• “อนุทิน” สวนกลับ “ไอติม” อย่ามโนดีลแก้รธน.แลกกฎหมายกาสิโน
    https://www.thai-tai.tv/news/17276/
    “อนุทิน” สวนกลับ “ไอติม” อย่ามโนดีลแก้รธน.แลกกฎหมายกาสิโน https://www.thai-tai.tv/news/17276/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" แจงชงแก้ "ร่างพรบ.การพนัน" เข้าครม. 25 ก.พ.นี้ รองรับพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย
    https://www.thai-tai.tv/news/17275/
    "อนุทิน" แจงชงแก้ "ร่างพรบ.การพนัน" เข้าครม. 25 ก.พ.นี้ รองรับพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย https://www.thai-tai.tv/news/17275/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภท.โยนบาป
    ตรวจสอบสนามกอล์ฟอนุทิน ทำลายเศรษฐกิจโคราช
    ปลุกชาวบ้าน หอการค้า สมาคมให้ปกป้อง
    หน้าตัวเมียที่แท้จริง
    #7ดอกจิก
    ภท.โยนบาป ตรวจสอบสนามกอล์ฟอนุทิน ทำลายเศรษฐกิจโคราช ปลุกชาวบ้าน หอการค้า สมาคมให้ปกป้อง หน้าตัวเมียที่แท้จริง #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิวยึดปายแบบเงียบๆ แพทองธารไม่รู้เดียงสา

    อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดขายเรื่องธรรมชาติและวีถีชีวิตชาวบ้าน กลายมาเป็นประเด็นความมั่นคง เมื่อชาวยิวอิสราเอลที่หยุดพักการสู้รบสงครามกับเขตกาซาของปาเลสไตน์และเลบานอน มุ่งหน้าย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้การหนุนหลังของสมาคมยิว Chabad ที่แผ่อิทธิพลทั่วโลกให้การสนับสนุน รวมทั้งเว็บไซต์ Chabad ยิวในไทย ประกาศเชิญชวนชาวยิวย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ปาย อ้างว่าสงบสุขและสวยงามกว่าอิสราเอล

    มีการตั้ง Chabad of Pai ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรปาย ทำกิจกรรมทางศาสนาทุกศุกร์-อาทิตย์ ปัจจุบันเหลือกิจกรรมสำคัญเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ อีกทั้งเปิดธุรกิจหลายอย่างเพื่อรองรับสังคมขยายชาวยิว เช่น ร้านอาหาร รีสอร์ต ร้านตัดผม ฯลฯ เพื่อรองรับชาวยิวโดยเฉพาะ และเมื่อชาวยิวอิสราเอลก่อพฤติกรรมไม่เหมาะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสความหวาดกลัวของชาวบ้าน กระทั่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.ปาย เริ่มติดป้ายไม่ต้อนรับชาวอิสราเอล และร้องเรียนต่อทางการ

    แพทย์รายหนึ่งในโรงพยาบาลปาย ระบายความในใจว่า เจอปัญหาซ้ำๆ จากชาวยิวอิสราเอล ตั้งแต่ชี้หน้าด่าหมอ วุ่นวาย โชว์นิ้วกลางใส่หมอ ไม่เชื่อหมอประเทศไทยแต่มาตรวจ แล้วบอกจะถามหมอตัวเอง ว่าหมอตัวเองสั่งให้ทำแบบนี้ สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ชาร์จแบตในโรงพยาบาลไม่จ่ายเงิน ขโมย ทุบประตูอีอาร์ เปิดร้านสอนขับรถ เปิดโบสถ์ และให้ตำรวจไปเฝ้า รถชนรถล้มมาบ่อยๆ ไม่มีใบขับขี่ ชอบด่าพยาบาลไม่ยอมให้เจาะเลือด ไม่ยอมให้ทาแผล

    เคยส่งเรื่องไปให้อำเภอ ร้องเรียนไปแล้ว แต่ว่าอำเภอแจ้งกลับมาบอกว่า "อย่าทำลายการท่องเที่ยว"

    สอดรับกับเฟซบุ๊ก Capt.Benz ของผู้กองเบนซ์ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ที่พักอาศัยในอำเภอปาย โพสต์ข้อความว่า เรื่องยิวในปาย อย่าประเมินต่ำ อย่าลืมว่าทั้งชายและหญิงจากประเทศนี้ เป็นทหาร 100% ที่เขามาเสียงดังโวยวาย บุกรุกโรงพยาบาลกัน ก็เพราะติดนิสัยในสนามรบมา สติกเกอร์ที่เขาเอามาแปะกันตามเสาทั่วปาย ถ้าแปลดู บางอันขนลุก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และว่า ถ้าฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จะเกิดสถานการณ์โบสถ์และชุมชนยิว ถูกโจมตีจากศัตรูจริง หรือจากการสร้างสถานการณ์

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ชาวอิสราเอลหลายพันคน ที่อาศัยใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ติดป้ายประกาศห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ และบานปลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ว่า ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยในสัปดาห์หน้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะมีการลงพื้นที่

    #Newskit
    ยิวยึดปายแบบเงียบๆ แพทองธารไม่รู้เดียงสา อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จากเมืองท่องเที่ยวที่มีจุดขายเรื่องธรรมชาติและวีถีชีวิตชาวบ้าน กลายมาเป็นประเด็นความมั่นคง เมื่อชาวยิวอิสราเอลที่หยุดพักการสู้รบสงครามกับเขตกาซาของปาเลสไตน์และเลบานอน มุ่งหน้าย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้การหนุนหลังของสมาคมยิว Chabad ที่แผ่อิทธิพลทั่วโลกให้การสนับสนุน รวมทั้งเว็บไซต์ Chabad ยิวในไทย ประกาศเชิญชวนชาวยิวย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ปาย อ้างว่าสงบสุขและสวยงามกว่าอิสราเอล มีการตั้ง Chabad of Pai ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรปาย ทำกิจกรรมทางศาสนาทุกศุกร์-อาทิตย์ ปัจจุบันเหลือกิจกรรมสำคัญเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ อีกทั้งเปิดธุรกิจหลายอย่างเพื่อรองรับสังคมขยายชาวยิว เช่น ร้านอาหาร รีสอร์ต ร้านตัดผม ฯลฯ เพื่อรองรับชาวยิวโดยเฉพาะ และเมื่อชาวยิวอิสราเอลก่อพฤติกรรมไม่เหมาะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสความหวาดกลัวของชาวบ้าน กระทั่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.ปาย เริ่มติดป้ายไม่ต้อนรับชาวอิสราเอล และร้องเรียนต่อทางการ แพทย์รายหนึ่งในโรงพยาบาลปาย ระบายความในใจว่า เจอปัญหาซ้ำๆ จากชาวยิวอิสราเอล ตั้งแต่ชี้หน้าด่าหมอ วุ่นวาย โชว์นิ้วกลางใส่หมอ ไม่เชื่อหมอประเทศไทยแต่มาตรวจ แล้วบอกจะถามหมอตัวเอง ว่าหมอตัวเองสั่งให้ทำแบบนี้ สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ชาร์จแบตในโรงพยาบาลไม่จ่ายเงิน ขโมย ทุบประตูอีอาร์ เปิดร้านสอนขับรถ เปิดโบสถ์ และให้ตำรวจไปเฝ้า รถชนรถล้มมาบ่อยๆ ไม่มีใบขับขี่ ชอบด่าพยาบาลไม่ยอมให้เจาะเลือด ไม่ยอมให้ทาแผล เคยส่งเรื่องไปให้อำเภอ ร้องเรียนไปแล้ว แต่ว่าอำเภอแจ้งกลับมาบอกว่า "อย่าทำลายการท่องเที่ยว" สอดรับกับเฟซบุ๊ก Capt.Benz ของผู้กองเบนซ์ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ที่พักอาศัยในอำเภอปาย โพสต์ข้อความว่า เรื่องยิวในปาย อย่าประเมินต่ำ อย่าลืมว่าทั้งชายและหญิงจากประเทศนี้ เป็นทหาร 100% ที่เขามาเสียงดังโวยวาย บุกรุกโรงพยาบาลกัน ก็เพราะติดนิสัยในสนามรบมา สติกเกอร์ที่เขาเอามาแปะกันตามเสาทั่วปาย ถ้าแปลดู บางอันขนลุก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และว่า ถ้าฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จะเกิดสถานการณ์โบสถ์และชุมชนยิว ถูกโจมตีจากศัตรูจริง หรือจากการสร้างสถานการณ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ชาวอิสราเอลหลายพันคน ที่อาศัยใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ติดป้ายประกาศห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ และบานปลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ว่า ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยในสัปดาห์หน้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะมีการลงพื้นที่ #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกอิ๊งค์แจงปมอิสราเอล อ.ปาย ห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ไม่จริง เผยเยือนกัมพูชา ยกปมคนไทยไม่สบายใจ เหตุทหารกัมพูชาร้องเพลงชาติปลุกใจ ใกล้รอยต่อชายแดน เชื่อเข้าใจกันได้ไม่ต้องห่วง

    เมื่อเวลา 11.33 น.วันที่ 18 ก.พ.ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร กรณีที่มีดราม่าชาวอิสราเอลเข้ามาอยู่ในพื้นที่อำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างโบสถ์ และห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ เกรงจะเป็นปัญหาบานปลายระหว่างประเทศหรือไม่ โดยนายกฯได้กล่าวตัดบทพร้อมกับชี้แจงว่า “ พอดีตรวจสอบแล้ว ไม่จริง ประชาชนฟังแค่ตรงคำถามจะเข้มข้น ตรวจสอบแล้วไม่จริง“ ก่อนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะหันมารายงานข้อมูลให้นายกฯทราบ นายกฯจึงกล่าวว่า สัปดาห์หน้านายอนุทิน จะลงไปดูในพื้นที่

    เมื่อถามว่า นอกจากพื้นที่ทางเหนือ ยังมีความเคลื่อนไหว กรณีที่ทหารจากกัมพูชา ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชาปลุกใจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ในพื้นที่ ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เขตรอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้คนไทยไม่สบายใจ นายกฯมีแผนในการพูดคุยเรื่องนี้อย่างไร ในโอกาสที่จะเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000016098

    #MGROnline #อิสราเอล
    นายกอิ๊งค์แจงปมอิสราเอล อ.ปาย ห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ไม่จริง เผยเยือนกัมพูชา ยกปมคนไทยไม่สบายใจ เหตุทหารกัมพูชาร้องเพลงชาติปลุกใจ ใกล้รอยต่อชายแดน เชื่อเข้าใจกันได้ไม่ต้องห่วง • เมื่อเวลา 11.33 น.วันที่ 18 ก.พ.ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร กรณีที่มีดราม่าชาวอิสราเอลเข้ามาอยู่ในพื้นที่อำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างโบสถ์ และห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ เกรงจะเป็นปัญหาบานปลายระหว่างประเทศหรือไม่ โดยนายกฯได้กล่าวตัดบทพร้อมกับชี้แจงว่า “ พอดีตรวจสอบแล้ว ไม่จริง ประชาชนฟังแค่ตรงคำถามจะเข้มข้น ตรวจสอบแล้วไม่จริง“ ก่อนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะหันมารายงานข้อมูลให้นายกฯทราบ นายกฯจึงกล่าวว่า สัปดาห์หน้านายอนุทิน จะลงไปดูในพื้นที่ • เมื่อถามว่า นอกจากพื้นที่ทางเหนือ ยังมีความเคลื่อนไหว กรณีที่ทหารจากกัมพูชา ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชาปลุกใจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ในพื้นที่ ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เขตรอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้คนไทยไม่สบายใจ นายกฯมีแผนในการพูดคุยเรื่องนี้อย่างไร ในโอกาสที่จะเดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000016098 • #MGROnline #อิสราเอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นฤมล” ปัดพุ่งเป้าตรวจสอบที่ดิน “อนุทิน” บอกพบกันเดี๋ยวเคลียร์รายละเอียด โทษสื่อไปขยายความเป็นประเด็นการเมือง
    https://www.thai-tai.tv/news/17210/
    “นฤมล” ปัดพุ่งเป้าตรวจสอบที่ดิน “อนุทิน” บอกพบกันเดี๋ยวเคลียร์รายละเอียด โทษสื่อไปขยายความเป็นประเด็นการเมือง https://www.thai-tai.tv/news/17210/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" ควง "ซาบีดา" ลงพื้นที่ อ.นาทวี สงขลา ติดตามการบริหารจัดการน้ำ บริการน้ำดื่มสะอาดสำหรับประชาชน เผยมหาดไทยเตรียมโครงการช่วยพี่น้องชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268864278044767
    "อนุทิน" ควง "ซาบีดา" ลงพื้นที่ อ.นาทวี สงขลา ติดตามการบริหารจัดการน้ำ บริการน้ำดื่มสะอาดสำหรับประชาชน เผยมหาดไทยเตรียมโครงการช่วยพี่น้องชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1268864278044767
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘อนุทิน’ บอก ‘ธนดล’ ยกมือไหว้ขอโทษอย่างนอบน้อม ลั่นไม่ผิดคนกล่าวหาต้องรับเสี่ยงถูกฟ้อง
    https://www.thai-tai.tv/news/17183/
    ‘อนุทิน’ บอก ‘ธนดล’ ยกมือไหว้ขอโทษอย่างนอบน้อม ลั่นไม่ผิดคนกล่าวหาต้องรับเสี่ยงถูกฟ้อง https://www.thai-tai.tv/news/17183/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อนุทิน”ประกาศกร้าว!! จดลงบัญชีแค้น ทบต้นทบดอก หลังการเมืองชักใยอยู่เบื้องหลังตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟ
    https://www.thai-tai.tv/news/17138/
    “อนุทิน”ประกาศกร้าว!! จดลงบัญชีแค้น ทบต้นทบดอก หลังการเมืองชักใยอยู่เบื้องหลังตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟ https://www.thai-tai.tv/news/17138/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อนุทิน หลุดด่าแรง ‘หน้าตัวเมีย’ หลังถูก #หมาแก่ แฉสนามกอล์ฟที่เขาใหญ่ทับซ้อนที่ดินส.ป.ก.กลางรายการ #เจาะลึกทั่วไทย

    เสี่ยหนูบอกว่า ไม่ใช่สนามกอล์ฟของนายอนุทิน เป็นสนามกอล์ฟของครอบครัวผม

    เท่าที่ทราบมาการได้มาของที่ดินสนามกอล์ฟแปลงได้มาโดยสุจริต เป็นโฉนดทุกใบ มีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าไปได้มาก่อนแล้วมาออกโฉนดได้มาเป็น 10 ปีแล้ว ดังนั้น ก็ไปตรวจสอบกัน

    เรื่องนี้ก็ธรรมดาถือมาเป็น 10 ปีแล้วไม่เห็นมีใครมีปัญหาหรือมีคำถาม แต่พอมาอยู่ตรงนี้ มามีประเด็นก็เอาเรื่องนี้โผล่ขึ้นมา ผมว่า #หน้าตัวเมีย แต่ก็พร้อมให้ตรวจสอบ

    “อีกฝ่ายเล่นนอกเกม ถ้าเป็นฝ่ายการเมืองมาเล่นแบบนี้ก็หน้าตัวเมีย ที่คุณหมาแก่ เอาไปออกรายการแบบนี้ก็ยังไม่มีการตรวจสอบ ทีเรื่องอื่นก็โทรตามผมจัง ทั้งหมาแก่และแมวสาว ถามแล้วถามอีกนอกรงนอกรอบ แต่พอมาเรื่องนี้เอาไปออกโดยไม่ถามสักคำ”

    สุดท้าย เสี่ยหนูก็ยักไหล่ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่รู้สิ รับงานหรือเปล่า”
    #อนุทิน หลุดด่าแรง ‘หน้าตัวเมีย’ หลังถูก #หมาแก่ แฉสนามกอล์ฟที่เขาใหญ่ทับซ้อนที่ดินส.ป.ก.กลางรายการ #เจาะลึกทั่วไทย เสี่ยหนูบอกว่า ไม่ใช่สนามกอล์ฟของนายอนุทิน เป็นสนามกอล์ฟของครอบครัวผม เท่าที่ทราบมาการได้มาของที่ดินสนามกอล์ฟแปลงได้มาโดยสุจริต เป็นโฉนดทุกใบ มีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าไปได้มาก่อนแล้วมาออกโฉนดได้มาเป็น 10 ปีแล้ว ดังนั้น ก็ไปตรวจสอบกัน เรื่องนี้ก็ธรรมดาถือมาเป็น 10 ปีแล้วไม่เห็นมีใครมีปัญหาหรือมีคำถาม แต่พอมาอยู่ตรงนี้ มามีประเด็นก็เอาเรื่องนี้โผล่ขึ้นมา ผมว่า #หน้าตัวเมีย แต่ก็พร้อมให้ตรวจสอบ “อีกฝ่ายเล่นนอกเกม ถ้าเป็นฝ่ายการเมืองมาเล่นแบบนี้ก็หน้าตัวเมีย ที่คุณหมาแก่ เอาไปออกรายการแบบนี้ก็ยังไม่มีการตรวจสอบ ทีเรื่องอื่นก็โทรตามผมจัง ทั้งหมาแก่และแมวสาว ถามแล้วถามอีกนอกรงนอกรอบ แต่พอมาเรื่องนี้เอาไปออกโดยไม่ถามสักคำ” สุดท้าย เสี่ยหนูก็ยักไหล่ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่รู้สิ รับงานหรือเปล่า”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • งด 1 ปี! ป.12 ห้ามออกใบอนุญาตพกพา แก้ปัญหาพกปืนเกลื่อนเมือง หวังลดอาชญากรรม

    📢 มาตรการคุมเข้มอาวุธปืน! รัฐบาลสั่งห้ามออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป.12) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในสังคม 🚔

    📰 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ งดการออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว (ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี

    📌 มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป หลังมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าหน้าที่นายทะเบียน จะไม่สามารถออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ให้แก่ประชาชนทั่วไป จนกว่าคำสั่งนี้จะสิ้นสุด

    🔫 ปัญหาการพกพาอาวุธปืน ที่รุนแรงขึ้นในสังคมไทย
    การออกคำสั่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ การใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    - มีการพกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น
    - มีการแสดงอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งในที่สาธารณะ และบนสื่อออนไลน์
    - การพกปืนโดยไม่มีเหตุผล นำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง
    - ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ

    😨 เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของสังคม

    🔍 ป.12 คืออะไร? 📜
    ใบอนุญาต ป.12 หรือ "ใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัว" เป็นเอกสารที่ออกโดย เจ้าหน้าที่นายทะเบียน ภายใต้กฎหมายอาวุธปืนของไทย

    📌 ผู้ที่ได้รับอนุญาต สามารถพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    🔎 เงื่อนไขของการขอใบอนุญาต ป.12
    การขอใบอนุญาตพกพาปืน ต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น
    ✅ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
    ✅ เป็นนักธุรกิจ ที่ต้องพกพาทรัพย์สินมูลค่าสูง
    ✅ อาชีพที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น ทนายความ หรือพนักงานเก็บเงิน

    ❌ แต่การอนุญาตนี้ กลับถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้มีการพกพาอาวุธปืน อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม และเหตุการณ์รุนแรง

    ⚖️ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ช่วยลดอาชญากรรมได้จริงหรือ?
    📉 3 ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากมาตรการนี้
    1️⃣ ลดจำนวนอาวุธปืนในที่สาธารณะ
    คนที่ไม่มีใบอนุญาต จะไม่สามารถพกปืนได้ ลดโอกาสที่ปืนจะถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุร้าย

    2️⃣ ป้องกันเหตุอาชญากรรม และความรุนแรง
    ลดความเสี่ยงของ เหตุยิงกันในที่สาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ที่ลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธปืน

    3️⃣ เสริมสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชน
    ทำให้ประชาชน รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเดินทางในที่สาธารณะ ลดความหวาดกลัว จากการเผชิญหน้า กับผู้ที่พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น

    🤔 ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ? 🔄
    - ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการพกปืนเพื่อป้องกันตัว
    - นักธุรกิจ หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย ที่พกปืนเพื่อรักษาความปลอดภัย
    - ร้านค้าและธุรกิจ ที่มีใบอนุญาตพกปืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม

    🚨 ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย
    ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบอนุญาต ป.12 แต่ประชาชนยังสามารถ ครอบครองอาวุธปืนไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตครอบครองปืน) ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

    📌 นอกจากนี้ รัฐบาลแนะนำให้ใช้ มาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่นๆ เช่น
    - ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV)
    - ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ
    - จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง

    📊 สถิติอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในไทย
    🔎 จากข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    📌 คดีอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน
    - ฆาตกรรม เพิ่มขึ้น 12%
    - ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน เพิ่มขึ้น 18%
    - การยิงกันในที่สาธารณะ เพิ่มขึ้น 22%

    📢 มาตรการนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาล ในการลดจำนวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และทำให้สังคมไทย ปลอดภัยยิ่งขึ้น

    🔚 มาตรการห้ามออกใบอนุญาต ป.12 เป็นก้าวสำคัญของการลดอาชญากรรม
    ✅ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน (ป.12) เป็นการควบคุมการพกพาอาวุธปืน ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ให้กับประชาชน

    ✅ ถึงแม้ว่าผู้ที่ต้องการพกปืน จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังสามารถครอบครองอาวุธปืนที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ ภายใต้ใบอนุญาต ป.4

    ✅ นี่เป็นเพียง มาตรการระยะสั้น 1 ปี แต่หากเห็นผลดี รัฐบาลอาจพิจารณาปรับปรุง กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131508 ก.พ. 2568

    🔗 #ควบคุมอาวุธปืน #ลดอาชญากรรม #งดป12 #ปืนในที่สาธารณะ #กฎหมายปืน #ความปลอดภัยสาธารณะ #รัฐบาลไทย #พกปืนต้องมีเหตุผล #มาตรการเข้ม #CrimePrevention
    งด 1 ปี! ป.12 ห้ามออกใบอนุญาตพกพา แก้ปัญหาพกปืนเกลื่อนเมือง หวังลดอาชญากรรม 📢 มาตรการคุมเข้มอาวุธปืน! รัฐบาลสั่งห้ามออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป.12) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในสังคม 🚔 📰 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ งดการออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว (ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี 📌 มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป หลังมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าหน้าที่นายทะเบียน จะไม่สามารถออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ให้แก่ประชาชนทั่วไป จนกว่าคำสั่งนี้จะสิ้นสุด 🔫 ปัญหาการพกพาอาวุธปืน ที่รุนแรงขึ้นในสังคมไทย การออกคำสั่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ การใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น - มีการพกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น - มีการแสดงอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งในที่สาธารณะ และบนสื่อออนไลน์ - การพกปืนโดยไม่มีเหตุผล นำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง - ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ 😨 เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของสังคม 🔍 ป.12 คืออะไร? 📜 ใบอนุญาต ป.12 หรือ "ใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัว" เป็นเอกสารที่ออกโดย เจ้าหน้าที่นายทะเบียน ภายใต้กฎหมายอาวุธปืนของไทย 📌 ผู้ที่ได้รับอนุญาต สามารถพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 🔎 เงื่อนไขของการขอใบอนุญาต ป.12 การขอใบอนุญาตพกพาปืน ต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น ✅ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ✅ เป็นนักธุรกิจ ที่ต้องพกพาทรัพย์สินมูลค่าสูง ✅ อาชีพที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น ทนายความ หรือพนักงานเก็บเงิน ❌ แต่การอนุญาตนี้ กลับถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้มีการพกพาอาวุธปืน อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม และเหตุการณ์รุนแรง ⚖️ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ช่วยลดอาชญากรรมได้จริงหรือ? 📉 3 ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากมาตรการนี้ 1️⃣ ลดจำนวนอาวุธปืนในที่สาธารณะ คนที่ไม่มีใบอนุญาต จะไม่สามารถพกปืนได้ ลดโอกาสที่ปืนจะถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุร้าย 2️⃣ ป้องกันเหตุอาชญากรรม และความรุนแรง ลดความเสี่ยงของ เหตุยิงกันในที่สาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ที่ลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธปืน 3️⃣ เสริมสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชน ทำให้ประชาชน รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเดินทางในที่สาธารณะ ลดความหวาดกลัว จากการเผชิญหน้า กับผู้ที่พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น 🤔 ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ? 🔄 - ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการพกปืนเพื่อป้องกันตัว - นักธุรกิจ หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย ที่พกปืนเพื่อรักษาความปลอดภัย - ร้านค้าและธุรกิจ ที่มีใบอนุญาตพกปืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม 🚨 ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบอนุญาต ป.12 แต่ประชาชนยังสามารถ ครอบครองอาวุธปืนไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตครอบครองปืน) ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ 📌 นอกจากนี้ รัฐบาลแนะนำให้ใช้ มาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่นๆ เช่น - ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) - ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ - จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง 📊 สถิติอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในไทย 🔎 จากข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 คดีอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน - ฆาตกรรม เพิ่มขึ้น 12% - ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน เพิ่มขึ้น 18% - การยิงกันในที่สาธารณะ เพิ่มขึ้น 22% 📢 มาตรการนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาล ในการลดจำนวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และทำให้สังคมไทย ปลอดภัยยิ่งขึ้น 🔚 มาตรการห้ามออกใบอนุญาต ป.12 เป็นก้าวสำคัญของการลดอาชญากรรม ✅ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน (ป.12) เป็นการควบคุมการพกพาอาวุธปืน ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ให้กับประชาชน ✅ ถึงแม้ว่าผู้ที่ต้องการพกปืน จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังสามารถครอบครองอาวุธปืนที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ ภายใต้ใบอนุญาต ป.4 ✅ นี่เป็นเพียง มาตรการระยะสั้น 1 ปี แต่หากเห็นผลดี รัฐบาลอาจพิจารณาปรับปรุง กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131508 ก.พ. 2568 🔗 #ควบคุมอาวุธปืน #ลดอาชญากรรม #งดป12 #ปืนในที่สาธารณะ #กฎหมายปืน #ความปลอดภัยสาธารณะ #รัฐบาลไทย #พกปืนต้องมีเหตุผล #มาตรการเข้ม #CrimePrevention
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุทิน นำ ส.ว.น้ำเงิน ส่งสัญญาณแตกหัก อ้างหลักการแก้ รธน. ทำประชามติ 3 ครั้ง
    .
    การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่เปิดโอกาสในการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากภายหลังฝ่ายที่่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มส.ว.เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยล่าสุดสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำความเห็นเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยสำนักกฎหมายฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นต้องมีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ถามประชาชนก่อนว่าต้องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหมหรือไม่ ครั้งที่ 2 (ถ้าผ่านครั้งที่ 1) นำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เสนอแก้มาตรา 256+เพิ่มหมวด 15/1 เสนอที่ประชุมร่วมรัฐสภา ถ้าสภาเห็นชอบแล้ว จึงไปทำประชามติอีกที
    ครั้งที่ 3 (ถ้าผ่านครั้งที่ 2) ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาร่วมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอต่อรัฐสภาพิจารณาแล้วจึงทำประชามติ
    .
    ประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา 221 วรรคสี่ บัญญัติว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐ” ซึ่งความเห็นหลักฝ่ายนี้มีการอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18- 22/2555 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2555 และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยกลางของศาล (มิใช่คำวินิจฉัยส่วนตน) ตามที่วินิจฉัยว่า”…รัฐสภามีหน้าที่ และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง” มาเป็นหลักในการพิจารณา
    .
    ทั้งนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 1 ) และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 3) ส่วนการออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 2 เป็นไปโดยบทบัญญัติเฉพาะของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 256 (8)
    .
    ความเห็นของสำนักกฎหมายฯ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้ทำหนังสือแจ้งต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้ทราบแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าความเห็นดังกล่าวจะเป็นท่าทีของ ส.ว.ส่วนใหญ่ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ.นี้
    .
    ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย มีเป็นมติเอกฉันท์ ไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ เพราะเห็นว่า การบรรจุวาระเข้ามายังมีความขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ระบุว่า ต้องมีการถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อน เมื่อการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ขั้นตอนการทำประชามติยังไม่ได้รับการปฏิบัติพรรค จึงเห็นว่า มีความสุ่มเสี่ยงไม่สามารถที่จะไปรับฟังความคิดเห็นนั้นได้ เพราะเรามี ส.ส. ซึ่งพี่น้องประชาชนได้เลือกให้เราเข้ามาทำงาน ถึง 71 คน เราก็ต้องทำงาน จะไปรับความเสี่ยง โดยมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วไม่ได้
    ..............
    Sondhi X
    อนุทิน นำ ส.ว.น้ำเงิน ส่งสัญญาณแตกหัก อ้างหลักการแก้ รธน. ทำประชามติ 3 ครั้ง . การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่เปิดโอกาสในการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากภายหลังฝ่ายที่่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มส.ว.เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยล่าสุดสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำความเห็นเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยสำนักกฎหมายฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นต้องมีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ถามประชาชนก่อนว่าต้องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหมหรือไม่ ครั้งที่ 2 (ถ้าผ่านครั้งที่ 1) นำร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เสนอแก้มาตรา 256+เพิ่มหมวด 15/1 เสนอที่ประชุมร่วมรัฐสภา ถ้าสภาเห็นชอบแล้ว จึงไปทำประชามติอีกที ครั้งที่ 3 (ถ้าผ่านครั้งที่ 2) ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาร่วมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอต่อรัฐสภาพิจารณาแล้วจึงทำประชามติ . ประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา 221 วรรคสี่ บัญญัติว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานรัฐ” ซึ่งความเห็นหลักฝ่ายนี้มีการอ้างอิงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18- 22/2555 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2555 และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยกลางของศาล (มิใช่คำวินิจฉัยส่วนตน) ตามที่วินิจฉัยว่า”…รัฐสภามีหน้าที่ และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง” มาเป็นหลักในการพิจารณา . ทั้งนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 1 ) และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง (การออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 3) ส่วนการออกเสียงประชามติ ครั้งที่ 2 เป็นไปโดยบทบัญญัติเฉพาะของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 256 (8) . ความเห็นของสำนักกฎหมายฯ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้ทำหนังสือแจ้งต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้ทราบแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าความเห็นดังกล่าวจะเป็นท่าทีของ ส.ว.ส่วนใหญ่ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะมีการพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ . ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย มีเป็นมติเอกฉันท์ ไม่ร่วมพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ เพราะเห็นว่า การบรรจุวาระเข้ามายังมีความขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 ที่ระบุว่า ต้องมีการถามประชามติจากพี่น้องประชาชนก่อน เมื่อการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ขั้นตอนการทำประชามติยังไม่ได้รับการปฏิบัติพรรค จึงเห็นว่า มีความสุ่มเสี่ยงไม่สามารถที่จะไปรับฟังความคิดเห็นนั้นได้ เพราะเรามี ส.ส. ซึ่งพี่น้องประชาชนได้เลือกให้เราเข้ามาทำงาน ถึง 71 คน เราก็ต้องทำงาน จะไปรับความเสี่ยง โดยมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วไม่ได้ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2096 มุมมอง 0 รีวิว
  • โยนหินถามทาง ยกเลิกจำกัดขายเหล้า

    ในประเทศไทยจำกัดการจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. ให้จำหน่ายได้เฉพาะเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. 2. งดจำหน่ายในวันสำคัญทางศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา ก่อนที่จะแก้ไขโดยเพิ่มวันออกพรรษา ยกเว้นดิวตี้ฟรีในสนามบิน 3. ห้ามขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน ถึงเวลา 18.00 น. ของวันเลือกตั้ง

    แต่ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนข้อจำกัดทางกฎหมายในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยอ้างว่าได้รับข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจหลายกลุ่มว่าเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและไม่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงสั่งการให้ศึกษาเพิ่มเติม ทั้งการห้ามขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือกรณีติดขัดข้อจำกัดด้านการควบคุมพื้นที่โซนนิ่ง และกฎบางประการออกมาตั้งแต่ช่วงโควิดหรือตั้งแต่ปี 2515

    "อย่างวันพระใหญ่ หรือวันอะไรที่เราเป็นข้อห้ามอยู่ ชาวต่างชาติที่มาเขาไม่ได้ทราบวันเหล่านี้ก่อน และจะมีผลเรื่องการท่องเที่ยว เรามองว่าในธีมปีนี้เป็นปีของการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องถูกพิจารณาอีกครั้ง" น.ส.แพทองธาร ระบุ

    สอดรับกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ระบุว่า นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาศึกษาในเรื่องดังกล่าว ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ มท. คือกรมการปกครอง ต้องไปดูภาพรวม โดยเฉพาะการจัดโซนนิ่ง เพราะครั้งนี้เกี่ยวกับการแก้ พ.ร.บ.ด้วย อีกทั้งต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่และดื่มไม่ขับ ถ้าจะปรับการแก้ไขกฎหมายต้องมีบทลงโทษที่รุนแรง เช่น หากกลางวันตรวจพบต้องมีบทลงโทษรุนแรงมากขึ้น

    กระแสการแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว เป็นที่จับตามองจากเครือข่ายงดเหล้า ตั้งคำถามว่าที่นักท่องเที่ยวคิดว่าการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วงวันพระใหญ่หรือช่วงบ่าย 2 จึงตัดสินใจไม่มาไทยคงไม่ใช่ เพราะทุกวันนี้นักท่องเที่ยวยังเข้ามาและมากขึ้นเกือบจะเท่าก่อนโควิด แต่มาตรการยังเหมือนเดิม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจต้องการทำให้การขายการดื่มสะดวกมากขึ้น ท้ายสุดคือการเพิ่มจำนวนการดื่มและนักดื่มมากขึ้น เอื้อให้กับผู้ประกอบการหรือไม่ เพราะอันตรายที่แฝงมารัฐบาลก่อนจึงต้องจำกัดหรือควบคุม การที่นายกฯ ให้ไปศึกษานับว่ายังให้เวลาชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย เชื่อว่าหากศึกษาอย่างรอบด้านรัฐบาลควรตัดสินใจอย่างเที่ยงตรงตามหลักวิชาการอย่างแท้จริง

    #Newskit
    โยนหินถามทาง ยกเลิกจำกัดขายเหล้า ในประเทศไทยจำกัดการจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. ให้จำหน่ายได้เฉพาะเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. 2. งดจำหน่ายในวันสำคัญทางศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา ก่อนที่จะแก้ไขโดยเพิ่มวันออกพรรษา ยกเว้นดิวตี้ฟรีในสนามบิน 3. ห้ามขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน ถึงเวลา 18.00 น. ของวันเลือกตั้ง แต่ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนข้อจำกัดทางกฎหมายในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยอ้างว่าได้รับข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจหลายกลุ่มว่าเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและไม่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงสั่งการให้ศึกษาเพิ่มเติม ทั้งการห้ามขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือกรณีติดขัดข้อจำกัดด้านการควบคุมพื้นที่โซนนิ่ง และกฎบางประการออกมาตั้งแต่ช่วงโควิดหรือตั้งแต่ปี 2515 "อย่างวันพระใหญ่ หรือวันอะไรที่เราเป็นข้อห้ามอยู่ ชาวต่างชาติที่มาเขาไม่ได้ทราบวันเหล่านี้ก่อน และจะมีผลเรื่องการท่องเที่ยว เรามองว่าในธีมปีนี้เป็นปีของการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องถูกพิจารณาอีกครั้ง" น.ส.แพทองธาร ระบุ สอดรับกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ระบุว่า นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาศึกษาในเรื่องดังกล่าว ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ มท. คือกรมการปกครอง ต้องไปดูภาพรวม โดยเฉพาะการจัดโซนนิ่ง เพราะครั้งนี้เกี่ยวกับการแก้ พ.ร.บ.ด้วย อีกทั้งต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่และดื่มไม่ขับ ถ้าจะปรับการแก้ไขกฎหมายต้องมีบทลงโทษที่รุนแรง เช่น หากกลางวันตรวจพบต้องมีบทลงโทษรุนแรงมากขึ้น กระแสการแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว เป็นที่จับตามองจากเครือข่ายงดเหล้า ตั้งคำถามว่าที่นักท่องเที่ยวคิดว่าการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วงวันพระใหญ่หรือช่วงบ่าย 2 จึงตัดสินใจไม่มาไทยคงไม่ใช่ เพราะทุกวันนี้นักท่องเที่ยวยังเข้ามาและมากขึ้นเกือบจะเท่าก่อนโควิด แต่มาตรการยังเหมือนเดิม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจต้องการทำให้การขายการดื่มสะดวกมากขึ้น ท้ายสุดคือการเพิ่มจำนวนการดื่มและนักดื่มมากขึ้น เอื้อให้กับผู้ประกอบการหรือไม่ เพราะอันตรายที่แฝงมารัฐบาลก่อนจึงต้องจำกัดหรือควบคุม การที่นายกฯ ให้ไปศึกษานับว่ายังให้เวลาชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย เชื่อว่าหากศึกษาอย่างรอบด้านรัฐบาลควรตัดสินใจอย่างเที่ยงตรงตามหลักวิชาการอย่างแท้จริง #Newskit
    Angry
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน"ควงนายกฯ เดินเล่นหิมะ ระบุว่า “ยิ้มที่ดูสดใส หัวใจที่อ่อนหวาน” พร้อมติดแฮชแทค“นายกรัฐมนตรีคนที่ 31”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012672

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "อนุทิน"ควงนายกฯ เดินเล่นหิมะ ระบุว่า “ยิ้มที่ดูสดใส หัวใจที่อ่อนหวาน” พร้อมติดแฮชแทค“นายกรัฐมนตรีคนที่ 31” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012672 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Sad
    Yay
    21
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1031 มุมมอง 1 รีวิว
  • ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา

    เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา

    การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง

    ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ

    เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น

    แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม

    หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย

    #Newskit
    ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 511 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เคยได้ยินคนบอกให้ระวังหนูไปกัดสายไฟบ้าน สายไฟรถยนต์ เพิ่งได้เห็นกะตาจริงๆ ว่าหนูมันสร้างความเดือดร้อนให้คนนับแสน
    #7ดอกจิก
    #อนุทิน
    ♣ เคยได้ยินคนบอกให้ระวังหนูไปกัดสายไฟบ้าน สายไฟรถยนต์ เพิ่งได้เห็นกะตาจริงๆ ว่าหนูมันสร้างความเดือดร้อนให้คนนับแสน #7ดอกจิก #อนุทิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุทินยอมเสียรายได้ปีละ 600 ล้านตัดไฟเมียนมา ฝั่งกัมพูชาใช้หลักการเดียวกัน 05/02/68 #อนุทิน #ตัดไฟเมียนมา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    อนุทินยอมเสียรายได้ปีละ 600 ล้านตัดไฟเมียนมา ฝั่งกัมพูชาใช้หลักการเดียวกัน 05/02/68 #อนุทิน #ตัดไฟเมียนมา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • 'เสื้อแดง-เพื่อไทย' แตก แพ้เลือกตั้งท้องถิ่น 'อนุทิน' ไม่ประมาท 'ทักษิณ'
    .
    ความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษของพรรคเพื่อไทยนั้นถือว่าก่อให้เกิดผลกระทบทางการเมืองตามมาพอสมควร โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคนเสื้อแดงจังหวัดศรีสะเกษออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะส.ส.พรรคเพื่อไทยด้อยค่ามวลชนในพื้นที่
    .
    จากประเด็นดังกล่าวทำให้นายอรรถชัย อนันตเมฆ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นกรณี แกนนำคนเสื้อแดงศรีสะเกษแถลงข่าวถูกคนในเพื่อไทยด้อยค่า ไม่ให้เกียรติ โดยระบุว่า "ขอพูดตรงๆ ในฐานะคนเสื้อแดง ผมเองก็พบเจ เรื่องแบบที่แกนนำศรีสะเกษพูดว่า ไม่ให้เกียรติคนเสื้อแดง กลับจากต่างประเทศ เข้าพรรควันแรกได้ยินคนในพรรคสอนว่าอย่าแดงมาก ไม่เชื่อหู นึกว่าเข้าพรรคผิดผมไม่สนใจ เดินหน้าแดงต่อไป
    .
    "ในการเลือกตั้ง ปี’66 จน จบภารกิจจนถึงเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก จนเลือก นายก อบจ.ครั้งนี้ จะไปช่วยหาเสียง เดินทางไปเอง แท้ๆ ยังไม่มี ที่ยืนแม้แต่ถ่ายรูป ไม่เกี่ยวกับ คุณทักษิณนะครับ คุณทักษิณ ไปไหนยังถามหาพี่น้องเราเสมอ ไม่เคยลืม ยังจำพี่น้องเราได้แม้ แต่แกนนำ เล็กๆ แต่คือ คนในพรรควันนี้ คนของพรรคชุดนี้ทำอะไร ไม่เคยคิดถึงใจคนเสื้อแดง เป็นมุ้งเป็นเหล่า เอาแต่พวกอุดมการณ์คืออะไร ไม่ชัดเจน เสื้อแดงไม่ต้องการอะไร แค่ให้เกียรติกันบ้าง เท่านั้นยังไม่มี ที่บอกไม่มีอุดมการณ์ไม่ใช่ใส่ความ แต่ได้ยินกับหู ช่วงส้มกำลังตึง คนในพรรคบอก “ไม่เอาแดง" อย่าแดงมาก รวมทั้งการเอาฝ่ายตรงข้ามมา มีบทบาทในพรรค นอกพรรค…ทั้งที่คนเหล่านั้น คือ นกหวีด สลิ่ม ไม่ต้องมาให้ตำแหน่ง อะไรกับคนเสื้อแดง แต่เอาฝ่ายตรงข้าม มามีตำแหน่ง นี่ผมยังอึ้งคนในพรรคเปลี่ยนไปได้ขนาดนั่น"
    .
    ด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับส.ส.ของพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่งว่า เลือกตั้งนายก อบจ.มีแพ้ มีชนะ ครั้งนี้พรรคทำเต็มที่ พยายามประสานความเห็นที่แตกต่าง ทำให้เหนื่อยในการเคลียร์ อยากให้ปล่อยวางเพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจ และเป็นผลดีกับเรา ถ้ารวมใจกันชนะได้เหมือนบางจังหวัดที่เรารวมกันได้ก็ชนะ แต่จังหวัดที่มีความขัดแย้ง เพราะไม่ยอมกัน เราแตกสามัคคี
    .
    "ดังนั้นอยากให้ทุกคนปล่อยวาง ลดตัวตนของตัวเอง ความคิดความอ่านเพื่อให้เห็นแก่พรรค แก่ส่วนรวม"
    .
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย แสดงความคิดเห็นว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นที่่ผ่านมาว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรตอนนี้ทุกอย่างจบแล้วต้องมองไปข้างหน้า แข่งขันกันเสร็จก็กลับมาทำงาน ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองด้วยกันต่อไป
    .
    "ไม่มีหรอกสิ้นมนต์ขลัง จอมยุทธ์ก็คือจอมยุทธ์ ใครลองไปว่าท่านสิ้นมนต์ขลังดู คงจะประสบความหายนะอย่างยิ่ง อย่างที่ไม่เคยคาดการณ์หรือประมาณอะไรได้ ไม่มีหรอกครับ ยิ่งน่ากลัว" นายอนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าทักษิณสิ้นมนต์ขลังแล้วหรือไม่
    ..............
    Sondhi X
    'เสื้อแดง-เพื่อไทย' แตก แพ้เลือกตั้งท้องถิ่น 'อนุทิน' ไม่ประมาท 'ทักษิณ' . ความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษของพรรคเพื่อไทยนั้นถือว่าก่อให้เกิดผลกระทบทางการเมืองตามมาพอสมควร โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคนเสื้อแดงจังหวัดศรีสะเกษออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะส.ส.พรรคเพื่อไทยด้อยค่ามวลชนในพื้นที่ . จากประเด็นดังกล่าวทำให้นายอรรถชัย อนันตเมฆ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นกรณี แกนนำคนเสื้อแดงศรีสะเกษแถลงข่าวถูกคนในเพื่อไทยด้อยค่า ไม่ให้เกียรติ โดยระบุว่า "ขอพูดตรงๆ ในฐานะคนเสื้อแดง ผมเองก็พบเจ เรื่องแบบที่แกนนำศรีสะเกษพูดว่า ไม่ให้เกียรติคนเสื้อแดง กลับจากต่างประเทศ เข้าพรรควันแรกได้ยินคนในพรรคสอนว่าอย่าแดงมาก ไม่เชื่อหู นึกว่าเข้าพรรคผิดผมไม่สนใจ เดินหน้าแดงต่อไป . "ในการเลือกตั้ง ปี’66 จน จบภารกิจจนถึงเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก จนเลือก นายก อบจ.ครั้งนี้ จะไปช่วยหาเสียง เดินทางไปเอง แท้ๆ ยังไม่มี ที่ยืนแม้แต่ถ่ายรูป ไม่เกี่ยวกับ คุณทักษิณนะครับ คุณทักษิณ ไปไหนยังถามหาพี่น้องเราเสมอ ไม่เคยลืม ยังจำพี่น้องเราได้แม้ แต่แกนนำ เล็กๆ แต่คือ คนในพรรควันนี้ คนของพรรคชุดนี้ทำอะไร ไม่เคยคิดถึงใจคนเสื้อแดง เป็นมุ้งเป็นเหล่า เอาแต่พวกอุดมการณ์คืออะไร ไม่ชัดเจน เสื้อแดงไม่ต้องการอะไร แค่ให้เกียรติกันบ้าง เท่านั้นยังไม่มี ที่บอกไม่มีอุดมการณ์ไม่ใช่ใส่ความ แต่ได้ยินกับหู ช่วงส้มกำลังตึง คนในพรรคบอก “ไม่เอาแดง" อย่าแดงมาก รวมทั้งการเอาฝ่ายตรงข้ามมา มีบทบาทในพรรค นอกพรรค…ทั้งที่คนเหล่านั้น คือ นกหวีด สลิ่ม ไม่ต้องมาให้ตำแหน่ง อะไรกับคนเสื้อแดง แต่เอาฝ่ายตรงข้าม มามีตำแหน่ง นี่ผมยังอึ้งคนในพรรคเปลี่ยนไปได้ขนาดนั่น" . ด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับส.ส.ของพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่งว่า เลือกตั้งนายก อบจ.มีแพ้ มีชนะ ครั้งนี้พรรคทำเต็มที่ พยายามประสานความเห็นที่แตกต่าง ทำให้เหนื่อยในการเคลียร์ อยากให้ปล่อยวางเพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจ และเป็นผลดีกับเรา ถ้ารวมใจกันชนะได้เหมือนบางจังหวัดที่เรารวมกันได้ก็ชนะ แต่จังหวัดที่มีความขัดแย้ง เพราะไม่ยอมกัน เราแตกสามัคคี . "ดังนั้นอยากให้ทุกคนปล่อยวาง ลดตัวตนของตัวเอง ความคิดความอ่านเพื่อให้เห็นแก่พรรค แก่ส่วนรวม" . ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย แสดงความคิดเห็นว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นที่่ผ่านมาว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรตอนนี้ทุกอย่างจบแล้วต้องมองไปข้างหน้า แข่งขันกันเสร็จก็กลับมาทำงาน ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองด้วยกันต่อไป . "ไม่มีหรอกสิ้นมนต์ขลัง จอมยุทธ์ก็คือจอมยุทธ์ ใครลองไปว่าท่านสิ้นมนต์ขลังดู คงจะประสบความหายนะอย่างยิ่ง อย่างที่ไม่เคยคาดการณ์หรือประมาณอะไรได้ ไม่มีหรอกครับ ยิ่งน่ากลัว" นายอนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าทักษิณสิ้นมนต์ขลังแล้วหรือไม่ .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2064 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" ยัน กฟภ. ไม่มีอำนาจตัดไฟเอง (04/02/68) #news1 #ตัดไฟชายเเดนเมียนมา
    "อนุทิน" ยัน กฟภ. ไม่มีอำนาจตัดไฟเอง (04/02/68) #news1 #ตัดไฟชายเเดนเมียนมา
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 716 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • โรม ซัด อนุทิน ลอยหน้าลอยตาปมตัดไฟเมียนมา (04/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ตัดไฟเมียนมา #แก๊งค์คอลเซนเตอร์
    โรม ซัด อนุทิน ลอยหน้าลอยตาปมตัดไฟเมียนมา (04/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ตัดไฟเมียนมา #แก๊งค์คอลเซนเตอร์
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • “อนุทิน” สวน “ภูมิธรรม” แจงหยุดจ่ายไฟเข้าเมียนมาต้องมีคำสั่งจาก สมช. ยัน กฟภ.ไม่มีอำนาจทำเอง ย้ำจะให้ตัดไฟจุดไหนต้องแจ้งมาให้ถูกต้อง
    .
    เมื่อเวลา 09.42 น. วันที่ 4 ก.พ. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีอำนาจสั่งหยุดจ่ายไฟในชายแดนเมียนมาได้ในวันนี้ ภายหลังสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พบว่า มีการเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า ตนคิดว่าสื่อมวลชนรอการตัดสินใจจาก สมช.ดีที่สุด เพราะเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) มีการประชุม สมช. เป็นที่เรียบร้อยและมีความคิดเห็นที่ตรงกันทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม โดย สมช. จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมด และนำเสนอนายภูมิธรรม ในฐานะประธาน สมช. และมีข้อสั่งการอย่างไรมาก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม แต่ไม่ใช่ว่าจะให้ กฟภ.ไปหยุดจ่ายไฟเองได้ คงจะไม่ใช่แน่นอน
    .
    เมื่อถามอีกว่า เมื่อมีขั้นตอนที่ นายภูมิธรรม อนุมัติมาจะสามารถหยุดจ่ายไฟได้เลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ถูกต้อง จะต้องมีการสั่งการที่มีกฎหมายรองรับ
    .
    เมื่อถามอีกว่า กรณีที่ สมช.ระบุว่า หากจะหยุดจ่ายไฟต้องมีหลักฐานและลงพื้นที่ตรวจสอบก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า สมช. ได้เรียกหน่วยงานเข้ามาประชุมแล้ว และได้มีข้อสรุปออกมาแล้ว โดยหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม ก็ได้กลับมารายงานผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยงานแล้ว ในส่วนของกรณีกระทรวงมหาดไทย ได้มี นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม และท่านก็เป็นนักกฏหมายอยู่แล้ว โดยได้ให้ความคิดเห็นในส่วนของกระทรวงมหาดไทยไปซึ่งทุกฝ่ายก็ยอมรับ ย้ำว่า สมช.ได้ระบุว่าจะรวบรวมข้อมูลทุกอย่างและจะนำเสนอนายภูมิธรรมทั้งหมดนี้ต้องมีการสั่งการลงมา เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติ
    .
    เมื่อถามอีกว่า หากจะมีการหยุดจ่ายไฟในวันนี้จะเป็นการหยุดจ่ายไฟในพื้นที่ใด นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ตามรายงาน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายงาน หรือคำสั่งใดเข้ามา และยังไม่มีการชี้จุดว่าแหล่งที่ทำผิดกฏหมาย ที่ใช้ไฟจากประเทศไทย และเกิดผลกระทบที่เสียหายต่อประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในอดีตที่ผ่านมาก็ได้มีการหยุดจ่ายไฟไปแล้ว ฉะนั้น การหยุดจ่ายไฟ แต่ประเทศไทยที่มีการพิสูจน์ทราบได้ชัดและมีการแจ้งแหล่งที่มาอย่างถูกต้องก็ดำเนินการแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่หากจะมีการหยุดจ่ายไฟเพิ่ม แต่ก็ต้องมีการแจ้งมาอย่างถูกต้อง
    .
    เมื่อถามอีกว่า กรณีที่ นายภูมิธรรม ระบุว่า จะมีการหยุดจ่ายไฟในพื้นที่ภายในวันนี้นั้น ยังไม่เห็นรายละเอียดใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด ซึ่งก็ต้องมีการแจ้งมาทางกระทรวงมหาดไทย และ กฟภ.
    .
    เมื่อถามอีกว่า ระยะเวลาในการที่จะมาแจ้งให้ทราบ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องถาม นายภูมิธรรม เพราะนายภูมิธรรมหากได้รับทราบรายงานก็คงจะต้องมีการพิจารณาและมีการสั่งการ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011254
    .........
    Sondhi X
    “อนุทิน” สวน “ภูมิธรรม” แจงหยุดจ่ายไฟเข้าเมียนมาต้องมีคำสั่งจาก สมช. ยัน กฟภ.ไม่มีอำนาจทำเอง ย้ำจะให้ตัดไฟจุดไหนต้องแจ้งมาให้ถูกต้อง . เมื่อเวลา 09.42 น. วันที่ 4 ก.พ. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีอำนาจสั่งหยุดจ่ายไฟในชายแดนเมียนมาได้ในวันนี้ ภายหลังสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พบว่า มีการเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า ตนคิดว่าสื่อมวลชนรอการตัดสินใจจาก สมช.ดีที่สุด เพราะเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) มีการประชุม สมช. เป็นที่เรียบร้อยและมีความคิดเห็นที่ตรงกันทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม โดย สมช. จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมด และนำเสนอนายภูมิธรรม ในฐานะประธาน สมช. และมีข้อสั่งการอย่างไรมาก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม แต่ไม่ใช่ว่าจะให้ กฟภ.ไปหยุดจ่ายไฟเองได้ คงจะไม่ใช่แน่นอน . เมื่อถามอีกว่า เมื่อมีขั้นตอนที่ นายภูมิธรรม อนุมัติมาจะสามารถหยุดจ่ายไฟได้เลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ถูกต้อง จะต้องมีการสั่งการที่มีกฎหมายรองรับ . เมื่อถามอีกว่า กรณีที่ สมช.ระบุว่า หากจะหยุดจ่ายไฟต้องมีหลักฐานและลงพื้นที่ตรวจสอบก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า สมช. ได้เรียกหน่วยงานเข้ามาประชุมแล้ว และได้มีข้อสรุปออกมาแล้ว โดยหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม ก็ได้กลับมารายงานผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยงานแล้ว ในส่วนของกรณีกระทรวงมหาดไทย ได้มี นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม และท่านก็เป็นนักกฏหมายอยู่แล้ว โดยได้ให้ความคิดเห็นในส่วนของกระทรวงมหาดไทยไปซึ่งทุกฝ่ายก็ยอมรับ ย้ำว่า สมช.ได้ระบุว่าจะรวบรวมข้อมูลทุกอย่างและจะนำเสนอนายภูมิธรรมทั้งหมดนี้ต้องมีการสั่งการลงมา เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติ . เมื่อถามอีกว่า หากจะมีการหยุดจ่ายไฟในวันนี้จะเป็นการหยุดจ่ายไฟในพื้นที่ใด นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ตามรายงาน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายงาน หรือคำสั่งใดเข้ามา และยังไม่มีการชี้จุดว่าแหล่งที่ทำผิดกฏหมาย ที่ใช้ไฟจากประเทศไทย และเกิดผลกระทบที่เสียหายต่อประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในอดีตที่ผ่านมาก็ได้มีการหยุดจ่ายไฟไปแล้ว ฉะนั้น การหยุดจ่ายไฟ แต่ประเทศไทยที่มีการพิสูจน์ทราบได้ชัดและมีการแจ้งแหล่งที่มาอย่างถูกต้องก็ดำเนินการแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่หากจะมีการหยุดจ่ายไฟเพิ่ม แต่ก็ต้องมีการแจ้งมาอย่างถูกต้อง . เมื่อถามอีกว่า กรณีที่ นายภูมิธรรม ระบุว่า จะมีการหยุดจ่ายไฟในพื้นที่ภายในวันนี้นั้น ยังไม่เห็นรายละเอียดใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด ซึ่งก็ต้องมีการแจ้งมาทางกระทรวงมหาดไทย และ กฟภ. . เมื่อถามอีกว่า ระยะเวลาในการที่จะมาแจ้งให้ทราบ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องถาม นายภูมิธรรม เพราะนายภูมิธรรมหากได้รับทราบรายงานก็คงจะต้องมีการพิจารณาและมีการสั่งการ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011254 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1856 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'รู้ผลาญ' แต่ 'หน้าที่' ไม่รู้
    1 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 0:01 น.

    ถ้า "แทงหวยแม่น" เหมือนที่้เคยบอก....
    ว่าทักษิณจะอ้างเหตุ "ที่ปรึกษาประธานอาเซียน" ขออนุญาตศาล บินออกนอกประเทศนั่นละก็
    วันนี้ผมรวย ชนิดเลี้ยงหมาจรจัดได้ทั้งประเทศ  บอกไม่เชื่อ!
    เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๘) ศาลอาญามีคำสั่งว่า
    "พิเคราะห์ข้อเท็จจริงในทางไต่สวนแล้ว จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน โดยมี "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" มาเบิกความสนับสนุน
    พร้อมพยานเอกสารยืนยันให้เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ ๒-๓ ก.พ.๖๘ 
    เห็นว่า ช่วงเวลาที่จำเลยขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไม่กระทบต่อวันนัดพิจารณาคดี 
    เหตุผลและความจำเป็นที่จำเลยอ้าง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐ
    กรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ตามที่ขอ 
    โดยวางหลักประกันตามที่เสนอ และให้มารายงานตัวภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย
    แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ" 
    "๕ ล้านบาท" คือหลักประกันว่าทักษิณจะไม่หนี!
    เอ้า...
    ใครจะตกลง-ต่อรองหรือจะเสนออะไร ทางธุรกิจ-ลงทุน ไม่ว่าจะบ่อน จะพนันออนไลน์ จะทำ "ปฏิญญามาเลย์"
    ก็ไปเจอกันที่นั่นตามวัน-เวลานัดหมายละกัน
    กลับมาเรื่อง "รัฐบาลไทย" ที่ต้องให้จีนส่งคนเข้ามาใช้ "ฝ่ามือทิพย์" ลูบหน้า สอนรู้จักหน้าที่ ที่ "รัฐบาล (ถ้ามี) ความโปร่งใส" ควรทำ
    เรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งพนันทุกรูปแบบ แก๊งฟอกเงิน ซึ่ง "จีนเทา" เข้าไปสร้าง "เมืองคนบาป" ในฝั่งพม่าตรงข้าม "แม่สอด-แม่สาย"
    และใช้ไทย "เป็นประตู" หลอกเหยื่อไปบังคับเป็น "ทาสมนุษย์" ผ่านทางชายแดนไทย
    ทั้งน้ำ-ทั้งไฟ-ทั้งเน็ต บริการจากฝั่งไทยครบวงจร!
    โลกเดือดร้อน โดยเฉพาะจีน เพราะคนของเขา ถูก "จีนเทา" ซึ่งก็คนของเขา หลอกพวกเดียวกันเองไปเป็นเหยื่อมากที่สุด
    จะว่าไป ต้นตอของเรื่องอยู่ในพม่า กลุ่มก่อเหตุ ก็กลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า เชื้อสายจีน สมคบพวกจีน แต่เป็น "แก๊งจีนเทา" จีนก็ควรไปจัดการจีนกันเอง
    ความจริง ก็ควรเป็นเช่นนั้น....
    แต่ที่มันไม่เป็น เพราะจีนเทา ใช้ไทยเป็น "ประตูเข้า-ออก" ตามด่านต่างๆ "ไฟฟ้า-เน็ต" ก็ไปจากไทย
    แทนที่ไทยจะแก้ปัญหาแก๊งจีนเทาใช้เป็นฐาน หัว-คือรัฐบาลกลับส่าย หาง-เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ก็เลยกระดิกตามไปทุกระดับชั้น
    ถึงขั้น ธุรกิจเครือข่ายนักการเมืองรัฐบาล ขายบ้านจัดสรรให้จีนเทา "ยกทั้งโครงการ" ด้วยซ้ำ!
    "จีน" อดรนทนไม่ไหว ต้องส่งคณะ "ความมั่นคง" เข้ามาลูบหน้าถึงในประเทศ
    ผมเท้าความให้ทราบคร่าวๆ ส่วนประเด็นคุยวันนี้ มีว่า
    แล้วประเทศชาติ (กู) จะอยู่ได้อย่างไร?
    ในเมื่อ มี "ผู้นำรัฐบาล" ไม่รู้ว่าห่า คืออะไร ไม่รู้ว่าเหวคืออะไร แล้วจะให้รู้จัก "บทบาท-หน้าที่" ผู้นำบริหารได้อย่างไร?
    ก็ยกยอ-ปอปั้น "เด็กวานซืน" ที่ไม่รู้กระทั่งว่า "วัวต่างกับควาย" ตรงไหน ให้เป็น "ผู้นำบริหาร" ประเทศ!!!
    เมื่อมีเรื่องด้าน "ความมั่นคง" ต้องตัดสินใจ ประเด็นว่า ไทยควร "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมียวดี ชเวก๊กโก ด้านแม่สอด ตาก, ท่าขี้เหล็ก ด้านแม่สาย เชียงราย
    ปัญหาที่เกิดตามมา คือ...
    "แล้วใครล่ะ" มี "อำนาจหน้าที่" สั่งการในเรื่องนี้?
    ทั้งรัฐบาล ทั้งข้าราชการ "ทุกระดับ" ไม่ใช่กู ทั้งนั้น!
    เมื่อต้องหาใครซักคนมาเป็นแพะเพื่อเชือด-เพื่อด่า ก็ "การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค" นี่ละวะ!
    กฟภ.ขึ้นกับมหาดไทยนี่หว่า งั้น "นายอนุทิน" รัฐมนตรีมหาดไทยนี่แหละ ต้องไปสั่งตัด
    ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ก็เลยรุมสกรัมนายอนุทิน เป็นการสกัดดาวรุ่งตัวชิงบัลลังก์การเมืองกันคนละตุ้บ-ละตั้บ
    กฟภ.ซึ่ง "เนื้อไม่ได้กิน แต่ถูกเขาเอากระดูกแขวนคอ" ทนไม่ไหว เลยออกมาแฉ
    "ตัด-ไม่ตัด" อยู่ที่ฝ่าย "ความมั่นคง" โน่น!
    ตามอำนาจหน้าที่ "เรื่องความมั่นคง" เป็นเรื่องของ สมช.คือ "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" ที่ "นายฉัตรชัย บางชวด" เป็นเลขาธิการฯ อยู่ขณะนี้
    แต่อย่าเพิ่งทึกทักนายฉัตรชัยเป็นแพะตัวที่ ๒  เขาเป็นแค่เลขาฯ เท่านั้น
    งั้น...ใครล่ะ "ใหญ่สุด" ใน สมช. มีอำนาจชี้เป็น-ชี้ตาย?
    ก็คณะบุคคลที่ประกอบกันเป็นสมาชิก "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" นั่นไง ตามตำแหน่งนี้แหละ
    ๑.นายกรัฐมนตรี ประธาน ๒.รองนายกฯ รองประธาน
    ๓.รมว.กลาโหม ๔.รมว.คลัง ๕.รมว.ต่างประเทศ
    ๖.รมว.คมนาคม ๗.รมว.ดิจิทัลฯ ๘.รมว.มหาดไทย
    ๙.รมว.ยุติธรรม ๑๐.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นสมาชิก
    ๑๑.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาฯ
    นี่คือ ๑๑ เสือ สมช.หรือ ๑๑ แมว ก็ไม่รู้นะ แต่อนาคตประเทศชาติบนความมั่นคง อยู่ในมือ ๑๑ เสือแมว นี้แหละ
    แล้ว "สภาความมั่นคงฯ" มีหน้าที่อะไร?
    เอาที่ตรงสเปกเรื่องร้อนตอนนี้มาให้ดูซัก ๔ อย่าง
    -กำหนดแนวทาง, มาตรการป้องกัน, แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เสนอนายกฯ หรือ ครม.พิจารณา
    -ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในเชิงยุทธศาสตร์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ
    -กำกับและติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
    -ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้และกฎหมายอื่นหรือตามที่นายกฯ หรือ ครม.มอบหมาย
    สรุป นายกฯ แพทองธาร ประธาน สมช.และหัวหน้า ครม.นั่นแหละ มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ที่จะสั่ง "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมืองคนบาป
    อยากเป็นผู้นำ อย่าเอาแต่ "หลุบหัว-หลุบหาง" ออกจอจ้อแต่เรื่องสวะเอาหน้า แต่กับเรื่อง "เอาชาติบ้านเมือง" กลับผลุบหาย!
    เนี่ย ตอนนี้ ก็เลยโทษกันวุ่น นายกฯ ก็ไม่เกี่ยว  ภูมิธรรมก็ไม่เกี่ยว สมช.ก็ไม่เกี่ยว
    มีแต่นายอนุทิน กับ กฟภ.เท่านั้นเกี่้ยว เห็นแล้ว มันโคตรระยำแมวเลย!
    รองจากนายกฯ ก็ "นายภูมิธรรม" มีหน้าที่รับผิดชอบเต็มสองพระบาท
    เพราะนายกฯ มอบให้กำกับดูแล "กระทรวงเกี่ยวกับด้านความมั่นคง" และ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
    เรื่องในหน้าที่ตัว แต่เงียบกริ๊บ ไม่เก่งเหมือนตอนเป็นฝ่ายแค้น ที่ออกมาคุยโต เบ่งทับรัฐบาลประยุทธ์เลย!
    เอาข่าวเมื่อ ๑๑ พ.ย.๖๗ มาให้นายภูมิธรรมอ่าน เผื่อต่อมสำนึกจะทำงาน
    ...................................
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหม ได้นำ นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม
    พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
    เดินดูห้องทำงานของแต่ละคนภายในตึกบัญชาการ ๑ จากนั้น นายภูมิธรรมได้มอบนโยบายและแบ่งงาน
    -พล.อ.นิพัทธ์ ดูกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
    -พล.ต.อ.รอย ดูงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
    -พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ดูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
    ...................................
    ทั้งหมดนี้ สรุปลงในคำถามว่า "Where the hell are you?"
    ประเทศที่รัฐบาลเอาแต่อำนาจ แต่ไม่รู้หน้าที่
    ประเทศที่นักการเมือง, ข้าราชการ, ทหาร-ตำรวจ รู้แต่เอาตัวรอด บ้านเมืองช่างมัน
    ประเทศที่มีแต่ประชาชนรอเงินแจก-บูชาโจร
    แล้วประเทศ (กู) จะรอดมั้ยเนี่ย?
    เปลว สีเงิน
    ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
    วันเสาร์ที่ปลายซอย

    เปลว สีเงิน
    'รู้ผลาญ' แต่ 'หน้าที่' ไม่รู้ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 0:01 น. ถ้า "แทงหวยแม่น" เหมือนที่้เคยบอก.... ว่าทักษิณจะอ้างเหตุ "ที่ปรึกษาประธานอาเซียน" ขออนุญาตศาล บินออกนอกประเทศนั่นละก็ วันนี้ผมรวย ชนิดเลี้ยงหมาจรจัดได้ทั้งประเทศ  บอกไม่เชื่อ! เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๘) ศาลอาญามีคำสั่งว่า "พิเคราะห์ข้อเท็จจริงในทางไต่สวนแล้ว จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน โดยมี "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" มาเบิกความสนับสนุน พร้อมพยานเอกสารยืนยันให้เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ ๒-๓ ก.พ.๖๘  เห็นว่า ช่วงเวลาที่จำเลยขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไม่กระทบต่อวันนัดพิจารณาคดี  เหตุผลและความจำเป็นที่จำเลยอ้าง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐ กรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ตามที่ขอ  โดยวางหลักประกันตามที่เสนอ และให้มารายงานตัวภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ"  "๕ ล้านบาท" คือหลักประกันว่าทักษิณจะไม่หนี! เอ้า... ใครจะตกลง-ต่อรองหรือจะเสนออะไร ทางธุรกิจ-ลงทุน ไม่ว่าจะบ่อน จะพนันออนไลน์ จะทำ "ปฏิญญามาเลย์" ก็ไปเจอกันที่นั่นตามวัน-เวลานัดหมายละกัน กลับมาเรื่อง "รัฐบาลไทย" ที่ต้องให้จีนส่งคนเข้ามาใช้ "ฝ่ามือทิพย์" ลูบหน้า สอนรู้จักหน้าที่ ที่ "รัฐบาล (ถ้ามี) ความโปร่งใส" ควรทำ เรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งพนันทุกรูปแบบ แก๊งฟอกเงิน ซึ่ง "จีนเทา" เข้าไปสร้าง "เมืองคนบาป" ในฝั่งพม่าตรงข้าม "แม่สอด-แม่สาย" และใช้ไทย "เป็นประตู" หลอกเหยื่อไปบังคับเป็น "ทาสมนุษย์" ผ่านทางชายแดนไทย ทั้งน้ำ-ทั้งไฟ-ทั้งเน็ต บริการจากฝั่งไทยครบวงจร! โลกเดือดร้อน โดยเฉพาะจีน เพราะคนของเขา ถูก "จีนเทา" ซึ่งก็คนของเขา หลอกพวกเดียวกันเองไปเป็นเหยื่อมากที่สุด จะว่าไป ต้นตอของเรื่องอยู่ในพม่า กลุ่มก่อเหตุ ก็กลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า เชื้อสายจีน สมคบพวกจีน แต่เป็น "แก๊งจีนเทา" จีนก็ควรไปจัดการจีนกันเอง ความจริง ก็ควรเป็นเช่นนั้น.... แต่ที่มันไม่เป็น เพราะจีนเทา ใช้ไทยเป็น "ประตูเข้า-ออก" ตามด่านต่างๆ "ไฟฟ้า-เน็ต" ก็ไปจากไทย แทนที่ไทยจะแก้ปัญหาแก๊งจีนเทาใช้เป็นฐาน หัว-คือรัฐบาลกลับส่าย หาง-เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ก็เลยกระดิกตามไปทุกระดับชั้น ถึงขั้น ธุรกิจเครือข่ายนักการเมืองรัฐบาล ขายบ้านจัดสรรให้จีนเทา "ยกทั้งโครงการ" ด้วยซ้ำ! "จีน" อดรนทนไม่ไหว ต้องส่งคณะ "ความมั่นคง" เข้ามาลูบหน้าถึงในประเทศ ผมเท้าความให้ทราบคร่าวๆ ส่วนประเด็นคุยวันนี้ มีว่า แล้วประเทศชาติ (กู) จะอยู่ได้อย่างไร? ในเมื่อ มี "ผู้นำรัฐบาล" ไม่รู้ว่าห่า คืออะไร ไม่รู้ว่าเหวคืออะไร แล้วจะให้รู้จัก "บทบาท-หน้าที่" ผู้นำบริหารได้อย่างไร? ก็ยกยอ-ปอปั้น "เด็กวานซืน" ที่ไม่รู้กระทั่งว่า "วัวต่างกับควาย" ตรงไหน ให้เป็น "ผู้นำบริหาร" ประเทศ!!! เมื่อมีเรื่องด้าน "ความมั่นคง" ต้องตัดสินใจ ประเด็นว่า ไทยควร "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมียวดี ชเวก๊กโก ด้านแม่สอด ตาก, ท่าขี้เหล็ก ด้านแม่สาย เชียงราย ปัญหาที่เกิดตามมา คือ... "แล้วใครล่ะ" มี "อำนาจหน้าที่" สั่งการในเรื่องนี้? ทั้งรัฐบาล ทั้งข้าราชการ "ทุกระดับ" ไม่ใช่กู ทั้งนั้น! เมื่อต้องหาใครซักคนมาเป็นแพะเพื่อเชือด-เพื่อด่า ก็ "การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค" นี่ละวะ! กฟภ.ขึ้นกับมหาดไทยนี่หว่า งั้น "นายอนุทิน" รัฐมนตรีมหาดไทยนี่แหละ ต้องไปสั่งตัด ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ก็เลยรุมสกรัมนายอนุทิน เป็นการสกัดดาวรุ่งตัวชิงบัลลังก์การเมืองกันคนละตุ้บ-ละตั้บ กฟภ.ซึ่ง "เนื้อไม่ได้กิน แต่ถูกเขาเอากระดูกแขวนคอ" ทนไม่ไหว เลยออกมาแฉ "ตัด-ไม่ตัด" อยู่ที่ฝ่าย "ความมั่นคง" โน่น! ตามอำนาจหน้าที่ "เรื่องความมั่นคง" เป็นเรื่องของ สมช.คือ "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" ที่ "นายฉัตรชัย บางชวด" เป็นเลขาธิการฯ อยู่ขณะนี้ แต่อย่าเพิ่งทึกทักนายฉัตรชัยเป็นแพะตัวที่ ๒  เขาเป็นแค่เลขาฯ เท่านั้น งั้น...ใครล่ะ "ใหญ่สุด" ใน สมช. มีอำนาจชี้เป็น-ชี้ตาย? ก็คณะบุคคลที่ประกอบกันเป็นสมาชิก "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" นั่นไง ตามตำแหน่งนี้แหละ ๑.นายกรัฐมนตรี ประธาน ๒.รองนายกฯ รองประธาน ๓.รมว.กลาโหม ๔.รมว.คลัง ๕.รมว.ต่างประเทศ ๖.รมว.คมนาคม ๗.รมว.ดิจิทัลฯ ๘.รมว.มหาดไทย ๙.รมว.ยุติธรรม ๑๐.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นสมาชิก ๑๑.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาฯ นี่คือ ๑๑ เสือ สมช.หรือ ๑๑ แมว ก็ไม่รู้นะ แต่อนาคตประเทศชาติบนความมั่นคง อยู่ในมือ ๑๑ เสือแมว นี้แหละ แล้ว "สภาความมั่นคงฯ" มีหน้าที่อะไร? เอาที่ตรงสเปกเรื่องร้อนตอนนี้มาให้ดูซัก ๔ อย่าง -กำหนดแนวทาง, มาตรการป้องกัน, แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เสนอนายกฯ หรือ ครม.พิจารณา -ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในเชิงยุทธศาสตร์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ -กำกับและติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ -ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้และกฎหมายอื่นหรือตามที่นายกฯ หรือ ครม.มอบหมาย สรุป นายกฯ แพทองธาร ประธาน สมช.และหัวหน้า ครม.นั่นแหละ มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ที่จะสั่ง "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมืองคนบาป อยากเป็นผู้นำ อย่าเอาแต่ "หลุบหัว-หลุบหาง" ออกจอจ้อแต่เรื่องสวะเอาหน้า แต่กับเรื่อง "เอาชาติบ้านเมือง" กลับผลุบหาย! เนี่ย ตอนนี้ ก็เลยโทษกันวุ่น นายกฯ ก็ไม่เกี่ยว  ภูมิธรรมก็ไม่เกี่ยว สมช.ก็ไม่เกี่ยว มีแต่นายอนุทิน กับ กฟภ.เท่านั้นเกี่้ยว เห็นแล้ว มันโคตรระยำแมวเลย! รองจากนายกฯ ก็ "นายภูมิธรรม" มีหน้าที่รับผิดชอบเต็มสองพระบาท เพราะนายกฯ มอบให้กำกับดูแล "กระทรวงเกี่ยวกับด้านความมั่นคง" และ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เรื่องในหน้าที่ตัว แต่เงียบกริ๊บ ไม่เก่งเหมือนตอนเป็นฝ่ายแค้น ที่ออกมาคุยโต เบ่งทับรัฐบาลประยุทธ์เลย! เอาข่าวเมื่อ ๑๑ พ.ย.๖๗ มาให้นายภูมิธรรมอ่าน เผื่อต่อมสำนึกจะทำงาน ................................... นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหม ได้นำ นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เดินดูห้องทำงานของแต่ละคนภายในตึกบัญชาการ ๑ จากนั้น นายภูมิธรรมได้มอบนโยบายและแบ่งงาน -พล.อ.นิพัทธ์ ดูกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) -พล.ต.อ.รอย ดูงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง -พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ดูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ................................... ทั้งหมดนี้ สรุปลงในคำถามว่า "Where the hell are you?" ประเทศที่รัฐบาลเอาแต่อำนาจ แต่ไม่รู้หน้าที่ ประเทศที่นักการเมือง, ข้าราชการ, ทหาร-ตำรวจ รู้แต่เอาตัวรอด บ้านเมืองช่างมัน ประเทศที่มีแต่ประชาชนรอเงินแจก-บูชาโจร แล้วประเทศ (กู) จะรอดมั้ยเนี่ย? เปลว สีเงิน ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ วันเสาร์ที่ปลายซอย เปลว สีเงิน
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุทิน" บอกเป็นธรรมดา "รัฐบาลผสม" ไม่ทันใจ "ทักษิณ" ชี้คงไม่ชิน ไปอยู่ตปท.นาน 17 ปี 31/01/68 #อนุทิน #รัฐบาลผสม #ทักษิณ
    "อนุทิน" บอกเป็นธรรมดา "รัฐบาลผสม" ไม่ทันใจ "ทักษิณ" ชี้คงไม่ชิน ไปอยู่ตปท.นาน 17 ปี 31/01/68 #อนุทิน #รัฐบาลผสม #ทักษิณ
    Like
    Love
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 866 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • 'ทรัมป์' ตัดงบมนุษยธรรม 'ไทย' พร้อมช่วยผู้ลี้ภัย ลั่นต้องไม่มีใครตาย
    .
    การประกาศตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายๆด้านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบมาถึงโรงพยาบาลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนทันที ซึ่งในประเด็นนี้ท่าทีของรัฐบาลไทยยังคงมั่นใจว่าจะยังสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามปกติ
    .
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน การให้ความสำคัญกับด้านมนุษยธรรมไม่มีใครใส่ใจดีเท่ากับประเทศไทย ในการดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในกรณีที่คนที่ไม่ใช่คนไทยแล้วประสบสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด สภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่
    .
    "สหรัฐอเมริกาจะประกาศอะไรก็เป็นเรื่องของนโยบายเขา แต่ถ้าระบบสาธารณสุขไทยจะไม่มีการปล่อยให้ใครต้องมาเสียชีวิตในประเทศของเรา โดยที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศของเรา" นายอนุทิน ระบุ
    .
    ทั้งนี้ นายอนุทิน มั่นใจว่าการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยถึงขนาดที่จะมีผู้ลี้ภียทะลักเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะมีการป้องกันชายแดนไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้ามาเพราะหนีความรุนแรง เราก็จะขีดเส้นว่าเขาสามารถอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนด และสถานการณ์เปิดก็จะส่งตัวกลับประเทศ
    .
    ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำมาเลเซียถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่เป็นความท้าทายของอาเซียนในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอาเซียนอย่างไร
    .
    "สิ่งไหนที่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ก็จะต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว
    ..............
    Sondhi X
    'ทรัมป์' ตัดงบมนุษยธรรม 'ไทย' พร้อมช่วยผู้ลี้ภัย ลั่นต้องไม่มีใครตาย . การประกาศตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายๆด้านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ส่งผลกระทบมาถึงโรงพยาบาลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนทันที ซึ่งในประเด็นนี้ท่าทีของรัฐบาลไทยยังคงมั่นใจว่าจะยังสามารถให้ความช่วยเหลือได้ตามปกติ . นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ส่วนตัวในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน การให้ความสำคัญกับด้านมนุษยธรรมไม่มีใครใส่ใจดีเท่ากับประเทศไทย ในการดูแลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ในกรณีที่คนที่ไม่ใช่คนไทยแล้วประสบสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด สภาวะที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่มีทางเลือกอื่น เราก็ให้การดูแลอย่างเต็มที่ . "สหรัฐอเมริกาจะประกาศอะไรก็เป็นเรื่องของนโยบายเขา แต่ถ้าระบบสาธารณสุขไทยจะไม่มีการปล่อยให้ใครต้องมาเสียชีวิตในประเทศของเรา โดยที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ ยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศของเรา" นายอนุทิน ระบุ . ทั้งนี้ นายอนุทิน มั่นใจว่าการให้ความช่วยเหลือของประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยถึงขนาดที่จะมีผู้ลี้ภียทะลักเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เพราะมีการป้องกันชายแดนไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นกรณีเข้ามาเพราะหนีความรุนแรง เราก็จะขีดเส้นว่าเขาสามารถอยู่ได้ในบริเวณที่กำหนด และสถานการณ์เปิดก็จะส่งตัวกลับประเทศ . ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำมาเลเซียถึงนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่เป็นความท้าทายของอาเซียนในการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกัน ว่าจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอาเซียนอย่างไร . "สิ่งไหนที่เป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ก็จะต้องมีการหารือกันเพื่อแก้ปัญหา" นายภูมิธรรม กล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2231 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพ 'ทักษิณ-แพทองธาร' ถ่ายคู่ 'อนุทิน' ถามจะไล่หนูกี่โมง ปลุก "ตาสว่างกันสักทีเถอะชาวศรีสะเกษ" จากกรณีนายทักษิณ ปราศรัยช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งนายก อบจ. กล่าวตอนหนึ่งว่าเลือกตั้งรอบที่แล้วได้ใช้ยุทธการ "ไล่หนูตีงูเห่า"

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007939

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพ 'ทักษิณ-แพทองธาร' ถ่ายคู่ 'อนุทิน' ถามจะไล่หนูกี่โมง ปลุก "ตาสว่างกันสักทีเถอะชาวศรีสะเกษ" จากกรณีนายทักษิณ ปราศรัยช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งนายก อบจ. กล่าวตอนหนึ่งว่าเลือกตั้งรอบที่แล้วได้ใช้ยุทธการ "ไล่หนูตีงูเห่า" อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007939 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1032 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts