• “KVICK SÖRT: คู่มือประกอบอัลกอริธึมแบบไร้คำพูด — เมื่อการเรียนรู้ไม่ต้องใช้ภาษา แต่ใช้ภาพและความเข้าใจร่วมกัน”

    KVICK SÖRT คือหนึ่งในชุดคู่มือจากโครงการ IDEA (International Diagrammatic Explanation Assembly) ที่นำเสนอวิธีการทำงานของอัลกอริธึมชื่อดังอย่าง Quicksort ผ่านภาพประกอบแบบไม่ใช้ข้อความเลยแม้แต่คำเดียว จุดเด่นของแนวทางนี้คือการออกแบบให้เข้าใจได้โดยไม่ต้องพึ่งภาษาใดภาษาหนึ่ง ทำให้สามารถใช้สื่อสารข้ามวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Quicksort เป็นอัลกอริธึมการเรียงลำดับที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้หลักการ “แบ่งแล้วจัดการ” (divide and conquer) ซึ่งจะเลือกตัวแบ่ง (pivot) แล้วจัดเรียงข้อมูลให้ตัวที่น้อยกว่ามาอยู่ด้านหนึ่ง และตัวที่มากกว่ามาอยู่อีกด้าน จากนั้นจึงเรียกใช้กระบวนการเดิมซ้ำกับแต่ละส่วนย่อย

    ในคู่มือ KVICK SÖRT มีการแนะนำให้เลือก pivot แบบสุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีที่แย่ที่สุด เช่น การเลือกตัวแรกหรือสุดท้ายในชุดข้อมูลที่เรียงอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก

    เอกสารนี้เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีในรูปแบบ PDF, PNG และ SVG ภายใต้สัญญาอนุญาตแบบ Creative Commons (CC BY-NC-SA 4.0) ซึ่งอนุญาตให้นำไปใช้และดัดแปลงในบริบทที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ เช่น การเรียนการสอน หรือการเผยแพร่ความรู้

    โครงการ IDEA เริ่มต้นโดย Sándor P. Fekete และ blinry ตั้งแต่ปี 2018 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างชุดคำอธิบายอัลกอริธึมที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู หรือผู้สนใจทั่วไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    KVICK SÖRT เป็นคู่มืออธิบายอัลกอริธึม Quicksort แบบไม่ใช้ข้อความ
    เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ IDEA ที่เน้นการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม
    Quicksort ใช้หลัก divide and conquer โดยเลือก pivot แล้วแบ่งข้อมูล
    แนะนำให้เลือก pivot แบบสุ่มเพื่อหลีกเลี่ยง worst-case runtime
    เปิดให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ PDF, PNG, SVG
    ใช้สัญญาอนุญาต Creative Commons (CC BY-NC-SA 4.0)
    พัฒนาโดย Sándor P. Fekete และ blinry ตั้งแต่ปี 2018
    เหมาะสำหรับครู นักเรียน และผู้สนใจทั่วไปในการเรียนรู้อัลกอริธึม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Quicksort มีประสิทธิภาพเฉลี่ยเป็น O(n log n) แต่กรณีแย่ที่สุดคือ O(n²)
    การเลือก pivot แบบสุ่มช่วยลดโอกาสเกิด worst-case ได้อย่างมีนัยสำคัญ
    การใช้ภาพแทนข้อความช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างอัลกอริธึมได้เร็วขึ้น
    คู่มือแบบไม่ใช้คำพูดสามารถใช้ในห้องเรียนที่มีนักเรียนหลากหลายภาษา
    โครงการ IDEA ยังมีคู่มือสำหรับอัลกอริธึมอื่น ๆ เช่น Dijkstra, Merge Sort, BFS

    https://idea-instructions.com/quick-sort/
    🧩 “KVICK SÖRT: คู่มือประกอบอัลกอริธึมแบบไร้คำพูด — เมื่อการเรียนรู้ไม่ต้องใช้ภาษา แต่ใช้ภาพและความเข้าใจร่วมกัน” KVICK SÖRT คือหนึ่งในชุดคู่มือจากโครงการ IDEA (International Diagrammatic Explanation Assembly) ที่นำเสนอวิธีการทำงานของอัลกอริธึมชื่อดังอย่าง Quicksort ผ่านภาพประกอบแบบไม่ใช้ข้อความเลยแม้แต่คำเดียว จุดเด่นของแนวทางนี้คือการออกแบบให้เข้าใจได้โดยไม่ต้องพึ่งภาษาใดภาษาหนึ่ง ทำให้สามารถใช้สื่อสารข้ามวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ Quicksort เป็นอัลกอริธึมการเรียงลำดับที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้หลักการ “แบ่งแล้วจัดการ” (divide and conquer) ซึ่งจะเลือกตัวแบ่ง (pivot) แล้วจัดเรียงข้อมูลให้ตัวที่น้อยกว่ามาอยู่ด้านหนึ่ง และตัวที่มากกว่ามาอยู่อีกด้าน จากนั้นจึงเรียกใช้กระบวนการเดิมซ้ำกับแต่ละส่วนย่อย ในคู่มือ KVICK SÖRT มีการแนะนำให้เลือก pivot แบบสุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีที่แย่ที่สุด เช่น การเลือกตัวแรกหรือสุดท้ายในชุดข้อมูลที่เรียงอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก เอกสารนี้เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีในรูปแบบ PDF, PNG และ SVG ภายใต้สัญญาอนุญาตแบบ Creative Commons (CC BY-NC-SA 4.0) ซึ่งอนุญาตให้นำไปใช้และดัดแปลงในบริบทที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ เช่น การเรียนการสอน หรือการเผยแพร่ความรู้ โครงการ IDEA เริ่มต้นโดย Sándor P. Fekete และ blinry ตั้งแต่ปี 2018 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างชุดคำอธิบายอัลกอริธึมที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู หรือผู้สนใจทั่วไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ KVICK SÖRT เป็นคู่มืออธิบายอัลกอริธึม Quicksort แบบไม่ใช้ข้อความ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ IDEA ที่เน้นการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม ➡️ Quicksort ใช้หลัก divide and conquer โดยเลือก pivot แล้วแบ่งข้อมูล ➡️ แนะนำให้เลือก pivot แบบสุ่มเพื่อหลีกเลี่ยง worst-case runtime ➡️ เปิดให้ดาวน์โหลดในรูปแบบ PDF, PNG, SVG ➡️ ใช้สัญญาอนุญาต Creative Commons (CC BY-NC-SA 4.0) ➡️ พัฒนาโดย Sándor P. Fekete และ blinry ตั้งแต่ปี 2018 ➡️ เหมาะสำหรับครู นักเรียน และผู้สนใจทั่วไปในการเรียนรู้อัลกอริธึม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Quicksort มีประสิทธิภาพเฉลี่ยเป็น O(n log n) แต่กรณีแย่ที่สุดคือ O(n²) ➡️ การเลือก pivot แบบสุ่มช่วยลดโอกาสเกิด worst-case ได้อย่างมีนัยสำคัญ ➡️ การใช้ภาพแทนข้อความช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจโครงสร้างอัลกอริธึมได้เร็วขึ้น ➡️ คู่มือแบบไม่ใช้คำพูดสามารถใช้ในห้องเรียนที่มีนักเรียนหลากหลายภาษา ➡️ โครงการ IDEA ยังมีคู่มือสำหรับอัลกอริธึมอื่น ๆ เช่น Dijkstra, Merge Sort, BFS https://idea-instructions.com/quick-sort/
    IDEA-INSTRUCTIONS.COM
    KVICK SÖRT
    Quicksort is an efficient sorting algorithm based on a divide and conquer approach. Choosing the dividing element at random is a good strategy to avoid bad worst-case runtime.
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • “จะนำทีมที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญได้อย่างไร — เมื่อความรู้ไม่ใช่คำตอบ แต่การสื่อสารคือพลังที่แท้จริงของผู้นำ”

    บทความจาก Ibrahim Diallo ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของเขาในฐานะหัวหน้าทีมพัฒนา ที่ต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ตั้งแต่ backend ที่เข้าใจระบบ microservice ลึกซึ้ง, frontend ที่ debug React ได้ในฝัน, ไปจนถึงทีมผลิตภัณฑ์ที่รู้ทุกเส้นทางของผู้ใช้บนเว็บไซต์ แต่ในฐานะ “ผู้นำ” เขากลับไม่ใช่คนที่รู้ลึกที่สุดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วบทบาทของเขาคืออะไร?

    คำตอบคือ “การเป็นนักแปล” — ไม่ใช่แปลภาษา แต่แปลความคิดระหว่างทีมต่าง ๆ ให้เข้าใจตรงกัน เช่น เมื่อ backend บอกว่าระบบ authentication ใหม่จะใช้เวลา 3 สัปดาห์ เขาไม่ได้ลงลึกเรื่อง OAuth หรือ JWT แต่คิดว่าจะอธิบายให้ทีมผลิตภัณฑ์เข้าใจอย่างไรว่า “ทำไมมันไม่เสร็จภายในสัปดาห์นี้”

    การนำทีมในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่การเป็นคนที่ฉลาดที่สุด แต่คือการมีทักษะทางสังคมที่ดีพอจะทำให้การประชุมเกิดผลลัพธ์ เช่น การรู้ว่าเมื่อใดควรปล่อยให้การถกเถียงทางเทคนิคดำเนินต่อไป และเมื่อใดควรหยุดเพราะมันเริ่มกลายเป็นเรื่องส่วนตัว

    อีกหนึ่งบทเรียนสำคัญคือ “การนิยามปัญหาให้ชัดเจน” เพราะบางครั้งทีมมัวแต่ถกเถียงเรื่อง caching strategy ทั้งที่ปัญหาจริงคือ “ผู้ใช้รู้สึกว่าเว็บช้า” ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น cart โหลดไม่ขึ้น หรือ event trigger ผิดเวลา การนิยามปัญหาชัดเจนจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนสามารถเสนอทางออกที่ตรงจุดได้

    สุดท้ายคือ “การกล้ายอมรับว่าไม่รู้” เพราะการแกล้งรู้ทุกอย่างในห้องที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจะทำให้คุณดูโง่ การพูดว่า “ไม่รู้ แต่เราจะหาคำตอบไปด้วยกัน” คือการเปิดพื้นที่ให้ทีมแสดงศักยภาพ และสร้างวัฒนธรรมที่เน้นการแก้ปัญหา มากกว่าการปกป้องอัตตา

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    ผู้นำไม่จำเป็นต้องรู้ลึกที่สุด แต่ต้องรู้วิธีเชื่อมโยงความรู้ระหว่างทีม
    บทบาทหลักคือการ “แปล” ความคิดระหว่างทีมเทคนิค, ผลิตภัณฑ์ และผู้บริหาร
    การสื่อสารที่ดีสำคัญกว่าความรู้เชิงเทคนิคในห้องที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ
    ต้องรู้ว่าเมื่อใดควรปล่อยให้การถกเถียงดำเนินต่อ และเมื่อใดควรแทรกแซง
    การนิยามปัญหาให้ชัดเจนช่วยให้ทีมแก้ไขได้ตรงจุด
    การยอมรับว่า “ไม่รู้” คือการเปิดพื้นที่ให้ทีมร่วมกันหาคำตอบ
    ผู้นำควรเป็นคนตั้งคำถามที่ถูกต้อง ไม่ใช่คนมีคำตอบเสมอไป
    การสื่อสารต้องปรับตามผู้ฟัง เช่น ใช้ภาษาที่ต่างกันสำหรับนักพัฒนา, ทีมผลิตภัณฑ์, และผู้บริหาร
    การตัดสินใจที่ดีต้องมีเหตุผล ไม่ใช่แค่ “เพราะฉันเป็นหัวหน้า”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ทักษะการสื่อสารข้ามทีม (cross-functional communication) เป็นหนึ่งใน soft skill ที่องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญ
    การนิยามปัญหา (problem framing) เป็นหัวใจของการแก้ปัญหาในทีมที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย
    การยอมรับว่าไม่รู้ เป็นหนึ่งในหลักของ “intellectual humility” ที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้
    การใช้ภาษาที่เหมาะสมกับผู้ฟังช่วยลดความขัดแย้งและเพิ่มความเข้าใจร่วม
    ผู้นำที่ดีไม่ใช่คนที่ตัดสินใจเร็วที่สุด แต่คือคนที่สร้างพื้นที่ให้ทีมตัดสินใจร่วมกันได้ดีที่สุด

    https://idiallo.com/blog/how-to-lead-in-a-room-full-of-experts
    🧠 “จะนำทีมที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญได้อย่างไร — เมื่อความรู้ไม่ใช่คำตอบ แต่การสื่อสารคือพลังที่แท้จริงของผู้นำ” บทความจาก Ibrahim Diallo ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของเขาในฐานะหัวหน้าทีมพัฒนา ที่ต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ตั้งแต่ backend ที่เข้าใจระบบ microservice ลึกซึ้ง, frontend ที่ debug React ได้ในฝัน, ไปจนถึงทีมผลิตภัณฑ์ที่รู้ทุกเส้นทางของผู้ใช้บนเว็บไซต์ แต่ในฐานะ “ผู้นำ” เขากลับไม่ใช่คนที่รู้ลึกที่สุดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วบทบาทของเขาคืออะไร? คำตอบคือ “การเป็นนักแปล” — ไม่ใช่แปลภาษา แต่แปลความคิดระหว่างทีมต่าง ๆ ให้เข้าใจตรงกัน เช่น เมื่อ backend บอกว่าระบบ authentication ใหม่จะใช้เวลา 3 สัปดาห์ เขาไม่ได้ลงลึกเรื่อง OAuth หรือ JWT แต่คิดว่าจะอธิบายให้ทีมผลิตภัณฑ์เข้าใจอย่างไรว่า “ทำไมมันไม่เสร็จภายในสัปดาห์นี้” การนำทีมในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่การเป็นคนที่ฉลาดที่สุด แต่คือการมีทักษะทางสังคมที่ดีพอจะทำให้การประชุมเกิดผลลัพธ์ เช่น การรู้ว่าเมื่อใดควรปล่อยให้การถกเถียงทางเทคนิคดำเนินต่อไป และเมื่อใดควรหยุดเพราะมันเริ่มกลายเป็นเรื่องส่วนตัว อีกหนึ่งบทเรียนสำคัญคือ “การนิยามปัญหาให้ชัดเจน” เพราะบางครั้งทีมมัวแต่ถกเถียงเรื่อง caching strategy ทั้งที่ปัญหาจริงคือ “ผู้ใช้รู้สึกว่าเว็บช้า” ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น cart โหลดไม่ขึ้น หรือ event trigger ผิดเวลา การนิยามปัญหาชัดเจนจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนสามารถเสนอทางออกที่ตรงจุดได้ สุดท้ายคือ “การกล้ายอมรับว่าไม่รู้” เพราะการแกล้งรู้ทุกอย่างในห้องที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจะทำให้คุณดูโง่ การพูดว่า “ไม่รู้ แต่เราจะหาคำตอบไปด้วยกัน” คือการเปิดพื้นที่ให้ทีมแสดงศักยภาพ และสร้างวัฒนธรรมที่เน้นการแก้ปัญหา มากกว่าการปกป้องอัตตา ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ ผู้นำไม่จำเป็นต้องรู้ลึกที่สุด แต่ต้องรู้วิธีเชื่อมโยงความรู้ระหว่างทีม ➡️ บทบาทหลักคือการ “แปล” ความคิดระหว่างทีมเทคนิค, ผลิตภัณฑ์ และผู้บริหาร ➡️ การสื่อสารที่ดีสำคัญกว่าความรู้เชิงเทคนิคในห้องที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ต้องรู้ว่าเมื่อใดควรปล่อยให้การถกเถียงดำเนินต่อ และเมื่อใดควรแทรกแซง ➡️ การนิยามปัญหาให้ชัดเจนช่วยให้ทีมแก้ไขได้ตรงจุด ➡️ การยอมรับว่า “ไม่รู้” คือการเปิดพื้นที่ให้ทีมร่วมกันหาคำตอบ ➡️ ผู้นำควรเป็นคนตั้งคำถามที่ถูกต้อง ไม่ใช่คนมีคำตอบเสมอไป ➡️ การสื่อสารต้องปรับตามผู้ฟัง เช่น ใช้ภาษาที่ต่างกันสำหรับนักพัฒนา, ทีมผลิตภัณฑ์, และผู้บริหาร ➡️ การตัดสินใจที่ดีต้องมีเหตุผล ไม่ใช่แค่ “เพราะฉันเป็นหัวหน้า” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ทักษะการสื่อสารข้ามทีม (cross-functional communication) เป็นหนึ่งใน soft skill ที่องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญ ➡️ การนิยามปัญหา (problem framing) เป็นหัวใจของการแก้ปัญหาในทีมที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย ➡️ การยอมรับว่าไม่รู้ เป็นหนึ่งในหลักของ “intellectual humility” ที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ ➡️ การใช้ภาษาที่เหมาะสมกับผู้ฟังช่วยลดความขัดแย้งและเพิ่มความเข้าใจร่วม ➡️ ผู้นำที่ดีไม่ใช่คนที่ตัดสินใจเร็วที่สุด แต่คือคนที่สร้างพื้นที่ให้ทีมตัดสินใจร่วมกันได้ดีที่สุด https://idiallo.com/blog/how-to-lead-in-a-room-full-of-experts
    IDIALLO.COM
    How to Lead in a Room Full of Experts
    Here is a realization I made recently. I'm sitting in a room full of smart people. On one side are developers who understand the ins and outs of our microservice architecture. On the other are the fro
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • ในยามเกิดวิกฤตเราจะเห็นตัวตนของใครหลายคน เช่น อดีตวิศวกรใช้ความรู้เข้าแก้ปัญหา แต่ใครบางคนกลับทำได้เพียงวิดสวะ ไปแต่ตัว ส่วนหัวใจคิดแค่ปกป้องบริษัทพ่อมันผู้ก่อสร้างอุโมงค์ และคนที่คิดแต่จะแก้กฎหมายปราบนักการเมือง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ในยามเกิดวิกฤตเราจะเห็นตัวตนของใครหลายคน เช่น อดีตวิศวกรใช้ความรู้เข้าแก้ปัญหา แต่ใครบางคนกลับทำได้เพียงวิดสวะ ไปแต่ตัว ส่วนหัวใจคิดแค่ปกป้องบริษัทพ่อมันผู้ก่อสร้างอุโมงค์ และคนที่คิดแต่จะแก้กฎหมายปราบนักการเมือง #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • “Markov Chains: ต้นกำเนิดของโมเดลภาษา — เมื่อความน่าจะเป็นกลายเป็นเครื่องมือสร้างภาษา”

    ในบทความที่เขียนโดย Elijah Potter นักเรียนมัธยมปลายผู้หลงใหลในคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรม ได้ย้อนกลับไปสำรวจรากฐานของโมเดลภาษา (Language Models) ผ่านมุมมองของ Markov Chains ซึ่งเป็นระบบทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการคาดการณ์เหตุการณ์แบบสุ่ม โดยอิงจากสถานะก่อนหน้าเพียงหนึ่งขั้นตอน

    Potter เริ่มต้นด้วยการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับวงจรความรู้สึกต่อ AI ตั้งแต่ความตื่นเต้น ความผิดหวัง ความสับสน จนถึงความเบื่อหน่าย และนำไปสู่ความตั้งใจที่จะ “กลับไปสู่รากฐาน” ด้วยการศึกษาระบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่าง Markov Chains

    เขาอธิบายหลักการของ Markov Chains ผ่านตัวอย่างของ Alice ที่อยู่ระหว่างร้านขายของชำและท้องฟ้าจำลอง โดยใช้ตารางความน่าจะเป็นในการคาดการณ์การเคลื่อนที่ของเธอในแต่ละชั่วโมง ซึ่งสามารถแปลงเป็น matrix และ vector เพื่อคำนวณสถานะในอนาคตได้อย่างแม่นยำ

    จากนั้น Potter นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับการสร้างระบบ autocomplete โดยใช้ภาษา Rust และ WebAssembly ในการสร้าง transition matrix จากข้อความตัวอย่าง แล้วใช้ matrix multiplication เพื่อคาดการณ์คำถัดไปที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุด

    เขายังพูดถึงข้อจำกัดของ Markov Chains ในการสร้างข้อความแบบต่อเนื่อง เพราะระบบจะมีแนวโน้มเข้าสู่ “steady state” หรือสถานะคงที่เมื่อรันไปนาน ๆ ทำให้ข้อความที่สร้างออกมาดูซ้ำซากและคาดเดาได้ง่าย จึงเสนอวิธีการสุ่มแบบใหม่โดยใช้ matrix R ที่มีค่าบนเส้นทแยงมุมเป็นตัวเลขสุ่ม เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการเลือกคำ

    บทความนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสาธิตเชิงเทคนิค แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามในการเข้าใจโมเดลภาษาอย่างลึกซึ้ง โดยไม่พึ่งพา “เวทมนตร์ของ AI” ที่หลายคนรู้สึกว่าเข้าใจยากและควบคุมไม่ได้

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    Elijah Potter ใช้ Markov Chains เพื่อสร้างระบบ autocomplete ด้วย Rust และ WebAssembly
    อธิบายหลักการผ่านตัวอย่าง Alice ที่เคลื่อนที่ระหว่างสถานที่ด้วยความน่าจะเป็น
    ใช้ matrix และ vector ในการคำนวณสถานะในอนาคต
    สร้าง transition matrix จากข้อความตัวอย่างเพื่อคาดการณ์คำถัดไป
    ระบบสามารถเลือกคำถัดไปโดยใช้ matrix multiplication
    เสนอวิธีสุ่มคำถัดไปโดยใช้ matrix R เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ steady state
    บทความสะท้อนความตั้งใจในการเข้าใจโมเดลภาษาอย่างโปร่งใสและควบคุมได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Markov Chains ถูกคิดค้นโดย Andrey Markov ในศตวรรษที่ 20 เพื่อศึกษาลำดับเหตุการณ์แบบสุ่ม
    โมเดลภาษาในยุคแรก เช่น Shannon’s bigram model ก็ใช้แนวคิดคล้าย Markov
    โมเดล GPT และ Transformer ใช้บริบทหลายคำ ไม่ใช่แค่คำก่อนหน้าเดียวแบบ Markov
    Steady state ใน Markov Chains คือสถานะที่ความน่าจะเป็นไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อรันไปนาน ๆ
    การใช้ matrix multiplication ในการคำนวณความน่าจะเป็นเป็นพื้นฐานของหลายระบบ AI

    https://elijahpotter.dev/articles/markov_chains_are_the_original_language_models
    🔁 “Markov Chains: ต้นกำเนิดของโมเดลภาษา — เมื่อความน่าจะเป็นกลายเป็นเครื่องมือสร้างภาษา” ในบทความที่เขียนโดย Elijah Potter นักเรียนมัธยมปลายผู้หลงใหลในคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรม ได้ย้อนกลับไปสำรวจรากฐานของโมเดลภาษา (Language Models) ผ่านมุมมองของ Markov Chains ซึ่งเป็นระบบทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการคาดการณ์เหตุการณ์แบบสุ่ม โดยอิงจากสถานะก่อนหน้าเพียงหนึ่งขั้นตอน Potter เริ่มต้นด้วยการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับวงจรความรู้สึกต่อ AI ตั้งแต่ความตื่นเต้น ความผิดหวัง ความสับสน จนถึงความเบื่อหน่าย และนำไปสู่ความตั้งใจที่จะ “กลับไปสู่รากฐาน” ด้วยการศึกษาระบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่าง Markov Chains เขาอธิบายหลักการของ Markov Chains ผ่านตัวอย่างของ Alice ที่อยู่ระหว่างร้านขายของชำและท้องฟ้าจำลอง โดยใช้ตารางความน่าจะเป็นในการคาดการณ์การเคลื่อนที่ของเธอในแต่ละชั่วโมง ซึ่งสามารถแปลงเป็น matrix และ vector เพื่อคำนวณสถานะในอนาคตได้อย่างแม่นยำ จากนั้น Potter นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับการสร้างระบบ autocomplete โดยใช้ภาษา Rust และ WebAssembly ในการสร้าง transition matrix จากข้อความตัวอย่าง แล้วใช้ matrix multiplication เพื่อคาดการณ์คำถัดไปที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุด เขายังพูดถึงข้อจำกัดของ Markov Chains ในการสร้างข้อความแบบต่อเนื่อง เพราะระบบจะมีแนวโน้มเข้าสู่ “steady state” หรือสถานะคงที่เมื่อรันไปนาน ๆ ทำให้ข้อความที่สร้างออกมาดูซ้ำซากและคาดเดาได้ง่าย จึงเสนอวิธีการสุ่มแบบใหม่โดยใช้ matrix R ที่มีค่าบนเส้นทแยงมุมเป็นตัวเลขสุ่ม เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการเลือกคำ บทความนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสาธิตเชิงเทคนิค แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามในการเข้าใจโมเดลภาษาอย่างลึกซึ้ง โดยไม่พึ่งพา “เวทมนตร์ของ AI” ที่หลายคนรู้สึกว่าเข้าใจยากและควบคุมไม่ได้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ Elijah Potter ใช้ Markov Chains เพื่อสร้างระบบ autocomplete ด้วย Rust และ WebAssembly ➡️ อธิบายหลักการผ่านตัวอย่าง Alice ที่เคลื่อนที่ระหว่างสถานที่ด้วยความน่าจะเป็น ➡️ ใช้ matrix และ vector ในการคำนวณสถานะในอนาคต ➡️ สร้าง transition matrix จากข้อความตัวอย่างเพื่อคาดการณ์คำถัดไป ➡️ ระบบสามารถเลือกคำถัดไปโดยใช้ matrix multiplication ➡️ เสนอวิธีสุ่มคำถัดไปโดยใช้ matrix R เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ steady state ➡️ บทความสะท้อนความตั้งใจในการเข้าใจโมเดลภาษาอย่างโปร่งใสและควบคุมได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Markov Chains ถูกคิดค้นโดย Andrey Markov ในศตวรรษที่ 20 เพื่อศึกษาลำดับเหตุการณ์แบบสุ่ม ➡️ โมเดลภาษาในยุคแรก เช่น Shannon’s bigram model ก็ใช้แนวคิดคล้าย Markov ➡️ โมเดล GPT และ Transformer ใช้บริบทหลายคำ ไม่ใช่แค่คำก่อนหน้าเดียวแบบ Markov ➡️ Steady state ใน Markov Chains คือสถานะที่ความน่าจะเป็นไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อรันไปนาน ๆ ➡️ การใช้ matrix multiplication ในการคำนวณความน่าจะเป็นเป็นพื้นฐานของหลายระบบ AI https://elijahpotter.dev/articles/markov_chains_are_the_original_language_models
    ELIJAHPOTTER.DEV
    Markov Chains Are the Original Language Models
    Back in my day, we used math for autocomplete.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • “Terence Tao กับแนวคิดสังคมมนุษย์ 4 ระดับ — เมื่อคณิตศาสตร์กลายเป็นเครื่องมือเข้าใจโลก ไม่ใช่แค่ตัวเลข”

    Terence Tao นักคณิตศาสตร์ระดับโลก ได้โพสต์ข้อคิดเห็นเชิงปรัชญาและสังคมบน Mathstodon ซึ่งสะท้อนมุมมองของเขาต่อโครงสร้างสังคมมนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่:

    1️⃣ มนุษย์แต่ละคน
    2️⃣ กลุ่มเล็กที่จัดตั้งขึ้น (เช่น ครอบครัว เพื่อน กลุ่มอาสาสมัคร หรือชุมชนออนไลน์ขนาดเล็ก)
    3️⃣ กลุ่มใหญ่ที่จัดตั้งขึ้น (เช่น รัฐบาล บริษัทข้ามชาติ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย)
    4️⃣ ระบบซับซ้อนระดับโลก (เช่น เศรษฐกิจโลก วัฒนธรรมไวรัล หรือสภาพภูมิอากาศ)

    Tao ชี้ว่าในยุคดิจิทัล กลุ่มใหญ่ได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากเทคโนโลยีและระบบแรงจูงใจ ขณะที่กลุ่มเล็กกลับถูกลดบทบาทลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มนุษย์แต่ละคนรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้อิทธิพล และขาดความเชื่อมโยงกับระบบที่ใหญ่ขึ้น

    เขาเปรียบเทียบว่าองค์กรขนาดใหญ่ให้ “อาหารแปรรูปทางสังคม” ที่ดูเหมือนตอบสนองความต้องการ แต่ขาดความลึกซึ้งและความจริงใจเหมือนกลุ่มเล็กที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่นเดียวกับอาหารขยะที่ให้พลังงานแต่ไม่ให้สารอาหาร

    Tao เสนอว่าควรให้ความสำคัญกับกลุ่มเล็กที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น โครงการคณิตศาสตร์แบบ crowdsourced ที่เขาเห็นในช่วงหลัง ซึ่งแม้จะไม่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจโดยตรง แต่ให้คุณค่าทางจิตใจ ความรู้สึกมีส่วนร่วม และเป็นช่องทางเชื่อมโยงกับระบบใหญ่ได้อย่างมีความหมาย

    ข้อมูลสำคัญจากโพสต์ของ Terence Tao
    Tao แบ่งโครงสร้างสังคมมนุษย์ออกเป็น 4 ระดับ: บุคคล, กลุ่มเล็ก, กลุ่มใหญ่, และระบบซับซ้อน
    กลุ่มใหญ่ได้รับพลังจากเทคโนโลยีและระบบแรงจูงใจในยุคใหม่
    กลุ่มเล็กถูกลดบทบาทลง ส่งผลให้บุคคลรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดอิทธิพล
    องค์กรใหญ่ให้ “อาหารแปรรูปทางสังคม” ที่ขาดความจริงใจ
    กลุ่มเล็กมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและให้คุณค่าทางจิตใจ
    Tao เห็นโครงการคณิตศาสตร์แบบ crowdsourced เป็นตัวอย่างของกลุ่มเล็กที่มีพลัง
    เสนอให้สนับสนุนกลุ่มเล็กที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อเชื่อมโยงกับระบบใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการ Polymath ที่ Tao เคยร่วมก่อตั้ง เป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันในกลุ่มเล็ก
    Proof assistant อย่าง Lean ช่วยให้คนทั่วไปสามารถร่วมในโครงการคณิตศาสตร์ได้
    กลุ่มเล็กมีขนาดต่ำกว่า “Dunbar’s number” ซึ่งเป็นจำนวนคนที่มนุษย์สามารถรักษาความสัมพันธ์ได้อย่างมีคุณภาพ
    การรวมกลุ่มเล็กสามารถสร้างแรงผลักดันทางสังคม เช่น การเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือวัฒนธรรม
    การใช้ AI และแพลตฟอร์มออนไลน์สามารถช่วยฟื้นฟูบทบาทของกลุ่มเล็กได้ หากออกแบบอย่างมีจริยธรรม

    https://mathstodon.xyz/@tao/115259943398316677
    🧩 “Terence Tao กับแนวคิดสังคมมนุษย์ 4 ระดับ — เมื่อคณิตศาสตร์กลายเป็นเครื่องมือเข้าใจโลก ไม่ใช่แค่ตัวเลข” Terence Tao นักคณิตศาสตร์ระดับโลก ได้โพสต์ข้อคิดเห็นเชิงปรัชญาและสังคมบน Mathstodon ซึ่งสะท้อนมุมมองของเขาต่อโครงสร้างสังคมมนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่: 1️⃣ มนุษย์แต่ละคน 2️⃣ กลุ่มเล็กที่จัดตั้งขึ้น (เช่น ครอบครัว เพื่อน กลุ่มอาสาสมัคร หรือชุมชนออนไลน์ขนาดเล็ก) 3️⃣ กลุ่มใหญ่ที่จัดตั้งขึ้น (เช่น รัฐบาล บริษัทข้ามชาติ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย) 4️⃣ ระบบซับซ้อนระดับโลก (เช่น เศรษฐกิจโลก วัฒนธรรมไวรัล หรือสภาพภูมิอากาศ) Tao ชี้ว่าในยุคดิจิทัล กลุ่มใหญ่ได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากเทคโนโลยีและระบบแรงจูงใจ ขณะที่กลุ่มเล็กกลับถูกลดบทบาทลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มนุษย์แต่ละคนรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้อิทธิพล และขาดความเชื่อมโยงกับระบบที่ใหญ่ขึ้น เขาเปรียบเทียบว่าองค์กรขนาดใหญ่ให้ “อาหารแปรรูปทางสังคม” ที่ดูเหมือนตอบสนองความต้องการ แต่ขาดความลึกซึ้งและความจริงใจเหมือนกลุ่มเล็กที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่นเดียวกับอาหารขยะที่ให้พลังงานแต่ไม่ให้สารอาหาร Tao เสนอว่าควรให้ความสำคัญกับกลุ่มเล็กที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น โครงการคณิตศาสตร์แบบ crowdsourced ที่เขาเห็นในช่วงหลัง ซึ่งแม้จะไม่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจโดยตรง แต่ให้คุณค่าทางจิตใจ ความรู้สึกมีส่วนร่วม และเป็นช่องทางเชื่อมโยงกับระบบใหญ่ได้อย่างมีความหมาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากโพสต์ของ Terence Tao ➡️ Tao แบ่งโครงสร้างสังคมมนุษย์ออกเป็น 4 ระดับ: บุคคล, กลุ่มเล็ก, กลุ่มใหญ่, และระบบซับซ้อน ➡️ กลุ่มใหญ่ได้รับพลังจากเทคโนโลยีและระบบแรงจูงใจในยุคใหม่ ➡️ กลุ่มเล็กถูกลดบทบาทลง ส่งผลให้บุคคลรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดอิทธิพล ➡️ องค์กรใหญ่ให้ “อาหารแปรรูปทางสังคม” ที่ขาดความจริงใจ ➡️ กลุ่มเล็กมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและให้คุณค่าทางจิตใจ ➡️ Tao เห็นโครงการคณิตศาสตร์แบบ crowdsourced เป็นตัวอย่างของกลุ่มเล็กที่มีพลัง ➡️ เสนอให้สนับสนุนกลุ่มเล็กที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อเชื่อมโยงกับระบบใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการ Polymath ที่ Tao เคยร่วมก่อตั้ง เป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันในกลุ่มเล็ก ➡️ Proof assistant อย่าง Lean ช่วยให้คนทั่วไปสามารถร่วมในโครงการคณิตศาสตร์ได้ ➡️ กลุ่มเล็กมีขนาดต่ำกว่า “Dunbar’s number” ซึ่งเป็นจำนวนคนที่มนุษย์สามารถรักษาความสัมพันธ์ได้อย่างมีคุณภาพ ➡️ การรวมกลุ่มเล็กสามารถสร้างแรงผลักดันทางสังคม เช่น การเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือวัฒนธรรม ➡️ การใช้ AI และแพลตฟอร์มออนไลน์สามารถช่วยฟื้นฟูบทบาทของกลุ่มเล็กได้ หากออกแบบอย่างมีจริยธรรม https://mathstodon.xyz/@tao/115259943398316677
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • “Apple Silicon ทำให้คนเสียนิสัย — แต่ Framework ก็ยังมีที่ในใจ: บันทึกความรักและความหงุดหงิดจาก Simon Hartcher”

    Simon Hartcher นักพัฒนาและผู้ใช้งานโน้ตบุ๊กสายเทคโนโลยี ได้เขียนบทความสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อสองโลกของแล็ปท็อป — ฝั่งหนึ่งคือ MacBook M1 Pro ที่ใช้ Apple Silicon ซึ่งเขายกให้เป็น “เครื่องที่ทำให้เขาเสียนิสัย” เพราะแบตเตอรี่อึดจนลืมชาร์จ อีกฝั่งคือ Framework 13 ที่ใช้ AMD Ryzen 7840HS ซึ่งแม้จะมีอุดมการณ์ที่น่าชื่นชม แต่กลับทำให้เขาหงุดหงิดกับแบตเตอรี่ที่หมดเร็วเกินไป

    Simon เล่าว่า MacBook ของเขาอยู่ในกระเป๋า 3 สัปดาห์โดยไม่เปิดเครื่องเลย แต่เมื่อหยิบออกมา กลับยังมีแบตเหลือถึง 90% ทั้งที่ไม่ได้ปิดเครื่อง แค่พับฝาไว้ ในทางกลับกัน Framework 13 ที่เขาใช้งานไม่บ่อย กลับหมดแบตทุกครั้งที่เปิดใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อปล่อยไว้ในโหมด suspend ซึ่งมีรายงานว่าอาจสูญเสียแบตถึง 3–4% ต่อชั่วโมง

    แม้เขาจะเปลี่ยนระบบปฏิบัติการจาก Fedora Workstation ไปเป็น Arch Linux และสุดท้ายกลับมาใช้ Fedora Silverblue ซึ่งเขาชื่นชอบมาก แต่ปัญหาแบตเตอรี่ก็ยังอยู่ เขายอมรับว่า Framework ไม่ใช่เครื่องเดียวที่มีปัญหานี้ แต่เป็นปัญหาของโน้ตบุ๊ก x86 ทั่วไปที่ยังไม่สามารถเทียบชั้น Apple Silicon ได้ในเรื่องการจัดการพลังงาน

    Simon ยังตั้งคำถามว่า หาก Framework เปิดตัวเมนบอร์ด ARM64 เขาควรเปลี่ยนเลยหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่า Apple Silicon ที่ใช้ ARM64 คือหัวใจของความอึดของแบตเตอรี่ แต่เขาก็รู้ดีว่าการเปลี่ยนไปใช้ ARM ไม่ใช่เรื่องง่าย และยังมีข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และความเข้ากันได้

    สุดท้าย เขายืนยันว่าเขายังรัก Framework และจะยังใช้งานต่อไป แม้จะต้องเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา เพื่อให้พร้อมใช้งานเมื่อเขาต้องการ

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    MacBook M1 Pro ของ Simon อยู่ในโหมดพับฝา 3 สัปดาห์ ยังมีแบตเหลือ 90%
    Framework 13 ที่ใช้ AMD Ryzen 7840HS หมดแบตทุกครั้งที่เปิดใช้งานหลังพักไว้
    โหมด suspend บน Framework อาจสูญเสียแบต 3–4% ต่อชั่วโมง
    Simon ใช้ Fedora Silverblue ซึ่งเขาชื่นชอบมากกว่าระบบอื่น
    เขายังรัก Framework แม้จะมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Apple Silicon ใช้สถาปัตยกรรม ARM64 ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูง
    Windows บน ARM เริ่มมีความเสถียรมากขึ้นในปี 2025 โดยรองรับแอปหลักแบบ native
    AMD Ryzen AI 300 series สัญญาว่าจะมีแบตเตอรี่ “หลายวัน” แต่ยังไม่เห็นผลชัดเจนบน Linux
    การจัดการพลังงานบน Linux ยังเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะกับฮาร์ดแวร์ใหม่
    Framework มีแผนเปิดตัวเมนบอร์ด ARM ในอนาคต แต่ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัด

    https://simonhartcher.com/posts/2025-09-22-why-im-spoiled-by-apple-silicon-but-still-love-framework/
    🔋 “Apple Silicon ทำให้คนเสียนิสัย — แต่ Framework ก็ยังมีที่ในใจ: บันทึกความรักและความหงุดหงิดจาก Simon Hartcher” Simon Hartcher นักพัฒนาและผู้ใช้งานโน้ตบุ๊กสายเทคโนโลยี ได้เขียนบทความสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อสองโลกของแล็ปท็อป — ฝั่งหนึ่งคือ MacBook M1 Pro ที่ใช้ Apple Silicon ซึ่งเขายกให้เป็น “เครื่องที่ทำให้เขาเสียนิสัย” เพราะแบตเตอรี่อึดจนลืมชาร์จ อีกฝั่งคือ Framework 13 ที่ใช้ AMD Ryzen 7840HS ซึ่งแม้จะมีอุดมการณ์ที่น่าชื่นชม แต่กลับทำให้เขาหงุดหงิดกับแบตเตอรี่ที่หมดเร็วเกินไป Simon เล่าว่า MacBook ของเขาอยู่ในกระเป๋า 3 สัปดาห์โดยไม่เปิดเครื่องเลย แต่เมื่อหยิบออกมา กลับยังมีแบตเหลือถึง 90% ทั้งที่ไม่ได้ปิดเครื่อง แค่พับฝาไว้ ในทางกลับกัน Framework 13 ที่เขาใช้งานไม่บ่อย กลับหมดแบตทุกครั้งที่เปิดใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อปล่อยไว้ในโหมด suspend ซึ่งมีรายงานว่าอาจสูญเสียแบตถึง 3–4% ต่อชั่วโมง แม้เขาจะเปลี่ยนระบบปฏิบัติการจาก Fedora Workstation ไปเป็น Arch Linux และสุดท้ายกลับมาใช้ Fedora Silverblue ซึ่งเขาชื่นชอบมาก แต่ปัญหาแบตเตอรี่ก็ยังอยู่ เขายอมรับว่า Framework ไม่ใช่เครื่องเดียวที่มีปัญหานี้ แต่เป็นปัญหาของโน้ตบุ๊ก x86 ทั่วไปที่ยังไม่สามารถเทียบชั้น Apple Silicon ได้ในเรื่องการจัดการพลังงาน Simon ยังตั้งคำถามว่า หาก Framework เปิดตัวเมนบอร์ด ARM64 เขาควรเปลี่ยนเลยหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่า Apple Silicon ที่ใช้ ARM64 คือหัวใจของความอึดของแบตเตอรี่ แต่เขาก็รู้ดีว่าการเปลี่ยนไปใช้ ARM ไม่ใช่เรื่องง่าย และยังมีข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และความเข้ากันได้ สุดท้าย เขายืนยันว่าเขายังรัก Framework และจะยังใช้งานต่อไป แม้จะต้องเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา เพื่อให้พร้อมใช้งานเมื่อเขาต้องการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ MacBook M1 Pro ของ Simon อยู่ในโหมดพับฝา 3 สัปดาห์ ยังมีแบตเหลือ 90% ➡️ Framework 13 ที่ใช้ AMD Ryzen 7840HS หมดแบตทุกครั้งที่เปิดใช้งานหลังพักไว้ ➡️ โหมด suspend บน Framework อาจสูญเสียแบต 3–4% ต่อชั่วโมง ➡️ Simon ใช้ Fedora Silverblue ซึ่งเขาชื่นชอบมากกว่าระบบอื่น ➡️ เขายังรัก Framework แม้จะมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Apple Silicon ใช้สถาปัตยกรรม ARM64 ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูง ➡️ Windows บน ARM เริ่มมีความเสถียรมากขึ้นในปี 2025 โดยรองรับแอปหลักแบบ native ➡️ AMD Ryzen AI 300 series สัญญาว่าจะมีแบตเตอรี่ “หลายวัน” แต่ยังไม่เห็นผลชัดเจนบน Linux ➡️ การจัดการพลังงานบน Linux ยังเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะกับฮาร์ดแวร์ใหม่ ➡️ Framework มีแผนเปิดตัวเมนบอร์ด ARM ในอนาคต แต่ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัด https://simonhartcher.com/posts/2025-09-22-why-im-spoiled-by-apple-silicon-but-still-love-framework/
    SIMONHARTCHER.COM
    Why I'm Spoiled By Apple Silicon (But Still Love Framework) | Simon Hartcher
    A personal comparison of battery life between my MacBook M1 Pro and Framework 13
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • “คำเชิญที่ไม่เคยถูกตอบรับ — แต่มีค่ามากกว่าการไปปาร์ตี้: บทเรียนจาก Anna และ Alexei”

    ในบทความสั้นชื่อ “Always invite Anna” ผู้เขียน Sharif Shameem ได้เล่าถึงช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตมหาวิทยาลัย ที่แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับทิ้งร่องรอยความรู้สึกไว้อย่างลึกซึ้ง

    เรื่องเริ่มต้นจากกลุ่มเพื่อนที่มักออกไปปาร์ตี้ทุกคืนวันศุกร์ ยกเว้น Anna — หญิงสาวจาก Alabama ที่เงียบขรึม เรียบร้อย และมักจะปฏิเสธคำเชิญด้วยเหตุผลว่า “ต้องอ่านหนังสือ” หรือ “ไม่รู้สึกอยากไป” จนในที่สุด คนส่วนใหญ่ก็เลิกชวนเธอ

    แต่ไม่ใช่ Alexei — เพื่อนในกลุ่มที่แม้จะเป็นคนเก่งระดับหัวกะทิ แต่กลับมีน้ำใจและความอ่อนโยน เขายังคงชวน Anna ทุกครั้ง แม้จะรู้ว่าเธอจะปฏิเสธเสมอ วันหนึ่งผู้เขียนถามว่า “ทำไมถึงยังชวนเธออยู่?” คำตอบของ Alexei คือ “ก็เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม”

    หลายปีผ่านไป ผู้เขียนได้พบกับ Anna อีกครั้ง เธอเล่าว่าช่วงแรกของมหาวิทยาลัยนั้นยากมาก เธอคิดถึงครอบครัวและรู้สึกโดดเดี่ยว แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นคือการที่เพื่อน ๆ แวะมาชวนเธอทุกครั้ง แม้เธอจะไม่เคยไป เธอรู้สึกว่าเธอ “มีครอบครัวเล็ก ๆ” อยู่ที่นั่น

    https://sharif.io/anna-alexei
    💌 “คำเชิญที่ไม่เคยถูกตอบรับ — แต่มีค่ามากกว่าการไปปาร์ตี้: บทเรียนจาก Anna และ Alexei” ในบทความสั้นชื่อ “Always invite Anna” ผู้เขียน Sharif Shameem ได้เล่าถึงช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตมหาวิทยาลัย ที่แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับทิ้งร่องรอยความรู้สึกไว้อย่างลึกซึ้ง เรื่องเริ่มต้นจากกลุ่มเพื่อนที่มักออกไปปาร์ตี้ทุกคืนวันศุกร์ ยกเว้น Anna — หญิงสาวจาก Alabama ที่เงียบขรึม เรียบร้อย และมักจะปฏิเสธคำเชิญด้วยเหตุผลว่า “ต้องอ่านหนังสือ” หรือ “ไม่รู้สึกอยากไป” จนในที่สุด คนส่วนใหญ่ก็เลิกชวนเธอ แต่ไม่ใช่ Alexei — เพื่อนในกลุ่มที่แม้จะเป็นคนเก่งระดับหัวกะทิ แต่กลับมีน้ำใจและความอ่อนโยน เขายังคงชวน Anna ทุกครั้ง แม้จะรู้ว่าเธอจะปฏิเสธเสมอ วันหนึ่งผู้เขียนถามว่า “ทำไมถึงยังชวนเธออยู่?” คำตอบของ Alexei คือ “ก็เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม” หลายปีผ่านไป ผู้เขียนได้พบกับ Anna อีกครั้ง เธอเล่าว่าช่วงแรกของมหาวิทยาลัยนั้นยากมาก เธอคิดถึงครอบครัวและรู้สึกโดดเดี่ยว แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นคือการที่เพื่อน ๆ แวะมาชวนเธอทุกครั้ง แม้เธอจะไม่เคยไป เธอรู้สึกว่าเธอ “มีครอบครัวเล็ก ๆ” อยู่ที่นั่น https://sharif.io/anna-alexei
    SHARIF.IO
    Always invite Anna
    Sometimes the people who need invitations most are the ones who always decline them.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • เหรียญสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ วัดตึก อยุธยา ปี2547
    เหรียญสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ ที่ระลึกในการปฎิสังขรณ์ วัดตึก อยุธยา ปี2547 // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณนิยมขอพรในเรื่องโชคลาภ การงาน การเงิน อำนาจ บารมี แคล้วคลาดปลอดภัยและการแก้ปีชง เสริมอำนาจบารมี ขอบุตร หากได้บูชาพระพุทธเจ้าเสือแล้ว จะเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง สิ่งดีๆจะเกิดแก่ชีวิต >>

    ** วัดตึก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นศาสนสถานแห่งประวัติศาสตร์ไทย สร้างขึ้นเป็นวัดมาตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2240 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดย พระเจ้าเสือ (สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ) แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง สมัยกรุงศรีอยุธยา ทรงสถาปนาวัดนี้ขึ้นราว พ.ศ. 2240–2249 ในพื้นที่ของพระตำหนักส่วนพระองค์โดยมีพระตำหนักที่ประทับปรากฎอยู่ต่อมาภายหลังได้แปลงเป็นวิหาร และหลักฐานที่สะท้อนค่านิยมส่วนพระองค์ นั่นคือ โบสถ์มหาอุตม์ ซึ่งสอดคล้องกับการกล่าวอ้างทางประวัติศาสตร์ว่า พระเจ้าเสือทรงมีความรู้เรื่อง วิชาอาคม เป็นอย่างดี >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ วัดตึก อยุธยา ปี2547 เหรียญสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ ที่ระลึกในการปฎิสังขรณ์ วัดตึก อยุธยา ปี2547 // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณนิยมขอพรในเรื่องโชคลาภ การงาน การเงิน อำนาจ บารมี แคล้วคลาดปลอดภัยและการแก้ปีชง เสริมอำนาจบารมี ขอบุตร หากได้บูชาพระพุทธเจ้าเสือแล้ว จะเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง สิ่งดีๆจะเกิดแก่ชีวิต >> ** วัดตึก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นศาสนสถานแห่งประวัติศาสตร์ไทย สร้างขึ้นเป็นวัดมาตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2240 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดย พระเจ้าเสือ (สมเด็จพระเจ้าสุริเยนทราธิบดี หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ) แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง สมัยกรุงศรีอยุธยา ทรงสถาปนาวัดนี้ขึ้นราว พ.ศ. 2240–2249 ในพื้นที่ของพระตำหนักส่วนพระองค์โดยมีพระตำหนักที่ประทับปรากฎอยู่ต่อมาภายหลังได้แปลงเป็นวิหาร และหลักฐานที่สะท้อนค่านิยมส่วนพระองค์ นั่นคือ โบสถ์มหาอุตม์ ซึ่งสอดคล้องกับการกล่าวอ้างทางประวัติศาสตร์ว่า พระเจ้าเสือทรงมีความรู้เรื่อง วิชาอาคม เป็นอย่างดี >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • “เมื่อมือใหม่อ่าน Tutorial จากนักพัฒนา — ความจริงที่นักเขียนโค้ดควรรู้ก่อนสอนคนอื่น”

    บล็อกโพสต์จาก Annie Mueller ได้เปิดเผยมุมมองที่น่าสนใจและจริงใจจากผู้ใช้ที่ไม่ใช่นักพัฒนา แต่พยายามทำตาม tutorial ที่นักพัฒนาเขียนไว้ โดยเนื้อหานี้ไม่ได้เน้นเทคนิค แต่สะท้อนถึงช่องว่างระหว่าง “คนเขียน” กับ “คนอ่าน” ที่มักถูกมองข้าม

    Annie เล่าประสบการณ์การอ่าน tutorial ที่เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะ เช่น “Hoobijag”, “jabbernocks”, “Snarfus”, “chronostatiomatrix” ซึ่งแม้จะเป็นการล้อเลียน แต่สะท้อนความรู้สึกของมือใหม่ที่ต้องเผชิญกับคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจ และขั้นตอนที่ดูเหมือนง่ายสำหรับนักพัฒนา แต่กลับใช้เวลาเป็นชั่วโมงสำหรับผู้เริ่มต้น

    เธอพยายามทำตามขั้นตอนที่ดูเหมือนจะ “ตรงไปตรงมา” เช่น การเปิด terminal แล้วพิมพ์คำสั่งที่ดูเหมือนหลุดมาจากโลกไซไฟ และการตามหาไฟล์ในโฟลเดอร์ที่ชื่อว่า “library/library/library/liiiiiibrarrrary” ซึ่งเป็นการเสียดสีถึงความซับซ้อนของโครงสร้างไฟล์ในระบบจริง

    แม้จะงงและเกือบถอดใจ แต่ Annie ก็ยังพยายามต่อจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เรียกว่า “Boop!” ซึ่งเป็นจุดที่ทุกอย่างเริ่มทำงานได้จริง และเธอรู้สึกถึงความสำเร็จ แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตาม

    บทความนี้จึงเป็นเสียงสะท้อนถึงนักพัฒนาทุกคนว่า การเขียน tutorial ไม่ใช่แค่การสื่อสารขั้นตอน แต่คือการเข้าใจผู้อ่านที่อาจไม่มีพื้นฐานเลย และการใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น คำอธิบายที่ชัดเจน โครงสร้างที่เป็นมิตร และการลดศัพท์เฉพาะ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้คนหนึ่งคน “ไม่ถอดใจ” และเดินต่อในเส้นทางการเรียนรู้

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    ผู้เขียนเป็นมือใหม่ที่พยายามทำตาม tutorial จากนักพัฒนา
    เนื้อหาสะท้อนถึงความยากในการเข้าใจคำศัพท์และขั้นตอนที่ดูง่ายแต่ซับซ้อน
    ตัวอย่างเช่นการพิมพ์คำสั่งใน terminal และการตามหาไฟล์ในโฟลเดอร์ลึก
    จุด “Boop!” คือช่วงที่ระบบเริ่มทำงานได้จริง และผู้เขียนรู้สึกถึงความสำเร็จ

    มุมมองที่นักพัฒนาควรรับรู้
    Tutorial ที่ดีควรเขียนโดยคำนึงถึงผู้อ่านที่ไม่มีพื้นฐาน
    การใช้ศัพท์เฉพาะมากเกินไปอาจทำให้ผู้อ่านสับสนและถอดใจ
    การอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียดและเป็นมิตรช่วยให้มือใหม่เรียนรู้ได้ดีขึ้น
    การใส่ความเข้าใจและความเห็นใจในเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    หลายโครงการโอเพ่นซอร์สเริ่มมีแนวทาง “Beginner First” ในการเขียนเอกสาร
    การใช้ภาพประกอบและตัวอย่างจริงช่วยให้ tutorial เข้าถึงง่ายขึ้น
    Stack Overflow และ GitHub Discussions เป็นแหล่งช่วยเหลือที่มือใหม่ใช้บ่อย
    การเรียนรู้ผ่านความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา แต่ควรมีคำแนะนำที่ชัดเจน

    https://anniemueller.com/posts/how-i-a-non-developer-read-the-tutorial-you-a-developer-wrote-for-me-a-beginner
    🧩 “เมื่อมือใหม่อ่าน Tutorial จากนักพัฒนา — ความจริงที่นักเขียนโค้ดควรรู้ก่อนสอนคนอื่น” บล็อกโพสต์จาก Annie Mueller ได้เปิดเผยมุมมองที่น่าสนใจและจริงใจจากผู้ใช้ที่ไม่ใช่นักพัฒนา แต่พยายามทำตาม tutorial ที่นักพัฒนาเขียนไว้ โดยเนื้อหานี้ไม่ได้เน้นเทคนิค แต่สะท้อนถึงช่องว่างระหว่าง “คนเขียน” กับ “คนอ่าน” ที่มักถูกมองข้าม Annie เล่าประสบการณ์การอ่าน tutorial ที่เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะ เช่น “Hoobijag”, “jabbernocks”, “Snarfus”, “chronostatiomatrix” ซึ่งแม้จะเป็นการล้อเลียน แต่สะท้อนความรู้สึกของมือใหม่ที่ต้องเผชิญกับคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจ และขั้นตอนที่ดูเหมือนง่ายสำหรับนักพัฒนา แต่กลับใช้เวลาเป็นชั่วโมงสำหรับผู้เริ่มต้น เธอพยายามทำตามขั้นตอนที่ดูเหมือนจะ “ตรงไปตรงมา” เช่น การเปิด terminal แล้วพิมพ์คำสั่งที่ดูเหมือนหลุดมาจากโลกไซไฟ และการตามหาไฟล์ในโฟลเดอร์ที่ชื่อว่า “library/library/library/liiiiiibrarrrary” ซึ่งเป็นการเสียดสีถึงความซับซ้อนของโครงสร้างไฟล์ในระบบจริง แม้จะงงและเกือบถอดใจ แต่ Annie ก็ยังพยายามต่อจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่เรียกว่า “Boop!” ซึ่งเป็นจุดที่ทุกอย่างเริ่มทำงานได้จริง และเธอรู้สึกถึงความสำเร็จ แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตาม บทความนี้จึงเป็นเสียงสะท้อนถึงนักพัฒนาทุกคนว่า การเขียน tutorial ไม่ใช่แค่การสื่อสารขั้นตอน แต่คือการเข้าใจผู้อ่านที่อาจไม่มีพื้นฐานเลย และการใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น คำอธิบายที่ชัดเจน โครงสร้างที่เป็นมิตร และการลดศัพท์เฉพาะ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้คนหนึ่งคน “ไม่ถอดใจ” และเดินต่อในเส้นทางการเรียนรู้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ ผู้เขียนเป็นมือใหม่ที่พยายามทำตาม tutorial จากนักพัฒนา ➡️ เนื้อหาสะท้อนถึงความยากในการเข้าใจคำศัพท์และขั้นตอนที่ดูง่ายแต่ซับซ้อน ➡️ ตัวอย่างเช่นการพิมพ์คำสั่งใน terminal และการตามหาไฟล์ในโฟลเดอร์ลึก ➡️ จุด “Boop!” คือช่วงที่ระบบเริ่มทำงานได้จริง และผู้เขียนรู้สึกถึงความสำเร็จ ✅ มุมมองที่นักพัฒนาควรรับรู้ ➡️ Tutorial ที่ดีควรเขียนโดยคำนึงถึงผู้อ่านที่ไม่มีพื้นฐาน ➡️ การใช้ศัพท์เฉพาะมากเกินไปอาจทำให้ผู้อ่านสับสนและถอดใจ ➡️ การอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียดและเป็นมิตรช่วยให้มือใหม่เรียนรู้ได้ดีขึ้น ➡️ การใส่ความเข้าใจและความเห็นใจในเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ หลายโครงการโอเพ่นซอร์สเริ่มมีแนวทาง “Beginner First” ในการเขียนเอกสาร ➡️ การใช้ภาพประกอบและตัวอย่างจริงช่วยให้ tutorial เข้าถึงง่ายขึ้น ➡️ Stack Overflow และ GitHub Discussions เป็นแหล่งช่วยเหลือที่มือใหม่ใช้บ่อย ➡️ การเรียนรู้ผ่านความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา แต่ควรมีคำแนะนำที่ชัดเจน https://anniemueller.com/posts/how-i-a-non-developer-read-the-tutorial-you-a-developer-wrote-for-me-a-beginner
    ANNIEMUELLER.COM
    How I, a non-developer, read the tutorial you, a developer, wrote for me, a beginner - annie's blog
    “Hello! I am a developer. Here is my relevant experience: I code in Hoobijag and sometimes jabbernocks and of course ABCDE++++ (but never ABCDE+/^+ are you kidding? ha!) and I like working with Shoobababoo and occasionally kleptomitrons. I’ve gotten to work for Company1 doing Shoobaboo-ing code things and that’s what led me to the Snarfus. So, let’s dive in!
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 1 – น้ำผึ้งหวานไม่พอ
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”

    ตอนที่ 1 “น้ำผึ้งหวานไม่พอ”

    ตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 2013 ความสัมพันธ์หอมหวานระหว่างอเมริกา กับตุรกี ทำท่าจะออกขม ปนกลิ่นเปรี้ยว นสพ. New York Times วันที่ 23 ธันวาคม 2013 ถึงกับออกข่าวว่า นาย Ahmet Davutoglu รมว.ต่างประเทศของตุรกี พร้อมที่ขับไล่ฑูตอเมริกาประจำตุรกี ที่ชื่อ นาย Francis J. Ricciardone Jr. ออกจากตุรกี เนื่องจาก นาย Ricciardone จุ้นมากเกินไป

    (พฤติกรรมของพวกฑูตอเมริกัน นี่มันเหมือนกันหมดนะ หรือว่าเป็นคุณสมบัติบังคับ ของการเป็นฑูตอเมริกัน ที่จะต้องจุ้นจ้านในเรื่องภายในของประเทศ ที่ตัวเองไปประจำอยู่ ตอนนี้ความรู้สึกแต่ละประเทศต่อฑูตอเมริกันคงคล้ายกัน ต่างกันแค่การแสดงออก ตุรกีกล้าออกปากว่าพร้อมที่จะขับไล่แต่ไทยยังไม่พร้อมที่จะออกปาก ได้แต่แค่นึก…โดยประชาชน ฮา)

    ในช่วงนั้นสื่อทั้งภายในและภายนอกประเทศ ต่างลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรีตุรกี นาย Recep Tayyip Erdogan กับพวก กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นตัวเลข เรียก 5 เรียก 10 เปิดกระเป๋าซ้าย ย้ายกระเป๋าขวา จนต้องมีการตั้งกระบวนการสอบสวนกัน ผลการสอบสวนยังไม่เสร็จ นาย Ricciardone ใจร้อนทนไม่ไหว ขอนัดพบนายกรัฐมนตรีตุรกี อยากรู้เรื่องก่อนสื่อออกข่าว

    ตุรกีบอกแบบนี้เขาเรียกว่า จุ้น เข้าใจไหม (อันที่จริงเขาใช้คำแรงกว่านี้ครับ) มันเรื่องภายในบ้านฉัน ขืนจุ้นจ้านแบบนี้มาก ๆ โน่น เก็บของกลับบ้านไปได้เลย

    อเมริกานึกไม่ถึงว่าตุรกีจะกล้าหือ ยังตั้งตัวไม่ติด เลยอือๆ ตกลงยกเลิกนัดไปก่อน สื่อลงข่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วคร้าบ เพราะถ้าไปพบกัน มันคงไม่ใช่การเจราจาหารือ แต่น่าจะเป็นการตะลุมบอนกันมากกว่า เพราะความร้อนของถ้อยคำที่โต้ตอบกันผ่านสื่อ มันเริ่มร้อนและเผ็ดขึ้นเรื่อย ๆ

    เพิ่งจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ฝันหวานด้วยกันเมื่อ 2 ปีนี้เอง ประธานาธิบดี Obama กับนายกรัฐมนตรี Erdogan นั่งจับมือคุยกันกระหนุงกระหนิง เกี่ยวกับเรื่อง ความวุ่นวายในอียิปต์ ลิเบีย และซีเรีย ถึงขนาดข่าวออกมาว่า เป็นการพูดคุย ชนิดดอกไม้หล่นกระจายเต็มพื้นห้อง ประธานาธิบดีอเมริกาไม่เคยพูดหวานเชื่อมแบบนี้ กับผู้นำคนไหนมาก่อนเลยนะ ยกเว้นกับนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ นาย David Cameron ผู้เปรียบเสมือนตัวแทน ของนายเหนือหัวของอเมริกา (ส่วนไอ้ที่ส่งสายตาเยิ้มใส่กันน่ะ มันเรื่องอื่นนะครับ อย่าเอาไปปนกัน)
    จิ้งจกข้างฝาแอบได้ยิน นาย Erdogan กระซิบกับลูกน้องคนสนิทเอ็ง รีบไปหาเชือกมาผูกตัวนายให้ติดกับเก้าอี้ไว้หน่อยนะ รู้สึกตัวมันกำลังจะลอยว่ะ …มันเป็นความภูมิใจอย่างสุดซึ้งของตุรกี สื่อตุรกีต่างบอกว่า เรากำลังเข้าไปสู่วงในของเวทีโลกแล้ว หลังจากยืนกุมอยู่ข้างหลังนายท่านมานาน 60 ปี ไชโย !

    นาย Soner Cagaptay ผู้อำนวยการของ Turkish Research Program ที่ Washington Institute for Near East Policy บอกว่ามันเป็นระยะเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ยาว ตั้งแต่ ค.ศ. 2010 ถึงฤดูร้อนในปี 2013 เลยนะ เป็นความต้องใจในอัธยาศัย ซึ่งกันและกันระดับส่วนตัวของนาย Obama กับนาย Erdogan อืม เหมือนเขียนนิยายรัก ฉบับละสองสลึง มากกว่าจะเขียนนิทานการเมืองร้อนระอุ

    ถึงน้ำผึ้งจะยังดูเหมือนหวาน แต่ใบบัวใหญ่ยังไงก็ปิดไม่มิด ความจริงน่ะ สัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ เริ่มมีหัวฝีโผล่มาแล้วหลายปี แต่มันเพิ่งมาแตกหนอง เอาเมื่อมีเรื่องการสอบสวนการโกง ของพวกนายกรัฐมนตรีตุรกีนั่นแหละ ที่ทำให้อเมริกาหงุดหงิด แต่ตุรกีน่าจะหงุดหงิดกว่า

    อเมริกาออกมาไล่เรียงบ่น ดูเรื่องอียิปต์ซิ ตุรกี ออกหน้าสนับสนุนประธานาธิบดี Morsi ที่ถูกไล่ออกไป แต่อเมริกาอยากสานสัมพันธ์กับพวกที่ไล่ประธานาธิบดีมากกว่า

    เรื่องซีเรียล่ะ ตุรกีออกหน้าออกตา ขนทั้งอาวุธ ขนทั้งคน ให้กบฎซีเรีย แล้วมาหาว่าอเมริกาผลักให้ออกหน้า แต่ตัวเองถอยหลัง พูดอย่างนี้ได้ยังไง เดี๋ยวชาวบ้านเขาเชื่อหมด

    เรื่องอิรัคล่ะ อเมริกาหวังจะให้ตุรกี เดินหน้าจับมือกับพวก Kurd ทางเหนือเซ็นสัญญาเรื่องน้ำมัน โดยไม่ต้องให้รัฐบาลที่ Bagdad มายุ่ง แล้วเดินหน้าเรื่องนโยบายที่จะทำให้ประเทศอิรัคแตกแยกต่อไป ! แล้วมันไปถึงไหน?

    เรื่องในบ้านของตุรกียิ่งเหม็นใหญ่ ตอนนี้มีการประท้วงที่ Gezi Park ในอิสตันบูล เพื่อขับไล่รัฐบาล หาว่ารัฐบาลกับพวกโกงกินกันแบบ ปากมันเยิ้ม ข่าวบอกว่าผู้อำนวยการ Halk Bank ตัวดี เป็นพวกนายกรัฐมนตรี รับสินบนก้อนใหญ่จากใคร ข่าวไม่บอก แต่ Halk Bank นี้ อเมริกาสงสัยมานานแล้ว ว่าเป็นตัวการ แอบลักลอบซ่วยอิหร่าน ทำการแทนของรัฐบาลตุรกี เวลาตุรกีซื้อแก๊สจากอิหร่านจ่ายเป็นเงิน (ตรา) ไม่ได้ เพราะถูกอเมริกาคว่ำบาตร เลยเลี่ยงจากเป็นทองแทน
    แต่ที่แย่ที่สุด คือเรื่องเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ตุรกี ทำให้พรรคพวกแถว NATO เกิดอารมณ์บูดแบบเน่าสนิท ด้วยการออกข่าว ว่าจะเซ็นสัญญากับบริษัทจีน อย่างไม่เห็นแก่หน้าอันใหญ่โตของอเมริกาและ NATO เลย เป็นสัญญาเกี่ยวกับการสร้างเรื่องการป้องกันภัย ตุรกีมีทั้งอเมริกา ทั้ง NATO อยู่ในบ้านเต็มไปหมด แล้วจะไปเอาจีนมาทำอะไรอีก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มสองรูหูว่าอเมริการู้สึกกับอาเฮียอย่างไร แถมกำลังคว่ำบาตรอาเฮีย เนื่องจากไปค้าขายกับอิหร่าน เกาเหลีเหนือและซีเรีย กลุ่มที่อเมริกากากะบาดหน้าปิดข้างฝาไว้ทั้งนั้น

    สส.อเมริกา 47 คน (ถูกสั่งให้) เข้าชื่อทำหนังสือ ขอให้รัฐบาลอเมริกันดำเนินการตรวจสอบ เรื่องการจ่ายค่าแก๊ส ค่าน้ำมันกันเป็นทองของตุรกีกับอิหร่าน ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโคมลอย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอเมริกานะ

    ฝ่ายรัฐบาลตุรกีออกข่าวบอกว่า เรื่อง Halk Bank เป็นการปล่อยข่าวป้ายสีของ นาย Fethullah Gulen นักสอนศาสนามุสลิมที่กำลังดังมาก เคยเป็นสหายร่วมก๊วน มากับนายกรัฐมนตรี Erdogan แต่ตอนนี้แปลงสภาพจากสหาย เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งแทน นาย Gulen อพยพตัวเอง ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ Pennsylvania ในอเมริกาตั้งนานแล้ว แต่มือยังยาว เข้ามายุ่มย่ามในตุรกี (สงสัยใช้ สไกป์ อินสตราแกม และเฟสบุ๊ค เหมือนกัน ฮา) เข้ามาควบคุมการทำงาน ของตำรวจและฝ่ายยุติธรรม ซึ่งเป็นพวกสาวกของ นาย Gulen .ให้ทำการตรวจสอบพวกนายกรัฐมนตรี (อ่านดีๆ นะครับ คสช ผมเขียนเรื่อง ตุรกี ครับ)

    ทั้งนายเรื่อง นาย Fethullah Gulen และ เรื่องการประท้วงที่ Gezi Park นายกรัฐมนตรี Erdogan บอกว่าอเมริกามีส่วนเกี่ยวข้อง อเมริกาฉุนขาด บอกตุรกีพูดเหมือนคนลืมตัว แบบนี้ระวังจะไม่มีหัวเหลืออยู่บนบ่า

    นาย Steven A Cook จาก Council on Foreign Relations (CFR) รีบออกมาช่วยใส่สี บอกว่าทั้งหมดนี้ กระทบความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา กับตุรกีแน่นอน มันเหมือนเป็นการบอกใบ้ของอเมริกาว่า นาย Erdogan อาจไม่ใช่หุ้นส่วน ที่อเมริกาจะให้ความไว้วางใจต่อไปอีกแล้ว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 1 – น้ำผึ้งหวานไม่พอ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 1 “น้ำผึ้งหวานไม่พอ” ตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 2013 ความสัมพันธ์หอมหวานระหว่างอเมริกา กับตุรกี ทำท่าจะออกขม ปนกลิ่นเปรี้ยว นสพ. New York Times วันที่ 23 ธันวาคม 2013 ถึงกับออกข่าวว่า นาย Ahmet Davutoglu รมว.ต่างประเทศของตุรกี พร้อมที่ขับไล่ฑูตอเมริกาประจำตุรกี ที่ชื่อ นาย Francis J. Ricciardone Jr. ออกจากตุรกี เนื่องจาก นาย Ricciardone จุ้นมากเกินไป (พฤติกรรมของพวกฑูตอเมริกัน นี่มันเหมือนกันหมดนะ หรือว่าเป็นคุณสมบัติบังคับ ของการเป็นฑูตอเมริกัน ที่จะต้องจุ้นจ้านในเรื่องภายในของประเทศ ที่ตัวเองไปประจำอยู่ ตอนนี้ความรู้สึกแต่ละประเทศต่อฑูตอเมริกันคงคล้ายกัน ต่างกันแค่การแสดงออก ตุรกีกล้าออกปากว่าพร้อมที่จะขับไล่แต่ไทยยังไม่พร้อมที่จะออกปาก ได้แต่แค่นึก…โดยประชาชน ฮา) ในช่วงนั้นสื่อทั้งภายในและภายนอกประเทศ ต่างลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรีตุรกี นาย Recep Tayyip Erdogan กับพวก กำลังเพลิดเพลินกับการเล่นตัวเลข เรียก 5 เรียก 10 เปิดกระเป๋าซ้าย ย้ายกระเป๋าขวา จนต้องมีการตั้งกระบวนการสอบสวนกัน ผลการสอบสวนยังไม่เสร็จ นาย Ricciardone ใจร้อนทนไม่ไหว ขอนัดพบนายกรัฐมนตรีตุรกี อยากรู้เรื่องก่อนสื่อออกข่าว ตุรกีบอกแบบนี้เขาเรียกว่า จุ้น เข้าใจไหม (อันที่จริงเขาใช้คำแรงกว่านี้ครับ) มันเรื่องภายในบ้านฉัน ขืนจุ้นจ้านแบบนี้มาก ๆ โน่น เก็บของกลับบ้านไปได้เลย อเมริกานึกไม่ถึงว่าตุรกีจะกล้าหือ ยังตั้งตัวไม่ติด เลยอือๆ ตกลงยกเลิกนัดไปก่อน สื่อลงข่าวว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วคร้าบ เพราะถ้าไปพบกัน มันคงไม่ใช่การเจราจาหารือ แต่น่าจะเป็นการตะลุมบอนกันมากกว่า เพราะความร้อนของถ้อยคำที่โต้ตอบกันผ่านสื่อ มันเริ่มร้อนและเผ็ดขึ้นเรื่อย ๆ เพิ่งจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ฝันหวานด้วยกันเมื่อ 2 ปีนี้เอง ประธานาธิบดี Obama กับนายกรัฐมนตรี Erdogan นั่งจับมือคุยกันกระหนุงกระหนิง เกี่ยวกับเรื่อง ความวุ่นวายในอียิปต์ ลิเบีย และซีเรีย ถึงขนาดข่าวออกมาว่า เป็นการพูดคุย ชนิดดอกไม้หล่นกระจายเต็มพื้นห้อง ประธานาธิบดีอเมริกาไม่เคยพูดหวานเชื่อมแบบนี้ กับผู้นำคนไหนมาก่อนเลยนะ ยกเว้นกับนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ นาย David Cameron ผู้เปรียบเสมือนตัวแทน ของนายเหนือหัวของอเมริกา (ส่วนไอ้ที่ส่งสายตาเยิ้มใส่กันน่ะ มันเรื่องอื่นนะครับ อย่าเอาไปปนกัน) จิ้งจกข้างฝาแอบได้ยิน นาย Erdogan กระซิบกับลูกน้องคนสนิทเอ็ง รีบไปหาเชือกมาผูกตัวนายให้ติดกับเก้าอี้ไว้หน่อยนะ รู้สึกตัวมันกำลังจะลอยว่ะ …มันเป็นความภูมิใจอย่างสุดซึ้งของตุรกี สื่อตุรกีต่างบอกว่า เรากำลังเข้าไปสู่วงในของเวทีโลกแล้ว หลังจากยืนกุมอยู่ข้างหลังนายท่านมานาน 60 ปี ไชโย ! นาย Soner Cagaptay ผู้อำนวยการของ Turkish Research Program ที่ Washington Institute for Near East Policy บอกว่ามันเป็นระยะเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ยาว ตั้งแต่ ค.ศ. 2010 ถึงฤดูร้อนในปี 2013 เลยนะ เป็นความต้องใจในอัธยาศัย ซึ่งกันและกันระดับส่วนตัวของนาย Obama กับนาย Erdogan อืม เหมือนเขียนนิยายรัก ฉบับละสองสลึง มากกว่าจะเขียนนิทานการเมืองร้อนระอุ ถึงน้ำผึ้งจะยังดูเหมือนหวาน แต่ใบบัวใหญ่ยังไงก็ปิดไม่มิด ความจริงน่ะ สัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ เริ่มมีหัวฝีโผล่มาแล้วหลายปี แต่มันเพิ่งมาแตกหนอง เอาเมื่อมีเรื่องการสอบสวนการโกง ของพวกนายกรัฐมนตรีตุรกีนั่นแหละ ที่ทำให้อเมริกาหงุดหงิด แต่ตุรกีน่าจะหงุดหงิดกว่า อเมริกาออกมาไล่เรียงบ่น ดูเรื่องอียิปต์ซิ ตุรกี ออกหน้าสนับสนุนประธานาธิบดี Morsi ที่ถูกไล่ออกไป แต่อเมริกาอยากสานสัมพันธ์กับพวกที่ไล่ประธานาธิบดีมากกว่า เรื่องซีเรียล่ะ ตุรกีออกหน้าออกตา ขนทั้งอาวุธ ขนทั้งคน ให้กบฎซีเรีย แล้วมาหาว่าอเมริกาผลักให้ออกหน้า แต่ตัวเองถอยหลัง พูดอย่างนี้ได้ยังไง เดี๋ยวชาวบ้านเขาเชื่อหมด เรื่องอิรัคล่ะ อเมริกาหวังจะให้ตุรกี เดินหน้าจับมือกับพวก Kurd ทางเหนือเซ็นสัญญาเรื่องน้ำมัน โดยไม่ต้องให้รัฐบาลที่ Bagdad มายุ่ง แล้วเดินหน้าเรื่องนโยบายที่จะทำให้ประเทศอิรัคแตกแยกต่อไป ! แล้วมันไปถึงไหน? เรื่องในบ้านของตุรกียิ่งเหม็นใหญ่ ตอนนี้มีการประท้วงที่ Gezi Park ในอิสตันบูล เพื่อขับไล่รัฐบาล หาว่ารัฐบาลกับพวกโกงกินกันแบบ ปากมันเยิ้ม ข่าวบอกว่าผู้อำนวยการ Halk Bank ตัวดี เป็นพวกนายกรัฐมนตรี รับสินบนก้อนใหญ่จากใคร ข่าวไม่บอก แต่ Halk Bank นี้ อเมริกาสงสัยมานานแล้ว ว่าเป็นตัวการ แอบลักลอบซ่วยอิหร่าน ทำการแทนของรัฐบาลตุรกี เวลาตุรกีซื้อแก๊สจากอิหร่านจ่ายเป็นเงิน (ตรา) ไม่ได้ เพราะถูกอเมริกาคว่ำบาตร เลยเลี่ยงจากเป็นทองแทน แต่ที่แย่ที่สุด คือเรื่องเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ตุรกี ทำให้พรรคพวกแถว NATO เกิดอารมณ์บูดแบบเน่าสนิท ด้วยการออกข่าว ว่าจะเซ็นสัญญากับบริษัทจีน อย่างไม่เห็นแก่หน้าอันใหญ่โตของอเมริกาและ NATO เลย เป็นสัญญาเกี่ยวกับการสร้างเรื่องการป้องกันภัย ตุรกีมีทั้งอเมริกา ทั้ง NATO อยู่ในบ้านเต็มไปหมด แล้วจะไปเอาจีนมาทำอะไรอีก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มสองรูหูว่าอเมริการู้สึกกับอาเฮียอย่างไร แถมกำลังคว่ำบาตรอาเฮีย เนื่องจากไปค้าขายกับอิหร่าน เกาเหลีเหนือและซีเรีย กลุ่มที่อเมริกากากะบาดหน้าปิดข้างฝาไว้ทั้งนั้น สส.อเมริกา 47 คน (ถูกสั่งให้) เข้าชื่อทำหนังสือ ขอให้รัฐบาลอเมริกันดำเนินการตรวจสอบ เรื่องการจ่ายค่าแก๊ส ค่าน้ำมันกันเป็นทองของตุรกีกับอิหร่าน ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโคมลอย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอเมริกานะ ฝ่ายรัฐบาลตุรกีออกข่าวบอกว่า เรื่อง Halk Bank เป็นการปล่อยข่าวป้ายสีของ นาย Fethullah Gulen นักสอนศาสนามุสลิมที่กำลังดังมาก เคยเป็นสหายร่วมก๊วน มากับนายกรัฐมนตรี Erdogan แต่ตอนนี้แปลงสภาพจากสหาย เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งแทน นาย Gulen อพยพตัวเอง ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ Pennsylvania ในอเมริกาตั้งนานแล้ว แต่มือยังยาว เข้ามายุ่มย่ามในตุรกี (สงสัยใช้ สไกป์ อินสตราแกม และเฟสบุ๊ค เหมือนกัน ฮา) เข้ามาควบคุมการทำงาน ของตำรวจและฝ่ายยุติธรรม ซึ่งเป็นพวกสาวกของ นาย Gulen .ให้ทำการตรวจสอบพวกนายกรัฐมนตรี (อ่านดีๆ นะครับ คสช ผมเขียนเรื่อง ตุรกี ครับ) ทั้งนายเรื่อง นาย Fethullah Gulen และ เรื่องการประท้วงที่ Gezi Park นายกรัฐมนตรี Erdogan บอกว่าอเมริกามีส่วนเกี่ยวข้อง อเมริกาฉุนขาด บอกตุรกีพูดเหมือนคนลืมตัว แบบนี้ระวังจะไม่มีหัวเหลืออยู่บนบ่า นาย Steven A Cook จาก Council on Foreign Relations (CFR) รีบออกมาช่วยใส่สี บอกว่าทั้งหมดนี้ กระทบความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา กับตุรกีแน่นอน มันเหมือนเป็นการบอกใบ้ของอเมริกาว่า นาย Erdogan อาจไม่ใช่หุ้นส่วน ที่อเมริกาจะให้ความไว้วางใจต่อไปอีกแล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • เรื่อง บันทึกวันฉลอง
    “บันทึกวันฉลอง”
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม
    ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง
    ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน)
    นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ)
    อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย
    (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ)
    สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้
    อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย
    พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ
    ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก
    ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง
    พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง
    สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง)
    สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
    นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart
    มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้)
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้)
    ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง)
    ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน)
    ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ)
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ)
    เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก)
    ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา)
    คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี
    หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ)
    เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง )
    จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว
    เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา
    ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767
    มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง
    อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี
    สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    เรื่อง บันทึกวันฉลอง “บันทึกวันฉลอง” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน) นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ) อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ) สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้ อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง) สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้) ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้) ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง) ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน) ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ) เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ) เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก) ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา) คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ) เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง ) จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767 มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews



  • รัฐอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดย "ไซออนิสต์" = ซาตานิสต์คาซาเรียน

    ตัวการยุแหย่สร้างความแตกแยกโกลาหลหรือทำลาย ไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ตัวจริงคือ ไซออนิสต์.




    #อิสราเอลสงครามครั้งสุดท้าย

    สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างคือสงครามระหว่างซาตานและพระเจ้า

    ระหว่างสายเลือดสัตว์เลื้อยคลานของซาตานและสายเลือดมนุษย์ของพระเยซู

    อิสราเอลเป็นประเทศสุดท้ายเพราะโควิดเปิดเผยการทุจริตในระบบการดูแลสุขภาพและการเมืองของเรา

    อิสราเอลจะเปิดเผยต้นตอของการทุจริตและความชั่วร้ายทั้งหมดในระบบศาสนาของเรา
    การเปิดเผยการจี้พระคัมภีร์โดยซาตานเมื่อหลายศตวรรษก่อน

    แสงสว่างบนโลกใบนี้ถูกแสงเทียมแห่งความมืดทำให้มืดลง

    งูเข้าไปในสวนเอเดนและแอบเข้าไปในหลุมงู

    หัวของงูในวาติกัน ส่วนลำตัวของงูสร้างเส้นทางสายไหมที่นำไปสู่อู่ฮั่นซึ่งมันแพร่กระจายพิษของมัน
    ซ่อนตัวอยู่ในหลุมงูในอิสราเอล ซึ่งลัทธิซาตานจี้พระคัมภีร์บางส่วนและกลายเป็นแสงเทียมที่หลอกล่อมนุษยชาติด้วยความถี่แห่งความชั่วร้ายของความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกผิด

    แยกจากพระเจ้าและความรักที่เราทุกคนเป็น แบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติ การเมือง ทำให้เกิดความมืดมนมาหลายศตวรรษ
    แยกจากกันโดยกลุ่มเล็กๆ ที่ได้ประโยชน์จากการควบคุมพลังงานและผู้คน

    กลุ่มเล็กๆ นี้ คือ ชนชั้นสูงซาตาน อิลูมินาติ คณะปกครอง

    ราชวงศ์ทั้งหมดในยุโรป ประเทศบอลติก และรัสเซีย อ้างว่าบรรพบุรุษของตนคือโวตันหรือโอดิน
    โวตันหรือโอดินเป็นเพนดรากอน - งู - งู - สัตว์เลื้อยคลาน

    ราชวงศ์ 13 ราชวงศ์เป็นลูกผสมของสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ โดยแสร้งทำเป็นมนุษย์

    สัญลักษณ์ของงูมีอยู่ทั่วไปในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน พระสันตปาปาประทับนั่งในปากงูเหมือนลิ้นและเทศนาหลอกลวง
    สายเลือดดรูซของพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก “เจโธร” นักบวชแห่งมีเดียนในพระคัมภีร์ และ “โตราห์” (อพยพ 2:18)
    ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา “อับราฮัม ลินคอล์น” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลคาห์ลูนี

    ในปี 1855 ISIS ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งโมร็อกโกและลิเบีย [ตระกูลฮัสซัน] ร่วมกับตระกูลโรทัลอังกฤษ
    พวกเขาลงนามในกฎหมายโมฮัมเหม็ดดีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสังหารสายเลือดของพระเยซูคริสต์ [DRUZE]
    6 ปีต่อมา พวกเขาได้รวมเข้ากับ Skull n Bones:
    Rothschilds, Schiff, Rockefellers, Scherff หรือที่รู้จักในชื่อ Bush, Kissingers เป็นต้น
    Skull n Bones_ISIS สังหาร JFK

    1855 - ISIS ก่อตั้งโดยตระกูลซานุสซีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ (คาซาเรียน)
    1861 - รวมเข้ากับกะโหลกและกระดูก 322 ชิ้น (คาซาเรียน)
    1870 - 1930 บริษัทเภสัชยักษ์ใหญ่ (คาซาเรียน)
    1871 พระราชบัญญัติอังกฤษ (รัฐธรรมนูญลับที่จัดทำโดยสมาคมลับ) คาซาเรียน
    1912 เรือไททานิค/โอลิมปิกจม
    (ใครอยู่บนเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่)
    1913 ธนาคารกลางสหรัฐ
    1917 - 1923 การปฏิวัติบอลเชวิค
    1945 - 1959 ปฏิบัติการกระดาษคลิป/ม็อกกิ้งเบิร์ด 1948 - อิสราเอลก่อตั้งขึ้น (รัฐบาลคาซาเรียน/บอลเชวิค)
    1949 - มอสสาด = ก่อตั้งซีไอเอ

    พลเอกฟลินน์ ผู้แจ้งเบาะแสเปิดโปงเครือข่ายก่อการร้ายของกูเลน:

    • ฟลินน์ค้นพบว่ารัฐบาลโอบามากำลังจัดหาเงินทุนและอาวุธให้กับนักรบญิฮาดที่โบกธงไอเอสในเวลาต่อมา

    • การกระทำของนักรบญิฮาดเหล่านี้เกิดขึ้นในฉนวนกาซา

    • โอบามาด้วยความช่วยเหลือของซีไอเอ นาโต้ และพวกพ้องนักรบญิฮาดของเขา กำลังพยายามเอาชนะอัสซาดในซีเรีย

    • รัฐบาลที่ทรยศเหล่านี้จัดหาเงินทุนให้ไอเอส

    • สหรัฐฯ/นักรบญิฮาดกลายเป็นอาหรับสปริง ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสร้างวิกฤตการอพยพระหว่างประเทศ

    • ฮิลลารีมีส่วนร่วมในการเปิดตัวอาหรับสปริงในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลโอบามา
    • ฟลินน์เปิดโปงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายผู้ก่อการร้ายกูเลนของรัฐบาลโอบามาและโดยปริยายของเอช. ดับเบิลยู. บุช, จี. บุช, คลินตัน, กระทรวงการต่างประเทศ, เอฟบีไอ, ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองอเมริกัน

    ตอนนี้ กลับมาที่อิสราเอลในวันนี้

    อย่าหลงกล/
    อาคารที่ถล่มลงมาในฉนวนกาซาจากขีปนาวุธลูกหนึ่งนั้นถูกรื้อถอนโดยการควบคุม
    ผู้ปฏิบัติการของดีพสเตตทั้งในค่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์
    ถูกแทรกซึมมานานแล้ว (Mossad/CIA)//

    ผู้ควบคุมอิสราเอลก็คือ MOSSAD >>MI6 ของสหราชอาณาจักร>>ROTHSCHILDs>>CIA

    เซิร์ฟเวอร์ Dominion มีอะไรให้ปกปิดมากมาย
    ตั้งแต่การค้ามนุษย์ไปจนถึงการก่อตั้ง Epstein ไปจนถึงธนาคารในวาติกัน
    กลุ่มมาเฟีย Mossad/Kazarian ที่ควบคุมยูเครน
    ความเชื่อมโยงจากหลุมพรางแห่งการทุจริตของชนชั้นนำอิสราเอลนั้นลึกล้ำเข้าไปในการควบคุมของ MSM สมยศ จิราวณิชานันท์ ของสหรัฐอเมริกา

    https://rumble.com/v4bzuzo-khazarian-mafia-ผู้กินเทพ-ภาค2-ของ2.html


    รัฐอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 1947 โดย "ไซออนิสต์" = ซาตานิสต์คาซาเรียน ตัวการยุแหย่สร้างความแตกแยกโกลาหลหรือทำลาย ไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ตัวจริงคือ ไซออนิสต์. #อิสราเอลสงครามครั้งสุดท้าย สงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างคือสงครามระหว่างซาตานและพระเจ้า ระหว่างสายเลือดสัตว์เลื้อยคลานของซาตานและสายเลือดมนุษย์ของพระเยซู อิสราเอลเป็นประเทศสุดท้ายเพราะโควิดเปิดเผยการทุจริตในระบบการดูแลสุขภาพและการเมืองของเรา อิสราเอลจะเปิดเผยต้นตอของการทุจริตและความชั่วร้ายทั้งหมดในระบบศาสนาของเรา การเปิดเผยการจี้พระคัมภีร์โดยซาตานเมื่อหลายศตวรรษก่อน แสงสว่างบนโลกใบนี้ถูกแสงเทียมแห่งความมืดทำให้มืดลง งูเข้าไปในสวนเอเดนและแอบเข้าไปในหลุมงู หัวของงูในวาติกัน ส่วนลำตัวของงูสร้างเส้นทางสายไหมที่นำไปสู่อู่ฮั่นซึ่งมันแพร่กระจายพิษของมัน ซ่อนตัวอยู่ในหลุมงูในอิสราเอล ซึ่งลัทธิซาตานจี้พระคัมภีร์บางส่วนและกลายเป็นแสงเทียมที่หลอกล่อมนุษยชาติด้วยความถี่แห่งความชั่วร้ายของความกลัว ความอับอาย และความรู้สึกผิด แยกจากพระเจ้าและความรักที่เราทุกคนเป็น แบ่งแยกศาสนา เชื้อชาติ การเมือง ทำให้เกิดความมืดมนมาหลายศตวรรษ แยกจากกันโดยกลุ่มเล็กๆ ที่ได้ประโยชน์จากการควบคุมพลังงานและผู้คน กลุ่มเล็กๆ นี้ คือ ชนชั้นสูงซาตาน อิลูมินาติ คณะปกครอง ราชวงศ์ทั้งหมดในยุโรป ประเทศบอลติก และรัสเซีย อ้างว่าบรรพบุรุษของตนคือโวตันหรือโอดิน โวตันหรือโอดินเป็นเพนดรากอน - งู - งู - สัตว์เลื้อยคลาน ราชวงศ์ 13 ราชวงศ์เป็นลูกผสมของสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ โดยแสร้งทำเป็นมนุษย์ สัญลักษณ์ของงูมีอยู่ทั่วไปในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน พระสันตปาปาประทับนั่งในปากงูเหมือนลิ้นและเทศนาหลอกลวง สายเลือดดรูซของพระเยซูสืบเชื้อสายมาจาก “เจโธร” นักบวชแห่งมีเดียนในพระคัมภีร์ และ “โตราห์” (อพยพ 2:18) ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา “อับราฮัม ลินคอล์น” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลคาห์ลูนี ในปี 1855 ISIS ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์แห่งโมร็อกโกและลิเบีย [ตระกูลฮัสซัน] ร่วมกับตระกูลโรทัลอังกฤษ พวกเขาลงนามในกฎหมายโมฮัมเหม็ดดีซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสังหารสายเลือดของพระเยซูคริสต์ [DRUZE] 6 ปีต่อมา พวกเขาได้รวมเข้ากับ Skull n Bones: Rothschilds, Schiff, Rockefellers, Scherff หรือที่รู้จักในชื่อ Bush, Kissingers เป็นต้น Skull n Bones_ISIS สังหาร JFK 1855 - ISIS ก่อตั้งโดยตระกูลซานุสซีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ (คาซาเรียน) 1861 - รวมเข้ากับกะโหลกและกระดูก 322 ชิ้น (คาซาเรียน) 1870 - 1930 บริษัทเภสัชยักษ์ใหญ่ (คาซาเรียน) 1871 พระราชบัญญัติอังกฤษ (รัฐธรรมนูญลับที่จัดทำโดยสมาคมลับ) คาซาเรียน 1912 เรือไททานิค/โอลิมปิกจม (ใครอยู่บนเรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่) 1913 ธนาคารกลางสหรัฐ 1917 - 1923 การปฏิวัติบอลเชวิค 1945 - 1959 ปฏิบัติการกระดาษคลิป/ม็อกกิ้งเบิร์ด 1948 - อิสราเอลก่อตั้งขึ้น (รัฐบาลคาซาเรียน/บอลเชวิค) 1949 - มอสสาด = ก่อตั้งซีไอเอ พลเอกฟลินน์ ผู้แจ้งเบาะแสเปิดโปงเครือข่ายก่อการร้ายของกูเลน: • ฟลินน์ค้นพบว่ารัฐบาลโอบามากำลังจัดหาเงินทุนและอาวุธให้กับนักรบญิฮาดที่โบกธงไอเอสในเวลาต่อมา • การกระทำของนักรบญิฮาดเหล่านี้เกิดขึ้นในฉนวนกาซา • โอบามาด้วยความช่วยเหลือของซีไอเอ นาโต้ และพวกพ้องนักรบญิฮาดของเขา กำลังพยายามเอาชนะอัสซาดในซีเรีย • รัฐบาลที่ทรยศเหล่านี้จัดหาเงินทุนให้ไอเอส • สหรัฐฯ/นักรบญิฮาดกลายเป็นอาหรับสปริง ทำลายเสถียรภาพในตะวันออกกลาง และสร้างวิกฤตการอพยพระหว่างประเทศ • ฮิลลารีมีส่วนร่วมในการเปิดตัวอาหรับสปริงในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศภายใต้รัฐบาลโอบามา • ฟลินน์เปิดโปงการมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายผู้ก่อการร้ายกูเลนของรัฐบาลโอบามาและโดยปริยายของเอช. ดับเบิลยู. บุช, จี. บุช, คลินตัน, กระทรวงการต่างประเทศ, เอฟบีไอ, ซีไอเอ และหน่วยข่าวกรองอเมริกัน ตอนนี้ กลับมาที่อิสราเอลในวันนี้ อย่าหลงกล/ อาคารที่ถล่มลงมาในฉนวนกาซาจากขีปนาวุธลูกหนึ่งนั้นถูกรื้อถอนโดยการควบคุม ผู้ปฏิบัติการของดีพสเตตทั้งในค่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์ ถูกแทรกซึมมานานแล้ว (Mossad/CIA)// ผู้ควบคุมอิสราเอลก็คือ MOSSAD >>MI6 ของสหราชอาณาจักร>>ROTHSCHILDs>>CIA เซิร์ฟเวอร์ Dominion มีอะไรให้ปกปิดมากมาย ตั้งแต่การค้ามนุษย์ไปจนถึงการก่อตั้ง Epstein ไปจนถึงธนาคารในวาติกัน กลุ่มมาเฟีย Mossad/Kazarian ที่ควบคุมยูเครน ความเชื่อมโยงจากหลุมพรางแห่งการทุจริตของชนชั้นนำอิสราเอลนั้นลึกล้ำเข้าไปในการควบคุมของ MSM [CIA] ของสหรัฐอเมริกา https://rumble.com/v4bzuzo-khazarian-mafia-ผู้กินเทพ-ภาค2-ของ2.html
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • AI ไม่ได้ช่วยให้เด็กใหม่เปล่งประกาย — กลับกลายเป็นเครื่องมือเสริมพลังให้รุ่นใหญ่

    ในช่วงแรกของกระแส AI หลายคนเชื่อว่าเครื่องมืออย่าง Copilot, Claude หรือ Gemini จะช่วยให้ “นักพัฒนาใหม่” หรือ junior developer สามารถสร้างงานคุณภาพได้โดยไม่ต้องพึ่งพารุ่นพี่มากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงกลับสวนทาง — AI กลายเป็นเครื่องมือที่เสริมพลังให้ senior developer ทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าเดิม

    AI ทำงานได้ดีในด้านการสร้างโค้ดซ้ำ ๆ, สร้างโครงสร้างพื้นฐาน, ทดลองแนวทางใหม่ ๆ และตรวจสอบเบื้องต้น แต่สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์สูงสุดเมื่อผู้ใช้ “รู้ว่าต้องการอะไร” และ “รู้ว่าผลลัพธ์ควรเป็นแบบไหน” ซึ่งเป็นทักษะที่มักอยู่ในมือของนักพัฒนารุ่นใหญ่

    ในทางกลับกัน junior developer ที่ยังไม่เข้าใจบริบทของระบบหรือหลักการออกแบบ อาจใช้ AI ได้เพียงระดับพื้นฐาน และเสี่ยงต่อการสร้างโค้ดที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ เช่น สถาปัตยกรรมที่อ่อนแอ, abstraction ที่ผิด, หรือแม้แต่บั๊กด้านความปลอดภัยที่มองไม่เห็น

    การเขียน prompt ที่ดี, การตรวจสอบโค้ดที่ AI สร้าง, และการวางโครงสร้างระบบ — ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์และวิจารณญาณ ซึ่ง AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้ และหากไม่มี senior คอยดูแล การใช้ AI อาจกลายเป็นการสร้าง “หนี้เทคนิค” มากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพ

    แม้จะมีข้อดี เช่น การช่วยให้ junior ทดลองไอเดียเร็วขึ้น หรือเติมช่องว่างความรู้ในงานข้ามสาย แต่ในภาพรวม AI กลับทำให้ “อำนาจการผลิตซอฟต์แวร์” กระจุกตัวอยู่ในมือของผู้มีประสบการณ์มากขึ้น และอาจทำให้โอกาสของนักพัฒนาใหม่หดตัวลง หากองค์กรไม่ปรับวิธีการฝึกและดูแล

    AI ช่วยงานด้านโค้ดที่ซ้ำซ้อนและโครงสร้างพื้นฐานได้ดี
    เช่น สร้าง boilerplate, ลอง implementation ใหม่, ตรวจสอบเบื้องต้น
    ทำให้การส่งฟีเจอร์เร็วขึ้น หากรู้ว่าต้องการอะไร

    Senior developer ได้ประโยชน์สูงสุดจาก AI
    มีความเข้าใจระบบและสามารถใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ
    สามารถตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้างได้อย่างแม่นยำ

    Junior developer ยังใช้ AI ได้ แต่มีข้อจำกัด
    ขาดทักษะในการเขียน prompt และตรวจสอบผลลัพธ์
    เสี่ยงต่อการสร้างโค้ดที่มีบั๊กหรือโครงสร้างไม่ดี

    AI ยังไม่สามารถออกแบบสถาปัตยกรรมหรือ abstraction ที่ดี
    ต้องอาศัยมนุษย์ในการวางโครงสร้างระบบ
    หากเริ่มต้นผิด อาจเกิดหนี้เทคนิคที่แก้ยากในระยะยาว

    การใช้ AI ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้มีประสบการณ์
    เพื่อป้องกันการเรียนรู้ผิด ๆ และการสร้างความเสียหาย
    ควรใช้ในงานที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น test, prototype, routine

    https://elma.dev/notes/ai-makes-seniors-stronger/
    📰 AI ไม่ได้ช่วยให้เด็กใหม่เปล่งประกาย — กลับกลายเป็นเครื่องมือเสริมพลังให้รุ่นใหญ่ ในช่วงแรกของกระแส AI หลายคนเชื่อว่าเครื่องมืออย่าง Copilot, Claude หรือ Gemini จะช่วยให้ “นักพัฒนาใหม่” หรือ junior developer สามารถสร้างงานคุณภาพได้โดยไม่ต้องพึ่งพารุ่นพี่มากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงกลับสวนทาง — AI กลายเป็นเครื่องมือที่เสริมพลังให้ senior developer ทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าเดิม AI ทำงานได้ดีในด้านการสร้างโค้ดซ้ำ ๆ, สร้างโครงสร้างพื้นฐาน, ทดลองแนวทางใหม่ ๆ และตรวจสอบเบื้องต้น แต่สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์สูงสุดเมื่อผู้ใช้ “รู้ว่าต้องการอะไร” และ “รู้ว่าผลลัพธ์ควรเป็นแบบไหน” ซึ่งเป็นทักษะที่มักอยู่ในมือของนักพัฒนารุ่นใหญ่ ในทางกลับกัน junior developer ที่ยังไม่เข้าใจบริบทของระบบหรือหลักการออกแบบ อาจใช้ AI ได้เพียงระดับพื้นฐาน และเสี่ยงต่อการสร้างโค้ดที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ เช่น สถาปัตยกรรมที่อ่อนแอ, abstraction ที่ผิด, หรือแม้แต่บั๊กด้านความปลอดภัยที่มองไม่เห็น การเขียน prompt ที่ดี, การตรวจสอบโค้ดที่ AI สร้าง, และการวางโครงสร้างระบบ — ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์และวิจารณญาณ ซึ่ง AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้ และหากไม่มี senior คอยดูแล การใช้ AI อาจกลายเป็นการสร้าง “หนี้เทคนิค” มากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพ แม้จะมีข้อดี เช่น การช่วยให้ junior ทดลองไอเดียเร็วขึ้น หรือเติมช่องว่างความรู้ในงานข้ามสาย แต่ในภาพรวม AI กลับทำให้ “อำนาจการผลิตซอฟต์แวร์” กระจุกตัวอยู่ในมือของผู้มีประสบการณ์มากขึ้น และอาจทำให้โอกาสของนักพัฒนาใหม่หดตัวลง หากองค์กรไม่ปรับวิธีการฝึกและดูแล ✅ AI ช่วยงานด้านโค้ดที่ซ้ำซ้อนและโครงสร้างพื้นฐานได้ดี ➡️ เช่น สร้าง boilerplate, ลอง implementation ใหม่, ตรวจสอบเบื้องต้น ➡️ ทำให้การส่งฟีเจอร์เร็วขึ้น หากรู้ว่าต้องการอะไร ✅ Senior developer ได้ประโยชน์สูงสุดจาก AI ➡️ มีความเข้าใจระบบและสามารถใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ สามารถตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้างได้อย่างแม่นยำ ✅ Junior developer ยังใช้ AI ได้ แต่มีข้อจำกัด ➡️ ขาดทักษะในการเขียน prompt และตรวจสอบผลลัพธ์ ➡️ เสี่ยงต่อการสร้างโค้ดที่มีบั๊กหรือโครงสร้างไม่ดี ✅ AI ยังไม่สามารถออกแบบสถาปัตยกรรมหรือ abstraction ที่ดี ➡️ ต้องอาศัยมนุษย์ในการวางโครงสร้างระบบ ➡️ หากเริ่มต้นผิด อาจเกิดหนี้เทคนิคที่แก้ยากในระยะยาว ✅ การใช้ AI ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้มีประสบการณ์ ➡️ เพื่อป้องกันการเรียนรู้ผิด ๆ และการสร้างความเสียหาย ➡️ ควรใช้ในงานที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น test, prototype, routine https://elma.dev/notes/ai-makes-seniors-stronger/
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.3
    เรื่องสาธารณสถาน

    ในทุกตรอกซอกซอยของเมืองใหญ่และหมู่บ้านเล็กๆ มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เปิดประตูต้อนรับผู้คนจากทุกสารทิศ สถานที่ที่ไม่ได้มีเจ้าของเป็นคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน สถานที่ที่เรียกว่าสาธารณสถาน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือแม้แต่ศาลาพักร้อนริมทาง สิ่งเหล่านี้คือพื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมตัวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนได้หลบหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน เข้ามาหายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ได้นั่งพักผ่อนเงียบๆ คนเดียวเพื่อทบทวนความคิด พื้นที่เหล่านี้เปรียบเสมือนสถานีความสุขที่คอยเติมพลังให้แก่ทุกคนในสังคม เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คน สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเป็นเครื่องสะท้อนความเจริญของสังคมนั้นๆ

    สาธารณสถานไม่ใช่แค่พื้นที่ทางกายภาพ แต่คือหัวใจของชุมชน ที่ซึ่งเรื่องราวชีวิตนับร้อยพันได้ถูกบอกเล่า ที่ซึ่งความทรงจำดีๆ ถูกสร้างขึ้นมา ที่ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษา ความสำคัญของพื้นที่เหล่านี้จึงไม่ได้อยู่แค่ที่การใช้งาน แต่คือการที่มันช่วยหล่อหลอมจิตใจของผู้คนให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากขึ้น เมื่อเราได้ใช้ประโยชน์จากมัน เราย่อมรู้สึกหวงแหนและอยากจะรักษามันให้คงอยู่ตลอดไป การดูแลรักษาสวนสาธารณะให้สะอาด สนามเด็กเล่นให้ปลอดภัย จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดๆ เพียงเพราะเราทุกคนคือเจ้าของพื้นที่เหล่านี้อย่างแท้จริง และมันคือมรดกที่ควรส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง

    สาธารณสถานจึงเป็นมากกว่าเพียงแค่พื้นที่ว่างๆ แต่มันคือลมหายใจของเมือง เป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตและจิตสำนึกของคนในสังคมนั้นๆ การให้ความสำคัญและร่วมกันดูแลรักษาพื้นที่เหล่านี้ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับทุกคน เพราะเมื่อสาธารณสถานมีชีวิตชีวา สังคมของเราก็จะเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสัมพันธ์ที่ดี และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.3 เรื่องสาธารณสถาน ในทุกตรอกซอกซอยของเมืองใหญ่และหมู่บ้านเล็กๆ มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เปิดประตูต้อนรับผู้คนจากทุกสารทิศ สถานที่ที่ไม่ได้มีเจ้าของเป็นคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน สถานที่ที่เรียกว่าสาธารณสถาน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือแม้แต่ศาลาพักร้อนริมทาง สิ่งเหล่านี้คือพื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมตัวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้คนได้หลบหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน เข้ามาหายใจในอากาศที่บริสุทธิ์ ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ได้นั่งพักผ่อนเงียบๆ คนเดียวเพื่อทบทวนความคิด พื้นที่เหล่านี้เปรียบเสมือนสถานีความสุขที่คอยเติมพลังให้แก่ทุกคนในสังคม เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คน สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเป็นเครื่องสะท้อนความเจริญของสังคมนั้นๆ สาธารณสถานไม่ใช่แค่พื้นที่ทางกายภาพ แต่คือหัวใจของชุมชน ที่ซึ่งเรื่องราวชีวิตนับร้อยพันได้ถูกบอกเล่า ที่ซึ่งความทรงจำดีๆ ถูกสร้างขึ้นมา ที่ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษา ความสำคัญของพื้นที่เหล่านี้จึงไม่ได้อยู่แค่ที่การใช้งาน แต่คือการที่มันช่วยหล่อหลอมจิตใจของผู้คนให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากขึ้น เมื่อเราได้ใช้ประโยชน์จากมัน เราย่อมรู้สึกหวงแหนและอยากจะรักษามันให้คงอยู่ตลอดไป การดูแลรักษาสวนสาธารณะให้สะอาด สนามเด็กเล่นให้ปลอดภัย จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดๆ เพียงเพราะเราทุกคนคือเจ้าของพื้นที่เหล่านี้อย่างแท้จริง และมันคือมรดกที่ควรส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง สาธารณสถานจึงเป็นมากกว่าเพียงแค่พื้นที่ว่างๆ แต่มันคือลมหายใจของเมือง เป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตและจิตสำนึกของคนในสังคมนั้นๆ การให้ความสำคัญและร่วมกันดูแลรักษาพื้นที่เหล่านี้ จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับทุกคน เพราะเมื่อสาธารณสถานมีชีวิตชีวา สังคมของเราก็จะเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสัมพันธ์ที่ดี และความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • นิทาน
    แก่นหัวใจล้วนพบความสงบ ไร้คิด บนความรู้สึกตัวรวมๆเนืองๆต่อเนื่อง บ้างพบบ้างได้ยิน เพียงรับรู้ เส้นทางนี้น่าหลงไหล หากไม่เท่าทันย่อ
    มติด น่าสนุกค้นหาในจิตตน

    บ้างพบเพียงพบ ผ่านไป

    บ้างรู้ในคิดของผู้อื่น

    บ้างเห็นภพชาติตน ผู้อื่นความผูก1000

    บ้างเข้าใจตนคือผู้วิเศษเจ้าพ่อเจ้าแม่

    บ้างท่องเที่ยวตามสภาวะตนกำหนด หรือหลุดไปพบในสิ่งที่บังเอิญล้วนปัจจัตตังสิ้น

    ไม่สามารถปกปิดสิ่งที่พบที่เกิดขึ้นหากสามารถ

    ล้วนมาเพื่อปรับแก้ไขช่วยเหลือตามวาระตนในครั้งปัจจุบัน

    ไม่ง่ายเลยที่จักข้ามผ่านในสังคมปัจจุบัน รู้มรรค ปล่อยวางนำทางสงบ ไร้คิดบนความรู้สึกตัวนะนะ

    #ไร้สาระกับลุงทุเรียนกวน
    นิทาน แก่นหัวใจล้วนพบความสงบ ไร้คิด บนความรู้สึกตัวรวมๆเนืองๆต่อเนื่อง บ้างพบบ้างได้ยิน เพียงรับรู้ เส้นทางนี้น่าหลงไหล หากไม่เท่าทันย่อ มติด น่าสนุกค้นหาในจิตตน บ้างพบเพียงพบ ผ่านไป บ้างรู้ในคิดของผู้อื่น บ้างเห็นภพชาติตน ผู้อื่นความผูก1000 บ้างเข้าใจตนคือผู้วิเศษเจ้าพ่อเจ้าแม่ บ้างท่องเที่ยวตามสภาวะตนกำหนด หรือหลุดไปพบในสิ่งที่บังเอิญล้วนปัจจัตตังสิ้น ไม่สามารถปกปิดสิ่งที่พบที่เกิดขึ้นหากสามารถ ล้วนมาเพื่อปรับแก้ไขช่วยเหลือตามวาระตนในครั้งปัจจุบัน ไม่ง่ายเลยที่จักข้ามผ่านในสังคมปัจจุบัน รู้มรรค ปล่อยวางนำทางสงบ ไร้คิดบนความรู้สึกตัวนะนะ #ไร้สาระกับลุงทุเรียนกวน
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 0 Reviews
  • https://youtu.be/Ar4smtvRekw?si=ozHw78PtAMowTWRh ความรู้ฟังเพลินๆ #ความรู้ #การเมือง #เนปาล #nepal #sondhitalk #news1 #Thaitimes #ว่างว่างก็แวะมา
    https://youtu.be/Ar4smtvRekw?si=ozHw78PtAMowTWRh ความรู้ฟังเพลินๆ #ความรู้ #การเมือง #เนปาล #nepal #sondhitalk #news1 #Thaitimes #ว่างว่างก็แวะมา
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • CERN เปิดศูนย์พักพิง “เมาส์คอมพิวเตอร์” — แคมเปญสุดขำเพื่อเตือนภัยไซเบอร์ที่จริงจังกว่าที่คิด

    ในโลกที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้จาก “คลิกเดียว” CERN ได้สร้างแคมเปญสุดแหวกแนวที่ชื่อว่า “CERN Animal Shelter for Computer Mice” หรือ “ศูนย์พักพิงสัตว์สำหรับเมาส์คอมพิวเตอร์” ซึ่งตั้งอยู่จริงบนสนามหญ้าหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ของ CERN โดยมีกรงฟาง อาหาร น้ำ และเมาส์คอมพิวเตอร์หลากรุ่นวางเรียงกันราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเล่นคำระหว่าง “mouse” ที่หมายถึงทั้งสัตว์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ใช้งานว่า “การคลิก” โดยไม่คิดให้ดีอาจนำไปสู่การติดมัลแวร์ การถูกขโมยบัญชี หรือแม้แต่การทำให้ระบบขององค์กรล่มได้ในพริบตา

    CERN จึงรณรงค์ให้ผู้ใช้ “หยุด — คิด — คลิก” และเสนอให้ “นำเมาส์ออกจากเครื่อง” แล้วนำไปพักพิงที่ศูนย์แห่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการคลิกโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นมุก April Fool แต่ก็สะท้อนความจริงที่ว่า การคลิกลิงก์สุ่มหรือไฟล์แนบที่ไม่รู้ที่มา คือช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในโลกไซเบอร์

    นอกจากนี้ยังมีการแยกแยะว่า “trackpad” ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็น “พืช” เพราะไม่เคลื่อนไหว จึงไม่อยู่ในขอบเขตของศูนย์พักพิงนี้ — เป็นการเล่นมุกที่ผสมความรู้ด้านชีววิทยาเข้ากับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมีชั้นเชิง

    https://computer-animal-shelter.web.cern.ch/index.shtml
    📰 CERN เปิดศูนย์พักพิง “เมาส์คอมพิวเตอร์” — แคมเปญสุดขำเพื่อเตือนภัยไซเบอร์ที่จริงจังกว่าที่คิด ในโลกที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้จาก “คลิกเดียว” CERN ได้สร้างแคมเปญสุดแหวกแนวที่ชื่อว่า “CERN Animal Shelter for Computer Mice” หรือ “ศูนย์พักพิงสัตว์สำหรับเมาส์คอมพิวเตอร์” ซึ่งตั้งอยู่จริงบนสนามหญ้าหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ของ CERN โดยมีกรงฟาง อาหาร น้ำ และเมาส์คอมพิวเตอร์หลากรุ่นวางเรียงกันราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเล่นคำระหว่าง “mouse” ที่หมายถึงทั้งสัตว์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ใช้งานว่า “การคลิก” โดยไม่คิดให้ดีอาจนำไปสู่การติดมัลแวร์ การถูกขโมยบัญชี หรือแม้แต่การทำให้ระบบขององค์กรล่มได้ในพริบตา CERN จึงรณรงค์ให้ผู้ใช้ “หยุด — คิด — คลิก” และเสนอให้ “นำเมาส์ออกจากเครื่อง” แล้วนำไปพักพิงที่ศูนย์แห่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการคลิกโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นมุก April Fool แต่ก็สะท้อนความจริงที่ว่า การคลิกลิงก์สุ่มหรือไฟล์แนบที่ไม่รู้ที่มา คือช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในโลกไซเบอร์ นอกจากนี้ยังมีการแยกแยะว่า “trackpad” ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็น “พืช” เพราะไม่เคลื่อนไหว จึงไม่อยู่ในขอบเขตของศูนย์พักพิงนี้ — เป็นการเล่นมุกที่ผสมความรู้ด้านชีววิทยาเข้ากับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมีชั้นเชิง https://computer-animal-shelter.web.cern.ch/index.shtml
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • เมื่อความเศร้าไม่มีวันหมดอายุ — บันทึกของหมอฉุกเฉินผู้เป็นแม่หม้าย กับคำถามว่า “ยังเศร้าอยู่เหรอ?”

    บทความจาก Bess Stillman แพทย์ฉุกเฉินและนักเขียนผู้สูญเสียสามี Jake Seliger จากมะเร็งลิ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ถ่ายทอดความรู้สึกของการอยู่กับความเศร้าอย่างไม่มีกำหนดเวลา เธอเล่าว่าแม้เวลาจะผ่านไป แต่ความรู้สึกสูญเสียยังคงอยู่ในทุกการกระทำ ตั้งแต่การจองร้านอาหารที่เคยไปด้วยกัน ไปจนถึงการเลี้ยงลูกสาว Athena ที่มีใบหน้าเหมือนพ่อของเธอ

    บทความตั้งคำถามต่อการวินิจฉัย “ภาวะโศกเศร้าเรื้อรัง” (Prolonged Grief Disorder) ที่ถูกระบุใน DSM-5-TR โดยสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน ซึ่งกำหนดว่า หากผู้ใหญ่ยังมีอาการเศร้าอย่างรุนแรงเกิน 1 ปีหลังการสูญเสีย อาจเข้าข่ายภาวะผิดปกติ แต่ Bess มองว่า ความเศร้าไม่ใช่โรค และการพยายามจัดระเบียบความเศร้าอาจสะท้อนความกลัวของสังคมต่อความเจ็บปวดมากกว่าความเข้าใจ

    เธอเปรียบเทียบความเศร้าเป็น “การเรียนรู้ที่เจ็บปวด” ซึ่งต้องใช้การทำซ้ำเพื่อปรับตัวกับโลกที่ไม่มีคนรักอยู่ และแม้เธอจะสามารถกลับไปทำงาน ดูแลลูก และใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ภายในยังคงมีความรู้สึกสูญเสียที่ไม่เคยหายไป

    บทความยังสะท้อนความจริงที่ว่า สังคมมักหลีกเลี่ยงความเศร้า และพยายามหาคำอธิบายเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวด เช่น การถามถึงปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งของสามี เพื่อให้รู้สึกว่า “ฉันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น” ทั้งที่ความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้

    ความเศร้าไม่มีวันหมดอายุ และไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบเวลา
    Bess ยังรู้สึกถึง Jake ในชีวิตประจำวัน แม้เขาจะจากไปแล้วหนึ่งปี
    ความทรงจำและความรักยังคงอยู่ในทุกการกระทำ

    DSM-5-TR ระบุภาวะ “โศกเศร้าเรื้อรัง” หากมีอาการเกิน 1 ปี
    ต้องมีอาการอย่างน้อย 3 อย่าง เช่น ความรู้สึกไร้ความหมาย หรือความเศร้าอย่างรุนแรง
    Bess ตั้งคำถามว่า “แค่ 3 อาการก็เป็นโรคแล้วหรือ?”

    ความเศร้าเป็นการเรียนรู้ที่เจ็บปวด
    สมองต้องปรับตัวกับโลกที่ไม่มีคนรักอยู่
    การทำซ้ำช่วยให้เข้าใจว่าเขาจะไม่กลับมาอีก

    สังคมพยายามหลีกเลี่ยงความเศร้า
    คนมักถามถึงปัจจัยเสี่ยงเพื่อป้องกันตัวเองจากความกลัว
    ความเศร้าถูกซ่อนไว้หลังประตูห้องน้ำหรือการเดินเล่นคนเดียว

    ความเศร้าไม่ใช่โรค แต่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์
    Bess ยืนยันว่า “ฉันไม่ได้ป่วย ฉันแค่ยังรักอยู่”
    ความเจ็บปวดคือหลักฐานของความรักที่ลึกซึ้ง

    คำเตือนเกี่ยวกับการวินิจฉัยความเศร้า
    การกำหนดกรอบเวลาอาจทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกผิดที่ยังเศร้าอยู่
    การวินิจฉัยอาจสะท้อนความกลัวของสังคมมากกว่าความเข้าใจ
    การซ่อนความเศร้าอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดในระยะยาว
    ความคาดหวังให้ “หายเศร้า” อาจทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกโดดเดี่ยว

    https://bessstillman.substack.com/p/oh-****-youre-still-sad
    📰 เมื่อความเศร้าไม่มีวันหมดอายุ — บันทึกของหมอฉุกเฉินผู้เป็นแม่หม้าย กับคำถามว่า “ยังเศร้าอยู่เหรอ?” บทความจาก Bess Stillman แพทย์ฉุกเฉินและนักเขียนผู้สูญเสียสามี Jake Seliger จากมะเร็งลิ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน ถ่ายทอดความรู้สึกของการอยู่กับความเศร้าอย่างไม่มีกำหนดเวลา เธอเล่าว่าแม้เวลาจะผ่านไป แต่ความรู้สึกสูญเสียยังคงอยู่ในทุกการกระทำ ตั้งแต่การจองร้านอาหารที่เคยไปด้วยกัน ไปจนถึงการเลี้ยงลูกสาว Athena ที่มีใบหน้าเหมือนพ่อของเธอ บทความตั้งคำถามต่อการวินิจฉัย “ภาวะโศกเศร้าเรื้อรัง” (Prolonged Grief Disorder) ที่ถูกระบุใน DSM-5-TR โดยสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน ซึ่งกำหนดว่า หากผู้ใหญ่ยังมีอาการเศร้าอย่างรุนแรงเกิน 1 ปีหลังการสูญเสีย อาจเข้าข่ายภาวะผิดปกติ แต่ Bess มองว่า ความเศร้าไม่ใช่โรค และการพยายามจัดระเบียบความเศร้าอาจสะท้อนความกลัวของสังคมต่อความเจ็บปวดมากกว่าความเข้าใจ เธอเปรียบเทียบความเศร้าเป็น “การเรียนรู้ที่เจ็บปวด” ซึ่งต้องใช้การทำซ้ำเพื่อปรับตัวกับโลกที่ไม่มีคนรักอยู่ และแม้เธอจะสามารถกลับไปทำงาน ดูแลลูก และใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ภายในยังคงมีความรู้สึกสูญเสียที่ไม่เคยหายไป บทความยังสะท้อนความจริงที่ว่า สังคมมักหลีกเลี่ยงความเศร้า และพยายามหาคำอธิบายเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวด เช่น การถามถึงปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งของสามี เพื่อให้รู้สึกว่า “ฉันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น” ทั้งที่ความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ✅ ความเศร้าไม่มีวันหมดอายุ และไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบเวลา ➡️ Bess ยังรู้สึกถึง Jake ในชีวิตประจำวัน แม้เขาจะจากไปแล้วหนึ่งปี ➡️ ความทรงจำและความรักยังคงอยู่ในทุกการกระทำ ✅ DSM-5-TR ระบุภาวะ “โศกเศร้าเรื้อรัง” หากมีอาการเกิน 1 ปี ➡️ ต้องมีอาการอย่างน้อย 3 อย่าง เช่น ความรู้สึกไร้ความหมาย หรือความเศร้าอย่างรุนแรง ➡️ Bess ตั้งคำถามว่า “แค่ 3 อาการก็เป็นโรคแล้วหรือ?” ✅ ความเศร้าเป็นการเรียนรู้ที่เจ็บปวด ➡️ สมองต้องปรับตัวกับโลกที่ไม่มีคนรักอยู่ ➡️ การทำซ้ำช่วยให้เข้าใจว่าเขาจะไม่กลับมาอีก ✅ สังคมพยายามหลีกเลี่ยงความเศร้า ➡️ คนมักถามถึงปัจจัยเสี่ยงเพื่อป้องกันตัวเองจากความกลัว ➡️ ความเศร้าถูกซ่อนไว้หลังประตูห้องน้ำหรือการเดินเล่นคนเดียว ✅ ความเศร้าไม่ใช่โรค แต่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ ➡️ Bess ยืนยันว่า “ฉันไม่ได้ป่วย ฉันแค่ยังรักอยู่” ➡️ ความเจ็บปวดคือหลักฐานของความรักที่ลึกซึ้ง ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการวินิจฉัยความเศร้า ⛔ การกำหนดกรอบเวลาอาจทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกผิดที่ยังเศร้าอยู่ ⛔ การวินิจฉัยอาจสะท้อนความกลัวของสังคมมากกว่าความเข้าใจ ⛔ การซ่อนความเศร้าอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดในระยะยาว ⛔ ความคาดหวังให้ “หายเศร้า” อาจทำให้ผู้สูญเสียรู้สึกโดดเดี่ยว https://bessstillman.substack.com/p/oh-fuck-youre-still-sad
    BESSSTILLMAN.SUBSTACK.COM
    Oh fuck, you're still sad?
    Grief gets an expiration date. Just like us.
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • 'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง

    //////////////////


    รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

    18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป

    สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
    นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
    นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง

    ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย

    “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว

    อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น
    ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
    นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง
    ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป

    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี
    “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น
    เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว
    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ
    สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน

    สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้
    นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา
    “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย
    อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง ////////////////// รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 0 Reviews
  • SMBs กับการก้าวสู่ยุค AI — โอกาสใหม่ที่มาพร้อมความลังเลและช่องว่างทักษะ

    ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMBs) กำลังหันมาใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาการขาดเวลาและทรัพยากรในการเติบโต โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่ SMBs คิดเป็น 99% ของธุรกิจทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความสนใจสูง แต่หลายองค์กรยังลังเลที่จะลงทุนเต็มตัว เนื่องจากขาดทักษะด้านดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    จากรายงานของ Amex และ Barclays พบว่า 28% ของผู้นำ SME ไม่สามารถหลุดจากงานประจำเพื่อวางแผนธุรกิจได้ และ 24% รู้สึกว่าไม่มีเวลาพอที่จะขยายกิจการ ทำให้ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนจะใช้ AI ภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดหวังว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาทักษะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดย 89% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรต้องการใช้ AI ภายใน 2 ปี แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี และยังมีความกังวลเรื่องต้นทุน ความปลอดภัยของข้อมูล และความคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว

    หลายองค์กรจึงหันไปลงทุนในด้านการฝึกอบรม (42%) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล (37%) และการวิจัยและพัฒนา (37%) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ AI อย่างยั่งยืน แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคจากงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นก็ตาม

    SMBs หันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเติบโต
    43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนใช้ AI ภายใน 12 เดือน
    60% คาดหวังผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    ปัญหาทักษะและต้นทุนยังเป็นอุปสรรคหลัก
    89% ต้องการใช้ AI แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี
    30% กังวลเรื่องต้นทุน / 25% ไม่มั่นใจใน ROI / 27% ขาดความเชี่ยวชาญ

    ธุรกิจเริ่มลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อม
    42% ลงทุนในการฝึกอบรม / 37% พัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล / 37% ลงทุนใน R&D
    เน้นการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล, คาดการณ์, ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า

    AI ช่วยลดภาระงานประจำและเพิ่มเวลาสำหรับการวางแผน
    ช่วยให้ผู้บริหารหลุดจากงานประจำเพื่อโฟกัสการเติบโต
    เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจและปรับตัวต่อเศรษฐกิจ

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI ใน SMBs
    ขาดแผนการฝึกอบรมที่ชัดเจน อาจทำให้การใช้ AI ไม่เกิดผลลัพธ์
    ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณภาครัฐ อาจชะลอการลงทุน
    หากไม่มีการจัดการข้อมูลที่ดี AI อาจให้ผลลัพธ์ผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย
    การใช้ AI โดยไม่มี oversight อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพนักงาน

    https://www.techradar.com/pro/smbs-are-turning-to-ai-to-solve-their-problems-but-many-are-still-cautious-to-go-all-in
    📰 SMBs กับการก้าวสู่ยุค AI — โอกาสใหม่ที่มาพร้อมความลังเลและช่องว่างทักษะ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMBs) กำลังหันมาใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาการขาดเวลาและทรัพยากรในการเติบโต โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรที่ SMBs คิดเป็น 99% ของธุรกิจทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความสนใจสูง แต่หลายองค์กรยังลังเลที่จะลงทุนเต็มตัว เนื่องจากขาดทักษะด้านดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จากรายงานของ Amex และ Barclays พบว่า 28% ของผู้นำ SME ไม่สามารถหลุดจากงานประจำเพื่อวางแผนธุรกิจได้ และ 24% รู้สึกว่าไม่มีเวลาพอที่จะขยายกิจการ ทำให้ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนจะใช้ AI ภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยคาดหวังว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 อย่างไรก็ตาม ปัญหาทักษะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดย 89% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรต้องการใช้ AI ภายใน 2 ปี แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี และยังมีความกังวลเรื่องต้นทุน ความปลอดภัยของข้อมูล และความคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว หลายองค์กรจึงหันไปลงทุนในด้านการฝึกอบรม (42%) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล (37%) และการวิจัยและพัฒนา (37%) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ AI อย่างยั่งยืน แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคจากงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้า และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นก็ตาม ✅ SMBs หันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเติบโต ➡️ 43% ของธุรกิจขนาดเล็ก และ 53% ของธุรกิจขนาดกลาง วางแผนใช้ AI ภายใน 12 เดือน ➡️ 60% คาดหวังผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ✅ ปัญหาทักษะและต้นทุนยังเป็นอุปสรรคหลัก ➡️ 89% ต้องการใช้ AI แต่ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี ➡️ 30% กังวลเรื่องต้นทุน / 25% ไม่มั่นใจใน ROI / 27% ขาดความเชี่ยวชาญ ✅ ธุรกิจเริ่มลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อม ➡️ 42% ลงทุนในการฝึกอบรม / 37% พัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล / 37% ลงทุนใน R&D ➡️ เน้นการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล, คาดการณ์, ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า ✅ AI ช่วยลดภาระงานประจำและเพิ่มเวลาสำหรับการวางแผน ➡️ ช่วยให้ผู้บริหารหลุดจากงานประจำเพื่อโฟกัสการเติบโต ➡️ เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจและปรับตัวต่อเศรษฐกิจ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI ใน SMBs ⛔ ขาดแผนการฝึกอบรมที่ชัดเจน อาจทำให้การใช้ AI ไม่เกิดผลลัพธ์ ⛔ ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและงบประมาณภาครัฐ อาจชะลอการลงทุน ⛔ หากไม่มีการจัดการข้อมูลที่ดี AI อาจให้ผลลัพธ์ผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย ⛔ การใช้ AI โดยไม่มี oversight อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและพนักงาน https://www.techradar.com/pro/smbs-are-turning-to-ai-to-solve-their-problems-but-many-are-still-cautious-to-go-all-in
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • Logitech G Pro X2 Superstrike เปิดตัวเมาส์เกมมิ่งระบบ Haptic ตัวแรกของโลก — ปรับจุดคลิกได้ตามใจ พร้อมเทคโนโลยี Rapid Trigger สำหรับนักแข่งระดับโปร

    Logitech กำลังเขย่าวงการเกมมิ่งอีกครั้งด้วยการเปิดตัวเมาส์รุ่นใหม่ “G Pro X2 Superstrike” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดชื่อว่า HITS หรือ Haptic Inductive Trigger System ซึ่งเป็นการรวมระบบคลิกแบบแอนะล็อกเข้ากับการตอบสนองแบบ haptic ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับจุด actuation ได้อย่างละเอียด พร้อมรับความรู้สึก “คลิก” แบบเรียลไทม์ แม้จะไม่มีสวิตช์กลไกแบบเดิม

    เมาส์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ระดับมืออาชีพ โดยสามารถปรับจุด actuation ได้ถึง 10 ระดับ และตั้งค่า rapid trigger ได้ 5 ระดับภายในระยะคลิกเพียง 0.6 มม. ซึ่งช่วยลด latency ได้ถึง 9–30 มิลลิวินาที นอกจากนี้ยังใช้เซ็นเซอร์ HERO 2 ที่มีความละเอียดสูงถึง 44,000 DPI ความเร็ว 888 IPS และรองรับแรงเร่งสูงสุด 88 G พร้อม polling rate สูงสุด 8,000 Hz

    G Pro X2 Superstrike ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาเพียง 65 กรัม ใช้งานแบบไร้สายผ่านเทคโนโลยี LIGHTSPEED และมีอายุแบตเตอรี่สูงสุด 90 ชั่วโมง โดยจะวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2026 ด้วยราคา $179.99 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2026

    Logitech เปิดตัว G Pro X2 Superstrike เมาส์เกมมิ่งรุ่นใหม่
    ใช้เทคโนโลยี HITS (Haptic Inductive Trigger System)
    เป็นเมาส์เกมมิ่งตัวแรกที่ใช้ระบบคลิกแบบแอนะล็อกพร้อม haptic feedback

    ปรับแต่งการคลิกได้ละเอียดระดับมืออาชีพ
    ปรับจุด actuation ได้ 10 ระดับ
    ตั้งค่า rapid trigger ได้ 5 ระดับภายในระยะคลิก 0.6 มม.
    ลด latency ได้ 9–30 มิลลิวินาที

    ใช้เซ็นเซอร์ HERO 2 รุ่นล่าสุด
    ความละเอียดสูงสุด 44,000 DPI
    ความเร็ว 888 IPS และแรงเร่ง 88 G
    รองรับ polling rate สูงสุด 8,000 Hz

    ดีไซน์เบาและใช้งานได้นาน
    น้ำหนัก 65 กรัม ขนาดเท่ากับ G Pro X Superlight 2
    ใช้งานไร้สายผ่าน LIGHTSPEED
    อายุแบตเตอรี่สูงสุด 90 ชั่วโมง

    วางจำหน่ายต้นปี 2026
    ราคาเปิดตัว $179.99
    คาดว่าจะเปิดตัวในงาน CES 2026

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานและความคาดหวัง
    ระบบคลิกแบบแอนะล็อกอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    Haptic feedback อาจไม่เหมาะกับทุกประเภทเกม โดยเฉพาะเกมที่ไม่เน้นคลิกเร็ว
    ฟีเจอร์ขั้นสูงต้องใช้ Logitech G HUB ในการปรับแต่ง ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับบางผู้ใช้
    ราคา $179.99 ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับเมาส์ทั่วไปในตลาด

    https://www.tomshardware.com/peripherals/gaming-mice/logitechs-next-gaming-mouse-will-have-haptic-based-clicks-adjustable-actuation-and-rapid-trigger-new-g-pro-x2-superstrike-will-land-at-usd180
    📰 Logitech G Pro X2 Superstrike เปิดตัวเมาส์เกมมิ่งระบบ Haptic ตัวแรกของโลก — ปรับจุดคลิกได้ตามใจ พร้อมเทคโนโลยี Rapid Trigger สำหรับนักแข่งระดับโปร Logitech กำลังเขย่าวงการเกมมิ่งอีกครั้งด้วยการเปิดตัวเมาส์รุ่นใหม่ “G Pro X2 Superstrike” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดชื่อว่า HITS หรือ Haptic Inductive Trigger System ซึ่งเป็นการรวมระบบคลิกแบบแอนะล็อกเข้ากับการตอบสนองแบบ haptic ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับจุด actuation ได้อย่างละเอียด พร้อมรับความรู้สึก “คลิก” แบบเรียลไทม์ แม้จะไม่มีสวิตช์กลไกแบบเดิม เมาส์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ระดับมืออาชีพ โดยสามารถปรับจุด actuation ได้ถึง 10 ระดับ และตั้งค่า rapid trigger ได้ 5 ระดับภายในระยะคลิกเพียง 0.6 มม. ซึ่งช่วยลด latency ได้ถึง 9–30 มิลลิวินาที นอกจากนี้ยังใช้เซ็นเซอร์ HERO 2 ที่มีความละเอียดสูงถึง 44,000 DPI ความเร็ว 888 IPS และรองรับแรงเร่งสูงสุด 88 G พร้อม polling rate สูงสุด 8,000 Hz G Pro X2 Superstrike ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาเพียง 65 กรัม ใช้งานแบบไร้สายผ่านเทคโนโลยี LIGHTSPEED และมีอายุแบตเตอรี่สูงสุด 90 ชั่วโมง โดยจะวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2026 ด้วยราคา $179.99 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ✅ Logitech เปิดตัว G Pro X2 Superstrike เมาส์เกมมิ่งรุ่นใหม่ ➡️ ใช้เทคโนโลยี HITS (Haptic Inductive Trigger System) ➡️ เป็นเมาส์เกมมิ่งตัวแรกที่ใช้ระบบคลิกแบบแอนะล็อกพร้อม haptic feedback ✅ ปรับแต่งการคลิกได้ละเอียดระดับมืออาชีพ ➡️ ปรับจุด actuation ได้ 10 ระดับ ➡️ ตั้งค่า rapid trigger ได้ 5 ระดับภายในระยะคลิก 0.6 มม. ➡️ ลด latency ได้ 9–30 มิลลิวินาที ✅ ใช้เซ็นเซอร์ HERO 2 รุ่นล่าสุด ➡️ ความละเอียดสูงสุด 44,000 DPI ➡️ ความเร็ว 888 IPS และแรงเร่ง 88 G ➡️ รองรับ polling rate สูงสุด 8,000 Hz ✅ ดีไซน์เบาและใช้งานได้นาน ➡️ น้ำหนัก 65 กรัม ขนาดเท่ากับ G Pro X Superlight 2 ➡️ ใช้งานไร้สายผ่าน LIGHTSPEED ➡️ อายุแบตเตอรี่สูงสุด 90 ชั่วโมง ✅ วางจำหน่ายต้นปี 2026 ➡️ ราคาเปิดตัว $179.99 ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในงาน CES 2026 ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานและความคาดหวัง ⛔ ระบบคลิกแบบแอนะล็อกอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ Haptic feedback อาจไม่เหมาะกับทุกประเภทเกม โดยเฉพาะเกมที่ไม่เน้นคลิกเร็ว ⛔ ฟีเจอร์ขั้นสูงต้องใช้ Logitech G HUB ในการปรับแต่ง ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับบางผู้ใช้ ⛔ ราคา $179.99 ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับเมาส์ทั่วไปในตลาด https://www.tomshardware.com/peripherals/gaming-mice/logitechs-next-gaming-mouse-will-have-haptic-based-clicks-adjustable-actuation-and-rapid-trigger-new-g-pro-x2-superstrike-will-land-at-usd180
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • 18-09-68/02​ : หมี CNN / ฝันเปียกอีกแล้ว! มรึงน่ะเหรอ? ให้กูหยุดสั่งซื้อน้ำมันรัสเซีย? ถามจริง? ตัวมรึงเองยังแอบสั่งอยู่เลย ผ่านอีไก่งวง ฟาโรห์ ยังมีหน้ามาสั่งกูห้ามซื้อ กูไม่ใช่ ไอ้โง่ยุโรปน่ะเฟ้ย? อีแขกขรรมกลิ้ง จะคุยกับกูเพื่อ? กูส่งออกที่อื่นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมรึง สิ่งที่สำคัญกว่าเงินคือพลังงาน ประเทศกูจะพัฒนาต่อเนื่องได้อย่างไรหากขาดพลังงาน มรึงคิดว่าแค่การค้าประเทศเดียวกับมรึง กับพลังงาน กูยังต้องคิดเยอะอีกเหรอ? ทุกวันนี้ เหี้ยมะกันเตะหมูเข้าปากหมี และพญามังกร โดยที่ขั้วใหม่ ไม่ต้องทำเหี้ยอาไยเลย เห็นมาเยอะแล้ว ยืนเคียงข้างเหี้ย แล้วสุดท้ายย้ายขั้วออกหมด เพราะแม้แต่พวกเดียวกันมรึงยังจะแดร๊กกันเอง ใครจะคบล่ะจ๊ะ? ล่าสุด อีแขก จีน รัสเซีย จับมือกันแล้ว ไม่คิดถึงอดีตที่ผ่านมา ที่อีแขกมัวแต่ลีลาเป็นกระเบื้อง วันนี้ ไม่มีจีน ไม่มีรัสเซีย ไม่มี BRICS อีแขกจะอยู่ได้ยังไง? อิทธิพลก็ต้องแข่งขันกันไป อำนาจเป็นสิ่งที่ต้องแย่งชิง แต่ไม่โง่พอที่จะรีบชิงตายห่าก่อนเวลาอันควร มีถอยเพื่อรุก มีรุกเพื่อต้าน กฎเหล็กขาใหญ่ต่างรู้กันดี ประเด็นคือ ทำไม ทั้งโลกต่างต้องการพลังงานรัสเซีย เพราะว่ามันถูกและดีจริง มรึงจะไปหาพลังงานราคาถูกที่ไหนได้อีก แค่ที่มรึงมียังไม่พอใช้เลย ไอ้สัส! แม้แต่อเมริกาเอง พลังงานสำรองหมดไปเยอะ สุ่มเสี่ยงหนัก หากจะเปิดสงคราม ทำไม รัสเซีย จีน จะดูไม่ออก มรึงจะรบเนี่ย พลังงานสำรองมรึงมีใช้ได้กี่เดือน กูลากเป็นปี มรึงก็ฉิบหายแล้ว ไม่ต้องฆ่ามรึงดอก เดี๋ยวชาวบ้านลงถนนตามไปไล่ล่ามรึงถึงที่เอง เพราะไม่มีไฟฟ้าจะใช้ อีโง่ยุโรปแบกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20% เหตุเพราะดันไปซื้อพลังงานแพงจากเหี้ยด้วยกันไงล่ะ? มรึงถึงได้พากันตายห่ายกคอก ทั้งหมดคือเกมส์การเมือง สหรัฐแค่ต้องการทำให้โลกยังเห็นว่า "สั่งอีแขกได้อยู่" ส่วนอีแขก ก็เล่นบท "กูไม่ใช่ขี้ข้ามรึงอีกต่อไป" หลังเป็นทาสเหี้ยสิงโตมาช้านาน อดีตขี้ข้า วันนี้ก็ต้องเป็นขี้ข้ากูต่อ จะสลัดหลุดออกจกวังวนเหี้ย มรึงต้องยืนด้วยขาตัวเอง จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ทำสำเร็จ แต่อีแขกยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะมรึงมันลังเล หลายใจ ลีลา เอาแต่ได้ ไม่ยอมเสีย ถึงไปไม่สุดซักกะเรื่อง ไม่แปลกที่ตามหลังจีนแบบไม่เห็นฝุ่น ไปแก้ที่ MIND SET มรึงก่อนดีกว่ามั้ย?

    US will ‘sort out’ trade deal with India after it stops buying Russian oil – commerce secretary รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย

    รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โฮวาร์ด ลุตนิคระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังประเทศหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียและเปิดตลาด

    ความเห็นของลุตนิคเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอินเดียนเรนทรา โมดียืนยันว่า สหรัฐและอินเดียยังคงเจรจาทางการค้าและแสดงความมั่นใจว่า การเจรจาจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

    รัสเซียกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันหลักให้อินเดียตั้งแต่เกิดความรุนแรงจากความขัดแย้งยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ที่คิดเป็นเกือบ 40% ของการนำเข้าน้ำมันดิบอินเดีย ในขณะเดียวกัน อินเดียกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของน้ำมันกลั่นให้ยุโรปตั้งแต่ปี 2023

    เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐกำหนดอัตราภาษี 25% ของการนำเข้าสินค้าอินเดียทั้งหมดต่อการนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียของอินเดีย ถือเป็นส่วนที่เพิ่มจาก 25% หลังอินเดียและสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในช่วงต้นเดือนสิงหาคมได้

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในการพิจารณาคดีของวุฒิสมาชิก ตัวแทนของทรัมป์หรือทูตอินเดียเซอร์จิโอ กอร์แสดงความรู้สึกแบบเดียวกันในการค้าน้ำมันของอินเดียกับรัสเซีย

    เขากล่าวขณะที่กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นทางการค้าจะได้รับการแก้ปัญหาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ดังนั้นอินเดียต้องหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย”

    กอร์กล่าวว่า “เรามีมาตรฐานที่แตกต่างสำหรับอินเดีย เราจึงคาดหวังว่าจะได้มากกว่าประเทศอื่น”

    https://www.rt.com/india/624557-us-will-sort-out-trade/

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    18-09-68/02​ : หมี CNN / ฝันเปียกอีกแล้ว! มรึงน่ะเหรอ? ให้กูหยุดสั่งซื้อน้ำมันรัสเซีย? ถามจริง? ตัวมรึงเองยังแอบสั่งอยู่เลย ผ่านอีไก่งวง ฟาโรห์ ยังมีหน้ามาสั่งกูห้ามซื้อ กูไม่ใช่ ไอ้โง่ยุโรปน่ะเฟ้ย? อีแขกขรรมกลิ้ง จะคุยกับกูเพื่อ? กูส่งออกที่อื่นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมรึง สิ่งที่สำคัญกว่าเงินคือพลังงาน ประเทศกูจะพัฒนาต่อเนื่องได้อย่างไรหากขาดพลังงาน มรึงคิดว่าแค่การค้าประเทศเดียวกับมรึง กับพลังงาน กูยังต้องคิดเยอะอีกเหรอ? ทุกวันนี้ เหี้ยมะกันเตะหมูเข้าปากหมี และพญามังกร โดยที่ขั้วใหม่ ไม่ต้องทำเหี้ยอาไยเลย เห็นมาเยอะแล้ว ยืนเคียงข้างเหี้ย แล้วสุดท้ายย้ายขั้วออกหมด เพราะแม้แต่พวกเดียวกันมรึงยังจะแดร๊กกันเอง ใครจะคบล่ะจ๊ะ? ล่าสุด อีแขก จีน รัสเซีย จับมือกันแล้ว ไม่คิดถึงอดีตที่ผ่านมา ที่อีแขกมัวแต่ลีลาเป็นกระเบื้อง วันนี้ ไม่มีจีน ไม่มีรัสเซีย ไม่มี BRICS อีแขกจะอยู่ได้ยังไง? อิทธิพลก็ต้องแข่งขันกันไป อำนาจเป็นสิ่งที่ต้องแย่งชิง แต่ไม่โง่พอที่จะรีบชิงตายห่าก่อนเวลาอันควร มีถอยเพื่อรุก มีรุกเพื่อต้าน กฎเหล็กขาใหญ่ต่างรู้กันดี ประเด็นคือ ทำไม ทั้งโลกต่างต้องการพลังงานรัสเซีย เพราะว่ามันถูกและดีจริง มรึงจะไปหาพลังงานราคาถูกที่ไหนได้อีก แค่ที่มรึงมียังไม่พอใช้เลย ไอ้สัส! แม้แต่อเมริกาเอง พลังงานสำรองหมดไปเยอะ สุ่มเสี่ยงหนัก หากจะเปิดสงคราม ทำไม รัสเซีย จีน จะดูไม่ออก มรึงจะรบเนี่ย พลังงานสำรองมรึงมีใช้ได้กี่เดือน กูลากเป็นปี มรึงก็ฉิบหายแล้ว ไม่ต้องฆ่ามรึงดอก เดี๋ยวชาวบ้านลงถนนตามไปไล่ล่ามรึงถึงที่เอง เพราะไม่มีไฟฟ้าจะใช้ อีโง่ยุโรปแบกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20% เหตุเพราะดันไปซื้อพลังงานแพงจากเหี้ยด้วยกันไงล่ะ? มรึงถึงได้พากันตายห่ายกคอก ทั้งหมดคือเกมส์การเมือง สหรัฐแค่ต้องการทำให้โลกยังเห็นว่า "สั่งอีแขกได้อยู่" ส่วนอีแขก ก็เล่นบท "กูไม่ใช่ขี้ข้ามรึงอีกต่อไป" หลังเป็นทาสเหี้ยสิงโตมาช้านาน อดีตขี้ข้า วันนี้ก็ต้องเป็นขี้ข้ากูต่อ จะสลัดหลุดออกจกวังวนเหี้ย มรึงต้องยืนด้วยขาตัวเอง จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ทำสำเร็จ แต่อีแขกยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะมรึงมันลังเล หลายใจ ลีลา เอาแต่ได้ ไม่ยอมเสีย ถึงไปไม่สุดซักกะเรื่อง ไม่แปลกที่ตามหลังจีนแบบไม่เห็นฝุ่น ไปแก้ที่ MIND SET มรึงก่อนดีกว่ามั้ย? US will ‘sort out’ trade deal with India after it stops buying Russian oil – commerce secretary รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โฮวาร์ด ลุตนิคระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังประเทศหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียและเปิดตลาด ความเห็นของลุตนิคเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอินเดียนเรนทรา โมดียืนยันว่า สหรัฐและอินเดียยังคงเจรจาทางการค้าและแสดงความมั่นใจว่า การเจรจาจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ รัสเซียกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันหลักให้อินเดียตั้งแต่เกิดความรุนแรงจากความขัดแย้งยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ที่คิดเป็นเกือบ 40% ของการนำเข้าน้ำมันดิบอินเดีย ในขณะเดียวกัน อินเดียกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของน้ำมันกลั่นให้ยุโรปตั้งแต่ปี 2023 เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐกำหนดอัตราภาษี 25% ของการนำเข้าสินค้าอินเดียทั้งหมดต่อการนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียของอินเดีย ถือเป็นส่วนที่เพิ่มจาก 25% หลังอินเดียและสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในช่วงต้นเดือนสิงหาคมได้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในการพิจารณาคดีของวุฒิสมาชิก ตัวแทนของทรัมป์หรือทูตอินเดียเซอร์จิโอ กอร์แสดงความรู้สึกแบบเดียวกันในการค้าน้ำมันของอินเดียกับรัสเซีย เขากล่าวขณะที่กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นทางการค้าจะได้รับการแก้ปัญหาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ดังนั้นอินเดียต้องหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย” กอร์กล่าวว่า “เรามีมาตรฐานที่แตกต่างสำหรับอินเดีย เราจึงคาดหวังว่าจะได้มากกว่าประเทศอื่น” https://www.rt.com/india/624557-us-will-sort-out-trade/ ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.RT.COM
    US will ‘sort out’ trade deal with India after it stops buying Russian oil – commerce secretary
    Howard Lutnick has called on New Delhi to open its markets and refrain from importing crude from Russia
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • อังกฤษแชมป์ด้านจับผิดเว็บหลอกลวง — แต่ยังมีช่องโหว่เรื่องความเป็นส่วนตัวในยุค AI

    จากผลการทดสอบ National Privacy Test โดย NordVPN ซึ่งสำรวจผู้ใช้งานกว่า 30,000 คนจาก 185 ประเทศ พบว่า “ชาวอังกฤษ” เป็นกลุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในบรรดาประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ในการตรวจจับเว็บไซต์ฟิชชิ่งหรือเว็บหลอกลวง โดยอังกฤษติดอันดับที่ 5 ของโลกในด้านความรู้ไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวออนไลน์

    ในทางกลับกัน “ชาวอเมริกัน” กลับมีคะแนนต่ำในด้านนี้ โดยมีเพียง 31% เท่านั้นที่สามารถแยกแยะเว็บไซต์ฟิชชิ่งได้อย่างถูกต้อง ซึ่งถือเป็นช่องโหว่สำคัญในยุคที่การหลอกลวงออนไลน์มีความซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน

    แม้ชาวอังกฤษจะเก่งเรื่องการตั้งรหัสผ่านและรู้จักวิธีหลีกเลี่ยงมัลแวร์ แต่กลับมีความรู้ต่ำมากในเรื่อง “ความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้ AI ในที่ทำงาน” โดยมีเพียง 5% เท่านั้นที่ตอบคำถามด้านนี้ได้ถูกต้อง ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 6%

    นอกจากนี้ยังพบว่า คนอังกฤษจำนวนมากยังไม่รู้วิธีเก็บรักษารหัสผ่านอย่างปลอดภัย และไม่คุ้นเคยกับเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น VPN หรือ password manager ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างมาก

    อังกฤษเป็นประเทศที่เก่งที่สุดในกลุ่มภาษาอังกฤษในการจับเว็บฟิชชิ่ง
    ติดอันดับ 5 ของโลกในด้านความรู้ไซเบอร์จากการทดสอบของ NordVPN
    มีความเข้าใจเรื่องมัลแวร์และการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง (96%)

    สหรัฐฯ มีช่องโหว่ด้านการตรวจจับเว็บหลอกลวง
    มีเพียง 31% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่สามารถแยกแยะเว็บฟิชชิ่งได้
    คะแนนรวมของสหรัฐฯ อยู่ที่อันดับ 4 ร่วมกับเยอรมนี

    ความรู้เรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้ AI ยังต่ำทั่วโลก
    อังกฤษและสหรัฐฯ มีเพียง 5% ที่ตอบคำถามด้านนี้ได้ถูกต้อง
    ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 6% เท่านั้น

    ช่องโหว่ด้านการจัดการรหัสผ่านยังมีอยู่มาก
    มีเพียง 21% ของชาวอังกฤษที่รู้วิธีเก็บรหัสผ่านอย่างปลอดภัย
    เครื่องมืออย่าง password manager ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย

    เครื่องมือช่วยป้องกันฟิชชิ่งมีบทบาทสำคัญ
    NordVPN Threat Protection Pro สามารถบล็อกเว็บอันตรายและสแกนมัลแวร์
    ทำงานได้แม้ไม่มีการเชื่อมต่อ VPN โดยตรง

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/brits-are-better-than-americans-at-spotting-phishing-scams-nordvpn-study-shows
    📰 อังกฤษแชมป์ด้านจับผิดเว็บหลอกลวง — แต่ยังมีช่องโหว่เรื่องความเป็นส่วนตัวในยุค AI จากผลการทดสอบ National Privacy Test โดย NordVPN ซึ่งสำรวจผู้ใช้งานกว่า 30,000 คนจาก 185 ประเทศ พบว่า “ชาวอังกฤษ” เป็นกลุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในบรรดาประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ในการตรวจจับเว็บไซต์ฟิชชิ่งหรือเว็บหลอกลวง โดยอังกฤษติดอันดับที่ 5 ของโลกในด้านความรู้ไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวออนไลน์ ในทางกลับกัน “ชาวอเมริกัน” กลับมีคะแนนต่ำในด้านนี้ โดยมีเพียง 31% เท่านั้นที่สามารถแยกแยะเว็บไซต์ฟิชชิ่งได้อย่างถูกต้อง ซึ่งถือเป็นช่องโหว่สำคัญในยุคที่การหลอกลวงออนไลน์มีความซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน แม้ชาวอังกฤษจะเก่งเรื่องการตั้งรหัสผ่านและรู้จักวิธีหลีกเลี่ยงมัลแวร์ แต่กลับมีความรู้ต่ำมากในเรื่อง “ความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้ AI ในที่ทำงาน” โดยมีเพียง 5% เท่านั้นที่ตอบคำถามด้านนี้ได้ถูกต้อง ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 6% นอกจากนี้ยังพบว่า คนอังกฤษจำนวนมากยังไม่รู้วิธีเก็บรักษารหัสผ่านอย่างปลอดภัย และไม่คุ้นเคยกับเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น VPN หรือ password manager ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างมาก ✅ อังกฤษเป็นประเทศที่เก่งที่สุดในกลุ่มภาษาอังกฤษในการจับเว็บฟิชชิ่ง ➡️ ติดอันดับ 5 ของโลกในด้านความรู้ไซเบอร์จากการทดสอบของ NordVPN ➡️ มีความเข้าใจเรื่องมัลแวร์และการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง (96%) ✅ สหรัฐฯ มีช่องโหว่ด้านการตรวจจับเว็บหลอกลวง ➡️ มีเพียง 31% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่สามารถแยกแยะเว็บฟิชชิ่งได้ ➡️ คะแนนรวมของสหรัฐฯ อยู่ที่อันดับ 4 ร่วมกับเยอรมนี ✅ ความรู้เรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้ AI ยังต่ำทั่วโลก ➡️ อังกฤษและสหรัฐฯ มีเพียง 5% ที่ตอบคำถามด้านนี้ได้ถูกต้อง ➡️ ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 6% เท่านั้น ✅ ช่องโหว่ด้านการจัดการรหัสผ่านยังมีอยู่มาก ➡️ มีเพียง 21% ของชาวอังกฤษที่รู้วิธีเก็บรหัสผ่านอย่างปลอดภัย ➡️ เครื่องมืออย่าง password manager ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ✅ เครื่องมือช่วยป้องกันฟิชชิ่งมีบทบาทสำคัญ ➡️ NordVPN Threat Protection Pro สามารถบล็อกเว็บอันตรายและสแกนมัลแวร์ ➡️ ทำงานได้แม้ไม่มีการเชื่อมต่อ VPN โดยตรง https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/brits-are-better-than-americans-at-spotting-phishing-scams-nordvpn-study-shows
    WWW.TECHRADAR.COM
    Brits are better than Americans at spotting phishing scams, NordVPN study shows
    The privacy risks of using AI at work are still a mystery for most
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา

    ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ

    สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล

    นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น

    #Newskit
    ปลุกการอ่านหนังสือพิมพ์ ขายในเซเว่นฯ 1,712 สาขา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล พฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่มีอายุในไทยมากกว่า 180 ปี นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2387 ถูกแทนที่ด้วยสื่อออนไลน์ เมื่อคนรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักหนังสือพิมพ์ ส่วนคนรุ่นเก่าอ่านน้อยลงเพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างเลิกกิจการ เหลือจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์น้อยลง ทำให้การซื้อหนังสือพิมพ์ทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง ถึงกระนั้น ยังมีความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดโครงการจุดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,712 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ยังชื่นชอบบริโภคข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์ ส่งเสริมการอ่าน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งเอเจนซีโฆษณาได้รับทราบว่าสามารถหาซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ โดยมีผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับจาก 5 ค่ายเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน ข่าวสด ข่าวหุ้นธุรกิจ สตาร์ซ็อคเกอร์ และสปอร์ตพูล นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ปรับตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเนื้อหาที่แตกต่าง ลุ่มลึก สร้างสรรค์ จุดแข็งสำคัญคือจับต้องได้ มีกองบรรณาธิการที่เข้มแข็ง คอยคัดและกลั่นกรองเนื้อหาก่อนนำเสนอ ช่วยป้องกันข่าวลวง ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ รวมถึงปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน ทำให้เนื้อหาการนำเสนอ การใช้ภาษา และอื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม โครงการนี้จะช่วยให้คนรักการอ่านหนังสือพิมพ์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำหน้าที่สื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาสภาการสื่อมวลชนฯ ได้จัดโครงการสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ ผ่านโรงเรียน 190 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนเข้าร่วมกว่า 5,000 คน พร้อมจัดกิจกรรมสร้างเสริมทักษะเท่าทันสื่อเพื่อเด็กด้วยหนังสือพิมพ์ พบว่าสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนมีทักษะการอ่าน การตีความเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการอ่านและคิดวิเคราะห์ดีขึ้น และนำความรู้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ รับมือกับข่าวปลอม โฆษณาเกินจริง การฉ้อโกงออนไลน์ กล้าตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น #Newskit
    1 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
More Results