• กลยุทธ์ เล่นสั้น 04/09/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #นักลงทุน
    กลยุทธ์ เล่นสั้น 04/09/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #นักลงทุน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เช็คอาการ ตลาดหุ้นไทย? 04/09/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #หุ้นไทย #การลงทุน
    เช็คอาการ ตลาดหุ้นไทย? 04/09/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #หุ้นไทย #การลงทุน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Wall Street: เมื่อหุ้นควอนตัมแยกเป็นสองขั้ว—บางตัวร่วงหนัก บางตัวกลับฟื้นตัวสวนตลาด

    ในวันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านภาษีและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูง นักลงทุนพากันหนีจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาหุ้นปลอดภัยอย่าง Unilever, P&G และ J&J ที่กลับมาเขียวสวนกระแส แต่หุ้นควอนตัมกลับถูกเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัทที่เน้น “ฮาร์ดแวร์” เป็นหลัก

    Quantum Computing Inc. และ Rigetti Computing สูญเสียมูลค่าหุ้นไปเกือบ 6% ในวันเดียว ขณะที่ IonQ และ D-Wave Quantum ซึ่งมี exposure ด้าน “ซอฟต์แวร์” มากกว่า กลับฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน โดย D-Wave ปิดลดลงเพียง 0.15% และ IonQ ลดลง 0.35%

    นักวิเคราะห์มองว่า ความแตกต่างนี้สะท้อนถึง “ความยืดหยุ่นของโมเดลธุรกิจ” ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย—ซอฟต์แวร์ที่มี margin สูงและสามารถ deploy ผ่าน cloud ได้ง่าย ย่อมมีโอกาสรอดมากกว่าฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมี cycle การพัฒนาแบบยาว

    แม้จะมีแรงเทขายในระยะสั้น แต่ ETF อย่าง QTUM ที่รวมหุ้นควอนตัมหลายตัวไว้ ก็ยังบวกอยู่ 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แสดงว่าความเชื่อมั่นในระยะยาวยังไม่หายไป เพียงแต่ต้องเลือก “จังหวะและตัวเล่น” ให้ถูก

    ภาพรวมตลาดหุ้นควอนตัมในเดือนกันยายน 2025
    Quantum Computing Inc. และ Rigetti ร่วง ~6% จากแรงเทขายในกลุ่มฮาร์ดแวร์
    IonQ และ D-Wave ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน
    นักลงทุนเทไปหาหุ้นปลอดภัย เช่น J&J, P&G, Unilever

    ความแตกต่างระหว่างบริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    IonQ และ D-Wave มีโมเดลที่เน้นซอฟต์แวร์และ cloud deployment
    Quantum Computing Inc. และ Rigetti ยังเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ควอนตัมโดยตรง
    ซอฟต์แวร์มี margin สูงกว่าและปรับตัวได้ง่ายในภาวะงบประมาณจำกัด

    ความเคลื่อนไหวของ ETF และแนวโน้มระยะยาว
    QTUM ETF ยังบวก 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แม้จะลดลง 1.4% ในวันเดียว
    นักลงทุนยังเชื่อในศักยภาพระยะยาวของควอนตัม แต่ต้องระวัง volatility
    การเลือกหุ้นควอนตัมต้องดูทั้งเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจ

    https://wccftech.com/quantum-computing-stocks-split-in-two-as-they-battle-tough-risk-off-market-conditions-some-lose-5-while-others-in-the-green/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Wall Street: เมื่อหุ้นควอนตัมแยกเป็นสองขั้ว—บางตัวร่วงหนัก บางตัวกลับฟื้นตัวสวนตลาด ในวันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านภาษีและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูง นักลงทุนพากันหนีจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาหุ้นปลอดภัยอย่าง Unilever, P&G และ J&J ที่กลับมาเขียวสวนกระแส แต่หุ้นควอนตัมกลับถูกเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัทที่เน้น “ฮาร์ดแวร์” เป็นหลัก Quantum Computing Inc. และ Rigetti Computing สูญเสียมูลค่าหุ้นไปเกือบ 6% ในวันเดียว ขณะที่ IonQ และ D-Wave Quantum ซึ่งมี exposure ด้าน “ซอฟต์แวร์” มากกว่า กลับฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน โดย D-Wave ปิดลดลงเพียง 0.15% และ IonQ ลดลง 0.35% นักวิเคราะห์มองว่า ความแตกต่างนี้สะท้อนถึง “ความยืดหยุ่นของโมเดลธุรกิจ” ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย—ซอฟต์แวร์ที่มี margin สูงและสามารถ deploy ผ่าน cloud ได้ง่าย ย่อมมีโอกาสรอดมากกว่าฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมี cycle การพัฒนาแบบยาว แม้จะมีแรงเทขายในระยะสั้น แต่ ETF อย่าง QTUM ที่รวมหุ้นควอนตัมหลายตัวไว้ ก็ยังบวกอยู่ 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แสดงว่าความเชื่อมั่นในระยะยาวยังไม่หายไป เพียงแต่ต้องเลือก “จังหวะและตัวเล่น” ให้ถูก ✅ ภาพรวมตลาดหุ้นควอนตัมในเดือนกันยายน 2025 ➡️ Quantum Computing Inc. และ Rigetti ร่วง ~6% จากแรงเทขายในกลุ่มฮาร์ดแวร์ ➡️ IonQ และ D-Wave ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน ➡️ นักลงทุนเทไปหาหุ้นปลอดภัย เช่น J&J, P&G, Unilever ✅ ความแตกต่างระหว่างบริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ➡️ IonQ และ D-Wave มีโมเดลที่เน้นซอฟต์แวร์และ cloud deployment ➡️ Quantum Computing Inc. และ Rigetti ยังเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ควอนตัมโดยตรง ➡️ ซอฟต์แวร์มี margin สูงกว่าและปรับตัวได้ง่ายในภาวะงบประมาณจำกัด ✅ ความเคลื่อนไหวของ ETF และแนวโน้มระยะยาว ➡️ QTUM ETF ยังบวก 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แม้จะลดลง 1.4% ในวันเดียว ➡️ นักลงทุนยังเชื่อในศักยภาพระยะยาวของควอนตัม แต่ต้องระวัง volatility ➡️ การเลือกหุ้นควอนตัมต้องดูทั้งเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจ https://wccftech.com/quantum-computing-stocks-split-in-two-as-they-battle-tough-risk-off-market-conditions-some-lose-5-while-others-in-the-green/
    WCCFTECH.COM
    Quantum Computing Stocks Split In Two As They Battle Tough & Risk-Off Market Conditions - Some Lose 5% While Others In The Green
    Quantum computing stocks fell nearly 6% as Quantum Computing Inc and Rigetti led losses amidst bearish market sentiment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่ง “พีรพงศ์” กรณี JMT 02/09/68 #ก.ล.ต. #พีรพงศ์ #JMT #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่ง “พีรพงศ์” กรณี JMT 02/09/68 #ก.ล.ต. #พีรพงศ์ #JMT #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ก.ล.ต. ให้ CIG ชี้แจงข้อมูลภายใน 4 กันยา 68 02/09/68 #ก.ล.ต. #CIG #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    ก.ล.ต. ให้ CIG ชี้แจงข้อมูลภายใน 4 กันยา 68 02/09/68 #ก.ล.ต. #CIG #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หุ้นจับจ่าย’ เด้งรับเลือกตั้ง! (01/09/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #หุ้นจับจ่าย #เลือกตั้ง
    หุ้นจับจ่าย’ เด้งรับเลือกตั้ง! (01/09/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #หุ้นจับจ่าย #เลือกตั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เน้นหุ้นปันผล (01/09/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    เน้นหุ้นปันผล (01/09/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 25 : เหยื่อ (3)
    ปี ค.ศ. 1990 ญี่ปุ่นเสนอความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ (อดีต) สหภาพโซเวียต ซึ่งหลังจากแตกเป็นเสี่ยง ๆ (เพราะฝีมือใคร ! ?) ทำให้อเมริกาเป็นห่วงว่า ถ้าญี่ปุ่นไปจับมือกับรัสเซียจริง นานไปญี่ปุ่นอาจจะเอาใจออกห่างอเมริกา แล้วถ้าไปรวมกันเสือเศรษฐกิจแห่งเอเซียล่ะ ที่กำลังทะยานขึ้นมา มันย่อมไม่ใช่แนวทางของโลก ที่อเมริกาอยากให้เป็นนะ
    วิธีกดดันแบบเดิม ๆ จึงเกิดขึ้น มือหนึ่งกันจับบ่าญี่ปุ่นถามกันตรง ๆ ว่า คุณยุ่น คุณจะเลิกแผนช่วยเหลือรัสเซีย หรือคุณจะเริ่มสร้างกองทัพของคุณเอง อย่าลืมว่าทุกวันนี้ คุณยุ่นมีกองทัพเรือของอเมริกาค้ำ (คอ) ให้อยู่นะ ชอบหรือไม่ก็ตาม ระหว่างนั้นตลาดหุ้น Nikkei ก็ร่วง ยังกับใบไม้โดนพายุหมุน เมื่อจับเอาญี่ปุ่นกลับเข้ามาอยู่ในอุ้งมือเหมือนเดิมแล้ว ต่อไปก็พวกที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือเอเซียน่ะ มันจะเป็นเสือหรือเป็นแมวเดี๋ยวได้รู้กัน
    ช่วงนั้นหลายประเทศในเอเซีย นอกจากญี่ปุ่นแล้ว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ต่างก็เริ่มขยับฐานะ อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจแต่ละประเทศพวกนี้สูงกว่า ขีดในปรอทที่อเมริกาให้ IMF คอยวัดไว้ ที่อเมริกาหน้าแดงก่ำ คือมันโตกว่าอเมริกาเกือบเท่าตัว ประเทศพวกนี้ไม่มีหนี้ ไม่อยู่ในเงื่อนอะไรของ IMF เสียด้วยซ้ำ พวกเขานำความเจริญมาสู่ประเทศด้านการศึกษา การผลิตและการสร้างงานในประเทศ ที่สำคัญประเทศพวกนี้ ยังไม่เปิดประตูกว้างรับการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติและแถมมีข้อจำกัดเกี่ยว กับการนำสินค้าเข้า อเมริกาจึงเตรียมรางวัลให้กับประเทศที่กำลังเจริญเติบโตเกินอัตราที่ปรอทขีด ไว้ อย่ามาทำเป็นมีไข้(เติบโต)สูง ไอ ไม่ชอบนะ
    เหมือนกับเวลาที่สิงห์โตล่าเหยื่อ มันจะดูสัตว์ตัวที่อ่อนแอกว่าเพื่อนในฝูง ก่อนไล่ตะบบกิน ค.ศ. 1993 อเมริกาก็ได้เหยื่อที่อยากจะเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเซีย ความอยากรวยเร็วของเสือตัวที่ 5 ไม่ทันดูฉลากที่แปะมากับอาหารที่อเมริกาส่งมาให้ที่ชื่อ George Soros ผลที่ตามมาคงจะพอจำกันได้ ไทยแลนด์แดนสมันน้อย (ไม่ได้เป็นเสืออย่างที่เข้าใจ ทีนี้รู้แล้วนะ ทำไมถึงเรียกว่า “สมันน้อย”) ก็เจอฟองสบู่ลอยเต็มเมือง ตามมาด้วยการลดค่าเงินบาท ที่ทำให้ไอ้พวกโจรร้ายมันรวยล้นแผ่นดินอยู่นี่ไงล่ะ แล้วก็มีคนเดินย่องเข้าไปหานายใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน ช่วยอ้ายน้อยด้วย ! แล้วสมันน้อยก็กลับไปซบอกนายใหญ่ ถูกใส่ปลอกคอยี่ห้อ IMF เดินเชื่องไม่ต่างกันเมื่อเขาเอาคอมมิวนิสต์มาขู่ ยอมเดินลงเปลให้เขากล่อม ทำอะไรก็ได้ในไทยแลนด์ตอนนั้น คราวนี้เราก็เสียอธิปไตยอีกหน แต่เป็นเสียอธิปไตยทางการเงิน ! ต้มยำกุ้งดังไปทั่วโลก หลังจากนั้น เสือฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ก็ระเนระนาดล้มตามกันไป จบตำนานเสือแห่งเอเซีย เดินร้องเหมียว ๆ เข้ากรง IMF กันเป็นแถว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 25 : เหยื่อ (3) ปี ค.ศ. 1990 ญี่ปุ่นเสนอความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ (อดีต) สหภาพโซเวียต ซึ่งหลังจากแตกเป็นเสี่ยง ๆ (เพราะฝีมือใคร ! ?) ทำให้อเมริกาเป็นห่วงว่า ถ้าญี่ปุ่นไปจับมือกับรัสเซียจริง นานไปญี่ปุ่นอาจจะเอาใจออกห่างอเมริกา แล้วถ้าไปรวมกันเสือเศรษฐกิจแห่งเอเซียล่ะ ที่กำลังทะยานขึ้นมา มันย่อมไม่ใช่แนวทางของโลก ที่อเมริกาอยากให้เป็นนะ วิธีกดดันแบบเดิม ๆ จึงเกิดขึ้น มือหนึ่งกันจับบ่าญี่ปุ่นถามกันตรง ๆ ว่า คุณยุ่น คุณจะเลิกแผนช่วยเหลือรัสเซีย หรือคุณจะเริ่มสร้างกองทัพของคุณเอง อย่าลืมว่าทุกวันนี้ คุณยุ่นมีกองทัพเรือของอเมริกาค้ำ (คอ) ให้อยู่นะ ชอบหรือไม่ก็ตาม ระหว่างนั้นตลาดหุ้น Nikkei ก็ร่วง ยังกับใบไม้โดนพายุหมุน เมื่อจับเอาญี่ปุ่นกลับเข้ามาอยู่ในอุ้งมือเหมือนเดิมแล้ว ต่อไปก็พวกที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือเอเซียน่ะ มันจะเป็นเสือหรือเป็นแมวเดี๋ยวได้รู้กัน ช่วงนั้นหลายประเทศในเอเซีย นอกจากญี่ปุ่นแล้ว อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ต่างก็เริ่มขยับฐานะ อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจแต่ละประเทศพวกนี้สูงกว่า ขีดในปรอทที่อเมริกาให้ IMF คอยวัดไว้ ที่อเมริกาหน้าแดงก่ำ คือมันโตกว่าอเมริกาเกือบเท่าตัว ประเทศพวกนี้ไม่มีหนี้ ไม่อยู่ในเงื่อนอะไรของ IMF เสียด้วยซ้ำ พวกเขานำความเจริญมาสู่ประเทศด้านการศึกษา การผลิตและการสร้างงานในประเทศ ที่สำคัญประเทศพวกนี้ ยังไม่เปิดประตูกว้างรับการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติและแถมมีข้อจำกัดเกี่ยว กับการนำสินค้าเข้า อเมริกาจึงเตรียมรางวัลให้กับประเทศที่กำลังเจริญเติบโตเกินอัตราที่ปรอทขีด ไว้ อย่ามาทำเป็นมีไข้(เติบโต)สูง ไอ ไม่ชอบนะ เหมือนกับเวลาที่สิงห์โตล่าเหยื่อ มันจะดูสัตว์ตัวที่อ่อนแอกว่าเพื่อนในฝูง ก่อนไล่ตะบบกิน ค.ศ. 1993 อเมริกาก็ได้เหยื่อที่อยากจะเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเซีย ความอยากรวยเร็วของเสือตัวที่ 5 ไม่ทันดูฉลากที่แปะมากับอาหารที่อเมริกาส่งมาให้ที่ชื่อ George Soros ผลที่ตามมาคงจะพอจำกันได้ ไทยแลนด์แดนสมันน้อย (ไม่ได้เป็นเสืออย่างที่เข้าใจ ทีนี้รู้แล้วนะ ทำไมถึงเรียกว่า “สมันน้อย”) ก็เจอฟองสบู่ลอยเต็มเมือง ตามมาด้วยการลดค่าเงินบาท ที่ทำให้ไอ้พวกโจรร้ายมันรวยล้นแผ่นดินอยู่นี่ไงล่ะ แล้วก็มีคนเดินย่องเข้าไปหานายใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน ช่วยอ้ายน้อยด้วย ! แล้วสมันน้อยก็กลับไปซบอกนายใหญ่ ถูกใส่ปลอกคอยี่ห้อ IMF เดินเชื่องไม่ต่างกันเมื่อเขาเอาคอมมิวนิสต์มาขู่ ยอมเดินลงเปลให้เขากล่อม ทำอะไรก็ได้ในไทยแลนด์ตอนนั้น คราวนี้เราก็เสียอธิปไตยอีกหน แต่เป็นเสียอธิปไตยทางการเงิน ! ต้มยำกุ้งดังไปทั่วโลก หลังจากนั้น เสือฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ก็ระเนระนาดล้มตามกันไป จบตำนานเสือแห่งเอเซีย เดินร้องเหมียว ๆ เข้ากรง IMF กันเป็นแถว คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘กลุ่มไฟฟ้า’ ยังไม่จบรอบ (29/08/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    ‘กลุ่มไฟฟ้า’ ยังไม่จบรอบ (29/08/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ไม่หลุด 1200 ไม่ทะลุ 1300 29/08/68 #กะเทาะหุ้น #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    ไม่หลุด 1200 ไม่ทะลุ 1300 29/08/68 #กะเทาะหุ้น #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ฝากถึงรายย่อย กรณี MVP 29/08/68 #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #MVP
    ฝากถึงรายย่อย กรณี MVP 29/08/68 #ตลาดหลักทรัพย์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #MVP
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (3)
    ท่านผู้อ่านนิทานดูเขาเล่นกลกันทันไหมเนี่ยะ ดูช้า ๆ อีกที เริ่มตั้งแต่ยิวไปอยู่อิสราเอลได้อย่างไร ใครจัดการให้ ใครสร้างระบบ Fed ขึ้นมา สร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ เพราะอะไร หลังจากนั้นเขาก็เลิกระบบดอลล่าร์ผูกกับทอง ตัดทิ้งเสียดื้อ ๆ ผลคือไม่มีใครสามารถเอาเงินกระดาษมาแลกกับทองอีกแล้ว ทองเหลือเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ และจะพิมพ์เงินกระดาษขึ้นมาอีกเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นเดียวกัน พิมพ์เข้าไปแยะ ๆ (เพราะไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครมาแลกเป็นทอง !) แล้วเอากระดาษที่พิมพ์ซะแท่นพิมพ์ร้อนน่ะ ไปซื้อน้ำมัน น้ำมันจะขึ้นราคาขายแพงเท่าไหร่จะเดือดร้อนอะไร เพราะเงินที่ได้จากขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์ มันจะเอาไปไหน มันก็ต้องมาฝากแบงค์เรา มาลงทุนซื้อของในบ้านเราบ้านเพื่อนเรา แล้วเราก็เอาเงินพวกนี้ไปออกเป็นพันธบัตร เป็นตราสารไปแปลงเป็นหุ้นไปขายในตลาดหุ้น ชาวบ้านก็ซื้อหุ้นไป เราก็ปั่นหุ้นไป เราก็รวยแล้ว รวยอีก เสกอากาศ เสกกระดาษมา แลกกับน้ำมัน โอ้ว ! สนุก ไอ้พวกมีน้ำมัน มันนึกว่ามีน้ำมันแล้วจะเป็นใหญ่เหนือเราหรือ คอยไปชาตินู้นแล้วกัน
    เอ้า นึกว่าแค่นี้ มันจะซะใจจิกโก๋หรือ ยัง ยังมีอีก บอกแล้วว่าแผนบันได 7 ขั้น เงินที่เราได้มาจากเงินฝากน้ำมันก่อนหน้านี้ เราก็เอาไปให้ประเทศจน ๆ กู้นะ พอน้ำมันมันขึ้นราคา ประเทศพวกนี้มันก็หน้ามืด ถังแตกดังโพล๊ะ จะเอาอะไรมาใช้หนี้เราล่ะ เราก็ส่ง IMF ลูกกระเป๋งเราเข้าไปให้เงินกู้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ วางเงื่อนไขให้มันสบัดช่อ ยึดสมบัติมันอีกต่อ เฮ้อ ! เหนื่อยจังหว่ะ เดี๋ยวกลับไปนับเงินต่อ !
    อ่านนิทานมาถึงตรงนี้ เห็นวิธีเล่นกลของพวกโคตรรวย และนักการเมืองที่เป็นขี้ข้าของเขาแล้วใช่ไหม เขาเลือกเวลาที่เหมาะสมทุกจังหวะ การเล่นกลเสกกระดาษแลกน้ำมัน ยังไม่จบ ที่เล่นกันคราวนี้เป็นตั๋วราคาถูก การเล่นกลแบบตั๋วราคาแพงยังมีอีก ที่สำคัญจำไว้ แม้จะมีน้ำมันเป็นอาวุธอยู่ในมือ นักเล่นกลยังสามารถเล่นกล ให้น้ำมันหายตัว ไปได้คอยดูต่อไป


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (3) ท่านผู้อ่านนิทานดูเขาเล่นกลกันทันไหมเนี่ยะ ดูช้า ๆ อีกที เริ่มตั้งแต่ยิวไปอยู่อิสราเอลได้อย่างไร ใครจัดการให้ ใครสร้างระบบ Fed ขึ้นมา สร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ เพราะอะไร หลังจากนั้นเขาก็เลิกระบบดอลล่าร์ผูกกับทอง ตัดทิ้งเสียดื้อ ๆ ผลคือไม่มีใครสามารถเอาเงินกระดาษมาแลกกับทองอีกแล้ว ทองเหลือเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ และจะพิมพ์เงินกระดาษขึ้นมาอีกเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นเดียวกัน พิมพ์เข้าไปแยะ ๆ (เพราะไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครมาแลกเป็นทอง !) แล้วเอากระดาษที่พิมพ์ซะแท่นพิมพ์ร้อนน่ะ ไปซื้อน้ำมัน น้ำมันจะขึ้นราคาขายแพงเท่าไหร่จะเดือดร้อนอะไร เพราะเงินที่ได้จากขายน้ำมันเป็นดอลล่าร์ มันจะเอาไปไหน มันก็ต้องมาฝากแบงค์เรา มาลงทุนซื้อของในบ้านเราบ้านเพื่อนเรา แล้วเราก็เอาเงินพวกนี้ไปออกเป็นพันธบัตร เป็นตราสารไปแปลงเป็นหุ้นไปขายในตลาดหุ้น ชาวบ้านก็ซื้อหุ้นไป เราก็ปั่นหุ้นไป เราก็รวยแล้ว รวยอีก เสกอากาศ เสกกระดาษมา แลกกับน้ำมัน โอ้ว ! สนุก ไอ้พวกมีน้ำมัน มันนึกว่ามีน้ำมันแล้วจะเป็นใหญ่เหนือเราหรือ คอยไปชาตินู้นแล้วกัน เอ้า นึกว่าแค่นี้ มันจะซะใจจิกโก๋หรือ ยัง ยังมีอีก บอกแล้วว่าแผนบันได 7 ขั้น เงินที่เราได้มาจากเงินฝากน้ำมันก่อนหน้านี้ เราก็เอาไปให้ประเทศจน ๆ กู้นะ พอน้ำมันมันขึ้นราคา ประเทศพวกนี้มันก็หน้ามืด ถังแตกดังโพล๊ะ จะเอาอะไรมาใช้หนี้เราล่ะ เราก็ส่ง IMF ลูกกระเป๋งเราเข้าไปให้เงินกู้ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ วางเงื่อนไขให้มันสบัดช่อ ยึดสมบัติมันอีกต่อ เฮ้อ ! เหนื่อยจังหว่ะ เดี๋ยวกลับไปนับเงินต่อ ! อ่านนิทานมาถึงตรงนี้ เห็นวิธีเล่นกลของพวกโคตรรวย และนักการเมืองที่เป็นขี้ข้าของเขาแล้วใช่ไหม เขาเลือกเวลาที่เหมาะสมทุกจังหวะ การเล่นกลเสกกระดาษแลกน้ำมัน ยังไม่จบ ที่เล่นกันคราวนี้เป็นตั๋วราคาถูก การเล่นกลแบบตั๋วราคาแพงยังมีอีก ที่สำคัญจำไว้ แม้จะมีน้ำมันเป็นอาวุธอยู่ในมือ นักเล่นกลยังสามารถเล่นกล ให้น้ำมันหายตัว ไปได้คอยดูต่อไป คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • เงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (28/08/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    เงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (28/08/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • หลุด 1,235 จุด = จบรอบ! 28/08/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #การลงทุน
    หลุด 1,235 จุด = จบรอบ! 28/08/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #การลงทุน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กลุ่มแบงค์บวก พยุงตลาด 28/08/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #กลุ่มแบงค์ #การลงทุน
    กลุ่มแบงค์บวก พยุงตลาด 28/08/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #กลุ่มแบงค์ #การลงทุน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • SET ก้าวข้ามความท้าทาย (27/08/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    SET ก้าวข้ามความท้าทาย (27/08/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 0 รีวิว

  • กลยุทธ์ เน้นธีม Thailand focus (27/08/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    กลยุทธ์ เน้นธีม Thailand focus (27/08/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Thailand Focus หนุน SET 27/08/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #Thailand Focus #SET #การลงทุน
    Thailand Focus หนุน SET 27/08/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #Thailand Focus #SET #การลงทุน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 16 : คนรวยอีกโคตร
    อเมริกามีตระกูล Rockefeller ที่โคตรรวย อังกฤษก็มีเหมือนกัน ใครรวยกว่าใคร เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกัน ดูกันไป ตระกูล Rothchilds เริ่มต้นหากินอยู่ ทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ที่ทำให้เขารวยแบบส้มหล่น คือจากการใช้ข่าววงในเล่นหุ้นในตลาดหุ้นอังกฤษ (สงสัยเป็น insider trading เจ้าแรกของโลก)
    ประมาณปี ค.ศ. 1815 อังกฤษและพวก ยกทัพไปขยี้จักรพรรดิ์ Napoleon ที่ Waterloo ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Belgium ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ Netherlands ตระกูล Rothchilds ซึ่งมีเชื้อสายของตระกูล แผ่ไปทั่วยุโรป กำลังครอบครองอาณาจักรการเงิน ผ่านเครือข่ายธนาคารของพวกเขา ตั้งแต่ London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples หัวหน้าตระกูลสายอังกฤษ คือ นาย Nathan Rothchilds เป็นนักเล่นหุ้นตัวยง เมื่อเครือข่ายของเขาส่งข่าวมาว่า กองทัพอังกฤษขยี้ Napoleon ได้ เขารู้ก่อนใคร ๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งรัฐบาลอังกฤษเอง ก็ยังไม่รู้ข่าวนี้ (ถ้ามันจะมีนกพิราบพันธ์พิเศษส่งข่าว !) เขาเดินเข้าไปตลาดหุ้น London ตีหน้าขรึมและสั่งเทขายหุ้นทุก
    ตัวที่เขามีอยู่ในพอร์ต แน่นอน เมื่อท่านเศรษฐีขายหุ้นทิ้งทุกตัว แมงเม่าก็ย่อมขายตาม ความอลหม่านก็เกิดขึ้นในตลาดหุ้น London แล้วหุ้นทุกตัวก็พุ่งหลาวลงไปติดพื้น สิ่งที่แมงเม่ามองไม่เห็นคือ หลังจากหุ้นทุกตัวลงมากองอยู่กับพื้น นาย Nathan แอบกลับไปซื้อหุ้นเกือบทุกตัว ในตลาดกลับในราคาหุ้นละตังค์เดียว (penny to a dollar) หลังจากนาย Nathan ซื้อกลับไม่ถึงชั่วอึดใจ ม้าเร็วก็วิ่งมาถึง London พร้อมประกาศว่า เราชนะ เราชนะ แล้วหุ้นที่นาย Nathan ซื้อ ก็พุ่งกลับขึ้นไปชนเพดาน เศรษฐีก็รวยบนซากของแมงเม่ารุ่นประวัติศาสตร์ พวกเศรษฐีเขาเล่นหุ้นกับแบบนี้ แมงเม่าจำไว้ด้วย
    ช่วงปี ค.ศ. 1800 – 1900 เศรษฐกิจของอเมริกาเหมือนเสาปักอยู่บนเลน แล้วปี ค.ศ. 1873 ก็เกิดสภาพเศรษฐกิจถดถอย (The Great Depression) บริษัทใหญ่ ตระกูลใหญ่ ตระกูลน้อย วายวอด แต่ตระกูล Rockefeller และ J P Morgan ก็รอดมาได้
    J P Morgan ยึดหัวหาดในการสร้างทางรถไฟ และธนาคาร ขณะที่ Rockefeller ตอนแรกเล่นแต่น้ำมัน ต่อมากลิ่นเงินมันหอม เลยเริ่มมาลงทุนทำธนาคารด้วย ช่วงนั้น House of Morgan เป็นผู้นำในการทำธุรกิจธนาคาร ตั้ง First National Bank of New York และ National City Bank of New York แต่คนบริหารธนาคารนี้ ก็เป็นเด็กในคาถาของ Rockefeller อีกต่อหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1912 ประมาณว่าทรัพย์สินของ 2 เศรษฐีรวมกัน น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น ล้านล้าน (นับตัวเลขถูกหรือเปล่าหว่า ? !)
    ปลายค.ศ. 1870 อาณาจักรน้ำมัน Standard Oil ของตระกูลโคตรรวย Rockefeller ครองตลาดน้ำมันทั่วอเมริกาและได้ก้าวไปยังต่างประเทศด้วย ค.ศ. 1890 กษัตริย์แห่งฮอลแลนด์ (Dutch) ตั้งบริษัทค้าน้ำมันชื่อ Royal Dutch Oil Company ขายน้ำมันที่มาจากแหล่งในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอาณานิคมของฮอลแลนด์ Dutch มีน้ำมันแต่ไม่มีเรือขน อังกฤษบอกพี่ทำให้เองน้อง แล้วอังกฤษก็ตั้งบริษัทขนส่งน้ำมัน ชื่อ Shell Transport and Trading Company ขนส่งน้ำมัน Dutch จากสุมาตรา ไปทุกแห่งที่อังกฤษต้องการ ท้ายที่สุดก็เปิดตัว คู่รักควบรวมเป็นบริษัท Royal Dutch Shell


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 16 : คนรวยอีกโคตร อเมริกามีตระกูล Rockefeller ที่โคตรรวย อังกฤษก็มีเหมือนกัน ใครรวยกว่าใคร เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกัน ดูกันไป ตระกูล Rothchilds เริ่มต้นหากินอยู่ ทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ที่ทำให้เขารวยแบบส้มหล่น คือจากการใช้ข่าววงในเล่นหุ้นในตลาดหุ้นอังกฤษ (สงสัยเป็น insider trading เจ้าแรกของโลก) ประมาณปี ค.ศ. 1815 อังกฤษและพวก ยกทัพไปขยี้จักรพรรดิ์ Napoleon ที่ Waterloo ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Belgium ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ Netherlands ตระกูล Rothchilds ซึ่งมีเชื้อสายของตระกูล แผ่ไปทั่วยุโรป กำลังครอบครองอาณาจักรการเงิน ผ่านเครือข่ายธนาคารของพวกเขา ตั้งแต่ London, Paris, Frankfurt, Vienna และ Naples หัวหน้าตระกูลสายอังกฤษ คือ นาย Nathan Rothchilds เป็นนักเล่นหุ้นตัวยง เมื่อเครือข่ายของเขาส่งข่าวมาว่า กองทัพอังกฤษขยี้ Napoleon ได้ เขารู้ก่อนใคร ๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งรัฐบาลอังกฤษเอง ก็ยังไม่รู้ข่าวนี้ (ถ้ามันจะมีนกพิราบพันธ์พิเศษส่งข่าว !) เขาเดินเข้าไปตลาดหุ้น London ตีหน้าขรึมและสั่งเทขายหุ้นทุก ตัวที่เขามีอยู่ในพอร์ต แน่นอน เมื่อท่านเศรษฐีขายหุ้นทิ้งทุกตัว แมงเม่าก็ย่อมขายตาม ความอลหม่านก็เกิดขึ้นในตลาดหุ้น London แล้วหุ้นทุกตัวก็พุ่งหลาวลงไปติดพื้น สิ่งที่แมงเม่ามองไม่เห็นคือ หลังจากหุ้นทุกตัวลงมากองอยู่กับพื้น นาย Nathan แอบกลับไปซื้อหุ้นเกือบทุกตัว ในตลาดกลับในราคาหุ้นละตังค์เดียว (penny to a dollar) หลังจากนาย Nathan ซื้อกลับไม่ถึงชั่วอึดใจ ม้าเร็วก็วิ่งมาถึง London พร้อมประกาศว่า เราชนะ เราชนะ แล้วหุ้นที่นาย Nathan ซื้อ ก็พุ่งกลับขึ้นไปชนเพดาน เศรษฐีก็รวยบนซากของแมงเม่ารุ่นประวัติศาสตร์ พวกเศรษฐีเขาเล่นหุ้นกับแบบนี้ แมงเม่าจำไว้ด้วย ช่วงปี ค.ศ. 1800 – 1900 เศรษฐกิจของอเมริกาเหมือนเสาปักอยู่บนเลน แล้วปี ค.ศ. 1873 ก็เกิดสภาพเศรษฐกิจถดถอย (The Great Depression) บริษัทใหญ่ ตระกูลใหญ่ ตระกูลน้อย วายวอด แต่ตระกูล Rockefeller และ J P Morgan ก็รอดมาได้ J P Morgan ยึดหัวหาดในการสร้างทางรถไฟ และธนาคาร ขณะที่ Rockefeller ตอนแรกเล่นแต่น้ำมัน ต่อมากลิ่นเงินมันหอม เลยเริ่มมาลงทุนทำธนาคารด้วย ช่วงนั้น House of Morgan เป็นผู้นำในการทำธุรกิจธนาคาร ตั้ง First National Bank of New York และ National City Bank of New York แต่คนบริหารธนาคารนี้ ก็เป็นเด็กในคาถาของ Rockefeller อีกต่อหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1912 ประมาณว่าทรัพย์สินของ 2 เศรษฐีรวมกัน น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่น ล้านล้าน (นับตัวเลขถูกหรือเปล่าหว่า ? !) ปลายค.ศ. 1870 อาณาจักรน้ำมัน Standard Oil ของตระกูลโคตรรวย Rockefeller ครองตลาดน้ำมันทั่วอเมริกาและได้ก้าวไปยังต่างประเทศด้วย ค.ศ. 1890 กษัตริย์แห่งฮอลแลนด์ (Dutch) ตั้งบริษัทค้าน้ำมันชื่อ Royal Dutch Oil Company ขายน้ำมันที่มาจากแหล่งในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอาณานิคมของฮอลแลนด์ Dutch มีน้ำมันแต่ไม่มีเรือขน อังกฤษบอกพี่ทำให้เองน้อง แล้วอังกฤษก็ตั้งบริษัทขนส่งน้ำมัน ชื่อ Shell Transport and Trading Company ขนส่งน้ำมัน Dutch จากสุมาตรา ไปทุกแห่งที่อังกฤษต้องการ ท้ายที่สุดก็เปิดตัว คู่รักควบรวมเป็นบริษัท Royal Dutch Shell คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ้นไทย อัพไซด์จำกัด ? 22/08/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #การลงทุน
    หุ้นไทย อัพไซด์จำกัด ? 22/08/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #การลงทุน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ใช้ Algorithmic Trading ช่วยลงทุน 22/08/68 #กะเทาะหุ้น #Algorithmic Trading #ระบบเทรดอัตโนมัติ #การลงทุน #ตลาดหุ้น
    ใช้ Algorithmic Trading ช่วยลงทุน 22/08/68 #กะเทาะหุ้น #Algorithmic Trading #ระบบเทรดอัตโนมัติ #การลงทุน #ตลาดหุ้น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ก.ล.ต. ส่งอัยการฟ้อง 13 ราย ปั่นหุ้น 22/08/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #ก.ล.ต. #ปั่นหุ้น #นักลงทุน
    ก.ล.ต. ส่งอัยการฟ้อง 13 ราย ปั่นหุ้น 22/08/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #ก.ล.ต. #ปั่นหุ้น #นักลงทุน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • SET ยังรอปัจจัยการเมือง 22/08/68 #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ #การเมือง
    SET ยังรอปัจจัยการเมือง 22/08/68 #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ #การเมือง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เมื่อ Zuckerberg เบรกการจ้างงาน AI – สัญญาณฟองสบู่ที่ Silicon Valley เริ่มสั่นคลอน

    ในช่วงปีที่ผ่านมา Meta ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงตัวนักวิจัย AI ระดับหัวกะทิจากบริษัทคู่แข่งอย่าง OpenAI และ Google โดยเสนอค่าตอบแทนสูงถึง $1 พันล้านดอลลาร์ต่อคน เพื่อเร่งพัฒนา “Superintelligence Labs” ที่มีเป้าหมายสร้างผู้ช่วยอัจฉริยะถาวรในรูปแบบแว่นตาอัจฉริยะ

    แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Mark Zuckerberg กลับสั่ง “เบรก” การจ้างงานทั้งหมดในแผนก AI ของ Meta ท่ามกลางความกังวลว่าอุตสาหกรรม AI กำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ หลังจากรายงานของ MIT ระบุว่า 95% ของบริษัทที่ลงทุนใน AI ไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ

    การหยุดจ้างงานนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตลาดหุ้นจะร่วงหนัก โดยหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Nvidia, Arm และ Palantir ตกลงอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่าเงินที่ทุ่มไปกับ AI นั้นคุ้มค่าจริงหรือไม่

    แม้ Meta จะออกมาบอกว่าเป็น “การวางแผนองค์กรตามปกติ” แต่เบื้องหลังคือการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยแบ่ง Superintelligence Labs ออกเป็น 4 หน่วยงานใหม่ และยุบทีม AGI Foundations ที่เคยพัฒนาโมเดล Llama และ Behemoth ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าบิดเบือน benchmark เพื่อให้ดูดีเกินจริง

    นักวิเคราะห์เตือนว่า การจ่ายค่าตอบแทนสูงเกินไปโดยไม่มีนวัตกรรมที่ชัดเจนอาจทำให้มูลค่าหุ้นลดลง และความคาดหวังต่อ GPT-5 ที่ไม่เป็นไปตาม hype ยิ่งตอกย้ำว่าฟองสบู่ AI อาจแตกในไม่ช้า

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Meta สั่งหยุดการจ้างงานในแผนก AI ทั้งหมด ยกเว้นกรณีพิเศษที่ต้องได้รับอนุมัติจาก Alexandr Wang
    การหยุดจ้างงานเกิดขึ้นก่อนตลาดหุ้นร่วงจากความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI
    Zuckerberg เคยเสนอค่าตอบแทนสูงถึง $1 พันล้านเพื่อดึงนักวิจัยจาก OpenAI และ Google
    Superintelligence Labs ถูกแบ่งออกเป็น 4 หน่วยงานใหม่ และทีม AGI Foundations ถูกยุบ
    โมเดล Behemoth ถูกวิจารณ์ว่าบิดเบือน benchmark และมีการลาออกของทีมงาน
    Meta อ้างว่าเป็น “การวางแผนองค์กรตามปกติ” เช่น การจัดงบประมาณประจำปี
    หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Nvidia และ Palantir ร่วงจากความกังวลเรื่องผลตอบแทน AI
    Zuckerberg ยืนยันว่าเป้าหมายคือสร้าง “ผู้ช่วยอัจฉริยะถาวร” ที่อยู่ในแว่นตาอัจฉริยะ
    เขาเน้นทีมขนาดเล็กที่มีความสามารถสูง แทนการจ้างงานจำนวนมาก
    ค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน AI จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Meta ดึงตัวนักวิจัย AI มากกว่า 50 คนจากบริษัทคู่แข่งภายในไม่กี่เดือน
    นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley เตือนว่าการจ่ายค่าตอบแทนสูงอาจลดมูลค่าหุ้น
    GPT-5 ได้รับการตอบรับแบบ “กลาง ๆ” ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
    Sam Altman เปรียบ hype ของ AI กับฟองสบู่ dotcom ในปี 2000
    บริษัทเทคโนโลยียังคงลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI แม้รายได้ยังไม่ชัดเจน

    https://www.telegraph.co.uk/business/2025/08/21/zuckerberg-freezes-ai-hiring-amid-bubble-fears/
    🎙️ เมื่อ Zuckerberg เบรกการจ้างงาน AI – สัญญาณฟองสบู่ที่ Silicon Valley เริ่มสั่นคลอน ในช่วงปีที่ผ่านมา Meta ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงตัวนักวิจัย AI ระดับหัวกะทิจากบริษัทคู่แข่งอย่าง OpenAI และ Google โดยเสนอค่าตอบแทนสูงถึง $1 พันล้านดอลลาร์ต่อคน เพื่อเร่งพัฒนา “Superintelligence Labs” ที่มีเป้าหมายสร้างผู้ช่วยอัจฉริยะถาวรในรูปแบบแว่นตาอัจฉริยะ แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Mark Zuckerberg กลับสั่ง “เบรก” การจ้างงานทั้งหมดในแผนก AI ของ Meta ท่ามกลางความกังวลว่าอุตสาหกรรม AI กำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ หลังจากรายงานของ MIT ระบุว่า 95% ของบริษัทที่ลงทุนใน AI ไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ การหยุดจ้างงานนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตลาดหุ้นจะร่วงหนัก โดยหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Nvidia, Arm และ Palantir ตกลงอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่าเงินที่ทุ่มไปกับ AI นั้นคุ้มค่าจริงหรือไม่ แม้ Meta จะออกมาบอกว่าเป็น “การวางแผนองค์กรตามปกติ” แต่เบื้องหลังคือการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยแบ่ง Superintelligence Labs ออกเป็น 4 หน่วยงานใหม่ และยุบทีม AGI Foundations ที่เคยพัฒนาโมเดล Llama และ Behemoth ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าบิดเบือน benchmark เพื่อให้ดูดีเกินจริง นักวิเคราะห์เตือนว่า การจ่ายค่าตอบแทนสูงเกินไปโดยไม่มีนวัตกรรมที่ชัดเจนอาจทำให้มูลค่าหุ้นลดลง และความคาดหวังต่อ GPT-5 ที่ไม่เป็นไปตาม hype ยิ่งตอกย้ำว่าฟองสบู่ AI อาจแตกในไม่ช้า 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Meta สั่งหยุดการจ้างงานในแผนก AI ทั้งหมด ยกเว้นกรณีพิเศษที่ต้องได้รับอนุมัติจาก Alexandr Wang ➡️ การหยุดจ้างงานเกิดขึ้นก่อนตลาดหุ้นร่วงจากความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI ➡️ Zuckerberg เคยเสนอค่าตอบแทนสูงถึง $1 พันล้านเพื่อดึงนักวิจัยจาก OpenAI และ Google ➡️ Superintelligence Labs ถูกแบ่งออกเป็น 4 หน่วยงานใหม่ และทีม AGI Foundations ถูกยุบ ➡️ โมเดล Behemoth ถูกวิจารณ์ว่าบิดเบือน benchmark และมีการลาออกของทีมงาน ➡️ Meta อ้างว่าเป็น “การวางแผนองค์กรตามปกติ” เช่น การจัดงบประมาณประจำปี ➡️ หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Nvidia และ Palantir ร่วงจากความกังวลเรื่องผลตอบแทน AI ➡️ Zuckerberg ยืนยันว่าเป้าหมายคือสร้าง “ผู้ช่วยอัจฉริยะถาวร” ที่อยู่ในแว่นตาอัจฉริยะ ➡️ เขาเน้นทีมขนาดเล็กที่มีความสามารถสูง แทนการจ้างงานจำนวนมาก ➡️ ค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน AI จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Meta ดึงตัวนักวิจัย AI มากกว่า 50 คนจากบริษัทคู่แข่งภายในไม่กี่เดือน ➡️ นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley เตือนว่าการจ่ายค่าตอบแทนสูงอาจลดมูลค่าหุ้น ➡️ GPT-5 ได้รับการตอบรับแบบ “กลาง ๆ” ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ➡️ Sam Altman เปรียบ hype ของ AI กับฟองสบู่ dotcom ในปี 2000 ➡️ บริษัทเทคโนโลยียังคงลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI แม้รายได้ยังไม่ชัดเจน https://www.telegraph.co.uk/business/2025/08/21/zuckerberg-freezes-ai-hiring-amid-bubble-fears/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือกหุ้นไทยในดัชนี MSCI ? 21/08/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #ดัชนี MSCI #การลงทุน
    เลือกหุ้นไทยในดัชนี MSCI ? 21/08/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #ดัชนี MSCI #การลงทุน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts