• เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ

    แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี

    โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร

    สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน

    ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด

    #Newskit
    เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาคอาเซียนเพื่อนำ ChatGPT มาสู่ผู้บริโภค เช่น ลาวผ่านเครือข่าย Unitel, มาเลเซียที่ CelcomDigi กำลังวางแผนให้บริการเสริม AI และสิงคโปร์ซึ่งมี Singtel เริ่มเพิ่มบริการ AI ในรูปแบบแพ็กเกจ ส่วนฟิลิปปินส์มีการใช้งานในลักษณะจำกัด และอินโดนีเซียเริ่มทดลองใช้งานในกลุ่มลูกค้าเฉพาะ

    ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีการเปิดตัวแพ็กเกจ ChatGPT อย่างเป็นทางการ แต่มีความสนใจสูงและอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยกับผู้ให้บริการรายใหญ่ ขณะที่เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา และบรูไนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นหรือนำร่องในวงจำกัด

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาคอาเซียนเพื่อนำ ChatGPT มาสู่ผู้บริโภค เช่น ลาวผ่านเครือข่าย Unitel, มาเลเซียที่ CelcomDigi กำลังวางแผนให้บริการเสริม AI และสิงคโปร์ซึ่งมี Singtel เริ่มเพิ่มบริการ AI ในรูปแบบแพ็กเกจ ส่วนฟิลิปปินส์มีการใช้งานในลักษณะจำกัด และอินโดนีเซียเริ่มทดลองใช้งานในกลุ่มลูกค้าเฉพาะ ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีการเปิดตัวแพ็กเกจ ChatGPT อย่างเป็นทางการ แต่มีความสนใจสูงและอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยกับผู้ให้บริการรายใหญ่ ขณะที่เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา และบรูไนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นหรือนำร่องในวงจำกัด โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน
    .
    ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด
    .
    ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ
    .
    หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน
    .
    ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น
    .
    ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้
    .
    ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว
    .
    ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว
    .
    หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน
    .
    ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา
    .
    ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ
    .
    ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น..
    .
    การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์
    .
    Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ
    .
    เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...
    .
    พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง
    .
    หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น
    .
    ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว
    .
    แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย
    .
    เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected"
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) -
    .
    https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน . ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด . ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ . หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน . ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น . ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้ . ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว . ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว . หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน . ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา . ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ . ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น.. . การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์ . Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ . เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว... . พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง . หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น . ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว . แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย . เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected" . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) - . https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ภูมิธรรม" เผยเคลียร์แล้ว "ทหารกัมพูชา" รุกล้ำไทยขุดคูเลทปักแดนสร้างฐานที่มั่น ย้ำให้ทุกฝ่ายยึดเอ็มโอยู
    https://www.thai-tai.tv/news/18754/
    "ภูมิธรรม" เผยเคลียร์แล้ว "ทหารกัมพูชา" รุกล้ำไทยขุดคูเลทปักแดนสร้างฐานที่มั่น ย้ำให้ทุกฝ่ายยึดเอ็มโอยู https://www.thai-tai.tv/news/18754/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการกัมพูชายังคงนิ่งเงียบต่อเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด และทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยสื่อท้องถิ่นหลายรายได้ลบข่าวดังกล่าวออกไปแล้ว เนื่องจากทางการสั่งปิดข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตต่างระบุว่าการปกปิดเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวกัมพูชา

    รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และได้รับบาดเจ็บหลายคน หลังจากฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. และจนถึงขณะนี้ทางการยังไม่ได้ออกคำแถลงใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโบราณสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้

    สำนักข่าวคีรีโพสต์พยายามติดต่อกับผู้บริหารจ.เสียมราฐ และโฆษกขององค์การอัปสรา เพื่อขอรายละเอียดและยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด

    ขณะที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของข่าวสดภาษาอังกฤษ ที่อ้างคำพูดของหน่วยงานความมั่นคงของไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน ระหว่างทำพิธีทางศาสนาที่ปราสาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000046331

    #MGROnline #กัมพูชา
    ทางการกัมพูชายังคงนิ่งเงียบต่อเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด และทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยสื่อท้องถิ่นหลายรายได้ลบข่าวดังกล่าวออกไปแล้ว เนื่องจากทางการสั่งปิดข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตต่างระบุว่าการปกปิดเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวกัมพูชา • รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และได้รับบาดเจ็บหลายคน หลังจากฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. และจนถึงขณะนี้ทางการยังไม่ได้ออกคำแถลงใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโบราณสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ • สำนักข่าวคีรีโพสต์พยายามติดต่อกับผู้บริหารจ.เสียมราฐ และโฆษกขององค์การอัปสรา เพื่อขอรายละเอียดและยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด • ขณะที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของข่าวสดภาษาอังกฤษ ที่อ้างคำพูดของหน่วยงานความมั่นคงของไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน ระหว่างทำพิธีทางศาสนาที่ปราสาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000046331 • #MGROnline #กัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • มทภ.2 เผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีความไม่เข้าใจกันบ้าง ยันปกป้องประโยชน์ชาติ-ความปลอดภัยปชช.แนวชายแดน พร้อมรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000046314

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    มทภ.2 เผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีความไม่เข้าใจกันบ้าง ยันปกป้องประโยชน์ชาติ-ความปลอดภัยปชช.แนวชายแดน พร้อมรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000046314 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทบ. ยืนยันแนวทางดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา ของแม่ทัพภาค 2 เป็นไปตามนโยบายฝ่ายบริหาร
    https://www.thai-tai.tv/news/18694/
    ทบ. ยืนยันแนวทางดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา ของแม่ทัพภาค 2 เป็นไปตามนโยบายฝ่ายบริหาร https://www.thai-tai.tv/news/18694/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทัพภาคที่ 2 ปัดขัดแย้ง "ภูมิธรรม"รมว.กลาโหม สั่งถอนกำลังออกจากจุดเสี่ยงปะทะกับทหารเขมร ย้ำเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่มีเหตุรุนแรง ตรึงกำลังตามปกติ ฝากพี่น้องชาวไทย ที่เคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียกรณีปราสาทตาเมือนธม ให้แสดงความคิดเห็น ไปในทางที่ให้เกิดความรักความสามัคคี อย่าให้มีความแตกแยก เพราะจะกระทบเศรษฐกิจชายแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000045130

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    แม่ทัพภาคที่ 2 ปัดขัดแย้ง "ภูมิธรรม"รมว.กลาโหม สั่งถอนกำลังออกจากจุดเสี่ยงปะทะกับทหารเขมร ย้ำเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่มีเหตุรุนแรง ตรึงกำลังตามปกติ ฝากพี่น้องชาวไทย ที่เคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียกรณีปราสาทตาเมือนธม ให้แสดงความคิดเห็น ไปในทางที่ให้เกิดความรักความสามัคคี อย่าให้มีความแตกแยก เพราะจะกระทบเศรษฐกิจชายแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000045130 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 480 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา

    เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน)

    รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้

    ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที

    ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน) รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้ ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงเวลาปลดล็อก รถทัวร์ไทย-มาเลเซีย

    การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พ.ค. อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ไทยและมาเลเซียกำลังพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTG) และ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTP) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้า อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ และเกิดสิทธิในการขนส่งทางถนนที่เท่าเทียมกัน คาดว่าจะได้ข้อยุติและลงนามเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับภายในเดือน ก.ค.2568

    ที่ผ่านมารถโดยสารจากมาเลเซีย เดินรถเข้ามาในจังหวัดสงขลาได้ เพราะมีประกาศจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 25 ส.ค. 2557 อนุญาตนำรถโดยสารที่จดทะเบียนต่างประเทศเข้ามาใน จ.สงขลา สามารถเข้าถึงทุกอำเภอได้ จากเดิมเฉพาะ อ.หาดใหญ่ แต่ถ้าจะไปจังหวัดอื่นต้องขออนุญาตต่อกรมการขนส่งทางบกล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีรถทัวร์ให้บริการจากหาดใหญ่ไปยังประเทศมาเลเซียหลายบริษัท ได้แก่ ปีนัง มีทั้งรถตู้และรถทัวร์ ราคาประมาณ 600-800 บาท กัวลาลัมเปอร์ ราคาประมาณ 500-1,000 บาท และยะโฮร์บาห์รู ราคาประมาณ 1,300-1,500 บาท ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ปี 2522 มาตรา 26 แต่รถโดยสารของฝ่ายไทยวิ่งเข้าไปในประเทศมาเลเซียไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบมาเลเซีย ทำลายธุรกิจการขนส่งในประเทศไทย

    การลงนามเอ็มโอยูดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประกอบธุรกิจเดินรถไปยังประเทศมาเลเซียได้ หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่มีประสบการณ์เดินรถโดยสารระหว่างประเทศกับลาวและกัมพูชา 12 เส้นทาง รวม 61 เที่ยววิ่งต่อวัน สามารถร่วมกับผู้ประกอบการจากมาเลเซีย ให้บริการเดินรถโดยสารจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมในมาเลเซีย เช่น ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ หรือยะโฮร์บาห์รู โดยไม่ปล่อยให้ผูกขาดเฉพาะรถโดยสารจากมาเลเซียแต่เพียงฝ่ายเดียว

    นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเที่ยวหาดใหญ่ หรือคนไทยมาเที่ยวมาเลเซีย นักท่องเที่ยวแบบประหยัด (Budget Travelers) ชาวไทย สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินไปยังหาดใหญ่ แล้วต่อรถโดยสารไปยังประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังอุดรธานี แล้วต่อรถโดยสารไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ช่วยให้ประหยัดค่าเดินทาง จากเดิมต้องจ่ายภาษีสนามบินระหว่างประเทศ 730 บาท เหลือแค่ภาษีสนามบินในประเทศ 130 บาท

    #Newskit
    ถึงเวลาปลดล็อก รถทัวร์ไทย-มาเลเซีย การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พ.ค. อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ไทยและมาเลเซียกำลังพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTG) และ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTP) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้า อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ และเกิดสิทธิในการขนส่งทางถนนที่เท่าเทียมกัน คาดว่าจะได้ข้อยุติและลงนามเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับภายในเดือน ก.ค.2568 ที่ผ่านมารถโดยสารจากมาเลเซีย เดินรถเข้ามาในจังหวัดสงขลาได้ เพราะมีประกาศจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 25 ส.ค. 2557 อนุญาตนำรถโดยสารที่จดทะเบียนต่างประเทศเข้ามาใน จ.สงขลา สามารถเข้าถึงทุกอำเภอได้ จากเดิมเฉพาะ อ.หาดใหญ่ แต่ถ้าจะไปจังหวัดอื่นต้องขออนุญาตต่อกรมการขนส่งทางบกล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีรถทัวร์ให้บริการจากหาดใหญ่ไปยังประเทศมาเลเซียหลายบริษัท ได้แก่ ปีนัง มีทั้งรถตู้และรถทัวร์ ราคาประมาณ 600-800 บาท กัวลาลัมเปอร์ ราคาประมาณ 500-1,000 บาท และยะโฮร์บาห์รู ราคาประมาณ 1,300-1,500 บาท ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ปี 2522 มาตรา 26 แต่รถโดยสารของฝ่ายไทยวิ่งเข้าไปในประเทศมาเลเซียไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบมาเลเซีย ทำลายธุรกิจการขนส่งในประเทศไทย การลงนามเอ็มโอยูดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประกอบธุรกิจเดินรถไปยังประเทศมาเลเซียได้ หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่มีประสบการณ์เดินรถโดยสารระหว่างประเทศกับลาวและกัมพูชา 12 เส้นทาง รวม 61 เที่ยววิ่งต่อวัน สามารถร่วมกับผู้ประกอบการจากมาเลเซีย ให้บริการเดินรถโดยสารจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมในมาเลเซีย เช่น ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ หรือยะโฮร์บาห์รู โดยไม่ปล่อยให้ผูกขาดเฉพาะรถโดยสารจากมาเลเซียแต่เพียงฝ่ายเดียว นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเที่ยวหาดใหญ่ หรือคนไทยมาเที่ยวมาเลเซีย นักท่องเที่ยวแบบประหยัด (Budget Travelers) ชาวไทย สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินไปยังหาดใหญ่ แล้วต่อรถโดยสารไปยังประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังอุดรธานี แล้วต่อรถโดยสารไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ช่วยให้ประหยัดค่าเดินทาง จากเดิมต้องจ่ายภาษีสนามบินระหว่างประเทศ 730 บาท เหลือแค่ภาษีสนามบินในประเทศ 130 บาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยรัฐออนไลน์เปิดสถิติ “ทักษิณ” ขอออกนอกประเทศ▪️31 ก.ค. 67ศาลยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ “ทักษิณ” เดินทางไปดูไบเพื่อรักษาตัว ชี้มีแพทย์ในประเทศรักษาประจำอยู่แล้ว ส่วนการไปพบบุคคลสำคัญไม่มีเหตุจำเป็น▪️ 31 ม.ค. 68 ศาลอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ.2568 ไปหารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย▪️ 15 ก.พ. 68ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ “ทักษิณ” ออกนอกประเทศไปประชุมอาเซียน ที่ประเทศบรูไน 18-19 ก.พ. นี้ แต่ไม่อนุญาตให้เดินทางไปเวียดนามและกัมพูชา▪️ 6 มี.ค. 68 ศาลไม่อนุญาตให้ทักษิณขอออกนอกประเทศไปประชุมอาเซียน ที่อินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ▪️8 พ.ค. 68 ศาลไม่อนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปกาตาร์ ชี้ เป็นหมายนัดส่วนตัว ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
    ไทยรัฐออนไลน์เปิดสถิติ “ทักษิณ” ขอออกนอกประเทศ▪️31 ก.ค. 67ศาลยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ “ทักษิณ” เดินทางไปดูไบเพื่อรักษาตัว ชี้มีแพทย์ในประเทศรักษาประจำอยู่แล้ว ส่วนการไปพบบุคคลสำคัญไม่มีเหตุจำเป็น▪️ 31 ม.ค. 68 ศาลอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ.2568 ไปหารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย▪️ 15 ก.พ. 68ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ “ทักษิณ” ออกนอกประเทศไปประชุมอาเซียน ที่ประเทศบรูไน 18-19 ก.พ. นี้ แต่ไม่อนุญาตให้เดินทางไปเวียดนามและกัมพูชา▪️ 6 มี.ค. 68 ศาลไม่อนุญาตให้ทักษิณขอออกนอกประเทศไปประชุมอาเซียน ที่อินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ▪️8 พ.ค. 68 ศาลไม่อนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปกาตาร์ ชี้ เป็นหมายนัดส่วนตัว ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ESET ได้เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ TheWizards ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน กำลังใช้ SLAAC spoofing attack เพื่อ แทรกแซงกระบวนการอัปเดตซอฟต์แวร์ และแพร่กระจายมัลแวร์ WizardNet ไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย

    การโจมตีนี้ใช้เครื่องมือ Spellbinder เพื่อส่ง Router Advertisement (RA) messages ปลอม ไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย ทำให้อุปกรณ์เข้าใจผิดว่า เครื่องของแฮกเกอร์เป็นเราเตอร์ที่ถูกต้อง และส่งทราฟฟิกทั้งหมดผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี

    เมื่อแฮกเกอร์สามารถควบคุมทราฟฟิกได้ พวกเขาจะ เปลี่ยนเส้นทาง DNS queries สำหรับโดเมนที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตซอฟต์แวร์ เช่น Tencent, Baidu, Xiaomi และ Meitu ทำให้เหยื่อดาวน์โหลด เวอร์ชันที่ถูกดัดแปลงและฝัง WizardNet ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์จากระยะไกล

    ✅ TheWizards ใช้ SLAAC spoofing attack เพื่อแทรกแซงการอัปเดตซอฟต์แวร์
    - ใช้เครื่องมือ Spellbinder เพื่อส่ง Router Advertisement (RA) messages ปลอม
    - ทำให้อุปกรณ์เป้าหมายเข้าใจผิดว่า เครื่องของแฮกเกอร์เป็นเราเตอร์ที่ถูกต้อง

    ✅ เปลี่ยนเส้นทาง DNS queries เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ WizardNet
    - เหยื่อดาวน์โหลด ซอฟต์แวร์ที่ถูกดัดแปลงและฝัง WizardNet
    - WizardNet สามารถ โหลดและรัน .NET modules ในหน่วยความจำ

    ✅ เป้าหมายหลักของการโจมตี
    - ผู้ใช้และองค์กรใน จีน, ฮ่องกง, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์ และ UAE
    - ส่วนใหญ่เป็น บริษัทในอุตสาหกรรมการพนัน

    ✅ วิธีป้องกันการโจมตี
    - ตรวจสอบทราฟฟิก IPv6 อย่างสม่ำเสมอ
    - ปิดการใช้งาน IPv6 หากไม่จำเป็นในระบบ

    https://www.techradar.com/pro/security/ipv6-networking-feature-hit-by-hackers-to-hijack-software-updates
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ESET ได้เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ TheWizards ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน กำลังใช้ SLAAC spoofing attack เพื่อ แทรกแซงกระบวนการอัปเดตซอฟต์แวร์ และแพร่กระจายมัลแวร์ WizardNet ไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย การโจมตีนี้ใช้เครื่องมือ Spellbinder เพื่อส่ง Router Advertisement (RA) messages ปลอม ไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย ทำให้อุปกรณ์เข้าใจผิดว่า เครื่องของแฮกเกอร์เป็นเราเตอร์ที่ถูกต้อง และส่งทราฟฟิกทั้งหมดผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี เมื่อแฮกเกอร์สามารถควบคุมทราฟฟิกได้ พวกเขาจะ เปลี่ยนเส้นทาง DNS queries สำหรับโดเมนที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตซอฟต์แวร์ เช่น Tencent, Baidu, Xiaomi และ Meitu ทำให้เหยื่อดาวน์โหลด เวอร์ชันที่ถูกดัดแปลงและฝัง WizardNet ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์จากระยะไกล ✅ TheWizards ใช้ SLAAC spoofing attack เพื่อแทรกแซงการอัปเดตซอฟต์แวร์ - ใช้เครื่องมือ Spellbinder เพื่อส่ง Router Advertisement (RA) messages ปลอม - ทำให้อุปกรณ์เป้าหมายเข้าใจผิดว่า เครื่องของแฮกเกอร์เป็นเราเตอร์ที่ถูกต้อง ✅ เปลี่ยนเส้นทาง DNS queries เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ WizardNet - เหยื่อดาวน์โหลด ซอฟต์แวร์ที่ถูกดัดแปลงและฝัง WizardNet - WizardNet สามารถ โหลดและรัน .NET modules ในหน่วยความจำ ✅ เป้าหมายหลักของการโจมตี - ผู้ใช้และองค์กรใน จีน, ฮ่องกง, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์ และ UAE - ส่วนใหญ่เป็น บริษัทในอุตสาหกรรมการพนัน ✅ วิธีป้องกันการโจมตี - ตรวจสอบทราฟฟิก IPv6 อย่างสม่ำเสมอ - ปิดการใช้งาน IPv6 หากไม่จำเป็นในระบบ https://www.techradar.com/pro/security/ipv6-networking-feature-hit-by-hackers-to-hijack-software-updates
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปราสาทตาเมือนธมเครื่องมือสร้าง 'ชาตินิยม'ไทยระวังหลงเหลี่ยมกัมพูชา : ข่าวลึกปมลับ 05/05/68
    ปราสาทตาเมือนธมเครื่องมือสร้าง 'ชาตินิยม'ไทยระวังหลงเหลี่ยมกัมพูชา : ข่าวลึกปมลับ 05/05/68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ในดินแดนขอมโบราณมีทาสรับใช้สองกลุ่ม เขมรจะเป็นกลุ่มใหญ่ รองลงมาคือ ข่าหรือบลู จะกระจายกันอยู่ตั้งแต่เวียตนาม ลาว ไทย และแผ่นดินขอม สมัยนี้คือกัมพูชา/เขมร
    ยังมีกลุ่ม พนอง ไท ม้ง จาม .อื่นๆที่เรียกชาวเขมรบนหรือแขมร์เลอ. เวียตนาม
    กลุ่มต่างๆ ที่กล่าวมา เขมรไม่ให้สำคัญแทบจะไม่นับญาติกันเลย
    ในดินแดนขอมโบราณมีทาสรับใช้สองกลุ่ม เขมรจะเป็นกลุ่มใหญ่ รองลงมาคือ ข่าหรือบลู จะกระจายกันอยู่ตั้งแต่เวียตนาม ลาว ไทย และแผ่นดินขอม สมัยนี้คือกัมพูชา/เขมร ยังมีกลุ่ม พนอง ไท ม้ง จาม .อื่นๆที่เรียกชาวเขมรบนหรือแขมร์เลอ. เวียตนาม กลุ่มต่างๆ ที่กล่าวมา เขมรไม่ให้สำคัญแทบจะไม่นับญาติกันเลย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • 02-05-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.32(สิ้นเสียงระฆัง..ก็ใส่กันยับสิจ๊ะ)

    ถามจริง? มรึงล่อกูฮาแต่เช้าเลยน่ะเนี่ย? อะไรน่ะ NATO วางแผนลับยึดคาลินินกราด จริงดิ? ว๊ายๆ กูต้องวิ่งไปไหนเนี่ย? ปูติน ลูคาเชนโก กวักมือเรียก "มาให้ไวเลย ดีออก" ISKANDER ล้นทะลักคลังแสงอยู่ ต้องปล่อยออกบ้าง กำลังหาเหยื่อพอดี จุดที่เล็กที่สุด นั่นคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุด มรึงรู้มั้ยว่า คาลินินกราด ที่อยู่ท่ามกลางชาตินาโต้ EU ซ่อนเหี้ยอะไรไว้บ้าง รู้แล้วจะหนาวขี้? มินิคุ๊กกี้ รสชาเขียวเพี๊ยบ อยากลองชิมก่อนซักลูกมั้ยล่ะ? อีโปลโดนก่อนเพื่อน ใครหนุนโดนตามทีหลัง? ข่าวปล่อยทั้งนั้น เพื่อดึงความสนใจออกห่างเยรูซาเล็ม และเคียฟ มุกโคตรเก่า?

    มาล่ะ! สายปั่น กระแสมาเต็ม เขี่ยอีลูกสาวร่านหน้าเหลี่ยมกระเด็นเก้าอี้ แคนดิเดท ยังเหมือนเดิม ลุงตู่ ลุงป้อม ลุงพี ใครเขียนสคริปต์ให้ฟ่ะเนี่ย? ความในใจเพ่หย่าย ขอกูซัก 90 วันก็ยังดี ไอ้น้อง เพื่อประดับเป็นบารมีตระกูล ชงคนเป็นนายกมาเยอะแล้ว แต่ตัวเองได้แต่เหลียวหลังมอง ส่วนอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน กำลังจะโดนพิษกรรมเก่าล่ออยู่ ศาลกระดิกตรีนรอเชือด ไม่เห็นเหรอ? เจ้าสัวยังติดคุก 24 ปี ได้ ยุคนี้ อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะสัญญานตรงจากเหนือใต้หล้าไฟเขียวล้างบางสิ่งสกปรกโสมมแล้วจ๊ะ DSI คิดการณ์ใหญ่ ล้างบางปทุมวันแม่งซะเลย จริงดิ?

    มรึงรู้มั้ยว่า? "คดีออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟทับที่ป่าสงวน" ที่โดนกันวันนี้ เค้าชงเพื่อปูทางให้ใครกันล่ะ? มองออกยัง? เก้าอี้ อีนายกฯเถื่อน มันปลิวตั้งแต่ตราศาลประทับรับฟ้องแล้ว อะไรที่เคยยึดไป ต้องคืนแผ่นดินทั้งหมด ไม่ได้ขอ แต่เป็นคำสั่งจ๊ะ? ใช่ มันถึงเวลาสะสางความอัปรีย์จัญไรแผ่นดินออกไปให้พ้นได้แล้ว เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูก่อน เพื่อส่งสัญญานให้มรึงเตรียมเผ่นไงล่ะ ก็บอกแล้วว่า จ่ายครบ จบจริง ไสหัวไปซะ มันจะมาช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลไต่สวนอีเหลี่ยมชาติหมานั่นแหละ ชั้น 14 ไม่รอด มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรซะอีก พ่วง "เท็จทูล" อันนี้ อาญาตรง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ มันถึงไปคุยเตรียมบ้านใหม่อยู่ในพนมเปญไง อีขะแมร์รับอุ้ม แต่อีกไม่นาน อีฮุนเซน ก็จะไม่รอดเช่นกัน มรึงเตรียมคิดหาทางหนีไว้ก่อนเลย?

    "ทหารไทย"ดัดนิสัย" ทหารกัมพูชา ปิดด่านช่องอานม้า หลังพยายามรุกล้ำดินแดน พาดหัวข่าวแบบนี้ เห็นชัดว่าอะไร? สินค้าไทยเป็นที่นิยมใช้กันทั่งประเทศอีขะแมร์ ปิดด่าน สิ่งที่มรึงโดนก่อน 3 เด้งคือ 1.นักพนัน 2.พ่อค้าขาจร 3.สินค้าไทย รู้มั้ยว่า ตามพรมแดน เงินบาทเรามันที่เป็นหอมหวล เป็นที่ต้องการของชาติอาเซียนทั้งหมด อีฮุนเซนนับงานใครมา เพื่อปั่นกระแสพรมแดนไทย-ขะแมร์ ทั้งหมด เพื่อเบี่ยงเบนชั้น 14 และคดีสนามกอล์ฟ ที่จะทำเก้าอี้นายกฯเถื่อนลูกสาวร่านหักคาจอ มันเตรียมเผ่นเข้าไปหาอีฮุนเซนชัวร์ แล้วใครบอกมรึงล่ะว่า ทหารเค้าไม่รู้ อาจมีการหักหลังตามมา อยู่ขะแมร์ เท่ากับเข้าถ้ำเสือ หากทรยศปุ๊บ อีเหลี่ยมตายทั้งเป็น ดิ้นไม่หลุด เอาเป็นตัวประกัน รีดทรัพย์เท่าไหร่ก็ได้ เหี้ยกินเหี้ยไม่ใช่เรื่องใหม่ กรรมมันทันตาเห็น ไมต้องรอนาน อีเหลี่ยมระแวงหนัก ปราสาทจะแดร๊กแล้วจ๊ะ กลัวไปหมด?

    เบื้องหลังศาลฎีกา ไต่สวนเอง ท้าพิสูจน์ความจริงเอง ชั้น 14 ใครตอแหล 3 กระทงมาแน่มรึง? ชาญชัย..นั่นแค่ตัวชง ตัวตบอยู่ที่เสรีจ๊ะ ขึ้นศาลปุ๊บ แถต่อไม่ได้ กล้องวงจรปิดต้องเปิดหมด ลายเซ้นต์ใคร รับผิดไปตามวาระ ต่างกรรม ต่างเวลา นี่ต่างหากคือหมัดน็อค ใครฟ้อง..เหี้ยมันแถได้หมด แต่หากศาลของดูเอง พิสูจน์เอง ว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายตามคำพิพากษา รู้มั้ยว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตายยกกรมคุก ตายยกปทุมวัน ตายยกสภาแพทย์ ตายยกคนเสนอยื่นถวายอภัยลดโทษ หรือทั้งหมด เค้าจัดฉากเตรียมรอไว้อยู่นานแล้ว เพื่อรอวันนี้ จะล่อเหี้ย มรึงต้องเอาให้ตายคาตรีน ยึดทรัพย์ทั้งหมดในแผ่นดินนี้ และค่อยตามไปยึดในเกาะแคริบเบี้ยน สืบไม่ยากดอก เค้ารู้หมดแล้ว ว่ามรึงเอาไปแปรรูปเป็นอะไรบ้าง?

    เมื่ออีทรัมปป์ ตั้งใจพลาดให้จีน เมื่อชงให้มรึงตบ สิ่งที่ตามมาคือ ดิสเครดิตอเมริโกย เป็นไปตามแผน TRUMP LAND ไม่ทุบให้แตกสลายก่อน มันจะแยกดินแดนได้มั้ยล่ะ? เพราะอีกไม่นาน หน่วยความมั่นคงรัฐ จะปะทะ กับกองทัพของรัฐบาลกลางสหรัฐ ผลคือ CIVIL WAR แบบในหนังนั่นแหละ อีทรัมปป์ไม่ตายภายในวันที่ 12 เมษายน ตามที่อีการ์ตูนซิมป์สันกาหัวไว้ ส่งสัญญาน พลิกเกมส์นรก จีนเล่นบทพระเอก อีทรัมปป์เล่นบทผู้ร้าย ส่วนอีโง่ยุโรป เล่นบทตัวอิจฉา ส่วนศรีธนญชัย เล่นบทตีกิน ตีเนียน เผลอเป็นล้าง เมาเป็นเสียบ ทั้งหม่อง และอีขะแมร์ เป็นแค่ตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงคือ "อโยธยา" ที่เหี้ยยิวอยากจะแดร๊กจนคลั่ง อียิวแห่ทะลักกันเข้ามา นีโอนาซี เหี้ยไอซิสทั้งนั้น หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ยิ่งจัดการง่ายขึ้น เพราะที่นี่อำนาจเป็นของเราเอง ใช้ต่อรองเจรจาไงล่ะ? อยากให้ส่งตัวมั้ย?

    นับ 1 เศรษฐกิจพอเพียง "โมเดลโลกใหม่จ๊ะ" ภูฎาน นำสิ่งที่พ่อร.9 สร้างไปต่อยอด ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เห็น เพื่อนบ้าน นานาชาติต่างคิด เราทำอะไรอยู่เนี่ย? ปากท้อง ปัจจัย 4 คือเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชีวิตต้องมี ต้องการ แล้วไอ้สิ่งปลอมปนที่เข้ามา ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นปัจจัยหลัก ไทยโมเดล จะนำโลกสู่ยุคใหม่ ไทยจะเป็นผู้นำโลกเหรอ? มรึงอย่าได้ดูถูกเชียว วัฒนธรรมไทย น้ำใจคนไทย เมตตาธรรม รากเหง้าไทย มันโดนใจคนทั้งโลก มรึงเห็นได้จาก SOFT POWER THAI ที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู ชุดไทยใส่แล้วสวย ชุดนักเรียนใส่แล้วเท่ห์ อาหาร ขนมไทย ยกนิ้วให้ทั้งโลก

    ปล.หลายเดือนก่อน เคยเห็นแล้ว ข่าวเรื่องชุดล่องหนกองทัพจีน มันล่องหนได้จริง เหมือนมรึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งๆ ที่กองทัพนับร้อย ยืนอยู่หน้ามรึงเนี่ยน่ะ? แล้วจีนต่อยอด เอาไปคลุมเครื่องบิน รถถัง หรือฐานบัญชาการลับอะไรก็ได้ มันคือแผ่นสะท้อนให้ตาเราเข้าใจว่ามันไม่มีอยู่ตรงนั้น ใช้ในสมรภูมิล่ะ มันแน่ ปืนจ่อหัวอยู่นับ 100 กระบอก ศัตรูยังแดร๊กเบียร์ เต้นรำอยู่เลย เหี้ยมะกัน กรี๊ดสนั่น มรึงจะทะลุอวกาศไปถึงไหน ไอ้สัส! ข้ามวิกแป๊บ : ปัญหาชายแดนใต้ แก้ไม่ยาก แค่เจ้ามือ กับคนแทง ให้มันวินวินทั้งคู่ คือจบทันที นัยยะคือ ท่อน้ำเลี้ยงคือรายได้หลัก เมื่อไม่ให้ทำต่อ คนพวกนั้นจะไปไหนได้อีก? ตัดวงจรน้ำเลี้ยงแล้วเปลี่ยนขาจร มาเป็นหน่วยลับแทน ใช้ศัตรูสืบจับศัตรูอีกที และภัยแผ่นดิน แม่งซะเลย มีให้แค่ 2 ทางเลือก จะเข้ากับกู หรือจะให้กูยิงทิ้ง มรึงจะเลือกอะไร? เครือข่ายใคร เค้ารู้หมดแล้ว แค่จะทำตอนไหน ยังไง เท่านั้นเอง? ไม่ต้องไปแตะเหี้ยอะไรมากดอก แค่จัดระเบียบให้เหมือนเดิมก็รอดแล้ว ปัญหาเกิดจากคนใน ย้ายคนชั่วออกไป ทุกอย่างก็จะปกติเอง

    หมี CNN(กูเคยบอกแล้วชิมิ? อะไรที่มรึงไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น จะได้เจอ ได้เห็นหมด เพราะกลียุค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ครั้งแรก ที่ศาลฎีกาประกาศไต่สวนเอง ไปถามนักกฎหมายดูสิ แล้วมรึงจะช็อค "แปลว่าอะไร" ขนาดศาลท่าน ยังเอือมระอากับความบัดซบข้าราชการไทยเองเลย ทั้งอีกรมคุก อีอัยกวย อีสภาแพทย์ อีคนยื่นประทานอภัยลดโทษ ทั้งหมดเป็นขบวนการ วังรู้ วังเห็น ถึงได้ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไงล่ะ เพื่อตามเช็คบิลย้อนหลัง หากไม่เล่นตามน้ำ แล้วมรึงจะเอาหลักฐานไหน มาระบุว่ามันผิดจริง และโทษรุนแรงกันล่ะ? เห็นเต็มตายัง? ตอนแรก ดิ้นทุรนทุรายกันหย่าย อีเหลี่ยมไม่มีใครทำอะไรมันได้ แล้วมรึงมาดูตอนนี้สิ สภาพมันวันนี้สิ เตรียมเผ่น แต่จะเผ่นได้หรือไม่ ต้องจ่ายครบ จบจริงเท่านั้น เค้าล็อคคอมันอยู่ตอนนี้ คุกถึงตายน่ะมรึง เผ่นชัวร์ แต่ต้องจ่ายขนาดไหนกันล่ะ คืนเงินแผ่นดินที่มรึงโกงมาให้หมดซะ)
    02 พฤษภาคม 68
    12.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    02-05-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.32(สิ้นเสียงระฆัง..ก็ใส่กันยับสิจ๊ะ) ถามจริง? มรึงล่อกูฮาแต่เช้าเลยน่ะเนี่ย? อะไรน่ะ NATO วางแผนลับยึดคาลินินกราด จริงดิ? ว๊ายๆ กูต้องวิ่งไปไหนเนี่ย? ปูติน ลูคาเชนโก กวักมือเรียก "มาให้ไวเลย ดีออก" ISKANDER ล้นทะลักคลังแสงอยู่ ต้องปล่อยออกบ้าง กำลังหาเหยื่อพอดี จุดที่เล็กที่สุด นั่นคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุด มรึงรู้มั้ยว่า คาลินินกราด ที่อยู่ท่ามกลางชาตินาโต้ EU ซ่อนเหี้ยอะไรไว้บ้าง รู้แล้วจะหนาวขี้? มินิคุ๊กกี้ รสชาเขียวเพี๊ยบ อยากลองชิมก่อนซักลูกมั้ยล่ะ? อีโปลโดนก่อนเพื่อน ใครหนุนโดนตามทีหลัง? ข่าวปล่อยทั้งนั้น เพื่อดึงความสนใจออกห่างเยรูซาเล็ม และเคียฟ มุกโคตรเก่า? มาล่ะ! สายปั่น กระแสมาเต็ม เขี่ยอีลูกสาวร่านหน้าเหลี่ยมกระเด็นเก้าอี้ แคนดิเดท ยังเหมือนเดิม ลุงตู่ ลุงป้อม ลุงพี ใครเขียนสคริปต์ให้ฟ่ะเนี่ย? ความในใจเพ่หย่าย ขอกูซัก 90 วันก็ยังดี ไอ้น้อง เพื่อประดับเป็นบารมีตระกูล ชงคนเป็นนายกมาเยอะแล้ว แต่ตัวเองได้แต่เหลียวหลังมอง ส่วนอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน กำลังจะโดนพิษกรรมเก่าล่ออยู่ ศาลกระดิกตรีนรอเชือด ไม่เห็นเหรอ? เจ้าสัวยังติดคุก 24 ปี ได้ ยุคนี้ อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะสัญญานตรงจากเหนือใต้หล้าไฟเขียวล้างบางสิ่งสกปรกโสมมแล้วจ๊ะ DSI คิดการณ์ใหญ่ ล้างบางปทุมวันแม่งซะเลย จริงดิ? มรึงรู้มั้ยว่า? "คดีออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟทับที่ป่าสงวน" ที่โดนกันวันนี้ เค้าชงเพื่อปูทางให้ใครกันล่ะ? มองออกยัง? เก้าอี้ อีนายกฯเถื่อน มันปลิวตั้งแต่ตราศาลประทับรับฟ้องแล้ว อะไรที่เคยยึดไป ต้องคืนแผ่นดินทั้งหมด ไม่ได้ขอ แต่เป็นคำสั่งจ๊ะ? ใช่ มันถึงเวลาสะสางความอัปรีย์จัญไรแผ่นดินออกไปให้พ้นได้แล้ว เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูก่อน เพื่อส่งสัญญานให้มรึงเตรียมเผ่นไงล่ะ ก็บอกแล้วว่า จ่ายครบ จบจริง ไสหัวไปซะ มันจะมาช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลไต่สวนอีเหลี่ยมชาติหมานั่นแหละ ชั้น 14 ไม่รอด มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรซะอีก พ่วง "เท็จทูล" อันนี้ อาญาตรง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ มันถึงไปคุยเตรียมบ้านใหม่อยู่ในพนมเปญไง อีขะแมร์รับอุ้ม แต่อีกไม่นาน อีฮุนเซน ก็จะไม่รอดเช่นกัน มรึงเตรียมคิดหาทางหนีไว้ก่อนเลย? "ทหารไทย"ดัดนิสัย" ทหารกัมพูชา ปิดด่านช่องอานม้า หลังพยายามรุกล้ำดินแดน พาดหัวข่าวแบบนี้ เห็นชัดว่าอะไร? สินค้าไทยเป็นที่นิยมใช้กันทั่งประเทศอีขะแมร์ ปิดด่าน สิ่งที่มรึงโดนก่อน 3 เด้งคือ 1.นักพนัน 2.พ่อค้าขาจร 3.สินค้าไทย รู้มั้ยว่า ตามพรมแดน เงินบาทเรามันที่เป็นหอมหวล เป็นที่ต้องการของชาติอาเซียนทั้งหมด อีฮุนเซนนับงานใครมา เพื่อปั่นกระแสพรมแดนไทย-ขะแมร์ ทั้งหมด เพื่อเบี่ยงเบนชั้น 14 และคดีสนามกอล์ฟ ที่จะทำเก้าอี้นายกฯเถื่อนลูกสาวร่านหักคาจอ มันเตรียมเผ่นเข้าไปหาอีฮุนเซนชัวร์ แล้วใครบอกมรึงล่ะว่า ทหารเค้าไม่รู้ อาจมีการหักหลังตามมา อยู่ขะแมร์ เท่ากับเข้าถ้ำเสือ หากทรยศปุ๊บ อีเหลี่ยมตายทั้งเป็น ดิ้นไม่หลุด เอาเป็นตัวประกัน รีดทรัพย์เท่าไหร่ก็ได้ เหี้ยกินเหี้ยไม่ใช่เรื่องใหม่ กรรมมันทันตาเห็น ไมต้องรอนาน อีเหลี่ยมระแวงหนัก ปราสาทจะแดร๊กแล้วจ๊ะ กลัวไปหมด? เบื้องหลังศาลฎีกา ไต่สวนเอง ท้าพิสูจน์ความจริงเอง ชั้น 14 ใครตอแหล 3 กระทงมาแน่มรึง? ชาญชัย..นั่นแค่ตัวชง ตัวตบอยู่ที่เสรีจ๊ะ ขึ้นศาลปุ๊บ แถต่อไม่ได้ กล้องวงจรปิดต้องเปิดหมด ลายเซ้นต์ใคร รับผิดไปตามวาระ ต่างกรรม ต่างเวลา นี่ต่างหากคือหมัดน็อค ใครฟ้อง..เหี้ยมันแถได้หมด แต่หากศาลของดูเอง พิสูจน์เอง ว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายตามคำพิพากษา รู้มั้ยว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตายยกกรมคุก ตายยกปทุมวัน ตายยกสภาแพทย์ ตายยกคนเสนอยื่นถวายอภัยลดโทษ หรือทั้งหมด เค้าจัดฉากเตรียมรอไว้อยู่นานแล้ว เพื่อรอวันนี้ จะล่อเหี้ย มรึงต้องเอาให้ตายคาตรีน ยึดทรัพย์ทั้งหมดในแผ่นดินนี้ และค่อยตามไปยึดในเกาะแคริบเบี้ยน สืบไม่ยากดอก เค้ารู้หมดแล้ว ว่ามรึงเอาไปแปรรูปเป็นอะไรบ้าง? เมื่ออีทรัมปป์ ตั้งใจพลาดให้จีน เมื่อชงให้มรึงตบ สิ่งที่ตามมาคือ ดิสเครดิตอเมริโกย เป็นไปตามแผน TRUMP LAND ไม่ทุบให้แตกสลายก่อน มันจะแยกดินแดนได้มั้ยล่ะ? เพราะอีกไม่นาน หน่วยความมั่นคงรัฐ จะปะทะ กับกองทัพของรัฐบาลกลางสหรัฐ ผลคือ CIVIL WAR แบบในหนังนั่นแหละ อีทรัมปป์ไม่ตายภายในวันที่ 12 เมษายน ตามที่อีการ์ตูนซิมป์สันกาหัวไว้ ส่งสัญญาน พลิกเกมส์นรก จีนเล่นบทพระเอก อีทรัมปป์เล่นบทผู้ร้าย ส่วนอีโง่ยุโรป เล่นบทตัวอิจฉา ส่วนศรีธนญชัย เล่นบทตีกิน ตีเนียน เผลอเป็นล้าง เมาเป็นเสียบ ทั้งหม่อง และอีขะแมร์ เป็นแค่ตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงคือ "อโยธยา" ที่เหี้ยยิวอยากจะแดร๊กจนคลั่ง อียิวแห่ทะลักกันเข้ามา นีโอนาซี เหี้ยไอซิสทั้งนั้น หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ยิ่งจัดการง่ายขึ้น เพราะที่นี่อำนาจเป็นของเราเอง ใช้ต่อรองเจรจาไงล่ะ? อยากให้ส่งตัวมั้ย? นับ 1 เศรษฐกิจพอเพียง "โมเดลโลกใหม่จ๊ะ" ภูฎาน นำสิ่งที่พ่อร.9 สร้างไปต่อยอด ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เห็น เพื่อนบ้าน นานาชาติต่างคิด เราทำอะไรอยู่เนี่ย? ปากท้อง ปัจจัย 4 คือเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชีวิตต้องมี ต้องการ แล้วไอ้สิ่งปลอมปนที่เข้ามา ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นปัจจัยหลัก ไทยโมเดล จะนำโลกสู่ยุคใหม่ ไทยจะเป็นผู้นำโลกเหรอ? มรึงอย่าได้ดูถูกเชียว วัฒนธรรมไทย น้ำใจคนไทย เมตตาธรรม รากเหง้าไทย มันโดนใจคนทั้งโลก มรึงเห็นได้จาก SOFT POWER THAI ที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู ชุดไทยใส่แล้วสวย ชุดนักเรียนใส่แล้วเท่ห์ อาหาร ขนมไทย ยกนิ้วให้ทั้งโลก ปล.หลายเดือนก่อน เคยเห็นแล้ว ข่าวเรื่องชุดล่องหนกองทัพจีน มันล่องหนได้จริง เหมือนมรึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งๆ ที่กองทัพนับร้อย ยืนอยู่หน้ามรึงเนี่ยน่ะ? แล้วจีนต่อยอด เอาไปคลุมเครื่องบิน รถถัง หรือฐานบัญชาการลับอะไรก็ได้ มันคือแผ่นสะท้อนให้ตาเราเข้าใจว่ามันไม่มีอยู่ตรงนั้น ใช้ในสมรภูมิล่ะ มันแน่ ปืนจ่อหัวอยู่นับ 100 กระบอก ศัตรูยังแดร๊กเบียร์ เต้นรำอยู่เลย เหี้ยมะกัน กรี๊ดสนั่น มรึงจะทะลุอวกาศไปถึงไหน ไอ้สัส! ข้ามวิกแป๊บ : ปัญหาชายแดนใต้ แก้ไม่ยาก แค่เจ้ามือ กับคนแทง ให้มันวินวินทั้งคู่ คือจบทันที นัยยะคือ ท่อน้ำเลี้ยงคือรายได้หลัก เมื่อไม่ให้ทำต่อ คนพวกนั้นจะไปไหนได้อีก? ตัดวงจรน้ำเลี้ยงแล้วเปลี่ยนขาจร มาเป็นหน่วยลับแทน ใช้ศัตรูสืบจับศัตรูอีกที และภัยแผ่นดิน แม่งซะเลย มีให้แค่ 2 ทางเลือก จะเข้ากับกู หรือจะให้กูยิงทิ้ง มรึงจะเลือกอะไร? เครือข่ายใคร เค้ารู้หมดแล้ว แค่จะทำตอนไหน ยังไง เท่านั้นเอง? ไม่ต้องไปแตะเหี้ยอะไรมากดอก แค่จัดระเบียบให้เหมือนเดิมก็รอดแล้ว ปัญหาเกิดจากคนใน ย้ายคนชั่วออกไป ทุกอย่างก็จะปกติเอง หมี CNN(กูเคยบอกแล้วชิมิ? อะไรที่มรึงไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น จะได้เจอ ได้เห็นหมด เพราะกลียุค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ครั้งแรก ที่ศาลฎีกาประกาศไต่สวนเอง ไปถามนักกฎหมายดูสิ แล้วมรึงจะช็อค "แปลว่าอะไร" ขนาดศาลท่าน ยังเอือมระอากับความบัดซบข้าราชการไทยเองเลย ทั้งอีกรมคุก อีอัยกวย อีสภาแพทย์ อีคนยื่นประทานอภัยลดโทษ ทั้งหมดเป็นขบวนการ วังรู้ วังเห็น ถึงได้ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไงล่ะ เพื่อตามเช็คบิลย้อนหลัง หากไม่เล่นตามน้ำ แล้วมรึงจะเอาหลักฐานไหน มาระบุว่ามันผิดจริง และโทษรุนแรงกันล่ะ? เห็นเต็มตายัง? ตอนแรก ดิ้นทุรนทุรายกันหย่าย อีเหลี่ยมไม่มีใครทำอะไรมันได้ แล้วมรึงมาดูตอนนี้สิ สภาพมันวันนี้สิ เตรียมเผ่น แต่จะเผ่นได้หรือไม่ ต้องจ่ายครบ จบจริงเท่านั้น เค้าล็อคคอมันอยู่ตอนนี้ คุกถึงตายน่ะมรึง เผ่นชัวร์ แต่ต้องจ่ายขนาดไหนกันล่ะ คืนเงินแผ่นดินที่มรึงโกงมาให้หมดซะ) 02 พฤษภาคม 68 12.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 715 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ภูมิธรรม" เผยผลการหารือจีบีซีไทย-กัมพูชา ให้กองกำลัง 2ฝ่ายถอยกลับไปจุดเดิม เลี่ยงปะทะ ลดการเผชิญหน้า "ปราสาทตาเมือนธม"
    https://www.thai-tai.tv/news/18465/
    "ภูมิธรรม" เผยผลการหารือจีบีซีไทย-กัมพูชา ให้กองกำลัง 2ฝ่ายถอยกลับไปจุดเดิม เลี่ยงปะทะ ลดการเผชิญหน้า "ปราสาทตาเมือนธม" https://www.thai-tai.tv/news/18465/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกรบ. เผย นายกฯ ป่วยเข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ หลังกลับจากกัมพูชา พบมีไข้ขึ้นสูง
    https://www.thai-tai.tv/news/18339/
    โฆษกรบ. เผย นายกฯ ป่วยเข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้ หลังกลับจากกัมพูชา พบมีไข้ขึ้นสูง https://www.thai-tai.tv/news/18339/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ร้อยนึง" ครั้งหนึ่งในเขมร

    กรณีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา เรียกเก็บเงินครั้งละ 100-200 บาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวไทยเกิดขึ้นมานานแล้ว แม้จะมีการเคลื่อนไหวถึงขั้นนัดรวมตัวประท้วงที่หน้าสถานกงสุลกัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทั่งกงสุลใหญ่กัมพูชาประจำจังหวัดสระแก้ว รับทราบปัญหาและรีบดำเนินการแก้ไข แต่ปัญหาก็ไม่หมดไป ใน TikTok มีคลิปที่คนไทยไปเที่ยวปอยเปตถูกเรียกเก็บเงิน แม้จะมีข้อความ "ไม่มีการชำระเงินที่นี่" ก็ตาม

    ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีโอกาสไปเยือนปอยเปต ตั้งใจจะไปเที่ยวชมบรรยากาศที่นั่น พบเจอมากับตัว!

    จากด่านพรมแดนบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว หนังสือเดินทางประเทศไทย ชั้นล่าง ประทับตราขาออกตามปกติ เมื่อข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา ประตู ARRIVAL ด้านขวามือขึ้นไปชั้น 2 ที่นี่ห้ามถ่ายรูปและห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ นักท่องเที่ยวจะต้องเขียนใบขาเข้าแบบกระดาษ หากเขียนไม่เป็นก็ให้เจ้าหน้าที่เขียนให้ เสียเงิน 20 บาท หลังจากนั้นจึงเข้าคิวรอเจ้าหน้าที่ ตม.ประทับตราขาเข้าลงบนหนังสือเดินทาง สังเกตว่ามีช่องให้บริการ 6 ช่อง แต่เปิดเพียง 2 ช่อง คิวยาวเหยียด เมื่อมีกรุ๊ปทัวร์ตามมาจึงเปิดเพิ่มอีก 1 ช่อง ระหว่างนั้นนักท่องเที่ยวคนหน้ายังบ่นเรื่องเสียเงิน 100 บาท

    เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่ ตม. สแกนหนังสือเดินทางตามขั้นตอน คำถามแรกคือ "อยู่ที่ไหน" ตอบไปว่าอยู่ปอยเปต คำถามต่อมาคือ "มาทำอะไร" ตอบไปว่ามาเที่ยว มาเดินเล่น ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคำว่า "ร้อยนึง" ถึงตอนนั้นรู้สึกอึ้ง แต่สมองสั่งให้ควักกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรใบละ 100 บาท วางไว้ที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ ตม.วางหนังสือเดินทางที่ประทับตราแล้วคืน แล้วหยิบแบงก์ร้อยออกไป เราเดินลงไปด้านล่างพร้อมคำถามในหัวว่าต้องจ่ายด้วยหรือ ทั้งที่หน้าเคาน์เตอร์มีข้อความ "ไม่มีการชำระเงินที่นี่" ก็ตาม ส่วนเที่ยวกลับ เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่เรียกเก็บ อาจเป็นเพราะสีหน้าที่วิตกกังวลและอยากกลับบ้าน

    ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชาวไทยที่ผ่านด่านปอยเปต เพื่อไปเที่ยวฝั่งกัมพูชา จะต้องเสียค่าใช้จ่ายกับกระบวนการ ตม. สูงถึง 100-420 บาท ทั้งที่หากเป็นประเทศอื่น เช่น สปป.ลาว จ่ายค่าเหยียบแผ่นดินขาละ 20 บาท ส่วนมาเลเซียและเมียนมาไม่มีการเรียกเก็บ แต่เงินที่เจ้าหน้าที่ ตม.กัมพูชาเรียกเก็บไม่ชัดเจนว่าเป็นค่าอะไร นอกจากคิดไปเองว่าเป็นค่าอำนวยความสะดวก ทั้งหมดเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ที่ถูกเรียกเก็บเงินครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เป็นเรื่องของทางการกัมพูชา

    #Newskit
    "ร้อยนึง" ครั้งหนึ่งในเขมร กรณีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา เรียกเก็บเงินครั้งละ 100-200 บาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวไทยเกิดขึ้นมานานแล้ว แม้จะมีการเคลื่อนไหวถึงขั้นนัดรวมตัวประท้วงที่หน้าสถานกงสุลกัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทั่งกงสุลใหญ่กัมพูชาประจำจังหวัดสระแก้ว รับทราบปัญหาและรีบดำเนินการแก้ไข แต่ปัญหาก็ไม่หมดไป ใน TikTok มีคลิปที่คนไทยไปเที่ยวปอยเปตถูกเรียกเก็บเงิน แม้จะมีข้อความ "ไม่มีการชำระเงินที่นี่" ก็ตาม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีโอกาสไปเยือนปอยเปต ตั้งใจจะไปเที่ยวชมบรรยากาศที่นั่น พบเจอมากับตัว! จากด่านพรมแดนบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว หนังสือเดินทางประเทศไทย ชั้นล่าง ประทับตราขาออกตามปกติ เมื่อข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา ประตู ARRIVAL ด้านขวามือขึ้นไปชั้น 2 ที่นี่ห้ามถ่ายรูปและห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ นักท่องเที่ยวจะต้องเขียนใบขาเข้าแบบกระดาษ หากเขียนไม่เป็นก็ให้เจ้าหน้าที่เขียนให้ เสียเงิน 20 บาท หลังจากนั้นจึงเข้าคิวรอเจ้าหน้าที่ ตม.ประทับตราขาเข้าลงบนหนังสือเดินทาง สังเกตว่ามีช่องให้บริการ 6 ช่อง แต่เปิดเพียง 2 ช่อง คิวยาวเหยียด เมื่อมีกรุ๊ปทัวร์ตามมาจึงเปิดเพิ่มอีก 1 ช่อง ระหว่างนั้นนักท่องเที่ยวคนหน้ายังบ่นเรื่องเสียเงิน 100 บาท เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่ ตม. สแกนหนังสือเดินทางตามขั้นตอน คำถามแรกคือ "อยู่ที่ไหน" ตอบไปว่าอยู่ปอยเปต คำถามต่อมาคือ "มาทำอะไร" ตอบไปว่ามาเที่ยว มาเดินเล่น ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคำว่า "ร้อยนึง" ถึงตอนนั้นรู้สึกอึ้ง แต่สมองสั่งให้ควักกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรใบละ 100 บาท วางไว้ที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ ตม.วางหนังสือเดินทางที่ประทับตราแล้วคืน แล้วหยิบแบงก์ร้อยออกไป เราเดินลงไปด้านล่างพร้อมคำถามในหัวว่าต้องจ่ายด้วยหรือ ทั้งที่หน้าเคาน์เตอร์มีข้อความ "ไม่มีการชำระเงินที่นี่" ก็ตาม ส่วนเที่ยวกลับ เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่เรียกเก็บ อาจเป็นเพราะสีหน้าที่วิตกกังวลและอยากกลับบ้าน ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชาวไทยที่ผ่านด่านปอยเปต เพื่อไปเที่ยวฝั่งกัมพูชา จะต้องเสียค่าใช้จ่ายกับกระบวนการ ตม. สูงถึง 100-420 บาท ทั้งที่หากเป็นประเทศอื่น เช่น สปป.ลาว จ่ายค่าเหยียบแผ่นดินขาละ 20 บาท ส่วนมาเลเซียและเมียนมาไม่มีการเรียกเก็บ แต่เงินที่เจ้าหน้าที่ ตม.กัมพูชาเรียกเก็บไม่ชัดเจนว่าเป็นค่าอะไร นอกจากคิดไปเองว่าเป็นค่าอำนวยความสะดวก ทั้งหมดเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ที่ถูกเรียกเก็บเงินครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เป็นเรื่องของทางการกัมพูชา #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'แพทองธาร' หารือ 'ฮุน เซน' ร่วมมือกระชับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/18311/
    'แพทองธาร' หารือ 'ฮุน เซน' ร่วมมือกระชับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/18311/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาประกาศในวันจันทร์ (21 เม.ย.) เล็งรีดภาษีศุลกากรอัตรามหาโหด จากแผงโซลาร์เซลล์ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พุ่งเป้าเล่นงานบริษัทในเครือของจีนที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในภูมิภาคนี้ โดยกัมพูชาโดนหนักสุด 3,521% ส่วนไทยก็เจอเข้าไป 375%
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037879

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อเมริกาประกาศในวันจันทร์ (21 เม.ย.) เล็งรีดภาษีศุลกากรอัตรามหาโหด จากแผงโซลาร์เซลล์ผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พุ่งเป้าเล่นงานบริษัทในเครือของจีนที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในภูมิภาคนี้ โดยกัมพูชาโดนหนักสุด 3,521% ส่วนไทยก็เจอเข้าไป 375% . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037879 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1242 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากโรงงานจีน ที่แอบตั้งอยู่ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบด้วย กัมพูชา ไทย มาเลเซีย เวียดนาม สูงสุด 3,521%

    แผงโซลาร์เซลล์เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าขายในราคาที่ต่ำกว่าผู้ขายรายอื่นในสหรัฐอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากมีการอุดหนุนของรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น ทำให้ผู้ผลิตสามารถลดราคาขายในสหรัฐได้


    บริษัทในกัมพูชา ถูกเรียกเก็บในอัตราภาษีถูกสูงที่สุดคือ 3,521%
    ในเวียดนาม บางบริษัทที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อต้องเสียภาษีศุลกากรในอัตราสูงถึง 395.9%
    สำหรับไทย ถูกกำหนดอัตราภาษีที่ 375.2%
    ส่วนมาเลเซีย กำหนดไว้ที่ 34.4%

    หมายเหตุ:
    นี่เป็นเพียงตัวเลขอัตราภาษีทั่วไป กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ยังมีการประกาศเฉพาะเจาะจงของแต่ละบริษัทที่ตั้งอยู่ในหลายประเทศ ซึ่งถูกเรียกเก็บในอัตราภาษีที่แตกต่างกันออกไป
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากโรงงานจีน ที่แอบตั้งอยู่ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกอบด้วย กัมพูชา ไทย มาเลเซีย เวียดนาม สูงสุด 3,521% แผงโซลาร์เซลล์เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าขายในราคาที่ต่ำกว่าผู้ขายรายอื่นในสหรัฐอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากมีการอุดหนุนของรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น ทำให้ผู้ผลิตสามารถลดราคาขายในสหรัฐได้ บริษัทในกัมพูชา ถูกเรียกเก็บในอัตราภาษีถูกสูงที่สุดคือ 3,521% ในเวียดนาม บางบริษัทที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อต้องเสียภาษีศุลกากรในอัตราสูงถึง 395.9% สำหรับไทย ถูกกำหนดอัตราภาษีที่ 375.2% ส่วนมาเลเซีย กำหนดไว้ที่ 34.4% หมายเหตุ: นี่เป็นเพียงตัวเลขอัตราภาษีทั่วไป กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ยังมีการประกาศเฉพาะเจาะจงของแต่ละบริษัทที่ตั้งอยู่ในหลายประเทศ ซึ่งถูกเรียกเก็บในอัตราภาษีที่แตกต่างกันออกไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อคืนตั้ม เล่าว่านายกจะไปกัมพูชา เดือนเมษา

    ซาตานบอก 50:50 เพื่อนบ้าน บอกจะเอาคืน
    หยิบบ่อนมายังไม่ได้ ก็ไปหยิบพลัง ดูซิ เอามันทุกเม็ด ลูกๆ หลานๆ ไทย จะรอต่างชาติเบ่งลูก คนชั่วขายแผ่นดิน แล้วพวกมรึง จะเหลืออะไร

    https://www.youtube.com/live/VZZ3VCt8NoM?si=uClDjUrX64Oe5kWD
    เมื่อคืนตั้ม เล่าว่านายกจะไปกัมพูชา เดือนเมษา ซาตานบอก 50:50 เพื่อนบ้าน บอกจะเอาคืน หยิบบ่อนมายังไม่ได้ ก็ไปหยิบพลัง ดูซิ เอามันทุกเม็ด ลูกๆ หลานๆ ไทย จะรอต่างชาติเบ่งลูก คนชั่วขายแผ่นดิน แล้วพวกมรึง จะเหลืออะไร https://www.youtube.com/live/VZZ3VCt8NoM?si=uClDjUrX64Oe5kWD
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1090 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางถึงกัมพูชาแล้ว ถือเป็นประเทศที่สาม และประเทศสุดท้ายในภารกิจเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ พร้อมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ณ ท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เดินทางถึงกัมพูชาแล้ว ถือเป็นประเทศที่สาม และประเทศสุดท้ายในภารกิจเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ พร้อมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ณ ท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญในความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • มาตรการภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศ เป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต่อจากมิติการค้าการลงทุนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน (แต่ผู้นำไทยก็ยังล่าช้า ไม่เท่าทัน) ในระยะกลาง มิติความมั่นคงจะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และไทยต้องชิงเล่นบทบาทนำ เพื่อชดเชยกับความล่าช้าล้าหลังที่เราเสียตำแหน่งผู้นำอาเซียนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
    .
    ASEAN ZOPFAN และ Bangkok Treaty of 1995 ที่ประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ต้องได้รับการ upgrade
    .
    “ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์ ‘กฎแห่งป่า’ (Law of the Jungle) อำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา (Might is Right) รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสามารถเข้ายึดครอง ครอบครอง และกำหนดชะตากรรมของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่า และเมื่อกลไกสถาบันระหว่างประเทศไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ประชาคมอาเซียนที่รัฐสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กและขนาดกลางมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากฎกติกาแบบเสรีนิยม”
    .
    ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค
    .
    อ่านได้ที่: https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-3/
    .
    “แน่นอนว่า เมื่อกฎแห่งป่าและพลังอำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา ฉากทัศน์ที่น่าห่วงกังวลมากที่สุดคือ แต่ละประเทศมุ่งหน้าพัฒนา ผลิต และสะสมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทางการทหาร เพราะนี่คือแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจในการต่อรองสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อรองกับมหาอำนาจ”
    .
    “อาเซียนเองมีการลงนามและบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom, and Neutrality: ZOPFAN) มาตั้งแต่ปี 1971 เมื่อไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ (สมาชิกอาเซียน ณ ขณะนั้น) เห็นการแทรกแซงกิจการภายในของ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา โดยมหาอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และหลายประเทศในยุโรป จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามที่ล้างผลาญชีวิตคนจำนวนมาก และเมื่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นปรากฏการณ์ที่นำความสุ่มเสี่ยงไปทั่วโลก อาเซียนโดยการผลักดันของประเทศไทยก็สามารถลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone: SEANWFZ) ได้สำเร็จในปี 1995”
    .
    “ข้อตกลงที่เอ่ยถึงนี้ถือเป็นความสำเร็จในอดีตที่อาเซียนต้องทบทวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยกำลังเดินหน้าเพื่อครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เมียนมาและเวียดนามกำลังเดินหน้าเพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่งแรกในภูมิภาค แน่นอนว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสันติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย”
    .
    “แน่นอนว่าเมื่อพิจารณามิติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับการสร้างและใช้งานโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) อาเซียนจะมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น แต่การมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ และการเสริมสร้างสารตั้งต้นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ทำให้ศักย์สงคราม (War Capability) ของประเทศนั้นๆ สูงขึ้น”
    .
    “ลองนึกถึงข้อจำกัดทางทรัพยากรมนุษย์ที่อาจต้องทำให้โรงงานเหล่านี้ดำเนินการโดยวิศวกรและทีมเทคนิคต่างชาติ ลงทุนโดยต่างชาติ และควบคุมตรวจสอบโดยต่างชาติ ร่วมกับเงินทุนที่มีจำกัด เช่น อาจสร้างเตาปฏิกรณ์ในประเทศ และระบบกำจัดกากของเสียจากเตาปฏิกรณ์ต้องส่งออกไปทำลายในต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ว่า ประเทศอาเซียนจะกลายเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการประกอบอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่”
    .
    “ในวันที่ระเบียบโลกกำลังมีความซัดส่ายอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและต้องเร่งผลักดัน คือการคำนึงถึงว่าจะเป็นการดีหรือไม่ หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ให้ประเทศคู่เจรจาที่ต้องการเป็นมิตรและแสวงหาประโยชร์ร่วมกันอย่างยั่งยืนกับอาเซียนต้องยอมรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของอาเซียนด้วย”
    .
    ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    มาตรการภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์ประกาศ เป็นเพียงหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ต่อจากมิติการค้าการลงทุนซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน (แต่ผู้นำไทยก็ยังล่าช้า ไม่เท่าทัน) ในระยะกลาง มิติความมั่นคงจะกลายเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และไทยต้องชิงเล่นบทบาทนำ เพื่อชดเชยกับความล่าช้าล้าหลังที่เราเสียตำแหน่งผู้นำอาเซียนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา . ASEAN ZOPFAN และ Bangkok Treaty of 1995 ที่ประกาศให้อาเซียนเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ต้องได้รับการ upgrade . “ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปรากฎการณ์ ‘กฎแห่งป่า’ (Law of the Jungle) อำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา (Might is Right) รัฐที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าสามารถเข้ายึดครอง ครอบครอง และกำหนดชะตากรรมของรัฐที่มีพลังอำนาจอ่อนด้อยกว่า และเมื่อกลไกสถาบันระหว่างประเทศไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น ประชาคมอาเซียนที่รัฐสมาชิกส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กและขนาดกลางมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากฎกติกาแบบเสรีนิยม” . ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค . อ่านได้ที่: https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-3/ . “แน่นอนว่า เมื่อกฎแห่งป่าและพลังอำนาจกลายเป็นความถูกต้องในการกำหนดกติกา ฉากทัศน์ที่น่าห่วงกังวลมากที่สุดคือ แต่ละประเทศมุ่งหน้าพัฒนา ผลิต และสะสมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทางการทหาร เพราะนี่คือแนวทางที่พิสูจน์มาแล้วในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจในการต่อรองสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อรองกับมหาอำนาจ” . “อาเซียนเองมีการลงนามและบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง (Declaration on the Zone of Peace, Freedom, and Neutrality: ZOPFAN) มาตั้งแต่ปี 1971 เมื่อไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ (สมาชิกอาเซียน ณ ขณะนั้น) เห็นการแทรกแซงกิจการภายในของ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา โดยมหาอำนาจภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน และหลายประเทศในยุโรป จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นสงครามที่ล้างผลาญชีวิตคนจำนวนมาก และเมื่อการสะสมอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นปรากฏการณ์ที่นำความสุ่มเสี่ยงไปทั่วโลก อาเซียนโดยการผลักดันของประเทศไทยก็สามารถลงนามในสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone: SEANWFZ) ได้สำเร็จในปี 1995” . “ข้อตกลงที่เอ่ยถึงนี้ถือเป็นความสำเร็จในอดีตที่อาเซียนต้องทบทวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยกำลังเดินหน้าเพื่อครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เมียนมาและเวียดนามกำลังเดินหน้าเพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 2 แห่งแรกในภูมิภาค แน่นอนว่าด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสันติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน และคาดว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย” . “แน่นอนว่าเมื่อพิจารณามิติพลังงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับการสร้างและใช้งานโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) อาเซียนจะมีความมั่นคงทางพลังงานสูงขึ้น แต่การมีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เตาปฏิกรณ์ และการเสริมสร้างสารตั้งต้นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่ทำให้ศักย์สงคราม (War Capability) ของประเทศนั้นๆ สูงขึ้น” . “ลองนึกถึงข้อจำกัดทางทรัพยากรมนุษย์ที่อาจต้องทำให้โรงงานเหล่านี้ดำเนินการโดยวิศวกรและทีมเทคนิคต่างชาติ ลงทุนโดยต่างชาติ และควบคุมตรวจสอบโดยต่างชาติ ร่วมกับเงินทุนที่มีจำกัด เช่น อาจสร้างเตาปฏิกรณ์ในประเทศ และระบบกำจัดกากของเสียจากเตาปฏิกรณ์ต้องส่งออกไปทำลายในต่างประเทศ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ว่า ประเทศอาเซียนจะกลายเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการประกอบอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่” . “ในวันที่ระเบียบโลกกำลังมีความซัดส่ายอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและต้องเร่งผลักดัน คือการคำนึงถึงว่าจะเป็นการดีหรือไม่ หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ให้ประเทศคู่เจรจาที่ต้องการเป็นมิตรและแสวงหาประโยชร์ร่วมกันอย่างยั่งยืนกับอาเซียนต้องยอมรับเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของอาเซียนด้วย” . ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    WWW.THE101.WORLD
    Amidst the Two Oceans ตอนที่ 3: ประชาคมอาเซียนในระเบียบโลกใหม่
    ปิติ ศรีแสงนาม ชวนหาที่ทางของประชาคมอาเซียนในมิติความเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงในภูมิภาค ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 788 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts