• AMD เปิดตัว Instinct MI430X

    AMD ได้เผยโฉม Instinct MI430X ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดจาก MI300A โดยใช้สถาปัตยกรรม CDNA รุ่นใหม่ (คาดว่า CDNA 5) จุดเด่นคือการใช้หน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 19.6TB/s ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนหน้า ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่นการประมวลผล FP64 และการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่

    การใช้งานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับโลก
    MI430X จะถูกนำไปใช้ในระบบ HPC และ AI หลายแห่ง เช่น
    Discovery ที่ Oak Ridge National Laboratory (สหรัฐฯ) ซึ่งเป็นหนึ่งใน “AI Factory” แรกของประเทศ
    Alice Recoque ระบบ Exascale-class ในยุโรป ที่ใช้แพลตฟอร์ม BullSequana XH3500 ของ Eviden เพื่อรองรับงาน HPC และ AI พร้อมเป้าหมายด้านประสิทธิภาพพลังงาน

    การแข่งขันกับ NVIDIA
    AMD ยังเตรียมเปิดตัวรุ่น Instinct MI455X ที่ตั้งเป้าแข่งกับ NVIDIA Rubin AI lineup โดยเน้น disrupt ตลาด AI compute ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ AMD ที่จะเป็นผู้นำในตลาด AI และ HPC ที่กำลังขยายตัว

    ผลกระทบต่ออนาคต AI และ HPC
    การเปิดตัว MI430X ไม่เพียงแต่เพิ่มขีดความสามารถด้านการประมวลผล แต่ยังช่วยให้ยุโรปและสหรัฐฯ มีเครื่องมือใหม่ในการแข่งขันกับจีนในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์และ AI การใช้หน่วยความจำ HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์สูงยังเป็นการปูทางไปสู่การพัฒนาโมเดล AI ที่ซับซ้อนและใหญ่ขึ้นในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Instinct MI430X ใช้สถาปัตยกรรม CDNA รุ่นใหม่
    หน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432GB และแบนด์วิดท์ 19.6TB/s

    การใช้งานในระบบ HPC และ AI
    Discovery (สหรัฐฯ) และ Alice Recoque (ยุโรป)

    AMD เตรียมเปิดตัว MI455X
    ตั้งเป้า disrupt ตลาดแข่งกับ NVIDIA Rubin AI

    ความท้าทายด้านการแข่งขัน
    ตลาด AI compute กำลังร้อนแรง ทำให้ AMD ต้องเร่งพัฒนาเพื่อตามทัน NVIDIA

    ความเสี่ยงด้านพลังงานและซัพพลายเชน
    การใช้หน่วยความจำ HBM4 ขนาดใหญ่ต้องการการผลิตที่มีต้นทุนสูงและอาจกระทบต่อราคาในตลาด

    https://wccftech.com/amd-unveils-the-instinct-mi430x-ai-chip-for-leadership-performance/
    🖥️ AMD เปิดตัว Instinct MI430X AMD ได้เผยโฉม Instinct MI430X ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดจาก MI300A โดยใช้สถาปัตยกรรม CDNA รุ่นใหม่ (คาดว่า CDNA 5) จุดเด่นคือการใช้หน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 19.6TB/s ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนหน้า ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่นการประมวลผล FP64 และการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ ⚡ การใช้งานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับโลก MI430X จะถูกนำไปใช้ในระบบ HPC และ AI หลายแห่ง เช่น 🎗️ Discovery ที่ Oak Ridge National Laboratory (สหรัฐฯ) ซึ่งเป็นหนึ่งใน “AI Factory” แรกของประเทศ 🎗️ Alice Recoque ระบบ Exascale-class ในยุโรป ที่ใช้แพลตฟอร์ม BullSequana XH3500 ของ Eviden เพื่อรองรับงาน HPC และ AI พร้อมเป้าหมายด้านประสิทธิภาพพลังงาน 🔍 การแข่งขันกับ NVIDIA AMD ยังเตรียมเปิดตัวรุ่น Instinct MI455X ที่ตั้งเป้าแข่งกับ NVIDIA Rubin AI lineup โดยเน้น disrupt ตลาด AI compute ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ AMD ที่จะเป็นผู้นำในตลาด AI และ HPC ที่กำลังขยายตัว 🌐 ผลกระทบต่ออนาคต AI และ HPC การเปิดตัว MI430X ไม่เพียงแต่เพิ่มขีดความสามารถด้านการประมวลผล แต่ยังช่วยให้ยุโรปและสหรัฐฯ มีเครื่องมือใหม่ในการแข่งขันกับจีนในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์และ AI การใช้หน่วยความจำ HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์สูงยังเป็นการปูทางไปสู่การพัฒนาโมเดล AI ที่ซับซ้อนและใหญ่ขึ้นในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Instinct MI430X ใช้สถาปัตยกรรม CDNA รุ่นใหม่ ➡️ หน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432GB และแบนด์วิดท์ 19.6TB/s ✅ การใช้งานในระบบ HPC และ AI ➡️ Discovery (สหรัฐฯ) และ Alice Recoque (ยุโรป) ✅ AMD เตรียมเปิดตัว MI455X ➡️ ตั้งเป้า disrupt ตลาดแข่งกับ NVIDIA Rubin AI ‼️ ความท้าทายด้านการแข่งขัน ⛔ ตลาด AI compute กำลังร้อนแรง ทำให้ AMD ต้องเร่งพัฒนาเพื่อตามทัน NVIDIA ‼️ ความเสี่ยงด้านพลังงานและซัพพลายเชน ⛔ การใช้หน่วยความจำ HBM4 ขนาดใหญ่ต้องการการผลิตที่มีต้นทุนสูงและอาจกระทบต่อราคาในตลาด https://wccftech.com/amd-unveils-the-instinct-mi430x-ai-chip-for-leadership-performance/
    WCCFTECH.COM
    AMD Unveils the Instinct MI430X AI Chip For "Leadership Performance" On AI Systems, Featuring HBM4 Memory & Next-Gen CDNA Architecture
    AMD has unveiled one of its first models in the Instinct MI400 lineup, the MI430X, which is built specifically for HPC system buildouts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุโรปผ่อนปรนกฎหมายความเป็นส่วนตัวและ AI

    หลังจากหลายปีที่สหภาพยุโรป (EU) ยืนหยัดในฐานะผู้นำด้านการคุ้มครองข้อมูลและการกำกับดูแล AI ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอการปรับแก้กฎหมายสำคัญอย่าง GDPR และ AI Act ภายใต้แพ็กเกจ “Digital Omnibus” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนของกฎเกณฑ์และกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการลดจำนวนป๊อปอัพคุกกี้ที่ผู้ใช้ต้องเผชิญ และการอนุญาตให้บริษัทสามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงในการฝึก AI ได้

    แรงกดดันจาก Big Tech และสหรัฐฯ
    การผ่อนปรนครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google, Meta และ OpenAI รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มองว่ากฎเข้มงวดของยุโรปเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันในตลาดโลก รายงานจาก Mario Draghi อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี ก็ชี้ว่ากฎหมายเข้มงวดทำให้ยุโรปเสียเปรียบในการแข่งขันกับสหรัฐฯ และจีน

    ความกังวลจากนักเคลื่อนไหวและนักการเมือง
    แม้การปรับลดกฎจะถูกนำเสนอว่าเป็นการ “ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น” แต่หลายฝ่าย เช่น กลุ่มสิทธิพลเมืองและนักการเมืองยุโรป เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้คือการลดมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลลงอย่างมาก โดยเฉพาะการเปิดช่องให้บริษัทอ้าง “ผลประโยชน์โดยชอบ” (legitimate interest) เพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องขอความยินยอมอย่างเข้มงวดเหมือนเดิม

    ผลกระทบต่ออนาคตการแข่งขันและสิทธิพลเมือง
    หากข้อเสนอได้รับการอนุมัติ กฎหมายใหม่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพทำงานง่ายขึ้น แต่ก็เสี่ยงต่อการทำให้สิทธิของประชาชนในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนแอลง นักเคลื่อนไหวเตือนว่าอาจเป็น “การตัดทอนทีละน้อย” ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในยุโรปในฐานะผู้นำด้านสิทธิข้อมูลและความเป็นส่วนตัว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย GDPR และ AI Act
    ลดจำนวนคุกกี้ป๊อปอัพ และอนุญาตให้ใช้ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในการฝึก AI

    แรงกดดันจาก Big Tech และสหรัฐฯ
    บริษัทเทคโนโลยีและรัฐบาลสหรัฐฯ มองว่ากฎเข้มงวดเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน

    เป้าหมายของ EU
    ลดขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพให้แข่งขันได้ง่ายขึ้น

    ความเสี่ยงต่อสิทธิพลเมือง
    การใช้ข้ออ้าง “ผลประโยชน์โดยชอบ” อาจทำให้บริษัทเก็บข้อมูลโดยไม่ต้องขอความยินยอม

    การลดมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูล
    นักเคลื่อนไหวเตือนว่าอาจเป็น “death by a thousand cuts” ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นใน GDPR

    ผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลก
    ยุโรปอาจสูญเสียจุดยืนในฐานะผู้นำด้านสิทธิข้อมูลและความเป็นส่วนตัว หากกฎหมายอ่อนตัวลง

    https://www.theverge.com/news/823750/european-union-ai-act-gdpr-changes
    📰 ยุโรปผ่อนปรนกฎหมายความเป็นส่วนตัวและ AI หลังจากหลายปีที่สหภาพยุโรป (EU) ยืนหยัดในฐานะผู้นำด้านการคุ้มครองข้อมูลและการกำกับดูแล AI ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอการปรับแก้กฎหมายสำคัญอย่าง GDPR และ AI Act ภายใต้แพ็กเกจ “Digital Omnibus” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนของกฎเกณฑ์และกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการลดจำนวนป๊อปอัพคุกกี้ที่ผู้ใช้ต้องเผชิญ และการอนุญาตให้บริษัทสามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงในการฝึก AI ได้ ⚖️ แรงกดดันจาก Big Tech และสหรัฐฯ การผ่อนปรนครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google, Meta และ OpenAI รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มองว่ากฎเข้มงวดของยุโรปเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันในตลาดโลก รายงานจาก Mario Draghi อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี ก็ชี้ว่ากฎหมายเข้มงวดทำให้ยุโรปเสียเปรียบในการแข่งขันกับสหรัฐฯ และจีน 🔍 ความกังวลจากนักเคลื่อนไหวและนักการเมือง แม้การปรับลดกฎจะถูกนำเสนอว่าเป็นการ “ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น” แต่หลายฝ่าย เช่น กลุ่มสิทธิพลเมืองและนักการเมืองยุโรป เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้คือการลดมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลลงอย่างมาก โดยเฉพาะการเปิดช่องให้บริษัทอ้าง “ผลประโยชน์โดยชอบ” (legitimate interest) เพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องขอความยินยอมอย่างเข้มงวดเหมือนเดิม 🌐 ผลกระทบต่ออนาคตการแข่งขันและสิทธิพลเมือง หากข้อเสนอได้รับการอนุมัติ กฎหมายใหม่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพทำงานง่ายขึ้น แต่ก็เสี่ยงต่อการทำให้สิทธิของประชาชนในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนแอลง นักเคลื่อนไหวเตือนว่าอาจเป็น “การตัดทอนทีละน้อย” ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในยุโรปในฐานะผู้นำด้านสิทธิข้อมูลและความเป็นส่วนตัว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย GDPR และ AI Act ➡️ ลดจำนวนคุกกี้ป๊อปอัพ และอนุญาตให้ใช้ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในการฝึก AI ✅ แรงกดดันจาก Big Tech และสหรัฐฯ ➡️ บริษัทเทคโนโลยีและรัฐบาลสหรัฐฯ มองว่ากฎเข้มงวดเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน ✅ เป้าหมายของ EU ➡️ ลดขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพให้แข่งขันได้ง่ายขึ้น ‼️ ความเสี่ยงต่อสิทธิพลเมือง ⛔ การใช้ข้ออ้าง “ผลประโยชน์โดยชอบ” อาจทำให้บริษัทเก็บข้อมูลโดยไม่ต้องขอความยินยอม ‼️ การลดมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูล ⛔ นักเคลื่อนไหวเตือนว่าอาจเป็น “death by a thousand cuts” ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นใน GDPR ‼️ ผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลก ⛔ ยุโรปอาจสูญเสียจุดยืนในฐานะผู้นำด้านสิทธิข้อมูลและความเป็นส่วนตัว หากกฎหมายอ่อนตัวลง https://www.theverge.com/news/823750/european-union-ai-act-gdpr-changes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • “App Store Oligopoly – เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือควบคุมเสรีภาพ”

    บทความจาก ACLU เตือนว่าโครงสร้างผูกขาดของ App Store (Apple และ Google) กำลังเปิดช่องให้รัฐบาลใช้อำนาจกดดันบริษัทเทคโนโลยีเพื่อควบคุมการสื่อสารและจำกัดเสรีภาพของประชาชน

    การควบคุมแอปโดยรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ บทความชี้ว่า Apple และ Google ครองตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด ทำให้สิ่งที่ผู้ใช้สามารถทำได้บนมือถือถูกกำหนดโดยสองบริษัทนี้ ตัวอย่างล่าสุดคือการที่ Apple และ Google ถอนแอป ICEBlock และ Red Dot ตามคำสั่งของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ทั้งที่แอปเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนรายงานการพบเห็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งถือเป็นสิทธิภายใต้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรก (First Amendment)

    โครงสร้างระบบที่เอื้อต่อการเซ็นเซอร์ Apple ใช้ระบบ iOS ที่บังคับให้ติดตั้งแอปผ่าน App Store เท่านั้น ทำให้การควบคุมเป็นแบบรวมศูนย์และเสี่ยงต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เช่น การห้ามเกมที่วิจารณ์บริษัท หรือการยอมให้รัฐบาลจีนบล็อกแอปหาคู่ LGBTQ ในประเทศ ขณะที่ Google แม้เคยเปิดให้ “sideloading” แต่กำลังเปลี่ยนไปใช้ระบบ Verified Developer ที่อาจทำให้รัฐบาลสามารถกดดันให้ตัดสิทธิ์นักพัฒนาที่ไม่พึงประสงค์ได้

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการสอดส่อง แม้บริษัทจะอ้างว่าเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัย แต่ในความจริง App Store และ Play Store ยังคงอนุญาตให้แอปที่มีโค้ดสอดส่องและขายข้อมูลผู้ใช้ผ่าน data broker เข้ามาได้ อีกทั้งยังมีการเก็บข้อมูลการติดตั้งแอปของผู้ใช้เอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

    ทางเลือกและการผลักดันเพื่อเสรีภาพ ACLU เสนอว่าผู้ใช้ควรหันไปใช้ App Store ทางเลือก เช่น F-Droid หรือ Accrescent ที่เน้นความเป็นโอเพนซอร์สและความเป็นส่วนตัว รวมถึงการผลักดันกฎหมายแบบ Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรป ที่บังคับให้ Apple เปิดให้มีการ sideload แอปและ App Store ทางเลือก เพื่อป้องกันการผูกขาดและการควบคุมจากรัฐบาล

    สรุปสาระสำคัญ
    การควบคุมโดย App Store
    Apple และ Google ครองตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐฯ
    การถอนแอป ICEBlock และ Red Dot ตามคำสั่ง DOJ

    โครงสร้างที่เอื้อต่อการเซ็นเซอร์
    Apple บังคับใช้ App Store เดียว
    Google เตรียมใช้ระบบ Verified Developer

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการสอดส่อง
    แอปที่มีโค้ดสอดส่องยังถูกอนุญาต
    App Store เก็บข้อมูลการติดตั้งแอปของผู้ใช้

    ทางเลือกเพื่อเสรีภาพ
    ใช้ App Store ทางเลือก เช่น F-Droid, Accrescent
    ผลักดันกฎหมายแบบ DMA ของ EU

    คำเตือนต่อผู้ใช้สมาร์ทโฟน
    การผูกขาดทำให้รัฐบาลสามารถกดดันบริษัทเพื่อควบคุมเสรีภาพ
    การสอดส่องข้อมูลผู้ใช้อาจกระทบสิทธิความเป็นส่วนตัว

    https://www.aclu.org/news/free-speech/app-store-oligopoly
    📰 “App Store Oligopoly – เมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นเครื่องมือควบคุมเสรีภาพ” บทความจาก ACLU เตือนว่าโครงสร้างผูกขาดของ App Store (Apple และ Google) กำลังเปิดช่องให้รัฐบาลใช้อำนาจกดดันบริษัทเทคโนโลยีเพื่อควบคุมการสื่อสารและจำกัดเสรีภาพของประชาชน 📱 การควบคุมแอปโดยรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ บทความชี้ว่า Apple และ Google ครองตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด ทำให้สิ่งที่ผู้ใช้สามารถทำได้บนมือถือถูกกำหนดโดยสองบริษัทนี้ ตัวอย่างล่าสุดคือการที่ Apple และ Google ถอนแอป ICEBlock และ Red Dot ตามคำสั่งของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ทั้งที่แอปเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนรายงานการพบเห็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งถือเป็นสิทธิภายใต้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรก (First Amendment) 🔒 โครงสร้างระบบที่เอื้อต่อการเซ็นเซอร์ Apple ใช้ระบบ iOS ที่บังคับให้ติดตั้งแอปผ่าน App Store เท่านั้น ทำให้การควบคุมเป็นแบบรวมศูนย์และเสี่ยงต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เช่น การห้ามเกมที่วิจารณ์บริษัท หรือการยอมให้รัฐบาลจีนบล็อกแอปหาคู่ LGBTQ ในประเทศ ขณะที่ Google แม้เคยเปิดให้ “sideloading” แต่กำลังเปลี่ยนไปใช้ระบบ Verified Developer ที่อาจทำให้รัฐบาลสามารถกดดันให้ตัดสิทธิ์นักพัฒนาที่ไม่พึงประสงค์ได้ 👁️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการสอดส่อง แม้บริษัทจะอ้างว่าเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัย แต่ในความจริง App Store และ Play Store ยังคงอนุญาตให้แอปที่มีโค้ดสอดส่องและขายข้อมูลผู้ใช้ผ่าน data broker เข้ามาได้ อีกทั้งยังมีการเก็บข้อมูลการติดตั้งแอปของผู้ใช้เอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง 🌐 ทางเลือกและการผลักดันเพื่อเสรีภาพ ACLU เสนอว่าผู้ใช้ควรหันไปใช้ App Store ทางเลือก เช่น F-Droid หรือ Accrescent ที่เน้นความเป็นโอเพนซอร์สและความเป็นส่วนตัว รวมถึงการผลักดันกฎหมายแบบ Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรป ที่บังคับให้ Apple เปิดให้มีการ sideload แอปและ App Store ทางเลือก เพื่อป้องกันการผูกขาดและการควบคุมจากรัฐบาล 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การควบคุมโดย App Store ➡️ Apple และ Google ครองตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐฯ ➡️ การถอนแอป ICEBlock และ Red Dot ตามคำสั่ง DOJ ✅ โครงสร้างที่เอื้อต่อการเซ็นเซอร์ ➡️ Apple บังคับใช้ App Store เดียว ➡️ Google เตรียมใช้ระบบ Verified Developer ✅ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการสอดส่อง ➡️ แอปที่มีโค้ดสอดส่องยังถูกอนุญาต ➡️ App Store เก็บข้อมูลการติดตั้งแอปของผู้ใช้ ✅ ทางเลือกเพื่อเสรีภาพ ➡️ ใช้ App Store ทางเลือก เช่น F-Droid, Accrescent ➡️ ผลักดันกฎหมายแบบ DMA ของ EU ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้สมาร์ทโฟน ⛔ การผูกขาดทำให้รัฐบาลสามารถกดดันบริษัทเพื่อควบคุมเสรีภาพ ⛔ การสอดส่องข้อมูลผู้ใช้อาจกระทบสิทธิความเป็นส่วนตัว https://www.aclu.org/news/free-speech/app-store-oligopoly
    WWW.ACLU.ORG
    Your Smartphone, Their Rules: How App Stores Enable Corporate-Government Censorship | ACLU
    Big Tech Oligopoly helps the Trump Administration crack down on free speech
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฟองสบู่ AI? Google เตือนการลงทุนอาจเกินจริง แต่ยังเดินหน้าลงทุนมหาศาลใน UK”

    ในบทสัมภาษณ์กับ BBC, Sundar Pichai CEO ของ Alphabet (Google) กล่าวว่าการลงทุนใน AI ที่กำลังพุ่งสูงนั้นมี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” แม้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญทางเทคโนโลยี แต่ก็คล้ายกับการลงทุนเกินจริงในยุคดอทคอมที่เคยนำไปสู่การล่มสลายของตลาดเมื่อปี 2000 เขาย้ำว่า ไม่มีบริษัทใดที่จะรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่ AI แตก แม้แต่ Google เองก็ตาม

    ขณะเดียวกัน Google กำลังขยายการลงทุนในสหราชอาณาจักร โดยประกาศทุ่มงบกว่า £5 พันล้าน (ราว 6.8 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์วิจัย AI รวมถึงการพัฒนา DeepMind ในลอนดอน รัฐบาลอังกฤษมองว่านี่คือโอกาสที่จะทำให้ประเทศขึ้นเป็น “มหาอำนาจ AI อันดับ 3” รองจากสหรัฐฯ และจีน

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือ พลังงาน เนื่องจาก AI ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2024 ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 415 TWh หรือ 1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 620–1,050 TWh ภายในปี 2030 เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศขนาดใหญ่ทั้งประเทศ เช่น ญี่ปุ่นหรือเยอรมนี สิ่งนี้ทำให้เป้าหมาย Net Zero ของ Google ภายในปี 2030 อาจล่าช้า

    นักวิเคราะห์บางรายมองว่าแม้การลงทุน AI จะสร้างโอกาสมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาด ฟองสบู่ AI อาจแตกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในยุคดอทคอม

    สรุปสาระสำคัญ
    การเตือนเรื่องฟองสบู่ AI
    Sundar Pichai ระบุว่ามี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” ในการลงทุน AI
    ไม่มีบริษัทใดรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่แตก

    การลงทุนในสหราชอาณาจักร
    Google ทุ่มงบ £5 พันล้านเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและวิจัย AI
    รัฐบาลอังกฤษหวังขึ้นเป็นมหาอำนาจ AI อันดับ 3 ของโลก

    ความต้องการพลังงานมหาศาล
    AI ใช้ไฟฟ้า 1.5% ของโลกในปี 2024 และอาจเพิ่มขึ้นเท่าประเทศใหญ่ภายในปี 2030
    Google ยอมรับว่าเป้าหมาย Net Zero ปี 2030 อาจล่าช้า

    คำเตือนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
    หากฟองสบู่ AI แตก อาจกระทบตลาดหุ้นและเงินออมประชาชน
    การใช้พลังงานมหาศาลอาจทำให้เกิดวิกฤติพลังงานและชะลอเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

    https://www.bbc.com/news/articles/cwy7vrd8k4eo
    📰 “ฟองสบู่ AI? Google เตือนการลงทุนอาจเกินจริง แต่ยังเดินหน้าลงทุนมหาศาลใน UK” ในบทสัมภาษณ์กับ BBC, Sundar Pichai CEO ของ Alphabet (Google) กล่าวว่าการลงทุนใน AI ที่กำลังพุ่งสูงนั้นมี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” แม้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญทางเทคโนโลยี แต่ก็คล้ายกับการลงทุนเกินจริงในยุคดอทคอมที่เคยนำไปสู่การล่มสลายของตลาดเมื่อปี 2000 เขาย้ำว่า ไม่มีบริษัทใดที่จะรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่ AI แตก แม้แต่ Google เองก็ตาม ขณะเดียวกัน Google กำลังขยายการลงทุนในสหราชอาณาจักร โดยประกาศทุ่มงบกว่า £5 พันล้าน (ราว 6.8 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์วิจัย AI รวมถึงการพัฒนา DeepMind ในลอนดอน รัฐบาลอังกฤษมองว่านี่คือโอกาสที่จะทำให้ประเทศขึ้นเป็น “มหาอำนาจ AI อันดับ 3” รองจากสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือ พลังงาน เนื่องจาก AI ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2024 ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 415 TWh หรือ 1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 620–1,050 TWh ภายในปี 2030 เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศขนาดใหญ่ทั้งประเทศ เช่น ญี่ปุ่นหรือเยอรมนี สิ่งนี้ทำให้เป้าหมาย Net Zero ของ Google ภายในปี 2030 อาจล่าช้า นักวิเคราะห์บางรายมองว่าแม้การลงทุน AI จะสร้างโอกาสมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาด ฟองสบู่ AI อาจแตกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในยุคดอทคอม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเตือนเรื่องฟองสบู่ AI ➡️ Sundar Pichai ระบุว่ามี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” ในการลงทุน AI ➡️ ไม่มีบริษัทใดรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่แตก ✅ การลงทุนในสหราชอาณาจักร ➡️ Google ทุ่มงบ £5 พันล้านเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและวิจัย AI ➡️ รัฐบาลอังกฤษหวังขึ้นเป็นมหาอำนาจ AI อันดับ 3 ของโลก ✅ ความต้องการพลังงานมหาศาล ➡️ AI ใช้ไฟฟ้า 1.5% ของโลกในปี 2024 และอาจเพิ่มขึ้นเท่าประเทศใหญ่ภายในปี 2030 ➡️ Google ยอมรับว่าเป้าหมาย Net Zero ปี 2030 อาจล่าช้า ‼️ คำเตือนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ⛔ หากฟองสบู่ AI แตก อาจกระทบตลาดหุ้นและเงินออมประชาชน ⛔ การใช้พลังงานมหาศาลอาจทำให้เกิดวิกฤติพลังงานและชะลอเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม https://www.bbc.com/news/articles/cwy7vrd8k4eo
    WWW.BBC.COM
    Google boss says trillion-dollar AI investment boom has 'elements of irrationality'
    In an exclusive BBC interview, Sundar Pichai hailed artificial intelligence as an "extraordinary moment" but said no company would be immune if bubble burst.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหราชอาณาจักรเปิดโปงผู้ให้บริการ Bulletproof Hosting ที่เชื่อมโยงกับ LockBit และ Evil Corp

    Alexander Volosovik หรือที่รู้จักในโลกออนไลน์ว่า “Yalishanda” ถูกเปิดโปงว่าเป็นผู้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน Bulletproof Hosting ภายใต้ชื่อบริษัท Media Land LLC และ ML.Cloud LLC ในรัสเซีย โครงสร้างนี้ถูกใช้โดยกลุ่มแรนซัมแวร์และอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น LockBit, Evil Corp และ BlackBasta เพื่อดำเนินการโจมตีที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อองค์กรทั่วโลก ทั้งด้านการเงินและการหยุดชะงักของการดำเนินงาน

    บริการ Bulletproof Hosting มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจอาชญากรรมไซเบอร์ เพราะช่วย ซ่อนตัวตนลูกค้า, เพิกเฉยต่อการร้องเรียนการละเมิด, และต่อต้านการถูกปิดโดยหน่วยงานรัฐ ทำให้กลุ่มอาชญากรสามารถดำเนินการโจมตีได้อย่างมั่นใจและต่อเนื่อง

    รัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่าน FCDO ได้ประกาศคว่ำบาตร Volosovik และผู้ร่วมงานอีก 3 คน โดยประสานงานกับ US Treasury’s OFAC และ กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย เพื่อสร้างแรงกดดันระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันพันธมิตร Five Eyes (สหราชอาณาจักร, สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์) ได้ออกคำเตือนต่อภาคธุรกิจเกี่ยวกับความเสี่ยงจากบริการโฮสติ้งประเภทนี้

    นอกจากนี้ ตำรวจเนเธอร์แลนด์ยังได้ ยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 250 เครื่อง จากผู้ให้บริการ Bulletproof Hosting ที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเชื่อมโยงกับการสอบสวนอาชญากรรมไซเบอร์กว่า 80 คดี การยึดครั้งนี้เปิดโอกาสให้นักสืบได้เห็นโครงสร้างเบื้องหลังที่สนับสนุนการโจมตีไซเบอร์ขนาดใหญ่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดโปงและคว่ำบาตร
    Alexander Volosovik (“Yalishanda”) ถูกคว่ำบาตรโดย UK, US, และออสเตรเลีย
    โครงสร้าง Media Land LLC และ ML.Cloud LLC สนับสนุน LockBit, Evil Corp, BlackBasta

    บทบาทของ Bulletproof Hosting
    ซ่อนตัวตนลูกค้าและเพิกเฉยต่อการร้องเรียน
    ต่อต้านการถูกปิดโดยหน่วยงานรัฐ
    เป็นโครงสร้างสำคัญที่ทำให้แรนซัมแวร์ดำเนินการได้ต่อเนื่อง

    การดำเนินการระหว่างประเทศ
    Five Eyes ออกคำเตือนต่อภาคธุรกิจ
    ตำรวจเนเธอร์แลนด์ยึดเซิร์ฟเวอร์ 250 เครื่อง เชื่อมโยงกับกว่า 80 คดี

    คำเตือนและความเสี่ยง
    บริการ Bulletproof Hosting ทำให้การโจมตีไซเบอร์ยากต่อการหยุดยั้ง
    ภาคธุรกิจที่ใช้บริการเหล่านี้เสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรและการสอบสวน
    การแพร่กระจายของแรนซัมแวร์ยังคงเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    https://hackread.com/uk-bulletproof-hosting-operator-lockbit-evil-corp/
    🕵️ สหราชอาณาจักรเปิดโปงผู้ให้บริการ Bulletproof Hosting ที่เชื่อมโยงกับ LockBit และ Evil Corp Alexander Volosovik หรือที่รู้จักในโลกออนไลน์ว่า “Yalishanda” ถูกเปิดโปงว่าเป็นผู้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน Bulletproof Hosting ภายใต้ชื่อบริษัท Media Land LLC และ ML.Cloud LLC ในรัสเซีย โครงสร้างนี้ถูกใช้โดยกลุ่มแรนซัมแวร์และอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น LockBit, Evil Corp และ BlackBasta เพื่อดำเนินการโจมตีที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อองค์กรทั่วโลก ทั้งด้านการเงินและการหยุดชะงักของการดำเนินงาน บริการ Bulletproof Hosting มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจอาชญากรรมไซเบอร์ เพราะช่วย ซ่อนตัวตนลูกค้า, เพิกเฉยต่อการร้องเรียนการละเมิด, และต่อต้านการถูกปิดโดยหน่วยงานรัฐ ทำให้กลุ่มอาชญากรสามารถดำเนินการโจมตีได้อย่างมั่นใจและต่อเนื่อง รัฐบาลสหราชอาณาจักรผ่าน FCDO ได้ประกาศคว่ำบาตร Volosovik และผู้ร่วมงานอีก 3 คน โดยประสานงานกับ US Treasury’s OFAC และ กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย เพื่อสร้างแรงกดดันระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันพันธมิตร Five Eyes (สหราชอาณาจักร, สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์) ได้ออกคำเตือนต่อภาคธุรกิจเกี่ยวกับความเสี่ยงจากบริการโฮสติ้งประเภทนี้ นอกจากนี้ ตำรวจเนเธอร์แลนด์ยังได้ ยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 250 เครื่อง จากผู้ให้บริการ Bulletproof Hosting ที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเชื่อมโยงกับการสอบสวนอาชญากรรมไซเบอร์กว่า 80 คดี การยึดครั้งนี้เปิดโอกาสให้นักสืบได้เห็นโครงสร้างเบื้องหลังที่สนับสนุนการโจมตีไซเบอร์ขนาดใหญ่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดโปงและคว่ำบาตร ➡️ Alexander Volosovik (“Yalishanda”) ถูกคว่ำบาตรโดย UK, US, และออสเตรเลีย ➡️ โครงสร้าง Media Land LLC และ ML.Cloud LLC สนับสนุน LockBit, Evil Corp, BlackBasta ✅ บทบาทของ Bulletproof Hosting ➡️ ซ่อนตัวตนลูกค้าและเพิกเฉยต่อการร้องเรียน ➡️ ต่อต้านการถูกปิดโดยหน่วยงานรัฐ ➡️ เป็นโครงสร้างสำคัญที่ทำให้แรนซัมแวร์ดำเนินการได้ต่อเนื่อง ✅ การดำเนินการระหว่างประเทศ ➡️ Five Eyes ออกคำเตือนต่อภาคธุรกิจ ➡️ ตำรวจเนเธอร์แลนด์ยึดเซิร์ฟเวอร์ 250 เครื่อง เชื่อมโยงกับกว่า 80 คดี ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ บริการ Bulletproof Hosting ทำให้การโจมตีไซเบอร์ยากต่อการหยุดยั้ง ⛔ ภาคธุรกิจที่ใช้บริการเหล่านี้เสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรและการสอบสวน ⛔ การแพร่กระจายของแรนซัมแวร์ยังคงเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ https://hackread.com/uk-bulletproof-hosting-operator-lockbit-evil-corp/
    HACKREAD.COM
    UK Exposes Bulletproof Hosting Operator Linked to LockBit and Evil Corp
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • HughesNet สูญเสียลูกค้าให้ Starlink จนเสี่ยงล้มละลาย

    Starlink กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านรายในปี 2025 และทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านราย ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 4.6 ล้านรายในปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำที่ให้ความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ เหมาะกับผู้ใช้งานในพื้นที่ชนบทที่เคยพึ่งพา HughesNet

    HughesNet ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งหลัก ไม่สามารถตามทันความต้องการของตลาดได้ ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร และข้อจำกัดของดาวเทียมที่มีอยู่ เช่น ปัญหาสัญญาณขาดหายเมื่อฝนตกหนัก และ การจำกัดปริมาณข้อมูลรายเดือน ที่ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจ แม้จะมีการลงทุนในดาวเทียมใหม่อย่าง Jupiter 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเครือข่ายที่หนาแน่นและทันสมัยของ Starlink ได้

    แทนที่จะสู้ตรง ๆ HughesNet และบริษัทแม่ EchoStar เลือกทำข้อตกลงกับ SpaceX โดยเปิด โปรแกรมแนะนำลูกค้าไปใช้ Starlink เพื่อรักษารายได้บางส่วน แม้จะเป็นการยอมรับการสูญเสียลูกค้า แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้รายได้หายไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่ากลยุทธ์นี้อาจไม่เพียงพอ และ HughesNet อาจต้องถอนตัวจากตลาดผู้บริโภคในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของ Starlink
    ผู้ใช้ในสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านรายในปี 2025
    ผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านราย

    ปัญหาของ HughesNet
    ความเร็วและความเสถียรต่ำกว่า Starlink
    สัญญาณขาดหายเมื่อฝนตกหนัก
    การจำกัดปริมาณข้อมูลรายเดือน

    การลงทุนและกลยุทธ์ใหม่
    เปิดตัวดาวเทียม Jupiter 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว
    ทำข้อตกลงกับ SpaceX เปิดโปรแกรมแนะนำลูกค้าไปใช้ Starlink

    คำเตือนและความเสี่ยง
    HughesNet อาจต้องยื่นล้มละลายหากสูญเสียลูกค้าเพิ่มขึ้น
    การพึ่งพาโปรแกรมแนะนำลูกค้าอาจไม่ยั่งยืน
    ตลาดผู้บริโภคอาจถูกครอบครองโดย Starlink อย่างสมบูรณ์

    https://www.slashgear.com/2030563/hughesnet-satellite-internet-provider-struggling-after-starlink-steals-customers/
    🚀 HughesNet สูญเสียลูกค้าให้ Starlink จนเสี่ยงล้มละลาย Starlink กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านรายในปี 2025 และทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านราย ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 4.6 ล้านรายในปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำที่ให้ความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ เหมาะกับผู้ใช้งานในพื้นที่ชนบทที่เคยพึ่งพา HughesNet HughesNet ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งหลัก ไม่สามารถตามทันความต้องการของตลาดได้ ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร และข้อจำกัดของดาวเทียมที่มีอยู่ เช่น ปัญหาสัญญาณขาดหายเมื่อฝนตกหนัก และ การจำกัดปริมาณข้อมูลรายเดือน ที่ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจ แม้จะมีการลงทุนในดาวเทียมใหม่อย่าง Jupiter 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเครือข่ายที่หนาแน่นและทันสมัยของ Starlink ได้ แทนที่จะสู้ตรง ๆ HughesNet และบริษัทแม่ EchoStar เลือกทำข้อตกลงกับ SpaceX โดยเปิด โปรแกรมแนะนำลูกค้าไปใช้ Starlink เพื่อรักษารายได้บางส่วน แม้จะเป็นการยอมรับการสูญเสียลูกค้า แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้รายได้หายไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่ากลยุทธ์นี้อาจไม่เพียงพอ และ HughesNet อาจต้องถอนตัวจากตลาดผู้บริโภคในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของ Starlink ➡️ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านรายในปี 2025 ➡️ ผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านราย ✅ ปัญหาของ HughesNet ➡️ ความเร็วและความเสถียรต่ำกว่า Starlink ➡️ สัญญาณขาดหายเมื่อฝนตกหนัก ➡️ การจำกัดปริมาณข้อมูลรายเดือน ✅ การลงทุนและกลยุทธ์ใหม่ ➡️ เปิดตัวดาวเทียม Jupiter 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว ➡️ ทำข้อตกลงกับ SpaceX เปิดโปรแกรมแนะนำลูกค้าไปใช้ Starlink ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ HughesNet อาจต้องยื่นล้มละลายหากสูญเสียลูกค้าเพิ่มขึ้น ⛔ การพึ่งพาโปรแกรมแนะนำลูกค้าอาจไม่ยั่งยืน ⛔ ตลาดผู้บริโภคอาจถูกครอบครองโดย Starlink อย่างสมบูรณ์ https://www.slashgear.com/2030563/hughesnet-satellite-internet-provider-struggling-after-starlink-steals-customers/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Major Internet Provider Is Struggling Because Starlink Stole Its Customers - SlashGear
    Starlink's rise to stardom (no pun intended) has had a major impact on HughesNet, which has been one of the best and only Starlink alternatives out there.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไม Costco และ Home Depot ยังใช้คอมพิวเตอร์ IBM จากยุค 1980

    หลายคนอาจแปลกใจเมื่อเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าตาโบราณในร้าน Costco หรือ Home Depot แต่ความจริงคือบริษัทเหล่านี้ยังคงใช้ IBM AS/400 และ IBM 5250 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1988 เพื่อจัดการธุรกรรม, ระบบคลังสินค้า, และการเงินของร้านค้า ระบบเหล่านี้ทำงานบน OS/400 และต่อมาพัฒนามาเป็น IBM i ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนจาก IBM

    เหตุผลหลักคือ ความปลอดภัย เนื่องจากระบบเหล่านี้ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรงและต้องใช้การเข้าถึงทางกายภาพ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกแฮ็ก อีกทั้งยังมีความ เสถียรสูงมาก โดยมี uptime มากกว่า 99.99% ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบที่ไม่ล่มบ่อย

    อีกปัจจัยคือ ต้นทุนต่ำและความคุ้มค่า Costco เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจัดสรรงบประมาณเพียง 10% ของรายได้สำหรับการดำเนินงาน การใช้ระบบ IBM รุ่นเก่าจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเทียบกับการลงทุนในระบบใหม่ เช่น Oracle หรือ SAP

    นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจากภาครัฐ เช่น กองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ IBM Series/1 และแผ่นฟลอปปีดิสก์ 8 นิ้วในการควบคุมระบบอาวุธนิวเคลียร์มานานหลายสิบปี ก่อนจะอัปเดตในปี 2019 เหตุผลก็คล้ายกันคือ ความเชื่อถือได้และความปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุผลที่ยังใช้ IBM รุ่นเก่า
    ความเสถียรสูง (uptime > 99.99%)
    ปลอดภัยจากการถูกแฮ็กเพราะต้องเข้าถึงทางกายภาพ
    ต้นทุนต่ำและคุ้มค่า

    การใช้งานในธุรกิจ
    จัดการธุรกรรม, คลังสินค้า, และการเงิน
    ระบบ IBM AS/400 และ IBM 5250 ยังได้รับการสนับสนุนจาก IBM

    ตัวอย่างจากภาครัฐ
    กองทัพอากาศสหรัฐฯ ใช้ IBM Series/1 กับฟลอปปีดิสก์ 8 นิ้ว
    อัปเดตระบบในปี 2019 หลังใช้งานมานานหลายสิบปี

    คำเตือนและข้อควรพิจารณา
    ระบบเก่าอาจไม่รองรับความต้องการใหม่ ๆ เช่น Big Data หรือ Cloud
    การพึ่งพาเทคโนโลยีโบราณอาจทำให้ยากต่อการหาช่างผู้เชี่ยวชาญ
    หาก IBM ยุติการสนับสนุน อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต

    https://www.slashgear.com/2021823/why-costco-home-depot-still-use-1980s-ibm-computers/
    🖥️ ทำไม Costco และ Home Depot ยังใช้คอมพิวเตอร์ IBM จากยุค 1980 หลายคนอาจแปลกใจเมื่อเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าตาโบราณในร้าน Costco หรือ Home Depot แต่ความจริงคือบริษัทเหล่านี้ยังคงใช้ IBM AS/400 และ IBM 5250 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1988 เพื่อจัดการธุรกรรม, ระบบคลังสินค้า, และการเงินของร้านค้า ระบบเหล่านี้ทำงานบน OS/400 และต่อมาพัฒนามาเป็น IBM i ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนจาก IBM เหตุผลหลักคือ ความปลอดภัย เนื่องจากระบบเหล่านี้ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรงและต้องใช้การเข้าถึงทางกายภาพ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกแฮ็ก อีกทั้งยังมีความ เสถียรสูงมาก โดยมี uptime มากกว่า 99.99% ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบที่ไม่ล่มบ่อย อีกปัจจัยคือ ต้นทุนต่ำและความคุ้มค่า Costco เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจัดสรรงบประมาณเพียง 10% ของรายได้สำหรับการดำเนินงาน การใช้ระบบ IBM รุ่นเก่าจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเทียบกับการลงทุนในระบบใหม่ เช่น Oracle หรือ SAP นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจากภาครัฐ เช่น กองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ IBM Series/1 และแผ่นฟลอปปีดิสก์ 8 นิ้วในการควบคุมระบบอาวุธนิวเคลียร์มานานหลายสิบปี ก่อนจะอัปเดตในปี 2019 เหตุผลก็คล้ายกันคือ ความเชื่อถือได้และความปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุผลที่ยังใช้ IBM รุ่นเก่า ➡️ ความเสถียรสูง (uptime > 99.99%) ➡️ ปลอดภัยจากการถูกแฮ็กเพราะต้องเข้าถึงทางกายภาพ ➡️ ต้นทุนต่ำและคุ้มค่า ✅ การใช้งานในธุรกิจ ➡️ จัดการธุรกรรม, คลังสินค้า, และการเงิน ➡️ ระบบ IBM AS/400 และ IBM 5250 ยังได้รับการสนับสนุนจาก IBM ✅ ตัวอย่างจากภาครัฐ ➡️ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ใช้ IBM Series/1 กับฟลอปปีดิสก์ 8 นิ้ว ➡️ อัปเดตระบบในปี 2019 หลังใช้งานมานานหลายสิบปี ‼️ คำเตือนและข้อควรพิจารณา ⛔ ระบบเก่าอาจไม่รองรับความต้องการใหม่ ๆ เช่น Big Data หรือ Cloud ⛔ การพึ่งพาเทคโนโลยีโบราณอาจทำให้ยากต่อการหาช่างผู้เชี่ยวชาญ ⛔ หาก IBM ยุติการสนับสนุน อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต https://www.slashgear.com/2021823/why-costco-home-depot-still-use-1980s-ibm-computers/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Costco And Home Depot Still Use IBM Computers From The '80s: Here's Why - SlashGear
    Costco sells some of the most advanced computers on the consumer market today, so you'll be surprised to learn their stores rely on computers from the 1980s.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mastodon เปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างใหม่ หลังผู้ก่อตั้งก้าวลงจากตำแหน่ง

    Mastodon ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่สร้างขึ้นบนโปรโตคอล ActivityPub ได้รับความนิยมในฐานะทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเลือกหรือสร้างเซิร์ฟเวอร์ของตนเองได้ ทำให้ไม่มีองค์กรใดควบคุมข้อมูลหรือเนื้อหาของผู้ใช้โดยตรง

    หลังจากเกือบสิบปีในการนำพาโครงการนี้ Eugen Rochko ประกาศก้าวลงจากตำแหน่ง CEO และโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร เขาอธิบายว่าการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์นั้นเต็มไปด้วยความเครียด ทั้งจากการถูกจับตามอง การเปรียบเทียบกับมหาเศรษฐีเทคโนโลยี และแรงกดดันจากชุมชน จนไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพและชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป

    เพื่อให้ Mastodon เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ได้มีการจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) เพื่อแทนที่โครงสร้างเดิมในเยอรมนีที่สูญเสียสถานะไม่แสวงหากำไรไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าชั่วคราวจนกว่าโครงสร้างใหม่จะเสร็จสมบูรณ์

    คณะกรรมการใหม่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ เช่น Biz Stone ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter, Karien Bezuidenhout และ Esra’a Al Shafei พร้อมด้วยทีมผู้บริหารใหม่ เช่น Felix Hlatky ในตำแหน่ง Executive Director และ Renaud Chaput ในตำแหน่ง Technical Director นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนด้านเงินทุนจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมกว่า €2.5 ล้าน เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินของโครงการ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้นำ
    Eugen Rochko ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO หลังนำโครงการมากว่า 10 ปี
    ส่งต่อทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าให้แก่องค์กรไม่แสวงหากำไร

    เหตุผลในการก้าวลง
    ความเครียดจากการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์
    การถูกจับตามองและแรงกดดันจากชุมชน

    โครงสร้างใหม่ของ Mastodon
    จัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL)
    องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินชั่วคราว

    ทีมบริหารและคณะกรรมการใหม่
    Felix Hlatky เป็น Executive Director
    Biz Stone และบุคคลสำคัญร่วมเป็นกรรมการ
    สนับสนุนเงินทุนรวมกว่า €2.5 ล้าน

    คำเตือนและความท้าทาย
    การเปลี่ยนผ่านอาจสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น
    ความคาดหวังจากชุมชนยังคงสูง อาจกดดันทีมใหม่
    ต้องรักษาความเป็นอิสระและคุณค่าของแพลตฟอร์มท่ามกลางการแข่งขันกับ Big Tech

    https://itsfoss.com/news/mastodon-ceo-steps-down/
    🌐 Mastodon เปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างใหม่ หลังผู้ก่อตั้งก้าวลงจากตำแหน่ง Mastodon ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ที่สร้างขึ้นบนโปรโตคอล ActivityPub ได้รับความนิยมในฐานะทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเลือกหรือสร้างเซิร์ฟเวอร์ของตนเองได้ ทำให้ไม่มีองค์กรใดควบคุมข้อมูลหรือเนื้อหาของผู้ใช้โดยตรง หลังจากเกือบสิบปีในการนำพาโครงการนี้ Eugen Rochko ประกาศก้าวลงจากตำแหน่ง CEO และโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไร เขาอธิบายว่าการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์นั้นเต็มไปด้วยความเครียด ทั้งจากการถูกจับตามอง การเปรียบเทียบกับมหาเศรษฐีเทคโนโลยี และแรงกดดันจากชุมชน จนไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพและชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป เพื่อให้ Mastodon เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ได้มีการจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) เพื่อแทนที่โครงสร้างเดิมในเยอรมนีที่สูญเสียสถานะไม่แสวงหากำไรไปก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าชั่วคราวจนกว่าโครงสร้างใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ คณะกรรมการใหม่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ เช่น Biz Stone ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter, Karien Bezuidenhout และ Esra’a Al Shafei พร้อมด้วยทีมผู้บริหารใหม่ เช่น Felix Hlatky ในตำแหน่ง Executive Director และ Renaud Chaput ในตำแหน่ง Technical Director นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนด้านเงินทุนจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ รวมกว่า €2.5 ล้าน เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินของโครงการ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้นำ ➡️ Eugen Rochko ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO หลังนำโครงการมากว่า 10 ปี ➡️ ส่งต่อทรัพย์สินและเครื่องหมายการค้าให้แก่องค์กรไม่แสวงหากำไร ✅ เหตุผลในการก้าวลง ➡️ ความเครียดจากการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ ➡️ การถูกจับตามองและแรงกดดันจากชุมชน ✅ โครงสร้างใหม่ของ Mastodon ➡️ จัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรในเบลเยียม (AISBL) ➡️ องค์กร 501(c)(3) ในสหรัฐฯ ถือครองทรัพย์สินชั่วคราว ✅ ทีมบริหารและคณะกรรมการใหม่ ➡️ Felix Hlatky เป็น Executive Director ➡️ Biz Stone และบุคคลสำคัญร่วมเป็นกรรมการ ➡️ สนับสนุนเงินทุนรวมกว่า €2.5 ล้าน ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ การเปลี่ยนผ่านอาจสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น ⛔ ความคาดหวังจากชุมชนยังคงสูง อาจกดดันทีมใหม่ ⛔ ต้องรักษาความเป็นอิสระและคุณค่าของแพลตฟอร์มท่ามกลางการแข่งขันกับ Big Tech https://itsfoss.com/news/mastodon-ceo-steps-down/
    ITSFOSS.COM
    After Nearly 10 Years of Building Mastodon, Eugen Rochko Steps Into Advisory Role
    Mastodon's creator steps back from CEO role, transfers assets to non-profit organization.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251120 #securityonline

    Lazarus Group เปิดตัว RAT ใหม่ชื่อ ScoringMathTea
    กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกเปิดโปงว่าได้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมใหม่ชื่อ ScoringMathTea RAT ซึ่งมีความสามารถซับซ้อนมาก ใช้เทคนิคการโหลดปลั๊กอินแบบสะท้อน (Reflective Plugin Loader) และเข้ารหัสด้วยวิธีเฉพาะที่ยากต่อการตรวจจับ เครื่องมือนี้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ ทั้งการรันคำสั่งและโหลดปลั๊กอินในหน่วยความจำ จุดเด่นคือการซ่อนร่องรอยการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ นักวิจัยพบว่า RAT นี้ถูกใช้ในปฏิบัติการโจมตีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี UAV ของยูเครน

    https://securityonline.info/lazarus-groups-new-scoringmathtea-rat-uses-reflective-plugin-loader-and-custom-polyalphabetic-crypto-for-espionage

    Akira Ransomware ใช้ CAPTCHA หลอกลวงจนบริษัทใหญ่ล่มใน 42 วัน
    มีรายงานว่าเพียงการคลิก CAPTCHA ปลอมครั้งเดียวของพนักงานบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการโจมตีที่ยืดเยื้อถึง 42 วัน กลุ่มแฮกเกอร์ Howling Scorpius ใช้เทคนิคนี้เพื่อติดตั้ง SectopRAT และค่อย ๆ ยึดระบบทีละขั้น จนสามารถลบข้อมูลสำรองบนคลาวด์และปล่อย Akira ransomware ทำให้บริษัทหยุดทำงานเกือบทั้งหมด แม้บริษัทจะมีระบบ EDR แต่กลับไม่สามารถตรวจจับได้ทันเวลา

    https://securityonline.info/one-click-42-days-akira-ransomware-used-captcha-decoy-to-destroy-cloud-backups-and-cripple-storage-firm

    “The Gentlemen” Ransomware RaaS โผล่ใหม่ โจมตี 48 เหยื่อใน 3 เดือน
    กลุ่มใหม่ชื่อ The Gentlemen เปิดตัวแพลตฟอร์ม Ransomware-as-a-Service (RaaS) ที่มีความซับซ้อนสูง ใช้การเข้ารหัสแบบ XChaCha20 และกลยุทธ์ “สองชั้น” คือทั้งเข้ารหัสไฟล์และขู่เปิดเผยข้อมูลที่ขโมยมา ภายในเวลาเพียง 3 เดือน พวกเขามีเหยื่อถึง 48 ราย จุดเด่นคือการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รองรับทั้ง Windows, Linux และ ESXi พร้อมเทคนิคการแพร่กระจายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นภัยคุกคามระดับท็อปในวงการ https://securityonline.info/sophisticated-the-gentlemen-ransomware-raas-emerges-with-xchacha20-encryption-and-48-victims-in-3-months

    มัลแวร์ยุคใหม่ซ่อนการสื่อสารเป็น API ของ LLM บน Tencent Cloud
    นักวิจัยจาก Akamai พบมัลแวร์ที่มีวิธีพรางตัวแปลกใหม่ โดยมันซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ให้ดูเหมือนการเรียกใช้งาน API ของ Large Language Model (LLM) บน Tencent Cloud ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก เพราะทราฟฟิกดูเหมือนการใช้งาน AI ปกติจริง ๆ เมื่อถอดรหัสแล้วพบว่าเป็นคำสั่งควบคุมเครื่องแบบ RAT เต็มรูปแบบ พร้อมเครื่องมือ Proxy ที่ช่วยให้แฮกเกอร์ใช้เครื่องเหยื่อเป็นจุดผ่านในการโจมตีต่อ

    https://securityonline.info/next-gen-stealth-malware-hides-c2-traffic-as-fake-llm-api-requests-on-tencent-cloud

    Ransomware เจาะ AWS S3 ผ่านการตั้งค่าผิดพลาด ทำลบข้อมูลถาวร
    รายงานจาก Trend Research เตือนว่ามีการพัฒนา ransomware รุ่นใหม่ที่มุ่งเป้าไปยัง Amazon S3 โดยอาศัยการตั้งค่าที่ผิดพลาด เช่น ไม่มีการเปิด versioning หรือ object lock ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ารหัสหรือลบข้อมูลได้แบบถาวรโดยไม่สามารถกู้คืนได้ มีการระบุถึง 5 วิธีการโจมตีที่อันตราย เช่น การลบ KMS key ที่ใช้เข้ารหัสไฟล์ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลสูญหายไปตลอดกาล

    https://securityonline.info/next-gen-ransomware-targets-aws-s3-five-cloud-native-variants-exploit-misconfigurations-for-irreversible-data-destruction

    Windows 11 เตรียมซ่อนหน้าจอ BSOD บนจอสาธารณะ

    Microsoft ประกาศว่าจะปรับปรุง Windows 11 โดย ซ่อนหน้าจอ Blue Screen of Death (BSOD) บนจอที่ใช้ในที่สาธารณะ เช่นสนามบินหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นภาพระบบล่มที่อาจสร้างความตื่นตระหนก การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยยังคงบันทึกข้อมูลการ crash ไว้ให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้ตามปกติ

    https://securityonline.info/no-more-public-bsods-windows-11-will-hide-crash-screens-on-public-displays

    Microsoft เตรียมยกเลิกสิทธิ์ OEM Driver ระดับ Kernel
    หลังเหตุการณ์ CrowdStrike ที่ทำให้ระบบล่มทั่วโลก Microsoft วางแผนจะ ยกเลิกสิทธิ์พิเศษของ OEM driver ที่ทำงานในระดับ Kernel เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ใช้สิทธิ์สูงเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของระบบ Windows โดยบังคับให้ผู้ผลิตใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่าในการเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการ

    https://securityonline.info/post-crowdstrike-microsoft-to-phase-out-oem-kernel-level-driver-privileges

    Seraphic เปิดตัว Browser Security สำหรับแอป Electron
    บริษัท Seraphic เปิดตัวโซลูชันใหม่ที่เป็น Secure Enterprise Browser ตัวแรกที่สามารถปกป้องแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron ได้ จุดเด่นคือการเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับแอปที่มักถูกใช้ในองค์กร เช่น Slack หรือ Teams ซึ่งเดิมที Electron มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง การแก้ปัญหานี้ช่วยให้องค์กรมั่นใจมากขึ้นในการใช้งานแอป Electron

    https://securityonline.info/seraphic-becomes-the-first-and-only-secure-enterprise-browser-solution-to-protect-electron-based-applications

    Comet Browser ถูกวิจารณ์หนัก หลังพบ API ลับ MCP
    มีการค้นพบว่า Comet Browser มี API ที่ชื่อ MCP ซึ่งเปิดช่องให้ผู้พัฒนา AI browser สามารถเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้เต็มรูปแบบโดยไม่แจ้งเตือน ทำให้เกิดการละเมิดความเชื่อมั่นของผู้ใช้ นักวิจัยเตือนว่าช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกลโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://securityonline.info/obscure-mcp-api-in-comet-browser-breaches-user-trust-enabling-full-device-control-via-ai-browsers

    CredShields จับมือ Checkmarx เสริมความปลอดภัย Smart Contract
    บริษัท CredShields ประกาศความร่วมมือกับ Checkmarx เพื่อนำเทคโนโลยีตรวจสอบความปลอดภัยของ Smart Contract เข้าสู่โปรแกรม AppSec ขององค์กร จุดมุ่งหมายคือช่วยให้องค์กรที่ใช้ blockchain และ smart contract สามารถตรวจสอบช่องโหว่ได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินดิจิทัล

    https://securityonline.info/credshields-joins-forces-with-checkmarx-to-bring-smart-contract-security-to-enterprise-appsec-programs

    Windows 11 เพิ่มเครื่องมือใหม่ Point-in-Time Restore

    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ได้แก่ Point-in-Time Restore และ Network-Enabled Recovery Environment เพื่อช่วยผู้ใช้กู้คืนระบบได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้ทำให้สามารถย้อนกลับไปยังสถานะก่อนหน้าที่กำหนดไว้ได้ทันที และยังรองรับการกู้คืนผ่านเครือข่าย ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถซ่อมแซมเครื่องจากระยะไกลได้สะดวกขึ้น

    https://securityonline.info/new-windows-11-tools-point-in-time-restore-network-enabled-recovery-environment

    ความกังวลฟองสบู่ AI: Microsoft & NVIDIA ลงทุนหนักใน Anthropic
    มีรายงานว่าทั้ง Microsoft และ NVIDIA ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในบริษัท AI อย่าง Anthropic จนเกิดความกังวลว่าการลงทุนแบบหมุนเวียนระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ อาจสร้าง “ฟองสบู่ AI” ที่ไม่ยั่งยืน การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลนี้ถูกมองว่าอาจทำให้ตลาด AI เติบโตเกินจริงและเสี่ยงต่อการแตกในอนาคต

    https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment

    Google ทุ่ม 78 พันล้านดอลลาร์สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ
    Google ประกาศโครงการ Investing in America 2025 ด้วยงบประมาณมหาศาลถึง 78 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานทั่วสหรัฐฯ รวมถึงการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ 600 MW ที่ Arkansas โครงการนี้สะท้อนถึงการเร่งขยายกำลังการผลิต AI และการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ https://securityonline.info/google-pledges-78-billion-for-investing-in-america-2025-ai-infrastructure

    Grok 4.1 แซง Google Gemini 2.5 Pro บน LMArena
    แพลตฟอร์มทดสอบ AI LMArena รายงานว่า Grok 4.1 Thinking ได้คะแนนสูงสุด แซงหน้า Google Gemini 2.5 Pro ในการจัดอันดับล่าสุด จุดเด่นของ Grok คือความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงลึกและการตอบสนองที่แม่นยำ ทำให้มันถูกจับตามองว่าอาจเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดโมเดล AI ระดับสูง

    https://securityonline.info/grok-4-1-thinking-steals-1-spot-on-lmarena-surpassing-google-gemini-2-5-pro

    Google เปิดตัว Canvas และ Agentic Booking ใน AI Mode
    Google อัปเกรด AI Mode โดยเพิ่มฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผน และ Agentic Booking สำหรับการจองที่พักหรือร้านอาหารแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI ในการจัดการงานประจำวันได้สะดวกขึ้น เช่น วางแผนทริปหรือจองโต๊ะอาหารโดยไม่ต้องทำเอง

    https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations

    เราเตอร์ D-Link DIR-878 หมดอายุการสนับสนุน พร้อมช่องโหว่ RCE ร้ายแรง

    D-Link ประกาศว่าเราเตอร์รุ่น DIR-878 เข้าสู่สถานะ End-of-Life (EOL) และจะไม่ได้รับการอัปเดตอีกต่อไป ทั้งที่ยังมีช่องโหว่ร้ายแรงถึง 3 จุดซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นนี้เสี่ยงต่อการถูกยึดระบบอย่างมาก

    https://securityonline.info/d-link-dir-878-reaches-eol-3-unpatched-rce-flaws-allow-unauthenticated-remote-command-execution

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน METZ CONNECT Controller เปิดทาง RCE และยึดระบบ
    มีการค้นพบช่องโหว่ในอุปกรณ์ควบคุมอุตสาหกรรมของ METZ CONNECT ที่มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเข้ายึดสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ถือเป็นภัยคุกคามต่อระบบควบคุมอุตสาหกรรมที่ใช้กันในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    https://securityonline.info/critical-metz-connect-flaws-cvss-9-8-allow-unauthenticated-rce-and-admin-takeover-on-industrial-controllers

    SolarWinds Serv-U พบช่องโหว่ใหม่ เปิดทาง RCE และ Path Bypass
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยรายงานช่องโหว่ร้ายแรงใน SolarWinds Serv-U ที่ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางไฟล์ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.1 และถูกจัดว่าเป็นภัยคุกคามระดับสูงต่อองค์กรที่ใช้ Serv-U ในการจัดการไฟล์และระบบเครือข่าย

    https://securityonline.info/critical-solarwinds-serv-u-flaws-cvss-9-1-allow-authenticated-admin-rce-and-path-bypass

    การโจมตีซัพพลายเชน npm ด้วย CAPTCHA ปลอมและ Adspect Cloaking
    มีการตรวจพบการโจมตีซัพพลายเชนใน npm โดยแฮกเกอร์ใช้เทคนิค Adspect Cloaking และ CAPTCHA ปลอมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพื่อหลอกนักพัฒนาและผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแพ็กเกจอันตราย การโจมตีนี้ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักวิจัยด้านความปลอดภัยถูกหลอกได้ง่ายขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงในระบบซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส

    https://securityonline.info/npm-supply-chain-attack-hackers-use-adspect-cloaking-and-fake-crypto-captcha-to-deceive-victims-and-researchers

    ASUSTOR พบช่องโหว่ DLL Hijacking ร้ายแรง (CVE-2025-13051)
    ASUSTOR ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ DLL hijacking ในซอฟต์แวร์ Backup Plan (ABP) และ EZSync (AES) บน Windows ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีในเครื่องสามารถแทนที่ DLL และรันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.3 และถูกจัดว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อทั้งผู้ใช้บ้านและองค์กร โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่

    https://securityonline.info/critical-asustor-flaw-cve-2025-13051-allows-local-dll-hijacking-for-system-privilege-escalation

    ช่องโหว่ joserfc (CVE-2025-65015) ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มด้วย JWT ขนาดใหญ่

    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในไลบรารี joserfc ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ JSON Web Token (JWT) โดยหากผู้โจมตีส่ง JWT ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ใช้ทรัพยากรมากเกินไปจนล่มได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่าเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) และมีผลกระทบต่อระบบที่ใช้ joserfc ในการตรวจสอบสิทธิ์หรือการเข้ารหัสข้อมูล

    https://securityonline.info/critical-cve-2025-65015-vulnerability-in-joserfc-could-let-attackers-exhaust-server-resources-via-oversized-jwt-tokens

    หน่วยงาน CISA/FBI/NSA ร่วมกันจัดการโครงสร้าง Bulletproof Hosting
    สามหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้แก่ CISA, FBI และ NSA ได้ร่วมมือกันออกคู่มือใหม่เพื่อจัดการกับโครงสร้าง Bulletproof Hosting ที่ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ทั่วโลก Bulletproof Hosting คือบริการโฮสติ้งที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โจมตีจากการถูกปิดกั้นหรือสืบสวน การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแนวทางป้องกันภัยไซเบอร์ระดับโลก

    https://securityonline.info/cisa-fbi-nsa-unite-to-dismantle-bulletproof-hosting-ecosystem-with-new-global-defense-guide

    📌📰🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠📰📌 #รวมข่าวIT #20251120 #securityonline 🕵️‍♂️ Lazarus Group เปิดตัว RAT ใหม่ชื่อ ScoringMathTea กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกเปิดโปงว่าได้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมใหม่ชื่อ ScoringMathTea RAT ซึ่งมีความสามารถซับซ้อนมาก ใช้เทคนิคการโหลดปลั๊กอินแบบสะท้อน (Reflective Plugin Loader) และเข้ารหัสด้วยวิธีเฉพาะที่ยากต่อการตรวจจับ เครื่องมือนี้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ ทั้งการรันคำสั่งและโหลดปลั๊กอินในหน่วยความจำ จุดเด่นคือการซ่อนร่องรอยการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ นักวิจัยพบว่า RAT นี้ถูกใช้ในปฏิบัติการโจมตีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี UAV ของยูเครน 🔗 https://securityonline.info/lazarus-groups-new-scoringmathtea-rat-uses-reflective-plugin-loader-and-custom-polyalphabetic-crypto-for-espionage 💻 Akira Ransomware ใช้ CAPTCHA หลอกลวงจนบริษัทใหญ่ล่มใน 42 วัน มีรายงานว่าเพียงการคลิก CAPTCHA ปลอมครั้งเดียวของพนักงานบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการโจมตีที่ยืดเยื้อถึง 42 วัน กลุ่มแฮกเกอร์ Howling Scorpius ใช้เทคนิคนี้เพื่อติดตั้ง SectopRAT และค่อย ๆ ยึดระบบทีละขั้น จนสามารถลบข้อมูลสำรองบนคลาวด์และปล่อย Akira ransomware ทำให้บริษัทหยุดทำงานเกือบทั้งหมด แม้บริษัทจะมีระบบ EDR แต่กลับไม่สามารถตรวจจับได้ทันเวลา 🔗 https://securityonline.info/one-click-42-days-akira-ransomware-used-captcha-decoy-to-destroy-cloud-backups-and-cripple-storage-firm 🎩 “The Gentlemen” Ransomware RaaS โผล่ใหม่ โจมตี 48 เหยื่อใน 3 เดือน กลุ่มใหม่ชื่อ The Gentlemen เปิดตัวแพลตฟอร์ม Ransomware-as-a-Service (RaaS) ที่มีความซับซ้อนสูง ใช้การเข้ารหัสแบบ XChaCha20 และกลยุทธ์ “สองชั้น” คือทั้งเข้ารหัสไฟล์และขู่เปิดเผยข้อมูลที่ขโมยมา ภายในเวลาเพียง 3 เดือน พวกเขามีเหยื่อถึง 48 ราย จุดเด่นคือการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รองรับทั้ง Windows, Linux และ ESXi พร้อมเทคนิคการแพร่กระจายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นภัยคุกคามระดับท็อปในวงการ 🔗 https://securityonline.info/sophisticated-the-gentlemen-ransomware-raas-emerges-with-xchacha20-encryption-and-48-victims-in-3-months ☁️ มัลแวร์ยุคใหม่ซ่อนการสื่อสารเป็น API ของ LLM บน Tencent Cloud นักวิจัยจาก Akamai พบมัลแวร์ที่มีวิธีพรางตัวแปลกใหม่ โดยมันซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ให้ดูเหมือนการเรียกใช้งาน API ของ Large Language Model (LLM) บน Tencent Cloud ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก เพราะทราฟฟิกดูเหมือนการใช้งาน AI ปกติจริง ๆ เมื่อถอดรหัสแล้วพบว่าเป็นคำสั่งควบคุมเครื่องแบบ RAT เต็มรูปแบบ พร้อมเครื่องมือ Proxy ที่ช่วยให้แฮกเกอร์ใช้เครื่องเหยื่อเป็นจุดผ่านในการโจมตีต่อ 🔗 https://securityonline.info/next-gen-stealth-malware-hides-c2-traffic-as-fake-llm-api-requests-on-tencent-cloud 🗄️ Ransomware เจาะ AWS S3 ผ่านการตั้งค่าผิดพลาด ทำลบข้อมูลถาวร รายงานจาก Trend Research เตือนว่ามีการพัฒนา ransomware รุ่นใหม่ที่มุ่งเป้าไปยัง Amazon S3 โดยอาศัยการตั้งค่าที่ผิดพลาด เช่น ไม่มีการเปิด versioning หรือ object lock ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ารหัสหรือลบข้อมูลได้แบบถาวรโดยไม่สามารถกู้คืนได้ มีการระบุถึง 5 วิธีการโจมตีที่อันตราย เช่น การลบ KMS key ที่ใช้เข้ารหัสไฟล์ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลสูญหายไปตลอดกาล 🔗 https://securityonline.info/next-gen-ransomware-targets-aws-s3-five-cloud-native-variants-exploit-misconfigurations-for-irreversible-data-destruction 💻 Windows 11 เตรียมซ่อนหน้าจอ BSOD บนจอสาธารณะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับปรุง Windows 11 โดย ซ่อนหน้าจอ Blue Screen of Death (BSOD) บนจอที่ใช้ในที่สาธารณะ เช่นสนามบินหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นภาพระบบล่มที่อาจสร้างความตื่นตระหนก การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยยังคงบันทึกข้อมูลการ crash ไว้ให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้ตามปกติ 🔗 https://securityonline.info/no-more-public-bsods-windows-11-will-hide-crash-screens-on-public-displays 🛡️ Microsoft เตรียมยกเลิกสิทธิ์ OEM Driver ระดับ Kernel หลังเหตุการณ์ CrowdStrike ที่ทำให้ระบบล่มทั่วโลก Microsoft วางแผนจะ ยกเลิกสิทธิ์พิเศษของ OEM driver ที่ทำงานในระดับ Kernel เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ใช้สิทธิ์สูงเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของระบบ Windows โดยบังคับให้ผู้ผลิตใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่าในการเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการ 🔗 https://securityonline.info/post-crowdstrike-microsoft-to-phase-out-oem-kernel-level-driver-privileges 🌐 Seraphic เปิดตัว Browser Security สำหรับแอป Electron บริษัท Seraphic เปิดตัวโซลูชันใหม่ที่เป็น Secure Enterprise Browser ตัวแรกที่สามารถปกป้องแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron ได้ จุดเด่นคือการเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับแอปที่มักถูกใช้ในองค์กร เช่น Slack หรือ Teams ซึ่งเดิมที Electron มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง การแก้ปัญหานี้ช่วยให้องค์กรมั่นใจมากขึ้นในการใช้งานแอป Electron 🔗 https://securityonline.info/seraphic-becomes-the-first-and-only-secure-enterprise-browser-solution-to-protect-electron-based-applications 🔒 Comet Browser ถูกวิจารณ์หนัก หลังพบ API ลับ MCP มีการค้นพบว่า Comet Browser มี API ที่ชื่อ MCP ซึ่งเปิดช่องให้ผู้พัฒนา AI browser สามารถเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้เต็มรูปแบบโดยไม่แจ้งเตือน ทำให้เกิดการละเมิดความเชื่อมั่นของผู้ใช้ นักวิจัยเตือนว่าช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกลโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/obscure-mcp-api-in-comet-browser-breaches-user-trust-enabling-full-device-control-via-ai-browsers 📜 CredShields จับมือ Checkmarx เสริมความปลอดภัย Smart Contract บริษัท CredShields ประกาศความร่วมมือกับ Checkmarx เพื่อนำเทคโนโลยีตรวจสอบความปลอดภัยของ Smart Contract เข้าสู่โปรแกรม AppSec ขององค์กร จุดมุ่งหมายคือช่วยให้องค์กรที่ใช้ blockchain และ smart contract สามารถตรวจสอบช่องโหว่ได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/credshields-joins-forces-with-checkmarx-to-bring-smart-contract-security-to-enterprise-appsec-programs 🛠️ Windows 11 เพิ่มเครื่องมือใหม่ Point-in-Time Restore Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ได้แก่ Point-in-Time Restore และ Network-Enabled Recovery Environment เพื่อช่วยผู้ใช้กู้คืนระบบได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้ทำให้สามารถย้อนกลับไปยังสถานะก่อนหน้าที่กำหนดไว้ได้ทันที และยังรองรับการกู้คืนผ่านเครือข่าย ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถซ่อมแซมเครื่องจากระยะไกลได้สะดวกขึ้น 🔗 https://securityonline.info/new-windows-11-tools-point-in-time-restore-network-enabled-recovery-environment 💰 ความกังวลฟองสบู่ AI: Microsoft & NVIDIA ลงทุนหนักใน Anthropic มีรายงานว่าทั้ง Microsoft และ NVIDIA ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในบริษัท AI อย่าง Anthropic จนเกิดความกังวลว่าการลงทุนแบบหมุนเวียนระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ อาจสร้าง “ฟองสบู่ AI” ที่ไม่ยั่งยืน การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลนี้ถูกมองว่าอาจทำให้ตลาด AI เติบโตเกินจริงและเสี่ยงต่อการแตกในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment 🇺🇸 Google ทุ่ม 78 พันล้านดอลลาร์สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ Google ประกาศโครงการ Investing in America 2025 ด้วยงบประมาณมหาศาลถึง 78 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานทั่วสหรัฐฯ รวมถึงการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ 600 MW ที่ Arkansas โครงการนี้สะท้อนถึงการเร่งขยายกำลังการผลิต AI และการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ 🔗 https://securityonline.info/google-pledges-78-billion-for-investing-in-america-2025-ai-infrastructure 🧠 Grok 4.1 แซง Google Gemini 2.5 Pro บน LMArena แพลตฟอร์มทดสอบ AI LMArena รายงานว่า Grok 4.1 Thinking ได้คะแนนสูงสุด แซงหน้า Google Gemini 2.5 Pro ในการจัดอันดับล่าสุด จุดเด่นของ Grok คือความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงลึกและการตอบสนองที่แม่นยำ ทำให้มันถูกจับตามองว่าอาจเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดโมเดล AI ระดับสูง 🔗 https://securityonline.info/grok-4-1-thinking-steals-1-spot-on-lmarena-surpassing-google-gemini-2-5-pro 🎨 Google เปิดตัว Canvas และ Agentic Booking ใน AI Mode Google อัปเกรด AI Mode โดยเพิ่มฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผน และ Agentic Booking สำหรับการจองที่พักหรือร้านอาหารแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI ในการจัดการงานประจำวันได้สะดวกขึ้น เช่น วางแผนทริปหรือจองโต๊ะอาหารโดยไม่ต้องทำเอง 🔗 https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations 📡 เราเตอร์ D-Link DIR-878 หมดอายุการสนับสนุน พร้อมช่องโหว่ RCE ร้ายแรง D-Link ประกาศว่าเราเตอร์รุ่น DIR-878 เข้าสู่สถานะ End-of-Life (EOL) และจะไม่ได้รับการอัปเดตอีกต่อไป ทั้งที่ยังมีช่องโหว่ร้ายแรงถึง 3 จุดซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นนี้เสี่ยงต่อการถูกยึดระบบอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/d-link-dir-878-reaches-eol-3-unpatched-rce-flaws-allow-unauthenticated-remote-command-execution ⚙️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน METZ CONNECT Controller เปิดทาง RCE และยึดระบบ มีการค้นพบช่องโหว่ในอุปกรณ์ควบคุมอุตสาหกรรมของ METZ CONNECT ที่มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเข้ายึดสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ถือเป็นภัยคุกคามต่อระบบควบคุมอุตสาหกรรมที่ใช้กันในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 🔗 https://securityonline.info/critical-metz-connect-flaws-cvss-9-8-allow-unauthenticated-rce-and-admin-takeover-on-industrial-controllers 🖥️ SolarWinds Serv-U พบช่องโหว่ใหม่ เปิดทาง RCE และ Path Bypass นักวิจัยด้านความปลอดภัยรายงานช่องโหว่ร้ายแรงใน SolarWinds Serv-U ที่ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางไฟล์ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.1 และถูกจัดว่าเป็นภัยคุกคามระดับสูงต่อองค์กรที่ใช้ Serv-U ในการจัดการไฟล์และระบบเครือข่าย 🔗 https://securityonline.info/critical-solarwinds-serv-u-flaws-cvss-9-1-allow-authenticated-admin-rce-and-path-bypass 🪙 การโจมตีซัพพลายเชน npm ด้วย CAPTCHA ปลอมและ Adspect Cloaking มีการตรวจพบการโจมตีซัพพลายเชนใน npm โดยแฮกเกอร์ใช้เทคนิค Adspect Cloaking และ CAPTCHA ปลอมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพื่อหลอกนักพัฒนาและผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแพ็กเกจอันตราย การโจมตีนี้ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักวิจัยด้านความปลอดภัยถูกหลอกได้ง่ายขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงในระบบซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส 🔗 https://securityonline.info/npm-supply-chain-attack-hackers-use-adspect-cloaking-and-fake-crypto-captcha-to-deceive-victims-and-researchers 🖥️ ASUSTOR พบช่องโหว่ DLL Hijacking ร้ายแรง (CVE-2025-13051) ASUSTOR ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ DLL hijacking ในซอฟต์แวร์ Backup Plan (ABP) และ EZSync (AES) บน Windows ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีในเครื่องสามารถแทนที่ DLL และรันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.3 และถูกจัดว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อทั้งผู้ใช้บ้านและองค์กร โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่ 🔗 https://securityonline.info/critical-asustor-flaw-cve-2025-13051-allows-local-dll-hijacking-for-system-privilege-escalation ⚠️ ช่องโหว่ joserfc (CVE-2025-65015) ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มด้วย JWT ขนาดใหญ่ มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในไลบรารี joserfc ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ JSON Web Token (JWT) โดยหากผู้โจมตีส่ง JWT ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ใช้ทรัพยากรมากเกินไปจนล่มได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่าเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) และมีผลกระทบต่อระบบที่ใช้ joserfc ในการตรวจสอบสิทธิ์หรือการเข้ารหัสข้อมูล 🔗 https://securityonline.info/critical-cve-2025-65015-vulnerability-in-joserfc-could-let-attackers-exhaust-server-resources-via-oversized-jwt-tokens 🌍 หน่วยงาน CISA/FBI/NSA ร่วมกันจัดการโครงสร้าง Bulletproof Hosting สามหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้แก่ CISA, FBI และ NSA ได้ร่วมมือกันออกคู่มือใหม่เพื่อจัดการกับโครงสร้าง Bulletproof Hosting ที่ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ทั่วโลก Bulletproof Hosting คือบริการโฮสติ้งที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โจมตีจากการถูกปิดกั้นหรือสืบสวน การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแนวทางป้องกันภัยไซเบอร์ระดับโลก 🔗 https://securityonline.info/cisa-fbi-nsa-unite-to-dismantle-bulletproof-hosting-ecosystem-with-new-global-defense-guide
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft และ NVIDIA เทเงินมหาศาลสู่ Anthropic

    Microsoft ประกาศลงทุนเพิ่มสูงสุดถึง 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน Anthropic ขณะที่ NVIDIA ก็ทุ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโมเดลตระกูล Claude การลงทุนนี้ไม่ใช่แค่เงินทุน แต่ยังมีการผูกพันธุรกิจ เช่น Anthropic ต้องซื้อบริการคลาวด์จาก Azure มูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มกำลังประมวลผลอีก 1 GW เพื่อรองรับการทำงานของโมเดล AI

    การลงทุนแบบ “วงกลม” ที่ก่อความกังวล
    ดีลนี้สะท้อนรูปแบบการลงทุนที่นักวิเคราะห์เรียกว่า Circular Investment เพราะบริษัทใหญ่ ๆ ลงทุนในสตาร์ทอัพ AI แล้วสตาร์ทอัพกลับมาซื้อบริการหรือฮาร์ดแวร์จากบริษัทเหล่านั้นอีกที ตัวอย่างเช่น Anthropic ใช้ชิปจาก NVIDIA และคลาวด์จาก Microsoft ในขณะเดียวกัน Amazon ก็ลงทุนใน Anthropic และได้สัญญาใช้ AWS และชิป AI ของตนเอง ทำให้เกิดภาพเหมือน “Spider-Man pointing meme” ที่ทุกบริษัทต่างชี้หากัน แต่ก็โยนเงินสนับสนุนกลับไปกลับมา

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    การลงทุนลักษณะนี้ช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ให้บริการคลาวด์และฮาร์ดแวร์ แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า มูลค่าที่แท้จริงของสตาร์ทอัพ AI อยู่ตรงไหน หากการเติบโตพึ่งพาเงินลงทุนและการซื้อบริการวนซ้ำ อาจนำไปสู่การประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง และเสี่ยงต่อการเกิด “AI Bubble” ที่อาจแตกในอนาคต

    แนวโน้มและสิ่งที่ต้องจับตา
    แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า AI Bubble จะเกิดขึ้นจริง แต่การไหลเวียนเงินทุนแบบวนซ้ำกำลังสร้างแรงกดดันให้ตลาด AI ร้อนแรงเกินไป นักลงทุนและผู้ใช้ควรจับตารายงานผลประกอบการของ NVIDIA และการเคลื่อนไหวของคู่แข่งอย่าง OpenAI, Amazon และ Google ว่าจะส่งผลต่อทิศทางตลาดอย่างไร

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Microsoft ลงทุนสูงสุด 10 พันล้านดอลลาร์ใน Anthropic
    NVIDIA ลงทุนเพิ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์
    Anthropic ต้องซื้อบริการ Azure มูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มกำลังประมวลผล 1 GW
    Amazon ก็ลงทุนใน Anthropic และได้สัญญาใช้ AWS และชิป AI

    คำเตือนจากข่าว
    การลงทุนแบบวนซ้ำอาจทำให้เกิดการประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง
    เสี่ยงต่อการเกิด “AI Bubble” หากการเติบโตไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
    นักลงทุนและผู้ใช้ควรจับตาผลประกอบการและทิศทางตลาดอย่างใกล้ชิด

    https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment/
    💸 Microsoft และ NVIDIA เทเงินมหาศาลสู่ Anthropic Microsoft ประกาศลงทุนเพิ่มสูงสุดถึง 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน Anthropic ขณะที่ NVIDIA ก็ทุ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโมเดลตระกูล Claude การลงทุนนี้ไม่ใช่แค่เงินทุน แต่ยังมีการผูกพันธุรกิจ เช่น Anthropic ต้องซื้อบริการคลาวด์จาก Azure มูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มกำลังประมวลผลอีก 1 GW เพื่อรองรับการทำงานของโมเดล AI 🔗 การลงทุนแบบ “วงกลม” ที่ก่อความกังวล ดีลนี้สะท้อนรูปแบบการลงทุนที่นักวิเคราะห์เรียกว่า Circular Investment เพราะบริษัทใหญ่ ๆ ลงทุนในสตาร์ทอัพ AI แล้วสตาร์ทอัพกลับมาซื้อบริการหรือฮาร์ดแวร์จากบริษัทเหล่านั้นอีกที ตัวอย่างเช่น Anthropic ใช้ชิปจาก NVIDIA และคลาวด์จาก Microsoft ในขณะเดียวกัน Amazon ก็ลงทุนใน Anthropic และได้สัญญาใช้ AWS และชิป AI ของตนเอง ทำให้เกิดภาพเหมือน “Spider-Man pointing meme” ที่ทุกบริษัทต่างชี้หากัน แต่ก็โยนเงินสนับสนุนกลับไปกลับมา 📊 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI การลงทุนลักษณะนี้ช่วยสร้างรายได้ให้ผู้ให้บริการคลาวด์และฮาร์ดแวร์ แต่ก็ทำให้เกิดคำถามว่า มูลค่าที่แท้จริงของสตาร์ทอัพ AI อยู่ตรงไหน หากการเติบโตพึ่งพาเงินลงทุนและการซื้อบริการวนซ้ำ อาจนำไปสู่การประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง และเสี่ยงต่อการเกิด “AI Bubble” ที่อาจแตกในอนาคต 🔮 แนวโน้มและสิ่งที่ต้องจับตา แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า AI Bubble จะเกิดขึ้นจริง แต่การไหลเวียนเงินทุนแบบวนซ้ำกำลังสร้างแรงกดดันให้ตลาด AI ร้อนแรงเกินไป นักลงทุนและผู้ใช้ควรจับตารายงานผลประกอบการของ NVIDIA และการเคลื่อนไหวของคู่แข่งอย่าง OpenAI, Amazon และ Google ว่าจะส่งผลต่อทิศทางตลาดอย่างไร 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Microsoft ลงทุนสูงสุด 10 พันล้านดอลลาร์ใน Anthropic ➡️ NVIDIA ลงทุนเพิ่มอีก 5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ Anthropic ต้องซื้อบริการ Azure มูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มกำลังประมวลผล 1 GW ➡️ Amazon ก็ลงทุนใน Anthropic และได้สัญญาใช้ AWS และชิป AI ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การลงทุนแบบวนซ้ำอาจทำให้เกิดการประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง ⛔ เสี่ยงต่อการเกิด “AI Bubble” หากการเติบโตไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ⛔ นักลงทุนและผู้ใช้ควรจับตาผลประกอบการและทิศทางตลาดอย่างใกล้ชิด https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment/
    SECURITYONLINE.INFO
    AI Bubble Fear: Microsoft & NVIDIA Pour Billions into Anthropic, Fueling Circular Investment
    Microsoft is investing $10B in Anthropic (and NVIDIA $5B), fueling fears of an AI bubble. Anthropic committed to buying $30B in Azure cloud capacity in the process.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • เม็กซิโกสวนแรง! ปธน.เชนบามลั่น “ไม่มีทาง” ยอมให้สหรัฐฯ ส่งทหารโจมตีแก๊งค้ายาในผืนแผ่นดินจังโก้ หลังทรัมป์ขู่เปิดปฏิบัติการถล่มเหมือนเวเนซุเอลา

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110395

    #เม็กซิโก #สหรัฐ #โดนัลด์ทรัมป์ #แก๊งค้ายา #ข่าวต่างประเทศ #News1live #News1 #ข่าวด่วน
    เม็กซิโกสวนแรง! ปธน.เชนบามลั่น “ไม่มีทาง” ยอมให้สหรัฐฯ ส่งทหารโจมตีแก๊งค้ายาในผืนแผ่นดินจังโก้ หลังทรัมป์ขู่เปิดปฏิบัติการถล่มเหมือนเวเนซุเอลา • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110395 • #เม็กซิโก #สหรัฐ #โดนัลด์ทรัมป์ #แก๊งค้ายา #ข่าวต่างประเทศ #News1live #News1 #ข่าวด่วน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอาไปซัดกันเอง!ทรัมป์เมินความกังวลอิสราเอล อนุมัติขายฝูงบินF-35ให้ซาอุดีอาระเบีย , สหรัฐฯลงนามข้อตกลงพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนควบคู่แพ็กเกจอาวุธ ขณะอิสราเอลกังวลซาอุฯจะได้ครอง F-35 เช่นกัน

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110401

    #สหรัฐอเมริกา #ซาอุดีอาระเบีย #F35 #ตะวันออกกลาง #ข่าวต่างประเทศ #News1live #News1
    เอาไปซัดกันเอง!ทรัมป์เมินความกังวลอิสราเอล อนุมัติขายฝูงบินF-35ให้ซาอุดีอาระเบีย , สหรัฐฯลงนามข้อตกลงพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนควบคู่แพ็กเกจอาวุธ ขณะอิสราเอลกังวลซาอุฯจะได้ครอง F-35 เช่นกัน • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110401 • #สหรัฐอเมริกา #ซาอุดีอาระเบีย #F35 #ตะวันออกกลาง #ข่าวต่างประเทศ #News1live #News1
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷
    #20251119 #techradar

    Bulletproof Hosting ถูกตำรวจเนเธอร์แลนด์ปิดล้อม
    มีบริการโฮสติ้งที่ชื่อ CrazyRDP ซึ่งเปิดให้เช่าเซิร์ฟเวอร์แบบไม่ต้องยืนยันตัวตน (ไม่มี KYC, ไม่เก็บ log) ทำให้เหล่าแฮกเกอร์นิยมใช้กันมาก เพราะสามารถซ่อนร่องรอยได้ง่าย ตำรวจเนเธอร์แลนด์จึงเข้ายึดกว่า 250 เซิร์ฟเวอร์ ทำให้บริการนี้ล่มไปชั่วคราว ถึงแม้ยังไม่มีการจับกุม แต่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาตัวผู้ให้บริการและลูกค้า

    Ransomware Kraken ทดสอบเครื่องก่อนเข้ารหัส
    มัลแวร์ชื่อ Kraken มีวิธีโจมตีที่แปลกใหม่ มันจะสร้างไฟล์ทดสอบขึ้นมาแล้วเข้ารหัสเพื่อจับเวลา วัดความเร็วของเครื่อง จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะเข้ารหัสไฟล์ทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อไม่ให้เครื่องช้าจนผู้ใช้สงสัย หลังจากนั้นมันจะลบ backup, shadow copy และทิ้งโน้ตเรียกค่าไถ่ไว้ บางกรณีเรียกเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์

    กรอบรูปดิจิทัล Uhale แอบติดตั้งมัลแวร์
    นักวิจัยพบว่ากรอบรูปดิจิทัลยี่ห้อ Uhale มีช่องโหว่ร้ายแรง เมื่อเปิดเครื่องจะดาวน์โหลดไฟล์อันตรายมาติดตั้งเองโดยอัตโนมัติ ทำให้บ้านหรือเครือข่ายผู้ใช้เสี่ยงถูกเจาะ ข้อบกพร่องรวมถึงการจัดการ TrustManager ที่ไม่ปลอดภัย และไฟล์ที่ไม่ได้ตรวจสอบชื่ออย่างเหมาะสม ผู้ใช้จึงควรระวังและเลือกอุปกรณ์จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้

    USB Flash Drive จิ๋วที่เสียบแล้วลืม
    มีการรีวิวแฟลชไดรฟ์ขนาดเล็กมาก ๆ ที่สามารถเสียบกับ MacBook Pro หรือโน้ตบุ๊กแล้วแทบไม่ยื่นออกมาเลย เช่น SanDisk Extreme Fit 1TB ที่เร็วถึง 400MB/s และยังมีรุ่นเล็กกว่านี้อีกหลายยี่ห้อ แม้ความจุไม่มาก แต่ข้อดีคือเล็ก ปลอดภัยจากการกระแทก และราคาถูก

    Gemini 3 ชนะการทดสอบโค้ดจริง
    นักเขียนลองทดสอบ AI สามเจ้า: Gemini 3, ChatGPT 5.1 และ Claude Sonnet 4.5 โดยให้สร้างเกม Thumb Wars แบบง่าย ๆ ผลปรากฏว่า Gemini 3 ทำงานได้ดีที่สุด สร้างเกมที่เล่นได้จริง มีการปรับปรุงกราฟิกและระบบควบคุม ส่วนอีกสองเจ้ายังไม่สมบูรณ์เท่า Gemini

    ข่าวสดวงการ VPN และความเป็นส่วนตัว
    บล็อกสดรายงานความเคลื่อนไหว VPN เช่น โปรโมชัน Black Friday ของ NordVPN, Surfshark และ Proton VPN รวมถึงการถกเถียงเรื่องกฎหมายควบคุมการเข้ารหัสในยุโรป และการพัฒนา Digital ID ในสหราชอาณาจักร ซึ่งทั้งหมดสะท้อนว่าความเป็นส่วนตัวออนไลน์ยังเป็นประเด็นร้อนแรง

    รหัสผ่านยอดนิยมยังคงอ่อนแอ
    รายงานจาก NordPass พบว่าปี 2025 รหัสผ่านที่คนใช้มากที่สุดในสหรัฐคือ “admin” และ “password” ซึ่งง่ายต่อการถูกเจาะ แม้จะมีการใช้ตัวอักษรพิเศษมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังเดาง่าย เช่น “P@ssw0rd” หรือ “123456” ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ password manager และตั้งรหัสที่ซับซ้อนกว่านี้

    ลำโพง TRIBIT PocketGo ท้าชน JBL Go 4
    TRIBIT เปิดตัวลำโพงบลูทูธรุ่น PocketGo ขนาดเล็ก กันน้ำ กันฝุ่น และตกจากที่สูงได้ ราคาเพียง 34.99 ดอลลาร์ แต่ให้เสียงดังเกินตัว แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 20 ชั่วโมง ถือเป็นคู่แข่งตรงของ JBL Go 4 ที่ราคาสูงกว่า

    Microsoft 365 เพิ่ม Copilot Agents
    Microsoft ประกาศเพิ่ม AI Agents เข้าไปใน Word, Excel, PowerPoint และ Outlook โดยผู้ใช้สามารถพิมพ์ prompt ให้ Copilot สร้างเอกสาร สรุปข้อมูล ทำสไลด์ หรือแก้ปัญหาตารางนัดหมายได้ทันที ถือเป็นการยกระดับการทำงานด้วย AI ให้สะดวกขึ้นมาก

    Microsoft เปิดตัว Agent 365
    นอกจาก Copilot Agents แล้ว Microsoft ยังเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Agent 365 เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการ AI Agents ทั้งหมดในองค์กรได้ง่ายขึ้น เห็นสิทธิ์การเข้าถึง ตรวจสอบพฤติกรรม และเชื่อมต่อกับเครื่องมือความปลอดภัยของ Microsoft เพื่อให้ใช้งานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

    ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    📰🟢🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷🟢📰 #20251119 #techradar 🛡️ Bulletproof Hosting ถูกตำรวจเนเธอร์แลนด์ปิดล้อม มีบริการโฮสติ้งที่ชื่อ CrazyRDP ซึ่งเปิดให้เช่าเซิร์ฟเวอร์แบบไม่ต้องยืนยันตัวตน (ไม่มี KYC, ไม่เก็บ log) ทำให้เหล่าแฮกเกอร์นิยมใช้กันมาก เพราะสามารถซ่อนร่องรอยได้ง่าย ตำรวจเนเธอร์แลนด์จึงเข้ายึดกว่า 250 เซิร์ฟเวอร์ ทำให้บริการนี้ล่มไปชั่วคราว ถึงแม้ยังไม่มีการจับกุม แต่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาตัวผู้ให้บริการและลูกค้า 💻 Ransomware Kraken ทดสอบเครื่องก่อนเข้ารหัส มัลแวร์ชื่อ Kraken มีวิธีโจมตีที่แปลกใหม่ มันจะสร้างไฟล์ทดสอบขึ้นมาแล้วเข้ารหัสเพื่อจับเวลา วัดความเร็วของเครื่อง จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะเข้ารหัสไฟล์ทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อไม่ให้เครื่องช้าจนผู้ใช้สงสัย หลังจากนั้นมันจะลบ backup, shadow copy และทิ้งโน้ตเรียกค่าไถ่ไว้ บางกรณีเรียกเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์ 🖼️ กรอบรูปดิจิทัล Uhale แอบติดตั้งมัลแวร์ นักวิจัยพบว่ากรอบรูปดิจิทัลยี่ห้อ Uhale มีช่องโหว่ร้ายแรง เมื่อเปิดเครื่องจะดาวน์โหลดไฟล์อันตรายมาติดตั้งเองโดยอัตโนมัติ ทำให้บ้านหรือเครือข่ายผู้ใช้เสี่ยงถูกเจาะ ข้อบกพร่องรวมถึงการจัดการ TrustManager ที่ไม่ปลอดภัย และไฟล์ที่ไม่ได้ตรวจสอบชื่ออย่างเหมาะสม ผู้ใช้จึงควรระวังและเลือกอุปกรณ์จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ 💾 USB Flash Drive จิ๋วที่เสียบแล้วลืม มีการรีวิวแฟลชไดรฟ์ขนาดเล็กมาก ๆ ที่สามารถเสียบกับ MacBook Pro หรือโน้ตบุ๊กแล้วแทบไม่ยื่นออกมาเลย เช่น SanDisk Extreme Fit 1TB ที่เร็วถึง 400MB/s และยังมีรุ่นเล็กกว่านี้อีกหลายยี่ห้อ แม้ความจุไม่มาก แต่ข้อดีคือเล็ก ปลอดภัยจากการกระแทก และราคาถูก 🤖 Gemini 3 ชนะการทดสอบโค้ดจริง นักเขียนลองทดสอบ AI สามเจ้า: Gemini 3, ChatGPT 5.1 และ Claude Sonnet 4.5 โดยให้สร้างเกม Thumb Wars แบบง่าย ๆ ผลปรากฏว่า Gemini 3 ทำงานได้ดีที่สุด สร้างเกมที่เล่นได้จริง มีการปรับปรุงกราฟิกและระบบควบคุม ส่วนอีกสองเจ้ายังไม่สมบูรณ์เท่า Gemini 🔐 ข่าวสดวงการ VPN และความเป็นส่วนตัว บล็อกสดรายงานความเคลื่อนไหว VPN เช่น โปรโมชัน Black Friday ของ NordVPN, Surfshark และ Proton VPN รวมถึงการถกเถียงเรื่องกฎหมายควบคุมการเข้ารหัสในยุโรป และการพัฒนา Digital ID ในสหราชอาณาจักร ซึ่งทั้งหมดสะท้อนว่าความเป็นส่วนตัวออนไลน์ยังเป็นประเด็นร้อนแรง 🔑 รหัสผ่านยอดนิยมยังคงอ่อนแอ รายงานจาก NordPass พบว่าปี 2025 รหัสผ่านที่คนใช้มากที่สุดในสหรัฐคือ “admin” และ “password” ซึ่งง่ายต่อการถูกเจาะ แม้จะมีการใช้ตัวอักษรพิเศษมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังเดาง่าย เช่น “P@ssw0rd” หรือ “123456” ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ password manager และตั้งรหัสที่ซับซ้อนกว่านี้ 🔊 ลำโพง TRIBIT PocketGo ท้าชน JBL Go 4 TRIBIT เปิดตัวลำโพงบลูทูธรุ่น PocketGo ขนาดเล็ก กันน้ำ กันฝุ่น และตกจากที่สูงได้ ราคาเพียง 34.99 ดอลลาร์ แต่ให้เสียงดังเกินตัว แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 20 ชั่วโมง ถือเป็นคู่แข่งตรงของ JBL Go 4 ที่ราคาสูงกว่า 📊 Microsoft 365 เพิ่ม Copilot Agents Microsoft ประกาศเพิ่ม AI Agents เข้าไปใน Word, Excel, PowerPoint และ Outlook โดยผู้ใช้สามารถพิมพ์ prompt ให้ Copilot สร้างเอกสาร สรุปข้อมูล ทำสไลด์ หรือแก้ปัญหาตารางนัดหมายได้ทันที ถือเป็นการยกระดับการทำงานด้วย AI ให้สะดวกขึ้นมาก 🗂️ Microsoft เปิดตัว Agent 365 นอกจาก Copilot Agents แล้ว Microsoft ยังเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Agent 365 เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการ AI Agents ทั้งหมดในองค์กรได้ง่ายขึ้น เห็นสิทธิ์การเข้าถึง ตรวจสอบพฤติกรรม และเชื่อมต่อกับเครื่องมือความปลอดภัยของ Microsoft เพื่อให้ใช้งานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Taiwan AI Island – ก้าวสู่ศูนย์กลางคอมพิวต์โลก”

    รัฐบาลไต้หวันได้ประกาศทุ่มงบประมาณกว่า NT$100 พันล้าน (ประมาณ 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อผลักดันโครงการระดับชาติในการสร้างเกาะให้เป็นศูนย์กลางด้าน Artificial Intelligence (AI) โดยมีเป้าหมายให้ไต้หวันติดอันดับ Top 5 ของโลกด้านพลังคอมพิวต์ ภายในปี 2028 และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูงถึง NT$15 ล้านล้านภายในปี 2040

    โครงการนี้จะเน้นการวิจัยและพัฒนาในสาขา Silicon Photonics, Quantum Computing และ AI Robotics พร้อมสร้าง AI Data Center แห่งชาติในเมือง Tainan และสนับสนุนการลงทุนจากภาคเอกชน เช่น Foxconn และ Nvidia ที่กำลังสร้างศูนย์ข้อมูลในเมือง Kaohsiung โดยใช้แพลตฟอร์ม Nvidia Blackwell ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 100 เมกะวัตต์เมื่อเสร็จสมบูรณ์

    อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานนี้กำลังเผชิญกับ ข้อจำกัดด้านพลังงาน เนื่องจากไต้หวันได้ปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งสุดท้ายไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนยังไม่ถึงเป้าหมาย โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมนอกชายฝั่งที่ยังมีปัญหาล่าช้า รวมถึงระบบส่งไฟฟ้าในภาคใต้ที่ยังไม่ทันต่อการขยายตัวของศูนย์ข้อมูล

    เพื่อแก้ปัญหา ไต้หวันและพันธมิตรเทคโนโลยี เช่น Nvidia และ GMI Cloud กำลังผลักดันโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น ระบบส่งไฟฟ้าแบบ 800-volt DC busbar และการติดตั้ง GPU รุ่นใหม่กว่า 7,000 ตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและรองรับงาน AI ที่ซับซ้อนมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    รัฐบาลไต้หวันลงทุน NT$100 พันล้าน (US$3.2 พันล้าน)
    ตั้งเป้าเป็น Top 5 ของโลกด้านพลังคอมพิวต์

    โครงการเน้น R&D ใน Silicon Photonics, Quantum Computing และ AI Robotics
    พร้อมสร้าง AI Data Center ใน Tainan

    Foxconn และ Nvidia ร่วมลงทุนใน Kaohsiung
    ใช้แพลตฟอร์ม Nvidia Blackwell กำลังไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์

    GMI Cloud ติดตั้ง 7,000 Blackwell GPUs
    รองรับงาน inference workloads ขนาดใหญ่

    ความท้าทายด้านพลังงาน
    ปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์, พลังงานหมุนเวียนยังต่ำกว่าเป้า

    ระบบส่งไฟฟ้าในภาคใต้ยังไม่ทันต่อการขยายตัว
    อาจกระทบการเปิดใช้งานศูนย์ข้อมูลใหม่ตามแผน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/taiwan-announces-3bn-spend-on-ai-island-ambitions
    📰 “Taiwan AI Island – ก้าวสู่ศูนย์กลางคอมพิวต์โลก” รัฐบาลไต้หวันได้ประกาศทุ่มงบประมาณกว่า NT$100 พันล้าน (ประมาณ 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อผลักดันโครงการระดับชาติในการสร้างเกาะให้เป็นศูนย์กลางด้าน Artificial Intelligence (AI) โดยมีเป้าหมายให้ไต้หวันติดอันดับ Top 5 ของโลกด้านพลังคอมพิวต์ ภายในปี 2028 และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูงถึง NT$15 ล้านล้านภายในปี 2040 โครงการนี้จะเน้นการวิจัยและพัฒนาในสาขา Silicon Photonics, Quantum Computing และ AI Robotics พร้อมสร้าง AI Data Center แห่งชาติในเมือง Tainan และสนับสนุนการลงทุนจากภาคเอกชน เช่น Foxconn และ Nvidia ที่กำลังสร้างศูนย์ข้อมูลในเมือง Kaohsiung โดยใช้แพลตฟอร์ม Nvidia Blackwell ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 100 เมกะวัตต์เมื่อเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานนี้กำลังเผชิญกับ ข้อจำกัดด้านพลังงาน เนื่องจากไต้หวันได้ปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งสุดท้ายไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนยังไม่ถึงเป้าหมาย โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมนอกชายฝั่งที่ยังมีปัญหาล่าช้า รวมถึงระบบส่งไฟฟ้าในภาคใต้ที่ยังไม่ทันต่อการขยายตัวของศูนย์ข้อมูล เพื่อแก้ปัญหา ไต้หวันและพันธมิตรเทคโนโลยี เช่น Nvidia และ GMI Cloud กำลังผลักดันโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น ระบบส่งไฟฟ้าแบบ 800-volt DC busbar และการติดตั้ง GPU รุ่นใหม่กว่า 7,000 ตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและรองรับงาน AI ที่ซับซ้อนมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รัฐบาลไต้หวันลงทุน NT$100 พันล้าน (US$3.2 พันล้าน) ➡️ ตั้งเป้าเป็น Top 5 ของโลกด้านพลังคอมพิวต์ ✅ โครงการเน้น R&D ใน Silicon Photonics, Quantum Computing และ AI Robotics ➡️ พร้อมสร้าง AI Data Center ใน Tainan ✅ Foxconn และ Nvidia ร่วมลงทุนใน Kaohsiung ➡️ ใช้แพลตฟอร์ม Nvidia Blackwell กำลังไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ ✅ GMI Cloud ติดตั้ง 7,000 Blackwell GPUs ➡️ รองรับงาน inference workloads ขนาดใหญ่ ‼️ ความท้าทายด้านพลังงาน ⛔ ปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์, พลังงานหมุนเวียนยังต่ำกว่าเป้า ‼️ ระบบส่งไฟฟ้าในภาคใต้ยังไม่ทันต่อการขยายตัว ⛔ อาจกระทบการเปิดใช้งานศูนย์ข้อมูลใหม่ตามแผน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/taiwan-announces-3bn-spend-on-ai-island-ambitions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • “การจากไปของ Rebecca Heineman – ผู้บุกเบิกวงการเกมและนักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลาย”

    Rebecca Heineman เสียชีวิตหลังจากถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งชนิดรุนแรงเมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอเป็นที่รู้จักในฐานะ แชมป์ Space Invaders คนแรกของสหรัฐฯ ในปี 1980 และต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในนักพัฒนาเกมที่ทรงอิทธิพลที่สุด โดยมีเครดิตในเกมกว่า 67 เรื่อง รวมถึงการร่วมก่อตั้งบริษัท Interplay ซึ่งสร้างเกมระดับตำนานอย่าง Wasteland, Fallout และ Baldur’s Gate

    นอกจากผลงานด้านการพัฒนาเกมแล้ว Heineman ยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการเขียนโปรแกรมและการพอร์ตเกม เช่น Wolfenstein 3D และ Doom ไปยัง Macintosh รวมถึงการทำงานในโครงการที่ท้าทายอย่างการพัฒนาเวอร์ชัน 3DO ของ Doom ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องเล่าขานในวงการเกม

    เธอเป็นที่เคารพในฐานะ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQ+ โดยออกมาเปิดเผยตัวตนในช่วงปี 2000 และได้รับรางวัล Gayming Icon Award ปี 2025 จากการสนับสนุนความหลากหลายและการเข้าถึงในวงการเทคโนโลยี เธอแต่งงานกับ Jennell Jaquays นักออกแบบเกมชื่อดังที่เสียชีวิตในปี 2024 การจากไปของ Heineman จึงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชุมชนเกมและผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ

    แม้เธอจะจากไป แต่ผลงานและการอุทิศตนเพื่อวงการเกมและสิทธิมนุษยชนยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนาและผู้เล่นรุ่นใหม่ทั่วโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    Rebecca Heineman เสียชีวิตในวัย 62 ปี
    หลังถูกวินิจฉัยมะเร็งชนิดรุนแรง

    แชมป์ Space Invaders คนแรกของสหรัฐฯ (1980)
    จุดเริ่มต้นสู่การเป็นนักพัฒนาเกมระดับตำนาน

    ร่วมก่อตั้ง Interplay
    บริษัทผู้สร้างเกมดังอย่าง Wasteland, Fallout, Baldur’s Gate

    ผลงานด้านการพอร์ตเกม
    เช่น Wolfenstein 3D และ Doom บน Macintosh

    ได้รับรางวัล Gayming Icon Award ปี 2025
    ยกย่องบทบาทด้าน LGBTQ+ และการสนับสนุนความหลากหลาย

    การจากไปกระทบต่อชุมชนเกมและผู้สนับสนุนสิทธิ LGBTQ+
    สูญเสียบุคคลสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจ

    โรคมะเร็งที่ตรวจพบอย่างกะทันหัน
    ทำให้สุขภาพทรุดเร็วและไม่สามารถรักษาได้ทัน

    https://www.pcgamer.com/gaming-industry/legendary-game-designer-programmer-space-invaders-champion-and-lgbtq-trailblazer-rebecca-heineman-has-died/
    📰 “การจากไปของ Rebecca Heineman – ผู้บุกเบิกวงการเกมและนักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลาย” Rebecca Heineman เสียชีวิตหลังจากถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งชนิดรุนแรงเมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอเป็นที่รู้จักในฐานะ แชมป์ Space Invaders คนแรกของสหรัฐฯ ในปี 1980 และต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในนักพัฒนาเกมที่ทรงอิทธิพลที่สุด โดยมีเครดิตในเกมกว่า 67 เรื่อง รวมถึงการร่วมก่อตั้งบริษัท Interplay ซึ่งสร้างเกมระดับตำนานอย่าง Wasteland, Fallout และ Baldur’s Gate นอกจากผลงานด้านการพัฒนาเกมแล้ว Heineman ยังเป็นผู้บุกเบิกด้านการเขียนโปรแกรมและการพอร์ตเกม เช่น Wolfenstein 3D และ Doom ไปยัง Macintosh รวมถึงการทำงานในโครงการที่ท้าทายอย่างการพัฒนาเวอร์ชัน 3DO ของ Doom ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องเล่าขานในวงการเกม เธอเป็นที่เคารพในฐานะ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQ+ โดยออกมาเปิดเผยตัวตนในช่วงปี 2000 และได้รับรางวัล Gayming Icon Award ปี 2025 จากการสนับสนุนความหลากหลายและการเข้าถึงในวงการเทคโนโลยี เธอแต่งงานกับ Jennell Jaquays นักออกแบบเกมชื่อดังที่เสียชีวิตในปี 2024 การจากไปของ Heineman จึงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชุมชนเกมและผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ แม้เธอจะจากไป แต่ผลงานและการอุทิศตนเพื่อวงการเกมและสิทธิมนุษยชนยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนาและผู้เล่นรุ่นใหม่ทั่วโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Rebecca Heineman เสียชีวิตในวัย 62 ปี ➡️ หลังถูกวินิจฉัยมะเร็งชนิดรุนแรง ✅ แชมป์ Space Invaders คนแรกของสหรัฐฯ (1980) ➡️ จุดเริ่มต้นสู่การเป็นนักพัฒนาเกมระดับตำนาน ✅ ร่วมก่อตั้ง Interplay ➡️ บริษัทผู้สร้างเกมดังอย่าง Wasteland, Fallout, Baldur’s Gate ✅ ผลงานด้านการพอร์ตเกม ➡️ เช่น Wolfenstein 3D และ Doom บน Macintosh ✅ ได้รับรางวัล Gayming Icon Award ปี 2025 ➡️ ยกย่องบทบาทด้าน LGBTQ+ และการสนับสนุนความหลากหลาย ‼️ การจากไปกระทบต่อชุมชนเกมและผู้สนับสนุนสิทธิ LGBTQ+ ⛔ สูญเสียบุคคลสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจ ‼️ โรคมะเร็งที่ตรวจพบอย่างกะทันหัน ⛔ ทำให้สุขภาพทรุดเร็วและไม่สามารถรักษาได้ทัน https://www.pcgamer.com/gaming-industry/legendary-game-designer-programmer-space-invaders-champion-and-lgbtq-trailblazer-rebecca-heineman-has-died/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิตคอยน์ร่วงหนัก สูญมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

    บิตคอยน์เพิ่งทำสถิติสูงสุดที่กว่า 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2025 แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราคากลับร่วงลงเหลือประมาณ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ การร่วงลงครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตทั่วโลก

    ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
    การร่วงลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เหตุการณ์นี้ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและบัญชีออมทรัพย์ดูน่าสนใจกว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล

    ผลกระทบจากการใช้เลเวอเรจ
    นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงเป็นตัวเร่งให้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงขึ้น เมื่อราคาตกต่ำ นักลงทุนที่กู้เงินมาเก็งกำไรต้องถูกบังคับขาย (forced liquidation) ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตทั้งฝั่ง long และ short รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    มุมมองระยะยาว
    แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า นี่ไม่ใช่การล่มสลายของตลาดคริปโต หากแต่เป็น “aftershock” จากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม พวกเขาเชื่อว่าผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ยังมีความมั่นใจในพื้นฐานของบิตคอยน์ และตลาดอาจฟื้นตัวได้เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจคลี่คลาย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเหลือ ~90,000 ดอลลาร์
    สูญมูลค่าตลาดกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

    ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
    การขู่เพิ่มภาษีสินค้าจีน และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Fed

    แรงกดดันจากการใช้เลเวอเรจ
    การล้างพอร์ตกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    ความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโต
    การใช้เลเวอเรจสูงอาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อราคาผันผวน

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล
    ความผันผวนอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ลังเลที่จะเข้ามาในตลาด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-price-plunges-wipes-usd1-trillion-from-value-weeks-after-it-hit-all-time-high-prices-now-near-lowest-level-for-the-year-erasing-2025-gains
    💰 บิตคอยน์ร่วงหนัก สูญมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ บิตคอยน์เพิ่งทำสถิติสูงสุดที่กว่า 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2025 แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราคากลับร่วงลงเหลือประมาณ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ การร่วงลงครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตทั่วโลก 🌍 ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ การร่วงลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เหตุการณ์นี้ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและบัญชีออมทรัพย์ดูน่าสนใจกว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ⚠️ ผลกระทบจากการใช้เลเวอเรจ นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงเป็นตัวเร่งให้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงขึ้น เมื่อราคาตกต่ำ นักลงทุนที่กู้เงินมาเก็งกำไรต้องถูกบังคับขาย (forced liquidation) ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตทั้งฝั่ง long และ short รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว 🔮 มุมมองระยะยาว แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า นี่ไม่ใช่การล่มสลายของตลาดคริปโต หากแต่เป็น “aftershock” จากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม พวกเขาเชื่อว่าผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ยังมีความมั่นใจในพื้นฐานของบิตคอยน์ และตลาดอาจฟื้นตัวได้เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจคลี่คลาย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเหลือ ~90,000 ดอลลาร์ ➡️ สูญมูลค่าตลาดกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ✅ ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ ➡️ การขู่เพิ่มภาษีสินค้าจีน และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Fed ✅ แรงกดดันจากการใช้เลเวอเรจ ➡️ การล้างพอร์ตกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว ‼️ ความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโต ⛔ การใช้เลเวอเรจสูงอาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อราคาผันผวน ‼️ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล ⛔ ความผันผวนอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ลังเลที่จะเข้ามาในตลาด https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-price-plunges-wipes-usd1-trillion-from-value-weeks-after-it-hit-all-time-high-prices-now-near-lowest-level-for-the-year-erasing-2025-gains
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตัว Bambu Lab H2C – เครื่องพิมพ์ 3D หัวฉีด 7 หัว

    Bambu Lab ได้สร้างความฮือฮาในงาน FormNext 2025 ด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์สามมิติรุ่น H2C ที่มาพร้อมระบบหัวฉีด 7 หัวแบบเปลี่ยนได้อัตโนมัติ จุดเด่นคือการใช้ Vortek Hotend Change System ที่สามารถสลับหัวฉีดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้การพิมพ์หลายสีและหลายวัสดุมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า

    เครื่องรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 2,399 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่นพื้นฐาน และสูงสุดถึง 4,199 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่น Laser Combo ที่รวมอุปกรณ์เสริมครบชุด ถือเป็นการยกระดับตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ระดับโปรที่เน้นความเร็วและความยืดหยุ่นในการใช้งาน

    ปัญหาภาษีทำให้สหรัฐฯ ต้องรอ
    แม้จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ จะยังไม่สามารถซื้อ H2C ได้ทันที เนื่องจากติดปัญหา ข้อจำกัดด้านภาษีและโลจิสติกส์ ทำให้การจัดจำหน่ายถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ตลาดยุโรปและประเทศอื่น ๆ เริ่มได้สัมผัสเครื่องรุ่นนี้ก่อนแล้ว เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงดำเนินอยู่

    ประสิทธิภาพและการทดสอบเบื้องต้น
    จากการทดสอบเบื้องต้น เครื่อง H2C สามารถพิมพ์งานหลายสีได้เร็วกว่า H2D ถึงสองเท่า แต่ยังช้ากว่า Prusa XL อยู่บ้าง จุดเด่นคือการลดการสิ้นเปลืองวัสดุ โดยใช้เสา purge tower ที่เล็กลงและจัดการเศษวัสดุได้ดีกว่าเดิม ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เปิดตัว Bambu Lab H2C
    เครื่องพิมพ์ 3D หัวฉีด 7 หัว ใช้ระบบ Vortek Hotend Change System

    ราคาจำหน่าย
    เริ่มต้นที่ 2,399 ดอลลาร์ สูงสุด 4,199 ดอลลาร์ สำหรับรุ่น Laser Combo

    ประสิทธิภาพการพิมพ์
    เร็วกว่า H2D สองเท่า และลดการสิ้นเปลืองวัสดุได้มาก

    ยังไม่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ
    ติดปัญหาภาษีและข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์

    ผลกระทบจากสงครามการค้า
    ทำให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องรอการเปิดตัวอย่างไม่มีกำหนด

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/bambu-lab-launches-beastly-seven-nozzle-3d-printer-at-formnext-h2c-model-launches-everywhere-but-the-us-due-to-tarrifs
    🖨️ เปิดตัว Bambu Lab H2C – เครื่องพิมพ์ 3D หัวฉีด 7 หัว Bambu Lab ได้สร้างความฮือฮาในงาน FormNext 2025 ด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์สามมิติรุ่น H2C ที่มาพร้อมระบบหัวฉีด 7 หัวแบบเปลี่ยนได้อัตโนมัติ จุดเด่นคือการใช้ Vortek Hotend Change System ที่สามารถสลับหัวฉีดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้การพิมพ์หลายสีและหลายวัสดุมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า เครื่องรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 2,399 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่นพื้นฐาน และสูงสุดถึง 4,199 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่น Laser Combo ที่รวมอุปกรณ์เสริมครบชุด ถือเป็นการยกระดับตลาดเครื่องพิมพ์ 3D ระดับโปรที่เน้นความเร็วและความยืดหยุ่นในการใช้งาน 🌍 ปัญหาภาษีทำให้สหรัฐฯ ต้องรอ แม้จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ จะยังไม่สามารถซื้อ H2C ได้ทันที เนื่องจากติดปัญหา ข้อจำกัดด้านภาษีและโลจิสติกส์ ทำให้การจัดจำหน่ายถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ตลาดยุโรปและประเทศอื่น ๆ เริ่มได้สัมผัสเครื่องรุ่นนี้ก่อนแล้ว เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงดำเนินอยู่ ⚙️ ประสิทธิภาพและการทดสอบเบื้องต้น จากการทดสอบเบื้องต้น เครื่อง H2C สามารถพิมพ์งานหลายสีได้เร็วกว่า H2D ถึงสองเท่า แต่ยังช้ากว่า Prusa XL อยู่บ้าง จุดเด่นคือการลดการสิ้นเปลืองวัสดุ โดยใช้เสา purge tower ที่เล็กลงและจัดการเศษวัสดุได้ดีกว่าเดิม ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดทั้งเวลาและต้นทุน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เปิดตัว Bambu Lab H2C ➡️ เครื่องพิมพ์ 3D หัวฉีด 7 หัว ใช้ระบบ Vortek Hotend Change System ✅ ราคาจำหน่าย ➡️ เริ่มต้นที่ 2,399 ดอลลาร์ สูงสุด 4,199 ดอลลาร์ สำหรับรุ่น Laser Combo ✅ ประสิทธิภาพการพิมพ์ ➡️ เร็วกว่า H2D สองเท่า และลดการสิ้นเปลืองวัสดุได้มาก ‼️ ยังไม่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ ⛔ ติดปัญหาภาษีและข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ ‼️ ผลกระทบจากสงครามการค้า ⛔ ทำให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ต้องรอการเปิดตัวอย่างไม่มีกำหนด https://www.tomshardware.com/3d-printing/bambu-lab-launches-beastly-seven-nozzle-3d-printer-at-formnext-h2c-model-launches-everywhere-but-the-us-due-to-tarrifs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุเพื่อความปลอดภัยของเด็ก

    Roblox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ยอดนิยมประกาศว่าจะเริ่มใช้ระบบ ตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์แชทได้ โดยผู้ใช้ต้องถ่าย ภาพเซลฟี เพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ และจัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อป้องกันการสื่อสารระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางออนไลน์

    มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจาก Roblox ถูกวิจารณ์อย่างหนักจาก รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ว่าไม่สามารถปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเด็กจากภัยคุกคามทางออนไลน์ได้เพียงพอ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่บริษัทกำลังเผชิญ คดีความจากอัยการรัฐ Texas, Kentucky และ Louisiana รวมถึงผู้ฟ้องร้องรายบุคคลที่กล่าวหาว่า Roblox ล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยของเยาวชน

    Matt Kaufman หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Roblox ระบุว่า บริษัทต้องการเป็นตัวอย่างให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เห็นว่า การตรวจสอบอายุไม่ใช่เรื่อง “เป็นไปไม่ได้” แต่สามารถทำได้จริงหากมีความตั้งใจ โดยการบังคับใช้ครั้งแรกจะเริ่มใน ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เดือนธันวาคม 2025 และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเดือนมกราคม 2026

    แม้ระบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อถกเถียงเรื่อง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ที่ผู้ใช้ต้องส่งให้ Roblox ซึ่งอาจสร้างความกังวลว่าบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไรในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า
    ผู้เล่นต้องถ่ายเซลฟีเพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ

    จัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย
    เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อจำกัดการแชทระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่

    เริ่มใช้ในออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์
    เดือนธันวาคม 2025 ก่อนขยายไปทั่วโลกในเดือนมกราคม 2026

    มาตรการเกิดจากแรงกดดันและคดีความในสหรัฐฯ
    อัยการรัฐและผู้ฟ้องร้องกล่าวหาว่า Roblox ไม่ปกป้องเด็กเพียงพอ

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ
    ผู้ใช้ต้องส่งข้อมูลใบหน้า ซึ่งอาจถูกเก็บและนำไปใช้ในอนาคต

    การแบ่งกลุ่มอายุอาจไม่แม่นยำ 100%
    ระบบ AI อาจประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดข้อโต้แย้งหรือปัญหาในการใช้งาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/roblox-to-require-age-checks-to-use-platform039s-chat-features
    🧒 Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุเพื่อความปลอดภัยของเด็ก Roblox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ยอดนิยมประกาศว่าจะเริ่มใช้ระบบ ตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงฟีเจอร์แชทได้ โดยผู้ใช้ต้องถ่าย ภาพเซลฟี เพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ และจัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อป้องกันการสื่อสารระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางออนไลน์ มาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจาก Roblox ถูกวิจารณ์อย่างหนักจาก รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ ว่าไม่สามารถปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเด็กจากภัยคุกคามทางออนไลน์ได้เพียงพอ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่บริษัทกำลังเผชิญ คดีความจากอัยการรัฐ Texas, Kentucky และ Louisiana รวมถึงผู้ฟ้องร้องรายบุคคลที่กล่าวหาว่า Roblox ล้มเหลวในการดูแลความปลอดภัยของเยาวชน Matt Kaufman หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Roblox ระบุว่า บริษัทต้องการเป็นตัวอย่างให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ เห็นว่า การตรวจสอบอายุไม่ใช่เรื่อง “เป็นไปไม่ได้” แต่สามารถทำได้จริงหากมีความตั้งใจ โดยการบังคับใช้ครั้งแรกจะเริ่มใน ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เดือนธันวาคม 2025 และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในเดือนมกราคม 2026 แม้ระบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อถกเถียงเรื่อง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ที่ผู้ใช้ต้องส่งให้ Roblox ซึ่งอาจสร้างความกังวลว่าบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไรในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Roblox เพิ่มระบบตรวจสอบอายุด้วยการสแกนใบหน้า ➡️ ผู้เล่นต้องถ่ายเซลฟีเพื่อให้ระบบ AI ประเมินอายุ ✅ จัดกลุ่มผู้เล่นตามช่วงวัย ➡️ เช่น 9–12 ปี หรือ 13–15 ปี เพื่อจำกัดการแชทระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ✅ เริ่มใช้ในออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ➡️ เดือนธันวาคม 2025 ก่อนขยายไปทั่วโลกในเดือนมกราคม 2026 ✅ มาตรการเกิดจากแรงกดดันและคดีความในสหรัฐฯ ➡️ อัยการรัฐและผู้ฟ้องร้องกล่าวหาว่า Roblox ไม่ปกป้องเด็กเพียงพอ ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ ⛔ ผู้ใช้ต้องส่งข้อมูลใบหน้า ซึ่งอาจถูกเก็บและนำไปใช้ในอนาคต ‼️ การแบ่งกลุ่มอายุอาจไม่แม่นยำ 100% ⛔ ระบบ AI อาจประเมินผิดพลาด ทำให้เกิดข้อโต้แย้งหรือปัญหาในการใช้งาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/roblox-to-require-age-checks-to-use-platform039s-chat-features
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Roblox to require age checks to use platform's chat features
    WASHINGTON (Reuters) -Gaming platform Roblox will require users to verify their age using facial recognition software to chat with other players, a company executive said, with the goal of limiting communication between kids and adults on the platform.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุทิน เผย ทรัมป์ตรงไปตรงมา ยันสหรัฐฯ "แฮปปี้" เผยพร้อมลดภาษีนำเข้าไทย หากเร่งกู้ทุ่นระเบิดเร็วที่สุด
    https://www.thai-tai.tv/news/22440/
    .
    #ไทยไท #อนุทิน #เจรจาภาษี #ทุ่นระเบิด #ความเป็นปรปักษ์ #ทรัมป์

    อนุทิน เผย ทรัมป์ตรงไปตรงมา ยันสหรัฐฯ "แฮปปี้" เผยพร้อมลดภาษีนำเข้าไทย หากเร่งกู้ทุ่นระเบิดเร็วที่สุด https://www.thai-tai.tv/news/22440/ . #ไทยไท #อนุทิน #เจรจาภาษี #ทุ่นระเบิด #ความเป็นปรปักษ์ #ทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอบพระคุณท่านนายก ที่ให้ความสำคัญกับไม่ยอมเป็นไก่รองบ่อน ขอบพระคุณท่าน รมต.ศุภจี ที่หาตลาดใหม่ ไม่ยอมสหรัฐอเมริกา

    ท่านนายกฯ ครับ แค่นำสามจังหวัดกับหนึ่งเกาะ กลับมาสู่ราชอาณาจักร ไม่ต้องบุกพนมเปญ ให้เสียงบประมาณ ให้เสียศักดิ์ศรี

    https://www.youtube.com/live/0bOqR0aCli4?si=WaBEhszJsgYxncja
    ขอบพระคุณท่านนายก ที่ให้ความสำคัญกับไม่ยอมเป็นไก่รองบ่อน ขอบพระคุณท่าน รมต.ศุภจี ที่หาตลาดใหม่ ไม่ยอมสหรัฐอเมริกา ท่านนายกฯ ครับ แค่นำสามจังหวัดกับหนึ่งเกาะ กลับมาสู่ราชอาณาจักร ไม่ต้องบุกพนมเปญ ให้เสียงบประมาณ ให้เสียศักดิ์ศรี https://www.youtube.com/live/0bOqR0aCli4?si=WaBEhszJsgYxncja
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สีหศักดิ์” ยันคุยนายกฯ–ทรัมป์ ไม่มีประเด็นระงับเจรจาภาษีไทย , ชี้คำพูดผู้นำทั้งสองคือหลัก ย้ำเดินหน้าเจรจาการค้าต่อ แยกจากปฏิญญาสันติภาพ-ปัญหาเขมร

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110060

    #การต่างประเทศ #อนุทิน #ทรัมป์ #ไทยสหรัฐ #เจรจาการค้า #กัมพูชา #ความมั่นคง #News1 #News1live #newsupdate
    “สีหศักดิ์” ยันคุยนายกฯ–ทรัมป์ ไม่มีประเด็นระงับเจรจาภาษีไทย , ชี้คำพูดผู้นำทั้งสองคือหลัก ย้ำเดินหน้าเจรจาการค้าต่อ แยกจากปฏิญญาสันติภาพ-ปัญหาเขมร • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110060 • #การต่างประเทศ #อนุทิน #ทรัมป์ #ไทยสหรัฐ #เจรจาการค้า #กัมพูชา #ความมั่นคง #News1 #News1live #newsupdate
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷
    #20251118 #techradar

    Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2
    Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5
    OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน

    Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร
    Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง

    สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire
    BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer

    Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ
    นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส

    OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม
    OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น

    Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร
    Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่
    Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง
    Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก
    Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์
    กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้

    Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป
    Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่

    LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI
    LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต

    ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์
    ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ

    ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    📌🪛🩷 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 🩷🪛📌 #20251118 #techradar 🌦️ Google เปิดตัว AI พยากรณ์อากาศใหม่ WeatherNext 2 Google พัฒนาโมเดล AI ชื่อ WeatherNext 2 ที่สามารถคาดการณ์สภาพอากาศได้เร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 8 เท่า ภายในเวลาไม่ถึงนาที AI นี้ไม่ได้ให้แค่ผลลัพธ์เดียว แต่สร้าง “หลายความเป็นไปได้” ของสภาพอากาศ ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่ามีโอกาสเกิดอะไรบ้าง เช่น ฝนตกหรือแดดออกในช่วงเวลาใด นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Search, Pixel Weather และ Google Maps เพื่อช่วยให้การวางแผนชีวิตประจำวันและการจัดการพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚡ OWC Helios 5S: เพิ่มพลังให้ Mac เล็ก ๆ ด้วย Thunderbolt 5 OWC เปิดตัว Helios 5S กล่องขยาย PCIe สำหรับเครื่อง Mac ขนาดเล็กที่ใช้ Thunderbolt 5 ความเร็วสูงถึง 80Gb/s ทำให้สามารถต่อการ์ด PCIe 4.0 และอุปกรณ์เสริมความเร็วสูงได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับจอ 8K ได้ถึง 3 จอ เหมาะสำหรับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้น แม้จะไม่รองรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูง แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเครื่องเล็กให้ใกล้เคียงเวิร์กสเตชัน 🖥️ Samsung ขยาย “The Wall” จอ LED ยักษ์สำหรับองค์กร Samsung เปิดตัวรุ่นใหม่ของ The Wall จอ LED ขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อสำนักงานและพื้นที่ธุรกิจ ใช้ชิปประมวลผล AI Gen2 ที่ช่วยปรับภาพให้คมชัด ลดสัญญาณรบกวน และอัปสเกลภาพให้ใกล้เคียง 8K จุดเด่นคือความสว่างสูงถึง 1,000 nits และเทคโนโลยี Black Seal ที่ทำให้สีดำลึกขึ้น เหมาะกับการใช้งานในห้องประชุมใหญ่หรือพื้นที่ที่ต้องการภาพคมชัดต่อเนื่อง 🎤 สัมภาษณ์พิเศษ Sundar Pichai: Running The Google Empire BBC จัดสัมภาษณ์พิเศษกับ Sundar Pichai CEO ของ Google ที่พูดถึงการนำบริษัทผ่านยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโลก เขาเล่าถึงความท้าทายของการลงทุนมหาศาลใน AI ผลกระทบต่อการจ้างงาน และบทบาทของ Google ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการนี้สามารถรับชมฟรีผ่าน BBC iPlayer 🛡️ Amazon พบการโจมตี npm ครั้งใหญ่กว่า 150,000 แพ็กเกจ นักวิจัยจาก Amazon ตรวจพบการแพร่กระจายแพ็กเกจ npm กว่า 150,000 ตัว ที่ถูกใช้ในแผนการหลอกลวงเพื่อสร้างรายได้จากโทเคน TEA แม้แพ็กเกจเหล่านี้จะไม่ขโมยข้อมูลโดยตรง แต่มีพฤติกรรม “self-replicating” และอาจถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายได้ เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีซัพพลายเชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โอเพ่นซอร์ส 💬 OpenAI ทดลองให้ ChatGPT เข้าร่วมแชทกลุ่ม OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT เข้าร่วมการสนทนาแบบกลุ่ม โดย AI จะเลือกเองว่าจะตอบเมื่อใด หรือผู้ใช้สามารถเรียกด้วยการแท็ก ฟีเจอร์นี้กำลังทดสอบในญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน รองรับผู้เข้าร่วมสูงสุด 20 คน จุดประสงค์คือช่วยให้การระดมสมองและวางแผนร่วมกันสะดวกขึ้น ✈️ Google AI ช่วยวางแผนทริปได้ครบวงจร Google เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับการท่องเที่ยว 3 อย่าง ได้แก่ 🧩 Canvas for Travel: สร้างแผนการเดินทางแบบกำหนดเอง 🧩 Flight Deals: ค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกทั่วโลก 🧩 Agentic Booking: จองร้านอาหารและกิจกรรมได้โดยตรงจาก Search ทั้งหมดนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเปิดหลายแท็บและเปรียบเทียบข้อมูล ทำให้การวางแผนทริปง่ายขึ้นมาก 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ JSON ซ่อนมัลแวร์ กลุ่ม Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกพบว่าใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper และ JSON Silo เพื่อซ่อนมัลแวร์ในแคมเปญ “Contagious Interview” โดยหลอกนักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน LinkedIn ให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่แฝงโค้ดอันตราย มัลแวร์เหล่านี้สามารถขโมยข้อมูล กระเป๋าเงินคริปโต และใช้เครื่องเหยื่อขุดเหรียญ Monero ได้ 🔒 Logitech ยืนยันถูกเจาะระบบ แต่ยังไม่รู้ข้อมูลที่หายไป Logitech รายงานการถูกโจมตีไซเบอร์ผ่านช่องโหว่ zero-day ของซอฟต์แวร์ภายนอก โดยกลุ่ม Cl0p ransomware อ้างว่าขโมยข้อมูลไปกว่า 1.8TB แม้บริษัทจะยืนยันว่าข้อมูลที่สูญหาย “น่าจะมีเพียงบางส่วน” ของพนักงานและลูกค้า แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีข้อมูลสำคัญรั่วไหลหรือไม่ 👥 LinkedIn เพิ่มฟีเจอร์ค้นหาคนด้วย AI LinkedIn เปิดตัวระบบค้นหาคนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์คำอธิบายเชิงธรรมชาติ เช่น “นักลงทุนด้านสุขภาพที่มีประสบการณ์ FDA” โดยไม่ต้องกรองด้วยตำแหน่งงานแบบเดิม ฟีเจอร์นี้เริ่มให้บริการกับผู้ใช้ Premium ในสหรัฐฯ ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกในอนาคต ⚖️ ศาลสหราชอาณาจักรตัดสิน Microsoft แพ้คดีห้ามขายต่อไลเซนส์ ศาล Competition Appeal Tribunal ของสหราชอาณาจักรตัดสินว่า Microsoft ไม่สามารถห้ามลูกค้าขายต่อไลเซนส์ซอฟต์แวร์แบบถาวรได้ บริษัท ValueLicensing ซึ่งเป็นคู่กรณีสามารถดำเนินธุรกิจขายต่อไลเซนส์ต่อไป และยังมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 270 ล้านปอนด์จาก Microsoft ขณะที่ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ต่อ ไปตามเจาะข่าวกันได้ที่ : https://www.techradar.com/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐยึดคริปโต 15 ล้านดอลลาร์จากแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ , โยงคดีโจมตีแพลตฟอร์มหลายแห่งปี 2566 หลัง FBI อายัดตั้งแต่มีนาคม 2568 ก่อน DOJ เดินหน้าขอศาลอายัดถาวร–เร่งกวาดล้างเครือข่าย IT ลับที่หนุนโครงการความมั่นคงเปียงยาง

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109917

    #เกาหลีเหนือ #แฮกเกอร์ #คริปโต #ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ #สหรัฐอเมริกา #News1live #News1
    สหรัฐยึดคริปโต 15 ล้านดอลลาร์จากแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ , โยงคดีโจมตีแพลตฟอร์มหลายแห่งปี 2566 หลัง FBI อายัดตั้งแต่มีนาคม 2568 ก่อน DOJ เดินหน้าขอศาลอายัดถาวร–เร่งกวาดล้างเครือข่าย IT ลับที่หนุนโครงการความมั่นคงเปียงยาง • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109917 • #เกาหลีเหนือ #แฮกเกอร์ #คริปโต #ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ #สหรัฐอเมริกา #News1live #News1
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำไร TSMC Arizona ร่วงแรง

    รายงานล่าสุดเผยว่าโรงงาน TSMC Arizona มีกำไรลดลงจาก NT$4.232 พันล้าน เหลือเพียง NT$41 ล้าน ในไตรมาสต่อไตรมาส สาเหตุหลักคือค่าใช้จ่ายมหาศาลในการสร้างสายการผลิตชิปขั้นสูง และต้นทุนแรงงานในสหรัฐฯ ที่สูงกว่าที่ไต้หวันอย่างมาก

    ต้นทุนสูงจากการผลิตชิป 3nm
    โรงงาน Fab 2 ใน Arizona ถูกวางแผนให้ผลิตชิป 3nm ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์และกระบวนการที่ซับซ้อนและราคาแพง ต่างจาก Fab 1 ที่เน้นผลิตชิป node ที่โตเต็มที่แล้ว ทำให้ Fab 1 ยังพอทำกำไรได้ แต่ Fab 2 กลับกลายเป็นภาระหนักต่อบริษัท

    ความสำคัญเชิงกลยุทธ์
    แม้จะขาดทุน แต่โรงงานใน Arizona มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อสหรัฐฯ เพราะช่วยสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC เช่น Apple และ Nvidia ก็สนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ เพื่อความมั่นใจด้านซัพพลาย

    แนวโน้มในอนาคต
    นักวิเคราะห์มองว่าโรงงานในสหรัฐฯ จะยังคงมีต้นทุนสูงต่อไป ทั้งค่าแรง การก่อสร้าง และการดึงบุคลากรจากไต้หวัน แต่ด้วยความต้องการชิป AI และ HPC ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หาก TSMC สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ ก็อาจพลิกสถานการณ์ให้โรงงานใน Arizona กลับมามีกำไรในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    กำไร TSMC Arizona ลดลงอย่างหนัก
    จาก NT$4.232 พันล้าน เหลือเพียง NT$41 ล้าน

    Fab 2 เน้นผลิตชิป 3nm
    ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงและซับซ้อนมากกว่าชิป node เดิม

    ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อสหรัฐฯ
    สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

    ลูกค้ารายใหญ่สนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ
    Apple และ Nvidia ต้องการความมั่นใจด้านซัพพลาย

    ต้นทุนสูงจากแรงงานและการก่อสร้างในสหรัฐฯ
    ต้องดึงบุคลากรจากไต้หวันและใช้ค่าแรงสูงกว่ามาก

    ความเสี่ยงต่อกำไรในระยะสั้น
    Fab 2 อาจยังคงขาดทุนจนกว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้

    https://wccftech.com/tsmc-arizona-facility-hit-hard-by-profit-drop-as-rising-operating-costs-give-a-reality-check/
    🏭 กำไร TSMC Arizona ร่วงแรง รายงานล่าสุดเผยว่าโรงงาน TSMC Arizona มีกำไรลดลงจาก NT$4.232 พันล้าน เหลือเพียง NT$41 ล้าน ในไตรมาสต่อไตรมาส สาเหตุหลักคือค่าใช้จ่ายมหาศาลในการสร้างสายการผลิตชิปขั้นสูง และต้นทุนแรงงานในสหรัฐฯ ที่สูงกว่าที่ไต้หวันอย่างมาก 💸 ต้นทุนสูงจากการผลิตชิป 3nm โรงงาน Fab 2 ใน Arizona ถูกวางแผนให้ผลิตชิป 3nm ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์และกระบวนการที่ซับซ้อนและราคาแพง ต่างจาก Fab 1 ที่เน้นผลิตชิป node ที่โตเต็มที่แล้ว ทำให้ Fab 1 ยังพอทำกำไรได้ แต่ Fab 2 กลับกลายเป็นภาระหนักต่อบริษัท 🌐 ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ แม้จะขาดทุน แต่โรงงานใน Arizona มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อสหรัฐฯ เพราะช่วยสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC เช่น Apple และ Nvidia ก็สนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ เพื่อความมั่นใจด้านซัพพลาย 🔮 แนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์มองว่าโรงงานในสหรัฐฯ จะยังคงมีต้นทุนสูงต่อไป ทั้งค่าแรง การก่อสร้าง และการดึงบุคลากรจากไต้หวัน แต่ด้วยความต้องการชิป AI และ HPC ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หาก TSMC สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ ก็อาจพลิกสถานการณ์ให้โรงงานใน Arizona กลับมามีกำไรในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ กำไร TSMC Arizona ลดลงอย่างหนัก ➡️ จาก NT$4.232 พันล้าน เหลือเพียง NT$41 ล้าน ✅ Fab 2 เน้นผลิตชิป 3nm ➡️ ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงและซับซ้อนมากกว่าชิป node เดิม ✅ ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อสหรัฐฯ ➡️ สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ✅ ลูกค้ารายใหญ่สนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ ➡️ Apple และ Nvidia ต้องการความมั่นใจด้านซัพพลาย ‼️ ต้นทุนสูงจากแรงงานและการก่อสร้างในสหรัฐฯ ⛔ ต้องดึงบุคลากรจากไต้หวันและใช้ค่าแรงสูงกว่ามาก ‼️ ความเสี่ยงต่อกำไรในระยะสั้น ⛔ Fab 2 อาจยังคงขาดทุนจนกว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้ https://wccftech.com/tsmc-arizona-facility-hit-hard-by-profit-drop-as-rising-operating-costs-give-a-reality-check/
    WCCFTECH.COM
    TSMC’s Arizona Facility Hit Hard by Profit Drop as Rising Operating Costs Give a Reality Check to the “Made in USA” Narrative
    TSMC's Arizona facility has been a massive 'landmark' for America's chip industry, but rising costs have taken out a huge chunk of profits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้หญิงในอุตสาหกรรมเกมยังคงเผชิญช่องว่างค่าจ้างเฉลี่ย 24% เมื่อเทียบกับผู้ชาย

    รายงานระบุว่า ผู้หญิงและบุคคล non-binary ในบริษัทเกมสหรัฐฯ ได้รับค่าจ้างเฉลี่ยน้อยกว่าผู้ชายถึง 24% ซึ่งสูงกว่าช่องว่างค่าจ้างโดยรวมในสหรัฐฯ ที่อยู่ราว 15% ข้อมูลจากการสำรวจคนทำงานเกม 562 คนในเดือนกรกฎาคมเผยว่า สองในสามของผู้ชายที่มีประสบการณ์ 6 ปีขึ้นไปได้รับเงินเดือนมากกว่า 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่มีเพียง 38% ของผู้หญิงและ non-binary ที่ได้ระดับเดียวกัน

    ความรู้สึกและการรับรู้ของแรงงาน
    กว่า 60% ของผู้หญิงและ non-binary เชื่อว่าตนเองถูกจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าที่ควร ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจริงที่พบในรายงาน แม้ว่าโดยรวมแล้วคนทำงานเกมมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยชาวอเมริกัน (142,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี) แต่ความเหลื่อมล้ำทางเพศยังคงชัดเจนและต่อเนื่องthestar.com.my

    ปัญหาความเท่าเทียมและวัฒนธรรมองค์กร
    อุตสาหกรรมเกมถูกวิจารณ์มานานเรื่อง วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่และการเลือกปฏิบัติทางเพศ บริษัทใหญ่เช่น Riot Games, Ubisoft และ Activision Blizzard เคยถูกกล่าวหาว่าสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้หญิง และบางแห่งต้องจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานที่ถูกละเมิด แม้หลายบริษัทพยายามเพิ่มจำนวนผู้หญิงในทีม แต่ปัจจุบันยังมีเพียง 25% ของแรงงานในอุตสาหกรรมเกมที่เป็นผู้หญิง

    แนวโน้มและความท้าทาย
    แม้รายได้เฉลี่ยของคนทำงานเกมจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากปี 2024 แต่การเลิกจ้างจำนวนมากในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมยังอยู่ในภาวะหดตัว การแก้ไขช่องว่างค่าจ้างและสร้างวัฒนธรรมที่เท่าเทียมจึงเป็นความท้าทายสำคัญ หากไม่ปรับปรุง อุตสาหกรรมอาจสูญเสียแรงงานที่มีศักยภาพและความหลากหลายทางความคิด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผู้หญิงและ non-binary ได้ค่าจ้างเฉลี่ยน้อยกว่าผู้ชาย 24%
    ช่องว่างนี้กว้างกว่าค่าเฉลี่ยสหรัฐฯ ที่ 15%

    ผู้ชาย 2/3 ได้เงินเดือน ≥125,000 ดอลลาร์สหรัฐ
    แต่ผู้หญิงและ non-binary มีเพียง 38% เท่านั้น

    แรงงานเกมมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยอเมริกัน
    เฉลี่ย 142,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

    ผู้หญิงในอุตสาหกรรมเกมมีเพียง 25% ของแรงงานทั้งหมด
    แม้บริษัทพยายามเพิ่มจำนวน แต่ยังต่ำมาก

    ความเสี่ยงจากวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่และการเลือกปฏิบัติ
    บริษัทใหญ่หลายแห่งเคยถูกกล่าวหาว่าสร้างสภาพแวดล้อมไม่ปลอดภัย

    การเลิกจ้างจำนวนมากในปีที่ผ่านมา
    อาจทำให้แรงงานหญิงและ non-binary เสี่ยงตกงานมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/women-in-games-industry-paid-24-less-than-men-survey-shows
    🙍‍♀️ ผู้หญิงในอุตสาหกรรมเกมยังคงเผชิญช่องว่างค่าจ้างเฉลี่ย 24% เมื่อเทียบกับผู้ชาย รายงานระบุว่า ผู้หญิงและบุคคล non-binary ในบริษัทเกมสหรัฐฯ ได้รับค่าจ้างเฉลี่ยน้อยกว่าผู้ชายถึง 24% ซึ่งสูงกว่าช่องว่างค่าจ้างโดยรวมในสหรัฐฯ ที่อยู่ราว 15% ข้อมูลจากการสำรวจคนทำงานเกม 562 คนในเดือนกรกฎาคมเผยว่า สองในสามของผู้ชายที่มีประสบการณ์ 6 ปีขึ้นไปได้รับเงินเดือนมากกว่า 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่มีเพียง 38% ของผู้หญิงและ non-binary ที่ได้ระดับเดียวกัน 📊 ความรู้สึกและการรับรู้ของแรงงาน กว่า 60% ของผู้หญิงและ non-binary เชื่อว่าตนเองถูกจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าที่ควร ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจริงที่พบในรายงาน แม้ว่าโดยรวมแล้วคนทำงานเกมมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยชาวอเมริกัน (142,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี) แต่ความเหลื่อมล้ำทางเพศยังคงชัดเจนและต่อเนื่องthestar.com.my ⚖️ ปัญหาความเท่าเทียมและวัฒนธรรมองค์กร อุตสาหกรรมเกมถูกวิจารณ์มานานเรื่อง วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่และการเลือกปฏิบัติทางเพศ บริษัทใหญ่เช่น Riot Games, Ubisoft และ Activision Blizzard เคยถูกกล่าวหาว่าสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้หญิง และบางแห่งต้องจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานที่ถูกละเมิด แม้หลายบริษัทพยายามเพิ่มจำนวนผู้หญิงในทีม แต่ปัจจุบันยังมีเพียง 25% ของแรงงานในอุตสาหกรรมเกมที่เป็นผู้หญิง 🔮 แนวโน้มและความท้าทาย แม้รายได้เฉลี่ยของคนทำงานเกมจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากปี 2024 แต่การเลิกจ้างจำนวนมากในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมยังอยู่ในภาวะหดตัว การแก้ไขช่องว่างค่าจ้างและสร้างวัฒนธรรมที่เท่าเทียมจึงเป็นความท้าทายสำคัญ หากไม่ปรับปรุง อุตสาหกรรมอาจสูญเสียแรงงานที่มีศักยภาพและความหลากหลายทางความคิด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผู้หญิงและ non-binary ได้ค่าจ้างเฉลี่ยน้อยกว่าผู้ชาย 24% ➡️ ช่องว่างนี้กว้างกว่าค่าเฉลี่ยสหรัฐฯ ที่ 15% ✅ ผู้ชาย 2/3 ได้เงินเดือน ≥125,000 ดอลลาร์สหรัฐ ➡️ แต่ผู้หญิงและ non-binary มีเพียง 38% เท่านั้น ✅ แรงงานเกมมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยอเมริกัน ➡️ เฉลี่ย 142,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ✅ ผู้หญิงในอุตสาหกรรมเกมมีเพียง 25% ของแรงงานทั้งหมด ➡️ แม้บริษัทพยายามเพิ่มจำนวน แต่ยังต่ำมาก ‼️ ความเสี่ยงจากวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่และการเลือกปฏิบัติ ⛔ บริษัทใหญ่หลายแห่งเคยถูกกล่าวหาว่าสร้างสภาพแวดล้อมไม่ปลอดภัย ‼️ การเลิกจ้างจำนวนมากในปีที่ผ่านมา ⛔ อาจทำให้แรงงานหญิงและ non-binary เสี่ยงตกงานมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/18/women-in-games-industry-paid-24-less-than-men-survey-shows
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Women in games industry paid 24% less than men, survey shows
    Women working in the video-game industry earn 24% less than their male colleagues on average, according to a new survey – a wider gap than in the US at large that suggests the sector is still struggling to shed its male-dominated culture.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts