• จีนอาจจะยอมขายTiktokให้อีลอนมัสก์ ทำไมเป็นเช่นนั้น? : คนเคาะข่าว 16-01-68
    : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์
    จีนอาจจะยอมขายTiktokให้อีลอนมัสก์ ทำไมเป็นเช่นนั้น? : คนเคาะข่าว 16-01-68 : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • ไทยกับ 3 ความเสี่ยงของนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ : คนเคาะข่าว 14-01-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    ไทยกับ 3 ความเสี่ยงของนโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ : คนเคาะข่าว 14-01-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 10 1 รีวิว
  • ทำไมทรัมป์ขู่ยึดดินแดนเพื่อนบ้านไปทั่ว - อีลอน มัสก์ป่วนการเมืองยุโรป : คนเคาะข่าว 09-01-68

    : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ

    ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์
    ทำไมทรัมป์ขู่ยึดดินแดนเพื่อนบ้านไปทั่ว - อีลอน มัสก์ป่วนการเมืองยุโรป : คนเคาะข่าว 09-01-68 : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์
    Like
    Love
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 856 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • เบื้องลึกทรัมป์อยากยึด แคนาดา-กรีนแลนด์-คลองปานามา : คนเคาะข่าว 07-01-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    เบื้องลึกทรัมป์อยากยึด แคนาดา-กรีนแลนด์-คลองปานามา : คนเคาะข่าว 07-01-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 774 มุมมอง 44 0 รีวิว
  • 10 ข่าวใหญ่ของโลก ปี2024 : คนเคาะข่าว 26-12-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    10 ข่าวใหญ่ของโลก ปี2024 : คนเคาะข่าว 26-12-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 12 1 รีวิว
  • ได้รับหนังสือพี่โสแล้วค่ะ ดูข่าวต่างประเทศทีไร ต้องนึกถึงพี่โสทุกครั้งค่ะ
    ได้รับหนังสือพี่โสแล้วค่ะ ดูข่าวต่างประเทศทีไร ต้องนึกถึงพี่โสทุกครั้งค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูตินใช้กลยุทธ์หนามยอกหนามบ่งในซีเรีย : คนเคาะข่าว 18-12-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    ปูตินใช้กลยุทธ์หนามยอกหนามบ่งในซีเรีย : คนเคาะข่าว 18-12-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • ความจริงมีหนึ่งเดียวเพื่อชาติ "ทรัมป์มาพร้อมสงครามหรือสันติภาพ" : คนเคาะข่าว 11-12-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ บรรยายในหัวข้อ "ทรัมป์มาพร้อมสงครามหรือสันติภาพ" ในงานความจริงมีหนึ่งเดียวเพื่อชาติ ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567
    ความจริงมีหนึ่งเดียวเพื่อชาติ "ทรัมป์มาพร้อมสงครามหรือสันติภาพ" : คนเคาะข่าว 11-12-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ บรรยายในหัวข้อ "ทรัมป์มาพร้อมสงครามหรือสันติภาพ" ในงานความจริงมีหนึ่งเดียวเพื่อชาติ ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • ด่วน! ออสเตรเลียทำขวดบรรจุไวรัสอันตรายหลายร้อยขวดหายไปจากห้องแล็บในควีนส์แลนด์
    มองกลับกัน หากเป็นจีนละ?
    สามกีบติ่งไอ้กันเงียบเชียว 555 ประเทศลูกสมุนไอ้กันทำขวดบรรจุไวรัสอันตรายหลายร้อยขวดหายไปจากห้องแล็บ และนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าไวรัสเหล่านี้อาจถูก "ใช้เป็นอาวุธ"
    .
    https://web.facebook.com/groups/849053944049634
    .
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตัวอย่างไวรัสอันตรายหลายร้อยตัวหายไปจากห้องทดลองในออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็น "การละเมิดความปลอดภัยทางชีวภาพครั้งสำคัญ"
    .
    เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีสาธารณสุขควีนส์แลนด์ Tim Nicholls ได้ประกาศว่าปัจจุบันพบไวรัสที่มีชีวิตในขวดทดลองจำนวน 323 ขวดแล้ว
    .
    ซึ่งรวมถึงไวรัสเฮนดราเกือบ 100 ขวด ฮันตาไวรัส 2 ขวด และลิสซาไวรัส 223 ขวด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อมนุษย์อย่างยิ่ง
    .
    เจ้าหน้าที่ควีนส์แลนด์ยืนกรานว่าแม้ตัวอย่างเหล่านี้จะนำไปใช้เป็นอาวุธได้ แต่ "ไม่ใช่สิ่งที่มือสมัครเล่นทำได้"
    .
    เชื่อกันว่าขวดบรรจุไวรัสอันตรายนั้นสูญหายไปโดยห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาสาธารณสุขของควีนส์แลนด์ เนื่องจากตู้แช่แข็งที่ใช้เก็บไวรัสนั้นพังลง
    .
    จอห์น เจอราร์ด หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า “การเคลื่อนย้ายวัสดุบางส่วนนี้กำลังสร้างความกังวล”
    .
    “สิ่งของเหล่านั้นถูกย้ายไปยังตู้แช่แข็งที่ใช้งานได้โดยไม่มีการกรอกเอกสารที่เกี่ยวข้อง วัสดุอาจถูกย้ายออกจากที่เก็บที่ปลอดภัยและสูญหายหรือไม่สามารถระบุได้”
    .
    ไวรัสสามสายพันธุ์ที่รั่วไหลจากห้องแล็บมีศักยภาพที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับมนุษย์ได้
    .
    ไวรัสเฮนดราติดเชื้อในม้าเป็นหลัก แต่สามารถแพร่สู่คนได้ โดยมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์
    .
    ไวรัสดังกล่าวถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1994 หลังจากเกิดการระบาดซึ่งทำให้มีม้าแข่ง 21 ตัวและมนุษย์ 2 คนติดเชื้อในเขตชานเมืองเฮนดราของบริสเบน
    .
    ตามข้อมูลของ WHO ไวรัสชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากค้างคาวผลไม้ ซึ่งเชื้อสามารถแพร่เชื้อไปสู่ม้าและมนุษย์ในที่สุด
    .
    ฮันตาไวรัสเป็นไวรัสที่ติดต่อจากสัตว์หรือจากสัตว์สู่คนอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากหนูและแพร่กระจายในอุจจาระ ปัสสาวะ และน้ำลายของหนู
    .
    ในมนุษย์ ไวรัสนี้ทำให้เกิดโรคปอดจากฮันตาไวรัส ซึ่งทำให้เกิดอาการไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ ท้องเสีย และปอดเต็มไปด้วยของเหลว
    .
    ตามรายงานของ CDC การติดเชื้อดังกล่าวเป็นอันตรายถึงชีวิตในร้อยละ 38 ของผู้ที่มีอาการทั้งหมด
    .
    ในขณะเดียวกัน ไลซาไวรัสคือโรคพิษสุนัขบ้าชนิดหนึ่งที่สามารถติดเชื้อในมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นได้
    .
    เมื่อมีอาการของการติดเชื้อไวรัสลิสซาแล้ว ก็ยังไม่มีทางรักษาที่ทราบได้ และมักจะถึงแก่ชีวิต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ทั่วโลกประมาณ 59,000 รายต่อปี
    .
    เจ้าหน้าที่ควีนส์แลนด์สามารถยืนยันได้ว่าตัวอย่างเหล่านี้หายไปในเดือนนี้เท่านั้น หลังจากที่รอการอนุมัติเพื่อเปิดตู้แช่แข็งที่จัดเก็บตัวอย่างมาเป็นเวลา 1 ปี
    .
    ไม่ชัดเจนว่าตัวอย่างอาจอยู่ที่ไหนหรือถูกทำลายไปแล้วหรือไม่
    .
    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าประชาชนมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากการที่วัสดุสูญหายไป
    .
    นายเจอราร์ดกล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่จะนึกถึงสถานการณ์ที่ประชาชนทั่วไปอาจตกอยู่ในความเสี่ยง"
    .
    'สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือตัวอย่างไวรัสจะสลายตัวอย่างรวดเร็วมากเมื่ออยู่นอกช่องแช่แข็งอุณหภูมิต่ำ และจะไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อ'
    .
    มีแนวโน้มสูงมากที่ตัวอย่างจะถูกทำลายโดยการนึ่งฆ่าเชื้อตามแนวทางปฏิบัติทั่วไปของห้องปฏิบัติการและไม่ได้มีการบันทึกอย่างเพียงพอ
    .
    นายเจอราร์ดกล่าวว่า มีแนวโน้มน้อยมากที่ตัวอย่างเหล่านี้จะถูกทิ้งรวมกับขยะทั่วไปของห้องปฏิบัติการ
    .
    เขากล่าวเสริมว่า “ที่สำคัญ คือ ไม่มีการตรวจพบกรณีไวรัสเฮนดราหรือลิสซาไวรัสในมนุษย์ในควีนส์แลนด์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และไม่มีรายงานการติดเชื้อฮันตาไวรัสในมนุษย์เลยในออสเตรเลีย”
    .
    ไม่มีเหตุผลใดที่จะเชื่อว่าตัวอย่างจากห้องแล็ปถูกขโมยไปโดยตั้งใจด้วยวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตรายใดๆ
    .
    แม้ว่าไวรัสอาจเป็นอันตรายได้ แต่เนื่องจากมีอัตราการติดเชื้อต่ำ จึงไม่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพได้หากไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรมอย่างมีนัยสำคัญ
    .
    นายเจอราร์ดกล่าวในการแถลงข่าวว่า “ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าสิ่งเหล่านี้ถูกนำมาจากห้องทดลอง ประการที่สอง เราไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าไวรัสเฮนดราถูกนำไปใช้เป็นอาวุธในห้องปฏิบัติการวิจัยใดๆ”
    .
    'แน่นอนว่าการวิจัยทั้งหมดนี้ดำเนินการอย่างเป็นความลับ แต่เราไม่ทราบว่ามีการนำมาใช้เป็นอาวุธในทางใดทางหนึ่งหรือไม่
    .
    “กระบวนการในการสร้างไวรัสเป็นอาวุธเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก และไม่ใช่สิ่งที่มือสมัครเล่นทำได้”
    .
    ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขควีนส์แลนด์ได้มอบหมายให้มีการสอบสวนอิสระเพื่อดูว่าตัวอย่างต่างๆ อาจสูญหายไปได้อย่างไร และจะรับประกันได้อย่างไรว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
    .
    การสอบสวนจะนำโดยอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา Martin Daubney AM KC พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ดร. Julian Druce เป็นผู้ร่วมสอบสวน
    .
    นายนิโคลส์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งให้เขาทราบว่าได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
    .
    มาตรการเหล่านี้รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามกฎระเบียบ และการตรวจสอบใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่ามีความรับผิดชอบและจัดเก็บวัสดุอย่างถูกต้อง
    .
    นายทิม นิโคลส์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า "ผมอยากเน้นย้ำว่าไม่มีเหตุการณ์ด้านสาธารณสุขใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุเหล่านี้"
    .
    'ดังนั้นจนถึงขณะนี้เราไม่มีหลักฐานใดๆ เลยที่บ่งชี้ว่ามีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอันเป็นผลจากการสูญเสียหรือการทำลายวัสดุเหล่านี้'
    ด่วน! ออสเตรเลียทำขวดบรรจุไวรัสอันตรายหลายร้อยขวดหายไปจากห้องแล็บในควีนส์แลนด์ มองกลับกัน หากเป็นจีนละ? สามกีบติ่งไอ้กันเงียบเชียว 555 ประเทศลูกสมุนไอ้กันทำขวดบรรจุไวรัสอันตรายหลายร้อยขวดหายไปจากห้องแล็บ และนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าไวรัสเหล่านี้อาจถูก "ใช้เป็นอาวุธ" . https://web.facebook.com/groups/849053944049634 . สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตัวอย่างไวรัสอันตรายหลายร้อยตัวหายไปจากห้องทดลองในออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็น "การละเมิดความปลอดภัยทางชีวภาพครั้งสำคัญ" . เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีสาธารณสุขควีนส์แลนด์ Tim Nicholls ได้ประกาศว่าปัจจุบันพบไวรัสที่มีชีวิตในขวดทดลองจำนวน 323 ขวดแล้ว . ซึ่งรวมถึงไวรัสเฮนดราเกือบ 100 ขวด ฮันตาไวรัส 2 ขวด และลิสซาไวรัส 223 ขวด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อมนุษย์อย่างยิ่ง . เจ้าหน้าที่ควีนส์แลนด์ยืนกรานว่าแม้ตัวอย่างเหล่านี้จะนำไปใช้เป็นอาวุธได้ แต่ "ไม่ใช่สิ่งที่มือสมัครเล่นทำได้" . เชื่อกันว่าขวดบรรจุไวรัสอันตรายนั้นสูญหายไปโดยห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยาสาธารณสุขของควีนส์แลนด์ เนื่องจากตู้แช่แข็งที่ใช้เก็บไวรัสนั้นพังลง . จอห์น เจอราร์ด หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า “การเคลื่อนย้ายวัสดุบางส่วนนี้กำลังสร้างความกังวล” . “สิ่งของเหล่านั้นถูกย้ายไปยังตู้แช่แข็งที่ใช้งานได้โดยไม่มีการกรอกเอกสารที่เกี่ยวข้อง วัสดุอาจถูกย้ายออกจากที่เก็บที่ปลอดภัยและสูญหายหรือไม่สามารถระบุได้” . ไวรัสสามสายพันธุ์ที่รั่วไหลจากห้องแล็บมีศักยภาพที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับมนุษย์ได้ . ไวรัสเฮนดราติดเชื้อในม้าเป็นหลัก แต่สามารถแพร่สู่คนได้ โดยมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 57 เปอร์เซ็นต์ . ไวรัสดังกล่าวถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1994 หลังจากเกิดการระบาดซึ่งทำให้มีม้าแข่ง 21 ตัวและมนุษย์ 2 คนติดเชื้อในเขตชานเมืองเฮนดราของบริสเบน . ตามข้อมูลของ WHO ไวรัสชนิดนี้มีต้นกำเนิดจากค้างคาวผลไม้ ซึ่งเชื้อสามารถแพร่เชื้อไปสู่ม้าและมนุษย์ในที่สุด . ฮันตาไวรัสเป็นไวรัสที่ติดต่อจากสัตว์หรือจากสัตว์สู่คนอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีต้นกำเนิดจากหนูและแพร่กระจายในอุจจาระ ปัสสาวะ และน้ำลายของหนู . ในมนุษย์ ไวรัสนี้ทำให้เกิดโรคปอดจากฮันตาไวรัส ซึ่งทำให้เกิดอาการไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ ท้องเสีย และปอดเต็มไปด้วยของเหลว . ตามรายงานของ CDC การติดเชื้อดังกล่าวเป็นอันตรายถึงชีวิตในร้อยละ 38 ของผู้ที่มีอาการทั้งหมด . ในขณะเดียวกัน ไลซาไวรัสคือโรคพิษสุนัขบ้าชนิดหนึ่งที่สามารถติดเชื้อในมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นได้ . เมื่อมีอาการของการติดเชื้อไวรัสลิสซาแล้ว ก็ยังไม่มีทางรักษาที่ทราบได้ และมักจะถึงแก่ชีวิต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ทั่วโลกประมาณ 59,000 รายต่อปี . เจ้าหน้าที่ควีนส์แลนด์สามารถยืนยันได้ว่าตัวอย่างเหล่านี้หายไปในเดือนนี้เท่านั้น หลังจากที่รอการอนุมัติเพื่อเปิดตู้แช่แข็งที่จัดเก็บตัวอย่างมาเป็นเวลา 1 ปี . ไม่ชัดเจนว่าตัวอย่างอาจอยู่ที่ไหนหรือถูกทำลายไปแล้วหรือไม่ . อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าประชาชนมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากการที่วัสดุสูญหายไป . นายเจอราร์ดกล่าวว่า "เป็นเรื่องยากที่จะนึกถึงสถานการณ์ที่ประชาชนทั่วไปอาจตกอยู่ในความเสี่ยง" . 'สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือตัวอย่างไวรัสจะสลายตัวอย่างรวดเร็วมากเมื่ออยู่นอกช่องแช่แข็งอุณหภูมิต่ำ และจะไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อ' . มีแนวโน้มสูงมากที่ตัวอย่างจะถูกทำลายโดยการนึ่งฆ่าเชื้อตามแนวทางปฏิบัติทั่วไปของห้องปฏิบัติการและไม่ได้มีการบันทึกอย่างเพียงพอ . นายเจอราร์ดกล่าวว่า มีแนวโน้มน้อยมากที่ตัวอย่างเหล่านี้จะถูกทิ้งรวมกับขยะทั่วไปของห้องปฏิบัติการ . เขากล่าวเสริมว่า “ที่สำคัญ คือ ไม่มีการตรวจพบกรณีไวรัสเฮนดราหรือลิสซาไวรัสในมนุษย์ในควีนส์แลนด์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และไม่มีรายงานการติดเชื้อฮันตาไวรัสในมนุษย์เลยในออสเตรเลีย” . ไม่มีเหตุผลใดที่จะเชื่อว่าตัวอย่างจากห้องแล็ปถูกขโมยไปโดยตั้งใจด้วยวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตรายใดๆ . แม้ว่าไวรัสอาจเป็นอันตรายได้ แต่เนื่องจากมีอัตราการติดเชื้อต่ำ จึงไม่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพได้หากไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรมอย่างมีนัยสำคัญ . นายเจอราร์ดกล่าวในการแถลงข่าวว่า “ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าสิ่งเหล่านี้ถูกนำมาจากห้องทดลอง ประการที่สอง เราไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าไวรัสเฮนดราถูกนำไปใช้เป็นอาวุธในห้องปฏิบัติการวิจัยใดๆ” . 'แน่นอนว่าการวิจัยทั้งหมดนี้ดำเนินการอย่างเป็นความลับ แต่เราไม่ทราบว่ามีการนำมาใช้เป็นอาวุธในทางใดทางหนึ่งหรือไม่ . “กระบวนการในการสร้างไวรัสเป็นอาวุธเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก และไม่ใช่สิ่งที่มือสมัครเล่นทำได้” . ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขควีนส์แลนด์ได้มอบหมายให้มีการสอบสวนอิสระเพื่อดูว่าตัวอย่างต่างๆ อาจสูญหายไปได้อย่างไร และจะรับประกันได้อย่างไรว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก . การสอบสวนจะนำโดยอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา Martin Daubney AM KC พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ดร. Julian Druce เป็นผู้ร่วมสอบสวน . นายนิโคลส์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งให้เขาทราบว่าได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก . มาตรการเหล่านี้รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามกฎระเบียบ และการตรวจสอบใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่ามีความรับผิดชอบและจัดเก็บวัสดุอย่างถูกต้อง . นายทิม นิโคลส์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า "ผมอยากเน้นย้ำว่าไม่มีเหตุการณ์ด้านสาธารณสุขใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุเหล่านี้" . 'ดังนั้นจนถึงขณะนี้เราไม่มีหลักฐานใดๆ เลยที่บ่งชี้ว่ามีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอันเป็นผลจากการสูญเสียหรือการทำลายวัสดุเหล่านี้'
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตุรกี-อิสราเอล-สหรัฐ ร่วมมือก่อสงครามซีเรียรอบใหม่ : คนเคาะข่าว 04-12-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    ตุรกี-อิสราเอล-สหรัฐ ร่วมมือก่อสงครามซีเรียรอบใหม่ : คนเคาะข่าว 04-12-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 15 1 รีวิว
  • บทความน่าสนใจของ TNN World คอลัมน์Editor’s Pick: ประวัติศาสตร์ “อภัยโทษ” ของประธานาธิบดีสหรัฐฯการอภัยโทษไม่ใช่เรื่องผิด เป็นอำนาจที่ประธานาธิบดีสามารถทำได้ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ แต่นี่คือการอภัยโทษ “ลูกชาย” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติอเมริกา .. แล้วที่ผ่านมา ผู้นำคนก่อน ๆ ของสหรัฐฯ เคยใช้อำนาจในการอภัยโทษให้ใครแล้วบ้าง? และมีใครที่กลายเป็นประเด็นอื้อฉาวแบบนี้อีกหรือไม่? มาค่อย ๆ ย้อนกลับไปทีละคน ◾️◾️◾️🔴โดนัลด์ ทรัมป์เริ่มตั้งแต่ โดนัลด์​ ทรัมป์​ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ​ ที่ออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอย่างหนัก ว่าการอภัยโทษให้ลูกชาย “ฮันเตอร์ ไบเดน”​ นั้น บิดเบือนความยุติธรรมแต่ทรัมป์ก็อภัยโทษให้ใครหลาย ๆ คนมาแล้ว ตั้งแต่อดีตผู้ช่วยส่วนตัว มาจนถึงล่าสุด ที่ประกาศอภัยโทษให้กับ “ชาลส์ คุชเนอร์” บิดาของจาเร็ด คุชเนอร์​ สามีของอิวางกา ทรัมป์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ดองของเขานั่นเอง จากคดีทุจริต เลี่ยงภาษี 16 กระทง และอื่น ๆ อีก - อีกทั้งล่าสุด ยังแต่ตั้ง ชาลส์ คุชเนอร์คนนี้ เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ​ ประจำฝรั่งเศสอีกด้วยมีดองเป็นประธานาธิบดี..​ก็ดีเช่นนี้เอง◾️◾️◾️🔴 บารัค โอบามาบารัค โอบามา ผู้นำผิวสีรายนี้ ไม่ได้มีการอภัยโทษที่อื้อฉาวมากนัก โดยหนึ่งในคนที่เป็นประเด็นที่สุด คือ “เชลซี แมนนิ่ง” อดีตทหารเมริกัน ที่แฉข้อมูลและเอกสารลับให้กับเว็ปไซต์จอมแฉ WikiLeaks ◾️◾️◾️🔴 บิล คลินตันถัดมา บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดี ผู้เป็นทั้งที่รัก และที่ชัง ของชาวอเมริกัน ที่ใช้อำนาจอภัยโทษให้กับสามีของเศรษฐีนีผู้บริจาครายใหญ่ให้กับพรรค อย่าง “มาร์ก ริช” นักการเงินดัง ที่ถูกตั้งข้อหาเลี่ยงภาษี - เรื่องนี้ถูกแฉ จากการที่สำนักสอบสวนกลาง หรือ FBI ตรวจค้นอีเมล์ของฮิลลารี คลินตัน สมัยที่เธอชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งเพียงแค่ไม่กี่วัน - จึงเป็นเรื่องอื้อฉาวว่า .. อภัยโทษให้มาร์ก ริช เพราะหวังเงินบริจาคนับล้านเข้าพรรคระหว่างหาเสียงหรือไม่?อีกทั้ง บิล คลินตัน ยังอภัยโทษให้กับพี่ชายร่วมสายเลือดอย่าง “โรเจอร์ คลินตัน จูเนียร์” จากความผิดฐานสมคมคิดจำหน่ายโคเคน ในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งในปี 2001 ด้วย ประโยชน์ แลกประโยชน์ ก็เช่นนี้เอง◾️◾️◾️🔴 แอนดรูว์ จอห์นสันหรือหากย้อนกลับไปไกลหน่อย ในยุคสงครามกลางเมือง กรณีประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ที่พยายามจะรวมประเทศหลังสงครามอันยาวนาน จึงออกคำสั่งนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ ให้กับเจ้าหน้าที่ และทหารฝ่ายสมาพันธรัฐ ราว 12,600 นาย ที่กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างหนัก ◾️◾️◾️🔴 ริชาร์ด นิกสัน - เจอรัลด์ ฟอร์ดส่วนกรณีสุดอื้อฉาวทางการเมืองของสหรัฐฯ อย่างคดีวอเตอร์เกตส์ ที่เป็นการลักลอบโจรกรรมสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่อาคารวอเตอร์เกตคอมเพลกซ์ ในกรุงวอชิงตันดีซี .. และผลการตรวจสอบพบว่า “ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน” มีส่วนรับรู้เหตุการณ์ดังกล่าวด้วย นำมาสู่การยอมลาออกของเขาในที่สุด และเป็นการลาออกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐฯก่อนที่ประธานาธิบดีคนต่อมา อย่าง “เจอรัลด์ ฟอร์ด” จะใช้อำนาจในการอภัยโทษให้กับ “ริชาร์ด นิกสัน” ทั้งหมด เมื่อปี 1974 - ซึ่งแม้ประชาชนจะกังวลต่อการอภัยโทษครั้งนี้ แต่ฟอร์ดยืนยันว่า นี่คือผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแล้วสำหรับประเทศ - และคาดว่า ผลของการอภัยโทษครั้งนั้นเอง ที่ทำให้ฟอร์ดพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้กับ “จิมมี่ คาร์เตอร์” ในอีก 2 ปีถัดมา (1976)◾️◾️◾️🔴 จิมมี่ คาร์เตอร์จิมมี่ คาร์เตอร์​ เองก็ถูกวิจารณ์อยู่ไม่น้อย จากการอภัยโทษให้กับผู้หลบหนีการเกณฑ์ทหารไปร่วมในสงครามเวียดนามหลายแสนคน ตั้งแต่วันที่ 2 ของการรับตำแหน่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่เขาหาเสียงเอาไว้อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอำนาจที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ​ แต่ก็มีกระแสเรียกร้องว่า ประธานาธิบดีไม่ควรจะมีอำนาจชนิดนี้ เพราะมันจะเป็นผลทางการเมือง มากกว่าที่จะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม—————ภาพ: Reutersอ้างอิง: https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/controversial-presidential-pardons-biden-trump-b2657552.htmlhttps://news.sky.com/story/what-is-the-us-presidential-pardon-and-when-has-it-been-used-13265442#TNNWorldNews #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #นิรโทษกรรม #สหรัฐ #การเมือง #ประวัติศาสตร์ #ไบเดน————📲ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNNได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originalsที่นี่เลยค่ะ >> https://bit.ly/TNNOriginals
    บทความน่าสนใจของ TNN World คอลัมน์Editor’s Pick: ประวัติศาสตร์ “อภัยโทษ” ของประธานาธิบดีสหรัฐฯการอภัยโทษไม่ใช่เรื่องผิด เป็นอำนาจที่ประธานาธิบดีสามารถทำได้ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ แต่นี่คือการอภัยโทษ “ลูกชาย” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติอเมริกา .. แล้วที่ผ่านมา ผู้นำคนก่อน ๆ ของสหรัฐฯ เคยใช้อำนาจในการอภัยโทษให้ใครแล้วบ้าง? และมีใครที่กลายเป็นประเด็นอื้อฉาวแบบนี้อีกหรือไม่? มาค่อย ๆ ย้อนกลับไปทีละคน ◾️◾️◾️🔴โดนัลด์ ทรัมป์เริ่มตั้งแต่ โดนัลด์​ ทรัมป์​ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ​ ที่ออกมาวิจารณ์ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอย่างหนัก ว่าการอภัยโทษให้ลูกชาย “ฮันเตอร์ ไบเดน”​ นั้น บิดเบือนความยุติธรรมแต่ทรัมป์ก็อภัยโทษให้ใครหลาย ๆ คนมาแล้ว ตั้งแต่อดีตผู้ช่วยส่วนตัว มาจนถึงล่าสุด ที่ประกาศอภัยโทษให้กับ “ชาลส์ คุชเนอร์” บิดาของจาเร็ด คุชเนอร์​ สามีของอิวางกา ทรัมป์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ดองของเขานั่นเอง จากคดีทุจริต เลี่ยงภาษี 16 กระทง และอื่น ๆ อีก - อีกทั้งล่าสุด ยังแต่ตั้ง ชาลส์ คุชเนอร์คนนี้ เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ​ ประจำฝรั่งเศสอีกด้วยมีดองเป็นประธานาธิบดี..​ก็ดีเช่นนี้เอง◾️◾️◾️🔴 บารัค โอบามาบารัค โอบามา ผู้นำผิวสีรายนี้ ไม่ได้มีการอภัยโทษที่อื้อฉาวมากนัก โดยหนึ่งในคนที่เป็นประเด็นที่สุด คือ “เชลซี แมนนิ่ง” อดีตทหารเมริกัน ที่แฉข้อมูลและเอกสารลับให้กับเว็ปไซต์จอมแฉ WikiLeaks ◾️◾️◾️🔴 บิล คลินตันถัดมา บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดี ผู้เป็นทั้งที่รัก และที่ชัง ของชาวอเมริกัน ที่ใช้อำนาจอภัยโทษให้กับสามีของเศรษฐีนีผู้บริจาครายใหญ่ให้กับพรรค อย่าง “มาร์ก ริช” นักการเงินดัง ที่ถูกตั้งข้อหาเลี่ยงภาษี - เรื่องนี้ถูกแฉ จากการที่สำนักสอบสวนกลาง หรือ FBI ตรวจค้นอีเมล์ของฮิลลารี คลินตัน สมัยที่เธอชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งเพียงแค่ไม่กี่วัน - จึงเป็นเรื่องอื้อฉาวว่า .. อภัยโทษให้มาร์ก ริช เพราะหวังเงินบริจาคนับล้านเข้าพรรคระหว่างหาเสียงหรือไม่?อีกทั้ง บิล คลินตัน ยังอภัยโทษให้กับพี่ชายร่วมสายเลือดอย่าง “โรเจอร์ คลินตัน จูเนียร์” จากความผิดฐานสมคมคิดจำหน่ายโคเคน ในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งในปี 2001 ด้วย ประโยชน์ แลกประโยชน์ ก็เช่นนี้เอง◾️◾️◾️🔴 แอนดรูว์ จอห์นสันหรือหากย้อนกลับไปไกลหน่อย ในยุคสงครามกลางเมือง กรณีประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน ที่พยายามจะรวมประเทศหลังสงครามอันยาวนาน จึงออกคำสั่งนิรโทษกรรมครั้งใหญ่ ให้กับเจ้าหน้าที่ และทหารฝ่ายสมาพันธรัฐ ราว 12,600 นาย ที่กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างหนัก ◾️◾️◾️🔴 ริชาร์ด นิกสัน - เจอรัลด์ ฟอร์ดส่วนกรณีสุดอื้อฉาวทางการเมืองของสหรัฐฯ อย่างคดีวอเตอร์เกตส์ ที่เป็นการลักลอบโจรกรรมสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่อาคารวอเตอร์เกตคอมเพลกซ์ ในกรุงวอชิงตันดีซี .. และผลการตรวจสอบพบว่า “ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน” มีส่วนรับรู้เหตุการณ์ดังกล่าวด้วย นำมาสู่การยอมลาออกของเขาในที่สุด และเป็นการลาออกครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐฯก่อนที่ประธานาธิบดีคนต่อมา อย่าง “เจอรัลด์ ฟอร์ด” จะใช้อำนาจในการอภัยโทษให้กับ “ริชาร์ด นิกสัน” ทั้งหมด เมื่อปี 1974 - ซึ่งแม้ประชาชนจะกังวลต่อการอภัยโทษครั้งนี้ แต่ฟอร์ดยืนยันว่า นี่คือผลประโยชน์ที่ดีที่สุดแล้วสำหรับประเทศ - และคาดว่า ผลของการอภัยโทษครั้งนั้นเอง ที่ทำให้ฟอร์ดพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้กับ “จิมมี่ คาร์เตอร์” ในอีก 2 ปีถัดมา (1976)◾️◾️◾️🔴 จิมมี่ คาร์เตอร์จิมมี่ คาร์เตอร์​ เองก็ถูกวิจารณ์อยู่ไม่น้อย จากการอภัยโทษให้กับผู้หลบหนีการเกณฑ์ทหารไปร่วมในสงครามเวียดนามหลายแสนคน ตั้งแต่วันที่ 2 ของการรับตำแหน่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่เขาหาเสียงเอาไว้อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอำนาจที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ​ แต่ก็มีกระแสเรียกร้องว่า ประธานาธิบดีไม่ควรจะมีอำนาจชนิดนี้ เพราะมันจะเป็นผลทางการเมือง มากกว่าที่จะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม—————ภาพ: Reutersอ้างอิง: https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/controversial-presidential-pardons-biden-trump-b2657552.htmlhttps://news.sky.com/story/what-is-the-us-presidential-pardon-and-when-has-it-been-used-13265442#TNNWorldNews #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ #นิรโทษกรรม #สหรัฐ #การเมือง #ประวัติศาสตร์ #ไบเดน————📲ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNNได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originalsที่นี่เลยค่ะ >> https://bit.ly/TNNOriginals
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 518 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามยูเครนมีลักษณะ และองค์ประกอบของ WW3 ครบถ้วน : คนเคาะข่าว 27-11-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    สงครามยูเครนมีลักษณะ และองค์ประกอบของ WW3 ครบถ้วน : คนเคาะข่าว 27-11-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    Love
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • ทรัมป์จะใช้นโยบาย America First หรือ Israel First : คนเคาะข่าว 12-11-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    ทรัมป์จะใช้นโยบาย America First หรือ Israel First : คนเคาะข่าว 12-11-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 858 มุมมอง 45 1 รีวิว
  • เรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นตอนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกทำเป็น 'วัฒนธรรมป๊อป' มากที่สุดตอนหนึ่ง มีทั้งนิยาย ภาพยนต์ และล่าสุดคือละครหรือซีรีส์

    อาจเป็นเพราะเรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์ให้อารมณ์หวาบหวิวจากการแอบลอบคบชู้กับพันบุตรศรีเทพ (ขุนวรวงศาธิราช) ทำให้มีการขยายความตอนนี้เป็นพิเศษ ทั้งๆ ประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้บอกอะไรมากนักเรื่องนี้เพียง

    ในเวลาต่อมาคอนเทนท์บันเทิงบางยุคเริ่มมีการใช้คำว่า 'แม่หยัว' เรียกท้าวศรีสุดาจันทร์ ทำให้คนเข้าใจผิดไม่น้อยว่า 'แม่หยัว' น่าจะหมายถึงอาการยั่วยวนเรื่องกามราคะ แต่ความจริง 'แม่หยัว' หมายถึง 'แม่อยู่หัว' ที่หมายถึงมเหสีของพระเจ้าแผ่นดิน

    คำว่าแม่อยู่หัวนั้นในบันทึกโบราณเรียกเพี้ยนเป็น แม่อยัว แม่หญัว แม่อยั่ว ฯลฯ แต่พอตอนนี้ของประวัติศาสตร์ถูกวัฒนธรรมป๊อปปั้นภาพลักษณ์ยั่วยวนของท้าวศรีสุดาจันทร์ขึ้นมา ทำให้คนเข้าใจคำว่า 'แม่หยัว' ผิดไป

    แต่นั้นมาคำว่า 'แม่หยัว' ก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์ เพียงแต่มันเกิดจากภาพจำผิดๆ ที่ 'นิยายอิงประวัติศาสตร์' สร้างขึ้นมา

    ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นมีเนื้อหาไม่มากนักในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นถ้าจะทำเป็นคอนเทนต์บันเทิง จึงหลีกกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง "มโนเอาเอง" กันบ้าง เรื่องนี้เกิดขึ้นกับการสร้างคอนเทนต์บันเทิงกับบุคคลทางประวัติศาสตร์บางคนด้วย

    ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่อจะเท้าความ 'กรณีพิพาท' ระหว่างที่คนคิดว่าการทำละครอิงประวัติศาสตร์แบบเรื่อง 'แม่หยัว' ไม่เห็นจะต้องทำให้ตรงประวัติศาสตร์เป๊ะๆ กับฝ่ายที่ย้ำว่าไม่ควรที่จะมโนกันเกินไป

    ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการทำ Historical fiction เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนถกเถียงกันมาโดยตลอดว่า มันมี "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" (Historically Accurate) แค่ไหน? เพราะนิยายอิงประวัติศาสตร์จะต้องอาศัยการมโนในสัดส่วนที่มากพอสมควร เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ผู้เสพ

    ในกรณีของแม่หยัว อย่าไปถามเรื่อง "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" เพราะเนื้อหาในประวัติศาสตร์มีนิดเดียว ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้จินตนาการได้มากมาย

    แต่การมโนก็ต้องดูสภาพแวดล้อมของทางประวัติศาสตร์ด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เนียน เช่น ท้างศรีสุดาจันทร์เป็นเหตุการณ์สมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ถ้าไปจับแม่อยู่หัวไปสวมมงกุฏสมัยละโว้มันก็หาได้เนียนไม่ เพราะเมื่อถึงยุค 'แม่หยัว' เขาเลิกใส่เครื่องหัวแบบนั้นกันแล้ว แล้วยังมีกฎมณเฑียรบาลที่ตราไว้ในสมัยอยุธยาตอนนั้นระบุการแต่งกายของแม่อยู่หัวเอาไว้แล้ว และยังมีภาพเขียนในสมุดภาพไตรภูมิสมัยอยุธยา (ที่ผมเชื่อว่าคัดมาจากต้นฉบับสมัยอยุธยาตอนต้น) ชี้ทางเอาไว้แล้วว่าสตรีชั้นสูงยุคนั้นแต่งตัวอย่างไร

    ความไม่เนียนแบบนี้เองที่จะทำให้ Historical fiction กลายเป็น Historical fantasy ซึ่งมีความเป็นประวัติศาสตร์อย่างเดียวคือฉากย้อนยุค ส่วนเรื่องอื่นๆ มโนตามใจฉัน

    แต่ในเมืองไทยเรื่องความเนียนไม่เนียนทางประวัติศาสตร์ยังไม่เรื่องใหญ่ระดับชาติ เพราะประวัติศาสร์บ้านเรากระท่อนกระแท่นและคนไทยแคร์ประวัติศาสตร์มากเท่ากับคนในประเทศเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเทศพวกนี้นอกจากต้องทำละครให้เนียนแบบ Historically Accurate แล้ว ยังต้องทำให้ถูกต้องในแบบ Politically correct ด้วย

    ผมจะยกตัวอย่างการสังเกตส่วนตัวจากกรณีของเกาหลีใต้ที่สร้างซีรีส์ย้อนยุคอยู่บ่อยๆ และมักเกิดกรณี "ซีรีส์เรื่องนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์"

    ตัวอย่างเช่นซีรีส์เรื่อง Queen Seondeok ในปี 2009 ซึ่งสร้างจากยุคที่บันทึกประวัติศาสตร์ไม่ละเอียดมากนัก แต่สามารถยืดออกได้มากถึง 62 ตอน ในแง่ของความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มีน้อย แถมคอสตูมยังไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ถูกตำหนิในเกาหลีว่า "มโนประวัติศาสตร์" มากเกินไป และยังอ้างบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกกล่าวหาว่าถูกปลอมขึ้นมา

    Queen Seondeok ถูกผู้มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ตำหนิอย่างมาก เพราะแม้ว่าบันทึกสมัยชิลลาจะมีไม่มาก แต่มันก็เป็นบันทึกที่เที่ยงแท้ในทางประวัติศาสร์ การจะบิดเบือนความสัมพันธ์ของ 'ตัวละคร' หรือพฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้จริงๆ จึงไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้น ความจริงแล้ว Queen Seondeok ควรจะเดินตามเส้นตรงของประวัติศาสตร์ เพราะโอกาสที่จะออกนอกประวัติศาสตร์มีแต่บทสนทนาเท่านั้น

    โปรดสังเกตว่าเรื่องนี้สร้างก่อนยุคโซเชียลจะแพร่หลาย

    พอโซเชียลมีเดียทรงพลังขึ้นมา การโจมตีซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เริ่มจะสะเปะสะปะขึ้นทุกวัน เพราะแทนที่จะโจมตีความถูกต้อง กลับไปโจมตีเรื่องการเมือง

    ตัวอย่างเช่น Joseon Exorcist เมื่อปี 2021 ที่ฉายได้แค่ 2 ตอนก็แท้งซะก่อน เพราะถูกตำหนิว่าใช้ฉากประกอบที่อ้างว่าไม่ตรงกับความจริงทางประวัติศาสตร์ เช่น ใช้ อุปกรณ์ของจีนในเกาหลีโบราณ

    ในปี 2022 เกิดกรณี Under the Queen's Umbrella ถูกตำหนิว่า บิดเบือนประวัติศาสตร์ เพราะใช้ตัวอักษรจีนแบบตัวย่อ (ที่เพิ่งประดิษฐ์ขึ้นในยุคสมัยใหม่ ส่วนเกาหลีใช้อักษรจีนตัวเต็ม)

    ในปี 2024 มีกรณี Queen Woo ถูกตำหนิว่าเครื่องแต่งกายของตัวละครมีความเป็นจีนมากเกินไป ไม่น่าจะสอดคล้องกับคนเกาหลีในยุคโคกูรยอ (ทั้งที่โคกูรยอก็รับวัฒนธรรมจากจีน)

    กรณีเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ 'กระแสต่อต้านจีน' ในเกาหลีใต้ ทั้งๆ ที่เกาหลีเป็นเขตอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนมาแต่โบราณ แค่เรื่องนี้เป็น 'อคติ' ของผู้ชมเกาหลีใต้เองที่เกลียด เหยียด และกลัวจีนมากขึ้น

    แต่ในแง่เนื้อหาทางประวัติศาสตร์ กรณีพวกนี้เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ เกิดขึ้นในยุคโชซอน ซึ่งมีการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการอย่างละเอียด กระทั่งบันทึกไว้ว่ากษัตริย์ตรัสถ้อยคำไว้อย่างไร

    ในยุคสมัยที่บันทึกละเอียดแบบนี้การมโนจึงทำไม่ได้ เพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้จินตนาการได้อีก ตรงกันข้ามกับเรื่อง Queen Woo ซึ่งเกิดในยุคโคกูรยอ ซึ่งมีประวัติศาสตร์บันทึกกระท่อนกระแท่นเหมือนประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้มโนได้มากตามใจปรารถนา

    แต่ถึงจะมโนได้มาก แต่อารมณ์ชาตินิยมที่รุนแรงในเกาหลีใต้ไม่อนุญาตให้มโนได้ตามใจชอบอีก ไม่ใช่เพราะผู้สร้างบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ทำงานออกมาไม่ถูกใจพวกชาตินิยมสุดโต่งต่างหาก

    ดังนั้น ในโลกของนิยายอิงประวัติศาสตร์ จึงไม่มีคำว่าถูกต้องเป๊ะๆ ยิ่งในปัจจุบันมีแต่คำว่า "ถูกใจคนดูหรือไม่" โดยที่ความถูกใจของคนดูไม่ใช่ถูกใจเพราะดาราแสดงดี หรือเครื่องแต่งกายสวย แต่ยังต้องคล้องจองกับ 'วาระทางการเมือง' ของคนดูด้วย

    ยกตัวอย่างจีน ซึ่งบางคนยังเชื่อว่าจีนทำซีรีส์พีเรียดมากมายเพราะอนุญาตให้มโนได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด

    สังคมจีนและสถาบันรัฐจีน (ที่ชาตินิยมขึ้นทุกวัน) ไม่ได้อนุญาตให้มโนประวัติศาสตร์ได้ สิ่งที่คนไทยเห็นว่าจีนจินตนาการประวัติศาสตร์นั้น คือ สิ่งที่เรียกว่า Historical fantasy คือใช้ฉากย้อนยุคที่กำกวม ใช้คอสตูมที่อาจจะอยู่ในยุคที่คาดเดาได้ แต่ไม่มีเหตุการณ์นั้นจริงๆ เช่นเรื่อง Nirvana In Fire เมื่อปี 2015 ที่ทำให้เชื่อว่าอยู่ในยุคหนานเป่ยเฉา แต่เอาจริงๆ มันไม่มีสถานการณ์จริงและตัวบุคคลจริงอยู่เลย

    หากมีซีรีส์ที่ทำเนื้อหาจริงๆ ทางประวัติศาสตร์ หากเลินเล่อเกินไปก็จะถูกโจมตีอย่างหนัก เช่น Legend of Miyue ที่อิงประวัติศาสตร์ยุคจ้านกั๋ว แต่ถูกวิจารณ์เรื่องข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องนี้มีความเห็นที่น่าสนใจจาก หลีเสี่ยวเหว่ย บรรณาธิการบริหารของ "จงกั๋วชิงเหนียนหว่าง" (中国青年网) ของทางการจีน ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกตำหนิ เขากล่าวว่า

    "จักรพรรดินีองค์แรกของจีนในเรื่อง "Legend of Miyue" ซีรีส์ทางทีวีใช้ตัวละครและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ติดตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พื้นฐาน และถึงกับแต่งเรื่องขึ้นมาด้วยซ้ำ ปรากฏการณ์นี้ช่างน่าเป็นห่วง ประการแรก มันจะนำพาผู้คนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และก่อให้เกิดข่าวลือ ประการที่สอง นี่คือทิศทางที่ผิดปกติของการพัฒนาละครประวัติศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด"

    ในเรื่องนี้ทางเกาหลีก็เห็นด้วยกับจีน

    จากกรณีของ Queen Seondeok อีจองโฮ ผู้สื่อข่าวของ "ยอนเซ ชุนชู" (연세춘추) สื่อของมหาวิทยาลัยยอนเซ ถึงกับบอกว่า "Queen Seondeok คือเรื่องโกหก" และได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งชี้แนะว่า"ตามที่ศาสตราจารย์ ชาฮเยวอน (ภาควิชาศิลปศาสตร์ ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงของจีน) กล่าวไว้ ละครประวัติศาสตร์จีนมักจะมีความเที่ยงตรงต่อข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแตกต่างจากละครประวัติศาสตร์เกาหลี ความจริงของละครประวัติศาสตร์เกาหลีคือความจริงทางประวัติศาสตร์ถูกละเลยเพื่อความบันเทิงและเรตติ้งผู้ชม เพื่อแก้ปัญหานี้ จำเป็นต้องมีการไตร่ตรองภายในอุตสาหกรรมการออกอากาศ"

    แม้ว่าประเทศไทยจะมีประวัติศาสตร์ที่เบาบางต่างจากจีนและเกาหลี แต่เราสามารถใช้มาตรฐานแบบนี้ได้เหมือนกัน สิ่งที่ต้องเป๊ะคือแกนหลักในประวัติศาสตร์ อย่าตีความมากเกินไปเพราะต้องเคารพ "ผู้ที่ตายไปแล้วซึ่งไม่มีโอกาสร้องอุทรณ์แก้ต่างให้ตัวเอง" ด้วย ส่วนสิ่งที่จินตนาการได้ก็ควรทำให้ตรงกับบริบทแวดล้อมของยุคนั้น

    หากทำเอาสนุกอย่างเดียว ก็ "จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด"

    บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
    ภาพโปสเตอร์โปรโมทซีรีส์เรื่อง แม่หยัว และ Queen Seondeok

    ที่มา https://www.thebetter.co.th/news/world/23351?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3w6ch-KVjjFiWzTmp8gh2-HSMqAh7UX0lxC3jm2_5RD0J97vIDxYCrljo_aem_wMoYw4S-NqnmnAfELQfeSA

    #Thaitimes
    เรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นตอนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกทำเป็น 'วัฒนธรรมป๊อป' มากที่สุดตอนหนึ่ง มีทั้งนิยาย ภาพยนต์ และล่าสุดคือละครหรือซีรีส์ อาจเป็นเพราะเรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์ให้อารมณ์หวาบหวิวจากการแอบลอบคบชู้กับพันบุตรศรีเทพ (ขุนวรวงศาธิราช) ทำให้มีการขยายความตอนนี้เป็นพิเศษ ทั้งๆ ประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้บอกอะไรมากนักเรื่องนี้เพียง ในเวลาต่อมาคอนเทนท์บันเทิงบางยุคเริ่มมีการใช้คำว่า 'แม่หยัว' เรียกท้าวศรีสุดาจันทร์ ทำให้คนเข้าใจผิดไม่น้อยว่า 'แม่หยัว' น่าจะหมายถึงอาการยั่วยวนเรื่องกามราคะ แต่ความจริง 'แม่หยัว' หมายถึง 'แม่อยู่หัว' ที่หมายถึงมเหสีของพระเจ้าแผ่นดิน คำว่าแม่อยู่หัวนั้นในบันทึกโบราณเรียกเพี้ยนเป็น แม่อยัว แม่หญัว แม่อยั่ว ฯลฯ แต่พอตอนนี้ของประวัติศาสตร์ถูกวัฒนธรรมป๊อปปั้นภาพลักษณ์ยั่วยวนของท้าวศรีสุดาจันทร์ขึ้นมา ทำให้คนเข้าใจคำว่า 'แม่หยัว' ผิดไป แต่นั้นมาคำว่า 'แม่หยัว' ก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์ เพียงแต่มันเกิดจากภาพจำผิดๆ ที่ 'นิยายอิงประวัติศาสตร์' สร้างขึ้นมา ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นมีเนื้อหาไม่มากนักในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นถ้าจะทำเป็นคอนเทนต์บันเทิง จึงหลีกกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง "มโนเอาเอง" กันบ้าง เรื่องนี้เกิดขึ้นกับการสร้างคอนเทนต์บันเทิงกับบุคคลทางประวัติศาสตร์บางคนด้วย ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่อจะเท้าความ 'กรณีพิพาท' ระหว่างที่คนคิดว่าการทำละครอิงประวัติศาสตร์แบบเรื่อง 'แม่หยัว' ไม่เห็นจะต้องทำให้ตรงประวัติศาสตร์เป๊ะๆ กับฝ่ายที่ย้ำว่าไม่ควรที่จะมโนกันเกินไป ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการทำ Historical fiction เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนถกเถียงกันมาโดยตลอดว่า มันมี "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" (Historically Accurate) แค่ไหน? เพราะนิยายอิงประวัติศาสตร์จะต้องอาศัยการมโนในสัดส่วนที่มากพอสมควร เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ผู้เสพ ในกรณีของแม่หยัว อย่าไปถามเรื่อง "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" เพราะเนื้อหาในประวัติศาสตร์มีนิดเดียว ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้จินตนาการได้มากมาย แต่การมโนก็ต้องดูสภาพแวดล้อมของทางประวัติศาสตร์ด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เนียน เช่น ท้างศรีสุดาจันทร์เป็นเหตุการณ์สมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ถ้าไปจับแม่อยู่หัวไปสวมมงกุฏสมัยละโว้มันก็หาได้เนียนไม่ เพราะเมื่อถึงยุค 'แม่หยัว' เขาเลิกใส่เครื่องหัวแบบนั้นกันแล้ว แล้วยังมีกฎมณเฑียรบาลที่ตราไว้ในสมัยอยุธยาตอนนั้นระบุการแต่งกายของแม่อยู่หัวเอาไว้แล้ว และยังมีภาพเขียนในสมุดภาพไตรภูมิสมัยอยุธยา (ที่ผมเชื่อว่าคัดมาจากต้นฉบับสมัยอยุธยาตอนต้น) ชี้ทางเอาไว้แล้วว่าสตรีชั้นสูงยุคนั้นแต่งตัวอย่างไร ความไม่เนียนแบบนี้เองที่จะทำให้ Historical fiction กลายเป็น Historical fantasy ซึ่งมีความเป็นประวัติศาสตร์อย่างเดียวคือฉากย้อนยุค ส่วนเรื่องอื่นๆ มโนตามใจฉัน แต่ในเมืองไทยเรื่องความเนียนไม่เนียนทางประวัติศาสตร์ยังไม่เรื่องใหญ่ระดับชาติ เพราะประวัติศาสร์บ้านเรากระท่อนกระแท่นและคนไทยแคร์ประวัติศาสตร์มากเท่ากับคนในประเทศเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเทศพวกนี้นอกจากต้องทำละครให้เนียนแบบ Historically Accurate แล้ว ยังต้องทำให้ถูกต้องในแบบ Politically correct ด้วย ผมจะยกตัวอย่างการสังเกตส่วนตัวจากกรณีของเกาหลีใต้ที่สร้างซีรีส์ย้อนยุคอยู่บ่อยๆ และมักเกิดกรณี "ซีรีส์เรื่องนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์" ตัวอย่างเช่นซีรีส์เรื่อง Queen Seondeok ในปี 2009 ซึ่งสร้างจากยุคที่บันทึกประวัติศาสตร์ไม่ละเอียดมากนัก แต่สามารถยืดออกได้มากถึง 62 ตอน ในแง่ของความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มีน้อย แถมคอสตูมยังไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ถูกตำหนิในเกาหลีว่า "มโนประวัติศาสตร์" มากเกินไป และยังอ้างบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกกล่าวหาว่าถูกปลอมขึ้นมา Queen Seondeok ถูกผู้มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ตำหนิอย่างมาก เพราะแม้ว่าบันทึกสมัยชิลลาจะมีไม่มาก แต่มันก็เป็นบันทึกที่เที่ยงแท้ในทางประวัติศาสร์ การจะบิดเบือนความสัมพันธ์ของ 'ตัวละคร' หรือพฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้จริงๆ จึงไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้น ความจริงแล้ว Queen Seondeok ควรจะเดินตามเส้นตรงของประวัติศาสตร์ เพราะโอกาสที่จะออกนอกประวัติศาสตร์มีแต่บทสนทนาเท่านั้น โปรดสังเกตว่าเรื่องนี้สร้างก่อนยุคโซเชียลจะแพร่หลาย พอโซเชียลมีเดียทรงพลังขึ้นมา การโจมตีซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เริ่มจะสะเปะสะปะขึ้นทุกวัน เพราะแทนที่จะโจมตีความถูกต้อง กลับไปโจมตีเรื่องการเมือง ตัวอย่างเช่น Joseon Exorcist เมื่อปี 2021 ที่ฉายได้แค่ 2 ตอนก็แท้งซะก่อน เพราะถูกตำหนิว่าใช้ฉากประกอบที่อ้างว่าไม่ตรงกับความจริงทางประวัติศาสตร์ เช่น ใช้ อุปกรณ์ของจีนในเกาหลีโบราณ ในปี 2022 เกิดกรณี Under the Queen's Umbrella ถูกตำหนิว่า บิดเบือนประวัติศาสตร์ เพราะใช้ตัวอักษรจีนแบบตัวย่อ (ที่เพิ่งประดิษฐ์ขึ้นในยุคสมัยใหม่ ส่วนเกาหลีใช้อักษรจีนตัวเต็ม) ในปี 2024 มีกรณี Queen Woo ถูกตำหนิว่าเครื่องแต่งกายของตัวละครมีความเป็นจีนมากเกินไป ไม่น่าจะสอดคล้องกับคนเกาหลีในยุคโคกูรยอ (ทั้งที่โคกูรยอก็รับวัฒนธรรมจากจีน) กรณีเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ 'กระแสต่อต้านจีน' ในเกาหลีใต้ ทั้งๆ ที่เกาหลีเป็นเขตอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนมาแต่โบราณ แค่เรื่องนี้เป็น 'อคติ' ของผู้ชมเกาหลีใต้เองที่เกลียด เหยียด และกลัวจีนมากขึ้น แต่ในแง่เนื้อหาทางประวัติศาสตร์ กรณีพวกนี้เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ เกิดขึ้นในยุคโชซอน ซึ่งมีการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการอย่างละเอียด กระทั่งบันทึกไว้ว่ากษัตริย์ตรัสถ้อยคำไว้อย่างไร ในยุคสมัยที่บันทึกละเอียดแบบนี้การมโนจึงทำไม่ได้ เพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้จินตนาการได้อีก ตรงกันข้ามกับเรื่อง Queen Woo ซึ่งเกิดในยุคโคกูรยอ ซึ่งมีประวัติศาสตร์บันทึกกระท่อนกระแท่นเหมือนประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้มโนได้มากตามใจปรารถนา แต่ถึงจะมโนได้มาก แต่อารมณ์ชาตินิยมที่รุนแรงในเกาหลีใต้ไม่อนุญาตให้มโนได้ตามใจชอบอีก ไม่ใช่เพราะผู้สร้างบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ทำงานออกมาไม่ถูกใจพวกชาตินิยมสุดโต่งต่างหาก ดังนั้น ในโลกของนิยายอิงประวัติศาสตร์ จึงไม่มีคำว่าถูกต้องเป๊ะๆ ยิ่งในปัจจุบันมีแต่คำว่า "ถูกใจคนดูหรือไม่" โดยที่ความถูกใจของคนดูไม่ใช่ถูกใจเพราะดาราแสดงดี หรือเครื่องแต่งกายสวย แต่ยังต้องคล้องจองกับ 'วาระทางการเมือง' ของคนดูด้วย ยกตัวอย่างจีน ซึ่งบางคนยังเชื่อว่าจีนทำซีรีส์พีเรียดมากมายเพราะอนุญาตให้มโนได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด สังคมจีนและสถาบันรัฐจีน (ที่ชาตินิยมขึ้นทุกวัน) ไม่ได้อนุญาตให้มโนประวัติศาสตร์ได้ สิ่งที่คนไทยเห็นว่าจีนจินตนาการประวัติศาสตร์นั้น คือ สิ่งที่เรียกว่า Historical fantasy คือใช้ฉากย้อนยุคที่กำกวม ใช้คอสตูมที่อาจจะอยู่ในยุคที่คาดเดาได้ แต่ไม่มีเหตุการณ์นั้นจริงๆ เช่นเรื่อง Nirvana In Fire เมื่อปี 2015 ที่ทำให้เชื่อว่าอยู่ในยุคหนานเป่ยเฉา แต่เอาจริงๆ มันไม่มีสถานการณ์จริงและตัวบุคคลจริงอยู่เลย หากมีซีรีส์ที่ทำเนื้อหาจริงๆ ทางประวัติศาสตร์ หากเลินเล่อเกินไปก็จะถูกโจมตีอย่างหนัก เช่น Legend of Miyue ที่อิงประวัติศาสตร์ยุคจ้านกั๋ว แต่ถูกวิจารณ์เรื่องข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องนี้มีความเห็นที่น่าสนใจจาก หลีเสี่ยวเหว่ย บรรณาธิการบริหารของ "จงกั๋วชิงเหนียนหว่าง" (中国青年网) ของทางการจีน ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกตำหนิ เขากล่าวว่า "จักรพรรดินีองค์แรกของจีนในเรื่อง "Legend of Miyue" ซีรีส์ทางทีวีใช้ตัวละครและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ติดตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พื้นฐาน และถึงกับแต่งเรื่องขึ้นมาด้วยซ้ำ ปรากฏการณ์นี้ช่างน่าเป็นห่วง ประการแรก มันจะนำพาผู้คนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และก่อให้เกิดข่าวลือ ประการที่สอง นี่คือทิศทางที่ผิดปกติของการพัฒนาละครประวัติศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด" ในเรื่องนี้ทางเกาหลีก็เห็นด้วยกับจีน จากกรณีของ Queen Seondeok อีจองโฮ ผู้สื่อข่าวของ "ยอนเซ ชุนชู" (연세춘추) สื่อของมหาวิทยาลัยยอนเซ ถึงกับบอกว่า "Queen Seondeok คือเรื่องโกหก" และได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งชี้แนะว่า"ตามที่ศาสตราจารย์ ชาฮเยวอน (ภาควิชาศิลปศาสตร์ ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงของจีน) กล่าวไว้ ละครประวัติศาสตร์จีนมักจะมีความเที่ยงตรงต่อข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแตกต่างจากละครประวัติศาสตร์เกาหลี ความจริงของละครประวัติศาสตร์เกาหลีคือความจริงทางประวัติศาสตร์ถูกละเลยเพื่อความบันเทิงและเรตติ้งผู้ชม เพื่อแก้ปัญหานี้ จำเป็นต้องมีการไตร่ตรองภายในอุตสาหกรรมการออกอากาศ" แม้ว่าประเทศไทยจะมีประวัติศาสตร์ที่เบาบางต่างจากจีนและเกาหลี แต่เราสามารถใช้มาตรฐานแบบนี้ได้เหมือนกัน สิ่งที่ต้องเป๊ะคือแกนหลักในประวัติศาสตร์ อย่าตีความมากเกินไปเพราะต้องเคารพ "ผู้ที่ตายไปแล้วซึ่งไม่มีโอกาสร้องอุทรณ์แก้ต่างให้ตัวเอง" ด้วย ส่วนสิ่งที่จินตนาการได้ก็ควรทำให้ตรงกับบริบทแวดล้อมของยุคนั้น หากทำเอาสนุกอย่างเดียว ก็ "จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด" บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better ภาพโปสเตอร์โปรโมทซีรีส์เรื่อง แม่หยัว และ Queen Seondeok ที่มา https://www.thebetter.co.th/news/world/23351?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3w6ch-KVjjFiWzTmp8gh2-HSMqAh7UX0lxC3jm2_5RD0J97vIDxYCrljo_aem_wMoYw4S-NqnmnAfELQfeSA #Thaitimes
    WWW.THEBETTER.CO.TH
    ความไม่เนียนของ'ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์' ต้องเป๊ะประวัติศาสตร์แค่ไหน?
    ความไม่เนียนของ'ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์' ต้องเป๊ะประวัติศาสตร์แค่ไหน?
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1118 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื้องหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้งสหรัฐแบบขาดลอย : คนเคาะข่าว 06-11-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    เบื้องหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้งสหรัฐแบบขาดลอย : คนเคาะข่าว 06-11-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 523 มุมมอง 129 1 รีวิว
  • ทรัมป์จะชนะแลนด์สไลด์ แต่จะกล้าล้มล้าง Deep State หรือไม่ : คนเคาะข่าว 30-10-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    ทรัมป์จะชนะแลนด์สไลด์ แต่จะกล้าล้มล้าง Deep State หรือไม่ : คนเคาะข่าว 30-10-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 205 2 รีวิว
  • ร่วมส่ง ลุงโสภณ สู่ สัมปรายภพ ครับ...
    .
    ยังทำใจไม่ได้จริงๆ...
    .
    😭😭😭😭
    .
    สัญญากับตัวเองว่า จะพยายามตามข่าวต่างประเทศต่อไป มองหาความจริงที่เกิดขึ้น ตามอย่างที่ ลุงโสภณ เคยเปิดโลกให้...
    .
    ขอบคุณ สาระความรู้ และ ความบันเทิง จากลุงโสภณ ในฐานะสื่อมวลชนอาวุโส ครับ
    .
    จาก แฟนคลับ ลุงโสภณ...
    ..
    ..
    ## สื่อกับโส Talk มันส์ คัน สไตล์ โสภณ องค์การณ์ ##
    ...
    ...
    1.
    https://youtu.be/iG6ik6KzP5M?si=bHLL4j_qSVXGY7Y5
    .
    2.
    https://youtu.be/IZPQjvNMKMY?si=pdv6Kpipm9dY1t5l
    ร่วมส่ง ลุงโสภณ สู่ สัมปรายภพ ครับ... . ยังทำใจไม่ได้จริงๆ... . 😭😭😭😭 . สัญญากับตัวเองว่า จะพยายามตามข่าวต่างประเทศต่อไป มองหาความจริงที่เกิดขึ้น ตามอย่างที่ ลุงโสภณ เคยเปิดโลกให้... . ขอบคุณ สาระความรู้ และ ความบันเทิง จากลุงโสภณ ในฐานะสื่อมวลชนอาวุโส ครับ . จาก แฟนคลับ ลุงโสภณ... .. .. ## สื่อกับโส Talk มันส์ คัน สไตล์ โสภณ องค์การณ์ ## ... ... 1. https://youtu.be/iG6ik6KzP5M?si=bHLL4j_qSVXGY7Y5 . 2. https://youtu.be/IZPQjvNMKMY?si=pdv6Kpipm9dY1t5l
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • แวะมาส่งพี่โส คุณโสภณ องค์การณ์ จากคอลัมนิสต์บนหนังสือพิมพ์ที่อ่านตอนเด็กๆ กระทั่งเคยจัดรายการโฟนอินเล่าข่าวต่างประเทศในช่วงเวลาสั้นๆ ขอพระเจ้าอวยพรให้พี่โสไปสู่ภพภูมิที่ดี เหลือไว้แต่เพียงตำนานความกล้า วิพากษ์วิจารณ์เหตุบ้านการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ให้เราได้ช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตา เป็นหมาเฝ้าบ้านให้กับสังคมและประเทศชาติต่อไป
    แวะมาส่งพี่โส คุณโสภณ องค์การณ์ จากคอลัมนิสต์บนหนังสือพิมพ์ที่อ่านตอนเด็กๆ กระทั่งเคยจัดรายการโฟนอินเล่าข่าวต่างประเทศในช่วงเวลาสั้นๆ ขอพระเจ้าอวยพรให้พี่โสไปสู่ภพภูมิที่ดี เหลือไว้แต่เพียงตำนานความกล้า วิพากษ์วิจารณ์เหตุบ้านการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ให้เราได้ช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตา เป็นหมาเฝ้าบ้านให้กับสังคมและประเทศชาติต่อไป
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไร้เงานายกฯอุ๊งอิ๊งร่วมประชุม BRICS 2024 : คนเคาะข่าว 23-10-67
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    ไร้เงานายกฯอุ๊งอิ๊งร่วมประชุม BRICS 2024 : คนเคาะข่าว 23-10-67 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ : นงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 594 มุมมอง 361 0 รีวิว
  • ด้วยความระลึกถึง โสภณ องค์การณ์

    สมัยวัยรุ่นเท่าที่จำความได้ "โสภณ องค์การณ์" เป็นหนึ่งในคนข่าวที่โลดแล่นกับสื่อเครือเนชั่นยาวนานกว่า 30 ปีในหลายบทบาท ทั้งบนหน้าจอเนชั่นแชนแนล ยูบีซี 8 ซึ่งคนมีอันจะกินถึงจะดูได้ หรือแบบจับต้องได้ตอนเข้าห้องสมุดโรงเรียน อ่านคอลัมน์ในเนชั่นสุดสัปดาห์ หรือหนังสือพิมพ์คมชัดลึก วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในยุคนั้นเรียกว่า "ซีอีโอแกงโฮะ" หรือ "ซีอีโอละพ่อ" พร้อมกับคำลงท้ายบทความ "อิอิอิ" เป็นเอกลักษณ์

    ด้วยความเป็นคอลัมนิสต์ วิจารณ์การเมืองตรงไปตรงมา เมื่อมาเจอรัฐบาลทักษิณแทรกแซงสื่อหลายรูปแบบ ที่น่าอึ้งก็คือเมื่อปี 2545 มีใบสั่งให้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ จากสำนักงาน ป.ป.ง. ตรวจสอบธุรกรรมการเงินสื่อมวลชนจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะเครือเนชั่น ไทยโพสต์ แนวหน้า แล้วหนึ่งในนั้นมีชื่อ "โสภณ องค์การณ์" แต่ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา ตอนหลัง ป.ป.ง.บอกว่าสั่งยุติตรวจสอบแล้ว จึงจำหน่ายคดีออกไป

    เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำเสรีภาพสื่อยุคนั้นตกต่ำ ฟางเส้นสุดท้าย คือการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดย สนธิ ลิ้มทองกุล และ สโรชา พรอุดมศักดิ์ นำไปสู่การขับไล่นายกฯ ทักษิณมาตั้งแต่ปี 2548 และไม่ไว้วางใจทักษิณนานกว่า 20 ปี

    กล่าวถึงความทรงจำ ซึ่งขออนุญาตเรียกว่าพี่โส สมัยจัดรายการยามเช้าริมเจ้าพระยา ทางสถานีโทรทัศน์นิวส์วัน ร่วมกับคุณนุ๊ก กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ ในปี 2560-2561 ได้มีโอกาสฟังพี่โสโฟนอินวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ ในเบรคสุดท้ายก่อนจบรายการทุกสัปดาห์ แต่หลังจากกลับไปทำงานข่าวออนไลน์เหมือนเดิม ซึ่งยอมรับว่าการจัดรายการโทรทัศน์ตอนนั้นทำได้ไม่ดีนัก เวลาเจอหน้าพี่โสที่บ้านเจ้าพระยา ก็ทักทายสวัสดี บางครั้งพี่โสนำหมูปิ้งจากร้านของพี่โส มาให้ชาวผู้จัดการ-นิวส์วันชิมกันถึงออฟฟิศ

    พี่โสอยู่ชายคาผู้จัดการ-นิวส์วันมาตั้งแต่ปี 2552 เริ่มจากจัดรายการโทรทัศน์ เช่น News Hour Weekend คู่กับคุณนงวดี ถนิมมาลย์ เคาะข่าวริมโขง สภาท่าพระอาทิตย์ ก่อนที่จะหยุดเขียนบทความประจำให้กับคมชัดลึกเมื่อสิ้นปี 2553 แล้วมาเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และผู้จัดการสุดสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา พร้อมกับจัดรายการหลายรายการ เช่น ชวนคิดชวนคุย เคาะไข่ใส่ข่าว ฯลฯ มีผลงานให้ได้ติดตามมานานถึง 15 ปี

    เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนรู้สึกตกใจที่ทราบข่าวว่าพี่โสประสบอุบัติเหตุ พบว่าเส้นเลือดออกที่ก้านสมอง ไม่รู้สึกตัวหลายวัน กระทั่งใจหายที่ทราบว่าพี่โสจากไปด้วยอายุ 75 ปี ขอแสดงความเสียใจ และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวพี่โสยืนหยัดชีวิตต่อไป

    กิตตินันท์ นาคทอง

    #Newskit
    ด้วยความระลึกถึง โสภณ องค์การณ์ สมัยวัยรุ่นเท่าที่จำความได้ "โสภณ องค์การณ์" เป็นหนึ่งในคนข่าวที่โลดแล่นกับสื่อเครือเนชั่นยาวนานกว่า 30 ปีในหลายบทบาท ทั้งบนหน้าจอเนชั่นแชนแนล ยูบีซี 8 ซึ่งคนมีอันจะกินถึงจะดูได้ หรือแบบจับต้องได้ตอนเข้าห้องสมุดโรงเรียน อ่านคอลัมน์ในเนชั่นสุดสัปดาห์ หรือหนังสือพิมพ์คมชัดลึก วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในยุคนั้นเรียกว่า "ซีอีโอแกงโฮะ" หรือ "ซีอีโอละพ่อ" พร้อมกับคำลงท้ายบทความ "อิอิอิ" เป็นเอกลักษณ์ ด้วยความเป็นคอลัมนิสต์ วิจารณ์การเมืองตรงไปตรงมา เมื่อมาเจอรัฐบาลทักษิณแทรกแซงสื่อหลายรูปแบบ ที่น่าอึ้งก็คือเมื่อปี 2545 มีใบสั่งให้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ จากสำนักงาน ป.ป.ง. ตรวจสอบธุรกรรมการเงินสื่อมวลชนจำนวนมากที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ โดยเฉพาะเครือเนชั่น ไทยโพสต์ แนวหน้า แล้วหนึ่งในนั้นมีชื่อ "โสภณ องค์การณ์" แต่ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา ตอนหลัง ป.ป.ง.บอกว่าสั่งยุติตรวจสอบแล้ว จึงจำหน่ายคดีออกไป เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำเสรีภาพสื่อยุคนั้นตกต่ำ ฟางเส้นสุดท้าย คือการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดย สนธิ ลิ้มทองกุล และ สโรชา พรอุดมศักดิ์ นำไปสู่การขับไล่นายกฯ ทักษิณมาตั้งแต่ปี 2548 และไม่ไว้วางใจทักษิณนานกว่า 20 ปี กล่าวถึงความทรงจำ ซึ่งขออนุญาตเรียกว่าพี่โส สมัยจัดรายการยามเช้าริมเจ้าพระยา ทางสถานีโทรทัศน์นิวส์วัน ร่วมกับคุณนุ๊ก กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ ในปี 2560-2561 ได้มีโอกาสฟังพี่โสโฟนอินวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ ในเบรคสุดท้ายก่อนจบรายการทุกสัปดาห์ แต่หลังจากกลับไปทำงานข่าวออนไลน์เหมือนเดิม ซึ่งยอมรับว่าการจัดรายการโทรทัศน์ตอนนั้นทำได้ไม่ดีนัก เวลาเจอหน้าพี่โสที่บ้านเจ้าพระยา ก็ทักทายสวัสดี บางครั้งพี่โสนำหมูปิ้งจากร้านของพี่โส มาให้ชาวผู้จัดการ-นิวส์วันชิมกันถึงออฟฟิศ พี่โสอยู่ชายคาผู้จัดการ-นิวส์วันมาตั้งแต่ปี 2552 เริ่มจากจัดรายการโทรทัศน์ เช่น News Hour Weekend คู่กับคุณนงวดี ถนิมมาลย์ เคาะข่าวริมโขง สภาท่าพระอาทิตย์ ก่อนที่จะหยุดเขียนบทความประจำให้กับคมชัดลึกเมื่อสิ้นปี 2553 แล้วมาเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และผู้จัดการสุดสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา พร้อมกับจัดรายการหลายรายการ เช่น ชวนคิดชวนคุย เคาะไข่ใส่ข่าว ฯลฯ มีผลงานให้ได้ติดตามมานานถึง 15 ปี เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนรู้สึกตกใจที่ทราบข่าวว่าพี่โสประสบอุบัติเหตุ พบว่าเส้นเลือดออกที่ก้านสมอง ไม่รู้สึกตัวหลายวัน กระทั่งใจหายที่ทราบว่าพี่โสจากไปด้วยอายุ 75 ปี ขอแสดงความเสียใจ และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวพี่โสยืนหยัดชีวิตต่อไป กิตตินันท์ นาคทอง #Newskit
    Sad
    Love
    Like
    45
    6 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 1325 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การกวาดล้างประชาชน และ พื้นที่อยู่อาศัย ยังคงดำเนินต่อไป ในกาซา ##
    ..
    ..
    โดย รัฐเถื่อน อิสราเอล ยังคงทิ้งระเบิดต่อเนื่องใน Beit Lahiya ทางตอนเหนือของ ฉนวนกาซา
    .
    ชาวปาเลสไตน์เกือบ 100 คนถูกสังหารและบาดเจ็บอีกหลาย 10 คน ตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
    .
    กองทัพไซออนิสต์ ปิดล้อม ฉนวนกาซาทางตอนเหนือ เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว
    .
    เพื่อจำกัดการเข้ามาของ อาหาร และ ตัดขาด บริการด้านการสื่อสาร
    .
    โดยที่ การถล่ม ทำลาย หรือ การฆ่า ทุกครั้งจะอ้างว่า เพื่อจัดการ ฮามาส ที่ซ่อนตัวอยู่...
    .
    เรามาลองตั้งคำถามดูเล่นๆกันครับ
    .
    จำนวน นักรบฮามาส มีอยู่ ประมาณ 30,000 คน
    .
    แต่...ปัจุบัน ชาวปาเลสไตน์ ถูกสังหารไปแล้ว 42,603 คน และ บาดเจ็บกว่า 99,795 ราย
    .
    จากจำนวนผู้บาดเจ็บ และ เสียชีวิต นี้ กลุ่มนักรบฮามาส ควร ตายไปหมดแล้ว ใช่หรือไม่...???
    .
    หาก รัฐเถื่อน ไซออนิสต์ พุ่งเป้าการสังหารไปที่ กลุ่มฮามาส จริง...!!!
    .
    แต่นี่ ผู้ที่เสียชีวิต กว่าครึ่ง คือ เด็ก และ ผู้หญิง
    .
    ผู้เสียชีวิต มีทั้ง ชาวปาเลสไตน์ และ ชาวต่างชาติ ประชาชน ธรรมดา หมอ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ เจ้าหน้าที่ UN และ นักข่าวต่างประเทศ
    .
    "อาชญากรรมสงคราม" เอย "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" เอย คำเรียกขานเหล่านี้ ไม่เกินความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว...!!!
    ...
    ...
    โลกเสรี ที่พร่ำเพ้อ เรียกร้อง สิทธิมนุษยชน แต่ ไม่มีประเทศโลกเสรี หน้าไหนกล้าเข้ามาหยุดยั้ง พฤติกรรม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ของ รัฐเถื่อน อิสราเอล...
    .
    น่าขำ ที่ดูเหมือน คาถา สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน มีไว้ เพื่อใช้บังคับกับประเทศอื่น เพื่อใช้แทรกแซง โจมตี ประเทศฝั่งตรงข้ามกับ อเมริกา ก็เท่านั้นเอง...
    .
    และมีผู้คนจำนวนมาก รวมทั้งคนไทย จำนวนมาก ที่ยังคง ยึดมั่นถือมั่น ใน "ชุดความคิด-ความเชื่อส่งออก" พวกนี้ แบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่มองดูโลกแห่งความเป็นจริง...
    .
    😢😢😢😢
    .
    https://youtu.be/R173xpge_Zs?si=W8mSMhlLctbaHmHdhttps://youtu.be/R173xpge_Zs?si=W8mSMhlLctbaHmHd
    ## การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การกวาดล้างประชาชน และ พื้นที่อยู่อาศัย ยังคงดำเนินต่อไป ในกาซา ## .. .. โดย รัฐเถื่อน อิสราเอล ยังคงทิ้งระเบิดต่อเนื่องใน Beit Lahiya ทางตอนเหนือของ ฉนวนกาซา . ชาวปาเลสไตน์เกือบ 100 คนถูกสังหารและบาดเจ็บอีกหลาย 10 คน ตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา . กองทัพไซออนิสต์ ปิดล้อม ฉนวนกาซาทางตอนเหนือ เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว . เพื่อจำกัดการเข้ามาของ อาหาร และ ตัดขาด บริการด้านการสื่อสาร . โดยที่ การถล่ม ทำลาย หรือ การฆ่า ทุกครั้งจะอ้างว่า เพื่อจัดการ ฮามาส ที่ซ่อนตัวอยู่... . เรามาลองตั้งคำถามดูเล่นๆกันครับ . จำนวน นักรบฮามาส มีอยู่ ประมาณ 30,000 คน . แต่...ปัจุบัน ชาวปาเลสไตน์ ถูกสังหารไปแล้ว 42,603 คน และ บาดเจ็บกว่า 99,795 ราย . จากจำนวนผู้บาดเจ็บ และ เสียชีวิต นี้ กลุ่มนักรบฮามาส ควร ตายไปหมดแล้ว ใช่หรือไม่...??? . หาก รัฐเถื่อน ไซออนิสต์ พุ่งเป้าการสังหารไปที่ กลุ่มฮามาส จริง...!!! . แต่นี่ ผู้ที่เสียชีวิต กว่าครึ่ง คือ เด็ก และ ผู้หญิง . ผู้เสียชีวิต มีทั้ง ชาวปาเลสไตน์ และ ชาวต่างชาติ ประชาชน ธรรมดา หมอ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ เจ้าหน้าที่ UN และ นักข่าวต่างประเทศ . "อาชญากรรมสงคราม" เอย "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" เอย คำเรียกขานเหล่านี้ ไม่เกินความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว...!!! ... ... โลกเสรี ที่พร่ำเพ้อ เรียกร้อง สิทธิมนุษยชน แต่ ไม่มีประเทศโลกเสรี หน้าไหนกล้าเข้ามาหยุดยั้ง พฤติกรรม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ของ รัฐเถื่อน อิสราเอล... . น่าขำ ที่ดูเหมือน คาถา สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน มีไว้ เพื่อใช้บังคับกับประเทศอื่น เพื่อใช้แทรกแซง โจมตี ประเทศฝั่งตรงข้ามกับ อเมริกา ก็เท่านั้นเอง... . และมีผู้คนจำนวนมาก รวมทั้งคนไทย จำนวนมาก ที่ยังคง ยึดมั่นถือมั่น ใน "ชุดความคิด-ความเชื่อส่งออก" พวกนี้ แบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่มองดูโลกแห่งความเป็นจริง... . 😢😢😢😢 . https://youtu.be/R173xpge_Zs?si=W8mSMhlLctbaHmHdhttps://youtu.be/R173xpge_Zs?si=W8mSMhlLctbaHmHd
    Sad
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • 16 ตุลาคม 2567-Live รายการคนเคาะข่าว ประเด็น BRICS Summit 2024: ปูตินจะทิ้งไพ่น็อคดอลล่าร์หรือไม่ วิเคราะห์โดยทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ และนงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ

    https://youtu.be/ecDujyDFbcs?si=PRdNROyy17sxeKfe

    #Thaitimes
    16 ตุลาคม 2567-Live รายการคนเคาะข่าว ประเด็น BRICS Summit 2024: ปูตินจะทิ้งไพ่น็อคดอลล่าร์หรือไม่ วิเคราะห์โดยทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ และนงวดี ถนิมมาลย์ ดำเนินรายการ https://youtu.be/ecDujyDFbcs?si=PRdNROyy17sxeKfe #Thaitimes
    Like
    Love
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ทีตีปีก แถลงว่าเล็งเป้าหมายเข้าโจมตีฐานทัพเรืออิสราเอลแห่ง หนึ่งวันหลังใช้โดรนเข้าโจมตีจนสามารถสังหารทหารรัฐยิวไป 4 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบ กลายเป็นการโจมตีที่ทำให้ฝ่ายอิสราเอลบาดเจ็บล้มตายสูงที่สุดนับแต่สงครามในเลบานอนคราวนี้เริ่มต้นขึ้น ในอีกด้านหนึ่ง อิสราเอลยังคงกดดันให้กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในบริเวณตอนใต้ของเลบานอน ((ยูนิฟิล)) โยกย้ายออกไป โดยประณามว่าไร้ประโยชน์ ไม่สามารถป้องกันคนอิสราเอลจากการโจมตีของฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ กองกำลังยูเอ็นแห่งนี้กล่าวหารถถังยิวบุกเข้าไปในค่ายแห่งหนึ่งของพวกตน และเลขาธิการยูเอ็นลั่นการโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
    .
    กลุ่มฮิซบอลเลาะห์บอกว่า พวกนักรบของตนได้ยิงจรวดหลายลูกเข้าใส่ฐานทัพเรือแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ เมืองไฮฟา เมืองท่าสำคัญทางภาคเหนือของอิสราเอล พร้อมกับกล่าวว่าการโจมตีนี้มุ่งอุทิศให้แก่ ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำของทางกลุ่มซึ่งถูกรัฐยิวลอบสังหารอย่างอุกอาจ
    .
    ขณะที่กองทัพอิสราเอลแถลงในวันจันทร์เช่นกันว่า สามารถสกัดกั้นการโจมตีอีกรอบหนึ่งซึ่งพุ่งเป้าไปยังค่ายฝึกทหารที่บินยามินา ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ เมืองไฮฟา เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ (13) มีทหารรัฐยิวที่ค่ายแห่งนี้ถูกสังหารไป 4 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบ จากการโจมตีด้วยโดรนของพวกฮิซบอลเลาะห์
    .
    ในวันจันทร์ ผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอล พล.ท.เฮอร์ซี ฮาเลวี ได้ไปตรวจเยี่ยมค่ายฝึกทหารในบินยามินา ซึ่งเป็นของกองพลน้อยโกลานี และบอกกับทหารว่า “เรากำลังอยู่ในสงคราม และการถูกโจมตีใส่ค่ายฝึกในเขตบ้านของเราเองถือเป็นเรื่องที่สร้างความยากลำบาก อีกทั้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็สร้างความเจ็บปวด”
    .
    ก่อนหน้านี้ ยูไนเต็ด ฮัตซาลาห์ ที่เป็นกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยของอิสราเอล บอกว่า ทีมงานของพวกเขาในบินยามินาได้เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 60 คน ซึ่งอยู่ในอาการเจ็บไม่มากจนกระทั่งถึงระดับสาหัส
    .
    ในวันอาทิตย์ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังได้แถลงข่มขู่จะเปิดการโจมตีมากขึ้นอีก ถ้าอิสราเอลยังคงดำเนินการรุกของพวกเขาในเลบานอนต่อไป พร้อมกับเตือนอิสราเอลว่าสิ่งที่พวกเขาได้เห็นมาแล้วในเวลานี้ “ไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบได้กับสิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่ถ้าหากพวกเขาตัดสินที่จะดำเนินการก้าวร้าวรุกรานของพวกเขาต่อไป”
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เอลี โคเฮน รัฐมนตรีพลังงานอิสราเอล โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันจันทร์ (14 ต.ค.) ว่า อิสราเอลจะทำทุกทางเพื่อรับประกันความปลอดภัยของพลเมือง และถ้าสหประชาชาติ ช่วยอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็ควรยุติการแทรกแซงและถอนกองกำลังสันติภาพ (ยูนิฟิล) ออกไปจากเขตสู้รบ
    .
    ทั้งนี้ อิสราเอลและยูเอ็นกล่าวหากันไปมาเกี่ยวกับยูนิฟิลที่ประจำอยู่ทางใต้ของเลบานอน ขณะที่กองทัพอิสราเอลกำลังบุกตะลุยบริเวณดังกล่าวเพื่อกวาดล้างนักรบฮิซบอลเลาะห์
    .
    ทางด้านยูเอ็นนั้นระบุว่า รถถังเมอร์คาวาของอิสราเอล 2 คันพังประตูใหญ่ด้านหน้าและบุกเข้าไปในที่ตั้งของยูนิฟิลเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) และหลังจากรถถังถอนออกไป มีกระสุนปืนใหญ่ระเบิดห่างออกไปราว 100 เมตร ทำให้ควันคละคลุ้งทั่วฐานและเจ้าหน้าที่บางคนป่วย
    .
    ก่อนหน้านี้ยูนิฟิลระบุว่า อิสราเอลโจมตีหอนาฬิกา กล้อง อุปกรณ์สื่อสาร และระบบไฟส่องสว่าง ทำให้ความสามารถในการออกตรวจตราสถานการณ์ของยูนิฟิลถูกจำกัด อีกทั้งยังกังวลว่า อาจไม่สามารถติดตามตรวจสอบการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ขณะนี้
    .
    สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยูนิฟิล 5 นายได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอิสราเอล ซึ่งยูนิฟิลกล่าวหาว่า เป็นการจงใจโจมตี
    .
    อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ระบุว่า การโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
    .
    ทว่า อิสราเอลแก้ต่างว่า รถถังหนีการโจมตีเข้าไปในที่ตั้งของยูนิฟิลและพยายามอพยพทหารที่บาดเจ็บ
    .
    นอกจากนั้นเมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ยังเรียกร้องให้ยูนิฟิลถอนกำลังออกไปเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังระบุว่า ยูนิฟิลทำตัวเป็น “โล่มนุษย์” ให้ฮิซบอลเลาะห์
    .
    วันเดียวกันนั้นกองทัพอิสราเอลพานักข่าวต่างประเทศไปดูอุโมงค์ของฮิซบอลเลาะห์ที่อยู่ห่างจากที่มั่นแห่งหนึ่งของยูนิฟิลไม่ถึง 200 เมตร ซึ่งคาดว่า สร้างขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน รวมถึงอาวุธที่ซุกซ่อนอยู่
    .
    อนึ่ง ทั้งฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลต่างระบุว่า นักรบในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกลุ่มนี้มีเครือข่ายอุโมงค์ที่ครอบคลุมทางใต้ของเลบานอน โดยอิสราเอลประเมินว่า มีระยะทางรวมกันหลายร้อยกิโลเมตร
    .
    พันเอกโอลิวิเยร์ ราโฟวิกซ์ เผยว่า เมื่อหลายวันก่อนกองทัพอิสราเอลค้นพบอาวุธใหม่จำนวนมากที่ส่งมาจากอิหร่านและรัสเซียซึ่งฮิซบอลเลาะห์เตรียมไว้โจมตีและบุกเข้าสู่ดินแดนตอนเหนือของอิสราเอล
    .
    อิสราเอลประกาศว่า ปฏิบัติการในเลบานอนมีเป้าหมายเพื่อนำพลเมืองหลายหมื่นคนกลับสู่ถิ่นฐานทางตอนเหนือของประเทศได้อย่างปลอดภัย หลังต้องอพยพหนีการโจมตีของฮิซบอลเลาะห์ที่เริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ภายหลังเหตุการณ์ที่นักรบฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกาซาที่ยังคงดำเนินมาจนถึงขณะนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099217
    ..............
    Sondhi X
    กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ทีตีปีก แถลงว่าเล็งเป้าหมายเข้าโจมตีฐานทัพเรืออิสราเอลแห่ง หนึ่งวันหลังใช้โดรนเข้าโจมตีจนสามารถสังหารทหารรัฐยิวไป 4 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบ กลายเป็นการโจมตีที่ทำให้ฝ่ายอิสราเอลบาดเจ็บล้มตายสูงที่สุดนับแต่สงครามในเลบานอนคราวนี้เริ่มต้นขึ้น ในอีกด้านหนึ่ง อิสราเอลยังคงกดดันให้กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในบริเวณตอนใต้ของเลบานอน ((ยูนิฟิล)) โยกย้ายออกไป โดยประณามว่าไร้ประโยชน์ ไม่สามารถป้องกันคนอิสราเอลจากการโจมตีของฮิซบอลเลาะห์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ กองกำลังยูเอ็นแห่งนี้กล่าวหารถถังยิวบุกเข้าไปในค่ายแห่งหนึ่งของพวกตน และเลขาธิการยูเอ็นลั่นการโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม . กลุ่มฮิซบอลเลาะห์บอกว่า พวกนักรบของตนได้ยิงจรวดหลายลูกเข้าใส่ฐานทัพเรือแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ เมืองไฮฟา เมืองท่าสำคัญทางภาคเหนือของอิสราเอล พร้อมกับกล่าวว่าการโจมตีนี้มุ่งอุทิศให้แก่ ฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำของทางกลุ่มซึ่งถูกรัฐยิวลอบสังหารอย่างอุกอาจ . ขณะที่กองทัพอิสราเอลแถลงในวันจันทร์เช่นกันว่า สามารถสกัดกั้นการโจมตีอีกรอบหนึ่งซึ่งพุ่งเป้าไปยังค่ายฝึกทหารที่บินยามินา ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ เมืองไฮฟา เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ (13) มีทหารรัฐยิวที่ค่ายแห่งนี้ถูกสังหารไป 4 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบ จากการโจมตีด้วยโดรนของพวกฮิซบอลเลาะห์ . ในวันจันทร์ ผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอล พล.ท.เฮอร์ซี ฮาเลวี ได้ไปตรวจเยี่ยมค่ายฝึกทหารในบินยามินา ซึ่งเป็นของกองพลน้อยโกลานี และบอกกับทหารว่า “เรากำลังอยู่ในสงคราม และการถูกโจมตีใส่ค่ายฝึกในเขตบ้านของเราเองถือเป็นเรื่องที่สร้างความยากลำบาก อีกทั้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็สร้างความเจ็บปวด” . ก่อนหน้านี้ ยูไนเต็ด ฮัตซาลาห์ ที่เป็นกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยของอิสราเอล บอกว่า ทีมงานของพวกเขาในบินยามินาได้เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 60 คน ซึ่งอยู่ในอาการเจ็บไม่มากจนกระทั่งถึงระดับสาหัส . ในวันอาทิตย์ กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังได้แถลงข่มขู่จะเปิดการโจมตีมากขึ้นอีก ถ้าอิสราเอลยังคงดำเนินการรุกของพวกเขาในเลบานอนต่อไป พร้อมกับเตือนอิสราเอลว่าสิ่งที่พวกเขาได้เห็นมาแล้วในเวลานี้ “ไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบได้กับสิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่ถ้าหากพวกเขาตัดสินที่จะดำเนินการก้าวร้าวรุกรานของพวกเขาต่อไป” . ในอีกด้านหนึ่ง เอลี โคเฮน รัฐมนตรีพลังงานอิสราเอล โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันจันทร์ (14 ต.ค.) ว่า อิสราเอลจะทำทุกทางเพื่อรับประกันความปลอดภัยของพลเมือง และถ้าสหประชาชาติ ช่วยอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็ควรยุติการแทรกแซงและถอนกองกำลังสันติภาพ (ยูนิฟิล) ออกไปจากเขตสู้รบ . ทั้งนี้ อิสราเอลและยูเอ็นกล่าวหากันไปมาเกี่ยวกับยูนิฟิลที่ประจำอยู่ทางใต้ของเลบานอน ขณะที่กองทัพอิสราเอลกำลังบุกตะลุยบริเวณดังกล่าวเพื่อกวาดล้างนักรบฮิซบอลเลาะห์ . ทางด้านยูเอ็นนั้นระบุว่า รถถังเมอร์คาวาของอิสราเอล 2 คันพังประตูใหญ่ด้านหน้าและบุกเข้าไปในที่ตั้งของยูนิฟิลเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) และหลังจากรถถังถอนออกไป มีกระสุนปืนใหญ่ระเบิดห่างออกไปราว 100 เมตร ทำให้ควันคละคลุ้งทั่วฐานและเจ้าหน้าที่บางคนป่วย . ก่อนหน้านี้ยูนิฟิลระบุว่า อิสราเอลโจมตีหอนาฬิกา กล้อง อุปกรณ์สื่อสาร และระบบไฟส่องสว่าง ทำให้ความสามารถในการออกตรวจตราสถานการณ์ของยูนิฟิลถูกจำกัด อีกทั้งยังกังวลว่า อาจไม่สามารถติดตามตรวจสอบการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ขณะนี้ . สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยูนิฟิล 5 นายได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอิสราเอล ซึ่งยูนิฟิลกล่าวหาว่า เป็นการจงใจโจมตี . อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ระบุว่า การโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม . ทว่า อิสราเอลแก้ต่างว่า รถถังหนีการโจมตีเข้าไปในที่ตั้งของยูนิฟิลและพยายามอพยพทหารที่บาดเจ็บ . นอกจากนั้นเมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ยังเรียกร้องให้ยูนิฟิลถอนกำลังออกไปเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังระบุว่า ยูนิฟิลทำตัวเป็น “โล่มนุษย์” ให้ฮิซบอลเลาะห์ . วันเดียวกันนั้นกองทัพอิสราเอลพานักข่าวต่างประเทศไปดูอุโมงค์ของฮิซบอลเลาะห์ที่อยู่ห่างจากที่มั่นแห่งหนึ่งของยูนิฟิลไม่ถึง 200 เมตร ซึ่งคาดว่า สร้างขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน รวมถึงอาวุธที่ซุกซ่อนอยู่ . อนึ่ง ทั้งฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลต่างระบุว่า นักรบในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกลุ่มนี้มีเครือข่ายอุโมงค์ที่ครอบคลุมทางใต้ของเลบานอน โดยอิสราเอลประเมินว่า มีระยะทางรวมกันหลายร้อยกิโลเมตร . พันเอกโอลิวิเยร์ ราโฟวิกซ์ เผยว่า เมื่อหลายวันก่อนกองทัพอิสราเอลค้นพบอาวุธใหม่จำนวนมากที่ส่งมาจากอิหร่านและรัสเซียซึ่งฮิซบอลเลาะห์เตรียมไว้โจมตีและบุกเข้าสู่ดินแดนตอนเหนือของอิสราเอล . อิสราเอลประกาศว่า ปฏิบัติการในเลบานอนมีเป้าหมายเพื่อนำพลเมืองหลายหมื่นคนกลับสู่ถิ่นฐานทางตอนเหนือของประเทศได้อย่างปลอดภัย หลังต้องอพยพหนีการโจมตีของฮิซบอลเลาะห์ที่เริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ภายหลังเหตุการณ์ที่นักรบฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกาซาที่ยังคงดำเนินมาจนถึงขณะนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099217 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1044 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงโสภณ เป็น สื่อมวลชน "น้ำดี" ฝีปากกล้า ที่ยืนหยัด วิจารณ์ ทุกคน...
    .
    ทั้งยังเป็น "กระบี่มือหนึ่ง" ด้านข่าวต่างประเทศ อีกด้วย
    .
    ใครพอจะมีกำลังก็ช่วยกันครับ
    .
    ส่งกำลังใจให้ ลุงโสภณ กันครับ
    .
    ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ลุงโสภณ ให้ปลอดภัย กลับมาแข็งแรงได้ในเร็ววัน ครับ
    .
    🙏🙏🙏🙏
    ลุงโสภณ เป็น สื่อมวลชน "น้ำดี" ฝีปากกล้า ที่ยืนหยัด วิจารณ์ ทุกคน... . ทั้งยังเป็น "กระบี่มือหนึ่ง" ด้านข่าวต่างประเทศ อีกด้วย . ใครพอจะมีกำลังก็ช่วยกันครับ . ส่งกำลังใจให้ ลุงโสภณ กันครับ . ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ลุงโสภณ ให้ปลอดภัย กลับมาแข็งแรงได้ในเร็ววัน ครับ . 🙏🙏🙏🙏
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts