• “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช

    นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ในพื้นจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า
    .
    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ ในพื้นจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า . สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง
    เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า

    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
    ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง

    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ
    ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน
    ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา

    จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ
    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ
    ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป

    ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน
    มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด
    เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง
    เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า

    สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง
    ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง

    วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ
    ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน
    ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา

    จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน
    ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ
    อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ
    ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป

    ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน
    มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด
    เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้

    สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
    3 พฤษภาคม 2568
    “รองนายกฯ ประเสริฐ” ห่วงใยชาวโคราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เน้นย้ำหน่วยงานเตรียมแผนป้องกันภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยล่วงหน้า สทนช. ชี้น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือ 16% แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ยังมีน้ำมากกว่า 30% พร้อมรับข้อสั่งการรองนายกฯ เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วงของจังหวัดนครราชสีมาและวางแผนป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบาง วันนี้ (3 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งของอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อรับฟังรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงาน ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานสถานการณ์น้ำและการขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เปราะบางทั้งอุทกภัยและภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง และเมื่อเกิดเหตุต้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด และให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำต้นทุนของ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำแซะ และวางแผนจัดสรรน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ โดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ลำตะคองที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของจังหวัด รวมถึงให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และเพื่อให้จังหวัดนครราชสีมามีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลและจัดทำแผนงาน/โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีความจำเป็น เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป ด้านเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาอย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด 4,959 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม 429.40 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาตรน้ำ 65.63 ล้าน ลบ.ม. (42% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาตรน้ำ 52.77 ล้าน ลบ.ม. (37% ของความจุเก็บกัก) อ่างเก็บน้ำลำแซะ มีปริมาตรน้ำ 107.91 ล้าน ลบ.ม. (39% ของความจุเก็บกัก) และอ่างเก็บน้ำลำตะคอง แม้ว่าปัจจุบันจะมีปริมาตรน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างเข้มงวดและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาหน่วยงานได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เมื่อคราวลงพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการในวันนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง รวมถึงป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยตลอดช่วงฤดูฝนนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 3 พฤษภาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 824 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ ซึ่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากแผ่นดินไหวในพม่า เรียกร้องประชาคมนานาชาติในวันอังคาร(1เม.ย.) ให้ยกระดับความช่วยเหลือก่อนฤดูฝนมาถึง ที่อาจซ้ำเติมสถานการณ์ที่เข้าขั้นหายนะอยู่ก่อนแล้ว ด้วยยอดผู้เสียชีวิตเวลานี้พุ่งแตะ 2,719 คนและคาดหมายว่าจะเกิน 3,000 นาย ในไม่ช้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031233
    พวกเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ ซึ่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากแผ่นดินไหวในพม่า เรียกร้องประชาคมนานาชาติในวันอังคาร(1เม.ย.) ให้ยกระดับความช่วยเหลือก่อนฤดูฝนมาถึง ที่อาจซ้ำเติมสถานการณ์ที่เข้าขั้นหายนะอยู่ก่อนแล้ว ด้วยยอดผู้เสียชีวิตเวลานี้พุ่งแตะ 2,719 คนและคาดหมายว่าจะเกิน 3,000 นาย ในไม่ช้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031233
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1478 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษาว่าเวทนาเปรียบได้กับฟองน้ำ(ต่อมน้ำ)
    สัทธรรมลำดับที่ : 135
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=135
    ชื่อบทธรรม :- อุปมาแห่งเวทนา
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อุปมาแห่งเวทนา
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อฝนเมล็ดหยาบ ตกในสรทสมัย (ท้ายฤดูฝน),
    ต่อมน้ำ ย่อมเกิดขึ้นและแตกกระจายอยู่บนผิวน้ำ.
    บุรุษผู้มีจักษุ (ตามปกติ) เห็นต่อมน้ำนั้น ก็เพ่งพินิจพิจารณา โดยแยบคาย.
    เมื่อบุรุษนั้นเห็นอยู่ เพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู่,
    ต่อมน้ำ นั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างของเปล่าและปรากฏเป็นของหาแก่นสารมิได้ไป.
    --ภิกษุ ท. ! ก็แก่นสารใน ต่อมน้ำ ,
    http://etipitaka.com/read/pali/17/172/?keywords=อุทกปุพฺพุเฬ
    นั้นจะพึงมีได้อย่างไร, อุปมานี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! อุปไมยก็ฉันนั้น คือ เวทนา ชนิดใดชนิดหนึ่ง มีอยู่จะเป็นอดีตอนาคตหรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกล้ก็ตาม ;
    ภิกษุรู้สึกในเวทนานั้น ย่อมเพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคาย.
    เมื่อภิกษุนั้นรู้สึกอยู่เพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู่,
    เวทนา นั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างของเปล่า และปรากฏเป็นของหาแก่นสารมิได้ไป.
    --ภิกษุ ท. ! ก็แก่นสารในเวทนานั้นจะพึงมีได้อย่างไร.-

    #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/134/243.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/134/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๗๑/๒๔๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/171/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=135
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=10&id=135
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=10
    ลำดับสาธยายธรรม : 10 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_10.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาว่าเวทนาเปรียบได้กับฟองน้ำ(ต่อมน้ำ) สัทธรรมลำดับที่ : 135 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=135 ชื่อบทธรรม :- อุปมาแห่งเวทนา เนื้อความทั้งหมด :- --อุปมาแห่งเวทนา --ภิกษุ ท. ! เมื่อฝนเมล็ดหยาบ ตกในสรทสมัย (ท้ายฤดูฝน), ต่อมน้ำ ย่อมเกิดขึ้นและแตกกระจายอยู่บนผิวน้ำ. บุรุษผู้มีจักษุ (ตามปกติ) เห็นต่อมน้ำนั้น ก็เพ่งพินิจพิจารณา โดยแยบคาย. เมื่อบุรุษนั้นเห็นอยู่ เพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู่, ต่อมน้ำ นั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างของเปล่าและปรากฏเป็นของหาแก่นสารมิได้ไป. --ภิกษุ ท. ! ก็แก่นสารใน ต่อมน้ำ , http://etipitaka.com/read/pali/17/172/?keywords=อุทกปุพฺพุเฬ นั้นจะพึงมีได้อย่างไร, อุปมานี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! อุปไมยก็ฉันนั้น คือ เวทนา ชนิดใดชนิดหนึ่ง มีอยู่จะเป็นอดีตอนาคตหรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกล้ก็ตาม ; ภิกษุรู้สึกในเวทนานั้น ย่อมเพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคาย. เมื่อภิกษุนั้นรู้สึกอยู่เพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู่, เวทนา นั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างของเปล่า และปรากฏเป็นของหาแก่นสารมิได้ไป. --ภิกษุ ท. ! ก็แก่นสารในเวทนานั้นจะพึงมีได้อย่างไร.- #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/134/243. http://etipitaka.com/read/thai/17/134/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๗๑/๒๔๓. http://etipitaka.com/read/pali/17/171/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=135 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=10&id=135 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=10 ลำดับสาธยายธรรม : 10 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_10.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อุปมาแห่งเวทนา
    -อุปมาแห่งเวทนา ภิกษุ ท. ! เมื่อฝนเมล็ดหยาบ ตกในสรทสมัย (ท้ายฤดูฝน), ต่อมน้ำย่อมเกิดขึ้นและแตกกระจายอยู่บนผิวน้ำ. บุรุษผู้มีจักษุ (ตามปกติ) เห็นต่อมน้ำนั้น ก็เพ่งพินิจพิจารณา โดยแยบคาย. เมื่อบุรุษนั้นเห็นอยู่ เพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู่, ต่อมน้ำนั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างของเปล่าและปรากฏเป็นของหาแก่นสารมิได้ไป. ภิกษุ ท. ! ก็แก่นสารในต่อมน้ำนั้นจะพึงมีได้อย่างไร, อุปมานี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! อุปไมยก็ฉันนั้น คือ เวทนา ชนิดใดชนิดหนึ่ง มีอยู่จะเป็นอดีตอนาคตหรือปัจจุบันก็ตาม เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกล้ก็ตาม ; ภิกษุรู้สึกในเวทนานั้น ย่อมเพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคาย. เมื่อภิกษุนั้นรู้สึกอยู่เพ่งพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู่, เวทนานั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างของเปล่า และปรากฏเป็นของหาแก่นสารมิได้ไป. ภิกษุ ท. ! ก็แก่นสารในเวทนานั้นจะพึงมีได้อย่างไร.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • 129 ปี สิ้น “เจ้าเหมพินธุไพจิตร” เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร ผู้ใฝ่ในเกษตรกรรม

    📅 ย้อนไปเมื่อ 129 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 นับเป็นวันที่ราชวงศ์ทิพย์จักร ต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อ "เจ้าเหมพินธุไพจิตร" เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 ได้เสด็จถึงแก่พิราลัย ด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ รวมสิริชนมายุได้ 75 ปี แม้จะทรงครองนครลำพูนเพียง 2 ปี แต่พระราชกรณียกิจที่ทรงฝากไว้ ยังคงเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะบทบาท ในการส่งเสริมการเกษตรกรรม และพัฒนานครลำพูน ให้เจริญรุ่งเรือง ✨

    🛕 จาก "เจ้าน้อยคำหยาด" สู่ "เจ้าเหมพินธุไพจิตร" 👑
    พระนามเดิมของ เจ้าเหมพินธุไพจิตร คือ "เจ้าน้อยคำหยาด" ประสูติในปี พ.ศ. 2364 ณ เมืองนครลำพูน พระองค์เป็นโอรสใน เจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ (เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 6) กับ แม่เจ้าคำจ๋าราชเทวี และเป็นพระนัดดาของ พระยาคำฟั่น (เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 1 และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 3)

    🩷 ราชอนุชาและราชขนิษฐา ของพระองค์ ได้แก่
    เจ้าหญิงแสน ณ ลำพูน (ชายา "เจ้าหนานยศ ณ ลำพูน")
    เจ้าน้อยบุ ณ ลำพูน
    เจ้าน้อยหล้า ณ ลำพูน (พิราลัยแต่เยาว์วัย)

    🏛 เส้นทางสู่ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครลำพูน 📜
    🔹 วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2405 ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง "เจ้าราชบุตร" เมืองนครลำพูน
    🔹 วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2418 ได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเป็น "เจ้าอุปราช" เมืองนครลำพูน
    🔹 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437 ได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8" ต่อจาก เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ ผู้เป็นราชเชษฐา ต่างพระราชมารดา

    พระนามเต็มของพระองค์ เมื่อขึ้นครองนครลำพูน คือ
    👉 "เจ้าเหมพินธุไพจิตร ศุภกิจเกียรติโศภน วิมลสัตยสวามิภักดิคุณ หริภุญไชยรัษฎารักษ ตทรรคเจดียบูชากร ราษฎรธุรธาดา เอกัจจโยนกาธิบดี"

    🚜 การเกษตรกรรม และระบบชลประทาน 🌾
    แม้จะครองนครลำพูนเพียง 2 ปี แต่เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาเกษตรกรรม อย่างมาก พระองค์ทรงส่งเสริม ให้ราษฎรทำการเกษตร ในลักษณะที่มีการจัดการน้ำ อย่างเป็นระบบ เช่น
    ✅ สร้างเหมืองฝาย เพื่อทดน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก
    ✅ ขุดลอกเหมืองเก่า เพื่อให้น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก ได้ดีขึ้น
    ✅ ปรับปรุงที่ดอน ให้สามารถใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้

    💡 พระองค์มีพระราชดำริให้ราษฎร ปลูกข้าวเป็นพืชหลัก และเมื่อนาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ก็ให้ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เช่น หอม กระเทียม และใบยา เพื่อเพิ่มรายได้

    🛕 บำรุงพระพุทธศาสนา และโครงสร้างพื้นฐาน
    🙏 ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม
    เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด และส่งเสริมให้ราษฎร บำรุงพระพุทธศาสนา เช่น
    ✔️ บูรณะวัดเก่าแก่ ให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง
    ✔️ สร้างวิหาร กุฏิ และโบสถ์ ตามวัดสำคัญทั้งในเมือง และนอกเมืองลำพูน
    ✔️ ชักชวนราษฎรปั้นอิฐ ก่อกำแพงวัด และขุดสระน้ำในวัด

    🛤 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
    พระองค์ยังทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาเมืองลำพูน ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น โดย
    🚧 สร้างสะพาน เพื่ออำนวยความสะดวก ในการเดินทาง
    🚧 ยกระดับถนนในหมู่บ้าน เพื่อให้ล้อเกวียนสัญจรได้สะดวก
    🚧 ขุดร่องระบายน้ำ เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน

    ⚰️ เสด็จสู่สวรรคาลัย และมรดกที่ฝากไว้
    วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 เจ้าเหมพินธุไพจิตรทรงประชวร ด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ และเสด็จสวรรคตด้วย สิริชนมายุ 75 ปี

    แม้รัชสมัยของพระองค์จะสั้นเพียง 2 ปี แต่พระราชกรณียกิจของพระองค์ ยังคงปรากฏ เป็นมรดกที่สำคัญ ของลำพูน ทั้งในด้านเกษตรกรรม การบำรุงพระพุทธศาสนา และการพัฒนาเมือง

    🌟 รดกของเจ้าเหมพินธุไพจิตร
    ✅ ส่งเสริมการเกษตร และระบบชลประทาน
    ✅ ฟื้นฟู และบูรณะพระพุทธศาสนา
    ✅ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ของนครลำพูน
    ✅ เป็นต้นแบบของผู้นำ ที่ใส่ใจประชาชน

    เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นบุคคลสำคัญ ที่ส่งผลต่อเมืองลำพูน ทั้งในด้านการเกษตร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 🏞

    📌 คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    ❓ เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่เท่าไหร่?
    ✅ พระองค์เป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร

    ❓ พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ คืออะไร?
    ✅ การส่งเสริมการเกษตร บูรณะพระพุทธศาสนา และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

    ❓ เหตุใดพระองค์จึงเสด็จสวรรคต?
    ✅ ทรงประชวรด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439

    ❓ พระองค์ครองนครลำพูนกี่ปี?
    ✅ ครองนครลำพูนเพียง 2 ปี (พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2439)

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 052147 ก.พ. 2568

    🔖 #เจ้าเหมพินธุไพจิตร #นครลำพูน #ประวัติศาสตร์ไทย #ราชวงศ์ทิพย์จักร #เกษตรกรรม #วัฒนธรรมล้านนา #ผู้ปกครองล้านนา #เมืองลำพูน #เล่าเรื่องเมืองลำพูน #ล้านนาประวัติศาสตร์
    129 ปี สิ้น “เจ้าเหมพินธุไพจิตร” เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร ผู้ใฝ่ในเกษตรกรรม 📅 ย้อนไปเมื่อ 129 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 นับเป็นวันที่ราชวงศ์ทิพย์จักร ต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อ "เจ้าเหมพินธุไพจิตร" เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 ได้เสด็จถึงแก่พิราลัย ด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ รวมสิริชนมายุได้ 75 ปี แม้จะทรงครองนครลำพูนเพียง 2 ปี แต่พระราชกรณียกิจที่ทรงฝากไว้ ยังคงเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะบทบาท ในการส่งเสริมการเกษตรกรรม และพัฒนานครลำพูน ให้เจริญรุ่งเรือง ✨ 🛕 จาก "เจ้าน้อยคำหยาด" สู่ "เจ้าเหมพินธุไพจิตร" 👑 พระนามเดิมของ เจ้าเหมพินธุไพจิตร คือ "เจ้าน้อยคำหยาด" ประสูติในปี พ.ศ. 2364 ณ เมืองนครลำพูน พระองค์เป็นโอรสใน เจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ (เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 6) กับ แม่เจ้าคำจ๋าราชเทวี และเป็นพระนัดดาของ พระยาคำฟั่น (เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 1 และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 3) 🩷 ราชอนุชาและราชขนิษฐา ของพระองค์ ได้แก่ เจ้าหญิงแสน ณ ลำพูน (ชายา "เจ้าหนานยศ ณ ลำพูน") เจ้าน้อยบุ ณ ลำพูน เจ้าน้อยหล้า ณ ลำพูน (พิราลัยแต่เยาว์วัย) 🏛 เส้นทางสู่ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครลำพูน 📜 🔹 วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2405 ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง "เจ้าราชบุตร" เมืองนครลำพูน 🔹 วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2418 ได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเป็น "เจ้าอุปราช" เมืองนครลำพูน 🔹 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2437 ได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8" ต่อจาก เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ ผู้เป็นราชเชษฐา ต่างพระราชมารดา พระนามเต็มของพระองค์ เมื่อขึ้นครองนครลำพูน คือ 👉 "เจ้าเหมพินธุไพจิตร ศุภกิจเกียรติโศภน วิมลสัตยสวามิภักดิคุณ หริภุญไชยรัษฎารักษ ตทรรคเจดียบูชากร ราษฎรธุรธาดา เอกัจจโยนกาธิบดี" 🚜 การเกษตรกรรม และระบบชลประทาน 🌾 แม้จะครองนครลำพูนเพียง 2 ปี แต่เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาเกษตรกรรม อย่างมาก พระองค์ทรงส่งเสริม ให้ราษฎรทำการเกษตร ในลักษณะที่มีการจัดการน้ำ อย่างเป็นระบบ เช่น ✅ สร้างเหมืองฝาย เพื่อทดน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก ✅ ขุดลอกเหมืองเก่า เพื่อให้น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก ได้ดีขึ้น ✅ ปรับปรุงที่ดอน ให้สามารถใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้ 💡 พระองค์มีพระราชดำริให้ราษฎร ปลูกข้าวเป็นพืชหลัก และเมื่อนาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ก็ให้ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เช่น หอม กระเทียม และใบยา เพื่อเพิ่มรายได้ 🛕 บำรุงพระพุทธศาสนา และโครงสร้างพื้นฐาน 🙏 ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด และส่งเสริมให้ราษฎร บำรุงพระพุทธศาสนา เช่น ✔️ บูรณะวัดเก่าแก่ ให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง ✔️ สร้างวิหาร กุฏิ และโบสถ์ ตามวัดสำคัญทั้งในเมือง และนอกเมืองลำพูน ✔️ ชักชวนราษฎรปั้นอิฐ ก่อกำแพงวัด และขุดสระน้ำในวัด 🛤 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พระองค์ยังทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาเมืองลำพูน ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น โดย 🚧 สร้างสะพาน เพื่ออำนวยความสะดวก ในการเดินทาง 🚧 ยกระดับถนนในหมู่บ้าน เพื่อให้ล้อเกวียนสัญจรได้สะดวก 🚧 ขุดร่องระบายน้ำ เพื่อลดปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน ⚰️ เสด็จสู่สวรรคาลัย และมรดกที่ฝากไว้ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 เจ้าเหมพินธุไพจิตรทรงประชวร ด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ และเสด็จสวรรคตด้วย สิริชนมายุ 75 ปี แม้รัชสมัยของพระองค์จะสั้นเพียง 2 ปี แต่พระราชกรณียกิจของพระองค์ ยังคงปรากฏ เป็นมรดกที่สำคัญ ของลำพูน ทั้งในด้านเกษตรกรรม การบำรุงพระพุทธศาสนา และการพัฒนาเมือง 🌟 รดกของเจ้าเหมพินธุไพจิตร ✅ ส่งเสริมการเกษตร และระบบชลประทาน ✅ ฟื้นฟู และบูรณะพระพุทธศาสนา ✅ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ของนครลำพูน ✅ เป็นต้นแบบของผู้นำ ที่ใส่ใจประชาชน เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นบุคคลสำคัญ ที่ส่งผลต่อเมืองลำพูน ทั้งในด้านการเกษตร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 🏞 📌 คำถามที่พบบ่อย (FAQs) ❓ เจ้าเหมพินธุไพจิตร ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่เท่าไหร่? ✅ พระองค์เป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร ❓ พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ คืออะไร? ✅ การส่งเสริมการเกษตร บูรณะพระพุทธศาสนา และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ❓ เหตุใดพระองค์จึงเสด็จสวรรคต? ✅ ทรงประชวรด้วยพระโรคอุจจาระ ธาตุพิการ และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 ❓ พระองค์ครองนครลำพูนกี่ปี? ✅ ครองนครลำพูนเพียง 2 ปี (พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2439) ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 052147 ก.พ. 2568 🔖 #เจ้าเหมพินธุไพจิตร #นครลำพูน #ประวัติศาสตร์ไทย #ราชวงศ์ทิพย์จักร #เกษตรกรรม #วัฒนธรรมล้านนา #ผู้ปกครองล้านนา #เมืองลำพูน #เล่าเรื่องเมืองลำพูน #ล้านนาประวัติศาสตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1166 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    ลมหนาวจางๆ เริ่มพัดมาแล้ว...
    ระดับนํ้าในแม่นํ้าโขงเริ่มลดลง พอให้ชาวบ้านที่อยู่ติดริมนํ้าได้เริ่มลงมือปลูกผักสวนครัวไว้ใช้ในบ้าน

    เมื่อลมหนาว เริ่มพัดมา ก็หมายความว่า ฤดูฝนกำลังจะหมดไป
    งานบุญเดือน 11 กำลังมาถึง..

    งานบุญออกพรรษา...

    สิ่งที่มีมาคู่กับงานออกพรรษาคือ
    งานบุญแข่งเรือ

    ช่วงก่อนจะใกล้งานบุญแข่งเรือสักหนึ่งเดือน...
    ช่วงเย็นๆ ที่ลำนํ้าโขงจะปรากฎเสียงกระตุ้นเร้าเป็นระยะๆ ดังพร้อมๆ กับเสียงนกหวีด ให้ออกแรง พายจํ้า
    เรือแข่งหลายสิบฝีพาย หลายๆลำมักจะใช้แม่นํ้าโขงเป็นสนามฝึกซ้อม

    หน้าต่างฝั่งนํ้าโขงของบ้านผมนั้น เป็นที่ที่ผมปีนขึ้นไปนั่งได้อย่างสะดวก แค่เหยียบเก้าอี้ขึ้นไป ก็นั่งขอบหน้าต่างได้แล้ว

    ปกติแล้วผมมักจะชอบนั่งดูแม่นํ้าอยู่ริมหน้าต่างที่บ้านเก่า และบ่อยครั้งก็อุตริขึ้นไปนั่งอ่านนิยายที่ขอบหน้าต่าง

    คราวที่ กำลังง่วนกับการละเล่น พอได้ยินเสียงนกหวีดให้จังหวะฝีพาย ผมจะทิ้งทุกอย่างวิ่งมาเกาะหน้าต่างดู ฝีพายที่ขะมักเขม้น จ้วงพายลงในนํ้า ในจังหวะที่พร้อมเพรียงกัน

    ฝีพายทั้งหลายต่างพร้อมใจกันมาซ้อมทุกเช้าเย็น...

    จวบจนวันบุญแข่งเรือ และงานวันออกพรรษา มาถึง....

    ถนนสุนทรวิจิตร หน้าบ้านผมในสมัย40กว่าปีก่อนนั้น...
    นับได้ว่าเป็นถนนเศรษฐกิจเลยทีเดียว ทั้งรถราวิ่งกันขวักไขว่ ร้านอาหาร บาร์ ก็ผุดเป็นดอกเห็ดยามหน้าฝน
    เวลามีงานบุญต่างๆ ขบวนแห่ทั้งหลาย ก็ต้องผ่านเส้นนี้ทั้งนั้น

    วันออกพรรษา ที่เป็นวันเต็ง คือวันขึ้น15 คํ่าเดือน11 .....

    ลานหญ้าริมเขื่อนฝั่งโขง หน้าบ้านพักผู้พิพากษา ยาวไปถึงสถานีตำรวจ และเลยไปถึงโรงเรียนสุนทรวิจิตร
    จะเต็มไปด้วยซุ้มต่างๆของแต่ละอำเภอ แต่ละท้องถิ่น พากันมาออกร้าน ทั้งไม้ไผ่ ทางมะพร้าว ไพหญ้า ต่างถูกใช้เป็นวัสดุหลักในการทำโครงสร้างรวมทั้งการตกแต่ง ที่เรียบง่าย แต่น่าสนใจเหลือเกินสำหรับเด็กในวัย6-7ขวบอย่างผม

    ตั้งแต่เช้า....
    ผู้คนเริ่มทะยอยกัน ออกมาเดินเท้าบนถนน ถนนหน้าบ้านผมคราครํ่าไปด้วยผู้คน

    แม่บ้านที่เลี้ยงผมในยามนั้น
    แกชอบออกมานั่งดู ผู้คนเดินไปมา ผมซึ่งยังเป็นเด็กมากในขณะนั้นกลับรู้สึกว่า ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย
    สู้ลูกโป่งสีสวยในมือพ่อค้าไม่ได้

    หรือเสาไม้ไผ่ที่พ่อค้าแบกพาดไว้บนไหล่ถูกเจาะรู รอบๆเป็นระยะๆ เอาไว้เสียบเครื่องเล่น ของเล่น นานาชนิด...

    เครื่องบินที่แพนหางเป็นกระดาษ ส่วนหัว มีเชือกป่านผูกกับปลายไม้ที่เป็นก้านจับ พอแกว่งให้ปะทะอากาศก็จะมีเสียงดังวี้ด ๆ

    ยังมี "จั๊กจั่น" ที่เป็นกล่องกระดาษทรงกระบอกเล็กๆ ฝั่งหนึ่งเจาะรูมีเชือกร้อยห้อยติดกับไม้ พอเหวี่ยงกล่องกระดาษที่ปลายมันจะเกิดเสียงแหลมๆคล้ายจั๊กจั่น

    และที่ลืมไม่ได้...
    ป๋องแป๋งกระดาษแก้ว..
    ที่หน้าของตัวป๋องแป๋งขึงด้วยการะดาษแก้วหลากสี
    ตัวป๋องแป๋งมีลักษณะคล้ายกลองขนาดเล็ก ขึงหน้าด้วยกระดาษแก้วสี ด้านข้างมีเชือกป่านร้อยไว้ทั้ง2ด้านปลายด้านหนึ่ง มีดินเหนียวแห้งเป็นตุ้มถ่วง พอแกว่งป๋องแป๋ง ดินเหนียวนี้ก็จะไปปะทะหน้าป๋องแป๋ง เกิดเสียงกังวานขึ้น
    เตี่ยผมเคย ช่วยซ่อมป๋องแป๋งนี้ในยามที่หน้ากระดาษแก้วมันหย่อน
    แกเอาผ้าชุบนํ้าพอหมาดๆ แล้วเช็ดหน้ากระดาษแก้วไวๆ น่าประหลาดที่มันกลับมาตึงและดังกังวานได้อีกครั้ง

    แกบอกว่า กระดาษแก้วพอถูกนํ้าจะตึงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทำบ่อยๆก็ไม่ไหว มันจะหมดสภาพไป...
    .
    .
    .
    ฝูงชนยังคงคราครํ่า บนถนน...
    แม่บ้านผมก็ยังคงนั่งมองผู้คนอยู่อย่างนั้น...

    มาบัดนี้ ด้วยที่ผ่านวัยนั้นมา ผมเข้าใจแล้วว่า
    แกคงมองดูหนุ่มสาวที่มาด้วยกัน บางครั้งคงแอบมองหนุ่มๆที่มาคนเดียว หรือมาร่วมกลุ่มกัน นั่นก็คงทำให้แกมีความสุขเล็กๆได้
    .
    .
    พอตกบ่าย...
    หลังจากการแข่งเรือในท้องนํ้าที่กว้างใหญ่ผ่านไป
    มักจะมีเรือเล็กติดเครื่องยนต์ วิ่งไปมาใกล้ตลิ่ง
    หนุ่มๆบนเรือ บ้างก็เปลื้องผ้าท่อนบน บ้างก็มีสภาพมึนเมา บ่อยครั้งที่จะมีคำร้องกลอนพื้นบ้าน พร้อมเสียงกลองเสียงเคาะขวด ลอยตามเรือมาเป็นระยะๆ
    สาวบ้านไหนอยู่ในระยะสายตา มักจะโดนหนุ่มๆขี้เมาทั้งหลายในเรือลำจิ๋ว แซวไปซะทุกครั้ง และแน่นอน คำร้องแซว นั้น อยู่ในระดับ หยาบถึงหยาบมาก
    .
    .
    ขบวนแห่ปราสาทผึ้งเริ่มแล้ว
    การตกแต่ง ริ้วขบวนเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ทั้งดนตรีปี่กลอง ผู้ร่วมขบวนนั้นมีมากมาย และมีทุกวัย
    บางคราวก็จะเห็น ตา หรือ ยายแก่ๆ ฟ้อนเข้าจังหวะ แต่จังหวะสับขานั้นเต็มไปด้วยควมสับสนอาจจะเพราะฤทธิ์ 40 ดีกรี ที่ดวดเข้าไปเต็มคราบ ถึงกับถอยหน้าถอยหลัง ไปไม่ถึงไหน
    ร้อนถึงเพื่อน ในขบวนต้องช่วยกันรุนหลังให้ตามขบวนไป
    บ้างก็หมดสภาพขนาดเพื่อนๆ ต้องหิ้วปีกตามขบวนกันเลย ก็ยังเคยมีให้เห็น
    .
    .
    งานบุญแบบนี้ สิ่งที่เด็กๆอย่างผมตั้งตารอ ก็คงจะหนีไม่พ้น ขนม นม เนย ที่วางขายกัน

    ของกิน ของซื้อมากมายเหลือเกินในงานออกร้าน

    รถเข็นขายลูกชิ้นปิ้ง
    ซึ่งผมและเด็กอีกหลายๆคนมักจะทำคล้ายๆกัน คือ ใช้ไม้ที่มีลูกชิ้นนั้น จิ้มนํ้าจิ้ม และดูดกินนํ้าจิ้มนั้น เรื่อยๆก่อน เหมือนกลัวว่า ถ้ารีบกินลูกชิ้นนั้น จะหมดลงไวเกินไป อีกมือที่ว่างก็ล้วงไปที่ถุงพลาสติกที่มีกระหลํ่าปลีหั่น เอาออกมาจิ้มนํ้าจิ้มกินอย่างเอร็ดอร่อย
    จนควรแก่เวลา ถึงได้บรรเลงลูกชิ้นที่เหลือไว้ ลงท้อง

    รถเข็นขายซาละเปา
    ซาละเปาร้อนๆ หอมฉุยทุกครั้งที่เปิดฝาซึ้งที่ใช้นึ่งซาละเปา ยังมีขนมปังที่กินกับไอศครีมตัก พ่อค้านำมาประยุกต์ ใส่ไส้สังขยาลงไป แล้วเอามานึ่งพร้อมซาละเปา ก็อร่อยไปอีกแบบ

    และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานออกพรรษาสมัยนั้น คือ ลูกเดือยต้ม

    มันจะถูกแบ่งเป็นกำๆ กำหนึ่งมีหลายก้าน ปลายก้านจะมีลูกเดือยอยู่แต่มันถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งๆ ต้องแทะเปลือกออกถึงจะได้ลิ้มรส ไอ้ลูกเดือยนี่แหละทำให้คนกวาดถนนออกมาบ่นทุกครั้งที่จบงาน เพราะมันถูกทิ้งเกลื่อนและเปลือกมีขนาดเล็ก ทำให้ยากต่อการเก็บกวาด

    งานดำเนินไปค่อนคืน...
    งานเลี้ยงก็ถึงเวลาต้องเลิกรา...
    .
    .
    .
    หลายสิบปีผ่านไป...
    งานออกพรรษา เปลี่ยนไปแล้ว...

    ความเรียบง่ายแฝงเสน่ห์บ้านๆถูกแทนที่ด้วยความยิ่งใหญ่ จ้าแจ่ม ของความทันสมัยที่ถูกใส่เข้ามาแทนที่

    ของเล่นในวัยเด็กที่พ่อค้าแบกท่อนไม้ไผ่เจาะรู ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

    ของกินที่แสนอร่อยในวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยของกินหน้าตาแปลกใหม่ และอาจจะอร่อยกว่าของเดิม

    ลูกเดือยต้ม แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วในงานบุญออกพรรษา

    พร้อมๆกับที่ หนุ่มวัยรุ่นขี้เมาล่องเรือแซวสาว...
    ก็หายไปจากท้องนํ้า....
    .
    .
    .
    มีเพียงความทรงจำสีจางๆ...
    ภาพเก่าๆ ให้ระลึกถึง...

    ก็ทำให้ ใครบางคน...
    สถานที่บางสถานที่...
    ที่เคยสลายไปแล้วนั้น
    กลับมามีชีวิตอีกครั้ง...
    แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม....
    .
    .
    .
    ***ปล. ขอบคุณท่านเจ้าของภาพที่ผมนำมาใช้ประกอบบทความครับ

    ***ออกพรรษา
    เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อ 7 ตุลาคม 2560 ที่เพจ ล ม ห ว น
    สมัยที่ผมยังเด็ก... ลมหนาวจางๆ เริ่มพัดมาแล้ว... ระดับนํ้าในแม่นํ้าโขงเริ่มลดลง พอให้ชาวบ้านที่อยู่ติดริมนํ้าได้เริ่มลงมือปลูกผักสวนครัวไว้ใช้ในบ้าน เมื่อลมหนาว เริ่มพัดมา ก็หมายความว่า ฤดูฝนกำลังจะหมดไป งานบุญเดือน 11 กำลังมาถึง.. งานบุญออกพรรษา... สิ่งที่มีมาคู่กับงานออกพรรษาคือ งานบุญแข่งเรือ ช่วงก่อนจะใกล้งานบุญแข่งเรือสักหนึ่งเดือน... ช่วงเย็นๆ ที่ลำนํ้าโขงจะปรากฎเสียงกระตุ้นเร้าเป็นระยะๆ ดังพร้อมๆ กับเสียงนกหวีด ให้ออกแรง พายจํ้า เรือแข่งหลายสิบฝีพาย หลายๆลำมักจะใช้แม่นํ้าโขงเป็นสนามฝึกซ้อม หน้าต่างฝั่งนํ้าโขงของบ้านผมนั้น เป็นที่ที่ผมปีนขึ้นไปนั่งได้อย่างสะดวก แค่เหยียบเก้าอี้ขึ้นไป ก็นั่งขอบหน้าต่างได้แล้ว ปกติแล้วผมมักจะชอบนั่งดูแม่นํ้าอยู่ริมหน้าต่างที่บ้านเก่า และบ่อยครั้งก็อุตริขึ้นไปนั่งอ่านนิยายที่ขอบหน้าต่าง คราวที่ กำลังง่วนกับการละเล่น พอได้ยินเสียงนกหวีดให้จังหวะฝีพาย ผมจะทิ้งทุกอย่างวิ่งมาเกาะหน้าต่างดู ฝีพายที่ขะมักเขม้น จ้วงพายลงในนํ้า ในจังหวะที่พร้อมเพรียงกัน ฝีพายทั้งหลายต่างพร้อมใจกันมาซ้อมทุกเช้าเย็น... จวบจนวันบุญแข่งเรือ และงานวันออกพรรษา มาถึง.... ถนนสุนทรวิจิตร หน้าบ้านผมในสมัย40กว่าปีก่อนนั้น... นับได้ว่าเป็นถนนเศรษฐกิจเลยทีเดียว ทั้งรถราวิ่งกันขวักไขว่ ร้านอาหาร บาร์ ก็ผุดเป็นดอกเห็ดยามหน้าฝน เวลามีงานบุญต่างๆ ขบวนแห่ทั้งหลาย ก็ต้องผ่านเส้นนี้ทั้งนั้น วันออกพรรษา ที่เป็นวันเต็ง คือวันขึ้น15 คํ่าเดือน11 ..... ลานหญ้าริมเขื่อนฝั่งโขง หน้าบ้านพักผู้พิพากษา ยาวไปถึงสถานีตำรวจ และเลยไปถึงโรงเรียนสุนทรวิจิตร จะเต็มไปด้วยซุ้มต่างๆของแต่ละอำเภอ แต่ละท้องถิ่น พากันมาออกร้าน ทั้งไม้ไผ่ ทางมะพร้าว ไพหญ้า ต่างถูกใช้เป็นวัสดุหลักในการทำโครงสร้างรวมทั้งการตกแต่ง ที่เรียบง่าย แต่น่าสนใจเหลือเกินสำหรับเด็กในวัย6-7ขวบอย่างผม ตั้งแต่เช้า.... ผู้คนเริ่มทะยอยกัน ออกมาเดินเท้าบนถนน ถนนหน้าบ้านผมคราครํ่าไปด้วยผู้คน แม่บ้านที่เลี้ยงผมในยามนั้น แกชอบออกมานั่งดู ผู้คนเดินไปมา ผมซึ่งยังเป็นเด็กมากในขณะนั้นกลับรู้สึกว่า ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย สู้ลูกโป่งสีสวยในมือพ่อค้าไม่ได้ หรือเสาไม้ไผ่ที่พ่อค้าแบกพาดไว้บนไหล่ถูกเจาะรู รอบๆเป็นระยะๆ เอาไว้เสียบเครื่องเล่น ของเล่น นานาชนิด... เครื่องบินที่แพนหางเป็นกระดาษ ส่วนหัว มีเชือกป่านผูกกับปลายไม้ที่เป็นก้านจับ พอแกว่งให้ปะทะอากาศก็จะมีเสียงดังวี้ด ๆ ยังมี "จั๊กจั่น" ที่เป็นกล่องกระดาษทรงกระบอกเล็กๆ ฝั่งหนึ่งเจาะรูมีเชือกร้อยห้อยติดกับไม้ พอเหวี่ยงกล่องกระดาษที่ปลายมันจะเกิดเสียงแหลมๆคล้ายจั๊กจั่น และที่ลืมไม่ได้... ป๋องแป๋งกระดาษแก้ว.. ที่หน้าของตัวป๋องแป๋งขึงด้วยการะดาษแก้วหลากสี ตัวป๋องแป๋งมีลักษณะคล้ายกลองขนาดเล็ก ขึงหน้าด้วยกระดาษแก้วสี ด้านข้างมีเชือกป่านร้อยไว้ทั้ง2ด้านปลายด้านหนึ่ง มีดินเหนียวแห้งเป็นตุ้มถ่วง พอแกว่งป๋องแป๋ง ดินเหนียวนี้ก็จะไปปะทะหน้าป๋องแป๋ง เกิดเสียงกังวานขึ้น เตี่ยผมเคย ช่วยซ่อมป๋องแป๋งนี้ในยามที่หน้ากระดาษแก้วมันหย่อน แกเอาผ้าชุบนํ้าพอหมาดๆ แล้วเช็ดหน้ากระดาษแก้วไวๆ น่าประหลาดที่มันกลับมาตึงและดังกังวานได้อีกครั้ง แกบอกว่า กระดาษแก้วพอถูกนํ้าจะตึงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทำบ่อยๆก็ไม่ไหว มันจะหมดสภาพไป... . . . ฝูงชนยังคงคราครํ่า บนถนน... แม่บ้านผมก็ยังคงนั่งมองผู้คนอยู่อย่างนั้น... มาบัดนี้ ด้วยที่ผ่านวัยนั้นมา ผมเข้าใจแล้วว่า แกคงมองดูหนุ่มสาวที่มาด้วยกัน บางครั้งคงแอบมองหนุ่มๆที่มาคนเดียว หรือมาร่วมกลุ่มกัน นั่นก็คงทำให้แกมีความสุขเล็กๆได้ . . พอตกบ่าย... หลังจากการแข่งเรือในท้องนํ้าที่กว้างใหญ่ผ่านไป มักจะมีเรือเล็กติดเครื่องยนต์ วิ่งไปมาใกล้ตลิ่ง หนุ่มๆบนเรือ บ้างก็เปลื้องผ้าท่อนบน บ้างก็มีสภาพมึนเมา บ่อยครั้งที่จะมีคำร้องกลอนพื้นบ้าน พร้อมเสียงกลองเสียงเคาะขวด ลอยตามเรือมาเป็นระยะๆ สาวบ้านไหนอยู่ในระยะสายตา มักจะโดนหนุ่มๆขี้เมาทั้งหลายในเรือลำจิ๋ว แซวไปซะทุกครั้ง และแน่นอน คำร้องแซว นั้น อยู่ในระดับ หยาบถึงหยาบมาก . . ขบวนแห่ปราสาทผึ้งเริ่มแล้ว การตกแต่ง ริ้วขบวนเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ทั้งดนตรีปี่กลอง ผู้ร่วมขบวนนั้นมีมากมาย และมีทุกวัย บางคราวก็จะเห็น ตา หรือ ยายแก่ๆ ฟ้อนเข้าจังหวะ แต่จังหวะสับขานั้นเต็มไปด้วยควมสับสนอาจจะเพราะฤทธิ์ 40 ดีกรี ที่ดวดเข้าไปเต็มคราบ ถึงกับถอยหน้าถอยหลัง ไปไม่ถึงไหน ร้อนถึงเพื่อน ในขบวนต้องช่วยกันรุนหลังให้ตามขบวนไป บ้างก็หมดสภาพขนาดเพื่อนๆ ต้องหิ้วปีกตามขบวนกันเลย ก็ยังเคยมีให้เห็น . . งานบุญแบบนี้ สิ่งที่เด็กๆอย่างผมตั้งตารอ ก็คงจะหนีไม่พ้น ขนม นม เนย ที่วางขายกัน ของกิน ของซื้อมากมายเหลือเกินในงานออกร้าน รถเข็นขายลูกชิ้นปิ้ง ซึ่งผมและเด็กอีกหลายๆคนมักจะทำคล้ายๆกัน คือ ใช้ไม้ที่มีลูกชิ้นนั้น จิ้มนํ้าจิ้ม และดูดกินนํ้าจิ้มนั้น เรื่อยๆก่อน เหมือนกลัวว่า ถ้ารีบกินลูกชิ้นนั้น จะหมดลงไวเกินไป อีกมือที่ว่างก็ล้วงไปที่ถุงพลาสติกที่มีกระหลํ่าปลีหั่น เอาออกมาจิ้มนํ้าจิ้มกินอย่างเอร็ดอร่อย จนควรแก่เวลา ถึงได้บรรเลงลูกชิ้นที่เหลือไว้ ลงท้อง รถเข็นขายซาละเปา ซาละเปาร้อนๆ หอมฉุยทุกครั้งที่เปิดฝาซึ้งที่ใช้นึ่งซาละเปา ยังมีขนมปังที่กินกับไอศครีมตัก พ่อค้านำมาประยุกต์ ใส่ไส้สังขยาลงไป แล้วเอามานึ่งพร้อมซาละเปา ก็อร่อยไปอีกแบบ และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานออกพรรษาสมัยนั้น คือ ลูกเดือยต้ม มันจะถูกแบ่งเป็นกำๆ กำหนึ่งมีหลายก้าน ปลายก้านจะมีลูกเดือยอยู่แต่มันถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งๆ ต้องแทะเปลือกออกถึงจะได้ลิ้มรส ไอ้ลูกเดือยนี่แหละทำให้คนกวาดถนนออกมาบ่นทุกครั้งที่จบงาน เพราะมันถูกทิ้งเกลื่อนและเปลือกมีขนาดเล็ก ทำให้ยากต่อการเก็บกวาด งานดำเนินไปค่อนคืน... งานเลี้ยงก็ถึงเวลาต้องเลิกรา... . . . หลายสิบปีผ่านไป... งานออกพรรษา เปลี่ยนไปแล้ว... ความเรียบง่ายแฝงเสน่ห์บ้านๆถูกแทนที่ด้วยความยิ่งใหญ่ จ้าแจ่ม ของความทันสมัยที่ถูกใส่เข้ามาแทนที่ ของเล่นในวัยเด็กที่พ่อค้าแบกท่อนไม้ไผ่เจาะรู ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ของกินที่แสนอร่อยในวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยของกินหน้าตาแปลกใหม่ และอาจจะอร่อยกว่าของเดิม ลูกเดือยต้ม แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วในงานบุญออกพรรษา พร้อมๆกับที่ หนุ่มวัยรุ่นขี้เมาล่องเรือแซวสาว... ก็หายไปจากท้องนํ้า.... . . . มีเพียงความทรงจำสีจางๆ... ภาพเก่าๆ ให้ระลึกถึง... ก็ทำให้ ใครบางคน... สถานที่บางสถานที่... ที่เคยสลายไปแล้วนั้น กลับมามีชีวิตอีกครั้ง... แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม.... . . . ***ปล. ขอบคุณท่านเจ้าของภาพที่ผมนำมาใช้ประกอบบทความครับ ***ออกพรรษา เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อ 7 ตุลาคม 2560 ที่เพจ ล ม ห ว น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 901 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💜 #รีวิว เส้นทาง #จีน #ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง จากคุณสวโรจน์นะคะ💜 เมื่อวันที่ 22-27 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมานะคะ📍
    ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com
    แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘

    ⭐️ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง (Yangtze River Cruise) เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมจีน และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ระหว่างการเดินทางบนแม่น้ำที่ยาวที่สุดในจีนและเอเชีย

    ⭐️ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการล่องเรือ
    เมษายน - พฤษภาคม: ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเย็นสบาย
    กันยายน - ตุลาคม: ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศแห้งและมีทัศนียภาพที่สวยงาม
    หลีกเลี่ยงฤดูฝนในเดือนมิถุนายน - สิงหาคม และฤดูหนาวในเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    💜 #รีวิว เส้นทาง #จีน #ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง จากคุณสวโรจน์นะคะ💜 เมื่อวันที่ 22-27 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมานะคะ📍 ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘 ⭐️ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง (Yangtze River Cruise) เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมจีน และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ระหว่างการเดินทางบนแม่น้ำที่ยาวที่สุดในจีนและเอเชีย ⭐️ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการล่องเรือ เมษายน - พฤษภาคม: ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเย็นสบาย กันยายน - ตุลาคม: ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศแห้งและมีทัศนียภาพที่สวยงาม หลีกเลี่ยงฤดูฝนในเดือนมิถุนายน - สิงหาคม และฤดูหนาวในเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 704 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออัปเดตหน่อย เพื่อให้คนมีที่ดินและคิดจะปลูกไม้ยืนต้นทิ้งไว้ จะได้เป็นแนวทางหนึ่งในการตัดสินใจ....แปลงนี้ศิษย์เกษตรได้ไปให้บริการแนะนำปลูกและดูแลตัดหญ้า ในเขตจังหวัดแพร่เมื่อ 6 เดือนก่อน ลงปลูกไปทั้งหมด 150 ต้น ตอนนี้เหลือ 128 ต้น เท่ากับว่าผ่านมาครึ่งปีต้นไม้รอด 85 %....เหตุที่ตายก็มาจากวัวเหยียบบ้าง คนเข้ามาตัดหญ้าไปเลี้ยงวัวไม่เห็นบ้าง และก็พื้นที่บางโซนน้ำท่วมขังในฤดูฝนก็ตายไปบ้าง แต่รอด 85% นี่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รอดเยอะมากเมื่อเทียบกับการไม่ต้องติดตั้งระบบน้ำ แต่ไม่ใช่ว่าปลูกไม้ป่าแล้วจะไม่ลงทุนเลย อันนั้นไม่ใช่ เพราะแปลงนี้เจ้าของแปลงให้ lit nit เข้ามาตัดหญ้าทุก 3 เดือน และตอนนี้ก็ต้องลงทุนล้อมลวดไฟฟ้าเพื่อกันวัวชาวบ้านที่เข้ามา (เจ้าของตัดสินใจกั้นรั้วเองเพราะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านก็แล้ว ทะเลาะกับเจ้าของวัวก็แล้วแต่ปัญหาเรื่องวัวก็ไม่จบไม่สิ้นสักที)....แปลงนี้ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าเพราะหากใช้ยาฆ่าหญ้าโอกาสที่ต้นไม้จะตายเพราะขาดน้ำก็มีสูง เหตุเพราะไม่มีอะไรห่มดินไว้ไม่ให้โดนแดดโดยตรง หรือหากฆ่าหญ้าก็ต้องติดตั้งระบบน้ำซึ่งก็ใช้งบบานปลายเกินจำเป็น เพราะเมื่อติดตั้งระบบน้ำก็จะต้องมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเหตุเพราะสายน้ำรั่วบ้าง หัวตันบ้าง อุปกรณ์ถูกขโมยบ้างอะไรประมาณนี้ผ่านมาครึ่งปีไม้หลายต้นโตเร็วจนหนีหญ้าเกือบพ้นแล้ว บางต้นบางชนิดโตช้ามาก ๆ ตามลักษณะพันธุ์....การปลูกต้นไม้เป็นการลงทุน อยู่ที่ว่าจะเลือกลงทุนมากหรือน้อย ลงทุนเหมาะสมหรือเกินกำลัง หรือตัดสินใจไปในทิศทางเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย#อันนี้ขึ้นอยู่กับว่า ลงทุนเพราะใจอยาก หรือลงทุนตามข้อมูลที่ศึกษามาและคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์โชกโชน^^
    ขออัปเดตหน่อย เพื่อให้คนมีที่ดินและคิดจะปลูกไม้ยืนต้นทิ้งไว้ จะได้เป็นแนวทางหนึ่งในการตัดสินใจ....แปลงนี้ศิษย์เกษตรได้ไปให้บริการแนะนำปลูกและดูแลตัดหญ้า ในเขตจังหวัดแพร่เมื่อ 6 เดือนก่อน ลงปลูกไปทั้งหมด 150 ต้น ตอนนี้เหลือ 128 ต้น เท่ากับว่าผ่านมาครึ่งปีต้นไม้รอด 85 %....เหตุที่ตายก็มาจากวัวเหยียบบ้าง คนเข้ามาตัดหญ้าไปเลี้ยงวัวไม่เห็นบ้าง และก็พื้นที่บางโซนน้ำท่วมขังในฤดูฝนก็ตายไปบ้าง แต่รอด 85% นี่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รอดเยอะมากเมื่อเทียบกับการไม่ต้องติดตั้งระบบน้ำ แต่ไม่ใช่ว่าปลูกไม้ป่าแล้วจะไม่ลงทุนเลย อันนั้นไม่ใช่ เพราะแปลงนี้เจ้าของแปลงให้ lit nit เข้ามาตัดหญ้าทุก 3 เดือน และตอนนี้ก็ต้องลงทุนล้อมลวดไฟฟ้าเพื่อกันวัวชาวบ้านที่เข้ามา (เจ้าของตัดสินใจกั้นรั้วเองเพราะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านก็แล้ว ทะเลาะกับเจ้าของวัวก็แล้วแต่ปัญหาเรื่องวัวก็ไม่จบไม่สิ้นสักที)....แปลงนี้ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าเพราะหากใช้ยาฆ่าหญ้าโอกาสที่ต้นไม้จะตายเพราะขาดน้ำก็มีสูง เหตุเพราะไม่มีอะไรห่มดินไว้ไม่ให้โดนแดดโดยตรง หรือหากฆ่าหญ้าก็ต้องติดตั้งระบบน้ำซึ่งก็ใช้งบบานปลายเกินจำเป็น เพราะเมื่อติดตั้งระบบน้ำก็จะต้องมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเหตุเพราะสายน้ำรั่วบ้าง หัวตันบ้าง อุปกรณ์ถูกขโมยบ้างอะไรประมาณนี้ผ่านมาครึ่งปีไม้หลายต้นโตเร็วจนหนีหญ้าเกือบพ้นแล้ว บางต้นบางชนิดโตช้ามาก ๆ ตามลักษณะพันธุ์....การปลูกต้นไม้เป็นการลงทุน อยู่ที่ว่าจะเลือกลงทุนมากหรือน้อย ลงทุนเหมาะสมหรือเกินกำลัง หรือตัดสินใจไปในทิศทางเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย#อันนี้ขึ้นอยู่กับว่า ลงทุนเพราะใจอยาก หรือลงทุนตามข้อมูลที่ศึกษามาและคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์โชกโชน^^
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทางหลวงชนบท สร้างถนนสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง กว่า 32 กม. เชื่อม จ.แพร่ - จ.อุตรดิตถ์ เสร็จแล้ว ยกระดับมาตรฐานทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางสะดวกในทุกฤดู ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

    นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ระยะทางรวม 32.457 กิโลเมตร โดยก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ช่องจราจร ไป - กลับ ผิวจราจรกว้าง 5 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องหมายจราจรและสิ่งอำนวยความปลอดภัยให้กับประชาชน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 126.100 ล้านบาท

    เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชน เนื่องจากถนนเดิมได้รับผลกระทบในช่วงฤดูฝน ถูกน้ำป่าไหลหลากท่วมเส้นทาง ส่งผลให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์อุทยานเดินทางด้วยความยากลำบาก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000000354

    #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท
    กรมทางหลวงชนบท สร้างถนนสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง กว่า 32 กม. เชื่อม จ.แพร่ - จ.อุตรดิตถ์ เสร็จแล้ว ยกระดับมาตรฐานทาง เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางสะดวกในทุกฤดู ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ • นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย พร.4001 แยก ทล.1022 - บ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ระยะทางรวม 32.457 กิโลเมตร โดยก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ช่องจราจร ไป - กลับ ผิวจราจรกว้าง 5 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องหมายจราจรและสิ่งอำนวยความปลอดภัยให้กับประชาชน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 126.100 ล้านบาท • เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชน เนื่องจากถนนเดิมได้รับผลกระทบในช่วงฤดูฝน ถูกน้ำป่าไหลหลากท่วมเส้นทาง ส่งผลให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์อุทยานเดินทางด้วยความยากลำบาก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000000354 • #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 652 มุมมอง 0 รีวิว
  • #รวมคำสอนผิด คน…ธรรม (จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด...)

    1. พระอรหันต์ฆ่าตัวตาย ทำการุณยฆาต❌
    ที่ถูกคือ>> พระอรหันต์ไม่ฆ่าตัวตาย
    สมดังคำที่พระสารีบุตรกล่าวว่า
    เราไม่ยินดีความตาย
    ไม่ปรารถนาความเป็น
    แต่เรารอเวลาแตกดับ (ปรินิพพาน)
    เหมือนลูกจ้างรอค่าจ้างฉะนั้น.
    และการุณยฆาตไม่ใช่การฆ่าตัวเอง

    2. พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้กุศโลบาย❌
    ที่ถูกคือ>> พระพุทธเจ้าเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ด้วยอุบายเครื่องแนะนำอย่างวิจิตร มีอาฬวกยักษ์เป็นต้น. แม้คำสอนทั้งหมดก็มีอุบายสอน เช่นอุบายเครื่องสงบจิต.

    3. พุทธคุณในพระเครื่องไม่มี❌
    ที่ถูกคือ>> พุทธคุณในพระเครื่องมีทั้งมีและไม่มี ที่มีเพราะเหตุปัจจัยถึงพร้อม คือ ผู้สวดพระปริตรมีศีล ไม่มีความโลภอยากได้ลาภสักการะ สวดด้วยความอนุเคราะห์ ด้วยศรัทธา บาลีไม่ผิดเพี้ยน ย่อมมีอานุภาพ/ ส่วนที่ไม่มีอานุภาพก็ตรงกันข้ามกัน (ตัวอย่างตั่ง(ที่นั่ง)ที่พระองคุลิมาลนั่งทำสัจกิริยา ก็มีอานุภาพตลอดกัป)

    4. พระปริตรป้องกันภัยไม่ได้
    พระปริตรขัดกับหลักกรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาล❌
    ที่ถูกคือ >> กรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาลนั้นหมายความว่า “สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากพระผู้สร้าง เช่นพระอิศวรนิรมิต” / พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธพระผู้สร้าง เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆหรือใครบันดาล >> พระปริตรเป็นกุศลกรรม ไม่ใช่ใครบันดาล แต่เกิดจากกรรมในปัจจุบัน ที่บุคคลนั้นได้กล่าวสัจจกิริยา หรือ สวดพระปริตร ซึ่งเป็นกุศลที่ให้ผลในปัจจุบัน ตามหลักแห่งกรรม เป็น ทิฐธรรมเวทนียกรรม
    >> และพระปริตรก็มีเหตุปัจจัยอื่นเป็นตัวแปรที่ให้ผลไม่ได้ทุกคน จึงแทนโรงพยาบาลไม่ได้ แต่ผู้มีศรัทธา ไม่ทำกรรมหนัก ไม่สวดด้วยกิเลส และยังไม่หมดอายุขัย พระปริตรย่อมช่วยได้.

    5. สร้างศาลาใหญ่ไว้ให้หมานอนเกาขี้กาก❌ ที่ถูกคือ ทำบุญในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้มีคุณหาประมาณมิได้ ไม่ควรกำหนดว่าเท่านั้นเท่านี้ มีตัวอย่างพระลกุณฏกะ ในอดีตท่านแนะนำชาวบ้านให้สร้างเจดีย์จากใหญ่ให้เหลือเล็กลง ด้วยวิบากกรรมนั้นท่านจึงเกิดมาตัวเล็กเตี้ยเหมือนสามเณร

    6. บวชพระ, บวชตามประเพณี, บวชหน้าไฟ ไม่เป็นการทดแทนบุญคุณพ่อแม่❌ ที่ถูกคือ>> การบวชแม้ไม่ใช่การทดแทนคุณพ่อแม่สูงสุด แต่ก็เป็นการทดแทนคุณได้ เพราะการบวชทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิต พ่อแม่ได้ทำบุญใส่บาตรพระลูกชายเป็นต้น การทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิตได้ เป็นการทดแทนคุณอย่างหนึ่ง

    7. สัมภเวสี คือช่วงรออัตภาพการเกิด คือเวลาที่กายแตกตายแต่สี่ขันธ์ยังยึดรูปอยู่ยังรู้อยู่เรียกช่วงนี้ว่าสัมภเวสี❌ ที่ถูกคือ >> สัมภเวสี คือ ผู้ที่แสวงหาที่เกิด, ผู้ที่ยังต้องเกิด คือ พระเสขะและปุถุชน ยกเว้นพระอรหันต์ เพราะยังละภวสังโยชน์ยังไม่ได้.
    👉 สัมภเวสี ตามนัยแห่งกำเนิด 4 คือ
    1. เกิดในไข่ (ขณะอยู่ในไข่ เรียกสัมภเวสี ออกจากไข่ได้แล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    2. เกิดในครรภ์ (ขณะอยู่ในรก เรียกสัมภเวสี คลอดออกมาแล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    3. เกิดในเถ้าไคล และ 4. เกิดแบบผุดเกิด
    (ขณะแห่งปฐมจิต เรียกสัมภเวสี
    ขณะแห่งจิตดวงที่สอง ชื่อว่าภูต คือเกิดแล้ว)
    มาใน : อรรถกถาเมตตสูตร

    8. อมตะธาตุยึดขันธ์ห้า❌
    ที่ถูกคือ>> อมตะธาตุยึดขันธ์๕ไม่ได้
    เพราะอมตะธาตุคือนิพพาน

    9. โสดาปัตติมรรค ละสังโยชน์ข้อแรก
    โสดาปัตติผล ละสังโยชน์อีกสองข้อ❌
    ที่ถูกคือ>> โสดาปัตติมัคคจิต เป็นจิตที่ประหาณจิตโลภที่เป็นทิฏฐิสัมปยุตต ๔ ดวง และโมหมูลจิตที่เป็นวิจิกิจฉาสัมปยุตต ๑ ดวง อย่างเด็ดขาด เป็นสมุจเฉทประหาณ รวมประหาณ อกุศลจิต ๕ ดวง เด็ดขาด /โสดาปัตติผลจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นเพื่อเสวยสุขจากการที่โสดาปัตติมรรคญาณได้ทำการประหาณแล้ว

    10. ลอยกระทง ไปขอขมาทำไมแม่น้ำ ไปทะเลาะกับแม่น้ำเหรอจึงต้องขอขมา / วันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน❌
    ที่ถูกคือ>> การรู้คุณแม่น้ำถือว่าเป็นผู้รู้คุณในสรรพสิ่ง สมดังคำที่พระองค์ตรัสว่า "บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่พึงหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทราม" ดังนั้นสิ่งที่มีอุปการะแก่ชีวิตเราล้วนมีคุณเพียงแค่เราจะเห็นคุณนั้นหรือไม่ ส่วนน้ำนั้นคนโบราณเห็นว่าใช้น้ำมาทั้งปี ทำไร่ ทำนา ใช้ชำระกายทั้งดื่มกิน เขาก็ระลึกรู้คุณเป็นพิเศษ ก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนดีเลยทีเดียว
    / และวันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน❌ ไม่ควรกล่าวอ้างอย่างนั้น เพราะดอกโกมุทบานเป็นเพียงคำขยายของพระจันทร์ เพราะวันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงในฤดูฝน ดอกโกมุทบานก็บานทั้งฤดูอยู่แล้ว ดอกโกมุทบานเป็นเพียงผู้ร่วมงาน ประธานคือพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้นจึงไม่ควรเอาแขกร่วมงานมาตั้งชื้อวัน

    11. ใครแย้งว่าสอนผิด จะอ้างว่าเขาอิจฉาริษยา❌
    ที่ถูกคือ>> ผู้ชี้โทษ ไม่ใช่เพราะอิจฉาริษยา แต่เป็นการติเตียนตามธรรม เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้ใครมาบิดเบือน / ทราบว่าที่คุณพูดเอามาจากสักกปัญหาสูตร
    ท้าวสักกะได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ทำไมสัตว์ทั้งหลายมีความปรารถนาไม่มีเวร ไม่ถูกเบียดเบียนฯลฯ แต่เพราะอะไรพวกเขาจึงยังคงมีเวร ถูกเบียดเบียนอยู่”
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ”เพราะมีอิสสา(ความริษยา) และมัจฉริยะ(ความตระหนี่) สัตว์ทั้งหลายจึงจองเวรกัน เบียดเบียนกัน ซึ่งท่านใช้สูตรนี้มาสอนลูกศิษย์ และลูกศิษย์ก็เที่ยวไปว่าคนเห็นต่างว่าอิจฉาริษยาอาจารย์เขา /ทำไมคุณไม่ใช้สูตรผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์มาสอน.

    ✍️ที่สอนถูกก็มี ผิดก็ควรแก้ไข
    หวังว่าท่านจะระวังในการสอนมากขึ้น

    #แค่ผ่านตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องชี้แจง
    >> ผู้เขียน : โลก กะ ธรรม กับม่อน

    Credit : เปรมวดี ก๋งชิน
    #รวมคำสอนผิด คน…ธรรม (จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด...) 1. พระอรหันต์ฆ่าตัวตาย ทำการุณยฆาต❌ ที่ถูกคือ>> พระอรหันต์ไม่ฆ่าตัวตาย สมดังคำที่พระสารีบุตรกล่าวว่า เราไม่ยินดีความตาย ไม่ปรารถนาความเป็น แต่เรารอเวลาแตกดับ (ปรินิพพาน) เหมือนลูกจ้างรอค่าจ้างฉะนั้น. และการุณยฆาตไม่ใช่การฆ่าตัวเอง 2. พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้กุศโลบาย❌ ที่ถูกคือ>> พระพุทธเจ้าเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ด้วยอุบายเครื่องแนะนำอย่างวิจิตร มีอาฬวกยักษ์เป็นต้น. แม้คำสอนทั้งหมดก็มีอุบายสอน เช่นอุบายเครื่องสงบจิต. 3. พุทธคุณในพระเครื่องไม่มี❌ ที่ถูกคือ>> พุทธคุณในพระเครื่องมีทั้งมีและไม่มี ที่มีเพราะเหตุปัจจัยถึงพร้อม คือ ผู้สวดพระปริตรมีศีล ไม่มีความโลภอยากได้ลาภสักการะ สวดด้วยความอนุเคราะห์ ด้วยศรัทธา บาลีไม่ผิดเพี้ยน ย่อมมีอานุภาพ/ ส่วนที่ไม่มีอานุภาพก็ตรงกันข้ามกัน (ตัวอย่างตั่ง(ที่นั่ง)ที่พระองคุลิมาลนั่งทำสัจกิริยา ก็มีอานุภาพตลอดกัป) 4. พระปริตรป้องกันภัยไม่ได้ พระปริตรขัดกับหลักกรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาล❌ ที่ถูกคือ >> กรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาลนั้นหมายความว่า “สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากพระผู้สร้าง เช่นพระอิศวรนิรมิต” / พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธพระผู้สร้าง เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆหรือใครบันดาล >> พระปริตรเป็นกุศลกรรม ไม่ใช่ใครบันดาล แต่เกิดจากกรรมในปัจจุบัน ที่บุคคลนั้นได้กล่าวสัจจกิริยา หรือ สวดพระปริตร ซึ่งเป็นกุศลที่ให้ผลในปัจจุบัน ตามหลักแห่งกรรม เป็น ทิฐธรรมเวทนียกรรม >> และพระปริตรก็มีเหตุปัจจัยอื่นเป็นตัวแปรที่ให้ผลไม่ได้ทุกคน จึงแทนโรงพยาบาลไม่ได้ แต่ผู้มีศรัทธา ไม่ทำกรรมหนัก ไม่สวดด้วยกิเลส และยังไม่หมดอายุขัย พระปริตรย่อมช่วยได้. 5. สร้างศาลาใหญ่ไว้ให้หมานอนเกาขี้กาก❌ ที่ถูกคือ ทำบุญในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้มีคุณหาประมาณมิได้ ไม่ควรกำหนดว่าเท่านั้นเท่านี้ มีตัวอย่างพระลกุณฏกะ ในอดีตท่านแนะนำชาวบ้านให้สร้างเจดีย์จากใหญ่ให้เหลือเล็กลง ด้วยวิบากกรรมนั้นท่านจึงเกิดมาตัวเล็กเตี้ยเหมือนสามเณร 6. บวชพระ, บวชตามประเพณี, บวชหน้าไฟ ไม่เป็นการทดแทนบุญคุณพ่อแม่❌ ที่ถูกคือ>> การบวชแม้ไม่ใช่การทดแทนคุณพ่อแม่สูงสุด แต่ก็เป็นการทดแทนคุณได้ เพราะการบวชทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิต พ่อแม่ได้ทำบุญใส่บาตรพระลูกชายเป็นต้น การทำให้พ่อแม่เกิดกุศลจิตได้ เป็นการทดแทนคุณอย่างหนึ่ง 7. สัมภเวสี คือช่วงรออัตภาพการเกิด คือเวลาที่กายแตกตายแต่สี่ขันธ์ยังยึดรูปอยู่ยังรู้อยู่เรียกช่วงนี้ว่าสัมภเวสี❌ ที่ถูกคือ >> สัมภเวสี คือ ผู้ที่แสวงหาที่เกิด, ผู้ที่ยังต้องเกิด คือ พระเสขะและปุถุชน ยกเว้นพระอรหันต์ เพราะยังละภวสังโยชน์ยังไม่ได้. 👉 สัมภเวสี ตามนัยแห่งกำเนิด 4 คือ 1. เกิดในไข่ (ขณะอยู่ในไข่ เรียกสัมภเวสี ออกจากไข่ได้แล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว) 2. เกิดในครรภ์ (ขณะอยู่ในรก เรียกสัมภเวสี คลอดออกมาแล้วเรียกว่าภูต คือเกิดแล้ว) 3. เกิดในเถ้าไคล และ 4. เกิดแบบผุดเกิด (ขณะแห่งปฐมจิต เรียกสัมภเวสี ขณะแห่งจิตดวงที่สอง ชื่อว่าภูต คือเกิดแล้ว) มาใน : อรรถกถาเมตตสูตร 8. อมตะธาตุยึดขันธ์ห้า❌ ที่ถูกคือ>> อมตะธาตุยึดขันธ์๕ไม่ได้ เพราะอมตะธาตุคือนิพพาน 9. โสดาปัตติมรรค ละสังโยชน์ข้อแรก โสดาปัตติผล ละสังโยชน์อีกสองข้อ❌ ที่ถูกคือ>> โสดาปัตติมัคคจิต เป็นจิตที่ประหาณจิตโลภที่เป็นทิฏฐิสัมปยุตต ๔ ดวง และโมหมูลจิตที่เป็นวิจิกิจฉาสัมปยุตต ๑ ดวง อย่างเด็ดขาด เป็นสมุจเฉทประหาณ รวมประหาณ อกุศลจิต ๕ ดวง เด็ดขาด /โสดาปัตติผลจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นเพื่อเสวยสุขจากการที่โสดาปัตติมรรคญาณได้ทำการประหาณแล้ว 10. ลอยกระทง ไปขอขมาทำไมแม่น้ำ ไปทะเลาะกับแม่น้ำเหรอจึงต้องขอขมา / วันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน❌ ที่ถูกคือ>> การรู้คุณแม่น้ำถือว่าเป็นผู้รู้คุณในสรรพสิ่ง สมดังคำที่พระองค์ตรัสว่า "บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่พึงหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทราม" ดังนั้นสิ่งที่มีอุปการะแก่ชีวิตเราล้วนมีคุณเพียงแค่เราจะเห็นคุณนั้นหรือไม่ ส่วนน้ำนั้นคนโบราณเห็นว่าใช้น้ำมาทั้งปี ทำไร่ ทำนา ใช้ชำระกายทั้งดื่มกิน เขาก็ระลึกรู้คุณเป็นพิเศษ ก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนดีเลยทีเดียว / และวันลอยกระทงตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าคือวันดอกโกมุทบาน❌ ไม่ควรกล่าวอ้างอย่างนั้น เพราะดอกโกมุทบานเป็นเพียงคำขยายของพระจันทร์ เพราะวันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงในฤดูฝน ดอกโกมุทบานก็บานทั้งฤดูอยู่แล้ว ดอกโกมุทบานเป็นเพียงผู้ร่วมงาน ประธานคือพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้นจึงไม่ควรเอาแขกร่วมงานมาตั้งชื้อวัน 11. ใครแย้งว่าสอนผิด จะอ้างว่าเขาอิจฉาริษยา❌ ที่ถูกคือ>> ผู้ชี้โทษ ไม่ใช่เพราะอิจฉาริษยา แต่เป็นการติเตียนตามธรรม เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้ใครมาบิดเบือน / ทราบว่าที่คุณพูดเอามาจากสักกปัญหาสูตร ท้าวสักกะได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ทำไมสัตว์ทั้งหลายมีความปรารถนาไม่มีเวร ไม่ถูกเบียดเบียนฯลฯ แต่เพราะอะไรพวกเขาจึงยังคงมีเวร ถูกเบียดเบียนอยู่” พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ”เพราะมีอิสสา(ความริษยา) และมัจฉริยะ(ความตระหนี่) สัตว์ทั้งหลายจึงจองเวรกัน เบียดเบียนกัน ซึ่งท่านใช้สูตรนี้มาสอนลูกศิษย์ และลูกศิษย์ก็เที่ยวไปว่าคนเห็นต่างว่าอิจฉาริษยาอาจารย์เขา /ทำไมคุณไม่ใช้สูตรผู้ชี้โทษคือผู้ชี้ขุมทรัพย์มาสอน. ✍️ที่สอนถูกก็มี ผิดก็ควรแก้ไข หวังว่าท่านจะระวังในการสอนมากขึ้น #แค่ผ่านตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องชี้แจง >> ผู้เขียน : โลก กะ ธรรม กับม่อน Credit : เปรมวดี ก๋งชิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1106 มุมมอง 0 รีวิว
  • แค่ฝนโปรยนิดเดียว “ท่าขี้เหล็ก” น้ำเอ่อท่วมระดับข้อเท้าแล้ว หลังท่อระบายยังอุดตันหนักจากน้ำท่วมใหญ่ห้วงสิงหาฯ-ตุลาฯ ที่ผ่านมา สะท้อนปัญหาใหญ่ฤดูฝนหน้า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120350

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    แค่ฝนโปรยนิดเดียว “ท่าขี้เหล็ก” น้ำเอ่อท่วมระดับข้อเท้าแล้ว หลังท่อระบายยังอุดตันหนักจากน้ำท่วมใหญ่ห้วงสิงหาฯ-ตุลาฯ ที่ผ่านมา สะท้อนปัญหาใหญ่ฤดูฝนหน้า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120350 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1030 มุมมอง 0 รีวิว
  • เข้าใจกลไกการออกดอก+ป้องกันดอกร่วง(มะนาว)

    กลไก..การออกดอกของไม้ผล คือ C/N RATIO

    หลักการ C:N Ratio พิจารณาได้ 3 กรณี
    1.1) N สูงกว่า C
    ฤดูฝน..ฝนตก หรือการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน(สูงๆ) ต้นไม้จะเร่งการเติบโต แตกยอด ออกใบใหม่
    1.2) C สูงกว่า N *******
    จะเกิดในปีที่ฝนแล้ง หรือ #ใส่ปุ๋ยโยกหลัง #ธาตุอาหารโพแทสเซียมจะมีฤทธิ์ไปตัดกับฤทธิ์ของไนโตรเจนทำให้ไนโตรเจนตกลง --->ส่งผลให้ฟอสฟอรัสมีค่าสูงขึ้น ซึ่งฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารที่จะช่วยกระตุ้นให้ออกดอกผล แต่อย่างไรก็ตามการจะทำให้โพแทสเซียมทำงานได้ดี เราจะต้องใส่แคลเซียม โบรอนเข้าไปด้วย
    1.3) C เท่ากับ N จะเกิดลูกแซมดอก (มักจะเกิดช่วงทำดอกแล้วฝนตกใส่)
    ดังนั้นการเพิ่มปริมาณ C และ การลดปริมาณ N จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการออกดอกผลของต้นไม้อย่างยิ่ง.

    ----------------------------------
    มะนาวออกดอก ขาวโพลนเต็มต้นได้ในช่วงนี้
    ปกป้อง กันการร่วงของดอก..ด้วย

    #น้ำตาลกลูโคส 2 ช้อนโต๊ะ #M150 2ฝา #เหล้าขาว ๕๐CC. #น้ำเปล่า ๒๐ลิตร ฉีดในช่วงเช้า(แดดอ่อน)หรือในตอนเย็นก็ได้ ทุก 7วัน
    (ยกเว้น..ในช่วงดอกบาน...ห้ามฉีด) อย่างเช่น ในวันนี้(ตามภาพ)
    จะช่วยให้ขั้วเหนียว ดอกไม่ร่วง...ได้ผลดี
    เข้าใจกลไกการออกดอก+ป้องกันดอกร่วง(มะนาว) กลไก..การออกดอกของไม้ผล คือ C/N RATIO หลักการ C:N Ratio พิจารณาได้ 3 กรณี 1.1) N สูงกว่า C ฤดูฝน..ฝนตก หรือการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน(สูงๆ) ต้นไม้จะเร่งการเติบโต แตกยอด ออกใบใหม่ 1.2) C สูงกว่า N ******* จะเกิดในปีที่ฝนแล้ง หรือ #ใส่ปุ๋ยโยกหลัง #ธาตุอาหารโพแทสเซียมจะมีฤทธิ์ไปตัดกับฤทธิ์ของไนโตรเจนทำให้ไนโตรเจนตกลง --->ส่งผลให้ฟอสฟอรัสมีค่าสูงขึ้น ซึ่งฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารที่จะช่วยกระตุ้นให้ออกดอกผล แต่อย่างไรก็ตามการจะทำให้โพแทสเซียมทำงานได้ดี เราจะต้องใส่แคลเซียม โบรอนเข้าไปด้วย 1.3) C เท่ากับ N จะเกิดลูกแซมดอก (มักจะเกิดช่วงทำดอกแล้วฝนตกใส่) ดังนั้นการเพิ่มปริมาณ C และ การลดปริมาณ N จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการออกดอกผลของต้นไม้อย่างยิ่ง. ---------------------------------- มะนาวออกดอก ขาวโพลนเต็มต้นได้ในช่วงนี้ ปกป้อง กันการร่วงของดอก..ด้วย #น้ำตาลกลูโคส 2 ช้อนโต๊ะ #M150 2ฝา #เหล้าขาว ๕๐CC. #น้ำเปล่า ๒๐ลิตร ฉีดในช่วงเช้า(แดดอ่อน)หรือในตอนเย็นก็ได้ ทุก 7วัน (ยกเว้น..ในช่วงดอกบาน...ห้ามฉีด) อย่างเช่น ในวันนี้(ตามภาพ) จะช่วยให้ขั้วเหนียว ดอกไม่ร่วง...ได้ผลดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางท่องเที่ยว..เชียงใหม่-เชียงราย-แม่ฮ่องสอน
    2024-2025 Chiengmai Tourist Routes

    ฉันกำลังจะเกษียณปลายเดือนมกราคม 2025
    จึงเขียนเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ ไว้ให้เพื่อนๆ
    ที่จะมาเที่ยวเชียงใหม่บ้านของฉัน สนุก-ประทับใจ

    --------------------------
    ทริปไหว้พระ ๙ วัด (ได้ทั้งปี)

    1.วัดศรีดอนมูลครูบาน้อย ลงนะหน้า ทอง. 2.วัดพระธาตุดอยคำ
    3.วัดป่าแดด 4.วัดอุโมงค์. 5.วัดศรีสุพรรณ. 6.วัดพระสิงห์
    7.วัดเจดีย์หลวง. 8.วัดพันเตา** 9.วัดอุปคุต

    แนะนำ วัดโลกโมฬี และ วัดป่าดาราภิรมย์***สวยมาก***
    วัดพันเตา กลางคืนสวย(มาก)เดินถนนคนเดินคืนวันอาทิตย์

    ---------------------------
    ทริปดอยอ่างขาง (กลางเดือน มกราคม สวยที่สุด)

    1.คาเฟ่เฮือนไม้60. 2.แดนเทวดา. 3.วัดบ้านเด่น. 4.สวนสนแม่แตง. 5.ถนนต้นยางประตูสู่เมืองคอง. 6.ถ้ำหลวงเชียงดาว. 7.ฮิโนกิแลนด์ บ้านญี่ปุ่น 8.สวนส้ม. 9.จุดชมวิวม่อนสวนสน. 10.สถานีเกษตรดอยอ่างขาง(ซากุระ) 11.ไร่ชา2000系 12.สวนสตอเบอรี่ บ้านนอแล. 13.ฐานปฏิบัติการ ชายแดนบ้านนอแล

    ----------------------------
    ทริปดอยหลวงเชียงดาว (มกราคม- กลางเดือนกุมภาฯ)

    1.สวนดอกไม้แม่ริม. 2. คาเฟ่เรือนไม้ 6 สวน. 3.แอร์เอเชียไดมอนด์. 4.แดนเทวดา. 5.วัดบ้านเด่น. 6.สวนสนแม่แตง. 7.ประตูสู่เมืองคองถนนต้นยาง. 8.ถ้าหลวงเชียงดาว. 9.ที่พักระเบียงดาวโซนดอยหลวง 10. เมืองคอง

    -----------------------------
    ทริปแม่แตง (มค.-กพ. เทศกาลไม้ดอกเชียงใหม่)

    1.สวนดอกไม้แม่ริม. 2. คาเฟ่เฮือนไม้ 60. 3.คาเฟ่เครื่องบินแอร์เอเชียไดมอนด์. 4..แดนเทวดา 5.วัดบ้านเด่น. 6.สวนสนแม่แตง. 7.ปางช้างแม่แตง. 8.หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว. 9.แก่งกิ๊ดล่องแก่งล่องแพ. 10.ไร่ชาลุงเดช

    ----------------------------
    ทริปหมู่บ้านแม่กำปอง (เที่ยวได้ทั้งปี ยกเว้นฤดูฝน)

    1. ศูนย์หัตถกรรมร่มบ่อสร้าง 2. ถ้ำเมืองออน 3.น้ำพุร้อนสันกำแพง 4.ม่อนกุเวรท้าวเวสสุวรรณ. 5. โครงการหลวงบ้านห้วยตีนตก. 6.กาแฟบ้านต้นไม้แม่กำปอง. 7.ถนนคนเดินบ้านแม่กำปอง. 8.วัดแม่กำปองอุโบสถกลางน้ำ 9.กาแฟระเบียงวิวชมหมู่บ้าน. 10.น้ำตกบ้านแม่กำปอง. 11.กาแฟสะพานแขวนเทสดู่ 12.the ธารทอง green coffee cafe สวยๆ. 13. The giant **ทางชันมาก ต้องเหมารถที่แม่กำปองเท่านั้น
    14. กิ่วฝิ่น **ทางชันมาก ต้องเหมารถที่แม่กำปองเท่านั้น.

    -----------------------------
    ทริปอำเภอกัลยาณิวัฒนา(พฤศจิกายน-ธันวาคม)

    1. อุทยานหลวงราชพฤกษ์ 2.วัดต้นเกว๋น 3.คาเฟ่เฮือนหลองเข้าลำ 4.ทุ่งดอกเก๊กฮวย มีเฉพาะ พย-ธค. 5.ป่าสนวัดจันทร์

    ------------------------------
    ทริป อ.ปาย (ช่วงกุมภาพันธ์)

    1. กาแฟแม่มด 2. จุดเช็คอินเขตแดนปายแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่. 3. ห้วยน้ำดัง 4.สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย 5. ไหว้ขอพรพระธาตุแม่เย็น(ค้าง RELAX) 6. กะเหรี่ยงคอยาวห้วยมะเฟือง 7. เช็คอิน ที่ Cafe PAI in Love 8. พระอาทิตย์ตกดิน ที่ ปายแคนย่อน 9. ถนนคนเดินกลางคืน 10. ทะเลหมอกหยุนไหล 11. หมู่บ้านสันติชลบ้านจีนยูนนาน

    ------------------------------
    ทริปเชียงราย
    1. น้ำพุร้อนแม่ขะจาน 2. วัดร่องขุ่น 3. วัดร่องเสือเต้น 4. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ 5.ไร่ชาฉุยฟง 6. วัดห้วยปลากั้ง 7.ไร่บุญรอดสิงห์ปาร์ค 8.พระตำหนักดอยตุง 9. วัดพระธาตุดอยตุง 10. จุดชมวิวดอยช้างมูป 11.ดอยผาฮี้ (ที่พัก) 12.วัดพระธาตุดอยเวา-SKYWALK 13. ตลาดแม่สาย 14.สามเหลี่ยมทองคำ 15.ภูชี้ฟ้า 16. อาข่าฟาร์มวิลล์-ฟาร์มแกะ(แม่สรวย)

    ------------------------------
    ทริปแม่ฮ่องสอน-เมืองสามหมอก (กลาง พย-ธค)

    1. บ่อน้ำแร่ห้วยไทรงาม. 2. จุดชมวิวดอยกิ่วลม. 3. ถ้ำน้ำลอดปางมะผ้าหรือ ถ้ำผีแมน. 4. ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ้(ค้าง 1 คืน). 5. จุดชมวิวบ้านห้วยรุกข้าวหลาม. 6. ถ้ำปลาแม่ฮ่องสอน. 7. พระธาตุดอยกองมู. 8. บ้านรักไทย. 9. ปางอุ๋ง ล่องแพตอนเช้า. 10. สะพานซูตองเป้
    เฉพาะกลางเดือนพฤศจิกายน ดอกบัวตอง ที่ ดอยแม่อูคอ สวยดั่งสวรรค์
    เส้นทางท่องเที่ยว..เชียงใหม่-เชียงราย-แม่ฮ่องสอน 2024-2025 Chiengmai Tourist Routes ฉันกำลังจะเกษียณปลายเดือนมกราคม 2025 จึงเขียนเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่ ไว้ให้เพื่อนๆ ที่จะมาเที่ยวเชียงใหม่บ้านของฉัน สนุก-ประทับใจ -------------------------- ทริปไหว้พระ ๙ วัด (ได้ทั้งปี) 1.วัดศรีดอนมูลครูบาน้อย ลงนะหน้า ทอง. 2.วัดพระธาตุดอยคำ 3.วัดป่าแดด 4.วัดอุโมงค์. 5.วัดศรีสุพรรณ. 6.วัดพระสิงห์ 7.วัดเจดีย์หลวง. 8.วัดพันเตา** 9.วัดอุปคุต แนะนำ วัดโลกโมฬี และ วัดป่าดาราภิรมย์***สวยมาก*** วัดพันเตา กลางคืนสวย(มาก)เดินถนนคนเดินคืนวันอาทิตย์ --------------------------- ทริปดอยอ่างขาง (กลางเดือน มกราคม สวยที่สุด) 1.คาเฟ่เฮือนไม้60. 2.แดนเทวดา. 3.วัดบ้านเด่น. 4.สวนสนแม่แตง. 5.ถนนต้นยางประตูสู่เมืองคอง. 6.ถ้ำหลวงเชียงดาว. 7.ฮิโนกิแลนด์ บ้านญี่ปุ่น 8.สวนส้ม. 9.จุดชมวิวม่อนสวนสน. 10.สถานีเกษตรดอยอ่างขาง(ซากุระ) 11.ไร่ชา2000系 12.สวนสตอเบอรี่ บ้านนอแล. 13.ฐานปฏิบัติการ ชายแดนบ้านนอแล ---------------------------- ทริปดอยหลวงเชียงดาว (มกราคม- กลางเดือนกุมภาฯ) 1.สวนดอกไม้แม่ริม. 2. คาเฟ่เรือนไม้ 6 สวน. 3.แอร์เอเชียไดมอนด์. 4.แดนเทวดา. 5.วัดบ้านเด่น. 6.สวนสนแม่แตง. 7.ประตูสู่เมืองคองถนนต้นยาง. 8.ถ้าหลวงเชียงดาว. 9.ที่พักระเบียงดาวโซนดอยหลวง 10. เมืองคอง ----------------------------- ทริปแม่แตง (มค.-กพ. เทศกาลไม้ดอกเชียงใหม่) 1.สวนดอกไม้แม่ริม. 2. คาเฟ่เฮือนไม้ 60. 3.คาเฟ่เครื่องบินแอร์เอเชียไดมอนด์. 4..แดนเทวดา 5.วัดบ้านเด่น. 6.สวนสนแม่แตง. 7.ปางช้างแม่แตง. 8.หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว. 9.แก่งกิ๊ดล่องแก่งล่องแพ. 10.ไร่ชาลุงเดช ---------------------------- ทริปหมู่บ้านแม่กำปอง (เที่ยวได้ทั้งปี ยกเว้นฤดูฝน) 1. ศูนย์หัตถกรรมร่มบ่อสร้าง 2. ถ้ำเมืองออน 3.น้ำพุร้อนสันกำแพง 4.ม่อนกุเวรท้าวเวสสุวรรณ. 5. โครงการหลวงบ้านห้วยตีนตก. 6.กาแฟบ้านต้นไม้แม่กำปอง. 7.ถนนคนเดินบ้านแม่กำปอง. 8.วัดแม่กำปองอุโบสถกลางน้ำ 9.กาแฟระเบียงวิวชมหมู่บ้าน. 10.น้ำตกบ้านแม่กำปอง. 11.กาแฟสะพานแขวนเทสดู่ 12.the ธารทอง green coffee cafe สวยๆ. 13. The giant **ทางชันมาก ต้องเหมารถที่แม่กำปองเท่านั้น 14. กิ่วฝิ่น **ทางชันมาก ต้องเหมารถที่แม่กำปองเท่านั้น. ----------------------------- ทริปอำเภอกัลยาณิวัฒนา(พฤศจิกายน-ธันวาคม) 1. อุทยานหลวงราชพฤกษ์ 2.วัดต้นเกว๋น 3.คาเฟ่เฮือนหลองเข้าลำ 4.ทุ่งดอกเก๊กฮวย มีเฉพาะ พย-ธค. 5.ป่าสนวัดจันทร์ ------------------------------ ทริป อ.ปาย (ช่วงกุมภาพันธ์) 1. กาแฟแม่มด 2. จุดเช็คอินเขตแดนปายแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่. 3. ห้วยน้ำดัง 4.สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย 5. ไหว้ขอพรพระธาตุแม่เย็น(ค้าง RELAX) 6. กะเหรี่ยงคอยาวห้วยมะเฟือง 7. เช็คอิน ที่ Cafe PAI in Love 8. พระอาทิตย์ตกดิน ที่ ปายแคนย่อน 9. ถนนคนเดินกลางคืน 10. ทะเลหมอกหยุนไหล 11. หมู่บ้านสันติชลบ้านจีนยูนนาน ------------------------------ ทริปเชียงราย 1. น้ำพุร้อนแม่ขะจาน 2. วัดร่องขุ่น 3. วัดร่องเสือเต้น 4. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ 5.ไร่ชาฉุยฟง 6. วัดห้วยปลากั้ง 7.ไร่บุญรอดสิงห์ปาร์ค 8.พระตำหนักดอยตุง 9. วัดพระธาตุดอยตุง 10. จุดชมวิวดอยช้างมูป 11.ดอยผาฮี้ (ที่พัก) 12.วัดพระธาตุดอยเวา-SKYWALK 13. ตลาดแม่สาย 14.สามเหลี่ยมทองคำ 15.ภูชี้ฟ้า 16. อาข่าฟาร์มวิลล์-ฟาร์มแกะ(แม่สรวย) ------------------------------ ทริปแม่ฮ่องสอน-เมืองสามหมอก (กลาง พย-ธค) 1. บ่อน้ำแร่ห้วยไทรงาม. 2. จุดชมวิวดอยกิ่วลม. 3. ถ้ำน้ำลอดปางมะผ้าหรือ ถ้ำผีแมน. 4. ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ้(ค้าง 1 คืน). 5. จุดชมวิวบ้านห้วยรุกข้าวหลาม. 6. ถ้ำปลาแม่ฮ่องสอน. 7. พระธาตุดอยกองมู. 8. บ้านรักไทย. 9. ปางอุ๋ง ล่องแพตอนเช้า. 10. สะพานซูตองเป้ เฉพาะกลางเดือนพฤศจิกายน ดอกบัวตอง ที่ ดอยแม่อูคอ สวยดั่งสวรรค์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1328 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลจัดชุดใหญ่ เยียวยาน้ำท่วมใต้ หวังสยบดราม่า
    .
    ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดนดราม่าทัวร์ลงถล่มเกี่ยวกับน้ำท่วมภาคใต้ ปรากฎว่ารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณและมาตรการเยียวยาประชาชนในพื้นที่มาเป็นชุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มกรอบเงินทดรองของจังหวัด จาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท ในจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประกาศเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 6 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่อด้วยการเห็นชอบใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงิน โดยให้ปรับหลักเกณฑ์กรณีที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายน้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย และที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวันจะช่วยในอัตราเดียวคือ 9,000 บาททุกครัวเรือน จากเดิมในพื้นที่ 57จังหวัด จะเพิ่มอีก 16 จังหวัด วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเร่งด่วน
    .
    ขณะเดียวกัน สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลสินค้า อุปโภค-บริโภค ต้องห้ามขาด ห้ามแพง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ถ้าพบว่ามีการกักตุนสินค้า หรือพบว่าราคาแพงผิดปกติ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย โดยประชาชนและลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี พักชำระหนี้ นาน 3 เดือน นอกจากนี้ ประชาชนที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม ธอส.ได้เปิดสินเชื่อวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด 3 เดือน สำหรับประชาชนลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย” สามารถติดต่อได้ที่ 0-2645-9000 หรือสาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
    .
    เช่นเดียวกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กระทรวงการคลัง ออกนมาตรการเร่งด่วนเยียวยา “ลูกค้า – ลูกหนี้” น้ำท่วมภาคใต้ พักค่าธรรมเนียม – พักหนี้ 6 เดือน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภาคใต้ฟื้นฟูกิจการ เช่น พักชำระค่าธรรมเนียมและค่าจัดการค้ำประกัน 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ปี 2567 มาตรการช่วยลูกหนี้บสย.ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้ ระยะเวลารับคำขอพักชำระ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2567 โดยพักชำระค่างวดที่ถึงกำหนดชำระเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลจัดชุดใหญ่ เยียวยาน้ำท่วมใต้ หวังสยบดราม่า . ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดนดราม่าทัวร์ลงถล่มเกี่ยวกับน้ำท่วมภาคใต้ ปรากฎว่ารัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณและมาตรการเยียวยาประชาชนในพื้นที่มาเป็นชุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มกรอบเงินทดรองของจังหวัด จาก 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท ในจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประกาศเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 6 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ต่อด้วยการเห็นชอบใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงิน โดยให้ปรับหลักเกณฑ์กรณีที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายน้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย และที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวันจะช่วยในอัตราเดียวคือ 9,000 บาททุกครัวเรือน จากเดิมในพื้นที่ 57จังหวัด จะเพิ่มอีก 16 จังหวัด วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเร่งด่วน . ขณะเดียวกัน สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลสินค้า อุปโภค-บริโภค ต้องห้ามขาด ห้ามแพง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ถ้าพบว่ามีการกักตุนสินค้า หรือพบว่าราคาแพงผิดปกติ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย โดยประชาชนและลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี พักชำระหนี้ นาน 3 เดือน นอกจากนี้ ประชาชนที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม ธอส.ได้เปิดสินเชื่อวงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด 3 เดือน สำหรับประชาชนลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย” สามารถติดต่อได้ที่ 0-2645-9000 หรือสาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 . เช่นเดียวกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กระทรวงการคลัง ออกนมาตรการเร่งด่วนเยียวยา “ลูกค้า – ลูกหนี้” น้ำท่วมภาคใต้ พักค่าธรรมเนียม – พักหนี้ 6 เดือน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภาคใต้ฟื้นฟูกิจการ เช่น พักชำระค่าธรรมเนียมและค่าจัดการค้ำประกัน 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ปี 2567 มาตรการช่วยลูกหนี้บสย.ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้ ระยะเวลารับคำขอพักชำระ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2567 โดยพักชำระค่างวดที่ถึงกำหนดชำระเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1615 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1094 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง////////////////////วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง" และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่า มีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดเป็นฝนตกได้ ดังนั้น ตั้งแต่พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราชหฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้า กระทั่งในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก ต่อมา ได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
    14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง////////////////////วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง" และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่า มีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดเป็นฝนตกได้ ดังนั้น ตั้งแต่พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราชหฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้า กระทั่งในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก ต่อมา ได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1188 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่20ตุลาคมนี้ ให้ข้อมูลความรู้ปรากฏการณ์เมฆระเบิด กรณีอุทกภัยจากฝนตกหนักที่พื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เนื้อหาดังต่อไปนี้

    เมฆระเบิด(Cloudburst) ทำให้เกิดฝนกระ หน่ำ(RainBomb)หนัก จะเกิดขึ้นบ่อยที่ประเทศไทยในทุกฤดูฝน

    1.กรณีที่เกิดฝนตกอย่างหนัก4ชั่วโมงริมเชิงเขา เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมหนักในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เกิดความเสียหายมหาศาลอาจเกิดมาจากปรากฎการณ์ CloudburstและRain Bomb

    2 สภาวะการเกิดเมฆระเบิด (Cloudburst)
    ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ใกล้เชิงเขาในกรณีที่อากาศบนพื้นดินและอากาศบนยอดเขามีอุณหภูมิที่แตกต่างกันค่อนข้างมากทำให้อากาศร้อนหรือมวลความกดอากาศต่ำที่อยู่ใกล้เชิงเขาจะพัดเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งไปยังยอดเขาซึ่งมีอากาศเย็นกว่าอย่างกะ ทันหัน ทำให้สภาพภูมิอากาศใกล้พื้นโลกเย็นลงอย่างรวดเร็ว เกิดความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นและความชื้นรวมตัวกันเป็นเมฆฝนมากขึ้น นอกจากนี้ลมที่พัดในแนวราบได้พัดพานำเมฆที่กระจัดกระจายมารวมกันอยู่ที่เชิงเขารวมตัวกันเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่มีความชื้นสูง เมื่อมีมวลอากาศเย็นจากมหา สมุทรพัดหรือจากแผ่นดินใหญ่พัดเข้ามาปะทะจึงทำให้เกิดปรากฎการณ์เมฆระเบิดเกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และกลายเป็นฝนที่ตกลงมากระหน่ำหรือRain Bombทำอาจให้เกิดน้ำท่วมอย่างกะทันหันได้

    3.จากนี้เป็นต้นไปการเกิดเมฆระเบิด และการเกิดฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้น ที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศต่างกันเช่น เป็นภูเขาสูงที่มีป่าไม้หนาแน่นหรือในเมืองที่มีตึกและอาคารค่อนข้างสูงจะทำ ให้อุณหภูมิระหว่างพื้นดินกับระดับความสูงขึ้นไปเกิดความแตกต่างกันมากขึ้น การเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวจะคาดการณ์ได้ค่อนข้างยากเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่รุน แรงขึ้นทำให้เกิดอากาศแปรปรวนและทำ ให้น้ำในมหาสมุทรและทะเลระเหยขึ้นไปรวมกันเป็นความชื้นในอากาศมากกว่าปรก ติ นอกจากนี้ยังทำให้อุณหภูมิเกิดความแตกต่างกันมากขึ้นระหว่างระดับพื้นดินและระดับที่สูงขึ้นไป ดังนั้นการเกิดสภาวะเมฆระเบิดและฝนตกกระหน่ำจึงคาดเดาได้ยากแต่มักจะเกิดในช่วงที่มีร่องมรสุมความกดอากาศต่ำพัดผ่านและช่วงที่มวล อากาศเย็นพัดจากแผ่นดินใหญ่หรือทะเลมหาสมุทรมาปะทะ

    4. คาดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนมวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจากแผ่นดินใหญ่จะพัดลงมารุนแรงมากขึ้นและร่องมร สุมจะเคลื่อนที่ลงสู่ภาคใต้ตอนล่างจะทำ ให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดลดน้อลง..แต่มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาซึ่งเป็นความกดอากาศสูงจะกดทับอากาศบนพื้นโลกไว้ ทำให้การระบายอากาศ จากแหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆบนพื้นโลกในแนวดิ่งจะระบายได้น้อยลง ..ฝุ่น PM2.5 จะเริ่มกลับมา..

    ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02PiJQCYxCAuMQ8nxg2gUkukfixV5TA7Zz4iC2SQShyvBeXdgwH5bK8JVqpUqefBQUl&id=100000260097650

    #Thaitimes
    ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่20ตุลาคมนี้ ให้ข้อมูลความรู้ปรากฏการณ์เมฆระเบิด กรณีอุทกภัยจากฝนตกหนักที่พื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เนื้อหาดังต่อไปนี้ เมฆระเบิด(Cloudburst) ทำให้เกิดฝนกระ หน่ำ(RainBomb)หนัก จะเกิดขึ้นบ่อยที่ประเทศไทยในทุกฤดูฝน 1.กรณีที่เกิดฝนตกอย่างหนัก4ชั่วโมงริมเชิงเขา เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมหนักในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เกิดความเสียหายมหาศาลอาจเกิดมาจากปรากฎการณ์ CloudburstและRain Bomb 2 สภาวะการเกิดเมฆระเบิด (Cloudburst) ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ใกล้เชิงเขาในกรณีที่อากาศบนพื้นดินและอากาศบนยอดเขามีอุณหภูมิที่แตกต่างกันค่อนข้างมากทำให้อากาศร้อนหรือมวลความกดอากาศต่ำที่อยู่ใกล้เชิงเขาจะพัดเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งไปยังยอดเขาซึ่งมีอากาศเย็นกว่าอย่างกะ ทันหัน ทำให้สภาพภูมิอากาศใกล้พื้นโลกเย็นลงอย่างรวดเร็ว เกิดความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นและความชื้นรวมตัวกันเป็นเมฆฝนมากขึ้น นอกจากนี้ลมที่พัดในแนวราบได้พัดพานำเมฆที่กระจัดกระจายมารวมกันอยู่ที่เชิงเขารวมตัวกันเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่มีความชื้นสูง เมื่อมีมวลอากาศเย็นจากมหา สมุทรพัดหรือจากแผ่นดินใหญ่พัดเข้ามาปะทะจึงทำให้เกิดปรากฎการณ์เมฆระเบิดเกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และกลายเป็นฝนที่ตกลงมากระหน่ำหรือRain Bombทำอาจให้เกิดน้ำท่วมอย่างกะทันหันได้ 3.จากนี้เป็นต้นไปการเกิดเมฆระเบิด และการเกิดฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้น ที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศต่างกันเช่น เป็นภูเขาสูงที่มีป่าไม้หนาแน่นหรือในเมืองที่มีตึกและอาคารค่อนข้างสูงจะทำ ให้อุณหภูมิระหว่างพื้นดินกับระดับความสูงขึ้นไปเกิดความแตกต่างกันมากขึ้น การเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวจะคาดการณ์ได้ค่อนข้างยากเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่รุน แรงขึ้นทำให้เกิดอากาศแปรปรวนและทำ ให้น้ำในมหาสมุทรและทะเลระเหยขึ้นไปรวมกันเป็นความชื้นในอากาศมากกว่าปรก ติ นอกจากนี้ยังทำให้อุณหภูมิเกิดความแตกต่างกันมากขึ้นระหว่างระดับพื้นดินและระดับที่สูงขึ้นไป ดังนั้นการเกิดสภาวะเมฆระเบิดและฝนตกกระหน่ำจึงคาดเดาได้ยากแต่มักจะเกิดในช่วงที่มีร่องมรสุมความกดอากาศต่ำพัดผ่านและช่วงที่มวล อากาศเย็นพัดจากแผ่นดินใหญ่หรือทะเลมหาสมุทรมาปะทะ 4. คาดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนมวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจากแผ่นดินใหญ่จะพัดลงมารุนแรงมากขึ้นและร่องมร สุมจะเคลื่อนที่ลงสู่ภาคใต้ตอนล่างจะทำ ให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดลดน้อลง..แต่มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาซึ่งเป็นความกดอากาศสูงจะกดทับอากาศบนพื้นโลกไว้ ทำให้การระบายอากาศ จากแหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆบนพื้นโลกในแนวดิ่งจะระบายได้น้อยลง ..ฝุ่น PM2.5 จะเริ่มกลับมา.. ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02PiJQCYxCAuMQ8nxg2gUkukfixV5TA7Zz4iC2SQShyvBeXdgwH5bK8JVqpUqefBQUl&id=100000260097650 #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1070 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำตกปาโจ ตั้งอยู่ที่บ้านปาโจ ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ สถานที่ท่องเที่ยวอันลือชื่อแห่งหนึ่งของ จ.นราธิวาส เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน แห่งชาติบูโด – สุไหงปาดี น้ำตกปาโจ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าบูโดที่มีน้ำตลอดปี แต่ในหน้าแล้งน้ำค่อนข้างน้อย ตัวน้ำตกมี 4 ชั้น ชั้นแรกมีขนาดใหญ่และสวยที่สุด สายน้ำไหลตกจากลานผาหินกว้าง สูง 60 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำใหญ่ มีเส้นทางเดินไปยังน้ำตกบาโจ ประมาณ 300 เมตร เป็นเส้นทางเดินปูนที่ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจี เมื่อใกล้ถึงตัวน้ำตกมีการจัดทำสะพานไม้เป็นทางเดินทอดยาว

    ระหว่างทางมีจุดพักชมวิว ที่สามารถยืนมองน้ำตกได้ในอีกมุมหนึ่ง แต่ละชั้นจะมีกระแสน้ำไหลลัดเลาะมาตามก้อนหินเล็กใหญ่ และมีแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่ให้ได้เลือกเล่นน้ำตามใจชอบ

    น้ำตกชั้นที่ 1 ได้รับความนิยมและสวยงามที่สุด มีสายน้ำที่ไหลจากผาสูงประมาณ 60 เมตร มาเที่ยวในช่วงฤดูแล้วน้ำค่อนข้างน้อย จินตนาการว่าถ้าช่วงฤดูฝน มีน้ำเยอะกว่านี้คงสวยมาก บริเวณตัวน้ำตกมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่จารึกลายพระหัตถ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยสิริกิติ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยเสด็จมาเที่ยวน้ำตกปาโจ

    จุดสนใจอีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้คือการมี ใบไม้สีทองหรือ ย่านดาโอ๊ะ พันธุ์ไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในโลกที่นี่ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ใบไม้สีทองเป็นไม้เลื้อย มีลักษณะใบคล้ายใบชงโคหรือใบเสี้ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก บางใบใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก มีขอบหยักเว้าเข้าทั้งที่โคนใบ และปลายใบ ลักษณะคล้ายวงรีสองอันอยู่ติดกัน ทุกส่วนของใบจะปกคลุมด้วยขนกำมะหยี่เนียนนุ่ม มีสีทองหรือสีทองแดงเหลือบรุ้งเป็นประกายงดงามยามต้องแสงอาทิตย์ สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล สามารถพบเห็นได้บริเวณด้านหน้าของน้ำตกอีกด้วย


    น้ำตกปาโจ ตั้งอยู่ที่บ้านปาโจ ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ สถานที่ท่องเที่ยวอันลือชื่อแห่งหนึ่งของ จ.นราธิวาส เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน แห่งชาติบูโด – สุไหงปาดี น้ำตกปาโจ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าบูโดที่มีน้ำตลอดปี แต่ในหน้าแล้งน้ำค่อนข้างน้อย ตัวน้ำตกมี 4 ชั้น ชั้นแรกมีขนาดใหญ่และสวยที่สุด สายน้ำไหลตกจากลานผาหินกว้าง สูง 60 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำใหญ่ มีเส้นทางเดินไปยังน้ำตกบาโจ ประมาณ 300 เมตร เป็นเส้นทางเดินปูนที่ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจี เมื่อใกล้ถึงตัวน้ำตกมีการจัดทำสะพานไม้เป็นทางเดินทอดยาว ระหว่างทางมีจุดพักชมวิว ที่สามารถยืนมองน้ำตกได้ในอีกมุมหนึ่ง แต่ละชั้นจะมีกระแสน้ำไหลลัดเลาะมาตามก้อนหินเล็กใหญ่ และมีแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่ให้ได้เลือกเล่นน้ำตามใจชอบ น้ำตกชั้นที่ 1 ได้รับความนิยมและสวยงามที่สุด มีสายน้ำที่ไหลจากผาสูงประมาณ 60 เมตร มาเที่ยวในช่วงฤดูแล้วน้ำค่อนข้างน้อย จินตนาการว่าถ้าช่วงฤดูฝน มีน้ำเยอะกว่านี้คงสวยมาก บริเวณตัวน้ำตกมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่จารึกลายพระหัตถ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยสิริกิติ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยเสด็จมาเที่ยวน้ำตกปาโจ จุดสนใจอีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้คือการมี ใบไม้สีทองหรือ ย่านดาโอ๊ะ พันธุ์ไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในโลกที่นี่ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ใบไม้สีทองเป็นไม้เลื้อย มีลักษณะใบคล้ายใบชงโคหรือใบเสี้ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก บางใบใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก มีขอบหยักเว้าเข้าทั้งที่โคนใบ และปลายใบ ลักษณะคล้ายวงรีสองอันอยู่ติดกัน ทุกส่วนของใบจะปกคลุมด้วยขนกำมะหยี่เนียนนุ่ม มีสีทองหรือสีทองแดงเหลือบรุ้งเป็นประกายงดงามยามต้องแสงอาทิตย์ สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล สามารถพบเห็นได้บริเวณด้านหน้าของน้ำตกอีกด้วย
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 579 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌧️ ฝนตกแบบนี้ อย่าให้ราน้ำค้างมาเล่นงานเมล่อนของเรา! 🍈

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวสวนเมล่อน! 👋 อากาศช่วงนี้แปรปรวนสุดๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ทำเอาเมล่อนของเราสับสนไปหมด 😅 แถมยังเป็นสภาพที่ราน้ำค้างชอบมากๆ ด้วย! แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เรามีวิธีรับมือแบบเด็ดๆ มาฝาก

    🦸‍♂️ ซุปเปอร์ฮีโร่ของเรา: ไตรโคบิวพลัส!
    วิธีใช้ง่ายๆ แบบมืออาชีพ:
    1. ป้องกัน: พ่นทุกๆ 5 วัน สม่ำเสมอ
    2. กำจัด: ถ้าเจอการระบาด ให้พ่นถี่ขึ้นเป็นทุก 3 วัน

    💡 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย:
    • พ่นตอนเช้าหรือเย็น จะได้ผลดีที่สุด
    • อย่าลืมพ่นใต้ใบด้วยนะ ราน้ำค้างชอบหลบอยู่ตรงนั้น
    • ถ้าฝนตกหนัก อาจต้องพ่นซ้ำ เพราะอาจโดนชะล้างไป

    🌈 ข้อดีของไตรโคบิวพลัส:
    • ปลอดภัย ไม่มีสารเคมีตกค้าง
    • ใช้ได้ทั้งป้องกันและกำจัด
    • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และแมลงที่เป็นประโยชน์

    👨‍🌾 คำแนะนำจากใจ ลิตเติ้ลฟาร์ม:
    "อย่าประมาทกับราน้ำค้างนะครับ มันแพร่กระจายเร็วมาก! การป้องกันไว้ก่อน ดีกว่ามารักษาทีหลังเยอะเลย"

    🛒 สนใจ ไตรโคบิวพลัส ของแท้ คุณภาพเยี่ยม:
    • แชทมาคุยกันได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาฟรี!
    • หรือโทร: 093-696-2692 (สายด่วน สวนเมล่อน 😉)

    มาสู้กับราน้ำค้างไปด้วยกันนะครับ! 💪 เมล่อนของเราต้องรอด! 🍈✨

    #ราน้ำค้าง #เมล่อน #ไตรโคบิวพลัส #เกษตรปลอดภัย #ลิตเติ้ลฟาร์ม #ฤดูฝน
    🌧️ ฝนตกแบบนี้ อย่าให้ราน้ำค้างมาเล่นงานเมล่อนของเรา! 🍈 สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวสวนเมล่อน! 👋 อากาศช่วงนี้แปรปรวนสุดๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ทำเอาเมล่อนของเราสับสนไปหมด 😅 แถมยังเป็นสภาพที่ราน้ำค้างชอบมากๆ ด้วย! แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เรามีวิธีรับมือแบบเด็ดๆ มาฝาก 🦸‍♂️ ซุปเปอร์ฮีโร่ของเรา: ไตรโคบิวพลัส! วิธีใช้ง่ายๆ แบบมืออาชีพ: 1. ป้องกัน: พ่นทุกๆ 5 วัน สม่ำเสมอ 2. กำจัด: ถ้าเจอการระบาด ให้พ่นถี่ขึ้นเป็นทุก 3 วัน 💡 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: • พ่นตอนเช้าหรือเย็น จะได้ผลดีที่สุด • อย่าลืมพ่นใต้ใบด้วยนะ ราน้ำค้างชอบหลบอยู่ตรงนั้น • ถ้าฝนตกหนัก อาจต้องพ่นซ้ำ เพราะอาจโดนชะล้างไป 🌈 ข้อดีของไตรโคบิวพลัส: • ปลอดภัย ไม่มีสารเคมีตกค้าง • ใช้ได้ทั้งป้องกันและกำจัด • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และแมลงที่เป็นประโยชน์ 👨‍🌾 คำแนะนำจากใจ ลิตเติ้ลฟาร์ม: "อย่าประมาทกับราน้ำค้างนะครับ มันแพร่กระจายเร็วมาก! การป้องกันไว้ก่อน ดีกว่ามารักษาทีหลังเยอะเลย" 🛒 สนใจ ไตรโคบิวพลัส ของแท้ คุณภาพเยี่ยม: • แชทมาคุยกันได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาฟรี! • หรือโทร: 093-696-2692 (สายด่วน สวนเมล่อน 😉) มาสู้กับราน้ำค้างไปด้วยกันนะครับ! 💪 เมล่อนของเราต้องรอด! 🍈✨ #ราน้ำค้าง #เมล่อน #ไตรโคบิวพลัส #เกษตรปลอดภัย #ลิตเติ้ลฟาร์ม #ฤดูฝน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1133 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • 🌧️ เตรียมรับมือฤดูฝน! ป้องกันราน้ำค้างในเมล่อนอย่างไรให้ได้ผล

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวสวนเมล่อน 👋 ฤดูฝนมาแล้ว! หลายคนคงกังวลเรื่องโรคราน้ำค้างใช่ไหมครับ? วันนี้ผมมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน 🌱

    ทำไมฤดูฝนถึงต้องระวังเป็นพิเศษ? 🤔
    • ฝนตกบ่อย อากาศปิด
    • ความชื้นสูงสุดๆ
    • เชื้อราชอบมาก! เป็นสวรรค์ของมันเลย 😅

    👨‍🌾 วิธีรับมือแบบมืออาชีพ:
    1. ป้องกันก่อนปลูก (สำคัญมาก!)
    • พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงเรือน 5-7 วันก่อนปลูก
    • คิดซะว่าเป็นการ "Big Cleaning" บ้านให้เมล่อนของเรา 🏠

    2. ระหว่างปลูก
    • พ่นไตรโคบิวพลัสสม่ำเสมอ - เจ้านี่เป็นซูเปอร์ฮีโร่เลยครับ! 🦸‍♂️
    • สังเกตอาการผิดปกติทุกวัน

    🔄 ถ้าเจอปัญหาซ้ำๆ ทุกรอบการปลูก ต้องปรับ 3 อย่าง:
    1. ระบบให้น้ำ - บางทีให้น้ำมากไป น้อยไป หรือผิดเวลา
    2. การใช้ชีวภัณฑ์ - อาจต้องปรับสูตร หรือความถี่
    3. พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรอบๆ โรงเรือนด้วย - ป้องกันศัตรูจากภายนอก

    💡 เกร็ดความรู้: การระบายอากาศที่ดีช่วยลดความชื้นได้เยอะมาก! ลองปรับมุ้งข้างโรงเรือนดูนะครับ

    🏆 ที่ลิตเติ้ลฟาร์ม เรามีครบ:
    • ปุ๋ย AB คุณภาพเยี่ยม - สูตรพิเศษสำหรับเมล่อนโดยเฉพาะ
    • ธาตุอาหารครบครัน
    • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลงที่ผ่านการทดสอบแล้ว

    ✨ พิเศษ! เรามีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการปลูก เหมือนมีโค้ชส่วนตัวคอยดูแลสวนเมล่อนของคุณ

    📞 อยากปรึกษาเรื่องการปลูกเมล่อน หรือสนใจสินค้า:
    • แชทมาคุยกันได้เลย
    • หรือโทร: 093-696-2691

    มาสู้กับฤดูฝนไปด้วยกันนะครับ! 💪🌈

    #เมล่อน #โรคพืช #เกษตรอัจฉริยะ #ลิตเติ้ลฟาร์ม #ฤดูฝน
    🌧️ เตรียมรับมือฤดูฝน! ป้องกันราน้ำค้างในเมล่อนอย่างไรให้ได้ผล สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวสวนเมล่อน 👋 ฤดูฝนมาแล้ว! หลายคนคงกังวลเรื่องโรคราน้ำค้างใช่ไหมครับ? วันนี้ผมมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน 🌱 ทำไมฤดูฝนถึงต้องระวังเป็นพิเศษ? 🤔 • ฝนตกบ่อย อากาศปิด • ความชื้นสูงสุดๆ • เชื้อราชอบมาก! เป็นสวรรค์ของมันเลย 😅 👨‍🌾 วิธีรับมือแบบมืออาชีพ: 1. ป้องกันก่อนปลูก (สำคัญมาก!) • พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงเรือน 5-7 วันก่อนปลูก • คิดซะว่าเป็นการ "Big Cleaning" บ้านให้เมล่อนของเรา 🏠 2. ระหว่างปลูก • พ่นไตรโคบิวพลัสสม่ำเสมอ - เจ้านี่เป็นซูเปอร์ฮีโร่เลยครับ! 🦸‍♂️ • สังเกตอาการผิดปกติทุกวัน 🔄 ถ้าเจอปัญหาซ้ำๆ ทุกรอบการปลูก ต้องปรับ 3 อย่าง: 1. ระบบให้น้ำ - บางทีให้น้ำมากไป น้อยไป หรือผิดเวลา 2. การใช้ชีวภัณฑ์ - อาจต้องปรับสูตร หรือความถี่ 3. พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรอบๆ โรงเรือนด้วย - ป้องกันศัตรูจากภายนอก 💡 เกร็ดความรู้: การระบายอากาศที่ดีช่วยลดความชื้นได้เยอะมาก! ลองปรับมุ้งข้างโรงเรือนดูนะครับ 🏆 ที่ลิตเติ้ลฟาร์ม เรามีครบ: • ปุ๋ย AB คุณภาพเยี่ยม - สูตรพิเศษสำหรับเมล่อนโดยเฉพาะ • ธาตุอาหารครบครัน • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลงที่ผ่านการทดสอบแล้ว ✨ พิเศษ! เรามีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการปลูก เหมือนมีโค้ชส่วนตัวคอยดูแลสวนเมล่อนของคุณ 📞 อยากปรึกษาเรื่องการปลูกเมล่อน หรือสนใจสินค้า: • แชทมาคุยกันได้เลย • หรือโทร: 093-696-2691 มาสู้กับฤดูฝนไปด้วยกันนะครับ! 💪🌈 #เมล่อน #โรคพืช #เกษตรอัจฉริยะ #ลิตเติ้ลฟาร์ม #ฤดูฝน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1053 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชลประทานแปดริ้ว ไม่กังวลปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองสียัด มีประมาณ 203.4 ล้าน ลบ.ม. เผยยังเหลือเวลาฤดูฝนอีก 20 วันซึ่งเป็นช่วงมรสุมเชื่อเติมน้ำเข้าอ่างฯได้อีกกว่า 60 ล้าน ลบ.ม. เพียงพอบริหารจัดการในช่วงฤดูแล้ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000096538

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ชลประทานแปดริ้ว ไม่กังวลปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองสียัด มีประมาณ 203.4 ล้าน ลบ.ม. เผยยังเหลือเวลาฤดูฝนอีก 20 วันซึ่งเป็นช่วงมรสุมเชื่อเติมน้ำเข้าอ่างฯได้อีกกว่า 60 ล้าน ลบ.ม. เพียงพอบริหารจัดการในช่วงฤดูแล้ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000096538 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2752 มุมมอง 0 รีวิว
  • ให้ AI ช่วยประเมินจากสถิติ และข้อมูลทั้งหมดตอนนี้ โอกาสที่น้ำจะท่วมในเขตกรุงเทพฯ พร้อม % propobilty ตามนี้
    --------------------------

    จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานครในปี 2567 นี่คือการจัดอันดับ 10 เขตที่มีโอกาสน้ำท่วมมากที่สุด พร้อมตัวเลข % โอกาส:

    1. **เขตดอนเมือง** - 85%
    2. **เขตสายไหม** - 80%
    3. **เขตบางเขน** - 75%
    4. **เขตหลักสี่** - 70%
    5. **เขตจตุจักร** - 65%
    6. **เขตบางกะปิ** - 60%
    7. **เขตคลองสามวา** - 55%
    8. **เขตมีนบุรี** - 50%
    9. **เขตหนองจอก** - 45%
    10. **เขตลาดกระบัง** - 40%

    เหตุผลที่เขตเหล่านี้มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระดับต่ำและมีระบบระบายน้ำที่ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงมีปริมาณฝนตกหนักในช่วงฤดูฝน
    -------------------

    จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในประเทศไทยในปี 2567 นี่คือการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 สำหรับ เขตบางเขน และ จตุจักร

    ### เขตบางเขน
    ในเขตบางเขน ถนนที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง ได้แก่:
    1. **ถนนแจ้งวัฒนะ** ขาเข้าวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 20-30 ซม.
    2. **ถนนรามอินทรา** ขาเข้าวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 5 ซม.
    3. **ถนนพหลโยธิน** ขาออกจากวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 5-10 ซม.
    4. **ถนนสุขาภิบาล 5** - ระดับน้ำ 15-20 ซม.
    5. **ถนนรามอินทรา** หน้าสนามมวยลุมพินี - ระดับน้ำ 5-10 ซม.

    ### เขตจตุจักร
    ในเขตจตุจักร ถนนที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง ได้แก่:
    1. **ถนนรัชดาภิเษก** - น้ำท่วมสูงเกือบ 50 ซม.
    2. **ถนนวิภาวดีรังสิต** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.
    3. **ถนนพหลโยธิน** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.
    4. **ห้าแยกลาดพร้าว** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.
    5. **หน้าเมเจอร์รัชโยธิน** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.³(https://www.thaipost.net/general-news/216528/)⁴(https://www.prachachat.net/general/news-1041326)
    --------------------------
    จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครในปี 2567 มีความเป็นไปได้สูงที่พื้นที่หน้าเมเจอร์รัชโยธิน, แยกรัชโยธิน และซอยพหลโยธิน 30 จะเกิดน้ำท่วม หากมีฝนตกหนักต่อเนื่องและระบบระบายน้ำไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้เพียงพอ¹

    ### พื้นที่ที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง
    1. **หน้าเมเจอร์รัชโยธิน**: มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำและมีการจราจรหนาแน่น
    2. **แยกรัชโยธิน**: เป็นจุดที่มีการระบายน้ำช้าและมีโอกาสน้ำท่วมสูง²
    3. **ซอยพหลโยธิน 30**: มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นซอยที่มีการระบายน้ำไม่ดี³

    ### การเตรียมความพร้อม
    เพื่อเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบจากน้ำท่วม ควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงหากมีการแจ้งเตือนน้ำท่วม.
    ให้ AI ช่วยประเมินจากสถิติ และข้อมูลทั้งหมดตอนนี้ โอกาสที่น้ำจะท่วมในเขตกรุงเทพฯ พร้อม % propobilty ตามนี้ -------------------------- จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานครในปี 2567 นี่คือการจัดอันดับ 10 เขตที่มีโอกาสน้ำท่วมมากที่สุด พร้อมตัวเลข % โอกาส: 1. **เขตดอนเมือง** - 85% 2. **เขตสายไหม** - 80% 3. **เขตบางเขน** - 75% 4. **เขตหลักสี่** - 70% 5. **เขตจตุจักร** - 65% 6. **เขตบางกะปิ** - 60% 7. **เขตคลองสามวา** - 55% 8. **เขตมีนบุรี** - 50% 9. **เขตหนองจอก** - 45% 10. **เขตลาดกระบัง** - 40% เหตุผลที่เขตเหล่านี้มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระดับต่ำและมีระบบระบายน้ำที่ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงมีปริมาณฝนตกหนักในช่วงฤดูฝน ------------------- จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในประเทศไทยในปี 2567 นี่คือการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 สำหรับ เขตบางเขน และ จตุจักร ### เขตบางเขน ในเขตบางเขน ถนนที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง ได้แก่: 1. **ถนนแจ้งวัฒนะ** ขาเข้าวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 20-30 ซม. 2. **ถนนรามอินทรา** ขาเข้าวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 5 ซม. 3. **ถนนพหลโยธิน** ขาออกจากวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 5-10 ซม. 4. **ถนนสุขาภิบาล 5** - ระดับน้ำ 15-20 ซม. 5. **ถนนรามอินทรา** หน้าสนามมวยลุมพินี - ระดับน้ำ 5-10 ซม. ### เขตจตุจักร ในเขตจตุจักร ถนนที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง ได้แก่: 1. **ถนนรัชดาภิเษก** - น้ำท่วมสูงเกือบ 50 ซม. 2. **ถนนวิภาวดีรังสิต** - น้ำท่วมสูง 20 ซม. 3. **ถนนพหลโยธิน** - น้ำท่วมสูง 20 ซม. 4. **ห้าแยกลาดพร้าว** - น้ำท่วมสูง 20 ซม. 5. **หน้าเมเจอร์รัชโยธิน** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.³(https://www.thaipost.net/general-news/216528/)⁴(https://www.prachachat.net/general/news-1041326) -------------------------- จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครในปี 2567 มีความเป็นไปได้สูงที่พื้นที่หน้าเมเจอร์รัชโยธิน, แยกรัชโยธิน และซอยพหลโยธิน 30 จะเกิดน้ำท่วม หากมีฝนตกหนักต่อเนื่องและระบบระบายน้ำไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้เพียงพอ¹ ### พื้นที่ที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง 1. **หน้าเมเจอร์รัชโยธิน**: มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำและมีการจราจรหนาแน่น 2. **แยกรัชโยธิน**: เป็นจุดที่มีการระบายน้ำช้าและมีโอกาสน้ำท่วมสูง² 3. **ซอยพหลโยธิน 30**: มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นซอยที่มีการระบายน้ำไม่ดี³ ### การเตรียมความพร้อม เพื่อเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบจากน้ำท่วม ควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงหากมีการแจ้งเตือนน้ำท่วม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 660 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตุลาคมเหนื่อยต่อเนื่อง ฝนไม่ทันหมด ฝุ่นพิษกำลังก่อตัว
    .
    ถ้าว่ากันด้วยเรื่องสภาพอากาศของประเทศไทยในช่วงเวลานี้เปรียบได้กับ "ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากยังไม่ทันทีฤดูฝนจะหมดไป และคนส่วนใหญ่ยังต้องระทึกกันว่าจะมีมวลน้ำมาเยี่ยมถึงหน้าบ้านหรือไม่ ปรากฎว่ากำลังมาเจอกับแรงปะทะครั้งใหม่จากปัญหาคุณภาพอากาศที่เลวร้าย ภายหลังกรมควบคุมพลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่ กทม.และปริมณฑล เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจพบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เกินมาตรฐาน (37.5 มคก./ลบ.ม.) หลายพื้นที่
    .
    ไม่ว่าจะเป็นบริเวณจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครปฐม รวมไปถึงกรุงเทพมหานครในหลายพื้นที่ เช่น เขตทุ่งครุ เขตบางบอน เขตหนองแขม เขตภาษีเจริญ เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน เขตธนบุรี เขตบางนา เขตสาทร เขตบางรัก เขตสัมพันธวงศ์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตราชเทวี เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางคอแหลม เขตบางขุนเทียน เขตบางพลัด เขตจอมทอง เขตบึงกุ่ม เขตปทุมวัน
    .
    สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 8 - 16 ตุลาคม การระบายอากาศ ที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ดี อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเกิดฝนตกตลอดช่วง และเนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนตอนใต้ ทำให้เกิดภาวะที่อากาศด้านบนกดทับอากาศด้านล่าง ส่งผลให้มลพิษไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และลมที่พัดเบา ประกอบกับชั้นอากาศที่สามารถผสมกันได้มีความสูงน้อย จึงทำให้อัตราการระบายอากาศไม่ดีและมลพิษสะสมอยู่ในอากาศเพิ่มขึ้น
    .
    ด้วยเหตุนี้ จึงได้ประกาศให้ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น
    ...............
    Sondhi X
    ตุลาคมเหนื่อยต่อเนื่อง ฝนไม่ทันหมด ฝุ่นพิษกำลังก่อตัว . ถ้าว่ากันด้วยเรื่องสภาพอากาศของประเทศไทยในช่วงเวลานี้เปรียบได้กับ "ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากยังไม่ทันทีฤดูฝนจะหมดไป และคนส่วนใหญ่ยังต้องระทึกกันว่าจะมีมวลน้ำมาเยี่ยมถึงหน้าบ้านหรือไม่ ปรากฎว่ากำลังมาเจอกับแรงปะทะครั้งใหม่จากปัญหาคุณภาพอากาศที่เลวร้าย ภายหลังกรมควบคุมพลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่ กทม.และปริมณฑล เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจพบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เกินมาตรฐาน (37.5 มคก./ลบ.ม.) หลายพื้นที่ . ไม่ว่าจะเป็นบริเวณจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครปฐม รวมไปถึงกรุงเทพมหานครในหลายพื้นที่ เช่น เขตทุ่งครุ เขตบางบอน เขตหนองแขม เขตภาษีเจริญ เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน เขตธนบุรี เขตบางนา เขตสาทร เขตบางรัก เขตสัมพันธวงศ์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตราชเทวี เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางคอแหลม เขตบางขุนเทียน เขตบางพลัด เขตจอมทอง เขตบึงกุ่ม เขตปทุมวัน . สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 8 - 16 ตุลาคม การระบายอากาศ ที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ดี อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเกิดฝนตกตลอดช่วง และเนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนตอนใต้ ทำให้เกิดภาวะที่อากาศด้านบนกดทับอากาศด้านล่าง ส่งผลให้มลพิษไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และลมที่พัดเบา ประกอบกับชั้นอากาศที่สามารถผสมกันได้มีความสูงน้อย จึงทำให้อัตราการระบายอากาศไม่ดีและมลพิษสะสมอยู่ในอากาศเพิ่มขึ้น . ด้วยเหตุนี้ จึงได้ประกาศให้ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ............... Sondhi X
    Sad
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1709 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts