรียกว่า National People's Power ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่ประกอบด้วยกลุ่มประชาสังคม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ พระสงฆ์ และนักศึกษาหัวก้าวหน้า

    เมื่อปี 2562 นาย ดิสซานายาเกะ ลงสมัครการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนเคะแนได้เสียงเพียง 3% ผิดกับวันนี้ที่ได้คะแนนเสียงถึง 39%ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง17ล้านคน ถือเป็นผลงานที่แข็งแกร่ง และบ่งชี้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งเริ่มเบื่อหน่ายกับนโยบายเดิม ซึ่งถูกกล่าวหาว่าผลักให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง

    วิกฤตเศรษฐกิจของศรีลังกาเกิดจากการกู้ยืมเงินมากเกินไปสำหรับโครงการที่ไม่สร้างรายได้ ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และความดื้อรั้นของรัฐบาลในการใช้เงินสำรองต่างประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อพยุงสกุลเงินรูปี ส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก

    ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้ขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น ยาอาหาร แก๊สหุงต้ม และเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนต้องยืนรอคิวเป็นเวลานานหลายวันเพื่อซื้อสิ่งของเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดการจลาจล ผู้ประท้วงบุกยึดอาคารสำคัญๆ รวมถึงบ้านของประธานาธิบดี สำนักงานของเขา และสำนักงานของนายกรัฐมนตรี จนทำให้โกตาบายา ราชปักษา ประธานาธิบดีในขณะนั้นต้องหลบหนีออกนอกประเทศและลาออก

    วิกรมสิงห์ได้รับเลือกโดยการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 เพื่อดำรงตำแหน่งแทนราชปักษาในช่วงเวลาที่เหลือ

    รัฐบาลวิกรมสิงห์ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าได้ผ่านอุปสรรคสุดท้ายในการปรับโครงสร้างหนี้แล้วด้วยการบรรลุข้อตกลงในหลักการกับผู้ถือพันธบัตรเอกชน

    ศรีลังกาผิดนัดชำระหนี้ ทั้งหนี้ในประเทศและต่างประเทศมียอดรวม 83,000 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลระบุว่าขณะนี้ได้ปรับโครงสร้างหนี้แล้วมากกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์

    หากรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ Dissanayake ที่กล่าวว่าเขาจะเจรจาข้อตกลงกับ IMF ใหม่เพื่อให้มาตรการรัดเข็มขัดมีความเหมาะสมมากขึ้น แต่รัฐบาลวิกรมสิงห์เตือนว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของข้อตกลงอาจทำให้การอนุมัติเงินงวดที่ 4 มูลค่าเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพล่าช้าออกไป

    #Thaitimes
    อนุรา กุมาร ดิสสานายาเก สส.จากพรรคมาร์กซิสต์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีศรีลังกา สามารถโค่น นายนรานิล วิกรมสิงห์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันออกไปได้ 22 กันยายน 2567-รายงานข่าวเอพีระบุว่า นายดิสซานายาเกรณรงค์หาเสียงสนับสนุนจากชนชั้นแรงงานและต่อต้านชนชั้นนำทางการเมือง ทำให้เขาเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นหนุ่มสาว เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 39 ตามมาด้วยนายสาจิธ เปรมทาสา ผู้นำฝ่ายค้านได้คะแนนร้อยละ 34 ตามผลการนับคะแนนที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง การเลือกตั้งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่21 กันยายนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศกำลังพยายามฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์และ ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นตามมาโดยมีผู้สมัคร 38 คนลงแข่งขัน แต่โดยส่วนใหญ่จะเน้นที่ผู้สมัครสามคนคือ Dissanayake, Wickremesinghe และPremadasa สำหรับนาย ดิสสานายาเก วัย 55 ปี เป็นผู้นำของกลุ่มแนวร่วมฝ่ายซ้ายที่เรียกว่า National People's Power ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่ประกอบด้วยกลุ่มประชาสังคม นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ พระสงฆ์ และนักศึกษาหัวก้าวหน้า เมื่อปี 2562 นาย ดิสซานายาเกะ ลงสมัครการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนเคะแนได้เสียงเพียง 3% ผิดกับวันนี้ที่ได้คะแนนเสียงถึง 39%ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง17ล้านคน ถือเป็นผลงานที่แข็งแกร่ง และบ่งชี้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งเริ่มเบื่อหน่ายกับนโยบายเดิม ซึ่งถูกกล่าวหาว่าผลักให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง วิกฤตเศรษฐกิจของศรีลังกาเกิดจากการกู้ยืมเงินมากเกินไปสำหรับโครงการที่ไม่สร้างรายได้ ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และความดื้อรั้นของรัฐบาลในการใช้เงินสำรองต่างประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อพยุงสกุลเงินรูปี ส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้ขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น ยาอาหาร แก๊สหุงต้ม และเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนต้องยืนรอคิวเป็นเวลานานหลายวันเพื่อซื้อสิ่งของเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดการจลาจล ผู้ประท้วงบุกยึดอาคารสำคัญๆ รวมถึงบ้านของประธานาธิบดี สำนักงานของเขา และสำนักงานของนายกรัฐมนตรี จนทำให้โกตาบายา ราชปักษา ประธานาธิบดีในขณะนั้นต้องหลบหนีออกนอกประเทศและลาออก วิกรมสิงห์ได้รับเลือกโดยการลงคะแนนเสียงของรัฐสภาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 เพื่อดำรงตำแหน่งแทนราชปักษาในช่วงเวลาที่เหลือ รัฐบาลวิกรมสิงห์ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าได้ผ่านอุปสรรคสุดท้ายในการปรับโครงสร้างหนี้แล้วด้วยการบรรลุข้อตกลงในหลักการกับผู้ถือพันธบัตรเอกชน ศรีลังกาผิดนัดชำระหนี้ ทั้งหนี้ในประเทศและต่างประเทศมียอดรวม 83,000 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลระบุว่าขณะนี้ได้ปรับโครงสร้างหนี้แล้วมากกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์ หากรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ Dissanayake ที่กล่าวว่าเขาจะเจรจาข้อตกลงกับ IMF ใหม่เพื่อให้มาตรการรัดเข็มขัดมีความเหมาะสมมากขึ้น แต่รัฐบาลวิกรมสิงห์เตือนว่าการเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของข้อตกลงอาจทำให้การอนุมัติเงินงวดที่ 4 มูลค่าเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพล่าช้าออกไป #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1075 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวแม่สาย ยังไม่หายระทมทุกข์
    ด้วยการขุดดินทราย ล้างโคลนตม
    เต็มบ้านเต็มเมือง และ การเริ่มต้นชีวิตใหม่
    จากผู้หมดเนื้อหมดตัว จำนวนมาก
    จะพ้นวิบากกรรมนี้ได้อย่างไร ?

    แม่สายวิปโยค
    อุทกภัยรุนแรงเลวร้าย
    ครั้งนี้
    ได้ประจักษ์ว่า ไทยไม่ทิ้งไทย
    ทั้งราชการ ส่วนท้องถิ่นเอกชน มูลนิธิฯ ทั้งในและนอกจังหวัด ทั่วประเทศ
    เป็นพลังของแผ่นดิน อย่างแท้จริง
    ที่จะร่วมกันพิทักษ์ รักษาประเทศนี้ มิให้สิ้นชาติ
    จากมันผู้ขายชาติ
    อย่างแน่นอน
    แม้ในสถานการณ์ที่ประชาชนอ่อนแอมาก
    ด้วยความยากแค้นแสนเข็ญ จากวิกฤตเศรษฐกิจ
    ต่อเนื่องยาวนาน
    ………………………………………………
    @“จันผา”
    20 กันยายน 2567


    ชาวแม่สาย ยังไม่หายระทมทุกข์ ด้วยการขุดดินทราย ล้างโคลนตม เต็มบ้านเต็มเมือง และ การเริ่มต้นชีวิตใหม่ จากผู้หมดเนื้อหมดตัว จำนวนมาก จะพ้นวิบากกรรมนี้ได้อย่างไร ? แม่สายวิปโยค อุทกภัยรุนแรงเลวร้าย ครั้งนี้ ได้ประจักษ์ว่า ไทยไม่ทิ้งไทย ทั้งราชการ ส่วนท้องถิ่นเอกชน มูลนิธิฯ ทั้งในและนอกจังหวัด ทั่วประเทศ เป็นพลังของแผ่นดิน อย่างแท้จริง ที่จะร่วมกันพิทักษ์ รักษาประเทศนี้ มิให้สิ้นชาติ จากมันผู้ขายชาติ อย่างแน่นอน แม้ในสถานการณ์ที่ประชาชนอ่อนแอมาก ด้วยความยากแค้นแสนเข็ญ จากวิกฤตเศรษฐกิจ ต่อเนื่องยาวนาน ……………………………………………… @“จันผา” 20 กันยายน 2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซีอีโอเจพีมอร์แกนเตือนวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่ม BRICS ขยายอำนาจ
    .
    JPMorgan CEO Warns of US Economic Crisis as BRICS Power Grows

    https://watcher.guru/news/jpmorgan-ceo-warns-of-us-economic-crisis-as-brics-power-grows
    .
    11:44 PM · Sep 19, 2024 · 92.5K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1836808632068927596
    ซีอีโอเจพีมอร์แกนเตือนวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่ม BRICS ขยายอำนาจ . JPMorgan CEO Warns of US Economic Crisis as BRICS Power Grows https://watcher.guru/news/jpmorgan-ceo-warns-of-us-economic-crisis-as-brics-power-grows . 11:44 PM · Sep 19, 2024 · 92.5K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1836808632068927596
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • อำลาบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 คาร์ฟูร์สาขาแรกในไทย

    เดือนกันยายน 2567 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จะปิดสาขาถาวร 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3 (แยกบ้านม้า) เปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 ก.ย. 2567 และบิ๊กซี รังสิต 2 (ตลาดสี่มุมเมือง) เปิดวันสุดท้าย 30 ก.ย. 2567 ทั้งสองสาขาอดีตเคยเป็นห้างคาร์ฟูร์ 7 สาขา ในยุคที่กลุ่มเซ็นทรัลร่วมทุนกับคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส ก่อนที่กลุ่มเซ็นทรัลจะขายหุ้นออกไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เพราะไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนตามที่บริษัทแม่ต้องการเพื่อขยายสาขาได้

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2539 ห้างคาร์ฟูร์ เปิดสาขาแรกที่ถนนสุขาภิบาล 3 ก่อนขยายสาขาในช่วงปี 2539-2541 ได้แก่ ศรีนครินทร์ สุวินทวงศ์ บางใหญ่ รังสิต เชียงใหม่ (หนองป่าครั่ง) และเพชรเกษม (หนองแขม) เมื่อคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าของเต็มตัว ในช่วงปี 2542-2543 จึงได้ขยายสาขารามอินทรา ตามมาด้วยแจ้งวัฒนะ รัตนาธิเบศร์ ที่ฮือฮามากที่สุดคือ สาขาพระราม 4 เปิดประจันหน้ากับห้างเทสโก้ โลตัส และต่อมายังเช่าที่ดินใจกลางเมืองระยะยาว 30 ปี เปิดห้างคาร์ฟูร์ รัชดาภิเษก

    ผ่านมา 13 ปี เปิดสาขาไปแล้ว 42 สาขา มาถึงปี 2553 คาร์ฟูร์ขายกิจการให้กลุ่มกาสิโนกรุ๊ป เจ้าของห้างบิ๊กซี ด้วยมูลค่า 35,500 ล้านบาท ทำให้ห้างคาร์ฟูร์กลายสภาพเป็นบิ๊กซีในรูปแบบต่างๆ เช่น บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี จัมโบ้ กระทั่งกลุ่มกาสิโน กรุ๊ป ขายกิจการให้กับกลุ่มบีเจซี ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2559 ประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 55 สาขา ร้านสะดวกซื้อ 391 สาขา

    ปัจจุบัน บิ๊กซีกำลังจะกลับมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ BRC จากข้อมูลเมื่อปี 2565 บิ๊กซี รีเทล มีร้านค้าขนาดใหญ่ (Big Format) บนที่ดินของบริษัทฯ 66 แห่ง เช่าที่ดิน 123 แห่ง และตลาด Open-Air ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของที่ดิน 2 แห่ง และเช่าที่ดิน 5 แห่ง

    สำหรับบิ๊กซี สมัยที่กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของ บางสาขาเช่าที่ดินระยะยาวกับกลุ่มเซ็นทรัล 30 ปี กำลังจะหมดสัญญาในปี 2568-2569 ได้แก่ ราษฎร์บูรณะ โคราช และขอนแก่น ส่วนบางสาขายังคงเช่าพื้นที่ต่อเนื่อง ได้แก่ วงศ์สว่าง (เซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ เดิม) หัวหมาก แฟชั่นไอส์แลนด์ ชลบุรี (เซ็นทรัล ชลบุรี) และพัทยา (เซ็นทรัลมารีน่า) จึงไม่น่าแปลกใจหากนับจากนี้จะได้พบเห็นการปิดสาขาบิ๊กซี เพราะหลังบิ๊กซีซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในยุคนั้น มีทำเลของทั้งสองห้างซ้ำซ้อนกันหลายสาขา

    #Newskit #บิ๊กซีสุขาภิบาล3 #คาร์ฟูร์
    อำลาบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 คาร์ฟูร์สาขาแรกในไทย เดือนกันยายน 2567 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จะปิดสาขาถาวร 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3 (แยกบ้านม้า) เปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 ก.ย. 2567 และบิ๊กซี รังสิต 2 (ตลาดสี่มุมเมือง) เปิดวันสุดท้าย 30 ก.ย. 2567 ทั้งสองสาขาอดีตเคยเป็นห้างคาร์ฟูร์ 7 สาขา ในยุคที่กลุ่มเซ็นทรัลร่วมทุนกับคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส ก่อนที่กลุ่มเซ็นทรัลจะขายหุ้นออกไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เพราะไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนตามที่บริษัทแม่ต้องการเพื่อขยายสาขาได้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2539 ห้างคาร์ฟูร์ เปิดสาขาแรกที่ถนนสุขาภิบาล 3 ก่อนขยายสาขาในช่วงปี 2539-2541 ได้แก่ ศรีนครินทร์ สุวินทวงศ์ บางใหญ่ รังสิต เชียงใหม่ (หนองป่าครั่ง) และเพชรเกษม (หนองแขม) เมื่อคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าของเต็มตัว ในช่วงปี 2542-2543 จึงได้ขยายสาขารามอินทรา ตามมาด้วยแจ้งวัฒนะ รัตนาธิเบศร์ ที่ฮือฮามากที่สุดคือ สาขาพระราม 4 เปิดประจันหน้ากับห้างเทสโก้ โลตัส และต่อมายังเช่าที่ดินใจกลางเมืองระยะยาว 30 ปี เปิดห้างคาร์ฟูร์ รัชดาภิเษก ผ่านมา 13 ปี เปิดสาขาไปแล้ว 42 สาขา มาถึงปี 2553 คาร์ฟูร์ขายกิจการให้กลุ่มกาสิโนกรุ๊ป เจ้าของห้างบิ๊กซี ด้วยมูลค่า 35,500 ล้านบาท ทำให้ห้างคาร์ฟูร์กลายสภาพเป็นบิ๊กซีในรูปแบบต่างๆ เช่น บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี จัมโบ้ กระทั่งกลุ่มกาสิโน กรุ๊ป ขายกิจการให้กับกลุ่มบีเจซี ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2559 ประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 55 สาขา ร้านสะดวกซื้อ 391 สาขา ปัจจุบัน บิ๊กซีกำลังจะกลับมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ BRC จากข้อมูลเมื่อปี 2565 บิ๊กซี รีเทล มีร้านค้าขนาดใหญ่ (Big Format) บนที่ดินของบริษัทฯ 66 แห่ง เช่าที่ดิน 123 แห่ง และตลาด Open-Air ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของที่ดิน 2 แห่ง และเช่าที่ดิน 5 แห่ง สำหรับบิ๊กซี สมัยที่กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของ บางสาขาเช่าที่ดินระยะยาวกับกลุ่มเซ็นทรัล 30 ปี กำลังจะหมดสัญญาในปี 2568-2569 ได้แก่ ราษฎร์บูรณะ โคราช และขอนแก่น ส่วนบางสาขายังคงเช่าพื้นที่ต่อเนื่อง ได้แก่ วงศ์สว่าง (เซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ เดิม) หัวหมาก แฟชั่นไอส์แลนด์ ชลบุรี (เซ็นทรัล ชลบุรี) และพัทยา (เซ็นทรัลมารีน่า) จึงไม่น่าแปลกใจหากนับจากนี้จะได้พบเห็นการปิดสาขาบิ๊กซี เพราะหลังบิ๊กซีซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในยุคนั้น มีทำเลของทั้งสองห้างซ้ำซ้อนกันหลายสาขา #Newskit #บิ๊กซีสุขาภิบาล3 #คาร์ฟูร์
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1178 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31

    ในที่สุด อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อายุ 38 ปี กำลังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 หลังจากกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีมติให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่บรรดา สส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ นับเป็นคนที่ 4 ในตระกูลชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 และเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

    เดิมจากการตกลงระหว่างนายทักษิณ กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งในบัญชีแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่านายชัยเกษมมีแผลขึ้นมา ทั้งกรณีถูกวิจารณ์ว่าสมัยเป็นอัยการสูงสุด เป็นยุคที่เคยสั่งไม่ฟ้องนายพิชิต ชื่นบาน ในคดีถุงขนม 2 ล้าน อีกทั้งยังเคยมีกรณีที่นายชัยเกษมเคยเสนอแก้ไขมาตรา 112 ที่พรรคร่วมไม่เห็นด้วย

    ขณะที่ สส.พรรคเพื่อไทย สนับสนุนอุ๊งอิ๊งเต็มที่ เพราะที่ผ่านมาอุ๊งอิ๊งลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ และผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้ว่า จะให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ภายหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะกลายเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ก็ตาม อีกทั้งสังคมเห็นภาพเด่นชัดว่าอุ๊งอิ๊งเป็นตัวแทนของนายทักษิณ คนที่เลือกอุ๊งอิ๊งก็เท่ากับเลือกทักษิณ

    หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีเต็มตัว อุ๊งอิ๊งและนายทักษิณมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการ ไม่เกิดแรงกระเพื่อมในพรรค

    นอกจากนี้ ด้วยวัยเพียงแค่ 37 ปี อุ๊งอิ๊งเป็นคนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ มีพละกำลังเหลือเฟือ คิดอ่านบริหารเหลือเฟือ อยู่ในวัยที่กำลังเหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนนายชัยเกษม สส.ส่วนหนึ่งเห็นว่ายังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และในอดีตนายชัยเกษมเคยพูดถึงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เกรงว่าจะทำให้เป็นปัญหาตามมาได้

    น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับการสนับสนุนนี้ ตนจะทำทุกอย่างให้เต็มความสามารถ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราทุกคนชื่นชมการทำงานของนายเศรษฐา เสียดายที่จะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อย่างที่เราไม่ได้คาดฝันไว้ แต่ประเทศต้องไปต่อ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล วันนี้เรามีความพร้อมที่จะผลักดันประเทศต่อ ตนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย มั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ที่จะช่วยกันนำพาประเทศของเราให้หลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ

    สำหรับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เกิดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2529 เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มีพี่น้องร่วมกัน คือ นายพานทองแท้ ชินวัตร และนางพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ จบการศึกษาปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท Msc International Hotel Management ที่มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ สหราชอาณาจักร

    ประสบการณ์ทำงาน เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจโรงแรมและสนามกอล์ฟ บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ อาทิ โรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่, สนามกอล์ฟอัลไพน์, โรงแรมเอสซี ปาร์ค ส่วนในทางการเมือง เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

    #Newskit #แพทองธาร #นายกรัฐมนตรี
    อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ในที่สุด อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อายุ 38 ปี กำลังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 หลังจากกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีมติให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่บรรดา สส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ นับเป็นคนที่ 4 ในตระกูลชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 และเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เดิมจากการตกลงระหว่างนายทักษิณ กับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จะเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งในบัญชีแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่านายชัยเกษมมีแผลขึ้นมา ทั้งกรณีถูกวิจารณ์ว่าสมัยเป็นอัยการสูงสุด เป็นยุคที่เคยสั่งไม่ฟ้องนายพิชิต ชื่นบาน ในคดีถุงขนม 2 ล้าน อีกทั้งยังเคยมีกรณีที่นายชัยเกษมเคยเสนอแก้ไขมาตรา 112 ที่พรรคร่วมไม่เห็นด้วย ขณะที่ สส.พรรคเพื่อไทย สนับสนุนอุ๊งอิ๊งเต็มที่ เพราะที่ผ่านมาอุ๊งอิ๊งลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ และผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้ว่า จะให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ภายหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะกลายเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ก็ตาม อีกทั้งสังคมเห็นภาพเด่นชัดว่าอุ๊งอิ๊งเป็นตัวแทนของนายทักษิณ คนที่เลือกอุ๊งอิ๊งก็เท่ากับเลือกทักษิณ หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีเต็มตัว อุ๊งอิ๊งและนายทักษิณมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการ ไม่เกิดแรงกระเพื่อมในพรรค นอกจากนี้ ด้วยวัยเพียงแค่ 37 ปี อุ๊งอิ๊งเป็นคนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ มีพละกำลังเหลือเฟือ คิดอ่านบริหารเหลือเฟือ อยู่ในวัยที่กำลังเหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนนายชัยเกษม สส.ส่วนหนึ่งเห็นว่ายังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และในอดีตนายชัยเกษมเคยพูดถึงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เกรงว่าจะทำให้เป็นปัญหาตามมาได้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับการสนับสนุนนี้ ตนจะทำทุกอย่างให้เต็มความสามารถ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราทุกคนชื่นชมการทำงานของนายเศรษฐา เสียดายที่จะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อย่างที่เราไม่ได้คาดฝันไว้ แต่ประเทศต้องไปต่อ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล วันนี้เรามีความพร้อมที่จะผลักดันประเทศต่อ ตนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย มั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ที่จะช่วยกันนำพาประเทศของเราให้หลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ สำหรับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เกิดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2529 เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มีพี่น้องร่วมกัน คือ นายพานทองแท้ ชินวัตร และนางพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ จบการศึกษาปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท Msc International Hotel Management ที่มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ สหราชอาณาจักร ประสบการณ์ทำงาน เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจโรงแรมและสนามกอล์ฟ บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ อาทิ โรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่, สนามกอล์ฟอัลไพน์, โรงแรมเอสซี ปาร์ค ส่วนในทางการเมือง เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย #Newskit #แพทองธาร #นายกรัฐมนตรี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1287 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พีเอ็ม วิลล่า” โคราช ฟื้นซูเปอร์ฯ สู้ทุนยักษ์

    วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนท้องถิ่น เฉกเช่น กลุ่มคลังพลาซ่า ของตระกูลมานะศิลป์ ที่ปิดกิจการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา ไล่ตั้งแต่คลังพลาซ่า จอมสุรางค์ (คลังใหม่) คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ส่วนคลังพลาซ่า อัษฎางค์ (คลังเก่า) ปรับพื้นที่เหลือแผนกดีพาร์ตเมนต์สโตร์

    แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2565 เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่ในนาม "พีเอ็ม วิลล่า" ที่นำโดย บริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้น 1 คลังวิลล่า จากตระกูลมานะศิลป์ เป็นเวลา 3 ปี และลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จำหน่ายอาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม

    เปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ 3 สิงหาคม 2567 ชูจุดเด่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แตกต่างจากโมเดิร์นเทรดของบรรดาทุนยักษ์ พร้อมเตรียมรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย

    สำหรับผู้บริหารพี เอ็ม วิลล่า คือ นายขวัญชัย วันชัย กรรมการบริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในโคราช อดีตผู้บริหารธนาคาร และเป็นข้าราชการบำนาญ โดยมีอดีตผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตของคลังวิลล่ามาร่วมงานด้วย

    สำหรับทำเลที่ตั้งคลังวิลล่า สุรนารายน์ ตั้งอยู่บนถนนสุรนารายน์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ใกล้ซอย 30 กันยา แหล่งที่อยู่อาศัยของนักศึกษาและกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน (First Jobber) ในจังหวัดนครราชสีมา

    ต้องคอยดูว่า ธุรกิจใหม่ ภายใต้ทำเลที่กลุ่มทุนท้องถิ่นในตำนานเป็นผู้บุกเบิก จะมีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน เพราะวงการค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งกลุ่มทุนใหญ่ "เดอะมอลล์-บิ๊กซี-ซีพี-เซ็นทรัล-คาราบาว" มากันเกือบครบ และกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ปรับตัวสู่ความเป็นโมเดิร์นเทรด นับว่าแข่งขันกันสูงไม่แพ้จังหวัดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจจังหวัดอื่น

    #Newskit #PMVilla #นครราชสีมา
    “พีเอ็ม วิลล่า” โคราช ฟื้นซูเปอร์ฯ สู้ทุนยักษ์ วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนท้องถิ่น เฉกเช่น กลุ่มคลังพลาซ่า ของตระกูลมานะศิลป์ ที่ปิดกิจการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา ไล่ตั้งแต่คลังพลาซ่า จอมสุรางค์ (คลังใหม่) คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ส่วนคลังพลาซ่า อัษฎางค์ (คลังเก่า) ปรับพื้นที่เหลือแผนกดีพาร์ตเมนต์สโตร์ แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2565 เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่ในนาม "พีเอ็ม วิลล่า" ที่นำโดย บริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้น 1 คลังวิลล่า จากตระกูลมานะศิลป์ เป็นเวลา 3 ปี และลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จำหน่ายอาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม เปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ 3 สิงหาคม 2567 ชูจุดเด่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แตกต่างจากโมเดิร์นเทรดของบรรดาทุนยักษ์ พร้อมเตรียมรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย สำหรับผู้บริหารพี เอ็ม วิลล่า คือ นายขวัญชัย วันชัย กรรมการบริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในโคราช อดีตผู้บริหารธนาคาร และเป็นข้าราชการบำนาญ โดยมีอดีตผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตของคลังวิลล่ามาร่วมงานด้วย สำหรับทำเลที่ตั้งคลังวิลล่า สุรนารายน์ ตั้งอยู่บนถนนสุรนารายน์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ใกล้ซอย 30 กันยา แหล่งที่อยู่อาศัยของนักศึกษาและกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน (First Jobber) ในจังหวัดนครราชสีมา ต้องคอยดูว่า ธุรกิจใหม่ ภายใต้ทำเลที่กลุ่มทุนท้องถิ่นในตำนานเป็นผู้บุกเบิก จะมีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน เพราะวงการค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งกลุ่มทุนใหญ่ "เดอะมอลล์-บิ๊กซี-ซีพี-เซ็นทรัล-คาราบาว" มากันเกือบครบ และกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ปรับตัวสู่ความเป็นโมเดิร์นเทรด นับว่าแข่งขันกันสูงไม่แพ้จังหวัดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจจังหวัดอื่น #Newskit #PMVilla #นครราชสีมา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ้กันห่วงก้าวไกล หรือห่วงผลประโยชน์ในไทย ไปแก้ปัญหาบ้านเมิงก่อนทั้งอาชญากรรม คนเร่ร่อน สังคมเสื่อมโทรม วิกฤตเศรษฐกิจ เป็นหนี้ไปทั่วโลก แทรกแซงทุกชาติ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ก้าวไกล
    #เป็นหนี้ไปทั่วโลก
    ไอ้กันห่วงก้าวไกล หรือห่วงผลประโยชน์ในไทย ไปแก้ปัญหาบ้านเมิงก่อนทั้งอาชญากรรม คนเร่ร่อน สังคมเสื่อมโทรม วิกฤตเศรษฐกิจ เป็นหนี้ไปทั่วโลก แทรกแซงทุกชาติ #คิงส์โพธิ์แดง #ก้าวไกล #เป็นหนี้ไปทั่วโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว