• ศาลรธน.ขีดเส้น 15 วัน สั่งอัยการสูงสุดแจงปมคำร้องคดีฮั้วเลือกสว.ของ "ณฐพร โตประยูร"
    https://www.thai-tai.tv/news/19377/
    ศาลรธน.ขีดเส้น 15 วัน สั่งอัยการสูงสุดแจงปมคำร้องคดีฮั้วเลือกสว.ของ "ณฐพร โตประยูร" https://www.thai-tai.tv/news/19377/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ส่งนาวิกโยธิน 700 นาย และสมาชิกกองกำลังป้องกันชาติอีก 2,000 นายไปแอลเอ ลั่นผู้ประท้วงต่อต้านการจับกุมคนลักลอบเข้าเมืองจะถูก “ลงโทษหนักอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” พร้อมขู่จับกุมผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียโทษฐานขัดขวางมาตรการของรัฐบาลกลาง ขณะที่ตำรวจแอลเอยันรับมือไหว ชี้การนำทหารเข้ามาโดยไม่มีการประสานงานเสี่ยงทำให้เกิดความสับสนระหว่างเกิดเหตุการณ์ตึงเครียด ด้านอัยการสูงสุดแคลิฟอร์เนียยื่นฟ้องศาลระงับคำสั่งทรัมป์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000054579

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ทรัมป์ส่งนาวิกโยธิน 700 นาย และสมาชิกกองกำลังป้องกันชาติอีก 2,000 นายไปแอลเอ ลั่นผู้ประท้วงต่อต้านการจับกุมคนลักลอบเข้าเมืองจะถูก “ลงโทษหนักอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” พร้อมขู่จับกุมผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียโทษฐานขัดขวางมาตรการของรัฐบาลกลาง ขณะที่ตำรวจแอลเอยันรับมือไหว ชี้การนำทหารเข้ามาโดยไม่มีการประสานงานเสี่ยงทำให้เกิดความสับสนระหว่างเกิดเหตุการณ์ตึงเครียด ด้านอัยการสูงสุดแคลิฟอร์เนียยื่นฟ้องศาลระงับคำสั่งทรัมป์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000054579 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 775 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีต่างประเทศสหราอาณาจักร ณ ขณะนั้น ขู่ตัดเงินสนับสนุนศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) และถอนสหราชอาณาจักออกจากสนธิสัญญาก่อตั้งศาลแห่งนี้ หากว่า คาริม ข่าน อัยการสูงสุดของไอซีซี หาทางออกหมายจับพวกผู้นำอิสราเอลเมื่อปีที่แล้ว ตามคำกล่าวอ้างของสำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อาย (เอ็มอีอี)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000054186

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีต่างประเทศสหราอาณาจักร ณ ขณะนั้น ขู่ตัดเงินสนับสนุนศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) และถอนสหราชอาณาจักออกจากสนธิสัญญาก่อตั้งศาลแห่งนี้ หากว่า คาริม ข่าน อัยการสูงสุดของไอซีซี หาทางออกหมายจับพวกผู้นำอิสราเอลเมื่อปีที่แล้ว ตามคำกล่าวอ้างของสำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อาย (เอ็มอีอี) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000054186 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 890 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปธน.ทรัมป์ ประกาศว่าขณะนี้ลอสแองเจลิส ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของต่างชาติ และสั่งให้ฝ่ายบริหารผ่าน รมว.ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คริสตี้ โนเอม และรมว.กลาโหม พีท เฮกเซธ ระงับความไม่สงบที่เกิดขึ้นและปลดปล่อยเมืองด้วยวิธีการใดๆ ที่จำเป็น

    ข้าพเจ้าขอสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คริสตี้ โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พีท เฮกเซธ และอัยการสูงสุด (รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม) แพม บอนดี ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปลดปล่อยลอสแองเจลิสจากการรุกรานของผู้อพยพ และยุติการจลาจลของผู้อพยพ นำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมา
    ปธน.ทรัมป์ ประกาศว่าขณะนี้ลอสแองเจลิส ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของต่างชาติ และสั่งให้ฝ่ายบริหารผ่าน รมว.ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คริสตี้ โนเอม และรมว.กลาโหม พีท เฮกเซธ ระงับความไม่สงบที่เกิดขึ้นและปลดปล่อยเมืองด้วยวิธีการใดๆ ที่จำเป็น ข้าพเจ้าขอสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คริสตี้ โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พีท เฮกเซธ และอัยการสูงสุด (รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม) แพม บอนดี ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อปลดปล่อยลอสแองเจลิสจากการรุกรานของผู้อพยพ และยุติการจลาจลของผู้อพยพ นำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกอัยการ เผย อัยการคดีพิเศษ ยื่นฟ้องศาลอาญา 5 ผู้ต้องหานอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ เกี่ยวข้องเหตุการณ์ตึกสตง.ถล่ม คนงานบาดเจ็บ-ดับหลายสิบราย

    วันนี้ (5 มิ.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานอัยการคดีพิเศษ ได้สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา นอมินีบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และมีการถล่มพัวลงมาจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

    นายศักดิ์เกษม กล่าวว่า สำนักงานอัยการคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แล้ว มีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัท ไซน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1( โดย นายชวนหลิง จาง ) กรรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ) กระทำความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวฝ่า ฝืนประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาติ ตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000052618

    #MGROnline #ตึกถล่ม #สตง.
    โฆษกอัยการ เผย อัยการคดีพิเศษ ยื่นฟ้องศาลอาญา 5 ผู้ต้องหานอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ เกี่ยวข้องเหตุการณ์ตึกสตง.ถล่ม คนงานบาดเจ็บ-ดับหลายสิบราย • วันนี้ (5 มิ.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานอัยการคดีพิเศษ ได้สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา นอมินีบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และมีการถล่มพัวลงมาจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก • นายศักดิ์เกษม กล่าวว่า สำนักงานอัยการคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แล้ว มีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัท ไซน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1( โดย นายชวนหลิง จาง ) กรรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ) กระทำความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวฝ่า ฝืนประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาติ ตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000052618 • #MGROnline #ตึกถล่ม #สตง.
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอกตะปูปิดฝาโลงกระบวนการยุติธรรมกันไปเลย ที่ผ่านมาก็ตกต่ำมากและ สว.สีน้ำเงินยังหวังโหวตเห็นชอบให้คนมีชู้ ล่อเด็กหน้าห้อง จนต้องเลิกรากับเมีย แค่คู่ชีวิตเมิงยังทรยศ แถมยังพัวพันการปล่อยทรัพย์สินที่ยึดมาจากคดียาเสพติดแบบน่ากังขา ตกลงเมิงเป็นผู้เชี่ยวชาญคดีอาญา หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญก่อคดีอาญากันแน่ คนแบบนี้แหละที่สว.สีน้ำเงินชอบ เพราะตำบอนเหมือนกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อิทธิพรแก้วทิพย์
    #อัยการสูงสุด
    ตอกตะปูปิดฝาโลงกระบวนการยุติธรรมกันไปเลย ที่ผ่านมาก็ตกต่ำมากและ สว.สีน้ำเงินยังหวังโหวตเห็นชอบให้คนมีชู้ ล่อเด็กหน้าห้อง จนต้องเลิกรากับเมีย แค่คู่ชีวิตเมิงยังทรยศ แถมยังพัวพันการปล่อยทรัพย์สินที่ยึดมาจากคดียาเสพติดแบบน่ากังขา ตกลงเมิงเป็นผู้เชี่ยวชาญคดีอาญา หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญก่อคดีอาญากันแน่ คนแบบนี้แหละที่สว.สีน้ำเงินชอบ เพราะตำบอนเหมือนกัน #คิงส์โพธิ์แดง #อิทธิพรแก้วทิพย์ #อัยการสูงสุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 ระหว่างอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน

    ข้อกล่าวหา
    โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง โดยมีจำเลยที่ 2 บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล และจำเลยที่ 3 กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ส่วนจำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า และจำเลยที่ 5 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 17 และจำเลยที่ 19 ถึงจำเลยที่ 21 เป็นบุคคลธรรมดา และจำเลยที่ 18 บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทั้งหมดเป็นผู้เกี่ยวข้องในการซื้อหรือขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า
    จำเลยทั้ง 21 คน ได้ร่วมกันแบ่งหน้าที่และให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด โดยจำเลยที่ 1, 4, และ 5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ และพนักงานในหน่วยงานของรัฐ ได้กระทำความผิดโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ในการทุจริต ด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 21 นำบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT, LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการค้าขายถุงมือยางเข้ามาเป็นผู้ซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ทั้งที่ยังไม่ได้มีการวางหลักเกณฑ์หรือระเบียบในการจัดหาและจำหน่ายสินค้า

    อย่างไรก็ตาม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งไว้ด้วย สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการไต่สวนชี้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปดในโครงการจัดซื้อสินค้า เป็นการกระทำโดยทุจริตที่ร่วมกันจัดทำเอกสารปลอม และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อให้มีการอนุมัติและเบิกเงินสำหรับโครงการดังกล่าว โดยไม่มีการจัดซื้อสินค้าจริง หรือมีการจัดซื้อสินค้าแต่ไม่มีการส่งมอบสินค้าครบถ้วนตามสัญญา หรือมีการส่งมอบสินค้าที่มีราคาแพงเกินสมควร
    มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารเสนอโครงการ การอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงิน ไปจนถึงการรับเงิน โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีหลักฐานเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติในการดำเนินโครงการ รวมถึงพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการทุจริตตามที่กล่าวหา การกระทำของจำเลยทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
    ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งว่า จำเลยทั้งหมดควรกระทำความผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ เนื่องจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และได้ร่วมกันกระทำความผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง


    ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4729354/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR71j_g9yAwXtqPHQb0uXo6NwSaRRxIEzCpwoZLU7KVD-bEJJHnW7X28KgvJdA_aem_LqzQfoRAPkMXzVFYHQtuOw#4jct57bmo4c6r484mbp5z8fwungr7xuqm
    เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 ระหว่างอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน ข้อกล่าวหา โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง โดยมีจำเลยที่ 2 บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล และจำเลยที่ 3 กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ส่วนจำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า และจำเลยที่ 5 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 17 และจำเลยที่ 19 ถึงจำเลยที่ 21 เป็นบุคคลธรรมดา และจำเลยที่ 18 บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทั้งหมดเป็นผู้เกี่ยวข้องในการซื้อหรือขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า จำเลยทั้ง 21 คน ได้ร่วมกันแบ่งหน้าที่และให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด โดยจำเลยที่ 1, 4, และ 5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ และพนักงานในหน่วยงานของรัฐ ได้กระทำความผิดโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ในการทุจริต ด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 21 นำบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT, LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการค้าขายถุงมือยางเข้ามาเป็นผู้ซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ทั้งที่ยังไม่ได้มีการวางหลักเกณฑ์หรือระเบียบในการจัดหาและจำหน่ายสินค้า อย่างไรก็ตาม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งไว้ด้วย สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการไต่สวนชี้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปดในโครงการจัดซื้อสินค้า เป็นการกระทำโดยทุจริตที่ร่วมกันจัดทำเอกสารปลอม และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อให้มีการอนุมัติและเบิกเงินสำหรับโครงการดังกล่าว โดยไม่มีการจัดซื้อสินค้าจริง หรือมีการจัดซื้อสินค้าแต่ไม่มีการส่งมอบสินค้าครบถ้วนตามสัญญา หรือมีการส่งมอบสินค้าที่มีราคาแพงเกินสมควร มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารเสนอโครงการ การอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงิน ไปจนถึงการรับเงิน โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีหลักฐานเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติในการดำเนินโครงการ รวมถึงพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการทุจริตตามที่กล่าวหา การกระทำของจำเลยทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งว่า จำเลยทั้งหมดควรกระทำความผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ เนื่องจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และได้ร่วมกันกระทำความผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4729354/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR71j_g9yAwXtqPHQb0uXo6NwSaRRxIEzCpwoZLU7KVD-bEJJHnW7X28KgvJdA_aem_LqzQfoRAPkMXzVFYHQtuOw#4jct57bmo4c6r484mbp5z8fwungr7xuqm
    WWW.DAILYNEWS.CO.TH
    เห็นแย้ง! ศาลฯยกฟ้อง อดีต ผอ.อคส.-พวก จัดซื้อถุงมือยางมิชอบ2พันล้าน | เดลินิวส์
    ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 1 พิพากษายกฟ้องคดี รุ่งโรจน์ อดีต ผอ.อคส. กับพวก รวม 21 คน ฐานสมคบวางแผนจัดซื้อถุงมือยางมิชอบ เสียหายกว่า 2 พันล้านบาท แต่ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จะมีความเห็นแย้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้อง อสส.ยื่นศาล รธน. หยุดบ่อนทำลาย 'วุฒิสภา' พบกลุ่มการเมืองฮั้ว สว.รุนแรง
    .
    อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สำคัญแม้จะไม่ได้อยู่ในกระแสมากนัก แต่อาจมีผลต่อทิศทางของการเมืองไทยในอนาคต ภายหลังนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000045665

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ร้อง อสส.ยื่นศาล รธน. หยุดบ่อนทำลาย 'วุฒิสภา' พบกลุ่มการเมืองฮั้ว สว.รุนแรง . อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สำคัญแม้จะไม่ได้อยู่ในกระแสมากนัก แต่อาจมีผลต่อทิศทางของการเมืองไทยในอนาคต ภายหลังนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000045665 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก.อ.มีมติเอกฉันท์เลือก 'อิทธิพร แก้วทิพย์' นั่งอัยการสูงสุดคนที่ 20
    https://www.thai-tai.tv/news/18546/
    ก.อ.มีมติเอกฉันท์เลือก 'อิทธิพร แก้วทิพย์' นั่งอัยการสูงสุดคนที่ 20 https://www.thai-tai.tv/news/18546/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิด 8 ตัวเต็ง ชิงเก้าอี้ 'อัยการสูงสุด'
    .
    อีกไม่นานสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังจะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ เนื่องจาก นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด คนปัจจุบันจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 กันยายน 2568
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000041880

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เปิด 8 ตัวเต็ง ชิงเก้าอี้ 'อัยการสูงสุด' . อีกไม่นานสำนักงานอัยการสูงสุดกำลังจะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ เนื่องจาก นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด คนปัจจุบันจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 กันยายน 2568 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000041880 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 980 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง วิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ร้อง อัยการสูงสุด ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีปล่อยกู้เครือกฤษฎามหานคร ระบุ คำพิพากษา-คำสั่งถึงที่สุดแล้ว ขณะที่ วิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถอนตัว เหตุ เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อนสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจ เรื่องพิจารณาที่ ต. 35/2568 กรณีนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้ถูกร้อง ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับเครือกฤษฎามหานคร เป็นการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาก่อนที่จะมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่รายละเอียดผ่านเอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 12/2568 ดังนี้นายวิโรจน์ นวลแข ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ถูกร้อง ฟ้องผู้ร้องกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลพิพากษาว่าผู้ร้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 8 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 313 ประกอบมาตรา 307 และมาตรา 308 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ประกอบมาตรา 354แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ร้องเห็นว่า เมื่อศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวในคดีแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจถูกดำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่ผู้ถูกร้องทำให้ผู้ร้องต้องตกอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาค้นหาความจริงที่แตกต่างจากการพิจารณาแบบทั่วไปและถูกพิพากษาให้มีความผิด จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 27 มาตรา 29 มาตรา 188 วรรคหนึ่ง และมาตรา 195 วรรคสอง ข้ดต่อกฎหมายและหลักนิติธรรม ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายนอกจากนี้ ผู้ร้องกล่าวอ้างด้วยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 และมาตรา 27 ทำให้ผู้ร้องถูกละเมิดจากการกระทำของผู้ถูกร้องผลการพิจารณานายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเคยเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการในศาลอื่นซึ่งเคยพิจารณาวินิจฉัยในคดีหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อน และที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 นั้น เป็นการยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 และมาตรา 231 (1) กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูสังไม่รับคำร้องไว้พิจารมา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจอื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐรรมนูมาตรา
    ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง วิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ร้อง อัยการสูงสุด ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีปล่อยกู้เครือกฤษฎามหานคร ระบุ คำพิพากษา-คำสั่งถึงที่สุดแล้ว ขณะที่ วิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถอนตัว เหตุ เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อนสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 30 เมษายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจ เรื่องพิจารณาที่ ต. 35/2568 กรณีนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้ถูกร้อง ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับเครือกฤษฎามหานคร เป็นการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาก่อนที่จะมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่รายละเอียดผ่านเอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 12/2568 ดังนี้นายวิโรจน์ นวลแข ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ถูกร้อง ฟ้องผู้ร้องกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลพิพากษาว่าผู้ร้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 8 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 313 ประกอบมาตรา 307 และมาตรา 308 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ประกอบมาตรา 354แต่ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ร้องเห็นว่า เมื่อศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนักการเมืองเพียงคนเดียวในคดีแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อาจถูกดำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การที่ผู้ถูกร้องทำให้ผู้ร้องต้องตกอยู่ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาค้นหาความจริงที่แตกต่างจากการพิจารณาแบบทั่วไปและถูกพิพากษาให้มีความผิด จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 27 มาตรา 29 มาตรา 188 วรรคหนึ่ง และมาตรา 195 วรรคสอง ข้ดต่อกฎหมายและหลักนิติธรรม ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายนอกจากนี้ ผู้ร้องกล่าวอ้างด้วยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 และมาตรา 27 ทำให้ผู้ร้องถูกละเมิดจากการกระทำของผู้ถูกร้องผลการพิจารณานายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเคยเป็นผู้พิพากษาหรือตุลาการในศาลอื่นซึ่งเคยพิจารณาวินิจฉัยในคดีหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ขอให้วินิจฉัยนั้นมาก่อน และที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 47 (4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 10 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 นั้น เป็นการยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 และมาตรา 231 (1) กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูสังไม่รับคำร้องไว้พิจารมา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจอื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐรรมนูมาตรา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกม The Darkest Files เป็นเกมที่สร้างจากเรื่องจริงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยผู้เล่นจะรับบทเป็น Esther Katz อัยการที่ทำงานร่วมกับ Fritz Bauer อัยการสูงสุดในแฟรงก์เฟิร์ต ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มุ่งมั่นในการสืบสวนคดีอาชญากรรมของนาซีในช่วงปี 1950 และ 1960 เกมนี้นำเสนอการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นจริง โดยผู้เล่นต้องค้นหาเอกสาร สัมภาษณ์พยาน และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    เกมนี้มีจุดเด่นที่การนำเสนอเรื่องราวผ่านกราฟิกสไตล์ graphic novel ที่มีความมืดมนและเข้มข้น ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับความท้าทายในการแก้ปริศนาและการนำเสนอหลักฐานในศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง เกมยังสะท้อนถึงความยากลำบากในการทำงานของทีมอัยการในยุคนั้น รวมถึงการเผชิญกับการต่อต้านจากสังคม

    ✅ เนื้อเรื่องและตัวละคร
    - ผู้เล่นรับบทเป็น Esther Katz อัยการที่ทำงานร่วมกับ Fritz Bauer
    - สืบสวนคดีอาชญากรรมของนาซีที่เกิดขึ้นจริงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

    ✅ รูปแบบการเล่น
    - ค้นหาเอกสาร สัมภาษณ์พยาน และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์
    - นำเสนอหลักฐานในศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง

    ✅ กราฟิกและการนำเสนอ
    - ใช้กราฟิกสไตล์ graphic novel ที่มืดมนและเข้มข้น
    - สะท้อนถึงความยากลำบากในการทำงานของทีมอัยการ

    ✅ ข้อความสำคัญของเกม
    - เกมเน้นการเตือนถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากอดีตและการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอีก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/039the-darkest-files039-investigate-true-crimes-from-the-nazi-era
    เกม The Darkest Files เป็นเกมที่สร้างจากเรื่องจริงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยผู้เล่นจะรับบทเป็น Esther Katz อัยการที่ทำงานร่วมกับ Fritz Bauer อัยการสูงสุดในแฟรงก์เฟิร์ต ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มุ่งมั่นในการสืบสวนคดีอาชญากรรมของนาซีในช่วงปี 1950 และ 1960 เกมนี้นำเสนอการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นจริง โดยผู้เล่นต้องค้นหาเอกสาร สัมภาษณ์พยาน และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกมนี้มีจุดเด่นที่การนำเสนอเรื่องราวผ่านกราฟิกสไตล์ graphic novel ที่มีความมืดมนและเข้มข้น ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับความท้าทายในการแก้ปริศนาและการนำเสนอหลักฐานในศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง เกมยังสะท้อนถึงความยากลำบากในการทำงานของทีมอัยการในยุคนั้น รวมถึงการเผชิญกับการต่อต้านจากสังคม ✅ เนื้อเรื่องและตัวละคร - ผู้เล่นรับบทเป็น Esther Katz อัยการที่ทำงานร่วมกับ Fritz Bauer - สืบสวนคดีอาชญากรรมของนาซีที่เกิดขึ้นจริงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ✅ รูปแบบการเล่น - ค้นหาเอกสาร สัมภาษณ์พยาน และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์ - นำเสนอหลักฐานในศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง ✅ กราฟิกและการนำเสนอ - ใช้กราฟิกสไตล์ graphic novel ที่มืดมนและเข้มข้น - สะท้อนถึงความยากลำบากในการทำงานของทีมอัยการ ✅ ข้อความสำคัญของเกม - เกมเน้นการเตือนถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากอดีตและการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอีก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/039the-darkest-files039-investigate-true-crimes-from-the-nazi-era
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'The Darkest Files': Investigate true crimes from the Nazi era
    Countless video games see players battling Nazis - but rarely are we doing the fighting not with guns, but with the law. "The Darkest Files" aims to turn the true stories of post-war legal investigations into Nazi crimes into entertaining gaming. Can it work?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • จำคุก "เนตร" ช่วย "บอส" เปลี่ยนหลักฐานพ้นผิด : [NEWS UPDATE]
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษา คดีร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุดกับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลย ในความผิดร่วมกันเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี คำให้การพยาน ความเร็วรถยนต์ เพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหา เพื่อให้พ้นผิดหรือรับโทษน้อยลง กรณีขับรถสปอร์ตหรูปอร์เช่ เฉี่ยวชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ย.2555 โดยศาลพิพากษาจำคุก นายชัยณรงค์ เเสงทองอร่าม 2 ปี กับ นายเนตร นาคสุข 3 ปี มีความผิด ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 6 คน ให้ยกฟ้อง ออกหมายขังระหว่างอุทธรณ์


    ใช้กฎหมายฟันพวกหัวหมอ

    เครื่องทดสอบระดับสากล

    สหรัฐเบรกเจรจาไทย

    เยียวยาน้ำท่วมเพิ่ม 781 ล้าน
    จำคุก "เนตร" ช่วย "บอส" เปลี่ยนหลักฐานพ้นผิด : [NEWS UPDATE] ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษา คดีร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุดกับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลย ในความผิดร่วมกันเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี คำให้การพยาน ความเร็วรถยนต์ เพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหา เพื่อให้พ้นผิดหรือรับโทษน้อยลง กรณีขับรถสปอร์ตหรูปอร์เช่ เฉี่ยวชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ย.2555 โดยศาลพิพากษาจำคุก นายชัยณรงค์ เเสงทองอร่าม 2 ปี กับ นายเนตร นาคสุข 3 ปี มีความผิด ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 6 คน ให้ยกฟ้อง ออกหมายขังระหว่างอุทธรณ์ ใช้กฎหมายฟันพวกหัวหมอ เครื่องทดสอบระดับสากล สหรัฐเบรกเจรจาไทย เยียวยาน้ำท่วมเพิ่ม 781 ล้าน
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 748 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • ♣ ศาลฯ สั่งจำคุก เนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด และชัยณรงค์ อัยการอาวุโส ช่วยเปลี่ยนความเร็วรถบอสชนตำรวจ ชาวคุกตั้งตารอลิ้มรสขนมบ้านอัยการ แม้จะเก่าเก็บจนใกล้เสื่อมสภาพก็ตาม
    #7ดอกจิก
    #ขนมบ้านอัยการ
    ♣ ศาลฯ สั่งจำคุก เนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด และชัยณรงค์ อัยการอาวุโส ช่วยเปลี่ยนความเร็วรถบอสชนตำรวจ ชาวคุกตั้งตารอลิ้มรสขนมบ้านอัยการ แม้จะเก่าเก็บจนใกล้เสื่อมสภาพก็ตาม #7ดอกจิก #ขนมบ้านอัยการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ได้ยื่นฟ้อง OpenAI โดยกล่าวหาว่าบริษัทกำลัง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร เพื่อให้สามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อ ภารกิจดั้งเดิมขององค์กรที่เน้นการพัฒนา AI เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียปฏิเสธที่จะเข้าร่วมคดีนี้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่เห็นว่าการดำเนินคดีของ Musk จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

    ✅ Musk ฟ้อง OpenAI เรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร
    - OpenAI ต้องการ ลบคณะกรรมการไม่แสวงหากำไรออกจากการควบคุมบริษัท
    - การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ OpenAI สามารถ ระดมทุน 40 พันล้านดอลลาร์ จากนักลงทุน

    ✅ อัยการสูงสุดของแคลิฟอร์เนียปฏิเสธที่จะเข้าร่วมคดี
    - Musk ขอให้รัฐแคลิฟอร์เนียเข้าร่วมคดีเพื่อ ปกป้องทรัพย์สินขององค์กรไม่แสวงหากำไร
    - อัยการสูงสุดระบุว่า Musk ไม่ได้แสดงหลักฐานเพียงพอว่าการเข้าร่วมคดีจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

    ✅ Meta และกลุ่มนักลงทุนอื่นๆ สนับสนุนการตรวจสอบ OpenAI
    - Meta และกลุ่มผู้นำด้านการกุศลได้ส่งจดหมายถึงอัยการสูงสุดเพื่อ เรียกร้องให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ OpenAI
    - OpenAI ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถ เติบโตและดำเนินภารกิจต่อไปได้

    ✅ Musk เคยเสนอซื้อ OpenAI ในราคา 97 พันล้านดอลลาร์
    - Musk เคยพยายามเข้าควบคุม OpenAI แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธ
    - Altman อ้างว่า Musk พยายามชะลอการเติบโตของคู่แข่ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/california-attorney-general-declines-to-join-musk039s-lawsuit-against-openai
    Elon Musk ได้ยื่นฟ้อง OpenAI โดยกล่าวหาว่าบริษัทกำลัง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร เพื่อให้สามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อ ภารกิจดั้งเดิมขององค์กรที่เน้นการพัฒนา AI เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียปฏิเสธที่จะเข้าร่วมคดีนี้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่เห็นว่าการดำเนินคดีของ Musk จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ✅ Musk ฟ้อง OpenAI เรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร - OpenAI ต้องการ ลบคณะกรรมการไม่แสวงหากำไรออกจากการควบคุมบริษัท - การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ OpenAI สามารถ ระดมทุน 40 พันล้านดอลลาร์ จากนักลงทุน ✅ อัยการสูงสุดของแคลิฟอร์เนียปฏิเสธที่จะเข้าร่วมคดี - Musk ขอให้รัฐแคลิฟอร์เนียเข้าร่วมคดีเพื่อ ปกป้องทรัพย์สินขององค์กรไม่แสวงหากำไร - อัยการสูงสุดระบุว่า Musk ไม่ได้แสดงหลักฐานเพียงพอว่าการเข้าร่วมคดีจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ✅ Meta และกลุ่มนักลงทุนอื่นๆ สนับสนุนการตรวจสอบ OpenAI - Meta และกลุ่มผู้นำด้านการกุศลได้ส่งจดหมายถึงอัยการสูงสุดเพื่อ เรียกร้องให้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ OpenAI - OpenAI ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถ เติบโตและดำเนินภารกิจต่อไปได้ ✅ Musk เคยเสนอซื้อ OpenAI ในราคา 97 พันล้านดอลลาร์ - Musk เคยพยายามเข้าควบคุม OpenAI แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธ - Altman อ้างว่า Musk พยายามชะลอการเติบโตของคู่แข่ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/california-attorney-general-declines-to-join-musk039s-lawsuit-against-openai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    California attorney general declines to join Musk's lawsuit against OpenAI
    SAN FRANCISCO (Reuters) - The California attorney general's office declined to join a lawsuit by Elon Musk against OpenAI, the agency wrote in a letter made public on Tuesday, saying that the office did not see how Musk's action serves the public interest of the state.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยความเห็นเเย้งของอธ.ดีเอสไอ ให้ฟ้อง"บอสมิน-บอสเเซม" คดีดิไอคอนฉ้อโกงประชาชน มาถึงอสส.เเล้ว ให้สำนักงานคดีชี้ขาดพิจารณาทำความเห็น ก่อนเสนออัยการสูงสุดชี้ขาด ระบุอธ.ดีเอสไอเเย้ง เพราะเชื่อ 2 บอส รู้เห็นเเผนธุรกิจเป็นเเชร์ลูกโซ่

    วันนี้ (8 เม.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง กรณี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มีความเห็นแย้ง เห็นควรฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย คดีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ สั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสเเซม ,น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมิน ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจฯ และร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ว่า เมื่ออธิบดีดีเอสไอมีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทััง 2 คนส่งสำนวนมายังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1

    โดยเมื่ออัยการสูงสุดได้ความเห็นเเย้งจากอธิบดีดีเอสไอเเล้วก็จะส่งไปยัง สำนักงานคดีชี้ขาดอัยการสูงสุดพิจารณาความเห็นเเย้ง โดยมีเจ้าของสำนวนพิจารณาทำความเห็นส่งมายังรองอธิบดีอัยการ ผ่านอธิบดีอัยการ ไปจนถึงรองอัยการสูงสุดที่เกี่ยวข้องพิจารณาทำความเห็นก่อนเสนออัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดเป็นลำดับสุดท้าย หาก อสส.ชี้ขาดฟ้องก็จะนัดนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาล เเต่หากชี้ขาดไม่ฟ้องคดีก็จะยุติเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งขั้นตอนที่ว่ากฎหมายไม่ได้เขียนกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาเเต่ก็จะดูเรื่องอายุความในคดี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000033329

    #MGROnline #บอสมิน #บอสเเซม #คดีดิไอคอน
    โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยความเห็นเเย้งของอธ.ดีเอสไอ ให้ฟ้อง"บอสมิน-บอสเเซม" คดีดิไอคอนฉ้อโกงประชาชน มาถึงอสส.เเล้ว ให้สำนักงานคดีชี้ขาดพิจารณาทำความเห็น ก่อนเสนออัยการสูงสุดชี้ขาด ระบุอธ.ดีเอสไอเเย้ง เพราะเชื่อ 2 บอส รู้เห็นเเผนธุรกิจเป็นเเชร์ลูกโซ่ • วันนี้ (8 เม.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง กรณี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มีความเห็นแย้ง เห็นควรฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย คดีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ สั่งไม่ฟ้อง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสเเซม ,น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมิน ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจฯ และร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ว่า เมื่ออธิบดีดีเอสไอมีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทััง 2 คนส่งสำนวนมายังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 • โดยเมื่ออัยการสูงสุดได้ความเห็นเเย้งจากอธิบดีดีเอสไอเเล้วก็จะส่งไปยัง สำนักงานคดีชี้ขาดอัยการสูงสุดพิจารณาความเห็นเเย้ง โดยมีเจ้าของสำนวนพิจารณาทำความเห็นส่งมายังรองอธิบดีอัยการ ผ่านอธิบดีอัยการ ไปจนถึงรองอัยการสูงสุดที่เกี่ยวข้องพิจารณาทำความเห็นก่อนเสนออัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดเป็นลำดับสุดท้าย หาก อสส.ชี้ขาดฟ้องก็จะนัดนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาล เเต่หากชี้ขาดไม่ฟ้องคดีก็จะยุติเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งขั้นตอนที่ว่ากฎหมายไม่ได้เขียนกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาเเต่ก็จะดูเรื่องอายุความในคดี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000033329 • #MGROnline #บอสมิน #บอสเเซม #คดีดิไอคอน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อธิบดีดีเอสไอ" พิจารณาพยานหลักฐานสำนวน "ดิไอคอน" ทำความเห็นแย้ง เห็นควรสั่งฟ้อง 2 บอส เสนออัยการสูงสุดชี้ขาด หลังมีคำสั่งยกฟ้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032904
    "อธิบดีดีเอสไอ" พิจารณาพยานหลักฐานสำนวน "ดิไอคอน" ทำความเห็นแย้ง เห็นควรสั่งฟ้อง 2 บอส เสนออัยการสูงสุดชี้ขาด หลังมีคำสั่งยกฟ้อง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000032904
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 724 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผู้ว่าการรถไฟ" ส่งหนังสือขอให้อัยการสูงสุด ดำเนินคดีข้อพิพาทเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ระบุ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน 5,083 ไร่ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้ชนะคดี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000028107
    "ผู้ว่าการรถไฟ" ส่งหนังสือขอให้อัยการสูงสุด ดำเนินคดีข้อพิพาทเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ระบุ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน 5,083 ไร่ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้ชนะคดี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000028107
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 829 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจสสิกา อาเบอร์ (Jessica Aber) วัย 43 ปี อดีตอัยการสูงสุดของสหรัฐฯในสมัยไบเดน ถูกพบเป็นศพที่บ้านพักในรัฐเวอร์จิเนีย หลังจากเปิดโปงเครือข่ายการออกวีซ่าโดยมิชอบให้กับชาวอิสราเอล

    สาเหตุการเสียชีวิตยัง 'ไม่ทราบแน่ชัด' กรมตำรวจเมืองอเล็กซานเดรียกำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริง และสำนักงานนิติเวชศาสตร์ประจำรัฐเวอร์จิเนียจะทำการพิสูจน์สาเหตุและลักษณะการเสียชีวิต

    นี่เป็นหนึ่งในทวีตของเธอ ซึ่งน่าสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเธอหรือไม่

    เจสสิกา อาเบอร์ (Jessica Aber) วัย 43 ปี อดีตอัยการสูงสุดของสหรัฐฯในสมัยไบเดน ถูกพบเป็นศพที่บ้านพักในรัฐเวอร์จิเนีย หลังจากเปิดโปงเครือข่ายการออกวีซ่าโดยมิชอบให้กับชาวอิสราเอล สาเหตุการเสียชีวิตยัง 'ไม่ทราบแน่ชัด' กรมตำรวจเมืองอเล็กซานเดรียกำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริง และสำนักงานนิติเวชศาสตร์ประจำรัฐเวอร์จิเนียจะทำการพิสูจน์สาเหตุและลักษณะการเสียชีวิต นี่เป็นหนึ่งในทวีตของเธอ ซึ่งน่าสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเธอหรือไม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์จอมแสบ! ใส่รูปลายเซ็นต์ที่เกิดจากการเซ็นต์อัตโนมัติ แทนที่รูปของไบเดน

    ก่อนหน้านี้ เพิ่งมีการเปิดเผยว่าไบเดนใช้ 'ลายเซ็นอัตโนมัติ' เพื่อลงนามในเอกสารของฝ่ายบริหาร "ทุกฉบับ" เท่าที่หน่วยงานกำกับดูแลสามารถค้นหาและวิเคราะห์ได้ ทำให้เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายของคำสั่งของเขา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทางปัญญา (Cognitive Health) ของเขาในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

    ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการตั้งคำถามมากมายว่า แท้จริงแล้วใครเป็นผู้รับผิดชอบนโยบายของสหรัฐฯ ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

    แอนดรูว์ เบลีย์ อัยการสูงสุดของรัฐมิสซูรีต้องการให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนอย่างเป็นทางการ ถึงการใช้ลายเซ็นอัตโนมัติของไบเดน ว่ามีใครได้ประโยชน์จากการบริหารราชการของไบเดน และอาจหมายรวมถึงการ ผลักดันนโยบายสุดโต่งโดยที่ไบเดนอาจไม่รู้และอาจไม่ได้เห็นชอบหรือไม่ ซึ่งอาจถือเป็นการโมฆะทางกฎหมาย ตามมุมมองของเบลีย์
    ทรัมป์จอมแสบ! ใส่รูปลายเซ็นต์ที่เกิดจากการเซ็นต์อัตโนมัติ แทนที่รูปของไบเดน ก่อนหน้านี้ เพิ่งมีการเปิดเผยว่าไบเดนใช้ 'ลายเซ็นอัตโนมัติ' เพื่อลงนามในเอกสารของฝ่ายบริหาร "ทุกฉบับ" เท่าที่หน่วยงานกำกับดูแลสามารถค้นหาและวิเคราะห์ได้ ทำให้เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายของคำสั่งของเขา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทางปัญญา (Cognitive Health) ของเขาในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการตั้งคำถามมากมายว่า แท้จริงแล้วใครเป็นผู้รับผิดชอบนโยบายของสหรัฐฯ ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แอนดรูว์ เบลีย์ อัยการสูงสุดของรัฐมิสซูรีต้องการให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนอย่างเป็นทางการ ถึงการใช้ลายเซ็นอัตโนมัติของไบเดน ว่ามีใครได้ประโยชน์จากการบริหารราชการของไบเดน และอาจหมายรวมถึงการ ผลักดันนโยบายสุดโต่งโดยที่ไบเดนอาจไม่รู้และอาจไม่ได้เห็นชอบหรือไม่ ซึ่งอาจถือเป็นการโมฆะทางกฎหมาย ตามมุมมองของเบลีย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทวี" เผยคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน ที่มาจากฮั้ว สว. ร่วมทำงานหลายหน่วยงาน แย้มมี สว.กว่า 140 คน จ่อถูกเรียกสอบ วางกรอบ 3 เดือนแล้วเสร็จ

    วันนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีฟอกเงิน ที่มาจากคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า หลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการต้องมีการประชุมร่วมกัน และเสนอแผนการสอบสวน ซึ่งทราบว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะทำหนังสือไปถึงอัยการสูงสุด ในการประสานงาน และสำนักงานอัยการสูงสุด ก็จะตั้งเป็นคณะทำงาน เพราะคดีนี้ มีพยานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน ส่วนกรอบระยะเวลาจะให้เสร็จโดยเร็ว ตนก็คาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 เดือน หากมีคนผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และหากจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ ก็อาจจะใช้เวลามากกว่านั้นนิดหน่อย

    พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า การตั้งคณะพนักงานสอบสวน 41 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ ไม่ใช่มีบุคลากรหน่วยงานเดียว แต่จะมีเจ้าหน้าที่จากอัยการ และหลังจากนี้จะใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ตั้งบุคคลภายนอก เช่น ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023920

    #MGROnline #พนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน
    "ทวี" เผยคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน ที่มาจากฮั้ว สว. ร่วมทำงานหลายหน่วยงาน แย้มมี สว.กว่า 140 คน จ่อถูกเรียกสอบ วางกรอบ 3 เดือนแล้วเสร็จ • วันนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีฟอกเงิน ที่มาจากคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า หลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการต้องมีการประชุมร่วมกัน และเสนอแผนการสอบสวน ซึ่งทราบว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะทำหนังสือไปถึงอัยการสูงสุด ในการประสานงาน และสำนักงานอัยการสูงสุด ก็จะตั้งเป็นคณะทำงาน เพราะคดีนี้ มีพยานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน ส่วนกรอบระยะเวลาจะให้เสร็จโดยเร็ว ตนก็คาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 เดือน หากมีคนผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และหากจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ ก็อาจจะใช้เวลามากกว่านั้นนิดหน่อย • พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า การตั้งคณะพนักงานสอบสวน 41 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ ไม่ใช่มีบุคลากรหน่วยงานเดียว แต่จะมีเจ้าหน้าที่จากอัยการ และหลังจากนี้จะใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ตั้งบุคคลภายนอก เช่น ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023920 • #MGROnline #พนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 583 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร”
    .
    งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด
    .
    โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน
    .
    สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน
    .
    โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568
    .
    สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต
    .
    ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น
    .
    โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ
    .
    โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย
    .
    ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด
    .
    ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน
    .
    การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ
    .
    โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า”
    .
    โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด
    .
    รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง
    .
    และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
    .
    ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277
    .
    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    ปมร้อน ข่าวลึก : ปลุก “พลังเงียบ” เลือก ก.อ.หักโพย “ขาใหญ่อัยการ” คุมกำเนิด “ทายาทอสูร” . งวดเข้ามาทุกขณะ อีเวนท์ใหญ่ปีนี้ของ สำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะมีการเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการอัยการ หรือ “ก.อ.” ชุดใหม่ โดยเริ่มจากการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง 2 ปีตามกฎหมายกำหนด . โดยในส่วนของการเลือกตั้ง “ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ” นั้นได้เริ่มดำเนินการเปิดรับสมัคร และทาบทามมาแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 กระทั่งได้ผู้สมัครรวม 26 ราย ที่จะช่วงชิง 8 เก้าอี้ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมกับประธาน ก.อ. 1 คน ที่กำหนดว่า ปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการและมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของพนักงานอัยการทั่วประเทศ และอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รวมรองอัยการสูงสุดตั้งแต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นเดียวกัน รวมเป็น 15 คน ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฉบับปัจจุบัน . สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้ง 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น จะเป็นการเลือกของอัยการทั่วประเทศ แบ่งเป็นกลุ่มอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คนที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งครั้งนี้มีผู้สมัคร 13 คน, กลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน ที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 9 คน และกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ จำนวน 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดจากผู้สมัคร 4 คน . โดยขณะนี้มีการทยอยลงคะแนน ก่อนจะมีการปิดผนึกลงคะแนนกันเพื่อส่งเข้าส่วนกลางในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดนับคะแนนในวันรุ่งขึ้น อังคารที่ 12 มีนาคม 2568 . สำหรับ 8 ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่เปิดให้อัยการทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการลงคะแนนถือเป็นจุดชี้ขาดความเป็นไปขององค์การอัยการ ด้วยที่ผ่านมาหลังใช้ระบบนี้ ก็มักถูก “ขาใหญ่อัยการ” ทั้งอดีต-ปัจจุบัน วางเส้นสายไลน์อำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสืบทอดอำนาจ สร้างอิทธิพลของตัวเองและพวกพ้อง ส่งคนของตัวเองเข้ามาเสนอตัวเป็นแคนดิเดต . ตลอดจนมีปฏิบัติการล็อบบี้ในทางลับให้อัยการผู้น้อยทั่วประเทศลงคะแนนให้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครตาม “โพย” โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือคุณงามความดีใดๆ เพียงแค่ต้องตรงสเปก “กดปุ่ม” สั่งการได้เท่านั้น . โดยทำกันในรูปแบบขบวนการที่หวังเข้าฮุบอำนาจของที่ประชุม ก.อ. ซึ่งมี “พระเดช-พระคุณ” กับข้าราชการอัยการทุกระดับ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ, การพิจารณาดำเนินการทางวินัย และการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ . โดยเฉพาะอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการอัยการ ที่รวมไปถึงตำแหน่ง “อัยการสูงสุด” ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.อ. ก่อนส่งให้ วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง และนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไปด้วย . ครั้งนี้ก็เช่นกันในจำนวนอัยการชั้น 5 ขึ้นไปที่สมัครเข้ามา 13 รายนั้น คนในวงการก็มองออกว่า ใครเป็นใคร ใครเด็กใคร และใครเป็นตัวเต็งที่ “ขาใหญ่” ส่งเข้าประกวด . ตรงนี้เองที่ต้องถามใจอัยการทั่วประเทศที่เป็น “โหวตเตอร์” ว่ายังจะยอมตกเป็นเครื่องมือปั้น “ทายาทอสูร” เหมือนที่ผ่านๆมาอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจผ่านที่ประชุม ก.อ.เช่นนี้ นับวันจะทำให้ ”อัยการ“ ถลำเข้าสู่ “วงจรอุบาทว์” จนมีส่วนสำคัญในการฉุดภาพลักษณ์องค์กรทนายแผ่นดินให้ตกต่ำอย่างเช่นในปัจจุบัน . การเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่อัยการผู้รักในองค์กรจะร่วมกันปลุก “พลังเงียบ” ยกระดับมาตรฐานการเลือกบุคคล ขึ้นมางัดง้างกับ “ขาใหญ่” ตัดตอนคุมกำเนิด “ทายาทอสูร” ผ่านการลงคะแนนเลือก ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ วิสัยทัศน์ ผลงาน หรือคุณธรรมความดี ของแคนดิเดตเป็นสำคัญ . โดยขณะนี้ในหมู่พลังเงียบก็มีการกล่าวขวัญถึงแคนดิเดต ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ดูจะมีความเหมาะสม และเป็นความหวังในการเข้าไปต่อกรโค่นล้มวงจร “ขั้วอำนาจเก่า” . โดยในกลุ่มที่เป็นข้าราชการอัยการตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป 4 คน คือ ชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9, ต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ น้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด . รวมกับ 2 แคนดิเดตจากกลุ่มอัยการที่เกษียณอายุราชการ ได้แก่ ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด และ อภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง . และอีก 2 แคนดิเดตจากกลุ่มผู้ที่ไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อน และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ คือ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย . ซึ่งหาก “พลังเงียบ” สามัคคียึดโยงผลประโยชน์องค์กรกันอย่างเข้มแข็ง ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกอบกู้ศรัทธาองค์กรอัยการให้กลับมาเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือได้อีกครั้ง. . อ่านเพิ่มเติม..https://news1live.com/detail/9680000021277 . #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1401 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองอธิบดีดีเอสไอ เผยการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ประชุมแนวทางพิจารณาคดีฮั้ว สว. พบเข้าข่ายความผิด "อั้งยี่-ฟอกเงิน-ม.116" เสนอบอร์ด กคพ. รับ-ไม่รับคดีพิเศษ

    วันนี้ (3 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ ห้องประชุม ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ นำโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะประธานอนุกรรมการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และบุคลากรผู้แทนจาก 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะอนุกรรมการ เข้าร่วมประชุม

    เนื่องด้วยในการประชุมบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการพิจารณาเพื่อมีมติให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ โดยที่ประชุมมีความเห็นเกี่ยวกับกรณีร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ในประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับอำนาจในการดำเนินการตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือเป็นอำนาจของเลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง จึงมีมติให้คณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษไปดำเนินการในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม และดำเนินการเสนอเรื่องผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) อีกครั้งในการประชุมครั้งที่ 3/2568 วันที่ 6 มี.ค. เพื่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณามีมติต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020716

    #MGROnline #ดีเอสไอ #สมาชิกวุฒิสภา
    รองอธิบดีดีเอสไอ เผยการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ประชุมแนวทางพิจารณาคดีฮั้ว สว. พบเข้าข่ายความผิด "อั้งยี่-ฟอกเงิน-ม.116" เสนอบอร์ด กคพ. รับ-ไม่รับคดีพิเศษ • วันนี้ (3 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ ห้องประชุม ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร คณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ นำโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะประธานอนุกรรมการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และบุคลากรผู้แทนจาก 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะอนุกรรมการ เข้าร่วมประชุม • เนื่องด้วยในการประชุมบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการพิจารณาเพื่อมีมติให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ โดยที่ประชุมมีความเห็นเกี่ยวกับกรณีร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ในประเด็นพิจารณาเกี่ยวกับอำนาจในการดำเนินการตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือเป็นอำนาจของเลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง จึงมีมติให้คณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษไปดำเนินการในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม และดำเนินการเสนอเรื่องผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) อีกครั้งในการประชุมครั้งที่ 3/2568 วันที่ 6 มี.ค. เพื่อให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณามีมติต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020716 • #MGROnline #ดีเอสไอ #สมาชิกวุฒิสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการสูงสุดนำตัว “ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ” อดีต สส.สงขลา ปชป.ฟ้องศาลฎีกาฯ ดอดนั่งเครื่องกลับบ้าน แต่ให้ สส.คนอื่นเสียบบัตรประชุมแทน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้เงินพัฒนาโครงสร้างคมนาคมทั่วประเทศ เมื่อปี 2556

    เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภิรพล ลาภาโรจน์กิจ อดีต สส.เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่อม.5/2568

    อัยการสูงสุดฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2556 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปี ที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ..จำเลยได้เดินทางไปอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ TG237 จากท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ เวลา 18.05 -19.35 น. และไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้ เดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครในวันดังกล่าว แต่จำเลยได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยจำเลยได้ฝากบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือยินยอมให้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครอง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของ จำเลยกดปุ่มแสดงตน และออกเสียงลงคะแนนแทนจำเลยในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามมาตรา 5,7,10,11,14,16,17,18 และ 20 บัญชีท้าย วาระที่ 3 และข้อสังเกต ต่อเนื่องกันตามลำดับ ตั้งแต่เวลา 18.05 น. จนถึงเวลา 23.27 น. โดยที่ตนเองไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ปวงชนชาวไทยโดยส่วนรวม ฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภาอื่น และเป็นการกระทำโดยทุจริต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018176

    #MGROnline #สงขลา #พรรคประชาธิปัตย์ #เสียบบัตรประชุมแทน
    อัยการสูงสุดนำตัว “ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ” อดีต สส.สงขลา ปชป.ฟ้องศาลฎีกาฯ ดอดนั่งเครื่องกลับบ้าน แต่ให้ สส.คนอื่นเสียบบัตรประชุมแทน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้เงินพัฒนาโครงสร้างคมนาคมทั่วประเทศ เมื่อปี 2556 • เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภิรพล ลาภาโรจน์กิจ อดีต สส.เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่อม.5/2568 • อัยการสูงสุดฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2556 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปี ที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ..จำเลยได้เดินทางไปอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ TG237 จากท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ เวลา 18.05 -19.35 น. และไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้ เดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครในวันดังกล่าว แต่จำเลยได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยจำเลยได้ฝากบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือยินยอมให้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครอง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของ จำเลยกดปุ่มแสดงตน และออกเสียงลงคะแนนแทนจำเลยในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามมาตรา 5,7,10,11,14,16,17,18 และ 20 บัญชีท้าย วาระที่ 3 และข้อสังเกต ต่อเนื่องกันตามลำดับ ตั้งแต่เวลา 18.05 น. จนถึงเวลา 23.27 น. โดยที่ตนเองไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ปวงชนชาวไทยโดยส่วนรวม ฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภาอื่น และเป็นการกระทำโดยทุจริต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018176 • #MGROnline #สงขลา #พรรคประชาธิปัตย์ #เสียบบัตรประชุมแทน
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 885 มุมมอง 0 รีวิว
  • -รายงานข่าว 21 กุมภาพันธ์ 2568-พอวันพฤหัสบดีได้รับโหวตจากสภาเซเนทด้วยมติชนะ 51:49 ศุกร์วันนี้ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นายแคช ปาเทล (Kash Patel) ก็เดินทางไปสาบาลตนเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเอฟบีไอ คนที่ 9 ทันที โดยมีหัวหน้าใหญ่คือคุณ แพม บอนดิ อัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางเทียบเท่ารัฐมนตรีของกระทรวงยุติธรรม เจ้านายเขา เป็นผู้นำกล่าวคำสาบานตนให้กับเขา แคช ปาเทล อายุ 45 ปี เป็นหัวหน้าสำนักงานเอฟบีไอคนแรกที่มีเชื้อสายเป็นคนอินเดีย อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าใหญ่เอฟบีไอคนแรกที่เป็นคนชาติพันธุ์เอเซียอีกด้วย พ่อแม่เขาเป็นคนอินเดียย้ายไปทำมาหากินที่ประเทศอูกานด้า แล้วหนีภ้ยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากอีดี้ อามิน ผู้นำเผด็จการไปแคนาดาก่อน แล้วอพยพเข้ามาอเมริกาอาศัยอยู่ที่เมืองการ์เด้น ซิตี้ เขตลองไอแลนด์รัฐนิวยอร์ค เขาเกิดและเติบโตที่นิวยอร์ค จบการศึกษาปริญญาตรีด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์รัฐเวอร์จิเนีย ไปต่อด้านกฏหมายอีกที่อังกฤษ แล้วมาต่อปริญญาโทด้านกฏหมายที่ Pace University งานแรกทำงานเป็นทนายช่วยคนจน Public Defend Lawyer ให้กับศาลไมอามีรัฐฟลอริด้า แล้วย้ายมาว่าความให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางที่วอชิงตัน ดี.ซี.ช่วงทรัมป์ 1.0 เทอมแรกปี 2016 เขาช่วยทำงานด้านต่อต้านผู้ก่อการร้ายให้กับทรัมป์ในหน่วยงานสภาความมั่นคง ต่อมาได้ตำแหน่งเป็น Chief of Staff กับรัฐมนตรีกลาโหม เขาช่วยเหลือทรัมป์อย่างเด็ดเดี่ยวในช่วงวิกฤติ Jan6 ปี 2021 มาตลอด อยู่เคียงข้างทรัมป์เสมอมา พอสมัยทรัมป์ 2.0 เขาได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ มีอำนาจสืบสวนและสอบสวนทั่วประเทศ ทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติตอนช่วง Senate Confirmation Hearing มีการพิจารณาไต่สวนอย่างดุเดือดเผ็ดร้อนจากวุฒิสมาชิกสายพรรคเดโมแครตฝ่ายตรงข้าม เขาโต้ตอบคำถามอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน และยังบอกอีกว่ารายชื่อ Enemy List 60 คน ที่อยู่ในหนังสือที่เขาเขียน Government Gangster เขาจะตามล่าให้ถึงที่สุด ตรงนี้นี่เองที่ทำให้พวก Deep State สายเดโมแครตถึงกับโกรธควันออกหูหลังจบการไต่สวนของวุฒิสมาชิกสมาชิก เขาเอ่ยวลีเป็นภาฮินดีว่า...Jai Shri Krishna ขออวยชัยให้กับพระองค์กฤษณะด้วยเทอญ
    -รายงานข่าว 21 กุมภาพันธ์ 2568-พอวันพฤหัสบดีได้รับโหวตจากสภาเซเนทด้วยมติชนะ 51:49 ศุกร์วันนี้ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นายแคช ปาเทล (Kash Patel) ก็เดินทางไปสาบาลตนเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเอฟบีไอ คนที่ 9 ทันที โดยมีหัวหน้าใหญ่คือคุณ แพม บอนดิ อัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางเทียบเท่ารัฐมนตรีของกระทรวงยุติธรรม เจ้านายเขา เป็นผู้นำกล่าวคำสาบานตนให้กับเขา แคช ปาเทล อายุ 45 ปี เป็นหัวหน้าสำนักงานเอฟบีไอคนแรกที่มีเชื้อสายเป็นคนอินเดีย อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าใหญ่เอฟบีไอคนแรกที่เป็นคนชาติพันธุ์เอเซียอีกด้วย พ่อแม่เขาเป็นคนอินเดียย้ายไปทำมาหากินที่ประเทศอูกานด้า แล้วหนีภ้ยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากอีดี้ อามิน ผู้นำเผด็จการไปแคนาดาก่อน แล้วอพยพเข้ามาอเมริกาอาศัยอยู่ที่เมืองการ์เด้น ซิตี้ เขตลองไอแลนด์รัฐนิวยอร์ค เขาเกิดและเติบโตที่นิวยอร์ค จบการศึกษาปริญญาตรีด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์รัฐเวอร์จิเนีย ไปต่อด้านกฏหมายอีกที่อังกฤษ แล้วมาต่อปริญญาโทด้านกฏหมายที่ Pace University งานแรกทำงานเป็นทนายช่วยคนจน Public Defend Lawyer ให้กับศาลไมอามีรัฐฟลอริด้า แล้วย้ายมาว่าความให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางที่วอชิงตัน ดี.ซี.ช่วงทรัมป์ 1.0 เทอมแรกปี 2016 เขาช่วยทำงานด้านต่อต้านผู้ก่อการร้ายให้กับทรัมป์ในหน่วยงานสภาความมั่นคง ต่อมาได้ตำแหน่งเป็น Chief of Staff กับรัฐมนตรีกลาโหม เขาช่วยเหลือทรัมป์อย่างเด็ดเดี่ยวในช่วงวิกฤติ Jan6 ปี 2021 มาตลอด อยู่เคียงข้างทรัมป์เสมอมา พอสมัยทรัมป์ 2.0 เขาได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ มีอำนาจสืบสวนและสอบสวนทั่วประเทศ ทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติตอนช่วง Senate Confirmation Hearing มีการพิจารณาไต่สวนอย่างดุเดือดเผ็ดร้อนจากวุฒิสมาชิกสายพรรคเดโมแครตฝ่ายตรงข้าม เขาโต้ตอบคำถามอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน และยังบอกอีกว่ารายชื่อ Enemy List 60 คน ที่อยู่ในหนังสือที่เขาเขียน Government Gangster เขาจะตามล่าให้ถึงที่สุด ตรงนี้นี่เองที่ทำให้พวก Deep State สายเดโมแครตถึงกับโกรธควันออกหูหลังจบการไต่สวนของวุฒิสมาชิกสมาชิก เขาเอ่ยวลีเป็นภาฮินดีว่า...Jai Shri Krishna ขออวยชัยให้กับพระองค์กฤษณะด้วยเทอญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts