แชร์ข่าวสุราษฏร์ธานี
- ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญเป็นเจ้าภาพ
ถวายน้ำปานะแด่พระภิกษุสามเณรในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอเมืองฯ ผู้เข้าสอบนักธรรมชั้นตรี
ประจำปี พ.ศ.2567
ณ อาคารบุญธรรมสภา วัดพัฒนาราม
(พระอารามหลวง)
ติดต่อร่วมบุญได้ที่
พระธรรมธรสันชัย สญฺชโย เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี โทร 092-059-4769
หรือท่านใดประสงค์จะร่วมบุญกับผมที่จะถวายน้ำอ้อย
แด่คณะสงฆ์หมู่ใหญ่  ผู้เข้าสอบนักธรรมชั้นตรี
ประจำปี พ.ศ.2567
ที่บัญชีธนาคาร : ออมสิน
เลขที่บัญชี : 020376204143
ชื่อบัญชี : วรสถิตย์ ตูลเพ็ง
#ท่านใดโอนแล้วแจ้งชื่อนามสกุลด้วย ผมจะได้ลงบัญชีถูกครับ
สุทินฺนํ วต เม ทานํ อาสวกฺขยาวหํ ปจฺจุบนฺกาเล นิพฺพาน
ปจฺจโย โหตุ
ขอให้ทาน ของข้าพเจ้าที่ให้ดีแล้วหนอ
จงนำมาซึ่งความสิ้นไปแห่งอาสวกิเลส(พระอรหันต์)
จงเป็นปัจจัยแด่พระนิพพาน ในชาติปัจจุบันเทอญ ฯ
อานิสงส์การถวายน้ำปานะแด่คณะสงฆ์ใหญ่
ในการทำบุญด้วยน้ำ นั้นเชื่อกันว่า จะทำให้ทรัพย์สินเงินทอง ความสุขต่างๆ ไหลลื่น สะดวกยิ่งขึ้น ✨
จากที่เคยติดขัดก็จะราบรื่น จากที่เคยรับทรัพย์แบบกระเซ็นกระสายก็จะไหลมาเทมาไม่หยุดยั้ง มีความสุขจากบุญกุศล และการทำทาน นับได้ว่าเป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญก้าวหน้า
.
ความเชื่อว่า อานิสงส์ของการถวายน้ำดื่มแด่พระสงฆ์หรือบริจาคน้ำดื่มให้ผู้ที่ขาดแคลนนั้นจะช่วยส่งเสริมดวงชะตาได้
1.ทำให้เงินทองไหลมาเทมา มีใช้คล่องมือ
2. ชีวิตมีแต่ความสุข ความราบรื่น เหมือนสายน้ำไหล
3. มีจิตใจที่ใสสะอาด เหมือนดั่งน้ำบริสุทธิ์
4. มีผู้อุปถัมภ์ค้ำชู จากบุญกุศล และการทำทาน
.
อย่างไรก็ตาม การทำบุญสร้างกุศลด้วยความตั้งใจ
ก็ถือว่าเป็นการร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป
ที่มา : deeda.care
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - วันนี้ที่อยากจะพูดถึงอีกส่วนหนึ่งก็คือที่มีพระท่านถามว่า "ดวงมีการขโมยกันได้ด้วยหรือ ?" พวกเราส่วนใหญ่พอฟังอะไรแล้วไม่ค่อยจะใช้ปัญญาคิด หรือถ้าคิดก็ไม่มั่นใจ ก็เลยมาถามครูบาอาจารย์
ในเรื่องของดวงก็คือบุญหรือกรรมเก่าที่เราทำเอาไว้ แล้วจะส่งผลดีหรือร้ายตามเวรตามกรรมที่เราสร้างมา คราวนี้ทางด้านนักปราชญ์แต่โบราณโดยเฉพาะชาวอินเดีย เขามีการศึกษาเรื่องการโคจรของดวงดาวและวันเดือนปีเกิดของผู้คน จนสามารถสรุปลงมาเป็นโหราศาสตร์ได้ แต่ถ้ากล่าวกันในทางพุทธศาสตร์ก็คือ บุคคลที่เกิดวันเดือนปีใกล้เคียงกัน ก็เพราะว่าสร้างบุญสร้างกรรมมาใกล้เคียงกัน ถึงเวลามีอะไรดีหรือว่าร้ายเกิดขึ้น ก็มักจะเกิดขึ้นคล้าย ๆ กัน
เพียงแต่ว่าในเรื่องของโหราศาสตร์นั้น เราต้องไม่ลืมว่าเต็มที่ก็ดูได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้ไม่ใช่กระผม/อาตมภาพเป็นคนพูด แต่เป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านบอก เพราะว่าช่วงนั้นท่านสั่งให้กระผม/อาตมภาพไปศึกษาวิธีการดูดวง จะเป็นเลข ๗ ตัวก็ได้ มหาทักษาก็ได้ กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะเป็น "เด็กไฮเปอร์ฯ" ก็คืออยู่นิ่งไม่ค่อยเป็น ท่านกลัวว่าถ้าไม่มีอะไรจะทำเดี๋ยวจะไปรื้อวัดทิ้ง..! ก็เลยให้ไปหัดดูดวง แล้วท่านก็บอกว่า "เต็มที่จะดูได้ไม่เกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้ทิพจักขุญาณก็ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์"
กระผม/อาตมภาพเรียนถามว่า "แล้วส่วนที่เหลือละครับ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า "บุคคลประเภทนั้นกำลังใจล้นเกิน ดวงไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ต่อให้บอกว่าไม่ดีอย่างไร พวกนี้ก็จะ "สู้หัวชนฝา" จนกระทั่งชนะดวงไปเอง ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกที่มาสายพระโพธิสัตว์"
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านต้องเข้าใจว่า ในเรื่องของดวงก็คือบุญกรรมที่เราทำมาในอดีต แล้วส่งผลให้กับเราในปัจจุบัน ก็เลยไม่มีการที่จะไปทดแทนกัน หรือว่าใช้แทนกัน หรือว่ายืมดวงใช้ก่อน เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าเป็นสมัยก่อนที่เขายังทำไสยศาสตร์กันอยู่มากมาย ส่วนใหญ่ครูบาอาจารย์ท่านจะเตือนในเรื่องของวันเดือนปีเกิดว่า อย่าไปให้หมอไสยศาสตร์รู้เข้า เพราะว่าเขาจะทำได้ผลมากกว่าปกติ ถ้ามีวันเดือนปีเกิดพร้อมกับสิ่งของที่เราเคยใช้ด้วย ก็จะยิ่งมีผลมากขึ้น..!
แต่กระผม/อาตมภาพโชคดีที่ว่า ใครได้วันเดือนปีเกิดไปก็อาจจะเดือดร้อนเอง เนื่องเพราะว่าพื้นฐานดวงนั้นถอดออกมาแล้ว "อริเป็นมรณะ" ใครตั้งตัวเป็นศัตรูตายห่..หมด..! เพราะฉะนั้น..บางท่านที่สงสัยว่า "ทำไมกระผม/อาตมภาพทำยันต์เกราะเพชรขึ้นมาก ? ทำตะกรุดมหาสะท้อนขึ้นมาก ?" ก็เพราะว่าพื้นฐานดวงนั้นอริเป็นมรณะ ถ้าหากว่าใครคิดร้ายก็แพ้ภัยตัวเอง..!
ในเมื่อพื้นฐานดวงเป็นอย่างนี้ แล้วยังมีวิชาการเสริมเข้าไปอีก ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ใครคิดจะหาเรื่องก็แปลว่าหาที่ตายเอง..! เพียงแต่เตือนว่าเราท่านทั้งหลายต้องระมัดระวังเอาไว้บ้าง แต่สมัยนี้ระวังยาก เนื่องเพราะว่าคุณจะสมัครเฟซบุ๊ก สมัครอีเมลอะไรก็ตาม เขาให้ใส่วันเดือนปีเกิดไปทั้งหมด ก็เท่ากับทุกคนในปัจจุบันนี้ มีสิทธิ์ที่จะเจอหมอไสยศาสตร์เล่นเอาได้ทั้งนั้น..!
ดังนั้น..วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือภาวนาให้กำลังใจทรงตัว อย่างน้อยสุดก็ให้เป็นปฐมฌานละเอียด ถ้าทำได้ในระดับนี้ หมอไสยศาสตร์เก่งแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะว่ากำลังใจของเราเท่ากับพรหม ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องของดวงขโมยกันไม่ได้ ยืมใช้ก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็คงจะมีประธานาธิบดีหน้าตาเหมือนกับเราไปแล้ว หรือไม่ก็มีนายกรัฐมนตรีหน้าตาเหมือนกับเราไปแล้ว เพราะว่าไปขโมยดวงเขามาใช้แทน
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) - วันอังคารที่ ๑๗ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๗
- คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
นำโดยท่านพระอาจารย์พระธรรมธรสันชัย สญฺชโย เลขานุการวัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
ลงจัดสถานที่ ณ พระวิหาร เพื่อรับศรัทธาญาติโยม
ที่นำปิ่นโตมารับตายายในวันสารทเดือนสิบที่จะมีในวันพรุ่งนี้ สถานที่พร้อม
ขอเรียนเชิญทุกท่าน ช่วยสืบสานประเพณี
โดยแบ่งช่วงเวลา
#เวลาเช้า ๐๘.๐๐ น. & #เวลาเพล ๑๐.๐๐ น.
ท่านสะดวกเวลาไหนก็มาได้ มี ๒ช่วงเวลานะ
สารทไทย หมายถึงอะไร
พระยาอนุมานราชธน ได้เขียนเล่าในหนังสือเทศกาลและประเพณีไทยว่า คำว่า "สารท" เป็นคำอินเดีย หมายถึง "ฤดู" ตรงกับฤดูในภาษาอังกฤษ ที่เรียกว่า "ออทั่ม" หรือ ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะมีเฉพาะบางเขตของโลกอย่างยุโรป จีน และอินเดียตอนเหนือ เท่านั้น ช่วงนั้นเป็นระยะที่พืชพรรณธัญชาติ และผลไม้ เริ่มสุกให้พืชผลครั้งแรกในฤดู ดังนั้น ประชาชนจึงรู้สึกยินดี และถือเป็นเทศกาลแห่งความรื่นเริง จึงมักทำพิธีตามความเชื่อและเลี้ยงดูกันอย่างที่เรียกว่า "Seasonal Festival"
โดยบางแห่งก็จะมีการนำพืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ครั้งแรกที่เรียกว่า "ผลแรกได้" ไปสังเวยหรือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคล และแสดงความเคารพที่ท่านช่วยบันดาลให้พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์จนเก็บเกี่ยวได้ เช่น พิธีปงคัล ในอินเดียตอนใต้ ที่มีพิธีต้มข้าวกับน้ำนมทำเป็นขนม เรียกว่า ข้าวทิพย์ ข้าวปายาส ถวายพระคเณศ เป็นต้น
ที่มาบทความ : เว็บกระปุกดอทคอม
อย่าลืมมารับ คุณตาคุณยายที่วัดพัฒนารามนะ
เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์ นาถธมฺโม  - วันอังคารที่๑๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗
วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
อุโบสถ ที่ ๔ ฤดูฝน
คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
ร่วมกับคณะสงฆ์วัดแหลมทองลงพระอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์ จำนวน ๓๓รูป
องค์แสดงพระปาติโมกข์ : พระมหาณรงค์ศักดิ์
จิตวิริโย
เพื่อทบทวนสิกขาบทที่พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยตลอดปีทุกกึ่งเดือน เพื่อความพร้อมเพรียงความงดงามของหมู่คณะสงฆ์
การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น
พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ
การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ
เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์นาถธมฺโม
วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง - (วันอังคารที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗)
วันนี้วันพระ เเรม ๑๕ คํ่า เดือน ๑๐
ณ หอฉันวัดพัฒนาราม(พระอารามหลวง)
จ. สุราษฎร์ธานี
นำโดยท่านพระอาจารย์พระครูสุตพิพัฒนานุการ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
เป็นประธานคณะสงฆ์ และคณะสงฆ์วัดพัฒนารามลงรับศรัทธาญาติโยม
ที่นำปิ่นโตมาทำบุญเนื่องในวันธรรมสวนะหรือวันพระ ณ หอฉันวัดพัฒนาราม
- แสดงพระธรรมเทศนาโดยท่านอาจารย์พระมหาอรุณ อรุโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพัฒนารามฯ
#ความเป็นมาของวันธรรมะสวนะ
วันธรรมสวนะ คือ วันกำหนดประชุมฟังธรรม เป็นประเพณีนิยมของพุทธบริษัทที่ได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแล้วแต่ครั้งพุทธกาล โดยถือว่า การฟังธรรมตามกาลที่กำหนดเป็นประจำไว้ ย่อมก่อให้เกิดสติปัญญาและสิริมงคลแก่ผู้ฟัง อย่างน้อยได้รับธรรมสวนานิสงส์อยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ธรรมะพีเดีย.คอม
เครดิตภาพ : พระมหาวรสถิตย์ นาถฺธมฺโม
วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว - ทุกศาสนามีมูลเหตุมาจากความกลัว นับตั้งแต่ กลัวภัยธรรมชาติ จนถึงกลัว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส วิธีปฏิบัติเพื่อให้รอดพ้นจากความกลัวนั้นๆ เรียกว่า “ศาสนา” เช่นมีการบูชาบวงสรวงอ้อนวอน เป็นต้น
พุทธศาสนา มีมูลมาจากกลัวความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส อันเป็นตัวทุกข์หรือเหตุให้เกิดทุกข์วิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ คือ การพิจารณาให้รู้แ เป็นจริงในสิ่งทั้งปวงตามเป็นจริงด้วยตนเองว่า “อะไร” อะไร” เมื่อเห็นจริงก็ปฏิบัติถูกต่อสิ่งทั้งปวง การปฏิบั ถูกนั่นเองเป็นทางดับทุกข์ การบูชา บวงสรวง อ้อน การรดน้ำมนต์ ตลอดจนการนับถือเทวดา หรือดวง มิใช่ทางดับทุกข์ ตามหลักแห่งพุทธศาสนา
พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน หลัง จนเกินขอบเขต โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา การหลงถือเอาพิธีต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น พิธี วิญญาณของพระพุทธเจ้าเป็นต้นว่าเป็นพุทธศาสนา บางอย่างได้ห่อหุ้มความหมายเดิมให้สาบสูญไป เช่น บวชนาค” ได้มีการทำขวัญนาค มีการฉลองกันใน วชไม่กี่วัน สึกออกมายังเหมือนเดิม การบวชสมัย
พระพุทธเจ้า ผู้ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาแล้วปลีกตัว ออกจากเรือนไปหาพระ การบวชเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ ทางบ้านไม่มีหน้าที่ทำอะไรเลย พิธีที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้นไม่ได้ ทำให้ผู้บวชดีขึ้น บางคนฝึกไปแล้วกลับเลวกว่าเก่าก็มี จึงเป็นการทำให้หมดเปลืองทรัพย์ และแรงงานไปเปล่าๆ
เรื่อง “กฐิน” ก็เช่นกัน ความมุ่งหมายเดิมมีว่า ให้พระทุกรูปทำจีวรใช้เอง ให้พร้อมเพรียงกัน ทำด้วยมือ ” คนให้หมดความถือตัว โดยให้ลดตัวเองมาเป็นกุลีเท่ากัน หมด แต่เดี๋ยวนี้กฐินกลายเป็นเรื่องมีไว้สำหรับประกอบ พิธีหรูหราหาเงิน เอิกเกริกเฮฮาสนุกสนานพักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่ได้รับผลสมความมุ่งหมายอันแท้จริง
ลักษณะดังกล่าวมานี้ เรียกว่าเป็น “เนื้องอก” ของ พุทธศาสนา ซึ่งมีมากมายหลายร้อยอย่าง จัดเป็นเนื้อ ร้ายชนิดหนึ่งที่งอกออกมาปิดบังเนื้อดีหรือแก่นแท้ของ พุทธศาสนาให้ค่อยๆ เลือนหายไป นิกายต่างๆ ก็เกิดขึ้น
สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน
https://www.thenirvanalive.com/2023/03/12/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5/0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว - กำหนดวันจ่ายเงิน
โครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000
เริ่มทยอยจ่ายในวันที่ 25 กันยายน เป็นต้นไป!!
ตามเลข ลงท้าย บัตรประชาชน ดังนี้
สำหรับ 2 กลุ่มนี้ เท่านั้น
กลุ่ม ผู้ที่ได้รับสิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ
กลุ่ม ผู้พิการที่มีบัตรผู้พิการ ที่ได้รับเงินอยู่
สรุปให้แต่กลุ่มเปราะบาง
ส่วนกลุ่มอื่นบอกไว้เลยเคว้งคว้าง ไม่มีกำหนดกำหนดวันจ่ายเงิน โครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 เริ่มทยอยจ่ายในวันที่ 25 กันยายน เป็นต้นไป!! ตามเลข ลงท้าย บัตรประชาชน ดังนี้ สำหรับ 2 กลุ่มนี้ เท่านั้น กลุ่ม ผู้ที่ได้รับสิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่ม ผู้พิการที่มีบัตรผู้พิการ ที่ได้รับเงินอยู่ สรุปให้แต่กลุ่มเปราะบาง ส่วนกลุ่มอื่นบอกไว้เลยเคว้งคว้าง ไม่มีกำหนด0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว - #หนุ่มวัย14ถูกเจ็บกลางห้างคาดปมสาวเป็นเหตุ
วันนี้ 09 ก.ย.67 เมื่อเวลา18:45น. ศูนย์รับแจ้งเหตุฉักเฉิน1669 กู้ชีพตาปี รับแจ้งมีคนถูกแทงได้รับบาดเจ็บภายในห้างสหไทยสุราษฎร์ธานี จึงสั่งการเจ้าหน้าที่กู้ภัยกุศลศรัทธาเข้าตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี
ที่เกิดเหตุใกล้กับประตู3 ภายในห้างสหไทย พบนาย เอ (นามสมุติ)อายุ14ปี สวมใส่ชุดนักเรียน เป็นนักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ถูกแทงเข้าาที่หน้าอกข้างขวา 1แผลและแขนขวาอีก1แผลได้รับบาดเจ็บนั่งรอเจ้าหน้าที่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
จากการสอบถาม นายเอผู้ได้รับบาดเจ็บให้ข้อมูบกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนกับผู้ก่อเหตุไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งผู้ก่อเหตุมากัน3-4คน ในขณะที่ตนกำลังนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ 1ในผู้ก่อเหตุได้เรียกตนให้ลุกขึ้นมาคุยด้วย เมื่อตนลงขึ้นมาก็มีการพูดคุยเรื่องที่ตนไปรู้จักกับเด็กนักเรียนหญิงคนนึง ซึ่งตอนนั้นก็มีการท้าทายที่จะชกต่อยกันตัวต่อตัว แต่ตนปฎิเสธ 1ในกลุ่มู้ก่อเหตุจึงกระชากคอตนก่อนจะมีอีกคนถือเหล็กมาแทง ตนจึงได้พยายามวิ่งหนีลงมาขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ในห้าง
เบื้องต้นชุดสืบสวนสภ.เมืองสุราษฎร์ธานีได้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นนักเรียนต่างโรงเรียน#หนุ่มวัย14ถูกเจ็บกลางห้างคาดปมสาวเป็นเหตุ วันนี้ 09 ก.ย.67 เมื่อเวลา18:45น. ศูนย์รับแจ้งเหตุฉักเฉิน1669 กู้ชีพตาปี รับแจ้งมีคนถูกแทงได้รับบาดเจ็บภายในห้างสหไทยสุราษฎร์ธานี จึงสั่งการเจ้าหน้าที่กู้ภัยกุศลศรัทธาเข้าตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ที่เกิดเหตุใกล้กับประตู3 ภายในห้างสหไทย พบนาย เอ (นามสมุติ)อายุ14ปี สวมใส่ชุดนักเรียน เป็นนักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ถูกแทงเข้าาที่หน้าอกข้างขวา 1แผลและแขนขวาอีก1แผลได้รับบาดเจ็บนั่งรอเจ้าหน้าที่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี จากการสอบถาม นายเอผู้ได้รับบาดเจ็บให้ข้อมูบกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนกับผู้ก่อเหตุไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งผู้ก่อเหตุมากัน3-4คน ในขณะที่ตนกำลังนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ 1ในผู้ก่อเหตุได้เรียกตนให้ลุกขึ้นมาคุยด้วย เมื่อตนลงขึ้นมาก็มีการพูดคุยเรื่องที่ตนไปรู้จักกับเด็กนักเรียนหญิงคนนึง ซึ่งตอนนั้นก็มีการท้าทายที่จะชกต่อยกันตัวต่อตัว แต่ตนปฎิเสธ 1ในกลุ่มู้ก่อเหตุจึงกระชากคอตนก่อนจะมีอีกคนถือเหล็กมาแทง ตนจึงได้พยายามวิ่งหนีลงมาขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ในห้าง เบื้องต้นชุดสืบสวนสภ.เมืองสุราษฎร์ธานีได้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นนักเรียนต่างโรงเรียน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว - รีวิวแพลตฟอร์มชุมชนชาวพุทธเครือข่ายสังคมออนไลน์ ชาวพุทธ
thenirvanalive.com ( เว็บบอร์ดพระนิพพาน) แพลตฟอร์มชุมชนชาวพุทธและคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาพัฒนาโดยชาวพุทธไทย เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่
สามารถค้นหาธรรมะที่ถูกปิดกั้นได้และ สามารถเข้ามา แบ่งปันบทความตั้งกระทู้ธรรมะได้อย่างอิสระ ทางเว็บฯ
มีห้องและพื้นที่ให้ท่านเข้ามาแบ่งปันนธรรมะและะความรู้
ได้อย่างอิสระ โดยไม่ถูกการปิดกั้นการมองเห็นเหมือนแพลตฟอร์มอื่น
- ท่านที่ชอบการอ่านเข้ามาอ่านบทความธรรมะดีๆๆ มากมายได้แล้ววันนี้
- ท่านที่ชอบลงบทความธรรมะให้ปัญญาคนสามารถตั้งกระทู้ได้แล้ววันนี้
- ท่านที่ชอบการ บูชาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลอื่นๆ สามารถเข้ามาหาบูชากันได้แล้ววันนี้
- แพลตฟอร์มที่ลงบทความธรรมะและะความรู้อื่นโดย
ไม่โดนปิดกั้น
ท่านสามารถค้นหาเว็บบอร์ดพระนิพพานได้ใน Google
พิมพ์คำว่า เว็บบอร์ดพระนิพพาน เลย รีบสมัครสมาชิกเลย
https://www.thenirvanalive.com/เว็บบอร์ดพระนิพพาน/ - รีวิวแพลตฟอร์มชุมชนชาวพุทธเครือข่ายสังคมออนไลน์ ชาวพุทธ
thenirvanalive.com ( เว็บบอร์ดพระนิพพาน) แพลตฟอร์มชุมชนชาวพุทธและคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาพัฒนาโดยชาวพุทธไทย เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่
สามารถค้นหาธรรมะที่ถูกปิดกั้นได้และ สามารถเข้ามา แบ่งปันบทความตั้งกระทู้ธรรมะได้อย่างอิสระ ทางเว็บฯ
มีห้องและพื้นที่ให้ท่านเข้ามาแบ่งปันนธรรมะและะความรู้
ได้อย่างอิสระ โดยไม่ถูกการปิดกั้นการมองเห็นเหมือนแพลตฟอร์มอื่น
- ท่านที่ชอบการอ่านเข้ามาอ่านบทความธรรมะดีๆๆ มากมายได้แล้ววันนี้
- ท่านที่ชอบลงบทความธรรมะให้ปัญญาคนสามารถตั้งกระทู้ได้แล้ววันนี้
- ท่านที่ชอบการ บูชาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลอื่นๆ สามารถเข้ามาหาบูชากันได้แล้ววันนี้
- แพลตฟอร์มที่ลงบทความธรรมะและะความรู้อื่นโดย
ไม่โดนปิดกั้น
ท่านสามารถค้นหาเว็บบอร์ดพระนิพพานได้ใน Google
พิมพ์คำว่า เว็บบอร์ดพระนิพพาน เลย รีบสมัครสมาชิกเลย
https://www.thenirvanalive.com/เว็บบอร์ดพระนิพพาน/ - มารบันเทพ
พญามาร เป็นเทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรหรือ เทวดาชั้นที่ 5 ชื่อว่า “ปรนิมมิตวสวัตดี” ท่านชื่อว่า “วัสสวัสดี เทวปุตตมาร” คนไทยมักเรียกว่าพญามาร ท่านเป็นมารที่หล่อขั้น เทพแน่นอน เพราะท่านเป็นทั้งเทพทั้งมาร คำว่า “มาร” แปลว่า นิมิต แห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งคนไว้ มิให้พ้นจาก อ้านาจครอบงำาของตน ให้ห่วงหน้าพะวงหลังติดอยู่ในกามสุข ไม่อาจเสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ได้
ซึ่งมารตนนี้เคยมาเฝ้าพระพุทธเจ้าหลายครั้ง พระองค์ได้เล่าให้ พระอานนท์ฟัง ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค สรุปว่า
สมัยที่พระพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ กำลังหนีออกจาก เมืองกบิลพัสดุเพื่อบรรพชา มาเชื่อว่าวัสสวัดดีมาร ได้เข้ามาห้ามมิให้ ออกมหาภิเนษกรมณ์ แต่พระโพธิสัตว์ได้ปฏิเสธและขับไล่มารไปเสีย
ต่อมา เมื่อพระโพธิสัตว์ประทับนั่งบนโพธิบัลลังก์ ก่อนจะตรัสรู้ พญามารได้นำเสนามารไปรบกวน แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่ทศบารมี ของพระโพธิสัตว์
อีกครั้งหนึ่ง สมัยที่ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ณ ต้นอชปาลนิโครธ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ที่อุรุเวลาเสนานิคม
สามารถอ่านต่อที่เว็บไซต์พระนิพพานได้
https://www.thenirvanalive.com/2023/03/10/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95-6/ - “มนุญฺญเมว ภาเสยฺย นามนุญฺญํ กุทาจนํ
แปลความว่า
บุคคล ควรพูดคำที่เจริญใจเท่านั้น ไม่ควรพูด
คำที่ไม่เจริญใจในกาลไหน "
#พุทธโอวาท0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว - วันนี้วันพระใหญ่ได้ทำบุญใหญ่ชื้อนํ้าปานะถวายพระภิกษุสงฆ์ที่ลงพระอุโบสถทบทวน
พระปาติโมกข์ จำนวน ๓๒ รูป
ณ วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
อนุโมทนาบุญสาธุๆๆๆ บุญ
อานิสงส์การถวายน้ำปานะพระภิกษุสงฆ์
ในการทำบุญด้วยน้ำ จะทำให้ทรัพย์สินเงินทอง ความสุขต่างๆ ไหลลื่น สะดวกยิ่งขึ้น ✨จากที่เคยติดขัดก็จะราบรื่น จากที่เคยรับทรัพย์แบบกระเซ็นกระสายก็จะไหลมาเทมาไม่หยุดยั้ง มีความสุขจากบุญกุศล และการทำทาน นับได้ว่าเป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญก้าวหน้า ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน ฯ
 การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น
พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ
การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ
เขียนโดย : พระมหาวรสถิตย์ นาถธมฺโม0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว - (วันจันทร์ที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗)
วันนี้วันพระ เเรม ๑๔ คํ่า เดือน ๙
ณ หอฉันวัดพัฒนาราม(พระอารามหลวง)
จ. สุราษฎร์ธานี
นำโดยท่านพระอาจารย์พระครูสุตพิพัฒนานุการ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
และคณะสงฆ์วัดพัฒนารามลงรับศรัทธาญาติโยม
ที่นำปิ่นโตมาทำบุญเนื่องในวันธรรมสวนะหรือวันพระ ณ หอฉันวัดพัฒนาราม
แสดงพระธรรมเทศนาโดย ท่านพระอาจารย์
พระครูสุตพิพัฒนานุการ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพัฒนารามฯ
#ความเป็นมาของวันธรรมะสวนะ
วันธรรมสวนะ คือ วันกำหนดประชุมฟังธรรม เป็นประเพณีนิยมของพุทธบริษัทที่ได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแล้วแต่ครั้งพุทธกาล โดยถือว่า การฟังธรรมตามกาลที่กำหนดเป็นประจำไว้ ย่อมก่อให้เกิดสติปัญญาและสิริมงคลแก่ผู้ฟัง อย่างน้อยได้รับธรรมสวนานิสงส์อยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ธรรมะพีเดีย.คอม
เครดิตภาพ : พระมหาวรสถิตย์ นาถฺธมฺโม
@วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง - วันพระแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
อุโบสถ ที่ ๓ ฤดูฝน
วันจันทร์ที่๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗
คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
ร่วมกับคณะสงฆ์วัดแหลมทองลงพระอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์ จำนวน ๓๒ รูป
องค์แสดงพระปาติโมกข์ : พระมหาศรวุฒิ สิริวณฺโณ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
เพื่อทบทวนสิกขาบทที่พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยตลอดปีทุกกึ่งเดือน เพื่อความพร้อมเพรียงความงดงามของหมู่คณะสงฆ์
การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น
พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ
การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ
เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์นาถธมฺโม
วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว -
เรื่องราวเพิ่มเติม