• นอกจาก “แร่หายาก” 7 ชนิด ที่จีนใช้เป็นอาวุธในการตอบโต้ทรัมป์ จีนยังได้ประกาศยกเลิกการสั่งเนื้อวัวจากสหรัฐ และหันไปซื้อจากออสเตรเลียสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งจีนผลิตได้ประมาณ 70% ของโลก ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยแร่หายากทั้ง 7 ชนิด ได้แก่:

    👉Samarium (ซาแมเรียม) ใช้ในแม่เหล็ก (magnets), เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (nuclear reactors), และการรักษามะเร็ง (cancer treatments)

    👉Gadolinium (แกโดลิเนียม) ใช้ในตัวแทนความคมชัดของ MRI (MRI contrast agents), การป้องกันรังสีนิวเคลียร์ (nuclear shielding), และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics)

    👉Terbium (เทอร์เบียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในระบบแสงสว่าง (phosphors in lighting), จอแสดงผล (displays), และการผลิตแม่เหล็ก (magnet production)

    👉Dysprosium (ดิสโพรเซียม) ใช้ในแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (high-performance magnets for electric vehicles) และกังหันลม (wind turbines)

    👉Lutetium (ลูทีเซียม) ใช้ในการถ่ายภาพทางการแพทย์ (medical imaging), การรักษามะเร็ง (cancer therapy), และตัวเร่งปฏิกิริยา (catalysts)

    👉Scandium (สแกนเดียม) ใช้ในเพิ่มความแข็งแรงในโลหะผสมอะลูมิเนียมสำหรับการบินและอวกาศ (enhances strength in aluminum alloys for aerospace) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics)

    👉Yttrium (อิตเทรียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในไฟ LED (phosphors in LEDs), เลเซอร์ (lasers), และตัวนำยิ่งยวด (superconductors)

    นอกจากนี้ จีนเพิ่งลงนามข้อตกลงกับออสเตรเลียในการนำเข้าเนื้อวัวมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญ แต่ราคาเนื้อวัวของออสเตรเลียมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจีนจะสามารถรักษาราคาเนื้อวัวในประเทศให้อนู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อประชาชนได้หรือไม่
    นอกจาก “แร่หายาก” 7 ชนิด ที่จีนใช้เป็นอาวุธในการตอบโต้ทรัมป์ จีนยังได้ประกาศยกเลิกการสั่งเนื้อวัวจากสหรัฐ และหันไปซื้อจากออสเตรเลียสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งจีนผลิตได้ประมาณ 70% ของโลก ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยแร่หายากทั้ง 7 ชนิด ได้แก่: 👉Samarium (ซาแมเรียม) ใช้ในแม่เหล็ก (magnets), เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (nuclear reactors), และการรักษามะเร็ง (cancer treatments) 👉Gadolinium (แกโดลิเนียม) ใช้ในตัวแทนความคมชัดของ MRI (MRI contrast agents), การป้องกันรังสีนิวเคลียร์ (nuclear shielding), และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics) 👉Terbium (เทอร์เบียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในระบบแสงสว่าง (phosphors in lighting), จอแสดงผล (displays), และการผลิตแม่เหล็ก (magnet production) 👉Dysprosium (ดิสโพรเซียม) ใช้ในแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (high-performance magnets for electric vehicles) และกังหันลม (wind turbines) 👉Lutetium (ลูทีเซียม) ใช้ในการถ่ายภาพทางการแพทย์ (medical imaging), การรักษามะเร็ง (cancer therapy), และตัวเร่งปฏิกิริยา (catalysts) 👉Scandium (สแกนเดียม) ใช้ในเพิ่มความแข็งแรงในโลหะผสมอะลูมิเนียมสำหรับการบินและอวกาศ (enhances strength in aluminum alloys for aerospace) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics) 👉Yttrium (อิตเทรียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในไฟ LED (phosphors in LEDs), เลเซอร์ (lasers), และตัวนำยิ่งยวด (superconductors) นอกจากนี้ จีนเพิ่งลงนามข้อตกลงกับออสเตรเลียในการนำเข้าเนื้อวัวมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญ แต่ราคาเนื้อวัวของออสเตรเลียมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจีนจะสามารถรักษาราคาเนื้อวัวในประเทศให้อนู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อประชาชนได้หรือไม่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ
    .
    ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน
    ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง
    รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน
    โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain
    ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย
    อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
    นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน
    แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน
    แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด
    ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต
    อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan
    โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2%
    แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก
    Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา
    หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่
    1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน
    2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น
    3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์
    4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho
    5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์
    6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน
    7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ
    ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก
    ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก
    พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง
    ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย
    แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด


    อ้างอิง :
    • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    https://www.bbc.com/thai/international-53264790
    • EarthRights International, Global Witness
    Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ . ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2% แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่ 1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน 2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น 3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์ 4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho 5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์ 6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน 7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด อ้างอิง : • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ • https://www.bbc.com/thai/international-53264790 • EarthRights International, Global Witness
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Monash ในออสเตรเลียได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยกำจัดสารเคมี PFAS หรือที่เรียกว่า "สารเคมีตลอดกาล" ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่:
    - ทีมวิจัยได้ออกแบบเมมเบรนกราฟีนที่สามารถกรองสาร PFAS ออกจากน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถกำจัดสาร PFAS ได้มากกว่า 90% ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับเมมเบรนแบบเดิมที่กำจัดได้เพียง 35%.
    - เมมเบรนนี้ใช้ความสัมพันธ์ทางเคมีเฉพาะเพื่อจับสาร PFAS แม้ในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และยังคงรักษาการไหลของน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

    ✅ ความสำคัญของ PFAS:
    - PFAS เป็นสารเคมีที่มีพันธะคาร์บอน-ฟลูออรีนที่แข็งแรงและมีอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้สารเหล่านี้สามารถปนเปื้อนในน้ำใต้ดินและส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ เช่น การพัฒนาที่ผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก และมะเร็ง.
    - สาร PFAS ถูกใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในกระบวนการผลิตชิป เช่น การใช้ในของเหลว photoresist และก๊าซในห้องแกะสลัก.

    ✅ การนำเทคโนโลยีไปใช้ในอนาคต:
    - Monash University มีความร่วมมือกับ NematiQ ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตกราฟีน เพื่อช่วยนำเมมเบรนนี้เข้าสู่ตลาดในระดับใหญ่.
    - เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การบำบัดน้ำเสียจากโรงงานและการจัดการน้ำจากหลุมฝังกลบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/researchers-make-breakthrough-in-cleaning-up-the-forever-chemicals-used-in-chip-manufacturing
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Monash ในออสเตรเลียได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยกำจัดสารเคมี PFAS หรือที่เรียกว่า "สารเคมีตลอดกาล" ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่: - ทีมวิจัยได้ออกแบบเมมเบรนกราฟีนที่สามารถกรองสาร PFAS ออกจากน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถกำจัดสาร PFAS ได้มากกว่า 90% ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับเมมเบรนแบบเดิมที่กำจัดได้เพียง 35%. - เมมเบรนนี้ใช้ความสัมพันธ์ทางเคมีเฉพาะเพื่อจับสาร PFAS แม้ในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และยังคงรักษาการไหลของน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ. ✅ ความสำคัญของ PFAS: - PFAS เป็นสารเคมีที่มีพันธะคาร์บอน-ฟลูออรีนที่แข็งแรงและมีอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้สารเหล่านี้สามารถปนเปื้อนในน้ำใต้ดินและส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ เช่น การพัฒนาที่ผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก และมะเร็ง. - สาร PFAS ถูกใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในกระบวนการผลิตชิป เช่น การใช้ในของเหลว photoresist และก๊าซในห้องแกะสลัก. ✅ การนำเทคโนโลยีไปใช้ในอนาคต: - Monash University มีความร่วมมือกับ NematiQ ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตกราฟีน เพื่อช่วยนำเมมเบรนนี้เข้าสู่ตลาดในระดับใหญ่. - เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การบำบัดน้ำเสียจากโรงงานและการจัดการน้ำจากหลุมฝังกลบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/researchers-make-breakthrough-in-cleaning-up-the-forever-chemicals-used-in-chip-manufacturing
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Researchers make breakthrough in cleaning up the 'forever chemicals' used in chip manufacturing
    The semiconductor industry is among the worst offenders in PFAS use and pollution.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก National Cyber Security Center (NCSC) ของสหราชอาณาจักร ร่วมกับหน่วยงานในออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ เผยว่าแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนเป็นแอปทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น Audio Quran และ TibetOne ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแฝงสปายแวร์เพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลจีน

    🌐 รายละเอียดของแอปพลิเคชันที่แฝงสปายแวร์:
    - 📍 การรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์: สปายแวร์ที่ชื่อ BADBAZAAR และ MOONSHINE สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง, เสียง, วิดีโอ, ไฟล์ในอุปกรณ์, ข้อความ SMS และบันทึกการโทร
    - 📱 การปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันทางศาสนาและวัฒนธรรม: แอปเหล่านี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนแอปที่มีประโยชน์ เช่น การแชร์ภาพและบทความเกี่ยวกับวัฒนธรรมทิเบต

    ⚠️ ผลกระทบต่อชุมชนและองค์กร:
    - 🌏 การติดตามกิจกรรม: แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังใช้ในการติดตามกิจกรรมของกลุ่มองค์กรในสังคมพลเมือง
    - 🔒 การแพร่กระจาย: แอปถูกแชร์ผ่านฟอรัมที่ชุมชนเป้าหมายใช้งาน และต้องติดตั้งผ่านไฟล์ .apk เนื่องจากไม่สามารถผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของ Google Play Store

    https://www.techradar.com/pro/security/spyware-combing-for-data-of-use-to-china-hidden-inside-religious-and-cultural-apps
    รายงานจาก National Cyber Security Center (NCSC) ของสหราชอาณาจักร ร่วมกับหน่วยงานในออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ เผยว่าแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนเป็นแอปทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น Audio Quran และ TibetOne ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแฝงสปายแวร์เพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลจีน 🌐 รายละเอียดของแอปพลิเคชันที่แฝงสปายแวร์: - 📍 การรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์: สปายแวร์ที่ชื่อ BADBAZAAR และ MOONSHINE สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง, เสียง, วิดีโอ, ไฟล์ในอุปกรณ์, ข้อความ SMS และบันทึกการโทร - 📱 การปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันทางศาสนาและวัฒนธรรม: แอปเหล่านี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนแอปที่มีประโยชน์ เช่น การแชร์ภาพและบทความเกี่ยวกับวัฒนธรรมทิเบต ⚠️ ผลกระทบต่อชุมชนและองค์กร: - 🌏 การติดตามกิจกรรม: แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังใช้ในการติดตามกิจกรรมของกลุ่มองค์กรในสังคมพลเมือง - 🔒 การแพร่กระจาย: แอปถูกแชร์ผ่านฟอรัมที่ชุมชนเป้าหมายใช้งาน และต้องติดตั้งผ่านไฟล์ .apk เนื่องจากไม่สามารถผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของ Google Play Store https://www.techradar.com/pro/security/spyware-combing-for-data-of-use-to-china-hidden-inside-religious-and-cultural-apps
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดตัว Windows 365 Link ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Thin Client ที่ออกแบบมาเพื่อให้การเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ Windows 365 เป็นไปอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับการใช้งานในระดับองค์กร โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยและความเรียบง่ายเป็นสำคัญ

    ✅ อุปกรณ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการเข้าถึงคลาวด์
    - Windows 365 Link เป็นอุปกรณ์ที่ ไม่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลภายใน แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึง Windows 365 Cloud PC จากระยะไกลได้ทันที
    - อุปกรณ์นี้สามารถ เล่นวิดีโอคุณภาพสูงในระหว่างการประชุม โดยประมวลผลบนเครื่องได้โดยตรง

    ✅ คุณสมบัติด้านความปลอดภัยสูงสุด
    - มาพร้อมเทคโนโลยี Secure Boot, Trusted Platform Module (TPM), BitLocker, และ Hypervisor Code Integrity ที่เปิดใช้งานแบบถาวรเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    - การจัดการทำได้ผ่าน Microsoft Intune ทำให้การติดตั้งและควบคุมอุปกรณ์ Thin Client เป็นไปอย่างง่ายดาย

    ✅ ใช้งานในหลายประเทศ
    - Windows 365 Link พร้อมวางจำหน่ายแล้วใน สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์
    - ราคาในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ $350 โดยเน้นการใช้งานสำหรับองค์กร ไม่ใช่ผู้บริโภคทั่วไป

    ✅ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการลดความซับซ้อนของระบบ IT
    - Thin Client นี้ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยองค์กรสามารถเลือกใช้อุปกรณ์นี้ควบคู่กับ Windows 365 Cloud PC ได้ทันที
    - นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง Cloud PC ผ่าน เว็บเบราว์เซอร์ หรือแอป Windows โดยไม่จำเป็นต้องรีบใช้อุปกรณ์ใหม่

    https://www.techspot.com/news/107421-microsoft-350-windows-365-link-cloud-client-now.html
    Microsoft เปิดตัว Windows 365 Link ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Thin Client ที่ออกแบบมาเพื่อให้การเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ Windows 365 เป็นไปอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับการใช้งานในระดับองค์กร โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยและความเรียบง่ายเป็นสำคัญ ✅ อุปกรณ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการเข้าถึงคลาวด์ - Windows 365 Link เป็นอุปกรณ์ที่ ไม่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลภายใน แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึง Windows 365 Cloud PC จากระยะไกลได้ทันที - อุปกรณ์นี้สามารถ เล่นวิดีโอคุณภาพสูงในระหว่างการประชุม โดยประมวลผลบนเครื่องได้โดยตรง ✅ คุณสมบัติด้านความปลอดภัยสูงสุด - มาพร้อมเทคโนโลยี Secure Boot, Trusted Platform Module (TPM), BitLocker, และ Hypervisor Code Integrity ที่เปิดใช้งานแบบถาวรเพื่อเพิ่มความปลอดภัย - การจัดการทำได้ผ่าน Microsoft Intune ทำให้การติดตั้งและควบคุมอุปกรณ์ Thin Client เป็นไปอย่างง่ายดาย ✅ ใช้งานในหลายประเทศ - Windows 365 Link พร้อมวางจำหน่ายแล้วใน สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ - ราคาในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ $350 โดยเน้นการใช้งานสำหรับองค์กร ไม่ใช่ผู้บริโภคทั่วไป ✅ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการลดความซับซ้อนของระบบ IT - Thin Client นี้ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยองค์กรสามารถเลือกใช้อุปกรณ์นี้ควบคู่กับ Windows 365 Cloud PC ได้ทันที - นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง Cloud PC ผ่าน เว็บเบราว์เซอร์ หรือแอป Windows โดยไม่จำเป็นต้องรีบใช้อุปกรณ์ใหม่ https://www.techspot.com/news/107421-microsoft-350-windows-365-link-cloud-client-now.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft's $350 Windows 365 Link cloud client is now available
    Microsoft announced the Windows 365 Link in November and is now beginning to offer the new device to customers in select markets. Link is the first custom...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยข่าวกรองระดับโลกที่ประกอบด้วย สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ออกคำเตือนถึงภัยคุกคามด้านความมั่นคงไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Fast Flux DNS ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถซ่อนตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นอันตราย โดยเทคนิคนี้กำลังกลายเป็นช่องโหว่ในเครือข่ายขนาดใหญ่ และถูกระบุว่าเป็น ภัยคุกคามระดับความมั่นคงของชาติ

    ✅ Fast Flux DNS—เทคนิคที่แฮกเกอร์ใช้ปกปิดตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์
    - Fast Flux ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ Command and Control (C2) เปลี่ยน DNS records อย่างรวดเร็ว
    - เทคนิคนี้ทำให้การติดตามตำแหน่งแหล่งมัลแวร์ทำได้ยาก และกลายเป็น ช่องว่างสำคัญในระบบเครือข่าย

    ✅ ความยากในการแยกแยะระหว่างการใช้งานจริงและภัยคุกคาม
    - พฤติกรรมบางอย่างใน Content Delivery Network (CDN) อาจมีลักษณะคล้าย Fast Flux
    - แนวทางป้องกันจำเป็นต้องใช้ Protective DNS services (PDNS) และการทำ Whitelist สำหรับบริการ CDN

    ✅ แนะนำมาตรการป้องกัน Fast Flux DNS
    - ใช้บริการ PDNS และระบบไซเบอร์ที่สามารถตรวจจับและบล็อกพฤติกรรม Fast Flux
    - วิเคราะห์ลักษณะ DNS query logs เพื่อค้นหาโดเมนที่มีความหลากหลายของ IP address หรือมี TTL (Time to Live) ต่ำผิดปกติ
    - ตรวจสอบ DNS resolution เพื่อค้นหาความไม่สอดคล้องในตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

    ✅ การฝึกอบรมเพื่อป้องกันภัยฟิชชิ่งที่เกี่ยวข้องกับ Fast Flux
    - เนื่องจากการโจมตี Fast Flux มักเชื่อมโยงกับฟิชชิ่ง การฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันฟิชชิ่ง และตรวจสอบอีเมลหรือลิงก์ที่น่าสงสัย เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกัน

    ✅ ความจำเป็นที่ต้องพัฒนาความร่วมมือระดับนานาชาติ
    - ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, ผู้ผลิตอุปกรณ์ไซเบอร์ และองค์กรต่าง ๆ ควรร่วมมือกันพัฒนาโซลูชันที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้

    https://www.csoonline.com/article/3954873/cyber-agencies-urge-organizations-to-collaborate-to-stop-fast-flux-dns-attacks.html
    หน่วยข่าวกรองระดับโลกที่ประกอบด้วย สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ออกคำเตือนถึงภัยคุกคามด้านความมั่นคงไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Fast Flux DNS ซึ่งเปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถซ่อนตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นอันตราย โดยเทคนิคนี้กำลังกลายเป็นช่องโหว่ในเครือข่ายขนาดใหญ่ และถูกระบุว่าเป็น ภัยคุกคามระดับความมั่นคงของชาติ ✅ Fast Flux DNS—เทคนิคที่แฮกเกอร์ใช้ปกปิดตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ - Fast Flux ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ Command and Control (C2) เปลี่ยน DNS records อย่างรวดเร็ว - เทคนิคนี้ทำให้การติดตามตำแหน่งแหล่งมัลแวร์ทำได้ยาก และกลายเป็น ช่องว่างสำคัญในระบบเครือข่าย ✅ ความยากในการแยกแยะระหว่างการใช้งานจริงและภัยคุกคาม - พฤติกรรมบางอย่างใน Content Delivery Network (CDN) อาจมีลักษณะคล้าย Fast Flux - แนวทางป้องกันจำเป็นต้องใช้ Protective DNS services (PDNS) และการทำ Whitelist สำหรับบริการ CDN ✅ แนะนำมาตรการป้องกัน Fast Flux DNS - ใช้บริการ PDNS และระบบไซเบอร์ที่สามารถตรวจจับและบล็อกพฤติกรรม Fast Flux - วิเคราะห์ลักษณะ DNS query logs เพื่อค้นหาโดเมนที่มีความหลากหลายของ IP address หรือมี TTL (Time to Live) ต่ำผิดปกติ - ตรวจสอบ DNS resolution เพื่อค้นหาความไม่สอดคล้องในตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ✅ การฝึกอบรมเพื่อป้องกันภัยฟิชชิ่งที่เกี่ยวข้องกับ Fast Flux - เนื่องจากการโจมตี Fast Flux มักเชื่อมโยงกับฟิชชิ่ง การฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันฟิชชิ่ง และตรวจสอบอีเมลหรือลิงก์ที่น่าสงสัย เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกัน ✅ ความจำเป็นที่ต้องพัฒนาความร่วมมือระดับนานาชาติ - ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, ผู้ผลิตอุปกรณ์ไซเบอร์ และองค์กรต่าง ๆ ควรร่วมมือกันพัฒนาโซลูชันที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ https://www.csoonline.com/article/3954873/cyber-agencies-urge-organizations-to-collaborate-to-stop-fast-flux-dns-attacks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Cyber agencies urge organizations to collaborate to stop fast flux DNS attacks
    They call the tactic a 'national security threat' and a 'defensive gap in many networks.'
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลออสเตรเลียตัดสินให้ Billy Mitchell ชนะคดีหมิ่นประมาท และ Karl Jobst ต้องจ่ายเงิน $230,000 หลังจากที่ Jobst อ้างว่า Mitchell เป็นสาเหตุที่ทำให้ YouTuber Apollo Legend เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ศาลระบุว่า ไม่มีหลักฐานว่า Apollo Legend ต้องจ่ายเงินให้ Mitchell ขณะที่ Mitchell เคยมีประวัติฟ้องร้อง Twin Galaxies และ Guinness World Records เพื่อคืนสถิติของเขา

    ข้อกล่าวหาของ Karl Jobst ต่อ Billy Mitchell
    - ในปี 2021 Jobst โพสต์วิดีโอชื่อ "The Biggest Conmen in Video Game History Strike Again!"
    - อ้างว่า YouTuber Apollo Legend (Benjamin Smith) ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้ Mitchell จนเป็นหนี้สินและนำไปสู่การเสียชีวิตในปี 2020
    - Jobst ยังกล่าวว่า Mitchell "มีความสุขกับข่าวการเสียชีวิตของ Apollo Legend"

    คำตัดสินของศาล
    - ศาล Brisbane District Court ตัดสินให้ Mitchell ชนะคดี และได้รับเงิน AU$350,000 (ประมาณ $230,000)
    - ศาลระบุว่า ไม่มีหลักฐานว่า Apollo Legend จ่ายเงินให้ Mitchell ในการไกล่เกลี่ยคดี
    - Jobst เคยแก้ไขวิดีโอหลายครั้งหลังจากถูกเตือน แต่ศาลเห็นว่า ยังมีเนื้อหาที่เป็นเท็จอยู่

    ปัญหาคดีเก่าของ Billy Mitchell
    - Mitchell เคยถูกกล่าวหาว่าใช้โปรแกรมจำลองเกม (MAME) แทนเครื่องอาร์เคดจริงเพื่อสร้างสถิติ Donkey Kong
    - เว็บไซต์ Twin Galaxies และ Guinness World Records ลบสถิติของเขาในปี 2018
    - Mitchell ฟ้องร้องทั้งสององค์กร และ Guinness World Records คืนสถิติให้เขาในปี 2020 ส่วน Twin Galaxies คืนสถิติในปี 2024 หลังมีการไกล่เกลี่ย

    ความเห็นจาก Karl Jobst และ Billy Mitchell
    - Jobst โพสต์บน X (Twitter) ว่า "ผมแพ้คดี ศาลเชื่อในคำให้การของ Mitchell และไม่มีอะไรช่วยผมได้แล้ว"
    - ขณะที่ Mitchell โพสต์ว่า "ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่ากลิ่นแห่งชัยชนะในอากาศยามเย็น"

    https://www.techspot.com/news/107368-youtuber-ordered-pay-king-kong-billy-mitchell-230000.html
    ศาลออสเตรเลียตัดสินให้ Billy Mitchell ชนะคดีหมิ่นประมาท และ Karl Jobst ต้องจ่ายเงิน $230,000 หลังจากที่ Jobst อ้างว่า Mitchell เป็นสาเหตุที่ทำให้ YouTuber Apollo Legend เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ศาลระบุว่า ไม่มีหลักฐานว่า Apollo Legend ต้องจ่ายเงินให้ Mitchell ขณะที่ Mitchell เคยมีประวัติฟ้องร้อง Twin Galaxies และ Guinness World Records เพื่อคืนสถิติของเขา ข้อกล่าวหาของ Karl Jobst ต่อ Billy Mitchell - ในปี 2021 Jobst โพสต์วิดีโอชื่อ "The Biggest Conmen in Video Game History Strike Again!" - อ้างว่า YouTuber Apollo Legend (Benjamin Smith) ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้ Mitchell จนเป็นหนี้สินและนำไปสู่การเสียชีวิตในปี 2020 - Jobst ยังกล่าวว่า Mitchell "มีความสุขกับข่าวการเสียชีวิตของ Apollo Legend" คำตัดสินของศาล - ศาล Brisbane District Court ตัดสินให้ Mitchell ชนะคดี และได้รับเงิน AU$350,000 (ประมาณ $230,000) - ศาลระบุว่า ไม่มีหลักฐานว่า Apollo Legend จ่ายเงินให้ Mitchell ในการไกล่เกลี่ยคดี - Jobst เคยแก้ไขวิดีโอหลายครั้งหลังจากถูกเตือน แต่ศาลเห็นว่า ยังมีเนื้อหาที่เป็นเท็จอยู่ ปัญหาคดีเก่าของ Billy Mitchell - Mitchell เคยถูกกล่าวหาว่าใช้โปรแกรมจำลองเกม (MAME) แทนเครื่องอาร์เคดจริงเพื่อสร้างสถิติ Donkey Kong - เว็บไซต์ Twin Galaxies และ Guinness World Records ลบสถิติของเขาในปี 2018 - Mitchell ฟ้องร้องทั้งสององค์กร และ Guinness World Records คืนสถิติให้เขาในปี 2020 ส่วน Twin Galaxies คืนสถิติในปี 2024 หลังมีการไกล่เกลี่ย ความเห็นจาก Karl Jobst และ Billy Mitchell - Jobst โพสต์บน X (Twitter) ว่า "ผมแพ้คดี ศาลเชื่อในคำให้การของ Mitchell และไม่มีอะไรช่วยผมได้แล้ว" - ขณะที่ Mitchell โพสต์ว่า "ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่ากลิ่นแห่งชัยชนะในอากาศยามเย็น" https://www.techspot.com/news/107368-youtuber-ordered-pay-king-kong-billy-mitchell-230000.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    YouTuber ordered to pay "King of Kong" Billy Mitchell $230,000 over defamation claims
    Mitchell has appeared in several documentaries related to his achievements in Donkey Kong and Pac-Man, including King of Kong in 2007. But in 2018, he was accused...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนที่แสดงแนวการเกิดแผ่นดินไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระดับ 4.0 Magnitude ขึ้นไป ตั้งแต่ 1 มกราคม 1975 จนถึง 28 มีนาคม 2025 ซึ่งเป็นวันที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเมียนมาวัดระดับได้ 7.7 Magnitude

    เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคหนึ่งของโลกที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุด โดยแผ่นเปลือกโลกหลัก เช่น แผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย (Eurasian Plate) และแผ่นเปลือกโลกออสเตรเลีย (Australian Plate) เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่รุนแรง

    เมื่อปี 2004 (2547) เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง และคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 230,000 รายทั่วเอเชียและแอฟริกา

    ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่ต้องรับมือกับแผ่นดินไหวมากที่สุดต่อปี รองลงมาคือเมียนมา เนื่องจากรอยเลื่อนและร่องลึกจำนวนมากที่เคลื่อนตัวผ่านประเทศดังกล่าว

    ในขณะที่ ประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม มักไม่ประสบกับแผ่นดินไหวรุนแรง ความตื่นตระหนกที่แผ่ขยายไปทั่วประเทศเหล่านี้หลังจากแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมา เมื่อ 28 มีนาคม แสดงให้เห็นถึงประชาชนในประเทศกลุ่มนี้ไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่
    แผนที่แสดงแนวการเกิดแผ่นดินไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระดับ 4.0 Magnitude ขึ้นไป ตั้งแต่ 1 มกราคม 1975 จนถึง 28 มีนาคม 2025 ซึ่งเป็นวันที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเมียนมาวัดระดับได้ 7.7 Magnitude เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคหนึ่งของโลกที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุด โดยแผ่นเปลือกโลกหลัก เช่น แผ่นเปลือกโลกยูเรเซีย (Eurasian Plate) และแผ่นเปลือกโลกออสเตรเลีย (Australian Plate) เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่รุนแรง เมื่อปี 2004 (2547) เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง และคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 230,000 รายทั่วเอเชียและแอฟริกา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่ต้องรับมือกับแผ่นดินไหวมากที่สุดต่อปี รองลงมาคือเมียนมา เนื่องจากรอยเลื่อนและร่องลึกจำนวนมากที่เคลื่อนตัวผ่านประเทศดังกล่าว ในขณะที่ ประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม มักไม่ประสบกับแผ่นดินไหวรุนแรง ความตื่นตระหนกที่แผ่ขยายไปทั่วประเทศเหล่านี้หลังจากแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมา เมื่อ 28 มีนาคม แสดงให้เห็นถึงประชาชนในประเทศกลุ่มนี้ไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้นำเสนอภารกิจ Fram2 ของ SpaceX ที่ส่งนักบินอวกาศเอกชนสี่คนขึ้นสู่วงโคจรแบบ Polar Orbit ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ที่มนุษย์ยังไม่เคยเดินทางมาก่อน โดยใช้จรวด Falcon 9 ปล่อยจากศูนย์อวกาศเคนเนดี รัฐฟลอริดา ภารกิจนี้จะใช้เวลา 3-5 วัน เพื่อทำการทดลองเกี่ยวกับผลกระทบของการเดินทางในอวกาศต่อร่างกายมนุษย์

    ผู้นำภารกิจและแรงบันดาลใจ
    - ภารกิจนำโดย Chun Wang นักลงทุนจากมอลตาที่เกิดในจีน เขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทขุดเหมืองบิตคอยน์และเป็นผู้สนับสนุนหลักของเที่ยวบินนี้
    - ชื่อ Fram2 ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือสำรวจขั้วโลก Fram ของนอร์เวย์ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสำรวจอาร์กติก

    ลูกเรือและเป้าหมายของภารกิจ
    - ลูกเรือประกอบด้วย Jannicke Mikkelsen ผู้กำกับภาพยนตร์จากนอร์เวย์, Rabea Rogge นักวิจัยด้านหุ่นยนต์และผู้เชี่ยวชาญขั้วโลกจากเยอรมนี และ Eric Philips นักผจญภัยชาวออสเตรเลียที่มีประสบการณ์เดินทางในภูมิภาคขั้วโลก
    - พวกเขาจะดำเนินการ 22 การทดลอง ที่เน้นเรื่องผลกระทบของภาวะไร้น้ำหนักต่อร่างกาย

    SpaceX กับการครองตลาดการบินอวกาศเอกชน
    - Fram2 ถือเป็นภารกิจนักบินอวกาศเอกชน ครั้งที่ 6 ของ SpaceX และเป็นครั้งแรกที่เดินทางในเส้นทาง วงโคจรขั้วโลก
    - บริษัทของ Elon Musk กำลังขยายอิทธิพลในการส่งนักบินอวกาศเอกชนขึ้นสู่อวกาศ โดยอาศัยเทคโนโลยี Crew Dragon ซึ่งเป็นยานอวกาศที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก NASA

    ต้นทุนการเดินทางและแนวโน้มของตลาด
    - ค่าใช้จ่ายต่อที่นั่งใน Crew Dragon อยู่ที่ประมาณ 55 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ภารกิจเหล่านี้เข้าถึงได้สำหรับนักลงทุนหรือรัฐบาลที่ต้องการขยายประสบการณ์ด้านอวกาศ
    - ในระยะหลัง ตลาดอวกาศเอกชนเริ่มขยายไปยังการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากกว่าการท่องเที่ยว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/01/private-spacex-crew-set-for-launch-to-novel-polar-orbit-around-earth
    ข่าวนี้นำเสนอภารกิจ Fram2 ของ SpaceX ที่ส่งนักบินอวกาศเอกชนสี่คนขึ้นสู่วงโคจรแบบ Polar Orbit ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ที่มนุษย์ยังไม่เคยเดินทางมาก่อน โดยใช้จรวด Falcon 9 ปล่อยจากศูนย์อวกาศเคนเนดี รัฐฟลอริดา ภารกิจนี้จะใช้เวลา 3-5 วัน เพื่อทำการทดลองเกี่ยวกับผลกระทบของการเดินทางในอวกาศต่อร่างกายมนุษย์ ผู้นำภารกิจและแรงบันดาลใจ - ภารกิจนำโดย Chun Wang นักลงทุนจากมอลตาที่เกิดในจีน เขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทขุดเหมืองบิตคอยน์และเป็นผู้สนับสนุนหลักของเที่ยวบินนี้ - ชื่อ Fram2 ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือสำรวจขั้วโลก Fram ของนอร์เวย์ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสำรวจอาร์กติก ลูกเรือและเป้าหมายของภารกิจ - ลูกเรือประกอบด้วย Jannicke Mikkelsen ผู้กำกับภาพยนตร์จากนอร์เวย์, Rabea Rogge นักวิจัยด้านหุ่นยนต์และผู้เชี่ยวชาญขั้วโลกจากเยอรมนี และ Eric Philips นักผจญภัยชาวออสเตรเลียที่มีประสบการณ์เดินทางในภูมิภาคขั้วโลก - พวกเขาจะดำเนินการ 22 การทดลอง ที่เน้นเรื่องผลกระทบของภาวะไร้น้ำหนักต่อร่างกาย SpaceX กับการครองตลาดการบินอวกาศเอกชน - Fram2 ถือเป็นภารกิจนักบินอวกาศเอกชน ครั้งที่ 6 ของ SpaceX และเป็นครั้งแรกที่เดินทางในเส้นทาง วงโคจรขั้วโลก - บริษัทของ Elon Musk กำลังขยายอิทธิพลในการส่งนักบินอวกาศเอกชนขึ้นสู่อวกาศ โดยอาศัยเทคโนโลยี Crew Dragon ซึ่งเป็นยานอวกาศที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก NASA ต้นทุนการเดินทางและแนวโน้มของตลาด - ค่าใช้จ่ายต่อที่นั่งใน Crew Dragon อยู่ที่ประมาณ 55 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ภารกิจเหล่านี้เข้าถึงได้สำหรับนักลงทุนหรือรัฐบาลที่ต้องการขยายประสบการณ์ด้านอวกาศ - ในระยะหลัง ตลาดอวกาศเอกชนเริ่มขยายไปยังการทดลองทางวิทยาศาสตร์มากกว่าการท่องเที่ยว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/01/private-spacex-crew-set-for-launch-to-novel-polar-orbit-around-earth
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SpaceX launches private astronaut crew in Fram2 polar-orbiting mission
    WASHINGTON (Reuters) -Elon Musk's SpaceX on Monday launched a crew of four private astronauts led by a crypto entrepreneur on a mission to orbit Earth from pole to pole, a novel trajectory in which no humans have traveled before.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคเปนเฮเกนโต้สหรัฐฯระบุสมควรมีความเคารพต่อเดนมาร์กที่เป็นชาติพันธมิตรนาโตใกล้ชิด ยันเสริมความมั่นคงปกป้องกรีนแลนด์เพิ่มหลังรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ และสุภาพสตรีหมายเลข 2 ต้องโดนจำกัดบินเข้าได้แต่ฐานทัพอากาศสหรัฐฯบนกรีนแลนด์ส่วนทรัมป์ไม่ตัดความเป็นไปได้ใช้กำลังทหาร หลังแคนาดาหันไปจับมือออสเตรเลียลุยพัฒนาระบบเรดาร์ทหารป้องกันเขตอาร์กติกร่วมกับออสเตรเลีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030408
    โคเปนเฮเกนโต้สหรัฐฯระบุสมควรมีความเคารพต่อเดนมาร์กที่เป็นชาติพันธมิตรนาโตใกล้ชิด ยันเสริมความมั่นคงปกป้องกรีนแลนด์เพิ่มหลังรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ และสุภาพสตรีหมายเลข 2 ต้องโดนจำกัดบินเข้าได้แต่ฐานทัพอากาศสหรัฐฯบนกรีนแลนด์ส่วนทรัมป์ไม่ตัดความเป็นไปได้ใช้กำลังทหาร หลังแคนาดาหันไปจับมือออสเตรเลียลุยพัฒนาระบบเรดาร์ทหารป้องกันเขตอาร์กติกร่วมกับออสเตรเลีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000030408
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1091 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.114 : Make Thailand Great Again มุมมองจาก ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม
    .
    รายการวันนี้มีความพิเศษ คือ คุณศุภชัยรายงานตรง มาจากเวทีการประชุมใหญ่ประจำปีของ ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม ที่เกาะไห่หนาน หรือ ที่คนไทยเรียกกันว่า ไหหลำ ในประเทศจีน
    .
    สำหรับ ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม เป็นการประชุมระหว่างประเทศ ที่จัดขึ้นโดยมี ประเทศจีน เป็นแกนนำ พร้อมด้วยความร่วมมือของ 26 ประเทศในเอเชีย และออสเตรเลีย โดยชื่อของ ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม ก็มาจากชื่อตำบลป๋ออ๋าว ในมณฑลไห่หนาน ซึ่งเป็นที่จัดการประชุมหลักเป็นประจำทุกปี
    .
    โดยเวทีการประชุมป๋ออ๋าว ฟอรั่ม ที่คุณศุภชัยไปร่วมงานในขณะนี้นั้น ถูกเรียกกันว่าเป็น “การประชุมดาวอสแห่งเอเชีย” เพราะว่ามีบทบาทคล้ายกับเวที World Economic Forum ที่จัดขึ้นเป็นประจำที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดย “เวทีดาวอส” ส่วนใหญ่จะหารือกันเรื่องของเศรษฐกิจโลกในทัศนะ หรือ มุมมองของชาติตะวันตก แต่ ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม จะให้ความสำคัญกับชาติเอเชียเป็นหลัก ......
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=5YsjpZNbVkI
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #BoaoForum #ป๋ออ่าวฟอรั่ม
    บูรพาไม่แพ้ Ep.114 : Make Thailand Great Again มุมมองจาก ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม . รายการวันนี้มีความพิเศษ คือ คุณศุภชัยรายงานตรง มาจากเวทีการประชุมใหญ่ประจำปีของ ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม ที่เกาะไห่หนาน หรือ ที่คนไทยเรียกกันว่า ไหหลำ ในประเทศจีน . สำหรับ ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม เป็นการประชุมระหว่างประเทศ ที่จัดขึ้นโดยมี ประเทศจีน เป็นแกนนำ พร้อมด้วยความร่วมมือของ 26 ประเทศในเอเชีย และออสเตรเลีย โดยชื่อของ ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม ก็มาจากชื่อตำบลป๋ออ๋าว ในมณฑลไห่หนาน ซึ่งเป็นที่จัดการประชุมหลักเป็นประจำทุกปี . โดยเวทีการประชุมป๋ออ๋าว ฟอรั่ม ที่คุณศุภชัยไปร่วมงานในขณะนี้นั้น ถูกเรียกกันว่าเป็น “การประชุมดาวอสแห่งเอเชีย” เพราะว่ามีบทบาทคล้ายกับเวที World Economic Forum ที่จัดขึ้นเป็นประจำที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดย “เวทีดาวอส” ส่วนใหญ่จะหารือกันเรื่องของเศรษฐกิจโลกในทัศนะ หรือ มุมมองของชาติตะวันตก แต่ ป๋ออ๋าว ฟอรั่ม จะให้ความสำคัญกับชาติเอเชียเป็นหลัก ...... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=5YsjpZNbVkI . #บูรพาไม่แพ้ #BoaoForum #ป๋ออ่าวฟอรั่ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • กทม. จับมือ สอท.ออสเตรเลีย จัดสัมมนาภูมิภาค โครงการ RUCaS
    https://www.thai-tai.tv/news/17850/
    กทม. จับมือ สอท.ออสเตรเลีย จัดสัมมนาภูมิภาค โครงการ RUCaS https://www.thai-tai.tv/news/17850/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • CIA อยู่เบื้องหลังลอบสังหาร JFK อิสราเอล-อังกฤษ-ออสซี่ เกี่ยวโยง : คนเคาะข่าว 25-03-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #JFK #ลอบสังหารJFK #CIA #หน่วยข่าวกรอง #อิสราเอล #อังกฤษ #ออสเตรเลีย #ข่าวต่างประเทศ #ทฤษฎีสมคบคิด #Geopolitics #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #ThaiTimes #เบื้องหลังการเมือง #วิเคราะห์ข่าว #เอกสารลับ #การเมืองโลก
    CIA อยู่เบื้องหลังลอบสังหาร JFK อิสราเอล-อังกฤษ-ออสซี่ เกี่ยวโยง : คนเคาะข่าว 25-03-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #JFK #ลอบสังหารJFK #CIA #หน่วยข่าวกรอง #อิสราเอล #อังกฤษ #ออสเตรเลีย #ข่าวต่างประเทศ #ทฤษฎีสมคบคิด #Geopolitics #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #ThaiTimes #เบื้องหลังการเมือง #วิเคราะห์ข่าว #เอกสารลับ #การเมืองโลก
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 16 1 รีวิว
  • PsiQuantum บริษัทสตาร์ทอัพด้านควอนตัมจากสหรัฐฯ กำลังระดมทุนกว่า 750 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาควอนตัมชิปที่สามารถพลิกโฉมวงการเทคโนโลยี ด้วยความร่วมมือกับโรงงาน GlobalFoundries และรัฐบาลจากหลายประเทศ พวกเขามุ่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้พร้อมใช้งานภายในปี 2029 หากสำเร็จ นี่จะเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำไม่ได้ เช่น การพัฒนายาใหม่และแบตเตอรี่ที่ล้ำสมัย

    ข้อดีของควอนตัมคอมพิวติ้ง:
    - ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปต้องใช้เวลาหลายพันหรือหลายล้านปี เช่น การพยากรณ์ปฏิสัมพันธ์ของอะตอมและโมเลกุลที่ช่วยพัฒนาแบตเตอรี่และยาใหม่.

    โครงการที่ร่วมมือกับรัฐบาล:
    - PsiQuantum กำลังสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ในสองสถานที่ ได้แก่ บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย และ ชิคาโก สหรัฐฯ ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสองแห่ง.

    ความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยี:
    - การสร้างควอนตัมชิปในระดับสูงจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาลและการแก้ไขปัญหาด้านความผิดพลาดของชิปควอนตัมที่มีอยู่ ซึ่งยังถือเป็นอุปสรรคหลักในวงการควอนตัม.

    อนาคตของควอนตัมคอมพิวเตอร์:
    - PsiQuantum เชื่อว่าจะสามารถสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้จริงภายในปี 2029 ในขณะที่ Google คาดว่าจะเห็นแอปพลิเคชันควอนตัมที่ใช้งานจริงได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/25/exclusive-quantum-computing-startup-psiquantum-raising-at-least-750-million-at-6-billion-valuation-sources-say
    PsiQuantum บริษัทสตาร์ทอัพด้านควอนตัมจากสหรัฐฯ กำลังระดมทุนกว่า 750 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาควอนตัมชิปที่สามารถพลิกโฉมวงการเทคโนโลยี ด้วยความร่วมมือกับโรงงาน GlobalFoundries และรัฐบาลจากหลายประเทศ พวกเขามุ่งพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้พร้อมใช้งานภายในปี 2029 หากสำเร็จ นี่จะเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำไม่ได้ เช่น การพัฒนายาใหม่และแบตเตอรี่ที่ล้ำสมัย ข้อดีของควอนตัมคอมพิวติ้ง: - ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปต้องใช้เวลาหลายพันหรือหลายล้านปี เช่น การพยากรณ์ปฏิสัมพันธ์ของอะตอมและโมเลกุลที่ช่วยพัฒนาแบตเตอรี่และยาใหม่. โครงการที่ร่วมมือกับรัฐบาล: - PsiQuantum กำลังสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ในสองสถานที่ ได้แก่ บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย และ ชิคาโก สหรัฐฯ ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสองแห่ง. ความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยี: - การสร้างควอนตัมชิปในระดับสูงจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาลและการแก้ไขปัญหาด้านความผิดพลาดของชิปควอนตัมที่มีอยู่ ซึ่งยังถือเป็นอุปสรรคหลักในวงการควอนตัม. อนาคตของควอนตัมคอมพิวเตอร์: - PsiQuantum เชื่อว่าจะสามารถสร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้จริงภายในปี 2029 ในขณะที่ Google คาดว่าจะเห็นแอปพลิเคชันควอนตัมที่ใช้งานจริงได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/25/exclusive-quantum-computing-startup-psiquantum-raising-at-least-750-million-at-6-billion-valuation-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exclusive-Quantum computing startup PsiQuantum raising at least $750 million, sources say
    SAN FRANCISCO (Reuters) -Quantum computing startup PsiQuantum is raising at least $750 million at a $6 billion pre-money valuation, according to two people familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • 46 ปี สิ้น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์ วีรสตรีอุบลราชธานี แม่คนที่สองของเชลยศึก 🌺

    ย้อนรำลึกถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของ “ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์” วีรสตรีแห่งอุบลราชธานี ผู้เป็นเสมือนแม่คนที่สอง ของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลก ครั้งที่สอง บทเรียนแห่งความเมตตาและความกล้าหาญ ที่ควรค่าแก่การจารึกในประวัติศาสตร์

    🌏 เรื่องราวที่โลกต้องไม่ลืม ✨ ถ้าจะพูดถึงสงครามโลก ครั้งที่สอง คนส่วนใหญ่มักนึกถึงความโหดร้าย การสูญเสีย และความพินาศของชีวิตมนุษย์นับล้านคน แต่ในความโหดร้ายนั้น...กลับมีความงดงามของมนุษยธรรม และน้ำใจที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เรื่องเล่าของ "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" วีรสตรีแห่งเมืองอุบลราชธานี คือหนึ่งในเรื่องราวที่โลกต้องจารึก ✍️

    ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ ไม่ได้มีอาวุธใด ๆ แต่เธอมี “หัวใจ” ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็น “แม่คนที่สอง” ของเชลยศึกสัมพันธมิตร ที่ถูกกักขังในสงครามมหาเอเชียบูรพา ยืนหยัดช่วยเหลือมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความตายอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง และครอบครัวเลยแม้แต่น้อย...

    🕊️ ย้อนรำลึกเหตุการณ์เมื่อ 46 ปี ที่ผ่านมา เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2522 โลกได้สูญเสีย “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” แห่งอุบลราชธานี "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" ในวัย 86 ปี เหล่าทหารสัมพันธมิตรจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา, ฮอลแลนด์, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างร่วมไว้อาลัยด้วยความอาลัยรัก ❤️ เพราะยาไหลคือคนที่เคยให้ชีวิตใหม่ แก่พวกเขา

    "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" เป็นหญิงชาวอุบลราชธานีธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาในหัวใจ ✨ ถูกกล่าวขานว่าเป็น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” เพราะในยามที่ เชลยศึกสัมพันธมิตรหลายพันชีวิต ถูกกักขังอย่างโหดร้ายในจังหวัดอุบลราชธานี ย่าไหลและชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ กลับไม่ละทิ้งมนุษยธรรม นำอาหาร, ยารักษาโรค, เครื่องนุ่งห่ม และแม้แต่การช่วยเหลือหลบหนี มาให้กับเชลยเหล่านั้น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ 🌾

    🕊️ ความกล้าหาญท่ามกลางความโหดร้าย 🗡️ ย้อนกลับไปในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา พ.ศ. 2484 - 2488 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดประเทศไทย และกักขังเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี พวกเขาถูกทรมาน, อดอยาก และเผชิญโรคภัยต่าง ๆ ทหารญี่ปุ่นมีบทลงโทษที่โหดเหี้ยม เช่น หากจับได้ว่าใครขโมยน้ำมัน จะถูกกรอกน้ำมันจนตาย หรือขโมยตะปู ก็จะถูกตอกตะปูเข้าขา 😨

    แม้จะรู้ว่าความช่วยเหลือ อาจนำมาซึ่งความตาย แต่ย่าไหลก็ยังคงพายเรือฝ่าฝนฟ้าคะนอง นำเชลยศึกบางคน ที่อ่อนแอป่วยไข้ไปหายารักษา บางคืนถึงกับพาเชลยหนีไปตามแม่น้ำ โดยให้พวกเขาเกาะข้างเรือ ลอยไปในความมืด... ย่าไหลกล่าวไว้ว่า “เราคือข้าของแผ่นดิน จำไว้นะลูก เราต้องมีเมตตา ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่ต้องหวังสิ่งใด ๆ ตอบแทน” 💖

    🌏 อนุสาวรีย์แห่งความดีที่คนทั้งโลกต้องรู้ เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ชาวเชลยศึกสัมพันธมิตร จึงร่วมกันสร้าง “อนุสาวรีย์แห่งความดี” (Monument of Merit) ตั้งอยู่ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 🏛️ โดยมีการจัดงานรำลึกทุกปีในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11:11 น. เพื่อยกย่องน้ำใจของชาวอุบลฯ และย่าไหลที่ไม่เลือกฝ่าย แต่เลือกช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์

    🏅พิธีเชิดชูเกียรติ และรางวัลแห่งคุณงามความดี หลังสงครามสิ้นสุดในปี 2488 เหล่าทหารสัมพันธมิตร ได้เชิญย่าไหลไปยังค่ายทหาร ที่สนามบินอุบลราชธานี เพื่อแสดงความขอบคุณแ ละมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ รวมถึงสิ่งของและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจอันประเสริฐ 🙏

    ❤️วีรสตรีที่ไม่ได้ถืออาวุธ แต่ถือหัวใจแห่งเมตตา ต่างจากวีรสตรีที่เราคุ้นเคยในประวัติศาสตร์ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ แต่เธอคือแม่พระที่ “ให้ชีวิตใหม่” ในยามที่คนหนึ่งไม่มีแม้แต่ความหวัง ในการมีชีวิตรอด... ย่าไหลใช้เพียง “หัวใจ” และ “มือเปล่า” เพื่อหยิบยื่นอาหาร ยารักษาโรค และเสื้อผ้าให้พวกเขา แม้จะเสี่ยงตายก็ไม่หวั่นเกรง 🌿

    คุณธรรมที่ส่งต่อผ่านสายเลือด และจิตวิญญาณ สิ่งที่ย่าไหลทำ ไม่ได้เกิดจากการอยากเป็นวีรสตรี แต่เป็นความเชื่อ และการปลูกฝังจากบรรพบุรุษ “เราคือข้าของแผ่นดิน” คือคำสอนที่แม่ถ่ายทอดสู่ย่าไหล และย่าไหลก็ถ่ายทอดต่อให้ลูกหลานเช่นกัน ✨

    🌾 มรดกทางจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่จนถึงวันนี้ เรื่องราวของย่าไหลก ลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง เชลยศึกและทายาท ยังคงเดินทางกลับมาอุบลราชธานีทุกปี เพื่อแสดงความเคารพต่อย่าไหล และสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างชาวอุบลราชธานีและนานาชาติ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191130 มี.ค. 2568

    #แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่ #ย่าไหลอุไรวรรณ #อนุสาวรีย์แห่งความดี #วีรสตรีอุบล #ช่วยเหลือเชลยศึก #ประวัติศาสตร์ไทย #อุบลราชธานี #สงครามโลกครั้งที่2 #มนุษยธรรม #แรงบันดาลใจ
    46 ปี สิ้น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์ วีรสตรีอุบลราชธานี แม่คนที่สองของเชลยศึก 🌺 ย้อนรำลึกถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของ “ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์” วีรสตรีแห่งอุบลราชธานี ผู้เป็นเสมือนแม่คนที่สอง ของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลก ครั้งที่สอง บทเรียนแห่งความเมตตาและความกล้าหาญ ที่ควรค่าแก่การจารึกในประวัติศาสตร์ 🌏 เรื่องราวที่โลกต้องไม่ลืม ✨ ถ้าจะพูดถึงสงครามโลก ครั้งที่สอง คนส่วนใหญ่มักนึกถึงความโหดร้าย การสูญเสีย และความพินาศของชีวิตมนุษย์นับล้านคน แต่ในความโหดร้ายนั้น...กลับมีความงดงามของมนุษยธรรม และน้ำใจที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เรื่องเล่าของ "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" วีรสตรีแห่งเมืองอุบลราชธานี คือหนึ่งในเรื่องราวที่โลกต้องจารึก ✍️ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ ไม่ได้มีอาวุธใด ๆ แต่เธอมี “หัวใจ” ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็น “แม่คนที่สอง” ของเชลยศึกสัมพันธมิตร ที่ถูกกักขังในสงครามมหาเอเชียบูรพา ยืนหยัดช่วยเหลือมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความตายอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง และครอบครัวเลยแม้แต่น้อย... 🕊️ ย้อนรำลึกเหตุการณ์เมื่อ 46 ปี ที่ผ่านมา เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2522 โลกได้สูญเสีย “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” แห่งอุบลราชธานี "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" ในวัย 86 ปี เหล่าทหารสัมพันธมิตรจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา, ฮอลแลนด์, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างร่วมไว้อาลัยด้วยความอาลัยรัก ❤️ เพราะยาไหลคือคนที่เคยให้ชีวิตใหม่ แก่พวกเขา "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" เป็นหญิงชาวอุบลราชธานีธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาในหัวใจ ✨ ถูกกล่าวขานว่าเป็น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” เพราะในยามที่ เชลยศึกสัมพันธมิตรหลายพันชีวิต ถูกกักขังอย่างโหดร้ายในจังหวัดอุบลราชธานี ย่าไหลและชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ กลับไม่ละทิ้งมนุษยธรรม นำอาหาร, ยารักษาโรค, เครื่องนุ่งห่ม และแม้แต่การช่วยเหลือหลบหนี มาให้กับเชลยเหล่านั้น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ 🌾 🕊️ ความกล้าหาญท่ามกลางความโหดร้าย 🗡️ ย้อนกลับไปในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา พ.ศ. 2484 - 2488 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดประเทศไทย และกักขังเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี พวกเขาถูกทรมาน, อดอยาก และเผชิญโรคภัยต่าง ๆ ทหารญี่ปุ่นมีบทลงโทษที่โหดเหี้ยม เช่น หากจับได้ว่าใครขโมยน้ำมัน จะถูกกรอกน้ำมันจนตาย หรือขโมยตะปู ก็จะถูกตอกตะปูเข้าขา 😨 แม้จะรู้ว่าความช่วยเหลือ อาจนำมาซึ่งความตาย แต่ย่าไหลก็ยังคงพายเรือฝ่าฝนฟ้าคะนอง นำเชลยศึกบางคน ที่อ่อนแอป่วยไข้ไปหายารักษา บางคืนถึงกับพาเชลยหนีไปตามแม่น้ำ โดยให้พวกเขาเกาะข้างเรือ ลอยไปในความมืด... ย่าไหลกล่าวไว้ว่า “เราคือข้าของแผ่นดิน จำไว้นะลูก เราต้องมีเมตตา ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่ต้องหวังสิ่งใด ๆ ตอบแทน” 💖 🌏 อนุสาวรีย์แห่งความดีที่คนทั้งโลกต้องรู้ เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ชาวเชลยศึกสัมพันธมิตร จึงร่วมกันสร้าง “อนุสาวรีย์แห่งความดี” (Monument of Merit) ตั้งอยู่ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 🏛️ โดยมีการจัดงานรำลึกทุกปีในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11:11 น. เพื่อยกย่องน้ำใจของชาวอุบลฯ และย่าไหลที่ไม่เลือกฝ่าย แต่เลือกช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ 🏅พิธีเชิดชูเกียรติ และรางวัลแห่งคุณงามความดี หลังสงครามสิ้นสุดในปี 2488 เหล่าทหารสัมพันธมิตร ได้เชิญย่าไหลไปยังค่ายทหาร ที่สนามบินอุบลราชธานี เพื่อแสดงความขอบคุณแ ละมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ รวมถึงสิ่งของและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจอันประเสริฐ 🙏 ❤️วีรสตรีที่ไม่ได้ถืออาวุธ แต่ถือหัวใจแห่งเมตตา ต่างจากวีรสตรีที่เราคุ้นเคยในประวัติศาสตร์ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ แต่เธอคือแม่พระที่ “ให้ชีวิตใหม่” ในยามที่คนหนึ่งไม่มีแม้แต่ความหวัง ในการมีชีวิตรอด... ย่าไหลใช้เพียง “หัวใจ” และ “มือเปล่า” เพื่อหยิบยื่นอาหาร ยารักษาโรค และเสื้อผ้าให้พวกเขา แม้จะเสี่ยงตายก็ไม่หวั่นเกรง 🌿 คุณธรรมที่ส่งต่อผ่านสายเลือด และจิตวิญญาณ สิ่งที่ย่าไหลทำ ไม่ได้เกิดจากการอยากเป็นวีรสตรี แต่เป็นความเชื่อ และการปลูกฝังจากบรรพบุรุษ “เราคือข้าของแผ่นดิน” คือคำสอนที่แม่ถ่ายทอดสู่ย่าไหล และย่าไหลก็ถ่ายทอดต่อให้ลูกหลานเช่นกัน ✨ 🌾 มรดกทางจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่จนถึงวันนี้ เรื่องราวของย่าไหลก ลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง เชลยศึกและทายาท ยังคงเดินทางกลับมาอุบลราชธานีทุกปี เพื่อแสดงความเคารพต่อย่าไหล และสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างชาวอุบลราชธานีและนานาชาติ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191130 มี.ค. 2568 #แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่ #ย่าไหลอุไรวรรณ #อนุสาวรีย์แห่งความดี #วีรสตรีอุบล #ช่วยเหลือเชลยศึก #ประวัติศาสตร์ไทย #อุบลราชธานี #สงครามโลกครั้งที่2 #มนุษยธรรม #แรงบันดาลใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับความสำเร็จทางการแพทย์ครั้งสำคัญครับ นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ในออสเตรเลียได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการติดตั้ง "หัวใจเทียมไทเทเนียม" (BiVACOR Total Artificial Heart) ช่วยให้ผู้ป่วยชายวัย 40 ปีมีชีวิตอยู่ได้ถึง 100 วันก่อนจะได้รับการปลูกถ่ายหัวใจจริงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

    หัวใจเทียมนี้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยใช้ การลอยด้วยแม่เหล็ก (magnetic levitation) ซึ่งเหมือนกับเทคโนโลยีของรถไฟหัวกระสุน เพื่อลดการสึกหรอและทำงานแทนหัวใจทั้งสองห้องที่ล้มเหลว มันถูกออกแบบให้ใช้ไทเทเนียมเนื่องจากเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนการกัดกร่อน และเข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์

    การผ่าตัดที่กินเวลา 6 ชั่วโมงนี้ดำเนินการที่โรงพยาบาล St. Vincent's ในซิดนีย์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย Artificial Heart Frontiers Program นำโดย Monash University โครงการนี้มีเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวจำนวนมากทั่วโลก

    น่าสนใจที่อุปกรณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยต่ออายุขณะรอการปลูกถ่ายหัวใจ แต่ยังอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับการปลูกถ่ายได้ด้วย ในสหรัฐฯ มีการทดลองในเฟสเริ่มต้น (Early Feasibility Study) โดยติดตั้งให้กับผู้ป่วย 5 ราย ซึ่งอุปกรณ์สามารถสนับสนุนชีวิตของพวกเขาได้ในระยะเวลาหลายสัปดาห์ และการทดลองนี้กำลังขยายจำนวนผู้เข้าร่วม

    https://www.techspot.com/news/107125-man-lives-100-days-artificial-titanium-heart-world.html
    นี่เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับความสำเร็จทางการแพทย์ครั้งสำคัญครับ นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ในออสเตรเลียได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการติดตั้ง "หัวใจเทียมไทเทเนียม" (BiVACOR Total Artificial Heart) ช่วยให้ผู้ป่วยชายวัย 40 ปีมีชีวิตอยู่ได้ถึง 100 วันก่อนจะได้รับการปลูกถ่ายหัวใจจริงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หัวใจเทียมนี้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยใช้ การลอยด้วยแม่เหล็ก (magnetic levitation) ซึ่งเหมือนกับเทคโนโลยีของรถไฟหัวกระสุน เพื่อลดการสึกหรอและทำงานแทนหัวใจทั้งสองห้องที่ล้มเหลว มันถูกออกแบบให้ใช้ไทเทเนียมเนื่องจากเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนการกัดกร่อน และเข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์ การผ่าตัดที่กินเวลา 6 ชั่วโมงนี้ดำเนินการที่โรงพยาบาล St. Vincent's ในซิดนีย์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย Artificial Heart Frontiers Program นำโดย Monash University โครงการนี้มีเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวจำนวนมากทั่วโลก น่าสนใจที่อุปกรณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยต่ออายุขณะรอการปลูกถ่ายหัวใจ แต่ยังอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับการปลูกถ่ายได้ด้วย ในสหรัฐฯ มีการทดลองในเฟสเริ่มต้น (Early Feasibility Study) โดยติดตั้งให้กับผู้ป่วย 5 ราย ซึ่งอุปกรณ์สามารถสนับสนุนชีวิตของพวกเขาได้ในระยะเวลาหลายสัปดาห์ และการทดลองนี้กำลังขยายจำนวนผู้เข้าร่วม https://www.techspot.com/news/107125-man-lives-100-days-artificial-titanium-heart-world.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Man lives 100 days with artificial titanium heart in world-first medical success
    The patient, a man in his 40s from New South Wales, received the BiVACOR Total Artificial Heart (TAH) during a six-hour procedure at St. Vincent's Hospital in...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดตำนาน เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า เรือเดินสมุทร “ยันตระ” เสียชีวิตที่อเมริกา หลังปลอมพาสปอร์ต หนีคดีจนหมดอายุความ 🚢⚖️

    🔵 อวสานตำนานพระชื่อดัง กับชีวิตที่กลับกลายเป็นประวัติศาสตร์สังคมไทย เมื่อเอ่ยถึงชื่อ "ยันตระ อมโร" หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยต้องรู้จัก ไม่ใช่เพียงเพราะเคยเป็น พระภิกษุชื่อดัง ผู้มีผู้ศรัทธามากมาย ทั้งในไทยและต่างประเทศ หากแต่เพราะชีวิตของยันตระ เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ฉาวโฉ่ และคดีความที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ในยุคหนึ่ง โดยเฉพาะกรณี อาบัติปาราชิก จากข้อกล่าวหาล่วงละเมิดสีกา รวมถึงภาพลักษณ์ ที่แวดล้อมไปด้วยความศรัทธา และความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งยังคงตามหลอกหลอน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในต่างแดน ✨

    🔵 จากลูกชาวบ้าน สู่พระนักปฏิบัติชื่อดัง นายวินัย ละอองสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ก่อนอุปสมบท ได้ใช้ชีวิตเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปี ได้รับการยกย่องว่าเป็น นักปฏิบัติธรรมผู้ทรงภูมิ ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสมากมาย

    ต่อมาในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในธรรมยุติกนิกาย ที่วัดรัตนาราม จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมตั้งนามให้ตัวเองว่า "ยันตระ อมโรภิกขุ" แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักพรตฤาษี 🧘‍♂️

    "วัดสุญญตาราม" อาณาจักรแห่งความว่าง หลังจากนั้น พระยันตระได้รับการนิมนต์ ไปเผยแผ่ธรรมในหลายประเทศ มีการจัดตั้ง "สำนักวัดสุญญตาราม" ทั้งในไทยและต่างแดนหลายแห่ง เช่น
    ✅ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี
    ✅ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน ออสเตรเลีย
    ✅ วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    บทสวดและคำสอน แนวกรรมฐานของพระยันตระ ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปในวงกว้าง หลายคนมองว่ายันตระเป็นพระที่มีความรู้ในพระไตรปิฎก และการปฏิบัติที่เข้มขลัง ✨

    🔵 คดีอื้อฉาว ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของพระยันตระ ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องเพศสัมพันธ์ และพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในปี พ.ศ. 2537 วงการสงฆ์สะเทือน เมื่อสีกากลุ่มหนึ่ง ยื่นคำร้องต่อสมเด็จพระสังฆราช และอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหาพระยันตระว่า มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ กับสีกาหลายคน โดยมีพยานหลักฐานสนับสนุนมากมาย 📂

    ข้อกล่าวหาที่โด่งดัง
    🚢 เหตุการณ์บนเรือเดินสมุทร กล่าวหาว่า ยันตระมีเพศสัมพันธ์กับสีกา บนดาดฟ้าเรือ ระหว่างเดินทางจากสวีเดนไปฟินแลนด์

    🏡 กุฏิริมน้ำในออสเตรเลีย กล่าวหาว่า ยันตระมีพฤติกรรมจับต้องกายสตรี ด้วยความกำหนัด

    🚐 เหตุการณ์ในรถตู้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีหลักฐานว่า ยันตระเข้าไปหาสีกาในรถตู้ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

    📞 บทสนทนาทางโทรศัพท์ พร่ำพูดถึงความรัก และมีหลักฐานเทปเสียง

    👧 ข้อกล่าวหาการมีบุตรสาว นางจันทิมา มายะรังษี นำเด็กหญิงที่อ้างว่า เป็นบุตรสาวของยันตระ มาแสดงตัว พร้อมภาพถ่ายที่แสดงถึงความสัมพันธ์ ฉันท์สามีภรรยา

    💳 หลักฐานบัตรเครดิต รายการใช้จ่ายในสถานบริการทางเพศ ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

    🔵 มติของมหาเถรสมาคม หลังการสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบพยานหลักฐาน มหาเถรสมาคมมีมติให้ "พระยันตระ อมโรภิกขุ" ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ โดยปริยาย ❌

    แต่แทนที่จะยอมรับคำตัดสิน ยันตระกลับประกาศไม่ยอมรับมติ และอ้างว่ายังเป็นพระภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว จนได้รับฉายาใหม่จากสื่อว่า

    🦎 "จิ้งเขียว"
    🦹‍♂️ "สมียันดะ"
    🧘‍♂️ "ยันดะ"

    🔵 ปลอมพาสปอร์ต หนีคดีข้ามโลก เมื่อพ้นจากสมณเพศ ยันตระได้ทำพาสปอร์ตปลอม หลบหนีออกจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง

    📜 ตลอด 20 ปี ยันตระใช้ชีวิตที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย

    ⏳ ระยะเวลาผ่านไป คดีต่าง ๆ หมดอายุความ ทำให้ยันตระาสามารถกลับประเทศไทยได้อีกครั้ง

    🔵 กลับมาเยือนเมืองไทย
    🗓️ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ยันตระเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีลูกศิษย์รอต้อนรับจำนวนมาก

    🏠 ยันตระได้พบปะกับลูกศิษย์ตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ที่ท้องสนามหลวง

    📍 จากนั้นได้กลับไปยังบ้านเกิดที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกราบอดีตพระอุปัชฌาย์

    บั้นปลายที่แคลิฟอร์เนีย สุดท้ายแล้ว ยันตระกลับไปยังวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย และเสียชีวิตในวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 สิริรวมอายุ 73 ปี 51 พรรษา 🕊️

    🔵 เสียงสะท้อนจากสังคม และศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย แม้จะมีข้อกล่าวหาฉาวโฉ่ แต่ก็ยังมีศิษยานุศิษย์ที่ศรัทธาในคำสอน และการปฏิบัติธรรม องพระยันตระ

    🧎‍♂️ หลายคนยังคงกราบไหว้และนับถือ 👉 แต่ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมาะสมหรือไม่ที่พระรูปอื่นๆ ยังคงกราบไหว้บุคคลที่ถูกถอดจากสมณเพศ 💬

    🔵 สรุปเรื่องราวชีวิต "ยันตระ อมโร"
    1️⃣ จากนักพรตสู่พระภิกษุผู้ยิ่งใหญ่
    2️⃣ คำสอนและแนวปฏิบัติที่มีผู้ศรัทธาทั่วโลก
    3️⃣ คดีอื้อฉาวที่ทำลายชื่อเสียงและนำไปสู่การถอดถอน
    4️⃣ การหลบหนีและใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัย
    5️⃣ การกลับบ้านเกิดหลังคดีหมดอายุความ
    6️⃣ จบบั้นปลายชีวิตในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    🔵 ชีวิตของ "ยันตระ อมโร" เปรียบเหมือนนิยาย ที่มีทั้งช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำ ด้วยพฤติกรรมและการกระทำ ที่นำไปสู่ข้อกล่าวหาหนัก แต่ก็ยังคงมีคนศรัทธาไม่เสื่อมคลาย 💔✨

    👉 เรื่องราวของยันตระ จึงเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทย ในเรื่องศรัทธา ปัญญา และความรับผิดชอบต่อการกระทำ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 101152 มี.ค. 2568

    🔵 #ยันตระอมโร #ข่าวดราม่า #ประวัติพระดัง #วัดสุญญตาราม #สีกาคาดาดฟ้า #ข่าวไทยวันนี้ #เรื่องเล่าพระดัง #ข่าวพระดัง #ยันตระเสียชีวิต #ข่าวด่วนไทย
    ปิดตำนาน เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า เรือเดินสมุทร “ยันตระ” เสียชีวิตที่อเมริกา หลังปลอมพาสปอร์ต หนีคดีจนหมดอายุความ 🚢⚖️ 🔵 อวสานตำนานพระชื่อดัง กับชีวิตที่กลับกลายเป็นประวัติศาสตร์สังคมไทย เมื่อเอ่ยถึงชื่อ "ยันตระ อมโร" หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยต้องรู้จัก ไม่ใช่เพียงเพราะเคยเป็น พระภิกษุชื่อดัง ผู้มีผู้ศรัทธามากมาย ทั้งในไทยและต่างประเทศ หากแต่เพราะชีวิตของยันตระ เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ฉาวโฉ่ และคดีความที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทย ในยุคหนึ่ง โดยเฉพาะกรณี อาบัติปาราชิก จากข้อกล่าวหาล่วงละเมิดสีกา รวมถึงภาพลักษณ์ ที่แวดล้อมไปด้วยความศรัทธา และความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งยังคงตามหลอกหลอน จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในต่างแดน ✨ 🔵 จากลูกชาวบ้าน สู่พระนักปฏิบัติชื่อดัง นายวินัย ละอองสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494 ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในครอบครัวชาวบ้านธรรมดา ก่อนอุปสมบท ได้ใช้ชีวิตเป็นนักพรตฤๅษีอยู่หลายปี ได้รับการยกย่องว่าเป็น นักปฏิบัติธรรมผู้ทรงภูมิ ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสมากมาย ต่อมาในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในธรรมยุติกนิกาย ที่วัดรัตนาราม จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมตั้งนามให้ตัวเองว่า "ยันตระ อมโรภิกขุ" แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มานาน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักพรตฤาษี 🧘‍♂️ "วัดสุญญตาราม" อาณาจักรแห่งความว่าง หลังจากนั้น พระยันตระได้รับการนิมนต์ ไปเผยแผ่ธรรมในหลายประเทศ มีการจัดตั้ง "สำนักวัดสุญญตาราม" ทั้งในไทยและต่างแดนหลายแห่ง เช่น ✅ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี ✅ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน ออสเตรเลีย ✅ วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บทสวดและคำสอน แนวกรรมฐานของพระยันตระ ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ไปในวงกว้าง หลายคนมองว่ายันตระเป็นพระที่มีความรู้ในพระไตรปิฎก และการปฏิบัติที่เข้มขลัง ✨ 🔵 คดีอื้อฉาว ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนของพระยันตระ ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องเพศสัมพันธ์ และพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในปี พ.ศ. 2537 วงการสงฆ์สะเทือน เมื่อสีกากลุ่มหนึ่ง ยื่นคำร้องต่อสมเด็จพระสังฆราช และอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหาพระยันตระว่า มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ กับสีกาหลายคน โดยมีพยานหลักฐานสนับสนุนมากมาย 📂 ข้อกล่าวหาที่โด่งดัง 🚢 เหตุการณ์บนเรือเดินสมุทร กล่าวหาว่า ยันตระมีเพศสัมพันธ์กับสีกา บนดาดฟ้าเรือ ระหว่างเดินทางจากสวีเดนไปฟินแลนด์ 🏡 กุฏิริมน้ำในออสเตรเลีย กล่าวหาว่า ยันตระมีพฤติกรรมจับต้องกายสตรี ด้วยความกำหนัด 🚐 เหตุการณ์ในรถตู้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีหลักฐานว่า ยันตระเข้าไปหาสีกาในรถตู้ และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม 📞 บทสนทนาทางโทรศัพท์ พร่ำพูดถึงความรัก และมีหลักฐานเทปเสียง 👧 ข้อกล่าวหาการมีบุตรสาว นางจันทิมา มายะรังษี นำเด็กหญิงที่อ้างว่า เป็นบุตรสาวของยันตระ มาแสดงตัว พร้อมภาพถ่ายที่แสดงถึงความสัมพันธ์ ฉันท์สามีภรรยา 💳 หลักฐานบัตรเครดิต รายการใช้จ่ายในสถานบริการทางเพศ ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 🔵 มติของมหาเถรสมาคม หลังการสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบพยานหลักฐาน มหาเถรสมาคมมีมติให้ "พระยันตระ อมโรภิกขุ" ต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ โดยปริยาย ❌ แต่แทนที่จะยอมรับคำตัดสิน ยันตระกลับประกาศไม่ยอมรับมติ และอ้างว่ายังเป็นพระภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว จนได้รับฉายาใหม่จากสื่อว่า 🦎 "จิ้งเขียว" 🦹‍♂️ "สมียันดะ" 🧘‍♂️ "ยันดะ" 🔵 ปลอมพาสปอร์ต หนีคดีข้ามโลก เมื่อพ้นจากสมณเพศ ยันตระได้ทำพาสปอร์ตปลอม หลบหนีออกจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง 📜 ตลอด 20 ปี ยันตระใช้ชีวิตที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย ⏳ ระยะเวลาผ่านไป คดีต่าง ๆ หมดอายุความ ทำให้ยันตระาสามารถกลับประเทศไทยได้อีกครั้ง 🔵 กลับมาเยือนเมืองไทย 🗓️ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ยันตระเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีลูกศิษย์รอต้อนรับจำนวนมาก 🏠 ยันตระได้พบปะกับลูกศิษย์ตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงเดินทางไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ที่ท้องสนามหลวง 📍 จากนั้นได้กลับไปยังบ้านเกิดที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกราบอดีตพระอุปัชฌาย์ บั้นปลายที่แคลิฟอร์เนีย สุดท้ายแล้ว ยันตระกลับไปยังวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย และเสียชีวิตในวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 สิริรวมอายุ 73 ปี 51 พรรษา 🕊️ 🔵 เสียงสะท้อนจากสังคม และศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย แม้จะมีข้อกล่าวหาฉาวโฉ่ แต่ก็ยังมีศิษยานุศิษย์ที่ศรัทธาในคำสอน และการปฏิบัติธรรม องพระยันตระ 🧎‍♂️ หลายคนยังคงกราบไหว้และนับถือ 👉 แต่ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหมาะสมหรือไม่ที่พระรูปอื่นๆ ยังคงกราบไหว้บุคคลที่ถูกถอดจากสมณเพศ 💬 🔵 สรุปเรื่องราวชีวิต "ยันตระ อมโร" 1️⃣ จากนักพรตสู่พระภิกษุผู้ยิ่งใหญ่ 2️⃣ คำสอนและแนวปฏิบัติที่มีผู้ศรัทธาทั่วโลก 3️⃣ คดีอื้อฉาวที่ทำลายชื่อเสียงและนำไปสู่การถอดถอน 4️⃣ การหลบหนีและใช้ชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัย 5️⃣ การกลับบ้านเกิดหลังคดีหมดอายุความ 6️⃣ จบบั้นปลายชีวิตในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 🔵 ชีวิตของ "ยันตระ อมโร" เปรียบเหมือนนิยาย ที่มีทั้งช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำ ด้วยพฤติกรรมและการกระทำ ที่นำไปสู่ข้อกล่าวหาหนัก แต่ก็ยังคงมีคนศรัทธาไม่เสื่อมคลาย 💔✨ 👉 เรื่องราวของยันตระ จึงเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทย ในเรื่องศรัทธา ปัญญา และความรับผิดชอบต่อการกระทำ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 101152 มี.ค. 2568 🔵 #ยันตระอมโร #ข่าวดราม่า #ประวัติพระดัง #วัดสุญญตาราม #สีกาคาดาดฟ้า #ข่าวไทยวันนี้ #เรื่องเล่าพระดัง #ข่าวพระดัง #ยันตระเสียชีวิต #ข่าวด่วนไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1033 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Cortical Labs ในออสเตรเลียได้เปิดตัว CL1 ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ชีวภาพตัวแรกของโลกที่ผสมผสานเซลล์สมองมนุษย์เข้ากับเทคโนโลยีซิลิคอนแบบดั้งเดิม CL1 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงาน Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนา และถูกพัฒนามาเพื่อใช้ในการศึกษาความเป็นไปได้ของ AI และ Machine Learning ที่มีความใกล้เคียงกับสมองของมนุษย์

    CL1 ใช้ชิปซิลิคอนที่มีเซลล์สมองมนุษย์เพาะเลี้ยงอยู่บนพื้นผิว เซลล์สมองเหล่านี้สามารถตอบสนองต่อสัญญาณไฟฟ้าและสร้างเครือข่ายที่ประมวลผลข้อมูลในลักษณะเดียวกับสมองมนุษย์ สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบนี้สามารถสื่อสารสองทางได้ โดยใช้สัญญาณไฟฟ้ากระตุ้นเซลล์สมอง และเก็บข้อมูลการตอบสนองเพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อ

    เพื่อให้เซลล์สมองเหล่านี้ยังคงทำงานได้ดี CL1 มาพร้อมระบบช่วยชีวิตที่ควบคุมอุณหภูมิ การแลกเปลี่ยนก๊าซ และเงื่อนไขที่จำเป็นอื่น ๆ

    CL1 ถูกออกแบบมาเพื่อเรียนรู้และปรับตัว เช่นเดียวกับสมองมนุษย์ ตัวอย่างที่เคยมีการทดลอง เช่น การฝึกเซลล์สมองให้เล่นวิดีโอเกมพื้นฐาน สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า คอมพิวเตอร์ชีวภาพสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในด้านที่ AI แบบเดิมยังไม่สมบูรณ์ เช่น การจดจำรูปแบบและการตัดสินใจในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน

    นอกจากนี้ ความสามารถของเซลล์สมองในการปรับตัวทำให้เกิดศักยภาพใหม่ ๆ ในการประยุกต์ใช้งาน เช่น การพัฒนาหุ่นยนต์ที่ฉลาดยิ่งขึ้น หรือระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน

    ปัญหาและข้อควรระวัง
    - ความซับซ้อนในการผลิต: การสร้างและดูแลระบบ CL1 ต้องใช้กระบวนการที่ซับซ้อนและยังไม่สามารถผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้
    - ปัญหาด้านจริยธรรม: แม้ว่าเซลล์สมองที่ใช้จะถูกเพาะเลี้ยงในห้องแล็บและไม่มีสติสัมปชัญญะ แต่ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีนี้อาจต้องการกรอบกฎหมายและจริยธรรมที่ชัดเจนในอนาคต เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ชีวภาพมนุษย์

    CL1 จะพร้อมจำหน่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ $35,000 เหมาะสำหรับองค์กรและสถาบันวิจัยที่ต้องการทดสอบหรือสำรวจการใช้งานคอมพิวเตอร์ชีวภาพในเชิงลึก

    CL1 ถือเป็นก้าวใหม่ที่น่าตื่นเต้นในวงการเทคโนโลยีชีวภาพและ AI ซึ่งอาจช่วยพัฒนาอนาคตของการเรียนรู้และการประมวลผลข้อมูล หากคุณสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CL1 และความเป็นไปได้ในอนาคตของเทคโนโลยีนี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/worlds-first-body-in-a-box-biological-computer-uses-human-brain-cells-with-silicon-based-computing
    บริษัท Cortical Labs ในออสเตรเลียได้เปิดตัว CL1 ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ชีวภาพตัวแรกของโลกที่ผสมผสานเซลล์สมองมนุษย์เข้ากับเทคโนโลยีซิลิคอนแบบดั้งเดิม CL1 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงาน Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนา และถูกพัฒนามาเพื่อใช้ในการศึกษาความเป็นไปได้ของ AI และ Machine Learning ที่มีความใกล้เคียงกับสมองของมนุษย์ CL1 ใช้ชิปซิลิคอนที่มีเซลล์สมองมนุษย์เพาะเลี้ยงอยู่บนพื้นผิว เซลล์สมองเหล่านี้สามารถตอบสนองต่อสัญญาณไฟฟ้าและสร้างเครือข่ายที่ประมวลผลข้อมูลในลักษณะเดียวกับสมองมนุษย์ สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบนี้สามารถสื่อสารสองทางได้ โดยใช้สัญญาณไฟฟ้ากระตุ้นเซลล์สมอง และเก็บข้อมูลการตอบสนองเพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อให้เซลล์สมองเหล่านี้ยังคงทำงานได้ดี CL1 มาพร้อมระบบช่วยชีวิตที่ควบคุมอุณหภูมิ การแลกเปลี่ยนก๊าซ และเงื่อนไขที่จำเป็นอื่น ๆ CL1 ถูกออกแบบมาเพื่อเรียนรู้และปรับตัว เช่นเดียวกับสมองมนุษย์ ตัวอย่างที่เคยมีการทดลอง เช่น การฝึกเซลล์สมองให้เล่นวิดีโอเกมพื้นฐาน สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า คอมพิวเตอร์ชีวภาพสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในด้านที่ AI แบบเดิมยังไม่สมบูรณ์ เช่น การจดจำรูปแบบและการตัดสินใจในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน นอกจากนี้ ความสามารถของเซลล์สมองในการปรับตัวทำให้เกิดศักยภาพใหม่ ๆ ในการประยุกต์ใช้งาน เช่น การพัฒนาหุ่นยนต์ที่ฉลาดยิ่งขึ้น หรือระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน ปัญหาและข้อควรระวัง - ความซับซ้อนในการผลิต: การสร้างและดูแลระบบ CL1 ต้องใช้กระบวนการที่ซับซ้อนและยังไม่สามารถผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ - ปัญหาด้านจริยธรรม: แม้ว่าเซลล์สมองที่ใช้จะถูกเพาะเลี้ยงในห้องแล็บและไม่มีสติสัมปชัญญะ แต่ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีนี้อาจต้องการกรอบกฎหมายและจริยธรรมที่ชัดเจนในอนาคต เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ชีวภาพมนุษย์ CL1 จะพร้อมจำหน่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ $35,000 เหมาะสำหรับองค์กรและสถาบันวิจัยที่ต้องการทดสอบหรือสำรวจการใช้งานคอมพิวเตอร์ชีวภาพในเชิงลึก CL1 ถือเป็นก้าวใหม่ที่น่าตื่นเต้นในวงการเทคโนโลยีชีวภาพและ AI ซึ่งอาจช่วยพัฒนาอนาคตของการเรียนรู้และการประมวลผลข้อมูล หากคุณสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CL1 และความเป็นไปได้ในอนาคตของเทคโนโลยีนี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/worlds-first-body-in-a-box-biological-computer-uses-human-brain-cells-with-silicon-based-computing
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    World's first 'body in a box' biological computer uses human brain cells with silicon-based computing
    Cortical Labs said the CL1 will be available from June, priced at around $35,000.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Eleven11bot ซึ่งติดตั้งไปยังอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) กว่า 86,000 เครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกล้องวงจรปิดและ Network Video Recorders (NVRs) เพื่อทำการโจมตี DDoS (Distributed Denial of Service)

    ผู้เชี่ยวชาญจาก Nokia ได้ตรวจพบ Eleven11bot และแชร์ข้อมูลนี้กับแพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม GreyNoise Jérôme Meyer นักวิจัยความปลอดภัยของ Nokia กล่าวว่า Eleven11bot เป็นหนึ่งในบ็อตเน็ตที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ถูกเจาะระบบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกล้องวงจรปิดและ NVRs

    บ็อตเน็ต Eleven11bot นี้ถูกใช้เพื่อโจมตีให้บริการโทรคมนาคมและเซิร์ฟเวอร์เกมออนไลน์หลายแห่ง โดยในวันนี้ แพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม The Shadowserver Foundation รายงานว่าพบอุปกรณ์ที่ติดเชื้อจาก Eleven11bot กว่า 86,400 เครื่องในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เม็กซิโก แคนาดา และออสเตรเลีย

    การโจมตีจาก Eleven11bot นั้นมีปริมาณข้อมูลหลายร้อยล้านแพ็คเก็ตต่อวินาที และมักจะดำเนินไปหลายวัน โดย GreyNoise ได้บันทึก IP 1,400 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบ็อตเน็ตนี้ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์จริงไม่ใช่ IP ปลอม

    มัลแวร์นี้แพร่กระจายโดยการใช้ช่องโหว่ของรหัสผ่านที่อ่อนแอหรือรหัสผ่านที่เป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ IoT ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการสแกนพอร์ต Telnet และ SSH ที่เปิดอยู่ในเครือข่ายเพื่อหาช่องทางในการเจาะระบบ

    GreyNoise ได้เผยแพร่รายชื่อ IP ที่เกี่ยวข้องกับ Eleven11bot และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบเพิ่มรายการนี้ในบล็อกลิสต์ของพวกเขา และเฝ้าระวังการพยายามเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย

    เพื่อป้องกันการโจมตีนี้ ขอแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบให้อุปกรณ์ IoT ของพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุดและปิดฟีเจอร์การเข้าถึงระยะไกลหากไม่จำเป็น ควรเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีผู้ดูแลระบบให้แข็งแรงและไม่ซ้ำกับค่าเริ่มต้น นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตหรือไม่ และหากอุปกรณ์ถึงจุดสิ้นสุดของการสนับสนุน (EOL) ก็ควรเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-eleven11bot-botnet-infects-86-000-devices-for-ddos-attacks/
    มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Eleven11bot ซึ่งติดตั้งไปยังอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) กว่า 86,000 เครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกล้องวงจรปิดและ Network Video Recorders (NVRs) เพื่อทำการโจมตี DDoS (Distributed Denial of Service) ผู้เชี่ยวชาญจาก Nokia ได้ตรวจพบ Eleven11bot และแชร์ข้อมูลนี้กับแพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม GreyNoise Jérôme Meyer นักวิจัยความปลอดภัยของ Nokia กล่าวว่า Eleven11bot เป็นหนึ่งในบ็อตเน็ตที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ถูกเจาะระบบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกล้องวงจรปิดและ NVRs บ็อตเน็ต Eleven11bot นี้ถูกใช้เพื่อโจมตีให้บริการโทรคมนาคมและเซิร์ฟเวอร์เกมออนไลน์หลายแห่ง โดยในวันนี้ แพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม The Shadowserver Foundation รายงานว่าพบอุปกรณ์ที่ติดเชื้อจาก Eleven11bot กว่า 86,400 เครื่องในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เม็กซิโก แคนาดา และออสเตรเลีย การโจมตีจาก Eleven11bot นั้นมีปริมาณข้อมูลหลายร้อยล้านแพ็คเก็ตต่อวินาที และมักจะดำเนินไปหลายวัน โดย GreyNoise ได้บันทึก IP 1,400 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบ็อตเน็ตนี้ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์จริงไม่ใช่ IP ปลอม มัลแวร์นี้แพร่กระจายโดยการใช้ช่องโหว่ของรหัสผ่านที่อ่อนแอหรือรหัสผ่านที่เป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ IoT ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการสแกนพอร์ต Telnet และ SSH ที่เปิดอยู่ในเครือข่ายเพื่อหาช่องทางในการเจาะระบบ GreyNoise ได้เผยแพร่รายชื่อ IP ที่เกี่ยวข้องกับ Eleven11bot และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบเพิ่มรายการนี้ในบล็อกลิสต์ของพวกเขา และเฝ้าระวังการพยายามเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย เพื่อป้องกันการโจมตีนี้ ขอแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบให้อุปกรณ์ IoT ของพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุดและปิดฟีเจอร์การเข้าถึงระยะไกลหากไม่จำเป็น ควรเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีผู้ดูแลระบบให้แข็งแรงและไม่ซ้ำกับค่าเริ่มต้น นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตหรือไม่ และหากอุปกรณ์ถึงจุดสิ้นสุดของการสนับสนุน (EOL) ก็ควรเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-eleven11bot-botnet-infects-86-000-devices-for-ddos-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New Eleven11bot botnet infects 86,000 devices for DDoS attacks
    A new botnet malware named 'Eleven11bot' has infected over 86,000 IoT devices, primarily security cameras and network video recorders (NVRs), to conduct DDoS attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ออสเตรเลียพร้อมพิจารณาส่งทหารรักษาสันติภาพไปยูเครน

    นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบาเนซี กล่าวว่า ออสเตรเลียยินดีที่จะพิจารณาส่งทหารไปเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังรักษาสันติภาพนานาชาติในยูเครน

    แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการร้องขออย่างเป็นทางการ แต่อัลบาเนซีเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของออสเตรเลียที่จะยืนหยัดเคียงข้างเคียฟและต่อต้านการกระทำที่ “ผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม” ของรัสเซีย

    นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์ ที่ออสเตรเลียให้คำมั่นกับยูเครนถึงความช่วยเหลือด้านต่างๆ

    ที่มา: The Guardian
    ออสเตรเลียพร้อมพิจารณาส่งทหารรักษาสันติภาพไปยูเครน นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบาเนซี กล่าวว่า ออสเตรเลียยินดีที่จะพิจารณาส่งทหารไปเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังรักษาสันติภาพนานาชาติในยูเครน แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการร้องขออย่างเป็นทางการ แต่อัลบาเนซีเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของออสเตรเลียที่จะยืนหยัดเคียงข้างเคียฟและต่อต้านการกระทำที่ “ผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม” ของรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์ ที่ออสเตรเลียให้คำมั่นกับยูเครนถึงความช่วยเหลือด้านต่างๆ ที่มา: The Guardian
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • Idemitsu Kosan บริษัทน้ำมันอันดับสองของญี่ปุ่น วางแผนจะสร้างโรงงานผลิตลิเทียมซัลไฟด์ (Lithium Sulphide) ขนาดใหญ่ที่โรงกลั่นน้ำมันในจังหวัดชิบะ ใกล้กรุงโตเกียว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแบตเตอรี่ Solid-State สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่าง Idemitsu และ Toyota เพื่อการค้าแบตเตอรี่รุ่นถัดไปและสนับสนุนเป้าหมายของ Toyota ในการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่สถานะของแข็งภายในปี 2027-2028 โดยแบตเตอรี่ Solid-State นี้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น มีระยะเวลาใช้งานยาวนานขึ้น และมีการชาร์จไฟที่เร็วกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบเดิม

    Idemitsu วางแผนจะสร้างโรงงานใหม่ภายในเดือนมิถุนายน 2027 ด้วยงบประมาณประมาณ 21.3 พันล้านเยน (ประมาณ 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งโรงงานนี้จะมีความสามารถในการผลิตลิเทียมซัลไฟด์จำนวน 1,000 เมตริกตันต่อปี เพียงพอสำหรับแบตเตอรี่สถานะของแข็งของรถยนต์ไฟฟ้า 50,000-60,000 คัน

    Tetsuji Mishina เจ้าหน้าที่บริหารของ Idemitsu กล่าวว่าบริษัทกำลังพิจารณาการลงทุนในโรงงานนำร่องขนาดใหญ่สำหรับอิเล็กโทรไลต์แข็ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแบตเตอรี่ Solid-State และคาดว่าจะตัดสินใจในปีงบประมาณ 2025

    นอกจากนี้ Idemitsu ยังมองหาการจัดหาลิเทียมที่มั่นคงจากแหล่งในออสเตรเลียและแหล่งอื่น ๆ ทั่วโลก Mishina ยังกล่าวว่า "ความท้าทายสำคัญในการยอมรับแบตเตอรี่ Solid-State ทั่วโลกคือการลดต้นทุนของอิเล็กโทรไลต์แข็ง"

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/27/japan039s-idemitsu-to-build-lithium-sulphide-plant-to-help-support-toyota039s-ev-plans
    Idemitsu Kosan บริษัทน้ำมันอันดับสองของญี่ปุ่น วางแผนจะสร้างโรงงานผลิตลิเทียมซัลไฟด์ (Lithium Sulphide) ขนาดใหญ่ที่โรงกลั่นน้ำมันในจังหวัดชิบะ ใกล้กรุงโตเกียว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแบตเตอรี่ Solid-State สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่าง Idemitsu และ Toyota เพื่อการค้าแบตเตอรี่รุ่นถัดไปและสนับสนุนเป้าหมายของ Toyota ในการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่สถานะของแข็งภายในปี 2027-2028 โดยแบตเตอรี่ Solid-State นี้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น มีระยะเวลาใช้งานยาวนานขึ้น และมีการชาร์จไฟที่เร็วกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบเดิม Idemitsu วางแผนจะสร้างโรงงานใหม่ภายในเดือนมิถุนายน 2027 ด้วยงบประมาณประมาณ 21.3 พันล้านเยน (ประมาณ 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งโรงงานนี้จะมีความสามารถในการผลิตลิเทียมซัลไฟด์จำนวน 1,000 เมตริกตันต่อปี เพียงพอสำหรับแบตเตอรี่สถานะของแข็งของรถยนต์ไฟฟ้า 50,000-60,000 คัน Tetsuji Mishina เจ้าหน้าที่บริหารของ Idemitsu กล่าวว่าบริษัทกำลังพิจารณาการลงทุนในโรงงานนำร่องขนาดใหญ่สำหรับอิเล็กโทรไลต์แข็ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแบตเตอรี่ Solid-State และคาดว่าจะตัดสินใจในปีงบประมาณ 2025 นอกจากนี้ Idemitsu ยังมองหาการจัดหาลิเทียมที่มั่นคงจากแหล่งในออสเตรเลียและแหล่งอื่น ๆ ทั่วโลก Mishina ยังกล่าวว่า "ความท้าทายสำคัญในการยอมรับแบตเตอรี่ Solid-State ทั่วโลกคือการลดต้นทุนของอิเล็กโทรไลต์แข็ง" https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/27/japan039s-idemitsu-to-build-lithium-sulphide-plant-to-help-support-toyota039s-ev-plans
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Japan's Idemitsu to build lithium sulphide plant to help support Toyota's EV plans
    ANEGASAKI, Japan (Reuters) - Japan's No.2 oil refiner, Idemitsu Kosan plans to build a large-scale plant for lithium sulphide, a key material for all-solid-state batteries, at its Chiba refinery, near Tokyo, the company said on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ออกแถลงยืนยันว่า การซ้อมรบของกองทัพเรือจีน ในทะเลแทสมัน (Tasman Sea) ซึ่งเป็นน่านน้ำสากลใกล้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น ได้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้วตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการซ้อมรบที่ไม่ก่ออันตรายแก่ฝ่ายใด

    ก่อนหน้านี้ ริชาร์ด-มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวหาจีนไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการซ้อมรบซึ่งมีการใช้กระสุนจริง

    การฝึกซ้อมเกิดขึ้นห่างจากช่องแคบแบส (Bass Strait) ออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 350 ไมล์ทะเล ซึ่งช่องแคบแบสนั้นแบ่งแยกรัฐแทสมาเนีย (Tasmania) ออกจากแผ่นดินใหญ่ออสเตรเลีย

    การซ้อมรบของจีนเกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ออสเตรเลียท้าทายจีน โดยการส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศออสเตรเลียไปบินลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ ซึ่งใกล้กับอาณาเขตน่านน้ำของจีน ทำให้จีนต้องตอบโต้โดยการส่งเครื่องบินขับไล่ออกมาทำการทิ้งพลุสัญญาณเตือนใกล้กับเครื่องบินของกองทัพอากาศออสเตรเลีย และประกาศจัดการซ้อมรบขึ้นใกล้กับออสเตรเลีย

    โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน ออกแถลงยืนยันว่า การซ้อมรบของกองทัพเรือจีน ในทะเลแทสมัน (Tasman Sea) ซึ่งเป็นน่านน้ำสากลใกล้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น ได้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้วตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการซ้อมรบที่ไม่ก่ออันตรายแก่ฝ่ายใด ก่อนหน้านี้ ริชาร์ด-มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวหาจีนไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการซ้อมรบซึ่งมีการใช้กระสุนจริง การฝึกซ้อมเกิดขึ้นห่างจากช่องแคบแบส (Bass Strait) ออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 350 ไมล์ทะเล ซึ่งช่องแคบแบสนั้นแบ่งแยกรัฐแทสมาเนีย (Tasmania) ออกจากแผ่นดินใหญ่ออสเตรเลีย การซ้อมรบของจีนเกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ออสเตรเลียท้าทายจีน โดยการส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศออสเตรเลียไปบินลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ ซึ่งใกล้กับอาณาเขตน่านน้ำของจีน ทำให้จีนต้องตอบโต้โดยการส่งเครื่องบินขับไล่ออกมาทำการทิ้งพลุสัญญาณเตือนใกล้กับเครื่องบินของกองทัพอากาศออสเตรเลีย และประกาศจัดการซ้อมรบขึ้นใกล้กับออสเตรเลีย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • ริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวในช่วงหนึ่งของสารคดีกองทัพเรือออสเตรเลีย ซึ่งถ่ายทำโดยสำนักข่าว Sky News ว่า

    “ในโลกที่ไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ออสเตรเลียจำเป็นต้องมีศักยภาพด้านการป้องกันประเทศที่เพิ่มมากขึ้น - บางทีออสเตรเลียควรเริ่มต้นด้วยการไม่ส่งเรือรบและเครื่องบินขับไล่ไปที่ชายฝั่งของจีน”

    ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อคุณยั่วยุจีน จีนจะตอบโต้กลับ ความยุติธรรมก็คือความยุติธรรม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจีนส่งกองเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ไปลาดตระเวนและซ้อมรบด้วยการยิงด้วยกระสุนและขีปนาวุธจริงในทะเลแทสมัน ซึ่งตั้งอยู่หน้าบ้านออสเตรเลีย เพื่อตอบโต้ต่อรัฐบาลออสเตรเลีย หลังส่งเรือรบและเครื่องบินสอดแนมไปยังทะเลจีนใต้ เข้าซ้อมรบทางทะเลร่วมกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ห่างจากชายฝั่งจีนราว 230 ไมล์ทะเล
    ริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวในช่วงหนึ่งของสารคดีกองทัพเรือออสเตรเลีย ซึ่งถ่ายทำโดยสำนักข่าว Sky News ว่า “ในโลกที่ไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ออสเตรเลียจำเป็นต้องมีศักยภาพด้านการป้องกันประเทศที่เพิ่มมากขึ้น - บางทีออสเตรเลียควรเริ่มต้นด้วยการไม่ส่งเรือรบและเครื่องบินขับไล่ไปที่ชายฝั่งของจีน” ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อคุณยั่วยุจีน จีนจะตอบโต้กลับ ความยุติธรรมก็คือความยุติธรรม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจีนส่งกองเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ไปลาดตระเวนและซ้อมรบด้วยการยิงด้วยกระสุนและขีปนาวุธจริงในทะเลแทสมัน ซึ่งตั้งอยู่หน้าบ้านออสเตรเลีย เพื่อตอบโต้ต่อรัฐบาลออสเตรเลีย หลังส่งเรือรบและเครื่องบินสอดแนมไปยังทะเลจีนใต้ เข้าซ้อมรบทางทะเลร่วมกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ห่างจากชายฝั่งจีนราว 230 ไมล์ทะเล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้ประกาศแผนการเปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลหลักในการพัฒนา AI ของพวกเขาให้เป็นสาธารณะตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ก้าวนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากบริษัทอื่นๆ เช่น OpenAI และ Meta Platforms Inc. ยังไม่เปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลของพวกเขาในระดับนี้

    DeepSeek ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 20 เดือนที่แล้ว และได้สร้างความฮือฮาใน Silicon Valley ด้วยโมเดล AI ที่มีความซับซ้อนสูง บริษัทประกาศบนแพลตฟอร์ม X ว่าโค้ดที่เกี่ยวข้องจะถูกจัดเก็บไว้ใน repository ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดและปรับปรุงได้โดยนักพัฒนาและนักวิจัยทั่วโลก ความเคลื่อนไหวนี้เน้นย้ำความมุ่งมั่นของ DeepSeek ที่จะใช้แนวทางการพัฒนา AI แบบโอเพนซอร์ส

    นอกจากนี้ DeepSeek ยังวางแผนที่จะเปิดเผยวิธีการพัฒนาและจัดการโค้ด รวมถึงข้อมูลที่ใช้ในการสร้างโมเดล AI ด้วย ความโปร่งใสนี้จะช่วยให้เทคโนโลยีของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย และอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยในรัฐบาลต่างๆ จากสหรัฐฯ ถึงออสเตรเลีย

    "เราคือทีมเล็กที่กำลังสำรวจ AGI ตั้งแต่สัปดาห์หน้า เราจะเปิดเผยซอร์สโค้ด 5 repository และแชร์ความก้าวหน้าอย่างเปิดเผย" DeepSeek ประกาศผ่าน X

    ในขณะที่บริษัทใหญ่เช่น Baidu และ OpenAI ยังคงเก็บรักษาข้อมูล AI ของพวกเขาเป็นความลับ การเปิดเผยซอร์สโค้ดของ DeepSeek ทำให้เห็นถึงการแข่งขันระหว่างสหรัฐและจีนในการพัฒนาโมเดล AI ที่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

    ความก้าวหน้าของ DeepSeek ได้บังคับให้คู่แข่งที่เก่าแก่กว่าเช่น Baidu Inc. นำแนวทางโอเพนซอร์สมาใช้ แต่คู่แข่งในระดับโลกเช่น OpenAI และ Anthropic ยังคงเก็บรักษาโมเดล AI และข้อมูลของพวกเขาเป็นความลับ DeepSeek ที่มีจุดเริ่มต้นจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์เชิงปริมาณที่บริหารโดยผู้ก่อตั้ง Liang Wenfeng ยังไม่ได้เปิดเผยการสนับสนุนจากภายนอก ซึ่งอาจทำให้พวกเขามีความกดดันน้อยลงในการสร้างโมเดลรายได้

    การเปิดเผยซอร์สโค้ดของ DeepSeek นี้อาจส่งผลให้มีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นและการนำเทคโนโลยีของพวกเขาไปใช้อย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นการแข่งขันและความกังวลเรื่องความปลอดภัยในระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step
    DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI จากจีน ได้ประกาศแผนการเปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลหลักในการพัฒนา AI ของพวกเขาให้เป็นสาธารณะตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ก้าวนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากบริษัทอื่นๆ เช่น OpenAI และ Meta Platforms Inc. ยังไม่เปิดเผยซอร์สโค้ดและข้อมูลของพวกเขาในระดับนี้ DeepSeek ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 20 เดือนที่แล้ว และได้สร้างความฮือฮาใน Silicon Valley ด้วยโมเดล AI ที่มีความซับซ้อนสูง บริษัทประกาศบนแพลตฟอร์ม X ว่าโค้ดที่เกี่ยวข้องจะถูกจัดเก็บไว้ใน repository ที่พร้อมให้ดาวน์โหลดและปรับปรุงได้โดยนักพัฒนาและนักวิจัยทั่วโลก ความเคลื่อนไหวนี้เน้นย้ำความมุ่งมั่นของ DeepSeek ที่จะใช้แนวทางการพัฒนา AI แบบโอเพนซอร์ส นอกจากนี้ DeepSeek ยังวางแผนที่จะเปิดเผยวิธีการพัฒนาและจัดการโค้ด รวมถึงข้อมูลที่ใช้ในการสร้างโมเดล AI ด้วย ความโปร่งใสนี้จะช่วยให้เทคโนโลยีของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย และอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยในรัฐบาลต่างๆ จากสหรัฐฯ ถึงออสเตรเลีย "เราคือทีมเล็กที่กำลังสำรวจ AGI ตั้งแต่สัปดาห์หน้า เราจะเปิดเผยซอร์สโค้ด 5 repository และแชร์ความก้าวหน้าอย่างเปิดเผย" DeepSeek ประกาศผ่าน X ในขณะที่บริษัทใหญ่เช่น Baidu และ OpenAI ยังคงเก็บรักษาข้อมูล AI ของพวกเขาเป็นความลับ การเปิดเผยซอร์สโค้ดของ DeepSeek ทำให้เห็นถึงการแข่งขันระหว่างสหรัฐและจีนในการพัฒนาโมเดล AI ที่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ความก้าวหน้าของ DeepSeek ได้บังคับให้คู่แข่งที่เก่าแก่กว่าเช่น Baidu Inc. นำแนวทางโอเพนซอร์สมาใช้ แต่คู่แข่งในระดับโลกเช่น OpenAI และ Anthropic ยังคงเก็บรักษาโมเดล AI และข้อมูลของพวกเขาเป็นความลับ DeepSeek ที่มีจุดเริ่มต้นจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์เชิงปริมาณที่บริหารโดยผู้ก่อตั้ง Liang Wenfeng ยังไม่ได้เปิดเผยการสนับสนุนจากภายนอก ซึ่งอาจทำให้พวกเขามีความกดดันน้อยลงในการสร้างโมเดลรายได้ การเปิดเผยซอร์สโค้ดของ DeepSeek นี้อาจส่งผลให้มีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นและการนำเทคโนโลยีของพวกเขาไปใช้อย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นการแข่งขันและความกังวลเรื่องความปลอดภัยในระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step
    WWW.THESTAR.COM.MY
    DeepSeek promises to share even more AI code in a rare step
    Chinese AI sensation DeepSeek plans to release key codes and data to the public starting next week, an unusual step to share more of its core technology than rivals such as OpenAI have done.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการออสเตรเลียได้สั่งปรับ Telegram เป็นเงิน 958,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 613,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.69 ล้านบาท) เนื่องจาก Telegram ล้มเหลวในการเปิดเผยข้อมูลว่าใช้วิธีใดในการจัดการกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานเฝ้าระวังออนไลน์ของออสเตรเลียขอให้ Telegram และแพลตฟอร์มอื่นๆ เปิดเผยวิธีการในการตรวจจับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่ Telegram ตอบกลับหลังจากนั้นถึงกว่า 5 เดือนในวันที่ 13 ตุลาคม 2024 ซึ่งเกินกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2024 ทำให้การทำงานของคณะกรรมการถูกขัดขวาง

    ในแถลงการณ์ของ Julie Inman Grant ซึ่งเป็น eSafety Commissioner ของออสเตรเลีย กล่าวว่า การเปิดเผยวิธีการและที่มาของแพลตฟอร์มในการจัดการเนื้อหาดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อปกป้องชุมชนและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมนี้

    Telegram มีเวลา 28 วันในการจ่ายค่าปรับ หรืออาจขอเวลาเพิ่มเติมหรือพยายามยกเลิกค่าปรับนี้ หากไม่จ่าย คณะกรรมการสามารถขอให้ศาลรัฐบาลกลางสั่งปรับได้

    นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Telegram Pavel Durov ซึ่งเป็นชาวรัสเซีย ยังถูกจับกุมที่สนามบินในปารีสเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วและถูกตั้งข้อหาหลายคดีเกี่ยวกับการไม่สามารถควบคุมเนื้อหาที่เป็นอันตรายและก่อการร้ายบนแอป Telegram นอกจากนี้ อัยการฝรั่งเศสยังกล่าวหาว่า Telegram ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่ดูไบ ล้มเหลวในการดำเนินการกับภาพล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

    Durov ถูกปล่อยตัวด้วยเงินประกันจำนวน 5 ล้านยูโร (ประมาณ 23.13 ล้านบาท) และประกาศที่จะดำเนินการป้องกันเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/australia-fines-telegram-over-response-to-terror-abuse-content
    ทางการออสเตรเลียได้สั่งปรับ Telegram เป็นเงิน 958,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 613,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.69 ล้านบาท) เนื่องจาก Telegram ล้มเหลวในการเปิดเผยข้อมูลว่าใช้วิธีใดในการจัดการกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานเฝ้าระวังออนไลน์ของออสเตรเลียขอให้ Telegram และแพลตฟอร์มอื่นๆ เปิดเผยวิธีการในการตรวจจับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แต่ Telegram ตอบกลับหลังจากนั้นถึงกว่า 5 เดือนในวันที่ 13 ตุลาคม 2024 ซึ่งเกินกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2024 ทำให้การทำงานของคณะกรรมการถูกขัดขวาง ในแถลงการณ์ของ Julie Inman Grant ซึ่งเป็น eSafety Commissioner ของออสเตรเลีย กล่าวว่า การเปิดเผยวิธีการและที่มาของแพลตฟอร์มในการจัดการเนื้อหาดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อปกป้องชุมชนและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมนี้ Telegram มีเวลา 28 วันในการจ่ายค่าปรับ หรืออาจขอเวลาเพิ่มเติมหรือพยายามยกเลิกค่าปรับนี้ หากไม่จ่าย คณะกรรมการสามารถขอให้ศาลรัฐบาลกลางสั่งปรับได้ นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Telegram Pavel Durov ซึ่งเป็นชาวรัสเซีย ยังถูกจับกุมที่สนามบินในปารีสเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วและถูกตั้งข้อหาหลายคดีเกี่ยวกับการไม่สามารถควบคุมเนื้อหาที่เป็นอันตรายและก่อการร้ายบนแอป Telegram นอกจากนี้ อัยการฝรั่งเศสยังกล่าวหาว่า Telegram ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่ดูไบ ล้มเหลวในการดำเนินการกับภาพล่วงละเมิดทางเพศเด็ก Durov ถูกปล่อยตัวด้วยเงินประกันจำนวน 5 ล้านยูโร (ประมาณ 23.13 ล้านบาท) และประกาศที่จะดำเนินการป้องกันเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/australia-fines-telegram-over-response-to-terror-abuse-content
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Australia fines Telegram over response to terror, abuse content
    Australia's online watchdog said on Feb 24 it has fined Telegram more than US$600,000 (RM2.65mil) for missing a deadline to reveal how it tackles "terrorist" and child sexual abuse content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts