น้องการ์ตูน เหยื่ออยุติธรรม
การเสียชีวิตอย่างสงบของ น.ส.ภิญญารัศมี (นราศิริ) ศักดิ์สิทธิพันธ์ หรือน้องการ์ตูน อายุ 16 ปี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. หลังได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง รักษาตัวด้วยร่างกายไม่สมบูรณ์ เจ็บปวดอย่างทรมานเมื่ออายุ 5 ขวบ ยาวนานกว่า 11 ปี น้องการ์ตูนเป็นเหยื่อรถกระบะแต่งซิ่ง เมาแล้วขับพุ่งชนร้านสเต็กลุงใหญ่ ขณะนั้นตั้งอยู่ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 19 ก.ย. 2557 เป็นเหตุให้นายภาณุทัต ศักดิ์สิทธิพันธ์ อายุ 42 ปี บิดาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
แม้ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาเมื่อปี 2558 จำคุก น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม เป็นเวลา 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา และสั่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวน้องการ์ตูน 6.3 ล้านบาท แต่ น.ส.น้ำผึ้งใช้วิธี "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น น้ำทิพย์ ชื่นชัยแสงสุริยา และ วรรณธนันท์ ผิวเกลี้ยง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แถมโอนทรัพย์สินเพื่อหลบเลี่ยง ขณะที่แม่น้องการ์ตูนยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายดูแลน้องการ์ตูนที่สูงกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่น้องการ์ตูนมีปัญหากระดูกสันหลังคดจากการติดเตียงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ มีผลกับการหายใจ กระทั่งเดือน เม.ย.2568 มีอาการปอดบวมอย่างหนัก สุดท้ายแม่ตัดสินใจปล่อยน้องการ์ตูนไปอย่างสงบ
นางศรัญญา ชำนิ อายุ 45 ปี แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยไม่ทันได้บอกลา บอกลูกว่าเหนื่อยมามากพอแล้ว หลับให้สบายไม่ต้องทรมานแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่ ห่วงยาย ห่วงตา ให้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับคุณพ่อ โดยที่น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยตาไม่หลับ ยืนยันว่าจะสู้คดีต่อไป เพราะไม่เคยได้รับคำขอโทษจากฝ่ายคู่กรณีอย่างจริงใจ และที่ผ่านมาได้รับเงินค่าซ่อมแซมร้านเพียง 40,000 บาทเท่านั้น และไม่มีหน่วยงานใดช่วยเหลือบังคับคดีหรือช่วยสืบทรัพย์ให้อย่างจริงจัง
แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีน้องการ์ตูนที่ต้องดูแลแล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรจะเสีย จะเดินหน้าทำทุกวิถีทาง สู้ให้ถึงที่สุด จะพยายามปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย เป็นการเริ่มต้นต่อสู้ครั้งใหม่ จะทำให้คู่กรณีรู้สึกเหมือนตกนรก เหมือนเช่นครอบครัวตนเองให้น้องการ์ตูนอยู่บนสวรรค์ แต่แม่จะขอยืนหยัดต่อสู้เอง ให้เป็นกรณีตัวอย่างเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตนเอง หวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบ้าง ไม่ใช่มีแต่เรื่องแย่ๆ เพียงอย่างเดียว
คดีน้องการ์ตูน สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมไทย ในการดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ ที่ยังมีช่องให้หลบเลี่ยงความรับผิดชอบได้ แม้ศาลจะพิพากษาชนะคดี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายภาระตกอยู่กับฝ่ายผู้เสียหายทั้งหมด
#Newskit
การเสียชีวิตอย่างสงบของ น.ส.ภิญญารัศมี (นราศิริ) ศักดิ์สิทธิพันธ์ หรือน้องการ์ตูน อายุ 16 ปี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. หลังได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง รักษาตัวด้วยร่างกายไม่สมบูรณ์ เจ็บปวดอย่างทรมานเมื่ออายุ 5 ขวบ ยาวนานกว่า 11 ปี น้องการ์ตูนเป็นเหยื่อรถกระบะแต่งซิ่ง เมาแล้วขับพุ่งชนร้านสเต็กลุงใหญ่ ขณะนั้นตั้งอยู่ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 19 ก.ย. 2557 เป็นเหตุให้นายภาณุทัต ศักดิ์สิทธิพันธ์ อายุ 42 ปี บิดาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
แม้ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาเมื่อปี 2558 จำคุก น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม เป็นเวลา 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา และสั่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวน้องการ์ตูน 6.3 ล้านบาท แต่ น.ส.น้ำผึ้งใช้วิธี "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น น้ำทิพย์ ชื่นชัยแสงสุริยา และ วรรณธนันท์ ผิวเกลี้ยง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แถมโอนทรัพย์สินเพื่อหลบเลี่ยง ขณะที่แม่น้องการ์ตูนยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายดูแลน้องการ์ตูนที่สูงกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่น้องการ์ตูนมีปัญหากระดูกสันหลังคดจากการติดเตียงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ มีผลกับการหายใจ กระทั่งเดือน เม.ย.2568 มีอาการปอดบวมอย่างหนัก สุดท้ายแม่ตัดสินใจปล่อยน้องการ์ตูนไปอย่างสงบ
นางศรัญญา ชำนิ อายุ 45 ปี แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยไม่ทันได้บอกลา บอกลูกว่าเหนื่อยมามากพอแล้ว หลับให้สบายไม่ต้องทรมานแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่ ห่วงยาย ห่วงตา ให้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับคุณพ่อ โดยที่น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยตาไม่หลับ ยืนยันว่าจะสู้คดีต่อไป เพราะไม่เคยได้รับคำขอโทษจากฝ่ายคู่กรณีอย่างจริงใจ และที่ผ่านมาได้รับเงินค่าซ่อมแซมร้านเพียง 40,000 บาทเท่านั้น และไม่มีหน่วยงานใดช่วยเหลือบังคับคดีหรือช่วยสืบทรัพย์ให้อย่างจริงจัง
แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีน้องการ์ตูนที่ต้องดูแลแล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรจะเสีย จะเดินหน้าทำทุกวิถีทาง สู้ให้ถึงที่สุด จะพยายามปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย เป็นการเริ่มต้นต่อสู้ครั้งใหม่ จะทำให้คู่กรณีรู้สึกเหมือนตกนรก เหมือนเช่นครอบครัวตนเองให้น้องการ์ตูนอยู่บนสวรรค์ แต่แม่จะขอยืนหยัดต่อสู้เอง ให้เป็นกรณีตัวอย่างเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตนเอง หวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบ้าง ไม่ใช่มีแต่เรื่องแย่ๆ เพียงอย่างเดียว
คดีน้องการ์ตูน สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมไทย ในการดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ ที่ยังมีช่องให้หลบเลี่ยงความรับผิดชอบได้ แม้ศาลจะพิพากษาชนะคดี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายภาระตกอยู่กับฝ่ายผู้เสียหายทั้งหมด
#Newskit
น้องการ์ตูน เหยื่ออยุติธรรม
การเสียชีวิตอย่างสงบของ น.ส.ภิญญารัศมี (นราศิริ) ศักดิ์สิทธิพันธ์ หรือน้องการ์ตูน อายุ 16 ปี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. หลังได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง รักษาตัวด้วยร่างกายไม่สมบูรณ์ เจ็บปวดอย่างทรมานเมื่ออายุ 5 ขวบ ยาวนานกว่า 11 ปี น้องการ์ตูนเป็นเหยื่อรถกระบะแต่งซิ่ง เมาแล้วขับพุ่งชนร้านสเต็กลุงใหญ่ ขณะนั้นตั้งอยู่ปากซอยเอกชัย 119 ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 19 ก.ย. 2557 เป็นเหตุให้นายภาณุทัต ศักดิ์สิทธิพันธ์ อายุ 42 ปี บิดาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
แม้ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาเมื่อปี 2558 จำคุก น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม เป็นเวลา 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา และสั่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวน้องการ์ตูน 6.3 ล้านบาท แต่ น.ส.น้ำผึ้งใช้วิธี "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น น้ำทิพย์ ชื่นชัยแสงสุริยา และ วรรณธนันท์ ผิวเกลี้ยง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แถมโอนทรัพย์สินเพื่อหลบเลี่ยง ขณะที่แม่น้องการ์ตูนยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายดูแลน้องการ์ตูนที่สูงกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่น้องการ์ตูนมีปัญหากระดูกสันหลังคดจากการติดเตียงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ มีผลกับการหายใจ กระทั่งเดือน เม.ย.2568 มีอาการปอดบวมอย่างหนัก สุดท้ายแม่ตัดสินใจปล่อยน้องการ์ตูนไปอย่างสงบ
นางศรัญญา ชำนิ อายุ 45 ปี แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยไม่ทันได้บอกลา บอกลูกว่าเหนื่อยมามากพอแล้ว หลับให้สบายไม่ต้องทรมานแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่ ห่วงยาย ห่วงตา ให้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับคุณพ่อ โดยที่น้องการ์ตูนเสียชีวิตโดยตาไม่หลับ ยืนยันว่าจะสู้คดีต่อไป เพราะไม่เคยได้รับคำขอโทษจากฝ่ายคู่กรณีอย่างจริงใจ และที่ผ่านมาได้รับเงินค่าซ่อมแซมร้านเพียง 40,000 บาทเท่านั้น และไม่มีหน่วยงานใดช่วยเหลือบังคับคดีหรือช่วยสืบทรัพย์ให้อย่างจริงจัง
แม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีน้องการ์ตูนที่ต้องดูแลแล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรจะเสีย จะเดินหน้าทำทุกวิถีทาง สู้ให้ถึงที่สุด จะพยายามปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย เป็นการเริ่มต้นต่อสู้ครั้งใหม่ จะทำให้คู่กรณีรู้สึกเหมือนตกนรก เหมือนเช่นครอบครัวตนเองให้น้องการ์ตูนอยู่บนสวรรค์ แต่แม่จะขอยืนหยัดต่อสู้เอง ให้เป็นกรณีตัวอย่างเหมือนกับผู้เสียหายรายอื่นที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับตนเอง หวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบ้าง ไม่ใช่มีแต่เรื่องแย่ๆ เพียงอย่างเดียว
คดีน้องการ์ตูน สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมไทย ในการดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ ที่ยังมีช่องให้หลบเลี่ยงความรับผิดชอบได้ แม้ศาลจะพิพากษาชนะคดี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ สุดท้ายภาระตกอยู่กับฝ่ายผู้เสียหายทั้งหมด
#Newskit
