• อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ)
    สัทธรรมลำดับที่ : 719
    ชื่อบทธรรม :- ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=719
    เนื้อความทั้งหมด :-
    หมวด ค. ว่าด้วย อุปกรณ์-เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ
    --ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ)
    --ภิกษุ ท. ! ความกลัว ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ
    ๑.ความกลัวต่อการติเตียน ตนด้วยตน
    ๒.ความกลัวต่อการการติเตียน จากผู้อื่น
    ๓.ความกลัวต่ออาชญา
    ๔.ความกลัวต่อทุคติ.

    --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า
    “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต, มโนทุจริต,
    เราจะไม่พึงติเตียนเราโดยศีลได้อย่างไรกันเล่า?”
    ดังนี้.
    เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนตนด้วยตนแล้วจึง
    ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต,
    ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต,
    ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต,
    บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่.
    ๑--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน.

    --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า
    “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต,
    ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงติเตียนเรา โดยศีลได้อย่างไรกันเล่า.”
    ดังนี้
    เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนจากผู้อื่นแล้วจึง
    ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต,
    ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต,
    ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต,
    บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่,
    ๒--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น.

    --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่ออาชญา เป็นอย่างไรเล่า?
    +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน
    เห็นพระราชาจับโจรผู้ประพฤติชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ คือ
    โบยด้วยแส้บ้าง เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง
    ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง
    ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิง” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ดบ้าง” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง” บ้าง
    ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง
    ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง บ้าง
    ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง
    ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง*--๑
    เขามานึกขึ้นได้ว่า
    “เพราะเหตุแห่งการทำกรรมอันลามกเช่นนี้
    พระราชาจึงจับโจรอันชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ
    เช่น โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ.... ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง.
    ถ้าเราจะพึงกระทำกรรมอันลามกเช่นนั้น
    พระราชาก็จะจับแม้เราไปกระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่นนั้นเหมือนกัน
    คือ โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ....ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง”
    ดังนี้
    เขากลัวต่อภัยจากอาชญาแล้ว จึงไม่ประพฤติการฉกชิงทรัพย์ของผู้อื่นอยู่.
    ๓--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่ออาชญา.

    --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อทุคติ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า
    “วิบากของ กายทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า,
    วิบากของ วจีทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า
    วิบากของ มโนทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า.
    ถ้าเราประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติทุจริตด้วยใจ
    แล้วจะต้องสงสัยอะไรกันอีกเล่าในข้อที่เราจะพึงเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย”
    เขากลัวต่อภัยแห่งทุคติดังนี้แล้ว จึง
    ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต,
    ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต,
    ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต,
    บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่.
    ๔--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อทุคติ.

    --ภิกษุท. ! เหล่านี้แลคือความกลัว ๔ อย่าง.-
    (ความรู้ที่ทำให้รู้จักกลัวต่อสิ่งที่ควรกลัว
    จัดเป็น สัมมาทิฏฐิในชั้นต้นๆ ได้
    จึงนำมาใส่ไว้ในที่นี้).

    *--๑ .ดูรายละเอียดของ การกระทำกรรมกรณ์ เหล่านี้
    ที่หัวข้อว่า “อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะ ของกาม.”

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/122-124/121.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/122/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๖๒-๑๖๔/๑๒๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/162/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91
    ศึกษา​เพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=719
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=719
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) สัทธรรมลำดับที่ : 719 ชื่อบทธรรม :- ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=719 เนื้อความทั้งหมด :- หมวด ค. ว่าด้วย อุปกรณ์-เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ --ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) --ภิกษุ ท. ! ความกลัว ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ ๑.ความกลัวต่อการติเตียน ตนด้วยตน ๒.ความกลัวต่อการการติเตียน จากผู้อื่น ๓.ความกลัวต่ออาชญา ๔.ความกลัวต่อทุคติ. --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต, มโนทุจริต, เราจะไม่พึงติเตียนเราโดยศีลได้อย่างไรกันเล่า?” ดังนี้. เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนตนด้วยตนแล้วจึง ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ๑--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน. --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต, ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงติเตียนเรา โดยศีลได้อย่างไรกันเล่า.” ดังนี้ เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนจากผู้อื่นแล้วจึง ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่, ๒--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น. --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่ออาชญา เป็นอย่างไรเล่า? +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน เห็นพระราชาจับโจรผู้ประพฤติชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ คือ โบยด้วยแส้บ้าง เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ดบ้าง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง” บ้าง ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้ง บ้าง ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง*--๑ เขามานึกขึ้นได้ว่า “เพราะเหตุแห่งการทำกรรมอันลามกเช่นนี้ พระราชาจึงจับโจรอันชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่น โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ.... ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง. ถ้าเราจะพึงกระทำกรรมอันลามกเช่นนั้น พระราชาก็จะจับแม้เราไปกระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่นนั้นเหมือนกัน คือ โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ....ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง” ดังนี้ เขากลัวต่อภัยจากอาชญาแล้ว จึงไม่ประพฤติการฉกชิงทรัพย์ของผู้อื่นอยู่. ๓--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่ออาชญา. --ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อทุคติ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “วิบากของ กายทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า, วิบากของ วจีทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า วิบากของ มโนทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า. ถ้าเราประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติทุจริตด้วยใจ แล้วจะต้องสงสัยอะไรกันอีกเล่าในข้อที่เราจะพึงเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย” เขากลัวต่อภัยแห่งทุคติดังนี้แล้ว จึง ละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ๔--ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า #ความกลัวต่อทุคติ. --ภิกษุท. ! เหล่านี้แลคือความกลัว ๔ อย่าง.- (ความรู้ที่ทำให้รู้จักกลัวต่อสิ่งที่ควรกลัว จัดเป็น สัมมาทิฏฐิในชั้นต้นๆ ได้ จึงนำมาใส่ไว้ในที่นี้). *--๑ .ดูรายละเอียดของ การกระทำกรรมกรณ์ เหล่านี้ ที่หัวข้อว่า “อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะ ของกาม.” #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/122-124/121. http://etipitaka.com/read/thai/21/122/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๖๒-๑๖๔/๑๒๑. http://etipitaka.com/read/pali/21/162/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 ศึกษา​เพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=719 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=719 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ค. ว่าด้วย อุปกรณ์-เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ
    -หมวด ค. ว่าด้วย อุปกรณ์-เหตุปัจจัย ของสัมมาทิฏฐิ ความกลัวเป็นเหตุแห่งสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) ภิกษุ ท. ! ความกลัว ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สี่อย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน ความกลัวต่อการการติเตียนจาก ผู้อื่น ความกลัวต่ออาชญา ความกลัวต่อทุคติ. ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต, มโนทุจริต, เราจะไม่พึงติเตียนเราโดยศีลได้อย่างไรกันเล่า?” ดังนี้. เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนตนด้วยตนแล้วจึงละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า ความกลัวต่อการติเตียนตนด้วยตน. ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “ถ้าเราประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต, ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงติเตียนเรา โดยศีลได้อย่างไรกันเล่า.” ดังนี้ เขากลัวต่อภัยจากการติเตียนจากผู้อื่นแล้วจึงละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่, ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า ความกลัวต่อการติเตียนจากผู้อื่น. ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่ออาชญา เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน เห็นพระราชาจับโจรผู้ประพฤติชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ คือ โบยด้วยแส้บ้าง เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ดบ้าง” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง” บ้าง ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อนๆ บ้าง ย่อมปล่อยให้สุนัขทึ้งบ้าง ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง๑ เขามานึกขึ้นได้ว่า “เพราะเหตุแห่งการทำกรรมอันลามกเช่นนี้ พระราชาจึงจับโจรอันชั่วร้ายมากระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่น โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ.... ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง. ถ้าเราจะพึงกระทำกรรมอันลามกเช่นนั้น พระราชาก็จะจับแม้เราไปกระทำการลงโทษโดยวิธีต่างๆ เช่นนั้นเหมือนกัน คือ โบยด้วยแส้บ้าง ....ฯลฯ....ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง” ดังนี้ เขากลัวต่อภัยจากอาชญาแล้ว จึงไม่ประพฤติการฉกชิงทรัพย์ของผู้อื่นอยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า ความกลัวต่ออาชญา. ภิกษุ ท. ! ความกลัวต่อทุคติ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคลบางคน ย่อมใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า “วิบากของกายทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า, วิบากของวจีทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า วิบากของมโนทุจริตอันชั่วร้าย จักมีข้างหน้า. ถ้าเราประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติทุจริตด้วยใจ แล้วจะต้องสงสัยอะไรกันอีกเล่าในข้อที่เราจะพึงเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภายหลังแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย” เขากลัวต่อภัยแห่งทุคติดังนี้แล้ว จึงละกายทุจริต เจริญกายสุจริต, ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต, ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต, บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า ความกลัวต่อทุคติ. ภิกษุท. ! เหล่านี้แลคือความกลัว ๔ อย่าง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​วิชชาเป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค
    สัทธรรมลำดับที่ : 717
    ชื่อบทธรรม :- วิชชาเป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=717
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --วิชชาเป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค
    --ภิกษุ ท. ! #วิชชาเป็นสิ่งที่มาล่วงหน้า
    เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย
    อันติดตามมาด้วย หิริโอตตัปปะ
    http://etipitaka.com/read/pali/19/1/?keywords=วิชฺชา+หิโรตฺตปฺปํ
    --ภิกษุ ท. !
    ๑--สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้ถึงซึ่งวิชชา มีความเห็นแจ้ง;
    ๒--สัมมาสังกัปปะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาทิฏฐิ;
    ๓--สัมมาวาจา ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสังกัปปะ;
    ๔--สัมมากัมมันตะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาวาจา;
    ๕--สัมมาอาชีวะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมากัมมันตะ;
    ๖--สัมมาวายามะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาอาชีวะ;
    ๗--สัมมาสติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้สัมมาวายามะ;
    ๘--สัมมาสมาธิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสติ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/2/?keywords=สมฺมาสมาธิ
    (เป็นอันว่า องค์แปดแห่งสัมมามรรคหรือสัมมัตตะ ย่อมมีครบบริบูรณ์.
    ในสูตรอื่น (๒๔/๒๒๙/๑๐๕)
    http://etipitaka.com/read/pali/24/229/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%95
    ได้ตรัสขยายออกไปอีก ๒ ข้อคือ :- )​
    http://etipitaka.com/read/pali/24/229/?keywords=สมฺมาญาณํ
    ๙--สัมมาญาณะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสมาธิ;
    ๑๐--สัมมาวิมุตติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาญาณะ.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/1/3.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/1/?keywords=%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๑/๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/1/?keywords=%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=717
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=717
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​วิชชาเป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค สัทธรรมลำดับที่ : 717 ชื่อบทธรรม :- วิชชาเป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=717 เนื้อความทั้งหมด :- --วิชชาเป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค --ภิกษุ ท. ! #วิชชาเป็นสิ่งที่มาล่วงหน้า เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย อันติดตามมาด้วย หิริโอตตัปปะ http://etipitaka.com/read/pali/19/1/?keywords=วิชฺชา+หิโรตฺตปฺปํ --ภิกษุ ท. ! ๑--สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้ถึงซึ่งวิชชา มีความเห็นแจ้ง; ๒--สัมมาสังกัปปะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาทิฏฐิ; ๓--สัมมาวาจา ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสังกัปปะ; ๔--สัมมากัมมันตะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาวาจา; ๕--สัมมาอาชีวะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมากัมมันตะ; ๖--สัมมาวายามะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาอาชีวะ; ๗--สัมมาสติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้สัมมาวายามะ; ๘--สัมมาสมาธิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสติ. http://etipitaka.com/read/pali/19/2/?keywords=สมฺมาสมาธิ (เป็นอันว่า องค์แปดแห่งสัมมามรรคหรือสัมมัตตะ ย่อมมีครบบริบูรณ์. ในสูตรอื่น (๒๔/๒๒๙/๑๐๕) http://etipitaka.com/read/pali/24/229/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%95 ได้ตรัสขยายออกไปอีก ๒ ข้อคือ :- )​ http://etipitaka.com/read/pali/24/229/?keywords=สมฺมาญาณํ ๙--สัมมาญาณะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสมาธิ; ๑๐--สัมมาวิมุตติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาญาณะ.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/1/3. http://etipitaka.com/read/thai/19/1/?keywords=%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๑/๓. http://etipitaka.com/read/pali/19/1/?keywords=%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=717 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=717 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - วิชชาเป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค
    -วิชชาเป็นตัวชักนำมาซึ่งองค์แปดแห่งสัมมามรรค ภิกษุ ท. ! วิชชา เป็นสิ่งที่มาล่วงหน้า เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย อันติดตามมาด้วยหิริโอตตัปปะ ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้ถึงซึ่งวิชชา มีความเห็นแจ้ง; สัมมาสังกัปปะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาทิฏฐิ; สัมมาวาจา ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสังกัปปะ; สัมมากัมมันตะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาวาจา; สัมมาอาชีวะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมากัมมันตะ; สัมมาวายามะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาอาชีวะ; สัมมาสติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้สัมมาวายามะ; สัมมาสมาธิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสติ. (เป็นอันว่า องค์แปดแห่งสัมมามรรคหรือสัมมัตตะ ย่อมมีครบบริบูรณ์. ในสูตรอื่น (๒๔/๒๒๘/๑๐๕) ได้ตรัสขยายออกไปอีก ๒ ข้อคือ :-) สัมมาญาณะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสมาธิ; สัมมาวิมุตติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาญาณะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    สัทธรรมลำดับที่ : 714
    ชื่อบทธรรม :- อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    --ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ
    ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย
    ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา.
    องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้
    ๑.เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง (ศีล-ปาติโมกขสังวร)
    ๒.เป็นผู้ยิงได้ไกล (ปัญญา-ญาณ)
    ๓.เป็นผู้ยิงได้เร็ว (อริยสัจจ)และ
    ๔.เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆ(อวิชชา)ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ
    เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล
    เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
    ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้
    เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร
    http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=สีลวา+โหติ
    ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร
    มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย
    สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.
    นี้แล #ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ
    ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน
    ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด
    เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า
    “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา”
    ดังนี้.

    (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน).

    นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้ไกล.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า
    “นี้ทุกข์
    นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”
    ดังนี้.
    นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้.
    นี้แล #ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล
    ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล
    ปาหุเนยยบุคคล
    ทักขิเณยยบุคคล
    อัญชลิกรณียบุคคล
    เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.-
    (การรู้อริยสัจทั้งสี่ ท่านจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
    แต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่รวดเร็วกว่าสัมมาทิฏฐิอื่นๆ
    ในการทำลายกิเลส บรรลุนิพพาน
    ดังนั้นจึงเรียกในที่นี้ว่า #ญาณประเภทยิงเร็ว
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/165/181.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/165/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๑/๑๘๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=714
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52
    ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว สัทธรรมลำดับที่ : 714 ชื่อบทธรรม :- อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714 เนื้อความทั้งหมด :- --อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว --ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา. องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้ ๑.เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง (ศีล-ปาติโมกขสังวร) ๒.เป็นผู้ยิงได้ไกล (ปัญญา-ญาณ) ๓.เป็นผู้ยิงได้เร็ว (อริยสัจจ)และ ๔.เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆ(อวิชชา)ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า. ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=สีลวา+โหติ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. นี้แล #ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน). นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้ไกล. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้. นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้. นี้แล #ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.- (การรู้อริยสัจทั้งสี่ ท่านจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ แต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่รวดเร็วกว่าสัมมาทิฏฐิอื่นๆ ในการทำลายกิเลส บรรลุนิพพาน ดังนั้นจึงเรียกในที่นี้ว่า #ญาณประเภทยิงเร็ว ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/165/181. http://etipitaka.com/read/thai/21/165/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๑/๑๘๑. http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=714 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52 ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    -อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา. องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า. ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. นี้แล ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน). นี้แล ภิกษุผู้ยิงได้ไกล. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”ดังนี้. นี้แล ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้. นี้แล ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
    สัทธรรมลำดับที่ : 713
    ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=713
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
    ....
    --“ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! เปรียบเหมือน
    การหงายของที่คว่ำ
    การเปิดของที่ปิด
    การชี้ทางแก่คนหลงทาง หรือ
    การตามประทีปไว้ในที่มืดเพื่อคนมีตายังดีจะได้เห็นรูป,
    ฉันใด ;
    ธรรมปริยายเป็นอันมาก ที่พระผู้มีพระภาคประกาศแล้ว
    ก็ฉันนั้น.
    --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคที่เป็นที่พึ่ง
    รวมทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงจำข้าพระองค์ไว้ว่า
    เป็นอุบาสกผู้ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จนตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้ไป.
    --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! โทษได้ท่วมทับข้าพระองค์แล้ว
    ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล
    คือข้อที่ข้าพระองค์ได้ปลงพระชนม์พระบิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา
    เสียจากชีวิต เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่.
    --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
    ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับซึ่งโทษโดยความเป็นโทษของข้าพระองค์
    เพื่อความสำรวมระวังต่อไปเถิด พระเจ้าข้า !”
    --เอาละ มหาราช ! โทษได้ท่วมทับมหาบพิตร
    ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล
    #จนถึงกับปลงพระชนม์บิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต
    http://etipitaka.com/read/pali/9/112/?keywords=ปิตรํ+ธมฺมิกํ+ธมฺมราชา
    เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่.

    --มหาราช ! แต่ เพราะเหตุที่มหาบพิตรเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว
    ทำคืนตามธรรม พวกเรายอมรับโทษนั้นของมหาบพิตร.
    --มหาราช ! ผู้ใดเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม
    ถึงความสำรวมต่อไป; ข้อนี้เป็นความเจริญในอริยวินัย
    http://etipitaka.com/read/pali/9/113/?keywords=อริย+วินเย
    ของผู้นั้น.-
    ....
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท้าวเธอได้กราบทูลลาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาไปในบัดนี้ หม่อมฉันมีกิจมาก มีกรณียะมาก พระผู้มีพระภาค
    ตรัสว่า ขอมหาบพิตรทรงสำคัญเวลา ณ บัดนี้เถิด.
    ครั้งนั้นแล พระเจ้าแผ่นดินมคธพระนามว่าอชาตศัตรู เวเทหีบุตร
    http://etipitaka.com/read/pali/9/113/?keywords=อชาตสตฺตุ+เวเทหิปุตฺโต
    ทรงเพลิดเพลินยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว เสด็จลุกจากอาสนะ
    ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทรงกระทำประทักษิณแล้วเสด็จไป.
    เมื่อท้าวเธอเสด็จไปไม่นานพระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
    --ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    พระราชาพระองค์นี้ถูกขุดเสียแล้วพระราชาพระองค์นี้ถูกขจัดเสียแล้ว
    #หากท้าวเธอจักไม่ปลงพระชนมชีพพระบิดาผู้ดำรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรมไซร้
    ธรรมจักษุ ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน จักเกิดขึ้นแก่ท้าวเธอ ณ ที่ประทับนี้ทีเดียว.
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำเป็นไวยากรณ์นี้แล้ว.
    +--ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วแล.

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/78/138-140.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/78/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๑๑๒/๑๓๘​-๑๔๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/112/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=713
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=713
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52
    ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป สัทธรรมลำดับที่ : 713 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=713 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป .... --“ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! เปรียบเหมือน การหงายของที่คว่ำ การเปิดของที่ปิด การชี้ทางแก่คนหลงทาง หรือ การตามประทีปไว้ในที่มืดเพื่อคนมีตายังดีจะได้เห็นรูป, ฉันใด ; ธรรมปริยายเป็นอันมาก ที่พระผู้มีพระภาคประกาศแล้ว ก็ฉันนั้น. --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคที่เป็นที่พึ่ง รวมทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงจำข้าพระองค์ไว้ว่า เป็นอุบาสกผู้ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จนตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้ไป. --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! โทษได้ท่วมทับข้าพระองค์แล้ว ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล คือข้อที่ข้าพระองค์ได้ปลงพระชนม์พระบิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่. --ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับซึ่งโทษโดยความเป็นโทษของข้าพระองค์ เพื่อความสำรวมระวังต่อไปเถิด พระเจ้าข้า !” --เอาละ มหาราช ! โทษได้ท่วมทับมหาบพิตร ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล #จนถึงกับปลงพระชนม์บิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต http://etipitaka.com/read/pali/9/112/?keywords=ปิตรํ+ธมฺมิกํ+ธมฺมราชา เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่. --มหาราช ! แต่ เพราะเหตุที่มหาบพิตรเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว ทำคืนตามธรรม พวกเรายอมรับโทษนั้นของมหาบพิตร. --มหาราช ! ผู้ใดเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป; ข้อนี้เป็นความเจริญในอริยวินัย http://etipitaka.com/read/pali/9/113/?keywords=อริย+วินเย ของผู้นั้น.- .... เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท้าวเธอได้กราบทูลลาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาไปในบัดนี้ หม่อมฉันมีกิจมาก มีกรณียะมาก พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ขอมหาบพิตรทรงสำคัญเวลา ณ บัดนี้เถิด. ครั้งนั้นแล พระเจ้าแผ่นดินมคธพระนามว่าอชาตศัตรู เวเทหีบุตร http://etipitaka.com/read/pali/9/113/?keywords=อชาตสตฺตุ+เวเทหิปุตฺโต ทรงเพลิดเพลินยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว เสด็จลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทรงกระทำประทักษิณแล้วเสด็จไป. เมื่อท้าวเธอเสด็จไปไม่นานพระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า --ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาพระองค์นี้ถูกขุดเสียแล้วพระราชาพระองค์นี้ถูกขจัดเสียแล้ว #หากท้าวเธอจักไม่ปลงพระชนมชีพพระบิดาผู้ดำรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรมไซร้ ธรรมจักษุ ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน จักเกิดขึ้นแก่ท้าวเธอ ณ ที่ประทับนี้ทีเดียว. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำเป็นไวยากรณ์นี้แล้ว. +--ภิกษุเหล่านั้นชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วแล. #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/78/138-140. http://etipitaka.com/read/thai/9/78/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๑๑๒/๑๓๘​-๑๔๐. http://etipitaka.com/read/pali/9/112/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=713 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=713 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52 ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป
    -สัมมาทิฏฐิควรจะรวมไปถึงการสำนึกบาป “ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! ไพเราะนัก พระเจ้าข้า ! เปรียบเหมือนการหงายของที่คว่ำ การเปิดของที่ปิด การชี้ทางแก่คนหลงทาง หรือการตามประทีปไว้ในที่มืดเพื่อคนมีตายังดีจะได้เห็นรูป, ฉันใด ; ธรรมปริยายเป็นอันมาก ที่พระผู้มีพระภาคประกาศแล้ว ก็ฉันนั้น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคที่เป็นที่พึ่ง รวมทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงจำข้าพระองค์ไว้ว่า เป็นอุบาสกผู้ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จนตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้ไป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! โทษได้ท่วมทับข้าพระองค์แล้ว ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล คือข้อที่ข้าพระองค์ได้ปลงพระชนม์พระบิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับซึ่งโทษโดยความเป็นโทษของข้าพระองค์ เพื่อความสำรวมระวังต่อไปเถิด พระเจ้าข้า !” เอาละ มหาราช ! โทษได้ท่วมทับมหาบพิตร ตามที่เป็นคนพาล ตามที่เป็นคนหลง ตามที่มีจิตเป็นอกุศล จนถึงกับปลงพระชนม์บิดาผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นธรรมราชา เสียจากชีวิต เพราะเหตุแห่งความต้องการเป็นใหญ่. มหาราช ! แต่ เพราะเหตุที่มหาบพิตรเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม พวกเรายอมรับโทษนั้นของมหาบพิตร. มหาราช ! ผู้ใดเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป; ข้อนี้เป็นความเจริญในอริยวินัย องผู้นั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจสี่
    สัทธรรมลำดับที่ : 712
    ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจสี่
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=712
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจสี่
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยขึ้นมา,
    นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็น นิมิตล่วงหน้า กล่าวคือ #รุ่งอรุณ.
    +--ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น
    : นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า
    เพื่อการรู้พร้อมอย่างยิ่งตามที่เป็นจริงซึ่งอริยสัจทั้งสี่ของภิกษุ
    สิ่งนั้นก็คือ #สัมมาทิฏฐิ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/552/?keywords=ปุพฺพนิมิตฺตํ+ยทิทํ+สมฺมาทิฏฺฐิ
    +--ภิกษุ ท. ! สิ่งที่พึงหวังได้สำหรับภิกษุผู้มีสัมมาทิฏฐินั้น คือเธอจัก
    รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์”
    รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์”
    รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”
    รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้
    เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเป็นเครื่องกระทำ ให้รู้ว่า
    “ทุกข์ เป็นอย่างนี้,
    เหตุให้เกิดทุกข์ เป็นอย่างนี้,
    ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,
    ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้”
    ดังนี้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/437/1720.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/437/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%92%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๒/๑๗๒๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/552/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%92%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=712
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=712
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52
    ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจสี่ สัทธรรมลำดับที่ : 712 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจสี่ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=712 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจสี่ --ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยขึ้นมา, นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็น นิมิตล่วงหน้า กล่าวคือ #รุ่งอรุณ. +--ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น : นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า เพื่อการรู้พร้อมอย่างยิ่งตามที่เป็นจริงซึ่งอริยสัจทั้งสี่ของภิกษุ สิ่งนั้นก็คือ #สัมมาทิฏฐิ. http://etipitaka.com/read/pali/19/552/?keywords=ปุพฺพนิมิตฺตํ+ยทิทํ+สมฺมาทิฏฺฐิ +--ภิกษุ ท. ! สิ่งที่พึงหวังได้สำหรับภิกษุผู้มีสัมมาทิฏฐินั้น คือเธอจัก รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์” รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์” รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเป็นเครื่องกระทำ ให้รู้ว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดทุกข์ เป็นอย่างนี้, ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้” ดังนี้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/437/1720. http://etipitaka.com/read/thai/19/437/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%92%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๒/๑๗๒๐. http://etipitaka.com/read/pali/19/552/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%92%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=712 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=712 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52 ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจสี่
    -สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งการรู้อริยสัจสี่ ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยขึ้นมา, นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็น นิมิตล่วงหน้า กล่าวคือ รุ่งอรุณ. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น : นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า เพื่อการรู้พร้อมอย่างยิ่งตามที่เป็นจริงซึ่งอริยสัจทั้งสี่ของภิกษุ สิ่งนั้นก็คือ สัมมาทิฏฐิ. ภิกษุ ท. ! สิ่งที่พึงหวังได้สำหรับภิกษุผู้มีสัมมาทิฏฐินั้น คือเธอจักรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์” รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์” รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า “นี้ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเป็นเครื่องกระทำ ให้รู้ว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดทุกข์ เป็นอย่างนี้, ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์เป็นอย่างนี้, ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่ง ทุกข์ เป็นอย่างนี้” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่าสัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม
    สัทธรรมลำดับที่ : 711
    ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=711
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยขึ้นมา,
    นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า
    กล่าวคือ #รุ่งอรุณ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=อรุณุตฺตํ
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น : นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า
    +--แห่งกุศลธรรมทั้งหลาย สิ่งนั้นก็คือ #สัมมาทิฏฐิ.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิกสฺส
    --ภิกษุ ท. !
    +--สัมมาสังกัปปะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาทิฏฐิ;
    +--สัมมาวาจา ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาสังกัปปะ;
    +--สัมมากัมมันตะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาวาจา;
    +--สัมมาอาชีวะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมากัมมันตะ;
    +--สัมมาวายามะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาอาชีวะ;
    +--สัมมาสติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาวายามะ;
    +--สัมมาสมาธิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาสติ;
    +--สัมมาญาณะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาสมาธิ;
    +--สัมมาวิมุตติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาญาณะ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=สมฺมาวิมุตฺติ

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก.อํ. 24/207/121.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/207/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก.อํ. ๒๔/๒๕๔/๑๒๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=711
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=711
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52
    ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่าสัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม สัทธรรมลำดับที่ : 711 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=711 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม --ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยขึ้นมา, นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า กล่าวคือ #รุ่งอรุณ. http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=อรุณุตฺตํ --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น : นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า +--แห่งกุศลธรรมทั้งหลาย สิ่งนั้นก็คือ #สัมมาทิฏฐิ. http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิกสฺส --ภิกษุ ท. ! +--สัมมาสังกัปปะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาทิฏฐิ; +--สัมมาวาจา ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาสังกัปปะ; +--สัมมากัมมันตะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาวาจา; +--สัมมาอาชีวะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมากัมมันตะ; +--สัมมาวายามะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาอาชีวะ; +--สัมมาสติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาวายามะ; +--สัมมาสมาธิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาสติ; +--สัมมาญาณะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาสมาธิ; +--สัมมาวิมุตติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มี สัมมาญาณะ.- http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=สมฺมาวิมุตฺติ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก.อํ. 24/207/121. http://etipitaka.com/read/thai/24/207/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก.อํ. ๒๔/๒๕๔/๑๒๑. http://etipitaka.com/read/pali/24/254/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=711 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=711 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52 ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม
    -สัมมาทิฏฐิเป็นรุ่งอรุณแห่งกุศลธรรม ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยขึ้นมา, นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า กล่าวคือ รุ่งอรุณ. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น : นั่นเป็นสิ่งที่มาก่อน นั่นเป็นนิมิตล่วงหน้า แห่งกุศลธรรมทั้งหลาย สิ่งนั้นก็คือ สัมมาทิฏฐิ. ภิกษุ ท. ! สัมมาสังกัปปะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาทิฏฐิ; สัมมาวาจา ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสังกัปปะ; สัมมากัมมันตะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาวาจา; สัมมาอาชีวะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมากัมมันตะ; สัมมาวายามะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาอาชีวะ; สัมมาสติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาวายามะ; สัมมาสมาธิ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสติ; สัมมาญาณะ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาสมาธิ; สัมมาวิมุตติ ย่อมมีอย่างเต็มที่ แก่ผู้มีสัมมาญาณะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    สัทธรรมลำดับที่ : 709
    ชื่อบทธรรม :- ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    (ระดับสูงสุด)
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ;
    สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?”
    --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=อตฺถิต+นตฺถิต
    ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ
    ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา).
    --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง
    ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่,
    ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี.
    --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง
    ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่,
    ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี.
    --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวส เป็นเครื่องผูกพัน ;
    ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ
    ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น
    ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า
    “อัตตาของเรา”
    ดังนี้.
    “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด
    ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ”
    ดังนี้
    เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล.
    ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ.
    --กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ

    (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้
    เป็น #สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ
    ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป
    http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=อวิชฺชา
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ
    ...
    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
    เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    ...
    ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
    ).-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/15-16/42-44.
    http://etipitaka.com/read/thai/16/15/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐-๒๑/๔๒-๔๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=709
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51
    ลำดับสาธยายธรรม : 51​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) สัทธรรมลำดับที่ : 709 ชื่อบทธรรม :- ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709 เนื้อความทั้งหมด :- --ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) (ระดับสูงสุด) --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ; สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?” --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=อตฺถิต+นตฺถิต ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา). --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี. --กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี. --กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวส เป็นเครื่องผูกพัน ; ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า “อัตตาของเรา” ดังนี้. “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ” ดังนี้ เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล. ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ. --กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล. http://etipitaka.com/read/pali/16/21/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ เป็น #สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=อวิชฺชา เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ ... ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ เพราะอวิชชานั่นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ... ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ).- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. 16/15-16/42-44. http://etipitaka.com/read/thai/16/15/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐-๒๑/๔๒-๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/16/20/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=709 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=709 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51 ลำดับสาธยายธรรม : 51​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง)
    -ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง) (ระดับสูงสุด) “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า “สัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ” ดังนี้ ; สัมมาทิฏฐิ ย่อมมี ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า ?” กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วซึ่งส่วนสุดทั้งสอง โดยมาก คือ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี (อตฺถิตา) และ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงไม่มี (นตฺถิตา). กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งโลก (โลกสมุทย) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลก ย่อมไม่มี. กัจจานะ ! เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามที่เป็นจริง ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งโลก (โลกนิโรธ) อยู่, ทิฏฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี. กัจจานะ ! สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และอภินิเวสเป็นเครื่องผูกพัน๑ ; ส่วนสัมมาทิฏฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ ซึ่งอุปายะและอุปาทานทั้งสองนั้น ในฐานะเป็นที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่งอภินิเวส ของจิต ว่า “อัตตาของเรา” ดังนี้. “ทุกข์นั่นแหละ เมื่อเกิดย่อมเกิด ทุกข์นั่นแหละ เมื่อดับย่อมดับ” ดังนี้ เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฏฐิไม่สงสัย ไม่ลังเล. ญาณดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ. กัจจานะ ! สัมมาทิฏฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล. (สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ เป็น สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ คือเป็นไปเพื่อ โลกุตตระ ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ ไม่มีส่วนแห่งบุญ ไม่ค่อยผ่านสายตา ไม่ค่อยผ่านหูผู้ศึกษาทั่ว ๆ ไป).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ(การเห็นอยู่โดยถูกต้อง)
    สัทธรรมลำดับที่ : 708
    ชื่อบทธรรม :- ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=708
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หมวด ข. ว่าด้วย ลักษณะ - อุปมา - ไวพจน์ ของสัมมาทิฏฐิ
    --ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเห็น จักษุ อันไม่เที่ยงนั่นแล
    ว่าไม่เที่ยง ความเห็น เช่นนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ (การเห็นอยู่โดยถูกต้อง) ของภิกษุนั้น.
    +-เมื่อเห็นอยู่โดยชอบ ย่อมเบื่อหน่าย;
    +-เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ;
    +-เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ;
    +-เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ
    กล่าวได้ว่า “จิตหลุดพ้น แล้วด้วยดี” ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/179/?keywords=นิพฺพินฺทติ+นนฺทิ+ราค

    (ในกรณีแห่งอายตนะภายนอกในที่เหลืออีก ๕ คือ
    ๒.โสตะ ๓.ฆานะ ๔.ชิวหา ๕.กายะ ๖.มโน
    และ
    ในกรณีแห่งอายตนะภายนอก ๖ คือ
    ๑.รูป ๒.เสียง ๓.กลิ่น ๔.รส ๕.โผฏฐัพพะ ๖.ธรรมารมณ์
    ก็ตรัสอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง ๑.จักษุ
    ทุกประการ
    ).-

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/145/245-246.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/145/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๙/๒๔๕-๒๔๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/179/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%95
    สศึกษา​เพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=708
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=708
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51
    ลำดับสาธยายธรรม : 51 ฟัง​เสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ(การเห็นอยู่โดยถูกต้อง) สัทธรรมลำดับที่ : 708 ชื่อบทธรรม :- ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=708 เนื้อความทั้งหมด :- --หมวด ข. ว่าด้วย ลักษณะ - อุปมา - ไวพจน์ ของสัมมาทิฏฐิ --ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเห็น จักษุ อันไม่เที่ยงนั่นแล ว่าไม่เที่ยง ความเห็น เช่นนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ (การเห็นอยู่โดยถูกต้อง) ของภิกษุนั้น. +-เมื่อเห็นอยู่โดยชอบ ย่อมเบื่อหน่าย; +-เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ; +-เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ; +-เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ กล่าวได้ว่า “จิตหลุดพ้น แล้วด้วยดี” ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/18/179/?keywords=นิพฺพินฺทติ+นนฺทิ+ราค (ในกรณีแห่งอายตนะภายนอกในที่เหลืออีก ๕ คือ ๒.โสตะ ๓.ฆานะ ๔.ชิวหา ๕.กายะ ๖.มโน และ ในกรณีแห่งอายตนะภายนอก ๖ คือ ๑.รูป ๒.เสียง ๓.กลิ่น ๔.รส ๕.โผฏฐัพพะ ๖.ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่ง ๑.จักษุ ทุกประการ ).- #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/145/245-246. http://etipitaka.com/read/thai/18/145/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๙/๒๔๕-๒๔๖. http://etipitaka.com/read/pali/18/179/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94%E0%B9%95 สศึกษา​เพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=708 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=708 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51 ลำดับสาธยายธรรม : 51 ฟัง​เสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ข. ว่าด้วย ลักษณะ - อุปมา - ไวพจน์ ของสัมมาทิฏฐิ--ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ
    -(ผู้ศึกษาพึงสังเกตุให้เห็นว่า สัมมาทิฏฐิ ๆ คำเดียวกันนี้ แยกออกไปได้ อย่างตรงกันข้าม คือพวกหนึ่งมีอาสวะ เป็นไปเพื่ออาสวะ มีส่วนแห่งบุญอันเป็นอุปธิ มีลักษณะเป็นตัวตน หรือเนื่องด้วยตัวตน ส่วนสัมมาทิฏฐิอีกชนิดหนึ่งนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ไม่มีลักษณะแห่งตัวตน ไม่เกี่ยวข้องกับบุญ แถมยังนำไปสู่โลกุตตระด้วย จึงแบ่งแยกเป็นโลกิยสัมมาทิฏฐิและโลกุตตรสัมมาทิฏฐิ ไม่พึงนำไปปนกัน หรือใช้แทนกันอย่างที่พูดกันอย่างสะเพร่าหรือหละหลวมจนเข้าใจธรรมะในพระพุทธศาสนาไม่ได้ ขอให้ช่วยกันระวังให้มากที่สุด). หมวด ข. ว่าด้วย ลักษณะ - อุปมา - ไวพจน์ ของสัมมาทิฏฐิ ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ ภิกษุ ท. ! ภิกษุเห็น จักษุ อันไม่เที่ยงนั่นแล ว่าไม่เที่ยง ความเห็น เช่นนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ (การเห็นอยู่โดยถูกต้อง) ของภิกษุนั้น. เมื่อเห็นอยู่โดยชอบ ย่อมเบื่อหน่าย; เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ; เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ; เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ กล่าวได้ว่า “จิตหลุดพ้น แล้วด้วยดี” ดังนี้. (ในกรณีแห่งอายตนะภายนอกในที่เหลืออีก ๕ คือ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ มโน และในกรณีแห่งอายตนะภายนอก ๖ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็ตรัสอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งจักษุ ทุกประการ).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมาทิฏฐิโดยปริยายสองอย่าง(โลกิยะ - โลกุตตระ)
    สัทธรรมลำดับที่ : 707
    ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิโดยปริยายสองอย่าง
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=707
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัมมาทิฏฐิโดยปริยายสองอย่าง--(โลกิยะ - โลกุตตระ)
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าวแม้ สัมมาทิฏฐิว่ามีอยู่โดยส่วนสอง คือ
    ๑.สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ (สาสว)*--๑ เป็นส่วนแห่งบุญ (ปุญญภาคิย)
    มีอุปธิเป็นวิบาก (อุปธิเวกฺก) ก็มีอยู่,
    ๒.สัมมาทิฏฐิ อันเป็นอริยะ (อริย) ไม่มีอาสวะ (อนาสว) เป็นโลกุตตระ (โลกุตฺตร)
    เป็นองค์แห่งมรรค (มคฺคงฺค) ก็มีอยู่.
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ
    เป็นส่วนแห่งบุญมีอุปธิเป็นวิบาก นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือสัมมาทิฏฐิที่ว่า
    “ทานที่ให้แล้ว มี (ผล). ยัญที่บูชาแล้ว มี (ผล). การบูชาที่บูชาแล้วมี (ผล).
    ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว มี.
    โลกนี้ มี. โลกอื่น มี. มารดา มี. บิดา มี.
    โอปปาติกะสัตว์ มี.
    สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ
    ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาโดยชอบเอง
    และประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มีอยู่”
    ดังนี้.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ #สัมมาทิฏฐิที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ
    เป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก.

    --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ อันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ
    เป็นโลกุตตระ เป็นองค์แห่งมรรค นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ สัมมาทิฏฐิ ที่ได้แก่ ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์
    และสัมมาทิฏฐิที่เป็นองค์แห่งมรรค ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอนาสวจิต
    ของผู้เป็นอริยมัคคสมังคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยมรรค.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ #สัมมาทิฏฐิอันเป็นอริยะไม่มีอาสวะ
    เป็นโลกุตตระ เป็นองค์แห่งมรรค.-

    *--๑. คำแปลของคำบัญญัติอันลึกซึ้ง เช่นคำว่า สาสว เป็นต้น เหล่านี้
    ในที่นี้แปลไว้อย่างย่อ ๆ ตามที่เคยแปลกัน
    บางทีก็แปลอย่างขยายความให้แจ่มแจ้งชัดเจนก็มี
    ผู้สนใจหาดูได้จากคำแปลของคำเหล่านี้
    อันมีอยู่ในหัวข้อว่า “#การทำหน้าที่สัมพันธ์กันของบริขารเจ็ด“
    แห่งหมวดสัมมาสมาธิ แห่งพุทธธัมม​เจดีย์ลำดับถัดไป.

    #ทุกขมรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/146/256-257.
    http://etipitaka.com/read/thai/14/146/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๑๘๑/๒๕๖-๒๕๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/14/181/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%96
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=707
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=707
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51
    ลำดับสาธยายธรรม : 51 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมาทิฏฐิโดยปริยายสองอย่าง(โลกิยะ - โลกุตตระ) สัทธรรมลำดับที่ : 707 ชื่อบทธรรม :- สัมมาทิฏฐิโดยปริยายสองอย่าง https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=707 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมาทิฏฐิโดยปริยายสองอย่าง--(โลกิยะ - โลกุตตระ) --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! เรากล่าวแม้ สัมมาทิฏฐิว่ามีอยู่โดยส่วนสอง คือ ๑.สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ (สาสว)*--๑ เป็นส่วนแห่งบุญ (ปุญญภาคิย) มีอุปธิเป็นวิบาก (อุปธิเวกฺก) ก็มีอยู่, ๒.สัมมาทิฏฐิ อันเป็นอริยะ (อริย) ไม่มีอาสวะ (อนาสว) เป็นโลกุตตระ (โลกุตฺตร) เป็นองค์แห่งมรรค (มคฺคงฺค) ก็มีอยู่. --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญมีอุปธิเป็นวิบาก นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือสัมมาทิฏฐิที่ว่า “ทานที่ให้แล้ว มี (ผล). ยัญที่บูชาแล้ว มี (ผล). การบูชาที่บูชาแล้วมี (ผล). ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว มี. โลกนี้ มี. โลกอื่น มี. มารดา มี. บิดา มี. โอปปาติกะสัตว์ มี. สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาโดยชอบเอง และประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มีอยู่” ดังนี้. +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ #สัมมาทิฏฐิที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก. --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ อันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ เป็นองค์แห่งมรรค นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือ สัมมาทิฏฐิ ที่ได้แก่ ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ และสัมมาทิฏฐิที่เป็นองค์แห่งมรรค ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอนาสวจิต ของผู้เป็นอริยมัคคสมังคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยมรรค. +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ #สัมมาทิฏฐิอันเป็นอริยะไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ เป็นองค์แห่งมรรค.- *--๑. คำแปลของคำบัญญัติอันลึกซึ้ง เช่นคำว่า สาสว เป็นต้น เหล่านี้ ในที่นี้แปลไว้อย่างย่อ ๆ ตามที่เคยแปลกัน บางทีก็แปลอย่างขยายความให้แจ่มแจ้งชัดเจนก็มี ผู้สนใจหาดูได้จากคำแปลของคำเหล่านี้ อันมีอยู่ในหัวข้อว่า “#การทำหน้าที่สัมพันธ์กันของบริขารเจ็ด“ แห่งหมวดสัมมาสมาธิ แห่งพุทธธัมม​เจดีย์ลำดับถัดไป. #ทุกขมรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. 14/146/256-257. http://etipitaka.com/read/thai/14/146/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อุปริ. ม. ๑๔/๑๘๑/๒๕๖-๒๕๗. http://etipitaka.com/read/pali/14/181/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%96 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=707 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=707 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51 ลำดับสาธยายธรรม : 51 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัมมาทิฏฐิโดยปริยายสองอย่าง
    -สัมมาทิฏฐิโดยปริยายสองอย่าง (โลกิยะ - โลกุตตระ) ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เรากล่าวแม้ สัมมาทิฏฐิว่ามีอยู่โดยส่วนสอง คือ สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ (สาสว)๑ เป็นส่วนแห่งบุญ (ปุญญภาคิย) มีอุปธิเป็นวิบาก (อุปธิเวกฺก) ก็มีอยู่, สัมมาทิฏฐิ อันเป็นอริยะ (อริย) ไม่มีอาสวะ (อนาสว) เป็นโลกุตตระ (โลกุตฺตร) เป็นองค์แห่งมรรค (มคฺคงฺค) ก็มีอยู่. ๑. คำแปลของคำบัญญัติอันลึกซึ้ง เช่นคำว่า สาสว เป็นต้น เหล่านี้ ในที่นี้แปลไว้อย่างย่อ ๆ ตามที่เคยแปลกัน บางทีก็แปลอย่างขยายความให้แจ่มแจ้งชัดเจนก็มี ผู้สนใจหาดูได้จากคำแปลของคำเหล่านี้ อันมีอยู่ในหัวข้อว่า “การทำหน้าที่สัมพันธ์กันของบริขารเจ็ด“ แห่งหมวดสัมมาสมาธิ แห่งหนังสือเล่มนี้ ที่หน้า ๑๒๘๗ บรรทัดที่แปด ไป. ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญมีอุปธิเป็นวิบาก นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือสัมมาทิฏฐิที่ว่า “ทานที่ให้แล้ว มี (ผล). ยัญที่บูชาแล้ว มี (ผล) การบูชาที่บูชาแล้วมี (ผล). ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว มี. โลกนี้ มี. โลกอื่น มี. มารดา มี. บิดา มี. โอปปาติกะสัตว์ มี. สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาโดยชอบเอง และประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มีอยู่” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! นี้คือ สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก. ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ อันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ เป็นองค์แห่งมรรค นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือสัมมาทิฏฐิที่ได้แก่ ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ และสัมมาทิฏฐิที่เป็นองค์แห่งมรรค ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอนาสวจิต ของผู้เป็นอริยมัคคสมังคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยมรรค. ภิกษุ ท. ! นี้คือ สัมมาทิฏฐิ อันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตตระ เป็นองค์แห่งมรรค.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความจริง​ในอุทเทศแห่งสัมมาทิฏฐิ
    สัทธรรมลำดับที่ : 706
    ชื่อบทธรรม :- อุทเทศแห่งสัมมาทิฏฐิ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=706
    เนื้อความทั้งหมด :-
    -- ว่าด้วย สัมมาทิฏฐิ
    หมวด ก. ว่าด้วย อุทเทศ - วิภาค ของสัมมาทิฏฐิ
    --อุทเทศแห่งสัมมาทิฏฐิ
    http://etipitaka.com/read/thai/10/231/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ความรู้อันใด
    เป็นความรู้ในทุกข์
    เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์
    เป็นความรู้ในความดับแห่งทุกข์
    เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับแห่งทุกข์.
    --ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาทิฏฐิ.-
    ...
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหา. ที. 10/231/299.
    http://etipitaka.com/read/thai/10/231/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหา. ที. ๑๐/๓๔๘/๒๙๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/10/348/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=706
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=706
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51
    ลำดับสาธยายธรรม : 51 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความจริง​ในอุทเทศแห่งสัมมาทิฏฐิ สัทธรรมลำดับที่ : 706 ชื่อบทธรรม :- อุทเทศแห่งสัมมาทิฏฐิ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=706 เนื้อความทั้งหมด :- -- ว่าด้วย สัมมาทิฏฐิ หมวด ก. ว่าด้วย อุทเทศ - วิภาค ของสัมมาทิฏฐิ --อุทเทศแห่งสัมมาทิฏฐิ http://etipitaka.com/read/thai/10/231/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ความรู้อันใด เป็นความรู้ในทุกข์ เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นความรู้ในความดับแห่งทุกข์ เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับแห่งทุกข์. --ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาทิฏฐิ.- ... #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหา. ที. 10/231/299. http://etipitaka.com/read/thai/10/231/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหา. ที. ๑๐/๓๔๘/๒๙๙. http://etipitaka.com/read/pali/10/348/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=706 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=706 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51 ลำดับสาธยายธรรม : 51 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - นิเทศ ๑๔ ว่าด้วย สัมมาทิฏฐิ
    -นิเทศ ๑๔ ว่าด้วย สัมมาทิฏฐิ (มี ๗๗ เรื่อง) หมวด ก. ว่าด้วย อุทเทศ - วิภาค ของสัมมาทิฏฐิ อุทเทศแห่งสัมมาทิฏฐิ ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ความรู้อันใด เป็นความรู้ในทุกข์ เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นความรู้ในความดับแห่งทุกข์ เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับแห่งทุกข์. ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่าสัมมาทิฏฐิ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​อุทเทสและนิทเทสแห่งอัฏฐังคิกมรรคแต่ละองค์
    สัทธรรมลำดับที่ : 705
    ชื่อบทธรรม :- อุทเทสและนิทเทสแห่งอัฏฐังคิกมรรคแต่ละองค์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=705
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อุทเทสและนิทเทสแห่งอัฏฐังคิกมรรคแต่ละองค์
    --ภิกษุ ท. ! เราจัก แสดง จัก จำแนก ซึ่ง อริยอัฏฐังคิกมรรค แก่เธอทั้งหลาย.
    เธอทั้งหลายจงฟังความข้อนั้น จงทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าว.
    --ภิกษุ ท. ! อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นอย่างไรเล่า ?
    #อริยอัฏฐังคิกมรรค ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/19/10/?keywords=อริโย+อฏฺฐงฺคิโก+มคฺโค
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ,
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ,
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ความรู้อันใดเป็นความรู้ในทุกข์
    +เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์
    +เป็นความรู้ในความดับแห่งทุกข์
    +เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับแห่งทุกข์.
    +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาทิฏฐิ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/10/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาสังกัปปะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +ความดำริในการออกจากกาม
    +ความดำริในการไม่มุ่งร้าย
    +ความดำริในการไม่เบียดเบียน.
    +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาสังกัปปะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมาสงฺกปฺ
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาวาจา เป็นอย่างไรเล่า ?
    +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดไม่จริง
    +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดส่อเสียด
    +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดหยาบ
    +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ.
    +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาวาจา.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมาวาจา
    --ภิกษุ ท. ! สัมมากัมมันตะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฆ่า
    +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว
    +เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์.*--๑
    +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมากัมมันตะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมากมฺมนฺ
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาอาชีวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้า ในกรณีนี้
    +ละการเลี้ยงชีวิตที่ผิดเสีย
    +ย่อมสำเร็จความเป็นอยู่ด้วยการเลี้ยงชีวิตที่ชอบ.
    +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาอาชีวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมาอาชี
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาวายามะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    +ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
    ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะยังอกุศลธรรม อันเป็นบาปที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น ;
    +ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
    ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะละอกุศลธรรม อันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว ;
    +ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
    ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ;
    +ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร
    ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน
    ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ
    ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว.
    +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาวายามะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมาวายา
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาสติ เป็นอย่างไรเล่า ?
    ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    +ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ
    มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
    มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ;
    +ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ
    มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
    มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ;
    +ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ
    มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
    มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ;
    +ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ
    มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
    มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ;
    +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาสติ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/12/?keywords=สมฺมาสติ
    --ภิกษุ ท. ! สัมมาสมาธิ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    +สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย
    =เข้าถึงปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ ;
    +เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง
    =เข้าถึงทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปิติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ;
    +อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปิติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญผู้นั้นว่า
    “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้
    =เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่ ;
    +เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้
    เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน
    =เข้าถึงจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์
    เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาสมาธิ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/19/12/?keywords=สมฺมาสมาธิ

    *--๑. ในที่บางแห่ง (มากแห่ง) ท่านใช้คำว่า “เว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย”.

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร.สํ. 19/8-10/33-41.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/8/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร.สํ. ๑๙/๑๐-๑๒/๓๓-๔๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/10/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=705
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=705
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51
    ลำดับสาธยายธรรม : 51 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​อุทเทสและนิทเทสแห่งอัฏฐังคิกมรรคแต่ละองค์ สัทธรรมลำดับที่ : 705 ชื่อบทธรรม :- อุทเทสและนิทเทสแห่งอัฏฐังคิกมรรคแต่ละองค์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=705 เนื้อความทั้งหมด :- --อุทเทสและนิทเทสแห่งอัฏฐังคิกมรรคแต่ละองค์ --ภิกษุ ท. ! เราจัก แสดง จัก จำแนก ซึ่ง อริยอัฏฐังคิกมรรค แก่เธอทั้งหลาย. เธอทั้งหลายจงฟังความข้อนั้น จงทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าว. --ภิกษุ ท. ! อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นอย่างไรเล่า ? #อริยอัฏฐังคิกมรรค ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ http://etipitaka.com/read/pali/19/10/?keywords=อริโย+อฏฺฐงฺคิโก+มคฺโค สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ, สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ, สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ความรู้อันใดเป็นความรู้ในทุกข์ +เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ +เป็นความรู้ในความดับแห่งทุกข์ +เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับแห่งทุกข์. +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาทิฏฐิ. http://etipitaka.com/read/pali/19/10/?keywords=สมฺมาทิฏฺฐิ --ภิกษุ ท. ! สัมมาสังกัปปะ เป็นอย่างไรเล่า ? +ความดำริในการออกจากกาม +ความดำริในการไม่มุ่งร้าย +ความดำริในการไม่เบียดเบียน. +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาสังกัปปะ. http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมาสงฺกปฺ --ภิกษุ ท. ! สัมมาวาจา เป็นอย่างไรเล่า ? +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดไม่จริง +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดส่อเสียด +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดหยาบ +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ. +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาวาจา. http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมาวาจา --ภิกษุ ท. ! สัมมากัมมันตะ เป็นอย่างไรเล่า ? +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฆ่า +เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว +เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์.*--๑ +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมากัมมันตะ. http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมากมฺมนฺ --ภิกษุ ท. ! สัมมาอาชีวะ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้า ในกรณีนี้ +ละการเลี้ยงชีวิตที่ผิดเสีย +ย่อมสำเร็จความเป็นอยู่ด้วยการเลี้ยงชีวิตที่ชอบ. +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาอาชีวะ. http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมาอาชี --ภิกษุ ท. ! สัมมาวายามะ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ +ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะยังอกุศลธรรม อันเป็นบาปที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น ; +ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะละอกุศลธรรม อันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว ; +ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ; +ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว. +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาวายามะ. http://etipitaka.com/read/pali/19/11/?keywords=สมฺมาวายา --ภิกษุ ท. ! สัมมาสติ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ +ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; +ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; +ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; +ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาสติ. http://etipitaka.com/read/pali/19/12/?keywords=สมฺมาสติ --ภิกษุ ท. ! สัมมาสมาธิ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ +สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย =เข้าถึงปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ ; +เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง =เข้าถึงทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปิติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ; +อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปิติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ =เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่ ; +เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน =เข้าถึงจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า #สัมมาสมาธิ.- http://etipitaka.com/read/pali/19/12/?keywords=สมฺมาสมาธิ *--๑. ในที่บางแห่ง (มากแห่ง) ท่านใช้คำว่า “เว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย”. #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร.สํ. 19/8-10/33-41. http://etipitaka.com/read/thai/19/8/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร.สํ. ๑๙/๑๐-๑๒/๓๓-๔๑. http://etipitaka.com/read/pali/19/10/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=705 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51&id=705 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=51 ลำดับสาธยายธรรม : 51 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_51.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - นิทเทศ ๑๓
    -นิทเทศ ๑๓ ว่าด้วย ข้อความนำเรื่องมรรค จบ อุทเทสและนิทเทสแห่งอัฏฐังคิกมรรคแต่ละองค์ ภิกษุ ท. ! เราจัก แสดง จัก จำแนก ซึ่ง อริยอัฏฐังคิกมรรค แก่เธอทั้งหลาย. เธอทั้งหลายจงฟังความข้อนั้น จงทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าว. ภิกษุ ท. ! อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นอย่างไรเล่า ? อริยอัฏฐังคิกมรรค ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! สัมมาทิฏฐิ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ความรู้อันใดเป็นความรู้ในทุกข์ เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นความรู้ในความดับแห่งทุกข์ เป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับแห่งทุกข์. ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาทิฏฐิ. ภิกษุ ท. ! สัมมาสังกัปปะ เป็นอย่างไรเล่า ? ความดำริในการออกจากกาม ความดำริในการไม่มุ่งร้าย ความดำริในการไม่เบียดเบียน. ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาสังกัปปะ. ภิกษุ ท. ! สัมมาวาจา เป็นอย่างไรเล่า ? เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดไม่จริง เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดส่อเสียด เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดหยาบ เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ. ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาวาจา. ภิกษุ ท. ! สัมมากัมมันตะ เป็นอย่างไรเล่า ? เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฆ่า เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แล้ว เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากกรรมอันมิใช่พรหมจรรย์.๑ ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมากัมมันตะ. ภิกษุ ท. ! สัมมาอาชีวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้า ในกรณีนี้ ละการเลี้ยงชีวิตที่ผิดเสีย ย่อมสำเร็จความเป็นอยู่ด้วยการเลี้ยงชีวิตที่ชอบ. ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาอาชีวะ. ภิกษุ ท. ! สัมมาวายามะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะยังอกุศลธรรม อันเป็นบาปที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น ; ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะละอกุศลธรรม อันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว ; ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ; ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว. ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาวายามะ. ภิกษุ ท. ! สัมมาสติ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผา ๑. ในที่บางแห่ง (มากแห่ง) ท่านใช้คำว่า “เว้นจากการประพฤติผิดในกามทั้งหลาย”. กิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; ย่อมเป็นผู้พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ; ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า สัมมาสติ. ภิกษุ ท. ! สัมมาสมาธิ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึงปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่ ; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เข้าถึงทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปิติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่ ; อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปิติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่ ; เพราะละสุขเสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน เข้าถึงจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่าสัมมาสมาธิ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    สัทธรรมลำดับที่ : 333
    ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า
    “อาสวะ
    นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ
    เวมัตตตาแห่งอาสวะ
    วิบากแห่งอาสวะ
    นิโรธแห่งอาสวะ
    ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ
    เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง”
    นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือ
    กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/461/?keywords=กามา

    --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็น @นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=นิทานสมฺภว
    --ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. !
    อาสวะนำไปสู่นรกก็มี
    อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี
    อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี
    อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี
    อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=เวมตฺตตา

    --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว
    เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น*--๑
    เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/463/?keywords=วิบาก

    --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า?
    --ภิกษุ ท. !
    ความดับแห่งอาสวะมี #เพราะความดับแห่งอวิชชา.
    อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ;
    ปฏิปทานั้นได้แก่
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.

    --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม
    รู้ชัดซึ่ง อาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง เวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง วิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง นิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่ง ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ;
    ในกาลนั้น
    อริยสาวกนั้นย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้
    อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.-
    http://etipitaka.com/read/pali/22/464/?keywords=อาสวนิโรธ

    *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม :
    ภาษาคนก็คือ เกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่;
    ถ้าเป็น
    ภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป
    ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย;
    ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน.

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #ตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/369-370/334.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/369/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๒-๔๖๓/๓๓๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=333
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ สัทธรรมลำดับที่ : 333 ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333 เนื้อความทั้งหมด :- --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “อาสวะ นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ เวมัตตตาแห่งอาสวะ วิบากแห่งอาสวะ นิโรธแห่งอาสวะ ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/461/?keywords=กามา --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็น @นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=นิทานสมฺภว --ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! อาสวะนำไปสู่นรกก็มี อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=เวมตฺตตา --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น*--๑ เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ. http://etipitaka.com/read/pali/22/463/?keywords=วิบาก --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า? --ภิกษุ ท. ! ความดับแห่งอาสวะมี #เพราะความดับแห่งอวิชชา. อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม รู้ชัดซึ่ง อาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง เวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง วิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง นิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่ง ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้นย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้ อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.- http://etipitaka.com/read/pali/22/464/?keywords=อาสวนิโรธ *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือ เกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่; ถ้าเป็น ภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #ตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/369-370/334. http://etipitaka.com/read/thai/22/369/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๒-๔๖๓/๓๓๔. http://etipitaka.com/read/pali/22/462/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=333 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=333 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
    -รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “อาสวะ นิทานสัมภวะแห่งอาสวะ เวมัตตตาแห่งอาสวะ วิบากแห่งอาสวะ นิโรธแห่งอาสวะ ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงอาสวะไหนกันเล่า ? ภิกษุ ท. ! อาสวะ ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่ คือกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็นนิทานสัมภวะแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! เวมัตตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! อาสวะนำไปสู่นรกก็มี อาสวะนำไปสู่กำเนิดเดรัจฉานก็มี อาสวะนำไปสู่เปรตวิสัยก็มี อาสวะนำไปสู่มนุสสโลกก็มี อาสวะนำไปสู่เทวโลกก็มี. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อที่บุคคลถึงซึ่งอวิชชาแล้ว เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากอวิชชานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น๑ เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งอาสวะ. ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งอาสวะ เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท. ! ความดับแห่งอาสวะมี เพราะความดับแห่งอวิชชา. อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อมรู้ชัดซึ่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งอาสวะ อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่; ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ อัตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากอวิชชานั้นๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่า เป็นนิโรธแห่งอาสวะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​อัฏฐังคิกมรรคกับนิพพาน
    สัทธรรมลำดับที่ : 701
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคกับนิพพาน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=701
    เนื้อความทั้งหมด :-
    หมวด ฉ. ว่าด้วย ปกิณณกะ
    --อัฏฐังคิกมรรคกับนิพพาน
    --“พระโคดมผู้เจริญ ! ธรรมเท่าไรหนอ ที่บุคคลเจริญ
    กระทำให้มากแล้วมีนิพพานเป็นที่ไป มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า มีนิพพานเป็นที่สุดจบ ?”
    --นันทิยะ ! ธรรม ๘ ประการ(อฏฺฐ ธมฺมา)​ เหล่านี้แล
    http://etipitaka.com/read/pali/19/14/?keywords=อฏฺฐ+ธมฺมา
    อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว เป็นธรรม
    มีนิพพานเป็นที่ไป (นิพฺพานคม)
    มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า (นิพฺพานปรายน)
    มีนิพพานเป็นที่สุดจบ (นิพฺพานปริโยสาน).
    http://etipitaka.com/read/pali/19/14/?keywords=นิพฺพาน
    แปดประการอย่างไรเล่า ? แปดประการ คือ
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
    --นันทิยะ ! ธรรมแปดประการเหล่านี้แล
    อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว
    มีนิพพานเป็นที่ไป มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า #มีนิพพานเป็นที่สุดจบ.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร.ส.19/10/45.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/10/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร.ส.๑๙/๑๔/๔๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/14/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=701
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=701
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​อัฏฐังคิกมรรคกับนิพพาน สัทธรรมลำดับที่ : 701 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคกับนิพพาน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=701 เนื้อความทั้งหมด :- หมวด ฉ. ว่าด้วย ปกิณณกะ --อัฏฐังคิกมรรคกับนิพพาน --“พระโคดมผู้เจริญ ! ธรรมเท่าไรหนอ ที่บุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้วมีนิพพานเป็นที่ไป มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า มีนิพพานเป็นที่สุดจบ ?” --นันทิยะ ! ธรรม ๘ ประการ(อฏฺฐ ธมฺมา)​ เหล่านี้แล http://etipitaka.com/read/pali/19/14/?keywords=อฏฺฐ+ธมฺมา อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว เป็นธรรม มีนิพพานเป็นที่ไป (นิพฺพานคม) มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า (นิพฺพานปรายน) มีนิพพานเป็นที่สุดจบ (นิพฺพานปริโยสาน). http://etipitaka.com/read/pali/19/14/?keywords=นิพฺพาน แปดประการอย่างไรเล่า ? แปดประการ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --นันทิยะ ! ธรรมแปดประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว มีนิพพานเป็นที่ไป มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า #มีนิพพานเป็นที่สุดจบ.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร.ส.19/10/45. http://etipitaka.com/read/thai/19/10/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร.ส.๑๙/๑๔/๔๕. http://etipitaka.com/read/pali/19/14/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=701 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=701 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ฉ. ว่าด้วย ปกิณณกะ
    -หมวด ฉ. ว่าด้วย ปกิณณกะ อัฏฐังคิกมรรคกับนิพพาน “พระโคดมผู้เจริญ ! ธรรมเท่าไรหนอ ที่บุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้วมีนิพพานเป็นที่ไป มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า มีนิพพานเป็นที่สุดจบ ?” นันทิยะ ! ธรรม ๘ ประการ เหล่านี้แล อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว เป็นธรรม มีนิพพานเป็นที่ไป (นิพฺพานคม) มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า (นิพฺพานปรายน) มีนิพพานเป็นที่สุดจบ (นิพฺพานปริโยสาน). แปดประการอย่างไรเล่า ? แปดประการ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. นันทิยะ ! ธรรมแปดประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว มีนิพพานเป็นที่ไป มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า มีนิพพานเป็นที่สุดจบ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค
    สัทธรรมลำดับที่ : 700
    ชื่อบทธรรม :- อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=700
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค-(ทำให้รู้จักพระศาสดาอย่างถูกต้อง)
    --กัสสป ! ข้ออื่น ที่เราจะต้องพูดกันอีก มีอยู่ ;
    คือวิญญูชนทั้งหลายจงลองหยิบขึ้นมาแยกแยะ
    จงลองสอบสวน จงลองซักซ้อม เปรียบเทียบกัน
    ระหว่างศาสดากับศาสดา
    ระหว่างสาวกกับสาวก ว่า
    ในบรรดาธรรมทั้งหลายที่ท่านผู้เจริญทั้งสองฝ่ายเหล่านี้ยอมรับตรงกัน ว่า
    http://etipitaka.com/read/pali/9/209/?keywords=กุสลา
    เป็นกุศล นับเนื่องในกุศล,
    เป็นธรรมไม่มีโทษ นับเนื่องในธรรมไม่มีโทษ,
    เป็นธรรมควรเสพ นับเนื่องในธรรมควรเสพ,
    เป็นธรรมควรแก่อริยะ นับเนื่องในธรรมควรแก่อริยะ,
    เป็นธรรมฝ่ายขาว นับเนื่องในธรรมฝ่ายขาว
    ดังนี้ ;
    ธรรมเหล่านี้ทั้งหมดนั้น คนพวกไหนสมาทานประพฤติธรรมเหล่านั้น
    ได้ครบถ้วนไม่มีเหลือ คือจะเป็นพวกสาวกของพระสมณโคดม
    หรือจะเป็นพวกสาวกของคณาจารย์ผู้เจริญเหล่าอื่นเล่า ?
    --กัสสป ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้, คือเมื่อวิญญูชนทั้งหลาย
    ลองหยิบขึ้นมาแยกแยะ ลองสอบสวน ลองซักซ้อมดู
    ในธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ว่าจะเป็นพวกไหนที่ประพฤติได้หมดจดไม่มีส่วนเหลือ
    ดังนี้แล้ว วิญญูชนเหล่านั้นก็พากันสรรเสริญพวกเราเป็นส่วนมาก ในข้อนั้น ;
    เพราะว่า หนทางมีอยู่ปฏิปทามีอยู่ ซึ่งผู้ปฏิบัติแล้ว จักรู้ได้เองเห็นได้เอง ว่า
    “พระสมณโคดมเป็นผู้มีปรกติ
    กล่าวตามกาล (กาลวาที)
    กล่าวถูกต้องตามที่เป็นจริง (ภูตวาที)
    กล่าวโดยอรรถ (อตฺถวาที)
    กล่าวโดยธรรม (ธมฺมวาที)
    กล่าวโดยวินัย (วินยวาที)”
    ดังนี้.
    --กัสสป ! หนทางนั้นเป็นอย่างไร ? ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
    หนทางนั้นคือ
    #หนทางอันประเสริฐประกอบด้วยองค์แปดประการ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
    --กัสสป ! นี้แลเป็นหนทาง เป็นปฏิปทา ซึ่งผู้ปฏิบัติตามนั้นแล้ว
    จักรู้ได้เอง จักเห็นได้เองทีเดียว ว่าพระสมณโคดม
    เป็นผู้มีปกติ
    กล่าวตามกาล
    กล่าวถูกต้องตามที่เป็นจริง
    กล่าวโดยอรรถ
    กล่าวโดยธรรม
    กล่าวโดยวินัย
    http://etipitaka.com/read/pali/9/210/?keywords=วินยวาที
    ดังนี้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/225/265.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/225/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๐๙/๒๖๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/209/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%95
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=700
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=700
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค สัทธรรมลำดับที่ : 700 ชื่อบทธรรม :- อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=700 เนื้อความทั้งหมด :- --อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค-(ทำให้รู้จักพระศาสดาอย่างถูกต้อง) --กัสสป ! ข้ออื่น ที่เราจะต้องพูดกันอีก มีอยู่ ; คือวิญญูชนทั้งหลายจงลองหยิบขึ้นมาแยกแยะ จงลองสอบสวน จงลองซักซ้อม เปรียบเทียบกัน ระหว่างศาสดากับศาสดา ระหว่างสาวกกับสาวก ว่า ในบรรดาธรรมทั้งหลายที่ท่านผู้เจริญทั้งสองฝ่ายเหล่านี้ยอมรับตรงกัน ว่า http://etipitaka.com/read/pali/9/209/?keywords=กุสลา เป็นกุศล นับเนื่องในกุศล, เป็นธรรมไม่มีโทษ นับเนื่องในธรรมไม่มีโทษ, เป็นธรรมควรเสพ นับเนื่องในธรรมควรเสพ, เป็นธรรมควรแก่อริยะ นับเนื่องในธรรมควรแก่อริยะ, เป็นธรรมฝ่ายขาว นับเนื่องในธรรมฝ่ายขาว ดังนี้ ; ธรรมเหล่านี้ทั้งหมดนั้น คนพวกไหนสมาทานประพฤติธรรมเหล่านั้น ได้ครบถ้วนไม่มีเหลือ คือจะเป็นพวกสาวกของพระสมณโคดม หรือจะเป็นพวกสาวกของคณาจารย์ผู้เจริญเหล่าอื่นเล่า ? --กัสสป ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้, คือเมื่อวิญญูชนทั้งหลาย ลองหยิบขึ้นมาแยกแยะ ลองสอบสวน ลองซักซ้อมดู ในธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ว่าจะเป็นพวกไหนที่ประพฤติได้หมดจดไม่มีส่วนเหลือ ดังนี้แล้ว วิญญูชนเหล่านั้นก็พากันสรรเสริญพวกเราเป็นส่วนมาก ในข้อนั้น ; เพราะว่า หนทางมีอยู่ปฏิปทามีอยู่ ซึ่งผู้ปฏิบัติแล้ว จักรู้ได้เองเห็นได้เอง ว่า “พระสมณโคดมเป็นผู้มีปรกติ กล่าวตามกาล (กาลวาที) กล่าวถูกต้องตามที่เป็นจริง (ภูตวาที) กล่าวโดยอรรถ (อตฺถวาที) กล่าวโดยธรรม (ธมฺมวาที) กล่าวโดยวินัย (วินยวาที)” ดังนี้. --กัสสป ! หนทางนั้นเป็นอย่างไร ? ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไรเล่า ? หนทางนั้นคือ #หนทางอันประเสริฐประกอบด้วยองค์แปดประการ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --กัสสป ! นี้แลเป็นหนทาง เป็นปฏิปทา ซึ่งผู้ปฏิบัติตามนั้นแล้ว จักรู้ได้เอง จักเห็นได้เองทีเดียว ว่าพระสมณโคดม เป็นผู้มีปกติ กล่าวตามกาล กล่าวถูกต้องตามที่เป็นจริง กล่าวโดยอรรถ กล่าวโดยธรรม กล่าวโดยวินัย http://etipitaka.com/read/pali/9/210/?keywords=วินยวาที ดังนี้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/225/265. http://etipitaka.com/read/thai/9/225/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๐๙/๒๖๕. http://etipitaka.com/read/pali/9/209/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96%E0%B9%95 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=700 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=700 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค
    -(ในสูตรนี้ ทรงแสดงกรรมไม่ดำไม่ขาว เป็นที่สิ้นกรรมไว้ด้วยอริยมรรคมีองค์แปด; ในสูตรอื่นทรงแสดงไว้ด้วย โพชฌงค์เจ็ด ก็มี -๒๑/๓๒๒/๒๓๘, แสดงไว้ด้วยเจตนาเป็นเครื่องละกรรมดำกรรมขาวและกรรมทั้งดำทั้งขาว ก็มี -๒๑/๓๑๘/๒๓๔). อานิสงส์พิเศษแห่งอัฏฐังคิกมรรค (ทำให้รู้จักพระศาสดาอย่างถูกต้อง) กัสสป ! ข้ออื่น ที่เราจะต้องพูดกันอีก มีอยู่ ; คือวิญญูชนทั้งหลายจงลองหยิบขึ้นมาแยกแยะ จงลองสอบสวน จงลองซักซ้อม เปรียบเทียบกันระหว่างศาสดากับศาสดา ระหว่างสาวกกับสาวก ว่า ในบรรดาธรรมทั้งหลายที่ท่านผู้เจริญทั้งสองฝ่ายเหล่านี้ยอมรับตรงกัน ว่า เป็นกุศล นับเนื่องในกุศล, เป็นธรรมไม่มีโทษ นับเนื่องในธรรมไม่มีโทษ, เป็นธรรมควรเสพ นับเนื่องในธรรมควรเสพ, เป็นธรรมควรแก่อริยะ นับเนื่องในธรรมควรแก่อริยะ, เป็นธรรมฝ่ายขาว นับเนื่องในธรรมฝ่ายขาว ดังนี้ ; ธรรมเหล่านี้ทั้งหมดนั้น คนพวกไหนสมาทานประพฤติธรรมเหล่านั้นได้ครบถ้วนไม่มีเหลือ คือจะเป็นพวกสาวกของพระสมณโคดม หรือจะเป็นพวกสาวกของคณาจารย์ผู้เจริญเหล่าอื่นเล่า ? กัสสป ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้, คือเมื่อวิญญูชนทั้งหลาย ลองหยิบขึ้นมาแยกแยะ ลองสอบสวน ลองซักซ้อมดู ในธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ว่าจะเป็นพวกไหนที่ประพฤติได้หมดจดไม่มีส่วนเหลือ ดังนี้แล้ว วิญญูชนเหล่านั้น ก็พากันสรรเสริญพวกเราเป็นส่วนมาก ในข้อนั้น ; เพราะว่า หนทางมีอยู่ปฏิปทามีอยู่ ซึ่งผู้ปฏิบัติแล้ว จักรู้ได้เองเห็นได้เอง ว่า “พระสมณโคดมเป็นผู้มีปรกติกล่าวตามกาล (กาลวาที) กล่าวถูกต้องตามที่เป็นจริง (ภูตวาที) กล่าวโดยอรรถ (อตฺถวาที) กล่าวโดยธรรม (ธมฺมวาที) กล่าวโดยวินัย (วินยวาที)” ดังนี้. กัสสป ! หนทางนั้นเป็นอย่างไร ? ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไรเล่า ? หนทางนั้นคือ หนทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์แปดประการ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. กัสสป ! นี้แลเป็นหนทาง เป็นปฏิปทา ซึ่งผู้ปฏิบัติตามนั้นแล้ว จักรู้ได้เอง จักเห็นได้เองทีเดียว ว่าพระสมณโคดมเป็นผู้มีปกติกล่าวตามกาล กล่าวถูกต้องตามที่เป็นจริง กล่าวโดยอรรถ กล่าวโดยธรรม กล่าวโดยวินัยดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมที่สิ้นกรรม
    สัทธรรมลำดับที่ : 699
    ชื่อบทธรรม : -อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมที่สิ้นกรรม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=699
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมที่สิ้นกรรม
    --ภิกษุ ท. ! กรรม ๔ อย่างเหล่านี้ เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่วกัน.
    กรรม ๔ อย่าง อย่างไรเล่า ?
    ๑--ภิกษุ ท. ! กรรมดำ มีวิบากดำ ก็มีอยู่.
    ๒--ภิกษุ ท. ! กรรมขาว มีวิบากขาว ก็มีอยู่.
    ๓--ภิกษุ ท. ! กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ก็มีอยู่.
    ๔--ภิกษุ ท. ! กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ก็มีอยู่.

    --ภิกษุ ท. ! กรรมดำ มีวิบากดำ เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
    ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน,
    ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน,
    ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน,
    ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว
    ย่อม เข้าถึงโลก อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ;
    ผัสสะทั้งหลาย อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
    ย่อม ถูกต้องเขาซึ่งเป็นผู้เข้าถึงโลก อันเป็นไปด้วยความเบียดเบียน ;
    เขาอันผัสสะที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว
    ย่อม เสวยเวทนา ที่เป็นไปด้วยความเบียดเบียน อันเป็นทุกข์โดยส่วนเดียว,
    ดังเช่น #พวกสัตว์นรก.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมดำ มีวิบากดำ.

    --ภิกษุ ท. ! กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
    ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน,
    ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน,
    ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน,
    ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว
    ย่อม เข้าถึงโลก อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน;
    ผัสสะทั้งหลาย ที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน
    ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลก อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ;
    เขาอันผัสสะที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว
    ย่อมเสวยเวทนาที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน อันเป็นสุขโดยส่วนเดียว,
    ดังเช่น #พวกเทพสุภกิณหา.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่ากรรมขาว มีวิบากขาว.

    --ภิกษุ ท. ! กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
    ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
    ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง,
    ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
    ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง,
    ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
    ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง,
    ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว
    ย่อม เข้าถึงโลก อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
    ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง ;
    ผัสสะทั้งหลาย ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลก อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง
    ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ;
    เขาอันผัสสะที่ เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง
    ถูกต้องแล้ว
    ย่อม เสวยเวทนา ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง อันเป็นเวทนาที่เป็นสุขและทุกข์เจือกัน,
    ดังเช่น #พวกมนุษย์ #พวกเทพบางพวก #พวกวินิบาตบางพวก(เดรัจฉาน)​.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว.

    --ภิกษุ ท. ! กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม
    นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือ
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว
    เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม.
    --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล กรรม ๔ อย่าง ที่เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว
    ประกาศให้รู้ทั่วกัน.-

    (ในสูตรนี้ ทรงแสดงกรรมไม่ดำไม่ขาว
    เป็นที่สิ้นกรรมไว้ ด้วย #อริยมรรคมีองค์แปด;
    ในสูตรอื่น
    ทรงแสดงไว้ด้วย #โพชฌงค์เจ็ด ก็มี
    ---๒๑/๓๒๒/๒๓๘,
    http://etipitaka.com/read/pali/21/322/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%98
    แสดงไว้ด้วย #เจตนาเป็นเครื่องละกรรมดำกรรมขาวและกรรมทั้งดำทั้งขาว ก็มี
    ---๒๑/๓๑๘/๒๓๔
    http://etipitaka.com/read/pali/21/318/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%94
    ).

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก#สุตันตปิฎกบาลี#พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺกฺ. อํ. 21/320-321/237.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/222/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺกฺ. อํ. ๒๑/๓๒๐-๓๒๑/๒๓๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/320/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%97
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=699
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=699
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมที่สิ้นกรรม สัทธรรมลำดับที่ : 699 ชื่อบทธรรม : -อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมที่สิ้นกรรม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=699 เนื้อความทั้งหมด :- --อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมที่สิ้นกรรม --ภิกษุ ท. ! กรรม ๔ อย่างเหล่านี้ เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่วกัน. กรรม ๔ อย่าง อย่างไรเล่า ? ๑--ภิกษุ ท. ! กรรมดำ มีวิบากดำ ก็มีอยู่. ๒--ภิกษุ ท. ! กรรมขาว มีวิบากขาว ก็มีอยู่. ๓--ภิกษุ ท. ! กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ก็มีอยู่. ๔--ภิกษุ ท. ! กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ก็มีอยู่. --ภิกษุ ท. ! กรรมดำ มีวิบากดำ เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว ย่อม เข้าถึงโลก อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ; ผัสสะทั้งหลาย อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ย่อม ถูกต้องเขาซึ่งเป็นผู้เข้าถึงโลก อันเป็นไปด้วยความเบียดเบียน ; เขาอันผัสสะที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อม เสวยเวทนา ที่เป็นไปด้วยความเบียดเบียน อันเป็นทุกข์โดยส่วนเดียว, ดังเช่น #พวกสัตว์นรก. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมดำ มีวิบากดำ. --ภิกษุ ท. ! กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว ย่อม เข้าถึงโลก อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน; ผัสสะทั้งหลาย ที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลก อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ; เขาอันผัสสะที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมเสวยเวทนาที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน อันเป็นสุขโดยส่วนเดียว, ดังเช่น #พวกเทพสุภกิณหา. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่ากรรมขาว มีวิบากขาว. --ภิกษุ ท. ! กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง, ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง, ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง, ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว ย่อม เข้าถึงโลก อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง ; ผัสสะทั้งหลาย ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลก อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ; เขาอันผัสสะที่ เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง ถูกต้องแล้ว ย่อม เสวยเวทนา ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง อันเป็นเวทนาที่เป็นสุขและทุกข์เจือกัน, ดังเช่น #พวกมนุษย์ #พวกเทพบางพวก #พวกวินิบาตบางพวก(เดรัจฉาน)​. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว. --ภิกษุ ท. ! กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม. --ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล กรรม ๔ อย่าง ที่เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่วกัน.- (ในสูตรนี้ ทรงแสดงกรรมไม่ดำไม่ขาว เป็นที่สิ้นกรรมไว้ ด้วย #อริยมรรคมีองค์แปด; ในสูตรอื่น ทรงแสดงไว้ด้วย #โพชฌงค์เจ็ด ก็มี ---๒๑/๓๒๒/๒๓๘, http://etipitaka.com/read/pali/21/322/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%98 แสดงไว้ด้วย #เจตนาเป็นเครื่องละกรรมดำกรรมขาวและกรรมทั้งดำทั้งขาว ก็มี ---๒๑/๓๑๘/๒๓๔ http://etipitaka.com/read/pali/21/318/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%94 ). #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก​ #สุตันตปิฎกบาลี​ #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺกฺ. อํ. 21/320-321/237. http://etipitaka.com/read/thai/21/222/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺกฺ. อํ. ๒๑/๓๒๐-๓๒๑/๒๓๗. http://etipitaka.com/read/pali/21/320/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%97 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=699 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=699 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมที่สิ้นกรรม
    -อริยอัฏฐังคิกมรรค เป็นกรรมที่สิ้นกรรม ภิกษุ ท. ! กรรม ๔ อย่างเหล่านี้ เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่วกัน. กรรม ๔ อย่าง อย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! กรรมดำ มีวิบากดำ ก็มีอยู่. ภิกษุ ท. ! กรรมขาว มีวิบากขาว ก็มีอยู่. ภิกษุ ท. ! กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ก็มีอยู่. ภิกษุ ท. ! กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม ก็มีอยู่. ภิกษุ ท. ! กรรมดำ มีวิบากดำ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว ย่อม เข้าถึงโลก อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ; ผัสสะทั้งหลาย อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ย่อมถูกต้องเขาซึ่งเป็นผู้เข้าถึงโลกอันเป็นไปด้วยความเบียดเบียน ; เขาอันผัสสะที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมเสวยเวทนา ที่เป็นไปด้วยความเบียดเบียน อันเป็นทุกข์โดยส่วนเดียว, ดังเช่นพวกสัตว์นรก. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมดำ มีวิบากดำ. ภิกษุ ท. ! กรรมขาว มีวิบากขาว เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน, ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว ย่อม เข้าถึงโลก อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน; ผัสสะทั้งหลาย ที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลก อันไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน ; เขาอันผัสสะที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมเสวยเวทนาที่ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียน อัน เป็นสุขโดยส่วนเดียว, ดังเช่นพวกเทพสุภกิณหา. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่ากรรมขาว มีวิบากขาว. ภิกษุ ท. ! กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ย่อมปรุงแต่ง กายสังขารอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง, ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง, ย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง, ครั้นเขาปรุงแต่งสังขาร (ทั้งสาม) ดังนี้แล้ว ย่อม เข้าถึงโลก อันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง ; ผัสสะทั้งหลาย ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลกอันเป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ; เขาอันผัสสะที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง ถูกต้องแล้ว ย่อม เสวยเวทนา ที่เป็นไปกับด้วยความเบียดเบียนบ้าง ไม่เป็นไปด้วยความเบียดเบียนบ้าง อันเป็นเวทนาที่เป็นสุขและทุกข์เจือกัน, ดังเช่นพวกมนุษย์ พวกเทพบางพวก พวกวินิบาตบางพวก. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว. ภิกษุ ท. ! กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล กรรม ๔ อย่าง ที่เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้รู้ทั่วกัน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะพรหมจรรย์และผลแห่งพรหมจรรย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 698
    เนื้อความทั้งหมด :- อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะพรหมจรรย์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=698
    --ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงซึ่ง พรหมจรรย์ และ ผลแห่งพรหมจรรย์. เธอทั้งหลายจงฟัง.
    --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ #อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง ได้แก่
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า พรหมจรรย์.
    --ภิกษุ ท. ! ผลแห่งพรหมจรรย์ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
    โสตาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ผลแห่งพรหมจรรย์.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ . 19/25-26/111-113.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/25/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ . ๑๙/๓๑-๓๒/๑๑๑-๑๑๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/31/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%91
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=698
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=698
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะพรหมจรรย์และผลแห่งพรหมจรรย์ สัทธรรมลำดับที่ : 698 เนื้อความทั้งหมด :- อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะพรหมจรรย์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=698 --ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงซึ่ง พรหมจรรย์ และ ผลแห่งพรหมจรรย์. เธอทั้งหลายจงฟัง. --ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ #อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า พรหมจรรย์. --ภิกษุ ท. ! ผลแห่งพรหมจรรย์ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ โสตาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ผลแห่งพรหมจรรย์.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ . 19/25-26/111-113. http://etipitaka.com/read/thai/19/25/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ . ๑๙/๓๑-๓๒/๑๑๑-๑๑๓. http://etipitaka.com/read/pali/19/31/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%91 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=698 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=698 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะพรหมจรรย์
    -อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะพรหมจรรย์ ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงซึ่ง พรหมจรรย์ และ ผลแห่งพรหมจรรย์. เธอทั้งหลายจงฟัง. ภิกษุ ท. ! พรหมจรรย์ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! นี้เรากล่าวว่า พรหมจรรย์. ภิกษุ ท. ! ผลแห่งพรหมจรรย์ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ โสตาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ผลแห่งพรหมจรรย์.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง
    สัทธรรมลำดับที่ : 697
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=697
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง
    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๘ ประการ เหล่านี้
    http://etipitaka.com/read/pali/19/29/?keywords=อริโย+อฏฺฐงฺคิโก+มคฺโค
    อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อการไปจากที่มิใช่ฝั่ง (วัฏฏสงสาร)
    สู่ที่อันเป็นฝั่ง (นิพพาน).
    แปดประการ อย่างไรเล่า ? แปดประการคือ
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ (ปัญญา)​
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ (ศีล)​
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. (สมาธิ)​
    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๘ ประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญ
    กระทำให้มากแล้วย่อมเป็นไปเพื่อการไปจากที่มิใช่ฝั่ง (วัฏฏสงสาร) #สู่ที่อันเป็นฝั่ง (นิพพาน).

    --(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
    --ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่ถึงฝั่งแห่งพระนิพพานมีน้อยนัก
    หมู่มนุษย์นอกนั้น ย่อมวิ่งเลาะอยู่ตามฝั่งในนี่เอง.
    --ก็ชนเหล่าใดประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
    ในธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว ชนเหล่านั้นจักถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน
    ข้ามพ้นบ่วงแห่งมัจจุที่ข้ามได้ยากนัก.
    --จงเป็นบัณฑิตละธรรมดำเสีย แล้วเจริญธรรมขาว
    จงมาถึงที่ไม่มีน้ำจากที่มีน้ำ จงละกามเสีย
    เป็นผู้ไม่มีความกังวล จงยินดีเฉพาะต่อพระนิพพานอันเป็นที่สงัด
    ซึ่งสัตว์ยินดีได้โดยยาก.
    --บัณทิตพึงชำระตนให้หมดจด จากกิเลสแห่งจิต
    เหมือนจิตของพวกที่อบรมดีแล้วโดยชอบ
    ในองค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้พร้อมทั้งหลาย.
    --ชนเหล่าใด ไม่ยึดมั่นแล้ว ยินดีในความสลัดคืนซึ่งความยึดมั่น
    ไม่มีอาสวะ มีความรุ่งเรืองด้วยปัญญา.
    #ชนเหล่านั้นเป็นผู้ดับเย็น (ปรินิพฺพุตา) ในโลก.-
    http://etipitaka.com/read/pali/19/30/?keywords=ปรินิพฺพุตา
    อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ เย ชนา ปารคามิโน
    อถายํ อิตรา ปชา ตีรเมวานุธาวติ ฯ
    เย จ โข สมฺมทกฺขาเต ธมฺเม ธมฺมานุวตฺติโน
    เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ ฯ
    กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหาย สุกฺกํ ภาเวถ ปณฺฑิโต
    โอกา อโนกมาคมฺม วิเวเก ยตฺถ ทูรมํ
    ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺย หิตฺวา กาเม อกิญฺจโน
    ปริโยทเปยฺย อตฺตานํ จิตฺตเกฺลเสหิ ปณฺฑิโต
    เยสํ สมฺโพธิยงฺเคสุ สมฺมา จิตฺตํ สุภาวิตํ
    อาทานปฏินิสฺสคฺเค อนุปาทาย เย รตา
    ขีณาสวา ชุติมนฺโต เต โลเก ปรินิพฺพุตาติ ฯ

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/23/96-98.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/23/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙/๙๖-๙๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/29/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%96
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=697
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=697
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง สัทธรรมลำดับที่ : 697 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=697 เนื้อความทั้งหมด :- --อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๘ ประการ เหล่านี้ http://etipitaka.com/read/pali/19/29/?keywords=อริโย+อฏฺฐงฺคิโก+มคฺโค อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อการไปจากที่มิใช่ฝั่ง (วัฏฏสงสาร) สู่ที่อันเป็นฝั่ง (นิพพาน). แปดประการ อย่างไรเล่า ? แปดประการคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ (ปัญญา)​ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ (ศีล)​ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. (สมาธิ)​ --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๘ ประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้วย่อมเป็นไปเพื่อการไปจากที่มิใช่ฝั่ง (วัฏฏสงสาร) #สู่ที่อันเป็นฝั่ง (นิพพาน). --(คาถาผนวกท้ายพระสูตร) --ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่ถึงฝั่งแห่งพระนิพพานมีน้อยนัก หมู่มนุษย์นอกนั้น ย่อมวิ่งเลาะอยู่ตามฝั่งในนี่เอง. --ก็ชนเหล่าใดประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ในธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว ชนเหล่านั้นจักถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน ข้ามพ้นบ่วงแห่งมัจจุที่ข้ามได้ยากนัก. --จงเป็นบัณฑิตละธรรมดำเสีย แล้วเจริญธรรมขาว จงมาถึงที่ไม่มีน้ำจากที่มีน้ำ จงละกามเสีย เป็นผู้ไม่มีความกังวล จงยินดีเฉพาะต่อพระนิพพานอันเป็นที่สงัด ซึ่งสัตว์ยินดีได้โดยยาก. --บัณทิตพึงชำระตนให้หมดจด จากกิเลสแห่งจิต เหมือนจิตของพวกที่อบรมดีแล้วโดยชอบ ในองค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้พร้อมทั้งหลาย. --ชนเหล่าใด ไม่ยึดมั่นแล้ว ยินดีในความสลัดคืนซึ่งความยึดมั่น ไม่มีอาสวะ มีความรุ่งเรืองด้วยปัญญา. #ชนเหล่านั้นเป็นผู้ดับเย็น (ปรินิพฺพุตา) ในโลก.- http://etipitaka.com/read/pali/19/30/?keywords=ปรินิพฺพุตา อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ เย ชนา ปารคามิโน อถายํ อิตรา ปชา ตีรเมวานุธาวติ ฯ เย จ โข สมฺมทกฺขาเต ธมฺเม ธมฺมานุวตฺติโน เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ ฯ กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหาย สุกฺกํ ภาเวถ ปณฺฑิโต โอกา อโนกมาคมฺม วิเวเก ยตฺถ ทูรมํ ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺย หิตฺวา กาเม อกิญฺจโน ปริโยทเปยฺย อตฺตานํ จิตฺตเกฺลเสหิ ปณฺฑิโต เยสํ สมฺโพธิยงฺเคสุ สมฺมา จิตฺตํ สุภาวิตํ อาทานปฏินิสฺสคฺเค อนุปาทาย เย รตา ขีณาสวา ชุติมนฺโต เต โลเก ปรินิพฺพุตาติ ฯ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/23/96-98. http://etipitaka.com/read/thai/19/23/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๙/๙๖-๙๘. http://etipitaka.com/read/pali/19/29/?keywords=%E0%B9%99%E0%B9%96 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=697 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=697 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง
    -อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะธรรมเครื่องข้ามฝั่ง ภิกษุ ท. ! ธรรม ๘ ประการ เหล่านี้ อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อการไปจากที่มิใช่ฝั่ง (วัฏฏสงสาร) สู่ที่อันเป็นฝั่ง (นิพพาน). แปดประการ อย่างไรเล่า ? แปดประการคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! ธรรม ๘ ประการเหล่านี้แล อันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้วย่อมเป็นไปเพื่อการไปจากที่มิใช่ฝั่ง (วัฏฏสงสาร) สู่ที่อันเป็นฝั่ง (นิพพาน). (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่ถึงฝั่งแห่งพระนิพพานมีน้อยนัก หมู่มนุษย์นอกนั้น ย่อมวิ่งเลาะอยู่ตามฝั่งในนี่เอง. ก็ชนเหล่าใดประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ในธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว ชนเหล่านั้นจักถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน ข้ามพ้นบ่วงแห่งมัจจุที่ข้ามได้ยากนัก. จงเป็นบัณฑิตละธรรมดำเสีย แล้วเจริญธรรมขาว จงมาถึงที่ไม่มีน้ำจากที่มีน้ำ จงละกามเสีย เป็นผู้ไม่มีความกังวล จงยินดีเฉพาะต่อพระนิพพานอันเป็นที่สงัด ซึ่งสัตว์ยินดีได้โดยยาก. บัณทิตพึงชำระตนให้หมดจด จากกิเลสแห่งจิต เหมือนจิตของพวกที่อบรมดีแล้วโดยชอบ ในองค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้พร้อมทั้งหลาย. ชนเหล่าใด ไม่ยึดมั่นแล้ว ยินดีในความสลัดคืนซึ่งความยึดมั่น ไม่มีอาสวะ มีความรุ่งเรืองด้วยปัญญา. ชนเหล่านั้นเป็นผู้ดับเย็น (ปรินิพฺพุตา) ในโลก.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคเป็นปฏิปทาเพื่อความเป็นอริยบุคคลสี่
    สัทธรรมลำดับที่ : 696
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรค เป็นปฏิปทาเพื่อความเป็นอริยบุคคลสี่
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=696
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หมวด จ. ว่าด้วย อานิสงส์ของมรรค
    --อัฏฐังคิกมรรค เป็นปฏิปทาเพื่อความเป็นอริยบุคคลสี่
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ภิกษุทั้งหลาย ย่อมประพฤติ พรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้งซึ่งสมาธิภาวนา (อันเป็นอิทธิวิธีประการต่าง ๆ)
    เหล่านั้นเสียละกระมัง ?”
    --มหาลิ ! ภิกษุทั้งหลาย ย่อมประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้งซึ่งสมาธิภาวนาเหล่านั้น ก็หามิได้ ;
    แต่ธรรมะเหล่าอื่นที่ยิ่งกว่า ประณีตกว่า กว่าสมาธิภาวนาเหล่านั้น ก็มีอยู่ ;
    และ ภิกษุทั้งหลายพากันประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้ง
    ซึ่งธรรมทั้งหลายอันยิ่งกว่าประณีตกว่าเหล่านั้น.
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลาย อันยิ่งกว่าประณีตกว่า เหล่านั้น
    เป็นอย่างไรเล่า ?”
    --มหาลิ ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม #เป็นโสดาบัน
    http://etipitaka.com/read/pali/9/199/?keywords=โสตาปนฺโน
    เป็นผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า.
    --มหาลิ ! นี้แล ธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า.
    --มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม
    และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะก็เบาบาง #เป็นสกทาคามี
    http://etipitaka.com/read/pali/9/199/?keywords=สกทาคามี
    มาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียว แล้วย่อมกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
    --มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า.
    --มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำทั้งห้า
    #เป็นโอปปาติกะ (อนาคามี)
    http://etipitaka.com/read/pali/9/200/?keywords=โอปปาติโก
    มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา.
    --มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า.
    --มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง
    #เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
    http://etipitaka.com/read/pali/9/200/?keywords=เจโตวิมุตฺตึ+ปญฺญาวิมุตฺตึ
    ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมเทียว เข้าถึงแล้วแลอยู่.
    --มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า.
    --มหาลิ ! ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล เป็นธรรมยิ่งกว่าประณีตกว่า
    ที่ภิกษุทั้งหลายพากันประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อกระทำให้แจ้ง.
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มรรคมีอยู่หรือ ปฏิปทามีอยู่หรือ
    เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น ?”
    --มหาลิ ! มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่ เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น.
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเป็นอย่างไร
    เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น ?”
    #อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแหละ ได้แก่
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
    --มหาลิ ! นี้แล มรรค นี้แล ปฏิปทา
    เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/191-192/250-254.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/191/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๑๙๙-๒๐๐/๒๕๐-๒๕๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/199/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=696
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=696
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคเป็นปฏิปทาเพื่อความเป็นอริยบุคคลสี่ สัทธรรมลำดับที่ : 696 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรค เป็นปฏิปทาเพื่อความเป็นอริยบุคคลสี่ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=696 เนื้อความทั้งหมด :- --หมวด จ. ว่าด้วย อานิสงส์ของมรรค --อัฏฐังคิกมรรค เป็นปฏิปทาเพื่อความเป็นอริยบุคคลสี่ --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ภิกษุทั้งหลาย ย่อมประพฤติ พรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้งซึ่งสมาธิภาวนา (อันเป็นอิทธิวิธีประการต่าง ๆ) เหล่านั้นเสียละกระมัง ?” --มหาลิ ! ภิกษุทั้งหลาย ย่อมประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้งซึ่งสมาธิภาวนาเหล่านั้น ก็หามิได้ ; แต่ธรรมะเหล่าอื่นที่ยิ่งกว่า ประณีตกว่า กว่าสมาธิภาวนาเหล่านั้น ก็มีอยู่ ; และ ภิกษุทั้งหลายพากันประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันยิ่งกว่าประณีตกว่าเหล่านั้น. --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลาย อันยิ่งกว่าประณีตกว่า เหล่านั้น เป็นอย่างไรเล่า ?” --มหาลิ ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม #เป็นโสดาบัน http://etipitaka.com/read/pali/9/199/?keywords=โสตาปนฺโน เป็นผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า. --มหาลิ ! นี้แล ธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า. --มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะก็เบาบาง #เป็นสกทาคามี http://etipitaka.com/read/pali/9/199/?keywords=สกทาคามี มาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียว แล้วย่อมกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. --มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า. --มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำทั้งห้า #เป็นโอปปาติกะ (อนาคามี) http://etipitaka.com/read/pali/9/200/?keywords=โอปปาติโก มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา. --มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า. --มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง #เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย http://etipitaka.com/read/pali/9/200/?keywords=เจโตวิมุตฺตึ+ปญฺญาวิมุตฺตึ ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมเทียว เข้าถึงแล้วแลอยู่. --มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า. --มหาลิ ! ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล เป็นธรรมยิ่งกว่าประณีตกว่า ที่ภิกษุทั้งหลายพากันประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อกระทำให้แจ้ง. --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มรรคมีอยู่หรือ ปฏิปทามีอยู่หรือ เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น ?” --มหาลิ ! มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่ เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น. --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเป็นอย่างไร เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น ?” #อริยอัฏฐังคิกมรรค นี้นั่นแหละ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --มหาลิ ! นี้แล มรรค นี้แล ปฏิปทา เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/191-192/250-254. http://etipitaka.com/read/thai/9/191/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๑๙๙-๒๐๐/๒๕๐-๒๕๔. http://etipitaka.com/read/pali/9/199/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=696 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=696 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ๑. อริยอัฏฐังคิกมรรคมี ๔ รูปแบบ คือ ชนิดที่อาศัยวิเวก วิราคะ นิโรธ และเป็นโวสสัคคปริณามี ๑ ; ชนิดที่มีการนำออกซึ่งราคะ โทสะ โมหะ เป็นปริโยสาน ๑ ; ชนิดที่มีการหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นปริโยสาน ๑ ; และชนิดที่ลาดเอียงเงื้อมไปสู่นิพพาน ๑.
    -๑. อริยอัฏฐังคิกมรรคมี ๔ รูปแบบ คือ ชนิดที่อาศัยวิเวก วิราคะ นิโรธ และเป็นโวสสัคคปริณามี ๑ ; ชนิดที่มีการนำออกซึ่งราคะ โทสะ โมหะ เป็นปริโยสาน ๑ ; ชนิดที่มีการหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นปริโยสาน ๑ ; และชนิดที่ลาดเอียงเงื้อมไปสู่นิพพาน ๑. หมวด จ. ว่าด้วย อานิสงส์ของมรรค อัฏฐังคิกมรรค เป็นปฏิปทาเพื่อความเป็นอริยบุคคลสี่ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ภิกษุทั้งหลาย ย่อมประพฤติ พรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้งซึ่งสมาธิภาวนา (อันเป็นอิทธิวิธีประการต่าง ๆ) เหล่านั้นเสียละกระมัง ?” มหาลิ ! ภิกษุทั้งหลาย ย่อมประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้งซึ่งสมาธิภาวนาเหล่านั้น ก็หามิได้ ; แต่ธรรมะเหล่าอื่นที่ยิ่งกว่า ประณีตกว่า กว่าสมาธิภาวนาเหล่านั้น ก็มีอยู่ ; และ ภิกษุทั้งหลายพากันประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพราะเหตุเพื่อจะทำให้แจ้ง ซึ่งธรรมทั้งหลายอันยิ่งกว่าประณีตกว่าเหล่านั้น. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมทั้งหลาย อันยิ่งกว่าประณีตกว่า เหล่านั้น เป็นอย่างไรเล่า ?” มหาลิ ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม เป็นโสดาบัน เป็นผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า. มหาลิ ! นี้แล ธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า. มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม และเพราะความที่ราคะโทสะโมหะก็เบาบาง เป็น สกทาคามี มาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียว แล้วย่อมกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า. มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำทั้งห้า เป็น โอปปาติกะ (อนาคามี) มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา. มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า. มหาลิ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมเทียว เข้าถึงแล้วแลอยู่. มหาลิ ! แม้นี้แล ก็เป็นธรรมที่ยิ่งกว่าประณีตกว่า. มหาลิ ! ธรรมทั้งหลายเหล่านี้แล เป็นธรรมยิ่งกว่าประณีตกว่า ที่ภิกษุทั้งหลายพากันประพฤติพรหมจรรย์ในเรา เพื่อกระทำให้แจ้ง. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มรรคมีอยู่หรือ ปฏิปทามีอยู่หรือ เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น ?” มหาลิ ! มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่ เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเป็นอย่างไร เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น ?” อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแหละ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. มหาลิ ! นี้แล มรรค นี้แล ปฏิปทา เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมเหล่านั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​อัฏฐังคิกมรรคสำเร็จได้ด้วยอัปปมาทยอดแห่งกุศลธรรม​
    สัทธรรมลำดับที่ : 695
    ชื่อบทธรรม : - กัล๎ยาณมิตตตาในฐานะเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรคนั้น และอัฏฐังคิกมรรคสำเร็จได้ด้วยอัปปมาทยอดแห่งกุศลธรรม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=695
    เนื้อความทั้งหมด :-
    [ในตำแหน่งแห่ง #กัล๎ยาณมิตตตาในฐานะเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรคนั้น
    ในสูตรอื่น ทรงแสดงไว้ด้วยธรรมะชื่ออื่นอีกหลายชื่อคือ:-
    +--ศีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล)
    +--เป็นรุ่งอรุณฉันทสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยฉันทะ ความพอใจ)
    +--เป็นรุ่งอรุณอัตตสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยความเหมาะสมแห่งตน)
    +--เป็นรุ่งอรุณทิฏฐิสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยทิฏฐิที่เป็นสัมมาทิฏฐิ)
    +--เป็นรุ่งอรุณอัปปมาทสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท)
    +--เป็นรุ่งอรุณโยนิโสมนสิการสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย)
    +--เป็นรุ่งอรุณ (รวมเป็นเจ็ดอย่างทั้งกัลยาณมิตตา)
    และต่อท้ายด้วยคำว่าผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น
    ย่อมเจริญกระทำให้มากซึ่งองค์แห่งมรรคชนิด
    อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ เป็นต้น ด้วยกันทั้งนั้น.
    --ในสูตรอื่น ผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น นอกจากจะเจริญกระทำให้มาก
    ซึ่งองค์แห่งมรรค ชนิดที่อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อความสลัดลง
    ได้แล้ว,
    ยังสามารถเจริญองค์มรรค ชนิดที่มีการนำออกซึ่งราคะ โทสะ โมหะ เป็นปริโยสาน ได้, ดังนี้ก็มี.
    สำหรับคำว่า ธรรมที่เป็นรุ่งอรุณแห่งการเกิดขึ้นของอัฏฐังคิกมรรค
    เจ็ดประการข้างบนนั้น ในสูตรอื่นๆ
    ไม่เรียกว่า รุ่งอรุณ แต่เรียกว่า เป็นธรรมที่มีอุปการะมาก (พหุปการธมฺม)
    เพื่อการเกิดขึ้นแห่งอัฏฐังคิกมรรค (๑๙/๔๐-๔๒/๑๔๗ - ๑๖๔) ก็มี ;
    http://etipitaka.com/read/pali/19/40/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%97
    และในสูตรอื่นๆ เรียกว่า เป็นธรรมะที่ทำอัฏฐังคิกมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
    ทำอัฏฐังคิกมรรคที่เกิดอยู่แล้วให้ถึงความเจริญบริบูรณ์ (๑๙/๔๔-๔๗/๑๖๕-๑๘๒) ก็มี;
    http://etipitaka.com/read/pali/19/44/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95
    และตอนท้ายสูตร ก็มีต่อท้ายด้วยคำว่า ผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น
    ย่อมเจริญกระทำให้มากซึ่งองค์แห่งมรรค ชนิดอาศัยวิเวกเป็นต้น
    และชนิดที่มีการนำออกซึ่ง ราคะ โทสะ โมหะ เป็นปริโยสาน ด้วยกันทั้งนั้น
    ].

    #อัฏฐังคิกมรรคสำเร็จได้ด้วยอัปปมาทยอดแห่งกุศลธรรม
    --ภิกษุ ท. ! สัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีเท้า มีสองเท้า มีสี่เท้า มีมากเท้าก็ดี
    มีรูป ไม่มีรูป มีสัญญา ไม่มีสัญญา มีสัญญาก็หามิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ก็ดี,
    มีประมาณเท่าใด ;
    ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ย่อมปรากฏว่าเลิศกว่าบรรดาสัตว์เหล่านั้น.
    --ภิกษุ ท. ! กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งบรรดามีกุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้น
    มีความไม่ประมาทเป็นมูล มีความไม่ประมาทเป็นที่ประชุมลง.
    ความไม่ประมาท ย่อมปรากฏว่าเป็นเลิศกว่าบรรดากุศลธรรมเหล่านั้น ;
    ฉันใดก็ฉันนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นสิ่งที่ภิกษุ #ผู้ไม่ประมาทพึงหวังได้
    คือ เธอจักเจริญกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค.

    --[ การที่ความไม่ประมาทเป็นยอดแห่งกุศลธรรมทั้งปวง ในสูตรนี้ทรงอุปมาด้วยพระตถาคตเป็นสัตว์เลิศกว่าสัตว์ทั้งปวง. ส่วนในสูตรอื่นอีกมากแห่ง :-
    --ทรงอุปมาด้วย รอยเท้าช้าง เลิศคือใหญ่กว่ารอยเท้าสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ;
    --ทรงอุปมาด้วย ยอดเรือน เลิศคืออยู่เหนือไม้โครงเรือนทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ;
    --ทรงอุปมาด้วย รากไม้โกฏฐานุสาริยะ (กลัมพัก ?) เลิศกว่ารากไม้หอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ;
    --ทรงอุปมาด้วย แก่นจันทร์แดง เลิศกว่าไม้แก่นหอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ;
    --ทรงอุปมาด้วย ดอกวัสสิกะ (มะลิ ?) เลิศกว่าดอกไม้หอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ;
    --ทรงอุปมาด้วย ราชาจักรพรรดิ เลิศกว่าพระราชาเมืองขึ้นเมืองออกทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ;
    --ทรงอุปมาด้วย แสงจันทร์ เลิศคือรุ่งเรืองกว่าแสงดาวทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ;
    --ทรงอุปมาด้วย แสงอาทิตย์ ภายหลังฝนตกไม่มีเมฆในฤดูสารท แจ่มใสกว่าความแจ่มใสทั้งปวงในอากาศ ดังนี้ก็มี ;
    --ทรงอุปมาด้วย ผ้ากาสี เลิศกว่าบรรดาผ้าทอด้วยเส้นด้ายทั้งหลาย ดังนี้ก็มี
    ].-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/65-70/254-263.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/65/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๖๒-๖๗/๒๕๔-๒๖๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/65/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=695
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=695
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​อัฏฐังคิกมรรคสำเร็จได้ด้วยอัปปมาทยอดแห่งกุศลธรรม​ สัทธรรมลำดับที่ : 695 ชื่อบทธรรม : - กัล๎ยาณมิตตตาในฐานะเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรคนั้น และอัฏฐังคิกมรรคสำเร็จได้ด้วยอัปปมาทยอดแห่งกุศลธรรม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=695 เนื้อความทั้งหมด :- [ในตำแหน่งแห่ง #กัล๎ยาณมิตตตาในฐานะเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรคนั้น ในสูตรอื่น ทรงแสดงไว้ด้วยธรรมะชื่ออื่นอีกหลายชื่อคือ:- +--ศีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล) +--เป็นรุ่งอรุณฉันทสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยฉันทะ ความพอใจ) +--เป็นรุ่งอรุณอัตตสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยความเหมาะสมแห่งตน) +--เป็นรุ่งอรุณทิฏฐิสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยทิฏฐิที่เป็นสัมมาทิฏฐิ) +--เป็นรุ่งอรุณอัปปมาทสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท) +--เป็นรุ่งอรุณโยนิโสมนสิการสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย) +--เป็นรุ่งอรุณ (รวมเป็นเจ็ดอย่างทั้งกัลยาณมิตตา) และต่อท้ายด้วยคำว่าผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น ย่อมเจริญกระทำให้มากซึ่งองค์แห่งมรรคชนิด อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ เป็นต้น ด้วยกันทั้งนั้น. --ในสูตรอื่น ผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น นอกจากจะเจริญกระทำให้มาก ซึ่งองค์แห่งมรรค ชนิดที่อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อความสลัดลง ได้แล้ว, ยังสามารถเจริญองค์มรรค ชนิดที่มีการนำออกซึ่งราคะ โทสะ โมหะ เป็นปริโยสาน ได้, ดังนี้ก็มี. สำหรับคำว่า ธรรมที่เป็นรุ่งอรุณแห่งการเกิดขึ้นของอัฏฐังคิกมรรค เจ็ดประการข้างบนนั้น ในสูตรอื่นๆ ไม่เรียกว่า รุ่งอรุณ แต่เรียกว่า เป็นธรรมที่มีอุปการะมาก (พหุปการธมฺม) เพื่อการเกิดขึ้นแห่งอัฏฐังคิกมรรค (๑๙/๔๐-๔๒/๑๔๗ - ๑๖๔) ก็มี ; http://etipitaka.com/read/pali/19/40/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%97 และในสูตรอื่นๆ เรียกว่า เป็นธรรมะที่ทำอัฏฐังคิกมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ทำอัฏฐังคิกมรรคที่เกิดอยู่แล้วให้ถึงความเจริญบริบูรณ์ (๑๙/๔๔-๔๗/๑๖๕-๑๘๒) ก็มี; http://etipitaka.com/read/pali/19/44/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%95 และตอนท้ายสูตร ก็มีต่อท้ายด้วยคำว่า ผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น ย่อมเจริญกระทำให้มากซึ่งองค์แห่งมรรค ชนิดอาศัยวิเวกเป็นต้น และชนิดที่มีการนำออกซึ่ง ราคะ โทสะ โมหะ เป็นปริโยสาน ด้วยกันทั้งนั้น ]. #อัฏฐังคิกมรรคสำเร็จได้ด้วยอัปปมาทยอดแห่งกุศลธรรม --ภิกษุ ท. ! สัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีเท้า มีสองเท้า มีสี่เท้า มีมากเท้าก็ดี มีรูป ไม่มีรูป มีสัญญา ไม่มีสัญญา มีสัญญาก็หามิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ก็ดี, มีประมาณเท่าใด ; ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ย่อมปรากฏว่าเลิศกว่าบรรดาสัตว์เหล่านั้น. --ภิกษุ ท. ! กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งบรรดามีกุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล มีความไม่ประมาทเป็นที่ประชุมลง. ความไม่ประมาท ย่อมปรากฏว่าเป็นเลิศกว่าบรรดากุศลธรรมเหล่านั้น ; ฉันใดก็ฉันนั้น. --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นสิ่งที่ภิกษุ #ผู้ไม่ประมาทพึงหวังได้ คือ เธอจักเจริญกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค. --[ การที่ความไม่ประมาทเป็นยอดแห่งกุศลธรรมทั้งปวง ในสูตรนี้ทรงอุปมาด้วยพระตถาคตเป็นสัตว์เลิศกว่าสัตว์ทั้งปวง. ส่วนในสูตรอื่นอีกมากแห่ง :- --ทรงอุปมาด้วย รอยเท้าช้าง เลิศคือใหญ่กว่ารอยเท้าสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; --ทรงอุปมาด้วย ยอดเรือน เลิศคืออยู่เหนือไม้โครงเรือนทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; --ทรงอุปมาด้วย รากไม้โกฏฐานุสาริยะ (กลัมพัก ?) เลิศกว่ารากไม้หอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; --ทรงอุปมาด้วย แก่นจันทร์แดง เลิศกว่าไม้แก่นหอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; --ทรงอุปมาด้วย ดอกวัสสิกะ (มะลิ ?) เลิศกว่าดอกไม้หอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; --ทรงอุปมาด้วย ราชาจักรพรรดิ เลิศกว่าพระราชาเมืองขึ้นเมืองออกทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; --ทรงอุปมาด้วย แสงจันทร์ เลิศคือรุ่งเรืองกว่าแสงดาวทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; --ทรงอุปมาด้วย แสงอาทิตย์ ภายหลังฝนตกไม่มีเมฆในฤดูสารท แจ่มใสกว่าความแจ่มใสทั้งปวงในอากาศ ดังนี้ก็มี ; --ทรงอุปมาด้วย ผ้ากาสี เลิศกว่าบรรดาผ้าทอด้วยเส้นด้ายทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ].- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/65-70/254-263. http://etipitaka.com/read/thai/19/65/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๖๒-๖๗/๒๕๔-๒๖๓. http://etipitaka.com/read/pali/19/65/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=695 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=695 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - [ในตำแหน่งแห่ง กัล๎ยาณมิตตตา ในฐานะเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรคนั้น ในสูตรอื่น ทรงแสดงไว้ด้วยธรรมะชื่ออื่นอีกหลายชื่อคือ:
    -[ในตำแหน่งแห่ง กัล๎ยาณมิตตตา ในฐานะเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรคนั้น ในสูตรอื่น ทรงแสดงไว้ด้วยธรรมะชื่ออื่นอีกหลายชื่อคือ: ศีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล) เป็นรุ่งอรุณ ฉันทสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยฉันทะ ความพอใจ) เป็นรุ่งอรุณ อัตตสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยความเหมาะสมแห่งตน) เป็นรุ่งอรุณ ทิฏฐิสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยทิฏฐิที่เป็นสัมมาทิฏฐิ) เป็นรุ่งอรุณ อัปปมาทสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท) เป็นรุ่งอรุณ โยนิโสมนสิการสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย) เป็นรุ่งอรุณ (รวมเป็นเจ็ดอย่างทั้งกัลยาณมิตตา) และต่อท้ายด้วยคำว่าผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น ย่อมเจริญกระทำให้มากซึ่งองค์แห่งมรรคชนิดอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะเป็นต้น ด้วยกันทั้งนั้น. ในสูตรอื่น ผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น นอกจากจะเจริญกระทำให้มาก ซึ่งองค์แห่งมรรค ชนิดที่อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อความสลัดลง ได้แล้ว, ยังสามารถเจริญองค์มรรค ชนิดที่มีการนำออกซึ่งราคะ โทสะ โมหะ เป็นปริโยสาน ได้, ดังนี้ก็มี. สำหรับคำว่า ธรรมที่เป็นรุ่งอรุณแห่งการเกิดขึ้นของอัฏฐังคิกมรรค เจ็ดประการข้างบนนั้น ในสูตรอื่นๆ ไม่เรียกว่า รุ่งอรุณ แต่เรียกว่า เป็นธรรมที่มีอุปการะมาก (พหุปการธมฺม) เพื่อการเกิดขึ้นแห่งอัฏฐังคิกมรรค (๑๙/๔๐-๔๒/๑๔๗ - ๑๖๔) ก็มี ; และในสูตรอื่นๆ เรียกว่า เป็นธรรมะที่ทำอัฏฐังคิกมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ทำอัฏฐังคิกมรรคที่เกิดอยู่แล้วให้ถึงความเจริญบริบูรณ์ (๑๙/๔๔-๔๗/๑๖๕-๑๘๒) ก็มี; และตอนท้ายสูตร ก็มีต่อท้ายด้วยคำว่า ผู้มีกัลยาณมิตรเป็นต้น ย่อมเจริญกระทำให้มากซึ่งองค์แห่งมรรค ชนิดอาศัยวิเวกเป็นต้น และชนิดที่มีการนำออกซึ่ง ราคะ โทสะ โมหะ เป็นปริโยสาน ด้วยกันทั้งนั้น]. อัฏฐังคิกมรรคสำเร็จได้ด้วยอัปปมาทยอดแห่งกุศลธรรม ภิกษุ ท. ! สัตว์ทั้งหลายที่ไม่มีเท้า มีสองเท้า มีสี่เท้า มีมากเท้าก็ดี มีรูป ไม่มีรูป มีสัญญา ไม่มีสัญญา มีสัญญาก็หามิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ก็ดี, มีประมาณเท่าใด ; ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ย่อมปรากฏว่าเลิศกว่าบรรดาสัตว์เหล่านั้น. ภิกษุ ท. ! กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งบรรดามี กุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล มีความไม่ประมาทเป็นที่ประชุมลง. ความไม่ประมาท ย่อมปรากฏว่าเป็นเลิศกว่าบรรดากุศลธรรมเหล่านั้น ; ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นสิ่งที่ภิกษุ ผู้ไม่ประมาทพึงหวังได้ คือ เธอจัก เจริญกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรค๑. [ การที่ความไม่ประมาทเป็นยอดแห่งกุศลธรรมทั้งปวง ในสูตรนี้ทรงอุปมาด้วยพระตถาคตเป็นสัตว์เลิศกว่าสัตว์ทั้งปวง. ส่วนในสูตรอื่นอีกมากแห่ง : ทรงอุปมาด้วย รอยเท้าช้าง เลิศคือใหญ่กว่ารอยเท้าสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; ทรงอุปมาด้วย ยอดเรือน เลิศคืออยู่เหนือไม้โครงเรือนทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; ทรงอุปมาด้วย รากไม้โกฏฐานุสาริยะ (กลัมพัก ?) เลิศกว่ารากไม้หอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; ทรงอุปมาด้วย แก่นจันทร์แดง เลิศกว่าไม้แก่นหอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; ทรงอุปมาด้วย ดอกวัสสิกะ (มะลิ ?) เลิศกว่าดอกไม้หอมทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; ทรงอุปมาด้วย ราชาจักรพรรดิ เลิศกว่าพระราชาเมืองขึ้นเมืองออกทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; ทรงอุปมาด้วย แสงจันทร์ เลิศคือรุ่งเรืองกว่าแสงดาวทั้งหลาย ดังนี้ก็มี ; ทรงอุปมาด้วย แสงอาทิตย์ ภายหลังฝนตกไม่มีเมฆในฤดูสารท แจ่มใสกว่าความแจ่มใสทั้งปวงในอากาศ ดังนี้ก็มี ; ทรงอุปมาด้วย ผ้ากาสี เลิศกว่าบรรดาผ้าทอด้วยเส้นด้ายทั้งหลาย ดังนี้ก็มี].
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริ​ย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรค ว่าด้วยเหตุปัจจัยของมรรค
    สัทธรรมลำดับที่ : 694
    ชื่อบทธรรม : - ธรรมเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรค ว่าด้วย เหตุปัจจัยของมรรค
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=694
    เนื้อความทั้งหมด :-
    หมวด ง. ว่าด้วย เหตุปัจจัยของมรรค
    --ธรรมเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรค
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์กำลังขึ้น สิ่งที่มาก่อน
    เป็น นิมิตให้เห็นก่อน คือการขึ้นมาแห่งอรุณ ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อมีการเกิดขึ้นแห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคของภิกษุ สิ่งที่มาก่อน
    เป็นนิมิตให้เห็นก่อน คือ กัล๎ยาณมิตตตา (ความเป็นผู้กัลยาณมิตร) ฉันนั้นเหมือนกัน.
    --ภิกษุ ท. ! นี้คือความหวังของภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร คือเธอจักเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค
    ได้จักกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร #ย่อมเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค
    http://etipitaka.com/read/pali/19/36/?keywords=กลฺยาณมิตฺโต+อริยํ+อฏฺฐงฺคิกํ+มคฺคํ
    ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้ ชนิดไหนกันเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญ
    สัมมาทิฏฐิ .... สัมมาสังกัปปะ ....
    สัมมาวาจา .... สัมมากัมมันตะ .... สัมมาอาชีวะ ....
    สัมมาวายามะ .... สัมมาสติ .... สัมมาสมาธิ.
    ชนิดที่
    อาศัยวิเวก
    อาศัยวิราคะ
    อาศัยนิโรธ
    น้อมไปเพื่อความสลัดลง.
    --ภิกษุ ท. ! #ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร
    ย่อมเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค
    ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้
    อย่างนี้แล.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/30-33/129-146.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/30/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๖-๓๙/๑๒๙-๑๔๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/36/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%99​
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=694
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=694
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50
    ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    อริ​ย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ธรรมเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรค ว่าด้วยเหตุปัจจัยของมรรค สัทธรรมลำดับที่ : 694 ชื่อบทธรรม : - ธรรมเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรค ว่าด้วย เหตุปัจจัยของมรรค https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=694 เนื้อความทั้งหมด :- หมวด ง. ว่าด้วย เหตุปัจจัยของมรรค --ธรรมเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรค --ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์กำลังขึ้น สิ่งที่มาก่อน เป็น นิมิตให้เห็นก่อน คือการขึ้นมาแห่งอรุณ ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! เมื่อมีการเกิดขึ้นแห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคของภิกษุ สิ่งที่มาก่อน เป็นนิมิตให้เห็นก่อน คือ กัล๎ยาณมิตตตา (ความเป็นผู้กัลยาณมิตร) ฉันนั้นเหมือนกัน. --ภิกษุ ท. ! นี้คือความหวังของภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร คือเธอจักเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค ได้จักกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร #ย่อมเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค http://etipitaka.com/read/pali/19/36/?keywords=กลฺยาณมิตฺโต+อริยํ+อฏฺฐงฺคิกํ+มคฺคํ ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้ ชนิดไหนกันเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญ สัมมาทิฏฐิ .... สัมมาสังกัปปะ .... สัมมาวาจา .... สัมมากัมมันตะ .... สัมมาอาชีวะ .... สัมมาวายามะ .... สัมมาสติ .... สัมมาสมาธิ. ชนิดที่ อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อความสลัดลง. --ภิกษุ ท. ! #ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ย่อมเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้ อย่างนี้แล.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/30-33/129-146. http://etipitaka.com/read/thai/19/30/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๖-๓๙/๑๒๙-๑๔๖. http://etipitaka.com/read/pali/19/36/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%99​ ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=694 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50&id=694 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=50 ลำดับสาธยายธรรม : 50​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_50.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หมวด ง. ว่าด้วย เหตุปัจจัยของมรรค
    -หมวด ง. ว่าด้วย เหตุปัจจัยของมรรค ธรรมเป็นรุ่งอรุณแห่งอัฏฐังคิกมรรค ภิกษุ ท. ! เมื่อดวงอาทิตย์กำลังขึ้น สิ่งที่มาก่อน เป็น นิมิตให้เห็นก่อน คือการขึ้นมาแห่งอรุณ ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! เมื่อมีการเกิดขึ้นแห่งอริยอัฏฐังคิกมรรคของภิกษุ สิ่งที่มาก่อน เป็นนิมิตให้เห็นก่อน คือ กัล๎ยาณมิตตตา (ความเป็นผู้กัลยาณมิตร) ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิกษุ ท. ! นี้คือความหวังของภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร คือเธอจักเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค ได้จักกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ย่อมเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้ ชนิดไหนกันเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ .... สัมมาสังกัปปะ .... สัมมาวาจา .... สัมมากัมมันตะ .... สัมมาอาชีวะ .... สัมมาวายามะ .... สัมมาสติ .... สัมมาสมาธิ. ชนิดที่ อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปเพื่อความสลัดลง. ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ย่อมเจริญอริยอัฏฐังคิกมรรค ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยอัฏฐังคิกมรรคได้ อย่างนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​มัชฌิมาปฏิปทาในความหมายลำดับชั้นกว้าง
    สัทธรรมลำดับที่ : 691
    ชื่อบทธรรม :- มัชฌิมาปฏิปทาในความหมายลำดับชั้นกว้าง
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=691
    เนื้อความทั้งหมด :-

    ข. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายลำดับชั้นกว้าง)
    --ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทา เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้
    มีปกติ ตามเห็นกายในกาย อยู่เป็นประจำ ....
    มีปกติ ตามเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย อยู่เป็นประจำ ....
    มีปกติ ตามเห็นจิตในจิต อยู่เป็นประจำ ....
    มีปกติ ตามเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย อยู่เป็นประจำ ....
    มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.

    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้
    เพื่อจะยังอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น ; ....
    เพื่อละอกุศลธรรมอันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว ; ....
    เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น ; ....
    เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น
    ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.

    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเจริญอิทธิบาท อันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง
    มีสมาธิอันอาศัยฉันทะ เป็นปธานกิจ ;
    ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง
    มีสมาธิอาศัยวิริยะ เป็นปธานกิจ ;
    ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง
    มีสมาธิอาศัยจิตตะ เป็นปธานกิจ ;
    ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง
    มีสมาธิอาศัยวิมังสา เป็นปธานกิจ ;
    (กิจในที่นี้คือ กิจเกี่ยวกับการระวัง การละ การทำให้เกิดมี และการรักษา).
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.

    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเจริญ สัทธินทรีย์ ย่อมเจริญ วิริยินทรีย์
    ย่อมเจริญ สตินทรีย์ ย่อมเจริญ สมาธินทรีย์
    ย่อมเจริญ ปัญญินทรีย์.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.

    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเจริญ สัทธาพละ ย่อมเจริญ วิริยพละ
    ย่อมเจริญ สติพละ ย่อมเจริญ สมาธิพละ
    ย่อมเจริญ ปัญญาพละ.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.

    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเจริญ สติสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
    ย่อมเจริญ วิริยสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ ปีติสัมโพชฌงค์
    ย่อมเจริญ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ สมาธิสัมโพชฌงค์
    ย่อมเจริญ อุเบกขาสัมโพชฌงค์.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.

    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ ย่อมเจริญ สัมมาสังกัปปะ
    ย่อมเจริญ สัมมาวาจา ย่อมเจริญ สัมมากัมมันตะ ย่อมเจริญ สัมมาอาชีวะ
    ย่อมเจริญ สัมมาวายามะ ย่อมเจริญ สัมมาสติ ย่อมเจริญ สัมมาสมาธิ.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.-

    (ความเห็นผู้เรียบเรียงท่านพุทธทาส
    ----มัชฌิมาปฏิปทาตามที่ทรงแสดงไว้ในสูตรนี้ เห็นได้ว่า
    ทรงแสดงส่วนสุดสองข้างไว้ด้วยอาฬ๎หปฏิปทา คือ ความตกไปในกาม
    และนิชฌามปฏิปทา คือ วัตรปฏิบัติของอเจลกะ
    ซึ่งเรียกกันโดยทั่วๆ ไปว่า อัตตกิลมถานุโยค หรือตปัสสีวัตร
    ในที่นี้จะเห็นได้ว่า
    โพธิปักขิยธรรมทั้งสามสิบเจ็ดข้อ นั่นแหละคือ​ มัชฌิมาปฏิปทา ;
    หรือถึงกับจะกล่าวได้ว่า
    ข้อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหมดในพระพุทธศาสนา
    ซึ่งรวมกันแล้วเรียกได้ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา หรือพรหมจรรย์ทั้งสิ้น,
    นั่นแหละคือ มัชฌิมาปฏิปทา
    ).

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/380-382/596-597.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/287/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%99%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๓๘๐-๓๘๒/๕๙๖-๕๙๗.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/380/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%99%E0%B9%96
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=691
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=691
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49
    ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​มัชฌิมาปฏิปทาในความหมายลำดับชั้นกว้าง สัทธรรมลำดับที่ : 691 ชื่อบทธรรม :- มัชฌิมาปฏิปทาในความหมายลำดับชั้นกว้าง https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=691 เนื้อความทั้งหมด :- ข. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายลำดับชั้นกว้าง) --ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทา เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้ มีปกติ ตามเห็นกายในกาย อยู่เป็นประจำ .... มีปกติ ตามเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย อยู่เป็นประจำ .... มีปกติ ตามเห็นจิตในจิต อยู่เป็นประจำ .... มีปกติ ตามเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย อยู่เป็นประจำ .... มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะยังอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น ; .... เพื่อละอกุศลธรรมอันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว ; .... เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น ; .... เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาท อันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอันอาศัยฉันทะ เป็นปธานกิจ ; ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัยวิริยะ เป็นปธานกิจ ; ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัยจิตตะ เป็นปธานกิจ ; ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัยวิมังสา เป็นปธานกิจ ; (กิจในที่นี้คือ กิจเกี่ยวกับการระวัง การละ การทำให้เกิดมี และการรักษา). +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญ สัทธินทรีย์ ย่อมเจริญ วิริยินทรีย์ ย่อมเจริญ สตินทรีย์ ย่อมเจริญ สมาธินทรีย์ ย่อมเจริญ ปัญญินทรีย์. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญ สัทธาพละ ย่อมเจริญ วิริยพละ ย่อมเจริญ สติพละ ย่อมเจริญ สมาธิพละ ย่อมเจริญ ปัญญาพละ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญ สติสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ วิริยสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ ปีติสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ สมาธิสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ อุเบกขาสัมโพชฌงค์. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ ย่อมเจริญ สัมมาสังกัปปะ ย่อมเจริญ สัมมาวาจา ย่อมเจริญ สัมมากัมมันตะ ย่อมเจริญ สัมมาอาชีวะ ย่อมเจริญ สัมมาวายามะ ย่อมเจริญ สัมมาสติ ย่อมเจริญ สัมมาสมาธิ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.- (ความเห็นผู้เรียบเรียงท่านพุทธทาส ----มัชฌิมาปฏิปทาตามที่ทรงแสดงไว้ในสูตรนี้ เห็นได้ว่า ทรงแสดงส่วนสุดสองข้างไว้ด้วยอาฬ๎หปฏิปทา คือ ความตกไปในกาม และนิชฌามปฏิปทา คือ วัตรปฏิบัติของอเจลกะ ซึ่งเรียกกันโดยทั่วๆ ไปว่า อัตตกิลมถานุโยค หรือตปัสสีวัตร ในที่นี้จะเห็นได้ว่า โพธิปักขิยธรรมทั้งสามสิบเจ็ดข้อ นั่นแหละคือ​ มัชฌิมาปฏิปทา ; หรือถึงกับจะกล่าวได้ว่า ข้อปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหมดในพระพุทธศาสนา ซึ่งรวมกันแล้วเรียกได้ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา หรือพรหมจรรย์ทั้งสิ้น, นั่นแหละคือ มัชฌิมาปฏิปทา ). #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/380-382/596-597. http://etipitaka.com/read/thai/20/287/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%99%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๓๘๐-๓๘๒/๕๙๖-๕๙๗. http://etipitaka.com/read/pali/20/380/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%99%E0%B9%96 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=691 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=691 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49 ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ข. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นกว้าง)
    -ข. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นกว้าง) . . . . ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทา เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเป็นผู้มีปกติ ตามเห็นกายในกาย อยู่เป็นประจำ .... มีปกติ ตามเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลาย อยู่เป็นประจำ .... มีปกติ ตามเห็นจิตในจิต อยู่เป็นประจำ .... มีปกติ ตามเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย อยู่เป็นประจำ .... มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นำความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองตั้งจิตไว้ เพื่อจะยังอกุศลธรรมอันเป็นบาปที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น ; ....เพื่อละอกุศลธรรมอันเป็นบาป ที่เกิดขึ้นแล้ว ; ....เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น ; ....เพื่อความตั้งอยู่ ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึ้น ความไพบูลย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อม เจริญอิทธิบาท อันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอันอาศัยฉันทะ เป็นปธานกิจ ; ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัยวิริยะ เป็นปธานกิจ ; ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัยจิตตะ เป็นปธานกิจ ; ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบพร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง มีสมาธิอาศัยวิมังสา เป็นปธานกิจ ; (กิจในที่นี้คือ กิจเกี่ยวกับการระวัง การละ การทำให้เกิดมี และการรักษา). ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อม เจริญสัทธินทรีย์ ย่อมเจริญ วิริยินทรีย์ ย่อมเจริญ สตินทรีย์ ย่อมเจริญ สมาธินทรีย์ ย่อมเจริญ ปัญญินทรีย์. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อม เจริญสัทธาพละ ย่อมเจริญ วิริยพละ ย่อมเจริญ สติพละ ย่อมเจริญ สมาธิพละ ย่อมเจริญ ปัญญาพละ. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อม เจริญสติสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ วิริยสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ ปีติสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ สมาธิสัมโพชฌงค์ ย่อมเจริญ อุเบกขาสัมโพชฌงค์. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา. ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อม เจริญสัมมาทิฏฐิ ย่อมเจริญ สัมมาสังกัปปะ ย่อมเจริญ สัมมาวาจา ย่อมเจริญ สัมมากัมมันตะ ย่อมเจริญ สัมมาอาชีวะ ย่อมเจริญ สัมมาวายามะ ย่อมเจริญ สัมมาสติ ย่อมเจริญ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​เวทนาโดยปัจจัยสี่สิบเอ็ดชนิด
    สัทธรรมลำดับที่ : 1057
    ชื่อบทธรรม :- เวทนาโดยปัจจัยสี่สิบเอ็ดชนิด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1057
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เวทนาโดยปัจจัยสี่สิบเอ็ดชนิด
    --ภิกษุ ท. ! เราได้อยู่แล้วโดยประเทศแห่งวิหารธรรม
    อย่างเดียวกันกับ วิหารธรรมที่เราเคยอยู่แล้วเมื่อตรัสรู้แล้วใหม่ๆ.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/17/?keywords=วิหาเรน+ปฐมาภิสมฺพุทฺโธ
    เมื่ออยู่โดย วิหารธรรมอย่างนี้ เราย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า :-
    “+--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ มิจฉาทิฏฐิ บ้าง;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาทิฏฐิบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัมมาทิฏฐิ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาทิฏฐิบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสังกัปปะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาสังกัปปะบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัมมาสังกัปปะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสังกัปปะบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ มิจฉาวาจา บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาวาจาบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัมมาวาจา บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาวาจาบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ มิจฉากัมมันตะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉากัมมันตะบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัมมากัมมันตะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมากัมมันตะบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ มิจฉาอาชีวะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาอาชีวะบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัมมาอาชีวะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาอาชีวะ บ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ มิจฉาวายามะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาวายามะ บ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัมมาวายามะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาวายาะบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสติ บ้าง ;
    +- ความเข้าไป สงบรำงับ แห่งมิจฉาสติบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัมมาสติ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสติบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสมาธิ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาสมาธิบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัมมาสมาธิ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสมาธิบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งฉันทะบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ วิตก บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งวิตกบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ สัญญา บ้าง ;
    +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัญญาบ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ วิตก และสัญญา ที่ยังไม่เข้าไปสงบรำงับ บ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ วิตก และสัญญา ที่เข้าไปสงบรำงับแล้ว บ้าง ;
    +--เวทนาย่อมมี
    เพราะปัจจัยคือ การบรรลุถึงฐานะที่ได้พยายามเพื่อจะบรรลุถึง บ้าง”
    ดังนี้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/13/50.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/13/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๑๗/๕๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/17/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1057
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1057
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92
    ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​เวทนาโดยปัจจัยสี่สิบเอ็ดชนิด สัทธรรมลำดับที่ : 1057 ชื่อบทธรรม :- เวทนาโดยปัจจัยสี่สิบเอ็ดชนิด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1057 เนื้อความทั้งหมด :- --เวทนาโดยปัจจัยสี่สิบเอ็ดชนิด --ภิกษุ ท. ! เราได้อยู่แล้วโดยประเทศแห่งวิหารธรรม อย่างเดียวกันกับ วิหารธรรมที่เราเคยอยู่แล้วเมื่อตรัสรู้แล้วใหม่ๆ. http://etipitaka.com/read/pali/19/17/?keywords=วิหาเรน+ปฐมาภิสมฺพุทฺโธ เมื่ออยู่โดย วิหารธรรมอย่างนี้ เราย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า :- “+--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาทิฏฐิ บ้าง; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาทิฏฐิบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาทิฏฐิ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาทิฏฐิบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสังกัปปะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาสังกัปปะบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาสังกัปปะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสังกัปปะบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาวาจา บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาวาจาบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาวาจา บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาวาจาบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉากัมมันตะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉากัมมันตะบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมากัมมันตะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมากัมมันตะบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาอาชีวะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาอาชีวะบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาอาชีวะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาอาชีวะ บ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาวายามะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาวายามะ บ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาวายามะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาวายาะบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสติ บ้าง ; +- ความเข้าไป สงบรำงับ แห่งมิจฉาสติบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาสติ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสติบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสมาธิ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาสมาธิบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาสมาธิ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสมาธิบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งฉันทะบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ วิตก บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งวิตกบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัญญา บ้าง ; +- ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัญญาบ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ วิตก และสัญญา ที่ยังไม่เข้าไปสงบรำงับ บ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ วิตก และสัญญา ที่เข้าไปสงบรำงับแล้ว บ้าง ; +--เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ การบรรลุถึงฐานะที่ได้พยายามเพื่อจะบรรลุถึง บ้าง” ดังนี้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/13/50. http://etipitaka.com/read/thai/19/13/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๑๗/๕๐. http://etipitaka.com/read/pali/19/17/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1057 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1057 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92 ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เวทนาโดยปัจจัยสี่สิบเอ็ดชนิด
    -(ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงอันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง กล่าวคือ ต้อง มีการเสวยเวทนาจริงๆ จึงจะเห็นทุกขอริยสัจที่เกิดจากตัณหาอันเกิดจากเวทนานั้น และความที่ ทุกข์ดับไปในขณะที่ตัณหาดับไปในเวทนานั้น ในเมื่อจิตประกอบอยู่ด้วยธัมมสมังคีแห่งอัฏฐัง คิกมรรค โดยอัตโนมัติ; ดังนั้น ถ้าปราศจากเวทนาเสียเพียงอย่างเดียวแล้ว อริยสัจสี่ก็ยัง มิได้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง; ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า “อริยสัจ ทรงบัญญัติสำหรับสัตว์ที่อาจเสวย เวทนา” ดังนี้ โดยนัยดังที่พระพุทธองค์ตรัสแล้วข้างบน). เวทนาโดยปัจจัยสี่สิบเอ็ดชนิด ภิกษุ ท. ! เราได้อยู่แล้วโดยประเทศแห่งวิหารธรรม อย่างเดียวกันกับวิหารธรรมที่เราเคยอยู่แล้วเมื่อตรัสรู้แล้วใหม่ๆ. เมื่ออยู่โดยวิหารธรรมอย่างนี้ เราย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า : “เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาทิฏฐิ บ้าง; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาทิฏฐิบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาทิฏฐิ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาทิฏฐิบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสังกัปปะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาสังกัปปะบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาสังกัปปะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสังกัปปะบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาวาจา บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาวาจาบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาวาจา บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาวาจาบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉากัมมันตะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉากัมมันตะบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมากัมมันตะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมากัมมันตะบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาอาชีวะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาอาชีวะบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาอาชีวะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาอาชีวะ บ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาวายามะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาวายามะ บ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาวายามะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาวายาะบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสติ บ้าง ; - ความเข้าไป สงบรำงับ แห่งมิจฉาสติบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาสติ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสติบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ มิจฉาสมาธิ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งมิจฉาสมาธิบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัมมาสมาธิ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัมมาสมาธิบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งฉันทะบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ วิตก บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งวิตกบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ สัญญา บ้าง ; - ความเข้าไปสงบรำงับ แห่งสัญญาบ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ วิตก และสัญญาที่ยังไม่เข้าไปสงบรำงับ บ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ ฉันทะ วิตก และสัญญา ที่เข้าไปสงบรำงับแล้ว บ้าง ; เวทนาย่อมมี เพราะปัจจัยคือ การบรรลุถึงฐานะที่ได้พยายามเพื่อจะบรรลุถึง บ้าง” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​มัชฌิมาปฏิปทาลำดับพื้นฐานเป็นการเริ่มต้นสำคัญ
    สัทธรรมลำดับที่ : 690
    ชื่อบทธรรม : -มัชฌิมาปฏิปทาลำดับพื้นฐาน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=690
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --มัชฌิมาปฏิปทา ๓ ลำดับ

    ก. มัชฌิมาปฏิปทา (พื้นฐานทั่วไป)
    --ภิกษุ ท. ! มีสิ่งที่แล่นดิ่งสุดโต่งอยู่สองอย่าง ที่บรรพชิตไม่ควรข้องแวะด้วย
    สิ่งที่แล่นดิ่งไปสุดโต่งนั้น คืออะไร ?
    คือ การประกอบตนพัวพันอยู่ด้วยความใคร่ในกามทั้งหลาย (กามสุขัลลิกานุโยค)
    อันเป็นการกระทำที่ยังต่ำ เป็นของชาวบ้าน เป็นของคนชั้นบุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ;
    และ การประกอบความเพียรในการทรมานตนให้ลำบาก (อัตตกิลมถานุโยค)
    อันนำมาซึ่งความทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์.
    --ภิกษุ ท. ! #มัชฌิมาปฏิปทา (ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง)
    ที่ไม่ดิ่งไปหาสุดโต่งสองอย่างนั้น เป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้เฉพาะแล้ว
    เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดญาณ
    เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้อันยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม เพื่อนิพพาน.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=นิพฺพานาย

    --ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทานั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทานั้น คือข้อปฏิบัติอันเป็นหนทางอันประเสริฐ ประกอบอยู่ด้วยองค์แปดประการ นี้แล ; กล่าวคือ
    ความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) ความดำริถูกต้อง (สัมมาสังกัปโป),
    การพูดจาที่ถูกต้อง (สัมมาวาจา) การทำงานที่ถูกต้อง (สัมมากัมมันโต)
    การอาชีพที่ถูกต้อง (สัมมาอาชีโว),
    ความพากเพียรที่ถูกต้อง (สัมมาวายาโม) ความรำลึกที่ถูกต้อง (สัมมาสติ)
    ความตั้งจิตมั่นคงที่ถูกต้อง (สัมมาสมาธิ).
    --ภิกษุ ท. ! นี้แล มัชฌิมาปฏิปทานั้น.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/419/1664.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/419/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๘/๑๖๖๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=690
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=690
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49
    ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​มัชฌิมาปฏิปทาลำดับพื้นฐานเป็นการเริ่มต้นสำคัญ สัทธรรมลำดับที่ : 690 ชื่อบทธรรม : -มัชฌิมาปฏิปทาลำดับพื้นฐาน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=690 เนื้อความทั้งหมด :- --มัชฌิมาปฏิปทา ๓ ลำดับ ก. มัชฌิมาปฏิปทา (พื้นฐานทั่วไป) --ภิกษุ ท. ! มีสิ่งที่แล่นดิ่งสุดโต่งอยู่สองอย่าง ที่บรรพชิตไม่ควรข้องแวะด้วย สิ่งที่แล่นดิ่งไปสุดโต่งนั้น คืออะไร ? คือ การประกอบตนพัวพันอยู่ด้วยความใคร่ในกามทั้งหลาย (กามสุขัลลิกานุโยค) อันเป็นการกระทำที่ยังต่ำ เป็นของชาวบ้าน เป็นของคนชั้นบุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ; และ การประกอบความเพียรในการทรมานตนให้ลำบาก (อัตตกิลมถานุโยค) อันนำมาซึ่งความทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์. --ภิกษุ ท. ! #มัชฌิมาปฏิปทา (ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง) ที่ไม่ดิ่งไปหาสุดโต่งสองอย่างนั้น เป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้เฉพาะแล้ว เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้อันยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม เพื่อนิพพาน. http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=นิพฺพานาย --ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทานั้น เป็นอย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทานั้น คือข้อปฏิบัติอันเป็นหนทางอันประเสริฐ ประกอบอยู่ด้วยองค์แปดประการ นี้แล ; กล่าวคือ ความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) ความดำริถูกต้อง (สัมมาสังกัปโป), การพูดจาที่ถูกต้อง (สัมมาวาจา) การทำงานที่ถูกต้อง (สัมมากัมมันโต) การอาชีพที่ถูกต้อง (สัมมาอาชีโว), ความพากเพียรที่ถูกต้อง (สัมมาวายาโม) ความรำลึกที่ถูกต้อง (สัมมาสติ) ความตั้งจิตมั่นคงที่ถูกต้อง (สัมมาสมาธิ). --ภิกษุ ท. ! นี้แล มัชฌิมาปฏิปทานั้น.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/419/1664. http://etipitaka.com/read/thai/19/419/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๘/๑๖๖๔. http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=690 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=690 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49 ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - มัชฌิมาปฏิปทา ๓ ลำดับ
    -มัชฌิมาปฏิปทา ๓ ลำดับ ก. มัชฌิมาปฏิปทา (พื้นฐานทั่วไป) ภิกษุ ท. ! มีสิ่งที่แล่นดิ่งสุดโต่งอยู่สองอย่าง ที่บรรพชิตไม่ควรข้องแวะด้วย สิ่งที่แล่นดิ่งไปสุดโต่งนั้น คืออะไร ? คือ การประกอบตนพัวพันอยู่ด้วยความใคร่ในกามทั้งหลาย (กามสุขัลลิกานุโยค) อันเป็นการกระทำที่ยังต่ำ เป็นของชาวบ้าน เป็นของคนชั้นบุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ; และ การประกอบความเพียรในการทรมานตนให้ลำบาก (อัตตกิลมถานุโยค) อันนำมาซึ่งความทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์. ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทา (ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง) ที่ไม่ดิ่งไปหาสุดโต่งสองอย่างนั้น เป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้เฉพาะแล้ว เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้อันยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม เพื่อนิพพาน. ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทานั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! มัชฌิมาปฏิปทานั้น คือข้อปฏิบัติอันเป็นหนทางอันประเสริฐ ประกอบอยู่ด้วยองค์แปดประการ นี้แล ; กล่าวคือ ความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) ความดำริถูกต้อง (สัมมาสังกัปโป) การพูดจาที่ถูกต้อง (สัมมาวาจา) การทำงาน ที่ถูกต้อง (สัมมากัมมันโต) การอาชีพที่ถูกต้อง (สัมมาอาชีโว) ความพากเพียรที่ถูกต้อง (สัมมาวายาโม) ความรำลึกที่ถูกต้อง (สัมมาสติ) ความตั้งใจมั่นคงที่ถูกต้อง (สัมมาสมาธิ). ภิกษุ ท. ! นี้แล มัชฌิมาปฏิปทานั้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​มัชฌิมาปฏิปทา
    สัทธรรมลำดับที่ : 689
    ชื่อบทธรรม :- มัชฌิมาปฏิปทา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=689
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --มัชฌิมาปฏิปทา(ธัมมจักกัปปว้ตตนสูตร)​ในฐานะเหตุให้เกิดจักษุและญาณเพื่อนิพพาน
    http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตน
    --ภิกษุ ท. ! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง (#มัชฌิมาปฏิปทา)
    http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=มชฺฌิมา+ปฏิปทา
    อันเป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้เฉพาะแล้ว
    เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดญาณ
    เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อมเพื่อนิพพาน
    นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลางนั้น คือ
    ข้อปฏิบัติเป็นหนทางอันประเสริฐ ประกอบอยู่ด้วยองค์แปดประการนี่เอง;
    ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ,
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ,
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ :
    +--ภิกษุ ท. ! นี้แล คือ ข้อปฏิบัติที่เป็นทางสายกลาง
    ที่ตถาคตได้ทรงตรัสรู้เฉพาะแล้ว
    เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ ทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบ
    เพื่อความรู้อันยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม #เพื่อนิพพาน.-
    http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=นิพฺพาน

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร.สํ 19/419/1664.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/419/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร.สํ ๑๙/๕๒๘/๑๖๖๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=689
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49
    ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​มัชฌิมาปฏิปทา สัทธรรมลำดับที่ : 689 ชื่อบทธรรม :- มัชฌิมาปฏิปทา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=689 เนื้อความทั้งหมด :- --มัชฌิมาปฏิปทา(ธัมมจักกัปปว้ตตนสูตร)​ในฐานะเหตุให้เกิดจักษุและญาณเพื่อนิพพาน http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตน --ภิกษุ ท. ! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง (#มัชฌิมาปฏิปทา) http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=มชฺฌิมา+ปฏิปทา อันเป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้เฉพาะแล้ว เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อมเพื่อนิพพาน นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลางนั้น คือ ข้อปฏิบัติเป็นหนทางอันประเสริฐ ประกอบอยู่ด้วยองค์แปดประการนี่เอง; ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ, สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ, สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ : +--ภิกษุ ท. ! นี้แล คือ ข้อปฏิบัติที่เป็นทางสายกลาง ที่ตถาคตได้ทรงตรัสรู้เฉพาะแล้ว เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ ทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้อันยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม #เพื่อนิพพาน.- http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=นิพฺพาน #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร.สํ 19/419/1664. http://etipitaka.com/read/thai/19/419/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร.สํ ๑๙/๕๒๘/๑๖๖๔. http://etipitaka.com/read/pali/19/528/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%96%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=689 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49 ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - มัชฌิมาปฏิปทา
    -มัชฌิมาปฏิปทา ในฐานะเหตุให้เกิดจักษุและญาณเพื่อนิพพาน ภิกษุ ท. ! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) อันเป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้เฉพาะแล้ว เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อมเพื่อนิพพาน นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลางนั้น คือ ข้อปฏิบัติเป็นหนทางอันประเสริฐ ประกอบอยู่ด้วยองค์แปดประการนี่เอง; ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ : ภิกษุ ท. ! นี้แล คือ ข้อปฏิบัติที่เป็นทางสายกลาง ที่ตถาคต ได้ทรงตรัสรู้เฉพาะแล้ว เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ ทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้อันยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม เพื่อนิพพาน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคฐานะเป็นหนทางแห่งการกำหนดรู้ทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 688
    ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคฐานะเป็นหนทางแห่งการกำหนดรู้ทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=688
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อัฏฐังคิกมรรค-ในฐานะเป็นหนทางแห่งการกำหนดรู้ทุกข์
    --ภิกษุ ท. ! ถ้าปริพพาชกเดียรถีย์อื่นถามเธออย่างนี้ ว่า
    “มรรคมีไหม ปฎิปทามีไหม เพื่อกำหนดรู้ซึ่งทุกข์ ?” ;
    เมื่อถูกถามอย่างนี้ พวกเธอพึงตอบแก่ปริพพาชกเดียรถีย์อื่นเหล่านั้น ว่า
    มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่ เพื่อกำหนดรู้ซึ่งทุกข์นั้น.
    --ภิกษุ ท. ! มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเป็นอย่างไร เพื่อกำหนดรู้ ซึ่งทุกข์นั้น ?
    มรรคมีองค์แปดอันประเสริฐนี้, กล่าวคือ
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ,
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ,
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ มีอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แล #ปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้ซึ่งทุกข์นั้น.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อเธอถูกถามอย่างนั้นแล้ว
    พึงพยากรณ์แก่ปริพพาชกเดียรถีย์อื่นเหล่านั้น อย่างนี้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/6-7/27-28.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/6/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๘-๙/๒๗-๒๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/8/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=688
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=688
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49
    ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัฏฐังคิกมรรคฐานะเป็นหนทางแห่งการกำหนดรู้ทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 688 ชื่อบทธรรม :- อัฏฐังคิกมรรคฐานะเป็นหนทางแห่งการกำหนดรู้ทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=688 เนื้อความทั้งหมด :- --อัฏฐังคิกมรรค-ในฐานะเป็นหนทางแห่งการกำหนดรู้ทุกข์ --ภิกษุ ท. ! ถ้าปริพพาชกเดียรถีย์อื่นถามเธออย่างนี้ ว่า “มรรคมีไหม ปฎิปทามีไหม เพื่อกำหนดรู้ซึ่งทุกข์ ?” ; เมื่อถูกถามอย่างนี้ พวกเธอพึงตอบแก่ปริพพาชกเดียรถีย์อื่นเหล่านั้น ว่า มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่ เพื่อกำหนดรู้ซึ่งทุกข์นั้น. --ภิกษุ ท. ! มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเป็นอย่างไร เพื่อกำหนดรู้ ซึ่งทุกข์นั้น ? มรรคมีองค์แปดอันประเสริฐนี้, กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ, สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ, สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ มีอยู่. +--ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แล #ปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้ซึ่งทุกข์นั้น. --ภิกษุ ท. ! เมื่อเธอถูกถามอย่างนั้นแล้ว พึงพยากรณ์แก่ปริพพาชกเดียรถีย์อื่นเหล่านั้น อย่างนี้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/6-7/27-28. http://etipitaka.com/read/thai/19/6/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๘-๙/๒๗-๒๘. http://etipitaka.com/read/pali/19/8/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=688 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49&id=688 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=49 ลำดับสาธยายธรรม : 49 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_49.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัฏฐังคิกมรรค
    -อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเป็นหนทางแห่งการกำหนดรู้ทุกข์ ภิกษุ ท. ! ถ้าปริพพาชกเดียรถีย์อื่นถามเธออย่างนี้ ว่า “มรรคมีไหม ปฎิปทามีไหม เพื่อกำหนดรู้ซึ่งทุกข์ ?” ; เมื่อถูกถามอย่างนี้ พวกเธอพึงตอบแก่ปริพพาชกเดียรถีย์อื่นเหล่านั้น ว่า มรรคมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่ เพื่อกำหนดรู้ซึ่งทุกข์นั้น. ภิกษุ ท. ! มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเป็นอย่างไร เพื่อกำหนดรู้ ซึ่งทุกข์นั้น ? มรรคมีองค์แปดอันประเสริฐนี้, กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ มีอยู่. ภิกษุ ท. ! นี้แลมรรค นี้แลปฏิปทา เพื่อกำหนดรู้ ซึ่งทุกข์นั้น. ภิกษุ ท. ! เมื่อเธอถูกถามอย่างนั้นแล้ว พึงพยากรณ์แก่ปริพพาชกเดียรถีย์อื่นเหล่านั้น อย่างนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts