• ม็อบไล่นายกฯ อันวาร์ พรรคพาสลั่นอย่างต่ำ 5 หมื่น

    มรสุมการเมืองของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนในปี 2025 ไม่ต่างจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ก่อนหน้านี้การชุมนุม 28 มิ.ย. เรียกร้องให้ลาออก กรณีคลิปเสียงขายชาติกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา สร้างแรงสั่นสะเทือนการเมืองไทย คราวนี้นายอันวาร์ต้องเจอกับการชุมนุมประท้วงตั้งแต่ม็อบ Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) การประท้วงของชาวบ้านต่อกฎหมายฟื้นฟูเมือง (URA) ล่าสุดกลุ่มทนายความและนักกฎหมาย ชุมนุมที่พระราชวังแห่งความยุติธรรม ปุตราจายา เรียกร้องความเป็นอิสระของสถาบันตุลาการ และความโปร่งใสในการแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดของประเทศ

    เป็นห้วงเวลาก่อนการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 26 ก.ค. ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออกด้วยข้อหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมือง การปิดกั้นเสรีภาพ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ล่าสุดขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ทำให้ต้องซื้อสินค้าและบริการที่แพงขึ้น

    นายทาคิยุดดิน ฮัสซัน เลขาธิการพรรคอิสลามมาเลเซีย (PAS) แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ว่าจะมีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 50,000 คน ขณะนี้กำลังระดมมวลชนครอบคลุมทุกระดับ รวมถึงเขตเลือกตั้งรัฐสภาและสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ (DUN) ทั่วประเทศ รถบัสอย่างน้อยหนึ่งคันจะถูกส่งไปยังเขตเลือกตั้งของแต่ละรัฐ แต่บางเขตจองไว้แล้วนับสิบคัน ยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ พรรคพาสและกลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ (Perikatan Nasional หรือ PN) จะไม่ยอมจำนนต่อความพยายามปิดกั้นเสียงประชาชน

    นายอัฟนัน ฮามิมี ไทบ์ อาซามุดเดน หัวหน้ากลุ่มเยาวชนพรรคพาส ยืนยันว่าข้อเรียกร้องที่ให้นายอันวาร์ลาออก เพราะต้องการปกป้องมาเลเซีย ส่วนแถลงการณ์ของรัฐบาลที่อ้างว่าการชุมนุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายเสถียรภาพของประเทศ เป็นการข่มขู่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวเสียงประชาชน คนที่พูดว่าการชุมนุมครั้งนี้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติแท้จริงแล้วเป็นคนลงมือทำเอง เราเป็นฝ่ายค้านที่เป็นผู้ใหญ่ใช้ช่องทางประชาธิปไตย ไม่เหมือนฝ่ายค้านในอดีตที่ใช้ความรุนแรงบนท้องถนน

    สำหรับพรรคพาส ถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่และเป็นพรรคอิสลามในมาเลเซีย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 มีฝ่ายยุวชนพรรค และเครือข่ายโรงเรียนสอนศาสนาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ห่างไกล มีความคิดแบบอนุรักษนิยม มีฐานเสียงในรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย และชนะเลือกตั้งยาวนานในรัฐกลันตัน จุดยืนของพรรคคือผลักดันรัฐอิสลาม (Islamic State)

    #Newskit
    ม็อบไล่นายกฯ อันวาร์ พรรคพาสลั่นอย่างต่ำ 5 หมื่น มรสุมการเมืองของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนในปี 2025 ไม่ต่างจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ก่อนหน้านี้การชุมนุม 28 มิ.ย. เรียกร้องให้ลาออก กรณีคลิปเสียงขายชาติกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา สร้างแรงสั่นสะเทือนการเมืองไทย คราวนี้นายอันวาร์ต้องเจอกับการชุมนุมประท้วงตั้งแต่ม็อบ Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) การประท้วงของชาวบ้านต่อกฎหมายฟื้นฟูเมือง (URA) ล่าสุดกลุ่มทนายความและนักกฎหมาย ชุมนุมที่พระราชวังแห่งความยุติธรรม ปุตราจายา เรียกร้องความเป็นอิสระของสถาบันตุลาการ และความโปร่งใสในการแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดของประเทศ เป็นห้วงเวลาก่อนการนัดชุมนุมใหญ่วันที่ 26 ก.ค. ที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออกด้วยข้อหาบริหารประเทศล้มเหลว ทั้งการปฎิรูปการเมือง การปิดกั้นเสรีภาพ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ล่าสุดขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ทำให้ต้องซื้อสินค้าและบริการที่แพงขึ้น นายทาคิยุดดิน ฮัสซัน เลขาธิการพรรคอิสลามมาเลเซีย (PAS) แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ก.ค.) ว่าจะมีผู้ชุมนุมอย่างน้อย 50,000 คน ขณะนี้กำลังระดมมวลชนครอบคลุมทุกระดับ รวมถึงเขตเลือกตั้งรัฐสภาและสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ (DUN) ทั่วประเทศ รถบัสอย่างน้อยหนึ่งคันจะถูกส่งไปยังเขตเลือกตั้งของแต่ละรัฐ แต่บางเขตจองไว้แล้วนับสิบคัน ยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ พรรคพาสและกลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ (Perikatan Nasional หรือ PN) จะไม่ยอมจำนนต่อความพยายามปิดกั้นเสียงประชาชน นายอัฟนัน ฮามิมี ไทบ์ อาซามุดเดน หัวหน้ากลุ่มเยาวชนพรรคพาส ยืนยันว่าข้อเรียกร้องที่ให้นายอันวาร์ลาออก เพราะต้องการปกป้องมาเลเซีย ส่วนแถลงการณ์ของรัฐบาลที่อ้างว่าการชุมนุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายเสถียรภาพของประเทศ เป็นการข่มขู่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวเสียงประชาชน คนที่พูดว่าการชุมนุมครั้งนี้ต้องการสร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติแท้จริงแล้วเป็นคนลงมือทำเอง เราเป็นฝ่ายค้านที่เป็นผู้ใหญ่ใช้ช่องทางประชาธิปไตย ไม่เหมือนฝ่ายค้านในอดีตที่ใช้ความรุนแรงบนท้องถนน สำหรับพรรคพาส ถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่และเป็นพรรคอิสลามในมาเลเซีย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 มีฝ่ายยุวชนพรรค และเครือข่ายโรงเรียนสอนศาสนาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ห่างไกล มีความคิดแบบอนุรักษนิยม มีฐานเสียงในรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย และชนะเลือกตั้งยาวนานในรัฐกลันตัน จุดยืนของพรรคคือผลักดันรัฐอิสลาม (Islamic State) #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน?

    ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36%

    ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด

    ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย

    ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้

    #Newskit
    ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน? ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36% ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย

    กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike)

    ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย

    ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี

    #Newskit
    เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike) ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • MK ร่วมแจม ศึกสุกี้ตลาดแมส

    ในที่สุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M เจ้าของภัตตาคารอาหารเอ็มเค และอีกสารพัดแบรนด์ ตัดสินใจโดดร่วมสมรภูมิสุกี้ตลาดแมส ด้วยการเปิดร้านสุกี้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "โบนัสสุกี้" ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี จ.สระบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 05.00 น. พร้อมเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยโปรโมชันฉลองเปิดสาขา 1 ฟรี 1 เป็นเวลา 5 วัน วันละ 100 สิทธิ์

    นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเอ็มเค หลังคู่แข่งอย่างร้านสุกี้ตี๋น้อย ของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนสาขา 82 สาขา มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 รวม 271 ล้านบาท แซงหน้าเอ็มเคที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท รวมทั้งคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง ร้านลัคกี้สุกี้ ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่มี 19 สาขาอีกด้วย ทำให้เอ็มเคตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

    สำหรับจังหวัดสระบุรี นอกจากมีรายได้ต่อหัวสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เป็นแหล่งผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ รวมทั้งมีค่ายอดิศร เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารม้า มณฑลทหารบกที่ 18 รวมทั้งโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ที่ อ.มวกเหล็ก แล้ว ยังเป็นทางผ่านสู่ภาคอีสานด้วยถนนมิตรภาพ และมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ที่ผ่านมามีสุกี้ตี๋น้อย เปิดสาขาสระบุรีที่ปั๊มบางจาก B5 อเวนิว ใกล้ห้างบิ๊กซีเพลสสระบุรี และลัคกี้สุกี้ สาขาโลตัสสระบุรี

    ก่อนหน้านี้เอ็มเคได้ทดลองจัดโปรโมชัน “MK บุฟเฟต์ คุ้มคุ้มอิ่มไม่อั้น 90 นาที” ราคา 299 บาทต่อคน หากลูกค้ามา 4 คน สามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น เฉพาะร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาในห้างค้าปลีก เช่น โลตัส และบิ๊กซี รวม 250 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายโปรโมชันถึงวันที่ 31 ก.ค. 2568 พร้อมเพิ่มสาขาร่วมรายการอีก 49 สาขา รวม 299 สาขา นอกจากนี้ ยังทดลองขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 24.00 น. จำนวน 9 สาขา และเวลา 23.00 น. จำนวน 8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารในช่วงกลางคืนหรือหลังเลิกงาน

    การเปิดแบรนด์สุกี้ใหม่ของเอ็มเค นอกจากจะสร้างสีสันการแข่งขันสุกี้ตลาดแมสให้คึกคัก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แม้จะต้องปรับตัวเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังศูนย์การค้าปิดให้บริการก็ตาม

    #Newskit
    MK ร่วมแจม ศึกสุกี้ตลาดแมส ในที่สุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M เจ้าของภัตตาคารอาหารเอ็มเค และอีกสารพัดแบรนด์ ตัดสินใจโดดร่วมสมรภูมิสุกี้ตลาดแมส ด้วยการเปิดร้านสุกี้แบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า "โบนัสสุกี้" ประเดิมสาขาแรกที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี จ.สระบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 05.00 น. พร้อมเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยโปรโมชันฉลองเปิดสาขา 1 ฟรี 1 เป็นเวลา 5 วัน วันละ 100 สิทธิ์ นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเอ็มเค หลังคู่แข่งอย่างร้านสุกี้ตี๋น้อย ของ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนสาขา 82 สาขา มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 รวม 271 ล้านบาท แซงหน้าเอ็มเคที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท รวมทั้งคู่แข่งในตลาดเดียวกันอย่าง ร้านลัคกี้สุกี้ ของบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด ที่มี 19 สาขาอีกด้วย ทำให้เอ็มเคตัดสินใจตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สำหรับจังหวัดสระบุรี นอกจากมีรายได้ต่อหัวสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ เป็นแหล่งผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ รวมทั้งมีค่ายอดิศร เป็นที่ตั้งของศูนย์การทหารม้า มณฑลทหารบกที่ 18 รวมทั้งโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ที่ อ.มวกเหล็ก แล้ว ยังเป็นทางผ่านสู่ภาคอีสานด้วยถนนมิตรภาพ และมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา ที่ผ่านมามีสุกี้ตี๋น้อย เปิดสาขาสระบุรีที่ปั๊มบางจาก B5 อเวนิว ใกล้ห้างบิ๊กซีเพลสสระบุรี และลัคกี้สุกี้ สาขาโลตัสสระบุรี ก่อนหน้านี้เอ็มเคได้ทดลองจัดโปรโมชัน “MK บุฟเฟต์ คุ้มคุ้มอิ่มไม่อั้น 90 นาที” ราคา 299 บาทต่อคน หากลูกค้ามา 4 คน สามารถสั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น เฉพาะร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาในห้างค้าปลีก เช่น โลตัส และบิ๊กซี รวม 250 สาขา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายโปรโมชันถึงวันที่ 31 ก.ค. 2568 พร้อมเพิ่มสาขาร่วมรายการอีก 49 สาขา รวม 299 สาขา นอกจากนี้ ยังทดลองขยายเวลาให้บริการถึงเวลา 24.00 น. จำนวน 9 สาขา และเวลา 23.00 น. จำนวน 8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหารในช่วงกลางคืนหรือหลังเลิกงาน การเปิดแบรนด์สุกี้ใหม่ของเอ็มเค นอกจากจะสร้างสีสันการแข่งขันสุกี้ตลาดแมสให้คึกคัก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ปัจจุบันมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แม้จะต้องปรับตัวเรื่องการรักษาความปลอดภัยหลังศูนย์การค้าปิดให้บริการก็ตาม #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อยากทำตัวราวกับไม่แก่" 100 ปีมหาเธร์ โมฮัมหมัด

    ใครจะเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีนักการเมืองอายุยืนถึงเลขสามหลัก เฉกเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด มีวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปีเมื่อวันที่ 10 ก.ค. แม้คำอวยพรจะล้นหลาม แต่เขายังคงทำงานตามปกติอยู่ในสำนักงานที่เมืองปุตราจายา แม้จะมีแขกผู้มาเยือนแต่ก็ไม่ได้จัดงานฉลองใหญ่โต มีเพียงคนในสำนักงานนำเค้กก้อนเล็กมอบให้พร้อมร้องเพลงวันเกิด ก่อนที่มหาเธร์จะให้แยกย้ายกลับไปทำงานตามปกติ เคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนเขาเชื่อว่ามาจากการไม่สูบบุหรี่ ไม่กินมากเกินไป และออกกำลังกายทั้งกายและใจ รวมทั้งสมอง แม้จะมีประวัติโรคหัวใจ รวมถึงการผ่าตัดบายพาสสองครั้งก็ตาม

    นัยยะที่ทำให้คอการเมืองและผู้สนใจมาเลเซียจับตามอง คือการที่เขากล่าวผ่านพอร์ตแคสต์ว่า ตราบใดที่ยังทำหน้าที่ได้ ก็อยากจะทำหน้าที่ต่อไป อยากจะทำตัวให้ราวกับว่ายังไม่แก่ พยายามใช้ชีวิตแบบเดียวกับตอนที่ยังเด็ก ทำงาน มาที่ออฟฟิศ ไปงานต่างๆ และอะไรต่อมิอะไร คิดว่าการได้ออกกำลังกายคือสิ่งที่ทำให้มีชีวิตชีวา และว่า "ผมเป็นคนแอคทีฟมาตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากพักผ่อน หมายความว่าไปเที่ยวพักผ่อน ทำอะไรสักอย่าง ไปเที่ยวพักผ่อนที่ได้ทำอะไรบางอย่าง แต่บางคนเกษียณแล้วอยากพักผ่อน การพักผ่อนหมายความว่ายังไง ไม่ทำอะไรเลยเหรอ"

    จากเด็กชายที่เกิดในเมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ ทางภาคเหนือของมาเลเซีย เขาคือนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งถึง 2 สมัย ปี 2524-2546 และ 2561-2563 สร้างความเปลี่ยนแปลงในมาเลเซีย โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนเหนือ-ใต้ สาย E1-E2 สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ตึกแฝดปิโตรนาสที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนา การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งโทรคมนาคม ไฟฟ้า สายการบิน การสร้างแบรนด์รถยนต์แห่งชาติอย่างโปรตอน (Proton) กอบกู้ประเทศจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 เลือกพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินทุนและกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิต ไม่พึ่งพากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

    ถึงกระนั้น การเมืองในมาเลเซียไม่ได้ขาวสะอาด เต็มไปด้วยเกมชิงอำนาจ เส้นทางการเมืองของมหาเธร์ไม่สวยงามนัก เคยถูกตั้งคำถามจากฝ่ายค้านและกลุ่มเอ็นจีโอถึงการรวมอำนาจทางการเมือง กำจัดฝ่ายตรงข้าม จำกัดเสรีภาพประชาชน รวมทั้งในสายตาคนรุ่นใหม่ เชื่อว่ามนต์ขลังของมหาเธร์หมดลงแล้ว เป็นเพียงอดีตผู้นำชราที่ไม่โดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในปัจจุบันท่ามกลางปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น การขึ้นภาษี SST สงครามการค้ากับสหรัฐฯ การปฎิรูปการเมืองที่ล้มเหลว หากมหาเธร์จะกลับมาลงสนามเลือกตั้งในวัย 100 ปี จะไหวหรือไม่ ถามใจชาวมาเลเซียดู

    #Newskit
    "อยากทำตัวราวกับไม่แก่" 100 ปีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ใครจะเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีนักการเมืองอายุยืนถึงเลขสามหลัก เฉกเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด มีวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปีเมื่อวันที่ 10 ก.ค. แม้คำอวยพรจะล้นหลาม แต่เขายังคงทำงานตามปกติอยู่ในสำนักงานที่เมืองปุตราจายา แม้จะมีแขกผู้มาเยือนแต่ก็ไม่ได้จัดงานฉลองใหญ่โต มีเพียงคนในสำนักงานนำเค้กก้อนเล็กมอบให้พร้อมร้องเพลงวันเกิด ก่อนที่มหาเธร์จะให้แยกย้ายกลับไปทำงานตามปกติ เคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนเขาเชื่อว่ามาจากการไม่สูบบุหรี่ ไม่กินมากเกินไป และออกกำลังกายทั้งกายและใจ รวมทั้งสมอง แม้จะมีประวัติโรคหัวใจ รวมถึงการผ่าตัดบายพาสสองครั้งก็ตาม นัยยะที่ทำให้คอการเมืองและผู้สนใจมาเลเซียจับตามอง คือการที่เขากล่าวผ่านพอร์ตแคสต์ว่า ตราบใดที่ยังทำหน้าที่ได้ ก็อยากจะทำหน้าที่ต่อไป อยากจะทำตัวให้ราวกับว่ายังไม่แก่ พยายามใช้ชีวิตแบบเดียวกับตอนที่ยังเด็ก ทำงาน มาที่ออฟฟิศ ไปงานต่างๆ และอะไรต่อมิอะไร คิดว่าการได้ออกกำลังกายคือสิ่งที่ทำให้มีชีวิตชีวา และว่า "ผมเป็นคนแอคทีฟมาตลอด ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงอยากพักผ่อน หมายความว่าไปเที่ยวพักผ่อน ทำอะไรสักอย่าง ไปเที่ยวพักผ่อนที่ได้ทำอะไรบางอย่าง แต่บางคนเกษียณแล้วอยากพักผ่อน การพักผ่อนหมายความว่ายังไง ไม่ทำอะไรเลยเหรอ" จากเด็กชายที่เกิดในเมืองอลอร์สตาร์ รัฐเคดะห์ ทางภาคเหนือของมาเลเซีย เขาคือนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งถึง 2 สมัย ปี 2524-2546 และ 2561-2563 สร้างความเปลี่ยนแปลงในมาเลเซีย โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด่วนเหนือ-ใต้ สาย E1-E2 สนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ตึกแฝดปิโตรนาสที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนา การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งโทรคมนาคม ไฟฟ้า สายการบิน การสร้างแบรนด์รถยนต์แห่งชาติอย่างโปรตอน (Proton) กอบกู้ประเทศจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 เลือกพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินทุนและกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินริงกิต ไม่พึ่งพากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ถึงกระนั้น การเมืองในมาเลเซียไม่ได้ขาวสะอาด เต็มไปด้วยเกมชิงอำนาจ เส้นทางการเมืองของมหาเธร์ไม่สวยงามนัก เคยถูกตั้งคำถามจากฝ่ายค้านและกลุ่มเอ็นจีโอถึงการรวมอำนาจทางการเมือง กำจัดฝ่ายตรงข้าม จำกัดเสรีภาพประชาชน รวมทั้งในสายตาคนรุ่นใหม่ เชื่อว่ามนต์ขลังของมหาเธร์หมดลงแล้ว เป็นเพียงอดีตผู้นำชราที่ไม่โดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในปัจจุบันท่ามกลางปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น การขึ้นภาษี SST สงครามการค้ากับสหรัฐฯ การปฎิรูปการเมืองที่ล้มเหลว หากมหาเธร์จะกลับมาลงสนามเลือกตั้งในวัย 100 ปี จะไหวหรือไม่ ถามใจชาวมาเลเซียดู #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระผู้ใหญ่ใฝ่ราคะ เย่อกามในผ้าเหลือง

    ยุคเสื่อมพระพุทธศาสนาไทย จากเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง นครปฐม ติดพันสาวเว็บพนัน สู่ปรากฎการณ์ที่พิธีกรข่าว วารินทร์ สัจจเดว ตั้งขึ้นว่า "วันอาสาราคะลาสึกบูชา" พระสงฆ์ที่ครองสมณศักดิ์ระดับสูงหลายคณะภาค ร่วมใช้สีกาคนเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมใจกันลาสิกขาโดยละม่อม หลังตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์จากสีกา พบภาพสัมพันธ์ต้องห้ามกว่า 8 หมื่นไฟล์ การันตีด้วยผลงานเจ้าอาวาสวัดดังทั่วไทย ไล่ตั้งแต่วัดตรีทศเทพ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา หนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐถึงกับใช้คำว่า "เย่อกามในผ้าเหลือง"

    ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยหลวงตาเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เช็กหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกากอล์ฟ วัย 35 ปี สาวคนสนิทอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร วัย 54 ปี ลาสิกขาสายฟ้าแลบที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แล้วพบว่าสีกากอล์ฟมีเซ็กซ์กับพระชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป ตรวจค้นบ้านพบจีวรนับสิบผืน เมื่อยึดมือถือ 5 เครื่องไปตรวจสอบเป็นต้องผงะ พบคลิปพระผู้ใหญ่เย่อกามกว่า 8 หมื่นภาพ ชุดสืบสวนต้องดูกันตาแฉะ เพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดี

    ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง แต่เมื่อเป็นปลาตัวใหญ่เลยเหม็นนานกว่า สังคมไทยในฐานะเมืองพุทธถึงกับเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางคนถึงกับเลิกเข้าวัด เลิกบริจาคเงินให้กับวัด หันไปบริจาคให้โรงพยาบาลและโรงเรียนแทน ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งคำถามถึงการที่สาธุชนถวายเงินให้กับพระโดยตรง รวมทั้งการจัดงานประจำปีและงานบุญต่างๆ ที่ทำรายได้จากการประมูลร้านค้า และเงินบริจาคที่เป็นเงินสดจำนวนมหาศาล กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งแก่พระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ต่อยอดสู่การเป็นพุทธพาณิชย์เต็มตัว ลืมเลือนแม้แต่บทสวดมนต์ "อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส"

    พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เตือนใจว่า แม้พระชั้นผู้ใหญ่รู้ธรรมะสูงก็ยังพลั้งเผลอได้ จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ความสุขชั่วคราวจากการทุจริต การทำชั่วบางอย่างนำไปสู่ความล่มจม เป็นบทเรียนสอนให้ไม่ประมาท มีสติ เกิดปัญญา จะไม่นับถือพระก็ได้แต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัย การบูชาที่แท้จริงคือการปฏิบัติบูชา อย่าเพียงแค่บูชาดอกไม้ธูปเทียน ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยมาจาก 3 ส. คือ สติ สตางค์ และสล็อต พร้อมขอชาวพุทธอย่าทิ้งศาสนาไว้ข้างหลัง อนาคตสังคมอาจวิกฤต

    #Newskit
    พระผู้ใหญ่ใฝ่ราคะ เย่อกามในผ้าเหลือง ยุคเสื่อมพระพุทธศาสนาไทย จากเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง นครปฐม ติดพันสาวเว็บพนัน สู่ปรากฎการณ์ที่พิธีกรข่าว วารินทร์ สัจจเดว ตั้งขึ้นว่า "วันอาสาราคะลาสึกบูชา" พระสงฆ์ที่ครองสมณศักดิ์ระดับสูงหลายคณะภาค ร่วมใช้สีกาคนเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย พร้อมใจกันลาสิกขาโดยละม่อม หลังตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์จากสีกา พบภาพสัมพันธ์ต้องห้ามกว่า 8 หมื่นไฟล์ การันตีด้วยผลงานเจ้าอาวาสวัดดังทั่วไทย ไล่ตั้งแต่วัดตรีทศเทพ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วัดพระพุทธฉาย สระบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา หนังสือพิมพ์หัวสีไทยรัฐถึงกับใช้คำว่า "เย่อกามในผ้าเหลือง" ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยหลวงตาเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เช็กหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกากอล์ฟ วัย 35 ปี สาวคนสนิทอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร วัย 54 ปี ลาสิกขาสายฟ้าแลบที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. แล้วพบว่าสีกากอล์ฟมีเซ็กซ์กับพระชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป ตรวจค้นบ้านพบจีวรนับสิบผืน เมื่อยึดมือถือ 5 เครื่องไปตรวจสอบเป็นต้องผงะ พบคลิปพระผู้ใหญ่เย่อกามกว่า 8 หมื่นภาพ ชุดสืบสวนต้องดูกันตาแฉะ เพื่อนำไปขยายผลดำเนินคดี ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง แต่เมื่อเป็นปลาตัวใหญ่เลยเหม็นนานกว่า สังคมไทยในฐานะเมืองพุทธถึงกับเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางคนถึงกับเลิกเข้าวัด เลิกบริจาคเงินให้กับวัด หันไปบริจาคให้โรงพยาบาลและโรงเรียนแทน ขณะเดียวกัน ยังมีการตั้งคำถามถึงการที่สาธุชนถวายเงินให้กับพระโดยตรง รวมทั้งการจัดงานประจำปีและงานบุญต่างๆ ที่ทำรายได้จากการประมูลร้านค้า และเงินบริจาคที่เป็นเงินสดจำนวนมหาศาล กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งแก่พระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ต่อยอดสู่การเป็นพุทธพาณิชย์เต็มตัว ลืมเลือนแม้แต่บทสวดมนต์ "อะระหะโต ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส" พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ เตือนใจว่า แม้พระชั้นผู้ใหญ่รู้ธรรมะสูงก็ยังพลั้งเผลอได้ จึงไม่ควรประมาทในชีวิต ความสุขชั่วคราวจากการทุจริต การทำชั่วบางอย่างนำไปสู่ความล่มจม เป็นบทเรียนสอนให้ไม่ประมาท มีสติ เกิดปัญญา จะไม่นับถือพระก็ได้แต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัย การบูชาที่แท้จริงคือการปฏิบัติบูชา อย่าเพียงแค่บูชาดอกไม้ธูปเทียน ส่วนพระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ระบุว่า ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยมาจาก 3 ส. คือ สติ สตางค์ และสล็อต พร้อมขอชาวพุทธอย่าทิ้งศาสนาไว้ข้างหลัง อนาคตสังคมอาจวิกฤต #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีมีหอยเกือบตาย เมื่อคิดจะไปมาเลเซีย

    เมื่อวันก่อน สถานีมีหอย ร้านซีฟูดชื่อดังภายใต้การนำของสองหนุ่ม ดี-วีระศักดิ์ มะสะอาว นายแบบ เอ็มซีงานอีเวนต์ และ ว่าว-ศราวุธ ศิริเพชร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา นายแบบ ให้บริการวันแรกเมื่อ 2 เม.ย. 2559 ใช้เมนูหอยเป็นจุดขาย และใช้ความถนัดทางด้านสร้างสีสัน สร้างความบันเทิง ทำให้คนมีความสุข โดยมีจุดเด่นตรงที่มีพ่อค้าเซ็กซี่ คอยเอนเตอร์เทนลูกค้าอย่างสนุกสนาน เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน กำลังจะปิดตำนานที่ตลาดหัวมุม ย่านเกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ เพราะเดือน ก.ค.2568 จะให้บริการเป็นเดือนสุดท้าย และจะปิดตัวลงในเดือน ส.ค.2568 เนื่องจากตลาดหัวมุมสิ้นสุดสัญญาเช่า จึงต้องย้ายสถานที่ใหม่ หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 9 ปี 4 เดือน

    แม้ไวรัลดังกล่าวคนไทยจะให้ความสนใจน้อย แต่กลายเป็นที่ฮือฮาของสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะตระกูล Foodie สื่อด้านอาหารของมาเลเซีย ในฐานะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยเป็นอันดับสองรองจากจีน และชาวมาเลเซียบางคนก็เคยสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่มาแล้วเช่นกัน ที่ตื่นเต้นไปอีกก็คือ สองหนุ่มดีกับว่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "9 ปีในตลาดกลางคืนหัวมุมนั้นเหลือเชื่อมาก ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทั้งหมดที่ทุกคนมอบให้ เรามีแผนที่ยิ่งใหญ่กว่าในใจ ตอนนี้สถานที่ในกรุงเทพฯ จะถูกเบรกไว้ก่อนจนกว่าจะได้สถานที่ใหม่ นอกจากนี้ ข่าวดีก็คือเราจะมองหาสถานที่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เรากำลังขยายไปยังกัวลาลัมเปอร์สถานที่แรก คุณพร้อมหรือยัง"

    หลังสื่อมาเลเซียเสนอข่าว กลายเป็นที่วิจารณ์ของชาวมาเลเซียทั้งตื่นเต้นและต่อต้าน ในฐานะประเทศที่มีชาวมุสลิมมากถึง 60% ไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และมีกฎหมายลงโทษรุนแรงสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน

    สุดท้ายดีและว่าวต้องชี้แจงว่า จากที่พิจารณาจะเปิดร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พวกเราชอบมาเลเซียมาก แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดร้านอาหารแนวเต้นรำ แนวคิดเต้นรำนำความสุขมาสู่ลูกค้าของเราเมื่อพวกเขามาเยือนกรุงเทพฯ ประเทศไทย แต่รับรองว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นที่มาเลเซีย ในประเทศไทย ร้านสถานีมีหอยจะยังคงดำเนินการต่อไป เมื่อได้สถานที่ที่เหมาะสม และในมาเลเซีย แนวคิดของเราคือการนำอาหารไทยแท้ที่มีชื่อเสียงมาเสิร์ฟในมาเลเซีย เนื่องจากดี (วีระศักดิ์) ชอบทำอาหารมาก จึงมีความฝันที่จะเปิดร้านอาหารในต่างประเทศเพื่อแบ่งปันอาหารไทยไปทั่วโลก และจุดหมายแรกคือกัวลาลัมเปอร์ เราเคารพวัฒนธรรมมาเลเซียในปัจจุบัน และจะรักมาเลเซียตลอดไป ดังนั้นโปรดมั่นใจว่า เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราหรือมาเลเซีย

    #Newskit
    สถานีมีหอยเกือบตาย เมื่อคิดจะไปมาเลเซีย เมื่อวันก่อน สถานีมีหอย ร้านซีฟูดชื่อดังภายใต้การนำของสองหนุ่ม ดี-วีระศักดิ์ มะสะอาว นายแบบ เอ็มซีงานอีเวนต์ และ ว่าว-ศราวุธ ศิริเพชร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา นายแบบ ให้บริการวันแรกเมื่อ 2 เม.ย. 2559 ใช้เมนูหอยเป็นจุดขาย และใช้ความถนัดทางด้านสร้างสีสัน สร้างความบันเทิง ทำให้คนมีความสุข โดยมีจุดเด่นตรงที่มีพ่อค้าเซ็กซี่ คอยเอนเตอร์เทนลูกค้าอย่างสนุกสนาน เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน กำลังจะปิดตำนานที่ตลาดหัวมุม ย่านเกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ เพราะเดือน ก.ค.2568 จะให้บริการเป็นเดือนสุดท้าย และจะปิดตัวลงในเดือน ส.ค.2568 เนื่องจากตลาดหัวมุมสิ้นสุดสัญญาเช่า จึงต้องย้ายสถานที่ใหม่ หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 9 ปี 4 เดือน แม้ไวรัลดังกล่าวคนไทยจะให้ความสนใจน้อย แต่กลายเป็นที่ฮือฮาของสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะตระกูล Foodie สื่อด้านอาหารของมาเลเซีย ในฐานะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยเป็นอันดับสองรองจากจีน และชาวมาเลเซียบางคนก็เคยสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่มาแล้วเช่นกัน ที่ตื่นเต้นไปอีกก็คือ สองหนุ่มดีกับว่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "9 ปีในตลาดกลางคืนหัวมุมนั้นเหลือเชื่อมาก ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทั้งหมดที่ทุกคนมอบให้ เรามีแผนที่ยิ่งใหญ่กว่าในใจ ตอนนี้สถานที่ในกรุงเทพฯ จะถูกเบรกไว้ก่อนจนกว่าจะได้สถานที่ใหม่ นอกจากนี้ ข่าวดีก็คือเราจะมองหาสถานที่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เรากำลังขยายไปยังกัวลาลัมเปอร์สถานที่แรก คุณพร้อมหรือยัง" หลังสื่อมาเลเซียเสนอข่าว กลายเป็นที่วิจารณ์ของชาวมาเลเซียทั้งตื่นเต้นและต่อต้าน ในฐานะประเทศที่มีชาวมุสลิมมากถึง 60% ไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และมีกฎหมายลงโทษรุนแรงสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน สุดท้ายดีและว่าวต้องชี้แจงว่า จากที่พิจารณาจะเปิดร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พวกเราชอบมาเลเซียมาก แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดร้านอาหารแนวเต้นรำ แนวคิดเต้นรำนำความสุขมาสู่ลูกค้าของเราเมื่อพวกเขามาเยือนกรุงเทพฯ ประเทศไทย แต่รับรองว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นที่มาเลเซีย ในประเทศไทย ร้านสถานีมีหอยจะยังคงดำเนินการต่อไป เมื่อได้สถานที่ที่เหมาะสม และในมาเลเซีย แนวคิดของเราคือการนำอาหารไทยแท้ที่มีชื่อเสียงมาเสิร์ฟในมาเลเซีย เนื่องจากดี (วีระศักดิ์) ชอบทำอาหารมาก จึงมีความฝันที่จะเปิดร้านอาหารในต่างประเทศเพื่อแบ่งปันอาหารไทยไปทั่วโลก และจุดหมายแรกคือกัวลาลัมเปอร์ เราเคารพวัฒนธรรมมาเลเซียในปัจจุบัน และจะรักมาเลเซียตลอดไป ดังนั้นโปรดมั่นใจว่า เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราหรือมาเลเซีย #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาษีทรัมป์ 36% ภาษีกูบินอเมริกา-จ้างล็อบบี้ยิสต์

    รัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นอกจากโครงการแจกเงิน 10,000 บาทที่ไม่เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจแล้ว สงครามการค้าของสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% มาตั้งแต่เดือน เม.ย. แต่รัฐบาลกลับสนใจช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร บิดานายกรัฐมนตรี ให้นอนในห้องวีไอพีของโรงพยาบาลโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว และการเปิดบ่อนกาสิโนภายใต้โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ตามเวลาในประเทศไทย ประธานาธิบดีทรัมป์ ทำหนังสือถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรักษาราชการนายกรัฐมนตรี (ระบุชื่อ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ว่า สหรัฐฯ จะตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าจากไทยในอัตรา 36% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป ส่วนจะแก้ไขให้ภาษีขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หลายประเทศในอาเซียนเจออัตราแตกต่างกันไป เช่น ลาวและเมียนมา 40% กัมพูชา 36% เท่ากับไทย อินโดนีเซีย 32% มาเลเซีย 25% ส่วนเวียดนามก่อนหน้านี้ตกลงกันที่ 20-40% แลกกับยอมเปิดทางให้สหรัฐฯ ส่งสินค้าเข้าเวียดนามโดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร

    สังคมตั้งคำถามไปยังนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง หัวหน้าทีมไทยแลนด์ ที่ยกโขยงไปเจรจาเรื่องภาษีทรัมป์ที่สหรัฐอเมริกา แล้วปรากฎว่าได้พบเพียงแค่ระดับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เท่านั้น ต่างจากเวียดนามที่นอกจากโต เลิม ผู้นำระดับสูงของเวียดนามโทร.คุยกับทรัมป์โดยตรงแล้ว การเจรจายังคุยกันถึงระดับรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ พอประธานาธิบดีทรัมป์ยืนกรานอัตราภาษี 36% นายพิชัยถึงกับช็อก บอกว่ามีตกใจบ้างแต่เลยจุดนี้มาแล้ว อ้างว่ายังไม่ได้พิจารณาข้อเสนอใหม่ที่ส่งไปเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ซึ่งจะใช้ระยะเวลาที่เหลือจากนี้เจรจาให้ทันก่อนเดดไลน์

    แม้นายพิชัยอ้างว่าไทยยื่นข้อเสนอให้สหรัฐฯ ไม่น้อย ลดภาษีนำเข้าให้กับสินค้าสหรัฐฯ กว่า 90% ของสินค้าที่นำเข้ามาไทย แถมบางรายการภาษี 0% แต่มีประมาณ 10% ที่ไทยให้ไม่ได้ เพราะต้องดูแลผู้ประกอบการในประเทศ และไม่ให้กระทบกับสินค้าประเทศอื่นที่ไทยทำ FTA เอาไว้ แต่ไม่ได้บอกสังคมแน่ชัดว่ามีอะไรบ้าง อีกสิ่งหนึ่งที่สังคมตั้งคำถาม ก่อนหน้านี้นายพิชัยและคณะทีมไทยแลนด์เดินทางไปสหรัฐอเมริกา ใช้งบประมาณมหาศาล อย่างน้อยเครื่องบินชั้นบิสซิเนสคลาส พักที่โรงแรมหรู แถมยังจ้างล็อบบี้ยิสต์ 87.4 ล้านบาท แต่ผลที่ได้กลับบ้านมือเปล่า ถือว่าทำงานคุ้มกับภาษีประชาชนที่จ่ายไปหรือไม่?

    #Newskit
    ภาษีทรัมป์ 36% ภาษีกูบินอเมริกา-จ้างล็อบบี้ยิสต์ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นอกจากโครงการแจกเงิน 10,000 บาทที่ไม่เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจแล้ว สงครามการค้าของสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% มาตั้งแต่เดือน เม.ย. แต่รัฐบาลกลับสนใจช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร บิดานายกรัฐมนตรี ให้นอนในห้องวีไอพีของโรงพยาบาลโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว และการเปิดบ่อนกาสิโนภายใต้โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ตามเวลาในประเทศไทย ประธานาธิบดีทรัมป์ ทำหนังสือถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรักษาราชการนายกรัฐมนตรี (ระบุชื่อ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ว่า สหรัฐฯ จะตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าจากไทยในอัตรา 36% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป ส่วนจะแก้ไขให้ภาษีขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หลายประเทศในอาเซียนเจออัตราแตกต่างกันไป เช่น ลาวและเมียนมา 40% กัมพูชา 36% เท่ากับไทย อินโดนีเซีย 32% มาเลเซีย 25% ส่วนเวียดนามก่อนหน้านี้ตกลงกันที่ 20-40% แลกกับยอมเปิดทางให้สหรัฐฯ ส่งสินค้าเข้าเวียดนามโดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร สังคมตั้งคำถามไปยังนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง หัวหน้าทีมไทยแลนด์ ที่ยกโขยงไปเจรจาเรื่องภาษีทรัมป์ที่สหรัฐอเมริกา แล้วปรากฎว่าได้พบเพียงแค่ระดับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เท่านั้น ต่างจากเวียดนามที่นอกจากโต เลิม ผู้นำระดับสูงของเวียดนามโทร.คุยกับทรัมป์โดยตรงแล้ว การเจรจายังคุยกันถึงระดับรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ พอประธานาธิบดีทรัมป์ยืนกรานอัตราภาษี 36% นายพิชัยถึงกับช็อก บอกว่ามีตกใจบ้างแต่เลยจุดนี้มาแล้ว อ้างว่ายังไม่ได้พิจารณาข้อเสนอใหม่ที่ส่งไปเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ซึ่งจะใช้ระยะเวลาที่เหลือจากนี้เจรจาให้ทันก่อนเดดไลน์ แม้นายพิชัยอ้างว่าไทยยื่นข้อเสนอให้สหรัฐฯ ไม่น้อย ลดภาษีนำเข้าให้กับสินค้าสหรัฐฯ กว่า 90% ของสินค้าที่นำเข้ามาไทย แถมบางรายการภาษี 0% แต่มีประมาณ 10% ที่ไทยให้ไม่ได้ เพราะต้องดูแลผู้ประกอบการในประเทศ และไม่ให้กระทบกับสินค้าประเทศอื่นที่ไทยทำ FTA เอาไว้ แต่ไม่ได้บอกสังคมแน่ชัดว่ามีอะไรบ้าง อีกสิ่งหนึ่งที่สังคมตั้งคำถาม ก่อนหน้านี้นายพิชัยและคณะทีมไทยแลนด์เดินทางไปสหรัฐอเมริกา ใช้งบประมาณมหาศาล อย่างน้อยเครื่องบินชั้นบิสซิเนสคลาส พักที่โรงแรมหรู แถมยังจ้างล็อบบี้ยิสต์ 87.4 ล้านบาท แต่ผลที่ได้กลับบ้านมือเปล่า ถือว่าทำงานคุ้มกับภาษีประชาชนที่จ่ายไปหรือไม่? #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียช่วยเหลือเด็กน้อย แพ้ความสูงกะทันหัน

    เรื่องราวประทับใจของเที่ยวบินแอร์เอเชีย ที่มีชาวเน็ตแชร์กว่า 2 หมื่นครั้ง เกิดขึ้นเมื่อผู้โดยสารที่ใช้นามว่า จาซินธา ฟลอเรนติอุส (Jacyntha Florentius) ผู้โดยสารบนเที่ยวบินที่ AK115 เส้นทางกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ชื่นชมนักบินและลูกเรือทุกคนในเที่ยวบินดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา

    เธอระบุว่า เด็กที่นั่งมาด้วยคือ นาตาชยา (Natashya) ลูกสาววัย 1 ขวบ 7 เดือน เมื่อเครื่องเทกออฟเวลา 05.55 น. ลูกได้หลับลง จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งต่อมาลูกตื่นขึ้น เธอจึงให้นมลูก หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ทันใดนั้นลูกดูกระสับกระส่าย ร้องไห้สักพัก แล้วก็เงียบไป จากนั้นใบหน้าและริมฝีปากลูกซีดลง และดูเหมือนว่าลูกกำลังดิ้นรนที่จะหายใจ อ่อนแอ และไม่ค่อยตอบสนอง

    ตนพยายามอุ้มลูก ตบหลัง ถูมือและเท้า พยายามทำให้ส่งเสียงร้องออกมา เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองหรือไม่ ในเวลาเดียวกัน จาซินธาร้องขอหน้ากากออกซิเจนจากลูกเรือ ซึ่งลูกเรือได้ประสานปล่อยหน้ากากออกซิเจนลงมา ก่อนที่จะให้ออกซิเจนแก่ลูก จากนั้นอาการเริ่มดีขึ้น ริมฝีปากเริ่มเป็นสีชมพูอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ลูกเรือประกาศบนเที่ยวบินตามหาผู้โดยสารที่เป็นแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มีแพทย์รายหนึ่งบนเที่ยวบินช่วยดูอาการให้

    ขณะที่ลูกเรือได้คุยกับนักบินเพื่อขอลดระดับความสูงลงมาเล็กน้อย ซึ่งนักบินก็ลดระดับความสูงให้ ไม่นานหลังจากนั้นอาการลูกดูคงที่ นักบินประกาศว่าเที่ยวบินนี้จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด คือ สนามบินโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เพื่อรับการรักษาพยาบาล ระหว่างการรอลงจอด 30 นาที ลูกเรือก็เข้ามาตรวจดูลูกอยู่เรื่อยๆ นวดมือ เท้า และตรวจชีพจร ทันทีที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินโฮจิมินห์ ทีมแพทย์ที่เตรียมพร้อมได้ขึ้นเครื่องบินเพื่อประเมินอาการ และตัดสินใจว่าควรลงจากเครื่องเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์

    ตนและลูกสาวพร้อมสามีลงจากเครื่องบิน สัมภาระถูกขนลงจากเครื่องอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินก็พาไปที่รถพยาบาลทันที พร้อมอยู่ดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกสาวได้รับการรักษาแบบเร่งด่วน ภายในหนึ่งชั่วโมง ก็มีการตรวจร่างกายทั้งหมด รวมทั้งการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ และการเอกซเรย์ นอกจากนี้ เมื่อทำการรักษาจนอาการดีขึ้น แอร์เอเชีย ยังให้เที่ยวบินฟรีแก่ตน ลูกสาว และสามีเพื่อเดินทางกลับกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย สำหรับสาเหตุ คาดว่าลูกสาวน่าจะป่วยด้วยอาการแพ้ความสูงอย่างกะทันหันขณะอยู่บนเครื่องบิน

    #Newskit
    แอร์เอเชียช่วยเหลือเด็กน้อย แพ้ความสูงกะทันหัน เรื่องราวประทับใจของเที่ยวบินแอร์เอเชีย ที่มีชาวเน็ตแชร์กว่า 2 หมื่นครั้ง เกิดขึ้นเมื่อผู้โดยสารที่ใช้นามว่า จาซินธา ฟลอเรนติอุส (Jacyntha Florentius) ผู้โดยสารบนเที่ยวบินที่ AK115 เส้นทางกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ชื่นชมนักบินและลูกเรือทุกคนในเที่ยวบินดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา เธอระบุว่า เด็กที่นั่งมาด้วยคือ นาตาชยา (Natashya) ลูกสาววัย 1 ขวบ 7 เดือน เมื่อเครื่องเทกออฟเวลา 05.55 น. ลูกได้หลับลง จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งต่อมาลูกตื่นขึ้น เธอจึงให้นมลูก หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ทันใดนั้นลูกดูกระสับกระส่าย ร้องไห้สักพัก แล้วก็เงียบไป จากนั้นใบหน้าและริมฝีปากลูกซีดลง และดูเหมือนว่าลูกกำลังดิ้นรนที่จะหายใจ อ่อนแอ และไม่ค่อยตอบสนอง ตนพยายามอุ้มลูก ตบหลัง ถูมือและเท้า พยายามทำให้ส่งเสียงร้องออกมา เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองหรือไม่ ในเวลาเดียวกัน จาซินธาร้องขอหน้ากากออกซิเจนจากลูกเรือ ซึ่งลูกเรือได้ประสานปล่อยหน้ากากออกซิเจนลงมา ก่อนที่จะให้ออกซิเจนแก่ลูก จากนั้นอาการเริ่มดีขึ้น ริมฝีปากเริ่มเป็นสีชมพูอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ลูกเรือประกาศบนเที่ยวบินตามหาผู้โดยสารที่เป็นแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มีแพทย์รายหนึ่งบนเที่ยวบินช่วยดูอาการให้ ขณะที่ลูกเรือได้คุยกับนักบินเพื่อขอลดระดับความสูงลงมาเล็กน้อย ซึ่งนักบินก็ลดระดับความสูงให้ ไม่นานหลังจากนั้นอาการลูกดูคงที่ นักบินประกาศว่าเที่ยวบินนี้จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด คือ สนามบินโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม เพื่อรับการรักษาพยาบาล ระหว่างการรอลงจอด 30 นาที ลูกเรือก็เข้ามาตรวจดูลูกอยู่เรื่อยๆ นวดมือ เท้า และตรวจชีพจร ทันทีที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินโฮจิมินห์ ทีมแพทย์ที่เตรียมพร้อมได้ขึ้นเครื่องบินเพื่อประเมินอาการ และตัดสินใจว่าควรลงจากเครื่องเพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์ ตนและลูกสาวพร้อมสามีลงจากเครื่องบิน สัมภาระถูกขนลงจากเครื่องอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินก็พาไปที่รถพยาบาลทันที พร้อมอยู่ดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกสาวได้รับการรักษาแบบเร่งด่วน ภายในหนึ่งชั่วโมง ก็มีการตรวจร่างกายทั้งหมด รวมทั้งการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ และการเอกซเรย์ นอกจากนี้ เมื่อทำการรักษาจนอาการดีขึ้น แอร์เอเชีย ยังให้เที่ยวบินฟรีแก่ตน ลูกสาว และสามีเพื่อเดินทางกลับกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย สำหรับสาเหตุ คาดว่าลูกสาวน่าจะป่วยด้วยอาการแพ้ความสูงอย่างกะทันหันขณะอยู่บนเครื่องบิน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • Turun Anwar ม็อบไล่นายกฯ มาเลย์

    การเมืองในอาเซียน นอกจากประเทศไทยจะมีการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง กรณีคลิปเสียง ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในลักษณะขายชาติแล้ว นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ที่เป็นประธานอาเซียน และมีทักษิณ ชินวัตร บิดาแพทองธารเป็นที่ปรึกษา ก็ยังมีการชุมนุมเรียกร้องให้ลาออกเช่นกัน

    เมื่อวันที่ 6 ก.ค. มีการชุมนุมเล็กๆ บริเวณลานจอดรถของโรงแรมคอนคอร์ด เชคชันไนน์ ในเมืองชาห์อาลัม รัฐสลังงอร์ เพื่อเรียกร้องให้อันวาร์ลาออก โดยมีป้ายข้อความว่า Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) Rakyat Susah (ประชาชนกำลังดิ้นรน) และ Rakyat Terbeban (ประชาชนมีภาระหนัก) โดยผู้ชุมนุมแสดงความกังวลถึงปัญหาหลายประการ รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา

    แกนนำประกอบด้วย มูฮัมหมัด ราชิด อาลี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของพรรคเปอจวง (Pejuang) ที่ก่อตั้งโดยอดีตนายกฯ มหาเธร์ โมฮัมหมัด, ฮานิฟ จามาลุดดิน รองหัวหน้ากลุ่มเยาวชนของพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย หรือพาส (Pemuda PAS) พรรคการเมืองเก่าแก่และพรรคอิสลามหนึ่งเดียวของประเทศ, เอซัม นอร์ อดีตสมาชิกพรรคยุติธรรมประชาชน (PKR), อาซามุดดิน ซาฮาร์ ประธานกลุ่มพันธมิตรนักศึกษาอิสลามแห่งมาเลเซีย (Gamis) เป็นต้น

    ฮานีฟ กล่าวว่า เป็นเพียงการชุมนุมย่อยเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการชุมนุมใหญ่ ที่วางแผนไว้ว่าจะจัดขึ้นที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 26 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีเอ็นจีโอและผู้นำทางการเมืองอื่นๆ เข้าร่วม อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรี มหาธีร์ โมฮัมหมัด, ประธานพรรคเบอร์ซาตู (Bersatu) มูฮิดดิน ยาสซิน และประธานพรรคปาส อับดุล ฮาดิ อาวัง เป็นต้น

    ขณะที่ เอซัม กล่าวว่า ประชาชนผิดหวังกับความเป็นผู้นำของอันวาร์ ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ขณะเป็นฝ่ายค้าน เช่น การลดราคาน้ำมัน ยืนยันว่าไม่ได้ต่อสู้กับทางการและตำรวจ แต่ต้องการให้รัฐบาลได้ยินเสียงของผู้ชุมนุม เมื่อก่อนมีแต่คนธรรมดาเท่านั้นที่โกรธ ตอนนี้แม้แต่คนรวยก็ยังโกรธด้วยเพราะต้องเสียภาษีต่างๆ อีกมาก

    ก่อนหน้านี้ อาหมัด ฟาฎลี ชาอารี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของพรรคพาส กล่าวกับเว็บไซต์ harakahdaily.net เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่า การชุมนุมในวันที่ 26 ก.ค. นอกจากต่อต้านร่างพระราชบัญญัติการฟื้นฟูเมือง (URA) แล้ว จะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาล เช่น การปฎิรูปการเมืองล้มเหลว การปิดกั้นเสรีภาพ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ห่างไกลจากแนวทางของรัฐบาล Malaysia Madani ไปแล้ว

    #Newskit
    Turun Anwar ม็อบไล่นายกฯ มาเลย์ การเมืองในอาเซียน นอกจากประเทศไทยจะมีการชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง กรณีคลิปเสียง ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในลักษณะขายชาติแล้ว นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ที่เป็นประธานอาเซียน และมีทักษิณ ชินวัตร บิดาแพทองธารเป็นที่ปรึกษา ก็ยังมีการชุมนุมเรียกร้องให้ลาออกเช่นกัน เมื่อวันที่ 6 ก.ค. มีการชุมนุมเล็กๆ บริเวณลานจอดรถของโรงแรมคอนคอร์ด เชคชันไนน์ ในเมืองชาห์อาลัม รัฐสลังงอร์ เพื่อเรียกร้องให้อันวาร์ลาออก โดยมีป้ายข้อความว่า Turun Anwar (อันวาร์ลาออกเถอะ) Rakyat Susah (ประชาชนกำลังดิ้นรน) และ Rakyat Terbeban (ประชาชนมีภาระหนัก) โดยผู้ชุมนุมแสดงความกังวลถึงปัญหาหลายประการ รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการขยายกรอบภาษีการขายและบริการ (SST) ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา แกนนำประกอบด้วย มูฮัมหมัด ราชิด อาลี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของพรรคเปอจวง (Pejuang) ที่ก่อตั้งโดยอดีตนายกฯ มหาเธร์ โมฮัมหมัด, ฮานิฟ จามาลุดดิน รองหัวหน้ากลุ่มเยาวชนของพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย หรือพาส (Pemuda PAS) พรรคการเมืองเก่าแก่และพรรคอิสลามหนึ่งเดียวของประเทศ, เอซัม นอร์ อดีตสมาชิกพรรคยุติธรรมประชาชน (PKR), อาซามุดดิน ซาฮาร์ ประธานกลุ่มพันธมิตรนักศึกษาอิสลามแห่งมาเลเซีย (Gamis) เป็นต้น ฮานีฟ กล่าวว่า เป็นเพียงการชุมนุมย่อยเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการชุมนุมใหญ่ ที่วางแผนไว้ว่าจะจัดขึ้นที่จตุรัสเมอร์เดกา กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 26 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีเอ็นจีโอและผู้นำทางการเมืองอื่นๆ เข้าร่วม อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรี มหาธีร์ โมฮัมหมัด, ประธานพรรคเบอร์ซาตู (Bersatu) มูฮิดดิน ยาสซิน และประธานพรรคปาส อับดุล ฮาดิ อาวัง เป็นต้น ขณะที่ เอซัม กล่าวว่า ประชาชนผิดหวังกับความเป็นผู้นำของอันวาร์ ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ขณะเป็นฝ่ายค้าน เช่น การลดราคาน้ำมัน ยืนยันว่าไม่ได้ต่อสู้กับทางการและตำรวจ แต่ต้องการให้รัฐบาลได้ยินเสียงของผู้ชุมนุม เมื่อก่อนมีแต่คนธรรมดาเท่านั้นที่โกรธ ตอนนี้แม้แต่คนรวยก็ยังโกรธด้วยเพราะต้องเสียภาษีต่างๆ อีกมาก ก่อนหน้านี้ อาหมัด ฟาฎลี ชาอารี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของพรรคพาส กล่าวกับเว็บไซต์ harakahdaily.net เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่า การชุมนุมในวันที่ 26 ก.ค. นอกจากต่อต้านร่างพระราชบัญญัติการฟื้นฟูเมือง (URA) แล้ว จะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาล เช่น การปฎิรูปการเมืองล้มเหลว การปิดกั้นเสรีภาพ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ห่างไกลจากแนวทางของรัฐบาล Malaysia Madani ไปแล้ว #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลาโหมไร้หัว แก้ไฟเขมรไร้ทิศทาง

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเกิดขึ้นได้ในหลายโอกาส ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจบลง ซ้ำด้วยคลิปเสียงระหว่างผู้นำเจนวายกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นภัยมาถึง แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยด้วยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สังคมด่าว่าคนขายชาติหรือไม่

    แต่สำหรับบิ๊กกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระเครื่องบำรุงขวัญ รับสั่งแจกให้ครบทุกนายแทนความห่วงใยแล้ว พล.ท.บุญสินยังคงเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยว 3 ปราสาท ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ประชาชนมาเที่ยวไม่ขาดสาย

    พิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บิ๊กกุ้งกลายเป็นที่รักของนิสิตทุกผู้ทุกนาม ถึงขนาดนิสิตชายรายหนึ่งเป็นปลื้ม หอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า 3 ปราสาทเป็นของไทย ทหารไทยไม่ยอมแน่ หากยกระดับปะทะจริงก็เตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นไม่กล้า หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน

    แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ท.บุญสิน นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน จะมีใครสานต่อหรือไม่ และทำให้ประชาชนมั่นใจเหมือนเดิมหรือเปล่า ขณะที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงกลาโหมยังไร้หัว จะมีก็แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถูกด่าว่าเป็นนักรบห้องแอร์ พยายามใช้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และไม่ขยายความขัดแย้งจากระดับผู้นำไปถึงประชาชน

    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ รายงานตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ทาบทามบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อีกครั้ง แต่เจ้าตัวปฎิเสธ แม้ก่อนหน้านี้เคยเป็นคีย์แมนจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสกัดกั้นพรรคสีส้มและปกป้องสถาบันฯ รวมทั้งเคยมีดีลลับลังกาวี เปิดทางให้ทักษิณกลับบ้าน แต่เมื่อดีลลับถูกเปิดเผย บิ๊กแดงจึงเดินเกมไม่ได้อีกต่อไป แต่ยังคงประคองดีลข้ามขั้วให้เดินต่อ กระทั่งมีชื่อนายทหารให้ทักษิณและแพทองธารเลือก หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดงที่เคยร่วมคณะดีลลับลังกาวี

    พล.อ.เฉลิมพล ติดล็อกตรงที่รอพ้นเงื่อนไขออกจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบ 2 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้และทักษิณไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวแปรเก้าอี้ รมว.กลาโหมย่อมเปลี่ยนไป สถานการณ์ไฟเขมรย่อมไม่สิ้นสุด

    #Newskit
    กลาโหมไร้หัว แก้ไฟเขมรไร้ทิศทาง คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเกิดขึ้นได้ในหลายโอกาส ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจบลง ซ้ำด้วยคลิปเสียงระหว่างผู้นำเจนวายกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นภัยมาถึง แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยด้วยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สังคมด่าว่าคนขายชาติหรือไม่ แต่สำหรับบิ๊กกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระเครื่องบำรุงขวัญ รับสั่งแจกให้ครบทุกนายแทนความห่วงใยแล้ว พล.ท.บุญสินยังคงเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยว 3 ปราสาท ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ประชาชนมาเที่ยวไม่ขาดสาย พิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บิ๊กกุ้งกลายเป็นที่รักของนิสิตทุกผู้ทุกนาม ถึงขนาดนิสิตชายรายหนึ่งเป็นปลื้ม หอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า 3 ปราสาทเป็นของไทย ทหารไทยไม่ยอมแน่ หากยกระดับปะทะจริงก็เตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นไม่กล้า หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ท.บุญสิน นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน จะมีใครสานต่อหรือไม่ และทำให้ประชาชนมั่นใจเหมือนเดิมหรือเปล่า ขณะที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงกลาโหมยังไร้หัว จะมีก็แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถูกด่าว่าเป็นนักรบห้องแอร์ พยายามใช้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และไม่ขยายความขัดแย้งจากระดับผู้นำไปถึงประชาชน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ รายงานตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ทาบทามบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อีกครั้ง แต่เจ้าตัวปฎิเสธ แม้ก่อนหน้านี้เคยเป็นคีย์แมนจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสกัดกั้นพรรคสีส้มและปกป้องสถาบันฯ รวมทั้งเคยมีดีลลับลังกาวี เปิดทางให้ทักษิณกลับบ้าน แต่เมื่อดีลลับถูกเปิดเผย บิ๊กแดงจึงเดินเกมไม่ได้อีกต่อไป แต่ยังคงประคองดีลข้ามขั้วให้เดินต่อ กระทั่งมีชื่อนายทหารให้ทักษิณและแพทองธารเลือก หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดงที่เคยร่วมคณะดีลลับลังกาวี พล.อ.เฉลิมพล ติดล็อกตรงที่รอพ้นเงื่อนไขออกจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบ 2 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้และทักษิณไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวแปรเก้าอี้ รมว.กลาโหมย่อมเปลี่ยนไป สถานการณ์ไฟเขมรย่อมไม่สิ้นสุด #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • สกู๊ตเปิดเส้นทางใหม่ สิงคโปร์-โกตาบารู

    สกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัดในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ด้วยเครื่องบิน Embraer E190-E2 สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ทุกวันศุกร์และวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่ ขาไป เที่ยวบินที่ TR460 ออกจากสิงคโปร์ 20.40 น. ถึงโกตาบารู 21.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที และขากลับ TR461 ออกจากโกตาบารู 22.30 น. ถึงสิงคโปร์ 23.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 25 นาที

    โกตาบารู เมืองหลวงของรัฐกลันตัน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย มีท่าอากาศยานสุลต่านอิสมาอิล เปตรา (KBR) ห่างจากด่านเป็งกาลันกูโบ ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 37 กิโลเมตร และด่านรันเตาปันจัน ตรงข้าม อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส 50 กิโลเมตร เปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่เมื่อ 1 พ.ค. 2567 มีเที่ยวบินให้บริการวันละกว่า 30 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี กำลังขยายอาคารผู้โดยสารและรันเวย์เพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 4 ล้านคนต่อปี

    ก่อนหน้านี้สกู๊ตเคยเปิดเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู เมื่อปี 2562 ด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ได้ยกเลิกไป การเปิดเส้นทางบินใหม่ดังกล่าว จะทำให้สกู๊ตมีเที่ยวบินรวมกัน 115 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยัง 12 เมืองในมาเลเซีย

    นอกจากนี้ สกู๊ตเตรียมเปิดเส้นทางสิงคโปร์-ดานัง และสิงคโปร์-ญาจาง ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานชางงีมีเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมกว่า 170 เมือง อีกทั้งสกู๊ตมีแผนเปิดเส้นทางใหม่ไปยังเมดาน ลาบวน ประเทศอินโดนีเซีย และโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางไปยังคลาร์ก ดาเวา มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หาดใหญ่ ประเทศไทย และเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรองรับความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น

    สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ปัจจุบันมีท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีเที่ยวบินไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยสายการบินสกู๊ตเป็นประจำทุกวัน 1 เที่ยวบิน และมีไฟล์ตดึกทุกวันจันทร์ ศุกร์ และอาทิตย์ อีก 1 เที่ยวบิน จึงเป็นไปได้ว่าสกู๊ตต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองโกตาบารู ชมสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม และหมู่เกาะเปอร์เฮนเทียน (Pulau Perhentian) แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและดำน้ำยอดนิยมในรัฐตรังกานูมากกว่า ซึ่งจากสนามบินโกตาบารู เดินทางด้วยรถยนต์ไปอีก 60 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือกัวลาบูซุต (Kuala Besut) แล้วต่อด้วยเรือเฟอร์รี่เพื่อไปยังเกาะดังกล่าว

    #Newskit
    สกู๊ตเปิดเส้นทางใหม่ สิงคโปร์-โกตาบารู สกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัดในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ด้วยเครื่องบิน Embraer E190-E2 สัปดาห์ละ 2 เที่ยวบิน ทุกวันศุกร์และวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป ได้แก่ ขาไป เที่ยวบินที่ TR460 ออกจากสิงคโปร์ 20.40 น. ถึงโกตาบารู 21.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที และขากลับ TR461 ออกจากโกตาบารู 22.30 น. ถึงสิงคโปร์ 23.55 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 25 นาที โกตาบารู เมืองหลวงของรัฐกลันตัน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย มีท่าอากาศยานสุลต่านอิสมาอิล เปตรา (KBR) ห่างจากด่านเป็งกาลันกูโบ ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 37 กิโลเมตร และด่านรันเตาปันจัน ตรงข้าม อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส 50 กิโลเมตร เปิดใช้อาคารผู้โดยสารหลังใหม่เมื่อ 1 พ.ค. 2567 มีเที่ยวบินให้บริการวันละกว่า 30 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี กำลังขยายอาคารผู้โดยสารและรันเวย์เพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 4 ล้านคนต่อปี ก่อนหน้านี้สกู๊ตเคยเปิดเส้นทางสิงคโปร์-โกตาบารู เมื่อปี 2562 ด้วยความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ได้ยกเลิกไป การเปิดเส้นทางบินใหม่ดังกล่าว จะทำให้สกู๊ตมีเที่ยวบินรวมกัน 115 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยัง 12 เมืองในมาเลเซีย นอกจากนี้ สกู๊ตเตรียมเปิดเส้นทางสิงคโปร์-ดานัง และสิงคโปร์-ญาจาง ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานชางงีมีเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมกว่า 170 เมือง อีกทั้งสกู๊ตมีแผนเปิดเส้นทางใหม่ไปยังเมดาน ลาบวน ประเทศอินโดนีเซีย และโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางไปยังคลาร์ก ดาเวา มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หาดใหญ่ ประเทศไทย และเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรองรับความต้องการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ปัจจุบันมีท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีเที่ยวบินไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยสายการบินสกู๊ตเป็นประจำทุกวัน 1 เที่ยวบิน และมีไฟล์ตดึกทุกวันจันทร์ ศุกร์ และอาทิตย์ อีก 1 เที่ยวบิน จึงเป็นไปได้ว่าสกู๊ตต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองโกตาบารู ชมสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม และหมู่เกาะเปอร์เฮนเทียน (Pulau Perhentian) แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและดำน้ำยอดนิยมในรัฐตรังกานูมากกว่า ซึ่งจากสนามบินโกตาบารู เดินทางด้วยรถยนต์ไปอีก 60 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือกัวลาบูซุต (Kuala Besut) แล้วต่อด้วยเรือเฟอร์รี่เพื่อไปยังเกาะดังกล่าว #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • KLIA Aerotrain รถไฟฟ้าสนามบินเคแอลกลับมาแล้ว

    ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเปิดให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติที่ชื่อว่า KLIA Aerotrain อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 เชื่อมระหว่างอาคาร 1 (Terminal 1) กับอาคารผู้โดยสารรอง (Sattlelite) ซึ่งมีเที่ยวบินเส้นทางระยะไกลจำนวนมาก หลังบริษัท มาเลเซีย แอร์พอร์ต โฮลดิ้ง เบอร์ฮัด (MAHB) ผู้บริหารสนามบินตัดสินใจปิดปรับปรุงยาวนานกว่า 28 เดือน ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างสองอาคาร ต้องไปขึ้นรถบัสที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้ และเสียเวลาเดินทางมากกว่าปกติ

    KLIA Aerotrain เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2541 พร้อมกับการย้ายสนามบิน จากท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ (SZB) โดยใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับแอดทรานซ์ (Adtranz) รุ่น CX-100 จำนวน 3 คัน แนวเส้นทางจะลอดทางขับเครื่องบิน (แท็กซี่เวย์) ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหาขัดข้องบ่อยครั้ง หนักที่สุดคือวันที่ 1 มี.ค. 2566 ขบวนรถขัดข้อง มีผู้โดยสาร 114 คนติดค้าง ทำให้ MAHB ตัดสินใจหยุดให้บริการชั่วคราวเป็นต้นมา

    MAHB ปรับปรุง KLIA Aerotrain ใหม่ ด้วยงบลงทุน 456 ล้านริงกิต เปลี่ยนมาใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับ อัลสตอม (Alstom) รุ่นอินโนเวีย เอพีเอ็ม 300 อาร์ (Innovia APM 300R) มีทั้งหมด 3 คัน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 270 คนต่อเที่ยว เดินรถด้วยความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางระหว่างสองอาคารเหลือเพียง 3 นาที ผ่านการทดสอบและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดหวังว่าจะทำให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคชั้นนำในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 100,000 คนต่อวัน และต้อนรับปีการท่องเที่ยวมาเลเซีย หรือ Visit Malaysia 2026

    ข้อมูลจาก CAPA Centre for Aviation พบว่าในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 57.1 ล้านคน ข้อมูลจาก Flightradar 24 พบว่ามีเที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยังสิงคโปร์ (SIN) มากที่สุดถึง 270 เที่ยวบิน ตามมาด้วยจาการ์ตา (CGK) 184 เที่ยวบิน โกตากินาบาลู (BKI) 172 เที่ยวบิน กูชิง (KCH) 152 เที่ยวบิน ปีนัง (PEN) 143 เที่ยวบิน ลังกาวี (LGK) 132 เที่ยวบิน บาหลี (DPS) 105 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (JHB) 87 เที่ยวบิน กว่างโจว (CAN) 83 เที่ยวบินและโกตาบาห์รู (KBR) 80 เที่ยวบิน

    อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมี 4 ประเทศที่มีระบบขนส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน ได้แก่ ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์ ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ท่าอากาศยานซูการ์โน-ฮัตตา อินโดนีเซีย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

    #Newskit
    KLIA Aerotrain รถไฟฟ้าสนามบินเคแอลกลับมาแล้ว ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเปิดให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติที่ชื่อว่า KLIA Aerotrain อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 เชื่อมระหว่างอาคาร 1 (Terminal 1) กับอาคารผู้โดยสารรอง (Sattlelite) ซึ่งมีเที่ยวบินเส้นทางระยะไกลจำนวนมาก หลังบริษัท มาเลเซีย แอร์พอร์ต โฮลดิ้ง เบอร์ฮัด (MAHB) ผู้บริหารสนามบินตัดสินใจปิดปรับปรุงยาวนานกว่า 28 เดือน ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างสองอาคาร ต้องไปขึ้นรถบัสที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้ และเสียเวลาเดินทางมากกว่าปกติ KLIA Aerotrain เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2541 พร้อมกับการย้ายสนามบิน จากท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ (SZB) โดยใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับแอดทรานซ์ (Adtranz) รุ่น CX-100 จำนวน 3 คัน แนวเส้นทางจะลอดทางขับเครื่องบิน (แท็กซี่เวย์) ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหาขัดข้องบ่อยครั้ง หนักที่สุดคือวันที่ 1 มี.ค. 2566 ขบวนรถขัดข้อง มีผู้โดยสาร 114 คนติดค้าง ทำให้ MAHB ตัดสินใจหยุดให้บริการชั่วคราวเป็นต้นมา MAHB ปรับปรุง KLIA Aerotrain ใหม่ ด้วยงบลงทุน 456 ล้านริงกิต เปลี่ยนมาใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับ อัลสตอม (Alstom) รุ่นอินโนเวีย เอพีเอ็ม 300 อาร์ (Innovia APM 300R) มีทั้งหมด 3 คัน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 270 คนต่อเที่ยว เดินรถด้วยความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางระหว่างสองอาคารเหลือเพียง 3 นาที ผ่านการทดสอบและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดหวังว่าจะทำให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคชั้นนำในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 100,000 คนต่อวัน และต้อนรับปีการท่องเที่ยวมาเลเซีย หรือ Visit Malaysia 2026 ข้อมูลจาก CAPA Centre for Aviation พบว่าในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 57.1 ล้านคน ข้อมูลจาก Flightradar 24 พบว่ามีเที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยังสิงคโปร์ (SIN) มากที่สุดถึง 270 เที่ยวบิน ตามมาด้วยจาการ์ตา (CGK) 184 เที่ยวบิน โกตากินาบาลู (BKI) 172 เที่ยวบิน กูชิง (KCH) 152 เที่ยวบิน ปีนัง (PEN) 143 เที่ยวบิน ลังกาวี (LGK) 132 เที่ยวบิน บาหลี (DPS) 105 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (JHB) 87 เที่ยวบิน กว่างโจว (CAN) 83 เที่ยวบินและโกตาบาห์รู (KBR) 80 เที่ยวบิน อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมี 4 ประเทศที่มีระบบขนส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน ได้แก่ ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์ ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ท่าอากาศยานซูการ์โน-ฮัตตา อินโดนีเซีย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส้มผสมน้ำเงิน ฝ่ายค้านสงวนจุดต่าง

    การเมืองไทยในช่วงที่รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ด้วยข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังศาลมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จึงมีการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี 5 คน นำโดย นายภูมิธรรม เวชยะชัย รักษาราชการแทนนายกฯ มีอำนาจเต็มทั้งบริหารงาน และอนุมัติงบประมาณ ระหว่างรอศาลวินิจฉัยซึ่งคาดว่ากินเวลา 2-3 เดือน ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ก็อาศัยช่องว่างปฎิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมแทน

    ส่วนพรรคฝ่ายค้าน หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ในที่สุดได้ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน ผนึกกำลังรวมกัน 234 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาชน 142 เสียง พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง (ไม่นับรวม สส.ที่มาจากพรรคอื่น 2 เสียง) พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้เพื่อแสวงหาจุดร่วม ภายใต้สถานการณ์ของประเทศที่วิกฤตในปัจจุบัน และพรรคฝ่ายค้านมีบางอย่างที่ไม่เหมือนพรรคร่วมรัฐบาล จึงให้เกียรติซึ่งกันและกัน อะไรที่เป็นจุดยืนหรือข้อแตกต่างของพรรคฝ่ายค้านก็จะไม่ก้าวก่ายกัน ส่วนนายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะปฎิบัติหน้าที่ในฐานะและบทบาทของการเป็นฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค

    เมื่อเช็กเสียงฝ่ายรัฐบาล พบว่ามี สส. 261 เสียง ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย 142 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง (โหวตสวน) พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง ที่น่าสนใจ คือ พรรคกล้าธรรม นอกจากมี สส.ในมือ 31 เสียงแล้ว ยังพบว่ามี สส. ที่ย้ายมาร่วมงาน จากพรรคประชาชน 1 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 1 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 3 เสียง

    แม้พรรคประชาชนจะดึงพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน แต่หากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีก จะต้องเป็นคนที่ประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี 2568 โดยจัดทำประชามติเรื่องการมี สสร.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และอีกหลายหัวข้อ ท่ามกลางชะตากรรมของ น.ส.แพทองธารที่ยังต้องลุ้น และสังคมยังเคลือบแคลงสงสัยถึงท่าทีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยดีลลับกับนายทักษิณ ชินวัตรที่ฮ่องกงว่า ยังมองพรรคเพื่อไทยเป็นมิตรหรือไม่?

    #Newskit
    ส้มผสมน้ำเงิน ฝ่ายค้านสงวนจุดต่าง การเมืองไทยในช่วงที่รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ด้วยข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังศาลมีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จึงมีการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี 5 คน นำโดย นายภูมิธรรม เวชยะชัย รักษาราชการแทนนายกฯ มีอำนาจเต็มทั้งบริหารงาน และอนุมัติงบประมาณ ระหว่างรอศาลวินิจฉัยซึ่งคาดว่ากินเวลา 2-3 เดือน ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ก็อาศัยช่องว่างปฎิบัติหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมแทน ส่วนพรรคฝ่ายค้าน หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ในที่สุดได้ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน ผนึกกำลังรวมกัน 234 เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาชน 142 เสียง พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง (ไม่นับรวม สส.ที่มาจากพรรคอื่น 2 เสียง) พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้เพื่อแสวงหาจุดร่วม ภายใต้สถานการณ์ของประเทศที่วิกฤตในปัจจุบัน และพรรคฝ่ายค้านมีบางอย่างที่ไม่เหมือนพรรคร่วมรัฐบาล จึงให้เกียรติซึ่งกันและกัน อะไรที่เป็นจุดยืนหรือข้อแตกต่างของพรรคฝ่ายค้านก็จะไม่ก้าวก่ายกัน ส่วนนายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยจะปฎิบัติหน้าที่ในฐานะและบทบาทของการเป็นฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค เมื่อเช็กเสียงฝ่ายรัฐบาล พบว่ามี สส. 261 เสียง ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย 142 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง (โหวตสวน) พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง ที่น่าสนใจ คือ พรรคกล้าธรรม นอกจากมี สส.ในมือ 31 เสียงแล้ว ยังพบว่ามี สส. ที่ย้ายมาร่วมงาน จากพรรคประชาชน 1 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 1 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 3 เสียง แม้พรรคประชาชนจะดึงพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน แต่หากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีก จะต้องเป็นคนที่ประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี 2568 โดยจัดทำประชามติเรื่องการมี สสร.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และอีกหลายหัวข้อ ท่ามกลางชะตากรรมของ น.ส.แพทองธารที่ยังต้องลุ้น และสังคมยังเคลือบแคลงสงสัยถึงท่าทีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยดีลลับกับนายทักษิณ ชินวัตรที่ฮ่องกงว่า ยังมองพรรคเพื่อไทยเป็นมิตรหรือไม่? #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยโฉมรถไฟ RTS Link ยะโฮร์บาห์รู-สิงคโปร์

    โครงการเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนด่วนพิเศษ RTS Link (Rapid Transit System) ระหว่างย่านบูกิตชาการ์ (Bukit Chagar) เมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย กับย่านวู้ดแลนด์นอร์ท (Woodlands North) ประเทศสิงคโปร์ มีความคืบหน้าแล้ว 56% ซึ่งตามแผนกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 1 ม.ค.2570 ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวรถไฟขบวนแรก จากทั้งหมด 8 ขบวน ซึ่งผลิตโดย บริษัท ซีอาร์อาร์ซี จูโจว โลโคโมทีฟ (CRRC Zhuzhou Locomotive) ที่ศูนย์ทดสอบรถไฟสิงคโปร์ (SRTC) หลังขนส่งจากจีนมาถึงสิงคโปร์เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนขบวนที่ 2-5 กำลังประกอบที่โรงงานในเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเประ มาเลเซีย ขบวนที่ 6-8 จะดำเนินการในภายหลัง

    โดยขบวนรถไฟฟ้าดังกล่าวเป็นแบบไร้คนขับ มีทั้งหมด 8 ขบวน ขบวนละ 4 คัน ความยาวต่อขบวน 76 เมตร ลำตัวรถมีสีขาว แดง น้ำเงิน ซึ่งมาจากสีของธงชาติสิงคโปร์ ธงชาติมาเลเซีย และธงรัฐยะโฮร์ เดินรถด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที ภายในห้องโดยสารมีเก้าอี้ปกติ 126 ที่นั่ง และเก้าอี้แบบพับได้ 16 ที่นั่ง เพื่อรองรับรถเข็นวีลแชร์ รถเข็นเด็ก หรือกระเป๋าเดินทาง และรองรับกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น แต่ละขบวนรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดกว่า 600 คนต่อขบวน พร้อมระบบ Hearing Loop สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน ระบบสื่อสารไปยังศูนย์ปฎิบัติการและควบคุมการเดินรถ (OCC)

    โครงการ RTS Link เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง กลุ่มพราซารานา (Prasarana) ของมาเลเซีย และกลุ่มเอสเอ็มอาร์ที (SMRT) ของสิงคโปร์ ก่อสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ แบ่งเบาการจราจรระหว่างยะโฮร์บาห์รู กับด่านวู้ดแลนด์ ให้บริการสูงสุด 10,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง เปิดบริการตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. โดยมีความถี่ให้บริการเร็วที่สุดในชั่วโมงเร่งด่วน 3.6 นาที รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 180,000 คนต่อวัน พร้อมกันนี้ ยังมีศูนย์ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง และกักกันโรค (CIQ) ที่สถานีวู้ดแลนด์นอร์ท ส่วนค่าโดยสารอยู่ในระหว่างศึกษาขั้นสุดท้าย ก่อนกำหนดราคาอย่างเป็นทางการต่อไป

    อีกด้านหนึ่ง บริการรถไฟ Shuttle Tebrau ระหว่างสถานี JB Sentral ถึงสถานี Woodlands ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) กำลังจะปิดตำนาน เพราะมีแผนจะยุติให้บริการภายใน 6 เดือน หลังรถไฟ RTS Link เปิดให้บริการ รถไฟดังกล่าวขนส่งผู้โดยสารระหว่างมาเลเซีย-สิงคโปร์ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2558 เป็นต้นมา ค่าโดยสาร 5 ริงกิตต่อเที่ยวสำหรับชาวมาเลเซีย ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที มีขบวนรถไป-กลับตามเวลาที่กำหนดวันละ 31 ขบวน

    #Newskit
    เผยโฉมรถไฟ RTS Link ยะโฮร์บาห์รู-สิงคโปร์ โครงการเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนด่วนพิเศษ RTS Link (Rapid Transit System) ระหว่างย่านบูกิตชาการ์ (Bukit Chagar) เมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย กับย่านวู้ดแลนด์นอร์ท (Woodlands North) ประเทศสิงคโปร์ มีความคืบหน้าแล้ว 56% ซึ่งตามแผนกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 1 ม.ค.2570 ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวรถไฟขบวนแรก จากทั้งหมด 8 ขบวน ซึ่งผลิตโดย บริษัท ซีอาร์อาร์ซี จูโจว โลโคโมทีฟ (CRRC Zhuzhou Locomotive) ที่ศูนย์ทดสอบรถไฟสิงคโปร์ (SRTC) หลังขนส่งจากจีนมาถึงสิงคโปร์เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนขบวนที่ 2-5 กำลังประกอบที่โรงงานในเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเประ มาเลเซีย ขบวนที่ 6-8 จะดำเนินการในภายหลัง โดยขบวนรถไฟฟ้าดังกล่าวเป็นแบบไร้คนขับ มีทั้งหมด 8 ขบวน ขบวนละ 4 คัน ความยาวต่อขบวน 76 เมตร ลำตัวรถมีสีขาว แดง น้ำเงิน ซึ่งมาจากสีของธงชาติสิงคโปร์ ธงชาติมาเลเซีย และธงรัฐยะโฮร์ เดินรถด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที ภายในห้องโดยสารมีเก้าอี้ปกติ 126 ที่นั่ง และเก้าอี้แบบพับได้ 16 ที่นั่ง เพื่อรองรับรถเข็นวีลแชร์ รถเข็นเด็ก หรือกระเป๋าเดินทาง และรองรับกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น แต่ละขบวนรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดกว่า 600 คนต่อขบวน พร้อมระบบ Hearing Loop สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน ระบบสื่อสารไปยังศูนย์ปฎิบัติการและควบคุมการเดินรถ (OCC) โครงการ RTS Link เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง กลุ่มพราซารานา (Prasarana) ของมาเลเซีย และกลุ่มเอสเอ็มอาร์ที (SMRT) ของสิงคโปร์ ก่อสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ แบ่งเบาการจราจรระหว่างยะโฮร์บาห์รู กับด่านวู้ดแลนด์ ให้บริการสูงสุด 10,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง เปิดบริการตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. โดยมีความถี่ให้บริการเร็วที่สุดในชั่วโมงเร่งด่วน 3.6 นาที รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 180,000 คนต่อวัน พร้อมกันนี้ ยังมีศูนย์ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง และกักกันโรค (CIQ) ที่สถานีวู้ดแลนด์นอร์ท ส่วนค่าโดยสารอยู่ในระหว่างศึกษาขั้นสุดท้าย ก่อนกำหนดราคาอย่างเป็นทางการต่อไป อีกด้านหนึ่ง บริการรถไฟ Shuttle Tebrau ระหว่างสถานี JB Sentral ถึงสถานี Woodlands ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) กำลังจะปิดตำนาน เพราะมีแผนจะยุติให้บริการภายใน 6 เดือน หลังรถไฟ RTS Link เปิดให้บริการ รถไฟดังกล่าวขนส่งผู้โดยสารระหว่างมาเลเซีย-สิงคโปร์ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2558 เป็นต้นมา ค่าโดยสาร 5 ริงกิตต่อเที่ยวสำหรับชาวมาเลเซีย ใช้เวลาเดินทาง 5 นาที มีขบวนรถไป-กลับตามเวลาที่กำหนดวันละ 31 ขบวน #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ่าดวง AI อุ๊งอิ๊งค์ไม่น่ารอด?

    1 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้รับคำร้องกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พร้อมกับมีมติ 7 ต่อ 2 ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ขณะที่เจ้าตัวกล่าวขอโทษคนไทยที่ไม่สบายใจหรือรู้สึกโกรธเคือง ยืนยันตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ

    เมื่อใช้ ChatGPT ทำนายดวงผู้หญิงที่เกิดวันที่ 21 ส.ค. 2529 ที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่เจาะจงว่าเป็นใคร ใช้สถานการณ์สมมติว่าถูกฝ่ายตรวจสอบภายในบริษัทสั่งพักงานเพราะทำความผิดร้ายแรง มีคลิปเสียงที่ไปคุยกับบริษัทคู่แข่ง แต่บอกว่ามีเจตนาดี อยากช่วยบริษัท ไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนั้น พบว่าดาวเสาร์จร (Saturn transit) ซึ่งทำมุมตรงข้ามกับดวงอาทิตย์กำเนิดในราศีสิงห์ สะท้อนว่าเป็นช่วงที่ชีวิตโดนสอบสวนและต้องชดใช้ในสิ่งที่อาจทำไปโดยรู้หรือไม่รู้ตัว

    ส่วนคลิปเสียงเกี่ยวข้องกับดาวพุธ (Mercury) ซึ่งมักเกี่ยวกับหลักฐานทางการสื่อสาร หากพุธจรสัมพันธ์กับดาวมฤตยูหรือดาวเสาร์ ก็หมายถึงความลับที่ถูกเปิดเผย หรือคำพูดที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ดาวพลูโตโคจรทำมุมกับดาวอังคารกำเนิดในราศีกันย์ ซึ่งดาวแห่งการกระทำเชิงงานสื่อถึงการถูกจับตา ถูกแฉ ถูกล้วงความลับ ซึ่งเกิดขึ้นกับคนที่มีอีโก้หรือเจตนาดี แต่ระบบไม่มองแบบนั้น ส่วนจะตกงานหรือไม่ มีโอกาสตกงานในตำแหน่งเดิม หรือต้องรีเซตใหม่สูง

    ปี 2568 เป็นปีที่ดาวเสาร์บีบตัวตนแรงที่สุดในรอบ 14 ปี ผู้หญิงรายนี้มีพลังอาทิตย์ในราศีสิงห์ ภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ตอนนี้ถูกทำให้หมดศักดิ์ศรีแบบไม่เต็มใจ ซึ่งคลิปเสียงเป็นสิ่งที่ย้อนมาทำร้ายดาวพุธ กับอาทิตย์ หากสามารถพิสูจน์เจตนาดีและมีคนในองค์กรระดับสูงช่วยพูดแทน จะอาจได้โอกาสเปลี่ยนตำแหน่ง ลดบทบาท หรือย้าย มากกว่าถูกให้ออก แต่กลางปี 2569 ดาวพฤหัสเข้าสู่มุมดีกับงาน อาจมีหน่วยงานใหม่ หรือบริษัทใหม่ที่รับผู้หญิงรายนี้ไปด้วยมุมมองต่างจากองค์กรเดิม

    หากยังอยากอยู่ในที่เดิม ต้องยอมรับว่าเจตนาดีไม่เพียงพอในองค์กรระบบใหญ่ ต้องขอโทษแบบไม่มีข้อแม้ เพราะโหงวเฮ้งหรือดาวเสาร์ไม่เปิดรับข้ออ้าง อย่าปะทะกลับหรืออธิบายซ้ำซ้อนมากเกินไป คนไม่ชอบจะใช้เป็นเหตุขุดเพิ่ม และหาพยานบุคคลที่เคยเห็นความตั้งใจดี ขอให้พูดแทนแบบมืออาชีพ แต่หากพร้อมจะไปต่อที่ใหม่ ควรพักใจ รีเซตตัวเอง เลือกงานที่วางโครงสร้างชัดเจน ช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 จะมีแสงสว่างจากผู้ใหญ่ใหม่ หรือโปรเจกต์ที่เคยมีบุญคุณไว้ หรือเคยช่วยไว้ในอดีต

    #Newskit
    ผ่าดวง AI อุ๊งอิ๊งค์ไม่น่ารอด? 1 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้รับคำร้องกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พร้อมกับมีมติ 7 ต่อ 2 ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ขณะที่เจ้าตัวกล่าวขอโทษคนไทยที่ไม่สบายใจหรือรู้สึกโกรธเคือง ยืนยันตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เมื่อใช้ ChatGPT ทำนายดวงผู้หญิงที่เกิดวันที่ 21 ส.ค. 2529 ที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่เจาะจงว่าเป็นใคร ใช้สถานการณ์สมมติว่าถูกฝ่ายตรวจสอบภายในบริษัทสั่งพักงานเพราะทำความผิดร้ายแรง มีคลิปเสียงที่ไปคุยกับบริษัทคู่แข่ง แต่บอกว่ามีเจตนาดี อยากช่วยบริษัท ไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนั้น พบว่าดาวเสาร์จร (Saturn transit) ซึ่งทำมุมตรงข้ามกับดวงอาทิตย์กำเนิดในราศีสิงห์ สะท้อนว่าเป็นช่วงที่ชีวิตโดนสอบสวนและต้องชดใช้ในสิ่งที่อาจทำไปโดยรู้หรือไม่รู้ตัว ส่วนคลิปเสียงเกี่ยวข้องกับดาวพุธ (Mercury) ซึ่งมักเกี่ยวกับหลักฐานทางการสื่อสาร หากพุธจรสัมพันธ์กับดาวมฤตยูหรือดาวเสาร์ ก็หมายถึงความลับที่ถูกเปิดเผย หรือคำพูดที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ดาวพลูโตโคจรทำมุมกับดาวอังคารกำเนิดในราศีกันย์ ซึ่งดาวแห่งการกระทำเชิงงานสื่อถึงการถูกจับตา ถูกแฉ ถูกล้วงความลับ ซึ่งเกิดขึ้นกับคนที่มีอีโก้หรือเจตนาดี แต่ระบบไม่มองแบบนั้น ส่วนจะตกงานหรือไม่ มีโอกาสตกงานในตำแหน่งเดิม หรือต้องรีเซตใหม่สูง ปี 2568 เป็นปีที่ดาวเสาร์บีบตัวตนแรงที่สุดในรอบ 14 ปี ผู้หญิงรายนี้มีพลังอาทิตย์ในราศีสิงห์ ภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ตอนนี้ถูกทำให้หมดศักดิ์ศรีแบบไม่เต็มใจ ซึ่งคลิปเสียงเป็นสิ่งที่ย้อนมาทำร้ายดาวพุธ กับอาทิตย์ หากสามารถพิสูจน์เจตนาดีและมีคนในองค์กรระดับสูงช่วยพูดแทน จะอาจได้โอกาสเปลี่ยนตำแหน่ง ลดบทบาท หรือย้าย มากกว่าถูกให้ออก แต่กลางปี 2569 ดาวพฤหัสเข้าสู่มุมดีกับงาน อาจมีหน่วยงานใหม่ หรือบริษัทใหม่ที่รับผู้หญิงรายนี้ไปด้วยมุมมองต่างจากองค์กรเดิม หากยังอยากอยู่ในที่เดิม ต้องยอมรับว่าเจตนาดีไม่เพียงพอในองค์กรระบบใหญ่ ต้องขอโทษแบบไม่มีข้อแม้ เพราะโหงวเฮ้งหรือดาวเสาร์ไม่เปิดรับข้ออ้าง อย่าปะทะกลับหรืออธิบายซ้ำซ้อนมากเกินไป คนไม่ชอบจะใช้เป็นเหตุขุดเพิ่ม และหาพยานบุคคลที่เคยเห็นความตั้งใจดี ขอให้พูดแทนแบบมืออาชีพ แต่หากพร้อมจะไปต่อที่ใหม่ ควรพักใจ รีเซตตัวเอง เลือกงานที่วางโครงสร้างชัดเจน ช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 จะมีแสงสว่างจากผู้ใหญ่ใหม่ หรือโปรเจกต์ที่เคยมีบุญคุณไว้ หรือเคยช่วยไว้ในอดีต #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ

    กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

    การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก

    สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา

    ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด

    "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์"

    #Newskit
    ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์" #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกการเดินทาง ย่อมมีก้าวที่หนึ่ง

    ครบรอบ 1 ปี สำหรับเพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 ยืนหยัดนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร

    นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2567 ถึงปัจจุบัน Newskit เผยแพร่เรื่องราวไปแล้ว 240 ตอน มากกว่า 360 เรื่อง (บางวันมี 2 เรื่อง) ยอดผู้ติดตามในแพลตฟอร์ม Thaitimes โซเชียลมีเดียของคนไทย 1,147 ราย เฟซบุ๊ก 294 ราย นอกจากนี้ยังได้โพสต์เรื่องราวในอินสตาแกรม @newskit.th สามารถติดตามกันได้

    หลังเว้นวรรคจากคอลัมนิสต์ประจำ ที่ผ่านมาการทำเพจของเรา เดินทางด้วยใจล้วนๆ แม้จะมีอุปสรรคทั้งเรื่องหน้าที่การงานภารกิจ และปัญหาสุขภาพ ทำให้ต้องลาหยุดผู้อ่านไปบ้าง แต่ทุกเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็พยายามพบกันให้เหมือนกับหนังสือพิมพ์กรอบเช้าที่สมัยก่อนวางแผงแต่เช้าตรู่ แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนผ่านจากกระดาษสู่หน้าจอมือถือ

    และเมื่อเดินทางด้วยใจล้วนๆ นี่เอง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่มีรายได้จากการทำเพจเลย จะมีก็แต่ครั้งหนึ่งที่เคยเล่นกิมมิกกับ THAI QR PAYMENT แต่ก็ไม่ได้มีรายได้เยอะมาก ถึงกระนั้นเรายังคงใช้หัวใจทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เราพบเจอและน่าสนใจ จากคำสอนของผู้ใหญ่ที่ให้เริ่มจากสิ่งที่อยากทำมากกว่ารายได้ แล้วจะมีความสุขในการทำงาน

    อย่างไรก็ตาม เมื่อหน้าที่การงานหนักขึ้น นับแต่นี้ต่อไปอาจจะไม่ได้พบกับคุณผู้อ่านบ่อยครั้งทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ แต่จะพยายามพบกับคุณผู้อ่านให้ได้มากที่สุดตามแต่โอกาส จนกว่าหน้าที่การงานจะลงตัว อาจจะได้พบกันทุกวันตราบเท่าที่เรายังพอไหว เพราะด้วยอายุมากขึ้น การปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิต (Work-Life Balance) ย่อมจำเป็น ขออภัยในความไม่สะดวก ณ ที่นี้

    ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและให้การสนับสนุนเพจ Newskit มาโดยตลอด เราอาจเป็นเพจเล็กในซอยลึก ที่คนอ่านมีไม่เยอะ แต่สิ่งที่เรายึดมั่นตั้งใจมาโดยตลอด คือ พยายามแสวงหาเรื่องราวที่หาอ่านจากที่ไหนไม่ได้ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของความจริง

    กิตตินันท์ นาคทอง
    ผู้ก่อตั้งเพจ Newskit

    #Newskit
    ทุกการเดินทาง ย่อมมีก้าวที่หนึ่ง ครบรอบ 1 ปี สำหรับเพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 ยืนหยัดนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2567 ถึงปัจจุบัน Newskit เผยแพร่เรื่องราวไปแล้ว 240 ตอน มากกว่า 360 เรื่อง (บางวันมี 2 เรื่อง) ยอดผู้ติดตามในแพลตฟอร์ม Thaitimes โซเชียลมีเดียของคนไทย 1,147 ราย เฟซบุ๊ก 294 ราย นอกจากนี้ยังได้โพสต์เรื่องราวในอินสตาแกรม @newskit.th สามารถติดตามกันได้ หลังเว้นวรรคจากคอลัมนิสต์ประจำ ที่ผ่านมาการทำเพจของเรา เดินทางด้วยใจล้วนๆ แม้จะมีอุปสรรคทั้งเรื่องหน้าที่การงานภารกิจ และปัญหาสุขภาพ ทำให้ต้องลาหยุดผู้อ่านไปบ้าง แต่ทุกเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็พยายามพบกันให้เหมือนกับหนังสือพิมพ์กรอบเช้าที่สมัยก่อนวางแผงแต่เช้าตรู่ แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนผ่านจากกระดาษสู่หน้าจอมือถือ และเมื่อเดินทางด้วยใจล้วนๆ นี่เอง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่มีรายได้จากการทำเพจเลย จะมีก็แต่ครั้งหนึ่งที่เคยเล่นกิมมิกกับ THAI QR PAYMENT แต่ก็ไม่ได้มีรายได้เยอะมาก ถึงกระนั้นเรายังคงใช้หัวใจทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เราพบเจอและน่าสนใจ จากคำสอนของผู้ใหญ่ที่ให้เริ่มจากสิ่งที่อยากทำมากกว่ารายได้ แล้วจะมีความสุขในการทำงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อหน้าที่การงานหนักขึ้น นับแต่นี้ต่อไปอาจจะไม่ได้พบกับคุณผู้อ่านบ่อยครั้งทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ แต่จะพยายามพบกับคุณผู้อ่านให้ได้มากที่สุดตามแต่โอกาส จนกว่าหน้าที่การงานจะลงตัว อาจจะได้พบกันทุกวันตราบเท่าที่เรายังพอไหว เพราะด้วยอายุมากขึ้น การปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิต (Work-Life Balance) ย่อมจำเป็น ขออภัยในความไม่สะดวก ณ ที่นี้ ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและให้การสนับสนุนเพจ Newskit มาโดยตลอด เราอาจเป็นเพจเล็กในซอยลึก ที่คนอ่านมีไม่เยอะ แต่สิ่งที่เรายึดมั่นตั้งใจมาโดยตลอด คือ พยายามแสวงหาเรื่องราวที่หาอ่านจากที่ไหนไม่ได้ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของความจริง กิตตินันท์ นาคทอง ผู้ก่อตั้งเพจ Newskit #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • นับหนึ่งไล่อุ๊งอิ๊ง จุดเปราะบางชินวัตร

    การชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.) ซึ่งมีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. กองทัพธรรม ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนอีกหลายภาคส่วน มีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ ได้แก่ 1. ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2. ให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และ 3. ยืนเคียงข้างทหาร ปกป้องแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ หลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในลักษณะขายชาติ ทำลายความมั่นคงของรัฐนอกราชอาณาจักร

    แม้ว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนจะโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวหาว่าเป็นข้ออ้างไปสู่รัฐประหาร แต่ก็เป็นเพียงการประดิษฐ์วาทกรรมเพื่อปกป้องตัวเอง แม้ผู้นำเหล่าทัพในยุค พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ไม่ได้มีท่าทีแสดงออกอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ตาม ถึงกระนั้นพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านทำได้แค่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา โดยไม่ได้ใช้วิธียื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 ก.ค. ที่จะถึงนี้ จึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายทักษิณ ชินวัตร

    ทิศทางข่าวในวันอังคารที่จะถึงนี้ (1 ก.ค.) ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติรับคำร้องกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 36 คน ยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ออกจากตำแหน่งหรือไม่ กรณีคลิปเสียงกับ ฮุน เซน และจะมีมติให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายเศรษฐา ทวีสิน แม้ น.ส.แพทองธารจะใช้วิธีให้ตัวเองดำรงตำแหน่งควบ รมว.วัฒนธรรม เข้าประชุมคณะรัฐมนตรีก็ตาม ซึ่งกลุ่ม คปท. จะมีการประชุมเพื่อประเมินว่าจะยกระดับการชุมนุมไปในทิศทางใด โดยมีจุดยืนเดิม คือ นายกรัฐมนตรีลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว

    อีกด้านหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการบังคับโทษจำคุกของนายทักษิณกรณีชั้น 14 จำนวน 6 นัด ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่ศาลอาญานัดสืบพยานคดีมาตรา 112 จากกรณีที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์เมื่อปี 2558 จำนวน 7 นัด ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้เช่นกัน ซึ่งท่าทีนายทักษิณขณะนี้ นับตั้งแต่คลิปเสียงลูกสาวกับฮุน เซน ปล่อยให้ลูกสาวเผชิญหน้าอย่างโดดเดี่ยว ถือเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางช่วงหนึ่งของตระกูลชินวัตร

    #Newskit
    นับหนึ่งไล่อุ๊งอิ๊ง จุดเปราะบางชินวัตร การชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.) ซึ่งมีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. กองทัพธรรม ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนอีกหลายภาคส่วน มีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ ได้แก่ 1. ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2. ให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และ 3. ยืนเคียงข้างทหาร ปกป้องแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ หลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในลักษณะขายชาติ ทำลายความมั่นคงของรัฐนอกราชอาณาจักร แม้ว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนจะโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวหาว่าเป็นข้ออ้างไปสู่รัฐประหาร แต่ก็เป็นเพียงการประดิษฐ์วาทกรรมเพื่อปกป้องตัวเอง แม้ผู้นำเหล่าทัพในยุค พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ไม่ได้มีท่าทีแสดงออกอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ตาม ถึงกระนั้นพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านทำได้แค่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา โดยไม่ได้ใช้วิธียื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 ก.ค. ที่จะถึงนี้ จึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายทักษิณ ชินวัตร ทิศทางข่าวในวันอังคารที่จะถึงนี้ (1 ก.ค.) ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติรับคำร้องกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 36 คน ยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ออกจากตำแหน่งหรือไม่ กรณีคลิปเสียงกับ ฮุน เซน และจะมีมติให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายเศรษฐา ทวีสิน แม้ น.ส.แพทองธารจะใช้วิธีให้ตัวเองดำรงตำแหน่งควบ รมว.วัฒนธรรม เข้าประชุมคณะรัฐมนตรีก็ตาม ซึ่งกลุ่ม คปท. จะมีการประชุมเพื่อประเมินว่าจะยกระดับการชุมนุมไปในทิศทางใด โดยมีจุดยืนเดิม คือ นายกรัฐมนตรีลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว อีกด้านหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการบังคับโทษจำคุกของนายทักษิณกรณีชั้น 14 จำนวน 6 นัด ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่ศาลอาญานัดสืบพยานคดีมาตรา 112 จากกรณีที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์เมื่อปี 2558 จำนวน 7 นัด ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้เช่นกัน ซึ่งท่าทีนายทักษิณขณะนี้ นับตั้งแต่คลิปเสียงลูกสาวกับฮุน เซน ปล่อยให้ลูกสาวเผชิญหน้าอย่างโดดเดี่ยว ถือเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางช่วงหนึ่งของตระกูลชินวัตร #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุยกับ ChatGPT : เมื่อถูก Unfriend เพราะการเมือง ความต่างที่แลกมาด้วยความห่าง

    ในยุคที่การเมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ผู้คน การแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์อาจกลายเป็นเหตุให้ใครบางคน “Unfriend” เราไปอย่างเงียบงัน

    มันเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นเคยเป็นเพื่อนที่ไว้ใจกันมาก่อน

    บางครั้ง เราไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีใคร เพียงแค่แสดงความคิดเห็นตามมุมมองของตนเอง ทว่าในสายตาของอีกฝ่าย ความเห็นนั้นอาจสะเทือนถึงคุณค่าที่เขายึดถือ จนเขาต้องปกป้องตัวเองด้วยการตัดความสัมพันธ์

    ถูกลบ ไม่ได้แปลว่าเราเลว หรือเขาเลว

    แต่มันคือภาพสะท้อนว่าความต่างบางอย่างยังหนักหนาสำหรับคนบางคน

    หากคุณรู้สึกค้างคาใจ อาจเลือกส่งข้อความไปอย่างสุภาพว่า “หากความเห็นของเราทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษจริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น และยังเคารพในตัวคุณเสมอ”

    แต่หากไม่มีพื้นที่ให้พูดจา สิ่งที่ควรทำคือไม่โทษตัวเอง ไม่ลดค่าความคิดของตน และไม่ฝืนวิ่งตามความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายปิดประตูใส่

    สุดท้าย ความเห็นทางการเมืองควรเป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความเป็นมนุษย์ของกันและกัน

    แต่หากยังทำไม่ได้ เราแค่ต้องยืนอยู่ในความเป็นตัวเอง — อย่างไม่เกลียดคนที่คิดไม่เหมือน

    #Newskit
    คุยกับ ChatGPT : เมื่อถูก Unfriend เพราะการเมือง ความต่างที่แลกมาด้วยความห่าง ในยุคที่การเมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ผู้คน การแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์อาจกลายเป็นเหตุให้ใครบางคน “Unfriend” เราไปอย่างเงียบงัน มันเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นเคยเป็นเพื่อนที่ไว้ใจกันมาก่อน บางครั้ง เราไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีใคร เพียงแค่แสดงความคิดเห็นตามมุมมองของตนเอง ทว่าในสายตาของอีกฝ่าย ความเห็นนั้นอาจสะเทือนถึงคุณค่าที่เขายึดถือ จนเขาต้องปกป้องตัวเองด้วยการตัดความสัมพันธ์ ถูกลบ ไม่ได้แปลว่าเราเลว หรือเขาเลว แต่มันคือภาพสะท้อนว่าความต่างบางอย่างยังหนักหนาสำหรับคนบางคน หากคุณรู้สึกค้างคาใจ อาจเลือกส่งข้อความไปอย่างสุภาพว่า “หากความเห็นของเราทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษจริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น และยังเคารพในตัวคุณเสมอ” แต่หากไม่มีพื้นที่ให้พูดจา สิ่งที่ควรทำคือไม่โทษตัวเอง ไม่ลดค่าความคิดของตน และไม่ฝืนวิ่งตามความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายปิดประตูใส่ สุดท้าย ความเห็นทางการเมืองควรเป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความเป็นมนุษย์ของกันและกัน แต่หากยังทำไม่ได้ เราแค่ต้องยืนอยู่ในความเป็นตัวเอง — อย่างไม่เกลียดคนที่คิดไม่เหมือน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน ทางเข้าใหม่สนามบินดอนเมือง

    08.00 น. วันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. กรุงเทพมหานคร จะเปิดใช้โครงการทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีกับถนนพหลโยธิน เชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิต ไปยังถนนพหลโยธินและถนนเทพรักษ์ ระยะทาง 2.768 กิโลเมตร งบประมาณ 1,551.65 ล้านบาท หลังเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยผู้รับเหมาสองบริษัท ได้แก่ บริษัท สระหลวงก่อสร้าง จำกัด และบริษัท พรรณีวรกิจก่อสร้างและขนส่ง จำกัด แต่ล่าช้าจากบ้านเรือนรุกล้ำคลองถนน ท่ามกลางการเติบโตของเมือง หลังเปิดใช้ถนนเทพรักษ์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เมื่อปี 2563

    จุดเริ่มต้นถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน อยู่ที่ด้านทิศใต้ของท่าอากาศยานดอนเมือง เลยร้านเจ้เล้งมาเล็กน้อย มีทางเชื่อมไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก ไปยังอาคารคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง ต่อเนื่องไปยังอาคารผู้โดยสาร จากนั้นจะมีทางแยกต่างระดับ แยกซ้ายไปถนนพหลโยธิน แยกขวาไปถนนเทพรักษ์ ข้ามคลองถนน รถที่มาจากถนนวิภาวดีรังสิตขาออก สามารถใช้จุดกลับรถอาคารคลังสินค้าเพื่อใช้ถนนตัดใหม่ได้ รถที่มาจากถนนพหลโยธินและถนนเทพรักษ์ สามารถใช้ถนนตัดใหม่ เพื่อไปออกถนนวิภาวดีรังสิต รวมทั้งไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก เพื่อไปท่าอากาศยานดอนเมืองได้

    เดิมคนที่จะไปสนามบินดอนเมือง ส่วนใหญ่ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตเป็นหลัก ส่วนคนที่อยู่โซนสะพานใหม่ สายไหม ลำลูกกา วัชรพล ต้องอ้อมไปใช้ถนนแจ้งวัฒนะ หรืออนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งหากเป็นรถแท็กซี่จะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพราะต้องอ้อมและไกล ส่วนถนนธูปะเตมีย์ เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธิน บริเวณแยก คปอ. กับถนนวิภาวดีรังสิต เนื่องจากเป็นพื้นที่กองทัพอากาศ จึงอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ที่มีสติกเกอร์บัตรผ่านยานพาหนะเข้า-ออก เขตพื้นที่กองทัพอากาศเท่านั้น นอกนั้นเปิดเฉพาะช่วงเช้า 06.00-09.00 น. และช่วงเย็น 15.00-18.00 น. แต่ไม่อนุญาตให้รถโดยสารและรถรับจ้างสาธารณะใช้งาน

    ถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน ออกแบบบริเวณแยกห้างบิ๊กซีสะพานใหม่ ให้เป็นทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟ เพื่อให้การจราจรลื่นไหลได้สะดวก โดยรถที่มาจากถนนเทพรักษ์สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกได้เลย รวมทั้งการก่อสร้างสะพานข้ามไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก เพื่อเข้าสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง ช่วยแบ่งเบาการจราจรบริเวณถนนพหลโยธิน และถนนเทพรักษ์ ให้สามารถออกไปยังถนนวิภาวดีรังสิต และท่าอากาศยานดอนเมืองได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส จะไปท่าอากาศยานดอนเมือง สามารถลงที่สถานีสายหยุดแล้วต่อรถแท็กซี่เข้าไปยังถนนสายใหม่ ช่วยประหยัดเวลามากขึ้น

    #Newskit
    ถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน ทางเข้าใหม่สนามบินดอนเมือง 08.00 น. วันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. กรุงเทพมหานคร จะเปิดใช้โครงการทางหลวงท้องถิ่นสายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีกับถนนพหลโยธิน เชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิต ไปยังถนนพหลโยธินและถนนเทพรักษ์ ระยะทาง 2.768 กิโลเมตร งบประมาณ 1,551.65 ล้านบาท หลังเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยผู้รับเหมาสองบริษัท ได้แก่ บริษัท สระหลวงก่อสร้าง จำกัด และบริษัท พรรณีวรกิจก่อสร้างและขนส่ง จำกัด แต่ล่าช้าจากบ้านเรือนรุกล้ำคลองถนน ท่ามกลางการเติบโตของเมือง หลังเปิดใช้ถนนเทพรักษ์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เมื่อปี 2563 จุดเริ่มต้นถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน อยู่ที่ด้านทิศใต้ของท่าอากาศยานดอนเมือง เลยร้านเจ้เล้งมาเล็กน้อย มีทางเชื่อมไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก ไปยังอาคารคลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง ต่อเนื่องไปยังอาคารผู้โดยสาร จากนั้นจะมีทางแยกต่างระดับ แยกซ้ายไปถนนพหลโยธิน แยกขวาไปถนนเทพรักษ์ ข้ามคลองถนน รถที่มาจากถนนวิภาวดีรังสิตขาออก สามารถใช้จุดกลับรถอาคารคลังสินค้าเพื่อใช้ถนนตัดใหม่ได้ รถที่มาจากถนนพหลโยธินและถนนเทพรักษ์ สามารถใช้ถนนตัดใหม่ เพื่อไปออกถนนวิภาวดีรังสิต รวมทั้งไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก เพื่อไปท่าอากาศยานดอนเมืองได้ เดิมคนที่จะไปสนามบินดอนเมือง ส่วนใหญ่ใช้ถนนวิภาวดีรังสิตเป็นหลัก ส่วนคนที่อยู่โซนสะพานใหม่ สายไหม ลำลูกกา วัชรพล ต้องอ้อมไปใช้ถนนแจ้งวัฒนะ หรืออนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งหากเป็นรถแท็กซี่จะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพราะต้องอ้อมและไกล ส่วนถนนธูปะเตมีย์ เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธิน บริเวณแยก คปอ. กับถนนวิภาวดีรังสิต เนื่องจากเป็นพื้นที่กองทัพอากาศ จึงอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ที่มีสติกเกอร์บัตรผ่านยานพาหนะเข้า-ออก เขตพื้นที่กองทัพอากาศเท่านั้น นอกนั้นเปิดเฉพาะช่วงเช้า 06.00-09.00 น. และช่วงเย็น 15.00-18.00 น. แต่ไม่อนุญาตให้รถโดยสารและรถรับจ้างสาธารณะใช้งาน ถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน ออกแบบบริเวณแยกห้างบิ๊กซีสะพานใหม่ ให้เป็นทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟ เพื่อให้การจราจรลื่นไหลได้สะดวก โดยรถที่มาจากถนนเทพรักษ์สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกได้เลย รวมทั้งการก่อสร้างสะพานข้ามไปยังถนนเทวฤทธิ์พันลึก เพื่อเข้าสู่ท่าอากาศยานดอนเมือง ช่วยแบ่งเบาการจราจรบริเวณถนนพหลโยธิน และถนนเทพรักษ์ ให้สามารถออกไปยังถนนวิภาวดีรังสิต และท่าอากาศยานดอนเมืองได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส จะไปท่าอากาศยานดอนเมือง สามารถลงที่สถานีสายหยุดแล้วต่อรถแท็กซี่เข้าไปยังถนนสายใหม่ ช่วยประหยัดเวลามากขึ้น #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามข่าวสาร ฮุน เซนขยี้ไทย

    นับตั้งแต่ที่ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โยนคลิปเสียงใส่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จากประเทศไทย ทำให้คนไทยทั้งประเทศเดือดดาล ประนามด้วยข้อกล่าวหา "ขายชาติ" แม้เจ้าตัวจะมั่นหน้ามั่นใจ ท่องคาถา "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" พยายามลงพื้นที่ชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ให้กำลังใจทหารไทย ก็มีทั้งคนรักคนชัง ชูป้าย "นายกขายชาติ" "นายกเนรคุณ" และ "นายกไทยใจเขมร" สอดรับกับการชุมนุมรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

    ขณะที่สงครามข่าวสารผ่านเฟซบุ๊ก ทั้ง ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลังประสบความสำเร็จในการตีนายกฯ แพทองธาร ทำรัฐนาวาแตกฉานซ่านเซ็น บ้างหนีตาย บ้างโดดเกาะราวกับเห็บหมัด เพราะเป็นฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง ฮุน เซน ยังขยี้ด้วยการแฉหลักฐานความสัมพันธ์กับ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาแพทองธาร เปิดห้องนอนอดีตสองผู้นำ "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ตอกย้ำความสัมพันธ์แนบแน่นในอดีต

    ต่อมาคาดการณ์ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีในไทยอีก 3 เดือน แต่จากสถานการณ์แล้ว อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพและเป็นผู้นำประเทศไทยมาเกือบสิบปีไม่เคยมีปัญหากับกัมพูชาเลย

    สอดรับกับนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต กล่าวว่า กำลังรอบุคคลในไทยที่มีอำนาจแท้จริง มีจุดยืนที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ เกี่ยวกับชายแดนไทย-กัมพูชา หลังนายกฯ แพทองธารประกาศปิดพรมแดนกับกัมพูชาเต็มรูปแบบ อ้างว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมออนไลน์ แต่ไม่ชัดเจนและไม่สอดคล้องกัน สังเกตว่าบางครั้งด่านพรมแดนถูกปิดสนิท แต่จะเปิดอีกครั้งในบางพื้นที่เท่านั้น ยืนยันว่ากัมพูชาไม่ได้เล่นเกมลับแบบนั้น หากลงมือทำก็จะรับผิดชอบ ซึ่งรัฐบาลได้แสดงจุดยืนชัดเจนแล้ว หากประเทศไทยปิดพรมแดน กัมพูชาจะปิดอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าไทยจะเปิดพรมแดนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

    ล่าสุด ฮุน เซน ประกาศว่า ทักษิณทรยศต่อเขา จะเปิดเผยการกระทำทรยศต่อกัมพูชา รวมถึงละเมิดพระมหากษัตริย์ไทย ในตอนหนึ่งระบุว่า อยากให้คนอื่นทรยศผมก่อนดีกว่า ผมไม่ทรยศคนอื่นก่อน ตอนนี้ผมถูกทรยศ ผมรู้สึกว่าผมต้องเปิดเผยสิ่งที่ครอบครัวทักษิณทำเพื่อทรยศต่อประเทศชาติ นี่คือคำเตือน ควรสอนลูกๆ และพวกเขาควรเข้าใจพ่อและคนอื่น ตนไม่เคยคิดว่าครอบครัวที่เคยช่วยจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีและก่อให้เกิดปัญหาเช่นนี้ ถ้าทักษิณทำตัวเย่อหยิ่ง จะเปิดเผยทุกอย่างที่เคยบอก รวมทั้งการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ไทยด้วย อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นคนที่ขัดใจได้ ตนไม่ได้เป็นหนี้ประเทศไทย

    #Newskit
    สงครามข่าวสาร ฮุน เซนขยี้ไทย นับตั้งแต่ที่ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โยนคลิปเสียงใส่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จากประเทศไทย ทำให้คนไทยทั้งประเทศเดือดดาล ประนามด้วยข้อกล่าวหา "ขายชาติ" แม้เจ้าตัวจะมั่นหน้ามั่นใจ ท่องคาถา "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" พยายามลงพื้นที่ชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ให้กำลังใจทหารไทย ก็มีทั้งคนรักคนชัง ชูป้าย "นายกขายชาติ" "นายกเนรคุณ" และ "นายกไทยใจเขมร" สอดรับกับการชุมนุมรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขณะที่สงครามข่าวสารผ่านเฟซบุ๊ก ทั้ง ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลังประสบความสำเร็จในการตีนายกฯ แพทองธาร ทำรัฐนาวาแตกฉานซ่านเซ็น บ้างหนีตาย บ้างโดดเกาะราวกับเห็บหมัด เพราะเป็นฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง ฮุน เซน ยังขยี้ด้วยการแฉหลักฐานความสัมพันธ์กับ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาแพทองธาร เปิดห้องนอนอดีตสองผู้นำ "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ตอกย้ำความสัมพันธ์แนบแน่นในอดีต ต่อมาคาดการณ์ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีในไทยอีก 3 เดือน แต่จากสถานการณ์แล้ว อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพและเป็นผู้นำประเทศไทยมาเกือบสิบปีไม่เคยมีปัญหากับกัมพูชาเลย สอดรับกับนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต กล่าวว่า กำลังรอบุคคลในไทยที่มีอำนาจแท้จริง มีจุดยืนที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ เกี่ยวกับชายแดนไทย-กัมพูชา หลังนายกฯ แพทองธารประกาศปิดพรมแดนกับกัมพูชาเต็มรูปแบบ อ้างว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมออนไลน์ แต่ไม่ชัดเจนและไม่สอดคล้องกัน สังเกตว่าบางครั้งด่านพรมแดนถูกปิดสนิท แต่จะเปิดอีกครั้งในบางพื้นที่เท่านั้น ยืนยันว่ากัมพูชาไม่ได้เล่นเกมลับแบบนั้น หากลงมือทำก็จะรับผิดชอบ ซึ่งรัฐบาลได้แสดงจุดยืนชัดเจนแล้ว หากประเทศไทยปิดพรมแดน กัมพูชาจะปิดอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าไทยจะเปิดพรมแดนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ล่าสุด ฮุน เซน ประกาศว่า ทักษิณทรยศต่อเขา จะเปิดเผยการกระทำทรยศต่อกัมพูชา รวมถึงละเมิดพระมหากษัตริย์ไทย ในตอนหนึ่งระบุว่า อยากให้คนอื่นทรยศผมก่อนดีกว่า ผมไม่ทรยศคนอื่นก่อน ตอนนี้ผมถูกทรยศ ผมรู้สึกว่าผมต้องเปิดเผยสิ่งที่ครอบครัวทักษิณทำเพื่อทรยศต่อประเทศชาติ นี่คือคำเตือน ควรสอนลูกๆ และพวกเขาควรเข้าใจพ่อและคนอื่น ตนไม่เคยคิดว่าครอบครัวที่เคยช่วยจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีและก่อให้เกิดปัญหาเช่นนี้ ถ้าทักษิณทำตัวเย่อหยิ่ง จะเปิดเผยทุกอย่างที่เคยบอก รวมทั้งการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ไทยด้วย อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นคนที่ขัดใจได้ ตนไม่ได้เป็นหนี้ประเทศไทย #Newskit
    Haha
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • RWMF2025 เทศกาลดนตรีเรือธงรัฐซาราวัก

    เทศกาลดนตรี The Rainforest World Music Festival 2025 ที่หมู่บ้านวัฒนธรรมซาราวัก เมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลเรือธงของซาราวัก (Sarawak) รัฐที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ที่เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวหลักของรัฐ โดยในช่วงกลางวัน จะมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรมและงานฝีมือ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนในตอนค่ำจะมีการแสดงบนเวทีหลัก ท่ามกลางบรรยากาศของป่าในฤดูฝน และฉากหลังเขาซานตูบง งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 28 นับตั้งแต่การจัดงานครั้งแรกในปี 1998 โดยในปีนี้มีศิลปินจาก 20 ประเทศ 20 วงดนตรี และนักดนตรีกว่า 200 คน

    RWMF 2025 ในปีนี้คว้าศิลปินระดับตำนาน Earth, Wind & Fire Experience by Al McKay จากสหรัฐอเมริกา นำโดย อัล แมคเคย์ มือกีตาร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่อวอร์ด เจ้าของเพลง September และ Let's groove พร้อมด้วยวง GAGA GUNDUL จากฝรั่งเศสและอินโดนีเซีย SEFFARINE จากโมรอกโก คิวบา สเปน สหรัฐอเมริกาและอิหร่าน OTYKEN จากไซบีเรียและรัสเซีย SEPPUKU PISTOLS จากญี่ปุ่น KULAIWI จากฮาวาย ROB RUHA จากเอาเตียรัว นิวซีแลนด์ MANHU จากจีน TAL FRY จากอินเดีย LA CHIVA GANTIVA จากโคลัมเบียและเบลเยียม และ N'FAMADY KOUYATE จากกินีและอังกฤษ

    ส่วนในอาเซียน มีทั้งพาราไดซ์ แบงคอก หมอลำ อินเตอร์เนชันแนล จากไทย และ KUNTAW MINDANAO จากฟิลิปปินส์ สลับกับวงดนตรีจากมาเลเซียและซาราวัก อาทิ MATHEW NGAU JAU with LAN E TUYANG, NAUNGAN, MERUKED, BUDDHA BEAT ft. SINARAN COLLECTIVE, KANCET AJAJ WARRIOR DANCE, BULOH BERKOCAK, AT ADAU โดยจำหน่ายบัตรเหมา 3 วันในราคา 635 ริงกิต (4,900 บาท) และบัตร 1 วัน ขายล่วงหน้าราคา 235-285 ริงกิต (1,813-2,200 บาท) และขายหน้างานราคา 333 ริงกิต (2,570 บาท) โดยมีรถรับส่งฟรีสำหรับผู้ซื้อบัตร จากตัวเมืองกูชิงถึงบริเวณหาดดาไม และมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวออกแพ็คเกจทัวร์ร่วมกับงาน RWMF 2025 แบบ 3 วัน 2 คืน หรือ 4 วัน 3 คืนพร้อมกิจกรรมอื่นๆ

    สำหรับซาราวักเป็นประตูสู่เกาะบอร์เนียว เชื่อมโยงกับมาเลเซียทางอากาศ โดยท่าอากาศยานกูชิง (KCH) มีเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) กว่า 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในปี 2568 รัฐซาราวักมีกิจกรรมตามปฎิทินท่องเที่ยวราว 250 กิจกรรม มีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้ 5 ล้านคน จากปีที่แล้ว 4.8 ล้านคน ส่วนใหญ่จากประเทศบรูไน ประมาณเดือนละ 150,000 คน ขณะที่ชาวอินโดนีเซียก็สนใจอย่างมากเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีงาน Sarawak Regatta การแข่งขันพายเรือประจำปีบนแม่น้ำซาราวักในช่วงปลายปีอีกด้วย

    #Newskit
    RWMF2025 เทศกาลดนตรีเรือธงรัฐซาราวัก เทศกาลดนตรี The Rainforest World Music Festival 2025 ที่หมู่บ้านวัฒนธรรมซาราวัก เมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลเรือธงของซาราวัก (Sarawak) รัฐที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ที่เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวหลักของรัฐ โดยในช่วงกลางวัน จะมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรมและงานฝีมือ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนในตอนค่ำจะมีการแสดงบนเวทีหลัก ท่ามกลางบรรยากาศของป่าในฤดูฝน และฉากหลังเขาซานตูบง งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 28 นับตั้งแต่การจัดงานครั้งแรกในปี 1998 โดยในปีนี้มีศิลปินจาก 20 ประเทศ 20 วงดนตรี และนักดนตรีกว่า 200 คน RWMF 2025 ในปีนี้คว้าศิลปินระดับตำนาน Earth, Wind & Fire Experience by Al McKay จากสหรัฐอเมริกา นำโดย อัล แมคเคย์ มือกีตาร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่อวอร์ด เจ้าของเพลง September และ Let's groove พร้อมด้วยวง GAGA GUNDUL จากฝรั่งเศสและอินโดนีเซีย SEFFARINE จากโมรอกโก คิวบา สเปน สหรัฐอเมริกาและอิหร่าน OTYKEN จากไซบีเรียและรัสเซีย SEPPUKU PISTOLS จากญี่ปุ่น KULAIWI จากฮาวาย ROB RUHA จากเอาเตียรัว นิวซีแลนด์ MANHU จากจีน TAL FRY จากอินเดีย LA CHIVA GANTIVA จากโคลัมเบียและเบลเยียม และ N'FAMADY KOUYATE จากกินีและอังกฤษ ส่วนในอาเซียน มีทั้งพาราไดซ์ แบงคอก หมอลำ อินเตอร์เนชันแนล จากไทย และ KUNTAW MINDANAO จากฟิลิปปินส์ สลับกับวงดนตรีจากมาเลเซียและซาราวัก อาทิ MATHEW NGAU JAU with LAN E TUYANG, NAUNGAN, MERUKED, BUDDHA BEAT ft. SINARAN COLLECTIVE, KANCET AJAJ WARRIOR DANCE, BULOH BERKOCAK, AT ADAU โดยจำหน่ายบัตรเหมา 3 วันในราคา 635 ริงกิต (4,900 บาท) และบัตร 1 วัน ขายล่วงหน้าราคา 235-285 ริงกิต (1,813-2,200 บาท) และขายหน้างานราคา 333 ริงกิต (2,570 บาท) โดยมีรถรับส่งฟรีสำหรับผู้ซื้อบัตร จากตัวเมืองกูชิงถึงบริเวณหาดดาไม และมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวออกแพ็คเกจทัวร์ร่วมกับงาน RWMF 2025 แบบ 3 วัน 2 คืน หรือ 4 วัน 3 คืนพร้อมกิจกรรมอื่นๆ สำหรับซาราวักเป็นประตูสู่เกาะบอร์เนียว เชื่อมโยงกับมาเลเซียทางอากาศ โดยท่าอากาศยานกูชิง (KCH) มีเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) กว่า 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในปี 2568 รัฐซาราวักมีกิจกรรมตามปฎิทินท่องเที่ยวราว 250 กิจกรรม มีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้ 5 ล้านคน จากปีที่แล้ว 4.8 ล้านคน ส่วนใหญ่จากประเทศบรูไน ประมาณเดือนละ 150,000 คน ขณะที่ชาวอินโดนีเซียก็สนใจอย่างมากเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีงาน Sarawak Regatta การแข่งขันพายเรือประจำปีบนแม่น้ำซาราวักในช่วงปลายปีอีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก

    สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้"

    แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง

    การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง

    ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก

    #Newskit
    28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้" แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 รีวิว
  • #28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก

    สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้"

    แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง

    การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง

    ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก

    #Newskit
    #28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้" แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts