• รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar

     Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto
    Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you

    Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT
    Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you

    ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026
    หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why

    รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล
    TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ
    https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office

     AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่
    AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages

    Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10
    Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด
    https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10

     OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT
    OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted

     Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี
    Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17

     ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี
    สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know

     Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it

    หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง
    ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง
    https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday

    Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router
    Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud
    https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far

    รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง
    TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
    https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options

    OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel
    OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know

    Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น
    Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs

    มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update
    มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware

    ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware

    Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days

    Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง
    Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar 🛠️ Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you 🛒 Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you 🚗 ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026 หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why 🖤 รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office 🌐 AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่ AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages 💻 Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10 Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10 🏢 OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted 📱 Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17 🚫 ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know 📸 Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it 🎧 หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday 🔐 Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know ☁️ ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud 🔗 https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far 🧹 รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options 🛡️ OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know 🤖 Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs 🪟 มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware 🎨 ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware 🧑‍⚖️ Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์ รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days 🚀 Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators สู้กับ Nvidia Blackwell GPUs

    Hybrid bonding คือเทคนิคการเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันในระดับนาโนเมตร ทำให้สามารถรวมหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำไว้ใกล้กันมากขึ้น ลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ เทคโนโลยีนี้ถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของการสร้าง AI accelerators ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจีนกำลังเร่งพัฒนาเพื่อใช้ในระบบ AI ขนาดใหญ่

    เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell
    Nvidia Blackwell GPUs ซึ่งเปิดตัวในปี 2025 ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดของการประมวลผล AI ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ที่รองรับโมเดลขนาดหลายพันล้านพารามิเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า Hybrid-Bonded AI Accelerators ของจีนอาจมีศักยภาพใกล้เคียงหรือเทียบเท่า Blackwell โดยเฉพาะในด้าน ประสิทธิภาพต่อวัตต์ และ การควบคุมห่วงโซ่อุปทาน

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    การพัฒนา AI accelerators ภายในประเทศช่วยให้จีนลดการพึ่งพา Nvidia และบริษัทตะวันตก ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงโดยสหรัฐฯ หากจีนสามารถผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียง Blackwell ได้จริง จะเป็นการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    ความท้าทายและโอกาส
    แม้เทคโนโลยี hybrid bonding จะมีศักยภาพสูง แต่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมยังต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาล อีกทั้งยังต้องพิสูจน์ว่าชิปที่พัฒนาขึ้นสามารถทำงานได้จริงในสเกลใหญ่ หากสำเร็จ จีนจะมีทางเลือกที่ “ควบคุมได้เองทั้งหมด” ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของตลาด AI hardware

    สรุปประเด็นสำคัญ
    จีนพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators
    ใช้เทคนิคเชื่อมต่อชิปหลายตัวเพื่อลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์

    เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell GPUs
    มุ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    โอกาสในการเปลี่ยนสมดุลตลาด AI
    หากสำเร็จ จีนจะมีชิปที่ควบคุมได้เองทั้งหมด

    ความท้าทายด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรม
    ต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาลเพื่อพิสูจน์ความเสถียร

    ความเสี่ยงด้านการใช้งานจริง
    หากชิปไม่สามารถทำงานได้ในสเกลใหญ่ อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้จริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-hybrid-bonded-ai-accelerators-could-rival-nvidias-blackwell-gpus-top-semiconductor-expert-hints-at-fully-controllable-domestic-solution
    ⚙️ จีนกำลังพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators สู้กับ Nvidia Blackwell GPUs Hybrid bonding คือเทคนิคการเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันในระดับนาโนเมตร ทำให้สามารถรวมหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำไว้ใกล้กันมากขึ้น ลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ เทคโนโลยีนี้ถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของการสร้าง AI accelerators ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจีนกำลังเร่งพัฒนาเพื่อใช้ในระบบ AI ขนาดใหญ่ 🚀 เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell Nvidia Blackwell GPUs ซึ่งเปิดตัวในปี 2025 ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดของการประมวลผล AI ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ที่รองรับโมเดลขนาดหลายพันล้านพารามิเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า Hybrid-Bonded AI Accelerators ของจีนอาจมีศักยภาพใกล้เคียงหรือเทียบเท่า Blackwell โดยเฉพาะในด้าน ประสิทธิภาพต่อวัตต์ และ การควบคุมห่วงโซ่อุปทาน 🌍 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ การพัฒนา AI accelerators ภายในประเทศช่วยให้จีนลดการพึ่งพา Nvidia และบริษัทตะวันตก ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงโดยสหรัฐฯ หากจีนสามารถผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียง Blackwell ได้จริง จะเป็นการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก 🔮 ความท้าทายและโอกาส แม้เทคโนโลยี hybrid bonding จะมีศักยภาพสูง แต่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมยังต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาล อีกทั้งยังต้องพิสูจน์ว่าชิปที่พัฒนาขึ้นสามารถทำงานได้จริงในสเกลใหญ่ หากสำเร็จ จีนจะมีทางเลือกที่ “ควบคุมได้เองทั้งหมด” ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของตลาด AI hardware 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ จีนพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators ➡️ ใช้เทคนิคเชื่อมต่อชิปหลายตัวเพื่อลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ ✅ เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell GPUs ➡️ มุ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ✅ โอกาสในการเปลี่ยนสมดุลตลาด AI ➡️ หากสำเร็จ จีนจะมีชิปที่ควบคุมได้เองทั้งหมด ‼️ ความท้าทายด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ⛔ ต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาลเพื่อพิสูจน์ความเสถียร ‼️ ความเสี่ยงด้านการใช้งานจริง ⛔ หากชิปไม่สามารถทำงานได้ในสเกลใหญ่ อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้จริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-hybrid-bonded-ai-accelerators-could-rival-nvidias-blackwell-gpus-top-semiconductor-expert-hints-at-fully-controllable-domestic-solution
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • Alibaba และ ByteDance กำลังย้ายการฝึกโมเดล AI ไปยังศูนย์ข้อมูลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเข้าถึง GPU ของ Nvidia

    รายงานจาก Financial Times ระบุว่า Alibaba (Qwen LLM) และ ByteDance (Doubao LLM) ได้เช่าศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อใช้ GPU ขั้นสูงของ Nvidia เช่น A100 และ H100 ในการฝึกโมเดลใหม่ ๆ การย้ายฐานนี้เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ออกข้อจำกัดเข้มงวดในการส่งออกชิป AI ไปยังจีน

    ช่องโหว่ของข้อจำกัด
    แม้สหรัฐฯ จะห้ามขาย GPU ขั้นสูงให้จีนโดยตรง แต่การเช่าศูนย์ข้อมูลที่ดำเนินการโดยบริษัทต่างชาติในต่างประเทศยังถือว่า ถูกกฎหมาย ภายใต้กฎปัจจุบัน กฎ “AI diffusion rule” ที่เคยเสนอเพื่อปิดช่องโหว่นี้ถูกยกเลิกไปในปี 2025 ทำให้บริษัทจีนสามารถใช้ทรัพยากรคอมพิวต์ในต่างประเทศได้โดยไม่ผิดข้อบังคับ

    ผลลัพธ์ต่อการพัฒนา AI
    การเข้าถึง GPU ขั้นสูงช่วยให้โมเดลจีนอย่าง Qwen และ Doubao สามารถแข่งขันกับโมเดลตะวันตกได้ในระดับโลก หลังจากฝึกเสร็จ โมเดลเหล่านี้จะถูกนำกลับมารันในจีนบนฮาร์ดแวร์ที่ผลิตโดยบริษัทท้องถิ่น เช่น Huawei เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความมั่นคงข้อมูล

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการรักษาความได้เปรียบด้าน AI แม้จะถูกจำกัดการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ตะวันตก ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ยังมีช่องโหว่ ที่ทำให้จีนสามารถเดินหน้าพัฒนา AI ได้ต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    บริษัทจีนย้ายการฝึกโมเดลไปต่างประเทศ
    Alibaba และ ByteDance ใช้ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์และมาเลเซีย

    ช่องโหว่ของข้อจำกัดสหรัฐฯ
    การเช่าศูนย์ข้อมูลต่างประเทศยังถือว่าถูกกฎหมาย

    ผลลัพธ์ต่อโมเดล AI จีน
    Qwen และ Doubao สามารถแข่งขันกับโมเดลตะวันตกได้

    การนำโมเดลกลับมารันในจีน
    ใช้ฮาร์ดแวร์จาก Huawei และบริษัทท้องถิ่น

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูล
    ข้อมูลผู้ใช้จีนยังต้องถูกประมวลผลภายในประเทศเท่านั้น

    ความท้าทายต่อข้อจำกัดสหรัฐฯ
    ช่องโหว่ทางกฎหมายอาจทำให้มาตรการควบคุมไม่บรรลุผลเต็มที่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinas-top-ai-firms-shift-model-training-overseas-to-access-nvidia-gpus
    🌏 Alibaba และ ByteDance กำลังย้ายการฝึกโมเดล AI ไปยังศูนย์ข้อมูลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเข้าถึง GPU ของ Nvidia รายงานจาก Financial Times ระบุว่า Alibaba (Qwen LLM) และ ByteDance (Doubao LLM) ได้เช่าศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อใช้ GPU ขั้นสูงของ Nvidia เช่น A100 และ H100 ในการฝึกโมเดลใหม่ ๆ การย้ายฐานนี้เกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ออกข้อจำกัดเข้มงวดในการส่งออกชิป AI ไปยังจีน ⚖️ ช่องโหว่ของข้อจำกัด แม้สหรัฐฯ จะห้ามขาย GPU ขั้นสูงให้จีนโดยตรง แต่การเช่าศูนย์ข้อมูลที่ดำเนินการโดยบริษัทต่างชาติในต่างประเทศยังถือว่า ถูกกฎหมาย ภายใต้กฎปัจจุบัน กฎ “AI diffusion rule” ที่เคยเสนอเพื่อปิดช่องโหว่นี้ถูกยกเลิกไปในปี 2025 ทำให้บริษัทจีนสามารถใช้ทรัพยากรคอมพิวต์ในต่างประเทศได้โดยไม่ผิดข้อบังคับ 💻 ผลลัพธ์ต่อการพัฒนา AI การเข้าถึง GPU ขั้นสูงช่วยให้โมเดลจีนอย่าง Qwen และ Doubao สามารถแข่งขันกับโมเดลตะวันตกได้ในระดับโลก หลังจากฝึกเสร็จ โมเดลเหล่านี้จะถูกนำกลับมารันในจีนบนฮาร์ดแวร์ที่ผลิตโดยบริษัทท้องถิ่น เช่น Huawei เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความมั่นคงข้อมูล 🔮 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการรักษาความได้เปรียบด้าน AI แม้จะถูกจำกัดการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ตะวันตก ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ยังมีช่องโหว่ ที่ทำให้จีนสามารถเดินหน้าพัฒนา AI ได้ต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ บริษัทจีนย้ายการฝึกโมเดลไปต่างประเทศ ➡️ Alibaba และ ByteDance ใช้ศูนย์ข้อมูลในสิงคโปร์และมาเลเซีย ✅ ช่องโหว่ของข้อจำกัดสหรัฐฯ ➡️ การเช่าศูนย์ข้อมูลต่างประเทศยังถือว่าถูกกฎหมาย ✅ ผลลัพธ์ต่อโมเดล AI จีน ➡️ Qwen และ Doubao สามารถแข่งขันกับโมเดลตะวันตกได้ ✅ การนำโมเดลกลับมารันในจีน ➡️ ใช้ฮาร์ดแวร์จาก Huawei และบริษัทท้องถิ่น ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูล ⛔ ข้อมูลผู้ใช้จีนยังต้องถูกประมวลผลภายในประเทศเท่านั้น ‼️ ความท้าทายต่อข้อจำกัดสหรัฐฯ ⛔ ช่องโหว่ทางกฎหมายอาจทำให้มาตรการควบคุมไม่บรรลุผลเต็มที่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinas-top-ai-firms-shift-model-training-overseas-to-access-nvidia-gpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • การจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index เพื่อประเมินผลกระทบของ AI

    นักวิจัยจาก MIT และ ORNL สร้าง Iceberg Index เพื่อจำลองแรงงานสหรัฐฯ กว่า 151 ล้านคน โดยบันทึกทักษะ งาน และตำแหน่งที่ตั้ง จากนั้นนำข้อมูลไปจับคู่กับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ผลลัพธ์เผยว่า AI สามารถแทนที่แรงงานได้ถึง 11.7% ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล

    ผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ
    การแทนที่แรงงานดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะงานสาย white-collar ที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่มากที่สุด การเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 100,000 ตำแหน่งในปีนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

    การใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบาย
    Iceberg Index ไม่ได้มีไว้เพื่อคาดการณ์อย่างเดียว แต่ยังถูกใช้โดยรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี นอร์ทแคโรไลนา และยูทาห์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในระดับเขตและมณฑล ข้อมูลนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนล่วงหน้า ลดความเสี่ยง และเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก AI

    ความหมายต่ออนาคตแรงงานโลก
    แม้การแทนที่แรงงานจะสร้างความกังวล แต่เครื่องมือเช่น Iceberg Index ก็ช่วยให้สังคมเข้าใจและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง รัฐบาลและองค์กรสามารถออกแบบนโยบายที่ลดผลกระทบเชิงลบ และอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแรงงานในยุคดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index
    AI สามารถแทนที่แรงงานสหรัฐฯ ได้ถึง 11.7%

    มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ
    คิดเป็นเงินเดือนและสวัสดิการกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี

    การใช้งานจริงของ Iceberg Index
    รัฐต่าง ๆ ใช้เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดนโยบาย

    ผลกระทบต่อแรงงาน white-collar
    งานด้านการเงิน โลจิสติกส์ และ HR เสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่

    ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างจำนวนมาก
    อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน

    ความท้าทายในการปรับตัวของแรงงาน
    หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาจสร้างความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/mit-simulation-shows-ai-can-replace-11-7-percent-of-u-s-workers-worth-usd1-2-trillion-in-salaries-iceberg-index-tool-shows-jobs-are-affected-in-every-state-across-the-country
    🤖 การจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index เพื่อประเมินผลกระทบของ AI นักวิจัยจาก MIT และ ORNL สร้าง Iceberg Index เพื่อจำลองแรงงานสหรัฐฯ กว่า 151 ล้านคน โดยบันทึกทักษะ งาน และตำแหน่งที่ตั้ง จากนั้นนำข้อมูลไปจับคู่กับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ผลลัพธ์เผยว่า AI สามารถแทนที่แรงงานได้ถึง 11.7% ซึ่งครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงการเงิน โลจิสติกส์ และทรัพยากรบุคคล 📉 ผลกระทบต่อแรงงานและเศรษฐกิจ การแทนที่แรงงานดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะงานสาย white-collar ที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่มากที่สุด การเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นแล้วกว่า 100,000 ตำแหน่งในปีนี้ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 🏛️ การใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบาย Iceberg Index ไม่ได้มีไว้เพื่อคาดการณ์อย่างเดียว แต่ยังถูกใช้โดยรัฐต่าง ๆ เช่น เทนเนสซี นอร์ทแคโรไลนา และยูทาห์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายในระดับเขตและมณฑล ข้อมูลนี้ช่วยให้รัฐบาลสามารถวางแผนล่วงหน้า ลดความเสี่ยง และเตรียมแรงงานให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก AI 🌍 ความหมายต่ออนาคตแรงงานโลก แม้การแทนที่แรงงานจะสร้างความกังวล แต่เครื่องมือเช่น Iceberg Index ก็ช่วยให้สังคมเข้าใจและเตรียมรับมือได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ข้อมูลอย่างถูกต้อง รัฐบาลและองค์กรสามารถออกแบบนโยบายที่ลดผลกระทบเชิงลบ และอาจสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแรงงานในยุคดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการจำลองแรงงานด้วย Iceberg Index ➡️ AI สามารถแทนที่แรงงานสหรัฐฯ ได้ถึง 11.7% ✅ มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบ ➡️ คิดเป็นเงินเดือนและสวัสดิการกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ การใช้งานจริงของ Iceberg Index ➡️ รัฐต่าง ๆ ใช้เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบและกำหนดนโยบาย ✅ ผลกระทบต่อแรงงาน white-collar ➡️ งานด้านการเงิน โลจิสติกส์ และ HR เสี่ยงสูงต่อการถูกแทนที่ ‼️ ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้างจำนวนมาก ⛔ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน ‼️ ความท้าทายในการปรับตัวของแรงงาน ⛔ หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาจสร้างความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคม https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/mit-simulation-shows-ai-can-replace-11-7-percent-of-u-s-workers-worth-usd1-2-trillion-in-salaries-iceberg-index-tool-shows-jobs-are-affected-in-every-state-across-the-country
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกกฎหมาย TSMC vs Intel

    TSMC ได้ยื่นฟ้อง Wei-Jen Lo อดีตรองประธานอาวุโสที่เพิ่งเกษียณ โดยกล่าวหาว่าเขาอาจนำข้อมูลลับด้านกระบวนการผลิตชิปไปให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนหลังลาออก ข้อกล่าวหานี้รวมถึงการละเมิดสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลและสัญญาไม่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไต้หวัน

    Intel ยืนยันความโปร่งใส
    Intel โดย CEO Lip-Bu Tan ได้ออกแถลงการณ์ภายใน ยืนยันว่า Wei-Jen Lo ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ว่าบริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการป้องกันการนำข้อมูลลับจากบุคคลที่สามมาใช้ การกลับมาของ Lo ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Intel ที่กำลังพยายามกลับมาแข่งขันกับ TSMC ในตลาดการผลิตชิป

    เทคโนโลยี Panther Lake และ 18A
    Intel กำลังผลักดันกระบวนการผลิตใหม่ 18A ที่ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ โดยจะถูกนำมาใช้ในชิป Panther Lake ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 จุดเด่นคือประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ Intel มีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสองบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หากข้อกล่าวหาพิสูจน์ได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ Intel ในการผลิตด้วย 18A ก็อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การฟ้องร้องของ TSMC ต่อ Wei-Jen Lo
    กล่าวหาว่านำข้อมูลลับและละเมิดสัญญาไม่แข่งขัน

    Intel ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสนับสนุนผู้บริหารใหม่
    ยืนยันนโยบายเข้มงวดด้านการปกป้องข้อมูล

    ความก้าวหน้าของ Intel กับกระบวนการผลิต 18A
    ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ในชิป Panther Lake

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก
    อาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูลและกฎหมาย
    หากพิสูจน์ได้จริง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาด

    ปัญหาด้าน Yield ของกระบวนการผลิต 18A
    หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจทำให้ Intel ขาดทุนมหาศาลและเสียโอกาสแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-fully-backs-its-controversial-new-hire-that-tsmc-alleges-took-company-secrets-with-him-ceo-lip-bu-tan-highlights-team-blues-strict-ethics-policy-in-internal-memo-amid-high-stakes-lawsuit
    ⚖️ ศึกกฎหมาย TSMC vs Intel TSMC ได้ยื่นฟ้อง Wei-Jen Lo อดีตรองประธานอาวุโสที่เพิ่งเกษียณ โดยกล่าวหาว่าเขาอาจนำข้อมูลลับด้านกระบวนการผลิตชิปไปให้ Intel หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนหลังลาออก ข้อกล่าวหานี้รวมถึงการละเมิดสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลและสัญญาไม่แข่งขัน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยีของไต้หวัน 🏢 Intel ยืนยันความโปร่งใส Intel โดย CEO Lip-Bu Tan ได้ออกแถลงการณ์ภายใน ยืนยันว่า Wei-Jen Lo ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยชี้ว่าบริษัทมีนโยบายเข้มงวดในการป้องกันการนำข้อมูลลับจากบุคคลที่สามมาใช้ การกลับมาของ Lo ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Intel ที่กำลังพยายามกลับมาแข่งขันกับ TSMC ในตลาดการผลิตชิป 💻 เทคโนโลยี Panther Lake และ 18A Intel กำลังผลักดันกระบวนการผลิตใหม่ 18A ที่ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสถาปัตยกรรมทรานซิสเตอร์ โดยจะถูกนำมาใช้ในชิป Panther Lake ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2026 จุดเด่นคือประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ Intel มีโอกาสกลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของสองบริษัท แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวันในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หากข้อกล่าวหาพิสูจน์ได้จริง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและพันธมิตรทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จของ Intel ในการผลิตด้วย 18A ก็อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การฟ้องร้องของ TSMC ต่อ Wei-Jen Lo ➡️ กล่าวหาว่านำข้อมูลลับและละเมิดสัญญาไม่แข่งขัน ✅ Intel ปฏิเสธข้อกล่าวหาและสนับสนุนผู้บริหารใหม่ ➡️ ยืนยันนโยบายเข้มงวดด้านการปกป้องข้อมูล ✅ ความก้าวหน้าของ Intel กับกระบวนการผลิต 18A ➡️ ใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ในชิป Panther Lake ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก ➡️ อาจเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน ‼️ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงข้อมูลและกฎหมาย ⛔ หากพิสูจน์ได้จริง อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาด ‼️ ปัญหาด้าน Yield ของกระบวนการผลิต 18A ⛔ หากไม่สามารถแก้ไขได้ อาจทำให้ Intel ขาดทุนมหาศาลและเสียโอกาสแข่งขัน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-fully-backs-its-controversial-new-hire-that-tsmc-alleges-took-company-secrets-with-him-ceo-lip-bu-tan-highlights-team-blues-strict-ethics-policy-in-internal-memo-amid-high-stakes-lawsuit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • Alibaba เปิดตัว Quark Smart Glasses พร้อม Qwen AI

    Alibaba Group ได้เปิดตัว Quark Smart Glasses รุ่น S1 ที่มาพร้อมกับ Qwen AI ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขั้นสูงของบริษัท ถือเป็นการเข้าสู่ตลาด consumer hardware อย่างจริงจัง โดยแว่นตานี้มีหน้าจอโปร่งใสที่สามารถซ้อนข้อมูลบนทัศนียภาพจริง พร้อมกล้อง ไมโครโฟนแบบ bone conduction และแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้ รองรับการใช้งานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง.

    คุณสมบัติและความแตกต่าง
    Quark S1 ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Ray-Ban Smart Glasses ของ Meta โดยมีจุดเด่นคือการผสาน ecosystem ของ Alibaba เช่น Taobao, Fliggy และ Alipay รวมถึงการเชื่อมต่อกับบริการเพลงจาก NetEase Cloud Music และ QQ Music รุ่น S1 มีราคาเริ่มต้นที่ 3,799 หยวน (ประมาณ 537 ดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่รุ่น G1 ที่ไม่มีหน้าจอ micro-OLED มีราคา 1,899 หยวน.

    การวางจำหน่ายและตลาดเป้าหมาย
    แว่นตา Quark S1 พร้อมวางจำหน่ายทันทีบน Tmall, JD.com, Douyin และร้านค้ากว่า 600 แห่งใน 82 เมืองทั่วจีน โดยรุ่นสากลจะเปิดตัวในปีหน้า และบางส่วนจะวางขายผ่าน AliExpress เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนถึงการขยายตัวของตลาด AI-powered wearables ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในจีน.

    แนวโน้มและผลกระทบ
    ตลาดแว่นตาอัจฉริยะในจีนมีการเติบโตสูง โดยมีการส่งมอบกว่า 1.6 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านชิ้นเมื่อรวมรุ่นที่มีหน้าจอในตัว การแข่งขันระหว่าง Alibaba, Xiaomi และ Meta ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และยังเป็นการผลักดันให้เทคโนโลยี AI + Wearables กลายเป็นกระแสหลักในอนาคต.

    สรุปสาระสำคัญ
    Alibaba เปิดตัว Quark Smart Glasses รุ่น S1 และ G1
    S1 มีหน้าจอโปร่งใส, G1 ไม่มี micro-OLED

    ใช้ Qwen AI และ ecosystem ของ Alibaba
    รองรับ Taobao, Fliggy, Alipay และบริการเพลง

    ราคา S1 เริ่มต้น 3,799 หยวน, G1 ราคา 1,899 หยวน
    วางจำหน่ายในจีนกว่า 600 ร้าน และเตรียมขายต่างประเทศ

    ตลาดแว่นตาอัจฉริยะในจีนเติบโตสูง
    ส่งมอบกว่า 2 ล้านชิ้นเมื่อรวมรุ่นที่มีหน้าจอ

    การแข่งขันกับ Meta และ Xiaomi รุนแรง
    ผู้บริโภคอาจสับสนกับตัวเลือกที่หลากหลาย

    อายุการใช้งานแบตเตอรี่แม้เปลี่ยนได้ แต่ยังจำกัด
    ต้องพกแบตสำรองเพื่อใช้งานต่อเนื่อง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/28/alibaba-releases-quark-smart-glasses-with-its-qwen-ai-built-in
    👓 Alibaba เปิดตัว Quark Smart Glasses พร้อม Qwen AI Alibaba Group ได้เปิดตัว Quark Smart Glasses รุ่น S1 ที่มาพร้อมกับ Qwen AI ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขั้นสูงของบริษัท ถือเป็นการเข้าสู่ตลาด consumer hardware อย่างจริงจัง โดยแว่นตานี้มีหน้าจอโปร่งใสที่สามารถซ้อนข้อมูลบนทัศนียภาพจริง พร้อมกล้อง ไมโครโฟนแบบ bone conduction และแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้ รองรับการใช้งานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง. ⚡ คุณสมบัติและความแตกต่าง Quark S1 ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Ray-Ban Smart Glasses ของ Meta โดยมีจุดเด่นคือการผสาน ecosystem ของ Alibaba เช่น Taobao, Fliggy และ Alipay รวมถึงการเชื่อมต่อกับบริการเพลงจาก NetEase Cloud Music และ QQ Music รุ่น S1 มีราคาเริ่มต้นที่ 3,799 หยวน (ประมาณ 537 ดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่รุ่น G1 ที่ไม่มีหน้าจอ micro-OLED มีราคา 1,899 หยวน. 🌐 การวางจำหน่ายและตลาดเป้าหมาย แว่นตา Quark S1 พร้อมวางจำหน่ายทันทีบน Tmall, JD.com, Douyin และร้านค้ากว่า 600 แห่งใน 82 เมืองทั่วจีน โดยรุ่นสากลจะเปิดตัวในปีหน้า และบางส่วนจะวางขายผ่าน AliExpress เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนถึงการขยายตัวของตลาด AI-powered wearables ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในจีน. 📈 แนวโน้มและผลกระทบ ตลาดแว่นตาอัจฉริยะในจีนมีการเติบโตสูง โดยมีการส่งมอบกว่า 1.6 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านชิ้นเมื่อรวมรุ่นที่มีหน้าจอในตัว การแข่งขันระหว่าง Alibaba, Xiaomi และ Meta ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และยังเป็นการผลักดันให้เทคโนโลยี AI + Wearables กลายเป็นกระแสหลักในอนาคต. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Alibaba เปิดตัว Quark Smart Glasses รุ่น S1 และ G1 ➡️ S1 มีหน้าจอโปร่งใส, G1 ไม่มี micro-OLED ✅ ใช้ Qwen AI และ ecosystem ของ Alibaba ➡️ รองรับ Taobao, Fliggy, Alipay และบริการเพลง ✅ ราคา S1 เริ่มต้น 3,799 หยวน, G1 ราคา 1,899 หยวน ➡️ วางจำหน่ายในจีนกว่า 600 ร้าน และเตรียมขายต่างประเทศ ✅ ตลาดแว่นตาอัจฉริยะในจีนเติบโตสูง ➡️ ส่งมอบกว่า 2 ล้านชิ้นเมื่อรวมรุ่นที่มีหน้าจอ ‼️ การแข่งขันกับ Meta และ Xiaomi รุนแรง ⛔ ผู้บริโภคอาจสับสนกับตัวเลือกที่หลากหลาย ‼️ อายุการใช้งานแบตเตอรี่แม้เปลี่ยนได้ แต่ยังจำกัด ⛔ ต้องพกแบตสำรองเพื่อใช้งานต่อเนื่อง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/28/alibaba-releases-quark-smart-glasses-with-its-qwen-ai-built-in
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alibaba releases Quark smart glasses with its Qwen AI built in
    Alibaba Group Holding Ltd began sales of its first smart glasses powered by its Qwen AI models, marking a rare foray into consumer hardware.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครคือเจ้าของ Claude AI?

    Claude AI เป็นผลงานของบริษัท Anthropic สตาร์ทอัพจากซานฟรานซิสโก ก่อตั้งในปี 2021 โดยอดีตผู้บริหาร OpenAI คือ Dario และ Daniela Amodei จุดเด่นของ Anthropic คือการมุ่งเน้นเรื่อง ความปลอดภัยและความโปร่งใสในการพัฒนา AI โดย Claude ได้รับการตั้งชื่อตาม Claude Shannon บิดาแห่งทฤษฎีสารสนเทศ และเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023.

    การลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่
    แม้ว่า Anthropic จะยังคงเป็นบริษัทอิสระ แต่ก็ได้รับเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากหลายบริษัท เช่น Amazon ที่ทุ่มสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ พร้อมให้ใช้โครงสร้างพื้นฐาน AWS และชิป AI ของตนเอง, Google ที่ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์, รวมถึง Salesforce และ Spark Capital ที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทำให้ Anthropic มีพันธมิตรเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งในตลาด.

    ความสัมพันธ์กับ Microsoft และการใช้งานจริง
    นอกจาก Amazon และ Google แล้ว Microsoft ก็มีบทบาทเช่นกัน โดยนำ Claude มารวมไว้ในชุด Microsoft 365 Copilot ควบคู่กับ GPT models สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Claude ไม่ได้เป็นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นเทคโนโลยีที่หลายยักษ์ใหญ่ในวงการเข้ามามีส่วนร่วมและผลักดัน.

    โครงสร้างบริษัทและความสำคัญ
    Anthropic ถูกจัดตั้งเป็น Public-Benefit Corporation (PBC) ซึ่งหมายความว่ามีพันธกิจด้านความปลอดภัยระยะยาวควบคู่ไปกับการทำกำไร ทำให้แม้จะมีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ก็ยากที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะเข้ามาควบคุมทั้งหมดได้ การที่ Claude อยู่ในกลุ่ม AI ระดับแนวหน้าจึงทำให้โครงสร้างการถือครองและการลงทุนมีความสำคัญต่ออนาคตของวงการ AI โดยรวม.

    สรุปสาระสำคัญ
    Claude AI เป็นผลงานของ Anthropic
    ก่อตั้งโดย Dario และ Daniela Amodei อดีตผู้บริหาร OpenAI

    เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023
    ตั้งชื่อตาม Claude Shannon

    Amazon ลงทุนสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์
    พร้อมให้ใช้ AWS และชิป AI

    Google ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์
    มี Salesforce และ Spark Capital ร่วมด้วย

    Microsoft นำ Claude ไปใช้ใน 365 Copilot
    ทำงานร่วมกับ GPT models

    Anthropic แม้มีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ยังคงเป็นบริษัทอิสระ
    ไม่มีบริษัทใดครอบครองทั้งหมด

    โครงสร้างแบบ Public-Benefit Corporation เน้นความปลอดภัยระยะยาว
    ทำให้การควบคุมโดยนักลงทุนรายเดียวเป็นไปได้ยาก

    https://www.slashgear.com/2035429/who-owns-claude-ai/
    🧠 ใครคือเจ้าของ Claude AI? Claude AI เป็นผลงานของบริษัท Anthropic สตาร์ทอัพจากซานฟรานซิสโก ก่อตั้งในปี 2021 โดยอดีตผู้บริหาร OpenAI คือ Dario และ Daniela Amodei จุดเด่นของ Anthropic คือการมุ่งเน้นเรื่อง ความปลอดภัยและความโปร่งใสในการพัฒนา AI โดย Claude ได้รับการตั้งชื่อตาม Claude Shannon บิดาแห่งทฤษฎีสารสนเทศ และเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023. 💵 การลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แม้ว่า Anthropic จะยังคงเป็นบริษัทอิสระ แต่ก็ได้รับเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากหลายบริษัท เช่น Amazon ที่ทุ่มสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ พร้อมให้ใช้โครงสร้างพื้นฐาน AWS และชิป AI ของตนเอง, Google ที่ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์, รวมถึง Salesforce และ Spark Capital ที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทำให้ Anthropic มีพันธมิตรเชิงพาณิชย์ที่แข็งแกร่งในตลาด. 🔗 ความสัมพันธ์กับ Microsoft และการใช้งานจริง นอกจาก Amazon และ Google แล้ว Microsoft ก็มีบทบาทเช่นกัน โดยนำ Claude มารวมไว้ในชุด Microsoft 365 Copilot ควบคู่กับ GPT models สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Claude ไม่ได้เป็นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นเทคโนโลยีที่หลายยักษ์ใหญ่ในวงการเข้ามามีส่วนร่วมและผลักดัน. ⚖️ โครงสร้างบริษัทและความสำคัญ Anthropic ถูกจัดตั้งเป็น Public-Benefit Corporation (PBC) ซึ่งหมายความว่ามีพันธกิจด้านความปลอดภัยระยะยาวควบคู่ไปกับการทำกำไร ทำให้แม้จะมีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ก็ยากที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะเข้ามาควบคุมทั้งหมดได้ การที่ Claude อยู่ในกลุ่ม AI ระดับแนวหน้าจึงทำให้โครงสร้างการถือครองและการลงทุนมีความสำคัญต่ออนาคตของวงการ AI โดยรวม. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Claude AI เป็นผลงานของ Anthropic ➡️ ก่อตั้งโดย Dario และ Daniela Amodei อดีตผู้บริหาร OpenAI ✅ เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2023 ➡️ ตั้งชื่อตาม Claude Shannon ✅ Amazon ลงทุนสูงสุดถึง 8 พันล้านดอลลาร์ ➡️ พร้อมให้ใช้ AWS และชิป AI ✅ Google ลงทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ➡️ มี Salesforce และ Spark Capital ร่วมด้วย ✅ Microsoft นำ Claude ไปใช้ใน 365 Copilot ➡️ ทำงานร่วมกับ GPT models ‼️ Anthropic แม้มีนักลงทุนรายใหญ่ แต่ยังคงเป็นบริษัทอิสระ ⛔ ไม่มีบริษัทใดครอบครองทั้งหมด ‼️ โครงสร้างแบบ Public-Benefit Corporation เน้นความปลอดภัยระยะยาว ⛔ ทำให้การควบคุมโดยนักลงทุนรายเดียวเป็นไปได้ยาก https://www.slashgear.com/2035429/who-owns-claude-ai/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Who Owns Claude AI (And Is It Amazon?) - SlashGear
    Anthropic owns Claude AI, not Amazon. Big-tech funding and cloud partnerships exist, but no single company controls the model or the startup.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” 

    ตอน 13
    หลังจากซุนยัดเซ็นตาย เจียงไคเช็คก็ขึ้นมาหัวหน้าใหญ่ของพรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียงเริ่มพองตัวใหญ่ขึ้น เขาเริ่มปราบพวกเจ้าพ่อก๊กต่างๆ แม้ ในตอนแรก เขาจะยังร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ แต่พอถึงปี ค.ศ.1927 ทั้ง 2 ฝ่ายก็ออกอาการ มีการขบเขี้ยวใส่กันอยู่ตลอดเวลา ทำท่าว่าจะไปกันไม่รอด แล้วเจียงก็ไล่ที่ปรึกษาโซเวียตกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มใช้กำลังและความรุนแรงคุยกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ไม่นานจีนก๊กมินตั๋งกับจีนคอมมิวนิสต์ก็แยกทางกันเดิน
    อะไร ทำให้เจียงเปลี่ยนแนวทางจนเดินทางเดียวกับจีนคอมมิวนิสต์ไม่ได้
    มาดูประวัติ และเส้นทางชีวิตของเขาหน่อย
    เจียงไคเช็ค เกิดเมื่อ ปี ค.ศ.1887 ในหมู่บ้านทางตะวันออกของจีน พ่อตายก่อน แม่เป็นคนเลี้ยงเขามา พออายุ 14 หนุ่มเจียง ก็มีเมียคนแรก พออายุ 18 ก็เดินทางไปเข้าโรงเรียนทหารที่โตเกียว เขาบอกว่า เขาชอบความมีวินัยของกองทัพญี่ปุ่น ถึงปี ค.ศ.1911 เจียง ก็กลับมาจีน และเข้าร่วมกับก๊กมินตั๋ง ได้เป็นทหารติดตามซุนยัดเซ็น แต่พอซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น เขาก็ไม่ได้ตามไปด้วย
    เมื่อซุนยัดเซ็น กลับมาฟื้นก๊กมินตั๋ง เจียงก็กลับมาติดตามซุนยัดเซ็นต่อ ระหว่าง นั้นเจียงก็สร้างเครือข่ายอิทธิพลของต้วเองไปด้วย เมื่อซุนยัดเซ็นเสียชีวิต ในปี ค.ศ.1925 เจียงขึ้นมาเป็นหัวหน้าก๊กมินตั๋งแทน และในปี ค.ศ.1926 เขาก็แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต่อมาภายหลังโด่งดัง มีอำนาจคับโลก หล่อนคือ เมย์-หลิง ซ่ง May-ling Soong ลูกสาวอีกคนหนึ่งของเศรษฐีใหญ่ ชาลี ซ่ง ที่คุ้นเคยกับซุนยัดเซ็น นั่นเอง เจียงลงทุนเข้ารีต เปลี่ยนไปนับถือคริสเตียนตามเมียไฮโซ
    ชาลี ซ่ง Charlie Soong เป็นชาวจีนที่โตมากับพวกมิชชันนารีในจีนที่ไหหลำ ทางใต้ของจีน พวกมิชชั่นนารีส่งเขาไปเรียนหนังสือที่อเมริกา หลังจากนั้น ชาลี ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียน และเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่ง เมื่อชาลีเรียนมหาวิทยาลัยจบ ก็กลับมาจีน และปักหลักทำธุรกิจอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ แดนฝรั่งในจีน
    เขาเรื่มธุรกิจด้วยการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลขาย จนมีฐานะ และต่อมาก็ถือว่า เป็นเศรษฐีคนหนึ่ง เขามีลูกสาว 3 คน ลูกชาย 3 คน ลูกชายลูกสาว ทุกคนถูกส่งไปเรียนหนังสือที่อเมริกา ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ทุกคนจบมหาวิทยาลัยชั้นดีในอเมริกา ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีกว่าภาษาจีน ลูกสาวคนหนึ่ง ชิง-หลิง ไปช่วยทำงานให้ซุนยัดเซ็น ในที่สุดก็รักกัน และไปอยู่กินกับซุนยัดเซ็น เมื่อซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น ชิง-หลิง ก็ตามไปด้วย ซึ่งทำให้ชาลีไม่พอใจอย่างยิ่ง ถึงขนาดตัดขาดกับทั้ง 2 คน
    แต่เมื่อได้ลูกเขยชื่อเจียงไคเช็ค ชาลี ซ่ง กลับปลาบปลื้ม และทำธุรกิจร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ แต่ขยายไปทั่ว เมื่อเจียงไคเช็คพาพรรคพวกหนีพรรคคอมมิวนิสต์ ไปอยู่ไต้หวัน และตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี ลูกชายของ ชาลีคนหนึ่ง ชื่อ เซ-เวน Tse-ven แต่เจ้าตัวและพวกฝรั่งเรียกว่า T V ทีวี ก็ไปทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีคลังให้แก่น้องเขย และเป็นอยู่หลายสมัย เลยยิ่งรวยกันใหญ่
    จริงๆ T V ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวให้แก่ซุนยัดเซ็นมาก่อน ตั้งแต่สมัยที่ซุนยัดเซ็นปักหลักเริ่มวางแผนอยู่แถวเซี่ยงไฮ้ ในปี ค.ศ.1917 นาย ทีวี นี่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด และนิยมทุกอย่างที่เกี่ยวกับอเมริกา เมื่อย้ายมาทำงานให้เขยอีกคนคือ เจียง นอกจากได้เป็นรัฐมนตรีคลังแล้ว นายทีวี ยังเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวัน และเป็นผู้ก่อตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของไต้หวัน เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นายทีวี ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างไต้หวันกับอเมริกาโดยเป็นผู้ติดต่อโดยตรงกับประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา รูปแบบคุ้นๆ จัง
    ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เส้นทางเดินของ เจียงไคเช็ค เปลี่ยนจุดหมาย เลี้ยวออกจากที่เคยเดินไปทางเดียวกับซุนยัดเซ็น น่าจะเป็น ตระกูลซ่ง ตั้งแต่ ตัวพ่อ ลูกสาว และลูกชาย
    จากประวัติของ ชาลี ซ่ง ที่เป็นเด็กเลี้ยงของมิชชั่นนารีคริสเตียน และภายหลัง เห็นชัดว่าเป็นเด็กสร้างของอเมริกา อเมริกาจึงน่าจะเป็นผู้จัดการให้ ชาลี ซ่ง และครอบครัว มาทำหน้าที่ ทำงานคัดท้าย จนถึงครอบงำผู้ที่จะมาทำการปกครองจีน หลังจากราชวงศ์ชิงล่ม ตามแผนครอบครองจีนของอเมริกา และเพื่อให้เป็นไปตามแผน ที่ผลสรุป ของตัวแสดงยังออกมาไม่ชัด อเมริกาจึงต้องซื้อไพ่ชื่อ ซุนยัดเซน และเจียงไคเช็ค ทั้ง 2ใบ และให้มีการประกบใกล้ชิด ทั้ง 2 ใบ มันเป็นงานใหญ่ ที่ต้องใช้กันทั้งครอบครัว และอาจจะทั้งตระกูล และใช้เวลาหลายชั่วชีวิตคน อย่างที่เราจะนึกไม่ถึง นี่คือต้นแบบของหนอนใน ที่ฝรั่งใช้เอามาฝังไว้ในประเทศต่างๆ แม้ในแดนสยามก็ยังมี และยังใช้อยู่
    มันเป็นการมองการณ์ไกลของผู้สร้าง ชาลี ซ่ง และครอบครัว บวกความทะเยอทะยานของครอบครัว ชาลี ซ่ง ผสมกัน ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ยอมเป็นขี้ข้าให้ฝรั่งใช้ในประเทศตนเอง นี่มันต้องใช้หลายอย่าง แต่ที่ไม่ใช้คือ ความรัก ความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดของตนเอง และความมีศักดิ์ศรีในชนชาติของตน
    ส่วนเรื่องของซุนยัดเซ็น น่าเชื่อว่า ซุนยัดเซ็นมีอุดมการณ์จริงตั้งแต่เริ่มแรก ที่ต้องการไล่ราชวงศ์ชิงที่เหลวเละและยอมฝรั่ง และไล่พวกฝรั่งให้พ้นไปจากจีน และอังกฤษเอง ก็น่าจะรู้เป้าหมายของซุนยัดเซ็นอยู่แล้ว แต่อังกฤษคงปล่อยให้ซุนยัดเซ็นเล่นไประดับหนึ่ง เพื่อไล่ราชวงศ์ชิง เพราะ ถ้าราชวงศ์ชิงร่วงไป ก็เป็นประโยชน์กับอังกฤษเช่นกัน
    ส่วนการปล่อยให้ ซุนยัดเซ็น มาอยู่ญี่ปุ่น ที่อังกฤษ รวมทั้งอเมริกา เอาตาข่ายคลุมไว้หมดแล้ว เพื่อให้เส้นสายของตน ทั้งตามดูและควบคุม ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่เมื่อมีการปฏิวัติสำเร็จ และซุนยัดเซ็นได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้เป็นประธานาธิบดี และตั้งสาธารณรัฐ ฝ่ายอังกฤษจึงเห็นว่า ผิดท่า ชาวจีนสนับสนุนมากไป และน่าจะมีอเมริกามาเกี่ยวข้อง การที่อังกฤษจะไปคาบจีนกลับมา จึงอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มันก็เป็นแนวคิดเดียวกันกับการใช้ญี่ปุ่นรวนจีน แต่ไม่ได้ยกจีนให้ญี่ปุ่น อังกฤษปล่อย หรือ อาจจะสนับสนุนทางอ้อม ให้ซุนยัดเซ็นไล่ราชวงศ์ชิง แต่ไม่ได้หมายความว่ายกจีนให้ ซุนยัดเซ็น
    นี่คือสันดานที่แท้จริงของอังกฤษ “แค่ใช้ ไม่ใช่ ยกให้” ยวนชีไข่ จึงได้ใบสั่งให้มาเข้าฉากชั่วคราว เพราะอังกฤษยังไม่ว่างมาจัดการเอง เพราะช่วงนั้นกำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ที่ได้มาจากการทำสงครามโลก ครั้งที่ 1
    ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็นจะเป็นเด็กสร้าง หรือรับใบสั่งของอเมริกา หรือไม่ ก็น่าคิด แต่ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น อเมริกาน่าจะเกาะติด และประกบซุนยัดเซ็น ไม่ต่างกับอังกฤษ หรือยิ่งกว่า อเมริกามีแต่ได้ ไม่มีเสีย ถ้าซุนยัดเซ็นโค่นราชวงศ์ชิงไปได้ ไล่อังกฤษออกจากจีน มันเป็นการเปิดทางเข้าให้อเมริกาทั้งนั้น ชาลี ซ่ง และครอบครัว จึงถูกส่งมาประกบ ไม่ให้ซุนยัดเซ็นหลุดเส้นทาง และหลุดมือ
    แต่การที่ ซุนยัดเซ็น เอง ที่เดินหมากเหมือนไม่ตามแผน เช่น การไปตกปากสัญญาจะยกสัมปทานในจีน ให้คนจีนโพ้นทะเล เป็นการชักจูงให้กลับมาอยู่ในประเทศ มาช่วยกันสร้างประเทศดีกว่าให้ฝรั่งมาเอาไป น่าจะบอกความในใจของซุนยัดเซ็นได้พอสมควร ดูๆไป ก็เหมือน ซุนยัดเซ็น เล่นละครหลอกฝรั่ง ทั้งอังกฤษ อเมริกา และอาจจะญี่ปุ่นด้วย เขาแสดงตัวว่า คบทั้ง อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน ทั้งคนดี คนชั่ว แต่ที่สำคัญ การมาคบกับโซเวียต นี่น่าจะเป็นเหตุใหญ่ ให้อเมริกา ที่เล่นไพ่ไว้ทั้ง 2 ใบ จึงทิ้งไพ่ เหลือเพียงใบเดียว หันมาสนับสนุน เจียงไคเช็ค ที่ชัดเจนว่าอยู่ในมืออเมริกา อย่างเต็มที่ มันเป็นรูปแบบที่อเมริกา ถนัดเล่น เล่นอย่างนี้ ทุกที่ ทุกสมัย
     
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”  ตอน 13 หลังจากซุนยัดเซ็นตาย เจียงไคเช็คก็ขึ้นมาหัวหน้าใหญ่ของพรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียงเริ่มพองตัวใหญ่ขึ้น เขาเริ่มปราบพวกเจ้าพ่อก๊กต่างๆ แม้ ในตอนแรก เขาจะยังร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ แต่พอถึงปี ค.ศ.1927 ทั้ง 2 ฝ่ายก็ออกอาการ มีการขบเขี้ยวใส่กันอยู่ตลอดเวลา ทำท่าว่าจะไปกันไม่รอด แล้วเจียงก็ไล่ที่ปรึกษาโซเวียตกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มใช้กำลังและความรุนแรงคุยกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ไม่นานจีนก๊กมินตั๋งกับจีนคอมมิวนิสต์ก็แยกทางกันเดิน อะไร ทำให้เจียงเปลี่ยนแนวทางจนเดินทางเดียวกับจีนคอมมิวนิสต์ไม่ได้ มาดูประวัติ และเส้นทางชีวิตของเขาหน่อย เจียงไคเช็ค เกิดเมื่อ ปี ค.ศ.1887 ในหมู่บ้านทางตะวันออกของจีน พ่อตายก่อน แม่เป็นคนเลี้ยงเขามา พออายุ 14 หนุ่มเจียง ก็มีเมียคนแรก พออายุ 18 ก็เดินทางไปเข้าโรงเรียนทหารที่โตเกียว เขาบอกว่า เขาชอบความมีวินัยของกองทัพญี่ปุ่น ถึงปี ค.ศ.1911 เจียง ก็กลับมาจีน และเข้าร่วมกับก๊กมินตั๋ง ได้เป็นทหารติดตามซุนยัดเซ็น แต่พอซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น เขาก็ไม่ได้ตามไปด้วย เมื่อซุนยัดเซ็น กลับมาฟื้นก๊กมินตั๋ง เจียงก็กลับมาติดตามซุนยัดเซ็นต่อ ระหว่าง นั้นเจียงก็สร้างเครือข่ายอิทธิพลของต้วเองไปด้วย เมื่อซุนยัดเซ็นเสียชีวิต ในปี ค.ศ.1925 เจียงขึ้นมาเป็นหัวหน้าก๊กมินตั๋งแทน และในปี ค.ศ.1926 เขาก็แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต่อมาภายหลังโด่งดัง มีอำนาจคับโลก หล่อนคือ เมย์-หลิง ซ่ง May-ling Soong ลูกสาวอีกคนหนึ่งของเศรษฐีใหญ่ ชาลี ซ่ง ที่คุ้นเคยกับซุนยัดเซ็น นั่นเอง เจียงลงทุนเข้ารีต เปลี่ยนไปนับถือคริสเตียนตามเมียไฮโซ ชาลี ซ่ง Charlie Soong เป็นชาวจีนที่โตมากับพวกมิชชันนารีในจีนที่ไหหลำ ทางใต้ของจีน พวกมิชชั่นนารีส่งเขาไปเรียนหนังสือที่อเมริกา หลังจากนั้น ชาลี ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียน และเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่ง เมื่อชาลีเรียนมหาวิทยาลัยจบ ก็กลับมาจีน และปักหลักทำธุรกิจอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ แดนฝรั่งในจีน เขาเรื่มธุรกิจด้วยการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลขาย จนมีฐานะ และต่อมาก็ถือว่า เป็นเศรษฐีคนหนึ่ง เขามีลูกสาว 3 คน ลูกชาย 3 คน ลูกชายลูกสาว ทุกคนถูกส่งไปเรียนหนังสือที่อเมริกา ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ทุกคนจบมหาวิทยาลัยชั้นดีในอเมริกา ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีกว่าภาษาจีน ลูกสาวคนหนึ่ง ชิง-หลิง ไปช่วยทำงานให้ซุนยัดเซ็น ในที่สุดก็รักกัน และไปอยู่กินกับซุนยัดเซ็น เมื่อซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น ชิง-หลิง ก็ตามไปด้วย ซึ่งทำให้ชาลีไม่พอใจอย่างยิ่ง ถึงขนาดตัดขาดกับทั้ง 2 คน แต่เมื่อได้ลูกเขยชื่อเจียงไคเช็ค ชาลี ซ่ง กลับปลาบปลื้ม และทำธุรกิจร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ แต่ขยายไปทั่ว เมื่อเจียงไคเช็คพาพรรคพวกหนีพรรคคอมมิวนิสต์ ไปอยู่ไต้หวัน และตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี ลูกชายของ ชาลีคนหนึ่ง ชื่อ เซ-เวน Tse-ven แต่เจ้าตัวและพวกฝรั่งเรียกว่า T V ทีวี ก็ไปทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีคลังให้แก่น้องเขย และเป็นอยู่หลายสมัย เลยยิ่งรวยกันใหญ่ จริงๆ T V ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวให้แก่ซุนยัดเซ็นมาก่อน ตั้งแต่สมัยที่ซุนยัดเซ็นปักหลักเริ่มวางแผนอยู่แถวเซี่ยงไฮ้ ในปี ค.ศ.1917 นาย ทีวี นี่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด และนิยมทุกอย่างที่เกี่ยวกับอเมริกา เมื่อย้ายมาทำงานให้เขยอีกคนคือ เจียง นอกจากได้เป็นรัฐมนตรีคลังแล้ว นายทีวี ยังเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวัน และเป็นผู้ก่อตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของไต้หวัน เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นายทีวี ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างไต้หวันกับอเมริกาโดยเป็นผู้ติดต่อโดยตรงกับประธานาธิบดี Roosevelt ของอเมริกา รูปแบบคุ้นๆ จัง ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เส้นทางเดินของ เจียงไคเช็ค เปลี่ยนจุดหมาย เลี้ยวออกจากที่เคยเดินไปทางเดียวกับซุนยัดเซ็น น่าจะเป็น ตระกูลซ่ง ตั้งแต่ ตัวพ่อ ลูกสาว และลูกชาย จากประวัติของ ชาลี ซ่ง ที่เป็นเด็กเลี้ยงของมิชชั่นนารีคริสเตียน และภายหลัง เห็นชัดว่าเป็นเด็กสร้างของอเมริกา อเมริกาจึงน่าจะเป็นผู้จัดการให้ ชาลี ซ่ง และครอบครัว มาทำหน้าที่ ทำงานคัดท้าย จนถึงครอบงำผู้ที่จะมาทำการปกครองจีน หลังจากราชวงศ์ชิงล่ม ตามแผนครอบครองจีนของอเมริกา และเพื่อให้เป็นไปตามแผน ที่ผลสรุป ของตัวแสดงยังออกมาไม่ชัด อเมริกาจึงต้องซื้อไพ่ชื่อ ซุนยัดเซน และเจียงไคเช็ค ทั้ง 2ใบ และให้มีการประกบใกล้ชิด ทั้ง 2 ใบ มันเป็นงานใหญ่ ที่ต้องใช้กันทั้งครอบครัว และอาจจะทั้งตระกูล และใช้เวลาหลายชั่วชีวิตคน อย่างที่เราจะนึกไม่ถึง นี่คือต้นแบบของหนอนใน ที่ฝรั่งใช้เอามาฝังไว้ในประเทศต่างๆ แม้ในแดนสยามก็ยังมี และยังใช้อยู่ มันเป็นการมองการณ์ไกลของผู้สร้าง ชาลี ซ่ง และครอบครัว บวกความทะเยอทะยานของครอบครัว ชาลี ซ่ง ผสมกัน ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ยอมเป็นขี้ข้าให้ฝรั่งใช้ในประเทศตนเอง นี่มันต้องใช้หลายอย่าง แต่ที่ไม่ใช้คือ ความรัก ความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดของตนเอง และความมีศักดิ์ศรีในชนชาติของตน ส่วนเรื่องของซุนยัดเซ็น น่าเชื่อว่า ซุนยัดเซ็นมีอุดมการณ์จริงตั้งแต่เริ่มแรก ที่ต้องการไล่ราชวงศ์ชิงที่เหลวเละและยอมฝรั่ง และไล่พวกฝรั่งให้พ้นไปจากจีน และอังกฤษเอง ก็น่าจะรู้เป้าหมายของซุนยัดเซ็นอยู่แล้ว แต่อังกฤษคงปล่อยให้ซุนยัดเซ็นเล่นไประดับหนึ่ง เพื่อไล่ราชวงศ์ชิง เพราะ ถ้าราชวงศ์ชิงร่วงไป ก็เป็นประโยชน์กับอังกฤษเช่นกัน ส่วนการปล่อยให้ ซุนยัดเซ็น มาอยู่ญี่ปุ่น ที่อังกฤษ รวมทั้งอเมริกา เอาตาข่ายคลุมไว้หมดแล้ว เพื่อให้เส้นสายของตน ทั้งตามดูและควบคุม ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่เมื่อมีการปฏิวัติสำเร็จ และซุนยัดเซ็นได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้เป็นประธานาธิบดี และตั้งสาธารณรัฐ ฝ่ายอังกฤษจึงเห็นว่า ผิดท่า ชาวจีนสนับสนุนมากไป และน่าจะมีอเมริกามาเกี่ยวข้อง การที่อังกฤษจะไปคาบจีนกลับมา จึงอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มันก็เป็นแนวคิดเดียวกันกับการใช้ญี่ปุ่นรวนจีน แต่ไม่ได้ยกจีนให้ญี่ปุ่น อังกฤษปล่อย หรือ อาจจะสนับสนุนทางอ้อม ให้ซุนยัดเซ็นไล่ราชวงศ์ชิง แต่ไม่ได้หมายความว่ายกจีนให้ ซุนยัดเซ็น นี่คือสันดานที่แท้จริงของอังกฤษ “แค่ใช้ ไม่ใช่ ยกให้” ยวนชีไข่ จึงได้ใบสั่งให้มาเข้าฉากชั่วคราว เพราะอังกฤษยังไม่ว่างมาจัดการเอง เพราะช่วงนั้นกำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ที่ได้มาจากการทำสงครามโลก ครั้งที่ 1 ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็นจะเป็นเด็กสร้าง หรือรับใบสั่งของอเมริกา หรือไม่ ก็น่าคิด แต่ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น อเมริกาน่าจะเกาะติด และประกบซุนยัดเซ็น ไม่ต่างกับอังกฤษ หรือยิ่งกว่า อเมริกามีแต่ได้ ไม่มีเสีย ถ้าซุนยัดเซ็นโค่นราชวงศ์ชิงไปได้ ไล่อังกฤษออกจากจีน มันเป็นการเปิดทางเข้าให้อเมริกาทั้งนั้น ชาลี ซ่ง และครอบครัว จึงถูกส่งมาประกบ ไม่ให้ซุนยัดเซ็นหลุดเส้นทาง และหลุดมือ แต่การที่ ซุนยัดเซ็น เอง ที่เดินหมากเหมือนไม่ตามแผน เช่น การไปตกปากสัญญาจะยกสัมปทานในจีน ให้คนจีนโพ้นทะเล เป็นการชักจูงให้กลับมาอยู่ในประเทศ มาช่วยกันสร้างประเทศดีกว่าให้ฝรั่งมาเอาไป น่าจะบอกความในใจของซุนยัดเซ็นได้พอสมควร ดูๆไป ก็เหมือน ซุนยัดเซ็น เล่นละครหลอกฝรั่ง ทั้งอังกฤษ อเมริกา และอาจจะญี่ปุ่นด้วย เขาแสดงตัวว่า คบทั้ง อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน ทั้งคนดี คนชั่ว แต่ที่สำคัญ การมาคบกับโซเวียต นี่น่าจะเป็นเหตุใหญ่ ให้อเมริกา ที่เล่นไพ่ไว้ทั้ง 2 ใบ จึงทิ้งไพ่ เหลือเพียงใบเดียว หันมาสนับสนุน เจียงไคเช็ค ที่ชัดเจนว่าอยู่ในมืออเมริกา อย่างเต็มที่ มันเป็นรูปแบบที่อเมริกา ถนัดเล่น เล่นอย่างนี้ ทุกที่ ทุกสมัย   สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 12

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 12
    เล่าเรื่องซุนยัดเซน เสียยาว เพราะเขาเป็นตัวสำคัญ ในการโยงเรื่องของจีน กับเรื่องของญี่ปุ่น และเรื่องของเขา น่าจะทำให้เราเห็นชัดขึ้น เกี่ยวกับ การวางแผน และลงมือล่าเหยื่อของอังกฤษ และอเมริกา ที่วางแผนล่าข้ามศตวรรษเหมือนกัน และดูเหมือนตอนนี้ก็ยังล่าไม่ได้อย่างใจ เรื่องยังไม่จบ…
    ขณะที่ ซุนยัดเซ็น ยังวิ่งหาเงินเพื่อมาทำปฏิวัติอยู่ที่อเมริกา ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ.1911 ก็เกิดการระเบิดขึ้นที่เมืองหวูชาง มณทลหูไบ่ ทางการเตรียมกวาดล้างพวกก่อเหตุ เหตุการณ์ระเบิดจึงยกระดับ เป็นการลุกขึ้นของประชาชน แล้วก็กลายเป็นการปฏิวัติของประชาชน ฝ่ายทหารของมณทลย้ายข้าง มาอยู่กับพวกปฏิวัติด้วย หลังจากนั้น การปฏิวัติก็ลุกลามไปตามเมืองต่างๆ ซุนยัดเซ็นได้ข่าว จึงรีบเดินทางกลับมาจากอเมริกา
    ก็น่าสนใจว่า ปฏิวัติเริ่มโดยคนคิดทำปฏิวัตื ยังอยู่อีกฝั่งของโลก ตกลงใครทำปฏิวัติกันแน่
    หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ฝ่ายปฏิวัติก็ยึดครองจีนได้กว่าครึ่งประเทศ และ ราชวงศ์ชิงก็ล่มลง พวกปฏิวัติจึงพร้อมใจกันเลือกให้ ซุนยัดเซ็น เป็น ประธานาธิบดีคนแรก พร้อมกับการสถาปนา เป็นสาธารณรัฐจีน ในต้นปี ค.ศ.1912
    อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ได้ข่าวปฏิวัติจีน ก็โกรธจนคลั่ง บอกว่า อังกฤษจะไม่ทนกับการมีอเมริกา อีกแห่ง อยู่ในสนามหลังบ้าน ที่เอเซียอย่างเด็ดขาด เอะ พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร ว่าแล้ว อังกฤษก็เรียกระดมกำลัง ทั้งพวกบนดิน ใต้ดิน และฝ่ายการเมืองมาวางแผนแก้เกม ซุนยัดเซ็น (หรือเกมอเมริกา?!) แล้วยวนชีไข่ Yuan Shi-kai ขุนนางใหญ่ ฝ่ายทหารของราชวงค์แมนจู จอมทะเยอทะยาน ที่อยากใหญ่เทียมฟ้ามานาน ก็ได้รับใบสั่งจากอังกฤษ ให้เข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ
    แม้พวกปฏิวัติ จะยึดทางใต้ได้หมด แต่ทางเหนือ และกองทหารทางนั้น ยังไม่ยอมเข้ากับพวกปฏิวัติ ซุนยัดเซ็นคงมองเห็นเงาอังกฤษยังค้างอยู่ จึงถอยกลับมาหนึ่งก้าว และยกตำแหน่งประธานาธิบดีให้ ยวนชีไข่ คนใส่ปลอกคอยี่ห้ออังกฤษไปก่อน แล้วตัวเขาก็ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการรถไฟ เพื่อวางแผนสร้างทางรถไฟแทน เออ งง จริง หมากจีน นี่เล่นแปลก
    แล้วรายการขย่มขวัญก็เกิดขึ้น ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1913 ซ้ง เจียวเรน (Song Jiaoren) เพื่อนคู่คิดของซุนยัดเซ็น ตั้งแต่นั่งฝันเฟื่องด้วยกันที่ฮาวาย ถูกฆ่าตาย
    ซ้ง เจียวเรน เป็นเจ้าของร้านอาหารที่ฮาวายที่ ซุน ฝากท้อง และปากเอาไว้ ทุกวัน ซุนจะไปนั่งกินข้าว (ฟรี) ที่ร้านของ ซ้ง และคุยให้ฟัง ถึงความฝันของเขา ที่จะไล่ฝรั่งออกไปให้พ้นจากจีน ซ้งฟังจนเคลิ้ม ในที่สุดก็ปิดร้านอาหาร และติดตามซุนไปทุกแห่ง และเป็น ซ้ง ที่เป็นคนคิดและจัดการตั้งสมาคม Teng Meng Hui และนำพรรคก๊กมินตั๋ง เข้าไปสู่การเลือกตั้ง จนได้ชัยชนะในปี ค.ศ.1912-1913
    การตายของ ซ้ง เจียวเรน ทำให้ ซุนยัดเซ็น ต้องหันกลับมาเดินหน้าใหม่ และถามหาผู้รับผิดชอบ แต่ยวนชีไข่ ไม่ให้ราคาซุนยัดเซ็น แรงกระเพื่อมจึงเกิดขึ้นมาใหม่จากฝ่ายปฏิวัติ
    ยวนชีไข่ แน่ใจว่า ตนเองมีแรงหนุนเต็มที่จากนายท่าน จึงสั่งจับซุนยัดเซ็น แล้วซุนยัดเซ็นก็เลยต้องเปิดแนบ หนีไปอยู่ญี่ปุ่นอีกรอบ ส่วน ยวนชีไข่ ก็ได้รางวัล นายท่านอนุญาตให้ตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดี ซุนยัดเซ็นไม่กลับเข้ามาในจีนอีกเลย จนยวนสีไข่ ตายในปี ค.ศ.1916
    แม้ตัวจะไม่กลับเข้ามา แต่ ในปี ค.ศ.1915 จีนก็ได้รับหนังสือขู่จากญี่ปุ่น ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ ที่ตั้งญี่ปุ่นเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่อง ไม่รู้จะเกี่ยวกันไหม และเกี่ยวแบบไหน
    ระหว่างที่อยู่ญี่ปุ่น ดูเหมือนรัศมี และอำนาจของซุนยัดเซ็นจะลดลงไปแยะ เมื่อเขาพยายามจะฟื้นพรรคปฏิวั ติ พรรคพวกเก่าๆ ก็ไม่กลับมา เมื่อ ยวนชีไข่ตาย ในปี ค.ศ.1916 ซุนยัดเซ็น จึงกลับเข้าในจีน ในปี ค.ศ.1917 เขาพยายามตั้งรัฐบาลแข่ง ที่กวางสู และเจียงไคเช็ค ก็เริ่มเข้ามาร่วมวงด้วย แต่ก็ยังไปไม่รอด ซุนยัดเซ็น ก็ต้องหนีไปตั้งหลักที่ เซี่ยงไฮ้
    ซุนยัดเซ็น ยังไม่ถอดใจ ในปี ค.ศ.1919 เขาตั้ง ก๊กมินตั๋งจีนขึ้นมาใหม่ ใช้ชื่อพรรคชาตินิยม Nationalist Party แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ช่วงปี ค.ศ.1922 การต่อสู้ระหว่างเจ้าพ่อก๊กต่างๆ กลับเกิดขึ้นอย่างมากมาย รบกันไปทุกหัวระแหง และซุนยัดเซ็น ก็กลับไปตั้งหลัก ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ที่เซี่ยงไฮ้ เขาเห็นแล้วว่า ถ้าจะเดินหน้าต่อ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากโซเวียต…
    ปี ค.ศ.1923 ซุนยัดเซ็น จึงทำความตกลงกับโซเวียต และโซเวียต ก็ส่งที่ปรึกษา Mikail Boroden มาจัดระบบพรรคก๊กมินตั่ง หรือพรรคชาตินิยมให้ใหม่ ตั้งสถาบันทางการเมือง เพื่อให้ความรู้ และอบรม ด้านการระดมพล เคลื่อนพล และการโฆษณาชวนเชื่อ ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็น ก็ส่งเจียงไคเช็ค ไปโซเวียต เพื่อเข้าหลักสูตรการทหาร เมื่อเจียงไคเช็ค กลับมาถึงจีน ซุนยัดเซ็น ก็ให้ตั้งสถาบันการทหารวัมเปา Wampao Academy เพื่อให้การอบรมด้านการทหาร ให้แก่ทั้งก๊กมินตั๋ง และพรรคคอมมิวนิสต์ ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ขณะเดียวกัน เจียงไคเช็ค ก็เริ่มสร้างอำนาจให้ตัวเอง
    หลังจากได้โซเวียตมาช่วยจัดระบบให้ และพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เริ่มเข้ามาร่วมกับพรรคจีนก๊กมินตั๋ง แต่จำนวนสมาชิกของทั้ง 2 พรรคต่างกันมาก ขณะที่ ก๊กมินตั๋งมีสมาชิกเป็นแสน พรรคคอมมิวนิสต์ มีแค่เป็นพัน (ในขณะนั้น)
    แล้วซุนยัดเซ็นก็ล้มป่วย และเสียชีวิตในปี ค.ศ.1925 เจียงไคเช็ค ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแทน แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
    ตกลงซุนยัดเซ็น เป็นนักปฏิวัติ ที่มีอุดมการณ์น่านับถือ หรือเป็นเด็กสร้างของฝรั่ง หรือเขาเป็นเพียงหมาก ที่ฝรั่งใช้เดิน เพื่อผลประโชน์ของฝรั่งโดย เขาไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่คิดว่า เพื่อให้ถึงจุดหมายอุดมการณ์ของตัว ในขณะที่ปัจจัยยังไม่พร้อม ก็ต้องยอม หรือหลอก (ฝรั่ง) ไปพลางๆ ก่อน เป็นเรื่องที่น่าคิดอย่างยิ่ง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 12 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 12 เล่าเรื่องซุนยัดเซน เสียยาว เพราะเขาเป็นตัวสำคัญ ในการโยงเรื่องของจีน กับเรื่องของญี่ปุ่น และเรื่องของเขา น่าจะทำให้เราเห็นชัดขึ้น เกี่ยวกับ การวางแผน และลงมือล่าเหยื่อของอังกฤษ และอเมริกา ที่วางแผนล่าข้ามศตวรรษเหมือนกัน และดูเหมือนตอนนี้ก็ยังล่าไม่ได้อย่างใจ เรื่องยังไม่จบ… ขณะที่ ซุนยัดเซ็น ยังวิ่งหาเงินเพื่อมาทำปฏิวัติอยู่ที่อเมริกา ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ.1911 ก็เกิดการระเบิดขึ้นที่เมืองหวูชาง มณทลหูไบ่ ทางการเตรียมกวาดล้างพวกก่อเหตุ เหตุการณ์ระเบิดจึงยกระดับ เป็นการลุกขึ้นของประชาชน แล้วก็กลายเป็นการปฏิวัติของประชาชน ฝ่ายทหารของมณทลย้ายข้าง มาอยู่กับพวกปฏิวัติด้วย หลังจากนั้น การปฏิวัติก็ลุกลามไปตามเมืองต่างๆ ซุนยัดเซ็นได้ข่าว จึงรีบเดินทางกลับมาจากอเมริกา ก็น่าสนใจว่า ปฏิวัติเริ่มโดยคนคิดทำปฏิวัตื ยังอยู่อีกฝั่งของโลก ตกลงใครทำปฏิวัติกันแน่ หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ฝ่ายปฏิวัติก็ยึดครองจีนได้กว่าครึ่งประเทศ และ ราชวงศ์ชิงก็ล่มลง พวกปฏิวัติจึงพร้อมใจกันเลือกให้ ซุนยัดเซ็น เป็น ประธานาธิบดีคนแรก พร้อมกับการสถาปนา เป็นสาธารณรัฐจีน ในต้นปี ค.ศ.1912 อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ได้ข่าวปฏิวัติจีน ก็โกรธจนคลั่ง บอกว่า อังกฤษจะไม่ทนกับการมีอเมริกา อีกแห่ง อยู่ในสนามหลังบ้าน ที่เอเซียอย่างเด็ดขาด เอะ พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร ว่าแล้ว อังกฤษก็เรียกระดมกำลัง ทั้งพวกบนดิน ใต้ดิน และฝ่ายการเมืองมาวางแผนแก้เกม ซุนยัดเซ็น (หรือเกมอเมริกา?!) แล้วยวนชีไข่ Yuan Shi-kai ขุนนางใหญ่ ฝ่ายทหารของราชวงค์แมนจู จอมทะเยอทะยาน ที่อยากใหญ่เทียมฟ้ามานาน ก็ได้รับใบสั่งจากอังกฤษ ให้เข้ามาเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ แม้พวกปฏิวัติ จะยึดทางใต้ได้หมด แต่ทางเหนือ และกองทหารทางนั้น ยังไม่ยอมเข้ากับพวกปฏิวัติ ซุนยัดเซ็นคงมองเห็นเงาอังกฤษยังค้างอยู่ จึงถอยกลับมาหนึ่งก้าว และยกตำแหน่งประธานาธิบดีให้ ยวนชีไข่ คนใส่ปลอกคอยี่ห้ออังกฤษไปก่อน แล้วตัวเขาก็ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการรถไฟ เพื่อวางแผนสร้างทางรถไฟแทน เออ งง จริง หมากจีน นี่เล่นแปลก แล้วรายการขย่มขวัญก็เกิดขึ้น ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1913 ซ้ง เจียวเรน (Song Jiaoren) เพื่อนคู่คิดของซุนยัดเซ็น ตั้งแต่นั่งฝันเฟื่องด้วยกันที่ฮาวาย ถูกฆ่าตาย ซ้ง เจียวเรน เป็นเจ้าของร้านอาหารที่ฮาวายที่ ซุน ฝากท้อง และปากเอาไว้ ทุกวัน ซุนจะไปนั่งกินข้าว (ฟรี) ที่ร้านของ ซ้ง และคุยให้ฟัง ถึงความฝันของเขา ที่จะไล่ฝรั่งออกไปให้พ้นจากจีน ซ้งฟังจนเคลิ้ม ในที่สุดก็ปิดร้านอาหาร และติดตามซุนไปทุกแห่ง และเป็น ซ้ง ที่เป็นคนคิดและจัดการตั้งสมาคม Teng Meng Hui และนำพรรคก๊กมินตั๋ง เข้าไปสู่การเลือกตั้ง จนได้ชัยชนะในปี ค.ศ.1912-1913 การตายของ ซ้ง เจียวเรน ทำให้ ซุนยัดเซ็น ต้องหันกลับมาเดินหน้าใหม่ และถามหาผู้รับผิดชอบ แต่ยวนชีไข่ ไม่ให้ราคาซุนยัดเซ็น แรงกระเพื่อมจึงเกิดขึ้นมาใหม่จากฝ่ายปฏิวัติ ยวนชีไข่ แน่ใจว่า ตนเองมีแรงหนุนเต็มที่จากนายท่าน จึงสั่งจับซุนยัดเซ็น แล้วซุนยัดเซ็นก็เลยต้องเปิดแนบ หนีไปอยู่ญี่ปุ่นอีกรอบ ส่วน ยวนชีไข่ ก็ได้รางวัล นายท่านอนุญาตให้ตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดี ซุนยัดเซ็นไม่กลับเข้ามาในจีนอีกเลย จนยวนสีไข่ ตายในปี ค.ศ.1916 แม้ตัวจะไม่กลับเข้ามา แต่ ในปี ค.ศ.1915 จีนก็ได้รับหนังสือขู่จากญี่ปุ่น ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ ที่ตั้งญี่ปุ่นเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่อง ไม่รู้จะเกี่ยวกันไหม และเกี่ยวแบบไหน ระหว่างที่อยู่ญี่ปุ่น ดูเหมือนรัศมี และอำนาจของซุนยัดเซ็นจะลดลงไปแยะ เมื่อเขาพยายามจะฟื้นพรรคปฏิวั ติ พรรคพวกเก่าๆ ก็ไม่กลับมา เมื่อ ยวนชีไข่ตาย ในปี ค.ศ.1916 ซุนยัดเซ็น จึงกลับเข้าในจีน ในปี ค.ศ.1917 เขาพยายามตั้งรัฐบาลแข่ง ที่กวางสู และเจียงไคเช็ค ก็เริ่มเข้ามาร่วมวงด้วย แต่ก็ยังไปไม่รอด ซุนยัดเซ็น ก็ต้องหนีไปตั้งหลักที่ เซี่ยงไฮ้ ซุนยัดเซ็น ยังไม่ถอดใจ ในปี ค.ศ.1919 เขาตั้ง ก๊กมินตั๋งจีนขึ้นมาใหม่ ใช้ชื่อพรรคชาตินิยม Nationalist Party แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ช่วงปี ค.ศ.1922 การต่อสู้ระหว่างเจ้าพ่อก๊กต่างๆ กลับเกิดขึ้นอย่างมากมาย รบกันไปทุกหัวระแหง และซุนยัดเซ็น ก็กลับไปตั้งหลัก ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ที่เซี่ยงไฮ้ เขาเห็นแล้วว่า ถ้าจะเดินหน้าต่อ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากโซเวียต… ปี ค.ศ.1923 ซุนยัดเซ็น จึงทำความตกลงกับโซเวียต และโซเวียต ก็ส่งที่ปรึกษา Mikail Boroden มาจัดระบบพรรคก๊กมินตั่ง หรือพรรคชาตินิยมให้ใหม่ ตั้งสถาบันทางการเมือง เพื่อให้ความรู้ และอบรม ด้านการระดมพล เคลื่อนพล และการโฆษณาชวนเชื่อ ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็น ก็ส่งเจียงไคเช็ค ไปโซเวียต เพื่อเข้าหลักสูตรการทหาร เมื่อเจียงไคเช็ค กลับมาถึงจีน ซุนยัดเซ็น ก็ให้ตั้งสถาบันการทหารวัมเปา Wampao Academy เพื่อให้การอบรมด้านการทหาร ให้แก่ทั้งก๊กมินตั๋ง และพรรคคอมมิวนิสต์ ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ขณะเดียวกัน เจียงไคเช็ค ก็เริ่มสร้างอำนาจให้ตัวเอง หลังจากได้โซเวียตมาช่วยจัดระบบให้ และพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็เริ่มเข้ามาร่วมกับพรรคจีนก๊กมินตั๋ง แต่จำนวนสมาชิกของทั้ง 2 พรรคต่างกันมาก ขณะที่ ก๊กมินตั๋งมีสมาชิกเป็นแสน พรรคคอมมิวนิสต์ มีแค่เป็นพัน (ในขณะนั้น) แล้วซุนยัดเซ็นก็ล้มป่วย และเสียชีวิตในปี ค.ศ.1925 เจียงไคเช็ค ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแทน แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ตกลงซุนยัดเซ็น เป็นนักปฏิวัติ ที่มีอุดมการณ์น่านับถือ หรือเป็นเด็กสร้างของฝรั่ง หรือเขาเป็นเพียงหมาก ที่ฝรั่งใช้เดิน เพื่อผลประโชน์ของฝรั่งโดย เขาไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว แต่คิดว่า เพื่อให้ถึงจุดหมายอุดมการณ์ของตัว ในขณะที่ปัจจัยยังไม่พร้อม ก็ต้องยอม หรือหลอก (ฝรั่ง) ไปพลางๆ ก่อน เป็นเรื่องที่น่าคิดอย่างยิ่ง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • สภาพปากและจิตใจของโฆษกรัฐบาล ที่คนศรีสะเกษไม่เลือกเข้ามา สอบตกแพ้เลือกตั้งปี 66 และอย่าหวังจะชนะในปี 69
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สภาพปากและจิตใจของโฆษกรัฐบาล ที่คนศรีสะเกษไม่เลือกเข้ามา สอบตกแพ้เลือกตั้งปี 66 และอย่าหวังจะชนะในปี 69 #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar

    รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025
    ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก
    https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops

    Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่
    ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change

    นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ
    เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data

    ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ
    รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference

    Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว
    Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges

    Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง
    Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review

    AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด
    ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า
    https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought

    Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS
    Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ
    https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos

    Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ
    รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies

    Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ
    หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats

    การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง
    บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI
    https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment

    ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง
    TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday

    ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect

    Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่
    Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy

    ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่
    อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know

    อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance

    Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา
    มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ
    https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker

    จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน
    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล
    https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan

    Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก
    บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected

    รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า
    RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด
    https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review

    มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว
    มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know

    กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์
    Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก
    https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features

    รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก
    TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras

    บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ
    บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check

    Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว
    Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar 💻 รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025 ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops 📱 Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่ ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change 🔐 นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data 🤖 ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference ⚡ Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges 📱 Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review ☁️ AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought 💻 Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos 🔒 Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies 🇪🇺 Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats 🌐 การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment 📱 ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday 🎙️ ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect 📝 Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่ Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy 🔊 ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่ อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know 🏞️ อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance 💻 Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker 🚁 จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล 🔗 https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan 🖥️ Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected 📱 รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review 🔒 มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know 📸 กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์ Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก 🔗 https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features 📷 รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras 🤖 บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check 🔊 Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline

    Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
    เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety

    Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่
    เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่
    https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol

    PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว
    มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้
    https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability

    NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ
    AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด
    https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover

    WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์
    รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง
    https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime

    Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด
    Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก
    https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai

    Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล
    Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง
    https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search

    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46%
    Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล
    https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power

    INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน
    INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่
    https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations

    GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD
    GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks

    Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana
    เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว
    https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x

    Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox
    Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593

    Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน
    https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks

    Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6
    การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
    https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers

    Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer
    วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ
    https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer

    Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ
    มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก
    https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover

    UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน
    มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit

    Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล
    นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์
    https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035

    Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday
    ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา
    https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday

    Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking
    Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline 📰 Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety 🔐 Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่ เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่ 🔗 https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol ⚠️ PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้ 🔗 https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability 💻 NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด 🔗 https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover 🕵️‍♂️ WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์ รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง 🔗 https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime 📊 Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai 🛒 Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง 🔗 https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search ⚡ Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46% Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power 🎓 INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่ 🔗 https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations 🛡️ GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks 🕵️‍♂️ Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว 🔗 https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x 💻 Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593 🎯 Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน 🔗 https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks 🎮 Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6 การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที 🔗 https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers 🎨 Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ 🔗 https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer 📺 Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover 🕶️ UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit ⚠️ Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ 🔗 https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035 🛍️ Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา 🔗 https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday 🛡️ Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ในห้องทดลอง ซึ่งทำให้การสร้างฮาร์ดดิสก์ความจุ 55TB–69TB เป็นไปได้จริงในอนาคต แม้ยังไม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยี HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording)

    Seagate ใช้เทคโนโลยี HAMR ร่วมกับ Mozaic 3+ เพื่อลดขนาดเม็ดสื่อแม่เหล็ก ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้น แผ่นจาน 6.9TB นี้มีความจุเกือบ สองเท่า ของแผ่นจาน 3TB ที่ใช้ใน HDD รุ่น 30TB ปัจจุบัน หากนำมาใช้จริง จะทำให้ HDD ความจุสูงสุดทะลุ 55TB–69TB ในฟอร์แมตเดียวกัน

    แผนการผลิตในอนาคต
    แม้แผ่นจาน 6.9TB ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ Seagate มีแผนจะผลิตแผ่นจาน 4TB, 5TB และ 6TB ในปี 2027–2029 และคาดว่าจะใช้แผ่นจาน 7TB–15TB หลังปี 2031 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Seagate อาจผลิต HDD ขนาด petabyte ได้ก่อนปี 2040

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม
    แม้ SSD จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ HDD ยังคงเป็น กระดูกสันหลังของการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว เพราะมีความคุ้มค่าต่อความจุและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะใน Data Center และ AI workloads ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บมหาศาล ปัจจุบันความต้องการ HDD สูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ในบางตลาด

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป HDD ความจุสูงยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ SSD ในด้านราคา/ความจุ การพัฒนานี้จึงเป็นสัญญาณว่าตลาด HDD จะยังคงมีบทบาทสำคัญอีกหลายสิบปี แม้เทคโนโลยี SSD จะก้าวหน้าไปมากก็ตาม

    สรุปสาระสำคัญ
    ความก้าวหน้าของ Seagate
    พัฒนาแผ่นจาน HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น
    ทำให้ HDD 55TB–69TB เป็นไปได้จริง

    แผนการผลิต
    ปี 2027–2029 จะผลิตแผ่นจาน 4TB–6TB
    หลังปี 2031 จะมีแผ่นจาน 7TB–15TB

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม
    HDD ยังคงเป็นหัวใจของ Data Center และ AI workloads
    ความต้องการสูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    HDD ยังคงคุ้มค่ากว่า SSD ในด้านราคา/ความจุ
    ตลาด HDD จะยังมีบทบาทอีกหลายสิบปี

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูล
    หากความต้องการ AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจเกิดการขาดแคลน HDD
    การพึ่งพา HDD มากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี SSD ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/seagate-achieves-a-whopping-6-9tb-storage-capacity-per-platter-in-its-laboratory-55tb-to-69tb-hard-drives-now-physically-possible
    💿 Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ในห้องทดลอง ซึ่งทำให้การสร้างฮาร์ดดิสก์ความจุ 55TB–69TB เป็นไปได้จริงในอนาคต แม้ยังไม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยี HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording) Seagate ใช้เทคโนโลยี HAMR ร่วมกับ Mozaic 3+ เพื่อลดขนาดเม็ดสื่อแม่เหล็ก ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้น แผ่นจาน 6.9TB นี้มีความจุเกือบ สองเท่า ของแผ่นจาน 3TB ที่ใช้ใน HDD รุ่น 30TB ปัจจุบัน หากนำมาใช้จริง จะทำให้ HDD ความจุสูงสุดทะลุ 55TB–69TB ในฟอร์แมตเดียวกัน 🏭 แผนการผลิตในอนาคต แม้แผ่นจาน 6.9TB ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ Seagate มีแผนจะผลิตแผ่นจาน 4TB, 5TB และ 6TB ในปี 2027–2029 และคาดว่าจะใช้แผ่นจาน 7TB–15TB หลังปี 2031 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Seagate อาจผลิต HDD ขนาด petabyte ได้ก่อนปี 2040 🌍 ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม แม้ SSD จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ HDD ยังคงเป็น กระดูกสันหลังของการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว เพราะมีความคุ้มค่าต่อความจุและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะใน Data Center และ AI workloads ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บมหาศาล ปัจจุบันความต้องการ HDD สูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ในบางตลาด 🔒 ผลกระทบต่อผู้ใช้ สำหรับผู้ใช้ทั่วไป HDD ความจุสูงยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ SSD ในด้านราคา/ความจุ การพัฒนานี้จึงเป็นสัญญาณว่าตลาด HDD จะยังคงมีบทบาทสำคัญอีกหลายสิบปี แม้เทคโนโลยี SSD จะก้าวหน้าไปมากก็ตาม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความก้าวหน้าของ Seagate ➡️ พัฒนาแผ่นจาน HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ➡️ ทำให้ HDD 55TB–69TB เป็นไปได้จริง ✅ แผนการผลิต ➡️ ปี 2027–2029 จะผลิตแผ่นจาน 4TB–6TB ➡️ หลังปี 2031 จะมีแผ่นจาน 7TB–15TB ✅ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม ➡️ HDD ยังคงเป็นหัวใจของ Data Center และ AI workloads ➡️ ความต้องการสูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ HDD ยังคงคุ้มค่ากว่า SSD ในด้านราคา/ความจุ ➡️ ตลาด HDD จะยังมีบทบาทอีกหลายสิบปี ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูล ⛔ หากความต้องการ AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจเกิดการขาดแคลน HDD ⛔ การพึ่งพา HDD มากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี SSD ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/seagate-achieves-a-whopping-6-9tb-storage-capacity-per-platter-in-its-laboratory-55tb-to-69tb-hard-drives-now-physically-possible
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ออกแถลงการณ์ชื่นชม Google ที่ประสบความสำเร็จด้าน AI

    Nvidia กล่าวผ่านบัญชีทางการว่า “เรายินดีต่อความสำเร็จของ Google” แต่ก็ย้ำว่า แพลตฟอร์มของ Nvidia เป็นเจเนอเรชันที่นำหน้าอุตสาหกรรม และเป็นเพียงแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถรันทุกโมเดล AI ได้ทุกที่ พร้อมชี้ว่าชิป GPU ของตนมีความยืดหยุ่นมากกว่า ASIC อย่าง TPUs ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน AI

    Google Cloud TPU vs Nvidia GPU
    Google Cloud TPU เป็น ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI โดยเน้นการคำนวณแบบ matrix multiplication ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในงาน AI แต่ไม่สามารถนำไปใช้กับงานอื่น ๆ ได้ง่าย ขณะที่ GPU ของ Nvidia เช่น Blackwell GPUs มีความหลากหลาย ใช้ได้ทั้ง AI, HPC, Data Analytics, Visualization และอื่น ๆ

    ผลกระทบจากดีล Meta–Google
    ข่าวว่า Meta กำลังเจรจาเพื่อเช่า TPUs ในปี 2026 และซื้อในปี 2027 ทำให้ตลาดมองว่าเป็นการเปิดทางเลือกใหม่แทนการพึ่งพา Nvidia เพียงรายเดียว ส่งผลให้หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 3% แม้จะยังครองตลาดด้วย CUDA ecosystem ที่แข็งแกร่ง แต่ดีลนี้สะท้อนว่าลูกค้ารายใหญ่เริ่มมองหาทางเลือกอื่น

    ความหมายเชิงกลยุทธ์
    การที่ Nvidia ออกแถลงการณ์เชิง “ชมแต่แฝงแข็ง” เป็นการป้องกันภาพลักษณ์และย้ำความเหนือกว่าของ GPU ต่อ TPU แต่ก็สะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งในตลาด AI ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีมูลค่ามหาศาล

    สรุปสาระสำคัญ
    คำแถลงของ Nvidia
    ชื่นชม Google แต่ย้ำว่า Nvidia เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่รันทุกโมเดล AI
    GPU มีความยืดหยุ่นมากกว่า ASIC อย่าง TPU

    Google Cloud TPU
    ออกแบบเฉพาะงาน AI ด้วย matrix multiplication
    มีประสิทธิภาพสูงแต่ไม่หลากหลายเหมือน GPU

    ดีล Meta–Google
    Meta เจรจาเช่า TPUs ปี 2026 และซื้อในปี 2027
    หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 3% จากข่าวนี้

    กลยุทธ์ของ Nvidia
    ใช้คำแถลงเพื่อย้ำความเหนือกว่าของ GPU
    สะท้อนแรงกดดันจากคู่แข่งในตลาด AI

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม AI
    การพึ่งพา Nvidia เพียงรายเดียวอาจเสี่ยงต่อการผูกขาด
    การแข่งขันจาก TPU และผู้ผลิตรายใหม่อาจเปลี่ยนโครงสร้างตลาด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-says-its-delighted-with-googles-success-but-backhanded-compliment-says-it-is-the-only-platform-that-runs-every-ai-model-statement-comes-soon-after-meta-announces-proposed-deal-to-acquire-google-cloud-tpus
    📢 Nvidia ออกแถลงการณ์ชื่นชม Google ที่ประสบความสำเร็จด้าน AI Nvidia กล่าวผ่านบัญชีทางการว่า “เรายินดีต่อความสำเร็จของ Google” แต่ก็ย้ำว่า แพลตฟอร์มของ Nvidia เป็นเจเนอเรชันที่นำหน้าอุตสาหกรรม และเป็นเพียงแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถรันทุกโมเดล AI ได้ทุกที่ พร้อมชี้ว่าชิป GPU ของตนมีความยืดหยุ่นมากกว่า ASIC อย่าง TPUs ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน AI 🏭 Google Cloud TPU vs Nvidia GPU Google Cloud TPU เป็น ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI โดยเน้นการคำนวณแบบ matrix multiplication ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในงาน AI แต่ไม่สามารถนำไปใช้กับงานอื่น ๆ ได้ง่าย ขณะที่ GPU ของ Nvidia เช่น Blackwell GPUs มีความหลากหลาย ใช้ได้ทั้ง AI, HPC, Data Analytics, Visualization และอื่น ๆ 🌍 ผลกระทบจากดีล Meta–Google ข่าวว่า Meta กำลังเจรจาเพื่อเช่า TPUs ในปี 2026 และซื้อในปี 2027 ทำให้ตลาดมองว่าเป็นการเปิดทางเลือกใหม่แทนการพึ่งพา Nvidia เพียงรายเดียว ส่งผลให้หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 3% แม้จะยังครองตลาดด้วย CUDA ecosystem ที่แข็งแกร่ง แต่ดีลนี้สะท้อนว่าลูกค้ารายใหญ่เริ่มมองหาทางเลือกอื่น 🔒 ความหมายเชิงกลยุทธ์ การที่ Nvidia ออกแถลงการณ์เชิง “ชมแต่แฝงแข็ง” เป็นการป้องกันภาพลักษณ์และย้ำความเหนือกว่าของ GPU ต่อ TPU แต่ก็สะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งในตลาด AI ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีมูลค่ามหาศาล 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ คำแถลงของ Nvidia ➡️ ชื่นชม Google แต่ย้ำว่า Nvidia เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่รันทุกโมเดล AI ➡️ GPU มีความยืดหยุ่นมากกว่า ASIC อย่าง TPU ✅ Google Cloud TPU ➡️ ออกแบบเฉพาะงาน AI ด้วย matrix multiplication ➡️ มีประสิทธิภาพสูงแต่ไม่หลากหลายเหมือน GPU ✅ ดีล Meta–Google ➡️ Meta เจรจาเช่า TPUs ปี 2026 และซื้อในปี 2027 ➡️ หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 3% จากข่าวนี้ ✅ กลยุทธ์ของ Nvidia ➡️ ใช้คำแถลงเพื่อย้ำความเหนือกว่าของ GPU ➡️ สะท้อนแรงกดดันจากคู่แข่งในตลาด AI ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม AI ⛔ การพึ่งพา Nvidia เพียงรายเดียวอาจเสี่ยงต่อการผูกขาด ⛔ การแข่งขันจาก TPU และผู้ผลิตรายใหม่อาจเปลี่ยนโครงสร้างตลาด https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-says-its-delighted-with-googles-success-but-backhanded-compliment-says-it-is-the-only-platform-that-runs-every-ai-model-statement-comes-soon-after-meta-announces-proposed-deal-to-acquire-google-cloud-tpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nova Lake กับ bLLC

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Intel เตรียมเปิดตัวสถาปัตยกรรม Nova Lake ในปี 2026 โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Big Last Level Cache (bLLC) ขนาดสูงสุด 144MB ซึ่งถูกมองว่าเป็นคำตอบต่อ AMD Ryzen X3D ที่ใช้ 3D V-Cache อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้จะมีเฉพาะในรุ่น K-series ที่ปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก เท่านั้น

    Nova Lake จะเป็นสถาปัตยกรรมเดสก์ท็อปใหม่ของ Intel ที่ใช้กระบวนการผลิต Intel 18A โดยมีการเพิ่ม bLLC (Big Last Level Cache) เข้าไปใน compute tile เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูล หน่วยความจำ L3 cache จะสูงสุดถึง 144MB ซึ่งมากกว่า Ryzen 9 9950X3D ที่มี 96MB (รวม 3D V-Cache) อยู่ถึง 48MB

    เฉพาะรุ่น K-series เท่านั้น
    ข้อมูลจาก leaker ระบุว่า bLLC จะมีเฉพาะในรุ่น K-series ที่ปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก เช่น Core Ultra 5 และ Core Ultra 9 ขณะที่รุ่น non-K อาจไม่ได้รับฟีเจอร์นี้ การเลือกจำกัดฟีเจอร์ไว้เฉพาะรุ่น high-end ทำให้ Nova Lake ถูกวางตำแหน่งเป็นคู่แข่งตรงกับ Ryzen X3D ที่เน้นเกมเมอร์และผู้ใช้ระดับสูง

    การแข่งขันกับ AMD
    AMD ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache ตั้งแต่ Ryzen 5000 series โดยเพิ่ม L3 cache ผ่านการวางซ้อนชิป (hybrid bonding) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเกมอย่างชัดเจน Intel จึงต้องหาทางตอบโต้ และ bLLC คือความพยายามที่จะสร้างความได้เปรียบในตลาดเกมและงานที่ต้องการ cache ขนาดใหญ่

    ความหมายเชิงกลยุทธ์
    การที่ Intel เลือกใส่ bLLC เฉพาะรุ่น K-series อาจสะท้อนถึงกลยุทธ์การตลาดที่เน้นกลุ่มผู้ใช้ enthusiast และเกมเมอร์ที่พร้อมจ่ายแพงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แต่ก็อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่นี้

    สรุปสาระสำคัญ
    Nova Lake เปิดตัวปี 2026
    ใช้กระบวนการผลิต Intel 18A
    เพิ่ม bLLC สูงสุด 144MB

    เฉพาะรุ่น K-series
    bLLC มีเฉพาะรุ่นปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก
    non-K series อาจไม่ได้ฟีเจอร์นี้

    การแข่งขันกับ AMD
    AMD ใช้ 3D V-Cache ตั้งแต่ Ryzen 5000
    Intel ใช้ bLLC เพื่อตอบโต้และเพิ่ม cache ขนาดใหญ่

    กลยุทธ์ของ Intel
    เน้นตลาด enthusiast และเกมเมอร์
    อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    bLLC มีเฉพาะรุ่นแพง ทำให้ต้นทุนสูง
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่เห็นความแตกต่างจากรุ่น non-K

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-next-gen-nova-lake-will-finally-tackle-amds-ryzen-x3d-but-only-with-pricey-k-models-144mb-big-last-level-cache-response-to-3d-v-cache-will-only-come-on-unlocked-desktop-parts
    ⚡ Nova Lake กับ bLLC ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Intel เตรียมเปิดตัวสถาปัตยกรรม Nova Lake ในปี 2026 โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Big Last Level Cache (bLLC) ขนาดสูงสุด 144MB ซึ่งถูกมองว่าเป็นคำตอบต่อ AMD Ryzen X3D ที่ใช้ 3D V-Cache อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้จะมีเฉพาะในรุ่น K-series ที่ปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก เท่านั้น Nova Lake จะเป็นสถาปัตยกรรมเดสก์ท็อปใหม่ของ Intel ที่ใช้กระบวนการผลิต Intel 18A โดยมีการเพิ่ม bLLC (Big Last Level Cache) เข้าไปใน compute tile เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูล หน่วยความจำ L3 cache จะสูงสุดถึง 144MB ซึ่งมากกว่า Ryzen 9 9950X3D ที่มี 96MB (รวม 3D V-Cache) อยู่ถึง 48MB 🏭 เฉพาะรุ่น K-series เท่านั้น ข้อมูลจาก leaker ระบุว่า bLLC จะมีเฉพาะในรุ่น K-series ที่ปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก เช่น Core Ultra 5 และ Core Ultra 9 ขณะที่รุ่น non-K อาจไม่ได้รับฟีเจอร์นี้ การเลือกจำกัดฟีเจอร์ไว้เฉพาะรุ่น high-end ทำให้ Nova Lake ถูกวางตำแหน่งเป็นคู่แข่งตรงกับ Ryzen X3D ที่เน้นเกมเมอร์และผู้ใช้ระดับสูง 🌍 การแข่งขันกับ AMD AMD ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache ตั้งแต่ Ryzen 5000 series โดยเพิ่ม L3 cache ผ่านการวางซ้อนชิป (hybrid bonding) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเกมอย่างชัดเจน Intel จึงต้องหาทางตอบโต้ และ bLLC คือความพยายามที่จะสร้างความได้เปรียบในตลาดเกมและงานที่ต้องการ cache ขนาดใหญ่ 🔒 ความหมายเชิงกลยุทธ์ การที่ Intel เลือกใส่ bLLC เฉพาะรุ่น K-series อาจสะท้อนถึงกลยุทธ์การตลาดที่เน้นกลุ่มผู้ใช้ enthusiast และเกมเมอร์ที่พร้อมจ่ายแพงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แต่ก็อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่นี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Nova Lake เปิดตัวปี 2026 ➡️ ใช้กระบวนการผลิต Intel 18A ➡️ เพิ่ม bLLC สูงสุด 144MB ✅ เฉพาะรุ่น K-series ➡️ bLLC มีเฉพาะรุ่นปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก ➡️ non-K series อาจไม่ได้ฟีเจอร์นี้ ✅ การแข่งขันกับ AMD ➡️ AMD ใช้ 3D V-Cache ตั้งแต่ Ryzen 5000 ➡️ Intel ใช้ bLLC เพื่อตอบโต้และเพิ่ม cache ขนาดใหญ่ ✅ กลยุทธ์ของ Intel ➡️ เน้นตลาด enthusiast และเกมเมอร์ ➡️ อาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่ ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ bLLC มีเฉพาะรุ่นแพง ทำให้ต้นทุนสูง ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่เห็นความแตกต่างจากรุ่น non-K https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-next-gen-nova-lake-will-finally-tackle-amds-ryzen-x3d-but-only-with-pricey-k-models-144mb-big-last-level-cache-response-to-3d-v-cache-will-only-come-on-unlocked-desktop-parts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซื้อ พีซีหรือแล็ปท็อปแบบสำเร็จรูป (prebuilt) อาจคุ้มค่ากว่า

    บทความนี้จาก Tom’s Hardware อธิบายว่าในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ (RAM) พุ่งสูง การซื้อ พีซีหรือแล็ปท็อปแบบสำเร็จรูป (prebuilt) อาจคุ้มค่ากว่าการประกอบเครื่องเอง เพราะผู้ผลิตรายใหญ่มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ทำให้ราคายังไม่สะท้อนวิกฤติที่เกิดขึ้นในตลาดชิ้นส่วน

    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    ราคาของ RAM เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยเฉพาะชุด DDR5 ขนาดใหญ่ เช่น 64GB kit ที่แพงกว่าคอนโซล PlayStation 5 ทั้งเครื่อง ส่งผลให้การประกอบพีซีเองมีต้นทุนสูงกว่าที่เคยเป็นมา แม้ผู้ใช้จะเลือกชิ้นส่วนอื่น ๆ อย่างระมัดระวัง แต่ค่าใช้จ่ายของ RAM และ GPU กลายเป็นภาระหลัก

    ทำไม prebuilt ถึงคุ้มกว่า
    ผู้ผลิตพีซีและแล็ปท็ปรายใหญ่ เช่น Dell, HP, Lenovo และ Framework มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ทำให้ราคาของเครื่องสำเร็จรูปยังไม่ปรับขึ้นตามตลาดชิ้นส่วน การซื้อพีซีหรือแล็ปท็อปแบบ prebuilt จึงอาจได้ราคาที่ถูกกว่า 200–300 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการประกอบเอง และในบางช่วงโปรโมชั่น เช่น Black Friday ราคายิ่งลดลงมาก

    ตัวอย่างการเปรียบเทียบ
    Tom’s Hardware ยกตัวอย่างเครื่อง CyberPowerPC Gamer Xtreme ที่ใช้ชิ้นส่วนมาตรฐานทั้งหมด ราคาขายอยู่ที่ 849.99 ดอลลาร์ (ลดจาก 1,099.99 ดอลลาร์) ขณะที่การประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนเทียบเท่ากันมีต้นทุนกว่า 1,322.80 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามาก แม้จะมีบางส่วนที่สามารถลดต้นทุนได้ เช่น การใช้ Windows license เดิม แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับราคาของ prebuilt ได้

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด
    การขึ้นราคาของ RAM เกิดจากความต้องการมหาศาลในอุตสาหกรรม AI และการผลิตชิป ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น การเลือกซื้อ prebuilt หรือแล็ปท็อปจึงเป็นทางออกที่คุ้มค่าในระยะสั้น แต่หากวิกฤติยังดำเนินต่อไป ราคาของเครื่องสำเร็จรูปก็อาจปรับขึ้นตามในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    64GB DDR5 kit แพงกว่าคอนโซล PlayStation 5
    ทำให้การประกอบพีซีเองมีต้นทุนสูง

    ข้อได้เปรียบของ prebuilt
    ผู้ผลิตรายใหญ่มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า
    ราคายังไม่สะท้อนวิกฤติในตลาดชิ้นส่วน

    ตัวอย่างการเปรียบเทียบ
    CyberPowerPC Gamer Xtreme ราคา 849.99 ดอลลาร์
    การประกอบเองมีต้นทุนกว่า 1,322.80 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การซื้อ prebuilt หรือแล็ปท็อปคุ้มค่ากว่าในระยะสั้น
    แต่ราคาสำเร็จรูปอาจปรับขึ้นหากวิกฤติ RAM ยืดเยื้อ

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากรอซื้อ RAM แยก อาจเจอราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
    ตลาดอาจปรับราคาพีซีและแล็ปท็อปในอนาคตตามวิกฤติ RAM

    https://www.tomshardware.com/laptops/shopping-for-ram-you-may-want-to-get-a-prebuilt-or-a-laptop-instead
    🛒 ซื้อ พีซีหรือแล็ปท็อปแบบสำเร็จรูป (prebuilt) อาจคุ้มค่ากว่า บทความนี้จาก Tom’s Hardware อธิบายว่าในช่วงที่ราคาหน่วยความจำ (RAM) พุ่งสูง การซื้อ พีซีหรือแล็ปท็อปแบบสำเร็จรูป (prebuilt) อาจคุ้มค่ากว่าการประกอบเครื่องเอง เพราะผู้ผลิตรายใหญ่มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ทำให้ราคายังไม่สะท้อนวิกฤติที่เกิดขึ้นในตลาดชิ้นส่วน ⚡ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ราคาของ RAM เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยเฉพาะชุด DDR5 ขนาดใหญ่ เช่น 64GB kit ที่แพงกว่าคอนโซล PlayStation 5 ทั้งเครื่อง ส่งผลให้การประกอบพีซีเองมีต้นทุนสูงกว่าที่เคยเป็นมา แม้ผู้ใช้จะเลือกชิ้นส่วนอื่น ๆ อย่างระมัดระวัง แต่ค่าใช้จ่ายของ RAM และ GPU กลายเป็นภาระหลัก 🏭 ทำไม prebuilt ถึงคุ้มกว่า ผู้ผลิตพีซีและแล็ปท็ปรายใหญ่ เช่น Dell, HP, Lenovo และ Framework มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ทำให้ราคาของเครื่องสำเร็จรูปยังไม่ปรับขึ้นตามตลาดชิ้นส่วน การซื้อพีซีหรือแล็ปท็อปแบบ prebuilt จึงอาจได้ราคาที่ถูกกว่า 200–300 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการประกอบเอง และในบางช่วงโปรโมชั่น เช่น Black Friday ราคายิ่งลดลงมาก 🌍 ตัวอย่างการเปรียบเทียบ Tom’s Hardware ยกตัวอย่างเครื่อง CyberPowerPC Gamer Xtreme ที่ใช้ชิ้นส่วนมาตรฐานทั้งหมด ราคาขายอยู่ที่ 849.99 ดอลลาร์ (ลดจาก 1,099.99 ดอลลาร์) ขณะที่การประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนเทียบเท่ากันมีต้นทุนกว่า 1,322.80 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามาก แม้จะมีบางส่วนที่สามารถลดต้นทุนได้ เช่น การใช้ Windows license เดิม แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับราคาของ prebuilt ได้ 🔒 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด การขึ้นราคาของ RAM เกิดจากความต้องการมหาศาลในอุตสาหกรรม AI และการผลิตชิป ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น การเลือกซื้อ prebuilt หรือแล็ปท็อปจึงเป็นทางออกที่คุ้มค่าในระยะสั้น แต่หากวิกฤติยังดำเนินต่อไป ราคาของเครื่องสำเร็จรูปก็อาจปรับขึ้นตามในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ➡️ 64GB DDR5 kit แพงกว่าคอนโซล PlayStation 5 ➡️ ทำให้การประกอบพีซีเองมีต้นทุนสูง ✅ ข้อได้เปรียบของ prebuilt ➡️ ผู้ผลิตรายใหญ่มีการสต็อก RAM ไว้ล่วงหน้า ➡️ ราคายังไม่สะท้อนวิกฤติในตลาดชิ้นส่วน ✅ ตัวอย่างการเปรียบเทียบ ➡️ CyberPowerPC Gamer Xtreme ราคา 849.99 ดอลลาร์ ➡️ การประกอบเองมีต้นทุนกว่า 1,322.80 ดอลลาร์ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ การซื้อ prebuilt หรือแล็ปท็อปคุ้มค่ากว่าในระยะสั้น ➡️ แต่ราคาสำเร็จรูปอาจปรับขึ้นหากวิกฤติ RAM ยืดเยื้อ ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากรอซื้อ RAM แยก อาจเจอราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ⛔ ตลาดอาจปรับราคาพีซีและแล็ปท็อปในอนาคตตามวิกฤติ RAM https://www.tomshardware.com/laptops/shopping-for-ram-you-may-want-to-get-a-prebuilt-or-a-laptop-instead
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Shopping for RAM? You may want to get a prebuilt or a laptop instead.
    While memory prices are soaring, full systems haven't been hit by increasing prices (yet!)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเริ่มต้นของ MP3

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ สิทธิบัตร MP3 (MPEG Audio Layer III) ได้รับการอนุมัติในสหรัฐฯ เมื่อปี 1996 ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการดนตรีดิจิทัล ตั้งแต่การแชร์เพลงแบบ peer-to-peer ไปจนถึงการเกิดขึ้นของ iTunes และบริการสตรีมมิ่งในปัจจุบัน

    สิทธิบัตร MP3 ถูกมอบให้กับ Fraunhofer Institut ในปี 1996 หลังจากการวิจัยที่เริ่มตั้งแต่ปี 1977 โดยนักวิทยาศาสตร์อย่าง Karlheinz Brandenburg และทีมงาน MP3 ใช้เทคนิคการบีบอัดแบบ lossy compression ที่สามารถลดขนาดไฟล์เสียงลงได้ถึง 75–95% โดยยังคงคุณภาพที่ใกล้เคียงต้นฉบับ ทำให้การจัดเก็บและส่งต่อเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นไปได้จริง

    การเปลี่ยนแปลงในยุคอินเทอร์เน็ต
    หลังจากสิทธิบัตรได้รับการอนุมัติ MP3 ถูกนำไปใช้ในซอฟต์แวร์ CD ripper และ encoder apps ทำให้ผู้ใช้สามารถแปลงเพลงจากแผ่น CD เป็นไฟล์ MP3 และแชร์ผ่าน FTP หรือโปรแกรมอย่าง Napster (1999) ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อวงการเพลงแบบดั้งเดิม พร้อมกับการมาของ WinAmp (1998) ที่กลายเป็นโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยม

    การเกิดขึ้นของ iPod และ iTunes
    ปี 2001 Apple เปิดตัว iTunes และ iPod พร้อมสโลแกน “1,000 songs in your pocket” ซึ่งช่วยทำให้การฟังเพลงดิจิทัลถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น และในปี 2003 iTunes Store เปิดขายเพลงดิจิทัลในราคา $0.99 ต่อเพลง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้วงการเพลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ

    มรดกของ MP3
    แม้สิทธิบัตร MP3 หมดอายุในปี 2017 และถูกแทนที่ด้วยฟอร์แมตใหม่อย่าง AAC และ FLAC แต่ MP3 ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของยุคที่ดนตรีเปลี่ยนผ่านจากสื่อกายภาพไปสู่โลกดิจิทัล และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบริการสตรีมมิ่งที่เราใช้กันทุกวันนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การอนุมัติสิทธิบัตร MP3 ปี 1996
    Fraunhofer Institut เป็นผู้ถือสิทธิ์
    ใช้เทคนิค lossy compression ลดขนาดไฟล์เสียง 75–95%

    การเปลี่ยนแปลงในยุคอินเทอร์เน็ต
    โปรแกรม CD ripper และ Napster ทำให้เพลงถูกแชร์ออนไลน์
    WinAmp กลายเป็นโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยม

    การเกิดขึ้นของ iPod และ iTunes
    Apple เปิดตัว iTunes และ iPod ในปี 2001
    iTunes Store ปี 2003 ขายเพลงดิจิทัลถูกลิขสิทธิ์

    มรดกของ MP3
    สิทธิบัตรหมดอายุในปี 2017
    ถูกแทนที่ด้วย AAC และ FLAC แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคดิจิทัล

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรมเพลง
    การแชร์ไฟล์แบบ peer-to-peer ทำให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหญ่
    การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลทำให้ธุรกิจเพลงแบบดั้งเดิมสูญเสียรายได้มหาศาล

    https://www.tomshardware.com/software/the-u-s-patent-for-mp3-audio-was-granted-on-this-day-in-1996-laying-the-foundations-for-peer-to-peer-music-sharing-itunes-and-todays-streaming-services
    🎶 จุดเริ่มต้นของ MP3 ข่าวนี้เล่าถึงการที่ สิทธิบัตร MP3 (MPEG Audio Layer III) ได้รับการอนุมัติในสหรัฐฯ เมื่อปี 1996 ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการดนตรีดิจิทัล ตั้งแต่การแชร์เพลงแบบ peer-to-peer ไปจนถึงการเกิดขึ้นของ iTunes และบริการสตรีมมิ่งในปัจจุบัน สิทธิบัตร MP3 ถูกมอบให้กับ Fraunhofer Institut ในปี 1996 หลังจากการวิจัยที่เริ่มตั้งแต่ปี 1977 โดยนักวิทยาศาสตร์อย่าง Karlheinz Brandenburg และทีมงาน MP3 ใช้เทคนิคการบีบอัดแบบ lossy compression ที่สามารถลดขนาดไฟล์เสียงลงได้ถึง 75–95% โดยยังคงคุณภาพที่ใกล้เคียงต้นฉบับ ทำให้การจัดเก็บและส่งต่อเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นไปได้จริง 💻 การเปลี่ยนแปลงในยุคอินเทอร์เน็ต หลังจากสิทธิบัตรได้รับการอนุมัติ MP3 ถูกนำไปใช้ในซอฟต์แวร์ CD ripper และ encoder apps ทำให้ผู้ใช้สามารถแปลงเพลงจากแผ่น CD เป็นไฟล์ MP3 และแชร์ผ่าน FTP หรือโปรแกรมอย่าง Napster (1999) ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อวงการเพลงแบบดั้งเดิม พร้อมกับการมาของ WinAmp (1998) ที่กลายเป็นโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยม 📱 การเกิดขึ้นของ iPod และ iTunes ปี 2001 Apple เปิดตัว iTunes และ iPod พร้อมสโลแกน “1,000 songs in your pocket” ซึ่งช่วยทำให้การฟังเพลงดิจิทัลถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้น และในปี 2003 iTunes Store เปิดขายเพลงดิจิทัลในราคา $0.99 ต่อเพลง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้วงการเพลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ 🌍 มรดกของ MP3 แม้สิทธิบัตร MP3 หมดอายุในปี 2017 และถูกแทนที่ด้วยฟอร์แมตใหม่อย่าง AAC และ FLAC แต่ MP3 ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของยุคที่ดนตรีเปลี่ยนผ่านจากสื่อกายภาพไปสู่โลกดิจิทัล และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบริการสตรีมมิ่งที่เราใช้กันทุกวันนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การอนุมัติสิทธิบัตร MP3 ปี 1996 ➡️ Fraunhofer Institut เป็นผู้ถือสิทธิ์ ➡️ ใช้เทคนิค lossy compression ลดขนาดไฟล์เสียง 75–95% ✅ การเปลี่ยนแปลงในยุคอินเทอร์เน็ต ➡️ โปรแกรม CD ripper และ Napster ทำให้เพลงถูกแชร์ออนไลน์ ➡️ WinAmp กลายเป็นโปรแกรมเล่นเพลงยอดนิยม ✅ การเกิดขึ้นของ iPod และ iTunes ➡️ Apple เปิดตัว iTunes และ iPod ในปี 2001 ➡️ iTunes Store ปี 2003 ขายเพลงดิจิทัลถูกลิขสิทธิ์ ✅ มรดกของ MP3 ➡️ สิทธิบัตรหมดอายุในปี 2017 ➡️ ถูกแทนที่ด้วย AAC และ FLAC แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคดิจิทัล ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรมเพลง ⛔ การแชร์ไฟล์แบบ peer-to-peer ทำให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหญ่ ⛔ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลทำให้ธุรกิจเพลงแบบดั้งเดิมสูญเสียรายได้มหาศาล https://www.tomshardware.com/software/the-u-s-patent-for-mp3-audio-was-granted-on-this-day-in-1996-laying-the-foundations-for-peer-to-peer-music-sharing-itunes-and-todays-streaming-services
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมโครงการด้าน software ถึงพังพินาท

    บทความจาก IEEE Spectrum วิเคราะห์ว่าแม้การลงทุนด้าน IT จะเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่ความล้มเหลวของโครงการซอฟต์แวร์ยังคงเกิดซ้ำๆ โดยมีสาเหตุหลักจากการจัดการผิดพลาด ความซับซ้อนที่ไม่ถูกควบคุม และการไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดเดิม

    วงจรความล้มเหลวที่ไม่สิ้นสุด
    ตั้งแต่ปี 2005 ถึง 2025 การใช้จ่ายด้าน IT ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความสำเร็จของโครงการซอฟต์แวร์ไม่ได้ดีขึ้นตามไปด้วย ความล้มเหลวเกิดขึ้นในทุกประเทศและทุกประเภทองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน สาเหตุหลักคือ เป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ความซับซ้อนที่จัดการไม่ได้ และการประเมินความเสี่ยงผิดพลาด.

    กรณีศึกษาใหญ่: Phoenix และ Horizon
    Phoenix Payroll (แคนาดา): ใช้งบกว่า 310 ล้านดอลลาร์แคนาดา แต่กลับสร้างปัญหาการจ่ายเงินผิดพลาดให้พนักงานกว่า 70% และยังคงมี backlog กว่า 349,000 เคสที่ไม่ถูกแก้ไขแม้ในปี 2025.

    Horizon EPOS (สหราชอาณาจักร): ระบบที่ผิดพลาดทำให้พนักงานไปรษณีย์กว่า 3,500 คนถูกกล่าวหาว่าทุจริต โดย 900 คนถูกตัดสินจำคุก ทั้งที่ปัญหามาจากซอฟต์แวร์บั๊กภายในระบบเอง.

    ทั้งสองกรณีสะท้อนว่า ความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากเทคนิคอย่างเดียว แต่รวมถึงการจัดการ การเมือง และการปกปิดข้อมูล.

    ความพยายามแก้ไขที่ยังไม่สำเร็จ
    แม้จะมีการนำ Agile และ DevOps มาใช้ แต่รายงานบางฉบับชี้ว่าโครงการ Agile ล้มเหลวสูงถึง 65% และ DevOps ล้มเหลวถึง 90% ในบางองค์กร ปัญหาหลักคือ ขาดวินัย ความต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ทำให้แนวทางใหม่ๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน.

    ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
    ในสหรัฐฯ เพียงปี 2022 ความเสียหายจากความล้มเหลวของซอฟต์แวร์สูงถึง 1.81 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่างบประมาณกลาโหมทั้งปี ขณะที่การบำรุงรักษาระบบ legacy กินงบกว่า 70–75% ของ IT budget องค์กร ทำให้การพัฒนาใหม่ถูกชะลอและเสี่ยงต่อการล้มเหลวซ้ำอีก.

    สรุปสาระสำคัญ
    การลงทุน IT เพิ่มขึ้นมหาศาล
    จาก 1.7 ล้านล้าน → 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความสำเร็จไม่ดีขึ้น

    กรณีศึกษาใหญ่
    Phoenix Payroll (แคนาดา) และ Horizon EPOS (สหราชอาณาจักร)

    แนวทางใหม่ยังล้มเหลว
    Agile และ DevOps มีอัตราล้มเหลวสูงเพราะขาดวินัยและการเปลี่ยนวัฒนธรรม

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    ความเสียหายปีเดียวในสหรัฐฯ สูงถึง 1.81 ล้านล้านดอลลาร์

    ความเสี่ยงจากการไม่เรียนรู้
    โครงการยังทำผิดซ้ำๆ แม้มีบทเรียนมากมายในอดีต

    ผลกระทบต่อมนุษย์
    พนักงานถูกกล่าวหาผิดๆ สูญเสียชีวิตและอาชีพจากความผิดพลาดของระบบ

    https://spectrum.ieee.org/it-management-software-failures
    💽 ทำไมโครงการด้าน software ถึงพังพินาท บทความจาก IEEE Spectrum วิเคราะห์ว่าแม้การลงทุนด้าน IT จะเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่ความล้มเหลวของโครงการซอฟต์แวร์ยังคงเกิดซ้ำๆ โดยมีสาเหตุหลักจากการจัดการผิดพลาด ความซับซ้อนที่ไม่ถูกควบคุม และการไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดเดิม 💻 วงจรความล้มเหลวที่ไม่สิ้นสุด ตั้งแต่ปี 2005 ถึง 2025 การใช้จ่ายด้าน IT ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความสำเร็จของโครงการซอฟต์แวร์ไม่ได้ดีขึ้นตามไปด้วย ความล้มเหลวเกิดขึ้นในทุกประเทศและทุกประเภทองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน สาเหตุหลักคือ เป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ความซับซ้อนที่จัดการไม่ได้ และการประเมินความเสี่ยงผิดพลาด. ⚠️ กรณีศึกษาใหญ่: Phoenix และ Horizon 🔷 Phoenix Payroll (แคนาดา): ใช้งบกว่า 310 ล้านดอลลาร์แคนาดา แต่กลับสร้างปัญหาการจ่ายเงินผิดพลาดให้พนักงานกว่า 70% และยังคงมี backlog กว่า 349,000 เคสที่ไม่ถูกแก้ไขแม้ในปี 2025. 🔷 Horizon EPOS (สหราชอาณาจักร): ระบบที่ผิดพลาดทำให้พนักงานไปรษณีย์กว่า 3,500 คนถูกกล่าวหาว่าทุจริต โดย 900 คนถูกตัดสินจำคุก ทั้งที่ปัญหามาจากซอฟต์แวร์บั๊กภายในระบบเอง. ทั้งสองกรณีสะท้อนว่า ความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากเทคนิคอย่างเดียว แต่รวมถึงการจัดการ การเมือง และการปกปิดข้อมูล. 🔄 ความพยายามแก้ไขที่ยังไม่สำเร็จ แม้จะมีการนำ Agile และ DevOps มาใช้ แต่รายงานบางฉบับชี้ว่าโครงการ Agile ล้มเหลวสูงถึง 65% และ DevOps ล้มเหลวถึง 90% ในบางองค์กร ปัญหาหลักคือ ขาดวินัย ความต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ทำให้แนวทางใหม่ๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน. 🌍 ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ ในสหรัฐฯ เพียงปี 2022 ความเสียหายจากความล้มเหลวของซอฟต์แวร์สูงถึง 1.81 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่างบประมาณกลาโหมทั้งปี ขณะที่การบำรุงรักษาระบบ legacy กินงบกว่า 70–75% ของ IT budget องค์กร ทำให้การพัฒนาใหม่ถูกชะลอและเสี่ยงต่อการล้มเหลวซ้ำอีก. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การลงทุน IT เพิ่มขึ้นมหาศาล ➡️ จาก 1.7 ล้านล้าน → 5.6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ความสำเร็จไม่ดีขึ้น ✅ กรณีศึกษาใหญ่ ➡️ Phoenix Payroll (แคนาดา) และ Horizon EPOS (สหราชอาณาจักร) ✅ แนวทางใหม่ยังล้มเหลว ➡️ Agile และ DevOps มีอัตราล้มเหลวสูงเพราะขาดวินัยและการเปลี่ยนวัฒนธรรม ✅ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ➡️ ความเสียหายปีเดียวในสหรัฐฯ สูงถึง 1.81 ล้านล้านดอลลาร์ ‼️ ความเสี่ยงจากการไม่เรียนรู้ ⛔ โครงการยังทำผิดซ้ำๆ แม้มีบทเรียนมากมายในอดีต ‼️ ผลกระทบต่อมนุษย์ ⛔ พนักงานถูกกล่าวหาผิดๆ สูญเสียชีวิตและอาชีพจากความผิดพลาดของระบบ https://spectrum.ieee.org/it-management-software-failures
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเดินทางอันยาวนานของ Voyager 1 กับระยะทาง 1 วันแสง

    ยาน Voyager 1 ของ NASA กำลังจะสร้างสถิติใหม่ โดยในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2026 มันจะอยู่ห่างจากโลกถึง 16.1 พันล้านไมล์ (25.9 พันล้านกิโลเมตร) ซึ่งทำให้สัญญาณวิทยุจากโลกต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงเต็ม หรือหนึ่ง "วันแสง" กว่าจะเดินทางไปถึง

    Voyager 1 ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศตั้งแต่ปี 1977 เพื่อสำรวจดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ก่อนจะเข้าสู่ อวกาศระหว่างดวงดาวในปี 2012 และกลายเป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งอยู่ไกลที่สุดในจักรวาล ณ ปัจจุบัน มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 11 ไมล์ต่อวินาที (17.7 กม./วินาที) และเพิ่มระยะทางจากโลกประมาณ 3.5 หน่วยดาราศาสตร์ต่อปี.

    ความท้าทายในการสื่อสาร
    การสื่อสารกับ Voyager 1 เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ปัจจุบัน คำสั่งจากโลกใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการไปถึงยาน และอีกหนึ่งวันเพื่อรอการตอบกลับ เมื่อเปรียบเทียบกับการสื่อสารกับดวงจันทร์ที่ใช้เวลาเพียง 1.3 วินาที หรือดาวอังคารที่ใช้เวลาไม่กี่นาที จะเห็นได้ว่าระยะทางของ Voyager 1 ทำให้ทุกการสั่งการเป็นการทดลองเชิงลึกด้านวิศวกรรมอวกาศ.

    ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์และสัญลักษณ์
    แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงของอวกาศมานานเกือบ 50 ปี แต่ Voyager 1 ยังคงส่งข้อมูลกลับมาได้ด้วย เครื่องกำเนิดพลังงานจากกัมมันตรังสี (RTG) ที่คาดว่าจะทำงานต่อไปจนถึงทศวรรษ 2030 ภารกิจนี้ไม่เพียงแต่เป็นการบันทึกสถิติด้านระยะทาง แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์ด้วยภาพ “Pale Blue Dot” ที่แสดงโลกเป็นจุดเล็กๆ ในความมืดมิดของจักรวาล.

    สรุปสาระสำคัญ
    Voyager 1 จะถึงระยะหนึ่งวันแสงจากโลก
    วันที่ 15 พฤศจิกายน 2026 อยู่ห่าง 16.1 พันล้านไมล์

    การเดินทางอันยาวนาน
    ปล่อยปี 1977, เข้าสู่อวกาศระหว่างดวงดาวปี 2012

    ความเร็วและระยะทาง
    เคลื่อนที่ 11 ไมล์/วินาที, เพิ่มระยะทาง ~3.5 AU ต่อปี

    การสื่อสารที่ท้าทาย
    ใช้เวลา 24 ชั่วโมงต่อการส่งคำสั่งและรอคำตอบ

    ข้อจำกัดด้านพลังงาน
    RTG จะหมดพลังงานในทศวรรษ 2030 ทำให้ข้อมูลจากยานหยุดลง

    ความเสี่ยงจากระยะทางมหาศาล
    ทุกการสั่งการต้องใช้เวลานานและเสี่ยงต่อการสูญเสียการควบคุม

    https://scienceclock.com/voyager-1-is-about-to-reach-one-light-day-from-earth/
    🚀 การเดินทางอันยาวนานของ Voyager 1 กับระยะทาง 1 วันแสง ยาน Voyager 1 ของ NASA กำลังจะสร้างสถิติใหม่ โดยในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2026 มันจะอยู่ห่างจากโลกถึง 16.1 พันล้านไมล์ (25.9 พันล้านกิโลเมตร) ซึ่งทำให้สัญญาณวิทยุจากโลกต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงเต็ม หรือหนึ่ง "วันแสง" กว่าจะเดินทางไปถึง Voyager 1 ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศตั้งแต่ปี 1977 เพื่อสำรวจดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ก่อนจะเข้าสู่ อวกาศระหว่างดวงดาวในปี 2012 และกลายเป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งอยู่ไกลที่สุดในจักรวาล ณ ปัจจุบัน มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 11 ไมล์ต่อวินาที (17.7 กม./วินาที) และเพิ่มระยะทางจากโลกประมาณ 3.5 หน่วยดาราศาสตร์ต่อปี. 📡 ความท้าทายในการสื่อสาร การสื่อสารกับ Voyager 1 เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ปัจจุบัน คำสั่งจากโลกใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการไปถึงยาน และอีกหนึ่งวันเพื่อรอการตอบกลับ เมื่อเปรียบเทียบกับการสื่อสารกับดวงจันทร์ที่ใช้เวลาเพียง 1.3 วินาที หรือดาวอังคารที่ใช้เวลาไม่กี่นาที จะเห็นได้ว่าระยะทางของ Voyager 1 ทำให้ทุกการสั่งการเป็นการทดลองเชิงลึกด้านวิศวกรรมอวกาศ. 🌌 ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์และสัญลักษณ์ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงของอวกาศมานานเกือบ 50 ปี แต่ Voyager 1 ยังคงส่งข้อมูลกลับมาได้ด้วย เครื่องกำเนิดพลังงานจากกัมมันตรังสี (RTG) ที่คาดว่าจะทำงานต่อไปจนถึงทศวรรษ 2030 ภารกิจนี้ไม่เพียงแต่เป็นการบันทึกสถิติด้านระยะทาง แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์ด้วยภาพ “Pale Blue Dot” ที่แสดงโลกเป็นจุดเล็กๆ ในความมืดมิดของจักรวาล. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Voyager 1 จะถึงระยะหนึ่งวันแสงจากโลก ➡️ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2026 อยู่ห่าง 16.1 พันล้านไมล์ ✅ การเดินทางอันยาวนาน ➡️ ปล่อยปี 1977, เข้าสู่อวกาศระหว่างดวงดาวปี 2012 ✅ ความเร็วและระยะทาง ➡️ เคลื่อนที่ 11 ไมล์/วินาที, เพิ่มระยะทาง ~3.5 AU ต่อปี ✅ การสื่อสารที่ท้าทาย ➡️ ใช้เวลา 24 ชั่วโมงต่อการส่งคำสั่งและรอคำตอบ ‼️ ข้อจำกัดด้านพลังงาน ⛔ RTG จะหมดพลังงานในทศวรรษ 2030 ทำให้ข้อมูลจากยานหยุดลง ‼️ ความเสี่ยงจากระยะทางมหาศาล ⛔ ทุกการสั่งการต้องใช้เวลานานและเสี่ยงต่อการสูญเสียการควบคุม https://scienceclock.com/voyager-1-is-about-to-reach-one-light-day-from-earth/
    SCIENCECLOCK.COM
    Voyager 1 Is About to Reach One Light-day from Earth
    After nearly 50 years in space, NASA’s Voyager 1 is about to hit a historic milestone. By November 15, 2026, it will be 16.1 billion miles (25.9 billion km)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Collabora Office: รุ่นใหม่สำหรับ Desktop

    Collabora Productivity เปิดตัว Collabora Office สำหรับ Desktop โดยใช้เทคโนโลยีจาก LibreOffice แต่ปรับอินเทอร์เฟซให้เหมือนกับ Collabora Online ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น จุดเด่นคือการสร้างด้วย JavaScript, CSS, WebGL และ Canvas ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็กลงและไม่ต้องพึ่งพา Java อีกต่อไป

    ฟีเจอร์หลักยังคงครบถ้วน เช่น Writer สำหรับเอกสาร, Impress สำหรับงานนำเสนอ และ Calc สำหรับสเปรดชีต รวมถึงรองรับทั้ง Microsoft Office formats (DOCX, XLSX, PPTX) และ OpenDocument formats

    ความแตกต่างจาก Collabora Office Classic
    Collabora Office Classic ยังคงใช้ VCL-based interface แบบดั้งเดิมของ LibreOffice และมี Base database app ที่ต้องใช้ Java
    Collabora Office รุ่นใหม่ ตัด Base ออกไป และรองรับเฉพาะการรัน Macro โดยไม่มีเครื่องมือแก้ไขขั้นสูงเหมือน Classic
    Classic มี enterprise support พร้อมใช้งานแล้ว แต่รุ่นใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Collabora คาดว่าจะเพิ่ม enterprise support ภายในปี 2026

    การดาวน์โหลดและการใช้งาน
    Collabora Office รุ่นใหม่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วในหลายแพลตฟอร์ม:
    Linux: Flatpak
    Windows 11: Appx file
    macOS 15 Sequoia+: App bundle

    นอกจากนี้ยังมี source code บน GitHub สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งหรือร่วมพัฒนา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Collabora เปิดตัว Office รุ่นใหม่สำหรับ Desktop
    ใช้เทคโนโลยี JavaScript, CSS, WebGL, Canvas
    ไม่ต้องพึ่งพา Java และไฟล์ติดตั้งเล็กลง

    ฟีเจอร์หลักครบถ้วน
    Writer, Impress, Calc
    รองรับ Microsoft Office และ OpenDocument formats

    ความแตกต่างจาก Classic
    Classic ใช้ VCL interface และมี Base database
    รุ่นใหม่ไม่มี Base และรองรับ Macro แบบจำกัด

    การดาวน์โหลดและใช้งาน
    มีให้สำหรับ Linux, Windows, macOS
    Source code เปิดบน GitHub

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    รุ่นใหม่ยังไม่มี enterprise support พร้อมใช้งาน
    ผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรควรใช้ Classic ไปก่อนจนถึงปี 2026

    https://itsfoss.com/news/collabora-launches-desktop-office-suite/
    🖥️ Collabora Office: รุ่นใหม่สำหรับ Desktop Collabora Productivity เปิดตัว Collabora Office สำหรับ Desktop โดยใช้เทคโนโลยีจาก LibreOffice แต่ปรับอินเทอร์เฟซให้เหมือนกับ Collabora Online ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น จุดเด่นคือการสร้างด้วย JavaScript, CSS, WebGL และ Canvas ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็กลงและไม่ต้องพึ่งพา Java อีกต่อไป ฟีเจอร์หลักยังคงครบถ้วน เช่น Writer สำหรับเอกสาร, Impress สำหรับงานนำเสนอ และ Calc สำหรับสเปรดชีต รวมถึงรองรับทั้ง Microsoft Office formats (DOCX, XLSX, PPTX) และ OpenDocument formats ⚡ ความแตกต่างจาก Collabora Office Classic 🔷 Collabora Office Classic ยังคงใช้ VCL-based interface แบบดั้งเดิมของ LibreOffice และมี Base database app ที่ต้องใช้ Java 🔷 Collabora Office รุ่นใหม่ ตัด Base ออกไป และรองรับเฉพาะการรัน Macro โดยไม่มีเครื่องมือแก้ไขขั้นสูงเหมือน Classic 🔷 Classic มี enterprise support พร้อมใช้งานแล้ว แต่รุ่นใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Collabora คาดว่าจะเพิ่ม enterprise support ภายในปี 2026 🌐 การดาวน์โหลดและการใช้งาน Collabora Office รุ่นใหม่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วในหลายแพลตฟอร์ม: 🎗️ Linux: Flatpak 🎗️ Windows 11: Appx file 🎗️ macOS 15 Sequoia+: App bundle นอกจากนี้ยังมี source code บน GitHub สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งหรือร่วมพัฒนา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Collabora เปิดตัว Office รุ่นใหม่สำหรับ Desktop ➡️ ใช้เทคโนโลยี JavaScript, CSS, WebGL, Canvas ➡️ ไม่ต้องพึ่งพา Java และไฟล์ติดตั้งเล็กลง ✅ ฟีเจอร์หลักครบถ้วน ➡️ Writer, Impress, Calc ➡️ รองรับ Microsoft Office และ OpenDocument formats ✅ ความแตกต่างจาก Classic ➡️ Classic ใช้ VCL interface และมี Base database ➡️ รุ่นใหม่ไม่มี Base และรองรับ Macro แบบจำกัด ✅ การดาวน์โหลดและใช้งาน ➡️ มีให้สำหรับ Linux, Windows, macOS ➡️ Source code เปิดบน GitHub ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ รุ่นใหม่ยังไม่มี enterprise support พร้อมใช้งาน ⛔ ผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรควรใช้ Classic ไปก่อนจนถึงปี 2026 https://itsfoss.com/news/collabora-launches-desktop-office-suite/
    ITSFOSS.COM
    Collabora Launches Desktop Office Suite for Linux
    The new office suite uses modern tech for a consistent online-offline experience; the existing offering is renamed 'Classic' and it maintains a traditional approach.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pichai มองอนาคต Quantum Computing

    Sundar Pichai กล่าวในพอดแคสต์ Google AI: Release Notes ว่าโลกจะรู้สึกถึง “ความตื่นเต้นหายใจไม่ทั่วท้อง” (breathless excitement) เกี่ยวกับ Quantum Computing ภายใน 5 ปีข้างหน้า เขาเปรียบเทียบกับกระแส AI ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมองว่า Quantum Computing จะเป็น Next Paradigm Shift ที่ต่อยอดจากความสำเร็จของ AI

    เขาย้อนเล่าถึงการวางกลยุทธ์ AI-first ตั้งแต่ปี 2016 ที่เริ่มจากงานวิจัย Google Brain และการเข้าซื้อกิจการ DeepMind ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะของ AlphaGo และการเปิดตัว Tensor Processing Unit (TPU) รุ่นแรกในปีเดียวกัน

    Gemini 3 และ Nano Banana Pro
    Pichai กล่าวถึงการเปิดตัว Gemini 3 และ Nano Banana Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานได้ตามจินตนาการ โดยเฉพาะ Nano Banana Pro ที่โดดเด่นในการสร้าง Infographics และงานภาพเชิงข้อมูล เขายังคาดหวังว่า Gemini 3.0 Flash จะเป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ Google และช่วยให้บริการ AI เข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น

    Project Suncatcher และ Data Center ในอวกาศ
    อีกหนึ่งไฮไลต์คือการพูดถึง Project Suncatcher ซึ่งเป็นแผนการสร้าง Data Center ในอวกาศภายในปี 2027 เพื่อรองรับความต้องการพลังประมวลผลมหาศาลในอนาคต Pichai มองว่าแนวคิดนี้แม้ดูเหนือจริง แต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ในอนาคต เขายังหยอกล้อว่า TPU ในอวกาศอาจเจอกับ Tesla Roadster ที่ลอยอยู่ในวงโคจร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Pichai คาดการณ์ Quantum Computing จะสร้างความตื่นเต้นภายใน 5 ปี
    เปรียบเทียบกับกระแส AI ในปัจจุบัน
    มองว่าเป็น Paradigm Shift ถัดไป

    Google AI-first Strategy ตั้งแต่ปี 2016
    เริ่มจาก Google Brain และ DeepMind
    เปิดตัว TPU รุ่นแรกในปีเดียวกัน

    Gemini 3 และ Nano Banana Pro เปิดตัวแล้ว
    Nano Banana Pro เด่นด้าน Infographics
    Gemini 3.0 Flash อาจเป็นโมเดลที่ดีที่สุด

    Project Suncatcher: Data Center ในอวกาศปี 2027
    รองรับความต้องการพลังประมวลผลอนาคต
    แนวคิดแม้ดูเหนือจริงแต่มีเหตุผล

    คำเตือนสำหรับผู้ติดตามเทคโนโลยี
    Quantum Computing ยังอยู่ในระยะวิจัย ไม่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ทันที
    Project Suncatcher ยังเป็นแผนการทดลอง อาจมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและเทคโนโลยี

    https://securityonline.info/pichai-forecast-quantum-computing-will-reach-breathless-excitement-in-five-years/
    🔮 Pichai มองอนาคต Quantum Computing Sundar Pichai กล่าวในพอดแคสต์ Google AI: Release Notes ว่าโลกจะรู้สึกถึง “ความตื่นเต้นหายใจไม่ทั่วท้อง” (breathless excitement) เกี่ยวกับ Quantum Computing ภายใน 5 ปีข้างหน้า เขาเปรียบเทียบกับกระแส AI ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมองว่า Quantum Computing จะเป็น Next Paradigm Shift ที่ต่อยอดจากความสำเร็จของ AI เขาย้อนเล่าถึงการวางกลยุทธ์ AI-first ตั้งแต่ปี 2016 ที่เริ่มจากงานวิจัย Google Brain และการเข้าซื้อกิจการ DeepMind ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะของ AlphaGo และการเปิดตัว Tensor Processing Unit (TPU) รุ่นแรกในปีเดียวกัน 🚀 Gemini 3 และ Nano Banana Pro Pichai กล่าวถึงการเปิดตัว Gemini 3 และ Nano Banana Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานได้ตามจินตนาการ โดยเฉพาะ Nano Banana Pro ที่โดดเด่นในการสร้าง Infographics และงานภาพเชิงข้อมูล เขายังคาดหวังว่า Gemini 3.0 Flash จะเป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ Google และช่วยให้บริการ AI เข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น 🌌 Project Suncatcher และ Data Center ในอวกาศ อีกหนึ่งไฮไลต์คือการพูดถึง Project Suncatcher ซึ่งเป็นแผนการสร้าง Data Center ในอวกาศภายในปี 2027 เพื่อรองรับความต้องการพลังประมวลผลมหาศาลในอนาคต Pichai มองว่าแนวคิดนี้แม้ดูเหนือจริง แต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ในอนาคต เขายังหยอกล้อว่า TPU ในอวกาศอาจเจอกับ Tesla Roadster ที่ลอยอยู่ในวงโคจร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Pichai คาดการณ์ Quantum Computing จะสร้างความตื่นเต้นภายใน 5 ปี ➡️ เปรียบเทียบกับกระแส AI ในปัจจุบัน ➡️ มองว่าเป็น Paradigm Shift ถัดไป ✅ Google AI-first Strategy ตั้งแต่ปี 2016 ➡️ เริ่มจาก Google Brain และ DeepMind ➡️ เปิดตัว TPU รุ่นแรกในปีเดียวกัน ✅ Gemini 3 และ Nano Banana Pro เปิดตัวแล้ว ➡️ Nano Banana Pro เด่นด้าน Infographics ➡️ Gemini 3.0 Flash อาจเป็นโมเดลที่ดีที่สุด ✅ Project Suncatcher: Data Center ในอวกาศปี 2027 ➡️ รองรับความต้องการพลังประมวลผลอนาคต ➡️ แนวคิดแม้ดูเหนือจริงแต่มีเหตุผล ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ติดตามเทคโนโลยี ⛔ Quantum Computing ยังอยู่ในระยะวิจัย ไม่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ทันที ⛔ Project Suncatcher ยังเป็นแผนการทดลอง อาจมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและเทคโนโลยี https://securityonline.info/pichai-forecast-quantum-computing-will-reach-breathless-excitement-in-five-years/
    SECURITYONLINE.INFO
    Pichai Forecast: Quantum Computing Will Reach 'Breathless Excitement' in Five Years
    Google CEO Sundar Pichai forecasts quantum computing will match today's AI excitement in 5 years. He also touched on Gemini 3's success and Project Suncatcher (space data centers).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 11

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 11
    ในบันทึกความทรงจำของ ซุนยัดเซน เขาบอกว่า เมื่อเขาไปถึง ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1895 นายอินนูไก ทาเคชิ Inukai Takashi หัวหน้าพรรคลิเบอรัลของญี่ปุ่น ได้ส่ง นาย มิยาซากิ ยะโซะ และ ฮิรามายะ ชิน มารับ ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้น ก็พาเขามาโตเกียว เพื่อมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของพรรค ในตอนนั้น พรรคลิเบอรัลได้เป็นรัฐบาล และนายโอกูมะ ชิเกโนบุ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี อินนูไกเป็นผู้ช่วย หลังจากนั้น คนพวกนี้ ก็ได้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็น รู้จักกับชาวญี่ปุ่นอีกหลายคน และคนพวกนี้ได้ช่วยเขาอย่างมาก ในการทำการปฏิวัติในปี ค.ศ.1911…
    ตัวซุนยัดเซ็นเอง เมื่อมาอยู่ญี่ปุ่น ก็ตัดหางเปียทิ้ง แถมเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่น ว่า นาคามาย่า โชว Nakamaya Sho
    ส่วนนาย อินนูไก ทาเคชิ เอง ก็เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของตนว่า
    “… คงมีน้อยคน ที่จะเห็นใจชาวจีนที่รักชาติ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้ อย่างจริงใจ อย่างที่ผมมีให้กับพวกเขา เมื่อซุนยัดเซ็น และพวก ลี้ภัย มาอยู่กับพวกเรา ผมปกป้องเขา หลายครั้งที่เขามาอยู่ที่บ้านผม บ้านผมกลายเป็นที่ประชุมลับ หลายครั้งที่เขาใส่เสื้อผ้า และกินอาหาร จากรายได้อันน้อยนิดของผม เมื่อซุนยัดเซ็นอยู่กับผม ผมบอกกับเขาว่า ทางออกที่เหมาะสมของจีน มีอยู่ทางเดียว คือ ทำอย่างที่ญี่ปุ่นทำ..”
    ก็เป็นเรื่องที่เราคงต้องทำความเข้าแยะหน่อย
    นายอินนูไก ทาเคชิ นั้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแปลหนังสือเล่มหนึ่ง ในปี ค.ศ.1874 เป็นหนังสือที่เขียนโดย นาย Henry C Carey ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นนาย Carey เป็นผู้เสนอให้ใช้ ทฤษฏีเศรษฐศาสตร์แบบ อเมริกัน และค้ดค้านการค้าเสรีแบบอังกฤษ ซึ่งนาย Carey บอกว่า มันก็คือการเอาการค้านำหน้า เพื่อจะยึดเอาประเทศคู่ค้าเป็นอาณานิคมนั่นแหละ
    เรื่องนายอินนูไก นี่ มันพอบอกอะไรเราได้ไหมครับ
    ซุนยัดเซ็น หลบอยู่ในญี่ปุ่นถึง 10 ปี (บางเอกสารว่า อยู่ 6 ปี) ระหว่างนั้น เขาตั้งสมาคมลับของเขา Hsing Chung Hui ขึ้นที่ เมือง นางาซากิ เมือง ชิโมโนเซกิ และโกเบ
    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นักศึกษาชาวจีนเข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นักศีกษาพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิวัติของซุนยัดเซ็นเกือบทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1902 มีนักศึกษาจีนในญี่ปุ่น ประมาณ 500 คน แต่ในปี ค.ศ.1906 มีนักศึกษาชาวจีนถึง 13,000 คน และเมื่อราชวงศ์แมนจูห้ามชาวจีนเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร นักศึกษาจีนก็ข้ามมาเรียนที่โรงเรียนทหารที่ซุนยัดเซ็น สร้างขึ้น ที่ชานเมืองโตเกียว แถวตำบลอาโอยามา ในพวกนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่น มีหนุ่มแน่น วัย 18 ปี คนหนึ่ง เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ของซุนยัดเซ็น เมื่อปี 1907 เขา ชื่อ เจียงไคเช็ค
    ในช่วงปี ค.ศ.1903 ถึง 1905 ซุนยัดเซ็น เดินสายระหว่าง ฮาวาย อเมริกา และยุโรป กับพรรคพวก และตั้งสมาคมใหม่ ชื่อ Tung Meng Hui หรือ Chinese Revolution Alliance และกลับมาตั้งสมาคมนี้ที่โตเกียวด้วย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1905 เขาจัดประชุมสมาคมที่บ้านของ นาย ยูชิดะ โรเฮอิ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในโตเกียว และเป็นหัวหน้าสมาคมลับ มังกรดำ ยากูซ่าในญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนันด้านการเงิน และอื่นๆ แก่ซุนยัดเซ็น แต่จริงๆแล้ว Tung Meng Hui โตเกียว ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของ นาย ซากาโมโต้ คินยา สมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในจีน
    ในปี ค.ศ.1907 ซุนยัดเซ็น เดินสายในญี่ปุ่น และเสนอนโยบาย 3 ประการ ของเขา พร้อมกับประกาศว่า จะยกทางเหนือของมณทลชางชุน ให้แก่ ญี่ปุ่น ถ้าช่วยเหลือเขาในการปฏิวัติจีน ปรากฏว่า คำประกาศของ ซุนยัดเซ็น คงล้ำเส้นไปหน่อย ไม่รู้ไปขัดแผนใคร รัฐบาลญี่ปุ่นจึงสั่งให้ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่น แต่ทั้ง ยูชิดะ และฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่นเห็นว่า ยังไงก็ควรรักษาไมตรีกับซุนยัดเซ็นไว้ก่อน ในที่สุด เป็นเจ้าพ่อมังกรดำเอง เป็นผู้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่นชั่วคราว พร้อมแถมเงินติดกระเป๋าให้ ซุนยัดเซ็น ไม่ให้เสียหน้า เสียไมตรีต่อกัน อืม…
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนยัดเซ็นเขียนไว้ ในบันทึกของเขาว่า
    “… สัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นปัญหาร่วมกันของความอยู่รอด (ของประเทศ) และความสิ้นสุด (ของประเทศ) ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่มีจีน และถ้าไม่มีจีน ก็อาจจะไม่มีญี่ปุ่น… ”
    ซุนยัดเซ็นเห็นว่า จีนกับญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ในเอเซียต้องจับมือกัน Pan – Asianism
    ” ความปรารถนาของข้าพเจ้า คือ เห็นพวกเรา ชาวเอเซีย ควรร่วมกันขับไล่พวกชาติตะวันตกทั้งหลาย ให้หมดไปจากเอเซียของเราเสียที .. และหมดอย่างถาวร” และด้วยความคิดเยี่ยงนี้ ซุนยัดเซ็น ก็เข้าไปวุ่นวายกับการกบฏในฟิลิปปินส์ และเวียตนามด้วย
    ตลอดเวลา 16 ปี ของการพยายามปฏิวัติ ไล่ราชวง์ชิง และไล่ฝรั่งออกจากจีน ซุนยัดเซ็นเดินสายพูดไปทั่วทุกแห่ง เพื่อหาเงินมาทำปฏิวัติ เขาเริ่มตั้งแต่ การไปพูด และรับเงินบริจาค แต่เงินบริจาค มันก็พอแค่เลี้ยงตัวกับเป็นค่าเดินทางไปพูด ต่อมา ซุนเริ่มพัฒนาวิธีการหาเงิน เขาเริ่มออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับพวกที่ต้องการสนับสนุนเขา โดยสัญญาจะใช้เงินให้ เมื่อปฏิวัติสำเร็จพร้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังไม่ได้เงินตามเป้าหมาย ซุน เปลี่ยนเป็นออกตั๋ว พร้อมคำสัญญาว่า จะใช้เงิน พร้อมให้สัมปทาน หรือให้ สิทธิพิเศษ หลังจากนั้น เขาโดนรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมายหัว เขาจึงกลับมาตั้งหลัก และเปลี่ยนแผนการระดมทุนอีกรอบ
    คราวนี้ ซุน ทำการบ้าน หารายชื่อเศรษฐีจีน ที่อยู่แถบเอเซีย โดยเฉพาะแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร้อยกว่าคน เขาจึงเดินสายมามาทางนั้น เขาออกพันธบัตรสงคราม war bond ไม่ต่างกับที่พวกวอลสตรีท ทำให้กับอังกฤษ เมื่อตอนจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สำหรับปฏิวัติจีน ซุน ยอมทำสัญญาแปะไว้กับพันธบัตรรายใหญ่ว่า พร้อมที่จะให้สัมปทานทำเหมือง ในจีนเป็นเวลา 10 ปี และในบางราย เขาสัญญาว่า จะให้คนจีนที่เป็นเจ้าของเหมืองดีบุก ทำสัญญาขายดีบุก ให้แก่ อเมริกา ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของการส่งออกดีบุก ขนาดทำอย่างนี้แล้ว เขายังได้ทุนไม่พอไปทำการปฏิวัติ เขาจึงไปขอเงินกู้จากธนาคารฝรั่งเศสใน ฮ่องกง เป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญ ฮ่องกง โดยวางโรงสีข้าว 3 โรง ในไทย ให้เป็นหลักประกัน กับ เหมืองแร่ อีก 3 รายในมลายู ให้เป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน แต่ที่สุด ก็ไม่ได้เงินกู้รายนี้
    ความคิดของซุน เกี่ยวกับเรื่องการออกตั๋ว พ่วงสัมปทาน ให้คนจีน ที่สนับสนุนเงินทุนมาทำปฏิวัติ นี่ น่าสนใจมาก มันโดนใจ หรือมันไปขัดข้องใจใครกันบ้างไหม
    ซุน เล่าว่า ในระหว่างการเดินสาย เขาได้พบคนหลากหลาย และหลายคน แม้จะไม่ใช่คนจีน ก็มีความเห็นใจจีน ซุนจึงได้เพื่อน 4 คน ที่มาช่วยเรื่องการจัดการหาเงินทุน
    Homer Lea เป็นชาวอเมริกันหลังค่อม ที่มีการศึกษา จบมหาวิทยาลัย และ ชอบการทหาร เขาเดินทางไปจีน ในช่วงกบฏนักมวย เข้าใจสภาพของจีนดี จึงเข้ามาช่วยคนจีนก่อนที่จะเจอซุน เสียด้วยซ้ำ เขาตั้งโรงเรียนฝึกการต่อสู้ และยุทธศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกคนจีน ในลอสแองเจลีส ที่พร้อมจะไปร่วมทำการปฏิวัติกับ ซุน Lea ยังพา เพื่อนทหารประเภทกระดูกเหล็ก มาช่วยการให้การฝีก อีกหลายคน ต่อมา Lea เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของ ซุน
    Charles Boothe เป็นอดีตนายธนาคารแถวนิวยอร์ค ถูกให้เกษียณจากอาชีพ เพราะสุขภาพไม่ดี
    W W Allen นักการเงินมือดีมีอนาคต จากวอลสตรีท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Boothe
    Yung Wing ชาวจีนจบการศึกษา Yale เป็นนักเรียนหัวก้าวหน้าอยู่แถบคอนเนคติคัต ถิ่นคนรวยอยู่ไม่ว่าฝร้่ง หรือจีน
    ทั้ง 4 คน ตั้งกลุ่มอเมริกันเพื่อจีน ในปี ค.ศ.1910 และช่วยการวางแผนปฏิวัติไล่ราชวงศ์แมนจู โดยตั้งงบไว้ที่ 10 ล้านเหรียญ Lea เป็นคนวางแผนการทหาร Boothe เป็นผู้ประสานงานกับพวกต่างชาติ Allen เป็นตัวสำคัญ ในการประสานงานเรื่องการเงิน กับกลุ่มวอลสตรีท ส่วน Yung เป็นตัวกลางในการเชื่อมการทำงาน ระหว่างกลุ่มปฏิวัติในอเมริกา กับในเอเซีย
    คงเริ่มมองเห็นอะไรกันบ้าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 11 ในบันทึกความทรงจำของ ซุนยัดเซน เขาบอกว่า เมื่อเขาไปถึง ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1895 นายอินนูไก ทาเคชิ Inukai Takashi หัวหน้าพรรคลิเบอรัลของญี่ปุ่น ได้ส่ง นาย มิยาซากิ ยะโซะ และ ฮิรามายะ ชิน มารับ ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้น ก็พาเขามาโตเกียว เพื่อมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของพรรค ในตอนนั้น พรรคลิเบอรัลได้เป็นรัฐบาล และนายโอกูมะ ชิเกโนบุ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี อินนูไกเป็นผู้ช่วย หลังจากนั้น คนพวกนี้ ก็ได้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็น รู้จักกับชาวญี่ปุ่นอีกหลายคน และคนพวกนี้ได้ช่วยเขาอย่างมาก ในการทำการปฏิวัติในปี ค.ศ.1911… ตัวซุนยัดเซ็นเอง เมื่อมาอยู่ญี่ปุ่น ก็ตัดหางเปียทิ้ง แถมเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่น ว่า นาคามาย่า โชว Nakamaya Sho ส่วนนาย อินนูไก ทาเคชิ เอง ก็เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของตนว่า “… คงมีน้อยคน ที่จะเห็นใจชาวจีนที่รักชาติ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้ อย่างจริงใจ อย่างที่ผมมีให้กับพวกเขา เมื่อซุนยัดเซ็น และพวก ลี้ภัย มาอยู่กับพวกเรา ผมปกป้องเขา หลายครั้งที่เขามาอยู่ที่บ้านผม บ้านผมกลายเป็นที่ประชุมลับ หลายครั้งที่เขาใส่เสื้อผ้า และกินอาหาร จากรายได้อันน้อยนิดของผม เมื่อซุนยัดเซ็นอยู่กับผม ผมบอกกับเขาว่า ทางออกที่เหมาะสมของจีน มีอยู่ทางเดียว คือ ทำอย่างที่ญี่ปุ่นทำ..” ก็เป็นเรื่องที่เราคงต้องทำความเข้าแยะหน่อย นายอินนูไก ทาเคชิ นั้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแปลหนังสือเล่มหนึ่ง ในปี ค.ศ.1874 เป็นหนังสือที่เขียนโดย นาย Henry C Carey ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นนาย Carey เป็นผู้เสนอให้ใช้ ทฤษฏีเศรษฐศาสตร์แบบ อเมริกัน และค้ดค้านการค้าเสรีแบบอังกฤษ ซึ่งนาย Carey บอกว่า มันก็คือการเอาการค้านำหน้า เพื่อจะยึดเอาประเทศคู่ค้าเป็นอาณานิคมนั่นแหละ เรื่องนายอินนูไก นี่ มันพอบอกอะไรเราได้ไหมครับ ซุนยัดเซ็น หลบอยู่ในญี่ปุ่นถึง 10 ปี (บางเอกสารว่า อยู่ 6 ปี) ระหว่างนั้น เขาตั้งสมาคมลับของเขา Hsing Chung Hui ขึ้นที่ เมือง นางาซากิ เมือง ชิโมโนเซกิ และโกเบ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นักศึกษาชาวจีนเข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นักศีกษาพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิวัติของซุนยัดเซ็นเกือบทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1902 มีนักศึกษาจีนในญี่ปุ่น ประมาณ 500 คน แต่ในปี ค.ศ.1906 มีนักศึกษาชาวจีนถึง 13,000 คน และเมื่อราชวงศ์แมนจูห้ามชาวจีนเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร นักศึกษาจีนก็ข้ามมาเรียนที่โรงเรียนทหารที่ซุนยัดเซ็น สร้างขึ้น ที่ชานเมืองโตเกียว แถวตำบลอาโอยามา ในพวกนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่น มีหนุ่มแน่น วัย 18 ปี คนหนึ่ง เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ของซุนยัดเซ็น เมื่อปี 1907 เขา ชื่อ เจียงไคเช็ค ในช่วงปี ค.ศ.1903 ถึง 1905 ซุนยัดเซ็น เดินสายระหว่าง ฮาวาย อเมริกา และยุโรป กับพรรคพวก และตั้งสมาคมใหม่ ชื่อ Tung Meng Hui หรือ Chinese Revolution Alliance และกลับมาตั้งสมาคมนี้ที่โตเกียวด้วย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1905 เขาจัดประชุมสมาคมที่บ้านของ นาย ยูชิดะ โรเฮอิ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในโตเกียว และเป็นหัวหน้าสมาคมลับ มังกรดำ ยากูซ่าในญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนันด้านการเงิน และอื่นๆ แก่ซุนยัดเซ็น แต่จริงๆแล้ว Tung Meng Hui โตเกียว ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของ นาย ซากาโมโต้ คินยา สมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในจีน ในปี ค.ศ.1907 ซุนยัดเซ็น เดินสายในญี่ปุ่น และเสนอนโยบาย 3 ประการ ของเขา พร้อมกับประกาศว่า จะยกทางเหนือของมณทลชางชุน ให้แก่ ญี่ปุ่น ถ้าช่วยเหลือเขาในการปฏิวัติจีน ปรากฏว่า คำประกาศของ ซุนยัดเซ็น คงล้ำเส้นไปหน่อย ไม่รู้ไปขัดแผนใคร รัฐบาลญี่ปุ่นจึงสั่งให้ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่น แต่ทั้ง ยูชิดะ และฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่นเห็นว่า ยังไงก็ควรรักษาไมตรีกับซุนยัดเซ็นไว้ก่อน ในที่สุด เป็นเจ้าพ่อมังกรดำเอง เป็นผู้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่นชั่วคราว พร้อมแถมเงินติดกระเป๋าให้ ซุนยัดเซ็น ไม่ให้เสียหน้า เสียไมตรีต่อกัน อืม… เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนยัดเซ็นเขียนไว้ ในบันทึกของเขาว่า “… สัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นปัญหาร่วมกันของความอยู่รอด (ของประเทศ) และความสิ้นสุด (ของประเทศ) ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่มีจีน และถ้าไม่มีจีน ก็อาจจะไม่มีญี่ปุ่น… ” ซุนยัดเซ็นเห็นว่า จีนกับญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ในเอเซียต้องจับมือกัน Pan – Asianism ” ความปรารถนาของข้าพเจ้า คือ เห็นพวกเรา ชาวเอเซีย ควรร่วมกันขับไล่พวกชาติตะวันตกทั้งหลาย ให้หมดไปจากเอเซียของเราเสียที .. และหมดอย่างถาวร” และด้วยความคิดเยี่ยงนี้ ซุนยัดเซ็น ก็เข้าไปวุ่นวายกับการกบฏในฟิลิปปินส์ และเวียตนามด้วย ตลอดเวลา 16 ปี ของการพยายามปฏิวัติ ไล่ราชวง์ชิง และไล่ฝรั่งออกจากจีน ซุนยัดเซ็นเดินสายพูดไปทั่วทุกแห่ง เพื่อหาเงินมาทำปฏิวัติ เขาเริ่มตั้งแต่ การไปพูด และรับเงินบริจาค แต่เงินบริจาค มันก็พอแค่เลี้ยงตัวกับเป็นค่าเดินทางไปพูด ต่อมา ซุนเริ่มพัฒนาวิธีการหาเงิน เขาเริ่มออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับพวกที่ต้องการสนับสนุนเขา โดยสัญญาจะใช้เงินให้ เมื่อปฏิวัติสำเร็จพร้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังไม่ได้เงินตามเป้าหมาย ซุน เปลี่ยนเป็นออกตั๋ว พร้อมคำสัญญาว่า จะใช้เงิน พร้อมให้สัมปทาน หรือให้ สิทธิพิเศษ หลังจากนั้น เขาโดนรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมายหัว เขาจึงกลับมาตั้งหลัก และเปลี่ยนแผนการระดมทุนอีกรอบ คราวนี้ ซุน ทำการบ้าน หารายชื่อเศรษฐีจีน ที่อยู่แถบเอเซีย โดยเฉพาะแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร้อยกว่าคน เขาจึงเดินสายมามาทางนั้น เขาออกพันธบัตรสงคราม war bond ไม่ต่างกับที่พวกวอลสตรีท ทำให้กับอังกฤษ เมื่อตอนจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สำหรับปฏิวัติจีน ซุน ยอมทำสัญญาแปะไว้กับพันธบัตรรายใหญ่ว่า พร้อมที่จะให้สัมปทานทำเหมือง ในจีนเป็นเวลา 10 ปี และในบางราย เขาสัญญาว่า จะให้คนจีนที่เป็นเจ้าของเหมืองดีบุก ทำสัญญาขายดีบุก ให้แก่ อเมริกา ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของการส่งออกดีบุก ขนาดทำอย่างนี้แล้ว เขายังได้ทุนไม่พอไปทำการปฏิวัติ เขาจึงไปขอเงินกู้จากธนาคารฝรั่งเศสใน ฮ่องกง เป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญ ฮ่องกง โดยวางโรงสีข้าว 3 โรง ในไทย ให้เป็นหลักประกัน กับ เหมืองแร่ อีก 3 รายในมลายู ให้เป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน แต่ที่สุด ก็ไม่ได้เงินกู้รายนี้ ความคิดของซุน เกี่ยวกับเรื่องการออกตั๋ว พ่วงสัมปทาน ให้คนจีน ที่สนับสนุนเงินทุนมาทำปฏิวัติ นี่ น่าสนใจมาก มันโดนใจ หรือมันไปขัดข้องใจใครกันบ้างไหม ซุน เล่าว่า ในระหว่างการเดินสาย เขาได้พบคนหลากหลาย และหลายคน แม้จะไม่ใช่คนจีน ก็มีความเห็นใจจีน ซุนจึงได้เพื่อน 4 คน ที่มาช่วยเรื่องการจัดการหาเงินทุน Homer Lea เป็นชาวอเมริกันหลังค่อม ที่มีการศึกษา จบมหาวิทยาลัย และ ชอบการทหาร เขาเดินทางไปจีน ในช่วงกบฏนักมวย เข้าใจสภาพของจีนดี จึงเข้ามาช่วยคนจีนก่อนที่จะเจอซุน เสียด้วยซ้ำ เขาตั้งโรงเรียนฝึกการต่อสู้ และยุทธศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกคนจีน ในลอสแองเจลีส ที่พร้อมจะไปร่วมทำการปฏิวัติกับ ซุน Lea ยังพา เพื่อนทหารประเภทกระดูกเหล็ก มาช่วยการให้การฝีก อีกหลายคน ต่อมา Lea เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของ ซุน Charles Boothe เป็นอดีตนายธนาคารแถวนิวยอร์ค ถูกให้เกษียณจากอาชีพ เพราะสุขภาพไม่ดี W W Allen นักการเงินมือดีมีอนาคต จากวอลสตรีท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Boothe Yung Wing ชาวจีนจบการศึกษา Yale เป็นนักเรียนหัวก้าวหน้าอยู่แถบคอนเนคติคัต ถิ่นคนรวยอยู่ไม่ว่าฝร้่ง หรือจีน ทั้ง 4 คน ตั้งกลุ่มอเมริกันเพื่อจีน ในปี ค.ศ.1910 และช่วยการวางแผนปฏิวัติไล่ราชวงศ์แมนจู โดยตั้งงบไว้ที่ 10 ล้านเหรียญ Lea เป็นคนวางแผนการทหาร Boothe เป็นผู้ประสานงานกับพวกต่างชาติ Allen เป็นตัวสำคัญ ในการประสานงานเรื่องการเงิน กับกลุ่มวอลสตรีท ส่วน Yung เป็นตัวกลางในการเชื่อมการทำงาน ระหว่างกลุ่มปฏิวัติในอเมริกา กับในเอเซีย คงเริ่มมองเห็นอะไรกันบ้าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 10

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 10
    ในปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่นมอบหมายให้ ทากาฮาชิ ซึ่งไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไปทำหน้าที่หาเงินกู้ที่อังกฤษ เพื่อให้ญี่ปุ่นมีทุนไปรบรัสเซีย ปรากฏว่า มีผู้อุดหนุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซียล้นหลาม แสดงว่า รัสเซียคงไม่ค่อยมีเพื่อนในอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีผู้ลงทุนจากนิวยอร์ค ปารีส และฮัมเบอร์ก รายชื่อผู้ลงทุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย นอกจากมีสาระพัดบริษัทเงินทุนใหญ่คับโลกแล้ว ยังมีคนใหญ่ๆ คับโลก เช่น Lord Spencer เสนาบดีกระทรวงวังของอังกฤษ และมงกุฏราชกุมารของอังกฤษ ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์ในชื่อของกษัตริย์ George ที่ 5 อีกด้วย
    จากการไปเดินสายหาเงินสนับสนุนการรบ ทากาฮาชิ ได้ข้อคิดกลับมาว่า ชัยชนะของญี่ปุ่น ไม่ได้ขึ้นกับความสามารถของญี่ปุ่นโดยลำพัง แต่จะต้องได้รับการสนับสนุน ด้านการเงินและอาวุธ จากอังกฤษและอเมริกา
    เขากลับมาบอกกับฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพญี่ปุ่นเช่นนั้น และทำให้เขาเป็นที่เกลียดชังของฝ่ายกองทัพอย่างยิ่ง
    เมื่อปรากฏว่า กองทัพญี่ปุ่นรบชนะรัสเซียในปี ค.ศ.1905 ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้ยิ่งใหญ่ก็คิดว่า ตนเองใกล้จะเป็นมหาอำนาจแล้ว งบประมาณของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1905 ถึง ปี ค.ศ.1914 จึงเน้นไปในทางพัฒนากองทัพและอาวุธ และเมื่อถึง ปี ค.ศ.1915 ระหว่างที่พวกฝรั่งกำลังทำสงครามโลกรบกันเอง ญี่ปุ่นจึงลองเชิง ยื่นข้อเสนอ 21 ข้อ ให้จีน
    ทากาฮาชิไม่เห็นด้วย เขาบอกว่า ญี่ปุ่นกำลังหาเรื่องใส่ตัว การกระทำดังกล่าว จะสร้างแรงสะท้อนกลับ ทำให้อังกฤษและอเมริกาไม่พอใจญี่ปุ่น และจะทำให้จีนเอง ก็เพิ่มการต่อต้านญี่ปุ่นด้วย และเมื่อทากาฮาชิได้เป็นรัฐมนตรีคลัง ในปี ค.ศ.1920 เขาจึงเสนอให้มีการลดกำลังกองทัพบก และกองทัพเรือลง เพราะว่ากองทัพกำลังคุกคามความเป็นประชาธิปไตยของญี่ปุ่น ในการกำหนดนโยบายด้านต่างประเทศ
    ดูเหมือนคำเตือนของทากาฮาชิ และข้อเสนอของเขา จะยิ่งสร้างความแตกแยก เกี่ยวกับเรื่องกองทัพของญี่ปุ่นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดมีการลอบฆ่าผู้ที่ไม่เห็นด้วย แน่นอน ผู้ที่ถูกลอบฆ่ามักจะเป็นเป็นฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีกองทัพ
    เมื่อนายกรัฐมนตรี ฮารา เคอิ Hara Kei ถูกลอบฆ่าในปี ค.ศ.1921 ทากาฮาชิ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนและไปตกลงทำสัญญา Washington Treaty 1922 ที่มีผลให้กองทัพเรือญี่ปุ่นต้องจำกัดจำนวนเรือ เมื่อเทียบกับกับอเมริกา อังกฤษ แล้ว สัดส่วนจำนวนเรือรบของญี่ปุ่นจะเป็นเพียง 3 ใน 5 ส่วน ของอเมริกากับอังกฤษแต่ละประเทศ และญี่ปุ่น ต้องคืนเกาะชิงเตา ของจีน ที่ให้เยอรมันเช่าไป และญี่ปุ่นไปยึดมาในช่วงทำสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ ข้อสัญญายังกำหนดให้ทุกฝ่ายเคารพอาณาเขตและอธิปไตยของจีน และหยุดการใช้กำลังทางทหารกับจีน
    สัญญานี้ ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้แก่ฝ่ายกองทัพของญี่ปุ่น ซึ่งบอกว่า ทากาฮาชิกำลังพาญี่ปุ่นเข้าไปอยูใต้ตีนของอังกฤษและอเมริกา เรื่องจีน
    เหมือนใครกำลังเล่นอะไร ปกป้อง คุ้มครอง ทนุถนอมจีนเป็นพิเศษ ถ้านึกถึงเรื่องสงครามฝิ่นและกบฏนักมวย ก็คงเข้าใจได้ว่า มันไม่ใช่เพราะความเห็นใจจีน และคงพอเห็นรางๆว่า น่าจะเป็นรายการหวงชามข้าว หรือแย่งชามข้าวกันมากกว่า
    หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง อังกฤษยังไม่ได้ทุกอย่างตามที่ลงทุนวางแผน ขนาดบ้านเมืองฉิบหายกันไปทั่ว และผู้คนล้มตายเกลื่อน อังกฤษ ยังมีเรื่องค้างที่ต้องทำต่ออีกแยะ คือการแบ่งสมบัติของผู้แพ้สงคราม การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง การจัดการเรื่อง อิตาลี เยอรมัน และรัสเซียให้จบแบบเบ็ดเสร็จ และไม่ใช่อังกฤษจะวุ่นเรื่องยุโรปเท่านั้น เรื่องในเอเซียก็ต้องจัดการด้วย สรุปคือ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย หลังจากสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 เสร็จ คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของโลกไปเรียบร้อยแล้ว จึงต้องการจัดการบ้านเมืองผู้อื่น รวมทั้งทรัพยากรของเขา ให้เป็นอย่างที่ตนเองต้องการ
    อ้าว แล้วอังกฤษ ลืมอเมริกา เจ้าหนี้รายใหญ่และผู้ร่วมปล้นตัวสำคัญไปแล้วหรือ คิดว่าอเมริกาจะอือออช่วยกันห่อแล้วหมกด้วยกันทุกเรื่องหรือไง
    ย้อนกลับมาที่จีน ในช่วง ปี ค.ศ.1900 หลังจากกบฏนักมวย จีนก็ยิ่งแตกเป็นก๊กมากขึ้น แต่ในที่สุด ในปี ค.ศ.1911 ซุนยัดเซ็น แห่งก๊กมินตั๋ง ก็ปฏิวัติยึดอำนาจในจีน โค่นราชวงศ์ชิงลงได้
    แต่อังกฤษไม่สบอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติในจีนอย่างยิ่ง ถึงกับบอกว่า ซุนยัดเซ็นคือตัวปัญหาใหญ่ของอังกฤษ ในเอเซีย ซุนยัดเซ็นควรจะปฏิวัติให้สำเร็จ และรีบปราบก๊กต่างๆ ในจีนให้ราบคาบ แต่ซุนยัดเซ็นกลับเดินสายพูดว่า เราต้องล้างคราบอาณานิคมฝรั่ง โดยเฉพาะอังกฤษ ให้หมดไปจากจีน
    เอะ ไหนเขาว่า ซุนยัดเซ็นนี้เป็นเด็กสร้างของฝรั่งไง สงสัยต้องขุดเรื่องคุณหมอซุนกันหน่อย จะได้ตามทันว่า อังกฤษต่อมแตก เพราะอะไร
    ซุนยัดเซ็น เกิดเมื่อปี ค.ศ.1866 เป็นชาวเมืองเจียงชัน (Xiangshan) ครอบครัวแค่พอมีกินมีใช้ อายุเพียง 13 ก็ นั่งเรือไปฮาวาย ไปอยู่กับ ซุนไหม พี่ชาย ที่นั่น เพื่อเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนฝรั่ง เขาพูด เขียนภาษาอังกฤษได้คล่อง แถมได้รางวัลด้านไวยากรณ์อังกฤษอีกด้วย หลังจากนั้นก็ เข้ารีต ไปนับถือศาสนาคริสเตียน และได้รับการสนับสนุนจากพวกมิชันนารีในจีนและฮาวาย ให้ข้ามไปเรียนหมอที่ฮ่องกงจนจบ ญาติพี่น้องส่วนใหญ่ของคุณหมอซุน ต่างก็ขึ้นเรือหนีชีวิตลำเค็ญในจีน ไปอยู่อเมริกาเป็นแถว พ่อเลยบอกว่า เขาก็ควรทำเช่นนั้น แต่คุณหมอซุนกลับนึกถึงประเทศจีน ที่ถูกฝรั่งกำลังลอกคราบ จึงไม่อยากไปทำงานในอเมริกา แต่คิดอยากทำปฏิวัติ ไล่ราชวงศ์จีน ไล่ฝรั่งออกไป แล้วสร้างจีนใหม่ เพื่อประชาชนจีนปกครองตัวเอง ขึ้นมาแทน
    ปี ค.ศ.1884 คุณหมอซุน ก็จัดประชุมที่ฮาวาย เพื่อจะตั้งสมาคมลับ ที่มีเป้าหมายจะโค่นล้มราชวงศ์แมนจู ต่อมาสมาคมลับนี้ ก็พัฒนาเป็นพวกก๊กมินตั๋ง
    คุณหมอซุน ได้เพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนมองเห็นการณ์ไกล คอยให้การสนับสนุน ชื่อ ชาลี ซ่ง ( Charlie Soong) เป็นชาวจีน ที่ไปสู้เอาข้างหน้าในอเมริกา แต่รวยแล้วกลับมาอยู่ในจีนแล้วก็ยิ่งรวยใหญ่ ชาลีชื่นชมความคิดของคุณหมอซุน ให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่เขาว่า มาแตกคอกัน เมื่อคุณหมอซุน ทดลองซ้อมปฏิวัติครั้งแรก ในปี ค.ศ.1895 แล้วปรากฏว่าล่มไม่เป็นท่า คุณหมอกับพวก ก็เลยอพยพ หลบไปปักหลักอยูที่ญี่ปุ่นเสียนาน โดยลูกสาว ชาลี ซ่ง หนีตามไปอยู่ด้วย เลยไม่แน่ใจว่า ชาลี ซ่ง แตกคอกับซุนยัดเซ็น เพราะเสียดายลูกสาว หรือเสียดายว่า ซุนยัดเซ็นปฏิวัติไม่สำเร็จ
    เอะ ปี ค.ศ.1895 นี่มัน จีนกับญี่ปุ่นทะเลาะกันรบกัน ไม่ใช่หรือ ก็ที่ญี่ปุ่นรบกับจีนเรื่องเกาหลีนะ ก็น่าคิด เหมือนมีใครมากระซิบบอกคุณหมอว่า จีนต้องยกกองทัพไปเกาหลี ค่ายทหารว่างทางปลอด น่าจะเป็นเวลาเหมาะในการปฏิวัติจีน แต่คุณหมอดันทำปฏิวัติไม่สำเร็จ แถมเลือกหลบภัยไปอยู่บ้านศัตรู เรื่องนี้มันชวนให้งงจริงๆ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 10 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 10 ในปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่นมอบหมายให้ ทากาฮาชิ ซึ่งไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไปทำหน้าที่หาเงินกู้ที่อังกฤษ เพื่อให้ญี่ปุ่นมีทุนไปรบรัสเซีย ปรากฏว่า มีผู้อุดหนุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซียล้นหลาม แสดงว่า รัสเซียคงไม่ค่อยมีเพื่อนในอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีผู้ลงทุนจากนิวยอร์ค ปารีส และฮัมเบอร์ก รายชื่อผู้ลงทุนให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย นอกจากมีสาระพัดบริษัทเงินทุนใหญ่คับโลกแล้ว ยังมีคนใหญ่ๆ คับโลก เช่น Lord Spencer เสนาบดีกระทรวงวังของอังกฤษ และมงกุฏราชกุมารของอังกฤษ ซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์ในชื่อของกษัตริย์ George ที่ 5 อีกด้วย จากการไปเดินสายหาเงินสนับสนุนการรบ ทากาฮาชิ ได้ข้อคิดกลับมาว่า ชัยชนะของญี่ปุ่น ไม่ได้ขึ้นกับความสามารถของญี่ปุ่นโดยลำพัง แต่จะต้องได้รับการสนับสนุน ด้านการเงินและอาวุธ จากอังกฤษและอเมริกา เขากลับมาบอกกับฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพญี่ปุ่นเช่นนั้น และทำให้เขาเป็นที่เกลียดชังของฝ่ายกองทัพอย่างยิ่ง เมื่อปรากฏว่า กองทัพญี่ปุ่นรบชนะรัสเซียในปี ค.ศ.1905 ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้ยิ่งใหญ่ก็คิดว่า ตนเองใกล้จะเป็นมหาอำนาจแล้ว งบประมาณของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1905 ถึง ปี ค.ศ.1914 จึงเน้นไปในทางพัฒนากองทัพและอาวุธ และเมื่อถึง ปี ค.ศ.1915 ระหว่างที่พวกฝรั่งกำลังทำสงครามโลกรบกันเอง ญี่ปุ่นจึงลองเชิง ยื่นข้อเสนอ 21 ข้อ ให้จีน ทากาฮาชิไม่เห็นด้วย เขาบอกว่า ญี่ปุ่นกำลังหาเรื่องใส่ตัว การกระทำดังกล่าว จะสร้างแรงสะท้อนกลับ ทำให้อังกฤษและอเมริกาไม่พอใจญี่ปุ่น และจะทำให้จีนเอง ก็เพิ่มการต่อต้านญี่ปุ่นด้วย และเมื่อทากาฮาชิได้เป็นรัฐมนตรีคลัง ในปี ค.ศ.1920 เขาจึงเสนอให้มีการลดกำลังกองทัพบก และกองทัพเรือลง เพราะว่ากองทัพกำลังคุกคามความเป็นประชาธิปไตยของญี่ปุ่น ในการกำหนดนโยบายด้านต่างประเทศ ดูเหมือนคำเตือนของทากาฮาชิ และข้อเสนอของเขา จะยิ่งสร้างความแตกแยก เกี่ยวกับเรื่องกองทัพของญี่ปุ่นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดมีการลอบฆ่าผู้ที่ไม่เห็นด้วย แน่นอน ผู้ที่ถูกลอบฆ่ามักจะเป็นเป็นฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีกองทัพ เมื่อนายกรัฐมนตรี ฮารา เคอิ Hara Kei ถูกลอบฆ่าในปี ค.ศ.1921 ทากาฮาชิ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนและไปตกลงทำสัญญา Washington Treaty 1922 ที่มีผลให้กองทัพเรือญี่ปุ่นต้องจำกัดจำนวนเรือ เมื่อเทียบกับกับอเมริกา อังกฤษ แล้ว สัดส่วนจำนวนเรือรบของญี่ปุ่นจะเป็นเพียง 3 ใน 5 ส่วน ของอเมริกากับอังกฤษแต่ละประเทศ และญี่ปุ่น ต้องคืนเกาะชิงเตา ของจีน ที่ให้เยอรมันเช่าไป และญี่ปุ่นไปยึดมาในช่วงทำสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ ข้อสัญญายังกำหนดให้ทุกฝ่ายเคารพอาณาเขตและอธิปไตยของจีน และหยุดการใช้กำลังทางทหารกับจีน สัญญานี้ ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้แก่ฝ่ายกองทัพของญี่ปุ่น ซึ่งบอกว่า ทากาฮาชิกำลังพาญี่ปุ่นเข้าไปอยูใต้ตีนของอังกฤษและอเมริกา เรื่องจีน เหมือนใครกำลังเล่นอะไร ปกป้อง คุ้มครอง ทนุถนอมจีนเป็นพิเศษ ถ้านึกถึงเรื่องสงครามฝิ่นและกบฏนักมวย ก็คงเข้าใจได้ว่า มันไม่ใช่เพราะความเห็นใจจีน และคงพอเห็นรางๆว่า น่าจะเป็นรายการหวงชามข้าว หรือแย่งชามข้าวกันมากกว่า หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง อังกฤษยังไม่ได้ทุกอย่างตามที่ลงทุนวางแผน ขนาดบ้านเมืองฉิบหายกันไปทั่ว และผู้คนล้มตายเกลื่อน อังกฤษ ยังมีเรื่องค้างที่ต้องทำต่ออีกแยะ คือการแบ่งสมบัติของผู้แพ้สงคราม การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง การจัดการเรื่อง อิตาลี เยอรมัน และรัสเซียให้จบแบบเบ็ดเสร็จ และไม่ใช่อังกฤษจะวุ่นเรื่องยุโรปเท่านั้น เรื่องในเอเซียก็ต้องจัดการด้วย สรุปคือ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย หลังจากสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 เสร็จ คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของโลกไปเรียบร้อยแล้ว จึงต้องการจัดการบ้านเมืองผู้อื่น รวมทั้งทรัพยากรของเขา ให้เป็นอย่างที่ตนเองต้องการ อ้าว แล้วอังกฤษ ลืมอเมริกา เจ้าหนี้รายใหญ่และผู้ร่วมปล้นตัวสำคัญไปแล้วหรือ คิดว่าอเมริกาจะอือออช่วยกันห่อแล้วหมกด้วยกันทุกเรื่องหรือไง ย้อนกลับมาที่จีน ในช่วง ปี ค.ศ.1900 หลังจากกบฏนักมวย จีนก็ยิ่งแตกเป็นก๊กมากขึ้น แต่ในที่สุด ในปี ค.ศ.1911 ซุนยัดเซ็น แห่งก๊กมินตั๋ง ก็ปฏิวัติยึดอำนาจในจีน โค่นราชวงศ์ชิงลงได้ แต่อังกฤษไม่สบอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติในจีนอย่างยิ่ง ถึงกับบอกว่า ซุนยัดเซ็นคือตัวปัญหาใหญ่ของอังกฤษ ในเอเซีย ซุนยัดเซ็นควรจะปฏิวัติให้สำเร็จ และรีบปราบก๊กต่างๆ ในจีนให้ราบคาบ แต่ซุนยัดเซ็นกลับเดินสายพูดว่า เราต้องล้างคราบอาณานิคมฝรั่ง โดยเฉพาะอังกฤษ ให้หมดไปจากจีน เอะ ไหนเขาว่า ซุนยัดเซ็นนี้เป็นเด็กสร้างของฝรั่งไง สงสัยต้องขุดเรื่องคุณหมอซุนกันหน่อย จะได้ตามทันว่า อังกฤษต่อมแตก เพราะอะไร ซุนยัดเซ็น เกิดเมื่อปี ค.ศ.1866 เป็นชาวเมืองเจียงชัน (Xiangshan) ครอบครัวแค่พอมีกินมีใช้ อายุเพียง 13 ก็ นั่งเรือไปฮาวาย ไปอยู่กับ ซุนไหม พี่ชาย ที่นั่น เพื่อเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนฝรั่ง เขาพูด เขียนภาษาอังกฤษได้คล่อง แถมได้รางวัลด้านไวยากรณ์อังกฤษอีกด้วย หลังจากนั้นก็ เข้ารีต ไปนับถือศาสนาคริสเตียน และได้รับการสนับสนุนจากพวกมิชันนารีในจีนและฮาวาย ให้ข้ามไปเรียนหมอที่ฮ่องกงจนจบ ญาติพี่น้องส่วนใหญ่ของคุณหมอซุน ต่างก็ขึ้นเรือหนีชีวิตลำเค็ญในจีน ไปอยู่อเมริกาเป็นแถว พ่อเลยบอกว่า เขาก็ควรทำเช่นนั้น แต่คุณหมอซุนกลับนึกถึงประเทศจีน ที่ถูกฝรั่งกำลังลอกคราบ จึงไม่อยากไปทำงานในอเมริกา แต่คิดอยากทำปฏิวัติ ไล่ราชวงศ์จีน ไล่ฝรั่งออกไป แล้วสร้างจีนใหม่ เพื่อประชาชนจีนปกครองตัวเอง ขึ้นมาแทน ปี ค.ศ.1884 คุณหมอซุน ก็จัดประชุมที่ฮาวาย เพื่อจะตั้งสมาคมลับ ที่มีเป้าหมายจะโค่นล้มราชวงศ์แมนจู ต่อมาสมาคมลับนี้ ก็พัฒนาเป็นพวกก๊กมินตั๋ง คุณหมอซุน ได้เพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนมองเห็นการณ์ไกล คอยให้การสนับสนุน ชื่อ ชาลี ซ่ง ( Charlie Soong) เป็นชาวจีน ที่ไปสู้เอาข้างหน้าในอเมริกา แต่รวยแล้วกลับมาอยู่ในจีนแล้วก็ยิ่งรวยใหญ่ ชาลีชื่นชมความคิดของคุณหมอซุน ให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่เขาว่า มาแตกคอกัน เมื่อคุณหมอซุน ทดลองซ้อมปฏิวัติครั้งแรก ในปี ค.ศ.1895 แล้วปรากฏว่าล่มไม่เป็นท่า คุณหมอกับพวก ก็เลยอพยพ หลบไปปักหลักอยูที่ญี่ปุ่นเสียนาน โดยลูกสาว ชาลี ซ่ง หนีตามไปอยู่ด้วย เลยไม่แน่ใจว่า ชาลี ซ่ง แตกคอกับซุนยัดเซ็น เพราะเสียดายลูกสาว หรือเสียดายว่า ซุนยัดเซ็นปฏิวัติไม่สำเร็จ เอะ ปี ค.ศ.1895 นี่มัน จีนกับญี่ปุ่นทะเลาะกันรบกัน ไม่ใช่หรือ ก็ที่ญี่ปุ่นรบกับจีนเรื่องเกาหลีนะ ก็น่าคิด เหมือนมีใครมากระซิบบอกคุณหมอว่า จีนต้องยกกองทัพไปเกาหลี ค่ายทหารว่างทางปลอด น่าจะเป็นเวลาเหมาะในการปฏิวัติจีน แต่คุณหมอดันทำปฏิวัติไม่สำเร็จ แถมเลือกหลบภัยไปอยู่บ้านศัตรู เรื่องนี้มันชวนให้งงจริงๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251126 #TechRadar

    Amazon ทุ่มงบ 50 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างระบบ AI และ HPC สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ
    เรื่องนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ Amazon ที่ต้องการยกระดับศักยภาพด้านการประมวลผลให้กับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ โดยจะเน้นไปที่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ความมั่นคงไซเบอร์ พลังงาน และการแพทย์ การลงทุนนี้จะเพิ่มกำลังการประมวลผลกว่า 1.3 กิกะวัตต์ในระบบคลาวด์ของรัฐบาล ทำให้สามารถทำงานจำลองและวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็วขึ้นมาก AWS CEO กล่าวว่านี่คือการเปิดทางให้หน่วยงานรัฐเข้าถึง AI ขั้นสูงเพื่อเร่งภารกิจสำคัญของประเทศ
    https://www.techradar.com/pro/talk-about-an-upgrade-amazon-is-spending-usd50-billion-on-new-ai-and-hpc-hardware-for-the-us-government

    ข่าวลือราคา iPhone พับได้ อาจสูงถึง $2,399 ทำให้ iPad Mini 8 ดูคุ้มกว่า
    มีรายงานจาก Fubon Research ว่า iPhone รุ่นพับได้ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 อาจมีราคาสูงถึง $2,399 ซึ่งถือว่าแพงกว่าที่หลายคนคาดไว้ แม้จะมีข่าวดีว่าหน้าจออาจไร้รอยพับ แต่ราคาที่สูงขนาดนี้ทำให้หลายคนมองว่าซื้อ iPhone รุ่นปกติพร้อม iPad Mini 8 อาจจะคุ้มกว่า เพราะได้สองหน้าจอในราคาที่ใกล้เคียงกัน การเปิดตัวคาดว่าจะใช้ชื่อ “iPhone Fold” และอยู่ในขั้นตอนการทดสอบก่อนผลิตจริง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/if-the-latest-foldable-iphone-price-rumor-is-correct-the-ipad-mini-8-will-be-the-only-sensible-choice

    ช่องโหว่ที่ซ่อนอยู่ในระบบ Cloud Security
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ระบบคลาวด์หลายเจ้า (multicloud) และการนำ AI หรือ container มาใช้งาน ทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่องค์กรอาจมองไม่เห็น โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายใน (east-west traffic) และการส่งข้อมูลออกไปภายนอก (egress traffic) ที่มักไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวคิดใหม่ “Cloud Native Security Fabric” ที่ฝังระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปในโครงสร้างเครือข่ายโดยตรง เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของ workload แบบเรียลไทม์
    https://www.techradar.com/pro/the-hidden-gaps-in-your-cloud-security-fabric

    Gemini 3 กับ Nano Banana Pro: AI ที่เปลี่ยนการแต่งภาพให้เหมือนงานศิลป์
    Google เปิดตัวเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งใช้พลังจาก Gemini 3 จุดเด่นคือสามารถปรับแสงเหมือนเปลี่ยนบรรยากาศจริง เช่น จากภาพธรรมดาให้กลายเป็นช่วง golden hour หรือเปลี่ยนฉากหลังโดยไม่ทำให้ตัวแบบดูหลุดออกจากภาพ นอกจากนี้ยังสามารถย้ายวัตถุหรือปรับโครงสร้างภาพได้อย่างสมจริง ทำให้การแก้ไขภาพซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่บอกคำสั่งเหมือนเล่าให้คนเข้าใจ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/gemini-3s-nano-banana-pro-photo-editing-is-amazing-here-are-3-ways-to-make-the-most-of-it

    สิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7: Broadcom ปรับโมเดลราคาใหม่จนลูกค้าหนักใจ
    หลังจาก Broadcom เข้าซื้อ VMware ด้วยมูลค่า 61 พันล้านดอลลาร์ ก็มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งการยกเลิกการขายแบบ perpetual license และเปลี่ยนเป็น subscription bundles ทำให้ต้นทุนของลูกค้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า การสิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7 ในเดือนตุลาคม 2025 ยิ่งสร้างแรงกดดันให้ธุรกิจต้องหาทางเลือกใหม่ หลายองค์กรเริ่มมองหาผู้ให้บริการรายอื่นหรือใช้ third-party support เพื่อคงระบบเดิมไว้โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสูงตามโมเดลใหม่
    https://www.techradar.com/pro/vsphere-7-support-ends-the-challenges-of-broadcoms-new-licensing-and-pricing-models

    Linux OS มียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งหลัง Windows 10 หมดการสนับสนุน
    หลังจาก Microsoft ยุติการสนับสนุน Windows 10 ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปหา Linux OS ทางเลือกใหม่ที่มีความปลอดภัยและเสถียร โดยมีรายงานว่ามียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งในเวลาไม่นาน ความนิยมนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้เริ่มมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพา Windows และยังได้ฟีเจอร์ที่ทันสมัยพร้อมการอัปเดตต่อเนื่องจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    https://www.techradar.com/computing/windows/this-linux-os-has-got-a-million-downloads-since-windows-10-support-ended-should-microsoft-start-worrying-now

    ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ Agent ให้ผู้ใช้สั่งงานแล้วปล่อยให้ทำเอง
    ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่ชื่อว่า Agent ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งภารกิจ เช่น ค้นหาข้อมูลหรือจัดการงาน แล้วปล่อยให้ระบบทำงานต่อเองโดยไม่ต้องติดตามตลอดเวลา ถือเป็นการยกระดับจากการสนทนาแบบโต้ตอบไปสู่การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานอื่นได้ในขณะที่ AI ทำงานเบื้องหลัง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-agent-feature-lets-you-assign-tasks-and-walk-away-heres-how-it-works

    มหาวิทยาลัย Harvard เผยข้อมูลรั่วไหลกระทบศิษย์เก่าและผู้บริจาค
    Harvard University ประกาศว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้ข้อมูลของศิษย์เก่าและผู้บริจาคถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการตรวจสอบและเสริมมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
    https://www.techradar.com/pro/security/harvard-university-reveals-data-breach-hitting-alumni-and-donors

    Zero Trust มี 3 ระดับความเร็วในการปรับใช้
    แนวคิด Zero Trust ที่เน้นการตรวจสอบทุกการเข้าถึงระบบ ไม่ว่าจะมาจากภายในหรือภายนอกองค์กร ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับความเร็วในการนำไปใช้ ได้แก่ ระดับเริ่มต้นที่เน้นการควบคุมพื้นฐาน ระดับกลางที่เริ่มใช้ระบบอัตโนมัติ และระดับสูงสุดที่ผสาน AI และการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสร้างความปลอดภัยแบบครบวงจร องค์กรสามารถเลือกปรับใช้ตามความพร้อมและทรัพยากรที่มี
    https://www.techradar.com/pro/the-three-speeds-of-zero-trust

    iLamp พลังงานแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเสาไฟให้กลายเป็นศูนย์กลาง AI
    นวัตกรรมใหม่ที่ชื่อว่า iLamp ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และติดตั้งระบบ AI ภายในเสาไฟ ทำให้สามารถทำหน้าที่มากกว่าแค่ให้แสงสว่าง เช่น การตรวจสอบสภาพแวดล้อม การเชื่อมต่อกับระบบเมืองอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการเปลี่ยนเสาไฟธรรมดาให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเมืองในอนาคต
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/solar-powered-ilamp-turns-the-humble-lamppost-into-an-ai-hub

    CEO Salesforce หันหลังให้ ChatGPT หันไปหา Gemini 3
    Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศเลิกใช้ ChatGPT หลังจากได้ลอง Google Gemini 3 เพียงสองชั่วโมง เขายกย่อง Gemini 3 ว่าเหนือกว่าในด้านความเร็ว การให้เหตุผล และความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ การเปลี่ยนใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในโลก AI และอาจส่งผลต่อทิศทางการใช้งาน AI ในองค์กรระดับโลก
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/the-leap-is-insane-salesforce-ceo-swaps-chatgpt-for-gemini-3-and-says-hes-not-going-back

    โน้ตบุ๊ก Geekom GeekBook X14 Pro เบาแต่แรง
    Geekom เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ GeekBook X14 Pro ที่มีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม แต่สเปกจัดเต็มด้วย Intel Core Ultra 9 และ Intel Arc GPU ที่รองรับการเร่งผลกราฟิกด้วย AI หน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz ทำให้ภาพคมชัดและสดใส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็ว จุดเด่นคือความเบาและพกพาสะดวก แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงสำหรับงานหนักและงานสร้างสรรค์
    https://www.techradar.com/pro/geekoms-new-laptop-offers-a-bright-and-wide-screen-impressive-hardware-but-it-weighs-less-than-a-bag-of-sugar

    บั๊ก Windows 11 เล่นงานการ์ดจอ Nvidia RTX 5090
    การอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคมทำให้เกิดปัญหากับเกมเมอร์ โดยเฉพาะเกม Assassin’s Creed Shadows ที่เฟรมเรตตกลงถึง 50% แม้ใช้การ์ดจอระดับเทพ RTX 5090 Nvidia ต้องรีบออกแพตช์แก้ไขฉุกเฉิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าต้นเหตุจริง ๆ มาจาก Microsoft หรือ Nvidia เอง ปัญหานี้ทำให้ผู้ใช้หลายคนต้องหาทางแก้ชั่วคราว เช่น ปิดฟีเจอร์ Resizable Bar เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/gpu/possible-windows-11-bug-with-nvidia-gpus-tanks-assassins-creed-shadows-performance-bringing-even-an-rtx-5090-to-its-knees

    แฟนเทคโนโลยีย้อนยุคสร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรู
    นักประดิษฐ์สายเรโทรได้สร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรูขึ้นใหม่ โดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์และเซ็นเซอร์แสงสมัยใหม่แทนกลไกเก่า ๆ เครื่องนี้สามารถอ่านข้อมูลจากเทปกระดาษได้ แม้ความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 50 ไบต์ต่อวินาที ซึ่งถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน แต่ก็เป็นการรื้อฟื้นเทคโนโลยีเก่าที่เคยมีบทบาทสำคัญในยุคแรกของคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์หลักคือการทดลองและอนุรักษ์ ไม่ใช่การใช้งานจริง
    https://www.techradar.com/pro/retro-computer-boffin-creates-a-freshly-created-perforated-tape-reader-just-dont-expect-high-data-reading-speeds

    DeepSeek-R1 ผู้ช่วย AI จากจีนเริ่มสะดุด DeepSeek-R1 ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งแห่งวงการ AI ตอนนี้กลับถูกวิจารณ์หนัก เพราะไม่สามารถจัดการกับหัวข้ออ่อนไหวได้ดี แถมยังสร้างโค้ดที่ผิดพลาดและมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย นักพัฒนาองค์กรที่เคยหวังพึ่งพากลับต้องระวังมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเหล่านี้อาจนำไปสู่หายนะด้านความปลอดภัยในระบบใหญ่ ๆ ได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนา AI ไม่ใช่แค่เรื่องความฉลาด แต่ต้องมั่นคงและปลอดภัยด้วย https://www.techradar.com/pro/deepseek-took-off-as-an-ai-superstar-a-year-ago-but-could-it-also-be-a-major-security-risk-these-experts-think-so

    แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นนักข่าว TechCrunch
    มีการเปิดโปงว่าแฮกเกอร์จำนวนมากกำลังสวมรอยเป็นผู้สื่อข่าวจาก TechCrunch เพื่อหลอกบริษัทต่าง ๆ ให้เปิดเผยข้อมูลลับ ทั้งผ่านอีเมลและการโทรศัพท์ พวกเขาใช้ความน่าเชื่อถือของสื่อใหญ่เป็นเครื่องมือในการโจมตี ทำให้หลายองค์กรตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าการตรวจสอบแหล่งที่มาของการติดต่อเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า
    https://www.techradar.com/pro/hackers-impersonate-techcrunch-reporters-to-steal-sensitive-information-but-you-can-always-trust-us

    แผน AI ระดับโลกของรัฐบาล Trump
    รัฐบาลสหรัฐภายใต้ Donald Trump ได้เปิดตัวแผนการครอบครองความเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก โดยมีเป้าหมายผลักดันให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี AI ที่เหนือกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่าแผนนี้อาจมีช่องโหว่และความเสี่ยง ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความปลอดภัย เพราะการเร่งรีบเพื่อครองความเป็นใหญ่ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-trump-administration-just-launched-its-own-plan-for-global-ai-dominance-and-what-could-go-wrong

    Meta เปิดโปรแกรมแลกเปลี่ยน Ray-Ban Smart Glasses
    Meta เปิดตัวโปรแกรมใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถนำ AirPods มาแลกเป็นแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ได้ แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องระวัง เช่น รุ่นที่สามารถแลกได้ และข้อจำกัดในการใช้งาน แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สิทธิ์นี้ทันที
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/metas-new-ray-ban-trade-in-program-lets-you-swap-your-airpods-for-smart-glasses-but-theres-a-catch
    📌📡🟢 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟢📡📌 #รวมข่าวIT #20251126 #TechRadar 🖥️ Amazon ทุ่มงบ 50 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างระบบ AI และ HPC สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ Amazon ที่ต้องการยกระดับศักยภาพด้านการประมวลผลให้กับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ โดยจะเน้นไปที่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ความมั่นคงไซเบอร์ พลังงาน และการแพทย์ การลงทุนนี้จะเพิ่มกำลังการประมวลผลกว่า 1.3 กิกะวัตต์ในระบบคลาวด์ของรัฐบาล ทำให้สามารถทำงานจำลองและวิเคราะห์ข้อมูลได้เร็วขึ้นมาก AWS CEO กล่าวว่านี่คือการเปิดทางให้หน่วยงานรัฐเข้าถึง AI ขั้นสูงเพื่อเร่งภารกิจสำคัญของประเทศ 🔗 https://www.techradar.com/pro/talk-about-an-upgrade-amazon-is-spending-usd50-billion-on-new-ai-and-hpc-hardware-for-the-us-government 📱 ข่าวลือราคา iPhone พับได้ อาจสูงถึง $2,399 ทำให้ iPad Mini 8 ดูคุ้มกว่า มีรายงานจาก Fubon Research ว่า iPhone รุ่นพับได้ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 อาจมีราคาสูงถึง $2,399 ซึ่งถือว่าแพงกว่าที่หลายคนคาดไว้ แม้จะมีข่าวดีว่าหน้าจออาจไร้รอยพับ แต่ราคาที่สูงขนาดนี้ทำให้หลายคนมองว่าซื้อ iPhone รุ่นปกติพร้อม iPad Mini 8 อาจจะคุ้มกว่า เพราะได้สองหน้าจอในราคาที่ใกล้เคียงกัน การเปิดตัวคาดว่าจะใช้ชื่อ “iPhone Fold” และอยู่ในขั้นตอนการทดสอบก่อนผลิตจริง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/if-the-latest-foldable-iphone-price-rumor-is-correct-the-ipad-mini-8-will-be-the-only-sensible-choice 🔒 ช่องโหว่ที่ซ่อนอยู่ในระบบ Cloud Security บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ระบบคลาวด์หลายเจ้า (multicloud) และการนำ AI หรือ container มาใช้งาน ทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่องค์กรอาจมองไม่เห็น โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายใน (east-west traffic) และการส่งข้อมูลออกไปภายนอก (egress traffic) ที่มักไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวคิดใหม่ “Cloud Native Security Fabric” ที่ฝังระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปในโครงสร้างเครือข่ายโดยตรง เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของ workload แบบเรียลไทม์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-hidden-gaps-in-your-cloud-security-fabric 🎨 Gemini 3 กับ Nano Banana Pro: AI ที่เปลี่ยนการแต่งภาพให้เหมือนงานศิลป์ Google เปิดตัวเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI ที่ชื่อ Nano Banana Pro ซึ่งใช้พลังจาก Gemini 3 จุดเด่นคือสามารถปรับแสงเหมือนเปลี่ยนบรรยากาศจริง เช่น จากภาพธรรมดาให้กลายเป็นช่วง golden hour หรือเปลี่ยนฉากหลังโดยไม่ทำให้ตัวแบบดูหลุดออกจากภาพ นอกจากนี้ยังสามารถย้ายวัตถุหรือปรับโครงสร้างภาพได้อย่างสมจริง ทำให้การแก้ไขภาพซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่บอกคำสั่งเหมือนเล่าให้คนเข้าใจ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/gemini-3s-nano-banana-pro-photo-editing-is-amazing-here-are-3-ways-to-make-the-most-of-it 💸 สิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7: Broadcom ปรับโมเดลราคาใหม่จนลูกค้าหนักใจ หลังจาก Broadcom เข้าซื้อ VMware ด้วยมูลค่า 61 พันล้านดอลลาร์ ก็มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ทั้งการยกเลิกการขายแบบ perpetual license และเปลี่ยนเป็น subscription bundles ทำให้ต้นทุนของลูกค้าเพิ่มขึ้นหลายเท่า การสิ้นสุดการสนับสนุน vSphere 7 ในเดือนตุลาคม 2025 ยิ่งสร้างแรงกดดันให้ธุรกิจต้องหาทางเลือกใหม่ หลายองค์กรเริ่มมองหาผู้ให้บริการรายอื่นหรือใช้ third-party support เพื่อคงระบบเดิมไว้โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสูงตามโมเดลใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/vsphere-7-support-ends-the-challenges-of-broadcoms-new-licensing-and-pricing-models 🐧 Linux OS มียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งหลัง Windows 10 หมดการสนับสนุน หลังจาก Microsoft ยุติการสนับสนุน Windows 10 ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปหา Linux OS ทางเลือกใหม่ที่มีความปลอดภัยและเสถียร โดยมีรายงานว่ามียอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านครั้งในเวลาไม่นาน ความนิยมนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้เริ่มมองหาทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพา Windows และยังได้ฟีเจอร์ที่ทันสมัยพร้อมการอัปเดตต่อเนื่องจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/this-linux-os-has-got-a-million-downloads-since-windows-10-support-ended-should-microsoft-start-worrying-now 🤖 ChatGPT เปิดตัวฟีเจอร์ Agent ให้ผู้ใช้สั่งงานแล้วปล่อยให้ทำเอง ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่ชื่อว่า Agent ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งภารกิจ เช่น ค้นหาข้อมูลหรือจัดการงาน แล้วปล่อยให้ระบบทำงานต่อเองโดยไม่ต้องติดตามตลอดเวลา ถือเป็นการยกระดับจากการสนทนาแบบโต้ตอบไปสู่การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับงานอื่นได้ในขณะที่ AI ทำงานเบื้องหลัง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-agent-feature-lets-you-assign-tasks-and-walk-away-heres-how-it-works 🏫 มหาวิทยาลัย Harvard เผยข้อมูลรั่วไหลกระทบศิษย์เก่าและผู้บริจาค Harvard University ประกาศว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้ข้อมูลของศิษย์เก่าและผู้บริจาคถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการตรวจสอบและเสริมมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/harvard-university-reveals-data-breach-hitting-alumni-and-donors 🛡️ Zero Trust มี 3 ระดับความเร็วในการปรับใช้ แนวคิด Zero Trust ที่เน้นการตรวจสอบทุกการเข้าถึงระบบ ไม่ว่าจะมาจากภายในหรือภายนอกองค์กร ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับความเร็วในการนำไปใช้ ได้แก่ ระดับเริ่มต้นที่เน้นการควบคุมพื้นฐาน ระดับกลางที่เริ่มใช้ระบบอัตโนมัติ และระดับสูงสุดที่ผสาน AI และการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสร้างความปลอดภัยแบบครบวงจร องค์กรสามารถเลือกปรับใช้ตามความพร้อมและทรัพยากรที่มี 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-three-speeds-of-zero-trust 🌞 iLamp พลังงานแสงอาทิตย์ เปลี่ยนเสาไฟให้กลายเป็นศูนย์กลาง AI นวัตกรรมใหม่ที่ชื่อว่า iLamp ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และติดตั้งระบบ AI ภายในเสาไฟ ทำให้สามารถทำหน้าที่มากกว่าแค่ให้แสงสว่าง เช่น การตรวจสอบสภาพแวดล้อม การเชื่อมต่อกับระบบเมืองอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการเปลี่ยนเสาไฟธรรมดาให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเมืองในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/solar-powered-ilamp-turns-the-humble-lamppost-into-an-ai-hub 🤖 CEO Salesforce หันหลังให้ ChatGPT หันไปหา Gemini 3 Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศเลิกใช้ ChatGPT หลังจากได้ลอง Google Gemini 3 เพียงสองชั่วโมง เขายกย่อง Gemini 3 ว่าเหนือกว่าในด้านความเร็ว การให้เหตุผล และความสามารถแบบมัลติโหมดที่รองรับทั้งข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ การเปลี่ยนใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในโลก AI และอาจส่งผลต่อทิศทางการใช้งาน AI ในองค์กรระดับโลก 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/the-leap-is-insane-salesforce-ceo-swaps-chatgpt-for-gemini-3-and-says-hes-not-going-back 💻 โน้ตบุ๊ก Geekom GeekBook X14 Pro เบาแต่แรง Geekom เปิดตัวโน้ตบุ๊กใหม่ GeekBook X14 Pro ที่มีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม แต่สเปกจัดเต็มด้วย Intel Core Ultra 9 และ Intel Arc GPU ที่รองรับการเร่งผลกราฟิกด้วย AI หน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K พร้อมรีเฟรชเรต 120Hz ทำให้ภาพคมชัดและสดใส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็ว จุดเด่นคือความเบาและพกพาสะดวก แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงสำหรับงานหนักและงานสร้างสรรค์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/geekoms-new-laptop-offers-a-bright-and-wide-screen-impressive-hardware-but-it-weighs-less-than-a-bag-of-sugar 🎮 บั๊ก Windows 11 เล่นงานการ์ดจอ Nvidia RTX 5090 การอัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคมทำให้เกิดปัญหากับเกมเมอร์ โดยเฉพาะเกม Assassin’s Creed Shadows ที่เฟรมเรตตกลงถึง 50% แม้ใช้การ์ดจอระดับเทพ RTX 5090 Nvidia ต้องรีบออกแพตช์แก้ไขฉุกเฉิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าต้นเหตุจริง ๆ มาจาก Microsoft หรือ Nvidia เอง ปัญหานี้ทำให้ผู้ใช้หลายคนต้องหาทางแก้ชั่วคราว เช่น ปิดฟีเจอร์ Resizable Bar เพื่อให้เล่นเกมได้ลื่นขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/possible-windows-11-bug-with-nvidia-gpus-tanks-assassins-creed-shadows-performance-bringing-even-an-rtx-5090-to-its-knees 📼 แฟนเทคโนโลยีย้อนยุคสร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรู นักประดิษฐ์สายเรโทรได้สร้างเครื่องอ่านเทปเจาะรูขึ้นใหม่ โดยใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์และเซ็นเซอร์แสงสมัยใหม่แทนกลไกเก่า ๆ เครื่องนี้สามารถอ่านข้อมูลจากเทปกระดาษได้ แม้ความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 50 ไบต์ต่อวินาที ซึ่งถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน แต่ก็เป็นการรื้อฟื้นเทคโนโลยีเก่าที่เคยมีบทบาทสำคัญในยุคแรกของคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์หลักคือการทดลองและอนุรักษ์ ไม่ใช่การใช้งานจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/retro-computer-boffin-creates-a-freshly-created-perforated-tape-reader-just-dont-expect-high-data-reading-speeds 🧠 DeepSeek-R1 ผู้ช่วย AI จากจีนเริ่มสะดุด DeepSeek-R1 ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งแห่งวงการ AI ตอนนี้กลับถูกวิจารณ์หนัก เพราะไม่สามารถจัดการกับหัวข้ออ่อนไหวได้ดี แถมยังสร้างโค้ดที่ผิดพลาดและมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย นักพัฒนาองค์กรที่เคยหวังพึ่งพากลับต้องระวังมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเหล่านี้อาจนำไปสู่หายนะด้านความปลอดภัยในระบบใหญ่ ๆ ได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนา AI ไม่ใช่แค่เรื่องความฉลาด แต่ต้องมั่นคงและปลอดภัยด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/deepseek-took-off-as-an-ai-superstar-a-year-ago-but-could-it-also-be-a-major-security-risk-these-experts-think-so 🕵️‍♂️ แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็นนักข่าว TechCrunch มีการเปิดโปงว่าแฮกเกอร์จำนวนมากกำลังสวมรอยเป็นผู้สื่อข่าวจาก TechCrunch เพื่อหลอกบริษัทต่าง ๆ ให้เปิดเผยข้อมูลลับ ทั้งผ่านอีเมลและการโทรศัพท์ พวกเขาใช้ความน่าเชื่อถือของสื่อใหญ่เป็นเครื่องมือในการโจมตี ทำให้หลายองค์กรตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่าการตรวจสอบแหล่งที่มาของการติดต่อเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินล้ำค่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/hackers-impersonate-techcrunch-reporters-to-steal-sensitive-information-but-you-can-always-trust-us 🌍 แผน AI ระดับโลกของรัฐบาล Trump รัฐบาลสหรัฐภายใต้ Donald Trump ได้เปิดตัวแผนการครอบครองความเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก โดยมีเป้าหมายผลักดันให้สหรัฐเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี AI ที่เหนือกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่าแผนนี้อาจมีช่องโหว่และความเสี่ยง ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความปลอดภัย เพราะการเร่งรีบเพื่อครองความเป็นใหญ่ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-trump-administration-just-launched-its-own-plan-for-global-ai-dominance-and-what-could-go-wrong 👓 Meta เปิดโปรแกรมแลกเปลี่ยน Ray-Ban Smart Glasses Meta เปิดตัวโปรแกรมใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถนำ AirPods มาแลกเป็นแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ได้ แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องระวัง เช่น รุ่นที่สามารถแลกได้ และข้อจำกัดในการใช้งาน แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สิทธิ์นี้ทันที ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/metas-new-ray-ban-trade-in-program-lets-you-swap-your-airpods-for-smart-glasses-but-theres-a-catch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251126 #securityonline

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Syncope (CVE-2025-65998)
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยจาก Apache เกี่ยวกับซอฟต์แวร์จัดการตัวตนชื่อ Syncope ที่องค์กรใหญ่ใช้กันมาก ปัญหาคือมีการฝัง "กุญแจ AES" เอาไว้ในโค้ดแบบตายตัว เมื่อผู้ดูแลระบบเลือกใช้การเข้ารหัสรหัสผ่านในฐานข้อมูล Syncope จะใช้กุญแจเดียวกันทุกระบบ ทำให้ถ้าใครเข้าถึงฐานข้อมูลได้ก็สามารถถอดรหัสรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ทันที ปัญหานี้กระทบหลายเวอร์ชัน และ Apache แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเกรดไปยังเวอร์ชันใหม่ที่แก้ไขแล้ว เพราะเวอร์ชันเก่าไม่มีแพตช์รองรับ
    https://securityonline.info/apache-syncope-flaw-cve-2025-65998-exposes-encrypted-user-passwords-due-to-hard-coded-aes-key

    Zenitel TCIV-3+ Intercoms เจอช่องโหว่ร้ายแรงหลายจุด (CVSS 9.8)
    Zenitel ออกประกาศด่วนพร้อมกับ CISA ว่าระบบอินเตอร์คอม TCIV-3+ มีช่องโหว่ถึง 5 จุด โดย 3 จุดเป็นการโจมตีแบบ OS Command Injection ที่ร้ายแรงมาก สามารถให้คนร้ายสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ XSS และ Out-of-Bounds Write ที่ทำให้เครื่องแครชได้ การแก้ไขคือผู้ใช้ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชัน 9.3.3.0 หรือใหม่กว่าโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้ อุปกรณ์สื่อสารสำคัญเหล่านี้อาจถูกควบคุมจากภายนอกได้
    https://securityonline.info/urgent-patch-required-zenitel-tciv-3-intercoms-hit-by-multiple-critical-flaws-cvss-9-8

    Node-forge (CVE-2025-12816) ช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็น
    ไลบรารีชื่อดัง node-forge ที่ใช้กันในหลายระบบทั่วโลก (ดาวน์โหลดกว่า 21 ล้านครั้งต่อสัปดาห์) ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้การตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลถูกหลอกได้ โดยการจัดการข้อมูล ASN.1 ที่บิดเบือน ทำให้ระบบที่ใช้ node-forge ตรวจสอบใบรับรองหรือไฟล์ที่เซ็นดิจิทัลอาจยอมรับข้อมูลปลอมว่าเป็นจริง ผลกระทบคือการปลอมตัวตน การยอมรับซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไข หรือการเจาะระบบผ่านแพ็กเกจที่ดูเหมือนถูกต้อง ทางผู้พัฒนาได้ออกเวอร์ชัน 1.3.2 เพื่อแก้ไขแล้ว และแนะนำให้รีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/critical-node-forge-flaw-cve-2025-12816-allows-signature-verification-bypass-via-asn-1-manipulation-21m-downloads-week

    RelayNFC มัลแวร์ Android ที่ทำให้มือถือกลายเป็นเครื่องอ่านบัตร
    นักวิจัยจาก Cyble พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันทำให้มือถือ Android ของเหยื่อกลายเป็นเครื่องอ่านบัตรเครดิต/เดบิตจากระยะไกล คนร้ายสามารถใช้ข้อมูลที่ได้ไปทำธุรกรรมเหมือนถือบัตรจริงอยู่ในมือ จุดน่ากลัวคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับใน VirusTotal และแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย เมื่อเหยื่อดาวน์โหลดแอปปลอมและทำตามคำสั่ง เช่น แตะบัตรกับมือถือ ข้อมูลบัตรและรหัส PIN จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคนร้ายทันที ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมาก
    https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers

    WordPress Plugin Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ถูกโจมตีจริงแล้ว
    ปลั๊กอิน Sneeit Framework ที่ใช้ในธีมยอดนิยมอย่าง FlatNews ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงระดับ 9.8 (Critical) ที่เปิดทางให้คนร้ายรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ฟังก์ชันที่ผิดพลาดคือการรับอินพุตจากผู้ใช้แล้วส่งต่อไปยัง call_user_func() โดยตรง ทำให้ใครก็ตามสามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลดเว็บเชลล์ หรือยึดเว็บไซต์ไปได้ทันที ตอนนี้มีการโจมตีจริงเกิดขึ้นแล้ว โดย Wordfence รายงานว่ามีการบล็อกการโจมตีเกือบ 500 ครั้งในวันเดียว ผู้พัฒนาปลั๊กอินได้ออกเวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขแล้ว เจ้าของเว็บไซต์ WordPress ต้องรีบอัปเดตโดยด่วน
    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce

    ASUS Router เจอช่องโหว่ 8 จุด (CVE-2025-59366)
    ASUS ประกาศเตือนว่าเราท์เตอร์หลายรุ่นมีช่องโหว่รวม 8 จุด โดยมีช่องโหว่ Authentication Bypass ที่ร้ายแรงมาก (CVSS 9.4) ทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ผลกระทบคือผู้โจมตีอาจควบคุมการตั้งค่าเครือข่ายหรือดักข้อมูลการใช้งานได้ทันที ASUS แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4

    Fluent Bit เจอช่องโหว่ร้ายแรง เปิดทาง RCE และแก้ไข Telemetry
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือเก็บและส่งข้อมูล Log ที่องค์กรใหญ่ใช้กัน ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้คนร้ายสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ รวมถึงแก้ไขข้อมูล Telemetry ที่ส่งออกไป ทำให้ระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลผิดเพี้ยนได้ทันที ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชัน และมีความเสี่ยงสูงต่อองค์กรที่ใช้ Fluent Bit ในระบบคลาวด์หรือโครงสร้างพื้นฐานหลัก
    https://securityonline.info/critical-fluent-bit-flaws-enable-rce-and-telemetry-tampering-in-major-orgs

    CISA เตือนด่วน: Spyware ใช้ Zero-Click และ QR Code มุ่งโจมตีแอปแชท
    CISA ออกประกาศฉุกเฉินว่ามี Spyware เชิงพาณิชย์ที่ใช้เทคนิค Zero-Click และ QR Code อันตรายเพื่อแฮ็กแอปแชทบนมือถือ โดยไม่ต้องให้เหยื่อกดหรือทำอะไรเลย เพียงแค่เปิดข้อความหรือสแกน QR Code ก็ถูกเจาะได้ทันที ผลคือข้อมูลส่วนตัว การสนทนา และบัญชีผู้ใช้สามารถถูกยึดไปได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นภัยคุกคามที่กำลังแพร่กระจายและต้องระวังอย่างมาก
    https://securityonline.info/cisa-emergency-alert-commercial-spyware-exploiting-zero-click-and-malicious-qr-codes-to-hijack-messaging-apps

    GRU Unit 29155 ใช้ SocGholish โจมตีบริษัทในสหรัฐฯ
    มีรายงานว่า GRU Unit 29155 ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ใช้มัลแวร์ SocGholish ในการโจมตีบริษัทสหรัฐฯ โดย SocGholish มักปลอมตัวเป็นการอัปเดตเบราว์เซอร์เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งมัลแวร์ จากนั้นเปิดทางให้คนร้ายเข้าถึงระบบภายในองค์กรได้ การโจมตีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เครื่องมือไซเบอร์ขั้นสูงในปฏิบัติการทางการเมืองและเศรษฐกิจ
    https://securityonline.info/gru-unit-29155-uses-socgholish-to-target-us-firm

    ASUS Router พบช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดตด่วน
    ASUS ออกประกาศเตือนผู้ใช้เร้าเตอร์ หลังพบช่องโหว่รวม 8 จุดที่อาจถูกโจมตีได้ โดยมีช่องโหว่ร้ายแรงที่สุดคือการ Authentication Bypass ในระบบ AiCloud ที่มีคะแนนความเสี่ยงสูงถึง 9.4 ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงฟังก์ชันโดยไม่ต้องมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีปัญหา Path Traversal, Command Injection และ SQL Injection ที่อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือดึงข้อมูลออกไปได้ ASUS ได้ปล่อยเฟิร์มแวร์ใหม่ในเดือนตุลาคม 2025 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4

    มัลแวร์ RelayNFC บน Android เปลี่ยนมือถือเป็นเครื่องอ่านบัตร
    นักวิจัยจาก Cyble Research พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันสามารถเปลี่ยนมือถือ Android ของเหยื่อให้กลายเป็นเครื่องอ่านบัตร NFC จากนั้นส่งข้อมูลบัตรและรหัส PIN ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์แบบเรียลไทม์ จุดที่น่ากังวลคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับโดยโปรแกรมแอนติไวรัสใด ๆ และถูกแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย ผู้ใช้ที่หลงเชื่อจะถูกหลอกให้ติดตั้งแอป APK อันตรายและกรอกข้อมูลบัตรของตัวเอง ทำให้แฮกเกอร์สามารถทำธุรกรรมเสมือนว่ามีบัตรจริงอยู่ในมือ
    https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers

    ช่องโหว่ MyASUS เปิดทางให้ยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM
    ASUS ยังเจอปัญหาอีกหนึ่งอย่างในซอฟต์แวร์ MyASUS โดยมีช่องโหว่ Local Privilege Escalation (CVE-2025-59373) ที่ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถยกระดับเป็น SYSTEM ได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์สูงสุดบน Windows ช่องโหว่นี้เกิดจากกลไกการกู้ไฟล์ที่ตรวจสอบไม่ดี ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทนที่ไฟล์ที่เชื่อถือได้ด้วยไฟล์อันตราย และเมื่อระบบเรียกใช้งานก็จะรันในสิทธิ์สูงสุดทันที ASUS ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ใช้สามารถอัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ASUS โดยตรง
    https://securityonline.info/asus-lpe-flaw-cve-2025-59373-high-severity-bug-grants-system-privileges-via-myasus-component

    ศาลสหรัฐฯ สั่งห้าม OpenAI ใช้ชื่อ "Cameo" ใน Sora
    เกิดคดีฟ้องร้องระหว่างแพลตฟอร์มวิดีโอคนดัง Cameo กับ OpenAI ที่ใช้ชื่อ “Cameo” ในฟีเจอร์ของแอป Sora ศาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งชั่วคราวห้าม OpenAI ใช้คำนี้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม โดยให้เหตุผลว่าชื่อดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้สับสนกับบริการของ Cameo ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ฝั่ง Cameo มองว่านี่คือการปกป้องแบรนด์ ส่วน OpenAI แย้งว่าคำว่า “cameo” เป็นคำทั่วไปที่ไม่ควรมีใครถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้จะมีการไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 19 ธันวาคมเพื่อพิจารณาว่าจะทำให้คำสั่งนี้ถาวรหรือไม่
    https://securityonline.info/cameo-wins-tro-against-openai-sora-barred-from-using-cameo-trademark

    Google เตรียมรวม Android และ ChromeOS ภายใต้ชื่อ Aluminium OS
    มีการค้นพบจากประกาศรับสมัครงานที่เผยว่า Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน Aluminium OS จะรองรับหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ไปจนถึงมินิพีซี และมีการแบ่งระดับเป็น Entry, Mass Premium และ Premium แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มคือ ChromeOS จะถูกแทนที่ในอนาคต และ Aluminium OS จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้แทนทั้งหมด
    https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os

    Chromium เปิดดีเบตอีกครั้งเรื่อง JPEG-XL หลัง Apple นำไปใช้
    ทีมพัฒนา Chromium กำลังถกเถียงว่าจะนำฟอร์แมตภาพ JPEG-XL กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ Apple ได้ประกาศรองรับในระบบของตน ฟอร์แมตนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแทน JPEG แบบดั้งเดิม โดยมีคุณภาพสูงกว่าและขนาดไฟล์เล็กกว่า แต่ก่อนหน้านี้ Google เคยตัดสินใจถอดออกจาก Chromium เพราะมองว่าไม่จำเป็น ตอนนี้การที่ Apple นำไปใช้ทำให้เกิดแรงกดดันให้ Google พิจารณาใหม่ว่าจะกลับมาเปิดใช้งานหรือไม่
    https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it

    OpenAI เปิดตัว Shopping Research สร้างคู่มือซื้อของเฉพาะบุคคล
    OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า Shopping Research ที่สามารถสร้างคู่มือการซื้อสินค้าแบบเฉพาะบุคคลได้ โดยผู้ใช้เพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการ เช่น “หาหูฟังสำหรับวิ่ง” ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูล รีวิว และตัวเลือกที่เหมาะสม แล้วสรุปออกมาเป็นคู่มือการซื้อที่เข้าใจง่าย จุดเด่นคือการทำให้การค้นหาสินค้าไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลเอง แต่ได้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น
    https://securityonline.info/openai-launches-shopping-research-chatgpt-now-generates-personalized-buying-guides

    Android เตรียมเพิ่ม Universal Clipboard ใช้งานข้ามอุปกรณ์ได้
    Google กำลังพัฒนา Universal Clipboard สำหรับ Android ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความหรือไฟล์จากมือถือ แล้วนำไปวางบน Chromebook หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ทันที ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การทำงานระหว่างหลายอุปกรณ์ราบรื่นขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีส่งไฟล์หรือข้อความผ่านแอปแชทอีกต่อไป ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งาน Android ให้ใกล้เคียงกับระบบนิเวศของ Apple ที่มีฟีเจอร์คล้ายกันอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/android-getting-native-universal-clipboard-seamless-sync-coming-to-phones-chromebooks

    ราคาการ์ดจอ AMD จะขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026
    มีรายงานว่า AMD GPU จะปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำที่ใช้ผลิตการ์ดจอเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การปรับราคานี้จะกระทบทั้งรุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและรุ่นสำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดการ์ดจออาจเผชิญแรงกดดันจากทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพราะความต้องการยังสูง แต่ต้นทุนกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
    https://securityonline.info/amd-gpu-prices-to-increase-by-at-least-10-in-2026-due-to-surging-memory-costs

    Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มจัดการคดีสำหรับทีมดิจิทัลฟอเรนสิก
    ​​​​​​​บริษัท Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการจัดการคดีที่ออกแบบมาเพื่อทีมดิจิทัลฟอเรนสิกและการตอบสนองเหตุการณ์ไซเบอร์ ระบบนี้ช่วยให้ทีมสามารถเก็บหลักฐาน จัดการข้อมูล และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การทำงานที่ซับซ้อนสามารถจัดการได้ง่ายขึ้นและลดเวลาในการสืบสวน
    https://securityonline.info/detego-global-launches-case-management-platform-for-digital-forensics-and-incident-response-teams
    📌🔒🟢 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟢🔒📌 #รวมข่าวIT #20251126 #securityonline 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Syncope (CVE-2025-65998) เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยจาก Apache เกี่ยวกับซอฟต์แวร์จัดการตัวตนชื่อ Syncope ที่องค์กรใหญ่ใช้กันมาก ปัญหาคือมีการฝัง "กุญแจ AES" เอาไว้ในโค้ดแบบตายตัว เมื่อผู้ดูแลระบบเลือกใช้การเข้ารหัสรหัสผ่านในฐานข้อมูล Syncope จะใช้กุญแจเดียวกันทุกระบบ ทำให้ถ้าใครเข้าถึงฐานข้อมูลได้ก็สามารถถอดรหัสรหัสผ่านทั้งหมดออกมาได้ทันที ปัญหานี้กระทบหลายเวอร์ชัน และ Apache แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเกรดไปยังเวอร์ชันใหม่ที่แก้ไขแล้ว เพราะเวอร์ชันเก่าไม่มีแพตช์รองรับ 🔗 https://securityonline.info/apache-syncope-flaw-cve-2025-65998-exposes-encrypted-user-passwords-due-to-hard-coded-aes-key 📞 Zenitel TCIV-3+ Intercoms เจอช่องโหว่ร้ายแรงหลายจุด (CVSS 9.8) Zenitel ออกประกาศด่วนพร้อมกับ CISA ว่าระบบอินเตอร์คอม TCIV-3+ มีช่องโหว่ถึง 5 จุด โดย 3 จุดเป็นการโจมตีแบบ OS Command Injection ที่ร้ายแรงมาก สามารถให้คนร้ายสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ XSS และ Out-of-Bounds Write ที่ทำให้เครื่องแครชได้ การแก้ไขคือผู้ใช้ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชัน 9.3.3.0 หรือใหม่กว่าโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้ อุปกรณ์สื่อสารสำคัญเหล่านี้อาจถูกควบคุมจากภายนอกได้ 🔗 https://securityonline.info/urgent-patch-required-zenitel-tciv-3-intercoms-hit-by-multiple-critical-flaws-cvss-9-8 🔐 Node-forge (CVE-2025-12816) ช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็น ไลบรารีชื่อดัง node-forge ที่ใช้กันในหลายระบบทั่วโลก (ดาวน์โหลดกว่า 21 ล้านครั้งต่อสัปดาห์) ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้การตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัลถูกหลอกได้ โดยการจัดการข้อมูล ASN.1 ที่บิดเบือน ทำให้ระบบที่ใช้ node-forge ตรวจสอบใบรับรองหรือไฟล์ที่เซ็นดิจิทัลอาจยอมรับข้อมูลปลอมว่าเป็นจริง ผลกระทบคือการปลอมตัวตน การยอมรับซอฟต์แวร์ที่ถูกแก้ไข หรือการเจาะระบบผ่านแพ็กเกจที่ดูเหมือนถูกต้อง ทางผู้พัฒนาได้ออกเวอร์ชัน 1.3.2 เพื่อแก้ไขแล้ว และแนะนำให้รีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/critical-node-forge-flaw-cve-2025-12816-allows-signature-verification-bypass-via-asn-1-manipulation-21m-downloads-week 📱 RelayNFC มัลแวร์ Android ที่ทำให้มือถือกลายเป็นเครื่องอ่านบัตร นักวิจัยจาก Cyble พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันทำให้มือถือ Android ของเหยื่อกลายเป็นเครื่องอ่านบัตรเครดิต/เดบิตจากระยะไกล คนร้ายสามารถใช้ข้อมูลที่ได้ไปทำธุรกรรมเหมือนถือบัตรจริงอยู่ในมือ จุดน่ากลัวคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับใน VirusTotal และแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย เมื่อเหยื่อดาวน์โหลดแอปปลอมและทำตามคำสั่ง เช่น แตะบัตรกับมือถือ ข้อมูลบัตรและรหัส PIN จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคนร้ายทันที ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers 🌐 WordPress Plugin Sneeit Framework (CVE-2025-6389) ถูกโจมตีจริงแล้ว ปลั๊กอิน Sneeit Framework ที่ใช้ในธีมยอดนิยมอย่าง FlatNews ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงระดับ 9.8 (Critical) ที่เปิดทางให้คนร้ายรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ฟังก์ชันที่ผิดพลาดคือการรับอินพุตจากผู้ใช้แล้วส่งต่อไปยัง call_user_func() โดยตรง ทำให้ใครก็ตามสามารถสร้างบัญชีแอดมินปลอม อัปโหลดเว็บเชลล์ หรือยึดเว็บไซต์ไปได้ทันที ตอนนี้มีการโจมตีจริงเกิดขึ้นแล้ว โดย Wordfence รายงานว่ามีการบล็อกการโจมตีเกือบ 500 ครั้งในวันเดียว ผู้พัฒนาปลั๊กอินได้ออกเวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขแล้ว เจ้าของเว็บไซต์ WordPress ต้องรีบอัปเดตโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce 📡 ASUS Router เจอช่องโหว่ 8 จุด (CVE-2025-59366) ASUS ประกาศเตือนว่าเราท์เตอร์หลายรุ่นมีช่องโหว่รวม 8 จุด โดยมีช่องโหว่ Authentication Bypass ที่ร้ายแรงมาก (CVSS 9.4) ทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน ผลกระทบคือผู้โจมตีอาจควบคุมการตั้งค่าเครือข่ายหรือดักข้อมูลการใช้งานได้ทันที ASUS แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4 💻 Fluent Bit เจอช่องโหว่ร้ายแรง เปิดทาง RCE และแก้ไข Telemetry Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือเก็บและส่งข้อมูล Log ที่องค์กรใหญ่ใช้กัน ถูกพบช่องโหว่ที่ทำให้คนร้ายสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ รวมถึงแก้ไขข้อมูล Telemetry ที่ส่งออกไป ทำให้ระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลผิดเพี้ยนได้ทันที ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชัน และมีความเสี่ยงสูงต่อองค์กรที่ใช้ Fluent Bit ในระบบคลาวด์หรือโครงสร้างพื้นฐานหลัก 🔗 https://securityonline.info/critical-fluent-bit-flaws-enable-rce-and-telemetry-tampering-in-major-orgs 📲 CISA เตือนด่วน: Spyware ใช้ Zero-Click และ QR Code มุ่งโจมตีแอปแชท CISA ออกประกาศฉุกเฉินว่ามี Spyware เชิงพาณิชย์ที่ใช้เทคนิค Zero-Click และ QR Code อันตรายเพื่อแฮ็กแอปแชทบนมือถือ โดยไม่ต้องให้เหยื่อกดหรือทำอะไรเลย เพียงแค่เปิดข้อความหรือสแกน QR Code ก็ถูกเจาะได้ทันที ผลคือข้อมูลส่วนตัว การสนทนา และบัญชีผู้ใช้สามารถถูกยึดไปได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นภัยคุกคามที่กำลังแพร่กระจายและต้องระวังอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/cisa-emergency-alert-commercial-spyware-exploiting-zero-click-and-malicious-qr-codes-to-hijack-messaging-apps 🎭 GRU Unit 29155 ใช้ SocGholish โจมตีบริษัทในสหรัฐฯ มีรายงานว่า GRU Unit 29155 ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ใช้มัลแวร์ SocGholish ในการโจมตีบริษัทสหรัฐฯ โดย SocGholish มักปลอมตัวเป็นการอัปเดตเบราว์เซอร์เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งมัลแวร์ จากนั้นเปิดทางให้คนร้ายเข้าถึงระบบภายในองค์กรได้ การโจมตีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เครื่องมือไซเบอร์ขั้นสูงในปฏิบัติการทางการเมืองและเศรษฐกิจ 🔗 https://securityonline.info/gru-unit-29155-uses-socgholish-to-target-us-firm 🛡️ ASUS Router พบช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดตด่วน ASUS ออกประกาศเตือนผู้ใช้เร้าเตอร์ หลังพบช่องโหว่รวม 8 จุดที่อาจถูกโจมตีได้ โดยมีช่องโหว่ร้ายแรงที่สุดคือการ Authentication Bypass ในระบบ AiCloud ที่มีคะแนนความเสี่ยงสูงถึง 9.4 ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงฟังก์ชันโดยไม่ต้องมีสิทธิ์ที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีปัญหา Path Traversal, Command Injection และ SQL Injection ที่อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมหรือดึงข้อมูลออกไปได้ ASUS ได้ปล่อยเฟิร์มแวร์ใหม่ในเดือนตุลาคม 2025 เพื่อแก้ไขทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/8-flaws-asus-routers-urgently-need-patch-for-authentication-bypass-cve-2025-59366-cvss-9-4 📱 มัลแวร์ RelayNFC บน Android เปลี่ยนมือถือเป็นเครื่องอ่านบัตร นักวิจัยจาก Cyble Research พบมัลแวร์ใหม่ชื่อ RelayNFC ที่แพร่ระบาดในบราซิล มันสามารถเปลี่ยนมือถือ Android ของเหยื่อให้กลายเป็นเครื่องอ่านบัตร NFC จากนั้นส่งข้อมูลบัตรและรหัส PIN ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์แบบเรียลไทม์ จุดที่น่ากังวลคือมัลแวร์นี้ยังไม่ถูกตรวจจับโดยโปรแกรมแอนติไวรัสใด ๆ และถูกแพร่ผ่านเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นพอร์ทัลความปลอดภัย ผู้ใช้ที่หลงเชื่อจะถูกหลอกให้ติดตั้งแอป APK อันตรายและกรอกข้อมูลบัตรของตัวเอง ทำให้แฮกเกอร์สามารถทำธุรกรรมเสมือนว่ามีบัตรจริงอยู่ในมือ 🔗 https://securityonline.info/zero-detection-relaynfc-android-malware-turns-phones-into-remote-card-readers ⚠️ ช่องโหว่ MyASUS เปิดทางให้ยกระดับสิทธิ์เป็น SYSTEM ASUS ยังเจอปัญหาอีกหนึ่งอย่างในซอฟต์แวร์ MyASUS โดยมีช่องโหว่ Local Privilege Escalation (CVE-2025-59373) ที่ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถยกระดับเป็น SYSTEM ได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์สูงสุดบน Windows ช่องโหว่นี้เกิดจากกลไกการกู้ไฟล์ที่ตรวจสอบไม่ดี ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทนที่ไฟล์ที่เชื่อถือได้ด้วยไฟล์อันตราย และเมื่อระบบเรียกใช้งานก็จะรันในสิทธิ์สูงสุดทันที ASUS ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ใช้สามารถอัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ ASUS โดยตรง 🔗 https://securityonline.info/asus-lpe-flaw-cve-2025-59373-high-severity-bug-grants-system-privileges-via-myasus-component ⚖️ ศาลสหรัฐฯ สั่งห้าม OpenAI ใช้ชื่อ "Cameo" ใน Sora เกิดคดีฟ้องร้องระหว่างแพลตฟอร์มวิดีโอคนดัง Cameo กับ OpenAI ที่ใช้ชื่อ “Cameo” ในฟีเจอร์ของแอป Sora ศาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งชั่วคราวห้าม OpenAI ใช้คำนี้จนถึงวันที่ 22 ธันวาคม โดยให้เหตุผลว่าชื่อดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้สับสนกับบริการของ Cameo ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ฝั่ง Cameo มองว่านี่คือการปกป้องแบรนด์ ส่วน OpenAI แย้งว่าคำว่า “cameo” เป็นคำทั่วไปที่ไม่ควรมีใครถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้จะมีการไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 19 ธันวาคมเพื่อพิจารณาว่าจะทำให้คำสั่งนี้ถาวรหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/cameo-wins-tro-against-openai-sora-barred-from-using-cameo-trademark 💻 Google เตรียมรวม Android และ ChromeOS ภายใต้ชื่อ Aluminium OS มีการค้นพบจากประกาศรับสมัครงานที่เผยว่า Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน Aluminium OS จะรองรับหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ไปจนถึงมินิพีซี และมีการแบ่งระดับเป็น Entry, Mass Premium และ Premium แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มคือ ChromeOS จะถูกแทนที่ในอนาคต และ Aluminium OS จะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ใช้แทนทั้งหมด 🔗 https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os 🖼️ Chromium เปิดดีเบตอีกครั้งเรื่อง JPEG-XL หลัง Apple นำไปใช้ ทีมพัฒนา Chromium กำลังถกเถียงว่าจะนำฟอร์แมตภาพ JPEG-XL กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่ Apple ได้ประกาศรองรับในระบบของตน ฟอร์แมตนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแทน JPEG แบบดั้งเดิม โดยมีคุณภาพสูงกว่าและขนาดไฟล์เล็กกว่า แต่ก่อนหน้านี้ Google เคยตัดสินใจถอดออกจาก Chromium เพราะมองว่าไม่จำเป็น ตอนนี้การที่ Apple นำไปใช้ทำให้เกิดแรงกดดันให้ Google พิจารณาใหม่ว่าจะกลับมาเปิดใช้งานหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it 🛍️ OpenAI เปิดตัว Shopping Research สร้างคู่มือซื้อของเฉพาะบุคคล OpenAI เปิดฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า Shopping Research ที่สามารถสร้างคู่มือการซื้อสินค้าแบบเฉพาะบุคคลได้ โดยผู้ใช้เพียงพิมพ์สิ่งที่ต้องการ เช่น “หาหูฟังสำหรับวิ่ง” ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูล รีวิว และตัวเลือกที่เหมาะสม แล้วสรุปออกมาเป็นคู่มือการซื้อที่เข้าใจง่าย จุดเด่นคือการทำให้การค้นหาสินค้าไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลเอง แต่ได้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/openai-launches-shopping-research-chatgpt-now-generates-personalized-buying-guides 🔗 Android เตรียมเพิ่ม Universal Clipboard ใช้งานข้ามอุปกรณ์ได้ Google กำลังพัฒนา Universal Clipboard สำหรับ Android ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อความหรือไฟล์จากมือถือ แล้วนำไปวางบน Chromebook หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ทันที ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การทำงานระหว่างหลายอุปกรณ์ราบรื่นขึ้น ไม่ต้องใช้วิธีส่งไฟล์หรือข้อความผ่านแอปแชทอีกต่อไป ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งาน Android ให้ใกล้เคียงกับระบบนิเวศของ Apple ที่มีฟีเจอร์คล้ายกันอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/android-getting-native-universal-clipboard-seamless-sync-coming-to-phones-chromebooks 💸 ราคาการ์ดจอ AMD จะขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 มีรายงานว่า AMD GPU จะปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 10% ในปี 2026 เนื่องจากต้นทุนหน่วยความจำที่ใช้ผลิตการ์ดจอเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การปรับราคานี้จะกระทบทั้งรุ่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและรุ่นสำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดการ์ดจออาจเผชิญแรงกดดันจากทั้งฝั่งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพราะความต้องการยังสูง แต่ต้นทุนกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง 🔗 https://securityonline.info/amd-gpu-prices-to-increase-by-at-least-10-in-2026-due-to-surging-memory-costs 🕵️‍♂️ Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มจัดการคดีสำหรับทีมดิจิทัลฟอเรนสิก ​​​​​​​บริษัท Detego Global เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สำหรับการจัดการคดีที่ออกแบบมาเพื่อทีมดิจิทัลฟอเรนสิกและการตอบสนองเหตุการณ์ไซเบอร์ ระบบนี้ช่วยให้ทีมสามารถเก็บหลักฐาน จัดการข้อมูล และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การทำงานที่ซับซ้อนสามารถจัดการได้ง่ายขึ้นและลดเวลาในการสืบสวน 🔗 https://securityonline.info/detego-global-launches-case-management-platform-for-digital-forensics-and-incident-response-teams
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts