-
-
-
-
-
-
- Class of จิต
-
-
-
อัปเดตล่าสุด
- การเดินทางของชาวยิวในประวัติ ศาสตร์ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา
1080 – การขับไล่จากฝรั่งเศส
1098 – การขับไล่จากสาธารณรัฐเช็ก
1113 – การขับไล่จากเคียฟรุส (วลาดิมีร์ โมโนมัค)
1113 – การสังหารหมู่ชาวยิวในเคียฟ
1147 – การขับไล่จากฝรั่งเศส
1171 – การขับไล่จากอิตาลี
1188 – การขับไล่จากอังกฤษ
1198 – การขับไล่จากอังกฤษ
1290 – การขับไล่จากอังกฤษ
1298 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ (ชาวยิว 100 คนถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ)
1306 – การขับไล่จากฝรั่งเศส (3,000 คนถูกเผาทั้งเป็น)
1360 – การขับไล่จากฮังการี 1391 - การขับไล่ออกจากสเปน (ประหารชีวิต 30,000 คน เผาทั้งเป็น 5,000 คน)
1394 - การขับไล่ออกจากฝรั่งเศส
1407 - การขับไล่ออกจากโปแลนด์
1492 - การขับไล่ออกจากสเปน (กฎหมายห้ามชาวยิวเข้าประเทศตลอดไป)
1492 - การขับไล่ออกจากซิซิลี
1495 - การขับไล่ออกจากลิทัวเนียและเคียฟ
1496 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส
1510 - การขับไล่ออกจากอังกฤษ
1516 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส
1516 - กฎหมายในซิซิลีอนุญาตให้ชาวยิวอาศัยอยู่ในเกตโตเท่านั้น
1541 - การขับไล่ออกจากออสเตรีย
1555 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส
1555 - กฎหมายที่ออกในกรุงโรมอนุญาตให้ชาวยิวอาศัยอยู่ในเกตโตเท่านั้น 1567 – การขับไล่จากอิตาลี
1570 – การขับไล่จากเยอรมนี (บรันเดนเบิร์ก)
1580 – การขับไล่จากโนฟโกรอด (อีวานผู้โหดร้าย)
1592 – การขับไล่จากฝรั่งเศส
1616 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์
1629 – การขับไล่จากสเปนและโปรตุเกส (ฟิลิปที่ 4)
1634 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์
1655 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์
1660 – การขับไล่จากเคียฟ
1701 – การขับไล่ออกจากสวิตเซอร์แลนด์อย่างสมบูรณ์ (พระราชกฤษฎีกาของฟิลิปที่ 5)
1806 – คำขาดของนโปเลียน บาดาร์จา
1828 – การขับไล่จากเคียฟ
1933 – การขับไล่จากเยอรมนีและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
**ลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สั้นๆ นี้ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับชาวยิวในช่วงพันปีที่ผ่านมาและระบุว่าชาวยิวไม่ได้รับการยอมจำนนจากผู้คนทั่วโลก
มีเพียงชาวอิสลามที่ต้องทนกับความชั่วร้ายของพวกเขาเท่านั้นที่ยอมทน และไม่เคยขับไล่พวกเขา
*และพวกเขาตอบแทนชาวมุสลิม*
*เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 ดินแดนของชาวมุสลิมในปาเลสไตน์ถูกยึดครองโดยกลุ่มไซออนิสต์
จริงๆๆมีอีกเพียบ มันยาวเกินถ้าจะรวบรวม เอาเป็นว่าใครสนใจก็พิมพ์คำนี้ เเล้วค้นหามาแปลดูครับ ถ้าระบุปีด้วยยิ่งดี
jews historically for the past thousand years expulsionการเดินทางของชาวยิวในประวัติ ศาสตร์ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา 1080 – การขับไล่จากฝรั่งเศส 1098 – การขับไล่จากสาธารณรัฐเช็ก 1113 – การขับไล่จากเคียฟรุส (วลาดิมีร์ โมโนมัค) 1113 – การสังหารหมู่ชาวยิวในเคียฟ 1147 – การขับไล่จากฝรั่งเศส 1171 – การขับไล่จากอิตาลี 1188 – การขับไล่จากอังกฤษ 1198 – การขับไล่จากอังกฤษ 1290 – การขับไล่จากอังกฤษ 1298 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ (ชาวยิว 100 คนถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ) 1306 – การขับไล่จากฝรั่งเศส (3,000 คนถูกเผาทั้งเป็น) 1360 – การขับไล่จากฮังการี 1391 - การขับไล่ออกจากสเปน (ประหารชีวิต 30,000 คน เผาทั้งเป็น 5,000 คน) 1394 - การขับไล่ออกจากฝรั่งเศส 1407 - การขับไล่ออกจากโปแลนด์ 1492 - การขับไล่ออกจากสเปน (กฎหมายห้ามชาวยิวเข้าประเทศตลอดไป) 1492 - การขับไล่ออกจากซิซิลี 1495 - การขับไล่ออกจากลิทัวเนียและเคียฟ 1496 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส 1510 - การขับไล่ออกจากอังกฤษ 1516 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส 1516 - กฎหมายในซิซิลีอนุญาตให้ชาวยิวอาศัยอยู่ในเกตโตเท่านั้น 1541 - การขับไล่ออกจากออสเตรีย 1555 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส 1555 - กฎหมายที่ออกในกรุงโรมอนุญาตให้ชาวยิวอาศัยอยู่ในเกตโตเท่านั้น 1567 – การขับไล่จากอิตาลี 1570 – การขับไล่จากเยอรมนี (บรันเดนเบิร์ก) 1580 – การขับไล่จากโนฟโกรอด (อีวานผู้โหดร้าย) 1592 – การขับไล่จากฝรั่งเศส 1616 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ 1629 – การขับไล่จากสเปนและโปรตุเกส (ฟิลิปที่ 4) 1634 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ 1655 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ 1660 – การขับไล่จากเคียฟ 1701 – การขับไล่ออกจากสวิตเซอร์แลนด์อย่างสมบูรณ์ (พระราชกฤษฎีกาของฟิลิปที่ 5) 1806 – คำขาดของนโปเลียน บาดาร์จา 1828 – การขับไล่จากเคียฟ 1933 – การขับไล่จากเยอรมนีและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ **ลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สั้นๆ นี้ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับชาวยิวในช่วงพันปีที่ผ่านมาและระบุว่าชาวยิวไม่ได้รับการยอมจำนนจากผู้คนทั่วโลก มีเพียงชาวอิสลามที่ต้องทนกับความชั่วร้ายของพวกเขาเท่านั้นที่ยอมทน และไม่เคยขับไล่พวกเขา *และพวกเขาตอบแทนชาวมุสลิม* *เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 ดินแดนของชาวมุสลิมในปาเลสไตน์ถูกยึดครองโดยกลุ่มไซออนิสต์ จริงๆๆมีอีกเพียบ มันยาวเกินถ้าจะรวบรวม เอาเป็นว่าใครสนใจก็พิมพ์คำนี้ เเล้วค้นหามาแปลดูครับ ถ้าระบุปีด้วยยิ่งดี jews historically for the past thousand years expulsion0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! -
- [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ]
.
เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต”
.
ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้
.
ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต”
.
เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี
.
ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง
.
หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี
.
ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา
.
ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม
.
ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว”
.
ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น
.
การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น
.
ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย
.
อ้างอิง
(๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑.
(๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง
(๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘.
(๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓.
(๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).[ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ] . เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต” . ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้ . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต” . เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง . หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี . ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา . ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม . ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว” . ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น . การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น . ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย . อ้างอิง (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑. (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘. (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓. (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว - ผมได้รวมความระyumของUSAIDไว้
ในโพสต์เดียว เผื่อใครจะค้นหาข้อมูลการทำชั่วขององค์กรนี้
จากThe GreyZone มี4ตอน
https://www.facebook.com/share/p/1WnizJ23Rn/
ในซีเรีย
https://www.facebook.com/share/p/1VcLDCdxTt/
ในคิวบาและเวเนซุเอลา
https://www.facebook.com/share/p/1Gxf4CLyY3/
ทุ่มเงินซื้อนักข่าวและสื่อต่างๆ มี3ตอน
https://www.facebook.com/share/p/1BHJJMKQCe/
แผนชั่วในโบลิเวีย เฮติ อัฟกานิสถาน
https://www.facebook.com/share/p/1HhboCaktS/
ในรัสเซีย
https://www.facebook.com/share/p/19fNWgeQXs/
https://www.facebook.com/share/p/1FVMC7qkqu/
ในประเทศสารขัณฑ์
https://www.facebook.com/share/p/1Fa4WfCLvc/
Usaidเกี่ยวข้องกับโซรอส
https://www.facebook.com/share/p/1B6h1MsWdK/
ในยูเครน
https://www.facebook.com/share/p/18g7Dv4CmJ/
แผนการที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากมนุษย์ธรรม ประชาธิปไตย มี2 ตอน
https://www.facebook.com/share/p/162yZPFrMM/
Black Lives Matter ได้รับทุนสนับสนุนจาก USAID
https://www.facebook.com/share/p/18iiTii2U8/
จัดหาทหารรับจ้างไปยูเครน
https://www.facebook.com/share/p/15tUgEQNi4/
ในอิหร่าน มี3ตอน
https://www.facebook.com/share/p/1ABRw5G8p2/
ให้เงินทุนกลุ่มต่อต้านอิหร่าน มี4ตอน
https://www.facebook.com/share/p/15jJpMxUJx/
ในชิลีและสโลวาเกีย
https://www.facebook.com/share/p/15srZdA7Pr/
จะปักหมุดอยู่ในแนะนำ เพื่อการค้นหาที่ง่ายผมได้รวมความระyumของUSAIDไว้ ในโพสต์เดียว เผื่อใครจะค้นหาข้อมูลการทำชั่วขององค์กรนี้ จากThe GreyZone มี4ตอน https://www.facebook.com/share/p/1WnizJ23Rn/ ในซีเรีย https://www.facebook.com/share/p/1VcLDCdxTt/ ในคิวบาและเวเนซุเอลา https://www.facebook.com/share/p/1Gxf4CLyY3/ ทุ่มเงินซื้อนักข่าวและสื่อต่างๆ มี3ตอน https://www.facebook.com/share/p/1BHJJMKQCe/ แผนชั่วในโบลิเวีย เฮติ อัฟกานิสถาน https://www.facebook.com/share/p/1HhboCaktS/ ในรัสเซีย https://www.facebook.com/share/p/19fNWgeQXs/ https://www.facebook.com/share/p/1FVMC7qkqu/ ในประเทศสารขัณฑ์ https://www.facebook.com/share/p/1Fa4WfCLvc/ Usaidเกี่ยวข้องกับโซรอส https://www.facebook.com/share/p/1B6h1MsWdK/ ในยูเครน https://www.facebook.com/share/p/18g7Dv4CmJ/ แผนการที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากมนุษย์ธรรม ประชาธิปไตย มี2 ตอน https://www.facebook.com/share/p/162yZPFrMM/ Black Lives Matter ได้รับทุนสนับสนุนจาก USAID https://www.facebook.com/share/p/18iiTii2U8/ จัดหาทหารรับจ้างไปยูเครน https://www.facebook.com/share/p/15tUgEQNi4/ ในอิหร่าน มี3ตอน https://www.facebook.com/share/p/1ABRw5G8p2/ ให้เงินทุนกลุ่มต่อต้านอิหร่าน มี4ตอน https://www.facebook.com/share/p/15jJpMxUJx/ ในชิลีและสโลวาเกีย https://www.facebook.com/share/p/15srZdA7Pr/ จะปักหมุดอยู่ในแนะนำ เพื่อการค้นหาที่ง่าย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว - ตอนที่.1 #USAID สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากของ ‘มนุษยธรรม’
Written by Drago Bosnic
ยุทธศาสตร์ครอบงำโลกของสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมื่อพยายามนึกภาพอำนาจของสหรัฐอเมริกาเรามักจะนึกถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ รถถัง นาวิกโยธิน ฯลฯ
ในความเป็นจริงระบบราชการขนาดใหญ่ของอเมริกาแทบจะทำลายล้างประเทศเป้าหมายเสมอก่อนที่จะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการดำเนินการทางทหารโดยตรง
เพื่อจุดประสงค์สิ่งนั้นหน่วยข่าวกรองจำนวนมากของไอ้กุ้ยโลกจึงมีความจำเป็น
https://t.me/rtnews/81104
อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาการปฏิเสธที่สมเหตุสมผล หน่วยงานข่าวกรองเหล่านี้มักจะใช้ตัวแทนต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรพัฒนาเอกชน หรือแม้แต่สถาบันของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือหน่วยงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือเรียกสั้นๆ ว่า USAID ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่
งบประมาณของหน่วยงานที่น่าอับอายนี้อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเป็นทางการ แม้ว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากโดยอาจสูงถึง (หรืออาจเกิน) 1 แสนล้านดอลลาร์
https://www.usaspending.gov/agency/agency-for-international-development?fy=2024
สิ่งนี้ทําให้ USAID สามารถดําเนินการได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือพวกเขา
https://t.me/rtnews/81071
คิดเป็นมากกว่า 50% ของโครงการ “ความช่วยเหลือต่างประเทศของอเมริกาทั้งหมดและมีการดำเนินการโดยเฉพาะในแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก (ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากลัทธิอาณานิคม (แบบใหม่) มากที่สุด)
เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตการทำงานของ USAID ได้ดีขึ้น บางทีเราควรเปรียบเทียบกับ NED (National Endowment for Democracy) ซึ่งเป็น “สถาบันประชาธิปไตยอิสระ” อีกแห่งหนึ่งที่ทำหน้าที่จัดหาเงินทุนและสนับสนุนสิ่งที่เรียกว่า “การปฏิวัติสี” NED มีกิจกรรม “ประชาธิปไตย” เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ Victoria Nuland ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารนอกเหนือจากการให้ทุนแก่สื่ออิสระแล้ว
https://t.me/Slavyangrad/114746
USAID ยังมีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษในยูเครน
https://news.antiwar.com/2025/01/28/ukrainian-media-outlets-start-donations-after-us-funding-is-paused/
โดยเร่งกระบวนการแปรรูปของประเทศที่โชคร้ายที่ถูกนาโต้ยึดครอง
https://t.me/IntelRepublic/43800
รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมที่แท้จริงของหน่วยงานที่น่าอับอายนั้นค่อนข้างหายากจนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อกระแสหลักและรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามนำเสนอกิจกรรมพวกเขาโดยอ้างว่า "ช่วยเหลือประเทศอื่น" หรือปกปิดพวกเขาจากสายตาสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาเข้ามามีอำนาจ ผลก็คือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานของเขาและ DOGE (แผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล) ซึ่งดำเนินการโดย Elon Musk ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่ากังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับกิจกรรมจริงของ USAID
https://www.americanthinker.com/blog/2025/02/trump_s_attack_on_the_deep_state_is_spectacular_and_almost_certainly_legal.html
ซึ่งมักผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของประเทศเจ้าภาพจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
เมื่อปลายเดือนมกราคม หน่วยงานดังกล่าวถูกบังคับให้หยุดกิจกรรมส่วนใหญ่ในยูเครนที่ถูกนาโต้ยึดครอง
https://www.reuters.com/world/europe/ukraine-aid-groups-cut-services-scramble-cash-after-us-funding-shock-2025-01-30/
รวมถึงการให้ทุนสนับสนุนสื่อเกือบทั้งหมดที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มนีโอนาซี
https://t.me/Slavyangrad/118280?single
ไม่นานหลังจากนั้น สื่ออื่นๆ ทั่วทั้งยุโรปตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ก็เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "ค่านิยมแบบตะวันตก" (ซึ่งเป็นการผสมผสานทางอุดมการณ์ระหว่างลัทธิเสรีนิยมสุดโต่งและความเสื่อมทรามทางศีลธรรม) ซึ่งคนส่วนใหญ่บนโลกพบว่าน่ารังเกียจอย่างยิ่ง)
เว็บไซต์ USAID จะปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ประกาศว่าหน่วยงานนี้จะถูกปิดตัวลงในเร็วๆ นี้
https://www.zerohedge.com/political/usaid-website-goes-dark-trump-reportedly-plans-shift-agency-under-state-department
ณ เวลาที่เขียนนี้ เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้จริง และแสดงข้อความเพียงว่าบุคลากรของเว็บไซต์จะถูกพักงานทั่วโลกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์
https://www.usaid.gov/
แม้ว่า "พนักงานที่สำคัญ" จะได้รับแจ้งถึงชะตากรรมของตนในวันก่อนหน้านั้น คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ก็ตาม
อ่านต่อตอนที่.2
https://www.facebook.com/share/p/1DN6TtSX6u/ตอนที่.1 #USAID สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากของ ‘มนุษยธรรม’ Written by Drago Bosnic ยุทธศาสตร์ครอบงำโลกของสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมื่อพยายามนึกภาพอำนาจของสหรัฐอเมริกาเรามักจะนึกถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ รถถัง นาวิกโยธิน ฯลฯ ในความเป็นจริงระบบราชการขนาดใหญ่ของอเมริกาแทบจะทำลายล้างประเทศเป้าหมายเสมอก่อนที่จะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการดำเนินการทางทหารโดยตรง เพื่อจุดประสงค์สิ่งนั้นหน่วยข่าวกรองจำนวนมากของไอ้กุ้ยโลกจึงมีความจำเป็น https://t.me/rtnews/81104 อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาการปฏิเสธที่สมเหตุสมผล หน่วยงานข่าวกรองเหล่านี้มักจะใช้ตัวแทนต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรพัฒนาเอกชน หรือแม้แต่สถาบันของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือหน่วยงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือเรียกสั้นๆ ว่า USAID ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ งบประมาณของหน่วยงานที่น่าอับอายนี้อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเป็นทางการ แม้ว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากโดยอาจสูงถึง (หรืออาจเกิน) 1 แสนล้านดอลลาร์ https://www.usaspending.gov/agency/agency-for-international-development?fy=2024 สิ่งนี้ทําให้ USAID สามารถดําเนินการได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือพวกเขา https://t.me/rtnews/81071 คิดเป็นมากกว่า 50% ของโครงการ “ความช่วยเหลือต่างประเทศของอเมริกาทั้งหมดและมีการดำเนินการโดยเฉพาะในแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก (ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากลัทธิอาณานิคม (แบบใหม่) มากที่สุด) เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตการทำงานของ USAID ได้ดีขึ้น บางทีเราควรเปรียบเทียบกับ NED (National Endowment for Democracy) ซึ่งเป็น “สถาบันประชาธิปไตยอิสระ” อีกแห่งหนึ่งที่ทำหน้าที่จัดหาเงินทุนและสนับสนุนสิ่งที่เรียกว่า “การปฏิวัติสี” NED มีกิจกรรม “ประชาธิปไตย” เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ Victoria Nuland ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารนอกเหนือจากการให้ทุนแก่สื่ออิสระแล้ว https://t.me/Slavyangrad/114746 USAID ยังมีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษในยูเครน https://news.antiwar.com/2025/01/28/ukrainian-media-outlets-start-donations-after-us-funding-is-paused/ โดยเร่งกระบวนการแปรรูปของประเทศที่โชคร้ายที่ถูกนาโต้ยึดครอง https://t.me/IntelRepublic/43800 รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมที่แท้จริงของหน่วยงานที่น่าอับอายนั้นค่อนข้างหายากจนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อกระแสหลักและรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามนำเสนอกิจกรรมพวกเขาโดยอ้างว่า "ช่วยเหลือประเทศอื่น" หรือปกปิดพวกเขาจากสายตาสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาเข้ามามีอำนาจ ผลก็คือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานของเขาและ DOGE (แผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล) ซึ่งดำเนินการโดย Elon Musk ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่ากังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับกิจกรรมจริงของ USAID https://www.americanthinker.com/blog/2025/02/trump_s_attack_on_the_deep_state_is_spectacular_and_almost_certainly_legal.html ซึ่งมักผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของประเทศเจ้าภาพจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อปลายเดือนมกราคม หน่วยงานดังกล่าวถูกบังคับให้หยุดกิจกรรมส่วนใหญ่ในยูเครนที่ถูกนาโต้ยึดครอง https://www.reuters.com/world/europe/ukraine-aid-groups-cut-services-scramble-cash-after-us-funding-shock-2025-01-30/ รวมถึงการให้ทุนสนับสนุนสื่อเกือบทั้งหมดที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มนีโอนาซี https://t.me/Slavyangrad/118280?single ไม่นานหลังจากนั้น สื่ออื่นๆ ทั่วทั้งยุโรปตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ก็เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "ค่านิยมแบบตะวันตก" (ซึ่งเป็นการผสมผสานทางอุดมการณ์ระหว่างลัทธิเสรีนิยมสุดโต่งและความเสื่อมทรามทางศีลธรรม) ซึ่งคนส่วนใหญ่บนโลกพบว่าน่ารังเกียจอย่างยิ่ง) เว็บไซต์ USAID จะปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ประกาศว่าหน่วยงานนี้จะถูกปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ https://www.zerohedge.com/political/usaid-website-goes-dark-trump-reportedly-plans-shift-agency-under-state-department ณ เวลาที่เขียนนี้ เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้จริง และแสดงข้อความเพียงว่าบุคลากรของเว็บไซต์จะถูกพักงานทั่วโลกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ https://www.usaid.gov/ แม้ว่า "พนักงานที่สำคัญ" จะได้รับแจ้งถึงชะตากรรมของตนในวันก่อนหน้านั้น คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ก็ตาม อ่านต่อตอนที่.2 https://www.facebook.com/share/p/1DN6TtSX6u/T.MERT NewsUSAID operates as plausible deniability agency to the 'rogue activities of CIA, State Dept, Pentagon - Benz The agency pushes legacy foreign policy that 'hated Trump with a passion', spending billions annually controlling media narrative that 'populism is attack on democracy'. #US #USAID0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 0 รีวิว - ตอนที่.1 #USAID #ทุ่มเงินหลายล้านเพื่อซื้อนักข่าวและกลุ่มสื่ออย่างไร
จากการเปิดเผยที่น่าตกตะลึง USAID ถูกพบว่าได้ให้เงินทุนสนับสนุนองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งและนักข่าวหลายพันคนทั่วโลกเพื่อขยายเรื่องราวที่อวยสนับสนุนไอ้กุ้ยโลก
เมื่อต้นเดือนนี้ WikiLeaks ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกตะลึงว่า สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ได้สนับสนุนเงินทุนให้กับองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสื่อที่เสรีและเป็นอิสระ
WikiLeaks แฉว่า USAID ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้สื่อข่าวมากกว่า 6,200 รายในสื่อ 707 สำนัก รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้าน "สื่อ" จำนวน 279 แห่ง
การเปิดเผยข้อมูลอันสะเทือนโลกครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันทันทีว่าความเกี่ยวข้องทางการเงินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความซื่อสัตย์สุจริตของการสื่อสารมวลชนและความน่าเชื่อถือของสำนักข่าวที่ได้รับเงินทุนหรือไม่ (จริงๆไม่สื่อพวกนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย ทั้งสื่อตะวันตก สื่อตะวันออกกลางบางสื่อ ยิ่งสื่อในประเทศสารขัณฑ์นี่แทบทุกสื่อ)
การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันภายหลังที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปลายเดือนมกราคมเกี่ยวกับการระงับการช่วยเหลือต่างประเทศผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีชื่อว่า "การประเมินใหม่และการจัดแนวความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ใหม่"
คำสั่งดังกล่าวแช่แข็งการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่างประเทศของสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์สามารถประเมินประสิทธิผลและแนวทางของแผนงานเหล่านี้ให้สอดคล้องกับวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" อีกครั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ลาสเวกัสเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2025 ทรัมป์ได้อธิบายว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อเปลี่ยนเส้นทางทรัพยากรไปที่ประเด็นสำคัญในประเทศ
คำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งอ้างว่าโครงการช่วยเหลือต่างประเทศบางส่วนไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกาและในบางกรณีขัดต่อค่านิยมของอเมริกาได้รับการมองในมุมมองใหม่หลังจากการเปิดเผยของ WikiLeaks เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์
นักวิเคราะห์สื่อระบุว่าเงินทุนของ USAID อาจใช้เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนสื่อในองค์กรข่าวที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ มานานหลายปีหรือหลายทศวรรษได้อย่างง่ายดาย
ตามรายงานของ WikiLeaks องค์กร USAID ได้ให้การสนับสนุนสื่อมวลชนในมากกว่า 30 ประเทศ
เอกสารข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่ถูกลบไปแล้วเผยให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา USAID ได้จัดสรรเงินทุนสำหรับการฝึกอบรมและทรัพยากรให้กับนักข่าวประมาณ 6,200 คน สนับสนุนองค์กรข่าวที่ไม่ใช่ของรัฐ 707 แห่ง และสนับสนุนกลุ่มประชาสังคม 279 กลุ่ม ซึ่งเผยให้เห็นถึงอิทธิพลโดยตรงอันกว้างขวางของสหรัฐฯ ในระบบสื่อทั่วโลกในช่วง2 ทศวรรษที่ผ่านมา
ขนาดของการมีส่วนร่วมนี้สะท้อนให้เห็นเพิ่มเติมในงบประมาณความช่วยเหลือต่างประเทศปี 2025 ซึ่งรวมถึงการจัดสรร 268.4 ล้านดอลลาร์จากรัฐสภาสหรัฐฯ โดยเฉพาะสำหรับแผนริเริ่มที่มุ่งส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "สื่ออิสระและการไหลเวียนของข้อมูลอย่างเสรี"
การเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งจากรายงานของแพลตฟอร์ม Exposé เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่แสวงหากำไร Internews Network (IN) ที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่าได้จัดสรรเงินเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ให้กับ "โครงการสื่อ" ทั่วโลก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมาว่า ความเป็นอิสระของสื่อสามารถเกิดขึ้นได้จริงในระดับใด เมื่อเส้นชีวิตทางการเงินผูกติดอยู่กับรัฐบาลต่างประเทศที่มีวาระอันชั่วร้ายของตนเอง?
เอกสารที่รั่วไหลยังระบุเพิ่มเติมว่า Internews ร่วมมือกับสื่อ 4,291 แห่ง ผลิตรายการ 4,799 ชั่วโมงในหนึ่งปีและเข้าถึงผู้ชมประมาณ 778 ล้านคน
ในขณะที่ Internews อ้างว่าภารกิจของตนคือการสนับสนุน "การสื่อสารมวลชนอิสระและขยายการเข้าถึงข้อมูล
USAID ได้จัดสรรเงิน 472.6 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าองค์กรจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้บริจาคเอกชน เช่น มูลนิธิ AOL-Time Warner มูลนิธิ Bill & Melinda Gates และอื่นๆ
เงินช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงเน้นย้ำถึงขอบเขตของความคิดริเริ่มเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น USAID มอบเงิน 10.7 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews เพื่อสนับสนุน “การสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพสูงและมีความรับผิดชอบ” ในไลบีเรีย และอีก 11 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการที่เรียกว่า “สื่อที่ส่งเสริมประชาธิปไตย” ในมอลโดวา
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้สนับสนุนเงิน 1.48 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง “บริการข้อมูลที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และช่วยชีวิต” ในซูดานใต้ ตามเอกสารที่เปิดเผย ในประเทศจอร์แดน USAID ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 19.5 ล้านดอลลาร์ให้แก่ Internews เพื่อช่วยวางตำแหน่งสังคมจอร์แดนให้สามารถสนับสนุนผลประโยชน์ที่ขับเคลื่อนโดยพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Internews ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนียและดำเนินการในกว่า 30 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ลอนดอน และปารีส รวมถึงมีศูนย์กลางระดับภูมิภาคในเคียฟ กรุงเทพมหานคร และไนโรบี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Internews ได้ขยายขอบข่ายการเข้าถึงไปทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาสื่อระดับโลก อย่างไรก็ตามองค์กรนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเกี่ยวกับบทบาทของตนในการเซ็นเซอร์โซเชียลมีเดีย
Internews นำโดย Jeanne Bourgault ซึ่งรายงานระบุว่าเธอได้รับเงินเดือนประจำปี 451,000 ดอลลาร์ ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่สถานทูตสหรัฐฯ ในมอสโกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเธอบริหารจัดการงบประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง
อ่านต่อตอนที่.2
https://www.facebook.com/share/p/15xvCUsuuQ/
ตอนที่.3
https://www.facebook.com/share/p/1B7tKhDFKa/ตอนที่.1 #USAID #ทุ่มเงินหลายล้านเพื่อซื้อนักข่าวและกลุ่มสื่ออย่างไร จากการเปิดเผยที่น่าตกตะลึง USAID ถูกพบว่าได้ให้เงินทุนสนับสนุนองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งและนักข่าวหลายพันคนทั่วโลกเพื่อขยายเรื่องราวที่อวยสนับสนุนไอ้กุ้ยโลก เมื่อต้นเดือนนี้ WikiLeaks ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกตะลึงว่า สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ได้สนับสนุนเงินทุนให้กับองค์กรสื่อหลายร้อยแห่งทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสื่อที่เสรีและเป็นอิสระ WikiLeaks แฉว่า USAID ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้สื่อข่าวมากกว่า 6,200 รายในสื่อ 707 สำนัก รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชนด้าน "สื่อ" จำนวน 279 แห่ง การเปิดเผยข้อมูลอันสะเทือนโลกครั้งนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันทันทีว่าความเกี่ยวข้องทางการเงินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความซื่อสัตย์สุจริตของการสื่อสารมวลชนและความน่าเชื่อถือของสำนักข่าวที่ได้รับเงินทุนหรือไม่ (จริงๆไม่สื่อพวกนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย ทั้งสื่อตะวันตก สื่อตะวันออกกลางบางสื่อ ยิ่งสื่อในประเทศสารขัณฑ์นี่แทบทุกสื่อ) การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันภายหลังที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปลายเดือนมกราคมเกี่ยวกับการระงับการช่วยเหลือต่างประเทศผ่านคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีชื่อว่า "การประเมินใหม่และการจัดแนวความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ใหม่" คำสั่งดังกล่าวแช่แข็งการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่างประเทศของสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์สามารถประเมินประสิทธิผลและแนวทางของแผนงานเหล่านี้ให้สอดคล้องกับวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" อีกครั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ลาสเวกัสเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2025 ทรัมป์ได้อธิบายว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อเปลี่ยนเส้นทางทรัพยากรไปที่ประเด็นสำคัญในประเทศ คำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งอ้างว่าโครงการช่วยเหลือต่างประเทศบางส่วนไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของอเมริกาและในบางกรณีขัดต่อค่านิยมของอเมริกาได้รับการมองในมุมมองใหม่หลังจากการเปิดเผยของ WikiLeaks เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ นักวิเคราะห์สื่อระบุว่าเงินทุนของ USAID อาจใช้เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนสื่อในองค์กรข่าวที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ มานานหลายปีหรือหลายทศวรรษได้อย่างง่ายดาย ตามรายงานของ WikiLeaks องค์กร USAID ได้ให้การสนับสนุนสื่อมวลชนในมากกว่า 30 ประเทศ เอกสารข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่ถูกลบไปแล้วเผยให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา USAID ได้จัดสรรเงินทุนสำหรับการฝึกอบรมและทรัพยากรให้กับนักข่าวประมาณ 6,200 คน สนับสนุนองค์กรข่าวที่ไม่ใช่ของรัฐ 707 แห่ง และสนับสนุนกลุ่มประชาสังคม 279 กลุ่ม ซึ่งเผยให้เห็นถึงอิทธิพลโดยตรงอันกว้างขวางของสหรัฐฯ ในระบบสื่อทั่วโลกในช่วง2 ทศวรรษที่ผ่านมา ขนาดของการมีส่วนร่วมนี้สะท้อนให้เห็นเพิ่มเติมในงบประมาณความช่วยเหลือต่างประเทศปี 2025 ซึ่งรวมถึงการจัดสรร 268.4 ล้านดอลลาร์จากรัฐสภาสหรัฐฯ โดยเฉพาะสำหรับแผนริเริ่มที่มุ่งส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "สื่ออิสระและการไหลเวียนของข้อมูลอย่างเสรี" การเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งจากรายงานของแพลตฟอร์ม Exposé เกี่ยวข้องกับองค์กรไม่แสวงหากำไร Internews Network (IN) ที่ได้รับเงินทุนจากสหรัฐฯ ซึ่งมีรายงานว่าได้จัดสรรเงินเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ให้กับ "โครงการสื่อ" ทั่วโลก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นมาว่า ความเป็นอิสระของสื่อสามารถเกิดขึ้นได้จริงในระดับใด เมื่อเส้นชีวิตทางการเงินผูกติดอยู่กับรัฐบาลต่างประเทศที่มีวาระอันชั่วร้ายของตนเอง? เอกสารที่รั่วไหลยังระบุเพิ่มเติมว่า Internews ร่วมมือกับสื่อ 4,291 แห่ง ผลิตรายการ 4,799 ชั่วโมงในหนึ่งปีและเข้าถึงผู้ชมประมาณ 778 ล้านคน ในขณะที่ Internews อ้างว่าภารกิจของตนคือการสนับสนุน "การสื่อสารมวลชนอิสระและขยายการเข้าถึงข้อมูล USAID ได้จัดสรรเงิน 472.6 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าองค์กรจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้บริจาคเอกชน เช่น มูลนิธิ AOL-Time Warner มูลนิธิ Bill & Melinda Gates และอื่นๆ เงินช่วยเหลือเฉพาะเจาะจงเน้นย้ำถึงขอบเขตของความคิดริเริ่มเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น USAID มอบเงิน 10.7 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Internews เพื่อสนับสนุน “การสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพสูงและมีความรับผิดชอบ” ในไลบีเรีย และอีก 11 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการที่เรียกว่า “สื่อที่ส่งเสริมประชาธิปไตย” ในมอลโดวา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้สนับสนุนเงิน 1.48 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดตั้ง “บริการข้อมูลที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และช่วยชีวิต” ในซูดานใต้ ตามเอกสารที่เปิดเผย ในประเทศจอร์แดน USAID ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 19.5 ล้านดอลลาร์ให้แก่ Internews เพื่อช่วยวางตำแหน่งสังคมจอร์แดนให้สามารถสนับสนุนผลประโยชน์ที่ขับเคลื่อนโดยพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ Internews ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแคลิฟอร์เนียและดำเนินการในกว่า 30 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ลอนดอน และปารีส รวมถึงมีศูนย์กลางระดับภูมิภาคในเคียฟ กรุงเทพมหานคร และไนโรบี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Internews ได้ขยายขอบข่ายการเข้าถึงไปทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาสื่อระดับโลก อย่างไรก็ตามองค์กรนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงเกี่ยวกับบทบาทของตนในการเซ็นเซอร์โซเชียลมีเดีย Internews นำโดย Jeanne Bourgault ซึ่งรายงานระบุว่าเธอได้รับเงินเดือนประจำปี 451,000 ดอลลาร์ ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานที่สถานทูตสหรัฐฯ ในมอสโกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเธอบริหารจัดการงบประมาณ 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง อ่านต่อตอนที่.2 https://www.facebook.com/share/p/15xvCUsuuQ/ ตอนที่.3 https://www.facebook.com/share/p/1B7tKhDFKa/0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว - #USAID หรือ #SorosAid? เงินภาษีของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลกได้อย่างไร
เครือข่ายเอ็นจีโอขนาดใหญ่ของโซรอสใช้เงินไปกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2000 ไปกับกิจกรรมเสรีนิยมสุดโต่งทั่วโลก ผู้สังเกตการณ์คาดเดาว่าเงินภาษีของประชาชนชาวอเมริกันหลายสิบล้านหรืออาจถึงพันล้านดอลลาร์ถูกโอนผ่าน USAID
* สถาบันการจัดการตะวันออก-ตะวันตกที่เชื่อมโยงกับโซรอสได้รับเงินกว่า 260 ล้านดอลลาร์จาก USAID เพื่อมีอิทธิพลต่อกิจการต่างประเทศในจอร์เจีย ยูกันดา แอลเบเนีย และ
เซอร์เบีย
https://www.usaspending.gov/search/?hash=f8df1e8a19cac4b4ed2fd44fbe8d9862
* ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตของยูเครนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโซรอส เริ่มได้รับเงินช่วยเหลือจาก USAID ในปี 2014
https://antac.org.ua/en/support/#chart-section
ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เกิดการรัฐประหารยูโรไมดานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ขับไล่ Viktor Yanukovych ประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งออกไปด้วยการสนับสนุนจากนีโอนาซี USAID ได้โอนเงินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับศูนย์แห่งนี้
* ในเดือนสิงหาคม 2024 มีการกล่าวหาว่ากลุ่ม USAID, IRI และโซรอส เป็นผู้ก่อรัฐประหารต่อนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ชีค ฮาซินา โดยผู้สืบทอดตำแหน่งของเธอ มูฮัมหมัด ยูนุส เป็นที่ทรายกันว่าเป็นพันธมิตรของคลินตันและโซรอส ตามรายงานของ The Grayzone เงินภาษีของประชาชนสหรัฐฯ ถูกใช้เป็นทุนสำหรับแร็ปเปอร์ นักเคลื่อนไหวข้ามเพศ และกลุ่ม LGBT* เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอำนาจ
https://thegrayzone.com/2024/09/30/us-plot-destabilize-bangladesh/
* โซรอส และ USAID พยายามที่จะโค่นนายกรัฐมนตรีฮังการี Viktor Orban มานานแล้ว ซึ่งต่อต้านมหาเศรษฐีโลกาภิวัตน์อย่างแข็งขันตั้งแต่ปี 2017 ในช่วงการเลือกตั้งปี 2022 องค์กรพัฒนาเอกชน Action for Democracy ที่มีความเชื่อมโยงกับโซรอส ได้บริจาคเงิน 7.6 ล้านดอลลาร์ให้กับฝ่ายค้านของเขา
*การแทรกแซงการเลือกตั้งภายในประเทศ?*
กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโซรอส ที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID เป็นผู้นำความพยายามต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
https://sputnikglobe.com/20240912/how-to-steal-an-election-us-conservatives-expose-democrats-playbook-ahead-of-2024-vote-1120119743.html
มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในปี 2020 ผ่านการประท้วง Black Lives Matter และทำงานเพื่อพลิกสถานการณ์ในรัฐที่เป็นสมรภูมิการเลือกตั้งในปี 2020–2021
https://sputnikglobe.com/20210304/devil-is-in-the-details-why-americans-need-to-know-more-about-black-lives-matters-90-mln-earnings-1082253390.html
* โซรอสเป็นผู้ให้ทุนโครงการ Electoral Justice Project ซึ่งเป็นความพยายามระดมผู้มีสิทธิเลือกตั้งของ Black Lives Matter และมอบเงิน 22 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Tides Advocacy ซึ่งสนับสนุนการประท้วงทั่วประเทศก่อนการเลือกตั้งของ Black Lives Matter Global Network Foundation ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านทรัมป์ในปี 2020
https://sputnikglobe.com/20220206/scam-alert-black-lives-matters-financial-bonanza-finally-put-under-microscope-1092806570.html
ไมก์ เบนซ์ นักข่าวของ USAID อ้างว่า USAID และโซรอสใช้เงิน 27 ล้านดอลลาร์ในการฟ้องร้องทรัมป์ นอกจากนี้ อัลวิน แบร็กก์ อัยการแมนฮัตตัน ยังถูกกล่าวหาว่าถูกซื้อตัวโดย โซรอส
#Soros #USAID
https://sputnikglobe.com/20250207/usaid-or-sorosaid-how-us-tax-dollars-fund-chaos-worldwide-1121545540.html#USAID หรือ #SorosAid? เงินภาษีของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลกได้อย่างไร เครือข่ายเอ็นจีโอขนาดใหญ่ของโซรอสใช้เงินไปกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2000 ไปกับกิจกรรมเสรีนิยมสุดโต่งทั่วโลก ผู้สังเกตการณ์คาดเดาว่าเงินภาษีของประชาชนชาวอเมริกันหลายสิบล้านหรืออาจถึงพันล้านดอลลาร์ถูกโอนผ่าน USAID * สถาบันการจัดการตะวันออก-ตะวันตกที่เชื่อมโยงกับโซรอสได้รับเงินกว่า 260 ล้านดอลลาร์จาก USAID เพื่อมีอิทธิพลต่อกิจการต่างประเทศในจอร์เจีย ยูกันดา แอลเบเนีย และ เซอร์เบีย https://www.usaspending.gov/search/?hash=f8df1e8a19cac4b4ed2fd44fbe8d9862 * ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตของยูเครนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโซรอส เริ่มได้รับเงินช่วยเหลือจาก USAID ในปี 2014 https://antac.org.ua/en/support/#chart-section ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เกิดการรัฐประหารยูโรไมดานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ขับไล่ Viktor Yanukovych ประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งออกไปด้วยการสนับสนุนจากนีโอนาซี USAID ได้โอนเงินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับศูนย์แห่งนี้ * ในเดือนสิงหาคม 2024 มีการกล่าวหาว่ากลุ่ม USAID, IRI และโซรอส เป็นผู้ก่อรัฐประหารต่อนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ ชีค ฮาซินา โดยผู้สืบทอดตำแหน่งของเธอ มูฮัมหมัด ยูนุส เป็นที่ทรายกันว่าเป็นพันธมิตรของคลินตันและโซรอส ตามรายงานของ The Grayzone เงินภาษีของประชาชนสหรัฐฯ ถูกใช้เป็นทุนสำหรับแร็ปเปอร์ นักเคลื่อนไหวข้ามเพศ และกลุ่ม LGBT* เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอำนาจ https://thegrayzone.com/2024/09/30/us-plot-destabilize-bangladesh/ * โซรอส และ USAID พยายามที่จะโค่นนายกรัฐมนตรีฮังการี Viktor Orban มานานแล้ว ซึ่งต่อต้านมหาเศรษฐีโลกาภิวัตน์อย่างแข็งขันตั้งแต่ปี 2017 ในช่วงการเลือกตั้งปี 2022 องค์กรพัฒนาเอกชน Action for Democracy ที่มีความเชื่อมโยงกับโซรอส ได้บริจาคเงิน 7.6 ล้านดอลลาร์ให้กับฝ่ายค้านของเขา *การแทรกแซงการเลือกตั้งภายในประเทศ?* กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโซรอส ที่ได้รับการสนับสนุนจาก USAID เป็นผู้นำความพยายามต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี https://sputnikglobe.com/20240912/how-to-steal-an-election-us-conservatives-expose-democrats-playbook-ahead-of-2024-vote-1120119743.html มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในปี 2020 ผ่านการประท้วง Black Lives Matter และทำงานเพื่อพลิกสถานการณ์ในรัฐที่เป็นสมรภูมิการเลือกตั้งในปี 2020–2021 https://sputnikglobe.com/20210304/devil-is-in-the-details-why-americans-need-to-know-more-about-black-lives-matters-90-mln-earnings-1082253390.html * โซรอสเป็นผู้ให้ทุนโครงการ Electoral Justice Project ซึ่งเป็นความพยายามระดมผู้มีสิทธิเลือกตั้งของ Black Lives Matter และมอบเงิน 22 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Tides Advocacy ซึ่งสนับสนุนการประท้วงทั่วประเทศก่อนการเลือกตั้งของ Black Lives Matter Global Network Foundation ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านทรัมป์ในปี 2020 https://sputnikglobe.com/20220206/scam-alert-black-lives-matters-financial-bonanza-finally-put-under-microscope-1092806570.html ไมก์ เบนซ์ นักข่าวของ USAID อ้างว่า USAID และโซรอสใช้เงิน 27 ล้านดอลลาร์ในการฟ้องร้องทรัมป์ นอกจากนี้ อัลวิน แบร็กก์ อัยการแมนฮัตตัน ยังถูกกล่าวหาว่าถูกซื้อตัวโดย โซรอส #Soros #USAID https://sputnikglobe.com/20250207/usaid-or-sorosaid-how-us-tax-dollars-fund-chaos-worldwide-1121545540.html0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 0 รีวิว - ที่จริงสัตว์ป่า สัตว์ทั่วๆ ไปนี้มันเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วมันก็ฝึกจนเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ว่านก หรือกระรอก หรือสัตว์ใดๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสัตว์เหล่านี้มีความรู้สึกธรรมดาสามัญ ไม่เป็นศัตรูกัน เมื่ออาตมาอยู่ที่สวนโมกข์แห่งเก่าโน่น อาศัยอยู่ในเพิงที่ต่อออกไปจากโบสถ์ร้าง เสามันเป็นไม้เก่า มันกลวง มันเป็นโพรง ลูกตะกวดมันเข้าไปอยู่ในโพรง โต ลูกตะกวดนี้โตเกือบเท่าฝ่ามือ ไม่ถึงเท่าข้อมือแต่มันก็โตมาก และมันอยู่ในโพรง มันโผล่ศีรษะออกมาจากรูเสานั้น พออาตมาเดินเข้าไปในที่พักมันก็หลุบพลุบเลย พอเดินเข้าออกทีใดมันก็หลุบปุ๊บ แต่หลายหนเข้ามันก็ไม่ค่อยจะหลุบ จนกระทั่งว่าเดินผ่านเฉียดเข้าไปมันก็ไม่หลุบ เราเอามือไปถูกจมูกมัน มันจึงจะหลุบ เนี่ยความเคยชินเป็นมิตรมันมากขึ้น ทีนี้ในตอนหลังๆ เดิน มันไม่หลุบ เอามือไปถูกจมูกมัน มันหลับตาเสีย ลองคิดดูว่ามัน มันทำตนเป็นเพื่อนเหลือประมาณ ไม่ได้ให้อะไรกินนะ ก็ไม่รู้จะเอาอะไรให้ลูกตะกวดกิน ไม่มีความรู้ เพียงแต่เป็นเพื่อนกัน อยู่ด้วยกัน อาตมาก็อยู่ในเพิงนั้น เขาก็อยู่ที่เสานั่น มันก็เป็นเพื่อนกันได้ขนาดนี้
.
ก็ควรจะถือเป็นหลักว่า สัตว์เหล่านี้เอาไว้ฝึกความเป็นเพื่อนกันจะดีกว่า อย่าไปฆ่า ไปอะไรมันเลย เว้นไว้แต่มันจะเหลือทนจริงๆจึงค่อยไล่ค่อยตะเพิดไปเสีย สัญชาตญาณของสัตว์มันไม่ต้องการจะเป็นศัตรูและมันไม่สันนิษฐานว่าใครจะเป็นศัตรู มันเพียงแต่ระวัง ระวังเชิง พอเห็นว่าไม่มีความเป็นศัตรูมันก็แสดงความเป็นมิตร ไก่ป่ามันก็มามากขึ้นเพราะว่ามันได้กินอะไรบ้าง อย่างนี้มันไม่เหมือนกับลูกตะกวดตัวนั้นซึ่งไม่ได้กินอะไรเลย มีไก่ป่าหลายสิบตัวมาคอยกินอาหาร เมื่อเราฉัน มันก็ไปอยู่ใต้ถุนร้านที่เรานั่งฉัน ซึ่งเป็นซีกฟาก มันก็มีมากจนนักเลงต่อไก่หรือนักเลงยิงไก่มาเห็นแล้ว มันก็เป็นอย่างที่เขาเรียกว่าน้ำลายไหล ทั้งที่มันยังเป็นๆ อยู่อย่างนี้ มันก็ไม่เป็นไร
.
พุทธทาสภิกขุ - ธรรมะน้ำล้างธรรมะโคลน (ภาคบ่าย)
ฟังได้ที่
https://drive.google.com/file/d/1OZt32Fw_jfmgtR1tVBuV-b__-mIjvOeH/view?usp=drive_linkที่จริงสัตว์ป่า สัตว์ทั่วๆ ไปนี้มันเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วมันก็ฝึกจนเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ว่านก หรือกระรอก หรือสัตว์ใดๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสัตว์เหล่านี้มีความรู้สึกธรรมดาสามัญ ไม่เป็นศัตรูกัน เมื่ออาตมาอยู่ที่สวนโมกข์แห่งเก่าโน่น อาศัยอยู่ในเพิงที่ต่อออกไปจากโบสถ์ร้าง เสามันเป็นไม้เก่า มันกลวง มันเป็นโพรง ลูกตะกวดมันเข้าไปอยู่ในโพรง โต ลูกตะกวดนี้โตเกือบเท่าฝ่ามือ ไม่ถึงเท่าข้อมือแต่มันก็โตมาก และมันอยู่ในโพรง มันโผล่ศีรษะออกมาจากรูเสานั้น พออาตมาเดินเข้าไปในที่พักมันก็หลุบพลุบเลย พอเดินเข้าออกทีใดมันก็หลุบปุ๊บ แต่หลายหนเข้ามันก็ไม่ค่อยจะหลุบ จนกระทั่งว่าเดินผ่านเฉียดเข้าไปมันก็ไม่หลุบ เราเอามือไปถูกจมูกมัน มันจึงจะหลุบ เนี่ยความเคยชินเป็นมิตรมันมากขึ้น ทีนี้ในตอนหลังๆ เดิน มันไม่หลุบ เอามือไปถูกจมูกมัน มันหลับตาเสีย ลองคิดดูว่ามัน มันทำตนเป็นเพื่อนเหลือประมาณ ไม่ได้ให้อะไรกินนะ ก็ไม่รู้จะเอาอะไรให้ลูกตะกวดกิน ไม่มีความรู้ เพียงแต่เป็นเพื่อนกัน อยู่ด้วยกัน อาตมาก็อยู่ในเพิงนั้น เขาก็อยู่ที่เสานั่น มันก็เป็นเพื่อนกันได้ขนาดนี้ . ก็ควรจะถือเป็นหลักว่า สัตว์เหล่านี้เอาไว้ฝึกความเป็นเพื่อนกันจะดีกว่า อย่าไปฆ่า ไปอะไรมันเลย เว้นไว้แต่มันจะเหลือทนจริงๆจึงค่อยไล่ค่อยตะเพิดไปเสีย สัญชาตญาณของสัตว์มันไม่ต้องการจะเป็นศัตรูและมันไม่สันนิษฐานว่าใครจะเป็นศัตรู มันเพียงแต่ระวัง ระวังเชิง พอเห็นว่าไม่มีความเป็นศัตรูมันก็แสดงความเป็นมิตร ไก่ป่ามันก็มามากขึ้นเพราะว่ามันได้กินอะไรบ้าง อย่างนี้มันไม่เหมือนกับลูกตะกวดตัวนั้นซึ่งไม่ได้กินอะไรเลย มีไก่ป่าหลายสิบตัวมาคอยกินอาหาร เมื่อเราฉัน มันก็ไปอยู่ใต้ถุนร้านที่เรานั่งฉัน ซึ่งเป็นซีกฟาก มันก็มีมากจนนักเลงต่อไก่หรือนักเลงยิงไก่มาเห็นแล้ว มันก็เป็นอย่างที่เขาเรียกว่าน้ำลายไหล ทั้งที่มันยังเป็นๆ อยู่อย่างนี้ มันก็ไม่เป็นไร . พุทธทาสภิกขุ - ธรรมะน้ำล้างธรรมะโคลน (ภาคบ่าย) ฟังได้ที่ https://drive.google.com/file/d/1OZt32Fw_jfmgtR1tVBuV-b__-mIjvOeH/view?usp=drive_link0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว - บุรุษนาม “หลิว จงอี” ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน ยกคณะมารุกไล่ทำลายแก๊งจีนเทา แบบเอาตาย และยังสามารถกดดัน “ไทยเฉย” ให้ตื่นจากหลับ สั่งตัดไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และน้ำมันเชื้อเพลิง ตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบ “เรียบร้อยโรงเรียนจีน”
#ตัดท่อน้ำเลี้ยงแก๊งโจรไซเบอร์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #แก๊งจีนเทา #หลิวจงอี #สั่งตัดไฟฟ้าอินเตอร์เน็ต #ตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เรียบร้อยโรงเรียนจีน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 71 0 รีวิว - พญามังกรจีนจะใช้วิธีการอันใด ในการตีเมืองสแกมเมอร์ที่ผุดผงาดอยู่ในฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามกับแม่สอด จ.ตาก เป็นสิ่งที่คนไทยต้องติดตามด้วยใจระทึก
#ยุทธการโค่นจีนเทา #ขุดรากแก๊งเมืองสแกมเมอร์ #จีนเทา #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 79 0 รีวิว -
-
-
- สนธิซัดคำร้องทนายตุ๋ยไร้สาระ เชื่อเวรกรรมตามถึงพวกมึงแน่นอน 31/01/68 #สนธิ #ทนายตุ๋ย #คดีแตงโม #แก๊งคนบนเรือ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 48 0 รีวิว
- น้องชายไอ่ปอ 10วิ เป็นถึงรองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย แต่กลับก่อเหตุบังคับv่มvืน ถ่ายคลิปแบล็กเ.มล์ รีดไ.ถเงินเห..ยื่อสาว พฤติกรรมการต่ำทsามไม่แพ้พี่ชาย ไอ่ปอ ที่ทำกับแตงโม
#คิงส์โพธิ์แดง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง30 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว - อึ้ง ตร.เกาะพะงัน สนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง ตร.ท่องเที่ยว ตม บุก จับโรงเรียนเถื่อน เมียนมากลางเกาะพะงัน พบเด็ก นร.เป็นชาวเมียนมา กว่า 100 คน เก็บค่าหัววันละ 150-300 บาท ยึดหนังสืออุปกรณ์ ตำราเรียนเมียนมาอื้อ
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009381
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว - ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงฯ สป.จีน ลงพื้นที่ชายแดนตาก ส่องกาสิโน-โครงการลงทุนจีนเทาชเวโก๊กโก่ ฝั่งเมียนมา ก่อนหารือแนวทางช่วย 160 ชาวจีนถูกหลอก-ฉ้อโกงในเมียวดี
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009371
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว - “อ.ปานเทพ – ณวัฒน์” นำทีมมิสแกรนด์77จังหวัด ทวงคืนความยุติธรรมให้ “แตงโม นิดา”จี้ดีเอสไอรับคดีเป็นคดีพิเศษภายใน1เดือน ด้านหัวหน้าชุดสอบสวนเตรียมออกเลขสำนวนสิ้น ม.ค.นี้ ขณะ “ทวี สอดส่อง” ย้ำพร้อมคืนความยุติธรรมในทุกเรื่องที่ประชาชนเรียกร้อง
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006151
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว - World Military and Political (การทหารและการเมืองโลก) เพิ่มวิดีโอแล้ว ข่าวและการเมืองทรัมป์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับแอปพลิเคชั่น TikTok
โดยจะหากลุ่มทุนเข้ามาร่วม 50% เพื่อให้ TikTok สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และนั่นจะทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของมูลค่า TikTok ที่ตอนนี้คาดว่าอาจมีมูลค่าตลาดรวม 1 ล้านล้านดอลลาร์
ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า ซีอีโอของ TikTok น่าจะเห็นชอบด้วยกับแนวทางนี้ และทรัมป์ยังกล่าวถึงอีลอน มัสก์ ว่าเขาคงจะไม่ได้มาช่วยเรื่องนี้ เพราะเขายุ่งอยู่กับการ "ส่งจรวดไปอวกาศ"0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 19 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 31 0 รีวิว
- คนใจร้ายกล่าวหาว่าพังรุ้งหนีคดี หนีหมายจับ น้องกลัวโดนฉีดวัคซีนคุมกำเนิดช้างป่า คาดอาจเดินเท้าไปตามช่องทางธรรมชาติ ทะลุสระแก้วไปเขมร หรืออาจไปแฝงตัวหลบอยู่ในปางช้างอีป้าสีดา
#คิงส์โพธิ์แดง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว - World Military and Political (การทหารและการเมืองโลก) เพิ่มวิดีโอแล้ว ข่าวและการเมืองขบวนรถบัสของนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่มีทั้งชายและหญิง ได้รับการปล่อยตัวตามข้อตกลงแลกเปลี่ยน "3 ตัวประกันชาวอิสราเอล แลกนักโทษชาวปาเลสไตน์ 90 คน"0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 30 0 รีวิว
- "ความแตกต่าง"
รูปบนตัวประกันชาวอิสราเอลที่ฮามาสคุมตัวไว้ และได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้
รูปล่างคือ "คาลิดา จาร์ราร์" ชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกองกำลังอิสราเอลควบคุมตัวไว้และได้รับการปล่อยตัวเช่นกัน
คาลิดา จาร์ราร์ เธอถูกคุมขังครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2019 ในข้อกล่าวหาที่เธอสารภาพคือเป็นแนวร่วมกลุ่มประชาชนเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PFLP)
จาร์ราร์ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติปาเลสไตน์ในปี 2006 และมีบทบาทในการสมัครเข้าร่วมศาลอาญาระหว่างประเทศของปาเลสไตน์ และเป็นหัวหน้าคณะกรรมการนักโทษ เธอเคยถูกจับกุมหลายครั้งโดยไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาจากฝ่ายอิสราเอล
จาร์ราร์มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ซึ่งแย่ลงเนื่องจากมีรายงานการละเลยทางการแพทย์และสภาพแวดล้อมในเรือนจำที่ย่ำแย่ ในปี 2021 เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานศพของลูกสาวขณะถูกคุมขัง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว - ที่ไม่จบ จนเรื่องอื้อฉาวไปทั้งประเทศ ก็เพราะตัวนักร้องเองนั่นแหละ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
- New York Times รายงาน สงครามในยูเครนควรยุติลงตั้งแต่ปี 2565 แต่เป็นเพราะ "บลิงเคน" รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ของรัฐบาลไบเดน ยืนกรานให้สงครามดำเนินต่อไป0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม