• AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070: การเปรียบเทียบที่พลิกโฉมตลาด GPU

    AMD เปิดตัว Radeon RX 9070 XT เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia GeForce RTX 5070 แต่ราคาจริงในตลาดกลับทำให้การแข่งขันนี้ซับซ้อนขึ้น โดย RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 41% ในสหรัฐฯ และ 34% ในแคนาดา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 20% ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ RX 9070 XT และ RTX 5070
    ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ประมาณ 17% ที่ 1440p และ 21% ที่ 4K
    - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงขึ้น

    ✅ ราคาของ RX 9070 XT สูงกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ
    - ในสหรัฐฯ แพงกว่า RTX 5070 ถึง 41%
    - ในแคนาดา แพงกว่า 34%
    - ในเยอรมนี แพงกว่า 26%
    - ในออสเตรเลีย แพงกว่า 18%

    ✅ RX 9070 XT มี VRAM ขนาด 16GB ซึ่งมากกว่า RTX 5070 ที่มีเพียง 12GB
    - เหมาะสำหรับ เกมที่ต้องการหน่วยความจำสูงและการใช้งาน AI

    ✅ การทดสอบ 57 เกมพบว่า RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ในหลายเกม
    - เช่น Starfield (+31% ที่ 1440p, +36% ที่ 4K), Horizon Forbidden West (+34% ที่ 1440p, +40% ที่ 4K)

    ✅ RTX 5070 มีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี DLSS 4 ซึ่งมีการรองรับที่กว้างกว่าระบบ FSR 4 ของ AMD
    - ทำให้ การเล่นเกมที่ใช้การอัปสเกลภาพมีคุณภาพดีกว่า

    https://www.techspot.com/review/2991-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070/
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070: การเปรียบเทียบที่พลิกโฉมตลาด GPU AMD เปิดตัว Radeon RX 9070 XT เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Nvidia GeForce RTX 5070 แต่ราคาจริงในตลาดกลับทำให้การแข่งขันนี้ซับซ้อนขึ้น โดย RX 9070 XT มีราคาสูงกว่าคู่แข่งถึง 41% ในสหรัฐฯ และ 34% ในแคนาดา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 20% ในการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ RX 9070 XT และ RTX 5070 ✅ RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ประมาณ 17% ที่ 1440p และ 21% ที่ 4K - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเฟรมเรตสูงขึ้น ✅ ราคาของ RX 9070 XT สูงกว่าคู่แข่งในหลายประเทศ - ในสหรัฐฯ แพงกว่า RTX 5070 ถึง 41% - ในแคนาดา แพงกว่า 34% - ในเยอรมนี แพงกว่า 26% - ในออสเตรเลีย แพงกว่า 18% ✅ RX 9070 XT มี VRAM ขนาด 16GB ซึ่งมากกว่า RTX 5070 ที่มีเพียง 12GB - เหมาะสำหรับ เกมที่ต้องการหน่วยความจำสูงและการใช้งาน AI ✅ การทดสอบ 57 เกมพบว่า RX 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 ในหลายเกม - เช่น Starfield (+31% ที่ 1440p, +36% ที่ 4K), Horizon Forbidden West (+34% ที่ 1440p, +40% ที่ 4K) ✅ RTX 5070 มีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี DLSS 4 ซึ่งมีการรองรับที่กว้างกว่าระบบ FSR 4 ของ AMD - ทำให้ การเล่นเกมที่ใช้การอัปสเกลภาพมีคุณภาพดีกว่า https://www.techspot.com/review/2991-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070/
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070
    We're revisiting the Radeon RX 9070 XT vs GeForce RTX 5070, now with updated drivers, pricing shifts, and a massive 57-game benchmark at 1440p and 4K to...
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • Elon Musk กลับมาทุ่มเททำงาน 24/7 หลังแพลตฟอร์ม X ฟื้นตัวจากเหตุขัดข้อง

    Elon Musk ประกาศว่าเขาจะกลับมาทำงานเต็มเวลาอีกครั้ง หลังจากแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ประสบปัญหาขัดข้องครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นรายทั่วโลก

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเหตุขัดข้องของ X และการกลับมาทำงานของ Musk
    ✅ แพลตฟอร์ม X ประสบปัญหาขัดข้องในสหรัฐฯ โดยมีผู้ใช้รายงานปัญหากว่า 25,800 ราย
    - เหตุขัดข้องเกิดขึ้นเมื่อเวลา 8:51 น. ET และลดลงเหลือ 650 รายภายใน 12:09 น. ET

    ✅ ผู้ใช้ในประเทศอื่น ๆ เช่น เยอรมนี, สเปน, ฝรั่งเศส, อินเดีย, แคนาดา, ออสเตรเลีย และอังกฤษ ก็ได้รับผลกระทบ
    - Downdetector รายงานว่าปัญหาส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

    ✅ Musk ประกาศว่าเขาจะกลับมาทำงานเต็มเวลาและนอนในห้องประชุมหรือโรงงาน
    - เขากล่าวว่า ต้องโฟกัสกับ X, xAI และ Tesla รวมถึงการปล่อยจรวด Starship ในสัปดาห์หน้า

    ✅ X ไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นจาก Reuters เกี่ยวกับเหตุขัดข้อง
    - ทำให้ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหา

    ✅ Musk ลดการใช้จ่ายทางการเมืองหลังจากลงทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในการสนับสนุน Donald Trump
    - เขาประกาศว่า จะลดการใช้จ่ายทางการเมืองและกลับมาโฟกัสที่ธุรกิจของตน

    ✅ Tesla เผชิญแรงกดดันจากนักลงทุน เนื่องจากยอดขายลดลงหลังจาก Musk แสดงจุดยืนทางการเมือง
    - Tesla รายงานยอดขายลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปี

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/25/musk-says-he039ll-resume-working-039247039-at-his-companies-x-outage-mostly-restored
    Elon Musk กลับมาทุ่มเททำงาน 24/7 หลังแพลตฟอร์ม X ฟื้นตัวจากเหตุขัดข้อง Elon Musk ประกาศว่าเขาจะกลับมาทำงานเต็มเวลาอีกครั้ง หลังจากแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ประสบปัญหาขัดข้องครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หลายหมื่นรายทั่วโลก 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเหตุขัดข้องของ X และการกลับมาทำงานของ Musk ✅ แพลตฟอร์ม X ประสบปัญหาขัดข้องในสหรัฐฯ โดยมีผู้ใช้รายงานปัญหากว่า 25,800 ราย - เหตุขัดข้องเกิดขึ้นเมื่อเวลา 8:51 น. ET และลดลงเหลือ 650 รายภายใน 12:09 น. ET ✅ ผู้ใช้ในประเทศอื่น ๆ เช่น เยอรมนี, สเปน, ฝรั่งเศส, อินเดีย, แคนาดา, ออสเตรเลีย และอังกฤษ ก็ได้รับผลกระทบ - Downdetector รายงานว่าปัญหาส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ✅ Musk ประกาศว่าเขาจะกลับมาทำงานเต็มเวลาและนอนในห้องประชุมหรือโรงงาน - เขากล่าวว่า ต้องโฟกัสกับ X, xAI และ Tesla รวมถึงการปล่อยจรวด Starship ในสัปดาห์หน้า ✅ X ไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นจาก Reuters เกี่ยวกับเหตุขัดข้อง - ทำให้ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหา ✅ Musk ลดการใช้จ่ายทางการเมืองหลังจากลงทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในการสนับสนุน Donald Trump - เขาประกาศว่า จะลดการใช้จ่ายทางการเมืองและกลับมาโฟกัสที่ธุรกิจของตน ✅ Tesla เผชิญแรงกดดันจากนักลงทุน เนื่องจากยอดขายลดลงหลังจาก Musk แสดงจุดยืนทางการเมือง - Tesla รายงานยอดขายลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปี https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/25/musk-says-he039ll-resume-working-039247039-at-his-companies-x-outage-mostly-restored
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Musk says he'll resume working '24/7' at his companies, X outage mostly restored
    (Reuters) - Elon Musk's social media platform X was largely restored for most users after an outage that impacted tens of thousands of users in the United States on Saturday, according to outage tracking website Downdetector.com, following which he said that he is "back to spending 24/7" at his companies.
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลียทำข้อมูลรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ

    คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลีย (AHRC) เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล เนื่องจากข้อผิดพลาดในการตั้งค่าการจัดทำดัชนีของเบราว์เซอร์ ทำให้เอกสารส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ บนอินเทอร์เน็ต

    ✅ เอกสารประมาณ 670 ฉบับถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ
    - ในจำนวนนี้ มีประมาณ 100 ฉบับที่ถูกเข้าถึงผ่าน Bing หรือ Google

    ✅ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงเอกสารจากโครงการสำคัญของ AHRC
    - เช่น Speaking from Experience Project (มี.ค. – ก.ย. 2024), Human Rights Awards 2023 (ก.ค. – ก.ย. 2023) และ National Anti-Racism Framework (ต.ค. 2021 – ก.พ. 2022)

    ✅ AHRC ได้แจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้ว
    - ผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ ควรตรวจสอบบัญชีและธุรกรรมทางการเงินเพื่อหากิจกรรมที่น่าสงสัย

    ✅ เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์
    - เป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค ไม่ใช่การกระทำที่เป็นอาชญากรรม

    ✅ AHRC ยืนยันว่ากำลังดำเนินการแก้ไขและปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย
    - เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/security/australian-human-right-commission-leaks-docs-and-personal-information-in-browser-indexing-mishap
    คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลียทำข้อมูลรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลีย (AHRC) เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล เนื่องจากข้อผิดพลาดในการตั้งค่าการจัดทำดัชนีของเบราว์เซอร์ ทำให้เอกสารส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ บนอินเทอร์เน็ต ✅ เอกสารประมาณ 670 ฉบับถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ - ในจำนวนนี้ มีประมาณ 100 ฉบับที่ถูกเข้าถึงผ่าน Bing หรือ Google ✅ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงเอกสารจากโครงการสำคัญของ AHRC - เช่น Speaking from Experience Project (มี.ค. – ก.ย. 2024), Human Rights Awards 2023 (ก.ค. – ก.ย. 2023) และ National Anti-Racism Framework (ต.ค. 2021 – ก.พ. 2022) ✅ AHRC ได้แจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้ว - ผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ ควรตรวจสอบบัญชีและธุรกรรมทางการเงินเพื่อหากิจกรรมที่น่าสงสัย ✅ เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์ - เป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค ไม่ใช่การกระทำที่เป็นอาชญากรรม ✅ AHRC ยืนยันว่ากำลังดำเนินการแก้ไขและปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย - เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต https://www.techradar.com/pro/security/australian-human-right-commission-leaks-docs-and-personal-information-in-browser-indexing-mishap
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • การพัฒนาควอนตัมคอมพิพิวติ้ง (Quantum Computing) เป็นหนึ่งในความท้าทายทางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน และสภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจมีบทบาทในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เนื่องจาก:

    ### 1. **ความต้องการสภาพแวดล้อมที่เย็นจัด**
    - ควอนตัมคอมพิวเตอร์บางประเภท โดยเฉพาะ **ซูเปอร์คอนดักติ้งควอนตัมบิต (Superconducting Qubits)** จำเป็นต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ (−273.15°C หรือ 0 เคลวิน) เพื่อลดสัญญาณรบกวนทางความร้อน (Thermal Noise) ที่อาจรบกวนสถานะควอนตัม (Quantum State) ของคิวบิต
    - ประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นโดยธรรมชาติอาจช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบทำความเย็น (Cryogenic Systems) ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ

    ### 2. **ประเทศที่มีศักยภาพจากสภาพอากาศหนาวเย็น**
    - **แคนาดา, รัสเซีย, สแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์), ไอซ์แลนด์** และบางส่วนของ **สหรัฐอเมริกา (อลาสกา)** มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทดลองควอนตัมบางประเภท
    - ตัวอย่างเช่น:
    - **แคนาดา** มีบริษัทและสถาบันวิจัยชั้นนำด้านควอนตัม เช่น **D-Wave Systems** (บริษัทแรกของโลกที่ขายควอนตัมคอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์) และ **University of Waterloo** ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ **Quantum Valley**
    - **สวีเดนและฟินแลนด์** มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย

    ### 3. **แต่...สภาพอากาศหนาวไม่ใช่ปัจจัยหลัก**
    - เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งยังต้องพึ่งพา **ระบบทำความเย็นขั้นสูง** (เช่น Dilution Refrigerators) อยู่ดี แม้ในประเทศที่หนาวเย็น ดังนั้น ข้อได้เปรียบทางภูมิอากาศอาจมีจำกัด
    - ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือ:
    - **การลงทุนในวิจัยและพัฒนา** (เช่น จีน, สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป)
    - **ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรม**
    - **โครงสร้างพื้นฐานด้านวิศวกรรมและวัสดุศาสตร์**

    ### 4. **ประเทศที่นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้งในปัจจุบัน**
    - **สหรัฐอเมริกา** (Google, IBM, Microsoft)
    - **จีน** (ความก้าวหน้าด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์เช่น **Jiuzhang** และ **Zuchongzhi**)
    - **สหภาพยุโรป** (โปรแกรม Quantum Flagship)
    - **แคนาดา** (D-Wave, Xanadu)
    - **ออสเตรเลีย** (Silicon Quantum Computing)

    ### สรุป
    แม้สภาพอากาศหนาวเย็นอาจช่วยในบางแง่มุม (เช่น ลดพลังงานในการทำความเย็น) แต่ความสำเร็จของควอนตัมคอมพิวติ้งขึ้นอยู่กับ **ความสามารถทางวิศวกรรม, การลงทุน, และการพัฒนาอัลกอริธึมควอนตัม** มากกว่า ประเทศที่มีอากาศหนาวอาจได้เปรียบในบางกรณี แต่ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวติ้งประสบความสำเร็จในระดับโลก
    การพัฒนาควอนตัมคอมพิพิวติ้ง (Quantum Computing) เป็นหนึ่งในความท้าทายทางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน และสภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจมีบทบาทในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เนื่องจาก: ### 1. **ความต้องการสภาพแวดล้อมที่เย็นจัด** - ควอนตัมคอมพิวเตอร์บางประเภท โดยเฉพาะ **ซูเปอร์คอนดักติ้งควอนตัมบิต (Superconducting Qubits)** จำเป็นต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ (−273.15°C หรือ 0 เคลวิน) เพื่อลดสัญญาณรบกวนทางความร้อน (Thermal Noise) ที่อาจรบกวนสถานะควอนตัม (Quantum State) ของคิวบิต - ประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นโดยธรรมชาติอาจช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบทำความเย็น (Cryogenic Systems) ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ ### 2. **ประเทศที่มีศักยภาพจากสภาพอากาศหนาวเย็น** - **แคนาดา, รัสเซีย, สแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์), ไอซ์แลนด์** และบางส่วนของ **สหรัฐอเมริกา (อลาสกา)** มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทดลองควอนตัมบางประเภท - ตัวอย่างเช่น: - **แคนาดา** มีบริษัทและสถาบันวิจัยชั้นนำด้านควอนตัม เช่น **D-Wave Systems** (บริษัทแรกของโลกที่ขายควอนตัมคอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์) และ **University of Waterloo** ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ **Quantum Valley** - **สวีเดนและฟินแลนด์** มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย ### 3. **แต่...สภาพอากาศหนาวไม่ใช่ปัจจัยหลัก** - เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งยังต้องพึ่งพา **ระบบทำความเย็นขั้นสูง** (เช่น Dilution Refrigerators) อยู่ดี แม้ในประเทศที่หนาวเย็น ดังนั้น ข้อได้เปรียบทางภูมิอากาศอาจมีจำกัด - ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือ: - **การลงทุนในวิจัยและพัฒนา** (เช่น จีน, สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป) - **ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรม** - **โครงสร้างพื้นฐานด้านวิศวกรรมและวัสดุศาสตร์** ### 4. **ประเทศที่นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้งในปัจจุบัน** - **สหรัฐอเมริกา** (Google, IBM, Microsoft) - **จีน** (ความก้าวหน้าด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์เช่น **Jiuzhang** และ **Zuchongzhi**) - **สหภาพยุโรป** (โปรแกรม Quantum Flagship) - **แคนาดา** (D-Wave, Xanadu) - **ออสเตรเลีย** (Silicon Quantum Computing) ### สรุป แม้สภาพอากาศหนาวเย็นอาจช่วยในบางแง่มุม (เช่น ลดพลังงานในการทำความเย็น) แต่ความสำเร็จของควอนตัมคอมพิวติ้งขึ้นอยู่กับ **ความสามารถทางวิศวกรรม, การลงทุน, และการพัฒนาอัลกอริธึมควอนตัม** มากกว่า ประเทศที่มีอากาศหนาวอาจได้เปรียบในบางกรณี แต่ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวติ้งประสบความสำเร็จในระดับโลก
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • 13 พฤษภาคม 2568 -รายงานรอยเตอร์สระบุว่า สภาการบินแห่งสหประชาชาติตัดสินเมื่อวันจันทร์ว่า รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เครื่องบินของมาเลเซียถูกยิงตกในยูเครน ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 298 รายเสียชีวิตทั้งหมด รวมทั้งพลเมืองเนเธอร์แลนด์ 196 ราย และพลเมืองหรือผู้พำนักอาศัยในออสเตรเลีย 38 ราย รัฐบาลเนเธอร์แลนด์และออสเตรเลียระบุในแถลงการณ์แยกกันรัฐบาลทั้งสองกล่าวว่าคณะมนตรีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จะพิจารณาว่าจะต้องชดใช้ในรูปแบบใดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ออกเดินทางจากอัมสเตอร์ดัมไปยังกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 และถูกยิงตกในยูเครนตะวันออก ขณะที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่นิยมรัสเซียและกองกำลังยูเครนกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือดในเดือนพฤศจิกายน 2022 ผู้พิพากษาของเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสินจำคุกชายชาวรัสเซีย 2 คนและชายชาวยูเครน 1 คนในข้อหาฆาตกรรมในข้อหามีส่วนร่วมในเหตุโจมตีดังกล่าว มอสโกว์กล่าวว่าคำตัดสินดังกล่าว "น่าอับอาย" และระบุว่าจะไม่ส่งตัวพลเมืองของตนกลับประเทศICAO ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองมอนทรีออลไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นในทันที โดยคดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2022 โดยออสเตรเลียและเนเธอร์แลนด์“การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการค้นหาความจริงและบรรลุความยุติธรรมและการรับผิดชอบต่อเหยื่อทั้งหมดของเที่ยวบิน MH17 และครอบครัวและคนที่พวกเขารัก” แคสเปอร์ เฟลด์คัมป์ รัฐมนตรีต่างประเทศของเนเธอร์แลนด์กล่าวในแถลงการณ์“การตัดสินใจครั้งนี้ยังส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังชุมชนระหว่างประเทศด้วยว่า รัฐต่างๆ ไม่สามารถละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องรับโทษ”เนเธอร์แลนด์และออสเตรเลียต้องการให้สภา ICAO สั่งให้รัสเซียเข้าร่วมการเจรจาเรื่องการชดเชย เขากล่าวเสริมเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่ารัฐบาลของเธอยินดีกับการตัดสินใจดังกล่าว และเรียกร้องให้ ICAO ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขหว่องกล่าวในแถลงการณ์ว่า "เราขอเรียกร้องให้รัสเซียเผชิญหน้ากับความรับผิดชอบต่อการกระทำรุนแรงอันน่าสยดสยองครั้งนี้ และชดใช้การกระทำที่เลวร้ายนี้ ตามที่กฎหมายระหว่างประเทศกำหนด"ICAO ขาดอำนาจในการกำกับดูแล แต่มีอำนาจโน้มน้าวใจ และกำหนดมาตรฐานการบินระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างท่วมท้นจากประเทศสมาชิก 193 ประเทศ ที่มา REUTERS
    13 พฤษภาคม 2568 -รายงานรอยเตอร์สระบุว่า สภาการบินแห่งสหประชาชาติตัดสินเมื่อวันจันทร์ว่า รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เครื่องบินของมาเลเซียถูกยิงตกในยูเครน ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 298 รายเสียชีวิตทั้งหมด รวมทั้งพลเมืองเนเธอร์แลนด์ 196 ราย และพลเมืองหรือผู้พำนักอาศัยในออสเตรเลีย 38 ราย รัฐบาลเนเธอร์แลนด์และออสเตรเลียระบุในแถลงการณ์แยกกันรัฐบาลทั้งสองกล่าวว่าคณะมนตรีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จะพิจารณาว่าจะต้องชดใช้ในรูปแบบใดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ออกเดินทางจากอัมสเตอร์ดัมไปยังกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 และถูกยิงตกในยูเครนตะวันออก ขณะที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่นิยมรัสเซียและกองกำลังยูเครนกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือดในเดือนพฤศจิกายน 2022 ผู้พิพากษาของเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสินจำคุกชายชาวรัสเซีย 2 คนและชายชาวยูเครน 1 คนในข้อหาฆาตกรรมในข้อหามีส่วนร่วมในเหตุโจมตีดังกล่าว มอสโกว์กล่าวว่าคำตัดสินดังกล่าว "น่าอับอาย" และระบุว่าจะไม่ส่งตัวพลเมืองของตนกลับประเทศICAO ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองมอนทรีออลไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นในทันที โดยคดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2022 โดยออสเตรเลียและเนเธอร์แลนด์“การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการค้นหาความจริงและบรรลุความยุติธรรมและการรับผิดชอบต่อเหยื่อทั้งหมดของเที่ยวบิน MH17 และครอบครัวและคนที่พวกเขารัก” แคสเปอร์ เฟลด์คัมป์ รัฐมนตรีต่างประเทศของเนเธอร์แลนด์กล่าวในแถลงการณ์“การตัดสินใจครั้งนี้ยังส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังชุมชนระหว่างประเทศด้วยว่า รัฐต่างๆ ไม่สามารถละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องรับโทษ”เนเธอร์แลนด์และออสเตรเลียต้องการให้สภา ICAO สั่งให้รัสเซียเข้าร่วมการเจรจาเรื่องการชดเชย เขากล่าวเสริมเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่ารัฐบาลของเธอยินดีกับการตัดสินใจดังกล่าว และเรียกร้องให้ ICAO ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขหว่องกล่าวในแถลงการณ์ว่า "เราขอเรียกร้องให้รัสเซียเผชิญหน้ากับความรับผิดชอบต่อการกระทำรุนแรงอันน่าสยดสยองครั้งนี้ และชดใช้การกระทำที่เลวร้ายนี้ ตามที่กฎหมายระหว่างประเทศกำหนด"ICAO ขาดอำนาจในการกำกับดูแล แต่มีอำนาจโน้มน้าวใจ และกำหนดมาตรฐานการบินระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างท่วมท้นจากประเทศสมาชิก 193 ประเทศ ที่มา REUTERS
    0 Comments 0 Shares 304 Views 0 Reviews
  • สืบภาค 8 ตามรวบแก๊งออสเตรเลียปล้นเพื่อนร่วมชาติ 21 ล้าน กบดานวิลล่าหรูพัทยา ค้นบ้าน ผงะพบสิงโตขนาดใหญ่ 2 ตัวเลี้ยงไว้ในบ้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/18601/
    สืบภาค 8 ตามรวบแก๊งออสเตรเลียปล้นเพื่อนร่วมชาติ 21 ล้าน กบดานวิลล่าหรูพัทยา ค้นบ้าน ผงะพบสิงโตขนาดใหญ่ 2 ตัวเลี้ยงไว้ในบ้าน https://www.thai-tai.tv/news/18601/
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • Google รีแบรนด์บริการ VPN เพื่อความเป็นเอกภาพ Google ได้เปลี่ยนชื่อ Google Fi VPN เป็น VPN by Google เพื่อให้สอดคล้องกับการรีแบรนด์บริการ VPN บน Pixel ที่เกิดขึ้นในปี 2024 โดย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคหรือฟังก์ชันการทำงาน

    VPN by Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2024 สำหรับ Pixel 7 และรุ่นใหม่กว่า หลังจากที่ Google One VPN ถูกยกเลิก โดยบริการนี้มีให้ใช้งานใน 25 ประเทศ รวมถึง สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป

    ✅ Google Fi VPN ถูกรีแบรนด์เป็น VPN by Google
    - เป็น ส่วนหนึ่งของการรีแบรนด์บริการ VPN ของ Google
    - ไม่มี การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคหรือฟังก์ชันการทำงาน

    ✅ VPN by Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2024 สำหรับ Pixel 7 และรุ่นใหม่กว่า
    - เปิดตัวหลังจาก Google One VPN ถูกยกเลิก

    ✅ บริการนี้มีให้ใช้งานใน 25 ประเทศ
    - รวมถึง สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป

    ✅ Fi subscribers สามารถเปิดใช้งาน VPN ได้ผ่านแอป Fi
    - ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2025 การควบคุม VPN จะถูกย้ายไปที่ Settings

    ✅ VPN by Google อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านข้อมูลขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่ใช้งาน
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบ รายละเอียดแพ็กเกจของตนก่อนเปิดใช้งาน

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/google-fi-vpn-has-been-replaced-by-vpn-by-google-but-has-anything-actually-changed
    Google รีแบรนด์บริการ VPN เพื่อความเป็นเอกภาพ Google ได้เปลี่ยนชื่อ Google Fi VPN เป็น VPN by Google เพื่อให้สอดคล้องกับการรีแบรนด์บริการ VPN บน Pixel ที่เกิดขึ้นในปี 2024 โดย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคหรือฟังก์ชันการทำงาน VPN by Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2024 สำหรับ Pixel 7 และรุ่นใหม่กว่า หลังจากที่ Google One VPN ถูกยกเลิก โดยบริการนี้มีให้ใช้งานใน 25 ประเทศ รวมถึง สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป ✅ Google Fi VPN ถูกรีแบรนด์เป็น VPN by Google - เป็น ส่วนหนึ่งของการรีแบรนด์บริการ VPN ของ Google - ไม่มี การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคหรือฟังก์ชันการทำงาน ✅ VPN by Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2024 สำหรับ Pixel 7 และรุ่นใหม่กว่า - เปิดตัวหลังจาก Google One VPN ถูกยกเลิก ✅ บริการนี้มีให้ใช้งานใน 25 ประเทศ - รวมถึง สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป ✅ Fi subscribers สามารถเปิดใช้งาน VPN ได้ผ่านแอป Fi - ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2025 การควบคุม VPN จะถูกย้ายไปที่ Settings ✅ VPN by Google อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านข้อมูลขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่ใช้งาน - ผู้ใช้ควรตรวจสอบ รายละเอียดแพ็กเกจของตนก่อนเปิดใช้งาน https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/google-fi-vpn-has-been-replaced-by-vpn-by-google-but-has-anything-actually-changed
    WWW.TECHRADAR.COM
    Google Fi VPN is the latest service to become VPN by Google – here's what you need to know
    VPN by Google is now the name of another Google VPN service, but what is new?
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5)
    .................
    มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด
    .................
    สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี

    สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป
    .................
    แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

    ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น

    ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก

    2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก

    3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

    4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก

    5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

    6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ
    คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่

    .................
    เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี

    1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย
    2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ
    3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน
    4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน
    5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย
    6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ

    สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ

    เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)”
    .................

    ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย

    น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา

    ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

    เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก
    .................

    มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน

    การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป

    แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5) ................. มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด ................. สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป ................. แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก 2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก 3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก 5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง 6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ ................. เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี 1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย 2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ 3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน 4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน 5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย 6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)” ................. ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก ................. มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป
    0 Comments 0 Shares 746 Views 0 Reviews
  • Novomatic บริษัทเทคโนโลยีเกมรายใหญ่ในยุโรป ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Ainsworth Game Technology ผู้ผลิตเครื่องสล็อตชั้นนำของออสเตรเลียอย่างเต็มรูปแบบ โดยการซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ที่ Novomatic ยังไม่ได้ถือครองในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขายล่าสุดถึง 35% การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่ารวมประมาณ AU$336 ล้าน และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกมคาสิโนทั่วโลก

    Novomatic ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Ainsworth ตั้งแต่ปี 2016 ได้วางแผนที่จะใช้การควบรวมกิจการนี้เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล

    ✅ การซื้อหุ้นและมูลค่าการซื้อขาย
    - Novomatic ซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น
    - มูลค่ารวมของการซื้อกิจการประมาณ AU$336 ล้าน

    ✅ เป้าหมายของการควบรวมกิจการ
    - ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ
    - พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล

    ✅ ผลกระทบต่อ Ainsworth
    - Ainsworth ได้รับความมั่นคงทางการเงินจากการควบรวมกิจการ
    - การพัฒนา R&D และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับการสนับสนุนจาก Novomatic

    ✅ กระบวนการและการอนุมัติ
    - การซื้อกิจการจะดำเนินการผ่าน Scheme of Arrangement
    - ได้รับการอนุมัติจาก FIRB และต้องการการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและศาล

    https://computercity.com/software/gaming/novomatic-to-acquire-ainsworth-in-strategic-gaming-industry-move
    Novomatic บริษัทเทคโนโลยีเกมรายใหญ่ในยุโรป ได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการ Ainsworth Game Technology ผู้ผลิตเครื่องสล็อตชั้นนำของออสเตรเลียอย่างเต็มรูปแบบ โดยการซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ที่ Novomatic ยังไม่ได้ถือครองในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาซื้อขายล่าสุดถึง 35% การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่ารวมประมาณ AU$336 ล้าน และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกมคาสิโนทั่วโลก Novomatic ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Ainsworth ตั้งแต่ปี 2016 ได้วางแผนที่จะใช้การควบรวมกิจการนี้เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล ✅ การซื้อหุ้นและมูลค่าการซื้อขาย - Novomatic ซื้อหุ้นที่เหลืออีก 47.1% ในราคา AU$1.00 ต่อหุ้น - มูลค่ารวมของการซื้อกิจการประมาณ AU$336 ล้าน ✅ เป้าหมายของการควบรวมกิจการ - ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือ - พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสล็อตและแพลตฟอร์มดิจิทัล ✅ ผลกระทบต่อ Ainsworth - Ainsworth ได้รับความมั่นคงทางการเงินจากการควบรวมกิจการ - การพัฒนา R&D และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับการสนับสนุนจาก Novomatic ✅ กระบวนการและการอนุมัติ - การซื้อกิจการจะดำเนินการผ่าน Scheme of Arrangement - ได้รับการอนุมัติจาก FIRB และต้องการการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและศาล https://computercity.com/software/gaming/novomatic-to-acquire-ainsworth-in-strategic-gaming-industry-move
    COMPUTERCITY.COM
    Novomatic To Acquire Ainsworth In Strategic Gaming Industry Move
    Novomatic, one of Europe’s largest gaming technology giants, has announced a strategic move to fully acquire Ainsworth Game Technology, a leading Australian
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • Nike กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องในศาลสหรัฐฯ หลังจากปิดตัวธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตและ NFT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน RTFKT ที่บริษัทเข้าซื้อในปี 2021 โดยผู้ซื้อ NFT และสินทรัพย์คริปโตที่เกี่ยวข้องกล่าวว่าการปิดตัวธุรกิจนี้ในเดือนธันวาคม 2024 ส่งผลให้ความต้องการในสินทรัพย์ของพวกเขาลดลงอย่างมาก และพวกเขาอ้างว่าหากทราบล่วงหน้าว่า NFT เหล่านี้เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน พวกเขาจะไม่ซื้อในราคาที่สูงหรืออาจไม่ซื้อเลย

    การฟ้องร้องนี้เป็นคดีแบบกลุ่มที่นำโดย Jagdeep Cheema ชาวออสเตรเลีย ซึ่งเรียกร้องค่าเสียหายมากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าการปิดตัวธุรกิจนี้ละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในรัฐนิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และโอเรกอน

    Nike ระบุว่าแม้จะปิดตัว RTFKT แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก RTFKT

    ✅ การปิดตัวธุรกิจ RTFKT
    - Nike ปิดตัวธุรกิจ RTFKT ในเดือนธันวาคม 2024
    - ผู้ซื้อ NFT และสินทรัพย์คริปโตกล่าวว่าความต้องการในสินทรัพย์ของพวกเขาลดลง

    ✅ การฟ้องร้องในศาลสหรัฐฯ
    - คดีแบบกลุ่มนำโดย Jagdeep Cheema ชาวออสเตรเลีย
    - เรียกร้องค่าเสียหายมากกว่า 5 ล้านดอลลาร์

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ซื้อ NFT
    - ผู้ซื้ออ้างว่าหากทราบล่วงหน้าว่า NFT เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน พวกเขาจะไม่ซื้อ

    ✅ การตอบสนองของ Nike
    - Nike ระบุว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการสร้างสรรค์และนวัตกรรม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/nike-sued-over-closure-of-crypto-business
    Nike กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องในศาลสหรัฐฯ หลังจากปิดตัวธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตและ NFT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน RTFKT ที่บริษัทเข้าซื้อในปี 2021 โดยผู้ซื้อ NFT และสินทรัพย์คริปโตที่เกี่ยวข้องกล่าวว่าการปิดตัวธุรกิจนี้ในเดือนธันวาคม 2024 ส่งผลให้ความต้องการในสินทรัพย์ของพวกเขาลดลงอย่างมาก และพวกเขาอ้างว่าหากทราบล่วงหน้าว่า NFT เหล่านี้เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน พวกเขาจะไม่ซื้อในราคาที่สูงหรืออาจไม่ซื้อเลย การฟ้องร้องนี้เป็นคดีแบบกลุ่มที่นำโดย Jagdeep Cheema ชาวออสเตรเลีย ซึ่งเรียกร้องค่าเสียหายมากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าการปิดตัวธุรกิจนี้ละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในรัฐนิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และโอเรกอน Nike ระบุว่าแม้จะปิดตัว RTFKT แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก RTFKT ✅ การปิดตัวธุรกิจ RTFKT - Nike ปิดตัวธุรกิจ RTFKT ในเดือนธันวาคม 2024 - ผู้ซื้อ NFT และสินทรัพย์คริปโตกล่าวว่าความต้องการในสินทรัพย์ของพวกเขาลดลง ✅ การฟ้องร้องในศาลสหรัฐฯ - คดีแบบกลุ่มนำโดย Jagdeep Cheema ชาวออสเตรเลีย - เรียกร้องค่าเสียหายมากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ ✅ ผลกระทบต่อผู้ซื้อ NFT - ผู้ซื้ออ้างว่าหากทราบล่วงหน้าว่า NFT เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน พวกเขาจะไม่ซื้อ ✅ การตอบสนองของ Nike - Nike ระบุว่ายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการสร้างสรรค์และนวัตกรรม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/nike-sued-over-closure-of-crypto-business
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nike sued over closure of crypto business
    NEW YORK (Reuters) -Nike was sued on Friday by purchasers of Nike-themed non-fungible tokens (NFTs) and other cryptocurrency assets who said they suffered significant losses when the athletic wear company abruptly closed the business that created those assets.
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก

    Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน

    Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ

    สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ

    ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค
    - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ
    - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    ✅ การจัดสรรเงินทุน
    - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025
    - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน

    ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE)
    - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ
    - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์

    ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp!
    - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025

    https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง ✅ การจัดสรรเงินทุน - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025 - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp! - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google bolsters its anti-scam efforts across Asia-Pacific
    In 2024, customers across Asia-Pacific lost 688 billion USD to scams. At Taiwan's Online Safety Dialogue, Google unveiled new partnerships, grants, and real-time tools to fight back.
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews
  • มาดูดัชนีไอคิวเฉลี่ยประเทศที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ อย่างจีน อิหร่าน รัสเซีย เปรียบเทียบกับพันธมิตรสหรัฐอย่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา… และสหราชอาณาจักร หรือแม้แต่สหรัฐเอง
    มาดูดัชนีไอคิวเฉลี่ยประเทศที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ อย่างจีน อิหร่าน รัสเซีย เปรียบเทียบกับพันธมิตรสหรัฐอย่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา… และสหราชอาณาจักร หรือแม้แต่สหรัฐเอง
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • ..ข่าวเก่าลงปี2023 ขณะนั้นระเบิดใต้ดินอุโมงค์ทิ้งกันแหลกเลยก็เป็นได้หากจริง.
    ..พม่าที่แผ่นดินไหวใต้ดิน มโนเล่นๆว่าคือใต้อุโมงค์รังขนาดใหญ่ของการค้ามนุษย์ระดับโลกหรือแล็บชีวภาพขนาดใหญ่ก็ด้วย อาจจำเป็นต้องโยนเรื่องว่าคือภัยพิบัติทางธรรมชาติ อสูรกายเอย ซอมบี้เอย สัตว์นรกต่างๆในคลาบเนื้อหนังจริงอาจมากมายใต้ประเทศพม่า,เพราะพม่าคือโคตรแหล่งค้ามนุษย์ระดับโลกอีกแห่งนั้นเองในฝ่ายแสงกล่าวว่าไว้หากจริงตามนั้น,กทม.ไทยก็มีอุโมงค์ใหญ่เช่นกันอาจกำลังระเบิดกวาดล้างอยู่เช่นกัน.

    ☣️ ห้องทดลอง BIOWEAPON ใน DUMB's มีอยู่จริงเช่นเดียวกับการทดลอง 🧪 ห้องทดลอง BioLab

    ทุกฝ่ายต่างยึดครองอุโมงค์
    และหรือตัดอุโมงค์ใหม่ เมื่อกองกำลังพันธมิตรต่างๆ เข้าต่อสู้กับอุโมงค์ที่แอบแฝงอยู่ภายใต้หน้ากากของปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดและปฏิบัติการต่อต้าน "การค้ามนุษย์" ในที่สุด กองพันต่างๆ จะต้องพบกับสิ่งที่พวกเขาไม่ควรเห็น
    -
    เด็กและข่าวลือเกี่ยวกับเด็กที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นสิ่งหนึ่ง แต่มีการกล่าวกันว่ามีสถานที่อื่นๆ ด้วย เป็นไปได้อย่างยิ่งที่ทีมบุกเข้าไปในห้องทดลองชีวภาพและติดเชื้อโรค จากนั้นพวกเขาต้องปิดผนึกอุโมงค์
    -
    พวกเขาอาจพบสัตว์ประหลาด ไม่ใช่ซอมบี้ในความหมายของ Resident Evil แต่เป็นสัตว์ประหลาดในความหมายของ Resident Evil สัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมบางสิ่ง @ การเสียชีวิตในอุโมงค์เหล่านี้จะเป็นหายนะ ต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการเคลียร์ทั้งหมด ทำแผนที่ และเปิดเผยข้อมูล

    🇺🇸 สหรัฐฯ ☣️ BIOLABS - นายพลรัสเซียเปิดเผย PFIZER และสถาบัน Doherty ของออสเตรเลียในยูเครน 🇺🇦☣️
    -
    🇺🇸 ห้องปฏิบัติการ BIOWEAPON ของสหรัฐฯ ในยูเครน 🇺🇦 ครอบครัวอาชญากรของไบเดน - SOROS ดำเนินโครงการนิวเคลียร์ในยูเครน

    🔥 การระบาดของ DARPA 🔥 โปรแกรมการลอบสังหาร - DARPA, CRISPR
    --->>>
    https://rumble.com/v2abjei-the-darpa-pandemic-assassination-program-darpa-crispr.html
    -
    B💥Q💥Q💥Q💥Q💥M - ปูติน: ไวรัสโคโรนาเป็นส่วนหนึ่งของชีววิทยา โครงการอาวุธในยูเครน
    -->>
    https://rumble.com/v1smkke-bqqqqm-putin-coronavirus-was-part-of-the-biological-weapons-program-in-ukra.html

    @DUMBSandUNDERGROUND
    in ALLIANCE with
    @deNAZIficationMilitaryQperationZ

    https://rumble.com/v2ul10q-bioweapon-labs-the-dumbs-are-real-so-are-the-experiments-biolabs.html
    ..ข่าวเก่าลงปี2023 ขณะนั้นระเบิดใต้ดินอุโมงค์ทิ้งกันแหลกเลยก็เป็นได้หากจริง. ..พม่าที่แผ่นดินไหวใต้ดิน มโนเล่นๆว่าคือใต้อุโมงค์รังขนาดใหญ่ของการค้ามนุษย์ระดับโลกหรือแล็บชีวภาพขนาดใหญ่ก็ด้วย อาจจำเป็นต้องโยนเรื่องว่าคือภัยพิบัติทางธรรมชาติ อสูรกายเอย ซอมบี้เอย สัตว์นรกต่างๆในคลาบเนื้อหนังจริงอาจมากมายใต้ประเทศพม่า,เพราะพม่าคือโคตรแหล่งค้ามนุษย์ระดับโลกอีกแห่งนั้นเองในฝ่ายแสงกล่าวว่าไว้หากจริงตามนั้น,กทม.ไทยก็มีอุโมงค์ใหญ่เช่นกันอาจกำลังระเบิดกวาดล้างอยู่เช่นกัน. ☣️ ห้องทดลอง BIOWEAPON ใน DUMB's มีอยู่จริงเช่นเดียวกับการทดลอง 🧪 ห้องทดลอง BioLab ทุกฝ่ายต่างยึดครองอุโมงค์ และหรือตัดอุโมงค์ใหม่ เมื่อกองกำลังพันธมิตรต่างๆ เข้าต่อสู้กับอุโมงค์ที่แอบแฝงอยู่ภายใต้หน้ากากของปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดและปฏิบัติการต่อต้าน "การค้ามนุษย์" ในที่สุด กองพันต่างๆ จะต้องพบกับสิ่งที่พวกเขาไม่ควรเห็น - เด็กและข่าวลือเกี่ยวกับเด็กที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นสิ่งหนึ่ง แต่มีการกล่าวกันว่ามีสถานที่อื่นๆ ด้วย เป็นไปได้อย่างยิ่งที่ทีมบุกเข้าไปในห้องทดลองชีวภาพและติดเชื้อโรค จากนั้นพวกเขาต้องปิดผนึกอุโมงค์ - พวกเขาอาจพบสัตว์ประหลาด ไม่ใช่ซอมบี้ในความหมายของ Resident Evil แต่เป็นสัตว์ประหลาดในความหมายของ Resident Evil สัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมบางสิ่ง @ การเสียชีวิตในอุโมงค์เหล่านี้จะเป็นหายนะ ต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการเคลียร์ทั้งหมด ทำแผนที่ และเปิดเผยข้อมูล 🇺🇸 สหรัฐฯ ☣️ BIOLABS - นายพลรัสเซียเปิดเผย PFIZER และสถาบัน Doherty ของออสเตรเลียในยูเครน 🇺🇦☣️ - 🇺🇸 ห้องปฏิบัติการ BIOWEAPON ของสหรัฐฯ ในยูเครน 🇺🇦 ครอบครัวอาชญากรของไบเดน - SOROS ดำเนินโครงการนิวเคลียร์ในยูเครน 🔥 การระบาดของ DARPA 🔥 โปรแกรมการลอบสังหาร - DARPA, CRISPR --->>> https://rumble.com/v2abjei-the-darpa-pandemic-assassination-program-darpa-crispr.html - B💥Q💥Q💥Q💥Q💥M - ปูติน: ไวรัสโคโรนาเป็นส่วนหนึ่งของชีววิทยา โครงการอาวุธในยูเครน -->> https://rumble.com/v1smkke-bqqqqm-putin-coronavirus-was-part-of-the-biological-weapons-program-in-ukra.html @DUMBSandUNDERGROUND in ALLIANCE with @deNAZIficationMilitaryQperationZ https://rumble.com/v2ul10q-bioweapon-labs-the-dumbs-are-real-so-are-the-experiments-biolabs.html
    0 Comments 0 Shares 532 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยี โดยการเปลี่ยนแปลงภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและอาจต้องปรับราคาสินค้า เช่น Sony ที่ประกาศขึ้นราคาคอนโซล PlayStation 5 ในยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

    ✅ Sony ประกาศขึ้นราคาคอนโซล PlayStation 5
    - การขึ้นราคามีผลในยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
    - สาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้า

    ✅ สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั่วคราว
    - การยกเว้นนี้ช่วยลดผลกระทบต่อบริษัท เช่น Apple, Google และ Dell
    - อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีต้องเผชิญกับต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น
    - การเปลี่ยนแปลงภาษีทำให้บริษัทต้องใช้การขนส่งทางอากาศมากขึ้น
    - ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและอาจกระทบต่อราคาสินค้า

    ✅ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อาจได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วน
    - บริษัทในกลุ่ม "Magnificent Seven" เช่น Apple และ Nvidia อาจได้รับการยกเว้นบางส่วน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/20/severe-strain-on-tech-supply-chains-will-cause-more-price-rises
    บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยี โดยการเปลี่ยนแปลงภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและอาจต้องปรับราคาสินค้า เช่น Sony ที่ประกาศขึ้นราคาคอนโซล PlayStation 5 ในยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ✅ Sony ประกาศขึ้นราคาคอนโซล PlayStation 5 - การขึ้นราคามีผลในยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ - สาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้า ✅ สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั่วคราว - การยกเว้นนี้ช่วยลดผลกระทบต่อบริษัท เช่น Apple, Google และ Dell - อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ✅ บริษัทเทคโนโลยีต้องเผชิญกับต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น - การเปลี่ยนแปลงภาษีทำให้บริษัทต้องใช้การขนส่งทางอากาศมากขึ้น - ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและอาจกระทบต่อราคาสินค้า ✅ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อาจได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วน - บริษัทในกลุ่ม "Magnificent Seven" เช่น Apple และ Nvidia อาจได้รับการยกเว้นบางส่วน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/20/severe-strain-on-tech-supply-chains-will-cause-more-price-rises
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Severe strain' on tech supply chains will cause more price rises
    The "uncertainty" created by US President Donald Trump's changing tariffs policy is putting tech manufacturing supply chains under "severe strain", and sparking price rises, experts have said.
    0 Comments 0 Shares 372 Views 0 Reviews
  • ภาพเหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 14 เมษายน ช่วงเวลาที่โดรน Geran-2 ของรัสเซีย โจมตีไปที่รถบรรทุกอุปกรณ์ทางทหารของกองทัพออสเตรเลีย ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถในเมืองซูมี ของยูเครน
    ภาพเหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 14 เมษายน ช่วงเวลาที่โดรน Geran-2 ของรัสเซีย โจมตีไปที่รถบรรทุกอุปกรณ์ทางทหารของกองทัพออสเตรเลีย ที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถในเมืองซูมี ของยูเครน
    0 Comments 0 Shares 335 Views 17 0 Reviews
  • รายงานล่าสุดจาก CSO Online ระบุว่า การเมืองกำลังส่งผลกระทบต่อกระบวนการอนุมัติใบรับรองความปลอดภัยทางไซเบอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอเมริกาสูญเสียความน่าเชื่อถือในระดับสากล

    ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเชื่อมโยงใบรับรองความปลอดภัยกับจุดยืนทางการเมือง
    - คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นเซอร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งปี 2020 และ COVID-19 จะถูกเพิกถอนใบรับรองความปลอดภัย
    - Chris Krebs อดีตหัวหน้า CISA ถูกเพิกถอนใบรับรอง และบริษัท SentinelOne ที่เขาเกี่ยวข้องก็ได้รับผลกระทบ

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยกังวลว่าการเมืองจะทำให้ข้อมูลภัยคุกคามขาดความน่าเชื่อถือ
    - CISOs อาจต้องพิจารณาว่าข้อมูลจากบริษัทอเมริกัน ได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลหรือไม่
    - มีความกังวลว่าบริษัทอาจถูกกดดันให้ ละเว้นข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากบางประเทศ

    ✅ บริษัทด้านความปลอดภัยจากประเทศอื่นอาจได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้
    - บริษัทจาก แคนาดา, ออสเตรเลีย, อิสราเอล, อินเดีย, เยอรมนี และญี่ปุ่น อาจได้รับความไว้วางใจมากขึ้น
    - CISOs อาจต้องพิจารณา เปลี่ยนไปใช้บริการจากบริษัทที่ไม่ได้รับอิทธิพลทางการเมือง

    ✅ การเพิกถอนใบรับรองของ SentinelOne อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
    - หากรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการนี้กับบริษัทอื่น อาจทำให้ อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอเมริกาสูญเสียความน่าเชื่อถือ

    https://www.csoonline.com/article/3965056/will-politicization-of-security-clearances-make-us-cybersecurity-firms-radioactive.html
    รายงานล่าสุดจาก CSO Online ระบุว่า การเมืองกำลังส่งผลกระทบต่อกระบวนการอนุมัติใบรับรองความปลอดภัยทางไซเบอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอเมริกาสูญเสียความน่าเชื่อถือในระดับสากล ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเชื่อมโยงใบรับรองความปลอดภัยกับจุดยืนทางการเมือง - คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นเซอร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งปี 2020 และ COVID-19 จะถูกเพิกถอนใบรับรองความปลอดภัย - Chris Krebs อดีตหัวหน้า CISA ถูกเพิกถอนใบรับรอง และบริษัท SentinelOne ที่เขาเกี่ยวข้องก็ได้รับผลกระทบ ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยกังวลว่าการเมืองจะทำให้ข้อมูลภัยคุกคามขาดความน่าเชื่อถือ - CISOs อาจต้องพิจารณาว่าข้อมูลจากบริษัทอเมริกัน ได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลหรือไม่ - มีความกังวลว่าบริษัทอาจถูกกดดันให้ ละเว้นข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากบางประเทศ ✅ บริษัทด้านความปลอดภัยจากประเทศอื่นอาจได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้ - บริษัทจาก แคนาดา, ออสเตรเลีย, อิสราเอล, อินเดีย, เยอรมนี และญี่ปุ่น อาจได้รับความไว้วางใจมากขึ้น - CISOs อาจต้องพิจารณา เปลี่ยนไปใช้บริการจากบริษัทที่ไม่ได้รับอิทธิพลทางการเมือง ✅ การเพิกถอนใบรับรองของ SentinelOne อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น - หากรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการนี้กับบริษัทอื่น อาจทำให้ อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอเมริกาสูญเสียความน่าเชื่อถือ https://www.csoonline.com/article/3965056/will-politicization-of-security-clearances-make-us-cybersecurity-firms-radioactive.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Will politicization of security clearances make US cybersecurity firms radioactive?
    Following Trump's executive order to strip SentinelOne of its security clearances, many wonder if CISOs will soon put American security firms in the same bad light as Russia’s Kaspersky and China’s Nuctech.
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 Comments 0 Shares 1057 Views 0 Reviews

  • ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน
    ______________________________
    23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
    China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90
    ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน)
    ______________________________
    ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
    สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม
    หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ)
    บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง
    นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก
    ______________________________
    การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น
    • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV
    • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน
    • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ
    • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม
    • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry)
    สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน
    ______________________________
    ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
    ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล
    หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้:
    • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง
    • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย
    • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF
    • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่
    • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง
    • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง
    • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง
    ______________________________
    สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง
    การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED
    สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง
    ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน
    ______________________________
    ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน
    สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ
    KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่
    รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ______________________________
    สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต
    อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ
    https://shorturl.asia/6GnqX
    ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942
    ______________________________

    10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน)
    1. แร่ดีบุก (Tin)
    o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563
    o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region)
    2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
    o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region)
    3. ทองแดง (Copper)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร
    o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State)
    4. ตะกั่ว (Lead)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State)
    5. สังกะสี (Zinc)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ
    o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region)
    6. นิกเกิล (Nickel)
    o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน
    7. พลวง (Antimony)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน
    o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    8. ทังสเตน (Tungsten)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง
    o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น
    9. ทองคำ (Gold)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก
    o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ
    o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย
    10. อิตเทรียม (Yttrium)
    o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ
    o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร
    ______________________________
    ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน ______________________________ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90 ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน) ______________________________ ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ) บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก ______________________________ การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry) สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน ______________________________ ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้: • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่ • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง ______________________________ สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน ______________________________ ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่ รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ______________________________ สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ https://shorturl.asia/6GnqX ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942 ______________________________ 10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน) 1. แร่ดีบุก (Tin) o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563 o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region) 2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์ o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region) 3. ทองแดง (Copper) o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State) 4. ตะกั่ว (Lead) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์ o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State) 5. สังกะสี (Zinc) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region) 6. นิกเกิล (Nickel) o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน 7. พลวง (Antimony) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ 8. ทังสเตน (Tungsten) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น 9. ทองคำ (Gold) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย 10. อิตเทรียม (Yttrium) o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร ______________________________
    0 Comments 0 Shares 1141 Views 0 Reviews
  • Anker ได้เปิดตัว UV Printer E1 ภายใต้แบรนด์ eufyMake ซึ่งเป็น เครื่องพิมพ์ UV แบบ 3D สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ที่สามารถพิมพ์ลงบนพื้นผิวหลากหลายประเภท เช่น ไม้, โลหะ, อะคริลิก, หนัง, แก้ว, หิน และเซรามิก

    ✅ UV Printer E1 สามารถพิมพ์ลงบนพื้นผิวที่หลากหลาย
    - ใช้ UV light เพื่อทำให้หมึกแห้งอย่างรวดเร็ว
    - สามารถพิมพ์ลงบน ถ้วย, กระเบื้อง, กระดาษ, ผ้าใบ และวัสดุอื่นๆ

    ✅ รองรับการพิมพ์แบบ 3D และเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI
    - สามารถสร้าง พื้นผิวแบบ 3D และใช้ AI ในการแก้ไขภาพ
    - รองรับการพิมพ์แบบ Direct-to-Film (DTF) ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายโอนภาพไปยังพื้นผิวที่หลากหลาย

    ✅ ขนาดกะทัดรัดและเหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    - เครื่องพิมพ์นี้มีขนาดเล็กกว่ารุ่นอุตสาหกรรมถึง 90%
    - เหมาะสำหรับ ธุรกิจขนาดเล็ก, นักออกแบบ และผู้ใช้ทั่วไป

    ✅ การเปิดตัวและราคา
    - เปิดตัวผ่าน Kickstarter ในเดือนเมษายน 2025
    - ราคาเริ่มต้นที่ $1,499 พร้อมเงินมัดจำ $50
    - การจัดส่งเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2025 ไปยัง สหรัฐฯ, แคนาดา, ยุโรป, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์

    https://www.techspot.com/news/107560-world-first-personal-3d-texturing-uv-printer-paints.html
    Anker ได้เปิดตัว UV Printer E1 ภายใต้แบรนด์ eufyMake ซึ่งเป็น เครื่องพิมพ์ UV แบบ 3D สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ที่สามารถพิมพ์ลงบนพื้นผิวหลากหลายประเภท เช่น ไม้, โลหะ, อะคริลิก, หนัง, แก้ว, หิน และเซรามิก ✅ UV Printer E1 สามารถพิมพ์ลงบนพื้นผิวที่หลากหลาย - ใช้ UV light เพื่อทำให้หมึกแห้งอย่างรวดเร็ว - สามารถพิมพ์ลงบน ถ้วย, กระเบื้อง, กระดาษ, ผ้าใบ และวัสดุอื่นๆ ✅ รองรับการพิมพ์แบบ 3D และเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI - สามารถสร้าง พื้นผิวแบบ 3D และใช้ AI ในการแก้ไขภาพ - รองรับการพิมพ์แบบ Direct-to-Film (DTF) ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายโอนภาพไปยังพื้นผิวที่หลากหลาย ✅ ขนาดกะทัดรัดและเหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป - เครื่องพิมพ์นี้มีขนาดเล็กกว่ารุ่นอุตสาหกรรมถึง 90% - เหมาะสำหรับ ธุรกิจขนาดเล็ก, นักออกแบบ และผู้ใช้ทั่วไป ✅ การเปิดตัวและราคา - เปิดตัวผ่าน Kickstarter ในเดือนเมษายน 2025 - ราคาเริ่มต้นที่ $1,499 พร้อมเงินมัดจำ $50 - การจัดส่งเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2025 ไปยัง สหรัฐฯ, แคนาดา, ยุโรป, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ https://www.techspot.com/news/107560-world-first-personal-3d-texturing-uv-printer-paints.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The world's first personal 3D texturing UV printer paints on almost any surface
    The UV Printer E1 from Anker's eufyMake brand allows non-business customers to print detailed color designs onto cups, tiles, paper, canvas, and numerous other materials. It supports...
    0 Comments 0 Shares 362 Views 0 Reviews
  • มีรายงานว่า รัสเซียได้เจรจาอย่างเป็นทางการกับจาการ์ตาในการขออนุญาตให้เครื่องบินของกองกำลังอวกาศรัสเซีย (VKS) ประจำการที่ฐานทัพปาปัวในจังหวัดทางตะวันออกสุดของอินโดนีเซีย

    จากรายงานของสื่อ คาดว่ารัสเซียอาจต้องการให้เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 ไปประจำการที่ฐานทัพอากาศ Manuhua ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสนามบิน Frans Kaisiepo บนเกาะ Biak ของอินโดนีเซีย ในภูมิภาคปาปัว

    ซึ่งเป็นฐานทัพอากาศที่กองทัพอากาศอินโดนีเซียไม่ได้ใช้งานแล้ว และปล่อยทิ้งร้างไว้

    ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียถึงกับแสดงอาการร้อนรน และส่งคำถามไปยังรัฐบาลอินโดนีเซียถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งจากรายงานของสื่อออสเตรเลีย รัฐบาลจาการ์ตาได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้วเช่นกัน


    มีรายงานว่า รัสเซียได้เจรจาอย่างเป็นทางการกับจาการ์ตาในการขออนุญาตให้เครื่องบินของกองกำลังอวกาศรัสเซีย (VKS) ประจำการที่ฐานทัพปาปัวในจังหวัดทางตะวันออกสุดของอินโดนีเซีย จากรายงานของสื่อ คาดว่ารัสเซียอาจต้องการให้เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 ไปประจำการที่ฐานทัพอากาศ Manuhua ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสนามบิน Frans Kaisiepo บนเกาะ Biak ของอินโดนีเซีย ในภูมิภาคปาปัว ซึ่งเป็นฐานทัพอากาศที่กองทัพอากาศอินโดนีเซียไม่ได้ใช้งานแล้ว และปล่อยทิ้งร้างไว้ ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียถึงกับแสดงอาการร้อนรน และส่งคำถามไปยังรัฐบาลอินโดนีเซียถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งจากรายงานของสื่อออสเตรเลีย รัฐบาลจาการ์ตาได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้วเช่นกัน
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • นอกจาก “แร่หายาก” 7 ชนิด ที่จีนใช้เป็นอาวุธในการตอบโต้ทรัมป์ จีนยังได้ประกาศยกเลิกการสั่งเนื้อวัวจากสหรัฐ และหันไปซื้อจากออสเตรเลียสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งจีนผลิตได้ประมาณ 70% ของโลก ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยแร่หายากทั้ง 7 ชนิด ได้แก่:

    👉Samarium (ซาแมเรียม) ใช้ในแม่เหล็ก (magnets), เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (nuclear reactors), และการรักษามะเร็ง (cancer treatments)

    👉Gadolinium (แกโดลิเนียม) ใช้ในตัวแทนความคมชัดของ MRI (MRI contrast agents), การป้องกันรังสีนิวเคลียร์ (nuclear shielding), และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics)

    👉Terbium (เทอร์เบียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในระบบแสงสว่าง (phosphors in lighting), จอแสดงผล (displays), และการผลิตแม่เหล็ก (magnet production)

    👉Dysprosium (ดิสโพรเซียม) ใช้ในแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (high-performance magnets for electric vehicles) และกังหันลม (wind turbines)

    👉Lutetium (ลูทีเซียม) ใช้ในการถ่ายภาพทางการแพทย์ (medical imaging), การรักษามะเร็ง (cancer therapy), และตัวเร่งปฏิกิริยา (catalysts)

    👉Scandium (สแกนเดียม) ใช้ในเพิ่มความแข็งแรงในโลหะผสมอะลูมิเนียมสำหรับการบินและอวกาศ (enhances strength in aluminum alloys for aerospace) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics)

    👉Yttrium (อิตเทรียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในไฟ LED (phosphors in LEDs), เลเซอร์ (lasers), และตัวนำยิ่งยวด (superconductors)

    นอกจากนี้ จีนเพิ่งลงนามข้อตกลงกับออสเตรเลียในการนำเข้าเนื้อวัวมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญ แต่ราคาเนื้อวัวของออสเตรเลียมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจีนจะสามารถรักษาราคาเนื้อวัวในประเทศให้อนู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อประชาชนได้หรือไม่
    นอกจาก “แร่หายาก” 7 ชนิด ที่จีนใช้เป็นอาวุธในการตอบโต้ทรัมป์ จีนยังได้ประกาศยกเลิกการสั่งเนื้อวัวจากสหรัฐ และหันไปซื้อจากออสเตรเลียสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งจีนผลิตได้ประมาณ 70% ของโลก ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยแร่หายากทั้ง 7 ชนิด ได้แก่: 👉Samarium (ซาแมเรียม) ใช้ในแม่เหล็ก (magnets), เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (nuclear reactors), และการรักษามะเร็ง (cancer treatments) 👉Gadolinium (แกโดลิเนียม) ใช้ในตัวแทนความคมชัดของ MRI (MRI contrast agents), การป้องกันรังสีนิวเคลียร์ (nuclear shielding), และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics) 👉Terbium (เทอร์เบียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในระบบแสงสว่าง (phosphors in lighting), จอแสดงผล (displays), และการผลิตแม่เหล็ก (magnet production) 👉Dysprosium (ดิสโพรเซียม) ใช้ในแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (high-performance magnets for electric vehicles) และกังหันลม (wind turbines) 👉Lutetium (ลูทีเซียม) ใช้ในการถ่ายภาพทางการแพทย์ (medical imaging), การรักษามะเร็ง (cancer therapy), และตัวเร่งปฏิกิริยา (catalysts) 👉Scandium (สแกนเดียม) ใช้ในเพิ่มความแข็งแรงในโลหะผสมอะลูมิเนียมสำหรับการบินและอวกาศ (enhances strength in aluminum alloys for aerospace) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics) 👉Yttrium (อิตเทรียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในไฟ LED (phosphors in LEDs), เลเซอร์ (lasers), และตัวนำยิ่งยวด (superconductors) นอกจากนี้ จีนเพิ่งลงนามข้อตกลงกับออสเตรเลียในการนำเข้าเนื้อวัวมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญ แต่ราคาเนื้อวัวของออสเตรเลียมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจีนจะสามารถรักษาราคาเนื้อวัวในประเทศให้อนู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อประชาชนได้หรือไม่
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 591 Views 0 Reviews
  • Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ
    .
    ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน
    ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง
    รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน
    โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain
    ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย
    อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
    นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน
    แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน
    แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด
    ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต
    อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan
    โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2%
    แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก
    Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา
    หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่
    1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน
    2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น
    3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์
    4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho
    5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์
    6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน
    7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ
    ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก
    ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก
    พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง
    ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย
    แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด


    อ้างอิง :
    • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    https://www.bbc.com/thai/international-53264790
    • EarthRights International, Global Witness
    Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ . ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2% แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่ 1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน 2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น 3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์ 4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho 5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์ 6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน 7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด อ้างอิง : • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ • https://www.bbc.com/thai/international-53264790 • EarthRights International, Global Witness
    0 Comments 0 Shares 1083 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Monash ในออสเตรเลียได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยกำจัดสารเคมี PFAS หรือที่เรียกว่า "สารเคมีตลอดกาล" ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่:
    - ทีมวิจัยได้ออกแบบเมมเบรนกราฟีนที่สามารถกรองสาร PFAS ออกจากน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถกำจัดสาร PFAS ได้มากกว่า 90% ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับเมมเบรนแบบเดิมที่กำจัดได้เพียง 35%.
    - เมมเบรนนี้ใช้ความสัมพันธ์ทางเคมีเฉพาะเพื่อจับสาร PFAS แม้ในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และยังคงรักษาการไหลของน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

    ✅ ความสำคัญของ PFAS:
    - PFAS เป็นสารเคมีที่มีพันธะคาร์บอน-ฟลูออรีนที่แข็งแรงและมีอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้สารเหล่านี้สามารถปนเปื้อนในน้ำใต้ดินและส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ เช่น การพัฒนาที่ผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก และมะเร็ง.
    - สาร PFAS ถูกใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในกระบวนการผลิตชิป เช่น การใช้ในของเหลว photoresist และก๊าซในห้องแกะสลัก.

    ✅ การนำเทคโนโลยีไปใช้ในอนาคต:
    - Monash University มีความร่วมมือกับ NematiQ ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตกราฟีน เพื่อช่วยนำเมมเบรนนี้เข้าสู่ตลาดในระดับใหญ่.
    - เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การบำบัดน้ำเสียจากโรงงานและการจัดการน้ำจากหลุมฝังกลบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/researchers-make-breakthrough-in-cleaning-up-the-forever-chemicals-used-in-chip-manufacturing
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Monash ในออสเตรเลียได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยกำจัดสารเคมี PFAS หรือที่เรียกว่า "สารเคมีตลอดกาล" ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดมลพิษและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่: - ทีมวิจัยได้ออกแบบเมมเบรนกราฟีนที่สามารถกรองสาร PFAS ออกจากน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถกำจัดสาร PFAS ได้มากกว่า 90% ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับเมมเบรนแบบเดิมที่กำจัดได้เพียง 35%. - เมมเบรนนี้ใช้ความสัมพันธ์ทางเคมีเฉพาะเพื่อจับสาร PFAS แม้ในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และยังคงรักษาการไหลของน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ. ✅ ความสำคัญของ PFAS: - PFAS เป็นสารเคมีที่มีพันธะคาร์บอน-ฟลูออรีนที่แข็งแรงและมีอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้สารเหล่านี้สามารถปนเปื้อนในน้ำใต้ดินและส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ เช่น การพัฒนาที่ผิดปกติ ภาวะมีบุตรยาก และมะเร็ง. - สาร PFAS ถูกใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในกระบวนการผลิตชิป เช่น การใช้ในของเหลว photoresist และก๊าซในห้องแกะสลัก. ✅ การนำเทคโนโลยีไปใช้ในอนาคต: - Monash University มีความร่วมมือกับ NematiQ ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตกราฟีน เพื่อช่วยนำเมมเบรนนี้เข้าสู่ตลาดในระดับใหญ่. - เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การบำบัดน้ำเสียจากโรงงานและการจัดการน้ำจากหลุมฝังกลบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/researchers-make-breakthrough-in-cleaning-up-the-forever-chemicals-used-in-chip-manufacturing
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Researchers make breakthrough in cleaning up the 'forever chemicals' used in chip manufacturing
    The semiconductor industry is among the worst offenders in PFAS use and pollution.
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • รายงานจาก National Cyber Security Center (NCSC) ของสหราชอาณาจักร ร่วมกับหน่วยงานในออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ เผยว่าแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนเป็นแอปทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น Audio Quran และ TibetOne ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแฝงสปายแวร์เพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลจีน

    🌐 รายละเอียดของแอปพลิเคชันที่แฝงสปายแวร์:
    - 📍 การรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์: สปายแวร์ที่ชื่อ BADBAZAAR และ MOONSHINE สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง, เสียง, วิดีโอ, ไฟล์ในอุปกรณ์, ข้อความ SMS และบันทึกการโทร
    - 📱 การปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันทางศาสนาและวัฒนธรรม: แอปเหล่านี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนแอปที่มีประโยชน์ เช่น การแชร์ภาพและบทความเกี่ยวกับวัฒนธรรมทิเบต

    ⚠️ ผลกระทบต่อชุมชนและองค์กร:
    - 🌏 การติดตามกิจกรรม: แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังใช้ในการติดตามกิจกรรมของกลุ่มองค์กรในสังคมพลเมือง
    - 🔒 การแพร่กระจาย: แอปถูกแชร์ผ่านฟอรัมที่ชุมชนเป้าหมายใช้งาน และต้องติดตั้งผ่านไฟล์ .apk เนื่องจากไม่สามารถผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของ Google Play Store

    https://www.techradar.com/pro/security/spyware-combing-for-data-of-use-to-china-hidden-inside-religious-and-cultural-apps
    รายงานจาก National Cyber Security Center (NCSC) ของสหราชอาณาจักร ร่วมกับหน่วยงานในออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, นิวซีแลนด์ และสหรัฐฯ เผยว่าแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนเป็นแอปทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น Audio Quran และ TibetOne ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแฝงสปายแวร์เพื่อรวบรวมข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลจีน 🌐 รายละเอียดของแอปพลิเคชันที่แฝงสปายแวร์: - 📍 การรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์: สปายแวร์ที่ชื่อ BADBAZAAR และ MOONSHINE สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง, เสียง, วิดีโอ, ไฟล์ในอุปกรณ์, ข้อความ SMS และบันทึกการโทร - 📱 การปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันทางศาสนาและวัฒนธรรม: แอปเหล่านี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนแอปที่มีประโยชน์ เช่น การแชร์ภาพและบทความเกี่ยวกับวัฒนธรรมทิเบต ⚠️ ผลกระทบต่อชุมชนและองค์กร: - 🌏 การติดตามกิจกรรม: แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังใช้ในการติดตามกิจกรรมของกลุ่มองค์กรในสังคมพลเมือง - 🔒 การแพร่กระจาย: แอปถูกแชร์ผ่านฟอรัมที่ชุมชนเป้าหมายใช้งาน และต้องติดตั้งผ่านไฟล์ .apk เนื่องจากไม่สามารถผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของ Google Play Store https://www.techradar.com/pro/security/spyware-combing-for-data-of-use-to-china-hidden-inside-religious-and-cultural-apps
    0 Comments 0 Shares 381 Views 0 Reviews
  • Microsoft เปิดตัว Windows 365 Link ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Thin Client ที่ออกแบบมาเพื่อให้การเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ Windows 365 เป็นไปอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับการใช้งานในระดับองค์กร โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยและความเรียบง่ายเป็นสำคัญ

    ✅ อุปกรณ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการเข้าถึงคลาวด์
    - Windows 365 Link เป็นอุปกรณ์ที่ ไม่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลภายใน แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึง Windows 365 Cloud PC จากระยะไกลได้ทันที
    - อุปกรณ์นี้สามารถ เล่นวิดีโอคุณภาพสูงในระหว่างการประชุม โดยประมวลผลบนเครื่องได้โดยตรง

    ✅ คุณสมบัติด้านความปลอดภัยสูงสุด
    - มาพร้อมเทคโนโลยี Secure Boot, Trusted Platform Module (TPM), BitLocker, และ Hypervisor Code Integrity ที่เปิดใช้งานแบบถาวรเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    - การจัดการทำได้ผ่าน Microsoft Intune ทำให้การติดตั้งและควบคุมอุปกรณ์ Thin Client เป็นไปอย่างง่ายดาย

    ✅ ใช้งานในหลายประเทศ
    - Windows 365 Link พร้อมวางจำหน่ายแล้วใน สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์
    - ราคาในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ $350 โดยเน้นการใช้งานสำหรับองค์กร ไม่ใช่ผู้บริโภคทั่วไป

    ✅ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการลดความซับซ้อนของระบบ IT
    - Thin Client นี้ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยองค์กรสามารถเลือกใช้อุปกรณ์นี้ควบคู่กับ Windows 365 Cloud PC ได้ทันที
    - นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง Cloud PC ผ่าน เว็บเบราว์เซอร์ หรือแอป Windows โดยไม่จำเป็นต้องรีบใช้อุปกรณ์ใหม่

    https://www.techspot.com/news/107421-microsoft-350-windows-365-link-cloud-client-now.html
    Microsoft เปิดตัว Windows 365 Link ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Thin Client ที่ออกแบบมาเพื่อให้การเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ Windows 365 เป็นไปอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับการใช้งานในระดับองค์กร โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยและความเรียบง่ายเป็นสำคัญ ✅ อุปกรณ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการเข้าถึงคลาวด์ - Windows 365 Link เป็นอุปกรณ์ที่ ไม่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลภายใน แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึง Windows 365 Cloud PC จากระยะไกลได้ทันที - อุปกรณ์นี้สามารถ เล่นวิดีโอคุณภาพสูงในระหว่างการประชุม โดยประมวลผลบนเครื่องได้โดยตรง ✅ คุณสมบัติด้านความปลอดภัยสูงสุด - มาพร้อมเทคโนโลยี Secure Boot, Trusted Platform Module (TPM), BitLocker, และ Hypervisor Code Integrity ที่เปิดใช้งานแบบถาวรเพื่อเพิ่มความปลอดภัย - การจัดการทำได้ผ่าน Microsoft Intune ทำให้การติดตั้งและควบคุมอุปกรณ์ Thin Client เป็นไปอย่างง่ายดาย ✅ ใช้งานในหลายประเทศ - Windows 365 Link พร้อมวางจำหน่ายแล้วใน สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ - ราคาในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ $350 โดยเน้นการใช้งานสำหรับองค์กร ไม่ใช่ผู้บริโภคทั่วไป ✅ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการลดความซับซ้อนของระบบ IT - Thin Client นี้ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยองค์กรสามารถเลือกใช้อุปกรณ์นี้ควบคู่กับ Windows 365 Cloud PC ได้ทันที - นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง Cloud PC ผ่าน เว็บเบราว์เซอร์ หรือแอป Windows โดยไม่จำเป็นต้องรีบใช้อุปกรณ์ใหม่ https://www.techspot.com/news/107421-microsoft-350-windows-365-link-cloud-client-now.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft's $350 Windows 365 Link cloud client is now available
    Microsoft announced the Windows 365 Link in November and is now beginning to offer the new device to customers in select markets. Link is the first custom...
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
More Results