• GlobalFoundries (GF) หนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก กำลังจะเปิดศูนย์ใหม่สำหรับการบรรจุภัณฑ์และทดสอบชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ ที่นิวยอร์ก! ศูนย์นี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐนิวยอร์กและกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถผลิต ประมวลผล บรรจุภัณฑ์ และทดสอบชิปทั้งหมดในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของชิปซิลิคอนโฟโตนิกส์และชิปอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับตลาดสำคัญ ๆ เช่น AI, ยานยนต์, อวกาศและการป้องกันประเทศ, และการสื่อสาร

    การเติบโตของ AI กำลังผลักดันการนำชิปซิลิคอนโฟโตนิกส์และชิป 3D และ HI มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงาน แบนด์วิดท์ และความหนาแน่นในดาต้าเซ็นเตอร์และอุปกรณ์ขอบ ชิปซิลิคอนโฟโตนิกส์ยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานและประสิทธิภาพในยานยนต์ การสื่อสาร เรดาร์ และแอปพลิเคชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่น ๆ

    ศูนย์นี้จะมีการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง การประกอบ และการทดสอบสำหรับแพลตฟอร์มซิลิคอนโฟโตนิกส์ของ GF ซึ่งรวมเอาส่วนประกอบออปติคอลและไฟฟ้าไว้ในชิปเดียวเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง การประกอบ และการทดสอบสำหรับลูกค้าในอุตสาหกรรมอวกาศและการป้องกันประเทศภายใต้การรับรอง Trusted Foundry ของ GF

    การลงทุนทั้งหมดของ GF ในศูนย์นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 575 ล้านดอลลาร์ โดยมีการลงทุนเพิ่มเติมในด้านการวิจัยและพัฒนามูลค่า 186 ล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ความพยายามเหล่านี้คาดว่าจะสร้างงานใหม่ประมาณ 100 ตำแหน่งในนิวยอร์กในอีก 5 ปีข้างหน้า

    https://www.techpowerup.com/331279/globalfoundries-announces-new-york-advanced-packaging-and-photonics-center
    GlobalFoundries (GF) หนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก กำลังจะเปิดศูนย์ใหม่สำหรับการบรรจุภัณฑ์และทดสอบชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ ที่นิวยอร์ก! ศูนย์นี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐนิวยอร์กและกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถผลิต ประมวลผล บรรจุภัณฑ์ และทดสอบชิปทั้งหมดในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของชิปซิลิคอนโฟโตนิกส์และชิปอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับตลาดสำคัญ ๆ เช่น AI, ยานยนต์, อวกาศและการป้องกันประเทศ, และการสื่อสาร การเติบโตของ AI กำลังผลักดันการนำชิปซิลิคอนโฟโตนิกส์และชิป 3D และ HI มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงาน แบนด์วิดท์ และความหนาแน่นในดาต้าเซ็นเตอร์และอุปกรณ์ขอบ ชิปซิลิคอนโฟโตนิกส์ยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานและประสิทธิภาพในยานยนต์ การสื่อสาร เรดาร์ และแอปพลิเคชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่น ๆ ศูนย์นี้จะมีการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง การประกอบ และการทดสอบสำหรับแพลตฟอร์มซิลิคอนโฟโตนิกส์ของ GF ซึ่งรวมเอาส่วนประกอบออปติคอลและไฟฟ้าไว้ในชิปเดียวเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง การประกอบ และการทดสอบสำหรับลูกค้าในอุตสาหกรรมอวกาศและการป้องกันประเทศภายใต้การรับรอง Trusted Foundry ของ GF การลงทุนทั้งหมดของ GF ในศูนย์นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 575 ล้านดอลลาร์ โดยมีการลงทุนเพิ่มเติมในด้านการวิจัยและพัฒนามูลค่า 186 ล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ความพยายามเหล่านี้คาดว่าจะสร้างงานใหม่ประมาณ 100 ตำแหน่งในนิวยอร์กในอีก 5 ปีข้างหน้า https://www.techpowerup.com/331279/globalfoundries-announces-new-york-advanced-packaging-and-photonics-center
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    GlobalFoundries Announces New York Advanced Packaging and Photonics Center
    GlobalFoundries (Nasdaq: GFS) (GF) today announced plans to create a new center for advanced packaging and testing of U.S.-made essential chips within its New York manufacturing facility. Supported by investments from the State of New York and the U.S. Department of Commerce, the first-of-its-kind c...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับการแฮ็กข้อมูลที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ! เมื่อไม่นานมานี้ มีแฮ็กเกอร์จากจีนที่สามารถเจาะเข้าระบบของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานหลายคน ที่น่าตกใจคือ พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลของ Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ได้ด้วย

    แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์กว่า 400 เครื่อง และไฟล์ที่ไม่เป็นความลับกว่า 3,000 ไฟล์ ซึ่งมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตร การบังคับใช้กฎหมาย และกิจการระหว่างประเทศ แม้ว่าระบบที่เป็นความลับจะไม่ถูกเจาะ แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก

    การโจมตีครั้งนี้ถูกเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่รู้จักกันในชื่อ Silk Typhoon (UNC5221) ซึ่งพวกเขาใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ของ BeyondTrust เพื่อเข้าถึงระบบ กระทรวงการคลังได้ค้นพบการเจาะระบบนี้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม หลังจากที่ BeyondTrust รายงานการถูกโจมตี

    การโจมตีนี้เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มแฮ็กเกอร์จีนที่มุ่งเป้าไปยังหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ก็มีการเจาะเข้าบัญชีอีเมลของ Gina Raimondo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ Nicholas Burns เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/chinese-hackers-infiltrated-us-treasury-secretarys-pc-attackers-had-access-to-over-400-pcs
    มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับการแฮ็กข้อมูลที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ! เมื่อไม่นานมานี้ มีแฮ็กเกอร์จากจีนที่สามารถเจาะเข้าระบบของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานหลายคน ที่น่าตกใจคือ พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลของ Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ได้ด้วย แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์กว่า 400 เครื่อง และไฟล์ที่ไม่เป็นความลับกว่า 3,000 ไฟล์ ซึ่งมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตร การบังคับใช้กฎหมาย และกิจการระหว่างประเทศ แม้ว่าระบบที่เป็นความลับจะไม่ถูกเจาะ แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก การโจมตีครั้งนี้ถูกเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่รู้จักกันในชื่อ Silk Typhoon (UNC5221) ซึ่งพวกเขาใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ของ BeyondTrust เพื่อเข้าถึงระบบ กระทรวงการคลังได้ค้นพบการเจาะระบบนี้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม หลังจากที่ BeyondTrust รายงานการถูกโจมตี การโจมตีนี้เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มแฮ็กเกอร์จีนที่มุ่งเป้าไปยังหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ก็มีการเจาะเข้าบัญชีอีเมลของ Gina Raimondo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ Nicholas Burns เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/chinese-hackers-infiltrated-us-treasury-secretarys-pc-attackers-had-access-to-over-400-pcs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงพาณิชย์ของจีน (MOFCOM) ได้รับการร้องเรียนจากบริษัทในประเทศเกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งจัดสรรเงิน $52.7 พันล้านสำหรับการผลิต การวิจัย และการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ

    จีนอ้างว่าเงินอุดหนุนเหล่านี้ทำให้บริษัทชิปของสหรัฐฯ สามารถส่งออกชิปที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัยไปยังจีนในราคาที่ถูกลง ทำให้บริษัทชิปของจีนเสียเปรียบในการแข่งขัน แม้ว่ากฎหมาย CHIPS and Science Act จะมีเป้าหมายเพื่อดึงการผลิตชิปที่ล้ำสมัยกลับมาสู่สหรัฐฯ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบเงินอุดหนุนให้กับบริษัทที่ผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย เช่น GlobalFoundries และ SkyWater Technologies

    การตรวจสอบนี้เกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังขยายกำลังการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย โดยคาดว่ากำลังการผลิตชิปของจีนจะเพิ่มขึ้นถึง 60% ในอีกสามปีข้างหน้า และส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย

    การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของจีนในการปกป้องอุตสาหกรรมชิปในประเทศและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-investigates-whether-chips-and-science-act-harms-its-chip-companies
    กระทรวงพาณิชย์ของจีน (MOFCOM) ได้รับการร้องเรียนจากบริษัทในประเทศเกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งจัดสรรเงิน $52.7 พันล้านสำหรับการผลิต การวิจัย และการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ จีนอ้างว่าเงินอุดหนุนเหล่านี้ทำให้บริษัทชิปของสหรัฐฯ สามารถส่งออกชิปที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัยไปยังจีนในราคาที่ถูกลง ทำให้บริษัทชิปของจีนเสียเปรียบในการแข่งขัน แม้ว่ากฎหมาย CHIPS and Science Act จะมีเป้าหมายเพื่อดึงการผลิตชิปที่ล้ำสมัยกลับมาสู่สหรัฐฯ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบเงินอุดหนุนให้กับบริษัทที่ผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย เช่น GlobalFoundries และ SkyWater Technologies การตรวจสอบนี้เกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังขยายกำลังการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย โดยคาดว่ากำลังการผลิตชิปของจีนจะเพิ่มขึ้นถึง 60% ในอีกสามปีข้างหน้า และส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของจีนในการปกป้องอุตสาหกรรมชิปในประเทศและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-investigates-whether-chips-and-science-act-harms-its-chip-companies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Zhipu Huazhang Technology ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน ได้แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ มีแผนที่จะเพิ่มบริษัทและบริษัทในเครือของตนเข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออก Zhipu กล่าวว่าการตัดสินใจนี้ไม่มีพื้นฐานทางข้อเท็จจริง

    บริษัท Zhipu ได้ออกแถลงการณ์ผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการของตน โดยระบุว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ขาดพื้นฐานทางข้อเท็จจริง และบริษัทจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตน

    การเพิ่มบริษัท Zhipu เข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน อาจทำให้บริษัทจีนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีภายในประเทศมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ในระดับโลก

    กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ยังไม่ได้ให้คำชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเพิ่มบริษัท Zhipu เข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออก อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/16/chinese-ai-related-firm-zhipu-says-strongly-opposes-inclusion-in-us-export-control-entity-list
    บริษัท Zhipu Huazhang Technology ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน ได้แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อการที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ มีแผนที่จะเพิ่มบริษัทและบริษัทในเครือของตนเข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออก Zhipu กล่าวว่าการตัดสินใจนี้ไม่มีพื้นฐานทางข้อเท็จจริง บริษัท Zhipu ได้ออกแถลงการณ์ผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการของตน โดยระบุว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ขาดพื้นฐานทางข้อเท็จจริง และบริษัทจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตน การเพิ่มบริษัท Zhipu เข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน อาจทำให้บริษัทจีนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีภายในประเทศมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ในระดับโลก กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ยังไม่ได้ให้คำชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเพิ่มบริษัท Zhipu เข้าไปในรายชื่อหน่วยงานควบคุมการส่งออก อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/16/chinese-ai-related-firm-zhipu-says-strongly-opposes-inclusion-in-us-export-control-entity-list
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Chinese AI-related firm Zhipu says strongly opposes inclusion in US export control entity list
    BEIJING (Reuters) - Chinese artificial intelligence-related Beijing Zhipu Huazhang Technology said on Thursday it "strongly opposes" the United States commerce department's intention to add the company and its subsidiaries to its export control entity list.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะบริหารไบเดนเสนอกรอบโครงใหม่จำกัดการส่งออกชิปเอไอ หวังสกัดจีน คู่แข่งตัวกลั่นในสงครามไฮเทค แต่กลับกลายเป็นการสร้างความกังวลในหมู่ผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศ ตลอดจนถึงอียู
    .
    ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียวก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พวกเจ้าหน้าที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุชัดเจนว่า กฎใหม่หล่านี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน ดังนั้นจึงทำให้คณะบริหารของทรัมป์ต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะสานต่อหรือยกเลิกกรอบโครงเหล่านี้ที่จะส่งผลกระทบต่อ 120 ประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งเตือนว่า การระงับการใช้กฎนี้อาจเท่ากับเปิดโอกาสให้จีนมีเวลาสะสมมากขึ้นในการสะสมฮาร์ดแวร์ที่มาจากอเมริกา
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวอ้างเมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) ว่า เดิมพันจะสูงมาก หากจีนกลายเป็นผู้กำหนดอนาคตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)
    .
    จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ขานรับว่า สิ่งสำคัญคือการรักษาความเป็นผู้นำของอเมริกาในด้านเอไอและการพัฒนาชิปเกี่ยวกับเอไอ และเสริมว่า กรอบโครงนี้ออกแบบมาเพื่อปกป้องเทคโนโลยีเอไอขั้นสูงสุด และให้ความมั่นใจว่า เทคโนโลยีนี้จะไม่ตกอยู่ในมือศัตรูต่างชาติ แต่ขณะเดียวกันจะสามารถเผยแพร่และแบ่งปันประโยชน์กับประเทศที่เป็นหุ้นส่วนของอเมริกา
    .
    แม้คณะบริหารชุดนี้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกกับศัตรู เช่น จีนและรัสเซียไปแล้ว แต่พวกเขาอ้างว่าบางมาตรการยังมีช่องโหว่ และกฎล่าสุดมุ่งจะตั้งข้อจำกัดกับประเทศต่างๆ ในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น
    .
    ด้าน เอ็ด มิลส์ นักวิเคราะห์ของ เรย์มอนด์ เจมส์ ชี้ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศูนย์ข้อมูลในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากบริษัทจีนใช้ศูนย์เหล่านั้นในการสร้างโมเดลเอไอด้วยเทคโนโลยีที่ตนเองไม่สามารถนำเข้าสู่จีนได้โดยตรง
    .
    อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่แล้ว สภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของอเมริกาเตือนไรมอนโดว่า การเร่งรีบใช้กฎใหม่ของคณะบริหารเดโมแครต อาจกลายเป็นการบ่อนทำลายห่วงโซ่อุปทานโลก และทำให้บริษัทอเมริกันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
    .
    ต่อมาในวันจันทร์ สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอเมริกา (เอสไอเอ) แสดงความเห็นว่า ผิดหวังที่มีการเร่งรัดผลักดันนโยบายก่อนที่จะมีการเปลี่ยนผ่านคณะบริหาร
    .
    จอห์น นิวเฟอร์ ประธานและซีอีโอเอสไอเอ เตือนว่า กฎใหม่เสี่ยงทำให้เกิดความเสียหายยาวนานโดยไม่ตั้งใจกับเศรษฐกิจและขีดความสามารถแข่งขันระดับโลกของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และเอไอของอเมริกา เนื่องจากการทำเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นการยกตลาดสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ให้แก่พวกคู่แข่ง
    .
    เอ็นวิเดีย บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ โพสต์บนบล็อก สำทับว่า แม้มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านจีน แต่มาตรการนี้ไม่ได้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงของอเมริกาแต่อย่างใด
    .
    กฎใหม่นี้เนื้อหาสำคัญคือยกระดับการควบคุมการส่งออกชิป ด้วยการกำหนดให้ต้องมีการขออนุญาตสำหรับการส่งออก รวมทั้งการส่งออกต่อ และการถ่ายโอนภายในประเทศ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลเอไอต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้นหากต้องการนำเข้าชิป รวมทั้งมีการเพิ่มความเข้มงวดในการแชร์โมเดลเอไอล้ำสมัย
    .
    กฎใหม่เหล่านี้มีข้อยกเว้นหลายอย่างสำหรับพันธมิตรและหุ้นส่วนสำคัญราว 20 ชาติ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอังกฤษ
    .
    อย่างไรก็ดี การตั้งข้อจำกัดกับบางประเทศในสหภาพยุโรป ทำให้เจ้าหน้าที่บรัสเซลส์ออกมาคัดค้านโดยระบุว่า การขายชิปเอไอขั้นสูงให้สมาชิกอียูถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับอเมริกา ไม่ใช่ความเสี่ยงด้านความมั่นคง
    .
    ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนโจมตีนโยบายใหม่ของไบเดนว่า ละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศ พร้อมประกาศปกป้องผลประโยชน์ของชาติเต็มที่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004280
    ..............
    Sondhi X
    คณะบริหารไบเดนเสนอกรอบโครงใหม่จำกัดการส่งออกชิปเอไอ หวังสกัดจีน คู่แข่งตัวกลั่นในสงครามไฮเทค แต่กลับกลายเป็นการสร้างความกังวลในหมู่ผู้บริหารในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศ ตลอดจนถึงอียู . ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงสัปดาห์เดียวก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พวกเจ้าหน้าที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุชัดเจนว่า กฎใหม่หล่านี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน ดังนั้นจึงทำให้คณะบริหารของทรัมป์ต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่า จะสานต่อหรือยกเลิกกรอบโครงเหล่านี้ที่จะส่งผลกระทบต่อ 120 ประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งเตือนว่า การระงับการใช้กฎนี้อาจเท่ากับเปิดโอกาสให้จีนมีเวลาสะสมมากขึ้นในการสะสมฮาร์ดแวร์ที่มาจากอเมริกา . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวอ้างเมื่อวันจันทร์ (13 ม.ค.) ว่า เดิมพันจะสูงมาก หากจีนกลายเป็นผู้กำหนดอนาคตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) . จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ขานรับว่า สิ่งสำคัญคือการรักษาความเป็นผู้นำของอเมริกาในด้านเอไอและการพัฒนาชิปเกี่ยวกับเอไอ และเสริมว่า กรอบโครงนี้ออกแบบมาเพื่อปกป้องเทคโนโลยีเอไอขั้นสูงสุด และให้ความมั่นใจว่า เทคโนโลยีนี้จะไม่ตกอยู่ในมือศัตรูต่างชาติ แต่ขณะเดียวกันจะสามารถเผยแพร่และแบ่งปันประโยชน์กับประเทศที่เป็นหุ้นส่วนของอเมริกา . แม้คณะบริหารชุดนี้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกกับศัตรู เช่น จีนและรัสเซียไปแล้ว แต่พวกเขาอ้างว่าบางมาตรการยังมีช่องโหว่ และกฎล่าสุดมุ่งจะตั้งข้อจำกัดกับประเทศต่างๆ ในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น . ด้าน เอ็ด มิลส์ นักวิเคราะห์ของ เรย์มอนด์ เจมส์ ชี้ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศูนย์ข้อมูลในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากบริษัทจีนใช้ศูนย์เหล่านั้นในการสร้างโมเดลเอไอด้วยเทคโนโลยีที่ตนเองไม่สามารถนำเข้าสู่จีนได้โดยตรง . อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่แล้ว สภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของอเมริกาเตือนไรมอนโดว่า การเร่งรีบใช้กฎใหม่ของคณะบริหารเดโมแครต อาจกลายเป็นการบ่อนทำลายห่วงโซ่อุปทานโลก และทำให้บริษัทอเมริกันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ . ต่อมาในวันจันทร์ สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอเมริกา (เอสไอเอ) แสดงความเห็นว่า ผิดหวังที่มีการเร่งรัดผลักดันนโยบายก่อนที่จะมีการเปลี่ยนผ่านคณะบริหาร . จอห์น นิวเฟอร์ ประธานและซีอีโอเอสไอเอ เตือนว่า กฎใหม่เสี่ยงทำให้เกิดความเสียหายยาวนานโดยไม่ตั้งใจกับเศรษฐกิจและขีดความสามารถแข่งขันระดับโลกของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์และเอไอของอเมริกา เนื่องจากการทำเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นการยกตลาดสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ให้แก่พวกคู่แข่ง . เอ็นวิเดีย บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ โพสต์บนบล็อก สำทับว่า แม้มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านจีน แต่มาตรการนี้ไม่ได้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงของอเมริกาแต่อย่างใด . กฎใหม่นี้เนื้อหาสำคัญคือยกระดับการควบคุมการส่งออกชิป ด้วยการกำหนดให้ต้องมีการขออนุญาตสำหรับการส่งออก รวมทั้งการส่งออกต่อ และการถ่ายโอนภายในประเทศ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลเอไอต้องปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้นหากต้องการนำเข้าชิป รวมทั้งมีการเพิ่มความเข้มงวดในการแชร์โมเดลเอไอล้ำสมัย . กฎใหม่เหล่านี้มีข้อยกเว้นหลายอย่างสำหรับพันธมิตรและหุ้นส่วนสำคัญราว 20 ชาติ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอังกฤษ . อย่างไรก็ดี การตั้งข้อจำกัดกับบางประเทศในสหภาพยุโรป ทำให้เจ้าหน้าที่บรัสเซลส์ออกมาคัดค้านโดยระบุว่า การขายชิปเอไอขั้นสูงให้สมาชิกอียูถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับอเมริกา ไม่ใช่ความเสี่ยงด้านความมั่นคง . ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนโจมตีนโยบายใหม่ของไบเดนว่า ละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศ พร้อมประกาศปกป้องผลประโยชน์ของชาติเต็มที่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004280 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1464 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ ๗ )ประทับบนรถจักรไอน้ำบอลด์วินหมายเลข ๒๒๖ ที่นั่งพนักงานขับรถ

    โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม, ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ทรงยืนอยู่ด้านหลังที่รถลำเลียง

    สำหรับรถจักรไอน้ำ "บอลด์วิน"หมายเลข ๒๒๖ นี้ เป็นรถจักรฯที่กรมรถไฟหลวง สั่งซื้อจากบริษัท Baldwin Locomotive Works U.S.A. ในราคาคันละ ๕๔๔,๗๖๑.๙๐ บาท นำมาใช้การในปี พ.ศ.๒๔๖๘ เป็นรถจักรชนิด ๓ สูบ ใช้ไอที่ผ่าน Superheater แล้ว (ไอแห้ง) มาดันลูกสูบแบบล้อ ๔-๖-๒ (แปซิฟิก) ใช้วิ่งในทางขนาดกว้าง ๑ เมตร เลิกใช้การเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๗ มีอายุใช้การประมาณ ๓๐ ปี

    ประวัติความสำคัญของหัวรถจักรไอน้ำคันนี้ ยังมีตรา "ปปร" และ "รพ." ปรากฏอยู่เป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากหัวรถจักรคันนี้ได้เคยใช้ทำการลากจูงขบวนรถไฟพระที่นั่ง ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี เสด็จไปประกอบพระราชพิธีเปิดสะพานพระราม ๖ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๖๙
    พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ ๗ )ประทับบนรถจักรไอน้ำบอลด์วินหมายเลข ๒๒๖ ที่นั่งพนักงานขับรถ โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม, ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ทรงยืนอยู่ด้านหลังที่รถลำเลียง สำหรับรถจักรไอน้ำ "บอลด์วิน"หมายเลข ๒๒๖ นี้ เป็นรถจักรฯที่กรมรถไฟหลวง สั่งซื้อจากบริษัท Baldwin Locomotive Works U.S.A. ในราคาคันละ ๕๔๔,๗๖๑.๙๐ บาท นำมาใช้การในปี พ.ศ.๒๔๖๘ เป็นรถจักรชนิด ๓ สูบ ใช้ไอที่ผ่าน Superheater แล้ว (ไอแห้ง) มาดันลูกสูบแบบล้อ ๔-๖-๒ (แปซิฟิก) ใช้วิ่งในทางขนาดกว้าง ๑ เมตร เลิกใช้การเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๗ มีอายุใช้การประมาณ ๓๐ ปี ประวัติความสำคัญของหัวรถจักรไอน้ำคันนี้ ยังมีตรา "ปปร" และ "รพ." ปรากฏอยู่เป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากหัวรถจักรคันนี้ได้เคยใช้ทำการลากจูงขบวนรถไฟพระที่นั่ง ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี เสด็จไปประกอบพระราชพิธีเปิดสะพานพระราม ๖ เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๖๙
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟ้า)
    Phra Phuttha Yodfa Bridge, Memorial Bridge
    .............................................
    หนึ่งในงานสำคัญที่ "กองแบบแผน" กรมรถไฟหลวง มีส่วนออกแบบ
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม (MINISTRY OF COMMERCE & COMMUNICATIONS) ทรงมีรับสั่งให้ "กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง" เป็นผู้ออกแบบโครงการแสดงทางขึ้น ๒ ข้างและตัวสะพานที่จะสร้าง พร้อมด้วยขนาดและรายการ เพื่อเรียกประมูลราคาจากบริษัทต่างประเทศ และทรงตั้งคณะกรรมการพิจารณาแบบและราคาที่บริษัทต่างๆยื่นประมูลที่กรุงลอนดอนคณะหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย
    ๑. นายเอช. กิตตินส์ (H. Gitting) ข้าราชการบำนาญ เคยเป็นที่ปรึกษาของกรมรถไฟหลวง
    ๒. นายยี, คาโนวา (G. Canova) ข้าราชการบำนาญ เคยเป็นหัวหน้ากองแบบแผน กรมรถไฟหลวง
    ๓. นายซี.พี. แซนด์เบอร์ก (C.P. Sandberg) นายช่างชาวอังกฤษ มีหน้าที่ตรวจสิ่งของต่าง ๆ ที่กรมรถไฟหลวงสั่งจากยุโรปและอเมริกา
    ๔ พระยาประกิตกลศาสตร์ (รุณชิต กาญจนวณิชย์) ผู้รั้งตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งขณะนั้นกำลังดูงานอยู่ในยุโรป
    ๕. นายยี.ซี. สมัยท์ (G.C. Smythe) นายช่างอำนวยการ กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง ขณะนั้นลาไปพักอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ
    ๖.อำมาตย์ตรี เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ นายช่างภาค กรมรถไฟหลวง ซึ่งกำลังศึกษาเพิ่มเติมอยู่ในยุโรป
    ................................................
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงส่งโทรเลขรายการประมูลจากกรุงลอนดอน มากราบบังคมทูลในวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ ต่อมาวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ทรงส่งโทรเลขอีกฉบับหนึ่ง กราบบังคมทูลถวายความเห็นของคณะกรรมการประมูลราคาว่า บริษัทที่ดีที่สุดมี ๒ บริษัท คือ บริษัทดอร์แมน ลอง แห่งประเทศอังกฤษ และ บริษัทซาวิกลิอาโน แห่งประเทศอิตาลี บริษัทอังกฤษรับว่าจะสร้างสะพานเสร็จภายในเวลา ๒๗ เดือน บริษัทอิตาลีรับว่าจะสร้างเสร็จภายในเวลา ๓๐ เดือน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำคำกราบบังคมทูลนี้เข้าปรึกษาในที่ประชุมอภิรัฐมนตรีสภา วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯกรมพระนครสวรรค์วรพินิต กราบบังคมทูลถวายความเห็นว่า การเลือกจ้างบริษัทใดควรเลือกเอาบริษัทที่มีหลักฐานมั่นคงและราคาถูก มิฉะนั้นจะเป็นสาเหตุให้บริษัทอื่นเกิดขัดข้องใจได้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงพระราชดำริว่า ควรทำสัญญาจ้างบริษัทดอร์แมน ลอง โปรดเกล้าฯ ให้โทรเลขตอบไปยังกรุงลอนดอน ว่าตกลงทำสัญญากับบริษัทดอร์แมน ลอง
    .................................................
    รัฐบาลได้มอบสถานที่การก่อสร้างให้แก่บริษัทดอร์แมน ลอง ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๒ บริษัทเริ่มลงมือทำงานที่ตอม่อฝั่งพระนคร วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะได้เสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีวางศิลาพระฤกษ์ในวันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๒
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม (MINISTRY OF COMMERCE & COMMUNICATIONS) ผู้ทรงเป็นผู้อำนวยการก่อสร้างทั้งหมด
    .................................................
    กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง(ต่อมาคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย)ได้ดำเนินงานมาจนถึงประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๐ จึงถูกยุบ
    ที่มาของภาพ Public Relations Department / Thailand Illustrated - Thailand Illustrated (April 1954 Issue) retrieved from National Library of Thailand
    สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟ้า) Phra Phuttha Yodfa Bridge, Memorial Bridge ............................................. หนึ่งในงานสำคัญที่ "กองแบบแผน" กรมรถไฟหลวง มีส่วนออกแบบ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม (MINISTRY OF COMMERCE & COMMUNICATIONS) ทรงมีรับสั่งให้ "กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง" เป็นผู้ออกแบบโครงการแสดงทางขึ้น ๒ ข้างและตัวสะพานที่จะสร้าง พร้อมด้วยขนาดและรายการ เพื่อเรียกประมูลราคาจากบริษัทต่างประเทศ และทรงตั้งคณะกรรมการพิจารณาแบบและราคาที่บริษัทต่างๆยื่นประมูลที่กรุงลอนดอนคณะหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย ๑. นายเอช. กิตตินส์ (H. Gitting) ข้าราชการบำนาญ เคยเป็นที่ปรึกษาของกรมรถไฟหลวง ๒. นายยี, คาโนวา (G. Canova) ข้าราชการบำนาญ เคยเป็นหัวหน้ากองแบบแผน กรมรถไฟหลวง ๓. นายซี.พี. แซนด์เบอร์ก (C.P. Sandberg) นายช่างชาวอังกฤษ มีหน้าที่ตรวจสิ่งของต่าง ๆ ที่กรมรถไฟหลวงสั่งจากยุโรปและอเมริกา ๔ พระยาประกิตกลศาสตร์ (รุณชิต กาญจนวณิชย์) ผู้รั้งตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งขณะนั้นกำลังดูงานอยู่ในยุโรป ๕. นายยี.ซี. สมัยท์ (G.C. Smythe) นายช่างอำนวยการ กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง ขณะนั้นลาไปพักอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ๖.อำมาตย์ตรี เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ นายช่างภาค กรมรถไฟหลวง ซึ่งกำลังศึกษาเพิ่มเติมอยู่ในยุโรป ................................................ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงส่งโทรเลขรายการประมูลจากกรุงลอนดอน มากราบบังคมทูลในวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ ต่อมาวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ทรงส่งโทรเลขอีกฉบับหนึ่ง กราบบังคมทูลถวายความเห็นของคณะกรรมการประมูลราคาว่า บริษัทที่ดีที่สุดมี ๒ บริษัท คือ บริษัทดอร์แมน ลอง แห่งประเทศอังกฤษ และ บริษัทซาวิกลิอาโน แห่งประเทศอิตาลี บริษัทอังกฤษรับว่าจะสร้างสะพานเสร็จภายในเวลา ๒๗ เดือน บริษัทอิตาลีรับว่าจะสร้างเสร็จภายในเวลา ๓๐ เดือน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำคำกราบบังคมทูลนี้เข้าปรึกษาในที่ประชุมอภิรัฐมนตรีสภา วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯกรมพระนครสวรรค์วรพินิต กราบบังคมทูลถวายความเห็นว่า การเลือกจ้างบริษัทใดควรเลือกเอาบริษัทที่มีหลักฐานมั่นคงและราคาถูก มิฉะนั้นจะเป็นสาเหตุให้บริษัทอื่นเกิดขัดข้องใจได้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงพระราชดำริว่า ควรทำสัญญาจ้างบริษัทดอร์แมน ลอง โปรดเกล้าฯ ให้โทรเลขตอบไปยังกรุงลอนดอน ว่าตกลงทำสัญญากับบริษัทดอร์แมน ลอง ................................................. รัฐบาลได้มอบสถานที่การก่อสร้างให้แก่บริษัทดอร์แมน ลอง ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๒ บริษัทเริ่มลงมือทำงานที่ตอม่อฝั่งพระนคร วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะได้เสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีวางศิลาพระฤกษ์ในวันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๒ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม (MINISTRY OF COMMERCE & COMMUNICATIONS) ผู้ทรงเป็นผู้อำนวยการก่อสร้างทั้งหมด ................................................. กองแบบแผน กรมรถไฟหลวง(ต่อมาคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย)ได้ดำเนินงานมาจนถึงประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๐ จึงถูกยุบ ที่มาของภาพ Public Relations Department / Thailand Illustrated - Thailand Illustrated (April 1954 Issue) retrieved from National Library of Thailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่มา : เว็บไซต์ isaninsight.kku.ac.th
    มาสคอตประจำจังหวัด 6 จังหวัด ในอีสาน
    .
    กาฬสินธุ์ แพรงามและภูพาน ได้รับแรงบันดาลใจจากไดโนเสาร์สายพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ สีของลำตัวสีเหลืงจากสีของหนอนไหม/รังไหม , มีเครื่องแต่งกายจากชาวภูไท ข้างเอวมีกระติบข้าวเหนียวและถือพิณภูพานอีกด้วย
    .
    ขอนแก่น น้องไดโน่ DINO ไดโนเสาร์ใจดี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขับเคลื่อนวาระจังหวัด ตามแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ในระดับฐานราก ไปจนถึงธุรกิจระหว่างประเทศ
    .
    มุกดาหาร " LEOPARD CAT’S IDENTITY OF MUKDAHAN " แมวดาวอัตลักษณ์แห่งมุกดาหาร เป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำจังหวัดมุกดาหาร
    .
    ร้อยเอ็ด “GOMU (โกมุ)” ซึ่งเป็นการเล่นคำกับคำว่า “Gold” (โกลด์) หรือทองคำ สามารถสร้างจุดขายให้ร้านได้ แถมยังมีความหมายเป็นมงคล เพราะทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ร่ำรวย
    .
    หนองบัวลำภู น้องลุ่มภู ปลาฉลามน้ำจืดสีชมพู ตามซากฟอสซิลที่พบ ถือดาบผูกผ้าคาดเอวและมีดอกบัว ดอกไม้ประจำจังหวัดอีกด้วย
    .
    อุดรธานี นำฟอสซิล “คุณทองโบราณ” มาแปลงเป็นมาสคอต ประจำจังหวัด เพื่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของจังหวัด กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้หมุนเวียน
    .
    อ้างอิงจาก:
    กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
    ที่มา : เว็บไซต์ isaninsight.kku.ac.th มาสคอตประจำจังหวัด 6 จังหวัด ในอีสาน . กาฬสินธุ์ แพรงามและภูพาน ได้รับแรงบันดาลใจจากไดโนเสาร์สายพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ สีของลำตัวสีเหลืงจากสีของหนอนไหม/รังไหม , มีเครื่องแต่งกายจากชาวภูไท ข้างเอวมีกระติบข้าวเหนียวและถือพิณภูพานอีกด้วย . ขอนแก่น น้องไดโน่ DINO ไดโนเสาร์ใจดี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขับเคลื่อนวาระจังหวัด ตามแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ในระดับฐานราก ไปจนถึงธุรกิจระหว่างประเทศ . มุกดาหาร " LEOPARD CAT’S IDENTITY OF MUKDAHAN " แมวดาวอัตลักษณ์แห่งมุกดาหาร เป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำจังหวัดมุกดาหาร . ร้อยเอ็ด “GOMU (โกมุ)” ซึ่งเป็นการเล่นคำกับคำว่า “Gold” (โกลด์) หรือทองคำ สามารถสร้างจุดขายให้ร้านได้ แถมยังมีความหมายเป็นมงคล เพราะทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ร่ำรวย . หนองบัวลำภู น้องลุ่มภู ปลาฉลามน้ำจืดสีชมพู ตามซากฟอสซิลที่พบ ถือดาบผูกผ้าคาดเอวและมีดอกบัว ดอกไม้ประจำจังหวัดอีกด้วย . อุดรธานี นำฟอสซิล “คุณทองโบราณ” มาแปลงเป็นมาสคอต ประจำจังหวัด เพื่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของจังหวัด กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้หมุนเวียน . อ้างอิงจาก: กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) กำลังตรวจสอบข้อตกลงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Microsoft กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ การสอบสวนนี้เกิดขึ้นหลังจากรายงานของ ProPublica ที่ระบุว่า Microsoft ได้โน้มน้าวให้รัฐบาลเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลส่วนใหญ่ไปใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft หลังจากการโจมตีทางไซเบอร์ SolarWinds ในปี 2020

    ถ้ายังจำกันได้ ในปี 2020 แฮ็กเกอร์ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซียได้แทรกโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไปในอัปเดตของซอฟต์แวร์ Orion ของบริษัท SolarWinds ซึ่งถูกแจกจ่ายให้กับลูกค้าทั่วโลก เมื่อองค์กรต่างๆ ดาวน์โหลดและติดตั้งอัปเดตที่มีโค้ดที่เป็นอันตรายนี้ แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงระบบขององค์กรเหล่านั้นได้ การโจมตีนี้ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลายแห่ง รวมถึงกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงบริษัทเอกชนหลายแห่งทั่วโลก การโจมตีนี้ทำให้เกิดการประชุมฉุกเฉินของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ และนำไปสู่การตรวจสอบและปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ในหลายองค์กร

    คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ กล่าวหาว่า Microsoft ข้ามกระบวนการประมูลสัญญาแบบดั้งเดิม ทำให้ลูกค้าของรัฐบาลต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกที่แพง และทำให้การย้ายไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งเช่น Google หรือ Amazon เป็นเรื่องยาก การใช้ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Microsoft ในช่วงแรกเป็นการทดลองใช้งานฟรี แต่เมื่อสิ้นสุดช่วงทดลองใช้งาน ราคาการสมัครสมาชิกก็สูงขึ้นมาก

    การสอบสวนของ FTC มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคลาวด์ของ Microsoft Azure ซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลที่เปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มนี้ต้องซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่ทำงานบน Azure นักวิจารณ์กล่าวว่าการจัดการนี้ทำให้รัฐบาลต้องพึ่งพา Microsoft มากเกินไป และปิดกั้นคู่แข่งครับ

    https://www.techspot.com/news/106122-ftc-escalates-investigation-microsoft-bundling-policies.html
    คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ (FTC) กำลังตรวจสอบข้อตกลงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Microsoft กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ การสอบสวนนี้เกิดขึ้นหลังจากรายงานของ ProPublica ที่ระบุว่า Microsoft ได้โน้มน้าวให้รัฐบาลเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลส่วนใหญ่ไปใช้ผลิตภัณฑ์ของ Microsoft หลังจากการโจมตีทางไซเบอร์ SolarWinds ในปี 2020 ถ้ายังจำกันได้ ในปี 2020 แฮ็กเกอร์ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซียได้แทรกโค้ดที่เป็นอันตรายเข้าไปในอัปเดตของซอฟต์แวร์ Orion ของบริษัท SolarWinds ซึ่งถูกแจกจ่ายให้กับลูกค้าทั่วโลก เมื่อองค์กรต่างๆ ดาวน์โหลดและติดตั้งอัปเดตที่มีโค้ดที่เป็นอันตรายนี้ แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงระบบขององค์กรเหล่านั้นได้ การโจมตีนี้ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลายแห่ง รวมถึงกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงบริษัทเอกชนหลายแห่งทั่วโลก การโจมตีนี้ทำให้เกิดการประชุมฉุกเฉินของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ และนำไปสู่การตรวจสอบและปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ในหลายองค์กร คณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ กล่าวหาว่า Microsoft ข้ามกระบวนการประมูลสัญญาแบบดั้งเดิม ทำให้ลูกค้าของรัฐบาลต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกที่แพง และทำให้การย้ายไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งเช่น Google หรือ Amazon เป็นเรื่องยาก การใช้ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Microsoft ในช่วงแรกเป็นการทดลองใช้งานฟรี แต่เมื่อสิ้นสุดช่วงทดลองใช้งาน ราคาการสมัครสมาชิกก็สูงขึ้นมาก การสอบสวนของ FTC มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคลาวด์ของ Microsoft Azure ซึ่งหน่วยงานของรัฐบาลที่เปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มนี้ต้องซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่ทำงานบน Azure นักวิจารณ์กล่าวว่าการจัดการนี้ทำให้รัฐบาลต้องพึ่งพา Microsoft มากเกินไป และปิดกั้นคู่แข่งครับ https://www.techspot.com/news/106122-ftc-escalates-investigation-microsoft-bundling-policies.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft faces FTC scrutiny over alleged antitrust practices in federal cybersecurity deals
    Microsoft has received a subpoena to turn information over to the US Federal Trade Commission amid accusations of anticompetitive behavior. The company's wide-ranging cybersecurity agreement with multiple...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไบเดนจองเวรไม่เลิก ประกาศเปิดการสอบสวนเซมิคอนดักเตอร์ “รุ่นเก่า” ของจีนในนาทีท้ายๆ ก่อนพ้นตำแหน่ง มุ่งปูทางคณะบริหารชุดใหม่ของทรัมป์รีดภาษี 60% ตามที่ขู่ไว้ ด้านปักกิ่งโต้วอชิงตันกีดกันการค้า ขณะที่องค์กรตัวแทนภาคเทคโนโลยีของอเมริกาเตือนว่า การสอบสวนล่าสุดนี้อาจทำให้เกิดผลกระทบสลับซับซ้อนและกว้างไกลต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานโลก พร้อมเรียกร้องอเมริกา “อย่าด่วนตัดสินล่วงหน้า”
    .
    แคทเธอลีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) แถลงเมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ว่า การสอบสวนล่าสุดนี้มีเป้าหมายในการปกป้องคุ้มครองผู้ผลิตชิปของอเมริกาและชาติอื่นๆ จากซัปพลายชิปจำนวนมากมายมหาศาลซึ่งผลิตในจีนภายใต้การผลักดันของปักกิ่ง
    .
    การสอบสวนที่อิงกับอำนาจตาม “มาตรา 301” ของกฎหมายการค้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตราเดียวกับที่โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ในการขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าจีนตอนที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกนั้น เกิดขึ้น 4 สัปดาห์ก่อนที่คณะบริหาร โจ ไบเดน จะหมดอำนาจ และทรัมป์จะได้หวนกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว ในวันที่ 20 ม.ค.2025 โดยพวกเจ้าหน้าที่ของไบเดนเผยว่า จะส่งต่อการสอบสวนนี้ให้คณะบริหารชุดใหม่ดำเนินการต่อไป เป็นการปูทางให้ทรัมป์สามารถเริ่มเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มในอัตรา 60% จากชิปนำเข้าจากจีนตามที่เขาข่มขู่ไว้ก่อนหน้านี้
    .
    ก่อนหน้านี้ คณะบริหารของไบเดนเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มจากชิปจีนที่นำเข้าสหรัฐฯในอัตรา 50% มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีนี้ รวมทั้งยังยกระดับมาตรการจำกัดการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์และชิปหน่วยความจำขั้นสูง ตลอดจนถึงเครื่องจักรอุปกรณ์ผลิตชิปไปยังแดนมังกรอีกด้วย
    .
    ทั้งนี้ ชิปรุ่นเก่า (Legacy chip) ใช้กระบวนการผลิตที่เริ่มต้นเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว และมักซับซ้อนน้อยกว่าชิปเอไอหรือชิปขั้นสูง กระนั้นก็เป็นชิปที่ยังคงมีใช้งานกันอยู่อย่างกว้างขวางทั่วไป
    .
    จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ แถลงสำทับเมื่อวันจันทร์ว่า งานวิจัยของกระทรวงพบว่า ผลิตภัณฑ์ของอเมริกา 2 ใน 3 ทีเดียวยังคงใช้ชิปรุ่นเก่าของจีน และบริษัทอเมริกันราว 50% ไม่รู้ที่มาของชิปที่ใช้ ในจำนวนนี้รวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมการทหาร เธอบอกว่าว่า ข้อมูลนี้น่ากังวลอย่างยิ่ง
    .
    ทางด้าน ไท่ เสริมว่า สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ของเธอ พบหลักฐานว่า จีนกำลังพุ่งเป้ามาที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ด้วยความมุ่งหมายที่จะครอบงำโลก โดยหวังจะเปิดทางให้บริษัทจีนเพิ่มศักยภาพทางด้านนี้ได้อย่างรวดเร็ว และเสนอชิปราคาถูกเกินจริงที่อาจเป็นอันตรายหรือกำจัดการแข่งขันที่อิงกับตลาด เช่นเดียวกับที่เคยทำในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ และรถอีวีมาแล้ว
    .
    ในส่วนปฏิกิริยาของทางฝ่ายจีน กระทรวงพาณิชย์แดนมังกรออกคำแถลงตอบโต้ว่า การสอบสวนเช่นนี้ของอเมริกาคือพฤติการณ์การกีดกันการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง กระทั่งไปถึงพวกบริษัทอเมริกันเอง รวมถึงทำให้ห่วงโซ่อุปทานชิปโลกสะดุดติดขัด ทั้งนี้ ปักกิ่งจะตอบโต้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของประเทศ
    .
    ขณะที่ เจสัน ออกซ์แมน ประธานสภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เป็นตัวแทนภาคเทคโนโลยีของอเมริกา ออกมาเตือนว่า การสอบสวนของวอชิงตันอาจทำให้เกิดผลกระทบที่ซับซ้อนและกว้างไกลต่อเศรษฐกิจโลกและห่วงโซ่อุปทานโลก พร้อมเรียกร้องให้ยูเอสทีอาร์ “อย่าด่วนมีคำตัดสินล่วงหน้า” แต่ควรดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นธรรม
    .
    ปัจจุบัน พวกเครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป เครื่องเล่นวิดีโอเกม และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคอื่นๆ ที่ไม่ใช่รุ่นล้ำยุค ยังคงใช้เซมิคอนดักเตอร์รุ่นเก่ากันอยู่มาก โดยที่สินค้าเหล่านี้ซึ่งจำหน่ายกันในอเมริกาส่วนใหญ่ก็ยังคงนำเข้าจากจีน
    .
    เจ้าหน้าที่คณะบริหารของไบเดนคนหนึ่งเปิดเผยว่า การสอบสวนล่าสุดนี้ ในเบื้องต้นจะโฟกัสที่การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งรวมถึงขอบเขตการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์การแพทย์ รถ และผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมการทหาร
    .
    ทั้งนี้ ตามหมายเกี่ยวกับการสอบสวนคราวนี้ ของสำนักงานทะเบียนสหรัฐฯ ระบุว่า คณะบริหารไบเดนจะเริ่มต้นเปิดรับความเห็นต่างๆ ของสาธารณชนเกี่ยวกับการสอบสวนนี้ในวันที่ 6 มกราคม และวางแผนจัดการไต่สวนสาธารณะขึ้นในวันที่ 11-12 มีนาคม โดยที่การสอบสวนมีกำหนดเสร็จสิ้นภายในเวลา 1 ปี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123559
    ..............
    Sondhi X
    ไบเดนจองเวรไม่เลิก ประกาศเปิดการสอบสวนเซมิคอนดักเตอร์ “รุ่นเก่า” ของจีนในนาทีท้ายๆ ก่อนพ้นตำแหน่ง มุ่งปูทางคณะบริหารชุดใหม่ของทรัมป์รีดภาษี 60% ตามที่ขู่ไว้ ด้านปักกิ่งโต้วอชิงตันกีดกันการค้า ขณะที่องค์กรตัวแทนภาคเทคโนโลยีของอเมริกาเตือนว่า การสอบสวนล่าสุดนี้อาจทำให้เกิดผลกระทบสลับซับซ้อนและกว้างไกลต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานโลก พร้อมเรียกร้องอเมริกา “อย่าด่วนตัดสินล่วงหน้า” . แคทเธอลีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) แถลงเมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ว่า การสอบสวนล่าสุดนี้มีเป้าหมายในการปกป้องคุ้มครองผู้ผลิตชิปของอเมริกาและชาติอื่นๆ จากซัปพลายชิปจำนวนมากมายมหาศาลซึ่งผลิตในจีนภายใต้การผลักดันของปักกิ่ง . การสอบสวนที่อิงกับอำนาจตาม “มาตรา 301” ของกฎหมายการค้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตราเดียวกับที่โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ในการขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าจีนตอนที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกนั้น เกิดขึ้น 4 สัปดาห์ก่อนที่คณะบริหาร โจ ไบเดน จะหมดอำนาจ และทรัมป์จะได้หวนกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว ในวันที่ 20 ม.ค.2025 โดยพวกเจ้าหน้าที่ของไบเดนเผยว่า จะส่งต่อการสอบสวนนี้ให้คณะบริหารชุดใหม่ดำเนินการต่อไป เป็นการปูทางให้ทรัมป์สามารถเริ่มเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มในอัตรา 60% จากชิปนำเข้าจากจีนตามที่เขาข่มขู่ไว้ก่อนหน้านี้ . ก่อนหน้านี้ คณะบริหารของไบเดนเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มจากชิปจีนที่นำเข้าสหรัฐฯในอัตรา 50% มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีนี้ รวมทั้งยังยกระดับมาตรการจำกัดการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์และชิปหน่วยความจำขั้นสูง ตลอดจนถึงเครื่องจักรอุปกรณ์ผลิตชิปไปยังแดนมังกรอีกด้วย . ทั้งนี้ ชิปรุ่นเก่า (Legacy chip) ใช้กระบวนการผลิตที่เริ่มต้นเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว และมักซับซ้อนน้อยกว่าชิปเอไอหรือชิปขั้นสูง กระนั้นก็เป็นชิปที่ยังคงมีใช้งานกันอยู่อย่างกว้างขวางทั่วไป . จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ แถลงสำทับเมื่อวันจันทร์ว่า งานวิจัยของกระทรวงพบว่า ผลิตภัณฑ์ของอเมริกา 2 ใน 3 ทีเดียวยังคงใช้ชิปรุ่นเก่าของจีน และบริษัทอเมริกันราว 50% ไม่รู้ที่มาของชิปที่ใช้ ในจำนวนนี้รวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมการทหาร เธอบอกว่าว่า ข้อมูลนี้น่ากังวลอย่างยิ่ง . ทางด้าน ไท่ เสริมว่า สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ของเธอ พบหลักฐานว่า จีนกำลังพุ่งเป้ามาที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ด้วยความมุ่งหมายที่จะครอบงำโลก โดยหวังจะเปิดทางให้บริษัทจีนเพิ่มศักยภาพทางด้านนี้ได้อย่างรวดเร็ว และเสนอชิปราคาถูกเกินจริงที่อาจเป็นอันตรายหรือกำจัดการแข่งขันที่อิงกับตลาด เช่นเดียวกับที่เคยทำในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า แผงพลังงานแสงอาทิตย์ และรถอีวีมาแล้ว . ในส่วนปฏิกิริยาของทางฝ่ายจีน กระทรวงพาณิชย์แดนมังกรออกคำแถลงตอบโต้ว่า การสอบสวนเช่นนี้ของอเมริกาคือพฤติการณ์การกีดกันการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง กระทั่งไปถึงพวกบริษัทอเมริกันเอง รวมถึงทำให้ห่วงโซ่อุปทานชิปโลกสะดุดติดขัด ทั้งนี้ ปักกิ่งจะตอบโต้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของประเทศ . ขณะที่ เจสัน ออกซ์แมน ประธานสภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เป็นตัวแทนภาคเทคโนโลยีของอเมริกา ออกมาเตือนว่า การสอบสวนของวอชิงตันอาจทำให้เกิดผลกระทบที่ซับซ้อนและกว้างไกลต่อเศรษฐกิจโลกและห่วงโซ่อุปทานโลก พร้อมเรียกร้องให้ยูเอสทีอาร์ “อย่าด่วนมีคำตัดสินล่วงหน้า” แต่ควรดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นธรรม . ปัจจุบัน พวกเครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป เครื่องเล่นวิดีโอเกม และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคอื่นๆ ที่ไม่ใช่รุ่นล้ำยุค ยังคงใช้เซมิคอนดักเตอร์รุ่นเก่ากันอยู่มาก โดยที่สินค้าเหล่านี้ซึ่งจำหน่ายกันในอเมริกาส่วนใหญ่ก็ยังคงนำเข้าจากจีน . เจ้าหน้าที่คณะบริหารของไบเดนคนหนึ่งเปิดเผยว่า การสอบสวนล่าสุดนี้ ในเบื้องต้นจะโฟกัสที่การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งรวมถึงขอบเขตการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์การแพทย์ รถ และผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมการทหาร . ทั้งนี้ ตามหมายเกี่ยวกับการสอบสวนคราวนี้ ของสำนักงานทะเบียนสหรัฐฯ ระบุว่า คณะบริหารไบเดนจะเริ่มต้นเปิดรับความเห็นต่างๆ ของสาธารณชนเกี่ยวกับการสอบสวนนี้ในวันที่ 6 มกราคม และวางแผนจัดการไต่สวนสาธารณะขึ้นในวันที่ 11-12 มีนาคม โดยที่การสอบสวนมีกำหนดเสร็จสิ้นภายในเวลา 1 ปี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123559 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 917 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิชัยลั่นไม่มีรัฐประหาร เร่งการค้าต่างประเทศ พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย
    .
    เมื่อเร็วๆนี้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพิ่งประกาศวิสัยทัศน์ที่ว่าด้วยการออก “stable coin” หรือจะเรียกว่า พันธบัตรดิจิทัล เพื่อเพิ่มปริมาณเงินให้เพิ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีในรัฐบาลหลายคนออกมาสนับสนุนแนวความคิดนี้ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ
    .
    โดยนอกเหนือไปจากเรื่องการปั้นสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมาแล้ว ภาคการค้าและการส่งออกก็เป็นอีกหนึ่งความหวังของรัฐบาลที่จะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเช่นกัน โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความคิดเห็นระหว่างเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ หัวข้อ “การเมืองและเศรษฐกิจไทยในศตวรรษที่ 21 และนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว (Komaba Research Campus) ประเทศญี่ปุ่นว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโตแค่ 1.9% ซึ่งต่ำมาก ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนจากต่างประเทศที่หายไป
    .
    นายพิชัย กล่าวอีกว่า ปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไตรมาสที่แล้วจีดีพีขยายตัว 3% และไตรมาสนี้น่าจะขยายตัวได้ 4% แต่จีดีพีไทยต้องโตอย่างน้อย 5% ขึ้นไป ต่อเนื่องไปอีก 20 ปี ถึงจะหลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลาง และการส่งออกไทยเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา บวกถึง 14.6% คาดว่าการส่งออกทั้งปีของปีนี้จะเติบโตได้ถึง 5% และการลงทุนในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาสูงที่สุดในรอบ 10 ปี สิ้นปีนี้น่าจะแตะ 1 ล้านล้านบาท เพราะรัฐบาลไทย มีนโยบายส่งเสริมในอุตสาหกรรมไฮเทค ที่ไทยได้รับความสนใจมากอย่าง PCB Data Center และ AI ซึ่งทางญี่ปุ่นกำลังจะมีการลงทุนเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยจะทุ่มงบประมาณมากกว่า 10 ล้านล้านเยน (2.2 ล้านล้านบาท) และทางไทยหวังว่าจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชนของญี่ปุ่นด้วย
    .
    “ส่วนเรื่องการเมืองของไทย กว่า 10 ปีที่ผ่านมา เรามีปัญหามาโดยตลอดตั้งแต่การรัฐประหาร รัฐบาลของนายกฯทักษิณ ก่อนหน้าการรัฐประหาร เศรษฐกิจไทยโต 5-8% หลังรัฐประหารขยายตัวเพียง 3% และตั้งแต่ปี 2557 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 1.9% เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ทางการเมืองมีผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เมื่อการเมืองกลับมามั่นคง เสถียรภาพรัฐบาลก็มั่นคง เศรษฐกิจไทยก็กลับมามั่นคง คนไทยรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่เห็นภาพนี้ชัดเจนเชื่อว่าจะเรียนรู้และไม่ยอมให้มีการรัฐประหารอีก แนวทางการบริหารงานและการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น ตอนนี้มีเพียงการแก้ปัญหาเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน ถ้าแก้ได้เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นได้รวดเร็ว” นายพิชัย กล่าว
    ..............
    Sondhi X
    พิชัยลั่นไม่มีรัฐประหาร เร่งการค้าต่างประเทศ พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย . เมื่อเร็วๆนี้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพิ่งประกาศวิสัยทัศน์ที่ว่าด้วยการออก “stable coin” หรือจะเรียกว่า พันธบัตรดิจิทัล เพื่อเพิ่มปริมาณเงินให้เพิ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีในรัฐบาลหลายคนออกมาสนับสนุนแนวความคิดนี้ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ . โดยนอกเหนือไปจากเรื่องการปั้นสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมาแล้ว ภาคการค้าและการส่งออกก็เป็นอีกหนึ่งความหวังของรัฐบาลที่จะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเช่นกัน โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความคิดเห็นระหว่างเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ หัวข้อ “การเมืองและเศรษฐกิจไทยในศตวรรษที่ 21 และนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว (Komaba Research Campus) ประเทศญี่ปุ่นว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโตแค่ 1.9% ซึ่งต่ำมาก ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนจากต่างประเทศที่หายไป . นายพิชัย กล่าวอีกว่า ปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไตรมาสที่แล้วจีดีพีขยายตัว 3% และไตรมาสนี้น่าจะขยายตัวได้ 4% แต่จีดีพีไทยต้องโตอย่างน้อย 5% ขึ้นไป ต่อเนื่องไปอีก 20 ปี ถึงจะหลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลาง และการส่งออกไทยเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา บวกถึง 14.6% คาดว่าการส่งออกทั้งปีของปีนี้จะเติบโตได้ถึง 5% และการลงทุนในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาสูงที่สุดในรอบ 10 ปี สิ้นปีนี้น่าจะแตะ 1 ล้านล้านบาท เพราะรัฐบาลไทย มีนโยบายส่งเสริมในอุตสาหกรรมไฮเทค ที่ไทยได้รับความสนใจมากอย่าง PCB Data Center และ AI ซึ่งทางญี่ปุ่นกำลังจะมีการลงทุนเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยจะทุ่มงบประมาณมากกว่า 10 ล้านล้านเยน (2.2 ล้านล้านบาท) และทางไทยหวังว่าจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชนของญี่ปุ่นด้วย . “ส่วนเรื่องการเมืองของไทย กว่า 10 ปีที่ผ่านมา เรามีปัญหามาโดยตลอดตั้งแต่การรัฐประหาร รัฐบาลของนายกฯทักษิณ ก่อนหน้าการรัฐประหาร เศรษฐกิจไทยโต 5-8% หลังรัฐประหารขยายตัวเพียง 3% และตั้งแต่ปี 2557 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 1.9% เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ทางการเมืองมีผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เมื่อการเมืองกลับมามั่นคง เสถียรภาพรัฐบาลก็มั่นคง เศรษฐกิจไทยก็กลับมามั่นคง คนไทยรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่เห็นภาพนี้ชัดเจนเชื่อว่าจะเรียนรู้และไม่ยอมให้มีการรัฐประหารอีก แนวทางการบริหารงานและการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น ตอนนี้มีเพียงการแก้ปัญหาเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน ถ้าแก้ได้เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นได้รวดเร็ว” นายพิชัย กล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    Sad
    7
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 855 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gina Raimondo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าการพยายามยับยั้งความก้าวหน้าของการผลิตชิปของจีนเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า

    เธอกล่าวว่า "การพยายามยับยั้งจีนเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า" และเสริมว่ากฎหมาย CHIPS and Science Act ของรัฐบาล Biden ซึ่งทำให้ประเทศใช้เงินมากขึ้นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานชิปมากกว่าที่เคยทำในช่วง 28 ปีที่ผ่านมา "มีความสำคัญมากกว่าการควบคุมการส่งออก" อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี Biden ยังคงผลักดันให้มีการห้ามและคว่ำบาตรบริษัทจีน และกระตุ้นให้พันธมิตร เช่น เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่น หยุดจีนจากการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

    Raimondo ยังกล่าวว่า "วิธีเดียวที่จะเอาชนะจีนได้คือการก้าวนำหน้าพวกเขา" และเน้นว่าการลงทุนในนวัตกรรมภายในประเทศเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแข่งขันกับจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/holding-back-chinas-chipmaking-progress-is-a-fools-errand-says-u-s-commerce-secretary
    Gina Raimondo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าการพยายามยับยั้งความก้าวหน้าของการผลิตชิปของจีนเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า เธอกล่าวว่า "การพยายามยับยั้งจีนเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า" และเสริมว่ากฎหมาย CHIPS and Science Act ของรัฐบาล Biden ซึ่งทำให้ประเทศใช้เงินมากขึ้นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานชิปมากกว่าที่เคยทำในช่วง 28 ปีที่ผ่านมา "มีความสำคัญมากกว่าการควบคุมการส่งออก" อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี Biden ยังคงผลักดันให้มีการห้ามและคว่ำบาตรบริษัทจีน และกระตุ้นให้พันธมิตร เช่น เนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่น หยุดจีนจากการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง Raimondo ยังกล่าวว่า "วิธีเดียวที่จะเอาชนะจีนได้คือการก้าวนำหน้าพวกเขา" และเน้นว่าการลงทุนในนวัตกรรมภายในประเทศเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแข่งขันกับจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/holding-back-chinas-chipmaking-progress-is-a-fools-errand-says-u-s-commerce-secretary
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Holding back China's chipmaking progress is a fool’s errand, says U.S. Commerce Secretary
    Investments in semiconductor manufacturing and innovation matter more than bans and sanctions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 458 ล้านดอลลาร์ให้กับบริษัท SK Hynix เพื่อสร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์และศูนย์วิจัยและพัฒนาในเมืองเวสต์ลาฟาแยตต์ รัฐอินเดียนา

    โครงการนี้มีมูลค่ารวม 3.87 พันล้านดอลลาร์และมีเป้าหมายเพื่อผลิตชิป HBM ในสหรัฐฯ ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตชิป AI นอกจากนี้ยังมีการเสนอเงินกู้เพิ่มเติมสูงสุด 500 ล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทจากกองทุนที่ได้รับจากกฎหมาย CHIPS Act

    โครงการนี้คาดว่าจะสร้างงานใหม่พันตำแหน่งในรัฐอินเดียนาและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัย Purdue ที่อยู่ใกล้เคียง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-department-of-commerce-finalizes-usd458-million-grant-for-sk-hynix-to-build-indiana-packaging-plant-plans-to-lend-an-additional-usd500-million-for-lafayette-project
    กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 458 ล้านดอลลาร์ให้กับบริษัท SK Hynix เพื่อสร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์และศูนย์วิจัยและพัฒนาในเมืองเวสต์ลาฟาแยตต์ รัฐอินเดียนา โครงการนี้มีมูลค่ารวม 3.87 พันล้านดอลลาร์และมีเป้าหมายเพื่อผลิตชิป HBM ในสหรัฐฯ ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตชิป AI นอกจากนี้ยังมีการเสนอเงินกู้เพิ่มเติมสูงสุด 500 ล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทจากกองทุนที่ได้รับจากกฎหมาย CHIPS Act โครงการนี้คาดว่าจะสร้างงานใหม่พันตำแหน่งในรัฐอินเดียนาและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัย Purdue ที่อยู่ใกล้เคียง https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-department-of-commerce-finalizes-usd458-million-grant-for-sk-hynix-to-build-indiana-packaging-plant-plans-to-lend-an-additional-usd500-million-for-lafayette-project
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA ได้ขอให้บริษัท Super Micro Computer (SMCI) ตรวจสอบว่าชิปของ NVIDIA ถูกนำเข้ามาในจีนอย่างผิดกฎหมายได้อย่างไร รวมถึงปัญหาการปลอมแปลงหมายเลขซีเรียลของเซิร์ฟเวอร์

    กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ขอให้ NVIDIA ตรวจสอบว่าชิปที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ถูกนำเข้ามาในจีนได้อย่างไร NVIDIA จึงได้ขอให้ผู้จัดจำหน่ายหลัก เช่น Super Micro Computer และ Dell ทำการตรวจสอบลูกค้าในภูมิภาคของตน ทาง NVIDIA กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิธีที่ผู้ใช้ปลายทางในจีนสามารถปลอมแปลงหมายเลขซีเรียลของเซิร์ฟเวอร์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดที่กำหนดภายใต้การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ

    https://wccf.tech/1foff
    NVIDIA ได้ขอให้บริษัท Super Micro Computer (SMCI) ตรวจสอบว่าชิปของ NVIDIA ถูกนำเข้ามาในจีนอย่างผิดกฎหมายได้อย่างไร รวมถึงปัญหาการปลอมแปลงหมายเลขซีเรียลของเซิร์ฟเวอร์ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ขอให้ NVIDIA ตรวจสอบว่าชิปที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ถูกนำเข้ามาในจีนได้อย่างไร NVIDIA จึงได้ขอให้ผู้จัดจำหน่ายหลัก เช่น Super Micro Computer และ Dell ทำการตรวจสอบลูกค้าในภูมิภาคของตน ทาง NVIDIA กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิธีที่ผู้ใช้ปลายทางในจีนสามารถปลอมแปลงหมายเลขซีเรียลของเซิร์ฟเวอร์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดที่กำหนดภายใต้การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ https://wccf.tech/1foff
    WCCF.TECH
    NVIDIA Asks Super Micro Computer (SMCI) To Investigate How Its Chips Were Illicitly Procured By China, Including The Issue Of Forged Server Serial Numbers
    NVIDIA has asked its major distributors, including Super Micro Computer and Dell, to conduct spot checks on their regional customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคร่วมฯ ลา ครม.จริง แจ้งไว้ก่อนแล้วไร้นัยยะ ไม่สน 'ทักษิณ' ตะเพิด
    .
    การสัมมนาโครงการเสริมศักยภาพ ส.ส.และบุคลากรทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ปรากฎว่าไฮไลท์สำคัญไปอยู่ที่การขึ้นพูดของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีเนื้อหาส่วนหนึ่งพาดพิงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเนื่องจากพบว่ามีรัฐมนตรีลาการประชุมคณะรัฐมนตรีถึง 7 คน ซึ่งแสดงออกถึงการไม่จริงใจ
    .
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า นายทักษิณไม่น่าจะหมายถึงพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากในวันดังกล่าวได้เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ และไม่ทราบว่ามีการเลื่อนการประชุมเป็นวันพุธที่ 11 ธันวาคม เนื่องจากปกติการประชุมคณะรัฐมนตรีจะประชุมทุกวันอังคาร โดยระหว่างพบแพทย์เพื่อทำการตรวจนั้น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์เพื่อตามให้เข้าประชุม เนื่องจากมีการพิจารณากฎหมายสำคัญ หลังจากตรวจเสร็จ ก็รีบเข้าประชุม ครม.ทันที อีกทั้งรัฐมนตรีหลายคนของพรรคก็เข้าร่วมประชุมในวันนั้น เว้นแต่ผู้ที่ติดภารกิจราชการ จึงไม่อยากให้เชื่อมโยงมาถึงพรรคภูมิใจไทย
    .
    "พรรคภูมิใจไทย รับสัญญาณจากนายกรัฐมนตรี คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพราะนางสาวแพทองธาร คือ หัวหน้ารัฐบาล ท่านทักษิณ พูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก เพราะผมก็ไปร่วมประชุม" นายอนุทิน กล่าว
    .
    นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รวมทั้งนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แจ้งลาประชุม ครม.ต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากติดภารกิจ
    .
    ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม มั่นใจว่า ความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลยังคงราบรื่น แม้นายทักษิณ จะมีการพูดเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับส่วนตัวม่ทราบว่าการพูดของนายทักษิณเป็นการเตือนถึงพรรคร่วมรัฐฐาลหรือไม่ พราะท่านไม่ได้มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อท่านพูดมา เราก็รับฟังว่าเป็นอย่างไร ถือเป็นความเห็นของผู้มีอาวุโสทางการเมืองที่จะเห็นว่าวิธีการเช่นนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ ก็วิพากษ์วิจารณ์มา เพราะท่านเป็นบุคคลที่ติดตามการเมือง
    ...............
    Sondhi X
    พรรคร่วมฯ ลา ครม.จริง แจ้งไว้ก่อนแล้วไร้นัยยะ ไม่สน 'ทักษิณ' ตะเพิด . การสัมมนาโครงการเสริมศักยภาพ ส.ส.และบุคลากรทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ปรากฎว่าไฮไลท์สำคัญไปอยู่ที่การขึ้นพูดของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีเนื้อหาส่วนหนึ่งพาดพิงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเนื่องจากพบว่ามีรัฐมนตรีลาการประชุมคณะรัฐมนตรีถึง 7 คน ซึ่งแสดงออกถึงการไม่จริงใจ . นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า นายทักษิณไม่น่าจะหมายถึงพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากในวันดังกล่าวได้เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ และไม่ทราบว่ามีการเลื่อนการประชุมเป็นวันพุธที่ 11 ธันวาคม เนื่องจากปกติการประชุมคณะรัฐมนตรีจะประชุมทุกวันอังคาร โดยระหว่างพบแพทย์เพื่อทำการตรวจนั้น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์เพื่อตามให้เข้าประชุม เนื่องจากมีการพิจารณากฎหมายสำคัญ หลังจากตรวจเสร็จ ก็รีบเข้าประชุม ครม.ทันที อีกทั้งรัฐมนตรีหลายคนของพรรคก็เข้าร่วมประชุมในวันนั้น เว้นแต่ผู้ที่ติดภารกิจราชการ จึงไม่อยากให้เชื่อมโยงมาถึงพรรคภูมิใจไทย . "พรรคภูมิใจไทย รับสัญญาณจากนายกรัฐมนตรี คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพราะนางสาวแพทองธาร คือ หัวหน้ารัฐบาล ท่านทักษิณ พูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก เพราะผมก็ไปร่วมประชุม" นายอนุทิน กล่าว . นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รวมทั้งนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แจ้งลาประชุม ครม.ต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากติดภารกิจ . ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม มั่นใจว่า ความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลยังคงราบรื่น แม้นายทักษิณ จะมีการพูดเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับส่วนตัวม่ทราบว่าการพูดของนายทักษิณเป็นการเตือนถึงพรรคร่วมรัฐฐาลหรือไม่ พราะท่านไม่ได้มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อท่านพูดมา เราก็รับฟังว่าเป็นอย่างไร ถือเป็นความเห็นของผู้มีอาวุโสทางการเมืองที่จะเห็นว่าวิธีการเช่นนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ ก็วิพากษ์วิจารณ์มา เพราะท่านเป็นบุคคลที่ติดตามการเมือง ............... Sondhi X
    Haha
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 891 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงพาณิชย์เผยจีนควบคุมการส่งออกสินค้าDual-use Items ไปยังสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงกระทรวงพาณิชย์ระบุเมื่อวันพฤหัสบดีที่5ธันวาคมว่าการตัดสินใจของจีนที่จะจำกัดการส่งออกสินค้าDual-Use Itemซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งทางด้านพาณิชย์และทางทหาร ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการขายสินค้าดังกล่าวไปแล้ว ปลายทางสามารถใช้สินค้านั้นเพื่อการค้าทั่วไป แต่อาจสามารถไปเกี่ยวข้องกับอาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ได้ ซึ่ง DUI แทรกซึมอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมจีได้จกัดส่งออกDUIนี้ไปยังสหรัฐฯ ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของจีน ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่สมเหตุสมผลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของตนเองและปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เช่น การไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์https://www.cctvplus.com/news/20241205/8406647.shtml#!language=1
    กระทรวงพาณิชย์เผยจีนควบคุมการส่งออกสินค้าDual-use Items ไปยังสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงกระทรวงพาณิชย์ระบุเมื่อวันพฤหัสบดีที่5ธันวาคมว่าการตัดสินใจของจีนที่จะจำกัดการส่งออกสินค้าDual-Use Itemซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งทางด้านพาณิชย์และทางทหาร ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการขายสินค้าดังกล่าวไปแล้ว ปลายทางสามารถใช้สินค้านั้นเพื่อการค้าทั่วไป แต่อาจสามารถไปเกี่ยวข้องกับอาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ได้ ซึ่ง DUI แทรกซึมอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมจีได้จกัดส่งออกDUIนี้ไปยังสหรัฐฯ ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของจีน ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่สมเหตุสมผลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของตนเองและปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เช่น การไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์https://www.cctvplus.com/news/20241205/8406647.shtml#!language=1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พาณิชย์”สบช่อง ยูเนสโกขึ้นทะเบียนเมนู “ต้มยำกุ้ง” ของไทย เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ชวนผู้ประกอบการร้านอาหาร ใช้วัตถุดิบ GI รังสรรค์เมนูอาหาร สร้างมูลค่าเพิ่ม เผยอย่างเมนูต้มยำกุ้ง สามารถใช้กุ้งก้ามกรามบางแพ และวัตถุดิบ GI อื่น ๆ มาทำ และเสิร์ฟในรูปแบบไฟด์ไดนิ่งได้ รวมถึงเมนูอาหารอื่น ๆ ที่สามารถใช้วัตถุดิบ GI สร้างมูลค่าเพิ่มได้เช่นเดียวกัน

    นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนเมนู “ต้มยำกุ้ง” ของไทย เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ว่า เป็นการตอกย้ำความชื่นชอบและชื่นชมเมนูต้มยำกุ้งของไทยของคนทั่วโลก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะใช้โอกาสนี้ ผลักดันให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ใช้วัตถุดิบที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มาใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหาร โดยเฉพาะอาหารไฟน์ไดนิ่ง ที่เน้นความวิจิตร ความพิถีพิถันในการปรุง การจัดจาน และการบริการ เพื่อมอบประสบการณ์การกินอาหารที่แตกต่างในระดับพรีเมียม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000117485

    #MGROnline #ต้มยำกุ้ง #วัตถุดิบ #GI
    “พาณิชย์”สบช่อง ยูเนสโกขึ้นทะเบียนเมนู “ต้มยำกุ้ง” ของไทย เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ชวนผู้ประกอบการร้านอาหาร ใช้วัตถุดิบ GI รังสรรค์เมนูอาหาร สร้างมูลค่าเพิ่ม เผยอย่างเมนูต้มยำกุ้ง สามารถใช้กุ้งก้ามกรามบางแพ และวัตถุดิบ GI อื่น ๆ มาทำ และเสิร์ฟในรูปแบบไฟด์ไดนิ่งได้ รวมถึงเมนูอาหารอื่น ๆ ที่สามารถใช้วัตถุดิบ GI สร้างมูลค่าเพิ่มได้เช่นเดียวกัน • นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนเมนู “ต้มยำกุ้ง” ของไทย เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ว่า เป็นการตอกย้ำความชื่นชอบและชื่นชมเมนูต้มยำกุ้งของไทยของคนทั่วโลก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะใช้โอกาสนี้ ผลักดันให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ใช้วัตถุดิบที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มาใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหาร โดยเฉพาะอาหารไฟน์ไดนิ่ง ที่เน้นความวิจิตร ความพิถีพิถันในการปรุง การจัดจาน และการบริการ เพื่อมอบประสบการณ์การกินอาหารที่แตกต่างในระดับพรีเมียม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000117485 • #MGROnline #ต้มยำกุ้ง #วัตถุดิบ #GI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลจัดชุดใหญ่ เยียวยาน้ำท่วมใต้ หวังสยบดราม่า
    .
    ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดนดราม่าทัวร์ลงถล่มเกี่ยวกับน้ำท่วมภาคใต้ ปรากฎว่ารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณและมาตรการเยียวยาประชาชนในพื้นที่มาเป็นชุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มกรอบเงินทดรองของจังหวัด จาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท ในจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประกาศเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 6 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่อด้วยการเห็นชอบใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงิน โดยให้ปรับหลักเกณฑ์กรณีที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายน้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย และที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวันจะช่วยในอัตราเดียวคือ 9,000 บาททุกครัวเรือน จากเดิมในพื้นที่ 57จังหวัด จะเพิ่มอีก 16 จังหวัด วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเร่งด่วน
    .
    ขณะเดียวกัน สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลสินค้า อุปโภค-บริโภค ต้องห้ามขาด ห้ามแพง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ถ้าพบว่ามีการกักตุนสินค้า หรือพบว่าราคาแพงผิดปกติ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย โดยประชาชนและลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี พักชำระหนี้ นาน 3 เดือน นอกจากนี้ ประชาชนที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม ธอส.ได้เปิดสินเชื่อวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด 3 เดือน สำหรับประชาชนลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย” สามารถติดต่อได้ที่ 0-2645-9000 หรือสาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
    .
    เช่นเดียวกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กระทรวงการคลัง ออกนมาตรการเร่งด่วนเยียวยา “ลูกค้า – ลูกหนี้” น้ำท่วมภาคใต้ พักค่าธรรมเนียม – พักหนี้ 6 เดือน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภาคใต้ฟื้นฟูกิจการ เช่น พักชำระค่าธรรมเนียมและค่าจัดการค้ำประกัน 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ปี 2567 มาตรการช่วยลูกหนี้บสย.ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้ ระยะเวลารับคำขอพักชำระ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2567 โดยพักชำระค่างวดที่ถึงกำหนดชำระเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลจัดชุดใหญ่ เยียวยาน้ำท่วมใต้ หวังสยบดราม่า . ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดนดราม่าทัวร์ลงถล่มเกี่ยวกับน้ำท่วมภาคใต้ ปรากฎว่ารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณและมาตรการเยียวยาประชาชนในพื้นที่มาเป็นชุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มกรอบเงินทดรองของจังหวัด จาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท ในจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประกาศเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 6 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่อด้วยการเห็นชอบใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงิน โดยให้ปรับหลักเกณฑ์กรณีที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายน้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย และที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวันจะช่วยในอัตราเดียวคือ 9,000 บาททุกครัวเรือน จากเดิมในพื้นที่ 57จังหวัด จะเพิ่มอีก 16 จังหวัด วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเร่งด่วน . ขณะเดียวกัน สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลสินค้า อุปโภค-บริโภค ต้องห้ามขาด ห้ามแพง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ถ้าพบว่ามีการกักตุนสินค้า หรือพบว่าราคาแพงผิดปกติ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย โดยประชาชนและลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี พักชำระหนี้ นาน 3 เดือน นอกจากนี้ ประชาชนที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม ธอส.ได้เปิดสินเชื่อวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด 3 เดือน สำหรับประชาชนลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย” สามารถติดต่อได้ที่ 0-2645-9000 หรือสาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 . เช่นเดียวกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กระทรวงการคลัง ออกนมาตรการเร่งด่วนเยียวยา “ลูกค้า – ลูกหนี้” น้ำท่วมภาคใต้ พักค่าธรรมเนียม – พักหนี้ 6 เดือน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภาคใต้ฟื้นฟูกิจการ เช่น พักชำระค่าธรรมเนียมและค่าจัดการค้ำประกัน 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ปี 2567 มาตรการช่วยลูกหนี้บสย.ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้ ระยะเวลารับคำขอพักชำระ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2567 โดยพักชำระค่างวดที่ถึงกำหนดชำระเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1064 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 944 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปักกิ่งสวนกลับทันควัน ประกาศจำกัดการส่งออกแร่ธาตุที่มีความสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์บางรายการให้อเมริกา หลังจากเมื่อวันจันทร์ (2) วอชิงตันออกมาตรการสกัดอุตสาหกรรมชิปจีนรอบ 3 ซึ่งจะมีการควบคุมการส่งออกไปยังบริษัทแดนมังกร 140 แห่ง
    .
    คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เดินหมากใหญ่กระดานสุดท้ายในวันจันทร์ เพื่อปิดกั้นจีนไม่ให้เข้าถึงและผลิตชิปที่จะช่วยส่งเสริมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) โดยอ้างว่าอาจถูกนำไปใช้งานทางทหารหรือคุกคามความมั่นคงของอเมริกา
    .
    คำสั่งใหม่คราวนี้ยังเกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ก็เป็นที่คาดหมายกันว่า เขาจะยังคงสานต่อมาตรการแข็งกร้าวกับปักกิ่ง
    .
    สำหรับมาตรการรอบล่าสุดของสหรัฐฯ มุ่งครอบคลุมทั้งการจำกัดการจัดส่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปยังจีน ได้แก่ ชิปหน่วยความจำแบนด์วิดธ์สูงที่จำเป็นสำหรับการใช้งานระดับไฮเอนด์อย่างเช่นการฝึกเครื่องจักรเอไอ เครื่องจักรเครื่องมือผลิตชิปอีก 24 รายการ และเครื่องมือด้านซอฟต์แวร์ 3 รายการ และการจำกัดการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปที่ผลิตในประเทศ เช่น สิงคโปร์และมาเลเซีย
    .
    จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์จีน แถลงว่า มาตรการนี้มีเป้าหมายในการป้องกันไม่ให้จีนสามารถส่งเสริมระบบการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในแดนมังกร ซึ่งจะนำไปใช้สนับสนุนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย
    .
    สำหรับบริษัทจีนที่จะได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดรอบใหม่คราวนี้ ประกอบด้วยบริษัทด้านเซมิคอนดักเตอร์เกือบ 24 แห่ง บริษัทด้านการลงทุน 2 แห่ง และพวกผู้ผลิตเครื่องจักรเครื่องมือผลิตชิปกว่า 100 แห่ง เช่น สเวย์ชัวร์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานร่วมกับหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ที่ถูกอเมริกาแซงก์ชันและขณะนี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตและพัฒนาชิปขั้นสูงของจีน
    .
    บริษัทเหล่านี้จะถูกขึ้นบัญชีดำใน entity list หรือรายชื่อบริษัทที่รัฐบาลอเมริกามองว่า มีอันตรายต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งซัปพลายเออร์อเมริกันจะไม่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งผลิตภัณฑ์ให้โดยไม่ได้รับใบอนุญาตพิเศษ
    .
    ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการล่าสุดคราวนี้ยังมีการขยายอำนาจของอเมริกาในการควบคุมการส่งออกเครื่องจักรอุปกรณ์ผลิตชิปของพวกผู้ผลิตอเมริกัน ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ ที่ทำการผลิตในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกและจัดส่งไปห้โรงงานชิปบางแห่งในจีน โดยการควบคุมเช่นนี้จะส่งผลต่อเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ผลิตในอิสราเอล มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน ขณะที่อุปกรณ์ที่ผลิตในญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ได้รับการยกเว้น
    .
    มาตรการชุดใหม่นี้มีระเบียบจำกัดชิปความจำที่ใช้ในชิปเอไอซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี HBM 2 หรือสูงกว่า อันเป็นเทคโนโลยีที่ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และเอสเค ไฮนิกซ์ของเกาหลีใต้ และไมครอนของอเมริกาใช้อยู่
    .
    สำหรับปฏิกิริยาตอบโต้จากฝ่ายจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า พฤติกรรมของอเมริกาบ่อนทำลายระเบียบการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และขัดขวางห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ก่อนสำทับว่า จีนจะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของบริษัทท้องถิ่น
    .
    ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนโจมตีว่า มาตรการจำกัดของอเมริกาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ “การข่มขู่ทางเศรษฐกิจ” และ “แนวทางปฏิบัติที่ไม่อิงกับตลาด”
    .
    จีนประกาศห้ามส่งออกแร่ใช้ทำเซมิคอนดักเตอร์ไปยังสหรัฐฯ
    .
    ต่อมาในวันอังคาร (3) กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศใช้มาตรการห้ามการส่งออกพวกสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับแร่ แกลเลียม เจอร์มาเนียม และพลวง (แอนติโมนี) ซึ่งมีศักยภาพที่อาจนำไปใช้ทางทหารได้ ไปยังสหรัฐฯ นอกจากนั้น ยังให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดในเรื่องการส่งออกกราไฟต์ไปยังสหรัฐฯ อีกด้วย โดยต้องตรวจสอบผู้ใช้และการนำไปใช้อย่างถี่ถ้วน
    .
    คำชี้แนะว่าด้วยสิ่งของที่อาจนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งทหารและพลเรือนของกระทรวงพาณิชย์จีนฉบับนี้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในทันที ได้ให้เหตุผลของการออกระเบียบเช่นนี้ว่า เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศชาติ
    .
    “โดยหลักการแล้ว การส่งออกแกลเลียม เจอร์มาเนียม พลวง และพวกวัสดุที่มีความแข็งเป็นพิเศษ (superhard materials) ไปยังสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ไม่ควรได้รับอนุมัติ” กระทรวงพาณิชย์จีนบอก
    .
    มาตรการใหม่เช่นนี้ เป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่การบังคับใช้ระเบียบจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญยิ่งยวดเหล่านี้ซึ่งปักกิ่งทยอยประกาศออกมาในปีที่แล้ว เพียงแต่มาตรการใหม่นี้ยังมีการระบุเจาะจงว่าใช้กับการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เท่านั้นอีกด้วย
    .
    ข้อมูลของศุลกากรจีนแสดงให้เห็นว่า ไม่มีการขนส่งเจอร์มาเนียม หรือแกลเลียม ทั้งแบบที่ขึ้นรูปแล้ว (wrought) และแบบที่ไม่ได้ขึ้นรูป (unwrought) ไปยังสหรัฐฯ เลยในปีนี้นับจนถึงเดือนตุลาคม ถึงแม้ในปีก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ คือตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 และอันดับ 5 ตามลำดับของแร่เหล่านี้ของจีน
    .
    แกลเลียม และเจอร์มาเนียม ใช้อยู่ในเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนั้นแล้ว เจอร์มาเนียม ยังใช้ในพวกเทคโนโลยีอินฟราเรด สายเคเบิลใยแก้วนำแสง และแผงโซลาร์เซลล์
    .
    ทำนองเดียวกัน การส่งออกพวกผลิตภัณฑ์พลวงของจีนโดยรวมในเดือนตุลาคม ได้หล่นฮวบลงมาถึง 97% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน หลังจากมาตรการจำกัดการส่งออกของปักกิ่งเริ่มมีผลบังคับใช้
    .
    ในปีที่แล้ว จีนเป็นผู้ผลิตพลวงที่ได้มาจากการทำเหมืองถึงประมาณ 48% ของที่ผลิตได้ทั่วโลก โดยที่พลวงถูกนำไปใช้ทั้งในพวกเครื่องกระสุน ขีปนาวุธอินฟราเรด อาวุธนิวเคลียร์ และกล้องสองตาให้มองกลางคืน ตลอดจนในแบตเตอรี่ และอุปกรณ์โฟโตโวลตาอิก
    .
    “ความเคลื่อนไหวคราวนี้ถือว่าเป็นการทำให้ความตึงเครียดในห่วงโซ่อุปทานยิ่งยกระดับบานปลายออกไปอย่างมากมาย ขณะที่การเข้าถึงพวกวัตถุนี้ก็อยู่ในสภาพตึงตัวอยู่แล้วในโลกตะวันตก” เป็นคำกล่าวของ แจ๊ก เบดเดอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง โปรเจ็คต์ บลู
    .
    ราคาของพลวงไตรออกไซด์ (antimony trioxide) ที่ตลาดรอตเตอร์ดัม อยู่ที่ 39,000 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน ณ วันที่ 28 พ.ย. เมื่อเปรียบเทียบกับตอนเริ่มต้นปีนี้ หมายความว่าราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 228% ทั้งนี้ตามตัวเลขของ อาร์กุส กิจการด้านข้อมูลข่าวสาร
    .
    “ทุกๆ คนจะต้องพยายามลองขุดหาแถวๆ สนามหญ้าหลังบ้านของตัวเอง เพื่อค้นดูว่ามีพลวงหรือไม่ ประเทศจำนวนมากจะต้องพยายามค้นหาสินแร่พลวงให้เจอ” เป็นคำพูดของเทรดเดอร์ด้านโลหะรายหนึ่ง ซึ่งขอให้สงวนนาม
    ..............
    Sondhi X
    ปักกิ่งสวนกลับทันควัน ประกาศจำกัดการส่งออกแร่ธาตุที่มีความสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์บางรายการให้อเมริกา หลังจากเมื่อวันจันทร์ (2) วอชิงตันออกมาตรการสกัดอุตสาหกรรมชิปจีนรอบ 3 ซึ่งจะมีการควบคุมการส่งออกไปยังบริษัทแดนมังกร 140 แห่ง . คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เดินหมากใหญ่กระดานสุดท้ายในวันจันทร์ เพื่อปิดกั้นจีนไม่ให้เข้าถึงและผลิตชิปที่จะช่วยส่งเสริมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) โดยอ้างว่าอาจถูกนำไปใช้งานทางทหารหรือคุกคามความมั่นคงของอเมริกา . คำสั่งใหม่คราวนี้ยังเกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ก็เป็นที่คาดหมายกันว่า เขาจะยังคงสานต่อมาตรการแข็งกร้าวกับปักกิ่ง . สำหรับมาตรการรอบล่าสุดของสหรัฐฯ มุ่งครอบคลุมทั้งการจำกัดการจัดส่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปยังจีน ได้แก่ ชิปหน่วยความจำแบนด์วิดธ์สูงที่จำเป็นสำหรับการใช้งานระดับไฮเอนด์อย่างเช่นการฝึกเครื่องจักรเอไอ เครื่องจักรเครื่องมือผลิตชิปอีก 24 รายการ และเครื่องมือด้านซอฟต์แวร์ 3 รายการ และการจำกัดการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปที่ผลิตในประเทศ เช่น สิงคโปร์และมาเลเซีย . จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์จีน แถลงว่า มาตรการนี้มีเป้าหมายในการป้องกันไม่ให้จีนสามารถส่งเสริมระบบการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในแดนมังกร ซึ่งจะนำไปใช้สนับสนุนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย . สำหรับบริษัทจีนที่จะได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดรอบใหม่คราวนี้ ประกอบด้วยบริษัทด้านเซมิคอนดักเตอร์เกือบ 24 แห่ง บริษัทด้านการลงทุน 2 แห่ง และพวกผู้ผลิตเครื่องจักรเครื่องมือผลิตชิปกว่า 100 แห่ง เช่น สเวย์ชัวร์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานร่วมกับหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ที่ถูกอเมริกาแซงก์ชันและขณะนี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตและพัฒนาชิปขั้นสูงของจีน . บริษัทเหล่านี้จะถูกขึ้นบัญชีดำใน entity list หรือรายชื่อบริษัทที่รัฐบาลอเมริกามองว่า มีอันตรายต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งซัปพลายเออร์อเมริกันจะไม่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งผลิตภัณฑ์ให้โดยไม่ได้รับใบอนุญาตพิเศษ . ยิ่งไปกว่านั้น มาตรการล่าสุดคราวนี้ยังมีการขยายอำนาจของอเมริกาในการควบคุมการส่งออกเครื่องจักรอุปกรณ์ผลิตชิปของพวกผู้ผลิตอเมริกัน ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ ที่ทำการผลิตในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกและจัดส่งไปห้โรงงานชิปบางแห่งในจีน โดยการควบคุมเช่นนี้จะส่งผลต่อเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ผลิตในอิสราเอล มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน ขณะที่อุปกรณ์ที่ผลิตในญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ได้รับการยกเว้น . มาตรการชุดใหม่นี้มีระเบียบจำกัดชิปความจำที่ใช้ในชิปเอไอซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี HBM 2 หรือสูงกว่า อันเป็นเทคโนโลยีที่ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และเอสเค ไฮนิกซ์ของเกาหลีใต้ และไมครอนของอเมริกาใช้อยู่ . สำหรับปฏิกิริยาตอบโต้จากฝ่ายจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า พฤติกรรมของอเมริกาบ่อนทำลายระเบียบการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และขัดขวางห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ก่อนสำทับว่า จีนจะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของบริษัทท้องถิ่น . ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนโจมตีว่า มาตรการจำกัดของอเมริกาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ “การข่มขู่ทางเศรษฐกิจ” และ “แนวทางปฏิบัติที่ไม่อิงกับตลาด” . จีนประกาศห้ามส่งออกแร่ใช้ทำเซมิคอนดักเตอร์ไปยังสหรัฐฯ . ต่อมาในวันอังคาร (3) กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศใช้มาตรการห้ามการส่งออกพวกสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับแร่ แกลเลียม เจอร์มาเนียม และพลวง (แอนติโมนี) ซึ่งมีศักยภาพที่อาจนำไปใช้ทางทหารได้ ไปยังสหรัฐฯ นอกจากนั้น ยังให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดในเรื่องการส่งออกกราไฟต์ไปยังสหรัฐฯ อีกด้วย โดยต้องตรวจสอบผู้ใช้และการนำไปใช้อย่างถี่ถ้วน . คำชี้แนะว่าด้วยสิ่งของที่อาจนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งทหารและพลเรือนของกระทรวงพาณิชย์จีนฉบับนี้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในทันที ได้ให้เหตุผลของการออกระเบียบเช่นนี้ว่า เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศชาติ . “โดยหลักการแล้ว การส่งออกแกลเลียม เจอร์มาเนียม พลวง และพวกวัสดุที่มีความแข็งเป็นพิเศษ (superhard materials) ไปยังสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ไม่ควรได้รับอนุมัติ” กระทรวงพาณิชย์จีนบอก . มาตรการใหม่เช่นนี้ เป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่การบังคับใช้ระเบียบจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญยิ่งยวดเหล่านี้ซึ่งปักกิ่งทยอยประกาศออกมาในปีที่แล้ว เพียงแต่มาตรการใหม่นี้ยังมีการระบุเจาะจงว่าใช้กับการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เท่านั้นอีกด้วย . ข้อมูลของศุลกากรจีนแสดงให้เห็นว่า ไม่มีการขนส่งเจอร์มาเนียม หรือแกลเลียม ทั้งแบบที่ขึ้นรูปแล้ว (wrought) และแบบที่ไม่ได้ขึ้นรูป (unwrought) ไปยังสหรัฐฯ เลยในปีนี้นับจนถึงเดือนตุลาคม ถึงแม้ในปีก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ คือตลาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 และอันดับ 5 ตามลำดับของแร่เหล่านี้ของจีน . แกลเลียม และเจอร์มาเนียม ใช้อยู่ในเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนั้นแล้ว เจอร์มาเนียม ยังใช้ในพวกเทคโนโลยีอินฟราเรด สายเคเบิลใยแก้วนำแสง และแผงโซลาร์เซลล์ . ทำนองเดียวกัน การส่งออกพวกผลิตภัณฑ์พลวงของจีนโดยรวมในเดือนตุลาคม ได้หล่นฮวบลงมาถึง 97% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน หลังจากมาตรการจำกัดการส่งออกของปักกิ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ . ในปีที่แล้ว จีนเป็นผู้ผลิตพลวงที่ได้มาจากการทำเหมืองถึงประมาณ 48% ของที่ผลิตได้ทั่วโลก โดยที่พลวงถูกนำไปใช้ทั้งในพวกเครื่องกระสุน ขีปนาวุธอินฟราเรด อาวุธนิวเคลียร์ และกล้องสองตาให้มองกลางคืน ตลอดจนในแบตเตอรี่ และอุปกรณ์โฟโตโวลตาอิก . “ความเคลื่อนไหวคราวนี้ถือว่าเป็นการทำให้ความตึงเครียดในห่วงโซ่อุปทานยิ่งยกระดับบานปลายออกไปอย่างมากมาย ขณะที่การเข้าถึงพวกวัตถุนี้ก็อยู่ในสภาพตึงตัวอยู่แล้วในโลกตะวันตก” เป็นคำกล่าวของ แจ๊ก เบดเดอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง โปรเจ็คต์ บลู . ราคาของพลวงไตรออกไซด์ (antimony trioxide) ที่ตลาดรอตเตอร์ดัม อยู่ที่ 39,000 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน ณ วันที่ 28 พ.ย. เมื่อเปรียบเทียบกับตอนเริ่มต้นปีนี้ หมายความว่าราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 228% ทั้งนี้ตามตัวเลขของ อาร์กุส กิจการด้านข้อมูลข่าวสาร . “ทุกๆ คนจะต้องพยายามลองขุดหาแถวๆ สนามหญ้าหลังบ้านของตัวเอง เพื่อค้นดูว่ามีพลวงหรือไม่ ประเทศจำนวนมากจะต้องพยายามค้นหาสินแร่พลวงให้เจอ” เป็นคำพูดของเทรดเดอร์ด้านโลหะรายหนึ่ง ซึ่งขอให้สงวนนาม .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 948 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนประกาศยุติการส่งออกแกลเลียม เจอร์เมเนียม แอนติโมนี และวัสดุไฮเทคสำคัญอื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา

    จีนประกาศวันนี้ว่าจะห้ามส่งออกแกลเลียม เจอร์เมเนียม แอนติโมนี และวัสดุไฮเทคสำคัญอื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจนำไปใช้ทางการทหาร

    กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกประกาศดังกล่าว หลังจากที่วอชิงตันขยายรายชื่อคว่ำบาตรบริษัทจีนในการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ซึ่งชิปดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับการใช้งานขั้นสูง

    ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนและประเทศอื่นๆ อย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ความตึงเครียดเกี่ยวกับการค้าและเทคโนโลยีที่ปะทุขึ้นรุนแรงขึ้น

    จีนคือประเทศที่จัดหาจัดส่งและดำเนินการผลิตพลวง (แอนติโมนี) รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยที่สารกึ่งโลหะนี้ถูกใช้ในการผลิตพวกขีปนาวุธอินฟราเรด, อาวุธนิวเคลียร์, และกล้องส่องกลางคืน, ตลอดจนเป็นสารทำให้พวกลูกปืนและรถถังมีความแข็งมากขึ้น

    สำหรับแกลเลียม-เจอร์เมเนียม ธาตุทั้งสองชนิดนิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และจอแสดงผล แกลเลียมและเจอร์เมเนียมมีบทบาทในการผลิตสารกึ่งตัวนำแบบผสมจำนวนมาก ซึ่งรวมองค์ประกอบหลายอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อปรับปรุงความเร็วและประสิทธิภาพการส่งข้อมูล
    จีนประกาศยุติการส่งออกแกลเลียม เจอร์เมเนียม แอนติโมนี และวัสดุไฮเทคสำคัญอื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา จีนประกาศวันนี้ว่าจะห้ามส่งออกแกลเลียม เจอร์เมเนียม แอนติโมนี และวัสดุไฮเทคสำคัญอื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจนำไปใช้ทางการทหาร กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกประกาศดังกล่าว หลังจากที่วอชิงตันขยายรายชื่อคว่ำบาตรบริษัทจีนในการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ซึ่งชิปดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับการใช้งานขั้นสูง ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนและประเทศอื่นๆ อย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ความตึงเครียดเกี่ยวกับการค้าและเทคโนโลยีที่ปะทุขึ้นรุนแรงขึ้น จีนคือประเทศที่จัดหาจัดส่งและดำเนินการผลิตพลวง (แอนติโมนี) รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยที่สารกึ่งโลหะนี้ถูกใช้ในการผลิตพวกขีปนาวุธอินฟราเรด, อาวุธนิวเคลียร์, และกล้องส่องกลางคืน, ตลอดจนเป็นสารทำให้พวกลูกปืนและรถถังมีความแข็งมากขึ้น สำหรับแกลเลียม-เจอร์เมเนียม ธาตุทั้งสองชนิดนิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และจอแสดงผล แกลเลียมและเจอร์เมเนียมมีบทบาทในการผลิตสารกึ่งตัวนำแบบผสมจำนวนมาก ซึ่งรวมองค์ประกอบหลายอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อปรับปรุงความเร็วและประสิทธิภาพการส่งข้อมูล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บุญทรง"อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กลับบ้านเชียงใหม่แล้ว ยังเก็บตัวเงียบ หลังได้รับการพักโทษคดีทุจริตโครงการระบายข้าว เตรียมเข้ารายงานตัว จนท.ราชทัณฑ์และคุมประพฤติ วันที่ 4 ธ.ค.67

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000116353

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "บุญทรง"อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กลับบ้านเชียงใหม่แล้ว ยังเก็บตัวเงียบ หลังได้รับการพักโทษคดีทุจริตโครงการระบายข้าว เตรียมเข้ารายงานตัว จนท.ราชทัณฑ์และคุมประพฤติ วันที่ 4 ธ.ค.67 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000116353 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Like
    Haha
    Yay
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 918 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส.ส.สหรัฐเรียกร้องให้ทบทวนภัยคุกคามจากเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของจีน

    28 ตุลาคม 2567-สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจากการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ของจีน ซึ่งเป็นสาขาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สามารถเร่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้

    โฟโตนิกส์ซิลิคอนนั้นอาศัยแสงแทนสัญญาณไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ และมีการใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อชิปคอมพิวเตอร์หลายหมื่นชิ้น บริษัทชิป AI ชั้นนำ เช่น Nvidia (NVDA.O)และบริษัท Advanced Micro Devices (AMD.O)ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผสานโฟโตนิกส์เข้ากับชิปของตน ขณะที่ Lightmatter ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่งระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สำหรับเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของตน ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์

    จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เข้าร่วมโครงการระดมทุนมากมายที่มุ่งสร้างชิปโฟโตนิกส์ในจีน ตามรายงานของสื่อของรัฐ
    เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าการทำงานด้านโฟโตนิกส์ของจีนอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามใดบ้าง และควรแก้ไขกฎการควบคุมการส่งออกเพื่อปกป้องความพยายามของสหรัฐฯ หรือไม่

    “ลักษณะการใช้งานสองแบบของเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ทำให้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะถูกนำไปใช้ในทางการทหารโดยผู้ที่มีปัญหา” ส.ส. จอห์น มูเลนนาร์ จากพรรครีพับลิกัน และราชา กฤษณมูรติ จากพรรคเดโมแครต เขียนในจดหมายของพวกเขา

    Sunny Cheung นักวิจัยประจำภาควิชาศึกษาจีนที่ Jamestown Foundation ซึ่งศึกษาความพยายามของจีน กล่าวกับ Reuters ว่า "จีนอาจเป็นรัฐวิสาหกิจที่เร็วที่สุดในการระดมทรัพยากรและสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทำงานด้านเทคโนโลยีโฟโตนิกส์"

    ที่มา https://www.reuters.com/technology/us-lawmakers-urge-review-china-threat-photonics-technology-2024-10-28

    #Thaitimes

    ส.ส.สหรัฐเรียกร้องให้ทบทวนภัยคุกคามจากเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของจีน 28 ตุลาคม 2567-สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติจากการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนโฟโตนิกส์ของจีน ซึ่งเป็นสาขาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สามารถเร่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้ โฟโตนิกส์ซิลิคอนนั้นอาศัยแสงแทนสัญญาณไฟฟ้าในการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ และมีการใช้ในระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อชิปคอมพิวเตอร์หลายหมื่นชิ้น บริษัทชิป AI ชั้นนำ เช่น Nvidia (NVDA.O)และบริษัท Advanced Micro Devices (AMD.O)ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผสานโฟโตนิกส์เข้ากับชิปของตน ขณะที่ Lightmatter ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์เพิ่งระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์สำหรับเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ของตน ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มณฑลกวางตุ้งได้เข้าร่วมโครงการระดมทุนมากมายที่มุ่งสร้างชิปโฟโตนิกส์ในจีน ตามรายงานของสื่อของรัฐ เมื่อวันจันทร์ คณะกรรมาธิการวิสามัญเรื่องจีนของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่าการทำงานด้านโฟโตนิกส์ของจีนอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามใดบ้าง และควรแก้ไขกฎการควบคุมการส่งออกเพื่อปกป้องความพยายามของสหรัฐฯ หรือไม่ “ลักษณะการใช้งานสองแบบของเทคโนโลยีโฟโตนิกส์ทำให้มีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะถูกนำไปใช้ในทางการทหารโดยผู้ที่มีปัญหา” ส.ส. จอห์น มูเลนนาร์ จากพรรครีพับลิกัน และราชา กฤษณมูรติ จากพรรคเดโมแครต เขียนในจดหมายของพวกเขา Sunny Cheung นักวิจัยประจำภาควิชาศึกษาจีนที่ Jamestown Foundation ซึ่งศึกษาความพยายามของจีน กล่าวกับ Reuters ว่า "จีนอาจเป็นรัฐวิสาหกิจที่เร็วที่สุดในการระดมทรัพยากรและสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทำงานด้านเทคโนโลยีโฟโตนิกส์" ที่มา https://www.reuters.com/technology/us-lawmakers-urge-review-china-threat-photonics-technology-2024-10-28 #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 765 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผล ทำไมไทยเข้าร่วม BRICS

    นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนเมืองคาซาน ของรัสเซีย ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 วันที่ 24 ต.ค.2567 ในหัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together”

    สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาค และระดับโลก รวมถึงหารือการส่งเสริมระบบพหุภาคีเพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการประชุมผู้นำบริกส์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2567

    ทางด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9 - 11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้ากระบวนการเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย

    ทั้งนี้ ไทยได้ชี้แจงสหรัฐถึงเหตุผลที่ต้องการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ได้มีเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์แต่เป็นเหตุผลทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่หลายประเทศที่มีประชากรมาก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 2% แต่การขยายตลาดจะสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจขยายตัวได้ และสหรัฐได้รับฟัง และเข้าใจเหตุผลดังกล่าว
    .
    https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1150596
    ‘บลิงเคน’ ถามหาเหตุผล ทำไมไทยเข้าร่วม BRICS นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนเมืองคาซาน ของรัสเซีย ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 วันที่ 24 ต.ค.2567 ในหัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together” สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาค และระดับโลก รวมถึงหารือการส่งเสริมระบบพหุภาคีเพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการประชุมผู้นำบริกส์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2567 ทางด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9 - 11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้ากระบวนการเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย ทั้งนี้ ไทยได้ชี้แจงสหรัฐถึงเหตุผลที่ต้องการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ได้มีเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์แต่เป็นเหตุผลทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่หลายประเทศที่มีประชากรมาก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 2% แต่การขยายตลาดจะสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจขยายตัวได้ และสหรัฐได้รับฟัง และเข้าใจเหตุผลดังกล่าว . https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1150596
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว

  • แอปเปิลปักหลักจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทานที่ถึงพร้อมระดับสูง หลังจีนแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ

    สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า แถลงการณ์โดยกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจของแอปเปิลในจีน รวมถึงสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยระหว่างการหารือ คุกแสดงความมุ่งมั่น ที่จะดำเนินการพัฒนาระยะยาว และเพิ่มการลงทุนในจีน

    หวังกล่าวว่า จีนออกมาตรการเปิดกว้างใหม่และดำเนินการอันเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ และยินดีต้อนรับแอปเปิลเข้ามาคว้าโอกาส และขยายธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และเดินหน้าให้บริการที่มีคุณภาพสูง แก่บริษัทซึ่งใช้เงินทุนจากต่างประเทศ

    หวังเน้นย้ำว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วม ได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของทั้งสองประเทศ และเป็นพลังอันมั่นคงให้กับความสัมพันธ์ทวิภาคี จีนยินดีจะฟื้นฟูการพัฒนาอันมั่นคงดีของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างภาครัฐ-ภาคธุรกิจ ให้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น

    ด้านคุกกล่าวว่า การพัฒนาอันรวดเร็วของจีน ช่วยให้แอปเปิลบรรลุการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน แอปเปิลมองจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทาน พร้อมมุ่งดำเนินการพัฒนาระยะยาวในจีนและจะเพิ่มการลงทุนด้านต่าง ๆ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงเป็นสะพานการสื่อสารและแลกเปลี่ยน ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในด้านเศรษฐกิจและการค้า

    ที่มา : XINHUA
    ภาพ : Ministry of Commerce, People’s Republic of China

    #Thaitimes
    แอปเปิลปักหลักจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทานที่ถึงพร้อมระดับสูง หลังจีนแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า แถลงการณ์โดยกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่าทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจของแอปเปิลในจีน รวมถึงสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยระหว่างการหารือ คุกแสดงความมุ่งมั่น ที่จะดำเนินการพัฒนาระยะยาว และเพิ่มการลงทุนในจีน หวังกล่าวว่า จีนออกมาตรการเปิดกว้างใหม่และดำเนินการอันเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขข้อวิตกกังวลของบริษัทผู้ประกอบการที่ลงทุนโดยต่างชาติ และยินดีต้อนรับแอปเปิลเข้ามาคว้าโอกาส และขยายธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และเดินหน้าให้บริการที่มีคุณภาพสูง แก่บริษัทซึ่งใช้เงินทุนจากต่างประเทศ หวังเน้นย้ำว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วม ได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของทั้งสองประเทศ และเป็นพลังอันมั่นคงให้กับความสัมพันธ์ทวิภาคี จีนยินดีจะฟื้นฟูการพัฒนาอันมั่นคงดีของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างภาครัฐ-ภาคธุรกิจ ให้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ด้านคุกกล่าวว่า การพัฒนาอันรวดเร็วของจีน ช่วยให้แอปเปิลบรรลุการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน แอปเปิลมองจีนเป็นตลาดสำคัญและหุ้นส่วนหลักในห่วงโซ่อุปทาน พร้อมมุ่งดำเนินการพัฒนาระยะยาวในจีนและจะเพิ่มการลงทุนด้านต่าง ๆ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงเป็นสะพานการสื่อสารและแลกเปลี่ยน ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในด้านเศรษฐกิจและการค้า ที่มา : XINHUA ภาพ : Ministry of Commerce, People’s Republic of China #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 688 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts