• บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 เมษายน 2568-รายงานบทวิเคราะห์ของ ทนง ขันทอง “ ดอลล่าร์อ่อนค่าสุดในรอบสามปี เพราะกำแพงภาษีกับความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับประธานเฟดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามปีเมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางความวิตกของตลาดเกี่ยวกับสงครามภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงกับประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ICE – ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก – ลดลงมากกว่า 1% มาอยู่ที่ 97.923 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำใหม่เมื่อเทียบกับยูโร ปอนด์ เยน และฟรังก์สวิส รวมถึงอ่อนค่าต่อเงินรูเบิล ร่วงต่ำกว่า 80 เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024ค่าเงินดอลลาร์เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องนับตั้งแต่ทรัมป์เปิดตัวภาษีที่เขาเรียกว่า “วันปลดแอก” เมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งมุ่งเป้าไปยังพันธมิตรการค้าทั่วโลก ความเชื่อมั่นของตลาดยิ่งสั่นคลอนเมื่อทรัมป์ออกมาโจมตีพาวเวลล์อย่างเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี เรื่องการปรับลดดอกเบี้ยประธานาธิบดีวิจารณ์ประธานเฟดอย่างรุนแรง เรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ย และเตือนว่าอาจปลดพาวเวลล์ได้ “ถ้าผมอยากให้เขาออก เขาก็จะออกไปอย่างรวดเร็ว” ทรัมป์กล่าว โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพาวเวลล์เตือนว่าภาษีนั้น “มีแนวโน้มสูงที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างน้อยในระยะสั้น” และส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ต่อมา เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ระบุว่ารัฐบาลกำลังศึกษาว่ามีช่องทางทางกฎหมายในการปลดพาวเวลล์ก่อนครบวาระหรือไม่โดนัลด์ เจ. ทรัมป์@realDonaldTrumpเขียนในTruth Socialเมื่อวานนี้ว่า“การเรียกร้องให้มี “การลดดอกเบี้ยล่วงหน้า” กำลังเพิ่มมากขึ้นจากหลายฝ่าย ด้วยต้นทุนพลังงานที่ลดลงอย่างมาก ราคาสินค้าอาหาร (รวมถึงหายนะไข่ของไบเดน!) ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งของอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่มีแนวโน้มลดลง จึงแทบไม่มีเงินเฟ้อเลย ด้วยต้นทุนที่ลดลงอย่างราบรื่นเช่นนี้ ซึ่งผมก็ได้ทำนายไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเป็นแบบนี้ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเงินเฟ้อ แต่เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลง หากคุณนาย “มาสายตลอด” ซึ่งเป็นผู้แพ้รายใหญ่ ไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยตอนนี้ ยุโรปลดไปแล้วถึงเจ็ดครั้ง พาวเวลล์มักจะ “มาช้าเสมอ” ยกเว้นช่วงเลือกตั้งที่เขาลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยโจ ไบเดนจอมง่วง (และต่อมาคามาลา) ให้ชนะการเลือกตั้ง แล้วมันได้ผลไหมล่ะ?ความขัดแย้งดังกล่าวสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน แม้ว่าพาวเวลล์จะยืนยันว่าเขาไม่มีแผนจะลาออกก่อนกำหนด และเน้นย้ำว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็น “เรื่องของกฎหมาย”ทรัมป์กลับมาโจมตีพาวเวลล์อีกครั้งในวันจันทร์ โดยโพสต์บน Truth Social เรียกเขาว่า “คุณมาสาย ผู้แพ้รายใหญ่” พร้อมเตือนว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวหากไม่ลดดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วตลาดหุ้นสหรัฐได้รับผลกระทบอีกระลอก โดยดัชนีดาวโจนส์ แนสแด็ก และ S&P 500 ต่างร่วงลงมากกว่า 3%“นักลงทุนกำลังเผชิญกับแหล่งความกังวลทางมหภาคครั้งใหม่: การคุกคามของทรัมป์ต่อความเป็นอิสระของ Fed” อดัม คริซาฟุลลี ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจาก Vital Knowledge กล่าวกับ CNBC เมื่อวันจันทร์ความพยายามปลดพาวเวลล์อาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรง คริชนา กูฮา รองประธาน Evercore ISI กล่าวกับสื่อทรัมป์แต่งตั้งพาวเวลล์เป็นประธาน Fed ในปี 2018 และเขาได้รับการแต่งตั้งอีกครั้งโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2022 โดยวาระของเขาจะดำรงตำแหน่งจนถึงเดือนพฤษภาคม 2026ที่มา RT22/4/2025
    22 เมษายน 2568-รายงานบทวิเคราะห์ของ ทนง ขันทอง “ ดอลล่าร์อ่อนค่าสุดในรอบสามปี เพราะกำแพงภาษีกับความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับประธานเฟดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามปีเมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางความวิตกของตลาดเกี่ยวกับสงครามภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงกับประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ICE – ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก – ลดลงมากกว่า 1% มาอยู่ที่ 97.923 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำใหม่เมื่อเทียบกับยูโร ปอนด์ เยน และฟรังก์สวิส รวมถึงอ่อนค่าต่อเงินรูเบิล ร่วงต่ำกว่า 80 เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024ค่าเงินดอลลาร์เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องนับตั้งแต่ทรัมป์เปิดตัวภาษีที่เขาเรียกว่า “วันปลดแอก” เมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งมุ่งเป้าไปยังพันธมิตรการค้าทั่วโลก ความเชื่อมั่นของตลาดยิ่งสั่นคลอนเมื่อทรัมป์ออกมาโจมตีพาวเวลล์อย่างเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี เรื่องการปรับลดดอกเบี้ยประธานาธิบดีวิจารณ์ประธานเฟดอย่างรุนแรง เรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ย และเตือนว่าอาจปลดพาวเวลล์ได้ “ถ้าผมอยากให้เขาออก เขาก็จะออกไปอย่างรวดเร็ว” ทรัมป์กล่าว โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพาวเวลล์เตือนว่าภาษีนั้น “มีแนวโน้มสูงที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างน้อยในระยะสั้น” และส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ต่อมา เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ระบุว่ารัฐบาลกำลังศึกษาว่ามีช่องทางทางกฎหมายในการปลดพาวเวลล์ก่อนครบวาระหรือไม่โดนัลด์ เจ. ทรัมป์@realDonaldTrumpเขียนในTruth Socialเมื่อวานนี้ว่า“การเรียกร้องให้มี “การลดดอกเบี้ยล่วงหน้า” กำลังเพิ่มมากขึ้นจากหลายฝ่าย ด้วยต้นทุนพลังงานที่ลดลงอย่างมาก ราคาสินค้าอาหาร (รวมถึงหายนะไข่ของไบเดน!) ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งของอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่มีแนวโน้มลดลง จึงแทบไม่มีเงินเฟ้อเลย ด้วยต้นทุนที่ลดลงอย่างราบรื่นเช่นนี้ ซึ่งผมก็ได้ทำนายไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเป็นแบบนี้ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเงินเฟ้อ แต่เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลง หากคุณนาย “มาสายตลอด” ซึ่งเป็นผู้แพ้รายใหญ่ ไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยตอนนี้ ยุโรปลดไปแล้วถึงเจ็ดครั้ง พาวเวลล์มักจะ “มาช้าเสมอ” ยกเว้นช่วงเลือกตั้งที่เขาลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยโจ ไบเดนจอมง่วง (และต่อมาคามาลา) ให้ชนะการเลือกตั้ง แล้วมันได้ผลไหมล่ะ?ความขัดแย้งดังกล่าวสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน แม้ว่าพาวเวลล์จะยืนยันว่าเขาไม่มีแผนจะลาออกก่อนกำหนด และเน้นย้ำว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็น “เรื่องของกฎหมาย”ทรัมป์กลับมาโจมตีพาวเวลล์อีกครั้งในวันจันทร์ โดยโพสต์บน Truth Social เรียกเขาว่า “คุณมาสาย ผู้แพ้รายใหญ่” พร้อมเตือนว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวหากไม่ลดดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วตลาดหุ้นสหรัฐได้รับผลกระทบอีกระลอก โดยดัชนีดาวโจนส์ แนสแด็ก และ S&P 500 ต่างร่วงลงมากกว่า 3%“นักลงทุนกำลังเผชิญกับแหล่งความกังวลทางมหภาคครั้งใหม่: การคุกคามของทรัมป์ต่อความเป็นอิสระของ Fed” อดัม คริซาฟุลลี ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจาก Vital Knowledge กล่าวกับ CNBC เมื่อวันจันทร์ความพยายามปลดพาวเวลล์อาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรง คริชนา กูฮา รองประธาน Evercore ISI กล่าวกับสื่อทรัมป์แต่งตั้งพาวเวลล์เป็นประธาน Fed ในปี 2018 และเขาได้รับการแต่งตั้งอีกครั้งโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในปี 2022 โดยวาระของเขาจะดำรงตำแหน่งจนถึงเดือนพฤษภาคม 2026ที่มา RT22/4/2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครเหนือกว่าใครในระบบการเงินโลกใหม่?
    BEYOND DIGITAL : The new world financial system?
    เหลือเวลาเพียง 5 นาทีใน 24 ชม.ของระบบ ในระบบโลกการเงินแบบเก่าที่เงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลเงินหลักของโลกในวันนี้ กำลังๆๆๆ หมดคุณค่าที่เป็นเงินตราของโลกเข้ามาทุกที อะไรจะมาแทนระหว่าง Bitcoin กับ Digital Yuan?

    ถ้าโลกแบ่งออกเป็นสองขั้วทางการเงินใหญ่ ๆ คือ
    • ฝ่ายอเมริกาและพันธมิตรเลือกใช้ Bitcoin
    • ฝ่ายจีนและกลุ่ม BRICS เลือกใช้ Digital หยวน (e-CNY)
    จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจระดับโลกครั้งใหญ่มาก เราอาจจะได้เห็นระบบการเงินโลกใหม่ที่ไม่ได้มีศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป
    ลักษณะของระบบการเงินทั้งสอง
    1. ฝ่ายอเมริกา + พันธมิตร (Bitcoin)
    • ไร้ศูนย์กลาง (Decentralized) ไม่มีรัฐบาลควบคุม
    • ใช้ระบบ Blockchain แบบเปิด โปร่งใสและตรวจสอบได้
    • มีจำนวนจำกัด (21 ล้าน BTC) ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อน้อยในระยะยาว
    • อิงหลักการ ตลาดเสรี และความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน
    • ธนาคารกลางจะมีบทบาทลดลงมาก หรือถูกบีบให้ปรับตัว
    2. ฝ่ายจีน + BRICS (Digital Yuan/e-CNY)
    • มีศูนย์กลาง (Centralized) ควบคุมโดยรัฐและธนาคารกลางจีน
    • ใช้ Blockchain แบบปิด หรือเทคโนโลยี ledger เฉพาะภายใน
    • ใช้เป็นเครื่องมือกำหนดนโยบายการเงินของรัฐได้อย่างแม่นยำ
    • ติดตามและควบคุมธุรกรรมของผู้ใช้งานได้
    • สร้างระบบการโอนเงินระหว่างประเทศใหม่ เช่น CIPS แทน SWIFT
    จุดร่วมของทั้งสองระบบ
    • เป็น เงินดิจิทัล ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain หรือ DLT
    • มีความเร็วในการโอนเงินข้ามประเทศสูงกว่าระบบธนาคารเดิม
    • ลดต้นทุนในการทำธุรกรรม
    • เป็นการท้าทายระบบการเงินเดิมที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ
    จุดแตกต่างหลัก
    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    • ระบบการเงินโลกจะแตกออกเป็น 2 มาตรฐาน เหมือนสงครามเย็นทางเศรษฐกิจ
    • ประเทศต่าง ๆ อาจต้องเลือกข้าง หรือพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองให้รองรับทั้งสองระบบ
    • ดอลลาร์สหรัฐอาจสูญเสียสถานะการเป็นเงินสำรองหลักของโลก หาก Bitcoin หรือ e-CNY ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
    • แรงกดดันต่อ IMF, World Bank และระบบ SWIFT ให้ปรับตัวหรือเสื่อมอิทธิพลลง
    • เกิดโอกาสใหม่สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ที่จะพึ่งพาระบบใหม่โดยไม่ผ่านระบบดั้งเดิมของตะวันตก
    นี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชั่วโมงต่อไปในวันใหม่ เราจะยื่นตรงไหนจะเลือกใช่ระบบการเงินใหม่ในโลกอนาคตกันอย่างไรตัวเราเล็กเกินที่จะกำหนดอะไรได้เองแต่เราเลือกที่จะเข้าใจและเลือกที่จะเดินไปพร้อมกับระบบใหม่นี้กันดีกว่า...

    TABU
    รัชชสิทธิ์ เปี่ยมโรจนภัทร
    ใครเหนือกว่าใครในระบบการเงินโลกใหม่? BEYOND DIGITAL : The new world financial system? เหลือเวลาเพียง 5 นาทีใน 24 ชม.ของระบบ ในระบบโลกการเงินแบบเก่าที่เงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลเงินหลักของโลกในวันนี้ กำลังๆๆๆ หมดคุณค่าที่เป็นเงินตราของโลกเข้ามาทุกที อะไรจะมาแทนระหว่าง Bitcoin กับ Digital Yuan? ถ้าโลกแบ่งออกเป็นสองขั้วทางการเงินใหญ่ ๆ คือ • ฝ่ายอเมริกาและพันธมิตรเลือกใช้ Bitcoin • ฝ่ายจีนและกลุ่ม BRICS เลือกใช้ Digital หยวน (e-CNY) จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจระดับโลกครั้งใหญ่มาก เราอาจจะได้เห็นระบบการเงินโลกใหม่ที่ไม่ได้มีศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป ลักษณะของระบบการเงินทั้งสอง 1. ฝ่ายอเมริกา + พันธมิตร (Bitcoin) • ไร้ศูนย์กลาง (Decentralized) ไม่มีรัฐบาลควบคุม • ใช้ระบบ Blockchain แบบเปิด โปร่งใสและตรวจสอบได้ • มีจำนวนจำกัด (21 ล้าน BTC) ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อน้อยในระยะยาว • อิงหลักการ ตลาดเสรี และความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน • ธนาคารกลางจะมีบทบาทลดลงมาก หรือถูกบีบให้ปรับตัว 2. ฝ่ายจีน + BRICS (Digital Yuan/e-CNY) • มีศูนย์กลาง (Centralized) ควบคุมโดยรัฐและธนาคารกลางจีน • ใช้ Blockchain แบบปิด หรือเทคโนโลยี ledger เฉพาะภายใน • ใช้เป็นเครื่องมือกำหนดนโยบายการเงินของรัฐได้อย่างแม่นยำ • ติดตามและควบคุมธุรกรรมของผู้ใช้งานได้ • สร้างระบบการโอนเงินระหว่างประเทศใหม่ เช่น CIPS แทน SWIFT จุดร่วมของทั้งสองระบบ • เป็น เงินดิจิทัล ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain หรือ DLT • มีความเร็วในการโอนเงินข้ามประเทศสูงกว่าระบบธนาคารเดิม • ลดต้นทุนในการทำธุรกรรม • เป็นการท้าทายระบบการเงินเดิมที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ จุดแตกต่างหลัก ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น • ระบบการเงินโลกจะแตกออกเป็น 2 มาตรฐาน เหมือนสงครามเย็นทางเศรษฐกิจ • ประเทศต่าง ๆ อาจต้องเลือกข้าง หรือพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองให้รองรับทั้งสองระบบ • ดอลลาร์สหรัฐอาจสูญเสียสถานะการเป็นเงินสำรองหลักของโลก หาก Bitcoin หรือ e-CNY ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง • แรงกดดันต่อ IMF, World Bank และระบบ SWIFT ให้ปรับตัวหรือเสื่อมอิทธิพลลง • เกิดโอกาสใหม่สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ที่จะพึ่งพาระบบใหม่โดยไม่ผ่านระบบดั้งเดิมของตะวันตก นี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชั่วโมงต่อไปในวันใหม่ เราจะยื่นตรงไหนจะเลือกใช่ระบบการเงินใหม่ในโลกอนาคตกันอย่างไรตัวเราเล็กเกินที่จะกำหนดอะไรได้เองแต่เราเลือกที่จะเข้าใจและเลือกที่จะเดินไปพร้อมกับระบบใหม่นี้กันดีกว่า... TABU รัชชสิทธิ์ เปี่ยมโรจนภัทร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลงทุนอะไรให้ชนะเงินเฟ้อ และได้กระแสเงินสด ?
    ลงทุนอะไรให้ชนะเงินเฟ้อ และได้กระแสเงินสด ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1)
    .
    ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน
    .
    ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
    .
    อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย
    .
    ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า
    .
    ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด
    .
    สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น.
    .
    ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 8 ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง (1) . ทางเลือกในการลงทุนและความเสี่ยง ไม่ว่าจะออมเงินมากเท่าใด หากไม่นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างเหมาะสมแล้ว ความมั่นคงด้านการเงินของครอบครัวก็เกิดขึ้นไม่ได้ การลงทุนที่ชาญฉลาดจะก่อให้เกิดรายได้ขึ้นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องออกแรงควบคู่ไปกับการทำงานตามปกติ และเมื่อมี “เงินลูก” เกิดขึ้นจากการลงทุนแล้ว ก็สามารถนำมันไปลงทุนต่ออีกให้งอกเงยต่อไปเป็น “เงินหลาน” “เงินเหลน” และต่อเนื่องได้อีกยาวนาน . ตัวอย่างเช่น เมื่อได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเงินฝาก (เงินลูก) ก็สามารถเอาดอกเบี้ยไปซื้อหุ้น ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้คนเช่า และได้รับผลตอบแทน (เงินหลาน) และเมื่องอกเงยขึ้นมาอีก ก็สามารถนำไปลงทุนต่อไปได้ไม่รู้จบ ผลตอบแทนทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนมีที่มาจาก “ต้นน้ำ” คือเงินออมแต่แรกทั้งสิ้น ถ้าปราศจากเสียซึ่งความสามารถในการสร้างเงินออมของครอบครัวแล้ว ผลตอบแทนทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย . อย่างไรก็ดี การลงทุนอาจไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนได้สมหวัง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงเกี่ยวพันอยู่ด้วยเสมอในการลงทุน ความเสี่ยงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาคหรือระดับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยจุลภาคหรือระดับย่อย . ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศมีผลกระทบต่อทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนหรือไม่ใช่ ความเสี่ยงดังกล่าว ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากอำนาจซื้อลดลงอันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ (เมื่อของมีราคาสูงขึ้น เงินเท่าเดิมซื้อของได้จำนวนน้อยลง) ทำให้ดอกผลจากการลงทุนมีค่าแท้จริงน้อยลง และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือนโยบายของรัฐบาล จนอาจทำให้การลงทุนเท่านโยบายเก่า . ความเสี่ยงอันเกิดจากความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การลดค่าเงินบาท (เงินตราต่างประเทศมีราคาสูงชึ้น) ทำให้ภาระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศในรูปเงินบาทสูงขึ้น ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน . นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับประเทศอีกแบบหนึ่งคือ ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อตัวผู้ลงทุนเองเท่านั้น ได้แก่ (1) ความเสี่ยงอันเกิดจากการแปรผันของอัตราดอกเบี้ยจนทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นและอาจได้รับผลตอบแทนต่ำลง (2) ความเสี่ยงอันเกิดจากความรู้สึกของผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ราคาหุ้นตก ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์มิได้เปลี่ยนแปลงเลยก็ตาม (3) ความเสี่ยงอันเกิดจากการปั่นหุ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้หุ้นตัวอื่นมีราคาลดลง ในขณะที่หุ้นตัวที่ปั่นราคาพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ จนอาจนำไปสู่การขาดศรัทธาต่อตลาดหุ้นโดยรวม และพากันล่มจมไปด้วยกันในที่สุด . สำหรับความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยระดับย่อย เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภายในหรือเป็นการเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้น โดยผู้ลงทุนอาจหลีกเลี่ยงได้ หากเลือกสรรการลงทุนที่ดี ความเสี่ยงชนิดนี้ได้แก่ ความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทนั้นๆเอง เช่น ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ ฐานะการเงินไม่เข้มแข็ง ผู้บริหารฉ้อโกง เป็นต้น และความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งอาจเปราะบางเพราะธรรมชาติของตัวมันเอง เช่น อุตสาหกรรมที่อาศัยทรัพยากรจำกัด เมื่อวัตถุดิบหมด โอกาสทางธุรกิจห็หายไป เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ หรืออุตสาหกรรมที่ราคาขึ้นลงตามวงจรราคาตลาดโลก เช่นน้ำตาล เป็นต้น. . ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง การลงทุนทุกอย่างเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยต่างกัน อยู่ที่ว่าผู้ลงทุนเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละอย่างมากน้อยเพียงใด และยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับใด การลงทุนต่อไปนี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกัน ไว้บทหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรย์ ดาลิโอ 📌ส่งสัญญาณเตือน! 6 ผลกระทบภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจโลก เผยระบบการเงิน-การค้าปัจจุบันไม่ยั่งยืน คาดเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ชี้ประเด็นดอลลาร์-หยวนเป็นกุญแจสำคัญในการปรับดุลอำนาจใหม่📌ขณะที่การเพิ่มค่าเงินหยวนอาจเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยอาจเกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพบกัน👉เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ยักษ์ใหญ่ Bridgewater Associates และนักลงทุนระดับตำนาน เผยบทวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศกำลังทวีความรุนแรง โดยระบุผลกระทบลำดับแรก 6 ประการสำคัญ ได้แก่ 1) เพิ่มรายได้ให้ประเทศผู้เรียกเก็บ โดยผู้ผลิตต่างประเทศและผู้บริโภคในประเทศรับภาระร่วมกัน 2) ลดประสิทธิภาพการผลิตในระดับโลก 3) ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อ (stagflation) ต่อเศรษฐกิจโลก 4) ปกป้องบริษัทในประเทศผู้เรียกเก็บภาษีจากการแข่งขันจากต่างประเทศ 5) จำเป็นในช่วงความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเพื่อรับประกันศักยภาพการผลิตภายในประเทศ และ 6) ลดความไม่สมดุลทั้งในบัญชีเดินสะพัดและบัญชีทุน นอกจากนี้ยังมีการอธิบายถึงผลกระทบลำดับที่สองซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบโต้ของประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษี การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน นโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย และนโยบายการคลัง โดยเฉพาะหากเกิดการตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเช่นกัน ซึ่งจะสร้างภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อในวงกว้างมากขึ้น ดาลิโอยังเน้นย้ำความไม่สมดุลในระบบปัจจุบันจะต้องลดลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมชี้ว่าดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองโลกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขณะที่การเพิ่มค่าเงินหยวนอาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าและเงินทุนระหว่างสหรัฐฯ-จีนในอนาคต #imctnews รายงาน
    เรย์ ดาลิโอ 📌ส่งสัญญาณเตือน! 6 ผลกระทบภาษีศุลกากรต่อเศรษฐกิจโลก เผยระบบการเงิน-การค้าปัจจุบันไม่ยั่งยืน คาดเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ชี้ประเด็นดอลลาร์-หยวนเป็นกุญแจสำคัญในการปรับดุลอำนาจใหม่📌ขณะที่การเพิ่มค่าเงินหยวนอาจเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยอาจเกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงพบกัน👉เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ยักษ์ใหญ่ Bridgewater Associates และนักลงทุนระดับตำนาน เผยบทวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศกำลังทวีความรุนแรง โดยระบุผลกระทบลำดับแรก 6 ประการสำคัญ ได้แก่ 1) เพิ่มรายได้ให้ประเทศผู้เรียกเก็บ โดยผู้ผลิตต่างประเทศและผู้บริโภคในประเทศรับภาระร่วมกัน 2) ลดประสิทธิภาพการผลิตในระดับโลก 3) ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อ (stagflation) ต่อเศรษฐกิจโลก 4) ปกป้องบริษัทในประเทศผู้เรียกเก็บภาษีจากการแข่งขันจากต่างประเทศ 5) จำเป็นในช่วงความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเพื่อรับประกันศักยภาพการผลิตภายในประเทศ และ 6) ลดความไม่สมดุลทั้งในบัญชีเดินสะพัดและบัญชีทุน นอกจากนี้ยังมีการอธิบายถึงผลกระทบลำดับที่สองซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบโต้ของประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษี การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน นโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย และนโยบายการคลัง โดยเฉพาะหากเกิดการตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเช่นกัน ซึ่งจะสร้างภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อในวงกว้างมากขึ้น ดาลิโอยังเน้นย้ำความไม่สมดุลในระบบปัจจุบันจะต้องลดลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน พร้อมชี้ว่าดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองโลกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขณะที่การเพิ่มค่าเงินหยวนอาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าและเงินทุนระหว่างสหรัฐฯ-จีนในอนาคต #imctnews รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • 02-04-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.9

    2 เมษายน "ม่วงทั้งแผ่นดิน" ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน รักสุดจิต สุดใจ เห็นพระเทพแล้ว ยังคงนึกถึงพ่อบนสรวงสวรรค์ จนป่านนี้ ท่านยังปฎิบัติภารกิจไม่เลิก พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน ราชวงศ์จักรี ยั่งยืนยง ชาวอโยธยาพร้อมถวายทุกสิ่ง เพื่อให้ทุกพระองค์ท่าน สุขเกษมสำราญ รักพระเทพ แสงสีม่วงจากนภากาศ แจ่มจรัสเหลือเกิน แสงสีทองส่องตามมา พระเทพผอมลง เพราะทรงงานหนักทุกวัน แต่สุขภาพยังแข็งแรง ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน 10000 ปี 10000 ปี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ..

    มรึงคิดว่าจะเงียบเหรอ ดีออก? อ.ปานเทพซัดกลับอีร่านตุ๊ด วางเงินล้าน มีเท่าไหร่ พอจ่ายมั้ย ไอ้สัส! ตัดต่อเหี้ยๆ หมายังเอือมระอา แถจนควายลาตาย! ยิ่งดิ้น ยิ่งน่าสมเพช เค้ารู้กันหมดทั้งขบวนการแล้ว..ดีออก! พยานปากสำคัญแฉหมดเปลือกทุกขั้นตอน พยานมี หลักฐานมัดเพี๊ยบ กล้องมา คลิปโผล่ เทคนิควิทยาศาสตร์มาเต็ม ควายบอกเลิกเหอะมรึง? ยิ่งแถ ยิ่งอายหมา? สปอตไลท์หายไปไม่กี่วัน วันนี้กลับมาซัดต่อ เพราะเหี้ยปากมันดี จากโดนแค่ไม่กี่กระทง ระวัง มรึงจะโดนเป็นสิบ? เสี้ยนอยากหาผัวในคุกจนตัวสั่น! มรึงจะดิ้นยังไง? เค้ารู้หมดแล้ว ทุกเรื่องราว ผีอีโมหายตัวไปไหน ยังไง เมื่อไหร่ ทิ้งศพลงแม่น้ำกี่โมง รู้หมด ยังจะมาฉี่ท้ายเรือ โดนใบพัดเลยต่ออีก เชิญส่งมรึงไปหาศรีธัญญาน่าจะเหมาะ หรือมรึงวางตัวไว้เพื่อการณ์นี้ จบที่เป็นบ้า ไร้สติ เอาที่มรึงสบายใจ เป็นตุ๊ดน่ะมันไม่ผิดดอก ใครก็เป็นได้ แต่เป็น "ตุ๊ดหนักแผ่นดินเนี่ยสิ" ตุ๊ดดีดี ตุ๊ดสร้างสรรค์ เสียหายเพราะมรึง ทำลายสถาบันตุ๊ดที่มีมาอย่างยาวนาน ภาพขามรึงชัดๆ ยังจะแถไม่เลิก เค้าเรียก "ไปให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก" ใครก็ตาม ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม หากกล้ามาหาญท้าชะตาฟ้า ดวลกับอ.ปานเทพ กูเห็นมาเยอะแล้ว ศพไม่สวยซักราย อย่างมรึงเนี่ย "ตายคาจอ โง่คาที่ ปากดี ตายเร็วเสมอ"

    อีทรัมปป์ออกอาการ ฮูตีจัดหนัก เละเทะทั้งขบวนกองเรือ เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน ที่เก่าและล้าหลัง ยังกล้าเอาเข้ามาโชว์ หมาไม่เลิก ไปไม่เป็น สภาพยับเยิน สั่งสื่อห้ามลงภาพ แพ้แบบเสียหมา โถ..ขนาดอีเอ๋อ มันสั่ง มันส่ง ไปกี่ร้อยรอบ ผลลัพธ์ไม่แตกต่าง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปวัดกับไฮเปอร์โซนิคของจริง ที่แม้แต่ของมรึงเองยังไม่ผ่าน QC เลย ดีออก? อีทรัมปป์ทำไมจะไม่รู้ แต่ช้าก่อน หากมรึงคิดจะเอาเยเมน เพื่อเป้าหมายจริงคืออิหร่าน กูจะบอกให้เอาบุญว่า อย่าคิดน่ะว่า เค้าจะไม่สวนตูดมรึงกลับบ้าง มัวแต่ส่งเหี้ยมาเที่ยวละลานชาวโลก ระวังหลังบ้านตัวเองให้ดีดี บอกแล้วน่ะ รอบบ้านมรึง ไฮเปอร์โซนิคประจำการนานแล้ว บุกเค้าเพลิน ระวังจะเสียหมาครั้งใหญ่ ทำเนียบขาวถูกยึด สิ่งที่น่ากลัวกว่าไม่ใช่อิหร่าน แต่เป็นคนในแผ่นดินต้องคำสาปมรึงต่างหาก ทั้งอีลา อี DEEP STATE มันจ้องมรึงตาไม่วาง เผลอเป็นเสียบ เงียบเป็นทุบ หยุดเป็นศอก จนตรอกเป็นหมา ยิ่งตอนนี้ มรึงคลั่งหนัก ยุบ ยุบ ยุบ แม่งทุกอย่าง ต่อไป อีตาเพน มันหันปากกระบอกปืนมาล่อมรึงซะเอง ระวังจะหนีไม่ทันน่ะจ๊ะ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์กำลังจะวางแผนเข้าไปควบคุมอีตาเพน ตัดงบ โยกย้าย ทั้งหมดเพื่อต่อรอง จะอยู่กับกู หรือจะอยู่เหี้ยอีกฝั่ง มรึงเลือกมา?

    อีเหงียนไม่รอด โดนเหมือนกัน มันถี่ไปมุย? กลัวควายโลกไม่รู้เหรอว่า "ใครทำ?" ความจำสั้นกันจังน่ะมรึง? หลังมรึงล่อจีน ตุรกี พร้อมกัน สมัยอีเอ๋อ หลังจากนั้นไม่นาน พายุก็มา สึนามิก็โผล่ ไฟป่ามาตามนัด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เสียหายยับ บังเอิญจังน่ะเนี่ย? HAARP ใช้ถี่ไป ระวังมันจะสะท้อนเข้าตัวมรึงเองน่ะ อาเซียนรู้ตัวแล้วว่า นาทีนี้แล้ว หากไม่จับมือกันไล่กระตืบเหี้ย ความมั่นคง ปลอดภัยของอาเซียน ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง หากเหี้ยยังอยู่ ที่ผ่านมา มรึงก่อสงครามไกลตัว แต่งวดนี้ สงครามจะมาหามรึงถึงบ้าน อย่าลืมว่า JOHN KIM เคยพูดอะไรเอาไว้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์โผล่ที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียนับครั้งไม่ถ้วน ตบหน้าเหี้ยถึงถิ่น สัญญานจับ เรดาร์มรึง โคตรห่วย โผล่คราวนี้ จะเอาของขวัญไปฝาก แค่เม็ดเดียว อิ่มทั้งวอชิงตัน อยากลองชิมมั้ยล่ะ? ถามว่าอาเซียนสะเทือนมั้ย? ตอบเลยว่าไม่ เพราะพื้นฐานวางมาดี พึ่งพาตัวเองได้ อาหารมี ยามี พลังงานมี แต่มรึงต่างหากที่ไม่มี ถึงต้องเหี้ยใส่ เพื่อต่อรอง จากนี้ อีเหงียนคงได้จับมือไทย อิเหนา ซ้อมรบกับจีนถี่ยิบ เพราะอ่านเกมส์ว่า เหี้ยมันบุกแปซิฟิคแน่ และกลับกัน เตหะราน และโสมแดง อาจจะบุกหลังบ้านเหี้ยทันที เอาให้ดึงกองกำลังกลับบ้านไม่ทันเลยมรึง ตอนนี้ อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังออกจากตะวันออกกลาง เพื่อไปตั้งหลักรับมือ หากจะเปิดแปซิฟิค ขณะที่แนวร่วมเทมรึงซะขนาดนี้ โอกาสตายห่าสูงมาก ไม่ว่าจะทางไหน มรึงก็ดิ้นไม่หลุด หนีไม่พ้น

    พบแล้วจ๊ะ! ทหารมะกัน ที่หายตัวไป เจอตัวเป็นๆ แล้วจ๊ะ กลายเป็นศพคาดินโคลน ใกล้พรมแดนลิทัวเนีย 3 ศพนัวเนีย ไม่ต้องบอกว่าฝีมือใคร? ใครอยู่แถวนั้นล่ะ? ของฝากจากเบลารุสเค้าล่ะ? ซ้อมรบเหรอ มาสิจ๊ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้ามาโซนสีแดงปุ๊บ เงียบหาย ไร้ร่องรอย? ช่วงนี้ ลูคาเชนโก ของขึ้น! หลังได้ของเล่นใหม่ดาหน้าเทกระจาดแบบไม่มีอั้น? อีโปลรู้ชะตากรรม สั่งลุยเมื่อไหร่ จบเร็วแน่ เพราะภูมิประเทศล้อมด้าน ง่ายต่อการโจมตีจากทุกทิศทาง เบลารุส คาลินินกราด เค้าจองกฐินนานแล้ว ยุโรปจะทำอะไรคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่จะไปบุกเค้า แล้วโดนเค้าสวนกลับ ด้วยการยึดแผ่นดิน จะเสียหมาไปจนวันตาย หากจะเทหมดหน้าตัก เพื่อเดินเกมส์สงครามที่ไม่มีวันชนะ ถามคำเดียว "ใครได้ประโยชน์?" แต่ชาวบ้านจะแห่ลงถนนลากหัวไอ้นักการเมืองขายชาติมาตัดหัวแน่ นี่ไง ปชต.ตอแหล มันเคยให้มรึงกินอิ่ม หลับสบายมั้ยล่ะ? NATO เอือมระอา กับอีทรัมปป์ จะลุยก็เสียค่าโง่ ใครจะจ่าย ตุรกีไม่เอาแน่ ตราบใดที่อีแอร์โดกันยังอยู่ คลังแสงหมดไปเยอะ ใครมันจะเติมเพื่อช่วยเศษขยะยูเครนที่กำลังจะตาย ยังไงก็เสร็จรัสเซียไปนานแล้วกันล่ะ?

    ถามจริงดิ? อีทรัมปป์มันเก่งงานอีเว้นต์ "สงครามนุ๊กจะมา" โอม..เพี้ยง ยิงซะทีเหอะ จะได้จบๆ ขั้วใหม่ เค้าไม่กลัว เพราะยิงกันจริง กูถึงมรึงก่อน แล้วของจริง ใครจะปล่อยให้ GPS มรึงทำงานปกติกันล่ะ? ดาวเทียมคือสิ่งแรกที่ขั้วใหม่จะทำลาย ไม่ต้องให้บอก ว่าเค้าเตรียมไว้นานแล้ว อะไรที่อยู่ในอวกาศ มันคือเครื่องจักรสังหารดาวเทียม บอกไบ้ให้ ดาวเทียมจิ๋วอิหร่านเนี่ยแหละ ไอ้ตัวแสบ! มันจะทำหน้าที่ระบุ ชี้เป้า แม้แต่ทำลายตัวเองยังได้ แถมมันยังสามารถปล่อยคลื่นความถี่รบกวนดาวเทียมตัวใหญ่ได้หมด และตอนนี้ มันอยู่บนหัวเหี้ยมะกันตรงนั้นนานแล้ว ไม่ต้องบอกว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง? ฟันธง อีทรัมปป์ไม่กล้า แค่ปั่นตลาดหุ้น เหมือนที่มันทำอยู่ทุกวันนี้ วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ พูดอย่าง เปลี่ยนใจทุก 5 นาที เหตุผลคือ ทับหุ้นลง ช้อนซื้อ แล้วปล่อยข่าวใหม่ ปั่นให้ขึ้นแล้วปล่อยขาย หากแดร๊กง่ายดีมั้ยล่ะ? เพราะควายมันเยอะไง? อิหร่านเหรอ บอกเลย "ให้ไว" กูรอมรึงมาเป็นชาติแล้ว ปากดี เผ่นหางจุกตูด โลกคือละคร สิ่งที่อีทรัมปป์ทำอยู่ตอนนี้คือ ตัดท่อน้ำเลี้ยง DEEP STATE แล้วปั่นหุ้นหาแดร๊ก ไอ้กำแพงภาษีที่ทำโลกป่วนตอนนี้ แค่เคาะกะลาเรียกเรตติ้ง ดูไม่ยากดอก อีทรัมปป์หากรู้ว่ามันจะจบที่ไหน ที่เหลือเดาได้สบาย ทองคำกำเอาไว้ อย่าปล่อย โซเชี่ยลหลอกควายรายวัน ทั่วโลกแห่ช้อนซื้อทองคำ รอคิวยาวเหยียด มรึงจะปล่อยให้โง่? ตราบใดที่ยังไม่มีแร่ใดในโลก ที่จะขึ้นมาเทียบทองคำได้ อย่าปล่อย หากไม่ร้อนเงินจริง? 45000 ก็ทะลุมาแล้ว รอด่านต่อไป 65000 หากยังทะลุต่อ มรึงปล่อยทันที หากร้อนเงิน หากไม่ร้อน เก็บไว้ให้ลูกหลาน ตื่นมาอีกที บาทละ 100000 ไอ้สัส แต่ยังน้อยน่ะ 1 ออนซ์ทองคำ แลกรถยนต์ป้ายแดงอเมริกันได้ 1 คัน มรึงดูค่าเงินแท้จริงมันสิ? แล้วยังจะมีควายไปอุ้มดอลล่าร์ต่ออีกน่ะ?

    ปล.ทฤษฎีสมคบคิดมาเต็ม อะไรน่ะ! ตึกสตง.เลียนแบบ 9/11 ระเบิดรากฐานตึกก่อน ใครเข้าไปตรวจสอบพื้นที่กันล่ะ? หากเป็นอีตำหนวด บอกเลย จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมบริการทำลายหลักฐานให้เบ็ดเสร็จ จับพิรุจ ตึกอื่นไม่ถล่ม ทั้งๆ อยู่ติดกัน ห่างกันไม่เยอะ ถล่มตึกเดียว น่าคิดมั้ย? วิถีการลงเป็นแนวดิ่งร่วงทันที เหมือน 9/11 มั้ยล่ะ? ทั้งเรื่องทุนจีนสีเทา ทั้งเรื่องการเมือง ต้องเป็นสตง. ทั้งเรื่องคอรัปชั่น อะไรที่ผุดออกมา ทำให้มรึงได้คิดเสียทีว่า "ความมั่นคง ปลอดภัย จะมาจากไหน" หากเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้มีหน้าที่บังคับกฎหมายกลายร่างเป็นเหี้ยเสียเอง มรึงจะทำยังไง? สาวไส้ไปมา ก็เรื่องแดร๊ก เหล็กเส้น ออกแบบ เร่งรีบก่อสร้าง เพื่อเบิกงบงวดต่อไป ใครเซ็นต์ ใครรับรองแบบ หนีไม่พ้นคุกจ๊ะ ล่าสุดมีการค้นพบว่า อีก 300 ชีวิตอยู่ใต้ซาก ยังไม่ต้องรีบเชื่อ ปากคนน่ากลัวกว่าปากกา ใครจะเผ่นหนีความผิดก็รีบซะ เพราะอีกไม่นาน การกวาดล้างครั้งใหญ่จะมา เรื่องราวทั้งหมด ที่มันเละเทะ โสมม ต้องโดนล้างด้วยไฮเตอร์ขยี้เหี้ย ใครล่ะ จะทำ? งานนี้สายตรงวังเท่านั้น รับคำสั่งเบื้องบนให้ทำความสะอาดทั้งระบบ ผ่านองคมนตรี แต่ตอนนี้ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยก่อนน่ะ หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเต็มที่ แต่มีแขกที่ไม่ได้เชิญ เสือกเข้ามาด้วย อีเหี้ยมะกัน กับอียิวเสนียดโลก มันไม่ได้มาช่วยดอก แค่ตามมาดูผลงาน ว่าเรียบร้อยดีมั้ย? เจอหน้าเมื่อไหร่ ฝากบอก ฮูตีคิดมรึงมากน่ะ? จะเอาของขวัญไปฝากถึงบ้านมรึง รอรับให้ดี! จับตา ชักจะมีอะไรน่าสนใจ อีทรัมปป์ ปูติน สีจิ้นผิง กำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ ทรัมปป์ขู่ขึ้นกำแพงภาษีทั่วโลก ทองคำอาจพุ่งทะลุ $4500 ใครได้ประโยชน์เต็มตรีนกันล่ะ ทรัมปป์แลนด์ รัสเซีย จีน อาจเล่นละครตบตาโลก เพื่อเขย่า DEEP STATE ฝากไว้ให้คิด ใครที่ว่าทรัมปป์เป็น Q จริงหรือไม่ ชัวร์หรือไม่ชัวร์ ให้ดูตอนจบ ว่าอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ตายจริงหรือไม่? นั่นคือหลักฐานพิสูจน์คำตอบแท้จริง ใครสายดาร์ก ชอบเรื่องลึกลับ ซับซ้อน งานนี้อาจมีเฮ เพราะบอกเลยว่า อีฟรีเมสัน มันอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว อีร็อดไชน์ อีร็อคกี้ เริ่มเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังเจ้าพ่อตลาดหุ้นอย่างอีบุฟเฟ่ต์ ชิ่งอุ้มเงินสดถอดออกจากตลาดก่อน เพราะรู้ว่า "มันอันตรายถึงขีดสุดแล้ว พร้อมดิ่งนรกทุกเมื่อ" ใครมีหุ้นในมือตอนนี้ หากขาดทุนไม่เยอะ ถอนออกมาอุ้มเงินสดไว้ในมือ อย่าเสียดาย อย่าโลภ เพราะมรึงกำลังจะได้ของถูกแบบช็อคโลกเร็วๆ นี้ เงินสดอุ่นใจ ไม่ต้องฝากความหวังใคร แต่หากขาดทุนเยอะ ก็เก็บเอาไว้ก่อน บอกตรง ชั่วโมงนี้ เหวี่ยงสุดขีด กระโดดสุดตัว เดาไม่ง่าย อยู่ที่มันจะปั่นกันตอนไหน? ตลาดแบบนี้ โอกาสตายสูง หากไม่รวยเละ ก็เจ๊งยับ เพราะขึ้นสุด ลงสุดเช่นกัน เงินสดติดตัวคืออำนาจในมือ ออกจากตัว คืออำนาจคนอื่น

    หมี CNN(ไอ้สัส! อเมริกันอ่วม ซื้อรถแพงขึ้น $12000 แห่หันไปซื้อ EV แม้แพงขึ้นแต่ยังถูกกว่า ยิ่งไปเพิ่มตลาดให้จีน แต่เขี่ยตลาดรถยนต์ตัวเอง ภาคการผลิตอ่วม ทุกอย่างขึ้นหมด เพราะกำแพงภาษีอีทรัมปป์ ดึงโลกมาเล่นเกมส์ปาหี่กันหมด แต่เอเซียสบายตัว ไม่มีมรึง กูก็ยังอยู่ได้สบายดี แต่ยุโรปขี้แตกน่ะสิ ถึงเวลาพึ่งพาตัวเองเสียที แต่คำถามคือ เงินเฟ้อ แรงงานตก ไร้บ้านเพิ่ม สวัสดิการหดหาย เลือกตั้งแล้วได้อะไรดี เลือกตั้งแก้ปากท้องมรึงไม่ได้ แล้วจะเลือกทำพ่อง? สรุปคือแผ่นดินมีแค่กลุ่มคนชั้นสูงปกครอง อย่าถามหาเสรีภาพ สิทธิเหี้ยอะไรทั้งนั้น เป็นได้แค่ขี้ข้าไปจนวันตาย ใครจะรักมรึงจริงกันล่ะ หากไม่ใช่พ่อมรึงเอง?)
    02 เมษายน 68
    11.11 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    02-04-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.9 2 เมษายน "ม่วงทั้งแผ่นดิน" ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน รักสุดจิต สุดใจ เห็นพระเทพแล้ว ยังคงนึกถึงพ่อบนสรวงสวรรค์ จนป่านนี้ ท่านยังปฎิบัติภารกิจไม่เลิก พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน ราชวงศ์จักรี ยั่งยืนยง ชาวอโยธยาพร้อมถวายทุกสิ่ง เพื่อให้ทุกพระองค์ท่าน สุขเกษมสำราญ รักพระเทพ แสงสีม่วงจากนภากาศ แจ่มจรัสเหลือเกิน แสงสีทองส่องตามมา พระเทพผอมลง เพราะทรงงานหนักทุกวัน แต่สุขภาพยังแข็งแรง ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน 10000 ปี 10000 ปี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ.. มรึงคิดว่าจะเงียบเหรอ ดีออก? อ.ปานเทพซัดกลับอีร่านตุ๊ด วางเงินล้าน มีเท่าไหร่ พอจ่ายมั้ย ไอ้สัส! ตัดต่อเหี้ยๆ หมายังเอือมระอา แถจนควายลาตาย! ยิ่งดิ้น ยิ่งน่าสมเพช เค้ารู้กันหมดทั้งขบวนการแล้ว..ดีออก! พยานปากสำคัญแฉหมดเปลือกทุกขั้นตอน พยานมี หลักฐานมัดเพี๊ยบ กล้องมา คลิปโผล่ เทคนิควิทยาศาสตร์มาเต็ม ควายบอกเลิกเหอะมรึง? ยิ่งแถ ยิ่งอายหมา? สปอตไลท์หายไปไม่กี่วัน วันนี้กลับมาซัดต่อ เพราะเหี้ยปากมันดี จากโดนแค่ไม่กี่กระทง ระวัง มรึงจะโดนเป็นสิบ? เสี้ยนอยากหาผัวในคุกจนตัวสั่น! มรึงจะดิ้นยังไง? เค้ารู้หมดแล้ว ทุกเรื่องราว ผีอีโมหายตัวไปไหน ยังไง เมื่อไหร่ ทิ้งศพลงแม่น้ำกี่โมง รู้หมด ยังจะมาฉี่ท้ายเรือ โดนใบพัดเลยต่ออีก เชิญส่งมรึงไปหาศรีธัญญาน่าจะเหมาะ หรือมรึงวางตัวไว้เพื่อการณ์นี้ จบที่เป็นบ้า ไร้สติ เอาที่มรึงสบายใจ เป็นตุ๊ดน่ะมันไม่ผิดดอก ใครก็เป็นได้ แต่เป็น "ตุ๊ดหนักแผ่นดินเนี่ยสิ" ตุ๊ดดีดี ตุ๊ดสร้างสรรค์ เสียหายเพราะมรึง ทำลายสถาบันตุ๊ดที่มีมาอย่างยาวนาน ภาพขามรึงชัดๆ ยังจะแถไม่เลิก เค้าเรียก "ไปให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก" ใครก็ตาม ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม หากกล้ามาหาญท้าชะตาฟ้า ดวลกับอ.ปานเทพ กูเห็นมาเยอะแล้ว ศพไม่สวยซักราย อย่างมรึงเนี่ย "ตายคาจอ โง่คาที่ ปากดี ตายเร็วเสมอ" อีทรัมปป์ออกอาการ ฮูตีจัดหนัก เละเทะทั้งขบวนกองเรือ เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน ที่เก่าและล้าหลัง ยังกล้าเอาเข้ามาโชว์ หมาไม่เลิก ไปไม่เป็น สภาพยับเยิน สั่งสื่อห้ามลงภาพ แพ้แบบเสียหมา โถ..ขนาดอีเอ๋อ มันสั่ง มันส่ง ไปกี่ร้อยรอบ ผลลัพธ์ไม่แตกต่าง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปวัดกับไฮเปอร์โซนิคของจริง ที่แม้แต่ของมรึงเองยังไม่ผ่าน QC เลย ดีออก? อีทรัมปป์ทำไมจะไม่รู้ แต่ช้าก่อน หากมรึงคิดจะเอาเยเมน เพื่อเป้าหมายจริงคืออิหร่าน กูจะบอกให้เอาบุญว่า อย่าคิดน่ะว่า เค้าจะไม่สวนตูดมรึงกลับบ้าง มัวแต่ส่งเหี้ยมาเที่ยวละลานชาวโลก ระวังหลังบ้านตัวเองให้ดีดี บอกแล้วน่ะ รอบบ้านมรึง ไฮเปอร์โซนิคประจำการนานแล้ว บุกเค้าเพลิน ระวังจะเสียหมาครั้งใหญ่ ทำเนียบขาวถูกยึด สิ่งที่น่ากลัวกว่าไม่ใช่อิหร่าน แต่เป็นคนในแผ่นดินต้องคำสาปมรึงต่างหาก ทั้งอีลา อี DEEP STATE มันจ้องมรึงตาไม่วาง เผลอเป็นเสียบ เงียบเป็นทุบ หยุดเป็นศอก จนตรอกเป็นหมา ยิ่งตอนนี้ มรึงคลั่งหนัก ยุบ ยุบ ยุบ แม่งทุกอย่าง ต่อไป อีตาเพน มันหันปากกระบอกปืนมาล่อมรึงซะเอง ระวังจะหนีไม่ทันน่ะจ๊ะ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์กำลังจะวางแผนเข้าไปควบคุมอีตาเพน ตัดงบ โยกย้าย ทั้งหมดเพื่อต่อรอง จะอยู่กับกู หรือจะอยู่เหี้ยอีกฝั่ง มรึงเลือกมา? อีเหงียนไม่รอด โดนเหมือนกัน มันถี่ไปมุย? กลัวควายโลกไม่รู้เหรอว่า "ใครทำ?" ความจำสั้นกันจังน่ะมรึง? หลังมรึงล่อจีน ตุรกี พร้อมกัน สมัยอีเอ๋อ หลังจากนั้นไม่นาน พายุก็มา สึนามิก็โผล่ ไฟป่ามาตามนัด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เสียหายยับ บังเอิญจังน่ะเนี่ย? HAARP ใช้ถี่ไป ระวังมันจะสะท้อนเข้าตัวมรึงเองน่ะ อาเซียนรู้ตัวแล้วว่า นาทีนี้แล้ว หากไม่จับมือกันไล่กระตืบเหี้ย ความมั่นคง ปลอดภัยของอาเซียน ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง หากเหี้ยยังอยู่ ที่ผ่านมา มรึงก่อสงครามไกลตัว แต่งวดนี้ สงครามจะมาหามรึงถึงบ้าน อย่าลืมว่า JOHN KIM เคยพูดอะไรเอาไว้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์โผล่ที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียนับครั้งไม่ถ้วน ตบหน้าเหี้ยถึงถิ่น สัญญานจับ เรดาร์มรึง โคตรห่วย โผล่คราวนี้ จะเอาของขวัญไปฝาก แค่เม็ดเดียว อิ่มทั้งวอชิงตัน อยากลองชิมมั้ยล่ะ? ถามว่าอาเซียนสะเทือนมั้ย? ตอบเลยว่าไม่ เพราะพื้นฐานวางมาดี พึ่งพาตัวเองได้ อาหารมี ยามี พลังงานมี แต่มรึงต่างหากที่ไม่มี ถึงต้องเหี้ยใส่ เพื่อต่อรอง จากนี้ อีเหงียนคงได้จับมือไทย อิเหนา ซ้อมรบกับจีนถี่ยิบ เพราะอ่านเกมส์ว่า เหี้ยมันบุกแปซิฟิคแน่ และกลับกัน เตหะราน และโสมแดง อาจจะบุกหลังบ้านเหี้ยทันที เอาให้ดึงกองกำลังกลับบ้านไม่ทันเลยมรึง ตอนนี้ อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังออกจากตะวันออกกลาง เพื่อไปตั้งหลักรับมือ หากจะเปิดแปซิฟิค ขณะที่แนวร่วมเทมรึงซะขนาดนี้ โอกาสตายห่าสูงมาก ไม่ว่าจะทางไหน มรึงก็ดิ้นไม่หลุด หนีไม่พ้น พบแล้วจ๊ะ! ทหารมะกัน ที่หายตัวไป เจอตัวเป็นๆ แล้วจ๊ะ กลายเป็นศพคาดินโคลน ใกล้พรมแดนลิทัวเนีย 3 ศพนัวเนีย ไม่ต้องบอกว่าฝีมือใคร? ใครอยู่แถวนั้นล่ะ? ของฝากจากเบลารุสเค้าล่ะ? ซ้อมรบเหรอ มาสิจ๊ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้ามาโซนสีแดงปุ๊บ เงียบหาย ไร้ร่องรอย? ช่วงนี้ ลูคาเชนโก ของขึ้น! หลังได้ของเล่นใหม่ดาหน้าเทกระจาดแบบไม่มีอั้น? อีโปลรู้ชะตากรรม สั่งลุยเมื่อไหร่ จบเร็วแน่ เพราะภูมิประเทศล้อมด้าน ง่ายต่อการโจมตีจากทุกทิศทาง เบลารุส คาลินินกราด เค้าจองกฐินนานแล้ว ยุโรปจะทำอะไรคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่จะไปบุกเค้า แล้วโดนเค้าสวนกลับ ด้วยการยึดแผ่นดิน จะเสียหมาไปจนวันตาย หากจะเทหมดหน้าตัก เพื่อเดินเกมส์สงครามที่ไม่มีวันชนะ ถามคำเดียว "ใครได้ประโยชน์?" แต่ชาวบ้านจะแห่ลงถนนลากหัวไอ้นักการเมืองขายชาติมาตัดหัวแน่ นี่ไง ปชต.ตอแหล มันเคยให้มรึงกินอิ่ม หลับสบายมั้ยล่ะ? NATO เอือมระอา กับอีทรัมปป์ จะลุยก็เสียค่าโง่ ใครจะจ่าย ตุรกีไม่เอาแน่ ตราบใดที่อีแอร์โดกันยังอยู่ คลังแสงหมดไปเยอะ ใครมันจะเติมเพื่อช่วยเศษขยะยูเครนที่กำลังจะตาย ยังไงก็เสร็จรัสเซียไปนานแล้วกันล่ะ? ถามจริงดิ? อีทรัมปป์มันเก่งงานอีเว้นต์ "สงครามนุ๊กจะมา" โอม..เพี้ยง ยิงซะทีเหอะ จะได้จบๆ ขั้วใหม่ เค้าไม่กลัว เพราะยิงกันจริง กูถึงมรึงก่อน แล้วของจริง ใครจะปล่อยให้ GPS มรึงทำงานปกติกันล่ะ? ดาวเทียมคือสิ่งแรกที่ขั้วใหม่จะทำลาย ไม่ต้องให้บอก ว่าเค้าเตรียมไว้นานแล้ว อะไรที่อยู่ในอวกาศ มันคือเครื่องจักรสังหารดาวเทียม บอกไบ้ให้ ดาวเทียมจิ๋วอิหร่านเนี่ยแหละ ไอ้ตัวแสบ! มันจะทำหน้าที่ระบุ ชี้เป้า แม้แต่ทำลายตัวเองยังได้ แถมมันยังสามารถปล่อยคลื่นความถี่รบกวนดาวเทียมตัวใหญ่ได้หมด และตอนนี้ มันอยู่บนหัวเหี้ยมะกันตรงนั้นนานแล้ว ไม่ต้องบอกว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง? ฟันธง อีทรัมปป์ไม่กล้า แค่ปั่นตลาดหุ้น เหมือนที่มันทำอยู่ทุกวันนี้ วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ พูดอย่าง เปลี่ยนใจทุก 5 นาที เหตุผลคือ ทับหุ้นลง ช้อนซื้อ แล้วปล่อยข่าวใหม่ ปั่นให้ขึ้นแล้วปล่อยขาย หากแดร๊กง่ายดีมั้ยล่ะ? เพราะควายมันเยอะไง? อิหร่านเหรอ บอกเลย "ให้ไว" กูรอมรึงมาเป็นชาติแล้ว ปากดี เผ่นหางจุกตูด โลกคือละคร สิ่งที่อีทรัมปป์ทำอยู่ตอนนี้คือ ตัดท่อน้ำเลี้ยง DEEP STATE แล้วปั่นหุ้นหาแดร๊ก ไอ้กำแพงภาษีที่ทำโลกป่วนตอนนี้ แค่เคาะกะลาเรียกเรตติ้ง ดูไม่ยากดอก อีทรัมปป์หากรู้ว่ามันจะจบที่ไหน ที่เหลือเดาได้สบาย ทองคำกำเอาไว้ อย่าปล่อย โซเชี่ยลหลอกควายรายวัน ทั่วโลกแห่ช้อนซื้อทองคำ รอคิวยาวเหยียด มรึงจะปล่อยให้โง่? ตราบใดที่ยังไม่มีแร่ใดในโลก ที่จะขึ้นมาเทียบทองคำได้ อย่าปล่อย หากไม่ร้อนเงินจริง? 45000 ก็ทะลุมาแล้ว รอด่านต่อไป 65000 หากยังทะลุต่อ มรึงปล่อยทันที หากร้อนเงิน หากไม่ร้อน เก็บไว้ให้ลูกหลาน ตื่นมาอีกที บาทละ 100000 ไอ้สัส แต่ยังน้อยน่ะ 1 ออนซ์ทองคำ แลกรถยนต์ป้ายแดงอเมริกันได้ 1 คัน มรึงดูค่าเงินแท้จริงมันสิ? แล้วยังจะมีควายไปอุ้มดอลล่าร์ต่ออีกน่ะ? ปล.ทฤษฎีสมคบคิดมาเต็ม อะไรน่ะ! ตึกสตง.เลียนแบบ 9/11 ระเบิดรากฐานตึกก่อน ใครเข้าไปตรวจสอบพื้นที่กันล่ะ? หากเป็นอีตำหนวด บอกเลย จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมบริการทำลายหลักฐานให้เบ็ดเสร็จ จับพิรุจ ตึกอื่นไม่ถล่ม ทั้งๆ อยู่ติดกัน ห่างกันไม่เยอะ ถล่มตึกเดียว น่าคิดมั้ย? วิถีการลงเป็นแนวดิ่งร่วงทันที เหมือน 9/11 มั้ยล่ะ? ทั้งเรื่องทุนจีนสีเทา ทั้งเรื่องการเมือง ต้องเป็นสตง. ทั้งเรื่องคอรัปชั่น อะไรที่ผุดออกมา ทำให้มรึงได้คิดเสียทีว่า "ความมั่นคง ปลอดภัย จะมาจากไหน" หากเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้มีหน้าที่บังคับกฎหมายกลายร่างเป็นเหี้ยเสียเอง มรึงจะทำยังไง? สาวไส้ไปมา ก็เรื่องแดร๊ก เหล็กเส้น ออกแบบ เร่งรีบก่อสร้าง เพื่อเบิกงบงวดต่อไป ใครเซ็นต์ ใครรับรองแบบ หนีไม่พ้นคุกจ๊ะ ล่าสุดมีการค้นพบว่า อีก 300 ชีวิตอยู่ใต้ซาก ยังไม่ต้องรีบเชื่อ ปากคนน่ากลัวกว่าปากกา ใครจะเผ่นหนีความผิดก็รีบซะ เพราะอีกไม่นาน การกวาดล้างครั้งใหญ่จะมา เรื่องราวทั้งหมด ที่มันเละเทะ โสมม ต้องโดนล้างด้วยไฮเตอร์ขยี้เหี้ย ใครล่ะ จะทำ? งานนี้สายตรงวังเท่านั้น รับคำสั่งเบื้องบนให้ทำความสะอาดทั้งระบบ ผ่านองคมนตรี แต่ตอนนี้ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยก่อนน่ะ หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเต็มที่ แต่มีแขกที่ไม่ได้เชิญ เสือกเข้ามาด้วย อีเหี้ยมะกัน กับอียิวเสนียดโลก มันไม่ได้มาช่วยดอก แค่ตามมาดูผลงาน ว่าเรียบร้อยดีมั้ย? เจอหน้าเมื่อไหร่ ฝากบอก ฮูตีคิดมรึงมากน่ะ? จะเอาของขวัญไปฝากถึงบ้านมรึง รอรับให้ดี! จับตา ชักจะมีอะไรน่าสนใจ อีทรัมปป์ ปูติน สีจิ้นผิง กำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ ทรัมปป์ขู่ขึ้นกำแพงภาษีทั่วโลก ทองคำอาจพุ่งทะลุ $4500 ใครได้ประโยชน์เต็มตรีนกันล่ะ ทรัมปป์แลนด์ รัสเซีย จีน อาจเล่นละครตบตาโลก เพื่อเขย่า DEEP STATE ฝากไว้ให้คิด ใครที่ว่าทรัมปป์เป็น Q จริงหรือไม่ ชัวร์หรือไม่ชัวร์ ให้ดูตอนจบ ว่าอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ตายจริงหรือไม่? นั่นคือหลักฐานพิสูจน์คำตอบแท้จริง ใครสายดาร์ก ชอบเรื่องลึกลับ ซับซ้อน งานนี้อาจมีเฮ เพราะบอกเลยว่า อีฟรีเมสัน มันอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว อีร็อดไชน์ อีร็อคกี้ เริ่มเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังเจ้าพ่อตลาดหุ้นอย่างอีบุฟเฟ่ต์ ชิ่งอุ้มเงินสดถอดออกจากตลาดก่อน เพราะรู้ว่า "มันอันตรายถึงขีดสุดแล้ว พร้อมดิ่งนรกทุกเมื่อ" ใครมีหุ้นในมือตอนนี้ หากขาดทุนไม่เยอะ ถอนออกมาอุ้มเงินสดไว้ในมือ อย่าเสียดาย อย่าโลภ เพราะมรึงกำลังจะได้ของถูกแบบช็อคโลกเร็วๆ นี้ เงินสดอุ่นใจ ไม่ต้องฝากความหวังใคร แต่หากขาดทุนเยอะ ก็เก็บเอาไว้ก่อน บอกตรง ชั่วโมงนี้ เหวี่ยงสุดขีด กระโดดสุดตัว เดาไม่ง่าย อยู่ที่มันจะปั่นกันตอนไหน? ตลาดแบบนี้ โอกาสตายสูง หากไม่รวยเละ ก็เจ๊งยับ เพราะขึ้นสุด ลงสุดเช่นกัน เงินสดติดตัวคืออำนาจในมือ ออกจากตัว คืออำนาจคนอื่น หมี CNN(ไอ้สัส! อเมริกันอ่วม ซื้อรถแพงขึ้น $12000 แห่หันไปซื้อ EV แม้แพงขึ้นแต่ยังถูกกว่า ยิ่งไปเพิ่มตลาดให้จีน แต่เขี่ยตลาดรถยนต์ตัวเอง ภาคการผลิตอ่วม ทุกอย่างขึ้นหมด เพราะกำแพงภาษีอีทรัมปป์ ดึงโลกมาเล่นเกมส์ปาหี่กันหมด แต่เอเซียสบายตัว ไม่มีมรึง กูก็ยังอยู่ได้สบายดี แต่ยุโรปขี้แตกน่ะสิ ถึงเวลาพึ่งพาตัวเองเสียที แต่คำถามคือ เงินเฟ้อ แรงงานตก ไร้บ้านเพิ่ม สวัสดิการหดหาย เลือกตั้งแล้วได้อะไรดี เลือกตั้งแก้ปากท้องมรึงไม่ได้ แล้วจะเลือกทำพ่อง? สรุปคือแผ่นดินมีแค่กลุ่มคนชั้นสูงปกครอง อย่าถามหาเสรีภาพ สิทธิเหี้ยอะไรทั้งนั้น เป็นได้แค่ขี้ข้าไปจนวันตาย ใครจะรักมรึงจริงกันล่ะ หากไม่ใช่พ่อมรึงเอง?) 02 เมษายน 68 11.11 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1124 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-04-68/03 : หมี CNN / R.I.P USAID ลาก๋อยเหี้ยจ๋า! เห็นฤทธิ์อีทรัมปป์ยัง? ปิดสิ จะเหลือเหรอ โยก USAID บางส่วนเข้ากระทรวงตปท. มัดชัดซะยิ่งกว่าชัด หักดิบเหี้ย C ไงล่ะ ที่ผ่านมา ยิวเหี้ยไซออนนิสต์ใช้เหี้ย C เป็นแขนขา ในการรุกรานแผ่นดินชาวโลก ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่คือ USAID แตกย่อยเป็น NED NGO เพื่อส่งส่วยให้ขี้ข้ายิวทั่วโลก ไปปล้นแผ่นดินเค้าแดร๊ก งานนี้ อีทรัมปป์รีดพิษ ท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยยิว DEEP STATE จะอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว เร่งเปิดเกมส์ล้มอีทรัมปป์แน่ ระวังให้ดี อุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นได้เสมอ บทเรียนจาก JFK ทำให้อีทรัมปป์รู้ดีว่า ชุดรอบตัวใช้คนในไม่ได้ เพราะเหี้ย C มันกว้านซื้อไว้หมดแล้ว ดังนั้น ไม่แปลก หากมรึงได้เห็น WAGNER นอกเครื่องแบบไปโผล่ทำเนียบขาว ขอให้รู้ไว้ว่า ปูตินส่งไปให้เองจ๊ะ สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ย ใกล้จะถึงทางตัน อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังสหรัฐกลับบ้าน อีทรัมปป์ตัดท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยยิว งานนี้ใครได้ประโยชน์สูงสุดกันล่ะ เป้าหมายอีทรัมปป์คือ ไม่รบกับรัสเซียตอนนี้ เพื่อไม่ให้รัสเซีย จีน เข้ามาเขมือบอเมริกาในทันที ฝั่งขั้วใหม่เค้าก็รู้ว่ามรึงถอยเพราะอะไร? จากนี้ จะกลายเป็นเกมส์ปราสาทแดร๊ก ยิ่งกว่าสงครามเย็นแช่น้ำแข็งอีกมรึง อะไรที่ทำผ่านมา ก็เล่นไปหมดแล้ว หมดมุก จากนี้จึงต้องเล่นให้แรง และเข้าเป้าเท่านั้น ที่มาว่า HAARP ล่อพม่า เพื่อดึงเศรษฐกิจอาเซียนและจีนลงมา แต่เช่นเดียวกัน มรึงเองก็จะโดนกลับไม่ใช่น้อย หลังเสียหายไปเยอะ จากพิษเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ ไฟป่า พายุ หิมะถล่ม และการเมืองปาหี่ภายใน แล้วยังไงต่อ USAID ไม่มีแล้ว หน่วยงานย่อยไปอยู่ในมือกระทรวงตปท. แปลว่าอีทรัมปป์เอาคนแปรพักตร์กลับเข้ามาอยู่กับตน ใครไม่ยอมก็ไสหัวออกไป เหี้ย C บทบาทจะน้อยลง อีทรัมปป์จะเล่นการฑูตนำ มากกว่าจะใช้ใต้ดินเหมือนที่ DEEP STATE ถนัด แต่งานสกปรกก็จำเป็นต้องมี เมื่อเหี้ย C ขาดรายได้ เป้าต่อไปคืออีตาเพน ที่มาว่าทำไม บริษัทโบอิ้ง ถึงถูกดำเนินคดีในศาลเป็นชุด ก็เพื่อให้คายความลับออกมา ว่ามรึงเคยส่ง หรือซ่อนอะไรเอาไว้ใต้พรมอีก ด่านหินที่สุดไม่ใช่เหี้ย C แต่เป็นอีตาเพนเนี่ยแหละ แผนดึงกองทัพเข้าพวก เตรียมหั่นอเมริกาแตกเป็นสอง ใกล้ความจริงแล้ว กรีนแลนด์ก็ดี บางส่วนอีแคนผนวกรวมก็ดี ไม่ได้มีไว้เพื่ออเมริกาที่ยิ่งใหญ่ แต่มีไว้เพื่อ TRUMP LAND ในอนาคตต่างหากล่ะ เกมส์นี้แรงจริง รอดูฝีมือ DEEP STATE จะทำอย่างไรกับอีทรัมปป์?

    Trump administration officially shutters USAID after months of cuts รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID หลังตัดงบประมาณหลายเดือน

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID หลังตัดงบประมาณหลายเดือน

    รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID อย่างเป็นทางการซึ่งมีการจัดการครั้งสุดท้ายขององค์กร

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศแจ้งสภาคองเกรสว่า “ปิดตัว” องค์กร USAID และย้ายบางฝ่ายเข้ากระทรวงต่างประเทศ

    ตามบันทึกที่ให้เจ้าหน้าที่ขององค์กร USAID รองผู้อำนวยการคนใหม่ เจเรมี เลวินระบุว่า กระทรวงต่างประเทศ “จะรับผิดชอบงานเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายขององค์กรและโครงการที่กำลังดำเนินไป”

    กระทรวงต่างประเทศ “จะปลดฝ่ายที่ทำงานอย่างเป็นอิสระจากองค์กร” อย่างทันทีและ “ประเมิน” ว่าจะจ้างเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเพื่อ “ทำงานให้กับโครงการเพื่อช่วยชีวิตและให้ความช่วยเหลือทางกลยุทธ์”

    รัฐบาลสหรัฐระบุถึงหลายโอกาสที่องค์กร USAID นำเงินของประชาชนที่เสียภาษีไปใช้ในทางที่ผิดและให้เงินกับโครงการต่างประเทศที่สหรัฐไม่ได้ประโยชน์แม้จะมีข้ออ้างจากเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านความช่วยเหลือว่า องค์กรตอบสนองความต้องการทางมนุษยชนทั่วโลก

    ในช่วงไม่กี่อาทิตย์หลังเข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐเริ่มปลดองค์กร USAID และสั่งหยุดความช่วยเหลือกับต่างชาติที่รอการทบทวนโครงการต่างๆตั้งแต่นั้นมา เจ้าหน้าที่หลายหมื่นคนถูกไล่ออกหรือพักงาน นอกจากนั้นยกเลิกสัญญาความช่วยเหลือหลายหมื่นล้านดอลลาร์

    การตัดสินใจที่จะปิดองค์กรคาดว่าจะทำให้เกิดการตรวจสอบทางกฎหมายตามรายงานจากผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า การตัดสินใจจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส

    รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอชื่นชมการเคลื่อนไหวในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลตัดสินใจปิดองค์กร USAID อย่างเป็นทางการและจะได้รับการจัดการโดยกระทรวงต่างประเทศ

    องค์กร USAID ที่ได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 1961 โดยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ.เคนเนดี มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในการปลุกปั่นเหตุไม่สงบซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อโค่นล้มรัฐบาลในประเทศละตินอเมริกาคือ คิวบาและเวเนซุเอลา นอกจากนั้น สิ่งที่องค์กรเคยทำไว้ยังมีเรื่องรัฐประหารในยุโรปตะวันออก

    https://www.presstv.ir/Detail/2025/03/29/745227/US-State-Department-USAID-humanitarian-assistance-

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    01-04-68/03 : หมี CNN / R.I.P USAID ลาก๋อยเหี้ยจ๋า! เห็นฤทธิ์อีทรัมปป์ยัง? ปิดสิ จะเหลือเหรอ โยก USAID บางส่วนเข้ากระทรวงตปท. มัดชัดซะยิ่งกว่าชัด หักดิบเหี้ย C ไงล่ะ ที่ผ่านมา ยิวเหี้ยไซออนนิสต์ใช้เหี้ย C เป็นแขนขา ในการรุกรานแผ่นดินชาวโลก ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่คือ USAID แตกย่อยเป็น NED NGO เพื่อส่งส่วยให้ขี้ข้ายิวทั่วโลก ไปปล้นแผ่นดินเค้าแดร๊ก งานนี้ อีทรัมปป์รีดพิษ ท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยยิว DEEP STATE จะอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว เร่งเปิดเกมส์ล้มอีทรัมปป์แน่ ระวังให้ดี อุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นได้เสมอ บทเรียนจาก JFK ทำให้อีทรัมปป์รู้ดีว่า ชุดรอบตัวใช้คนในไม่ได้ เพราะเหี้ย C มันกว้านซื้อไว้หมดแล้ว ดังนั้น ไม่แปลก หากมรึงได้เห็น WAGNER นอกเครื่องแบบไปโผล่ทำเนียบขาว ขอให้รู้ไว้ว่า ปูตินส่งไปให้เองจ๊ะ สูตรสำเร็จความใคร่เหี้ย ใกล้จะถึงทางตัน อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังสหรัฐกลับบ้าน อีทรัมปป์ตัดท่อน้ำเลี้ยงเหี้ยยิว งานนี้ใครได้ประโยชน์สูงสุดกันล่ะ เป้าหมายอีทรัมปป์คือ ไม่รบกับรัสเซียตอนนี้ เพื่อไม่ให้รัสเซีย จีน เข้ามาเขมือบอเมริกาในทันที ฝั่งขั้วใหม่เค้าก็รู้ว่ามรึงถอยเพราะอะไร? จากนี้ จะกลายเป็นเกมส์ปราสาทแดร๊ก ยิ่งกว่าสงครามเย็นแช่น้ำแข็งอีกมรึง อะไรที่ทำผ่านมา ก็เล่นไปหมดแล้ว หมดมุก จากนี้จึงต้องเล่นให้แรง และเข้าเป้าเท่านั้น ที่มาว่า HAARP ล่อพม่า เพื่อดึงเศรษฐกิจอาเซียนและจีนลงมา แต่เช่นเดียวกัน มรึงเองก็จะโดนกลับไม่ใช่น้อย หลังเสียหายไปเยอะ จากพิษเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ ไฟป่า พายุ หิมะถล่ม และการเมืองปาหี่ภายใน แล้วยังไงต่อ USAID ไม่มีแล้ว หน่วยงานย่อยไปอยู่ในมือกระทรวงตปท. แปลว่าอีทรัมปป์เอาคนแปรพักตร์กลับเข้ามาอยู่กับตน ใครไม่ยอมก็ไสหัวออกไป เหี้ย C บทบาทจะน้อยลง อีทรัมปป์จะเล่นการฑูตนำ มากกว่าจะใช้ใต้ดินเหมือนที่ DEEP STATE ถนัด แต่งานสกปรกก็จำเป็นต้องมี เมื่อเหี้ย C ขาดรายได้ เป้าต่อไปคืออีตาเพน ที่มาว่าทำไม บริษัทโบอิ้ง ถึงถูกดำเนินคดีในศาลเป็นชุด ก็เพื่อให้คายความลับออกมา ว่ามรึงเคยส่ง หรือซ่อนอะไรเอาไว้ใต้พรมอีก ด่านหินที่สุดไม่ใช่เหี้ย C แต่เป็นอีตาเพนเนี่ยแหละ แผนดึงกองทัพเข้าพวก เตรียมหั่นอเมริกาแตกเป็นสอง ใกล้ความจริงแล้ว กรีนแลนด์ก็ดี บางส่วนอีแคนผนวกรวมก็ดี ไม่ได้มีไว้เพื่ออเมริกาที่ยิ่งใหญ่ แต่มีไว้เพื่อ TRUMP LAND ในอนาคตต่างหากล่ะ เกมส์นี้แรงจริง รอดูฝีมือ DEEP STATE จะทำอย่างไรกับอีทรัมปป์? Trump administration officially shutters USAID after months of cuts รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID หลังตัดงบประมาณหลายเดือน ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID หลังตัดงบประมาณหลายเดือน รัฐบาลสหรัฐปิดองค์กร USAID อย่างเป็นทางการซึ่งมีการจัดการครั้งสุดท้ายขององค์กร เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศแจ้งสภาคองเกรสว่า “ปิดตัว” องค์กร USAID และย้ายบางฝ่ายเข้ากระทรวงต่างประเทศ ตามบันทึกที่ให้เจ้าหน้าที่ขององค์กร USAID รองผู้อำนวยการคนใหม่ เจเรมี เลวินระบุว่า กระทรวงต่างประเทศ “จะรับผิดชอบงานเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายขององค์กรและโครงการที่กำลังดำเนินไป” กระทรวงต่างประเทศ “จะปลดฝ่ายที่ทำงานอย่างเป็นอิสระจากองค์กร” อย่างทันทีและ “ประเมิน” ว่าจะจ้างเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเพื่อ “ทำงานให้กับโครงการเพื่อช่วยชีวิตและให้ความช่วยเหลือทางกลยุทธ์” รัฐบาลสหรัฐระบุถึงหลายโอกาสที่องค์กร USAID นำเงินของประชาชนที่เสียภาษีไปใช้ในทางที่ผิดและให้เงินกับโครงการต่างประเทศที่สหรัฐไม่ได้ประโยชน์แม้จะมีข้ออ้างจากเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านความช่วยเหลือว่า องค์กรตอบสนองความต้องการทางมนุษยชนทั่วโลก ในช่วงไม่กี่อาทิตย์หลังเข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐเริ่มปลดองค์กร USAID และสั่งหยุดความช่วยเหลือกับต่างชาติที่รอการทบทวนโครงการต่างๆตั้งแต่นั้นมา เจ้าหน้าที่หลายหมื่นคนถูกไล่ออกหรือพักงาน นอกจากนั้นยกเลิกสัญญาความช่วยเหลือหลายหมื่นล้านดอลลาร์ การตัดสินใจที่จะปิดองค์กรคาดว่าจะทำให้เกิดการตรวจสอบทางกฎหมายตามรายงานจากผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า การตัดสินใจจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอชื่นชมการเคลื่อนไหวในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลตัดสินใจปิดองค์กร USAID อย่างเป็นทางการและจะได้รับการจัดการโดยกระทรวงต่างประเทศ องค์กร USAID ที่ได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 1961 โดยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ.เคนเนดี มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในการปลุกปั่นเหตุไม่สงบซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อโค่นล้มรัฐบาลในประเทศละตินอเมริกาคือ คิวบาและเวเนซุเอลา นอกจากนั้น สิ่งที่องค์กรเคยทำไว้ยังมีเรื่องรัฐประหารในยุโรปตะวันออก https://www.presstv.ir/Detail/2025/03/29/745227/US-State-Department-USAID-humanitarian-assistance- ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.PRESSTV.IR
    Trump administration officially shutters USAID after months of cuts
    The administration of US President Donald Trump has officially shuttered the US Agency for International Development (USAID), dealing a final blow to the foreign aid agency.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 724 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานการณ์ของสงครามการค้าโลกในปัจจุบันยังคงมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมีทั้งแนวโน้มที่ดีขึ้นและความท้าทายที่ยังคงอยู่ ดังนี้

    ### 1. **แนวโน้มที่ดีขึ้น**
    - **การลดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน**:
    แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะยังไม่สิ้นสุด แต่ทั้งสองฝ่ายเริ่มหันมาเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีเพิ่มเติม เช่น การยกเลิกภาษีบางส่วนในสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การประชุมระดับสูงระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศในช่วงปลายปี 2022-2023 ช่วยฟื้นฟูช่องทางการสื่อสาร แม้จะยังไม่มีการแก้ไขข้อพิพาทหลัก เช่น ปัญหาไต้หวันหรือการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

    - **ความร่วมมือระดับภูมิภาค**:
    ความตกลงทางการค้าในรูปแบบภูมิภาคขยายตัว เช่น **RCEP** (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค) ในเอเชีย-แปซิฟิก และ **AfCFTA** (เขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา) ซึ่งช่วยกระตุ้นการค้าภายในภูมิภาค แทนการพึ่งพาตลาดโลกเพียงอย่างเดียว

    - **นโยบายการค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม**:
    หลายประเทศเริ่มผนวกเป้าหมายสิ่งแวดล้อมเข้ากับนโยบายการค้า เช่น สหภาพยุโรป推行 **CBAM** (มาตรการปรับคาร์บอนชายแดน) เพื่อส่งเสริมการผลิตที่ยั่งยืน แม้อาจก่อความขัดแย้งใหม่ แต่ก็เป็นโอกาสในการสร้างมาตรฐานสากลร่วมกัน

    ---

    ### 2. **ความท้าทายที่ยังคงอยู่**
    - **การแข่งขันทางเทคโนโลยีและการแยกห่วงโซ่อุปทาน**:
    สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง (เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์) ไปยังจีน ขณะที่จีนพยายามสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีของตนเอง (เช่น การพัฒนาชิปด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรของ Huawei) ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกแตกออกเป็น "สองขั้ว" (Tech Decoupling)

    - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**:
    สงครามยูเครน-รัสเซียและความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ยังส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเส้นทางการค้า รวมถึงกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ หันมาเก็บกักเสบียงอาหารและทรัพยากร стратеติกมากขึ้น

    - **ความอ่อนแอของระบบพหุภาคี**:
    องค์การการค้าโลก (WTO) ยังไม่สามารถปฏิรูปกลไกระงับข้อพิพาท (Dispute Settlement Body) ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ขาดกลไกกลางในการจัดการความขัดแย้งทางการค้า

    ---

    ### 3. **ทิศทางในอนาคต**
    - **เศรษฐกิจโลกอาจแบ่งเป็น "บล็อก"**:
    การค้าโลกกำลังเคลื่อนไปสู่รูปแบบ "friend-shoring" (การผลิตในประเทศพันธมิตร) และ "near-shoring" (การผลิตในประเทศใกล้เคียง) เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่เพิ่มความยืดหยุ่นให้ห่วงโซ่อุปทาน

    - **การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว**:
    การเติบโตของการค้าอิเล็กทรอนิกส์และมาตรการลดคาร์บอนจะเป็นตัวขับเคลื่อนใหม่ของระบบการค้าโลก แม้อาจก่อให้เกิดข้อพิพาทเรื่องกฎระเบียบระหว่างประเทศ

    ---

    ### สรุป
    สถานการณ์สงครามการค้าโลกมีทั้งพัฒนาการในทางที่ดี เช่น การเจรจาเพื่อลดความขัดแย้งและการขยายความร่วมมือระดับภูมิภาค แต่ก็ยังมีแรงกดดันจากความแข่งขันทางเทคโนโลยี ภูมิรัฐศาสตร์ และการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งอาจทำให้การค้าโลกไม่กลับสู่รูปแบบเดิมอีกต่อไป แต่ปรับตัวสู่ระบบที่ "แบ่งกลุ่มแต่เชื่อมโยง" มากขึ้นภายใต้ความไม่แน่นอนสูง
    สถานการณ์ของสงครามการค้าโลกในปัจจุบันยังคงมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมีทั้งแนวโน้มที่ดีขึ้นและความท้าทายที่ยังคงอยู่ ดังนี้ ### 1. **แนวโน้มที่ดีขึ้น** - **การลดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน**: แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะยังไม่สิ้นสุด แต่ทั้งสองฝ่ายเริ่มหันมาเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีเพิ่มเติม เช่น การยกเลิกภาษีบางส่วนในสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การประชุมระดับสูงระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศในช่วงปลายปี 2022-2023 ช่วยฟื้นฟูช่องทางการสื่อสาร แม้จะยังไม่มีการแก้ไขข้อพิพาทหลัก เช่น ปัญหาไต้หวันหรือการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง - **ความร่วมมือระดับภูมิภาค**: ความตกลงทางการค้าในรูปแบบภูมิภาคขยายตัว เช่น **RCEP** (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค) ในเอเชีย-แปซิฟิก และ **AfCFTA** (เขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา) ซึ่งช่วยกระตุ้นการค้าภายในภูมิภาค แทนการพึ่งพาตลาดโลกเพียงอย่างเดียว - **นโยบายการค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม**: หลายประเทศเริ่มผนวกเป้าหมายสิ่งแวดล้อมเข้ากับนโยบายการค้า เช่น สหภาพยุโรป推行 **CBAM** (มาตรการปรับคาร์บอนชายแดน) เพื่อส่งเสริมการผลิตที่ยั่งยืน แม้อาจก่อความขัดแย้งใหม่ แต่ก็เป็นโอกาสในการสร้างมาตรฐานสากลร่วมกัน --- ### 2. **ความท้าทายที่ยังคงอยู่** - **การแข่งขันทางเทคโนโลยีและการแยกห่วงโซ่อุปทาน**: สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง (เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์) ไปยังจีน ขณะที่จีนพยายามสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีของตนเอง (เช่น การพัฒนาชิปด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรของ Huawei) ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกแตกออกเป็น "สองขั้ว" (Tech Decoupling) - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: สงครามยูเครน-รัสเซียและความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ยังส่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานและเส้นทางการค้า รวมถึงกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ หันมาเก็บกักเสบียงอาหารและทรัพยากร стратеติกมากขึ้น - **ความอ่อนแอของระบบพหุภาคี**: องค์การการค้าโลก (WTO) ยังไม่สามารถปฏิรูปกลไกระงับข้อพิพาท (Dispute Settlement Body) ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ขาดกลไกกลางในการจัดการความขัดแย้งทางการค้า --- ### 3. **ทิศทางในอนาคต** - **เศรษฐกิจโลกอาจแบ่งเป็น "บล็อก"**: การค้าโลกกำลังเคลื่อนไปสู่รูปแบบ "friend-shoring" (การผลิตในประเทศพันธมิตร) และ "near-shoring" (การผลิตในประเทศใกล้เคียง) เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่เพิ่มความยืดหยุ่นให้ห่วงโซ่อุปทาน - **การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว**: การเติบโตของการค้าอิเล็กทรอนิกส์และมาตรการลดคาร์บอนจะเป็นตัวขับเคลื่อนใหม่ของระบบการค้าโลก แม้อาจก่อให้เกิดข้อพิพาทเรื่องกฎระเบียบระหว่างประเทศ --- ### สรุป สถานการณ์สงครามการค้าโลกมีทั้งพัฒนาการในทางที่ดี เช่น การเจรจาเพื่อลดความขัดแย้งและการขยายความร่วมมือระดับภูมิภาค แต่ก็ยังมีแรงกดดันจากความแข่งขันทางเทคโนโลยี ภูมิรัฐศาสตร์ และการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งอาจทำให้การค้าโลกไม่กลับสู่รูปแบบเดิมอีกต่อไป แต่ปรับตัวสู่ระบบที่ "แบ่งกลุ่มแต่เชื่อมโยง" มากขึ้นภายใต้ความไม่แน่นอนสูง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว
  • การลงทุนในทองคำช่วงนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาหลายด้าน ทั้งในแง่บวกและลบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและแนวโน้มราคาทองคำ มาดูรายละเอียดกัน:

    ### **ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนทองคำช่วงนี้**
    1. **ภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน**
    - ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว วิกฤตการเงิน หรือความขัดแย้งทางการเมือง อาจส่งผลให้นักลงทุน转向ไปสู่ทองคำซึ่งเป็น Safe Haven Asset
    - หากตลาดหุ้นผันผวนหรือเกิดวิกฤต ทองคำมักได้รับความนิยมมากขึ้น

    2. **อัตราดอกเบี้ยและนโยบายของ Fed**
    - หาก Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือเริ่มลดดอกเบี้ยในปี 2024-2025 เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองคำ (ซึ่งซื้อขายด้วย USD) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
    - ตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ

    3. **ความต้องการทองคำจากประเทศกำลังพัฒนา**
    - ธนาคารกลางหลายประเทศ (เช่น จีน, รัสเซีย, อินเดีย) ยังคงสะสมทองคำเป็นทุนสำรอง สนับสนุนราคาทองในระยะยาว

    4. **เงินเฟ้อและค่าครองชีพ**
    - ทองคำมักทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกัน (Hedge) ต่อเงินเฟ้อ หากภาวะเงินเฟ้อยังสูง ทองคำอาจเป็นทางเลือกที่ดี

    ---

    ### **ปัจจัยที่ต้องระวัง**
    1. **เงินดอลลาร์แข็งค่า**
    - หาก USD แข็งตัวจากเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งหรือ Fed ยังขึ้นดอกเบี้ยต่อ ราคาทองคำอาจถูกกดดัน

    2. **ตลาดหุ้นและความเสี่ยงอื่นๆ**
    - หากตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนอาจลดการถือทองคำลง

    3. **ความผันผวนในระยะสั้น**
    - ราคาทองคำอาจปรับตัวลงชั่วคราวจากปัจจัยทางเทคนิคหรือข่าวเศรษฐกิจ

    ---

    ### **สรุป: ควรลงทุนทองคำตอนนี้ไหม?**
    - **ระยะยาว (Hold)** → **เหมาะ** เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน
    - **ระยะสั้น (เทรด)** → ต้องติดตามปัจจัยหลัก เช่น นโยบาย Fed, ดอลลาร์, และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

    **คำแนะนำเพิ่มเติม:**
    - **Diversify** ไม่ควรลงทุนทองคำ 100% ของพอร์ต แต่แบ่งสัดส่วน (เช่น 5-15%)
    - **รูปแบบการลงทุน**
    - **ทองคำรูปพรรณ** เหมาะสำหรับถือยาว แต่ต้องคำนึงถึงส่วนต่างราคา (Premium)
    - **ทองคำ ETF (เช่น GLD)** หรือ **สัญญาซื้อขายล่วงหน้า** สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง
    - **เหมืองทองคำ (หุ้น)** ให้ความได้เปรียบจาก Leverage Effect แต่มีความเสี่ยงเพิ่ม

    หากคุณต้องการลงทุน ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ครับ! 📊🚀
    การลงทุนในทองคำช่วงนี้มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาหลายด้าน ทั้งในแง่บวกและลบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและแนวโน้มราคาทองคำ มาดูรายละเอียดกัน: ### **ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนทองคำช่วงนี้** 1. **ภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน** - ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว วิกฤตการเงิน หรือความขัดแย้งทางการเมือง อาจส่งผลให้นักลงทุน转向ไปสู่ทองคำซึ่งเป็น Safe Haven Asset - หากตลาดหุ้นผันผวนหรือเกิดวิกฤต ทองคำมักได้รับความนิยมมากขึ้น 2. **อัตราดอกเบี้ยและนโยบายของ Fed** - หาก Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือเริ่มลดดอกเบี้ยในปี 2024-2025 เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองคำ (ซึ่งซื้อขายด้วย USD) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น - ตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ 3. **ความต้องการทองคำจากประเทศกำลังพัฒนา** - ธนาคารกลางหลายประเทศ (เช่น จีน, รัสเซีย, อินเดีย) ยังคงสะสมทองคำเป็นทุนสำรอง สนับสนุนราคาทองในระยะยาว 4. **เงินเฟ้อและค่าครองชีพ** - ทองคำมักทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกัน (Hedge) ต่อเงินเฟ้อ หากภาวะเงินเฟ้อยังสูง ทองคำอาจเป็นทางเลือกที่ดี --- ### **ปัจจัยที่ต้องระวัง** 1. **เงินดอลลาร์แข็งค่า** - หาก USD แข็งตัวจากเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งหรือ Fed ยังขึ้นดอกเบี้ยต่อ ราคาทองคำอาจถูกกดดัน 2. **ตลาดหุ้นและความเสี่ยงอื่นๆ** - หากตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนอาจลดการถือทองคำลง 3. **ความผันผวนในระยะสั้น** - ราคาทองคำอาจปรับตัวลงชั่วคราวจากปัจจัยทางเทคนิคหรือข่าวเศรษฐกิจ --- ### **สรุป: ควรลงทุนทองคำตอนนี้ไหม?** - **ระยะยาว (Hold)** → **เหมาะ** เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน - **ระยะสั้น (เทรด)** → ต้องติดตามปัจจัยหลัก เช่น นโยบาย Fed, ดอลลาร์, และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ **คำแนะนำเพิ่มเติม:** - **Diversify** ไม่ควรลงทุนทองคำ 100% ของพอร์ต แต่แบ่งสัดส่วน (เช่น 5-15%) - **รูปแบบการลงทุน** - **ทองคำรูปพรรณ** เหมาะสำหรับถือยาว แต่ต้องคำนึงถึงส่วนต่างราคา (Premium) - **ทองคำ ETF (เช่น GLD)** หรือ **สัญญาซื้อขายล่วงหน้า** สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง - **เหมืองทองคำ (หุ้น)** ให้ความได้เปรียบจาก Leverage Effect แต่มีความเสี่ยงเพิ่ม หากคุณต้องการลงทุน ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ครับ! 📊🚀
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดอลลาร์ เจนเนอรัล” ปิดเกือบร้อยสาขาแอลเอ รายงานเพจสยามทาวน์ยูเอสระบุว่าดอลลาร์ เจนเนอรัล เป็นเชนร้านสินค้าราคาประหยัดล่าสุดที่ประกาศปิดสาขาร่วมร้อยแห่งทั่วประเทศ อันเป็นผลกระทบจากยอดขายตกและเงินเฟ้อในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ร้านสินค้าราคาประหยัดตระกูล “ดอลลาร์” ทั้งหลาย เช่น แฟมิลี่ดอลลาร์, ดอลลาร์ทรี ต่างประสบปัญหาอันเนื่องมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป (ซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น) บวกกับสภาวะเงินเฟ้อครั้งประวัติศาสตร์ในช่วงที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เชนค้าปลีกเหล่านี้ ต้องปิดสาขา เลิกกิจการ หรือขยับราคาสินค้าในร้าน ฯลฯ จนแทบไม่มีสินค้าราคาหนึ่งดอลลาร์ ในร้านอีกต่อไปล่าสุด ดอลลาร์ เจนเนอรัล เชนสินค้าราคาประหยัดรายใหญ่อีกแห่ง ประกาศเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2025 ว่าจะปิดร้านค้าสาขา 96 แห่ง และร้าน Popshelf ซึ่งเป็นร้านค้าในเครือ อีก 45 แห่งภายในไตรมาสแรกของปีนี้ รายงานผลประกอบการของดอลลาร์ เจนเนอรัล บอกว่ารายได้ในไตรมาสที่สี่ของปีที่ผ่านมา ลดลงถึง 49% เหลือ 294.2 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ทั้งปี 2024 ลง 30% ผู้บริหารของ ดอลลาร์ เจนเนอรัล ให้เหตุผลของการปิดสาขาจำนวนมากว่า เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับพื้นฐานของธุรกิจ โดยย้ำว่าตัวเลขสาขาที่ถูกปิดนั้น เทียบแล้วเพียงไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของสาขาทั้งหมดเท่านั้นขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีการปิดสาขาของดอลลาร์ เจนเนอรัล ที่ใดบ้าวดอลลาร์ เจนเนอรัล มีสาขาใน 48 รัฐมากกว่า 20,000 สาขา โดยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย 246 สาขา โดยนอกจากดอลลาร์ เจนเนอรัล แล้ว ยังดำเนินการในชื่อ ดีจี มาร์เก็ตค, ดีจีเอ็กซ์ และ Popshelf ด้วย.
    "ดอลลาร์ เจนเนอรัล” ปิดเกือบร้อยสาขาแอลเอ รายงานเพจสยามทาวน์ยูเอสระบุว่าดอลลาร์ เจนเนอรัล เป็นเชนร้านสินค้าราคาประหยัดล่าสุดที่ประกาศปิดสาขาร่วมร้อยแห่งทั่วประเทศ อันเป็นผลกระทบจากยอดขายตกและเงินเฟ้อในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ร้านสินค้าราคาประหยัดตระกูล “ดอลลาร์” ทั้งหลาย เช่น แฟมิลี่ดอลลาร์, ดอลลาร์ทรี ต่างประสบปัญหาอันเนื่องมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป (ซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น) บวกกับสภาวะเงินเฟ้อครั้งประวัติศาสตร์ในช่วงที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เชนค้าปลีกเหล่านี้ ต้องปิดสาขา เลิกกิจการ หรือขยับราคาสินค้าในร้าน ฯลฯ จนแทบไม่มีสินค้าราคาหนึ่งดอลลาร์ ในร้านอีกต่อไปล่าสุด ดอลลาร์ เจนเนอรัล เชนสินค้าราคาประหยัดรายใหญ่อีกแห่ง ประกาศเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2025 ว่าจะปิดร้านค้าสาขา 96 แห่ง และร้าน Popshelf ซึ่งเป็นร้านค้าในเครือ อีก 45 แห่งภายในไตรมาสแรกของปีนี้ รายงานผลประกอบการของดอลลาร์ เจนเนอรัล บอกว่ารายได้ในไตรมาสที่สี่ของปีที่ผ่านมา ลดลงถึง 49% เหลือ 294.2 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ทั้งปี 2024 ลง 30% ผู้บริหารของ ดอลลาร์ เจนเนอรัล ให้เหตุผลของการปิดสาขาจำนวนมากว่า เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับพื้นฐานของธุรกิจ โดยย้ำว่าตัวเลขสาขาที่ถูกปิดนั้น เทียบแล้วเพียงไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของสาขาทั้งหมดเท่านั้นขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีการปิดสาขาของดอลลาร์ เจนเนอรัล ที่ใดบ้าวดอลลาร์ เจนเนอรัล มีสาขาใน 48 รัฐมากกว่า 20,000 สาขา โดยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย 246 สาขา โดยนอกจากดอลลาร์ เจนเนอรัล แล้ว ยังดำเนินการในชื่อ ดีจี มาร์เก็ตค, ดีจีเอ็กซ์ และ Popshelf ด้วย.
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอน มัสก์ แฉกระทรวงคลังสหรัฐมี "แท่นพิมพ์ดอลล่าร์วิเศษ" 14 เครื่อง : คนเคาะข่าว 18 มีนาคม 2568
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #อีลอนมัสก์ #กระทรวงคลังสหรัฐ #แท่นพิมพ์เงิน #ดอลลาร์สหรัฐ #เศรษฐกิจโลก #เงินเฟ้อ #เงินเฟ้อสหรัฐ #หนี้สาธารณะ #ระบบการเงินโลก #เฟด #นโยบายการเงิน #Geopolitics #ทนงขันทอง #thaiTimes #ข่าวต่างประเทศ
    อีลอน มัสก์ แฉกระทรวงคลังสหรัฐมี "แท่นพิมพ์ดอลล่าร์วิเศษ" 14 เครื่อง : คนเคาะข่าว 18 มีนาคม 2568 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #อีลอนมัสก์ #กระทรวงคลังสหรัฐ #แท่นพิมพ์เงิน #ดอลลาร์สหรัฐ #เศรษฐกิจโลก #เงินเฟ้อ #เงินเฟ้อสหรัฐ #หนี้สาธารณะ #ระบบการเงินโลก #เฟด #นโยบายการเงิน #Geopolitics #ทนงขันทอง #thaiTimes #ข่าวต่างประเทศ
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 871 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • หลุยส์ เดอ กวินดอส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระบุสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มากกว่าโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เสียอีก

    ความเห็นของรองประธานอีซีบีรายนี้ เกิดขึ้นในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะซันเดย์ไทม์ส ซึ่งระหว่างนั้น เขาคร่ำครวญว่าความเคลื่อนไหวต่างๆ ของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรีดภาษี แผนปฏิรูปภาษีนิติบุคคลและผ่อนคลายกฎระเบียบในระบบการเงิน ได้ก่อความผันผวนในตลาดในระยะสั้น ขณะเดียวกันก็ทำให้การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนั้นทำได้ยาก

    "เราจำเป็นต้องพิจารณาความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าแม้กระทั่งในช่วงระหว่างโรคระบาดใหญ่" รองประธานอีซีบีกล่าว "สิ่งที่เรากำลังมองเห็นก็คือ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดกว้างในการเดินหน้าด้วยนโยบายการตกลงร่วมกันจากหลายฝ่าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความร่วมมือทั่วขอบเขตอำนาจ และหาทางออกร่วมกันในปัญหาร่วมใดๆ นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากๆ และเป็นบ่อเกิดครั้งใหญ่แห่งความไม่แน่นอน"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025287

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์
    หลุยส์ เดอ กวินดอส รองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระบุสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มากกว่าโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เสียอีก • ความเห็นของรองประธานอีซีบีรายนี้ เกิดขึ้นในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะซันเดย์ไทม์ส ซึ่งระหว่างนั้น เขาคร่ำครวญว่าความเคลื่อนไหวต่างๆ ของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรีดภาษี แผนปฏิรูปภาษีนิติบุคคลและผ่อนคลายกฎระเบียบในระบบการเงิน ได้ก่อความผันผวนในตลาดในระยะสั้น ขณะเดียวกันก็ทำให้การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนั้นทำได้ยาก • "เราจำเป็นต้องพิจารณาความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าแม้กระทั่งในช่วงระหว่างโรคระบาดใหญ่" รองประธานอีซีบีกล่าว "สิ่งที่เรากำลังมองเห็นก็คือ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดกว้างในการเดินหน้าด้วยนโยบายการตกลงร่วมกันจากหลายฝ่าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความร่วมมือทั่วขอบเขตอำนาจ และหาทางออกร่วมกันในปัญหาร่วมใดๆ นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากๆ และเป็นบ่อเกิดครั้งใหญ่แห่งความไม่แน่นอน" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025287 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท CrowdStrike ซึ่งเป็นผู้นำในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ทั่วโลกรู้จัก 😅😅 ได้คาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย เนื่องจากการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อ่อนตัวลง ทำให้หุ้นของบริษัทใน Austin, Texas ร่วงลงถึง 6% ในการซื้อขายภาคขยาย

    ลูกค้ากลุ่มองค์กรของ CrowdStrike ยังคงเข้มงวดกับการใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยที่สำคัญ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่องบประมาณโดยรวมของพวกเขา

    CrowdStrike คาดว่าจะมีรายได้ในไตรมาสแรกอยู่ระหว่าง 1.10 พันล้านดอลลาร์ถึง 1.11 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งค่ากลางของตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างเล็กน้อยที่ 1.11 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ CrowdStrike ยังคาดการณ์ว่ารายได้ประจำปี 2026 จะอยู่ระหว่าง 4.74 พันล้านดอลลาร์ถึง 4.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์

    ในทางตรงกันข้าม ผลประกอบการของ CrowdStrike ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่าง Palo Alto Networks และ Fortinet ที่คาดการณ์ว่ารายได้ประจำปีจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม CrowdStrike ได้ประกาศรายได้ที่ 1.06 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.03 พันล้านดอลลาร์

    ในระหว่างการประชุมกับนักลงทุน Kritika Lamba นักวิเคราะห์จาก Bengaluru รายงานว่าแนวโน้มการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อาจต้องปรับปรุงเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/crowdstrike-forecasts-first-quarter-revenue-below-estimates
    บริษัท CrowdStrike ซึ่งเป็นผู้นำในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ทั่วโลกรู้จัก 😅😅 ได้คาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย เนื่องจากการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อ่อนตัวลง ทำให้หุ้นของบริษัทใน Austin, Texas ร่วงลงถึง 6% ในการซื้อขายภาคขยาย ลูกค้ากลุ่มองค์กรของ CrowdStrike ยังคงเข้มงวดกับการใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยที่สำคัญ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลกระทบต่องบประมาณโดยรวมของพวกเขา CrowdStrike คาดว่าจะมีรายได้ในไตรมาสแรกอยู่ระหว่าง 1.10 พันล้านดอลลาร์ถึง 1.11 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งค่ากลางของตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างเล็กน้อยที่ 1.11 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ CrowdStrike ยังคาดการณ์ว่ารายได้ประจำปี 2026 จะอยู่ระหว่าง 4.74 พันล้านดอลลาร์ถึง 4.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ ในทางตรงกันข้าม ผลประกอบการของ CrowdStrike ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่าง Palo Alto Networks และ Fortinet ที่คาดการณ์ว่ารายได้ประจำปีจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม CrowdStrike ได้ประกาศรายได้ที่ 1.06 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.03 พันล้านดอลลาร์ ในระหว่างการประชุมกับนักลงทุน Kritika Lamba นักวิเคราะห์จาก Bengaluru รายงานว่าแนวโน้มการใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อาจต้องปรับปรุงเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/05/crowdstrike-forecasts-first-quarter-revenue-below-estimates
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crowdstrike forecasts first-quarter revenue below estimates
    (Reuters) - Cybersecurity firm Crowdstrike forecast first-quarter revenue slightly below estimates, as it grapples with weak spending on its cybersecurity products.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเมืองของอิหร่านถึงคราวเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!

    โมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ (Mohammad Javad Zarif) รองประธานาธิบดีฝ่ายกิจการยุทธศาสตร์ของอิหร่าน เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากอับดุลนัสเซอร์ เฮมมาตี (Abdolnasser Hemmati) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยการลงมติของรัฐสภา จากข้อกล่าวหา บริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และเป็นตัวการที่ทำให้ค่าเงินเรียลของอิหร่านอ่อนค่าลงอย่างมาก

    ค่าเงินเรียลในยุค "เฮมมาตี" ร่วงลงจาก 595,500 เรียล เป็น 927,000 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เงินเฟ้อและราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น

    แม้ว่าประธานาธิบดีเปเซชเคียนจะออกมาปกป้อง แต่สมาชิกรัฐสภา 182 คนจากทั้งหมด 273 คนกลับลงมติให้ถอดถอนเฮมมาตีออกจากตำแหน่ง

    สำหรับรองปธน.ซารีฟ แหล่งข่าวใกล้ชิดเขาปฏิเสธว่าการลาออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการถูกถอดถอนตำแหน่งของ เฮมมาตี

    การเมืองของอิหร่านถึงคราวเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง! โมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ (Mohammad Javad Zarif) รองประธานาธิบดีฝ่ายกิจการยุทธศาสตร์ของอิหร่าน เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากอับดุลนัสเซอร์ เฮมมาตี (Abdolnasser Hemmati) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยการลงมติของรัฐสภา จากข้อกล่าวหา บริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และเป็นตัวการที่ทำให้ค่าเงินเรียลของอิหร่านอ่อนค่าลงอย่างมาก ค่าเงินเรียลในยุค "เฮมมาตี" ร่วงลงจาก 595,500 เรียล เป็น 927,000 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เงินเฟ้อและราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น แม้ว่าประธานาธิบดีเปเซชเคียนจะออกมาปกป้อง แต่สมาชิกรัฐสภา 182 คนจากทั้งหมด 273 คนกลับลงมติให้ถอดถอนเฮมมาตีออกจากตำแหน่ง สำหรับรองปธน.ซารีฟ แหล่งข่าวใกล้ชิดเขาปฏิเสธว่าการลาออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการถูกถอดถอนตำแหน่งของ เฮมมาตี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2025 ปีแห่งวิกฤตสภาพคล่องทางการเงิน (ep.2) : คนเคาะข่าว 03-03-68
    : อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #วิกฤตสภาพคล่อง #เศรษฐกิจโลก #การเงิน2025 #คนเคาะข่าว #ตลาดการเงิน #วิกฤตเศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #ดอกเบี้ย #ลงทุน #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #ThaiTimes #ข่าวเศรษฐกิจ #ตลาดหุ้น #เงินทุน #ภาวะถดถอย
    2025 ปีแห่งวิกฤตสภาพคล่องทางการเงิน (ep.2) : คนเคาะข่าว 03-03-68 : อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #วิกฤตสภาพคล่อง #เศรษฐกิจโลก #การเงิน2025 #คนเคาะข่าว #ตลาดการเงิน #วิกฤตเศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #ดอกเบี้ย #ลงทุน #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #ThaiTimes #ข่าวเศรษฐกิจ #ตลาดหุ้น #เงินทุน #ภาวะถดถอย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • รายงานจากเพจเฟซบุ๊กSiamTownUS ระบุว่า อาจได้เห็น “หน้าทรัมป์” บนแบงก์ 250 ดอลลาร์แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : คองเกรสแมนจากเซาท์ คาโรไลน่า เสนอรัฐบาลผลิตธนบัตร 250 ดอลลาร์ โดยใช้ใบหน้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ อ้างเพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่ทรัมป์แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จเว็บไซต์ของนิวส์วีค รายงานเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ว่า โจ วิลสัน คองเกรสแมนจากรัฐ เซาท์ คาโรไลน่า ได้เสนอให้รัฐบาลทำการผลิตธนบัตรใหม่ ราคา 250 ดอลลาร์ ออกสู่ท้องตลาด โดยใช้ภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าเป็นการยกย่องและให้เกียรติ ในฐานะที่ทรัมป์ แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ที่เกิดจากรัฐบาลของโจ ไบเดน หรือ “ไบเดน-ฟเลชั่น” ได้สำเร็จโดยโจ วิลสัน บอกว่าภายใต้การทำงานของรัฐบาลโจ ไบเดน นั้น สภาวะเงินเฟ้อสูงถึง 9.1 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงกลางปี 2022 ถือว่าสูงสุดนับจากต้นยุค 1980s เป็นต้นมาอย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาวะเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 3 เปอร์เซ็นต์ในช่วงต้นปี 2025 แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังกังวลกันว่า มาตรการกำแพงภาษีสินค้าจากแม็กซิโก และแคนาดา รวมถึงประเทศจีน จะส่งผลกระทบกับชาวอเมริกันมากแค่ไหนโดยรายงานของกระทรวงแรงงาน ฉบับล่าสุด ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมกราคม ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 18 เดือน เป็นเหตุให้ผู้บริโภคอเมริกันต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการซื้อหาสินค้าและบริการแทบทุกชนิดหากข้อเสนอ (ซึ่งยังไม่มีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรส) ของ โจ วิลสัน ผ่านความเห็นชอบ และมีการผลิตธนบัตร 250 ดอลลาร์ที่มีรูปของประธานาธิบดีทรัมป์ จริง จะทำให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งคนแรก รวมถึงเป็นประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตคนแรกในประวัติศาตร์ ที่ได้รับเกียรติให้ใช้ภาพบนธนบัตรที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย.
    รายงานจากเพจเฟซบุ๊กSiamTownUS ระบุว่า อาจได้เห็น “หน้าทรัมป์” บนแบงก์ 250 ดอลลาร์แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : คองเกรสแมนจากเซาท์ คาโรไลน่า เสนอรัฐบาลผลิตธนบัตร 250 ดอลลาร์ โดยใช้ใบหน้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ อ้างเพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่ทรัมป์แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จเว็บไซต์ของนิวส์วีค รายงานเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ว่า โจ วิลสัน คองเกรสแมนจากรัฐ เซาท์ คาโรไลน่า ได้เสนอให้รัฐบาลทำการผลิตธนบัตรใหม่ ราคา 250 ดอลลาร์ ออกสู่ท้องตลาด โดยใช้ภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าเป็นการยกย่องและให้เกียรติ ในฐานะที่ทรัมป์ แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ที่เกิดจากรัฐบาลของโจ ไบเดน หรือ “ไบเดน-ฟเลชั่น” ได้สำเร็จโดยโจ วิลสัน บอกว่าภายใต้การทำงานของรัฐบาลโจ ไบเดน นั้น สภาวะเงินเฟ้อสูงถึง 9.1 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงกลางปี 2022 ถือว่าสูงสุดนับจากต้นยุค 1980s เป็นต้นมาอย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาวะเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 3 เปอร์เซ็นต์ในช่วงต้นปี 2025 แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังกังวลกันว่า มาตรการกำแพงภาษีสินค้าจากแม็กซิโก และแคนาดา รวมถึงประเทศจีน จะส่งผลกระทบกับชาวอเมริกันมากแค่ไหนโดยรายงานของกระทรวงแรงงาน ฉบับล่าสุด ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมกราคม ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 18 เดือน เป็นเหตุให้ผู้บริโภคอเมริกันต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการซื้อหาสินค้าและบริการแทบทุกชนิดหากข้อเสนอ (ซึ่งยังไม่มีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรส) ของ โจ วิลสัน ผ่านความเห็นชอบ และมีการผลิตธนบัตร 250 ดอลลาร์ที่มีรูปของประธานาธิบดีทรัมป์ จริง จะทำให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งคนแรก รวมถึงเป็นประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตคนแรกในประวัติศาตร์ ที่ได้รับเกียรติให้ใช้ภาพบนธนบัตรที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานข่าวไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศยกเลิก “ข้อตกลงสัมปทาน” ในภาคพลังงานของเวเนซุเอลา ซึ่งอนุญาตให้บริษัทเชฟรอนสามารถสูบและส่งออกน้ำมันในประเทศอเมริกาใต้ที่ถูกคว่ำบาตรได้ ทรัมป์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธที่26 กุมภาพันธ์ว่า เขากำลัง “ยกเลิกข้อตกลงสัมปทาน” ที่รัฐบาลของโจ ไบเดนให้ไว้แก่บริษัทเชฟรอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022ว่า “เราขอยกเลิกข้อตกลงที่โจ ไบเดน ให้กับนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ที่เกี่ยวกับข้อตกลงธุรกรรมน้ำมัน และยังเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการเลือกตั้งภายในเวเนซุเอลาที่ระบอบมาดูโรไม่ปฏิบัติตาม” ทรัมป์เขียน มาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะโน้มน้าวให้มาดูโร ประธานาธิบดีเผด็จการของเวเนซุเอลา จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เสรีและยุติธรรม แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้เอ่ยชื่อเชฟรอนโดยตรง แต่เชฟรอนก็เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการร่วมกับบริษัทเปโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเวเนซุเอลาในสัมปทานเดือนพฤศจิกายน 2022 ใบอนุญาตอื่นๆ ได้ถูกมอบให้กับบริษัทเรปโซล เอนี่ และเมาเรล แอนด์ โพรม เชฟรอนกล่าวว่ากำลังพิจารณาถึงผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งนี้ และเสริมว่าบริษัทดำเนินธุรกิจในเวเนซุเอลาโดยปฏิบัติตามกฎหมายและกรอบการคว่ำบาตรที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดไว้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการสูญเสียใบอนุญาตสัมปทานของเชฟรอนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา “การสูญเสียสารเจือจางที่เชฟรอนจัดหาให้เป็นปัญหาใหญ่ ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่สำหรับการผลิตของพวกเขา” ชไรเนอร์ ปาร์กเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าว สารเจือจางเป็นสารที่ผู้ผลิตน้ำมันใช้ในการเจือจางน้ำมันดิบหนักประเภทหนึ่งที่ผลิตในเวเนซุเอลา และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสกัดและขนส่ง นายพาร์คเกอร์กล่าวว่า การสูญเสียสารเจือจางอาจทำให้การผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาลดลงต่ำกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่อยู่ที่ 900,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว แม้จะมีปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลกและเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโอเปก แต่การทุจริต การบริหารจัดการที่ผิดพลาด และการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศลดลงจากประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 เหลือ 400,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2020 ซึ่งฟื้นตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการร่วมทุนของเชฟรอน อัสดรูบัล โอลิเวโรส กรรมการบริษัทที่ปรึกษา Ecoanalitica ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองการากัส คาดการณ์ว่าการยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนอาจทำให้การเติบโตของ GDP หดตัวลงจาก 3.2% เหลือ 2% ในปีนี้ “เห็นได้ชัดว่าการยกเลิกใบอนุญาตมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงแต่ต่อการเติบโตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวโน้มของกระแสเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ และการลดค่าเงินด้วย” โอลิเวโรสกล่าว มาดูโรเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สามในเดือนมกราคม แม้จะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการทุจริตในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คู่แข่งหลักของเขาในการลงคะแนนเสียงครั้งนั้น คือ เอ็ดมันโด กอนซาเลซ ซึ่งตอนนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่ มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ซึ่งถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ เดลซี โรดริเกซ รองประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่าการตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนนั้น “สร้างความเสียหายและอธิบายไม่ได้” เชฟรอนได้ล็อบบี้อย่างหนักเพื่อปกป้องสัมปทานของสหรัฐฯ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวเนซุเอลา สิ่งที่คุณเห็นเมื่อประเทศต่างๆ จากตะวันตกออกจากประเทศ คุณจะเห็นบริษัทจากจีนและรัสเซียเพิ่มการมีอยู่ของตนเองเป็นผล” ไมค์ เวิร์ธ ซีอีโอ กล่าวกับไฟแนนเชียล ไทมส์ในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว ในช่วงปลายเดือนมกราคม ริชาร์ด เกรเนลล์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ที่ดูแลวิกฤตการณ์ ได้เดินทางไปยังกรุงการากัส ซึ่งเขาได้พบกับมาดูโร และประกาศข้อตกลงให้เวเนซุเอลารับผู้ถูกเนรเทศออกจากประเทศ ชาวเวเนซุเอลามากกว่า 7 ล้านคนหลบหนีความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการปราบปรามในประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มอาชญากร Tren de Aragua ก็ได้ขยายตัวไปทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย
    รายงานข่าวไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศยกเลิก “ข้อตกลงสัมปทาน” ในภาคพลังงานของเวเนซุเอลา ซึ่งอนุญาตให้บริษัทเชฟรอนสามารถสูบและส่งออกน้ำมันในประเทศอเมริกาใต้ที่ถูกคว่ำบาตรได้ ทรัมป์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธที่26 กุมภาพันธ์ว่า เขากำลัง “ยกเลิกข้อตกลงสัมปทาน” ที่รัฐบาลของโจ ไบเดนให้ไว้แก่บริษัทเชฟรอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022ว่า “เราขอยกเลิกข้อตกลงที่โจ ไบเดน ให้กับนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ที่เกี่ยวกับข้อตกลงธุรกรรมน้ำมัน และยังเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการเลือกตั้งภายในเวเนซุเอลาที่ระบอบมาดูโรไม่ปฏิบัติตาม” ทรัมป์เขียน มาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะโน้มน้าวให้มาดูโร ประธานาธิบดีเผด็จการของเวเนซุเอลา จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เสรีและยุติธรรม แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้เอ่ยชื่อเชฟรอนโดยตรง แต่เชฟรอนก็เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการร่วมกับบริษัทเปโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา (PDVSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเวเนซุเอลาในสัมปทานเดือนพฤศจิกายน 2022 ใบอนุญาตอื่นๆ ได้ถูกมอบให้กับบริษัทเรปโซล เอนี่ และเมาเรล แอนด์ โพรม เชฟรอนกล่าวว่ากำลังพิจารณาถึงผลกระทบจากการตัดสินใจครั้งนี้ และเสริมว่าบริษัทดำเนินธุรกิจในเวเนซุเอลาโดยปฏิบัติตามกฎหมายและกรอบการคว่ำบาตรที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดไว้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการสูญเสียใบอนุญาตสัมปทานของเชฟรอนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลา “การสูญเสียสารเจือจางที่เชฟรอนจัดหาให้เป็นปัญหาใหญ่ ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่สำหรับการผลิตของพวกเขา” ชไรเนอร์ ปาร์กเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าว สารเจือจางเป็นสารที่ผู้ผลิตน้ำมันใช้ในการเจือจางน้ำมันดิบหนักประเภทหนึ่งที่ผลิตในเวเนซุเอลา และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสกัดและขนส่ง นายพาร์คเกอร์กล่าวว่า การสูญเสียสารเจือจางอาจทำให้การผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาลดลงต่ำกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่อยู่ที่ 900,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้ว แม้จะมีปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์แล้วมากที่สุดในโลกและเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโอเปก แต่การทุจริต การบริหารจัดการที่ผิดพลาด และการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้การผลิตน้ำมันดิบของประเทศลดลงจากประมาณ 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2016 เหลือ 400,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2020 ซึ่งฟื้นตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการร่วมทุนของเชฟรอน อัสดรูบัล โอลิเวโรส กรรมการบริษัทที่ปรึกษา Ecoanalitica ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองการากัส คาดการณ์ว่าการยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนอาจทำให้การเติบโตของ GDP หดตัวลงจาก 3.2% เหลือ 2% ในปีนี้ “เห็นได้ชัดว่าการยกเลิกใบอนุญาตมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงแต่ต่อการเติบโตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวโน้มของกระแสเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อ และการลดค่าเงินด้วย” โอลิเวโรสกล่าว มาดูโรเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สามในเดือนมกราคม แม้จะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการทุจริตในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คู่แข่งหลักของเขาในการลงคะแนนเสียงครั้งนั้น คือ เอ็ดมันโด กอนซาเลซ ซึ่งตอนนี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ในขณะที่ มาเรีย คอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ซึ่งถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ เดลซี โรดริเกซ รองประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวว่าการตัดสินใจยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนนั้น “สร้างความเสียหายและอธิบายไม่ได้” เชฟรอนได้ล็อบบี้อย่างหนักเพื่อปกป้องสัมปทานของสหรัฐฯ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวเนซุเอลา สิ่งที่คุณเห็นเมื่อประเทศต่างๆ จากตะวันตกออกจากประเทศ คุณจะเห็นบริษัทจากจีนและรัสเซียเพิ่มการมีอยู่ของตนเองเป็นผล” ไมค์ เวิร์ธ ซีอีโอ กล่าวกับไฟแนนเชียล ไทมส์ในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว ในช่วงปลายเดือนมกราคม ริชาร์ด เกรเนลล์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ที่ดูแลวิกฤตการณ์ ได้เดินทางไปยังกรุงการากัส ซึ่งเขาได้พบกับมาดูโร และประกาศข้อตกลงให้เวเนซุเอลารับผู้ถูกเนรเทศออกจากประเทศ ชาวเวเนซุเอลามากกว่า 7 ล้านคนหลบหนีความยากลำบากทางเศรษฐกิจและการปราบปรามในประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มอาชญากร Tren de Aragua ก็ได้ขยายตัวไปทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 494 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัดเทคดีฮั้วเลือก สว.ไม่หนักใจโยงการเมือง : [NEWS UPDATE]

    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ชี้แจงกรณีไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) พิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ขออย่าใช้คำว่าเท ผบ.ตร. เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง มีการมอบหมายให้ผู้แทนเข้าประชุมตั้งแต่ปี 2562 แล้ว เป็นเรื่องปกติที่คณะกรรมการจะติดภารกิจไม่เข้าประชุม ยืนยัน ไม่มีการล็อบบี้ ไม่กดดัน ส่วนมีความหนักใจหรือไม่เพราะมีการเชื่อมโยงว่าเป็นประเด็นการเมืองนั้น ไม่ทราบประเด็นนี้ เพราะไม่ได้เข้าประชุม ทำให้ไม่ทราบเรื่องกำหนดวาระ

    -ไม่มีอำนาจเรียก กกต.

    -สว.ต้องปกป้องตัวเอง

    -ไม่ได้ปูทางปรับ ครม.

    -ลดดอกเบี้ยหนุนเงินเฟ้อ
    ปัดเทคดีฮั้วเลือก สว.ไม่หนักใจโยงการเมือง : [NEWS UPDATE] พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ชี้แจงกรณีไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) พิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ขออย่าใช้คำว่าเท ผบ.ตร. เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง มีการมอบหมายให้ผู้แทนเข้าประชุมตั้งแต่ปี 2562 แล้ว เป็นเรื่องปกติที่คณะกรรมการจะติดภารกิจไม่เข้าประชุม ยืนยัน ไม่มีการล็อบบี้ ไม่กดดัน ส่วนมีความหนักใจหรือไม่เพราะมีการเชื่อมโยงว่าเป็นประเด็นการเมืองนั้น ไม่ทราบประเด็นนี้ เพราะไม่ได้เข้าประชุม ทำให้ไม่ทราบเรื่องกำหนดวาระ -ไม่มีอำนาจเรียก กกต. -สว.ต้องปกป้องตัวเอง -ไม่ได้ปูทางปรับ ครม. -ลดดอกเบี้ยหนุนเงินเฟ้อ
    Like
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1173 มุมมอง 55 0 รีวิว
  • กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % เหลือ 2 % เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณไว้ 2.9 % และช่วยลดการตึงตัวของภาวะการเงิน โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ พร้อมประเมินเศรษฐกิจลดลงเหลือ 2.5 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก

    นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % จาก 2.25 % เป็น 2.00 % ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ 1 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

    เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2.9 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก แม้ว่าเศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการท่องเที่ยว กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % ต่อปีในการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งรองรับความเสี่ยงด้านต่ำที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่กรรมการ 1 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากให้น้ำหนักมากกว่ากับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000019048

    #MGROnline #คณะกรรมการนโยบายการเงิน #กนง.
    กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % เหลือ 2 % เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณไว้ 2.9 % และช่วยลดการตึงตัวของภาวะการเงิน โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ พร้อมประเมินเศรษฐกิจลดลงเหลือ 2.5 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก • นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % จาก 2.25 % เป็น 2.00 % ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ 1 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย • เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2.9 % จากภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก แม้ว่าเศรษฐกิจจะได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศและการท่องเที่ยว กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % ต่อปีในการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งรองรับความเสี่ยงด้านต่ำที่ชัดเจนขึ้น ขณะที่กรรมการ 1 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากให้น้ำหนักมากกว่ากับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000019048 • #MGROnline #คณะกรรมการนโยบายการเงิน #กนง.
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 528 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    ‘ครม.‘ ส่งความเห็นถึง ‘แบงก์ชาติ’ อีกรอบ จี้ กนง.ลดดอกเบี้ย ดันเงินเฟ้อเข้ากรอบ 1-3% หวั่นเงินเฟ้อต่ำเป็นเวลานานแก้ปัญหาเศรษฐกิจยาก!
    #กรุงเทพธุรกิจ
    ด่วน! ‘ครม.‘ ส่งความเห็นถึง ‘แบงก์ชาติ’ อีกรอบ จี้ กนง.ลดดอกเบี้ย ดันเงินเฟ้อเข้ากรอบ 1-3% หวั่นเงินเฟ้อต่ำเป็นเวลานานแก้ปัญหาเศรษฐกิจยาก! #กรุงเทพธุรกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก:

    ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ**
    - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
    - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน

    ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่**
    - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
    - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง

    ### 3. **ตลาดทองคำ**
    - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง
    - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ

    ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ**
    - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น
    - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง
    - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์
    - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย

    ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก**
    - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก
    - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต

    ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก: ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ** - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่** - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง ### 3. **ตลาดทองคำ** - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ** - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก** - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1009 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

    วิสัยทัศน์

    "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"

    เป้าหมายหลัก

    1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล


    2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่


    4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม




    ---

    มาตรการหลัก

    1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling)

    ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย

    ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร

    สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม


    2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม

    ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ

    ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง

    ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน

    ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น

    ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม

    จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่


    4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

    ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work

    กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers

    ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์



    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้
    ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
    ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ
    ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ


    ---

    "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิสัยทัศน์ "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" เป้าหมายหลัก 1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล 2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่ 4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม --- มาตรการหลัก 1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling) ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม 2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่ 4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้ ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ --- "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 789 มุมมอง 0 รีวิว
  • สว แรนด์ พอลเชิญให้อีลอน มัสก์ตรวนสอบทองคำสำรองที่Fort Knox
    18-2-2025
    วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ได้เชิญอีลอน มัสก์ มายังรัฐเคนทักกีของเขา เพื่อตรวจสอบทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
    บัญชี X ของสว. พอล ที่มีผู้ติดตาม 2 ล้านคน ได้ขอให้หัวหน้าหน่วยงาน Department of Government Efficiency (DOGE) เล็งไปที่ Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำสำรองของสหรัฐฯ ยังอยู่ในที่เก็บหรือไม่
    มัสก์ตั้งคำถามว่าทำไมไม่มีการตรวจสอบทองคำสำรองทุกปี ซึ่งทำให้เกิดการคาดคะเนว่าเขาอาจจะเข้าไปตรวจสอบฐานทัพที่มีห้องนิรภัยที่บรรจุทองคำสำรองของสหรัฐฯ
    ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งและแต่งตั้งมัสก์ให้มีอำนาจในวอชิงตัน มหาเศรษฐีคนนี้ก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดงบประมาณในหลายหน่วยงานที่ทั้งคู่เห็นว่าจะช่วยลด "การใช้งบประมาณที่สิ้นเปลือง" ของรัฐบาลกลาง รวมท้ังกำจัดการคอรัปชั่น
    มัสก์ช่วยยกเลิก USAID อย่างสมบูรณ์ โดยไล่พนักงานหรือทำให้พนักงานกว่า 10,000 คนตกอยู่ในสภาพที่ไม่แน่นอน และยังตัดงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ในหน่วยงานเช่นกระทรวงศึกษาธิการ และไล่เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของ FEMA ออกสี่คน
    "คงจะเป็นการดีถ้าอีลอน มัสก์ สามารถเข้าไปดูภายใน Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำ 4,580 ตันของสหรัฐฯ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่" Zero Hedge โพสต์บน X "ครั้งสุดท้ายที่มีคนตรวจสอบคือ 50 ปีที่แล้วในปี 1974"
    มัสก์ตอบกลับโพสต์นี้ด้วยคำถามว่า "แน่นอนว่ามันควรถูกตรวจสอบอย่างน้อยทุกปีใช่ไหม?"
    แต่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน แรนด์ พอล จากเคนทักกี ตอบว่า "ไม่" และเชิญชวนมัสก์ให้ "ทำเลย" โดยให้ทีม DOGE ของเขาดำเนินการตรวจสอบทองคำสำรองที่ฐานทัพ Fort Knox
    ห้องนิรภัย Bullion Depository เก็บทองคำประมาณ 147 ล้านทรอยออนซ์ ซึ่งคิดเป็นกว่า 56.35% ของทองคำทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง
    ตำรวจ U.S. Mint มีหน้าที่ปกป้องทองคำสำรองนี้
    ทองคำสำรองในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับทองคำสำรองทั่วไป ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเสถียรภาพในระบบการเงินต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทองเก็บมูลค่าที่จับต้องได้และช่วยป้องกันอัตราเงินเฟ้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในสกุลเงินของประเทศ แม้ว่ามาตรฐานทองคำจะไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้วก็ตาม
    ในขณะที่โพสต์บน X ระบุว่าการตรวจสอบทองคำครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1974 แต่ก็มีการตรวจสอบอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2017 เมื่อวุฒิสมาชิกมิทช์ แมคคอนเนลล์ จากเคนทักกี นำกลุ่มเล็กๆ รวมถึงรัฐมนตรีคลังสตีเวน มนูชิน ในขณะนั้น เข้าไปในห้องนิรภัย
    หลังจากนั้น มีภาพขาวดำคุณภาพต่ำของมนูชินในห้องนิรภัยถูกเผยแพร่ โดยมีทองคำแท่งอยู่เบื้องหลัง
    มนูชินเป็นหัวหน้ากระทรวงการคลังคนแรกที่เข้าไปเยี่ยมชมห้องนิรภัยนี้ตั้งแต่ปี 1948
    การตรวจสอบครั้งแรกของห้องนิรภัยเกิดขึ้นในปี 1943 โดยประธานาธิบดีแฟรงคลิน โรสเวลต์ หลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
    การตรวจสอบในปี 1974 ที่กล่าวถึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่กระจายในเวลานั้น ซึ่งอ้างว่าชนชั้นนำได้ลักลอบนำทองคำออกไปและห้องนิรภัยว่างเปล่า
    สมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชนได้ร่วมทัวร์นำโดยผู้อำนวยการ U.S. Mint ในขณะนั้น เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่าทองคำยังอยู่ที่นั่น
    อย่างไรก็ดี ไม่เคยมีการตรวจนับทองคำแท่งในตู้นิรภัยอย่างจริงๆจังๆโดยหน่วยงานอิสระ
    ที่มา
    https://www.dailymail.co.uk/.../gold-reserve-doge-audit...
    สว แรนด์ พอลเชิญให้อีลอน มัสก์ตรวนสอบทองคำสำรองที่Fort Knox 18-2-2025 วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ได้เชิญอีลอน มัสก์ มายังรัฐเคนทักกีของเขา เพื่อตรวจสอบทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ บัญชี X ของสว. พอล ที่มีผู้ติดตาม 2 ล้านคน ได้ขอให้หัวหน้าหน่วยงาน Department of Government Efficiency (DOGE) เล็งไปที่ Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำสำรองของสหรัฐฯ ยังอยู่ในที่เก็บหรือไม่ มัสก์ตั้งคำถามว่าทำไมไม่มีการตรวจสอบทองคำสำรองทุกปี ซึ่งทำให้เกิดการคาดคะเนว่าเขาอาจจะเข้าไปตรวจสอบฐานทัพที่มีห้องนิรภัยที่บรรจุทองคำสำรองของสหรัฐฯ ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งและแต่งตั้งมัสก์ให้มีอำนาจในวอชิงตัน มหาเศรษฐีคนนี้ก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดงบประมาณในหลายหน่วยงานที่ทั้งคู่เห็นว่าจะช่วยลด "การใช้งบประมาณที่สิ้นเปลือง" ของรัฐบาลกลาง รวมท้ังกำจัดการคอรัปชั่น มัสก์ช่วยยกเลิก USAID อย่างสมบูรณ์ โดยไล่พนักงานหรือทำให้พนักงานกว่า 10,000 คนตกอยู่ในสภาพที่ไม่แน่นอน และยังตัดงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ในหน่วยงานเช่นกระทรวงศึกษาธิการ และไล่เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของ FEMA ออกสี่คน "คงจะเป็นการดีถ้าอีลอน มัสก์ สามารถเข้าไปดูภายใน Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำ 4,580 ตันของสหรัฐฯ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่" Zero Hedge โพสต์บน X "ครั้งสุดท้ายที่มีคนตรวจสอบคือ 50 ปีที่แล้วในปี 1974" มัสก์ตอบกลับโพสต์นี้ด้วยคำถามว่า "แน่นอนว่ามันควรถูกตรวจสอบอย่างน้อยทุกปีใช่ไหม?" แต่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน แรนด์ พอล จากเคนทักกี ตอบว่า "ไม่" และเชิญชวนมัสก์ให้ "ทำเลย" โดยให้ทีม DOGE ของเขาดำเนินการตรวจสอบทองคำสำรองที่ฐานทัพ Fort Knox ห้องนิรภัย Bullion Depository เก็บทองคำประมาณ 147 ล้านทรอยออนซ์ ซึ่งคิดเป็นกว่า 56.35% ของทองคำทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง ตำรวจ U.S. Mint มีหน้าที่ปกป้องทองคำสำรองนี้ ทองคำสำรองในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับทองคำสำรองทั่วไป ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเสถียรภาพในระบบการเงินต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทองเก็บมูลค่าที่จับต้องได้และช่วยป้องกันอัตราเงินเฟ้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในสกุลเงินของประเทศ แม้ว่ามาตรฐานทองคำจะไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้วก็ตาม ในขณะที่โพสต์บน X ระบุว่าการตรวจสอบทองคำครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1974 แต่ก็มีการตรวจสอบอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2017 เมื่อวุฒิสมาชิกมิทช์ แมคคอนเนลล์ จากเคนทักกี นำกลุ่มเล็กๆ รวมถึงรัฐมนตรีคลังสตีเวน มนูชิน ในขณะนั้น เข้าไปในห้องนิรภัย หลังจากนั้น มีภาพขาวดำคุณภาพต่ำของมนูชินในห้องนิรภัยถูกเผยแพร่ โดยมีทองคำแท่งอยู่เบื้องหลัง มนูชินเป็นหัวหน้ากระทรวงการคลังคนแรกที่เข้าไปเยี่ยมชมห้องนิรภัยนี้ตั้งแต่ปี 1948 การตรวจสอบครั้งแรกของห้องนิรภัยเกิดขึ้นในปี 1943 โดยประธานาธิบดีแฟรงคลิน โรสเวลต์ หลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การตรวจสอบในปี 1974 ที่กล่าวถึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่กระจายในเวลานั้น ซึ่งอ้างว่าชนชั้นนำได้ลักลอบนำทองคำออกไปและห้องนิรภัยว่างเปล่า สมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชนได้ร่วมทัวร์นำโดยผู้อำนวยการ U.S. Mint ในขณะนั้น เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่าทองคำยังอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ดี ไม่เคยมีการตรวจนับทองคำแท่งในตู้นิรภัยอย่างจริงๆจังๆโดยหน่วยงานอิสระ ที่มา https://www.dailymail.co.uk/.../gold-reserve-doge-audit...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1213 มุมมอง 0 รีวิว
  • # 1. **เศรษฐกิจมหภาค**
    - **อัตราการเติบโตของ GDP**: การเติบโตของ GDP ในประเทศสำคัญๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม
    - **อัตราเงินเฟ้อ**: อัตราเงินเฟ้อที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจส่งผลต่อกำลังซื้อและนโยบายการเงินของประเทศต่างๆ
    - **อัตราการว่างงาน**: อัตราการว่างงานที่สูงอาจบ่งชี้ถึงปัญหาทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อการบริโภค
    # 1. **เศรษฐกิจมหภาค** - **อัตราการเติบโตของ GDP**: การเติบโตของ GDP ในประเทศสำคัญๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม - **อัตราเงินเฟ้อ**: อัตราเงินเฟ้อที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจส่งผลต่อกำลังซื้อและนโยบายการเงินของประเทศต่างๆ - **อัตราการว่างงาน**: อัตราการว่างงานที่สูงอาจบ่งชี้ถึงปัญหาทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อการบริโภค
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts