แกนคำสอนในศาสนาพุทธโดยเรียบเรียงจากพระไตรปิฏก
Recent Updates
- อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก
สัทธรรมลำดับที่ : 756
ชื่อบทธรรม :- การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=756
เนื้อความทั้งหมด :-
--การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บรรดาทิฏฐิที่ประกอบด้วยวาทะว่า ตน
หรือประกอบด้วยวาทะว่า โลก เกิดขึ้นในโลกมีอยู่.
--ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ภิกษุ จะตั้งต้นกระทำในใจอย่างไร
จึงจะละทิฏฐิเหล่านั้นได้ จึงจะสลัดคืนทิฏฐิเหล่านั้นได้ พระเจ้าข้า ?”
--จุนทะ ! บรรดาทิฏฐิที่ประกอบด้วยวาทะว่าตน
หรือประกอบด้วยวาทะว่าโลก เกิดขึ้นในโลก มีอยู่
มันเกิดขึ้นในอารมณ์ใด
นอนตามอยู่ในอารมณ์ใด
เรียกร้องอยู่ในอารมณ์ใด,
+--เมื่อภิกษุเห็นอยู่ด้วยปัญญาโดยชอบตามที่เป็นจริง
ซึ่งอารมณ์เหล่านั้นอย่างนี้ว่า
“นั่นมิใช่ของเรา นั่นมิใช่เรา นั่นมิใช่อัตตาของเรา”
http://etipitaka.com/read/pali/12/72/?keywords=เนตํ+มุํ+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
ดังนี้,
การละซึ่งทิฏฐิเหล่านั้น
การสลัดคืนซึ่งทิฏฐิเหล่านั้น
ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ ก็ย่อมมี.-
#สัมมาทิฏฐิ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/52/100-101.
http://etipitaka.com/read/thai/12/52/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๗๒/๑๐๐-๑๐๑.
http://etipitaka.com/read/pali/12/72/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=756
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58&id=756
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58
ลำดับสาธยายธรรม : 58 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_58.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก สัทธรรมลำดับที่ : 756 ชื่อบทธรรม :- การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=756 เนื้อความทั้งหมด :- --การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บรรดาทิฏฐิที่ประกอบด้วยวาทะว่า ตน หรือประกอบด้วยวาทะว่า โลก เกิดขึ้นในโลกมีอยู่. --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ภิกษุ จะตั้งต้นกระทำในใจอย่างไร จึงจะละทิฏฐิเหล่านั้นได้ จึงจะสลัดคืนทิฏฐิเหล่านั้นได้ พระเจ้าข้า ?” --จุนทะ ! บรรดาทิฏฐิที่ประกอบด้วยวาทะว่าตน หรือประกอบด้วยวาทะว่าโลก เกิดขึ้นในโลก มีอยู่ มันเกิดขึ้นในอารมณ์ใด นอนตามอยู่ในอารมณ์ใด เรียกร้องอยู่ในอารมณ์ใด, +--เมื่อภิกษุเห็นอยู่ด้วยปัญญาโดยชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งอารมณ์เหล่านั้นอย่างนี้ว่า “นั่นมิใช่ของเรา นั่นมิใช่เรา นั่นมิใช่อัตตาของเรา” http://etipitaka.com/read/pali/12/72/?keywords=เนตํ+มุํ+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ดังนี้, การละซึ่งทิฏฐิเหล่านั้น การสลัดคืนซึ่งทิฏฐิเหล่านั้น ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ ก็ย่อมมี.- #สัมมาทิฏฐิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/52/100-101. http://etipitaka.com/read/thai/12/52/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๗๒/๑๐๐-๑๐๑. http://etipitaka.com/read/pali/12/72/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=756 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58&id=756 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58 ลำดับสาธยายธรรม : 58 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_58.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก-(การพิจารณาเห็นอายตนิกธรรม โดยลักษณะทั้งสาม คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดังกล่าวมาใน ๓ หัวข้อข้างบนนี้ ก็จัดเป็นสัมมาทิฏฐิแบบหนึ่ง จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้). การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บรรดาทิฏฐิที่ประกอบด้วยวาทะว่า ตน หรือประกอบด้วยวาทะว่า โลก เกิดขึ้นในโลกมีอยู่. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ภิกษุ จะตั้งต้นกระทำในใจอย่างไร จึงจะละทิฏฐิเหล่านั้นได้ จึงจะสลัดคืนทิฏฐิเหล่านั้นได้ พระเจ้าข้า ?” จุนทะ ! บรรดาทิฏฐิที่ประกอบด้วยวาทะว่าตน หรือประกอบด้วยวาทะว่าโลก เกิดขึ้นในโลก มีอยู่ มันเกิดขึ้นในอารมณ์ใด นอนตามอยู่ในอารมณ์ใด เรียกร้องอยู่ในอารมณ์ใด, เมื่อภิกษุเห็นอยู่ด้วยปัญญาโดยชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งอารมณ์เหล่านั้นอย่างนี้ว่า “นั่นมิใช่ของเรา นั่นมิใช่เรา นั่นมิใช่อัตตาของเรา” ดังนี้, การละซึ่งทิฏฐิเหล่านั้น การสลัดคืนซึ่งทิฏฐิเหล่านั้น ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างนี้ ก็ย่อมมี.0 Comments 0 Shares 55 Views 0 ReviewsPlease log in to like, share and comment! - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่ามี “สิ่งนั้น” (ความดับไม่เหลือแห่งโลกธาตุ)หาพบในกายนี้
สัทธรรมลำดับที่ : 387
ชื่อบทธรรม :- “สิ่งนั้น” หาพบในกายนี้
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=387
เนื้อความทั้งหมด :-
--“สิ่งนั้น” หาพบในกายนี้
--“แน่ะเธอ !
ที่สุดโลก แห่งใด อันสัตว์ไม่เกิด
ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ ;
เราไม่กล่าวว่าใคร ๆ อาจรู้ อาจเห็น อาจถึง #ที่สุดแห่งโลกนั้น
http://etipitaka.com/read/pali/21/61/?keywords=โลกสฺส+อนฺตํ
ด้วยการไป.
--“แน่ะเธอ !
ในร่างกายที่ยาวประมาณวาหนึ่งนี้
ที่ยังประกอบด้วยสัญญาและใจนี่เอง,
http://etipitaka.com/read/pali/21/61/?keywords=สสญฺญมฺหิ+สมนเก
เราได้บัญญัติโลก,
เหตุให้เกิดโลก,
ความดับสนิท ไม่เหลือของโลก,
และทางดำเนินให้ถึงความดับสนิทไม่เหลือของโลก ไว้”
ดังนี้แล.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/48/45-46.
http://etipitaka.com/read/thai/21/47/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๖๒/๔๕-๔๖.
http://etipitaka.com/read/pali/21/61/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=387
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=387
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25
ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่ามี “สิ่งนั้น” (ความดับไม่เหลือแห่งโลกธาตุ)หาพบในกายนี้ สัทธรรมลำดับที่ : 387 ชื่อบทธรรม :- “สิ่งนั้น” หาพบในกายนี้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=387 เนื้อความทั้งหมด :- --“สิ่งนั้น” หาพบในกายนี้ --“แน่ะเธอ ! ที่สุดโลก แห่งใด อันสัตว์ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ ; เราไม่กล่าวว่าใคร ๆ อาจรู้ อาจเห็น อาจถึง #ที่สุดแห่งโลกนั้น http://etipitaka.com/read/pali/21/61/?keywords=โลกสฺส+อนฺตํ ด้วยการไป. --“แน่ะเธอ ! ในร่างกายที่ยาวประมาณวาหนึ่งนี้ ที่ยังประกอบด้วยสัญญาและใจนี่เอง, http://etipitaka.com/read/pali/21/61/?keywords=สสญฺญมฺหิ+สมนเก เราได้บัญญัติโลก, เหตุให้เกิดโลก, ความดับสนิท ไม่เหลือของโลก, และทางดำเนินให้ถึงความดับสนิทไม่เหลือของโลก ไว้” ดังนี้แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/48/45-46. http://etipitaka.com/read/thai/21/47/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๖๒/๔๕-๔๖. http://etipitaka.com/read/pali/21/61/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=387 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=387 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25 ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- “สิ่งนั้น” หาพบในกายนี้-“สิ่งนั้น” หาพบในกายนี้ “แน่ะเธอ ! ที่สุดโลก แห่งใด อันสัตว์ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ ; เราไม่กล่าวว่าใคร ๆ อาจรู้ อาจเห็น อาจถึง ที่สุดแห่งโลกนั้น ด้วยการไป. “แน่ะเธอ ! ในร่างกายที่ยาวประมาณวาหนึ่งนี้ ที่ยังประกอบด้วยสัญญาและใจนี่เอง, เราได้บัญญัติโลก, เหตุให้เกิดโลก, ความดับสนิท ไม่เหลือของโลก, และทางดำเนินให้ถึงความดับสนิทไม่เหลือของโลก ไว้” ดังนี้แล.0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นชนิดละอัตตานุทิฏฐิได้
สัทธรรมลำดับที่ : 755
ชื่อบทธรรม :- การเห็นชนิดละอัตตานุทิฏฐิได้
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=755
เนื้อความทั้งหมด :-
--การเห็นชนิดละอัตตานุทิฏฐิได้
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร
อัตตานุทิฏฐิย่อม ละไป พระเจ้าข้า ?”
--ภิกษุ ท. !
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักษุ
๑.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป.
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูป ทั้งหลาย
๒.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป.
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ
๓.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป.
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุสัมผัส
๔.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป.
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง เวทนา
อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม
ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัส เป็นปัจจัย
๕.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป.
(ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือ หมวด
โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ
http://etipitaka.com/read/pali/18/186/?keywords=มโนสมฺผสฺส
ก็มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้
ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆ เท่านั้น;
รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นอนัตตา ทั้งหมด ๓๐ อย่าง
).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล #อัตตตานุทิฏฐิย่อมละไป.-
http://etipitaka.com/read/pali/18/186/?keywords=อตฺตานุทิฏฺฐิ+ปหิยฺยตีติ
(การพิจารณาเห็นอายตนิกธรรม โดยลักษณะทั้งสาม คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ดังกล่าวมาใน ๓ หัวข้อข้างบนนี้ ก็จัดเป็นสัมมาทิฏฐิแบบหนึ่ง จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้
).
#สัมมาทิฏฐิ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/153/256.
http://etipitaka.com/read/thai/18/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%96
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๑๘๕/๒๕๖.
http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%96
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=755
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58&id=755
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58
ลำดับสาธยายธรรม : 58 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_58.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นชนิดละอัตตานุทิฏฐิได้ สัทธรรมลำดับที่ : 755 ชื่อบทธรรม :- การเห็นชนิดละอัตตานุทิฏฐิได้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=755 เนื้อความทั้งหมด :- --การเห็นชนิดละอัตตานุทิฏฐิได้ --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร อัตตานุทิฏฐิย่อม ละไป พระเจ้าข้า ?” --ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักษุ ๑.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูป ทั้งหลาย ๒.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ ๓.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุสัมผัส ๔.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัส เป็นปัจจัย ๕.โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. (ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือ หมวด โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ http://etipitaka.com/read/pali/18/186/?keywords=มโนสมฺผสฺส ก็มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้ ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆ เท่านั้น; รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นอนัตตา ทั้งหมด ๓๐ อย่าง ). --ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล #อัตตตานุทิฏฐิย่อมละไป.- http://etipitaka.com/read/pali/18/186/?keywords=อตฺตานุทิฏฺฐิ+ปหิยฺยตีติ (การพิจารณาเห็นอายตนิกธรรม โดยลักษณะทั้งสาม คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดังกล่าวมาใน ๓ หัวข้อข้างบนนี้ ก็จัดเป็นสัมมาทิฏฐิแบบหนึ่ง จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้ ). #สัมมาทิฏฐิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/153/256. http://etipitaka.com/read/thai/18/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๑๘๕/๒๕๖. http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=755 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58&id=755 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58 ลำดับสาธยายธรรม : 58 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_58.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- การเห็นชนิดละอัตตานุทิฏฐิได้-การเห็นชนิดละอัตตานุทิฏฐิได้ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร อัตตานุทิฏฐิย่อม ละไป พระเจ้าข้า ?” ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักษุ โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูป ท. โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุสัมผัส โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุ สัมผัสเป็นปัจจัย โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. (ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือ หมวดโสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มนะ ก็มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้ ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆ เท่านั้น; รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นอนัตตา ทั้งหมด ๓๐ อย่าง). ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล อัตตตานุทิฏฐิย่อมละไป.0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสิ่งที่ไม่ปรุง(เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต).
สัทธรรมลำดับที่ : 386
ชื่อบทธรรม :- สิ่งที่ไม่ปรุง(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต.
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=386
เนื้อความทั้งหมด :-
(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต).
--สิ่งที่ไม่ปรุง
--ภิกษุ ท. ! เมื่อใด
อวิชชาของภิกษุละขาดไป วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ;
เธอนั้น เพราะอวิชชาจางหายไป เพราะวิชชาเกิดขึ้นแทน
ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันเป็นบุญนั่นเทียว,
ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันมิใช่บุญ,
ย่อมไม่ปรุงเครื่อง ปรุงอันเป็นอเนญชา.
เธอนั้น
เมื่อไม่ปรุง เมื่อไม่ก่อ ย่อมไม่ถือมั่นสิ่งไร ๆ ในโลก.
เมื่อไม่ถือมั่น ย่อมไม่เสียวสะดุ้ง.
เมื่อไม่เสียวสะดุ้ง ย่อมปรินิพพาน.
http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=ปรินิพฺพายติ
เธอนั้น ย่อมรู้ชัดว่า
“ชาติสิ้นสุดแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว
กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความหลุดพ้นเช่นนี้มิได้มีอีก”
ดังนี้ แล.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/81/192.
http://etipitaka.com/read/thai/16/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๙๙/๑๙๒.
http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92
ศึกษาเพิ่มเติ่ม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=386
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=386
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25
ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสิ่งที่ไม่ปรุง(เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต). สัทธรรมลำดับที่ : 386 ชื่อบทธรรม :- สิ่งที่ไม่ปรุง(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต. https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=386 เนื้อความทั้งหมด :- (ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต). --สิ่งที่ไม่ปรุง --ภิกษุ ท. ! เมื่อใด อวิชชาของภิกษุละขาดไป วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ; เธอนั้น เพราะอวิชชาจางหายไป เพราะวิชชาเกิดขึ้นแทน ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันเป็นบุญนั่นเทียว, ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันมิใช่บุญ, ย่อมไม่ปรุงเครื่อง ปรุงอันเป็นอเนญชา. เธอนั้น เมื่อไม่ปรุง เมื่อไม่ก่อ ย่อมไม่ถือมั่นสิ่งไร ๆ ในโลก. เมื่อไม่ถือมั่น ย่อมไม่เสียวสะดุ้ง. เมื่อไม่เสียวสะดุ้ง ย่อมปรินิพพาน. http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=ปรินิพฺพายติ เธอนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นสุดแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความหลุดพ้นเช่นนี้มิได้มีอีก” ดังนี้ แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/81/192. http://etipitaka.com/read/thai/16/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๙๙/๑๙๒. http://etipitaka.com/read/pali/16/99/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติ่ม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=386 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=386 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25 ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- สิ่งที่ไม่ปรุง(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต).-(ข้อความนี้ เป็นเถรีภาษิต นำมาขยายความพุทธภาษิต). สิ่งที่ไม่ปรุง ภิกษุ ท. ! เมื่อใด อวิชชาของภิกษุละขาดไป วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ; เธอนั้น เพราะอวิชชาจางหายไป เพราะวิชชาเกิดขึ้นแทน ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันเป็นบุญนั่นเทียว, ย่อมไม่ปรุงเครื่องปรุงอันมิใช่บุญ, ย่อมไม่ปรุงเครื่อง ปรุงอันเป็นอเนญชา. เธอนั้น เมื่อไม่ปรุง เมื่อไม่ก่อ ย่อมไม่ถือมั่นสิ่งไร ๆ ในโลก. เมื่อไม่ถือมั่น ย่อมไม่เสียวสะดุ้ง. เมื่อไม่เสียวสะดุ้ง ย่อมปรินิพพาน. เธอนั้น ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นสุดแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความหลุดพ้นเช่นนี้มิได้มีอีก” ดังนี้ แล.0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้
สัทธรรมลำดับที่ : 754
ชื่อบทธรรม :- การเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=754
เนื้อความทั้งหมด :-
--การเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร
สักกายทิฏฐิ ย่อมละไป พระเจ้าข้า?”
--ภิกษุ ท. !
๑.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักษุ โดยความเป็นทุกข์
สักกายทิฏฐิย่อมละไป
๒.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูปทั้งหลายโดยความเป็นทุกข์
สักกายทิฏฐิย่อมละไป
๓.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ โดยความเป็นทุกข์
สักกายทิฏฐิย่อมละไป
๔.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุสัมผัส โดยความเป็นทุกข์
http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=ทุกฺขโต+จกฺขุสมฺผสฺสํ
สักกายทิฏฐิย่อมละไป
๕.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม
ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็น ปัจจัย โดยความเป็นทุกข์
สักกายทิฏฐิย่อมละไป.
(ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือ หมวด
โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ
ก็มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้
ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆ เท่านั้น;
รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นทุกขัง ทั้งหมด ๓๐ อย่าง
).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล
รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล #สักกายทิฏฐิย่อมละไป .-
http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=สกฺกายทิฏฺฐิ+ปหิยฺยตีติ
#สัมมาทิฏฐิ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/152/255.
http://etipitaka.com/read/thai/18/152/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๘๕/๒๕๕.
http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=754
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=754
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58&id=754
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58
ลำดับสาธยายธรรม : 58 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_58.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้ สัทธรรมลำดับที่ : 754 ชื่อบทธรรม :- การเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=754 เนื้อความทั้งหมด :- --การเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้ --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร สักกายทิฏฐิ ย่อมละไป พระเจ้าข้า?” --ภิกษุ ท. ! ๑.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักษุ โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป ๒.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูปทั้งหลายโดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป ๓.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป ๔.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุสัมผัส โดยความเป็นทุกข์ http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=ทุกฺขโต+จกฺขุสมฺผสฺสํ สักกายทิฏฐิย่อมละไป ๕.เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็น ปัจจัย โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป. (ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือ หมวด โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ ก็มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้ ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆ เท่านั้น; รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นทุกขัง ทั้งหมด ๓๐ อย่าง ). --ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล #สักกายทิฏฐิย่อมละไป .- http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=สกฺกายทิฏฺฐิ+ปหิยฺยตีติ #สัมมาทิฏฐิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/152/255. http://etipitaka.com/read/thai/18/152/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๘๕/๒๕๕. http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=754 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=754 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58&id=754 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58 ลำดับสาธยายธรรม : 58 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_58.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- การเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้-การเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได้ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร สักกายทิฏฐิ ย่อมละไป พระเจ้าข้า?” ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักษุ โดยความเป็นทุกข์ สัก กายทิฏฐิย่อมละไป เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูป ท. โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุสัมผัส โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็น ปัจจัย โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป. (ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือ หมวดโสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ ก็มีข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้ ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆ เท่านั้น; รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นทุกขัง ทั้งหมด ๓๐ อย่าง). ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล สักกายทิฏฐิ ย่อมละไป.0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าที่เที่ยว นอกโลกธาตุ
สัทธรรมลำดับที่ : 385
ชื่อบทธรรม : -ที่เที่ยว นอกโลก
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=385
เนื้อความทั้งหมด :-
--ที่เที่ยว นอกโลก
--พวกเทวดาทั้งหลาย
ทั้งในชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้นวสวัตตี
ล้วนแต่ถูกผูกมัดรัดรึงอยู่ด้วยเครื่องผูกคือ #กามคุณ,
http://etipitaka.com/read/pali/15/195/?keywords=กาม
ต้องกลับไปสู่อำนาจของมารอีก.
โลกทั้งปวงร้อนเปรี้ยง.
โลกทั้งปวงควันกลุ้ม.
โลกทั้งปวงลุกโพลง ๆ,
โลกทั้งปวงไหวโยกเยกอยู่.
ที่ใด มีมารไปไม่ถึง ที่นั่นไม่หวั่นไหว ที่นั่น ไม่โยกเยก
ที่นั่น ไม่ใช่ที่เที่ยวของบุถุชน.
มารเอย, ใจเรายินดีในที่นั้นเสียแล้ว.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. 15/164/544.
http://etipitaka.com/read/thai/15/164/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%94%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. ๑๕/๑๙๕/๕๔๔.
http://etipitaka.com/read/pali/15/195/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%94%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=385
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=385
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=385
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25
ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าที่เที่ยว นอกโลกธาตุ สัทธรรมลำดับที่ : 385 ชื่อบทธรรม : -ที่เที่ยว นอกโลก https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=385 เนื้อความทั้งหมด :- --ที่เที่ยว นอกโลก --พวกเทวดาทั้งหลาย ทั้งในชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้นวสวัตตี ล้วนแต่ถูกผูกมัดรัดรึงอยู่ด้วยเครื่องผูกคือ #กามคุณ, http://etipitaka.com/read/pali/15/195/?keywords=กาม ต้องกลับไปสู่อำนาจของมารอีก. โลกทั้งปวงร้อนเปรี้ยง. โลกทั้งปวงควันกลุ้ม. โลกทั้งปวงลุกโพลง ๆ, โลกทั้งปวงไหวโยกเยกอยู่. ที่ใด มีมารไปไม่ถึง ที่นั่นไม่หวั่นไหว ที่นั่น ไม่โยกเยก ที่นั่น ไม่ใช่ที่เที่ยวของบุถุชน. มารเอย, ใจเรายินดีในที่นั้นเสียแล้ว.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. 15/164/544. http://etipitaka.com/read/thai/15/164/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%94%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. ๑๕/๑๙๕/๕๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/15/195/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%94%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=385 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=385 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=385 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25 ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- ที่เที่ยว นอกโลก-ที่เที่ยว นอกโลก พวกเทวดาทั้งหลาย ทั้งในชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้นวสวัตตี ล้วนแต่ถูกผูกมัดรัดรึงอยู่ด้วยเครื่องผูกคือ กามคุณ, ต้องกลับไปสู่อำนาจของมารอีก. โลกทั้งปวงร้อนเปรี้ยง. โลกทั้งปวงควันกลุ้ม. โลกทั้งปวงลุกโพลง ๆ, โลกทั้งปวงไหวโยกเยกอยู่. ที่ใด มีมารไปไม่ถึง ที่นั่นไม่หวั่นไหว ที่นั่น ไม่โยกเยก ที่นั่น ไม่ใช่ที่เที่ยวของบุถุชน. มารเอย, ใจเรายินดีในที่นั้นเสียแล้ว.0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นขันธ์ห้าไม่เที่ยงชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้
สัทธรรมลำดับที่ : 753
ชื่อบทธรรม :- การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=753
เนื้อความทั้งหมด :-
หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาทิฏฐิ
--การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร
มิจฉาทิฏฐิ ย่อมละไป พระเจ้าข้า ?”
--ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง
๑.จักษุ โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป,
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง
๒.รูป ทั้งหลาย โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป,
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง
๓.จักขุวิญญาณ โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป,
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง
๔.จักขุสัมผัส โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป,
เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง
๕.เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม
ที่เกิดขึ้นเพราะ จักขุสัมผัสเป็นปัจจัย โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง
มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป.
http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=มิจฺฉาทิฏฺฐิ+ปหิยฺยติ
(ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือหมวด
โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มนะ
ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ด้วยข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้
ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆเท่านั้น ;
รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นอนิจจัง ทั้งหมด ๓๐ อย่าง).
--ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป.-
#สัมมาทิฏฐิ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/152/254.
http://etipitaka.com/read/thai/18/152/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๑๘๕/๒๕๔.
http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=753
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58&id=753
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58
ลำดับสาธยายธรรม : 58 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_58.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นขันธ์ห้าไม่เที่ยงชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้ สัทธรรมลำดับที่ : 753 ชื่อบทธรรม :- การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=753 เนื้อความทั้งหมด :- หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาทิฏฐิ --การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้ --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร มิจฉาทิฏฐิ ย่อมละไป พระเจ้าข้า ?” --ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง ๑.จักษุ โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป, เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง ๒.รูป ทั้งหลาย โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป, เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง ๓.จักขุวิญญาณ โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป, เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง ๔.จักขุสัมผัส โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป, เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง ๕.เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะ จักขุสัมผัสเป็นปัจจัย โดยความเป็นของ ไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป. http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=มิจฺฉาทิฏฺฐิ+ปหิยฺยติ (ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือหมวด โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มนะ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ด้วยข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้ ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆเท่านั้น ; รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นอนิจจัง ทั้งหมด ๓๐ อย่าง). --ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป.- #สัมมาทิฏฐิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. 18/152/254. http://etipitaka.com/read/thai/18/152/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา.สํ. ๑๘/๑๘๕/๒๕๔. http://etipitaka.com/read/pali/18/185/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=753 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58&id=753 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=58 ลำดับสาธยายธรรม : 58 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_58.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาทิฏฐิ-การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้-หมวด จ. ว่าด้วยอานิสงส์ของสัมมาทิฏฐิ การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได้ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร มิจฉาทิฏฐิ ย่อมละไป พระเจ้าข้า ?” ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักษุ โดยความเป็นของไม่ เที่ยงมิจฉาทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูป ท. โดยความเป็นของไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ โดยความเป็นของไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่งจักขุ สัมผัส โดยความเป็นของไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ซึ่ง เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย โดยความเป็นของไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป. (ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก ๕ หมวดถัดไป คือหมวดโสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มนะ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ด้วยข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้ ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้นๆเท่านั้น ; รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นอนิจจัง ทั้งหมด ๓๐ อย่าง). ภิกษุ ท. ! เมื่อบุคคล รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล มิจฉาทิฏฐิย่อมละไป.0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่า“ที่” ซึ่งธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม หยั่งลงไม่ถึง
สัทธรรมลำดับที่ : 384
ชื่อบทธรรม :- “ที่” ซึ่งธาตุสี่หยั่งลงไม่ถึง
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=384
เนื้อความทั้งหมด :-
--“ที่” ซึ่งธาตุสี่หยั่งลงไม่ถึง
--“สระทั้งหลาย จะไหลกลับจากที่ไหน ?
วัฏฏะ (วังวน) ย่อมไม่หมุน ในที่ไหน ?
นามและรูปย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?
--ในที่ใด, ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้,
http://etipitaka.com/read/pali/15/22/?keywords=ปฐวี
จากที่นั้นแหละ สระทั้งหลาย ย่อมไหลกลับ ;
ในที่นั้นแหละ วัฏฏะย่อมไม่หมุน ;
ในที่นั้นแหละ นามและรูป ย่อมดับไม่เหลือ ;
ดังนี้ แล.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. 15/17/70-71.
http://etipitaka.com/read/thai/15/17/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. ๑๕/๒๒/๗๐-๗๑.
http://etipitaka.com/read/pali/15/22/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=384
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=384
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=384
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25
ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่า“ที่” ซึ่งธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม หยั่งลงไม่ถึง สัทธรรมลำดับที่ : 384 ชื่อบทธรรม :- “ที่” ซึ่งธาตุสี่หยั่งลงไม่ถึง https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=384 เนื้อความทั้งหมด :- --“ที่” ซึ่งธาตุสี่หยั่งลงไม่ถึง --“สระทั้งหลาย จะไหลกลับจากที่ไหน ? วัฏฏะ (วังวน) ย่อมไม่หมุน ในที่ไหน ? นามและรูปย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ? --ในที่ใด, ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้, http://etipitaka.com/read/pali/15/22/?keywords=ปฐวี จากที่นั้นแหละ สระทั้งหลาย ย่อมไหลกลับ ; ในที่นั้นแหละ วัฏฏะย่อมไม่หมุน ; ในที่นั้นแหละ นามและรูป ย่อมดับไม่เหลือ ; ดังนี้ แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. 15/17/70-71. http://etipitaka.com/read/thai/15/17/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สคา. สํ. ๑๕/๒๒/๗๐-๗๑. http://etipitaka.com/read/pali/15/22/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=384 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=384 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=384 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25 ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- “ที่” ซึ่งธาตุสี่หยั่งลงไม่ถึง-“ที่” ซึ่งธาตุสี่หยั่งลงไม่ถึง “สระทั้งหลาย จะไหลกลับจากที่ไหน ? วัฏฏะ (วังวน) ย่อมไม่หมุน ในที่ไหน ? นามและรูปย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ? ในที่ใด, ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้, จากที่นั้นแหละ สระทั้งหลาย ย่อมไหลกลับ ; ในที่นั้นแหละ วัฏฏะย่อมไม่หมุน ; ในที่นั้นแหละ นามและรูป ย่อมดับไม่เหลือ ; ดังนี้ แล.0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย
สัทธรรมลำดับที่ : 752
ชื่อบทธรรม :- การพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=752
เนื้อความทั้งหมด :-
--การพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย
--ภิกษุ ท. ! ภิกษุ
พึงพิจารณาใคร่ครวญ โดยประการที่เมื่อพิจารณา
ใคร่ครวญอยู่ วิญญาณ (จิต) ของเธอ
http://etipitaka.com/read/pali/14/411/?keywords=วิญฺญาเณ+อวิกฺขิตฺเต
อันเป็นวิญญาณซึ่งไม่ฟุ้งไป ไม่ซ่านไปในภายนอก และ
ไปตั้งสยบอยู่ในภายใน แล้ว ก็จะไม่สะดุ้งเพราะมีธรรมเป็นที่ยึดมั่น.
--ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณไม่ฟุ้งไป ไม่ซ่านไปในภายนอก
และไม่ตั้งสยบอยู่ในภายใน
เป็นวิญญาณไม่สะดุ้งเพราะไม่มีธรรมเป็นที่ยึดมั่นอยู่
ดังนี้แล้ว, #ธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งทุกข์
กล่าวคือชาติ ชรา มรณะ ย่อมไม่มีอีกต่อไป.
(ครั้นตรัสแต่โดยย่อดังนี้แล้ว
เสด็จเข้าไปในวิหาร
--ภิกษุไม่เข้าใจเนื้อความนั้นโดยพิสดาร
ได้เข้าไปขอคำอธิบายจาก #พระมหากัจจายนะ
http://etipitaka.com/read/pali/14/412/?keywords=มหากจฺจา
ท่านได้อธิบายในข้อที่ว่า
วิญญาณ ฟุ้งไปในภายนอก คืออะไร
---อุปริ.ม. 14/313/644
http://etipitaka.com/read/thai/14/313/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%94
วิญญาณ ไม่ฟุ้งไปในภายนอก คืออะไร
---อุปริ.ม. 14/313/645
http://etipitaka.com/read/thai/14/313/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%95
จิต สยบอยู่ในภายใน คืออย่างไร
---อุปริ.ม. 14/314/646
http://etipitaka.com/read/thai/14/314/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%96
จิตไม่สยบอยู่ในภายในคืออย่างไร
---อุปริ.ม. 14/314/647
http://etipitaka.com/read/thai/14/314/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%97
จิต สะดุ้งนั้น คืออย่างไร
---อุปริ.ม. 14/315/648
http://etipitaka.com/read/thai/14/315/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%98
จิต ไม่สะดุ้งนั้น คืออย่างไร
---อุปริ.ม. 14/316/649
http://etipitaka.com/read/thai/14/316/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%99
ดังนี้เป็นต้น;
).-
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม.14/310-318/639-652.
http://etipitaka.com/read/thai/14/310/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%99
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม.๑๔/๔๑๑-๔๒๒/๖๓๙-๖๕๒.
http://etipitaka.com/read/pali/14/411/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%99
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=752
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=752
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย สัทธรรมลำดับที่ : 752 ชื่อบทธรรม :- การพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=752 เนื้อความทั้งหมด :- --การพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย --ภิกษุ ท. ! ภิกษุ พึงพิจารณาใคร่ครวญ โดยประการที่เมื่อพิจารณา ใคร่ครวญอยู่ วิญญาณ (จิต) ของเธอ http://etipitaka.com/read/pali/14/411/?keywords=วิญฺญาเณ+อวิกฺขิตฺเต อันเป็นวิญญาณซึ่งไม่ฟุ้งไป ไม่ซ่านไปในภายนอก และ ไปตั้งสยบอยู่ในภายใน แล้ว ก็จะไม่สะดุ้งเพราะมีธรรมเป็นที่ยึดมั่น. --ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณไม่ฟุ้งไป ไม่ซ่านไปในภายนอก และไม่ตั้งสยบอยู่ในภายใน เป็นวิญญาณไม่สะดุ้งเพราะไม่มีธรรมเป็นที่ยึดมั่นอยู่ ดังนี้แล้ว, #ธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งทุกข์ กล่าวคือชาติ ชรา มรณะ ย่อมไม่มีอีกต่อไป. (ครั้นตรัสแต่โดยย่อดังนี้แล้ว เสด็จเข้าไปในวิหาร --ภิกษุไม่เข้าใจเนื้อความนั้นโดยพิสดาร ได้เข้าไปขอคำอธิบายจาก #พระมหากัจจายนะ http://etipitaka.com/read/pali/14/412/?keywords=มหากจฺจา ท่านได้อธิบายในข้อที่ว่า วิญญาณ ฟุ้งไปในภายนอก คืออะไร ---อุปริ.ม. 14/313/644 http://etipitaka.com/read/thai/14/313/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%94 วิญญาณ ไม่ฟุ้งไปในภายนอก คืออะไร ---อุปริ.ม. 14/313/645 http://etipitaka.com/read/thai/14/313/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%95 จิต สยบอยู่ในภายใน คืออย่างไร ---อุปริ.ม. 14/314/646 http://etipitaka.com/read/thai/14/314/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%96 จิตไม่สยบอยู่ในภายในคืออย่างไร ---อุปริ.ม. 14/314/647 http://etipitaka.com/read/thai/14/314/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%97 จิต สะดุ้งนั้น คืออย่างไร ---อุปริ.ม. 14/315/648 http://etipitaka.com/read/thai/14/315/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%98 จิต ไม่สะดุ้งนั้น คืออย่างไร ---อุปริ.ม. 14/316/649 http://etipitaka.com/read/thai/14/316/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%94%E0%B9%99 ดังนี้เป็นต้น; ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม.14/310-318/639-652. http://etipitaka.com/read/thai/14/310/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม.๑๔/๔๑๑-๔๒๒/๖๓๙-๖๕๒. http://etipitaka.com/read/pali/14/411/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=752 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=752 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- การพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย-การพิจารณาเพื่อความสิ้นแห่งแดนเกิดของทุกขสมุทัย ภิกษุ ท. ! ภิกษุพึงพิจารณาใคร่ครวญ โดยประการที่เมื่อพิจารณา ใคร่ครวญอยู่ วิญญาณ (จิต) ของเธอ อันเป็นวิญญาณซึ่งไม่ฟุ้งไป ไม่ซ่านไป ในภายนอก และไปตั้งสยบอยู่ในภายใน แล้ว ก็จะไม่สะดุ้งเพราะมีธรรมเป็นที่ยึดมั่น. ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณไม่ฟุ้งไป ไม่ซ่านไปในภายนอก และไม่ตั้งสยบอยู่ในภายใน เป็นวิญญาณไม่สะดุ้งเพราะไม่มีธรรมเป็นที่ยึดมั่นอยู่ ดังนี้แล้ว, ธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งทุกข์กล่าวคือชาติชรามรณะ ย่อมไม่มีอีกต่อไป. (ครั้นตรัสแต่โดยย่อดังนี้แล้ว เสด็จเข้าไปในวิหาร ภิกษุไม่เข้าใจเนื้อความนั้นโดยพิสดาร ได้เข้าไปขอคำอธิบายจากพระมหากัจจายนะ ท่านได้อธิบายในข้อที่ว่า วิญญาณฟุ้งไปในภายนอกคืออะไร สยบอยู่ในภายในคืออย่างไร สะดุ้งนั้นคืออย่างไร ดังนี้เป็นต้น; หาดู รายละเอียดได้จากหนังสือ ปฏิจจ.โอ. หน้า ๒๙๕ - ๓๐๕).0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่า“ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ
สัทธรรมลำดับที่ : 383
ชื่อบทธรรม :- “ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=383
เนื้อความทั้งหมด :-
--“ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ
--ภิกษุ ! สำหรับปัญหาของเธอนั้น เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า
“มหาภูตสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?”
ดังนี้ เลย ;
อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า :-
+--“ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน ?
ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ ในที่ไหน ?
นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้ต่างหาก.
--ภิกษุ ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้ :-
+--“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด
มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่ ;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ ;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ ;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูป ดับสนิทไม่มีเหลือ ;
#นามรูปดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้ #เพราะการดับสนิทของวิญญาณ ;
http://etipitaka.com/read/pali/9/283/?keywords=วิญฺญาณํ+อนิทสฺสนํ
ดังนี้แล.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/329/348-350.
http://etipitaka.com/read/thai/9/329/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%98
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๘๒/๓๔๘-๓๕๐.
http://etipitaka.com/read/pali/9/282/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%98
ศึกษาว่าเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=383
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=383
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25
ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่า“ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ สัทธรรมลำดับที่ : 383 ชื่อบทธรรม :- “ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=383 เนื้อความทั้งหมด :- --“ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ --ภิกษุ ! สำหรับปัญหาของเธอนั้น เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า “มหาภูตสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้ เลย ; อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า :- +--“ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน ? ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ ในที่ไหน ? นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้ต่างหาก. --ภิกษุ ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้ :- +--“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่ ; ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ ; ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ ; ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูป ดับสนิทไม่มีเหลือ ; #นามรูปดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้ #เพราะการดับสนิทของวิญญาณ ; http://etipitaka.com/read/pali/9/283/?keywords=วิญฺญาณํ+อนิทสฺสนํ ดังนี้แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/329/348-350. http://etipitaka.com/read/thai/9/329/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๘๒/๓๔๘-๓๕๐. http://etipitaka.com/read/pali/9/282/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%98 ศึกษาว่าเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=383 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=383 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25 ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- “ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ-“ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ ภิกษุ ! สำหรับปัญหาของเธอนั้น เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า “มหาภูตสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้เลย ; อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า : “ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน ? ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ ในที่ไหน ? นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้ต่างหาก. ภิกษุ ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้ : “สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่ ; ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ ; ใน “สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ ; ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูป ดับสนิทไม่มีเหลือ ; นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้ เพราะการดับสนิทของวิญญาณ ; ดังนี้แล.0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
สัทธรรมลำดับที่ : 751
ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=751
เนื้อความทั้งหมด :-
--วิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์
--ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายพิจารณากันบ้างหรือไม่ ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายใน ?
--ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลว่า
“ข้าพระองค์ย่อมพิจารณา ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายในอยู่ พระเจ้าข้า !”
--ภิกษุ ! เธอ ย่อมพิจารณา ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายในอยู่ อย่างไรเล่า ?
(ภิกษุนั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ก็ไม่ทรงพอพระทัย
พระอานนท์จึงทูลขอร้องให้พระองค์ทรงแสดง ภิกษุได้ฟังแล้วจักทรงจำไว้,
ตรัสให้ภิกษุทั้งหลายตั้งใจฟัง แล้วตรัสว่า :- )
--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิดที่เป็น การพิจารณาในภายใน ว่า
“ทุกข์มีอย่างมิใช่น้อย นานาประการ ย่อมเกิดขึ้นในโลก กล่าวคือชรามรณะ ใดแล ;
ทุกข์นี้หนอ มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด ?
เพราะอะไรมี ชรามรณะจึงมี?”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ ย่อมรู้ อย่างนี้ว่า
“ทุกข์มีอย่างมิใช่น้อยนานาประการ ย่อมเกิดขึ้นในโลก
กล่าวคือ ชรามรณะใดแล;
ทุกข์นี้หนอ มีอุปธิเป็นเหตุให้เกิด
มีอุปธิเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีอุปธิเป็นเครื่องกำเนิด
มีอุปธิเป็นแดนเกิด;
เพราะอุปธิมี ชรามรณะจึงมี เพราะอุปธิไม่มี ชรามรณะจึงไม่มี;”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัด
ซึ่งชรามรณะด้วย
ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณะด้วย
ซึ่งความดับไม่เหลือชรามรณะด้วย
ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงซึ่งธรรมอันสมควรแก่ความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะด้วย
และเป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างสมควรแก่ธรรมด้วย.
+--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เราเรียกว่า
เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ
กล่าวคือเพื่อความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ
โดยประการทั้งปวง.
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก :
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิด เป็นการพิจารณาในภายใน ว่า
“ก็อุปธินี้
มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด
มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด ?
เพราะอะไรมีอุปธิจึงมี เพราะอะไรไม่มี อุปธิจึงไม่มี ?”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า
“อุปธินี้
มีตัณหาเป็นเหตุให้เกิด
มีตัณหาเป็นเครื่องก่อให้เกิด
มีตัณหาเป็นเครื่องกำเนิด
มีตัณหาเป็นแดนเกิด;
เมื่อตัณหามีอุปธิจึงมี เมื่อตัณหาไม่มี อุปธิจึงไม่มี;”
ดังนี้.
+--ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัด
ซึ่งอุปธิด้วย
ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งอุปธิด้วย
ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งอุปธิด้วย
ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงซึ่งธรรมอันสมควรแก่ความดับไม่เหลือแห่งอุปธิด้วย
และเป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างสมควรแก่ธรรมด้วย.
+--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เราเรียกว่า #เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ
กล่าวคือเพื่อความดับไม่เหลือแห่งอุปธิ โดยประการทั้งปวง.
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก :
+--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายใน ว่า
“ก็ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดย่อมเกิดขึ้น ณ ที่ไหน ?
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ?”
ดังนี้
+--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ย่อมรู้อย่างนี้ว่า
สิ่งใดมีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดี (ปิยรูปสาตรูป) ในโลก;
http://etipitaka.com/read/pali/16/132/?keywords=ปิยรูปํ+สาตรูปํ
ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดย่อมเกิดขึ้น ในสิ่งนั้น,
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ในสิ่งนั้น.
ก็สิ่งใดเล่า มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก?
จักษุ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
โสตะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ฆานะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ชิวหา มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
กายะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
มนะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก.
ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นในธรรมมีภาวะน่ารักยินดีเหล่านี้,
เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ในธรรม มีภาวะน่ารักน่ายินดีเหล่านี้ แล.-
(ต่อจากนี้ ได้ตรัสถึงบุคคลบางพวกในอดีต อนาคต และปัจจุบัน
เห็นปิยรูป สาตรูปโดยความเป็นของเที่ยง ของสุขเป็นต้น
แล้วทำตัณหาให้เจริญ ทำอุปธิให้เจริญ เท่ากับทำทุกข์ให้เจริญ ไม่พ้นจากทุกข์ไปได้ ; และได้ตรัสฝ่ายตรงข้ามโดยปฏิปักขนัยไว้เป็นคู่กัน.
สำหรับปิยรูปสาตรูปนั้น ในที่อื่นกล่าวไว้เป็นสิบหมวด
ตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตร รวมกันเป็น ๖๐ อย่าง ;
ในที่นี้กล่าวไว้เพียง ๖ อย่าง ตามจำนวนแห่งอายตนะภายใน,
แม้กระนั้นก็อาจจะขยายออกไปได้เป็น ๖๐ อย่าง เช่นเดียวกัน ;
สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ จาก #มหาสติปัฏฐานสูตร เป็นต้น
).-
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/104 - 106/254 - 262.
http://etipitaka.com/read/thai/16/104/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๓๐- ๑๓๕/๒๕๔ - ๒๖๒.
http://etipitaka.com/read/pali/16/130/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=751
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=751
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 751 ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=751 เนื้อความทั้งหมด :- --วิธีพิจารณาในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข์ --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายพิจารณากันบ้างหรือไม่ ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายใน ? --ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลว่า “ข้าพระองค์ย่อมพิจารณา ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายในอยู่ พระเจ้าข้า !” --ภิกษุ ! เธอ ย่อมพิจารณา ชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายในอยู่ อย่างไรเล่า ? (ภิกษุนั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ก็ไม่ทรงพอพระทัย พระอานนท์จึงทูลขอร้องให้พระองค์ทรงแสดง ภิกษุได้ฟังแล้วจักทรงจำไว้, ตรัสให้ภิกษุทั้งหลายตั้งใจฟัง แล้วตรัสว่า :- ) --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ +--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิดที่เป็น การพิจารณาในภายใน ว่า “ทุกข์มีอย่างมิใช่น้อย นานาประการ ย่อมเกิดขึ้นในโลก กล่าวคือชรามรณะ ใดแล ; ทุกข์นี้หนอ มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด ? เพราะอะไรมี ชรามรณะจึงมี?” ดังนี้. +--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ ย่อมรู้ อย่างนี้ว่า “ทุกข์มีอย่างมิใช่น้อยนานาประการ ย่อมเกิดขึ้นในโลก กล่าวคือ ชรามรณะใดแล; ทุกข์นี้หนอ มีอุปธิเป็นเหตุให้เกิด มีอุปธิเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีอุปธิเป็นเครื่องกำเนิด มีอุปธิเป็นแดนเกิด; เพราะอุปธิมี ชรามรณะจึงมี เพราะอุปธิไม่มี ชรามรณะจึงไม่มี;” ดังนี้. +--ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัด ซึ่งชรามรณะด้วย ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณะด้วย ซึ่งความดับไม่เหลือชรามรณะด้วย ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงซึ่งธรรมอันสมควรแก่ความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะด้วย และเป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างสมควรแก่ธรรมด้วย. +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้เราเรียกว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ กล่าวคือเพื่อความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ โดยประการทั้งปวง. --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : +--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิด เป็นการพิจารณาในภายใน ว่า “ก็อุปธินี้ มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด ? เพราะอะไรมีอุปธิจึงมี เพราะอะไรไม่มี อุปธิจึงไม่มี ?” ดังนี้. +--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า “อุปธินี้ มีตัณหาเป็นเหตุให้เกิด มีตัณหาเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีตัณหาเป็นเครื่องกำเนิด มีตัณหาเป็นแดนเกิด; เมื่อตัณหามีอุปธิจึงมี เมื่อตัณหาไม่มี อุปธิจึงไม่มี;” ดังนี้. +--ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัด ซึ่งอุปธิด้วย ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งอุปธิด้วย ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งอุปธิด้วย ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงซึ่งธรรมอันสมควรแก่ความดับไม่เหลือแห่งอุปธิด้วย และเป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างสมควรแก่ธรรมด้วย. +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เราเรียกว่า #เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ กล่าวคือเพื่อความดับไม่เหลือแห่งอุปธิ โดยประการทั้งปวง. --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : +--ภิกษุเมื่อพิจารณา ย่อม พิจารณาชนิดที่เป็นการพิจารณาในภายใน ว่า “ก็ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดย่อมเกิดขึ้น ณ ที่ไหน ? เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ ณ ที่ไหน ?” ดังนี้ +--ภิกษุนั้น พิจารณาอยู่ย่อมรู้อย่างนี้ว่า สิ่งใดมีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดี (ปิยรูปสาตรูป) ในโลก; http://etipitaka.com/read/pali/16/132/?keywords=ปิยรูปํ+สาตรูปํ ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดย่อมเกิดขึ้น ในสิ่งนั้น, เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ในสิ่งนั้น. ก็สิ่งใดเล่า มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก? จักษุ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก. โสตะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก. ฆานะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก. ชิวหา มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก. กายะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก. มนะ มีภาวะเป็นที่รักเป็นที่ยินดีในโลก. ตัณหานี้ เมื่อจะเกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นในธรรมมีภาวะน่ารักยินดีเหล่านี้, เมื่อจะเข้าไปตั้งอยู่ ย่อมเข้าไปตั้งอยู่ในธรรม มีภาวะน่ารักน่ายินดีเหล่านี้ แล.- (ต่อจากนี้ ได้ตรัสถึงบุคคลบางพวกในอดีต อนาคต และปัจจุบัน เห็นปิยรูป สาตรูปโดยความเป็นของเที่ยง ของสุขเป็นต้น แล้วทำตัณหาให้เจริญ ทำอุปธิให้เจริญ เท่ากับทำทุกข์ให้เจริญ ไม่พ้นจากทุกข์ไปได้ ; และได้ตรัสฝ่ายตรงข้ามโดยปฏิปักขนัยไว้เป็นคู่กัน. สำหรับปิยรูปสาตรูปนั้น ในที่อื่นกล่าวไว้เป็นสิบหมวด ตามนัยแห่งมหาสติปัฏฐานสูตร รวมกันเป็น ๖๐ อย่าง ; ในที่นี้กล่าวไว้เพียง ๖ อย่าง ตามจำนวนแห่งอายตนะภายใน, แม้กระนั้นก็อาจจะขยายออกไปได้เป็น ๖๐ อย่าง เช่นเดียวกัน ; สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ จาก #มหาสติปัฏฐานสูตร เป็นต้น ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/104 - 106/254 - 262. http://etipitaka.com/read/thai/16/104/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๓๐- ๑๓๕/๒๕๔ - ๒๖๒. http://etipitaka.com/read/pali/16/130/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=751 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=751 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- ¸§à¸´à¸à¸µà¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸à¸ ายà¹à¸ à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸´à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¹-(à¸à¸³à¸à¹à¸²à¸§ à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸²à¸à¸²à¸«à¸²à¸£ à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸«à¸¥à¹à¸à¹à¸¥à¸µà¹à¸¢à¸à¸£à¹à¸²à¸à¸à¸²à¸¢; à¸à¸±à¸ªà¸ªà¸°à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸²à¸à¸²à¸«à¸²à¸£ à¹à¸à¸£à¸²à¸° à¸à¸³à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸à¹à¸§à¸à¸à¸² ; มà¹à¸à¸ªà¸±à¸à¹à¸à¸à¸à¸² à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸²à¸à¸²à¸«à¸²à¸£ à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸³à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸à¸à¸£à¸£à¸¡; วิà¸à¸à¸²à¸à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸²à¸à¸²à¸«à¸²à¸£ à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸³à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸¡à¸£à¸¹à¸. à¸à¹à¸²à¸à¸¸à¸à¸à¸¥à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸«à¹à¸à¹à¸à¸©à¹à¸«à¹à¸à¸à¸²à¸«à¸²à¸£à¹à¸à¹à¸¥à¸°à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¹ à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹à¸à¸£à¸±à¸ªà¹à¸§à¹à¹à¸à¸¢à¸à¸¸à¸à¸¡à¸²à¹à¸à¸à¹à¸ à¸à¸§à¸²à¸¡à¸«à¸¡à¸²à¸¢à¸à¸±à¹à¸à¹à¹à¸à¹, à¸à¸°à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¸à¸à¹à¹à¸à¹à¸à¸¶à¸à¸à¸±à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸£à¸«à¸±à¸à¸à¹). -ภิà¸à¸©à¸¸ à¸. ! à¹à¸à¸à¸à¸±à¹à¸à¸«à¸¥à¸²à¸¢à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸±à¸à¸à¹à¸²à¸à¸«à¸£à¸·à¸à¹à¸¡à¹ à¸à¸à¸´à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸à¸ ายà¹à¸ ? ภิà¸à¸©à¸¸à¸£à¸¹à¸à¸«à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸à¸à¸¹à¸¥à¸§à¹à¸² âà¸à¹à¸²à¸à¸£à¸°à¸à¸à¸à¹à¸¢à¹à¸à¸¡à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸² à¸à¸à¸´à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸à¸ ายà¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹ à¸à¸£à¸°à¹à¸à¹à¸²à¸à¹à¸² !â ภิà¸à¸©à¸¸ ! à¹à¸à¸ ยà¹à¸à¸¡à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸² à¸à¸à¸´à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸à¸ ายà¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹ à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¹à¸£à¹à¸¥à¹à¸² ? (ภิà¸à¸©à¸¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸à¸à¸¹à¸¥à¹à¸«à¹à¸à¸£à¸à¸à¸£à¸²à¸à¹à¸¥à¹à¸§ à¸à¹à¹à¸¡à¹à¸à¸£à¸à¸à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸±à¸¢ à¸à¸£à¸°à¸à¸²à¸à¸à¸à¹à¸à¸¶à¸à¸à¸¹à¸¥à¸à¸à¸£à¹à¸à¸à¹à¸«à¹à¸à¸£à¸°à¸à¸à¸à¹à¸à¸£à¸à¹à¸ªà¸à¸ ภิà¸à¸©à¸¸à¹à¸à¹à¸à¸±à¸à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸±à¸à¸à¸£à¸à¸à¸³à¹à¸§à¹, à¸à¸£à¸±à¸ªà¹à¸«à¹à¸ ิà¸à¸©à¸¸à¸à¸±à¹à¸à¸«à¸¥à¸²à¸¢à¸à¸±à¹à¸à¹à¸à¸à¸±à¸ à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸£à¸±à¸ªà¸§à¹à¸² :- ) ภิà¸à¸©à¸¸ à¸. ! à¹à¸à¸à¸£à¸à¸µà¸à¸µà¹ ภิà¸à¸©à¸¸à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸² ยà¹à¸à¸¡ à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸à¸´à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸ à¸à¸²à¸£à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸à¸ ายà¹à¸ วà¹à¸² âà¸à¸¸à¸à¸à¹à¸¡à¸µà¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸¡à¸´à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸¢ à¸à¸²à¸à¸²à¸à¸£à¸°à¸à¸²à¸£ ยà¹à¸à¸¡à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸à¹à¸¥à¸ à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¸à¸·à¸à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸° à¹à¸à¹à¸¥ ; à¸à¸¸à¸à¸à¹à¸à¸µà¹à¸«à¸à¸ มีà¸à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¹à¸«à¸à¸¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¸³à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸à¸´à¸ ? à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸°à¹à¸£à¸¡à¸µ à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸°à¸à¸¶à¸à¸¡à¸µ?â à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹. ภิà¸à¸©à¸¸à¸à¸±à¹à¸ à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸¢à¸¹à¹ ยà¹à¸à¸¡à¸£à¸¹à¹ à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹à¸§à¹à¸² âà¸à¸¸à¸à¸à¹à¸¡à¸µà¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸¡à¸´à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸¢à¸à¸²à¸à¸²à¸à¸£à¸°à¸à¸²à¸£ ยà¹à¸à¸¡à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸à¹à¸¥à¸ à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¸à¸·à¸à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸°à¹à¸à¹à¸¥; à¸à¸¸à¸à¸à¹à¸à¸µà¹à¸«à¸à¸ มีà¸à¸¸à¸à¸à¸´à¹à¸à¹à¸à¹à¸«à¸à¸¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸¸à¸à¸à¸´à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸ มี à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¸³à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸¸à¸à¸à¸´à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸à¸´à¸; à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸¡à¸µ à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸°à¸à¸¶à¸à¸¡à¸µ à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¹à¸¡à¹à¸¡à¸µ à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸°à¸à¸¶à¸à¹à¸¡à¹à¸¡à¸µ;â à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹. ภิà¸à¸©à¸¸à¸à¸±à¹à¸ ยà¹à¸à¸¡à¸£à¸¹à¹à¸à¸±à¸ à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸°à¸à¹à¸§à¸¢ à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¸à¸¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸°à¸à¹à¸§à¸¢ à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¹à¸«à¸¥à¸·à¸à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸°à¸à¹à¸§à¸¢ à¸à¸¶à¹à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¸³à¸ªà¸±à¸à¸§à¹à¹à¸«à¹à¸¥à¸¸à¸à¸¶à¸à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸£à¸£à¸¡à¸à¸±à¸à¸ªà¸¡à¸à¸§à¸£à¹à¸à¹à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¹à¸«à¸¥à¸·à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸°à¸à¹à¸§à¸¢ à¹à¸¥à¸°à¹à¸à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸ªà¸¡à¸à¸§à¸£à¹à¸à¹à¸à¸£à¸£à¸¡à¸à¹à¸§à¸¢. ภิà¸à¸©à¸¸ à¸. ! ภิà¸à¸©à¸¸à¸à¸µà¹à¹à¸£à¸²à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸² à¹à¸à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸´à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¹à¹à¸à¸¢à¸à¸à¸ à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¸à¸·à¸à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¹à¸«à¸¥à¸·à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸£à¸²à¸¡à¸£à¸à¸° à¹à¸à¸¢à¸à¸£à¸°à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¹à¸à¸à¸§à¸. ภิà¸à¸©à¸¸ à¸. ! à¸à¹à¸à¸à¸·à¹à¸à¸¢à¸±à¸à¸¡à¸µà¸à¸µà¸ : ภิà¸à¸©à¸¸à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸² ยà¹à¸à¸¡ à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸à¸´à¸ à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸à¸ ายà¹à¸ วà¹à¸² âà¸à¹à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¸µà¹ มีà¸à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¹à¸«à¸à¸¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¸³à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸°à¹à¸£à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸à¸´à¸ ? à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸°à¹à¸£à¸¡à¸µà¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¸¶à¸à¸¡à¸µ à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸°à¹à¸£à¹à¸¡à¹à¸¡à¸µ à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¸¶à¸à¹à¸¡à¹à¸¡à¸µ ?â à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹. ภิà¸à¸©à¸¸à¸à¸±à¹à¸ à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸¢à¸¹à¹ ยà¹à¸à¸¡à¸£à¸¹à¹à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹à¸§à¹à¸² âà¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¸µà¹ มีà¸à¸±à¸à¸«à¸²à¹à¸à¹à¸à¹à¸«à¸à¸¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸±à¸à¸«à¸²à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸±à¸à¸«à¸²à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¸³à¹à¸à¸´à¸ มีà¸à¸±à¸à¸«à¸²à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸à¸´à¸; à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸±à¸à¸«à¸²à¸¡à¸µà¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¸¶à¸à¸¡à¸µ à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸±à¸à¸«à¸²à¹à¸¡à¹à¸¡à¸µ à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¸¶à¸à¹à¸¡à¹à¸¡à¸µ;â à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹. ภิà¸à¸©à¸¸à¸à¸±à¹à¸ ยà¹à¸à¸¡à¸£à¸¹à¹à¸à¸±à¸ à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¹à¸§à¸¢ à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¸à¸¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¹à¸§à¸¢ à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¹à¸«à¸¥à¸·à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¹à¸§à¸¢ à¸à¸¶à¹à¸à¸à¹à¸à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¹à¸à¸£à¸·à¹à¸à¸à¸à¸³à¸ªà¸±à¸à¸§à¹à¹à¸«à¹à¸¥à¸¸à¸à¸¶à¸à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸£à¸£à¸¡à¸à¸±à¸à¸ªà¸¡à¸à¸§à¸£à¹à¸à¹à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¹à¸«à¸¥à¸·à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¸à¹à¸§à¸¢ à¹à¸¥à¸°à¹à¸à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸ªà¸¡à¸à¸§à¸£à¹à¸à¹à¸à¸£à¸£à¸¡à¸à¹à¸§à¸¢. ภิà¸à¸©à¸¸ à¸. ! ภิà¸à¸©à¸¸à¸à¸µà¹ à¹à¸£à¸²à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸² à¹à¸à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸´à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¹à¹à¸à¸¢à¸à¸à¸ à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¸à¸·à¸à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¹à¸«à¸¥à¸·à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸´ à¹à¸à¸¢à¸à¸£à¸°à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¹à¸à¸à¸§à¸. ภิà¸à¸©à¸¸ à¸. ! à¸à¹à¸à¸à¸·à¹à¸à¸¢à¸±à¸à¸¡à¸µà¸à¸µà¸ : ภิà¸à¸©à¸¸à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸² ยà¹à¸à¸¡ à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸à¸´à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸à¸ ายà¹à¸ วà¹à¸² âà¸à¹à¸à¸±à¸à¸«à¸²à¸à¸µà¹ à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸°à¹à¸à¸´à¸à¸¢à¹à¸à¸¡à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸ ภà¸à¸µà¹à¹à¸«à¸ ? à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸°à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹ ยà¹à¸à¸¡à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹ ภà¸à¸µà¹à¹à¸«à¸ ?â à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹ ภิà¸à¸©à¸¸à¸à¸±à¹à¸ à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸¢à¸¹à¹à¸¢à¹à¸à¸¡à¸£à¸¹à¹à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹à¸§à¹à¸² สิà¹à¸à¹à¸à¸¡à¸µà¸ าวะà¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸£à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸¢à¸´à¸à¸à¸µ (à¸à¸´à¸¢à¸£à¸¹à¸à¸ªà¸²à¸à¸£à¸¹à¸) à¹à¸à¹à¸¥à¸; à¸à¸±à¸à¸«à¸²à¸à¸µà¹ à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸°à¹à¸à¸´à¸à¸¢à¹à¸à¸¡à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸ à¹à¸à¸ªà¸´à¹à¸à¸à¸±à¹à¸, à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸°à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹ ยà¹à¸à¸¡à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹à¹à¸à¸ªà¸´à¹à¸à¸à¸±à¹à¸. à¸à¹à¸ªà¸´à¹à¸à¹à¸à¹à¸¥à¹à¸² มีภาวะà¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸£à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸¢à¸´à¸à¸à¸µà¹à¸à¹à¸¥à¸? à¸à¸±à¸à¸©à¸¸ มีภาวะà¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸£à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸¢à¸´à¸à¸à¸µà¹à¸à¹à¸¥à¸. à¹à¸ªà¸à¸° .... à¸à¸²à¸à¸° .... à¸à¸´à¸§à¸«à¸² .... à¸à¸²à¸¢à¸° .... มà¸à¸° มีภาวะà¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸£à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸¢à¸´à¸à¸à¸µà¹à¸à¹à¸¥à¸. à¸à¸±à¸à¸«à¸²à¸à¸µà¹ à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸°à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸ ยà¹à¸à¸¡à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸à¸à¸£à¸£à¸¡à¸¡à¸µà¸ าวะà¸à¹à¸²à¸£à¸±à¸à¸¢à¸´à¸à¸à¸µà¹à¸«à¸¥à¹à¸²à¸à¸µà¹, à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸°à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹ ยà¹à¸à¸¡à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸¢à¸¹à¹à¹à¸à¸à¸£à¸£à¸¡ มีภาวะà¸à¹à¸²à¸£à¸±à¸à¸à¹à¸²à¸¢à¸´à¸à¸à¸µ à¹à¸«à¸¥à¹à¸²à¸à¸µà¹. (à¸à¹à¸à¸à¸²à¸à¸à¸µà¹ à¹à¸à¹à¸à¸£à¸±à¸ªà¸à¸¶à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸¥à¸à¸²à¸à¸à¸§à¸à¹à¸à¸à¸à¸µà¸ à¸à¸à¸²à¸à¸ à¹à¸¥à¸°à¸à¸±à¸à¸à¸¸à¸à¸±à¸ à¹à¸«à¹à¸à¸à¸´à¸¢à¸£à¸¹à¸ สาà¸à¸£à¸¹à¸à¹à¸à¸¢à¸à¸§à¸²à¸¡à¹à¸à¹à¸à¸à¸à¸à¹à¸à¸µà¹à¸¢à¸ à¸à¸à¸à¸ªà¸¸à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸ à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸³à¸à¸±à¸à¸«à¸²à¹à¸«à¹à¹à¸à¸£à¸´à¸ à¸à¸³à¸à¸¸à¸à¸à¸´à¹à¸«à¹à¹à¸à¸£à¸´à¸ à¹à¸à¹à¸²à¸à¸±à¸à¸à¸³à¸à¸¸à¸à¸à¹à¹à¸«à¹à¹à¸à¸£à¸´à¸ à¹à¸¡à¹à¸à¹à¸à¸à¸²à¸à¸à¸¸à¸à¸à¹à¹à¸à¹à¸à¹ ; à¹à¸¥à¸°à¹à¸à¹à¸à¸£à¸±à¸ªà¸à¹à¸²à¸¢à¸à¸£à¸à¸à¹à¸²à¸¡à¹à¸à¸¢à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸à¸à¸±à¸¢à¹à¸§à¹à¹à¸à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸à¸±à¸. สำหรัà¸à¸à¸´à¸¢à¸£à¸¹à¸à¸ªà¸²à¸à¸£à¸¹à¸à¸à¸±à¹à¸ à¹à¸à¸à¸µà¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¹à¸§à¹à¹à¸à¹à¸à¸ªà¸´à¸à¸«à¸¡à¸§à¸ à¸à¸²à¸¡à¸à¸±à¸¢à¹à¸«à¹à¸à¸¡à¸«à¸²à¸ªà¸à¸´à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸ªà¸¹à¸à¸£ รวมà¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸ à¹à¹ à¸à¸¢à¹à¸²à¸ ; à¹à¸à¸à¸µà¹à¸à¸µà¹à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¹à¸§à¹à¹à¸à¸µà¸¢à¸ ๠à¸à¸¢à¹à¸²à¸ à¸à¸²à¸¡à¸à¸³à¸à¸§à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸°à¸ ายà¹à¸, à¹à¸¡à¹à¸à¸£à¸°à¸à¸±à¹à¸à¸à¹à¸à¸²à¸à¸à¸°à¸à¸¢à¸²à¸¢à¸à¸à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¹à¸à¹à¸ à¹à¹ à¸à¸¢à¹à¸²à¸ à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸µà¸¢à¸§à¸à¸±à¸ ; à¸à¸¹à¹à¸ªà¸à¹à¸à¸à¸¶à¸à¸«à¸²à¸à¹à¸²à¸à¸à¸¹à¹à¸à¹ à¸à¸²à¸à¸¡à¸«à¸²à¸ªà¸à¸´à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸à¸ªà¸¹à¸à¸£à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸ à¹à¸à¸à¹à¸à¸´à¸).0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าทิฏฐิทัสสนะที่เป็นไปเพื่อทุกขนิโรธ
สัทธรรมลำดับที่ : 382
ชื่อบทธรรม :- ทิฏฐิทัสสนะที่เป็นไปเพื่อทุกขนิโรธ
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=382
เนื้อความทั้งหมด :-
--ทิฏฐิทัสสนะที่เป็นไปเพื่อทุกขนิโรธ
--“พระโคดมผู้เจริญ ! ทิฏฐิคตะไร ๆ ของพระโคดม มีอยู่หรือ ?”
--วัจฉะ ! สิ่งที่เรียกว่า “ทิฏฐิคตะ” นั้น ตถาคตนำออกหมดสิ้นแล้ว.
--วัจฉะ ! สัจจะที่ตถาคตเห็นแล้วนั่น มีอยู่ว่า
http://etipitaka.com/read/pali/13/244/?keywords=ตถาคโต
“รูป เป็นอย่างนี้,
การเกิดขึ้นแห่งรูป เป็นอย่างนี้,
การดับไปแห่งรูปเป็นอย่างนี้ ;
เวทนา เป็นอย่างนี้,
การเกิดขึ้นแห่งเวทนา เป็นอย่างนี้,
การดับไปแห่งเวทนา เป็นอย่างนี้ ;
สัญญา เป็นอย่างนี้,
การเกิดขึ้นแห่งสัญญา เป็นอย่างนี้,
การดับไปแห่งสัญญา เป็นอย่างนี้ ;
สังขาร เป็นอย่างนี้,
การเกิดขึ้นแห่งสังขาร เป็นอย่างนี้,
การดับไปแห่งสังขาร เป็นอย่างนี้ ;
วิญญาณ เป็นอย่างนี้
การเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ เป็นอย่างนี้,
การดับไปแห่งวิญญาณ เป็นอย่างนี้ "
ดังนี้ ;
เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวว่า
“ตถาคตเป็นผู้พ้นวิเศษแล้ว เพราะไม่ยึดมั่นด้วยอุปาทาน
http://etipitaka.com/read/pali/13/244/?keywords=ตถาคโต
ทั้งนี้เป็นเพราะความสิ้นไป ความจางคลาย ความดับไม่เหลือ ความสละ ความสลัดคืน
http://etipitaka.com/read/pali/13/245/?keywords=นิโรธา
ซึ่งความสำคัญหมายทั้งปวง ความต้องการทั้งปวง อหังการมมังการมานานุสัยทั้งปวง”
ดังนี้.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/189/247.
http://etipitaka.com/read/thai/13/189/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%97
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๒๔๔/๒๔๗.
http://etipitaka.com/read/pali/13/244/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%97
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=382
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=382
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25
ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าทิฏฐิทัสสนะที่เป็นไปเพื่อทุกขนิโรธ สัทธรรมลำดับที่ : 382 ชื่อบทธรรม :- ทิฏฐิทัสสนะที่เป็นไปเพื่อทุกขนิโรธ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=382 เนื้อความทั้งหมด :- --ทิฏฐิทัสสนะที่เป็นไปเพื่อทุกขนิโรธ --“พระโคดมผู้เจริญ ! ทิฏฐิคตะไร ๆ ของพระโคดม มีอยู่หรือ ?” --วัจฉะ ! สิ่งที่เรียกว่า “ทิฏฐิคตะ” นั้น ตถาคตนำออกหมดสิ้นแล้ว. --วัจฉะ ! สัจจะที่ตถาคตเห็นแล้วนั่น มีอยู่ว่า http://etipitaka.com/read/pali/13/244/?keywords=ตถาคโต “รูป เป็นอย่างนี้, การเกิดขึ้นแห่งรูป เป็นอย่างนี้, การดับไปแห่งรูปเป็นอย่างนี้ ; เวทนา เป็นอย่างนี้, การเกิดขึ้นแห่งเวทนา เป็นอย่างนี้, การดับไปแห่งเวทนา เป็นอย่างนี้ ; สัญญา เป็นอย่างนี้, การเกิดขึ้นแห่งสัญญา เป็นอย่างนี้, การดับไปแห่งสัญญา เป็นอย่างนี้ ; สังขาร เป็นอย่างนี้, การเกิดขึ้นแห่งสังขาร เป็นอย่างนี้, การดับไปแห่งสังขาร เป็นอย่างนี้ ; วิญญาณ เป็นอย่างนี้ การเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ เป็นอย่างนี้, การดับไปแห่งวิญญาณ เป็นอย่างนี้ " ดังนี้ ; เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวว่า “ตถาคตเป็นผู้พ้นวิเศษแล้ว เพราะไม่ยึดมั่นด้วยอุปาทาน http://etipitaka.com/read/pali/13/244/?keywords=ตถาคโต ทั้งนี้เป็นเพราะความสิ้นไป ความจางคลาย ความดับไม่เหลือ ความสละ ความสลัดคืน http://etipitaka.com/read/pali/13/245/?keywords=นิโรธา ซึ่งความสำคัญหมายทั้งปวง ความต้องการทั้งปวง อหังการมมังการมานานุสัยทั้งปวง” ดังนี้.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/189/247. http://etipitaka.com/read/thai/13/189/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๒๔๔/๒๔๗. http://etipitaka.com/read/pali/13/244/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%97 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=382 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25&id=382 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=25 ลำดับสาธยายธรรม : 25 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_25.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- ¸à¸´à¸à¹à¸à¸¨ à¹à¹ วà¹à¸²à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸£à¸£à¸¡à¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸à¸±à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸±à¸à¸«à¸²à¸à¸´à¸à¹à¸à¸¨ à¹à¹ วà¹à¸²à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸£à¸£à¸¡à¹à¸à¹à¸à¸à¸µà¹à¸à¸±à¸à¹à¸«à¹à¸à¸à¸±à¸à¸«à¸² (มี à¹à¹ à¹à¸£à¸·à¹à¸à¸) à¸à¸´à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸ªà¸ªà¸à¸°à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸à¸´à¹à¸£à¸ âà¸à¸£à¸°à¹à¸à¸à¸¡à¸à¸¹à¹à¹à¸à¸£à¸´à¸ ! à¸à¸´à¸à¸à¸´à¸à¸à¸°à¹à¸£ ๠à¸à¸à¸à¸à¸£à¸°à¹à¸à¸à¸¡ มีà¸à¸¢à¸¹à¹à¸«à¸£à¸·à¸ ?â วัà¸à¸à¸° ! สิà¹à¸à¸à¸µà¹à¹à¸£à¸µà¸¢à¸à¸§à¹à¸² âà¸à¸´à¸à¸à¸´à¸à¸à¸°â à¸à¸±à¹à¸ à¸à¸à¸²à¸à¸à¸à¸³à¸à¸à¸à¸«à¸¡à¸à¸ªà¸´à¹à¸à¹à¸¥à¹à¸§. วัà¸à¸à¸° ! สัà¸à¸à¸°à¸à¸µà¹à¸à¸à¸²à¸à¸à¹à¸«à¹à¸à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸±à¹à¸ มีà¸à¸¢à¸¹à¹à¸§à¹à¸² âรูภà¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹, à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸£à¸¹à¸ à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹, à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸£à¸¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹ ; à¹à¸§à¸à¸à¸² à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹, à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¹à¸§à¸à¸à¸² à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹. à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¹à¸§à¸à¸à¸² à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹ ; สัà¸à¸à¸² à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹, à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸² à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹, à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸² à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹ ; สัà¸à¸à¸²à¸£ à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹, à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸£ à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹, à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸£ à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹ ; วิà¸à¸à¸²à¸ à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹â à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸´à¸à¸à¸¶à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸§à¸´à¸à¸à¸²à¸ à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹, à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸«à¹à¸à¸§à¸´à¸à¸à¸²à¸ à¹à¸à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹ à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹ ; à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¹à¸«à¸à¸¸à¸à¸±à¹à¸ à¹à¸£à¸²à¸à¸¶à¸à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¸§à¹à¸² âà¸à¸à¸²à¸à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸à¹à¸à¸§à¸´à¹à¸¨à¸©à¹à¸¥à¹à¸§ à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¹à¸¡à¹à¸¢à¸¶à¸à¸¡à¸±à¹à¸à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸¸à¸à¸²à¸à¸²à¸ à¸à¸±à¹à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸´à¹à¸à¹à¸ à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸²à¸à¸à¸¥à¸²à¸¢ à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¹à¸«à¸¥à¸·à¸ à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸¥à¸° à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸¥à¸±à¸à¸à¸·à¸ à¸à¸¶à¹à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸ªà¸³à¸à¸±à¸à¸«à¸¡à¸²à¸¢à¸à¸±à¹à¸à¸à¸§à¸ à¸à¸§à¸²à¸¡à¸à¹à¸à¸à¸à¸²à¸£à¸à¸±à¹à¸à¸à¸§à¸ à¸à¸«à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸¡à¸¡à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸¡à¸²à¸à¸²à¸à¸¸à¸ªà¸±à¸¢à¸à¸±à¹à¸à¸à¸§à¸â à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹.0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหารสี่ประการ
สัทธรรมลำดับที่ : 750
ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750
เนื้อความทั้งหมด :-
--วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร
--ภิกษุ ท. ! #กวฬีการาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! ปรียบเหมือนภรรยาสามีสองคน
ถือเอาสะเบียงสำหรับเดินทางเล็กน้อย เดินไปสู่หนทางอันกันดาร.
สองภรรยาสามีนั้น มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง.
เมื่อขณะเขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางอันกันดารอยู่นั้น
สะเบียงสำหรับเดินทางที่เขามีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น
ได้หมดสิ้นไปหนทางอันกันดารนั้นยังเหลืออยู่
เขาทั้งสองนั้นยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้.
ครั้งนั้นแล สองภรรยาสามีนั้นได้คิดกันว่า
“เสบียงสำหรับเดินทางของเราทั้งสองที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้หมดสิ้นลงแล้ว
หนทางอันกันดารนี้ยังเหลืออยู่ ทั้งเราก็ยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้;
อย่ากระนั้นเลยเราทั้งสองพึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนี้เสีย
แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนี้แหละ
เดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นี้กันเถิด
เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราทั้งสามคนจะต้องพากันพินาศหมดแน่”
ดังนี้.
ครั้งนั้นแล ภรรยาสามีทั้งสองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนั้น
แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นเทียวเดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น.
สองภรรยาสามีนั้น บริโภคเนื้อบุตรไปพลางพร้อมกับข้อนอกไปพลาง
รำพันว่า “บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย”
ดังนี้.
+--ภิกษุ ท. ! เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร :
สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร
เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานบ้าง
เพื่อความมัวเมาบ้าง
เพื่อความประดับประดาบ้าง หรือ
เพื่อตบแต่ง (ร่างกาย) บ้าง, หรือหนอ ?
”ข้อนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า !”
ถ้าอย่างนั้น สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร
เพียงเพื่อ (อาศัย) เดินข้ามหนทางอันกันดารเท่านั้น ใช่ไหม ?
“ใช่ พระเจ้าข้า !”
ถ้าอย่างนั้น ภิกษุ ท. ! ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
เรากล่าวว่า กวฬีการาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนเนื้อบุตร)
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร
ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! กพฬีการาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว ;
ราคะ (ความกำหนัด) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด
ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย.
เมื่อ ราคะที่มีเบญจกามคุณ เป็นแดนเกิด เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้ว,
สังโยชน์ชนิดที่อริยสาวกประกอบเข้าแล้ว จะพึงเป็นเหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกย่อมไม่มี.
--ภิกษุ ท. ! #ผัสสาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=ผสฺสาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม :
ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงฝาอยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกตัวสัตว์ที่อาศัยฝาเจาะกิน ;
ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงต้นไม้อยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ชนิดอาศัยต้นไม้ไชกิน;
ถ้าหากแม่โคนมนั้นพึงลงไปแช่น้ำอยู่ไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยน้ำตอดกันกิน;
ถ้าหากแม่โคนมนั้นจะพึงยืนอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้งไซร้,
มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในอากาศเกาะกัดจิกกิน.
+--ภิกษุ ท. ! แม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้มจะพึงอาศัยอยู่สถานที่ใดๆ ก็ตาม
มันก็จะพึงถูกจำพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่นั้นๆ กัดกินอยู่ร่ำไป, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า ผัสสาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม)
ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อผัสสาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว
เวทนาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย,
เมื่อ เวทนาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไรๆ ที่ควรกระทำให้ ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! #มโนสัญเจตนาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=มโนสญฺเจตนาหาโร
ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกเกินกว่าชั่วบุรุษหนึ่ง
เต็มด้วยถ่านเพลิงที่ปราศจากเปลวและปราศจากควัน มีอยู่.
ครั้งนั้น บรุษผู้หนึ่งผู้ต้องการเป็นอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ มาสู่ที่นั้น.
และมีบุรุษที่มีกำลังกล้าแข็งอีกสองคน จับบุรุษนั้นที่แขนแต่ละข้าง
แล้วฉุดคร่าไปยังหลุมถ่านเพลิงนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้นแล บุรุษนั้นมีความคิด ความปรารถนา ความตั้งใจ
ที่จะให้ห่างไกลหลุมถ่านเพลิงนั้น.
ข้อนั้นเพราะเหตุใดเล่า ?
+--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่าบุรุษนั้นย่อมรู้ว่า
“ถ้าเราจะตกลงไปยังหลุมถ่านเพลิงไซร้ เราพึงถึงความตาย
หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะข้อนั้นเป็นเหตุ”
ดังนี้,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า มโนสัญเจตนาหาร อันอริยสาวกควรเห็น
(ว่ามีอุปมาเหมือนหลุมถ่านเพลิง) ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อมโนสัญเจตนาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
ตัณหาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย ;
เมื่อ ตัณหาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น“
ดังนี้.
--ภิกษุ ท. ! #วิญญาณาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลเห็นอย่างไร ?
http://etipitaka.com/read/pali/16/121/?keywords=วิญฺญาณาหาโร
+--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนพวกเจ้าหน้าที่จับโจรผู้ประพฤติชั่วช้าได้แล้ว
แสดงแก่พระราชาว่า
“ข้าแต่สมมติเทพ ! บุรุษนี้เป็นโจรประพฤติหยาบช้าต่อใต้ฝ่าพระบาท
ขอใต้ฝ่าพระบาทจงโปรดให้ลงโทษโจรผู้นี้ตามประสงค์เถิด พระเจ้าข้า !“
พระราชามีกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้านี้” เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเช้า.
ต่อมา ในเวลาเที่ยงวัน พระราชาทรงซักถามพวกเจ้าหน้าที่นั้นว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”.
พวกเขากราบทูลว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ! นักโทษนั้นยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”.
พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง”.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง.
ต่อมา ในเวลาเย็น พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอีกว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้น เป็นอย่างไรบ้าง ?”.
พวกเขากราบทูลว่า “ยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”.
พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอีกว่า
“ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น” ดังนี้.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น.
+--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
: บุรุษนักโทษ นั้นถูกเจ้าหน้าที่ประหารอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่ม ตลอดทั้งวัน เขาจะพึงเสวยแต่ทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ มิใช่หรือ ?
+--ภิกษุ ท. ! บุรุษนักโทษนั้น ถูกพวกเจ้าหน้าที่ประหารด้วยหอกเพียงเล่มเดียว
ก็พึงเสวยทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ (มากอยู่แล้ว)
ก็จะกล่าวไปไยถึงการที่บุรุษนักโทษนั้นถูกประหารด้วยหอกสามร้อยเล่มเล่า,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ;
+--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า วิญญาณาหาร อันอริยสาวกควรเห็น
(ว่ามีอุปมาเหมือนนักโทษถูกประหารนั้น) ฉันนั้น.
+--ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
นามรูป ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย;
เมื่อ นามรูป เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว,
เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”,
ดังนี้แล.-
(คำข้าว เรียกว่าอาหาร เพราะหล่อเลี้ยงร่างกาย;
ผัสสะเรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดเวทนา ;
มโนสัญเจตนา เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดกรรม;
วิญญาณ เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดนามรูป.
ถ้าบุคคลพิจารณาเห็นโทษแห่งอาหารแต่ละอย่างๆ
ดังที่ตรัสไว้โดยอุปมาในข้อความหมายนั้นๆได้,
จะดับทุกข์ได้ถึงขั้นเป็นพระอรหันต์
http://etipitaka.com/read/pali/16/123/?keywords=สอุปายาสนฺติ
).
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/97-99/241 - 244.
http://etipitaka.com/read/thai/16/97/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๑๙-๑๒๑/๒๔๑ - ๒๔๔.
http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=750
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าวิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหารสี่ประการ สัทธรรมลำดับที่ : 750 ชื่อบทธรรม :- วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750 เนื้อความทั้งหมด :- --วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร --ภิกษุ ท. ! #กวฬีการาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ? http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร +--ภิกษุ ท. ! ปรียบเหมือนภรรยาสามีสองคน ถือเอาสะเบียงสำหรับเดินทางเล็กน้อย เดินไปสู่หนทางอันกันดาร. สองภรรยาสามีนั้น มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง. เมื่อขณะเขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางอันกันดารอยู่นั้น สะเบียงสำหรับเดินทางที่เขามีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น ได้หมดสิ้นไปหนทางอันกันดารนั้นยังเหลืออยู่ เขาทั้งสองนั้นยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้. ครั้งนั้นแล สองภรรยาสามีนั้นได้คิดกันว่า “เสบียงสำหรับเดินทางของเราทั้งสองที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้หมดสิ้นลงแล้ว หนทางอันกันดารนี้ยังเหลืออยู่ ทั้งเราก็ยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้; อย่ากระนั้นเลยเราทั้งสองพึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนี้เสีย แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนี้แหละ เดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นี้กันเถิด เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราทั้งสามคนจะต้องพากันพินาศหมดแน่” ดังนี้. ครั้งนั้นแล ภรรยาสามีทั้งสองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนั้น แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นเทียวเดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น. สองภรรยาสามีนั้น บริโภคเนื้อบุตรไปพลางพร้อมกับข้อนอกไปพลาง รำพันว่า “บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย” ดังนี้. +--ภิกษุ ท. ! เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานบ้าง เพื่อความมัวเมาบ้าง เพื่อความประดับประดาบ้าง หรือ เพื่อตบแต่ง (ร่างกาย) บ้าง, หรือหนอ ? ”ข้อนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า !” ถ้าอย่างนั้น สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร เพียงเพื่อ (อาศัย) เดินข้ามหนทางอันกันดารเท่านั้น ใช่ไหม ? “ใช่ พระเจ้าข้า !” ถ้าอย่างนั้น ภิกษุ ท. ! ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ; เรากล่าวว่า กวฬีการาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนเนื้อบุตร) http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=กวฬีกาโร+อาหาโร ฉันนั้น. +--ภิกษุ ท. ! กพฬีการาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว ; ราคะ (ความกำหนัด) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย. เมื่อ ราคะที่มีเบญจกามคุณ เป็นแดนเกิด เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้ว, สังโยชน์ชนิดที่อริยสาวกประกอบเข้าแล้ว จะพึงเป็นเหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกย่อมไม่มี. --ภิกษุ ท. ! #ผัสสาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ? http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=ผสฺสาหาโร +--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม : ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงฝาอยู่ไซร้, มันก็จะพึงถูกพวกตัวสัตว์ที่อาศัยฝาเจาะกิน ; ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงต้นไม้อยู่ไซร้, มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ชนิดอาศัยต้นไม้ไชกิน; ถ้าหากแม่โคนมนั้นพึงลงไปแช่น้ำอยู่ไซร้, มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยน้ำตอดกันกิน; ถ้าหากแม่โคนมนั้นจะพึงยืนอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้งไซร้, มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในอากาศเกาะกัดจิกกิน. +--ภิกษุ ท. ! แม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้มจะพึงอาศัยอยู่สถานที่ใดๆ ก็ตาม มันก็จะพึงถูกจำพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่นั้นๆ กัดกินอยู่ร่ำไป, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า ผัสสาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม) ฉันนั้น. +--ภิกษุ ท. ! เมื่อผัสสาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว เวทนาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย, เมื่อ เวทนาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไรๆ ที่ควรกระทำให้ ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! #มโนสัญเจตนาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ? http://etipitaka.com/read/pali/16/120/?keywords=มโนสญฺเจตนาหาโร ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกเกินกว่าชั่วบุรุษหนึ่ง เต็มด้วยถ่านเพลิงที่ปราศจากเปลวและปราศจากควัน มีอยู่. ครั้งนั้น บรุษผู้หนึ่งผู้ต้องการเป็นอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ มาสู่ที่นั้น. และมีบุรุษที่มีกำลังกล้าแข็งอีกสองคน จับบุรุษนั้นที่แขนแต่ละข้าง แล้วฉุดคร่าไปยังหลุมถ่านเพลิงนั้น. +--ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้นแล บุรุษนั้นมีความคิด ความปรารถนา ความตั้งใจ ที่จะให้ห่างไกลหลุมถ่านเพลิงนั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุใดเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่าบุรุษนั้นย่อมรู้ว่า “ถ้าเราจะตกลงไปยังหลุมถ่านเพลิงไซร้ เราพึงถึงความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะข้อนั้นเป็นเหตุ” ดังนี้, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า มโนสัญเจตนาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนหลุมถ่านเพลิง) ฉันนั้น. +--ภิกษุ ท. ! เมื่อมโนสัญเจตนาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, ตัณหาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย ; เมื่อ ตัณหาทั้งสาม เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น“ ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! #วิญญาณาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลเห็นอย่างไร ? http://etipitaka.com/read/pali/16/121/?keywords=วิญฺญาณาหาโร +--ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนพวกเจ้าหน้าที่จับโจรผู้ประพฤติชั่วช้าได้แล้ว แสดงแก่พระราชาว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ! บุรุษนี้เป็นโจรประพฤติหยาบช้าต่อใต้ฝ่าพระบาท ขอใต้ฝ่าพระบาทจงโปรดให้ลงโทษโจรผู้นี้ตามประสงค์เถิด พระเจ้าข้า !“ พระราชามีกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้านี้” เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเช้า. ต่อมา ในเวลาเที่ยงวัน พระราชาทรงซักถามพวกเจ้าหน้าที่นั้นว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”. พวกเขากราบทูลว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ! นักโทษนั้นยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”. พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง”. พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง. ต่อมา ในเวลาเย็น พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอีกว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้น เป็นอย่างไรบ้าง ?”. พวกเขากราบทูลว่า “ยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”. พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอีกว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น” ดังนี้. พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น. +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : บุรุษนักโทษ นั้นถูกเจ้าหน้าที่ประหารอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่ม ตลอดทั้งวัน เขาจะพึงเสวยแต่ทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ มิใช่หรือ ? +--ภิกษุ ท. ! บุรุษนักโทษนั้น ถูกพวกเจ้าหน้าที่ประหารด้วยหอกเพียงเล่มเดียว ก็พึงเสวยทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ (มากอยู่แล้ว) ก็จะกล่าวไปไยถึงการที่บุรุษนักโทษนั้นถูกประหารด้วยหอกสามร้อยเล่มเล่า, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ; +--ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า วิญญาณาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนนักโทษถูกประหารนั้น) ฉันนั้น. +--ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, นามรูป ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย; เมื่อ นามรูป เป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”, ดังนี้แล.- (คำข้าว เรียกว่าอาหาร เพราะหล่อเลี้ยงร่างกาย; ผัสสะเรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดเวทนา ; มโนสัญเจตนา เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดกรรม; วิญญาณ เรียกว่าอาหาร เพราะทำให้ เกิดนามรูป. ถ้าบุคคลพิจารณาเห็นโทษแห่งอาหารแต่ละอย่างๆ ดังที่ตรัสไว้โดยอุปมาในข้อความหมายนั้นๆได้, จะดับทุกข์ได้ถึงขั้นเป็นพระอรหันต์ http://etipitaka.com/read/pali/16/123/?keywords=สอุปายาสนฺติ ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. 16/97-99/241 - 244. http://etipitaka.com/read/thai/16/97/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน.สํ. ๑๖/๑๑๙-๑๒๑/๒๔๑ - ๒๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/16/119/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=750 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=750 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร-วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปัญหา” เกี่ยวกับอาหาร ภิกษุ ท. ! กพฬีการาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! ปรียบเหมือนภรรยาสามีสองคน ถือเอาสะเบียงสำหรับเดินทางเล็กน้อย เดินไปสู่หนทางอันกันดาร. สองภรรยาสามีนั้น มีบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูอยู่คนหนึ่ง. เมื่อขณะเขาทั้งสองกำลังเดินไปตามทางอันกันดารอยู่นั้น สะเบียงสำหรับเดินทางที่เขามีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น ได้หมดสิ้นไปหนทางอันกันดารนั้นยังเหลืออยู่ เขาทั้งสองนั้นยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้. ครั้งนั้นแล สองภรรยาสามีนั้นได้คิดกันว่า “เสบียงสำหรับเดินทางของเราทั้งสองที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนี้ ได้หมดสิ้นลงแล้ว หนทางอันกันดารนี้ยังเหลืออยู่ ทั้งเราก็ยังไม่เดินข้ามหนทางอันกันดารนั้นไปได้; อย่ากระนั้นเลยเราทั้งสองพึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนี้เสีย แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนี้แหละ เดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นี้กันเถิด เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น พวกเราทั้งสามคนจะต้องพากันพินาศหมดแน่” ดังนี้. ครั้งนั้นแล ภรรยาสามีทั้งสองนั้น จึงฆ่าบุตรน้อยคนเดียวผู้น่ารักน่าเอ็นดูนั้น แล้วทำให้เป็นเนื้อเค็มและเนื้อย่าง บริโภคเนื้อบุตรนั้นเทียวเดินข้ามหนทางอันกันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น. สองภรรยาสามีนั้น บริโภคเนื้อบุตรไปพลางพร้อมกับข้อนอกไปพลาง รำพันว่า “บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย บุตรน้อยคนเดียวของเราไปไหนเสีย” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานบ้าง เพื่อความมัวเมาบ้าง เพื่อความประดับประดาบ้าง หรือเพื่อตบแต่ง (ร่างกาย) บ้าง, หรือ หนอ ? ”ข้อนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ พระเจ้าข้า !” ถ้าอย่างนั้น สองภรรยาสามีนั้นจะพึงบริโภคเนื้อบุตรเป็นอาหาร เพียงเพื่อ (อาศัย) เดินข้ามหนทางอันกันดารเท่านั้น ใช่ไหม ? “ใช่ พระเจ้าข้า !” ถ้าอย่างนั้น ภิกษุ ท. ! ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ; เรากล่าวว่ากพฬีการาหารอันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนเนื้อบุตร) ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! กพฬีการาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว ; ราคะ (ความกำหนัด) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย. เมื่อราคะที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด เป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้ว, สังโยชน์ชนิดที่อริยสาวกประกอบเข้าแล้ว จะพึงเป็นเหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกย่อมไม่มี. ภิกษุ ท. ! ผัสสาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม : ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงฝาอยู่ไซร้, มันก็จะพึงถูกพวกตัวสัตว์ที่อาศัยฝาเจาะกิน ; ถ้าแม่โคนมนั้นพึงยืนพิงต้นไม้อยู่ไซร้, มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ชนิดอาศัยต้นไม้ไชกิน; ถ้าหากแม่โคนมนั้นพึงลงไปแช่น้ำอยู่ไซร้, มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยน้ำตอดกันกิน; ถ้าหากแม่โคนมนั้นจะพึงยืนอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้งไซร้, มันก็จะพึงถูกพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในอากาศเกาะกัดจิกกิน. ภิกษุ ท. ! แม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้มจะพึงอาศัยอยู่สถานที่ใดๆ ก็ตาม มันก็จะพึงถูกจำพวกสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่นั้นๆ กัดกินอยู่ร่ำไป, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ; ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่าผัสสาหาร อันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนแม่โคนมที่ปราศจากหนังห่อหุ้ม) ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! เมื่อผัสสาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว เวทนาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย, เมื่อเวทนาทั้งสามเป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไรๆ ที่ควรกระทำให้ ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! มโนสัญเจตนาหาร เป็นสิ่งที่บุคคลควรเห็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกเกินกว่าชั่วบุรุษหนึ่ง เต็มด้วยถ่านเพลิงที่ปราศจากเปลวและปราศจากควัน มีอยู่. ครั้งนั้น บรุษผู้หนึ่งผู้ต้องการเป็นอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ มาสู่ที่นั้น. และมีบุรุษที่มีกำลังกล้าแข็งอีกสองคน จับบุรุษนั้นที่แขนแต่ละข้าง แล้วฉุดคร่าไปยังหลุมถ่านเพลิงนั้น. ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้นแล บุรุษนั้นมีความคิด ความปรารถนา ความตั้งใจ ที่จะให้ห่างไกลหลุมถ่านเพลิงนั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุใดเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่าบุรุษนั้นย่อมรู้ว่า “ถ้าเราจะตกลงไปยังหลุมถ่านเพลิงไซร้ เราพึงถึงความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะข้อนั้นเป็นเหตุ” ดังนี้, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ; ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า มโนสัญเจตนาหารอันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนหลุมถ่านเพลิง) ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! เมื่อมโนสัญเจตนาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, ตัณหาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย ; เมื่อตัณหาทั้งสามเป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น“ ดังนี้. ภิกษุ ท. ! วิญญาณาหารเป็นสิ่งที่บุคคลเห็นอย่างไร ? ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนพวกเจ้าหน้าที่จับโจรผู้ประพฤติหยาบช้าได้แล้ว แสดงแก่พระราชาว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ! บุรุษนี้เป็นโจรประพฤติหยาบช้าต่อใต้ฝ่าพระบาท ขอใต้ฝ่าพระบาทจงโปรดให้ลงโทษโจรผู้นี้ตามประสงค์เถิด พระเจ้าข้า !“ พระราชามีกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้านี้” เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเช้า. ต่อมา ในเวลาเที่ยงวัน พระราชาทรงซักถามพวกเจ้าหน้าที่นั้นว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”. พวกเขากราบทูลว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ! นักโทษนั้นยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”. พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง”. พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยง. ต่อมา ในเวลาเย็น พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอีกว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! บุรุษนั้น เป็นอย่างไรบ้าง ?”. พวกเขากราบทูลว่า “ยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าข้า !”. พระราชาทรงมีพระกระแสรับสั่งอีกว่า “ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงไปประหารบุรุษนั้น ด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น” ดังนี้. พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น. ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : บุรุษนักโทษ นั้นถูกเจ้าหน้าที่ประหารอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่ม ตลอดทั้งวัน เขาจะพึงเสวยแต่ทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ มิใช่หรือ ? ภิกษุ ท. ! บุรุษนักโทษนั้น ถูกพวกเจ้าหน้าที่ประหารด้วยหอกเพียงเล่มเดียว ก็พึงเสวยทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ (มากอยู่แล้ว) ก็จะกล่าวไปไยถึงการที่บุรุษนักโทษนั้นถูกประหารด้วยหอกสามร้อยเล่มเล่า, ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ; ภิกษุ ท. ! เราย่อมกล่าวว่า วิญญาณาหารอันอริยสาวกควรเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนนักโทษถูกประหารนั้น) ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณาหารอันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, นามรูปย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย; เมื่อนามรูปเป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, เราย่อมกล่าวว่า “สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”, ดังนี้แล.0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเราและการดับทุกข์สิ้นเชิง
สัทธรรมลำดับที่ : 381
ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
เนื้อความทั้งหมด :-
--เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี !
....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร
ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !”
--ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ
ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย
พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด.
ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้,
#ความตายจะไม่แลเห็นท่าน
http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช
ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล.
--- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙.
http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99
--- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔.
http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99
http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94
--การดับทุกข์สิ้นเชิง
--ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
(นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ
หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ;
ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่.
พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ
ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- )
--การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “
อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ?
“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
(ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ)
โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ
แล้วได้ตรัสว่า :- )
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ
คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....
และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....
ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....
จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....
พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....
รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้.
“ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”
--สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า)
ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้,
ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302
http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒.
http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเราและการดับทุกข์สิ้นเชิง สัทธรรมลำดับที่ : 381 ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381 เนื้อความทั้งหมด :- --เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา --“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี ! ....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !” --ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด. ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้, #ความตายจะไม่แลเห็นท่าน http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=มจฺจุราช ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล. --- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙. http://etipitaka.com/read/pali/25/548/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%93%E0%B9%99 --- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔. http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%99 http://etipitaka.com/read/pali/30/245/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90%E0%B9%94 --การดับทุกข์สิ้นเชิง --ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ (นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ; ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่. พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- ) --การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “ อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” (ใต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร (ความดับ) โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ แล้วได้ตรัสว่า :- ) --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ.... และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ.... ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ.... จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ.... พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ.... รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า) ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้, ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/122-124/294-302 http://etipitaka.com/read/thai/16/122/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒. http://etipitaka.com/read/pali/16/153/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=381 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=381 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา-เห็นโลกชนิดที่ความตายไม่เห็นเรา “ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพฤษี ! ....ข้าพระองค์จะพิจารณาเห็นโลกอย่างไร ความตายจึงไม่แลเห็นข้าพระองค์เล่า ? พระเจ้าข้า !” ดูก่อนโมฆราช ! ท่านจงเป็นคนมีสติ ถอนความตามเห็นว่าเป็นตัวตนออกเสีย พิจารณาเห็นโลก โดยความเป็นของว่างเปล่าทุกเมื่อเถิด. ท่านจะพึงข้ามความตายเสียได้ ด้วยข้อปฏิบัติอย่างนี้, ความตายจะไม่แลเห็นท่าน ผู้พิจารณาเห็นโลกอยู่ โดยอาการอย่างนี้ แล. สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙. - จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔. การดับทุกข์สิ้นเชิง ไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ (นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์ ; ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้ มีอภิญญาทั้งหก เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาทั้งหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่ เนื่องด้วยอภิญญาทั้งหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาทั้งหก ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่. พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะนั้น เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง และเมื่อนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า:- ) สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” (ต่อไปได้ตรัสชักนำให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ แล้วได้ตรัสว่า :-) สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธี มีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ คือคนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....๑ และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือ คือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....๑ ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ๑. ลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียด ออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอ เป็นเครื่องสังเกต ผู้ปรารถนาจะทราบโดยละเอียด พึงดูได้ที่หัวข้อว่า “ธรรมธาตุต่างๆ ที่เป็นผล ของสมถวิปัสสนาอันดับสุดท้าย” ที่หน้า ๔๙๕ แห่งหนังสือนี้. เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....๑ จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....๑ พร้อมทั้งอาการและอุทเทศ ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....๑ รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุลิมะ ! เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์ อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้. “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” สุสิมะ ! คราวนี้, คำพูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ (เธอกล่าวบัดนี้ว่า) ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้, ในกรณีนี้ นี้เราจะว่า อย่างไรกัน.0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาอริยวิโมกข์ (ความพ้นพิเศษอันประเสริฐ)หรือโอฆนิตถรณะ
สัทธรรมลำดับที่ : 749
ชื่อบทธรรม :- อริยวิโมกข์ หรือโอฆนิตถรณะ
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=749
เนื้อความทั้งหมด :-
--อริยวิโมกข์ หรือโอฆนิตถรณะ
--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! อริยวิโมกข์ (ความพ้นพิเศษอันประเสริฐ) เป็นอย่างไรเล่า ?”
--อานนท์ ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดย ประจักษ์ดังนี้ว่า
“กามทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย,
กามทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย,
กามสัญญาที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย,
กามสัญญาที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย,
รูปทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย,
รูปทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย,
รูปสัญญาทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย,
รูปสัญญาทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย,
อาเนญชสัญญา เหล่าใดด้วย,
อากิญจัญญายตนสัญญา เหล่าใดด้วย,
เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา เหล่าใดด้วย,
นั่นล้วนแต่เป็นสักกายะ เป็นแต่เพียงสักกายะ (เป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือด้วยอุปาทาน) ;
ส่วนอมตธรรมนั้น ได้แก่ วิโมกข์แห่งจิต เพราะไม่มี #อุปาทานในสักกายะนั้น ๆ นี่เอง”.
http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อุปาทา
--อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ เป็นอันว่า
อาเนญชสัปปายปฏิปทา เราได้แสดงแล้ว,
อากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา เราก็ได้แสดงแล้ว,
เนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา เราก็ได้แสดงแล้ว,
การอาศัยปฏิปทานั้นๆ ตามลำดับๆ แล้วข้ามโอฆะเสียได้ เราได้แสดงแล้ว,
นั่นแหละคือ #อริยวิโมกข์.
http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อริโย+วิโมกฺ
--อานนท์ ! กิจอันใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดู แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล อาศัยความเอ็นดูแล้ว
จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย, กิจอันนั้นเราได้ทำแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย.
--อานนท์ ! นั่นโคนไม้ทั้งหลาย, นั่น เรือนว่างทั้งหลาย.
--อานนท์ ! พวกเธอทั้งหลายจงเพียรเผากิเลส, อย่าได้ประมาท.
พวกเธอทั้งหลาย อย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย.
นี่แหละ เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนแก่พวกเธอทั้งหลายของเรา.-
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. 14/60/90 - 92.
http://etipitaka.com/read/thai/14/60/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. ๑๔/๗๘/๙๐ - ๙๒.
http://etipitaka.com/read/pali/14/78/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม....
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=749
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=749
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาอริยวิโมกข์ (ความพ้นพิเศษอันประเสริฐ)หรือโอฆนิตถรณะ สัทธรรมลำดับที่ : 749 ชื่อบทธรรม :- อริยวิโมกข์ หรือโอฆนิตถรณะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=749 เนื้อความทั้งหมด :- --อริยวิโมกข์ หรือโอฆนิตถรณะ --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! อริยวิโมกข์ (ความพ้นพิเศษอันประเสริฐ) เป็นอย่างไรเล่า ?” --อานนท์ ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดย ประจักษ์ดังนี้ว่า “กามทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย, กามทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย, กามสัญญาที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย, กามสัญญาที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย, รูปทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย, รูปทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย, รูปสัญญาทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย, รูปสัญญาทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย, อาเนญชสัญญา เหล่าใดด้วย, อากิญจัญญายตนสัญญา เหล่าใดด้วย, เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา เหล่าใดด้วย, นั่นล้วนแต่เป็นสักกายะ เป็นแต่เพียงสักกายะ (เป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือด้วยอุปาทาน) ; ส่วนอมตธรรมนั้น ได้แก่ วิโมกข์แห่งจิต เพราะไม่มี #อุปาทานในสักกายะนั้น ๆ นี่เอง”. http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อุปาทา --อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ เป็นอันว่า อาเนญชสัปปายปฏิปทา เราได้แสดงแล้ว, อากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา เราก็ได้แสดงแล้ว, เนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา เราก็ได้แสดงแล้ว, การอาศัยปฏิปทานั้นๆ ตามลำดับๆ แล้วข้ามโอฆะเสียได้ เราได้แสดงแล้ว, นั่นแหละคือ #อริยวิโมกข์. http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อริโย+วิโมกฺ --อานนท์ ! กิจอันใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดู แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล อาศัยความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย, กิจอันนั้นเราได้ทำแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย. --อานนท์ ! นั่นโคนไม้ทั้งหลาย, นั่น เรือนว่างทั้งหลาย. --อานนท์ ! พวกเธอทั้งหลายจงเพียรเผากิเลส, อย่าได้ประมาท. พวกเธอทั้งหลาย อย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย. นี่แหละ เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนแก่พวกเธอทั้งหลายของเรา.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. 14/60/90 - 92. http://etipitaka.com/read/thai/14/60/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ.ม. ๑๔/๗๘/๙๐ - ๙๒. http://etipitaka.com/read/pali/14/78/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=749 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=749 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- อริยวิโมกข์ หรือโอฆนิตถรณะ-(คำว่า โอฆนิตถรณะ ในที่นี้ คือ การถอนตนขึ้นจากโอฆะ (ความตกจมอยู่ในกิเลสและความทุกข์ ด้วยกาม-ทิฏฐิ-ภพ-อวิชชา) เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน กล่าวคือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นทั้งหลาย อันมีเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับการยึดมั่นถือมั่น และไม่ยึดมั่นแม้แต่ในการบรรลุธรรมของตน; เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ดับเย็น เป็นปรินิพพาน นี้เรียกว่า โอฆนิตถรณะ หรือ อริยวิโมกข์ ก็เรียก (ดูได้ในหัวข้อหรือเรื่องถัดไป) เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน). อริยวิโมกข์ หรือโอฆนิตถรณะ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! อริยวิโมกข์ (ความพ้นพิเศษอันประเสริฐ) เป็นอย่างไรเล่า ?” อานนท์ ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดย ประจักษ์ดังนี้ว่า “กามทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย, กามทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย, กามสัญญาที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย, กามสัญญาที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย, รูปทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใดด้วย, รูปทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย, รูปสัญญาทั้งหลายที่เป็นไปในภพปัจจุบันนี้ เหล่าใด ด้วย, รูปสัญญาทั้งหลายที่เป็นไปในภพเบื้องหน้า เหล่าใดด้วย อาเนญชสัญญา เหล่าใดด้วย, อากิญจัญญายตนสัญญา เหล่าใดด้วย, เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา เหล่าใดด้วย, นั่นล้วนแต่เป็นสักกายะ เป็นแต่เพียงสักกายะ (เป็นที่ตั้งแห่งความ ยึดถือด้วยอุปาทาน) ; ส่วนอมตธรรมนั้น ได้แก่วิโมกข์แห่งจิต เพราะไม่มี อุปาทานในสักกายะนั้น ๆ นี่เอง”. อานนท์ ! ด้วยเหตุนี้แหละ เป็นอันว่า อาเนญชสัปปายปฏิปทา เราได้แสดงแล้ว, อากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา เราก็ได้แสดงแล้ว, เนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา เราก็ได้แสดงแล้ว, การอาศัยปฏิปทานั้นๆ ตามลำดับๆ แล้วข้ามโอฆะเสียได้ เราได้แสดงแล้ว, นั่นแหละคืออริยวิโมกข์. อานนท์ ! กิจอันใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดู แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล อาศัยความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย, กิจอันนั้นเราได้ทำแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย. อานนท์ ! นั่นโคนไม้ทั้งหลาย, นั่น เรือนว่างทั้งหลาย. อานนท์ ! พวกเธอทั้งหลายจงเพียรเผากิเลส, อย่าได้ประมาท. พวกเธอทั้งหลาย อย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย. นี่แหละ เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนแก่พวกเธอทั้งหลายของเรา.0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews - อริยบุคคลพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นโลกธาตุก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ำและพยับแดด
สัทธรรมลำดับที่ : 380
ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ำและพยับแดด
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=380
เนื้อความทั้งหมด :-
--บุคคลผู้พิจารณาเห็นโลก ก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ำและพยับแดด
บุคคลพึงเห็นฟองน้ำ ฉันใด. พึงเห็นพยับแดด ฉันใด,
พญามัจจุราช จักไม่เห็นผู้ที่พิจารณาเห็นโลกธาตุ ฉันนั้นอยู่ แล.-
http://etipitaka.com/read/pali/25/38/?keywords=มจฺจุราช+โลกํ
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/26/23.
http://etipitaka.com/read/thai/25/26/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๓๘/๒๓.
http://etipitaka.com/read/pali/25/38/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93
ศึกษาเพิ่มเติม...
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=380
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3อริยบุคคลพึงฝึกหัดศึกษาว่าการเห็นโลกธาตุก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ำและพยับแดด สัทธรรมลำดับที่ : 380 ชื่อบทธรรม :- เห็นโลกก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ำและพยับแดด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=380 เนื้อความทั้งหมด :- --บุคคลผู้พิจารณาเห็นโลก ก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ำและพยับแดด บุคคลพึงเห็นฟองน้ำ ฉันใด. พึงเห็นพยับแดด ฉันใด, พญามัจจุราช จักไม่เห็นผู้ที่พิจารณาเห็นโลกธาตุ ฉันนั้นอยู่ แล.- http://etipitaka.com/read/pali/25/38/?keywords=มจฺจุราช+โลกํ #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/26/23. http://etipitaka.com/read/thai/25/26/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๓๘/๒๓. http://etipitaka.com/read/pali/25/38/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=380 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- (ความมุ่งหมายของการประพฤติพรหมจรรย์ในสูตรนี้ ทรงแสดงว่า เพื่อละเสียซึ่งอนุสัยเจ็ด; ในสูตรอื่น (๒๓/๗-๘/๘-๙) ทรงแสดงว่าเพื่อตัดเสียซึ่งสังโยชน์เจ็ด ดูรายละเอียดที่หัวข้อว่า “สังโยชน์เจ็ด” ที่หน้า ๓๘๘ แห่งหนังสือนี้. )-(ความมุ่งหมายของการประพฤติพรหมจรรย์ในสูตรนี้ ทรงแสดงว่า เพื่อละเสียซึ่งอนุสัยเจ็ด; ในสูตรอื่น (๒๓/๗-๘/๘-๙) ทรงแสดงว่าเพื่อตัดเสียซึ่งสังโยชน์เจ็ด ดูรายละเอียดที่หัวข้อว่า “สังโยชน์เจ็ด” ที่หน้า ๓๘๘ แห่งหนังสือนี้. ) เห็นโลกก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ำและพยับแดด บุคคลพึงเห็นฟองน้ำ ฉันใด. พึงเห็นพยับแดด ฉันใด, พญามัจจุราช จักไม่เห็นผู้ที่พิจารณาเห็นโลก ฉันนั้นอยู่ แล.0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการปฏิบัติอย่างมีสัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
สัทธรรมลำดับที่ : 748
ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=748
เนื้อความทั้งหมด :-
--สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ
--อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ
(ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย
(สัปปายปฏิปทา)
แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ
)
อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า
“ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา;
ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา.
สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น”
ดังนี้.
ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่.
เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่,
วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือ #ภาวะไม่มีอุปาทาน.
http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อนุปาทาโน
--อานนท์ ! ภิกษุ #ผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น).
http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=ปรินิพฺพายตีติ
+--“น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า !
ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า !
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว
ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ)
ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ*--๑)
แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.-
*--๑
(คำว่า โอฆนิตถรณะ ในที่นี้ คือ การถอนตนขึ้นจากโอฆะ
(ความตกจมอยู่ในกิเลสและความทุกข์ ด้วยกาม-ทิฏฐิ-ภพ-อวิชชา)
เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน กล่าวคือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นทั้งหลาย อันมีเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับการยึดมั่นถือมั่น และไม่ยึดมั่นแม้แต่ในการบรรลุธรรมของตน; เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ดับเย็น เป็นปรินิพพาน
นี้เรียกว่า โอฆนิตถรณะ หรือ อริยวิโมกข์ ก็เรียก
(ศึกษาได้ในข้อสัทธรรมหรือเรื่องถัดไป)
เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน
)
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/60/91.
http://etipitaka.com/read/thai/14/60/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๙/๙๑.
http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=748
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าการปฏิบัติอย่างมีสัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ สัทธรรมลำดับที่ : 748 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=748 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ --อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ (ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย (สัปปายปฏิปทา) แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ ) อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า “ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา; ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา. สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่. เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่, วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือ #ภาวะไม่มีอุปาทาน. http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=อนุปาทาโน --อานนท์ ! ภิกษุ #ผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น). http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=ปรินิพฺพายตีติ +--“น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ! ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า ! ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ) ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ*--๑) แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.- *--๑ (คำว่า โอฆนิตถรณะ ในที่นี้ คือ การถอนตนขึ้นจากโอฆะ (ความตกจมอยู่ในกิเลสและความทุกข์ ด้วยกาม-ทิฏฐิ-ภพ-อวิชชา) เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน กล่าวคือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นทั้งหลาย อันมีเนวสัญญานาสัญญายตนะเป็นสิ่งสูงสุดสำหรับการยึดมั่นถือมั่น และไม่ยึดมั่นแม้แต่ในการบรรลุธรรมของตน; เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ดับเย็น เป็นปรินิพพาน นี้เรียกว่า โอฆนิตถรณะ หรือ อริยวิโมกข์ ก็เรียก (ศึกษาได้ในข้อสัทธรรมหรือเรื่องถัดไป) เป็นสิ่งที่มีได้ในภพปัจจุบัน ) #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/60/91. http://etipitaka.com/read/thai/14/60/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๙/๙๑. http://etipitaka.com/read/pali/14/79/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=748 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ-สัมมาทิฏฐิ ต่อโอฆนิตถรณะ อานนท์ ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ (ในปฏิปทาอันเป็นที่สบาย (สัปปายปฏิปทา) แก่อาเนญชามาตามลำดับๆ) อย่างนี้แล้ว ย่อมได้เฉพาะซึ่งอุเบกขา(ความเข้าไปเพ่งอยู่) ว่า “ถ้า (ปัจจัย) ไม่เคยมี (ผล) ก็ต้องไม่มีอยู่แก่เรา; ถ้า (ปัจจัยเพื่ออนาคต) จักไม่มีอยู่ (ผลในอนาคต) ก็ต้องไม่มีแก่เรา. สิ่งใดมีอยู่ สิ่งใดเป็นแล้ว เราย่อมละได้ซึ่งสิ่งนั้น” ดังนี้. ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลินไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่. เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่สยบมัวเมา ซึ่งอุเบกขานั้น ดำรงอยู่, วิญญาณนั้นเป็นวิญญาณอันตัณหาไม่อาศัยแล้ว นั่นคือภาวะไม่มีอุปาทาน. อานนท์ ! ภิกษุผู้ไม่มีอุปาทานย่อมปรินิพพาน (ดับเย็น). “น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ! ไม่เคยมีแล้ว พระเจ้าข้า ! ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ได้ทราบมาว่า พระผู้มีพระภาคทรงอาศัยแล้ว ทรงอาศัยแล้ว (ซึ่งปฏิปทาอันทรงแสดงมาแล้วตามลำดับ) ตรัสบอกซึ่งโอฆนิตถรณะ(การถอนตนขึ้นจากโอฆะ) แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว”.0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
สัทธรรมลำดับที่ : 379
ชื่อบทธรรม :- ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379
เนื้อความทั้งหมด :-
--ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
--ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ
๑.อนุสัยคือกามราคะ ๑
๒.อนุสัยคือปฏิฆะ ๑
๓.อนุสัยคือทิฏฐิ ๑
๔.อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑
๕.อนุสัยคือมานะ ๑
๖.อนุสัยคือภวราคะ ๑
๗.อนุสัยคืออวิชชา ๑.
--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง.
--ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง.
เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ?
--ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่
เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ กามราคะ,
เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ปฏิฆะ,
เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ทิฏฐิ,
เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ วิจิกิจฉา,
เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ มานะ,
เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ภวราคะ,
เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ อวิชชา,
--ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล.
--ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล
อนุสัยคือกามราคะก็ดี,
อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี,
อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี,
อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี,
อนุสัยคือมานะก็ดี,
อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และ
อนุสัยคืออวิชชาก็ดี,
เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า
ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ;
--ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า
“#ตัดตัณหาได้แล้วรื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์
http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=ตณฺหํ+วิวตฺตยิ+สญฺโญชนํ
เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว”
ดังนี้ แล.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/8-9/11-12.
http://etipitaka.com/read/thai/23/8/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๘-๙/๑๑-๑๒.
http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=379
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด สัทธรรมลำดับที่ : 379 ชื่อบทธรรม :- ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379 เนื้อความทั้งหมด :- --ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด --ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ ๑.อนุสัยคือกามราคะ ๑ ๒.อนุสัยคือปฏิฆะ ๑ ๓.อนุสัยคือทิฏฐิ ๑ ๔.อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑ ๕.อนุสัยคือมานะ ๑ ๖.อนุสัยคือภวราคะ ๑ ๗.อนุสัยคืออวิชชา ๑. --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ กามราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ปฏิฆะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ทิฏฐิ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ วิจิกิจฉา, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ มานะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ ภวราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือ อวิชชา, --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล. --ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล อนุสัยคือกามราคะก็ดี, อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี, อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี, อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี, อนุสัยคือมานะก็ดี, อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และ อนุสัยคืออวิชชาก็ดี, เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ; --ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “#ตัดตัณหาได้แล้วรื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์ http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=ตณฺหํ+วิวตฺตยิ+สญฺโญชนํ เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว” ดังนี้ แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. 23/8-9/11-12. http://etipitaka.com/read/thai/23/8/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สตฺตก. อํ. ๒๓/๘-๙/๑๑-๑๒. http://etipitaka.com/read/pali/23/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=379 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=379 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด-ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด ภิกษุ ท. ! อนุสัยมี ๗ อย่างเหล่านี้. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? เจ็ดอย่างคือ อนุสัยคือกามราคะ ๑ อนุสัยคือปฏิฆะ ๑ อนุสัยคือทิฏฐิ ๑ อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑ อนุสัยคือมานะ ๑ อนุสัยคือภวราคะ ๑ อนุสัยคืออวิชชา ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลคือ อนุสัย ๗ อย่าง. ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่าง. เจ็ดอย่างเหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือกามราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือปฏิฆะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือทิฏฐิ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือวิจิกิจฉา, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือมานะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคือภวราคะ, เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัยคืออวิชชา, ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ที่ประพฤติกันอยู่นี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อย่างเหล่านี้แล. ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแล อนุสัยคือกามราคะก็ดี, อนุสัยคือปฏิฆะก็ดี, อนุสัยคือทิฏฐิก็ดี, อนุสัยคือวิจิกิจฉาก็ดี, อนุสัยคือมานะก็ดี, อนุสัยคือภวราคะก็ดี, และอนุสัยคืออวิชชาก็ดี, เป็นสิ่งที่ภิกษุละได้แล้ว มีรากเง่าอันตัดขาดแล้ว ทำให้เหมือนตาลยอดเน่า ทำให้มีอยู่ไม่ได้ ทำให้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้อีกต่อไป ; ภิกษุ ท. ! เมื่อนั้น, ภิกษุนี้ เราเรียกว่า “ตัดตัณหาได้แล้ว รื้อถอนสัญโญชน์แล้ว ได้ทำที่สุดแห่งทุกข์เพราะรู้จักหน้าตาของมานะอย่างถูกต้องแล้ว” ดังนี้ แล.0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสัมมาทิฏฐิในเนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา
สัทธรรมลำดับที่ : 747
ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิในเนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=747
เนื้อความทั้งหมด :-
--สัมมาทิฏฐิในเนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
: อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้ว่า
“กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี
รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี
อาเนญชสัญญา ก็ดี
อากิญจัญญายตนสัญญา ก็ดี
สัญญาทั้งหมดนั้น ดับไม่มีส่วนเหลือ ในธรรมใด ธรรมนั้นประณีต
กล่าวคือ #เนวสัญญานาสัญญายตนะ”.
http://etipitaka.com/read/pali/14/78/?keywords=เนวสญฺญานาสญฺญายตน
+--เมื่ออริยสาวกนั้น
ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้อยู่,
จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ.
เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ (สมาบัติ) ในกาลนั้น
หรือน้อมไปเพื่อ ปัญญา.
ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป
ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ.
--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #เนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา.-
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/59/88.
http://etipitaka.com/read/thai/14/59/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%98
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๗/๘๘.
http://etipitaka.com/read/pali/14/77/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%98
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=747
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสัมมาทิฏฐิในเนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา สัทธรรมลำดับที่ : 747 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิในเนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=747 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิในเนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี อาเนญชสัญญา ก็ดี อากิญจัญญายตนสัญญา ก็ดี สัญญาทั้งหมดนั้น ดับไม่มีส่วนเหลือ ในธรรมใด ธรรมนั้นประณีต กล่าวคือ #เนวสัญญานาสัญญายตนะ”. http://etipitaka.com/read/pali/14/78/?keywords=เนวสญฺญานาสญฺญายตน +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อ ปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ. --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #เนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/59/88. http://etipitaka.com/read/thai/14/59/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๗/๘๘. http://etipitaka.com/read/pali/14/77/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=747 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- ¸ªà¸±à¸¡à¸¡à¸²à¸à¸´à¸à¸à¸´à¹à¸à¹à¸à¸§à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸à¸²à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸´à¸à¸à¸²-[à¸à¸³à¸§à¹à¸² à¸à¸²à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸° à¸à¸³à¸à¸µà¹ à¹à¸à¹à¸à¸à¸³à¹à¸à¸¥à¸à¹à¸¥à¸°à¸à¸³à¸à¸§à¸¡ à¹à¸à¸¢à¹à¸à¹à¹à¸«à¹à¸¡à¸µà¸à¸§à¸²à¸¡à¸«à¸¡à¸²à¸¢à¹à¸à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸ มาà¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸¨à¸²à¸ªà¸à¸² หรืà¸à¸à¸à¸à¸à¸¸à¸à¸à¸¨à¸²à¸ªà¸à¸² à¹à¸à¹à¸ à¹à¸à¸ªà¸³à¸à¸±à¸à¸à¸à¸à¸à¸²à¸§à¸£à¸µà¸à¸£à¸²à¸«à¸¡à¸à¹ (à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸à¹à¸«à¸à¸¸à¹à¸«à¹à¹à¸à¸´à¸à¹à¸ªà¸¬à¸ªà¸à¸±à¸à¸«à¸²) à¸à¸±à¹à¸à¹à¸à¸²à¸à¸·à¸à¸§à¹à¸²à¹à¸à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸ à¸à¸¶à¸à¸¡à¸²à¸à¸¹à¸¥à¸à¸à¹à¸«à¹à¸à¸£à¸°à¸à¸à¸à¹à¸à¸£à¸à¹à¸ªà¸à¸à¸à¸²à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸° à¸à¸²à¸¡à¹à¸à¸à¸à¸à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸à¸à¹ à¹à¸à¸à¸²à¸à¸°à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸ à¸à¸±à¸à¸à¸±à¹à¸à¹à¸à¸ªà¸¹à¸à¸£à¸à¸µà¹ à¸à¸¶à¸à¸¡à¸µà¸à¸à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸à¸³à¸à¸à¸à¹à¸à¸µà¸¢à¸§à¸à¸±à¸à¸à¸´à¸à¸à¸²à¸ à¹à¸à¹à¸à¸à¸³à¸§à¹à¸² à¸à¸±à¹à¸à¸§à¹à¸²à¸à¸à¸²à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸§à¹à¸²à¸à¸à¸²à¸à¸à¸±à¸à¸à¸à¸´à¸¢à¸² หรืà¸à¸§à¹à¸²à¸à¸±à¹à¸à¸ªà¸à¸à¸à¸±à¹à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸µà¸ à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¸à¹à¸ à¸à¸¹à¹à¸¨à¸¶à¸à¸©à¸²à¸à¸°à¸à¹à¸à¸à¸¡à¸µà¸à¸§à¸²à¸¡à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¹à¸à¹à¸¡à¹à¸à¹à¸ à¸à¸¢à¹à¸²à¹à¸«à¹à¸à¸°à¸à¸à¸à¸±à¸à¹à¸ªà¸µà¸¢ à¸à¸°à¸¡à¸µà¸à¸§à¸²à¸¡à¹à¸à¹à¸²à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¹à¸«à¸à¹à¸«à¸¥à¸§à¸]. สัมมาà¸à¸´à¸à¸à¸´à¹à¸à¹à¸à¸§à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸à¸²à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸´à¸à¸à¸² ภิà¸à¸©à¸¸ à¸. ! à¸à¹à¸à¸à¸·à¹à¸à¸¢à¸±à¸à¸¡à¸µà¸à¸µà¸ : à¸à¸£à¸´à¸¢à¸ªà¸²à¸§à¸à¸¢à¹à¸à¸¡à¸à¸´à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¹à¸«à¹à¸à¹à¸à¸¢à¸à¸£à¸°à¸à¸±à¸à¸©à¹à¸à¸±à¸à¸à¸µà¹à¸§à¹à¸² âà¸à¸²à¸¡à¹à¸¥à¸°à¸à¸²à¸¡à¸ªà¸±à¸à¸à¸² à¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸à¸£à¸£à¸¡à¹à¸¥à¸°à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸ªà¸±à¸¡à¸à¸£à¸²à¸¢à¸°à¸à¹à¸à¸µ รูà¸à¹à¸¥à¸°à¸£à¸¹à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸² à¸à¸±à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸à¸´à¸à¸à¸à¸£à¸£à¸¡à¹à¸¥à¸°à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸ªà¸±à¸¡à¸à¸£à¸²à¸¢à¸° à¸à¹à¸à¸µ à¸à¸²à¹à¸à¸à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸² à¸à¹à¸à¸µ à¸à¸²à¸à¸´à¸à¸à¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸² à¸à¹à¸à¸µ สัà¸à¸à¸²à¸à¸±à¹à¸à¸«à¸¡à¸à¸à¸±à¹à¸ à¸à¸±à¸à¹à¸¡à¹à¸¡à¸µ สà¹à¸§à¸à¹à¸«à¸¥à¸·à¸ à¹à¸à¸à¸£à¸£à¸¡à¹à¸ à¸à¸£à¸£à¸¡à¸à¸±à¹à¸à¸à¸£à¸°à¸à¸µà¸ à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¸à¸·à¸ à¹à¸à¸§à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸à¸²à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸°â. à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸à¸£à¸´à¸¢à¸ªà¸²à¸§à¸à¸à¸±à¹à¸ à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¹à¸¥à¹à¸§à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹ à¹à¸à¹à¸à¸à¸¹à¹à¸¡à¸²à¸à¸à¹à¸§à¸¢à¸à¸²à¸£à¸à¸à¸´à¸à¸±à¸à¸´à¸à¸¢à¹à¸²à¸à¸à¸µà¹à¸à¸¢à¸¹à¹, à¸à¸´à¸à¸¢à¹à¸à¸¡à¹à¸¥à¸·à¹à¸à¸¡à¹à¸ªà¹à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸°. à¹à¸¡à¸·à¹à¸à¸¡à¸µà¸à¸´à¸à¹à¸¥à¸·à¹à¸à¸¡à¹à¸ªà¸ªà¸¡à¸à¸¹à¸£à¸à¹ à¹à¸à¸²à¸à¹à¸à¸°à¹à¸à¹à¸²à¸à¸¶à¸à¹à¸à¸§à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸à¸²à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸° (สมาà¸à¸±à¸à¸´) à¹à¸à¸à¸²à¸¥à¸à¸±à¹à¸ หรืà¸à¸à¹à¸à¸¡à¹à¸à¹à¸à¸·à¹à¸à¸à¸±à¸à¸à¸². ภายหลัà¸à¹à¸à¹à¸à¸²à¸£à¸à¸²à¸¢à¹à¸à¸£à¸²à¸°à¸à¸²à¸£à¸à¸³à¸¥à¸²à¸¢à¹à¸«à¹à¸à¸à¸²à¸¢ à¸à¸²à¸à¸°à¸à¸µà¹à¸à¸¶à¸à¸¡à¸µà¹à¸à¹à¸à¹à¸à¸·à¸ วิà¸à¸à¸²à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸à¹à¸ à¸à¹à¸à¸°à¹à¸à¹à¸à¸§à¸´à¸à¸à¸²à¸à¸à¸µà¹à¹à¸à¹à¸²à¸à¸¶à¸à¹à¸à¸§à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸à¸²à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸°. ภิà¸à¸©à¸¸ à¸. ! à¸à¸µà¹à¹à¸£à¸²à¸à¸¥à¹à¸²à¸§à¸§à¹à¸² à¹à¸à¹à¸ à¹à¸à¸§à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸à¸²à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸ªà¸±à¸à¸à¸²à¸¢à¸à¸à¸´à¸à¸à¸².0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
สัทธรรมลำดับที่ : 378
ชื่อบทธรรม :- ละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=378
เนื้อความทั้งหมด :-
--ละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้นหนอ ไม่เป็นผู้มีความพอใจ ในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ,
ไม่มีความยินดีในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ,
ไม่ตามประกอบซึ่งความพอใจในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ,
ไม่มีความพอใจในคณะ ไม่ยินดีในคณะ ไม่ตามประกอบซึ่งความพอใจในคณะ ;
ผู้เดี่ยวโดดนั้น จักอภิรมย์ในความสงบสงัดอยู่ได้
ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ;
๑.ผู้เดี่ยวโดด เมื่ออภิรมย์ในความสงบสงัดอยู่ จักถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิตได้
ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ;
๒.เมื่อถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิตได้อยู่ จักทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ได้
ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ;
๓.เมื่อทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ ได้แล้ว จักทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้
ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ;
๔.เมื่อทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักละสัญโญชน์ทั้งหลายได้
ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ;
๕.เมื่อ #ละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่ง #พระนิพพาน ได้
http://etipitaka.com/read/pali/22/473/?keywords=นิพฺพานํ
ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ แล.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/375/339
http://etipitaka.com/read/pali/22/375/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๒/๓๓๙.
http://etipitaka.com/read/pali/22/472/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=378
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=378
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน สัทธรรมลำดับที่ : 378 ชื่อบทธรรม :- ละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=378 เนื้อความทั้งหมด :- --ละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน --ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้นหนอ ไม่เป็นผู้มีความพอใจ ในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ไม่มีความยินดีในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ไม่ตามประกอบซึ่งความพอใจในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ไม่มีความพอใจในคณะ ไม่ยินดีในคณะ ไม่ตามประกอบซึ่งความพอใจในคณะ ; ผู้เดี่ยวโดดนั้น จักอภิรมย์ในความสงบสงัดอยู่ได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; ๑.ผู้เดี่ยวโดด เมื่ออภิรมย์ในความสงบสงัดอยู่ จักถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิตได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; ๒.เมื่อถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิตได้อยู่ จักทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; ๓.เมื่อทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ ได้แล้ว จักทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; ๔.เมื่อทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักละสัญโญชน์ทั้งหลายได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; ๕.เมื่อ #ละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่ง #พระนิพพาน ได้ http://etipitaka.com/read/pali/22/473/?keywords=นิพฺพานํ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/375/339 http://etipitaka.com/read/pali/22/375/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๒/๓๓๙. http://etipitaka.com/read/pali/22/472/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=378 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=378 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- (ปฏิปักขนัย)-(ปฏิปักขนัย) ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้นหนอ ไม่เป็นผู้มีความพอใจ ในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ไม่มีความยินดีในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ไม่ตามประกอบซึ่งความพอใจในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ไม่มีความพอใจในคณะ ไม่ยินดีในคณะ ไม่ตามประกอบซึ่งความพอใจในคณะ ; ผู้เดี่ยวโดดนั้น จักอภิรมย์ในความสงบสงัดอยู่ได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; ผู้เดี่ยวโดด เมื่ออภิรมย์ในความสงบสงัดอยู่ จักถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิตได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; เมื่อถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิตได้อยู่ จักทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; เมื่อทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ ได้แล้ว จักทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; เมื่อทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักละสัญโญชน์ทั้งหลายได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ ; เมื่อละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้ แล.0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสัมมาทิฏฐิในอากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา
สัทธรรมลำดับที่ : 746
ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิในอากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=74
เนื้อความทั้งหมด :-
--สัมมาทิฏฐิในอากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา
+ข้อที่หนึ่ง
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
: อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้ว่า
“กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี
รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี
อาเนญชสัญญา ก็ดี
สัญญาทั้งหมดนั้น ดับไม่มีส่วนเหลือ ในธรรมใด
ธรรมนั้นสงบ ธรรมนั้นประณีต กล่าวคือ อากิญจัญญายตนะ” ดังนี้.
+--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่,
จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ.
+--เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ (สมาบัติ)
ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อ ปัญญา.
+--ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ.
--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อากิญจัญญายตนะสัปปายปฏิปทา ข้อที่หนึ่ง.
http://etipitaka.com/read/pali/14/76/?keywords=อากิญฺจญฺญายตน
+ข้อที่สอง
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
: อริยสาวกไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม
ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า
“อายตนะนี้ว่าง จากอัตตา ว่างจากอัตตนิยา”
ดังนี้.
+--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่,
จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ.
+--เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ (สมาบัติ)
ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อ ปัญญา.
+--ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ.
--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อากิญจัญญายตนะสัปปายปฏิปทา ข้อที่สอง.
http://etipitaka.com/read/pali/14/77/?keywords=อากิญฺจญฺญายตนสปฺปายา
+ข้อที่สาม
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
: อริยสาวกไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม
ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ว่า
“ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเรา, ความกังวลต่อสิ่งใด หรือในอะไรๆ ว่าเป็นตัวเราก็ไม่มี ;
และไม่มีอะไรที่เป็นของเรา, ความกังวลในสิ่งใดๆ ว่าเป็นของเราก็ไม่มี”
ดังนี้.
+--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่,
จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ.
+--เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ (สมาบัติ) ในกาลนั้น
หรือน้อมไปเพื่อ ปัญญา.
+--ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ.
--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อากิญจัญญายตนะสัปปายปฏิปทา ข้อที่สาม.-
http://etipitaka.com/read/pali/14/77/?keywords=อากิญฺจญฺญายตนสปฺปายา
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/58 - 59/85 - 87.
http://etipitaka.com/read/thai/14/58/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%95
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๖ - ๗๗/๘๕ - ๘๗.
http://etipitaka.com/read/pali/14/76/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%95
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=746
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57
ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสัมมาทิฏฐิในอากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา สัทธรรมลำดับที่ : 746 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิในอากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=74 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิในอากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา +ข้อที่หนึ่ง --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี อาเนญชสัญญา ก็ดี สัญญาทั้งหมดนั้น ดับไม่มีส่วนเหลือ ในธรรมใด ธรรมนั้นสงบ ธรรมนั้นประณีต กล่าวคือ อากิญจัญญายตนะ” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. +--เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อ ปัญญา. +--ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ. --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อากิญจัญญายตนะสัปปายปฏิปทา ข้อที่หนึ่ง. http://etipitaka.com/read/pali/14/76/?keywords=อากิญฺจญฺญายตน +ข้อที่สอง --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวกไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “อายตนะนี้ว่าง จากอัตตา ว่างจากอัตตนิยา” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. +--เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อ ปัญญา. +--ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ. --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อากิญจัญญายตนะสัปปายปฏิปทา ข้อที่สอง. http://etipitaka.com/read/pali/14/77/?keywords=อากิญฺจญฺญายตนสปฺปายา +ข้อที่สาม --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวกไปแล้วสู่ป่าก็ตาม สู่โคนไม้ก็ตาม สู่เรือนว่างก็ตาม ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเรา, ความกังวลต่อสิ่งใด หรือในอะไรๆ ว่าเป็นตัวเราก็ไม่มี ; และไม่มีอะไรที่เป็นของเรา, ความกังวลในสิ่งใดๆ ว่าเป็นของเราก็ไม่มี” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. +--เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอากิญจัญญายตนะ (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อ ปัญญา. +--ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ. --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อากิญจัญญายตนะสัปปายปฏิปทา ข้อที่สาม.- http://etipitaka.com/read/pali/14/77/?keywords=อากิญฺจญฺญายตนสปฺปายา #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/58 - 59/85 - 87. http://etipitaka.com/read/thai/14/58/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๖ - ๗๗/๘๕ - ๘๗. http://etipitaka.com/read/pali/14/76/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%95 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57&id=746 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=57 ลำดับสาธยายธรรม : 57 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_57.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- การรู้อริยสัจทำให้มีตาครบสองตา-การรู้อริยสัจทำให้มีตาครบสองตา ภิกษุ ท. ! บุคคล ๓ จำพวกนี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. สามจำพวกอย่างไรเล่า ? สามจำพวกคือ คนตาบอด (อนฺโธ) คนมีตาข้างเดียว (เอกจกฺขุ) คนมีตาสองข้าง (ทฺวิจกฺขุ). ภิกษุ ท. ! คนตาบอด เป็นอย่างไรเล่า ? คือคนบางคนในโลกนี้ไม่มีตาที่เป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น นี้อย่างหนึ่ง ; และไม่มีตาที่เป็นเหตุให้รู้ธรรมที่เป็นกุศลอกุศล - ธรรมมีโทษไม่มีโทษ - ธรรมเลวและธรรมประณีต - ธรรมฝ่ายดำและธรรมฝ่ายขาวนี้อีกอย่างหนึ่ง. ภิกษุ ท. ! นี้แล คนตาบอด (ทั้งสองข้าง). ภิกษุ ท. ! คนมีตาข้างเดียว เป็นอย่างไรเล่า ? คือคนบางคนในโลกนี้ มีตาที่เป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น ; แต่ไม่มีตาที่เป็นเหตุให้รู้ธรรมที่เป็นกุศลอกุศล - ธรรมมีโทษไม่มีโทษ - ธรรมเลวและธรรมประณีต - ธรรมฝ่ายดำและธรรมฝ่ายขาว. ภิกษุ ท. ! นี้แล คนมีตาข้างเดียว. ภิกษุ ท. ! คนมีตาสองข้าง เป็นอย่างไรเล่า ? คือคนบางคนในโลกนี้ มีตาที่เป็นเหตุให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือ ทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีมากขึ้น นี้อย่างหนึ่ง ; และ มีตาที่เป็นเหตุให้รู้ธรรม ที่เป็นกุศลอกุศล- ธรรมมีโทษไม่มีโทษ - ธรรมเลวและธรรมประณีต - ธรรมฝ่ายดำและธรรมฝ่ายขาว นี้อีกอย่างหนึ่ง. ภิกษุ ท. ! นี้แล คนมีตาสองข้าง. ... ภิกษุ ท. ! ภิกษุมีตาสมบูรณ์ (จกฺขุมา) เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อม รู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ ความทุกข์, นี้ เหตุให้เกิดทุกข์, นี้ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! นี้แล ภิกษุมีตาสมบูรณ์.0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเครื่องกีดขวางการละสัญโญชน์
สัทธรรมลำดับที่ : 377
ชื่อบทธรรม :- เครื่องกีดขวางการละสัญโญชน์
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=377
เนื้อความทั้งหมด :-
--เครื่องกีดขวางการละสัญโญชน์
--ภิกษุ ท. ! ภิกษุใดหนอ
ยังเป็นผู้มีความพอใจ ในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ,
ยังมีความยินดีในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ,
ยังตามประกอบซึ่งความพอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ,
ยังมีความพอใจในคณะ ยังยินดีในคณะ ยังตามประกอบซึ่งความพอใจในคณะ ;
ภิกษุนั้น จักมาเป็นผู้อยู่เดี่ยวโดด
อภิรมย์ในความสงบสงัด ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
เมื่ออยู่เดี่ยวโดดไม่ได้และไม่อภิรมย์ในความสงัดอยู่
ยังจักสามารถถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิต ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
เมื่อไม่อาจถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิต แต่
ยังจักทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ได้ ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
เมื่อไม่ทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์แล้ว
จักทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ ดังนี้,
ข้อนี้ เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
เมื่อไม่ทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้แล้ว
จักละสัญโญชน์ทั้งหลายได้ ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้.
เมื่อไม่ละสัญโญชน์ทั้งหลายแล้ว
จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ดังนี้,
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้,-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/375/339.
http://etipitaka.com/read/thai/22/375/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๑/๓๓๙.
http://etipitaka.com/read/pali/22/471/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=377
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=377
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเครื่องกีดขวางการละสัญโญชน์ สัทธรรมลำดับที่ : 377 ชื่อบทธรรม :- เครื่องกีดขวางการละสัญโญชน์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=377 เนื้อความทั้งหมด :- --เครื่องกีดขวางการละสัญโญชน์ --ภิกษุ ท. ! ภิกษุใดหนอ ยังเป็นผู้มีความพอใจ ในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ยังมีความยินดีในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ยังตามประกอบซึ่งความพอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ยังมีความพอใจในคณะ ยังยินดีในคณะ ยังตามประกอบซึ่งความพอใจในคณะ ; ภิกษุนั้น จักมาเป็นผู้อยู่เดี่ยวโดด อภิรมย์ในความสงบสงัด ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่ออยู่เดี่ยวโดดไม่ได้และไม่อภิรมย์ในความสงัดอยู่ ยังจักสามารถถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิต ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่อไม่อาจถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิต แต่ ยังจักทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่อไม่ทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์แล้ว จักทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ ดังนี้, ข้อนี้ เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่อไม่ทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักละสัญโญชน์ทั้งหลายได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่อไม่ละสัญโญชน์ทั้งหลายแล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้,- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/375/339. http://etipitaka.com/read/thai/22/375/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๑/๓๓๙. http://etipitaka.com/read/pali/22/471/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=377 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=377 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- เครื่องกีดขวางการละสัญโญชน์-เครื่องกีดขวางการละสัญโญชน์ ภิกษุ ท. ! ภิกษุใดหนอ ยังเป็นผู้มีความพอใจ ในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ยังมีความยินดีในการคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ยังตามประกอบซึ่งความพอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ยังมีความพอใจในคณะ ยังยินดีในคณะ ยังตามประกอบซึ่งความพอใจในคณะ ; ภิกษุนั้น จักมาเป็นผู้อยู่เดี่ยวโดด อภิรมย์ในความสงบสงัด ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่ออยู่เดี่ยวโดดไม่ได้และไม่อภิรมย์ในความสงัดอยู่ ยังจักสามารถถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิต ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่อไม่อาจถือเอาซึ่งนิมิตแห่งจิต แต่ยังจักทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์ได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่อไม่ทำสัมมาทิฏฐิให้บริบูรณ์แล้ว จักทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ ดังนี้, ข้อนี้ เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่อไม่ทำสัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ได้แล้วจักละสัญโญชน์ทั้งหลายได้ ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้. เมื่อไม่ละสัญโญชน์ทั้งหลายแล้ว จักทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ดังนี้, ข้อนี้เป็นฐานะที่มีไม่ได้เป็นไม่ได้,-0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้าและสัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา
สัทธรรมลำดับที่ : 745
ชื่อบทธรรม : - ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=745
เนื้อความทั้งหมด :-
--ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า
--ราหุล ! รูป อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ
มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว.
ตัวอย่างเช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ;
หรือจะยังมีรูปแม้อื่น อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ
มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว อย่างเดียวกันนี้.
+--ราหุล ! นี้ เรียกว่า #ปฐวีธาตุ อันเป็นภายใน.
ปฐวีธาตุอันใด อันเป็นภายในด้วย ปฐวีธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
นั้นก็เป็น สักว่าปฐวีธาตุ เสมอกัน.
ใครๆ พึงเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
http://etipitaka.com/read/pali/13/135/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
ครั้นเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อปฐวีธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากปฐวีธาตุ.
+--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน (ปฐวี) เถิด.
เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน อยู่,
ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
+--ราหุล ! เปรียบเหมือนเมื่อคนเขาทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง
ทิ้งคูถบ้าง ทิ้งมูตรบ้าง ทิ้งน้ำลายบ้าง หนองบ้าง โลหิตบ้าง ลงบนแผ่นดิน
แผ่นดินก็ไม่รู้สึกอึดอัดระอารังเกียจ ด้วยสิ่งเหล่านั้น, นี้ฉันใด;
+--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินเถิด.
เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินอยู่,
ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน.
--ราหุล ! อาโปธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
อาโปธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก.
+--ราหุล ! อาโปธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
อาโปธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน
เป็นของเหลว อันอุปาทาน (ของคนหรือของสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว,
ตัวอย่างเช่น น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำหล่อลื่นข้อ น้ำมูตร นี้ก็ดี;
หรือจะยังมี อาโปธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน
เป็นของเหลว อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี.
+--ราหุล ! อาโปธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #อาโปธาตุ อันเป็นภายใน.
อาโปธาตุอันเป็นภายในด้วย อาโปธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
นั้นก็เป็น สักว่าอาโปธาตุ เท่านั้น.
ใครๆ พึงเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
http://etipitaka.com/read/pali/13/136/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
ครั้นเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว
จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออาโปธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอาโปธาตุ.
+--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำ (อาโป) เถิด.
เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำอยู่,
ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
[ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่น้ำไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด
(ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาล้างลงไปในน้ำ,
อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยน้ำ ฉันใดก็ฉันนั้น].
--ราหุล ! เตโชธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
เตโชธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก.
+--ราหุล ! เตโชธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
เตโชธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว,
ตัวอย่างเช่น ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย และไฟที่เผาอาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ให้แปรไปโดยชอบ นี้ก็ดี;
หรือจะยังมีเตโชธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี.
+--ราหุล ! เตโชธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #เตโชธาตุ อันเป็นภายใน.
เตโชธาตุอันเป็นภายนอกใน เตโชธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
นั้นก็เป็น สักว่าเตโชธาตุ เท่านั้น.
ใครๆ พึงเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
http://etipitaka.com/read/pali/13/136/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
ครั้นเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้แล้ว
จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อเตโชธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากเตโชธาตุ.
+--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยไฟ (เตโช) เถิด.
เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยไฟอยู่,
ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
[ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ไฟไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาทิ้งลงไปให้มันไหม้,
อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยไฟ ฉันใดก็ฉันนั้น].
--ราหุล ! วาโยธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
วาโยธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก.
+--ราหุล ! วาโยธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
วาโยธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว,
ตัวอย่างเช่น ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมแล่นไปตามอวัยวะน้อยใหญ่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก นี้ก็ดี;
หรือจะยังมีวาโยธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา
อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี.
+--ราหุล ! วาโยธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #วาโยธาตุ อันเป็นภายใน.
วาโยธาตุอันเป็นภายในด้วย วาโยธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
นั้นก็เป็น สักว่าวาโยธาตุ เท่านั้น.
ใครๆ พึงเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
http://etipitaka.com/read/pali/13/137/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
ครั้นเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว
จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อวาโยธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากวาโยธาตุ.
+--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยลม (วาโย) เถิด
เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยลมอยู่,
ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
[ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ลมไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่ลมพัดผ่านเข้าไป,
อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยลม ฉันใดก็ฉันนั้น].
--ราหุล ! อากาสธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ?
อากาสธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก.
+--ราหุล ! อากาสธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ?
อากาสธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน
เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว,
ตัวอย่างเช่น ช่องหู ช่องจมูก ช่องปาก ที่ว่าง
ที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ผ่านไป
ที่ว่างที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ตั้งอยู่
ช่องที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ออกสู่เบื้องล่าง นี้ก็ดี ;
หรือจะยังมีอากาสธาตุ อันเป็นภายในเฉพาะตน
เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้
ซึ่งไม่ตัน มีลักษณะไม่ตัน เป็นของเปิด
มีลักษณะเปิด อันเนื้อและเลือดไม่เข้าไปบรรจุอยู่อันเป็นภายใน
อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว อันใดก็ดี.
+--ราหุล ! อากาสธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #อากาสธาตุ อันเป็นภายใน.
อากาสธาตุอันเป็นภายในด้วย อากาสธาตุอันเป็นภายนอกด้วย
นั้นก็เป็น สักว่าอากาสธาตุ เท่านั้น.
ใครๆ พึงเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ;
http://etipitaka.com/read/pali/13/138/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ
ครั้นเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว
จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออากาสธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอากาสธาตุ.
+--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด.
เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่,
ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่.
+--ราหุล ! เปรียบเหมือนอากาส เป็นสิ่งมิได้ตั้งอยู่เฉพาะในที่ไรๆ, นี้ฉันใด;
+--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด.
เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่,
ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่,
ฉันนั้นเหมือนกัน.-
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : -
-- ม. ม.๑๓/๑๓๕-๑๔๐/๑๓๕+๑๔๐, ๑๓๖+๑๔๑, ๑๓๗+๑๔๒, ๑๓๘+๑๔๓, ๑๓๙+๑๔๔.
http://etipitaka.com/read/pali/13/135/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%95 ถึง
http://etipitaka.com/read/pali/13/140/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%90
--สัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา
๑. ข้อที่หนึ่ง
--ภิกษุ ท. ! ในข้อที่กามเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้นั้น
อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า
“กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรม (ภพนี้) และเป็นไปในสัมปรายะ (ภพอื่น)
ทั้งสองอย่างนั้นเป็นบ่วงมาร เป็นวิสัยแห่งมาร เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นที่เที่ยวแห่งมาร.
ในบ่วงแห่งมารนี้ บาปอกุศลทางใจเหล่านี้
เป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะ (ความแข่งดี) บ้าง ย่อมเป็นไป ;
บาปอกุศลเหล่านั้น ย่อมมีเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้.
ถ้าอย่างไร เราพึงมีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลก อยู่เถิด ;
เมื่อเรามีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลกอยู่,
บาปอกุศลทางใจเป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะบ้าง
เหล่านั้น จักไม่มี; เพราะละบาปอกุศลเหล่านั้นเสียได้
จิตของเราก็จักเป็นจิตมีคุณไม่เล็กน้อย เป็นจิตไม่มี ประมาณเป็นจิตอันอบรมดีแล้ว”
ดังนี้.
+--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้
เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ*--๑
เมื่อจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงเพราะข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้วข้างต้น
ทำให้ง่ายและสะดวกแก่การลุถึงภพประเภทนี้ จึงได้ชื่อว่า #อาเนญชสัปปายปฏิปทา.
http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา
+--ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นฝ่ายสมถะ ซึ่งเป็นปัจจัยแก่เจโตวิมุตติโดยตรง แต่ก็เป็นปัจจัยแก่วิปัสสนาได้ด้วย ดังนั้นท่านจึงกล่าวอานิสงส์ของคำนี้ว่า เพื่อเข้าถึงอาเนญชะหรือน้อมไปเพื่อปัญญาก็ได้.
+--อาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้นหรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็น วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ.
+--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่หนึ่ง.
-----
*--๑. คำว่า อายตนะ ในที่นี้ ไม่หมายถึงนิพพาน อันเป็นอายตนะสูงสุด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่หมายถึงอายตนะคือภาวะแห่งอรูปฌานทั้งสี่
คือ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ;
โดยเฉพาะ เพราะไม่มีรูปหรือสัญญาในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งความหวั่นไหว,
แต่บางมติหมายต่ำลงมาถึงจตุตถฌานอันเป็นอาเนญชะในขั้นริเริ่ม
ซึ่งยังไม่สมบูรณ์เพราะยังอาศัยสิ่งซึ่งมีรูปหรือรูปสัญญาอยู่.
๒.ข้อที่สอง
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
: อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า
“กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ
อันเป็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสักว่ารูป
คือเป็นเพียงมหาภูตรูปสี่ และรูปอาศัยมหาภูตรูปสี่นั้นอยู่ เท่านั้น”
ดังนี้.
+--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่,
จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ)
ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง ซึ่งภพในระดับอาเนญชะ.
+--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่สอง.
http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา
๓.ข้อที่สาม
--ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
: อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า
“กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะก็ดี
รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฎฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี
ทั้งสองอย่างนั้น เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง
สิ่งนั้นไม่ควรเพื่อจะเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ สยบมัวเมา”
ดังนี้.
+--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้อยู่,
จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ)
ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา.
ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย
ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ.
--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่าเป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่สาม.-
http://etipitaka.com/read/pali/14/76/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา
#สัมมาทิฏฐิ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/57-58/82-84.
http://etipitaka.com/read/thai/14/57/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92 ถึง
http://etipitaka.com/read/thai/14/58/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%94
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๔-๗๕/๘๒-๘๔.
http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92 ถึง
http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%94
ศึกษาเพิ่มเติม..
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=745
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=745
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56
ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน....
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้าและสัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา สัทธรรมลำดับที่ : 745 ชื่อบทธรรม : - ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=745 เนื้อความทั้งหมด :- --ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า --ราหุล ! รูป อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว. ตัวอย่างเช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ; หรือจะยังมีรูปแม้อื่น อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว อย่างเดียวกันนี้. +--ราหุล ! นี้ เรียกว่า #ปฐวีธาตุ อันเป็นภายใน. ปฐวีธาตุอันใด อันเป็นภายในด้วย ปฐวีธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าปฐวีธาตุ เสมอกัน. ใครๆ พึงเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/135/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อปฐวีธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากปฐวีธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน (ปฐวี) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน อยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. +--ราหุล ! เปรียบเหมือนเมื่อคนเขาทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง ทิ้งคูถบ้าง ทิ้งมูตรบ้าง ทิ้งน้ำลายบ้าง หนองบ้าง โลหิตบ้าง ลงบนแผ่นดิน แผ่นดินก็ไม่รู้สึกอึดอัดระอารังเกียจ ด้วยสิ่งเหล่านั้น, นี้ฉันใด; +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน. --ราหุล ! อาโปธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? อาโปธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. +--ราหุล ! อาโปธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? อาโปธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเหลว อันอุปาทาน (ของคนหรือของสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำหล่อลื่นข้อ น้ำมูตร นี้ก็ดี; หรือจะยังมี อาโปธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเหลว อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. +--ราหุล ! อาโปธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #อาโปธาตุ อันเป็นภายใน. อาโปธาตุอันเป็นภายในด้วย อาโปธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าอาโปธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/136/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออาโปธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอาโปธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำ (อาโป) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่น้ำไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาล้างลงไปในน้ำ, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยน้ำ ฉันใดก็ฉันนั้น]. --ราหุล ! เตโชธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? เตโชธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. +--ราหุล ! เตโชธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? เตโชธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย และไฟที่เผาอาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ให้แปรไปโดยชอบ นี้ก็ดี; หรือจะยังมีเตโชธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. +--ราหุล ! เตโชธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #เตโชธาตุ อันเป็นภายใน. เตโชธาตุอันเป็นภายนอกใน เตโชธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าเตโชธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/136/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อเตโชธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากเตโชธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยไฟ (เตโช) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยไฟอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ไฟไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาทิ้งลงไปให้มันไหม้, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยไฟ ฉันใดก็ฉันนั้น]. --ราหุล ! วาโยธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? วาโยธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. +--ราหุล ! วาโยธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? วาโยธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมแล่นไปตามอวัยวะน้อยใหญ่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก นี้ก็ดี; หรือจะยังมีวาโยธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. +--ราหุล ! วาโยธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #วาโยธาตุ อันเป็นภายใน. วาโยธาตุอันเป็นภายในด้วย วาโยธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าวาโยธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/137/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อวาโยธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากวาโยธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยลม (วาโย) เถิด เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยลมอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ลมไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่ลมพัดผ่านเข้าไป, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยลม ฉันใดก็ฉันนั้น]. --ราหุล ! อากาสธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? อากาสธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. +--ราหุล ! อากาสธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? อากาสธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ช่องหู ช่องจมูก ช่องปาก ที่ว่าง ที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ผ่านไป ที่ว่างที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ตั้งอยู่ ช่องที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ออกสู่เบื้องล่าง นี้ก็ดี ; หรือจะยังมีอากาสธาตุ อันเป็นภายในเฉพาะตน เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ ซึ่งไม่ตัน มีลักษณะไม่ตัน เป็นของเปิด มีลักษณะเปิด อันเนื้อและเลือดไม่เข้าไปบรรจุอยู่อันเป็นภายใน อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว อันใดก็ดี. +--ราหุล ! อากาสธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า #อากาสธาตุ อันเป็นภายใน. อากาสธาตุอันเป็นภายในด้วย อากาสธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าอากาสธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/13/138/?keywords=เนตํ+มม+เนโสหมสฺมิ+เมโส+อตฺตาติ ครั้นเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออากาสธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอากาสธาตุ. +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. +--ราหุล ! เปรียบเหมือนอากาส เป็นสิ่งมิได้ตั้งอยู่เฉพาะในที่ไรๆ, นี้ฉันใด; +--ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน.- อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - -- ม. ม.๑๓/๑๓๕-๑๔๐/๑๓๕+๑๔๐, ๑๓๖+๑๔๑, ๑๓๗+๑๔๒, ๑๓๘+๑๔๓, ๑๓๙+๑๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/13/135/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%95 ถึง http://etipitaka.com/read/pali/13/140/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%90 --สัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา ๑. ข้อที่หนึ่ง --ภิกษุ ท. ! ในข้อที่กามเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้นั้น อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรม (ภพนี้) และเป็นไปในสัมปรายะ (ภพอื่น) ทั้งสองอย่างนั้นเป็นบ่วงมาร เป็นวิสัยแห่งมาร เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นที่เที่ยวแห่งมาร. ในบ่วงแห่งมารนี้ บาปอกุศลทางใจเหล่านี้ เป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะ (ความแข่งดี) บ้าง ย่อมเป็นไป ; บาปอกุศลเหล่านั้น ย่อมมีเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้. ถ้าอย่างไร เราพึงมีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลก อยู่เถิด ; เมื่อเรามีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลกอยู่, บาปอกุศลทางใจเป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะบ้าง เหล่านั้น จักไม่มี; เพราะละบาปอกุศลเหล่านั้นเสียได้ จิตของเราก็จักเป็นจิตมีคุณไม่เล็กน้อย เป็นจิตไม่มี ประมาณเป็นจิตอันอบรมดีแล้ว” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ*--๑ เมื่อจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงเพราะข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้วข้างต้น ทำให้ง่ายและสะดวกแก่การลุถึงภพประเภทนี้ จึงได้ชื่อว่า #อาเนญชสัปปายปฏิปทา. http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา +--ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นฝ่ายสมถะ ซึ่งเป็นปัจจัยแก่เจโตวิมุตติโดยตรง แต่ก็เป็นปัจจัยแก่วิปัสสนาได้ด้วย ดังนั้นท่านจึงกล่าวอานิสงส์ของคำนี้ว่า เพื่อเข้าถึงอาเนญชะหรือน้อมไปเพื่อปัญญาก็ได้. +--อาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้นหรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็น วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่หนึ่ง. ----- *--๑. คำว่า อายตนะ ในที่นี้ ไม่หมายถึงนิพพาน อันเป็นอายตนะสูงสุด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่หมายถึงอายตนะคือภาวะแห่งอรูปฌานทั้งสี่ คือ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ; โดยเฉพาะ เพราะไม่มีรูปหรือสัญญาในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งความหวั่นไหว, แต่บางมติหมายต่ำลงมาถึงจตุตถฌานอันเป็นอาเนญชะในขั้นริเริ่ม ซึ่งยังไม่สมบูรณ์เพราะยังอาศัยสิ่งซึ่งมีรูปหรือรูปสัญญาอยู่. ๒.ข้อที่สอง --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ อันเป็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสักว่ารูป คือเป็นเพียงมหาภูตรูปสี่ และรูปอาศัยมหาภูตรูปสี่นั้นอยู่ เท่านั้น” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง ซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่สอง. http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา ๓.ข้อที่สาม --ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะก็ดี รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฎฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี ทั้งสองอย่างนั้น เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นไม่ควรเพื่อจะเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ สยบมัวเมา” ดังนี้. +--เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่าเป็น #อาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่สาม.- http://etipitaka.com/read/pali/14/76/?keywords=อาเนญฺชสปฺปายา #สัมมาทิฏฐิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/57-58/82-84. http://etipitaka.com/read/thai/14/57/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92 ถึง http://etipitaka.com/read/thai/14/58/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๗๔-๗๕/๘๒-๘๔. http://etipitaka.com/read/pali/14/74/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%92 ถึง http://etipitaka.com/read/pali/14/75/?keywords=%E0%B9%98%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม.. https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=745 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=745 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56 ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน.... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า-ข้อปฎิบัติเกี่ยวกับธาตุห้า ราหุล ! รูป อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว. ตัวอย่างเช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ไต หัวใจ ตับ พังผืด ม้าม ปอด ลำไส้ ลำไส้สุด อาหารในกระเพาะ อุจจาระ; หรือจะยังมีรูปแม้อื่น อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของหยาบ มีลักษณะแข้นแข็ง อันอุปาทาน (ของคนหรือสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว อย่างเดียวกันนี้. ราหุล ! นี้ เรียกว่า ปฐวีธาตุ อันเป็นภายใน. ปฐวีธาตุอันใด อันเป็นภายในด้วย ปฐวีธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าปฐวีธาตุ เสมอกัน. ใครๆ พึงเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นปฐวีธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อปฐวีธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากปฐวีธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน (ปฐวี) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดิน อยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. ราหุล ! เปรียบเหมือนเมื่อคนเขาทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง ทิ้งคูถบ้าง ทิ้งมูตรบ้าง ทิ้งน้ำลายบ้าง หนองบ้าง โลหิตบ้าง ลงบนแผ่นดิน แผ่นดินก็ไม่รู้สึกอึดอัดระอารังเกียจ ด้วยสิ่งเหล่านั้น, นี้ฉันใด; ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยแผ่นดินอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่ ฉันนั้นเหมือนกัน. ราหุล ! อาโปธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? อาโปธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. ราหุล ! อาโปธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? อาโปธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเหลว อันอุปาทาน (ของคนหรือของสัตว์) เข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น น้ำดี เสลด หนอง โลหิต เหงื่อ มัน น้ำตา น้ำเหลือง น้ำลาย น้ำเมือก น้ำหล่อลื่นข้อ น้ำมูตร นี้ก็ดี; หรือจะยังมี อาโปธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเหลว อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. ราหุล ! อาโปธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า อาโปธาตุ อันเป็นภายใน. อาโปธาตุอันเป็นภายในด้วย อาโปธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าอาโปธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นอาโปธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออาโปธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอาโปธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำ (อาโป) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยน้ำอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่น้ำไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาล้างลงไปในน้ำ, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยน้ำ ฉันใดก็ฉันนั้น]. ราหุล ! เตโชธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? เตโชธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. ราหุล ! เตโชธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? เตโชธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย และไฟที่เผาอาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ให้แปรไปโดยชอบ นี้ก็ดี; หรือจะยังมีเตโชธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของเผาผลาญ อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. ราหุล ! เตโชธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่า เตโชธาตุอันเป็นภายใน. เตโชธาตุอันเป็นภายนอกใน เตโชธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าเตโชธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นเตโชธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริงอย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อเตโชธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากเตโชธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยไฟ (เตโช) เถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยไฟอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ไฟไม่อึดอัดระอาต่อสิ่ง ปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่เขาทิ้งลงไปให้มันไหม้, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยไฟ ฉันใดก็ฉันนั้น]. ราหุล ! วาโยธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? วาโยธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. ราหุล ! วาโยธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? วาโยธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมแล่นไปตามอวัยวะน้อยใหญ่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก นี้ก็ดี; หรือจะยังมีวาโยธาตุ อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของพัดไปมา อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ อันใดก็ดี. ราหุล ! วาโยธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่าวาโยธาตุอันเป็นภายใน. วาโยธาตุอันเป็นภายในด้วย วาโยธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าวาโยธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นวาโยธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่อวาโยธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากวาโยธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยลม (วาโย) เถิด เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยลมอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ อันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. [ข้อความต่อไปจากนี้ ตรัสถึงการที่ลมไม่อึดอัดระอาต่อสิ่งปฎิกูลและไม่ปฎิกูลนานาชนิด (ดังที่กล่าวมาแล้วในตอนที่ว่าด้วยธาตุดิน) ที่ลมพัดผ่านเข้าไป, อันเป็นอุปมาของจิตที่อบรมแล้วเสมอด้วยลม ฉันใดก็ฉันนั้น]. ราหุล ! อากาสธาตุ เป็นอย่างไรเล่า ? อากาสธาตุมีทั้งที่เป็นภายในและเป็นภายนอก. ราหุล ! อากาสธาตุที่เป็นภายใน เป็นอย่างไรเล่า ? อากาสธาตุอันใด อันเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง อันอุปาทานเข้าไปถือเอาแล้ว, ตัวอย่างเช่น ช่องหู ช่องจมูก ช่องปาก ที่ว่างที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ผ่านไป ที่ว่างที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ตั้งอยู่ ช่องที่อาหารอันกินแล้ว ดื่มแล้ว เคี้ยวแล้ว ลิ้มแล้ว ออกสู่เบื้องล่าง นี้ก็ดี ; หรือจะยังมีอากาสธาตุ อันเป็นภายในเฉพาะตน เป็นของแสดงลักษณะแห่งความว่าง ไรๆ อื่นนอกไปจากนี้ ซึ่งไม่ตัน มีลักษณะไม่ตัน เป็นของเปิด มีลักษณะเปิด อันเนื้อและเลือดไม่เข้าไปบรรจุอยู่อันเป็นภายใน อันอุปาทาน เข้าไปถือเอาแล้ว อันใดก็ดี. ราหุล ! อากาสธาตุทั้งสองประเภทนี้ เรียกว่าอากาสธาตุอันเป็นภายใน. อากาสธาตุอันเป็นภายในด้วย อากาสธาตุอันเป็นภายนอกด้วย นั้นก็เป็น สักว่าอากาสธาตุ เท่านั้น. ใครๆ พึงเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา ; ครั้นเห็นอากาสธาตุนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามเป็นจริง อย่างนี้แล้ว จิตย่อมเบื่อหน่ายต่ออากาสธาตุ ย่อมคลายกำหนัดจากอากาสธาตุ. ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่. ราหุล ! เปรียบเหมือนอากาส เป็นสิ่งมิได้ตั้งอยู่เฉพาะในที่ไรๆ, นี้ฉันใด; ราหุล ! เธอจงอบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสเถิด. เมื่อเธออบรมจิตให้เสมอด้วยอากาสอยู่, ผัสสะทั้งหลายที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจอันเกิดขึ้นแล้ว จักไม่กลุ้มรุมจิตตั้งอยู่, ฉันนั้นเหมือนกัน. ม. ม.๑๓/๑๓๕-๑๔๐/๑๓๕+๑๔๐, ๑๓๖+๑๔๑, ๑๓๗+๑๔๒, ๑๓๘+๑๔๓, ๑๓๙+๑๔๔. สัมมาทิฏฐิ ในอาเนญชสัปปายปฏิปทา ข้อที่หนึ่ง ภิกษุ ท. ! ในข้อที่กามเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้นั้น อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรม (ภพนี้) และเป็นไปในสัมปรายะ (ภพอื่น) ทั้งสองอย่างนั้นเป็นบ่วงมาร เป็นวิสัยแห่งมาร เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นที่เที่ยวแห่งมาร. ในบ่วงแห่งมารนี้ บาปอกุศลทางใจเหล่านี้ เป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะ (ความแข่งดี) บ้าง ย่อมเป็นไป ; บาปอกุศลเหล่านั้น ย่อมมีเพื่อเป็นอันตรายแก่อริยสาวกผู้ตามศึกษาอยู่ในธรรมวินัยนี้. ถ้าอย่างไร เราพึงมีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลก อยู่เถิด ; เมื่อเรามีจิตเป็นมหัคคตะอันไพบูลย์ อธิษฐานจิตครอบงำโลกอยู่, บาปอกุศลทางใจเป็นอภิชฌาบ้าง เป็นพยาบาทบ้าง เป็นสารัมภะบ้าง เหล่านั้น จักไม่มี; เพราะละบาปอกุศลเหล่านั้นเสียได้ จิตของเราก็จักเป็นจิตมีคุณไม่เล็กน้อย เป็นจิตไม่มี ประมาณเป็นจิตอันอบรมดีแล้ว” ดังนี้. เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ๑ เมื่อจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึง ๑. คำว่า อายตนะ ในที่นี้ ไม่หมายถึงนิพพาน อันเป็นอายตนะสูงสุด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่หมายถึงอายตนะคือภาวะแห่งอรูปฌานทั้งสี่ คือ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยเฉพาะ เพราะไม่มีรูปหรือสัญญาในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งความหวั่นไหว, แต่บางมติหมายต่ำลงมาถึงจตุตถฌานอันเป็นอาเนญชะในขั้นริเริ่ม ซึ่งยังไม่สมบูรณ์เพราะยังอาศัยสิ่งซึ่งมีรูปหรือรูปสัญญาอยู่. เพราะข้อปฏิบัติดังกล่าวแล้วข้างต้น ทำให้ง่ายและสะดวกแก่การลุถึงภพประเภทนี้ จึงได้ชื่อว่า อาเนญชสัปปายปฏิปทา. ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นฝ่ายสมถะ ซึ่งเป็นปัจจัยแก่เจโตวิมุตติโดยตรง แต่ก็เป็นปัจจัยแก่วิปัสสนาได้ด้วย ดังนั้นท่านจึงกล่าวอานิสงส์ของคำนี้ว่า เพื่อเข้าถึงอาเนญชะหรือน้อมไปเพื่อปัญญาก็ได้. อาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้นหรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็น วิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อาเนญชสัปปายปฏิปทาข้อที่หนึ่ง. ข้อที่สอง ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโทษโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญาอันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ อันเป็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสักว่ารูป คือเป็นเพียงมหาภูตรูปสี่ และรูปอาศัยมหาภูตรูปสี่นั้นอยู่ เท่านั้น” ดังนี้. เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้ อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึง ซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า เป็น อาเนญชสัปปายปฏิปทาข้อที่สอง. ข้อที่สาม ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ ดังนี้ว่า “กามและกามสัญญา อันเป็นไปในทิฏฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะก็ดี รูปและรูปสัญญา อันเป็นไปในทิฎฐธรรมและเป็นไปในสัมปรายะ ก็ดี ทั้ง สองอย่างนั้น เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นไม่ควรเพื่อจะเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ สยบมัวเมา” ดังนี้. เมื่ออริยสาวกนั้น ปฏิบัติแล้วอย่างนี้ เป็นผู้มากด้วยการปฏิบัติอย่างนี้อยู่, จิตย่อมเลื่อมใสในอายตนะ. เมื่อมีจิตเลื่อมใสสมบูรณ์ เขาก็จะเข้าถึงอาเนญช (สมาบัติ) ในกาลนั้น หรือน้อมไปเพื่อปัญญา. ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ฐานะที่พึงมีได้ก็คือ วิญญาณที่เป็นไป ก็จะเป็นวิญญาณที่เข้าถึงซึ่งภพในระดับอาเนญชะ. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่าเป็น อาเนญชสัปปายปฏิปทาข้อที่สาม.0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าความปลอดจากอวิชชาโยคะ
สัทธรรมลำดับที่ : 376
ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376
เนื้อความทั้งหมด :-
--ความปลอดจากอวิชชาโยคะ
--ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ?
--ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง
ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย
ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย
ซึ่งรสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย
ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย
ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ;
เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น,
อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก
อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น.
--ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ.
--ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น
๑.การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑
๒.การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑
๓.การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และ
๔.การไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑.
--ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด
อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่
อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ;
เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้.
http://etipitaka.com/read/pali/21/15/?keywords=โยคกฺเขมี
--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ #ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง
แล.
(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
--สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ
และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ.
ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง,
ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ,และพรากออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา,
สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง,
เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ;
ดังนี้แล.-
#ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/10/10.
http://etipitaka.com/read/thai/21/10/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๕/๑๐.
http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=376
http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าความปลอดจากอวิชชาโยคะ สัทธรรมลำดับที่ : 376 ชื่อบทธรรม :- ความปลอดจากอวิชชาโยคะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376 เนื้อความทั้งหมด :- --ความปลอดจากอวิชชาโยคะ --ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งรสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ; เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ. --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น ๑.การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑ ๒.การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑ ๓.การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และ ๔.การไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑. --ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่ อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ; เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/21/15/?keywords=โยคกฺเขมี --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ #ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง แล. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) --สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ. ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง, ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ,และพรากออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา, สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง, เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ; ดังนี้แล.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/10/10. http://etipitaka.com/read/thai/21/10/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๕/๑๐. http://etipitaka.com/read/pali/21/14/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=376 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=376 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- ความปลอดจากอวิชชาโยคะ-ความปลอดจากอวิชชาโยคะ ภิกษุ ท. ! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งความดับไปแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่ง รสอร่อยแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งโทษแห่งผัสสายตนะหกด้วย ซึ่งอุบายเครื่องพ้นไปจากผัสสายตนะหกด้วย ; เมื่อเขารู้ชัดตามที่เป็นจริงอยู่เช่นนั้น, อวิชชาและอัญญาณใด ๆ ในผัสสายตนะหก อวิชชาและอัญญาณนั้น ย่อมไม่นอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ. ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละจึงรวมเป็น การไม่ประกอบอยู่ด้วยกามโยคะ ๑ การไม่ประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ ๑ การไม่ประกอบอยู่ด้วยทิฏฐิโยคะ ๑ และการไม่ประกอบอยู่ด้วยอวิชชาโยคะ ๑. ภิกษุ ท. ! บุคคลไม่ประกอบด้วยกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพโดยเด็ดขาด อันเป็นอกุศลธรรมอันลามกเศร้าหมอง เป็นเหตุให้มีภพใหม่ อันกระสับกระส่าย มีผลเป็นทุกข์ มีชาติชราและมรณะต่อไป ; เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกว่า “ผู้มีปกติเกษมจากโยคะ (โยคกฺเขมี)” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้คือ ความปลอดจากกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ ไว้ในภพ ๔ อย่าง แล. (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) สัตว์ทั้งหลาย ประกอบพร้อมแล้วด้วยกามโยคะ ด้วยภวโยคะ ด้วยทิฏฐิโยคะ และถูกอวิชชากระทำในเบื้องหน้าแล้ว, มีปกติไปสู่ชาติและมรณะ ; ย่อมไปสู่สังสารวัฏ. ส่วนสัตว์เหล่าใดรอบรู้แล้ว ซึ่งกามและภวโยคะ โดยประการทั้งปวง, ถอนขึ้นได้แล้วซึ่งทิฏฐิโยคะ, และพราก ออกได้โดยเด็ดขาดซึ่งอวิชชา, สัตว์เหล่านั้นแล ไม่ประกอบแล้วด้วยกิเลสอันประกอบสัตว์ไว้ในภพทั้งปวง, เป็นมุนี ล่วงเสียได้ซึ่งโยคะกิเลสเป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ; ดังนี้แล.0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews - อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรม เพื่อละธรรมสาม
สัทธรรมลำดับที่ : 744
ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=744
เนื้อความทั้งหมด :-
--สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม (อีกนัยหนึ่ง)
--ภิกษุ ท. ! ธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
สามอย่าง อย่างไรเล่า ?
สามอย่าง คือ
กามธาตุ พ๎ยาปาทธาตุ วิหิงสาธาตุ.
http://etipitaka.com/read/pali/22/497/?keywords=พฺยาปาทธาตุ
--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ธรรม ๓ อย่างนั้น.
--ภิกษุ ท. ! เพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่านี้ ควรเจริญซึ่งธรรม ๓ อย่าง.
ธรรมสามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ :-
+--เจริญ เนกขัมมธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง กามธาตุ;
+--เจริญ อัพ๎ยาปาทสัญญา เพื่อละเสียซึ่ง พ๎ยาปาทธาตุ;
+--เจริญ อวิหิงสาธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง วิหิงสาธาตุ.
--ภิกษุ ท. ! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้
อันบุคคลควรเจริญเพื่อละเสีย ซึ่งธรรมสามอย่างเหล่าโน้นแล.-
#สัมมาสังกัปปะ
#ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
อ้างอิงสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/400/382.
http://etipitaka.com/read/thai/22/400/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%98%E0%B9%92
อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๙๗/๓๘๒.
http://etipitaka.com/read/pali/22/497/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%98%E0%B9%92
ศึกษาเพิ่มเติม...
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=744
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=744
https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56
ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน...
http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าสัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรม เพื่อละธรรมสาม สัทธรรมลำดับที่ : 744 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=744 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม (อีกนัยหนึ่ง) --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. สามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่าง คือ กามธาตุ พ๎ยาปาทธาตุ วิหิงสาธาตุ. http://etipitaka.com/read/pali/22/497/?keywords=พฺยาปาทธาตุ --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ธรรม ๓ อย่างนั้น. --ภิกษุ ท. ! เพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่านี้ ควรเจริญซึ่งธรรม ๓ อย่าง. ธรรมสามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ :- +--เจริญ เนกขัมมธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง กามธาตุ; +--เจริญ อัพ๎ยาปาทสัญญา เพื่อละเสียซึ่ง พ๎ยาปาทธาตุ; +--เจริญ อวิหิงสาธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง วิหิงสาธาตุ. --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ อันบุคคลควรเจริญเพื่อละเสีย ซึ่งธรรมสามอย่างเหล่าโน้นแล.- #สัมมาสังกัปปะ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/400/382. http://etipitaka.com/read/thai/22/400/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%98%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๙๗/๓๘๒. http://etipitaka.com/read/pali/22/497/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%98%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=744 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=744 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56 ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM- สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม-สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม (อีกนัยหนึ่ง) ภิกษุ ท. ! ธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. สามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่าง คือ กามธาตุ พ๎ยาปาทธาตุ วิหิงสาธาตุ. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ธรรม ๓ อย่างนั้น. ภิกษุ ท. ! เพื่อละเสียซึ่งธรรมสามอย่างเหล่านี้ ควรเจริญซึ่งธรรม ๓ อย่าง. ธรรมสามอย่าง อย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ : เจริญ เนกขัมมธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง กามธาตุ; เจริญ อัพ๎ยาปาทสัญญา เพื่อละเสียซึ่ง พ๎ยาปาทวิตก; เจริญ อวิหิงสาธาตุ เพื่อละเสียซึ่ง วิหิงสาธาตุ. ภิกษุ ท. ! ธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ อันบุคคลควรเจริญเพื่อละเสีย ซึ่งธรรมสามอย่างเหล่าโน้นแล.0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
More Stories