• เที่ยวจีน คุนหมิง ภูเขาหิมะเจียวจื่อ ❄
    เดินทาง ธ.ค. 68 - มี.ค. 69 10,999

    🗓 จำนวนวัน 4 วัน 3 คืน
    ✈ KY-คุนหมิงแอร์ไลน์
    พักโรงแรม

    ภูเขาเจียวจื่อซาน (รวมกระเช้า+รถแบตเตอร์รี่)
    น้ำตกคุนหมิง
    ไร่สตรอว์เบอร์รี
    เขี่อนไห่เกิง
    ซุ้มประตูม้าทองไก่มรกต

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จีน #คุนหมิง #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวจีน คุนหมิง ภูเขาหิมะเจียวจื่อ ❄ 🗓️ เดินทาง ธ.ค. 68 - มี.ค. 69 😍 10,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 4 วัน 3 คืน ✈ KY-คุนหมิงแอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 ภูเขาเจียวจื่อซาน (รวมกระเช้า+รถแบตเตอร์รี่) 📍 น้ำตกคุนหมิง 📍 ไร่สตรอว์เบอร์รี 📍 เขี่อนไห่เกิง 📍 ซุ้มประตูม้าทองไก่มรกต รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จีน #คุนหมิง #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จับตาประชุม ครม. วันนี้! คาดมีมติให้นายกฯ ทำหนังสือขอรัฐสภาเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 155 ระหว่างวันที่ 24–26 ธ.ค.นี้ เพื่อชิงตัดหน้า “เพื่อไทย” ที่เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
    .
    รายงานข่าวระบุว่า เวทีอภิปรายครั้งนี้จะถูกใช้เพื่อชี้แจงประเด็นความมั่นคง–เศรษฐกิจ พร้อมกับวางไทม์ไลน์ยุบสภา คาดอยู่ช่วงกลางเดือน ม.ค. 69
    .
    ด้านวาระ ครม. วันนี้ มีเรื่องเพื่อพิจารณา 10 เรื่อง และมีรัฐมนตรีลาประชุมเพิ่ม 1 ราย คือ รมว.ท่องเที่ยวฯ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000118092
    .
    #News1live #News1 #ครม #สภา #อภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ #มาตรา155 #เพื่อไทย #การเมืองไทย
    จับตาประชุม ครม. วันนี้! คาดมีมติให้นายกฯ ทำหนังสือขอรัฐสภาเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 155 ระหว่างวันที่ 24–26 ธ.ค.นี้ เพื่อชิงตัดหน้า “เพื่อไทย” ที่เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล . รายงานข่าวระบุว่า เวทีอภิปรายครั้งนี้จะถูกใช้เพื่อชี้แจงประเด็นความมั่นคง–เศรษฐกิจ พร้อมกับวางไทม์ไลน์ยุบสภา คาดอยู่ช่วงกลางเดือน ม.ค. 69 . ด้านวาระ ครม. วันนี้ มีเรื่องเพื่อพิจารณา 10 เรื่อง และมีรัฐมนตรีลาประชุมเพิ่ม 1 ราย คือ รมว.ท่องเที่ยวฯ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000118092 . #News1live #News1 #ครม #สภา #อภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ #มาตรา155 #เพื่อไทย #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • โศกนาฏกรรมเพนกวินแอฟริกา 62,000 ตัวตายเพราะอดอาหาร

    งานวิจัยใหม่เผยให้เห็นการลดลงอย่างรุนแรงของประชากร เพนกวินแอฟริกา (African penguin) บริเวณชายฝั่งแอฟริกาใต้ ระหว่างปี 2004–2011 มีเพนกวินโตเต็มวัยกว่า 62,000 ตัว เสียชีวิตจากการอดอาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการทำประมงที่เข้มข้นเกินไป

    สาเหตุหลักของการอดอาหาร
    ปริมาณ ปลาซาร์ดีน (Sardinops sagax) ซึ่งเป็นอาหารหลักของเพนกวิน ลดลงเหลือเพียง 25% ของระดับสูงสุด
    การเปลี่ยนแปลงของ อุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเล จากภาวะโลกร้อน ทำให้ปลาลดจำนวนลง
    อัตราการจับปลาซาร์ดีนสูงถึง 80% ในปี 2006 ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้เพนกวินไม่สามารถสะสมพลังงานก่อนการผลัดขน (molt) ได้

    ผลกระทบต่อประชากรเพนกวิน
    การอดอาหารครั้งใหญ่ส่งผลให้ประชากรเพนกวินแอฟริกาลดลงถึง 95% ภายใน 8 ปี และในปี 2024 เหลือเพียง ไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ ทำให้ถูกจัดอยู่ในสถานะ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ (Critically Endangered) หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าเพนกวินแอฟริกาอาจ สูญพันธุ์ภายในทศวรรษหน้า

    ความหมายต่อระบบนิเวศและมนุษย์
    การสูญเสียเพนกวินไม่ใช่เพียงการหายไปของสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ยังสะท้อนถึงการล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลที่เชื่อมโยงกับมนุษย์โดยตรง ทั้งการประมง การท่องเที่ยว และความสมดุลของสิ่งแวดล้อม นักวิจัยเสนอว่าการจัดการประมงที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งจำเป็น หากไม่ทำเช่นนั้น เราอาจเห็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์ทะเลต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การตายหมู่ของเพนกวินแอฟริกา
    62,000 ตัวตายจากการอดอาหารระหว่างปี 2004–2011

    สาเหตุหลัก
    ปลาซาร์ดีนลดลงเหลือ 25% จากเดิม
    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำประมงเกินขนาด

    ผลกระทบต่อประชากร
    ลดลง 95% ใน 8 ปี เหลือไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ในปี 2024

    ความหมายต่อระบบนิเวศ
    สะท้อนถึงวิกฤติสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นในการจัดการประมงอย่างยั่งยืน

    คำเตือนจากนักวิจัย
    เพนกวินแอฟริกาอาจสูญพันธุ์ภายใน 10 ปี หากไม่แก้ไขปัญหา

    ความเสี่ยงต่อมนุษย์
    การล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลจะกระทบต่อการประมงและเศรษฐกิจโดยตรง

    https://www.sciencealert.com/62000-penguins-starved-to-death-off-south-africas-coast-last-decade-heres-why
    🐧 โศกนาฏกรรมเพนกวินแอฟริกา 62,000 ตัวตายเพราะอดอาหาร งานวิจัยใหม่เผยให้เห็นการลดลงอย่างรุนแรงของประชากร เพนกวินแอฟริกา (African penguin) บริเวณชายฝั่งแอฟริกาใต้ ระหว่างปี 2004–2011 มีเพนกวินโตเต็มวัยกว่า 62,000 ตัว เสียชีวิตจากการอดอาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการทำประมงที่เข้มข้นเกินไป 🌊 สาเหตุหลักของการอดอาหาร 💠 ปริมาณ ปลาซาร์ดีน (Sardinops sagax) ซึ่งเป็นอาหารหลักของเพนกวิน ลดลงเหลือเพียง 25% ของระดับสูงสุด 💠 การเปลี่ยนแปลงของ อุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเล จากภาวะโลกร้อน ทำให้ปลาลดจำนวนลง 💠 อัตราการจับปลาซาร์ดีนสูงถึง 80% ในปี 2006 ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้เพนกวินไม่สามารถสะสมพลังงานก่อนการผลัดขน (molt) ได้ ⚠️ ผลกระทบต่อประชากรเพนกวิน การอดอาหารครั้งใหญ่ส่งผลให้ประชากรเพนกวินแอฟริกาลดลงถึง 95% ภายใน 8 ปี และในปี 2024 เหลือเพียง ไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ ทำให้ถูกจัดอยู่ในสถานะ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ (Critically Endangered) หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าเพนกวินแอฟริกาอาจ สูญพันธุ์ภายในทศวรรษหน้า 🌍 ความหมายต่อระบบนิเวศและมนุษย์ การสูญเสียเพนกวินไม่ใช่เพียงการหายไปของสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่ยังสะท้อนถึงการล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลที่เชื่อมโยงกับมนุษย์โดยตรง ทั้งการประมง การท่องเที่ยว และความสมดุลของสิ่งแวดล้อม นักวิจัยเสนอว่าการจัดการประมงที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งจำเป็น หากไม่ทำเช่นนั้น เราอาจเห็นการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์ทะเลต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การตายหมู่ของเพนกวินแอฟริกา ➡️ 62,000 ตัวตายจากการอดอาหารระหว่างปี 2004–2011 ✅ สาเหตุหลัก ➡️ ปลาซาร์ดีนลดลงเหลือ 25% จากเดิม ➡️ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำประมงเกินขนาด ✅ ผลกระทบต่อประชากร ➡️ ลดลง 95% ใน 8 ปี เหลือไม่ถึง 10,000 คู่เพาะพันธุ์ในปี 2024 ✅ ความหมายต่อระบบนิเวศ ➡️ สะท้อนถึงวิกฤติสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นในการจัดการประมงอย่างยั่งยืน ‼️ คำเตือนจากนักวิจัย ⛔ เพนกวินแอฟริกาอาจสูญพันธุ์ภายใน 10 ปี หากไม่แก้ไขปัญหา ‼️ ความเสี่ยงต่อมนุษย์ ⛔ การล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลจะกระทบต่อการประมงและเศรษฐกิจโดยตรง https://www.sciencealert.com/62000-penguins-starved-to-death-off-south-africas-coast-last-decade-heres-why
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    62,000 Penguins Starved to Death Off South Africa's Coast Last Decade. Here's Why.
    A brutal confluence of environmental change and human fishing habits left tens of thousands of adult African penguins off South Africa's coast without enough food to survive, reducing their population by around 95 percent in just eight years, a new study reveals.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • เงินบาท แข็งโป๊ก! เร่งสกัดธุรกรรมเทา : [Biz Talk]

    แข็งแล้ว แข็งอีก แข็งต่อ สวนทางเศรษฐกิจอ่อน /ค่าเงินบาทเปิดตลาด 8 ธ.ค.68 หลุด 32 บ. อยู่ที่ 31.94 บ./ดอลลาร์ฯ ภาคเอกชน ร้องกระทบขีดแข่งขันด้านส่งออก-ท่องเที่ยว /ธปท.จ่อเพิ่มมาตรการสกัดธุรกรรมเทา ลดผลกระทบบาทแข็ง
    เงินบาท แข็งโป๊ก! เร่งสกัดธุรกรรมเทา : [Biz Talk] แข็งแล้ว แข็งอีก แข็งต่อ สวนทางเศรษฐกิจอ่อน /ค่าเงินบาทเปิดตลาด 8 ธ.ค.68 หลุด 32 บ. อยู่ที่ 31.94 บ./ดอลลาร์ฯ ภาคเอกชน ร้องกระทบขีดแข่งขันด้านส่งออก-ท่องเที่ยว /ธปท.จ่อเพิ่มมาตรการสกัดธุรกรรมเทา ลดผลกระทบบาทแข็ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เที่ยวเฉิงตู ปี้เผิงโกว ❄ เดินทาง ม.ค. - มี.ค. 69 9,999

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    พักโรงแรม

    อุทยานปี้เผิงโกว
    ถนนคนเดินชุนซีลู่
    ถนนคนเดินไท่กู่หลี่

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวเฉิงตู ปี้เผิงโกว ❄🗓️ เดินทาง ม.ค. - มี.ค. 69 😍 9,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 อุทยานปี้เผิงโกว 📍 ถนนคนเดินชุนซีลู่ 📍 ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 7

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 7
    มันเป็นเรื่องน่าสมเพชมาก หลังจากกัดดาฟีเสียชีวิต อเมริกากับฝรั่งเศส ต่างออกมาอ้างว่าเป็นผลงานของตน อเมริกาบอก เครื่องโดรนของกู ยิงมันตายคาที่ ฝรั่งเศสบอกไม่ใช่ เครื่องบินของกู ทิ้งระเบิดทะลายมันก่อนต่างหาก
    แต่อังกฤษไม่เถียงกับใคร ยึดเงืนในบัญชีของกัดดาฟีที่ฝากไว้ที่ธนาคารในอังกฤษเรียบ ตัวเลขเท่าไหร่ อังกฤษเม้มปากแน่น เปิดปากเมื่อไหร่ ตัวหารมันจะแยะ ก็ดันขนกันไปกี่ชาติล่ะ เหมือนแร้งลง
    อเมริกาและนาโต้ ไปเอาข่าวมาจากไหนไม่รู้ว่า ไอ้ที่ตายเป็นตัวปลอม เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2012 เลยพากันกลับไปทิ้งระเบิดที่บริเวณบ้านใหญ่ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีอีกรอบใหญ่ แต่ก็ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย
    อเมริกายังไม่พอใจ ข่าวยังลือจัง งั้นถล่มมันไปเรื่อยๆ แล้วกัน อเมริกาส่งโดรนไปสำรวจทุกเมืองในลิเบีย สงสัยที่ไหนก็ทิ้งบอมบ์ที่นั่น ตามมาด้วย “คณะผู้รับเหมา” ทหารรับจ้าง บุกเข้าไปเก็บกวาดผู้ต้องสงสัย
    ส่วนอังกฤษ และฝรั่งเศส กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง รับหน้าที่เป็นหน่วยข่าวกรองเคลื่อนที่ ตามสืบความเคลื่อนไหว
    เอะ ไหนลงข่าวว่าตายแน่ ถึงกับลากศพมีรูถูกยิงที่หัวมาถ่ายรูปเอาไว้ ตอนนี้กลับลำ บอกไม่เชื่อว่าตายจริง เที่ยวตามรื้อ ตามค้น หากัดดาฟีคนไหนไม่รู้ต่อ
    เดี๋ยวก็คงมีข่าวออกมา เหมือนกับเรื่องบินลาเดนหลอกว่ายังไม่ตาย แถมอยู่เกาะสวรรค์ที่ไหนสักแห่ง คนอะไร รูปถ่ายตอนตายที่ “เขา” ส่งมาให้สื่อลง ยังยิ้มอยู่ แถมยิ้มพิมพ์เดียวกับตอนยังไม่ตายเป๊ะ เพียงแต่หน้าเปื้อนเลือดไปหน่อยเท่านั้น ฮาจริง ไปกดดูได้ในกูเกิลนะครับ ผมไม่ได้เขียนตลก ผมเขียนจากภาพที่เขาเอามาลง
    เขาว่า หลังจากการค้นหา ทำลายไปทำลายมา คลังอาวุธใหญ่ของกัดดาฟี ที่ว่ามีสะสมเป็นโกดังใหญ่ๆ อยู่ในหลายเมือง หายเกลี้ยง ไปโผล่อีกที อยู่ที่ซีเรีย ที่พวกกบฏซีเรียใช้กันมา 3 ปียังไม่หมดน่ะ คนรู้ดีเรื่องอาวุธของกัดดาฟี ถูกขนมาให้กบฏซีเรียใช้ นอกจากซีไอเอและคนที่สั่ง ซีไอเอ ได้แล้ว ยังมีทูตอเมริกันประจำลิเบีย ที่ถูกฆ่าโหดอยู่ในสถานทูตตัวเอง อเมริกาแถลงว่า ถูกพวกกบฏลิเบียแตกคอกฆ่า ไหนว่าพวกกันไง แต่มีวุฒิสมาชิกอเมริกาเอง สงสัยว่าเป็นรายการเก็บกันเอง ของอเมริกา
    คนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีอีกคนคือ คุณนายหน้าโหด นางสิงห์สั่งฆ่า เขาว่าตอนถูกกรรมาธิการเรียกไปสอบสวน คุณนายถึงกับเป็นลม หงายหลัง หัวฟาดพื้น แต่ดวงแข็งจัง ไม่ยักตาย (อ่านรายละเอียดเรื่อง ไอ้กันเก็บกันเองที่ลิเบีย ได้ในนิทานเรื่อง Chateau Christoff นะครับ เขียนไว้นานแล้ว)
    ส่วนลิเบียเอง หลังจากขาดหัวที่ชื่อ กัดดาฟี ลิเบียก็เหมือนปลาไหลถูกต้มอยู่ในหม้อ ทั้งตัวเป็นๆ ดิ้นกระแด็กๆ ไปวันๆ รอเวลาเขาเอามากิน ประเทศแตกไม่รู้กี่เสี่ยง ผ่านมาจะ 4 ปี ยังตั้งหลักไม่ได้ มีรัฐบาล 2 คณะพร้อมกัน แต่ละคณะ มีนายกรัฐมนตรีของตัวเอง มีสภา และกองกำลังของตนเอง
    ทางตะวันตกของประเทศ ควบคุมโดยกองกำลังอิสลาม ที่ยึดเอาทริโปลีเป็นเมืองหลวง และไล่รัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนเมษา กระเด็นไป
    ทางตะวันออกของประเทศที่มีรัฐบาล ที่มาจากนักการเมืองฝ่ายที่ไม่เอาอิสลาม แต่ปัจจุบันก็รับศึกไม่ไหว ตอนนี้ลี้ภัยไปอยู่เมือง Tobruk ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 1,200 กิโล ตอนนี้ ทางตะวันออกนี่ก็เลยไม่ขึ้นกับใคร
    ทางใต้ของประเทศ เป็นแหล่งชุมนุมดาราผู้ก่อการร้าย
    ส่วนทางเหนือ ที่อยู่ติดชายฝั่ง กลายเป็นเส้นทางผ่านของพวกอพยพลี้ภัย ก็น่าตื่นเต้นไปอีกแบบ รวมดารานักหลอกต้ม ทั้งนั้น
    หลังจากเป็นปลาไหลอยู่ในหม้อ บรรดาสถานทูตพวกฝรั่งตะวันตก หัวหด หูตกปิดประตูกลับบ้านไปหมด อิยิปต์ อัลจีเรีย และตูนีเซีย ปิดเขตแดนที่ติดต่อกับลิเบีย การข่มขืน ปล้นฆ่า จับมาทรมาน เกิดขึ้นรายวัน ลิเบียกลายเป็นรัฐที่ล้มและเหลว ไปถึงข้างในของกระดูก failed state อย่างแท้จริง
    ไอ้ตัวระยำ ที่เป็นผู้วางแผนสร้างเรื่องก็ทิ้งลิเบีย เหมือนอย่างที่ทำกับอิรัค อียิปต์ และเมืองต่างๆ ในอาฟริกา และที่อื่นๆ สาธยายด่ากันไม่หวาดไม่ไหว
    อเมริกา “ทำเหมือน” หมดปัญญาแก้ไขการมี 2 รัฐบาลในประเทศเดียวกัน และไม่สามารถบริหารประเทศได้สักรัฐบาลเดียว แต่ ล่าสุด อเมริกา กำลังสร้างรัฐบาลที่ 3 ในลิเบีย! มันยิ่งกว่า หนังตลก!
    นายพล Khalifa Hifter หรือ Haftar ซี้ย่ำปึกของซีไอเอ กำลังถูกปั้นขึ้นมาเก็บสมบัติลิเบียที่ยังเหลืออยู่อีกแยะ
    Hifter เคยเป็นลูกน้องเก่าของกัดดาฟี สมัยที่โค่นกษัตริย์ Idris al-Sanusi มาด้วยกัน กัดดาฟี เคยเรียก Hifter เป็นลูกรัก ระหว่างสงครามอาหรับ อิสราเอล ในปี ค.ศ.973 Hifter เป็นผู้นำกองทัพลิเบีย ช่วง ค.ศ.1980-1987 ทำสงครามกับชาด เขาเป็นคนสั่งใช้ระเบิดแก๊สพิษ ลิเบียแพ้ชาด ในการรบครั้งนั้น และทหารลิเบียถูกชาดจับเป็นเชลย รวมทั้ง Hifter ด้วย
    ระหว่างที่ติดอยู่ที่ชาด Hifter ไม่รู้คิดอะไร ชวนพรรคพวกที่เป็นเชลยด้วยกัน ให้ปฏิวัติกัดดาฟี แต่ยังไม่ทันเดินหน้า เขาก็เปลี่ยนแผน เพราะซีไอเอจัดการให้เขาหลุดจากคุมตัวของชาด และข้ามมาคองโก ก่อนบินไปอยู่ที่เวอร์จิเนียของอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 300 คน
    ในฐานะเป็นคนสัญชาติอเมริกัน ที่ซีไอเอจัดการให้ เขาอยู่ในอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 ถึง ปี ค.ศ.2011 ทำงานหลายจ๊อบให้ซีไอเอ และเมื่อ อเมริกาพยายามขยี้ กัดดาฟี ในปี ค.ศ.1996 Hifter และพวกอีก 600 คนก็เป็นคนจัดการ แต่ไม่สำเร็จ น่าจะทำให้ราคาเขาตกลงพอสมควร แต่ตอนนี้อเมริกาคงไม่มีตัวเลือกเหลือมากนักสำหรับรายการ เก็บกวาดลิเบีย รอบสุดท้าย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 7 มันเป็นเรื่องน่าสมเพชมาก หลังจากกัดดาฟีเสียชีวิต อเมริกากับฝรั่งเศส ต่างออกมาอ้างว่าเป็นผลงานของตน อเมริกาบอก เครื่องโดรนของกู ยิงมันตายคาที่ ฝรั่งเศสบอกไม่ใช่ เครื่องบินของกู ทิ้งระเบิดทะลายมันก่อนต่างหาก แต่อังกฤษไม่เถียงกับใคร ยึดเงืนในบัญชีของกัดดาฟีที่ฝากไว้ที่ธนาคารในอังกฤษเรียบ ตัวเลขเท่าไหร่ อังกฤษเม้มปากแน่น เปิดปากเมื่อไหร่ ตัวหารมันจะแยะ ก็ดันขนกันไปกี่ชาติล่ะ เหมือนแร้งลง อเมริกาและนาโต้ ไปเอาข่าวมาจากไหนไม่รู้ว่า ไอ้ที่ตายเป็นตัวปลอม เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2012 เลยพากันกลับไปทิ้งระเบิดที่บริเวณบ้านใหญ่ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีอีกรอบใหญ่ แต่ก็ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย อเมริกายังไม่พอใจ ข่าวยังลือจัง งั้นถล่มมันไปเรื่อยๆ แล้วกัน อเมริกาส่งโดรนไปสำรวจทุกเมืองในลิเบีย สงสัยที่ไหนก็ทิ้งบอมบ์ที่นั่น ตามมาด้วย “คณะผู้รับเหมา” ทหารรับจ้าง บุกเข้าไปเก็บกวาดผู้ต้องสงสัย ส่วนอังกฤษ และฝรั่งเศส กลัวไม่ได้ส่วนแบ่ง รับหน้าที่เป็นหน่วยข่าวกรองเคลื่อนที่ ตามสืบความเคลื่อนไหว เอะ ไหนลงข่าวว่าตายแน่ ถึงกับลากศพมีรูถูกยิงที่หัวมาถ่ายรูปเอาไว้ ตอนนี้กลับลำ บอกไม่เชื่อว่าตายจริง เที่ยวตามรื้อ ตามค้น หากัดดาฟีคนไหนไม่รู้ต่อ เดี๋ยวก็คงมีข่าวออกมา เหมือนกับเรื่องบินลาเดนหลอกว่ายังไม่ตาย แถมอยู่เกาะสวรรค์ที่ไหนสักแห่ง คนอะไร รูปถ่ายตอนตายที่ “เขา” ส่งมาให้สื่อลง ยังยิ้มอยู่ แถมยิ้มพิมพ์เดียวกับตอนยังไม่ตายเป๊ะ เพียงแต่หน้าเปื้อนเลือดไปหน่อยเท่านั้น ฮาจริง ไปกดดูได้ในกูเกิลนะครับ ผมไม่ได้เขียนตลก ผมเขียนจากภาพที่เขาเอามาลง เขาว่า หลังจากการค้นหา ทำลายไปทำลายมา คลังอาวุธใหญ่ของกัดดาฟี ที่ว่ามีสะสมเป็นโกดังใหญ่ๆ อยู่ในหลายเมือง หายเกลี้ยง ไปโผล่อีกที อยู่ที่ซีเรีย ที่พวกกบฏซีเรียใช้กันมา 3 ปียังไม่หมดน่ะ คนรู้ดีเรื่องอาวุธของกัดดาฟี ถูกขนมาให้กบฏซีเรียใช้ นอกจากซีไอเอและคนที่สั่ง ซีไอเอ ได้แล้ว ยังมีทูตอเมริกันประจำลิเบีย ที่ถูกฆ่าโหดอยู่ในสถานทูตตัวเอง อเมริกาแถลงว่า ถูกพวกกบฏลิเบียแตกคอกฆ่า ไหนว่าพวกกันไง แต่มีวุฒิสมาชิกอเมริกาเอง สงสัยว่าเป็นรายการเก็บกันเอง ของอเมริกา คนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีอีกคนคือ คุณนายหน้าโหด นางสิงห์สั่งฆ่า เขาว่าตอนถูกกรรมาธิการเรียกไปสอบสวน คุณนายถึงกับเป็นลม หงายหลัง หัวฟาดพื้น แต่ดวงแข็งจัง ไม่ยักตาย (อ่านรายละเอียดเรื่อง ไอ้กันเก็บกันเองที่ลิเบีย ได้ในนิทานเรื่อง Chateau Christoff นะครับ เขียนไว้นานแล้ว) ส่วนลิเบียเอง หลังจากขาดหัวที่ชื่อ กัดดาฟี ลิเบียก็เหมือนปลาไหลถูกต้มอยู่ในหม้อ ทั้งตัวเป็นๆ ดิ้นกระแด็กๆ ไปวันๆ รอเวลาเขาเอามากิน ประเทศแตกไม่รู้กี่เสี่ยง ผ่านมาจะ 4 ปี ยังตั้งหลักไม่ได้ มีรัฐบาล 2 คณะพร้อมกัน แต่ละคณะ มีนายกรัฐมนตรีของตัวเอง มีสภา และกองกำลังของตนเอง ทางตะวันตกของประเทศ ควบคุมโดยกองกำลังอิสลาม ที่ยึดเอาทริโปลีเป็นเมืองหลวง และไล่รัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนเมษา กระเด็นไป ทางตะวันออกของประเทศที่มีรัฐบาล ที่มาจากนักการเมืองฝ่ายที่ไม่เอาอิสลาม แต่ปัจจุบันก็รับศึกไม่ไหว ตอนนี้ลี้ภัยไปอยู่เมือง Tobruk ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 1,200 กิโล ตอนนี้ ทางตะวันออกนี่ก็เลยไม่ขึ้นกับใคร ทางใต้ของประเทศ เป็นแหล่งชุมนุมดาราผู้ก่อการร้าย ส่วนทางเหนือ ที่อยู่ติดชายฝั่ง กลายเป็นเส้นทางผ่านของพวกอพยพลี้ภัย ก็น่าตื่นเต้นไปอีกแบบ รวมดารานักหลอกต้ม ทั้งนั้น หลังจากเป็นปลาไหลอยู่ในหม้อ บรรดาสถานทูตพวกฝรั่งตะวันตก หัวหด หูตกปิดประตูกลับบ้านไปหมด อิยิปต์ อัลจีเรีย และตูนีเซีย ปิดเขตแดนที่ติดต่อกับลิเบีย การข่มขืน ปล้นฆ่า จับมาทรมาน เกิดขึ้นรายวัน ลิเบียกลายเป็นรัฐที่ล้มและเหลว ไปถึงข้างในของกระดูก failed state อย่างแท้จริง ไอ้ตัวระยำ ที่เป็นผู้วางแผนสร้างเรื่องก็ทิ้งลิเบีย เหมือนอย่างที่ทำกับอิรัค อียิปต์ และเมืองต่างๆ ในอาฟริกา และที่อื่นๆ สาธยายด่ากันไม่หวาดไม่ไหว อเมริกา “ทำเหมือน” หมดปัญญาแก้ไขการมี 2 รัฐบาลในประเทศเดียวกัน และไม่สามารถบริหารประเทศได้สักรัฐบาลเดียว แต่ ล่าสุด อเมริกา กำลังสร้างรัฐบาลที่ 3 ในลิเบีย! มันยิ่งกว่า หนังตลก! นายพล Khalifa Hifter หรือ Haftar ซี้ย่ำปึกของซีไอเอ กำลังถูกปั้นขึ้นมาเก็บสมบัติลิเบียที่ยังเหลืออยู่อีกแยะ Hifter เคยเป็นลูกน้องเก่าของกัดดาฟี สมัยที่โค่นกษัตริย์ Idris al-Sanusi มาด้วยกัน กัดดาฟี เคยเรียก Hifter เป็นลูกรัก ระหว่างสงครามอาหรับ อิสราเอล ในปี ค.ศ.973 Hifter เป็นผู้นำกองทัพลิเบีย ช่วง ค.ศ.1980-1987 ทำสงครามกับชาด เขาเป็นคนสั่งใช้ระเบิดแก๊สพิษ ลิเบียแพ้ชาด ในการรบครั้งนั้น และทหารลิเบียถูกชาดจับเป็นเชลย รวมทั้ง Hifter ด้วย ระหว่างที่ติดอยู่ที่ชาด Hifter ไม่รู้คิดอะไร ชวนพรรคพวกที่เป็นเชลยด้วยกัน ให้ปฏิวัติกัดดาฟี แต่ยังไม่ทันเดินหน้า เขาก็เปลี่ยนแผน เพราะซีไอเอจัดการให้เขาหลุดจากคุมตัวของชาด และข้ามมาคองโก ก่อนบินไปอยู่ที่เวอร์จิเนียของอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 300 คน ในฐานะเป็นคนสัญชาติอเมริกัน ที่ซีไอเอจัดการให้ เขาอยู่ในอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 ถึง ปี ค.ศ.2011 ทำงานหลายจ๊อบให้ซีไอเอ และเมื่อ อเมริกาพยายามขยี้ กัดดาฟี ในปี ค.ศ.1996 Hifter และพวกอีก 600 คนก็เป็นคนจัดการ แต่ไม่สำเร็จ น่าจะทำให้ราคาเขาตกลงพอสมควร แต่ตอนนี้อเมริกาคงไม่มีตัวเลือกเหลือมากนักสำหรับรายการ เก็บกวาดลิเบีย รอบสุดท้าย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขึ้นภาษีสนามบิน ระวังนักท่องเที่ยวหนี

    ที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. เห็นชอบปรับอัตราค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge หรือ PSC) หรือ ภาษีสนามบิน สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ แก่ท่าอากาศยานหลัก 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ เชียงราย และภูเก็ต จาก 730 บาท เป็น 1,120 บาท หรือเพิ่มขึ้น 390 บาทต่อคน

    ที่ประชุมเห็นว่า หลายประเทศปรับเพิ่มค่า PSC เพื่อพัฒนาสนามบินให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ คาดว่ารายได้เพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี จะใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณหรือภาระหนี้สาธารณะ

    นับจากนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะทำงานร่วมกัน จัดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ก่อนเสนอ รมว.คมนาคมอนุมัติ และแจ้งประชาชนล่วงหน้า 4 เดือน ก่อนเริ่มจัดเก็บในอัตราใหม่

    ก่อนหน้านี้สมาคมสายการบินประเทศไทย เสนอขอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการบิน ทั้งค่าบริการการเดินอากาศ (ANSC) และค่า PSC ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว เพิ่มความถี่เที่ยวบิน และกระจายรายได้สู่ภูมิภาค พร้อมกับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น และโครงการซื้อบัตรโดยสารระหว่างประเทศ ฟรีภายในประเทศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ

    ในภูมิภาคอาเซียน ท่าอากาศยานชางฮีของสิงคโปร์ ประกาศปรับค่า PSC ล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2569-2573 ตั้งแต่ 65.2 ถึง 79.2 เหรียญสิงคโปร์ (1,600 ถึง 1,945 บาท) แต่ท่าอากาศยานซูการ์โน-ฮัตตา ของอินโดนีเซีย ยังคิคค่า PSC เพียง 177,600 รูเปียห์ (339 บาท) ส่วนท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย คิดค่า PSC แยกกันระหว่างสายการบินฟลูเซอร์วิส (KLIA1) 73 ริงกิต (565 บาท) และสายการบินโลว์คอสต์ (KLIA2) 50 ริงกิต (387 บาท) เท่านั้น

    บนโซเชียลฯ วิจารณ์ว่าท่าอากาศยานหลักทั้ง 6 แห่งยังให้บริการบกพร่อง โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ห้องน้ำบริเวณประตูขึ้นเครื่อง (GATE) ไม่เพียงพอ สภาพเก่า มีกลิ่นเหม็น เก้าอี้นั่งไม่สบาย จุดชาร์จแบตเตอรี่มีน้อย ไวไฟฟรีมีจำกัดเวลา หากค่าตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง

    ในปีงบประมาณ 2568 ท่าอากาศยานหลักของ AOT ทั้ง 6 แห่ง มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ 444,944 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 76,636,387 คน

    #Newskit
    ขึ้นภาษีสนามบิน ระวังนักท่องเที่ยวหนี ที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. เห็นชอบปรับอัตราค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge หรือ PSC) หรือ ภาษีสนามบิน สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ แก่ท่าอากาศยานหลัก 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ เชียงราย และภูเก็ต จาก 730 บาท เป็น 1,120 บาท หรือเพิ่มขึ้น 390 บาทต่อคน ที่ประชุมเห็นว่า หลายประเทศปรับเพิ่มค่า PSC เพื่อพัฒนาสนามบินให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ คาดว่ารายได้เพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี จะใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณหรือภาระหนี้สาธารณะ นับจากนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จะทำงานร่วมกัน จัดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ก่อนเสนอ รมว.คมนาคมอนุมัติ และแจ้งประชาชนล่วงหน้า 4 เดือน ก่อนเริ่มจัดเก็บในอัตราใหม่ ก่อนหน้านี้สมาคมสายการบินประเทศไทย เสนอขอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการบิน ทั้งค่าบริการการเดินอากาศ (ANSC) และค่า PSC ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว เพิ่มความถี่เที่ยวบิน และกระจายรายได้สู่ภูมิภาค พร้อมกับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น และโครงการซื้อบัตรโดยสารระหว่างประเทศ ฟรีภายในประเทศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ในภูมิภาคอาเซียน ท่าอากาศยานชางฮีของสิงคโปร์ ประกาศปรับค่า PSC ล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2569-2573 ตั้งแต่ 65.2 ถึง 79.2 เหรียญสิงคโปร์ (1,600 ถึง 1,945 บาท) แต่ท่าอากาศยานซูการ์โน-ฮัตตา ของอินโดนีเซีย ยังคิคค่า PSC เพียง 177,600 รูเปียห์ (339 บาท) ส่วนท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย คิดค่า PSC แยกกันระหว่างสายการบินฟลูเซอร์วิส (KLIA1) 73 ริงกิต (565 บาท) และสายการบินโลว์คอสต์ (KLIA2) 50 ริงกิต (387 บาท) เท่านั้น บนโซเชียลฯ วิจารณ์ว่าท่าอากาศยานหลักทั้ง 6 แห่งยังให้บริการบกพร่อง โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ห้องน้ำบริเวณประตูขึ้นเครื่อง (GATE) ไม่เพียงพอ สภาพเก่า มีกลิ่นเหม็น เก้าอี้นั่งไม่สบาย จุดชาร์จแบตเตอรี่มีน้อย ไวไฟฟรีมีจำกัดเวลา หากค่าตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ในปีงบประมาณ 2568 ท่าอากาศยานหลักของ AOT ทั้ง 6 แห่ง มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ 444,944 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 76,636,387 คน #Newskit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวดูเพลินๆ
    https://youtu.be/UK9S71RLMBY?si=3GPNtAE5uR9pDSEB
    #แบกเป้เกอร์
    #เที่ยวจีน
    #china
    ท่องเที่ยวดูเพลินๆ https://youtu.be/UK9S71RLMBY?si=3GPNtAE5uR9pDSEB #แบกเป้เกอร์ #เที่ยวจีน #china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/--Dc47tHFB4?si=8NeceMLaOLyqatRX
    #makeawakeคุ้มค่าตื่น
    #notto
    #เที่ยวไทย
    https://youtu.be/--Dc47tHFB4?si=8NeceMLaOLyqatRX #makeawakeคุ้มค่าตื่น #notto #เที่ยวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 6

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 6
    ในที่สุด เดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2007 CNPC หน่วยงานที่ดูแลด้านน้ำมัน ของรัฐบาลจีน ก็ตกลงทำสัญญากับรัฐบาลของชาด Chad ในการสร้างท่อส่งน้ำมัน หลังจากนั้น 2 ปี การก่อสร้างท่อส่งน้ำมันก็เริ่มดำเนินการ มันเป็นท่อส่งสำหรับน้ำมันบ่อใหม่ ที่จีน (แอบ) ไปลงทุนขุดใหม่ทางใต้ของชาด ห่างไปอีก 300 กิโลเมตร หลังจากนั้น กลุ่มเอ็นจีโอ ที่พวกตะวันตกสนับสนุน ก็ออกมาโว้ยว่า เป็นการทำลาย สิ่งแวดล้อม มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และเมื่อตอน Chevron ขุดน้ำมันแถวนั้น ในปี ค.ศ.2003 เอ็นจีโอกลุ่มเดียวกันนี้ ไม่ออกมาโวย ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องน่าแปลกใจเช่นเดียวกัน
    แล้วเดือนกรกฏาคม ค.ศ.2011 ชาดและจีน ก็ฉลองการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นน้ำมัน ที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงของชาด ที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมทุนกัน โรงกลั่นนี้ ว่าไปแล้ว ก็อยู่ไม่ไกลจากแหล่งสำรวจที่จีนไปลงทุนไว้ตอนแรก ในบริเวณดาร์ฟูที่ติดกับชาด และจีนถูกไม้กั้น ไม่เสี้ยม จนยังกินแห้วอยู่นั่นเอง แม้จะกินแห้วของดาร์ฟู แต่แหล่งที่จีนได้ใหม่ ที่ชาดก็น่าจะชดเชยของเดิม ที่ถูกถีบออกมาได้อย่างน่าทึ่ง
    จากการประเมินทางภูมิศาสตร์ สายน้ำมันน่าจะไหลมาจากดาร์ฟู ผ่านมาที่ชาด และต่อไปถึงแคเมอรูน ขนาดของแหล่งน้ำมันนี้ประเมินกันว่า ใหญ่มหาศาลนัก อาจจะเท่ากับแหล่งน้ำมันที่ซาอุดิอารเบียเสียด้วยซ้ำ การควบคุมซูดานใต้ ชาดและแคเมอรูน จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญรายการใหม่ ของสภาความมั่นคงของอเมริกา คราวนี้เป็น “ยุทธศาสตร์ขวางจีน” เต็มรูปแบบ เพื่อไม่ให้จีน เข้าไปสู่แหล่งพลังงานทุกแห่งในโลก โดยเฉพาะที่อาฟริกา
    หมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ขวางจีนในอาฟริกา เป็นผลสำเร็จหรือไม่ คือ กัดดาฟี แห่งลิเบีย เป็นกัดดาฟีที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับตะวันตก และต่อสู้ทุกเม็ด ทุกหมากกับอเมริกา และอังกฤษ เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศตนและอาฟริกา รวมไปถีงประเทศในตะวันออกกลาง กัดดาฟี พยายามตั้งสถาบันการเงิน เหมือนธนาคารโลก เพื่อช่วยเหลือประเทศในกลุ่มอาฟริกา จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของก๊วนหน้าเลือด ใจร้าย World Bank, IMF และที่สำคัญ กัดดาฟี ไม่ปฏิเสธ ที่จะคบ และค้าขายกับรัสเซียและจีน
    เขาจึงเป็นบุคคลที่อเมริกา และอังกฤษรังเกียจยิ่งนัก
    ลิเบีย เป็นประเทศในอาฟริกา ที่ด้านเหนือ ติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน ข้ามทะเลไปก็เป็นอิตาลี ซึ่งบริษัทน้ำมัน ENI ของอิตาลี เป็นผู้มาร่วมงานขุดเจาะน้ำมัน กับลิเบียอยู่นาน ตะวันตกของลิเบียติดกับ ตูนีเซีย และอัลจีเรีย ทางด้านใต้ ติดกับชาด ส่วนตะวันออกติดกับซูดาน ทั้งเหนือและใต้ และอียิปต์ ที่ตั้งของลิเบียจึงเหมือนอยู่กลางดงน้ำมัน คงมีใครมองว่า ลิเบียเหมาะที่จะใช้เป็นศูนย์กลาง ในการควบคุมดงน้ำมันอย่างยิ่ง
    ลิเบีย ไม่ให้ใครมาเป็นเจ้าของปั้มลิเบีย ลิเบียเป็นเจ้าของปั้มเอง ขายเอง ดูแลแหล่งน้ำมันที่มีคุณภาพสูงเอง ในปี ค.ศ.2006 ลิเบียเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมัน ที่ได้รับการสำรวจและพิสูจน์ว่า มีน้ำมันแล้วถึง 35% ของน้ำมันทั้งหมดในอาฟริกา มีมากกว่าไนจีเรีย ที่อเมริกาคว้าคออยู่หมัดเสียอีก
    นอกจากนี้ ลิเบียยังให้สัมปทานน้ำมัน แก่รัฐบาลจีนด้วย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาล กับ รัฐบาล
    แบบนี้ อเมริกาจะทนดู ลิเบีย ทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ในกลางดงน้ำมัน (ที่อเมริกาอยากครอบครอง) ได้หรือ อเมริกามองว่า ตราบใดที่รัฐบาลกัดดาฟีเข้มแข็ง มีอำนาจอยู่ที่เมืองทริโปลี และควบคุมแหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุดในอาฟริกา แผนการของอเมริกา ตามยุทธศาสตร์ขวางจีน คงสำเร็จยาก การแบ่งแยกซูดานเป็น 2 ประเทศ และการยุ การเสี้ยมให้เกิดการกบฏในลิเบียต้องทำพร้อมกัน จึงพอจะมีทางเอากัดดาฟี่มาขึงพืดได้
    นี่จึงเป็นภาระกิจสำคัญและเป็น “งาน” ของจริง สำหรับ AFRICOM ที่คงไม่ได้แถลงกันในรัฐสภาให้คนอเมริกันรู้
    AFRICOM รับหน้าที่เป็นกองกำลังหลัก ในปฏิบัติการทำลายกัดดาฟีและลิเบีย รวมทั้งในการสร้างกบฏ เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ในตูนีเซีย อียิปต์ และสร้างรัฐซูดานใต้ทั้งหมด เพื่อให้แหล่งน้ำมันใหญ่ ในประเทศเหล่านี้ ไม่มีเจ้าของดูแลควบคุม อเมริกาและพวก จะได้เข้าไปควบคุมแทน
    มันเป็นปฏิบัติการเก็บเจ้าของปั้ม แล้วปล้นเอาปั้มเขามา นั่นเอง
    แต่อเมริกาไม่กล้ารบเดี่ยว อยากจะปล้น แต่ก็คงปอดแหกเหมือนกัน กัดดาฟีไม่ได้เคี้ยวง่ายเหมือนซูดาน กัดดาฟี มีทั้งเขี้ยวยาว และอาวุธทันสมัยที่ซื้อจากอเมริกาและรัสเซีย เก็บเงียบอยู่เต็มลิเบีย คราวนี้ อเมริกาจะใช้พระเอกหนังไปเดินทำหน้าเศร้า ก็คงไม่สำเร็จ อเมริกาจึงดึงนาโต้เข้ามาเล่นเต็มอัตรา
    ปี ค.ศ.2010 นาโต้ ไปกวาดต้อนเอาสาระพัดพันธ์ุ ตั้งแต่อดีตนักการเมืองที่เคยอยู่กับกัดดาฟี แต่บัดนี้ขัดใจกันแล้ว อดีตนักธุรกิจขี้โกงที่หนีคดี ไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนประกอบแบบนี้ คุ้นไหมครับ ส่วนประกอบที่สำคัญอีก 2 ส่วนคือ เด็กในกระเป๋า ซีไอเอ ที่ได้รับการฝึก รับเงินและก็ไปร่วมรบกับ ซีไอเอ หลายที่ เช่น อาฟกานิสถาน อิรัค เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งคือ ทหารรับจ้าง หรือที่สมัยใหม่นี้ เรียกว่า ผู้รับเหมา contractor รับเหมาทำอะไรบ้าง ก็คงพอเดากันออก มันเป็นการผสมพันธุ์โหด ที่เตรียมเอาไว้เชือดกัดดาฟี
    กลุ่มสาระพัดพันธ์ุนี่ เรียกตัวเองว่า กลุ่ม TNC Transitional Nation Council
    กลุ่ม TNC ออกมาด่าว่า กัดดาฟี่เป็นเผด็จการรวบอำนาจ กดขี่ ประชาชน ต้องการให้ กัดดาฟีลาออก มีการเลือกตั้งใหม่ และปกครองตามระบอบประชาธิปไตย แหม โรเนียวนี้ใช้จนเก่าเน่าแล้ว ไม่เปลี่ยนเลยหรือพี่
    กัดดาฟี เป็นเผด็จการจริง มีทั้งพวกที่บอกว่า เขาทำประโยชน์ให้กับชาวลิเบีย และก็มีพวกที่บอกว่า เขาข่มขู่บังคับชาวลิเบีย จึงคงมีทั้งพวกที่รักเขา และพวกที่เกลียดเขา แต่ลองดูจากหลายสิ่งที่เขาทำให้กับชาวลิเบีย มันก็พอบอกได้ว่า เขาดี เลวอย่างไรกับลิเบีย
    – ชาวลิเบีย ได้รับการรักษาพยาบาล และเรียนหนังสือฟรี ( อย่าบอกนะว่า เหมือน 30 บาท รักษาทุกโรค)
    – ชาวลิเบียไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า
    – ชาวลิเบียกู้เงินไม่เสียดอกเบี้ยจากธนาคารของรัฐ ซึ่งใหญ่มาก และกัดดาฟีมีแผนจะสร้าง ให้มีเงินทุนมากกว่า World Bank เพื่อให้ ชาวอาฟริกันกู้ด้วย
    – รัฐบาลกัดดาฟี สร้างระบบชลประทานที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการสร้างแม่น้ำทั่วประเทศ ชาวลิเบีย ไม่มีการขาดน้ำตลอดปี
    – ถ้าชาวลิเบียต้องการทำฟาร์มเพาะ ปลูก และเลี้ยงสัตว์ รัฐจะยกที่ดินให้ฟรี แถมปลูกบ้านให้ พร้อมแจกพันธ์ุพืชและสัตว์ ฟรีหมด เพราะรัฐสนับสนุนให้สร้าง “อาหาร” จะได้ไม่อดตาย
    – เมื่อหญิงชาวลิเบียคลอดลูก จะได้รับเงินช่วยจากรัฐ จำนวน 5 พันเหรียญ เขาสนับสนุนให้มีชาวลิเบียอยู่ในโลก ไม่ใช่ถูกตอนพันธ์
    – รัฐบาลกัดดาฟี ยืนราคาน้ำมันขายในลิเบีย ที่ลิตรละ 14 เซ็นต์ (ประมาณ 5 บาท)
    – รัฐบาลกัดดาฟีส่งเสริมการศึกษา ก่อนเขาปกครอง มีคนอ่านหนังสือออกเพียง 25% ช่วง 40 ปี ที่กัดดาฟี ปกครองลิเบีย จำนวนคนอ่านหนังสือออก เพิ่มเป็นเกือบ 90% และมีคนศึกษาจบระดับปริญญา 25%
    TNC เป็นแนวหน้าที่นาโต้เตรียมไว้ให้ไปสู้ และตายแทนกองกำลังนาโต้ ส่วนทหารนาโต้ นั่งคอยดูผลงาน TNC ไปก่อน นี่เป็นเพียงก๊อก 1
    ก๊อก 1 เริ่มงานด้วยการ ออกมาประท้วงกัดดาฟีตามเมืองต่างๆว่า เป็นเผด็จการ พวกเขาต้องการประชาธิปไตย และการประท้วงครั้งแรกในลืเบีย ก็เกิดขึ้นที่เมือง Cyrenaica เมืองที่เป็นแหล่งน้ำมันใหญ่ ทางตะวันออกของลิเบีย หลังจากนั้น การประท้วงก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวออกไป และในที่สุดก็ยึดเมืองสำคัญอย่าง เบงกาซี Benghazi ได้
    หลังจากนั้น กระป๋องสีย้อมข่าวใบใหญ่ ซีเอนเอน ก็รับช่วงรายงานข่าวทุกวันว่า กัดดาฟี ชั่วช้า กระทำรุนแรง ตั้งใจฆ่าประชาชน ด้วยการเอาเครื่องบินมาถล่มพวกกบฏมือเปล่า แบบนี้นานาชาติใจบุญ จะทนดูชาวลิเบียโดนระเบิดทุกวันไหวยังไง
    อังกฤษกับฝรั่งเศส รีบถลาไปเอาหน้าเกือบไม่ทัน บอกว่าไม่ได้นะ แบบนี่มันละเมิดกฏ “No Fly Zone” ของสหประชาชาติ ว่าเข้าไปโน่น สหประชาชาติ เลยมีมติกำหนดเขตห้ามบิน No Fly Zone ตามเมืองต่างๆในลิเบีย เครื่องบินของฝ่ายรัฐบาลหรือกัดดาฟี บินไม่ได้ แต่ของกองกำลังผสมของนานาชาติบินได้ ทิ้งระเบิดได้ มีปัญหาไหม ไม่มีคร้าบ… พวกเอ็งมันใหญ่ค้ำโลกแล้ว ใครจะกล้ามีปัญหาด้วย
    ก๊อก 2 คือ กองกำลังผสมของนานาชาติ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อร่วมกันเชือด กัดดาฟี ทรัพยากรลิเบียแยะนัก กองกำลังร่วมเชือด เลยแยะตามไปด้วย หวังได้แบ่งส่วนบุญ กองกำลังผสม นำโดยอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา และลูกกระเป๋ง อย่าง กาต้าร์ สหรัฐเอมิเรต เบลเยี่ยม อิตาลี เดนมาร์ค นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์และสเปญ เอาชื่อมาโชว์ให้ดูหมด จะได้รู้ว่าใคร อยู่ตรงไหน… โถ นึกว่ารวยแล้วไม่ตะกระ …แถวบ้านผมเคยมี ที่รวยแล้ว ทั้งตะกระ ทั้งโกง….
    ช่วงแรก กองกำลังผสมบัญชาการโดยอเมริกา ช่วงหลัง บัญชาการโดยนาโต้ ไม่รู้จะดัดจริต เปลี่ยนทำไม ยังไงอเมริกาก็คุมนาโต้อยู่แล้ว
    จริงๆ ช่วงแรก อเมริกานำ ก็เพราะต้องการจะเข้าลิเบียไปก่อนใคร เพื่อค้นหาสมบัติของกัดดาฟี โดยเฉพาะ พวกอาวุธที่แอบเก็บตามโกดังนั่นแหละ ใครๆ ก็อยากงาบต่อทั้งนั้น
    แล้วกองกำลังผสมของชาติต่างๆ บวกกองกำลังของนาโต้เอง บวกกองกำลังฝ่ายกบฏ บวกกองกำลังของผู้รับเหมา บวกกองกำลังทหารของอเมริกา (เอะ นี่ผมตกกองอะไร ของใครอีกไหม มันแยะ เละไปหมด) ก็ไล่ล่ากัดดาฟีอยู่ 8 เดือน กัดดาฟีหนีไปเมืองไหน ยิงกันอย่างไร บ้านเรือนพังฉิบหายขนาดไหน คนเจ็บคนตายนอนน่าสมเพชเกลื่อน ถนนเท่าไหร่ ไอ้กระป๋องใส่สีย้อมข่าว ซีเอนเอน รายงานข่าวละเอียดละออ ชาวบ้านได้ดูข่าวการไล่ล่า และไล่ฆ่า เป็นรายการสดทางทีวี ทุกวัน ทุกคืน
    เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2011 นาโต้ประกาศว่า ได้ทิ้งระเบิด ที่บริเวณบ้านใหญ่ ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีรอบใหญ่ บ้านพังฉิบหายยับ แต่ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย แต่มีคนอื่นตายแทน เป็นลูกชายคนเล็กของกัดดาฟี และหลานปู่เล็กๆ อีก 3 คน เวร…..
    แล้วในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2011 กัดดาฟี ก็ถูกฆ่าตายที่เมืองบ้านเกิดของเขา Sirte ขณะที่อยู่กับกองกำลังของตัว ที่ล้อมหน้า ล้อมหลัง แต่มันมาทางจากข้างบน เป็นจรวดไล่ยิง จะไปคุ้มกันยังไงไหว เล่นยิงใส่ขบวนรถของพวกกัดดาฟี ที่กำลังขับหนีออกจาก Sirte รถกระเด็นพลิกคว่ำ บ้านเรือนแถบนั้นพังเป็นแถบ คนจะรอดหรือ แล้วกัดดาฟีพร้อมลูกชาย 2 คน และลูกน้องคนสนิทหลายคน ก็ตายเรียบ
    หลังจากนั้น เขาว่าพวกกบฏก็บุกเขาไปเอาร่างกัดดาฟีออกมา ลากไปตามถนนโห่ร้องยินดี บางข่าว บอกว่าเขาตายตั้งแต่โดนจรวด บางข่าวบอก เขายังไม่ตาย แค่เกือบ เขาหลุดออกมาจากรถ ไปแอบซ่อนตัวอยู่ในท่อ แต่มาตายตอนที่พวกกบฏลากตัวขึ้น มาจากท่อ ไปตามถนน ก่อนลาก ทุบเสียละเอียด ก่อน ทุบ จับแก้ผ้า และชำเราทางทวารหนักก่อน บางสื่อลงภาพเขานอนตาย หัวเป็นรู จากรอยกระสุน
    2 วัน ก่อนที่กัดดาฟีจะถูกจับ คุณนายคลินตัน สตรีหน้าโหด ( ผมเห็นหน้าคุณนายในทีวีทีไร ฝันร้ายทุกที ผู้หญิงอะไร น่ากลัวชะมัด) ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินทางไปที่เมือง ทริโปลี Tripoli ด้วยเครื่องบินทหาร ที่มีการคุ้มกันหลายชั้น แม้แต่แมลงวันที่คุ้นเคยกัน ก็คงเข้าไปตอมคุณนายไม่ถึง คุณนายประกาศเสียงดังฟังชัดว่า เราจะต้องจับตัวกัดดาฟี มาให้ได้ ไม่ว่า จับตาย หรือจับเป็น “dead or alive”
    นี่! มันยิ่งกว่าบทพระเอก ไปทำหน้าเศร้าที่ซูดานอีกนะ บทนี้มันเป็นบทนางสิงห์สั่งฆ่าเลย
    กัดดาฟี จะอย่างไรก็เป็นประมุขประเทศ เป็นประเทศเอกราช ไม่ได้เป็นขี้ข้าใคร ทำดี ทำชั่ว ศาลระหว่างประเทศมี อเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศของตน ใช้สิทธิอะไร เที่ยวประกาศ ตัดสินว่า ประเทศไหน ต้องมีนโยบายอย่างไร ประมุขประเทศ ต้องทำตัวอย่างไร ตามใจอเมริกาอย่างไร ถ้าไม่ถูกใจนี่ อเมริกา สั่งฆ่าได้เลยหรือ เรื่องนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ และสะอิดสะเอียนที่สุด
    เรื่องนี้ สำนักข่าว Associated Press รายงานข่าวว่า
    … นางคลินตันพูดแบบไม่อ้อมค้อมเป็นพิเศษว่า อเมริกา ต้องการเห็น อดีตเผด็จการ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ถึงแก่ความตาย….
    … เราหวังว่า เขาจะถูกจับ หรือถูก ฆ่า เพื่อพวกคุณจะได้ไม่ต้องกลัวเขาอีกต่อไป
    .. Clinton declared in unusually blunt terms that the United States would like to see former dictator Muammar Gaddafi dead..
    …We hope he can be captured or killed soon so that you don’t have to fear him any longer…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 6 ในที่สุด เดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2007 CNPC หน่วยงานที่ดูแลด้านน้ำมัน ของรัฐบาลจีน ก็ตกลงทำสัญญากับรัฐบาลของชาด Chad ในการสร้างท่อส่งน้ำมัน หลังจากนั้น 2 ปี การก่อสร้างท่อส่งน้ำมันก็เริ่มดำเนินการ มันเป็นท่อส่งสำหรับน้ำมันบ่อใหม่ ที่จีน (แอบ) ไปลงทุนขุดใหม่ทางใต้ของชาด ห่างไปอีก 300 กิโลเมตร หลังจากนั้น กลุ่มเอ็นจีโอ ที่พวกตะวันตกสนับสนุน ก็ออกมาโว้ยว่า เป็นการทำลาย สิ่งแวดล้อม มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และเมื่อตอน Chevron ขุดน้ำมันแถวนั้น ในปี ค.ศ.2003 เอ็นจีโอกลุ่มเดียวกันนี้ ไม่ออกมาโวย ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องน่าแปลกใจเช่นเดียวกัน แล้วเดือนกรกฏาคม ค.ศ.2011 ชาดและจีน ก็ฉลองการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นน้ำมัน ที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงของชาด ที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมทุนกัน โรงกลั่นนี้ ว่าไปแล้ว ก็อยู่ไม่ไกลจากแหล่งสำรวจที่จีนไปลงทุนไว้ตอนแรก ในบริเวณดาร์ฟูที่ติดกับชาด และจีนถูกไม้กั้น ไม่เสี้ยม จนยังกินแห้วอยู่นั่นเอง แม้จะกินแห้วของดาร์ฟู แต่แหล่งที่จีนได้ใหม่ ที่ชาดก็น่าจะชดเชยของเดิม ที่ถูกถีบออกมาได้อย่างน่าทึ่ง จากการประเมินทางภูมิศาสตร์ สายน้ำมันน่าจะไหลมาจากดาร์ฟู ผ่านมาที่ชาด และต่อไปถึงแคเมอรูน ขนาดของแหล่งน้ำมันนี้ประเมินกันว่า ใหญ่มหาศาลนัก อาจจะเท่ากับแหล่งน้ำมันที่ซาอุดิอารเบียเสียด้วยซ้ำ การควบคุมซูดานใต้ ชาดและแคเมอรูน จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญรายการใหม่ ของสภาความมั่นคงของอเมริกา คราวนี้เป็น “ยุทธศาสตร์ขวางจีน” เต็มรูปแบบ เพื่อไม่ให้จีน เข้าไปสู่แหล่งพลังงานทุกแห่งในโลก โดยเฉพาะที่อาฟริกา หมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ขวางจีนในอาฟริกา เป็นผลสำเร็จหรือไม่ คือ กัดดาฟี แห่งลิเบีย เป็นกัดดาฟีที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับตะวันตก และต่อสู้ทุกเม็ด ทุกหมากกับอเมริกา และอังกฤษ เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศตนและอาฟริกา รวมไปถีงประเทศในตะวันออกกลาง กัดดาฟี พยายามตั้งสถาบันการเงิน เหมือนธนาคารโลก เพื่อช่วยเหลือประเทศในกลุ่มอาฟริกา จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของก๊วนหน้าเลือด ใจร้าย World Bank, IMF และที่สำคัญ กัดดาฟี ไม่ปฏิเสธ ที่จะคบ และค้าขายกับรัสเซียและจีน เขาจึงเป็นบุคคลที่อเมริกา และอังกฤษรังเกียจยิ่งนัก ลิเบีย เป็นประเทศในอาฟริกา ที่ด้านเหนือ ติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน ข้ามทะเลไปก็เป็นอิตาลี ซึ่งบริษัทน้ำมัน ENI ของอิตาลี เป็นผู้มาร่วมงานขุดเจาะน้ำมัน กับลิเบียอยู่นาน ตะวันตกของลิเบียติดกับ ตูนีเซีย และอัลจีเรีย ทางด้านใต้ ติดกับชาด ส่วนตะวันออกติดกับซูดาน ทั้งเหนือและใต้ และอียิปต์ ที่ตั้งของลิเบียจึงเหมือนอยู่กลางดงน้ำมัน คงมีใครมองว่า ลิเบียเหมาะที่จะใช้เป็นศูนย์กลาง ในการควบคุมดงน้ำมันอย่างยิ่ง ลิเบีย ไม่ให้ใครมาเป็นเจ้าของปั้มลิเบีย ลิเบียเป็นเจ้าของปั้มเอง ขายเอง ดูแลแหล่งน้ำมันที่มีคุณภาพสูงเอง ในปี ค.ศ.2006 ลิเบียเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมัน ที่ได้รับการสำรวจและพิสูจน์ว่า มีน้ำมันแล้วถึง 35% ของน้ำมันทั้งหมดในอาฟริกา มีมากกว่าไนจีเรีย ที่อเมริกาคว้าคออยู่หมัดเสียอีก นอกจากนี้ ลิเบียยังให้สัมปทานน้ำมัน แก่รัฐบาลจีนด้วย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาล กับ รัฐบาล แบบนี้ อเมริกาจะทนดู ลิเบีย ทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ในกลางดงน้ำมัน (ที่อเมริกาอยากครอบครอง) ได้หรือ อเมริกามองว่า ตราบใดที่รัฐบาลกัดดาฟีเข้มแข็ง มีอำนาจอยู่ที่เมืองทริโปลี และควบคุมแหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุดในอาฟริกา แผนการของอเมริกา ตามยุทธศาสตร์ขวางจีน คงสำเร็จยาก การแบ่งแยกซูดานเป็น 2 ประเทศ และการยุ การเสี้ยมให้เกิดการกบฏในลิเบียต้องทำพร้อมกัน จึงพอจะมีทางเอากัดดาฟี่มาขึงพืดได้ นี่จึงเป็นภาระกิจสำคัญและเป็น “งาน” ของจริง สำหรับ AFRICOM ที่คงไม่ได้แถลงกันในรัฐสภาให้คนอเมริกันรู้ AFRICOM รับหน้าที่เป็นกองกำลังหลัก ในปฏิบัติการทำลายกัดดาฟีและลิเบีย รวมทั้งในการสร้างกบฏ เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ในตูนีเซีย อียิปต์ และสร้างรัฐซูดานใต้ทั้งหมด เพื่อให้แหล่งน้ำมันใหญ่ ในประเทศเหล่านี้ ไม่มีเจ้าของดูแลควบคุม อเมริกาและพวก จะได้เข้าไปควบคุมแทน มันเป็นปฏิบัติการเก็บเจ้าของปั้ม แล้วปล้นเอาปั้มเขามา นั่นเอง แต่อเมริกาไม่กล้ารบเดี่ยว อยากจะปล้น แต่ก็คงปอดแหกเหมือนกัน กัดดาฟีไม่ได้เคี้ยวง่ายเหมือนซูดาน กัดดาฟี มีทั้งเขี้ยวยาว และอาวุธทันสมัยที่ซื้อจากอเมริกาและรัสเซีย เก็บเงียบอยู่เต็มลิเบีย คราวนี้ อเมริกาจะใช้พระเอกหนังไปเดินทำหน้าเศร้า ก็คงไม่สำเร็จ อเมริกาจึงดึงนาโต้เข้ามาเล่นเต็มอัตรา ปี ค.ศ.2010 นาโต้ ไปกวาดต้อนเอาสาระพัดพันธ์ุ ตั้งแต่อดีตนักการเมืองที่เคยอยู่กับกัดดาฟี แต่บัดนี้ขัดใจกันแล้ว อดีตนักธุรกิจขี้โกงที่หนีคดี ไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนประกอบแบบนี้ คุ้นไหมครับ ส่วนประกอบที่สำคัญอีก 2 ส่วนคือ เด็กในกระเป๋า ซีไอเอ ที่ได้รับการฝึก รับเงินและก็ไปร่วมรบกับ ซีไอเอ หลายที่ เช่น อาฟกานิสถาน อิรัค เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งคือ ทหารรับจ้าง หรือที่สมัยใหม่นี้ เรียกว่า ผู้รับเหมา contractor รับเหมาทำอะไรบ้าง ก็คงพอเดากันออก มันเป็นการผสมพันธุ์โหด ที่เตรียมเอาไว้เชือดกัดดาฟี กลุ่มสาระพัดพันธ์ุนี่ เรียกตัวเองว่า กลุ่ม TNC Transitional Nation Council กลุ่ม TNC ออกมาด่าว่า กัดดาฟี่เป็นเผด็จการรวบอำนาจ กดขี่ ประชาชน ต้องการให้ กัดดาฟีลาออก มีการเลือกตั้งใหม่ และปกครองตามระบอบประชาธิปไตย แหม โรเนียวนี้ใช้จนเก่าเน่าแล้ว ไม่เปลี่ยนเลยหรือพี่ กัดดาฟี เป็นเผด็จการจริง มีทั้งพวกที่บอกว่า เขาทำประโยชน์ให้กับชาวลิเบีย และก็มีพวกที่บอกว่า เขาข่มขู่บังคับชาวลิเบีย จึงคงมีทั้งพวกที่รักเขา และพวกที่เกลียดเขา แต่ลองดูจากหลายสิ่งที่เขาทำให้กับชาวลิเบีย มันก็พอบอกได้ว่า เขาดี เลวอย่างไรกับลิเบีย – ชาวลิเบีย ได้รับการรักษาพยาบาล และเรียนหนังสือฟรี ( อย่าบอกนะว่า เหมือน 30 บาท รักษาทุกโรค) – ชาวลิเบียไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า – ชาวลิเบียกู้เงินไม่เสียดอกเบี้ยจากธนาคารของรัฐ ซึ่งใหญ่มาก และกัดดาฟีมีแผนจะสร้าง ให้มีเงินทุนมากกว่า World Bank เพื่อให้ ชาวอาฟริกันกู้ด้วย – รัฐบาลกัดดาฟี สร้างระบบชลประทานที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการสร้างแม่น้ำทั่วประเทศ ชาวลิเบีย ไม่มีการขาดน้ำตลอดปี – ถ้าชาวลิเบียต้องการทำฟาร์มเพาะ ปลูก และเลี้ยงสัตว์ รัฐจะยกที่ดินให้ฟรี แถมปลูกบ้านให้ พร้อมแจกพันธ์ุพืชและสัตว์ ฟรีหมด เพราะรัฐสนับสนุนให้สร้าง “อาหาร” จะได้ไม่อดตาย – เมื่อหญิงชาวลิเบียคลอดลูก จะได้รับเงินช่วยจากรัฐ จำนวน 5 พันเหรียญ เขาสนับสนุนให้มีชาวลิเบียอยู่ในโลก ไม่ใช่ถูกตอนพันธ์ – รัฐบาลกัดดาฟี ยืนราคาน้ำมันขายในลิเบีย ที่ลิตรละ 14 เซ็นต์ (ประมาณ 5 บาท) – รัฐบาลกัดดาฟีส่งเสริมการศึกษา ก่อนเขาปกครอง มีคนอ่านหนังสือออกเพียง 25% ช่วง 40 ปี ที่กัดดาฟี ปกครองลิเบีย จำนวนคนอ่านหนังสือออก เพิ่มเป็นเกือบ 90% และมีคนศึกษาจบระดับปริญญา 25% TNC เป็นแนวหน้าที่นาโต้เตรียมไว้ให้ไปสู้ และตายแทนกองกำลังนาโต้ ส่วนทหารนาโต้ นั่งคอยดูผลงาน TNC ไปก่อน นี่เป็นเพียงก๊อก 1 ก๊อก 1 เริ่มงานด้วยการ ออกมาประท้วงกัดดาฟีตามเมืองต่างๆว่า เป็นเผด็จการ พวกเขาต้องการประชาธิปไตย และการประท้วงครั้งแรกในลืเบีย ก็เกิดขึ้นที่เมือง Cyrenaica เมืองที่เป็นแหล่งน้ำมันใหญ่ ทางตะวันออกของลิเบีย หลังจากนั้น การประท้วงก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวออกไป และในที่สุดก็ยึดเมืองสำคัญอย่าง เบงกาซี Benghazi ได้ หลังจากนั้น กระป๋องสีย้อมข่าวใบใหญ่ ซีเอนเอน ก็รับช่วงรายงานข่าวทุกวันว่า กัดดาฟี ชั่วช้า กระทำรุนแรง ตั้งใจฆ่าประชาชน ด้วยการเอาเครื่องบินมาถล่มพวกกบฏมือเปล่า แบบนี้นานาชาติใจบุญ จะทนดูชาวลิเบียโดนระเบิดทุกวันไหวยังไง อังกฤษกับฝรั่งเศส รีบถลาไปเอาหน้าเกือบไม่ทัน บอกว่าไม่ได้นะ แบบนี่มันละเมิดกฏ “No Fly Zone” ของสหประชาชาติ ว่าเข้าไปโน่น สหประชาชาติ เลยมีมติกำหนดเขตห้ามบิน No Fly Zone ตามเมืองต่างๆในลิเบีย เครื่องบินของฝ่ายรัฐบาลหรือกัดดาฟี บินไม่ได้ แต่ของกองกำลังผสมของนานาชาติบินได้ ทิ้งระเบิดได้ มีปัญหาไหม ไม่มีคร้าบ… พวกเอ็งมันใหญ่ค้ำโลกแล้ว ใครจะกล้ามีปัญหาด้วย ก๊อก 2 คือ กองกำลังผสมของนานาชาติ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อร่วมกันเชือด กัดดาฟี ทรัพยากรลิเบียแยะนัก กองกำลังร่วมเชือด เลยแยะตามไปด้วย หวังได้แบ่งส่วนบุญ กองกำลังผสม นำโดยอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา และลูกกระเป๋ง อย่าง กาต้าร์ สหรัฐเอมิเรต เบลเยี่ยม อิตาลี เดนมาร์ค นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์และสเปญ เอาชื่อมาโชว์ให้ดูหมด จะได้รู้ว่าใคร อยู่ตรงไหน… โถ นึกว่ารวยแล้วไม่ตะกระ …แถวบ้านผมเคยมี ที่รวยแล้ว ทั้งตะกระ ทั้งโกง…. ช่วงแรก กองกำลังผสมบัญชาการโดยอเมริกา ช่วงหลัง บัญชาการโดยนาโต้ ไม่รู้จะดัดจริต เปลี่ยนทำไม ยังไงอเมริกาก็คุมนาโต้อยู่แล้ว จริงๆ ช่วงแรก อเมริกานำ ก็เพราะต้องการจะเข้าลิเบียไปก่อนใคร เพื่อค้นหาสมบัติของกัดดาฟี โดยเฉพาะ พวกอาวุธที่แอบเก็บตามโกดังนั่นแหละ ใครๆ ก็อยากงาบต่อทั้งนั้น แล้วกองกำลังผสมของชาติต่างๆ บวกกองกำลังของนาโต้เอง บวกกองกำลังฝ่ายกบฏ บวกกองกำลังของผู้รับเหมา บวกกองกำลังทหารของอเมริกา (เอะ นี่ผมตกกองอะไร ของใครอีกไหม มันแยะ เละไปหมด) ก็ไล่ล่ากัดดาฟีอยู่ 8 เดือน กัดดาฟีหนีไปเมืองไหน ยิงกันอย่างไร บ้านเรือนพังฉิบหายขนาดไหน คนเจ็บคนตายนอนน่าสมเพชเกลื่อน ถนนเท่าไหร่ ไอ้กระป๋องใส่สีย้อมข่าว ซีเอนเอน รายงานข่าวละเอียดละออ ชาวบ้านได้ดูข่าวการไล่ล่า และไล่ฆ่า เป็นรายการสดทางทีวี ทุกวัน ทุกคืน เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2011 นาโต้ประกาศว่า ได้ทิ้งระเบิด ที่บริเวณบ้านใหญ่ ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีรอบใหญ่ บ้านพังฉิบหายยับ แต่ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย แต่มีคนอื่นตายแทน เป็นลูกชายคนเล็กของกัดดาฟี และหลานปู่เล็กๆ อีก 3 คน เวร….. แล้วในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2011 กัดดาฟี ก็ถูกฆ่าตายที่เมืองบ้านเกิดของเขา Sirte ขณะที่อยู่กับกองกำลังของตัว ที่ล้อมหน้า ล้อมหลัง แต่มันมาทางจากข้างบน เป็นจรวดไล่ยิง จะไปคุ้มกันยังไงไหว เล่นยิงใส่ขบวนรถของพวกกัดดาฟี ที่กำลังขับหนีออกจาก Sirte รถกระเด็นพลิกคว่ำ บ้านเรือนแถบนั้นพังเป็นแถบ คนจะรอดหรือ แล้วกัดดาฟีพร้อมลูกชาย 2 คน และลูกน้องคนสนิทหลายคน ก็ตายเรียบ หลังจากนั้น เขาว่าพวกกบฏก็บุกเขาไปเอาร่างกัดดาฟีออกมา ลากไปตามถนนโห่ร้องยินดี บางข่าว บอกว่าเขาตายตั้งแต่โดนจรวด บางข่าวบอก เขายังไม่ตาย แค่เกือบ เขาหลุดออกมาจากรถ ไปแอบซ่อนตัวอยู่ในท่อ แต่มาตายตอนที่พวกกบฏลากตัวขึ้น มาจากท่อ ไปตามถนน ก่อนลาก ทุบเสียละเอียด ก่อน ทุบ จับแก้ผ้า และชำเราทางทวารหนักก่อน บางสื่อลงภาพเขานอนตาย หัวเป็นรู จากรอยกระสุน 2 วัน ก่อนที่กัดดาฟีจะถูกจับ คุณนายคลินตัน สตรีหน้าโหด ( ผมเห็นหน้าคุณนายในทีวีทีไร ฝันร้ายทุกที ผู้หญิงอะไร น่ากลัวชะมัด) ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินทางไปที่เมือง ทริโปลี Tripoli ด้วยเครื่องบินทหาร ที่มีการคุ้มกันหลายชั้น แม้แต่แมลงวันที่คุ้นเคยกัน ก็คงเข้าไปตอมคุณนายไม่ถึง คุณนายประกาศเสียงดังฟังชัดว่า เราจะต้องจับตัวกัดดาฟี มาให้ได้ ไม่ว่า จับตาย หรือจับเป็น “dead or alive” นี่! มันยิ่งกว่าบทพระเอก ไปทำหน้าเศร้าที่ซูดานอีกนะ บทนี้มันเป็นบทนางสิงห์สั่งฆ่าเลย กัดดาฟี จะอย่างไรก็เป็นประมุขประเทศ เป็นประเทศเอกราช ไม่ได้เป็นขี้ข้าใคร ทำดี ทำชั่ว ศาลระหว่างประเทศมี อเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศของตน ใช้สิทธิอะไร เที่ยวประกาศ ตัดสินว่า ประเทศไหน ต้องมีนโยบายอย่างไร ประมุขประเทศ ต้องทำตัวอย่างไร ตามใจอเมริกาอย่างไร ถ้าไม่ถูกใจนี่ อเมริกา สั่งฆ่าได้เลยหรือ เรื่องนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ และสะอิดสะเอียนที่สุด เรื่องนี้ สำนักข่าว Associated Press รายงานข่าวว่า … นางคลินตันพูดแบบไม่อ้อมค้อมเป็นพิเศษว่า อเมริกา ต้องการเห็น อดีตเผด็จการ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ถึงแก่ความตาย…. … เราหวังว่า เขาจะถูกจับ หรือถูก ฆ่า เพื่อพวกคุณจะได้ไม่ต้องกลัวเขาอีกต่อไป .. Clinton declared in unusually blunt terms that the United States would like to see former dictator Muammar Gaddafi dead.. …We hope he can be captured or killed soon so that you don’t have to fear him any longer… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • #TikTokamazing_thailand
    #เที่ยวไทย
    #Thailand
    #TikTokamazing_thailand #เที่ยวไทย #Thailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวดูเพลินๆ
    https://youtu.be/y8IU7Cpv5Ms?si=qGn835rq3SPHWTjB
    #แบกแป้เกอร์
    #ฉงชิ่ง
    #เที่ยวจีน
    ท่องเที่ยวดูเพลินๆ https://youtu.be/y8IU7Cpv5Ms?si=qGn835rq3SPHWTjB #แบกแป้เกอร์ #ฉงชิ่ง #เที่ยวจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวดูเพลินๆ
    https://youtu.be/AipuEIchuQA?si=sFOVa0B9mCwKR4Vj
    #แบกเป้เกอร์
    #เที่ยวไทย
    #จิตอาสา
    ท่องเที่ยวดูเพลินๆ https://youtu.be/AipuEIchuQA?si=sFOVa0B9mCwKR4Vj #แบกเป้เกอร์ #เที่ยวไทย #จิตอาสา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเลเซียนับหนึ่งอีกครั้ง ค้นหาเที่ยวบินปริศนา MH370

    กระทรวงคมนาคมมาเลเซียประกาศว่า ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 จะเริ่มต้นใหม่ โดยบริษัท โอเชียน อินฟินิตี (Ocean Infinity) ภายในวันที่ 30 ธ.ค. ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซียยังคงมั่นคงในความพยายามในการหาคําตอบ และแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแก่ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด

    ถ้อยแถลงของกระทรวงฯ ระบุว่า บริษัท โอเชียน อินฟินิตี ได้ยืนยันต่อรัฐบาลมาเลเซียว่า จะเริ่มดำเนินการค้นหาใต้ทะเลอีกครั้งเป็นเวลา 55 วัน โดยจะดำเนินการเป็นระยะ มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่ได้รับการประเมินว่ามีโอกาสสูงสุดที่จะระบุตำแหน่งของเครื่องบินได้ ตามข้อตกลงการให้บริการที่ลงนามระหว่างกัน เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเสียงวิจารณ์จากชาวมาเลเซีย ทั้งเห็นด้วยในการค้นหา เพราะต้องการคำตอบที่สมเหตุสมผลถึงสาเหตุที่เครื่องบินหายไป บ้างก็ไม่เห็นด้วยหากต้องใช้เงินภาษีประชาชน แนะว่าให้นำเงินจำนวนมหาศาลไปช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ยากลำบากดีกว่า ถึงกระนั้น ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับบริษัทเอกชนมีเงื่อนไขก็คือ รัฐบาลจะจ่ายเงินหากพบชิ้นส่วนเครื่องบินเท่านั้น

    หากค้นพบซากเครื่องบิน รัฐบาลมาเลเซียจะต้องจ่ายเงินให้บริษัทเอกชนดังกล่าว 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2,230 ล้านบาท)

    เครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 ออกจากท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2557 มุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้โดยสาร 227 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และลูกเรือ 12 คน รวม 239 คน แต่ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังออกจากสนามบินต้นทาง

    ตามรายงานการสอบสวน 495 หน้า ระบุว่า ระบบควบคุมของเครื่องบิน อาจถูกบังคับให้ออกนอกเส้นทางโดยเจตนา แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบ และยังไม่ได้สรุปผลว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะขึ้นอยู่กับการค้นพบซากเครื่องบิน

    แม้จะมีปฎิบัติการค้นหาร่วมกันทั้งมาเลเซีย ออสเตรเลีย และจีน แต่ก็ยังไม่พบซากเครื่องบิน มีเพียงค้นพบชิ้นส่วนเครื่องบินเล็กๆ ที่เชื่อว่ามาจากเครื่องบินลำดังกล่าวตามแนวชายฝั่งทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงประเทศโมซัมบิก มาดากัสการ์ และเกาะเรอูนียงของฝรั่งเศส

    กรณีนี้นอกจากจะเกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมายแล้ว ยังเป็นบาดแผลทางจิตใจให้กับครอบครัวผู้สูญหาย ซึ่งเรียกร้องให้สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ บริษัทโบอิ้ง บริษัทโรลส์รอยซ์ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ และบริษัทประกันภัยอลิอันซ์จ่ายเงินเยียวยา

    #Newskit
    มาเลเซียนับหนึ่งอีกครั้ง ค้นหาเที่ยวบินปริศนา MH370 กระทรวงคมนาคมมาเลเซียประกาศว่า ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 จะเริ่มต้นใหม่ โดยบริษัท โอเชียน อินฟินิตี (Ocean Infinity) ภายในวันที่ 30 ธ.ค. ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซียยังคงมั่นคงในความพยายามในการหาคําตอบ และแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแก่ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ถ้อยแถลงของกระทรวงฯ ระบุว่า บริษัท โอเชียน อินฟินิตี ได้ยืนยันต่อรัฐบาลมาเลเซียว่า จะเริ่มดำเนินการค้นหาใต้ทะเลอีกครั้งเป็นเวลา 55 วัน โดยจะดำเนินการเป็นระยะ มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่ได้รับการประเมินว่ามีโอกาสสูงสุดที่จะระบุตำแหน่งของเครื่องบินได้ ตามข้อตกลงการให้บริการที่ลงนามระหว่างกัน เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเสียงวิจารณ์จากชาวมาเลเซีย ทั้งเห็นด้วยในการค้นหา เพราะต้องการคำตอบที่สมเหตุสมผลถึงสาเหตุที่เครื่องบินหายไป บ้างก็ไม่เห็นด้วยหากต้องใช้เงินภาษีประชาชน แนะว่าให้นำเงินจำนวนมหาศาลไปช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ยากลำบากดีกว่า ถึงกระนั้น ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับบริษัทเอกชนมีเงื่อนไขก็คือ รัฐบาลจะจ่ายเงินหากพบชิ้นส่วนเครื่องบินเท่านั้น หากค้นพบซากเครื่องบิน รัฐบาลมาเลเซียจะต้องจ่ายเงินให้บริษัทเอกชนดังกล่าว 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2,230 ล้านบาท) เครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 ออกจากท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2557 มุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้โดยสาร 227 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และลูกเรือ 12 คน รวม 239 คน แต่ขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังออกจากสนามบินต้นทาง ตามรายงานการสอบสวน 495 หน้า ระบุว่า ระบบควบคุมของเครื่องบิน อาจถูกบังคับให้ออกนอกเส้นทางโดยเจตนา แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบ และยังไม่ได้สรุปผลว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะขึ้นอยู่กับการค้นพบซากเครื่องบิน แม้จะมีปฎิบัติการค้นหาร่วมกันทั้งมาเลเซีย ออสเตรเลีย และจีน แต่ก็ยังไม่พบซากเครื่องบิน มีเพียงค้นพบชิ้นส่วนเครื่องบินเล็กๆ ที่เชื่อว่ามาจากเครื่องบินลำดังกล่าวตามแนวชายฝั่งทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงประเทศโมซัมบิก มาดากัสการ์ และเกาะเรอูนียงของฝรั่งเศส กรณีนี้นอกจากจะเกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมายแล้ว ยังเป็นบาดแผลทางจิตใจให้กับครอบครัวผู้สูญหาย ซึ่งเรียกร้องให้สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ บริษัทโบอิ้ง บริษัทโรลส์รอยซ์ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ และบริษัทประกันภัยอลิอันซ์จ่ายเงินเยียวยา #Newskit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวเฉิงตู ปี้เผิงโกว ❄ เดินทาง ธ.ค. 68 เริ่ม 7,999

    🗓 จำนวนวัน 4 วัน 3 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    พักโรงแรม

    อุทยานปี้เผิงโกว
    วัดต้าฉือ
    ถนนคนเดินชุนซีลู่
    ถนนคนเดินไท่กู่หลี่

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวเฉิงตู ปี้เผิงโกว ❄ 🗓️ เดินทาง ธ.ค. 68 😍 เริ่ม 7,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 4 วัน 3 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 อุทยานปี้เผิงโกว 📍 วัดต้าฉือ 📍 ถนนคนเดินชุนซีลู่ 📍 ถนนคนเดินไท่กู่หลี่ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์จีน #จีน #เฉิงตู #china #chengdu #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่”
    ตอน 1
    เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้ 
    คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก
    น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน...
    เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น
    รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร
    สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา
    บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา
    เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน
    ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ
    ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ
    
###############
ตอน 2
     
    เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน
     
    “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว
    เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น
    โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้
    และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม
    เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก
    ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา
    เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien
    นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้
    นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น
    นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น
    ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น
    เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน
    
###############
ตอน 3
    เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง
    นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม
    จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน
    แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา
    นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย
    เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม
    เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ!
    นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
    ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน
    
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่” ตอน 1 เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้  คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน... เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ 
###############
ตอน 2   เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน   “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้ และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้ นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน 
###############
ตอน 3 เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ! นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน 
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวโซล เกาหลี ซอรัคซาน อิสระ 1 วัน เริ่ม 8,999
    เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69

    🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    ชิงช้าสวรรค์
    ซอรัคซาน
    ห้องสมุดสตาร์ฟิล
    เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวโซล เกาหลี ซอรัคซาน อิสระ 1 วัน 🇰🇷 เริ่ม 8,999 🔥🔥 🗓️ เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69 😍 🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 ชิงช้าสวรรค์ 📍 ซอรัคซาน 📍 ห้องสมุดสตาร์ฟิล 📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แฮกเกอร์ Evil Twin Wi-Fi ถูกตัดสินจำคุก หลังขโมยข้อมูลผู้โดยสารกลางเที่ยวบิน

    ศาลออสเตรเลียได้ตัดสินจำคุก Michael Clapsis เป็นเวลา 7 ปี 4 เดือน หลังจากเขาใช้เทคนิค Evil Twin Wi-Fi Attack เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi ปลอมในสนามบินและบนเครื่องบิน หลอกให้ผู้โดยสารเชื่อมต่อและกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ทำให้สามารถขโมยรหัสผ่าน อีเมล และแม้แต่รูปภาพส่วนตัวได้

    การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่าย Wi-Fi ที่น่าสงสัยบนเที่ยวบินในปี 2024 หลังจากตรวจสอบพบว่า Clapsis ใช้อุปกรณ์พกพาสร้าง Hotspot ปลอม เลียนแบบเครือข่ายจริงของสนามบินและสายการบิน เมื่อผู้โดยสารเชื่อมต่อ พวกเขาจะถูกนำไปยังหน้าเข้าสู่ระบบปลอมที่เก็บข้อมูลส่วนตัวโดยตรง

    นอกจากการขโมยข้อมูลผู้โดยสารแล้ว เขายังพยายามเข้าถึง การประชุมออนไลน์ลับ ระหว่างนายจ้างและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงพยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายถูกจับกุมและตัดสินจำคุก โดยมีสิทธิ์ขอปล่อยตัวหลังรับโทษครบ 5 ปี

    กรณีนี้เป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ถึงความเสี่ยงของการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่รู้จัก ใช้ VPN ที่เชื่อถือได้ และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีลักษณะนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดคดี
    Michael Clapsis ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี 4 เดือน
    ใช้ Evil Twin Wi-Fi หลอกผู้โดยสารกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม

    พฤติกรรมการโจมตี
    สร้าง Hotspot ปลอมเลียนแบบเครือข่ายสนามบินและสายการบิน
    ขโมยรหัสผ่าน อีเมล และรูปภาพส่วนตัว

    การสืบสวนและจับกุม
    เจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่ายน่าสงสัยบนเที่ยวบิน
    พยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่จำเป็น
    ใช้ VPN และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์เพื่อป้องกันการโจมตี

    https://hackread.com/evil-twin-wifi-hacker-jail-steal-data-midflight/
    ✈️ แฮกเกอร์ Evil Twin Wi-Fi ถูกตัดสินจำคุก หลังขโมยข้อมูลผู้โดยสารกลางเที่ยวบิน ศาลออสเตรเลียได้ตัดสินจำคุก Michael Clapsis เป็นเวลา 7 ปี 4 เดือน หลังจากเขาใช้เทคนิค Evil Twin Wi-Fi Attack เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi ปลอมในสนามบินและบนเครื่องบิน หลอกให้ผู้โดยสารเชื่อมต่อและกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ทำให้สามารถขโมยรหัสผ่าน อีเมล และแม้แต่รูปภาพส่วนตัวได้ การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่าย Wi-Fi ที่น่าสงสัยบนเที่ยวบินในปี 2024 หลังจากตรวจสอบพบว่า Clapsis ใช้อุปกรณ์พกพาสร้าง Hotspot ปลอม เลียนแบบเครือข่ายจริงของสนามบินและสายการบิน เมื่อผู้โดยสารเชื่อมต่อ พวกเขาจะถูกนำไปยังหน้าเข้าสู่ระบบปลอมที่เก็บข้อมูลส่วนตัวโดยตรง นอกจากการขโมยข้อมูลผู้โดยสารแล้ว เขายังพยายามเข้าถึง การประชุมออนไลน์ลับ ระหว่างนายจ้างและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงพยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายถูกจับกุมและตัดสินจำคุก โดยมีสิทธิ์ขอปล่อยตัวหลังรับโทษครบ 5 ปี กรณีนี้เป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ถึงความเสี่ยงของการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่รู้จัก ใช้ VPN ที่เชื่อถือได้ และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีลักษณะนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดคดี ➡️ Michael Clapsis ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี 4 เดือน ➡️ ใช้ Evil Twin Wi-Fi หลอกผู้โดยสารกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ✅ พฤติกรรมการโจมตี ➡️ สร้าง Hotspot ปลอมเลียนแบบเครือข่ายสนามบินและสายการบิน ➡️ ขโมยรหัสผ่าน อีเมล และรูปภาพส่วนตัว ✅ การสืบสวนและจับกุม ➡️ เจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่ายน่าสงสัยบนเที่ยวบิน ➡️ พยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่จำเป็น ⛔ ใช้ VPN และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์เพื่อป้องกันการโจมตี https://hackread.com/evil-twin-wifi-hacker-jail-steal-data-midflight/
    HACKREAD.COM
    Evil Twin Wi‑Fi Hacker Jailed for Stealing Data Mid‑Flight
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเลเซียกวาดล้างซาวนาชาย เอ็นจีโอโวยละเมิดเลือกปฎิบัติ

    การกวาดล้างสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ที่ระบุว่าแฝงกิจกรรมทางเพศแบบเพศเดียวกันในมาเลเซีย เริ่มจากเมื่อวันที่ 29 พ.ย. กองบังคับการ 7 (D7) ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอั่งยี่ การพนันและอบายมุข ของตำรวจกัวลาลัมเปอร์ ร่วมกับกรมศาสนาแห่งดินแดนสหพันธ์ (JAWI) และศาลาว่าการกรุงกัวลาลัมเปอร์ (DKBL) เข้าทลายคลับสุขภาพย่านโจวคิต (Chow Kit) หลังมีประชาชนร้องเรียน ก่อนสืบสวนและเฝ้าติดตามกว่า 2 สัปดาห์ รวบผู้ต้องสงสัยเป็นลูกค้า 201 ราย พนักงาน 7 ราย อายุระหว่าง 19-60 ปี พร้อมของกลางถุงยางอนามัยและสิ่งของอื่นๆ ที่เชื่อว่าถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดศีลธรรม

    อาคารมีทั้งหมด 2 ชั้น เปิดมานานกว่า 8-10 เดือน มีการโปรโมตสถานที่ผ่านโซเชียลมีเดีย และบอกเล่าแบบปากต่อปากจากลูกค้าประจำ ผู้เข้าใช้บริการต้องลงทะเบียน 10 ริงกิตเพื่อเปิดบัตรสมาชิก หลังจากนั้นเสียค่าบริการครั้งละ 35 ริงกิต ลูกค้ามีทั้งผู้ประกอบวิชาชีพ นักศึกษา นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เยอรมนี และจีน อย่างไรก็ตาม ภายหลังผู้ต้องหา 171 รายได้รับการปล่อยตัว เพราะศาลไปฎิเสธคำร้องขอส่งตัวผู้ต้องหา เนื่องจากยื่นคำร้องล่าช้า ส่วนชาวต่างชาติ 31 ราย ถูกควบคุมตัว

    ต่อมาวันที่ 30 พ.ย. กองกำกับการ 7 ของสำนักงานตำรวจเขตเซเบอรังเปอไร (Seberang Perai) รัฐปีนัง ร่วมกับหน่วยปฎิบัติการด้านใบอนุญาตของสภาเขตเซเบอรังเปอไร บุกซาวนาในอาคาร 3 ชั้น ย่านบูกิตเมอร์ตาจัม (Bukit Mertajam) หลังถูกร้องเรียนว่าถูกใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางเพศที่ผิดกฎหมาย รวบผู้ดูแลสถานที่ 2 ราย ลูกค้า 11 ราย อายุระหว่าง 19 ถึง 66 ปี รวมถึงชาวต่างชาติ 2 คน ประกอบด้วยคนไทย 1 คน และชาวจีน 1 คน พร้อมตรวจยึดถุงยางอนามัย สารหล่อลื่น และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จากการสืบสวนพบว่าซาวนาแห่งนี้เปิดมานานกว่า 5 ปี แต่เพิ่งเริ่มดึงดูดลูกค้าเข้าร่วมทำกิจกรรมทางเพศเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา

    การบุกทลายสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ด้วยข้อหามีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งผิดกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ตามหลักศาสนาอิสลาม กำลังเป็นที่วิจารณ์จากองค์กรพัฒนาเอกชน 2 แห่ง ตำหนิว่ามีสื่อมวลชนละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ถูกจับกุม ส่งผลกระทบในทางลบต่อชีวิต และการดำรงชีวิตของคนที่เปราะบางอยู่แล้วในสังคม เนื่องจากการเลือกปฏิบัติ รวมถึงกระทบต่อความพยายามของรัฐบาลมาเลเซีย ในการยับยั้งการติดเชื้อเอชไอวีในประเทศ อีกทั้งบทบัญญัติตามกฎหมายดังกล่าวหลงเหลือจากศีลธรรมในยุคอาณานิคม ที่มุ่งเป้า ตีตรา และเป็นอันตรายต่อชุมชนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+)

    #Newskit
    มาเลเซียกวาดล้างซาวนาชาย เอ็นจีโอโวยละเมิดเลือกปฎิบัติ การกวาดล้างสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ที่ระบุว่าแฝงกิจกรรมทางเพศแบบเพศเดียวกันในมาเลเซีย เริ่มจากเมื่อวันที่ 29 พ.ย. กองบังคับการ 7 (D7) ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอั่งยี่ การพนันและอบายมุข ของตำรวจกัวลาลัมเปอร์ ร่วมกับกรมศาสนาแห่งดินแดนสหพันธ์ (JAWI) และศาลาว่าการกรุงกัวลาลัมเปอร์ (DKBL) เข้าทลายคลับสุขภาพย่านโจวคิต (Chow Kit) หลังมีประชาชนร้องเรียน ก่อนสืบสวนและเฝ้าติดตามกว่า 2 สัปดาห์ รวบผู้ต้องสงสัยเป็นลูกค้า 201 ราย พนักงาน 7 ราย อายุระหว่าง 19-60 ปี พร้อมของกลางถุงยางอนามัยและสิ่งของอื่นๆ ที่เชื่อว่าถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดศีลธรรม อาคารมีทั้งหมด 2 ชั้น เปิดมานานกว่า 8-10 เดือน มีการโปรโมตสถานที่ผ่านโซเชียลมีเดีย และบอกเล่าแบบปากต่อปากจากลูกค้าประจำ ผู้เข้าใช้บริการต้องลงทะเบียน 10 ริงกิตเพื่อเปิดบัตรสมาชิก หลังจากนั้นเสียค่าบริการครั้งละ 35 ริงกิต ลูกค้ามีทั้งผู้ประกอบวิชาชีพ นักศึกษา นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เยอรมนี และจีน อย่างไรก็ตาม ภายหลังผู้ต้องหา 171 รายได้รับการปล่อยตัว เพราะศาลไปฎิเสธคำร้องขอส่งตัวผู้ต้องหา เนื่องจากยื่นคำร้องล่าช้า ส่วนชาวต่างชาติ 31 ราย ถูกควบคุมตัว ต่อมาวันที่ 30 พ.ย. กองกำกับการ 7 ของสำนักงานตำรวจเขตเซเบอรังเปอไร (Seberang Perai) รัฐปีนัง ร่วมกับหน่วยปฎิบัติการด้านใบอนุญาตของสภาเขตเซเบอรังเปอไร บุกซาวนาในอาคาร 3 ชั้น ย่านบูกิตเมอร์ตาจัม (Bukit Mertajam) หลังถูกร้องเรียนว่าถูกใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางเพศที่ผิดกฎหมาย รวบผู้ดูแลสถานที่ 2 ราย ลูกค้า 11 ราย อายุระหว่าง 19 ถึง 66 ปี รวมถึงชาวต่างชาติ 2 คน ประกอบด้วยคนไทย 1 คน และชาวจีน 1 คน พร้อมตรวจยึดถุงยางอนามัย สารหล่อลื่น และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จากการสืบสวนพบว่าซาวนาแห่งนี้เปิดมานานกว่า 5 ปี แต่เพิ่งเริ่มดึงดูดลูกค้าเข้าร่วมทำกิจกรรมทางเพศเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา การบุกทลายสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ด้วยข้อหามีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งผิดกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ตามหลักศาสนาอิสลาม กำลังเป็นที่วิจารณ์จากองค์กรพัฒนาเอกชน 2 แห่ง ตำหนิว่ามีสื่อมวลชนละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ถูกจับกุม ส่งผลกระทบในทางลบต่อชีวิต และการดำรงชีวิตของคนที่เปราะบางอยู่แล้วในสังคม เนื่องจากการเลือกปฏิบัติ รวมถึงกระทบต่อความพยายามของรัฐบาลมาเลเซีย ในการยับยั้งการติดเชื้อเอชไอวีในประเทศ อีกทั้งบทบัญญัติตามกฎหมายดังกล่าวหลงเหลือจากศีลธรรมในยุคอาณานิคม ที่มุ่งเป้า ตีตรา และเป็นอันตรายต่อชุมชนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยวโซล เกาหลี อิสระ 2 วัน เริ่ม 7,999 เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69

    🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    AURORA MEDIA SHOW
    เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวโซล เกาหลี อิสระ 2 วัน 🇰🇷 เริ่ม 7,999 🔥🔥 🗓️ เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69 😍 🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 AURORA MEDIA SHOW 📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 19

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 19
    นาย Hoover อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คนที่แม้ตอนนั้นอกจะยังกลัดหนอง จากโดนบี้เสียเละ ในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีสมัย Great Depression ของอเมริกา เขาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันที่ถูกประชาชน ประท้วงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมมีคนซ้ำเติม เขาคงไม่ลืม เขาจึงนั่ง (รับใบสั่ง) เป็นผู้บัญชาการเงาของ SCAP อยู่ที่อพาทเม้นต์ข้างบนโรงแรมหรู ในนิวยอร์ค โดยมีอดีตทูต Grew และ Harry F Kern ร่วมนั่งรับการบัญชา
    หลังจากฝ่ายบัญชาการปล่อยข่าวออกไป จนน่าจะได้ที่ และได้ที เจ้าหน้าที่ของทางวังก็เริ่มมาหารือกับ Grew ถึงทางออกของจักรพรรดิ ที่คงจะเสียหน้ามาก ถ้าจะต้องออกมาเป็นผู้พูด รับผิดในการสั่งทหารญี่ปุ่นเข้าทำสงครามโลก ผลของการปรึกษา เจรจากันหลายรอบ ระหว่างตัวแทนของวังกับฝั่งของ ฝ่ายบัญชาการ ในที่สุดจักรพรรดิ ก็ตกลงยอมที่จะไปพบ นายพลแมค ที่สำนักงานใหญ่ของ SCAP ปิดห้องเจรจากัน 2 คน มันเป็นเรื่องที่จักรพรรดิไม่เคยต้องทำ แต่จักรพรรดิยอมเดินทางไปพบนายพลแมค มีแค่ องคมนตรีติดไปด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นล่าม โดยสาบานตนว่าจะไม่เปิดเผยต่อ ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าทั้ง 2 เจรจาอะไรบ้าง
    แล้วคำแถลงของจักรพรรดิ ที่ใช้เวลาร่างและแก้อยู่หลายสิบ รอบ ก็ออกวิทยุที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ไม่มีการพูดถึง การสั่งเข้าทำสงคราม ไม่มีคำขอโทษ แต่ให้คนฟังเข้าใจเอาเองว่า จักรพรรดิเสียใจสุดซึ้ง มันเป็นคำแถลงที่สุดยอดญี่ปุ่น แปลว่า เข้าใจยากครับ ผมพยายามอ่านอยู่หลายเที่ยว เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นอีกที สงสัยภาษาอังกฤษผมอ่อนมาก ผมชักไม่แน่ใจว่า ตกลงจักรพรรดิเสียใจสุดซึ้งเรื่องอะไรกันแน่ (ท่านใดที่สนใจว่าจักรพรรดิพูดว่าอะไร กดดูในกูเกิล emperor speech ได้เลยครับ)
    หลังจากนั้นก็มาถึงคิวบรรดาหัวกะทิ นักธุรกิจนักการเงินใหญ่ ที่ SCAP สั่งดำเนินดคี เนื่องจากมีส่วนพัวพัน สนับสนุน รวมทั้งค้าขาย ทำกำไรจากการทำสงครามอันโหดร้ายของญี่ปุ่น บริษัทเหล่านี้จะมีสิทธิถูกพิจารณาลงโทษ ให้ปรับปรุงกิจการ เลิกการผูกขาด ลดขนาดบริษัท ไปจนถึง ต้องเลิกกิจการ
    Harry F Kern บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของนิตยสาร Newsweek ซึ่งมีเสียงดังมากในสมัยนั้น เป็นหัวเรือใหญ่ ตั้งสำนักล้อบบี้รุ่นแรก American Council on Japan (ACJ) หรือบางทีเรียกกันว่า Japan Lobby ร่วมกับสื่อใหญ่อีกคน Compton Pakenham ประจำสำนักงานในโตเกียว และ James Lee Kauffman ทนายจากนิวยอร์ค ที่มาสอนหนังสือ อยู่ที่ มหาวิทยาลัยโตเกียว ในช่วงปี ค.ศ.1913 – 1919 และเป็นที่ปรึกษากฏหมาย ให้ธุรกิจใหญ่อเมริกันในโตเกียว เช่น บริษัท General Electric , Standard Oil, Westing House, Ford, Otis Elevator และ Dillion Reed ร่วมในขบวนการล้อบบี้ด้วย
    Kern เป็นสื่อ ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด สนใจด้านการเมืองแถบเอเซียมานานแล้วเป็นเพื่อนสนิทกับพวก Harriman คู่หูของร้อกกี้ the great ในจีน ส่วน Pakenham เกิดและโตมาในญี่ปุ่น และเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าพ่อ ในญี่ปุ่นเกือบทุกคน
    Grew อดีตทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น รับหน้าที่เป็นประธานของสำนักล้อบบี้ AJC ร่วมกับ Wiiliam Castle เจ้าของไร่ใหญ่ในฮาวาย และเคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศสมัย Hoover เป็นประธานาธิบดี
    ปี ค.ศ.1947 Kuaffman ในฐานะตัวแทนของ Dillion Reed บริษัทการเงินในวอลสตรีท ที่มีความใกล้ชิดกับร้อกกี้มากกว่ามอร์แกน เดินทางมาโตเกียวเพื่อประเมินนโยบาย FEC-230 ของวอชิงตัน ที่ให้ตอนพันธ์ุพวกหัวกะทิ นักธุรกิจใหญ่ ที่เรียกว่า zaibatsu จากต้นใหญ่ เหลือเป็นบอนไซในกระถางน่าเอ็น ดู เมื่อเขากลับไปอเมริกา เขารีบส่งการบ้าน หลังจากนั้นนโยบาย FEC-230 ก็ถูกส่งไปให้ Newsweek โดย William Draper หุ้นส่วนใหญ่ ของ Dillion Reed ที่ขอลาชั่วคราวมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
    Newsweek เขียนบทความ แบบด่าไม่เลี้ยงว่า การลงโทษธุรกิจญี่ปุ่น ตามนโยบายดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพังพินาศ จะทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในภาคธุรกิจ ตกงานเป็นหมื่นๆคน มันเป็นการลงโทษนักธุรกิจญี่ปุ่น แต่สร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันที่เสียภาษีอย่างแสนสาหัส เพราะจะต้องไปรับภาระนั้นแทนญี่ปุ่น
    มันเป็นช่วงที่ นายพลแมค กำลังเริ่มหาเสียงจะลงเลือกตั้ง มาโดนสื่อใหญ่ถล่มเละ แถมพวกลิพับลิกันก็ช่วยกันด่าซ้ำ เพราะทำให้พรรคเสียคะแนน ท่านนายพลแมค จึงรีบสั่งระงับการเอาบอนไซพันธ์ุ zaibatsu ลงกระถางไว้ชั่วคราวก่อน แต่มีคนใจร้อนขี้เกียจคอย
    คราวนี้นาย William Draper มาญี่ปุ่นเอง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน แถมพ่วงเอานายธนาคารใหญ่ อีกคน Percy Johnson มาด้วย Johnson เป็นประธาน Chemical Bank ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นคู่ค้ากับ Mitsui Bank ยักษ์ใหญ่มากของญี่ปุ่น พวกเขาสอบถามซักไซ้ผู้ที่เกี่ยว ข้องอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปทำรายงาน Draper-Johnson สรุปว่า พวก zaibatsu ไม่สมควรที่จะรับโทษ ในการทำสงคราม แต่ควรให้พวกเขารีบมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะได้ไม่เป็นภาระกับอเมรืกา ในการ(ควักกระเป๋า) ดูแลเลี้ยงดูญี่ปุ่น ด้วยภาษีของคนอเมริกัน เยี่ยมจริงๆ
    สรุปแบบนี้ วอชิงตันก็โกลาหล มีทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายเชียร์ ในที่สุด การเมืองอเมริกัน ที่ว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ (ถูกสั่งให้) ตัดสินใจยกเลิกการตอนพันธ์ zaibatsu และบริษัทญี่ปุ่น ที่อยู่ในข่ายว่าจะต้องถูกตอนจำนวน 325 บริษัท ก็ลดลงเหลือเพียง 20 บริษัท ส่วนพวก zaibatsu ที่รอดมา เปลี่ยนชื่อใหม่ชั่วคราว พอให้ควันจาง ก็กลับไปใช้ชื่อเดิม
    ส่วนเรื่อง จักรพรรดิ ทหาร และนักการเมือง อเมริกา หลังจากขู่เข้ม จนราดเต็มกางเกงกันไปหมดแล้ว ก็สรุปว่า ให้ไประบุให้ชัดเจนว่า จักรพรรดิอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ต่อไปใครจะมากล่าวหาว่าจักรพรรดินำรบไม่ได้แล้วนะ และ ให้แน่ใจว่า ทหารเลิกบ้าเลือด ก็ยุบกองทัพ เหลือแค่เป็นกองกำลังป้องกันตัวเอง ทั้งหมดนี้ ให้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญใหม่ ที่นายพลแมคให้จัดร่างขึ้นมาใหม่
    พอถึงปี ค.ศ.1951 ทั้งสองแสนสองหมื่นคน ก็หลุดจากคุกหมด ยกเว้นพวกที่หลุดมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็พวกหัวกะทิไง ให้ออกมาก่อน เก็บไว้แต่หางกะทิ
    ในปี ค.ศ.1952 นายพลแมค ก็จัดให้มีการเลือกตั้งในญี่ปุ่น และนายโยชิดะ จากพรรค Liberal Democrat Party (LDP) ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายพลแมค
    ส่วนความฝันของนายพลแมคเอง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในปี ค.ศ.1948 เขาหาเสียงโดยตรงไม่ได้ เพราะกำลังวุ่นเรื่อง SCAP อยู่ แต่เขาประกาศผ่านพวกรีพับลิกัน โดยเฉพาะกับ Hoover ที่กำกับเขามาตลอด ว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนท่านนายพลห้าดาวจะไม่ผ่านแม้แต่การเลือกตั้งตัวแทนภายในพรรครอบแรก แต่คงไม่ช้ำใจมาก ได้ของปลอบใจไปแยะ เรียงกันหลายหลักมาก
    ทั้งหมดนี่ น่าจะเป็นผลงานการทำงานหนักของ ACJ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ภายหลังจักรพรรดิให้เหรียญตราสูงสุดกับ Kern และ Pakenham ทั้ง 2 ก็คนแล้วกัน
    ACJ เป็นหน่วยงานทำอะไรกันแน่ เห็นไม่ชัดเจนในช่วงนั้น เช่นเดียวกับ หน่วยงาน MRA แต่ต่อมาภายหลัง มีเอกสารเป็นหลักฐานว่า 2 หน่วยงานนี้ คือหน่วยงานหน้าฉากของ CIA และทำงานภายใต้ใบกำกับ เช่นเดียวกัน
    เรื่องของ ACJ นี้ เป็นตำนานของการใช้สื่อ และการล้อบบี้ที่บันลือโลกมาก เป็นตัวอย่างว่า ปากและปากกานั่น ใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ก็ล้มรัฐบาล หรือ ครอบครองประเทศได้ โดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร และแม้แต่ทหารใหญ่อย่าง นายพลแมค ที่มีหน้าที่ปกครองญี่ปุ่นในตอนนั้น ยังต้องรีบเปลี่ยนบท
    เฮ้ย ทำไมมันขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนดันกลายเป็นบ้องกัญ ชาอย่างนึ้ ทำเป็นฮึดฮัดโกรธจัดเรื่อง Pearl Habour ถึงขนาดต้องเอาคืน ด้วยการป้อนดอกเห็ดยักษ์ ให้พวกชอบปลาดิบกิน จนตายกันเป็นเบื่อ แล้วจบกันง่ายๆ อย่างนี้นะหรือ ที่บางประเทศ แค่ปฏิวัติบ่อยหน่อย ยังไม่ได้ถล่มกองเรือของใครเลย ทำไมด่าซ้ำด่าซาก ไม่ด่าเปล่า เสือกมีของแถมมาขู่อีก แบบนี้ ก็ยังจบเรื่องไม่ได้ แค่จบตอนครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 19 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 19 นาย Hoover อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คนที่แม้ตอนนั้นอกจะยังกลัดหนอง จากโดนบี้เสียเละ ในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีสมัย Great Depression ของอเมริกา เขาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันที่ถูกประชาชน ประท้วงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมมีคนซ้ำเติม เขาคงไม่ลืม เขาจึงนั่ง (รับใบสั่ง) เป็นผู้บัญชาการเงาของ SCAP อยู่ที่อพาทเม้นต์ข้างบนโรงแรมหรู ในนิวยอร์ค โดยมีอดีตทูต Grew และ Harry F Kern ร่วมนั่งรับการบัญชา หลังจากฝ่ายบัญชาการปล่อยข่าวออกไป จนน่าจะได้ที่ และได้ที เจ้าหน้าที่ของทางวังก็เริ่มมาหารือกับ Grew ถึงทางออกของจักรพรรดิ ที่คงจะเสียหน้ามาก ถ้าจะต้องออกมาเป็นผู้พูด รับผิดในการสั่งทหารญี่ปุ่นเข้าทำสงครามโลก ผลของการปรึกษา เจรจากันหลายรอบ ระหว่างตัวแทนของวังกับฝั่งของ ฝ่ายบัญชาการ ในที่สุดจักรพรรดิ ก็ตกลงยอมที่จะไปพบ นายพลแมค ที่สำนักงานใหญ่ของ SCAP ปิดห้องเจรจากัน 2 คน มันเป็นเรื่องที่จักรพรรดิไม่เคยต้องทำ แต่จักรพรรดิยอมเดินทางไปพบนายพลแมค มีแค่ องคมนตรีติดไปด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นล่าม โดยสาบานตนว่าจะไม่เปิดเผยต่อ ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าทั้ง 2 เจรจาอะไรบ้าง แล้วคำแถลงของจักรพรรดิ ที่ใช้เวลาร่างและแก้อยู่หลายสิบ รอบ ก็ออกวิทยุที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ไม่มีการพูดถึง การสั่งเข้าทำสงคราม ไม่มีคำขอโทษ แต่ให้คนฟังเข้าใจเอาเองว่า จักรพรรดิเสียใจสุดซึ้ง มันเป็นคำแถลงที่สุดยอดญี่ปุ่น แปลว่า เข้าใจยากครับ ผมพยายามอ่านอยู่หลายเที่ยว เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นอีกที สงสัยภาษาอังกฤษผมอ่อนมาก ผมชักไม่แน่ใจว่า ตกลงจักรพรรดิเสียใจสุดซึ้งเรื่องอะไรกันแน่ (ท่านใดที่สนใจว่าจักรพรรดิพูดว่าอะไร กดดูในกูเกิล emperor speech ได้เลยครับ) หลังจากนั้นก็มาถึงคิวบรรดาหัวกะทิ นักธุรกิจนักการเงินใหญ่ ที่ SCAP สั่งดำเนินดคี เนื่องจากมีส่วนพัวพัน สนับสนุน รวมทั้งค้าขาย ทำกำไรจากการทำสงครามอันโหดร้ายของญี่ปุ่น บริษัทเหล่านี้จะมีสิทธิถูกพิจารณาลงโทษ ให้ปรับปรุงกิจการ เลิกการผูกขาด ลดขนาดบริษัท ไปจนถึง ต้องเลิกกิจการ Harry F Kern บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของนิตยสาร Newsweek ซึ่งมีเสียงดังมากในสมัยนั้น เป็นหัวเรือใหญ่ ตั้งสำนักล้อบบี้รุ่นแรก American Council on Japan (ACJ) หรือบางทีเรียกกันว่า Japan Lobby ร่วมกับสื่อใหญ่อีกคน Compton Pakenham ประจำสำนักงานในโตเกียว และ James Lee Kauffman ทนายจากนิวยอร์ค ที่มาสอนหนังสือ อยู่ที่ มหาวิทยาลัยโตเกียว ในช่วงปี ค.ศ.1913 – 1919 และเป็นที่ปรึกษากฏหมาย ให้ธุรกิจใหญ่อเมริกันในโตเกียว เช่น บริษัท General Electric , Standard Oil, Westing House, Ford, Otis Elevator และ Dillion Reed ร่วมในขบวนการล้อบบี้ด้วย Kern เป็นสื่อ ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด สนใจด้านการเมืองแถบเอเซียมานานแล้วเป็นเพื่อนสนิทกับพวก Harriman คู่หูของร้อกกี้ the great ในจีน ส่วน Pakenham เกิดและโตมาในญี่ปุ่น และเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าพ่อ ในญี่ปุ่นเกือบทุกคน Grew อดีตทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น รับหน้าที่เป็นประธานของสำนักล้อบบี้ AJC ร่วมกับ Wiiliam Castle เจ้าของไร่ใหญ่ในฮาวาย และเคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศสมัย Hoover เป็นประธานาธิบดี ปี ค.ศ.1947 Kuaffman ในฐานะตัวแทนของ Dillion Reed บริษัทการเงินในวอลสตรีท ที่มีความใกล้ชิดกับร้อกกี้มากกว่ามอร์แกน เดินทางมาโตเกียวเพื่อประเมินนโยบาย FEC-230 ของวอชิงตัน ที่ให้ตอนพันธ์ุพวกหัวกะทิ นักธุรกิจใหญ่ ที่เรียกว่า zaibatsu จากต้นใหญ่ เหลือเป็นบอนไซในกระถางน่าเอ็น ดู เมื่อเขากลับไปอเมริกา เขารีบส่งการบ้าน หลังจากนั้นนโยบาย FEC-230 ก็ถูกส่งไปให้ Newsweek โดย William Draper หุ้นส่วนใหญ่ ของ Dillion Reed ที่ขอลาชั่วคราวมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม Newsweek เขียนบทความ แบบด่าไม่เลี้ยงว่า การลงโทษธุรกิจญี่ปุ่น ตามนโยบายดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพังพินาศ จะทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในภาคธุรกิจ ตกงานเป็นหมื่นๆคน มันเป็นการลงโทษนักธุรกิจญี่ปุ่น แต่สร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันที่เสียภาษีอย่างแสนสาหัส เพราะจะต้องไปรับภาระนั้นแทนญี่ปุ่น มันเป็นช่วงที่ นายพลแมค กำลังเริ่มหาเสียงจะลงเลือกตั้ง มาโดนสื่อใหญ่ถล่มเละ แถมพวกลิพับลิกันก็ช่วยกันด่าซ้ำ เพราะทำให้พรรคเสียคะแนน ท่านนายพลแมค จึงรีบสั่งระงับการเอาบอนไซพันธ์ุ zaibatsu ลงกระถางไว้ชั่วคราวก่อน แต่มีคนใจร้อนขี้เกียจคอย คราวนี้นาย William Draper มาญี่ปุ่นเอง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน แถมพ่วงเอานายธนาคารใหญ่ อีกคน Percy Johnson มาด้วย Johnson เป็นประธาน Chemical Bank ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นคู่ค้ากับ Mitsui Bank ยักษ์ใหญ่มากของญี่ปุ่น พวกเขาสอบถามซักไซ้ผู้ที่เกี่ยว ข้องอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปทำรายงาน Draper-Johnson สรุปว่า พวก zaibatsu ไม่สมควรที่จะรับโทษ ในการทำสงคราม แต่ควรให้พวกเขารีบมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะได้ไม่เป็นภาระกับอเมรืกา ในการ(ควักกระเป๋า) ดูแลเลี้ยงดูญี่ปุ่น ด้วยภาษีของคนอเมริกัน เยี่ยมจริงๆ สรุปแบบนี้ วอชิงตันก็โกลาหล มีทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายเชียร์ ในที่สุด การเมืองอเมริกัน ที่ว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ (ถูกสั่งให้) ตัดสินใจยกเลิกการตอนพันธ์ zaibatsu และบริษัทญี่ปุ่น ที่อยู่ในข่ายว่าจะต้องถูกตอนจำนวน 325 บริษัท ก็ลดลงเหลือเพียง 20 บริษัท ส่วนพวก zaibatsu ที่รอดมา เปลี่ยนชื่อใหม่ชั่วคราว พอให้ควันจาง ก็กลับไปใช้ชื่อเดิม ส่วนเรื่อง จักรพรรดิ ทหาร และนักการเมือง อเมริกา หลังจากขู่เข้ม จนราดเต็มกางเกงกันไปหมดแล้ว ก็สรุปว่า ให้ไประบุให้ชัดเจนว่า จักรพรรดิอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ต่อไปใครจะมากล่าวหาว่าจักรพรรดินำรบไม่ได้แล้วนะ และ ให้แน่ใจว่า ทหารเลิกบ้าเลือด ก็ยุบกองทัพ เหลือแค่เป็นกองกำลังป้องกันตัวเอง ทั้งหมดนี้ ให้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญใหม่ ที่นายพลแมคให้จัดร่างขึ้นมาใหม่ พอถึงปี ค.ศ.1951 ทั้งสองแสนสองหมื่นคน ก็หลุดจากคุกหมด ยกเว้นพวกที่หลุดมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็พวกหัวกะทิไง ให้ออกมาก่อน เก็บไว้แต่หางกะทิ ในปี ค.ศ.1952 นายพลแมค ก็จัดให้มีการเลือกตั้งในญี่ปุ่น และนายโยชิดะ จากพรรค Liberal Democrat Party (LDP) ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายพลแมค ส่วนความฝันของนายพลแมคเอง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในปี ค.ศ.1948 เขาหาเสียงโดยตรงไม่ได้ เพราะกำลังวุ่นเรื่อง SCAP อยู่ แต่เขาประกาศผ่านพวกรีพับลิกัน โดยเฉพาะกับ Hoover ที่กำกับเขามาตลอด ว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนท่านนายพลห้าดาวจะไม่ผ่านแม้แต่การเลือกตั้งตัวแทนภายในพรรครอบแรก แต่คงไม่ช้ำใจมาก ได้ของปลอบใจไปแยะ เรียงกันหลายหลักมาก ทั้งหมดนี่ น่าจะเป็นผลงานการทำงานหนักของ ACJ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ภายหลังจักรพรรดิให้เหรียญตราสูงสุดกับ Kern และ Pakenham ทั้ง 2 ก็คนแล้วกัน ACJ เป็นหน่วยงานทำอะไรกันแน่ เห็นไม่ชัดเจนในช่วงนั้น เช่นเดียวกับ หน่วยงาน MRA แต่ต่อมาภายหลัง มีเอกสารเป็นหลักฐานว่า 2 หน่วยงานนี้ คือหน่วยงานหน้าฉากของ CIA และทำงานภายใต้ใบกำกับ เช่นเดียวกัน เรื่องของ ACJ นี้ เป็นตำนานของการใช้สื่อ และการล้อบบี้ที่บันลือโลกมาก เป็นตัวอย่างว่า ปากและปากกานั่น ใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ก็ล้มรัฐบาล หรือ ครอบครองประเทศได้ โดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร และแม้แต่ทหารใหญ่อย่าง นายพลแมค ที่มีหน้าที่ปกครองญี่ปุ่นในตอนนั้น ยังต้องรีบเปลี่ยนบท เฮ้ย ทำไมมันขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนดันกลายเป็นบ้องกัญ ชาอย่างนึ้ ทำเป็นฮึดฮัดโกรธจัดเรื่อง Pearl Habour ถึงขนาดต้องเอาคืน ด้วยการป้อนดอกเห็ดยักษ์ ให้พวกชอบปลาดิบกิน จนตายกันเป็นเบื่อ แล้วจบกันง่ายๆ อย่างนี้นะหรือ ที่บางประเทศ แค่ปฏิวัติบ่อยหน่อย ยังไม่ได้ถล่มกองเรือของใครเลย ทำไมด่าซ้ำด่าซาก ไม่ด่าเปล่า เสือกมีของแถมมาขู่อีก แบบนี้ ก็ยังจบเรื่องไม่ได้ แค่จบตอนครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • Airbus พบว่ารังสีสุริยะเข้มข้นอาจทำให้ข้อมูลที่สำคัญต่อระบบควบคุมการบินเสียหาย

    การวิเคราะห์เหตุการณ์ล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบิน A320 Family พบว่า รังสีสุริยะเข้มข้น สามารถทำให้ข้อมูลที่สำคัญต่อการทำงานของระบบควบคุมการบินเกิดความผิดพลาดได้ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน

    มาตรการป้องกันที่ Airbus ดำเนินการ
    Airbus ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานการบินพลเรือนเพื่อออกคำสั่ง Alert Operators Transmission (AOT) ให้สายการบินทั่วโลกรีบติดตั้งการป้องกันทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องบินยังคงปลอดภัยในการบิน โดยคำสั่งนี้จะถูกสะท้อนใน Emergency Airworthiness Directive จาก European Union Aviation Safety Agency (EASA)

    ผลกระทบต่อผู้โดยสารและสายการบิน
    Airbus ยอมรับว่ามาตรการนี้จะทำให้เกิดการหยุดชะงักในการปฏิบัติการ ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้โดยสารและลูกค้า แต่ยืนยันว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญสูงสุด และจะทำงานใกล้ชิดกับสายการบินเพื่อจัดการผลกระทบให้น้อยที่สุด

    ความสำคัญของการเฝ้าระวัง
    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายใหม่ที่อุตสาหกรรมการบินต้องเผชิญจากปัจจัยธรรมชาติ เช่น รังสีสุริยะที่เข้มข้นขึ้น การพัฒนาระบบป้องกันและการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ที่ตรวจพบ
    รังสีสุริยะเข้มข้นทำให้ข้อมูลระบบควบคุมการบินเสียหาย
    กระทบต่อเครื่องบินตระกูล A320 Family

    มาตรการ Airbus
    ออก Alert Operators Transmission (AOT) ให้สายการบินทั่วโลก
    ติดตั้งการป้องกันทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
    สอดคล้องกับ Emergency Airworthiness Directive ของ EASA

    ผลกระทบต่อการบิน
    อาจเกิดการหยุดชะงักในการปฏิบัติการ
    Airbus ขอโทษผู้โดยสารและยืนยันความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    รังสีสุริยะเข้มข้นเป็นภัยคุกคามใหม่ต่อระบบการบิน
    หากไม่ดำเนินมาตรการป้องกัน อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน

    https://www.airbus.com/en/newsroom/press-releases/2025-11-airbus-update-on-a320-family-precautionary-fleet-action
    ✈️ Airbus พบว่ารังสีสุริยะเข้มข้นอาจทำให้ข้อมูลที่สำคัญต่อระบบควบคุมการบินเสียหาย การวิเคราะห์เหตุการณ์ล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบิน A320 Family พบว่า รังสีสุริยะเข้มข้น สามารถทำให้ข้อมูลที่สำคัญต่อการทำงานของระบบควบคุมการบินเกิดความผิดพลาดได้ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน 🛠️ มาตรการป้องกันที่ Airbus ดำเนินการ Airbus ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานการบินพลเรือนเพื่อออกคำสั่ง Alert Operators Transmission (AOT) ให้สายการบินทั่วโลกรีบติดตั้งการป้องกันทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องบินยังคงปลอดภัยในการบิน โดยคำสั่งนี้จะถูกสะท้อนใน Emergency Airworthiness Directive จาก European Union Aviation Safety Agency (EASA) 🌍 ผลกระทบต่อผู้โดยสารและสายการบิน Airbus ยอมรับว่ามาตรการนี้จะทำให้เกิดการหยุดชะงักในการปฏิบัติการ ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้โดยสารและลูกค้า แต่ยืนยันว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญสูงสุด และจะทำงานใกล้ชิดกับสายการบินเพื่อจัดการผลกระทบให้น้อยที่สุด 🔭 ความสำคัญของการเฝ้าระวัง เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายใหม่ที่อุตสาหกรรมการบินต้องเผชิญจากปัจจัยธรรมชาติ เช่น รังสีสุริยะที่เข้มข้นขึ้น การพัฒนาระบบป้องกันและการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ที่ตรวจพบ ➡️ รังสีสุริยะเข้มข้นทำให้ข้อมูลระบบควบคุมการบินเสียหาย ➡️ กระทบต่อเครื่องบินตระกูล A320 Family ✅ มาตรการ Airbus ➡️ ออก Alert Operators Transmission (AOT) ให้สายการบินทั่วโลก ➡️ ติดตั้งการป้องกันทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ➡️ สอดคล้องกับ Emergency Airworthiness Directive ของ EASA ✅ ผลกระทบต่อการบิน ➡️ อาจเกิดการหยุดชะงักในการปฏิบัติการ ➡️ Airbus ขอโทษผู้โดยสารและยืนยันความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ รังสีสุริยะเข้มข้นเป็นภัยคุกคามใหม่ต่อระบบการบิน ⛔ หากไม่ดำเนินมาตรการป้องกัน อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเที่ยวบิน https://www.airbus.com/en/newsroom/press-releases/2025-11-airbus-update-on-a320-family-precautionary-fleet-action
    WWW.AIRBUS.COM
    Airbus update on A320 Family precautionary fleet action
    Analysis of a recent event involving an A320 Family aircraft has revealed that intense solar radiation may corrupt data critical. Read more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวดูเพลินๆ
    https://youtu.be/CvNItpMdwHE?si=eYufMG59X07FmGTA
    #แบกเป้เกอร์
    #Uyuni
    #Bolivia
    #อเมริกาใต้
    #ท่องเที่ยว
    ท่องเที่ยวดูเพลินๆ https://youtu.be/CvNItpMdwHE?si=eYufMG59X07FmGTA #แบกเป้เกอร์ #Uyuni #Bolivia #อเมริกาใต้ #ท่องเที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูดวงทั้ง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568
    ++++++++++++++++++++++++
    คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนธันวาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบ เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 7ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2569

    ในเดือน ธันวาคมเป็นเดือน โบ่ว จื้อนักษัตร ชวด พลังน้ำ ธาตุดิน ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของเดือนชวด เสริมพลังโชคลาภให้ ปีมะเส็งอย่างมีเงื่อนไขทำให้เกิดการขับเคลื่อนและผลักดันของพลังธาตุ
    ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้ปัญหาต่างๆเริ่มคลี่คลาย ข้อขัดข้องได้รับการแก้ไขให้สมประโยชน์ทั้ง2 ฝ่าย เป็นเดือนแห่งการเจรจาต่อรอง รอมชอมผลประโยชน์

    ส่งผลดีต่อธุรกิจ การขนส่ง โลจีสติก ธุรกิจ ที่พัก โฮมสเตย์ การโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยวและเดินทาง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การเกษตร ธุรกิจซื้อมาขายไป งานรีวิวสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง

    พลังธาตุของนักษัตรในเดือนนี้ ส่งผลที่ดีทำให้เกิดการเกื้อกูล แข่งขัน ทำให้คนที่เกิดในแต่ละนักษัตรจะได้รับพลังส่งเสริม สนับสนุนต่างกัน บางนักษัตรได้รับผลดี และ และบางนักษัตรได้รับผลเสีย หากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ ตามคำทำนาย

    https://youtu.be/mF8Qwcb3RpA

    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568

    00:00 บทนำ
    01:51 ดวง ปีชวด (หนู)
    04:34 ดวง ปีฉลู (วัว)
    06:47 ดวง ปีขาล (เสือ)
    08:57 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    11:11 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    13:42 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    16:10 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    18:27 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    20:32 ดวง ปีวอก (ลิง)
    22:38 ดวง ปีระกา (ไก่)
    24:39 ดวง ปีจอ (หมา)
    26:44 ดวง ปีกุน (หมู)





    ดูดวงทั้ง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568 ++++++++++++++++++++++++ คำทำนาย พื้นดวงชะตา ของคนที่เกิดในแต่ละนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ในเดือนธันวาคม 2568 ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมี การเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบ เรื่องใดโดดเด่น และ เรื่องใดต้องระมัดระวังปรับปรุงแก้ไข คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 7ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2569 ในเดือน ธันวาคมเป็นเดือน โบ่ว จื้อนักษัตร ชวด พลังน้ำ ธาตุดิน ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังธาตุของเดือนชวด เสริมพลังโชคลาภให้ ปีมะเส็งอย่างมีเงื่อนไขทำให้เกิดการขับเคลื่อนและผลักดันของพลังธาตุ ส่งผลให้สถานะการณ์ในเดือนนี้ปัญหาต่างๆเริ่มคลี่คลาย ข้อขัดข้องได้รับการแก้ไขให้สมประโยชน์ทั้ง2 ฝ่าย เป็นเดือนแห่งการเจรจาต่อรอง รอมชอมผลประโยชน์ ส่งผลดีต่อธุรกิจ การขนส่ง โลจีสติก ธุรกิจ ที่พัก โฮมสเตย์ การโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยวและเดินทาง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การเกษตร ธุรกิจซื้อมาขายไป งานรีวิวสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง พลังธาตุของนักษัตรในเดือนนี้ ส่งผลที่ดีทำให้เกิดการเกื้อกูล แข่งขัน ทำให้คนที่เกิดในแต่ละนักษัตรจะได้รับพลังส่งเสริม สนับสนุนต่างกัน บางนักษัตรได้รับผลดี และ และบางนักษัตรได้รับผลเสีย หากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ ตามคำทำนาย https://youtu.be/mF8Qwcb3RpA ดูดวง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568 00:00 บทนำ 01:51 ดวง ปีชวด (หนู) 04:34 ดวง ปีฉลู (วัว) 06:47 ดวง ปีขาล (เสือ) 08:57 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 11:11 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 13:42 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 16:10 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 18:27 ดวง ปีมะแม (แพะ) 20:32 ดวง ปีวอก (ลิง) 22:38 ดวง ปีระกา (ไก่) 24:39 ดวง ปีจอ (หมา) 26:44 ดวง ปีกุน (หมู)
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวดูเพลินๆ
    https://youtu.be/4r4eXvvuJoI?si=Cq3rVbh6kd2aRlp1
    #แบกเป้เกอร์
    #Bolivia
    #อเมริกาใต้
    #ท่องเที่ยว
    ท่องเที่ยวดูเพลินๆ https://youtu.be/4r4eXvvuJoI?si=Cq3rVbh6kd2aRlp1 #แบกเป้เกอร์ #Bolivia #อเมริกาใต้ #ท่องเที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts