ท่องเที่ยว
อัปเดตล่าสุด
- “อ่าวเขาควาย เกาะกำตก” อ่าวโค้งแสนสวยแห่งทะเลระนอง
อ่าวเขาควาย มีความสวยงามแปลกตาไม่เหมือนหาดไหน ๆ เพราะมีลักษณะเป็นโค้งอ่าวครึ่งวงกลมดูคล้ายกับเขาควาย ทั้งยังมีชายหาดที่ขาวเนียนละเอียด สะอาด น้ำทะเลโดยรอบสีฟ้าใส สามารถลงไปเล่นน้ำ ชมปะการังความสวยงามปะการังใต้ท้องทะเลกันได้อย่างเพลิดเพลิน
นอกจากนี้ด้านบนเกาะยังธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ยังมีต้นสน ขึ้นเรียงรายเต็มแนวชายหาดอีกด้วย ส่วนตามแนวชายหาด ก็มีต้นหูกวาง และต้นจิกทะเล ที่คอยให้ร่มเงา สร้างความสบาย ร่มรื่นให้กับหาดนี้อย่างมาก ที่สำคัญ เงียบสงบมากๆ เพราะ ไม่มีร้านค้า ร้านอาหาร และที่พัก หรือสถานบันเทิงใดๆ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนอย่างแท้จริง
#อ่าวเขาควาย
#ระนอง“อ่าวเขาควาย เกาะกำตก” อ่าวโค้งแสนสวยแห่งทะเลระนอง อ่าวเขาควาย มีความสวยงามแปลกตาไม่เหมือนหาดไหน ๆ เพราะมีลักษณะเป็นโค้งอ่าวครึ่งวงกลมดูคล้ายกับเขาควาย ทั้งยังมีชายหาดที่ขาวเนียนละเอียด สะอาด น้ำทะเลโดยรอบสีฟ้าใส สามารถลงไปเล่นน้ำ ชมปะการังความสวยงามปะการังใต้ท้องทะเลกันได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ด้านบนเกาะยังธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ยังมีต้นสน ขึ้นเรียงรายเต็มแนวชายหาดอีกด้วย ส่วนตามแนวชายหาด ก็มีต้นหูกวาง และต้นจิกทะเล ที่คอยให้ร่มเงา สร้างความสบาย ร่มรื่นให้กับหาดนี้อย่างมาก ที่สำคัญ เงียบสงบมากๆ เพราะ ไม่มีร้านค้า ร้านอาหาร และที่พัก หรือสถานบันเทิงใดๆ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนอย่างแท้จริง #อ่าวเขาควาย #ระนอง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - 5 ที่เที่ยววังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
วังน้ำเขียวเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดนครราชศรีมาที่มีพื้นที่เที่ยวดีๆ มากมาย แถมยังมีความหลากหลายที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกแนว ไม่ว่าจะสายถ่ายรูป สายกิน สายธรรมชาติ สายซื้อ สายบุญ หรือสายความรู้ สำหรับใครที่กำลังทำทริปวังน้ำเขียว แล้วไม่รู้จะเที่ยวที่ไหนดี บทความนี้ได้เตรียมรวบรวมที่เที่ยวดีๆ มารอเสิร์ฟไว้แล้ว
1.เขาแผงม้า
เขาแผงม้าเป็นอีกหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาในบริเวณนี้นิยมมาเที่ยวกันมากๆ ยิ่งกับคนที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ถ่ายรูป ส่องสัตว์ยิ่งจะชอบเขาแผงม้าเข้าไปอีก
จุดเด่น
บริเวณเขาแผงม้าจะมีรั้วที่ใช้กั้นฝูงกระทิงป่าจากเขตชุมชน ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาก็จะสามารถเข้าชมส่องดูฝูงกระทิงได้ ซึ่งจุดที่ได้รับความนิยม ก็จะเป็นบริเวณจุดสกัดเขาสูง เขาแผงม้า ที่จะสามารถเห็นฝูงกระทิงที่ปัจจุบันมีจำนวนสูงกว่า 300 ตัว ออกมาหากินหญ้าบริเวณทุ่งหญ้ากว้างได้อย่างใกล้ชิด นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเขาและชมวิวทิวทัศน์ระหว่างรอดูฝูงกระทิงได้อีกด้วย สำหรับคนที่ต้องการนอนค้างคืนกางเตนท์ก็สามารถมาขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ได้
เวลาทำการและวิธีเดินทาง
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน มีค่าเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
วิธีเดินทาง : การเดินทางไปเขาแผงม้า สามารถเดินทางจากอำเภอวังน้ำเขียวมุ่งหน้าเข้าสู่เขาแผงม้า กม.ที่ 83 โดยใช้เส้นทางถนนศาลเจ้าพ่อ-วังหมี แล้วจึงตรงไปอีก 7 กิโลเมตร ก็จะเจอเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า เลี้ยวซ้ายตรงไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะเจอจุดชมกระทิงนี้เอง
2. ผาเก็บตะวัน
ผาเก็บตะวัน ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นจุดชมวิวเหนือหน้าผาที่มีธรรมชาติสวยงามและนิยมมาถ่ายภาพ เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ คือ ช่วงเช้าตรู่ ซึ่งจะได้ชมทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกอ่อนๆ และยังอาจจะได้เห็นคนท้องถิ่นจำนวนมากมาที่นี่เพื่อเพลิดเพลินกับการปิกนิกใกล้หน้าผา เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจากส่วนอื่นๆ ของประเทศไทย
จุดเด่น
ผาเก็บตะวันมีสายหมอกบางๆ ในยามเช้า ยิ่งในช่วงเวลาบางเดือนของปีที่สภาพอากาศเอื้ออำนวยก็อาจจะมีทะเลหมอกให้ได้ชมกัน ในวันมีแดดแรงก็จะได้เห็นป่าไม้อันอุมดมสมบูรณ์สีเขียวชอุ่ม หรือจะในช่วงเย็นใกล้อาทิตย์ตกดิน แสงของท้องฟ้าก็จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูสร้างบรรยากาศที่แสนโรแมนติกราวกับอยู่ในนิยายให้ได้เห็นกัน นอกจากชมวิวและถ่ายรูปแล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถทำกิจกรรมยิงหนังสติ๊กปลูกป่าที่มีทั้ง เมล็ดมะค่าโมง และเมล็ดลาน หรือ ลูกลาน
เวลาทำการและวิธีเดินทาง
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน 06.00-18.00 น. มีค่าเข้าชมอยู่ที่ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
วิธีเดินทาง : ผาเก็บตะวันตั้งอยู่ในตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
3.อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง
อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง หรือ เขื่อนลำพระเพลิง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในบริเวณนี้ ซึ่งก็จะอยู่ในบริเวณเดียวกับเขาแผงม้าเช่นกันด้วย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2505 เพื่อใช้เป็นที่กักเก็บน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค แต่ถูกพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์และถ่ายรูปได้ในภายหลัง
จุดเด่น
อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงมีการพัฒนาให้มีความเป็นสวนสาธารณะมากขึ้น เช่น เลนจักรยานที่ขนานไปกับถนน และ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง สำหรับปั่นจักรยานท่ามกลางวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม มีมุมให้ถ่ายรูปหลายจุด ตามบริเวณทางเดิน จุดชมวิว และบริเวณหน้า ต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวจะนิยมมาในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เพราะจะเป็นช่วงที่แดดไม่แรงและวิวกำลังถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม
เวลาทำการและวิธีเดินทาง
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน
วิธีเดินทาง : สามารถเดินทางผ่านทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) กลับรถเข้าสู่ถนนลาดยางสาย นม. 3060 จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ ถนนโยธาธิการ ก็จะเจอกับอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง
4.น้ำตกม่านฟ้า
น้ำตกม่านฟ้าเป็นน้ำตกที่สวยงามไหลลงมาจากภูเขา น้ำที่ไหลออกมาจากโขดหินในที่ต่างๆ บuแอ่งน้ำที่สามารถแช่ตัวและคลายร้อนในวันที่อากาศร้อนได้ เป็นหนึ่งในน้ำตกที่หลายคนจะผ่านไปเมื่อมีทริปวังน้ำเขียวกัน
จุดเด่น
น้ำตกม่านฟ้าจะมีน้ำมากในช่วงเดือนกรกฎาคม-เดือนตุลาคม ผู้คนมักนิยมเดินทางมาชมวิวทิวทัศน์น้ำตกที่ตกจากผาสูง ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งสายธรรมชาติและสายถ่ายรูปนิยมไปที่นี่กันเป็นอย่างมาก
เวลาทำการและวิธีเดินทาง
น้ำตกม่านฟ้าเป็นน้ำตกที่อยู่เหนือน้ำตกห้วยใหญ่ ขึ้นไปอีกเพียง 100 เมตร โดยมีทางเดินจากบริเวณน้ำตกห้วยใหญ่ไปได้ เปิดทำการทุกวันในเวลา 06:00 – 18:00
5.ทุ่งลาเวนเดอร์
ในบริเวณวังน้ำเขียวยังมีทุ่งดอกไม้ที่มีความพิเศษอย่างมาก เพราะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์แห่งเดียวในเมืองไทย ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมและถ่ายภาพได้ เพลิดเพลินไปกับทุ่งดอกไม้สีม่วงอันแสนงดงาม
จุดเด่น
ที่ทุ่งลาเวนเดอร์ก็จะมีจุดเด่นอย่างดอกลาเวนเดอร์ที่สวยงาม ในช่วงเวลาที่แดดอ่อนๆ ส่องสว่างและสายลมพัดผ่านก็จะเป็นวิวทิวทัศน์ที่นำความสงบมาสู่จิตใจได้ไม่น้อย นักท่องเที่ยวสามารถมาชมวิวหรือถ่ายรูป ดื่มด่ำไปกับความงามของโลก โดยช่วงเวลาที่มีดอกไม้ให้ชมก็จะเป็น ปลายมกราคม – มีนาคม
เวลาทำการและวิธีเดินทาง
เวลาทำการ : เปิดให้บริการเมื่อ 07:00 – 18:00 น. ของทุกวัน
วิธีเดินทาง : ทุ่งลาเวนเดอร์อยู่ในสวน Chateau Chili5 ที่เที่ยววังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา วังน้ำเขียวเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดนครราชศรีมาที่มีพื้นที่เที่ยวดีๆ มากมาย แถมยังมีความหลากหลายที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกแนว ไม่ว่าจะสายถ่ายรูป สายกิน สายธรรมชาติ สายซื้อ สายบุญ หรือสายความรู้ สำหรับใครที่กำลังทำทริปวังน้ำเขียว แล้วไม่รู้จะเที่ยวที่ไหนดี บทความนี้ได้เตรียมรวบรวมที่เที่ยวดีๆ มารอเสิร์ฟไว้แล้ว 1.เขาแผงม้า เขาแผงม้าเป็นอีกหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาในบริเวณนี้นิยมมาเที่ยวกันมากๆ ยิ่งกับคนที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ถ่ายรูป ส่องสัตว์ยิ่งจะชอบเขาแผงม้าเข้าไปอีก จุดเด่น บริเวณเขาแผงม้าจะมีรั้วที่ใช้กั้นฝูงกระทิงป่าจากเขตชุมชน ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาก็จะสามารถเข้าชมส่องดูฝูงกระทิงได้ ซึ่งจุดที่ได้รับความนิยม ก็จะเป็นบริเวณจุดสกัดเขาสูง เขาแผงม้า ที่จะสามารถเห็นฝูงกระทิงที่ปัจจุบันมีจำนวนสูงกว่า 300 ตัว ออกมาหากินหญ้าบริเวณทุ่งหญ้ากว้างได้อย่างใกล้ชิด นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเขาและชมวิวทิวทัศน์ระหว่างรอดูฝูงกระทิงได้อีกด้วย สำหรับคนที่ต้องการนอนค้างคืนกางเตนท์ก็สามารถมาขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ได้ เวลาทำการและวิธีเดินทาง เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน มีค่าเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท วิธีเดินทาง : การเดินทางไปเขาแผงม้า สามารถเดินทางจากอำเภอวังน้ำเขียวมุ่งหน้าเข้าสู่เขาแผงม้า กม.ที่ 83 โดยใช้เส้นทางถนนศาลเจ้าพ่อ-วังหมี แล้วจึงตรงไปอีก 7 กิโลเมตร ก็จะเจอเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า เลี้ยวซ้ายตรงไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะเจอจุดชมกระทิงนี้เอง 2. ผาเก็บตะวัน ผาเก็บตะวัน ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นจุดชมวิวเหนือหน้าผาที่มีธรรมชาติสวยงามและนิยมมาถ่ายภาพ เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ คือ ช่วงเช้าตรู่ ซึ่งจะได้ชมทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกอ่อนๆ และยังอาจจะได้เห็นคนท้องถิ่นจำนวนมากมาที่นี่เพื่อเพลิดเพลินกับการปิกนิกใกล้หน้าผา เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจากส่วนอื่นๆ ของประเทศไทย จุดเด่น ผาเก็บตะวันมีสายหมอกบางๆ ในยามเช้า ยิ่งในช่วงเวลาบางเดือนของปีที่สภาพอากาศเอื้ออำนวยก็อาจจะมีทะเลหมอกให้ได้ชมกัน ในวันมีแดดแรงก็จะได้เห็นป่าไม้อันอุมดมสมบูรณ์สีเขียวชอุ่ม หรือจะในช่วงเย็นใกล้อาทิตย์ตกดิน แสงของท้องฟ้าก็จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูสร้างบรรยากาศที่แสนโรแมนติกราวกับอยู่ในนิยายให้ได้เห็นกัน นอกจากชมวิวและถ่ายรูปแล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถทำกิจกรรมยิงหนังสติ๊กปลูกป่าที่มีทั้ง เมล็ดมะค่าโมง และเมล็ดลาน หรือ ลูกลาน เวลาทำการและวิธีเดินทาง เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน 06.00-18.00 น. มีค่าเข้าชมอยู่ที่ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท วิธีเดินทาง : ผาเก็บตะวันตั้งอยู่ในตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา 3.อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง หรือ เขื่อนลำพระเพลิง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในบริเวณนี้ ซึ่งก็จะอยู่ในบริเวณเดียวกับเขาแผงม้าเช่นกันด้วย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2505 เพื่อใช้เป็นที่กักเก็บน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค แต่ถูกพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์และถ่ายรูปได้ในภายหลัง จุดเด่น อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงมีการพัฒนาให้มีความเป็นสวนสาธารณะมากขึ้น เช่น เลนจักรยานที่ขนานไปกับถนน และ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง สำหรับปั่นจักรยานท่ามกลางวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม มีมุมให้ถ่ายรูปหลายจุด ตามบริเวณทางเดิน จุดชมวิว และบริเวณหน้า ต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวจะนิยมมาในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เพราะจะเป็นช่วงที่แดดไม่แรงและวิวกำลังถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม เวลาทำการและวิธีเดินทาง เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน วิธีเดินทาง : สามารถเดินทางผ่านทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) กลับรถเข้าสู่ถนนลาดยางสาย นม. 3060 จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ ถนนโยธาธิการ ก็จะเจอกับอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง 4.น้ำตกม่านฟ้า น้ำตกม่านฟ้าเป็นน้ำตกที่สวยงามไหลลงมาจากภูเขา น้ำที่ไหลออกมาจากโขดหินในที่ต่างๆ บuแอ่งน้ำที่สามารถแช่ตัวและคลายร้อนในวันที่อากาศร้อนได้ เป็นหนึ่งในน้ำตกที่หลายคนจะผ่านไปเมื่อมีทริปวังน้ำเขียวกัน จุดเด่น น้ำตกม่านฟ้าจะมีน้ำมากในช่วงเดือนกรกฎาคม-เดือนตุลาคม ผู้คนมักนิยมเดินทางมาชมวิวทิวทัศน์น้ำตกที่ตกจากผาสูง ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งสายธรรมชาติและสายถ่ายรูปนิยมไปที่นี่กันเป็นอย่างมาก เวลาทำการและวิธีเดินทาง น้ำตกม่านฟ้าเป็นน้ำตกที่อยู่เหนือน้ำตกห้วยใหญ่ ขึ้นไปอีกเพียง 100 เมตร โดยมีทางเดินจากบริเวณน้ำตกห้วยใหญ่ไปได้ เปิดทำการทุกวันในเวลา 06:00 – 18:00 5.ทุ่งลาเวนเดอร์ ในบริเวณวังน้ำเขียวยังมีทุ่งดอกไม้ที่มีความพิเศษอย่างมาก เพราะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์แห่งเดียวในเมืองไทย ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมและถ่ายภาพได้ เพลิดเพลินไปกับทุ่งดอกไม้สีม่วงอันแสนงดงาม จุดเด่น ที่ทุ่งลาเวนเดอร์ก็จะมีจุดเด่นอย่างดอกลาเวนเดอร์ที่สวยงาม ในช่วงเวลาที่แดดอ่อนๆ ส่องสว่างและสายลมพัดผ่านก็จะเป็นวิวทิวทัศน์ที่นำความสงบมาสู่จิตใจได้ไม่น้อย นักท่องเที่ยวสามารถมาชมวิวหรือถ่ายรูป ดื่มด่ำไปกับความงามของโลก โดยช่วงเวลาที่มีดอกไม้ให้ชมก็จะเป็น ปลายมกราคม – มีนาคม เวลาทำการและวิธีเดินทาง เวลาทำการ : เปิดให้บริการเมื่อ 07:00 – 18:00 น. ของทุกวัน วิธีเดินทาง : ทุ่งลาเวนเดอร์อยู่ในสวน Chateau Chili - ชมซากุระเมืองไทย
ขุนช่างเคี่ยน ดอยสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
ถึงแม้ว่าประเทศไทยเราจะไม่มีดอกซากุระเหมือนกับประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะในวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมดอกซากุระเมืองไทย หรือต้นนางพญาเสือโคร่งกันที่ สถานีเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ในจังหวัดเชียงใหม่กัน🌸
ต้องบอกเลยว่า ถ้าเรามาเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงฤดูหนาวเป็นต้นไป ดอกนางพญาเสือโคร่งก็จะยิ่งออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทุกบริเวณเลย หากใครอยากเห็นดอกซากุระเมืองไทยกันแล้ว เราออกเดินทางไปเที่ยว ขุนช่างเคี่ยน กันเลย
สำหรับใครที่นำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นมาเอง สามารถขับรถขึ้นมายังขุนช่างเคี่ยน โดยใช้เส้นทางเดียวกับวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ และจะต้องขับผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อถึงทางแยกให้เลี้ยวขวาไปยังหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน หลังจากที่ขับผ่านอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยแล้ว ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 3 กม. พร้อมกับเลี้ยวขวาก็จะถึงสถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนแล้ว แต่ระหว่างทางที่ขึ้นไปยังขุนช่างเคี่ยน เส้นทางจะมีความแคบและคดเคี้ยวมากเป็นพิเศษ ทั้งยังมีรถขับสวนทางอยู่ตลอดเวลา หากใครขับรถไม่ชำนาญแนะนำว่าให้นั่งรถสองแถวขึ้นไปจะปลอดภัยกว่า
ชมซากุระเมืองไทย ขุนช่างเคี่ยน ดอยสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงแม้ว่าประเทศไทยเราจะไม่มีดอกซากุระเหมือนกับประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะในวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมดอกซากุระเมืองไทย หรือต้นนางพญาเสือโคร่งกันที่ สถานีเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ในจังหวัดเชียงใหม่กัน🌸 ต้องบอกเลยว่า ถ้าเรามาเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงฤดูหนาวเป็นต้นไป ดอกนางพญาเสือโคร่งก็จะยิ่งออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งทั่วทุกบริเวณเลย หากใครอยากเห็นดอกซากุระเมืองไทยกันแล้ว เราออกเดินทางไปเที่ยว ขุนช่างเคี่ยน กันเลย สำหรับใครที่นำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นมาเอง สามารถขับรถขึ้นมายังขุนช่างเคี่ยน โดยใช้เส้นทางเดียวกับวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ และจะต้องขับผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อถึงทางแยกให้เลี้ยวขวาไปยังหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน หลังจากที่ขับผ่านอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยแล้ว ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 3 กม. พร้อมกับเลี้ยวขวาก็จะถึงสถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนแล้ว แต่ระหว่างทางที่ขึ้นไปยังขุนช่างเคี่ยน เส้นทางจะมีความแคบและคดเคี้ยวมากเป็นพิเศษ ทั้งยังมีรถขับสวนทางอยู่ตลอดเวลา หากใครขับรถไม่ชำนาญแนะนำว่าให้นั่งรถสองแถวขึ้นไปจะปลอดภัยกว่า0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว - อุทยานแห่งชาติเอราวัณ สวยงามดั่งต้องมนต์เมืองสวรรค์
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 12 ของประเทศ มีเนื้อที่ 343,735 ไร่ หรือ 549.976 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมตำบลไทรโยค ตำบลท่าเสา ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ตำบลหนองเป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 165-996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบ โดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน ในแถบตะวันออกและตะวันตกของพื้นที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำตกเอราวัณจะมีลักษณะเป็นหน้าผา ส่วนบริเวณตอนกลางจะเป็นแนวเขาทอดยาวในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยเทือกเขาที่สำคัญ คือ เขาหนองพุก เขาปลายดินสอ เขาหมอเฒ่า เขาช่องปูน เขาพุรางริน และเขาเกราะแกระ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดประมาณ 996 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
น้ำตกเอราวัณเดิมเรียกว่าน้ำตกสะด่องม่องล่ายเป็นน้ำตกที่สวยงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัด มีทั้งหมด 7 ชั้น ความยาวประมาณ 1,500 เมตร แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป บริเวณหน้าผาเหนือน้ำตกชั้นที่ 7 เมื่อมีน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายเศียรช้าง 3 เศียร หรือที่เรียกว่า“ช้างเอราวัณ” จึงเป็นที่มาของชื่อ“อุทยานแห่งชาติเอราวัณ”
น้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall)
เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี มีระยะทางยาวประมาณ 2,200 เมตร แบ่งออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป และมีชื่อของแต่ละชั้น ดังนี้
ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง
ชั้นที่ 2 วังมัจฉา
ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก
ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ
ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง
ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา
ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ
ความพิเศษของชั้นนี้คือเมื่อน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียร หรือที่เรียกว่า "ช้างเอราวัณ" จึงเป็นที่มาของ "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ"อุทยานแห่งชาติเอราวัณ สวยงามดั่งต้องมนต์เมืองสวรรค์ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 12 ของประเทศ มีเนื้อที่ 343,735 ไร่ หรือ 549.976 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมตำบลไทรโยค ตำบลท่าเสา ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ตำบลหนองเป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 165-996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบ โดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน ในแถบตะวันออกและตะวันตกของพื้นที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำตกเอราวัณจะมีลักษณะเป็นหน้าผา ส่วนบริเวณตอนกลางจะเป็นแนวเขาทอดยาวในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยเทือกเขาที่สำคัญ คือ เขาหนองพุก เขาปลายดินสอ เขาหมอเฒ่า เขาช่องปูน เขาพุรางริน และเขาเกราะแกระ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดประมาณ 996 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง น้ำตกเอราวัณเดิมเรียกว่าน้ำตกสะด่องม่องล่ายเป็นน้ำตกที่สวยงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัด มีทั้งหมด 7 ชั้น ความยาวประมาณ 1,500 เมตร แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป บริเวณหน้าผาเหนือน้ำตกชั้นที่ 7 เมื่อมีน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายเศียรช้าง 3 เศียร หรือที่เรียกว่า“ช้างเอราวัณ” จึงเป็นที่มาของชื่อ“อุทยานแห่งชาติเอราวัณ” น้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall) เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี มีระยะทางยาวประมาณ 2,200 เมตร แบ่งออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป และมีชื่อของแต่ละชั้น ดังนี้ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ ความพิเศษของชั้นนี้คือเมื่อน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียร หรือที่เรียกว่า "ช้างเอราวัณ" จึงเป็นที่มาของ "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ" - กงทรายแดง หรือ ชาร์คไอส์แลนด์ (Shark Island)
จุดดำน้ำตื้น ที่ขึ้นชื่อที่สุดของ สถานที่ท่องเที่ยวภาคใต้ เป็นจุดดำน้ำที่ตื้นที่สุดบนเกาะเต่า สามารถพายเรือแคนนู มาจากอ่าวโตนดหรือหาดทรายแดง
ได้ดื่มด่ำทะเลอย่างใกล้ชิดสุดๆ กงทรายแดงที่เป็นประติมากรรมหินสวยงาม ที่อยู่กลางทะเล สามารถพายเรือไปชมธรรมชาติ สุดน่าอัศจรรย์
และปะการังสวยงามที่ขึ้นชื่อ โดยใช้เวลาพายเรือประมาณ 15 นาที ที่ท่องเที่ยวภาคใต้ ตลุยเที่ยว แล้วคุณจะหลงรักทะเล และโลกใต้ท้องทะเลมากยิ่งขึ้น!!กงทรายแดง หรือ ชาร์คไอส์แลนด์ (Shark Island) จุดดำน้ำตื้น ที่ขึ้นชื่อที่สุดของ สถานที่ท่องเที่ยวภาคใต้ เป็นจุดดำน้ำที่ตื้นที่สุดบนเกาะเต่า สามารถพายเรือแคนนู มาจากอ่าวโตนดหรือหาดทรายแดง ได้ดื่มด่ำทะเลอย่างใกล้ชิดสุดๆ กงทรายแดงที่เป็นประติมากรรมหินสวยงาม ที่อยู่กลางทะเล สามารถพายเรือไปชมธรรมชาติ สุดน่าอัศจรรย์ และปะการังสวยงามที่ขึ้นชื่อ โดยใช้เวลาพายเรือประมาณ 15 นาที ที่ท่องเที่ยวภาคใต้ ตลุยเที่ยว แล้วคุณจะหลงรักทะเล และโลกใต้ท้องทะเลมากยิ่งขึ้น!!0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว - หาดสันหลังมังกร จ.สตูล
หาดสันหลังมังกร ตั้งอยู่ที่ ตำบลตันหยงโป อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล เป็นหาดสันทรายกลางทะเลที่เกิดจากการทับทมของซากเปลือกหอยนับหลายล้านตัวทับถมกัน จนกลายเป็นเส้นทางเดินยาวกว่า 4 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างเกาะหัวมันกับเกาะสาม อยู่กลางทะเลอันดามัน ถ้าได้มองดูที่ หาดสันหลังมังกร จะเหมือนกับมีการเคลื่อนไหว
เมื่อประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ได้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ เมื่อเย็นตัวลงได้กลายเป็นหินกรวดสีแดงอยู่ภายในหมู่บ้านบากันใหญ่ ที่ค้นพบโดยกรมทรัพยากรธรณี ในช่วงน้ำลงผืนกรวดสีแดงนั้นจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเหนือผืนน้ำ โดยส่วนหัวจะขนาบกับบนเกาะของชาวบ้าน ส่วนหางจะคดเคี้ยวไปตามน้ำเป็นแนวยาวยื่นลงไปในทะเล หาดสันหลังมังกร นี้ จะเห็นได้เฉพาะตอนน้ำลงเท่านั้น
โดยช่วงน้ำที่ลดลงนั้น น้ำจะกระทบเข้าหากันจะคล้ายเกร็ดของมังกรเมื่อมองดูไกลๆ จากนั้นก็จะค่อยๆ เห็นสันทรายแนวยาวที่อยู่กลางทะเล เป็นอันซีนที่อยู่ใน จังหวัดสตูล ที่เดียวเท่านั้น ด้วยความพิเศษของ หาดสันหลังมังกร ที่เต็มไปด้วยเปลือกหอย เมื่อเดินไปตามสันทรายก็จะเหมือนกับเราเดินอยู่บนสันหลังมังกรที่วิบวับ เพราะแสงแดดที่ส่องลงมากระทบสันทรายนั่นเอง โดยเราสามารถนั่งเรือจากบ้านบากันใหญ่ ใช้เวลา 30 นาที ก็จะได้ชมความอันซีนของ หาดสันหลังมังกร นอกจากนี้บริเวณ หาดสันหลังมังกร จะมีหมู่บ้านบากันใหญ่ที่จะคอยต้อนรับและให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นกันเองมากๆ เลยค่ะ กิจกรรมของที่นี่ ไม่ได้มีเพียงแค่การไปชม หาดสันหลังมังกร เท่านั้น แต่ยังมีทั้ง กิจกรรมล่องแพ ชมนก พายเรือชมธรรมชาติ ปล่อยปู ปลูกต้นโกงกาง และทานอาหารทะเลสดๆ ที่ต้องบอกว่าใครที่ได้มาก็ต่างประทับใจกันสุดๆ เลยหาดสันหลังมังกร จ.สตูล หาดสันหลังมังกร ตั้งอยู่ที่ ตำบลตันหยงโป อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล เป็นหาดสันทรายกลางทะเลที่เกิดจากการทับทมของซากเปลือกหอยนับหลายล้านตัวทับถมกัน จนกลายเป็นเส้นทางเดินยาวกว่า 4 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างเกาะหัวมันกับเกาะสาม อยู่กลางทะเลอันดามัน ถ้าได้มองดูที่ หาดสันหลังมังกร จะเหมือนกับมีการเคลื่อนไหว เมื่อประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ได้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ เมื่อเย็นตัวลงได้กลายเป็นหินกรวดสีแดงอยู่ภายในหมู่บ้านบากันใหญ่ ที่ค้นพบโดยกรมทรัพยากรธรณี ในช่วงน้ำลงผืนกรวดสีแดงนั้นจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเหนือผืนน้ำ โดยส่วนหัวจะขนาบกับบนเกาะของชาวบ้าน ส่วนหางจะคดเคี้ยวไปตามน้ำเป็นแนวยาวยื่นลงไปในทะเล หาดสันหลังมังกร นี้ จะเห็นได้เฉพาะตอนน้ำลงเท่านั้น โดยช่วงน้ำที่ลดลงนั้น น้ำจะกระทบเข้าหากันจะคล้ายเกร็ดของมังกรเมื่อมองดูไกลๆ จากนั้นก็จะค่อยๆ เห็นสันทรายแนวยาวที่อยู่กลางทะเล เป็นอันซีนที่อยู่ใน จังหวัดสตูล ที่เดียวเท่านั้น ด้วยความพิเศษของ หาดสันหลังมังกร ที่เต็มไปด้วยเปลือกหอย เมื่อเดินไปตามสันทรายก็จะเหมือนกับเราเดินอยู่บนสันหลังมังกรที่วิบวับ เพราะแสงแดดที่ส่องลงมากระทบสันทรายนั่นเอง โดยเราสามารถนั่งเรือจากบ้านบากันใหญ่ ใช้เวลา 30 นาที ก็จะได้ชมความอันซีนของ หาดสันหลังมังกร นอกจากนี้บริเวณ หาดสันหลังมังกร จะมีหมู่บ้านบากันใหญ่ที่จะคอยต้อนรับและให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นกันเองมากๆ เลยค่ะ กิจกรรมของที่นี่ ไม่ได้มีเพียงแค่การไปชม หาดสันหลังมังกร เท่านั้น แต่ยังมีทั้ง กิจกรรมล่องแพ ชมนก พายเรือชมธรรมชาติ ปล่อยปู ปลูกต้นโกงกาง และทานอาหารทะเลสดๆ ที่ต้องบอกว่าใครที่ได้มาก็ต่างประทับใจกันสุดๆ เลย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว - อุทยานแห่งชาติ ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ภาพของขุนเขาสูงตั้งตระหง่านเรียงสลับซับซ้อน ณ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 114 ของประเทศไทย คือสิ่งดึงดูดให้นักเดินทางหลายคนอยากมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง รวมถึงมีจุดชมวิวที่เมื่อมองไปด้านหนึ่งเห็นทิวทัศน์ของขุนเขามากมาย ส่วนอีกด้านมองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ สลับกับทิวเขาแทรกเป็นฉากหน้าและฉากหลัง และยังมีจุดกางเต็นท์ในชัยภูมิดีเยี่ยม เพราะล้อมรอบไปด้วยร่มไม้เขียวครึ้ม อากาศเย็นสบาย เป็นที่อาศัยของสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก ครอบคลุมพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ หรือ 1,120 ตารางกิโลเมตร โดยทิศเหนือจดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทิศใต้จดอุทยานแห่งชาติไทรโยค ทิศตะวันออกจดอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ทิศตะวันตกจดเขตแดนไทย - เมียนมา
พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในอุทยานแห่งชาติทองผาจะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน โดยเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,249 เมตร มี "เขาช้างเผือก" เป็นยอดเขาสูงสุด สูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และด้วยเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกที่คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ทำให้สามารถจำแนกประเภทแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
ป่าดิบชื้น มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียน ยางขาว ยางยูง ไก่เขียว เคี่ยม กันเกรา จำปาป่า มะหาด เนียง พืชพื้นล่างมีพวก หวาย เฟิน เตย และปาล์ม
ป่าดิบแล้ง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยางขาว ยางแดง ตะเคียน ยมหอม จำปีป่า กระบาก มะม่วงป่า มะแฟน แดงดง มะไฟป่า สมพง พืชพื้นล่างมีพวกปาล์ม ข่า และเฟิร์นต่าง ๆ
ป่าดิบเขา มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ก่อชนิดต่าง ๆ กำลังเสือโคร่ง มณฑาป่า พระเจ้าห้าพระองค์ กำยาน อบเชย ทะโล้ พืชพื้นล่าง ได้แก่ มอส เฟิร์นต่าง ๆ
ป่าเบญจพรรณ (พบมากที่สุด) มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ประดู่ แดง ตะแบก เสลา ส้าน มะค่าโมง อินทนิล ตุ้มเต๋น ตะคร้อ ตะคร่ำ กระพี้เขาควาย ขะเจ๊าะ มะเกลือ กาสามปีก สมอพิเภก กระบก มะกอก พืชพื้นล่างมีพวกไผ่ไร่ ไผ่ซาง ไผ่บง ไผ่ข้าวหลาม ไผ่รวก และพืชพวกไม้หนาม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากป่าเป็นผืนเดียวกันกับประเทศเมียนมา จึงมีการย้ายถิ่นฐานไปมาอยู่เป็นประจำ และเนื่องจากไม่มีราษฎรอยู่ในพื้นที่ป่ามากนัก ทำให้สัตว์ป่าไม่ถูกรบกวน
อุทยานแห่งชาติ ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ภาพของขุนเขาสูงตั้งตระหง่านเรียงสลับซับซ้อน ณ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 114 ของประเทศไทย คือสิ่งดึงดูดให้นักเดินทางหลายคนอยากมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง รวมถึงมีจุดชมวิวที่เมื่อมองไปด้านหนึ่งเห็นทิวทัศน์ของขุนเขามากมาย ส่วนอีกด้านมองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ สลับกับทิวเขาแทรกเป็นฉากหน้าและฉากหลัง และยังมีจุดกางเต็นท์ในชัยภูมิดีเยี่ยม เพราะล้อมรอบไปด้วยร่มไม้เขียวครึ้ม อากาศเย็นสบาย เป็นที่อาศัยของสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้น อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก ครอบคลุมพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ หรือ 1,120 ตารางกิโลเมตร โดยทิศเหนือจดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทิศใต้จดอุทยานแห่งชาติไทรโยค ทิศตะวันออกจดอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ทิศตะวันตกจดเขตแดนไทย - เมียนมา พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในอุทยานแห่งชาติทองผาจะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน โดยเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,249 เมตร มี "เขาช้างเผือก" เป็นยอดเขาสูงสุด สูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และด้วยเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกที่คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ทำให้สามารถจำแนกประเภทแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ ป่าดิบชื้น มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียน ยางขาว ยางยูง ไก่เขียว เคี่ยม กันเกรา จำปาป่า มะหาด เนียง พืชพื้นล่างมีพวก หวาย เฟิน เตย และปาล์ม ป่าดิบแล้ง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยางขาว ยางแดง ตะเคียน ยมหอม จำปีป่า กระบาก มะม่วงป่า มะแฟน แดงดง มะไฟป่า สมพง พืชพื้นล่างมีพวกปาล์ม ข่า และเฟิร์นต่าง ๆ ป่าดิบเขา มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ก่อชนิดต่าง ๆ กำลังเสือโคร่ง มณฑาป่า พระเจ้าห้าพระองค์ กำยาน อบเชย ทะโล้ พืชพื้นล่าง ได้แก่ มอส เฟิร์นต่าง ๆ ป่าเบญจพรรณ (พบมากที่สุด) มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ประดู่ แดง ตะแบก เสลา ส้าน มะค่าโมง อินทนิล ตุ้มเต๋น ตะคร้อ ตะคร่ำ กระพี้เขาควาย ขะเจ๊าะ มะเกลือ กาสามปีก สมอพิเภก กระบก มะกอก พืชพื้นล่างมีพวกไผ่ไร่ ไผ่ซาง ไผ่บง ไผ่ข้าวหลาม ไผ่รวก และพืชพวกไม้หนาม เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากป่าเป็นผืนเดียวกันกับประเทศเมียนมา จึงมีการย้ายถิ่นฐานไปมาอยู่เป็นประจำ และเนื่องจากไม่มีราษฎรอยู่ในพื้นที่ป่ามากนัก ทำให้สัตว์ป่าไม่ถูกรบกวน0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว - ถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะ ที่เที่ยวกาญจนบุรี สุดหวาดเสียวว
ถ้ำกระแซ
ต.วังโพธิ์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรี ที่ห้ามพลาด คือ ถ้ำกระแซ เพราะตั้งอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะอันเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-น้ำตก เป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานีรถไฟน้ำตก ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา
หลังจากรถไฟเทียบชานชาลาที่ สถานี ถ้ำกระแซ กาญจนบุรี ความตื่นเต้นที่หายไปนานด้วยความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ได้กลับมาให้หัวใจได้เต้นตูมตามอีกครั้ง กลิ่นใบไม้ ใบหญ้า กลิ่นดินจากความสดชื่นของป่าใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยช่วยดีท็อกซ์ความเหนื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว
ลังจากรถไฟทิ้งสถานีมุ่งหน้าเดินทางต่อไป ความคึกครื้นของนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติก็เริ่มกลับมา เราเดินมุ่งหน้าไปที่ ถ้ำกระแซ ค่ะ ซึ่งถ้ำนี้เคยเป็น ที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ด้วย ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก
หลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ มองลงไปด้านล่างทำเอาเข่าเกือบทรุด เพราะเป็นแม่น้ำแควที่ไหลเอื่อยๆ อย่างสงบ แต่ก็ต้องใจกล้าค่ะ เพราะอยากได้ภาพสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วยถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะ ที่เที่ยวกาญจนบุรี สุดหวาดเสียวว ถ้ำกระแซ ต.วังโพธิ์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรี ที่ห้ามพลาด คือ ถ้ำกระแซ เพราะตั้งอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะอันเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-น้ำตก เป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานีรถไฟน้ำตก ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา หลังจากรถไฟเทียบชานชาลาที่ สถานี ถ้ำกระแซ กาญจนบุรี ความตื่นเต้นที่หายไปนานด้วยความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ได้กลับมาให้หัวใจได้เต้นตูมตามอีกครั้ง กลิ่นใบไม้ ใบหญ้า กลิ่นดินจากความสดชื่นของป่าใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยช่วยดีท็อกซ์ความเหนื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว ลังจากรถไฟทิ้งสถานีมุ่งหน้าเดินทางต่อไป ความคึกครื้นของนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติก็เริ่มกลับมา เราเดินมุ่งหน้าไปที่ ถ้ำกระแซ ค่ะ ซึ่งถ้ำนี้เคยเป็น ที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ด้วย ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก หลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ มองลงไปด้านล่างทำเอาเข่าเกือบทรุด เพราะเป็นแม่น้ำแควที่ไหลเอื่อยๆ อย่างสงบ แต่ก็ต้องใจกล้าค่ะ เพราะอยากได้ภาพสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว - 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม