• ภาพการ์ตูนล้อการเมืองไทยที่สิงคโปร์
    วาดช้างสยามตัวพ่อเดินนำหน้า มีลูกช้างซึ่งมีผู้หญิงขี่ลูกช้างอยู่บนหลังช้าง เอางวงช้างเกี่ยวหางเดินตามช้างพ่ออยู่

    ห้าม TV ทุกช่องออกข่าว งั้นเราช่วยแชร์ทุกวันทางโซเชี่ยลก็แล้วกัน

    ความจริงบนตัวช้างเป็นภาษาจีน แต่กลัวว่าความหมายจะไม่ตรงกัน เลยเอาภาษาไทยมาแทน

    Wirat
    ภาพการ์ตูนล้อการเมืองไทยที่สิงคโปร์ วาดช้างสยามตัวพ่อเดินนำหน้า มีลูกช้างซึ่งมีผู้หญิงขี่ลูกช้างอยู่บนหลังช้าง เอางวงช้างเกี่ยวหางเดินตามช้างพ่ออยู่ ห้าม TV ทุกช่องออกข่าว งั้นเราช่วยแชร์ทุกวันทางโซเชี่ยลก็แล้วกัน ความจริงบนตัวช้างเป็นภาษาจีน แต่กลัวว่าความหมายจะไม่ตรงกัน เลยเอาภาษาไทยมาแทน Wirat
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเอดจ์ฟันด์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเจอวิกฤตหนัก 5 ประการ ปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นรุมเร้าและการเมืองภายในแตกแยก ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษี ท่ามกลางภัยธรรมชาติรุนแรงสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินยิ่งกว่าสงคราม

    ในการประชุมสุดยอดเอเชียของ Milken Institute ที่สิงคโปร์ เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐี ได้ระบุถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยระบุถึงลักษณะเป็นวัฏจักรและเชื่อมโยงกัน ตามรายงานของลี อิง ชาน นักข่าว CNBC

    ในการพูดก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนรอคอยมานาน ดาลิโอได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงิน 1.049 ล้านล้านดอลลาร์ในการชำระหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดาลิโอตั้งคำถามว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของสหรัฐฯ และบทบาทของสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งเก็บความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้อย่างไร

    ตามรายงานของ CNBC ดาลิโอยังได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ความไม่สงบภายใน" ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เขาเตือนว่าความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายทางการเมือง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง อาจขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แม้ว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ แต่ดาลิโอแนะนำว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่านโยบายของผู้สมัครคนใด ๆ

    บนเวทีระหว่างประเทศ ดาลิโออ้างถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่าเป็นแหล่งความกังวลที่สำคัญ ดาลิโอกล่าวว่าปัญหาเช่นสถานะทางการเมืองของไต้หวันและภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด ในขณะที่ดาลิโอตั้งข้อสังเกตว่าความกลัวต่อการทำลายล้างซึ่งกันและกันอาจป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยตรง เขากล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก

    ดาลิโอเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า "ภัยธรรมชาติ" เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด มักก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมมากกว่าสงคราม CNBC เน้นย้ำถึงคำเตือนของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าในไม่ช้านี้ โดยคาดว่า GDP ทั่วโลกจะหดตัวลง 12% ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส

    สุดท้าย Dalio เน้นย้ำถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เขาแนะนำว่าผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น การประเมินโดยรวมของ Dalio นั้นระมัดระวัง โดยคำพูดสุดท้ายของเขาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบมากกว่าโอกาสด้านบวก

    ที่มา : https://www.cryptoglobe.com/latest/2024/09/billionaire-ray-dalio-warns-of-soaring-u-s-debt-geopolitical-tensions-and-tech-wars-between-nations/

    #Thaitimes
    Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเอดจ์ฟันด์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเจอวิกฤตหนัก 5 ประการ ปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นรุมเร้าและการเมืองภายในแตกแยก ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษี ท่ามกลางภัยธรรมชาติรุนแรงสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินยิ่งกว่าสงคราม ในการประชุมสุดยอดเอเชียของ Milken Institute ที่สิงคโปร์ เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐี ได้ระบุถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยระบุถึงลักษณะเป็นวัฏจักรและเชื่อมโยงกัน ตามรายงานของลี อิง ชาน นักข่าว CNBC ในการพูดก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนรอคอยมานาน ดาลิโอได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงิน 1.049 ล้านล้านดอลลาร์ในการชำระหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดาลิโอตั้งคำถามว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของสหรัฐฯ และบทบาทของสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งเก็บความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้อย่างไร ตามรายงานของ CNBC ดาลิโอยังได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ความไม่สงบภายใน" ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เขาเตือนว่าความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายทางการเมือง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง อาจขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แม้ว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ แต่ดาลิโอแนะนำว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่านโยบายของผู้สมัครคนใด ๆ บนเวทีระหว่างประเทศ ดาลิโออ้างถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่าเป็นแหล่งความกังวลที่สำคัญ ดาลิโอกล่าวว่าปัญหาเช่นสถานะทางการเมืองของไต้หวันและภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด ในขณะที่ดาลิโอตั้งข้อสังเกตว่าความกลัวต่อการทำลายล้างซึ่งกันและกันอาจป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยตรง เขากล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก ดาลิโอเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า "ภัยธรรมชาติ" เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด มักก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมมากกว่าสงคราม CNBC เน้นย้ำถึงคำเตือนของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าในไม่ช้านี้ โดยคาดว่า GDP ทั่วโลกจะหดตัวลง 12% ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส สุดท้าย Dalio เน้นย้ำถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เขาแนะนำว่าผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น การประเมินโดยรวมของ Dalio นั้นระมัดระวัง โดยคำพูดสุดท้ายของเขาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบมากกว่าโอกาสด้านบวก ที่มา : https://www.cryptoglobe.com/latest/2024/09/billionaire-ray-dalio-warns-of-soaring-u-s-debt-geopolitical-tensions-and-tech-wars-between-nations/ #Thaitimes
    WWW.CRYPTOGLOBE.COM
    Ray Dalio Reveals the Top Five Forces Influencing the Global Economy
    Ray Dalio foresees a dangerous convergence of forces that could reshape the global order.
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • #วิมานลอย

    วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง

    เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง

    และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก

    เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น

    เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์

    ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน

    ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

    เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน

    ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง

    ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน

    จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป

    ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้

    การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม

    สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม

    ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ

    นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน

    ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย
    สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า

    ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ

    #นิยายแปล
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    #วิมานลอย
    #gonewiththewind
    #หนังสือน่าอ่าน
    #สงครามกลางเมือง
    #สหรัฐอเมริกา
    #ชนชั้น
    #แรงงาน
    #บริวาร
    #ทาส
    #คนผิวดำ
    #thaitimes
    #นิยาย
    #หนังสือ
    #วิมานลอย วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์ ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้ การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ #นิยายแปล #วรรณกรรมคลาสสิก #วิมานลอย #gonewiththewind #หนังสือน่าอ่าน #สงครามกลางเมือง #สหรัฐอเมริกา #ชนชั้น #แรงงาน #บริวาร #ทาส #คนผิวดำ #thaitimes #นิยาย #หนังสือ
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • ผู้นำที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในทรรศนะของซีไอเอ:

    ตอนนี้ เซเลนสกีสุดเศร้าครับ อเมริกาไม่อนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงใส่รัสเซีย เพราะอเมริกากลัวรัสเซียจะอัดคืนมาก แต่อเมริกาก็ไม่อยากให้เซเลนสกีไปยอมแพ้และสวามิภักดิ์ต่อรัสเซีย เพราะเซเลนสกีอาจแฉความสกปรกของนาโต้ออกมาก็ได้

    เครือข่ายสื่อซีไอเอจึงมีการจัดเรตติ้งเอาใจเซเลนสกีสักหน่อย โดยระบุว่าเซเลนสกีคือผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนภายในประเทศมากที่สุดในขณะนี้...โกหกทั้งนั้นครับ

    ดีไม่ดี เขาอาจได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพด้วยซ้ำ
    ความจริงแล้ว อันดับ ๑ คือรัสเซีย แต่นั่นแหละ จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเต็มไปด้วยผู้คนที่อิจฉาริษยาวลาดิเมียร์ ปูติน จึงจัดปูตินไว้อันดับ ๒ แทน อีกสักพัก อาจมีสื่อสากกะเบือไม่ออกดอกของไทยเอาข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ตามสื่อของตนก็ได้

    จำเอาไว้ครับ เวลามีการจัดอันดับผู้นำการเมืองในประเทศต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝงทั้งนั้น

    World’s most popular leader (approval rating):

    Volodymyr Zelensky: 91%
    Vladimir Putin: 77.4%
    Narendra Modi: 76%
    Alain Berset: 66%
    Andrés López: 61%
    Anthony Albanese: 54%
    Lula da Silva: 52%
    Giorgia Meloni: 45%
    Pedro Sánchez: 43%
    Justin Trudeau: 41%
    Joe Biden: 40%


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ผู้นำที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในทรรศนะของซีไอเอ: ตอนนี้ เซเลนสกีสุดเศร้าครับ อเมริกาไม่อนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงใส่รัสเซีย เพราะอเมริกากลัวรัสเซียจะอัดคืนมาก แต่อเมริกาก็ไม่อยากให้เซเลนสกีไปยอมแพ้และสวามิภักดิ์ต่อรัสเซีย เพราะเซเลนสกีอาจแฉความสกปรกของนาโต้ออกมาก็ได้ เครือข่ายสื่อซีไอเอจึงมีการจัดเรตติ้งเอาใจเซเลนสกีสักหน่อย โดยระบุว่าเซเลนสกีคือผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนภายในประเทศมากที่สุดในขณะนี้...โกหกทั้งนั้นครับ ดีไม่ดี เขาอาจได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพด้วยซ้ำ ความจริงแล้ว อันดับ ๑ คือรัสเซีย แต่นั่นแหละ จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเต็มไปด้วยผู้คนที่อิจฉาริษยาวลาดิเมียร์ ปูติน จึงจัดปูตินไว้อันดับ ๒ แทน อีกสักพัก อาจมีสื่อสากกะเบือไม่ออกดอกของไทยเอาข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ตามสื่อของตนก็ได้ จำเอาไว้ครับ เวลามีการจัดอันดับผู้นำการเมืองในประเทศต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝงทั้งนั้น World’s most popular leader (approval rating): 🇺🇦 Volodymyr Zelensky: 91% 🇷🇺 Vladimir Putin: 77.4% 🇮🇳 Narendra Modi: 76% 🇨🇭 Alain Berset: 66% 🇲🇽 Andrés López: 61% 🇦🇺 Anthony Albanese: 54% 🇧🇷 Lula da Silva: 52% 🇮🇹 Giorgia Meloni: 45% 🇪🇸 Pedro Sánchez: 43% 🇨🇦 Justin Trudeau: 41% 🇺🇸 Joe Biden: 40% ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาคอยหน้าวิก……แต่งองค์ทรงเครื่องพี่ปูเสร็จแล้วค่าาาา…………เชิด…!!!!!!

    ตอนแปด…………มารไม่มี……บารมีไม่เกิด……!!!

    ท่านนายกฯหนุ่ม Kiriyenko ได้พาปูตินไปที่ สำนักงานใหญ่ FSB ที่ตั้งอยู่บนถนน Lubyanka, Moscow ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เพื่อไปทำความรู้จักกับ
    Nikolai Kovalyov ผู้อำนวยการคนเก่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะทีวีออกข่าว ท่านนายกฯได้กล่าวสั้นๆว่า “เปลี่ยนสถานะการณ์……ก็ต้องเปลี่ยนคน……”
    นิโคไล……รับสภาพการเปลี่ยนนั้นได้ดี เขาพาปูตินไปที่ห้องทำงานและได้มอบเอกสารลับทั้งหมดให้ และย้ำว่า เอกสารพวกนี้เป็นยิ่งกว่าอาวุธ……

    การปรับตำแหน่งใหม่แบบก้าวกระโดดนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก
    ทุกคนพุ่งความสนใจไปยัง วลาดิเมียร์ ปูติน ……ใครๆก็อยากรู้ว่า เขาเป็นใคร……มาได้อย่างไร?
    สองวันต่อมา ปูตินจึงได้อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ Kommersant เข้ามาทำการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะบอกวัตถุประสงค์หลักในการทำงาน
    เขาให้การสัมภาษณ์ว่า……เขามุ่งไปที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่เขาหวังว่าจะได้รับจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน และองค์กรนี้จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือ พวกสุดโต่งทุกสายพันธุ์ และจะระวังเข้มในเรื่องการแทรกแซงของสายลับต่างชาติ
    เมื่อถูกถามเรื่องใช้อินเตอร์เน็ต (สอดแนมประชาชน)
    คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น……แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การใช้อินเทอร์เน็ตมันก็คือความมั่นคงของชาติอีกโสดหนึ่ง……

    การมาของปูตินได้สร้างความหวั่นไหวไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะพวกกลุ่มสายลับเก่าสมัยยุค KGB โอนมาเป็น FSB ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะมาจากถิ่นอื่น (เลนินกราด) ยังอายุน้อย และเป็นแค่ “พันโท”
    (โดยปรกติต้องเป็นนายพล) สุดท้าย คือ สถานภาพของปูตินในยามนั้น
    เขาคือนายทหารนอกประจำการ

    ทั้งหมดนี้……ทำให้เกิดความท้าทายและลองดี รวมทั้งคอยดูว่าจะไปรอดหรือไม่……!!!

    วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่เยลซินกลับมาจากการพักร้อน เขาเรียกให้ปูตินเข้าพบเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า และได้เสนอหลักการว่า ควรจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใช้ระบบการเมืองในการปกครอง
    เยลซินอยากให้ปูตินกลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยเสนอยศพลตรีให้……
    แต่ปูตินปฏิเสธ เพราะเขาคิดถึงอดีตในวันที่เขาลาออก เป็นวันเดียวกับวันนี้ คือ 1 สิงหาคม (1991) มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแบกยศเอาไว้
    เขาจึงบอกว่า
    “ผมอยากเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีพรรคมีพวก ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ในการที่จะควบคุมองค์กรขนาดนี้ หัวโขนไม่ใช่สิ่งจำเป็น”
    สรุปว่า……ปูตินคือผู้อำนายการคนแรกและคนสุดท้ายของ FSB ที่เป็นคนธรรมดา……!!!

    งานแรก……เขาจัดห้องที่ทำงานในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องเดิมตามตำแหน่ง
    แต่เขาได้จัดห้องนั้นให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะมันเป็นห้องที่เคยเป็นที่ทำงานของ Lavrenty Beria (จอมเชือดในยุคสตาลิน)
    ต่อมา คือ การตัดงบ จาก สายลับหกพันนาย เหลือ สี่พันนาย
    แผนกไหน……ไม่มีผลงาน ยุบ……

    วันที่ 20 สิงหาคม เขาได้ทำงานยังไม่ถึงเดือน นักข่าวจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก นาย Anatoly Levin ผันตัวมาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ในชื่อว่า Legal Petersburg Today
    ตัวนายเลวินเอง……ไม่มีเงินทองอะไรที่จะมาเป็นทุนรอน แต่เขามีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ Boris Berezovsky ที่เป็นมหาเศรษฐีที่คอยจับจ้องเกาะติดผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธ (ทั้ง soft และ direct power)
    เขาใช้เลวิน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการดิสเครดิตทุกคนที่ขวางเส้นทางเขา หรือ เพื่อที่จะใช้ให้มาสยบในอำนาจของเขา

    เลวินเล่นข่าวใหญ่ประเดิมทันที พาดหัวว่า “ วลาดิเมียร์ ปูติน คนเหนือกฏหมาย สู่ FSB” ในเนื้อข่าว คือการโจมตีที่ อนาโตลีที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศได้ เพราะการช่วยเหลือของ ปูติน ที่ปัจจุบันได้ดิบได้ดีมาเป็นผู้อำนวยการ FSB
    หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า มีลูกน้องของปูตินได้เข้าไปพบปะเจรจากับบก.ฝ่ายข่าว ซึ่งได้บอกไปว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนังสือพิมพ์ ไม่กี่วัน คนก็ลืม…!!

    แต่เผอิญว่า.……มันไม่เงียบ เพราะ ค่ำวันหนึ่ง เลวินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์
    เขาแวะไปเปิดตู้จดหมาย ทันใดนั้น มีชายสองคนพุ่งตัวมาจากทางด้านหลัง กระหน่ำตีเขาด้วยท่อนเหล็ก และปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์……
    เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และเสียชีวิตในสองวันต่อมา

    เหตุอุบัติแบบนี้……ในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มีเกิดขึ้นรายวัน เพราะเป็นดงมาเฟีย แต่เรื่องมันไม่เงียบ……เพราะเลวินเป็นนักข่าว สมาคมนักข่าวจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ในการคุกคามเสรีภาพสื่อ
    ชื่อของ ปูติน และ บอริส เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรมนี้บนหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน
    (นี่เป็นแค่ปฐมฤกษ์………จะมีตามอีกเรื่อยๆ…)
    เพียงแต่……ไม่มีใครสามารถหาเส้นสายที่จะโยงไปถึงปูตินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้

    สามวันหลังจากที่เลวินได้จากโลกนี้ไป สภาพเศรษฐกิจของรัสเซียล้มครืนลงจริงๆ หลังจากที่จวนเจียนไหวคลอนมาเรื่อยๆ จนสุดที่จะยื้อ
    ในวันที่ 21 สิงหาคม สภามีมติขอให้เยลซินลาออก…
    แต่เยลซิน…ยังวางเฉย เขาปลดนายกฯหนุ่ม คิริเยงโก ออกจากตำแหน่งในสองวันต่อมา หวังที่จะทอนกระแส..
    แล้วเยลซินคิดที่จะเอาอดีตนายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ
    แต่ข่าวว่าจะมีการปฏิวัตเริ่มหนาหู ฝ่ายโปรคอมมิวนิสต์ที่ช่วยกันกระจาย สร้างข่าวลวงรายวันและใช้โอกาสนี้ กล่าวโทษยิว พร้อมส่งคำอาฆาต
    มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อม ในการรับมือ
    ประชาชนเริ่มแตกตื่น หวาดกลัว

    วันที่ 1 กันยายน ปูติน พร้อมหน่วยFSB ที่ยืนเรียงรายอยู่เป็นฉากหลังประกาศออกทีวีว่า
    “ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปรกติ แต่ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย ผมไม่รับรองในความปลอดภัย……”

    วันที่ 11 กันยายน สภามีมติที่จะให้นาย Yevgeny Primakov อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
    พรีมาคอฟ คืออดีตนักข่าวที่ทำงานในตะวันออกกลางมานานถึงสิบสี่ปี และได้ทำงานให้กับ KGB ในสายต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลางและอเมริกา หลังจากที่โซเวียตได้สลายตัวลงในปี 1991
    เขาได้มารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ
    การที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เขาคิดที่จะรื้อฟื้นโครงสร้างยุทธการสามเหลี่ยม……คือ รัสเซีย จีน อินเดีย เพื่อที่จะถ่วงดุลย์อำนาจกับสหรัฐอเมริกา
    ทฤษฎีนี้……เขาได้เขียนไว้นานแล้ว ในชื่อว่า Primakov doctrine…!!
    แต่การที่จะทำงานได้สำเร็จ เขาจะต้องมีแรงสนับสนุนจาก FSB
    (เพราะนี่คือ……สงครามเย็น)
    หากแต่……เขายังไม่แน่ใจกับปูตินและทีมที่มาจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ว่าเขาจะพึ่งพาทำงานด้วยได้มากน้อยแค่ไหน……

    ส่วนปูติน……ต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน
    มีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง จำนวนหกคน สี่คนใส่หน้ากากดำใส่แว่น ส่วนอีกสองคน เปิดหน้าตาชัดเจน คือ Aleksandr Litvitnenko และ Mikhaïl Trepashkin ทั้งหมดทั้งที่ปิดหน้าและไม่ปิด คือ เจ้าหน้าที่ในหน่วย FSB
    ที่ได้เปิดการจัดรายการพบปะนักข่าว……เพื่อที่จะแฉ ชี้ความผิดในองค์กร
    ที่ทำงานว่ามีการคอร์รัปชั่น มีขบวนการสร้างความแตกแยก มีการทำอาชญากรรม มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟีย…
    แต่เรื่องนี้……ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปูตินโดยตรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนที่เขามารับตำแหน่ง
    ที่เกี่ยวข้องเต็มๆ คือ อเล็กซานเดอร์ ได้เป็นตัวแทนที่นำเสนอว่า เขาได้พยายามหาทางเจรจากับปูตินแล้ว แต่ไม่สามารถพบได้
    ส่งเอกสารไปกี่ชุด……ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ไม่เคยสนใจ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหา……

    สองอาทิตย์ต่อมา ปูตินได้เรียกอเล็กซานเดอร์ไปพบที่ห้องทำงาน
    ที่เขาไปพบพร้อมเอกสารปึกโต เข้าไปพบว่า ปูตินนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยเหมือนเช่นเคย
    ปูตินลุกขึ้นมาจับมือทักทาย คุยด้วย ปรกติ
    แต่อเล็กซานเดอร์ไปเล่าให้ภรรยาฟังว่า………ผมเห็นแววตาเขาชัดเจนเลย ว่า เขาเกลียดผม……!!

    วันที่ 19 พฤศจิกายน ปูตินออกรายการในโทรทัศน์ เพื่อแถลงในการข้อพิสูจน์หาความเป็นจริงจากเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
    ว่า ไม่พบหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน ทุกอย่างเป็นเพียงปากคำ
    พล็อตเรื่องออกแนวนิยายเด็ก การกระทำก็เป็นเด็ก เพราะเรียกประชุมนักข่าว ใส่หน้ากาก แต่บอกชื่อเสียงเรียงนาม………(สาบานว่าเป็นสายลับ……)
    ที่ขำๆ คือ ตบท้าย…ปูตินเล่าว่า อดีตภรรยาของหนึ่งในสี่คนที่ใส่หน้ากาก หลังจากวันพบปะกับนักข่าวในวันนั้น โทรมาหาปูติน บอกว่า
    “ท่านคะ ช่วยทวงค่าเลี้ยงดูจากไอ้นั่นให้หน่อย ไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว……”
    ปูติน…เลยบอกว่า “ตรงนี้ต่างหาก……ที่ผิดกฎหมายเต็มๆ”

    เยลซินเรียกปูตินเข้าพบ……เพื่อถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินเลยเปิดอกพูด…บอกว่า ถ้าคนในองค์กรจะทำความผิด มันก็เป็นอีหรอบเดียวกันกับกลุ่มคนในรัฐบาลเท่าที่เห็นอยู่ในวันนี้ แต่……สิ่งที่อเล็กซานเดอร์และพวกทำลงไป (ที่จัดแถลงข่าว) นั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อสัตยาบันของหน่วยงาน เพราะ หน้าที่ของหน่วยงานคือต้องรักษาความลับขององค์กร ถ้ามีปัญหา……ก็ต้องแก้ไขในองค์กร
    ไม่ใช่ไปเที่ยวป่าวประกาศ……

    ปูตินรู้ตัวดีว่า จะหาคนรักหรือพวกพ้องคนยาก เพราะเขาได้วางระบบเข้ม ตั้งแต่เรื่องการลดเจ้าหน้าที่ การใส่ร้ายป้ายสี การขัดขาขัดแข้ง
    และที่ร้ายคือ……ข่าวจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ส่งมาว่า
    Galina Starovoitova นักเคลื่อนไหวสาวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ได้ถูกสังหารไปเมื่อไม่กี่วันนี้
    หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปูติน ก็คือเรื่องที่ขานรับกับเลวินในกรณีที่กล่าวหาว่า ปูตินได้ทำผิดกฏหมายในเรื่องช่วยเหลืออนาโตลีให้หนีคดีออกไปยังฝรั่งเศส
    ที่พลอยทำให้ปูติน……อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยไปด้วย

    วันที่ 15 ธันวาคม ที่ปูตินได้พบกับเยลซินอีกครั้ง ที่จะหารือกันเรื่องของการฆาตกรรมนี้ ……และเรื่องกระแสการต่อต้านบอริส และเรื่องงานของปูตินที่หลายคนไม่พอใจเพราะต้องตกงาน……
    ปูตินจึงสรุปให้เยลซินฟังว่า……ข่าวลือทั้งหลายนั้น มาจากวงในของท่านทั้งหมด มันมาทุกรูปแบบ แบบโยนหินถามทางบ้าง หรือโยนลงบนหัวชาวบ้านบ้าง เพราะไม่มีใครรักษากฎระเบียบ การควบคุมก็หย่อนยาน
    และที่ออกข่าวลวงๆกันทุกวันนี้ ก็เพราะทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องถูกตรวจสอบ และกระผมจะเรียนท่านให้ทราบตรงนี้เลย ว่า เมื่อไหร่ที่ท่านลงจากตำแหน่ง……ผมก็ขอลาออก…!!!

    แต่……ก่อนที่ท่านจะจากไป และก่อนที่ปูตินจะลาออก……ก็ต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์กันก่อน
    ในช่วงนั้นรัฐบาลของเยลซินกำลังโดนไล่บี้ในเรื่องทุจริต สินบน ที่ทีมอัยการนำโดย Yuri Skuratov เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวน เพราะเยลซินจะหมดวาระในปีรุ่งขึ้น คือ ปี 2000
    นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องโดนคดีกันระนาวเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจเสื่อมถอยนั้น รัฐบาลของเยลซินได้ทำทุกอย่างที่จะผันเงิน แม้แต่เงินของ IMF ก็ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์
    รวมทั้งหน่วยงาน FSB ทั้งระบบด้วย
    ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับปูตินเท่าไหร่ในฐานะที่มาทีหลัง
    แต่……เรื่องนี้เกี่ยวกับหน่วยงานภาษีของอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์ และ คาริบเบียนด้วย……
    เดือนมกราคม 1999 วันหนึ่งก่อนที่ท่านอัยการยูริจะนำเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการศาล
    คืนนั้น……สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้ออกรายการ “สามคนบนเตียง” ที่มีความยาวร่วมชั่วโมงสู่สายตาของประชาชน ที่มีทั้งหนุ่มสาว เด็กเล็ก คนชรา……
    เป็นกิจกรรมบนเตียงของชายหนึ่ง หญิงสอง แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (ขาว-ดำ) แต่พอเห็นได้ว่า ฝ่ายชายคือ ท่านอัยการยูริ
    และมีเสียงสนทนาด้วย……หนึ่งในสองสาว ถามว่า “คุณชื่ออะไร?”
    ฝ่ายชายตอบว่า…”ยูรา” (เป็นชื่อเล่นของ ยูริ)

    วันต่อมา เยลซินจึงเรียกยูริขึ้นพบ ถามถึงเรื่องกิจกรรมสามคนผัวเมีย……ผลคือ ท่านอัยการต้องเซ็นใบลาออกตรงนั้นเลย……
    เรื่องการที่จะเอาผิดเยลซินก็จบลงแค่นั้น…

    ทั้งหมดคือฝีมือของหน่วยงาน “Kompromat” ในสังกัดของ FSB ของปูตินที่มีหน้าที่ในการ blackmail โดยเฉพาะ…!!

    Wiwanda W. Vichit
    ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาคอยหน้าวิก……แต่งองค์ทรงเครื่องพี่ปูเสร็จแล้วค่าาาา…………เชิด…!!!!!! ตอนแปด…………มารไม่มี……บารมีไม่เกิด……!!! ท่านนายกฯหนุ่ม Kiriyenko ได้พาปูตินไปที่ สำนักงานใหญ่ FSB ที่ตั้งอยู่บนถนน Lubyanka, Moscow ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เพื่อไปทำความรู้จักกับ Nikolai Kovalyov ผู้อำนวยการคนเก่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะทีวีออกข่าว ท่านนายกฯได้กล่าวสั้นๆว่า “เปลี่ยนสถานะการณ์……ก็ต้องเปลี่ยนคน……” นิโคไล……รับสภาพการเปลี่ยนนั้นได้ดี เขาพาปูตินไปที่ห้องทำงานและได้มอบเอกสารลับทั้งหมดให้ และย้ำว่า เอกสารพวกนี้เป็นยิ่งกว่าอาวุธ…… การปรับตำแหน่งใหม่แบบก้าวกระโดดนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก ทุกคนพุ่งความสนใจไปยัง วลาดิเมียร์ ปูติน ……ใครๆก็อยากรู้ว่า เขาเป็นใคร……มาได้อย่างไร? สองวันต่อมา ปูตินจึงได้อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ Kommersant เข้ามาทำการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะบอกวัตถุประสงค์หลักในการทำงาน เขาให้การสัมภาษณ์ว่า……เขามุ่งไปที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่เขาหวังว่าจะได้รับจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน และองค์กรนี้จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือ พวกสุดโต่งทุกสายพันธุ์ และจะระวังเข้มในเรื่องการแทรกแซงของสายลับต่างชาติ เมื่อถูกถามเรื่องใช้อินเตอร์เน็ต (สอดแนมประชาชน) คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น……แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การใช้อินเทอร์เน็ตมันก็คือความมั่นคงของชาติอีกโสดหนึ่ง…… การมาของปูตินได้สร้างความหวั่นไหวไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะพวกกลุ่มสายลับเก่าสมัยยุค KGB โอนมาเป็น FSB ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะมาจากถิ่นอื่น (เลนินกราด) ยังอายุน้อย และเป็นแค่ “พันโท” (โดยปรกติต้องเป็นนายพล) สุดท้าย คือ สถานภาพของปูตินในยามนั้น เขาคือนายทหารนอกประจำการ ทั้งหมดนี้……ทำให้เกิดความท้าทายและลองดี รวมทั้งคอยดูว่าจะไปรอดหรือไม่……!!! วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่เยลซินกลับมาจากการพักร้อน เขาเรียกให้ปูตินเข้าพบเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า และได้เสนอหลักการว่า ควรจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใช้ระบบการเมืองในการปกครอง เยลซินอยากให้ปูตินกลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยเสนอยศพลตรีให้…… แต่ปูตินปฏิเสธ เพราะเขาคิดถึงอดีตในวันที่เขาลาออก เป็นวันเดียวกับวันนี้ คือ 1 สิงหาคม (1991) มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแบกยศเอาไว้ เขาจึงบอกว่า “ผมอยากเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีพรรคมีพวก ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ในการที่จะควบคุมองค์กรขนาดนี้ หัวโขนไม่ใช่สิ่งจำเป็น” สรุปว่า……ปูตินคือผู้อำนายการคนแรกและคนสุดท้ายของ FSB ที่เป็นคนธรรมดา……!!! งานแรก……เขาจัดห้องที่ทำงานในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องเดิมตามตำแหน่ง แต่เขาได้จัดห้องนั้นให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะมันเป็นห้องที่เคยเป็นที่ทำงานของ Lavrenty Beria (จอมเชือดในยุคสตาลิน) ต่อมา คือ การตัดงบ จาก สายลับหกพันนาย เหลือ สี่พันนาย แผนกไหน……ไม่มีผลงาน ยุบ…… วันที่ 20 สิงหาคม เขาได้ทำงานยังไม่ถึงเดือน นักข่าวจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก นาย Anatoly Levin ผันตัวมาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ในชื่อว่า Legal Petersburg Today ตัวนายเลวินเอง……ไม่มีเงินทองอะไรที่จะมาเป็นทุนรอน แต่เขามีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ Boris Berezovsky ที่เป็นมหาเศรษฐีที่คอยจับจ้องเกาะติดผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธ (ทั้ง soft และ direct power) เขาใช้เลวิน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการดิสเครดิตทุกคนที่ขวางเส้นทางเขา หรือ เพื่อที่จะใช้ให้มาสยบในอำนาจของเขา เลวินเล่นข่าวใหญ่ประเดิมทันที พาดหัวว่า “ วลาดิเมียร์ ปูติน คนเหนือกฏหมาย สู่ FSB” ในเนื้อข่าว คือการโจมตีที่ อนาโตลีที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศได้ เพราะการช่วยเหลือของ ปูติน ที่ปัจจุบันได้ดิบได้ดีมาเป็นผู้อำนวยการ FSB หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า มีลูกน้องของปูตินได้เข้าไปพบปะเจรจากับบก.ฝ่ายข่าว ซึ่งได้บอกไปว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนังสือพิมพ์ ไม่กี่วัน คนก็ลืม…!! แต่เผอิญว่า.……มันไม่เงียบ เพราะ ค่ำวันหนึ่ง เลวินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เขาแวะไปเปิดตู้จดหมาย ทันใดนั้น มีชายสองคนพุ่งตัวมาจากทางด้านหลัง กระหน่ำตีเขาด้วยท่อนเหล็ก และปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์…… เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และเสียชีวิตในสองวันต่อมา เหตุอุบัติแบบนี้……ในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มีเกิดขึ้นรายวัน เพราะเป็นดงมาเฟีย แต่เรื่องมันไม่เงียบ……เพราะเลวินเป็นนักข่าว สมาคมนักข่าวจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ในการคุกคามเสรีภาพสื่อ ชื่อของ ปูติน และ บอริส เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรมนี้บนหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน (นี่เป็นแค่ปฐมฤกษ์………จะมีตามอีกเรื่อยๆ…) เพียงแต่……ไม่มีใครสามารถหาเส้นสายที่จะโยงไปถึงปูตินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้ สามวันหลังจากที่เลวินได้จากโลกนี้ไป สภาพเศรษฐกิจของรัสเซียล้มครืนลงจริงๆ หลังจากที่จวนเจียนไหวคลอนมาเรื่อยๆ จนสุดที่จะยื้อ ในวันที่ 21 สิงหาคม สภามีมติขอให้เยลซินลาออก… แต่เยลซิน…ยังวางเฉย เขาปลดนายกฯหนุ่ม คิริเยงโก ออกจากตำแหน่งในสองวันต่อมา หวังที่จะทอนกระแส.. แล้วเยลซินคิดที่จะเอาอดีตนายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ แต่ข่าวว่าจะมีการปฏิวัตเริ่มหนาหู ฝ่ายโปรคอมมิวนิสต์ที่ช่วยกันกระจาย สร้างข่าวลวงรายวันและใช้โอกาสนี้ กล่าวโทษยิว พร้อมส่งคำอาฆาต มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อม ในการรับมือ ประชาชนเริ่มแตกตื่น หวาดกลัว วันที่ 1 กันยายน ปูติน พร้อมหน่วยFSB ที่ยืนเรียงรายอยู่เป็นฉากหลังประกาศออกทีวีว่า “ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปรกติ แต่ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย ผมไม่รับรองในความปลอดภัย……” วันที่ 11 กันยายน สภามีมติที่จะให้นาย Yevgeny Primakov อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรีมาคอฟ คืออดีตนักข่าวที่ทำงานในตะวันออกกลางมานานถึงสิบสี่ปี และได้ทำงานให้กับ KGB ในสายต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลางและอเมริกา หลังจากที่โซเวียตได้สลายตัวลงในปี 1991 เขาได้มารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ การที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เขาคิดที่จะรื้อฟื้นโครงสร้างยุทธการสามเหลี่ยม……คือ รัสเซีย จีน อินเดีย เพื่อที่จะถ่วงดุลย์อำนาจกับสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีนี้……เขาได้เขียนไว้นานแล้ว ในชื่อว่า Primakov doctrine…!! แต่การที่จะทำงานได้สำเร็จ เขาจะต้องมีแรงสนับสนุนจาก FSB (เพราะนี่คือ……สงครามเย็น) หากแต่……เขายังไม่แน่ใจกับปูตินและทีมที่มาจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ว่าเขาจะพึ่งพาทำงานด้วยได้มากน้อยแค่ไหน…… ส่วนปูติน……ต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน มีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง จำนวนหกคน สี่คนใส่หน้ากากดำใส่แว่น ส่วนอีกสองคน เปิดหน้าตาชัดเจน คือ Aleksandr Litvitnenko และ Mikhaïl Trepashkin ทั้งหมดทั้งที่ปิดหน้าและไม่ปิด คือ เจ้าหน้าที่ในหน่วย FSB ที่ได้เปิดการจัดรายการพบปะนักข่าว……เพื่อที่จะแฉ ชี้ความผิดในองค์กร ที่ทำงานว่ามีการคอร์รัปชั่น มีขบวนการสร้างความแตกแยก มีการทำอาชญากรรม มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟีย… แต่เรื่องนี้……ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปูตินโดยตรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนที่เขามารับตำแหน่ง ที่เกี่ยวข้องเต็มๆ คือ อเล็กซานเดอร์ ได้เป็นตัวแทนที่นำเสนอว่า เขาได้พยายามหาทางเจรจากับปูตินแล้ว แต่ไม่สามารถพบได้ ส่งเอกสารไปกี่ชุด……ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ไม่เคยสนใจ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหา…… สองอาทิตย์ต่อมา ปูตินได้เรียกอเล็กซานเดอร์ไปพบที่ห้องทำงาน ที่เขาไปพบพร้อมเอกสารปึกโต เข้าไปพบว่า ปูตินนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยเหมือนเช่นเคย ปูตินลุกขึ้นมาจับมือทักทาย คุยด้วย ปรกติ แต่อเล็กซานเดอร์ไปเล่าให้ภรรยาฟังว่า………ผมเห็นแววตาเขาชัดเจนเลย ว่า เขาเกลียดผม……!! วันที่ 19 พฤศจิกายน ปูตินออกรายการในโทรทัศน์ เพื่อแถลงในการข้อพิสูจน์หาความเป็นจริงจากเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ว่า ไม่พบหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน ทุกอย่างเป็นเพียงปากคำ พล็อตเรื่องออกแนวนิยายเด็ก การกระทำก็เป็นเด็ก เพราะเรียกประชุมนักข่าว ใส่หน้ากาก แต่บอกชื่อเสียงเรียงนาม………(สาบานว่าเป็นสายลับ……) ที่ขำๆ คือ ตบท้าย…ปูตินเล่าว่า อดีตภรรยาของหนึ่งในสี่คนที่ใส่หน้ากาก หลังจากวันพบปะกับนักข่าวในวันนั้น โทรมาหาปูติน บอกว่า “ท่านคะ ช่วยทวงค่าเลี้ยงดูจากไอ้นั่นให้หน่อย ไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว……” ปูติน…เลยบอกว่า “ตรงนี้ต่างหาก……ที่ผิดกฎหมายเต็มๆ” เยลซินเรียกปูตินเข้าพบ……เพื่อถามถึงเรื่องนี้ ปูตินเลยเปิดอกพูด…บอกว่า ถ้าคนในองค์กรจะทำความผิด มันก็เป็นอีหรอบเดียวกันกับกลุ่มคนในรัฐบาลเท่าที่เห็นอยู่ในวันนี้ แต่……สิ่งที่อเล็กซานเดอร์และพวกทำลงไป (ที่จัดแถลงข่าว) นั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อสัตยาบันของหน่วยงาน เพราะ หน้าที่ของหน่วยงานคือต้องรักษาความลับขององค์กร ถ้ามีปัญหา……ก็ต้องแก้ไขในองค์กร ไม่ใช่ไปเที่ยวป่าวประกาศ…… ปูตินรู้ตัวดีว่า จะหาคนรักหรือพวกพ้องคนยาก เพราะเขาได้วางระบบเข้ม ตั้งแต่เรื่องการลดเจ้าหน้าที่ การใส่ร้ายป้ายสี การขัดขาขัดแข้ง และที่ร้ายคือ……ข่าวจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ส่งมาว่า Galina Starovoitova นักเคลื่อนไหวสาวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ได้ถูกสังหารไปเมื่อไม่กี่วันนี้ หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปูติน ก็คือเรื่องที่ขานรับกับเลวินในกรณีที่กล่าวหาว่า ปูตินได้ทำผิดกฏหมายในเรื่องช่วยเหลืออนาโตลีให้หนีคดีออกไปยังฝรั่งเศส ที่พลอยทำให้ปูติน……อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยไปด้วย วันที่ 15 ธันวาคม ที่ปูตินได้พบกับเยลซินอีกครั้ง ที่จะหารือกันเรื่องของการฆาตกรรมนี้ ……และเรื่องกระแสการต่อต้านบอริส และเรื่องงานของปูตินที่หลายคนไม่พอใจเพราะต้องตกงาน…… ปูตินจึงสรุปให้เยลซินฟังว่า……ข่าวลือทั้งหลายนั้น มาจากวงในของท่านทั้งหมด มันมาทุกรูปแบบ แบบโยนหินถามทางบ้าง หรือโยนลงบนหัวชาวบ้านบ้าง เพราะไม่มีใครรักษากฎระเบียบ การควบคุมก็หย่อนยาน และที่ออกข่าวลวงๆกันทุกวันนี้ ก็เพราะทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องถูกตรวจสอบ และกระผมจะเรียนท่านให้ทราบตรงนี้เลย ว่า เมื่อไหร่ที่ท่านลงจากตำแหน่ง……ผมก็ขอลาออก…!!! แต่……ก่อนที่ท่านจะจากไป และก่อนที่ปูตินจะลาออก……ก็ต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์กันก่อน ในช่วงนั้นรัฐบาลของเยลซินกำลังโดนไล่บี้ในเรื่องทุจริต สินบน ที่ทีมอัยการนำโดย Yuri Skuratov เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวน เพราะเยลซินจะหมดวาระในปีรุ่งขึ้น คือ ปี 2000 นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องโดนคดีกันระนาวเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจเสื่อมถอยนั้น รัฐบาลของเยลซินได้ทำทุกอย่างที่จะผันเงิน แม้แต่เงินของ IMF ก็ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ รวมทั้งหน่วยงาน FSB ทั้งระบบด้วย ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับปูตินเท่าไหร่ในฐานะที่มาทีหลัง แต่……เรื่องนี้เกี่ยวกับหน่วยงานภาษีของอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์ และ คาริบเบียนด้วย…… เดือนมกราคม 1999 วันหนึ่งก่อนที่ท่านอัยการยูริจะนำเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการศาล คืนนั้น……สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้ออกรายการ “สามคนบนเตียง” ที่มีความยาวร่วมชั่วโมงสู่สายตาของประชาชน ที่มีทั้งหนุ่มสาว เด็กเล็ก คนชรา…… เป็นกิจกรรมบนเตียงของชายหนึ่ง หญิงสอง แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (ขาว-ดำ) แต่พอเห็นได้ว่า ฝ่ายชายคือ ท่านอัยการยูริ และมีเสียงสนทนาด้วย……หนึ่งในสองสาว ถามว่า “คุณชื่ออะไร?” ฝ่ายชายตอบว่า…”ยูรา” (เป็นชื่อเล่นของ ยูริ) วันต่อมา เยลซินจึงเรียกยูริขึ้นพบ ถามถึงเรื่องกิจกรรมสามคนผัวเมีย……ผลคือ ท่านอัยการต้องเซ็นใบลาออกตรงนั้นเลย…… เรื่องการที่จะเอาผิดเยลซินก็จบลงแค่นั้น… ทั้งหมดคือฝีมือของหน่วยงาน “Kompromat” ในสังกัดของ FSB ของปูตินที่มีหน้าที่ในการ blackmail โดยเฉพาะ…!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • การ์ตูนการเมือง : บัญชา/คามิน
    ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
    #Thaitimes
    การ์ตูนการเมือง : บัญชา/คามิน ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ #Thaitimes
    Haha
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • 18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที!

    ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า?

    หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!)
    18 กย. 67
    11.39 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที! ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า? หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!) 18 กย. 67 11.39 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • #สารสำคัญถึงแฟนเพจคิงส์ฯทุกท่าน
    พี่คิงส์ขอขอบคุณแฟนเพจที่เข้ามาติดตามข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง
    ซึ่งเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่เป็นเพจดั้งเดิม
    อย่างที่ทราบกันดีว่า ได้ผ่านสมรภูมิมาหลายสนาม
    เพราะเรายืนหยัดบนความถูกต้อง
    ทั้งไอโอจากกลุ่มมีสีและผู้มีอิทธิพล
    และเราไม่เคยแพ้ และสะกดคำว่ากลัวไม่เป็น
    โดยเดิมทีจะมีข่าวซีฟ ทั้งเรื่องการเมือง
    และข้อมูลสำคัญที่คนไทยต้องรับรู้
    กับความพยายามของต่างชาติ
    ที่หาวิธีในการเข้ามาล้มล้างการปกครอง
    แต่เมื่อเพจคิงส์ ได้ทำการขุดเรื่องเบื้องลึกกามิจ
    เนื่องจากเห็นการกระทำของหลังบ้าน กลุ่ม DC
    ที่เลยเถิดไปบิ๊วให้ทุยผู้ภักดี
    มาเล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการประดิษฐ์วาทะกรรม
    ทำให้เชื่อว่าแน๊ก ไม่ ส บ บาย
    ซึ่งน้องเองมีอาชีพเป็นดารานักแสดง
    สิ่งที่โจมณฑานีกระทำ ถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสีย
    และก็เลยไปไกลถึงขนาดที่ทำให้ทุย
    มาตรร้ายต่อน้องแน๊กและครอบครัว
    พี่คิงส์จึงออกมาปกป้องด้วยข้อมูลที่ขุดใหม่ทุกวัน
    แต่ก็ยิ่งขุดยิ่งลึก จึงทำให้รับรู้ข้อมูลสำคัญ
    ว่าเบื้องหลังของการกระทำของโจมณฑานีที่สร้างฐาน
    รวมไปถึงการสร้างกลุ่มไอโอนั้น มีการสนับสนุนจากกลุ่มเงินดาร์ค
    ทะลุไปถึงการใช้ ตต. และการ พีเค ในการฟอกให้ขาว
    ในขณะที่กำลังขุดเรื่องนี้ ก็ยังมีข่าวสารอีกรอบด้าน
    ทั้งเป็นสื่อกลางในการช่วย ผปสภ และการรู้ทัน
    นักการเมืองบางพรรค ที่มีความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลต่อพี่น้องชาวไทยในอนาคตได้
    พี่คิงส์เองก็คิดมาซักพักแล้วว่า เรามีความจำเป็น
    ต้องแยกกลุ่มอย่างชัดเจน เพราะต้องยอมรับว่า
    จากที่เคยคิดว่า เป็นภาระกิจระยะสั้น แต่ดูแล้ว
    กับการซัพพอตจากกลุ่มเงินดาร์คผ่านโจ มาทำไอโอนั้น
    น่าจะไม่หมอบง่ายๆ ต้องจัดและขุดไปอีกยาวๆ
    ดังนั้น เรียนท่านผู้ติดตามทั้งสองเพจ เข้าไปกดติดตาม
    สิ่งที่ท่านสนใจจริงๆเพิ่ม
    เพจแรก คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    จะเน้นเรื่องอัพเดท โจ และไอโอ กามิจ และกลุ่มเงินดาร์ค เอเจนซี่
    ------------------------------
    เพจที่สอง คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    จะเน้นข่าวการเมืองข่าวที่ส่งผลกระทบกับพี่น้องชาวไทยในประเด็นอื่นๆ
    รวมถึงข่าวซีฟ เกี่ยวกับข้าราชการ ที่แสวงหาประโยชน์ในตำแหน่ง
    ---------------------------
    ดังนั้น จึงเรียนแจ้งแฟนเพจที่เคารพทุกท่านครับ
    แต่หากเมื่อไหร่ ที่เพจที่ท่านติดตาม ในสองเพจนี้ เพจใดเพจหนึ่งปลิว
    เราจะรวมข้อมูลนำเสนอในเพจที่เหลือทั้งสองด้าน และเราได้เตรียมเพจใหม่สำรองไว้แล้วอีกหลายเพจ จะประชาสัมพันธ์เพื่อแยกเพจให้ตรงกลุ่มกับสิ่งที่ท่านต้องการอีกครั้งครับ
    ขอบคุณที่มาร่วมเป็นพลังในการยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องเสมอมา
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สารสำคัญถึงแฟนเพจคิงส์ฯทุกท่าน พี่คิงส์ขอขอบคุณแฟนเพจที่เข้ามาติดตามข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่เป็นเพจดั้งเดิม อย่างที่ทราบกันดีว่า ได้ผ่านสมรภูมิมาหลายสนาม เพราะเรายืนหยัดบนความถูกต้อง ทั้งไอโอจากกลุ่มมีสีและผู้มีอิทธิพล และเราไม่เคยแพ้ และสะกดคำว่ากลัวไม่เป็น โดยเดิมทีจะมีข่าวซีฟ ทั้งเรื่องการเมือง และข้อมูลสำคัญที่คนไทยต้องรับรู้ กับความพยายามของต่างชาติ ที่หาวิธีในการเข้ามาล้มล้างการปกครอง แต่เมื่อเพจคิงส์ ได้ทำการขุดเรื่องเบื้องลึกกามิจ เนื่องจากเห็นการกระทำของหลังบ้าน กลุ่ม DC ที่เลยเถิดไปบิ๊วให้ทุยผู้ภักดี มาเล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการประดิษฐ์วาทะกรรม ทำให้เชื่อว่าแน๊ก ไม่ ส บ บาย ซึ่งน้องเองมีอาชีพเป็นดารานักแสดง สิ่งที่โจมณฑานีกระทำ ถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสีย และก็เลยไปไกลถึงขนาดที่ทำให้ทุย มาตรร้ายต่อน้องแน๊กและครอบครัว พี่คิงส์จึงออกมาปกป้องด้วยข้อมูลที่ขุดใหม่ทุกวัน แต่ก็ยิ่งขุดยิ่งลึก จึงทำให้รับรู้ข้อมูลสำคัญ ว่าเบื้องหลังของการกระทำของโจมณฑานีที่สร้างฐาน รวมไปถึงการสร้างกลุ่มไอโอนั้น มีการสนับสนุนจากกลุ่มเงินดาร์ค ทะลุไปถึงการใช้ ตต. และการ พีเค ในการฟอกให้ขาว ในขณะที่กำลังขุดเรื่องนี้ ก็ยังมีข่าวสารอีกรอบด้าน ทั้งเป็นสื่อกลางในการช่วย ผปสภ และการรู้ทัน นักการเมืองบางพรรค ที่มีความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลต่อพี่น้องชาวไทยในอนาคตได้ พี่คิงส์เองก็คิดมาซักพักแล้วว่า เรามีความจำเป็น ต้องแยกกลุ่มอย่างชัดเจน เพราะต้องยอมรับว่า จากที่เคยคิดว่า เป็นภาระกิจระยะสั้น แต่ดูแล้ว กับการซัพพอตจากกลุ่มเงินดาร์คผ่านโจ มาทำไอโอนั้น น่าจะไม่หมอบง่ายๆ ต้องจัดและขุดไปอีกยาวๆ ดังนั้น เรียนท่านผู้ติดตามทั้งสองเพจ เข้าไปกดติดตาม สิ่งที่ท่านสนใจจริงๆเพิ่ม เพจแรก คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง จะเน้นเรื่องอัพเดท โจ และไอโอ กามิจ และกลุ่มเงินดาร์ค เอเจนซี่ ------------------------------ เพจที่สอง คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 จะเน้นข่าวการเมืองข่าวที่ส่งผลกระทบกับพี่น้องชาวไทยในประเด็นอื่นๆ รวมถึงข่าวซีฟ เกี่ยวกับข้าราชการ ที่แสวงหาประโยชน์ในตำแหน่ง --------------------------- ดังนั้น จึงเรียนแจ้งแฟนเพจที่เคารพทุกท่านครับ แต่หากเมื่อไหร่ ที่เพจที่ท่านติดตาม ในสองเพจนี้ เพจใดเพจหนึ่งปลิว เราจะรวมข้อมูลนำเสนอในเพจที่เหลือทั้งสองด้าน และเราได้เตรียมเพจใหม่สำรองไว้แล้วอีกหลายเพจ จะประชาสัมพันธ์เพื่อแยกเพจให้ตรงกลุ่มกับสิ่งที่ท่านต้องการอีกครั้งครับ ขอบคุณที่มาร่วมเป็นพลังในการยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องเสมอมา #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Yay
    6
    0 Comments 0 Shares 261 Views 0 Reviews
  • ♣ การเมืองยุคใหม่ นอกจากไม่ก้าวข้ามความขัดแย้งเก่า ยังปลุกเร้าขัดแย้งใหม่ เด็จพี่เอาคืน ตรวจสอบสส.รับเงินเดือนแต่ไม่ทำงาน
    #7ดอกจิก
    ♣ การเมืองยุคใหม่ นอกจากไม่ก้าวข้ามความขัดแย้งเก่า ยังปลุกเร้าขัดแย้งใหม่ เด็จพี่เอาคืน ตรวจสอบสส.รับเงินเดือนแต่ไม่ทำงาน #7ดอกจิก
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • การ์ตูนการเมือง : บัญชา/คามิน
    ที่มา : https://www.facebook.com/share/NXUZcZX4gVvXddNY/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    การ์ตูนการเมือง : บัญชา/คามิน ที่มา : https://www.facebook.com/share/NXUZcZX4gVvXddNY/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Haha
    Like
    Wow
    9
    0 Comments 0 Shares 509 Views 0 Reviews
  • Facebook, WhatsApp และ Instagram แบนสื่อRTและเครือข่ายสื่ออื่นๆของรัสเซีย สนองนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐที่กล่าวหาสื่อรัสเซียเป็นสายลับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา

    17 กันยายน 2567-รายงานข่าววอชิงตันโพสต์ระบุว่า Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook, WhatsApp และ Instagram ได้สั่งแบนเครือข่ายสื่อของรัสเซีย หลายแห่ง เช่น RT ออกจากแพลตฟอร์มของบริษัท หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT และกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสายลับปฏิบัติการข่าวกรองของมอสโกว

    “หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เราได้ขยายการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องกับสื่อของรัฐรัสเซีย โดยขณะนี้ Rossiya Segodnya, RT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ถูกแบนจากแอปของเราทั่วโลกเนื่องจากมีกิจกรรมแทรกแซงจากต่างประเทศ” Meta กล่าวในแถลงการณ์

    ในการตอบสนองต่อการแบนดังกล่าว RT บอกกับ The Washington Post ว่าการเคลื่อนไหวของ Meta เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ปิดกั้นเครือข่ายในยุโรปเมื่อสองปีก่อน “ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกเขาปิดประตูแล้วก็ปิดหน้าต่าง 'พวกพ้อง' (หรือในภาษาของคุณคือ นักรบกองโจร) ของเราก็จะหาช่องโหว่เพื่อคลานผ่านมันไปได้”

    ขณะเดียวกัน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า “เป็นลบมาก”

    “Meta ทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยการกระทำเหล่านี้ และแน่นอนว่า การกระทำที่เลือกปฏิบัติต่อสื่อของรัสเซียเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เรามีทัศนคติเชิงลบอย่างยิ่งต่อเรื่องนี้” เขากล่าว “สิ่งนี้ทำให้โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ปกติระหว่างเรากับบริษัท Meta มีความซับซ้อนมากขึ้น”

    แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT อย่าง Rossiya Segodnya และ TV-Novosti เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบลิงเคนกล่าวว่าเครมลินใช้ RT เพื่อดำเนินการข่าวกรองทางไซเบอร์ระหว่างประเทศและปฏิบัติการอิทธิพลลับ รวมถึงช่วยในการจัดหาอาวุธสำหรับสงครามของรัสเซียกับยูเครน

    บลิงเคนกล่าวว่าข้อมูลใหม่ที่เปิดเผยคือหน่วยงานเหล่านี้ “ไม่ใช่แค่ผู้ปล่อยข่าวกรองและข้อมูลบิดเบือนของรัสเซียอีกต่อไป พวกเขากำลังทำกิจกรรมอิทธิพลลับเพื่อบ่อนทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นหน่วยงานโดยพฤตินัยของหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย”

    ในแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศระบุว่า RT และพนักงานได้ประสานงานกับเครมลินเพื่ออิทธิพลในการเลือกตั้งในเดือนหน้าในมอลโดวา

    สื่อของรัฐรัสเซียถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเท็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ ตลอดจนการแพร่กระจายโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

    ในปี 2022 หลังจากการรุกราน สำนักข่าว Meta กล่าวว่าได้ "จำกัดการเข้าถึง" RT และ Sputnik ซึ่งเป็นสื่อของรัฐรัสเซียอีกแห่ง ทั่วสหภาพยุโรป ตามคำร้องขอจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป ในเวลานั้น YouTube และ TikTok ได้บังคับใช้การห้ามที่คล้ายกันในยุโรป

    เมื่อต้นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวว่าความพยายามลับๆ ของรัสเซียในการมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เป็นภัยคุกคามจากต่างประเทศที่ร้ายแรงที่สุดในฤดูกาลการเมืองนี้

    เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลของไบเดนได้ฟ้องร้องพนักงานชาวรัสเซียของ RT สองคน โดยกล่าวหาว่าพวกเขาจ่ายเงินให้บริษัทสื่อของอเมริกาเพื่อเผยแพร่คลิปวิดีโอภาษาอังกฤษบนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ เช่น YouTube, TikTok, Instagram และ X ต่อมา YouTube ได้ปิดช่องการเมืองฝ่ายขวาหลายช่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าว

    นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ประกาศดำเนินการกับผู้บริหารของ RT และสื่อของรัฐบาลรัสเซียในเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองของสหรัฐฯ ต่อ “ความพยายามใช้อิทธิพลอันชั่วร้ายของมอสโกที่กำหนดเป้าหมายไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024”

    #Thaitimes
    Facebook, WhatsApp และ Instagram แบนสื่อRTและเครือข่ายสื่ออื่นๆของรัสเซีย สนองนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐที่กล่าวหาสื่อรัสเซียเป็นสายลับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา 17 กันยายน 2567-รายงานข่าววอชิงตันโพสต์ระบุว่า Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook, WhatsApp และ Instagram ได้สั่งแบนเครือข่ายสื่อของรัสเซีย หลายแห่ง เช่น RT ออกจากแพลตฟอร์มของบริษัท หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT และกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสายลับปฏิบัติการข่าวกรองของมอสโกว “หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เราได้ขยายการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องกับสื่อของรัฐรัสเซีย โดยขณะนี้ Rossiya Segodnya, RT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ถูกแบนจากแอปของเราทั่วโลกเนื่องจากมีกิจกรรมแทรกแซงจากต่างประเทศ” Meta กล่าวในแถลงการณ์ ในการตอบสนองต่อการแบนดังกล่าว RT บอกกับ The Washington Post ว่าการเคลื่อนไหวของ Meta เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ปิดกั้นเครือข่ายในยุโรปเมื่อสองปีก่อน “ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกเขาปิดประตูแล้วก็ปิดหน้าต่าง 'พวกพ้อง' (หรือในภาษาของคุณคือ นักรบกองโจร) ของเราก็จะหาช่องโหว่เพื่อคลานผ่านมันไปได้” ขณะเดียวกัน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า “เป็นลบมาก” “Meta ทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยการกระทำเหล่านี้ และแน่นอนว่า การกระทำที่เลือกปฏิบัติต่อสื่อของรัสเซียเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เรามีทัศนคติเชิงลบอย่างยิ่งต่อเรื่องนี้” เขากล่าว “สิ่งนี้ทำให้โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ปกติระหว่างเรากับบริษัท Meta มีความซับซ้อนมากขึ้น” แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT อย่าง Rossiya Segodnya และ TV-Novosti เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบลิงเคนกล่าวว่าเครมลินใช้ RT เพื่อดำเนินการข่าวกรองทางไซเบอร์ระหว่างประเทศและปฏิบัติการอิทธิพลลับ รวมถึงช่วยในการจัดหาอาวุธสำหรับสงครามของรัสเซียกับยูเครน บลิงเคนกล่าวว่าข้อมูลใหม่ที่เปิดเผยคือหน่วยงานเหล่านี้ “ไม่ใช่แค่ผู้ปล่อยข่าวกรองและข้อมูลบิดเบือนของรัสเซียอีกต่อไป พวกเขากำลังทำกิจกรรมอิทธิพลลับเพื่อบ่อนทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นหน่วยงานโดยพฤตินัยของหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย” ในแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศระบุว่า RT และพนักงานได้ประสานงานกับเครมลินเพื่ออิทธิพลในการเลือกตั้งในเดือนหน้าในมอลโดวา สื่อของรัฐรัสเซียถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเท็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ ตลอดจนการแพร่กระจายโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ในปี 2022 หลังจากการรุกราน สำนักข่าว Meta กล่าวว่าได้ "จำกัดการเข้าถึง" RT และ Sputnik ซึ่งเป็นสื่อของรัฐรัสเซียอีกแห่ง ทั่วสหภาพยุโรป ตามคำร้องขอจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป ในเวลานั้น YouTube และ TikTok ได้บังคับใช้การห้ามที่คล้ายกันในยุโรป เมื่อต้นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวว่าความพยายามลับๆ ของรัสเซียในการมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เป็นภัยคุกคามจากต่างประเทศที่ร้ายแรงที่สุดในฤดูกาลการเมืองนี้ เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลของไบเดนได้ฟ้องร้องพนักงานชาวรัสเซียของ RT สองคน โดยกล่าวหาว่าพวกเขาจ่ายเงินให้บริษัทสื่อของอเมริกาเพื่อเผยแพร่คลิปวิดีโอภาษาอังกฤษบนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ เช่น YouTube, TikTok, Instagram และ X ต่อมา YouTube ได้ปิดช่องการเมืองฝ่ายขวาหลายช่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าว นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ประกาศดำเนินการกับผู้บริหารของ RT และสื่อของรัฐบาลรัสเซียในเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองของสหรัฐฯ ต่อ “ความพยายามใช้อิทธิพลอันชั่วร้ายของมอสโกที่กำหนดเป้าหมายไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024” #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 537 Views 0 Reviews
  • ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!!

    ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ

    ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย
    แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง

    สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า
    วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้
    รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน

    นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน
    เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin***

    เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน
    ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน
    รวมทั้งที่ยูเครน

    เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด
    และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ
    ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน

    เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า
    หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล
    ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง

    แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น
    ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996)
    แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก
    งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน
    เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา
    หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา”
    กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น
    จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง

    การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ
    อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ
    งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน
    ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน

    แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น……
    ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ
    ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น
    โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
    ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง
    “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ
    ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว
    ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป”
    นักข่าวถามต่อว่า
    “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??”
    “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “

    นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน
    แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007)
    หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997)
    หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997)

    เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ
    เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น

    เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง

    และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์……
    หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง
    ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่
    เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute
    แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย
    และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย

    ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ
    ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย
    นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย
    เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง
    เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น

    และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน

    แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า
    เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน
    ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร
    ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม
    แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก
    การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย
    เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO
    จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ
    จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล
    ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา

    ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม
    และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส
    โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน
    หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต
    ประทับตรา ผ่านศุลกากร

    การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย
    แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ
    เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน

    คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า
    ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!!

    ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin
    เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่
    ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก……

    เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง
    แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย
    ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.…

    นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน
    เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก
    เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว

    ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ
    หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง
    บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่
    การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง
    และเศรษฐกิจ
    เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ……

    เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน
    ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้
    แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!!
    เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก”

    นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน
    ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล
    ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ”
    “ดีใจอะไรหรือครับ..?”
    “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ”

    ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย…
    สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน
    ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด
    ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ……
    “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..”
    ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ……
    เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป

    ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า
    “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!!

    ~~~ขยายความ

    Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB
    ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย

    Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft

    ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร
    เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ
    แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง

    Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom
    คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน

    ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น
    เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด………

    แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!!

    Wiwanda W. Vichit
    ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!! ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้ รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin*** เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน รวมทั้งที่ยูเครน เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996) แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา” กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น…… ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป” นักข่าวถามต่อว่า “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??” “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “ นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007) หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997) หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997) เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์…… หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่ เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต ประทับตรา ผ่านศุลกากร การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!! ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่ ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก…… เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.… นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง และเศรษฐกิจ เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ…… เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้ แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!! เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก” นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ” “ดีใจอะไรหรือครับ..?” “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ” ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย… สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ…… “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..” ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ…… เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!! ~~~ขยายความ Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด……… แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๒)

    ตระกูล Rothschild มีอำนาจมากเพียงใด?

    ตระกูล Rothschild ยังมีหุ้นและการลงทุนตั้งแต่ ๕%-๕๐%+ ในบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และเอเชียมากมาย ตั้งแต่ Glencore Mining และ Total Energies ไปจนถึง Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp และ Rio Tinto Mining Corporation

    ในหนังสือของเขา 'Big Oil & Their Bankers', นักวิจัย Dean Henderson ค้นพบว่าตระกูล Rothschild และกลุ่มธนาคารอีก ๗ กลุ่มมีหุ้นในการควบคุมธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ก – ซึ่งเป็นธนาคารกลางที่ทรงอำนาจที่สุดและเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินของอเมริกา

    นักสืบคนอื่นๆ เชื่อว่าตระกูล Rothschilds เป็นผู้ควบคุมกรุงลอนดอนและธนาคารแห่งอังกฤษ, หรือไม่ก็เป็นเจ้าของธนาคารโดยตรง, แม้ว่าจะยังมีการโต้แย้งกันอยู่ก็ตาม

    ตระกูล Rothschilds ควบคุมนักการเมืองหรือไม่?

    อิทธิพลของตระกูล Rothschilds ที่มีต่อนักการเมืองระดับโลกนั้นยากต่อการปกปิด, เนื่องจากสมาชิกคนสำคัญของตระกูลนี้อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญอย่าง Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron และคนอื่นๆ

    ตระกูลนี้ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางธุรกิจและอำนาจทางเศรษฐกิจและตลาด, หรือในกรณีของ Macron – ก็คือจ้างเขาเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนก่อนที่เขาจะเริ่มอาชีพทางการเมือง
    .
    How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 2)

    How powerful are the Rothschilds?

    The Rothschilds also have ownership stakes and investments ranging from 5%-50%+ in an array of European, US and Asian mega corporations, from Glencore Mining and Total Energies to Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp and the Rio Tinto Mining Corporation.

    In his book ‘Big Oil & Their Bankers’, researcher Dean Henderson discovered that the Rothschilds and a clique of seven other banking families enjoy a controlling stake in the New York Federal Reserve Bank – the most powerful Fed bank and the heart of America’s financial system.

    Other investigators believe the Rothschilds either control the city of London and the Bank of England, or own it outright, although this has been disputed.

    Do Rothschilds control politicians?

    Rothschilds' influence over world politicians has become impossible to conceal, with the family’s prominent members rubbing shoulders with the likes of Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron, and others.

    The clan either takes advantage of business connections and sheer economic and market power, or in Macron’s case – hiring him as an investment banker before he began his political career.
    .
    8:19 PM · Sep 15, 2024 · 42.7K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835307498514874475
    ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๒) ตระกูล Rothschild มีอำนาจมากเพียงใด? 🔺ตระกูล Rothschild ยังมีหุ้นและการลงทุนตั้งแต่ ๕%-๕๐%+ ในบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และเอเชียมากมาย ตั้งแต่ Glencore Mining และ Total Energies ไปจนถึง Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp และ Rio Tinto Mining Corporation 🔺ในหนังสือของเขา 'Big Oil & Their Bankers', นักวิจัย Dean Henderson ค้นพบว่าตระกูล Rothschild และกลุ่มธนาคารอีก ๗ กลุ่มมีหุ้นในการควบคุมธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ก – ซึ่งเป็นธนาคารกลางที่ทรงอำนาจที่สุดและเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินของอเมริกา 🔺นักสืบคนอื่นๆ เชื่อว่าตระกูล Rothschilds เป็นผู้ควบคุมกรุงลอนดอนและธนาคารแห่งอังกฤษ, หรือไม่ก็เป็นเจ้าของธนาคารโดยตรง, แม้ว่าจะยังมีการโต้แย้งกันอยู่ก็ตาม ตระกูล Rothschilds ควบคุมนักการเมืองหรือไม่? 🔶อิทธิพลของตระกูล Rothschilds ที่มีต่อนักการเมืองระดับโลกนั้นยากต่อการปกปิด, เนื่องจากสมาชิกคนสำคัญของตระกูลนี้อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญอย่าง Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron และคนอื่นๆ 🔶ตระกูลนี้ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางธุรกิจและอำนาจทางเศรษฐกิจและตลาด, หรือในกรณีของ Macron – ก็คือจ้างเขาเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนก่อนที่เขาจะเริ่มอาชีพทางการเมือง . How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 2) How powerful are the Rothschilds? 🔺The Rothschilds also have ownership stakes and investments ranging from 5%-50%+ in an array of European, US and Asian mega corporations, from Glencore Mining and Total Energies to Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp and the Rio Tinto Mining Corporation. 🔺In his book ‘Big Oil & Their Bankers’, researcher Dean Henderson discovered that the Rothschilds and a clique of seven other banking families enjoy a controlling stake in the New York Federal Reserve Bank – the most powerful Fed bank and the heart of America’s financial system. 🔺Other investigators believe the Rothschilds either control the city of London and the Bank of England, or own it outright, although this has been disputed. Do Rothschilds control politicians? 🔶Rothschilds' influence over world politicians has become impossible to conceal, with the family’s prominent members rubbing shoulders with the likes of Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron, and others. 🔶The clan either takes advantage of business connections and sheer economic and market power, or in Macron’s case – hiring him as an investment banker before he began his political career. . 8:19 PM · Sep 15, 2024 · 42.7K Views https://x.com/SputnikInt/status/1835307498514874475
    Like
    Wow
    4
    2 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑)

    บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน

    ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร?

    ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน

    สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก

    ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล

    ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน?

    เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง

    การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ'

    ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก
    .
    How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1)

    Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup.

    What is the Rothschild banking clan known for?

    Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises.

    Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company.

    The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations.

    How rich are the Rothschilds?

    A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.”

    Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions.

    For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned.
    .
    8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑) บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร? 🌏 ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน 🌏 สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก 🌏 ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน? 🔶 เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง 🔶 การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ' 🔶 ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก . How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1) Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup. What is the Rothschild banking clan known for? 🌏Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises. 🌏Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company. 🌏The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations. How rich are the Rothschilds? 🔶A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.” 🔶Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions. 🔶For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned. . 8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    Like
    Wow
    3
    2 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • ‘จักรภพ’ แจงเหตุต้องหนี 15 ปี ทั้งที่คดีเคลียร์ง่ายนิดเดียว อ้างเพราะมีการขู่ฆ่า ส่งทีมลอบสังหาร บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ชี้เป็นคดีการเมือง เหมือนยุบพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล-ไทยรักไทย
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000086915

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ‘จักรภพ’ แจงเหตุต้องหนี 15 ปี ทั้งที่คดีเคลียร์ง่ายนิดเดียว อ้างเพราะมีการขู่ฆ่า ส่งทีมลอบสังหาร บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ชี้เป็นคดีการเมือง เหมือนยุบพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล-ไทยรักไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000086915 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Angry
    Love
    Wow
    Sad
    28
    1 Comments 0 Shares 980 Views 0 Reviews
  • การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ

    ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/

    ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก

    ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ

    สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ

    1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก
    สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

    2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน

    ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ

    1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น

    2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า
    การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น

    3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น
    การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย

    4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง
    การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก

    5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์
    ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด

    ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้

    1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
    เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ

    2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก
    การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

    การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น

    IMCT News

    ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/ ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ 2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ 1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น 2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น 3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย 4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก 5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์ ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้ 1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ 2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น IMCT News ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    BHATTANDJOSHIASSOCIATES.COM
    Saudi Arabia’s Petrodollar Exit: Enhancing Diplomatic and Economic Leverage - Bhatt & Joshi Associates
    Explore the impact of Saudi Arabia’s petrodollar exit on global diplomacy, trade dynamics, and economic stability.
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • การ์ตูนการเมือง : บัญชา/คามิน
    ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

    #Thaitimes
    การ์ตูนการเมือง : บัญชา/คามิน ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Wow
    5
    0 Comments 0 Shares 383 Views 0 Reviews
  • หน้าด้านหน้าทนมีอยู่จริง มีให้เห็นแล้ว หลายคนพูดผิดไปแล้ว ทำเหมือนไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ได้ทำกรรมสำเร็จแล้วด้วยวาจา หรือทำวจีกรรมทุจริตเสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ การพูดโกหก ตอแหล บิดเบือน ส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบ(พูดข้ามขั้นตอนระหว่างปัจจัยที่เป็นเหตุกับปัจจัยที่เกิดจากเหตุ) พูดเพ้อเจ้อ(พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีหลักการ ไม่อาศัยเหตุผล..) .....

    เมื่อคนทุจริตทำผิดจริยธรรม การตัดสินใจจัดการบริหารบ้านเมืองตามนโยบาย ก็ย่อมทุจจริต ผิดทำนองคลองธรรมไปด้วยโดยปริยาย

    #ยกตัวอย่าง เช่น
    1)ทำประเทศไทยให้เป็นแหล่งอบายมุขอันดับหนึ่งของโลก
    2)ให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้นานถึง 99 ปี
    3)อ้างว่ามีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และคิดแบ่งปันทรัพยากรพลังงานกับเพื่อนรัก ฮุนเซน
    4)เอาที่ดินธรณีสงฆ์ มาทำธุรกิจของตน ทั้งที่รู้มาก่อนว่า เป็นที่บริจาคจากยายเนื่อม
    5)เป็น นช.เทวดา แสร้งป่วยทิพย์ ไม่ยอมติดคุก ทั้ง ๆ ที่ได้ยอมรับจากคำขอพระราชทานอภัยโทษมาก่อนแล้ว

    หากนักการเมือง มีจิตสำนึกดี ประเทศจะไม่เดือดร้อน เมื่อเป็นคนไร้ยางอาย ทำเป็นเด็กอมมือ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี...อย่างนี้แล้ว ประชาชนคนไทยคิดอย่างไร ?
    เราต้องการคนไม่มีจริยธรรมแบบนี้มา บริหารประเทศจริงหรือ ?
    เราหาคนดี คนมีจริยธรรมมาบริหารประเทศของเราไม่ได้แล้ว ?!?!
    หน้าด้านหน้าทนมีอยู่จริง มีให้เห็นแล้ว หลายคนพูดผิดไปแล้ว ทำเหมือนไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ได้ทำกรรมสำเร็จแล้วด้วยวาจา หรือทำวจีกรรมทุจริตเสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ การพูดโกหก ตอแหล บิดเบือน ส่อเสียดให้แตกแยก พูดหยาบ(พูดข้ามขั้นตอนระหว่างปัจจัยที่เป็นเหตุกับปัจจัยที่เกิดจากเหตุ) พูดเพ้อเจ้อ(พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีหลักการ ไม่อาศัยเหตุผล..) ..... เมื่อคนทุจริตทำผิดจริยธรรม การตัดสินใจจัดการบริหารบ้านเมืองตามนโยบาย ก็ย่อมทุจจริต ผิดทำนองคลองธรรมไปด้วยโดยปริยาย #ยกตัวอย่าง เช่น 1)ทำประเทศไทยให้เป็นแหล่งอบายมุขอันดับหนึ่งของโลก 2)ให้ต่างชาติถือครองที่ดินได้นานถึง 99 ปี 3)อ้างว่ามีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และคิดแบ่งปันทรัพยากรพลังงานกับเพื่อนรัก ฮุนเซน 4)เอาที่ดินธรณีสงฆ์ มาทำธุรกิจของตน ทั้งที่รู้มาก่อนว่า เป็นที่บริจาคจากยายเนื่อม 5)เป็น นช.เทวดา แสร้งป่วยทิพย์ ไม่ยอมติดคุก ทั้ง ๆ ที่ได้ยอมรับจากคำขอพระราชทานอภัยโทษมาก่อนแล้ว หากนักการเมือง มีจิตสำนึกดี ประเทศจะไม่เดือดร้อน เมื่อเป็นคนไร้ยางอาย ทำเป็นเด็กอมมือ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี...อย่างนี้แล้ว ประชาชนคนไทยคิดอย่างไร ? เราต้องการคนไม่มีจริยธรรมแบบนี้มา บริหารประเทศจริงหรือ ? เราหาคนดี คนมีจริยธรรมมาบริหารประเทศของเราไม่ได้แล้ว ?!?!
    0 Comments 0 Shares 122 Views 18 0 Reviews
  • ยักไหล่แล้วไปต่อ : การ์ตูนการเมือง (17-09-67)
    #พรรคประชาชน #ธนาธร #ยักไหล่แล้วไปต่อ
    ยักไหล่แล้วไปต่อ : การ์ตูนการเมือง (17-09-67) #พรรคประชาชน #ธนาธร #ยักไหล่แล้วไปต่อ
    Haha
    Like
    Love
    Yay
    Wow
    60
    1 Comments 0 Shares 644 Views 0 Reviews
  • ♣ ทักษิณนั่งชิล รอพรรคการเมืองเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคไหนไม่แก้ โปรดแสดงตัว
    #7ดอกจิก
    ♣ ทักษิณนั่งชิล รอพรรคการเมืองเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคไหนไม่แก้ โปรดแสดงตัว #7ดอกจิก
    Angry
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • "ชูศักดิ์" เผยทุกพรรคพร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเฉพาะประเด็นจริยธรรมนักการเมือง

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000086396

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ชูศักดิ์" เผยทุกพรรคพร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเฉพาะประเด็นจริยธรรมนักการเมือง อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000086396 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Sad
    Love
    Haha
    18
    2 Comments 0 Shares 940 Views 2 Reviews
  • รวมเรื่องสั้นจีนผู้ควบคุมแผ่นดิน

    เล่มนี้ซื้อมือสองมาน่าจะสักครึ่งปีได้แล้วมั้ง สภาพกระดาษเหลืองเก่าและค่อนข้างกรอบ มีกลิ่นเฉพาะของหนังสือเก่า พลิกอ่านต้องเบามือเพราะเกรงกระดาษจะขาดร่วงได้

    ความเข้าใจตอนแรกที่เห็นปกแล้วตัดสินใจซื้อเพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องสั้นหลากหลายที่น่าศึกษา แต่เมื่ออ่านแล้วกลับพบว่า ไม่อาจเรียกว่าเป็นเรื่องสั้นตามนิยามของเรื่องสั้นแท้จริง น่าจะเป็นความเรียงมากกว่า

    ในเล่มมีสิบกว่าเรื่องเกือบยี่สิบได้ หนา 220 หน้าถ้าจำไม่ผิด ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือผู้ชายไม่มาก พิมพ์ตั้งแต่ ก.พ.2523 ที่สารศึกษาการพิมพ์ โดยกลุ่มกระแสลม ราคาที่ปกในระบุ 16 บาท (แต่ผมซื้อมาราคาสูงกว่าปก ลืมแล้วว่ากี่สิบบาท) คนแปลในแต่ละเรื่องไม่ใช่คนเดียวกัน

    อ่านจบเมื่อเช้า ตลอดทั้งเล่มคือรวมเรื่องราวเกี่ยวกับชาติจีนช่วงที่ปกครองโดยรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง ถูกญี่ปุ่นรุกราน และพรรคคอมมิวนิสต์พยายามต่อสู้ปฏิวัติรัฐบาลของเจียงไคเช็ก ดังนั้นมุมมองในทุกเรื่องที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นมุมมองของคนเขียนความเรียงที่เป็นชนชั้นชาวนาและกรรมกรที่มีต่อพวกผู้ถือครองที่ดิน ซึ่งมักกดขี่ข่มเหงบีบคั้นชาวจีนที่จนยากสารพัดรูปแบบ จนก่อเกิดความชิงชังเคียดแค้นไปทั่วแผ่นดิน

    ผู้คนที่ถูกบอกเล่ากล่าวถึงในเรื่องทุกเรื่องจึงน่าจะเคยมีตัวตนอยู่จริง และนี่เป็นกึ่งบันทึกเรื่องราวประวัติชีวิตของเขาเหล่านั้น ที่ผ่านความลำบากตรากตรำ อดทนต่อความหิว ทรมานทางกายและใจในยุคเปลี่ยนผ่าน และเชิดชูอุดมการณ์รวมถึงตัวของประธานเหมา ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ วีรบุรุษ ผู้กอบกู้ ผู้ปลดแอก หรืออื่นใดแล้วแต่จะเรียก เป็นผู้ได้รับความเคารพบูชาสุดสูงเหนืออื่นใด

    แม้นส่วนตัวผมจะไม่ได้ชื่นชมหรือเชิดชูยกย่องท่านประธานเหมาดังพวกเขาเหล่านั้น เพราะยังมองเห็นถึงความไม่ถูกต้องของระบอบคอมมิวนิสต์ในลัทธิมาร์ก-เลนิน ทว่าต้องยอมรับว่าได้รับคุณค่าสาระไม่น้อยจากการได้อ่านหนังสือเล่มนี้

    เหล่าชายหญิงที่ได้ถูกกล่าวถึงอันเปรียบเสมือนตัวเอกในแต่ละบทนั้น ล้วนมีความดีร่วมกันประการหนึ่งซึ่งควรแก่การได้รับการสรรเสริญ เพราะเขาเหล่านั้นคือบุคคลที่หาได้ยากในบรรดามนุษย์ที่เกิดขึ้นมามากมายจนล้นแผ่นดิน ด้วยปณิธานอันแข็งแกร่งดุจหินผา และจิตใจที่มั่นคงตั้งมั่นราวดาบเอกซ์คาลิเบอร์ที่เสียบคาแนบแน่นในเนื้อหินอย่างไม่มีวันโยกคลอน ไม่อ่อนแอไหววูบไปตามปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ทั้งภายนอกหรือภายในที่มากระทบ แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีมโนสัญเจตนาหารที่จะปฏิบัติตนเพื่อรับใช้ปวงประชาชนผู้ทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด แม้นสละชีวิตก็ไม่เสียดาย แต่ไม่ใช่การเสียสละอย่างคนโง่ที่งี่เง่า หากแต่คือการยอมตนให้ลำบากเหนือกว่าคนทั่วไปจะกระทำได้ด้วยความยินดี ไม่มีอิดออด ไม่อ้างความไม่ชอบ ไม่อ้างใด ๆ ก็ตามอันเกิดจากความกลัวเจ็บ กลัวทุกข์ยาก กลัวอด กลัวในสารพัดสิ่งอันประกอบไปด้วยแรงนำของอำนาจกิเลสชักนำไป

    ทุกคนในเรื่องแต่ละเรื่องที่รวมมาอยู่ในเล่มนี้ จึงมีความเป็นเอกในด้านความบำเพ็ญในสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปชอบหลีกเลี่ยง ไม่เอาภาระ ไม่ยอมแบก ไม่ยอมสู้ และทำได้ยาก ด้วยเชื่อมั่นสุดจิตสุดใจในตัวบุคคลและคำสอน อันเป็นเช่นศูนย์รวมจิตใจคือตัวประธานเหมา เขาเหล่านั้นเชื่อเหลือเกินว่าสักวันชาวนาและกรรมกรผู้ยากไร้และถูกรังแกเอาเปรียบมาตลอด จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับเสมอภาคกัน หลายคนตายไปก่อนจะทันได้อยู่ถึงวันที่จีนกลายเป็นจีนที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ที่เขาใฝ่ฝันดังปัจจุบัน

    ไม่ว่าเขาจะคิดถูกหรือคิดผิดเกี่ยวกับระบอบ แต่เรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ การยอมเป็นผู้ลำบากเสียเอง และรับใช้ส่วนรวมคือชาติและประชาชนด้วยความยินดีโดยสุจริตใจนั้นน่ายกย่อง เพราะที่สุดแล้วการสลัดทิ้งความเห็นแก่ตัวที่มีในตนออกไปให้ได้มากเพียงใด ย่อมเข้าถึงความหมดจากตัวหมดจากตน ลดละทิฏฐิมานะ ลดละอำนาจกิเลสได้มากยิ่งขึ้น ชีวิตของคนเหล่านี้จึงเหมือนเดินไปตามกรอบของหลักปฏิบัติแนวทางพุทธ แม้นเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเองและไม่เข้าใจก็ตาม

    #เรื่องสั้น
    #เรื่องสั้นจีน
    #คอมมิวนิสต์
    #ปฏิวัติวัฒนธรรม
    #ประวัติศาสตร์
    #หนังสือ
    #thaitimes
    #การเมือง
    รวมเรื่องสั้นจีนผู้ควบคุมแผ่นดิน เล่มนี้ซื้อมือสองมาน่าจะสักครึ่งปีได้แล้วมั้ง สภาพกระดาษเหลืองเก่าและค่อนข้างกรอบ มีกลิ่นเฉพาะของหนังสือเก่า พลิกอ่านต้องเบามือเพราะเกรงกระดาษจะขาดร่วงได้ ความเข้าใจตอนแรกที่เห็นปกแล้วตัดสินใจซื้อเพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องสั้นหลากหลายที่น่าศึกษา แต่เมื่ออ่านแล้วกลับพบว่า ไม่อาจเรียกว่าเป็นเรื่องสั้นตามนิยามของเรื่องสั้นแท้จริง น่าจะเป็นความเรียงมากกว่า ในเล่มมีสิบกว่าเรื่องเกือบยี่สิบได้ หนา 220 หน้าถ้าจำไม่ผิด ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือผู้ชายไม่มาก พิมพ์ตั้งแต่ ก.พ.2523 ที่สารศึกษาการพิมพ์ โดยกลุ่มกระแสลม ราคาที่ปกในระบุ 16 บาท (แต่ผมซื้อมาราคาสูงกว่าปก ลืมแล้วว่ากี่สิบบาท) คนแปลในแต่ละเรื่องไม่ใช่คนเดียวกัน อ่านจบเมื่อเช้า ตลอดทั้งเล่มคือรวมเรื่องราวเกี่ยวกับชาติจีนช่วงที่ปกครองโดยรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง ถูกญี่ปุ่นรุกราน และพรรคคอมมิวนิสต์พยายามต่อสู้ปฏิวัติรัฐบาลของเจียงไคเช็ก ดังนั้นมุมมองในทุกเรื่องที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นมุมมองของคนเขียนความเรียงที่เป็นชนชั้นชาวนาและกรรมกรที่มีต่อพวกผู้ถือครองที่ดิน ซึ่งมักกดขี่ข่มเหงบีบคั้นชาวจีนที่จนยากสารพัดรูปแบบ จนก่อเกิดความชิงชังเคียดแค้นไปทั่วแผ่นดิน ผู้คนที่ถูกบอกเล่ากล่าวถึงในเรื่องทุกเรื่องจึงน่าจะเคยมีตัวตนอยู่จริง และนี่เป็นกึ่งบันทึกเรื่องราวประวัติชีวิตของเขาเหล่านั้น ที่ผ่านความลำบากตรากตรำ อดทนต่อความหิว ทรมานทางกายและใจในยุคเปลี่ยนผ่าน และเชิดชูอุดมการณ์รวมถึงตัวของประธานเหมา ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ วีรบุรุษ ผู้กอบกู้ ผู้ปลดแอก หรืออื่นใดแล้วแต่จะเรียก เป็นผู้ได้รับความเคารพบูชาสุดสูงเหนืออื่นใด แม้นส่วนตัวผมจะไม่ได้ชื่นชมหรือเชิดชูยกย่องท่านประธานเหมาดังพวกเขาเหล่านั้น เพราะยังมองเห็นถึงความไม่ถูกต้องของระบอบคอมมิวนิสต์ในลัทธิมาร์ก-เลนิน ทว่าต้องยอมรับว่าได้รับคุณค่าสาระไม่น้อยจากการได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เหล่าชายหญิงที่ได้ถูกกล่าวถึงอันเปรียบเสมือนตัวเอกในแต่ละบทนั้น ล้วนมีความดีร่วมกันประการหนึ่งซึ่งควรแก่การได้รับการสรรเสริญ เพราะเขาเหล่านั้นคือบุคคลที่หาได้ยากในบรรดามนุษย์ที่เกิดขึ้นมามากมายจนล้นแผ่นดิน ด้วยปณิธานอันแข็งแกร่งดุจหินผา และจิตใจที่มั่นคงตั้งมั่นราวดาบเอกซ์คาลิเบอร์ที่เสียบคาแนบแน่นในเนื้อหินอย่างไม่มีวันโยกคลอน ไม่อ่อนแอไหววูบไปตามปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ทั้งภายนอกหรือภายในที่มากระทบ แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีมโนสัญเจตนาหารที่จะปฏิบัติตนเพื่อรับใช้ปวงประชาชนผู้ทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด แม้นสละชีวิตก็ไม่เสียดาย แต่ไม่ใช่การเสียสละอย่างคนโง่ที่งี่เง่า หากแต่คือการยอมตนให้ลำบากเหนือกว่าคนทั่วไปจะกระทำได้ด้วยความยินดี ไม่มีอิดออด ไม่อ้างความไม่ชอบ ไม่อ้างใด ๆ ก็ตามอันเกิดจากความกลัวเจ็บ กลัวทุกข์ยาก กลัวอด กลัวในสารพัดสิ่งอันประกอบไปด้วยแรงนำของอำนาจกิเลสชักนำไป ทุกคนในเรื่องแต่ละเรื่องที่รวมมาอยู่ในเล่มนี้ จึงมีความเป็นเอกในด้านความบำเพ็ญในสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปชอบหลีกเลี่ยง ไม่เอาภาระ ไม่ยอมแบก ไม่ยอมสู้ และทำได้ยาก ด้วยเชื่อมั่นสุดจิตสุดใจในตัวบุคคลและคำสอน อันเป็นเช่นศูนย์รวมจิตใจคือตัวประธานเหมา เขาเหล่านั้นเชื่อเหลือเกินว่าสักวันชาวนาและกรรมกรผู้ยากไร้และถูกรังแกเอาเปรียบมาตลอด จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับเสมอภาคกัน หลายคนตายไปก่อนจะทันได้อยู่ถึงวันที่จีนกลายเป็นจีนที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ที่เขาใฝ่ฝันดังปัจจุบัน ไม่ว่าเขาจะคิดถูกหรือคิดผิดเกี่ยวกับระบอบ แต่เรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ การยอมเป็นผู้ลำบากเสียเอง และรับใช้ส่วนรวมคือชาติและประชาชนด้วยความยินดีโดยสุจริตใจนั้นน่ายกย่อง เพราะที่สุดแล้วการสลัดทิ้งความเห็นแก่ตัวที่มีในตนออกไปให้ได้มากเพียงใด ย่อมเข้าถึงความหมดจากตัวหมดจากตน ลดละทิฏฐิมานะ ลดละอำนาจกิเลสได้มากยิ่งขึ้น ชีวิตของคนเหล่านี้จึงเหมือนเดินไปตามกรอบของหลักปฏิบัติแนวทางพุทธ แม้นเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเองและไม่เข้าใจก็ตาม #เรื่องสั้น #เรื่องสั้นจีน #คอมมิวนิสต์ #ปฏิวัติวัฒนธรรม #ประวัติศาสตร์ #หนังสือ #thaitimes #การเมือง
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • #ใครคือBoss
    เรื่องนี้เปิดปุ๊บทุกอย่างสว่างคาตา
    เป็นการเฉลยถึงทุกเหตุการณ์
    -ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ ว่าแพลตฟอร์ม ตต แม้จะเกิดขึ้นมาระยะเวลานึงแล้ว แต่การพีเค เพิ่งจะเริ่มต้นไม่นาน หลังจาก ตต เริ่มมียูซจำนวนมากเป็นคู่แข่งสำคัญของแอพฟ้า ซึ่งการพีเค ตามระบบของแพลตฟอร์ม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีคนที่เห็นช่องทางนี้ นำไปสู่สิ่งที่มากไปกว่านั้น
    -พี่คิงส์จะเล่าแบบนี้ เงินที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะมันมาจากมิจ ทั้งเรื่องออนไลน์ พวกคอลเซ็งเทอร์ หรือญาเฉบติก ซึ่งปัจจุบันทุกประเทศก็จะมีการพัฒนาระบบ เพื่อปิดช่องทาง ไม่ให้สามารถสาวไปถึงเจ้าของได้ จนเป็นที่มา ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย ที่อดีตรอง ผบตร. ต้องถูกออกจากราชการ นั่นเพราะสนง ตร. แห่งชาติ มีระบบที่สามารถสืบหาการโยงของเส้นเงินได้อย่างชัดเจน และถ้าสังเกตุดีๆ บรรดาเงินดาร์คพวกนี้ที่เคยซักให้สะอาดโดยผ่านอสังหา หรือรถมือสองบางราย โดยเฉพาะพวกซุเปอร์คาร์ ออกมาเทกระจาด เพราะเกรงระบบตรวจสอบจะมาถึงตัว เลยต้องเปลี่ยนทรัพย์ให้เป็นแคชให้มาก ซึ่งบางรายก็ต้องเอาเงินดาร์ค ไปใส่ไว้ในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งก็มีการเหวี่ยงของอัตราพอสมควร
    -ดังนั้น การพีเค คือสิ่งใหม่ ที่ผู้ชำนาญเรื่องการซักอบรีดเงินดาร์ค มองเห็นช่องทางพิเศษ จึงวางโมเดลใหม่เอี่ยม ด้วยการสร้างบริษัท เพื่อหานักแสดงที่พอปั้นให้มีแสงได้ มีการลองที่ 1 คู่ โดยตัว บอส ได้โยนเงินดาร์คเข้าไปเปลี่ยนเป็นเหรียญในตต. ก็ไม่สามารถจับมือใครได้ว่า ติ๊กเกอร์นั้นคือของใคร โดยตต.ได้ผลประโยชน์แค่เพียงเล็กน้อย หลังจากเปลี่ยนเงินดาร์ค-สู่เหรียญตต.-สู่ติ๊กเกอร์ ก็วนกลับมา หลังหักค่าธรรมเนียมให้ตต. ก็นำออกมาเสียภาษี ว่าเป็นอินคัมจากการพีเค เท่านั้นก็สะอาดกริ๊บ และมูลค่าของติ๊กเกอร์ ก็มีที่สูงๆ ส่งไม่กี่ทีก็ขึ้นหลักร้อยM ได้ง่ายๆ หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างบริษัทเพิ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปั้นดาวที่เรียกว่าจะมีการส่งติ๊กเกอร์ที่สัมพันธ์กับผู้ติดตาม ต้องสร้างฐานก่อน
    -แล้วมีความเกี่ยวข้องกับอิเหวิงอย่างไร โพสนี้ยาวนะ แต่อ่านกันให้จบก็แล้วกัน
    อิเหวิงยอมรับว่าตัวเอง มีบ.ดูแล ตั้งแต่ที่ต้มคนไทยว่าลำบากแบบที่อิโจยังเพ้อไม่เลิก อิเหวิงถือเป็นหนึ่งเบี้ยตัวตุ๊กตาในโมเดลใหม่นี้
    และเป็นจังหวะที่บังเอิญ ที่ชาลีก็เฝ้ามองการแสดง อย่างที่ไม่รู้ว่านั่นคือการแสดง นำไปสู่ความใจดีที่พาคนไทยเข้าไปซัพพอตอิเหวิง นั่นคือปฐมบทที่ทุกคนก็รู้ๆกันอยู่แล้ว พี่คิงส์จะข้ามไป
    -ดังนั้น การมีจำนวนผู้ติดตามที่เกาะกระแสน้องแน๊กชาลีได้คนแรกของโมเดล สิ่งที่ได้คือ ติ๊กเกอร์ของจริง ที่อิเหวิงได้ส่วนแบ่งฉ่ำๆไป และส่วนที่สองคือการสอดไส้เงินดาร์คเข้าสู่ระบบ โดยถ้าสังเกตุดีๆ ยูนิแพงแค่ไหน แต่อิเหวิงได้แทบทุกไลฟ์แบบรัวๆ แม้กระทั่งในห้อง DC คนจะลดลงไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็น ทุยก็เฮ เฮ ติ๊กเกอร์รัวๆ ทุยตอนนี้ก็กินแกลบกันแล้ว จะเอาที่ไหนไปให้ ถ้าตั้งสติดีๆ
    -และในโมเดลนี้ได้พัฒนาต่อ โดยเหมือนศูนยน์ประจำประเทศนั้นๆ ซึ่งในประเทศไทย ่่่่โจ คือคนที่ได้รับความไว้วางใจ สร้างกลุ่ม DC และรู้ว่าคุมแน๊กไม่ได้ แน๊กคอยขัดคอเวลาที่พวกนี้หาแดรกกับคนไทย จึงต้องสร้างอคติ กดจิตหมู่ จนลามปามไปถึงการที่ทุยมาตรร้ายต่อแน๊กและครอบครัวแม้กระทั่งหลานตัวเล็ก
    -โดยโจ จะมีทีมตัดต่อคลิปอิเหวิงหรือชาลี พอตัดต่อคลิปนี้ กฌเอาไปโยนให้ ใน dc ไปโพสต์ไปแชร์ก็แล้วแต่ หรือให้ อิโจ โพส ก้อแล้วแต่ พอเริ่มมีคนโพสต์แล้ว ทีมหลังบ้าน ลุยต่อ ด้วยการไปดันเม้นให้เป็นไวรัล
    1 คน มี 20 id แป๊บเดียว แต่มีสมาชิกในทีมเป็นฝูง ทีมยึด พื่นที่ ตามที่ต้องการ พวกนี้เงินเดือน ไม่ถึง หมื่น เม้นโพส ปั้น สร้งภาพ แต่ ag.
    -และเรื่องการปั๊มยูซไม่แท้ ก็มีเอาท์ซอสมาทำ เพื่อปั่นยอดฟอลกลัวจะตกต่ำกว่าล้านฟอล แต่ปั๊มยังไงก็ไม่ทันกับอัลฟอลแท้ เลยต้องปิดเป็นไพรเวทไว้ก่อน เพื่อให้ยอดไม่ลดลงไปกว่านี้ รวมถึงมีคอมเม้นคนไทย ที่ไปใส่อิเหวิงรัวๆ กลัวเอเจนมาเห็น แล้วไม่ต่อสัญญา
    -และตอนนี้ เอเจนก็ไม่ต่อสัญญาจริงๆ แต่อิเหวิงไม่ทำให้เสียของ เริ่มถ่ายเทให้พี่ชาย โดยมีลำดับลีลาการเปิดตัว และจากเดิมที่ทุยจะมีแต่ตัวผู้ ตอนนี้ทุยตัวเมียก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการจัดการพีเคระหว่างทุย ญ ไทย กับพี่ชายอิเหวิง กรรี๊ดดดด กันลั่นห้อง
    อันนี้เบาะๆ แค่ อีพีแรกก่อนละกัน ยาวกว่านี้จะอ่านกันไม่ไหว
    สรุปนะ มันคือการแสดง อย่าที่น้องแน๊กบอกแหละ อย่าอิน
    อิเหวิง ได้ข่าวว่าจบการแสดง แค่ที่แสดงมาก็เนียนไม่น้อย
    แต่พลาดตรงที่ประเทศไทย มีทีมทัวร์ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
    และอิโจก็ยังมึนงงจนถึงป่านนี้ว่า คิงส์โพธิ์แดงมายังไง
    มาจากไหน ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ทำเป็นบอกจะไปแ-จ้-ง ตร.
    ถ้าทำจริงป่านนี้โจโพสโชว์แล้ว วงในยืนยันว่าอิป้าไม่กล้า
    เพราะผลเยอะ และมันก็รู้ว่า เพจคิงส์โพธิ์แดงการข่าวลึกจริง
    ถึงบอกไงว่า รอ และอย่าให้รอนาน
    อย่าให้ สนง.ตร.สืบเส้นเงิน เมิงเจอแน่อิฉัด
    ส่วนการแสดงของอิเหวิง ทั้งครอบครัวร่วมด้วยช่วยกัน
    อิแม่นี่ตัวดีเลย คอยถือกล้องให้คอยช่วยบิ๊ว
    หวังว่าโพสนี้ จะทำให้ทุยไทยคิดได้
    และทำให้คนไทยได้ตื่นรู้กันซักที
    การพีเค ไม่ผิดนะ แฟลตฟอร์ม ตต.ก็ไม่ผิด
    แต่ผิดที่พวกเงินดาร์คมันเอาไปพัฒนาให้เป็นแหล่งซักอบรีดเงินดาร์คให้เป็นเงินดี ผ่านการเสียภาษีอย่างถูกต้อง
    สงสารชาลี สงสารคนไทย ที่ถูกล้อเล่นกับหัวใจ
    เพียงเพราะมีคนอย่างอิโจ ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
    ตอนนี้ ยิ่งชัดว่า อินคัมที่ได้จากโมเดลนี้ พอสมควร
    แต่ที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือ โรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง
    ที่เปิดสอนสิ่งงม-งา-ย คิดหัวเกือบฉองหมื่น
    ซึ่งการมาของคิงส์ฯและแฟนเพจ
    ทำให้ตัวบอสเองก็คาดไม่ถึง
    ก็เป็นโอกาสที่โจจะแสดงฝีมือ
    ในการปั่นให้คนไทย ชังแน๊ก
    มีทีมหลังบ้านไม่ต่ำกว่า 20 ทั้งชงทั้งชิม
    งงดิเมิง กรรรูมายังไง ก็ฟ้ามีตาไง
    ทำข่าวการเมืองอยู่แท้ๆ
    เจอแน๊กถูกเล่นงานต้องวางงานอื่น
    มาจัดเต็ม อยากทำซั่วกับคนไทย
    ต้องผ่านคิงส์โพธิ์แดงให้ได้ก่อนนะ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #ใครคือBoss เรื่องนี้เปิดปุ๊บทุกอย่างสว่างคาตา เป็นการเฉลยถึงทุกเหตุการณ์ -ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ ว่าแพลตฟอร์ม ตต แม้จะเกิดขึ้นมาระยะเวลานึงแล้ว แต่การพีเค เพิ่งจะเริ่มต้นไม่นาน หลังจาก ตต เริ่มมียูซจำนวนมากเป็นคู่แข่งสำคัญของแอพฟ้า ซึ่งการพีเค ตามระบบของแพลตฟอร์ม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มีคนที่เห็นช่องทางนี้ นำไปสู่สิ่งที่มากไปกว่านั้น -พี่คิงส์จะเล่าแบบนี้ เงินที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะมันมาจากมิจ ทั้งเรื่องออนไลน์ พวกคอลเซ็งเทอร์ หรือญาเฉบติก ซึ่งปัจจุบันทุกประเทศก็จะมีการพัฒนาระบบ เพื่อปิดช่องทาง ไม่ให้สามารถสาวไปถึงเจ้าของได้ จนเป็นที่มา ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย ที่อดีตรอง ผบตร. ต้องถูกออกจากราชการ นั่นเพราะสนง ตร. แห่งชาติ มีระบบที่สามารถสืบหาการโยงของเส้นเงินได้อย่างชัดเจน และถ้าสังเกตุดีๆ บรรดาเงินดาร์คพวกนี้ที่เคยซักให้สะอาดโดยผ่านอสังหา หรือรถมือสองบางราย โดยเฉพาะพวกซุเปอร์คาร์ ออกมาเทกระจาด เพราะเกรงระบบตรวจสอบจะมาถึงตัว เลยต้องเปลี่ยนทรัพย์ให้เป็นแคชให้มาก ซึ่งบางรายก็ต้องเอาเงินดาร์ค ไปใส่ไว้ในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งก็มีการเหวี่ยงของอัตราพอสมควร -ดังนั้น การพีเค คือสิ่งใหม่ ที่ผู้ชำนาญเรื่องการซักอบรีดเงินดาร์ค มองเห็นช่องทางพิเศษ จึงวางโมเดลใหม่เอี่ยม ด้วยการสร้างบริษัท เพื่อหานักแสดงที่พอปั้นให้มีแสงได้ มีการลองที่ 1 คู่ โดยตัว บอส ได้โยนเงินดาร์คเข้าไปเปลี่ยนเป็นเหรียญในตต. ก็ไม่สามารถจับมือใครได้ว่า ติ๊กเกอร์นั้นคือของใคร โดยตต.ได้ผลประโยชน์แค่เพียงเล็กน้อย หลังจากเปลี่ยนเงินดาร์ค-สู่เหรียญตต.-สู่ติ๊กเกอร์ ก็วนกลับมา หลังหักค่าธรรมเนียมให้ตต. ก็นำออกมาเสียภาษี ว่าเป็นอินคัมจากการพีเค เท่านั้นก็สะอาดกริ๊บ และมูลค่าของติ๊กเกอร์ ก็มีที่สูงๆ ส่งไม่กี่ทีก็ขึ้นหลักร้อยM ได้ง่ายๆ หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างบริษัทเพิ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปั้นดาวที่เรียกว่าจะมีการส่งติ๊กเกอร์ที่สัมพันธ์กับผู้ติดตาม ต้องสร้างฐานก่อน -แล้วมีความเกี่ยวข้องกับอิเหวิงอย่างไร โพสนี้ยาวนะ แต่อ่านกันให้จบก็แล้วกัน อิเหวิงยอมรับว่าตัวเอง มีบ.ดูแล ตั้งแต่ที่ต้มคนไทยว่าลำบากแบบที่อิโจยังเพ้อไม่เลิก อิเหวิงถือเป็นหนึ่งเบี้ยตัวตุ๊กตาในโมเดลใหม่นี้ และเป็นจังหวะที่บังเอิญ ที่ชาลีก็เฝ้ามองการแสดง อย่างที่ไม่รู้ว่านั่นคือการแสดง นำไปสู่ความใจดีที่พาคนไทยเข้าไปซัพพอตอิเหวิง นั่นคือปฐมบทที่ทุกคนก็รู้ๆกันอยู่แล้ว พี่คิงส์จะข้ามไป -ดังนั้น การมีจำนวนผู้ติดตามที่เกาะกระแสน้องแน๊กชาลีได้คนแรกของโมเดล สิ่งที่ได้คือ ติ๊กเกอร์ของจริง ที่อิเหวิงได้ส่วนแบ่งฉ่ำๆไป และส่วนที่สองคือการสอดไส้เงินดาร์คเข้าสู่ระบบ โดยถ้าสังเกตุดีๆ ยูนิแพงแค่ไหน แต่อิเหวิงได้แทบทุกไลฟ์แบบรัวๆ แม้กระทั่งในห้อง DC คนจะลดลงไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็น ทุยก็เฮ เฮ ติ๊กเกอร์รัวๆ ทุยตอนนี้ก็กินแกลบกันแล้ว จะเอาที่ไหนไปให้ ถ้าตั้งสติดีๆ -และในโมเดลนี้ได้พัฒนาต่อ โดยเหมือนศูนยน์ประจำประเทศนั้นๆ ซึ่งในประเทศไทย ่่่่โจ คือคนที่ได้รับความไว้วางใจ สร้างกลุ่ม DC และรู้ว่าคุมแน๊กไม่ได้ แน๊กคอยขัดคอเวลาที่พวกนี้หาแดรกกับคนไทย จึงต้องสร้างอคติ กดจิตหมู่ จนลามปามไปถึงการที่ทุยมาตรร้ายต่อแน๊กและครอบครัวแม้กระทั่งหลานตัวเล็ก -โดยโจ จะมีทีมตัดต่อคลิปอิเหวิงหรือชาลี พอตัดต่อคลิปนี้ กฌเอาไปโยนให้ ใน dc ไปโพสต์ไปแชร์ก็แล้วแต่ หรือให้ อิโจ โพส ก้อแล้วแต่ พอเริ่มมีคนโพสต์แล้ว ทีมหลังบ้าน ลุยต่อ ด้วยการไปดันเม้นให้เป็นไวรัล 1 คน มี 20 id แป๊บเดียว แต่มีสมาชิกในทีมเป็นฝูง ทีมยึด พื่นที่ ตามที่ต้องการ พวกนี้เงินเดือน ไม่ถึง หมื่น เม้นโพส ปั้น สร้งภาพ แต่ ag. -และเรื่องการปั๊มยูซไม่แท้ ก็มีเอาท์ซอสมาทำ เพื่อปั่นยอดฟอลกลัวจะตกต่ำกว่าล้านฟอล แต่ปั๊มยังไงก็ไม่ทันกับอัลฟอลแท้ เลยต้องปิดเป็นไพรเวทไว้ก่อน เพื่อให้ยอดไม่ลดลงไปกว่านี้ รวมถึงมีคอมเม้นคนไทย ที่ไปใส่อิเหวิงรัวๆ กลัวเอเจนมาเห็น แล้วไม่ต่อสัญญา -และตอนนี้ เอเจนก็ไม่ต่อสัญญาจริงๆ แต่อิเหวิงไม่ทำให้เสียของ เริ่มถ่ายเทให้พี่ชาย โดยมีลำดับลีลาการเปิดตัว และจากเดิมที่ทุยจะมีแต่ตัวผู้ ตอนนี้ทุยตัวเมียก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการจัดการพีเคระหว่างทุย ญ ไทย กับพี่ชายอิเหวิง กรรี๊ดดดด กันลั่นห้อง อันนี้เบาะๆ แค่ อีพีแรกก่อนละกัน ยาวกว่านี้จะอ่านกันไม่ไหว สรุปนะ มันคือการแสดง อย่าที่น้องแน๊กบอกแหละ อย่าอิน อิเหวิง ได้ข่าวว่าจบการแสดง แค่ที่แสดงมาก็เนียนไม่น้อย แต่พลาดตรงที่ประเทศไทย มีทีมทัวร์ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และอิโจก็ยังมึนงงจนถึงป่านนี้ว่า คิงส์โพธิ์แดงมายังไง มาจากไหน ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ทำเป็นบอกจะไปแ-จ้-ง ตร. ถ้าทำจริงป่านนี้โจโพสโชว์แล้ว วงในยืนยันว่าอิป้าไม่กล้า เพราะผลเยอะ และมันก็รู้ว่า เพจคิงส์โพธิ์แดงการข่าวลึกจริง ถึงบอกไงว่า รอ และอย่าให้รอนาน อย่าให้ สนง.ตร.สืบเส้นเงิน เมิงเจอแน่อิฉัด ส่วนการแสดงของอิเหวิง ทั้งครอบครัวร่วมด้วยช่วยกัน อิแม่นี่ตัวดีเลย คอยถือกล้องให้คอยช่วยบิ๊ว หวังว่าโพสนี้ จะทำให้ทุยไทยคิดได้ และทำให้คนไทยได้ตื่นรู้กันซักที การพีเค ไม่ผิดนะ แฟลตฟอร์ม ตต.ก็ไม่ผิด แต่ผิดที่พวกเงินดาร์คมันเอาไปพัฒนาให้เป็นแหล่งซักอบรีดเงินดาร์คให้เป็นเงินดี ผ่านการเสียภาษีอย่างถูกต้อง สงสารชาลี สงสารคนไทย ที่ถูกล้อเล่นกับหัวใจ เพียงเพราะมีคนอย่างอิโจ ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ตอนนี้ ยิ่งชัดว่า อินคัมที่ได้จากโมเดลนี้ พอสมควร แต่ที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือ โรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง ที่เปิดสอนสิ่งงม-งา-ย คิดหัวเกือบฉองหมื่น ซึ่งการมาของคิงส์ฯและแฟนเพจ ทำให้ตัวบอสเองก็คาดไม่ถึง ก็เป็นโอกาสที่โจจะแสดงฝีมือ ในการปั่นให้คนไทย ชังแน๊ก มีทีมหลังบ้านไม่ต่ำกว่า 20 ทั้งชงทั้งชิม งงดิเมิง กรรรูมายังไง ก็ฟ้ามีตาไง ทำข่าวการเมืองอยู่แท้ๆ เจอแน๊กถูกเล่นงานต้องวางงานอื่น มาจัดเต็ม อยากทำซั่วกับคนไทย ต้องผ่านคิงส์โพธิ์แดงให้ได้ก่อนนะ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 445 Views 0 Reviews
  • ♣ เป็นสส.อยู่ดีๆ กลายเป็นแพะในสายตาสาวกซะงั้น การเมืองใหม่ ไร้ซึ่งมิตรแท้ มีแต่ศัตรูถาวร
    #7ดอกจิก
    ♣ เป็นสส.อยู่ดีๆ กลายเป็นแพะในสายตาสาวกซะงั้น การเมืองใหม่ ไร้ซึ่งมิตรแท้ มีแต่ศัตรูถาวร #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • #นิยายไทย
    #คู่กรรม2
    #ทมยันตี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #14ตุลา



    อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม

    เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว

    เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน

    พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง

    จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

    ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน

    เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง

    ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์

    ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม

    ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้

    แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้

    วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน

    นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ

    โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน

    ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ

    ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ

    ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ

    ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต

    สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

    มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต

    หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม

    แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร?

    คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต

    นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ

    ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ

    และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง

    นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน

    หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น

    อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด

    ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    #นิยายไทย #คู่กรรม2 #ทมยันตี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #14ตุลา อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์ ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้ แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้ วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร? คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    0 Comments 0 Shares 289 Views 0 Reviews
  • ถูกล้างสมองด้วยประชาธิปไตย-เสรีภาพ-ภราดรภาพ-ที่ไม่เคยมีอยู่จริง จากการหว่านเมล็ดพันธุ์ของ NED ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์กร CIA ของสหรัฐอเมริกา เหมือนกับหลายๆคนในอีกหลายๆประเทศ โดยออกมาประท้วงเพื่อให้เกิดการปฏิวัติสี-ล้มเจ้า-ล้มล้างการปกครองในประเทศไทย...

    ในที่สุดก็หลบลี้หนีคดีไป ในฐานะพลเมืองโลก ของระเบียบโลกใหม่ New World Order...

    ( ...ผมจะเป็นกระบอกเสียงเพื่อนักต่อสู้ทุกคนให้อารยะประเทศได้รับรู้ถึงการกดขี่ การจำกัดสิทธิเสรีภาพผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทย และเรียกร้องอิสรภาพให้กับคนที่ถูกดำเนินคดีจากความเห็นต่าง และเพื่อนผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทุกคน ในฐานะพลเมืองโลก... )

    https://www.facebook.com/mike.jadnok/posts/pfbid0FrL6SVYtqWjfFiPphKhBpwAH3YVLiwhRzYQ4r1qcGdEQzsXuRsDwu9pwxhhScZYel
    .
    .
    .
    THE NATIONAL ENDOWMENT FOR DEMOCRACY
    https://www.ned.org/
    .
    About the National Endowment for Democracy
    https://www.ned.org/about/
    ถูกล้างสมองด้วยประชาธิปไตย-เสรีภาพ-ภราดรภาพ-ที่ไม่เคยมีอยู่จริง จากการหว่านเมล็ดพันธุ์ของ NED ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์กร CIA ของสหรัฐอเมริกา เหมือนกับหลายๆคนในอีกหลายๆประเทศ โดยออกมาประท้วงเพื่อให้เกิดการปฏิวัติสี-ล้มเจ้า-ล้มล้างการปกครองในประเทศไทย... ในที่สุดก็หลบลี้หนีคดีไป ในฐานะพลเมืองโลก ของระเบียบโลกใหม่ New World Order... ( ...ผมจะเป็นกระบอกเสียงเพื่อนักต่อสู้ทุกคนให้อารยะประเทศได้รับรู้ถึงการกดขี่ การจำกัดสิทธิเสรีภาพผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทย และเรียกร้องอิสรภาพให้กับคนที่ถูกดำเนินคดีจากความเห็นต่าง และเพื่อนผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทุกคน ในฐานะพลเมืองโลก... ) https://www.facebook.com/mike.jadnok/posts/pfbid0FrL6SVYtqWjfFiPphKhBpwAH3YVLiwhRzYQ4r1qcGdEQzsXuRsDwu9pwxhhScZYel . . . THE NATIONAL ENDOWMENT FOR DEMOCRACY https://www.ned.org/ . About the National Endowment for Democracy https://www.ned.org/about/
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • ปุจฉา : ผัวเมียประเภทไหนต้องหลีกหนีให้ไกลสุด

    วิสัชนา : ผัวเมียที่เป็นทาสผีพนัน

    ถึงอย่างนั้นก็ยังมีนักการเมืองที่เห็นดีกับการสร้างเอนเตอร์เทน
    เมนต์คอมเพล็กซ์
    ปุจฉา : ผัวเมียประเภทไหนต้องหลีกหนีให้ไกลสุด วิสัชนา : ผัวเมียที่เป็นทาสผีพนัน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีนักการเมืองที่เห็นดีกับการสร้างเอนเตอร์เทน เมนต์คอมเพล็กซ์
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • 16-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.8

    01. ผวาสัส! ไฮเปอร์โซนิคเยเมน ผ่านฉลุย ล่อเป้าใกล้สนามบินเทลอาวีฟ!
    02. อดีต CIA แฉ อเมริกาตอแหล ปชต.พ่อง? ปลุกอเมริกันฆ่ากันเอง ยิวเผ่น
    03. ชักคะเย่อ มรึงร่วง กูล่อ มรึงถอย กูแหย่ รัสเซียปั่นหัวยูเครน ติดกับดักต่อ ดูดเงินอาวุธ กำลังพล NATO ตายห่าเรียบวุธ เอาจนกว่ายุโรปจะยวบเอง
    04. เฮซบอเลาะห์แรง! ถล่มคลังแสงโกลานเละ รัว 6 ฐานทัพ IOF ดับสนิท
    05. อีสวิงกิ้งขายกริฟเพ่นให้ยูเครน มันจะเอาที่ไหนจ่าย รัสเซียเตรียมสอย! เสี้ยนจัดขนาดนี้ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน เตรียมย้ายบ้านได้เลย เอาจริง
    06. ยอดขายไม่ตอแหล EV ร่วงเหรอ? ยอดทะลุเป้า รถอียุ่นปี่ ร่วงทุกยี่ห้อ?
    07. อีเบียร์วอนส้นตรีนพญามังกร แค่ 3 ฮอ ยังไม่ผ่าน ดีออก อย่าริเสนอหน้า
    08. เสธ.แดง ลาออก ดีลลับซับซ้อน อีเหลี่ยมเยี่ยวแตก หุบปาก เก็บตัว จ้อง
    09. พิษณุโลกสั่งสอนอีส้มเน่าล้มเจ้า หางโผล่ กระแสตีกลับ อีแดงจ่ายเต็ม
    10. จีนสอนมวย ไต้หวัน แค่เหยื่อล่อเหี้ยมะกันมาตายฟรี เป้าหมายวอชิงตัน
    11. อวสาน TV ดิจิตอล กสทช.จะมีไปทำพ่อง? แดร๊กมาเยอะแล้ว เหี้ยจัญไร
    12. WWIII จะมาก่อน หรือเหี้ยจะตายห่าก่อน? หมดตูดทั้งทวีปแล้ว ฆ่าด้วยปากท้อง ฆ่าด้วยเส้นทางการค้า ฆ่าด้วยโลจิสติค ฆ่าด้วยความเที่ยงธรรม
    13. ไอ้สัส! AMAZING THAILAND "หมูเด้ง" ดังไปทั่วจักรวาล ใครไม่รู้ เชย
    14. พลิกล็อค! กระแสอีส้มเน่าล้มเจ้า แพ้ยับทุกจังหวัด เรตติ้งต่ำตม ตบหน้า 14 ล้าน เสียงควายบัดซบ ยิ่งยุบ ยิ่งเจ๊ง ขายไม่ออก แผน CIA แห้วแดร๊ก
    15. เหี้ย CIA จ๋า มรึงพยายามมากปุยมุย? เสี้ยมอีขะแมร์-ไทย เช้าเย็น ควายยังรู้ ไอ้ที่โพสโซเชี่ยลอ่ะ คนไทย-อีขะแมร์ สาย C ทั้งนั้น ชงเอง ตบเอง ฮา
    16. SU-57 ออกโรงที่ยูเครนแล้ว ยับสิจ๊ะ ตั้งใจโชว์ให้ไอ้อี NATO ดูเต็มตา!
    17. ละครไทยเจ๊งยับ! ดูถูกคนดู หรือนายทุนสั่ง เน่ามาเป็นชาติ เหลือใครดู?
    18. ซอยกู พบ JOHN KIM ไม่ธรรมดา? บอกเลยชุดใหญ่จัดเต็ม ยูเครนเละ
    19. เหี้ย เผยธาตุแท้ เลิกสื่อเสรี การค้าเสรี เพราะสู้เค้าไม่ได้ เก่งแต่กฎหมา
    20. ไทยบาทแข็งโป๊ก แหงสิ! ตุนทองคำไว้เต็มท้องพระคลัง ของจริง จะแข็งกว่านี้อีกเยอะ หากไม่เอาอีเศษกระดาษปลอมมาเทียบ ปลดพันธนาการ

    หมายเหตุ : เกมส์สงคราม ขั้วใหม่ยึดหัวหาด แดร๊กเรียบวุธ ไม่ต้องสงสัย เกมส์การเมือง ขั้วใหม่ชนะใสใส หัวใจปูติน BRICS ขย่มโลกซะอยู่หมัด เกมส์การค้า จีนขยายตลาดไปทั่วโลก เดินสายโลจิสติคครอบจักรวาล เส้นทางสายไหมมาเต็มตรีน พ่วงตะวันออกกลาง แอฟริกา ภาพชัดสัส! เกมส์การเงิน เข้าเป้า ทั้งโลกแห่เทดอลล่าร์หมดเกลี้ยง อุ้มทองคำ หยวน รูเบิล แทน เกมส์สื่อ ชาวโลกเลิกดู TV ลงโซเชี่ยลกันหมด ความจริงปรากฎชัด เพราะทุกคนสามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้หมด ไม่ต้องมีช่อง ไม่ต้องมีสังกัด ข้อดี และข้อเสีย ของโซเชี่ยลมีเดีย แฉยับ เหี้ยจนตรอก! (หมายเหตุ 2 : ภาพกุลสตรีไทยยุคใหม่ สวยใสฮาแตก เอามาฝาก มือใหม่ หัดเป็นกลุสตรีไทย มันยากน่ะเนี่ย นอกจากต้องเอาผัวให้มันส์แล้ว ยังต้องลีลาเด็ดในครัวต่อ)

    หมี CNN(จับตากรณีเสธ.แดงลาออก อีเหลี่ยมหุบปาก คือเรื่องเดียวกัน เบื้องหลัง กำลังจะมีพายุเฮอริเคนหลังบ้านเหี้ยส่องหมา ใบเสร็จพร้อม รอศาลไคฟงฟันเท่านั้นเอง เลือกตั้งปาหี่ แค่เอาคืนการเมือง อีแดงต้องล้างบางอีส้ม แล้วค่อยถูกอีเขียวเขมือบทั้งคอกอีกที ทุกอย่างอยู่ในเกมส์ทหาร)
    16 กันยายน 67
    10.54 น.

    ------------------------------------------------------------------------— https://linevoom.line.me/post/1172645897261542391
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u



    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    16-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.8 01. ผวาสัส! ไฮเปอร์โซนิคเยเมน ผ่านฉลุย ล่อเป้าใกล้สนามบินเทลอาวีฟ! 02. อดีต CIA แฉ อเมริกาตอแหล ปชต.พ่อง? ปลุกอเมริกันฆ่ากันเอง ยิวเผ่น 03. ชักคะเย่อ มรึงร่วง กูล่อ มรึงถอย กูแหย่ รัสเซียปั่นหัวยูเครน ติดกับดักต่อ ดูดเงินอาวุธ กำลังพล NATO ตายห่าเรียบวุธ เอาจนกว่ายุโรปจะยวบเอง 04. เฮซบอเลาะห์แรง! ถล่มคลังแสงโกลานเละ รัว 6 ฐานทัพ IOF ดับสนิท 05. อีสวิงกิ้งขายกริฟเพ่นให้ยูเครน มันจะเอาที่ไหนจ่าย รัสเซียเตรียมสอย! เสี้ยนจัดขนาดนี้ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน เตรียมย้ายบ้านได้เลย เอาจริง 06. ยอดขายไม่ตอแหล EV ร่วงเหรอ? ยอดทะลุเป้า รถอียุ่นปี่ ร่วงทุกยี่ห้อ? 07. อีเบียร์วอนส้นตรีนพญามังกร แค่ 3 ฮอ ยังไม่ผ่าน ดีออก อย่าริเสนอหน้า 08. เสธ.แดง ลาออก ดีลลับซับซ้อน อีเหลี่ยมเยี่ยวแตก หุบปาก เก็บตัว จ้อง 09. พิษณุโลกสั่งสอนอีส้มเน่าล้มเจ้า หางโผล่ กระแสตีกลับ อีแดงจ่ายเต็ม 10. จีนสอนมวย ไต้หวัน แค่เหยื่อล่อเหี้ยมะกันมาตายฟรี เป้าหมายวอชิงตัน 11. อวสาน TV ดิจิตอล กสทช.จะมีไปทำพ่อง? แดร๊กมาเยอะแล้ว เหี้ยจัญไร 12. WWIII จะมาก่อน หรือเหี้ยจะตายห่าก่อน? หมดตูดทั้งทวีปแล้ว ฆ่าด้วยปากท้อง ฆ่าด้วยเส้นทางการค้า ฆ่าด้วยโลจิสติค ฆ่าด้วยความเที่ยงธรรม 13. ไอ้สัส! AMAZING THAILAND "หมูเด้ง" ดังไปทั่วจักรวาล ใครไม่รู้ เชย 14. พลิกล็อค! กระแสอีส้มเน่าล้มเจ้า แพ้ยับทุกจังหวัด เรตติ้งต่ำตม ตบหน้า 14 ล้าน เสียงควายบัดซบ ยิ่งยุบ ยิ่งเจ๊ง ขายไม่ออก แผน CIA แห้วแดร๊ก 15. เหี้ย CIA จ๋า มรึงพยายามมากปุยมุย? เสี้ยมอีขะแมร์-ไทย เช้าเย็น ควายยังรู้ ไอ้ที่โพสโซเชี่ยลอ่ะ คนไทย-อีขะแมร์ สาย C ทั้งนั้น ชงเอง ตบเอง ฮา 16. SU-57 ออกโรงที่ยูเครนแล้ว ยับสิจ๊ะ ตั้งใจโชว์ให้ไอ้อี NATO ดูเต็มตา! 17. ละครไทยเจ๊งยับ! ดูถูกคนดู หรือนายทุนสั่ง เน่ามาเป็นชาติ เหลือใครดู? 18. ซอยกู พบ JOHN KIM ไม่ธรรมดา? บอกเลยชุดใหญ่จัดเต็ม ยูเครนเละ 19. เหี้ย เผยธาตุแท้ เลิกสื่อเสรี การค้าเสรี เพราะสู้เค้าไม่ได้ เก่งแต่กฎหมา 20. ไทยบาทแข็งโป๊ก แหงสิ! ตุนทองคำไว้เต็มท้องพระคลัง ของจริง จะแข็งกว่านี้อีกเยอะ หากไม่เอาอีเศษกระดาษปลอมมาเทียบ ปลดพันธนาการ หมายเหตุ : เกมส์สงคราม ขั้วใหม่ยึดหัวหาด แดร๊กเรียบวุธ ไม่ต้องสงสัย เกมส์การเมือง ขั้วใหม่ชนะใสใส หัวใจปูติน BRICS ขย่มโลกซะอยู่หมัด เกมส์การค้า จีนขยายตลาดไปทั่วโลก เดินสายโลจิสติคครอบจักรวาล เส้นทางสายไหมมาเต็มตรีน พ่วงตะวันออกกลาง แอฟริกา ภาพชัดสัส! เกมส์การเงิน เข้าเป้า ทั้งโลกแห่เทดอลล่าร์หมดเกลี้ยง อุ้มทองคำ หยวน รูเบิล แทน เกมส์สื่อ ชาวโลกเลิกดู TV ลงโซเชี่ยลกันหมด ความจริงปรากฎชัด เพราะทุกคนสามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้หมด ไม่ต้องมีช่อง ไม่ต้องมีสังกัด ข้อดี และข้อเสีย ของโซเชี่ยลมีเดีย แฉยับ เหี้ยจนตรอก! (หมายเหตุ 2 : ภาพกุลสตรีไทยยุคใหม่ สวยใสฮาแตก เอามาฝาก มือใหม่ หัดเป็นกลุสตรีไทย มันยากน่ะเนี่ย นอกจากต้องเอาผัวให้มันส์แล้ว ยังต้องลีลาเด็ดในครัวต่อ) หมี CNN(จับตากรณีเสธ.แดงลาออก อีเหลี่ยมหุบปาก คือเรื่องเดียวกัน เบื้องหลัง กำลังจะมีพายุเฮอริเคนหลังบ้านเหี้ยส่องหมา ใบเสร็จพร้อม รอศาลไคฟงฟันเท่านั้นเอง เลือกตั้งปาหี่ แค่เอาคืนการเมือง อีแดงต้องล้างบางอีส้ม แล้วค่อยถูกอีเขียวเขมือบทั้งคอกอีกที ทุกอย่างอยู่ในเกมส์ทหาร) 16 กันยายน 67 10.54 น. ------------------------------------------------------------------------— https://linevoom.line.me/post/1172645897261542391 เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • โดนไป 30 ล้านคนแล้ว...เตือนหน่อย : การ์ตูนการเมือง (16-09-67)
    #ทางรัฐ #เงินดิจิทัล #การ์ตูนการเมือง
    โดนไป 30 ล้านคนแล้ว...เตือนหน่อย : การ์ตูนการเมือง (16-09-67) #ทางรัฐ #เงินดิจิทัล #การ์ตูนการเมือง
    Like
    Haha
    Yay
    Sad
    45
    0 Comments 1 Shares 781 Views 0 Reviews
  • ฟังชัดๆ อีกครั้ง คลิปลับแฉสัมพันธ์ "ทักษิณ-แก๊งนายพลถั่งเช่า" เปลือยการเมืองไทย (ปี 2556)
    .
    https://mgronline.com/politics/detail/9560000082476
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #คลิปถั่งเช่า
    ฟังชัดๆ อีกครั้ง คลิปลับแฉสัมพันธ์ "ทักษิณ-แก๊งนายพลถั่งเช่า" เปลือยการเมืองไทย (ปี 2556) . https://mgronline.com/politics/detail/9560000082476 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #คลิปถั่งเช่า
    MGRONLINE.COM
    ฟังชัดๆ อีกครั้ง คลิปลับแฉสัมพันธ์ "ทักษิณ-แก๊งนายพลถั่งเช่า" เปลือยการเมืองไทย
    ลึกสุดใจกับบทสนทนาของ “ชายสองคน” จากแดนไกล เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นไปของบ้านเมือง และการเมืองไทย ณ เวลานี้ ทีมงานเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการ จึงขอนำเสนอ บทสนทนาลับสุดๆ ชิ้นนี้ดังนี้
    Like
    9
    0 Comments 1 Shares 460 Views 0 Reviews

  • ภาพการ์ตูนล้อการเมืองไทย
    ที่สิงคโปร์ วาดช้างพ่อเดินนำหน้าช้างลูกซึ่งมีผู้หญิงขี่หลังเดินตามช้างพ่อมีภาษาจีนอยู่
    2 คำ แปลว่า ทักษิณ - แพทองธาร ครับ อายไปทั้งโลกา
    รัฐบาลห้าม TV ทุกช่องของรัฐออกข่าว งั้นเราช่วยแชร์ทุกวันทางโซเชี่ยล 5555
    ภาพการ์ตูนล้อการเมืองไทย ที่สิงคโปร์ วาดช้างพ่อเดินนำหน้าช้างลูกซึ่งมีผู้หญิงขี่หลังเดินตามช้างพ่อมีภาษาจีนอยู่ 2 คำ แปลว่า ทักษิณ - แพทองธาร ครับ อายไปทั้งโลกา รัฐบาลห้าม TV ทุกช่องของรัฐออกข่าว งั้นเราช่วยแชร์ทุกวันทางโซเชี่ยล 5555
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • การ์ตูนการเมือง:บัญชา/คามิน
    ที่มา : https://www.facebook.com/100044613481368/posts/pfbid035UUFRumVtaJPLY2s5th5grDTA8JgwBCPktSBn16uStMr8hUyW9BT6uVUJUk5Xz1Zl/?

    #Thaitimes
    การ์ตูนการเมือง:บัญชา/คามิน ที่มา : https://www.facebook.com/100044613481368/posts/pfbid035UUFRumVtaJPLY2s5th5grDTA8JgwBCPktSBn16uStMr8hUyW9BT6uVUJUk5Xz1Zl/? #Thaitimes
    Haha
    Like
    Love
    7
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณยังไม่ทราบว่าบ้านเมืองกำลังเจออะไร​ ทนายนกเขากำลังบอกคุณ​ ขอให้คนที่ยังคิดถึงบ้านเมือง​ฟัง​ และเผยแพร่​ เราถอยไปไม่ได้อีกแล้ว​ นักการเมืองกำลังทำลายชาติ

    https://youtu.be/asPdAvbTyog?si=J2KmNzhZSSAX6Plh
    ถ้าคุณยังไม่ทราบว่าบ้านเมืองกำลังเจออะไร​ ทนายนกเขากำลังบอกคุณ​ ขอให้คนที่ยังคิดถึงบ้านเมือง​ฟัง​ และเผยแพร่​ เราถอยไปไม่ได้อีกแล้ว​ นักการเมืองกำลังทำลายชาติ https://youtu.be/asPdAvbTyog?si=J2KmNzhZSSAX6Plh
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • จับกุมตัว 6 ผู้ต้องสงสัยชาวอเมริกัน ที่เป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯหรือNavy Seal และซีไอเอของสเปนกับเช็กเข้ามาวางแผนจะลอบสังหารประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซูเอลา

    15 กันยายน2567-รายงานข่าวเอพีระบุว่า ดีโอสดาโด กาเบญโญ รัฐมนตรีมหาดไทยของเวเนซุเอลา แถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า ทางการจับกุมชาวอเมริกัน 3 คน ชาวสเปน 2 คน และชาวสาธารณรัฐเช็ก 1 คนเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น (14 ก.ย.) ที่เดินทางเข้าประเทศหวังลอบสังหารประธานาธิบดี โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่นำโดยสำนักข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ ของสหรัฐฯ ที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลา และสังหารแกนนำรัฐบาลหลายคน รัฐมนตรีมหาดไทยกาเบญโญได้เปิดเผยภาพปืนยาวหลายกระบอกที่อ้างว่ายึดได้จากผู้วางแผนบางคน และระบุว่าหนึ่งในชาวอเมริกันที่ถูกจับกุมเป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯ หรือNavy Seal ที่เคยปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน อิรักและโคลอมเบีย

    ทางด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงในวันเดียวกันว่า มีทหารอเมริกันถูกเวเนซุเอลาจับกุม 1 นาย และได้รับรายงานข่าวที่ไม่ยืนยันว่า มีชาวอเมริกัน 2 คนถูกจับกุมด้วย พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสหรัฐฯ พัวพันกับแผนการโค่นล้มนายมาดูโรว่าเป็นเรื่องเท็จอย่างแท้จริง เพราะสหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนให้ใช้หนทางประชาธิปไตยในการแก้ไขวิกฤตทางการเมืองในเวเนซุเอลา

    ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสเปนระบุในแถลงการณ์ว่า ได้ติดต่อไปยังรัฐบาลเวเนซุเอลาเพื่อขอคำชี้แจงในเรื่องนี้ เพราะมีพลเมืองสเปนถูกควบคุมตัว 2 คน และต้องการทราบรูปพรรณรวมถึงสถานที่จับกุมชาวสเปนทั้ง 2 คน สื่อสเปนรายงานว่า พลเมืองสเปนทั้ง 2 คนถูกควบคุมตัวในเมืองปวยโต อายาชูโช และเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองสเปน ซึ่งรัฐบาลสเปนปฏิเสธในเรื่องนี้

    เวเนซุเอลาประกาศข่าวจับกุมชาวต่างชาติ หลังจากกระทรวงคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษพันธมิตร 16 คนของผู้นำเวเนซุเอลาได้เพียง 2 วัน โทษฐานขัดขวางการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่รัฐสภาสเปนประกาศรับรอง เอ็ดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งกอนซาเลซได้เดินทางออกจากเวเนซุเอลาเข้าไปลี้ภัยการเมืองในสเปนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    https://apnews.com/article/696768e00bf22f5747062a4a8b662fcc

    #Thaitimes
    จับกุมตัว 6 ผู้ต้องสงสัยชาวอเมริกัน ที่เป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯหรือNavy Seal และซีไอเอของสเปนกับเช็กเข้ามาวางแผนจะลอบสังหารประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซูเอลา 15 กันยายน2567-รายงานข่าวเอพีระบุว่า ดีโอสดาโด กาเบญโญ รัฐมนตรีมหาดไทยของเวเนซุเอลา แถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า ทางการจับกุมชาวอเมริกัน 3 คน ชาวสเปน 2 คน และชาวสาธารณรัฐเช็ก 1 คนเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น (14 ก.ย.) ที่เดินทางเข้าประเทศหวังลอบสังหารประธานาธิบดี โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่นำโดยสำนักข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ ของสหรัฐฯ ที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลา และสังหารแกนนำรัฐบาลหลายคน รัฐมนตรีมหาดไทยกาเบญโญได้เปิดเผยภาพปืนยาวหลายกระบอกที่อ้างว่ายึดได้จากผู้วางแผนบางคน และระบุว่าหนึ่งในชาวอเมริกันที่ถูกจับกุมเป็นหน่วยรบพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯ หรือNavy Seal ที่เคยปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน อิรักและโคลอมเบีย ทางด้านกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงในวันเดียวกันว่า มีทหารอเมริกันถูกเวเนซุเอลาจับกุม 1 นาย และได้รับรายงานข่าวที่ไม่ยืนยันว่า มีชาวอเมริกัน 2 คนถูกจับกุมด้วย พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสหรัฐฯ พัวพันกับแผนการโค่นล้มนายมาดูโรว่าเป็นเรื่องเท็จอย่างแท้จริง เพราะสหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนให้ใช้หนทางประชาธิปไตยในการแก้ไขวิกฤตทางการเมืองในเวเนซุเอลา ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสเปนระบุในแถลงการณ์ว่า ได้ติดต่อไปยังรัฐบาลเวเนซุเอลาเพื่อขอคำชี้แจงในเรื่องนี้ เพราะมีพลเมืองสเปนถูกควบคุมตัว 2 คน และต้องการทราบรูปพรรณรวมถึงสถานที่จับกุมชาวสเปนทั้ง 2 คน สื่อสเปนรายงานว่า พลเมืองสเปนทั้ง 2 คนถูกควบคุมตัวในเมืองปวยโต อายาชูโช และเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองสเปน ซึ่งรัฐบาลสเปนปฏิเสธในเรื่องนี้ เวเนซุเอลาประกาศข่าวจับกุมชาวต่างชาติ หลังจากกระทรวงคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษพันธมิตร 16 คนของผู้นำเวเนซุเอลาได้เพียง 2 วัน โทษฐานขัดขวางการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่รัฐสภาสเปนประกาศรับรอง เอ็ดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งกอนซาเลซได้เดินทางออกจากเวเนซุเอลาเข้าไปลี้ภัยการเมืองในสเปนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว https://apnews.com/article/696768e00bf22f5747062a4a8b662fcc #Thaitimes
    APNEWS.COM
    Venezuela says it arrested 6 foreigners allegedly involved in a plot to kill President Maduro
    Venezuelan officials say they've arrested six foreign nationals, including three Americans, accusing them of plotting to assassinate President Nicolas Maduro.
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!!

    ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!!

    เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย
    ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว
    จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย
    ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา
    ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย
    ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง
    ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต
    รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย
    คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ
    ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก
    ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน……

    ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา
    ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง
    ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง
    แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า
    “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…”
    คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า
    “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล”

    ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush
    เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ
    เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา
    การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า
    “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน”
    หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย
    เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……”

    เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี)
    นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี
    อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา
    แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่
    ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน
    และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก……

    ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน
    ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย
    แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น

    เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์
    และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร…
    แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี
    ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น
    คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง
    จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง
    ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน

    วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด
    ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย
    ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน
    แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB
    และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก
    ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์
    อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน
    แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย

    ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน
    เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที…
    เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ

    เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม
    อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov

    เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา……

    ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์
    อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ
    ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน
    ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย……

    ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี
    ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย
    ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน
    แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา……
    ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?”
    สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..”
    ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?”
    สื่อ……”#%&฿$€€”

    หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป
    อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute
    คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ
    และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน……
    แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน
    จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี
    มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่

    ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี
    เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น
    แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้
    การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด
    ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน……
    ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน)
    หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน
    คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า
    “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น”

    ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!”

    **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน

    ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ
    อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย
    ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้
    และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน

    หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน
    เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง

    Wiwanda W. Vichit
    พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!! ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!! เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน…… ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…” คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล” ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน” หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……” เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี) นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่ ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก…… ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์ และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร… แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์ อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที… เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา…… ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์ อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย…… ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา…… ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?” สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..” ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?” สื่อ……”#%&฿$€€” หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน…… แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่ ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้ การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน…… ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน) หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น” ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!” **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้ และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย

    อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป

    ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา”

    “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว

    นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ

    เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม

    วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้

    ที่มา RT
    หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา” “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้ ที่มา RT
    Like
    8
    2 Comments 0 Shares 448 Views 0 Reviews
  • เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!!

    ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!!

    และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง
    เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต
    ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB
    ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน
    คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya
    อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya”
    เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB
    แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา…
    แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!!

    ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต
    ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์
    งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest)
    ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950
    สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany
    ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี
    สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm
    วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB

    การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย
    ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม
    และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า
    มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊
    หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต

    ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข)
    ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!!

    ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!!
    เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!!

    เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี
    ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง
    เธอทำทุกอย่างในบ้าน
    รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน
    อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย
    พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!!
    และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้……
    ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน
    ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต
    ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย……
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น
    แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน
    คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย
    แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ
    มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา

    ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ
    ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ
    Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น
    ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ
    สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi
    เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
    และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
    (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา

    สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง
    เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ
    เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้
    นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน
    มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่
    ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
    อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!

    ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน
    ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร
    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ
    เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว…
    ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต
    ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์
    ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!!
    ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว

    เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น
    ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา……
    ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า…
    “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา
    ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……”
    ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ
    แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!!

    ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน
    แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!!

    เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์
    ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง……

    การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน……
    แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี
    แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์
    ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้…

    ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย
    เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975
    ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB
    แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!”

    ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์)
    อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์
    อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน

    อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด……
    เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี
    แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย……
    เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน
    โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า
    มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า
    ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป
    อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย

    ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่
    Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย……
    ปูติน……ตอบว่า……
    “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว……
    งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย”

    เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ
    วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!!

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว
    อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า…
    “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!! ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!! และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya” เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา… แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!! ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์ งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest) ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊ หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข) ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!! ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!! เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!! เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง เธอทำทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!! และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้…… ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย…… ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้ นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่ ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว… ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์ ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!! ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา…… ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า… “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……” ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!! ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!! เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์ ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง…… การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน…… แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์ ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้… ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975 ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!” ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์) อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์ อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด…… เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย…… เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่ Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย…… ปูติน……ตอบว่า…… “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว…… งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย” เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!! ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า… “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 474 Views 0 Reviews
  • วิธีล้างสมองคน อย่างแยบยล วิธีที่นักการเมืองบางคน ใช้ครอบงำความคิดคน เพื่อให้เชื่อในสิ่งที่เขาบงการ

    ติดตามเรา :

    https://www.youtube.com/@MindSneak289

    🚩 วิธีล้างสมองคน อย่างแยบยล วิธีที่นักการเมืองบางคน ใช้ครอบงำความคิดคน เพื่อให้เชื่อในสิ่งที่เขาบงการ 🚩ติดตามเรา : https://www.youtube.com/@MindSneak289
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริง

    เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่มีต่อ RT, รูฮอลลาห์ โมดาบเบอร์, นักวิทยาศาสตร์การเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวกับสปุตนิกว่า สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียโดยเฉพาะ RT และสปุตนิก, มีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริงและต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อเท็จของตะวันตก

    “ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาหาความจริงจากสื่อรัสเซีย RT และ สปุตนิกดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก แหล่งข้อมูลของตะวันตกล้มเหลวในเวลาเดียวกับที่พยายามแสดงความจริงอีกประการหนึ่งผ่านการเซ็นเซอร์ สื่อรัสเซียได้เอาชนะอำนาจเหนือของสหรัฐฯ และยุโรปในพื้นที่ข้อมูลอีกครั้ง”, โมดาบเบอร์ กล่าว

    สหรัฐฯต้องการที่จะ "เซ็นเซอร์" ข้อมูลต่อต้านรัสเซีย เพราะสหรัฐฯ "ล้มเหลว" ในยูเครน, อิงกริด อูร์เกลเลส, นักรัฐศาสตร์ชาวชิลี กล่าวกับสปุตนิก โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่วอชิงตันแนะนำมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อสื่อรัสเซีย

    นี่เป็นอีกความพยายามหนึ่งของสหรัฐฯ ที่จะเซ็นเซอร์แพลตฟอร์มที่เผยแพร่มุมมองที่แตกต่างจากวาระจักรวรรดินิยมที่พวกเขาสนับสนุน ในกรณีนี้, คือความขัดแย้งในยูเครน, และเนื่องจากสหรัฐฯพ่ายแพ้, สหรัฐฯจึงสูญเสียการสนับสนุนจากทั่วโลกด้วย นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาใช้มาตรการพิเศษดังกล่าว เพื่อโยนความผิดให้สื่อ, ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ, เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของ RT เท่านั้น, แต่ยังเกี่ยวกับรูปแบบที่ผู้คนรับข้อมูลด้วย,” Urgelles กล่าว

    สหรัฐฯจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินเต็มรูปแบบเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการกับ RT, ซึ่งเป็นสื่อของรัสเซีย เจมส์ รูบิน, ผู้อำนวยการศูนย์การมีส่วนร่วมระดับโลกของกระทรวงการต่างประเทศ , กล่าวเมื่อวันศุกร์
    .
    US recognizes Russian media play important role in reporting truth

    Commenting on the US accusations against RT, political scientist and international relations expert Ruhollah Modabber told Sputnik that the US recognizes that Russian media, especially RT and Sputnik, play an important role in reporting the truth and countering false Western propaganda.

    "People around the world turn to Russian media for the truth. RT and Sputnik have attracted a large audience. Western information sources fail at the same time as they try to show another reality through censorship. The Russian media have once again defeated the hegemony of the US and Europe in the information space", Modabber said.

    The US wants to achieve information "censorship" against Russia because it has "failed" in Ukraine, Chilean political scientist Ingrid Urgelles, PhD told Sputnik, commenting on Washington's introduction of new sanctions against Russian media.

    "This is another of the many attempts by the US to censor platforms that broadcast a point of view that differs from the imperialist agenda they promote. In this case, it is the conflict in Ukraine, and because the US lost, it also lost [global] support. That is why they are resorting to such extraordinary measures to blame the media, which is quite absurd, because it is not just about RT, but about the form in which people receive information," Urgelles stated.

    The US will impose full blocking financial sanctions as part of its actions against the Russian media outlet RT, James Rubin, the director of the State Department's Global Engagement Center, said on Friday.
    .
    2:41 PM · Sep 14, 2024 · 1,178 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834859959227503046
    📌สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริง📌 เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่มีต่อ RT, รูฮอลลาห์ โมดาบเบอร์, นักวิทยาศาสตร์การเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวกับสปุตนิกว่า สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียโดยเฉพาะ RT และสปุตนิก, มีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริงและต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อเท็จของตะวันตก “ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาหาความจริงจากสื่อรัสเซีย RT และ สปุตนิกดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก แหล่งข้อมูลของตะวันตกล้มเหลวในเวลาเดียวกับที่พยายามแสดงความจริงอีกประการหนึ่งผ่านการเซ็นเซอร์ สื่อรัสเซียได้เอาชนะอำนาจเหนือของสหรัฐฯ และยุโรปในพื้นที่ข้อมูลอีกครั้ง”, โมดาบเบอร์ กล่าว สหรัฐฯต้องการที่จะ "เซ็นเซอร์" ข้อมูลต่อต้านรัสเซีย เพราะสหรัฐฯ "ล้มเหลว" ในยูเครน, อิงกริด อูร์เกลเลส, นักรัฐศาสตร์ชาวชิลี กล่าวกับสปุตนิก โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่วอชิงตันแนะนำมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อสื่อรัสเซีย “🤣นี่เป็นอีกความพยายามหนึ่งของสหรัฐฯ ที่จะเซ็นเซอร์แพลตฟอร์มที่เผยแพร่มุมมองที่แตกต่างจากวาระจักรวรรดินิยมที่พวกเขาสนับสนุน ในกรณีนี้, คือความขัดแย้งในยูเครน, และเนื่องจากสหรัฐฯพ่ายแพ้, สหรัฐฯจึงสูญเสียการสนับสนุนจากทั่วโลกด้วย นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาใช้มาตรการพิเศษดังกล่าว เพื่อโยนความผิดให้สื่อ, ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ🤣, เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของ RT เท่านั้น, แต่ยังเกี่ยวกับรูปแบบที่ผู้คนรับข้อมูลด้วย,” Urgelles กล่าว 🤣 สหรัฐฯจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินเต็มรูปแบบเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการกับ RT, ซึ่งเป็นสื่อของรัสเซีย เจมส์ รูบิน, ผู้อำนวยการศูนย์การมีส่วนร่วมระดับโลกของกระทรวงการต่างประเทศ 🤣, กล่าวเมื่อวันศุกร์ . US recognizes Russian media play important role in reporting truth Commenting on the US accusations against RT, political scientist and international relations expert Ruhollah Modabber told Sputnik that the US recognizes that Russian media, especially RT and Sputnik, play an important role in reporting the truth and countering false Western propaganda. "People around the world turn to Russian media for the truth. RT and Sputnik have attracted a large audience. Western information sources fail at the same time as they try to show another reality through censorship. The Russian media have once again defeated the hegemony of the US and Europe in the information space", Modabber said. The US wants to achieve information "censorship" against Russia because it has "failed" in Ukraine, Chilean political scientist Ingrid Urgelles, PhD told Sputnik, commenting on Washington's introduction of new sanctions against Russian media. "This is another of the many attempts by the US to censor platforms that broadcast a point of view that differs from the imperialist agenda they promote. In this case, it is the conflict in Ukraine, and because the US lost, it also lost [global] support. That is why they are resorting to such extraordinary measures to blame the media, which is quite absurd, because it is not just about RT, but about the form in which people receive information," Urgelles stated. The US will impose full blocking financial sanctions as part of its actions against the Russian media outlet RT, James Rubin, the director of the State Department's Global Engagement Center, said on Friday. . 2:41 PM · Sep 14, 2024 · 1,178 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834859959227503046
    Yay
    1
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • งง กับคนไทย ปล่อยให้ประเทศเป็นแบบนี้ได้ยังไง ทนดูทนอยู่ ได้ยังไง หรือคนไทยมันอ่อนแอกันไปหมด ปล่อยให้นักการเมืองทำ Here อะไรก็ได้ ( สุดสะเทือนใจ )
    งง กับคนไทย ปล่อยให้ประเทศเป็นแบบนี้ได้ยังไง ทนดูทนอยู่ ได้ยังไง หรือคนไทยมันอ่อนแอกันไปหมด ปล่อยให้นักการเมืองทำ Here อะไรก็ได้ ( สุดสะเทือนใจ )
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • Sep. 13, 2024

    วันนี้เห็นคลิปทหารทุกหมู่เหล่า หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา ต่างระดมกำลังกัน ช่วยชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย ส่งข้าว ส่งน้ำ และของประทังชีวิตให้ถึงมือทั้งทางเรือ และทางอากาศ
    https://youtu.be/-jaZXpfHsgo?si=YFcFCL5e6vndU-XQ

    มันช่างต่างกับคลิปบ่ายเบี่ยงของนายกคนลูก และออกไปสร้างภาพช่วยผู้ประสบภัยอีกครั้ง หลังจากนายกคนพ่อไปถ่ายรูปสร้างภาพที่สุโขทัยตอนน้ำสูงเท่าพื้นรองเท้า และจัดฉากให้คนนั่งในเรือยกมือไหว้มันซะด้วย ล่อลวงด้วยนโยบายแจกเงินสกุล digital หมื่นนึง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแจกเงินสดที่เลื่อนวันจ่ายออกไปเรื่อยๆ...มันช่างน่าทุเรศใจเหลือเกิน

    คิดย้อนไปถึงตอนก่อนเราจะกลับจาก New York ช่วงพฤศจิกายน 2022 ตอนนั้น Powerball Lotto คือ lottery game ของรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมด 45 รัฐ รางวัลที่ฮือฮามากเมื่อก่อน covid คือเกือบ $700 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีใครถูก รางวัลก็จะทบไปเรื่อยๆ จน Jackpot แตกไปเมื่อวันที่ 7 พย. 2022 คือ $2040 ล้านเหรียญ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และที่สำคัญ Jackpot winner มีคนเดียวด้วย

    ติ๊ต่างว่าเราคือคนๆนั้นนะ และเราเลือกที่จะไม่รับเบี้ยหัวแตก 30 ปี แต่เราเลือกเอาก้อนเดียวเลย เงินรางวัลเราก็จะได้ครึ่งเดียว คือเหลือ $1020 ล้านเหรียญ จากนั้นก่อนจะอุ้มเงินหนีกลับบ้าน คุณจะโดนหัก state & federal tax อีก 37% ก็จะเหลือกลมๆประมาณ $640 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ตอนนั้น ฿35/$1 ก็คือ ฿22,400 ล้านบาทไทย...ก็เอาละวะ

    ตอนกลับมาไทย เราชอบชวน taxi และคนในพื้นที่ที่ภูเก็ตคุย เราก็จะเล่าเรื่องหวยฝรั่งรางวัลใหญ่ให้พี่ๆ taxi และหลายๆคนฟัง แล้วเราก็นึกสนุกขึ้นมา จึงตั้งคำถามกับ taxi และคนที่ภูเก็ตอีกหลายต่อหลายคนว่า...

    "ถ้าหนูมีเงิน $640 ล้านเหรียญ และในเมืองไทยมีคนอยู่ในประเทศ 70 ล้านคนนะ อ้ะๆ ให้ 80 ล้านคนเลย (เผื่อพม่า ลาว เขมรจะวิ่งเข้ามาด้วย) หนูแจกตังให้ฟรีๆคนละ $1 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยคือคนละ ฿35 ล้านบาท) หนูก็จะเหลือตังอีก $560 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยก็เหลืออีกตั้ง ฿19,600 ล้านบาทไทย) แจกแบบนับจำนวนหัว ไม่ดูอายุกันเลยนะ คุณยายจะตายพรุ่งนี้ก็แจก เด็กเกิดใหม่อายุ 1 วันก็ได้นะ แต่หนูไม่แจกคนที่ติดคุกอยู่ และพระสงฆ์ค่ะ...พี่ว่ามันจะดีมั้ยคะ คิดดีๆก่อนตอบนะ ไม่ต้องรีบ ถามคำถามก่อนตอบก็ได้นะ"

    80% เป็นการตอบแบบไม่หยุดคิดก่อนเลยซักวินาทีเดียว
    "ดีสิครับ" "ดีเด่ะพี่" "โห ผมให้เลขบัญชีคนทั้งครอบครัวพี่เดี๋ยวนี้เลย"
    15% มีการยิงคำถามบ้าง แล้วก็ตอบว่า "ดีครับ ควรแจกครับ"
    มีแค่ 5% ที่คิด-ถาม-คิดอีกที จึงตอบว่า
    "ประเทศเละแน่ๆครับ" "ผมว่าพี่อาจจะโดนยิงตายภายใน 3 วัน" "ผมว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เคยมี และเขาสามารถทำให้เงินหมดได้ภายในเวลาแป๊บเดียวนะ"

    คราวนี้ตาเราถามพวก 80% แรกกลับบ้าง
    "คำถามแรก ทุกคนมีหนี้นอกระบบพะรุงพะรังถูกมั้ยคะ มีใครคิดจะใช้หนี้ให้หมดก่อนมั้ย หรือคิดว่า ก็เจ้าหนี้ ก็ได้ ฿35 ล้านบาทแล้วไง งั้นก็ไม่ต้องใช้คืนก็ได้
    แล้วหนูบอกว่าหนูแจกทุกคนเลยนะ นักโทษฆ่าข่มขืนเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหนูก็แจกนะ คนค้ายาค้ามนุษย์ คนบ้าข้างถนน หนูก็แจกนะคะ ถ้าผัวเมียชาวนามีลูก 8 คน ครอบครัวนั้นจะได้เงิน ฿350 ล้านบาทนะคะ
    คำถามต่อไปคือ พี่ว่าชาวนาจะยังปลูกข้าวอยู่มั้ย พี่ว่าพระจะสึกออกมารับเงินกันกี่รูป พี่ว่าคุณลุงคุณป้าที่ทำร้านอาหารอยู่ แล้วอีกวันเขามีเงินรวมกัน ฿70 ล้านบาท เขาจะเปิดร้านต่อมั้ย พี่เข้าไปร้าน 7-11 แล้วจะมีใครทำงานมั้ย พี่ว่าข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะยังอยากรับใช้ประชาชนแบบเช้าชามเย็นชามเพื่อรอเงินบำนาญอยู่มั้ย พี่ว่ารปภ. คนส่ง Grab คนรับจ้างตัดหญ้า คนรับจ้างกรีดยาง คณะละครร้องรำตามงานวัด จะยังอยากทำงานต่อมั้ย งานวัดจะมีอีกมั้ยเพราะคนทำชิงช้าสวรรค์ ขายสายไหม ซุ้มปาเป้า อาจจะไปเที่ยวยุโรปกันหมดแล้ว ไม่มีใครทำงานแล้ว คนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย จะยังได้รับรอยยิ้มสยาม และการต้อนรับอย่างดีอยู่อีกมั้ย ทำไมต้องมานั่งนวดฝรั่งริมหาดร้อนๆด้วยเนอะ ชาวประมงใส่นาฬิกา 3 ล้านบาทได้เหมือนนักการเมืองแล้วนะ แถมเหลือตังอีกตั้งแยะ เขาจะยังออกไปจับปลามาขายมั้ย...ที่แย่ที่สุดคือ พี่ว่าคนในครอบครัวจะฆ่ากันเองเพราะโลภอยากได้เงินพี่น้องพ่อแม่หรือผัวเมียตัวเองมั้ย
    ...ตกลงพี่ว่าหนูยังควรแจกตังอยู่มั้ยคะ"
    นี่คือความคิดโง่ๆทุเรศๆของเราเล่นๆ แต่มีคนสนับสนุนความคิดบ้องตื้นของเราถึง 80% เพียงเพราะอยากได้เงินก้อนโต

    เวลาผ่านไป 2 ปี มีนักการเมืองเอาความคิดคล้ายๆกัน แต่จะไปกู้เงินมาหยิบยื่นให้ประชาชน แต่ให้แบบเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนเป็นหนี้ท่วมหัวชั่วลูกชั่วหลานหนักกว่าเดิม แต่คนส่วนนึงก็ยังสนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เพราะอยากได้เงินแค่หมื่นเดียว

    ตอนนี้ผู้ประสบภัยพิบัติมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักการเมืองแวะมาดูๆ ถ่ายรูปตอนมอบถุงยังชีพ 2-3 แชะ แล้วหนูน้อยก็บอกว่า "ตอนนี้น้ำแรงมาก เรือท้องแบนเข้าไปไม่ได้ เมื่อน้ำลดลง พวกเราพร้อมจะเข้าช่วยทันที" อ๋ออออ เรือท้องท้องแบนเข้าไปสู้กับน้ำเชี่ยวๆได้แหละเนอะ น้ำไม่ค่อยแรงหรอก ไว้เรือท้องแบนเข้าได้ แล้วค่อยไปก็ได้ คนไทยอดข้าวอดน้ำ 4-5 วันได้ อึฉี่บนหลังคาบ้านก็ได้ เก่งจะตาย ไม่รีบๆ
    https://x.com/Kawaaii13/status/1834174006418964973?t=Qgom67KE-O0gYasaeateSA&s=19

    ลองเข้าไปดู tiktok ของ @tiktok.thailand89 นะคะ ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ขับ jet ski เก่งมากๆทุกคนเลยค่ะ
    https://www.tiktok.com/@tiktok.thailand89?_t=8pghh09pg0q&_r=1

    นายกหนูน้อยคะ นี่ไงคะ แพร่ลดแล้ว สุโขทัยลดแล้ว เมืองพังเละเทะ ที่ว่าพร้อมจะเข้าช่วยทันที ว้า..แย่จัง ตอนนี้ต้องไปช่วยเชียงรายก่อน ไหนจะต้องแอบเร่งทำเรื่องคาสิโนให้ผ่าน ช่วงที่กำลังอลหม่านเรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แถมทีม IO ก็ค่อยๆทยอยลงคลิปเสียงคนโน้นคนนี้ ปล่อยข่าวดาราไทยที่โดนดาราชาติอื่นๆหลอก ฯลฯ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้คนด่านายกหนูน้อยเยอะ มุขมันเก่าไปแล้วค่ะ รายการเจาะลึกทั่วไทย เอาคลิปลุงมาสร้างกระแส เอาจริงๆ ลุงหยุมแกก็อยากเป็นใหญ่ ใครๆก็รู้มาตั้งนานแล้วป่ะ คุณมดดำ ก็สร้างกระแส acting ทำเป็นโกรธดาราเกาหลีมากมาย ได้ตังกันไปเท่าไหร่จ๊ะ

    สังเกตุมั้ย ครอบครัวนี้ขึ้นมามีอำนาจทีไร น้ำท่วมใหญ่ทุกที โดนทั้งอา ทั้งหลานเลย มันคือสัญญาณอะไรเอ่ย คล้ายกับธรรมชาติไม่พอใจพฤติกรรมของมนุษย์ จึงส่งภัยพิบัติมาช่วยเบิกเนตรให้คนตาสว่าง งั้นเราขอถามคำถามตอนนี้ว่า

    ติ๊ต่างนะคะ ว่าตอนนี้มีเงินหมื่นบาทลอยเข้า app เป๋าตังเรียบร้อยแล้ว...แต่ไปซื้อของก็ไม่ได้ เพราะน้ำท่วมร้านค้ามิดหลังคาเลย ได้ข้าวสารมา แต่ไม่มีไฟฟ้าให้หุงข้าว จะหุงด้วยฟืน ฟืนก็เปียกน้ำหมด เหลือแต่ตัวกับเงินหมื่นบาทใน app

    ก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ ของวิญญูชนชัดเจนแล้วว่า การเอาเงินมาแจกให้คน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องค่ะ หากแต่การให้ความรู้แก่ผู้ใฝ่รู้ที่มีความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประชาชนและประเทศชาติ

    มีชายท่านนึง ท่านเคยศึกษา และทดลองทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่าง มีโครงการมากมายที่ได้ผลสำเร็จ และนำเอาความรู้เหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ฟรีๆ และยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่นำมาใช้ต่อไปได้ไม่จำกัดกาล แต่คนส่วนใหญ่ กลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลมันนานเกินไป จนภัยมาถึงตัวในวันนี้

    และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คนที่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ยังเก็บเงินไว้กับตัว เพราะเขาอาจจะต้องการให้สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำมากอยู่ตลอดไป ไม่งั้นจะไปหาคนรองมือรองตีนได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะหาลูกหนี้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะไปหาเหยื่อที่เห็นเงินตาโตแล้วร้อยไว้ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ

    ปล.
    ภูเก็ตก็หนักอยู่ เตรียมรับอีกลูกวันที่ 17 จ้ะ
    ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
    https://www.facebook.com/share/v/YGS8GsJ3YXbtrxjK/?mibextid=D5vuiz
    Sep. 13, 2024 วันนี้เห็นคลิปทหารทุกหมู่เหล่า หน่วยกู้ภัย มูลนิธิต่างๆ และจิตอาสา ต่างระดมกำลังกัน ช่วยชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย ส่งข้าว ส่งน้ำ และของประทังชีวิตให้ถึงมือทั้งทางเรือ และทางอากาศ https://youtu.be/-jaZXpfHsgo?si=YFcFCL5e6vndU-XQ มันช่างต่างกับคลิปบ่ายเบี่ยงของนายกคนลูก และออกไปสร้างภาพช่วยผู้ประสบภัยอีกครั้ง หลังจากนายกคนพ่อไปถ่ายรูปสร้างภาพที่สุโขทัยตอนน้ำสูงเท่าพื้นรองเท้า และจัดฉากให้คนนั่งในเรือยกมือไหว้มันซะด้วย ล่อลวงด้วยนโยบายแจกเงินสกุล digital หมื่นนึง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นแจกเงินสดที่เลื่อนวันจ่ายออกไปเรื่อยๆ...มันช่างน่าทุเรศใจเหลือเกิน คิดย้อนไปถึงตอนก่อนเราจะกลับจาก New York ช่วงพฤศจิกายน 2022 ตอนนั้น Powerball Lotto คือ lottery game ของรัฐที่เข้าร่วมทั้งหมด 45 รัฐ รางวัลที่ฮือฮามากเมื่อก่อน covid คือเกือบ $700 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีใครถูก รางวัลก็จะทบไปเรื่อยๆ จน Jackpot แตกไปเมื่อวันที่ 7 พย. 2022 คือ $2040 ล้านเหรียญ ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และที่สำคัญ Jackpot winner มีคนเดียวด้วย ติ๊ต่างว่าเราคือคนๆนั้นนะ และเราเลือกที่จะไม่รับเบี้ยหัวแตก 30 ปี แต่เราเลือกเอาก้อนเดียวเลย เงินรางวัลเราก็จะได้ครึ่งเดียว คือเหลือ $1020 ล้านเหรียญ จากนั้นก่อนจะอุ้มเงินหนีกลับบ้าน คุณจะโดนหัก state & federal tax อีก 37% ก็จะเหลือกลมๆประมาณ $640 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ตอนนั้น ฿35/$1 ก็คือ ฿22,400 ล้านบาทไทย...ก็เอาละวะ ตอนกลับมาไทย เราชอบชวน taxi และคนในพื้นที่ที่ภูเก็ตคุย เราก็จะเล่าเรื่องหวยฝรั่งรางวัลใหญ่ให้พี่ๆ taxi และหลายๆคนฟัง แล้วเราก็นึกสนุกขึ้นมา จึงตั้งคำถามกับ taxi และคนที่ภูเก็ตอีกหลายต่อหลายคนว่า... "ถ้าหนูมีเงิน $640 ล้านเหรียญ และในเมืองไทยมีคนอยู่ในประเทศ 70 ล้านคนนะ อ้ะๆ ให้ 80 ล้านคนเลย (เผื่อพม่า ลาว เขมรจะวิ่งเข้ามาด้วย) หนูแจกตังให้ฟรีๆคนละ $1 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยคือคนละ ฿35 ล้านบาท) หนูก็จะเหลือตังอีก $560 ล้านเหรียญ (เป็นเงินไทยก็เหลืออีกตั้ง ฿19,600 ล้านบาทไทย) แจกแบบนับจำนวนหัว ไม่ดูอายุกันเลยนะ คุณยายจะตายพรุ่งนี้ก็แจก เด็กเกิดใหม่อายุ 1 วันก็ได้นะ แต่หนูไม่แจกคนที่ติดคุกอยู่ และพระสงฆ์ค่ะ...พี่ว่ามันจะดีมั้ยคะ คิดดีๆก่อนตอบนะ ไม่ต้องรีบ ถามคำถามก่อนตอบก็ได้นะ" 80% เป็นการตอบแบบไม่หยุดคิดก่อนเลยซักวินาทีเดียว "ดีสิครับ" "ดีเด่ะพี่" "โห ผมให้เลขบัญชีคนทั้งครอบครัวพี่เดี๋ยวนี้เลย" 15% มีการยิงคำถามบ้าง แล้วก็ตอบว่า "ดีครับ ควรแจกครับ" มีแค่ 5% ที่คิด-ถาม-คิดอีกที จึงตอบว่า "ประเทศเละแน่ๆครับ" "ผมว่าพี่อาจจะโดนยิงตายภายใน 3 วัน" "ผมว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เคยมี และเขาสามารถทำให้เงินหมดได้ภายในเวลาแป๊บเดียวนะ" คราวนี้ตาเราถามพวก 80% แรกกลับบ้าง "คำถามแรก ทุกคนมีหนี้นอกระบบพะรุงพะรังถูกมั้ยคะ มีใครคิดจะใช้หนี้ให้หมดก่อนมั้ย หรือคิดว่า ก็เจ้าหนี้ ก็ได้ ฿35 ล้านบาทแล้วไง งั้นก็ไม่ต้องใช้คืนก็ได้ แล้วหนูบอกว่าหนูแจกทุกคนเลยนะ นักโทษฆ่าข่มขืนเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหนูก็แจกนะ คนค้ายาค้ามนุษย์ คนบ้าข้างถนน หนูก็แจกนะคะ ถ้าผัวเมียชาวนามีลูก 8 คน ครอบครัวนั้นจะได้เงิน ฿350 ล้านบาทนะคะ คำถามต่อไปคือ พี่ว่าชาวนาจะยังปลูกข้าวอยู่มั้ย พี่ว่าพระจะสึกออกมารับเงินกันกี่รูป พี่ว่าคุณลุงคุณป้าที่ทำร้านอาหารอยู่ แล้วอีกวันเขามีเงินรวมกัน ฿70 ล้านบาท เขาจะเปิดร้านต่อมั้ย พี่เข้าไปร้าน 7-11 แล้วจะมีใครทำงานมั้ย พี่ว่าข้าราชการ ครู ตำรวจ ทหาร จะยังอยากรับใช้ประชาชนแบบเช้าชามเย็นชามเพื่อรอเงินบำนาญอยู่มั้ย พี่ว่ารปภ. คนส่ง Grab คนรับจ้างตัดหญ้า คนรับจ้างกรีดยาง คณะละครร้องรำตามงานวัด จะยังอยากทำงานต่อมั้ย งานวัดจะมีอีกมั้ยเพราะคนทำชิงช้าสวรรค์ ขายสายไหม ซุ้มปาเป้า อาจจะไปเที่ยวยุโรปกันหมดแล้ว ไม่มีใครทำงานแล้ว คนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย จะยังได้รับรอยยิ้มสยาม และการต้อนรับอย่างดีอยู่อีกมั้ย ทำไมต้องมานั่งนวดฝรั่งริมหาดร้อนๆด้วยเนอะ ชาวประมงใส่นาฬิกา 3 ล้านบาทได้เหมือนนักการเมืองแล้วนะ แถมเหลือตังอีกตั้งแยะ เขาจะยังออกไปจับปลามาขายมั้ย...ที่แย่ที่สุดคือ พี่ว่าคนในครอบครัวจะฆ่ากันเองเพราะโลภอยากได้เงินพี่น้องพ่อแม่หรือผัวเมียตัวเองมั้ย ...ตกลงพี่ว่าหนูยังควรแจกตังอยู่มั้ยคะ" นี่คือความคิดโง่ๆทุเรศๆของเราเล่นๆ แต่มีคนสนับสนุนความคิดบ้องตื้นของเราถึง 80% เพียงเพราะอยากได้เงินก้อนโต เวลาผ่านไป 2 ปี มีนักการเมืองเอาความคิดคล้ายๆกัน แต่จะไปกู้เงินมาหยิบยื่นให้ประชาชน แต่ให้แบบเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ทุกคนเป็นหนี้ท่วมหัวชั่วลูกชั่วหลานหนักกว่าเดิม แต่คนส่วนนึงก็ยังสนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เพราะอยากได้เงินแค่หมื่นเดียว ตอนนี้ผู้ประสบภัยพิบัติมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีนักการเมืองแวะมาดูๆ ถ่ายรูปตอนมอบถุงยังชีพ 2-3 แชะ แล้วหนูน้อยก็บอกว่า "ตอนนี้น้ำแรงมาก เรือท้องแบนเข้าไปไม่ได้ เมื่อน้ำลดลง พวกเราพร้อมจะเข้าช่วยทันที" อ๋ออออ เรือท้องท้องแบนเข้าไปสู้กับน้ำเชี่ยวๆได้แหละเนอะ น้ำไม่ค่อยแรงหรอก ไว้เรือท้องแบนเข้าได้ แล้วค่อยไปก็ได้ คนไทยอดข้าวอดน้ำ 4-5 วันได้ อึฉี่บนหลังคาบ้านก็ได้ เก่งจะตาย ไม่รีบๆ https://x.com/Kawaaii13/status/1834174006418964973?t=Qgom67KE-O0gYasaeateSA&s=19 ลองเข้าไปดู tiktok ของ @tiktok.thailand89 นะคะ ยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ ขับ jet ski เก่งมากๆทุกคนเลยค่ะ https://www.tiktok.com/@tiktok.thailand89?_t=8pghh09pg0q&_r=1 นายกหนูน้อยคะ นี่ไงคะ แพร่ลดแล้ว สุโขทัยลดแล้ว เมืองพังเละเทะ ที่ว่าพร้อมจะเข้าช่วยทันที ว้า..แย่จัง ตอนนี้ต้องไปช่วยเชียงรายก่อน ไหนจะต้องแอบเร่งทำเรื่องคาสิโนให้ผ่าน ช่วงที่กำลังอลหม่านเรื่องน้ำท่วมนี่แหละ แถมทีม IO ก็ค่อยๆทยอยลงคลิปเสียงคนโน้นคนนี้ ปล่อยข่าวดาราไทยที่โดนดาราชาติอื่นๆหลอก ฯลฯ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้คนด่านายกหนูน้อยเยอะ มุขมันเก่าไปแล้วค่ะ รายการเจาะลึกทั่วไทย เอาคลิปลุงมาสร้างกระแส เอาจริงๆ ลุงหยุมแกก็อยากเป็นใหญ่ ใครๆก็รู้มาตั้งนานแล้วป่ะ คุณมดดำ ก็สร้างกระแส acting ทำเป็นโกรธดาราเกาหลีมากมาย ได้ตังกันไปเท่าไหร่จ๊ะ สังเกตุมั้ย ครอบครัวนี้ขึ้นมามีอำนาจทีไร น้ำท่วมใหญ่ทุกที โดนทั้งอา ทั้งหลานเลย มันคือสัญญาณอะไรเอ่ย คล้ายกับธรรมชาติไม่พอใจพฤติกรรมของมนุษย์ จึงส่งภัยพิบัติมาช่วยเบิกเนตรให้คนตาสว่าง งั้นเราขอถามคำถามตอนนี้ว่า ติ๊ต่างนะคะ ว่าตอนนี้มีเงินหมื่นบาทลอยเข้า app เป๋าตังเรียบร้อยแล้ว...แต่ไปซื้อของก็ไม่ได้ เพราะน้ำท่วมร้านค้ามิดหลังคาเลย ได้ข้าวสารมา แต่ไม่มีไฟฟ้าให้หุงข้าว จะหุงด้วยฟืน ฟืนก็เปียกน้ำหมด เหลือแต่ตัวกับเงินหมื่นบาทใน app ก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ ของวิญญูชนชัดเจนแล้วว่า การเอาเงินมาแจกให้คน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องค่ะ หากแต่การให้ความรู้แก่ผู้ใฝ่รู้ที่มีความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่นต่างหาก ที่จะเป็นทางออกที่แท้จริงให้กับประชาชนและประเทศชาติ มีชายท่านนึง ท่านเคยศึกษา และทดลองทำอะไร หลายสิ่งหลายอย่าง มีโครงการมากมายที่ได้ผลสำเร็จ และนำเอาความรู้เหล่านั้นมาเผยแพร่ให้ฟรีๆ และยังเป็นศาสตร์ความรู้ที่นำมาใช้ต่อไปได้ไม่จำกัดกาล แต่คนส่วนใหญ่ กลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลมันนานเกินไป จนภัยมาถึงตัวในวันนี้ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึง ที่ทำให้คนที่มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ยังเก็บเงินไว้กับตัว เพราะเขาอาจจะต้องการให้สังคมยังมีความเหลื่อมล้ำมากอยู่ตลอดไป ไม่งั้นจะไปหาคนรองมือรองตีนได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะหาลูกหนี้ได้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นจะไปหาเหยื่อที่เห็นเงินตาโตแล้วร้อยไว้ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ ปล. ภูเก็ตก็หนักอยู่ เตรียมรับอีกลูกวันที่ 17 จ้ะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ https://www.facebook.com/share/v/YGS8GsJ3YXbtrxjK/?mibextid=D5vuiz
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • เกาหลีเหนือขยายความร่วมมือกับรัสเซีย - คิม จองอึน

    ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ให้คำมั่นกับ เซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย ในระหว่างการประชุมที่เปียงยางว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะขยายความร่วมมือกับรัสเซียตามเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของทั้งสองประเทศ, สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงาน

    เมื่อวันศุกร์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า ชอยกูเดินทางเยือนเปียงยางเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน, ซึ่ง คิม จองอึน ให้การต้อนรับ

    “สหายคิม จองอึน ประเมินว่าภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมสุดยอดเกาหลี-รัสเซียที่เปียงยางเมื่อเดือนมิถุนายน, ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างมีชีวิตชีวาในทุกด้าน รวมทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เขาให้คำมั่นว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะขยายความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือกับสหพันธรัฐรัสเซียต่อไปตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม,” สำนักข่าวดังกล่าวระบุ
    .
    North Korea to expand cooperation with Russia - Kim Jong Un

    North Korean leader Kim Jong Un reassured Russian Security Council Secretary Sergei Shoigu during a meeting in Pyongyang that the North Korean government will expand cooperation with Russia in the spirit of the two countries' comprehensive strategic partnership treaty, the Korean Central News Agency (KCNA) reported.

    The Russian Security Council said in a statement Friday that Shoigu visited Pyongyang on September 13, where he was received by Kim Jong Un.

    “Comrade Kim Jong Un assessed that under the agreements reached at the June Korea-Russia summit in Pyongyang, relations between the two countries are developing vibrantly in all spheres including politics, the economy and culture. He assured that the DPRK government will continue to expand cooperation and assistance with the Russian Federation in the spirit of the comprehensive strategic partnership agreement,” the agency said.
    .
    6:35 AM · Sep 14, 2024 · 3,247 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834737587707170899
    เกาหลีเหนือขยายความร่วมมือกับรัสเซีย - คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ให้คำมั่นกับ เซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย ในระหว่างการประชุมที่เปียงยางว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะขยายความร่วมมือกับรัสเซียตามเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของทั้งสองประเทศ, สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงาน เมื่อวันศุกร์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า ชอยกูเดินทางเยือนเปียงยางเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน, ซึ่ง คิม จองอึน ให้การต้อนรับ “สหายคิม จองอึน ประเมินว่าภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมสุดยอดเกาหลี-รัสเซียที่เปียงยางเมื่อเดือนมิถุนายน, ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังพัฒนาอย่างมีชีวิตชีวาในทุกด้าน รวมทั้งการเมือง, เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เขาให้คำมั่นว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะขยายความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือกับสหพันธรัฐรัสเซียต่อไปตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม,” สำนักข่าวดังกล่าวระบุ . North Korea to expand cooperation with Russia - Kim Jong Un North Korean leader Kim Jong Un reassured Russian Security Council Secretary Sergei Shoigu during a meeting in Pyongyang that the North Korean government will expand cooperation with Russia in the spirit of the two countries' comprehensive strategic partnership treaty, the Korean Central News Agency (KCNA) reported. The Russian Security Council said in a statement Friday that Shoigu visited Pyongyang on September 13, where he was received by Kim Jong Un. “Comrade Kim Jong Un assessed that under the agreements reached at the June Korea-Russia summit in Pyongyang, relations between the two countries are developing vibrantly in all spheres including politics, the economy and culture. He assured that the DPRK government will continue to expand cooperation and assistance with the Russian Federation in the spirit of the comprehensive strategic partnership agreement,” the agency said. . 6:35 AM · Sep 14, 2024 · 3,247 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834737587707170899
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 423 Views 0 Reviews
  • มาร์การิตา ซิโมนยาน เล่าถึงคำพูดอันทรงพลังของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ขณะที่สหรัฐฯประกาศมาตรการลงโทษใหม่ต่อบริษัทสื่อของรัสเซีย

    “เราไม่กลัวที่จะมอบความไว้วางใจให้ชาวอเมริกันรับเอาข้อเท็จจริงที่ไม่น่าพอใจ, แนวคิดจากต่างประเทศ, ปรัชญาที่แปลกใหม่, และค่านิยมที่แข่งขันกัน สำหรับประเทศที่กลัวที่จะปล่อยให้ประชาชนของตนตัดสินความจริงและความเท็จในตลาดเปิด ประเทศนั้นก็คือประเทศที่กลัวประชาชนของตนเอง,” บรรณาธิการบริหารของ Rossiya Segodnya กลุ่มสื่อแม่ของสปุตนิกกล่าว โดยอ้างคำพูดของนักการเมืองที่ถูกสังหาร

    “พวกเขาไม่ได้ฆ่าเขาโดยไม่มีเหตุผล เขากำลังคิดในทางที่ผิด” ซิโมนยาน กล่าว, โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล่าสุดในการเซ็นเซอร์บริษัทสื่อของรัสเซีย
    .
    Margarita Simonyan recalled the powerful words of former US President John F. Kennedy as the US announced new punitive measures against Russian media companies

    “We are not afraid to entrust the American people with unpleasant facts, foreign ideas, alien philosophies, and competitive values. For a nation that is afraid to let its people judge the truth and falsehood in an open market is a nation that is afraid of its people,” said the editor-in-chief of Rossiya Segodnya, Sputnik's parent media group, quoting the slain politician.

    “They haven’t killed him for nothing. He was thinking the wrong way,” said Simonyan, commenting on the latest move towards censorship of Russian media companies.
    .
    3:45 AM · Sep 14, 2024 · 4,802 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834694981019484594
    มาร์การิตา ซิโมนยาน เล่าถึงคำพูดอันทรงพลังของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ขณะที่สหรัฐฯประกาศมาตรการลงโทษใหม่ต่อบริษัทสื่อของรัสเซีย “เราไม่กลัวที่จะมอบความไว้วางใจให้ชาวอเมริกันรับเอาข้อเท็จจริงที่ไม่น่าพอใจ, แนวคิดจากต่างประเทศ, ปรัชญาที่แปลกใหม่, และค่านิยมที่แข่งขันกัน สำหรับประเทศที่กลัวที่จะปล่อยให้ประชาชนของตนตัดสินความจริงและความเท็จในตลาดเปิด ประเทศนั้นก็คือประเทศที่กลัวประชาชนของตนเอง,” บรรณาธิการบริหารของ Rossiya Segodnya กลุ่มสื่อแม่ของสปุตนิกกล่าว โดยอ้างคำพูดของนักการเมืองที่ถูกสังหาร “พวกเขาไม่ได้ฆ่าเขาโดยไม่มีเหตุผล เขากำลังคิดในทางที่ผิด” ซิโมนยาน กล่าว, โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล่าสุดในการเซ็นเซอร์บริษัทสื่อของรัสเซีย . Margarita Simonyan recalled the powerful words of former US President John F. Kennedy as the US announced new punitive measures against Russian media companies “We are not afraid to entrust the American people with unpleasant facts, foreign ideas, alien philosophies, and competitive values. For a nation that is afraid to let its people judge the truth and falsehood in an open market is a nation that is afraid of its people,” said the editor-in-chief of Rossiya Segodnya, Sputnik's parent media group, quoting the slain politician. “They haven’t killed him for nothing. He was thinking the wrong way,” said Simonyan, commenting on the latest move towards censorship of Russian media companies. . 3:45 AM · Sep 14, 2024 · 4,802 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834694981019484594
    Like
    Wow
    2
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • ตราบใดจริยธรรมนักการเมืองไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม
    ประเทศจะไม่ปลอดภัย

    เพราะความโลภ ความพยาบาท และความเห็นผิด ของนักการเมืองทุจริต ยังอยู่เบื้องหลังการพูดและการกระทำเสมอ..
    ไม่หายไปไหน
    ตราบใดจริยธรรมนักการเมืองไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม ประเทศจะไม่ปลอดภัย เพราะความโลภ ความพยาบาท และความเห็นผิด ของนักการเมืองทุจริต ยังอยู่เบื้องหลังการพูดและการกระทำเสมอ.. 😅ไม่หายไปไหน
    0 Comments 1 Shares 80 Views 0 Reviews
  • ขอขอบคุณทหารทุกเหล่าทัพ - ตำรวจ - และอาสาสมัครทุกท่านครับ

    ประเทศชาติพ้นภัยพิบัติได้ก็ด้วยพลังของท่าน หาใช่นักการเมือง


    นัทแนะ
    ขอขอบคุณทหารทุกเหล่าทัพ - ตำรวจ - และอาสาสมัครทุกท่านครับ ประเทศชาติพ้นภัยพิบัติได้ก็ด้วยพลังของท่าน หาใช่นักการเมือง นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • นักการเมืองคนใด พูดโกหก บิดเบือน ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นคนไร้จริยธรรม เป็นคนที่ไม่ควรให้ความเชื่อถือ ไม่ควรไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน
    นักการเมืองคนใด พูดโกหก บิดเบือน ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นคนไร้จริยธรรม เป็นคนที่ไม่ควรให้ความเชื่อถือ ไม่ควรไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • ขอเชิญเหล่า FC ทั้งหลาย มาร่วมในงานมงคลสมรสของพี่ปูค่าาาา……!!!!

    ตอนสาม เริ่มชีวิตครอบครัว เพื่อเดินออกสู่โลกกว้าง ไปตามหาความฝัน………!!!

    เริ่มอารัมภบท คือ……ไม่ต้องกระจองอแงกันนะ เพราะคราวนี้จะต้องเล่าละเอียดในเนื้อหาของการสละโสดหน่อย เพราะทุกบททุกตอนในดีเทล คือ ความเป็นตัวตนของปูตินในวันนี้….

    หลังจากการที่ล้มเลิกการแต่งงานในคราวนั้น ปูตินยังทำตัวเหมือนเดิม ยังอยู่กับพ่อแม่ที่ยังเห็นเขาเป็นลูกแหง่ จนตัวเขาเองก็คิดว่า อาจจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย…
    แต่ในเดือน มีนาคม 1980 ที่เขาได้รู้จักสาวอีกนางหนึ่ง นามว่า
    Ludmila Shkrebneva แอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแห่งชาติ Aeroflot ที่ต้องประจำอยู่ที่ Kaliningrad (พื้นที่เก่าของของปรัสเซีย ที่โซเวียตยึดไว้หลังจากที่ชนะสงครามกับนาซี
    ลุดมิลา สาวงามวัย 22 ที่เผอิญ Galina เพื่อนสาวของเธอที่เป็นแอร์ด้วยกัน เป็นแฟนของ Andrei เพื่อนของปูติน
    ทีนี้ สองสาว ได้มาที่เลนินกราด เพื่อที่จะเข้าชมละคร Andrei จึงชวนปูตินไปด้วย จะได้ครบคู่ไม่เขิน

    เมื่อพบกันครั้งแรก ลุดมิลาไม่ได้สนใจในตัวของปูตินเลย เพราะเขาเป็นคนเงียบๆ เหมือนไม่ค่อยมีสังคม เธอเคยเล่าว่า
    ผู้ชายแบบนี้ถ้าไปเจอตามถนน…ก็จะมองผ่านทะลุไปเลยเชียว
    ในระหว่างพักครึ่งของการแสดง ลุดมิลาได้ถามเขาถึงการแสดงดนตรีในคืนต่อไป ว่า เขามีทางที่จะหาบัตรชมมาให้ได้หรือไม่?
    ปูตินรับปาก และหามาให้ได้จริงๆ และทั้งสี่คนได้ไปร่วมทีมกันอีกในคืนต่อมา……
    ก่อนจากกัน……ปูตินได้เขียนเบอร์โทรศัพท์ให้กับลุดมิลา
    ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของอังเดร

    ส่งสองสาวเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน อังเดร ได้ถามขึ้นว่า “นึกยังไงถึงเที่ยวแจกเบอร์โทรศัพท์ล่ะ ปรกตินายไม่เคยให้เบอร์ใครนี่..?”

    แต่ก็ได้ผล เพราะเมื่อลุดมิลาบินกลับไปแล้ว เธอโทรหาเขา……
    และได้บินมาที่เลนินกราดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม คราวนี้ทั้งคู่เริ่มออกเดทกันเป็นเรื่องเป็นราว
    ลุดมิลาเริ่มคิดที่จะย้ายกลับมาอยู่ในเลนินกราด เพื่ออยู่ใกล้กับคนรัก……
    ปูตินขอข้อแลกเปลี่ยน……นั่นคือ ขอให้เธอกลับไปเรียนหนังสือ
    เนื่องจากเธอได้พักการเรียนไว้ครึ่งๆกลางๆเพื่อที่จะไปทำงานกับสายการบิน เขาต้องการให้เธอกลับไปสานต่อ
    ซึ่งลุดมิลาได้ทำตามความประสงค์ของคนรัก เธอไปลงเรียนในวิชาปรัชญาที่สถาบันเดียวกันกับปูติน Leningrad State University …

    ความสัมพันธ์เป็นไปเหมือนกับคู่รักอื่นๆ มีการทะเลาะกัน
    ที่หนักสุด คือ ลุดมิลาบินกลับไปที่คาลินินกราด
    แต่ปูตินตามไปง้องอน จนกลับมาดังเดิม
    ปูตินทำตัวเป็นผู้นำในทุกเรื่อง เขาขี้หึง เขาสั่ง สั่ง และสั่ง
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาชนะใจลุดมิลาเพราะความที่เขาเป็นคนโรแมนติก ไม่ขี้เหนียว พาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป เช่นไปเล่นสกี ไปเที่ยวชนบท แต่มีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆ เช่น
    ลุดมิลาต้องไปเรียนพิมพ์ดีด

    เขาพาเธอไปพบกับมาเรีย ผู้มารดา แต่เหมือนเคมีจะไม่ค่อยถูกกัน เนื่องจาก มาเรียยังปักใจชอบลุดมิลาแฟนเก่าของปูติน เพราะเธออ่อนหวาน เรียบร้อย
    มาเรียรีบเล่าให้ลุดมิลาฟังถึงเรื่องปูตินเคยมีแฟนที่มีชื่อลุดมิลาเหมือนกัน แต่คนนั้นน่ะ……เขาเรียบร้อยยยย !!!

    ลุดมิลาไม่เคยรู้ในเรื่องงานที่แท้จริงของปูติน เพราะเท่าที่เธอทราบเหมือนคนอื่นๆ คือ เป็นการทำงานกับหน่วยมั่นคง ป้องกันอาชญากรรม ที่อยู่ในสายงานของกลาโหม (สายลับส่วนใหญ่จะใช้แบบนี้)
    หลายครั้งที่เธอถามเขาเรื่องงาน เขามักตอบติดตลกว่า
    เช้าไปตกปลา……บ่ายกินปลา…
    เมื่อถึงปี 1981 ที่เป็นแฟนกันมาร่วมปีครึ่ง เธอถึงได้ทราบว่า
    เขาคือ KGB ที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเขาขึ้นมาอีกอักโข
    และพลอยเข้าใจในความเป็นเผด็จการของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

    ในที่สุด เดือนเมษายน 1983 วันสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงก็ได้มาถึง ที่ปูตินได้เริ่มต้นด้วยประโยคว่า
    “นี่ก็สามปีครึ่งที่เราคบหากัน……คุณตัดสินใจได้หรือยัง…?”
    “ได้แล้วค่ะ คือ ตกลงค่ะ”
    “ดีเลย……ผมรักคุณ เราจะแต่งงานกันนะ”
    พิธีสมรสได้จัดขึ้นในสามเดือนต่อมา ที่ภัตราคารลอยน้ำใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย ในวันที่ 28 กรกฎาคม
    มีเพื่อนๆมาร่วมประมาณยี่สิบคน
    คืนต่อมา……ได้จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม Moscow

    สามีภรรยาคู่ใหม่ไปดื่มน้ำผึ่งพระจันทร์ที่ยูเครน เริ่มจากขับรถไปที่
    Kyiv, Moldova, Lviv, western Ukraine, Nikolayev และ Crimea ที่เขาทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ Yalta ถึงสิบสองวัน
    ปูตินมีความสุขมาก เพราะ ไครเมียเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินสำหรับเขาเสมอมา
    ขากลับ เขาทั้งสองผ่านเข้าทางมอสโคว์ เพราะปูตินจะต้องแวะไปรายงานตัว
    เขาทั้งสอง ชายวัย 30 หญิง 25 ได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวในอพาร์ตเมนต์สองห้องนอน บนถนน Stachek Lane อย่างมีความสุข

    แต่……Igor Antonov (เพื่อนคนหนึ่งของปูติน) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งงานในครั้งนี้ว่า เพราะปูตินไม่มีทางเลือกอื่นๆแล้ว นอกจากจะต้องสร้างครอบครัว เพราะหน้าที่การงานกำลังจะถึงทางตัน ถ้าสายลับ KGB ที่จะต้องออกไปรับหน้าที่ในต่างประเทศ หรือเลื่อนตำแหน่ง จะต้องมีวุฒิภาวะตามที่ KGB กำหนด เพราะหลังจากที่ปูตินแต่งงาน เขาได้เลื่อนยศเป็นพันตรี และได้ถูกส่งไปเรียนเพิ่มเติมในหน่วยปฏิบัติงานต่างประเทศที่ The Red Banner Institute, Moscow
    ที่เป็นสถาบันที่จัดว่าสำหรับชนชั้นปกครอง ผู้อบรมต้องเป็นรัสเชี่ยนชั้นธรรมดา (ลูกผู้ดีไม่รับ) เท่านั้น ไม่มียิว ไม่มีตาร์ต้าร์ หรือ เชเชน หรือ มองโกล
    ห้ามพิธีทางศาสนาทุกชนิด และ…ไม่มีการใช้เส้นใดๆ
    ปูตินเป็นคนเดียว จากเลนินกราดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปรับการอบรม
    The Red Banner Institute (หรือปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อว่า The Academy of Foreign Intelligence) นี้ ตั้งอยู่ในกลางป่าที่ค่อนข้างลึกลับในชายกรุงมอสโคว์ หลักสูตรมีตั้งแต่ หนึ่งถึงสามปี
    ลุดมิลาได้เริ่มตั้งครรภ์แรก จึงยังอยู่ในเลนินกราด
    ส่วนปูติน ที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างในศาสตร์ของการเป็นสายลับ
    ในชื่อใหม่ว่า “Platov” ที่แม้แต่เพื่อนผู้รับการอบรมด้วยคน
    ไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของกันและกัน ทุกคนจะได้รับชื่อเฉพาะกิจ

    ปูติน ก้าวเข้าไปในชั้นเรียนวันแรก ด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นสูทสามชิ้น (คือมีเสื้อกั๊กเพิ่มข้างใน)
    เรียกเสียงฮาได้จากครูผู้ฝึก ที่ถามว่า
    “คอมราดพลานอฟ นายจะมาเดินแบบหรือไง…?”
    ผู้ที่ให้อบรมทั้งหมด ต่างล้วนเป็นชั้นกระทิสุดยอดของสายลับ
    ที่มีผลงานที่น่าประทับใจ
    ทุกคนที่จะเดินออกจากสถาบันนี้ คือพร้อมที่จะไปเป็นสายลับข้ามชาติได้ทุกแห่งหนในโลก………!!!

    ในขณะนั้นลุดมิลาได้คลอดทารกเพศหญิง ที่ปูตินตั้งชื่อให้ว่า มาเรีย (ไว้ล่วงหน้า เพราะให้เหมือนกับชื่อย่า) Sergei Roldugin เพื่อนรัก ได้ช่วยรับเป็นภาระดูแลให้ รวมทั้งเป็นพ่อทูนหัวให้กับมาเรีย
    ปูตินจึงขอลากลับไปเลนินกราดเพื่อเยี่ยมเยียนเมียและลูกในช่วงวันหยุด ครั้งหนึ่งในการเดินทาง เขาได้เกิดการชกต่อยกับแก๊งอันธพาลในสถานีรถใต้ดิน
    คราวนี้เรียกว่าลุยกันเละ เพราะปูตินถึงกับแขนหัก อีกฝ่ายหนึ่งแทบเอาชีวิตไม่รอด
    และนี่คือ “ความเสี่ยง” ต่ออนาคตการงานของเขาโดยตรง เพราะหากว่าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมา ทุกอย่างคือจบ…

    แต่โชคยังเป็นของเขา เพราะเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ทันทีที่เสร็จสิ้นจากการอบรม ให้ไปประจำการอยู่ที่เมือง Dresden,
    East Germany
    และนี่คือการเดินทางทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก ของ ปูตินในวัย 33 ปี

    ขออธิบายเพิ่มเติมค่ะ ว่า ในหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถือเอาวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 หลังจากนั้นในฐานะของผู้แพ้สงครามให้กับกองทัพสัมพันธมิตร คือ อเมริกา, อังกฤษและ โซเวียต รัสเซีย (ฝรั่งเศส เขาไม่นับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธในการมีส่วนร่วม) ที่ได้ทำการตกลงกันไว้ล่วงหน้าระหว่างผู้นำทั้งสามประเทศ ที่ Yalta ที่ตกลงกันในการแบ่งสันปันส่วนในแผ่นดินของเยอรมันนี

    ขั้นตอนในการแบ่งได้มาย่อยยิบกันอีกในการประชุมที่ Potsdam Conference ว่าจะเฉือนเยอรมันออกเป็นสี่ส่วน
    แบ่งกันคนละส่วน อังกฤษได้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ,
    ฝรั่งเศส ได้ทางตะวันตกเฉียงใต้, อเมริกา ได้ตะวันออกเฉียงใต้ และโซเวียตไัด้ทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่

    ส่วนเบอร์ลินเมืองหลวงก็เช่นกัน ตามที่แบ่งกันนั้น เบอร์ลินตกอยู่ในส่วนของโซเวียต และเพื่อความเป็นธรรมจึง แบ่งออกมาเป็นสี่ส่วน แบ่งกันไปคนละส่วน แต่สภาพของเหมือนกับเบอร์ลินเป็นไข่แดง ที่อยู่กลางโซเวียตที่เป็นไข่ขาว
    ส่วนที่เป็นของโซเวียต คือ เบอร์ลินตะวันออกก็จะมีกำแพงกั้นอาณาเขต ที่เราเรียกว่า กำแพงเบอร์ลิน ……

    ดังนั้น โซเวียตจึงมีหน่วยงานด้านความปลอดภัยอยู่ประจำในเขตต่างๆ ที่แม้ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็มีการเตรียมตัวที่ดี
    เพราะเขาได้ทำการปั้นเด็กๆรุ่นที่เกิดหลังสงคราม ให้เติบโตขึ้นมาอย่างพร้อมรับมือ เช่นการให้เรียนภาษาต่างๆ
    ปูตินสามารถพูดภาษาเยอรมันได้เข้าขั้นระดับการทูต เพราะเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถม
    เด็กอื่นๆที่มีแวว ก็ต้องเรียนภาษาอื่นๆอย่างเอาจริงเอาจัง
    เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญมากในครอบครัวของชาวโซเวียต
    เพราะผู้ปกครองเด็กที่แท้จริง คือ รัฐบาล…

    เช่นปูตินได้ผลักดันให้ลุดมิลากลับไปเรียนจนจบ และ เรียนสารพัดเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้เตรียมตัวมาเป็น หลังบ้านของข้าราชการ, นักการเมือง หรือ ผู้นำได้อย่างสมศักดิ์ศรี
    เพราะปูติน……ไม่ได้มีความหวังว่าจะหยุดอนาคตไว้ที่การเป็นสายลับเท่านั้น…

    อาจมีอธิบายนอกเรื่องเยอะหน่อยนะคะ เพราะเชื่อว่ายังมีผู้อ่านอีกมากที่ไม่ใช่ baby boomer อย่างผู้เขียน เก็บเอาไว้เป็นความรู้ค่าาาา ……

    Wiwanda W. Vichit
    ขอเชิญเหล่า FC ทั้งหลาย มาร่วมในงานมงคลสมรสของพี่ปูค่าาาา……!!!! ตอนสาม เริ่มชีวิตครอบครัว เพื่อเดินออกสู่โลกกว้าง ไปตามหาความฝัน………!!! เริ่มอารัมภบท คือ……ไม่ต้องกระจองอแงกันนะ เพราะคราวนี้จะต้องเล่าละเอียดในเนื้อหาของการสละโสดหน่อย เพราะทุกบททุกตอนในดีเทล คือ ความเป็นตัวตนของปูตินในวันนี้…. หลังจากการที่ล้มเลิกการแต่งงานในคราวนั้น ปูตินยังทำตัวเหมือนเดิม ยังอยู่กับพ่อแม่ที่ยังเห็นเขาเป็นลูกแหง่ จนตัวเขาเองก็คิดว่า อาจจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย… แต่ในเดือน มีนาคม 1980 ที่เขาได้รู้จักสาวอีกนางหนึ่ง นามว่า Ludmila Shkrebneva แอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแห่งชาติ Aeroflot ที่ต้องประจำอยู่ที่ Kaliningrad (พื้นที่เก่าของของปรัสเซีย ที่โซเวียตยึดไว้หลังจากที่ชนะสงครามกับนาซี ลุดมิลา สาวงามวัย 22 ที่เผอิญ Galina เพื่อนสาวของเธอที่เป็นแอร์ด้วยกัน เป็นแฟนของ Andrei เพื่อนของปูติน ทีนี้ สองสาว ได้มาที่เลนินกราด เพื่อที่จะเข้าชมละคร Andrei จึงชวนปูตินไปด้วย จะได้ครบคู่ไม่เขิน เมื่อพบกันครั้งแรก ลุดมิลาไม่ได้สนใจในตัวของปูตินเลย เพราะเขาเป็นคนเงียบๆ เหมือนไม่ค่อยมีสังคม เธอเคยเล่าว่า ผู้ชายแบบนี้ถ้าไปเจอตามถนน…ก็จะมองผ่านทะลุไปเลยเชียว ในระหว่างพักครึ่งของการแสดง ลุดมิลาได้ถามเขาถึงการแสดงดนตรีในคืนต่อไป ว่า เขามีทางที่จะหาบัตรชมมาให้ได้หรือไม่? ปูตินรับปาก และหามาให้ได้จริงๆ และทั้งสี่คนได้ไปร่วมทีมกันอีกในคืนต่อมา…… ก่อนจากกัน……ปูตินได้เขียนเบอร์โทรศัพท์ให้กับลุดมิลา ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของอังเดร ส่งสองสาวเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน อังเดร ได้ถามขึ้นว่า “นึกยังไงถึงเที่ยวแจกเบอร์โทรศัพท์ล่ะ ปรกตินายไม่เคยให้เบอร์ใครนี่..?” แต่ก็ได้ผล เพราะเมื่อลุดมิลาบินกลับไปแล้ว เธอโทรหาเขา…… และได้บินมาที่เลนินกราดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม คราวนี้ทั้งคู่เริ่มออกเดทกันเป็นเรื่องเป็นราว ลุดมิลาเริ่มคิดที่จะย้ายกลับมาอยู่ในเลนินกราด เพื่ออยู่ใกล้กับคนรัก…… ปูตินขอข้อแลกเปลี่ยน……นั่นคือ ขอให้เธอกลับไปเรียนหนังสือ เนื่องจากเธอได้พักการเรียนไว้ครึ่งๆกลางๆเพื่อที่จะไปทำงานกับสายการบิน เขาต้องการให้เธอกลับไปสานต่อ ซึ่งลุดมิลาได้ทำตามความประสงค์ของคนรัก เธอไปลงเรียนในวิชาปรัชญาที่สถาบันเดียวกันกับปูติน Leningrad State University … ความสัมพันธ์เป็นไปเหมือนกับคู่รักอื่นๆ มีการทะเลาะกัน ที่หนักสุด คือ ลุดมิลาบินกลับไปที่คาลินินกราด แต่ปูตินตามไปง้องอน จนกลับมาดังเดิม ปูตินทำตัวเป็นผู้นำในทุกเรื่อง เขาขี้หึง เขาสั่ง สั่ง และสั่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาชนะใจลุดมิลาเพราะความที่เขาเป็นคนโรแมนติก ไม่ขี้เหนียว พาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป เช่นไปเล่นสกี ไปเที่ยวชนบท แต่มีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆ เช่น ลุดมิลาต้องไปเรียนพิมพ์ดีด เขาพาเธอไปพบกับมาเรีย ผู้มารดา แต่เหมือนเคมีจะไม่ค่อยถูกกัน เนื่องจาก มาเรียยังปักใจชอบลุดมิลาแฟนเก่าของปูติน เพราะเธออ่อนหวาน เรียบร้อย มาเรียรีบเล่าให้ลุดมิลาฟังถึงเรื่องปูตินเคยมีแฟนที่มีชื่อลุดมิลาเหมือนกัน แต่คนนั้นน่ะ……เขาเรียบร้อยยยย !!! ลุดมิลาไม่เคยรู้ในเรื่องงานที่แท้จริงของปูติน เพราะเท่าที่เธอทราบเหมือนคนอื่นๆ คือ เป็นการทำงานกับหน่วยมั่นคง ป้องกันอาชญากรรม ที่อยู่ในสายงานของกลาโหม (สายลับส่วนใหญ่จะใช้แบบนี้) หลายครั้งที่เธอถามเขาเรื่องงาน เขามักตอบติดตลกว่า เช้าไปตกปลา……บ่ายกินปลา… เมื่อถึงปี 1981 ที่เป็นแฟนกันมาร่วมปีครึ่ง เธอถึงได้ทราบว่า เขาคือ KGB ที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเขาขึ้นมาอีกอักโข และพลอยเข้าใจในความเป็นเผด็จการของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง ในที่สุด เดือนเมษายน 1983 วันสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงก็ได้มาถึง ที่ปูตินได้เริ่มต้นด้วยประโยคว่า “นี่ก็สามปีครึ่งที่เราคบหากัน……คุณตัดสินใจได้หรือยัง…?” “ได้แล้วค่ะ คือ ตกลงค่ะ” “ดีเลย……ผมรักคุณ เราจะแต่งงานกันนะ” พิธีสมรสได้จัดขึ้นในสามเดือนต่อมา ที่ภัตราคารลอยน้ำใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย ในวันที่ 28 กรกฎาคม มีเพื่อนๆมาร่วมประมาณยี่สิบคน คืนต่อมา……ได้จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม Moscow สามีภรรยาคู่ใหม่ไปดื่มน้ำผึ่งพระจันทร์ที่ยูเครน เริ่มจากขับรถไปที่ Kyiv, Moldova, Lviv, western Ukraine, Nikolayev และ Crimea ที่เขาทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ Yalta ถึงสิบสองวัน ปูตินมีความสุขมาก เพราะ ไครเมียเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินสำหรับเขาเสมอมา ขากลับ เขาทั้งสองผ่านเข้าทางมอสโคว์ เพราะปูตินจะต้องแวะไปรายงานตัว เขาทั้งสอง ชายวัย 30 หญิง 25 ได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวในอพาร์ตเมนต์สองห้องนอน บนถนน Stachek Lane อย่างมีความสุข แต่……Igor Antonov (เพื่อนคนหนึ่งของปูติน) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งงานในครั้งนี้ว่า เพราะปูตินไม่มีทางเลือกอื่นๆแล้ว นอกจากจะต้องสร้างครอบครัว เพราะหน้าที่การงานกำลังจะถึงทางตัน ถ้าสายลับ KGB ที่จะต้องออกไปรับหน้าที่ในต่างประเทศ หรือเลื่อนตำแหน่ง จะต้องมีวุฒิภาวะตามที่ KGB กำหนด เพราะหลังจากที่ปูตินแต่งงาน เขาได้เลื่อนยศเป็นพันตรี และได้ถูกส่งไปเรียนเพิ่มเติมในหน่วยปฏิบัติงานต่างประเทศที่ The Red Banner Institute, Moscow ที่เป็นสถาบันที่จัดว่าสำหรับชนชั้นปกครอง ผู้อบรมต้องเป็นรัสเชี่ยนชั้นธรรมดา (ลูกผู้ดีไม่รับ) เท่านั้น ไม่มียิว ไม่มีตาร์ต้าร์ หรือ เชเชน หรือ มองโกล ห้ามพิธีทางศาสนาทุกชนิด และ…ไม่มีการใช้เส้นใดๆ ปูตินเป็นคนเดียว จากเลนินกราดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปรับการอบรม The Red Banner Institute (หรือปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อว่า The Academy of Foreign Intelligence) นี้ ตั้งอยู่ในกลางป่าที่ค่อนข้างลึกลับในชายกรุงมอสโคว์ หลักสูตรมีตั้งแต่ หนึ่งถึงสามปี ลุดมิลาได้เริ่มตั้งครรภ์แรก จึงยังอยู่ในเลนินกราด ส่วนปูติน ที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างในศาสตร์ของการเป็นสายลับ ในชื่อใหม่ว่า “Platov” ที่แม้แต่เพื่อนผู้รับการอบรมด้วยคน ไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของกันและกัน ทุกคนจะได้รับชื่อเฉพาะกิจ ปูติน ก้าวเข้าไปในชั้นเรียนวันแรก ด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นสูทสามชิ้น (คือมีเสื้อกั๊กเพิ่มข้างใน) เรียกเสียงฮาได้จากครูผู้ฝึก ที่ถามว่า “คอมราดพลานอฟ นายจะมาเดินแบบหรือไง…?” ผู้ที่ให้อบรมทั้งหมด ต่างล้วนเป็นชั้นกระทิสุดยอดของสายลับ ที่มีผลงานที่น่าประทับใจ ทุกคนที่จะเดินออกจากสถาบันนี้ คือพร้อมที่จะไปเป็นสายลับข้ามชาติได้ทุกแห่งหนในโลก………!!! ในขณะนั้นลุดมิลาได้คลอดทารกเพศหญิง ที่ปูตินตั้งชื่อให้ว่า มาเรีย (ไว้ล่วงหน้า เพราะให้เหมือนกับชื่อย่า) Sergei Roldugin เพื่อนรัก ได้ช่วยรับเป็นภาระดูแลให้ รวมทั้งเป็นพ่อทูนหัวให้กับมาเรีย ปูตินจึงขอลากลับไปเลนินกราดเพื่อเยี่ยมเยียนเมียและลูกในช่วงวันหยุด ครั้งหนึ่งในการเดินทาง เขาได้เกิดการชกต่อยกับแก๊งอันธพาลในสถานีรถใต้ดิน คราวนี้เรียกว่าลุยกันเละ เพราะปูตินถึงกับแขนหัก อีกฝ่ายหนึ่งแทบเอาชีวิตไม่รอด และนี่คือ “ความเสี่ยง” ต่ออนาคตการงานของเขาโดยตรง เพราะหากว่าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมา ทุกอย่างคือจบ… แต่โชคยังเป็นของเขา เพราะเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ทันทีที่เสร็จสิ้นจากการอบรม ให้ไปประจำการอยู่ที่เมือง Dresden, East Germany และนี่คือการเดินทางทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก ของ ปูตินในวัย 33 ปี ขออธิบายเพิ่มเติมค่ะ ว่า ในหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถือเอาวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 หลังจากนั้นในฐานะของผู้แพ้สงครามให้กับกองทัพสัมพันธมิตร คือ อเมริกา, อังกฤษและ โซเวียต รัสเซีย (ฝรั่งเศส เขาไม่นับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธในการมีส่วนร่วม) ที่ได้ทำการตกลงกันไว้ล่วงหน้าระหว่างผู้นำทั้งสามประเทศ ที่ Yalta ที่ตกลงกันในการแบ่งสันปันส่วนในแผ่นดินของเยอรมันนี ขั้นตอนในการแบ่งได้มาย่อยยิบกันอีกในการประชุมที่ Potsdam Conference ว่าจะเฉือนเยอรมันออกเป็นสี่ส่วน แบ่งกันคนละส่วน อังกฤษได้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ, ฝรั่งเศส ได้ทางตะวันตกเฉียงใต้, อเมริกา ได้ตะวันออกเฉียงใต้ และโซเวียตไัด้ทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเบอร์ลินเมืองหลวงก็เช่นกัน ตามที่แบ่งกันนั้น เบอร์ลินตกอยู่ในส่วนของโซเวียต และเพื่อความเป็นธรรมจึง แบ่งออกมาเป็นสี่ส่วน แบ่งกันไปคนละส่วน แต่สภาพของเหมือนกับเบอร์ลินเป็นไข่แดง ที่อยู่กลางโซเวียตที่เป็นไข่ขาว ส่วนที่เป็นของโซเวียต คือ เบอร์ลินตะวันออกก็จะมีกำแพงกั้นอาณาเขต ที่เราเรียกว่า กำแพงเบอร์ลิน …… ดังนั้น โซเวียตจึงมีหน่วยงานด้านความปลอดภัยอยู่ประจำในเขตต่างๆ ที่แม้ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็มีการเตรียมตัวที่ดี เพราะเขาได้ทำการปั้นเด็กๆรุ่นที่เกิดหลังสงคราม ให้เติบโตขึ้นมาอย่างพร้อมรับมือ เช่นการให้เรียนภาษาต่างๆ ปูตินสามารถพูดภาษาเยอรมันได้เข้าขั้นระดับการทูต เพราะเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถม เด็กอื่นๆที่มีแวว ก็ต้องเรียนภาษาอื่นๆอย่างเอาจริงเอาจัง เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญมากในครอบครัวของชาวโซเวียต เพราะผู้ปกครองเด็กที่แท้จริง คือ รัฐบาล… เช่นปูตินได้ผลักดันให้ลุดมิลากลับไปเรียนจนจบ และ เรียนสารพัดเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้เตรียมตัวมาเป็น หลังบ้านของข้าราชการ, นักการเมือง หรือ ผู้นำได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะปูติน……ไม่ได้มีความหวังว่าจะหยุดอนาคตไว้ที่การเป็นสายลับเท่านั้น… อาจมีอธิบายนอกเรื่องเยอะหน่อยนะคะ เพราะเชื่อว่ายังมีผู้อ่านอีกมากที่ไม่ใช่ baby boomer อย่างผู้เขียน เก็บเอาไว้เป็นความรู้ค่าาาา …… Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • นี้คือส่วนหนึ่งของกลุ่มคน ที่ช่วยน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย

    ถ้าจะกอด . จงกอดบุคคลเหล่านี้

    ซึ่งพวกเขาอดนอน เปียกปอนทุกวัน เสี่ยงภัย และห่วงใยพวกท่านอย่างแท้จริง

    ไม่ใช่ไปกอดนักการเมือง .

    ทั้งที่เป็นนักการเมืองขิงแก่ และพวกหน้าอ่อน
    ...




    Padipon Apinyankul
    นี้คือส่วนหนึ่งของกลุ่มคน ที่ช่วยน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย ถ้าจะกอด . จงกอดบุคคลเหล่านี้ ซึ่งพวกเขาอดนอน เปียกปอนทุกวัน เสี่ยงภัย และห่วงใยพวกท่านอย่างแท้จริง ไม่ใช่ไปกอดนักการเมือง . ทั้งที่เป็นนักการเมืองขิงแก่ และพวกหน้าอ่อน ... 🫂❤️🫂🛶🛶 Padipon Apinyankul
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลอเมริกาสั่งห้ามสก็อตต์ ริทเทอร์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว RT และ Sputnik ของรัสเซียอีกเพราะวิจารณ์ตรงไปตรงมา หลักๆ คือแฉอาชญากรรมของรัฐบาลอเมริกาให้ชาวโลกรู้

    การไล่ปิดปากสื่อนี้ผิดรัฐธรรมนูญอเมริกานะครับเพราะเสรีภาพสื่อเป็นรากฐานของประชาธิปไตย แต่นักการเมืองไทย นักรัฐศาสตร์ไทยรวมทั้งเหล่าสื่อ ประเภทสากกะเบือไม่ออกดอกทั้งหลายของไทยไม่พากันเอาไปวิจารณ์เพราะกลัวภาพลักษณ์ประชาธิปไตยของอเมริกาเสียหาย

    พวกนี้เกิดมาเป็นขี้ช้าฝรั่งเขาครับ ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ สื่อมวลชนหรือนักการเมืองเหมือนๆ กันหมด สากกะเบือไม่ออกดอก จะยังไงเสียก็เป็นแค่สากกะเบือไม่ออกดอกวันยังค่ำครับ


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    รัฐบาลอเมริกาสั่งห้ามสก็อตต์ ริทเทอร์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว RT และ Sputnik ของรัสเซียอีกเพราะวิจารณ์ตรงไปตรงมา หลักๆ คือแฉอาชญากรรมของรัฐบาลอเมริกาให้ชาวโลกรู้ การไล่ปิดปากสื่อนี้ผิดรัฐธรรมนูญอเมริกานะครับเพราะเสรีภาพสื่อเป็นรากฐานของประชาธิปไตย แต่นักการเมืองไทย นักรัฐศาสตร์ไทยรวมทั้งเหล่าสื่อ ประเภทสากกะเบือไม่ออกดอกทั้งหลายของไทยไม่พากันเอาไปวิจารณ์เพราะกลัวภาพลักษณ์ประชาธิปไตยของอเมริกาเสียหาย พวกนี้เกิดมาเป็นขี้ช้าฝรั่งเขาครับ ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ สื่อมวลชนหรือนักการเมืองเหมือนๆ กันหมด สากกะเบือไม่ออกดอก จะยังไงเสียก็เป็นแค่สากกะเบือไม่ออกดอกวันยังค่ำครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • การเมืองไทย
    การเมืองไทย
    Love
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 111 Views 52 0 Reviews
More Results