• จากเสื่อจริงสู่สนามเสมือน – VR Taekwondo กำลังเติบโตในมาเลเซีย

    ในงานสาธิตที่มหาวิทยาลัย APU กรุงกัวลาลัมเปอร์ นักกีฬา taekwondo ใช้ VR headset, motion sensors และ joysticks เพื่อแข่งขันกันในสนามเสมือนจริง โดยระบบจะคำนวณคะแนนจากการเตะที่แม่นยำและรวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นสามารถฝึกและแข่งขันโดยไม่ต้องเสี่ยงบาดเจ็บจากการปะทะจริง

    การแข่งขันและการยอมรับ
    Master Tony Lee ผู้ฝึกสอนทีมชาติมาเลเซียเผยว่า VR Taekwondo เริ่มได้รับความนิยมในสโมสรท้องถิ่นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมีนักกีฬามาเลเซียติดอันดับ 4 ในการแข่งขัน World Taekwondo Virtual Championships ที่สิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีการจัด การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัย ที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 19 ทีม โดยนักกีฬามาเลเซียสามารถคว้าเหรียญทองในประเภท Young Adult

    เทคโนโลยีและการฝึกซ้อม
    ระบบ VR Taekwondo ใช้ซอฟต์แวร์ VTKD ที่พัฒนาโดย World Taekwondo และบริษัท Refract Technologies จากสิงคโปร์ อุปกรณ์ประกอบด้วย node ติดตามการเคลื่อนไหว 5 จุดบนร่างกาย และต้องใช้ WiFi 6 เพื่อให้การเล่นราบรื่น ผู้ฝึกสอนย้ำว่าการแข่งขัน VR ไม่ได้แทนที่การฝึกจริง แต่ช่วยเสริมด้านความแม่นยำ, stamina และการวิเคราะห์ฟอร์มของนักกีฬา

    อนาคตของ VR Taekwondo
    สมาคม Taekwondo Malaysia และกระทรวงเยาวชนและกีฬาเตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน VR ระดับนานาชาติในปี 2026 ที่เกาหลีใต้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องค่าอุปกรณ์ที่สูง (ประมาณ RM15,000–30,000 ต่อชุด) แต่ผู้ฝึกสอนเชื่อว่า VR จะเป็น เครื่องมือเสริมการฝึกซ้อม และช่วยดึงดูดเยาวชนรุ่นใหม่เข้าสู่กีฬา taekwondo

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเกิดขึ้นของ VR Taekwondo
    ใช้ VR headset และ motion sensors แทนการปะทะจริง
    ลดความเสี่ยงบาดเจ็บและเปิดโอกาสให้เด็กเข้าร่วมมากขึ้น

    การแข่งขันและความสำเร็จ
    นักกีฬามาเลเซียติดอันดับ 4 ใน World Taekwondo Virtual Championships
    การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัยมีผู้เข้าร่วม 19 ทีม

    เทคโนโลยีที่ใช้
    ซอฟต์แวร์ VTKD พัฒนาโดย World Taekwondo และ Refract Technologies
    ใช้ node 5 จุดและ WiFi 6 เพื่อความแม่นยำ

    อนาคตและการสนับสนุน
    Taekwondo Malaysia และกระทรวงเยาวชนเตรียมส่งนักกีฬาไปแข่งที่เกาหลีใต้ปี 2026
    ค่าอุปกรณ์สูง แต่ช่วยเสริมการฝึกและดึงดูดเยาวชน

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ค่าอุปกรณ์สูง RM15,000–30,000 อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง
    VR ไม่สามารถแทนที่การฝึกจริงด้านการสัมผัสและแรงปะทะ
    ปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจทำให้การแข่งขันสะดุด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/15/from-traditional-mats-to-virtual-arenas-the-rise-of-vr-taekwondo-in-malaysia
    🥋 จากเสื่อจริงสู่สนามเสมือน – VR Taekwondo กำลังเติบโตในมาเลเซีย ในงานสาธิตที่มหาวิทยาลัย APU กรุงกัวลาลัมเปอร์ นักกีฬา taekwondo ใช้ VR headset, motion sensors และ joysticks เพื่อแข่งขันกันในสนามเสมือนจริง โดยระบบจะคำนวณคะแนนจากการเตะที่แม่นยำและรวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นสามารถฝึกและแข่งขันโดยไม่ต้องเสี่ยงบาดเจ็บจากการปะทะจริง 🎮 การแข่งขันและการยอมรับ Master Tony Lee ผู้ฝึกสอนทีมชาติมาเลเซียเผยว่า VR Taekwondo เริ่มได้รับความนิยมในสโมสรท้องถิ่นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมีนักกีฬามาเลเซียติดอันดับ 4 ในการแข่งขัน World Taekwondo Virtual Championships ที่สิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีการจัด การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัย ที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 19 ทีม โดยนักกีฬามาเลเซียสามารถคว้าเหรียญทองในประเภท Young Adult ⚡ เทคโนโลยีและการฝึกซ้อม ระบบ VR Taekwondo ใช้ซอฟต์แวร์ VTKD ที่พัฒนาโดย World Taekwondo และบริษัท Refract Technologies จากสิงคโปร์ อุปกรณ์ประกอบด้วย node ติดตามการเคลื่อนไหว 5 จุดบนร่างกาย และต้องใช้ WiFi 6 เพื่อให้การเล่นราบรื่น ผู้ฝึกสอนย้ำว่าการแข่งขัน VR ไม่ได้แทนที่การฝึกจริง แต่ช่วยเสริมด้านความแม่นยำ, stamina และการวิเคราะห์ฟอร์มของนักกีฬา 🚀 อนาคตของ VR Taekwondo สมาคม Taekwondo Malaysia และกระทรวงเยาวชนและกีฬาเตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน VR ระดับนานาชาติในปี 2026 ที่เกาหลีใต้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องค่าอุปกรณ์ที่สูง (ประมาณ RM15,000–30,000 ต่อชุด) แต่ผู้ฝึกสอนเชื่อว่า VR จะเป็น เครื่องมือเสริมการฝึกซ้อม และช่วยดึงดูดเยาวชนรุ่นใหม่เข้าสู่กีฬา taekwondo 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเกิดขึ้นของ VR Taekwondo ➡️ ใช้ VR headset และ motion sensors แทนการปะทะจริง ➡️ ลดความเสี่ยงบาดเจ็บและเปิดโอกาสให้เด็กเข้าร่วมมากขึ้น ✅ การแข่งขันและความสำเร็จ ➡️ นักกีฬามาเลเซียติดอันดับ 4 ใน World Taekwondo Virtual Championships ➡️ การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัยมีผู้เข้าร่วม 19 ทีม ✅ เทคโนโลยีที่ใช้ ➡️ ซอฟต์แวร์ VTKD พัฒนาโดย World Taekwondo และ Refract Technologies ➡️ ใช้ node 5 จุดและ WiFi 6 เพื่อความแม่นยำ ✅ อนาคตและการสนับสนุน ➡️ Taekwondo Malaysia และกระทรวงเยาวชนเตรียมส่งนักกีฬาไปแข่งที่เกาหลีใต้ปี 2026 ➡️ ค่าอุปกรณ์สูง แต่ช่วยเสริมการฝึกและดึงดูดเยาวชน ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ค่าอุปกรณ์สูง RM15,000–30,000 อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง ⛔ VR ไม่สามารถแทนที่การฝึกจริงด้านการสัมผัสและแรงปะทะ ⛔ ปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจทำให้การแข่งขันสะดุด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/15/from-traditional-mats-to-virtual-arenas-the-rise-of-vr-taekwondo-in-malaysia
    WWW.THESTAR.COM.MY
    From traditional mats to virtual arenas: The rise of VR taekwondo in Malaysia
    Malaysia's taekwondo scene is going virtual, with opponents sparring in the digital realm using VR headsets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาสิโนพนมเปญ ใต้ทุนมาเลเซีย

    การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีประเด็นนักกีฬาทีมชาติกัมพูชาสวมเสื้อแจ็กเก็ตที่มีโลโก้กาสิโน "NAGAWORLD" อยู่บนหน้าอกด้านซ้ายใต้ธงชาติกัมพูชา แม้นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย จะให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายโฆษณาการพนันตามกฎหมายไทยหรือไม่ แต่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่กัมพูชารวม 137 คน ถอนตัวออกจากการแข่งขันเสียก่อน สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในเรื่องนี้คือ นากาเวิลด์ เป็นกาสิโนหนึ่งเดียวในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่นายทุนเป็นชาวมาเลเซีย

    นากาเวิลด์ ก่อตั้งโดย นายเฉิน ลิบ เกียง (Chen Lip Keong) นักธุรกิจชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดในครอบครัวผู้อพยพจากจีนรุ่นที่ 2 เติบโตที่เหมืองแร่ดีบุกบนหุบเขาคินตา ทางตอนกลางของมาเลเซีย จบการศึกษาด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยมาลายา เริ่มต้นเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แต่กลับสนใจทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผลิตชิ้นส่วนการบิน ต่อมาในปี 2533 นายเฉินไปกัมพูชาเพื่อสำรวจน้ำมันในอ่าวไทย แต่เมื่อรัฐบาลกัมพูชาเปิดประมูลใบอนุญาตกาสิโน เขากลับคว้าใบอนุญาตนั้นมาได้

    นายเฉินจัดตั้งกาสิโนเมื่อปี 2538 โดยใช้เรือเช่าตามแม่น้ำบาสัก (Bassac River) ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำโขง ใกล้กับพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล (พระราชวังหลวง) ในกรุงพนมเปญ กระทั่งได้ซื้อที่ดินและก่อสร้างอาคารนากาเวิลด์ ย้ายมาอยู่ที่ตั้งปัจจุบันในปี 2546 จากนั้นในปี 2549 บริษัทนากาคอร์ปฯ (NagaCorp) ที่จัดตั้งขึ้นในหมู่เกาะเคย์แมนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และขยายอาคารหลังที่สองในปี 2560 โดยมีนากาซิตี้วอล์ก (Naga City Walk) เป็นทางเชื่อมใต้ดิน

    กาสิโนแห่งนี้ได้รับใบอนุญาตถึงปี 2608 โดยผูกขาดเพียงรายเดียวในรัศมี 200 กิโลเมตร ถึงปี 2588 ประกอบด้วยโรงแรม 1,658 ห้อง ภัตตาคารและไนต์คลับ 20 แห่ง สปา 2 แห่ง ศูนย์การค้าใต้ดิน ร้านค้าปลอดภาษีจาก China Duty Free Group สถานที่จัดประชุมสัมมนา (MICE) รองรับผู้เข้าร่วมประชุม 1,000 คน และโรงละคร NABA ความจุ 2,000 ที่นั่ง

    นายเฉินถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐีมาเลเซียอันดับ 7 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อเดือน พ.ค. 2566 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัญฯ เขาเคยมีโครงการก่อตั้งกาสิโนอีกแห่งในเมืองวลาดิโวสต็อก ประเทศรัสเซีย แต่กลับระงับการก่อสร้างอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

    นายเฉินเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 เนื่องจากอาการเจ็บป่วย รวมอายุได้ 75 ปี ส่งมอบอำนาจให้แก่นายเฉิน ยี่ ฟอน (Chen Yiy Fon) ลูกชายเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มคนใหม่

    #Newskit
    กาสิโนพนมเปญ ใต้ทุนมาเลเซีย การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีประเด็นนักกีฬาทีมชาติกัมพูชาสวมเสื้อแจ็กเก็ตที่มีโลโก้กาสิโน "NAGAWORLD" อยู่บนหน้าอกด้านซ้ายใต้ธงชาติกัมพูชา แม้นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย จะให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายโฆษณาการพนันตามกฎหมายไทยหรือไม่ แต่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่กัมพูชารวม 137 คน ถอนตัวออกจากการแข่งขันเสียก่อน สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในเรื่องนี้คือ นากาเวิลด์ เป็นกาสิโนหนึ่งเดียวในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่นายทุนเป็นชาวมาเลเซีย นากาเวิลด์ ก่อตั้งโดย นายเฉิน ลิบ เกียง (Chen Lip Keong) นักธุรกิจชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดในครอบครัวผู้อพยพจากจีนรุ่นที่ 2 เติบโตที่เหมืองแร่ดีบุกบนหุบเขาคินตา ทางตอนกลางของมาเลเซีย จบการศึกษาด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยมาลายา เริ่มต้นเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แต่กลับสนใจทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผลิตชิ้นส่วนการบิน ต่อมาในปี 2533 นายเฉินไปกัมพูชาเพื่อสำรวจน้ำมันในอ่าวไทย แต่เมื่อรัฐบาลกัมพูชาเปิดประมูลใบอนุญาตกาสิโน เขากลับคว้าใบอนุญาตนั้นมาได้ นายเฉินจัดตั้งกาสิโนเมื่อปี 2538 โดยใช้เรือเช่าตามแม่น้ำบาสัก (Bassac River) ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำโขง ใกล้กับพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล (พระราชวังหลวง) ในกรุงพนมเปญ กระทั่งได้ซื้อที่ดินและก่อสร้างอาคารนากาเวิลด์ ย้ายมาอยู่ที่ตั้งปัจจุบันในปี 2546 จากนั้นในปี 2549 บริษัทนากาคอร์ปฯ (NagaCorp) ที่จัดตั้งขึ้นในหมู่เกาะเคย์แมนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และขยายอาคารหลังที่สองในปี 2560 โดยมีนากาซิตี้วอล์ก (Naga City Walk) เป็นทางเชื่อมใต้ดิน กาสิโนแห่งนี้ได้รับใบอนุญาตถึงปี 2608 โดยผูกขาดเพียงรายเดียวในรัศมี 200 กิโลเมตร ถึงปี 2588 ประกอบด้วยโรงแรม 1,658 ห้อง ภัตตาคารและไนต์คลับ 20 แห่ง สปา 2 แห่ง ศูนย์การค้าใต้ดิน ร้านค้าปลอดภาษีจาก China Duty Free Group สถานที่จัดประชุมสัมมนา (MICE) รองรับผู้เข้าร่วมประชุม 1,000 คน และโรงละคร NABA ความจุ 2,000 ที่นั่ง นายเฉินถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐีมาเลเซียอันดับ 7 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อเดือน พ.ค. 2566 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัญฯ เขาเคยมีโครงการก่อตั้งกาสิโนอีกแห่งในเมืองวลาดิโวสต็อก ประเทศรัสเซีย แต่กลับระงับการก่อสร้างอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน นายเฉินเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 เนื่องจากอาการเจ็บป่วย รวมอายุได้ 75 ปี ส่งมอบอำนาจให้แก่นายเฉิน ยี่ ฟอน (Chen Yiy Fon) ลูกชายเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มคนใหม่ #Newskit
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคนเค้ารวบรวมเอาไว้ 13 ข้อผิดพลาด พิธีเปิด SEA Games 2025 แต่รมต.ยังหวังจะกู้หน้าจากพิธีปิด

    1.โดรนแปรอักษรที่ขึ้นตัวเลขผิด พิธีกรพูดเลข574 โดรนเขียน547

    2.VTR ที่ขึ้นธงชาติผิดประเทศ

    3.คอนเสิร์ตวีวิโอเลต ที่เสียงร้องกับเสียงดนตรีไม่ซิงค์กัน

    4.โชว์ระบำใต้น้ำที่ขนาดเป็นเทปบันทึกภาพแล้วยังเต้นไม่พร้อมกัน และผมเผ้าหลุดรุ่ยเปียกน้ำ

    5.โชว์ระบำ11ชาติที่กล้องไม่โคสอัพเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆขยับไปขยับมา

    6.โชว์ต่อยมวยในกล่องLED สี่เหลี่ยมที่ไฟติดบ้างไม่ติดบ้าง

    7.โชว์เจ็ทสกีที่คนขับตกน้ำ

    8.คอนเสิร์ตแบมแบมที่มีจำนวนแดนเซอร์จุ๋มจิ๋มแบบน่ารักๆ

    9.การประกาศเข้าสนามแบบไม่รอคนเดิน แบบประกาศชื่อประเทศนำล่วงหน้า

    10.สต้าฟวิ่งตัดกล้องถ่ายทอดสดวุ่นวายไปหมด

    11.การกล่าวปฏิญาณตนที่น้องนักกีฬาผู้ชายจำมาครึ่งเดียว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่น้องผู้หญิงกล่าว

    12.การวิ่งคบเพลิงที่กล้องวิ่งตามและสั่นเป็นเจ้าเข้าทรง

    13.ซีนจุดคบเพลิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แบบจุดเสร็จตามมาด้วยเสียงจิ้งหรีดจิ้ด จิ้ด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    มีคนเค้ารวบรวมเอาไว้ 13 ข้อผิดพลาด พิธีเปิด SEA Games 2025 แต่รมต.ยังหวังจะกู้หน้าจากพิธีปิด 1.โดรนแปรอักษรที่ขึ้นตัวเลขผิด พิธีกรพูดเลข574 โดรนเขียน547 2.VTR ที่ขึ้นธงชาติผิดประเทศ 3.คอนเสิร์ตวีวิโอเลต ที่เสียงร้องกับเสียงดนตรีไม่ซิงค์กัน 4.โชว์ระบำใต้น้ำที่ขนาดเป็นเทปบันทึกภาพแล้วยังเต้นไม่พร้อมกัน และผมเผ้าหลุดรุ่ยเปียกน้ำ 5.โชว์ระบำ11ชาติที่กล้องไม่โคสอัพเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆขยับไปขยับมา 6.โชว์ต่อยมวยในกล่องLED สี่เหลี่ยมที่ไฟติดบ้างไม่ติดบ้าง 7.โชว์เจ็ทสกีที่คนขับตกน้ำ 8.คอนเสิร์ตแบมแบมที่มีจำนวนแดนเซอร์จุ๋มจิ๋มแบบน่ารักๆ 9.การประกาศเข้าสนามแบบไม่รอคนเดิน แบบประกาศชื่อประเทศนำล่วงหน้า 10.สต้าฟวิ่งตัดกล้องถ่ายทอดสดวุ่นวายไปหมด 11.การกล่าวปฏิญาณตนที่น้องนักกีฬาผู้ชายจำมาครึ่งเดียว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่น้องผู้หญิงกล่าว 12.การวิ่งคบเพลิงที่กล้องวิ่งตามและสั่นเป็นเจ้าเข้าทรง 13.ซีนจุดคบเพลิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แบบจุดเสร็จตามมาด้วยเสียงจิ้งหรีดจิ้ด จิ้ด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักกีฬาเขมร ถอนทัพกลับหมด หลังขัดแย้งสุดตรึงเครียด เดินทางกลับบ้านปลอดภัย อย่าไปโดน BM-21 อย่าเผลอเหยียบทุ่นนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    นักกีฬาเขมร ถอนทัพกลับหมด หลังขัดแย้งสุดตรึงเครียด เดินทางกลับบ้านปลอดภัย อย่าไปโดน BM-21 อย่าเผลอเหยียบทุ่นนะ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ทรงเป็นองค์ประธานพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 9 ธ.ค. 2568 บรรยากาศเต็มด้วยความปลื้มปีติของพสกนิกรและนักกีฬาทั้งภูมิภาค
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118399
    .
    #News1live #News1 #SEAGames2025 #ราชมังคลากีฬาสถาน #พิธีเปิดซีเกมส์
    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ทรงเป็นองค์ประธานพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 9 ธ.ค. 2568 บรรยากาศเต็มด้วยความปลื้มปีติของพสกนิกรและนักกีฬาทั้งภูมิภาค . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118399 . #News1live #News1 #SEAGames2025 #ราชมังคลากีฬาสถาน #พิธีเปิดซีเกมส์
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร.อ.ธรรมนัส เผย นายกรัฐมนตรีห่วงความปลอดภัยนักกีฬากัมพูชาในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 กำชับเพิ่มมาตรการเข้มดูแลทุกด้าน ขณะเดียวกันย้ำพิธีเปิดวันนี้พร้อม 100% แล้ว
    .
    ธรรมนัสระบุ แม้ปมชายแดนเป็นประเด็นละเอียดอ่อน แต่ไทยในฐานะเจ้าภาพต้องดำเนินการตามมาตรฐานกีฬาโลก มีคณะกรรมการกำกับชัดเจน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่–ทหารดูแลเต็มที่ ส่วนกองเชียร์กัมพูชาคาดว่ามีน้อยมาก
    .
    เจ้าภาพตั้ง “วอร์รูม” แก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยมี พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข เป็นประธานกำกับดูแล หวังพิธีเปิดเย็นนี้ช่วยสยบดราม่าที่ผ่านมา
    .
    อ่านเพิ่ม: https://news1live.com/detail/9680000118101
    .
    #News1live #News1 #ซีเกมส์33 #ธรรมนัส #อนุทิน #ความปลอดภัยนักกีฬา #ไทยเจ้าภาพ #SEAgames2026 #การเมืองไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา
    ร.อ.ธรรมนัส เผย นายกรัฐมนตรีห่วงความปลอดภัยนักกีฬากัมพูชาในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 กำชับเพิ่มมาตรการเข้มดูแลทุกด้าน ขณะเดียวกันย้ำพิธีเปิดวันนี้พร้อม 100% แล้ว . ธรรมนัสระบุ แม้ปมชายแดนเป็นประเด็นละเอียดอ่อน แต่ไทยในฐานะเจ้าภาพต้องดำเนินการตามมาตรฐานกีฬาโลก มีคณะกรรมการกำกับชัดเจน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่–ทหารดูแลเต็มที่ ส่วนกองเชียร์กัมพูชาคาดว่ามีน้อยมาก . เจ้าภาพตั้ง “วอร์รูม” แก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยมี พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข เป็นประธานกำกับดูแล หวังพิธีเปิดเย็นนี้ช่วยสยบดราม่าที่ผ่านมา . อ่านเพิ่ม: https://news1live.com/detail/9680000118101 . #News1live #News1 #ซีเกมส์33 #ธรรมนัส #อนุทิน #ความปลอดภัยนักกีฬา #ไทยเจ้าภาพ #SEAgames2026 #การเมืองไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรนโบว์ (Rainbow) – วงดนตรีป๊อปร็อกแห่งตำนาน กับความลับของเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)"

    วงเรนโบว์ ถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980s โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2528 ในฐานะวงดนตรีป๊อปร็อกที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับวงการเพลงไทย ภายใต้สังกัด อาร์.เอส. โปรโมชั่น (RS Promotion) ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในยุคนั้น วงนี้เกิดขึ้นจากการแยกตัวของสมาชิกบางส่วนจากวงอินทนิล (Inthanin) ซึ่งเป็นวงดนตรีวงแรกของค่าย RS ที่ยุบวงไปก่อนหน้านี้ สมาชิกผู้ก่อตั้งหลัก ได้แก่ พีระพงษ์ พลชนะ (ต้อม), เรวัติ สระแก้ว (ป๋อง) และธีระศักดิ์ วดีศิริศักดิ์ (อุ๋น) ที่ตัดสินใจรวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์ดนตรีในสไตล์ใหม่ โดยผสมผสานองค์ประกอบจากดนตรีสตริงคอมโบแบบเก่ากับป๊อปร็อกที่ทันสมัย ทำให้เพลงของพวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ทุกวัยและทุกกลุ่มสังคม

    สมาชิกหลักของวงเรนโบว์มีความสามารถรอบด้าน ทั้งด้านการร้อง การเล่นดนตรี และการแต่งเพลง โดยประกอบด้วย:
    ต้อม (พีระพงษ์ พลชนะ): นักร้องนำและมือกีตาร์ ผู้มีเสียงร้องหวานซึ้ง แหบเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ และได้รับฉายา "นักร้องเขี้ยวเสน่ห์" จากรูปลักษณ์และสไตล์การร้องที่ดึงดูดแฟนเพลง เขาเกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2507 และเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนวงมาตลอด
    อุ๋น (ธีระศักดิ์ วดีศิริศักดิ์): มือคีย์บอร์ดและร้องนำ สนับสนุนการร้องหลักและช่วยสร้างซาวด์ดนตรีที่หลากหลาย
    อ๊อด (ทวี ศรีประดิษฐ์): หัวหน้าวงและมือกลอง ผู้ล่วงลับไปแล้วในปี พ.ศ. 2548 ด้วยวัย 42 ปี เขาเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 และมีบทบาทสำคัญในการแต่งเพลงและผลิตอัลบั้ม

    นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกอื่นๆ ที่เข้าร่วมในภายหลัง เช่น สุชาติ จันทร์ต้น (อี๊ด) มือเบส และ อัมพร ชาวเวียง (พร) มือกีตาร์ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับวง ส่วนสมาชิกอดีตอย่าง เรวัติ สระแก้ว (ป๋อง) ก็มีส่วนในการก่อตั้งแต่แรกเริ่ม วงเรนโบว์ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการผสมผสานแนวเพลงที่ลงตัวระหว่างซาวด์แบบสตริงคอมโบยุคเก่ากับดนตรีป๊อปร็อกที่ทันสมัย ทำให้เพลงของพวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ทุกกลุ่ม และกลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีสตริงชื่อดังที่สร้างความสุขให้กับแฟนเพลงชาวไทยในยุค 80-90

    จากข้อมูลประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย วงเรนโบว์เริ่มต้นจากการเป็นวงเล็กๆ ที่เล่นในคลับและงานแสดง แต่ด้วยพรสวรรค์และการสนับสนุนจาก RS ทำให้พวกเขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยอัลบั้มแรกของพวกเขาออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2528 และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม.

    ยุคทองของเพลง Original และ Cover
    ผลงานของเรนโบว์โดดเด่นอย่างมากด้วยเพลงฮิตที่ขับร้องโดยต้อม พีระพงษ์ โดยเฉพาะเพลงในอัลบั้มแรกๆ ซึ่งถือเป็นเพลงต้นฉบับ (Original) ที่กลายเป็นลายเซ็นของวง เช่น "ความในใจ" และ "ยังหวัง" คือเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีเพลงฮิตอื่นๆ ที่ยังคงถูกเปิดฟังจนถึงปัจจุบัน เช่น "อยากให้รู้ใจ", "อย่าหวั่นใจ", "ด้วยดวงใจ", และ "ข้ามเวลา" ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟัง

    กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เรนโบว์ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งคือการนำเพลงเก่าของไทยและเพลงต่างประเทศมาเรียบเรียงและขับร้องใหม่ได้อย่างไพเราะและร่วมสมัย โดยเฉพาะอัลบั้มชุด "ข้ามเวลา" และเพลงในอัลบั้มหลักที่นำทำนองจากญี่ปุ่นมาใช้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น วงเรนโบว์ออกอัลบั้มรวมกว่า 10 ชุดตลอดช่วงยุคทอง โดย discography หลักๆ ได้แก่:

    ความในใจ (พ.ศ. 2529): อัลบั้มสร้างชื่อที่รวมเพลงฮิตอย่าง "ความในใจ" และ "เลิกง้อ (พอกันที)"
    ข้ามเวลา (พ.ศ. 2530): อัลบั้มที่นำเพลงเก่ามาเรียบเรียงใหม่
    ยังหวัง (พ.ศ. 2531): รวมเพลงบัลลาดที่ได้รับความนิยมสูง
    RS Classic - เรนโบว์ (รีมาสเตอร์ในปี พ.ศ. 2556): รวมเพลงฮิตตลอดกาล

    ยุคทองของวงยังรวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตและรายการทีวีมากมาย เช่น การปรากฏตัวในรายการ "Song of Fame เพลงคู่สยาม" ของ Thai PBS ในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งพวกเขาได้ถ่ายทอดเพลงดังผ่านเสียงร้องร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่ ทำให้เพลงเก่ากลับมาฮิตอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีคอนเสิร์ตการกุศลอย่าง "Rainbow The Concert" ที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงสมาชิกผู้ล่วงลับและช่วยเหลือสังคม.

    เจาะลึกเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" – เพลงดังจากอัลบั้ม "ความในใจ"
    เพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" คือหนึ่งในเพลงที่ถูกบรรจุในอัลบั้มสร้างชื่อ "ความในใจ" (พ.ศ. 2529) เพลงนี้โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่บาดใจเกี่ยวกับการตัดใจอย่างเด็ดเดี่ยวจากความรักที่เจ็บปวด โดยมี ชมพู ฟรุตตี้ (สุทธิพงษ์ วัฒนจัง) เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทย แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือที่มาของทำนองเพลงนี้ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงและเข้าใจผิดกันมานานหลายสิบปี

    ไขปริศนาทำนองเพลงญี่ปุ่น
    คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าทำนองเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" มาจากเพลงเปิดของอนิเมะดัง "Touch (ทัช ยอดรักนักกีฬา)" เนื่องจากความดังของอนิเมะในไทยและสไตล์ดนตรีที่ใกล้เคียงกัน ความจริงคือ พลงนี้มีที่มาจากเพลงญี่ปุ่นชื่อ "背中ごしにセンチメンタル (Senaka Goshi ni Sentimental)" ( https://www.youtube.com/watch?v=KejzDx1EjKA ) ซึ่งแปลว่า "Sentimental Over the Shoulder" หรือความรู้สึกเศร้าที่มองจากด้านหลัง เป็นเพลงเปิด (Opening Theme) ของแอนิเมชันแนวไซไฟเรื่อง Megazone 23 (พ.ศ. 2528) ขับร้องโดย มิยาซาโตะ คุมิ (Kumi Miyasato) นักร้องสาวชาวญี่ปุ่นที่อายุเพียง 14 ปีตอนบันทึกเสียงเพลงนี้ ทำให้เพลงมีเอกลักษณ์เสียงใสและสดใส

    🟰 สาเหตุของความเข้าใจผิด: ผู้สร้างสรรค์คนเดียวกัน
    ความสับสนที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการที่ทั้งเพลง "Senaka Goshi ni Sentimental" (ต้นฉบับของ "เลิกง้อ") และเพลง "Touch" (เพลงเปิดของอนิเมะ Touch) ถูกแต่งทำนองโดยนักแต่งเพลงคนเดียวกัน คือ คุณฮิโรอากิ เซริซาว่า (Hiroaki Serizawa) ทำให้สไตล์การสร้างทำนองเพลงมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก จนแฟนเพลงในไทยมักจำสลับกัน นอกจากนี้ เพลงต้นฉบับยังมีเวอร์ชันรีมาสเตอร์และถูกนำไปใช้ในสื่ออื่นๆ เช่น YouTube และ Music Platforms ซึ่งยืนยันความนิยมที่ยาวนานของเพลงนี้ในญี่ปุ่นและไทย เพลง "เลิกง้อ" เองก็ถูกรีมาสเตอร์ในอัลบั้ม RS Classic ในปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้แฟนเพลงรุ่นใหม่ได้ฟังในคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น.

    มรดกที่ยังคงอยู่และอิทธิพลต่อวงการเพลงไทย
    แม้เวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษ วงเรนโบว์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในวงดนตรีสำคัญที่สร้างมาตรฐานให้กับวงการเพลงไทย เพลงของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น Original หรือ Cover ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกสรรและสร้างสรรค์ดนตรีที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้ง และเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" ก็ยังคงเป็นเครื่องยืนยันความอมตะของวงดนตรีแห่งตำนานวงนี้

    หลังจากยุคทอง วงเรนโบว์เคยหยุดพักไปช่วงหนึ่ง แต่มีการ reunion ในช่วงปี 2000s โดยสมาชิกหลักอย่างต้อมและอุ๋นยังคงอยู่ เช่น การแสดงในคอนเสิร์ตและรายการทีวีล่าสุดในปี พ.ศ. 2568 การเสียชีวิตของอ๊อดในปี 2548 ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่สมาชิกที่เหลือยังคงสานต่อมรดกด้วยการออกอัลบั้มรวมฮิตและคอนเสิร์ตระลึกถึง อิทธิพลของวงยังเห็นได้จากศิลปินรุ่นใหม่ที่นำเพลงไป cover เช่น ในรายการ Song of Fame ซึ่งผสมผสานเพลงเก่ากับเสียงร้องสมัยใหม่

    นอกจากนี้ วงเรนโบว์ยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมดนตรีไทย-ญี่ปุ่น โดยการนำเพลงญี่ปุ่นมาปรับให้เข้ากับตลาดไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่วงอื่นๆ นำไปใช้ตาม จนถึงปัจจุบัน เพลงของพวกเขายังถูกเปิดในสถานีวิทยุ สตรีมมิงแพลตฟอร์ม และงานสังสรรค์ต่างๆ สะท้อนถึงความอมตะที่แท้จริง.

    วงเรนโบว์ไม่เพียงแต่เป็นตำนาน แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีรุ่นหลังในการผสมผสานดนตรีข้ามวัฒนธรรม ทำให้วงการเพลงไทยมีความหลากหลายมากขึ้นจนถึงทุกวันนี้.

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=9GBRiUhpT2E
    🌈 เรนโบว์ (Rainbow) – วงดนตรีป๊อปร็อกแห่งตำนาน กับความลับของเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" วงเรนโบว์ 🌈 ถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980s โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2528 ในฐานะวงดนตรีป๊อปร็อกที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับวงการเพลงไทย ภายใต้สังกัด อาร์.เอส. โปรโมชั่น (RS Promotion) ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในยุคนั้น วงนี้เกิดขึ้นจากการแยกตัวของสมาชิกบางส่วนจากวงอินทนิล (Inthanin) ซึ่งเป็นวงดนตรีวงแรกของค่าย RS ที่ยุบวงไปก่อนหน้านี้ สมาชิกผู้ก่อตั้งหลัก ได้แก่ พีระพงษ์ พลชนะ (ต้อม), เรวัติ สระแก้ว (ป๋อง) และธีระศักดิ์ วดีศิริศักดิ์ (อุ๋น) ที่ตัดสินใจรวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์ดนตรีในสไตล์ใหม่ โดยผสมผสานองค์ประกอบจากดนตรีสตริงคอมโบแบบเก่ากับป๊อปร็อกที่ทันสมัย ทำให้เพลงของพวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ทุกวัยและทุกกลุ่มสังคม 👥 สมาชิกหลักของวงเรนโบว์มีความสามารถรอบด้าน ทั้งด้านการร้อง การเล่นดนตรี และการแต่งเพลง โดยประกอบด้วย: 💠 ต้อม (พีระพงษ์ พลชนะ): นักร้องนำและมือกีตาร์ ผู้มีเสียงร้องหวานซึ้ง แหบเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ และได้รับฉายา "นักร้องเขี้ยวเสน่ห์" จากรูปลักษณ์และสไตล์การร้องที่ดึงดูดแฟนเพลง เขาเกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2507 และเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนวงมาตลอด 💠 อุ๋น (ธีระศักดิ์ วดีศิริศักดิ์): มือคีย์บอร์ดและร้องนำ สนับสนุนการร้องหลักและช่วยสร้างซาวด์ดนตรีที่หลากหลาย 💠 อ๊อด (ทวี ศรีประดิษฐ์): หัวหน้าวงและมือกลอง ผู้ล่วงลับไปแล้วในปี พ.ศ. 2548 ด้วยวัย 42 ปี เขาเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 และมีบทบาทสำคัญในการแต่งเพลงและผลิตอัลบั้ม นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกอื่นๆ ที่เข้าร่วมในภายหลัง เช่น สุชาติ จันทร์ต้น (อี๊ด) มือเบส และ อัมพร ชาวเวียง (พร) มือกีตาร์ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับวง ส่วนสมาชิกอดีตอย่าง เรวัติ สระแก้ว (ป๋อง) ก็มีส่วนในการก่อตั้งแต่แรกเริ่ม วงเรนโบว์ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการผสมผสานแนวเพลงที่ลงตัวระหว่างซาวด์แบบสตริงคอมโบยุคเก่ากับดนตรีป๊อปร็อกที่ทันสมัย ทำให้เพลงของพวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ทุกกลุ่ม และกลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีสตริงชื่อดังที่สร้างความสุขให้กับแฟนเพลงชาวไทยในยุค 80-90 จากข้อมูลประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย วงเรนโบว์เริ่มต้นจากการเป็นวงเล็กๆ ที่เล่นในคลับและงานแสดง แต่ด้วยพรสวรรค์และการสนับสนุนจาก RS ทำให้พวกเขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยอัลบั้มแรกของพวกเขาออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2528 และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม. 🎵 ยุคทองของเพลง Original และ Cover ผลงานของเรนโบว์โดดเด่นอย่างมากด้วยเพลงฮิตที่ขับร้องโดยต้อม พีระพงษ์ โดยเฉพาะเพลงในอัลบั้มแรกๆ ซึ่งถือเป็นเพลงต้นฉบับ (Original) ที่กลายเป็นลายเซ็นของวง เช่น "ความในใจ" และ "ยังหวัง" คือเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีเพลงฮิตอื่นๆ ที่ยังคงถูกเปิดฟังจนถึงปัจจุบัน เช่น "อยากให้รู้ใจ", "อย่าหวั่นใจ", "ด้วยดวงใจ", และ "ข้ามเวลา" ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟัง กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เรนโบว์ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งคือการนำเพลงเก่าของไทยและเพลงต่างประเทศมาเรียบเรียงและขับร้องใหม่ได้อย่างไพเราะและร่วมสมัย โดยเฉพาะอัลบั้มชุด "ข้ามเวลา" และเพลงในอัลบั้มหลักที่นำทำนองจากญี่ปุ่นมาใช้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น วงเรนโบว์ออกอัลบั้มรวมกว่า 10 ชุดตลอดช่วงยุคทอง โดย discography หลักๆ ได้แก่: 🎤 ความในใจ (พ.ศ. 2529): อัลบั้มสร้างชื่อที่รวมเพลงฮิตอย่าง "ความในใจ" และ "เลิกง้อ (พอกันที)" 🎤 ข้ามเวลา (พ.ศ. 2530): อัลบั้มที่นำเพลงเก่ามาเรียบเรียงใหม่ 🎤 ยังหวัง (พ.ศ. 2531): รวมเพลงบัลลาดที่ได้รับความนิยมสูง 🎤 RS Classic - เรนโบว์ (รีมาสเตอร์ในปี พ.ศ. 2556): รวมเพลงฮิตตลอดกาล ยุคทองของวงยังรวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตและรายการทีวีมากมาย เช่น การปรากฏตัวในรายการ "Song of Fame เพลงคู่สยาม" ของ Thai PBS ในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งพวกเขาได้ถ่ายทอดเพลงดังผ่านเสียงร้องร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่ ทำให้เพลงเก่ากลับมาฮิตอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีคอนเสิร์ตการกุศลอย่าง "Rainbow The Concert" ที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงสมาชิกผู้ล่วงลับและช่วยเหลือสังคม. 💖 เจาะลึกเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" – เพลงดังจากอัลบั้ม "ความในใจ" เพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" คือหนึ่งในเพลงที่ถูกบรรจุในอัลบั้มสร้างชื่อ "ความในใจ" (พ.ศ. 2529) เพลงนี้โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่บาดใจเกี่ยวกับการตัดใจอย่างเด็ดเดี่ยวจากความรักที่เจ็บปวด โดยมี ชมพู ฟรุตตี้ (สุทธิพงษ์ วัฒนจัง) เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทย แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือที่มาของทำนองเพลงนี้ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงและเข้าใจผิดกันมานานหลายสิบปี 🔎 ไขปริศนาทำนองเพลงญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าทำนองเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" มาจากเพลงเปิดของอนิเมะดัง "Touch (ทัช ยอดรักนักกีฬา)" เนื่องจากความดังของอนิเมะในไทยและสไตล์ดนตรีที่ใกล้เคียงกัน ความจริงคือ พลงนี้มีที่มาจากเพลงญี่ปุ่นชื่อ "背中ごしにセンチメンタル (Senaka Goshi ni Sentimental)" ( https://www.youtube.com/watch?v=KejzDx1EjKA ) ซึ่งแปลว่า "Sentimental Over the Shoulder" หรือความรู้สึกเศร้าที่มองจากด้านหลัง เป็นเพลงเปิด (Opening Theme) ของแอนิเมชันแนวไซไฟเรื่อง Megazone 23 (พ.ศ. 2528) ขับร้องโดย มิยาซาโตะ คุมิ (Kumi Miyasato) นักร้องสาวชาวญี่ปุ่นที่อายุเพียง 14 ปีตอนบันทึกเสียงเพลงนี้ ทำให้เพลงมีเอกลักษณ์เสียงใสและสดใส 🟰 สาเหตุของความเข้าใจผิด: ผู้สร้างสรรค์คนเดียวกัน ความสับสนที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการที่ทั้งเพลง "Senaka Goshi ni Sentimental" (ต้นฉบับของ "เลิกง้อ") และเพลง "Touch" (เพลงเปิดของอนิเมะ Touch) ถูกแต่งทำนองโดยนักแต่งเพลงคนเดียวกัน คือ คุณฮิโรอากิ เซริซาว่า (Hiroaki Serizawa) ทำให้สไตล์การสร้างทำนองเพลงมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก จนแฟนเพลงในไทยมักจำสลับกัน นอกจากนี้ เพลงต้นฉบับยังมีเวอร์ชันรีมาสเตอร์และถูกนำไปใช้ในสื่ออื่นๆ เช่น YouTube และ Music Platforms ซึ่งยืนยันความนิยมที่ยาวนานของเพลงนี้ในญี่ปุ่นและไทย เพลง "เลิกง้อ" เองก็ถูกรีมาสเตอร์ในอัลบั้ม RS Classic ในปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้แฟนเพลงรุ่นใหม่ได้ฟังในคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น. 🌟 มรดกที่ยังคงอยู่และอิทธิพลต่อวงการเพลงไทย แม้เวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษ วงเรนโบว์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในวงดนตรีสำคัญที่สร้างมาตรฐานให้กับวงการเพลงไทย เพลงของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น Original หรือ Cover ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกสรรและสร้างสรรค์ดนตรีที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้ง และเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" ก็ยังคงเป็นเครื่องยืนยันความอมตะของวงดนตรีแห่งตำนานวงนี้ หลังจากยุคทอง วงเรนโบว์เคยหยุดพักไปช่วงหนึ่ง แต่มีการ reunion ในช่วงปี 2000s โดยสมาชิกหลักอย่างต้อมและอุ๋นยังคงอยู่ เช่น การแสดงในคอนเสิร์ตและรายการทีวีล่าสุดในปี พ.ศ. 2568 การเสียชีวิตของอ๊อดในปี 2548 ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่สมาชิกที่เหลือยังคงสานต่อมรดกด้วยการออกอัลบั้มรวมฮิตและคอนเสิร์ตระลึกถึง อิทธิพลของวงยังเห็นได้จากศิลปินรุ่นใหม่ที่นำเพลงไป cover เช่น ในรายการ Song of Fame ซึ่งผสมผสานเพลงเก่ากับเสียงร้องสมัยใหม่ นอกจากนี้ วงเรนโบว์ยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมดนตรีไทย-ญี่ปุ่น โดยการนำเพลงญี่ปุ่นมาปรับให้เข้ากับตลาดไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่วงอื่นๆ นำไปใช้ตาม จนถึงปัจจุบัน เพลงของพวกเขายังถูกเปิดในสถานีวิทยุ สตรีมมิงแพลตฟอร์ม และงานสังสรรค์ต่างๆ สะท้อนถึงความอมตะที่แท้จริง. วงเรนโบว์ไม่เพียงแต่เป็นตำนาน แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีรุ่นหลังในการผสมผสานดนตรีข้ามวัฒนธรรม ทำให้วงการเพลงไทยมีความหลากหลายมากขึ้นจนถึงทุกวันนี้. #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=9GBRiUhpT2E
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 613 มุมมอง 0 รีวิว
  • การคืนดีระหว่างทรัมป์และมัสก์

    หลังจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปี 2024 ซึ่งมัสก์วิจารณ์ “เมกะบิล” ของรัฐบาลทรัมป์ว่าทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูง ทั้งคู่ก็มีการปะทะคารมทั้งในทำเนียบขาวและบนโซเชียลมีเดีย แต่ล่าสุด มัสก์ได้เดินทางไปทำเนียบขาวและเข้าร่วมงานเลี้ยงกับทรัมป์และผู้นำซาอุฯ สะท้อนว่าความสัมพันธ์เริ่มกลับมาดีขึ้น

    งานเลี้ยงและเวทีการลงทุน
    มัสก์เข้าร่วมงานเลี้ยงกับทรัมป์และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พร้อมนักธุรกิจและนักกีฬาอย่างคริสเตียโน โรนัลโด วันถัดมาเขายังเข้าร่วมเวที US-Saudi Investment Forum ซึ่งทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ากว่า 270 พันล้านดอลลาร์ การปรากฏตัวของมัสก์ในงานระดับนี้ถือเป็นการกลับเข้าสู่เวทีการเมืองและเศรษฐกิจอีกครั้ง

    สัญญาณบนโซเชียลมีเดีย
    มัสก์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ของเขา ขอบคุณทรัมป์สำหรับสิ่งที่ทำเพื่ออเมริกาและโลก ขณะที่ทรัมป์ก็กล่าวถึงมัสก์หลายครั้งในสุนทรพจน์ โดยมีประโยคที่โดดเด่นว่า “You’re so lucky I’m with you, Elon” ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับและการคืนดี

    เงื่อนไขและความเสี่ยง
    แม้จะมีสัญญาณเชิงบวก แต่ความสัมพันธ์นี้ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากมัสก์เคยขู่จะตั้งพรรคใหม่และสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้านการใช้จ่ายภาครัฐ หากนโยบายทรัมป์ยังคงขัดแย้งกับแนวทางของเขา ความร่วมมืออาจไม่ยั่งยืน และอาจกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    มัสก์และทรัมป์ปรากฏตัวร่วมกันในงานเลี้ยงกับผู้นำซาอุฯ
    สะท้อนการคืนดีและการกลับมาสู่เวทีการเมืองของมัสก์

    ทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ากว่า 270 พันล้านดอลลาร์ในเวที US-Saudi Investment Forum
    มัสก์เข้าร่วมพร้อมนักธุรกิจและนักกีฬาชื่อดัง

    มัสก์โพสต์ข้อความขอบคุณทรัมป์บนแพลตฟอร์ม X
    แสดงออกถึงการสนับสนุนและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    ทรัมป์กล่าวถึงมัสก์หลายครั้งในสุนทรพจน์
    ประโยค “You’re so lucky I’m with you” กลายเป็นสัญลักษณ์การคืนดี

    ความเสี่ยงจากความเห็นต่างด้านนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐ
    มัสก์เคยขู่ตั้งพรรคใหม่และสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้านการใช้จ่าย

    ความสัมพันธ์อาจไม่มั่นคงในระยะยาว
    หากนโยบายทรัมป์ยังขัดแย้งกับแนวทางของมัสก์ อาจกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/22/039youre-so-lucky-im-with-you039-is-the-trump-musk-feud-finally-over
    🤝 การคืนดีระหว่างทรัมป์และมัสก์ หลังจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปี 2024 ซึ่งมัสก์วิจารณ์ “เมกะบิล” ของรัฐบาลทรัมป์ว่าทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูง ทั้งคู่ก็มีการปะทะคารมทั้งในทำเนียบขาวและบนโซเชียลมีเดีย แต่ล่าสุด มัสก์ได้เดินทางไปทำเนียบขาวและเข้าร่วมงานเลี้ยงกับทรัมป์และผู้นำซาอุฯ สะท้อนว่าความสัมพันธ์เริ่มกลับมาดีขึ้น 🏛️ งานเลี้ยงและเวทีการลงทุน มัสก์เข้าร่วมงานเลี้ยงกับทรัมป์และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พร้อมนักธุรกิจและนักกีฬาอย่างคริสเตียโน โรนัลโด วันถัดมาเขายังเข้าร่วมเวที US-Saudi Investment Forum ซึ่งทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ากว่า 270 พันล้านดอลลาร์ การปรากฏตัวของมัสก์ในงานระดับนี้ถือเป็นการกลับเข้าสู่เวทีการเมืองและเศรษฐกิจอีกครั้ง 📲 สัญญาณบนโซเชียลมีเดีย มัสก์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ของเขา ขอบคุณทรัมป์สำหรับสิ่งที่ทำเพื่ออเมริกาและโลก ขณะที่ทรัมป์ก็กล่าวถึงมัสก์หลายครั้งในสุนทรพจน์ โดยมีประโยคที่โดดเด่นว่า “You’re so lucky I’m with you, Elon” ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับและการคืนดี ⚠️ เงื่อนไขและความเสี่ยง แม้จะมีสัญญาณเชิงบวก แต่ความสัมพันธ์นี้ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากมัสก์เคยขู่จะตั้งพรรคใหม่และสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้านการใช้จ่ายภาครัฐ หากนโยบายทรัมป์ยังคงขัดแย้งกับแนวทางของเขา ความร่วมมืออาจไม่ยั่งยืน และอาจกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ มัสก์และทรัมป์ปรากฏตัวร่วมกันในงานเลี้ยงกับผู้นำซาอุฯ ➡️ สะท้อนการคืนดีและการกลับมาสู่เวทีการเมืองของมัสก์ ✅ ทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้ากว่า 270 พันล้านดอลลาร์ในเวที US-Saudi Investment Forum ➡️ มัสก์เข้าร่วมพร้อมนักธุรกิจและนักกีฬาชื่อดัง ✅ มัสก์โพสต์ข้อความขอบคุณทรัมป์บนแพลตฟอร์ม X ➡️ แสดงออกถึงการสนับสนุนและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ✅ ทรัมป์กล่าวถึงมัสก์หลายครั้งในสุนทรพจน์ ➡️ ประโยค “You’re so lucky I’m with you” กลายเป็นสัญลักษณ์การคืนดี ‼️ ความเสี่ยงจากความเห็นต่างด้านนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐ ⛔ มัสก์เคยขู่ตั้งพรรคใหม่และสนับสนุนผู้สมัครที่ต่อต้านการใช้จ่าย ‼️ ความสัมพันธ์อาจไม่มั่นคงในระยะยาว ⛔ หากนโยบายทรัมป์ยังขัดแย้งกับแนวทางของมัสก์ อาจกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/22/039youre-so-lucky-im-with-you039-is-the-trump-musk-feud-finally-over
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'You’re so lucky I’m with you': Is the Trump-Musk feud finally over?
    President Donald Trump and tech billionaire Elon Musk appeared to have made amends.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนร้ายกัมพูชา
    ส่งนักกีฬา-กองเชียร์
    มายั่วคนไทยในซีเกมส์
    หวังโดนกระทืบไปฟ้องชาวโลก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    แผนร้ายกัมพูชา ส่งนักกีฬา-กองเชียร์ มายั่วคนไทยในซีเกมส์ หวังโดนกระทืบไปฟ้องชาวโลก #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ไทยไม่เข็ด โดนใส่ร้ายป้ายสีกล่าวหาโจมตีกัมพูชา
    อ้าแขนรับนักกีฬาเขมรแข่งซีเกมส์ ไม่รอดโดนใส่ร้ายอีกแน่นอน
    #7ดอกจิก
    ♣ ไทยไม่เข็ด โดนใส่ร้ายป้ายสีกล่าวหาโจมตีกัมพูชา อ้าแขนรับนักกีฬาเขมรแข่งซีเกมส์ ไม่รอดโดนใส่ร้ายอีกแน่นอน #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ♣ นางงามกัมพูชาคนเดียวยังเอาไม่อยู่ โดนโพสไอจีให้ร้ายไทย แล้วนักกีฬาทันจะมา 300 กว่าคน จะเป็นยังไง ใครจะรับผิดชอบ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ มีปัญญาป้องกันควบคุมอะไรได้
    #7ดอกจิก
    ♣ นางงามกัมพูชาคนเดียวยังเอาไม่อยู่ โดนโพสไอจีให้ร้ายไทย แล้วนักกีฬาทันจะมา 300 กว่าคน จะเป็นยังไง ใครจะรับผิดชอบ นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ มีปัญญาป้องกันควบคุมอะไรได้ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัพนักกีฬาไทยประกาศคว้าแล้ว 192 เหรียญทอง ซีเกมส์ 33 : [News story]

    มีต เดอะ เพรส ซีเกมส์ 2025 รอบที่ 7 อีก 6 สมาคมเข้าร่วมประกาศความพร้อมคว้ารวมอีก 28 เหรียญทอง
    ทัพนักกีฬาไทยประกาศคว้าแล้ว 192 เหรียญทอง ซีเกมส์ 33 : [News story] มีต เดอะ เพรส ซีเกมส์ 2025 รอบที่ 7 อีก 6 สมาคมเข้าร่วมประกาศความพร้อมคว้ารวมอีก 28 เหรียญทอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กีฬาจานร่อนคืออะไร : [News story]

    กีฬาจานร่อนมีกี่ประเภทและเล่นอย่างไร มีนักกีฬาความพร้อมลุยซีเกมส์33 มากน้อยขนาดไหน
    กีฬาจานร่อนคืออะไร : [News story] กีฬาจานร่อนมีกี่ประเภทและเล่นอย่างไร มีนักกีฬาความพร้อมลุยซีเกมส์33 มากน้อยขนาดไหน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นักกีฬาไทยในซีเกมส์ต้องระมัดระวังเรื่องสารกระตุ้น : [News story]

    เตือนนักกีฬาไทยระมัดระวังการใช้สารต้องห้ามก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคมนี้
    นักกีฬาไทยในซีเกมส์ต้องระมัดระวังเรื่องสารกระตุ้น : [News story] เตือนนักกีฬาไทยระมัดระวังการใช้สารต้องห้ามก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคมนี้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ปัญจกีฬา หวัง 2 เหรียญทองจากซีเกมส์ : [News story]

    ปัญจกีฬาสมัยใหม่คือกีฬาอะไร และทางสมาคมและนักกีฬามีความพร้อมลุยซีเกมส์ 33 หวังคว้าทองให้ทีมชาติไทย
    ปัญจกีฬา หวัง 2 เหรียญทองจากซีเกมส์ : [News story] ปัญจกีฬาสมัยใหม่คือกีฬาอะไร และทางสมาคมและนักกีฬามีความพร้อมลุยซีเกมส์ 33 หวังคว้าทองให้ทีมชาติไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นักกีฬาซีเกมส์ไทย สภาพร่างกายฟิต 95% แล้ว : [News story]

    นักกีฬาทีมชาติไทยร่างกายฟิต 95% พร้อมลุยซีเกมส์ 33
    นักกีฬาซีเกมส์ไทย สภาพร่างกายฟิต 95% แล้ว : [News story] นักกีฬาทีมชาติไทยร่างกายฟิต 95% พร้อมลุยซีเกมส์ 33
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ฟันดาบทีมชาติไทย พร้อมลุยซีเกมส์ 33 : [News story]

    บรรยากาศโค้ชติวเข้มนักกีฬาฟันดามทีมชาติไทย พร้อมลุยซีเกมส์ 33
    ฟันดาบทีมชาติไทย พร้อมลุยซีเกมส์ 33 : [News story] บรรยากาศโค้ชติวเข้มนักกีฬาฟันดามทีมชาติไทย พร้อมลุยซีเกมส์ 33
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รู้จักนักกีฬาเซเบอร์หญิงทีมชาติไทย : [News story]

    นางฟ้าถือดาบ พร้อมลุยซีเกมส์ 33
    รู้จักนักกีฬาเซเบอร์หญิงทีมชาติไทย : [News story] นางฟ้าถือดาบ พร้อมลุยซีเกมส์ 33
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รู้จัก “วรกันต์” นักกีฬาเซเบอร์ทีมชาติไทย : [News story]

    “วรกันต์” นักกีฬาเซเบอร์ทีมชาติไทย ลั่น ซีเกมส์ครั้งนี้เหรียญทองเท่านั้น
    รู้จัก “วรกันต์” นักกีฬาเซเบอร์ทีมชาติไทย : [News story] “วรกันต์” นักกีฬาเซเบอร์ทีมชาติไทย ลั่น ซีเกมส์ครั้งนี้เหรียญทองเท่านั้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กรีฑาอาวุโสชิงแชมป์เอเชีย 08/11/68 #กรีฑาอาวุโส #ชิงแชมป์เอเชีย #นักกีฬาไทย #ตาสว่าง
    กรีฑาอาวุโสชิงแชมป์เอเชีย 08/11/68 #กรีฑาอาวุโส #ชิงแชมป์เอเชีย #นักกีฬาไทย #ตาสว่าง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “บินให้สุด!” ดรอนซอกเกอร์มาเลเซียคว้าอันดับ 3 โลก พร้อมจุดประกายกีฬาใหม่แห่งอาเซียน

    กีฬาใหม่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและความมันส์อย่าง “ดรอนซอกเกอร์” กำลังสร้างกระแสในมาเลเซีย หลังทีม Cybersphere Malaysia คว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันระดับโลกที่เกาหลีใต้ โดยมีนักกีฬาตั้งแต่เด็กประถมจนถึงมหาวิทยาลัยร่วมทีม สะท้อนว่าเกมนี้ “เปิดกว้างสำหรับทุกคน” และอาจกลายเป็นกีฬายอดนิยมในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต.

    ดรอนซอกเกอร์เป็นกีฬาที่เกิดในเกาหลีใต้เมื่อปี 2016 โดยใช้โดรนที่ถูกครอบด้วยกรอบพลาสติกทรงกลมเรียกว่า “Drone Ball” บินภายในกรงสนามเพื่อชนกันและทำคะแนนผ่านห่วงของฝ่ายตรงข้าม การแข่งขันใช้เวลาเพียง 3 นาทีต่อรอบ แต่เต็มไปด้วยความเร็ว ความแม่นยำ และกลยุทธ์

    ทีมมาเลเซียที่ไปแข่ง FIDA World Cup ประกอบด้วยนักเรียนประถม 4 คน มัธยม 1 คน และมหาวิทยาลัย 2 คน สามารถเอาชนะทีมผู้ใหญ่จาก 24 ประเทศได้อย่างน่าทึ่ง โดยใช้โดรนขนาด 20 ซม. ที่บินได้เร็วถึง 30 กม./ชม. และมีการปรับแต่งซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบิน

    บทบาทในทีมมีความชัดเจน เช่น striker, guide, libero, sweeper และ keeper ซึ่งต้องอาศัยการสื่อสารและการตัดสินใจแบบฉับไว ทำให้เกมนี้ไม่ใช่แค่ “บินให้เร็ว” แต่ต้อง “คิดให้ไว” ด้วย

    ดรอนซอกเกอร์เป็นกีฬาที่เกิดในเกาหลีใต้ปี 2016
    ใช้โดรนบินชนกันในกรงสนามเพื่อทำคะแนนผ่านห่วง

    ทีมมาเลเซียคว้าอันดับ 3 ใน FIDA World Cup
    แข่งในประเภท Class 20 รองจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

    ทีมประกอบด้วยนักเรียนประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย
    แสดงให้เห็นว่าเกมนี้เปิดกว้างสำหรับทุกวัย

    โดรนมีกรอบพลาสติกป้องกันการชน
    เรียกว่า Drone Ball เพื่อความปลอดภัยในการแข่งขัน

    บทบาทในทีมมี 5 ตำแหน่งหลัก
    striker, guide, libero, sweeper, keeper

    การสื่อสารในทีมเป็นหัวใจสำคัญ
    บางทีมใช้ headset เพื่อประสานงานระหว่างแข่งขัน

    ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ RM850 สำหรับ Class 20
    Class 40 มีราคาสูงถึง RM6,000 และบินได้เร็วกว่า 100 กม./ชม.

    การปรับแต่งโดรนช่วยพัฒนาทักษะด้านเทคนิค
    เช่น การซ่อมแซม การปรับน้ำหนัก และการเลือกวัสดุ

    Cybersphere Malaysia เตรียมจัดเทศกาลดรอนซอกเกอร์ในปี 2026
    ร่วมกับ Visit Malaysia Year และ Visit Johor Year

    โดรน Class 40 ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 1.1 กก.
    หากเกินจะผิดกติกาและอาจถูกตัดสิทธิ์

    ผู้เล่นใหม่อาจเข้าใจผิดว่าเล่นแบบเดี่ยวได้
    แต่จริงๆ แล้วต้องอาศัยทีมเวิร์กและการวางแผนร่วมกัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/03/take-to-the-skies-the-adrenaline-rush-of-drone-soccer
    🚁 “บินให้สุด!” ดรอนซอกเกอร์มาเลเซียคว้าอันดับ 3 โลก พร้อมจุดประกายกีฬาใหม่แห่งอาเซียน กีฬาใหม่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและความมันส์อย่าง “ดรอนซอกเกอร์” กำลังสร้างกระแสในมาเลเซีย หลังทีม Cybersphere Malaysia คว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันระดับโลกที่เกาหลีใต้ โดยมีนักกีฬาตั้งแต่เด็กประถมจนถึงมหาวิทยาลัยร่วมทีม สะท้อนว่าเกมนี้ “เปิดกว้างสำหรับทุกคน” และอาจกลายเป็นกีฬายอดนิยมในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต. ดรอนซอกเกอร์เป็นกีฬาที่เกิดในเกาหลีใต้เมื่อปี 2016 โดยใช้โดรนที่ถูกครอบด้วยกรอบพลาสติกทรงกลมเรียกว่า “Drone Ball” บินภายในกรงสนามเพื่อชนกันและทำคะแนนผ่านห่วงของฝ่ายตรงข้าม การแข่งขันใช้เวลาเพียง 3 นาทีต่อรอบ แต่เต็มไปด้วยความเร็ว ความแม่นยำ และกลยุทธ์ ทีมมาเลเซียที่ไปแข่ง FIDA World Cup ประกอบด้วยนักเรียนประถม 4 คน มัธยม 1 คน และมหาวิทยาลัย 2 คน สามารถเอาชนะทีมผู้ใหญ่จาก 24 ประเทศได้อย่างน่าทึ่ง โดยใช้โดรนขนาด 20 ซม. ที่บินได้เร็วถึง 30 กม./ชม. และมีการปรับแต่งซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบิน บทบาทในทีมมีความชัดเจน เช่น striker, guide, libero, sweeper และ keeper ซึ่งต้องอาศัยการสื่อสารและการตัดสินใจแบบฉับไว ทำให้เกมนี้ไม่ใช่แค่ “บินให้เร็ว” แต่ต้อง “คิดให้ไว” ด้วย ✅ ดรอนซอกเกอร์เป็นกีฬาที่เกิดในเกาหลีใต้ปี 2016 ➡️ ใช้โดรนบินชนกันในกรงสนามเพื่อทำคะแนนผ่านห่วง ✅ ทีมมาเลเซียคว้าอันดับ 3 ใน FIDA World Cup ➡️ แข่งในประเภท Class 20 รองจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ✅ ทีมประกอบด้วยนักเรียนประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย ➡️ แสดงให้เห็นว่าเกมนี้เปิดกว้างสำหรับทุกวัย ✅ โดรนมีกรอบพลาสติกป้องกันการชน ➡️ เรียกว่า Drone Ball เพื่อความปลอดภัยในการแข่งขัน ✅ บทบาทในทีมมี 5 ตำแหน่งหลัก ➡️ striker, guide, libero, sweeper, keeper ✅ การสื่อสารในทีมเป็นหัวใจสำคัญ ➡️ บางทีมใช้ headset เพื่อประสานงานระหว่างแข่งขัน ✅ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ RM850 สำหรับ Class 20 ➡️ Class 40 มีราคาสูงถึง RM6,000 และบินได้เร็วกว่า 100 กม./ชม. ✅ การปรับแต่งโดรนช่วยพัฒนาทักษะด้านเทคนิค ➡️ เช่น การซ่อมแซม การปรับน้ำหนัก และการเลือกวัสดุ ✅ Cybersphere Malaysia เตรียมจัดเทศกาลดรอนซอกเกอร์ในปี 2026 ➡️ ร่วมกับ Visit Malaysia Year และ Visit Johor Year ‼️ โดรน Class 40 ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 1.1 กก. ⛔ หากเกินจะผิดกติกาและอาจถูกตัดสิทธิ์ ‼️ ผู้เล่นใหม่อาจเข้าใจผิดว่าเล่นแบบเดี่ยวได้ ⛔ แต่จริงๆ แล้วต้องอาศัยทีมเวิร์กและการวางแผนร่วมกัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/03/take-to-the-skies-the-adrenaline-rush-of-drone-soccer
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Take to the skies: The adrenaline rush of drone soccer
    Ever wondered what happens when drones meet soccer? As it turns out, it's a sport that comes pretty close to Harry Potter's Quidditch.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • "โอ๊ต ภาสพงศ์" นักกีฬาหล่อบอกต่อ : [News story]

    ภาสพงศ์ อ่ำสำอางค์ (โอ๊ต) นักกีฬากระโดดค้ำชายทีมชาติไทย พร้อมคว้าทองซีเกมส์ครั้งนี้
    "โอ๊ต ภาสพงศ์" นักกีฬาหล่อบอกต่อ : [News story] ภาสพงศ์ อ่ำสำอางค์ (โอ๊ต) นักกีฬากระโดดค้ำชายทีมชาติไทย พร้อมคว้าทองซีเกมส์ครั้งนี้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย ซ้อมสู้ซีเกมส์ครั้งที่ 33 : [News story]

    บรรยากาศนักกีฬากรีฑาทีมชาติไทยฝึกซ้อมสู้ศึกซีเกมส์ครั้งที่ 33 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
    นักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย ซ้อมสู้ซีเกมส์ครั้งที่ 33 : [News story] บรรยากาศนักกีฬากรีฑาทีมชาติไทยฝึกซ้อมสู้ศึกซีเกมส์ครั้งที่ 33 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • มีคนสรุป ที่สุดของในหลวง ร.9.ไว้ดีมาก

    พระมหากษัตริย์รูปงามที่สุด
    เป็นนักเรียนนอก
    พูดได้หลายภาษา
    เป็นสุภาพบุรุษ
    แต่งกายดีที่สุด
    กิริยามารยาทดีเยี่ยม
    มีอารมณ์ขัน
    โรแมนติคมาก
    รักเดียวใจเดียว
    รักการศึกษา
    รักภาษาไทย
    รักสัตว์
    รักชาติที่สุด
    รักประชาชนที่สุด
    มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่สุด
    บำเพ็ญทานยิ่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น
    เป็นผู้มีศีลมั่นคง
    มีสมาธิในการทำงานอย่างยิ่ง
    รู้ธรรมลึกซึ้งที่สุด
    มีความเมตตาที่สุด
    มีความกรุณาที่สุด
    มีความเสียสละที่สุด
    มีความเพียรที่สุด
    มีความอดทนที่สุด
    มีความกตัญญูที่สุด
    มีสติปัญญาลึกซึ้งที่สุด
    มีความรู้มากที่สุด
    ฉลาดที่สุด
    เป็นนักปราชญ์
    เป็นครู
    เป็นศิลปิน
    เป็นจิตรกร
    เป็นนักเขียน
    เป็นนักแปล
    เป็นนักประดิษฐ์
    เป็นนักพัฒนา
    เป็นนักสำรวจ
    เป็นนักเดินทาง
    เป็นนักกีฬา
    เก่งวิทยาศาสตร์
    เก่งวิศวะ
    เก่งเทคโนโลยี่
    เก่งสื่อสาร
    เก่งอักษรศาสตร์
    เก่งเศรษฐศาสตร์
    เก่งภูมิศาสตร์
    เก่งกฎหมาย
    เก่งการทหาร
    เก่งเกษตร
    เก่งเรื่องป่า
    เก่งเรื่องดินที่สุด
    เก่งเรื่องน้ำที่สุด
    เก่งเรื่องฝนที่สุด
    เก่งถ่ายรูปที่สุด
    เก่งดนตรีที่สุด

    เป็นมหาราชานักรบที่เก่ง และเหนื่อยที่สุดในโลก เอาชนะความยากจนให้กับประขาชนชาวไทย ทั้งประเทศ

    ทำประโยชน์ให้ประเทศไทยมากที่สุด

    #สรุปแล้ว...พระองค์ ทรงมีพระอัจฉริยภาพรอบรู้ในทุกๆเรื่อง ทุกๆด้าน...ที่มนุษย์บนโลกใบนี้ ทำได้...ตั้งแต่ น้ำ จรดพื้นดิน ขึ้นบนแผ่นฟ้า และลงมายังใต้พื้นดิน ใต้มหาสมุทรเพราะ พระองค์ท่าน ทรงเป็น พระบรมมหาโพธิสัตว์เจ้า...ทรงบำเพ็ญพระมหาปรมัตถบารมี...เพื่อที่จะทรง ตรัสรู้ อนุตร เอนกสัมโพธิญาณ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาลเบื้องหน้า
    มีคนสรุป ที่สุดของในหลวง ร.9.ไว้ดีมาก พระมหากษัตริย์รูปงามที่สุด เป็นนักเรียนนอก พูดได้หลายภาษา เป็นสุภาพบุรุษ แต่งกายดีที่สุด กิริยามารยาทดีเยี่ยม มีอารมณ์ขัน โรแมนติคมาก รักเดียวใจเดียว รักการศึกษา รักภาษาไทย รักสัตว์ รักชาติที่สุด รักประชาชนที่สุด มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่สุด บำเพ็ญทานยิ่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น เป็นผู้มีศีลมั่นคง มีสมาธิในการทำงานอย่างยิ่ง รู้ธรรมลึกซึ้งที่สุด มีความเมตตาที่สุด มีความกรุณาที่สุด มีความเสียสละที่สุด มีความเพียรที่สุด มีความอดทนที่สุด มีความกตัญญูที่สุด มีสติปัญญาลึกซึ้งที่สุด มีความรู้มากที่สุด ฉลาดที่สุด เป็นนักปราชญ์ เป็นครู เป็นศิลปิน เป็นจิตรกร เป็นนักเขียน เป็นนักแปล เป็นนักประดิษฐ์ เป็นนักพัฒนา เป็นนักสำรวจ เป็นนักเดินทาง เป็นนักกีฬา เก่งวิทยาศาสตร์ เก่งวิศวะ เก่งเทคโนโลยี่ เก่งสื่อสาร เก่งอักษรศาสตร์ เก่งเศรษฐศาสตร์ เก่งภูมิศาสตร์ เก่งกฎหมาย เก่งการทหาร เก่งเกษตร เก่งเรื่องป่า เก่งเรื่องดินที่สุด เก่งเรื่องน้ำที่สุด เก่งเรื่องฝนที่สุด เก่งถ่ายรูปที่สุด เก่งดนตรีที่สุด เป็นมหาราชานักรบที่เก่ง และเหนื่อยที่สุดในโลก เอาชนะความยากจนให้กับประขาชนชาวไทย ทั้งประเทศ ทำประโยชน์ให้ประเทศไทยมากที่สุด #สรุปแล้ว...พระองค์ ทรงมีพระอัจฉริยภาพรอบรู้ในทุกๆเรื่อง ทุกๆด้าน...ที่มนุษย์บนโลกใบนี้ ทำได้...ตั้งแต่ น้ำ จรดพื้นดิน ขึ้นบนแผ่นฟ้า และลงมายังใต้พื้นดิน ใต้มหาสมุทร😍😍😍เพราะ พระองค์ท่าน ทรงเป็น พระบรมมหาโพธิสัตว์เจ้า...ทรงบำเพ็ญพระมหาปรมัตถบารมี...เพื่อที่จะทรง ตรัสรู้ อนุตร เอนกสัมโพธิญาณ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาลเบื้องหน้า😇😇
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 528 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts