• เปิดเส้นทางเคลื่อนพระบรมศพ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” จากโรงพยาบาลจุฬาฯ ไป “พระบรมมหาราชวัง”
    https://www.thai-tai.tv/news/22044/
    .
    #ไทยไท #สมเด็จพระพันปีหลวง #พระบรมราชชนนีพันปีหลวง #ถวายน้ำสรงพระบรมศพ #ศาลาสหทัยสมาคม #พระบรมมหาราชวัง

    เปิดเส้นทางเคลื่อนพระบรมศพ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” จากโรงพยาบาลจุฬาฯ ไป “พระบรมมหาราชวัง” https://www.thai-tai.tv/news/22044/ . #ไทยไท #สมเด็จพระพันปีหลวง #พระบรมราชชนนีพันปีหลวง #ถวายน้ำสรงพระบรมศพ #ศาลาสหทัยสมาคม #พระบรมมหาราชวัง
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • มติ ครม. เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี งดหรือลดกิจกรรมบันเทิง 30 วัน

    ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ดังนี้

    1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

    2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม

    ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน

    เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้

    (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง

    (2) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน

    (3) กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2)

    (4) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี

    (5) กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง

    (6) กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย

    #Newskit
    มติ ครม. เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี งดหรือลดกิจกรรมบันเทิง 30 วัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ดังนี้ 1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป 2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้ (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง (2) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน (3) กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2) (4) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี (5) กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง (6) กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย #Newskit
    1 Comments 1 Shares 44 Views 0 Reviews
  • สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
    .
    ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง
    .
    ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
    .
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
    .
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป
    .
    สำนักพระราชวัง
    24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
    สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต . ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง . ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93 . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง . ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป . สำนักพระราชวัง 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
    Sad
    Like
    3
    1 Comments 2 Shares 201 Views 0 Reviews
  • สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
    .
    ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง
    .
    ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
    .
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
    .
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป
    .
    สำนักพระราชวัง
    24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
    .
    ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง
    .
    ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
    .
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
    .
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป
    .
    สำนักพระราชวัง
    24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
    สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต . ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง . ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93 . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง . ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป . สำนักพระราชวัง 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 . ตามที่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการทางระบบต่าง ๆ ความทราบทั่วกันแล้วนั้น ในช่วงที่ประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรหลายครั้ง และคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปรกติทางระบบต่าง ๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการรักษาอย่างต่อเนื่อง . ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต แม้ว่าคณะแพทย์จะถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93 . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง . ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันสววรรคตเป็นต้นไป . สำนักพระราชวัง 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
    Love
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • พระสมเด็จพุฒาจารย์โต หลัง ร.5 กรุวังหน้า
    พระสมเด็จพุฒาจารย์โต หลัง ร.5 กรุวังหน้า //สันนิฐานว่าถูกนำมาบรรจุกรุไว้ราวพ.ศ.2325 // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม และเสริมดวงโชคลาภ มีอานุภาพในการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่างๆ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และช่วยให้ชีวิตมีความร่มเย็นเป็นสุข >>

    ** พระสมเด็จพุฒาจารย์โต หลัง ร.5 กรุวังหน้า สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษี ได้แสดงปฐมเทศนาครั้งในการเสด็จประภาสเยือนยุโรปเป็นครั้งแรกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานพัดยศเสมอองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้าในสมัยนั้น ในการสร้างโดยหลวงสิทธิการ หลวงวิจารณ์เจียระไน จนจวบรัชสมัยรัชกาลปัจจุบัน ได้แตกกรุออกมาจากวังหน้า และในพระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้วมรกต ในพระมหาเจดีย์พระธาตุพนม ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพัดยศแสดงออกถึงการได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะและเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
    พระสมเด็จกรุวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และกรุวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) แบ่งการสร้างออกเป็น ๓ ช่วง >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระสมเด็จพุฒาจารย์โต หลัง ร.5 กรุวังหน้า พระสมเด็จพุฒาจารย์โต หลัง ร.5 กรุวังหน้า //สันนิฐานว่าถูกนำมาบรรจุกรุไว้ราวพ.ศ.2325 // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม และเสริมดวงโชคลาภ มีอานุภาพในการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่างๆ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และช่วยให้ชีวิตมีความร่มเย็นเป็นสุข >> ** พระสมเด็จพุฒาจารย์โต หลัง ร.5 กรุวังหน้า สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษี ได้แสดงปฐมเทศนาครั้งในการเสด็จประภาสเยือนยุโรปเป็นครั้งแรกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานพัดยศเสมอองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้าในสมัยนั้น ในการสร้างโดยหลวงสิทธิการ หลวงวิจารณ์เจียระไน จนจวบรัชสมัยรัชกาลปัจจุบัน ได้แตกกรุออกมาจากวังหน้า และในพระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้วมรกต ในพระมหาเจดีย์พระธาตุพนม ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพัดยศแสดงออกถึงการได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะและเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี พระสมเด็จกรุวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และกรุวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) แบ่งการสร้างออกเป็น ๓ ช่วง >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 314 Views 0 Reviews
  • ในหลวง ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต จากฤดูร้อนเป็นฤดูฝน
    https://www.thai-tai.tv/news/20213/
    .
    #ในหลวง #พระราชินี #พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร #พระแก้วมรกต #วัดพระศรีรัตนศาสดาราม #พระบรมมหาราชวัง #พิธีสำคัญ #ศาสนพิธี #วัดพระแก้ว #ราชวงศ์
    ในหลวง ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต จากฤดูร้อนเป็นฤดูฝน https://www.thai-tai.tv/news/20213/ . #ในหลวง #พระราชินี #พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร #พระแก้วมรกต #วัดพระศรีรัตนศาสดาราม #พระบรมมหาราชวัง #พิธีสำคัญ #ศาสนพิธี #วัดพระแก้ว #ราชวงศ์
    0 Comments 0 Shares 436 Views 0 Reviews
  • วันอังคารที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    วันอังคารที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 555 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงนามถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    .
    วันนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ นำคณะผู้บริหารมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ นำแจกันดอกไม้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงนามถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ . วันนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ นำคณะผู้บริหารมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ นำแจกันดอกไม้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 514 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงนามถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    .
    วันนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ นำคณะผู้บริหารมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ นำแจกันดอกไม้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงนามถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ . วันนี้ (วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ นำคณะผู้บริหารมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ นำแจกันดอกไม้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    0 Comments 0 Shares 494 Views 0 Reviews
  • วันนี้ (วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เวลา ๑๗.๑๕ น. ในหลวง และพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการตั้งเปรียญพระภิกษุและสามเณร เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง#nbtconnext #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด#ในการตั้งเปรียญพระภิกษุและสามเณร#พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชาพุทธศักราช๒๕๖๘
    วันนี้ (วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เวลา ๑๗.๑๕ น. ในหลวง และพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการตั้งเปรียญพระภิกษุและสามเณร เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง#nbtconnext #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด#ในการตั้งเปรียญพระภิกษุและสามเณร#พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชาพุทธศักราช๒๕๖๘
    Love
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 558 Views 0 Reviews
  • [ ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ พระราชพิธีพืชมงคล ประจำปี ๒๕๖๘ ].วันนี้ (๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เวลา ๑๗.๑๕ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีพืชมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง Cr.โบราณนานมา
    [ ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ พระราชพิธีพืชมงคล ประจำปี ๒๕๖๘ ].วันนี้ (๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘) เวลา ๑๗.๑๕ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีพืชมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง Cr.โบราณนานมา
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 346 Views 0 Reviews
  • สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๘

    วันศุกร์ที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘
    สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ทักษิณานุปทาน ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    #IStandWithQueenSuthida
    สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๘ วันศุกร์ที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ทักษิณานุปทาน ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida #IStandWithQueenSuthida
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 693 Views 1 0 Reviews
  • ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์

    วันที่ 15 เมษายน 2568 เวลา  09.03 น.
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลราชกุมาร ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ ณ หอพระสุราลัยพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ หอพระธาตุมณเฑียร และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ วันที่ 15 เมษายน 2568 เวลา  09.03 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลราชกุมาร ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ ณ หอพระสุราลัยพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ หอพระธาตุมณเฑียร และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 719 Views 0 Reviews
  • เสาตั้งเรียงรายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง (ถ่ายเมื่อ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๘)
    เสาตั้งเรียงรายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง (ถ่ายเมื่อ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๘)
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
  • ในหลวง พระราชินี ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

    วันที่ 14 มีนาคม 2568
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    ในหลวง พระราชินี ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร วันที่ 14 มีนาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 979 Views 0 Reviews
  • ในหลวง ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน ถวายพระแก้วมรกต
    14 มีนาคม 2568 - เวลา 17.34 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรง ฤดูหนาวเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
    ในหลวง ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน ถวายพระแก้วมรกต 14 มีนาคม 2568 - เวลา 17.34 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรง ฤดูหนาวเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 636 Views 0 Reviews
  • [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ]
    .
    เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต”
    .
    ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้
    .
    ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต”
    .
    เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี
    .
    ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง
    .
    หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี
    .
    ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา
    .
    ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม
    .
    ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว”
    .
    ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น
    .
    การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น
    .
    ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย
    .
    อ้างอิง
    (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑.
    (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง
    (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘.
    (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓.
    (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).
    [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ] . เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต” . ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้ . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต” . เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง . หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี . ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา . ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม . ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว” . ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น . การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น . ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย . อ้างอิง (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑. (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘. (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓. (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).
    0 Comments 0 Shares 1172 Views 0 Reviews
  • ตราแผ่นดินที่หน้าบันพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง

    ปรากฎคาถาโบราณว่า "สัพเพสัง สัมภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา"

    มีความหมายว่า "ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความเจริญรุ่งเรืองให้บังเกิดขึ้น" คาถาโบราณดังกล่าวเริ่มผูกขึ้นประจำตราแผ่นดินมาตั้งแต่สมัย ร.๕
    ตราแผ่นดินที่หน้าบันพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ปรากฎคาถาโบราณว่า "สัพเพสัง สัมภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา" มีความหมายว่า "ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความเจริญรุ่งเรืองให้บังเกิดขึ้น" คาถาโบราณดังกล่าวเริ่มผูกขึ้นประจำตราแผ่นดินมาตั้งแต่สมัย ร.๕
    0 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • 70 ปี ยิงเป้าสามมหาดเล็ก พัวพันคดีสวรรคต ร.8 ทฤษฎีสมคบคิดปริศนา ลอบปลงพระชนม์ หรืออัตวินิบาตกรรม?

    ปริศนาที่ยังไร้คำตอบ เมื่อพูดถึงหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ไทย ที่ยังคงเป็นปริศนา และข้อถกเถียงมาจนถึงทุกวันนี้ "คดีสวรรคต รัชกาลที่ 8" คือหนึ่งในคดี ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ทฤษฎีสมคบคิด และข้อสงสัยมากมาย

    ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ณ เรือนจำกลางบางขวาง สามมหาดเล็กในพระองค์ ได้แก่ นายเฉลียว ปทุมรส, นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน ถูกนำตัวเข้าสู่ลานประหาร และถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ฐานพัวพันกับการสวรรคต ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489

    แต่คำถามสำคัญ ที่ยังคงค้างคาใจหลายคนก็คือ คดีนี้จบลงแล้วจริงหรือ? และสามมหาดเล็ก ที่ถูกประหารชีวิตเป็น "แพะรับบาป" หรือไม่?

    ปูมหลังคดีสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 8
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 วันแห่งโศกนาฏกรรม
    ช่วงสายวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน ภายในห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง

    ลักษณะพระบรมศพ
    มีบาดแผล กลางพระนลาฏ หรือหน้าผาก ทะลุผ่านพระปฤษฎางค์ หรือท้ายทอย ข้างพระบรมศพพบ ปืนพกสั้น โคลต์ .45 ตกอยู่ ด้ามปืนหันออกจากพระวรกาย

    คำถามที่เกิดขึ้น
    เป็นอุบัติเหตุ หรือการลอบปลงพระชนม์?
    หากเป็นอัตวินิบาตกรรม เหตุใดจึงมีบาดแผล กระสุนทะลุจากหน้าผากไปท้ายทอย ซึ่งขัดแย้งกับ กลไกการยิงตัวตาย ตามธรรมชาติ?

    มหาดเล็กทั้งสามนาย จากข้าราชการใกล้ชิด สู่จำเลยประหารชีวิต
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่นาน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งในช่วงแรก ไม่มีใครถูกกล่าวหา แต่เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 คดีได้ถูกพลิกกลับ โดยบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมาย ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิด

    1. นายเฉลียว ปทุมรส
    อดีตมหาดเล็ก และราชเลขานุการในพระองค์ รัชกาลที่ 8 สมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือน ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนลอบปลงพระชนม์ ถูกศาลฎีกาพิพากษา ตัดสินประหารชีวิต

    2. นายชิต สิงหเสนี มหาดเล็กห้องพระบรรทม
    อยู่ในพระที่นั่งบรมพิมานในวันเกิดเหตุ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ และถูกศาลฎีกา พิพากษายืน ประหารชีวิตตามศาลอุทธรณ์

    3. นายบุศย์ ปัทมศริน มหาดเล็กห้องพระบรรทมอีกคนหนึ่ง
    เป็นหนึ่งในบุคคลสุดท้าย ที่เห็นในหลวงรัชกาลที่ 8 ก่อนสวรรคต ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลงพระชนม์ และถูกศาลฎีกา พิกากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ตัดสินประหารชีวิต

    ข้อโต้แย้ง
    มหาดเล็กทั้งสามนาย ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ จนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์

    ศาลฎีกาตัดสิน คำพิพากษาที่นำไปสู่ลานประหาร
    หลังการสอบสวน คดีนี้ผ่านการพิจารณาของ ศาล 3 ระดับ
    - ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ทั้งสามคน
    - ศาลอุทธรณ์ ยืนยันคำพิพากษาเดิม
    - ศาลฎีกา พิพากษายืน ตามคำตัดสินเดิม

    17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วันที่สามมหาดเล็ก ถูกยิงเป้าด้วยปืนกล
    02.00 น. อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
    02.20 น. นายเฉลียว ถูกประหาร
    02.40 น. นายชิต ถูกประหาร
    03.00 น. นายบุศย์ ถูกประหาร

    หลังจากการยิงเป้าประหารชีวิต ศพนักโทษทั้ง 3 ราย ถูกใส่ในช่องเก็บศพ เเล้วนำร่างออกจากประตูเเดง หรือประตูผีของวัดบางแพรกใต้ ในวันรุ่งขึ้น

    ความน่าสงสัย
    - คำร้องขออภัยโทษถูก "ยกฎีกา" อย่างกะทันหัน
    - ไม่มีการสืบสวนใหม่ แม้จะมีหลักฐานที่อาจเปลี่ยนคดี

    ทฤษฎีสมคบคิด ใครคือผู้ต้องสงสัยที่แท้จริง?
    แม้ว่าศาลจะตัดสินประหารชีวิต สามมหาดเล็กไปแล้ว แต่ปริศนาการสวรรคต ยังคงเป็นหัวข้อ ที่ถูกตั้งคำถามอยู่ตลอด

    ทฤษฎี "อุบัติเหตุ"
    ในหลวงรัชกาลที่ 8 อาจทรงทำปืนลั่นเองขณะถือปืน
    มีหลักฐานว่า พระองค์ทรงสนใจปืน และเคยมีอุบัติเหตุปืนลั่นมาก่อน

    ข้อโต้แย้ง
    ตำแหน่งบาดแผล ไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุ จากการยิงตัวเอง

    ทฤษฎี "ลอบปลงพระชนม์"
    มีการตั้งข้อสงสัยว่า ฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม อาจอยู่เบื้องหลัง
    ขณะนั้นมีความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างกลุ่มนิยมเจ้า กับคณะราษฎร

    ข้อโต้แย้ง
    ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ลงมือ

    ทฤษฎี "แพะรับบาป"
    สามมหาดเล็ก อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการปกปิดความจริง
    หลักฐานหลายอย่างถูกทำลาย หรือไม่ถูกเปิดเผย

    คดีปริศนาที่ยังไร้คำตอบ
    แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 70 ปี แต่คดีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน อย่างกว้างขวาง ข้อมูลที่มีอยู่ ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และใครคือผู้กระทำผิดตัวจริง

    คำถามที่ยังไร้คำตอบ
    - ในหลวงรัชกาลที่ 8 ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม หรือถูกลอบปลงพระชนม์?
    - สามมหาดเล็กที่ถูกประหาร เป็นแพะรับบาปหรือไม่?

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171005 ก.พ. 2568

    #คดีสวรรคต #รัชกาลที่8 #70ปีปริศนา #สมคบคิด #ลับลวงพราง #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีสะเทือนขวัญ #ยิงเป้าสามมหาดเล็ก #ThailandMystery #HistoryUnsolved
    70 ปี ยิงเป้าสามมหาดเล็ก พัวพันคดีสวรรคต ร.8 ทฤษฎีสมคบคิดปริศนา ลอบปลงพระชนม์ หรืออัตวินิบาตกรรม? ปริศนาที่ยังไร้คำตอบ เมื่อพูดถึงหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ไทย ที่ยังคงเป็นปริศนา และข้อถกเถียงมาจนถึงทุกวันนี้ "คดีสวรรคต รัชกาลที่ 8" คือหนึ่งในคดี ที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ ทฤษฎีสมคบคิด และข้อสงสัยมากมาย ย้อนกลับไปเมื่อ 70 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ณ เรือนจำกลางบางขวาง สามมหาดเล็กในพระองค์ ได้แก่ นายเฉลียว ปทุมรส, นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน ถูกนำตัวเข้าสู่ลานประหาร และถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ฐานพัวพันกับการสวรรคต ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 แต่คำถามสำคัญ ที่ยังคงค้างคาใจหลายคนก็คือ คดีนี้จบลงแล้วจริงหรือ? และสามมหาดเล็ก ที่ถูกประหารชีวิตเป็น "แพะรับบาป" หรือไม่? ปูมหลังคดีสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 8 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 วันแห่งโศกนาฏกรรม ช่วงสายวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน ภายในห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน พระบรมมหาราชวัง 🔎 ลักษณะพระบรมศพ มีบาดแผล กลางพระนลาฏ หรือหน้าผาก ทะลุผ่านพระปฤษฎางค์ หรือท้ายทอย ข้างพระบรมศพพบ ปืนพกสั้น โคลต์ .45 ตกอยู่ ด้ามปืนหันออกจากพระวรกาย 💡 คำถามที่เกิดขึ้น เป็นอุบัติเหตุ หรือการลอบปลงพระชนม์? หากเป็นอัตวินิบาตกรรม เหตุใดจึงมีบาดแผล กระสุนทะลุจากหน้าผากไปท้ายทอย ซึ่งขัดแย้งกับ กลไกการยิงตัวตาย ตามธรรมชาติ? มหาดเล็กทั้งสามนาย จากข้าราชการใกล้ชิด สู่จำเลยประหารชีวิต หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่นาน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งในช่วงแรก ไม่มีใครถูกกล่าวหา แต่เมื่อเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 คดีได้ถูกพลิกกลับ โดยบุคคลที่ตกเป็นเป้าหมาย ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิด 1. นายเฉลียว ปทุมรส อดีตมหาดเล็ก และราชเลขานุการในพระองค์ รัชกาลที่ 8 สมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือน ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนลอบปลงพระชนม์ ถูกศาลฎีกาพิพากษา ตัดสินประหารชีวิต 2. นายชิต สิงหเสนี มหาดเล็กห้องพระบรรทม อยู่ในพระที่นั่งบรมพิมานในวันเกิดเหตุ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ และถูกศาลฎีกา พิพากษายืน ประหารชีวิตตามศาลอุทธรณ์ 3. นายบุศย์ ปัทมศริน มหาดเล็กห้องพระบรรทมอีกคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในบุคคลสุดท้าย ที่เห็นในหลวงรัชกาลที่ 8 ก่อนสวรรคต ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลงพระชนม์ และถูกศาลฎีกา พิกากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ตัดสินประหารชีวิต 💭 ข้อโต้แย้ง มหาดเล็กทั้งสามนาย ยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ จนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่มีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ ศาลฎีกาตัดสิน คำพิพากษาที่นำไปสู่ลานประหาร หลังการสอบสวน คดีนี้ผ่านการพิจารณาของ ศาล 3 ระดับ - ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ทั้งสามคน - ศาลอุทธรณ์ ยืนยันคำพิพากษาเดิม - ศาลฎีกา พิพากษายืน ตามคำตัดสินเดิม 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วันที่สามมหาดเล็ก ถูกยิงเป้าด้วยปืนกล ⏰ 02.00 น. อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ⏰ 02.20 น. นายเฉลียว ถูกประหาร ⏰ 02.40 น. นายชิต ถูกประหาร ⏰ 03.00 น. นายบุศย์ ถูกประหาร หลังจากการยิงเป้าประหารชีวิต ศพนักโทษทั้ง 3 ราย ถูกใส่ในช่องเก็บศพ เเล้วนำร่างออกจากประตูเเดง หรือประตูผีของวัดบางแพรกใต้ ในวันรุ่งขึ้น 👀 ความน่าสงสัย - คำร้องขออภัยโทษถูก "ยกฎีกา" อย่างกะทันหัน - ไม่มีการสืบสวนใหม่ แม้จะมีหลักฐานที่อาจเปลี่ยนคดี ทฤษฎีสมคบคิด ใครคือผู้ต้องสงสัยที่แท้จริง? แม้ว่าศาลจะตัดสินประหารชีวิต สามมหาดเล็กไปแล้ว แต่ปริศนาการสวรรคต ยังคงเป็นหัวข้อ ที่ถูกตั้งคำถามอยู่ตลอด 🕵️‍♂️ ทฤษฎี "อุบัติเหตุ" ในหลวงรัชกาลที่ 8 อาจทรงทำปืนลั่นเองขณะถือปืน มีหลักฐานว่า พระองค์ทรงสนใจปืน และเคยมีอุบัติเหตุปืนลั่นมาก่อน 🔴 ข้อโต้แย้ง ตำแหน่งบาดแผล ไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุ จากการยิงตัวเอง 🏴‍☠️ ทฤษฎี "ลอบปลงพระชนม์" มีการตั้งข้อสงสัยว่า ฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม อาจอยู่เบื้องหลัง ขณะนั้นมีความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างกลุ่มนิยมเจ้า กับคณะราษฎร 🔴 ข้อโต้แย้ง ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ลงมือ 🤔 ทฤษฎี "แพะรับบาป" สามมหาดเล็ก อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการปกปิดความจริง หลักฐานหลายอย่างถูกทำลาย หรือไม่ถูกเปิดเผย คดีปริศนาที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 70 ปี แต่คดีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 8 ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน อย่างกว้างขวาง ข้อมูลที่มีอยู่ ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และใครคือผู้กระทำผิดตัวจริง ⏳ คำถามที่ยังไร้คำตอบ 🔥 - ในหลวงรัชกาลที่ 8 ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรม หรือถูกลอบปลงพระชนม์? - สามมหาดเล็กที่ถูกประหาร เป็นแพะรับบาปหรือไม่? ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 171005 ก.พ. 2568 #คดีสวรรคต #รัชกาลที่8 #70ปีปริศนา #สมคบคิด #ลับลวงพราง #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีสะเทือนขวัญ #ยิงเป้าสามมหาดเล็ก #ThailandMystery #HistoryUnsolved
    0 Comments 0 Shares 1726 Views 0 Reviews
  • วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน

    และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

    ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

    วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์

    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน?

    วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม
    ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน? วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    0 Comments 0 Shares 1457 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=ZB-LhJf8kbI
    บทสนทนาในรถแท็กซี่
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาในรถแท็กซี่
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #taxi

    The conversations from the clip :

    Tourist: Hello, could you take me to the Grand Palace?
    Driver: Yes, of course! Please get in.
    Tourist: Thank you. Can you please turn on the meter?
    Driver: Oh, the Grand Palace is a bit far. How about 300 baht?
    Tourist: I’d prefer to go by meter, please.
    Driver: Alright, I’ll turn on the meter for you.
    Tourist: Thank you. Do you drive here every day?
    Driver: Yes, I drive in Bangkok every day. Lots of tourists like you go to the Grand Palace.
    Tourist: I can imagine! Is it usually busy around this time?
    Driver: Yes, especially in the mornings and evenings. Many people visit the temples.
    Tourist: I see. How long will it take to get there?
    Driver: Maybe 30 to 40 minutes, depending on traffic.
    Tourist: Alright, sounds good. Do you think it will be very crowded?
    Driver: Probably. But if you go early, it’s usually less crowded.
    Tourist: Good to know! Thank you for the advice.
    Driver: You’re welcome! Enjoy your time at the Grand Palace.

    นักท่องเที่ยว: สวัสดีค่ะ พาไปพระบรมมหาราชวังได้ไหมคะ?
    คนขับ: ได้ครับ เชิญขึ้นมาเลยครับ
    นักท่องเที่ยว: ขอบคุณค่ะ เปิดมิเตอร์ให้ด้วยได้ไหมคะ?
    คนขับ: อ๋อ พระบรมมหาราชวังไกลอยู่นะครับ สัก 300 บาทดีไหมครับ?
    นักท่องเที่ยว: ขอไปตามมิเตอร์ดีกว่าค่ะ
    คนขับ: ได้ครับ ผมจะเปิดมิเตอร์ให้นะครับ
    นักท่องเที่ยว: ขอบคุณค่ะ ขับที่นี่ทุกวันเลยหรือคะ?
    คนขับ: ใช่ครับ ผมขับในกรุงเทพทุกวัน มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ไปพระบรมมหาราชวังเหมือนคุณนี่แหละครับ
    นักท่องเที่ยว: คงจะเป็นที่นิยมมากเลยนะคะ ช่วงนี้คนเยอะไหมคะ?
    คนขับ: ครับ ช่วงเช้า ๆ กับเย็น ๆ จะเยอะเป็นพิเศษ เพราะคนไปไหว้พระที่วัดกันเยอะ
    นักท่องเที่ยว: เข้าใจแล้วค่ะ ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะถึงคะ?
    คนขับ: ประมาณ 30 ถึง 40 นาทีครับ ขึ้นอยู่กับการจราจร
    นักท่องเที่ยว: โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ คิดว่าคนจะเยอะมากไหมคะ?
    คนขับ: น่าจะเยอะครับ แต่ถ้าคุณไปเช้า ๆ ก็จะคนน้อยกว่า
    นักท่องเที่ยว: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
    คนขับ: ยินดีครับ ขอให้สนุกกับการเที่ยวพระบรมมหาราชวังนะครับ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Palace (พา-ลิซ) n. แปลว่า พระราชวัง
    Meter (มี-เทอะ) n. แปลว่า มิเตอร์
    Tourist (ทัว-ริสท) n. แปลว่า นักท่องเที่ยว
    Driver (ไดร-เวอะ) n. แปลว่า คนขับ
    Traffic (แทรฟ-ฟิค) n. แปลว่า การจราจร
    Temple (เทม-เพิล) n. แปลว่า วัด
    Morning (มอ-นิง) n. แปลว่า ตอนเช้า
    Evening (อีฟ-นิง) n. แปลว่า ตอนเย็น
    Crowded (เครา-ดิด) adj. แปลว่า แออัด, คนเยอะ
    Advice (แอด-ไวซ) n. แปลว่า คำแนะนำ
    Far (ฟาร์) adj. แปลว่า ไกล
    Usually (ยู-ชวล-ลิ) adv. แปลว่า โดยปกติ
    Imagine (อิ-แมจ-จิน) v. แปลว่า จินตนาการ
    Every day (เอฟ-วะ-รี เดย์) adv. แปลว่า ทุกวัน
    Welcome (เวล-คัม) v. แปลว่า ยินดีต้อนรับ
    https://www.youtube.com/watch?v=ZB-LhJf8kbI บทสนทนาในรถแท็กซี่ (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาในรถแท็กซี่ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #taxi The conversations from the clip : Tourist: Hello, could you take me to the Grand Palace? Driver: Yes, of course! Please get in. Tourist: Thank you. Can you please turn on the meter? Driver: Oh, the Grand Palace is a bit far. How about 300 baht? Tourist: I’d prefer to go by meter, please. Driver: Alright, I’ll turn on the meter for you. Tourist: Thank you. Do you drive here every day? Driver: Yes, I drive in Bangkok every day. Lots of tourists like you go to the Grand Palace. Tourist: I can imagine! Is it usually busy around this time? Driver: Yes, especially in the mornings and evenings. Many people visit the temples. Tourist: I see. How long will it take to get there? Driver: Maybe 30 to 40 minutes, depending on traffic. Tourist: Alright, sounds good. Do you think it will be very crowded? Driver: Probably. But if you go early, it’s usually less crowded. Tourist: Good to know! Thank you for the advice. Driver: You’re welcome! Enjoy your time at the Grand Palace. นักท่องเที่ยว: สวัสดีค่ะ พาไปพระบรมมหาราชวังได้ไหมคะ? คนขับ: ได้ครับ เชิญขึ้นมาเลยครับ นักท่องเที่ยว: ขอบคุณค่ะ เปิดมิเตอร์ให้ด้วยได้ไหมคะ? คนขับ: อ๋อ พระบรมมหาราชวังไกลอยู่นะครับ สัก 300 บาทดีไหมครับ? นักท่องเที่ยว: ขอไปตามมิเตอร์ดีกว่าค่ะ คนขับ: ได้ครับ ผมจะเปิดมิเตอร์ให้นะครับ นักท่องเที่ยว: ขอบคุณค่ะ ขับที่นี่ทุกวันเลยหรือคะ? คนขับ: ใช่ครับ ผมขับในกรุงเทพทุกวัน มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่ไปพระบรมมหาราชวังเหมือนคุณนี่แหละครับ นักท่องเที่ยว: คงจะเป็นที่นิยมมากเลยนะคะ ช่วงนี้คนเยอะไหมคะ? คนขับ: ครับ ช่วงเช้า ๆ กับเย็น ๆ จะเยอะเป็นพิเศษ เพราะคนไปไหว้พระที่วัดกันเยอะ นักท่องเที่ยว: เข้าใจแล้วค่ะ ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะถึงคะ? คนขับ: ประมาณ 30 ถึง 40 นาทีครับ ขึ้นอยู่กับการจราจร นักท่องเที่ยว: โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ คิดว่าคนจะเยอะมากไหมคะ? คนขับ: น่าจะเยอะครับ แต่ถ้าคุณไปเช้า ๆ ก็จะคนน้อยกว่า นักท่องเที่ยว: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ คนขับ: ยินดีครับ ขอให้สนุกกับการเที่ยวพระบรมมหาราชวังนะครับ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Palace (พา-ลิซ) n. แปลว่า พระราชวัง Meter (มี-เทอะ) n. แปลว่า มิเตอร์ Tourist (ทัว-ริสท) n. แปลว่า นักท่องเที่ยว Driver (ไดร-เวอะ) n. แปลว่า คนขับ Traffic (แทรฟ-ฟิค) n. แปลว่า การจราจร Temple (เทม-เพิล) n. แปลว่า วัด Morning (มอ-นิง) n. แปลว่า ตอนเช้า Evening (อีฟ-นิง) n. แปลว่า ตอนเย็น Crowded (เครา-ดิด) adj. แปลว่า แออัด, คนเยอะ Advice (แอด-ไวซ) n. แปลว่า คำแนะนำ Far (ฟาร์) adj. แปลว่า ไกล Usually (ยู-ชวล-ลิ) adv. แปลว่า โดยปกติ Imagine (อิ-แมจ-จิน) v. แปลว่า จินตนาการ Every day (เอฟ-วะ-รี เดย์) adv. แปลว่า ทุกวัน Welcome (เวล-คัม) v. แปลว่า ยินดีต้อนรับ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1201 Views 0 Reviews
  • วันอาทิตย์: ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (3 November 2024)

    สวดมนต์ไหว้พระ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
    2 ถ.สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    วันอาทิตย์: ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (3 November 2024) สวดมนต์ไหว้พระ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 2 ถ.สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • วันอาทิตย์: ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (3 November 2024)

    สวดมนต์ไหว้พระ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
    2 ถ.สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    วันอาทิตย์: ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (3 November 2024) สวดมนต์ไหว้พระ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 2 ถ.สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • ในหลวง-พระราชินี ทรงวางพวงมาลา เนื่องในวันปิยมหาราช พุทธศักราช 2567
    .
    วันนี้ (23 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.19 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงวางพวงมาลา ณ พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันปิยมหาราช พุทธศักราช 2567 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
    .
    ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยเสด็จในการนี้ด้วย
    .
    เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียน เครื่องราชสักการะทองทิศ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองทิศ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ เสร็จแล้ว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันปิยมหาราช พุทธศักราช ๒๕๖๗ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
    .
    #MGROnline #วันปิยมหาราช
    ในหลวง-พระราชินี ทรงวางพวงมาลา เนื่องในวันปิยมหาราช พุทธศักราช 2567 . วันนี้ (23 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.19 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงวางพวงมาลา ณ พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันปิยมหาราช พุทธศักราช 2567 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง . ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยเสด็จในการนี้ด้วย . เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียน เครื่องราชสักการะทองทิศ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองทิศ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ เสร็จแล้ว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันปิยมหาราช พุทธศักราช ๒๕๖๗ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง . #MGROnline #วันปิยมหาราช
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 809 Views 0 Reviews
  • 23-10-67/02 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" ตอนพิเศษ EP.1

    เนื่องในวัน "ปิยะมหาราช" วันนี้ กูขอซัดตรง "เรื่องแผ่นดิน ดินแดนไทย" ไทยเป็นเอกราชเพราะเราต้องการอิสระภาพ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เรามีพระบรมมหาราชวัง นั่นคือมี "กษัตริย์" ปกครองดินแดนแห่งนี้มาชั่วนาตาปี พ่อร.5 เสียพระทัยมากที่สุดคือเรื่องดินแดน นับจากนั้น ไทยเราจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ใครอีก จากการล่าอาณานิคมของเหี้ยไอ้อีฝั่งตะวันตก ชะตากรรมไทยเราเฉกเช่นเดียวกันกับจีน-รัสเซีย โดยรัสเซียต้องล่มสลาย โซเวียตแตก เพราะถูกเหี้ยไอ้อีตะวันตกมาบ่อนทำลาย จีนต้องสูญเสียเกาะฮ่องกง ไต้หวัน เพราะถูกเหี้ยตะวันตกมาลงแขก ช่วง WWII หลังจากนั้น การทวงแผ่นดินคืนจึงก่อเกิด สร้างตำนาน สร้างวีรบุรุษ ปูตินประกาศชัด จะเรียกแผ่นดินที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้หมด แถมขยายมากกว่าแต่ก่อน เอาให้โลกจดจำไปอีก 1000 ปี นี่คือ "รัฐบุรุษแห่งยุคสลาฟ" มาจีน ใครวางสีจิ้นผิงขึ้นมาตำแหน่งนี้ล่ะ? ห้องสีขาว วอร์รูม วางแผนเรียกคืนแผ่นดินจีนคืนทั้งหมด และจะขยายอาณาเขตครอบคลุมโลก ไม่จำเป็นต้องยึดดินแดน แต่ยึดด้วยปากท้องแทน ครองเศรษฐกิจโลกคือครองโลกนั่นเอง ส่วนไทยเรา อะไรที่เสียไป จะเรียกคืนกลับมาให้หมดเช่นกัน ด้วยความยินยิม สมัครใจ เพราะหากเราทำให้ตัวเราเองมีค่า โดดเด่น และเป็นที่พึ่งพาแก่เพื่อนบ้านได้ โอกาสที่ชาติเพื่อนบ้าน อดีตสยามประเทศเก่าจะกลับคืนสู่มาตุภูมิแม่ก็มีเช่นกัน เพราะกินอิ่ม หลับสบาย ไร้ทุกข์ และเรื่องกังวลใดใดอีกต่อไป ข้าวปลามี ความมั่นคงมี ความมั่งคั่งมี พลังงานไม่รู้จบ โลจิสติคก้าวไกล บางส่วนของพม่า ลาว ขะแมร์ แม้แต่บางส่วนของมาเลย์ ก็อาจจะเข้ามาขอร่วม เป็นพื้นที่พิเศษในเบื้องต้น เราไม่ได้ล่าอาณานิคม เราแค่ต้องการส่วนที่เราเสียไปคืนมา ยามที่เราขาขึ้น ใครก็อยากจะเข้ามาร่วม จงใช้โอกาสนี้ ทำเงินบาทให้ขจรกระจาย เป็นที่ต้องการของทั้งโลก แล้วมันจะมาเองโดยไม่ต้องไปกวักมือเรียก ก็เหมือนกับที่ทำไม พม่า ขะแมร์ ลาว แห่กันเข้ามาขอเป็นแรงงานไทย เพราะเงินบาทเนี่ยแหละ มันแข็งโป๊ก มันหอมหวลไงล่ะ ใครก็อยากได้เงินบาท นี่คือ FACT ว่าวยาวมาซะขนาดนี้แล้ว ขอซัดตรงไปเลย อีคณะร่านก็เป็นฝีมือเหี้ย C ผ่านมาถึง อีพฤษภาทมิฬ ก็เหี้ย C คิดล้มวัง ล้มเจ้า แต่พ่อรู้ทันแผนชั่วเหี้ย วังอยู่ได้เพราะกษัตริย์ กษัตริย์อยู่ได้ เพราะพสกนิกร เห็นยัง? พ่อต้องการใครมากที่สุด? "พวกมรึงทุกคน" ตราบใดมรึงกับกูผู้จงรัก และภักดียังอยู่ ไอ้อีหน้าไหน ก็ไม่สามารถจะเข้ามาบ่อนทำลายวังได้ ถามตรีนคนไทยรักชาติก่อนมุย? ทหารรักชาติมีเยอะ ไม่งั้นคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ทหารขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ในฐานะ "แม่ทัพ" พ่อท่านร.10 จัดกองรบพิเศษ กองพันทหารกล้า อยู่ในมือ จะเหี้ย C จะเหี้ยที่ไหนเข้ามา ตายคาตรีนชัวร์? หลังลุงตู่วางหมากก่อนลาจากตำแหน่ง ผลลัพธ์เห็นชัด มีการเขยิบตำแหน่งสำคัญในกองทัพทั้ง 3 เหล่า แปลว่า ทหารเสือราชินี วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ เค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกันเรียบร้อยแล้ว งานนี้ เหี้ยตายหมู่ ชัวร์! ใครที่กลัวโน้น กลัวนี่ กลัวฉิบหาย กลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กูถามคำเดียวน่ะ "เชื่อมั่นในพ่ออยู่หัวมั้ย?" มรึงคิดว่าเรื่องปาหี่ ดินแดน เปลี่ยนระบบการปกครอง มันจะทำง่ายดายอย่างงั้นเหรอ? ไม่งั้นมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ พศ.2475 นานแล้ว พ่ออยู่หัวทั้งคนยังอยู่ค้ำฟ้า อยู่ตรงนี้ อยู่เป็นขวัญกำลังใจทุกชีวิตในแผ่นดินทอง พ่อท่านรู้เห็นทุกอย่าง มากกว่ามรึง มากกว่ากู มากกว่าใครในจักรวาลมาเวลนี้ ใครล่ะที่จะปกป้องดินแดน หวงแหนดินแดนนี้ที่สุด? อย่าดูถูกพ่อตัวเอง เชื่อมั่น และศรัทธา เลิกดิ้นแล้ว เสพสื่อขี้ข้าเหี้ยทุกวัน แค่เลิกดู สติมา ปัญญามีทันที อยากรู้ความจริงให้มาหากู อยากฟังเรื่องตอแหล ไปเสพสื่อจัญไรต่อไป แล้วไม่ต้องมาถามกูอีก กูเบื่อจะตอบ? กลียุค คืออะไร หน้าที่ของมันคืออะไร? กูบอกไปหมดแล้ว หากมรึงยังแกว่งไม่เลิก และไม่เคยเชื่อมั่นในพ่อหลวงท่าน อย่ามาเรียกกูอีก "ปากบอกรักพ่อ แต่ไม่เชื่อมั่นพ่อ" มรึงเป็นลูกประสาห่าอะไรฟ่ะ? จะมีใครห่วงดินแดนไทยมากไปกว่าพระองค์ท่าน? ยังไงก็ซัดไปดอกแล้ว ต่อเลยล่ะกัน ใครที่ห่วงว่าเงินแผ่นดินจะสูญหาย เงินไปอยู่ตามหมู่เกาะ เงินตามไม่ได้ ไอ้พวกเหี้ย มันเอาไปซ่อนที่ดาวอังคารบ้าง เอาไปซ่อนที่ดวงจันทร์บ้าง "เลิกมโน" ได้แล้ว ทุกขั้นตอน มีฝ่ายตรวจสอบ ระดับโลก เค้าไม่ห่วงเรื่องติดตามแหล่งเงินดอกน่ะ ไทยเรามีใคร มรึงยังต้องให้กูบอกอีกเหรอ? ช่องทางเงินตามไม่ยาก แหล่งซ่อน แหล่งฟอกเงินรู้หมด หน่วยข่าวกรองเค้าถึงกันหมด นี่มันกำลังพูดอยู่กับ KGB เก่า กับหน่วยไซเบอร์ AI จีนอยู่น่ะ ระดับท่าน แค่กระซิบ ทุกอย่างจบทันที รอแค่หมายศาลออก ความผิดชัด ไอ้อีหน้าไหนก็ไม่กล้าเข้ามาเสือก ไม่ว่าชาติไหน หากคิดจะเป็นปรปักษ์กับไทย ไม่ร่วมมือนำจับคือติดตามความเสียหายที่ก่อ กูบอกเลยว่า มรึงจะเสียหายมากกว่าที่ช่วยเหี้ยเพียงตัวเดียวมหาศาล! ระดับโลกเค้าไม่มีใครทำกันดอกน่ะ? ไอ้ความกังวลของพวกมรึงทั้งหมด เกาะหมู เกาะหมา หมู่เกาะซ่อนเงินเนี่ย มันไม่พ้นสายตาวังไปได้ดอกน่ะ ไม่มีใครรู้จักแผ่นดินนี้ดีไปกว่าพระองค์ท่าน ไม่มีใครรักและหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพ่อท่านอีกแล้ว แล้วมรึงยังต้องกลัวเหี้ยอะไรอีก ว่าจะไม่ได้คืน ว่าจะสูญเสีย ตรรกะมรึงป่วยอย่างแรง กลัวได้ แต่อย่าวิตกจริต แค่ใช้สติ อย่าตื่นแค่เหี้ยปล่อยข่าว อย่าตูมแค่เหี้ยวางยา รู้ทันเหี้ย อย่าวิ่งตามมัน วันนี้ปล่อยข่าวอย่าง พรุ่งนี้ ปล่อยข่าวอย่าง แปลว่ามรึงเป็นได้แค่ผู้ตาม หาใช่ ตกผลึกไม่? ฟังชัดๆ อีกครั้ง จากปากณัชชาคนดี "ไทย จะไม่มีวันสูญเสียอะไรเพิ่มอีกแล้ว มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น" เงินแผ่นดิน สุดท้ายจะกลับคืนสู่แผ่นดินอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็ว มันก็ย่อมจะกลับคืนสู่เจ้าของตัวจริง เพราะเป็นเงินต้องคำสาปแช่ง ใครจับ วินาศฉิบหาย มีอันเป็นไปไม่สิ้นสุด เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ทุกวี่วันไงล่ะ? อย่ามโน กันเยอะ คิดตามหลักความเป็นจริง ประเทศ แผ่นดิน ไม่ใช่ขายของเด็กเล่น จะยกให้กันง่ายๆ หรือแค่ใครสั่งได้ พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อก็บอกอยู่เต็มอกแล้ว ว่าใครคือ เจ้าเหนือหัว? อย่าให้กูต้องด่า ศรัทธาแค่นี้ แล้วจะพูดสรรเสริญพระองค์ท่านไปเพื่อ? หากไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อท่าน นั่นลูกของพระเจ้าอยู่หัวร.9 น่ะมรึง? พ่อท่านพระปรีชาสามารถ มีเหรอจะดูไม่ออก ว่าใครควรสืบทอดพระราชบังลังก์ ท่านได้ตัดสินใจแล้ว ท่านได้เลือกแล้ว เราควรจะเคารพพ่อให้สุดเหนือเกล้า ไม่ใช่แครงใจ! เหี้ยมันคงสะใจ ลูกพ่อปั่นหัวโคตรง่าย สาวกหมี CNN ต้องเขี้ยว ต้องฉลาดเป็นกรด ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ให้สมกับที่ตามกูมา 10 ปีกว่าสิฟ่ะ? เกมส์ของเหี้ย อ่านง่ายนิดเดียว คือ หลอก หลอก และก็หลอก แค่มรึง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ก็ชนะแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่คิดให้เป็น!

    ปล.พ่อปิยะ ปลดแอกมรึงเรียบร้อยนานแล้ว อย่าหลงไปตกเป็นทาสขี้ข้าฝรั่งอีกเลย? มรึงคือไท แปลว่าอิสระภาพ ไม่มีใครกดขี่ ข่มเหงมรึงได้ มือตรีนมี เอาไว้ทำไมกันล่ะ? สื่อมีแต่เรื่องโกหกตอแหล 99.99% แล้วมรึงยังจะเสพ อย่าถามความจริงอีก? ไม่มีใครช่วยให้มรึงฉลาดได้ นอกจากตัวมรึงเอง แค่คิด ชีวิตเปลี่ยนทันที? ทิ้งท้าย จบศึกนี้ ไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั้งหลาย จะเผ่นกันหมด ใครรับสมองขี้ข้าเหี้ยมา จะจมดิ่ง ไม่ได้ผุดได้เกิด อาจมจะฝังมรึงลงเหว ไม่เจริญ ใครฟังพ่ออยู่หัว จะเจริญ มั่งคั่ง มั่นคง ไม่ประมาท พอเพียง เพื่อชีวิตที่เพียงพอ ความสุขง่ายนิดเดียว แค่พอใจ พอแล้ว พอดี ตัดกิเลสลงไปบ้าง ชีวิตจะสุขทันตาเห็น วันนี้ ฤกษ์ดี มีชัย พ่อปิยะ รับรู้ทุกอย่าง ขอพ่อท่าน โปรดช่วยดูแลคนไทยทั่วหล้า ให้อยู่เย็นเป็นสุข บนแผ่นดินทองนี้ด้วยเถิด สาธุ เอเมน อามีน

    หมี CNN(ฝากถึงไอ้อีเหี้ยยิวระยำสลัดหมา มรึงไม่มีวันได้แดร๊กแผ่นดินทองพ่อกูดอก อย่าฝัน ดีออก? แดร๊กส้นตรีนคนไทยก่อนมุย? เชิญมรึงย้ายไปอยู่แผ่นดินเหี้ยอาจมโสมมของมรึงในขุมนรกต่อเหอะ อียิวคือเดรัจฉาน อย่ามาปนเปื้อนกับมนุษยชาติ คนละสเปซี่ แห้วแดร๊กไปตามระเบียบ จะครองโลกเหรอ? หาแผ่นดินอยู่ยังไม่มี ไอ้ควายยยย!)
    23 ตุลาคม 67(นอกจากเป็นวันปิยะมหาราชแล้ว ยังเป็นวันปลดแอกทาส ปลดแอกควายโลก ควายไทย ตื่นกันได้แล้ว มรึงจะหลับกันไปอีกนานมุย?)
    14.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    23-10-67/02 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" ตอนพิเศษ EP.1 เนื่องในวัน "ปิยะมหาราช" วันนี้ กูขอซัดตรง "เรื่องแผ่นดิน ดินแดนไทย" ไทยเป็นเอกราชเพราะเราต้องการอิสระภาพ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร เรามีพระบรมมหาราชวัง นั่นคือมี "กษัตริย์" ปกครองดินแดนแห่งนี้มาชั่วนาตาปี พ่อร.5 เสียพระทัยมากที่สุดคือเรื่องดินแดน นับจากนั้น ไทยเราจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ใครอีก จากการล่าอาณานิคมของเหี้ยไอ้อีฝั่งตะวันตก ชะตากรรมไทยเราเฉกเช่นเดียวกันกับจีน-รัสเซีย โดยรัสเซียต้องล่มสลาย โซเวียตแตก เพราะถูกเหี้ยไอ้อีตะวันตกมาบ่อนทำลาย จีนต้องสูญเสียเกาะฮ่องกง ไต้หวัน เพราะถูกเหี้ยตะวันตกมาลงแขก ช่วง WWII หลังจากนั้น การทวงแผ่นดินคืนจึงก่อเกิด สร้างตำนาน สร้างวีรบุรุษ ปูตินประกาศชัด จะเรียกแผ่นดินที่สูญเสียไปกลับคืนมาให้หมด แถมขยายมากกว่าแต่ก่อน เอาให้โลกจดจำไปอีก 1000 ปี นี่คือ "รัฐบุรุษแห่งยุคสลาฟ" มาจีน ใครวางสีจิ้นผิงขึ้นมาตำแหน่งนี้ล่ะ? ห้องสีขาว วอร์รูม วางแผนเรียกคืนแผ่นดินจีนคืนทั้งหมด และจะขยายอาณาเขตครอบคลุมโลก ไม่จำเป็นต้องยึดดินแดน แต่ยึดด้วยปากท้องแทน ครองเศรษฐกิจโลกคือครองโลกนั่นเอง ส่วนไทยเรา อะไรที่เสียไป จะเรียกคืนกลับมาให้หมดเช่นกัน ด้วยความยินยิม สมัครใจ เพราะหากเราทำให้ตัวเราเองมีค่า โดดเด่น และเป็นที่พึ่งพาแก่เพื่อนบ้านได้ โอกาสที่ชาติเพื่อนบ้าน อดีตสยามประเทศเก่าจะกลับคืนสู่มาตุภูมิแม่ก็มีเช่นกัน เพราะกินอิ่ม หลับสบาย ไร้ทุกข์ และเรื่องกังวลใดใดอีกต่อไป ข้าวปลามี ความมั่นคงมี ความมั่งคั่งมี พลังงานไม่รู้จบ โลจิสติคก้าวไกล บางส่วนของพม่า ลาว ขะแมร์ แม้แต่บางส่วนของมาเลย์ ก็อาจจะเข้ามาขอร่วม เป็นพื้นที่พิเศษในเบื้องต้น เราไม่ได้ล่าอาณานิคม เราแค่ต้องการส่วนที่เราเสียไปคืนมา ยามที่เราขาขึ้น ใครก็อยากจะเข้ามาร่วม จงใช้โอกาสนี้ ทำเงินบาทให้ขจรกระจาย เป็นที่ต้องการของทั้งโลก แล้วมันจะมาเองโดยไม่ต้องไปกวักมือเรียก ก็เหมือนกับที่ทำไม พม่า ขะแมร์ ลาว แห่กันเข้ามาขอเป็นแรงงานไทย เพราะเงินบาทเนี่ยแหละ มันแข็งโป๊ก มันหอมหวลไงล่ะ ใครก็อยากได้เงินบาท นี่คือ FACT ว่าวยาวมาซะขนาดนี้แล้ว ขอซัดตรงไปเลย อีคณะร่านก็เป็นฝีมือเหี้ย C ผ่านมาถึง อีพฤษภาทมิฬ ก็เหี้ย C คิดล้มวัง ล้มเจ้า แต่พ่อรู้ทันแผนชั่วเหี้ย วังอยู่ได้เพราะกษัตริย์ กษัตริย์อยู่ได้ เพราะพสกนิกร เห็นยัง? พ่อต้องการใครมากที่สุด? "พวกมรึงทุกคน" ตราบใดมรึงกับกูผู้จงรัก และภักดียังอยู่ ไอ้อีหน้าไหน ก็ไม่สามารถจะเข้ามาบ่อนทำลายวังได้ ถามตรีนคนไทยรักชาติก่อนมุย? ทหารรักชาติมีเยอะ ไม่งั้นคงสิ้นชาติไปนานแล้ว ทหารขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ในฐานะ "แม่ทัพ" พ่อท่านร.10 จัดกองรบพิเศษ กองพันทหารกล้า อยู่ในมือ จะเหี้ย C จะเหี้ยที่ไหนเข้ามา ตายคาตรีนชัวร์? หลังลุงตู่วางหมากก่อนลาจากตำแหน่ง ผลลัพธ์เห็นชัด มีการเขยิบตำแหน่งสำคัญในกองทัพทั้ง 3 เหล่า แปลว่า ทหารเสือราชินี วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ เค้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกันเรียบร้อยแล้ว งานนี้ เหี้ยตายหมู่ ชัวร์! ใครที่กลัวโน้น กลัวนี่ กลัวฉิบหาย กลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กูถามคำเดียวน่ะ "เชื่อมั่นในพ่ออยู่หัวมั้ย?" มรึงคิดว่าเรื่องปาหี่ ดินแดน เปลี่ยนระบบการปกครอง มันจะทำง่ายดายอย่างงั้นเหรอ? ไม่งั้นมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ พศ.2475 นานแล้ว พ่ออยู่หัวทั้งคนยังอยู่ค้ำฟ้า อยู่ตรงนี้ อยู่เป็นขวัญกำลังใจทุกชีวิตในแผ่นดินทอง พ่อท่านรู้เห็นทุกอย่าง มากกว่ามรึง มากกว่ากู มากกว่าใครในจักรวาลมาเวลนี้ ใครล่ะที่จะปกป้องดินแดน หวงแหนดินแดนนี้ที่สุด? อย่าดูถูกพ่อตัวเอง เชื่อมั่น และศรัทธา เลิกดิ้นแล้ว เสพสื่อขี้ข้าเหี้ยทุกวัน แค่เลิกดู สติมา ปัญญามีทันที อยากรู้ความจริงให้มาหากู อยากฟังเรื่องตอแหล ไปเสพสื่อจัญไรต่อไป แล้วไม่ต้องมาถามกูอีก กูเบื่อจะตอบ? กลียุค คืออะไร หน้าที่ของมันคืออะไร? กูบอกไปหมดแล้ว หากมรึงยังแกว่งไม่เลิก และไม่เคยเชื่อมั่นในพ่อหลวงท่าน อย่ามาเรียกกูอีก "ปากบอกรักพ่อ แต่ไม่เชื่อมั่นพ่อ" มรึงเป็นลูกประสาห่าอะไรฟ่ะ? จะมีใครห่วงดินแดนไทยมากไปกว่าพระองค์ท่าน? ยังไงก็ซัดไปดอกแล้ว ต่อเลยล่ะกัน ใครที่ห่วงว่าเงินแผ่นดินจะสูญหาย เงินไปอยู่ตามหมู่เกาะ เงินตามไม่ได้ ไอ้พวกเหี้ย มันเอาไปซ่อนที่ดาวอังคารบ้าง เอาไปซ่อนที่ดวงจันทร์บ้าง "เลิกมโน" ได้แล้ว ทุกขั้นตอน มีฝ่ายตรวจสอบ ระดับโลก เค้าไม่ห่วงเรื่องติดตามแหล่งเงินดอกน่ะ ไทยเรามีใคร มรึงยังต้องให้กูบอกอีกเหรอ? ช่องทางเงินตามไม่ยาก แหล่งซ่อน แหล่งฟอกเงินรู้หมด หน่วยข่าวกรองเค้าถึงกันหมด นี่มันกำลังพูดอยู่กับ KGB เก่า กับหน่วยไซเบอร์ AI จีนอยู่น่ะ ระดับท่าน แค่กระซิบ ทุกอย่างจบทันที รอแค่หมายศาลออก ความผิดชัด ไอ้อีหน้าไหนก็ไม่กล้าเข้ามาเสือก ไม่ว่าชาติไหน หากคิดจะเป็นปรปักษ์กับไทย ไม่ร่วมมือนำจับคือติดตามความเสียหายที่ก่อ กูบอกเลยว่า มรึงจะเสียหายมากกว่าที่ช่วยเหี้ยเพียงตัวเดียวมหาศาล! ระดับโลกเค้าไม่มีใครทำกันดอกน่ะ? ไอ้ความกังวลของพวกมรึงทั้งหมด เกาะหมู เกาะหมา หมู่เกาะซ่อนเงินเนี่ย มันไม่พ้นสายตาวังไปได้ดอกน่ะ ไม่มีใครรู้จักแผ่นดินนี้ดีไปกว่าพระองค์ท่าน ไม่มีใครรักและหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพ่อท่านอีกแล้ว แล้วมรึงยังต้องกลัวเหี้ยอะไรอีก ว่าจะไม่ได้คืน ว่าจะสูญเสีย ตรรกะมรึงป่วยอย่างแรง กลัวได้ แต่อย่าวิตกจริต แค่ใช้สติ อย่าตื่นแค่เหี้ยปล่อยข่าว อย่าตูมแค่เหี้ยวางยา รู้ทันเหี้ย อย่าวิ่งตามมัน วันนี้ปล่อยข่าวอย่าง พรุ่งนี้ ปล่อยข่าวอย่าง แปลว่ามรึงเป็นได้แค่ผู้ตาม หาใช่ ตกผลึกไม่? ฟังชัดๆ อีกครั้ง จากปากณัชชาคนดี "ไทย จะไม่มีวันสูญเสียอะไรเพิ่มอีกแล้ว มีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น" เงินแผ่นดิน สุดท้ายจะกลับคืนสู่แผ่นดินอย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็ว มันก็ย่อมจะกลับคืนสู่เจ้าของตัวจริง เพราะเป็นเงินต้องคำสาปแช่ง ใครจับ วินาศฉิบหาย มีอันเป็นไปไม่สิ้นสุด เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ทุกวี่วันไงล่ะ? อย่ามโน กันเยอะ คิดตามหลักความเป็นจริง ประเทศ แผ่นดิน ไม่ใช่ขายของเด็กเล่น จะยกให้กันง่ายๆ หรือแค่ใครสั่งได้ พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อก็บอกอยู่เต็มอกแล้ว ว่าใครคือ เจ้าเหนือหัว? อย่าให้กูต้องด่า ศรัทธาแค่นี้ แล้วจะพูดสรรเสริญพระองค์ท่านไปเพื่อ? หากไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อท่าน นั่นลูกของพระเจ้าอยู่หัวร.9 น่ะมรึง? พ่อท่านพระปรีชาสามารถ มีเหรอจะดูไม่ออก ว่าใครควรสืบทอดพระราชบังลังก์ ท่านได้ตัดสินใจแล้ว ท่านได้เลือกแล้ว เราควรจะเคารพพ่อให้สุดเหนือเกล้า ไม่ใช่แครงใจ! เหี้ยมันคงสะใจ ลูกพ่อปั่นหัวโคตรง่าย สาวกหมี CNN ต้องเขี้ยว ต้องฉลาดเป็นกรด ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ให้สมกับที่ตามกูมา 10 ปีกว่าสิฟ่ะ? เกมส์ของเหี้ย อ่านง่ายนิดเดียว คือ หลอก หลอก และก็หลอก แค่มรึง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ก็ชนะแล้ว เรื่องง่ายๆ แค่คิดให้เป็น! ปล.พ่อปิยะ ปลดแอกมรึงเรียบร้อยนานแล้ว อย่าหลงไปตกเป็นทาสขี้ข้าฝรั่งอีกเลย? มรึงคือไท แปลว่าอิสระภาพ ไม่มีใครกดขี่ ข่มเหงมรึงได้ มือตรีนมี เอาไว้ทำไมกันล่ะ? สื่อมีแต่เรื่องโกหกตอแหล 99.99% แล้วมรึงยังจะเสพ อย่าถามความจริงอีก? ไม่มีใครช่วยให้มรึงฉลาดได้ นอกจากตัวมรึงเอง แค่คิด ชีวิตเปลี่ยนทันที? ทิ้งท้าย จบศึกนี้ ไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั้งหลาย จะเผ่นกันหมด ใครรับสมองขี้ข้าเหี้ยมา จะจมดิ่ง ไม่ได้ผุดได้เกิด อาจมจะฝังมรึงลงเหว ไม่เจริญ ใครฟังพ่ออยู่หัว จะเจริญ มั่งคั่ง มั่นคง ไม่ประมาท พอเพียง เพื่อชีวิตที่เพียงพอ ความสุขง่ายนิดเดียว แค่พอใจ พอแล้ว พอดี ตัดกิเลสลงไปบ้าง ชีวิตจะสุขทันตาเห็น วันนี้ ฤกษ์ดี มีชัย พ่อปิยะ รับรู้ทุกอย่าง ขอพ่อท่าน โปรดช่วยดูแลคนไทยทั่วหล้า ให้อยู่เย็นเป็นสุข บนแผ่นดินทองนี้ด้วยเถิด สาธุ เอเมน อามีน หมี CNN(ฝากถึงไอ้อีเหี้ยยิวระยำสลัดหมา มรึงไม่มีวันได้แดร๊กแผ่นดินทองพ่อกูดอก อย่าฝัน ดีออก? แดร๊กส้นตรีนคนไทยก่อนมุย? เชิญมรึงย้ายไปอยู่แผ่นดินเหี้ยอาจมโสมมของมรึงในขุมนรกต่อเหอะ อียิวคือเดรัจฉาน อย่ามาปนเปื้อนกับมนุษยชาติ คนละสเปซี่ แห้วแดร๊กไปตามระเบียบ จะครองโลกเหรอ? หาแผ่นดินอยู่ยังไม่มี ไอ้ควายยยย!) 23 ตุลาคม 67(นอกจากเป็นวันปิยะมหาราชแล้ว ยังเป็นวันปลดแอกทาส ปลดแอกควายโลก ควายไทย ตื่นกันได้แล้ว มรึงจะหลับกันไปอีกนานมุย?) 14.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 1730 Views 0 Reviews
More Results