• 16 เมษายน 2568-สำนักข่าว CNN รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะปิดสถานเอกอัครราชทูต รวมถึงสถานกงสุลในต่างประเทศกว่า 30 แห่ง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ อาจจะลดบาทบาทของตัวเองในบางประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยหลังจากที่ CNN ได้รับเอกสารภายในของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่หลุดออกมา ซึ่งข้อมูลในเอกสารมีการแนะนำให้รัฐบาลปิดสถานเอกอัครราชทูตของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ 10 แห่ง และปิดสถานกงสุลของสหรัฐฯ อีก 17 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและแอฟริกาประเทศที่ถูกระบุในเอกสารให้ปิดสถานทูต บางส่วนประกอบด้วย  มอลตา, ลักเซมเบิร์ก, เลโซโท, สาธารณรัฐคองโก, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง  และซูดานใต้ นอกจากนี้ยังมีสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในฝรั่งเศสอีก 5 แห่ง, ในเยอรมนีอีก 2 แห่ง, ในบอสเนียอีก 2 แห่ง, ในอังกฤษ 1 แห่ง, ในเซาท์แอฟริกา 1 แห่ง และเกาหลีใต้ 1 แห่ง ที่กำลังถูกพิจารณาให้ปิดด้วย โดยหลังจากที่สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในประเทศเหล่านี้ถูกปิด ประชาชนในประเทศเหล่านั้นจะต้องไปติดต่อสถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศใกล้เคียงแทนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย แทมมี บรูซ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบกับทางทำเนียบขาวและตัวประธานาธิบดีโดยตรง เพราะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องงบประมาณที่ส่งให้สภาคองเกรสพิจารณา ซึ่งการใช้งบประมาณในปีหน้าของสหรัฐฯ มีการเสนอให้ลดงบประมาณลงในหลายส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศด้วยhttps://www.cnn.com/2025/04/15/politics/closing-embassies-consulates-document/index.html?cid=ios_app
    16 เมษายน 2568-สำนักข่าว CNN รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนที่จะปิดสถานเอกอัครราชทูต รวมถึงสถานกงสุลในต่างประเทศกว่า 30 แห่ง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ อาจจะลดบาทบาทของตัวเองในบางประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยหลังจากที่ CNN ได้รับเอกสารภายในของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่หลุดออกมา ซึ่งข้อมูลในเอกสารมีการแนะนำให้รัฐบาลปิดสถานเอกอัครราชทูตของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ 10 แห่ง และปิดสถานกงสุลของสหรัฐฯ อีก 17 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและแอฟริกาประเทศที่ถูกระบุในเอกสารให้ปิดสถานทูต บางส่วนประกอบด้วย  มอลตา, ลักเซมเบิร์ก, เลโซโท, สาธารณรัฐคองโก, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง  และซูดานใต้ นอกจากนี้ยังมีสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในฝรั่งเศสอีก 5 แห่ง, ในเยอรมนีอีก 2 แห่ง, ในบอสเนียอีก 2 แห่ง, ในอังกฤษ 1 แห่ง, ในเซาท์แอฟริกา 1 แห่ง และเกาหลีใต้ 1 แห่ง ที่กำลังถูกพิจารณาให้ปิดด้วย โดยหลังจากที่สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ในประเทศเหล่านี้ถูกปิด ประชาชนในประเทศเหล่านั้นจะต้องไปติดต่อสถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศใกล้เคียงแทนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย แทมมี บรูซ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบกับทางทำเนียบขาวและตัวประธานาธิบดีโดยตรง เพราะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องงบประมาณที่ส่งให้สภาคองเกรสพิจารณา ซึ่งการใช้งบประมาณในปีหน้าของสหรัฐฯ มีการเสนอให้ลดงบประมาณลงในหลายส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศด้วยhttps://www.cnn.com/2025/04/15/politics/closing-embassies-consulates-document/index.html?cid=ios_app
    WWW.CNN.COM
    Trump administration looking at closing nearly 30 overseas embassies and consulates | CNN Politics
    The Trump administration is looking at closing nearly 30 overseas embassies and consulates as it eyes significant changes to its diplomatic presence abroad, according to an internal State Department document obtained by CNN.
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • ไม่ควรมีประเทศไหนหลบหลีกกฎหมายระหว่างประเทศ อ้างสิทธิ์สำรวจทรัพยกรใต้ทะเลลึก จากคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนในวันจันทร์(14เม.ย.) ความเห็นซึ่งมีขึ้นตามหลังรายงานข่าวที่ระบุว่าสหัฐฯมีแผนรกักตุนก้อนแร่โลหะจากใต้ทะเลลึก (deep-sea metals) ในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อลดทอนอิทธิพลของจีนในห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุและแรร์เอิร์ธ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000035594

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ไม่ควรมีประเทศไหนหลบหลีกกฎหมายระหว่างประเทศ อ้างสิทธิ์สำรวจทรัพยกรใต้ทะเลลึก จากคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศจีนในวันจันทร์(14เม.ย.) ความเห็นซึ่งมีขึ้นตามหลังรายงานข่าวที่ระบุว่าสหัฐฯมีแผนรกักตุนก้อนแร่โลหะจากใต้ทะเลลึก (deep-sea metals) ในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อลดทอนอิทธิพลของจีนในห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุและแรร์เอิร์ธ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000035594 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    11
    0 Comments 0 Shares 712 Views 0 Reviews
  • กฎหมายระหว่างประเทศกำหนดไว้ชัดเจนถึงการห้ามมิให้มีสิ่งที่เกี่ยวข้องทางด้านการทหารใกล้กับพื้นที่ของพลเรือน

    รัสเซียมีหลักฐานว่าสถานที่ใจกลางเมืองซูมี เป็นสถานที่จัดการชุมนุมทางทหารระหว่างผู้บัญชาการทหารยูเครนและพันธมิตรฝ่ายตะวันตก

    เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าว
    กฎหมายระหว่างประเทศกำหนดไว้ชัดเจนถึงการห้ามมิให้มีสิ่งที่เกี่ยวข้องทางด้านการทหารใกล้กับพื้นที่ของพลเรือน รัสเซียมีหลักฐานว่าสถานที่ใจกลางเมืองซูมี เป็นสถานที่จัดการชุมนุมทางทหารระหว่างผู้บัญชาการทหารยูเครนและพันธมิตรฝ่ายตะวันตก เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าว
    0 Comments 0 Shares 259 Views 24 0 Reviews
  • บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเครน ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ

    -กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันการลาออกของเธอแล้ว

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของบริงค์เกิดจากปัจจัยทางการเมืองหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องการตัดลดงบประมาณของ USAID เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเอกอัครราชทูตบริงค์ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตอย่างมาก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายกลุ่มในยูเครน

    นอกจากนี้ เธอยังมีความเครียดจากการต้องทำหน้าที่อยู่ในประเทศที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ซึ่งยูเครนถูกจัดให้อยู่ในสถานะเป็นประเทศด่านหน้าสำหรับความยากลำบาก นักการทูตสหรัฐจะไม่สามารถพาครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วยได้

    ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง บริงค์ และเซเลนสกี อยู่ในช่วงที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซเลนสกีวิจารณ์เธออย่างรุนแรงที่ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกมาประณามรัสเซียหลังจากขีปนาวุธของรัสเซียสังหารกองทหารต่างชาติไปกว่า 85 รายในเมือง Kryvyi Rih

    “น่าเสียดายที่การตอบสนองจากสถานทูตสหรัฐฯ นั้นน่าผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจ – ประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนที่เข้มแข็ง แต่ปฏิกิริยากลับอ่อนแอ” เซเลนสกี เขียนบน X


    การลาออกของเธอได้รับการคาดหมายจากสื่อของสหรัฐมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
    บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเครน ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ -กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันการลาออกของเธอแล้ว ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจของบริงค์เกิดจากปัจจัยทางการเมืองหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงเรื่องการตัดลดงบประมาณของ USAID เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเอกอัครราชทูตบริงค์ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับพรรคเดโมแครตอย่างมาก และเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายกลุ่มในยูเครน นอกจากนี้ เธอยังมีความเครียดจากการต้องทำหน้าที่อยู่ในประเทศที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ซึ่งยูเครนถูกจัดให้อยู่ในสถานะเป็นประเทศด่านหน้าสำหรับความยากลำบาก นักการทูตสหรัฐจะไม่สามารถพาครอบครัวมาอยู่ร่วมด้วยได้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง บริงค์ และเซเลนสกี อยู่ในช่วงที่ไม่ราบรื่นนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเซเลนสกีวิจารณ์เธออย่างรุนแรงที่ไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกมาประณามรัสเซียหลังจากขีปนาวุธของรัสเซียสังหารกองทหารต่างชาติไปกว่า 85 รายในเมือง Kryvyi Rih “น่าเสียดายที่การตอบสนองจากสถานทูตสหรัฐฯ นั้นน่าผิดหวังอย่างน่าประหลาดใจ – ประเทศที่เข้มแข็ง ประชาชนที่เข้มแข็ง แต่ปฏิกิริยากลับอ่อนแอ” เซเลนสกี เขียนบน X การลาออกของเธอได้รับการคาดหมายจากสื่อของสหรัฐมาล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สอง
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • “หากสหรัฐยืนกรานที่จะทำสงครามภาษีและสงครามการค้า จีนก็จะต่อสู้ไปจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน”

    – หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน
    “หากสหรัฐยืนกรานที่จะทำสงครามภาษีและสงครามการค้า จีนก็จะต่อสู้ไปจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน” – หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน
    0 Comments 0 Shares 278 Views 14 0 Reviews
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกประกาศอย่างเป็นทางการให้กลุ่มฮูตีเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ ส่งผลให้มีการขยายขอบเขตดำเนินการทางกฎหมายได้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งรวมถึงผู้สนับสนุนกลุ่มฮูตีด้วย

    การขนถ่ายสินค้าหรือเติมน้ำมันเรือที่ท่าเรือที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮูตี อาจทำให้ประเทศหรือบริษัทต่างๆ กลายเป็นผู้ละเมิดกฎหมายของสหรัฐไปโดยปริยาย


    👉ไม่ชอบใคร ต้องการกลั่นแกล้งใคร ต้องการใช้อำนาจบีบบังคับใคร ก็แค่ประกาศให้กลุ่ม หรือบุคคลนั้นเป็นผู้ก่อการร้าย

    👉หากต้องการใช้ประโยชน์ หรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันภายหลัง ก็แค่ถอดออกจากรายชื่อผู้ก่อการร้าย หากใครไม่เชื่อลองถาม "โจลานี" ผู้นำซีเรียคนปัจจุบันดูได้!!
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกประกาศอย่างเป็นทางการให้กลุ่มฮูตีเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างประเทศ ส่งผลให้มีการขยายขอบเขตดำเนินการทางกฎหมายได้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งรวมถึงผู้สนับสนุนกลุ่มฮูตีด้วย การขนถ่ายสินค้าหรือเติมน้ำมันเรือที่ท่าเรือที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮูตี อาจทำให้ประเทศหรือบริษัทต่างๆ กลายเป็นผู้ละเมิดกฎหมายของสหรัฐไปโดยปริยาย 👉ไม่ชอบใคร ต้องการกลั่นแกล้งใคร ต้องการใช้อำนาจบีบบังคับใคร ก็แค่ประกาศให้กลุ่ม หรือบุคคลนั้นเป็นผู้ก่อการร้าย 👉หากต้องการใช้ประโยชน์ หรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันภายหลัง ก็แค่ถอดออกจากรายชื่อผู้ก่อการร้าย หากใครไม่เชื่อลองถาม "โจลานี" ผู้นำซีเรียคนปัจจุบันดูได้!!
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • "จีนไม่เคยส่งทหารไปร่วมรบในยูเครน"

    หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาของเซเลนสกี

    “รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้พลเมืองของตนอยู่ห่างจากเขตสงครามในยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่เข้าร่วมในปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเซเลนสกีปฏิเสธที่จะให้หลักฐานแก่ตัวแทนสถานทูตจีนเกี่ยวกับพลเมืองจีนที่ถูกจับกุม หรือแม้แต่การส่งหลักฐานคลิปวิดีโอของเขาไปให้หน่วยงานใดตรวจสอบ แม้ว่าเขารับปากว่าจะส่งหลักฐานเหล่านี้ไปตรวจสอบ(ที่ไหนสักแห่ง)ก็ตาม
    "จีนไม่เคยส่งทหารไปร่วมรบในยูเครน" หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาของเซเลนสกี “รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้พลเมืองของตนอยู่ห่างจากเขตสงครามในยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่เข้าร่วมในปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเซเลนสกีปฏิเสธที่จะให้หลักฐานแก่ตัวแทนสถานทูตจีนเกี่ยวกับพลเมืองจีนที่ถูกจับกุม หรือแม้แต่การส่งหลักฐานคลิปวิดีโอของเขาไปให้หน่วยงานใดตรวจสอบ แม้ว่าเขารับปากว่าจะส่งหลักฐานเหล่านี้ไปตรวจสอบ(ที่ไหนสักแห่ง)ก็ตาม
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ กรณีการจับกุม ‘พอล แชมเบอร์ส’ แถลงการณ์กรณีการจับกุม พอล แชมเบอร์ส โดยทางการไทยแทมมี่ บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ8 เมษายน 2568สหรัฐอเมริการู้สึกตกใจต่อการจับกุม นายพอล แชมเบอร์ส พลเมืองอเมริกัน ในประเทศไทย ด้วยข้อหาความผิดทางอาญาฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเรากำลังติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือพลเมืองอเมริกันในต่างประเทศอย่างจริงจัง และเรากำลังติดต่อกับทางการไทยเกี่ยวกับกรณีนี้กรณีนี้ ตอกย้ำถึงความกังวลที่มีมาอย่างยาวนานของเรา ต่อการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงออก และให้แน่ใจว่ากฎหมายจะไม่ถูกใช้เพื่อปิดกั้นการแสดงออกที่ได้รับอนุญาต ในฐานะพันธมิตรของประเทศไทยตามสนธิสัญญา เราจะติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดและสนับสนุนการปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อนายพอล แชมเบอร์สเจ้าหน้าที่กงสุลของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ กำลังให้ความช่วยเหลือด้านกงสุลที่เหมาะสมทั้งหมด แก่นายพอล แชมเบอร์ส เราได้ร้องขอให้สามารถเข้าพบนายพอล แชมเบอร์สเพื่อให้แน่ใจว่าเขามีความเป็นอยู่ที่ดีและเพื่อให้การสนับสนุนที่จำเป็น
    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ กรณีการจับกุม ‘พอล แชมเบอร์ส’ แถลงการณ์กรณีการจับกุม พอล แชมเบอร์ส โดยทางการไทยแทมมี่ บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ8 เมษายน 2568สหรัฐอเมริการู้สึกตกใจต่อการจับกุม นายพอล แชมเบอร์ส พลเมืองอเมริกัน ในประเทศไทย ด้วยข้อหาความผิดทางอาญาฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเรากำลังติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือพลเมืองอเมริกันในต่างประเทศอย่างจริงจัง และเรากำลังติดต่อกับทางการไทยเกี่ยวกับกรณีนี้กรณีนี้ ตอกย้ำถึงความกังวลที่มีมาอย่างยาวนานของเรา ต่อการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงออก และให้แน่ใจว่ากฎหมายจะไม่ถูกใช้เพื่อปิดกั้นการแสดงออกที่ได้รับอนุญาต ในฐานะพันธมิตรของประเทศไทยตามสนธิสัญญา เราจะติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดและสนับสนุนการปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อนายพอล แชมเบอร์สเจ้าหน้าที่กงสุลของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ กำลังให้ความช่วยเหลือด้านกงสุลที่เหมาะสมทั้งหมด แก่นายพอล แชมเบอร์ส เราได้ร้องขอให้สามารถเข้าพบนายพอล แชมเบอร์สเพื่อให้แน่ใจว่าเขามีความเป็นอยู่ที่ดีและเพื่อให้การสนับสนุนที่จำเป็น
    1 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างถึงความเป็นพันธมิตรเก่าแก่ แสดงความกังวลต่อกรณี พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกันและพลเมืองสหรัฐฯ ถูกจับกุมตัวในไทยตามข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบัน ในการดำเนินคดีชาวต่างชาติรายหนึ่งๆแบบที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก ภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่เข้มงวดที่สุดชาติหนึ่งของโลก ตามรายงานของรอยเตอร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033704

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างถึงความเป็นพันธมิตรเก่าแก่ แสดงความกังวลต่อกรณี พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกันและพลเมืองสหรัฐฯ ถูกจับกุมตัวในไทยตามข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบัน ในการดำเนินคดีชาวต่างชาติรายหนึ่งๆแบบที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก ภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่เข้มงวดที่สุดชาติหนึ่งของโลก ตามรายงานของรอยเตอร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033704 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    10
    2 Comments 0 Shares 1659 Views 0 Reviews
  • รัสเซียยังไม่ยอมรับข้อเสนอหยุดยิงของสหรัฐฯ:

    รัสเซียกล่าวว่าไม่สามารถยอมรับข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะยุติสงครามในยูเครนในรูปแบบปัจจุบันได้ เนื่องจากข้อเสนอเหล่านั้นไม่ได้แก้ไขปัญหาที่แท้จริงที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา

    Sergei Ryabkov รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียส่งสัญญาณว่าการเจรจาหยุดยิงหยุดชะงัก โดยกล่าวว่าจนถึงขณะนี้ รัสเซียและสหรัฐฯ ยังล้มเหลวในการเชื่อมช่องว่างที่วลาดิมีร์ ปูตินได้ร่างไว้เมื่อกว่าสองสัปดาห์ก่อน ซึ่งเขาได้กล่าวว่าข้อเสนอของสหรัฐฯ ควรได้รับการแก้ไข

    "เราให้ความสำคัญกับแบบจำลองและแนวทางแก้ไขที่สหรัฐเสนออย่างมาก แต่เราไม่สามารถยอมรับทั้งหมดในรูปแบบปัจจุบันได้ เพราะเท่าที่เราเห็น มันยังไม่มีที่ว่างสำหรับข้อเรียกร้องหลักของเรา ซึ่งก็คือการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุหลักของความขัดแย้งนี้ ที่ยังไม่ได้ถูกกล่าวถึงและจะต้องแก้ไขมันให้ได้"
    รัสเซียยังไม่ยอมรับข้อเสนอหยุดยิงของสหรัฐฯ: รัสเซียกล่าวว่าไม่สามารถยอมรับข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะยุติสงครามในยูเครนในรูปแบบปัจจุบันได้ เนื่องจากข้อเสนอเหล่านั้นไม่ได้แก้ไขปัญหาที่แท้จริงที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา Sergei Ryabkov รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียส่งสัญญาณว่าการเจรจาหยุดยิงหยุดชะงัก โดยกล่าวว่าจนถึงขณะนี้ รัสเซียและสหรัฐฯ ยังล้มเหลวในการเชื่อมช่องว่างที่วลาดิมีร์ ปูตินได้ร่างไว้เมื่อกว่าสองสัปดาห์ก่อน ซึ่งเขาได้กล่าวว่าข้อเสนอของสหรัฐฯ ควรได้รับการแก้ไข "เราให้ความสำคัญกับแบบจำลองและแนวทางแก้ไขที่สหรัฐเสนออย่างมาก แต่เราไม่สามารถยอมรับทั้งหมดในรูปแบบปัจจุบันได้ เพราะเท่าที่เราเห็น มันยังไม่มีที่ว่างสำหรับข้อเรียกร้องหลักของเรา ซึ่งก็คือการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุหลักของความขัดแย้งนี้ ที่ยังไม่ได้ถูกกล่าวถึงและจะต้องแก้ไขมันให้ได้"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของจีนและมุมมองของปักกิ่งเกี่ยวกับนโยบายปลดอาวุธ ระหว่างเยือนมอสโก ประเทศรัสเซีย

    ➡️ จีนยึดมั่นในยุทธศาสตร์การป้องกันตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และไม่เคยมีเจตนาแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศใด

    ➡️ ปักกิ่งยังคงรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ในระดับต่ำเท่าที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ

    ➡️ กองกำลังนิวเคลียร์ของจีน นับว่ามีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อสันติภาพของโลก

    ➡️ การปลดอาวุธนิวเคลียร์ต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน และยึดตามหลักการไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความมั่นคงของจีนและของประเทศใด


    ➡️ จำนวนอาวุธนิวเคลียร์ของจีนยังห่างไกลจากจำนวนที่สหรัฐอเมริกาครอบครองไว้อย่างที่ไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้

    ➡️ ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้จีนเข้าร่วมการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์นั้นไม่ยุติธรรมและไม่สมจริง

    ➡️ สหรัฐฯ ต้องลดบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ หยุดสร้าง "พันธมิตรนิวเคลียร์" การป้องกันขีปนาวุธระดับโลก และติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นดินพิสัยกลางและกองกำลังยุทธศาสตร์อื่น ๆ ใกล้ชายแดนประเทศอื่นได้แล้ว
    หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของจีนและมุมมองของปักกิ่งเกี่ยวกับนโยบายปลดอาวุธ ระหว่างเยือนมอสโก ประเทศรัสเซีย ➡️ จีนยึดมั่นในยุทธศาสตร์การป้องกันตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และไม่เคยมีเจตนาแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศใด ➡️ ปักกิ่งยังคงรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ในระดับต่ำเท่าที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ ➡️ กองกำลังนิวเคลียร์ของจีน นับว่ามีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อสันติภาพของโลก ➡️ การปลดอาวุธนิวเคลียร์ต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน และยึดตามหลักการไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความมั่นคงของจีนและของประเทศใด ➡️ จำนวนอาวุธนิวเคลียร์ของจีนยังห่างไกลจากจำนวนที่สหรัฐอเมริกาครอบครองไว้อย่างที่ไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้ ➡️ ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้จีนเข้าร่วมการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์นั้นไม่ยุติธรรมและไม่สมจริง ➡️ สหรัฐฯ ต้องลดบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ หยุดสร้าง "พันธมิตรนิวเคลียร์" การป้องกันขีปนาวุธระดับโลก และติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นดินพิสัยกลางและกองกำลังยุทธศาสตร์อื่น ๆ ใกล้ชายแดนประเทศอื่นได้แล้ว
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • 1 พ.ค.ต่างชาติต้องกรอก บัตรขาเข้าดิจิทัล TDAC

    หลังจากมาตรการยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวที่ด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มบัตรขาเข้าดิจิทัล (Thailand Digital Arrival Card) หรือ TDAC ทางออนไลน์ภายใน 3 วัน (รวมวันเดินทางมาถึง) ก่อนเข้าประเทศ แล้วนำอีเมลที่ได้รับพร้อมเอกสารการเดินทาง เช่น หนังสือเดินทาง ไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้าประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2568 เป็นต้นไป

    แบบฟอร์ม TDAC กรอกได้ที่เว็บไซต์ https://tdac.immigration.go.th เท่านั้น โปรดระวังเว็บไซต์ปลอมหรือลอกเลียนแบบจากมิจฉาชีพ

    สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้เหตุผลว่า เพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยให้ทันสมัย และสอดคล้องกับกระแสโลกด้านเทคโนโลยีการเดินทางอัจฉริยะ โดยแบบฟอร์ม TDAC ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลการเข้าประเทศของชาวต่างชาติ และให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่เจ้าหน้าที่ ตม. ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทดแทนบัตรขาเข้าแบบกระดาษ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเร็วขึ้น ใช้เอกสารน้อยลง และความปลอดภัยตามแนวชายแดนที่ดีขึ้น

    สำหรับวิธีการกรอกแบบฟอร์ม TDAC จะต้องกรอกล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทาง ให้กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อและนามสกุล สัญชาติ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล และข้อมูลหนังสือเดินทาง กับข้อมูลการเดินทาง ได้แก่ รหัสเที่ยวบิน (กรณีเดินทางด้วยเครื่องบิน) วัตถุประสงค์การเดินทาง ข้อมูลที่พำนักในประเทศไทย (เช่น ที่อยู่โรงแรม ที่อยู่บ้านพักอาศัย) และข้อมูลด้านสุขภาพสำหรับบางประเทศ หลังจากกรอกแบบฟอร์มออนไลน์แล้วเสร็จ จะได้รับอีเมลตอบรับ ให้นำไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ ตม. พร้อมเอกสารการเดินทาง เมื่อมาถึงประเทศไทยเพื่อยืนยันตัวตน

    ผู้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม TDAC ได้แก่ ชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านหรือเปลี่ยนเครื่องบินในประเทศไทย โดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง (Transfer / Transit) และชาวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยโดยหนังสือผ่านแดน (Border Pass) อย่างไรก็ตาม บัตรขาเข้าดิจิทัลของประเทศไทยไม่ใช่วีซ่า หากนักท่องเที่ยวจากประเทศใด ไม่ได้รับการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ให้ดำเนินการขอวีซ่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยกำหนดไว้

    อนึ่ง กระบวนการดังกล่าวคล้ายกับบัตรขาเข้าดิจิทัลบางประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ประเทศสิงคโปร์ Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ประเทศมาเลเซีย

    #Newskit
    1 พ.ค.ต่างชาติต้องกรอก บัตรขาเข้าดิจิทัล TDAC หลังจากมาตรการยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวที่ด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มบัตรขาเข้าดิจิทัล (Thailand Digital Arrival Card) หรือ TDAC ทางออนไลน์ภายใน 3 วัน (รวมวันเดินทางมาถึง) ก่อนเข้าประเทศ แล้วนำอีเมลที่ได้รับพร้อมเอกสารการเดินทาง เช่น หนังสือเดินทาง ไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้าประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2568 เป็นต้นไป แบบฟอร์ม TDAC กรอกได้ที่เว็บไซต์ https://tdac.immigration.go.th เท่านั้น โปรดระวังเว็บไซต์ปลอมหรือลอกเลียนแบบจากมิจฉาชีพ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้เหตุผลว่า เพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยให้ทันสมัย และสอดคล้องกับกระแสโลกด้านเทคโนโลยีการเดินทางอัจฉริยะ โดยแบบฟอร์ม TDAC ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลการเข้าประเทศของชาวต่างชาติ และให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่เจ้าหน้าที่ ตม. ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทดแทนบัตรขาเข้าแบบกระดาษ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเร็วขึ้น ใช้เอกสารน้อยลง และความปลอดภัยตามแนวชายแดนที่ดีขึ้น สำหรับวิธีการกรอกแบบฟอร์ม TDAC จะต้องกรอกล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทาง ให้กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อและนามสกุล สัญชาติ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมล และข้อมูลหนังสือเดินทาง กับข้อมูลการเดินทาง ได้แก่ รหัสเที่ยวบิน (กรณีเดินทางด้วยเครื่องบิน) วัตถุประสงค์การเดินทาง ข้อมูลที่พำนักในประเทศไทย (เช่น ที่อยู่โรงแรม ที่อยู่บ้านพักอาศัย) และข้อมูลด้านสุขภาพสำหรับบางประเทศ หลังจากกรอกแบบฟอร์มออนไลน์แล้วเสร็จ จะได้รับอีเมลตอบรับ ให้นำไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ ตม. พร้อมเอกสารการเดินทาง เมื่อมาถึงประเทศไทยเพื่อยืนยันตัวตน ผู้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม TDAC ได้แก่ ชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านหรือเปลี่ยนเครื่องบินในประเทศไทย โดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง (Transfer / Transit) และชาวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยโดยหนังสือผ่านแดน (Border Pass) อย่างไรก็ตาม บัตรขาเข้าดิจิทัลของประเทศไทยไม่ใช่วีซ่า หากนักท่องเที่ยวจากประเทศใด ไม่ได้รับการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ให้ดำเนินการขอวีซ่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยกำหนดไว้ อนึ่ง กระบวนการดังกล่าวคล้ายกับบัตรขาเข้าดิจิทัลบางประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ประเทศสิงคโปร์ Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ประเทศมาเลเซีย #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 462 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลทรัมป์เพิ่งประกาศว่า USAID จะถูกยุบอย่างเป็นทางการ และจะแจ้งต่อพนักงาน USAID ที่เหลือทั้งหมดในปัจจุบันว่าพวกเขาจะถูกปลดออก!!

    การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งเปิดทางให้ Elon Musk และ DOGE ดำเนินงานใน USAID ต่อไปได้อย่างเป็นทางการ

    ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จะปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)

    “ความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ดำเนินการอย่างถูกต้องสามารถส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องพรมแดนของเรา และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญได้ น่าเสียดายที่ USAID ละทิ้งภารกิจเดิมไปนานแล้ว ส่งผลให้ได้รับผลประโยชน์น้อยเกินไปและต้นทุนสูงเกินไป”
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์


    รัฐบาลทรัมป์เพิ่งประกาศว่า USAID จะถูกยุบอย่างเป็นทางการ และจะแจ้งต่อพนักงาน USAID ที่เหลือทั้งหมดในปัจจุบันว่าพวกเขาจะถูกปลดออก!! การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งเปิดทางให้ Elon Musk และ DOGE ดำเนินงานใน USAID ต่อไปได้อย่างเป็นทางการ ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จะปิดสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) “ความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ดำเนินการอย่างถูกต้องสามารถส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องพรมแดนของเรา และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญได้ น่าเสียดายที่ USAID ละทิ้งภารกิจเดิมไปนานแล้ว ส่งผลให้ได้รับผลประโยชน์น้อยเกินไปและต้นทุนสูงเกินไป” มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์
    0 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • จบข่าว!
    รัสเซียประกาศชัดเจน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia Nuclear Power Plant - ZNPP) เป็นส่วนหนึ่งของมอสโก เป็นไปไม่ได้ที่จะอนุญาตให้ยูเครนหรือชาติอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมโรงไฟฟ้าแห่งนี้

    กระทรวงต่างประเทศรัสเซียประกาศว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคซาปอริซเซีย และเป็น 1 ใน 4 ภูมิภาคใหม่ที่ถูกผนวกเป็นดินแดนรัสเซีย ย่อมต้องเป็นของรัสเซียเท่านั้น การที่ชาติอื่นจะเข้ามาบริหารจัดการร่วมเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    นอกจากนี้ ประธานาธิบดีปูติน ยังได้ออกกฎหมายเพื่อประกาศให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นทรัพย์สินของรัสเซียไปนานแล้ว แม้ว่าชาติตะวันตกในตอนนั้นจะไม่ยอมรับ นั่นไม่ใช่ปัญหาของรัสเซีย

    “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของรัสเซียมาระยะหนึ่งแล้ว”
    “ดังนั้น การส่งมอบโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียไปสู่การควบคุมของยูเครน หรือประเทศอื่นๆ จึงเป็นไปไม่ได้” กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุ

    โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียถือเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปด้วยจำนวนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมด 6 เตาปฏิกรณ์ ถึงแม้ว่าในขณะนี้จะไม่ได้ถูกใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า แต่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ก็ได้ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปประจำที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ เช่นเดียวกับที่ทำกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งอื่นๆ ในยูเครน

    ที่ผ่านมา ยูเครนพยายามเรียกร้องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ให้กลับคืนสู่ยูเครนมาตั้งแต่ปี 2022 หลังถูกรัสเซียเข้าควบคุม

    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯพยายามเจรจากับรัสเซียเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ ขณะที่เซเลนสกี ย้ำว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “เป็นของชาวยูเครน” และเห็นด้วยที่สหรัฐจะเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินงาน
    จบข่าว! รัสเซียประกาศชัดเจน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia Nuclear Power Plant - ZNPP) เป็นส่วนหนึ่งของมอสโก เป็นไปไม่ได้ที่จะอนุญาตให้ยูเครนหรือชาติอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมโรงไฟฟ้าแห่งนี้ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียประกาศว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคซาปอริซเซีย และเป็น 1 ใน 4 ภูมิภาคใหม่ที่ถูกผนวกเป็นดินแดนรัสเซีย ย่อมต้องเป็นของรัสเซียเท่านั้น การที่ชาติอื่นจะเข้ามาบริหารจัดการร่วมเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีปูติน ยังได้ออกกฎหมายเพื่อประกาศให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นทรัพย์สินของรัสเซียไปนานแล้ว แม้ว่าชาติตะวันตกในตอนนั้นจะไม่ยอมรับ นั่นไม่ใช่ปัญหาของรัสเซีย “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของรัสเซียมาระยะหนึ่งแล้ว” “ดังนั้น การส่งมอบโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียไปสู่การควบคุมของยูเครน หรือประเทศอื่นๆ จึงเป็นไปไม่ได้” กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุ โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียถือเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปด้วยจำนวนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมด 6 เตาปฏิกรณ์ ถึงแม้ว่าในขณะนี้จะไม่ได้ถูกใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า แต่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ก็ได้ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าไปประจำที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ เช่นเดียวกับที่ทำกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งอื่นๆ ในยูเครน ที่ผ่านมา ยูเครนพยายามเรียกร้องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ให้กลับคืนสู่ยูเครนมาตั้งแต่ปี 2022 หลังถูกรัสเซียเข้าควบคุม ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯพยายามเจรจากับรัสเซียเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ ขณะที่เซเลนสกี ย้ำว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “เป็นของชาวยูเครน” และเห็นด้วยที่สหรัฐจะเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินงาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 395 Views 0 Reviews
  • สหรัฐยื่นเงื่อนไขต่อซีเรียสำหรับการยกเลิกการคว่ำบาตรบางส่วน
    — รอยเตอร์

    การติดต่อโดยตรงครั้งแรกระหว่างตัวแทนของรัฐบาลชุดใหม่ของทั้งสองเกิดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้เข้าพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศซีเรียเพื่อยื่นเงื่นไขจากวอชิงตันในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบางส่วน

    เงื่อนไขบางส่วนประกอบด้วย :
    ซีเรียต้องทำลายคลังอาวุธเคมีที่เหลืออยู่ทั้งหมด
    ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่โดยไม่บิดพลิ้วในการต่อต้านทำลายกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ
    จะต้องขับไล่นักรบฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งนักรบต่างชาติทั้งหมดออกจากซีเรีย
    รวมถึงความช่วยเหลือในการค้นหาออสติน ไทซ์ นักข่าวชาวอเมริกันที่หายตัวไป
    สหรัฐยื่นเงื่อนไขต่อซีเรียสำหรับการยกเลิกการคว่ำบาตรบางส่วน — รอยเตอร์ การติดต่อโดยตรงครั้งแรกระหว่างตัวแทนของรัฐบาลชุดใหม่ของทั้งสองเกิดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้เข้าพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศซีเรียเพื่อยื่นเงื่นไขจากวอชิงตันในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบางส่วน เงื่อนไขบางส่วนประกอบด้วย : ซีเรียต้องทำลายคลังอาวุธเคมีที่เหลืออยู่ทั้งหมด ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่โดยไม่บิดพลิ้วในการต่อต้านทำลายกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ จะต้องขับไล่นักรบฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งนักรบต่างชาติทั้งหมดออกจากซีเรีย รวมถึงความช่วยเหลือในการค้นหาออสติน ไทซ์ นักข่าวชาวอเมริกันที่หายตัวไป
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 330 Views 0 Reviews
  • จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 504 Views 0 Reviews
  • รูบิโอ รับมนตรีต่างประเทศสหรัฐ อนุญาตให้ NED รับเงินสนับสนุนจากต่อไปได้

    เว็บไซต์ NED (National Endowment for Democracy) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดี ที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของมาร์โก รูบิโอ ที่ยกเลิกข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินสนับสนุนเพื่อนำไปใช้ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในประเทศต่างๆ

    National Endowment for Democracy - NED มีความยินดีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตัดสินใจคืนสิทธิ์เข้าถึงงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรซ หลังจากถูกระงับมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ NED สามารถดำเนินภารกิจส่งเสริมประชาธิปไตยและเสรีภาพทั่วโลกได้ต่อไป

    ปีเตอร์ รอสคัม อดีตสส. และประธานคณะกรรมการบริหารของ NED กล่าวว่า "เราขอชื่นชมกระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของรัฐมนตรีมาร์โก รูบิโอ สำหรับการดำเนินการในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสนับสนุนผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศเผด็จการทั่วโลก เช่น คิวบา เวเนซุเอลา อิหร่าน จีน และรัสเซีย" แถลงการณ์บางส่วนจาก NED

    ทางด้าน เดมอน วิลสัน ประธานและซีอีโอของ NED กล่าวว่า "เรารู้สึกขอบคุณที่กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ เราจะยังคงมุ่งมั่นหาทางออกที่ยั่งยืนเพื่อให้แน่ใจว่า NED สามารถทำงานส่งเสริมประชาธิปไตยและเสรีภาพต่อไปได้"
    รูบิโอ รับมนตรีต่างประเทศสหรัฐ อนุญาตให้ NED รับเงินสนับสนุนจากต่อไปได้ เว็บไซต์ NED (National Endowment for Democracy) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดี ที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของมาร์โก รูบิโอ ที่ยกเลิกข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินสนับสนุนเพื่อนำไปใช้ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในประเทศต่างๆ National Endowment for Democracy - NED มีความยินดีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตัดสินใจคืนสิทธิ์เข้าถึงงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรซ หลังจากถูกระงับมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ NED สามารถดำเนินภารกิจส่งเสริมประชาธิปไตยและเสรีภาพทั่วโลกได้ต่อไป ปีเตอร์ รอสคัม อดีตสส. และประธานคณะกรรมการบริหารของ NED กล่าวว่า "เราขอชื่นชมกระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของรัฐมนตรีมาร์โก รูบิโอ สำหรับการดำเนินการในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสนับสนุนผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศเผด็จการทั่วโลก เช่น คิวบา เวเนซุเอลา อิหร่าน จีน และรัสเซีย" แถลงการณ์บางส่วนจาก NED ทางด้าน เดมอน วิลสัน ประธานและซีอีโอของ NED กล่าวว่า "เรารู้สึกขอบคุณที่กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ เราจะยังคงมุ่งมั่นหาทางออกที่ยั่งยืนเพื่อให้แน่ใจว่า NED สามารถทำงานส่งเสริมประชาธิปไตยและเสรีภาพต่อไปได้"
    0 Comments 0 Shares 399 Views 0 Reviews
  • "อยู่คนเดียวไปเลยมึ้งง!"
    สหรัฐ เตรียมสั่งห้ามประชาชน 41 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐ

    รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาระงับการออกวีซ่าสหรัฐฯ บางส่วนให้กับปากีสถานและอีกหลายประเทศ หากพวกเขา "ไม่พยายามแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน"

    คำสั่งดังกล่าวระบุรายชื่อประเทศทั้งหมด 41 ประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
    กลุ่มที่ 1 มี 10 ประเทศ รวมถึงอัฟกานิสถาน อิหร่าน ซีเรีย คิวบา และเกาหลีเหนือ ซึ่งจะถูกระงับวีซ่าสหรัฐโดยสมบูรณ์
    กลุ่มที่ 2 มี 5 ประเทศ ได้แก่ เอริเทรีย เฮติ ลาว เมียนมา และซูดานใต้ จะถูกระงับวีซ่าบางประเภท เช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน และ วีซ่าผู้อพยพ บางส่วน แต่ยังมีข้อยกเว้นในบางกรณี
    กลุ่มที่ 3 ประกอบด้วย 26 ประเทศ รวมถึงเบลารุส ปากีสถาน และเติร์กเมนิสถาน ซึ่งอาจถูกระงับการออกวีซ่าสหรัฐ บางส่วน หากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น “ไม่ดำเนินมาตรการแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน”

    อย่างไรก็ตาม รายชื่อประเทศเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายบริหาร รวมถึงผ่านการเห็นชอบจาก มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

    มีรายงานว่า นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการอพยพเข้าสหรัฐที่ทรัมป์ดำเนินการตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่สอง
    "อยู่คนเดียวไปเลยมึ้งง!" สหรัฐ เตรียมสั่งห้ามประชาชน 41 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐ รัฐบาลทรัมป์กำลังพิจารณาระงับการออกวีซ่าสหรัฐฯ บางส่วนให้กับปากีสถานและอีกหลายประเทศ หากพวกเขา "ไม่พยายามแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน" คำสั่งดังกล่าวระบุรายชื่อประเทศทั้งหมด 41 ประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 มี 10 ประเทศ รวมถึงอัฟกานิสถาน อิหร่าน ซีเรีย คิวบา และเกาหลีเหนือ ซึ่งจะถูกระงับวีซ่าสหรัฐโดยสมบูรณ์ กลุ่มที่ 2 มี 5 ประเทศ ได้แก่ เอริเทรีย เฮติ ลาว เมียนมา และซูดานใต้ จะถูกระงับวีซ่าบางประเภท เช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน และ วีซ่าผู้อพยพ บางส่วน แต่ยังมีข้อยกเว้นในบางกรณี กลุ่มที่ 3 ประกอบด้วย 26 ประเทศ รวมถึงเบลารุส ปากีสถาน และเติร์กเมนิสถาน ซึ่งอาจถูกระงับการออกวีซ่าสหรัฐ บางส่วน หากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น “ไม่ดำเนินมาตรการแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน” อย่างไรก็ตาม รายชื่อประเทศเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายบริหาร รวมถึงผ่านการเห็นชอบจาก มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีรายงานว่า นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการอพยพเข้าสหรัฐที่ทรัมป์ดำเนินการตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่สอง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 424 Views 0 Reviews
  • การเจรจาระหว่างยูเครนและสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วที่ซาอุดิอาระเบีย

    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าคณะผู้แทนจากยูเครนและสหรัฐฯ จะประชุมกันในวันนี้ เวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
    การเจรจาระหว่างยูเครนและสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วที่ซาอุดิอาระเบีย กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่าคณะผู้แทนจากยูเครนและสหรัฐฯ จะประชุมกันในวันนี้ เวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • ทางการมาเลเซีย ออกคำเตือนถึงพลเรือน เกี่ยวกับการเดินทางเยือนภาคใต้ของไทย ตามหลังเหตุระเบิดและยิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายและบาดเจ็บ 13 คน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    รอยเตอร์รายงานว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในเหล่าจังหวัดทางใต้สุดของไทย บริเวณที่คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายมุสลิมมาเลย์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7,300 ราย นับตั้งแต่การก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ยืดเยื้อมานานกว่าหลายทศวรรษ โหมกระพือขึ้นในปี 2004
    .
    กลุ่มมือปืนเปิดฉากยิงเข้าใส่ที่ว่าการอำเภอและจุดชนวนคาร์บอมบ์ ในอำเภอสุไหงโกลก ในจังหวัดนราธิวาส แหล่งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ปลิดชีพอาสามัครด้านความมั่นคงของไทยไป 2 ราย รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ส่วนในจังหวัดปัตตานีที่อยู่ติดกัน ระเบิดข้างทางสังหารอาสาสมัครทหารพราน 1 นายและเจ้าหน้าที่รัฐบาล 2 คน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(9มี.ค.) "มาเลเซียสนับสนุนอย่างแข็งขัน ขอให้เลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังพื้นที่เหล่านั้น ในช่วงเวลานี้"
    .
    จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเยือนไทย 35.5 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียราว 4.9 ล้านคน ทำให้ มาเลเซีย เป็นตลาดด้านการท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน
    .
    รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส บอกว่าได้ยกระดับคุมเข้มด้านความปลอดภัยในพื้นที่ "เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นมา 4 ถึง 5 ปีแล้ว" พร้อมระบุยังคงมีชาวมาเลเซียอยู่ในพื้นที่ แต่ยอมรับว่าในเบื้องต้น เหตุการณ์นี้คงจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023259
    ..............
    Sondhi X
    ทางการมาเลเซีย ออกคำเตือนถึงพลเรือน เกี่ยวกับการเดินทางเยือนภาคใต้ของไทย ตามหลังเหตุระเบิดและยิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายและบาดเจ็บ 13 คน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา . รอยเตอร์รายงานว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในเหล่าจังหวัดทางใต้สุดของไทย บริเวณที่คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายมุสลิมมาเลย์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7,300 ราย นับตั้งแต่การก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ยืดเยื้อมานานกว่าหลายทศวรรษ โหมกระพือขึ้นในปี 2004 . กลุ่มมือปืนเปิดฉากยิงเข้าใส่ที่ว่าการอำเภอและจุดชนวนคาร์บอมบ์ ในอำเภอสุไหงโกลก ในจังหวัดนราธิวาส แหล่งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ปลิดชีพอาสามัครด้านความมั่นคงของไทยไป 2 ราย รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ส่วนในจังหวัดปัตตานีที่อยู่ติดกัน ระเบิดข้างทางสังหารอาสาสมัครทหารพราน 1 นายและเจ้าหน้าที่รัฐบาล 2 คน . กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(9มี.ค.) "มาเลเซียสนับสนุนอย่างแข็งขัน ขอให้เลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังพื้นที่เหล่านั้น ในช่วงเวลานี้" . จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเยือนไทย 35.5 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียราว 4.9 ล้านคน ทำให้ มาเลเซีย เป็นตลาดด้านการท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน . รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส บอกว่าได้ยกระดับคุมเข้มด้านความปลอดภัยในพื้นที่ "เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นมา 4 ถึง 5 ปีแล้ว" พร้อมระบุยังคงมีชาวมาเลเซียอยู่ในพื้นที่ แต่ยอมรับว่าในเบื้องต้น เหตุการณ์นี้คงจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023259 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    13
    0 Comments 0 Shares 2158 Views 0 Reviews
  • 83% ของสัญญาที่ทำกับ USAID ถูกยกเลิก!!

    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่า
    หลังจากการตรวจสอบเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เราได้ยกเลิกโครงการของ USAID อย่างเป็นทางการแล้ว 83%

    สัญญา 5,200 ฉบับซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร(และในบางกรณีถึงขั้นส่งผลเสีย) ถูกยกเลิกไปแล้ว ทำให้สหรัฐประหยัดเงินไปได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์

    หลังจากปรึกษาหารือกับรัฐสภาแล้ว เราตั้งใจที่จะให้โครงการที่เหลืออีก 18% ที่เรากำลังดำเนินการอยู่ (ประมาณ 1,000 โครงการ) ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้กระทรวงการต่างประเทศ
    83% ของสัญญาที่ทำกับ USAID ถูกยกเลิก!! มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่า หลังจากการตรวจสอบเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เราได้ยกเลิกโครงการของ USAID อย่างเป็นทางการแล้ว 83% สัญญา 5,200 ฉบับซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร(และในบางกรณีถึงขั้นส่งผลเสีย) ถูกยกเลิกไปแล้ว ทำให้สหรัฐประหยัดเงินไปได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากปรึกษาหารือกับรัฐสภาแล้ว เราตั้งใจที่จะให้โครงการที่เหลืออีก 18% ที่เรากำลังดำเนินการอยู่ (ประมาณ 1,000 โครงการ) ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้กระทรวงการต่างประเทศ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • กระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียประณามการลุกฮือของชาวอลาวีในลาตาเกีย ประเทศซีเรีย ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมที่ก่อขึ้นโดยกลุ่มที่ไร้กฎหมายรองรับ

    ซาอุดีอาระเบียยืนยันการสนับสนุนรัฐบาลซีเรียในความพยายามที่จะรักษาความมั่นคง เสถียรภาพ และสันติภาพของพลเมืองต่อไป
    กระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียประณามการลุกฮือของชาวอลาวีในลาตาเกีย ประเทศซีเรีย ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมที่ก่อขึ้นโดยกลุ่มที่ไร้กฎหมายรองรับ ซาอุดีอาระเบียยืนยันการสนับสนุนรัฐบาลซีเรียในความพยายามที่จะรักษาความมั่นคง เสถียรภาพ และสันติภาพของพลเมืองต่อไป
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯ พร้อมเข้าสู่สงครามกับจีนถ้าจำเป็น จากคำประกาศกร้าวของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) ความเห็นซึ่งมีขึ้นตามหลังปักกิ่งบอกว่าพร้อมต่อสู้ในทุกรูปแบบของสงคราม ท่ามกลางความเคลื่อนไหวรีดภาษีตอบโต้กันไปมา ที่กำลังลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
    .
    พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ แสดงจุดยืนของอเมริกาอย่างชัดเจน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตอบโต้สถานทูตจีนประจำอเมริกา ที่บอกว่าปักกิ่งพร้อมต่อสู้ "ในทุกรูปแบบของสงคราม"
    .
    "เราก็พร้อม" เฮกเซธบอก พร้อมระบุ "ใครที่มีสันติภาพมาช้านาน ต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม" ทั้งนี้เขาเน้นย้ำว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯ ถึงเดินหน้าเสริมความเข้มแข็งด้านการทหาร
    .
    เขากล่าวว่า "เราอยู่ในโลกที่อันตราย เต็มไปด้วยบรรดาประเทศที่มีพลังอำนาจและอิทธิพล ที่มีอุดมการณ์แตกต่างกันอย่างมาก" เฮกเซธระบุ "พวกเขาเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมอย่างรวดเร็ว ปรับปรุงเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย พวกเขาต้องการแทนที่สหรัฐฯ"
    .
    อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ เน้นว่าการคงไว้ซึ่งความเข้มแข็งทางทหาร คือกุญแจหลักสำหรับหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง "ถ้าเราต้องการปรามสงครามกับจีนหรือชาติอื่นๆ เราจำเป็นต้องเข้มแข็ง"
    .
    รัฐมนตรีกลาโหมรายนี้ระบุด้วยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความสำคัญที่ยอดเยี่้ยมกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และกำลังเสาะแสวงหาความร่วมมือกับความเป็นหุ้นส่วนในสิ่งที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ เน้นว่าบทบาทของเขาในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม จำเป็นต้องรับประกันความพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ของการเผชิญหน้าใดๆ
    .
    ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงเย็นวันอังคาร (4 มี.ค.) จีนบอกว่าพวกเขาจะตอบโต้ หากว่าสหรัฐฯ เดินหน้าสงครามการค้าหรือสงครามรีดภาษี ตามหลัง ทรัมป์ ตัดสินใจขึ้นภาษีเท่าตัวสินค้านำเข้าจากจีน จาก 10% เป็น 20% มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากรัฐบาลชุดก่อนของทรัมป์ เคยรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ย้อนกลับไปในปี 2018 และ 2019 คิดเป็นมูลค่ากว่า 370,000 ล้านดอลลาร์
    .
    "ถ้าสงครามคือสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสงครามรีดภาษี สงครามการค้า หรือสงครามรูปแบบอื่นๆ รูปแบบใดก็ตาม เราพร้อมสู้จนถึงจุดจบ" หลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในถ้อยแถลง
    .
    ในการตอบโต้อย่างทันควันต่อมาตรการของทรัมป์ ทางปักกิ่งได้แถลงขึ้นภาษีอีก 10% ถึง 15% ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารต่างๆ ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ พวกเขายังกำหนดข้อจำกัดด้านการส่งออกและการลงทุนกับบริษัทต่างๆ ของอเมริกา 25 แห่ง อ้างถึงความกังวลด้านความมั่นคง
    .
    ปักกิ่งยังได้ยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวอ้างว่ามาตรการรรีดภาษีของสหรัฐฯ ละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้วอชิงตันคลี่คลายข้อพิพาทนี้ผ่านการเจรจา
    .
    ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเคยปะทุขึ้นในปี 2018 ครั้งที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก โดยเขากำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน อ้างถึงการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรมและการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ความเคลื่อนไหวกระตุ้นการตอบโต้กันไปมา จนลุกลามบานปลายกระทบต่อตลาดโลกและห่วงโซ่อุปทานโลก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021626
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ พร้อมเข้าสู่สงครามกับจีนถ้าจำเป็น จากคำประกาศกร้าวของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) ความเห็นซึ่งมีขึ้นตามหลังปักกิ่งบอกว่าพร้อมต่อสู้ในทุกรูปแบบของสงคราม ท่ามกลางความเคลื่อนไหวรีดภาษีตอบโต้กันไปมา ที่กำลังลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก . พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ แสดงจุดยืนของอเมริกาอย่างชัดเจน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตอบโต้สถานทูตจีนประจำอเมริกา ที่บอกว่าปักกิ่งพร้อมต่อสู้ "ในทุกรูปแบบของสงคราม" . "เราก็พร้อม" เฮกเซธบอก พร้อมระบุ "ใครที่มีสันติภาพมาช้านาน ต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม" ทั้งนี้เขาเน้นย้ำว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯ ถึงเดินหน้าเสริมความเข้มแข็งด้านการทหาร . เขากล่าวว่า "เราอยู่ในโลกที่อันตราย เต็มไปด้วยบรรดาประเทศที่มีพลังอำนาจและอิทธิพล ที่มีอุดมการณ์แตกต่างกันอย่างมาก" เฮกเซธระบุ "พวกเขาเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมอย่างรวดเร็ว ปรับปรุงเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย พวกเขาต้องการแทนที่สหรัฐฯ" . อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ เน้นว่าการคงไว้ซึ่งความเข้มแข็งทางทหาร คือกุญแจหลักสำหรับหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง "ถ้าเราต้องการปรามสงครามกับจีนหรือชาติอื่นๆ เราจำเป็นต้องเข้มแข็ง" . รัฐมนตรีกลาโหมรายนี้ระบุด้วยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความสำคัญที่ยอดเยี่้ยมกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และกำลังเสาะแสวงหาความร่วมมือกับความเป็นหุ้นส่วนในสิ่งที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม เฮกเซธ เน้นว่าบทบาทของเขาในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม จำเป็นต้องรับประกันความพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ของการเผชิญหน้าใดๆ . ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงเย็นวันอังคาร (4 มี.ค.) จีนบอกว่าพวกเขาจะตอบโต้ หากว่าสหรัฐฯ เดินหน้าสงครามการค้าหรือสงครามรีดภาษี ตามหลัง ทรัมป์ ตัดสินใจขึ้นภาษีเท่าตัวสินค้านำเข้าจากจีน จาก 10% เป็น 20% มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากรัฐบาลชุดก่อนของทรัมป์ เคยรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ย้อนกลับไปในปี 2018 และ 2019 คิดเป็นมูลค่ากว่า 370,000 ล้านดอลลาร์ . "ถ้าสงครามคือสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสงครามรีดภาษี สงครามการค้า หรือสงครามรูปแบบอื่นๆ รูปแบบใดก็ตาม เราพร้อมสู้จนถึงจุดจบ" หลิน เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในถ้อยแถลง . ในการตอบโต้อย่างทันควันต่อมาตรการของทรัมป์ ทางปักกิ่งได้แถลงขึ้นภาษีอีก 10% ถึง 15% ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารต่างๆ ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ พวกเขายังกำหนดข้อจำกัดด้านการส่งออกและการลงทุนกับบริษัทต่างๆ ของอเมริกา 25 แห่ง อ้างถึงความกังวลด้านความมั่นคง . ปักกิ่งยังได้ยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวอ้างว่ามาตรการรรีดภาษีของสหรัฐฯ ละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้วอชิงตันคลี่คลายข้อพิพาทนี้ผ่านการเจรจา . ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเคยปะทุขึ้นในปี 2018 ครั้งที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก โดยเขากำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน อ้างถึงการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรมและการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ความเคลื่อนไหวกระตุ้นการตอบโต้กันไปมา จนลุกลามบานปลายกระทบต่อตลาดโลกและห่วงโซ่อุปทานโลก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021626 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    26
    0 Comments 1 Shares 2510 Views 1 Reviews
  • รอยเตอร์เผยรายงานพิเศษ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยเสนอให้ที่พักพิงที่ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกกักอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ทว่ารัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงจะผิดใจกับ “จีน” จนสุดท้ายชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ได้ถูกบังคับเนรเทศกลับไปยังแดนมังกรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาปกป้องการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ

    องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดกดขี่อย่างกว้างขวางต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่มีอยู่ราวๆ 10 ล้านคนในภูมิภาคซินเจียง ขณะที่ปักกิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้มีการละเมิดสิทธิคนเหล่านี้

    ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า ไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงอย่างหนักแน่นที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน

    “เรารอมานานกว่า 10 ปี และผมก็ได้พูดคุยกับประเทศใหญ่ๆ หลายชาติ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คนแล้ว

    “สหรัฐฯ พยายาทำงานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงได้มีการย้ำข้อเสนออย่างต่อเนื่องว่าจะรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น แม้แต่ในสหรัฐฯ เองด้วย ณ จุดหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000021368

    #MGROnline #ชาวอุยกูร์
    รอยเตอร์เผยรายงานพิเศษ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยเสนอให้ที่พักพิงที่ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกกักอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ทว่ารัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงจะผิดใจกับ “จีน” จนสุดท้ายชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ได้ถูกบังคับเนรเทศกลับไปยังแดนมังกรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาปกป้องการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ • องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดกดขี่อย่างกว้างขวางต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่มีอยู่ราวๆ 10 ล้านคนในภูมิภาคซินเจียง ขณะที่ปักกิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้มีการละเมิดสิทธิคนเหล่านี้ • ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า ไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงอย่างหนักแน่นที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน • “เรารอมานานกว่า 10 ปี และผมก็ได้พูดคุยกับประเทศใหญ่ๆ หลายชาติ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน • อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คนแล้ว • “สหรัฐฯ พยายาทำงานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงได้มีการย้ำข้อเสนออย่างต่อเนื่องว่าจะรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น แม้แต่ในสหรัฐฯ เองด้วย ณ จุดหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000021368 • #MGROnline #ชาวอุยกูร์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 491 Views 0 Reviews
  • สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด
    .
    หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
    .
    ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง
    .
    ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย
    .
    แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง
    .
    มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น
    .
    ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย
    .
    ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด
    .
    อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้
    .
    เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป
    .
    การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา
    .
    มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ
    .
    ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด . หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ . ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง . ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย . แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ . ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง . มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น . ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย . ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด . อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้ . เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป . การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น . นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา . มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ . ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 Comments 0 Shares 2532 Views 0 Reviews
More Results