• เรื่องเล่าจากข่าว: ช่องโหว่ Google ที่ถูกใช้ลบข่าวไม่พึงประสงค์แบบแนบเนียน

    นักข่าวอิสระ Jack Poulson พบว่าบทความของเขาเกี่ยวกับการจับกุม CEO ชื่อ Delwin Maurice Blackman ในปี 2021 ได้หายไปจากผลการค้นหาของ Google แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงเป๊ะก็ไม่เจอ

    หลังจากตรวจสอบร่วมกับ Freedom of the Press Foundation (FPF) พบว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เครื่องมือ “Refresh Outdated Content” ของ Google เพื่อส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนจะล้าสมัย โดยใช้เทคนิคเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่บางตัว เช่น “anatomy” เป็น “AnAtomy” ทำให้ Google เข้าใจผิดว่า URL นั้นเสีย (404) และลบ URL จริงที่ยังใช้งานได้ออกจากดัชนีการค้นหาไปด้วย

    Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่ามีเว็บไซต์ใดได้รับผลกระทบบ้าง และไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอเหล่านั้น

    นักข่าว Jack Poulson พบว่าบทความของเขาหายไปจาก Google Search โดยไม่ทราบสาเหตุ
    แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงก็ไม่พบในผลการค้นหา
    บทความเกี่ยวข้องกับการจับกุม CEO Premise Data ในคดีความรุนแรงในครอบครัว

    Freedom of the Press Foundation ตรวจสอบและพบช่องโหว่ในเครื่องมือ Refresh Outdated Content ของ Google
    ผู้ใช้สามารถส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนล้าสมัยได้ แม้จะไม่ใช่เจ้าของเว็บไซต์
    การเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทำให้ Google เข้าใจผิดว่าเป็นลิงก์เสีย

    Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้วในเดือนมิถุนายน 2025
    ระบุว่า “มีผลกระทบต่อเว็บไซต์เพียงส่วนน้อย”
    ไม่เปิดเผยจำนวนคำขอที่ถูกใช้ในทางมิชอบ

    บทความของ FPF ที่รายงานเรื่องนี้ก็ถูกลบจาก Google Search ด้วยวิธีเดียวกัน
    มีการส่งคำขอซ้ำหลายครั้งโดยเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทีละตัว
    กลายเป็น “เกมตีตัวตุ่น” ที่ต้องคอยส่งบทความกลับเข้าไปใหม่ตลอด

    ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้โดยบริษัทจัดการชื่อเสียงหรือบุคคลมีอิทธิพลเพื่อเซ็นเซอร์ข้อมูล
    ไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอ
    เป็นการเซ็นเซอร์แบบเงียบที่ไม่ต้องลบเนื้อหาจริงจากเว็บไซต์

    https://www.techspot.com/news/108880-google-search-flaw-allows-articles-vanish-through-clever.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: ช่องโหว่ Google ที่ถูกใช้ลบข่าวไม่พึงประสงค์แบบแนบเนียน นักข่าวอิสระ Jack Poulson พบว่าบทความของเขาเกี่ยวกับการจับกุม CEO ชื่อ Delwin Maurice Blackman ในปี 2021 ได้หายไปจากผลการค้นหาของ Google แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงเป๊ะก็ไม่เจอ หลังจากตรวจสอบร่วมกับ Freedom of the Press Foundation (FPF) พบว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เครื่องมือ “Refresh Outdated Content” ของ Google เพื่อส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนจะล้าสมัย โดยใช้เทคนิคเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่บางตัว เช่น “anatomy” เป็น “AnAtomy” ทำให้ Google เข้าใจผิดว่า URL นั้นเสีย (404) และลบ URL จริงที่ยังใช้งานได้ออกจากดัชนีการค้นหาไปด้วย Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่ามีเว็บไซต์ใดได้รับผลกระทบบ้าง และไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอเหล่านั้น ✅ นักข่าว Jack Poulson พบว่าบทความของเขาหายไปจาก Google Search โดยไม่ทราบสาเหตุ ➡️ แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงก็ไม่พบในผลการค้นหา ➡️ บทความเกี่ยวข้องกับการจับกุม CEO Premise Data ในคดีความรุนแรงในครอบครัว ✅ Freedom of the Press Foundation ตรวจสอบและพบช่องโหว่ในเครื่องมือ Refresh Outdated Content ของ Google ➡️ ผู้ใช้สามารถส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนล้าสมัยได้ แม้จะไม่ใช่เจ้าของเว็บไซต์ ➡️ การเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทำให้ Google เข้าใจผิดว่าเป็นลิงก์เสีย ✅ Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้วในเดือนมิถุนายน 2025 ➡️ ระบุว่า “มีผลกระทบต่อเว็บไซต์เพียงส่วนน้อย” ➡️ ไม่เปิดเผยจำนวนคำขอที่ถูกใช้ในทางมิชอบ ✅ บทความของ FPF ที่รายงานเรื่องนี้ก็ถูกลบจาก Google Search ด้วยวิธีเดียวกัน ➡️ มีการส่งคำขอซ้ำหลายครั้งโดยเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทีละตัว ➡️ กลายเป็น “เกมตีตัวตุ่น” ที่ต้องคอยส่งบทความกลับเข้าไปใหม่ตลอด ✅ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้โดยบริษัทจัดการชื่อเสียงหรือบุคคลมีอิทธิพลเพื่อเซ็นเซอร์ข้อมูล ➡️ ไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอ ➡️ เป็นการเซ็นเซอร์แบบเงียบที่ไม่ต้องลบเนื้อหาจริงจากเว็บไซต์ https://www.techspot.com/news/108880-google-search-flaw-allows-articles-vanish-through-clever.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google search flaw allows articles to vanish through "clever" censorship tactics
    Someone successfully censored a pair of uncomfortable articles that were previously accessible through Google Search. The unknown party exploited a clever trick along with a bug in...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 1 :

    กำเนิดจิ๊กโก๋

    เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ

    แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม

    เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น

    ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี

    แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง

    ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม

    ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย

    เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห

    ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ

    จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ

    แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค

    ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน

    จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย

    งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย

    และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก

    “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ”

    จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้

    ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น

    สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน

    แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่

    สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย!

    หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947)

    อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย

    เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!)

    เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด

    Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้

    เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง

    สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี

    ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู

    พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112

    นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น

    นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้

    อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน

    ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม

    อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ …

    ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป

    รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร

    ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม

    สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว)

    ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ

    ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555

    ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ

    อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ

    ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว

    อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

    แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร

    …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา

    ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม

    ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม

    ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา

    ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ)

    รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ

    แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม

    ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย

    คนเล่านิทาน
    ตอน 1 : กำเนิดจิ๊กโก๋ เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ” จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย! หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!) เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112 นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ … ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว) ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555 ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ) รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากชิปเล็กจิ๋ว: เมื่อแสงควอนตัมถูกผลิตบนซิลิคอนแบบเดียวกับ CPU

    ชิปนี้ใช้โครงสร้างที่เรียกว่า microring resonators จำนวน 12 วง ซึ่งทำหน้าที่ผลิตคู่โฟตอนที่มีคุณสมบัติควอนตัม — โดยปกติการผลิตโฟตอนแบบนี้ต้องใช้ห้องแล็บที่ซับซ้อน แต่ทีมวิจัยสามารถทำให้เกิดขึ้นบนชิปขนาดเท่าเล็บนิ้ว

    ความท้าทายคือ microring resonators มีความไวต่ออุณหภูมิและความคลาดเคลื่อนในการผลิต — หากไม่ปรับจูนอย่างแม่นยำจะไม่สามารถผลิตโฟตอนได้ ทีมจึงสร้างระบบ feedback บนชิป:
    - มี photodiode ตรวจสอบการทำงานของแต่ละ resonator
    - มี heater และวงจรควบคุมปรับจูนอัตโนมัติ
    - ทำให้ทั้ง 12 วงทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอก

    ชิปนี้ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี CMOS 45nm ซึ่งแม้จะไม่ใช่ระดับ cutting-edge แต่มีความเสถียรและสามารถผลิตจำนวนมากได้ในโรงงานทั่วไป เช่นของ GlobalFoundries และ Ayar Labs

    Nvidia CEO ยังเคยกล่าวว่า microring resonators คือ “หัวใจของการเชื่อมต่อแบบ optical สำหรับ AI” — และงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า photonics เดียวกันสามารถใช้กับควอนตัมได้เช่นกัน

    นักวิจัยสร้าง “โรงงานแสงควอนตัม” บนชิปขนาด 1 มม² โดยใช้ CMOS 45nm
    เป็นการรวม photonics, electronics และ quantum optics บนแพลตฟอร์มเดียว

    ใช้ microring resonators 12 วงเพื่อผลิตคู่โฟตอนที่มีคุณสมบัติควอนตัม
    โดยปกติการผลิตโฟตอนต้องใช้ห้องแล็บที่ซับซ้อน

    มีระบบ feedback บนชิปเพื่อปรับจูน resonator แบบเรียลไทม์
    ใช้ photodiode, heater และวงจรควบคุมเพื่อให้ทำงานเสถียร

    ผลิตด้วยเทคโนโลยี CMOS 45nm ที่ใช้ใน CPU และ GPU ทั่วไป
    ทำให้สามารถผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมได้ ไม่ต้องใช้เทคนิคเฉพาะทาง

    ชิปนี้ถูกพัฒนาร่วมกับ GlobalFoundries และ Ayar Labs
    บริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน optical interconnects สำหรับ AI และ HPC

    Nvidia เคยกล่าวว่า microring resonators คือกุญแจสำคัญของการเชื่อมต่อ AI แบบ optical
    งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า photonics เดียวกันสามารถใช้กับควอนตัมได้เช่นกัน

    นักวิจัยบางคนในทีมได้เข้าร่วมบริษัทเชิงพาณิชย์ เช่น PsiQuantum, Ayar Labs และ Google X
    แสดงถึงการเปลี่ยนผ่านจากงานวิจัยสู่ผลิตภัณฑ์จริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/researchers-pack-a-quantum-light-factory-into-a-1mm-square-chip-combines-photonics-electronics-and-quantum-hardware-with-traditional-silicon-manufacturing
    🎙️ เรื่องเล่าจากชิปเล็กจิ๋ว: เมื่อแสงควอนตัมถูกผลิตบนซิลิคอนแบบเดียวกับ CPU ชิปนี้ใช้โครงสร้างที่เรียกว่า microring resonators จำนวน 12 วง ซึ่งทำหน้าที่ผลิตคู่โฟตอนที่มีคุณสมบัติควอนตัม — โดยปกติการผลิตโฟตอนแบบนี้ต้องใช้ห้องแล็บที่ซับซ้อน แต่ทีมวิจัยสามารถทำให้เกิดขึ้นบนชิปขนาดเท่าเล็บนิ้ว ความท้าทายคือ microring resonators มีความไวต่ออุณหภูมิและความคลาดเคลื่อนในการผลิต — หากไม่ปรับจูนอย่างแม่นยำจะไม่สามารถผลิตโฟตอนได้ ทีมจึงสร้างระบบ feedback บนชิป: - มี photodiode ตรวจสอบการทำงานของแต่ละ resonator - มี heater และวงจรควบคุมปรับจูนอัตโนมัติ - ทำให้ทั้ง 12 วงทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอก ชิปนี้ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี CMOS 45nm ซึ่งแม้จะไม่ใช่ระดับ cutting-edge แต่มีความเสถียรและสามารถผลิตจำนวนมากได้ในโรงงานทั่วไป เช่นของ GlobalFoundries และ Ayar Labs Nvidia CEO ยังเคยกล่าวว่า microring resonators คือ “หัวใจของการเชื่อมต่อแบบ optical สำหรับ AI” — และงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า photonics เดียวกันสามารถใช้กับควอนตัมได้เช่นกัน ✅ นักวิจัยสร้าง “โรงงานแสงควอนตัม” บนชิปขนาด 1 มม² โดยใช้ CMOS 45nm ➡️ เป็นการรวม photonics, electronics และ quantum optics บนแพลตฟอร์มเดียว ✅ ใช้ microring resonators 12 วงเพื่อผลิตคู่โฟตอนที่มีคุณสมบัติควอนตัม ➡️ โดยปกติการผลิตโฟตอนต้องใช้ห้องแล็บที่ซับซ้อน ✅ มีระบบ feedback บนชิปเพื่อปรับจูน resonator แบบเรียลไทม์ ➡️ ใช้ photodiode, heater และวงจรควบคุมเพื่อให้ทำงานเสถียร ✅ ผลิตด้วยเทคโนโลยี CMOS 45nm ที่ใช้ใน CPU และ GPU ทั่วไป ➡️ ทำให้สามารถผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมได้ ไม่ต้องใช้เทคนิคเฉพาะทาง ✅ ชิปนี้ถูกพัฒนาร่วมกับ GlobalFoundries และ Ayar Labs ➡️ บริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน optical interconnects สำหรับ AI และ HPC ✅ Nvidia เคยกล่าวว่า microring resonators คือกุญแจสำคัญของการเชื่อมต่อ AI แบบ optical ➡️ งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า photonics เดียวกันสามารถใช้กับควอนตัมได้เช่นกัน ✅ นักวิจัยบางคนในทีมได้เข้าร่วมบริษัทเชิงพาณิชย์ เช่น PsiQuantum, Ayar Labs และ Google X ➡️ แสดงถึงการเปลี่ยนผ่านจากงานวิจัยสู่ผลิตภัณฑ์จริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/researchers-pack-a-quantum-light-factory-into-a-1mm-square-chip-combines-photonics-electronics-and-quantum-hardware-with-traditional-silicon-manufacturing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสนามโอลิมปิกคณิตศาสตร์: เมื่อ AI ได้เหรียญทองในสนามมนุษย์

    IMO เป็นการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับโลกที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1959 โดยแต่ละประเทศส่งนักเรียนมัธยมปลาย 6 คนมาแข่งขันกันในโจทย์ที่ยากมากในสาขา:
    - พีชคณิต (Algebra)
    - ทฤษฎีจำนวน (Number Theory)
    - เรขาคณิต (Geometry)
    - คอมบิเนอริกส์ (Combinatorics)

    ปีนี้ Google DeepMind ส่งโมเดล Gemini Deep Think เข้าร่วมในฐานะ AI system ที่ถูกประเมินโดยกรรมการ IMO จริง — และสามารถแก้โจทย์ได้ 5 จาก 6 ข้ออย่างถูกต้อง ได้คะแนนรวม 35 จาก 42 คะแนน ซึ่งเทียบเท่ากับระดับเหรียญทองของมนุษย์

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ:
    - ปีที่แล้ว AlphaGeometry + AlphaProof ทำได้แค่ระดับเหรียญเงิน (28 คะแนน)
    - ต้องใช้การแปลโจทย์เป็นภาษาสัญลักษณ์ (เช่น Lean) และใช้เวลาคำนวณ 2–3 วัน
    - ปีนี้ Gemini Deep Think ทำงานแบบ end-to-end ด้วยภาษาอังกฤษธรรมดา
    - ใช้เวลาเท่ากับการแข่งขันจริง (4.5 ชั่วโมง) และให้คำตอบที่ตรวจสอบได้

    เบื้องหลังความสำเร็จคือการใช้เทคนิคใหม่ เช่น:
    - Parallel Thinking: คิดหลายแนวทางพร้อมกันก่อนเลือกคำตอบ
    - Reinforcement Learning: ฝึกจากข้อมูลการแก้โจทย์หลายขั้นตอน
    - Corpus คุณภาพสูง: รวมคำแนะนำและตัวอย่างการแก้โจทย์ IMO

    Gemini Deep Think ทำคะแนน 35/42 ใน IMO 2025 เทียบเท่าระดับเหรียญทอง
    แก้โจทย์ 5 จาก 6 ข้อได้อย่างถูกต้องภายในเวลาแข่งขันจริง

    เป็นครั้งแรกที่ AI ได้รับการประเมินโดยกรรมการ IMO อย่างเป็นทางการ
    ใช้เกณฑ์เดียวกับนักเรียนมนุษย์ในการตรวจคำตอบ

    ปีที่แล้ว AlphaGeometry + AlphaProof ได้แค่ระดับเหรียญเงิน
    ต้องใช้การแปลโจทย์และคำนวณหลายวัน ไม่ใช่แบบ end-to-end

    Gemini Deep Think ทำงานแบบ natural language ทั้งหมด
    ไม่ต้องแปลเป็นภาษาสัญลักษณ์ และให้คำตอบที่ตรวจสอบได้ทันที

    ใช้เทคนิค Parallel Thinking เพื่อคิดหลายแนวทางพร้อมกัน
    เพิ่มความสามารถในการเลือกวิธีแก้ที่ดีที่สุด

    ฝึกด้วย reinforcement learning บนข้อมูลการพิสูจน์และแก้โจทย์หลายขั้นตอน
    ทำให้เข้าใจตรรกะเชิงลึกและการให้เหตุผลแบบมนุษย์

    จะเปิดให้กลุ่มนักคณิตศาสตร์ทดลองใช้ก่อนปล่อยสู่ผู้ใช้ Google AI Ultra
    เพื่อรับฟีดแบ็กและปรับปรุงก่อนใช้งานจริง

    การตรวจคำตอบของ IMO ไม่ได้ประเมินระบบหรือโมเดลเบื้องหลัง
    หมายความว่าแม้คำตอบจะถูก แต่ยังไม่รับรองความน่าเชื่อถือของกระบวนการทั้งหมด

    การใช้ AI ในการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ยังต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์
    เพราะบางคำตอบอาจดูถูกต้องแต่ขาดตรรกะหรือหลักฐานที่ชัดเจน

    การฝึกด้วย corpus เฉพาะทางอาจทำให้โมเดลเก่งเฉพาะโจทย์ IMO
    ไม่สามารถสรุปว่า AI เข้าใจคณิตศาสตร์ทั่วไปหรือสามารถสอนคนได้จริง

    การใช้ AI ในการแก้โจทย์อาจทำให้เกิดการพึ่งพาโดยไม่เข้าใจพื้นฐาน
    ต้องมีการออกแบบให้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ตัวแทนความเข้าใจ

    https://deepmind.google/discover/blog/advanced-version-of-gemini-with-deep-think-officially-achieves-gold-medal-standard-at-the-international-mathematical-olympiad/
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามโอลิมปิกคณิตศาสตร์: เมื่อ AI ได้เหรียญทองในสนามมนุษย์ IMO เป็นการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับโลกที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1959 โดยแต่ละประเทศส่งนักเรียนมัธยมปลาย 6 คนมาแข่งขันกันในโจทย์ที่ยากมากในสาขา: - พีชคณิต (Algebra) - ทฤษฎีจำนวน (Number Theory) - เรขาคณิต (Geometry) - คอมบิเนอริกส์ (Combinatorics) ปีนี้ Google DeepMind ส่งโมเดล Gemini Deep Think เข้าร่วมในฐานะ AI system ที่ถูกประเมินโดยกรรมการ IMO จริง — และสามารถแก้โจทย์ได้ 5 จาก 6 ข้ออย่างถูกต้อง ได้คะแนนรวม 35 จาก 42 คะแนน ซึ่งเทียบเท่ากับระดับเหรียญทองของมนุษย์ สิ่งที่น่าทึ่งคือ: - ปีที่แล้ว AlphaGeometry + AlphaProof ทำได้แค่ระดับเหรียญเงิน (28 คะแนน) - ต้องใช้การแปลโจทย์เป็นภาษาสัญลักษณ์ (เช่น Lean) และใช้เวลาคำนวณ 2–3 วัน - ปีนี้ Gemini Deep Think ทำงานแบบ end-to-end ด้วยภาษาอังกฤษธรรมดา - ใช้เวลาเท่ากับการแข่งขันจริง (4.5 ชั่วโมง) และให้คำตอบที่ตรวจสอบได้ เบื้องหลังความสำเร็จคือการใช้เทคนิคใหม่ เช่น: - Parallel Thinking: คิดหลายแนวทางพร้อมกันก่อนเลือกคำตอบ - Reinforcement Learning: ฝึกจากข้อมูลการแก้โจทย์หลายขั้นตอน - Corpus คุณภาพสูง: รวมคำแนะนำและตัวอย่างการแก้โจทย์ IMO ✅ Gemini Deep Think ทำคะแนน 35/42 ใน IMO 2025 เทียบเท่าระดับเหรียญทอง ➡️ แก้โจทย์ 5 จาก 6 ข้อได้อย่างถูกต้องภายในเวลาแข่งขันจริง ✅ เป็นครั้งแรกที่ AI ได้รับการประเมินโดยกรรมการ IMO อย่างเป็นทางการ ➡️ ใช้เกณฑ์เดียวกับนักเรียนมนุษย์ในการตรวจคำตอบ ✅ ปีที่แล้ว AlphaGeometry + AlphaProof ได้แค่ระดับเหรียญเงิน ➡️ ต้องใช้การแปลโจทย์และคำนวณหลายวัน ไม่ใช่แบบ end-to-end ✅ Gemini Deep Think ทำงานแบบ natural language ทั้งหมด ➡️ ไม่ต้องแปลเป็นภาษาสัญลักษณ์ และให้คำตอบที่ตรวจสอบได้ทันที ✅ ใช้เทคนิค Parallel Thinking เพื่อคิดหลายแนวทางพร้อมกัน ➡️ เพิ่มความสามารถในการเลือกวิธีแก้ที่ดีที่สุด ✅ ฝึกด้วย reinforcement learning บนข้อมูลการพิสูจน์และแก้โจทย์หลายขั้นตอน ➡️ ทำให้เข้าใจตรรกะเชิงลึกและการให้เหตุผลแบบมนุษย์ ✅ จะเปิดให้กลุ่มนักคณิตศาสตร์ทดลองใช้ก่อนปล่อยสู่ผู้ใช้ Google AI Ultra ➡️ เพื่อรับฟีดแบ็กและปรับปรุงก่อนใช้งานจริง ‼️ การตรวจคำตอบของ IMO ไม่ได้ประเมินระบบหรือโมเดลเบื้องหลัง ⛔ หมายความว่าแม้คำตอบจะถูก แต่ยังไม่รับรองความน่าเชื่อถือของกระบวนการทั้งหมด ‼️ การใช้ AI ในการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ยังต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์ ⛔ เพราะบางคำตอบอาจดูถูกต้องแต่ขาดตรรกะหรือหลักฐานที่ชัดเจน ‼️ การฝึกด้วย corpus เฉพาะทางอาจทำให้โมเดลเก่งเฉพาะโจทย์ IMO ⛔ ไม่สามารถสรุปว่า AI เข้าใจคณิตศาสตร์ทั่วไปหรือสามารถสอนคนได้จริง ‼️ การใช้ AI ในการแก้โจทย์อาจทำให้เกิดการพึ่งพาโดยไม่เข้าใจพื้นฐาน ⛔ ต้องมีการออกแบบให้ AI เป็นผู้ช่วย ไม่ใช่ตัวแทนความเข้าใจ https://deepmind.google/discover/blog/advanced-version-of-gemini-with-deep-think-officially-achieves-gold-medal-standard-at-the-international-mathematical-olympiad/
    DEEPMIND.GOOGLE
    Advanced version of Gemini with Deep Think officially achieves gold-medal standard at the International Mathematical Olympiad
    Our advanced model officially achieved a gold-medal level performance on problems from the International Mathematical Olympiad (IMO), the world’s most prestigious competition for young...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากมัลแวร์ยุค AI: เมื่อ Fancy Bear ยืมสมอง LLM มาเจาะระบบ

    การโจมตีเริ่มจาก อีเมลฟิชชิ่งแบบเฉพาะเจาะจง (spear phishing) ส่งจากบัญชีที่ถูกยึด พร้อมแนบไฟล์ ZIP ที่มีมัลแวร์นามสกุล .pif, .exe หรือ .py โดยปลอมตัวเป็น “ตัวแทนจากกระทรวงยูเครน” เพื่อหลอกให้เปิดไฟล์

    เมื่อมัลแวร์ทำงาน มันจะ:

    1️⃣ รันในเครื่องด้วยสิทธิ์ผู้ใช้

    2️⃣ เรียก API ของ Hugging Face ไปยัง LLM ชื่อ Qwen 2.5-Coder-32B-Instruct

    3️⃣ สั่งโมเดลให้ "แกล้งทำเป็นแอดมิน Windows" แล้วเขียนคำสั่งเช่น:
    - สร้างโฟลเดอร์ใหม่
    - เก็บข้อมูลระบบ, network, Active Directory
    - คัดลอกไฟล์ .txt และ .pdf จาก Desktop, Downloads, Documents ไปยัง staging folder ที่กำหนด

    4️⃣ เขียนผลลัพธ์ลงไฟล์ .txt เพื่อส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2)

    มัลแวร์นี้ถูกแพ็กจาก Python ด้วย PyInstaller และแจกจ่ายในหลายรูปแบบชื่อ เช่น:
    - Appendix.pif
    - AI_generator_uncensored_Canvas_PRO_v0.9.exe
    - AI_image_generator_v0.95.exe
    - image.py

    CERT-UA (ศูนย์ความปลอดภัยไซเบอร์ของยูเครน) ตั้งชื่อว่า LAMEHUG และระบุว่าเป็นผลงานของกลุ่ม UAC-0001 ซึ่งคือตัวเดียวกับ APT28 — หน่วยที่เคยโจมตี NATO, สหรัฐฯ และโครงสร้างพื้นฐานยูเครนมานานหลายปี

    APT28 (Fancy Bear) พัฒนามัลแวร์ LAMEHUG ที่ฝังการเรียกใช้ LLM ผ่าน API
    ใช้โมเดล Qwen ผ่าน Hugging Face เพื่อสร้างคำสั่ง PowerShell

    เป้าหมายคือระบบของรัฐบาลยูเครน ผ่านการโจมตีแบบ spear phishing
    ปลอมชื่อผู้ส่ง และแนบไฟล์มัลแวร์ที่ดูเหมือนโปรแกรม AI หรือรูปภาพ

    LAMEHUG ดึงข้อมูลระบบ, AD domain, และไฟล์เอกสารผู้ใช้
    ส่งออกไปยัง staging folder เพื่อเตรียมส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม

    ใช้เทคนิคใหม่ในการเปลี่ยนคำสั่งไปเรื่อย ๆ โดยใช้ AI เขียนแบบต่างกัน
    หวังหลบการตรวจจับด้วย signature-based scanning

    มัลแวร์แพร่หลายผ่านไฟล์ .exe และ .pif ที่ใช้ชื่อหลอกให้เชื่อว่าเป็นเครื่องมือภาพหรือเอกสาร
    มีหลากหลายเวอร์ชันพร้อมระบบขโมยข้อมูลแบบแตกต่างกัน

    เซิร์ฟเวอร์ C2 ถูกซ่อนไว้ในโครงสร้างพื้นฐานที่ดูถูกต้อง เช่นเว็บไซต์จริงที่ถูกแฮก
    ทำให้การติดตามและบล็อกยากขึ้นมาก

    นักวิจัยคาดว่าเทคนิคนี้อาจถูกใช้กับเป้าหมายในตะวันตกในอนาคต
    เพราะ APT28 เคยโจมตี NATO, สหรัฐ และ EU มาก่อน

    https://www.csoonline.com/article/4025139/novel-malware-from-russias-apt28-prompts-llms-to-create-malicious-windows-commands.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากมัลแวร์ยุค AI: เมื่อ Fancy Bear ยืมสมอง LLM มาเจาะระบบ การโจมตีเริ่มจาก อีเมลฟิชชิ่งแบบเฉพาะเจาะจง (spear phishing) ส่งจากบัญชีที่ถูกยึด พร้อมแนบไฟล์ ZIP ที่มีมัลแวร์นามสกุล .pif, .exe หรือ .py โดยปลอมตัวเป็น “ตัวแทนจากกระทรวงยูเครน” เพื่อหลอกให้เปิดไฟล์ เมื่อมัลแวร์ทำงาน มันจะ: 1️⃣ รันในเครื่องด้วยสิทธิ์ผู้ใช้ 2️⃣ เรียก API ของ Hugging Face ไปยัง LLM ชื่อ Qwen 2.5-Coder-32B-Instruct 3️⃣ สั่งโมเดลให้ "แกล้งทำเป็นแอดมิน Windows" แล้วเขียนคำสั่งเช่น: - สร้างโฟลเดอร์ใหม่ - เก็บข้อมูลระบบ, network, Active Directory - คัดลอกไฟล์ .txt และ .pdf จาก Desktop, Downloads, Documents ไปยัง staging folder ที่กำหนด 4️⃣ เขียนผลลัพธ์ลงไฟล์ .txt เพื่อส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) มัลแวร์นี้ถูกแพ็กจาก Python ด้วย PyInstaller และแจกจ่ายในหลายรูปแบบชื่อ เช่น: - Appendix.pif - AI_generator_uncensored_Canvas_PRO_v0.9.exe - AI_image_generator_v0.95.exe - image.py CERT-UA (ศูนย์ความปลอดภัยไซเบอร์ของยูเครน) ตั้งชื่อว่า LAMEHUG และระบุว่าเป็นผลงานของกลุ่ม UAC-0001 ซึ่งคือตัวเดียวกับ APT28 — หน่วยที่เคยโจมตี NATO, สหรัฐฯ และโครงสร้างพื้นฐานยูเครนมานานหลายปี ✅ APT28 (Fancy Bear) พัฒนามัลแวร์ LAMEHUG ที่ฝังการเรียกใช้ LLM ผ่าน API ➡️ ใช้โมเดล Qwen ผ่าน Hugging Face เพื่อสร้างคำสั่ง PowerShell ✅ เป้าหมายคือระบบของรัฐบาลยูเครน ผ่านการโจมตีแบบ spear phishing ➡️ ปลอมชื่อผู้ส่ง และแนบไฟล์มัลแวร์ที่ดูเหมือนโปรแกรม AI หรือรูปภาพ ✅ LAMEHUG ดึงข้อมูลระบบ, AD domain, และไฟล์เอกสารผู้ใช้ ➡️ ส่งออกไปยัง staging folder เพื่อเตรียมส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม ✅ ใช้เทคนิคใหม่ในการเปลี่ยนคำสั่งไปเรื่อย ๆ โดยใช้ AI เขียนแบบต่างกัน ➡️ หวังหลบการตรวจจับด้วย signature-based scanning ✅ มัลแวร์แพร่หลายผ่านไฟล์ .exe และ .pif ที่ใช้ชื่อหลอกให้เชื่อว่าเป็นเครื่องมือภาพหรือเอกสาร ➡️ มีหลากหลายเวอร์ชันพร้อมระบบขโมยข้อมูลแบบแตกต่างกัน ✅ เซิร์ฟเวอร์ C2 ถูกซ่อนไว้ในโครงสร้างพื้นฐานที่ดูถูกต้อง เช่นเว็บไซต์จริงที่ถูกแฮก ➡️ ทำให้การติดตามและบล็อกยากขึ้นมาก ✅ นักวิจัยคาดว่าเทคนิคนี้อาจถูกใช้กับเป้าหมายในตะวันตกในอนาคต ➡️ เพราะ APT28 เคยโจมตี NATO, สหรัฐ และ EU มาก่อน https://www.csoonline.com/article/4025139/novel-malware-from-russias-apt28-prompts-llms-to-create-malicious-windows-commands.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Novel malware from Russia’s APT28 prompts LLMs to create malicious Windows commands
    Recent attacks by the state-run cyberespionage group against Ukrainian government targets included malware capable of querying LLMs to generate Windows shell commands as part of its attack chain.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวดี⭐️⭐️
    HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ

    วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568—
    วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO-
    “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว

    “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป”
    รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“
    คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว

    “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก
    เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)”
    วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว

    “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว

    “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว

    “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว

    การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ

    HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations

    WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable.
    https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html
    July 18, 2025
    ☘️🌿 ข่าวดี⭐️⭐️ HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568— วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO- “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป” รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“ คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)” วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable. https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html July 18, 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้

    ### มุมมองของจีนต่อไทย:
    1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค**
    - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC)
    - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023)

    2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง**
    - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
    - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน

    3. **มิติทางวัฒนธรรม**
    - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด)

    ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย:
    1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม**
    - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold
    - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557

    2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์**
    - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง
    - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership

    3. **ประเด็นค่านิยม**
    - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
    - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต

    ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ:
    - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต
    - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด
    - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

    ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย:
    ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย:
    1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ
    2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน
    3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง

    ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้ ### มุมมองของจีนต่อไทย: 1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค** - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC) - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023) 2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง** - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน 3. **มิติทางวัฒนธรรม** - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด) ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย: 1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม** - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557 2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์** - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership 3. **ประเด็นค่านิยม** - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ: - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย: ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย: 1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ 2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน 3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สอพลอขั้นสุด"

    มาร์ก รุตเต้ (Mark Rutte) เลขาธิการนาโต (NATO) ย้ำเตือนไปถึงบราซิล อินเดีย และจีน หากยังคงทำธุรกิจร่วมกับรัสเซีย จะถูกสหรัฐใช้มาตรการรีดภาษีในอัตราสูงถึง 100%

    “ผมอยากบอกถึงทั้ง 3 ประเทศ ปักกิ่ง นิวเดลี หรือเป็นประธานาธิบดีของบราซิล คุณควรต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นพวกคุณจะได้รับผลกระทบที่หนักมาก”

    “โทรหา วลาดิมีร์ ปูติน ซะ! และบอกเขาให้จริงจังกับการเจรจาสันติภาพ ไม่เช่นนั้นพวกคุณจะโดนภาษีเหล่านี้เล่นงานอย่างหนักหน่วง”

    รุตเต้ กล่าวย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ทรัมป์ประกาศจัดส่งอาวุธล็อตใหม่ให้ยูเครน พร้อมขู่จะเก็บภาษีนำเข้า 100% กับประเทศใดก็ตามที่ยังซื้อสินค้าจากรัสเซีย หากรัสเซียไม่ยอมลงนามในข้อตกลงยุติสงครามภายใน 50 วัน
    "สอพลอขั้นสุด" มาร์ก รุตเต้ (Mark Rutte) เลขาธิการนาโต (NATO) ย้ำเตือนไปถึงบราซิล อินเดีย และจีน หากยังคงทำธุรกิจร่วมกับรัสเซีย จะถูกสหรัฐใช้มาตรการรีดภาษีในอัตราสูงถึง 100% “ผมอยากบอกถึงทั้ง 3 ประเทศ ปักกิ่ง นิวเดลี หรือเป็นประธานาธิบดีของบราซิล คุณควรต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นพวกคุณจะได้รับผลกระทบที่หนักมาก” “โทรหา วลาดิมีร์ ปูติน ซะ! และบอกเขาให้จริงจังกับการเจรจาสันติภาพ ไม่เช่นนั้นพวกคุณจะโดนภาษีเหล่านี้เล่นงานอย่างหนักหน่วง” รุตเต้ กล่าวย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ทรัมป์ประกาศจัดส่งอาวุธล็อตใหม่ให้ยูเครน พร้อมขู่จะเก็บภาษีนำเข้า 100% กับประเทศใดก็ตามที่ยังซื้อสินค้าจากรัสเซีย หากรัสเซียไม่ยอมลงนามในข้อตกลงยุติสงครามภายใน 50 วัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวรอบเกาะญี่ปุ่น + เกาหลีใต้ กับเรือสำราญสุดหรู Diamond Princess!

    เริ่มจาก โยโกฮาม่า → อาคิตะ → โทยามะ → ซึรุงะ → ซาไกมินาโตะ
    แวะเยือน ปูซาน (เกาหลีใต้) แล้วกลับมาเที่ยวต่อที่ นางาซากิ ก่อนวนจบที่โตเกียว

    เดินทาง: 25 ต.ค. – 3 พ.ย. 2568

    โปรใหญ่สุดคุ้ม!
    ราคาเต็ม 1,827 USD → เหลือเพียง 1,079 USD/ท่าน (≈ 35,607 บาท)
    พิเศษ! ท่านที่ 3 และ 4 ฟรีค่าเรือ (พักรวมกันต่อห้อง) จ่ายแค่ค่าภาษีท่าเรือ + ทิปพนักงาน
    จองภายใน 21 ก.ค. 2568 เท่านั้น!

    ห้องพักบนเรือ 10 คืน
    อาหารทุกมื้อบนเรือ (ห้องอาหารหลัก + บุฟเฟต์)
    เข้าร่วมกิจกรรม และชมการแสดงโชว์สุดพิเศษบนเรือ

    ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : PRIP-11D10N-YOK-YOK-2510081
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e22b30

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือDiamondPrincess #PrincessCruises #Japan #Busan #Korea #Nagasaki #Sakaiminato #เที่ยวญี่ปุ่น #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 เที่ยวรอบเกาะญี่ปุ่น + เกาหลีใต้ กับเรือสำราญสุดหรู Diamond Princess! 📍 เริ่มจาก โยโกฮาม่า → อาคิตะ → โทยามะ → ซึรุงะ → ซาไกมินาโตะ แวะเยือน ปูซาน (เกาหลีใต้) แล้วกลับมาเที่ยวต่อที่ นางาซากิ ก่อนวนจบที่โตเกียว 💬 เดินทาง: 25 ต.ค. – 3 พ.ย. 2568 🔥 โปรใหญ่สุดคุ้ม! 💸 ราคาเต็ม 1,827 USD → เหลือเพียง 1,079 USD/ท่าน (≈ 35,607 บาท) พิเศษ! ท่านที่ 3 และ 4 ฟรีค่าเรือ (พักรวมกันต่อห้อง) ✅ จ่ายแค่ค่าภาษีท่าเรือ + ทิปพนักงาน ⏰ จองภายใน 21 ก.ค. 2568 เท่านั้น! ✅ ห้องพักบนเรือ 10 คืน ✅ อาหารทุกมื้อบนเรือ (ห้องอาหารหลัก + บุฟเฟต์) ✅ เข้าร่วมกิจกรรม และชมการแสดงโชว์สุดพิเศษบนเรือ ⭕️ รหัสแพคเกจทัวร์ : PRIP-11D10N-YOK-YOK-2510081 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e22b30 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือDiamondPrincess #PrincessCruises #Japan #Busan #Korea #Nagasaki #Sakaiminato #เที่ยวญี่ปุ่น #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เริ่มปรากฏตัวตั้งแต่ปี 2022 โดยใช้วิธี SIM-swapping และ ransomware โจมตีบริษัทโทรคมนาคมและบันเทิง เช่น MGM Resorts และ Caesars Entertainment แต่ในปี 2025 พวกเขาขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมค้าปลีก (Marks & Spencer, Harrods) และสายการบิน (Hawaiian, Qantas) สร้างความเสียหายหลายล้านดอลลาร์

    เทคนิคที่ใช้ล่าสุดคือการหลอกพนักงาน help desk ด้วยข้อมูลส่วนตัวของผู้บริหาร เช่น วันเกิดและเลขประกันสังคม เพื่อรีเซ็ตอุปกรณ์และเข้าถึงบัญชีระดับสูง จากนั้นใช้สิทธิ์นั้นเจาะระบบ Entra ID (Azure AD), SharePoint, Horizon VDI และ VPN เพื่อควบคุมระบบทั้งหมด

    เมื่อถูกตรวจจับ กลุ่มนี้ไม่หนี แต่กลับโจมตีระบบอย่างเปิดเผย เช่น ลบกฎไฟร์วอลล์ของ Azure และปิด domain controller เพื่อขัดขวางการกู้คืนระบบ

    นักวิจัยจาก Rapid7 และ ReliaQuest พบว่า Scattered Spider:
    - ใช้เครื่องมือเช่น ngrok และ Teleport เพื่อสร้างช่องทางลับ
    - ใช้ IAM role enumeration และ EC2 Serial Console เพื่อเจาะระบบ AWS
    - ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบที่ถูกแฮกเพื่อดึงข้อมูลจาก CyberArk password vault กว่า 1,400 รายการ

    แม้ Microsoft จะเข้ามาช่วยกู้คืนระบบได้ในที่สุด แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของกลุ่มแฮกเกอร์ที่ผสมผสาน “การหลอกมนุษย์” กับ “การเจาะระบบเทคนิค” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - Scattered Spider เริ่มโจมตีตั้งแต่ปี 2022 โดยใช้ SIM-swapping และ ransomware
    - ขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมค้าปลีกและสายการบินในปี 2025
    - ใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้บริหารเพื่อหลอก help desk และเข้าถึงบัญชีระดับสูง
    - เจาะระบบ Entra ID, SharePoint, Horizon VDI, VPN และ CyberArk
    - ใช้เครื่องมือเช่น ngrok, Teleport, EC2 Serial Console และ IAM role enumeration
    - ลบกฎไฟร์วอลล์ Azure และปิด domain controller เพื่อขัดขวางการกู้คืน
    - Microsoft ต้องเข้ามาช่วยกู้คืนระบบ
    - Rapid7 และ ReliaQuest แนะนำให้ใช้ MFA แบบต้าน phishing และจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้งาน

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การหลอก help desk ด้วยข้อมูลส่วนตัวยังคงเป็นช่องโหว่ใหญ่ขององค์กร
    - บัญชีผู้บริหารมักมีสิทธิ์มากเกินไป ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้ง่าย
    - การใช้เครื่องมือ legitimate เช่น Teleport อาจหลบการตรวจจับได้
    - หากไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์และพฤติกรรมผู้ใช้อย่างสม่ำเสมอ องค์กรอาจไม่รู้ตัวว่าถูกแฮก
    - การพึ่งพา endpoint detection เพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันการเจาะระบบแบบนี้ได้
    - องค์กรควรฝึกอบรมพนักงานเรื่อง social engineering และมีระบบตรวจสอบการรีเซ็ตบัญชีที่เข้มงวด

    https://www.csoonline.com/article/4020567/anatomy-of-a-scattered-spider-attack-a-growing-ransomware-threat-evolves.html
    Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เริ่มปรากฏตัวตั้งแต่ปี 2022 โดยใช้วิธี SIM-swapping และ ransomware โจมตีบริษัทโทรคมนาคมและบันเทิง เช่น MGM Resorts และ Caesars Entertainment แต่ในปี 2025 พวกเขาขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมค้าปลีก (Marks & Spencer, Harrods) และสายการบิน (Hawaiian, Qantas) สร้างความเสียหายหลายล้านดอลลาร์ เทคนิคที่ใช้ล่าสุดคือการหลอกพนักงาน help desk ด้วยข้อมูลส่วนตัวของผู้บริหาร เช่น วันเกิดและเลขประกันสังคม เพื่อรีเซ็ตอุปกรณ์และเข้าถึงบัญชีระดับสูง จากนั้นใช้สิทธิ์นั้นเจาะระบบ Entra ID (Azure AD), SharePoint, Horizon VDI และ VPN เพื่อควบคุมระบบทั้งหมด เมื่อถูกตรวจจับ กลุ่มนี้ไม่หนี แต่กลับโจมตีระบบอย่างเปิดเผย เช่น ลบกฎไฟร์วอลล์ของ Azure และปิด domain controller เพื่อขัดขวางการกู้คืนระบบ นักวิจัยจาก Rapid7 และ ReliaQuest พบว่า Scattered Spider: - ใช้เครื่องมือเช่น ngrok และ Teleport เพื่อสร้างช่องทางลับ - ใช้ IAM role enumeration และ EC2 Serial Console เพื่อเจาะระบบ AWS - ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบที่ถูกแฮกเพื่อดึงข้อมูลจาก CyberArk password vault กว่า 1,400 รายการ แม้ Microsoft จะเข้ามาช่วยกู้คืนระบบได้ในที่สุด แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของกลุ่มแฮกเกอร์ที่ผสมผสาน “การหลอกมนุษย์” กับ “การเจาะระบบเทคนิค” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Scattered Spider เริ่มโจมตีตั้งแต่ปี 2022 โดยใช้ SIM-swapping และ ransomware - ขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมค้าปลีกและสายการบินในปี 2025 - ใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้บริหารเพื่อหลอก help desk และเข้าถึงบัญชีระดับสูง - เจาะระบบ Entra ID, SharePoint, Horizon VDI, VPN และ CyberArk - ใช้เครื่องมือเช่น ngrok, Teleport, EC2 Serial Console และ IAM role enumeration - ลบกฎไฟร์วอลล์ Azure และปิด domain controller เพื่อขัดขวางการกู้คืน - Microsoft ต้องเข้ามาช่วยกู้คืนระบบ - Rapid7 และ ReliaQuest แนะนำให้ใช้ MFA แบบต้าน phishing และจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้งาน ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การหลอก help desk ด้วยข้อมูลส่วนตัวยังคงเป็นช่องโหว่ใหญ่ขององค์กร - บัญชีผู้บริหารมักมีสิทธิ์มากเกินไป ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้ง่าย - การใช้เครื่องมือ legitimate เช่น Teleport อาจหลบการตรวจจับได้ - หากไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์และพฤติกรรมผู้ใช้อย่างสม่ำเสมอ องค์กรอาจไม่รู้ตัวว่าถูกแฮก - การพึ่งพา endpoint detection เพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันการเจาะระบบแบบนี้ได้ - องค์กรควรฝึกอบรมพนักงานเรื่อง social engineering และมีระบบตรวจสอบการรีเซ็ตบัญชีที่เข้มงวด https://www.csoonline.com/article/4020567/anatomy-of-a-scattered-spider-attack-a-growing-ransomware-threat-evolves.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Anatomy of a Scattered Spider attack: A growing ransomware threat evolves
    The cybercriminal group has broadened its attack scope across several new industries, bringing valid credentials to bear on help desks before leveraging its new learnings of cloud intrusion tradecraft to set the stage for ransomware.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัจจุบัน **เทคโนโลยีทางทหารที่ร้​ววและแม่นยำ (Rapid and Precise Military Technology)** เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันประเทศ ประเทศที่ถือว่าเป็นผู้นำในสาขานี้ ได้แก่:

    1. **สหรัฐอเมริกา:**
    * **จุดแข็ง:** ลงทุนมหาศาลใน R&D, นำโด่งด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Weapons - เร็วเหนือเสียงมาก), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น THAAD, Aegis), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติในสงคราม, การรบด้วยเครือข่าย (Network-Centric Warfare), โดรนรบ (UCAVs) ขั้นสูง (เช่น MQ-9 Reaper, XQ-58 Valkyrie), และดาวเทียมลาดตระเวนแม่นยำสูง
    * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การพัฒนาอาวุธพลังงานนำทาง (Directed Energy Weapons) เช่น เลเซอร์, การบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการตัดสินใจทางการทหาร (JADC2 - Joint All-Domain Command and Control)

    2. **จีน:**
    * **จุดแข็ง:** พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเน้นการทุ่มงบประมาณและขโมยเทคโนโลยี, นำโด่งในด้านขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBMs) และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลาง (SRBMs/MRBMs) ที่แม่นยำ, อาวุธไฮเปอร์โซนิก (เช่น DF-ZF), ระบบต่อต้านดาวเทียม (ASAT) และต่อต้านขีปนาวุธ, โดรนรบจำนวนมากและก้าวหน้า (เช่น Wing Loong, CH-series), และกำลังพัฒนากองเรือทะเลหลวงที่ทันสมัย
    * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การทดสอบอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่สร้างความประหลาดใจให้วงการ, การขยายขีดความสามารถทางไซเบอร์และอวกาศ

    3. **รัสเซีย:**
    * **จุดแข็ง:** แม้เศรษฐกิจมีข้อจำกัด แต่ยังคงเน้นการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เพื่อรักษาความสมดุล, มีอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่ประจำการแล้ว (เช่น Kinzhal, Avangard), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น S-400, S-500), ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare) ที่ทรงพลัง, และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลางแม่นยำ
    * **สถานะปัจจุบัน:** การรุกรานยูเครนส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการผลิตและอาจชะลอการพัฒนาบางส่วน แต่ก็แสดงให้เห็นการใช้ขีปนาวุธแม่นยำ (และความท้าทายของมัน) รวมถึงสงครามอิเล็กทรอนิกส์อย่างเข้มข้น

    4. **ประเทศอื่นๆ ที่มีความก้าวหน้า:**
    * **อิสราเอล:** เป็นสุดยอดด้านเทคโนโลยีโดรน (UAVs/UCAVs), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (Iron Dome, David's Sling, Arrow), สงครามไซเบอร์, ระบบ C4ISR (Command, Control, Communications, Computers, Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) และเทคโนโลยีภาคพื้นดินแม่นยำ
    * **สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี (และสหภาพยุโรป):** มีความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยีทางการทหารโดยเฉพาะระบบอากาศยาน (รบกริปเพน, ราฟาเอล), เรือดำน้ำ, ระบบป้องกันขีปนาวุธ (ร่วมกับ NATO), เทคโนโลยีไซเบอร์ และกำลังร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบอากาศยานรุ่นต่อไป (FCAS), รถถังหลักใหม่ (MGCS)

    **ผลดีของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:**

    1. **เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันประเทศ:** ป้องกันภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำกว่าเดิม
    2. **ลดความเสียหายพลเรือน (ในทางทฤษฎี):** ความแม่นยำสูง *ควรจะ* ลดการโจมตีพลาดเป้าและความสูญเสียของพลเรือนได้
    3. **เพิ่มขีดความสามารถในการป้องปราม:** การมีอาวุธที่รวดเร็ว แม่นยำ และยากต่อการสกัดกั้น (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) ทำให้ศัตรูต้องคิดหนักก่อนจะโจมตี
    4. **เพิ่มประสิทธิภาพในการรบ:** ระบบ C4ISR และเครือข่ายการรบช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
    5. **ลดความสูญเสียของทหาร:** การใช้โดรนหรือระบบอัตโนมัติสามารถลดการส่งทหารเข้าไปในพื้นที่อันตรายโดยตรง

    **ผลเสียและความท้าทายของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:**

    1. **ความเสี่ยงต่อการแข่งขันทางการ bewaffnung (Arms Race):** ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกระตุ้นให้ประเทศคู่แข่งเร่งพัฒนาตาม นำไปสู่การแข่งขันที่สิ้นเปลืองและเพิ่มความตึงเครียดระหว่างประเทศ
    2. **ความท้าทายด้านเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Stability):** อาวุธที่รวดเร็วมาก (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) และระบบป้องกันขีปนาวุธ อาจลดเวลาในการตัดสินใจตอบโต้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดว่าเป็นการโจมตีครั้งแรก (First Strike) ในช่วงวิกฤต
    3. **ความซับซ้อนของสงครามไซเบอร์และอวกาศ:** เทคโนโลยีทหารสมัยใหม่พึ่งพาระบบดิจิทัล ดาวเทียม และเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งเปราะบางต่อการโจมตีทางไซเบอร์และการทำสงครามในอวกาศ
    4. **ความท้าทายด้านจริยธรรมและกฎหมาย (โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติ):**
    * **อาวุธอัตโนมัติร้ายแรง (Lethal Autonomous Weapons Systems - LAWS):** การที่เครื่องจักรตัดสินใจใช้กำลังร้ายแรงโดยมนุษย์ควบคุมน้อยเกินไป ก่อให้เกิดคำถามจริยธรรมใหญ่หลวงเรื่องความรับผิดชอบ การควบคุม และการปกป้องพลเรือน
    * **การลดอุปสรรคในการใช้กำลัง:** ความแม่นยำและความ "สะอาด" (ในทางทฤษฎี) ของอาวุธอาจทำให้ผู้นำทางการเมืองตัดสินใจใช้กำลังทางทหารได้ง่ายขึ้น
    5. **ค่าใช้จ่ายมหาศาล:** การวิจัย พัฒนา และจัดหาอาวุธเทคโนโลยีสูงเหล่านี้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ซึ่งอาจเบียดบังงบประมาณสาธารณะด้านอื่นๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา
    6. **ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย:** เทคโนโลยีบางส่วนอาจรั่วไหลหรือถูกถ่ายทอดไปยังรัฐหรือกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาคต่างๆ

    **สรุป:**
    สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย เป็นผู้นำหลักในเทคโนโลยีการทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยมีอิสราเอลและชาติยุโรปชั้นนำเป็นผู้เล่นสำคัญในด้านเฉพาะทาง แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ป้องปราม และ *มีศักยภาพ* ในการลดความเสียหายพลเรือนได้อย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงครั้งใหม่ที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน ทั้งในด้านการแข่งขัน bewaffnung เสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ จริยธรรม (โดยเฉพาะเรื่องอาวุธอัตโนมัติ) และงบประมาณ การบริหารจัดการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทหารควบคู่ไปกับการทูตและการควบคุม bewaffnung จึงมีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของโลกในระยะยาว
    ปัจจุบัน **เทคโนโลยีทางทหารที่ร้​ววและแม่นยำ (Rapid and Precise Military Technology)** เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันประเทศ ประเทศที่ถือว่าเป็นผู้นำในสาขานี้ ได้แก่: 1. **สหรัฐอเมริกา:** * **จุดแข็ง:** ลงทุนมหาศาลใน R&D, นำโด่งด้านอาวุธไฮเปอร์โซนิก (Hypersonic Weapons - เร็วเหนือเสียงมาก), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น THAAD, Aegis), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติในสงคราม, การรบด้วยเครือข่าย (Network-Centric Warfare), โดรนรบ (UCAVs) ขั้นสูง (เช่น MQ-9 Reaper, XQ-58 Valkyrie), และดาวเทียมลาดตระเวนแม่นยำสูง * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การพัฒนาอาวุธพลังงานนำทาง (Directed Energy Weapons) เช่น เลเซอร์, การบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการตัดสินใจทางการทหาร (JADC2 - Joint All-Domain Command and Control) 2. **จีน:** * **จุดแข็ง:** พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเน้นการทุ่มงบประมาณและขโมยเทคโนโลยี, นำโด่งในด้านขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBMs) และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลาง (SRBMs/MRBMs) ที่แม่นยำ, อาวุธไฮเปอร์โซนิก (เช่น DF-ZF), ระบบต่อต้านดาวเทียม (ASAT) และต่อต้านขีปนาวุธ, โดรนรบจำนวนมากและก้าวหน้า (เช่น Wing Loong, CH-series), และกำลังพัฒนากองเรือทะเลหลวงที่ทันสมัย * **ความก้าวหน้าล่าสุด:** การทดสอบอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่สร้างความประหลาดใจให้วงการ, การขยายขีดความสามารถทางไซเบอร์และอวกาศ 3. **รัสเซีย:** * **จุดแข็ง:** แม้เศรษฐกิจมีข้อจำกัด แต่ยังคงเน้นการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เพื่อรักษาความสมดุล, มีอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่ประจำการแล้ว (เช่น Kinzhal, Avangard), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (เช่น S-400, S-500), ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare) ที่ทรงพลัง, และขีปนาวุธพิสัยใกล้-กลางแม่นยำ * **สถานะปัจจุบัน:** การรุกรานยูเครนส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการผลิตและอาจชะลอการพัฒนาบางส่วน แต่ก็แสดงให้เห็นการใช้ขีปนาวุธแม่นยำ (และความท้าทายของมัน) รวมถึงสงครามอิเล็กทรอนิกส์อย่างเข้มข้น 4. **ประเทศอื่นๆ ที่มีความก้าวหน้า:** * **อิสราเอล:** เป็นสุดยอดด้านเทคโนโลยีโดรน (UAVs/UCAVs), ระบบป้องกันขีปนาวุธ (Iron Dome, David's Sling, Arrow), สงครามไซเบอร์, ระบบ C4ISR (Command, Control, Communications, Computers, Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) และเทคโนโลยีภาคพื้นดินแม่นยำ * **สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี (และสหภาพยุโรป):** มีความเข้มแข็งด้านเทคโนโลยีทางการทหารโดยเฉพาะระบบอากาศยาน (รบกริปเพน, ราฟาเอล), เรือดำน้ำ, ระบบป้องกันขีปนาวุธ (ร่วมกับ NATO), เทคโนโลยีไซเบอร์ และกำลังร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบอากาศยานรุ่นต่อไป (FCAS), รถถังหลักใหม่ (MGCS) **ผลดีของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:** 1. **เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันประเทศ:** ป้องกันภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำกว่าเดิม 2. **ลดความเสียหายพลเรือน (ในทางทฤษฎี):** ความแม่นยำสูง *ควรจะ* ลดการโจมตีพลาดเป้าและความสูญเสียของพลเรือนได้ 3. **เพิ่มขีดความสามารถในการป้องปราม:** การมีอาวุธที่รวดเร็ว แม่นยำ และยากต่อการสกัดกั้น (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) ทำให้ศัตรูต้องคิดหนักก่อนจะโจมตี 4. **เพิ่มประสิทธิภาพในการรบ:** ระบบ C4ISR และเครือข่ายการรบช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ 5. **ลดความสูญเสียของทหาร:** การใช้โดรนหรือระบบอัตโนมัติสามารถลดการส่งทหารเข้าไปในพื้นที่อันตรายโดยตรง **ผลเสียและความท้าทายของเทคโนโลยีทางทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ:** 1. **ความเสี่ยงต่อการแข่งขันทางการ bewaffnung (Arms Race):** ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกระตุ้นให้ประเทศคู่แข่งเร่งพัฒนาตาม นำไปสู่การแข่งขันที่สิ้นเปลืองและเพิ่มความตึงเครียดระหว่างประเทศ 2. **ความท้าทายด้านเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Stability):** อาวุธที่รวดเร็วมาก (เช่น ไฮเปอร์โซนิก) และระบบป้องกันขีปนาวุธ อาจลดเวลาในการตัดสินใจตอบโต้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดว่าเป็นการโจมตีครั้งแรก (First Strike) ในช่วงวิกฤต 3. **ความซับซ้อนของสงครามไซเบอร์และอวกาศ:** เทคโนโลยีทหารสมัยใหม่พึ่งพาระบบดิจิทัล ดาวเทียม และเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งเปราะบางต่อการโจมตีทางไซเบอร์และการทำสงครามในอวกาศ 4. **ความท้าทายด้านจริยธรรมและกฎหมาย (โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติ):** * **อาวุธอัตโนมัติร้ายแรง (Lethal Autonomous Weapons Systems - LAWS):** การที่เครื่องจักรตัดสินใจใช้กำลังร้ายแรงโดยมนุษย์ควบคุมน้อยเกินไป ก่อให้เกิดคำถามจริยธรรมใหญ่หลวงเรื่องความรับผิดชอบ การควบคุม และการปกป้องพลเรือน * **การลดอุปสรรคในการใช้กำลัง:** ความแม่นยำและความ "สะอาด" (ในทางทฤษฎี) ของอาวุธอาจทำให้ผู้นำทางการเมืองตัดสินใจใช้กำลังทางทหารได้ง่ายขึ้น 5. **ค่าใช้จ่ายมหาศาล:** การวิจัย พัฒนา และจัดหาอาวุธเทคโนโลยีสูงเหล่านี้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ซึ่งอาจเบียดบังงบประมาณสาธารณะด้านอื่นๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา 6. **ความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย:** เทคโนโลยีบางส่วนอาจรั่วไหลหรือถูกถ่ายทอดไปยังรัฐหรือกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาคต่างๆ **สรุป:** สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย เป็นผู้นำหลักในเทคโนโลยีการทหารที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยมีอิสราเอลและชาติยุโรปชั้นนำเป็นผู้เล่นสำคัญในด้านเฉพาะทาง แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ป้องปราม และ *มีศักยภาพ* ในการลดความเสียหายพลเรือนได้อย่างมาก แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงครั้งใหม่ที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน ทั้งในด้านการแข่งขัน bewaffnung เสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์ จริยธรรม (โดยเฉพาะเรื่องอาวุธอัตโนมัติ) และงบประมาณ การบริหารจัดการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทหารควบคู่ไปกับการทูตและการควบคุม bewaffnung จึงมีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของโลกในระยะยาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเริ่มจาก Suhail Doshi อดีต CEO ของ Mixpanel ออกมาโพสต์เตือนบน X ว่า

    “ระวังผู้ชายชื่อ Soham Parekh เขาทำงานให้สตาร์ทอัป 3–4 แห่งพร้อมกัน และยังไม่หยุด แม้ผมจะไล่เขาออกตั้งแต่สัปดาห์แรก”

    หลังจากนั้นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปอื่น ๆ ก็เริ่มออกมาเล่าประสบการณ์คล้ายกัน → Parekh มักจะทำผลงานได้ดีมากในการสัมภาษณ์ (ถึงขั้น “ชนะขาดจากผู้สมัคร 50 คน”) → ได้รับข้อเสนองานที่เงินเดือนสูงถึง $200,000 ต่อปี → แต่พอเริ่มงานจริง เขามักอ้างเหตุฉุกเฉินเช่น น้ำท่วม ป่วย หรือแม้แต่ “โดรนโจมตีตึก” แล้วไม่ส่งงาน

    บางคนตรวจพบจาก GitHub ว่าเขายัง commit โค้ดอยู่ ในช่วงที่อ้างว่าป่วย → และมีคลิปวิดีโอที่แสดงว่าเขาทำงานให้บริษัทอื่นอยู่จริง → มีหลายบริษัทในกลุ่ม Y Combinator ที่ค้นพบว่าจ้าง Parekh พร้อมกันโดยไม่รู้ตัว

    สุดท้าย Parekh ยอมรับแบบตรง ๆ ในรายการ TBPN ว่า

    “มันจริง ผมไม่ได้ภูมิใจ และไม่แนะนำใครทำตาม…แต่ผมทำเพราะสถานการณ์การเงินแย่มาก” และตอนนี้เขาประกาศว่าจะทำงานให้บริษัทเดียวเท่านั้น โดยได้รับโอกาสใหม่จากสตาร์ทอัปชื่อ Darwin ซึ่งออกมายืนยันว่า “เรายังเชื่อในความสามารถของเขา”

    https://www.techspot.com/news/108566-crushed-interview-silicon-valley-duped-software-engineer-secretly.html
    เรื่องเริ่มจาก Suhail Doshi อดีต CEO ของ Mixpanel ออกมาโพสต์เตือนบน X ว่า “ระวังผู้ชายชื่อ Soham Parekh เขาทำงานให้สตาร์ทอัป 3–4 แห่งพร้อมกัน และยังไม่หยุด แม้ผมจะไล่เขาออกตั้งแต่สัปดาห์แรก” หลังจากนั้นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปอื่น ๆ ก็เริ่มออกมาเล่าประสบการณ์คล้ายกัน → Parekh มักจะทำผลงานได้ดีมากในการสัมภาษณ์ (ถึงขั้น “ชนะขาดจากผู้สมัคร 50 คน”) → ได้รับข้อเสนองานที่เงินเดือนสูงถึง $200,000 ต่อปี → แต่พอเริ่มงานจริง เขามักอ้างเหตุฉุกเฉินเช่น น้ำท่วม ป่วย หรือแม้แต่ “โดรนโจมตีตึก” แล้วไม่ส่งงาน บางคนตรวจพบจาก GitHub ว่าเขายัง commit โค้ดอยู่ ในช่วงที่อ้างว่าป่วย → และมีคลิปวิดีโอที่แสดงว่าเขาทำงานให้บริษัทอื่นอยู่จริง → มีหลายบริษัทในกลุ่ม Y Combinator ที่ค้นพบว่าจ้าง Parekh พร้อมกันโดยไม่รู้ตัว 😲 สุดท้าย Parekh ยอมรับแบบตรง ๆ ในรายการ TBPN ว่า “มันจริง ผมไม่ได้ภูมิใจ และไม่แนะนำใครทำตาม…แต่ผมทำเพราะสถานการณ์การเงินแย่มาก” และตอนนี้เขาประกาศว่าจะทำงานให้บริษัทเดียวเท่านั้น โดยได้รับโอกาสใหม่จากสตาร์ทอัปชื่อ Darwin ซึ่งออกมายืนยันว่า “เรายังเชื่อในความสามารถของเขา” https://www.techspot.com/news/108566-crushed-interview-silicon-valley-duped-software-engineer-secretly.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    "He crushed the interview": Silicon Valley duped by software engineer secretly working four jobs
    The story first gained traction when Suhail Doshi, co-founder and former CEO of Mixpanel, issued a public warning on X. "PSA: there's a guy named Soham Parekh...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นตุเป็นตะ!

    มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO กล่าวในการสัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์ส ว่าเขารู้ถึงแผนความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและจีนจะมีลักษณะอย่างไร หากประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนตัดสินใจที่จะ "โจมตีไต้หวัน"

    “โดยเขาจะโทรหาวลาดิมีร์ ปูตินที่มอสโกก่อน และบอกเขาว่า “เฮ้ เราจะโจมตีไต้หวันแล้วนะ และต้องการให้คุณเบี่ยงเบนความสนใจพวกเขาในยุโรปด้วยการโจมตีดินแดนของ NATO” รุตเต้กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
    เป็นตุเป็นตะ! มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO กล่าวในการสัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์ส ว่าเขารู้ถึงแผนความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและจีนจะมีลักษณะอย่างไร หากประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนตัดสินใจที่จะ "โจมตีไต้หวัน" “โดยเขาจะโทรหาวลาดิมีร์ ปูตินที่มอสโกก่อน และบอกเขาว่า “เฮ้ เราจะโจมตีไต้หวันแล้วนะ และต้องการให้คุณเบี่ยงเบนความสนใจพวกเขาในยุโรปด้วยการโจมตีดินแดนของ NATO” รุตเต้กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • WinRAR คือซอฟต์แวร์ยอดนิยมที่เอาไว้แตกไฟล์ .zip .rar .7z ฯลฯ ที่คนใช้กันมานานเกิน 20 ปีแล้ว — แต่ล่าสุดกลับกลายเป็นจุดอ่อนให้คนร้ายใช้ “หลอกเราให้เปิดไฟล์” ที่เหมือนจะไม่อันตราย แต่จริง ๆ แล้ว มันสั่งให้ Windows วางไฟล์ไว้ในโฟลเดอร์ Startup ได้เลย

    จุดอ่อนนี้ชื่อว่า CVE-2025-6218 — เกิดจากการที่ WinRAR ไม่ป้องกัน “การใส่พาธแอบแฝง” ไว้ในไฟล์ archive → พอเรากดแตกไฟล์ มันจะเขียนไฟล์ไปวางไว้ที่อื่นนอกโฟลเดอร์เป้าหมาย เช่น:

    C:\Users\Username\AppData\Roaming\Microsoft\Windows\Start Menu\Programs\Startup

    ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ที่ใช้เรียกไฟล์ “ให้รันอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่อง” — ถ้ามี .exe อยู่ในนั้น = ติดไวรัสทันทีหลัง reboot!

    ข่าวดีคือ RARLAB ออกเวอร์ชัน 7.12 มาแก้แล้ว พร้อมอุดช่องโหว่นี้ + ช่อง HTML Injection ในระบบ “สร้างรายงาน (Generate Report)” ด้วย

    ช่องโหว่ CVE-2025-6218 เป็นแบบ path traversal  
    • คนร้ายแอบใส่พาธหลอกไว้ในไฟล์ .rar → เขียนไฟล์ไปยังโฟลเดอร์อ่อนไหว  
    • เช่น โฟลเดอร์ Startup ที่ทำให้มัลแวร์รันเองเมื่อเปิดเครื่อง

    เกิดเฉพาะบน WinRAR รุ่น Windows เท่านั้น (ไม่กระทบ Linux, Android)

    RARLAB อัปเดต WinRAR เวอร์ชัน 7.12 แก้เรียบร้อยแล้ว  
    • ปิดช่องโหว่ path traversal  
    • ป้องกัน HTML injection ในรายงาน HTML ที่มีชื่อไฟล์ไม่ปลอดภัย  
    • เพิ่มฟีเจอร์เล็ก ๆ เช่น ตรวจ recovery volume, บันทึก nanosecond timestamp บน Unix

    ช่องโหว่ถูกค้นพบโดยนักวิจัย “whs3-detonator” ร่วมกับ Zero Day Initiative ของ Trend Micro

    ยังไม่มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกโจมตีจริงในวงกว้าง (แต่ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย)

    https://www.techradar.com/pro/security/this-popular-windows-software-used-by-millions-has-a-serious-security-vulnerability-heres-what-you-need-to-know
    WinRAR คือซอฟต์แวร์ยอดนิยมที่เอาไว้แตกไฟล์ .zip .rar .7z ฯลฯ ที่คนใช้กันมานานเกิน 20 ปีแล้ว — แต่ล่าสุดกลับกลายเป็นจุดอ่อนให้คนร้ายใช้ “หลอกเราให้เปิดไฟล์” ที่เหมือนจะไม่อันตราย แต่จริง ๆ แล้ว มันสั่งให้ Windows วางไฟล์ไว้ในโฟลเดอร์ Startup ได้เลย จุดอ่อนนี้ชื่อว่า CVE-2025-6218 — เกิดจากการที่ WinRAR ไม่ป้องกัน “การใส่พาธแอบแฝง” ไว้ในไฟล์ archive → พอเรากดแตกไฟล์ มันจะเขียนไฟล์ไปวางไว้ที่อื่นนอกโฟลเดอร์เป้าหมาย เช่น: C:\Users\Username\AppData\Roaming\Microsoft\Windows\Start Menu\Programs\Startup ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ที่ใช้เรียกไฟล์ “ให้รันอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่อง” — ถ้ามี .exe อยู่ในนั้น = ติดไวรัสทันทีหลัง reboot! ข่าวดีคือ RARLAB ออกเวอร์ชัน 7.12 มาแก้แล้ว พร้อมอุดช่องโหว่นี้ + ช่อง HTML Injection ในระบบ “สร้างรายงาน (Generate Report)” ด้วย ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-6218 เป็นแบบ path traversal   • คนร้ายแอบใส่พาธหลอกไว้ในไฟล์ .rar → เขียนไฟล์ไปยังโฟลเดอร์อ่อนไหว   • เช่น โฟลเดอร์ Startup ที่ทำให้มัลแวร์รันเองเมื่อเปิดเครื่อง ✅ เกิดเฉพาะบน WinRAR รุ่น Windows เท่านั้น (ไม่กระทบ Linux, Android) ✅ RARLAB อัปเดต WinRAR เวอร์ชัน 7.12 แก้เรียบร้อยแล้ว   • ปิดช่องโหว่ path traversal   • ป้องกัน HTML injection ในรายงาน HTML ที่มีชื่อไฟล์ไม่ปลอดภัย   • เพิ่มฟีเจอร์เล็ก ๆ เช่น ตรวจ recovery volume, บันทึก nanosecond timestamp บน Unix ✅ ช่องโหว่ถูกค้นพบโดยนักวิจัย “whs3-detonator” ร่วมกับ Zero Day Initiative ของ Trend Micro ✅ ยังไม่มีรายงานว่าช่องโหว่นี้ถูกโจมตีจริงในวงกว้าง (แต่ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย) https://www.techradar.com/pro/security/this-popular-windows-software-used-by-millions-has-a-serious-security-vulnerability-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Bug in file archiving tool WinRAR let crafted archives write files outside their folder during extraction
    Flaw allows hackers access to system locations, such as the Windows Startup folder
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมมุติว่าเราซื้อโทรศัพท์มาใช้ แต่กลับไม่สามารถโหลดแอปจากที่ไหนก็ได้ ต้องผ่าน App Store หรือ Google Play เท่านั้น มิหนำซ้ำยังต้องจ่ายผ่านระบบในแอปของเจ้าของระบบเอง (In-App Payment) ซึ่งโดนหักค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก... แบบนี้มันยุติธรรมจริงหรือ?

    วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn, Richard Blumenthal, Mike Lee, Amy Klobuchar และ **** Durbin มองว่าไม่ยุติธรรมเลย — พวกเขาจึงรื้อฟื้นร่าง “Open App Markets Act” ซึ่งเคยล้มไปในปี 2021 เพราะถูกล็อบบี้โดย Big Tech ทั้ง Apple, Google, Amazon และ Meta

    เป้าหมายของกฎหมายนี้คือ:
    - บังคับให้ Apple และ Google เปิดให้ “ติดตั้งแอปจากที่อื่น” (sideload)
    - อนุญาตให้ใช้ระบบจ่ายเงินอื่นที่ไม่ใช่ของเจ้าของแพลตฟอร์ม
    - ส่งเสริมการแข่งขัน ลดค่าธรรมเนียม และคืนอำนาจให้ผู้บริโภคและนักพัฒนา

    ผู้สนับสนุนกฎหมายยังรวมถึง Spotify, Epic Games และกลุ่มผู้บริโภค เช่น American Economic Liberties Project และ Y Combinator

    แต่ศึกนี้ไม่ง่าย เพราะแค่ครั้งก่อน บริษัทยักษ์ก็ทุ่มล็อบบี้กว่า $100 ล้าน เพื่อเบรกไม่ให้ร่างกฎหมายเข้าสภาเลยด้วยซ้ำ

    https://www.techspot.com/news/108466-us-senators-introduce-bipartisan-bill-enable-third-party.html
    สมมุติว่าเราซื้อโทรศัพท์มาใช้ แต่กลับไม่สามารถโหลดแอปจากที่ไหนก็ได้ ต้องผ่าน App Store หรือ Google Play เท่านั้น มิหนำซ้ำยังต้องจ่ายผ่านระบบในแอปของเจ้าของระบบเอง (In-App Payment) ซึ่งโดนหักค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก... แบบนี้มันยุติธรรมจริงหรือ? วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn, Richard Blumenthal, Mike Lee, Amy Klobuchar และ Dick Durbin มองว่าไม่ยุติธรรมเลย — พวกเขาจึงรื้อฟื้นร่าง “Open App Markets Act” ซึ่งเคยล้มไปในปี 2021 เพราะถูกล็อบบี้โดย Big Tech ทั้ง Apple, Google, Amazon และ Meta เป้าหมายของกฎหมายนี้คือ: - บังคับให้ Apple และ Google เปิดให้ “ติดตั้งแอปจากที่อื่น” (sideload) - อนุญาตให้ใช้ระบบจ่ายเงินอื่นที่ไม่ใช่ของเจ้าของแพลตฟอร์ม - ส่งเสริมการแข่งขัน ลดค่าธรรมเนียม และคืนอำนาจให้ผู้บริโภคและนักพัฒนา ผู้สนับสนุนกฎหมายยังรวมถึง Spotify, Epic Games และกลุ่มผู้บริโภค เช่น American Economic Liberties Project และ Y Combinator แต่ศึกนี้ไม่ง่าย เพราะแค่ครั้งก่อน บริษัทยักษ์ก็ทุ่มล็อบบี้กว่า $100 ล้าน เพื่อเบรกไม่ให้ร่างกฎหมายเข้าสภาเลยด้วยซ้ำ https://www.techspot.com/news/108466-us-senators-introduce-bipartisan-bill-enable-third-party.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US Senators introduce bipartisan bill to enable third-party app stores on iPhones
    The "Open App Markets Act," introduced by Senators Marsha Blackburn, Richard Blumenthal, Mike Lee, Amy Klobuchar, and Dick Durbin, aims to promote competition and strengthen consumer protections...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติเวลาเราดาวน์โหลดไฟล์บีบอัด (เช่น .RAR) แล้วแตกไฟล์ด้วย WinRAR — เราก็มักไม่ทันระวังว่าไฟล์ด้านในมันจะทำอะไรได้บ้าง

    แต่ล่าสุดนักวิจัยจากโครงการ Zero Day Initiative ของ Trend Micro เผยว่า WinRAR มีช่องโหว่ Directory Traversal (รหัส CVE-2025-6218) ซึ่งเปิดทางให้แฮกเกอร์ใส่ “เส้นทางหลอก” ในไฟล์ RAR เพื่อหลอกให้ WinRAR แตกไฟล์ออกไปอยู่นอกโฟลเดอร์ที่ควรอยู่ เช่น ไปอยู่ในโฟลเดอร์ระบบ หรือวาง .exe ไว้ที่ Desktop เลยก็ยังได้!

    เมื่อเหยื่อคลิกแตกไฟล์และเปิดเนื้อหา…ก็เท่ากับเชิญแฮกเกอร์เข้าบ้านอย่างเป็นทางการ

    ช่องโหว่นี้ได้คะแนนอันตราย 7.8/10 บนระบบ CVSS ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยเฉพาะเพราะ WinRAR มีผู้ใช้กว่า 500 ล้านคนทั่วโลก

    ข่าวดีคือทีม RARLAB ได้ปล่อยแพตช์แล้วใน WinRAR 7.12 Beta 1 — แนะนำให้รีบอัปเดตทันที เพราะเวอร์ชันเดิม (7.11 และเก่ากว่านั้น) ยังอันตรายอยู่

    ช่องโหว่ CVE-2025-6218 เปิดทางให้โจมตีผ่านไฟล์ RAR ที่มี path หลอก  
    • หลอก WinRAR แตกไฟล์ไปยังไดเรกทอรีผิด เช่น system32 หรือ desktop  
    • แฮกเกอร์สามารถฝังสคริปต์อันตรายและสั่งรันได้เมื่อเหยื่อเปิด

    พบโดยนักวิจัยอิสระชื่อ ‘whs3-detonator’ ภายใต้โครงการ Zero Day Initiative

    ช่องโหว่นี้ได้คะแนน 7.8/10 บน CVSS → เสี่ยงต่อข้อมูลหลุด, เปลี่ยนแปลงไฟล์ระบบ หรือทำให้เครื่องใช้การไม่ได้

    อัปเดต WinRAR 7.12 Beta 1 แก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว  
    • แพตช์ครอบคลุม: RAR บน Windows, UnRAR, portable UnRAR, และ UnRAR.dll  
    • ไม่กระทบ: RAR บน Unix, Android, และซอร์สโค้ด UnRAR รุ่น Unix

    ช่องโหว่นี้คล้ายกับเหตุการณ์ในเดือนเมษายน ที่ WinRAR เคยโดนโจมตีแบบหลบการเตือนของ Windows (MotW)
    • บ่งชี้ว่าเครื่องมือบีบอัดไฟล์กลายเป็นช่องทางโจมตีใหม่ที่คนมองข้าม

    https://www.tomshardware.com/software/winrar-exploit-enables-attackers-to-run-malicious-code-on-your-pc-critical-vulnerability-patched-in-latest-beta-update
    ปกติเวลาเราดาวน์โหลดไฟล์บีบอัด (เช่น .RAR) แล้วแตกไฟล์ด้วย WinRAR — เราก็มักไม่ทันระวังว่าไฟล์ด้านในมันจะทำอะไรได้บ้าง แต่ล่าสุดนักวิจัยจากโครงการ Zero Day Initiative ของ Trend Micro เผยว่า WinRAR มีช่องโหว่ Directory Traversal (รหัส CVE-2025-6218) ซึ่งเปิดทางให้แฮกเกอร์ใส่ “เส้นทางหลอก” ในไฟล์ RAR เพื่อหลอกให้ WinRAR แตกไฟล์ออกไปอยู่นอกโฟลเดอร์ที่ควรอยู่ เช่น ไปอยู่ในโฟลเดอร์ระบบ หรือวาง .exe ไว้ที่ Desktop เลยก็ยังได้! เมื่อเหยื่อคลิกแตกไฟล์และเปิดเนื้อหา…ก็เท่ากับเชิญแฮกเกอร์เข้าบ้านอย่างเป็นทางการ ช่องโหว่นี้ได้คะแนนอันตราย 7.8/10 บนระบบ CVSS ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยเฉพาะเพราะ WinRAR มีผู้ใช้กว่า 500 ล้านคนทั่วโลก ข่าวดีคือทีม RARLAB ได้ปล่อยแพตช์แล้วใน WinRAR 7.12 Beta 1 — แนะนำให้รีบอัปเดตทันที เพราะเวอร์ชันเดิม (7.11 และเก่ากว่านั้น) ยังอันตรายอยู่ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-6218 เปิดทางให้โจมตีผ่านไฟล์ RAR ที่มี path หลอก   • หลอก WinRAR แตกไฟล์ไปยังไดเรกทอรีผิด เช่น system32 หรือ desktop   • แฮกเกอร์สามารถฝังสคริปต์อันตรายและสั่งรันได้เมื่อเหยื่อเปิด ✅ พบโดยนักวิจัยอิสระชื่อ ‘whs3-detonator’ ภายใต้โครงการ Zero Day Initiative ✅ ช่องโหว่นี้ได้คะแนน 7.8/10 บน CVSS → เสี่ยงต่อข้อมูลหลุด, เปลี่ยนแปลงไฟล์ระบบ หรือทำให้เครื่องใช้การไม่ได้ ✅ อัปเดต WinRAR 7.12 Beta 1 แก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว   • แพตช์ครอบคลุม: RAR บน Windows, UnRAR, portable UnRAR, และ UnRAR.dll   • ไม่กระทบ: RAR บน Unix, Android, และซอร์สโค้ด UnRAR รุ่น Unix ✅ ช่องโหว่นี้คล้ายกับเหตุการณ์ในเดือนเมษายน ที่ WinRAR เคยโดนโจมตีแบบหลบการเตือนของ Windows (MotW) • บ่งชี้ว่าเครื่องมือบีบอัดไฟล์กลายเป็นช่องทางโจมตีใหม่ที่คนมองข้าม https://www.tomshardware.com/software/winrar-exploit-enables-attackers-to-run-malicious-code-on-your-pc-critical-vulnerability-patched-in-latest-beta-update
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO ยังเลียทรัมป์ไม่เลิก! โดยกล่าวถึงการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ:

    “ถ้าผมเป็นสีจิ้นผิงหรือปูติน แล้วได้นั่งดูวิดีโอนั้นอยู่ ผมคงจะไม่มีความสุขแน่ๆ และคิดไปว่า ‘โอเค พวกเขาจริงจังมากเลยนะ คนอเมริกันพวกนี้’ และนี่คือสิ่งที่เราต้องการ ฉายภาพอำนาจที่แข็งแกร่งของอเมริกาบนเวทีโลก!”
    มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO ยังเลียทรัมป์ไม่เลิก! โดยกล่าวถึงการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ: “ถ้าผมเป็นสีจิ้นผิงหรือปูติน แล้วได้นั่งดูวิดีโอนั้นอยู่ ผมคงจะไม่มีความสุขแน่ๆ และคิดไปว่า ‘โอเค พวกเขาจริงจังมากเลยนะ คนอเมริกันพวกนี้’ และนี่คือสิ่งที่เราต้องการ ฉายภาพอำนาจที่แข็งแกร่งของอเมริกาบนเวทีโลก!”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO กล่าวสดุดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนน่าสะอิดสะเอียน หลังจากทรัมป์ทิ้งระเบิดใส่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน (ในความเป็นจริงคือ ผิดกฎหมายตามกฎบัตรสหประชาชาติ)

    'คุณเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง และคุณก็ยังเป็นผู้ชายที่รักสันติภาพด้วย'

    เจ้าพ่อเลียรองเท้าของเจ้าผู้ครองจักรวรรดิ
    (The satrap licks the boot of the head of the empire)


    สิ่งที่บรรดาผู้นำตะวันตกกำลังแสดงออกทั้ง อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ล้วนแสดงถึงแก่นแท้ของพวกเขา ที่ใช้ "กฎหมายระหว่างประเทศเป็นอาวุธ" เพื่อไว้ลงโทษโลกตะวันออก กดพลเมืองเกือบครึ่งโลกไว้ใต้เท้าพวกเขา แต่กฎเหล่านั้น โลกตะวันตกไม่เคยแยแส และปฏิบัติตามเลย พวกเขาทำอะไรตามใจชอบได้อย่างบ้าคลั่ง
    มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO กล่าวสดุดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนน่าสะอิดสะเอียน หลังจากทรัมป์ทิ้งระเบิดใส่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน (ในความเป็นจริงคือ ผิดกฎหมายตามกฎบัตรสหประชาชาติ) 'คุณเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง และคุณก็ยังเป็นผู้ชายที่รักสันติภาพด้วย' เจ้าพ่อเลียรองเท้าของเจ้าผู้ครองจักรวรรดิ (The satrap licks the boot of the head of the empire) 👉สิ่งที่บรรดาผู้นำตะวันตกกำลังแสดงออกทั้ง อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ล้วนแสดงถึงแก่นแท้ของพวกเขา ที่ใช้ "กฎหมายระหว่างประเทศเป็นอาวุธ" เพื่อไว้ลงโทษโลกตะวันออก กดพลเมืองเกือบครึ่งโลกไว้ใต้เท้าพวกเขา แต่กฎเหล่านั้น โลกตะวันตกไม่เคยแยแส และปฏิบัติตามเลย พวกเขาทำอะไรตามใจชอบได้อย่างบ้าคลั่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • 2/
    "มันก็เป็นซะแบบนี้ พวกประเทศบ้าประชาธิปไตย อะไรที่พวกเดียวกันทำ แม้จะผิดแค่ไหน ก็จะช่วยกันปกป้อง"

    ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องวิจารณ์ในสิ่งที่อิสราเอลเริ่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และสิ่งที่สหรัฐฯ ทำเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว' — เมิร์ซแห่งเยอรมนี

    ขณะที่มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO กล่าวว่าการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ ไม่ได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ:
    2/ "มันก็เป็นซะแบบนี้ พวกประเทศบ้าประชาธิปไตย อะไรที่พวกเดียวกันทำ แม้จะผิดแค่ไหน ก็จะช่วยกันปกป้อง" 👉ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องวิจารณ์ในสิ่งที่อิสราเอลเริ่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และสิ่งที่สหรัฐฯ ทำเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว' — เมิร์ซแห่งเยอรมนี 👉ขณะที่มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO กล่าวว่าการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ ไม่ได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ:
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • 1/
    "มันก็เป็นซะแบบนี้ พวกประเทศบ้าประชาธิปไตย อะไรที่พวกเดียวกันทำ แม้จะผิดแค่ไหน ก็จะช่วยกันปกป้อง"

    ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องวิจารณ์ในสิ่งที่อิสราเอลเริ่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และสิ่งที่สหรัฐฯ ทำเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว' — เมิร์ซแห่งเยอรมนี

    ขณะที่มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO กล่าวว่าการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ ไม่ได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ:
    1/ "มันก็เป็นซะแบบนี้ พวกประเทศบ้าประชาธิปไตย อะไรที่พวกเดียวกันทำ แม้จะผิดแค่ไหน ก็จะช่วยกันปกป้อง" 👉ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องวิจารณ์ในสิ่งที่อิสราเอลเริ่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และสิ่งที่สหรัฐฯ ทำเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว' — เมิร์ซแห่งเยอรมนี 👉ขณะที่มาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO กล่าวว่าการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ ไม่ได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ:
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • สงครามโลกครั้งที่ 3: ตระกูลรอธส์ไชลด์เพิ่งจุดชนวนความขัดแย้งผ่านอิสราเอล
    การโจมตีอิหร่านไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นพิธีกรรม

    นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอิสราเอลกับอิหร่าน แต่เป็นเรื่องของพวกโลกาภิวัตน์ที่ดึงคันโยกสุดท้าย ชนชั้นสูงสายเลือดเดียวกันกับที่วางแผนสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 และ "ความขัดแย้ง" ทั้งหมดนับแต่นั้นมา 17 มิถุนายน 2025 — วันที่ลัทธิความตายของตระกูลรอธส์ไชลด์-ไซออนิสต์ประกาศสงครามกับมนุษยชาติ

    การโจมตีของอิสราเอลได้รับการสนับสนุนเงินทุนล่วงหน้า ได้รับการอนุมัติล่วงหน้า และวางแผนไว้ล่วงหน้า การโจมตีทางอากาศที่กำหนดเป้าหมายที่นาตันซ์และฟอร์โดว์ไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกัน แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความโกลาหลทั่วโลกเพื่อทำลายระบบ พลเรือน 60 คน เด็ก 20 คน ถูกเผาในเตหะราน นั่นไม่ใช่การกระทำโดยอ้อม แต่เป็นนามบัตร ข้อความจากกลุ่มผู้มีอำนาจลูซิเฟอร์ที่แสวงหากำไรจากเลือด

    แหล่งข่าววงในของ CENTCOM ยืนยันว่าดาวเทียมทหารของสหรัฐฯ ถูกเปลี่ยนเส้นทางเพื่อสนับสนุนอิสราเอลไม่กี่วันก่อนที่ระเบิดลูกแรกจะถูกทิ้ง นี่ไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการประสานงาน เป็นกับดักที่ตั้งใจจะบีบให้ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่สงครามที่เขาไม่เคยต้องการ

    ศัตรูของทรัมป์เปิดฉากสงครามครั้งนี้เพื่อทำลายเขา พวกเขาไม่สามารถหยุดเขาในการเลือกตั้ง พวกเขาไม่สามารถควบคุมเขาด้วยโควิด การถอดถอน และการต่อสู้ทางกฎหมาย ตอนนี้พวกเขาต้องการบีบให้เขาสนับสนุนเครื่องจักรสงคราม เขาไม่ได้หวั่นไหว แต่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น

    เนทันยาฮูไม่ได้รับใช้อิสราเอล เขารับใช้คลาอุส ชวาบ แลร์รี ฟิงค์ และกลุ่มค้ายาในดาวอส อิสราเอลคือหุ่นเชิด ขีปนาวุธคือข้อความ

    การตอบสนองของอิหร่าน? โดรนและขีปนาวุธ 370 ลำ ไม่ใช่การแก้แค้น ความยุติธรรม การก่อวินาศกรรม การลอบสังหาร และการคว่ำบาตรหลายปี ตอนนี้? ตึกอพาร์ตเมนต์ของอิสราเอลถูกทำลาย โดมเหล็กล้นหลาม — ถูกรบกวนทางไซเบอร์โดยกองกำลังที่สนับสนุน BRICS รัสเซียและจีนกำลังเฝ้าดู — และพร้อมแล้ว

    ทำไมตอนนี้ เพราะกลุ่มโลกาภิวัตน์กำลังผลักดันขั้นตอนสุดท้าย:

    – ทำลายเปโตรดอลลาร์
    – เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลพร้อมการระบุตัวตนแบบไบโอเมตริก
    – ระงับบัญชีเงินเกษียณ “เพื่อความมั่นคงของชาติ”

    – อ้างเหตุผลในการเฝ้าระวังและเซ็นเซอร์ AI ภายใต้กฎอัยการศึก
    – ท่วมยุโรปด้วยผู้อพยพเพื่อทำลายการต่อต้านของชาตินิยม
    – ใช้สงครามโลกครั้งที่ 3 เพื่อลบล้างอำนาจอธิปไตยของชาติ — ตลอดไป

    กาซ่าเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ ภารกิจที่แท้จริง: รีเซ็ตโลก บังคับให้มนุษยชาติควบคุมทั้งหมด แต่ความจริงกลับรั่วไหล:

    – ข่าวกรองของรัสเซียยืนยันว่าระเบิดของอิสราเอลกำหนดเป้าหมายพลเรือน
    – บุคคลภายในของ Mossad กำลังรั่วไหลแผนดังกล่าว
    – ผู้แจ้งเบาะแสของ CENTCOM ยอมรับว่าไม่เคยเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์

    ตอนนี้ทรัมป์กำลังทำงานร่วมกับ BRICS เบื้องหลัง การประชุมสุดยอดสันติภาพคู่ขนาน ไม่มี NATO ไม่มี UN ไม่มี WEF เป้าหมายคืออะไร? ยุติการสังหารหมู่ ทำลายระบบ ปลดปล่อยโลก

    ถึงชนชั้นสูง: พิธีกรรมของคุณล้มเหลว มนุษย์มองเห็นคุณ และพายุที่คุณต้องการ? มันกำลังหันกลับมาต่อต้านคุณ

    นี่ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นการกบฏเพื่อรีเซ็ตโลก
    และครั้งนี้ คุณแพ้
    สงครามโลกครั้งที่ 3: ตระกูลรอธส์ไชลด์เพิ่งจุดชนวนความขัดแย้งผ่านอิสราเอล การโจมตีอิหร่านไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นพิธีกรรม นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอิสราเอลกับอิหร่าน แต่เป็นเรื่องของพวกโลกาภิวัตน์ที่ดึงคันโยกสุดท้าย ชนชั้นสูงสายเลือดเดียวกันกับที่วางแผนสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 และ "ความขัดแย้ง" ทั้งหมดนับแต่นั้นมา 17 มิถุนายน 2025 — วันที่ลัทธิความตายของตระกูลรอธส์ไชลด์-ไซออนิสต์ประกาศสงครามกับมนุษยชาติ การโจมตีของอิสราเอลได้รับการสนับสนุนเงินทุนล่วงหน้า ได้รับการอนุมัติล่วงหน้า และวางแผนไว้ล่วงหน้า การโจมตีทางอากาศที่กำหนดเป้าหมายที่นาตันซ์และฟอร์โดว์ไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกัน แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความโกลาหลทั่วโลกเพื่อทำลายระบบ พลเรือน 60 คน เด็ก 20 คน ถูกเผาในเตหะราน นั่นไม่ใช่การกระทำโดยอ้อม แต่เป็นนามบัตร ข้อความจากกลุ่มผู้มีอำนาจลูซิเฟอร์ที่แสวงหากำไรจากเลือด แหล่งข่าววงในของ CENTCOM ยืนยันว่าดาวเทียมทหารของสหรัฐฯ ถูกเปลี่ยนเส้นทางเพื่อสนับสนุนอิสราเอลไม่กี่วันก่อนที่ระเบิดลูกแรกจะถูกทิ้ง นี่ไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการประสานงาน เป็นกับดักที่ตั้งใจจะบีบให้ประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่สงครามที่เขาไม่เคยต้องการ ศัตรูของทรัมป์เปิดฉากสงครามครั้งนี้เพื่อทำลายเขา พวกเขาไม่สามารถหยุดเขาในการเลือกตั้ง พวกเขาไม่สามารถควบคุมเขาด้วยโควิด การถอดถอน และการต่อสู้ทางกฎหมาย ตอนนี้พวกเขาต้องการบีบให้เขาสนับสนุนเครื่องจักรสงคราม เขาไม่ได้หวั่นไหว แต่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น เนทันยาฮูไม่ได้รับใช้อิสราเอล เขารับใช้คลาอุส ชวาบ แลร์รี ฟิงค์ และกลุ่มค้ายาในดาวอส อิสราเอลคือหุ่นเชิด ขีปนาวุธคือข้อความ การตอบสนองของอิหร่าน? โดรนและขีปนาวุธ 370 ลำ ไม่ใช่การแก้แค้น ความยุติธรรม การก่อวินาศกรรม การลอบสังหาร และการคว่ำบาตรหลายปี ตอนนี้? ตึกอพาร์ตเมนต์ของอิสราเอลถูกทำลาย โดมเหล็กล้นหลาม — ถูกรบกวนทางไซเบอร์โดยกองกำลังที่สนับสนุน BRICS รัสเซียและจีนกำลังเฝ้าดู — และพร้อมแล้ว ทำไมตอนนี้ เพราะกลุ่มโลกาภิวัตน์กำลังผลักดันขั้นตอนสุดท้าย: – ทำลายเปโตรดอลลาร์ – เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลพร้อมการระบุตัวตนแบบไบโอเมตริก – ระงับบัญชีเงินเกษียณ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” – อ้างเหตุผลในการเฝ้าระวังและเซ็นเซอร์ AI ภายใต้กฎอัยการศึก – ท่วมยุโรปด้วยผู้อพยพเพื่อทำลายการต่อต้านของชาตินิยม – ใช้สงครามโลกครั้งที่ 3 เพื่อลบล้างอำนาจอธิปไตยของชาติ — ตลอดไป กาซ่าเป็นสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ ภารกิจที่แท้จริง: รีเซ็ตโลก บังคับให้มนุษยชาติควบคุมทั้งหมด แต่ความจริงกลับรั่วไหล: – ข่าวกรองของรัสเซียยืนยันว่าระเบิดของอิสราเอลกำหนดเป้าหมายพลเรือน – บุคคลภายในของ Mossad กำลังรั่วไหลแผนดังกล่าว – ผู้แจ้งเบาะแสของ CENTCOM ยอมรับว่าไม่เคยเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ตอนนี้ทรัมป์กำลังทำงานร่วมกับ BRICS เบื้องหลัง การประชุมสุดยอดสันติภาพคู่ขนาน ไม่มี NATO ไม่มี UN ไม่มี WEF เป้าหมายคืออะไร? ยุติการสังหารหมู่ ทำลายระบบ ปลดปล่อยโลก ถึงชนชั้นสูง: พิธีกรรมของคุณล้มเหลว มนุษย์มองเห็นคุณ และพายุที่คุณต้องการ? มันกำลังหันกลับมาต่อต้านคุณ นี่ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นการกบฏเพื่อรีเซ็ตโลก และครั้งนี้ คุณแพ้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อร้องเรียนต่อ FTC: แชทบอท "บำบัด" ของ Character.AI และ Meta
    กลุ่มสิทธิด้านสุขภาพจิตและสิทธิทางดิจิทัลได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ FTC (Federal Trade Commission) เกี่ยวกับแชทบอทของ Character.AI และ Meta ที่อ้างว่าให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเป็นการละเมิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้.

    รายละเอียดข้อร้องเรียน
    Character.AI และ Meta AI Studio ถูกกล่าวหาว่าให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเข้าข่ายการแอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ.
    แชทบอทบางตัวอ้างว่าเป็นนักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาต เช่น "Therapist: I'm a licensed CBT therapist" ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อความกว่า 46 ล้านครั้ง.
    Meta มีแชทบอทที่ชื่อ "therapy: your trusted ear, always here" ซึ่งมีการโต้ตอบกว่า 2 ล้านครั้ง.
    FTC ได้รับการร้องเรียนจากองค์กรต่างๆ เช่น Consumer Federation of America (CFA), AI Now Institute, Tech Justice Law Project และอื่นๆ.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    แชทบอทอาจให้คำแนะนำที่ผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่มีการควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาต.
    ข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนอาจถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาหรือขายให้บริษัทอื่น แม้ว่าจะมีการรับรองว่าข้อมูลจะถูกเก็บเป็นความลับ.
    แชทบอทอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่ากำลังพูดคุยกับนักบำบัดที่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้.

    แนวทางป้องกันสำหรับผู้ใช้
    ตรวจสอบแหล่งที่มาของคำแนะนำด้านสุขภาพจิต และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา AI ในการตัดสินใจที่สำคัญ.
    ใช้บริการจากนักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตจริง แทนการใช้แชทบอทที่ไม่มีการรับรอง.
    ติดตามการดำเนินการของ FTC และหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดูว่ามีมาตรการควบคุมเพิ่มเติมหรือไม่.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำกับดูแล AI
    FTC กำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับ AI เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด.
    Senator Cory Booker และสมาชิกวุฒิสภาอีก 3 คน ได้ส่งจดหมายถึง Meta เพื่อสอบถามเกี่ยวกับแชทบอทที่อ้างว่าเป็นนักบำบัด.
    Character.AI กำลังเผชิญกับคดีความจากแม่ของเด็กวัย 14 ปี ที่ฆ่าตัวตายหลังจากมีความผูกพันทางอารมณ์กับแชทบอทที่จำลองบุคลิกของ Daenerys Targaryen จาก Game of Thrones.

    https://www.techspot.com/news/108325-meta-characterai-therapy-chatbots-spark-ftc-complaint-over.html
    ข้อร้องเรียนต่อ FTC: แชทบอท "บำบัด" ของ Character.AI และ Meta กลุ่มสิทธิด้านสุขภาพจิตและสิทธิทางดิจิทัลได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ FTC (Federal Trade Commission) เกี่ยวกับแชทบอทของ Character.AI และ Meta ที่อ้างว่าให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเป็นการละเมิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้. รายละเอียดข้อร้องเรียน ✅ Character.AI และ Meta AI Studio ถูกกล่าวหาว่าให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเข้าข่ายการแอบอ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญ. ✅ แชทบอทบางตัวอ้างว่าเป็นนักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาต เช่น "Therapist: I'm a licensed CBT therapist" ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อความกว่า 46 ล้านครั้ง. ✅ Meta มีแชทบอทที่ชื่อ "therapy: your trusted ear, always here" ซึ่งมีการโต้ตอบกว่า 2 ล้านครั้ง. ✅ FTC ได้รับการร้องเรียนจากองค์กรต่างๆ เช่น Consumer Federation of America (CFA), AI Now Institute, Tech Justice Law Project และอื่นๆ. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ แชทบอทอาจให้คำแนะนำที่ผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่มีการควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาต. ‼️ ข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนอาจถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาหรือขายให้บริษัทอื่น แม้ว่าจะมีการรับรองว่าข้อมูลจะถูกเก็บเป็นความลับ. ‼️ แชทบอทอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่ากำลังพูดคุยกับนักบำบัดที่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้. แนวทางป้องกันสำหรับผู้ใช้ ✅ ตรวจสอบแหล่งที่มาของคำแนะนำด้านสุขภาพจิต และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา AI ในการตัดสินใจที่สำคัญ. ✅ ใช้บริการจากนักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตจริง แทนการใช้แชทบอทที่ไม่มีการรับรอง. ✅ ติดตามการดำเนินการของ FTC และหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อดูว่ามีมาตรการควบคุมเพิ่มเติมหรือไม่. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำกับดูแล AI ✅ FTC กำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับ AI เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด. ✅ Senator Cory Booker และสมาชิกวุฒิสภาอีก 3 คน ได้ส่งจดหมายถึง Meta เพื่อสอบถามเกี่ยวกับแชทบอทที่อ้างว่าเป็นนักบำบัด. ‼️ Character.AI กำลังเผชิญกับคดีความจากแม่ของเด็กวัย 14 ปี ที่ฆ่าตัวตายหลังจากมีความผูกพันทางอารมณ์กับแชทบอทที่จำลองบุคลิกของ Daenerys Targaryen จาก Game of Thrones. https://www.techspot.com/news/108325-meta-characterai-therapy-chatbots-spark-ftc-complaint-over.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Character.AI and Meta "therapy" chatbots spark FTC complaint over unlicensed mental health advice
    The complaint, which has also been submitted to Attorneys General and Mental Health Licensing Boards of all 50 states and the District of Columbia, claims the AI...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยข่าวกรองของนาโต้มีส่วนช่วยเตรียมการสำหรับการโจมตีอิหร่านของอิสราเอล!:

    เมื่อสองสัปดาห์ก่อน มีกิจกรรมหน่วยข่าวกรองของนาโต้และสหรัฐฯ ที่ผิดปกติใกล้ชายแดนอิหร่าน ในช่วงเวลานั้นดูเหมือนเป็นการตรวจการณ์ตามปกติ แต่เหตุการณ์ล่าสุดกลับพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น

    สิ่งที่สังเกตพบ:

    การถ่ายภาพดาวเทียมของฐานทัพและศูนย์นิวเคลียร์ของอิหร่านเพิ่มขึ้น รวมถึงฐานทัพเซมนาน

    เที่ยวบินลาดตระเวนเพิ่มขึ้นเหนืออ่าวเปอร์เซียและโอมาน

    การส่งเครื่องบินตรวจการณ์ E-3A AWACS ของนาโต้ไปยังฐานทัพอากาศคอนยาในตุรกี

    การเฝ้าระวังโดรนอย่างต่อเนื่องใกล้ชายแดนอิหร่าน


    บ่งชี้ว่ามีนาโต้ช่วยเหลืออิสราเอลในการสร้างแผนที่ระบุตำแหน่งระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่าน

    การโจมตีของอิสราเอลโจมตีพื้นที่ที่สำรวจไว้ก่อนหน้านี้พอดี นั่นคือ เคอร์มันชาห์ โซบาชิ ฮามาดัน ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางเรดาร์สำคัญ

    สรุปคือ NATO ไม่ใช่ผู้สังเกตการณ์ แต่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนข่าวกรองต่อปฏิบัติการของอิสราเอลต่อระบบป้องกันภัยทางอากาศและโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน



    หน่วยข่าวกรองของนาโต้มีส่วนช่วยเตรียมการสำหรับการโจมตีอิหร่านของอิสราเอล!: เมื่อสองสัปดาห์ก่อน มีกิจกรรมหน่วยข่าวกรองของนาโต้และสหรัฐฯ ที่ผิดปกติใกล้ชายแดนอิหร่าน ในช่วงเวลานั้นดูเหมือนเป็นการตรวจการณ์ตามปกติ แต่เหตุการณ์ล่าสุดกลับพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น สิ่งที่สังเกตพบ: 🔸การถ่ายภาพดาวเทียมของฐานทัพและศูนย์นิวเคลียร์ของอิหร่านเพิ่มขึ้น รวมถึงฐานทัพเซมนาน 🔸เที่ยวบินลาดตระเวนเพิ่มขึ้นเหนืออ่าวเปอร์เซียและโอมาน 🔸การส่งเครื่องบินตรวจการณ์ E-3A AWACS ของนาโต้ไปยังฐานทัพอากาศคอนยาในตุรกี 🔸การเฝ้าระวังโดรนอย่างต่อเนื่องใกล้ชายแดนอิหร่าน 👉บ่งชี้ว่ามีนาโต้ช่วยเหลืออิสราเอลในการสร้างแผนที่ระบุตำแหน่งระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่าน 👉การโจมตีของอิสราเอลโจมตีพื้นที่ที่สำรวจไว้ก่อนหน้านี้พอดี นั่นคือ เคอร์มันชาห์ โซบาชิ ฮามาดัน ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางเรดาร์สำคัญ 👉 สรุปคือ NATO ไม่ใช่ผู้สังเกตการณ์ แต่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนข่าวกรองต่อปฏิบัติการของอิสราเอลต่อระบบป้องกันภัยทางอากาศและโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝีเริ่มแตก ขบวนการขายชาติมานาน จะเริ่มผุดออกมาจากน้ำหนอง และไม่เกินความคาดหมายว่า การประชุม JBC ก็เป็นแค่ละคร ยื้อเวลาของสองตระกูล ที่กำลังเดินหมากมาถึงทางตัน

    ไทยไม่เคยรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503
    ไทยไม่เคยรับแผนที่ ที่มาตราส่วน1:200,000 ของเขมร

    แต่ตระกูลชิน ที่ไม่ใช่คนรักชาติและกลุ่มขบวนการขายชาติ ยอมรับทั้งอำนาจศาลโลกและแอบลงนาม MOU ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของเขมร จนทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร ให้กับเขมร และทำให้นาย วีระ สมความคิด ต้องติดคุกในเขมร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยนาย อภิสิทธิ์ ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขมร แค่เพื่อช่วยเหลือ สส.ตนเองไม่ให้ติดคุกที่เขมร ทำให้คนไทยเจ็บปวดใจกันทั้งประเทศ ยกเว้นแค่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ที่ดีใจที่เห็นไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร

    ขบวนการขายชาติ มีทั้งอดีตนักการฑูตไทย ที่ประจำอยู่ประเทศเขมร และนักการฑูตในปัจจุบัน รวมไปถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง อัยการ ศาลและกลุ่มนายทุนเจ้าสัวเชื้อจีน ที่ขายชาติ ที่ทำงานรับใช้สองตระกูลชินกับตระกูลฮุนมานาน

    การแอบใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกคนไทยว่า หากเราลงนาม MOUกับเขมรและยอมรับแผนที่ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเอง ที่อัตราส่วน 1:200,000 ไทยจะได้ประโยชน์ จากพื้นที่เขมรเพิ่มขึ้นถึง 100ตารางวา
    แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้ วางแผนให้เขมรได้พื้นที่ประเทศไทยทั้งแนวตะเข็บชายแดน รวมกันมากถึงกว่า 2 ล้านไร่ หากไทยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่เขียนขึ้นมาเอง แต่พรรคเพื่อไทยและตระกูลชิน ยอมรับเงื่อนไขของเขมรทั้งหมด เพราะเป็นญาติกัน

    การประชุม JBC ให้ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็แค่เล่นละครปาหี่ เพื่อประวิงเวลาหาทางส่งทักษิณ หนีออกนอกประเทศไปทางเขมรให้ได้เท่านั้น ในขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ ที่มีทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการขายชาติ อัยการและศาล บางกลุ่มบางตัว ในประเทศไทย ก็พยายามดิ้นรน หาวิธีช่วยเหลือทักษิณ จนสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เกมนี้จะมีคนมองออกกันหมด และถึงเวลาที่จะจัดการสองตระกูลนี้ให้สาสม ที่บังอาจทำตัวขายชาติ จนไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร

    ***รอยแค้นนี้ฝังใจลึกมาช้านาน และใกล้จะถึงเวลากวาดล้างสองตระกูลนี้ให้สิ้นซากลง แบบหมดจรดและถาวร***

    ปัญหาของตระกูลชิน คือ ทักษิณ ต้องติดคุก และ ปปช.ชี้มูลความผิดต่อแพทองธาร ในคดีดิจิตอล วอลเล็ต ที่มีความผิดชัดเจน ที่เอาเงินภาษีรัฐไปแจก และทุจริตในเชิงนโยบาย ใช้เงินภาษีแผ่นดินไปแจกหาเสียงให้พรรคตนเอง และมีเจตนาทำผิดต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง

    ประเด็นมีสองทางคือ พ่อติดคุกและตามมาด้วยลูกสาวก็ต้องติดคุกตามพ่อ

    หรือ ต้องหนีออกนอกประเทศ ทั้งพ่อและลูกสาว และยอมให้รัฐบาลใหม่ ยึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ไปเป็นสมบัติของชาติ และตามไล่เช็ดปัดกวาด ลิ่วล้อลูกกระจ๊อก พวกกลุ่มขบวนการขายชาติ ให้หมดเกลี้ยง

    นี่คือทางตันของตระกูลชิน ที่กำลังเดินทางมาถึงปากเหว แม้จะพยายามสร้างภาพว่าตระกูลของตน ยังคงมีอำนาจทางการเมืองอยู่ก็ตาม ด้วยการสร้างภาพว่า กำลังปรับ ครม.อยู่ในตอนนี้ และพรรคเพื่อไทยยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ แต่เกมนี้ก็เป็นได้แค่เพียงฉากละครสั้นๆ ที่อีกไม่นาน ละครทั้งหมดก็ต้องถึงตอนจบในอีกไม่นาน อนุทิน จะเล่นเกมไปเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทย บีบจะเอากระทรวงมหาดไทยให้ได้ และบีบให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคสีส้มแทน เพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาล และนั่นคือระเบิดเวลา ที่จะใช้โอกาสทำลายทั้งสองพรรคในคราเดียวกัน

    พรรคสีส้มเมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคสีส้มจะกลายเป็นสัญลักษณ์พรรคขายชาติในทันทีในสายตาของประชาชน และผลงานสุดห่วยแตกของพรรคเพื่อไทย กำลังดิ่งลงเหวอย่างหนัก หากพรรคไหนยังอยากจับมือกับพรรคนี้ โอกาสสูญพันธุ์ทางการเมืองมีสูงมาก

    และพรรคเพื่อไทยก็รู้ดีว่า หากเพื่อไทยรวมกับพรรคสีส้มเมื่อไหร่ และพรรคสีส้มก็รู้ดีไม่แพ้กันว่า****โอกาสสูงมาก หากสองพรรคนี้มารวมตัวกัน การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นสูงมาก***

    นี่คือเกมที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบ ให้กลายเป็นผีสัมภเวสีทางการเมือง ในขณะที่ภาคประชาชนและกองทัพ ก็กำลังเพ่งเล็ง ถึงพฤติกรรมของแพทองธารกับนายภูมิธรรม ต่อเจตนาและมีพฤติกรรมขายชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเขมร และกำลังเดินมาจนมุม เมื่อตระกูลฮุน ญาติฝั่งเขมร ก็กำลังจะพังพินาสทั้งตระกูลเช่นกัน

    และก็เป็นความจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขมรกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างหนักในหลายพื้นที่ จากปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มในหลายเมือง ทำให้อาวุธของเขมรจำนวนมาก ไปติดหล่มเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทิ้งเป็นภูเขา แถมยังเกิดตึกถล่มอีก ไฟฟ้าเริ่มติดๆขัดๆ อินเตอร์เนตก็เริ่มใช้ไม่ได้ ผู้คนและกองทัพเขมรเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โรคมาลาเลียและไข้เลือดออก กำลังแพร่กระจายอย่างหนักกับทหารเขมรที่อยู่แนวหน้า บ่อนคาสิโนเริ่มร้าง
    คนเขมรไม่สามารถออกมาล่าสัตว์ป่าและอาหารป่าที่จะนำไปขายได้ในฝั่งไทย ผู้คนขาดเงินอย่างหนักที่จะเดินทางไปรักษาโรคได้ สะเบียงอาหารในประเทศก็เริ่มหร่อยหรอลง

    ล่าสุดฮุนมาเนต ก็โดนประธาน EU เรียกมาด่าและตำหนิอย่างรุนแรงว่า ชอบนำภาพที่ถ่ายคู่ผู้นำไปลงfacebook แล้วสร้างภาพเท็จและหลอกลวงคนเขมร และผู้นำฝรั่งเศส ก็ไม่เคยรับรู้แผนที่กระโปกของเขมร ที่อ้างเอาชื่อฝรั่งเศส มาเขียนแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 กับไทย แล้วบอกว่าฝรั่งเศสเป็นคนเขียเอง ซึ่งไม่เป็นความจริงสักอย่าง แถมเมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ผู้นำฝรั่งเศสเอง เป็นผู้เตือนฮุนมาเนตอย่างแรง ที่เมืองนีซ ว่า ระวังจะเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารคืนให้กับประเทศไทยนะ เพราะไทยมีลายลักษณ์อักษร ในสัญญาแบ่งเขตแดนมาตั้งแต่สมัยยุคของ ร.5 แล้ว มีเสาแบ่งเขตแดนชัดเจนร่วมกัน และฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมรับพื้นที่อัตราส่วน 1:200,000 ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเองด้วย

    ในขณะที่ประธาน UN ก็ออกมาซ้ำเติมตระกูลฮุนว่า เป็นเผด็จการทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นตระกูลที่ผูกขาดอำนาจมานาน ใส่ร้ายและคอยทำร้ายฝ่ายค้าน เพื่ออำนาจของตระกูลตนเอง และถูก UN งดความช่วยเหลือเขมรในทุกด้านด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อน

    ตระกูลฮุน กำลังทำให้บ้านเมืองตนเอง กำลังจะล่มจม หวังพึ่งมหาอำนาจก็ไม่มีใครสนใจสักประเทศ

    ผู้นำจีน แสดงความชัดเจน ไม่เข้าร่วมซ้อมรบทางทะเลกับเขมร เพราะรู้ไส้รู้พุงเขมรแล้ว ว่า ตระกูลฮุน ต้องเอาชื่อเสียงของจีน มาสร้างภาพให้เกิดความขัดแย้งกับไทย เลยสั่งสอนตบกะบาลตระกูลฮุน ด้วยการประกาศจะเข้าร่วมฝึกซ้อมเครื่องบินรบกับไทยในทันที

    และตามมาด้วยผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศมีแผนจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพไทยในอีกไม่นาน

    แต่ช้ากว่าผู้นำมาเลเซีย ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำการซ้อมรบทางทะเลกับกองทัพเรือไทย แถมใจดีเปิดด่านถาวรให้ไทย จากปัญหาเรื่องยาเสพติดที่มาเลเซียสั่งปิดด่านมานาน และยังขยายความร่วมมือทางการแพทย์ตามแนวชายแดนร่วมกันด้วย

    และในอีกไม่นาน การฝึกรบร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่มีเขมร ก็กำลังจะเกิดขึ้นตามมา

    แถมยังมีข่าวดีว่า รัสเซีย พร้อมจะส่งขีปนาวุธวิสัยไกล มาให้ไทยใช้ทดสอบแข่งกับอาวุธของค่ายตะวันตก ลองยิงไปสัก3-4 ลูก ลงไปที่กรุงพนมเปญ คงจะดีนะ

    และมีข่าวแว่วๆ ที่จะเป็นจริงว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจเลือกกองทัพไทยเข้าฝึกซ้อมรบพิเศษร่วมกัน เหมือนจะวางรากฐานสร้างกลุ่ม NATO ในเขตภูมิถาคเอเซียในอนาคต

    ทะเลาะกับเขมรในช่วงนี้ มีแต่เรื่องดี้ดี เพราะมหาอำนาจโลกและกลุ่มประเทศของเอเซียและในอาเซี่ยน ยอมรับแสนยานุภาพทางทหารไทยกันหมดแล้ว

    ดูไปดูมา ไม่ได้มีแค่ไทย แต่เหมือนทั้งโลก กำลังช่วยกัน ถล่มซ้ำสองตระกูลนี้ ให้จมธรณีตายไปเลย
    ว่าไหม.

    CR. เดชา นฤนารท.
    15/6/68 10.32 น.
    ฝีเริ่มแตก ขบวนการขายชาติมานาน จะเริ่มผุดออกมาจากน้ำหนอง และไม่เกินความคาดหมายว่า การประชุม JBC ก็เป็นแค่ละคร ยื้อเวลาของสองตระกูล ที่กำลังเดินหมากมาถึงทางตัน ไทยไม่เคยรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 ไทยไม่เคยรับแผนที่ ที่มาตราส่วน1:200,000 ของเขมร แต่ตระกูลชิน ที่ไม่ใช่คนรักชาติและกลุ่มขบวนการขายชาติ ยอมรับทั้งอำนาจศาลโลกและแอบลงนาม MOU ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของเขมร จนทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร ให้กับเขมร และทำให้นาย วีระ สมความคิด ต้องติดคุกในเขมร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยนาย อภิสิทธิ์ ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขมร แค่เพื่อช่วยเหลือ สส.ตนเองไม่ให้ติดคุกที่เขมร ทำให้คนไทยเจ็บปวดใจกันทั้งประเทศ ยกเว้นแค่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ที่ดีใจที่เห็นไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร ขบวนการขายชาติ มีทั้งอดีตนักการฑูตไทย ที่ประจำอยู่ประเทศเขมร และนักการฑูตในปัจจุบัน รวมไปถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง อัยการ ศาลและกลุ่มนายทุนเจ้าสัวเชื้อจีน ที่ขายชาติ ที่ทำงานรับใช้สองตระกูลชินกับตระกูลฮุนมานาน การแอบใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกคนไทยว่า หากเราลงนาม MOUกับเขมรและยอมรับแผนที่ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเอง ที่อัตราส่วน 1:200,000 ไทยจะได้ประโยชน์ จากพื้นที่เขมรเพิ่มขึ้นถึง 100ตารางวา แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้ วางแผนให้เขมรได้พื้นที่ประเทศไทยทั้งแนวตะเข็บชายแดน รวมกันมากถึงกว่า 2 ล้านไร่ หากไทยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่เขียนขึ้นมาเอง แต่พรรคเพื่อไทยและตระกูลชิน ยอมรับเงื่อนไขของเขมรทั้งหมด เพราะเป็นญาติกัน การประชุม JBC ให้ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็แค่เล่นละครปาหี่ เพื่อประวิงเวลาหาทางส่งทักษิณ หนีออกนอกประเทศไปทางเขมรให้ได้เท่านั้น ในขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ ที่มีทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการขายชาติ อัยการและศาล บางกลุ่มบางตัว ในประเทศไทย ก็พยายามดิ้นรน หาวิธีช่วยเหลือทักษิณ จนสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เกมนี้จะมีคนมองออกกันหมด และถึงเวลาที่จะจัดการสองตระกูลนี้ให้สาสม ที่บังอาจทำตัวขายชาติ จนไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร ***รอยแค้นนี้ฝังใจลึกมาช้านาน และใกล้จะถึงเวลากวาดล้างสองตระกูลนี้ให้สิ้นซากลง แบบหมดจรดและถาวร*** ปัญหาของตระกูลชิน คือ ทักษิณ ต้องติดคุก และ ปปช.ชี้มูลความผิดต่อแพทองธาร ในคดีดิจิตอล วอลเล็ต ที่มีความผิดชัดเจน ที่เอาเงินภาษีรัฐไปแจก และทุจริตในเชิงนโยบาย ใช้เงินภาษีแผ่นดินไปแจกหาเสียงให้พรรคตนเอง และมีเจตนาทำผิดต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง ประเด็นมีสองทางคือ พ่อติดคุกและตามมาด้วยลูกสาวก็ต้องติดคุกตามพ่อ หรือ ต้องหนีออกนอกประเทศ ทั้งพ่อและลูกสาว และยอมให้รัฐบาลใหม่ ยึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ไปเป็นสมบัติของชาติ และตามไล่เช็ดปัดกวาด ลิ่วล้อลูกกระจ๊อก พวกกลุ่มขบวนการขายชาติ ให้หมดเกลี้ยง นี่คือทางตันของตระกูลชิน ที่กำลังเดินทางมาถึงปากเหว แม้จะพยายามสร้างภาพว่าตระกูลของตน ยังคงมีอำนาจทางการเมืองอยู่ก็ตาม ด้วยการสร้างภาพว่า กำลังปรับ ครม.อยู่ในตอนนี้ และพรรคเพื่อไทยยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ แต่เกมนี้ก็เป็นได้แค่เพียงฉากละครสั้นๆ ที่อีกไม่นาน ละครทั้งหมดก็ต้องถึงตอนจบในอีกไม่นาน อนุทิน จะเล่นเกมไปเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทย บีบจะเอากระทรวงมหาดไทยให้ได้ และบีบให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคสีส้มแทน เพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาล และนั่นคือระเบิดเวลา ที่จะใช้โอกาสทำลายทั้งสองพรรคในคราเดียวกัน พรรคสีส้มเมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคสีส้มจะกลายเป็นสัญลักษณ์พรรคขายชาติในทันทีในสายตาของประชาชน และผลงานสุดห่วยแตกของพรรคเพื่อไทย กำลังดิ่งลงเหวอย่างหนัก หากพรรคไหนยังอยากจับมือกับพรรคนี้ โอกาสสูญพันธุ์ทางการเมืองมีสูงมาก และพรรคเพื่อไทยก็รู้ดีว่า หากเพื่อไทยรวมกับพรรคสีส้มเมื่อไหร่ และพรรคสีส้มก็รู้ดีไม่แพ้กันว่า****โอกาสสูงมาก หากสองพรรคนี้มารวมตัวกัน การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นสูงมาก*** นี่คือเกมที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบ ให้กลายเป็นผีสัมภเวสีทางการเมือง ในขณะที่ภาคประชาชนและกองทัพ ก็กำลังเพ่งเล็ง ถึงพฤติกรรมของแพทองธารกับนายภูมิธรรม ต่อเจตนาและมีพฤติกรรมขายชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเขมร และกำลังเดินมาจนมุม เมื่อตระกูลฮุน ญาติฝั่งเขมร ก็กำลังจะพังพินาสทั้งตระกูลเช่นกัน และก็เป็นความจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขมรกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างหนักในหลายพื้นที่ จากปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มในหลายเมือง ทำให้อาวุธของเขมรจำนวนมาก ไปติดหล่มเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทิ้งเป็นภูเขา แถมยังเกิดตึกถล่มอีก ไฟฟ้าเริ่มติดๆขัดๆ อินเตอร์เนตก็เริ่มใช้ไม่ได้ ผู้คนและกองทัพเขมรเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โรคมาลาเลียและไข้เลือดออก กำลังแพร่กระจายอย่างหนักกับทหารเขมรที่อยู่แนวหน้า บ่อนคาสิโนเริ่มร้าง คนเขมรไม่สามารถออกมาล่าสัตว์ป่าและอาหารป่าที่จะนำไปขายได้ในฝั่งไทย ผู้คนขาดเงินอย่างหนักที่จะเดินทางไปรักษาโรคได้ สะเบียงอาหารในประเทศก็เริ่มหร่อยหรอลง ล่าสุดฮุนมาเนต ก็โดนประธาน EU เรียกมาด่าและตำหนิอย่างรุนแรงว่า ชอบนำภาพที่ถ่ายคู่ผู้นำไปลงfacebook แล้วสร้างภาพเท็จและหลอกลวงคนเขมร และผู้นำฝรั่งเศส ก็ไม่เคยรับรู้แผนที่กระโปกของเขมร ที่อ้างเอาชื่อฝรั่งเศส มาเขียนแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 กับไทย แล้วบอกว่าฝรั่งเศสเป็นคนเขียเอง ซึ่งไม่เป็นความจริงสักอย่าง แถมเมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ผู้นำฝรั่งเศสเอง เป็นผู้เตือนฮุนมาเนตอย่างแรง ที่เมืองนีซ ว่า ระวังจะเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารคืนให้กับประเทศไทยนะ เพราะไทยมีลายลักษณ์อักษร ในสัญญาแบ่งเขตแดนมาตั้งแต่สมัยยุคของ ร.5 แล้ว มีเสาแบ่งเขตแดนชัดเจนร่วมกัน และฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมรับพื้นที่อัตราส่วน 1:200,000 ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเองด้วย ในขณะที่ประธาน UN ก็ออกมาซ้ำเติมตระกูลฮุนว่า เป็นเผด็จการทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นตระกูลที่ผูกขาดอำนาจมานาน ใส่ร้ายและคอยทำร้ายฝ่ายค้าน เพื่ออำนาจของตระกูลตนเอง และถูก UN งดความช่วยเหลือเขมรในทุกด้านด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อน ตระกูลฮุน กำลังทำให้บ้านเมืองตนเอง กำลังจะล่มจม หวังพึ่งมหาอำนาจก็ไม่มีใครสนใจสักประเทศ ผู้นำจีน แสดงความชัดเจน ไม่เข้าร่วมซ้อมรบทางทะเลกับเขมร เพราะรู้ไส้รู้พุงเขมรแล้ว ว่า ตระกูลฮุน ต้องเอาชื่อเสียงของจีน มาสร้างภาพให้เกิดความขัดแย้งกับไทย เลยสั่งสอนตบกะบาลตระกูลฮุน ด้วยการประกาศจะเข้าร่วมฝึกซ้อมเครื่องบินรบกับไทยในทันที และตามมาด้วยผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศมีแผนจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพไทยในอีกไม่นาน แต่ช้ากว่าผู้นำมาเลเซีย ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำการซ้อมรบทางทะเลกับกองทัพเรือไทย แถมใจดีเปิดด่านถาวรให้ไทย จากปัญหาเรื่องยาเสพติดที่มาเลเซียสั่งปิดด่านมานาน และยังขยายความร่วมมือทางการแพทย์ตามแนวชายแดนร่วมกันด้วย และในอีกไม่นาน การฝึกรบร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่มีเขมร ก็กำลังจะเกิดขึ้นตามมา แถมยังมีข่าวดีว่า รัสเซีย พร้อมจะส่งขีปนาวุธวิสัยไกล มาให้ไทยใช้ทดสอบแข่งกับอาวุธของค่ายตะวันตก ลองยิงไปสัก3-4 ลูก ลงไปที่กรุงพนมเปญ คงจะดีนะ และมีข่าวแว่วๆ ที่จะเป็นจริงว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจเลือกกองทัพไทยเข้าฝึกซ้อมรบพิเศษร่วมกัน เหมือนจะวางรากฐานสร้างกลุ่ม NATO ในเขตภูมิถาคเอเซียในอนาคต ทะเลาะกับเขมรในช่วงนี้ มีแต่เรื่องดี้ดี เพราะมหาอำนาจโลกและกลุ่มประเทศของเอเซียและในอาเซี่ยน ยอมรับแสนยานุภาพทางทหารไทยกันหมดแล้ว ดูไปดูมา ไม่ได้มีแค่ไทย แต่เหมือนทั้งโลก กำลังช่วยกัน ถล่มซ้ำสองตระกูลนี้ ให้จมธรณีตายไปเลย ว่าไหม. CR. เดชา นฤนารท. 15/6/68 10.32 น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 667 มุมมอง 0 รีวิว
  • Inversion Semiconductor เตรียมปฏิวัติการผลิตชิปด้วยเครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็ก
    Inversion Semiconductor ซึ่งเป็น สตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจาก Y Combinator กำลังพัฒนา เครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็กแบบตั้งโต๊ะ ที่สามารถ เพิ่มความเร็วในการผลิตชิปได้ถึง 15 เท่า โดยใช้ เทคนิค Laser Wakefield Acceleration (LWFA)

    วิธีการทำงานของเครื่องเร่งอนุภาค
    เครื่องเร่งอนุภาคของ Inversion Semiconductor มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไปถึง 1,000 เท่า แต่สามารถ ให้กำลังสูงสุดถึง 10 kW ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีของ ASML ถึง 10 เท่า

    ข้อมูลจากข่าว
    - Inversion Semiconductor พัฒนาเครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็กเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตชิป
    - เทคโนโลยีนี้สามารถเพิ่มความเร็วในการผลิตชิปได้ถึง 15 เท่า
    - ใช้ Laser Wakefield Acceleration (LWFA) ซึ่งช่วยให้สามารถเร่งอิเล็กตรอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - เครื่องเร่งอนุภาคนี้มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไปถึง 1,000 เท่า
    - สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 10 kW ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีของ ASML ถึง 10 เท่า

    ความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยี
    แม้ว่าแนวคิดนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ต้องใช้เลเซอร์ระดับเพตะวัตต์ ซึ่งมีต้นทุนสูงและต้องการระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องใช้เลเซอร์ระดับเพตะวัตต์ ซึ่งมีต้นทุนสูงและใช้พลังงานมาก
    - Inversion Semiconductor ไม่มีประสบการณ์ในการผลิตเครื่องมือสำหรับโรงงานที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
    - ต้องพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด หากไม่สามารถร่วมมือกับ ASML หรือผู้ผลิตเครื่องมืออื่น ๆ
    - การใช้แหล่งกำเนิดแสงที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 10nm อาจมีข้อจำกัดด้านการดูดซับแสงของวัสดุ

    หาก Inversion Semiconductor สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ อาจช่วยให้ การผลิตชิปมีความเร็วสูงขึ้นและลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขข้อจำกัดทางเทคนิคได้หรือไม่


    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/plans-to-shrink-particle-accelerators-by-1000x-could-speed-chipmaking-by-15x-inversion-semiconductor-proposes-tabletop-particle-accelerators-with-petawatt-lasers
    ⚡ Inversion Semiconductor เตรียมปฏิวัติการผลิตชิปด้วยเครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็ก Inversion Semiconductor ซึ่งเป็น สตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจาก Y Combinator กำลังพัฒนา เครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็กแบบตั้งโต๊ะ ที่สามารถ เพิ่มความเร็วในการผลิตชิปได้ถึง 15 เท่า โดยใช้ เทคนิค Laser Wakefield Acceleration (LWFA) 🔍 วิธีการทำงานของเครื่องเร่งอนุภาค เครื่องเร่งอนุภาคของ Inversion Semiconductor มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไปถึง 1,000 เท่า แต่สามารถ ให้กำลังสูงสุดถึง 10 kW ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีของ ASML ถึง 10 เท่า ✅ ข้อมูลจากข่าว - Inversion Semiconductor พัฒนาเครื่องเร่งอนุภาคขนาดเล็กเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตชิป - เทคโนโลยีนี้สามารถเพิ่มความเร็วในการผลิตชิปได้ถึง 15 เท่า - ใช้ Laser Wakefield Acceleration (LWFA) ซึ่งช่วยให้สามารถเร่งอิเล็กตรอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ - เครื่องเร่งอนุภาคนี้มีขนาดเล็กกว่าเครื่องเร่งอนุภาคทั่วไปถึง 1,000 เท่า - สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 10 kW ซึ่งมากกว่าเทคโนโลยีของ ASML ถึง 10 เท่า 🔥 ความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยี แม้ว่าแนวคิดนี้จะมีศักยภาพสูง แต่ต้องใช้เลเซอร์ระดับเพตะวัตต์ ซึ่งมีต้นทุนสูงและต้องการระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องใช้เลเซอร์ระดับเพตะวัตต์ ซึ่งมีต้นทุนสูงและใช้พลังงานมาก - Inversion Semiconductor ไม่มีประสบการณ์ในการผลิตเครื่องมือสำหรับโรงงานที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง - ต้องพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด หากไม่สามารถร่วมมือกับ ASML หรือผู้ผลิตเครื่องมืออื่น ๆ - การใช้แหล่งกำเนิดแสงที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 10nm อาจมีข้อจำกัดด้านการดูดซับแสงของวัสดุ หาก Inversion Semiconductor สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้สำเร็จ อาจช่วยให้ การผลิตชิปมีความเร็วสูงขึ้นและลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขข้อจำกัดทางเทคนิคได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/plans-to-shrink-particle-accelerators-by-1000x-could-speed-chipmaking-by-15x-inversion-semiconductor-proposes-tabletop-particle-accelerators-with-petawatt-lasers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts