• ข่าวอัพขึ้นสดๆร้อนๆ

    ..แปลกแต่จริงช่วงนี้หมอดูและหรือโหร เกาะกระแสการหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ดีมากโดยเฉพาะมาทำนายทายทักเรื่องระดับชาติระดับสงครามนี้,จริงๆควรพูดคุยกันเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในบริบทสั่งการสงครามดีที่สุดเพื่อถ้าจริงก็มีลูกผ่อนหนักให้เบาช่วยเหลือประชาชนและทหารแนวหน้างานต่อสู้รบจริงๆได้,ตลอดสามารถใช้ความสามารถเหนือมนุษย์ตนเป็นกำลังร่วมปกป้องมาตุภูมิท้องถิ่นแผ่นดินตนที่มาเกิดบนแผ่นดินไทยนี้ร่วมด้วยได้อีก,เอาชนะศัตรูผู้รุกรานความสงบสุขของประชาชนคนไทยตนทั้งประเทศด้วย,
    ..หมอดูทำนายแม่นจริงมีจริงบนแผ่นดินไทย,แต่แทบไม่มีในการกระทำมุ่งหวังโลกธรรม4-8นั้น,จะสะกดกิเลสอยากตนทางโลกเสียมาก ชื่อเสียงหิวแสงหิวสื่อยิ่งพยายามหลบหนี,ถ้าแม้นสัมมาอาชีพเลี้ยงชีพชอบก็เพียงพออยู่พอกิน วัตถุธาตุแทบไม่สะสม.
    ..แม้โลกจะเป็นไปตามกฎแห่งกรรมจริง แต่ละคนก็มีมิติรับผลของกรรมใครกรรมมันตามจังหวะชีวิตของแต่ละคน,พลังแตกตื่นหวาดกลัวอย่าลืมว่านั้นเป็นอาหารอันยอดเยี่ยมของหมู่มารปีศาจหมายกระทำต่อเหยื่อก่อนลงมีสังหารเหยื่อกลืนกินพลังงานลบที่ปีศาจมารชื่นชมยิ่งนักนั้นก็ว่า,อย่าเอาประชาชนพลังงานบวกลบของประชาชนไปตอนสนองหมู่มารปีศาจไปเพิ่มพลังงานให้มันอีกเลย,หมอดูโหรแม้ปราถนาดีต่อผู้คน สามารถบอกกล่าวเล่าเรื่องได้หลากหลายช่องทาง ส่วนจริงเท็จ หากเท็จเสียมากก็อย่าออกมาทำนายล่วงหน้าเลย, จริงส่วนมากอาจสามารถส่งตรงแก้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินเพื่อบ้านเพื่อเมืองก็ได้,โหรหมอดูพากันโหนกระแสทำนายเรื่องสงครามที่เป็นระดับชาติกันมากมายจริงๆผิดปกติมาก,หากหมายยอดวิวยอดยอดชอบยอดรายได้ผ่านคลิปก็เลิกเถอะ,เอาพอประมาณเถอะ,ปัจจุบันผุดยิ่งกว่าผีหลอกอีก.

    https://youtube.com/watch?v=JhUYpDfh8Yw&si=7HZO-kOc7gg7u3c0
    ข่าวอัพขึ้นสดๆร้อนๆ ..แปลกแต่จริงช่วงนี้หมอดูและหรือโหร เกาะกระแสการหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ดีมากโดยเฉพาะมาทำนายทายทักเรื่องระดับชาติระดับสงครามนี้,จริงๆควรพูดคุยกันเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในบริบทสั่งการสงครามดีที่สุดเพื่อถ้าจริงก็มีลูกผ่อนหนักให้เบาช่วยเหลือประชาชนและทหารแนวหน้างานต่อสู้รบจริงๆได้,ตลอดสามารถใช้ความสามารถเหนือมนุษย์ตนเป็นกำลังร่วมปกป้องมาตุภูมิท้องถิ่นแผ่นดินตนที่มาเกิดบนแผ่นดินไทยนี้ร่วมด้วยได้อีก,เอาชนะศัตรูผู้รุกรานความสงบสุขของประชาชนคนไทยตนทั้งประเทศด้วย, ..หมอดูทำนายแม่นจริงมีจริงบนแผ่นดินไทย,แต่แทบไม่มีในการกระทำมุ่งหวังโลกธรรม4-8นั้น,จะสะกดกิเลสอยากตนทางโลกเสียมาก ชื่อเสียงหิวแสงหิวสื่อยิ่งพยายามหลบหนี,ถ้าแม้นสัมมาอาชีพเลี้ยงชีพชอบก็เพียงพออยู่พอกิน วัตถุธาตุแทบไม่สะสม. ..แม้โลกจะเป็นไปตามกฎแห่งกรรมจริง แต่ละคนก็มีมิติรับผลของกรรมใครกรรมมันตามจังหวะชีวิตของแต่ละคน,พลังแตกตื่นหวาดกลัวอย่าลืมว่านั้นเป็นอาหารอันยอดเยี่ยมของหมู่มารปีศาจหมายกระทำต่อเหยื่อก่อนลงมีสังหารเหยื่อกลืนกินพลังงานลบที่ปีศาจมารชื่นชมยิ่งนักนั้นก็ว่า,อย่าเอาประชาชนพลังงานบวกลบของประชาชนไปตอนสนองหมู่มารปีศาจไปเพิ่มพลังงานให้มันอีกเลย,หมอดูโหรแม้ปราถนาดีต่อผู้คน สามารถบอกกล่าวเล่าเรื่องได้หลากหลายช่องทาง ส่วนจริงเท็จ หากเท็จเสียมากก็อย่าออกมาทำนายล่วงหน้าเลย, จริงส่วนมากอาจสามารถส่งตรงแก้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินเพื่อบ้านเพื่อเมืองก็ได้,โหรหมอดูพากันโหนกระแสทำนายเรื่องสงครามที่เป็นระดับชาติกันมากมายจริงๆผิดปกติมาก,หากหมายยอดวิวยอดยอดชอบยอดรายได้ผ่านคลิปก็เลิกเถอะ,เอาพอประมาณเถอะ,ปัจจุบันผุดยิ่งกว่าผีหลอกอีก. https://youtube.com/watch?v=JhUYpDfh8Yw&si=7HZO-kOc7gg7u3c0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จัก ร.31 รอ. หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก อีกหนึ่งกองกำลังสำคัญในภารกิจด้านความมั่นคง

    นับเป็นอีกหนึ่งกองกำลังสำคัญที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้ สำหรับทหารจาก กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของไทย ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี มีบทบาทหน้าที่สำคัญทั้งในด้านภารกิจความมั่นคงของประเทศ รวมถึงปกป้องรักษาราชวงศ์
    ความเป็นมา ร.31 รอ.

    กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) เป็นหน่วยงานระดับกรมทหารราบ ของกองทัพบก โดยเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1 มีที่ตั้งปกติของหน่วยอยู่หน้าบ้านเลขที่ 120 ถ.พหลโยธิน อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นอดีตหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) ซึ่งก้าวสู่หน่วยพร้อมรบเฉพาะกิจในสงครามรูปแบบใหม่

    ร.31 รอ. จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2484 มีนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 3 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 3 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน และใน พ.ศ. 2489 ได้เปลี่ยนนามหน่วยเป็นกรมทหารราบที่ 21 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 2 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่บริเวณวัดไก่ อ.เมือง จ.ลพบุรี

    พ.ศ. 2491 ย้ายที่ตั้งหน่วยไปอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี และใน พ.ศ. 2496 จึงย้ายมาอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยในปัจจุบัน

    พ.ศ. 2512 กองทัพบกแปรสภาพหน่วยเป็นหน่วยใช้ร่ม จากนั้นใน พ.ศ. 2521 ได้รับโอนกองพันส่งทางอากาศที่ 1 ศูนย์สงครามพิเศษ มาขึ้นการบังคับบัญชากับกรมผสมที่ 31 กระทั่งปี พ.ศ. 2522 ได้แปลงสภาพจากกรมผสม เป็นกรมทหารราบ ใช้ชื่อหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์

    ทั้งนี้ พ.ศ. 2523 ทางหน่วยได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหน่วยรักษาพระองค์ใน ร.9 เรียกนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์

    พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกองพัน ของกองทัพบก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน่วยต้นแบบในการพัฒนาหน่วยทหารไปสู่ความพร้อมรบและทันสมัย รวมถึงใช้เป็นหน่วยใช้รองรับสถานการณ์ภัยคุกคามต่าง ๆ โดยในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ได้กำหนดให้ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน.3 รอ.) เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง

    ต่อมา พ.ศ. 2545 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกรม โดยกำหนดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง

    พ.ศ. 2561 กองทัพบกจัดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยเฉพาะกิจ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) เพื่อปฏิบัติภารกิจถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ และถวายงานอื่น ๆ ของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904
    4 บทบาทสำคัญของ ร.31 รอ. ในปัจจุบัน

    - เป็นกรมทหารราบ มีภารกิจหลักคือทำลายกำลังรบของข้าศึก เข้ายึดและควบคุมพื้นที่รวมทั้งทรัพยากรและคนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจเสริมในการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ และสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

    - เป็นหน่วยรักษาพระองค์ ถวายการอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์

    - เป็นหน่วยใช้ร่ม หรือหน่วยส่งทางอากาศ มีภารกิจเข้าโจมตีด้วยการกระโดดร่วมลงเพื่อทำลายข้าศึก

    - เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังยุทธศาสตร์ มีภารกิจเป็นหน่วยต้นแบบในการฝึกศึกษา วิจัยพัฒนา ทดสอบการประกอบกำลังของกองทัพบก รวมถึงการจัดเตรียมกำลังและเตรียมความพร้อมสำหรับแก้ไขสถานการณ์ที่เกินขีดความสามารถของกองกำลังป้องกันชายแดน
    .

    ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์

    เครดิตเนื้อหา FB: Yutthana Suksawang
    รู้จัก ร.31 รอ. หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก อีกหนึ่งกองกำลังสำคัญในภารกิจด้านความมั่นคง นับเป็นอีกหนึ่งกองกำลังสำคัญที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้ สำหรับทหารจาก กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของไทย ซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี มีบทบาทหน้าที่สำคัญทั้งในด้านภารกิจความมั่นคงของประเทศ รวมถึงปกป้องรักษาราชวงศ์ ความเป็นมา ร.31 รอ. กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) เป็นหน่วยงานระดับกรมทหารราบ ของกองทัพบก โดยเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1 มีที่ตั้งปกติของหน่วยอยู่หน้าบ้านเลขที่ 120 ถ.พหลโยธิน อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นอดีตหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว (RDF) ซึ่งก้าวสู่หน่วยพร้อมรบเฉพาะกิจในสงครามรูปแบบใหม่ ร.31 รอ. จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2484 มีนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 3 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 3 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน และใน พ.ศ. 2489 ได้เปลี่ยนนามหน่วยเป็นกรมทหารราบที่ 21 ประกอบด้วยหน่วยรองหลัก ระดับกองพันจำนวน 2 กองพัน มีที่ตั้งหน่วยอยู่บริเวณวัดไก่ อ.เมือง จ.ลพบุรี พ.ศ. 2491 ย้ายที่ตั้งหน่วยไปอยู่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี และใน พ.ศ. 2496 จึงย้ายมาอยู่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยในปัจจุบัน พ.ศ. 2512 กองทัพบกแปรสภาพหน่วยเป็นหน่วยใช้ร่ม จากนั้นใน พ.ศ. 2521 ได้รับโอนกองพันส่งทางอากาศที่ 1 ศูนย์สงครามพิเศษ มาขึ้นการบังคับบัญชากับกรมผสมที่ 31 กระทั่งปี พ.ศ. 2522 ได้แปลงสภาพจากกรมผสม เป็นกรมทหารราบ ใช้ชื่อหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ทั้งนี้ พ.ศ. 2523 ทางหน่วยได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหน่วยรักษาพระองค์ใน ร.9 เรียกนามหน่วยว่า กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกองพัน ของกองทัพบก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหน่วยต้นแบบในการพัฒนาหน่วยทหารไปสู่ความพร้อมรบและทันสมัย รวมถึงใช้เป็นหน่วยใช้รองรับสถานการณ์ภัยคุกคามต่าง ๆ โดยในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ได้กำหนดให้ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน.3 รอ.) เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง ต่อมา พ.ศ. 2545 กองทัพบกได้จัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วระดับกรม โดยกำหนดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยหลักในการประกอบกำลัง พ.ศ. 2561 กองทัพบกจัดให้ ร.31 รอ. เป็นหน่วยเฉพาะกิจ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) เพื่อปฏิบัติภารกิจถวายพระเกียรติ ถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ และถวายงานอื่น ๆ ของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 4 บทบาทสำคัญของ ร.31 รอ. ในปัจจุบัน - เป็นกรมทหารราบ มีภารกิจหลักคือทำลายกำลังรบของข้าศึก เข้ายึดและควบคุมพื้นที่รวมทั้งทรัพยากรและคนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีภารกิจเสริมในการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติ และสนับสนุนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ - เป็นหน่วยรักษาพระองค์ ถวายการอารักขาพระบรมวงศานุวงศ์ - เป็นหน่วยใช้ร่ม หรือหน่วยส่งทางอากาศ มีภารกิจเข้าโจมตีด้วยการกระโดดร่วมลงเพื่อทำลายข้าศึก - เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังยุทธศาสตร์ มีภารกิจเป็นหน่วยต้นแบบในการฝึกศึกษา วิจัยพัฒนา ทดสอบการประกอบกำลังของกองทัพบก รวมถึงการจัดเตรียมกำลังและเตรียมความพร้อมสำหรับแก้ไขสถานการณ์ที่เกินขีดความสามารถของกองกำลังป้องกันชายแดน . ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เครดิตเนื้อหา FB: Yutthana Suksawang
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สุชาติ” รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่ศรีสะเกษ เยี่ยมศูนย์พักพิงชายแดน มอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือพี่น้องคนไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20560/
    .
    #กระทรวงพาณิชย์ #สุชาติชมกลิ่น #ศรีสะเกษ #ชายแดนไทยกัมพูชา #สินค้าขาดแคลน #โก่งราคา #ศูนย์พักพิง #สายด่วน1569 #ช่วยเหลือประชาชน #ไทยไท
    “สุชาติ” รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่ศรีสะเกษ เยี่ยมศูนย์พักพิงชายแดน มอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือพี่น้องคนไทย https://www.thai-tai.tv/news/20560/ . #กระทรวงพาณิชย์ #สุชาติชมกลิ่น #ศรีสะเกษ #ชายแดนไทยกัมพูชา #สินค้าขาดแคลน #โก่งราคา #ศูนย์พักพิง #สายด่วน1569 #ช่วยเหลือประชาชน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณ" ลุยอุบลฯ! ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัยชายแดน ตรงวันเกิดครบ 76 ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/20557/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #อุบลราชธานี #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่วยเหลือประชาชน #วันเกิดทักษิณ #พรรคเพื่อไทย #ศูนย์พักพิง #ความมั่นคง #ไทยไท
    "ทักษิณ" ลุยอุบลฯ! ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัยชายแดน ตรงวันเกิดครบ 76 ปี https://www.thai-tai.tv/news/20557/ . #ทักษิณชินวัตร #อุบลราชธานี #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่วยเหลือประชาชน #วันเกิดทักษิณ #พรรคเพื่อไทย #ศูนย์พักพิง #ความมั่นคง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว


  • ..จริงๆแล้วทั้งหมดคือการมีอยู่ของกสทช.เรา
    ..กสทช.ต้องถูกปฏิวัติ
    ..อนาคตคือยุคล้ำเทคโนโลยีมากมายแต่กระบวนการ กสทช.ยังไม่พัฒนาอะไรเลย,ไม่มีส่วนร่วมในการปกป้องประชาชนคนไทยเลย,ยุคเก่าแล้วนั้นเอง,ไม่ต่างจากแบงค์ชาติก่อตั้งมาเพื่อสนับสนุนธนาคารเอกชนทั้งหมดในประเทศไทยแต่อ้างประชาชนบังหน้า ควบคุมธนาคารเอกชนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนแต่สภาพความเป็นจริงด้วยแบงค์แค่อนุญาตการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ในภาวะวิกฤติการเงินกระทบทั่วโลกชัดเชน ธนาคารไทยฟันกำไรดอกเบี้ยแต่ละธนาคารหมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย แสนล้านบาทภาพรวมกลุ่มแบงค์ยิ่งชัดเจน,คือก่อกำเนิดมาเพื่อเป็นกลไลเครื่องมือให้เอกชนหากกินให้ชอบธรรมแค่นั้นผ่านใบอนุญาตนี้,ยกสิทธิผูกขาดของชาติให้เอกชน,จากนั้นก็บอกประชาชนว่า ห้ามใครมาแข่งขันใดๆอีกโดยไม่มีใบอนุญาต,ธนาคารกองทุนหมู่บ้านก็ไม่ได้เกิด,เกิดแบบธนาคารชุมชนผีบ้าต่างๆแบบธกส.ออมสินคุมหลังฉากก็ใช่ไม่ได้,แค่ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านหากต่อยอดพัฒนาดีๆรัฐสนับสนุนช่วยเป็นพี่เลี้ยงวางระบบงานวางเทคโนโลยีช่วยให้สะดวกสบายซื้อขายคล่องจะล้ำกว่า7/11อีก ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆมีตลาดร้านค้าตนเองฝากขายทั่วไทยได้,สร้างระบบฝากขายออนไลน์มีโชว์เรียลไทม์ในร้านค้าออนไลน์ของกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศไทยได้ มี80,000หมู่บ้าน ก็80,000สาขาขายออนไลน์ผ่านหมู่บ้านใครมันได้โดยเข้าระบบสมาชิกผ่านบัตรประชาชนลงทะเบียนการมีตัวตนชัดเจน,พื้นที่จริงออฟไลน์วางขายไม่สะดวก ฝากขายเป็
    นหมวดหมู่บนตลาดออนไลน์ได้ผ่านแพลนฟอร์มตลาดชุมชนตนเหมือนช็อปปี้ ลาซาด้า ติ๊กต๊อกไลน์สดขายของฟรีๆก็ได้,มียอดสั่งซื้อก็ให้ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านต่างๆรับรองมาตราฐานสินค้าเบื้องต้นส่งผ่านในนามร้านค้ากองทุนหมู่บ้านตนนั้นๆ ซึ่งร้านค้ากองทุนหมู่บ้านใครมันจะสร้างแผนกฝ่ายนี้แยกต่างหากจากหน้าร้านเดิมปกติที่คนในหมู่บ้านเข้าร้านซื้อขายของปกติ,มีพื้นที่ให้บริการอำนวยความสะดวกสบายแก่ค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นี้นั้นเอง,หรือใครสะดวกทำเองที่บ้านก็ได้เครดิตมากน้อยในค่าตอบแทน ใครขนส่งผ่านจุดบริการที่สำนักงานกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านก็เครดิตค่าใช้จ่ายมากหน่อยเพราะให้บริการคนมากมายส่วนรวม,ใครอำนวยสะดวกลูกค้าตนแทนสำนักงานก็ต้องส่งเสริมให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหน่อย.ช่วยค่าใช้จ่ายด้านขนส่งบรรจุภัณฑ์ไป,ชาวบ้านจะมีตลาดเป็นของตนเองจริง เม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชนแต่ละบ้านขั้นต่ำวันละ100,000บาทโดยเฉลี่ย,80,000หมู่บ้านก็อาจกว่า8,000ล้านบาทต่อวันทั่วประเทศเฉพาะซื้อขายจับจ่ายใช้จ่ายภาคการบริโภคครัวเรือนในร้านค้าชุมชนตนใครมันในแต่ละพื้นที่,ไม่ต้องเข้าห้างเข้า7/11ก็ได้,หันไปซื้อสินค้าราคาทุนผ่านกองทุนร้านค้าตนเองแต่ละหมู่บ้านใครมัน,กำหนดนโยบายหลักให้ชัดเจนว่าขายต่ำกว่าราคาท้องตลาด ยาสีฟันปกติร้านทั่วไปตามห้างตาม7/11ขายหลอดละ10-20บาท ร้านกองทุนหมู่บ้านก็ขายหลอดละ9หรือ19บาท,ยาหม่องตลับเล็กขายตลับละ8บาทก็ขายตลับละ7บาท เป็นต้น,กำไร1สตางค์จะเป็นอะไร,กองทุนร้านค้าชุมชนไม่มุ่งแสวงหากำไรปุ๊บ!!!,ชาวบ้านจะคิดต่างทันทีดีกว่า7/11ก็หันมาสนับสนุนร้านค้าตนเองแทน,นี้ไม่รวมยอดรายได้จากค้าขายออนไลน์บนแพลตฟอร์มของกองทุนร้านค้าชุมชนอีก,การวางระบบ การเป็นพี่เลี้ยงจากรัฐบาลจึงสำคัญหากรัฐบาลมองอย่างจริงใจว่าคนไทยเราต้องพึ่งพาตนเองสามัคคีกันทั่วไทยให้ได้ ตลาดอีคอมเมิร์ซผ่านค้าขายออนไลน์ในเน็ตมีส่วนแบ่งการตลาดดีมาก ทั่วโลกกว่า25-50ล้านล้านเหรียญ,ประเทศไทยนำโดยกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านอาจเป็นผู้นำในไทยตนเองแทนแพลตฟอร์มลาซาด้า ซ็อปปี้ ติ๊กต๊อก อะลีบาบา เตมูหลอกลวงนั้นอีก เราสามารถกำหนดมาตราฐานของชุมชนควบคุมสินค้าไปในตัวด้วย,ชุมชนใดส่งมอบสินค้าไม่ดี เราสามารถแจ้งเตือนปรับปรุงจรรโลงตลาดเราได้ ส่วนแบ่งรวมทั้งค้่ขายออนไลน์ในประเทศและต่างประเทศเราอาจมำได้กว่า10-20ล้านล้านเหรียญจากยอดสั่งซื้อจากทั่วโลกได้,อาทิ ทุเรียนไทย ส่งขายตรงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กองทุนร้านค้าหมู่บ้านชุมชน ยอดค้าปลีกในหมู่บ้านนั้นๆอาจส่งออกทั่วโลกถึงวันละ1,000ล้านบาทก็ได้ จังหวัดนั้นๆแพ็คขายตรงถึงมือลูกค้าอาจกว่า10,000ล้านบาทต่อวันก็ได้กระจายไปทั่วโลกคนละ1กก.คนละลูกตามคำสั่งซื้อตรงผ่านแพลตฟอร์มเรา,
    ..ในส่วนรัฐบาลที่ดีมีโครงการเงินทุนสัมมาสร้างอาชีพก็อัดตรงลงที่สำนักงานกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านนั้นๆทางตรงก็ได้เช่น งบลงไปให้ชาวบ้านสร้างอาชีพไม่ต้องผ่านธนาคารของรัฐวิสาหกิจหรือธนาคารของเอกชนใดๆ ให้หมู่บ้านชุมชนนั้นๆละ10ล้านบาท นำไปปล่อยยืมสร้างอาชีพห้ามเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมใดๆกับประชาชนชาวบ้านปีแรกอาจลงงบฯไป10,000หมู่บ้านก่อน,ปีละ10,000หมู่บ้านๆละ10ล้านบาทก็100,000ล้านบาทต่อปี,8ปีก็80,000หมู่บ้านคือ800,000ล้านบาทและ800,000ล้านบาทนี้ก็หมุนเวียนในชุมชนจริงด้วยมิใช้เข้าห้างเข้า7/11 เป็นต้น ต่อเงินอาจได้กว่า8ล้านล้านบาทในสัมมาอาชีพที่รัฐบาลช่วยทุนสัมมาอาชีพนั้น เช่นบางคนได้ตังจากหมู่บ้านตนปล่อยยืมคนละ100,000บาทไร้ดอกเบี้ยมีกำลังพอควรสร้างอาชีพทุนพอดี ช่วยได้หมู่บ้านละ100คนในชุดนั้นปีต่อมาเขาคืนทุนทำกำไร ทั้งค้าขายเอง ค้าขายออนไลน์กับค้าขายเปิดหน้าร้านด้วย ขายฝากร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านที่เป็นสถานที่หน้าร้านจริงอีก,มีคำสั่งซื้อเข้ามาช่วยหลายทาง เช่นขายขนมต่างๆทำมมีรายได้ต่อเดือนอาจ5-6หมื่นบาท กำไร3-4หมื่นบาท 1ปี3-4แสนบาทเป็นต้น,ทุกๆคนสมมุติคืนทุนได้แน่นอนปีแรก,ปีต่อไป คนที่เหลือสามารถยืมฟรีๆต่อได้อีกในทุน10ล้านบาทนั้น,หมู่บ้านหนึ่งอาจมี4-5ร้อยครัวเรือนแค่นั้น บางหมู่บ้านมีไม่ถึง200ครัวเรือน ก็แค่2รอบครบกันหมด,หมุนเวียนได้ตลอด,ในชุมชน,จะซื้ออะไรก็ใช้จ่ายแค่ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านตน ไม่ฝากตังที่ธนาคารเอกชน ธนาคารรัฐ ฝากกันในกองทุนร้านค้าชุมชนตนนั้นล่ะ ถอน-ฝากตรงในชุมชนตนเองเลยโดยมีรัฐอำนวยวิธีการบริหารจัดการให้เป็นระบบระเบียน,หมู่บ้านหนึ่งอาจกว่า1,000ล้านบาทต่อเดือนของรายได้เข้าชุมชนเช่นขายทุเรียนผลไม้พืชผัก,รัฐมีสำนักงานใหญ่ดูแลระบบช่วยเหลือประชาชน จ้างโดยรัฐบาลพี่เลี้ยงก่อน,เงินมหาศาลจากการค้าขายการฝากออมจะไหลไปรวมก็ศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ทันทีกว่าล้านล้านบาทต่อวัน,สำนักงานใหญ่สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องกระแสเงินนั้นสบานมากๆ,บริหารจัดการเงินทุนช่วยสร้างอาชีพสร้างรายได้แก่ประชาชนได้สบายอย่างแท้จริง,ติดขัดอะไรเห็นปัญหา สามารถเชื่อมประสานงานแก้ไขได้ผ่านกระบวนการกลไกอำนาจรัฐ,เน็ตมีปัญหา ตรงดิ่งไปกสทช.เอาคลื่นความถี่ฟรีๆมาให้บริการประชาชนโซนเรานี้,จากนั้นประชาชนแค่ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนยืนยันการใช้งานและความเป็นคนไทยสามารถใช้เครือข่ายโทรฟรีเน็ตฟรีเพื่อส่งเสริมสนับสัมมาอาชีพค้าขายพึ่งพาตนเองได้,มีทุนมากหน่อยลงมติ ร่วมบริจาคสร้างดาวเทียมเน็ตฟรีๆก็ได้หรือรัฐฐะมีหน้าที่ตรงต้องสร้างมาสนับสนุนสัมมาอาชีพประชาชนและวิถีชีวิตประชาชนมิใช่ช่วยเหลือเอกชนประกอบอาชีพค้ากำไรต่อประชาชนให้ไปใช้บริการมัน,
    ..กสทช.ก็ตาม แบงค์ชาติก็ตาม ทั้งหมดเสมือนก่อเกิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมอาชีพเอกชนมาค้ารายได้กำไรจากประชาชนโดยอ้างการให้บริการแก่ประชาชนต้องมีการแลกเปลี่ยนจ่ายค่าให้บริการมาก็ว่า,ธนาคารได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้ ค่ายมือถือได้ตังจากค่าเน็ตค่าโทรค่าใช้บริการสาระพัดมุกที่จะมีโปรโมชั่นจากค่ายมือถือมาดูดตังจากประชาชน,ทั้งจากเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย โทรมาโชว์แต่เบอร์ ไม่เคยปรับปรุงว่า 1เบอร์มือถือ 1เลขหมายโทรศัพท์ตือ1บัตรประชาชนเท่านั่น,ระบบต้องโชว์ชื่อโชว์นามสกุลของคนโทรเข้ามาอัตโนมัติด้วย มิใช่โชว์แค่เบอร์ในปัจจุบัน.,ห้ามคนไทยทุดๆคนมีเลขหมายโทรศัพท์เกิน1เบอร์,ส่วนเปิดกิจการค้าขายต้องเงื่อนไขต่างหาก,นี้สามารถตัดตอนเดอะแก๊งชั่วเลวแบบคอลเซ็นเตอร์ได้ทันที,ร่วมถึงธนาคารต้องห้ามคนไทยมีบัญชีธนาคารเกิน1บัญชีต่อ1บัตรประชาชนด้วย มรึงจะมีตังเกิน1ล้านล้านบาทก็มีได้แค่1บัญชี ไม่สามารถฟอกตังฟอกเงินได้ตัดตอนได้อีก,,นี้คือการปกครองที่ซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส่ของจริงด้วย,ต่างชาติใดๆจะมาเยือนประเทศไทย,ในกรณีประชาชนทั่วไป ต้องรวมรวบสถานะการเงินเป็นบัญชีเดียวทั้งหมดเช่นกันก่อนเข้าประเทศไทย,ป้องกันการฟอกเงินข้ามชาติได้ด้วย,สามารถเชื่อมโยงคริปโตโทเคนได้ด้วยในการแจ้งสถานะมูลค่าถือครองมีในครอบครองนั้นก่อนเข้าประเทศไทยทุกๆกรณีด้วย,บริษัทกิจการใดจะมาลงทุนประเทศไทยต้องรวมสถานะการเงินเป็นบัญชีเดียวทั้งหมดให้ชัดเจนนั้นเอง,ตัดตอนการทุจริตการฟอกเงินทันทีด้วยหรือนัยยะบ่อนทำลายประเทศไทยก็ด้วย,ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นกิจกรรมที่ไม่โปร่งใสทั้งหมด อำนวยอาชญากรอาชญากรรมสาระพัดรูปแบบได้หมด,ปกปิดการเคลื่อนไหวสถานะการเงินนั้นเอง,เงินสามารถจ้างอาชญากรใดๆทั่วโลกได้ ค้าอาวุธค้ายาค้ามนุษย์ได้ และพวกนี้จะกระจายเม็ดเงินกันด้วย,แบงค์ชาติและแบงค์เอกชนเห็นสิ่งนี้หมดแต่ก็เปิดช่องให้คนชั่วเลวนี้ถึงปัจจุบัน,
    ..ในมิติกสทช.คงเห็น1บัตรประชาชน 1เบอร์โทรศัพท์ได้ยาก,การค้าซิมของค่ายมือถือคือบ่อเกิดความหายนะต่อประชาชนตนภายในประเทศ,จำเป็นอะไรที่ประชาชนต้องมีมากกว่า1เบอร์โทรศัพท์,นอกจากมิจฉาชีพจะชอบใช้ก่ออาชญากรรมแล้วทิ้งมิให้มีหลักฐานแค่นั้น,และสะดวกสบายด้วย ต่างจาก1บัตรประชาชน 1เบอร์โทรศัพท์ ล็อกตัวได้ง่าย ระบุที่ตั้งตัวตนคนนั้นได้ชัดเจน แบบเขมรเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็อ้างเบอร์นั้นนี้มาทำชั่วเลวแทบไม่ได้เลย,โทรมาจากเขมรก็โชว์ว่ามาจากเขมรทันทีได้,เพราะยกเลิกซิม ใช้บัตรประชาชนใครมันคือเบอร์มือถือใครมันจริงนั้นเอง.กสทช.ไม่เคยปรับปรุงตนเองเลย อย่างเดียวที่ทำคือประมูลคลื่นความถี่.,ไม่คิดอ่านว่าคลื่นสาธารณะแผ่นดินนี้ประชาชนคนไทยสมควรใช้บริการฟรีๆเพื่ออัพเรเวลคุณภาพชีวิตคนไทยได้แล้ว,ไลน์ก็ใช้เน็ตติดต่อเรื่องราวระหว่างครูกับผู้ปกครองหรือนักเรียนกับครูๆ,ซิมก็ซื้ออายุเวลาซิมอีกมิใช่ตลอดชีพ ให้มือถือเก็บตังรีดไถ่เก็บส่วยในมุกรักษาอายุซิมก็ว่าตลอด,ค่าเน็ตก็แพง ผูกขาดไม่กี่เจ้าอีก,ทหารยึดอำนาจ ยึดคลื่นจากค่ายมือถือยุบกสทช.ด้วยก็ดี.ไร้ประโยชน์จริงๆ,ทำเองดีกว่า ตั้งหน่วยงานใหม่รับผิดชอบเน็ตคนไทยเลย,ประเทศไทยเลอะเทอะมากพอแล้ว,คืนค่าโรงงานทั้งหมดคืนค่าประเทศไทยทั้งหมดยึดคืนมากเป็นของคนไทยทั้งหมดเหมือนเดิมเพื่อก้าวเดินในวิถีโลกยุคใหม่นี้จริงๆ,ไม่ล้างระบบเก่า จะสร้างใหม่ได้อย่างไร,บ้านใหม่บรแผ่นดินเดิมเรา,บ้านนี้ผุพังเป็นอันมากปลวกมดสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่เป็นอันมาก,พังพินาศไส้ในสิ้นดี.

    https://youtube.com/watch?v=7wwuNRyzL4c&feature=shared
    ..จริงๆแล้วทั้งหมดคือการมีอยู่ของกสทช.เรา ..กสทช.ต้องถูกปฏิวัติ ..อนาคตคือยุคล้ำเทคโนโลยีมากมายแต่กระบวนการ กสทช.ยังไม่พัฒนาอะไรเลย,ไม่มีส่วนร่วมในการปกป้องประชาชนคนไทยเลย,ยุคเก่าแล้วนั้นเอง,ไม่ต่างจากแบงค์ชาติก่อตั้งมาเพื่อสนับสนุนธนาคารเอกชนทั้งหมดในประเทศไทยแต่อ้างประชาชนบังหน้า ควบคุมธนาคารเอกชนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนแต่สภาพความเป็นจริงด้วยแบงค์แค่อนุญาตการขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ในภาวะวิกฤติการเงินกระทบทั่วโลกชัดเชน ธนาคารไทยฟันกำไรดอกเบี้ยแต่ละธนาคารหมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย แสนล้านบาทภาพรวมกลุ่มแบงค์ยิ่งชัดเจน,คือก่อกำเนิดมาเพื่อเป็นกลไลเครื่องมือให้เอกชนหากกินให้ชอบธรรมแค่นั้นผ่านใบอนุญาตนี้,ยกสิทธิผูกขาดของชาติให้เอกชน,จากนั้นก็บอกประชาชนว่า ห้ามใครมาแข่งขันใดๆอีกโดยไม่มีใบอนุญาต,ธนาคารกองทุนหมู่บ้านก็ไม่ได้เกิด,เกิดแบบธนาคารชุมชนผีบ้าต่างๆแบบธกส.ออมสินคุมหลังฉากก็ใช่ไม่ได้,แค่ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านหากต่อยอดพัฒนาดีๆรัฐสนับสนุนช่วยเป็นพี่เลี้ยงวางระบบงานวางเทคโนโลยีช่วยให้สะดวกสบายซื้อขายคล่องจะล้ำกว่า7/11อีก ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆมีตลาดร้านค้าตนเองฝากขายทั่วไทยได้,สร้างระบบฝากขายออนไลน์มีโชว์เรียลไทม์ในร้านค้าออนไลน์ของกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศไทยได้ มี80,000หมู่บ้าน ก็80,000สาขาขายออนไลน์ผ่านหมู่บ้านใครมันได้โดยเข้าระบบสมาชิกผ่านบัตรประชาชนลงทะเบียนการมีตัวตนชัดเจน,พื้นที่จริงออฟไลน์วางขายไม่สะดวก ฝากขายเป็ นหมวดหมู่บนตลาดออนไลน์ได้ผ่านแพลนฟอร์มตลาดชุมชนตนเหมือนช็อปปี้ ลาซาด้า ติ๊กต๊อกไลน์สดขายของฟรีๆก็ได้,มียอดสั่งซื้อก็ให้ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านต่างๆรับรองมาตราฐานสินค้าเบื้องต้นส่งผ่านในนามร้านค้ากองทุนหมู่บ้านตนนั้นๆ ซึ่งร้านค้ากองทุนหมู่บ้านใครมันจะสร้างแผนกฝ่ายนี้แยกต่างหากจากหน้าร้านเดิมปกติที่คนในหมู่บ้านเข้าร้านซื้อขายของปกติ,มีพื้นที่ให้บริการอำนวยความสะดวกสบายแก่ค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์นี้นั้นเอง,หรือใครสะดวกทำเองที่บ้านก็ได้เครดิตมากน้อยในค่าตอบแทน ใครขนส่งผ่านจุดบริการที่สำนักงานกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านก็เครดิตค่าใช้จ่ายมากหน่อยเพราะให้บริการคนมากมายส่วนรวม,ใครอำนวยสะดวกลูกค้าตนแทนสำนักงานก็ต้องส่งเสริมให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหน่อย.ช่วยค่าใช้จ่ายด้านขนส่งบรรจุภัณฑ์ไป,ชาวบ้านจะมีตลาดเป็นของตนเองจริง เม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชนแต่ละบ้านขั้นต่ำวันละ100,000บาทโดยเฉลี่ย,80,000หมู่บ้านก็อาจกว่า8,000ล้านบาทต่อวันทั่วประเทศเฉพาะซื้อขายจับจ่ายใช้จ่ายภาคการบริโภคครัวเรือนในร้านค้าชุมชนตนใครมันในแต่ละพื้นที่,ไม่ต้องเข้าห้างเข้า7/11ก็ได้,หันไปซื้อสินค้าราคาทุนผ่านกองทุนร้านค้าตนเองแต่ละหมู่บ้านใครมัน,กำหนดนโยบายหลักให้ชัดเจนว่าขายต่ำกว่าราคาท้องตลาด ยาสีฟันปกติร้านทั่วไปตามห้างตาม7/11ขายหลอดละ10-20บาท ร้านกองทุนหมู่บ้านก็ขายหลอดละ9หรือ19บาท,ยาหม่องตลับเล็กขายตลับละ8บาทก็ขายตลับละ7บาท เป็นต้น,กำไร1สตางค์จะเป็นอะไร,กองทุนร้านค้าชุมชนไม่มุ่งแสวงหากำไรปุ๊บ!!!,ชาวบ้านจะคิดต่างทันทีดีกว่า7/11ก็หันมาสนับสนุนร้านค้าตนเองแทน,นี้ไม่รวมยอดรายได้จากค้าขายออนไลน์บนแพลตฟอร์มของกองทุนร้านค้าชุมชนอีก,การวางระบบ การเป็นพี่เลี้ยงจากรัฐบาลจึงสำคัญหากรัฐบาลมองอย่างจริงใจว่าคนไทยเราต้องพึ่งพาตนเองสามัคคีกันทั่วไทยให้ได้ ตลาดอีคอมเมิร์ซผ่านค้าขายออนไลน์ในเน็ตมีส่วนแบ่งการตลาดดีมาก ทั่วโลกกว่า25-50ล้านล้านเหรียญ,ประเทศไทยนำโดยกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านอาจเป็นผู้นำในไทยตนเองแทนแพลตฟอร์มลาซาด้า ซ็อปปี้ ติ๊กต๊อก อะลีบาบา เตมูหลอกลวงนั้นอีก เราสามารถกำหนดมาตราฐานของชุมชนควบคุมสินค้าไปในตัวด้วย,ชุมชนใดส่งมอบสินค้าไม่ดี เราสามารถแจ้งเตือนปรับปรุงจรรโลงตลาดเราได้ ส่วนแบ่งรวมทั้งค้่ขายออนไลน์ในประเทศและต่างประเทศเราอาจมำได้กว่า10-20ล้านล้านเหรียญจากยอดสั่งซื้อจากทั่วโลกได้,อาทิ ทุเรียนไทย ส่งขายตรงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กองทุนร้านค้าหมู่บ้านชุมชน ยอดค้าปลีกในหมู่บ้านนั้นๆอาจส่งออกทั่วโลกถึงวันละ1,000ล้านบาทก็ได้ จังหวัดนั้นๆแพ็คขายตรงถึงมือลูกค้าอาจกว่า10,000ล้านบาทต่อวันก็ได้กระจายไปทั่วโลกคนละ1กก.คนละลูกตามคำสั่งซื้อตรงผ่านแพลตฟอร์มเรา, ..ในส่วนรัฐบาลที่ดีมีโครงการเงินทุนสัมมาสร้างอาชีพก็อัดตรงลงที่สำนักงานกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านนั้นๆทางตรงก็ได้เช่น งบลงไปให้ชาวบ้านสร้างอาชีพไม่ต้องผ่านธนาคารของรัฐวิสาหกิจหรือธนาคารของเอกชนใดๆ ให้หมู่บ้านชุมชนนั้นๆละ10ล้านบาท นำไปปล่อยยืมสร้างอาชีพห้ามเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมใดๆกับประชาชนชาวบ้านปีแรกอาจลงงบฯไป10,000หมู่บ้านก่อน,ปีละ10,000หมู่บ้านๆละ10ล้านบาทก็100,000ล้านบาทต่อปี,8ปีก็80,000หมู่บ้านคือ800,000ล้านบาทและ800,000ล้านบาทนี้ก็หมุนเวียนในชุมชนจริงด้วยมิใช้เข้าห้างเข้า7/11 เป็นต้น ต่อเงินอาจได้กว่า8ล้านล้านบาทในสัมมาอาชีพที่รัฐบาลช่วยทุนสัมมาอาชีพนั้น เช่นบางคนได้ตังจากหมู่บ้านตนปล่อยยืมคนละ100,000บาทไร้ดอกเบี้ยมีกำลังพอควรสร้างอาชีพทุนพอดี ช่วยได้หมู่บ้านละ100คนในชุดนั้นปีต่อมาเขาคืนทุนทำกำไร ทั้งค้าขายเอง ค้าขายออนไลน์กับค้าขายเปิดหน้าร้านด้วย ขายฝากร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านที่เป็นสถานที่หน้าร้านจริงอีก,มีคำสั่งซื้อเข้ามาช่วยหลายทาง เช่นขายขนมต่างๆทำมมีรายได้ต่อเดือนอาจ5-6หมื่นบาท กำไร3-4หมื่นบาท 1ปี3-4แสนบาทเป็นต้น,ทุกๆคนสมมุติคืนทุนได้แน่นอนปีแรก,ปีต่อไป คนที่เหลือสามารถยืมฟรีๆต่อได้อีกในทุน10ล้านบาทนั้น,หมู่บ้านหนึ่งอาจมี4-5ร้อยครัวเรือนแค่นั้น บางหมู่บ้านมีไม่ถึง200ครัวเรือน ก็แค่2รอบครบกันหมด,หมุนเวียนได้ตลอด,ในชุมชน,จะซื้ออะไรก็ใช้จ่ายแค่ร้านค้ากองทุนหมู่บ้านตน ไม่ฝากตังที่ธนาคารเอกชน ธนาคารรัฐ ฝากกันในกองทุนร้านค้าชุมชนตนนั้นล่ะ ถอน-ฝากตรงในชุมชนตนเองเลยโดยมีรัฐอำนวยวิธีการบริหารจัดการให้เป็นระบบระเบียน,หมู่บ้านหนึ่งอาจกว่า1,000ล้านบาทต่อเดือนของรายได้เข้าชุมชนเช่นขายทุเรียนผลไม้พืชผัก,รัฐมีสำนักงานใหญ่ดูแลระบบช่วยเหลือประชาชน จ้างโดยรัฐบาลพี่เลี้ยงก่อน,เงินมหาศาลจากการค้าขายการฝากออมจะไหลไปรวมก็ศูนย์กลางสำนักงานใหญ่ทันทีกว่าล้านล้านบาทต่อวัน,สำนักงานใหญ่สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องกระแสเงินนั้นสบานมากๆ,บริหารจัดการเงินทุนช่วยสร้างอาชีพสร้างรายได้แก่ประชาชนได้สบายอย่างแท้จริง,ติดขัดอะไรเห็นปัญหา สามารถเชื่อมประสานงานแก้ไขได้ผ่านกระบวนการกลไกอำนาจรัฐ,เน็ตมีปัญหา ตรงดิ่งไปกสทช.เอาคลื่นความถี่ฟรีๆมาให้บริการประชาชนโซนเรานี้,จากนั้นประชาชนแค่ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนยืนยันการใช้งานและความเป็นคนไทยสามารถใช้เครือข่ายโทรฟรีเน็ตฟรีเพื่อส่งเสริมสนับสัมมาอาชีพค้าขายพึ่งพาตนเองได้,มีทุนมากหน่อยลงมติ ร่วมบริจาคสร้างดาวเทียมเน็ตฟรีๆก็ได้หรือรัฐฐะมีหน้าที่ตรงต้องสร้างมาสนับสนุนสัมมาอาชีพประชาชนและวิถีชีวิตประชาชนมิใช่ช่วยเหลือเอกชนประกอบอาชีพค้ากำไรต่อประชาชนให้ไปใช้บริการมัน, ..กสทช.ก็ตาม แบงค์ชาติก็ตาม ทั้งหมดเสมือนก่อเกิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมอาชีพเอกชนมาค้ารายได้กำไรจากประชาชนโดยอ้างการให้บริการแก่ประชาชนต้องมีการแลกเปลี่ยนจ่ายค่าให้บริการมาก็ว่า,ธนาคารได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้ ค่ายมือถือได้ตังจากค่าเน็ตค่าโทรค่าใช้บริการสาระพัดมุกที่จะมีโปรโมชั่นจากค่ายมือถือมาดูดตังจากประชาชน,ทั้งจากเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย โทรมาโชว์แต่เบอร์ ไม่เคยปรับปรุงว่า 1เบอร์มือถือ 1เลขหมายโทรศัพท์ตือ1บัตรประชาชนเท่านั่น,ระบบต้องโชว์ชื่อโชว์นามสกุลของคนโทรเข้ามาอัตโนมัติด้วย มิใช่โชว์แค่เบอร์ในปัจจุบัน.,ห้ามคนไทยทุดๆคนมีเลขหมายโทรศัพท์เกิน1เบอร์,ส่วนเปิดกิจการค้าขายต้องเงื่อนไขต่างหาก,นี้สามารถตัดตอนเดอะแก๊งชั่วเลวแบบคอลเซ็นเตอร์ได้ทันที,ร่วมถึงธนาคารต้องห้ามคนไทยมีบัญชีธนาคารเกิน1บัญชีต่อ1บัตรประชาชนด้วย มรึงจะมีตังเกิน1ล้านล้านบาทก็มีได้แค่1บัญชี ไม่สามารถฟอกตังฟอกเงินได้ตัดตอนได้อีก,,นี้คือการปกครองที่ซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส่ของจริงด้วย,ต่างชาติใดๆจะมาเยือนประเทศไทย,ในกรณีประชาชนทั่วไป ต้องรวมรวบสถานะการเงินเป็นบัญชีเดียวทั้งหมดเช่นกันก่อนเข้าประเทศไทย,ป้องกันการฟอกเงินข้ามชาติได้ด้วย,สามารถเชื่อมโยงคริปโตโทเคนได้ด้วยในการแจ้งสถานะมูลค่าถือครองมีในครอบครองนั้นก่อนเข้าประเทศไทยทุกๆกรณีด้วย,บริษัทกิจการใดจะมาลงทุนประเทศไทยต้องรวมสถานะการเงินเป็นบัญชีเดียวทั้งหมดให้ชัดเจนนั้นเอง,ตัดตอนการทุจริตการฟอกเงินทันทีด้วยหรือนัยยะบ่อนทำลายประเทศไทยก็ด้วย,ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นกิจกรรมที่ไม่โปร่งใสทั้งหมด อำนวยอาชญากรอาชญากรรมสาระพัดรูปแบบได้หมด,ปกปิดการเคลื่อนไหวสถานะการเงินนั้นเอง,เงินสามารถจ้างอาชญากรใดๆทั่วโลกได้ ค้าอาวุธค้ายาค้ามนุษย์ได้ และพวกนี้จะกระจายเม็ดเงินกันด้วย,แบงค์ชาติและแบงค์เอกชนเห็นสิ่งนี้หมดแต่ก็เปิดช่องให้คนชั่วเลวนี้ถึงปัจจุบัน, ..ในมิติกสทช.คงเห็น1บัตรประชาชน 1เบอร์โทรศัพท์ได้ยาก,การค้าซิมของค่ายมือถือคือบ่อเกิดความหายนะต่อประชาชนตนภายในประเทศ,จำเป็นอะไรที่ประชาชนต้องมีมากกว่า1เบอร์โทรศัพท์,นอกจากมิจฉาชีพจะชอบใช้ก่ออาชญากรรมแล้วทิ้งมิให้มีหลักฐานแค่นั้น,และสะดวกสบายด้วย ต่างจาก1บัตรประชาชน 1เบอร์โทรศัพท์ ล็อกตัวได้ง่าย ระบุที่ตั้งตัวตนคนนั้นได้ชัดเจน แบบเขมรเดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็อ้างเบอร์นั้นนี้มาทำชั่วเลวแทบไม่ได้เลย,โทรมาจากเขมรก็โชว์ว่ามาจากเขมรทันทีได้,เพราะยกเลิกซิม ใช้บัตรประชาชนใครมันคือเบอร์มือถือใครมันจริงนั้นเอง.กสทช.ไม่เคยปรับปรุงตนเองเลย อย่างเดียวที่ทำคือประมูลคลื่นความถี่.,ไม่คิดอ่านว่าคลื่นสาธารณะแผ่นดินนี้ประชาชนคนไทยสมควรใช้บริการฟรีๆเพื่ออัพเรเวลคุณภาพชีวิตคนไทยได้แล้ว,ไลน์ก็ใช้เน็ตติดต่อเรื่องราวระหว่างครูกับผู้ปกครองหรือนักเรียนกับครูๆ,ซิมก็ซื้ออายุเวลาซิมอีกมิใช่ตลอดชีพ ให้มือถือเก็บตังรีดไถ่เก็บส่วยในมุกรักษาอายุซิมก็ว่าตลอด,ค่าเน็ตก็แพง ผูกขาดไม่กี่เจ้าอีก,ทหารยึดอำนาจ ยึดคลื่นจากค่ายมือถือยุบกสทช.ด้วยก็ดี.ไร้ประโยชน์จริงๆ,ทำเองดีกว่า ตั้งหน่วยงานใหม่รับผิดชอบเน็ตคนไทยเลย,ประเทศไทยเลอะเทอะมากพอแล้ว,คืนค่าโรงงานทั้งหมดคืนค่าประเทศไทยทั้งหมดยึดคืนมากเป็นของคนไทยทั้งหมดเหมือนเดิมเพื่อก้าวเดินในวิถีโลกยุคใหม่นี้จริงๆ,ไม่ล้างระบบเก่า จะสร้างใหม่ได้อย่างไร,บ้านใหม่บรแผ่นดินเดิมเรา,บ้านนี้ผุพังเป็นอันมากปลวกมดสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่เป็นอันมาก,พังพินาศไส้ในสิ้นดี. https://youtube.com/watch?v=7wwuNRyzL4c&feature=shared
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเชื้อเพลิง กำลังออกเดินทางจากดามัสกัส เมืองหลวงซีเรียมุ่งหน้าสู่ซูไวดา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ระหว่างกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่

    สังเกตว่าอิสราเอลไม่เคยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อพลเมืองชาวดรูซ ในขณะที่มักจะอ้างว่านั่นคือพี่น้องของชาวยิว แต่สิ่งที่อิสราเอลทำ มีแต่การมุ่งโจมตีและปลุกปั่นภายในพื้นที่ของซีเรียเพื่อหวังสร้างความไม่สงบ
    ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเชื้อเพลิง กำลังออกเดินทางจากดามัสกัส เมืองหลวงซีเรียมุ่งหน้าสู่ซูไวดา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ระหว่างกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ สังเกตว่าอิสราเอลไม่เคยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อพลเมืองชาวดรูซ ในขณะที่มักจะอ้างว่านั่นคือพี่น้องของชาวยิว แต่สิ่งที่อิสราเอลทำ มีแต่การมุ่งโจมตีและปลุกปั่นภายในพื้นที่ของซีเรียเพื่อหวังสร้างความไม่สงบ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ..อยู่ในแผนของกองทัพอยู่แล้วพะนะ.
    ..55แสดงว่าเตรียมยกพังงาให้เป็นฐานกองทัพอเมริกานะสิ.
    ..บอกแล้วว่า คนเขียนกฎหมายเลือกตั้งจากยุครัฐบาลยึดอำนาจที่กปปส.ถวายพานให้มีปัญหาจริงๆ นายกฯไม่ซื่อสัตย์พ้นสถานะก็สมควรสิ้นสมันทั้งสภา ต้องเลือกตั้งกันใหม่ ปัญหามากมายจะตัดตอนทันที,จะเกิดปัญหาใหม่หลังเลือกตั้งใหม่ก็อีกเรื่อง จัดการคนไม่ซื่อสัตย์ในจังหวะหน้างานนั้นตามปกติช่วงเวลานั้นได้เสมอ,นี้อะไรพ้นสถานะนายกฯไม่ซื่อสัตย์เสือกเขียนในกฎหมายใหม่ให้ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ เสนอนานกฯคนใหม่ได้ทันที,และนายกฯก็เสือกไม่เลือกตั้งตรงจากประชาชนด้วย ไม่เป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงมีผลงานให้คนไทยพิจารณาทางตรงว่าจะเลือกหรือไม่เลือก มีกิริยาลงพบปะช่วยเหลือประชาชนห่าเหวลงพื้นที่จริงอะไรบ้าง,เสือกเสนอหน้าอยากเป็นนายกโดยไม่มีผลงานและเป็นที่รู้จักแก่ประชาขนเลย,ยึดอำนาจสมัยนั้นเลวมาก,สัมปทานก็ต่ออายุให้ต่างชาติเสือกไม่ยึดทำเอง,เปิดสัมปทานใหม่ก็ไม่แก้กฎหมายเอาเข้าสภา จึงสมควรโมฆะทั้งหมดแบบmou43&44นั้น.
    ..น่าเบื่อกลไกการลงโทษอดีตผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อแผ่นดินไทยจริงๆ คนไม่ดี ย่ำยีคนดีคนซื่อสัตย์ในแผ่นดินไทยตน ทำประชาชนคนไทยทุกข์ยาก มีบัตรคนจนเพิ่มขึ้นหรือบัตรคนจนถือกำหนดขึ้นในสมัยผีบ้านี้ล่ะ.ข้าราชการล้นประเทศแดกเงินเดือนสวัสดิการรายได้หลวงส่วนมากกว่าไปช่วยเหลือคนไทยทั่วประเทศที่ยากจนตังขาดมือที่ขยันแทบตายก็สนับสนุนเจ้าสัวร่ำรวยทวีคูณสม่ำเสมอจากอ้างอิงอำนาจรัฐ,ผูกขาดการบริโภคทางส่วนมาก ค่าไฟฟ้าคือตย.ชัดที่รัฐถ่ายโอนประโยชน์รายได้ให้เอกชนร่ำรวย โรงงานที่ไม่ผลิตจริงก็ต้องจ่าย,เกินกำลังการผลิตปกติไปมาก เอาไปปั่นขุดบิตคอยน์เหรอ,
    ..สรุปไม่จบไม่ถีบออกไม่สิ้นสถานะการบริหารจริงอะไรเลย.,ตลอดจะให้อเมริกาจะมาตั้งฐานทัพอีก ทำลายประเทศไทยไปในตัวนะ ก็รู้ชัดเจนว่า จีนกับอเมริกาคือศัตรูกันตามภาพข่าวที่ออกโหนกัน,เสือกมาทำตัวไม่เป็นกลาง,เพื่อไม่เขาไปยุ่งในมหาสงครามนี้ด้วย,อเมริกาฝรั่งมันเห็นแก่ตัว เอาแต่ประโยชน์พวกมันเองชัดเจน ฝรั่งมันปล้นประเทศไทยเสียดินแดนไทยเป็นอันมากสมควรพอได้แล้วในยุคเรา,
    ..กลางสิงหา พันธมิตรคณะแกนนำร่วมทั้งหมดในนามคณะรวมพลังแผ่นดินไทยสมควรปฏิวัติยึดอำนาจในนามมวลมหาประชาชนสายตรงอำนาจประชาชนกันจริงๆ ขึ้นบริหารปกครองประเทศในสถานะพิเศษฉุกเฉินโดยมาทหารสนับสนุนการบริหารจัดการปกครองประเทศเพราะทหารหากเปิดหน้าเองจะไม่ราบรื่น ประชาโลกมีข้ออ้างยิ่งอีลิทพวกdeep stateมีมุกแกล้งหาความได้,ประชาชนยึดอำนาจเองโดยมาแอ็คชั่นเอง ทหารแค่หลบไปข้างหลังระวังภัยก็พอ,เราจะก้าวกระโดดทันที,พักงานสถาบันนักการเมืองอำนาจตัวแทนประชาชนไปก่อนสัก10-20ปี,วัดกันดูว่าจะดีกว่าแบบเหี้ยๆปัจจุบันมั้ย.
    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..อยู่ในแผนของกองทัพอยู่แล้วพะนะ. ..55แสดงว่าเตรียมยกพังงาให้เป็นฐานกองทัพอเมริกานะสิ. ..บอกแล้วว่า คนเขียนกฎหมายเลือกตั้งจากยุครัฐบาลยึดอำนาจที่กปปส.ถวายพานให้มีปัญหาจริงๆ นายกฯไม่ซื่อสัตย์พ้นสถานะก็สมควรสิ้นสมันทั้งสภา ต้องเลือกตั้งกันใหม่ ปัญหามากมายจะตัดตอนทันที,จะเกิดปัญหาใหม่หลังเลือกตั้งใหม่ก็อีกเรื่อง จัดการคนไม่ซื่อสัตย์ในจังหวะหน้างานนั้นตามปกติช่วงเวลานั้นได้เสมอ,นี้อะไรพ้นสถานะนายกฯไม่ซื่อสัตย์เสือกเขียนในกฎหมายใหม่ให้ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ เสนอนานกฯคนใหม่ได้ทันที,และนายกฯก็เสือกไม่เลือกตั้งตรงจากประชาชนด้วย ไม่เป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงมีผลงานให้คนไทยพิจารณาทางตรงว่าจะเลือกหรือไม่เลือก มีกิริยาลงพบปะช่วยเหลือประชาชนห่าเหวลงพื้นที่จริงอะไรบ้าง,เสือกเสนอหน้าอยากเป็นนายกโดยไม่มีผลงานและเป็นที่รู้จักแก่ประชาขนเลย,ยึดอำนาจสมัยนั้นเลวมาก,สัมปทานก็ต่ออายุให้ต่างชาติเสือกไม่ยึดทำเอง,เปิดสัมปทานใหม่ก็ไม่แก้กฎหมายเอาเข้าสภา จึงสมควรโมฆะทั้งหมดแบบmou43&44นั้น. ..น่าเบื่อกลไกการลงโทษอดีตผู้นำที่ทำชั่วเลวต่อแผ่นดินไทยจริงๆ คนไม่ดี ย่ำยีคนดีคนซื่อสัตย์ในแผ่นดินไทยตน ทำประชาชนคนไทยทุกข์ยาก มีบัตรคนจนเพิ่มขึ้นหรือบัตรคนจนถือกำหนดขึ้นในสมัยผีบ้านี้ล่ะ.ข้าราชการล้นประเทศแดกเงินเดือนสวัสดิการรายได้หลวงส่วนมากกว่าไปช่วยเหลือคนไทยทั่วประเทศที่ยากจนตังขาดมือที่ขยันแทบตายก็สนับสนุนเจ้าสัวร่ำรวยทวีคูณสม่ำเสมอจากอ้างอิงอำนาจรัฐ,ผูกขาดการบริโภคทางส่วนมาก ค่าไฟฟ้าคือตย.ชัดที่รัฐถ่ายโอนประโยชน์รายได้ให้เอกชนร่ำรวย โรงงานที่ไม่ผลิตจริงก็ต้องจ่าย,เกินกำลังการผลิตปกติไปมาก เอาไปปั่นขุดบิตคอยน์เหรอ, ..สรุปไม่จบไม่ถีบออกไม่สิ้นสถานะการบริหารจริงอะไรเลย.,ตลอดจะให้อเมริกาจะมาตั้งฐานทัพอีก ทำลายประเทศไทยไปในตัวนะ ก็รู้ชัดเจนว่า จีนกับอเมริกาคือศัตรูกันตามภาพข่าวที่ออกโหนกัน,เสือกมาทำตัวไม่เป็นกลาง,เพื่อไม่เขาไปยุ่งในมหาสงครามนี้ด้วย,อเมริกาฝรั่งมันเห็นแก่ตัว เอาแต่ประโยชน์พวกมันเองชัดเจน ฝรั่งมันปล้นประเทศไทยเสียดินแดนไทยเป็นอันมากสมควรพอได้แล้วในยุคเรา, ..กลางสิงหา พันธมิตรคณะแกนนำร่วมทั้งหมดในนามคณะรวมพลังแผ่นดินไทยสมควรปฏิวัติยึดอำนาจในนามมวลมหาประชาชนสายตรงอำนาจประชาชนกันจริงๆ ขึ้นบริหารปกครองประเทศในสถานะพิเศษฉุกเฉินโดยมาทหารสนับสนุนการบริหารจัดการปกครองประเทศเพราะทหารหากเปิดหน้าเองจะไม่ราบรื่น ประชาโลกมีข้ออ้างยิ่งอีลิทพวกdeep stateมีมุกแกล้งหาความได้,ประชาชนยึดอำนาจเองโดยมาแอ็คชั่นเอง ทหารแค่หลบไปข้างหลังระวังภัยก็พอ,เราจะก้าวกระโดดทันที,พักงานสถาบันนักการเมืองอำนาจตัวแทนประชาชนไปก่อนสัก10-20ปี,วัดกันดูว่าจะดีกว่าแบบเหี้ยๆปัจจุบันมั้ย. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ ปภ. จัดอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถ พร้อมรับมือภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระดับมาตรฐานสากล ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก
    เป็นประธานมอบใบวุฒิบัตรให้แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัย ที่สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue) หรือ “USAR" เป็นโครงการฝึกอบรมที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อฝึกทักษะ เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ และทบทวนการปฏิบัติภารกิจการค้นหาและกู้ภัยฯ ตามหลักมาตรฐานสากล พร้อมทบทวนข้อมูลและเรียนรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบโครงสร้างต่างๆ การพิจารณาสาเหตุรอยร้าว การตรวจสอบอาคารวิบัติ การเข้าแก้ไขเบื้องต้น ฯลฯ โดยแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติเรียนรู้วิธีลดการพังทลายของโครงสร้างอาคาร การกำหนดสัญลักษณ์การค้นหา ฯลฯ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับภารกิจของสุนัขกู้ภัย (K9) โดยมี นายเกริกเสกข์สัณห์ วาสะสิริ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญฯ ร่วมเป็นวิทยากรในการฝึกอบรม พร้อมด้วยนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นางสาวณัฐกานต์ ขำคม ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและฝึกอบรม และนางสาวพิมพ์ณภัท สุนทรฐิติวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ร่วมสังเกตการณ์ ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท
    .
    สำหรับการพัฒนาบุคลากรด้านบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในระดับมาตรฐานสากล จึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ Mou Onpimon ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผนึกกำลังทั้งทางด้านวิชาการ และการปฏิบัติการ เพื่อการบูรณาการการจัดการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่และ/หรืออาสาสมัครมูลนิธิฯ และเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยให้สามารถบริหารจัดการและปฏิบัติตอบโต้เหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดทีมบรรเทาเข้าโครงการอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ. 2566 และได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิผล โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาบุคลากรควบคู่กับพัฒนาโครงการ เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ ปภ. จัดอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถ พร้อมรับมือภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในระดับมาตรฐานสากล ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท . วันนี้ (วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก เป็นประธานมอบใบวุฒิบัตรให้แก่ทีมบรรเทาสาธารณภัย ที่สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue) หรือ “USAR" เป็นโครงการฝึกอบรมที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อฝึกทักษะ เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ และทบทวนการปฏิบัติภารกิจการค้นหาและกู้ภัยฯ ตามหลักมาตรฐานสากล พร้อมทบทวนข้อมูลและเรียนรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบโครงสร้างต่างๆ การพิจารณาสาเหตุรอยร้าว การตรวจสอบอาคารวิบัติ การเข้าแก้ไขเบื้องต้น ฯลฯ โดยแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติเรียนรู้วิธีลดการพังทลายของโครงสร้างอาคาร การกำหนดสัญลักษณ์การค้นหา ฯลฯ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับภารกิจของสุนัขกู้ภัย (K9) โดยมี นายเกริกเสกข์สัณห์ วาสะสิริ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษค้นหาและกู้ภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญฯ ร่วมเป็นวิทยากรในการฝึกอบรม พร้อมด้วยนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นางสาวณัฐกานต์ ขำคม ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและฝึกอบรม และนางสาวพิมพ์ณภัท สุนทรฐิติวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ร่วมสังเกตการณ์ ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน จังหวัดชัยนาท . สำหรับการพัฒนาบุคลากรด้านบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพในระดับมาตรฐานสากล จึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ [MOU] ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผนึกกำลังทั้งทางด้านวิชาการ และการปฏิบัติการ เพื่อการบูรณาการการจัดการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่และ/หรืออาสาสมัครมูลนิธิฯ และเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยให้สามารถบริหารจัดการและปฏิบัติตอบโต้เหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดทีมบรรเทาเข้าโครงการอบรมหลักสูตร "การค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search And Rescue)" มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ. 2566 และได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิผล โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาบุคลากรควบคู่กับพัฒนาโครงการ เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 558 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..สมุนไพรดีๆปลูกสกัดทำยาให้โรงพยาบาลรัฐบาลไทยเราฟรีๆได้หมด,โดยรัฐบาลนั้นเป็นรัฐบาลภาคประชาชนจริงๆ จะมีวิธีการมากมายสร้างสรรค์สิ่งดีๆต่อประชาชน กระทั่งสร้่งรายได้ช่วยประชาชนอย่างยั่งยืนได้ แต่อดีตและถึงปัจจุบันเหี้ยหมด,เป็นรัฐบาลเพื่อกอบโกยใส่ตัว จากทุจริตโกงกินธรรมดาสู่พัฒนาการโกงกินเชิงนโยบาย แล้วก็พัฒนาการเปิดเผยถึงขนาดแลกอธิปไตยชาติในนามรัฐบาลตนเพื่อผลประโยชน์เดอะแก๊งตนพ้องพวกตนเป็นคณะและโคตรเหง้าวงศ์ตระกูลตนทั้งหมดผ่านอำนาจรัฐบาลที่ตนถือครอง,จึงเป็นอันมากที่เป็นต้นเหตุอัตราคนไทยถือบัตรคนจนพุ่งสูงขึ้น.,ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยเหลือเขาอย่างแท้จริงอะไรมากนัก,มอบสถานะที่บัดสบแก่ประชาชนคนไทยภายใต้การปกครองที่กากๆไม่สร้างสรรค์อะไร มุ่งแต่จะเอาเปรียบประชาชนคนในประเทศตนเอง แต่ยกสมบัติชาติของมีค่ามากเงินตราแก่ต่างชาตต่างประเทศให้เขาร่ำรวยฝ่ายเดียวเช่นบ่อน้ำมันบ่อทองคำเราเป็นต้น ตลอดกัญชาเสรีน้ำมันเขียวยาดีครอบจักรวาลก็ปิดกั้นองค์รู้ประชาชนไม่ตีแผ่ความดีประโยชน์จริงในการใช้ให้ถูกวิธี,สร้างตังรายได้ช่วยเหลือประชาชนก็ได้แต่ก็ทำมาหาแดกเอง.

    สรรพคุณของน้ำมันกัญชา สูตรท่าน อ.หมอเดชา ศิริภัทร

    สามารถหยุดการแพร่กระจายของมะเร็งไม่ให้ลุกลามและกำจัดเซลล์มะเร็งได้
    สามารถรักษาต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม
    สามารถรักษาและป้องกันโรคอัลไซเมอร์
    สามารถช่วยลดอาการอักเสบต่างๆของร่างกาย
    สามารถควบคุมและรักษาโรคลมชัก
    สามารถลดความเจ็บปวดจากโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม
    สามารถรักษาโรคโครห์น ความผิดปกติเรื้อรังของลำไส้ใหญ่ได้
    สามารถช่วยควบคุมและรักษาโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อม
    สามารถลดความวิตกกังวล คลายเครียดได้
    สามารถช่วยในการยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็งและปรับปรุงสุขภาพปอดได้
    สามารถลดความเจ็บปวดและอาการแพ้จากเคมีบำบัดได้
    สามารถปรับปรุงอาการของโรคลูปัส หรือโรค SLE หรือโรคพุ่มพวงได้
    สามารถช่วยป้องกันสมองจากความเสียหายของโรคหลอดเลือดสมองได้
    สามารถควบคุมกล้ามเนื้อกระตุกได้
    สามารถรักษาโรคลำไส้อักเสบ
    สามารถช่วยขจัดฝันร้ายและนอนไม่หลับ
    สามารถป้องกันสมองจากการถูกกระทบกระแทกและการบาดเจ็บ
    สามารถช่วยให้เจริญอาหารกินข้าวได้
    สามารถช่วยขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม
    สามารถแก้โรคบิดแก้ปวดท้องและโรคท้องร่วง
    สามารถช่วยแก้อาการประจำเดือนไม่ปกติของสตรี
    สามารถแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อนและสะเก็ดเงิน
    สามารถแก้ปวดและรักษาไมเกรน
    สามารถช่วยรักษาการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง
    สามารถช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติดชนิดรุนแรงเช่นเฮโรอีน
    สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตรักษาเบาหวานและโรคความดันสูง
    สามารถช่วยรักษาแผลสดแผลหายยากจากเบาหวานให้แห้งและหายได้
    สามารถช่วยทำให้มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสมีสมาธิและจิตใจสงบ
    สามารถช่วยผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV หรือเอดส์ให้สามารถใช้ชีวิตได้ดีและมีอายุยืนนาน
    สามารถรักษาและช่วยป้องกันโรคตับแข็ง
    สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
    สามารถช่วยรักษาอาการกระดูกหักให้หายไวขึ้นและยังทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นด้วย
    สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายของระบบเส้นประสาททั้งร่างกายและระบบเชื่อมต่อในสมอง
    สามารถช่วยรักษาไทรอยด์เป็นพิษช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน
    สามารถรักษาความอ้วนผิดปกติ
    สามารถรักษาและป้องกันโรคไขมันในเลือดสูง
    สามารถรักษาโรคเก๊าท์ข้อเข่าเสื่อมและรูมาตอยด์ได้
    สามารถทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงมากขึ้น
    สามารถรักษาและป้องกันจอประสาทตา
    สามารถรักษาอาการซึมเศร้า รักษาเสถียรภาพทางอารมณ์ โรคสมาธิสั้น และออทิสติก


    ..สมุนไพรดีๆปลูกสกัดทำยาให้โรงพยาบาลรัฐบาลไทยเราฟรีๆได้หมด,โดยรัฐบาลนั้นเป็นรัฐบาลภาคประชาชนจริงๆ จะมีวิธีการมากมายสร้างสรรค์สิ่งดีๆต่อประชาชน กระทั่งสร้่งรายได้ช่วยประชาชนอย่างยั่งยืนได้ แต่อดีตและถึงปัจจุบันเหี้ยหมด,เป็นรัฐบาลเพื่อกอบโกยใส่ตัว จากทุจริตโกงกินธรรมดาสู่พัฒนาการโกงกินเชิงนโยบาย แล้วก็พัฒนาการเปิดเผยถึงขนาดแลกอธิปไตยชาติในนามรัฐบาลตนเพื่อผลประโยชน์เดอะแก๊งตนพ้องพวกตนเป็นคณะและโคตรเหง้าวงศ์ตระกูลตนทั้งหมดผ่านอำนาจรัฐบาลที่ตนถือครอง,จึงเป็นอันมากที่เป็นต้นเหตุอัตราคนไทยถือบัตรคนจนพุ่งสูงขึ้น.,ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยเหลือเขาอย่างแท้จริงอะไรมากนัก,มอบสถานะที่บัดสบแก่ประชาชนคนไทยภายใต้การปกครองที่กากๆไม่สร้างสรรค์อะไร มุ่งแต่จะเอาเปรียบประชาชนคนในประเทศตนเอง แต่ยกสมบัติชาติของมีค่ามากเงินตราแก่ต่างชาตต่างประเทศให้เขาร่ำรวยฝ่ายเดียวเช่นบ่อน้ำมันบ่อทองคำเราเป็นต้น ตลอดกัญชาเสรีน้ำมันเขียวยาดีครอบจักรวาลก็ปิดกั้นองค์รู้ประชาชนไม่ตีแผ่ความดีประโยชน์จริงในการใช้ให้ถูกวิธี,สร้างตังรายได้ช่วยเหลือประชาชนก็ได้แต่ก็ทำมาหาแดกเอง. ☘️☘️🌷🌷👉 สรรพคุณของน้ำมันกัญชา สูตรท่าน อ.หมอเดชา ศิริภัทร 🌱🌷 สามารถหยุดการแพร่กระจายของมะเร็งไม่ให้ลุกลามและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ 🌱 🌷 สามารถรักษาต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม 🌱🌷 สามารถรักษาและป้องกันโรคอัลไซเมอร์ 🌱 🌷 สามารถช่วยลดอาการอักเสบต่างๆของร่างกาย 🌱🌷 สามารถควบคุมและรักษาโรคลมชัก 🌱🌷 สามารถลดความเจ็บปวดจากโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม 🌱🌷 สามารถรักษาโรคโครห์น ความผิดปกติเรื้อรังของลำไส้ใหญ่ได้ 🌱🌷 สามารถช่วยควบคุมและรักษาโรคพาร์กินสัน สมองเสื่อม 🌱🌷 สามารถลดความวิตกกังวล คลายเครียดได้ 🌱🌷 สามารถช่วยในการยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็งและปรับปรุงสุขภาพปอดได้ 🌱🌷 สามารถลดความเจ็บปวดและอาการแพ้จากเคมีบำบัดได้ 🌱🌷 สามารถปรับปรุงอาการของโรคลูปัส หรือโรค SLE หรือโรคพุ่มพวงได้ 🌱🌷 สามารถช่วยป้องกันสมองจากความเสียหายของโรคหลอดเลือดสมองได้ 🌱🌷 สามารถควบคุมกล้ามเนื้อกระตุกได้ 🌱🌷 สามารถรักษาโรคลำไส้อักเสบ 🌱🌷 สามารถช่วยขจัดฝันร้ายและนอนไม่หลับ 🌱🌷 สามารถป้องกันสมองจากการถูกกระทบกระแทกและการบาดเจ็บ 🌱🌷 สามารถช่วยให้เจริญอาหารกินข้าวได้ 🌱🌷 สามารถช่วยขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม 🌱🌷 สามารถแก้โรคบิดแก้ปวดท้องและโรคท้องร่วง 🌱🌷 สามารถช่วยแก้อาการประจำเดือนไม่ปกติของสตรี 🌱🌷 สามารถแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อนและสะเก็ดเงิน 🌱🌷 สามารถแก้ปวดและรักษาไมเกรน 🌱🌷 สามารถช่วยรักษาการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง 🌱🌷 สามารถช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติดชนิดรุนแรงเช่นเฮโรอีน 🌱🌷 สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตรักษาเบาหวานและโรคความดันสูง 🌱🌷 สามารถช่วยรักษาแผลสดแผลหายยากจากเบาหวานให้แห้งและหายได้ 🌱🌷 สามารถช่วยทำให้มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสมีสมาธิและจิตใจสงบ 🌱🌷 สามารถช่วยผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV หรือเอดส์ให้สามารถใช้ชีวิตได้ดีและมีอายุยืนนาน 🌱🌷 สามารถรักษาและช่วยป้องกันโรคตับแข็ง 🌱🌷 สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น 🌱🌷 สามารถช่วยรักษาอาการกระดูกหักให้หายไวขึ้นและยังทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นด้วย 🌱🌷 สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายของระบบเส้นประสาททั้งร่างกายและระบบเชื่อมต่อในสมอง 🌱🌷 สามารถช่วยรักษาไทรอยด์เป็นพิษช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน 🌱🌷 สามารถรักษาความอ้วนผิดปกติ 🌱🌷 สามารถรักษาและป้องกันโรคไขมันในเลือดสูง 🌱🌷 สามารถรักษาโรคเก๊าท์ข้อเข่าเสื่อมและรูมาตอยด์ได้ 🌱🌷 สามารถทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงมากขึ้น 🌱🌷 สามารถรักษาและป้องกันจอประสาทตา 🌱🌷 สามารถรักษาอาการซึมเศร้า รักษาเสถียรภาพทางอารมณ์ โรคสมาธิสั้น และออทิสติก ☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️☘️
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 543 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง
    มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี
    .
    วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5 นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น
    .
    นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี . วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5 นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น . นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 635 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..น่าเสียดายนะ,ทำลายคุณค่าตนเอง,ภาพที่สร้างมามากมาย.,แหกตาถึงที่สุด.จนคนสิ้นสงสัยไปเอง,อ๋อเป็นแบบนี้ล่ะพะนะ.
    ..อนาคตกองเชียร์ใดๆหมายให้เป็นนายกฯจะรุ่นพ.ศ.ไหนๆคงตกไป,อาสนธิและคณะประท้วงที่ผ่านๆมายังสามารถเชิญคนไทยทั่วประเทศที่มากมายองค์รอบรู้มาจัดตั้งทีมตั้งกองทัพพิเศษต่างๆหน่วยรบย่อยๆไม่มากมายสบายลงไปหน้างานจริงแก้ไขปัญหาจริงแก้ประชาชนทั่วถึงได้,ไม่มานั่งห้องแอร์ติดหรูโชว์ภาพดูดีหรอก,ของจริงคือหน้างาน เข้าถึงยิงตรงจุดแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านทันทีทันกู้ชีพ,ไม่มาลีลาอะไรหรอก,ขนาดแค่ตัดสินใจเรื่องอธิปไตยยังเชื่องช้าขนาดนี้,ปัญหาชาติมีมากมายจะเชื่องช้าขนาดไหน นี้โคตรสุดยอดปัญหาแล้วยังไร้ภาวะผู้นำกล้าหาญเด็ดขาดสั่งการ อะไรดีอะไรชั่ว อะไรผิดอะไรถูก อะไรสมควร ไม่สมควร โตๆกันแล้ว นี้มาเล่นการเมืองอีก,จึงไม่แปลกใจว่าผลงานที่ได้รับมอบหมายจึงไม่ให้ค่าต่อคนต้องจะสั่งมอบคือคนสั่งจะใช้งานเขาไม่เห็นในสายตา,ไม่มีฝีมือในสายตาเขานั้นล่ะ,ผลงานที่ประชาชนเห็นๆที่ผ่านๆมาจึงไม่สุดซอยอะไรเลย ครึ่งๆกลางๆปฏิบัติไม่ได้จริงมีปัญหาเมื่อลงมือทำ สร้างปัญหาให้ชาวบ้านอีกไม่ราบรื่นไม่สะดวกไม่ชัดเจน,ดูๆเอาก็แล้วกัน ในข่าวมีตรึม.
    ..สรุป ปฏิวัติยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก เพื่อเขียนรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์จริงๆออกมาให้ประชาชนลงมติอย่างภาคภูมิใจเสียที,อาทิ เดิมประชาชนขุดพบของมีค่าบนที่ดินตัวเอง รัฐก็เข้ามายึดไปเองเสีย,ที่ดินเขียนใหม่ห้ามต่างชาติถือครองยึดครองทุกๆกรณีหรือเช่าห้ามเกิน10ปี,นอมินีห้ามทุกๆกรณี,ปฏิรูปที่ดินใหม่เขียนกฎหมายใหม่,ห้ามคนไทยสัญชาติไทยต่อคนถือที่ดินเกิน100ไร่,ในนามกิจการบริษัทไม่เกิน200ไร่รวมกันทุกๆแปลงทั่วประเทศ,นี้จะตัดตอนการเก็งกำไรในที่ดินทันที,ทหารที่ปฏิวัติรัฐประหารต้องเด็ดขาดแบบนี้,ใครเดือดร้อนแน่นอนศักดินาเก่าเดิมทั้งหมด,นักการเมืองและเจ้าสัวทั้งหมด,ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก,พอมีพอกินปฏิวัติปฏิรูประบบเศรษฐกิจพอเพียงแบบสไตล์ไทยเราก็ได้สบาย,ปฏิวัติปฏิรูประบบกองทุนร้านชุมชนประจำหมู่บ้านก็ได้เป็นตลาดชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดที่แข็งแกร่งได้,ฮับอำเภอฮับจังหวัดตลาดกองทุนร้านชุมชนเป็นเครือข่าย80,000กว่าหมู่บ้านทั่วประเทศก็ได้ ประชาชนสามารถฝากขายสินค้าผ่านตลาดร้านค้ากองทุนชุมชนตนได้ทั้งแบบหน้าร้านออฟไลน์และออนไลน์ให้ตลาดหมู่บ้านอำเภอจังหวัดเป็นฮับขนส่งกระจายสินค้ารับส่งแก่ผู้ซื้อผู้ขายได้ตลอดเวลา คนก็มีช่องทางจำหน่ายมีตลาดของตนเองเพื่อไว้ค้าขายเอง,ทำอะไรค้าอะไรหาที่ขายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศเรียลไทม์สร้างระบบเตรียมรองรับช่วยเหลือประชาชนคนไทยเต็มที่ก็จบ ตังจะหมุนเวียนจริงภายในชุมชน,รัฐมีอัดส่งเสริมสนับสนุนโครงการอะไรก็โปร่งใส่สะอาดเช่นโอนสนับสนุนทุนสัมมาอาชีพแก่ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆต่างๆทั่วประเทศไทยไร้ดอกเบี้ยยืมได้ที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนโอนหมู่บ้านละ10ล้านนำร่อง,40,000หมู่บ้านงวดแรกปีแรก,ปีต่อไปอีกหมู่บ้านละ10ล้านบาทอีก40,000หมู่บ้านที่เหลือและอัดลงไปหลากหลายประเภทอีก,ตังจะหมุนเวียนจริงในชุมชนนั้นๆใครมีเหลือสร้างรายได้มีกำไรเหลือค้าขายก็ฝากที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนลิ้งก์มารวมที่ส่วนกลางสำนักงานใหญ่อาจกว่า10ล้านล้านบาทต่อปี,สามารถบริหารสภาพคล่องเป็นแหล่งเงินทุนฟรีๆไร้ดอกเบี้ยแก่ประชาชนได้แข็งขันต่างชาติได้สบาย,ขายออฟไลน์ออนไลน์อีกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีส่งออกทั่วโลกและภายในประเทศทั้งระดับบุคคลธรรมดาและระดับกิจการรวมกลุ่มจะมากมายขนาดไหน,ต้นทุนน้ำมันขนส่งขายถูกๆภายในอีก ขนส่งค้าขายกระจายบันเทิงทั่วไทย ลิตรละ1-2บาททั้งดีเชลเบนซินอีกจะขนาดไหน,แข่งขันต่างชาติสบายแน่นอน,นี้แค่ตลาดกองทุนร้านค้าชุมชนนะ 11/7ไม่เข้าล่ะ ซื้อเครดิตในกองทุนร้านค้าชุมชนก็ได้อีก ถูกที่หน่วยละ9บาทซึ่งปกติร้านชำทั่วไปอาจหน่วยละ10บาทก็ว่า,ซื้อที่ร้านกองทุนเราประหยัดตังได้1บาทโน้นโดยรัฐดูแลใส่ใจจริงเพื่อเราคนไทยสามารถยืนด้วยขาตนเองได้เดียวกันทุกๆคน เรา..ไม่ทิ้งใครข้างหลังไว้ ไปไหนเราไปด้วยกันหมด.,ร่ำรวยเราร่ำรวยไปด้วยกันนั่นคือชาติไทยเราร่ำรวยด้วยมั่นคงด้วยบวกกินอยู่สมถะพอเพียงอีกใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆเจริญคู่ขนานด้วยจิตวิญญาณศีลธรรมคุณธรรมงามใจด้วยเลิศขนาดไหนก็ว่า.
    ..นายกฯต้องมาจากระบบพิเศสคือยึดอำนาจรัฐประหารเขียนรัฐธรรมนูญใหม่,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชน,สส.สว.กำนันผู้ใหญ่.ผู้ว่านายอำเภอก็ด้วย,ตัดทิ้งอบต.อบจ.ทันทีเสียของค้านอำนาจอะไรไร้สาระ,สิ้นเปลืองงบประมาณชาติ,เอาเงินมาพัฒนาสัมมาอาชีพสัมมาชีวิตคนไทยดีกว่า,หน้าที่อำเภอต้องจัดกำลังพลแตกหน่วยงานพร้อมบริการประชาชน รัศมีบวกลบไม่เกิน20กม.ต่ออำเภอก็ดูแลสบายมาก,ทางถนนต้องเข้าถึงทุกๆหมู่บ้านสะดวกรวดเร็วทันกาลเมื่อมีเหตุภัย,สำนักงานผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านต้องมีการก่อสร้างชัดเจนมิใช่เหี้ยใช้บ้านที่อยู่อาศัยผู้ใหญ่บ้านคือสำนักงาน.,มีเจ้าหน้าที่ประจำวันประจำสำนักงานเพื่อประสานงานชุมชน,เมื่อทำให้ระบบพร้อมใช้งานมันก็รื่นไหล,นี้เหี้ยไปหมดจริงๆในปัจจุบัน แดกประเทศจนพังพินาศเข้าสันดานในชนชั้นเลือกตั้งทั้งระบบทั้งประเทศ.


    ..https://youtu.be/I_qD2Hwu1A8?si=Lwn433J95w3oiCTx
    ..น่าเสียดายนะ,ทำลายคุณค่าตนเอง,ภาพที่สร้างมามากมาย.,แหกตาถึงที่สุด.จนคนสิ้นสงสัยไปเอง,อ๋อเป็นแบบนี้ล่ะพะนะ. ..อนาคตกองเชียร์ใดๆหมายให้เป็นนายกฯจะรุ่นพ.ศ.ไหนๆคงตกไป,อาสนธิและคณะประท้วงที่ผ่านๆมายังสามารถเชิญคนไทยทั่วประเทศที่มากมายองค์รอบรู้มาจัดตั้งทีมตั้งกองทัพพิเศษต่างๆหน่วยรบย่อยๆไม่มากมายสบายลงไปหน้างานจริงแก้ไขปัญหาจริงแก้ประชาชนทั่วถึงได้,ไม่มานั่งห้องแอร์ติดหรูโชว์ภาพดูดีหรอก,ของจริงคือหน้างาน เข้าถึงยิงตรงจุดแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านทันทีทันกู้ชีพ,ไม่มาลีลาอะไรหรอก,ขนาดแค่ตัดสินใจเรื่องอธิปไตยยังเชื่องช้าขนาดนี้,ปัญหาชาติมีมากมายจะเชื่องช้าขนาดไหน นี้โคตรสุดยอดปัญหาแล้วยังไร้ภาวะผู้นำกล้าหาญเด็ดขาดสั่งการ อะไรดีอะไรชั่ว อะไรผิดอะไรถูก อะไรสมควร ไม่สมควร โตๆกันแล้ว นี้มาเล่นการเมืองอีก,จึงไม่แปลกใจว่าผลงานที่ได้รับมอบหมายจึงไม่ให้ค่าต่อคนต้องจะสั่งมอบคือคนสั่งจะใช้งานเขาไม่เห็นในสายตา,ไม่มีฝีมือในสายตาเขานั้นล่ะ,ผลงานที่ประชาชนเห็นๆที่ผ่านๆมาจึงไม่สุดซอยอะไรเลย ครึ่งๆกลางๆปฏิบัติไม่ได้จริงมีปัญหาเมื่อลงมือทำ สร้างปัญหาให้ชาวบ้านอีกไม่ราบรื่นไม่สะดวกไม่ชัดเจน,ดูๆเอาก็แล้วกัน ในข่าวมีตรึม. ..สรุป ปฏิวัติยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก เพื่อเขียนรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์จริงๆออกมาให้ประชาชนลงมติอย่างภาคภูมิใจเสียที,อาทิ เดิมประชาชนขุดพบของมีค่าบนที่ดินตัวเอง รัฐก็เข้ามายึดไปเองเสีย,ที่ดินเขียนใหม่ห้ามต่างชาติถือครองยึดครองทุกๆกรณีหรือเช่าห้ามเกิน10ปี,นอมินีห้ามทุกๆกรณี,ปฏิรูปที่ดินใหม่เขียนกฎหมายใหม่,ห้ามคนไทยสัญชาติไทยต่อคนถือที่ดินเกิน100ไร่,ในนามกิจการบริษัทไม่เกิน200ไร่รวมกันทุกๆแปลงทั่วประเทศ,นี้จะตัดตอนการเก็งกำไรในที่ดินทันที,ทหารที่ปฏิวัติรัฐประหารต้องเด็ดขาดแบบนี้,ใครเดือดร้อนแน่นอนศักดินาเก่าเดิมทั้งหมด,นักการเมืองและเจ้าสัวทั้งหมด,ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก,พอมีพอกินปฏิวัติปฏิรูประบบเศรษฐกิจพอเพียงแบบสไตล์ไทยเราก็ได้สบาย,ปฏิวัติปฏิรูประบบกองทุนร้านชุมชนประจำหมู่บ้านก็ได้เป็นตลาดชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดที่แข็งแกร่งได้,ฮับอำเภอฮับจังหวัดตลาดกองทุนร้านชุมชนเป็นเครือข่าย80,000กว่าหมู่บ้านทั่วประเทศก็ได้ ประชาชนสามารถฝากขายสินค้าผ่านตลาดร้านค้ากองทุนชุมชนตนได้ทั้งแบบหน้าร้านออฟไลน์และออนไลน์ให้ตลาดหมู่บ้านอำเภอจังหวัดเป็นฮับขนส่งกระจายสินค้ารับส่งแก่ผู้ซื้อผู้ขายได้ตลอดเวลา คนก็มีช่องทางจำหน่ายมีตลาดของตนเองเพื่อไว้ค้าขายเอง,ทำอะไรค้าอะไรหาที่ขายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศเรียลไทม์สร้างระบบเตรียมรองรับช่วยเหลือประชาชนคนไทยเต็มที่ก็จบ ตังจะหมุนเวียนจริงภายในชุมชน,รัฐมีอัดส่งเสริมสนับสนุนโครงการอะไรก็โปร่งใส่สะอาดเช่นโอนสนับสนุนทุนสัมมาอาชีพแก่ประชาชนในหมู่บ้านนั้นๆต่างๆทั่วประเทศไทยไร้ดอกเบี้ยยืมได้ที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนโอนหมู่บ้านละ10ล้านนำร่อง,40,000หมู่บ้านงวดแรกปีแรก,ปีต่อไปอีกหมู่บ้านละ10ล้านบาทอีก40,000หมู่บ้านที่เหลือและอัดลงไปหลากหลายประเภทอีก,ตังจะหมุนเวียนจริงในชุมชนนั้นๆใครมีเหลือสร้างรายได้มีกำไรเหลือค้าขายก็ฝากที่กองทุนร้านค้าชุมชนตนลิ้งก์มารวมที่ส่วนกลางสำนักงานใหญ่อาจกว่า10ล้านล้านบาทต่อปี,สามารถบริหารสภาพคล่องเป็นแหล่งเงินทุนฟรีๆไร้ดอกเบี้ยแก่ประชาชนได้แข็งขันต่างชาติได้สบาย,ขายออฟไลน์ออนไลน์อีกอาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีส่งออกทั่วโลกและภายในประเทศทั้งระดับบุคคลธรรมดาและระดับกิจการรวมกลุ่มจะมากมายขนาดไหน,ต้นทุนน้ำมันขนส่งขายถูกๆภายในอีก ขนส่งค้าขายกระจายบันเทิงทั่วไทย ลิตรละ1-2บาททั้งดีเชลเบนซินอีกจะขนาดไหน,แข่งขันต่างชาติสบายแน่นอน,นี้แค่ตลาดกองทุนร้านค้าชุมชนนะ 11/7ไม่เข้าล่ะ ซื้อเครดิตในกองทุนร้านค้าชุมชนก็ได้อีก ถูกที่หน่วยละ9บาทซึ่งปกติร้านชำทั่วไปอาจหน่วยละ10บาทก็ว่า,ซื้อที่ร้านกองทุนเราประหยัดตังได้1บาทโน้นโดยรัฐดูแลใส่ใจจริงเพื่อเราคนไทยสามารถยืนด้วยขาตนเองได้เดียวกันทุกๆคน เรา..ไม่ทิ้งใครข้างหลังไว้ ไปไหนเราไปด้วยกันหมด.,ร่ำรวยเราร่ำรวยไปด้วยกันนั่นคือชาติไทยเราร่ำรวยด้วยมั่นคงด้วยบวกกินอยู่สมถะพอเพียงอีกใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆเจริญคู่ขนานด้วยจิตวิญญาณศีลธรรมคุณธรรมงามใจด้วยเลิศขนาดไหนก็ว่า. ..นายกฯต้องมาจากระบบพิเศสคือยึดอำนาจรัฐประหารเขียนรัฐธรรมนูญใหม่,นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งทางตรงของประชาชน,สส.สว.กำนันผู้ใหญ่.ผู้ว่านายอำเภอก็ด้วย,ตัดทิ้งอบต.อบจ.ทันทีเสียของค้านอำนาจอะไรไร้สาระ,สิ้นเปลืองงบประมาณชาติ,เอาเงินมาพัฒนาสัมมาอาชีพสัมมาชีวิตคนไทยดีกว่า,หน้าที่อำเภอต้องจัดกำลังพลแตกหน่วยงานพร้อมบริการประชาชน รัศมีบวกลบไม่เกิน20กม.ต่ออำเภอก็ดูแลสบายมาก,ทางถนนต้องเข้าถึงทุกๆหมู่บ้านสะดวกรวดเร็วทันกาลเมื่อมีเหตุภัย,สำนักงานผู้ใหญ่ประจำหมู่บ้านต้องมีการก่อสร้างชัดเจนมิใช่เหี้ยใช้บ้านที่อยู่อาศัยผู้ใหญ่บ้านคือสำนักงาน.,มีเจ้าหน้าที่ประจำวันประจำสำนักงานเพื่อประสานงานชุมชน,เมื่อทำให้ระบบพร้อมใช้งานมันก็รื่นไหล,นี้เหี้ยไปหมดจริงๆในปัจจุบัน แดกประเทศจนพังพินาศเข้าสันดานในชนชั้นเลือกตั้งทั้งระบบทั้งประเทศ. ..https://youtu.be/I_qD2Hwu1A8?si=Lwn433J95w3oiCTx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าบรรเทาทุกข์จากสภาวะอากาศร้อนแก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร รุดส่งมอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น พร้อมค่าพาหนะ ค่าติดตั้งพัดลม แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนเพิ่มอีก 5 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท
    .
    ระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการฯ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น ในโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร ครั้งที่ 2 ให้แก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร ประกอบด้วยจังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ระยอง ตราด และสระแก้ว รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน พร้อมมอบค่าพาหนะให้แก่โรงเรียนๆ ละ 2,000 บาท และค่าติดตั้งพัดลมแก่โรงเรียนๆ ละ 3,000 บาท นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้มอบชุดนักเรียน ให้แก่นักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน รวม 750 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 987,050 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันห้าสิบบาทถ้วน) เพื่อลดสภาวะอากาศร้อนภายในโรงเรียน ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนได้คลายร้อนและมีสมาธิในการเรียนการสอน โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี
    .
    โครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนพัดลม จึงมอบหมายให้คณะกรรมการมูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ เร่งดำเนินการโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร นำร่องเมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยมอบชุดพัดลมแก่สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน และได้ขยายพื้นที่บรรเทาทุกข์ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2568 รวมการดำเนินการโครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดารแล้ว 10 จังหวัด 50 โรงเรียน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าบรรเทาทุกข์จากสภาวะอากาศร้อนแก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร รุดส่งมอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น พร้อมค่าพาหนะ ค่าติดตั้งพัดลม แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนเพิ่มอีก 5 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท . ระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการฯ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น ในโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร ครั้งที่ 2 ให้แก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร ประกอบด้วยจังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ระยอง ตราด และสระแก้ว รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน พร้อมมอบค่าพาหนะให้แก่โรงเรียนๆ ละ 2,000 บาท และค่าติดตั้งพัดลมแก่โรงเรียนๆ ละ 3,000 บาท นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้มอบชุดนักเรียน ให้แก่นักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน รวม 750 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 987,050 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันห้าสิบบาทถ้วน) เพื่อลดสภาวะอากาศร้อนภายในโรงเรียน ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนได้คลายร้อนและมีสมาธิในการเรียนการสอน โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี . โครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนพัดลม จึงมอบหมายให้คณะกรรมการมูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ เร่งดำเนินการโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร นำร่องเมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยมอบชุดพัดลมแก่สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน และได้ขยายพื้นที่บรรเทาทุกข์ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2568 รวมการดำเนินการโครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดารแล้ว 10 จังหวัด 50 โรงเรียน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาชนเดือดร้อนอย่างค่ำคืน ตำรวจภูธรท่าหินลพบุรี รีบเร่งช่วยเหลือส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย
    ////////////////////


    ประชาชนขับขี่รถจักรยานยนต์ รถเสียอย่างค่ำคืน รีบโทร 191 ให้ตำรวจออกมาช่วยเหลือ ดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่นดึกแค่ไหนไปช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยรีบส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย

    เมื่อเวลา 21:00 น ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 ทางเพจ สถานีตำรวจภูธรท่าหินลพบุรีได้เผยแพร่คลิป นายตำรวจขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจลงไปช่วยเหลือประชาชนส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย
    เวลาต่อมา ได้ทราบชื่อนายตำรวจน้ำดี ที่สังกัด สถานีตำรวจภูธรท่าหินจังหวัดลพบุรี
    ส.ต.ท.วชิรวิทย์ เชื้อแขก
    ส.ต.ต.ธีรพงศ์ แย้มบู่
    ผบ.หมู่(ป.)สภ.ท่าหิน
    ขณะปฎิบัติหน้าที่พบประชาชน รถจักรยานยนต์สายพานขาด เจ้าที่ได้ทำการช่วยเหลือส่งกลับที่พักที่เรียบร้อย
    ประชาชนเดือดร้อนอย่างค่ำคืน ตำรวจภูธรท่าหินลพบุรี รีบเร่งช่วยเหลือส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย //////////////////// ประชาชนขับขี่รถจักรยานยนต์ รถเสียอย่างค่ำคืน รีบโทร 191 ให้ตำรวจออกมาช่วยเหลือ ดึกแค่ไหนก็ไม่หวั่นดึกแค่ไหนไปช่วยเหลือประชาชนให้ปลอดภัยรีบส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 21:00 น ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 ทางเพจ สถานีตำรวจภูธรท่าหินลพบุรีได้เผยแพร่คลิป นายตำรวจขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจลงไปช่วยเหลือประชาชนส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย เวลาต่อมา ได้ทราบชื่อนายตำรวจน้ำดี ที่สังกัด สถานีตำรวจภูธรท่าหินจังหวัดลพบุรี ส.ต.ท.วชิรวิทย์ เชื้อแขก ส.ต.ต.ธีรพงศ์ แย้มบู่ ผบ.หมู่(ป.)สภ.ท่าหิน ขณะปฎิบัติหน้าที่พบประชาชน รถจักรยานยนต์สายพานขาด เจ้าที่ได้ทำการช่วยเหลือส่งกลับที่พักที่เรียบร้อย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • พรุ่งนี้ (12มิ.ย.68)เวลา 14.30น.
    พลตรีศิริพงษ์ นิลจันทร์ พร้อมคณะได้ร่วมกันรวบรวมปัจจัย เพื่อนำไปจัดซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภค นำไปบริจาคให้กับกำลังพล ของกองทัพภาคที่2 ที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชายแดน กองทัพภาคที่2
    ประกอบด้วย
    1.ไข่ไก่ 668 แผง
    2.มาม่า 792 กล่อง
    3.ซอฟเฟล 10 ลัง
    4.กระทิงแดง+เอ็ม150 64ลัง
    5.กาแฟซอง 4 ลัง
    6.ทิฟฟี่ 28 กล่อง
    7.คอลเกตยาสีฟัน 4 ลัง
    8.แปรงสีฟัน 8 ลัง
    9.น้ำเกลือ 500 ขวด
    10.สบู่เหลว 150 ขวด
    11.นมแลคตาซอย 100 ลัง
    12.ขนมกระปุก 1,100 กระปุก
    13.น้ำเปล่า 1,400 แพค
    14.ปลากระป๋อง 20 ลัง
    ใช้รถตู้ทึบบรรทุก4ล้อจำนวน8คัน
    กำหนดออกเดินทางจาก จังหวัดสมุทรปราการ ไป กองบัญชาการกองทัพภาคที่2 จังหวัดนครราชสีมา

    โดยกำหนดมอบของบริจาคให้กับ แม่ทัพภาคที่2 เวลา 14.30น.

    ในโอกาสนี้ผมขอเชิญสหายกัลยาณมิตรทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาในกุศลบุญครั้งนี้กันโดยถ้วนหน้า ครับ
    " นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ "

    พลตรีศิริพงษ์ นิลจันทร์
    0926629524

    สหายกัลยาณมิตรท่านใดประสงค์ร่วมบริจาคสิ่งของร่วมกันในโอกาสนี้ ติดต่อประสานงานได้ที่ 0926629524 ครับ
    พรุ่งนี้ (12มิ.ย.68)เวลา 14.30น. พลตรีศิริพงษ์ นิลจันทร์ พร้อมคณะได้ร่วมกันรวบรวมปัจจัย เพื่อนำไปจัดซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภค นำไปบริจาคให้กับกำลังพล ของกองทัพภาคที่2 ที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชายแดน กองทัพภาคที่2 ประกอบด้วย 1.ไข่ไก่ 668 แผง 2.มาม่า 792 กล่อง 3.ซอฟเฟล 10 ลัง 4.กระทิงแดง+เอ็ม150 64ลัง 5.กาแฟซอง 4 ลัง 6.ทิฟฟี่ 28 กล่อง 7.คอลเกตยาสีฟัน 4 ลัง 8.แปรงสีฟัน 8 ลัง 9.น้ำเกลือ 500 ขวด 10.สบู่เหลว 150 ขวด 11.นมแลคตาซอย 100 ลัง 12.ขนมกระปุก 1,100 กระปุก 13.น้ำเปล่า 1,400 แพค 14.ปลากระป๋อง 20 ลัง ใช้รถตู้ทึบบรรทุก4ล้อจำนวน8คัน กำหนดออกเดินทางจาก จังหวัดสมุทรปราการ ไป กองบัญชาการกองทัพภาคที่2 จังหวัดนครราชสีมา โดยกำหนดมอบของบริจาคให้กับ แม่ทัพภาคที่2 เวลา 14.30น. ในโอกาสนี้ผมขอเชิญสหายกัลยาณมิตรทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาในกุศลบุญครั้งนี้กันโดยถ้วนหน้า ครับ " นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ " พลตรีศิริพงษ์ นิลจันทร์ 0926629524 สหายกัลยาณมิตรท่านใดประสงค์ร่วมบริจาคสิ่งของร่วมกันในโอกาสนี้ ติดต่อประสานงานได้ที่ 0926629524 ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรุ่งนี้ (12มิ.ย.68)เวลา 14.30น.
    พลตรีศิริพงษ์ นิลจันทร์ พร้อมคณะได้ร่วมกันรวบรวมปัจจัย เพื่อนำไปจัดซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภค นำไปบริจาคให้กับกำลังพล ของกองทัพภาคที่2 ที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชายแดน กองทัพภาคที่2
    ประกอบด้วย
    1.ไข่ไก่ 668 แผง
    2.มาม่า 792 กล่อง
    3.ซอฟเฟล 10 ลัง
    4.กระทิงแดง+เอ็ม150 64ลัง
    5.กาแฟซอง 4 ลัง
    6.ทิฟฟี่ 28 กล่อง
    7.คอลเกตยาสีฟัน 4 ลัง
    8.แปรงสีฟัน 8 ลัง
    9.น้ำเกลือ 500 ขวด
    10.สบู่เหลว 150 ขวด
    11.นมแลคตาซอย 100 ลัง
    12.ขนมกระปุก 1,100 กระปุก
    13.น้ำเปล่า 1,400 แพค
    14.ปลากระป๋อง 20 ลัง
    ใช้รถตู้ทึบบรรทุก4ล้อจำนวน8คัน
    กำหนดออกเดินทางจาก จังหวัดสมุทรปราการ ไป กองบัญชาการกองทัพภาคที่2 จังหวัดนครราชสีมา

    โดยกำหนดมอบของบริจาคให้กับ แม่ทัพภาคที่2 เวลา 14.30น.

    ในโอกาสนี้ผมขอเชิญสหายกัลยาณมิตรทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาในกุศลบุญครั้งนี้กันโดยถ้วนหน้า ครับ
    " นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ "

    พลตรีศิริพงษ์ นิลจันทร์
    0926629524

    สหายกัลยาณมิตรท่านใดประสงค์ร่วมบริจาคสิ่งของร่วมกันในโอกาสนี้ ติดต่อประสานงานได้ที่ 0926629524 ครับ
    พรุ่งนี้ (12มิ.ย.68)เวลา 14.30น. พลตรีศิริพงษ์ นิลจันทร์ พร้อมคณะได้ร่วมกันรวบรวมปัจจัย เพื่อนำไปจัดซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภค นำไปบริจาคให้กับกำลังพล ของกองทัพภาคที่2 ที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชายแดน กองทัพภาคที่2 ประกอบด้วย 1.ไข่ไก่ 668 แผง 2.มาม่า 792 กล่อง 3.ซอฟเฟล 10 ลัง 4.กระทิงแดง+เอ็ม150 64ลัง 5.กาแฟซอง 4 ลัง 6.ทิฟฟี่ 28 กล่อง 7.คอลเกตยาสีฟัน 4 ลัง 8.แปรงสีฟัน 8 ลัง 9.น้ำเกลือ 500 ขวด 10.สบู่เหลว 150 ขวด 11.นมแลคตาซอย 100 ลัง 12.ขนมกระปุก 1,100 กระปุก 13.น้ำเปล่า 1,400 แพค 14.ปลากระป๋อง 20 ลัง ใช้รถตู้ทึบบรรทุก4ล้อจำนวน8คัน กำหนดออกเดินทางจาก จังหวัดสมุทรปราการ ไป กองบัญชาการกองทัพภาคที่2 จังหวัดนครราชสีมา โดยกำหนดมอบของบริจาคให้กับ แม่ทัพภาคที่2 เวลา 14.30น. ในโอกาสนี้ผมขอเชิญสหายกัลยาณมิตรทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาในกุศลบุญครั้งนี้กันโดยถ้วนหน้า ครับ " นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ " พลตรีศิริพงษ์ นิลจันทร์ 0926629524 สหายกัลยาณมิตรท่านใดประสงค์ร่วมบริจาคสิ่งของร่วมกันในโอกาสนี้ ติดต่อประสานงานได้ที่ 0926629524 ครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสธ.แก้ว ยืนยันหนุน "พีระพันธุ์-เอกนัฏ" นำทัพรวมไทยสร้างชาติ ช่วยเหลือประชาชน
    https://www.thai-tai.tv/news/19295/
    เสธ.แก้ว ยืนยันหนุน "พีระพันธุ์-เอกนัฏ" นำทัพรวมไทยสร้างชาติ ช่วยเหลือประชาชน https://www.thai-tai.tv/news/19295/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
    .
    วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
    .
    นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ . วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ . นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
    .
    วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
    .
    นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ . วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ . นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสาธารณภัย-หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ลุยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยธรรมชาติภาคเหนือ อีสาน และกลาง แจกจ่ายน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท
    .
    วานนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา และปลากระป๋อง บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวม 600 ชุด พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมี นางสาวชลธิชา วงษ์อุตสาห์ นายอำเภอเลาขวัญ พร้อมด้วยคณะอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดศรีพนมเทียน (ห้วยรวก) ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
    .
    โดยระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยประชาชนหลังประเทศเกิดภัยธรรมชาติในหลากหลายพื้นที่ จึงมอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย คุณศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย และแผนกอาสาสมัคร จัดทีมพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคอีสาน และ ภาคกลาง ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ราชบุรี และ กาญจนบุรี รวม 29 จังหวัด 20,200 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,110,000 บาท (สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งสมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ออกหน่วยมให้บริการประชาชนฟรีในหลากหลายพื้นที่ ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนให้ความสนใจและเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดทีมสาธารณภัย-หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ลุยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยธรรมชาติภาคเหนือ อีสาน และกลาง แจกจ่ายน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 11 ล้านบาท . วานนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา และปลากระป๋อง บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวม 600 ชุด พร้อมจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมี นางสาวชลธิชา วงษ์อุตสาห์ นายอำเภอเลาขวัญ พร้อมด้วยคณะอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดศรีพนมเทียน (ห้วยรวก) ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี . โดยระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยประชาชนหลังประเทศเกิดภัยธรรมชาติในหลากหลายพื้นที่ จึงมอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย คุณศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย แผนกบรรเทาสาธารณภัย และแผนกอาสาสมัคร จัดทีมพื้นที่มอบน้ำดื่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคอีสาน และ ภาคกลาง ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ราชบุรี และ กาญจนบุรี รวม 29 จังหวัด 20,200 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,110,000 บาท (สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งสมาคม/มูลนิธิแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ออกหน่วยมให้บริการประชาชนฟรีในหลากหลายพื้นที่ ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนให้ความสนใจและเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” #แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 723 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี
    .
    นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    #ป่อเต็กตึ๊งช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
    #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร . วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี . นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . #ป่อเต็กตึ๊งช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ตรวจสภาพความพร้อมด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน”
    .
    กองร้อยชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัยที่ 2 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 25 (กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23) ตรวจสภาพความพร้อม ด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนช่วยเหลือประชาชน การบรรเทาสาธารณภัยได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็นที่ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของคนและอุปกรณ์ต่างๆ ณ กองบังคับการกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมือง จ.สุรินทร์
    .
    #กองพันสุรินทร์
    #กองร้อยบรรเทาสาธารณภัย
    #กองทัพบกเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส
    “ตรวจสภาพความพร้อมด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน” . กองร้อยชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัยที่ 2 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 25 (กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23) ตรวจสภาพความพร้อม ด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนช่วยเหลือประชาชน การบรรเทาสาธารณภัยได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็นที่ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของคนและอุปกรณ์ต่างๆ ณ กองบังคับการกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมือง จ.สุรินทร์ . #กองพันสุรินทร์ #กองร้อยบรรเทาสาธารณภัย #กองทัพบกเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 29 พร้อมมอบนโยบาย สร้างขวัญและกำลังใจให้กับน้องๆ ทหารใหม่ ในห้วงการฝึก"
    .
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 29 อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี พลตรี ยงยุทธ ขันทวี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 29 ฝ่ายเสนาธิการ และผู้ฝึก ให้การต้อนรับ พร้อมตรวจเยี่ยมการฝึกบรรเทาสาธารภัย ของน้องทหารใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน
    .
    โดย แม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบนโยบาย เน้นย้ำการฝึกเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย ตามนโยบายของกองทัพบก การดูแลด้านคุณภาพชีวิตทหารใหม่ สวัสดิการสิทธิต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทหารใหม่ และญาติ พร้อมได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับผู้ฝึก และน้องทหารใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกต่อไป
    .
    #น้องคนเล็ก #BootCamp68 #พลทหาร
    #โอกาสที่เลือกได้
    #มณฑลทหารบกที่29
    #กองทัพภาคที่2
    "แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 29 พร้อมมอบนโยบาย สร้างขวัญและกำลังใจให้กับน้องๆ ทหารใหม่ ในห้วงการฝึก" . พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 29 อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี พลตรี ยงยุทธ ขันทวี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 29 ฝ่ายเสนาธิการ และผู้ฝึก ให้การต้อนรับ พร้อมตรวจเยี่ยมการฝึกบรรเทาสาธารภัย ของน้องทหารใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน . โดย แม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบนโยบาย เน้นย้ำการฝึกเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย ตามนโยบายของกองทัพบก การดูแลด้านคุณภาพชีวิตทหารใหม่ สวัสดิการสิทธิต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทหารใหม่ และญาติ พร้อมได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับผู้ฝึก และน้องทหารใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกต่อไป . #น้องคนเล็ก #BootCamp68 #พลทหาร #โอกาสที่เลือกได้ #มณฑลทหารบกที่29 #กองทัพภาคที่2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ ประกาศกลางเวที"ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 2/2568" ถึงการช่วยเหลือประชาชนที่โดนอำนาจรัฐรังแกไม่ได้รับความยุติธรรม ไร้ที่พึ่ง ผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจข่มขู่โดยไม่มีทางต่อสู้ โดยได้ตั้งมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ขับเคลื่อนการให้ความ ช่วยเหลือ เป็นมูลนิธิที่ทำเพื่อสังคม พร้อมช่วยเหลือทุกกระบวนการที่อยุติธรรมขององค์กรรัฐที่เบียดเบียนประชาชน ขอหยัดยืนเคียงข้างประชาชน เป็นอนุสรณ์ที่ทุกคนจะจดจำ ประเทศไทยไม่ได้บอบช้ำอย่างเดียว แต่ไม่มีที่จะอยู่แล้ว

    -หาความจริงบิดเบือนยุติธรรม
    -ถกป.ป.ช.รับคดีฮั้วตึกสตง.
    -รักษาฟรีอาจไม่มีให้ใช้
    -โลกร้อนระเบิดฝน
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ ประกาศกลางเวที"ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 2/2568" ถึงการช่วยเหลือประชาชนที่โดนอำนาจรัฐรังแกไม่ได้รับความยุติธรรม ไร้ที่พึ่ง ผู้มีอิทธิพลใช้อำนาจข่มขู่โดยไม่มีทางต่อสู้ โดยได้ตั้งมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ขับเคลื่อนการให้ความ ช่วยเหลือ เป็นมูลนิธิที่ทำเพื่อสังคม พร้อมช่วยเหลือทุกกระบวนการที่อยุติธรรมขององค์กรรัฐที่เบียดเบียนประชาชน ขอหยัดยืนเคียงข้างประชาชน เป็นอนุสรณ์ที่ทุกคนจะจดจำ ประเทศไทยไม่ได้บอบช้ำอย่างเดียว แต่ไม่มีที่จะอยู่แล้ว -หาความจริงบิดเบือนยุติธรรม -ถกป.ป.ช.รับคดีฮั้วตึกสตง. -รักษาฟรีอาจไม่มีให้ใช้ -โลกร้อนระเบิดฝน
    Like
    Love
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 813 มุมมอง 71 0 รีวิว
  • ตำรวจน้ำดี
    ตำรวจฮีโร่ช่วยประชาชนกลางสายฝนตกกระหน่ำ แต่ตำรวจลพบุรีไม่หวั่นเร่งช่วยเหลือทันที
    //////////////////

    ตำรวจลพบุรี เป็นตำรวจน้ำดีไม่หวั่นไหวเร่งช่วยเหลือประชาชนกลางสายฝนตกกระหน่ำตัวเปียกไม่เป็นไรให้ประชาชนปลอดภัย ก็ดีใจแล้ว

    เมื่อเวลา 19:00 น ในวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568 ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุเมืองลพ 191 ว่า
    มีรถยนต์ของประชาชนตกข้างทาง 2 นายตำรวจไม่รอช้าตะลุยกลางสายฝนช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนตัวเปียกไม่เป็นไรให้ประชาชนปลอดภัยก็ดีแล้ว
    เวลาต่อมาได้ทราบชื่อนายตำรวจน้ำดี
    ร.ต.ต.ธีรพงษ์ ชูเกษร ,จ.ส.ต.พิพัฒน์ วิลัย
    ขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้ช่วยเหลือรถยนต์ประชาชนตกข้างทาง ดำเนินการเรียกรถยกมานำรถออกพ้นจากการจราจรสามารถใช้ได้ปกติและผู้ใช้รถใช้ถนนปลอดภัยตัวเองเปียกไม่เป็นไรให้ประชาชนปลอดภัยก็ดีแล้ว
    ตำรวจน้ำดี ตำรวจฮีโร่ช่วยประชาชนกลางสายฝนตกกระหน่ำ แต่ตำรวจลพบุรีไม่หวั่นเร่งช่วยเหลือทันที ////////////////// ตำรวจลพบุรี เป็นตำรวจน้ำดีไม่หวั่นไหวเร่งช่วยเหลือประชาชนกลางสายฝนตกกระหน่ำตัวเปียกไม่เป็นไรให้ประชาชนปลอดภัย ก็ดีใจแล้ว เมื่อเวลา 19:00 น ในวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568 ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุเมืองลพ 191 ว่า มีรถยนต์ของประชาชนตกข้างทาง 2 นายตำรวจไม่รอช้าตะลุยกลางสายฝนช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนตัวเปียกไม่เป็นไรให้ประชาชนปลอดภัยก็ดีแล้ว เวลาต่อมาได้ทราบชื่อนายตำรวจน้ำดี ร.ต.ต.ธีรพงษ์ ชูเกษร ,จ.ส.ต.พิพัฒน์ วิลัย ขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้ช่วยเหลือรถยนต์ประชาชนตกข้างทาง ดำเนินการเรียกรถยกมานำรถออกพ้นจากการจราจรสามารถใช้ได้ปกติและผู้ใช้รถใช้ถนนปลอดภัยตัวเองเปียกไม่เป็นไรให้ประชาชนปลอดภัยก็ดีแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⭐️ดาวตรีเทพย้ายในเดือนพฤษภาคม2568..
    ดาวราหูย้ายเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2568
    ดาวพฤหัสย้ายเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2568 และดาวสุดท้าย ดาวเสาร์ 7 โคจรอยู่ในราศีกุมภ์จนถึงวันที่ 19 พ.ค. 2568 ย้ายมาอยู่ในราศีมีน ทำมุมจตุโกณฑ์กับอังคาร ๓ ตนุลัคน์ของเมืองและดาวมฤตยู ๐ จรในราศีพฤษภ เป็นระยะเชิงมุมที่มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน ในโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมืองได้กล่าวถึงการที่ดาวเสาร์ 7 และดาวมฤตยู ๐ มีสัมพันธ์ร้ายต่อกันไว้ว่า จะนำความยุ่งยากมาสู่รัฐบาลและผู้มีอำนาจปกครองประเทศ การเมืองของประเทศจะถูกรบกวนและเกิดการเปลี่ยนแปลง มีความผันแปรและมีอุปสรรคขัดขวางการทำงานของผู้มีอำนาจ รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนซึ่งอาจทำให้สูญเสียความนิยมหรือพ่ายแพ้ เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี อาจมีการตายหรือลาออก การแตกแยกภายในพรรคการเมือง มีการเลือกตั้งทั่วไปหรือการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่ยังผลถึงรัฐสภา

    ดาวเสาร์ 7 โคจรในราศีกุมภ์ทำมุมจตุโกณฑ์กับดาวอังคาร ๓ ตนุลัคน์ของเมืองถึงวันที่ 19 พ.ค. 2568 เป็นระยะเชิงมุมที่มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน ซึ่งจะยังความอับโชคมาสู่รัฐบาล เกิดความยุ่งยากภายในประเทศ ความไม่พอใจของประชาชน เกิดความวุ่นวาย อาชญากรรม ฆาตกรรม รัฐบาลอาจถึงกับเสื่อมเสียความนิยมหรือการสนับสนุน คนสำคัญบางคนอาจถึงแก่ความตายหรือถูกลอบปองร้ายชีวิต ความไม่พอใจอาจพาดพิงมาถึงกองทัพ และอาจเกิดการปฏิวัติ รัฐประหารขึ้นได้

    ดาวมฤตยู (๐) โคจรในราศีพฤษภ ภพกดุมภะ เรือนของดาวศุกร์ ขณะที่ราหู 8 โคจรในภพวินาศของดวงเมืองจนถึงวันที่ 5 พ.ค. 68และสัมพันธ์ถึงดาวศุกร์ (๖) เจ้าเรือนกดุมภะ ในพื้นดวงเมือง จะก่อให้เกิดความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลก ธุรกิจ การค้าขายเกิดภาวะฝืดเคือง เจ้าของกิจการ ห้างร้าน บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งปิดตัวลง เนื่องมาจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก ประสบภาวะขาดทุนเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ และเกิดภาวะว่างงานเป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนและเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่รายได้จากภาษีอากรไม่สอดคล้องกับภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

    รัฐบาลจะออกพันธบัตรขายให้แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไป รวมถึงการกู้เงินเพื่อมาใช้จ่ายในกิจการของรัฐ ขณะที่หน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินและการจัดการเกี่ยวกับระบบการเงินของชาติต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อดูแลระบบการเงินให้มีเสถียรภาพ มีการปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีอากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอาจมีการเพิ่มภาษีบางอย่าง ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐและเงินบำเหน็จบำนาญให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ มีการติดต่อเจรจาค้าขายรวมถึงการใช้สกุลเงินของประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์มากขึ้นและสกุลเงินเหล่านี้จะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีการค้าโลกซึ่งได้ปรากฎให้เห็นมาแล้วเป็นระยะ

    ที่มา..ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว 2568 (ตอนที่ 1) โดย พล พยากรณ์
    🌑⭐️🪐ดาวตรีเทพย้ายในเดือนพฤษภาคม2568.. ดาวราหูย้ายเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2568 ดาวพฤหัสย้ายเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2568 และดาวสุดท้าย ดาวเสาร์ 7 โคจรอยู่ในราศีกุมภ์จนถึงวันที่ 19 พ.ค. 2568 ย้ายมาอยู่ในราศีมีน ทำมุมจตุโกณฑ์กับอังคาร ๓ ตนุลัคน์ของเมืองและดาวมฤตยู ๐ จรในราศีพฤษภ เป็นระยะเชิงมุมที่มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน ในโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมืองได้กล่าวถึงการที่ดาวเสาร์ 7 และดาวมฤตยู ๐ มีสัมพันธ์ร้ายต่อกันไว้ว่า จะนำความยุ่งยากมาสู่รัฐบาลและผู้มีอำนาจปกครองประเทศ การเมืองของประเทศจะถูกรบกวนและเกิดการเปลี่ยนแปลง มีความผันแปรและมีอุปสรรคขัดขวางการทำงานของผู้มีอำนาจ รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนซึ่งอาจทำให้สูญเสียความนิยมหรือพ่ายแพ้ เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี อาจมีการตายหรือลาออก การแตกแยกภายในพรรคการเมือง มีการเลือกตั้งทั่วไปหรือการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่ยังผลถึงรัฐสภา ดาวเสาร์ 7 โคจรในราศีกุมภ์ทำมุมจตุโกณฑ์กับดาวอังคาร ๓ ตนุลัคน์ของเมืองถึงวันที่ 19 พ.ค. 2568 เป็นระยะเชิงมุมที่มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน ซึ่งจะยังความอับโชคมาสู่รัฐบาล เกิดความยุ่งยากภายในประเทศ ความไม่พอใจของประชาชน เกิดความวุ่นวาย อาชญากรรม ฆาตกรรม รัฐบาลอาจถึงกับเสื่อมเสียความนิยมหรือการสนับสนุน คนสำคัญบางคนอาจถึงแก่ความตายหรือถูกลอบปองร้ายชีวิต ความไม่พอใจอาจพาดพิงมาถึงกองทัพ และอาจเกิดการปฏิวัติ รัฐประหารขึ้นได้ ดาวมฤตยู (๐) โคจรในราศีพฤษภ ภพกดุมภะ เรือนของดาวศุกร์ ขณะที่ราหู 8 โคจรในภพวินาศของดวงเมืองจนถึงวันที่ 5 พ.ค. 68และสัมพันธ์ถึงดาวศุกร์ (๖) เจ้าเรือนกดุมภะ ในพื้นดวงเมือง จะก่อให้เกิดความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลก ธุรกิจ การค้าขายเกิดภาวะฝืดเคือง เจ้าของกิจการ ห้างร้าน บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งปิดตัวลง เนื่องมาจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก ประสบภาวะขาดทุนเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ และเกิดภาวะว่างงานเป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนและเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่รายได้จากภาษีอากรไม่สอดคล้องกับภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล รัฐบาลจะออกพันธบัตรขายให้แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไป รวมถึงการกู้เงินเพื่อมาใช้จ่ายในกิจการของรัฐ ขณะที่หน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินและการจัดการเกี่ยวกับระบบการเงินของชาติต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อดูแลระบบการเงินให้มีเสถียรภาพ มีการปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีอากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอาจมีการเพิ่มภาษีบางอย่าง ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐและเงินบำเหน็จบำนาญให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ มีการติดต่อเจรจาค้าขายรวมถึงการใช้สกุลเงินของประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์มากขึ้นและสกุลเงินเหล่านี้จะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีการค้าโลกซึ่งได้ปรากฎให้เห็นมาแล้วเป็นระยะ ที่มา..ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว 2568 (ตอนที่ 1) โดย พล พยากรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts