• Albert Saniger ผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของแอป Nate ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงจากการอ้างว่าแอปของเขาใช้ AI ในการดำเนินการซื้อสินค้าออนไลน์ แต่แท้จริงแล้วกลับใช้แรงงานมนุษย์ในศูนย์บริการลูกค้าในฟิลิปปินส์และโรมาเนีย มาฟังรายละเอียดกันค่ะ:

    Saniger เปิดตัวแอป Nate ในปี 2018 โดยโฆษณาว่าเป็นแอปที่ใช้ AI ในการทำงาน เช่น การกรอกข้อมูลการชำระเงินและการจัดส่งสินค้า รวมถึงการยืนยันการซื้อ แต่จากการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่าแอปนี้พึ่งพาแรงงานมนุษย์เป็นหลักในการดำเนินการซื้อสินค้า ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของ Saniger ที่ว่าแอปนี้ไม่ใช้ "บอทที่โง่เขลา"

    ในปี 2021 Saniger ได้สั่งให้ทีมวิศวกรของเขาพัฒนาบอทเพื่อช่วยดำเนินการซื้อสินค้า แต่บอทเหล่านี้ยังคงทำงานร่วมกับทีมมนุษย์ และไม่ได้เป็น AI ที่ทำงานอัตโนมัติอย่างที่โฆษณาไว้

    แอป Nate ระดมทุนได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนตั้งแต่เปิดตัว โดยในปี 2021 ระดมทุนได้ถึง 38 ล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2023 บริษัทถูกบังคับให้ขายทรัพย์สินหลังจากหมดเงินทุน ทำให้นักลงทุนสูญเสียเงินเกือบทั้งหมด

    ✅ ข้อกล่าวหาต่อ Albert Saniger
    - Saniger ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงจากการอ้างว่าแอป Nate ใช้ AI แต่แท้จริงแล้วใช้แรงงานมนุษย์

    ✅ การทำงานของแอป Nate
    - แอป Nate โฆษณาว่าใช้ AI ในการดำเนินการซื้อสินค้า
    - แต่กลับพึ่งพาแรงงานมนุษย์ในศูนย์บริการลูกค้า

    ✅ การระดมทุนของ Nate
    - Nate ระดมทุนได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์
    - แต่ต้องขายทรัพย์สินในปี 2023 หลังหมดเงินทุน

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความน่าเชื่อถือของ AI
    - กรณีนี้อาจทำให้ผู้คนตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทที่อ้างว่าใช้ AI

    ℹ️ ผลกระทบต่อนักลงทุน
    - นักลงทุนสูญเสียเงินเกือบทั้งหมดจากการลงทุนใน Nate เนื่องจากข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง

    https://www.techspot.com/news/107510-founder-nate-app-faces-fraud-charge-using-ai.html
    Albert Saniger ผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของแอป Nate ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงจากการอ้างว่าแอปของเขาใช้ AI ในการดำเนินการซื้อสินค้าออนไลน์ แต่แท้จริงแล้วกลับใช้แรงงานมนุษย์ในศูนย์บริการลูกค้าในฟิลิปปินส์และโรมาเนีย มาฟังรายละเอียดกันค่ะ: Saniger เปิดตัวแอป Nate ในปี 2018 โดยโฆษณาว่าเป็นแอปที่ใช้ AI ในการทำงาน เช่น การกรอกข้อมูลการชำระเงินและการจัดส่งสินค้า รวมถึงการยืนยันการซื้อ แต่จากการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่าแอปนี้พึ่งพาแรงงานมนุษย์เป็นหลักในการดำเนินการซื้อสินค้า ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของ Saniger ที่ว่าแอปนี้ไม่ใช้ "บอทที่โง่เขลา" ในปี 2021 Saniger ได้สั่งให้ทีมวิศวกรของเขาพัฒนาบอทเพื่อช่วยดำเนินการซื้อสินค้า แต่บอทเหล่านี้ยังคงทำงานร่วมกับทีมมนุษย์ และไม่ได้เป็น AI ที่ทำงานอัตโนมัติอย่างที่โฆษณาไว้ แอป Nate ระดมทุนได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนตั้งแต่เปิดตัว โดยในปี 2021 ระดมทุนได้ถึง 38 ล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2023 บริษัทถูกบังคับให้ขายทรัพย์สินหลังจากหมดเงินทุน ทำให้นักลงทุนสูญเสียเงินเกือบทั้งหมด ✅ ข้อกล่าวหาต่อ Albert Saniger - Saniger ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงจากการอ้างว่าแอป Nate ใช้ AI แต่แท้จริงแล้วใช้แรงงานมนุษย์ ✅ การทำงานของแอป Nate - แอป Nate โฆษณาว่าใช้ AI ในการดำเนินการซื้อสินค้า - แต่กลับพึ่งพาแรงงานมนุษย์ในศูนย์บริการลูกค้า ✅ การระดมทุนของ Nate - Nate ระดมทุนได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์ - แต่ต้องขายทรัพย์สินในปี 2023 หลังหมดเงินทุน ℹ️ ความเสี่ยงต่อความน่าเชื่อถือของ AI - กรณีนี้อาจทำให้ผู้คนตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทที่อ้างว่าใช้ AI ℹ️ ผลกระทบต่อนักลงทุน - นักลงทุนสูญเสียเงินเกือบทั้งหมดจากการลงทุนใน Nate เนื่องจากข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง https://www.techspot.com/news/107510-founder-nate-app-faces-fraud-charge-using-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Founder of Nate app faces fraud charge for using "AI" that was really human call center workers
    Saniger launched the Nate app in 2018. It promises to act as a universal shopping cart that simplifies online shopping by enabling users to skip the checkout...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการลงทุนครั้งสำคัญในบริษัท Safe Superintelligence (SSI) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Alphabet และ Nvidia เข้าร่วมลงทุน มาฟังกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง:

    SSI ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet และ Nvidia ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในสตาร์ทอัพที่พัฒนา AI ขั้นสูงที่ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล Alphabet ยังได้ทำข้อตกลงผ่านแผนกคลาวด์คอมพิวติ้งของตนเพื่อขายชิปประมวลผล AI (TPUs) ให้กับ SSI ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ

    SSI ถูกประเมินมูลค่าล่าสุดที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ AI เนื่องจากความสำเร็จของ Sutskever ในการพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย

    ✅ การลงทุนใน SSI Alphabet และ Nvidia ร่วมลงทุนใน SSI ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever

    ✅ ข้อตกลงด้านชิปประมวลผล AI Alphabet ขายชิป TPUs ให้กับ SSI เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา AI

    ✅ มูลค่าของ SSI SSI ถูกประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ AI ที่มีชื่อเสียง

    ℹ️ ความต้องการพลังการประมวลผล การพัฒนา AI ขั้นสูงต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับสตาร์ทอัพที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอ

    ℹ️ การแข่งขันในตลาดชิป AI ตลาดชิป AI มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นหลักเช่น Nvidia, Alphabet และ Amazon ที่พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/exclusive-alphabet-nvidia-invest-in-openai-co-founder-sutskever039s-ssi-source-says
    ข่าวนี้เล่าถึงการลงทุนครั้งสำคัญในบริษัท Safe Superintelligence (SSI) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Alphabet และ Nvidia เข้าร่วมลงทุน มาฟังกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง: SSI ได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet และ Nvidia ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในสตาร์ทอัพที่พัฒนา AI ขั้นสูงที่ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล Alphabet ยังได้ทำข้อตกลงผ่านแผนกคลาวด์คอมพิวติ้งของตนเพื่อขายชิปประมวลผล AI (TPUs) ให้กับ SSI ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ SSI ถูกประเมินมูลค่าล่าสุดที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ AI เนื่องจากความสำเร็จของ Sutskever ในการพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย ✅ การลงทุนใน SSI Alphabet และ Nvidia ร่วมลงทุนใน SSI ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ที่ก่อตั้งโดย Ilya Sutskever ✅ ข้อตกลงด้านชิปประมวลผล AI Alphabet ขายชิป TPUs ให้กับ SSI เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา AI ✅ มูลค่าของ SSI SSI ถูกประเมินมูลค่าที่ 32 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ AI ที่มีชื่อเสียง ℹ️ ความต้องการพลังการประมวลผล การพัฒนา AI ขั้นสูงต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับสตาร์ทอัพที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอ ℹ️ การแข่งขันในตลาดชิป AI ตลาดชิป AI มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นหลักเช่น Nvidia, Alphabet และ Amazon ที่พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/exclusive-alphabet-nvidia-invest-in-openai-co-founder-sutskever039s-ssi-source-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exclusive-Alphabet, Nvidia invest in OpenAI co-founder Sutskever's SSI, source says
    SAN FRANCISCO (Reuters) - Alphabet and Nvidia have joined prominent venture capital investors to back Safe Superintelligence (SSI), a startup co-founded by OpenAI's former chief scientist Ilya Sutskever that has quickly risen to become one of the most valuable artificial intelligence startups months after its launch, a source familiar with the matter said.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีอดีตพนักงาน OpenAI จำนวนสิบสองคนตัดสินใจยื่นเอกสารเพื่อสนับสนุนการฟ้องร้องของ Elon Musk ว่า OpenAI ควรรักษาสถานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรไว้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดการลงทุน แต่มันกลับทำให้เกิดคำถามว่าองค์กรยังยึดมั่นในเป้าหมายเดิมหรือไม่ Musk กล่าวหาว่า OpenAI หลุดจากเส้นทางเดิมที่ตั้งใจไว้ ซึ่งเป็นการพัฒนา AI เพื่อมนุษยชาติแทนที่จะเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

    เมื่อย้อนมาดูต้นเรื่อง OpenAI ก่อตั้งโดย Musk และ Sam Altman ในปี 2015 โดยมีเป้าหมายในการสร้าง AI อย่างมีความรับผิดชอบ แต่ Musk ออกจาก OpenAI ก่อนที่มันจะเติบโตเป็นองค์กรชั้นนำในเทคโนโลยี AI และต่อมาได้จัดตั้งบริษัท AI ของเขาเองชื่อ xAI ในปี 2023

    ✅ อดีตพนักงาน OpenAI สนับสนุน Musk ในคดีฟ้องร้อง อดีตพนักงาน 12 คนจาก OpenAI สนับสนุน Elon Musk ในความพยายามรักษาสถานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของ OpenAI

    ✅ ข้อกล่าวหาจาก Musk Musk อ้างว่า OpenAI ละเลยเป้าหมายเดิมและมุ่งเน้นที่ผลกำไร

    ✅ จุดประสงค์การเปลี่ยนแปลง OpenAI ชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มทรัพยากรเพื่อสนับสนุนเป้าหมายเดิม

    ✅ ความสำคัญของโครงสร้างองค์กร อดีตพนักงานระบุว่าการรักษาโครงสร้างองค์กรเดิมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเป้าหมายเพื่อมนุษยชาติ

    ℹ️ ข้อกังวลเรื่องเป้าหมาย การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรอาจทำให้ OpenAI สูญเสียการควบคุม AI เพื่อประโยชน์สาธารณะ

    ℹ️ แรงกดดันด้านการลงทุน OpenAI ต้องเผชิญแรงกดดันในการระดมทุน 40 พันล้านเหรียญ ซึ่งอาจเร่งให้ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/group-of-ex-openai-employees-back-musk039s-lawsuit-to-halt-openai-restructure
    มีอดีตพนักงาน OpenAI จำนวนสิบสองคนตัดสินใจยื่นเอกสารเพื่อสนับสนุนการฟ้องร้องของ Elon Musk ว่า OpenAI ควรรักษาสถานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรไว้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดการลงทุน แต่มันกลับทำให้เกิดคำถามว่าองค์กรยังยึดมั่นในเป้าหมายเดิมหรือไม่ Musk กล่าวหาว่า OpenAI หลุดจากเส้นทางเดิมที่ตั้งใจไว้ ซึ่งเป็นการพัฒนา AI เพื่อมนุษยชาติแทนที่จะเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เมื่อย้อนมาดูต้นเรื่อง OpenAI ก่อตั้งโดย Musk และ Sam Altman ในปี 2015 โดยมีเป้าหมายในการสร้าง AI อย่างมีความรับผิดชอบ แต่ Musk ออกจาก OpenAI ก่อนที่มันจะเติบโตเป็นองค์กรชั้นนำในเทคโนโลยี AI และต่อมาได้จัดตั้งบริษัท AI ของเขาเองชื่อ xAI ในปี 2023 ✅ อดีตพนักงาน OpenAI สนับสนุน Musk ในคดีฟ้องร้อง อดีตพนักงาน 12 คนจาก OpenAI สนับสนุน Elon Musk ในความพยายามรักษาสถานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของ OpenAI ✅ ข้อกล่าวหาจาก Musk Musk อ้างว่า OpenAI ละเลยเป้าหมายเดิมและมุ่งเน้นที่ผลกำไร ✅ จุดประสงค์การเปลี่ยนแปลง OpenAI ชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มทรัพยากรเพื่อสนับสนุนเป้าหมายเดิม ✅ ความสำคัญของโครงสร้างองค์กร อดีตพนักงานระบุว่าการรักษาโครงสร้างองค์กรเดิมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเป้าหมายเพื่อมนุษยชาติ ℹ️ ข้อกังวลเรื่องเป้าหมาย การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรอาจทำให้ OpenAI สูญเสียการควบคุม AI เพื่อประโยชน์สาธารณะ ℹ️ แรงกดดันด้านการลงทุน OpenAI ต้องเผชิญแรงกดดันในการระดมทุน 40 พันล้านเหรียญ ซึ่งอาจเร่งให้ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/12/group-of-ex-openai-employees-back-musk039s-lawsuit-to-halt-openai-restructure
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Group of ex-OpenAI employees back Musk's lawsuit to halt OpenAI restructure
    SAN FRANCISCO (Reuters) - A dozen former OpenAI employees filed a legal brief on Friday backing co-founder Elon Musk's lawsuit aimed at keeping the non-profit status of OpenAI, marking the latest development in the dispute over the future of the artificial intelligence firm.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon กำลังวางแผนลงทุนมูลค่า 15 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์โลจิสติกส์ใหม่จำนวน 80 แห่งในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้าให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่เมืองและชนบท

    ✅ การลงทุนในศูนย์โลจิสติกส์:
    - Amazon มีแผนเพิ่มศูนย์โลจิสติกส์ใหม่ 80 แห่งจากที่มีอยู่แล้ว 600 แห่งในสหรัฐฯ
    - ศูนย์บางแห่งจะเป็นศูนย์จัดส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่มีหุ่นยนต์ทันสมัย

    ✅ การตอบสนองต่อเศรษฐกิจ:
    - การลงทุนนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากภาษีที่เพิ่มขึ้น
    - Amazon ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าจากจีนและประเทศในเอเชียบางส่วนเนื่องจากผลกระทบจากภาษี

    ✅ ความสำเร็จของบริการ Prime:
    - Amazon รายงานว่าความเร็วในการจัดส่ง Prime ในปี 2024 เป็นความเร็วสูงสุดที่เคยมีมา โดยเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

    ✅ การพัฒนาในอนาคต:
    - ยังไม่มีการประกาศไทม์ไลน์สำหรับการเพิ่มศูนย์โลจิสติกส์ใหม่

    https://www.techradar.com/pro/amazon-considering-usd15b-warehouse-expansion-plan-for-nearly-80-new-us-logistics-facilities
    Amazon กำลังวางแผนลงทุนมูลค่า 15 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์โลจิสติกส์ใหม่จำนวน 80 แห่งในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้าให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ✅ การลงทุนในศูนย์โลจิสติกส์: - Amazon มีแผนเพิ่มศูนย์โลจิสติกส์ใหม่ 80 แห่งจากที่มีอยู่แล้ว 600 แห่งในสหรัฐฯ - ศูนย์บางแห่งจะเป็นศูนย์จัดส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่มีหุ่นยนต์ทันสมัย ✅ การตอบสนองต่อเศรษฐกิจ: - การลงทุนนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากภาษีที่เพิ่มขึ้น - Amazon ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าจากจีนและประเทศในเอเชียบางส่วนเนื่องจากผลกระทบจากภาษี ✅ ความสำเร็จของบริการ Prime: - Amazon รายงานว่าความเร็วในการจัดส่ง Prime ในปี 2024 เป็นความเร็วสูงสุดที่เคยมีมา โดยเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ✅ การพัฒนาในอนาคต: - ยังไม่มีการประกาศไทม์ไลน์สำหรับการเพิ่มศูนย์โลจิสติกส์ใหม่ https://www.techradar.com/pro/amazon-considering-usd15b-warehouse-expansion-plan-for-nearly-80-new-us-logistics-facilities
    WWW.TECHRADAR.COM
    Amazon may be about to spend $15 billion on new US warehouses
    Amazon plans huge expansion of its logistics facilities
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ระงับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลในรัฐโอไฮโอ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้าและความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยแผนดังกล่าวรวมถึงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลใน New Albany, Heath และ Hebron

    ✅ การระงับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูล:
    - Microsoft ระบุว่าจะไม่ดำเนินการสร้างศูนย์ข้อมูลใน Licking County ในขณะนี้ แต่ยังคงถือครองที่ดินเพื่อพัฒนาในอนาคต
    - โครงการนี้มีมูลค่ารวม 1 พันล้านดอลลาร์ และเคยวางแผนเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2025

    ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า:
    - การนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมถูกเก็บภาษี 25% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
    - แม้ทรัมป์จะเพิ่งยกเลิกภาษีบางส่วน แต่ความผันผวนในตลาดยังคงมีอยู่

    ✅ การพัฒนาในพื้นที่:
    - Microsoft ยังคงดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสาธารณูปโภค เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่

    ✅ การยกเลิกโครงการอื่น ๆ:
    - มีรายงานว่า Microsoft ได้ยกเลิกโครงการศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ ยุโรป และภูมิภาค APAC รวมถึงสหราชอาณาจักร

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-shelves-another-usd1bn-data-center-project-as-tariff-fears-rise
    Microsoft ได้ระงับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลในรัฐโอไฮโอ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้าและความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยแผนดังกล่าวรวมถึงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลใน New Albany, Heath และ Hebron ✅ การระงับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูล: - Microsoft ระบุว่าจะไม่ดำเนินการสร้างศูนย์ข้อมูลใน Licking County ในขณะนี้ แต่ยังคงถือครองที่ดินเพื่อพัฒนาในอนาคต - โครงการนี้มีมูลค่ารวม 1 พันล้านดอลลาร์ และเคยวางแผนเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2025 ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า: - การนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมถูกเก็บภาษี 25% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน - แม้ทรัมป์จะเพิ่งยกเลิกภาษีบางส่วน แต่ความผันผวนในตลาดยังคงมีอยู่ ✅ การพัฒนาในพื้นที่: - Microsoft ยังคงดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสาธารณูปโภค เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ ✅ การยกเลิกโครงการอื่น ๆ: - มีรายงานว่า Microsoft ได้ยกเลิกโครงการศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ ยุโรป และภูมิภาค APAC รวมถึงสหราชอาณาจักร https://www.techradar.com/pro/microsoft-shelves-another-usd1bn-data-center-project-as-tariff-fears-rise
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel CEO Lip-Bu Tan กำลังเผชิญกับข้อกังวลเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีจีนกว่า 600 แห่ง ซึ่งบางแห่งมีความเชื่อมโยงกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิป เช่น SMIC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปชั้นนำของจีน

    ✅ การลงทุนในบริษัทจีน:
    - Lip-Bu Tan มีการลงทุนในบริษัทจีนกว่า 600 แห่งผ่านบริษัท Walden International และบริษัทในฮ่องกง เช่น Sakarya Limited และ Seine Limited
    - บริษัทที่ลงทุนบางแห่งมีความเชื่อมโยงกับ PLA และรัฐบาลจีน เช่น Dapu Technologies และ HAI Robotics

    ✅ ความกังวลด้านความมั่นคง:
    - การลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ PLA และการผลิตชิปสำหรับกองทัพรัสเซียสร้างความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของสหรัฐฯ
    - การถือหุ้นใน SMIC ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Intel ในการผลิตชิป อาจสร้างความขัดแย้งในบทบาทของ Tan

    ✅ การตอบสนองของ Intel:
    - Intel ระบุว่า Tan ได้กรอกแบบฟอร์มการเปิดเผยข้อมูลตามข้อกำหนดของ SEC แต่ไม่ได้ให้ความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับการลงทุน

    ✅ ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ:
    - ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่าประสบการณ์ของ Tan ในการลงทุนในจีนเป็นข้อได้เปรียบ ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของ Intel

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์:
    - การลงทุนในบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับ PLA อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Intel ในสายตาสาธารณชน

    ⚠️ การตรวจสอบความโปร่งใส:
    - Intel ควรเพิ่มความโปร่งใสในการจัดการข้อกังวลเกี่ยวกับการลงทุนของ CEO เพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากนักลงทุน

    ⚠️ การพิจารณาด้านจริยธรรม:
    - การลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิปสำหรับกองทัพรัสเซียอาจสร้างคำถามด้านจริยธรรมที่ Intel ต้องพิจารณา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-ceo-lip-bu-tan-has-invested-in-600-chinese-firms-some-linked-to-the-chinese-military
    Intel CEO Lip-Bu Tan กำลังเผชิญกับข้อกังวลเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีจีนกว่า 600 แห่ง ซึ่งบางแห่งมีความเชื่อมโยงกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิป เช่น SMIC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปชั้นนำของจีน ✅ การลงทุนในบริษัทจีน: - Lip-Bu Tan มีการลงทุนในบริษัทจีนกว่า 600 แห่งผ่านบริษัท Walden International และบริษัทในฮ่องกง เช่น Sakarya Limited และ Seine Limited - บริษัทที่ลงทุนบางแห่งมีความเชื่อมโยงกับ PLA และรัฐบาลจีน เช่น Dapu Technologies และ HAI Robotics ✅ ความกังวลด้านความมั่นคง: - การลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ PLA และการผลิตชิปสำหรับกองทัพรัสเซียสร้างความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของสหรัฐฯ - การถือหุ้นใน SMIC ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Intel ในการผลิตชิป อาจสร้างความขัดแย้งในบทบาทของ Tan ✅ การตอบสนองของ Intel: - Intel ระบุว่า Tan ได้กรอกแบบฟอร์มการเปิดเผยข้อมูลตามข้อกำหนดของ SEC แต่ไม่ได้ให้ความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับการลงทุน ✅ ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ: - ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่าประสบการณ์ของ Tan ในการลงทุนในจีนเป็นข้อได้เปรียบ ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของ Intel == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์: - การลงทุนในบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับ PLA อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Intel ในสายตาสาธารณชน ⚠️ การตรวจสอบความโปร่งใส: - Intel ควรเพิ่มความโปร่งใสในการจัดการข้อกังวลเกี่ยวกับการลงทุนของ CEO เพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ⚠️ การพิจารณาด้านจริยธรรม: - การลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิปสำหรับกองทัพรัสเซียอาจสร้างคำถามด้านจริยธรรมที่ Intel ต้องพิจารณา https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-ceo-lip-bu-tan-has-invested-in-600-chinese-firms-some-linked-to-the-chinese-military
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel CEO Lip-Bu Tan has invested in 600 Chinese firms, some linked to the Chinese military
    Some believe it makes Lip-Bu Tan an experienced investor, others think it is unacceptable for an Intel CEO.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระงับแผนการห้ามส่งออก GPU รุ่น Nvidia H20 HGX ไปยังจีน หลังจากการประชุมกับ Jensen Huang CEO ของ Nvidia ที่งานดินเนอร์มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ

    ✅ การระงับแผนการห้ามส่งออก:
    - รัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะห้ามการส่งออก GPU Nvidia H20 HGX ไปยังจีน แต่ได้ระงับแผนดังกล่าวหลังการประชุมระหว่างทรัมป์และ Huang
    - Nvidia ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ เพื่อช่วยลดความกังวลของรัฐบาล

    ✅ กฎ AI Diffusion Rule:
    - กฎ AI Diffusion Rule ของรัฐบาล Biden จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งจะห้ามการส่งออกโปรเซสเซอร์ AI ของสหรัฐฯ ไปยังจีนโดยไม่มีใบอนุญาต
    - Nvidia H20 HGX ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการส่งออกที่จำกัด แต่จีนยังคงไม่สามารถซื้อโปรเซสเซอร์ AI ขั้นสูงจากสหรัฐฯ ได้

    ✅ ผลกระทบต่อ Nvidia:
    - Nvidia ขาย GPU H20 HGX มูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทในจีนในไตรมาสแรกของปี 2025
    - การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ Nvidia

    ✅ ความสำคัญของการลงทุนใน AI:
    - การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/trump-reportedly-suspends-nvidia-h20-export-ban-plan-after-usd1-million-dinner-with-jensen-huang
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระงับแผนการห้ามส่งออก GPU รุ่น Nvidia H20 HGX ไปยังจีน หลังจากการประชุมกับ Jensen Huang CEO ของ Nvidia ที่งานดินเนอร์มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ โดยการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ ✅ การระงับแผนการห้ามส่งออก: - รัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะห้ามการส่งออก GPU Nvidia H20 HGX ไปยังจีน แต่ได้ระงับแผนดังกล่าวหลังการประชุมระหว่างทรัมป์และ Huang - Nvidia ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ เพื่อช่วยลดความกังวลของรัฐบาล ✅ กฎ AI Diffusion Rule: - กฎ AI Diffusion Rule ของรัฐบาล Biden จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งจะห้ามการส่งออกโปรเซสเซอร์ AI ของสหรัฐฯ ไปยังจีนโดยไม่มีใบอนุญาต - Nvidia H20 HGX ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการส่งออกที่จำกัด แต่จีนยังคงไม่สามารถซื้อโปรเซสเซอร์ AI ขั้นสูงจากสหรัฐฯ ได้ ✅ ผลกระทบต่อ Nvidia: - Nvidia ขาย GPU H20 HGX มูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทในจีนในไตรมาสแรกของปี 2025 - การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ Nvidia ✅ ความสำคัญของการลงทุนใน AI: - การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/trump-reportedly-suspends-nvidia-h20-export-ban-plan-after-usd1-million-dinner-with-jensen-huang
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon CEO Andy Jassy ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนใน AI ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น โดยระบุว่า AI เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าและช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน

    ✅ การลงทุนใน AI:
    - Amazon ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
    - Andy Jassy เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงทุกแง่มุมของการบริการลูกค้า

    ✅ เป้าหมายของการลงทุน:
    - การลงทุนใน AI มีเป้าหมายเพื่อทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายขึ้นและดีขึ้นในทุกวัน
    - Amazon มุ่งเน้นการพัฒนา AI ในหลากหลายด้าน เช่น การจัดการสินค้าคงคลังและการปรับปรุงการค้นหาสินค้า

    ✅ การแข่งขันในตลาด:
    - Andy Jassy ระบุว่าการลงทุนใน AI เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/amazon-ceo-sets-out-ai-investment-mission-in-annual-shareholder-letter
    Amazon CEO Andy Jassy ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนใน AI ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น โดยระบุว่า AI เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าและช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน ✅ การลงทุนใน AI: - Amazon ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน - Andy Jassy เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนแปลงทุกแง่มุมของการบริการลูกค้า ✅ เป้าหมายของการลงทุน: - การลงทุนใน AI มีเป้าหมายเพื่อทำให้ชีวิตของลูกค้าง่ายขึ้นและดีขึ้นในทุกวัน - Amazon มุ่งเน้นการพัฒนา AI ในหลากหลายด้าน เช่น การจัดการสินค้าคงคลังและการปรับปรุงการค้นหาสินค้า ✅ การแข่งขันในตลาด: - Andy Jassy ระบุว่าการลงทุนใน AI เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/amazon-ceo-sets-out-ai-investment-mission-in-annual-shareholder-letter
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon CEO sets out AI investment mission in annual shareholder letter
    (Reuters) - Amazon chief executive Andy Jassy on Thursday justified the company's billions of dollars in outlays for artificial intelligence development, saying the investment was necessary to remain competitive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่ชื่อว่า Codefinger ได้สร้างความตื่นตระหนกในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่การจัดการคีย์ในระบบคลาวด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการใหม่ของแรนซัมแวร์

    ✅ ลักษณะการโจมตี:
    - Codefinger โจมตีโดยการขโมยคีย์สำหรับจัดการข้อมูลใน Amazon S3 และใช้คีย์เหล่านั้นเข้ารหัสข้อมูลใน S3 buckets
    - การโจมตีนี้ไม่ได้ใช้มัลแวร์ แต่ใช้ช่องโหว่จากการจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย

    ✅ ความเสี่ยงจากการสำรองข้อมูล:
    - การสำรองข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ หากข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสพร้อมกับข้อมูลต้นฉบับ

    ✅ ความรับผิดชอบร่วมในระบบคลาวด์:
    - การโจมตีนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในโมเดลความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility Model) ซึ่งผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบในการจัดการคีย์เอง

    ✅ การจัดการคีย์ที่ปลอดภัย:
    - การจัดเก็บคีย์ในที่ปลอดภัย เช่น Secrets Management Tools และการเปลี่ยนคีย์เป็นระยะ (Secrets Cycling) สามารถลดความเสี่ยงได้

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ การจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย:
    - องค์กรควรตรวจสอบและจัดการคีย์อย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    ⚠️ การพึ่งพาการสำรองข้อมูล:
    - การสำรองข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ องค์กรควรใช้กลยุทธ์การป้องกันที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้ปลอดภัย

    ⚠️ การลงทุนในความปลอดภัยไซเบอร์:
    - องค์กรควรเพิ่มการลงทุนในระบบความปลอดภัยไซเบอร์และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยปิดช่องโหว่

    https://www.csoonline.com/article/3958179/why-codefinger-represents-a-new-stage-in-the-evolution-of-ransomware.html
    การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่ชื่อว่า Codefinger ได้สร้างความตื่นตระหนกในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่การจัดการคีย์ในระบบคลาวด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการใหม่ของแรนซัมแวร์ ✅ ลักษณะการโจมตี: - Codefinger โจมตีโดยการขโมยคีย์สำหรับจัดการข้อมูลใน Amazon S3 และใช้คีย์เหล่านั้นเข้ารหัสข้อมูลใน S3 buckets - การโจมตีนี้ไม่ได้ใช้มัลแวร์ แต่ใช้ช่องโหว่จากการจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย ✅ ความเสี่ยงจากการสำรองข้อมูล: - การสำรองข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ หากข้อมูลสำรองถูกเข้ารหัสพร้อมกับข้อมูลต้นฉบับ ✅ ความรับผิดชอบร่วมในระบบคลาวด์: - การโจมตีนี้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในโมเดลความรับผิดชอบร่วม (Shared Responsibility Model) ซึ่งผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบในการจัดการคีย์เอง ✅ การจัดการคีย์ที่ปลอดภัย: - การจัดเก็บคีย์ในที่ปลอดภัย เช่น Secrets Management Tools และการเปลี่ยนคีย์เป็นระยะ (Secrets Cycling) สามารถลดความเสี่ยงได้ == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ การจัดการคีย์ที่ไม่ปลอดภัย: - องค์กรควรตรวจสอบและจัดการคีย์อย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ⚠️ การพึ่งพาการสำรองข้อมูล: - การสำรองข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ องค์กรควรใช้กลยุทธ์การป้องกันที่หลากหลาย เช่น การตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลให้ปลอดภัย ⚠️ การลงทุนในความปลอดภัยไซเบอร์: - องค์กรควรเพิ่มการลงทุนในระบบความปลอดภัยไซเบอร์และหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยปิดช่องโหว่ https://www.csoonline.com/article/3958179/why-codefinger-represents-a-new-stage-in-the-evolution-of-ransomware.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why Codefinger represents a new stage in the evolution of ransomware
    Forget typical ransomware! Codefinger hijacked cloud keys directly, exposing backup flaws and shared responsibility risks. Time to rethink defense.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทอท.ทำได้ ดัน”ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”ติดอันดับ 39 สนามบินยอดเยี่ยมปี 2025 ขยับขึ้น 19 อันดับจากปีก่อน ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองคว้าอันดับ 8 สนามบินโลว์คอสต์ยอดเยี่ยม โดย Skytrax

    ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า ตามที่ได้รับนโยบายจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ดำเนินการขับเคลื่อนในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และ การท่องเที่ยว สร้างรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่งสู่เป้าหมายการผลักดันท่าอากาศยานของไทยให้ติดอันดับ 1 ใน 50 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน 1 ปี และติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลกภายใน 5 ปี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034417

    #MGROnline #ท่าอากาศยานไทย #ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
    ทอท.ทำได้ ดัน”ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”ติดอันดับ 39 สนามบินยอดเยี่ยมปี 2025 ขยับขึ้น 19 อันดับจากปีก่อน ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองคว้าอันดับ 8 สนามบินโลว์คอสต์ยอดเยี่ยม โดย Skytrax • ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า ตามที่ได้รับนโยบายจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ดำเนินการขับเคลื่อนในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และ การท่องเที่ยว สร้างรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่งสู่เป้าหมายการผลักดันท่าอากาศยานของไทยให้ติดอันดับ 1 ใน 50 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน 1 ปี และติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลกภายใน 5 ปี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000034417 • #MGROnline #ท่าอากาศยานไทย #ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำสมาร์ทซิตี้ (Smart City Leader) หมายถึง บุคคลหรือทีมที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ

    ### คุณลักษณะสำคัญของผู้นำสมาร์ทซิตี้:
    1. **วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์**
    - กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด หรือพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ
    - สร้างแผนงานที่สอดคล้องกับบริบทของเมือง เช่น การแก้ปัญหาจราจร หรือการจัดการขยะ

    2. **การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล**
    - นำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things), Big Data, AI, และระบบคลาวด์มาใช้ในการเก็บ-วิเคราะห์ข้อมูลเมือง
    - ตัวอย่าง: ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ระบบจราจรอัจฉริยะ

    3. **การมีส่วนร่วมของประชาชน**
    - สร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (เช่น แอปพลิเคชันรายงานปัญหาสาธารณะ)
    - ส่งเสริมการรับรู้ข้อมูลแบบเปิด (Open Data)

    4. **ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน**
    - ร่วมมือกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชน ในการพัฒนาโซลูชัน เช่น การสร้างเครือข่าย Wi-Fi ฟรี หรือโครงการพลังงานทดแทน

    5. **ความยั่งยืน**
    - มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองด้วยหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน หรือการออกแบบพื้นที่สีเขียว

    ### ตัวอย่างเมืองอัจฉริยะระดับโลก:
    - **สิงคโปร์**: ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรและระบบสุขภาพดิจิทัล
    - **บาร์เซโลนา**: นำ IoT มาใช้ในการจัดการน้ำและพลังงาน
    - **โตเกียว**: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับสังคมสูงวัยด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ

    ### ความท้าทายของผู้นำสมาร์ทซิตี้:
    - **ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล**: การจัดการข้อมูลประชาชนต้องมีความปลอดภัย
    - **ความเหลื่อมล้ำดิจิทัล**: ต้องให้ทุกกลุ่มเข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่าเทียม
    - **การลงทุน**: ต้องสมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ระยะยาว

    ผู้นำสมาร์ทซิตี้จึงไม่เพียงต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี แต่ต้องมีทักษะการสื่อสาร การบริหารโครงการขนาดใหญ่ และความเข้าใจในความต้องการของประชาชนอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างเมืองที่ "อัจฉริยะ" อย่างแท้จริง
    ผู้นำสมาร์ทซิตี้ (Smart City Leader) หมายถึง บุคคลหรือทีมที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ### คุณลักษณะสำคัญของผู้นำสมาร์ทซิตี้: 1. **วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์** - กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด หรือพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ - สร้างแผนงานที่สอดคล้องกับบริบทของเมือง เช่น การแก้ปัญหาจราจร หรือการจัดการขยะ 2. **การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล** - นำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things), Big Data, AI, และระบบคลาวด์มาใช้ในการเก็บ-วิเคราะห์ข้อมูลเมือง - ตัวอย่าง: ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ระบบจราจรอัจฉริยะ 3. **การมีส่วนร่วมของประชาชน** - สร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (เช่น แอปพลิเคชันรายงานปัญหาสาธารณะ) - ส่งเสริมการรับรู้ข้อมูลแบบเปิด (Open Data) 4. **ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน** - ร่วมมือกับภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และชุมชน ในการพัฒนาโซลูชัน เช่น การสร้างเครือข่าย Wi-Fi ฟรี หรือโครงการพลังงานทดแทน 5. **ความยั่งยืน** - มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองด้วยหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน หรือการออกแบบพื้นที่สีเขียว ### ตัวอย่างเมืองอัจฉริยะระดับโลก: - **สิงคโปร์**: ใช้เทคโนโลยีจัดการจราจรและระบบสุขภาพดิจิทัล - **บาร์เซโลนา**: นำ IoT มาใช้ในการจัดการน้ำและพลังงาน - **โตเกียว**: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับสังคมสูงวัยด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ### ความท้าทายของผู้นำสมาร์ทซิตี้: - **ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล**: การจัดการข้อมูลประชาชนต้องมีความปลอดภัย - **ความเหลื่อมล้ำดิจิทัล**: ต้องให้ทุกกลุ่มเข้าถึงเทคโนโลยีได้เท่าเทียม - **การลงทุน**: ต้องสมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ระยะยาว ผู้นำสมาร์ทซิตี้จึงไม่เพียงต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี แต่ต้องมีทักษะการสื่อสาร การบริหารโครงการขนาดใหญ่ และความเข้าใจในความต้องการของประชาชนอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างเมืองที่ "อัจฉริยะ" อย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 5 วิธีการทำให้เงินออมงอกเงย
    .
    เมื่อได้เงินออมมาด้วยความยากเย็นแล้ว ถ้าต้องการให้เงินออมงอกเงยเพื่อประโยชน์ของผู้ออม ก็สามารถดำเนินการได้หลายลักษณะดังต่อไปนี้
    - ฝากเงินกับธนาคารในลักษณะบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งให้ความคล่องตัวในการถอนและฝาก แต่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ถ้าฝากบัญชีเงินฝากประจำ จะมีเวลาให้เลือกได้แก่ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน แต่ก็ยังสูงกว่าการฝากในรูปบัญชีออมทรัพย์ (ยิ่งระยะยาวนานดอกเบี้ยยิ่งสูง)
    - ซื้อกองทุนรวม หมายถึงบริษัทจัดการกองทุนรวมจะนำเงินออมที่ถูกนำมาซื้อหน่วยลงทุนไปลงทุนซื้อหุ้นตราสารหนี้ (ภาครัฐและบริษัทเอกชนกู้ยืมเงินเพื่อเอาไปลงทุน) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน การลงทุนผ่านกองทุนรวม เป็นการมอบหมายให้ผู้มีความรู้ในเรื่องการเงินเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนแทน
    .
    กองทุนรวมในปัจจุบันมีหลายลักษณะ เช่น กองทุนรวมเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมเพื่อลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนหุ้นระยะยาว เป็นต้น
    - ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ให้เช่า เช่น อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และบ้าน การใช้เงินออมร่วมกับค่าเช่าที่ได้รับจากอสังหาริมทรัพย์นั้น มาผ่อนชำระเพื่อจะได้เป็นเจ้าของในระยะยาว และหลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวค่าเช่าได้เต็มที่ และอาจได้รับส่วนเพิ่มของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย อย่างไรก็ดี ถ้ามีเงินออมเป็นก้อนใหญ่จนสามารถใช้เป็นเงินดาวน์ และสามารถใช้ค่าเช่าเป็นเงินผ่อนชำระได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะเป็นกรณีที่เงินออมงอกเงยขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
    - ซื้อหุ้นด้วยเงินออม การลงทุนซื้อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตโดยหวังผลในระยะยาว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
    - ซื้อตราสารหนี้ ซึ่งอาจเป็นพันธบัตรรัฐบาล (รัฐบาลกู้ยืมโดยออกเอกสารรับรอง) หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยธุรกิจเอกชน ผลตอบแทนจากการประกอบการที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่า
    - ลงทุนประกอบธุรกิจเอง หรือเข้าหุ้นประกอบธุรกิจกับผู้อื่น การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากผลกำไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการ
    .
    ยังมีวิธีการอื่นๆที่ทำให้เงินออมงอกเงย แต่ก็ไม่ใช่หนทางหลัก สิ่งที่ควรตระหนักเสมอในการลงทุนมีอยู่อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1. จะมีเงินออมเพื่อนำไปลงทุนได้มากก็ต้องเริ่มจากการมีรายได้มากเป็นเบื้องแรก และสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีจนทำให้สามารถออมได้ 2. การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อเปรียบเทียบแล้วการลงทุนใดมีความเสี่ยงมากกว่ากัน
    .
    การมีเงินออมอย่างสม่ำเสมอและอย่างมีจุดหมายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินตลอดชีวิต การทำงานอันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน จะก่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ และเหลือเงินออมเพื่อนำไปลงทุนจนก่อให้เกิดทรัพย์สินและรายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง นอกจากรายได้จากการทำงานที่ต้องออกแรง รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นฐานสำคัญของการดำรงชีพหลังวัยทำงาน
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 5 วิธีการทำให้เงินออมงอกเงย . เมื่อได้เงินออมมาด้วยความยากเย็นแล้ว ถ้าต้องการให้เงินออมงอกเงยเพื่อประโยชน์ของผู้ออม ก็สามารถดำเนินการได้หลายลักษณะดังต่อไปนี้ - ฝากเงินกับธนาคารในลักษณะบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งให้ความคล่องตัวในการถอนและฝาก แต่ได้ดอกเบี้ยต่ำ ถ้าฝากบัญชีเงินฝากประจำ จะมีเวลาให้เลือกได้แก่ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน แต่ก็ยังสูงกว่าการฝากในรูปบัญชีออมทรัพย์ (ยิ่งระยะยาวนานดอกเบี้ยยิ่งสูง) - ซื้อกองทุนรวม หมายถึงบริษัทจัดการกองทุนรวมจะนำเงินออมที่ถูกนำมาซื้อหน่วยลงทุนไปลงทุนซื้อหุ้นตราสารหนี้ (ภาครัฐและบริษัทเอกชนกู้ยืมเงินเพื่อเอาไปลงทุน) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน การลงทุนผ่านกองทุนรวม เป็นการมอบหมายให้ผู้มีความรู้ในเรื่องการเงินเป็นผู้ตัดสินใจลงทุนแทน . กองทุนรวมในปัจจุบันมีหลายลักษณะ เช่น กองทุนรวมเพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมเพื่อลงทุนในตราสารหนี้ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนหุ้นระยะยาว เป็นต้น - ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ให้เช่า เช่น อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และบ้าน การใช้เงินออมร่วมกับค่าเช่าที่ได้รับจากอสังหาริมทรัพย์นั้น มาผ่อนชำระเพื่อจะได้เป็นเจ้าของในระยะยาว และหลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวค่าเช่าได้เต็มที่ และอาจได้รับส่วนเพิ่มของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย อย่างไรก็ดี ถ้ามีเงินออมเป็นก้อนใหญ่จนสามารถใช้เป็นเงินดาวน์ และสามารถใช้ค่าเช่าเป็นเงินผ่อนชำระได้ทั้งหมดแล้ว ก็จะเป็นกรณีที่เงินออมงอกเงยขึ้นได้อย่างรวดเร็ว - ซื้อหุ้นด้วยเงินออม การลงทุนซื้อหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตโดยหวังผลในระยะยาว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ - ซื้อตราสารหนี้ ซึ่งอาจเป็นพันธบัตรรัฐบาล (รัฐบาลกู้ยืมโดยออกเอกสารรับรอง) หรือตราสารหนี้ที่ออกโดยธุรกิจเอกชน ผลตอบแทนจากการประกอบการที่มีความไม่แน่นอนสูงกว่า - ลงทุนประกอบธุรกิจเอง หรือเข้าหุ้นประกอบธุรกิจกับผู้อื่น การลงทุนลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากผลกำไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการ . ยังมีวิธีการอื่นๆที่ทำให้เงินออมงอกเงย แต่ก็ไม่ใช่หนทางหลัก สิ่งที่ควรตระหนักเสมอในการลงทุนมีอยู่อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1. จะมีเงินออมเพื่อนำไปลงทุนได้มากก็ต้องเริ่มจากการมีรายได้มากเป็นเบื้องแรก และสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีจนทำให้สามารถออมได้ 2. การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งสิ้น ไม่มีการลงทุนใดที่ปราศจากความเสี่ยง ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อเปรียบเทียบแล้วการลงทุนใดมีความเสี่ยงมากกว่ากัน . การมีเงินออมอย่างสม่ำเสมอและอย่างมีจุดหมายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นคงทางการเงินตลอดชีวิต การทำงานอันเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน จะก่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีพ และเหลือเงินออมเพื่อนำไปลงทุนจนก่อให้เกิดทรัพย์สินและรายได้เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง นอกจากรายได้จากการทำงานที่ต้องออกแรง รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินเหล่านี้จะเป็นฐานสำคัญของการดำรงชีพหลังวัยทำงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก Nasuni เผยว่าแม้ AI จะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ธุรกิจลงทุนมากที่สุด แต่เพียง 20% ขององค์กรเท่านั้นที่เชื่อว่าข้อมูลของพวกเขาพร้อมสำหรับ AI และมีเพียง 27% ของโครงการ AI ที่สร้างผลตอบแทนที่วัดผลได้

    🌐 ความท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญ:
    - 📉 การจัดการข้อมูลที่ไม่พร้อม: 96% ขององค์กรยังคงประสบปัญหาในการย้ายข้อมูลไปยังระบบที่รองรับ AI
    - 🛠️ การลงทุนที่ไม่สมดุล: เกือบครึ่งขององค์กรมีแผนลงทุนใน AI ในอีก 18 เดือนข้างหน้า แต่มีเพียงหนึ่งในสามที่ลงทุนในระบบจัดการข้อมูลบนคลาวด์

    ⚠️ ผลกระทบจากการโจมตีไซเบอร์:
    - ⏳ เวลาฟื้นตัวที่ยาวนาน: ธุรกิจใช้เวลาฟื้นตัวเฉลี่ย 5 สัปดาห์ หลังจากการโจมตีไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน
    - 🔒 ความสำคัญของระบบไฮบริดคลาวด์: ระบบนี้ไม่เพียงช่วยให้ข้อมูลพร้อมสำหรับ AI แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย โดยองค์กรที่ไม่ใช้ระบบนี้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสูงขึ้นถึง 51%

    https://www.techradar.com/pro/enterprises-are-getting-hit-staying-down-and-not-seeing-the-benefits-of-ai-investment
    รายงานจาก Nasuni เผยว่าแม้ AI จะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ธุรกิจลงทุนมากที่สุด แต่เพียง 20% ขององค์กรเท่านั้นที่เชื่อว่าข้อมูลของพวกเขาพร้อมสำหรับ AI และมีเพียง 27% ของโครงการ AI ที่สร้างผลตอบแทนที่วัดผลได้ 🌐 ความท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญ: - 📉 การจัดการข้อมูลที่ไม่พร้อม: 96% ขององค์กรยังคงประสบปัญหาในการย้ายข้อมูลไปยังระบบที่รองรับ AI - 🛠️ การลงทุนที่ไม่สมดุล: เกือบครึ่งขององค์กรมีแผนลงทุนใน AI ในอีก 18 เดือนข้างหน้า แต่มีเพียงหนึ่งในสามที่ลงทุนในระบบจัดการข้อมูลบนคลาวด์ ⚠️ ผลกระทบจากการโจมตีไซเบอร์: - ⏳ เวลาฟื้นตัวที่ยาวนาน: ธุรกิจใช้เวลาฟื้นตัวเฉลี่ย 5 สัปดาห์ หลังจากการโจมตีไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน - 🔒 ความสำคัญของระบบไฮบริดคลาวด์: ระบบนี้ไม่เพียงช่วยให้ข้อมูลพร้อมสำหรับ AI แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย โดยองค์กรที่ไม่ใช้ระบบนี้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสูงขึ้นถึง 51% https://www.techradar.com/pro/enterprises-are-getting-hit-staying-down-and-not-seeing-the-benefits-of-ai-investment
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงาน AI Index 2025 จาก Stanford University เผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของปัญญาประดิษฐ์ โดยต้นทุนการใช้งาน AI ลดลงอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่เป็นอันตรายกลับเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล

    🌐 ต้นทุนที่ลดลงและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น:
    - 📉 ต้นทุนการใช้งาน AI: ค่าใช้จ่ายในการใช้งานโมเดล AI ลดลงจาก $20 ต่อ 1 ล้านโทเค็น เหลือเพียง $0.07 ในเวลาเพียง 18 เดือน
    - 💡 การลงทุนมหาศาล: บริษัทใหญ่ เช่น OpenAI, Meta และ Google ลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 28 เท่า ในการฝึกโมเดล AI รุ่นใหม่

    ⚠️ เหตุการณ์อันตรายที่เพิ่มขึ้น:
    - 🚨 เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI: จำนวนเหตุการณ์อันตรายที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้นจาก 100 ครั้งในปี 2022 เป็น 233 ครั้งในปี 2024
    - 🛑 ตัวอย่างเหตุการณ์: การระบุผิดพลาดของ AI ในระบบป้องกันการขโมยสินค้า, การสร้างภาพลามกแบบ deepfake และการสนับสนุนพฤติกรรมอันตรายโดยแชทบอท

    🌟 การแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯ:
    - 🇺🇸 สหรัฐฯ ยังคงนำหน้า: สหรัฐฯ มีโมเดล AI ที่โดดเด่นถึง 40 โมเดล ในปี 2024 ขณะที่จีนมีเพียง 15 โมเดล
    - 🇨🇳 จีนไล่ตามอย่างใกล้ชิด: ความแตกต่างด้านประสิทธิภาพระหว่างโมเดล AI ของสหรัฐฯ และจีนลดลงจาก 9.26% ในปี 2024 เหลือเพียง 1.70% ในปี 2025

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-costs-drop-280-fold-but-harmful-incidents-rise-56-percent-in-last-year-stanford-2025-ai-report-highlights-china-us-competition
    รายงาน AI Index 2025 จาก Stanford University เผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของปัญญาประดิษฐ์ โดยต้นทุนการใช้งาน AI ลดลงอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่เป็นอันตรายกลับเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล 🌐 ต้นทุนที่ลดลงและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น: - 📉 ต้นทุนการใช้งาน AI: ค่าใช้จ่ายในการใช้งานโมเดล AI ลดลงจาก $20 ต่อ 1 ล้านโทเค็น เหลือเพียง $0.07 ในเวลาเพียง 18 เดือน - 💡 การลงทุนมหาศาล: บริษัทใหญ่ เช่น OpenAI, Meta และ Google ลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 28 เท่า ในการฝึกโมเดล AI รุ่นใหม่ ⚠️ เหตุการณ์อันตรายที่เพิ่มขึ้น: - 🚨 เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI: จำนวนเหตุการณ์อันตรายที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้นจาก 100 ครั้งในปี 2022 เป็น 233 ครั้งในปี 2024 - 🛑 ตัวอย่างเหตุการณ์: การระบุผิดพลาดของ AI ในระบบป้องกันการขโมยสินค้า, การสร้างภาพลามกแบบ deepfake และการสนับสนุนพฤติกรรมอันตรายโดยแชทบอท 🌟 การแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯ: - 🇺🇸 สหรัฐฯ ยังคงนำหน้า: สหรัฐฯ มีโมเดล AI ที่โดดเด่นถึง 40 โมเดล ในปี 2024 ขณะที่จีนมีเพียง 15 โมเดล - 🇨🇳 จีนไล่ตามอย่างใกล้ชิด: ความแตกต่างด้านประสิทธิภาพระหว่างโมเดล AI ของสหรัฐฯ และจีนลดลงจาก 9.26% ในปี 2024 เหลือเพียง 1.70% ในปี 2025 https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-costs-drop-280-fold-but-harmful-incidents-rise-56-percent-in-last-year-stanford-2025-ai-report-highlights-china-us-competition
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sundar Pichai CEO ของ Alphabet ยืนยันแผนการลงทุนมูลค่า 75 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เพื่อขยายศักยภาพของศูนย์ข้อมูลและพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะโมเดล Gemini ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่บริษัทมุ่งเน้น

    🌐 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน:
    - งบประมาณนี้จะถูกใช้ในการพัฒนาชิปและเซิร์ฟเวอร์ที่จำเป็นสำหรับบริการหลัก เช่น Search และการพัฒนา AI
    - การลงทุนยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการคลาวด์ของ Google

    🤖 โอกาสใน AI:
    - Sundar Pichai ระบุว่า AI เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ และ Alphabet มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปสู่มือของผู้บริโภคและองค์กร

    📈 ผลกระทบต่อหุ้น:
    - หุ้นของ Alphabet เพิ่มขึ้นกว่า 7% หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศหยุดการเก็บภาษีชั่วคราว ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในตลาด

    ความท้าทายที่ต้องเผชิญ:
    💡 ความกังวลของนักลงทุน:
    - แม้การลงทุนใน AI จะมีศักยภาพสูง แต่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการลงทุนมหาศาลนี้

    💡 สงครามการค้า:
    - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/alphabet-ceo-reaffirms-planned-75-billion-capital-spending-in-2025
    Sundar Pichai CEO ของ Alphabet ยืนยันแผนการลงทุนมูลค่า 75 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เพื่อขยายศักยภาพของศูนย์ข้อมูลและพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะโมเดล Gemini ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่บริษัทมุ่งเน้น 🌐 การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: - งบประมาณนี้จะถูกใช้ในการพัฒนาชิปและเซิร์ฟเวอร์ที่จำเป็นสำหรับบริการหลัก เช่น Search และการพัฒนา AI - การลงทุนยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการคลาวด์ของ Google 🤖 โอกาสใน AI: - Sundar Pichai ระบุว่า AI เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ และ Alphabet มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปสู่มือของผู้บริโภคและองค์กร 📈 ผลกระทบต่อหุ้น: - หุ้นของ Alphabet เพิ่มขึ้นกว่า 7% หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศหยุดการเก็บภาษีชั่วคราว ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในตลาด ความท้าทายที่ต้องเผชิญ: 💡 ความกังวลของนักลงทุน: - แม้การลงทุนใน AI จะมีศักยภาพสูง แต่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการลงทุนมหาศาลนี้ 💡 สงครามการค้า: - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/10/alphabet-ceo-reaffirms-planned-75-billion-capital-spending-in-2025
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alphabet CEO reaffirms planned $75 billion capital spending in 2025
    Las Vegas (Reuters) - Alphabet reiterated on Wednesday it would spend about $75 billion this year to build out data center capacity, doubling down on its generative AI bet even as the payoff remains unclear and a global trade war threatens to raise costs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดย Lip-Bu Tan ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ของบริษัทที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2025 ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หุ้นของ Intel ลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของ นโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นรวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

    == ผลกระทบต่อ Intel และผู้บริหาร ==
    ✅ มูลค่าหุ้นลดลงในจุดต่ำสุด:
    - Lip-Bu Tan ลงทุนซื้อหุ้นของ Intel จำนวน $25 ล้านในช่วงที่รับตำแหน่ง CEO ด้วยราคา $23.96 ต่อหุ้น แต่ปัจจุบันหุ้นลดลงเหลือ $18.90 ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนของเขาลดลงมากกว่า $5 ล้าน ภายในเวลาไม่ถึงเดือน

    ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่:
    - การลดลงของหุ้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินงานของ CEO ใหม่ แต่เกิดจากแรงกดดันของ ภาษีนำเข้า ที่รัฐบาลประกาศใช้ ซึ่งกระทบต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของบริษัท

    == แนวทางและความหวังใหม่ ==
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่:
    - Intel ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา 18A process node ซึ่งเข้าสู่กระบวนการผลิตเชิงทดลอง (risk production) นี่เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักลงทุน

    ✅ การฟื้นฟูสถานะการเงิน:
    - นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า Intel อาจเลือกใช้วิธีการปรับโครงสร้างการเงิน เช่น การซื้อหุ้นคืน (stock buyback) แบบเดียวกับ Broadcom แต่สถานะการเงินของ Intel ในปัจจุบันยังไม่เอื้อให้ใช้กลยุทธ์นี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-ceo-lip-bu-tan-loses-usd5-million-in-intel-investment-value-as-stock-tumbles
    Intel ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดย Lip-Bu Tan ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ของบริษัทที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2025 ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หุ้นของ Intel ลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของ นโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นรวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน == ผลกระทบต่อ Intel และผู้บริหาร == ✅ มูลค่าหุ้นลดลงในจุดต่ำสุด: - Lip-Bu Tan ลงทุนซื้อหุ้นของ Intel จำนวน $25 ล้านในช่วงที่รับตำแหน่ง CEO ด้วยราคา $23.96 ต่อหุ้น แต่ปัจจุบันหุ้นลดลงเหลือ $18.90 ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนของเขาลดลงมากกว่า $5 ล้าน ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่: - การลดลงของหุ้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินงานของ CEO ใหม่ แต่เกิดจากแรงกดดันของ ภาษีนำเข้า ที่รัฐบาลประกาศใช้ ซึ่งกระทบต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของบริษัท == แนวทางและความหวังใหม่ == ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่: - Intel ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา 18A process node ซึ่งเข้าสู่กระบวนการผลิตเชิงทดลอง (risk production) นี่เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ✅ การฟื้นฟูสถานะการเงิน: - นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า Intel อาจเลือกใช้วิธีการปรับโครงสร้างการเงิน เช่น การซื้อหุ้นคืน (stock buyback) แบบเดียวกับ Broadcom แต่สถานะการเงินของ Intel ในปัจจุบันยังไม่เอื้อให้ใช้กลยุทธ์นี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-ceo-lip-bu-tan-loses-usd5-million-in-intel-investment-value-as-stock-tumbles
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • Office of the Comptroller of the Currency (OCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารแห่งชาติในสหรัฐฯ แจ้ง Congress ถึงการเจาะระบบไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในระบบอีเมลขององค์กร โดยช่องโหว่นี้อนุญาตให้นักโจมตีเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ รวมถึงอีเมลกว่า

    ✅ วิธีการเจาะระบบ:
    - การโจมตีเริ่มจากการเข้าถึงบัญชีผู้ดูแลระบบในระบบ Office Automation Environment ของ OCC
    - พบพฤติกรรมการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้งานในลักษณะผิดปกติเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งยืนยันเป็นการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตในวันถัดมา

    ✅ การตอบสนองของ OCC:
    - OCC ได้ปิดการใช้งานบัญชีผู้ดูแลระบบที่ถูกเจาะเข้าถึง และเริ่มต้นโปรโตคอลตอบสนองฉุกเฉินทันที
    - มีการร่วมมือกับ Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจากภายนอก เพื่อประเมินความเสียหาย

    ✅ ความเสี่ยงที่ตามมา:
    - เหตุการณ์นี้อาจทำให้องค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ OCC เสี่ยงต่อการถูกโจมตีไซเบอร์ในอนาคต หากนักโจมตีใช้ข้อมูลจากอีเมลเพื่อเจาะระบบเพิ่มเติม

    == บทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ==
    💡 ความจำเป็นในการลงทุนด้านความปลอดภัยไซเบอร์:
    - ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า OCC อาจไม่ได้รับทรัพยากรด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ แม้จะเป็นหน่วยงานที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ

    💡 การสร้างระบบที่ปลอดภัยมากขึ้น:
    - มีความจำเป็นในการพัฒนากระบวนการป้องกันที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบที่เกี่ยวข้องกับการเงิน

    https://www.csoonline.com/article/3957698/occ-email-system-breach-described-as-stunning-serious.html
    Office of the Comptroller of the Currency (OCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารแห่งชาติในสหรัฐฯ แจ้ง Congress ถึงการเจาะระบบไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในระบบอีเมลขององค์กร โดยช่องโหว่นี้อนุญาตให้นักโจมตีเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ รวมถึงอีเมลกว่า ✅ วิธีการเจาะระบบ: - การโจมตีเริ่มจากการเข้าถึงบัญชีผู้ดูแลระบบในระบบ Office Automation Environment ของ OCC - พบพฤติกรรมการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้งานในลักษณะผิดปกติเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งยืนยันเป็นการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตในวันถัดมา ✅ การตอบสนองของ OCC: - OCC ได้ปิดการใช้งานบัญชีผู้ดูแลระบบที่ถูกเจาะเข้าถึง และเริ่มต้นโปรโตคอลตอบสนองฉุกเฉินทันที - มีการร่วมมือกับ Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจากภายนอก เพื่อประเมินความเสียหาย ✅ ความเสี่ยงที่ตามมา: - เหตุการณ์นี้อาจทำให้องค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ OCC เสี่ยงต่อการถูกโจมตีไซเบอร์ในอนาคต หากนักโจมตีใช้ข้อมูลจากอีเมลเพื่อเจาะระบบเพิ่มเติม == บทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ == 💡 ความจำเป็นในการลงทุนด้านความปลอดภัยไซเบอร์: - ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า OCC อาจไม่ได้รับทรัพยากรด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ แม้จะเป็นหน่วยงานที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ 💡 การสร้างระบบที่ปลอดภัยมากขึ้น: - มีความจำเป็นในการพัฒนากระบวนการป้องกันที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบที่เกี่ยวข้องกับการเงิน https://www.csoonline.com/article/3957698/occ-email-system-breach-described-as-stunning-serious.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    US bank regulator’s email system breached
    The agency that regulates all US national banks alerted Congress on Tuesday that hackers had access to staff emails.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการภาษีนำเข้าทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีใหม่พุ่งสูงขึ้น iFixit แนะนำให้ผู้บริโภคพิจารณาซ่อมแซมอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและช่วยสร้างความยั่งยืน โดยยังเรียกร้องให้ผู้ผลิตสนับสนุนแนวทางนี้เพื่อความยั่งยืนของโลก

    ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่:
    - บริษัทระบุว่า เกือบทุกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่จะมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับราคาสินค้าเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนที่เพิ่มจากภาษีนำเข้า
    - การวิเคราะห์จาก Consumer Technology Association (CTA) เผยว่าภาษีอาจทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากกว่า 16% โดยเฉพาะสินค้าไฮเอนด์อย่าง iPhone ซึ่งต้นทุนการผลิตอาจพุ่งจาก $550 เป็น $850

    ✅ การซ่อมแซมเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน:
    - iFixit ชี้ว่าค่าซ่อมสินค้าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ ไม่มากเท่ากับราคาสินค้าใหม่
    - การซ่อมช่วยลดความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้มีเวลาเก็บเงินสำหรับการลงทุนในสินค้าที่จำเป็นจริง ๆ ในอนาคต

    ✅ ข้อเสนอแนะจาก iFixit:
    - เรียกร้องให้ ผู้ผลิตและผู้กำหนดนโยบาย ส่งเสริมการซ่อมแซมโดยการออกแบบอุปกรณ์ให้ซ่อมง่ายและให้การสนับสนุน เช่น การจัดหาอะไหล่และเครื่องมือ
    - การออกแบบที่ส่งเสริมการซ่อมจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทนั้นซ้ำ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อความยั่งยืนในระยะยาว

    == คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อยืดอายุอุปกรณ์ของคุณ ==
    💡 ป้องกันก่อนเกิดปัญหา:
    - ใช้เคสและฟิล์มกันรอยเพื่อป้องกันอุปกรณ์เสียหาย
    - ตั้งค่าการใช้งานปุ่ม Power และ Volume ในอุปกรณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการสึกหรอ

    💡 ซ่อมแทนทิ้ง:
    - การซ่อมไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ยั่งยืน

    https://www.neowin.net/news/ifixit-says-tariffs-will-hike-consumer-tech-prices-but-repairing-can-save-you-money/
    มาตรการภาษีนำเข้าทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีใหม่พุ่งสูงขึ้น iFixit แนะนำให้ผู้บริโภคพิจารณาซ่อมแซมอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและช่วยสร้างความยั่งยืน โดยยังเรียกร้องให้ผู้ผลิตสนับสนุนแนวทางนี้เพื่อความยั่งยืนของโลก ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่: - บริษัทระบุว่า เกือบทุกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่จะมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับราคาสินค้าเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนที่เพิ่มจากภาษีนำเข้า - การวิเคราะห์จาก Consumer Technology Association (CTA) เผยว่าภาษีอาจทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากกว่า 16% โดยเฉพาะสินค้าไฮเอนด์อย่าง iPhone ซึ่งต้นทุนการผลิตอาจพุ่งจาก $550 เป็น $850 ✅ การซ่อมแซมเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน: - iFixit ชี้ว่าค่าซ่อมสินค้าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ ไม่มากเท่ากับราคาสินค้าใหม่ - การซ่อมช่วยลดความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้มีเวลาเก็บเงินสำหรับการลงทุนในสินค้าที่จำเป็นจริง ๆ ในอนาคต ✅ ข้อเสนอแนะจาก iFixit: - เรียกร้องให้ ผู้ผลิตและผู้กำหนดนโยบาย ส่งเสริมการซ่อมแซมโดยการออกแบบอุปกรณ์ให้ซ่อมง่ายและให้การสนับสนุน เช่น การจัดหาอะไหล่และเครื่องมือ - การออกแบบที่ส่งเสริมการซ่อมจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทนั้นซ้ำ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อความยั่งยืนในระยะยาว == คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อยืดอายุอุปกรณ์ของคุณ == 💡 ป้องกันก่อนเกิดปัญหา: - ใช้เคสและฟิล์มกันรอยเพื่อป้องกันอุปกรณ์เสียหาย - ตั้งค่าการใช้งานปุ่ม Power และ Volume ในอุปกรณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการสึกหรอ 💡 ซ่อมแทนทิ้ง: - การซ่อมไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ยั่งยืน https://www.neowin.net/news/ifixit-says-tariffs-will-hike-consumer-tech-prices-but-repairing-can-save-you-money/
    WWW.NEOWIN.NET
    iFixit says tariffs will hike consumer tech prices, but repairing can save you money
    The repair company iFixit says you can avoid rising consumer tech prices due to tariffs by choosing to repair your current device rather than buying a new one.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 4 คนบริสุทธิ์ด้วยการงาน
    .
    งานไม่เคยทำร้ายหรือฆ่าใคร ยิ่งทำงานหลากหลายลักษณะที่ท้าทายความสามารถ รวมทั้งยิ่งทำงานหนัก ที่ก่อให้เกิดประโยชน์เพียงใด ก็ยิ่งทำให้บุคคลนั้นมีประสบการณ์และมีศักยภาพที่สูงขึ้นเพียงนั้น ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญอย่างหนึ่งนอกเหนือจากการมีความรู้ความสามารถในงานเป็นอย่างดี พร้อมทั้งใส่ใจหาความรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็คือ การมีเป้าหมายในชีวิต มีความบากบั่นมานะ พยายามให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ชัดเจนอย่างเด็ดเดี่ยวและมีคุณธรรม ซึ่งการมีวินัยบังคับตนเองเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งในการเดินทางสู่ความสำเร็จ
    .
    ชีวิตการทำงานของมนุษย์นั้นไม่ยาวนานนัก สูงสุดไม่เกิน 30ปีเศษ ก็ถึงวัยเกษียณ หากตลอดอายุการทำงานนั้นมิได้มีการวางแผนด้านรายได้และการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และรัดกุมแล้ว เงินทองที่หามาได้ก็จะหมดไปอย่างไม่มีความหมายนัก กล่าวคือ มีความสุขสบายในช่วงวัยทำงาน แต่เมื่อพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว ก็ขาดรายได้ที่จะทำให้สามารถรักษาระดับความสุขและสะดวกสบายไว้ดังเดิมได้ ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่า มีความสุขเพียงครึ่งเดียวของช่วงเวลา นั่นคือ สุขในวัยทำงานและทุกข์ในวัยพ้นทำงาน คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรบุคคลหนึ่งที่ทำงานมาตลอดชีวิต จะมีความสุขอันเกิดจากความมั่นคงทางการเงินไปตลอด มีมาตราฐานการครองชีพในระดับที่น่าพอใจอย่างคงที่ แม้จะพ้นจากวัยทำงานแล้วก็ตาม
    .
    การบรรลุคุณภาพชีวิตที่น่าพึงปรารถนาดังกล่าว เจ้าของรายได้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองในเบื้องแรก ไม่อาจหวังพึ่งภาครัฐ หรือนายจ้าง เพราะไม่อาจวางใจได้ว่าตนเองจะได้รับความมั่นคงในชีวิตสมดังใจหวังได้ เจ้าของรายได้จะต้องเป็นที่พึ่งของตนเองด้วยการวางแผน การหารายได้ การใช้จ่าย และการออม เพราะการออมจะนำไปสู่การลงทุน และการเกิดของรายได้ทั้งในวัยทำงานและวันพ้นทำงานโดยไม่ต้องออกแรงทำงาน
    .
    เงินออม เป็นฐานสำคัญของการเป็นมิตรของเงิน และเงินออมของบุคคลจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ความมัธยัสถ์ ซึ่งหมายถึง การใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช้จ่ายอย่างโง่เขลาเบาปัญญา ในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เช่น เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ ตามแฟชั่น ทั้งๆที่ไม่จำเป็น
    .
    เงินออมของบุคคลใดๆ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรายจ่ายต่ำกว่ารายได้ และรายจ่ายจะต่ำกว่ารายได้ก็ต่อเมื่อมีความมัธยัสถ์เป็นอุปนิสัย การมัธยัสถ์มิใช่การเอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว หากเป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีวิตซึ่งใครก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ การที่บางคนชอบใช้เงินสิ้นเปลืองสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของต่างๆโดยมิได้คำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอย ก็เป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีพ คนมัธยัสถ์ที่ใจกว้างรู้จักการให้อย่างมีความหมาย อาจมีจำนวนมากกว่าคนสุรุ่ยสุร่ายที่ใจแคบและไม่รู้จักการให้ก็เป็นได้
    .
    พฤติกรรมโดยรวมของบุคคลที่จะทำให้เงินเป็นมิตร ก็คือ “กินอยู่ต่ำกว่าฐานะ” หรือดังคำโบราณที่ว่า “จงมีเกินใช้ แต่อย่าใช้เกินมี” กล่าวคือ ไม่ว่าจะสามารถอยู่กินในระดับที่คนมีรายได้ขนาดเดียวกันอยู่กินได้อย่างไร ก็จงอยู่กินต่ำกว่าระดับนั้นเสมอ พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้มีเงินออม และมีโอกาสให้ “เงินทำงานรับใช้”
    .
    สำหรับความเป็นศัตรูของเงินนั้น หมายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่เจ้าของเงิน อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้จ่าย ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีข้อสังเกตหลายประการดังต่อไปนี้
    .
    ประการแรก : คือความปรารถนาที่จะบริโภคอย่างทันด่วนของผู้บริโภคโดยทั่วไป เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ยินดีกู้ยืมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูง เพียงเพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องใจ
    ประการที่สอง : การกู้ยืมเกิดขึ้นเพราะ ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจับจ่าย ณ เวลานั้น จึงต้องกู้ยืม ซึ่งก็คือการนำรายได้ในอนาคตของตนมาใช้โดยต้องจ่ายต้นทุนสูง ต้นเหตุของการกู้ยืมส่วนใหญ่ก็มาจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ และเมือนั้นเงินก็กลายเป็นศัตรูตัวร้าย เพราะดอกเบี้ยจะทำงานตลอดเวลา และคอยทิ่มแทงเจ้าของไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น
    .
    ต้นทุนของการกู้ยืมนั้นสูง ตัวอย่างเช่น กู้เงิน 100,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 9 ต่อปี ถ้ากู้เงินโดยไม่ชำระอย่างใดทั้งสิ้น ภายในเวลา 8 ปี ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกัน จะเพิ่มอีกประมาณหนึ่งเท่าตัวเป็น 200,000 บาท และหากยังไม่ชำระอีก ในเวลา 8 ปีต่อมา ยอดเงินนี้ก็จะสูงขึ้นอีกเป็น 400,000 บาท หรือประมาณ 4 เท่าตัว ของเงินต้นในเวลา 16 ปี
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 4 คนบริสุทธิ์ด้วยการงาน . งานไม่เคยทำร้ายหรือฆ่าใคร ยิ่งทำงานหลากหลายลักษณะที่ท้าทายความสามารถ รวมทั้งยิ่งทำงานหนัก ที่ก่อให้เกิดประโยชน์เพียงใด ก็ยิ่งทำให้บุคคลนั้นมีประสบการณ์และมีศักยภาพที่สูงขึ้นเพียงนั้น ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญอย่างหนึ่งนอกเหนือจากการมีความรู้ความสามารถในงานเป็นอย่างดี พร้อมทั้งใส่ใจหาความรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็คือ การมีเป้าหมายในชีวิต มีความบากบั่นมานะ พยายามให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ชัดเจนอย่างเด็ดเดี่ยวและมีคุณธรรม ซึ่งการมีวินัยบังคับตนเองเป็นเงื่อนไขสำคัญยิ่งในการเดินทางสู่ความสำเร็จ . ชีวิตการทำงานของมนุษย์นั้นไม่ยาวนานนัก สูงสุดไม่เกิน 30ปีเศษ ก็ถึงวัยเกษียณ หากตลอดอายุการทำงานนั้นมิได้มีการวางแผนด้านรายได้และการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และรัดกุมแล้ว เงินทองที่หามาได้ก็จะหมดไปอย่างไม่มีความหมายนัก กล่าวคือ มีความสุขสบายในช่วงวัยทำงาน แต่เมื่อพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว ก็ขาดรายได้ที่จะทำให้สามารถรักษาระดับความสุขและสะดวกสบายไว้ดังเดิมได้ ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่า มีความสุขเพียงครึ่งเดียวของช่วงเวลา นั่นคือ สุขในวัยทำงานและทุกข์ในวัยพ้นทำงาน คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรบุคคลหนึ่งที่ทำงานมาตลอดชีวิต จะมีความสุขอันเกิดจากความมั่นคงทางการเงินไปตลอด มีมาตราฐานการครองชีพในระดับที่น่าพอใจอย่างคงที่ แม้จะพ้นจากวัยทำงานแล้วก็ตาม . การบรรลุคุณภาพชีวิตที่น่าพึงปรารถนาดังกล่าว เจ้าของรายได้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองในเบื้องแรก ไม่อาจหวังพึ่งภาครัฐ หรือนายจ้าง เพราะไม่อาจวางใจได้ว่าตนเองจะได้รับความมั่นคงในชีวิตสมดังใจหวังได้ เจ้าของรายได้จะต้องเป็นที่พึ่งของตนเองด้วยการวางแผน การหารายได้ การใช้จ่าย และการออม เพราะการออมจะนำไปสู่การลงทุน และการเกิดของรายได้ทั้งในวัยทำงานและวันพ้นทำงานโดยไม่ต้องออกแรงทำงาน . เงินออม เป็นฐานสำคัญของการเป็นมิตรของเงิน และเงินออมของบุคคลจะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ความมัธยัสถ์ ซึ่งหมายถึง การใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช้จ่ายอย่างโง่เขลาเบาปัญญา ในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย เช่น เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ ตามแฟชั่น ทั้งๆที่ไม่จำเป็น . เงินออมของบุคคลใดๆ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรายจ่ายต่ำกว่ารายได้ และรายจ่ายจะต่ำกว่ารายได้ก็ต่อเมื่อมีความมัธยัสถ์เป็นอุปนิสัย การมัธยัสถ์มิใช่การเอาเปรียบหรือเห็นแก่ตัว หากเป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีวิตซึ่งใครก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ การที่บางคนชอบใช้เงินสิ้นเปลืองสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของต่างๆโดยมิได้คำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สอย ก็เป็นแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีพ คนมัธยัสถ์ที่ใจกว้างรู้จักการให้อย่างมีความหมาย อาจมีจำนวนมากกว่าคนสุรุ่ยสุร่ายที่ใจแคบและไม่รู้จักการให้ก็เป็นได้ . พฤติกรรมโดยรวมของบุคคลที่จะทำให้เงินเป็นมิตร ก็คือ “กินอยู่ต่ำกว่าฐานะ” หรือดังคำโบราณที่ว่า “จงมีเกินใช้ แต่อย่าใช้เกินมี” กล่าวคือ ไม่ว่าจะสามารถอยู่กินในระดับที่คนมีรายได้ขนาดเดียวกันอยู่กินได้อย่างไร ก็จงอยู่กินต่ำกว่าระดับนั้นเสมอ พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้มีเงินออม และมีโอกาสให้ “เงินทำงานรับใช้” . สำหรับความเป็นศัตรูของเงินนั้น หมายถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่เจ้าของเงิน อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้จ่าย ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีข้อสังเกตหลายประการดังต่อไปนี้ . ประการแรก : คือความปรารถนาที่จะบริโภคอย่างทันด่วนของผู้บริโภคโดยทั่วไป เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ยินดีกู้ยืมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูง เพียงเพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องใจ ประการที่สอง : การกู้ยืมเกิดขึ้นเพราะ ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจับจ่าย ณ เวลานั้น จึงต้องกู้ยืม ซึ่งก็คือการนำรายได้ในอนาคตของตนมาใช้โดยต้องจ่ายต้นทุนสูง ต้นเหตุของการกู้ยืมส่วนใหญ่ก็มาจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้ และเมือนั้นเงินก็กลายเป็นศัตรูตัวร้าย เพราะดอกเบี้ยจะทำงานตลอดเวลา และคอยทิ่มแทงเจ้าของไม่ว่าในยามหลับหรือตื่น . ต้นทุนของการกู้ยืมนั้นสูง ตัวอย่างเช่น กู้เงิน 100,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ 9 ต่อปี ถ้ากู้เงินโดยไม่ชำระอย่างใดทั้งสิ้น ภายในเวลา 8 ปี ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกัน จะเพิ่มอีกประมาณหนึ่งเท่าตัวเป็น 200,000 บาท และหากยังไม่ชำระอีก ในเวลา 8 ปีต่อมา ยอดเงินนี้ก็จะสูงขึ้นอีกเป็น 400,000 บาท หรือประมาณ 4 เท่าตัว ของเงินต้นในเวลา 16 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rapidus บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำจากญี่ปุ่น กำลังเร่งแผนการผลิตชิป 2nm ที่คาดว่าจะปฏิวัติวงการด้วยเทคโนโลยี BSPDN (Backside Power Delivery Network) และ GAA (Gate-All-Around) ซึ่งยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนในอุตสาหกรรม การพัฒนานี้เกิดขึ้นท่ามกลางความสนใจจากบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง เช่น Google และ Apple โดยมีเป้าหมายเข้าสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2027

    ✅ เทคโนโลยี BSPDN และ GAA:
    - BSPDN ช่วยให้การจ่ายพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับ GAA ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมทรานซิสเตอร์ โดยก่อนหน้านี้มีเพียง Intel ที่ใช้ BSPDN ในกระบวนการ 18A Process

    ✅ การลงทุนด้านอุปกรณ์:
    - Rapidus ลงทุนซื้อเครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) จาก ASML แม้จะเผชิญปัญหาด้าน yield rate ในการผลิตชิปที่ซับซ้อน

    ✅ ความสนใจจากพันธมิตรระดับโลก:
    - Rapidus ได้รับการติดต่อจาก Google และ Apple เพื่อช่วยผลิตชิป 2nm ซึ่งอาจใช้ในการพัฒนาอุปกรณ์ที่ล้ำหน้าขึ้น

    https://wccftech.com/rapidus-accelerates-efforts-on-2nm-process-amid-interest-from-google-apple/
    Rapidus บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำจากญี่ปุ่น กำลังเร่งแผนการผลิตชิป 2nm ที่คาดว่าจะปฏิวัติวงการด้วยเทคโนโลยี BSPDN (Backside Power Delivery Network) และ GAA (Gate-All-Around) ซึ่งยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนในอุตสาหกรรม การพัฒนานี้เกิดขึ้นท่ามกลางความสนใจจากบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง เช่น Google และ Apple โดยมีเป้าหมายเข้าสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2027 ✅ เทคโนโลยี BSPDN และ GAA: - BSPDN ช่วยให้การจ่ายพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับ GAA ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมทรานซิสเตอร์ โดยก่อนหน้านี้มีเพียง Intel ที่ใช้ BSPDN ในกระบวนการ 18A Process ✅ การลงทุนด้านอุปกรณ์: - Rapidus ลงทุนซื้อเครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) จาก ASML แม้จะเผชิญปัญหาด้าน yield rate ในการผลิตชิปที่ซับซ้อน ✅ ความสนใจจากพันธมิตรระดับโลก: - Rapidus ได้รับการติดต่อจาก Google และ Apple เพื่อช่วยผลิตชิป 2nm ซึ่งอาจใช้ในการพัฒนาอุปกรณ์ที่ล้ำหน้าขึ้น https://wccftech.com/rapidus-accelerates-efforts-on-2nm-process-amid-interest-from-google-apple/
    WCCFTECH.COM
    Japanese Semiconductor Giant Rapidus Accelerates Efforts On 2nm Process Amid Interest From Google & Apple; Mass-Production Expected By 2027
    Rapidus plans to scale up its 2nm efforts tremendously in the upcoming years, as the firm sees massive interest.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้แสดงท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนใน ศูนย์ข้อมูล AI โดยมีรายงานว่าบริษัทได้ยุติหรือเลื่อนโครงการศูนย์ข้อมูลในหลายภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ แม้จะยังคงยืนยันงบประมาณ 80,000 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณนี้ แต่ก็มีแผนที่จะเปลี่ยนโฟกัสจากการก่อสร้างใหม่ไปสู่การอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แทน

    ✅ ความต้องการ AI ที่คาดไม่ถึง:
    - เทคโนโลยี AI บางประเภท เช่น DeepSeek แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการประมวลผลสามารถทำได้โดยใช้งบประมาณที่น้อยกว่าที่เคยคาดไว้ ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

    ✅ ปัญหาการใช้ทรัพยากรต่ำ:
    - ในประเทศจีน ซึ่งมีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่กว่า 500 แห่ง พบว่าประมาณ 80% ของทรัพยากรเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่ ทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาอุปทานที่เกินความต้องการในวงการ

    ✅ การเลื่อนหรือยกเลิกแผน:
    - Microsoft ได้ถอนตัวจากโครงการศูนย์ข้อมูลในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรและอินโดนีเซีย รวมถึงเลื่อนการขยายโครงการในสหรัฐฯ เช่น วิสคอนซิน แม้จะลงทุนไปแล้วกว่า 262 ล้านดอลลาร์

    ✅ ผลกระทบและมุมมองใหม่ของอุตสาหกรรม:
    - สมดุลใหม่ในตลาด: ความระมัดระวังนี้อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังพิจารณาแผนการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตมากกว่าความคาดหวังที่สูงเกินจริงในปัจจุบัน
    - การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์: Microsoft ตั้งใจที่จะใช้ทรัพยากรเพื่อปรับปรุงระบบที่มีอยู่ มากกว่าที่จะสร้างใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจนำไปสู่ความยั่งยืนที่มากขึ้นในระยะยาว

    https://www.techradar.com/pro/does-microsoft-know-something-we-dont-tech-giant-cools-down-on-ai-data-center-investment-as-third-report-emerges-on-pullbacks
    Microsoft ได้แสดงท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนใน ศูนย์ข้อมูล AI โดยมีรายงานว่าบริษัทได้ยุติหรือเลื่อนโครงการศูนย์ข้อมูลในหลายภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ แม้จะยังคงยืนยันงบประมาณ 80,000 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณนี้ แต่ก็มีแผนที่จะเปลี่ยนโฟกัสจากการก่อสร้างใหม่ไปสู่การอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แทน ✅ ความต้องการ AI ที่คาดไม่ถึง: - เทคโนโลยี AI บางประเภท เช่น DeepSeek แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการประมวลผลสามารถทำได้โดยใช้งบประมาณที่น้อยกว่าที่เคยคาดไว้ ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ✅ ปัญหาการใช้ทรัพยากรต่ำ: - ในประเทศจีน ซึ่งมีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่กว่า 500 แห่ง พบว่าประมาณ 80% ของทรัพยากรเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่ ทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาอุปทานที่เกินความต้องการในวงการ ✅ การเลื่อนหรือยกเลิกแผน: - Microsoft ได้ถอนตัวจากโครงการศูนย์ข้อมูลในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรและอินโดนีเซีย รวมถึงเลื่อนการขยายโครงการในสหรัฐฯ เช่น วิสคอนซิน แม้จะลงทุนไปแล้วกว่า 262 ล้านดอลลาร์ ✅ ผลกระทบและมุมมองใหม่ของอุตสาหกรรม: - สมดุลใหม่ในตลาด: ความระมัดระวังนี้อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังพิจารณาแผนการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตมากกว่าความคาดหวังที่สูงเกินจริงในปัจจุบัน - การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์: Microsoft ตั้งใจที่จะใช้ทรัพยากรเพื่อปรับปรุงระบบที่มีอยู่ มากกว่าที่จะสร้างใหม่ทั้งหมด ซึ่งอาจนำไปสู่ความยั่งยืนที่มากขึ้นในระยะยาว https://www.techradar.com/pro/does-microsoft-know-something-we-dont-tech-giant-cools-down-on-ai-data-center-investment-as-third-report-emerges-on-pullbacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • Infineon ซื้อธุรกิจ Ethernet ยานยนต์จาก Marvell ด้วยมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและระบบอัตโนมัติ ธุรกิจใหม่นี้คาดว่าจะสร้างรายได้และกำไรขั้นต้นสูง พร้อมผลักดันให้ Infineon เป็นผู้นำในระบบการเชื่อมต่อข้อมูลสำหรับยานยนต์

    ✅ ผลตอบแทนทางธุรกิจ:
    - ธุรกิจ Ethernet ยานยนต์ที่ได้มาจาก Marvell คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 225–250 ล้านดอลลาร์ ในปี 2025 พร้อมกำไรขั้นต้นสูงถึง 60%

    ✅ การสนับสนุนทางการเงิน:
    - Infineon จะใช้เงินทุนจากธนาคารและเพิ่มหนี้สินเพื่อจัดการดีลนี้ และคาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้

    ✅ เสริมแกร่งในกลุ่มตลาดยานยนต์:
    - Ethernet ยานยนต์ถือเป็นหัวใจสำคัญในระบบการเชื่อมต่อของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์อัตโนมัติ ที่ต้องการการส่งข้อมูลที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

    ✅ อุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคของการเปลี่ยนแปลง:
    - การเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี Ethernet ยานยนต์ช่วยตอบสนองต่อแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้ AI ในการควบคุม
    - ความร่วมมือระหว่าง Infineon และ Marvell สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวในอุตสาหกรรมที่ต้องการนวัตกรรมและการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/infineon-technologies-to-buy-marvell039s-auto-ethernet-business-for-25-billion
    Infineon ซื้อธุรกิจ Ethernet ยานยนต์จาก Marvell ด้วยมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและระบบอัตโนมัติ ธุรกิจใหม่นี้คาดว่าจะสร้างรายได้และกำไรขั้นต้นสูง พร้อมผลักดันให้ Infineon เป็นผู้นำในระบบการเชื่อมต่อข้อมูลสำหรับยานยนต์ ✅ ผลตอบแทนทางธุรกิจ: - ธุรกิจ Ethernet ยานยนต์ที่ได้มาจาก Marvell คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 225–250 ล้านดอลลาร์ ในปี 2025 พร้อมกำไรขั้นต้นสูงถึง 60% ✅ การสนับสนุนทางการเงิน: - Infineon จะใช้เงินทุนจากธนาคารและเพิ่มหนี้สินเพื่อจัดการดีลนี้ และคาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ ✅ เสริมแกร่งในกลุ่มตลาดยานยนต์: - Ethernet ยานยนต์ถือเป็นหัวใจสำคัญในระบบการเชื่อมต่อของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์อัตโนมัติ ที่ต้องการการส่งข้อมูลที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ ✅ อุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคของการเปลี่ยนแปลง: - การเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยี Ethernet ยานยนต์ช่วยตอบสนองต่อแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้ AI ในการควบคุม - ความร่วมมือระหว่าง Infineon และ Marvell สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวในอุตสาหกรรมที่ต้องการนวัตกรรมและการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/infineon-technologies-to-buy-marvell039s-auto-ethernet-business-for-25-billion
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Infineon Technologies to buy Marvell's auto ethernet business for $2.5 billion
    (Reuters) - German chipmaker Infineon Technologies said on Monday it would buy Marvell Technology's automotive ethernet business for about $2.5 billion in cash, to expand its microcontroller segment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย

    การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ

    สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย

    อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม

    #Newskit
    เพื่อไทย 888 กาสิโนสุดซอย การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดสุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ในวันที่ 9 เม.ย. ที่จะถึงนี้ วาระที่สังคมกำลังจับตามอง คือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนเป็นหลักใหญ่ใจความ หลังจากนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเลื่อนขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับ 1 พร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 4 ฉบับ เสมือนเหล้าพ่วงเบียร์ที่ต้องการบีบให้ สส. ยอมรับเพื่อแลกกับได้พิจารณาร่างกฎหมายที่ค้างในสภาฯ สื่อหลายค่ายรายงานว่า นายใหญ่อย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลโดยตรง ให้ สส.ในพรรคลงมติวาระรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หากพบว่าพรรคไหนแตกแถว ไม่เห็นชอบ จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที ท่ามกลางเสียง สส.ในสภาฯ จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด 319 เสียง พบว่ามีบางพรรคลังเลใจ เช่น พรรคประชาชาติ ที่มี สส.ในสภา 8 คนเป็นชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล กังวลว่าอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเยาวชนในเรื่องการละเว้นอบายมุข ตามคำสอนและหลักการของแต่ละศาสนา จึงเห็นควรให้มีบทบัญญัติที่คำนึงถึงหลักการดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เครือเนชั่น มั่นใจว่าจะผ่านวาระรับหลักการ เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน เป็นประธานเอง คัดรายชื่อเอง เน้นคนเข้ามาทำงานจริง ตั้งตามจำนวนที่จำเป็น และให้พรรคร่วมรัฐบาลส่งคนที่มีภาพลักษณ์ดีไม่เข้ามาหาประโยชน์ คาดว่าจะเสนอพิจารณาวาระ 2-3 ในเดือน ก.ค.2568 รวมทั้งรัฐบาลตั้งเป้าผลักดันนโยบาย ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายฯ ออกกฎหมายลูก อาจเปิดประมูลเพื่อให้เกิดการลงทุนได้ทันทีในรัฐบาลหน้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชาวเน็ตต่างแห่ตั้งฉายาพรรคเพื่อไทยว่า "เพื่อไทย 888" ตอบโต้กรณีที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงข้อกล่าวหาในการประชุมสภาฯ ว่า กาสิโนมาก่อนแผ่นดินไหวไม่เป็นความจริง อีกด้านหนึ่ง แม้การชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรมยังไม่เป็นข่าวมากนัก แต่ก็พบว่าหลายองค์กรภาคประชาชนทั้งกลุ่มผู้นำทางศาสนา กลุ่มนักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ต่างออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แม้จะห้ามไม่ได้ที่ฝ่ายรัฐบาลจะผลักดันกฎหมายฉบับนี้แบบสุดซอย ไม่สนใจเสียงคัดค้านก็ตาม #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูลของ Big Tech ทำให้ความต้องการพลังงานในสหรัฐฯ พุ่งสูงจนผู้ให้บริการไฟฟ้าต้องเร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับอนาคต AI อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของคำขอพลังงานและต้นทุนที่พุ่งสูงสร้างความกดดันให้ระบบไฟฟ้าอย่างมาก ซึ่งอาจกระทบค่าไฟฟ้าของผู้บริโภคและเสถียรภาพของโครงข่ายในระยะยาว

    == ความต้องการพลังงานและการตอบสนองจากผู้ให้บริการไฟฟ้า ==
    ✅ ความต้องการพลังงานที่เกินศักยภาพเดิม
    - บริษัทพลังงาน เช่น Oncor ในรัฐเท็กซัส รายงานว่าคำขอพลังงานจากศูนย์ข้อมูลใหม่สูงถึง 119 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าการใช้งานสูงสุดเดิมถึงเกือบ 4 เท่า!

    ✅ การลงทุนมหาศาลเพื่อเสริมระบบ
    - ผู้ให้บริการไฟฟ้าหลายรายต้องปรับแผนการลงทุน 5 ปี โดยเพิ่มงบประมาณอย่างมหาศาลเพื่อขยายการผลิตพลังงาน แต่ยังคงเผชิญความเสี่ยงของ การประเมินผิดพลาด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านเสถียรภาพไฟฟ้าหรือค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค

    ✅ การประเมินความต้องการที่ยากลำบาก
    - บริษัทเทคโนโลยีมักติดต่อหลายผู้ให้บริการเพื่อเปรียบเทียบราคา ทำให้ข้อมูลคำขอพลังงานไม่ชัดเจนและยากต่อการวางแผน

    == ผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและนวัตกรรมใหม่ ==
    ✅ ต้นทุนการสร้างที่พุ่งสูง
    - ค่าใช้จ่ายในการสร้างศูนย์ข้อมูลต่อ 1 เมกะวัตต์ สูงถึง 12 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากปัจจัยต้นทุนวัตถุดิบ เช่น เหล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของรัฐบาล

    ✅ นวัตกรรมลดการใช้พลังงานในอนาคต
    - AI รุ่นใหม่ เช่น DeepSeek อาจช่วยลดความต้องการพลังงาน ด้วยการใช้งานชิปรุ่นเล็กและการลดระบบระบายความร้อนที่กินไฟ

    ✅ มาตรการสนับสนุนจากรัฐ
    - รัฐเพนซิลเวเนียกำลังพิจารณาสร้างระบบ "Clearinghouse" เพื่อจัดการข้อมูลคำขอพลังงานจากศูนย์ข้อมูลอย่างโปร่งใส

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/07/us-utilities-grapple-with-big-tech039s-massive-power-demands-for-data-centers
    ศูนย์ข้อมูลของ Big Tech ทำให้ความต้องการพลังงานในสหรัฐฯ พุ่งสูงจนผู้ให้บริการไฟฟ้าต้องเร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับอนาคต AI อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของคำขอพลังงานและต้นทุนที่พุ่งสูงสร้างความกดดันให้ระบบไฟฟ้าอย่างมาก ซึ่งอาจกระทบค่าไฟฟ้าของผู้บริโภคและเสถียรภาพของโครงข่ายในระยะยาว == ความต้องการพลังงานและการตอบสนองจากผู้ให้บริการไฟฟ้า == ✅ ความต้องการพลังงานที่เกินศักยภาพเดิม - บริษัทพลังงาน เช่น Oncor ในรัฐเท็กซัส รายงานว่าคำขอพลังงานจากศูนย์ข้อมูลใหม่สูงถึง 119 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าการใช้งานสูงสุดเดิมถึงเกือบ 4 เท่า! ✅ การลงทุนมหาศาลเพื่อเสริมระบบ - ผู้ให้บริการไฟฟ้าหลายรายต้องปรับแผนการลงทุน 5 ปี โดยเพิ่มงบประมาณอย่างมหาศาลเพื่อขยายการผลิตพลังงาน แต่ยังคงเผชิญความเสี่ยงของ การประเมินผิดพลาด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านเสถียรภาพไฟฟ้าหรือค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค ✅ การประเมินความต้องการที่ยากลำบาก - บริษัทเทคโนโลยีมักติดต่อหลายผู้ให้บริการเพื่อเปรียบเทียบราคา ทำให้ข้อมูลคำขอพลังงานไม่ชัดเจนและยากต่อการวางแผน == ผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและนวัตกรรมใหม่ == ✅ ต้นทุนการสร้างที่พุ่งสูง - ค่าใช้จ่ายในการสร้างศูนย์ข้อมูลต่อ 1 เมกะวัตต์ สูงถึง 12 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากปัจจัยต้นทุนวัตถุดิบ เช่น เหล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของรัฐบาล ✅ นวัตกรรมลดการใช้พลังงานในอนาคต - AI รุ่นใหม่ เช่น DeepSeek อาจช่วยลดความต้องการพลังงาน ด้วยการใช้งานชิปรุ่นเล็กและการลดระบบระบายความร้อนที่กินไฟ ✅ มาตรการสนับสนุนจากรัฐ - รัฐเพนซิลเวเนียกำลังพิจารณาสร้างระบบ "Clearinghouse" เพื่อจัดการข้อมูลคำขอพลังงานจากศูนย์ข้อมูลอย่างโปร่งใส https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/07/us-utilities-grapple-with-big-tech039s-massive-power-demands-for-data-centers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US utilities grapple with Big Tech's massive power demands for data centers
    NEW YORK (Reuters) - U.S. electric utilities are fielding massive requests for new power capacity as Big Tech scours the country for viable locations for new data centers to keep up with the compute demands of AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • SoftBank Group บริษัทด้านการลงทุนเทคโนโลยีชั้นนำจากญี่ปุ่น วางแผนระดมทุนมูลค่ากว่า 600 พันล้านเยน (4.1 พันล้านดอลลาร์) ผ่านการออกพันธบัตรให้แก่ผู้ลงทุนรายย่อย นับว่าเป็น การระดมทุนผ่านพันธบัตรครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ SoftBank โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนนี้จะนำไปใช้ในการไถ่ถอนพันธบัตรเดิม และชำระหนี้จากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท Arm ซึ่งเป็นผู้พัฒนาชิปเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ

    ✅ การจัดการหนี้และเสริมกำลังการลงทุน:
    - SoftBank มีหนี้ค้างชำระกว่า 7 ล้านล้านเยน และการออกพันธบัตรครั้งนี้ช่วยลดแรงกดดันทางการเงิน โดยอัตราดอกเบี้ยที่เสนอจะอยู่ระหว่าง 3% ถึง 3.6% และพันธบัตรจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนพฤษภาคม 2030

    ✅ พันธบัตรเพื่อสนับสนุนธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์:
    - SoftBank เข้าซื้อหุ้น Arm จาก Vision Fund ในปี 2023 ซึ่งเงินทุนนี้จะช่วยผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ในระดับโลก

    ✅ SoftBank กับ OpenAI:
    - เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา SoftBank ได้เป็นผู้นำในรอบการระดมทุนมูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์ ของ OpenAI โดย SoftBank ลงทุนกว่า 30 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสนับสนุนเทคโนโลยี AI

    ✅ สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง:
    - SoftBank ตั้งเป้ารักษาสัดส่วนหนี้ให้อยู่ที่ ต่ำกว่า 25% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม ซึ่ง ณ สิ้นปี 2024 สัดส่วนนี้อยู่ที่ 12.9% แสดงให้เห็นถึงการจัดการการเงินที่สมดุล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/07/softbank-to-raise-41-billion-in-retail-bond-issuance
    SoftBank Group บริษัทด้านการลงทุนเทคโนโลยีชั้นนำจากญี่ปุ่น วางแผนระดมทุนมูลค่ากว่า 600 พันล้านเยน (4.1 พันล้านดอลลาร์) ผ่านการออกพันธบัตรให้แก่ผู้ลงทุนรายย่อย นับว่าเป็น การระดมทุนผ่านพันธบัตรครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ SoftBank โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนนี้จะนำไปใช้ในการไถ่ถอนพันธบัตรเดิม และชำระหนี้จากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท Arm ซึ่งเป็นผู้พัฒนาชิปเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ ✅ การจัดการหนี้และเสริมกำลังการลงทุน: - SoftBank มีหนี้ค้างชำระกว่า 7 ล้านล้านเยน และการออกพันธบัตรครั้งนี้ช่วยลดแรงกดดันทางการเงิน โดยอัตราดอกเบี้ยที่เสนอจะอยู่ระหว่าง 3% ถึง 3.6% และพันธบัตรจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนพฤษภาคม 2030 ✅ พันธบัตรเพื่อสนับสนุนธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์: - SoftBank เข้าซื้อหุ้น Arm จาก Vision Fund ในปี 2023 ซึ่งเงินทุนนี้จะช่วยผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ในระดับโลก ✅ SoftBank กับ OpenAI: - เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา SoftBank ได้เป็นผู้นำในรอบการระดมทุนมูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์ ของ OpenAI โดย SoftBank ลงทุนกว่า 30 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสนับสนุนเทคโนโลยี AI ✅ สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง: - SoftBank ตั้งเป้ารักษาสัดส่วนหนี้ให้อยู่ที่ ต่ำกว่า 25% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม ซึ่ง ณ สิ้นปี 2024 สัดส่วนนี้อยู่ที่ 12.9% แสดงให้เห็นถึงการจัดการการเงินที่สมดุล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/07/softbank-to-raise-41-billion-in-retail-bond-issuance
    WWW.THESTAR.COM.MY
    SoftBank to raise $4.1 billion in retail bond issuance
    TOKYO (Reuters) - Japanese technology investment group SoftBank Group plans to raise 600 billion yen ($4.10 billion) by issuing bonds to retail investors, it said in a filing on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts