A Journalist, A Writer, A World Wanderer who captures Travel, Eat, Life and Love 🔆
อัปเดตล่าสุด
- "คุณแม๊" พลิกแล้ว ยอมให้รื้อคดี
ยัน "แตงโม"ถูกฆาตกรรม
ลั่น "มาฆ่าลูกชั้นทำไม?"
.
วันนี้ (17 ม.ค.) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ หลังไมค์ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงศ์ เกี่ยวกับการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ "แตงโม" เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) โดยทีมงานของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยนางภนิดาระบุว่า ตนยินดีให้รื้อคดีแตงโม หากมีพยานหลักฐานใหม่ ระบุจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สูญเปล่า และเชื่อว่าสามารถช่วยในการคลี่คลายคดีได้
.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นแย้งกับการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่? นายภนิดาระบุว่า เห็นด้วย และเป็นสิ่งที่ดี
"ไม่เลยค่ะ เห็นดี เห็นดี สิ่งที่ดีทำไปเถอะลูก น้องโมก็มาช่วยด้วยล่ะ ช่วยบอก 1-2-3 (หัวเราะ) ... มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะ ทำไปเถอะ ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ว่ามันจะแสวงหาอะไรได้หรือไม่เนี่ย มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สมมติว่าเจอหลักฐานใหม่ที่เขาว่า ต้องเป็นหลักฐานที่ใหม่เอี่ยมเลยที่ไม่ซ้ำเก่า"
.
นางภนิดายังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าแตงโมถูกฆาตกรรมบนเรือ โดยตนเก็บข้อมูลมาตลอด บางเรื่องยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอยู่ที่ตนเก็บไว้หมด โดยจะเอาหลักฐานไปให้นายอัจฉริยะ ทั้งนี้่ตนยอมรับว่านายอัจฉริยะเก่ง จริง ๆ เป็นเรื่องเก่าเล่าใหม่ แต่เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมาไม่มีคนสืบแบบนี้ ตำรวจก็ไม่ได้สืบเหมือนทีม อาจารย์ปานเทพ และนายอัจฉริยะ ที่เอาจริงเอาจัง
.
นางภนิดา กล่าวกับทีมข่าวช่อง 3 ด้วยว่า ตอนนี้ทีมนายอัจฉริยะ เดินหน้าเรื่องฆาตกรรม ประชาชนก็มองออกว่าแตงโมเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ยังต้องสืบว่าแตงโม เสียชีวิตแบบไหน ใครทำ เสียชีวิตด้วยวิธีใด ต้องเอาคนบนเรือทั้งหมดมาสอบใหม่เพราะทำร้ายแตงโมทุกคน มีบาดแผลกันทุกคน อย่าง ’แซน วิศาพัช’ ก็โดนนายอัจฉริยะ เปิดเผยอึกอักมาหลายวัน
.
ส่วนกรณีที่ "ปอ" ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ "แซน" นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นจำเลยในคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม" ออกมาตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ว่าการจำลองเหตุการณ์นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง มารดาของแตงโม ตอบว่า ตนไม่รู้ว่า "ปอ" กับ "แซน" จะพูดเรื่องนี้ทำไม เพราะมันตลกสิ้นดี
.
"(หัวเราะ) เขาจะพูดคำพวกนี้ทำไม มันตลกสิ้นดี เขาจะพูดทำไมว่ามันไม่ตรง มันจะตรงหรือไม่ตรง ไม่สนใจหรอกนะ เอาเป็นว่า คุณฆ่าแตงโมทำไมดีกว่า? ไอ้กระโดดเรือข้างซ้ายข้างขวา มันไม่ใช่ประเด็นการตายของน้องโม
.
"คือมันทำร้ายกันจริงๆ อันนี้เรื่องจริงลูก ต้องเชื่อคุณแม่เลยว่า เรื่องจริงมันเป็นเช่นนี้ และมันรุนแรงมาก คุณแม่มีสติพูดได้ขนาดนี้ ไม่อยากมีสติหรอก จริงๆ มันต้องพูดอ่ะเนอะ" นางภนิดากล่าว
.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคุณแม่เชื่อว่าเหตุการณ์เสียชีวิตของแตงโมเป็นการฆาตกรรมหรือไม่? นางภนิดาตอบว่า แน่นอน
"อ๊ะ! ก็ฆ่าลูกเราในเรือ ฆาตกรรมไหมล่ะ? ก็ฆ่าลูกเรา เขาเรียกว่าอะไรล่ะ ฆาตกรรม คำว่าอำพรางมันหมายความว่ายังไง? แกล้งฆ่าเหรอ หรือ แอบๆ ฆ่า มันไม่ต้องใช้คำว่าอำพรางแล้ว ตอนนั้น วันนั้นมันไม่มีหลักฐานจริง ๆ แต่วันนี้มีแล้ว วันนี้มีเยอะด้วย"
.
เมื่อถามว่ามีคำพูดอะไรอยากฝากถึง ปอ แซน และโรเบิร์ต (นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์) บ้างหรือไม่ นางภนิดาตอบว่า ไม่พูดได้ไหม เพราะตอนนี้คนเหล่านี้ก็น่าจะหนาวแย่แล้ว ตนไม่ชอบทับถมใคร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา เพราะคนพวกนี้รู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนอะไร
.
ส่วนกรณีที่ แซน วิศาพัช ออกมาตอบโต้คนโน้นคนนี้ผ่านสื่อนั้น นางภนิดาระบุว่า "ใช่ ต้องเรียกว่าปากแซ๋บ ปากแจ๋ว โอ้โห! เถียงไม่หยุดเลย ผิดกับแซนเมื่อก่อน แซนเมื่อปีที่แล้วเงียบ ๆ แต่แซนเวลานี้พูดเยอะมาก"
.
คลิกชม >> "แม่ภนิดา" ยินดีรื้อคดี "แตงโม" ถ้ามีหลักฐานใหม่ ไม่สน "แซน-ปอ" โต้แย้ง ลั่น "ฆ่าลูกฉันทำไม" https://www.youtube.com/watch?v=_BOMPCebicE"คุณแม๊" พลิกแล้ว ยอมให้รื้อคดี ยัน "แตงโม"ถูกฆาตกรรม ลั่น "มาฆ่าลูกชั้นทำไม?" . วันนี้ (17 ม.ค.) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ หลังไมค์ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงศ์ เกี่ยวกับการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ "แตงโม" เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) โดยทีมงานของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยนางภนิดาระบุว่า ตนยินดีให้รื้อคดีแตงโม หากมีพยานหลักฐานใหม่ ระบุจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สูญเปล่า และเชื่อว่าสามารถช่วยในการคลี่คลายคดีได้ . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นแย้งกับการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่? นายภนิดาระบุว่า เห็นด้วย และเป็นสิ่งที่ดี "ไม่เลยค่ะ เห็นดี เห็นดี สิ่งที่ดีทำไปเถอะลูก น้องโมก็มาช่วยด้วยล่ะ ช่วยบอก 1-2-3 (หัวเราะ) ... มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะ ทำไปเถอะ ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ว่ามันจะแสวงหาอะไรได้หรือไม่เนี่ย มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สมมติว่าเจอหลักฐานใหม่ที่เขาว่า ต้องเป็นหลักฐานที่ใหม่เอี่ยมเลยที่ไม่ซ้ำเก่า" . นางภนิดายังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าแตงโมถูกฆาตกรรมบนเรือ โดยตนเก็บข้อมูลมาตลอด บางเรื่องยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอยู่ที่ตนเก็บไว้หมด โดยจะเอาหลักฐานไปให้นายอัจฉริยะ ทั้งนี้่ตนยอมรับว่านายอัจฉริยะเก่ง จริง ๆ เป็นเรื่องเก่าเล่าใหม่ แต่เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมาไม่มีคนสืบแบบนี้ ตำรวจก็ไม่ได้สืบเหมือนทีม อาจารย์ปานเทพ และนายอัจฉริยะ ที่เอาจริงเอาจัง . นางภนิดา กล่าวกับทีมข่าวช่อง 3 ด้วยว่า ตอนนี้ทีมนายอัจฉริยะ เดินหน้าเรื่องฆาตกรรม ประชาชนก็มองออกว่าแตงโมเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ยังต้องสืบว่าแตงโม เสียชีวิตแบบไหน ใครทำ เสียชีวิตด้วยวิธีใด ต้องเอาคนบนเรือทั้งหมดมาสอบใหม่เพราะทำร้ายแตงโมทุกคน มีบาดแผลกันทุกคน อย่าง ’แซน วิศาพัช’ ก็โดนนายอัจฉริยะ เปิดเผยอึกอักมาหลายวัน . ส่วนกรณีที่ "ปอ" ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ "แซน" นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นจำเลยในคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม" ออกมาตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ว่าการจำลองเหตุการณ์นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง มารดาของแตงโม ตอบว่า ตนไม่รู้ว่า "ปอ" กับ "แซน" จะพูดเรื่องนี้ทำไม เพราะมันตลกสิ้นดี . "(หัวเราะ) เขาจะพูดคำพวกนี้ทำไม มันตลกสิ้นดี เขาจะพูดทำไมว่ามันไม่ตรง มันจะตรงหรือไม่ตรง ไม่สนใจหรอกนะ เอาเป็นว่า คุณฆ่าแตงโมทำไมดีกว่า? ไอ้กระโดดเรือข้างซ้ายข้างขวา มันไม่ใช่ประเด็นการตายของน้องโม . "คือมันทำร้ายกันจริงๆ อันนี้เรื่องจริงลูก ต้องเชื่อคุณแม่เลยว่า เรื่องจริงมันเป็นเช่นนี้ และมันรุนแรงมาก คุณแม่มีสติพูดได้ขนาดนี้ ไม่อยากมีสติหรอก จริงๆ มันต้องพูดอ่ะเนอะ" นางภนิดากล่าว . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคุณแม่เชื่อว่าเหตุการณ์เสียชีวิตของแตงโมเป็นการฆาตกรรมหรือไม่? นางภนิดาตอบว่า แน่นอน "อ๊ะ! ก็ฆ่าลูกเราในเรือ ฆาตกรรมไหมล่ะ? ก็ฆ่าลูกเรา เขาเรียกว่าอะไรล่ะ ฆาตกรรม คำว่าอำพรางมันหมายความว่ายังไง? แกล้งฆ่าเหรอ หรือ แอบๆ ฆ่า มันไม่ต้องใช้คำว่าอำพรางแล้ว ตอนนั้น วันนั้นมันไม่มีหลักฐานจริง ๆ แต่วันนี้มีแล้ว วันนี้มีเยอะด้วย" . เมื่อถามว่ามีคำพูดอะไรอยากฝากถึง ปอ แซน และโรเบิร์ต (นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์) บ้างหรือไม่ นางภนิดาตอบว่า ไม่พูดได้ไหม เพราะตอนนี้คนเหล่านี้ก็น่าจะหนาวแย่แล้ว ตนไม่ชอบทับถมใคร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา เพราะคนพวกนี้รู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนอะไร . ส่วนกรณีที่ แซน วิศาพัช ออกมาตอบโต้คนโน้นคนนี้ผ่านสื่อนั้น นางภนิดาระบุว่า "ใช่ ต้องเรียกว่าปากแซ๋บ ปากแจ๋ว โอ้โห! เถียงไม่หยุดเลย ผิดกับแซนเมื่อก่อน แซนเมื่อปีที่แล้วเงียบ ๆ แต่แซนเวลานี้พูดเยอะมาก" . คลิกชม >> "แม่ภนิดา" ยินดีรื้อคดี "แตงโม" ถ้ามีหลักฐานใหม่ ไม่สน "แซน-ปอ" โต้แย้ง ลั่น "ฆ่าลูกฉันทำไม" https://www.youtube.com/watch?v=_BOMPCebicEกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - รายชื่อผู้สาธิตการจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม” จำนวน 6 คน ในวันนี้ (16 ม.ค.)
.
ผู้สาธิตแสดงเป็นคุณแตงโม 5 คน ตกน้ำคนละ 1 ครั้ง ได้แก่
1. น้องเฟ-ริน วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสววรค์ ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
2. น้องปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
3. น้องนิวหยก สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร ส่วนสูง 172 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
4. น้องฟ้าบาร์บี้ วิศัลย์ศยา ภคศุภกุล มิสแกรนด์เชียงใหม่ ส่วนสูง 166 ซม., น้ำหนัก 42 กก.
5. ครูลิต้า วีรินดา อัครวานิช ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก ส่วนสูง 165 ซม., น้ำหนัก 49 กก.
.
โดยผู้สาธิตแสดงเป็น แซน คือ น้องหนูวรรณ กัลยาวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา
.
อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุว่า จะมีการนำทุกคนขึ้นเรือเพื่อทบทวนกระแสน้ำ หลังจากนั้นจะส่งทุกคนขึ้นบนเรือ พอขึ้นบนเรือแล้วจะกระโดดทีละคน จนจบที่น้องหนูวรรณ และครูลิต้า ซึ่งจะสลับบทบาทกันเป็น "แตงโม และแซน" นอกจากนี้ในท้ายที่สุดจะมีการรับ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ เป็นคนสุดท้าย เพื่อทำให้คลายสงสัยของท่าทางการตกน้ำที่หลายคนยังสงสัยอยู่
.
*หมายเหตุ : สำหรับ "แตงโม" ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นั้นในช่วงที่เกิดเหตุและเสียชีวิตน่าจะมีส่วนสูง 168 ซม. และ น้ำหนักราว 45 กก.
รายชื่อผู้สาธิตการจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม” จำนวน 6 คน ในวันนี้ (16 ม.ค.) . ผู้สาธิตแสดงเป็นคุณแตงโม 5 คน ตกน้ำคนละ 1 ครั้ง ได้แก่ 1. น้องเฟ-ริน วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสววรค์ ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 2. น้องปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 3. น้องนิวหยก สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร ส่วนสูง 172 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 4. น้องฟ้าบาร์บี้ วิศัลย์ศยา ภคศุภกุล มิสแกรนด์เชียงใหม่ ส่วนสูง 166 ซม., น้ำหนัก 42 กก. 5. ครูลิต้า วีรินดา อัครวานิช ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก ส่วนสูง 165 ซม., น้ำหนัก 49 กก. . โดยผู้สาธิตแสดงเป็น แซน คือ น้องหนูวรรณ กัลยาวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา . อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุว่า จะมีการนำทุกคนขึ้นเรือเพื่อทบทวนกระแสน้ำ หลังจากนั้นจะส่งทุกคนขึ้นบนเรือ พอขึ้นบนเรือแล้วจะกระโดดทีละคน จนจบที่น้องหนูวรรณ และครูลิต้า ซึ่งจะสลับบทบาทกันเป็น "แตงโม และแซน" นอกจากนี้ในท้ายที่สุดจะมีการรับ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ เป็นคนสุดท้าย เพื่อทำให้คลายสงสัยของท่าทางการตกน้ำที่หลายคนยังสงสัยอยู่ . *หมายเหตุ : สำหรับ "แตงโม" ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นั้นในช่วงที่เกิดเหตุและเสียชีวิตน่าจะมีส่วนสูง 168 ซม. และ น้ำหนักราว 45 กก. - สนธิเล่าเรื่อง 15-1-68
.
รายการวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การจำลองเหตุการณ์ตกเรือของน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) โดยในวันนี้ (15 ม.ค.) จะมีการซักซ้อมก่อน, กรณีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากกรณี ดาราจีนคือ "หวัง ซิง" หรือ "ซิงซิง" ที่ถูกหลอกโดยแก๊งจีนเทาให้เดินทางไปที่เมียวดีฝั่งพม่า ก่อนจะถูกช่วยเหลือให้นำตัวกลับมาได้ แต่เทศกาลตรุษจีนนี้ ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากเหตุการณ์นี้นับพันล้านบาท เรื่องนี้่เป็นปัญหาเชิงระบบที่คุณสนธิบอกว่าจำเป็นต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง
.
คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=WzE4s5KwtNUสนธิเล่าเรื่อง 15-1-68 . รายการวันนี้คุณสนธิจะพูดถึงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การจำลองเหตุการณ์ตกเรือของน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) โดยในวันนี้ (15 ม.ค.) จะมีการซักซ้อมก่อน, กรณีนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจากกรณี ดาราจีนคือ "หวัง ซิง" หรือ "ซิงซิง" ที่ถูกหลอกโดยแก๊งจีนเทาให้เดินทางไปที่เมียวดีฝั่งพม่า ก่อนจะถูกช่วยเหลือให้นำตัวกลับมาได้ แต่เทศกาลตรุษจีนนี้ ประเทศไทยน่าจะสูญเสียรายได้จากเหตุการณ์นี้นับพันล้านบาท เรื่องนี้่เป็นปัญหาเชิงระบบที่คุณสนธิบอกว่าจำเป็นต้องเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=WzE4s5KwtNU - สนธิเล่าเรื่อง 13-1-68
.
เช้าวันจันทร์ ในบรรยากาศหนาวเย็นของกรุงเทพมหานคร วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังทั้งเรื่องชีวิต การเมือง ต่างประเทศ มีเรื่องอะไรบ้างไปรับชมรับฟังกันครับ
.
คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=TiK5Sj1ESTEสนธิเล่าเรื่อง 13-1-68 . เช้าวันจันทร์ ในบรรยากาศหนาวเย็นของกรุงเทพมหานคร วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังทั้งเรื่องชีวิต การเมือง ต่างประเทศ มีเรื่องอะไรบ้างไปรับชมรับฟังกันครับ . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=TiK5Sj1ESTE - บูรพาไม่แพ้ Ep.103 : สิงคโปร์ รับมือวิกฤตประชากรอย่างไร?
.
นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีระดับโลกผู้ก่อตั้ง เทสลา, Space X และเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เคยทวีตข้อความว่า “สิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศกำลังจะหายไป” เพราะว่าเมื่อเด็กเกิดใหม่น้อย ประชากรของประเทศก็จะมีแต่ผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แรงงานจะขาดแคลน ทุกคนก็ต้องทำงานหนักขึ้น หรือทำงานจนแทบจะไม่มีวันเกษียณอายุ ประเทศก็มีภาระสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่ว่าจำนวนคนที่ทำงานและเสียภาษีกลับลดน้อยลง และเมื่อไม่มีประชากรรุ่นใหม่ ประเทศอย่าง สิงคโปร์ ที่มีประชากรไม่ถึง 6 ล้านคน ก็อาจจะหายไปแบบที่ นายอีลอน มัสก์ บอกก็เป็นได้ ......
.
คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=zZVzvRdgEUEบูรพาไม่แพ้ Ep.103 : สิงคโปร์ รับมือวิกฤตประชากรอย่างไร? . นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีระดับโลกผู้ก่อตั้ง เทสลา, Space X และเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เคยทวีตข้อความว่า “สิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศกำลังจะหายไป” เพราะว่าเมื่อเด็กเกิดใหม่น้อย ประชากรของประเทศก็จะมีแต่ผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แรงงานจะขาดแคลน ทุกคนก็ต้องทำงานหนักขึ้น หรือทำงานจนแทบจะไม่มีวันเกษียณอายุ ประเทศก็มีภาระสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่ว่าจำนวนคนที่ทำงานและเสียภาษีกลับลดน้อยลง และเมื่อไม่มีประชากรรุ่นใหม่ ประเทศอย่าง สิงคโปร์ ที่มีประชากรไม่ถึง 6 ล้านคน ก็อาจจะหายไปแบบที่ นายอีลอน มัสก์ บอกก็เป็นได้ ...... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=zZVzvRdgEUE - สนธิเล่าเรื่อง 8-1-68
.
รายการสนธิเล่าเรื่องตอนแรกของปี 2568 หลังจากไม่ได้พูดคุยกับเป็นเวลาสิบกว่าวัน วันนี้คุณสนธิมีเรื่องราวข่าวสารความเป็นไปต่าง ๆ มาเล่าให้ฟังมากมาย รับรองว่าแฟน ๆ เต็มอิ่มแน่นอน ติดตามฟังกันได้เลยครับ
.
คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=QohMXDL2eBA
.
#SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่องสนธิเล่าเรื่อง 8-1-68 . รายการสนธิเล่าเรื่องตอนแรกของปี 2568 หลังจากไม่ได้พูดคุยกับเป็นเวลาสิบกว่าวัน วันนี้คุณสนธิมีเรื่องราวข่าวสารความเป็นไปต่าง ๆ มาเล่าให้ฟังมากมาย รับรองว่าแฟน ๆ เต็มอิ่มแน่นอน ติดตามฟังกันได้เลยครับ . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=QohMXDL2eBA . #SondhiTalk #สนธิเล่าเรื่อง - บูรพาไม่แพ้ Ep.102 : 2568 ปีแห่งโลกอลหม่าน
.
ปี 2568 ว่ากันว่า จะเป็นปีที่ โลกอลหม่าน โดยสาเหตุสำคัญก็มาจากคนคนหนึ่ง ก็คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้
.
สหรัฐฯ เป็นชาติมหาอำนาจ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับที่ 1 ของโลก และมีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การทำมาค้าขาย การลงทุน รวมทั้งการเมือง การทหาร และความมั่นคงกับเกือบทุกประเทศในโลก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในประเทศสหรัฐฯ จึงส่งผลต่อทุกประเทศ เห็นได้ชัดจากช่วงที่นายทรัมป์ เป็นผู้นำสหรัฐฯ ครั้งแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขาได้ทำสงครามการค้ากับจีน ขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกปั่นป่วนกันไปหมด
.
คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=7MSkf-BQP28บูรพาไม่แพ้ Ep.102 : 2568 ปีแห่งโลกอลหม่าน . ปี 2568 ว่ากันว่า จะเป็นปีที่ โลกอลหม่าน โดยสาเหตุสำคัญก็มาจากคนคนหนึ่ง ก็คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ . สหรัฐฯ เป็นชาติมหาอำนาจ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับที่ 1 ของโลก และมีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การทำมาค้าขาย การลงทุน รวมทั้งการเมือง การทหาร และความมั่นคงกับเกือบทุกประเทศในโลก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในประเทศสหรัฐฯ จึงส่งผลต่อทุกประเทศ เห็นได้ชัดจากช่วงที่นายทรัมป์ เป็นผู้นำสหรัฐฯ ครั้งแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขาได้ทำสงครามการค้ากับจีน ขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกปั่นป่วนกันไปหมด . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=7MSkf-BQP28 - "อวสาน" รถญี่ปุ่นในไทย
จากมุมมองของ Nikkei Asia
.
ในวาระส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นคือ นิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เผยแพร่สารคดีข่าว NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand (นิคเคอิ ฟิล์ม : เสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังหายไปจากประเทศไทย) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรดารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% แต่ในห้วงระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกลับถูกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรุกไล่ ทำให้ในปี 2567 เหลือส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในตลาดรถใหม่เพียง 76%
.
แม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะยังคงสามารถครอบครองตลาดรถใหม่ในประเทศไทยได้มากกว่า 3 ใน 4 แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยจากรอบด้านแล้วไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค พลวัตรของเหล่าดีลเลอร์ผู้ขายรถยนต์ทั่วประเทศไทย การทยอยปิดโรงงาน การไหลออกของบุคลากร-พนักงาน-ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไปสู่ค่ายรถจีน รวมไปถึงการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในอนาคตแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นหนีไม่พ้นอาจต้องสูญพันธุ์จากประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วกว่านี้
.
"ผมเพิ่งซื้อรถยนต์บีวายดีรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วผมก็เปรียบเทียบรถอีวี กับ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิมเพื่อศึกษาความแตกต่าง ... ฟังก์ชันในรถอีวีของจีนนั้นครบครันมาก อัตราการเร่งก็ฉับไวมาก" คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิเป็นภาษาญี่ปุ่นอันคล่องแคล่ว และเปรียบเทียบต่อว่า
.
"ผมมองญี่ปุ่นจากหลาย ๆ มุม ด้วยความที่สำเร็จมาตั้งแต่ในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นกลับไม่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพอในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล เทียบกับจีนที่ไม่ได้มีความสำเร็จมากนักในยุคของอะนาล็อก แต่พอยุคสมัยของเทคโนโลยีดิจิทัลมาถึง จีนจึงพยายามอย่างมากที่จะดิสรัปอุตสาหกรรมรถยนต์"
.
นิคเคอิอธิบายว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 66 ล้านคน และเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน นั้นได้ชื่อเล่นว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)" ด้วยบรรดาบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศก่อนหน้านี้นานหลายทศวรรษ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2566 ที่บริษัทรถยนต์จากจีนรุกเข้่ามาทำตลาด และย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอย่างจริงจัง
.
"เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ญี่ปุ่นสามารถครอบครองยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยได้มากเกือบ 90% แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ รถอีวีจากจีนบุกตลาดประเทศไทยในปี 2566 ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่ในประเทศไทยของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 80% (เหลือ 77.8% ในปี 2566 และ เหลือ 76.2% ในปี 2567)" นิคเคอิระบุ
.
จากนั้นจึงกล่าวกว่า บีวายดี (BYD) คือ หัวหอกของบริษัทรถยนต์จีนที่เข้ามาแย่งชิงตลาดในประเทศไทยจากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิคเคอิได้ดำเนินการสำรวจการขยายตัวของจำนวนดีลเลอร์รถบีวายดีในไทยพบว่า เกือบ 50% ของดีลเลอร์รถบีวายดีนั้นก่อนหน้านั้นเคยเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ค่ายญี่ปุ่น โดยบีวายดีขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยไม่เพียงกวาดดีลเลอร์จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้เข้ามาซุกใต้ปีก แต่รวมถึงค่ายรถยนต์จากตะวันตกด้วยเช่นกัน
.
การรุกไล่ของค่ายรถยนต์จากจีนไม่หยุดอยู่แค่ในระดับการส่งรถยนต์จากจีนมาขายยังเมืองไทย แต่ยังมีการขยายโรงงานผลิตมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ยกตัวอย่างเช่น บีวายดีที่เพิ่งเริ่มเดินสายพานโรงงานผลิตรถยนต์แบบเต็มระบบแห่งแรกในต่างแดนที่ จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรในแวดวงรถยนต์คนไทยที่มีความสามารถตั้งแต่ระดับฝ่ายผลิต จนถึงผู้บริหารที่เคยสังกัดอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ไหลไปอยู่กับบริษัทรถยนต์จีนจำนวนมาก
.
ด้วยแรงจูงใจสำคัญเป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม 30% 50% 80% หรือกระทั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว!
.
นายสื่อ ชิงเคอ (史青科) หรือ Parker Shi ประธานของเกรท วอลล์ มอเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์รถยนต์จีน GWM ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงคู่แข่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และการดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจากโตโยต้ามาทำงานกับเกรทวอลล์ฯ โดยระบุว่า
.
"ด้วยความสัตย์จริง และความเคารพต่อโตโยต้า และรถแบรนด์จากใจ เพราะพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ (excellent) คุณวุฒิกร (สุริยะฉันทนานนท์) นั้นเคยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่โตโยต้า และนี่คือเหตุผลที่เขามาอยู่กับเรา" และกล่าวต่อว่า "ถ้าหากคุณไม่มีความกล้าหาญที่จะสู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็ตาย ถ้าหากคุณไม่มีอาวุธที่ดีพอ ผลิตภัณฑ์ที่ดี รูปแบบธุรกิจที่ดี กลยุทธ์ที่ดี คุณก็ตาย ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์คที่ดี คุณก็ตาย ... มันไม่มีคนอยู่รอดหรอก เพราะที่กำลังเป็นอยู่นี้คือคือสงคราม ที่เกิดขึ้นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง"
.
นิคเคอิ เอเชียยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ชาวญี่ปุ่นในไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม โดยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคนนี้ยอมรับว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นละเลยความต้องการของผู้บริโภคไทยไปมาก รวมถึงนำเสนอสินค้าที่เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วให้กับตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถจากจีน
.
"มันเป็นความจริงที่ว่าแบรนด์รถญี่ปุ่นนั้นมัวแต่มุ่งเน้นไปที่ตลาดใหญ่ ๆ อย่างในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาดนั้น ๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดก็คือ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า
.
"และมันเป็นเรื่องจริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งวางขายอยู่แล้วในประเทศกำลังพัฒนามาขายให้ (ตลาดไทย) ผมคิดว่า นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้นยิ่งนานวันก็สะสมเพิ่มขึ้น ๆ" ผู้บริหารค่ายรถญี่ปุ่นในไทยกล่าวเปิดอก
.
ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของ LiB Consulting ระบุว่า ภายในปี 2578 (ค.ศ.2035) หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดขายรถใหม่ในเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดปริมาณลงจากปัจจุบันที่ราว 78.5% เหลือเพียง 15% โดยรถอีวี และรถยนต์พลังงานใหม่จะกินส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือ จะถูกแบ่งให้รถอีวี (50.7%) และ รถยนต์เทคโนโลยีไฮบริด-อื่นๆ (34.3%)
.
ด้วยสถานการณ์และแนวโน้มเช่นนี้ทำให้ ณ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสสุดท้ายของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นในการขยับขับเคลื่อนเพื่อไล่ตามรถอีวีจากจีนให้ทัน และกอบกู้สถานการณ์ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และตัดสินใจให้เร็ว และฉับไวมากขึ้น
.
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องนี้คุณบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์วัย 87 ที่คร่ำหวอดทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แวดวงอุตสาหกรรม และมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกกับแวดวงอุตสาหกรรมไทย ญี่ปุ่น และจีน กล่าวทิ้งท้ายสารคดีข่าวชิ้นนี้เป็นคำแนะนำให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า
.
ในมุมของคุณบุญยสิทธิ์ เดิมทีประธานบริษัทญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยคนเหล่านี้มีจิตวิญญาณของการบุกเบิกและก่อตั้ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ที่ประธานบริษัทกลายเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมาภายในกรอบของบริษัท คนเหล่านี้เวลาตัดสินใจอะไรจึงกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งหากผู้บริหารรุ่นใหม่เล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การตัดสินใจก็จะล่าช้า ไม่ทันการณ์
.
อย่างไรก็ตาม ประธานเครือสหพัฒน์ยังกล่าวให้ความหวังด้วยว่า ในสายตาของชาวไทยแบรนด์ญี่ปุ่นยังได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงอยู่ คนไทยยังมีความเชื่อว่ารถญี่ปุ่นนั้นดีกว่ารถจีน รถยนต์จีนนั้นมีดีเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ และรถอีวี ซึ่งเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถที่เป็นรถยนต์อีวีบ้าง ตนก็เชื่อว่าคนไทยจะกลับมานิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเหมือนเดิม ซึ่งตนก็คาดหวังว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้
.
สารคดีข่าวชิ้นนี้ของนิคเคอิ สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ด้วยการรุกคืบอย่างไม่หยุดหย่อนของค่ายรถยนต์จีน เวลาของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยนั้นคงเหลือน้อยลงทุกที พร้อมกับทิ้งฉากหลังเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณยามดวงอาทิตย์อัสดง
.
แล้วท่านผู้อ่านบูรพาไม่แพ้ละครับ มองว่า ค่ายรถญี่ปุ่นใกล้ถึงคราอวสานจากตลาดไทยหรือยัง? หรือ คิดว่าค่ายรถญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะกู้สถานการณ์ ช่วงชิงตลาดรถยนต์ไทยกลับคืนมาได้ หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำดังที่นิคเคอิ เอเชียรายงานเอาไว้?
.
เนื่องวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๘ ทีมงานเพจบูรพาไม่แพ้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัวมีความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ สวัสดีปีใหม่ครับ 😄 🙏 🎊 🇹🇭 🇯🇵 🇨🇳
.
.
อ้างอิง :
NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand
https://www.youtube.com/watch?v=w7ldtHt6Mn4
"อวสาน" รถญี่ปุ่นในไทย จากมุมมองของ Nikkei Asia . ในวาระส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นคือ นิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เผยแพร่สารคดีข่าว NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand (นิคเคอิ ฟิล์ม : เสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังหายไปจากประเทศไทย) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรดารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% แต่ในห้วงระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกลับถูกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรุกไล่ ทำให้ในปี 2567 เหลือส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในตลาดรถใหม่เพียง 76% . แม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะยังคงสามารถครอบครองตลาดรถใหม่ในประเทศไทยได้มากกว่า 3 ใน 4 แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยจากรอบด้านแล้วไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค พลวัตรของเหล่าดีลเลอร์ผู้ขายรถยนต์ทั่วประเทศไทย การทยอยปิดโรงงาน การไหลออกของบุคลากร-พนักงาน-ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไปสู่ค่ายรถจีน รวมไปถึงการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในอนาคตแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นหนีไม่พ้นอาจต้องสูญพันธุ์จากประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วกว่านี้ . "ผมเพิ่งซื้อรถยนต์บีวายดีรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วผมก็เปรียบเทียบรถอีวี กับ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิมเพื่อศึกษาความแตกต่าง ... ฟังก์ชันในรถอีวีของจีนนั้นครบครันมาก อัตราการเร่งก็ฉับไวมาก" คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิเป็นภาษาญี่ปุ่นอันคล่องแคล่ว และเปรียบเทียบต่อว่า . "ผมมองญี่ปุ่นจากหลาย ๆ มุม ด้วยความที่สำเร็จมาตั้งแต่ในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นกลับไม่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพอในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล เทียบกับจีนที่ไม่ได้มีความสำเร็จมากนักในยุคของอะนาล็อก แต่พอยุคสมัยของเทคโนโลยีดิจิทัลมาถึง จีนจึงพยายามอย่างมากที่จะดิสรัปอุตสาหกรรมรถยนต์" . นิคเคอิอธิบายว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 66 ล้านคน และเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน นั้นได้ชื่อเล่นว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)" ด้วยบรรดาบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศก่อนหน้านี้นานหลายทศวรรษ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2566 ที่บริษัทรถยนต์จากจีนรุกเข้่ามาทำตลาด และย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอย่างจริงจัง . "เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ญี่ปุ่นสามารถครอบครองยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยได้มากเกือบ 90% แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ รถอีวีจากจีนบุกตลาดประเทศไทยในปี 2566 ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่ในประเทศไทยของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 80% (เหลือ 77.8% ในปี 2566 และ เหลือ 76.2% ในปี 2567)" นิคเคอิระบุ . จากนั้นจึงกล่าวกว่า บีวายดี (BYD) คือ หัวหอกของบริษัทรถยนต์จีนที่เข้ามาแย่งชิงตลาดในประเทศไทยจากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิคเคอิได้ดำเนินการสำรวจการขยายตัวของจำนวนดีลเลอร์รถบีวายดีในไทยพบว่า เกือบ 50% ของดีลเลอร์รถบีวายดีนั้นก่อนหน้านั้นเคยเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ค่ายญี่ปุ่น โดยบีวายดีขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยไม่เพียงกวาดดีลเลอร์จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้เข้ามาซุกใต้ปีก แต่รวมถึงค่ายรถยนต์จากตะวันตกด้วยเช่นกัน . การรุกไล่ของค่ายรถยนต์จากจีนไม่หยุดอยู่แค่ในระดับการส่งรถยนต์จากจีนมาขายยังเมืองไทย แต่ยังมีการขยายโรงงานผลิตมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ยกตัวอย่างเช่น บีวายดีที่เพิ่งเริ่มเดินสายพานโรงงานผลิตรถยนต์แบบเต็มระบบแห่งแรกในต่างแดนที่ จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรในแวดวงรถยนต์คนไทยที่มีความสามารถตั้งแต่ระดับฝ่ายผลิต จนถึงผู้บริหารที่เคยสังกัดอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ไหลไปอยู่กับบริษัทรถยนต์จีนจำนวนมาก . ด้วยแรงจูงใจสำคัญเป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม 30% 50% 80% หรือกระทั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว! . นายสื่อ ชิงเคอ (史青科) หรือ Parker Shi ประธานของเกรท วอลล์ มอเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์รถยนต์จีน GWM ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงคู่แข่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และการดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจากโตโยต้ามาทำงานกับเกรทวอลล์ฯ โดยระบุว่า . "ด้วยความสัตย์จริง และความเคารพต่อโตโยต้า และรถแบรนด์จากใจ เพราะพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ (excellent) คุณวุฒิกร (สุริยะฉันทนานนท์) นั้นเคยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่โตโยต้า และนี่คือเหตุผลที่เขามาอยู่กับเรา" และกล่าวต่อว่า "ถ้าหากคุณไม่มีความกล้าหาญที่จะสู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็ตาย ถ้าหากคุณไม่มีอาวุธที่ดีพอ ผลิตภัณฑ์ที่ดี รูปแบบธุรกิจที่ดี กลยุทธ์ที่ดี คุณก็ตาย ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์คที่ดี คุณก็ตาย ... มันไม่มีคนอยู่รอดหรอก เพราะที่กำลังเป็นอยู่นี้คือคือสงคราม ที่เกิดขึ้นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง" . นิคเคอิ เอเชียยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ชาวญี่ปุ่นในไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม โดยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคนนี้ยอมรับว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นละเลยความต้องการของผู้บริโภคไทยไปมาก รวมถึงนำเสนอสินค้าที่เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วให้กับตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถจากจีน . "มันเป็นความจริงที่ว่าแบรนด์รถญี่ปุ่นนั้นมัวแต่มุ่งเน้นไปที่ตลาดใหญ่ ๆ อย่างในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาดนั้น ๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดก็คือ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า . "และมันเป็นเรื่องจริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งวางขายอยู่แล้วในประเทศกำลังพัฒนามาขายให้ (ตลาดไทย) ผมคิดว่า นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้นยิ่งนานวันก็สะสมเพิ่มขึ้น ๆ" ผู้บริหารค่ายรถญี่ปุ่นในไทยกล่าวเปิดอก . ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของ LiB Consulting ระบุว่า ภายในปี 2578 (ค.ศ.2035) หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดขายรถใหม่ในเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดปริมาณลงจากปัจจุบันที่ราว 78.5% เหลือเพียง 15% โดยรถอีวี และรถยนต์พลังงานใหม่จะกินส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือ จะถูกแบ่งให้รถอีวี (50.7%) และ รถยนต์เทคโนโลยีไฮบริด-อื่นๆ (34.3%) . ด้วยสถานการณ์และแนวโน้มเช่นนี้ทำให้ ณ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสสุดท้ายของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นในการขยับขับเคลื่อนเพื่อไล่ตามรถอีวีจากจีนให้ทัน และกอบกู้สถานการณ์ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และตัดสินใจให้เร็ว และฉับไวมากขึ้น . ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องนี้คุณบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์วัย 87 ที่คร่ำหวอดทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แวดวงอุตสาหกรรม และมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกกับแวดวงอุตสาหกรรมไทย ญี่ปุ่น และจีน กล่าวทิ้งท้ายสารคดีข่าวชิ้นนี้เป็นคำแนะนำให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า . ในมุมของคุณบุญยสิทธิ์ เดิมทีประธานบริษัทญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยคนเหล่านี้มีจิตวิญญาณของการบุกเบิกและก่อตั้ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ที่ประธานบริษัทกลายเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมาภายในกรอบของบริษัท คนเหล่านี้เวลาตัดสินใจอะไรจึงกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งหากผู้บริหารรุ่นใหม่เล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การตัดสินใจก็จะล่าช้า ไม่ทันการณ์ . อย่างไรก็ตาม ประธานเครือสหพัฒน์ยังกล่าวให้ความหวังด้วยว่า ในสายตาของชาวไทยแบรนด์ญี่ปุ่นยังได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงอยู่ คนไทยยังมีความเชื่อว่ารถญี่ปุ่นนั้นดีกว่ารถจีน รถยนต์จีนนั้นมีดีเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ และรถอีวี ซึ่งเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถที่เป็นรถยนต์อีวีบ้าง ตนก็เชื่อว่าคนไทยจะกลับมานิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเหมือนเดิม ซึ่งตนก็คาดหวังว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้ . สารคดีข่าวชิ้นนี้ของนิคเคอิ สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ด้วยการรุกคืบอย่างไม่หยุดหย่อนของค่ายรถยนต์จีน เวลาของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยนั้นคงเหลือน้อยลงทุกที พร้อมกับทิ้งฉากหลังเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณยามดวงอาทิตย์อัสดง . แล้วท่านผู้อ่านบูรพาไม่แพ้ละครับ มองว่า ค่ายรถญี่ปุ่นใกล้ถึงคราอวสานจากตลาดไทยหรือยัง? หรือ คิดว่าค่ายรถญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะกู้สถานการณ์ ช่วงชิงตลาดรถยนต์ไทยกลับคืนมาได้ หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำดังที่นิคเคอิ เอเชียรายงานเอาไว้? . เนื่องวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๘ ทีมงานเพจบูรพาไม่แพ้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัวมีความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ สวัสดีปีใหม่ครับ 😄 🙏 🎊 🇹🇭 🇯🇵 🇨🇳 . . อ้างอิง : NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand https://www.youtube.com/watch?v=w7ldtHt6Mn4 - บูรพาไม่แพ้ Ep.101 : ยามเมื่อสายลมพัดหวน จาก “ฮ่องกง” สู่ “จีนแผ่นดินใหญ่”
.
ขณะนี้ ฮ่องกงกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างน้อย 2 เรื่อง....เรื่องแรก คือ ฮ่องกงต้องแข่งกับประเทศอื่น ๆ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือ แม้กระทั่ง จีนแผ่นดินใหญ่ ที่ทุกวันนี้ต่างก็ใช้นโยบาย “ฟรีวีซ่า” เช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดเจนว่า หลังจากจีนให้ฟรีวีซ่า คนไทยไปเที่ยวเมืองจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกเรื่องหนึ่ง คือ คนฮ่องกงเอง ก็เดินทางไปท่องเที่ยว และพักผ่อนในจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น สถานะของจีนแผ่นดินใหญ่ในวันนี้ ดีกว่าฮ่องกงอย่างมาก หรือจะเรียกได้ว่ากลับตาลปัตร จากในอดีตเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว
.
พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในฮ่องกง ที่เคยเป็นเมืองท่า เป็นฮับการบิน ศูนย์กลางการค้า ธุรกิจ และการท่องเที่ยว จนเคยได้รับฉายาว่า “ไข่มุกบูรพา”....แต่วันนี้ ฮ่องกง กำลังเผชิญกับสายลมพัดหวน จากฮ่องกงกลับไปสู่จีนแผ่นดินใหญ่
.
คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=TrRxhW-uETsบูรพาไม่แพ้ Ep.101 : ยามเมื่อสายลมพัดหวน จาก “ฮ่องกง” สู่ “จีนแผ่นดินใหญ่” . ขณะนี้ ฮ่องกงกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอย่างน้อย 2 เรื่อง....เรื่องแรก คือ ฮ่องกงต้องแข่งกับประเทศอื่น ๆ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือ แม้กระทั่ง จีนแผ่นดินใหญ่ ที่ทุกวันนี้ต่างก็ใช้นโยบาย “ฟรีวีซ่า” เช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดเจนว่า หลังจากจีนให้ฟรีวีซ่า คนไทยไปเที่ยวเมืองจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกเรื่องหนึ่ง คือ คนฮ่องกงเอง ก็เดินทางไปท่องเที่ยว และพักผ่อนในจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น สถานะของจีนแผ่นดินใหญ่ในวันนี้ ดีกว่าฮ่องกงอย่างมาก หรือจะเรียกได้ว่ากลับตาลปัตร จากในอดีตเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในฮ่องกง ที่เคยเป็นเมืองท่า เป็นฮับการบิน ศูนย์กลางการค้า ธุรกิจ และการท่องเที่ยว จนเคยได้รับฉายาว่า “ไข่มุกบูรพา”....แต่วันนี้ ฮ่องกง กำลังเผชิญกับสายลมพัดหวน จากฮ่องกงกลับไปสู่จีนแผ่นดินใหญ่ . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=TrRxhW-uETs - สนธิเล่าเรื่อง 25-12-67
.
สุขสันต์วันคริสต์มาสสำหรับพี่น้องชาวคริสต์ทุกท่าน วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องมาเล่าให้ฟัง ตั้งแต่เบื้องหน้า-เบื้องหลัง การเดินทางไปทวงถามกรณี MOU44 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.), ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องว้าแดงรุกแผ่นดินไทย ที่คุณสนธิจะมาเกริ่นให้ฟังเนื่องจากมีผู้ชมถามเข้ามามาก ไปจนถึงบางเรื่องที่คุณสนธิเคยติดค้างเอาไว้ บอกว่าจะเล่าให้ฟังแต่ยังไม่ได้เล่า
.
คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=9hgqmTfQXRsสนธิเล่าเรื่อง 25-12-67 . สุขสันต์วันคริสต์มาสสำหรับพี่น้องชาวคริสต์ทุกท่าน วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องมาเล่าให้ฟัง ตั้งแต่เบื้องหน้า-เบื้องหลัง การเดินทางไปทวงถามกรณี MOU44 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.), ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องว้าแดงรุกแผ่นดินไทย ที่คุณสนธิจะมาเกริ่นให้ฟังเนื่องจากมีผู้ชมถามเข้ามามาก ไปจนถึงบางเรื่องที่คุณสนธิเคยติดค้างเอาไว้ บอกว่าจะเล่าให้ฟังแต่ยังไม่ได้เล่า . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=9hgqmTfQXRs - ตัวตลกแห่ชาติ … ไม่รู้ว่าทีมงานได้อ่านคอมเมนต์กันบ้างไหม?ตัวตลกแห่ชาติ … ไม่รู้ว่าทีมงานได้อ่านคอมเมนต์กันบ้างไหม?
- สนธิเล่าเรื่อง 23-12-67
.
วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องจะเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็น กรณีที่คุณหญิงหมอพรทิพย์เข้ามาช่วยให้ความกระจ่างในกรณีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ซึ่งเวลานี้เสียงเรียกร้องให้มีการรื้อคดีกำลังดังขึ้นทุกทีๆ, การนัดหมายครั้งสุดท้ายส่งท้ายปี 2567 กรณีให้เพิกถอน MOU44 ในวันพรุ่งนี้ วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (กพร. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล) รวมไปถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ที่คุณสนธิอยากจะพูดคุยกับแฟน ๆ รายการ
.
คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Crj_q9xPl4U
.
#Sondhitalk #สนธิเล่าเรื่อง #MOU44สนธิเล่าเรื่อง 23-12-67 . วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องจะเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็น กรณีที่คุณหญิงหมอพรทิพย์เข้ามาช่วยให้ความกระจ่างในกรณีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ซึ่งเวลานี้เสียงเรียกร้องให้มีการรื้อคดีกำลังดังขึ้นทุกทีๆ, การนัดหมายครั้งสุดท้ายส่งท้ายปี 2567 กรณีให้เพิกถอน MOU44 ในวันพรุ่งนี้ วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (กพร. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล) รวมไปถึงเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ที่คุณสนธิอยากจะพูดคุยกับแฟน ๆ รายการ . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Crj_q9xPl4U . #Sondhitalk #สนธิเล่าเรื่อง #MOU44 - พันธุ์เดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน!
"ทุเรียนจีน" แพ้ "ทุเรียนไทย" กระจุย
นักวิทย์จีนอึ้ง สารอาหารต่างกันลิบลับ
.
วันนี้ (22 ธ.ค.) สื่อเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ของฮ่องกงรายงานว่าจากผลการตรวจสอบสารอาหารของทุเรียนที่เพาะปลูกบนเกาะไหหลำ (มณฑลไห่หนาน) ของจีนนั้น พบว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำกว่าทุเรียนพันธุ์เดียวกันที่นำเข้าจากประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก
.
สำหรับการศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรก ๆ ในเรื่องนี้ นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำยกตัวอย่างว่า "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" ที่ปลูกในประเทศจีนนั้นไม่มีสารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเลย ในขณะที่ทุเรียนหมอนทองที่ปลูกในไทยอุดมด้วยสารเคอร์ซิตินจำนวนมาก
.
นอกจากนี้ ทุเรียนที่ปลูกบนเกาะไหหลำพันธุ์เดียวที่มีสารเคอร์ซิตินอยู่บ้างคือ "ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว" แต่สารเคอร์ซิตินที่มีนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าทุเรียนก้านยานที่ปลูกประะเทศไทยถึง 520 เท่า และต่ำกว่าพันธุ์หมอนทองของไทยถึง 540,000 เท่า !
.
ในส่วนของกรดแกลลิก (Gallic Acid) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็ง นักวิจัยของจีนพบว่า ไม่พบสารดังกล่าวในพันธุ์ก้านยาวที่ปลูกในจีน ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ แต่ระดับของกรดแกลลิกในพันธุ์หมอนทองนั้น “ต่ำกว่าระดับที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้มาก”
.
ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาคุณค่าทางอาหารของ "ทุเรียนไทย" ในปี 2551 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" มีกรดแกลลิกราว 2,072 ไมโครกรัมต่อทุเรียน 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าทุเรียนที่ปลูกในจีนซึ่งมีกรดแกลลิกเพียงแค่ 22.85 นาโนกรัม ถึง 906 เท่า
.
จาง จิง หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยซานย่าหนานฝานแห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำ (海南大学南繁学院) ให้เหตุผลว่า “ความแตกต่างของสภาพอากาศและปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารในดินอาจส่งผลต่อการสะสมสารอาหารในระหว่างกระบวนการเจริญเติบโตของทุเรียน โดยอาจส่งผลให้มีสารบางชนิดในปริมาณที่สูงขึ้น ในขณะที่บางชนิดอาจไม่มีเลย” เธอกล่าว
.
ในรายงานที่ตีพิมพ์ลงวารสารภาษาจีน Food and Fermentation Industries (食品与发酵工业) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา นักวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระหลักที่พบในทุเรียน 3 ชนิดที่ศึกษา ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง ก้านยาว และมูซังคิง ได้แก่ โพรไซยานิดิน บี 1, คาเทชิน และเคอร์ซิติน
“ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าก้านยาวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองที่แข็งแกร่งที่สุด (จากทั้งสามชนิด)” นักวิจัยจีนระบุ
.
ปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนมากที่สุดในโลก โดยจีนนำเข้าทุเรียนมากถึง 95% ของทั่วโลก โดยต่อมาในปี 2561 จีนได้ดำเนินการเริ่มปลูกทุเรียนเชิงพาณิชย์ที่เกาะไหหลำ ซึ่งเป็พื้นที่เพียงแห่งเดียวที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการปลูกผลไม้เขตร้อนชนิดนี้
.
จริง ๆ แล้ว จีนเริ่มมีการเพาะพันธุ์ทุเรียนอย่างจริงจังที่มณฑลไห่หนาน หรือ เกาะไหหลำเมื่อประมาณ 60 กว่าปีที่แล้ว คือในปี 2501 โดยมีการนำต้นกล้าทุเรียนจากประเทศมาเลเซียเข้ามาปลูกบนเกาะ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการปลูก และการคัดเลือกสายพันธุ์ทุเรียนในสมัยนั้นยังมีข้อจำกัด จึงมีต้นทุเรียนเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้ จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้หลังจากใช้ความพยายามมานานกว่า 60 ปี นักวิทยาศาสตร์และเกษตรกรของจีนได้ทำการผสมเกสรเทียม ปรับปรุงพันธุ์ และใช้เทคโนโลยีการเกษตรในการปลูกทุเรียนจนประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้ เกาะไหหลำมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 10,000 ไร่ ให้ผลผลิตทุเรียนมากถึง 40,000 ตันต่อปี แต่ว่าก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการนำเข้าทุเรียนของจีนที่คิดเป็นปริมาณมากกว่า 1 ล้าน 4 แสนตันต่อปี
.
คลิกฟัง Podcast บูรพาไม่แพ้ Ep.96 : ไหวไหม? ทุเรียน Made in China ท้าแข่งทุเรียนไทย
>> https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0
.
.
อ้างอิง :
• Scientists find key nutrient missing in China-grown durian
https://www.scmp.com/news/china/science/article/3291480/scientists-find-key-nutrient-missing-china-grown-durian
• ภาพประกอบจากwww.xinhuathai.com
พันธุ์เดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน! "ทุเรียนจีน" แพ้ "ทุเรียนไทย" กระจุย นักวิทย์จีนอึ้ง สารอาหารต่างกันลิบลับ . วันนี้ (22 ธ.ค.) สื่อเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ของฮ่องกงรายงานว่าจากผลการตรวจสอบสารอาหารของทุเรียนที่เพาะปลูกบนเกาะไหหลำ (มณฑลไห่หนาน) ของจีนนั้น พบว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำกว่าทุเรียนพันธุ์เดียวกันที่นำเข้าจากประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก . สำหรับการศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรก ๆ ในเรื่องนี้ นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำยกตัวอย่างว่า "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" ที่ปลูกในประเทศจีนนั้นไม่มีสารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเลย ในขณะที่ทุเรียนหมอนทองที่ปลูกในไทยอุดมด้วยสารเคอร์ซิตินจำนวนมาก . นอกจากนี้ ทุเรียนที่ปลูกบนเกาะไหหลำพันธุ์เดียวที่มีสารเคอร์ซิตินอยู่บ้างคือ "ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว" แต่สารเคอร์ซิตินที่มีนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าทุเรียนก้านยานที่ปลูกประะเทศไทยถึง 520 เท่า และต่ำกว่าพันธุ์หมอนทองของไทยถึง 540,000 เท่า ! . ในส่วนของกรดแกลลิก (Gallic Acid) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็ง นักวิจัยของจีนพบว่า ไม่พบสารดังกล่าวในพันธุ์ก้านยาวที่ปลูกในจีน ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ แต่ระดับของกรดแกลลิกในพันธุ์หมอนทองนั้น “ต่ำกว่าระดับที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้มาก” . ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาคุณค่าทางอาหารของ "ทุเรียนไทย" ในปี 2551 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว "ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง" มีกรดแกลลิกราว 2,072 ไมโครกรัมต่อทุเรียน 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าทุเรียนที่ปลูกในจีนซึ่งมีกรดแกลลิกเพียงแค่ 22.85 นาโนกรัม ถึง 906 เท่า . จาง จิง หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยซานย่าหนานฝานแห่งวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การเกษตรไหหลำ (海南大学南繁学院) ให้เหตุผลว่า “ความแตกต่างของสภาพอากาศและปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารในดินอาจส่งผลต่อการสะสมสารอาหารในระหว่างกระบวนการเจริญเติบโตของทุเรียน โดยอาจส่งผลให้มีสารบางชนิดในปริมาณที่สูงขึ้น ในขณะที่บางชนิดอาจไม่มีเลย” เธอกล่าว . ในรายงานที่ตีพิมพ์ลงวารสารภาษาจีน Food and Fermentation Industries (食品与发酵工业) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา นักวิจัยระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระหลักที่พบในทุเรียน 3 ชนิดที่ศึกษา ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง ก้านยาว และมูซังคิง ได้แก่ โพรไซยานิดิน บี 1, คาเทชิน และเคอร์ซิติน “ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าก้านยาวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองที่แข็งแกร่งที่สุด (จากทั้งสามชนิด)” นักวิจัยจีนระบุ . ปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าทุเรียนมากที่สุดในโลก โดยจีนนำเข้าทุเรียนมากถึง 95% ของทั่วโลก โดยต่อมาในปี 2561 จีนได้ดำเนินการเริ่มปลูกทุเรียนเชิงพาณิชย์ที่เกาะไหหลำ ซึ่งเป็พื้นที่เพียงแห่งเดียวที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการปลูกผลไม้เขตร้อนชนิดนี้ . จริง ๆ แล้ว จีนเริ่มมีการเพาะพันธุ์ทุเรียนอย่างจริงจังที่มณฑลไห่หนาน หรือ เกาะไหหลำเมื่อประมาณ 60 กว่าปีที่แล้ว คือในปี 2501 โดยมีการนำต้นกล้าทุเรียนจากประเทศมาเลเซียเข้ามาปลูกบนเกาะ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการปลูก และการคัดเลือกสายพันธุ์ทุเรียนในสมัยนั้นยังมีข้อจำกัด จึงมีต้นทุเรียนเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้ จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้หลังจากใช้ความพยายามมานานกว่า 60 ปี นักวิทยาศาสตร์และเกษตรกรของจีนได้ทำการผสมเกสรเทียม ปรับปรุงพันธุ์ และใช้เทคโนโลยีการเกษตรในการปลูกทุเรียนจนประสบความสำเร็จ ทุกวันนี้ เกาะไหหลำมีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 10,000 ไร่ ให้ผลผลิตทุเรียนมากถึง 40,000 ตันต่อปี แต่ว่าก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการนำเข้าทุเรียนของจีนที่คิดเป็นปริมาณมากกว่า 1 ล้าน 4 แสนตันต่อปี . คลิกฟัง Podcast บูรพาไม่แพ้ Ep.96 : ไหวไหม? ทุเรียน Made in China ท้าแข่งทุเรียนไทย >> https://www.youtube.com/watch?v=6khyvzCT5H0 . . อ้างอิง : • Scientists find key nutrient missing in China-grown durian https://www.scmp.com/news/china/science/article/3291480/scientists-find-key-nutrient-missing-china-grown-durian • ภาพประกอบจากwww.xinhuathai.com - บูรพาไม่แพ้ Ep.100 : “นิสสัน” ยักษ์ล้มแห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่น ?
.
ไม่น่าเชื่อว่า รถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้มานานเกือบ 100 ปี กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ แถมยังตกเป็นรองให้กับบริษัทอย่างเทสลา และ บีวายดี ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงแค่ประมาณ 20 ปีเท่านั้นเอง พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้เราจะเล่าถึงเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ... เราจะมาดูกันว่า นิสสัน จะกลายเป็น “ยักษ์ล้ม” แห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่นหรือไม่ และแนวโน้มอนาคตของรถยนต์ญี่ปุ่นจะเป็นยังไง ?
.
คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8At_R2HNEu4
.
#บูรพาไม่แพ้บูรพาไม่แพ้ Ep.100 : “นิสสัน” ยักษ์ล้มแห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่น ? . ไม่น่าเชื่อว่า รถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้มานานเกือบ 100 ปี กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ แถมยังตกเป็นรองให้กับบริษัทอย่างเทสลา และ บีวายดี ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียงแค่ประมาณ 20 ปีเท่านั้นเอง พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้เราจะเล่าถึงเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ... เราจะมาดูกันว่า นิสสัน จะกลายเป็น “ยักษ์ล้ม” แห่งวงการรถยนต์ญี่ปุ่นหรือไม่ และแนวโน้มอนาคตของรถยนต์ญี่ปุ่นจะเป็นยังไง ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=8At_R2HNEu4 . #บูรพาไม่แพ้ - สนธิเล่าเรื่อง 18-12-67
.
วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าถึงเรื่องราวหลาย ๆ เรื่องเป็นเมดเลย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารเช้าสูตรของบ้านพระอาทิตย์ โดยวันนี้บนโต๊ะคุณสนธิทานข้าวมันไก่ (หุบบอน), กรณี "น้องแตงโม" ที่ อาจารย์หมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ ซึ่งเข้ามาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงทางนิติวิทยาศาสตร์ กับ อ.ปานเทพ และทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิ รวมไปถึงเหตุบ้านการเมืองหลาย ๆ อย่างด้วย
.
คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=dLGyGwLsgi8
.
#สนธิเล่าเรื่อง #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #SondhiTalkสนธิเล่าเรื่อง 18-12-67 . วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าถึงเรื่องราวหลาย ๆ เรื่องเป็นเมดเลย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารเช้าสูตรของบ้านพระอาทิตย์ โดยวันนี้บนโต๊ะคุณสนธิทานข้าวมันไก่ (หุบบอน), กรณี "น้องแตงโม" ที่ อาจารย์หมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ ซึ่งเข้ามาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงทางนิติวิทยาศาสตร์ กับ อ.ปานเทพ และทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิ รวมไปถึงเหตุบ้านการเมืองหลาย ๆ อย่างด้วย . คลิก >> https://www.youtube.com/watch?v=dLGyGwLsgi8 . #สนธิเล่าเรื่อง #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #SondhiTalk - เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ
เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14
.
วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป
.
สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย
.
1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์
8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์
9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่
11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
.
Cr : MGR Infographics
.
.
#ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14 . วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป . สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย . 1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร . Cr : MGR Infographics . . #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14 - สนธิเล่าเรื่อง 16-12-67
.
เช้าวันจันทร์ อากาศดี คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะเล่าถึงเรื่องที่ได้พบกับ ดร.เสรี วงษ์มณฑา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา โดย อ.เสรีจะมาเริ่มจัดรายการที่ NEWS1 ตั้งแต่ช่วงหลังปีใหม่ 2568 ด้วย นอกจากนี้ยังจะกล่าวเพิ่มเติมถึงรายละเอียดในเรื่องคดีน้องแตงโม นิดา รวมถึง MOU2544 และสถานการณ์ทางการเมืองด้วย
.
คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=lqZn4cgq5oEสนธิเล่าเรื่อง 16-12-67 . เช้าวันจันทร์ อากาศดี คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะเล่าถึงเรื่องที่ได้พบกับ ดร.เสรี วงษ์มณฑา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา โดย อ.เสรีจะมาเริ่มจัดรายการที่ NEWS1 ตั้งแต่ช่วงหลังปีใหม่ 2568 ด้วย นอกจากนี้ยังจะกล่าวเพิ่มเติมถึงรายละเอียดในเรื่องคดีน้องแตงโม นิดา รวมถึง MOU2544 และสถานการณ์ทางการเมืองด้วย . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=lqZn4cgq5oE - สงครามในโลกไซ-ไฟ กลายเป็นจริง!
นักวิจัยจีนหาวิธี ยิงเลเซอร์จากโดรน
"ลำแสงทรงพลัง" ตัดผ่านเหล็กได้
.
วันนี้ (15 ธ.ค.) เว็บไซต์ South China Morning Post สื่อฮ่องกงรายงานว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมวิจัยซึ่งนำโดย หลี่ เซียว (李霄) ผู้ช่วยนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมออปโตอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันประเทศแห่งชาติ (国防科技大学) กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Acta Armamentarii ว่า
.
"ลำแสงเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากโดรน เลเซอร์อินฟราเรดใกล้ (Near-infrared laser) ที่มีความยาวคลื่น 1,080 นาโนเมตร สามารถทำให้ตาบอดได้เมื่อใช้พลังงานเพียง 5 ไมโครวัตต์ ความเข้มของลำแสงที่เข้าตาทหารเหล่านี้มีมากกว่า 200 ล้านเท่า ซึ่งสูงถึง 1 กิโลวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร หากผิวหนังที่ถูกยิงโดน ไขมันใต้ผิวหนังจะระเหยไปในทันที โดยเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอที่จะ 'ตัดผ่านโลหะได้' "
.
อีเมลของ หลี่ เซียว ที่ใช้ชื่อขึ้นต้นว่า "crazy.li" แสดงให้เห็นถึงความคิดที่แหวกแนวของเขา โดยก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้นั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการสร้างลำแสงเลเซอร์ที่มีความสามารถในการล่าสังหารจากระยะไกล โดยปกติแล้วต้องใช้อุปกรณ์ในการผลิตลำแสงขนาดใหญ่ราว ๆ รถบรรทุก ซึ่งจักรกลขนาดเล็กอย่างโดรนนั้นไม่สามารถบรรทุกอาวุธเลเซอร์ที่มีพลังสูง และอุปกรณ์จ่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องได้
.
โดยหลี่ และทีมงานของเขา ได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางขนาดเล็ก และมีน้ำหนักเบาที่ช่วยให้โดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้สามารถรับลำแสงที่มีพลังสูงจากพื้นดินและสะท้อนไปยังเป้าหมายของศัตรูได้ โดยวิธีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังเลเซอร์ที่โดรนปล่อยออกมาเป็น 30 กิโลวัตต์หรือสูงกว่านั้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลำแสงโค้งงอในท้องฟ้าได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง เช่น อาคาร และโจมตีเป้าหมายในจุดที่เปราะบางที่สุดได้อีกด้วย
.
“ในอนาคต โดรนหลายลำสามารถติดตั้งอุปกรณ์นี้เพื่อตรวจจับเป้าหมาย แล้วร้องขอลำแสงจากภาคพื้น (ตามภาพประกอบ) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองได้มากขึ้น” ทีมงานระบุในงานวิจัย
.
สำหรับ ส่วนประกอบหลักของอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางนั้นเป็น ท่อคล้ายกล้องโทรทรรศน์สองท่อ โดย "ท่อรับ" จะหันไปทางเครื่องส่งเลเซอร์ฝ่ายเดียวกันที่อยู่บนพื้น และ "ท่อสะท้อนแสง" ซึ่งจะชี้ตรงไปยังเป้าหมาย ซึ่งเป็นฝั่งศัตรู
.
การเคลื่อนไหวของท่อควบคุมด้วยกลไกเซอร์โวปรับระดับความสูงที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ และแท่นหมุนแนวราบ และเส้นทางแสงระหว่างท่อทั้งสองเชื่อมต่อกันด้วยกระจกสะท้อนแสงประสิทธิภาพสูง
.
ปัญหาหลักอีกประการของวิธีการนี้ คือ แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นระหว่างการบินของโดรน ซึ่งอาจทำให้ลำแสงเลเซอร์กระจัดกระจาย และลดความรุนแรงของลำแสงลงได้ ดังนั้น อุปกรณ์จะต้องมีเทคโนโลยีป้องกันการสั่นสะเทือนที่ดีเยี่ยม ทีมงานของหลี่ระบุ
.
นอกจากนี้ การล็อกเส้นทางแสงระหว่างโดรน และตัวปล่อยภาคพื้นดินอย่างแน่นหนายังต้องใช้เทคโนโลยีบีคอนออปติกชั้นยอด (first-rate optical beacon) อีกด้วย โดยปัญหาทางเทคนิคเหล่านี้ส่วนใหญ่ นักวิจัยชาวจีนได้หาทางแก้ไขได้แล้ว
.
อนึ่ง จีนเคยส่งดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศในปี 2559 โดยเปลี่ยนเทคโนโลยีการเล็งด้วยเลเซอร์ระยะไกลเป็นพิเศษ (ultra-long-distance laser aiming technology) จากนวนิยายวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นความจริงได้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการซิงโครไนซ์เวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการประสานงานระหว่างแพลตฟอร์มอาวุธอัจฉริยะได้อย่างมาก
.
สิ่งนี้ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงของเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่ง เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เช่น การรวมคลื่นไมโครเวฟ หรือ เลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากแพลตฟอร์มต่างๆ ให้กลายเป็นลำแสงพลังงานสูงบนท้องฟ้า เป็นต้น
.
.
.
เรียบเรียงจาก >> https://www.scmp.com/news/china/science/article/3290461/chinese-laser-scientist-crazy-li-arms-small-drones-metal-cutting-beam
สงครามในโลกไซ-ไฟ กลายเป็นจริง! นักวิจัยจีนหาวิธี ยิงเลเซอร์จากโดรน "ลำแสงทรงพลัง" ตัดผ่านเหล็กได้ . วันนี้ (15 ธ.ค.) เว็บไซต์ South China Morning Post สื่อฮ่องกงรายงานว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ทีมวิจัยซึ่งนำโดย หลี่ เซียว (李霄) ผู้ช่วยนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมออปโตอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันประเทศแห่งชาติ (国防科技大学) กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้เผยแพร่งานวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Acta Armamentarii ว่า . "ลำแสงเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากโดรน เลเซอร์อินฟราเรดใกล้ (Near-infrared laser) ที่มีความยาวคลื่น 1,080 นาโนเมตร สามารถทำให้ตาบอดได้เมื่อใช้พลังงานเพียง 5 ไมโครวัตต์ ความเข้มของลำแสงที่เข้าตาทหารเหล่านี้มีมากกว่า 200 ล้านเท่า ซึ่งสูงถึง 1 กิโลวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร หากผิวหนังที่ถูกยิงโดน ไขมันใต้ผิวหนังจะระเหยไปในทันที โดยเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอที่จะ 'ตัดผ่านโลหะได้' " . อีเมลของ หลี่ เซียว ที่ใช้ชื่อขึ้นต้นว่า "crazy.li" แสดงให้เห็นถึงความคิดที่แหวกแนวของเขา โดยก่อนหน้านี้สิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้นั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการสร้างลำแสงเลเซอร์ที่มีความสามารถในการล่าสังหารจากระยะไกล โดยปกติแล้วต้องใช้อุปกรณ์ในการผลิตลำแสงขนาดใหญ่ราว ๆ รถบรรทุก ซึ่งจักรกลขนาดเล็กอย่างโดรนนั้นไม่สามารถบรรทุกอาวุธเลเซอร์ที่มีพลังสูง และอุปกรณ์จ่ายพลังงานที่เกี่ยวข้องได้ . โดยหลี่ และทีมงานของเขา ได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางขนาดเล็ก และมีน้ำหนักเบาที่ช่วยให้โดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้สามารถรับลำแสงที่มีพลังสูงจากพื้นดินและสะท้อนไปยังเป้าหมายของศัตรูได้ โดยวิธีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังเลเซอร์ที่โดรนปล่อยออกมาเป็น 30 กิโลวัตต์หรือสูงกว่านั้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลำแสงโค้งงอในท้องฟ้าได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง เช่น อาคาร และโจมตีเป้าหมายในจุดที่เปราะบางที่สุดได้อีกด้วย . “ในอนาคต โดรนหลายลำสามารถติดตั้งอุปกรณ์นี้เพื่อตรวจจับเป้าหมาย แล้วร้องขอลำแสงจากภาคพื้น (ตามภาพประกอบ) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองได้มากขึ้น” ทีมงานระบุในงานวิจัย . สำหรับ ส่วนประกอบหลักของอุปกรณ์เปลี่ยนทิศทางนั้นเป็น ท่อคล้ายกล้องโทรทรรศน์สองท่อ โดย "ท่อรับ" จะหันไปทางเครื่องส่งเลเซอร์ฝ่ายเดียวกันที่อยู่บนพื้น และ "ท่อสะท้อนแสง" ซึ่งจะชี้ตรงไปยังเป้าหมาย ซึ่งเป็นฝั่งศัตรู . การเคลื่อนไหวของท่อควบคุมด้วยกลไกเซอร์โวปรับระดับความสูงที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ และแท่นหมุนแนวราบ และเส้นทางแสงระหว่างท่อทั้งสองเชื่อมต่อกันด้วยกระจกสะท้อนแสงประสิทธิภาพสูง . ปัญหาหลักอีกประการของวิธีการนี้ คือ แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นระหว่างการบินของโดรน ซึ่งอาจทำให้ลำแสงเลเซอร์กระจัดกระจาย และลดความรุนแรงของลำแสงลงได้ ดังนั้น อุปกรณ์จะต้องมีเทคโนโลยีป้องกันการสั่นสะเทือนที่ดีเยี่ยม ทีมงานของหลี่ระบุ . นอกจากนี้ การล็อกเส้นทางแสงระหว่างโดรน และตัวปล่อยภาคพื้นดินอย่างแน่นหนายังต้องใช้เทคโนโลยีบีคอนออปติกชั้นยอด (first-rate optical beacon) อีกด้วย โดยปัญหาทางเทคนิคเหล่านี้ส่วนใหญ่ นักวิจัยชาวจีนได้หาทางแก้ไขได้แล้ว . อนึ่ง จีนเคยส่งดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศในปี 2559 โดยเปลี่ยนเทคโนโลยีการเล็งด้วยเลเซอร์ระยะไกลเป็นพิเศษ (ultra-long-distance laser aiming technology) จากนวนิยายวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นความจริงได้ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการซิงโครไนซ์เวลาที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษบนอุปกรณ์พกพา ซึ่งช่วยปรับปรุงความแม่นยำในการประสานงานระหว่างแพลตฟอร์มอาวุธอัจฉริยะได้อย่างมาก . สิ่งนี้ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างใหญ่หลวงของเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่ง เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เช่น การรวมคลื่นไมโครเวฟ หรือ เลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากแพลตฟอร์มต่างๆ ให้กลายเป็นลำแสงพลังงานสูงบนท้องฟ้า เป็นต้น . . . เรียบเรียงจาก >> https://www.scmp.com/news/china/science/article/3290461/chinese-laser-scientist-crazy-li-arms-small-drones-metal-cutting-beam - บูรพาไม่แพ้ Ep.99 : ญี่ปุ่นขึ้น VAT อย่างไร ให้ประชาชนพอรับได้ ?
.
พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ตอนนี้ พาไปสำรวจอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา รวมทั้งมีกรณีศึกษาการขึ้นภาษีของญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีหนี้สาธารณะที่สุดในโลกนั้น แต่ยังเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 10% นั้นทำได้อย่างไร และรัฐบาลญี่ปุ่นมีเส้นทางการขึ้นภาษีอย่างไร ที่ประชาชนยอมรับได้ ...
.
คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=E-p2HDZieKEบูรพาไม่แพ้ Ep.99 : ญี่ปุ่นขึ้น VAT อย่างไร ให้ประชาชนพอรับได้ ? . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ตอนนี้ พาไปสำรวจอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบกับบ้านเรา รวมทั้งมีกรณีศึกษาการขึ้นภาษีของญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีหนี้สาธารณะที่สุดในโลกนั้น แต่ยังเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 10% นั้นทำได้อย่างไร และรัฐบาลญี่ปุ่นมีเส้นทางการขึ้นภาษีอย่างไร ที่ประชาชนยอมรับได้ ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=E-p2HDZieKE - สนธิเล่าเรื่อง 11-12-67
.
วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าถึง กรณีเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา กับการเดินทงไปยื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ถ.พิษณุโลก เกี่ยวกับกรณีการเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้ยกเลิก MOU 44 และ JC 44 และหลายๆ เรื่องที่บรรดาลิ่วล้อทักษิณ รวมถึงพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้
.
นอกจากนี้คุณสนธิจะเกริ่นถึงปมปัญหาหนี่งที่คาใจคนในสังคมมาอย่างยาวนานหลายปีก็คือ ปกการเสียชีวิตอย่างปริศนาของ ดาราสาว "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 แต่ทุกวันนี้สาเหตุของการเสียชีวิตก็ยังคาใจคนในสังคมอยู่ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคุณสนธิ นั้นรู้จักและสนิทสนมกับคุณพ่อของน้องแตงโม และรู้จักน้องแตงโมมาตั้งแต่เด็ก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน
.
คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=DK6SkJ5N7HM
สนธิเล่าเรื่อง 11-12-67 . วันนี้คุณสนธิจะมาเล่าถึง กรณีเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา กับการเดินทงไปยื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ถ.พิษณุโลก เกี่ยวกับกรณีการเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้ยกเลิก MOU 44 และ JC 44 และหลายๆ เรื่องที่บรรดาลิ่วล้อทักษิณ รวมถึงพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ . นอกจากนี้คุณสนธิจะเกริ่นถึงปมปัญหาหนี่งที่คาใจคนในสังคมมาอย่างยาวนานหลายปีก็คือ ปกการเสียชีวิตอย่างปริศนาของ ดาราสาว "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 แต่ทุกวันนี้สาเหตุของการเสียชีวิตก็ยังคาใจคนในสังคมอยู่ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคุณสนธิ นั้นรู้จักและสนิทสนมกับคุณพ่อของน้องแตงโม และรู้จักน้องแตงโมมาตั้งแต่เด็ก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=DK6SkJ5N7HM - สิงคโปร์กำลังจะหายไปจริงไหม? ... แล้วไทยล่ะ
.
เป็นเรื่องขึ้นมาทันที เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา "อีลอน มัสก์" มหาเศรษฐีระดับโลกผู้ก่อตั้ง เทสลา, Space X และเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X รีทวีตข่าวระบุหัวข้อว่า "วิกฤตเด็กแรกเกิดในสิงคโปร์ : หุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยแก้ไขได้หรือไม่? (🇸🇬 SINGAPORE’S BABY CRISIS: WILL ROBOTS SAVE THE DAY?)" พร้อมกันนั้น มัสก์ได้เขียนข้อความเสริมด้วยว่า
.
"สิงคโปร์ (และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ) กำลังจะหายไป (Singapore (and many other countries) are going extinct)"
.
เมื่อย้อนไปดูต้นทางของข่าวนี้พบว่ามาจากรายงานข่าวของนิตยสารนิวส์วีค (Newsweek) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ที่ระบุว่า จำนวนแรงงานของประเทศสิงคโปร์นั้นหดตัวลง 3 ปีติดต่อกัน ท่ามกลางการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราการเกิด
.
"จากรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ (Ministry of Manpower; MOM) ชี้ให้เห็นว่า ในปีนี้ สัดส่วนของประชากรสิงคโปร์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เข้าสู่ตลาดแรงงานลดลงเล็กน้อยเหลือ 68.2% จาก 68.6 % ในปี 2023" รายงานของนิวส์วีกระบุ และยังชี้ให้เห็นด้วยว่า
.
ทุกวันนี้ อัตราการเกิดของสิงคโปร์ (Total Fertility Rate หรือ TFR) นั้นลดลงต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เหลือเพียง 0.97 คนต่อผู้หญิง 1 คน ซึ่งตัวเลข TFR ดังกล่าวนั้นต่ำกว่า 2.1 คน ซึ่งเป็นระดับที่จำเป็นต่อการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่ นั่นแปลว่า ผู้สูงอายุมากขึ้น คนงานน้อยลง และกำลังแรงงานลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โรงงานไปจนถึงบริการส่งอาหาร
.
นอกจากนี้ยัง มีการคาดหมายกันว่า ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) หรืออีก 6 ปีข้างหน้นี้เอง ชาวสิงคโปร์เกือบ 1 ใน 4 จะมีอายุมากกว่า 65 ปี และอัตราส่วนของคนทำงานก็จะลดลง เหลือคนทำงาน 4 คนต่อผู้สูงอายุ 1 คนเท่านั้น (เปรียบเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน คือ ในปี 2557 ซึ่งอัตราส่วนคนทำงาน 6 คน ต่อผู้สูงอายุ 1 คน)
.
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสิงคโปร์จึงพยายามกำลังเร่งรัดให้มีการจ้างผู้สูงอายุให้มากขึ้น และในบางงานก็ปรับมาใช้หุ่นยนต์แทน ทำให้ทุกวันนี้สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของหุ่นยนต์ช่วยทำงานสูงเป็นอันดับสองของโลก
.
เมื่อทวีตดังกล่าวเผยแพร่ออกไป บัญชี X ของ Global Statistics ก็ให้ข้อมูลเสริมขึ้นมาว่า ในบรรดาประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลงรวดเร็วที่สุดในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ ค.ศ.1950-2024) นั้นใน 5 อันดับแรกมีรายชื่อของประเทศไทยอยู่ด้วย โดยประเทศ 5 อันดับแรก ที่มีอัตราการเกิดลดลงมากที่สุดในช่วง 7 ทศวรรษครึ่งที่ผ่านมาประกอบไปด้วย
.
1. เกาหลีใต้ 88%
2. จีน 83%
3. ไทย 81%
4. ญี่ปุ่น 80%
5. อิหร่าน 75%
.
แล้ว คุณมองประเด็นนี้ยังไง? ประเทศไทยกำลังจะหายไปเหมือนสิงคโปร์ไหม? ... หรือจริง ๆ แล้วคนไทยไม่ต้องกังวล เพราะทุกวันนี้ยังไงแรงงานไทยถูกแทนที่ด้วยแรงงานพม่า ลาว เขมร ไปหมดอยู่แล้ว 🫥🧐😆😵
.
.
ที่มา >> Singapore Gets Bad News Amid Sinking Birth Rate
https://www.newsweek.com/singapore-bad-news-sinking-birth-rate-1994530
สิงคโปร์กำลังจะหายไปจริงไหม? ... แล้วไทยล่ะ . เป็นเรื่องขึ้นมาทันที เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา "อีลอน มัสก์" มหาเศรษฐีระดับโลกผู้ก่อตั้ง เทสลา, Space X และเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X รีทวีตข่าวระบุหัวข้อว่า "วิกฤตเด็กแรกเกิดในสิงคโปร์ : หุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยแก้ไขได้หรือไม่? (🇸🇬 SINGAPORE’S BABY CRISIS: WILL ROBOTS SAVE THE DAY?)" พร้อมกันนั้น มัสก์ได้เขียนข้อความเสริมด้วยว่า . "สิงคโปร์ (และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ) กำลังจะหายไป (Singapore (and many other countries) are going extinct)" . เมื่อย้อนไปดูต้นทางของข่าวนี้พบว่ามาจากรายงานข่าวของนิตยสารนิวส์วีค (Newsweek) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ที่ระบุว่า จำนวนแรงงานของประเทศสิงคโปร์นั้นหดตัวลง 3 ปีติดต่อกัน ท่ามกลางการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราการเกิด . "จากรายงานล่าสุดของกระทรวงแรงงานสิงคโปร์ (Ministry of Manpower; MOM) ชี้ให้เห็นว่า ในปีนี้ สัดส่วนของประชากรสิงคโปร์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เข้าสู่ตลาดแรงงานลดลงเล็กน้อยเหลือ 68.2% จาก 68.6 % ในปี 2023" รายงานของนิวส์วีกระบุ และยังชี้ให้เห็นด้วยว่า . ทุกวันนี้ อัตราการเกิดของสิงคโปร์ (Total Fertility Rate หรือ TFR) นั้นลดลงต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เหลือเพียง 0.97 คนต่อผู้หญิง 1 คน ซึ่งตัวเลข TFR ดังกล่าวนั้นต่ำกว่า 2.1 คน ซึ่งเป็นระดับที่จำเป็นต่อการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่ นั่นแปลว่า ผู้สูงอายุมากขึ้น คนงานน้อยลง และกำลังแรงงานลดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โรงงานไปจนถึงบริการส่งอาหาร . นอกจากนี้ยัง มีการคาดหมายกันว่า ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) หรืออีก 6 ปีข้างหน้นี้เอง ชาวสิงคโปร์เกือบ 1 ใน 4 จะมีอายุมากกว่า 65 ปี และอัตราส่วนของคนทำงานก็จะลดลง เหลือคนทำงาน 4 คนต่อผู้สูงอายุ 1 คนเท่านั้น (เปรียบเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน คือ ในปี 2557 ซึ่งอัตราส่วนคนทำงาน 6 คน ต่อผู้สูงอายุ 1 คน) . ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสิงคโปร์จึงพยายามกำลังเร่งรัดให้มีการจ้างผู้สูงอายุให้มากขึ้น และในบางงานก็ปรับมาใช้หุ่นยนต์แทน ทำให้ทุกวันนี้สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของหุ่นยนต์ช่วยทำงานสูงเป็นอันดับสองของโลก . เมื่อทวีตดังกล่าวเผยแพร่ออกไป บัญชี X ของ Global Statistics ก็ให้ข้อมูลเสริมขึ้นมาว่า ในบรรดาประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลงรวดเร็วที่สุดในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ ค.ศ.1950-2024) นั้นใน 5 อันดับแรกมีรายชื่อของประเทศไทยอยู่ด้วย โดยประเทศ 5 อันดับแรก ที่มีอัตราการเกิดลดลงมากที่สุดในช่วง 7 ทศวรรษครึ่งที่ผ่านมาประกอบไปด้วย . 1. เกาหลีใต้ 88% 2. จีน 83% 3. ไทย 81% 4. ญี่ปุ่น 80% 5. อิหร่าน 75% . แล้ว คุณมองประเด็นนี้ยังไง? ประเทศไทยกำลังจะหายไปเหมือนสิงคโปร์ไหม? ... หรือจริง ๆ แล้วคนไทยไม่ต้องกังวล เพราะทุกวันนี้ยังไงแรงงานไทยถูกแทนที่ด้วยแรงงานพม่า ลาว เขมร ไปหมดอยู่แล้ว 🫥🧐😆😵 . . ที่มา >> Singapore Gets Bad News Amid Sinking Birth Rate https://www.newsweek.com/singapore-bad-news-sinking-birth-rate-1994530WWW.NEWSWEEK.COMSingapore gets bad news amid sinking birth rateDespite its graying population, the city-state boasts a higher workforce participation rate than many major cities, including New York. - บูรพาไม่แพ้ Ep.98 : ทำไม “แบรนด์ต่างชาติ” ถึงพ่ายแพ้ในจีน ?
.
ทุกวันนี้ คนที่ไปเที่ยวเมืองจีนก็จะพบว่า มีร้านที่เป็นแบรนด์ของจีนเองมากมาย, ส่วนคนจีนเองก็นิยมสินค้าแบรนด์จีนเพิ่มขึ้น และที่สำคัญก็คือ มีรายงานข่าวที่ระบุว่า สินค้าแบรนด์ต่างชาติกำลังเผชิญความยากลำบากในตลาดจีน พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ เราจะเล่าถึงสถานการณ์ที่สินค้าแบรนด์ต่างชาติอาจจะพ่ายแพ้ในตลาดจีน รวมถึงจะลองสำรวจว่า สินค้าประเภทต่าง ๆ นั้นมี “แบรนด์” อะไรบ้างที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในประเทศจีน ?
.
คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=DFmX3uAbQr8บูรพาไม่แพ้ Ep.98 : ทำไม “แบรนด์ต่างชาติ” ถึงพ่ายแพ้ในจีน ? . ทุกวันนี้ คนที่ไปเที่ยวเมืองจีนก็จะพบว่า มีร้านที่เป็นแบรนด์ของจีนเองมากมาย, ส่วนคนจีนเองก็นิยมสินค้าแบรนด์จีนเพิ่มขึ้น และที่สำคัญก็คือ มีรายงานข่าวที่ระบุว่า สินค้าแบรนด์ต่างชาติกำลังเผชิญความยากลำบากในตลาดจีน พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในตอนนี้ เราจะเล่าถึงสถานการณ์ที่สินค้าแบรนด์ต่างชาติอาจจะพ่ายแพ้ในตลาดจีน รวมถึงจะลองสำรวจว่า สินค้าประเภทต่าง ๆ นั้นมี “แบรนด์” อะไรบ้างที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ในประเทศจีน ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=DFmX3uAbQr8 - สนธิเล่าเรื่อง 4-12-67
.
หลังจากวันจัน่ทร์เว้น "สนธิเล่าเรื่อง" ไปหนึ่งวันเนื่องจากคุณสนธิต้องเดินทางไปขึ้นศาลที่ จ.เลย วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องจะมาเล่าทั้งเรื่องการเดินทางไปที่ จ.เลย เพื่อขึ้นศาลคดีมินนี่ เจ้าแม่เว็บพนันฟ้อง, เรื่อง MOU2544 รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่กำลังร้อนระอุ
.
คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=C-cfUQ7AlQsสนธิเล่าเรื่อง 4-12-67 . หลังจากวันจัน่ทร์เว้น "สนธิเล่าเรื่อง" ไปหนึ่งวันเนื่องจากคุณสนธิต้องเดินทางไปขึ้นศาลที่ จ.เลย วันนี้คุณสนธิมีหลายเรื่องจะมาเล่าทั้งเรื่องการเดินทางไปที่ จ.เลย เพื่อขึ้นศาลคดีมินนี่ เจ้าแม่เว็บพนันฟ้อง, เรื่อง MOU2544 รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่กำลังร้อนระอุ . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=C-cfUQ7AlQs - “เฉพาะผู้ที่มีวินัยเท่านั้น จึงจะเป็นอิสระในชีวิต หากคุณไม่มีวินัย คุณจะเป็นทาสของอารมณ์ และความลุ่มหลงหลงใหลของตัวเอง (Only the disciplined ones in life are free. If you are undisciplined, you are a slave to your moods and your passions.)” --- Eliud Kipchoge
.
ไม่ได้ไปลงงานวิ่ง ATM กับเขาหรอกครับ (เพราะถนัดวิ่งแถวบ้านมากกว่า 555) แต่รู้สึกชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของนักวิ่งทุกท่าน ในทุกระยะ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ขณะเดียวกันส่วนตัวผมก็ชื่นชอบ "คิปโชเก" มาหลายปีแล้ว (นอกจากชื่นชอบมุราคามิ นักวิ่งชาวญี่ปุ่นที่เขียนหนังสือได้นิดหน่อย 😆)
.
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลได้มากที่สุดจากการติดตามคิปโชเก ไม่ใช่สถิติ หรือเทคนิคการวิ่งของคิปโชเก (เพราะเราคงทำไม่ได้) แต่เป็นแนวคิดที่สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม ขอบคุณคำพูดของแกที่เป็นแรงกระตุ้นให้เราตื่น และออกไปวิ่งได้ในทุก ๆ เช้า 🙏🌄“เฉพาะผู้ที่มีวินัยเท่านั้น จึงจะเป็นอิสระในชีวิต หากคุณไม่มีวินัย คุณจะเป็นทาสของอารมณ์ และความลุ่มหลงหลงใหลของตัวเอง (Only the disciplined ones in life are free. If you are undisciplined, you are a slave to your moods and your passions.)” --- Eliud Kipchoge . ไม่ได้ไปลงงานวิ่ง ATM กับเขาหรอกครับ (เพราะถนัดวิ่งแถวบ้านมากกว่า 555) แต่รู้สึกชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของนักวิ่งทุกท่าน ในทุกระยะ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ขณะเดียวกันส่วนตัวผมก็ชื่นชอบ "คิปโชเก" มาหลายปีแล้ว (นอกจากชื่นชอบมุราคามิ นักวิ่งชาวญี่ปุ่นที่เขียนหนังสือได้นิดหน่อย 😆) . ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลได้มากที่สุดจากการติดตามคิปโชเก ไม่ใช่สถิติ หรือเทคนิคการวิ่งของคิปโชเก (เพราะเราคงทำไม่ได้) แต่เป็นแนวคิดที่สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม ขอบคุณคำพูดของแกที่เป็นแรงกระตุ้นให้เราตื่น และออกไปวิ่งได้ในทุก ๆ เช้า 🙏🌄 - ขู่ BRICS! "ทรัมป์" ลั่นใครทิ้งดอลลาร์ เจอขึ้นภาษี 100%
.
วันนี้ (1 ธ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยระบุถึงสถานการณ์ทีประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่นำโดย จีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ พยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าขาย โดยทรัมป์ระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อกลุ่มประเทศเหล่านี้
.
"จากแนวคิดของกลุ่มประเทศ BRICS ที่กำลังมีความพยายามในการเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น สหรัฐฯ จะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป เราต้องการคำมั่นสัญญาจากประเทศเหล่านี้ว่าพวกเขาจะไม่สร้างสกุลเงิน BRICS ขึ้นมาใหม่ หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นใดเพื่อมาแทนที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เกรียงไกร (mighty dollar) มิฉะนั้น พวกเขาจะต้องเผชิญภาษีนำเข้า 100%" ทรัมป์ระบุ
.
นอกจากนี้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2568 ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้หากยังดื้อดึงประเทศเหล่านี้ จะต้องโบกมือลาการขายสินค้าให้กับเศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ โดยพวกเขาสามารถไปหา "พวกห่วยแตก (sucker)" รายอื่นแทนได้ แต่ไม่มีโอกาสที่เงินสกุล BRICS จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศ และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำอย่างนั้นก็ควรโบกมือลาสหรัฐอเมริกาไปเสีย
.
ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ในการประชุม BRICS Summit 2024 จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการออกแถลงการณ์ที่ชื่อว่า “ปฏิญญาคาซาน” (Kazan Declaration) โดย แถลงการณ์ดังกล่าวมีมติรับ “พันธมิตรหุ้นส่วน (Partner Countries)” จำนวน 13 ประเทศ แม้ว่ายังไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มตัว แต่จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดวางตำแหน่งทางการเมือง ประกอบด้วยอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและเวียดนาม รวมถึงแอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา คาซัคสถาน ไนจีเรีย ทูร์เคีย ยูกันดา และอุซเบกิสถานด้วย
.
คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000115463ขู่ BRICS! "ทรัมป์" ลั่นใครทิ้งดอลลาร์ เจอขึ้นภาษี 100% . วันนี้ (1 ธ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยระบุถึงสถานการณ์ทีประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่นำโดย จีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ พยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าขาย โดยทรัมป์ระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อกลุ่มประเทศเหล่านี้ . "จากแนวคิดของกลุ่มประเทศ BRICS ที่กำลังมีความพยายามในการเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น สหรัฐฯ จะไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป เราต้องการคำมั่นสัญญาจากประเทศเหล่านี้ว่าพวกเขาจะไม่สร้างสกุลเงิน BRICS ขึ้นมาใหม่ หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นใดเพื่อมาแทนที่ ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เกรียงไกร (mighty dollar) มิฉะนั้น พวกเขาจะต้องเผชิญภาษีนำเข้า 100%" ทรัมป์ระบุ . นอกจากนี้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2568 ยังระบุด้วยว่า นอกจากนี้หากยังดื้อดึงประเทศเหล่านี้ จะต้องโบกมือลาการขายสินค้าให้กับเศรษฐกิจอันยอดเยี่ยมของสหรัฐฯ โดยพวกเขาสามารถไปหา "พวกห่วยแตก (sucker)" รายอื่นแทนได้ แต่ไม่มีโอกาสที่เงินสกุล BRICS จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศ และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำอย่างนั้นก็ควรโบกมือลาสหรัฐอเมริกาไปเสีย . ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ในการประชุม BRICS Summit 2024 จัดขึ้นที่เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย มีการออกแถลงการณ์ที่ชื่อว่า “ปฏิญญาคาซาน” (Kazan Declaration) โดย แถลงการณ์ดังกล่าวมีมติรับ “พันธมิตรหุ้นส่วน (Partner Countries)” จำนวน 13 ประเทศ แม้ว่ายังไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มตัว แต่จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้นในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดวางตำแหน่งทางการเมือง ประกอบด้วยอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและเวียดนาม รวมถึงแอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา คาซัคสถาน ไนจีเรีย ทูร์เคีย ยูกันดา และอุซเบกิสถานด้วย . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000115463SONDHITALK.COMขู่ BRICS! "ทรัมป์" ใครทิ้งดอลลาร์ เจอขึ้นภาษี 100%วันนี้ (1 ธ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยระบุถึงสถานการณ์ทีประเทศในกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่นำโดย จีน รัสเซีย บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ พยายามลดการใช้เงินดอลลาร์สหร
เรื่องราวเพิ่มเติม