อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ
สัทธรรมลำดับที่ : 939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=939
ชื่อบทธรรม :- สมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ
เนื้อความทั้งหมด :-
--สมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอโอกาส
ขอพระผู้มีกระภาคจงทรงแสดงธรรมนั้นโดยย่อ
อันเป็นธรรมที่เมื่อข้าพระองค์ฟังแล้ว จะเป็นผู้ผู้เดียวหลีกออกไปสู่ที่สงัด
เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วในธรรมเบื้องสูง
แล้วแลอยู่เถิด พระเจ้าข้า !”
--ก็เรื่องอย่างเดียวกันนี่แหละ
โมฆบุรุษบางพวกขอร้องให้เรากล่าวธรรมอย่างที่เธอถาม
ครั้นเรากล่าวธรรมนั้นแล้วเขาก็ยังสำคัญแต่ในอันที่จะติดตาม เราเท่านั้น
(ไม่สนใจที่จะหลีกออกอยู่ปฏิบัติผู้เดียว).
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์
ขอพระสุคตจงแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้อพระองค์
ในลักษณะที่ข้าพระองค์จะเข้าใจ เนื้อควรแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
จะเป็นทายาท (ผู้รับมรดกธรรม) แห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเถิด พระเจ้าข้า !”.
--ภิกษุ ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า :-
(๑ หมวดตระเตรียม)
--“จิตของเรา &จักเป็นจิตตั้งอยู่ ดำรงอยู่ด้วยดี ในภายใน;
และบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย จักไม่เกิดขึ้นครอบงำจิตตั้งอยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
(๒ หมวดพรหมวิหาร)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล จิตของเธอ เป็นจิตตั้งอยู่ ดำรงอยู่ด้วยดีในภายใน
และบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่เกิดขึ้นครอบงำจิตตั้งอยู่;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเจริญ &เมตตาเจโตวิมุตติ จักกระทำให้มาก ทำให้เป็นดุจยาน
ทำให้มีที่ตั้งอาศัย ไม่ให้หยุดชะงัก ให้สั่งสมรอบแล้ว ให้ตั้งมั่น แล้วด้วยดี”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ เป็นธรรมอันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
- ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง .
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้
เป็นธรรมอันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเจริญ &กรุณาเจโตวิมุตติ จักกระทำให้มาก ทำให้เป็นดุจยาน
ทำให้มีที่ตั้งอาศัย ไม่ให้หยุดชะงัก ให้สั่งสมรอบแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้วด้วยดี”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ เป็นธรรมอันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอพึง เจริญซึ่งสมาธินี้ :-
๑- ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
๒- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
๓- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
๔- พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
๕- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
๖- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
๗- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง .
(ในกรณีแห่ง &มุทิตาเจโตวิมุตติ และ &อุเบกขาเจโตวิมุตติ
ก็มีข้อความที่ตรัสไว้มีลำดับ ๗ อย่าง อย่างเดียวกันกับกรุณาเจโตวิมุตติ) .
(๓ หมวดสติปัฏฐาน)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ (ในพรหมวิหารทั้งสี่ ดังที่กล่าวมาแล้วนี้)
อันเธอเจริญ เจริญแล้วด้วยดีอย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเป็นผู้มีปกติ &ตามเห็นกายในกาย
อยู่เป็นประจำ มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลก อยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้
อันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
--ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้;
ในกาลนั้นเธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเป็นผู้มีปกติ &ตามเห็นเวทนาในเวทนา
ทั้งหลายอย่างเป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส
มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลกอยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนี้ เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
๑--ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
๒--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
๓--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
๔--พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
๕--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
๖--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคด้วยความยินดี บ้าง;
๗--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง.
(ในกรณีแห่ง &จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน และ &ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ มีลำดับ ๗ อย่าง
อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งกายา - เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน).
(๔.หมวดอานิสงส์)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนั้น เธอ
จักไปโดยทิศาภาคใดๆ ก็จักไปเป็นผาสุก ;
จักยืนในที่ใด ๆ ก็จักยืนเป็นผาสุก ;
จักนั่งในที่ใดๆ ก็จักนั่งเป็นผาสุก ;
จักสำเร็จ การนอนในที่ใด ๆ ก็จักสำเร็จการนอนเป็นผาสุก.
http://etipitaka.com/read/pali/23/310/?keywords=ผาสุเยว
แล.-
---ขยายความโดยความเห็นของท่านพุทธทาส
(ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า สมาธิภาวนาอย่างหนึ่ง ๆ
สามารถเจริญให้สมบูรณ์ออกไปได้ถึง ๗ ระดับ
ดังที่แสดงไว้ในสูตรนี้ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง.
อีกอย่างหนึ่ง พึงสังเกตให้เห็นว่า
สมาธิที่มีนิมิตเป็นนามธรรม เช่น การเจริญเมตตา ก็ดี
และที่มีลักษณะเป็นวิปัสสนา เช่น กายนุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็ดี
สามารถนำมาเจริญในรูปแบบของสมาธิที่มีลักษณะแบ่งได้เป็น ๗ ระดับอย่างในสูตรนี้ ;
ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า ตั้งต้นเจริญภาวนาในรูปแบบของวิปัสสนา
แล้วอาจจะย้ำให้แน่นลงไปโดยอาการแห่งสมถะ ๗ ระดับนี้ ;
อาจจะเรียกได้ว่ามีวิปัสสานานำหน้าสมถะได้กระมัง).
---
#สัมมาสมาธิ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อฏฺฐก. อํ. 23/238-240/160.
http://etipitaka.com/read/thai/23/238/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อฏฺฐก. อํ. ๒๓/๓๐๘-๓๑๐/๑๖๐.
http://etipitaka.com/read/pali/23/308/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79&id=939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79
ลำดับสาธยายธรรม : 79 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_79.mp3
สัทธรรมลำดับที่ : 939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=939
ชื่อบทธรรม :- สมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ
เนื้อความทั้งหมด :-
--สมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอโอกาส
ขอพระผู้มีกระภาคจงทรงแสดงธรรมนั้นโดยย่อ
อันเป็นธรรมที่เมื่อข้าพระองค์ฟังแล้ว จะเป็นผู้ผู้เดียวหลีกออกไปสู่ที่สงัด
เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วในธรรมเบื้องสูง
แล้วแลอยู่เถิด พระเจ้าข้า !”
--ก็เรื่องอย่างเดียวกันนี่แหละ
โมฆบุรุษบางพวกขอร้องให้เรากล่าวธรรมอย่างที่เธอถาม
ครั้นเรากล่าวธรรมนั้นแล้วเขาก็ยังสำคัญแต่ในอันที่จะติดตาม เราเท่านั้น
(ไม่สนใจที่จะหลีกออกอยู่ปฏิบัติผู้เดียว).
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์
ขอพระสุคตจงแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้อพระองค์
ในลักษณะที่ข้าพระองค์จะเข้าใจ เนื้อควรแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
จะเป็นทายาท (ผู้รับมรดกธรรม) แห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเถิด พระเจ้าข้า !”.
--ภิกษุ ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า :-
(๑ หมวดตระเตรียม)
--“จิตของเรา &จักเป็นจิตตั้งอยู่ ดำรงอยู่ด้วยดี ในภายใน;
และบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย จักไม่เกิดขึ้นครอบงำจิตตั้งอยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
(๒ หมวดพรหมวิหาร)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล จิตของเธอ เป็นจิตตั้งอยู่ ดำรงอยู่ด้วยดีในภายใน
และบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่เกิดขึ้นครอบงำจิตตั้งอยู่;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเจริญ &เมตตาเจโตวิมุตติ จักกระทำให้มาก ทำให้เป็นดุจยาน
ทำให้มีที่ตั้งอาศัย ไม่ให้หยุดชะงัก ให้สั่งสมรอบแล้ว ให้ตั้งมั่น แล้วด้วยดี”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ เป็นธรรมอันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
- ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง .
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้
เป็นธรรมอันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเจริญ &กรุณาเจโตวิมุตติ จักกระทำให้มาก ทำให้เป็นดุจยาน
ทำให้มีที่ตั้งอาศัย ไม่ให้หยุดชะงัก ให้สั่งสมรอบแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้วด้วยดี”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ เป็นธรรมอันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอพึง เจริญซึ่งสมาธินี้ :-
๑- ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
๒- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
๓- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
๔- พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
๕- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
๖- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
๗- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง .
(ในกรณีแห่ง &มุทิตาเจโตวิมุตติ และ &อุเบกขาเจโตวิมุตติ
ก็มีข้อความที่ตรัสไว้มีลำดับ ๗ อย่าง อย่างเดียวกันกับกรุณาเจโตวิมุตติ) .
(๓ หมวดสติปัฏฐาน)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ (ในพรหมวิหารทั้งสี่ ดังที่กล่าวมาแล้วนี้)
อันเธอเจริญ เจริญแล้วด้วยดีอย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเป็นผู้มีปกติ &ตามเห็นกายในกาย
อยู่เป็นประจำ มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลก อยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้
อันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
--ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้;
ในกาลนั้นเธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเป็นผู้มีปกติ &ตามเห็นเวทนาในเวทนา
ทั้งหลายอย่างเป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส
มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลกอยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนี้ เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
๑--ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
๒--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
๓--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
๔--พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
๕--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
๖--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคด้วยความยินดี บ้าง;
๗--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง.
(ในกรณีแห่ง &จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน และ &ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ มีลำดับ ๗ อย่าง
อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งกายา - เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน).
(๔.หมวดอานิสงส์)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนั้น เธอ
จักไปโดยทิศาภาคใดๆ ก็จักไปเป็นผาสุก ;
จักยืนในที่ใด ๆ ก็จักยืนเป็นผาสุก ;
จักนั่งในที่ใดๆ ก็จักนั่งเป็นผาสุก ;
จักสำเร็จ การนอนในที่ใด ๆ ก็จักสำเร็จการนอนเป็นผาสุก.
http://etipitaka.com/read/pali/23/310/?keywords=ผาสุเยว
แล.-
---ขยายความโดยความเห็นของท่านพุทธทาส
(ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า สมาธิภาวนาอย่างหนึ่ง ๆ
สามารถเจริญให้สมบูรณ์ออกไปได้ถึง ๗ ระดับ
ดังที่แสดงไว้ในสูตรนี้ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง.
อีกอย่างหนึ่ง พึงสังเกตให้เห็นว่า
สมาธิที่มีนิมิตเป็นนามธรรม เช่น การเจริญเมตตา ก็ดี
และที่มีลักษณะเป็นวิปัสสนา เช่น กายนุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็ดี
สามารถนำมาเจริญในรูปแบบของสมาธิที่มีลักษณะแบ่งได้เป็น ๗ ระดับอย่างในสูตรนี้ ;
ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า ตั้งต้นเจริญภาวนาในรูปแบบของวิปัสสนา
แล้วอาจจะย้ำให้แน่นลงไปโดยอาการแห่งสมถะ ๗ ระดับนี้ ;
อาจจะเรียกได้ว่ามีวิปัสสานานำหน้าสมถะได้กระมัง).
---
#สัมมาสมาธิ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อฏฺฐก. อํ. 23/238-240/160.
http://etipitaka.com/read/thai/23/238/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อฏฺฐก. อํ. ๒๓/๓๐๘-๓๑๐/๑๖๐.
http://etipitaka.com/read/pali/23/308/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79&id=939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79
ลำดับสาธยายธรรม : 79 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_79.mp3
อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ
สัทธรรมลำดับที่ : 939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=939
ชื่อบทธรรม :- สมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ
เนื้อความทั้งหมด :-
--สมาธิภาวนาแต่ละอย่างๆ อาจทำได้ถึง ๗ ระดับ
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอโอกาส
ขอพระผู้มีกระภาคจงทรงแสดงธรรมนั้นโดยย่อ
อันเป็นธรรมที่เมื่อข้าพระองค์ฟังแล้ว จะเป็นผู้ผู้เดียวหลีกออกไปสู่ที่สงัด
เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วในธรรมเบื้องสูง
แล้วแลอยู่เถิด พระเจ้าข้า !”
--ก็เรื่องอย่างเดียวกันนี่แหละ
โมฆบุรุษบางพวกขอร้องให้เรากล่าวธรรมอย่างที่เธอถาม
ครั้นเรากล่าวธรรมนั้นแล้วเขาก็ยังสำคัญแต่ในอันที่จะติดตาม เราเท่านั้น
(ไม่สนใจที่จะหลีกออกอยู่ปฏิบัติผู้เดียว).
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์
ขอพระสุคตจงแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้อพระองค์
ในลักษณะที่ข้าพระองค์จะเข้าใจ เนื้อควรแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
จะเป็นทายาท (ผู้รับมรดกธรรม) แห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเถิด พระเจ้าข้า !”.
--ภิกษุ ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า :-
(๑ หมวดตระเตรียม)
--“จิตของเรา &จักเป็นจิตตั้งอยู่ ดำรงอยู่ด้วยดี ในภายใน;
และบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย จักไม่เกิดขึ้นครอบงำจิตตั้งอยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
(๒ หมวดพรหมวิหาร)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล จิตของเธอ เป็นจิตตั้งอยู่ ดำรงอยู่ด้วยดีในภายใน
และบาปอกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่เกิดขึ้นครอบงำจิตตั้งอยู่;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเจริญ &เมตตาเจโตวิมุตติ จักกระทำให้มาก ทำให้เป็นดุจยาน
ทำให้มีที่ตั้งอาศัย ไม่ให้หยุดชะงัก ให้สั่งสมรอบแล้ว ให้ตั้งมั่น แล้วด้วยดี”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ เป็นธรรมอันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
- ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง .
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้
เป็นธรรมอันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเจริญ &กรุณาเจโตวิมุตติ จักกระทำให้มาก ทำให้เป็นดุจยาน
ทำให้มีที่ตั้งอาศัย ไม่ให้หยุดชะงัก ให้สั่งสมรอบแล้ว ให้ตั้งมั่นแล้วด้วยดี”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ เป็นธรรมอันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอพึง เจริญซึ่งสมาธินี้ :-
๑- ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
๒- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
๓- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
๔- พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
๕- พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
๖- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
๗- พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง .
(ในกรณีแห่ง &มุทิตาเจโตวิมุตติ และ &อุเบกขาเจโตวิมุตติ
ก็มีข้อความที่ตรัสไว้มีลำดับ ๗ อย่าง อย่างเดียวกันกับกรุณาเจโตวิมุตติ) .
(๓ หมวดสติปัฏฐาน)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ (ในพรหมวิหารทั้งสี่ ดังที่กล่าวมาแล้วนี้)
อันเธอเจริญ เจริญแล้วด้วยดีอย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเป็นผู้มีปกติ &ตามเห็นกายในกาย
อยู่เป็นประจำ มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลก อยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้
อันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้;
ในกาลนั้น เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
--ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยความยินดี บ้าง;
--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้;
ในกาลนั้นเธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า
“เราจักเป็นผู้มีปกติ &ตามเห็นเวทนาในเวทนา
ทั้งหลายอย่างเป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส
มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกซึ่งอภิชฌาและโทมนัสในโลกอยู่”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล.
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ กระทำให้มากแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนี้ เธอ พึงเจริญซึ่งสมาธินี้ :-
๑--ให้เป็นธรรมมีวิตกมีวิจาร บ้าง;
๒--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกมีแต่เพียงวิจาร บ้าง;
๓--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีวิตกไม่มีวิจาร บ้าง;
๔--พึงเจริญให้เป็นธรรมเป็นไปกับด้วยปีติ บ้าง;
๕--พึงเจริญให้เป็นธรรมไม่มีปีติ บ้าง;
๖--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคด้วยความยินดี บ้าง;
๗--พึงเจริญให้เป็นธรรมสหรคตด้วยอุเบกขา บ้าง.
(ในกรณีแห่ง &จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน และ &ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ มีลำดับ ๗ อย่าง
อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งกายา - เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน).
(๔.หมวดอานิสงส์)
--ภิกษุ ! ในกาลใดแล สมาธินี้ อันเธอเจริญ เจริญด้วยดีแล้วอย่างนี้ ;
ในกาลนั้น เธอ
จักไปโดยทิศาภาคใดๆ ก็จักไปเป็นผาสุก ;
จักยืนในที่ใด ๆ ก็จักยืนเป็นผาสุก ;
จักนั่งในที่ใดๆ ก็จักนั่งเป็นผาสุก ;
จักสำเร็จ การนอนในที่ใด ๆ ก็จักสำเร็จการนอนเป็นผาสุก.
http://etipitaka.com/read/pali/23/310/?keywords=ผาสุเยว
แล.-
---ขยายความโดยความเห็นของท่านพุทธทาส
(ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า สมาธิภาวนาอย่างหนึ่ง ๆ
สามารถเจริญให้สมบูรณ์ออกไปได้ถึง ๗ ระดับ
ดังที่แสดงไว้ในสูตรนี้ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง.
อีกอย่างหนึ่ง พึงสังเกตให้เห็นว่า
สมาธิที่มีนิมิตเป็นนามธรรม เช่น การเจริญเมตตา ก็ดี
และที่มีลักษณะเป็นวิปัสสนา เช่น กายนุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็ดี
สามารถนำมาเจริญในรูปแบบของสมาธิที่มีลักษณะแบ่งได้เป็น ๗ ระดับอย่างในสูตรนี้ ;
ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า ตั้งต้นเจริญภาวนาในรูปแบบของวิปัสสนา
แล้วอาจจะย้ำให้แน่นลงไปโดยอาการแห่งสมถะ ๗ ระดับนี้ ;
อาจจะเรียกได้ว่ามีวิปัสสานานำหน้าสมถะได้กระมัง).
---
#สัมมาสมาธิ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อฏฺฐก. อํ. 23/238-240/160.
http://etipitaka.com/read/thai/23/238/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อฏฺฐก. อํ. ๒๓/๓๐๘-๓๑๐/๑๖๐.
http://etipitaka.com/read/pali/23/308/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79&id=939
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79
ลำดับสาธยายธรรม : 79 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_79.mp3
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
27 มุมมอง
0 รีวิว