• น้องสาวบักบอยเขมร เปิดร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น ดันเอาธงชาติไทยออก ติดธงเขมรใส่แทน
    สรุป ไม่มีคนกิน ร้านเจ๊ง ร้องโอดครวย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    น้องสาวบักบอยเขมร เปิดร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น ดันเอาธงชาติไทยออก ติดธงเขมรใส่แทน สรุป ไม่มีคนกิน ร้านเจ๊ง ร้องโอดครวย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • “Alibaba จับมือ NVIDIA สวนกระแสคำสั่งปักกิ่ง — เดินเกม AI ระดับโลก แม้ถูกห้ามซื้อชิป”

    แม้รัฐบาลจีนจะออกคำสั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Alibaba และ ByteDance ซื้อชิป AI จาก NVIDIA โดยเฉพาะรุ่น H20 และ RTX Pro 6000D ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน แต่ Alibaba กลับประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ระดับโลกอย่างเต็มตัว

    ความร่วมมือครั้งนี้เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ NVIDIA Physical AI stack บนแพลตฟอร์ม PAI (Platform for AI) ของ Alibaba Cloud ซึ่งอาจไม่เข้าข่ายละเมิดคำสั่งห้ามซื้อฮาร์ดแวร์โดยตรง เพราะเป็นการใช้ซอฟต์แวร์ ไม่ใช่การซื้อชิปโดยตรง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า Alibaba จะใช้ GPU ของ NVIDIA ในโครงการใหม่หรือไม่

    Alibaba ยังเปิดเผยแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ในหลายประเทศ เช่น บราซิล ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และดูไบ ภายในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย CEO Eddie Wu ระบุว่า “ความเร็วของการเติบโตในอุตสาหกรรม AI เกินความคาดหมายของเราไปมาก”

    แม้ Alibaba จะมีชิป AI ของตัวเอง และพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายประสิทธิภาพสูงที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี interconnect ของ NVIDIA แต่การจับมือกันครั้งนี้สะท้อนว่า Alibaba ยังเห็นคุณค่าในซอฟต์แวร์และระบบของ NVIDIA ที่สามารถเร่งการพัฒนา AI ได้ในระดับโลก

    นักวิเคราะห์มองว่า หากดีลนี้เดินหน้าได้โดยไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลจีนหรือสหรัฐฯ จะเป็นการเปิดทางให้ NVIDIA ยังคงมีบทบาทในตลาดจีนผ่านช่องทางซอฟต์แวร์ และช่วยให้ Alibaba ขยายอิทธิพลด้าน AI ไปทั่วโลก แม้จะถูกจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ภายในประเทศ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Alibaba ประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI
    ใช้ NVIDIA Physical AI stack บนแพลตฟอร์ม PAI ของ Alibaba Cloud
    ยังไม่มีการยืนยันว่าจะใช้ GPU ของ NVIDIA ในโครงการใหม่หรือไม่
    รัฐบาลจีนห้ามบริษัทเทคโนโลยีซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D จาก NVIDIA
    Alibaba มีชิป AI ของตัวเอง และระบบเครือข่ายที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีของ NVIDIA
    แผนสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 8 ประเทศภายในปีหน้า
    CEO Eddie Wu ระบุว่าอุตสาหกรรม AI เติบโตเร็วกว่าที่คาด
    ความร่วมมือครั้งนี้อาจช่วยให้ NVIDIA ยังคงมีบทบาทในตลาดจีนผ่านซอฟต์แวร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    คำสั่งห้ามของจีนออกโดย Cyberspace Administration of China เพื่อผลักดันการใช้ชิปภายในประเทศ
    NVIDIA เคยออกแบบชิปรุ่นพิเศษสำหรับจีนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดจากสหรัฐฯ
    Alibaba และ Baidu มีการพัฒนาชิป AI ภายในองค์กร เช่น Hanguang และ Kunlun
    การใช้ซอฟต์แวร์ของ NVIDIA ยังเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งในจีนยังตามไม่ทัน
    การขยายศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศช่วยลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดภายในประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/alibaba-announces-partnership-with-nvidia-despite-beijings-bans-chinese-e-commerce-giant-is-prioritizing-ai-with-plans-for-global-expansion
    🌏 “Alibaba จับมือ NVIDIA สวนกระแสคำสั่งปักกิ่ง — เดินเกม AI ระดับโลก แม้ถูกห้ามซื้อชิป” แม้รัฐบาลจีนจะออกคำสั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Alibaba และ ByteDance ซื้อชิป AI จาก NVIDIA โดยเฉพาะรุ่น H20 และ RTX Pro 6000D ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน แต่ Alibaba กลับประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ระดับโลกอย่างเต็มตัว ความร่วมมือครั้งนี้เน้นการใช้ซอฟต์แวร์ NVIDIA Physical AI stack บนแพลตฟอร์ม PAI (Platform for AI) ของ Alibaba Cloud ซึ่งอาจไม่เข้าข่ายละเมิดคำสั่งห้ามซื้อฮาร์ดแวร์โดยตรง เพราะเป็นการใช้ซอฟต์แวร์ ไม่ใช่การซื้อชิปโดยตรง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า Alibaba จะใช้ GPU ของ NVIDIA ในโครงการใหม่หรือไม่ Alibaba ยังเปิดเผยแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ในหลายประเทศ เช่น บราซิล ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และดูไบ ภายในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย CEO Eddie Wu ระบุว่า “ความเร็วของการเติบโตในอุตสาหกรรม AI เกินความคาดหมายของเราไปมาก” แม้ Alibaba จะมีชิป AI ของตัวเอง และพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายประสิทธิภาพสูงที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี interconnect ของ NVIDIA แต่การจับมือกันครั้งนี้สะท้อนว่า Alibaba ยังเห็นคุณค่าในซอฟต์แวร์และระบบของ NVIDIA ที่สามารถเร่งการพัฒนา AI ได้ในระดับโลก นักวิเคราะห์มองว่า หากดีลนี้เดินหน้าได้โดยไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลจีนหรือสหรัฐฯ จะเป็นการเปิดทางให้ NVIDIA ยังคงมีบทบาทในตลาดจีนผ่านช่องทางซอฟต์แวร์ และช่วยให้ Alibaba ขยายอิทธิพลด้าน AI ไปทั่วโลก แม้จะถูกจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ภายในประเทศ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Alibaba ประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อขยายศูนย์ข้อมูลและพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ➡️ ใช้ NVIDIA Physical AI stack บนแพลตฟอร์ม PAI ของ Alibaba Cloud ➡️ ยังไม่มีการยืนยันว่าจะใช้ GPU ของ NVIDIA ในโครงการใหม่หรือไม่ ➡️ รัฐบาลจีนห้ามบริษัทเทคโนโลยีซื้อชิป H20 และ RTX Pro 6000D จาก NVIDIA ➡️ Alibaba มีชิป AI ของตัวเอง และระบบเครือข่ายที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีของ NVIDIA ➡️ แผนสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 8 ประเทศภายในปีหน้า ➡️ CEO Eddie Wu ระบุว่าอุตสาหกรรม AI เติบโตเร็วกว่าที่คาด ➡️ ความร่วมมือครั้งนี้อาจช่วยให้ NVIDIA ยังคงมีบทบาทในตลาดจีนผ่านซอฟต์แวร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ คำสั่งห้ามของจีนออกโดย Cyberspace Administration of China เพื่อผลักดันการใช้ชิปภายในประเทศ ➡️ NVIDIA เคยออกแบบชิปรุ่นพิเศษสำหรับจีนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดจากสหรัฐฯ ➡️ Alibaba และ Baidu มีการพัฒนาชิป AI ภายในองค์กร เช่น Hanguang และ Kunlun ➡️ การใช้ซอฟต์แวร์ของ NVIDIA ยังเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งในจีนยังตามไม่ทัน ➡️ การขยายศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศช่วยลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดภายในประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/alibaba-announces-partnership-with-nvidia-despite-beijings-bans-chinese-e-commerce-giant-is-prioritizing-ai-with-plans-for-global-expansion
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • จากเหตุการณ์ถนนทรุดตัวหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล หลายคนเกิดคำถามถึงความรวดเร็วในการซ่อมแซม โดยมีการนำไปเปรียบเทียบกับกรณีหลุมยุบที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งซ่อมเสร็จใน 1 สัปดาห์ ล่าสุด เพจดัง "เจปังเจแปน" ได้ออกมาให้ข้อมูลอีกด้าน ชี้ชัดว่าทั้งสองเหตุการณ์ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกัน พร้อมยกตัวอย่างหลุมยุบที่ญี่ปุ่นอีกเคสที่ใช้เวลาซ่อมนานกว่า 1 ปีเช่นกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091447

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    จากเหตุการณ์ถนนทรุดตัวหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล หลายคนเกิดคำถามถึงความรวดเร็วในการซ่อมแซม โดยมีการนำไปเปรียบเทียบกับกรณีหลุมยุบที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งซ่อมเสร็จใน 1 สัปดาห์ ล่าสุด เพจดัง "เจปังเจแปน" ได้ออกมาให้ข้อมูลอีกด้าน ชี้ชัดว่าทั้งสองเหตุการณ์ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกัน พร้อมยกตัวอย่างหลุมยุบที่ญี่ปุ่นอีกเคสที่ใช้เวลาซ่อมนานกว่า 1 ปีเช่นกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091447 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    4
    1 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • 'ฮุน เซน' เล่นบทสันติภาพ!!! ลั่นไม่เคยง้อไทยบอกปิดด่านอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ล่มสลาย แนะญี่ปุ่นไปคุยกับไทยเพราะเขมรยอมแล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/21590/
    .
    #ไทยไท #ฮุนเซน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #เศรษฐกิจกัมพูชา
    'ฮุน เซน' เล่นบทสันติภาพ!!! ลั่นไม่เคยง้อไทยบอกปิดด่านอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่ล่มสลาย แนะญี่ปุ่นไปคุยกับไทยเพราะเขมรยอมแล้ว https://www.thai-tai.tv/news/21590/ . #ไทยไท #ฮุนเซน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #เศรษฐกิจกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • “ฮุนเซน” โพสต์เฟซบุ๊ก ลั่นไม่ลดตัวลงไปขอให้ไทยเปิดด่านเป็นอันขาด ต่อให้ปิดอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่มีวันล่มสลาย อ้างขอบคุณไทยที่ปิดด่านฝ่ายเดียวทำให้ส่งสินค้าไทยไปขายกัมพูชาไม่ได้ เป็นแรงผลักดันให้กัมพูชาผลิตสินค้าเอง มีสินค้าอุปโภคบริดภคเพียงพอ ส่วนที่ญี่ปุ่นอยากให้เปิดด่านให้ไปคุยกับไทยเอง เพราะกัมพูชายินยอมแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091153

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “ฮุนเซน” โพสต์เฟซบุ๊ก ลั่นไม่ลดตัวลงไปขอให้ไทยเปิดด่านเป็นอันขาด ต่อให้ปิดอีก 100 ปี กัมพูชาก็ไม่มีวันล่มสลาย อ้างขอบคุณไทยที่ปิดด่านฝ่ายเดียวทำให้ส่งสินค้าไทยไปขายกัมพูชาไม่ได้ เป็นแรงผลักดันให้กัมพูชาผลิตสินค้าเอง มีสินค้าอุปโภคบริดภคเพียงพอ ส่วนที่ญี่ปุ่นอยากให้เปิดด่านให้ไปคุยกับไทยเอง เพราะกัมพูชายินยอมแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000091153 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด.

    ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ

    ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568

    ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ

    องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย


    ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC

    ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC

    ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง


    ปี1999
    ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก

    2000
    ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา

    2001
    อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร

    2002
    บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย

    2003
    อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย

    2004
    บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก

    2005
    สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก

    ปี 2549
    คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส

    2007
    ชาด ประเทศญี่ปุ่น

    2008
    หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม

    ปี 2009
    ชิลี สาธารณรัฐเช็ก

    2010
    บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์

    ปี 2011
    กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย

    2012
    กัวเตมาลา วานูอาตู

    ปี 2013
    ไอวอรีโคสต์

    ปี 2558
    ปาเลสไตน์

    ปี 2559
    เอลซัลวาดอร์

    ปี 2019
    คิริบาติ

    2023
    อาร์เมเนีย

    2024
    ยูเครน




    #ฮุนเซนฮุนมาเนตคืออาชญากรสงครามชาติใดก็สามารถฟ้องดำเนินคดีมันได้จึงสมควรที่สุด. ..ศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เพื่อดำเนินคดีบุคคลในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม มีประเทศสมาชิก 125 ประเทศที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าว ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ศาลอาญาระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Criminal Court; ย่อ: ICC) เป็นศาลระหว่างประเทศซึ่งมีที่ทำการอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ก่อตั้งขึ้นโดยประสงค์จะให้เป็นส่วนเสริมของระบบยุติธรรมที่แต่ละประเทศมีอยู่ จึงมีเขตอำนาจเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เช่น เมื่อศาลระดับประเทศไม่สามารถหรือไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแล้ว หรือเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือรัฐหนึ่ง ๆ เสนอคดีมาให้พิจารณา ศาลนี้เริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 อันเป็นวันที่ธรรมนูญกรุงโรมเริ่มใช้บังคับ ธรรมนูญดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพหุภาคีซึ่งวางรากฐานและกำหนดการบริหารจัดการของศาล รัฐที่เข้าเป็นภาคีแห่งธรรมนูญจะนับเป็นรัฐสมาชิกของศาล ปัจจุบันมีรัฐภาคี 125 รัฐ องค์กรหลักของศาลมี 4 องค์กร คือ คณะประธาน แผนกตุลาการ สำนักงานอัยการ และสำนักงานทะเบียน ประธานศาลเป็นตุลาการที่ได้รับเลือกมาจากตุลาการคนอื่นในแผนกตุลาการ สำนักงานอัยการมีอัยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่สืบสวนคดีและส่งฟ้องต่อแผนกตุลาการ ส่วนสำนักงานทะเบียนมีนายทะเบียนเป็นหัวหน้า รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของศาล ซึ่งรวมถึงการบริหารสำนักงานใหญ่ของศาล หน่วยขัง และสำนักงานทนายจำเลย ประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICC ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2568 มีประเทศต่างๆ 137 ประเทศลงนามในธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งแสดงถึงเจตนาที่จะเข้าร่วม ในขณะที่ 125 ประเทศได้ให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรัฐสมาชิกเต็มตัวของ ICC ประเทศต่างๆ ที่ได้ลงนามหรือให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแสดงอยู่ในแผนที่ด้านล่าง ปี1999 ฟิจิ กานา อิตาลี ซานมารีโน เซเนกัล ตรินิแดดและโตเบโก 2000 ออสเตรีย เบลเยียม บอตสวานา แคนาดา ฝรั่งเศส กาบอง เยอรมนี ไอซ์แลนด์ เลโซโท ลักเซมเบิร์ก มาลี หมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เซียร์ราลีโอน แอฟริกาใต้ สเปน ทาจิกิสถาน เวเนซุเอลา 2001 อันดอร์รา แอนติกาและบาร์บูดา อาร์เจนตินา สาธารณรัฐแอฟริกากลาง คอสตาริกา โครเอเชีย เดนมาร์ก โดมินิกา ฮังการี ลิกเตนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย เปรู โปแลนด์ เซอร์เบีย สโลวีเนีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร 2002 บาร์เบโดส, เบนิน, โบลิเวีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, บราซิล, บัลแกเรีย, กัมพูชา, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, จิบูตี, เอกวาดอร์, เอสโตเนีย, แกมเบีย, กรีซ, ฮอนดูรัส, ไอร์แลนด์, จอร์แดน, ลัตเวีย, มาลาวี, มอลตา, มอริเชียส, มองโกเลีย, นามิเบีย, ไนเจอร์, มาซิโดเนียเหนือ, ปานามา, โปรตุเกส, สาธารณรัฐเกาหลี, โรมาเนีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, ซามัว, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แทนซาเนีย, ติมอร์-เลสเต, ยูกันดา, อุรุกวัย, แซมเบีย 2003 อัฟกานิสถาน, แอลเบเนีย, จอร์เจีย, กินี, ลิทัวเนีย 2004 บูร์กินาฟาโซ กายอานา ไลบีเรีย สาธารณรัฐคองโก 2005 สาธารณรัฐโดมินิกัน เคนยา เม็กซิโก ปี 2549 คอโมโรส มอนเตเนโกร เซนต์คิตส์และเนวิส 2007 ชาด ประเทศญี่ปุ่น 2008 หมู่เกาะคุก มาดากัสการ์ ซูรินาม ปี 2009 ชิลี สาธารณรัฐเช็ก 2010 บังกลาเทศ มอลโดวา เซนต์ลูเซีย เซเชลส์ ปี 2011 กาบูเวร์ดี, เกรเนดา, มัลดีฟส์, ตูนิเซีย 2012 กัวเตมาลา วานูอาตู ปี 2013 ไอวอรีโคสต์ ปี 2558 ปาเลสไตน์ ปี 2559 เอลซัลวาดอร์ ปี 2019 คิริบาติ 2023 อาร์เมเนีย 2024 ยูเครน
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • “เมืองโทโยอาเกะจำกัดเวลาเล่นมือถือวันละ 2 ชั่วโมง — กฎหมายใหม่ที่ไม่มีโทษ แต่หวังเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งเมือง”

    เมืองโทโยอาเกะ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ผ่านร่างข้อบัญญัติที่แปลกใหม่และกล้าหาญ — จำกัดการใช้สมาร์ตโฟนเพื่อความบันเทิงของประชาชนทุกคนไว้ที่วันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป

    ข้อบัญญัตินี้ไม่ได้มีโทษหรือการบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่เป็นแนวทางเชิงแนะนำที่หวังให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนหันกลับมาทบทวนพฤติกรรมการใช้หน้าจอในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับและพัฒนาการทางสุขภาพ

    สำหรับเด็กประถมและต่ำกว่า เมืองแนะนำให้หยุดใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. ส่วนเด็กมัธยมต้นขึ้นไปควรหยุดใช้หลัง 22.00 น. โดยมีข้อยกเว้นสำหรับการใช้งานเพื่อการเรียนหรือการทำงาน

    แม้จะมีเสียงคัดค้านจากบางสมาชิกสภาเมืองที่มองว่าการใช้มือถือควรเป็นเรื่องของวินัยในครอบครัว หรือบางคนชี้ว่ามือถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่มีปัญหาครอบครัว แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าข้อบัญญัตินี้จะช่วยลดการเสพติดหน้าจอ และเป็นโอกาสให้ครอบครัวได้พูดคุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม

    นายกเทศมนตรีมาซาฟูมิ โคกิ กล่าวว่าข้อบัญญัตินี้ไม่ใช่การจำกัดสิทธิ แต่เป็น “แนวทางอ่อนโยน” เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาเรื่องสุขภาพ การนอนหลับ และการเลี้ยงดูเด็กในยุคดิจิทัล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เมืองโทโยอาเกะออกข้อบัญญัติจำกัดการใช้มือถือเพื่อความบันเทิงวันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง
    เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยไม่มีโทษหรือการบังคับใช้
    เด็กประถมควรหยุดใช้มือถือหลัง 21.00 น. และเด็กมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น.
    ข้อบัญญัตินี้ครอบคลุมประชาชนทุกวัย ไม่ใช่แค่เด็ก

    จุดประสงค์และแนวคิดเบื้องหลัง
    หวังลดผลกระทบจากการใช้มือถือเกินขนาด เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ
    ส่งเสริมให้ครอบครัวพูดคุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยี
    ใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เด็กลดเวลาอยู่หน้าจอ
    นายกเทศมนตรีระบุว่าเป็น “แนวทางอ่อนโยน” ไม่ใช่การจำกัดสิทธิ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เด็กญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยวันละกว่า 5 ชั่วโมงในวันธรรมดา
    จังหวัดคางาวะเคยออกข้อบัญญัติคล้ายกันในปี 2020 จำกัดเวลาเล่นเกมของเด็ก
    การใช้มือถือมากเกินไปมีผลต่อสุขภาพจิตและการพัฒนาทางสังคม
    หลายประเทศเริ่มออกแนวทางจำกัดการใช้หน้าจอในเด็ก เช่น ฝรั่งเศสและเกาหลีใต้

    https://www.tomshardware.com/phones/japanese-city-implements-two-hour-daily-recreational-smartphone-usage-limit-ordinance-comes-into-effect-from-october-1-no-enforcement-or-penalties-proposed
    📱 “เมืองโทโยอาเกะจำกัดเวลาเล่นมือถือวันละ 2 ชั่วโมง — กฎหมายใหม่ที่ไม่มีโทษ แต่หวังเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งเมือง” เมืองโทโยอาเกะ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ได้ผ่านร่างข้อบัญญัติที่แปลกใหม่และกล้าหาญ — จำกัดการใช้สมาร์ตโฟนเพื่อความบันเทิงของประชาชนทุกคนไว้ที่วันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป ข้อบัญญัตินี้ไม่ได้มีโทษหรือการบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่เป็นแนวทางเชิงแนะนำที่หวังให้ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนหันกลับมาทบทวนพฤติกรรมการใช้หน้าจอในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับและพัฒนาการทางสุขภาพ สำหรับเด็กประถมและต่ำกว่า เมืองแนะนำให้หยุดใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. ส่วนเด็กมัธยมต้นขึ้นไปควรหยุดใช้หลัง 22.00 น. โดยมีข้อยกเว้นสำหรับการใช้งานเพื่อการเรียนหรือการทำงาน แม้จะมีเสียงคัดค้านจากบางสมาชิกสภาเมืองที่มองว่าการใช้มือถือควรเป็นเรื่องของวินัยในครอบครัว หรือบางคนชี้ว่ามือถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่มีปัญหาครอบครัว แต่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าข้อบัญญัตินี้จะช่วยลดการเสพติดหน้าจอ และเป็นโอกาสให้ครอบครัวได้พูดคุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม นายกเทศมนตรีมาซาฟูมิ โคกิ กล่าวว่าข้อบัญญัตินี้ไม่ใช่การจำกัดสิทธิ แต่เป็น “แนวทางอ่อนโยน” เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาเรื่องสุขภาพ การนอนหลับ และการเลี้ยงดูเด็กในยุคดิจิทัล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เมืองโทโยอาเกะออกข้อบัญญัติจำกัดการใช้มือถือเพื่อความบันเทิงวันละไม่เกิน 2 ชั่วโมง ➡️ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยไม่มีโทษหรือการบังคับใช้ ➡️ เด็กประถมควรหยุดใช้มือถือหลัง 21.00 น. และเด็กมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น. ➡️ ข้อบัญญัตินี้ครอบคลุมประชาชนทุกวัย ไม่ใช่แค่เด็ก ✅ จุดประสงค์และแนวคิดเบื้องหลัง ➡️ หวังลดผลกระทบจากการใช้มือถือเกินขนาด เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ ➡️ ส่งเสริมให้ครอบครัวพูดคุยกันเรื่องการใช้เทคโนโลยี ➡️ ใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เด็กลดเวลาอยู่หน้าจอ ➡️ นายกเทศมนตรีระบุว่าเป็น “แนวทางอ่อนโยน” ไม่ใช่การจำกัดสิทธิ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เด็กญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยวันละกว่า 5 ชั่วโมงในวันธรรมดา ➡️ จังหวัดคางาวะเคยออกข้อบัญญัติคล้ายกันในปี 2020 จำกัดเวลาเล่นเกมของเด็ก ➡️ การใช้มือถือมากเกินไปมีผลต่อสุขภาพจิตและการพัฒนาทางสังคม ➡️ หลายประเทศเริ่มออกแนวทางจำกัดการใช้หน้าจอในเด็ก เช่น ฝรั่งเศสและเกาหลีใต้ https://www.tomshardware.com/phones/japanese-city-implements-two-hour-daily-recreational-smartphone-usage-limit-ordinance-comes-into-effect-from-october-1-no-enforcement-or-penalties-proposed
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • ..ศาลการเมืองโลกผีบ้า.

    ..นี้ถือว่ามิตรที่ดีใจยุคนั้น ส่วนจะแลกมากับอะไรเราก็มิรู้ได้.
    #ไต้หวันพิพากษาให้เป็นของไทย
    #อาร์เจนตินาพิพากษาให้เป็นของไทย
    #ออสเตรเลียพิพากษาให้เป็นของไทย

    ..นี้คือศัตรูไทยของแท้ พร้อมทำลายชาติไทยตลอดเวลาที่มีโอกาสและถือว่าคือชาติที่ชั่วเลวทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น.

    #ญี่ปุ่นพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #รัสเซียพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #ฝรั่งเศสพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อังกฤษพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อียิปต์พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #เปรูพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อิตาลีพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #โปแลนด์เป็นประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #ปานามาเป็นรองประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา



    วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา

    ผู้พิพากษา
    ผู้พิพากษามีทั้งหมด 14 ท่าน คะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และ คะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลา ส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณและปราสาทหรือบริเวณเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา

    โบดาน วินิอาร์สกิ (Bohdan Winiarski) : ชาวโปแลนด์ เป็นประธาน— พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    ริคาร์โด อาลฟาโร (Ricardo Alfaro) : ชาวปานามา เป็นรองประธาน — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    ลูซิโอ มอเรโน กินตานา (Lucio Moreno Quintana) : ชาวอาร์เจนตินา — พิพากษาให้เป็นของไทย

    เวลลิงตัน คู (Wellington Koo) : ชาวจีนไต้หวัน — พิพากษาให้เป็นของไทย

    เซอร์ เพอร์ซี สเปนเดอร์ (Percy Spender) : ชาวออสเตรเลีย — พิพากษาให้เป็นของไทย

    จูลส์ บาเดอวังต์ (Jules Basdevant) : ชาวฝรั่งเศส — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    อับดุล บาดาวี (Abdul Badawi) : ชาวอียิปต์ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    เซอร์ เจรัลด์ ฟิตซ์มอริส (Sir Gerald Fitzmaurice) : ชาวอังกฤษ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    วลาดิเมียร์ คอเรดสกี (Vladimir Koretsky) : ชาวรัสเซีย — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    โคะทะโระ ทะนะกะ (Kotaro Tanaka) : ชาวญี่ปุ่น — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    โจเซ่ บุสตามันเต อี ริเบโร (José Bustamante y Rivero) : ชาวเปรู — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    เกตาโน มอเรลลี (Gaetano Morelli) : ชาวอิตาลี — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    สปีโรปูลอส (Jean Spiropoulos) : ชาวกรีก — งดออกเสียง (ป่วย)

    โรแบร์โต คอร์โดวา (Roberto Cordova) : ชาวเม็กซิโก — งดออกเสียง (ป่วย)

    ฟิลิป เจสซัป (Philip Jessup) : ชาวอเมริกา (ทนายฝ่ายไทย)

    กานเย กวนเยต์ (Garnier-Coignet) : นายทะเบียนศาล


    ..ศาลการเมืองโลกผีบ้า. ..นี้ถือว่ามิตรที่ดีใจยุคนั้น ส่วนจะแลกมากับอะไรเราก็มิรู้ได้. #ไต้หวันพิพากษาให้เป็นของไทย #อาร์เจนตินาพิพากษาให้เป็นของไทย #ออสเตรเลียพิพากษาให้เป็นของไทย ..นี้คือศัตรูไทยของแท้ พร้อมทำลายชาติไทยตลอดเวลาที่มีโอกาสและถือว่าคือชาติที่ชั่วเลวทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น. #ญี่ปุ่นพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #รัสเซียพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #ฝรั่งเศสพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อังกฤษพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อียิปต์พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #เปรูพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อิตาลีพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #โปแลนด์เป็นประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #ปานามาเป็นรองประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ผู้พิพากษา ผู้พิพากษามีทั้งหมด 14 ท่าน คะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และ คะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลา ส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณและปราสาทหรือบริเวณเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา โบดาน วินิอาร์สกิ (Bohdan Winiarski) : ชาวโปแลนด์ เป็นประธาน— พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา ริคาร์โด อาลฟาโร (Ricardo Alfaro) : ชาวปานามา เป็นรองประธาน — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา ลูซิโอ มอเรโน กินตานา (Lucio Moreno Quintana) : ชาวอาร์เจนตินา — พิพากษาให้เป็นของไทย เวลลิงตัน คู (Wellington Koo) : ชาวจีนไต้หวัน — พิพากษาให้เป็นของไทย เซอร์ เพอร์ซี สเปนเดอร์ (Percy Spender) : ชาวออสเตรเลีย — พิพากษาให้เป็นของไทย จูลส์ บาเดอวังต์ (Jules Basdevant) : ชาวฝรั่งเศส — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา อับดุล บาดาวี (Abdul Badawi) : ชาวอียิปต์ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา เซอร์ เจรัลด์ ฟิตซ์มอริส (Sir Gerald Fitzmaurice) : ชาวอังกฤษ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา วลาดิเมียร์ คอเรดสกี (Vladimir Koretsky) : ชาวรัสเซีย — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา โคะทะโระ ทะนะกะ (Kotaro Tanaka) : ชาวญี่ปุ่น — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา โจเซ่ บุสตามันเต อี ริเบโร (José Bustamante y Rivero) : ชาวเปรู — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา เกตาโน มอเรลลี (Gaetano Morelli) : ชาวอิตาลี — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา สปีโรปูลอส (Jean Spiropoulos) : ชาวกรีก — งดออกเสียง (ป่วย) โรแบร์โต คอร์โดวา (Roberto Cordova) : ชาวเม็กซิโก — งดออกเสียง (ป่วย) ฟิลิป เจสซัป (Philip Jessup) : ชาวอเมริกา (ทนายฝ่ายไทย) กานเย กวนเยต์ (Garnier-Coignet) : นายทะเบียนศาล
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • SoftBank ส่ง 5G จากฟ้า — ทดสอบสำเร็จครั้งแรกของโลกด้วยเครื่องบินเหนือเกาะฮาจิโจ

    SoftBank ประสบความสำเร็จในการส่งสัญญาณ 5G จากฟากฟ้าโดยใช้เครื่องบินขนาดเบาบินเหนือเกาะฮาจิโจ ประเทศญี่ปุ่น ในการทดลองภาคสนามเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 โดยใช้เทคโนโลยี High-Altitude Platform Station (HAPS) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่ต่างจากการใช้ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO)

    เครื่องบินบินที่ระดับความสูง 3,000 เมตร ติดตั้ง payload ที่สามารถสร้างเซลล์สัญญาณ 6 จุดแบบ beamforming ซึ่งสามารถตรึงตำแหน่งบนพื้นดินได้แม้เครื่องบินจะบินวนเป็นวงกลม โดยระบบจะปรับมุมการส่งสัญญาณทุก 60 องศา เพื่อจำลองพฤติกรรมของแพลตฟอร์มในชั้นบรรยากาศสูง

    การเชื่อมต่อใช้คลื่น 26 GHz สำหรับ feeder link จากพื้นดินสู่เครื่องบิน และคลื่น 1.7 GHz สำหรับ service link จากเครื่องบินสู่สมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นคลื่นที่รองรับโดยโทรศัพท์ 5G ส่วนใหญ่ในตลาดโลกอยู่แล้ว

    SoftBank ยังได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น การแก้ไข Doppler shift, การควบคุมพลังงานอัตโนมัติ และการติดตามสัญญาณแบบ adaptive beam tracking ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการให้บริการเชิงพาณิชย์ในอนาคต

    ข้อได้เปรียบของ HAPS คือ latency ต่ำกว่า, การใช้พลังงานน้อยกว่า และสามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างโดยไม่ต้องพึ่งเสาสัญญาณบนพื้นดิน เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะกลางทะเล พื้นที่ภัยพิบัติ หรือเขตที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน

    แม้ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ แต่ SoftBank ได้รับสิทธิ์จาก ITU ให้ใช้คลื่นความถี่มือถือภาคพื้นดิน เช่น 700 MHz, 850 MHz, 1.7 GHz และ 2.5 GHz สำหรับ HAPS แล้ว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การใช้งานจริง

    SoftBank ทดสอบส่ง 5G จากเครื่องบินสำเร็จ
    ใช้เครื่องบินบินที่ระดับ 3,000 เมตรเหนือเกาะฮาจิโจ
    ใช้เทคโนโลยี HAPS แทนดาวเทียม LEO

    ระบบ beamforming สร้างเซลล์สัญญาณ 6 จุด
    ปรับมุมทุก 60 องศาเพื่อครอบคลุมพื้นที่
    ตรึงตำแหน่งสัญญาณแม้เครื่องบินเคลื่อนที่

    ใช้คลื่นความถี่ที่สมาร์ตโฟนทั่วไปรองรับ
    feeder link ที่ 26 GHz / service link ที่ 1.7 GHz
    รองรับโทรศัพท์ 5G ส่วนใหญ่ในตลาด

    ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญสำหรับบริการเชิงพาณิชย์
    Doppler correction / adaptive beam tracking / power control
    ครอบคลุมพื้นที่กว้างด้วย latency ต่ำ

    ได้รับสิทธิ์จาก ITU ให้ใช้คลื่นมือถือภาคพื้นดิน
    ครอบคลุมคลื่น 700 MHz ถึง 2.5 GHz
    เตรียมขยายสู่บริการในพื้นที่ห่างไกล

    https://www.tomshardware.com/phones/softbank-beams-5g-to-phones-from-sky
    📰 SoftBank ส่ง 5G จากฟ้า — ทดสอบสำเร็จครั้งแรกของโลกด้วยเครื่องบินเหนือเกาะฮาจิโจ SoftBank ประสบความสำเร็จในการส่งสัญญาณ 5G จากฟากฟ้าโดยใช้เครื่องบินขนาดเบาบินเหนือเกาะฮาจิโจ ประเทศญี่ปุ่น ในการทดลองภาคสนามเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 โดยใช้เทคโนโลยี High-Altitude Platform Station (HAPS) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่ต่างจากการใช้ดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) เครื่องบินบินที่ระดับความสูง 3,000 เมตร ติดตั้ง payload ที่สามารถสร้างเซลล์สัญญาณ 6 จุดแบบ beamforming ซึ่งสามารถตรึงตำแหน่งบนพื้นดินได้แม้เครื่องบินจะบินวนเป็นวงกลม โดยระบบจะปรับมุมการส่งสัญญาณทุก 60 องศา เพื่อจำลองพฤติกรรมของแพลตฟอร์มในชั้นบรรยากาศสูง การเชื่อมต่อใช้คลื่น 26 GHz สำหรับ feeder link จากพื้นดินสู่เครื่องบิน และคลื่น 1.7 GHz สำหรับ service link จากเครื่องบินสู่สมาร์ตโฟน ซึ่งเป็นคลื่นที่รองรับโดยโทรศัพท์ 5G ส่วนใหญ่ในตลาดโลกอยู่แล้ว SoftBank ยังได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น การแก้ไข Doppler shift, การควบคุมพลังงานอัตโนมัติ และการติดตามสัญญาณแบบ adaptive beam tracking ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการให้บริการเชิงพาณิชย์ในอนาคต ข้อได้เปรียบของ HAPS คือ latency ต่ำกว่า, การใช้พลังงานน้อยกว่า และสามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างโดยไม่ต้องพึ่งเสาสัญญาณบนพื้นดิน เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะกลางทะเล พื้นที่ภัยพิบัติ หรือเขตที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน แม้ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ แต่ SoftBank ได้รับสิทธิ์จาก ITU ให้ใช้คลื่นความถี่มือถือภาคพื้นดิน เช่น 700 MHz, 850 MHz, 1.7 GHz และ 2.5 GHz สำหรับ HAPS แล้ว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การใช้งานจริง ✅ SoftBank ทดสอบส่ง 5G จากเครื่องบินสำเร็จ ➡️ ใช้เครื่องบินบินที่ระดับ 3,000 เมตรเหนือเกาะฮาจิโจ ➡️ ใช้เทคโนโลยี HAPS แทนดาวเทียม LEO ✅ ระบบ beamforming สร้างเซลล์สัญญาณ 6 จุด ➡️ ปรับมุมทุก 60 องศาเพื่อครอบคลุมพื้นที่ ➡️ ตรึงตำแหน่งสัญญาณแม้เครื่องบินเคลื่อนที่ ✅ ใช้คลื่นความถี่ที่สมาร์ตโฟนทั่วไปรองรับ ➡️ feeder link ที่ 26 GHz / service link ที่ 1.7 GHz ➡️ รองรับโทรศัพท์ 5G ส่วนใหญ่ในตลาด ✅ ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญสำหรับบริการเชิงพาณิชย์ ➡️ Doppler correction / adaptive beam tracking / power control ➡️ ครอบคลุมพื้นที่กว้างด้วย latency ต่ำ ✅ ได้รับสิทธิ์จาก ITU ให้ใช้คลื่นมือถือภาคพื้นดิน ➡️ ครอบคลุมคลื่น 700 MHz ถึง 2.5 GHz ➡️ เตรียมขยายสู่บริการในพื้นที่ห่างไกล https://www.tomshardware.com/phones/softbank-beams-5g-to-phones-from-sky
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    SoftBank beams 5G to phones from the sky in successful stratospheric test flight
    A high-altitude aircraft circling a Japanese island successfully delivered 5G to standard smartphones using a six-cell beamforming array.
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • ..ประเทศไทยตัวพ่อผู้ให้กำเนิดOSS สู่ CIA ในปัจจุบัน,ฮับบัญชาการใหญ่เลยล่ะ เชียงใหม่ใต้ดินใต้อุโมงค์สถานฑูตอเมริกาล่ะ,เอเชียและอาเชียนมันมอนิเตอร์หมด.,เอาง่ายๆอย่างน้อยแม้cia ไม่ใช่ผู้ก่อการหลักแต่คือเดอะแก๊งร่วมก่อการนี้เอง นำโดยdeep stateเหมือนเดิม,สร้างโกลาหลเพื่อยึดปกครองสั่งการและควบคุม,ทีมรัฐรักษาการมันก็เตรียมคนของมันรอแล้วนั้นเอง,เพื่อปกครองค้ำยันจีนอินเดียก็ด้วย,เวลาเตรียมสะสมอาวุธก่อนปะทะสงครามโลกที่สามยังหลายเดือน ขนขีปาวุธประจำการยอดเขาเนปาลยิงใส่จีนใส่อินเดียบันเทิงเลยล่ะ,มันไม่สนใจชีวิตคนเนปาลชาติประเทศเล็กๆหรอก,จีนยิงมาตกใส่เนปาลก็เรื่องของคนเนปาล,อเมริกายิงใส่จีนทีเดียวกว่าพันลูกขีปนาวุธพิสัยใกล้และปานกลาง หลายมลฑลของจีนแบบฐานยิงขีปนาวุธจีนตามภูเขาต่างๆที่แอบซ่อนไว้,เนปาลคืออีกชาติที่เหมาะสมแก่เป็นฐานยิงขีปนาวุธพิสัยระยะขนาดนั้นเพราะอเมริกามีหลายแสนลูก ใช้ตังน้อยต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับขีปนาวุธพิสัยไกล จีนยิงสกัดทันก็เสียของ,จึงหาชาติไม่สำคัญมาสร้างฐานยิงขีปนาวุธ เพราะถ้าจีนยิงสวนก็พอดีลดประชากรชาติกาก ขยะคนไร้ค่าไร้ประโยชน์ในสายตามันdeep stateลงไปด้วยบรรลุเป้าหมายลดประชากรโลกด้วย แบบเขมรนี้ก็ด้วย อเมริกามายึดท่าเรือเรียมแน่นอนแค่รอเวลา,อเมริกาไม่เอาไทยไปเสี่ยงหรอก,เอาไว้ค้าขายมิตรไมตรีสร้างภาพได้เหมือนจีนคิด,แต่กลับเขมรเหยียบได้เลยทางลับ,ฮุนเซนฮุนมาเนต ในใจลึกๆมันเกลียดจีนมากๆ จึงขอเข้ากับอเมริกามาร่วมฆ่าเจ้าหนี้แบบจีนนี้ด้วยกันกับอเมริกา,หนี้เขมรกับจีนมากมายมหาศาลจนไม่รู้จะใช้คืนแบบไหนจึงมีวิธีมีทางแก้โดยโทนี่บ๋อยdeep stateทาสลัทธิหัวกระโหลกไขว้อเมริกาให้คำแนะนำเพื่อนฮุนเซนที่สนิทให้,อเมริกากับมาเลย์บวกญี่ปุ่นจึงออกหน้าออกตาชัดเจน,CIAทั้งนั้นล่ะวางแผนช่วยฮุนเซนคิดยุทธวิธีตอบโต้ไทย สมองฮุนเซนมันคิดห่าอะไรไม่ออกหรอก,สั่งผ่านลงมาแค่นั้น,โทนี่แนะนำแสดงความจริงใจต่ออเมริกาต้องเข้าอินโดแปซิฟิก มันก็รีบไปเลย,เพื่อหักหลังเนรคุณจีนอย่างเปิดเผยแสดงความจริงใจให้อเมริกาฆ่าเจ้าหนี้จีนมันด้วยเหมือนกัน,แต่ฮุนเซนถูกโทนี่ตัวปลอมหลอก,เพราะไม่มีใครเข้าใจแผนการเดอะแก๊งผู้พิทักษ์โลกได้,ฝ่ายมืดกับฝ่ายแสงสู้กันเอาเป็นเอาตายหนักมาก,เพื่อค่าจริงก็ด้วย,สงครามการปลุกตื่นรู้ความจริงให้ชาวโลกดู ค.ว.ย.กันเองร่วมด้วยว่าแต่ละชาติ เบื้องหลังมีบางสิ่งเป็นต้นเรื่องคู่ขนานแอบแฝงอยู่เสมอ.ฝ่ายดีต้องชนะสถานเดียว,

    https://youtube.com/watch?v=4OkAb-Y9IZU&si=tHaRC9BIrYNExNR3
    ..ประเทศไทยตัวพ่อผู้ให้กำเนิดOSS สู่ CIA ในปัจจุบัน,ฮับบัญชาการใหญ่เลยล่ะ เชียงใหม่ใต้ดินใต้อุโมงค์สถานฑูตอเมริกาล่ะ,เอเชียและอาเชียนมันมอนิเตอร์หมด.,เอาง่ายๆอย่างน้อยแม้cia ไม่ใช่ผู้ก่อการหลักแต่คือเดอะแก๊งร่วมก่อการนี้เอง นำโดยdeep stateเหมือนเดิม,สร้างโกลาหลเพื่อยึดปกครองสั่งการและควบคุม,ทีมรัฐรักษาการมันก็เตรียมคนของมันรอแล้วนั้นเอง,เพื่อปกครองค้ำยันจีนอินเดียก็ด้วย,เวลาเตรียมสะสมอาวุธก่อนปะทะสงครามโลกที่สามยังหลายเดือน ขนขีปาวุธประจำการยอดเขาเนปาลยิงใส่จีนใส่อินเดียบันเทิงเลยล่ะ,มันไม่สนใจชีวิตคนเนปาลชาติประเทศเล็กๆหรอก,จีนยิงมาตกใส่เนปาลก็เรื่องของคนเนปาล,อเมริกายิงใส่จีนทีเดียวกว่าพันลูกขีปนาวุธพิสัยใกล้และปานกลาง หลายมลฑลของจีนแบบฐานยิงขีปนาวุธจีนตามภูเขาต่างๆที่แอบซ่อนไว้,เนปาลคืออีกชาติที่เหมาะสมแก่เป็นฐานยิงขีปนาวุธพิสัยระยะขนาดนั้นเพราะอเมริกามีหลายแสนลูก ใช้ตังน้อยต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับขีปนาวุธพิสัยไกล จีนยิงสกัดทันก็เสียของ,จึงหาชาติไม่สำคัญมาสร้างฐานยิงขีปนาวุธ เพราะถ้าจีนยิงสวนก็พอดีลดประชากรชาติกาก ขยะคนไร้ค่าไร้ประโยชน์ในสายตามันdeep stateลงไปด้วยบรรลุเป้าหมายลดประชากรโลกด้วย แบบเขมรนี้ก็ด้วย อเมริกามายึดท่าเรือเรียมแน่นอนแค่รอเวลา,อเมริกาไม่เอาไทยไปเสี่ยงหรอก,เอาไว้ค้าขายมิตรไมตรีสร้างภาพได้เหมือนจีนคิด,แต่กลับเขมรเหยียบได้เลยทางลับ,ฮุนเซนฮุนมาเนต ในใจลึกๆมันเกลียดจีนมากๆ จึงขอเข้ากับอเมริกามาร่วมฆ่าเจ้าหนี้แบบจีนนี้ด้วยกันกับอเมริกา,หนี้เขมรกับจีนมากมายมหาศาลจนไม่รู้จะใช้คืนแบบไหนจึงมีวิธีมีทางแก้โดยโทนี่บ๋อยdeep stateทาสลัทธิหัวกระโหลกไขว้อเมริกาให้คำแนะนำเพื่อนฮุนเซนที่สนิทให้,อเมริกากับมาเลย์บวกญี่ปุ่นจึงออกหน้าออกตาชัดเจน,CIAทั้งนั้นล่ะวางแผนช่วยฮุนเซนคิดยุทธวิธีตอบโต้ไทย สมองฮุนเซนมันคิดห่าอะไรไม่ออกหรอก,สั่งผ่านลงมาแค่นั้น,โทนี่แนะนำแสดงความจริงใจต่ออเมริกาต้องเข้าอินโดแปซิฟิก มันก็รีบไปเลย,เพื่อหักหลังเนรคุณจีนอย่างเปิดเผยแสดงความจริงใจให้อเมริกาฆ่าเจ้าหนี้จีนมันด้วยเหมือนกัน,แต่ฮุนเซนถูกโทนี่ตัวปลอมหลอก,เพราะไม่มีใครเข้าใจแผนการเดอะแก๊งผู้พิทักษ์โลกได้,ฝ่ายมืดกับฝ่ายแสงสู้กันเอาเป็นเอาตายหนักมาก,เพื่อค่าจริงก็ด้วย,สงครามการปลุกตื่นรู้ความจริงให้ชาวโลกดู ค.ว.ย.กันเองร่วมด้วยว่าแต่ละชาติ เบื้องหลังมีบางสิ่งเป็นต้นเรื่องคู่ขนานแอบแฝงอยู่เสมอ.ฝ่ายดีต้องชนะสถานเดียว, https://youtube.com/watch?v=4OkAb-Y9IZU&si=tHaRC9BIrYNExNR3
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • “Athlon 3000G กลับมาอีกครั้งในปี 2025 — ซีพียู Zen รุ่นเล็กที่ยังไม่ยอมเกษียณ พร้อมแพ็กเกจใหม่และพัดลมอัปเกรด”

    แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 แต่ AMD ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ Athlon 3000G หายไปจากตลาด ล่าสุดในปี 2025 มีการรีลอนช์ซีพียูรุ่นนี้อีกครั้งในญี่ปุ่น ด้วยแพ็กเกจใหม่และพัดลม Wraith รุ่นปรับปรุง โดยใช้หมายเลขชิ้นส่วน YD3000C6FHSBX ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวอร์ชันที่ใช้ “Dali die” — สถาปัตยกรรมที่แยกออกมาจาก Raven Ridge และผลิตด้วยกระบวนการ 14nm เช่นเดิม

    Athlon 3000G เป็นซีพียูแบบ dual-core ที่ปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก มี 4 threads, L3 cache ขนาด 4MB, TDP 35W และความเร็วพื้นฐาน 3.5GHz พร้อมกราฟิกในตัว Vega 3 ที่มี 192 คอร์ และความเร็ว 1.1GHz แม้จะเป็นรุ่นเล็ก แต่ก็ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ดี โดยเฉพาะในงานสำนักงานหรือเครื่อง HTPC

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะเป็นซีพียู AM4 แต่ Athlon 3000G ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดชิปเซ็ต B550 และ A520 ได้ในหลายกรณี เนื่องจากพื้นที่เฟิร์มแวร์ของเมนบอร์ดรุ่นใหม่ไม่รองรับซีพียูเก่าอย่างเต็มรูปแบบ และบางรุ่นไม่มี microcode สำหรับรุ่นนี้เลย

    AMD ไม่ใช่รายเดียวที่ใช้กลยุทธ์รีลอนช์ซีพียูเก่า — Intel ก็เพิ่งเปิดตัว Core i5-110 ที่ใช้สถาปัตยกรรม Comet Lake 14nm เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความต้องการซีพียูราคาประหยัดสำหรับงานพื้นฐานอยู่เสมอ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD รีลอนช์ Athlon 3000G ในปี 2025 พร้อมแพ็กเกจใหม่และพัดลม Wraith รุ่นปรับปรุง
    ใช้ Dali die ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแยกจาก Raven Ridge แต่ยังอยู่บนกระบวนการผลิต 14nm
    สเปกหลัก: 2 คอร์ 4 เธรด, L3 cache 4MB, TDP 35W, ความเร็ว 3.5GHz
    มาพร้อม iGPU Vega 3: 192 คอร์, ความเร็ว 1.1GHz

    ความเคลื่อนไหวในตลาด
    วางจำหน่ายในญี่ปุ่นที่ราคา ¥5,790 หรือประมาณ $40
    AMD เคยเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ในปี 2023 โดยใช้ die Dali เช่นกัน
    Intel ก็ใช้กลยุทธ์คล้ายกันกับ Core i5-110 ที่ใช้สถาปัตยกรรมเก่า
    Ryzen 5 5500X3D และ 5600F ก็เป็นตัวอย่างของซีพียูที่ล็อกเฉพาะภูมิภาค

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Athlon 3000G มีหลายเวอร์ชัน เช่น Raven Ridge และ Picasso ซึ่งอาจมีผลต่อการรองรับ Windows 11
    บางเวอร์ชันมี CPUID ต่างกัน ทำให้การตรวจสอบผ่าน CPU-Z อาจแสดงผลไม่ตรงกัน2
    Dali die มีเพียง 2 คอร์จริง ต่างจาก Raven Ridge ที่มี 4 คอร์แต่ปิดไป 2 คอร์
    Vega 3 iGPU ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ดี แม้จะไม่เหมาะกับเกมหนัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-relaunches-usd40-athlon-3000g-cpu-with-new-packaging-and-cooler-zen-refuses-to-retire-even-in-2025
    🧊 “Athlon 3000G กลับมาอีกครั้งในปี 2025 — ซีพียู Zen รุ่นเล็กที่ยังไม่ยอมเกษียณ พร้อมแพ็กเกจใหม่และพัดลมอัปเกรด” แม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 แต่ AMD ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ Athlon 3000G หายไปจากตลาด ล่าสุดในปี 2025 มีการรีลอนช์ซีพียูรุ่นนี้อีกครั้งในญี่ปุ่น ด้วยแพ็กเกจใหม่และพัดลม Wraith รุ่นปรับปรุง โดยใช้หมายเลขชิ้นส่วน YD3000C6FHSBX ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวอร์ชันที่ใช้ “Dali die” — สถาปัตยกรรมที่แยกออกมาจาก Raven Ridge และผลิตด้วยกระบวนการ 14nm เช่นเดิม Athlon 3000G เป็นซีพียูแบบ dual-core ที่ปลดล็อกการโอเวอร์คล็อก มี 4 threads, L3 cache ขนาด 4MB, TDP 35W และความเร็วพื้นฐาน 3.5GHz พร้อมกราฟิกในตัว Vega 3 ที่มี 192 คอร์ และความเร็ว 1.1GHz แม้จะเป็นรุ่นเล็ก แต่ก็ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ดี โดยเฉพาะในงานสำนักงานหรือเครื่อง HTPC สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะเป็นซีพียู AM4 แต่ Athlon 3000G ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดชิปเซ็ต B550 และ A520 ได้ในหลายกรณี เนื่องจากพื้นที่เฟิร์มแวร์ของเมนบอร์ดรุ่นใหม่ไม่รองรับซีพียูเก่าอย่างเต็มรูปแบบ และบางรุ่นไม่มี microcode สำหรับรุ่นนี้เลย AMD ไม่ใช่รายเดียวที่ใช้กลยุทธ์รีลอนช์ซีพียูเก่า — Intel ก็เพิ่งเปิดตัว Core i5-110 ที่ใช้สถาปัตยกรรม Comet Lake 14nm เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความต้องการซีพียูราคาประหยัดสำหรับงานพื้นฐานอยู่เสมอ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD รีลอนช์ Athlon 3000G ในปี 2025 พร้อมแพ็กเกจใหม่และพัดลม Wraith รุ่นปรับปรุง ➡️ ใช้ Dali die ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแยกจาก Raven Ridge แต่ยังอยู่บนกระบวนการผลิต 14nm ➡️ สเปกหลัก: 2 คอร์ 4 เธรด, L3 cache 4MB, TDP 35W, ความเร็ว 3.5GHz ➡️ มาพร้อม iGPU Vega 3: 192 คอร์, ความเร็ว 1.1GHz ✅ ความเคลื่อนไหวในตลาด ➡️ วางจำหน่ายในญี่ปุ่นที่ราคา ¥5,790 หรือประมาณ $40 ➡️ AMD เคยเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ในปี 2023 โดยใช้ die Dali เช่นกัน ➡️ Intel ก็ใช้กลยุทธ์คล้ายกันกับ Core i5-110 ที่ใช้สถาปัตยกรรมเก่า ➡️ Ryzen 5 5500X3D และ 5600F ก็เป็นตัวอย่างของซีพียูที่ล็อกเฉพาะภูมิภาค ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Athlon 3000G มีหลายเวอร์ชัน เช่น Raven Ridge และ Picasso ซึ่งอาจมีผลต่อการรองรับ Windows 11 ➡️ บางเวอร์ชันมี CPUID ต่างกัน ทำให้การตรวจสอบผ่าน CPU-Z อาจแสดงผลไม่ตรงกัน2 ➡️ Dali die มีเพียง 2 คอร์จริง ต่างจาก Raven Ridge ที่มี 4 คอร์แต่ปิดไป 2 คอร์ ➡️ Vega 3 iGPU ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้ดี แม้จะไม่เหมาะกับเกมหนัก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-relaunches-usd40-athlon-3000g-cpu-with-new-packaging-and-cooler-zen-refuses-to-retire-even-in-2025
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD relaunches $40 dual-core Athlon 3000G CPU with new packaging and cooler — Zen refuses to retire even in 2025
    Despite being an AM4 CPU, stores have warned that the chip is not compatible with B550 and A520 chipset AM4 motherboards.
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • “C-200 มีดเชฟอัลตราโซนิกตัวแรกของโลก — ตัดง่ายขึ้น 50% ด้วยแรงสั่น 40,000 ครั้งต่อวินาที”

    Seattle Ultrasonics บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีครัวจากสหรัฐฯ ได้เปิดตัว C-200 มีดเชฟอัลตราโซนิกตัวแรกของโลกสำหรับผู้ใช้ทั่วไป โดยใช้เทคโนโลยีแรงสั่นสะเทือนระดับอุตสาหกรรมที่ถูกย่อส่วนให้พอดีกับด้ามมีด เมื่อเปิดใช้งาน ใบมีดจะสั่นด้วยความถี่กว่า 40,000 ครั้งต่อวินาที ทำให้ลดแรงต้านจากอาหารลงได้ถึง 50% และลดการติดของอาหารบนใบมีดอย่างเห็นได้ชัด

    ตัวใบมีดผลิตจากเหล็กญี่ปุ่นแบบสามชั้น (san mai) ชนิด AUS-10 ที่ผ่านการชุบแข็งถึงระดับ 60HRC ทำให้คมและทนทานแม้ไม่ได้เปิดโหมดอัลตราโซนิก โดยออกแบบให้เหมาะกับทั้งผู้ใช้ถนัดซ้ายและขวา ใช้ได้กับเทคนิคการหั่นทั่วไป เช่น การสับกระเทียม การหั่นแบบโยก หรือการตัดวัตถุดิบที่เปียกและลื่นอย่างมะเขือเทศหรือปลา

    เมื่อเปิดใช้งาน ใบมีดสามารถเปลี่ยนของเหลวให้กลายเป็นละอองฝอยได้ เช่น น้ำมะนาวที่ปลายมีดจะถูกแปรสภาพเป็นละอองละเอียดโดยไม่ผ่านความร้อน ซึ่งสามารถใช้ตกแต่งอาหารหรือเครื่องดื่มได้อย่างน่าสนใจ

    C-200 มาพร้อมระบบชาร์จ USB-C และรองรับการชาร์จแบบไร้สายผ่านแท่นไม้สักที่ออกแบบมาให้วางบนเคาน์เตอร์หรือแขวนผนังได้โดยไม่ต้องเจาะหรือเดินสายไฟ มีดรุ่นนี้กันน้ำระดับ IP65 สามารถล้างด้วยมือได้เหมือนมีดทั่วไป และเปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $399 โดยจะเริ่มจัดส่งในเดือนมกราคม 2026

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    C-200 เป็นมีดเชฟอัลตราโซนิกตัวแรกของโลกสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    ใบมีดสั่นด้วยความถี่ 40,000 ครั้งต่อวินาที ลดแรงต้านลง 50%
    ผลิตจากเหล็กญี่ปุ่น AUS-10 แบบ san mai แข็งระดับ 60HRC
    ออกแบบให้ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา รองรับเทคนิคการหั่นทั่วไป

    ฟีเจอร์เสริมและการใช้งาน
    สามารถเปลี่ยนของเหลวเป็นละอองฝอยโดยไม่ใช้ความร้อน
    กันน้ำระดับ IP65 ล้างมือได้เหมือนมีดทั่วไป
    ชาร์จผ่าน USB-C หรือแท่นชาร์จไร้สายแบบไม้สัก
    ราคาเปิดตัว $399 พร้อมจัดส่งเดือนมกราคม 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เทคโนโลยีอัลตราโซนิกเคยใช้ในอุตสาหกรรมตัดวัสดุ เช่น พลาสติกและโลหะ
    Scott Heimendinger ผู้ก่อตั้งบริษัท เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีอาหารของ Modernist Cuisine
    การสั่นระดับไมโครช่วยลดแรงเสียดทานและเพิ่มความแม่นยำในการตัด
    มีดอัลตราโซนิกอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในครัวเรือนยุคใหม่

    https://seattleultrasonics.com/
    🔪 “C-200 มีดเชฟอัลตราโซนิกตัวแรกของโลก — ตัดง่ายขึ้น 50% ด้วยแรงสั่น 40,000 ครั้งต่อวินาที” Seattle Ultrasonics บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีครัวจากสหรัฐฯ ได้เปิดตัว C-200 มีดเชฟอัลตราโซนิกตัวแรกของโลกสำหรับผู้ใช้ทั่วไป โดยใช้เทคโนโลยีแรงสั่นสะเทือนระดับอุตสาหกรรมที่ถูกย่อส่วนให้พอดีกับด้ามมีด เมื่อเปิดใช้งาน ใบมีดจะสั่นด้วยความถี่กว่า 40,000 ครั้งต่อวินาที ทำให้ลดแรงต้านจากอาหารลงได้ถึง 50% และลดการติดของอาหารบนใบมีดอย่างเห็นได้ชัด ตัวใบมีดผลิตจากเหล็กญี่ปุ่นแบบสามชั้น (san mai) ชนิด AUS-10 ที่ผ่านการชุบแข็งถึงระดับ 60HRC ทำให้คมและทนทานแม้ไม่ได้เปิดโหมดอัลตราโซนิก โดยออกแบบให้เหมาะกับทั้งผู้ใช้ถนัดซ้ายและขวา ใช้ได้กับเทคนิคการหั่นทั่วไป เช่น การสับกระเทียม การหั่นแบบโยก หรือการตัดวัตถุดิบที่เปียกและลื่นอย่างมะเขือเทศหรือปลา เมื่อเปิดใช้งาน ใบมีดสามารถเปลี่ยนของเหลวให้กลายเป็นละอองฝอยได้ เช่น น้ำมะนาวที่ปลายมีดจะถูกแปรสภาพเป็นละอองละเอียดโดยไม่ผ่านความร้อน ซึ่งสามารถใช้ตกแต่งอาหารหรือเครื่องดื่มได้อย่างน่าสนใจ C-200 มาพร้อมระบบชาร์จ USB-C และรองรับการชาร์จแบบไร้สายผ่านแท่นไม้สักที่ออกแบบมาให้วางบนเคาน์เตอร์หรือแขวนผนังได้โดยไม่ต้องเจาะหรือเดินสายไฟ มีดรุ่นนี้กันน้ำระดับ IP65 สามารถล้างด้วยมือได้เหมือนมีดทั่วไป และเปิดให้พรีออเดอร์แล้วในราคา $399 โดยจะเริ่มจัดส่งในเดือนมกราคม 2026 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ C-200 เป็นมีดเชฟอัลตราโซนิกตัวแรกของโลกสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ➡️ ใบมีดสั่นด้วยความถี่ 40,000 ครั้งต่อวินาที ลดแรงต้านลง 50% ➡️ ผลิตจากเหล็กญี่ปุ่น AUS-10 แบบ san mai แข็งระดับ 60HRC ➡️ ออกแบบให้ใช้ได้ทั้งมือซ้ายและขวา รองรับเทคนิคการหั่นทั่วไป ✅ ฟีเจอร์เสริมและการใช้งาน ➡️ สามารถเปลี่ยนของเหลวเป็นละอองฝอยโดยไม่ใช้ความร้อน ➡️ กันน้ำระดับ IP65 ล้างมือได้เหมือนมีดทั่วไป ➡️ ชาร์จผ่าน USB-C หรือแท่นชาร์จไร้สายแบบไม้สัก ➡️ ราคาเปิดตัว $399 พร้อมจัดส่งเดือนมกราคม 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เทคโนโลยีอัลตราโซนิกเคยใช้ในอุตสาหกรรมตัดวัสดุ เช่น พลาสติกและโลหะ ➡️ Scott Heimendinger ผู้ก่อตั้งบริษัท เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีอาหารของ Modernist Cuisine ➡️ การสั่นระดับไมโครช่วยลดแรงเสียดทานและเพิ่มความแม่นยำในการตัด ➡️ มีดอัลตราโซนิกอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในครัวเรือนยุคใหม่ https://seattleultrasonics.com/
    SEATTLEULTRASONICS.COM
    Seattle Ultrasonics
    Discover Seattle Ultrasonics, a startup founded by culinary technologist Scott Heimendinger. We're on a mission to make happy home cooks, and we're starting by building a better knife.
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”
    ตอนที่ 10 สู้ด้วยท่อ

    ในปี ค.ศ. 2001 เมื่อเห็นชัดว่าประเทศแถบ Baltic จะเข้าร่วมกับ NATO ปูตินเร่งสร้าง ท่าเรือส่งน้ำมันขึ้นที่เมือง Primorsk ริมฝั่งทะเล Baltic การขนส่งน้ำมันจาก Baltic Pipeline System (BPS) เมื่อเสร็จในปี ค.ศ. 2006 จะทำให้การขนส่งน้ำมันที่ต้องพึ่ง กับประเทศ ที่เข้าไปร่วมกับ NATO ใหม่ ๆ เช่น Latvia, Lithrenia, และ Poland ลดน้อยลงไปอย่างมาก Baltic เป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันเส้นใหญ่ ของรัสเซียจาก West Siberia และ Timan Pechora ตอนนี้ BPS สามารถขนส่งน้ำมัน มายังตลาดตะวันตก วันละประมาณ 1.3 ล้านบาเรล การดัดหลังสำเร็จตามเป้าหมาย

    ในปี ค.ศ. 2006 นาย Gerhard Schroder นายกรัฐมนตรีของเยอรมันสมัยนั้น ได้รับเลือกเป็นประธาน ของการร่วมงานกันระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย ในการก่อสร้างท่อส่งแก๊ซยาว 1200 กิโลเมตร ใต้ทะเล Baltic ซึ่งเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เมื่อเสร็จ จะเชื่อม แก๊ส terminal ที่เมืองท่า Vybog ใกล้ St.Petersberg กับเมือง Greifswald ในเยอรมันตะวันออก เป็นการเชื่อม Heartland กับ Central Europe เข้าด้วยกัน เป็นการเดินหมาก ตรงข้ามกับแผนการที่อังกฤษและอเมริกาต้องการ นับเป็นการดัดหลังที่เฉียบขาด อีกรายการของรัสเซีย
    การร่วมมือระหว่างเยอรมันกับรัส เซียครั้งนี้ แน่นอน ได้รับการประท้วงรอบทิศ รวมทั้งจาก Ukraine และ Poland ซึ่งเสียสภาพประตูหน้าของ Eurasia ไปอย่างไม่รู้ตัว และต้องไม่ลืมว่า ท่อส่งแก๊ซนี้ ส่งตรงจากรัสเซียมาเยอรมัน ในปริมาณ 40% ของแก๊ซที่เยอรมันต้องนำเข้า และยังมีผู้ร่วมลงทุนของรัสเซียที่พร้อมจะส่งแก๊ซมาตามท่อส่งคู่ขนานอีกหลายเจ้า เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ท่อส่งแก๊ซคู่ขนานนี้จะสามารถส่งแก๊ซรัสเซียให้เยอรมันได้ถึง 55 billion cubic metres ต่อปี (เขียนตัวเลขไม่ถูกเลยครับ)

    เยอรมันถูกล็อคคอเรียบร้อย คุณนาย Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมันสายอเมริกา คอฝืดกลืนน้ำไม่ลงไปอีกคน แต่สายไปแล้วคุณป้า

    ในเดือนเม.ย ค.ศ. 2006 รัฐบาล Putin เริ่มโครงการ 14 พันล้านเหรียญ เพื่อสร้าง East Siberia Pacific Ocean Pipleine (Espo) ท่อส่งน้ำมันจาก Taishet ใน East Siberia ข้ามมายังชายฝั่งของรัสเซียด้าน Pacific เมื่อเสร็จจะสามารถส่งน้ำมันได้ถึงวันละ 1.6 ล้านบาเรล จาก Siberia มาถึงฝั่งของรัสเซียด้านตะวันออกไกล และจากนั้น ส่งต่อมาทาง Asia Pacific ป้อนให้อาเฮียเพื่อนรักถึงหน้าบ้านและเผื่อแผ่ถึงญี่ปุ่นลูกเลี้ยงอเมริกาด้วย

    นอกจากนี้ จีนยังเจรจากับรัสเซียให้ทำท่อส่ง แยกมาทาง Daqing ของจีนด้วย ถ้าสำเร็จ มันจะเชื่อมรัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และประเทศแถวเอเซียแปซิฟิคเข้าด้วยกัน สงสัยแผนของครู Mac และนาย Brzezinski ตัวแสบ จะมีคนอ่านและทำตาม อย่างตรงกันข้ามทุกประการ ใครช่วยพยุงปีกนกอินทรีย์หน่อยครับ กำลังถลาลงมา หัวจะใกล้จะปักดินแล้ว ฮา !
    ประมาณเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 Gazprom ของรัสเซีย สร้างท่อส่งใต้ทะเลยาว 1,213 กิโลเมตร มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญ ชื่อ Blue Stream Pipeline เสร็จ ทำให้รัสเซียสามารถส่งแก๊ซ จาก Krasnodar มาใต้ทะเลดำฝั่งของรัสเซีย โผล่ที่ฝั่งของตุรกี และจากจุดนี้ส่งต่อไปยังเมือง Ankara ตุรกี ติดกับดักแก๊ซ ของรัสเซียไปอีกราย เป็นรายสำคัญ เพราะตุรกีคืออาวุธลับของอเมริกาในแถบนี้

    กรีก อิตาลี และแม้กระทั่งอิสราเอล ก็มีการเจรจากับ Gazprom เพื่อขอให้ต่อท่อแก๊ซจาก Blue Stream เส้นทางท่อแก๊ซอีกเส้นของรัสเซีย คือ South-European Gas Pipeline ซึ่งจะสร้างผ่านยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง เป็นเครือข่ายท่อส่งก๊าซระบบใหม่

    ปูตินใช้แผนส่งพลังงานและส่งข้าม Eurasia จากตะวันออกไปตะวันตก จากเหนือไปใต้ แผนนี้วอชิงตันยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่หนังยังไม่จบ อเมริกาวางแผนจะเป็นจักรวรรดิอ เมริกา นักล่าหมายเลขหนึ่งมาเป็น 100 ปี จะคว่ำไพ่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรือ ไม่มีทาง แต่อย่าลืมคู่เล่นคราวนี้ ไม่ใช่ธรรมดา แม้ตอนนี้ไม่ได้เป็นจักรวรรดิ แต่จักรวรรดิรัสเซียเคยรุ่งเรื่อง และเลือดนักสู้ของทหารม้าแห่งจักรวรรดิรัสเซียนั้น ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 10 สู้ด้วยท่อ ในปี ค.ศ. 2001 เมื่อเห็นชัดว่าประเทศแถบ Baltic จะเข้าร่วมกับ NATO ปูตินเร่งสร้าง ท่าเรือส่งน้ำมันขึ้นที่เมือง Primorsk ริมฝั่งทะเล Baltic การขนส่งน้ำมันจาก Baltic Pipeline System (BPS) เมื่อเสร็จในปี ค.ศ. 2006 จะทำให้การขนส่งน้ำมันที่ต้องพึ่ง กับประเทศ ที่เข้าไปร่วมกับ NATO ใหม่ ๆ เช่น Latvia, Lithrenia, และ Poland ลดน้อยลงไปอย่างมาก Baltic เป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันเส้นใหญ่ ของรัสเซียจาก West Siberia และ Timan Pechora ตอนนี้ BPS สามารถขนส่งน้ำมัน มายังตลาดตะวันตก วันละประมาณ 1.3 ล้านบาเรล การดัดหลังสำเร็จตามเป้าหมาย ในปี ค.ศ. 2006 นาย Gerhard Schroder นายกรัฐมนตรีของเยอรมันสมัยนั้น ได้รับเลือกเป็นประธาน ของการร่วมงานกันระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย ในการก่อสร้างท่อส่งแก๊ซยาว 1200 กิโลเมตร ใต้ทะเล Baltic ซึ่งเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เมื่อเสร็จ จะเชื่อม แก๊ส terminal ที่เมืองท่า Vybog ใกล้ St.Petersberg กับเมือง Greifswald ในเยอรมันตะวันออก เป็นการเชื่อม Heartland กับ Central Europe เข้าด้วยกัน เป็นการเดินหมาก ตรงข้ามกับแผนการที่อังกฤษและอเมริกาต้องการ นับเป็นการดัดหลังที่เฉียบขาด อีกรายการของรัสเซีย การร่วมมือระหว่างเยอรมันกับรัส เซียครั้งนี้ แน่นอน ได้รับการประท้วงรอบทิศ รวมทั้งจาก Ukraine และ Poland ซึ่งเสียสภาพประตูหน้าของ Eurasia ไปอย่างไม่รู้ตัว และต้องไม่ลืมว่า ท่อส่งแก๊ซนี้ ส่งตรงจากรัสเซียมาเยอรมัน ในปริมาณ 40% ของแก๊ซที่เยอรมันต้องนำเข้า และยังมีผู้ร่วมลงทุนของรัสเซียที่พร้อมจะส่งแก๊ซมาตามท่อส่งคู่ขนานอีกหลายเจ้า เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ท่อส่งแก๊ซคู่ขนานนี้จะสามารถส่งแก๊ซรัสเซียให้เยอรมันได้ถึง 55 billion cubic metres ต่อปี (เขียนตัวเลขไม่ถูกเลยครับ) เยอรมันถูกล็อคคอเรียบร้อย คุณนาย Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมันสายอเมริกา คอฝืดกลืนน้ำไม่ลงไปอีกคน แต่สายไปแล้วคุณป้า ในเดือนเม.ย ค.ศ. 2006 รัฐบาล Putin เริ่มโครงการ 14 พันล้านเหรียญ เพื่อสร้าง East Siberia Pacific Ocean Pipleine (Espo) ท่อส่งน้ำมันจาก Taishet ใน East Siberia ข้ามมายังชายฝั่งของรัสเซียด้าน Pacific เมื่อเสร็จจะสามารถส่งน้ำมันได้ถึงวันละ 1.6 ล้านบาเรล จาก Siberia มาถึงฝั่งของรัสเซียด้านตะวันออกไกล และจากนั้น ส่งต่อมาทาง Asia Pacific ป้อนให้อาเฮียเพื่อนรักถึงหน้าบ้านและเผื่อแผ่ถึงญี่ปุ่นลูกเลี้ยงอเมริกาด้วย นอกจากนี้ จีนยังเจรจากับรัสเซียให้ทำท่อส่ง แยกมาทาง Daqing ของจีนด้วย ถ้าสำเร็จ มันจะเชื่อมรัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และประเทศแถวเอเซียแปซิฟิคเข้าด้วยกัน สงสัยแผนของครู Mac และนาย Brzezinski ตัวแสบ จะมีคนอ่านและทำตาม อย่างตรงกันข้ามทุกประการ ใครช่วยพยุงปีกนกอินทรีย์หน่อยครับ กำลังถลาลงมา หัวจะใกล้จะปักดินแล้ว ฮา ! ประมาณเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 Gazprom ของรัสเซีย สร้างท่อส่งใต้ทะเลยาว 1,213 กิโลเมตร มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญ ชื่อ Blue Stream Pipeline เสร็จ ทำให้รัสเซียสามารถส่งแก๊ซ จาก Krasnodar มาใต้ทะเลดำฝั่งของรัสเซีย โผล่ที่ฝั่งของตุรกี และจากจุดนี้ส่งต่อไปยังเมือง Ankara ตุรกี ติดกับดักแก๊ซ ของรัสเซียไปอีกราย เป็นรายสำคัญ เพราะตุรกีคืออาวุธลับของอเมริกาในแถบนี้ กรีก อิตาลี และแม้กระทั่งอิสราเอล ก็มีการเจรจากับ Gazprom เพื่อขอให้ต่อท่อแก๊ซจาก Blue Stream เส้นทางท่อแก๊ซอีกเส้นของรัสเซีย คือ South-European Gas Pipeline ซึ่งจะสร้างผ่านยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง เป็นเครือข่ายท่อส่งก๊าซระบบใหม่ ปูตินใช้แผนส่งพลังงานและส่งข้าม Eurasia จากตะวันออกไปตะวันตก จากเหนือไปใต้ แผนนี้วอชิงตันยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่หนังยังไม่จบ อเมริกาวางแผนจะเป็นจักรวรรดิอ เมริกา นักล่าหมายเลขหนึ่งมาเป็น 100 ปี จะคว่ำไพ่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรือ ไม่มีทาง แต่อย่าลืมคู่เล่นคราวนี้ ไม่ใช่ธรรมดา แม้ตอนนี้ไม่ได้เป็นจักรวรรดิ แต่จักรวรรดิรัสเซียเคยรุ่งเรื่อง และเลือดนักสู้ของทหารม้าแห่งจักรวรรดิรัสเซียนั้น ไม่ธรรมดาเหมือนกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง!

    ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด!

    เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ:
    เพิ่มกำไร: เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย
    ผลิตง่าย: ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ ไส้เกี๊ยว หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย
    ทำงานรวดเร็ว: ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล

    รายละเอียดเครื่อง:

    มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V
    กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม.
    ขนาด: 800 x 650 x 900 มม.
    น้ำหนัก: 250 กก.

    ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ!

    แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง
    #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    อย่าปล่อยให้เศษปลาแซลมอนกลายเป็นของเหลือทิ้ง! 😩 ในทุกชิ้นส่วนของปลาแซลมอนยังมีเนื้อคุณภาพซ่อนอยู่มากมาย ทั้งก้าง หัว และหนัง... เครื่องแยกก้างปลา Fish Deboner คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณดึงเนื้อปลาแซลมอนออกมาใช้ได้คุ้มค่าที่สุด! 💯 เครื่องนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่แปรรูปปลาแซลมอน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น โรงงานทำแซลมอนรมควัน หรือผู้ค้าส่งปลา เพราะช่วยคุณ: เพิ่มกำไร: 📈 เปลี่ยน "เศษเหลือ" ให้กลายเป็นวัตถุดิบเนื้อปลาแซลมอนคุณภาพสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าและลดการสูญเสีย ผลิตง่าย: ✨ ได้เนื้อแซลมอนบดพร้อมใช้งานทันที สำหรับทำแซลมอนเบอร์เกอร์ 🍔 ไส้เกี๊ยว 🥟 หรือใช้เป็นส่วนผสมในเมนูอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ทำงานรวดเร็ว: ⏱️ ด้วยกำลังผลิตสูงถึง 100-300 กก./ชม. ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนแรงงานได้อย่างมหาศาล รายละเอียดเครื่อง: มอเตอร์: 3 แรงม้า, ไฟ 380V 💪 กำลังการผลิต: 100-300 กก./ชม. ⚡ ขนาด: 800 x 650 x 900 มม. น้ำหนัก: 250 กก. ให้ BONNY เป็นตัวช่วยสำคัญในธุรกิจคุณ! 👍 แฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง #เครื่องแยกก้างปลา #เครื่องจักรอาหาร #ปลาแซลมอน #แซลมอน #ธุรกิจอาหาร #เครื่องจักรโรงงาน #ฟู้ดโปรเซสซิ่ง #ร้านอาหารญี่ปุ่น #แซลมอนบด #เพิ่มมูลค่า #FishDeboner #SalmonProcessing #FoodMachinery #FoodProduction #Salmon #Seafood #ProcessedFood #FrozenFood #SMEไทย #ผู้ประกอบการ #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องครัวร้านอาหาร #เมนูปลา #แซลมอนเบอร์เกอร์ #ไส้เกี๊ยวปลา #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #BONNY 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.139 : “ญี่ปุ่น” ลงทุนอะไรใน “กัมพูชา” ?
    .
    ปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาถึงแม้ว่าจะมี “ข้อตกลงหยุดยิง” เบื้องต้น แล้ว แต่ว่าในตอนนี้ เรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากก็คือ การ “เปิดพรมแดน” ซึ่งไทยและกัมพูชาได้หารือกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา หลังการประชุมก็มีการเปิดเผยว่า มีประเทศที่ 3 ก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น” ได้เรียกร้องให้มีการเปิดพรมแดน
    .
    คำถามที่น่าสนใจก็คือ “กัมพูชา” มีดีอะไร “ธุรกิจญี่ปุ่น” ถึงเลือกเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ และทำไมญี่ปุ่นถึงกดดันให้ไทยกับกัมพูชาเร่งกลับมาเปิดด่านอีกครั้ง ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=EGImGWe_-Fc
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #ญี่ปุ่นลงทุนอะไรมากัมพูชา #Thailandplusone #ไทยกัมพูชา
    บูรพาไม่แพ้ Ep.139 : “ญี่ปุ่น” ลงทุนอะไรใน “กัมพูชา” ? . ปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาถึงแม้ว่าจะมี “ข้อตกลงหยุดยิง” เบื้องต้น แล้ว แต่ว่าในตอนนี้ เรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากก็คือ การ “เปิดพรมแดน” ซึ่งไทยและกัมพูชาได้หารือกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา หลังการประชุมก็มีการเปิดเผยว่า มีประเทศที่ 3 ก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น” ได้เรียกร้องให้มีการเปิดพรมแดน . คำถามที่น่าสนใจก็คือ “กัมพูชา” มีดีอะไร “ธุรกิจญี่ปุ่น” ถึงเลือกเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ และทำไมญี่ปุ่นถึงกดดันให้ไทยกับกัมพูชาเร่งกลับมาเปิดด่านอีกครั้ง ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=EGImGWe_-Fc . #บูรพาไม่แพ้ #ญี่ปุ่นลงทุนอะไรมากัมพูชา #Thailandplusone #ไทยกัมพูชา
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.139 : ญี่ปุ่นลงทุนอะไรในกัมพูชา?

    https://www.youtube.com/watch?v=EGImGWe_-Fc
    บูรพาไม่แพ้ Ep.139 : ญี่ปุ่นลงทุนอะไรในกัมพูชา? https://www.youtube.com/watch?v=EGImGWe_-Fc
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่น ฮอกไกโด Autumn 18,999

    🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    Ningle Terrace
    น้ำตกชิโรฮิเงะ
    บ่อน้ำสีฟ้าชิโรกาเนะ
    ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ
    ศาลเจ้าฮอกไกโด
    อิสระช้อปปิ้ง ย่านทานุกิโคจิ

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์ญี่ปุ่น #ฮอกไกโด #japan #hokkaido #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ญี่ปุ่น ฮอกไกโด Autumn 🍁😍 18,999 🔥 🗓 จำนวนวัน 4วัน 2คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 Ningle Terrace 📍 น้ำตกชิโรฮิเงะ 📍 บ่อน้ำสีฟ้าชิโรกาเนะ 📍 ทุ่งดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ 📍 ศาลเจ้าฮอกไกโด 📍 อิสระช้อปปิ้ง ย่านทานุกิโคจิ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์ญี่ปุ่น #ฮอกไกโด #japan #hokkaido #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 0 Reviews
  • Kobe Cruise Port – จุดเริ่มต้นเสน่ห์คันไซ ท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในแถบตะวันตกของญี่ปุ่นที่สามารถรับรองเรือสำรายขนาดใหย่ได้ และยังเป็นประตูสู่การออกสำรวจญี่ปุ่นตะวันตกอีกด้วย

    Kobe Port Tower - หอคอยโกเบ
    หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองโกเบ โดยออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายกลองญี่ปุ่น และมีโครงสร้างเหล็กสีแดงที่โดดเด่น จากบนหอคอยสามารถชมวิวท่าเรือ และตัวเมืองได้แบบพาโนรามา

    Meriken Park - สวนเมริเคน
    ตั้งอยู่ติดกับท่าเรือโกเบ เป็นพื้นที่เปิดโล่งที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือ แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1995 สวนแห่งนี้ได้รับการบูรณะ และกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

    Nankinmachi - ย่านไชน่าทาวน์โกเบ
    ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยชาวจีนที่อพยพมาทำการค้าในเมืองโกเบ ในปัจจุบัน Nankinmachi กลายเป็นย่านท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยอาหารจีนและสตรีทฟู้ด

    Nunobiki Herb Gardens - สวนพฤกษศาสตร์
    สวนสมุนไพรนูโนบิกิเป็นหนึ่งในสวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีพื้นที่กว้างขวางและปลูกพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #KobeCruisePort #JAPAN #KobePortTower #MerikenPark #Nankinmachi #NunobikiHerbGardens #port #cruisedomain
    ✨ Kobe Cruise Port – จุดเริ่มต้นเสน่ห์คันไซ ✨ ท่าเรือขนาดใหญ่ที่สุดในแถบตะวันตกของญี่ปุ่นที่สามารถรับรองเรือสำรายขนาดใหย่ได้ และยังเป็นประตูสู่การออกสำรวจญี่ปุ่นตะวันตกอีกด้วย 🎏🏮 ✅ Kobe Port Tower - หอคอยโกเบ หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองโกเบ โดยออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายกลองญี่ปุ่น และมีโครงสร้างเหล็กสีแดงที่โดดเด่น จากบนหอคอยสามารถชมวิวท่าเรือ และตัวเมืองได้แบบพาโนรามา ✅ Meriken Park - สวนเมริเคน ตั้งอยู่ติดกับท่าเรือโกเบ เป็นพื้นที่เปิดโล่งที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของท่าเรือ แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1995 สวนแห่งนี้ได้รับการบูรณะ และกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ✅ Nankinmachi - ย่านไชน่าทาวน์โกเบ ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยชาวจีนที่อพยพมาทำการค้าในเมืองโกเบ ในปัจจุบัน Nankinmachi กลายเป็นย่านท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยอาหารจีนและสตรีทฟู้ด ✅ Nunobiki Herb Gardens - สวนพฤกษศาสตร์ สวนสมุนไพรนูโนบิกิเป็นหนึ่งในสวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีพื้นที่กว้างขวางและปลูกพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #KobeCruisePort #JAPAN #KobePortTower #MerikenPark #Nankinmachi #NunobikiHerbGardens #port #cruisedomain
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่นกำลังส่งเครื่องบิน 8 ลำ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-15 จำนวน 4 ลำ เข้าประจำการในสหรัฐฯ, แคนาดาและยุโรป ในภารกิจสนับสนุนองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089265

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ญี่ปุ่นกำลังส่งเครื่องบิน 8 ลำ ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-15 จำนวน 4 ลำ เข้าประจำการในสหรัฐฯ, แคนาดาและยุโรป ในภารกิจสนับสนุนองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089265 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 600 Views 0 Reviews
  • สเปน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี "เปโดร ซานเชซ" ประกาศยกเลิกสัญญาด้านกลาโหมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.76 หมื่นล้านบาท) ที่ทำกับบริษัทต่างๆของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตใกล้แตะเจ็ดหมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง และยังมีผู้สูญหายอีกประมาณสามแสนราย
    .
    นับเป็นมาตรการที่เข้มข้นที่สุดจากความเคลื่อนไหวของสเปนที่มีต่ออิสราเอล
    .
    สัญญาที่รัฐบาลสเปนยกเลิก เกี่ยวข้องกับระบบยิงจรวด SILAM ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Elbit PULS ของอิสราเอล และสัญญาสำหรับขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Spike L.R. ซึ่งเดิมจะผลิตโดยกลุ่มบริษัทสเปนภายใต้ใบอนุญาตจากอิสราเอล
    .
    ขณะที่อิสราเอลเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการยึดเมือง "กาซา ซิตี้" เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อครอบครองเป็นของตนเอง โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาส และกดดันฮามาสให้ปล่อยตัวประกัน ซึ่งอิสราเอลคาดว่ายังมีอยู่อีกประมาณ 40 ราย แต่คาดว่ายังมีชีวิตเพียง 20 รายเท่านั้น

    ด้านคณะกรรมการสอบสวนอิสระแห่งสหประชาชาติ ยอมรับที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า การโจมตีของอิสราเอลเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ตามอนุสัญญาปี 1948

    นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น และสโลวีเนีย ต่างประกาศระงับหรือจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลเช่นกัน
    สเปน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี "เปโดร ซานเชซ" ประกาศยกเลิกสัญญาด้านกลาโหมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.76 หมื่นล้านบาท) ที่ทำกับบริษัทต่างๆของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตใกล้แตะเจ็ดหมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง และยังมีผู้สูญหายอีกประมาณสามแสนราย . นับเป็นมาตรการที่เข้มข้นที่สุดจากความเคลื่อนไหวของสเปนที่มีต่ออิสราเอล . สัญญาที่รัฐบาลสเปนยกเลิก เกี่ยวข้องกับระบบยิงจรวด SILAM ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Elbit PULS ของอิสราเอล และสัญญาสำหรับขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Spike L.R. ซึ่งเดิมจะผลิตโดยกลุ่มบริษัทสเปนภายใต้ใบอนุญาตจากอิสราเอล . 👉ขณะที่อิสราเอลเริ่มเดินหน้าปฏิบัติการยึดเมือง "กาซา ซิตี้" เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อครอบครองเป็นของตนเอง โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาส และกดดันฮามาสให้ปล่อยตัวประกัน ซึ่งอิสราเอลคาดว่ายังมีอยู่อีกประมาณ 40 ราย แต่คาดว่ายังมีชีวิตเพียง 20 รายเท่านั้น 👉ด้านคณะกรรมการสอบสวนอิสระแห่งสหประชาชาติ ยอมรับที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า การโจมตีของอิสราเอลเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ตามอนุสัญญาปี 1948 👉นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น อิตาลี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น และสโลวีเนีย ต่างประกาศระงับหรือจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลเช่นกัน
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • “ญี่ปุ่นอุดหนุนเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC — ป้องกันความมั่นคงจากภัยไซเบอร์และการก่อวินาศกรรมในทะเลลึก”

    รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศอุดหนุนเงินสูงสุดถึงครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้กับบริษัท NEC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความกังวลด้านความมั่นคงระดับชาติ หลังเกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้งทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา

    NEC เคยติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำมากกว่า 400,000 กิโลเมตรทั่วโลก แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ต้องเช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และบริษัทญี่ปุ่น เช่น NTT และ KDDI ซึ่งสามารถทำงานได้เฉพาะในน่านน้ำภูมิภาค ไม่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้ ทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินล่าช้า

    การอุดหนุนนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หลายครั้ง เช่น สายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์–สวีเดนถูกตัดในเดือนพฤศจิกายน 2024 และสายเคเบิลระหว่างสหรัฐฯ–ไต้หวันถูกสงสัยว่าถูกเรือจีนทำให้เสียหายในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อการสื่อสารระหว่างประเทศอย่างรุนแรง

    รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าการไม่มีเรือเป็นของตัวเองคือ “ความเสี่ยงด้านความมั่นคง” และการพึ่งพาบริษัทต่างชาติอาจเปิดช่องให้เกิดการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรมได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ซึ่งการทำลายไม่ถือเป็นการประกาศสงครามโดยตรง

    แม้ NEC จะยอมรับว่าการมีเรือเป็นของตัวเองคือ “ต้นทุนคงที่มหาศาล” แต่ในช่วงที่ตลาดเคเบิลใต้น้ำกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนนี้อาจคุ้มค่าในระยะยาว และช่วยให้ญี่ปุ่นมีความสามารถในการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลญี่ปุ่นจะอุดหนุนสูงสุดครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC
    เรือแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์
    NEC เป็นผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง
    ปัจจุบัน NEC เช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และญี่ปุ่น ซึ่งจำกัดการใช้งานเฉพาะในภูมิภาค

    เหตุผลด้านความมั่นคง
    เกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้ง เช่น ฟินแลนด์–สวีเดน และสหรัฐฯ–ไต้หวัน
    สายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ทำให้การทำลายไม่ถือเป็นสงคราม
    การไม่มีเรือเป็นของตัวเองทำให้ NEC ตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ช้า
    รัฐบาลมองว่าเป็น “ความเสี่ยงด้านความมั่นคงระดับชาติ”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    คู่แข่งของ NEC เช่น SubCom (สหรัฐฯ), Alcatel Submarine Networks (ฝรั่งเศส), และ HMN Tech (จีน) ต่างมีเรือเป็นของตัวเอง
    จีนวางสายเคเบิลใต้น้ำหลายหมื่นกิโลเมตรทั่วโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
    NEC เชี่ยวชาญด้านสายเคเบิลหุ้มเกราะที่ทนต่อการก่อวินาศกรรม
    ตลาดเคเบิลใต้น้ำในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    https://www.tomshardware.com/networking/japan-to-subsidize-undersea-cable-vessels-over-very-serious-national-security-concerns-will-front-up-to-half-the-cost-for-usd300-million-vessels-bought-by-nec
    🌊 “ญี่ปุ่นอุดหนุนเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC — ป้องกันความมั่นคงจากภัยไซเบอร์และการก่อวินาศกรรมในทะเลลึก” รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศอุดหนุนเงินสูงสุดถึงครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้กับบริษัท NEC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความกังวลด้านความมั่นคงระดับชาติ หลังเกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้งทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา NEC เคยติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำมากกว่า 400,000 กิโลเมตรทั่วโลก แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ต้องเช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และบริษัทญี่ปุ่น เช่น NTT และ KDDI ซึ่งสามารถทำงานได้เฉพาะในน่านน้ำภูมิภาค ไม่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้ ทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินล่าช้า การอุดหนุนนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หลายครั้ง เช่น สายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์–สวีเดนถูกตัดในเดือนพฤศจิกายน 2024 และสายเคเบิลระหว่างสหรัฐฯ–ไต้หวันถูกสงสัยว่าถูกเรือจีนทำให้เสียหายในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อการสื่อสารระหว่างประเทศอย่างรุนแรง รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าการไม่มีเรือเป็นของตัวเองคือ “ความเสี่ยงด้านความมั่นคง” และการพึ่งพาบริษัทต่างชาติอาจเปิดช่องให้เกิดการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรมได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ซึ่งการทำลายไม่ถือเป็นการประกาศสงครามโดยตรง แม้ NEC จะยอมรับว่าการมีเรือเป็นของตัวเองคือ “ต้นทุนคงที่มหาศาล” แต่ในช่วงที่ตลาดเคเบิลใต้น้ำกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนนี้อาจคุ้มค่าในระยะยาว และช่วยให้ญี่ปุ่นมีความสามารถในการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลญี่ปุ่นจะอุดหนุนสูงสุดครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC ➡️ เรือแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ ➡️ NEC เป็นผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ➡️ ปัจจุบัน NEC เช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และญี่ปุ่น ซึ่งจำกัดการใช้งานเฉพาะในภูมิภาค ✅ เหตุผลด้านความมั่นคง ➡️ เกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้ง เช่น ฟินแลนด์–สวีเดน และสหรัฐฯ–ไต้หวัน ➡️ สายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ทำให้การทำลายไม่ถือเป็นสงคราม ➡️ การไม่มีเรือเป็นของตัวเองทำให้ NEC ตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ช้า ➡️ รัฐบาลมองว่าเป็น “ความเสี่ยงด้านความมั่นคงระดับชาติ” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ คู่แข่งของ NEC เช่น SubCom (สหรัฐฯ), Alcatel Submarine Networks (ฝรั่งเศส), และ HMN Tech (จีน) ต่างมีเรือเป็นของตัวเอง ➡️ จีนวางสายเคเบิลใต้น้ำหลายหมื่นกิโลเมตรทั่วโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ➡️ NEC เชี่ยวชาญด้านสายเคเบิลหุ้มเกราะที่ทนต่อการก่อวินาศกรรม ➡️ ตลาดเคเบิลใต้น้ำในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว https://www.tomshardware.com/networking/japan-to-subsidize-undersea-cable-vessels-over-very-serious-national-security-concerns-will-front-up-to-half-the-cost-for-usd300-million-vessels-bought-by-nec
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • “5 รถต้นแบบสุดล้ำจาก Honda ที่ไม่เคยได้ผลิตจริง — เมื่อจินตนาการล้ำหน้าเกินกว่าความเป็นจริงจะตามทัน”

    Honda เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ไม่เคยหยุดฝัน โดยเฉพาะในโลกของ “รถต้นแบบ” หรือ Concept Cars ที่มักถูกสร้างขึ้นเพื่อโชว์วิสัยทัศน์แห่งอนาคต แม้หลายรุ่นจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์จริง เช่น Honda Urban EV แต่ก็มีอีกหลายคันที่ยังคงอยู่แค่บนเวทีโชว์และในความทรงจำของแฟน ๆ เท่านั้น

    บทความนี้พาเราย้อนดู 5 รถต้นแบบจาก Honda ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และแนวคิด แต่ไม่เคยได้ผลิตจริง:

    1️⃣ Honda Spocket (1999) — รถลูกผสมระหว่างสปอร์ต, พิคอัพ และเปิดประทุน ที่สามารถเปลี่ยนจาก 4 ที่นั่งเป็น 2 ที่นั่งได้ มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฮบริด และกล้องแทนกระจกข้าง พร้อม HUD บนกระจกหน้า

    2️⃣ Honda Puyo (2007) — รถที่ออกแบบด้วยแนวคิด “ความนุ่มนวล” ตัวถังเรืองแสงทำจากวัสดุเจลนุ่มเพื่อความปลอดภัยและความเป็นมิตร ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และควบคุมด้วยจอยสติ๊กแทนพวงมาลัย

    3️⃣ Honda Kiwami (2003) — ซีดานพลังงานไฮโดรเจนที่ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากสวนญี่ปุ่น ใช้โครงสร้างแบบ skateboard chassis เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายใน พร้อมระบบ ultracapacitor และเซลล์เชื้อเพลิง

    4️⃣ Honda Project 2&4 (2015) — รถแข่งขนาดเล็กที่ผสมผสาน DNA ของมอเตอร์ไซค์และรถ F1 ใช้เครื่องยนต์ V4 จาก RC213V ให้แรงม้ากว่า 212 ตัว แต่มีที่นั่งแบบ “ลอยตัว” ซึ่งอาจไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย

    5️⃣ Honda Fuya-Jo (1999) — รถสำหรับสายปาร์ตี้โดยเฉพาะ ออกแบบให้สามารถยืน เต้น และเล่นดนตรีได้ภายใน มีเบาะแบบเก้าอี้สูงและแดชบอร์ดที่เหมือนโต๊ะมิกซ์ของดีเจ

    แม้รถเหล่านี้จะไม่ถูกผลิตจริง แต่ก็สะท้อนถึงความกล้าคิด กล้าทดลอง และความตั้งใจของ Honda ที่จะผลักดันขอบเขตของการออกแบบและเทคโนโลยียานยนต์ให้ก้าวไปข้างหน้า

    รถต้นแบบมักไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ที่นั่งลอยตัวของ Project 2&4
    วัสดุเจลของ Puyo อาจไม่เหมาะกับการผลิตจริงและมีปัญหาเรื่องความทนทาน
    ระบบพลังงานไฮโดรเจนยังขาดโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติมเชื้อเพลิง
    รถที่ออกแบบเพื่อความบันเทิง เช่น Fuya-Jo อาจไม่เหมาะกับการใช้งานจริงบนถนน
    ต้นทุนการผลิตและความต้องการตลาดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รถเหล่านี้ไม่ถูกผลิต

    https://www.slashgear.com/1422341/futuristic-honda-concept-cars-never-made-production/
    🚗 “5 รถต้นแบบสุดล้ำจาก Honda ที่ไม่เคยได้ผลิตจริง — เมื่อจินตนาการล้ำหน้าเกินกว่าความเป็นจริงจะตามทัน” Honda เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ไม่เคยหยุดฝัน โดยเฉพาะในโลกของ “รถต้นแบบ” หรือ Concept Cars ที่มักถูกสร้างขึ้นเพื่อโชว์วิสัยทัศน์แห่งอนาคต แม้หลายรุ่นจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์จริง เช่น Honda Urban EV แต่ก็มีอีกหลายคันที่ยังคงอยู่แค่บนเวทีโชว์และในความทรงจำของแฟน ๆ เท่านั้น บทความนี้พาเราย้อนดู 5 รถต้นแบบจาก Honda ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และแนวคิด แต่ไม่เคยได้ผลิตจริง: 1️⃣ Honda Spocket (1999) — รถลูกผสมระหว่างสปอร์ต, พิคอัพ และเปิดประทุน ที่สามารถเปลี่ยนจาก 4 ที่นั่งเป็น 2 ที่นั่งได้ มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฮบริด และกล้องแทนกระจกข้าง พร้อม HUD บนกระจกหน้า 2️⃣ Honda Puyo (2007) — รถที่ออกแบบด้วยแนวคิด “ความนุ่มนวล” ตัวถังเรืองแสงทำจากวัสดุเจลนุ่มเพื่อความปลอดภัยและความเป็นมิตร ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และควบคุมด้วยจอยสติ๊กแทนพวงมาลัย 3️⃣ Honda Kiwami (2003) — ซีดานพลังงานไฮโดรเจนที่ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากสวนญี่ปุ่น ใช้โครงสร้างแบบ skateboard chassis เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายใน พร้อมระบบ ultracapacitor และเซลล์เชื้อเพลิง 4️⃣ Honda Project 2&4 (2015) — รถแข่งขนาดเล็กที่ผสมผสาน DNA ของมอเตอร์ไซค์และรถ F1 ใช้เครื่องยนต์ V4 จาก RC213V ให้แรงม้ากว่า 212 ตัว แต่มีที่นั่งแบบ “ลอยตัว” ซึ่งอาจไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย 5️⃣ Honda Fuya-Jo (1999) — รถสำหรับสายปาร์ตี้โดยเฉพาะ ออกแบบให้สามารถยืน เต้น และเล่นดนตรีได้ภายใน มีเบาะแบบเก้าอี้สูงและแดชบอร์ดที่เหมือนโต๊ะมิกซ์ของดีเจ แม้รถเหล่านี้จะไม่ถูกผลิตจริง แต่ก็สะท้อนถึงความกล้าคิด กล้าทดลอง และความตั้งใจของ Honda ที่จะผลักดันขอบเขตของการออกแบบและเทคโนโลยียานยนต์ให้ก้าวไปข้างหน้า ⛔ รถต้นแบบมักไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ที่นั่งลอยตัวของ Project 2&4 ⛔ วัสดุเจลของ Puyo อาจไม่เหมาะกับการผลิตจริงและมีปัญหาเรื่องความทนทาน ⛔ ระบบพลังงานไฮโดรเจนยังขาดโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติมเชื้อเพลิง ⛔ รถที่ออกแบบเพื่อความบันเทิง เช่น Fuya-Jo อาจไม่เหมาะกับการใช้งานจริงบนถนน ⛔ ต้นทุนการผลิตและความต้องการตลาดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้รถเหล่านี้ไม่ถูกผลิต https://www.slashgear.com/1422341/futuristic-honda-concept-cars-never-made-production/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Futuristic Honda Concept Cars That Never Made Production - SlashGear
    While some Honda concept cars have made their way into production, others haven't gone beyond showcase floors. These five were the most futuristic.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
More Results