• ผ่านไป 13 วัน สตง.เพิ่งเปิดปาก

    นับเป็นการเปิดปากครั้งแรก สำหรับนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้อาคารสูง 30 ชั้น โครงการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ เขตจตุจักร กทม. ถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.มีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก แต่กลับมีเพียงอีเมลภายใน ที่ทำให้สาธารณชนโกรธแค้น ผ่านพ้นไป 13 วัน เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เจ้าตัวได้เข้าร่วมพิธีสวดพระพุทธมนต์เพื่อผู้ประสบภัยและผู้สูญหาย กล่าวว่า รู้สึกเสียใจ ไปงานศพทุกงาน ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมทำบุญให้กับผู้เสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บตนกับผู้บริหารก็ไปเยี่ยมทุกโรงพยาบาล ทุกคน

    ส่วนที่สังคมทัวร์ลง สตง.นั้น ยืนยันว่าเราทำงานตลอดเวลา ตอนนี้ชีวิตคนกับความสูญเสียเป็นเรื่องสำคัญ จะต้องดูแลก่อนว่าญาติพี่น้องที่ลำบากและชีวิตที่สูญเสียไปจะทำอย่างไร ทุกครั้งที่คนของเราไปร่วมงานศพญาติผู้เสียชีวิตก็บอกว่ามีเพียง สตง.ที่เข้าไปดูแลเขา ส่วนผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลพวกเขาก็เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ฉะนั้นสิ่งที่จะทำในวันนี้คือจะดูแล ซึ่งญาติได้ประสานใช้ล่ามที่ทำงานประจำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง พาญาติไปติดต่อตรวจ DNA และติดต่อเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ทำมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ ผมก็อยู่ที่นี่ตั้งแต่วันแรก ว่างก็มา วันแรกที่มาก็กลับถึงบ้านเที่ยงคืน ส่วนการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

    ด้านนายสุทธิพงษ์ บุญนิธ รองผู้ว่าฯ สตง.ชี้แจงในที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระฯ ระบุว่า มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถนนสุดสายวิ่งมาที่ สตง.แมลงวันบินผ่านก็ด่าได้ ยืนยันว่าทุกอย่างยึดหลักกฎหมาย ส่วนกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ไม่พบช่องว่ามีการฮั้ว คำตอบที่ได้รับคือบริษัทดังกล่าวมีทุนและเทคโนโลยีจากจีน บริษัทก็อ้างว่าทำงานได้แม้จะได้งบประมาณตามที่เสนอราคาไว้ โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี แต่ขยาย 2 ครั้ง เนื่องจากโควิดและมีการปรับรูปแบบ

    เมื่อผ่านไป 4 ปี เพิ่งได้ 33% เพราะผู้รับก่อสร้างมีปัญหาเรื่องทุน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงมีมติบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 15 ม.ค. อยู่ระหว่างเสนอเรื่องแต่มาเกิดเหตุเสียก่อน ยืนยันว่าไม่เคยรู้เรื่องบริษัทจีน เพราะอิตาเลียนไทยออกหน้าตลอด สตง.ยังดีอยู่เลยที่ได้บริษัทเบอร์ 1 ของประเทศ ถึงกระนั้น ยังคงจะต้องดำเนินการก่อสร้างอาคาร สตง. เช่นเดิม แต่จะไม่สร้างทับจุดที่ตึกถล่ม จะเลื่อนออกมาข้างหน้า ใช้งบประมาณไม่ถึง 2,000 ล้านบาท ใช้แอร์แบบธรรมดา เวลาเสียจะได้ไม่ต้องซ่อมยาก แต่ที่สำคัญต้องใส่เทคโนโลยีความทันสมัยในการทำงาน และคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณที่เหลือนำมาสร้าง

    #Newskit
    ผ่านไป 13 วัน สตง.เพิ่งเปิดปาก นับเป็นการเปิดปากครั้งแรก สำหรับนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้อาคารสูง 30 ชั้น โครงการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ เขตจตุจักร กทม. ถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.มีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก แต่กลับมีเพียงอีเมลภายใน ที่ทำให้สาธารณชนโกรธแค้น ผ่านพ้นไป 13 วัน เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เจ้าตัวได้เข้าร่วมพิธีสวดพระพุทธมนต์เพื่อผู้ประสบภัยและผู้สูญหาย กล่าวว่า รู้สึกเสียใจ ไปงานศพทุกงาน ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมทำบุญให้กับผู้เสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บตนกับผู้บริหารก็ไปเยี่ยมทุกโรงพยาบาล ทุกคน ส่วนที่สังคมทัวร์ลง สตง.นั้น ยืนยันว่าเราทำงานตลอดเวลา ตอนนี้ชีวิตคนกับความสูญเสียเป็นเรื่องสำคัญ จะต้องดูแลก่อนว่าญาติพี่น้องที่ลำบากและชีวิตที่สูญเสียไปจะทำอย่างไร ทุกครั้งที่คนของเราไปร่วมงานศพญาติผู้เสียชีวิตก็บอกว่ามีเพียง สตง.ที่เข้าไปดูแลเขา ส่วนผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลพวกเขาก็เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ฉะนั้นสิ่งที่จะทำในวันนี้คือจะดูแล ซึ่งญาติได้ประสานใช้ล่ามที่ทำงานประจำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง พาญาติไปติดต่อตรวจ DNA และติดต่อเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ทำมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ ผมก็อยู่ที่นี่ตั้งแต่วันแรก ว่างก็มา วันแรกที่มาก็กลับถึงบ้านเที่ยงคืน ส่วนการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ด้านนายสุทธิพงษ์ บุญนิธ รองผู้ว่าฯ สตง.ชี้แจงในที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระฯ ระบุว่า มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถนนสุดสายวิ่งมาที่ สตง.แมลงวันบินผ่านก็ด่าได้ ยืนยันว่าทุกอย่างยึดหลักกฎหมาย ส่วนกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ไม่พบช่องว่ามีการฮั้ว คำตอบที่ได้รับคือบริษัทดังกล่าวมีทุนและเทคโนโลยีจากจีน บริษัทก็อ้างว่าทำงานได้แม้จะได้งบประมาณตามที่เสนอราคาไว้ โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี แต่ขยาย 2 ครั้ง เนื่องจากโควิดและมีการปรับรูปแบบ เมื่อผ่านไป 4 ปี เพิ่งได้ 33% เพราะผู้รับก่อสร้างมีปัญหาเรื่องทุน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุจึงมีมติบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 15 ม.ค. อยู่ระหว่างเสนอเรื่องแต่มาเกิดเหตุเสียก่อน ยืนยันว่าไม่เคยรู้เรื่องบริษัทจีน เพราะอิตาเลียนไทยออกหน้าตลอด สตง.ยังดีอยู่เลยที่ได้บริษัทเบอร์ 1 ของประเทศ ถึงกระนั้น ยังคงจะต้องดำเนินการก่อสร้างอาคาร สตง. เช่นเดิม แต่จะไม่สร้างทับจุดที่ตึกถล่ม จะเลื่อนออกมาข้างหน้า ใช้งบประมาณไม่ถึง 2,000 ล้านบาท ใช้แอร์แบบธรรมดา เวลาเสียจะได้ไม่ต้องซ่อมยาก แต่ที่สำคัญต้องใส่เทคโนโลยีความทันสมัยในการทำงาน และคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณที่เหลือนำมาสร้าง #Newskit
    Sad
    Like
    Wow
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนสกาแฟจ่อขาดตลาด ศาลสั่งห้ามผลิต-ขาย

    สร้างความตกใจแก่ผู้บริโภค เมื่อบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ศาลแพ่งมีนบุรีออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปโดยใช้เครื่องหมายการค้าเนสกาแฟ (Nescafé) ในประเทศไทย หลังจากนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ทายาทรุ่น 2 ของนายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าของฉายา "เจ้าพ่อเนสกาแฟ" ฟ้องดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่และกรรมการ 2 คดี เป็นผลทำให้บริษัทฯ จะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าปลีกต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ระหว่างนี้ร้านค้าปลีกที่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟอยู่ในร้าน ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ

    เนสท์เล่ กล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่า ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านกาแฟขนาดเล็ก และรถเข็นขายกาแฟจะสูญเสียรายได้ เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจำหน่าย หากปรับเปลี่ยนสูตรการชงและวัตถุดิบที่ใช้ อาจส่งผลต่อรสชาติที่เปลี่ยนไป กระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งพนักงานของลูกค้าและคู่ค้าซัพพลายเออร์ ที่เคยสามารถจัดส่งวัตถุดิบต่างๆ ให้กับเนสกาแฟต้องหยุดชะงักลง ส่งผลให้ขาดรายได้ เกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟ และเกษตรกรโคนมในไทยจะไม่สามารถจำหน่ายวัตถุดิบให้เนสกาแฟได้ ซึ่งทุกปีจะรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบพันธุ์โรบัสต้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้บริโภคหลายล้านคนในประเทศไทย และผู้บริโภคในตลาดส่งออกของเนสกาแฟจะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟดื่ม

    "เนสท์เล่ จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขสถานการณ์นี้ และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวต่อศาล พร้อมยื่นข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อการพิจารณาคำร้อง" แถลงการณ์ ระบุ

    เนสกาแฟวางตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2533-2567 ผลิตโดย บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนในสัดส่วนคนละครึ่ง ระหว่างเนสท์เล่ กับตระกูลมหากิจศิริ นำโดยนายประยุทธ มหากิจศิริ แต่อำนาจในการบริหารงานการผลิต การจัดจำหน่าย รวมทั้งการทำการตลาด เป็นของเนสท์เล่ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเนสกาแฟ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่

    เนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญากับบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส เมื่อปี 2564 และศาลอนุญาโตตุลาการสากลตัดสินแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2567 แต่หลังยุติสัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เนสท์เล่จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส แต่เมื่อเดือน มี.ค.-เม.ย. 2568 นายเฉลิมชัยฟ้องศาลแพ่งมีนบุรี ก่อนจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว

    #Newskit
    เนสกาแฟจ่อขาดตลาด ศาลสั่งห้ามผลิต-ขาย สร้างความตกใจแก่ผู้บริโภค เมื่อบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ศาลแพ่งมีนบุรีออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปโดยใช้เครื่องหมายการค้าเนสกาแฟ (Nescafé) ในประเทศไทย หลังจากนายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ทายาทรุ่น 2 ของนายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าของฉายา "เจ้าพ่อเนสกาแฟ" ฟ้องดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่และกรรมการ 2 คดี เป็นผลทำให้บริษัทฯ จะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าปลีกต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ระหว่างนี้ร้านค้าปลีกที่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟอยู่ในร้าน ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ เนสท์เล่ กล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่า ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านกาแฟขนาดเล็ก และรถเข็นขายกาแฟจะสูญเสียรายได้ เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจำหน่าย หากปรับเปลี่ยนสูตรการชงและวัตถุดิบที่ใช้ อาจส่งผลต่อรสชาติที่เปลี่ยนไป กระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งพนักงานของลูกค้าและคู่ค้าซัพพลายเออร์ ที่เคยสามารถจัดส่งวัตถุดิบต่างๆ ให้กับเนสกาแฟต้องหยุดชะงักลง ส่งผลให้ขาดรายได้ เกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟ และเกษตรกรโคนมในไทยจะไม่สามารถจำหน่ายวัตถุดิบให้เนสกาแฟได้ ซึ่งทุกปีจะรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบพันธุ์โรบัสต้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้บริโภคหลายล้านคนในประเทศไทย และผู้บริโภคในตลาดส่งออกของเนสกาแฟจะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟดื่ม "เนสท์เล่ จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขสถานการณ์นี้ และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวต่อศาล พร้อมยื่นข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อการพิจารณาคำร้อง" แถลงการณ์ ระบุ เนสกาแฟวางตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2533-2567 ผลิตโดย บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนในสัดส่วนคนละครึ่ง ระหว่างเนสท์เล่ กับตระกูลมหากิจศิริ นำโดยนายประยุทธ มหากิจศิริ แต่อำนาจในการบริหารงานการผลิต การจัดจำหน่าย รวมทั้งการทำการตลาด เป็นของเนสท์เล่ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเนสกาแฟ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเนสท์เล่ เนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญากับบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส เมื่อปี 2564 และศาลอนุญาโตตุลาการสากลตัดสินแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2567 แต่หลังยุติสัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เนสท์เล่จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส แต่เมื่อเดือน มี.ค.-เม.ย. 2568 นายเฉลิมชัยฟ้องศาลแพ่งมีนบุรี ก่อนจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลถอยแต่ไม่เลิก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

    หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนแถลงข่าวระบุว่า จะแก้ปัญหาวิกฤตประเทศจากเหตุแผ่นดินไหว และการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ส่วนการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยืนยันจะนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ สมัยประชุมหน้า และจะทำความเข้าใจอธิบาย สื่อสารให้ชัดเจนกับประชาชน เพราะกลายเป็นว่าความตั้งใจถูกเลือกให้เป็นการเปิดกาสิโนแทน

    แม้การรวมตัวของนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะไม่ได้มืดฟ้ามัวดิน แต่ผลจากการออกแถลงการณ์หลายภาคส่วนทั้งกลุ่มนักกฎหมาย กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ รวมทั้งองค์กรทางศาสนา คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และการตั้งบ่อนกาสิโนชัดเจน ถือเป็นการจุดติดกับสังคมไทยและรัฐบาลเริ่มหวั่นไหว การตัดสินใจถอนวาระดังกล่าวถือเป็นการดับชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ แมัที่ผ่านมาท่าทีของบิดานายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณว่าไม่กลัวใคร แม้กระทั่งมีข่าวว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงมติเห็นชอบวาระรับหลักการ ก็จะพิจารณาให้ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม

    นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว ระบุว่า ตั้งใจว่าจะส่งเสียงของพวกเราออกไปก่อนการประชุมสภาฯ ยืนยันว่าอะไรที่เป็นอบายมุขต่อต้านตลอด แม้จะถอนวาระดังกล่าว แต่วันหน้าถ้าพยายามเอาเข้ามาอีกก็จะทำเช่นนั้นอีก วันนี้สังคมตื่นแล้ว ด้วยหลายกลุ่มออกมา จึงไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ จะมีคนออกมาเรื่อยๆ เพราะประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลว่าสิ่งที่ถอนวันนี้จะไม่ทำอย่างอื่นอีก เช่น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องจับตามองว่าจะถูกลักหลับหรือเปล่า

    "อยากส่งเสียงไปถึงรัฐบาลและในสภาฯ ทุกคน พรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า อย่าดูถูก อย่า Underestimate (ดูถูกดูแคลน) พลังประชาชน แม้จะออกมาน้อยนิด แต่ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่ออกมาและไม่เห็นด้วย"

    นายทักษิณ กล่าวถึงข่าวที่ว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นชอบให้ออกจากรัฐบาลนั้น เป็นการพูดกันไปเรื่อย ไม่มีเรื่องข่มขู่ เป็นเพียงถามความคิดเห็นของแต่ละคนซึ่งไม่ขัดข้อง วันนี้นายกฯ บอกว่าจะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจก่อน ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่ขอเลื่อนการพิจารณาไปก่อน การมีพรรคร่วมฯ มากก็นานาจิตตัง ไม่สามารถชี้ให้ไปทางเดียวกันได้ ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ก็ไม่เหนือวิสัย พร้อมวอนอย่าขี้อิจฉาริษยากัน เปรียบเทียบกับบ่อนประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ทำแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้นประเทศก็พัง

    #Newskit
    รัฐบาลถอยแต่ไม่เลิก เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนแถลงข่าวระบุว่า จะแก้ปัญหาวิกฤตประเทศจากเหตุแผ่นดินไหว และการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ส่วนการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยืนยันจะนำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ สมัยประชุมหน้า และจะทำความเข้าใจอธิบาย สื่อสารให้ชัดเจนกับประชาชน เพราะกลายเป็นว่าความตั้งใจถูกเลือกให้เป็นการเปิดกาสิโนแทน แม้การรวมตัวของนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะไม่ได้มืดฟ้ามัวดิน แต่ผลจากการออกแถลงการณ์หลายภาคส่วนทั้งกลุ่มนักกฎหมาย กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ รวมทั้งองค์กรทางศาสนา คัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และการตั้งบ่อนกาสิโนชัดเจน ถือเป็นการจุดติดกับสังคมไทยและรัฐบาลเริ่มหวั่นไหว การตัดสินใจถอนวาระดังกล่าวถือเป็นการดับชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ แมัที่ผ่านมาท่าทีของบิดานายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณว่าไม่กลัวใคร แม้กระทั่งมีข่าวว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงมติเห็นชอบวาระรับหลักการ ก็จะพิจารณาให้ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว ระบุว่า ตั้งใจว่าจะส่งเสียงของพวกเราออกไปก่อนการประชุมสภาฯ ยืนยันว่าอะไรที่เป็นอบายมุขต่อต้านตลอด แม้จะถอนวาระดังกล่าว แต่วันหน้าถ้าพยายามเอาเข้ามาอีกก็จะทำเช่นนั้นอีก วันนี้สังคมตื่นแล้ว ด้วยหลายกลุ่มออกมา จึงไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ จะมีคนออกมาเรื่อยๆ เพราะประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลว่าสิ่งที่ถอนวันนี้จะไม่ทำอย่างอื่นอีก เช่น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องจับตามองว่าจะถูกลักหลับหรือเปล่า "อยากส่งเสียงไปถึงรัฐบาลและในสภาฯ ทุกคน พรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า อย่าดูถูก อย่า Underestimate (ดูถูกดูแคลน) พลังประชาชน แม้จะออกมาน้อยนิด แต่ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่ออกมาและไม่เห็นด้วย" นายทักษิณ กล่าวถึงข่าวที่ว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นชอบให้ออกจากรัฐบาลนั้น เป็นการพูดกันไปเรื่อย ไม่มีเรื่องข่มขู่ เป็นเพียงถามความคิดเห็นของแต่ละคนซึ่งไม่ขัดข้อง วันนี้นายกฯ บอกว่าจะพิจารณาเรื่องเร่งด่วนทางเศรษฐกิจก่อน ไม่ได้ยกเลิกเพียงแต่ขอเลื่อนการพิจารณาไปก่อน การมีพรรคร่วมฯ มากก็นานาจิตตัง ไม่สามารถชี้ให้ไปทางเดียวกันได้ ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ก็ไม่เหนือวิสัย พร้อมวอนอย่าขี้อิจฉาริษยากัน เปรียบเทียบกับบ่อนประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ทำแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้นประเทศก็พัง #Newskit
    Love
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ

    สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย

    อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม

    #Newskit
    เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปฯ ViaBus สยายปีกสู่ลาว ติดตามรถเมล์เวียงจันทน์ได้แล้ว

    ในงานสัปดาห์ดิจิทัลลาว 2025 (Laos Digital Week 2025) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 เม.ย.2568 ที่หอประชุมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจ คือ รัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ (VCSBE) ได้ร่วมกับ บริษัท เวีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเวียบัส (ViaBus) เปิดบริการแจ้งติดตามรถเมล์แบบเรียลไทม์ แก่รถโดยสารในนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อพัฒนาการบริการ โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย สามารถติดตามรถเมล์ และจุดจอดรถเมล์ได้เหมือนที่ประเทศไทย

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2568 นายอินทัช มาศวงษ์ปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับท่านแก้ววันพร วอนทีวงสี ผู้อำนวยการใหญ่ รัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ ที่โรงแรมลาวพลาซ่า เพื่อพัฒนาระบบติดตามและบริหารจัดการรถโดยสารประจำทางผ่านแอปพลิเคชัน ViaBus โดยมีนายมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบขนส่งสาธารณะในนครหลวงเวียงจันทน์ พร้อมเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางกับภูมิภาคอาเซียนในมิติที่ทันสมัยและยั่งยืน

    สำหรับรัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ มีเส้นทางให้บริการประมาณ 16 เส้นทาง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานีขนส่งตลาดเช้า (Central Bus Station หรือ CBS) ไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1, มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ดงโดก, สนามบินสากลวัดไต, สถานีรถสายเหนือ, สถานีรถสายใต้, ศูนย์ประชุมลาวไอเต็ก (ITECC) รวมทั้งสถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์ (รถไฟลาว-จีน) และสถานีเวียงจันทน์ คำสะหวาด (รถไฟไทย-ลาว) เดิมมีเว็บไซต์ติดตามรถเมล์ https://lao.busnavi.asia อยู่แล้ว ความร่วมมือกับ ViaBus ที่มีผู้ใช้งาน 5 ล้านคน จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 1.2 ล้านคนเดินทางในนครหลวงเวียงจันทน์สะดวกขึ้น รวมทั้งจูงใจชาวนครหลวงเวียงจันทน์กว่า 7 แสนคนหันมาใช้รถเมล์แทนรถส่วนตัว

    ก่อนหน้านี้ ViaBus ได้ทดลองติดตามรถเมล์แบบเรียลไทม์ที่ประเทศมาเลเซียใน 3 เมือง ได้แก่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เกาะปีนัง และเมืองยะโฮร์บาห์รู นับเป็นประเทศที่สองที่ ViaBus ร่วมมือกับผู้ประกอบการเดินรถต่างประเทศ สำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมาได้ประกาศให้ผู้ประกอบการเดินรถทุกรายนำข้อมูล GPS รถเมล์มาเชื่อมระบบได้ฟรี โดยไม่ต้องพัฒนาระบบใหม่ และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้ผู้โดยสารติดตามและใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย

    #Newskit
    แอปฯ ViaBus สยายปีกสู่ลาว ติดตามรถเมล์เวียงจันทน์ได้แล้ว ในงานสัปดาห์ดิจิทัลลาว 2025 (Laos Digital Week 2025) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 เม.ย.2568 ที่หอประชุมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจ คือ รัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ (VCSBE) ได้ร่วมกับ บริษัท เวีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเวียบัส (ViaBus) เปิดบริการแจ้งติดตามรถเมล์แบบเรียลไทม์ แก่รถโดยสารในนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อพัฒนาการบริการ โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย สามารถติดตามรถเมล์ และจุดจอดรถเมล์ได้เหมือนที่ประเทศไทย ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2568 นายอินทัช มาศวงษ์ปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับท่านแก้ววันพร วอนทีวงสี ผู้อำนวยการใหญ่ รัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ ที่โรงแรมลาวพลาซ่า เพื่อพัฒนาระบบติดตามและบริหารจัดการรถโดยสารประจำทางผ่านแอปพลิเคชัน ViaBus โดยมีนายมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบขนส่งสาธารณะในนครหลวงเวียงจันทน์ พร้อมเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางกับภูมิภาคอาเซียนในมิติที่ทันสมัยและยั่งยืน สำหรับรัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ มีเส้นทางให้บริการประมาณ 16 เส้นทาง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานีขนส่งตลาดเช้า (Central Bus Station หรือ CBS) ไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1, มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ดงโดก, สนามบินสากลวัดไต, สถานีรถสายเหนือ, สถานีรถสายใต้, ศูนย์ประชุมลาวไอเต็ก (ITECC) รวมทั้งสถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์ (รถไฟลาว-จีน) และสถานีเวียงจันทน์ คำสะหวาด (รถไฟไทย-ลาว) เดิมมีเว็บไซต์ติดตามรถเมล์ https://lao.busnavi.asia อยู่แล้ว ความร่วมมือกับ ViaBus ที่มีผู้ใช้งาน 5 ล้านคน จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 1.2 ล้านคนเดินทางในนครหลวงเวียงจันทน์สะดวกขึ้น รวมทั้งจูงใจชาวนครหลวงเวียงจันทน์กว่า 7 แสนคนหันมาใช้รถเมล์แทนรถส่วนตัว ก่อนหน้านี้ ViaBus ได้ทดลองติดตามรถเมล์แบบเรียลไทม์ที่ประเทศมาเลเซียใน 3 เมือง ได้แก่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เกาะปีนัง และเมืองยะโฮร์บาห์รู นับเป็นประเทศที่สองที่ ViaBus ร่วมมือกับผู้ประกอบการเดินรถต่างประเทศ สำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมาได้ประกาศให้ผู้ประกอบการเดินรถทุกรายนำข้อมูล GPS รถเมล์มาเชื่อมระบบได้ฟรี โดยไม่ต้องพัฒนาระบบใหม่ และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้ผู้โดยสารติดตามและใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชิงไหวชิงพริบ กาสิโนคอมเพล็กซ์

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 เม.ย. เกิดการชิงไหวชิงพริบ หลังนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป ทันใดนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย เสนอขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ พร้อมกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายชัยธวัช ตุลาธน และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนของกลุ่มไอลอว์ มาพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า

    จากนั้นความวุ่นวายในสภาฯ เกิดขึ้น ฝ่ายค้านเห็นว่าทำไมฝ่ายรัฐบาลต้องพยายามเร่งรัดเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ขึ้นมา เป็นญัตติซ้อนญัตติหรือไม่ ควรให้รอญัตติเรื่องแผ่นดินไหวจบลงก่อน แต่ สส.ฝ่ายรัฐบาลพยายามขอให้เห็นชอบญัตติเลื่อนระเบียบวาระก่อน เพราะใช้เวลาไม่นาน แล้วค่อยมาถกญัตติแผ่นดินไหว การประท้วงผ่านไป 3 ชั่วโมง ในที่สุดเสียงข้างมากในสภาโหวตให้นายอนุสรณ์แทรกญัตติขึ้นมาก่อน จบลงด้วยมติเห็นชอบ 249 ต่อ 137 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทำให้กระแสสังคมฝ่ายที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมองว่า รัฐบาลเลือกกาสิโนมาก่อน แผ่นดินไหวมาทีหลัง ขณะที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าที่ต้องเลื่อนเพราะตามข้อบังคับหากเป็นเรื่อง พ.ร.บ. ต้องเสนอญัตติเลื่อนล่วงหน้า 1 สัปดาห์ แต่ฝ่ายค้านไม่เข้าใจ

    ด้านเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม เดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์มายังอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นตัวแทนรับหนังสือ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เรียกร้องให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ มองหน้าชาวมุสลิม โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ต้องการบ่อนกาสิโนหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องกล้าเตือน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาว่าบ้านเมืองจะพังจากบ่อนกาสิโน ทั้งนี้ คปท. เตรียมนัดอีกครั้งวันที่ 8 เม.ย.ประชุม ครม. และวันที่ 9 เม.ย.ประชุมสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุม

    อีกด้านหนึ่ง ภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนออกแถลงการณ์อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ชมรมแพทย์อาวุโสและบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น

    #Newskit
    ชิงไหวชิงพริบ กาสิโนคอมเพล็กซ์ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 3 เม.ย. เกิดการชิงไหวชิงพริบ หลังนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เสนอญัตติด่วน ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป ทันใดนั้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย เสนอขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ พร้อมกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่างของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายชัยธวัช ตุลาธน และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนของกลุ่มไอลอว์ มาพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า จากนั้นความวุ่นวายในสภาฯ เกิดขึ้น ฝ่ายค้านเห็นว่าทำไมฝ่ายรัฐบาลต้องพยายามเร่งรัดเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ขึ้นมา เป็นญัตติซ้อนญัตติหรือไม่ ควรให้รอญัตติเรื่องแผ่นดินไหวจบลงก่อน แต่ สส.ฝ่ายรัฐบาลพยายามขอให้เห็นชอบญัตติเลื่อนระเบียบวาระก่อน เพราะใช้เวลาไม่นาน แล้วค่อยมาถกญัตติแผ่นดินไหว การประท้วงผ่านไป 3 ชั่วโมง ในที่สุดเสียงข้างมากในสภาโหวตให้นายอนุสรณ์แทรกญัตติขึ้นมาก่อน จบลงด้วยมติเห็นชอบ 249 ต่อ 137 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทำให้กระแสสังคมฝ่ายที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมองว่า รัฐบาลเลือกกาสิโนมาก่อน แผ่นดินไหวมาทีหลัง ขณะที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าที่ต้องเลื่อนเพราะตามข้อบังคับหากเป็นเรื่อง พ.ร.บ. ต้องเสนอญัตติเลื่อนล่วงหน้า 1 สัปดาห์ แต่ฝ่ายค้านไม่เข้าใจ ด้านเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม เดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชษฐ์มายังอาคารรัฐสภา เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นตัวแทนรับหนังสือ ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เรียกร้องให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ มองหน้าชาวมุสลิม โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ต้องการบ่อนกาสิโนหรือไม่ และในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสต้องกล้าเตือน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาว่าบ้านเมืองจะพังจากบ่อนกาสิโน ทั้งนี้ คปท. เตรียมนัดอีกครั้งวันที่ 8 เม.ย.ประชุม ครม. และวันที่ 9 เม.ย.ประชุมสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุม อีกด้านหนึ่ง ภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนออกแถลงการณ์อย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ชมรมแพทย์อาวุโสและบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไฟไหม้ท่อก๊าซ ชานเมืองมาเลเซีย

    วันที่ 1 เม.ย. ที่ประเทศมาเลเซีย เป็นช่วงเวลาที่ชาวมุสลิมทั่วประเทศกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายออีดิลฟิตรี แต่สำหรับชาวบ้านในย่านที่อยู่อาศัยชานเมืองอย่างปูตราไฮท์ส (Putra Heighs) ทางตอนใต้ของเมืองซูบังจายา รัฐสลังงอร์ ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ 28 กิโลเมตร กลับต้องหวาดผวา เมื่อเวลา 08.10 น.ตามเวลาท้องถิ่น ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ของบริษัท ปิโตรนาส ก๊าซ เบอร์ฮัด ระเบิดและเกิดเพลิงลุกไหม้ขนาดใหญ่ขึ้น สูงกว่า 30 เมตร บริเวณถนนปูตราฮาร์โมนี่ ทำให้ชาวบ้านต่างพากันอพยพหนีตาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งแผลไฟไหม้ หายใจลำบาก การดับเพลิงใช้วิธีปิดวาล์วท่อก๊าซ 4 จุด ความยาว 32 กิโลเมตร เพื่อระงับการส่งก๊าซ ปล่อยให้ก๊าซที่ตกค้างค่อยๆ ลดลง และควบคุมเพลิงเอาไว้ได้เมื่อเวลา 15.45 น.

    หลังเพลิงสงบ พบหลุมขนาดใหญ่ประมาณ 70-80 ฟุต ลึก 32 ฟุต บ้านเรือนเสียหาย 235 หลัง ยานพาหนะ 399 คัน และทรัพย์สินเสียหายในรัศมี 500 เมตรจากจุดเกิดเหตุ มีผู้บาดเจ็บรวม 111 ราย อาการสาหัส 13 ราย ปานกลาง 55 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 43 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต อีกทั้งมีผู้ประสบภัยอาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในมัสยิดต่างๆ รวม 485 คน และสภาเทศบาลเมืองซูบังจายา 44 คน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศให้เงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 ริงกิต (38,300 บาท) แก่บ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลัง และ 2,500 ริงกิต (19,200 บาท) แก่บ้านเรือนที่เสียหายบางส่วน

    ไวรัลบนโซเชียลมีเดียคาดว่าเกิดจากงานขุดดินเพื่อติดตั้งท่อส่งน้ำเสีย โครงการพัฒนาพื้นที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ แต่บริษัทอินดะห์ วอเตอร์ คอนซอร์เตียม (IWK) บริษัทจัดการน้ำเสียของมาเลเซียปฎิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง เป็นความรับผิดชอบของผู้รับเหมาและผู้พัฒนาพื้นที่ สำหรับระบบท่อส่งก๊าซระยะทางกว่า 2,623 กิโลเมตร เริ่มต้นที่เมืองเกอร์เตะห์ รัฐตรังกานู เชื่อมต่อกับท่อก๊าซอีกเส้นหนึ่งที่เมืองเซกามัต รัฐยะโฮร์ ทอดยาวระหว่างรัฐเคดะห์ทางภาคเหนือ ถึงรัฐยะโฮร์ทางภาคใต้ และประเทศสิงคโปร์

    สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมีระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ความยาวรวม 4,255 กิโลเมตร โดยมีท่อบนบก ความยาว 2,119 กิโลเมตร เคยเกิดโศกนาฎกรรมท่อส่งก๊าซระเบิดที่ถนนหลวงแพ่ง ลาดกระบัง-ฉะเชิงเทรา ข้างสถานีตำรวจภูธรเปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2563 มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 52 ราย บ้านเรือนเสียหาย 9 หลัง รถจักรยานยนต์เสียหายกว่า 20 คัน ปตท. มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 5 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 5 แสนบาท รวมกว่า 26 ล้านบาท

    #Newskit
    ไฟไหม้ท่อก๊าซ ชานเมืองมาเลเซีย วันที่ 1 เม.ย. ที่ประเทศมาเลเซีย เป็นช่วงเวลาที่ชาวมุสลิมทั่วประเทศกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายออีดิลฟิตรี แต่สำหรับชาวบ้านในย่านที่อยู่อาศัยชานเมืองอย่างปูตราไฮท์ส (Putra Heighs) ทางตอนใต้ของเมืองซูบังจายา รัฐสลังงอร์ ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ 28 กิโลเมตร กลับต้องหวาดผวา เมื่อเวลา 08.10 น.ตามเวลาท้องถิ่น ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ของบริษัท ปิโตรนาส ก๊าซ เบอร์ฮัด ระเบิดและเกิดเพลิงลุกไหม้ขนาดใหญ่ขึ้น สูงกว่า 30 เมตร บริเวณถนนปูตราฮาร์โมนี่ ทำให้ชาวบ้านต่างพากันอพยพหนีตาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งแผลไฟไหม้ หายใจลำบาก การดับเพลิงใช้วิธีปิดวาล์วท่อก๊าซ 4 จุด ความยาว 32 กิโลเมตร เพื่อระงับการส่งก๊าซ ปล่อยให้ก๊าซที่ตกค้างค่อยๆ ลดลง และควบคุมเพลิงเอาไว้ได้เมื่อเวลา 15.45 น. หลังเพลิงสงบ พบหลุมขนาดใหญ่ประมาณ 70-80 ฟุต ลึก 32 ฟุต บ้านเรือนเสียหาย 235 หลัง ยานพาหนะ 399 คัน และทรัพย์สินเสียหายในรัศมี 500 เมตรจากจุดเกิดเหตุ มีผู้บาดเจ็บรวม 111 ราย อาการสาหัส 13 ราย ปานกลาง 55 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 43 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต อีกทั้งมีผู้ประสบภัยอาศัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในมัสยิดต่างๆ รวม 485 คน และสภาเทศบาลเมืองซูบังจายา 44 คน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศให้เงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 ริงกิต (38,300 บาท) แก่บ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลัง และ 2,500 ริงกิต (19,200 บาท) แก่บ้านเรือนที่เสียหายบางส่วน ไวรัลบนโซเชียลมีเดียคาดว่าเกิดจากงานขุดดินเพื่อติดตั้งท่อส่งน้ำเสีย โครงการพัฒนาพื้นที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ แต่บริษัทอินดะห์ วอเตอร์ คอนซอร์เตียม (IWK) บริษัทจัดการน้ำเสียของมาเลเซียปฎิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง เป็นความรับผิดชอบของผู้รับเหมาและผู้พัฒนาพื้นที่ สำหรับระบบท่อส่งก๊าซระยะทางกว่า 2,623 กิโลเมตร เริ่มต้นที่เมืองเกอร์เตะห์ รัฐตรังกานู เชื่อมต่อกับท่อก๊าซอีกเส้นหนึ่งที่เมืองเซกามัต รัฐยะโฮร์ ทอดยาวระหว่างรัฐเคดะห์ทางภาคเหนือ ถึงรัฐยะโฮร์ทางภาคใต้ และประเทศสิงคโปร์ สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมีระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ความยาวรวม 4,255 กิโลเมตร โดยมีท่อบนบก ความยาว 2,119 กิโลเมตร เคยเกิดโศกนาฎกรรมท่อส่งก๊าซระเบิดที่ถนนหลวงแพ่ง ลาดกระบัง-ฉะเชิงเทรา ข้างสถานีตำรวจภูธรเปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2563 มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 52 ราย บ้านเรือนเสียหาย 9 หลัง รถจักรยานยนต์เสียหายกว่า 20 คัน ปตท. มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 5 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 5 แสนบาท รวมกว่า 26 ล้านบาท #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่น้ำหลายสาย หยุด พ.ร.บ.กาสิโน

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 3 เม.ย. หนึ่งในวาระการประชุมที่สังคมจับตามอง คือ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.... หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เช่น นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน นำตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคม 100 องค์กร ยื่นหนังสือที่รัฐสภาคัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว พร้อมประณาม ครม.ที่เอาแต่ได้ สร้างประเด็นลวงว่ามีกาสิโนเป็นส่วนน้อย 10% ทั้งที่เป็นเป้าหมายใหญ่ และเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองประกาศจุดยืนชัดเจน และให้วุฒิสภาเป็นเจ้าภาพจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วน และองค์กรท้องถิ่นต่างๆ อย่างเพียงพอและทั่วถึง

    ทั้งนี้ การพูดจากหลักลอยของนายกรัฐมนตรี และอาการรีบร้อนผิดสังเกตของรัฐบาล พยายามผลักดันกฎหมายให้ได้ ทั้งที่มีความหละหลวม เช่น การมีกาสิโนแบบไม่จำกัดจำนวน ไม่ชัดเจนเรื่องกลุ่มเป้าหมาย การตีเช็คเปล่าให้คณะกรรมการนโยบายฯ และคณะรัฐมนตรี เปิดช่องให้นำรายได้ไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองแบบไร้ถ่วงดุล ไร้การตรวจสอบ ส่อทุจริตเชิงนโยบาย การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ลงทุน เปิดช่องให้เช่าที่ดิน 30 ปีไปเรื่อยๆ ยกเว้นกฎหมายหลายฉบับโดยออกซูเปอร์ไลเซนส์ เบิกทางให้ทำได้ทุกเรื่อง รวมทั้งการละเลยความจริงของการทุจริตคอรัปชั่นในหมู่นักการเมือง ข้าราชการ การไม่ตระหนักในความล้มเหลวขององค์กรกำกับดูแล ไม่ให้ความสำคัญต่อการรับฟังความเห็น แนวทางป้องกันแก้ไขและเยียวยาผลกระทบที่ตามมา

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มองว่าประธานสภาฯ บรรจุระเบียบวาระผิดปกติ เหตุใดรัฐบาลจึงเร่งรีบ ทั้งที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยอมรับว่าศึกษาความเป็นไปได้ยังไม่เสร็จสิ้น ข้ออ้างที่ว่าแก้ปัญหาการพนันในประเทศโดยนำธุรกิจสีเทามาอุ้มไม่ได้แก้ปัญหาตรงจุด เอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ ฝ่ายค้านไม่อยากเห็นกระบวนการที่เร่งรัดผิดปกติ อยากให้พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา และควรรับฟังเสียงประชาชนอย่างรอบด้าน ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ วอนนายกรัฐมนตรีหยุดเดินหน้านำพาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางอบายมุขทันที

    เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม ยังคงนัดรวมตัวเดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชษฐไปยังอาคารรัฐสภา เวลา 08.00 น. เพื่อคัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว

    #Newskit
    แม่น้ำหลายสาย หยุด พ.ร.บ.กาสิโน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 3 เม.ย. หนึ่งในวาระการประชุมที่สังคมจับตามอง คือ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.... หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เช่น นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน นำตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคม 100 องค์กร ยื่นหนังสือที่รัฐสภาคัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว พร้อมประณาม ครม.ที่เอาแต่ได้ สร้างประเด็นลวงว่ามีกาสิโนเป็นส่วนน้อย 10% ทั้งที่เป็นเป้าหมายใหญ่ และเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองประกาศจุดยืนชัดเจน และให้วุฒิสภาเป็นเจ้าภาพจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วน และองค์กรท้องถิ่นต่างๆ อย่างเพียงพอและทั่วถึง ทั้งนี้ การพูดจากหลักลอยของนายกรัฐมนตรี และอาการรีบร้อนผิดสังเกตของรัฐบาล พยายามผลักดันกฎหมายให้ได้ ทั้งที่มีความหละหลวม เช่น การมีกาสิโนแบบไม่จำกัดจำนวน ไม่ชัดเจนเรื่องกลุ่มเป้าหมาย การตีเช็คเปล่าให้คณะกรรมการนโยบายฯ และคณะรัฐมนตรี เปิดช่องให้นำรายได้ไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองแบบไร้ถ่วงดุล ไร้การตรวจสอบ ส่อทุจริตเชิงนโยบาย การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ลงทุน เปิดช่องให้เช่าที่ดิน 30 ปีไปเรื่อยๆ ยกเว้นกฎหมายหลายฉบับโดยออกซูเปอร์ไลเซนส์ เบิกทางให้ทำได้ทุกเรื่อง รวมทั้งการละเลยความจริงของการทุจริตคอรัปชั่นในหมู่นักการเมือง ข้าราชการ การไม่ตระหนักในความล้มเหลวขององค์กรกำกับดูแล ไม่ให้ความสำคัญต่อการรับฟังความเห็น แนวทางป้องกันแก้ไขและเยียวยาผลกระทบที่ตามมา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มองว่าประธานสภาฯ บรรจุระเบียบวาระผิดปกติ เหตุใดรัฐบาลจึงเร่งรีบ ทั้งที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยอมรับว่าศึกษาความเป็นไปได้ยังไม่เสร็จสิ้น ข้ออ้างที่ว่าแก้ปัญหาการพนันในประเทศโดยนำธุรกิจสีเทามาอุ้มไม่ได้แก้ปัญหาตรงจุด เอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ ฝ่ายค้านไม่อยากเห็นกระบวนการที่เร่งรัดผิดปกติ อยากให้พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา และควรรับฟังเสียงประชาชนอย่างรอบด้าน ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ วอนนายกรัฐมนตรีหยุดเดินหน้านำพาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางอบายมุขทันที เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม ยังคงนัดรวมตัวเดินขบวนจากสะพานชมัยมรุเชษฐไปยังอาคารรัฐสภา เวลา 08.00 น. เพื่อคัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกันภัย 10 บาท ถูกสุดในไทยขายเฉพาะเทศกาล

    เมื่อวันที่ 1 เม.ย. เคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวร์รันส์) หรือ ประกันภัย 10 บาท คุ้มครอง 30 วัน รับเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 คุ้มครองอุบัติเหตุกรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุด 100,000 บาท และเพิ่มอีก 100,000 บาท หากเกิดอุบัติเหตุสาธารณะ รวมทั้งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุด 5,000 บาท รับประกันภัยโดย เมืองไทยประกันชีวิต ในครั้งนี้จำกัด 300,000 สิทธิ์เท่านั้น ผู้ซื้อต้องมีอายุ 15-70 ปีบริบูรณ์ จำกัด 1 กรมธรรม์ต่อ 1 หมายเลขบัตรประชาชน

    โดยในปีนี้สมาชิก All Member ซื้อได้ผ่าน 7-App หรือเว็บไซต์ counterservice.co.th ชำระได้ทั้งบัตรเครดิต ทรูมันนี่วอลเล็ต และพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด หากซื้อประกันสำเร็จจะมี SMS และอีเมลแจ้งระยะความคุ้มครอง แต่ผู้ซื้อต้องศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขก่อนซื้อ เช่น ไม่คุ้มครองขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา (150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป) สารเสพติดหรือยาเสพติด การจบชีวิตตัวเอง การได้รับเชื้อโรค การแท้งลูก (ยกเว้นจากอุบัติเหตุ) สงคราม อาวุธนิวเคลียร์ การก่อการร้าย ก่ออาชญากรรม และเป็นทหาร ตำรวจ หรืออาสาสมัครเข้าปฎิบัติสงครามหรือปราบปราม เป็นต้น

    นอกจากเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่จำหน่ายประกันภัย 10 บาทแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ แจกประกันภัยฟรี โดยมีความคุ้มครองคล้ายกัน เช่น ร้านอินทนิลในปั๊มบางจากแจกประกันภัยเมื่อซื้อเครื่องดื่ม เลือกได้ระหว่างประกันอุบัติเหตุหรือประกันอัคคีภัย ส่วนโออาร์แจกประกันอุบัติเหตุฟรีแก่สมาชิก Blueplus+ ผ่านแอปพลิเคชัน xplORe เป็นต้น

    ประกันภัย 10 บาท ไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7 ปีก่อน สมัยนายสุทธิพล ทวีชัยการ เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เมื่อปี 2561 (ปัจจุบันเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์) เพื่อเพิ่มทางเลือกด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยง โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัย 100 และประกันภัย 222 คุ้มครอง 1 ปี มีผู้ซื้อประกันหลักหมื่นราย

    กระทั่งออกประกันภัย 10 บาท คุ้มครอง 30 วัน ในช่วงสงกรานต์ปี 2561 สร้างสถิติใหม่เป็นประวัติศาสตร์ด้วยผู้ซื้อมากกว่า 1.32 ล้านราย นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมโยงเข้ากับสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงอีกด้วย กลายเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้ คปภ. และประกันภัย 10 บาทในช่วงเทศกาลยังคงมีขายถึงปัจจุบัน

    #Newskit
    ประกันภัย 10 บาท ถูกสุดในไทยขายเฉพาะเทศกาล เมื่อวันที่ 1 เม.ย. เคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยสุขใจสงกรานต์ (ไมโครอินชัวร์รันส์) หรือ ประกันภัย 10 บาท คุ้มครอง 30 วัน รับเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 คุ้มครองอุบัติเหตุกรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุด 100,000 บาท และเพิ่มอีก 100,000 บาท หากเกิดอุบัติเหตุสาธารณะ รวมทั้งคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุด 5,000 บาท รับประกันภัยโดย เมืองไทยประกันชีวิต ในครั้งนี้จำกัด 300,000 สิทธิ์เท่านั้น ผู้ซื้อต้องมีอายุ 15-70 ปีบริบูรณ์ จำกัด 1 กรมธรรม์ต่อ 1 หมายเลขบัตรประชาชน โดยในปีนี้สมาชิก All Member ซื้อได้ผ่าน 7-App หรือเว็บไซต์ counterservice.co.th ชำระได้ทั้งบัตรเครดิต ทรูมันนี่วอลเล็ต และพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด หากซื้อประกันสำเร็จจะมี SMS และอีเมลแจ้งระยะความคุ้มครอง แต่ผู้ซื้อต้องศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขก่อนซื้อ เช่น ไม่คุ้มครองขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา (150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป) สารเสพติดหรือยาเสพติด การจบชีวิตตัวเอง การได้รับเชื้อโรค การแท้งลูก (ยกเว้นจากอุบัติเหตุ) สงคราม อาวุธนิวเคลียร์ การก่อการร้าย ก่ออาชญากรรม และเป็นทหาร ตำรวจ หรืออาสาสมัครเข้าปฎิบัติสงครามหรือปราบปราม เป็นต้น นอกจากเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่จำหน่ายประกันภัย 10 บาทแล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ แจกประกันภัยฟรี โดยมีความคุ้มครองคล้ายกัน เช่น ร้านอินทนิลในปั๊มบางจากแจกประกันภัยเมื่อซื้อเครื่องดื่ม เลือกได้ระหว่างประกันอุบัติเหตุหรือประกันอัคคีภัย ส่วนโออาร์แจกประกันอุบัติเหตุฟรีแก่สมาชิก Blueplus+ ผ่านแอปพลิเคชัน xplORe เป็นต้น ประกันภัย 10 บาท ไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7 ปีก่อน สมัยนายสุทธิพล ทวีชัยการ เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เมื่อปี 2561 (ปัจจุบันเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์) เพื่อเพิ่มทางเลือกด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยง โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัย 100 และประกันภัย 222 คุ้มครอง 1 ปี มีผู้ซื้อประกันหลักหมื่นราย กระทั่งออกประกันภัย 10 บาท คุ้มครอง 30 วัน ในช่วงสงกรานต์ปี 2561 สร้างสถิติใหม่เป็นประวัติศาสตร์ด้วยผู้ซื้อมากกว่า 1.32 ล้านราย นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมโยงเข้ากับสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงอีกด้วย กลายเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้ คปภ. และประกันภัย 10 บาทในช่วงเทศกาลยังคงมีขายถึงปัจจุบัน #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • สบช่องแผ่นดินไหว ดึงกาสิโนเข้าสภาฯ

    ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. อีกทั้งสังคมยังคงให้ความสนใจปฎิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารที่ทำการ สตง.แห่งใหม่ถล่มลงมา โดยมีตัวเลขผู้เสียชีวิตรวม 13 ราย บาดเจ็บ 19 ราย และผู้สูญหายประมาณ 70 คน ปรากฎว่ามีความพยายามจากฝ่ายการเมืองในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน

    ปรากฎว่า ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แจ้งว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ มีคำสั่งให้บรรจุเรื่องตามระเบียบวาระเรื่องด่วนที่ 15 เพิ่มเติม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย.นี้ โดยคาดว่าต้องการให้ สส. ลงมติเห็นชอบวาระรับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ได้ ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 11 เม.ย. เพราะหากไม่ทันก็ต้องรอเปิดสมัยประชุมสภาฯ อีกครั้งเดือน ก.ค. ถือเป็นความรวดเร็วและเร่งรีบอย่างมีพิรุธ

    เพราะรัฐบาลมีเสียง สส. สนับสนุนอยู่ในมือ 319 เสียง เพียงพอที่จะล็อบบี้หรือสั่งการกรรมาธิการเสียงข้างมาก ที่เป็นคนของฝ่ายรัฐบาลให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรโดยเร็ว เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯ อีกครั้งในเดือน ก.ค. กรรมาธิการส่งร่างกฎหมายเข้าสภาฯ วิปรัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยก็จะผลักดันให้นำร่าง พ.ร.บ.เข้ามาพิจารณาโดยเร็ว และใช้เสียงข้างมากโหวตให้ผ่านสภาฯ วาระสาม ก่อนส่งต่อให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) พิจารณาต่อ หาก สว.สายสีน้ำเงินตกลงกันได้และไม่ขวาง ก็สามารถปิดเกมกฎหมาย พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ภายในไม่เกินปลายปี 2568

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมีการคุยกันก่อน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อ้างว่ามีบริษัทต่างชาติระดับโลกสนใจลงทุน นายวิสุทธิ์ ไชณยรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ถ้าตัดสินใจจะทำอะไรก็ต้องทำ ถ้าไม่ตัดสินใจหรือตัดสินใจช้าก็ไม่ได้ทำ ใครไม่เห็นด้วยก็คัดค้านไป ไม่กังวลอะไร ถ้ากลัวก็ไม่ทำ ทำแล้วไม่กลัวแน่นอน ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อ้างว่าอย่าไปคิดเร่งรัดเกินไป เป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งแถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ไม่ใช่คิดโดยพลการ และอ้างว่าไม่เกี่ยวกัน หากกฎหมายไม่ผ่านวาระแรกรัฐบาลจะยุบสภา

    #Newskit
    สบช่องแผ่นดินไหว ดึงกาสิโนเข้าสภาฯ ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. อีกทั้งสังคมยังคงให้ความสนใจปฎิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารที่ทำการ สตง.แห่งใหม่ถล่มลงมา โดยมีตัวเลขผู้เสียชีวิตรวม 13 ราย บาดเจ็บ 19 ราย และผู้สูญหายประมาณ 70 คน ปรากฎว่ามีความพยายามจากฝ่ายการเมืองในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน ปรากฎว่า ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แจ้งว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ มีคำสั่งให้บรรจุเรื่องตามระเบียบวาระเรื่องด่วนที่ 15 เพิ่มเติม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย.นี้ โดยคาดว่าต้องการให้ สส. ลงมติเห็นชอบวาระรับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ได้ ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 11 เม.ย. เพราะหากไม่ทันก็ต้องรอเปิดสมัยประชุมสภาฯ อีกครั้งเดือน ก.ค. ถือเป็นความรวดเร็วและเร่งรีบอย่างมีพิรุธ เพราะรัฐบาลมีเสียง สส. สนับสนุนอยู่ในมือ 319 เสียง เพียงพอที่จะล็อบบี้หรือสั่งการกรรมาธิการเสียงข้างมาก ที่เป็นคนของฝ่ายรัฐบาลให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรโดยเร็ว เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯ อีกครั้งในเดือน ก.ค. กรรมาธิการส่งร่างกฎหมายเข้าสภาฯ วิปรัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยก็จะผลักดันให้นำร่าง พ.ร.บ.เข้ามาพิจารณาโดยเร็ว และใช้เสียงข้างมากโหวตให้ผ่านสภาฯ วาระสาม ก่อนส่งต่อให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) พิจารณาต่อ หาก สว.สายสีน้ำเงินตกลงกันได้และไม่ขวาง ก็สามารถปิดเกมกฎหมาย พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ภายในไม่เกินปลายปี 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมีการคุยกันก่อน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อ้างว่ามีบริษัทต่างชาติระดับโลกสนใจลงทุน นายวิสุทธิ์ ไชณยรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ถ้าตัดสินใจจะทำอะไรก็ต้องทำ ถ้าไม่ตัดสินใจหรือตัดสินใจช้าก็ไม่ได้ทำ ใครไม่เห็นด้วยก็คัดค้านไป ไม่กังวลอะไร ถ้ากลัวก็ไม่ทำ ทำแล้วไม่กลัวแน่นอน ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อ้างว่าอย่าไปคิดเร่งรัดเกินไป เป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งแถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ไม่ใช่คิดโดยพลการ และอ้างว่าไม่เกี่ยวกัน หากกฎหมายไม่ผ่านวาระแรกรัฐบาลจะยุบสภา #Newskit
    Like
    Sad
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 พ.ค.ต่างชาติต้องกรอก บัตรขาเข้าดิจิทัล TDAC

    หลังจากมาตรการยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวที่ด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มบัตรขาเข้าดิจิทัล (Thailand Digital Arrival Card) หรือ TDAC ทางออนไลน์ภายใน 3 วัน (รวมวันเดินทางมาถึง) ก่อนเข้าประเทศ แล้วนำอีเมลที่ได้รับพร้อมเอกสารการเดินทาง เช่น หนังสือเดินทาง ไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้าประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2568 เป็นต้นไป

    แบบฟอร์ม TDAC กรอกได้ที่เว็บไซต์ https://tdac.immigration.go.th เท่านั้น โปรดระวังเว็บไซต์ปลอมหรือลอกเลียนแบบจากมิจฉาชีพ

    สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้เหตุผลว่า เพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยให้ทันสมัย และสอดคล้องกับกระแสโลกด้านเทคโนโลยีการเดินทางอัจฉริยะ โดยแบบฟอร์ม TDAC ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลการเข้าประเทศของชาวต่างชาติ และให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่เจ้าหน้าที่ ตม. ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทดแทนบัตรขาเข้าแบบกระดาษ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเร็วขึ้น ใช้เอกสารน้อยลง และความปลอดภัยตามแนวชายแดนที่ดีขึ้น

    สำหรับวิธีการกรอกแบบฟอร์ม TDAC จะต้องกรอกล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทาง ให้กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อและนามสกุล สัญชาติ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล และข้อมูลหนังสือเดินทาง กับข้อมูลการเดินทาง ได้แก่ รหัสเที่ยวบิน (กรณีเดินทางด้วยเครื่องบิน) วัตถุประสงค์การเดินทาง ข้อมูลที่พำนักในประเทศไทย (เช่น ที่อยู่โรงแรม ที่อยู่บ้านพักอาศัย) และข้อมูลด้านสุขภาพสำหรับบางประเทศ หลังจากกรอกแบบฟอร์มออนไลน์แล้วเสร็จ จะได้รับอีเมลตอบรับ ให้นำไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ ตม. พร้อมเอกสารการเดินทาง เมื่อมาถึงประเทศไทยเพื่อยืนยันตัวตน

    ผู้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม TDAC ได้แก่ ชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านหรือเปลี่ยนเครื่องบินในประเทศไทย โดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง (Transfer / Transit) และชาวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยโดยหนังสือผ่านแดน (Border Pass) อย่างไรก็ตาม บัตรขาเข้าดิจิทัลของประเทศไทยไม่ใช่วีซ่า หากนักท่องเที่ยวจากประเทศใด ไม่ได้รับการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ให้ดำเนินการขอวีซ่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยกำหนดไว้

    อนึ่ง กระบวนการดังกล่าวคล้ายกับบัตรขาเข้าดิจิทัลบางประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ประเทศสิงคโปร์ Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ประเทศมาเลเซีย

    #Newskit
    1 พ.ค.ต่างชาติต้องกรอก บัตรขาเข้าดิจิทัล TDAC หลังจากมาตรการยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวที่ด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มบัตรขาเข้าดิจิทัล (Thailand Digital Arrival Card) หรือ TDAC ทางออนไลน์ภายใน 3 วัน (รวมวันเดินทางมาถึง) ก่อนเข้าประเทศ แล้วนำอีเมลที่ได้รับพร้อมเอกสารการเดินทาง เช่น หนังสือเดินทาง ไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้าประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2568 เป็นต้นไป แบบฟอร์ม TDAC กรอกได้ที่เว็บไซต์ https://tdac.immigration.go.th เท่านั้น โปรดระวังเว็บไซต์ปลอมหรือลอกเลียนแบบจากมิจฉาชีพ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้เหตุผลว่า เพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยให้ทันสมัย และสอดคล้องกับกระแสโลกด้านเทคโนโลยีการเดินทางอัจฉริยะ โดยแบบฟอร์ม TDAC ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลการเข้าประเทศของชาวต่างชาติ และให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่เจ้าหน้าที่ ตม. ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทดแทนบัตรขาเข้าแบบกระดาษ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเร็วขึ้น ใช้เอกสารน้อยลง และความปลอดภัยตามแนวชายแดนที่ดีขึ้น สำหรับวิธีการกรอกแบบฟอร์ม TDAC จะต้องกรอกล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทาง ให้กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อและนามสกุล สัญชาติ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล และข้อมูลหนังสือเดินทาง กับข้อมูลการเดินทาง ได้แก่ รหัสเที่ยวบิน (กรณีเดินทางด้วยเครื่องบิน) วัตถุประสงค์การเดินทาง ข้อมูลที่พำนักในประเทศไทย (เช่น ที่อยู่โรงแรม ที่อยู่บ้านพักอาศัย) และข้อมูลด้านสุขภาพสำหรับบางประเทศ หลังจากกรอกแบบฟอร์มออนไลน์แล้วเสร็จ จะได้รับอีเมลตอบรับ ให้นำไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ ตม. พร้อมเอกสารการเดินทาง เมื่อมาถึงประเทศไทยเพื่อยืนยันตัวตน ผู้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม TDAC ได้แก่ ชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านหรือเปลี่ยนเครื่องบินในประเทศไทย โดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง (Transfer / Transit) และชาวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยโดยหนังสือผ่านแดน (Border Pass) อย่างไรก็ตาม บัตรขาเข้าดิจิทัลของประเทศไทยไม่ใช่วีซ่า หากนักท่องเที่ยวจากประเทศใด ไม่ได้รับการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ให้ดำเนินการขอวีซ่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยกำหนดไว้ อนึ่ง กระบวนการดังกล่าวคล้ายกับบัตรขาเข้าดิจิทัลบางประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ประเทศสิงคโปร์ Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ประเทศมาเลเซีย #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามหาความจริง ตึกถล่มจตุจักร

    แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ลึก 10 กิโลเมตร บริเวณเมืองลอยกอ ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13.20 น. ของวันศุกร์ที่ 28 มี.ค. สั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล หนึ่งในนั้นคือโครงการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ สูง 30 ชั้น บนถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร พังถล่มลงมา ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 11 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย บาดเจ็บ 18 ราย สูญหายอีกจำนวนมาก

    สังคมตั้งข้อสงสัยไปที่การก่อสร้างอาคารที่ไม่ได้คุณภาพ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 2,136 ล้านบาท ผู้รับจ้างคือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด ส่วนผู้ควบคุมงานก่อสร้างคือ กิจการร่วมค้าพีเคดับเบิลยู บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด, บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และ บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้น จํากัด งบประมาณ 74.653 ล้านบาท

    มีการตรวจสอบบริษัทผู้รับจ้างอย่างไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) พบความผิดปกติตรงที่เมื่อปี 2567 ได้โพสต์ภาพและข่าวการเฉลิมฉลองปิดงานก่อสร้างชั้นดาดฟ้า ในบัญชีโซเชียลมีเดียของบริษัทฯ นำเสนอว่าใช้ระบบโครงสร้างแบบแกนกลางรับแรง และพื้นไร้คาน พอเกิดเหตุได้ลบบทความทิ้ง ไม่นับรวมการตรวจสอบที่ตั้งบริษัท พบว่าเป็นตึกแถวธรรมดาในซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ

    ขณะที่ สตง.เจ้าของโครงการ ชี้แจงว่าได้ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเร่งตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น ยืนยีนว่ากระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการแก้แบบโครงสร้างให้เล็กลงเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เพราะออกแบบให้เสาสี่เหลี่ยมด้านหน้าอาคารสูงสามชั้นมีขนาด 1.40 x 1.40 เมตร ส่วนชั้น 29 ถึงดาดฟ้า เป็นเสากลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.80 เมตร เพื่อรองรับหลังคาตึก เป็นไปตามที่ผู้ออกแบบกำหนดไว้ไม่มีการแก้ไข

    กระทรวงอุตสาหกรรมได้เก็บตัวอย่างเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างไปตรวจสอบที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบว่ามีเหล็กบางส่วนไม่ได้มาตรฐานมาจากบริษัทที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สั่งปิดไปเมื่อเดือน ธ.ค.2567 เนื่องจากจำหน่ายเหล็กไม่ได้ตามมาตรฐาน

    ถึงบัดนี้นอกจากความรับผิดชอบของผู้รับจ้างแล้ว การค้นหาความจริงถึงสาเหตุตึกถล่มมาจากภัยธรรมชาติหรือการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานยังคงดำเนินต่อไป ตามที่ รมว.มหาดไทยตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มีวิศวกรใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นประธาน ซึ่งให้เวลาสืบสวนภายใน 7 วัน

    #Newskit
    ตามหาความจริง ตึกถล่มจตุจักร แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ลึก 10 กิโลเมตร บริเวณเมืองลอยกอ ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13.20 น. ของวันศุกร์ที่ 28 มี.ค. สั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล หนึ่งในนั้นคือโครงการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ สูง 30 ชั้น บนถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร พังถล่มลงมา ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 11 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย บาดเจ็บ 18 ราย สูญหายอีกจำนวนมาก สังคมตั้งข้อสงสัยไปที่การก่อสร้างอาคารที่ไม่ได้คุณภาพ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 2,136 ล้านบาท ผู้รับจ้างคือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด ส่วนผู้ควบคุมงานก่อสร้างคือ กิจการร่วมค้าพีเคดับเบิลยู บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด, บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และ บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้น จํากัด งบประมาณ 74.653 ล้านบาท มีการตรวจสอบบริษัทผู้รับจ้างอย่างไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) พบความผิดปกติตรงที่เมื่อปี 2567 ได้โพสต์ภาพและข่าวการเฉลิมฉลองปิดงานก่อสร้างชั้นดาดฟ้า ในบัญชีโซเชียลมีเดียของบริษัทฯ นำเสนอว่าใช้ระบบโครงสร้างแบบแกนกลางรับแรง และพื้นไร้คาน พอเกิดเหตุได้ลบบทความทิ้ง ไม่นับรวมการตรวจสอบที่ตั้งบริษัท พบว่าเป็นตึกแถวธรรมดาในซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ขณะที่ สตง.เจ้าของโครงการ ชี้แจงว่าได้ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเร่งตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้น ยืนยีนว่ากระบวนการดำเนินโครงการฯ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการแก้แบบโครงสร้างให้เล็กลงเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เพราะออกแบบให้เสาสี่เหลี่ยมด้านหน้าอาคารสูงสามชั้นมีขนาด 1.40 x 1.40 เมตร ส่วนชั้น 29 ถึงดาดฟ้า เป็นเสากลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.80 เมตร เพื่อรองรับหลังคาตึก เป็นไปตามที่ผู้ออกแบบกำหนดไว้ไม่มีการแก้ไข กระทรวงอุตสาหกรรมได้เก็บตัวอย่างเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างไปตรวจสอบที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบว่ามีเหล็กบางส่วนไม่ได้มาตรฐานมาจากบริษัทที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สั่งปิดไปเมื่อเดือน ธ.ค.2567 เนื่องจากจำหน่ายเหล็กไม่ได้ตามมาตรฐาน ถึงบัดนี้นอกจากความรับผิดชอบของผู้รับจ้างแล้ว การค้นหาความจริงถึงสาเหตุตึกถล่มมาจากภัยธรรมชาติหรือการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานยังคงดำเนินต่อไป ตามที่ รมว.มหาดไทยตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มีวิศวกรใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นประธาน ซึ่งให้เวลาสืบสวนภายใน 7 วัน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบสแกนจ่ายไม่ดี ระวังจะเสียลูกค้า

    ในช่วงนี้บรรดาผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ (Mobile Banking) กำลังวิตกกังวลเรื่องอี-สลิปปลอม ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ซึ่งมีคนออกมาเตือนว่า สามารถปลอมได้ค่อนข้างแนบเนียน ไม่ต้องใช้โปรแกรมตัดต่อภาพอย่าง Photoshop อีกต่อไป แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเห็นว่า สลิปที่สร้างโดยเอไอไม่แนบเนียน ลายเส้นมักไม่คม แนะนำว่าให้ผู้ค้าตรวจสอบโดยการนำ QR Code บนอี-สลิปไปสแกนผ่านแอปฯ ธนาคาร

    ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แนะนำแก่ลูกค้าว่า หลังรับโอนเงินควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสลิปโอนเงินนั้นของแท้ หรือของปลอม ด้วยการสแกน QR Code บนสลิป แต่จะมีอายุจำกัด ตั้งเเต่ 7 วัน ถึง 60 วัน แต่หากสลิปโอนเงินนั้นไม่มี QR Code ให้เข้าไปเช็กยอดเงินในโมบายแบงกิ้ง เพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่แท้จริงได้

    ปัจจุบันการชำระเงินด้วยการสแกนจ่าย ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังคงเกิดปัญหาระหว่างลูกค้ากับร้านค้าเป็นระยะ เช่น แอปฯ ธนาคารล่ม หรือไม่แจ้งเตือนเงินเข้าในบางเวลา เมื่อสัปดาห์ก่อนที่จังหวัดแห่งหนึ่งติดกับกรุงเทพมหานคร เจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความลงในกลุ่มเฟซบุ๊กข่าวสารของจังหวัดดังกล่าว เรียกร้องให้ลูกค้ารายหนึ่งจ่ายเงินค่ากาแฟ 160 บาท อ้างว่าลูกค้าสแกนจ่ายแล้วเงินไม่เข้า มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมใบหน้าลูกค้าเสมือนประจาน ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากต่างแชร์และประณามลูกค้าจำนวนมาก เพื่อกดดันให้กลับมาจ่ายเงินตามที่เจ้าของร้านกล่าวหา

    ปรากฎว่าในเวลาต่อมาคดีพลิก เพราะเจ้าของร้านโพสต์ข้อความขอโทษลูกค้าที่ถูกพาดพิง หลังพบว่ามีเงินเข้าแต่ระบบไม่ได้แจ้ง และยอมรับว่าทางร้านดูสลิปโอนเงินไม่ชัดเจน ไม่มีเจตนาที่จะประจานลูกค้าแต่อย่างใด ผลก็คือทัวร์ที่เคยลงลูกค้ากลับมาลงที่เจ้าของร้านแทน เรียกร้องให้ชดเชยเยียวยา บางคนแนะให้ลูกค้าแจ้งความเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเป็นผู้เสียหาย บางคนกล่าวว่าจะไม่อุดหนุนร้านนี้อีก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนตัวเองจะโดนเช่นนั้น เมื่อดูสลิปที่เจ้าของร้านกาแฟโพสต์ ปรากฎว่าปลายทางเป็นแอปฯ รับเงินของลูกค้าจากค่ายอี-วอลเล็ต ซึ่งไม่ใช่ธนาคาร

    ปัจจุบันโมบายแบงกิ้งแต่ละธนาคารมักแจ้งเตือนเงินเข้าล่าช้าในบางเวลา ขณะที่บางธนาคารมีแอปฯ สำหรับให้ร้านค้ารับเงินจากลูกค้าโดยเฉพาะ และยังแจ้งเตือนเงินเข้าทั้งแบบข้อความแจ้งเตือน และเสียงแจ้งเตือนเงินเข้าที่ระบุจำนวนเงินชัดเจน อีกด้านหนึ่ง มีบางร้านค้าขอความร่วมมือให้พนักงานถ่ายภาพอี-สลิปจากลูกค้าเพื่อใช้ตรวจสอบภายหลังกรณีเงินไม่เข้าบัญชีและอื่นๆ ต่อไป

    #Newskit
    ระบบสแกนจ่ายไม่ดี ระวังจะเสียลูกค้า ในช่วงนี้บรรดาผู้ใช้งานแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ (Mobile Banking) กำลังวิตกกังวลเรื่องอี-สลิปปลอม ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ซึ่งมีคนออกมาเตือนว่า สามารถปลอมได้ค่อนข้างแนบเนียน ไม่ต้องใช้โปรแกรมตัดต่อภาพอย่าง Photoshop อีกต่อไป แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเห็นว่า สลิปที่สร้างโดยเอไอไม่แนบเนียน ลายเส้นมักไม่คม แนะนำว่าให้ผู้ค้าตรวจสอบโดยการนำ QR Code บนอี-สลิปไปสแกนผ่านแอปฯ ธนาคาร ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แนะนำแก่ลูกค้าว่า หลังรับโอนเงินควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสลิปโอนเงินนั้นของแท้ หรือของปลอม ด้วยการสแกน QR Code บนสลิป แต่จะมีอายุจำกัด ตั้งเเต่ 7 วัน ถึง 60 วัน แต่หากสลิปโอนเงินนั้นไม่มี QR Code ให้เข้าไปเช็กยอดเงินในโมบายแบงกิ้ง เพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่แท้จริงได้ ปัจจุบันการชำระเงินด้วยการสแกนจ่าย ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังคงเกิดปัญหาระหว่างลูกค้ากับร้านค้าเป็นระยะ เช่น แอปฯ ธนาคารล่ม หรือไม่แจ้งเตือนเงินเข้าในบางเวลา เมื่อสัปดาห์ก่อนที่จังหวัดแห่งหนึ่งติดกับกรุงเทพมหานคร เจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความลงในกลุ่มเฟซบุ๊กข่าวสารของจังหวัดดังกล่าว เรียกร้องให้ลูกค้ารายหนึ่งจ่ายเงินค่ากาแฟ 160 บาท อ้างว่าลูกค้าสแกนจ่ายแล้วเงินไม่เข้า มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมใบหน้าลูกค้าเสมือนประจาน ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากต่างแชร์และประณามลูกค้าจำนวนมาก เพื่อกดดันให้กลับมาจ่ายเงินตามที่เจ้าของร้านกล่าวหา ปรากฎว่าในเวลาต่อมาคดีพลิก เพราะเจ้าของร้านโพสต์ข้อความขอโทษลูกค้าที่ถูกพาดพิง หลังพบว่ามีเงินเข้าแต่ระบบไม่ได้แจ้ง และยอมรับว่าทางร้านดูสลิปโอนเงินไม่ชัดเจน ไม่มีเจตนาที่จะประจานลูกค้าแต่อย่างใด ผลก็คือทัวร์ที่เคยลงลูกค้ากลับมาลงที่เจ้าของร้านแทน เรียกร้องให้ชดเชยเยียวยา บางคนแนะให้ลูกค้าแจ้งความเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเป็นผู้เสียหาย บางคนกล่าวว่าจะไม่อุดหนุนร้านนี้อีก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนตัวเองจะโดนเช่นนั้น เมื่อดูสลิปที่เจ้าของร้านกาแฟโพสต์ ปรากฎว่าปลายทางเป็นแอปฯ รับเงินของลูกค้าจากค่ายอี-วอลเล็ต ซึ่งไม่ใช่ธนาคาร ปัจจุบันโมบายแบงกิ้งแต่ละธนาคารมักแจ้งเตือนเงินเข้าล่าช้าในบางเวลา ขณะที่บางธนาคารมีแอปฯ สำหรับให้ร้านค้ารับเงินจากลูกค้าโดยเฉพาะ และยังแจ้งเตือนเงินเข้าทั้งแบบข้อความแจ้งเตือน และเสียงแจ้งเตือนเงินเข้าที่ระบุจำนวนเงินชัดเจน อีกด้านหนึ่ง มีบางร้านค้าขอความร่วมมือให้พนักงานถ่ายภาพอี-สลิปจากลูกค้าเพื่อใช้ตรวจสอบภายหลังกรณีเงินไม่เข้าบัญชีและอื่นๆ ต่อไป #Newskit
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไฟเขียวบ่อนคอมเพล็กซ์ ชนวนขัดแย้งรอบใหม่

    ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ประกาศยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พร้อมปักหลักพักค้างที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปราศรัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ

    นายจตุพร กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลแพทองธารเสมือนหนึ่งทำอะไรก็ได้ อาจมองว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่ากลัวเพราะไม่มีนายทุนสนับสนุน แต่สมัยเหตุการณ์พฤษภา 35 เริ่มต้นคนจำนวนน้อยกว่านี้ เมื่อมีแกนนำมาสมทบ ขบวนการก็ใหญ่ขึ้นในพริบตา วันนี้ไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันข้างหน้าหากบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และพนันออนไลน์เข้ามาตามระบบ ต่อไปเงินที่มาจากบ่อนการพนันจะกำหนดอนาคตประเทศนี้ และเกิดสิ่งที่ชั่วช้าในบ้านเมือง ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เลิกบ่อนการพนันถาวร เพราะเป็นห่วงพสกนิกรไม่อยากให้ตกเป็นทาสการพนัน เป็นผลให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมากมาย

    "บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เข้าประเทศ ต้องการเอาเงินเป็นภาษีเข้าประเทศ แต่ครอบครัวตัวเองถูกยึดทรัพย์ ตัวเองก็ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี ประมวลกฎหมายจริยธรรมนั้นได้ลงรายละเอียดไว้มากมาย ว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตัวเองและผู้อื่นนั้น เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะกระทำมิได้"

    ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุม ครม.ว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นฮอลล์คอนเสิร์ต อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร อ้างว่าจะสร้างรายได้กว่า 119,000-238,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี มีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโนและธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งจะมีกฎหมายควบคุมเพื่อป้องกันติดการพนัน

    ส่วนที่จะต้องผ่านประชุมสภาฯ และยังมีการชุมนุมอีก จะเอาอยู่หรือไม่ เห็นว่าต้องอธิบายไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดว่าจัดการได้ทั้งหมด เรายินดีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและพร้อมที่จะตอบ หากมีรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมเราก็จะตอบ แล้วจะสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้ฝากถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังให้ช่วยชี้แจงด้วย

    #Newskit
    ไฟเขียวบ่อนคอมเพล็กซ์ ชนวนขัดแย้งรอบใหม่ ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ประกาศยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พร้อมปักหลักพักค้างที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปราศรัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ นายจตุพร กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลแพทองธารเสมือนหนึ่งทำอะไรก็ได้ อาจมองว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่ากลัวเพราะไม่มีนายทุนสนับสนุน แต่สมัยเหตุการณ์พฤษภา 35 เริ่มต้นคนจำนวนน้อยกว่านี้ เมื่อมีแกนนำมาสมทบ ขบวนการก็ใหญ่ขึ้นในพริบตา วันนี้ไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันข้างหน้าหากบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และพนันออนไลน์เข้ามาตามระบบ ต่อไปเงินที่มาจากบ่อนการพนันจะกำหนดอนาคตประเทศนี้ และเกิดสิ่งที่ชั่วช้าในบ้านเมือง ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เลิกบ่อนการพนันถาวร เพราะเป็นห่วงพสกนิกรไม่อยากให้ตกเป็นทาสการพนัน เป็นผลให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมากมาย "บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เข้าประเทศ ต้องการเอาเงินเป็นภาษีเข้าประเทศ แต่ครอบครัวตัวเองถูกยึดทรัพย์ ตัวเองก็ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี ประมวลกฎหมายจริยธรรมนั้นได้ลงรายละเอียดไว้มากมาย ว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตัวเองและผู้อื่นนั้น เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะกระทำมิได้" ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุม ครม.ว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นฮอลล์คอนเสิร์ต อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร อ้างว่าจะสร้างรายได้กว่า 119,000-238,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี มีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโนและธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งจะมีกฎหมายควบคุมเพื่อป้องกันติดการพนัน ส่วนที่จะต้องผ่านประชุมสภาฯ และยังมีการชุมนุมอีก จะเอาอยู่หรือไม่ เห็นว่าต้องอธิบายไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดว่าจัดการได้ทั้งหมด เรายินดีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและพร้อมที่จะตอบ หากมีรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมเราก็จะตอบ แล้วจะสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้ฝากถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังให้ช่วยชี้แจงด้วย #Newskit
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 608 มุมมอง 0 รีวิว
  • มารุต ชุ่มขุนทด ลองอีกครั้ง ชิงนายกเล็กนครโคราช

    ในวันนี้ 27 มี.ค.2568 นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา จากทีมโคราชชาติพัฒนา หมดวาระบริหารครบ 4 ปี กกต.นครราชสีมาได้กำหนดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค. เปิดรับสมัครวันที่ 31 มี.ค. ถึง 4 เม.ย. หนึ่งในผู้ที่ประกาศเปิดตัว คือ นายมารุต ชุ่มขุนทด หรือกอล์ฟ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา วัย 47 ปี โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมลงแน่นอนครับ"

    "ผมเชื่อในศักยภาพเมืองโคราช ผมเชื่อว่าคนโคราชเก่งไม่แพ้ใคร ผมเชื่อว่าบ้านเราดีกว่านี้ได้อีก แค่เราร่วมมือกัน ก้าวข้ามการเมือง ก้าวข้ามสีเสื้อ อิสระในมุมของผม คือการไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ อิสระทางความคิด อิสระจากพรรคใดๆ เป้าหมายของผมมีเพียงอย่างเดียวคือ ทำให้โคราชดีกว่านี้ เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกหลานของเรา จุดยืนของผมยังเหมือนเดิมคือ ไม่เอาคอรัปชั่น ไม่ซื้อเสียง เรามารวมพลังกันอีกครั้งมาสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน"

    แม้สนามเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้ชนะยังคงเป็นนางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือหน่อย นายก อบจ.คนก่อนหน้า จากพรรคเพื่อไทย ได้ไป 619,824 เสียง แต่นายมารุตได้คะแนนไปไม่น้อย 181,624 เสียง เฉพาะ 8 เขตใน อ.เมือง คว้าคะแนนรวม 60,895 เสียง ชนะนางยลดาถึง 5 เขตเลือกตั้ง หากนับเฉพาะพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา 3 ส่วน ได้แก่ เขต 1, 2 และ 4 นายมารุตก็มีคะแนนราว 24,000 เสียง เรียกได้ว่าแม้สนามใหญ่ไม่ได้ ก็ขอชิงชัยสนามย่อมลงมา

    ข้อมูลจากกรมการปกครองพบว่าประชากรสัญชาติไทย ในสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครนครราชสีมา ณ เดือน ก.พ. 2568 นับเฉพาะอายุ 18 ปีขึ้นไป มีจำนวน 93,983 คน แบ่งเป็นเพศชาย 42,663 คน เพศหญิง 51,320 คน ด้วยจุดขายเน้นหาเสียงออนไลน์ เคยเดินหาเสียงกว่า 100,000 กิโลเมตร 289 ตำบล ลงแข่งขันครั้งแรกแบบไม่มีประสบการณ์หรือญาติเล่นการเมือง ยังได้คะแนนขนาดนี้ เมื่อต้องเจอกลุ่มบ้านใหญ่อย่างตระกูลลิปตพัลลภ จึงเป็นศึกเลือกตั้งที่คาดว่าสนุกไม่แพ้ที่อื่น เดิมพันเข้าบริหารเทศบาลนครฯ ที่มีรายได้ราว 1,400 ล้านบาท

    สำหรับนายมารุต เป็นผู้ก่อตั้งคลาสคาเฟ่ (Class Cafe) ร้านกาแฟชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสาน จบปริญญาตรี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ผ่านประสบการณ์ทำงานด้านไอทีและโทรคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ ก่อนลาออกแล้วชักชวนญาติเปิดร้านกาแฟ สร้างความแตกต่างกระทั่งมีฉายาว่า "สตาร์บัคส์แห่งภาคอีสาน" เคยร่วมจัดคอนเสิร์ตเยียวยาจิตใจคนโคราชจากเหตุกราดยิง จัดทำระบบการจัดการฉีดวัคซีนโควิดฯ และกิจกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก

    #Newskit
    มารุต ชุ่มขุนทด ลองอีกครั้ง ชิงนายกเล็กนครโคราช ในวันนี้ 27 มี.ค.2568 นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา จากทีมโคราชชาติพัฒนา หมดวาระบริหารครบ 4 ปี กกต.นครราชสีมาได้กำหนดเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค. เปิดรับสมัครวันที่ 31 มี.ค. ถึง 4 เม.ย. หนึ่งในผู้ที่ประกาศเปิดตัว คือ นายมารุต ชุ่มขุนทด หรือกอล์ฟ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา วัย 47 ปี โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมลงแน่นอนครับ" "ผมเชื่อในศักยภาพเมืองโคราช ผมเชื่อว่าคนโคราชเก่งไม่แพ้ใคร ผมเชื่อว่าบ้านเราดีกว่านี้ได้อีก แค่เราร่วมมือกัน ก้าวข้ามการเมือง ก้าวข้ามสีเสื้อ อิสระในมุมของผม คือการไม่อยู่ภายใต้การครอบงำใดๆ อิสระทางความคิด อิสระจากพรรคใดๆ เป้าหมายของผมมีเพียงอย่างเดียวคือ ทำให้โคราชดีกว่านี้ เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน เพื่อสร้างโอกาสให้ลูกหลานของเรา จุดยืนของผมยังเหมือนเดิมคือ ไม่เอาคอรัปชั่น ไม่ซื้อเสียง เรามารวมพลังกันอีกครั้งมาสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน" แม้สนามเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้ชนะยังคงเป็นนางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือหน่อย นายก อบจ.คนก่อนหน้า จากพรรคเพื่อไทย ได้ไป 619,824 เสียง แต่นายมารุตได้คะแนนไปไม่น้อย 181,624 เสียง เฉพาะ 8 เขตใน อ.เมือง คว้าคะแนนรวม 60,895 เสียง ชนะนางยลดาถึง 5 เขตเลือกตั้ง หากนับเฉพาะพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา 3 ส่วน ได้แก่ เขต 1, 2 และ 4 นายมารุตก็มีคะแนนราว 24,000 เสียง เรียกได้ว่าแม้สนามใหญ่ไม่ได้ ก็ขอชิงชัยสนามย่อมลงมา ข้อมูลจากกรมการปกครองพบว่าประชากรสัญชาติไทย ในสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครนครราชสีมา ณ เดือน ก.พ. 2568 นับเฉพาะอายุ 18 ปีขึ้นไป มีจำนวน 93,983 คน แบ่งเป็นเพศชาย 42,663 คน เพศหญิง 51,320 คน ด้วยจุดขายเน้นหาเสียงออนไลน์ เคยเดินหาเสียงกว่า 100,000 กิโลเมตร 289 ตำบล ลงแข่งขันครั้งแรกแบบไม่มีประสบการณ์หรือญาติเล่นการเมือง ยังได้คะแนนขนาดนี้ เมื่อต้องเจอกลุ่มบ้านใหญ่อย่างตระกูลลิปตพัลลภ จึงเป็นศึกเลือกตั้งที่คาดว่าสนุกไม่แพ้ที่อื่น เดิมพันเข้าบริหารเทศบาลนครฯ ที่มีรายได้ราว 1,400 ล้านบาท สำหรับนายมารุต เป็นผู้ก่อตั้งคลาสคาเฟ่ (Class Cafe) ร้านกาแฟชื่อดังในจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสาน จบปริญญาตรี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ผ่านประสบการณ์ทำงานด้านไอทีและโทรคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ ก่อนลาออกแล้วชักชวนญาติเปิดร้านกาแฟ สร้างความแตกต่างกระทั่งมีฉายาว่า "สตาร์บัคส์แห่งภาคอีสาน" เคยร่วมจัดคอนเสิร์ตเยียวยาจิตใจคนโคราชจากเหตุกราดยิง จัดทำระบบการจัดการฉีดวัคซีนโควิดฯ และกิจกรรมสำหรับคนรุ่นใหม่อีกจำนวนมาก #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั๋วสัญญาใช้เงิน ชนักติดหลังอุ๊งอิ๊ง

    แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จบลงไปแล้ว แต่ประเด็นที่เป็นชนักติดหลัง คือ การยื่นบัญชีทรัพย์สิน พบว่ามีรายการหนี้สินเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว P/N) ชำระค่าหุ้นแก่คนในครอบครัว 5 คน 9 ฉบับ ตั้งแต่ปี 2559 รวมกว่า 4,434 ล้านบาท โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ ไม่คิดดอกเบี้ย ถือว่ามีเจตนาผ่องถ่ายทรัพย์สินโอนหุ้นระหว่างเครือญาติหรือไม่ ส่อเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษีสูงถึง 218.7 ล้านบาท

    แม้ น.ส.แพทองธารจะอ้างว่า เวลานั้นไม่พร้อมชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋ว P/N และมีแผนจะชำระรอบแรกในปี 2569 ก็ตาม แต่เวลาผ่านไป 9 ปีเพิ่งบอกว่าจะชำระรอบแรกก็เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย ถึงกระนั้นนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร อ้างว่าเป็นการซื้อขายหุ้นนอกตลาด โดยออกตั๋ว P/N แทนสัญญาเงินกู้ สามารถออกได้ 2 แบบ คือ มีกำหนดชำระ กับไม่ได้กำหนดชำระแต่ต้องจ่ายทันทีเมื่อถูกเรียกหรือทวงถาม จะกำหนดดอกเบี้ยหรือไม่ก็ได้ แต่เมื่อมีการจ่ายเงินจะต้องเสียภาษีตามจริง

    ทำให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง จากพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า อธิบดีกรมสรรพากรอย่ารีบสรุป ต้องสั่งตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีนิติกรรมอำพรางเพื่อเลี่ยงภาษีการรับให้ ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาได้สอดส่องตรวจตราอย่างไร ถ้าไม่มีอภิปรายเรื่องนี้ในสภาฯ รัฐจะเก็บภาษีได้จริงหรือไม่ อีกทั้งต้องตรวจสอบที่มาของผู้ขายหุ้น เพื่อให้แน่ชัดว่าผู้ขายได้หุ้นมาฟรีหรือไม่ จ่ายค่าหุ้นจริงหรือใช้เทคนิคตั๋ว P/N เป็นการซุกหุ้นของนักการเมืองผู้ใดหรือไม่ โดยไม่ไปตีความเฉพาะแกะบรรทัดอ่านตามตัวอักษรแค่นั้น

    ด้าน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล เห็นว่า ถ้าเป็นเช่นนี้กรมสรรพากรต้องยกเลิกเก็บภาษีรายรับทุกคน เพราะหากใครก็ได้สามารถออกตั๋ว P/N ว่าจะจ่ายเงินคืน หรือให้โอนทรัพย์สินมาไว้ที่อีกคนล่วงหน้า แล้วผู้รับแค่ติดหนี้ไปเรื่อยๆ ได้โดยผู้ให้กู้ไม่ทวง และหน่วยงานจัดเก็บภาษีก็ปล่อยเพราะไม่ทราบว่าจะรับทรัพย์คืนเมื่อใด ก็หมายความว่าผู้มอบทรัพย์สินให้ไปแล้วโดยเสน่หา ผู้รับไม่ต้องชำระภาษี พอถึงเวลาผู้ให้เสียชีวิตก็ย่อมหมดวาระทวงหนี้ด้วย ผู้ให้ยืมสามารถลืมเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีรายรับ 5% ส่วนภาษีมรดกก็ไม่ต้องจ่ายเช่นกัน

    เรื่องนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดยสำนักข่าวอิศรา ก่อนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เคยยื่นถึง ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 2 ก.พ.เพื่อให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร กรณีรายการหนี้สินอื่น 9 รายการ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน ไม่มีดอกเบี้ยจ่าย เข้าข่ายเป็นการรับประโยชน์ ที่ไม่ใช่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดหรือไม่ แต่ยังไม่คืบหน้า

    #Newskit
    ตั๋วสัญญาใช้เงิน ชนักติดหลังอุ๊งอิ๊ง แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จบลงไปแล้ว แต่ประเด็นที่เป็นชนักติดหลัง คือ การยื่นบัญชีทรัพย์สิน พบว่ามีรายการหนี้สินเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว P/N) ชำระค่าหุ้นแก่คนในครอบครัว 5 คน 9 ฉบับ ตั้งแต่ปี 2559 รวมกว่า 4,434 ล้านบาท โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ ไม่คิดดอกเบี้ย ถือว่ามีเจตนาผ่องถ่ายทรัพย์สินโอนหุ้นระหว่างเครือญาติหรือไม่ ส่อเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษีสูงถึง 218.7 ล้านบาท แม้ น.ส.แพทองธารจะอ้างว่า เวลานั้นไม่พร้อมชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋ว P/N และมีแผนจะชำระรอบแรกในปี 2569 ก็ตาม แต่เวลาผ่านไป 9 ปีเพิ่งบอกว่าจะชำระรอบแรกก็เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย ถึงกระนั้นนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร อ้างว่าเป็นการซื้อขายหุ้นนอกตลาด โดยออกตั๋ว P/N แทนสัญญาเงินกู้ สามารถออกได้ 2 แบบ คือ มีกำหนดชำระ กับไม่ได้กำหนดชำระแต่ต้องจ่ายทันทีเมื่อถูกเรียกหรือทวงถาม จะกำหนดดอกเบี้ยหรือไม่ก็ได้ แต่เมื่อมีการจ่ายเงินจะต้องเสียภาษีตามจริง ทำให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง จากพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า อธิบดีกรมสรรพากรอย่ารีบสรุป ต้องสั่งตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีนิติกรรมอำพรางเพื่อเลี่ยงภาษีการรับให้ ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาได้สอดส่องตรวจตราอย่างไร ถ้าไม่มีอภิปรายเรื่องนี้ในสภาฯ รัฐจะเก็บภาษีได้จริงหรือไม่ อีกทั้งต้องตรวจสอบที่มาของผู้ขายหุ้น เพื่อให้แน่ชัดว่าผู้ขายได้หุ้นมาฟรีหรือไม่ จ่ายค่าหุ้นจริงหรือใช้เทคนิคตั๋ว P/N เป็นการซุกหุ้นของนักการเมืองผู้ใดหรือไม่ โดยไม่ไปตีความเฉพาะแกะบรรทัดอ่านตามตัวอักษรแค่นั้น ด้าน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล เห็นว่า ถ้าเป็นเช่นนี้กรมสรรพากรต้องยกเลิกเก็บภาษีรายรับทุกคน เพราะหากใครก็ได้สามารถออกตั๋ว P/N ว่าจะจ่ายเงินคืน หรือให้โอนทรัพย์สินมาไว้ที่อีกคนล่วงหน้า แล้วผู้รับแค่ติดหนี้ไปเรื่อยๆ ได้โดยผู้ให้กู้ไม่ทวง และหน่วยงานจัดเก็บภาษีก็ปล่อยเพราะไม่ทราบว่าจะรับทรัพย์คืนเมื่อใด ก็หมายความว่าผู้มอบทรัพย์สินให้ไปแล้วโดยเสน่หา ผู้รับไม่ต้องชำระภาษี พอถึงเวลาผู้ให้เสียชีวิตก็ย่อมหมดวาระทวงหนี้ด้วย ผู้ให้ยืมสามารถลืมเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีรายรับ 5% ส่วนภาษีมรดกก็ไม่ต้องจ่ายเช่นกัน เรื่องนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดยสำนักข่าวอิศรา ก่อนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เคยยื่นถึง ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 2 ก.พ.เพื่อให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร กรณีรายการหนี้สินอื่น 9 รายการ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน ไม่มีดอกเบี้ยจ่าย เข้าข่ายเป็นการรับประโยชน์ ที่ไม่ใช่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดหรือไม่ แต่ยังไม่คืบหน้า #Newskit
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม

    กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

    ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม

    จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม

    สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน

    สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย

    #Newskit
    เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย #Newskit
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • FD เพิ่มเที่ยวบินสุวรรณภูมิ ส่งรูทเชียงใหม่ชิงไทเป-ซัปโปโร

    ช่วงนี้สายการบินไทยแอร์เอเชีย (FD) ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV มีความเคลื่อนไหวหลายอย่าง เริ่มจากการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 6 ลำ โดยเครื่องบินใหม่ลำแรกทะเบียน HS-EAU จากโรงงานแอร์บัสที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี มาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อเวลา 05.44 น. วันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา นำมาให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มี.ค.เที่ยวบิน FD3437 ดอนเมือง-เชียงใหม่ ส่วนที่เหลืออีก 5 ลำจะทยอยส่งมอบต่อไป ซึ่งจะทำให้ไทยแอร์เอเชียมีฝูงบินรวมกัน 66 ลำ

    อย่างต่อมา คือ การเพิ่มเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งเป็นฮับของไทยแอร์เอเชีย ตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ชูจุดขายบินในประเทศเลือกได้ 2 สนามบิน นอกจากเส้นทางยอดนิยมอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และหาดใหญ่แล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาได้เพิ่มเส้นทางขอนแก่น และอุดรธานี ล่าสุดประกาศว่าได้เพิ่มเส้นทางสุราษฎร์ธานี นราธิวาส และบุรีรีมย์ (ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป รวมเส้นทางจากสุวรณภูมิทั้งสิ้น 9 เส้นทาง ขณะเดียวกัน AAV มีแผนที่จะเพิ่มเส้นทางไปพิษณุโลก อุบลราชธานี นครพนม ลำปาง และการกลับมาของเชียงราย

    ก่อนหน้านี้การบินไทยยกเลิกเส้นทางสุวรรณภูมิ-นราธิวาส เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2567 ทำให้ท่าอากาศยานนราธิวาส มีเพียงเที่ยวบินไทยแอร์เอเชีย ดอนเมือง-นราธิวาสเพียงวันละ 1-2 เที่ยวบิน ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกแก่ผู้โดยสารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2564 ไทยแอร์เอเชียเคยบินตรงสุวรรณภูมิไปน่านและนครศรีธรรมราช แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    อีกด้านหนึ่ง คือ การเปิดเส้นทางใหม่ เชียงใหม่-ไทเป-ซัปโปโร ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยใช้สิทธิทางการบินที่ 5 (Fifth Freedom) ต่อจากดอนเมือง-ไทเป-โอกินาว่า และดอนเมือง-เกาสง-โตเกียว (นาริตะ) เชื่อมระหว่างประเทศไทย ไปยังไต้หวันและญี่ปุ่น เจาะตลาดนักท่องเที่ยวไต้หวันไปญี่ปุ่น ซึ่งต้องแข่งขันกับคู่แข่งอีก 5 ราย ได้แก่ สกู๊ตที่ใช้สิทธิในเส้นทางสิงคโปร์-ไทเป-ซัปโปโร ไทเกอร์แอร์ อีวีเอแอร์ ไชน่าแอร์ไลน์ และสตาร์ลักซ์แอร์ไลน์ที่บินตรง ส่วนชาวไทยจากเชียงใหม่ไปซัปโปโรได้โดยไม่ต้องไปต่อเครื่องที่ดอนเมือง

    นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มบริการเที่ยวบินพร้อมรถรับส่ง พัทยา-อินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป โดยจุดจอดท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่ที่อาคาร Service Hall และพัทยารถจอดที่ห้างเซ็นทรัลพัทยา ชั้น 1 ประตู 5 ข้างซอยพัทยา 9

    #Newskit
    FD เพิ่มเที่ยวบินสุวรรณภูมิ ส่งรูทเชียงใหม่ชิงไทเป-ซัปโปโร ช่วงนี้สายการบินไทยแอร์เอเชีย (FD) ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV มีความเคลื่อนไหวหลายอย่าง เริ่มจากการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 6 ลำ โดยเครื่องบินใหม่ลำแรกทะเบียน HS-EAU จากโรงงานแอร์บัสที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี มาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อเวลา 05.44 น. วันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา นำมาให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มี.ค.เที่ยวบิน FD3437 ดอนเมือง-เชียงใหม่ ส่วนที่เหลืออีก 5 ลำจะทยอยส่งมอบต่อไป ซึ่งจะทำให้ไทยแอร์เอเชียมีฝูงบินรวมกัน 66 ลำ อย่างต่อมา คือ การเพิ่มเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งเป็นฮับของไทยแอร์เอเชีย ตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ชูจุดขายบินในประเทศเลือกได้ 2 สนามบิน นอกจากเส้นทางยอดนิยมอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และหาดใหญ่แล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาได้เพิ่มเส้นทางขอนแก่น และอุดรธานี ล่าสุดประกาศว่าได้เพิ่มเส้นทางสุราษฎร์ธานี นราธิวาส และบุรีรีมย์ (ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป รวมเส้นทางจากสุวรณภูมิทั้งสิ้น 9 เส้นทาง ขณะเดียวกัน AAV มีแผนที่จะเพิ่มเส้นทางไปพิษณุโลก อุบลราชธานี นครพนม ลำปาง และการกลับมาของเชียงราย ก่อนหน้านี้การบินไทยยกเลิกเส้นทางสุวรรณภูมิ-นราธิวาส เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2567 ทำให้ท่าอากาศยานนราธิวาส มีเพียงเที่ยวบินไทยแอร์เอเชีย ดอนเมือง-นราธิวาสเพียงวันละ 1-2 เที่ยวบิน ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกแก่ผู้โดยสารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2564 ไทยแอร์เอเชียเคยบินตรงสุวรรณภูมิไปน่านและนครศรีธรรมราช แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อีกด้านหนึ่ง คือ การเปิดเส้นทางใหม่ เชียงใหม่-ไทเป-ซัปโปโร ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยใช้สิทธิทางการบินที่ 5 (Fifth Freedom) ต่อจากดอนเมือง-ไทเป-โอกินาว่า และดอนเมือง-เกาสง-โตเกียว (นาริตะ) เชื่อมระหว่างประเทศไทย ไปยังไต้หวันและญี่ปุ่น เจาะตลาดนักท่องเที่ยวไต้หวันไปญี่ปุ่น ซึ่งต้องแข่งขันกับคู่แข่งอีก 5 ราย ได้แก่ สกู๊ตที่ใช้สิทธิในเส้นทางสิงคโปร์-ไทเป-ซัปโปโร ไทเกอร์แอร์ อีวีเอแอร์ ไชน่าแอร์ไลน์ และสตาร์ลักซ์แอร์ไลน์ที่บินตรง ส่วนชาวไทยจากเชียงใหม่ไปซัปโปโรได้โดยไม่ต้องไปต่อเครื่องที่ดอนเมือง นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มบริการเที่ยวบินพร้อมรถรับส่ง พัทยา-อินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป โดยจุดจอดท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่ที่อาคาร Service Hall และพัทยารถจอดที่ห้างเซ็นทรัลพัทยา ชั้น 1 ประตู 5 ข้างซอยพัทยา 9 #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 720 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเลย์ฯ ซื้อรถไฟเพิ่ม ป้อน Komuter สายเหนือ

    การตรวจเยี่ยมการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของนายแอนโธนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่การไปเยือนสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าขยายเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้าทางไกล ETS ช่วงเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางระหว่างสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานี JB Sentral เมืองยะโฮร์บาห์รู ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที

    รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามาว่า การขยายเส้นทางเดินรถไฟ ETS แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกไปยังสถานีเซกามัต ระยะที่สองไปยังสถานีกลวง (Kluang) และระยะที่สามไปยังสถานี JB Sentral พร้อมกันนี้ รถไฟรุ่นใหม่ ETS3 ที่สั่งซื้อจากประเทศจีน 2 ขบวนแรกจากทั้งหมด 10 ขบวน คาดว่าจะมาถึงประเทศมาเลเซียในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งจะนำมาประกอบที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก ก่อนทดสอบระบบและนำมาใช้ในเดือน ส.ค. ไม่ต้องรอให้ครบ 10 ขบวน

    นับจากนี้รถไฟ ETS จะเดินรถตลอดแนวประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ชายแดนมาเลเซีย-ไทยทางตอนเหนือ และชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ทางตอนใต้ พร้อมกันนี้ จะเสนอบริการชั้นธุรกิจแบบพรีเมียมเพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร

    วันต่อมา นายแอนโธนี่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐเปอร์ลิส เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือบกเปอร์ลิส (PIP) ระยะที่ 1 ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ KTM Komuter Utara จากสถานีปาดังเบซาร์ไปยังสถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) รัฐเคดะห์ โดยเปิดเผยว่ารัฐบาลกลางมาเลเซียได้จัดหารถไฟชุดใหม่แบบ 3 ตู้โดยสาร จำนวน 12 ขบวนเพื่อให้บริการเพิ่มเติม งบประมาณ 283 ล้านริงกิต (2,164.34 ล้านบาท) คาดว่ารถไฟขบวนแรกจะถูกส่งมอบภายใน 22 เดือน

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญในการให้บริการคือการโจรกรรมสายเคเบิล ซึ่งกระทบต่อการเดินรถอย่างมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.35 ล้านริงกิต (10.32 ล้านบาท) ซึ่งกระทรวงคมนาคมมาเลเซียจะร่วมกับตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์เครือข่าย เครื่องนับเพลา (Axle Counter) งบประมาณ 12.8 ล้านริงกิต (97.89 ล้านบาท) ใช้ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การใช้โดรน การติดตั้งรั้วป้องกันการปีน และติดตั้งฝาปิดท่อระบายน้ำแบบล็อกขั้นสูง

    อนึ่ง ในปี 2567 รถไฟ KTM Komuter Utara สายเหนือ ช่วงบัตเตอร์เวิร์ธ-ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ-อิโปห์ มีผู้โดยสารเฉลี่ย 16,363 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ผู้โดยสารเฉลี่ย 12,668 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 29%

    #Newskit
    มาเลย์ฯ ซื้อรถไฟเพิ่ม ป้อน Komuter สายเหนือ การตรวจเยี่ยมการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของนายแอนโธนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่การไปเยือนสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าขยายเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้าทางไกล ETS ช่วงเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางระหว่างสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานี JB Sentral เมืองยะโฮร์บาห์รู ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามาว่า การขยายเส้นทางเดินรถไฟ ETS แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกไปยังสถานีเซกามัต ระยะที่สองไปยังสถานีกลวง (Kluang) และระยะที่สามไปยังสถานี JB Sentral พร้อมกันนี้ รถไฟรุ่นใหม่ ETS3 ที่สั่งซื้อจากประเทศจีน 2 ขบวนแรกจากทั้งหมด 10 ขบวน คาดว่าจะมาถึงประเทศมาเลเซียในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งจะนำมาประกอบที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก ก่อนทดสอบระบบและนำมาใช้ในเดือน ส.ค. ไม่ต้องรอให้ครบ 10 ขบวน นับจากนี้รถไฟ ETS จะเดินรถตลอดแนวประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ชายแดนมาเลเซีย-ไทยทางตอนเหนือ และชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ทางตอนใต้ พร้อมกันนี้ จะเสนอบริการชั้นธุรกิจแบบพรีเมียมเพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร วันต่อมา นายแอนโธนี่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐเปอร์ลิส เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือบกเปอร์ลิส (PIP) ระยะที่ 1 ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ KTM Komuter Utara จากสถานีปาดังเบซาร์ไปยังสถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) รัฐเคดะห์ โดยเปิดเผยว่ารัฐบาลกลางมาเลเซียได้จัดหารถไฟชุดใหม่แบบ 3 ตู้โดยสาร จำนวน 12 ขบวนเพื่อให้บริการเพิ่มเติม งบประมาณ 283 ล้านริงกิต (2,164.34 ล้านบาท) คาดว่ารถไฟขบวนแรกจะถูกส่งมอบภายใน 22 เดือน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญในการให้บริการคือการโจรกรรมสายเคเบิล ซึ่งกระทบต่อการเดินรถอย่างมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.35 ล้านริงกิต (10.32 ล้านบาท) ซึ่งกระทรวงคมนาคมมาเลเซียจะร่วมกับตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์เครือข่าย เครื่องนับเพลา (Axle Counter) งบประมาณ 12.8 ล้านริงกิต (97.89 ล้านบาท) ใช้ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การใช้โดรน การติดตั้งรั้วป้องกันการปีน และติดตั้งฝาปิดท่อระบายน้ำแบบล็อกขั้นสูง อนึ่ง ในปี 2567 รถไฟ KTM Komuter Utara สายเหนือ ช่วงบัตเตอร์เวิร์ธ-ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ-อิโปห์ มีผู้โดยสารเฉลี่ย 16,363 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ผู้โดยสารเฉลี่ย 12,668 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 29% #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีขนส่งรัฐเปอร์ลิส ย้ายจากบูกิตลากีไปที่ใหม่

    เปิดให้บริการแล้ว สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการของรัฐเปอร์ลิส (Terminal Perlis Sentral) ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ตั้งอยู่ที่สี่แยกระหว่างถนนสายกานการ์-อลอร์สตาร์ กับทางหลวงสายชางลูน-กัวลาเปอร์ลิส เมืองกานการ์ (Kangar) รัฐเปอร์ลิส ห่างจากสถานีขนส่งย่านบูกิต ลากี (Bukit Lagi) ประมาณ 7 กิโลเมตร โดยสภาเทศบาลเมืองกานการ์ประกาศว่าจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. เป็นต้นไป คาดว่าภายใน 1 เดือนผู้ประกอบการจะย้ายไปยังสถานีขนส่งแห่งใหม่ทั้งหมด

    ยกเว้นรถประจำทางท้องถิ่น (Bas.My Kangar) จากชางลูน ปาดังเบซาร์ กัวลาเปอร์ลิส อลอร์สตาร์ (ทั้งสายไอร์อิตัมและสายจิตรา) เซเรียบ (ทั้งสายกัมปุงปังเกา และสายปาดังเบฮอร์) และกิลังกูลา ยังคงจอดที่ย่านบูกิต ลากี เช่นเดิม ระหว่างรอดำเนินการจากสำนักงานขนส่งสาธารณะทางบก (APAD) กรมการขนส่งทางบกมาเลเซีย (RTD) แต่สามารถเดินทางไปยังสถานีขนส่งแห่งใหม่ได้ ผ่านทางบริการ e-Hailing เช่น Grab ค่าโดยสารประมาณ 8 ริงกิต แต่ต้องปักหมุดด้วยตัวเอง

    ผู้ประกอบการเดินรถส่วนหนึ่ง ประกาศย้ายไปจอดที่สถานีขนส่งแห่งใหม่แล้ว เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) แจ้งว่าได้ย้ายไปที่สถานีขนส่งแห่งใหม่แล้ว ซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์สถานีแห่งใหม่หรือเว็บไซต์ pancaranmatahari.com.my ซึ่งมีรถไปยังปลายทางโกตาบารู ตานาห์เมราห์ กัวลาลัมเปอร์ (สถานีขนส่งทีบีเอส และเฮนเตียนดูตา) ชาห์อลาม กาจัง ปูตราจายา เซเรมบัน มะละกา และยะโฮร์บาห์รู

    สถานีขนส่งแห่งใหม่ของรัฐเปอร์ลิส ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งหลักทางภาคเหนือของมาเลเซีย เชื่อมต่อจุดหมายปลายทางต่างๆ เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โกตาบารู อิโปห์ ปาหัง ตรังกานู เซเรมบัน มะละกา ยะโฮร์ และประเทศสิงคโปร์ ประกอบด้วย ชานชาลาขาออก 3 ช่อง ชานชาลาขาเข้า 3 ช่อง ที่จอดรถบัสชั่วคราว 6 ช่อง ที่จอดรถแท็กซี่สาธารณะ 25 คัน ห้องละหมาด ห้องสุขา ห้องเปลี่ยนผ้าอ้อม พื้นที่เชิงพาณิชย์ และช่องขายตั๋ว สถานที่ใกล้เคียง ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดเปอร์ลิส (IPK Perlis) โครงการกานการ์จายา (Kangar Jaya) ที่มีร้านเคเอฟซี มิสเตอร์ดีไอวาย และสตาร์บัคส์

    สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีรถโดยสารผ่านมาที่เมืองกานการ์โดยตรง เพราะไม่ใช่ทางผ่าน ส่วนมากรถทัวร์จาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จะให้บริการไปยังเมืองหลัก เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง อิโปห์ เซเรมบัน มะละกา ยะโฮร์บาห์รู และประเทศสิงคโปร์ ส่วนการเดินทางมายังเมืองกานการ์ จากศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ มีรถเมล์สาย T11 กานการ์-ปาดังเบซาร์ให้บริการ

    #Newskit
    สถานีขนส่งรัฐเปอร์ลิส ย้ายจากบูกิตลากีไปที่ใหม่ เปิดให้บริการแล้ว สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการของรัฐเปอร์ลิส (Terminal Perlis Sentral) ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ตั้งอยู่ที่สี่แยกระหว่างถนนสายกานการ์-อลอร์สตาร์ กับทางหลวงสายชางลูน-กัวลาเปอร์ลิส เมืองกานการ์ (Kangar) รัฐเปอร์ลิส ห่างจากสถานีขนส่งย่านบูกิต ลากี (Bukit Lagi) ประมาณ 7 กิโลเมตร โดยสภาเทศบาลเมืองกานการ์ประกาศว่าจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. เป็นต้นไป คาดว่าภายใน 1 เดือนผู้ประกอบการจะย้ายไปยังสถานีขนส่งแห่งใหม่ทั้งหมด ยกเว้นรถประจำทางท้องถิ่น (Bas.My Kangar) จากชางลูน ปาดังเบซาร์ กัวลาเปอร์ลิส อลอร์สตาร์ (ทั้งสายไอร์อิตัมและสายจิตรา) เซเรียบ (ทั้งสายกัมปุงปังเกา และสายปาดังเบฮอร์) และกิลังกูลา ยังคงจอดที่ย่านบูกิต ลากี เช่นเดิม ระหว่างรอดำเนินการจากสำนักงานขนส่งสาธารณะทางบก (APAD) กรมการขนส่งทางบกมาเลเซีย (RTD) แต่สามารถเดินทางไปยังสถานีขนส่งแห่งใหม่ได้ ผ่านทางบริการ e-Hailing เช่น Grab ค่าโดยสารประมาณ 8 ริงกิต แต่ต้องปักหมุดด้วยตัวเอง ผู้ประกอบการเดินรถส่วนหนึ่ง ประกาศย้ายไปจอดที่สถานีขนส่งแห่งใหม่แล้ว เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) แจ้งว่าได้ย้ายไปที่สถานีขนส่งแห่งใหม่แล้ว ซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์สถานีแห่งใหม่หรือเว็บไซต์ pancaranmatahari.com.my ซึ่งมีรถไปยังปลายทางโกตาบารู ตานาห์เมราห์ กัวลาลัมเปอร์ (สถานีขนส่งทีบีเอส และเฮนเตียนดูตา) ชาห์อลาม กาจัง ปูตราจายา เซเรมบัน มะละกา และยะโฮร์บาห์รู สถานีขนส่งแห่งใหม่ของรัฐเปอร์ลิส ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งหลักทางภาคเหนือของมาเลเซีย เชื่อมต่อจุดหมายปลายทางต่างๆ เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โกตาบารู อิโปห์ ปาหัง ตรังกานู เซเรมบัน มะละกา ยะโฮร์ และประเทศสิงคโปร์ ประกอบด้วย ชานชาลาขาออก 3 ช่อง ชานชาลาขาเข้า 3 ช่อง ที่จอดรถบัสชั่วคราว 6 ช่อง ที่จอดรถแท็กซี่สาธารณะ 25 คัน ห้องละหมาด ห้องสุขา ห้องเปลี่ยนผ้าอ้อม พื้นที่เชิงพาณิชย์ และช่องขายตั๋ว สถานที่ใกล้เคียง ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดเปอร์ลิส (IPK Perlis) โครงการกานการ์จายา (Kangar Jaya) ที่มีร้านเคเอฟซี มิสเตอร์ดีไอวาย และสตาร์บัคส์ สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีรถโดยสารผ่านมาที่เมืองกานการ์โดยตรง เพราะไม่ใช่ทางผ่าน ส่วนมากรถทัวร์จาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จะให้บริการไปยังเมืองหลัก เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง อิโปห์ เซเรมบัน มะละกา ยะโฮร์บาห์รู และประเทศสิงคโปร์ ส่วนการเดินทางมายังเมืองกานการ์ จากศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ มีรถเมล์สาย T11 กานการ์-ปาดังเบซาร์ให้บริการ #Newskit
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL

    สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก

    เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง

    เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my

    การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก

    สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG

    #Newskit
    เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิด-ทำ-ทิ้ง สระมรกตรัฐสภา

    สระมรกต หนึ่งในองค์ประกอบของอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่มีชื่อว่า สัปปายะสถาสถาน ก่อสร้างด้วยงบประมาณกว่า 12,280 ล้านบาท กำลังจะเป็นตำนานในเร็ววันนี้ เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยสูบน้ำออกแล้วปิดพื้นที่ ปูพื้นใหม่ให้เสมอกับทางเดิน แล้วกั้นห้องกระจกขึ้นมา ทำเป็นห้องสมุด พื้นที่อ่านหนังสือ พื่นที่พักคอย หรือพื้นที่ทำงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 150 ล้านบาท

    สาเหตุเพราะได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้เข้าชมรัฐสภาเดินตกน้ำบ่อยครั้ง มียุงจำนวนมากจากสระมรกต เข้ามารบกวนการทำงานข้าราชการที่ปฎิบัติงานภายในอาคาร เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อีกทั้งพบว่ามีปัญหาพื้นของบ่อน้ำรั่วซึม มีน้ำจากสระมรกตไหลลงไปที่ชั้นบีหนึ่ง (B1) อยู่เป็นประจำ และเกิดโพรงอยู่ใต้พื้นไม้กระดาน สร้างความไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจากการปรึกษากับวิศวกรและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะยกเลิกพื้นที่สระมรกต ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอีกหลายจุด เช่น ห้องตอบกระทู้แยกเฉพาะที่ ซึ่งมีขนาดเล็กและแออัด จะย้ายไปส่วนอื่นที่ใหญ่ขึ้น ย้ายห้องร้องทุกข์ของประชาชน จากชั้น 10 ลงมาที่ชั้น 1 ย้ายโรงอาหารไปอยู่ชั้น B2 และประมูลใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนำร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างคาเฟ่ อเมซอน และกาแฟพันธุ์ไทย ขณะเดียวกัน จะก่อสร้างลานจอดรถใต้ดินอาคารรัฐสภา เฟส 2 ฝั่งถนนสามเสน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพออีกด้วย

    สำหรับแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ชื่อว่าสัปปายะสถาสถาน ออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก สงบ ๑๐๕๑ ภายใต้การนำของนายธีรพล นิยม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยสระมรกตเป็นสระน้ำสีเขียวเข้มภายในอาคาร ล้อมรอบตัวอาคารเป็นผนังไม้สีมะเกลือดำ ถูกออกแบบมาให้มีความเย็นมากกว่าภายนอก เมื่อมีความร้อนสะสม อากาศยกตัวขึ้น อากาศเย็นจากด้านล่างจะเผื่อแผ่กระจายความเย็นขึ้นไปยังทางเดินรอบๆ ที่เป็นพื้นที่เปิด โถงนี้จะมีสภาวะน่าสบายอยู่เสมอ ถึงแม้ภายนอกจะร้อนมากในฤดูร้อนก็ตาม

    นับตั้งแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีอุบัติเหตุคนตกลงไปในสระมรกตแล้วมากกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับพื้นที่ เนื่องจากสระน้ำมีระดับเสมอกับทางเดิน และพบว่าเคยมีตัวเงินตัวทองเข้ามาเล่นน้ำในสระมรกตอีกด้วย เมื่อแบบก่อสร้างที่สวยหรูกลายเป็นอุปสรรคเมื่อใช้งานจริง สระมรกตในวันนี้จึงกลายเป็นตำนานแบบคิด-ทำ-ทิ้ง เสียเวลาและเสียงบประมาณจากภาษีของประชาชน

    #Newskit
    คิด-ทำ-ทิ้ง สระมรกตรัฐสภา สระมรกต หนึ่งในองค์ประกอบของอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่มีชื่อว่า สัปปายะสถาสถาน ก่อสร้างด้วยงบประมาณกว่า 12,280 ล้านบาท กำลังจะเป็นตำนานในเร็ววันนี้ เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยสูบน้ำออกแล้วปิดพื้นที่ ปูพื้นใหม่ให้เสมอกับทางเดิน แล้วกั้นห้องกระจกขึ้นมา ทำเป็นห้องสมุด พื้นที่อ่านหนังสือ พื่นที่พักคอย หรือพื้นที่ทำงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 150 ล้านบาท สาเหตุเพราะได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้เข้าชมรัฐสภาเดินตกน้ำบ่อยครั้ง มียุงจำนวนมากจากสระมรกต เข้ามารบกวนการทำงานข้าราชการที่ปฎิบัติงานภายในอาคาร เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อีกทั้งพบว่ามีปัญหาพื้นของบ่อน้ำรั่วซึม มีน้ำจากสระมรกตไหลลงไปที่ชั้นบีหนึ่ง (B1) อยู่เป็นประจำ และเกิดโพรงอยู่ใต้พื้นไม้กระดาน สร้างความไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจากการปรึกษากับวิศวกรและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะยกเลิกพื้นที่สระมรกต ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอีกหลายจุด เช่น ห้องตอบกระทู้แยกเฉพาะที่ ซึ่งมีขนาดเล็กและแออัด จะย้ายไปส่วนอื่นที่ใหญ่ขึ้น ย้ายห้องร้องทุกข์ของประชาชน จากชั้น 10 ลงมาที่ชั้น 1 ย้ายโรงอาหารไปอยู่ชั้น B2 และประมูลใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนำร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างคาเฟ่ อเมซอน และกาแฟพันธุ์ไทย ขณะเดียวกัน จะก่อสร้างลานจอดรถใต้ดินอาคารรัฐสภา เฟส 2 ฝั่งถนนสามเสน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพออีกด้วย สำหรับแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ชื่อว่าสัปปายะสถาสถาน ออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก สงบ ๑๐๕๑ ภายใต้การนำของนายธีรพล นิยม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยสระมรกตเป็นสระน้ำสีเขียวเข้มภายในอาคาร ล้อมรอบตัวอาคารเป็นผนังไม้สีมะเกลือดำ ถูกออกแบบมาให้มีความเย็นมากกว่าภายนอก เมื่อมีความร้อนสะสม อากาศยกตัวขึ้น อากาศเย็นจากด้านล่างจะเผื่อแผ่กระจายความเย็นขึ้นไปยังทางเดินรอบๆ ที่เป็นพื้นที่เปิด โถงนี้จะมีสภาวะน่าสบายอยู่เสมอ ถึงแม้ภายนอกจะร้อนมากในฤดูร้อนก็ตาม นับตั้งแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีอุบัติเหตุคนตกลงไปในสระมรกตแล้วมากกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับพื้นที่ เนื่องจากสระน้ำมีระดับเสมอกับทางเดิน และพบว่าเคยมีตัวเงินตัวทองเข้ามาเล่นน้ำในสระมรกตอีกด้วย เมื่อแบบก่อสร้างที่สวยหรูกลายเป็นอุปสรรคเมื่อใช้งานจริง สระมรกตในวันนี้จึงกลายเป็นตำนานแบบคิด-ทำ-ทิ้ง เสียเวลาและเสียงบประมาณจากภาษีของประชาชน #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 572 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรเจกต์ทดลอง Newskit ราคา 20 บาท

    เพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 ยืนหยัดนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และ Thaitimes เป็นหลัก ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร

    ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เราไม่มีรายได้จากการทำเพจเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่การแสวงหาข้อมูลเพื่อนำมาเขียน โดยเฉพาะการลงพื้นที่บางครั้งย่อมมีค่าใช้จ่ายตามมา ที่ผ่านมาบนโซเชียลฯ มีรูปแบบการหารายได้จากผู้บริโภคสื่อแตกต่างกันไป ทั้งการลงสปอนเซอร์ การทำ Advertorial ซึ่งจะพบเห็นเฉพาะอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ การขายสินค้า การเป็นนายหน้า การตลาดแบบพันธมิตร (Affiliate) การทำ TIPS BOX ออนไลน์ หรือการระบุเลขที่บัญชีธนาคารโดยตรง ซึ่งเราไม่อยากรบกวนผู้อ่านมากขนาดนั้น

    ด้วยสถานะการเป็นสื่อมวลชน นอกจากไม่ควรการันตีความดีความชั่วของใคร แต่มุ่งยึดถือประโยชน์แก่สาธารณะเป็นที่ตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าการทำหน้าที่ของเราจะตรงใจผู้อ่านได้ตลอดไป จึงไม่อยากถูกกล่าวหาว่าทรยศความเชื่อใจ ในวันที่ผู้อ่านมองว่าเราเปลี่ยนไป การเปิดรับบริจาคหรือโอนเงินโดยตรง อาจเป็นการแบกรับความคาดหวังจากผู้อ่านมากเกินไป กระทั่งไม่เป็นตัวของตัวเอง ขณะที่หนังสือพิมพ์ยังมีการวางจำหน่าย ถือเป็นสินค้าที่ซื้อขายตามความพึงพอใจของผู้อ่าน

    จากเหตุผลดังกล่าว เราจึงมีกิมมิกด้วยการตั้งราคา 20 บาท เหมือนหนังสือพิมพ์ธุรกิจ โดยทดลองใช้พร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ปกติแล้วเราจะนำเสนอเรื่องราววันละ 1-2 เรื่อง แต่คิวอาร์โค้ดจะแสดงเฉพาะหน้าปก Newskit ของแต่ละวันเท่านั้น ถ้าผู้อ่านชื่นชอบเรื่องราวของเรา สามารถสแกนจ่ายครั้งละ 20 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเรา โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ไม่ต้องจ่ายรายเดือน แม้เราคงไม่คาดหวังรายได้จากตรงนี้มากนัก เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่เชื่อว่าไม่มีใครทำมาก่อน

    โปรดสังเกตชื่อบัญชีปลายทางเป็น "นายกิตตินันท์ นาคทอง" e-Wallet ID 073-15-xxxxxx-1311 ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK บัญชีเดียวเท่านั้น ระวังมิจฉาชีพแอบอ้าง

    เราจะทดลองติดตั้ง QR Code เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 มี.ค.2568 ถึงวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.2568 เว้นแต่จะมีกรณีเป็นอย่างอื่น ขอขอบคุณทุกการติดตามและสนับสนุนเราตลอดมา

    #Newskit
    โปรเจกต์ทดลอง Newskit ราคา 20 บาท เพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 ยืนหยัดนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และ Thaitimes เป็นหลัก ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา เราไม่มีรายได้จากการทำเพจเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่การแสวงหาข้อมูลเพื่อนำมาเขียน โดยเฉพาะการลงพื้นที่บางครั้งย่อมมีค่าใช้จ่ายตามมา ที่ผ่านมาบนโซเชียลฯ มีรูปแบบการหารายได้จากผู้บริโภคสื่อแตกต่างกันไป ทั้งการลงสปอนเซอร์ การทำ Advertorial ซึ่งจะพบเห็นเฉพาะอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ การขายสินค้า การเป็นนายหน้า การตลาดแบบพันธมิตร (Affiliate) การทำ TIPS BOX ออนไลน์ หรือการระบุเลขที่บัญชีธนาคารโดยตรง ซึ่งเราไม่อยากรบกวนผู้อ่านมากขนาดนั้น ด้วยสถานะการเป็นสื่อมวลชน นอกจากไม่ควรการันตีความดีความชั่วของใคร แต่มุ่งยึดถือประโยชน์แก่สาธารณะเป็นที่ตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าการทำหน้าที่ของเราจะตรงใจผู้อ่านได้ตลอดไป จึงไม่อยากถูกกล่าวหาว่าทรยศความเชื่อใจ ในวันที่ผู้อ่านมองว่าเราเปลี่ยนไป การเปิดรับบริจาคหรือโอนเงินโดยตรง อาจเป็นการแบกรับความคาดหวังจากผู้อ่านมากเกินไป กระทั่งไม่เป็นตัวของตัวเอง ขณะที่หนังสือพิมพ์ยังมีการวางจำหน่าย ถือเป็นสินค้าที่ซื้อขายตามความพึงพอใจของผู้อ่าน จากเหตุผลดังกล่าว เราจึงมีกิมมิกด้วยการตั้งราคา 20 บาท เหมือนหนังสือพิมพ์ธุรกิจ โดยทดลองใช้พร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ปกติแล้วเราจะนำเสนอเรื่องราววันละ 1-2 เรื่อง แต่คิวอาร์โค้ดจะแสดงเฉพาะหน้าปก Newskit ของแต่ละวันเท่านั้น ถ้าผู้อ่านชื่นชอบเรื่องราวของเรา สามารถสแกนจ่ายครั้งละ 20 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเรา โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ไม่ต้องจ่ายรายเดือน แม้เราคงไม่คาดหวังรายได้จากตรงนี้มากนัก เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่เชื่อว่าไม่มีใครทำมาก่อน โปรดสังเกตชื่อบัญชีปลายทางเป็น "นายกิตตินันท์ นาคทอง" e-Wallet ID 073-15-xxxxxx-1311 ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK บัญชีเดียวเท่านั้น ระวังมิจฉาชีพแอบอ้าง เราจะทดลองติดตั้ง QR Code เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 มี.ค.2568 ถึงวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.2568 เว้นแต่จะมีกรณีเป็นอย่างอื่น ขอขอบคุณทุกการติดตามและสนับสนุนเราตลอดมา #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุนมาเลย์สนใจรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์

    ในช่วงที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2025 และรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของประเทศไทย อาจจะได้เห็นข่าวความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและไทยเป็นระยะ ล่าสุด พลเอกอาวุโส โมห์ด อาซูมิ โมฮัมเหม็ด (Mohd Azumi Mohamed) ประธานบริษัท ดายะ มาจู อินฟาสตรัคเจอร์ เอเชีย (Dhaya Maju Infrastructure Asia) หรือ DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้าพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และคณะ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา

    โดยบริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย

    ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้

    สำหรับบริษัท DMIA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีประสบการณ์งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง อสังหาริมทรัพย์ การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและปรับปรุงทางรถไฟ ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ นับเฉพาะโครงการทางรถไฟ เป็นผู้รับเหมาหลักโครงการปรับปรุงรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้าบนหุบเขาแคลง (KVDT) ตั้งแต่ราวังถึงซาลักเซาต์ (Rawang-Salak South) และโครงการระยะที่ 2 (KVDT2) จากซาลักเซาต์ถึงเซเรมบัน (Salak South-Seremban) และจากเคแอลเซ็นทรัลถึงพอร์ตแคลง (KL Sentral-Port Klang) เป็นต้น

    #Newskit
    ทุนมาเลย์สนใจรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ ในช่วงที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2025 และรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของประเทศไทย อาจจะได้เห็นข่าวความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและไทยเป็นระยะ ล่าสุด พลเอกอาวุโส โมห์ด อาซูมิ โมฮัมเหม็ด (Mohd Azumi Mohamed) ประธานบริษัท ดายะ มาจู อินฟาสตรัคเจอร์ เอเชีย (Dhaya Maju Infrastructure Asia) หรือ DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้าพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และคณะ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยบริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ สำหรับบริษัท DMIA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีประสบการณ์งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง อสังหาริมทรัพย์ การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและปรับปรุงทางรถไฟ ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ นับเฉพาะโครงการทางรถไฟ เป็นผู้รับเหมาหลักโครงการปรับปรุงรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้าบนหุบเขาแคลง (KVDT) ตั้งแต่ราวังถึงซาลักเซาต์ (Rawang-Salak South) และโครงการระยะที่ 2 (KVDT2) จากซาลักเซาต์ถึงเซเรมบัน (Salak South-Seremban) และจากเคแอลเซ็นทรัลถึงพอร์ตแคลง (KL Sentral-Port Klang) เป็นต้น #Newskit
    Like
    Love
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 695 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซอฟต์พาวเวอร์ 888 ทุนกาสิโนสนับสนุน

    การตั้งกระทู้ถามสดของ ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กรณีบริษัทเอกชนที่ชื่อว่า เมลโค รีสอร์ต แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเทนต์ (MELCO) จากมาเก๊า สนับสนุนโครงการซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ผ่านสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ที่กำกับดูแลโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะสื่อออนไลน์ The 101 World และ Spacebar เปิดประเด็นไปแล้ว แต่ก็ทำให้สังคมเริ่มตื่นรู้ว่า ภาพลักษณ์ที่สวยหรูเป็นสิ่งที่ต้องแลกมา เริ่มเชื่อได้ว่าอาจเป็นเรื่องต่างตอบแทน ถือเป็นสัจธรรมว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาแบบฟรีๆ

    นายพริษฐ์เปิดประเด็นว่า การจัดกิจกรรมระหว่าง THACCA กับ MELCO ทั้งร่วมจัดงานเสวนา Global Soft Power Talks และโครงการ THACCA x Melco Academy แจกทุนนักศึกษาอบรมที่ต่างประเทศ 3 เดือน ฟรีค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอบรม รวมทั้งที่จะมีเพิ่มเติมอีก 2-3 กิจกรรมในปีนี้ มีการทำเอ็มโอยูหรือไม่ ใครออกค่าใช้จ่าย หน่วยงานรัฐออกเท่าไหร่ เพราะ MELCO ประกอบธุรกิจกาสิโน 5 แห่งใน 3 ประเทศ มีรายได้จากกาสิโนสูงกว่า 80% และเปิดสำนักงานในไทยแล้ว จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลกำลังจะออกใบอนุญาตเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่

    "สังคมอดสงสัยไม่ได้ว่าการที่ THACCA ตัดสินใจให้ MELCO มาช่วยสนับสนุนโครงการเรือธงของรัฐบาล ส่งสัญญาณหรือไม่ว่าใบอนุญาตกาสิโนชุดแรก จะมีบริษัทดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้ถือใบอนุญาต ยืนยันได้หรือไม่ว่า เมื่อนายกฯ เป็นคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร จะไม่เลือกตอบแทนบุญคุณให้บริษัทดังกล่าว และจะไม่นำไปสู่ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดการทุจริต สร้างความเสียหายต่อประเทศ"

    ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลฯ ยืนยันว่าไม่มีการเซ็นสัญญาหรือทำเอ็มโอยูกับ MELCO กิจกรรมที่ผ่านมา MELCO เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยอ้างว่าเป็นผู้สนับสนุนงานด้านศิลปะและซอฟต์พาวเวอร์รายใหญ่ในมาเก๊า มีทรัพยากรและเครือข่าย ไม่มีเงื่อนไขที่ต้องไปเอื้อประโยชน์แต่อย่างใด และไม่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตกาสิโน อีกทั้งไม่ได้รับข้อได้เปรียบจากรัฐบาล ส่วนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร มีรายละเอียดที่ต้องเปลี่ยนแปลงอีกมาก อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    #Newskit
    ซอฟต์พาวเวอร์ 888 ทุนกาสิโนสนับสนุน การตั้งกระทู้ถามสดของ ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กรณีบริษัทเอกชนที่ชื่อว่า เมลโค รีสอร์ต แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเทนต์ (MELCO) จากมาเก๊า สนับสนุนโครงการซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ผ่านสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ที่กำกับดูแลโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะสื่อออนไลน์ The 101 World และ Spacebar เปิดประเด็นไปแล้ว แต่ก็ทำให้สังคมเริ่มตื่นรู้ว่า ภาพลักษณ์ที่สวยหรูเป็นสิ่งที่ต้องแลกมา เริ่มเชื่อได้ว่าอาจเป็นเรื่องต่างตอบแทน ถือเป็นสัจธรรมว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาแบบฟรีๆ นายพริษฐ์เปิดประเด็นว่า การจัดกิจกรรมระหว่าง THACCA กับ MELCO ทั้งร่วมจัดงานเสวนา Global Soft Power Talks และโครงการ THACCA x Melco Academy แจกทุนนักศึกษาอบรมที่ต่างประเทศ 3 เดือน ฟรีค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอบรม รวมทั้งที่จะมีเพิ่มเติมอีก 2-3 กิจกรรมในปีนี้ มีการทำเอ็มโอยูหรือไม่ ใครออกค่าใช้จ่าย หน่วยงานรัฐออกเท่าไหร่ เพราะ MELCO ประกอบธุรกิจกาสิโน 5 แห่งใน 3 ประเทศ มีรายได้จากกาสิโนสูงกว่า 80% และเปิดสำนักงานในไทยแล้ว จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลกำลังจะออกใบอนุญาตเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่ "สังคมอดสงสัยไม่ได้ว่าการที่ THACCA ตัดสินใจให้ MELCO มาช่วยสนับสนุนโครงการเรือธงของรัฐบาล ส่งสัญญาณหรือไม่ว่าใบอนุญาตกาสิโนชุดแรก จะมีบริษัทดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้ถือใบอนุญาต ยืนยันได้หรือไม่ว่า เมื่อนายกฯ เป็นคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร จะไม่เลือกตอบแทนบุญคุณให้บริษัทดังกล่าว และจะไม่นำไปสู่ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดการทุจริต สร้างความเสียหายต่อประเทศ" ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลฯ ยืนยันว่าไม่มีการเซ็นสัญญาหรือทำเอ็มโอยูกับ MELCO กิจกรรมที่ผ่านมา MELCO เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยอ้างว่าเป็นผู้สนับสนุนงานด้านศิลปะและซอฟต์พาวเวอร์รายใหญ่ในมาเก๊า มีทรัพยากรและเครือข่าย ไม่มีเงื่อนไขที่ต้องไปเอื้อประโยชน์แต่อย่างใด และไม่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตกาสิโน อีกทั้งไม่ได้รับข้อได้เปรียบจากรัฐบาล ส่วนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร มีรายละเอียดที่ต้องเปลี่ยนแปลงอีกมาก อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง #Newskit
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts