• ## รัชกาลที่ 5 กับการเลิกบ่อนการพนัน...!!! ##
    ..
    ..
    เมื่อคราวที่ รัชกาล 5 เสด็จประพาสยุโรป ทรงเสด็จไปศึกษาบ่อนการพนันแหล่งใหญ่ของ ยุโรป ที่เมือง มอนติคาโล
    .
    ทรงส่งชิปราคา 100 ฟรังก์ มาพระราชทาน สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 3 เหรียญ เป็นที่ระลึก
    .
    พร้อมพระราชหัตถ์เลขามีความตอนหนึ่งว่า...
    .
    “ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าสักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก ...”
    .
    บทความ โดย โรม บุนนาค
    https://shorturl.asia/lBfp5
    ....
    ....
    ปีนี้ รัฐบาล จะมอบ คาสิโน บ่อนพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย ให้ประเทศไทย...???
    .
    ไอ้คำขวัญวันเด็กปี 2568 ที่ว่า "ทุกโอกาสคือการเรียนรู้" ให้เรียนรู้อะไรครับ...???
    .
    ให้เด็กๆเรียนรู้กับบ่อนการพนัน...???
    .
    ให้เด็กเรียนรู้ เป็นนักแจกไพ่...???
    .
    และที่ว่า GDP จะโต ก็คือ เรื่องโกหก...???
    .
    สภาพัฒน์ บอกว่า เงินพนันนี้ เป็นเงินโอน คือ เงินพนัน ไหลจาก นักพนัน ไปสู่เจ้าของบ่อนพนัน
    .
    เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น "เงินโอน (Transfer)" จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้น ธุรกิจ กาสิโน อาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้
    https://shorturl.asia/wJ2vQ
    .
    ผู้ที่จะได้ประโยชน์หลัก คือเจ้าของบ่อน ซึ่งก็คือ ทุนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ กับทุนภายในประเทศ (ซึ่งบางคนเชื่อว่าเป็นทุนการเมือง)
    .
    ดังนั้น จะไม่มีผลต่อ GDP เท่าไหร่ เพราะเงินเล่นพนันไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์อะไร ไม่สามารถ เจนเนอร์เรส GDP ให้โตได้...!!!
    .
    ตัวเลขการจ้างงานจาก คาสิโน จะมีเพีบงประมาณ 9,000 -15,300 ตำแหน่ง โดย ตำแหน่งพนักการเสิร์ฟน้ำและอาหาร พนักงานแจกไพ่ ไม่ได้ช่วยให้มีแรงงานไทยเพิ่มทักษะเพิ่ม Skill มีฝีมือ อะไรเพิ่มเติมได้เลย...
    .
    โดยอ้างว่าจะมีตัวเลขจากการท่องเทียวเพิ่มขึ้น 1 - 4 แสนล้าน (ตัวเลขกลมๆ)...
    .
    ขณะเดียวกันก็ระบุว่า จะมีรายได้จากภาษี 1 - 3 หมื่นล้าน ต่อปี (ตัวเลขกลมๆ)
    .
    คำถามคือ คุ้มมั้ย...???
    .
    รัฐได้รายได้มาไม่ถึง 10% แต่ปัญหาสังคมที่จะตามมาอีกมากมายไม่รู้กี่เรื่อง...!!!
    ...
    ...
    สรุป
    .
    คนได้ประโยชน์หลัก คือ เจ้าของบ่อน แลกกับ รายได้ของรัฐไม่ถึง 10%
    โดยการ "เซ่นสังเวย ประชาชน" ด้วยการ "ก่อปัญหาสังคม" ให้ประเทศ แลก กับกำไรของ เจ้าของบ่อน ใช่หรือไม่...???
    ## รัชกาลที่ 5 กับการเลิกบ่อนการพนัน...!!! ## .. .. เมื่อคราวที่ รัชกาล 5 เสด็จประพาสยุโรป ทรงเสด็จไปศึกษาบ่อนการพนันแหล่งใหญ่ของ ยุโรป ที่เมือง มอนติคาโล . ทรงส่งชิปราคา 100 ฟรังก์ มาพระราชทาน สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 3 เหรียญ เป็นที่ระลึก . พร้อมพระราชหัตถ์เลขามีความตอนหนึ่งว่า... . “ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าสักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก ...” . บทความ โดย โรม บุนนาค https://shorturl.asia/lBfp5 .... .... ปีนี้ รัฐบาล จะมอบ คาสิโน บ่อนพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย ให้ประเทศไทย...??? . ไอ้คำขวัญวันเด็กปี 2568 ที่ว่า "ทุกโอกาสคือการเรียนรู้" ให้เรียนรู้อะไรครับ...??? . ให้เด็กๆเรียนรู้กับบ่อนการพนัน...??? . ให้เด็กเรียนรู้ เป็นนักแจกไพ่...??? . และที่ว่า GDP จะโต ก็คือ เรื่องโกหก...??? . สภาพัฒน์ บอกว่า เงินพนันนี้ เป็นเงินโอน คือ เงินพนัน ไหลจาก นักพนัน ไปสู่เจ้าของบ่อนพนัน . เงินจากการพนันมีลักษณะเป็น "เงินโอน (Transfer)" จะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเนื่องจากไม่ทำให้เกิดผลผลิต (Production) ดังนั้น ธุรกิจ กาสิโน อาจจะไม่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจมากเท่าที่มีการคาดการณ์ไว้ https://shorturl.asia/wJ2vQ . ผู้ที่จะได้ประโยชน์หลัก คือเจ้าของบ่อน ซึ่งก็คือ ทุนยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ กับทุนภายในประเทศ (ซึ่งบางคนเชื่อว่าเป็นทุนการเมือง) . ดังนั้น จะไม่มีผลต่อ GDP เท่าไหร่ เพราะเงินเล่นพนันไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์อะไร ไม่สามารถ เจนเนอร์เรส GDP ให้โตได้...!!! . ตัวเลขการจ้างงานจาก คาสิโน จะมีเพีบงประมาณ 9,000 -15,300 ตำแหน่ง โดย ตำแหน่งพนักการเสิร์ฟน้ำและอาหาร พนักงานแจกไพ่ ไม่ได้ช่วยให้มีแรงงานไทยเพิ่มทักษะเพิ่ม Skill มีฝีมือ อะไรเพิ่มเติมได้เลย... . โดยอ้างว่าจะมีตัวเลขจากการท่องเทียวเพิ่มขึ้น 1 - 4 แสนล้าน (ตัวเลขกลมๆ)... . ขณะเดียวกันก็ระบุว่า จะมีรายได้จากภาษี 1 - 3 หมื่นล้าน ต่อปี (ตัวเลขกลมๆ) . คำถามคือ คุ้มมั้ย...??? . รัฐได้รายได้มาไม่ถึง 10% แต่ปัญหาสังคมที่จะตามมาอีกมากมายไม่รู้กี่เรื่อง...!!! ... ... สรุป . คนได้ประโยชน์หลัก คือ เจ้าของบ่อน แลกกับ รายได้ของรัฐไม่ถึง 10% โดยการ "เซ่นสังเวย ประชาชน" ด้วยการ "ก่อปัญหาสังคม" ให้ประเทศ แลก กับกำไรของ เจ้าของบ่อน ใช่หรือไม่...???
    SHORTURL.ASIA
    ร.๕ กับการเลิกบ่อนการพนัน! ที่ว่าไม่สนุกนั้นไม่จริงเลย ฉันเป็นคนไม่เล่นเบี้ยยังรู้สึกสนุก!!
    ในสมัยก่อน ระบบการเก็บภาษียังไม่กว้างขวางพอที่จะหาเงินมาใช้ในการพัฒนาประเทศ บ่อนการพนันจึงเป็นอีกทางหนึ่งของรายได้รัฐ และได้มากเสียด้วย แต่การพนันก็ทำให้คนลุ่มหลงได้ง่าย จนไม่ยอมทำมาหากิน เป็นหนี้เป็นสิน เสียผู้เสียคน ทำให้ครอบครั
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการที่ภาพของโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกฝังอยู่ในบล็อกเชนของบิตคอยน์ (Bitcoin) โดยบริษัท Marathon Digital Holdings (MARA) ซึ่งเป็นผู้ขุดบิตคอยน์รายใหญ่ที่สุดในวอลล์สตรีท ได้ฝังภาพของทรัมป์ในบล็อกที่ 879613 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่กำลังจะมาถึง

    การฝังภาพนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ชุมชนคริปโตเคอเรนซีอยู่ในบรรยากาศที่คึกคัก เนื่องจากทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนคริปโตเคอเรนซีอย่างเปิดเผยคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาว นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแผนที่จะใช้บิตคอยน์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดมาได้เพื่อสร้างกองทุนสำรองยุทธศาสตร์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    นอกจากนี้ ทีมงานของทรัมป์ยังพิจารณาการสร้างกองทุนสำรองยุทธศาสตร์แบบ "America-first" ที่จะให้ความสำคัญกับเหรียญคริปโตเคอเรนซีที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐฯ เช่น Solana, USD Coin และ Ripple

    ในขณะเดียวกัน เดวิด แซคส์ ซึ่งจะเป็นหัวหน้าฝ่ายคริปโตและ AI ในรัฐบาลทรัมป์ จะจัดงาน Crypto Ball ครั้งแรกในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยบัตร VIP สำหรับงานนี้มีราคาสูงถึง 100,000 ดอลลาร์ และผู้เข้าร่วมสามารถรับประทานอาหารค่ำส่วนตัวกับทรัมป์ได้ในราคา 1 ล้านดอลลาร์

    การฝังภาพของทรัมป์ในบล็อกเชนของบิตคอยน์เป็นการแสดงความเคารพและการสนับสนุนจากชุมชนคริปโตเคอเรนซี ซึ่งคาดหวังว่าทรัมป์จะสามารถทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นและสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการคริปโตเคอเรนซีได้

    https://wccftech.com/trump-immortalized-within-bitcoin-blockchain/
    บทความนี้กล่าวถึงการที่ภาพของโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกฝังอยู่ในบล็อกเชนของบิตคอยน์ (Bitcoin) โดยบริษัท Marathon Digital Holdings (MARA) ซึ่งเป็นผู้ขุดบิตคอยน์รายใหญ่ที่สุดในวอลล์สตรีท ได้ฝังภาพของทรัมป์ในบล็อกที่ 879613 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่กำลังจะมาถึง การฝังภาพนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ชุมชนคริปโตเคอเรนซีอยู่ในบรรยากาศที่คึกคัก เนื่องจากทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนคริปโตเคอเรนซีอย่างเปิดเผยคนแรกที่เข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาว นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแผนที่จะใช้บิตคอยน์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดมาได้เพื่อสร้างกองทุนสำรองยุทธศาสตร์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ทีมงานของทรัมป์ยังพิจารณาการสร้างกองทุนสำรองยุทธศาสตร์แบบ "America-first" ที่จะให้ความสำคัญกับเหรียญคริปโตเคอเรนซีที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐฯ เช่น Solana, USD Coin และ Ripple ในขณะเดียวกัน เดวิด แซคส์ ซึ่งจะเป็นหัวหน้าฝ่ายคริปโตและ AI ในรัฐบาลทรัมป์ จะจัดงาน Crypto Ball ครั้งแรกในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยบัตร VIP สำหรับงานนี้มีราคาสูงถึง 100,000 ดอลลาร์ และผู้เข้าร่วมสามารถรับประทานอาหารค่ำส่วนตัวกับทรัมป์ได้ในราคา 1 ล้านดอลลาร์ การฝังภาพของทรัมป์ในบล็อกเชนของบิตคอยน์เป็นการแสดงความเคารพและการสนับสนุนจากชุมชนคริปโตเคอเรนซี ซึ่งคาดหวังว่าทรัมป์จะสามารถทำให้ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นและสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการคริปโตเคอเรนซีได้ https://wccftech.com/trump-immortalized-within-bitcoin-blockchain/
    WCCFTECH.COM
    Trump Immortalized Within Bitcoin Blockchain
    As a token of appreciation, a major Bitcoin miner has encoded Trump's portrait within the cryptocurrency's blockchain.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงข่าวลือเกี่ยวกับการพัฒนา CPU และ GPU รุ่นใหม่ของ AMD โดยมีข้อมูลจากสมาชิกในฟอรัม Chiphell ที่เคยให้ข้อมูลที่ถูกต้องในอดีต

    สำหรับ CPU รุ่นใหม่ของ AMD ที่มีโค้ดเนมว่า "Medusa Ridge" จะใช้เทคโนโลยีการผลิต N3E และมีการอัปเกรด IO die ที่ใช้เทคโนโลยี N4C ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่คุ้มค่าของเทคโนโลยี N4P โดย CPU รุ่นนี้คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2026 หรือต้นปี 2027

    ในส่วนของ GPU รุ่นใหม่ AMD จะเปิดตัวสถาปัตยกรรม UDNA ที่จะมาแทนที่สถาปัตยกรรม RDNA และ CDNA โดยจะใช้เทคโนโลยีการผลิต N3E จาก TSMC สำหรับผลิตภัณฑ์เกม และคาดว่าจะมีการผลิตในปริมาณมากในไตรมาสที่ 2 ของปี 2026 นอกจากนี้ GPU รุ่นนี้ยังจะถูกนำไปใช้ในคอนโซลรุ่นใหม่ เช่น PS6

    นอกจากนี้ AMD ยังมีการอัปเดตเทคโนโลยี 3D Stacking สำหรับ APU รุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและการระบายความร้อน

    การพัฒนา CPU และ GPU รุ่นใหม่ของ AMD นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและการเล่นเกม ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

    https://wccftech.com/amd-ryzen-zen-6-cpus-radeon-udna-gpus-utilize-n3e-high-end-gaming-gpus-3d-stacking-for-next-gen-halo-console-apus-rumor/
    บทความนี้กล่าวถึงข่าวลือเกี่ยวกับการพัฒนา CPU และ GPU รุ่นใหม่ของ AMD โดยมีข้อมูลจากสมาชิกในฟอรัม Chiphell ที่เคยให้ข้อมูลที่ถูกต้องในอดีต สำหรับ CPU รุ่นใหม่ของ AMD ที่มีโค้ดเนมว่า "Medusa Ridge" จะใช้เทคโนโลยีการผลิต N3E และมีการอัปเกรด IO die ที่ใช้เทคโนโลยี N4C ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่คุ้มค่าของเทคโนโลยี N4P โดย CPU รุ่นนี้คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2026 หรือต้นปี 2027 ในส่วนของ GPU รุ่นใหม่ AMD จะเปิดตัวสถาปัตยกรรม UDNA ที่จะมาแทนที่สถาปัตยกรรม RDNA และ CDNA โดยจะใช้เทคโนโลยีการผลิต N3E จาก TSMC สำหรับผลิตภัณฑ์เกม และคาดว่าจะมีการผลิตในปริมาณมากในไตรมาสที่ 2 ของปี 2026 นอกจากนี้ GPU รุ่นนี้ยังจะถูกนำไปใช้ในคอนโซลรุ่นใหม่ เช่น PS6 นอกจากนี้ AMD ยังมีการอัปเดตเทคโนโลยี 3D Stacking สำหรับ APU รุ่นใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและการระบายความร้อน การพัฒนา CPU และ GPU รุ่นใหม่ของ AMD นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและการเล่นเกม ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น https://wccftech.com/amd-ryzen-zen-6-cpus-radeon-udna-gpus-utilize-n3e-high-end-gaming-gpus-3d-stacking-for-next-gen-halo-console-apus-rumor/
    WCCFTECH.COM
    AMD's Ryzen "Zen 6" CPUs & Radeon "UDNA" GPUs To Utilize N3E Process, High-End Gaming GPUs & 3D Stacking For Next-Gen Halo & Console APUs Expected
    Rumors regarding AMD's next-gen Ryzen "Zen 6" CPU & Radeon "UDNA" GPUs have been shared along with next-gen 3D stacking updates.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความท้าทายที่ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) เผชิญในการขยายการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกา แม้ว่ากฎหมายของไต้หวันจะอนุญาตให้ TSMC ส่งออกเทคโนโลยีการผลิตล่าสุดไปยังโรงงานในต่างประเทศได้ แต่การดำเนินการนี้ยังคงมีความซับซ้อนเนื่องจากระยะทางและระบบราชการในสหรัฐอเมริกา

    C.C. Wei ประธานและซีอีโอของ TSMC อธิบายว่า การเพิ่มกำลังการผลิตเทคโนโลยีการผลิตชั้นนำในสหรัฐอเมริกานั้นซับซ้อน เนื่องจากโรงงานในรัฐแอริโซนาอยู่ห่างไกลจากทีมวิจัยและพัฒนาในไต้หวัน ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้ ระบบราชการในสหรัฐอเมริกายังทำให้การก่อสร้างโรงงานใช้เวลานานกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับไต้หวัน และมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบสูงถึง 35 ล้านดอลลาร์

    นอกจากนี้ การขาดแคลนซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่นในสหรัฐอเมริกายังทำให้ TSMC ต้องขนส่งสารเคมีจากไต้หวันไปยังลอสแอนเจลิสและจากนั้นไปยังแอริโซนา ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายในการผลิต

    การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ เช่น การออกแบบโรงงานใหม่เพื่อรองรับเครื่องมือ EUV ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและการใช้สารเคมีใหม่ที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีการผลิตใหม่

    การขยายการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกายังคงเป็นความท้าทายที่ TSMC ต้องเผชิญ เนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีและระบบราชการที่เข้มงวดในสหรัฐอเมริกา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/bureaucracy-and-distance-mean-tsmcs-u-s-fabs-may-always-be-behind-taiwan
    บทความนี้กล่าวถึงความท้าทายที่ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) เผชิญในการขยายการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกา แม้ว่ากฎหมายของไต้หวันจะอนุญาตให้ TSMC ส่งออกเทคโนโลยีการผลิตล่าสุดไปยังโรงงานในต่างประเทศได้ แต่การดำเนินการนี้ยังคงมีความซับซ้อนเนื่องจากระยะทางและระบบราชการในสหรัฐอเมริกา C.C. Wei ประธานและซีอีโอของ TSMC อธิบายว่า การเพิ่มกำลังการผลิตเทคโนโลยีการผลิตชั้นนำในสหรัฐอเมริกานั้นซับซ้อน เนื่องจากโรงงานในรัฐแอริโซนาอยู่ห่างไกลจากทีมวิจัยและพัฒนาในไต้หวัน ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้ ระบบราชการในสหรัฐอเมริกายังทำให้การก่อสร้างโรงงานใช้เวลานานกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับไต้หวัน และมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบสูงถึง 35 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การขาดแคลนซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่นในสหรัฐอเมริกายังทำให้ TSMC ต้องขนส่งสารเคมีจากไต้หวันไปยังลอสแอนเจลิสและจากนั้นไปยังแอริโซนา ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายในการผลิต การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ เช่น การออกแบบโรงงานใหม่เพื่อรองรับเครื่องมือ EUV ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและการใช้สารเคมีใหม่ที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีการผลิตใหม่ การขยายการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกายังคงเป็นความท้าทายที่ TSMC ต้องเผชิญ เนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีและระบบราชการที่เข้มงวดในสหรัฐอเมริกา https://www.tomshardware.com/tech-industry/bureaucracy-and-distance-mean-tsmcs-u-s-fabs-may-always-be-behind-taiwan
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Bureaucracy and distance mean TSMC's U.S. fabs may always be behind Taiwan
    TSMC says it is close to impossible to ramp up a leading-edge node in the U.S.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการที่ AI จะไม่เป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิวัติการช้อปปิ้งออนไลน์ แต่การช้อปปิ้งแบบถ่ายทอดสด (Live Commerce) จะเป็นปัจจัยสำคัญแทน โดย Live Commerce เป็นการผสมผสานระหว่างการถ่ายทอดสดและการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งผู้สร้างเนื้อหาจะนำเสนอสินค้าและอธิบายคุณสมบัติและประโยชน์ของสินค้าให้กับผู้ชมแบบเรียลไทม์ ผู้ชมสามารถเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าและซื้อได้ทันที

    Live Commerce มีมูลค่าการตลาดถึง 20 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 55 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า Live Commerce ช่วยเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้บริโภคมีความสนุกสนานและมีส่วนร่วมมากขึ้น

    ผู้เล่นหลักในตลาด Live Commerce ได้แก่ TikTok และ Whatnot ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งแบบถ่ายทอดสด โดย Whatnot เน้นสินค้าที่เป็นของสะสม แฟชั่น และสินค้าเฉพาะกลุ่ม

    การเริ่มต้นทำ Live Commerce มีเคล็ดลับสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ การโปรโมตการถ่ายทอดสดล่วงหน้า การตอบคำถามแบบเรียลไทม์ และการมีคำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจน

    ในขณะที่แบรนด์ใหญ่ๆ กำลังไล่ตามเทรนด์ AI แต่กลับสูญเสียความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับผู้บริโภค การช้อปปิ้งแบบถ่ายทอดสดเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับผู้ชม และเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.zdnet.com/article/no-ai-wont-revolutionize-shopping-but-this-will/
    บทความนี้กล่าวถึงการที่ AI จะไม่เป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิวัติการช้อปปิ้งออนไลน์ แต่การช้อปปิ้งแบบถ่ายทอดสด (Live Commerce) จะเป็นปัจจัยสำคัญแทน โดย Live Commerce เป็นการผสมผสานระหว่างการถ่ายทอดสดและการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งผู้สร้างเนื้อหาจะนำเสนอสินค้าและอธิบายคุณสมบัติและประโยชน์ของสินค้าให้กับผู้ชมแบบเรียลไทม์ ผู้ชมสามารถเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าและซื้อได้ทันที Live Commerce มีมูลค่าการตลาดถึง 20 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 55 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า Live Commerce ช่วยเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้บริโภคมีความสนุกสนานและมีส่วนร่วมมากขึ้น ผู้เล่นหลักในตลาด Live Commerce ได้แก่ TikTok และ Whatnot ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งแบบถ่ายทอดสด โดย Whatnot เน้นสินค้าที่เป็นของสะสม แฟชั่น และสินค้าเฉพาะกลุ่ม การเริ่มต้นทำ Live Commerce มีเคล็ดลับสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ การโปรโมตการถ่ายทอดสดล่วงหน้า การตอบคำถามแบบเรียลไทม์ และการมีคำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจน ในขณะที่แบรนด์ใหญ่ๆ กำลังไล่ตามเทรนด์ AI แต่กลับสูญเสียความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับผู้บริโภค การช้อปปิ้งแบบถ่ายทอดสดเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับผู้ชม และเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.zdnet.com/article/no-ai-wont-revolutionize-shopping-but-this-will/
    WWW.ZDNET.COM
    No, AI won't revolutionize shopping - but this will
    As big brands chase the latest AI trends, they're losing touch with their audience - making this the perfect time for you to join a movement that's reshaping e-commerce. Here's how.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราแอบเรียกเหรียญนี้ว่า เหรียญโดราเอม่อน

    ผู้เขียนเล่าว่า...

    เหรียญนี้ถูกทำมาเมื่อไหร่ไม่รู้ เรียกว่าเหรียญทวารวดีก็ได้ เหรียญฟูนันก็ได้ แต่นักสะสมไม่มีใครสนใจ

    แต่เป็นเหรียญที่อ่านแล้วมีความสุข คนโบราณเก่ง เอาสัตว์ เอาเหตุการณ์ขณะนั้นมารวมกัน เพื่อสื่อให้เห็นว่ามีสัตว์แปลกๆ ที่พุ่งเข้าหาคนที่ยืนอยู่บนแผ่นดิน
    ทึ่งกับการทำภาพบนเหรียญเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของภัยพิบัติที่เกิดกับบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญแทนตัวหนังสือ

    เหรียญนี้ด้านหนึ่ง เสือ อีกด้านหนึ่งเหมือน โดราเอม่อน เรามาดูกันว่าเขาบอกเล่าเรื่องอะไรกัน...

    เหรียญด้านซ้ายมือ
    เหรียญด้านเสือเราดูที่เสือ อาการของเสือเหมือนตื่นตกใจอะไร เหมือนกับภาพขวามือที่เห็นเป็นรูปคนตกใจทำท่าเงอะง่ะอาการของเสือและคนอาการเดียวกัน อาการของคนที่ตกใจมาก
    ตกใจอะไร ให้ดูด้านบนของเสือเหมือนปัจจุบันทำเหรียญแล้วเขาทำเนื้อไม่เรียบอยู่ด้านบน แต่เหรียญที่มีเสือเป็นเหรียญทวารวดี เขาเจตนาทำทิ้งไว้เพื่อให้รู้ว่าที่เห็นอยู่ด้านบนเป็นน้ำ น้ำพุ่งข้ามภูเขา เมื่อคนเห็นมวลน้ำขนาดมหึมา ต่างตกใจ

    เหรียญด้านขวามือ
    มองผ่านๆ เหมือนโดราเอม่อน
    แต่พอดูให้ละเอียดจะเห็น ที่คนทำท่าตกใจเงอะง่ะไม่รู้จะไปทางไหนทำอะไรไม่ถูก คนเห็นอะไร มีรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBOช้างการ์ตูนตรงเข้าหาทำให้ตกใจ เขาตกใจรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBO

    รูปที่เหมือนรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBOคือ น้ำ ที่มีขนาดใหญ่ที่วิ่งเข้าหาแผ่นดิน
    น้ำมีขนาดใหญ่ เป็นตำนานน้ำท่วมโลก น้ำทำลายแผ่นดินทำลายทวีปกุมารีกันดัมของคำภีร์โบราณของชาวฮินดู เป็นน้ำทำลายแผ่นดินของเพลโตแผ่นดินที่ชื่อว่าแอตแลนติส

    เหรียญนี้คือบันทึกเรื่องราวของ น้ำ แผ่นดิน น้ำทำลายแผ่นดิน อาของคนและสัตว์ในขณะนั้น

    บทความและรูปภาพโดย
    คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    เราแอบเรียกเหรียญนี้ว่า เหรียญโดราเอม่อน ผู้เขียนเล่าว่า... เหรียญนี้ถูกทำมาเมื่อไหร่ไม่รู้ เรียกว่าเหรียญทวารวดีก็ได้ เหรียญฟูนันก็ได้ แต่นักสะสมไม่มีใครสนใจ แต่เป็นเหรียญที่อ่านแล้วมีความสุข คนโบราณเก่ง เอาสัตว์ เอาเหตุการณ์ขณะนั้นมารวมกัน เพื่อสื่อให้เห็นว่ามีสัตว์แปลกๆ ที่พุ่งเข้าหาคนที่ยืนอยู่บนแผ่นดิน ทึ่งกับการทำภาพบนเหรียญเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของภัยพิบัติที่เกิดกับบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญแทนตัวหนังสือ เหรียญนี้ด้านหนึ่ง เสือ อีกด้านหนึ่งเหมือน โดราเอม่อน เรามาดูกันว่าเขาบอกเล่าเรื่องอะไรกัน... เหรียญด้านซ้ายมือ เหรียญด้านเสือเราดูที่เสือ อาการของเสือเหมือนตื่นตกใจอะไร เหมือนกับภาพขวามือที่เห็นเป็นรูปคนตกใจทำท่าเงอะง่ะอาการของเสือและคนอาการเดียวกัน อาการของคนที่ตกใจมาก ตกใจอะไร ให้ดูด้านบนของเสือเหมือนปัจจุบันทำเหรียญแล้วเขาทำเนื้อไม่เรียบอยู่ด้านบน แต่เหรียญที่มีเสือเป็นเหรียญทวารวดี เขาเจตนาทำทิ้งไว้เพื่อให้รู้ว่าที่เห็นอยู่ด้านบนเป็นน้ำ น้ำพุ่งข้ามภูเขา เมื่อคนเห็นมวลน้ำขนาดมหึมา ต่างตกใจ เหรียญด้านขวามือ มองผ่านๆ เหมือนโดราเอม่อน แต่พอดูให้ละเอียดจะเห็น ที่คนทำท่าตกใจเงอะง่ะไม่รู้จะไปทางไหนทำอะไรไม่ถูก คนเห็นอะไร มีรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBOช้างการ์ตูนตรงเข้าหาทำให้ตกใจ เขาตกใจรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBO รูปที่เหมือนรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBOคือ น้ำ ที่มีขนาดใหญ่ที่วิ่งเข้าหาแผ่นดิน น้ำมีขนาดใหญ่ เป็นตำนานน้ำท่วมโลก น้ำทำลายแผ่นดินทำลายทวีปกุมารีกันดัมของคำภีร์โบราณของชาวฮินดู เป็นน้ำทำลายแผ่นดินของเพลโตแผ่นดินที่ชื่อว่าแอตแลนติส เหรียญนี้คือบันทึกเรื่องราวของ น้ำ แผ่นดิน น้ำทำลายแผ่นดิน อาของคนและสัตว์ในขณะนั้น บทความและรูปภาพโดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราแอบเรียกเหรียญนี้ว่า เหรียญโดราเอม่อน

    ผู้เขียนเล่าว่า...

    เหรียญนี้ถูกทำมาเมื่อไหร่ไม่รู้ เรียกว่าเหรียญทวารวดีก็ได้ เหรียญฟูนันก็ได้ แต่นักสะสมไม่มีใครสนใจ

    แต่เป็นเหรียญที่อ่านแล้วมีความสุข คนโบราณเก่ง เอาสัตว์ เอาเหตุการณ์ขณะนั้นมารวมกัน เพื่อสื่อให้เห็นว่ามีสัตว์แปลกๆ ที่พุ่งเข้าหาคนที่ยืนอยู่บนแผ่นดิน
    ทึ่งกับการทำภาพบนเหรียญเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของภัยพิบัติที่เกิดกับบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญแทนตัวหนังสือ

    เหรียญนี้ด้านหนึ่ง เสือ อีกด้านหนึ่งเหมือน โดราเอม่อน เรามาดูกันว่าเขาบอกเล่าเรื่องอะไรกัน...

    เหรียญด้านซ้ายมือ
    เหรียญด้านเสือเราดูที่เสือ อาการของเสือเหมือนตื่นตกใจอะไร เหมือนกับภาพขวามือที่เห็นเป็นรูปคนตกใจทำท่าเงอะง่ะอาการของเสือและคนอาการเดียวกัน อาการของคนที่ตกใจมาก
    ตกใจอะไร ให้ดูด้านบนของเสือเหมือนปัจจุบันทำเหรียญแล้วเขาทำเนื้อไม่เรียบอยู่ด้านบน แต่เหรียญที่มีเสือเป็นเหรียญทวารวดี เขาเจตนาทำทิ้งไว้เพื่อให้รู้ว่าที่เห็นอยู่ด้านบนเป็นน้ำ น้ำพุ่งข้ามภูเขา เมื่อคนเห็นมวลน้ำขนาดมหึมา ต่างตกใจ

    เหรียญด้านขวามือ
    มองผ่านๆ เหมือนโดราเอม่อน
    แต่พอดูให้ละเอียดจะเห็น ที่คนทำท่าตกใจเงอะง่ะไม่รู้จะไปทางไหนทำอะไรไม่ถูก คนเห็นอะไร มีรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBOช้างการ์ตูนตรงเข้าหาทำให้ตกใจ เขาตกใจรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBO

    รูปที่เหมือนรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBOคือ น้ำ ที่มีขนาดใหญ่ที่วิ่งเข้าหาแผ่นดิน
    น้ำมีขนาดใหญ่ เป็นตำนานน้ำท่วมโลก น้ำทำลายแผ่นดินทำลายทวีปกุมารีกันดัมของคำภีร์โบราณของชาวฮินดู เป็นน้ำทำลายแผ่นดินของเพลโตแผ่นดินที่ชื่อว่าแอตแลนติส

    เหรียญนี้คือบันทึกเรื่องราวของ น้ำ แผ่นดิน น้ำทำลายแผ่นดิน อาของคนและสัตว์ในขณะนั้น

    บทความและรูปภาพโดย
    คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    เราแอบเรียกเหรียญนี้ว่า เหรียญโดราเอม่อน ผู้เขียนเล่าว่า... เหรียญนี้ถูกทำมาเมื่อไหร่ไม่รู้ เรียกว่าเหรียญทวารวดีก็ได้ เหรียญฟูนันก็ได้ แต่นักสะสมไม่มีใครสนใจ แต่เป็นเหรียญที่อ่านแล้วมีความสุข คนโบราณเก่ง เอาสัตว์ เอาเหตุการณ์ขณะนั้นมารวมกัน เพื่อสื่อให้เห็นว่ามีสัตว์แปลกๆ ที่พุ่งเข้าหาคนที่ยืนอยู่บนแผ่นดิน ทึ่งกับการทำภาพบนเหรียญเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของภัยพิบัติที่เกิดกับบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญแทนตัวหนังสือ เหรียญนี้ด้านหนึ่ง เสือ อีกด้านหนึ่งเหมือน โดราเอม่อน เรามาดูกันว่าเขาบอกเล่าเรื่องอะไรกัน... เหรียญด้านซ้ายมือ เหรียญด้านเสือเราดูที่เสือ อาการของเสือเหมือนตื่นตกใจอะไร เหมือนกับภาพขวามือที่เห็นเป็นรูปคนตกใจทำท่าเงอะง่ะอาการของเสือและคนอาการเดียวกัน อาการของคนที่ตกใจมาก ตกใจอะไร ให้ดูด้านบนของเสือเหมือนปัจจุบันทำเหรียญแล้วเขาทำเนื้อไม่เรียบอยู่ด้านบน แต่เหรียญที่มีเสือเป็นเหรียญทวารวดี เขาเจตนาทำทิ้งไว้เพื่อให้รู้ว่าที่เห็นอยู่ด้านบนเป็นน้ำ น้ำพุ่งข้ามภูเขา เมื่อคนเห็นมวลน้ำขนาดมหึมา ต่างตกใจ เหรียญด้านขวามือ มองผ่านๆ เหมือนโดราเอม่อน แต่พอดูให้ละเอียดจะเห็น ที่คนทำท่าตกใจเงอะง่ะไม่รู้จะไปทางไหนทำอะไรไม่ถูก คนเห็นอะไร มีรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBOช้างการ์ตูนตรงเข้าหาทำให้ตกใจ เขาตกใจรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBO รูปที่เหมือนรูปที่เหมือนปลาวาฬมีหูหรือช้างDUMBOคือ น้ำ ที่มีขนาดใหญ่ที่วิ่งเข้าหาแผ่นดิน น้ำมีขนาดใหญ่ เป็นตำนานน้ำท่วมโลก น้ำทำลายแผ่นดินทำลายทวีปกุมารีกันดัมของคำภีร์โบราณของชาวฮินดู เป็นน้ำทำลายแผ่นดินของเพลโตแผ่นดินที่ชื่อว่าแอตแลนติส เหรียญนี้คือบันทึกเรื่องราวของ น้ำ แผ่นดิน น้ำทำลายแผ่นดิน อาของคนและสัตว์ในขณะนั้น บทความและรูปภาพโดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ChatGPT ใช้น้ำเยอะเกินไปจนไม่พอดับไฟป่าแคลิฟอร์เนียจริงหรือ?

    ในช่วงที่เกิดไฟป่ารุนแรงในแคลิฟอร์เนีย ผู้ใช้โซเชียลมีเดียเริ่มมองหาผู้รับผิดชอบในการดับไฟป่า และมีการกล่าวโทษว่าโมเดล AI อย่าง ChatGPT ใช้น้ำเยอะเกินไปจนทำให้น้ำไม่พอดับไฟป่า โดยมีการรณรงค์ให้ชาวแคลิฟอร์เนียหยุดใช้งาน ChatGPT เพื่อประหยัดน้ำ

    การฝึกโมเดล AI ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล ซึ่งทำให้เกิดความร้อนสูงและต้องใช้น้ำในการระบายความร้อน ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ขอให้ ChatGPT เขียนอีเมล 1 ฉบับต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 1 ปี ChatGPT จะใช้น้ำ 27 ลิตร และหากชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือ 16 ล้านคนทำเช่นเดียวกันนี้ จะต้องใช้น้ำมากกว่า 435 ล้านลิตร

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำในเขตเมืองออกความเห็นว่า การใช้น้ำของ AI ไม่ใช่ตัวการทำให้มีน้ำไม่พอดับไฟ แต่เป็นเพราะระบบน้ำที่มีอยู่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือภัยพิบัติระดับนี้ เหตุไฟไหม้ป่าลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย ถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน และพื้นที่เสียหายกว่า 40,000 เอเคอร์

    ChatGPT รวมถึงโมเดล AI อื่นๆ มีรอยเท้าคาร์บอนจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดสภาพอากาศแห้งแล้งและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟป่าและลุกลามรวดเร็วเมื่อผนวกกับลมแรง

    การใช้น้ำของ ChatGPT และโมเดล AI อื่นๆ เป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดไฟป่าและน้ำไม่พอดับไฟ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการย้ายศูนย์ข้อมูลไปยังพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็นกว่าเดิม หรือการใช้เทคโนโลยีการหล่อเย็นแบบจุ่ม (immersion cooling) อาจช่วยลดการใช้น้ำได้

    ในขณะที่นักรณรงค์บนโซเชียลมีเดียบอกว่า หากอยากประหยัดน้ำจริง หยุดใช้ ChatGPT คงไม่พอ คงต้องหยุดใช้โมเดล AI อื่นๆ ด้วย เช่น Claude, Grok, Gemini, Copilot, Midjourney, Leonardo, DALL-E, Firefly, ElevenLabs, Shortwave, Runway, Mem, Suno, Jasper, Notion, Bard, Alphacode, MetaAI, Wordtune และ Stable Diffusion

    การจัดการน้ำในแคลิฟอร์เนียยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภัยพิบัติระดับใหญ่เช่นนี้

    ขอบคุณบทความจากเวบ Thairath ครับ

    https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/105099
    ChatGPT ใช้น้ำเยอะเกินไปจนไม่พอดับไฟป่าแคลิฟอร์เนียจริงหรือ? ในช่วงที่เกิดไฟป่ารุนแรงในแคลิฟอร์เนีย ผู้ใช้โซเชียลมีเดียเริ่มมองหาผู้รับผิดชอบในการดับไฟป่า และมีการกล่าวโทษว่าโมเดล AI อย่าง ChatGPT ใช้น้ำเยอะเกินไปจนทำให้น้ำไม่พอดับไฟป่า โดยมีการรณรงค์ให้ชาวแคลิฟอร์เนียหยุดใช้งาน ChatGPT เพื่อประหยัดน้ำ การฝึกโมเดล AI ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล ซึ่งทำให้เกิดความร้อนสูงและต้องใช้น้ำในการระบายความร้อน ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ขอให้ ChatGPT เขียนอีเมล 1 ฉบับต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 1 ปี ChatGPT จะใช้น้ำ 27 ลิตร และหากชาวอเมริกัน 1 ใน 10 คน หรือ 16 ล้านคนทำเช่นเดียวกันนี้ จะต้องใช้น้ำมากกว่า 435 ล้านลิตร อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำในเขตเมืองออกความเห็นว่า การใช้น้ำของ AI ไม่ใช่ตัวการทำให้มีน้ำไม่พอดับไฟ แต่เป็นเพราะระบบน้ำที่มีอยู่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือภัยพิบัติระดับนี้ เหตุไฟไหม้ป่าลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย ถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน และพื้นที่เสียหายกว่า 40,000 เอเคอร์ ChatGPT รวมถึงโมเดล AI อื่นๆ มีรอยเท้าคาร์บอนจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดสภาพอากาศแห้งแล้งและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟป่าและลุกลามรวดเร็วเมื่อผนวกกับลมแรง การใช้น้ำของ ChatGPT และโมเดล AI อื่นๆ เป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดไฟป่าและน้ำไม่พอดับไฟ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการย้ายศูนย์ข้อมูลไปยังพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็นกว่าเดิม หรือการใช้เทคโนโลยีการหล่อเย็นแบบจุ่ม (immersion cooling) อาจช่วยลดการใช้น้ำได้ ในขณะที่นักรณรงค์บนโซเชียลมีเดียบอกว่า หากอยากประหยัดน้ำจริง หยุดใช้ ChatGPT คงไม่พอ คงต้องหยุดใช้โมเดล AI อื่นๆ ด้วย เช่น Claude, Grok, Gemini, Copilot, Midjourney, Leonardo, DALL-E, Firefly, ElevenLabs, Shortwave, Runway, Mem, Suno, Jasper, Notion, Bard, Alphacode, MetaAI, Wordtune และ Stable Diffusion การจัดการน้ำในแคลิฟอร์เนียยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดภัยพิบัติระดับใหญ่เช่นนี้ ขอบคุณบทความจากเวบ Thairath ครับ https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/105099
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่เอาทั้งพรรคส้มและทักษิณ ก็ต้องทนอยู่อย่างไร้ชะตากรรม

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000005013
    ไม่เอาทั้งพรรคส้มและทักษิณ ก็ต้องทนอยู่อย่างไร้ชะตากรรม บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000005013
    Love
    Sad
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชอบตอนน้องคนนี้ประกวด แล้วก็อึ้งกับสิ่งที่น้องเลือกทำ

    อย่างที่เคยเขียนบทความ (ที่ยังเขียนไม่จบ) ไว้นานแล้ว เป็นแบบนั้น คนที่เลือกทำอาชีพแนวนี้โดยเฉพาะผู้หญิงเพศกำเนิดมีผลกระทบทั้งนั้น แม้ว่าบางคนจะฉีกยิ้มปั้นหน้าว่ามัน "ดี้ดี" ชวนผู้หญิงอายุน้อยๆ คนอื่นๆ ให้มาทำตามตัวเอง

    แต่มีกลุ่มคนที่อ้างยกโพสน้องขึ้นมาว่า เพราะประเทศไทยขายตัวผิดกฎหมายทำให้อาชีพเหล่านี้มีแรงกดดัน คนในสังคมไม่ยอมรับว่าเป็นสิทธิของคนนั้นๆ

    ไม่ใช่เลยต่อให้ขายตัวถูกกฎหมายก็ไม่ได้แก้ปัญหาพวกนี้ได้ ดูจากภาพประกอบที่คนกลุ่มนั้นนำมาใช้ ก็นำภาพน้องคนนี้ในเชิงวาบหวิวไม่ได้นำเสนอภาพกิจกรรมอื่นที่ดูดีมีความสามารถของน้องเลย พวกเขามองและตีตราคนที่ทำและเคยทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเพศและขายเรือนร่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ "วัตถุทางเพศ" ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว

    วนมาที่กาสิโน ใช่เมื่อไรที่ยอมรับการพนันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ก็จะมีปัญหาที่ประเทศเสรีซุกใต้หีบเหล็กเอาปูนโบกทับไม่ให้โผล่ขึ้นมา แสดงให้เป็นในพลเมืองไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า

    #ไม่เอาการพนันถูกกฎหมาย #ไม่เอากาสิโน #NOCASINO
    ชอบตอนน้องคนนี้ประกวด แล้วก็อึ้งกับสิ่งที่น้องเลือกทำ อย่างที่เคยเขียนบทความ (ที่ยังเขียนไม่จบ) ไว้นานแล้ว เป็นแบบนั้น คนที่เลือกทำอาชีพแนวนี้โดยเฉพาะผู้หญิงเพศกำเนิดมีผลกระทบทั้งนั้น แม้ว่าบางคนจะฉีกยิ้มปั้นหน้าว่ามัน "ดี้ดี" ชวนผู้หญิงอายุน้อยๆ คนอื่นๆ ให้มาทำตามตัวเอง แต่มีกลุ่มคนที่อ้างยกโพสน้องขึ้นมาว่า เพราะประเทศไทยขายตัวผิดกฎหมายทำให้อาชีพเหล่านี้มีแรงกดดัน คนในสังคมไม่ยอมรับว่าเป็นสิทธิของคนนั้นๆ ไม่ใช่เลยต่อให้ขายตัวถูกกฎหมายก็ไม่ได้แก้ปัญหาพวกนี้ได้ ดูจากภาพประกอบที่คนกลุ่มนั้นนำมาใช้ ก็นำภาพน้องคนนี้ในเชิงวาบหวิวไม่ได้นำเสนอภาพกิจกรรมอื่นที่ดูดีมีความสามารถของน้องเลย พวกเขามองและตีตราคนที่ทำและเคยทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเพศและขายเรือนร่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ "วัตถุทางเพศ" ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว วนมาที่กาสิโน ใช่เมื่อไรที่ยอมรับการพนันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ก็จะมีปัญหาที่ประเทศเสรีซุกใต้หีบเหล็กเอาปูนโบกทับไม่ให้โผล่ขึ้นมา แสดงให้เป็นในพลเมืองไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า #ไม่เอาการพนันถูกกฎหมาย #ไม่เอากาสิโน #NOCASINO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครคือคนบงการฆ่าลิม กิมยา

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000004666
    ใครคือคนบงการฆ่าลิม กิมยา บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000004666
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยาลดกรด

    ถ้าคุณใช้ยาลดกรดไม่ว่าจะตามคำสั่งแพทย์หรือฟังจากโฆษณาแล้วเชื่อตามนั้น ลองอ่านให้จบว่าอาการเหล่านี้ได้เกิดกับตัวคุณแล้วหรือยัง

    จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (1) การใช้สาร proton pump inhibitors ในระยะยาวอย่างเช่น Prilosec, Prevacid และ Nexium (ยาเม็ดสีม่วง) - ยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร - เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบี 12

    ผู้เข้าร่วมที่กินยาลดกรดมานานกว่าสองปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปโรค :

    -โรคโลหิตจาง
    -ความเสียหายของเส้นประสาท
    -ปัญหาเกี่ยวกับจิต
    -สมองเสื่อม (Dementia)

    ยิ่งกินในปริมาณที่สูงกว่าก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่า ตามที่อธิบายไว้โดยนักวิจัยอาวุโส Dr. Douglas Corley (2) Gastroenterologist ที่ Kaiser Permanente:

    "ยาลดกรดชนิดนี้อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากเซลล์ที่สร้างกรดในกระเพาะอาหารยังสร้างโปรตีนที่ช่วยให้วิตามินบี 12 ถูกดูดซึมได้"

    การขาดวิตามินบี 12 จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้อย่างไร

    เมื่อระดับวิตามินบี 12 ของคุณเริ่มลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณบางอย่างเริ่มให้เห็นรวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาทิเช่นการขาดแรงจูงใจหรือความรู้สึกไม่แยแสและถ้าระดับต่ำมาก ๆ ยังสามารถนำไปสู่ความหดหู่ ปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและ – สัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ- ความเมื่อยล้า

    วิตามินบี 12 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินแห่งพลังงานและร่างกายของคุณต้องการสำหรับกิจกรรมที่สำคัญหลายชนิดรวมทั้งการผลิตพลังงานและ :

    การย่อยอาหารที่เหมาะสม การดูดซึมอาหาร การใช้ธาตุเหล็ก การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การทำงานของระบบประสาทที่ดี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเส้นประสาทตามปกติ ช่วยในการควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดง การก่อตัวของเซลล์และอายุการใช้งานที่ยาวนาน

    การผลิตฮอร์โมน เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สนับสนุนความเป็นสตรีเพศและการตั้งครรภ์
    สร้างความรู้สึกให้พอใจกับความเป็นอยู่และการควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ ส่งเสริมความจำ เพิ่มความเข้มข้นในด้านสมรรถภาพทางกาย อารมณ์และจิตใจ

    การวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการมีวิตามินบี 12 ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในชายสูงวัย ความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่แม้หลังจากคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ สถานะของวิตามินดีและปริมาณแคลเซียม medicinenet.com: (3) กล่าวว่า :

    “ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับ B-12 ต่ำสุดมีโอกาสเกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าร้อยละ 70 ในการศึกษานี้พบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการแตกหักของกระดูกสันหลังส่วนเอวซึ่งมีโอกาสเกิดการแตกหักมากขึ้นถึงร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับกระดูกส่วนอื่น "

    และถ้าหากขาดวิตามินบี 12 เรื้อรังในระยะยาวก็อาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่ :

    -โรคซึมเศร้า
    -ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
    -ความอุดมสมบูรณ์ของหญิงและปัญหาการคลอดบุตร
    -โรคหัวใจและมะเร็ง

    รูปแบบตามธรรมชาติของ B12 จะมีอยู่ในสัตว์และไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อ แต่อาจเป็นไข่และนมก็ได้ อาหารที่มี B12 สูงรวมถึง:

    -ไข่อินทรีย์
    -เนื้อวัวและตับวัวที่เลี้ยงดวยหญ้าอินทรีย์
    -ไก่อินทรีย์
    -ปลาแซลมอนอลาสก้าที่จับได้ในป่า
    -นมดิบของสัตว์ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์และไม่ผ่านกระบวนการ

    ถ้าคุณมีอาการข้างต้นและไม่บริโภคสัตว์หรือสิ่งที่ได้จากสัตว์ ขอแนะนำให้หาวิตามินบี 12 มารับประทานตามความเหมาะสมของอายุและมวลกายรายการ หมอนอกกะลา

    ยาลดกรด 2

    ตอนที่ 1 ได้พูดถึงสองในสี่ผลกระทบหลักของยาลดกรด:
    คือแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและความบกพร่องในการดูดซึมสารอาหาร

    อีก 2 ผลกระทบที่เหลือ

    ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ

    เบื้องแรกในการป้องกันร่างกายของเรา:

    ปาก หลอดอาหารและลำไส้เป็นบ้านของระหว่าง 400-1,000 สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม กระเพาะอาหารที่ดีจะมีการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ ทำไมน่ะรึ !! เพราะกรดในกระเพาะอาหารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

    ในความเป็นจริง กรดคือบทบาทที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างการขัดขวางสองทางที่ช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ลำดับแรกแรก : กรดในกระเพาะอาหารจะป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินหรืออากาศที่เราหายใจเข้ามาในลำไส้และในเวลาเดียวกัน กรดในกระเพาะอาหารยังช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียตามปกติจากลำไส้ซึ่งจะย้ายเข้าสู่กระเพาะอาหารและหลอดอาหารซึ่งพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหา

    สภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหารค่า pH ต่ำ (กรดสูง) เป็นหนึ่งในกลไกการป้องกันที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญของร่างกาย เมื่อค่าความเป็นกรดของกระเพาะอาหารมีค่าที่ 3 หรือต่ำกว่าถือว่าเป็นปรกติของช่วงท้องว่างหรือ "พักผ่อน" แบคทีเรียจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที แต่ในขณะที่pH เพิ่มขึ้นถึง 5 หรือมากกว่า สายพันธุ์ต่าง ๆ ของแบคทีเรียสามารถหลีกเลี่ยงการกำจัดของกรดและเริ่มที่จะเจริญเติบโต

    แต่น่าเสียดาย มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณกินยาลดกรด ทั้ง Tagamet และ Zantac จะเพิ่มค่า pHของกระเพาะอาหารจากประมาณ 1-2 ก่อนการรักษาเป็น 5.5-6.5 อย่างมีนัยสำคัญ ตามลำดับ

    Prilosec และ PPIs และอื่น ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เพียงหนึ่งเม็ดของยาเหล่านี้สามารถลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ90 ถึง 95เพื่อส่วนที่ดีกว่าของวัน การกิน PPIs ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือบ่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะถูกแนะนำ จะทำให้เกิดภาวะ achlorydia (แทบไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย) ในการศึกษาของผู้ชายที่มีสุขภาพดี10 คนอายุ 22-55 ปี การให้กิน Prilosec 20 หรือ 40 มิลลิกรัมลดระดับกรดในกระเพาะอาหารจนเกือบหมด

    กระเพาะอาหารที่เป็นกรดไม่มากพอเชื้อแบคทีเรียก่อโรคก็อุดมสมบูรณ์ สนุกสนาน เพราะมันมันทั้งมืดทั้งอบอุ่น ทั้งชื้นและเต็มไปด้วยสารอาหาร แบคทีเรียจะไม่ฆ่าเรา – อย่างน้อยก็ไม่ทันที- แต่บางส่วนของพวกมันสามารถ คนที่มีค่าความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหารสูงพอที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย

    การทบทวนที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาลดกรดในกระเพาะอาหารชี้ให้เห็นว่าพวกมันเป็นต้นเหตุจริงของการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ(PDF) ผู้เขียนพบหลักฐานยืนยันว่า การใช้ยาลดกรดสามารถเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อต่อไปนี้:

    Salmonella
    Campylobacter
    อหิวาตกโรค
    Listeria
    Giardia
    C. difficile
    การศึกษาอื่น ๆ พบว่ายาลดกรดยังเพิ่มความเสี่ยงสำหรับ:
    โรคปอดบวม
    วัณโรค
    ไทฟอยด์
    บิด

    ยาลดกรดไม่เพียงแต่เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อแต่มันยังไปลดลงความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเราในการต่อสู้กับการติดเชื้อเมื่อเราได้รับเชื้อ จากการศึกษาในหลอดทดลองได้แสดงให้เห็นว่า PPIs ทำให้การทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว nuetrophil ทำงานผิดพลาด ลดการยึดเกาะกับเซลล์ endothelial ลดการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของจุลินทรีย์และยับยั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ทำลายอย่าง neutrophil และเพิ่มกรดใน phagolysosome

    ประตูสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ

    อย่างที่เราได้กล่าวถึงในบทความแรกไว้ว่า การลดลงของการหลั่งกรดตามอายุเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปี 1996 แพทย์ชาวอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการลดลงของกรดตามอายุเนื่องจากการเสียหายของเซลล์ผลิตกรด สภาพนี้เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(atrophic gastritis)

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อหาต่อไปนี้ กระเพาะอาหารอักเสบ (สภาพที่กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก) มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของความผิดปกติร้ายแรงที่ไปไกลเกินกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ซึ่งรวมถึง:

    มะเร็งกระเพาะอาหาร
    โรคภูมิแพ้
    โรคหอบหืด
    อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ความผิดปกติของอารมณ์
    โลหิตจาง
    โรคผิวหนังรวมทั้งการเกิดสิว, โรคผิวหนังกลากและลมพิษ
    โรคนิ่วในถุงน้ำดี
    โรคแพ้ภูมิเช่นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกรฟส์
    อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรค Crohn (CD), ลำไส้ใหญ่ (UC)
    โรคไวรัสตับอักเสบ
    โรคกระดูกพรุน
    โรคเบาหวานประเภท 1
    และอย่าลืมนะว่ากรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก!

    มะเร็งกระเพาะอาหาร

    โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อ H. pylori เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ และยาลดกรดก็ยิ่งทำให้อาการเหล่านี้เลวลงและเพิ่มอัตราการติดเชื้อ

    ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่อะไรนักหรอกที่จะสงสัยว่ายาลดกรดเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่ติดเชื้อ H.pylori ในบทความที่ผ่านมาของ Julie Parsonnet, M.D. of Standford University Medical School เขียนไว้ว่า :
    โดยหลักการแล้ว การรักษาด้วยยาลดกรดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นตัวเร่งโรคมะเร็งโดยการแปลงการอักเสบเพียงเล็กน้อยของกระเพาะอาหารเป็นทำลายขั้นรุนแรงในกระบวนการก่อมะเร็ง

    แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น

    ประมาณ 90% ของลำไส้เล็กส่วนต้น (ลำไส้) และ 65% ของแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากเชื้อ H. pylori
    ในการทดลองฉีดวัคซีนในมนุษย์ การติดเชื้อไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ค่า pH ของกระเพาะอาหารสูงขึ้น(ลดความเป็นกรดลง) โดยการใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งไปลดกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มค่าความเป็นด่าง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H. pylori และตามมาด้วยการพัฒนาไปเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นหรือกระเพาะอาหาร

    อาการลำไส้แปรปรวน โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ

    สารอะดีโนซีน(Adenosine)เป็นตัวกลางหลักของการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและสารอะดีโนซีนในระดับสูงจะไปกดและแก้ไขปัญหาการอักเสบเรื้อรังของทั้งโรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ การใช้ PPIs อย่างต่อเนื่องได้รับการยืนยันว่าไปลดความเข้มข้นของสารอะดีโนซีน จึงส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการใช้งานยาลดกรดในระยะยาว อาจพัฒนาความผิดปกติของลำไส้ให้อักเสบอย่างรุนแรงได้

    ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและความผิดปกติทางอารมณ์

    ในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุ (เท่าที่ผมรู้) การเชื่อมโยงของยาลดกรดกับความผิดปกติทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า ความเข้าใจพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างการย่อยโปรตีนและสุขภาพจิตแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการเชื่อมกัน ในระหว่างการย่อยอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะปล่อยน้ำย่อยซึ่งเรียกว่า เพพซิน (pepsin) น้ำย่อยนี้เป็นเอนไซม์ที่มีความรับผิดชอบต่อการสลายพันธะโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียกว่า "จำเป็น" ก็เพราะเราไม่สามารถผลิตได้เองในร่างกายของเรา เราจะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

    หากขาดน้ำย่อยโปรตีน (Pepsin) โปรตีนที่เรากินเข้าไปจะไม่ถูกทำลายไปเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและส่วนประกอบเปปไทด์ และเนื่องจากกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้เช่น phenylalanine และ tryptophan มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำอาจเป็นตัวชักนำต่อการพัฒนาความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์

    โรคแพ้ภูมิ

    กรดในกระเพาะอาหารต่ำและต่อมาก็มีแบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดลำไส้ที่ซึมผ่านได้ง่ายแล้วปล่อยให้โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเข้าสู่กระแสเลือด ภาวะนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่ว" Salzman และเพื่อนได้แสดงให้เห็นว่า
    การซึมผ่านได้ง่ายของเซลล์ลำไส้ ทั้งtranscellular และ paracellular เพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ควบคุม

    เมื่อโปรตีนที่ไม่ผ่านการย่อยไปเข้าอยู่ในกระแสเลือดพวกมันจะถูกถือว่าเป็น "ผู้รุกราน" โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายระดมการป้องกันของมัน (อาทิ T เซลล์ Bเซลล์และแอนติบอดี ) เพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

    ประเภทของการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เรากินนี้ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร กลไกที่คล้ายกันนี้ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจในคนที่มีลำไส้รั่ว การพัฒนาโรคแพ้ภูมิรุนแรงมากขึ้นจนกลายไปเป็นอาทิ โรคลูปัส (พุ่มพวง เอสแอลอี), โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (เบาหวานแห้ง)โรคเกรฟส์และความผิดปกติของลำไส้อักเสบเช่น Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ

    ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และกรดในกระเพาะอาหารยังมีรายงานไว้ในงานเขียนและงานวิจัยมากมาย การตรวจสอบปริมาณกรดในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ RA 45 คน ของนักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า 16 คน(36 เปอร์เซ็นต์) แทบจะไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย คนที่ได้รับความทรมานจาก RA ที่ยาวที่สุดมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยที่สุด กลุ่มนักวิจัยอิตาลียังพบอีกว่าคนที่มี RA มีอัตราของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่สูงมากด้วยค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลปกติ

    โรคหอบหืด

    ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มากกว่าสี่ร้อยบทความทางวิทยาศาสตร์ให้กังวลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างโรคหอบหืดและความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร หนึ่งในคุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดของโรคหอบหืดนอกเหนือไปจากการหายใจก็คือเป็นกรดไหลย้อน เป็นที่คาดการณ์กันว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีโรคหอบหืดยังมีโรคกรดไหลย้อนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี และมีการระคายเคืองจากกรดเกินมากขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารของพวกเขา

    เมื่อกรดเข้าไปในหลอดลม จะทำให้ความสามารถของปอดในการหายใจเข้าออกลดลงเป็นสิบเท่า แพทย์ที่มีความตระหนักถึงสิ่งนี้ก็เริ่มจ่ายยาลดกรดให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ทุกข์ทรมานจากโรคกรดไหลย้อน ในขณะที่ยาลดกรดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของความผิดปกติที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารในคราวแรก

    ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่ายาลดกรดทำให้ทุกปัญหาพื้นฐานแย่ลง (กรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปและเพิ่มแบคทีเรีย) ดังนั้นทำให้อาการยาวนานและรุนแรง

    สรุป

    อย่างที่เราได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้ในตอนที่ 1 แสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อนมันเกิดจากการน้อยเกินไป - และไม่มากพอ – ของกรดในกระเพาะอาหาร แต่น่าเสียดายที่กรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียมากจนเกินไป การดูดซึมสารอาหารด้อยคุณภาพลง การลดลงของความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหาร,ลำไส้แปรปรวน และโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์และโรคแพ้ภูมิตัวเองและโรคหอบหืด

    การบรรเทาอาการชั่วคราวของยาลดกรดเหล่านี้ให้ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถตัดสินใจได้เอง

    Cr. Santi Manadee
    #ยาลดกรด ถ้าคุณใช้ยาลดกรดไม่ว่าจะตามคำสั่งแพทย์หรือฟังจากโฆษณาแล้วเชื่อตามนั้น ลองอ่านให้จบว่าอาการเหล่านี้ได้เกิดกับตัวคุณแล้วหรือยัง จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (1) การใช้สาร proton pump inhibitors ในระยะยาวอย่างเช่น Prilosec, Prevacid และ Nexium (ยาเม็ดสีม่วง) - ยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร - เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบี 12 ผู้เข้าร่วมที่กินยาลดกรดมานานกว่าสองปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปโรค : -โรคโลหิตจาง -ความเสียหายของเส้นประสาท -ปัญหาเกี่ยวกับจิต -สมองเสื่อม (Dementia) ยิ่งกินในปริมาณที่สูงกว่าก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่า ตามที่อธิบายไว้โดยนักวิจัยอาวุโส Dr. Douglas Corley (2) Gastroenterologist ที่ Kaiser Permanente: "ยาลดกรดชนิดนี้อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากเซลล์ที่สร้างกรดในกระเพาะอาหารยังสร้างโปรตีนที่ช่วยให้วิตามินบี 12 ถูกดูดซึมได้" การขาดวิตามินบี 12 จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้อย่างไร เมื่อระดับวิตามินบี 12 ของคุณเริ่มลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณบางอย่างเริ่มให้เห็นรวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาทิเช่นการขาดแรงจูงใจหรือความรู้สึกไม่แยแสและถ้าระดับต่ำมาก ๆ ยังสามารถนำไปสู่ความหดหู่ ปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและ – สัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ- ความเมื่อยล้า วิตามินบี 12 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินแห่งพลังงานและร่างกายของคุณต้องการสำหรับกิจกรรมที่สำคัญหลายชนิดรวมทั้งการผลิตพลังงานและ : การย่อยอาหารที่เหมาะสม การดูดซึมอาหาร การใช้ธาตุเหล็ก การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การทำงานของระบบประสาทที่ดี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเส้นประสาทตามปกติ ช่วยในการควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดง การก่อตัวของเซลล์และอายุการใช้งานที่ยาวนาน การผลิตฮอร์โมน เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สนับสนุนความเป็นสตรีเพศและการตั้งครรภ์ สร้างความรู้สึกให้พอใจกับความเป็นอยู่และการควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ ส่งเสริมความจำ เพิ่มความเข้มข้นในด้านสมรรถภาพทางกาย อารมณ์และจิตใจ การวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการมีวิตามินบี 12 ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในชายสูงวัย ความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่แม้หลังจากคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ สถานะของวิตามินดีและปริมาณแคลเซียม medicinenet.com: (3) กล่าวว่า : “ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับ B-12 ต่ำสุดมีโอกาสเกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าร้อยละ 70 ในการศึกษานี้พบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการแตกหักของกระดูกสันหลังส่วนเอวซึ่งมีโอกาสเกิดการแตกหักมากขึ้นถึงร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับกระดูกส่วนอื่น " และถ้าหากขาดวิตามินบี 12 เรื้อรังในระยะยาวก็อาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่ : -โรคซึมเศร้า -ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ -ความอุดมสมบูรณ์ของหญิงและปัญหาการคลอดบุตร -โรคหัวใจและมะเร็ง รูปแบบตามธรรมชาติของ B12 จะมีอยู่ในสัตว์และไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อ แต่อาจเป็นไข่และนมก็ได้ อาหารที่มี B12 สูงรวมถึง: -ไข่อินทรีย์ -เนื้อวัวและตับวัวที่เลี้ยงดวยหญ้าอินทรีย์ -ไก่อินทรีย์ -ปลาแซลมอนอลาสก้าที่จับได้ในป่า -นมดิบของสัตว์ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์และไม่ผ่านกระบวนการ ถ้าคุณมีอาการข้างต้นและไม่บริโภคสัตว์หรือสิ่งที่ได้จากสัตว์ ขอแนะนำให้หาวิตามินบี 12 มารับประทานตามความเหมาะสมของอายุและมวลกายรายการ หมอนอกกะลา ยาลดกรด 2 ตอนที่ 1 ได้พูดถึงสองในสี่ผลกระทบหลักของยาลดกรด: คือแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและความบกพร่องในการดูดซึมสารอาหาร อีก 2 ผลกระทบที่เหลือ ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ เบื้องแรกในการป้องกันร่างกายของเรา: ปาก หลอดอาหารและลำไส้เป็นบ้านของระหว่าง 400-1,000 สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม กระเพาะอาหารที่ดีจะมีการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ ทำไมน่ะรึ !! เพราะกรดในกระเพาะอาหารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ในความเป็นจริง กรดคือบทบาทที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างการขัดขวางสองทางที่ช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ลำดับแรกแรก : กรดในกระเพาะอาหารจะป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินหรืออากาศที่เราหายใจเข้ามาในลำไส้และในเวลาเดียวกัน กรดในกระเพาะอาหารยังช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียตามปกติจากลำไส้ซึ่งจะย้ายเข้าสู่กระเพาะอาหารและหลอดอาหารซึ่งพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหา สภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหารค่า pH ต่ำ (กรดสูง) เป็นหนึ่งในกลไกการป้องกันที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญของร่างกาย เมื่อค่าความเป็นกรดของกระเพาะอาหารมีค่าที่ 3 หรือต่ำกว่าถือว่าเป็นปรกติของช่วงท้องว่างหรือ "พักผ่อน" แบคทีเรียจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที แต่ในขณะที่pH เพิ่มขึ้นถึง 5 หรือมากกว่า สายพันธุ์ต่าง ๆ ของแบคทีเรียสามารถหลีกเลี่ยงการกำจัดของกรดและเริ่มที่จะเจริญเติบโต แต่น่าเสียดาย มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณกินยาลดกรด ทั้ง Tagamet และ Zantac จะเพิ่มค่า pHของกระเพาะอาหารจากประมาณ 1-2 ก่อนการรักษาเป็น 5.5-6.5 อย่างมีนัยสำคัญ ตามลำดับ Prilosec และ PPIs และอื่น ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เพียงหนึ่งเม็ดของยาเหล่านี้สามารถลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ90 ถึง 95เพื่อส่วนที่ดีกว่าของวัน การกิน PPIs ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือบ่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะถูกแนะนำ จะทำให้เกิดภาวะ achlorydia (แทบไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย) ในการศึกษาของผู้ชายที่มีสุขภาพดี10 คนอายุ 22-55 ปี การให้กิน Prilosec 20 หรือ 40 มิลลิกรัมลดระดับกรดในกระเพาะอาหารจนเกือบหมด กระเพาะอาหารที่เป็นกรดไม่มากพอเชื้อแบคทีเรียก่อโรคก็อุดมสมบูรณ์ สนุกสนาน เพราะมันมันทั้งมืดทั้งอบอุ่น ทั้งชื้นและเต็มไปด้วยสารอาหาร แบคทีเรียจะไม่ฆ่าเรา – อย่างน้อยก็ไม่ทันที- แต่บางส่วนของพวกมันสามารถ คนที่มีค่าความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหารสูงพอที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย การทบทวนที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาลดกรดในกระเพาะอาหารชี้ให้เห็นว่าพวกมันเป็นต้นเหตุจริงของการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ(PDF) ผู้เขียนพบหลักฐานยืนยันว่า การใช้ยาลดกรดสามารถเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อต่อไปนี้: Salmonella Campylobacter อหิวาตกโรค Listeria Giardia C. difficile การศึกษาอื่น ๆ พบว่ายาลดกรดยังเพิ่มความเสี่ยงสำหรับ: โรคปอดบวม วัณโรค ไทฟอยด์ บิด ยาลดกรดไม่เพียงแต่เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อแต่มันยังไปลดลงความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเราในการต่อสู้กับการติดเชื้อเมื่อเราได้รับเชื้อ จากการศึกษาในหลอดทดลองได้แสดงให้เห็นว่า PPIs ทำให้การทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว nuetrophil ทำงานผิดพลาด ลดการยึดเกาะกับเซลล์ endothelial ลดการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของจุลินทรีย์และยับยั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ทำลายอย่าง neutrophil และเพิ่มกรดใน phagolysosome ประตูสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ อย่างที่เราได้กล่าวถึงในบทความแรกไว้ว่า การลดลงของการหลั่งกรดตามอายุเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปี 1996 แพทย์ชาวอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการลดลงของกรดตามอายุเนื่องจากการเสียหายของเซลล์ผลิตกรด สภาพนี้เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(atrophic gastritis) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อหาต่อไปนี้ กระเพาะอาหารอักเสบ (สภาพที่กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก) มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของความผิดปกติร้ายแรงที่ไปไกลเกินกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ซึ่งรวมถึง: มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ความผิดปกติของอารมณ์ โลหิตจาง โรคผิวหนังรวมทั้งการเกิดสิว, โรคผิวหนังกลากและลมพิษ โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคแพ้ภูมิเช่นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกรฟส์ อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรค Crohn (CD), ลำไส้ใหญ่ (UC) โรคไวรัสตับอักเสบ โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวานประเภท 1 และอย่าลืมนะว่ากรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก! มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อ H. pylori เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ และยาลดกรดก็ยิ่งทำให้อาการเหล่านี้เลวลงและเพิ่มอัตราการติดเชื้อ ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่อะไรนักหรอกที่จะสงสัยว่ายาลดกรดเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่ติดเชื้อ H.pylori ในบทความที่ผ่านมาของ Julie Parsonnet, M.D. of Standford University Medical School เขียนไว้ว่า : โดยหลักการแล้ว การรักษาด้วยยาลดกรดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นตัวเร่งโรคมะเร็งโดยการแปลงการอักเสบเพียงเล็กน้อยของกระเพาะอาหารเป็นทำลายขั้นรุนแรงในกระบวนการก่อมะเร็ง แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ประมาณ 90% ของลำไส้เล็กส่วนต้น (ลำไส้) และ 65% ของแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากเชื้อ H. pylori ในการทดลองฉีดวัคซีนในมนุษย์ การติดเชื้อไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ค่า pH ของกระเพาะอาหารสูงขึ้น(ลดความเป็นกรดลง) โดยการใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งไปลดกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มค่าความเป็นด่าง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H. pylori และตามมาด้วยการพัฒนาไปเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นหรือกระเพาะอาหาร อาการลำไส้แปรปรวน โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ สารอะดีโนซีน(Adenosine)เป็นตัวกลางหลักของการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและสารอะดีโนซีนในระดับสูงจะไปกดและแก้ไขปัญหาการอักเสบเรื้อรังของทั้งโรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ การใช้ PPIs อย่างต่อเนื่องได้รับการยืนยันว่าไปลดความเข้มข้นของสารอะดีโนซีน จึงส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการใช้งานยาลดกรดในระยะยาว อาจพัฒนาความผิดปกติของลำไส้ให้อักเสบอย่างรุนแรงได้ ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและความผิดปกติทางอารมณ์ ในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุ (เท่าที่ผมรู้) การเชื่อมโยงของยาลดกรดกับความผิดปกติทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า ความเข้าใจพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างการย่อยโปรตีนและสุขภาพจิตแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการเชื่อมกัน ในระหว่างการย่อยอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะปล่อยน้ำย่อยซึ่งเรียกว่า เพพซิน (pepsin) น้ำย่อยนี้เป็นเอนไซม์ที่มีความรับผิดชอบต่อการสลายพันธะโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียกว่า "จำเป็น" ก็เพราะเราไม่สามารถผลิตได้เองในร่างกายของเรา เราจะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น หากขาดน้ำย่อยโปรตีน (Pepsin) โปรตีนที่เรากินเข้าไปจะไม่ถูกทำลายไปเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและส่วนประกอบเปปไทด์ และเนื่องจากกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้เช่น phenylalanine และ tryptophan มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำอาจเป็นตัวชักนำต่อการพัฒนาความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์ โรคแพ้ภูมิ กรดในกระเพาะอาหารต่ำและต่อมาก็มีแบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดลำไส้ที่ซึมผ่านได้ง่ายแล้วปล่อยให้โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเข้าสู่กระแสเลือด ภาวะนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่ว" Salzman และเพื่อนได้แสดงให้เห็นว่า การซึมผ่านได้ง่ายของเซลล์ลำไส้ ทั้งtranscellular และ paracellular เพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ควบคุม เมื่อโปรตีนที่ไม่ผ่านการย่อยไปเข้าอยู่ในกระแสเลือดพวกมันจะถูกถือว่าเป็น "ผู้รุกราน" โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายระดมการป้องกันของมัน (อาทิ T เซลล์ Bเซลล์และแอนติบอดี ) เพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ประเภทของการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เรากินนี้ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร กลไกที่คล้ายกันนี้ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจในคนที่มีลำไส้รั่ว การพัฒนาโรคแพ้ภูมิรุนแรงมากขึ้นจนกลายไปเป็นอาทิ โรคลูปัส (พุ่มพวง เอสแอลอี), โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (เบาหวานแห้ง)โรคเกรฟส์และความผิดปกติของลำไส้อักเสบเช่น Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และกรดในกระเพาะอาหารยังมีรายงานไว้ในงานเขียนและงานวิจัยมากมาย การตรวจสอบปริมาณกรดในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ RA 45 คน ของนักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า 16 คน(36 เปอร์เซ็นต์) แทบจะไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย คนที่ได้รับความทรมานจาก RA ที่ยาวที่สุดมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยที่สุด กลุ่มนักวิจัยอิตาลียังพบอีกว่าคนที่มี RA มีอัตราของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่สูงมากด้วยค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลปกติ โรคหอบหืด ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มากกว่าสี่ร้อยบทความทางวิทยาศาสตร์ให้กังวลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างโรคหอบหืดและความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร หนึ่งในคุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดของโรคหอบหืดนอกเหนือไปจากการหายใจก็คือเป็นกรดไหลย้อน เป็นที่คาดการณ์กันว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีโรคหอบหืดยังมีโรคกรดไหลย้อนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี และมีการระคายเคืองจากกรดเกินมากขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารของพวกเขา เมื่อกรดเข้าไปในหลอดลม จะทำให้ความสามารถของปอดในการหายใจเข้าออกลดลงเป็นสิบเท่า แพทย์ที่มีความตระหนักถึงสิ่งนี้ก็เริ่มจ่ายยาลดกรดให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ทุกข์ทรมานจากโรคกรดไหลย้อน ในขณะที่ยาลดกรดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของความผิดปกติที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารในคราวแรก ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่ายาลดกรดทำให้ทุกปัญหาพื้นฐานแย่ลง (กรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปและเพิ่มแบคทีเรีย) ดังนั้นทำให้อาการยาวนานและรุนแรง สรุป อย่างที่เราได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้ในตอนที่ 1 แสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อนมันเกิดจากการน้อยเกินไป - และไม่มากพอ – ของกรดในกระเพาะอาหาร แต่น่าเสียดายที่กรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียมากจนเกินไป การดูดซึมสารอาหารด้อยคุณภาพลง การลดลงของความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหาร,ลำไส้แปรปรวน และโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์และโรคแพ้ภูมิตัวเองและโรคหอบหืด การบรรเทาอาการชั่วคราวของยาลดกรดเหล่านี้ให้ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถตัดสินใจได้เอง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กรดไหลย้อนนำไปสู่โรคที่คาดไม่ถึงได้อย่างไร (สิ่งที่ไม่มีใครเคยบอกคุณและไม่ใช่ความลับสวรรค์) (5....อวสาน)
    Carnitine

    กรดอะมิโนที่พบในเนื้อสัตว์เสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นสารประกอบที่สังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโนสองชนิดคือไลซีนและเมธไทโอนีนในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตและเป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตพลังงานของร่างกาย คาร์นิทีนเป็นเหมือนรถไฟลำเลียงที่คอยลำเลียงกรดไขมันจากไซโตซอลเข้าสู่ไมโตคอนเดรียระหว่างการสลายของไขมันเพื่อใช้ในการเผาผลาญพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยกวาดล้างสารชีวพิษ (Toxin) ต่าง ๆ ออกจากร่างกายรวมถึงหมุนเวียนการใช้งานคอเลสเตอรอล
    นั่นหมายความว่าถ้าคุณมี คาร์นิทีนไม่เพียงพอคุณก็จะ อ่อนแรง ไขมันผิดปรกติ มีสารชีวพิษในร่างกายมากมาย..ใช่หรือไม่..!! และอาจถูกวินิจฉัยให้เป็นโรคที่มีชื่อแปลก ๆ อีกนานัปการ
    Glycine
    เป็นกรดอะมิโนที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดากรดอะมิโน 20 ตัวที่พบทั่วไปในโปรตีน ร่ายกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เอง มันเป็นตัวสำคัญในการสร้างฮีโมโกลบิน : โมเลกุลโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่นำพาออกซิเจนไปยังที่ต่างๆ Glycine จะจับกับ Cysteine (ซีสเทอีนหรือแอล-ซีสเทอีน) และกรดกลูตามิก(Glutamic acid) ในร่างกายเพื่อสร้างกลูต้าไธโอน : สารต้านอนุมูลที่สำคัญของร่างกาย นอกจากนี้ Glycine ยังมีความสำคัญกับระบบเผาผลาญเป็นอย่างยิ่ง
    Lysine
    กรดอะมิโนจำเป็นซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร ไลซีนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสร้างโปรตีนที่สำคัญต่อร่างกายโดยร่างกายต้องการไลซีนเพื่อการเจริญเติบโต การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การสร้างภูมิต้านทาน ฮอร์โมน รวมถึงเอนไซม์ต่างๆ
    และเป็นตัวการสำคัญในการผลิตพลังงานของร่างกายโดยผ่านกระบวนการที่ชื่อว่า Methylation รวมถึงยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ข้อต่าง ๆ และผิวมีสุขภาพที่ดี......ดังนั้นเมื่อคุณเป็นกรดไหลย้อน การที่คุณจะมีผิวพรรณที่ไม่เปล่งปลั่ง ข้อที่ไม่ดี อ่อนแรงได้ง่ายก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด....ใช่หรือไม่..!!
    Serine
    เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองโดยการย่อยสลายอาหาร เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญในส่วนของการกระตุ้นเอ็นไซม์ต่าง ๆ ซึ่งทำหน้าที่ตั้งแต่การย่อยอาหารไปจนถึงขนส่งโมเลกุลผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ดังนั้นมันจึงถูกใช้ในฐานะแหล่งพลังงาน นอกจากนี้ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อสมอง การที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมซีรีนได้จะเกี่ยวโยงไปถึงโรคเบาหวานชนิดที่ 2
    Threonine
    กรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้ จึงจะต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร
    ทรีโอนีนมีส่วนช่วยในการป้องกันการสร้างไขมันในเลือด ช่วยให้เอนไซม์ในระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการเผาผลาญอาหารในร่างกายและยังช่วยส่งเสริมการดูดซึมอาหาร
    ส่วนกรดอะมิโนที่ไม่ได้กล่าวถึงก็ล้วนแล้วแต่จำเป็นต่อร่างกาย แต่บทความนี้พยายามจะโยงเรื่องราวให้ท่านเห็นว่า...จากกรดไหลย้อนที่บางทีอาจถูกมองว่าเป็นปัญหาเล็กๆนั้น...นำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับสมองได้อย่างไร
    หวังว่าบทความทั้ง 5 ตอนนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้คนไม่มากก็น้อย
    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
    สวัสดี
    อ้างอิง : Calcium Lie และ Stomach Acid is good for you

    Cr. Santi Manadee
    #กรดไหลย้อนนำไปสู่โรคที่คาดไม่ถึงได้อย่างไร (สิ่งที่ไม่มีใครเคยบอกคุณและไม่ใช่ความลับสวรรค์) (5....อวสาน) Carnitine กรดอะมิโนที่พบในเนื้อสัตว์เสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นสารประกอบที่สังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโนสองชนิดคือไลซีนและเมธไทโอนีนในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตและเป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตพลังงานของร่างกาย คาร์นิทีนเป็นเหมือนรถไฟลำเลียงที่คอยลำเลียงกรดไขมันจากไซโตซอลเข้าสู่ไมโตคอนเดรียระหว่างการสลายของไขมันเพื่อใช้ในการเผาผลาญพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยกวาดล้างสารชีวพิษ (Toxin) ต่าง ๆ ออกจากร่างกายรวมถึงหมุนเวียนการใช้งานคอเลสเตอรอล นั่นหมายความว่าถ้าคุณมี คาร์นิทีนไม่เพียงพอคุณก็จะ อ่อนแรง ไขมันผิดปรกติ มีสารชีวพิษในร่างกายมากมาย..ใช่หรือไม่..!! และอาจถูกวินิจฉัยให้เป็นโรคที่มีชื่อแปลก ๆ อีกนานัปการ Glycine เป็นกรดอะมิโนที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดากรดอะมิโน 20 ตัวที่พบทั่วไปในโปรตีน ร่ายกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เอง มันเป็นตัวสำคัญในการสร้างฮีโมโกลบิน : โมเลกุลโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่นำพาออกซิเจนไปยังที่ต่างๆ Glycine จะจับกับ Cysteine (ซีสเทอีนหรือแอล-ซีสเทอีน) และกรดกลูตามิก(Glutamic acid) ในร่างกายเพื่อสร้างกลูต้าไธโอน : สารต้านอนุมูลที่สำคัญของร่างกาย นอกจากนี้ Glycine ยังมีความสำคัญกับระบบเผาผลาญเป็นอย่างยิ่ง Lysine กรดอะมิโนจำเป็นซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร ไลซีนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสร้างโปรตีนที่สำคัญต่อร่างกายโดยร่างกายต้องการไลซีนเพื่อการเจริญเติบโต การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การสร้างภูมิต้านทาน ฮอร์โมน รวมถึงเอนไซม์ต่างๆ และเป็นตัวการสำคัญในการผลิตพลังงานของร่างกายโดยผ่านกระบวนการที่ชื่อว่า Methylation รวมถึงยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ข้อต่าง ๆ และผิวมีสุขภาพที่ดี......ดังนั้นเมื่อคุณเป็นกรดไหลย้อน การที่คุณจะมีผิวพรรณที่ไม่เปล่งปลั่ง ข้อที่ไม่ดี อ่อนแรงได้ง่ายก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด....ใช่หรือไม่..!! Serine เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองโดยการย่อยสลายอาหาร เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญในส่วนของการกระตุ้นเอ็นไซม์ต่าง ๆ ซึ่งทำหน้าที่ตั้งแต่การย่อยอาหารไปจนถึงขนส่งโมเลกุลผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ดังนั้นมันจึงถูกใช้ในฐานะแหล่งพลังงาน นอกจากนี้ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อสมอง การที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมซีรีนได้จะเกี่ยวโยงไปถึงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 Threonine กรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้ จึงจะต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร ทรีโอนีนมีส่วนช่วยในการป้องกันการสร้างไขมันในเลือด ช่วยให้เอนไซม์ในระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการเผาผลาญอาหารในร่างกายและยังช่วยส่งเสริมการดูดซึมอาหาร ส่วนกรดอะมิโนที่ไม่ได้กล่าวถึงก็ล้วนแล้วแต่จำเป็นต่อร่างกาย แต่บทความนี้พยายามจะโยงเรื่องราวให้ท่านเห็นว่า...จากกรดไหลย้อนที่บางทีอาจถูกมองว่าเป็นปัญหาเล็กๆนั้น...นำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับสมองได้อย่างไร หวังว่าบทความทั้ง 5 ตอนนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้คนไม่มากก็น้อย ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง สวัสดี อ้างอิง : Calcium Lie และ Stomach Acid is good for you Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กรดไหลย้อน (ที่ไม่มีใครเคยบอกคุณและไม่ใช่ความลับสวรรค์) (1)

    ...คุณเคยมีประสบการณ์ของการเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือไม่....

    โรคที่อาจมีการวินิจฉัยผิดพลาดบ่อย ๆและถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ยาเม็ดลดกรด (Tums) อาจถูกนำมาใช้หรือบางทีคุณอาจมองหา Prilosec หรือ Prevacid หรือบางรายไปไกลกว่านั้นและอาจใช้ Nexium,Tagamet หรือ Zantac เพื่อควบคุมอาการของคุณและที่เลวร้ายไปกว่านั้นถ้าคุณใช้ยา MaaloxหรือMylanta ซึ่ง 2 ตัวหลังนี้เต็มไปด้วยอลูมิเนียมที่เป็นพิษต่อร่างกาย
    ..!! ถ้าคุณและที่ปรึกษาด้านสุขภาพของคุณเห็นร่วมกันวาเป็นเรื่องเล็ก....ไม่น่ากังวลอะไร...”คุณคิดผิด”
    ในความเป็นจริง ..กรดไหลย้อนเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก ๆ มันเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรงที่สามารถนำพาคุณไปสู่การทำงานที่ผิดพลาดของระบบในร่างกายและอาจไปไกลได้ถึง...”ความตาย”
    ..ชีวเคมี (Biochemistry)…
    อาจจะยากขึ้นสักเล็กน้อย..แต่จำเป็นต้องใส่ไว้ที่นี่...แต่ผมจะทำให้คุณเข้าใจได้ง่ายขึ้น..ตามมา..!!
    Digestive distress (ระบบทางเดินอาหารทำงานน้อยลง) สามารถนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงมากมาย คุณอาจเคยได้ยินมาว่า..กรดไหลย้อนเกิดจากการมีกรดเกินในกระเพาะอาหารเนื่องจากมีกรดไปเล่นงานหลอดอาหาร( esophagus) และทำให้เกิดอาการแสบร้อน...นั่นเป็นเพียงบางส่วนของเรื่องราวทั้งหมดและเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องมายาวนาน
    ความจริง : เราไม่สามารถย่อยอาหารได้อย่างสมบูรณ์จากการมีกรดน้อยเกินไปในเวลาที่ต้องมีกรดเพื่อทำหน้าที่ย่อยอาหารในกระเพาะอาหารของเรา Dr.Jonathan Wright ผู้เขียน : Stomach Acid is good for you
    (Evans,2001) กล่าวว่า”การผลิตกรดมากเกินไปมีอยู่จริงแต่เป็นจำนวนที่น้อยมาก ๆ และมากกว่า 44 ล้านคนประสบปัญหานี้จากการมีกรดน้อยเกินไป กรดในกระเพาะอาหารเป็นสิ่งสำคัญต่อการย่อยและการดูดซึมสารอาหารที่สำคัญเพื่อไปหล่อเลี้ยงร่างกายรวมถึงโปรตีนและแร่ธาตุ ดังนั้นการผลิตกรดมากจนเกินไปของกระเพาะอาหารจะมีส่วนในการรับผิดชอบต่อโรคกรดไหลย้อยได้อย่างไรกัน..มันไม่ใช่..!! หรืออย่างน้อยที่สุด....มันไม่ใช่ที่คุณคิด
    การใช้ยาที่เรียกว่า Proton pump inhibitors ซึ่งทำหน้าที่ลดการหลั่งกรดหรืออาจไปถึงหยุดการผลิตกรดเป็นสิ่งที่เลวร้ายเพราะนั่นหมายถึงการขัดขวางการย่อยอาหารและมันเป็นต้นเหตุของการนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง ซึมเศร้า วิตกกังวล ไมเกรนและนอนไม่หลับ
    การผลิตกรดในกระเพาะอาหาร (Hydrochloric Acid) ร่างกายจำเป็นต้องใช้โซเดียมคลอไรด์..ใช่มันคือ..เกลือ..!! และเกลือเป็นแหล่งคลอไรด์หลักที่ร่างกายต้องสร้างเซลล์ที่เรียกว่า parietal cell
    ที่น่าเสียใจที่สุดคือร้อยละ 90 ในผู้ป่วยของผมขาดโซเดียมเนื่องจากความรู้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโจมตีการกินเกลือด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ นา ๆ ”
    -แคลเซียมที่มากจนเกินไปทำให้ร่างกายสูญเสียโซเดียมและโพแทสเซียมทางปัสสาวะและทำให้เซลล์สูญเสียแร่ธาตุ 2 ตัวนี้อย่างต่อเนื่อง โพแทสเซียมเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่สำคัญต่อการสร้างกรดในกระเพาะอาหารเช่นกัน...แต่โซเดียมเป็นตัวหลักเสมอ ดังนั้นผลของการขาดทั้งโซเดียมและโพแทสเซียมจะทำให้เกิดการสูญเสียความสามารถในการย่อยอาหาร ความสามารถในการย่อยโปรตีน ความสามารถในการสร้างกรดอะมิโนให้กับเซลล์และความสามารถในการสร้างเซลล์โปรตีน เซลล์ประสาทและ Nitric Oxide และนำไปสู่ปัญหาที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
    ขอย้อนกลับไปสู่บทความตอนแคลเซียมที่เคยโพสต์ไปแล้วอีกสักหน่อยที่ว่า การมีแคลเซียมมากเกินไปจะไปกดการทำงานของต่อมหมวกไต ดังนั้นไตจะสามารถไปจับกับแม็กนีเซียมเพื่อรักษาสมดุลแคลเซียมที่ต้องสูญเสียไปและยิ่งไปกว่านั้นการที่ต่อมหมวกไตถูกกดการทำงาน การสูญเสียโซเดียมและโพแทสเซียมจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านทางปัสสาวะจึงส่งผลให้เซลล์ขาดแร่ธาตุ 2 ตัวนี้ในเวลาต่อมา
    ปัญหาที่ใหญ่ไปกว่านั้น : Tums (ยาเม็ดลดกรด) ที่ผู้คนนิยมเคี้ยวเวลามีปัญหากรดไหลย้อน..
    Tums ประกอบด้วยอะไร..!! แคลเซียม...แม่เจ้า..!!นั่นหมายถึงการทำให้กระบวนการที่กล่าวมาด้านบนเกิดขึ้นและเป็นการทำร้ายตัวเอง...ใช่หรือไม่..
    ...จำไว้นะ..
    การมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปอนุญาตให้แคลเซียมที่เกินเหล่านั้นเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ของร่างกายและฝังตัวจนก่อปัญหาในระบบไม่ว่าจะเป็นที่หลอดเลือด ข้อต่อ ลิ้นหัวใจและที่ร้ายแรงที่สุดคือมันเป็นพิษต่อสมอง
    เมื่อเซลล์ในกระเพาะอาหารส่วนล่างและส่วนบนของลำไส้เล็กได้รับโปรตีนจากอาหารที่คุณกินเพื่อการย่อย พวกเขาจะส่งสัญญาณเพื่อให้มีการผลิตกรดและเพิ่มฮอร์โมนที่เรียกว่า Gastrin ฮอร์โมนนี้จะบอก Parietal cells ในกระเพาะอาหารให้สร้างกรดเพิ่ม
    เพื่อให้มองเห็นภาพ : มันเป็นเช่นเดียวกับเครื่องยนต์ที่ใช้คาบูเรเตอร์
    เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ก็จำเป็นที่ต้องมีการจ่ายน้ำมันผ่านวาลว์และถ้าน้ำมันไม่เพียงพอวาล์วก็จะเปิดให้มีน้ำมันไหลเข้ามากขึ้น ๆ และถ้ายังสตาร์ทเครื่องไม่ได้วาล์วก็จะถูกเปิดจนน้ำมันท่วมคาบูเรเตอร์.....กรดไหลย้อนก็เกิดขึ้นในทำนองเดียวกัน...ถ้ากรดไม่ถูกสร้าง..การกระตุ้น Gastrin เพื่อให้ย่อยโปรตีนก็จะถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่การท่วมของกรด(กรดจำนวนมากถูกปล่อยมาในครั้งเดียวจากการกระตุ้นที่มากจนเกินไป)สิ่งนี้เกิดจากการมีกรดน้อยเกินในตอนเริ่มต้นเมื่อโปรตีนเดินทางไปถึงกระเพาะอาหาร
    ...อีกครั้ง..
    มันเกิดจากการขาดโซเดียมของ Parietal cells ที่พวกเขาต้องใช้เพื่อการทำงานที่ถูกต้องในขั้นตอนเริ่มต้นและต่อมาก็เกิดการท่วมและ...ท้ายที่สุดกรดจะถูกปล่อยออกมาจนไปก่ออาการแสบร้อนกลางอก ไอ ระคายคอและมีเสมหะตลอดเวลา
    แต่ถึงกระนั้น...การผลิตกรดที่มากจนเกินไปก็เกี่ยวโยงกับการมีโซเดียมในเซลล์ในระดับสูงเช่นกันและสามารถทำให้เกิดกรดเกินได้แต่เกิดขึ้นน้อยราวร้อยละ 10 ของผู้ป่วยกรดไหลย้อน ดังนั้นผมขอแนะนำให้ผู้ป่วยในโรคนี้หมั่นตรวจค่าอิเลคโทรไลท์ทุก 2 สัปดาห์ถ้าสามารถทำได้เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง
    ..ข้อสังเกตุ..
    ถ้าคุณมีปัญหากรดไหลย้อน...
    ให้หยุดกิน หวาน นมสัตว์ นมถั่วเหลือง เห็ด ผลไม้ ขนมปัง ถั่วทุกรูปแบบ มะเขือเทศ รสเปรี้ยวและรสเผ็ดและควรกินเกลือที่มีแร่ธาตุมากพอสักครึ่งช้อนชาร่วมกับผักที่มีโพแทสเซียมสูงอาทิ กล้วยดิบ บรอคโคลี่ ดอกกะหล่ำ แครอท แขนง กะหล่ำปลี ผักโขม ผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ยอดฟักแม้ว ใบแค ใบคื่นช่าย มันเทศ มันฝรั่ง ฟักทองเป็นต้น ก่อนอาหารราว3 นาทีทุกมื้ออาหาร
    เพียงเท่านี้.... คุณอาจจะสตาร์ทเครื่องยนต์ของคุณได้โดยปราศจากการท่วมของน้ำมันในคาบูเรเตอร์ของคุณ
    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
    สวัสดี
    ขอบคุณหนังสือ Calcium Lie และ Stomach Acid is good for you

    Cr. Santi Manadee
    #กรดไหลย้อน (ที่ไม่มีใครเคยบอกคุณและไม่ใช่ความลับสวรรค์) (1) ...คุณเคยมีประสบการณ์ของการเป็นโรคกรดไหลย้อนหรือไม่.... โรคที่อาจมีการวินิจฉัยผิดพลาดบ่อย ๆและถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ยาเม็ดลดกรด (Tums) อาจถูกนำมาใช้หรือบางทีคุณอาจมองหา Prilosec หรือ Prevacid หรือบางรายไปไกลกว่านั้นและอาจใช้ Nexium,Tagamet หรือ Zantac เพื่อควบคุมอาการของคุณและที่เลวร้ายไปกว่านั้นถ้าคุณใช้ยา MaaloxหรือMylanta ซึ่ง 2 ตัวหลังนี้เต็มไปด้วยอลูมิเนียมที่เป็นพิษต่อร่างกาย ..!! ถ้าคุณและที่ปรึกษาด้านสุขภาพของคุณเห็นร่วมกันวาเป็นเรื่องเล็ก....ไม่น่ากังวลอะไร...”คุณคิดผิด” ในความเป็นจริง ..กรดไหลย้อนเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก ๆ มันเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรงที่สามารถนำพาคุณไปสู่การทำงานที่ผิดพลาดของระบบในร่างกายและอาจไปไกลได้ถึง...”ความตาย” ..ชีวเคมี (Biochemistry)… อาจจะยากขึ้นสักเล็กน้อย..แต่จำเป็นต้องใส่ไว้ที่นี่...แต่ผมจะทำให้คุณเข้าใจได้ง่ายขึ้น..ตามมา..!! Digestive distress (ระบบทางเดินอาหารทำงานน้อยลง) สามารถนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงมากมาย คุณอาจเคยได้ยินมาว่า..กรดไหลย้อนเกิดจากการมีกรดเกินในกระเพาะอาหารเนื่องจากมีกรดไปเล่นงานหลอดอาหาร( esophagus) และทำให้เกิดอาการแสบร้อน...นั่นเป็นเพียงบางส่วนของเรื่องราวทั้งหมดและเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องมายาวนาน ความจริง : เราไม่สามารถย่อยอาหารได้อย่างสมบูรณ์จากการมีกรดน้อยเกินไปในเวลาที่ต้องมีกรดเพื่อทำหน้าที่ย่อยอาหารในกระเพาะอาหารของเรา Dr.Jonathan Wright ผู้เขียน : Stomach Acid is good for you (Evans,2001) กล่าวว่า”การผลิตกรดมากเกินไปมีอยู่จริงแต่เป็นจำนวนที่น้อยมาก ๆ และมากกว่า 44 ล้านคนประสบปัญหานี้จากการมีกรดน้อยเกินไป กรดในกระเพาะอาหารเป็นสิ่งสำคัญต่อการย่อยและการดูดซึมสารอาหารที่สำคัญเพื่อไปหล่อเลี้ยงร่างกายรวมถึงโปรตีนและแร่ธาตุ ดังนั้นการผลิตกรดมากจนเกินไปของกระเพาะอาหารจะมีส่วนในการรับผิดชอบต่อโรคกรดไหลย้อยได้อย่างไรกัน..มันไม่ใช่..!! หรืออย่างน้อยที่สุด....มันไม่ใช่ที่คุณคิด การใช้ยาที่เรียกว่า Proton pump inhibitors ซึ่งทำหน้าที่ลดการหลั่งกรดหรืออาจไปถึงหยุดการผลิตกรดเป็นสิ่งที่เลวร้ายเพราะนั่นหมายถึงการขัดขวางการย่อยอาหารและมันเป็นต้นเหตุของการนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง ซึมเศร้า วิตกกังวล ไมเกรนและนอนไม่หลับ การผลิตกรดในกระเพาะอาหาร (Hydrochloric Acid) ร่างกายจำเป็นต้องใช้โซเดียมคลอไรด์..ใช่มันคือ..เกลือ..!! และเกลือเป็นแหล่งคลอไรด์หลักที่ร่างกายต้องสร้างเซลล์ที่เรียกว่า parietal cell ที่น่าเสียใจที่สุดคือร้อยละ 90 ในผู้ป่วยของผมขาดโซเดียมเนื่องจากความรู้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโจมตีการกินเกลือด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ นา ๆ ” -แคลเซียมที่มากจนเกินไปทำให้ร่างกายสูญเสียโซเดียมและโพแทสเซียมทางปัสสาวะและทำให้เซลล์สูญเสียแร่ธาตุ 2 ตัวนี้อย่างต่อเนื่อง โพแทสเซียมเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่สำคัญต่อการสร้างกรดในกระเพาะอาหารเช่นกัน...แต่โซเดียมเป็นตัวหลักเสมอ ดังนั้นผลของการขาดทั้งโซเดียมและโพแทสเซียมจะทำให้เกิดการสูญเสียความสามารถในการย่อยอาหาร ความสามารถในการย่อยโปรตีน ความสามารถในการสร้างกรดอะมิโนให้กับเซลล์และความสามารถในการสร้างเซลล์โปรตีน เซลล์ประสาทและ Nitric Oxide และนำไปสู่ปัญหาที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ขอย้อนกลับไปสู่บทความตอนแคลเซียมที่เคยโพสต์ไปแล้วอีกสักหน่อยที่ว่า การมีแคลเซียมมากเกินไปจะไปกดการทำงานของต่อมหมวกไต ดังนั้นไตจะสามารถไปจับกับแม็กนีเซียมเพื่อรักษาสมดุลแคลเซียมที่ต้องสูญเสียไปและยิ่งไปกว่านั้นการที่ต่อมหมวกไตถูกกดการทำงาน การสูญเสียโซเดียมและโพแทสเซียมจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านทางปัสสาวะจึงส่งผลให้เซลล์ขาดแร่ธาตุ 2 ตัวนี้ในเวลาต่อมา ปัญหาที่ใหญ่ไปกว่านั้น : Tums (ยาเม็ดลดกรด) ที่ผู้คนนิยมเคี้ยวเวลามีปัญหากรดไหลย้อน.. Tums ประกอบด้วยอะไร..!! แคลเซียม...แม่เจ้า..!!นั่นหมายถึงการทำให้กระบวนการที่กล่าวมาด้านบนเกิดขึ้นและเป็นการทำร้ายตัวเอง...ใช่หรือไม่.. ...จำไว้นะ.. การมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปอนุญาตให้แคลเซียมที่เกินเหล่านั้นเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ของร่างกายและฝังตัวจนก่อปัญหาในระบบไม่ว่าจะเป็นที่หลอดเลือด ข้อต่อ ลิ้นหัวใจและที่ร้ายแรงที่สุดคือมันเป็นพิษต่อสมอง เมื่อเซลล์ในกระเพาะอาหารส่วนล่างและส่วนบนของลำไส้เล็กได้รับโปรตีนจากอาหารที่คุณกินเพื่อการย่อย พวกเขาจะส่งสัญญาณเพื่อให้มีการผลิตกรดและเพิ่มฮอร์โมนที่เรียกว่า Gastrin ฮอร์โมนนี้จะบอก Parietal cells ในกระเพาะอาหารให้สร้างกรดเพิ่ม เพื่อให้มองเห็นภาพ : มันเป็นเช่นเดียวกับเครื่องยนต์ที่ใช้คาบูเรเตอร์ เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ก็จำเป็นที่ต้องมีการจ่ายน้ำมันผ่านวาลว์และถ้าน้ำมันไม่เพียงพอวาล์วก็จะเปิดให้มีน้ำมันไหลเข้ามากขึ้น ๆ และถ้ายังสตาร์ทเครื่องไม่ได้วาล์วก็จะถูกเปิดจนน้ำมันท่วมคาบูเรเตอร์.....กรดไหลย้อนก็เกิดขึ้นในทำนองเดียวกัน...ถ้ากรดไม่ถูกสร้าง..การกระตุ้น Gastrin เพื่อให้ย่อยโปรตีนก็จะถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่การท่วมของกรด(กรดจำนวนมากถูกปล่อยมาในครั้งเดียวจากการกระตุ้นที่มากจนเกินไป)สิ่งนี้เกิดจากการมีกรดน้อยเกินในตอนเริ่มต้นเมื่อโปรตีนเดินทางไปถึงกระเพาะอาหาร ...อีกครั้ง.. มันเกิดจากการขาดโซเดียมของ Parietal cells ที่พวกเขาต้องใช้เพื่อการทำงานที่ถูกต้องในขั้นตอนเริ่มต้นและต่อมาก็เกิดการท่วมและ...ท้ายที่สุดกรดจะถูกปล่อยออกมาจนไปก่ออาการแสบร้อนกลางอก ไอ ระคายคอและมีเสมหะตลอดเวลา แต่ถึงกระนั้น...การผลิตกรดที่มากจนเกินไปก็เกี่ยวโยงกับการมีโซเดียมในเซลล์ในระดับสูงเช่นกันและสามารถทำให้เกิดกรดเกินได้แต่เกิดขึ้นน้อยราวร้อยละ 10 ของผู้ป่วยกรดไหลย้อน ดังนั้นผมขอแนะนำให้ผู้ป่วยในโรคนี้หมั่นตรวจค่าอิเลคโทรไลท์ทุก 2 สัปดาห์ถ้าสามารถทำได้เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ..ข้อสังเกตุ.. ถ้าคุณมีปัญหากรดไหลย้อน... ให้หยุดกิน หวาน นมสัตว์ นมถั่วเหลือง เห็ด ผลไม้ ขนมปัง ถั่วทุกรูปแบบ มะเขือเทศ รสเปรี้ยวและรสเผ็ดและควรกินเกลือที่มีแร่ธาตุมากพอสักครึ่งช้อนชาร่วมกับผักที่มีโพแทสเซียมสูงอาทิ กล้วยดิบ บรอคโคลี่ ดอกกะหล่ำ แครอท แขนง กะหล่ำปลี ผักโขม ผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ยอดฟักแม้ว ใบแค ใบคื่นช่าย มันเทศ มันฝรั่ง ฟักทองเป็นต้น ก่อนอาหารราว3 นาทีทุกมื้ออาหาร เพียงเท่านี้.... คุณอาจจะสตาร์ทเครื่องยนต์ของคุณได้โดยปราศจากการท่วมของน้ำมันในคาบูเรเตอร์ของคุณ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง สวัสดี ขอบคุณหนังสือ Calcium Lie และ Stomach Acid is good for you Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

    จรรยาบรรณแพทย์

    ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ
    ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม

    ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ
    ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น
    ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน
    ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

    ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม
    ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น

    ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง
    ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย

    ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ
    ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ

    ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ
    ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม
    ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ
    ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ
    ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ
    อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่

    ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ
    ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง
    ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้

    ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล
    ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่

    ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้
    ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้

    ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย
    ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้
    เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ

    ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ
    ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ

    ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย
    ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้
    แก้วสรร อติโพธิ
    14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้ จรรยาบรรณแพทย์ ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่ ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้ ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่ ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้ ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้ ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้ เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้ แก้วสรร อติโพธิ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้น่าสนใจครับ

    AI Agents อาจกลายเป็นผู้ใช้แอปพลิเคชันหลักแทนมนุษย์ในอนาคต

    การพัฒนาเทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการออกแบบและใช้งานระบบดิจิทัลของเราอย่างรวดเร็ว รายงานจาก Accenture คาดการณ์ว่าในปี 2030 AI agents จะกลายเป็นผู้ใช้หลักของระบบดิจิทัลภายในองค์กร และในปี 2032 การโต้ตอบกับ AI agents จะใช้เวลามากกว่าการใช้แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์อัจฉริยะของผู้บริโภคทั่วไป

    Karthik Narain, CTO ของ Accenture กล่าวว่า การพัฒนาโมเดลพื้นฐานที่สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติได้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบเทคโนโลยีของเรา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบดิจิทัลที่มีความสามารถในการคิดและตัดสินใจได้เอง

    รายงานยังระบุถึงการพัฒนาสามด้านหลัก ได้แก่ ระบบเอเจนติก (agentic systems), แกนดิจิทัล (digital core), และอินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบสร้างสรรค์ (generative user interfaces) ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในรูปแบบโมดูลาร์ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ

    AI agents สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ผ่าน API เพื่อดึงข้อมูลและทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แปลว่ามนุษญ์อาจจะได้แค่สั่ง AI Agent แล้วรอผลลัพธ์เฉยๆ ครับ

    https://www.zdnet.com/article/ai-agents-may-soon-surpass-people-as-primary-application-users/
    บทความนี้น่าสนใจครับ AI Agents อาจกลายเป็นผู้ใช้แอปพลิเคชันหลักแทนมนุษย์ในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการออกแบบและใช้งานระบบดิจิทัลของเราอย่างรวดเร็ว รายงานจาก Accenture คาดการณ์ว่าในปี 2030 AI agents จะกลายเป็นผู้ใช้หลักของระบบดิจิทัลภายในองค์กร และในปี 2032 การโต้ตอบกับ AI agents จะใช้เวลามากกว่าการใช้แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์อัจฉริยะของผู้บริโภคทั่วไป Karthik Narain, CTO ของ Accenture กล่าวว่า การพัฒนาโมเดลพื้นฐานที่สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติได้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบเทคโนโลยีของเรา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบดิจิทัลที่มีความสามารถในการคิดและตัดสินใจได้เอง รายงานยังระบุถึงการพัฒนาสามด้านหลัก ได้แก่ ระบบเอเจนติก (agentic systems), แกนดิจิทัล (digital core), และอินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบสร้างสรรค์ (generative user interfaces) ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในรูปแบบโมดูลาร์ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ AI agents สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ผ่าน API เพื่อดึงข้อมูลและทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แปลว่ามนุษญ์อาจจะได้แค่สั่ง AI Agent แล้วรอผลลัพธ์เฉยๆ ครับ https://www.zdnet.com/article/ai-agents-may-soon-surpass-people-as-primary-application-users/
    WWW.ZDNET.COM
    AI agents may soon surpass people as primary application users
    A 'binary big bang' occurred when AI foundation models cracked the natural language barrier, kickstarting a shift in our technology systems: how we design them, use them, and how they operate.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • การติดเชื้อโควิดไม่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดอาการร้ายแรงกว่ามาก

    นพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ
    Dr Judd Chontavats

    มีบทความบอกว่าการติดเชื้อโควิดทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ การฉีดวัคซีนสามารถป้องกันผลข้างเคียงได้ ดังนั้นจึงสนับสนุนให้ฉีดวัคซีน mRNA

    แต่มีผู้มาแย้งว่าตัววัคซีน mRNA ต่างหากที่เป็นปัญหาใหญ่ โดยการศึกษานี้ให้ข้อมูลว่าอัตราการเสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis mortality rate ratio, MMRR) จากกลุ่มที่ฉีดวัคซีนสูงกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับประชากรทั่วไปในช่วง 3 ปีที่มีการระบาดหนักของโควิด พบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในกลุ่มผู้ป่วยเด็กมากกว่ากลุ่มที่ติดเชื้อชัดเจนจากข้อมูลประชากรเกิน 1,000,000 คน ทั้ง mRNA และ vaccine-derived spike protein สามารถพบในหัวใจทั้งผู้ป่วยและเสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

    สรุปจากการศึกษานี้คือการติดเชื้อโควิดไม่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดอาการร้ายแรงกว่ามาก

    รายละเอียดเพิ่มเติมดูใน reference

    Chontavat Suvanpiyasiri. MD, PhD

    Reference : https://publichealthpolicyjournal.com/letter-to-the-editor-long-term-prognosis-of-patients-with-myocarditis-attributed-to-covid-19-mrna-vaccination-sars-cov-2-infection-or-conventional-etiologies/?utm_source=substack&utm_medium=email
    การติดเชื้อโควิดไม่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดอาการร้ายแรงกว่ามาก นพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ Dr Judd Chontavats มีบทความบอกว่าการติดเชื้อโควิดทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ การฉีดวัคซีนสามารถป้องกันผลข้างเคียงได้ ดังนั้นจึงสนับสนุนให้ฉีดวัคซีน mRNA แต่มีผู้มาแย้งว่าตัววัคซีน mRNA ต่างหากที่เป็นปัญหาใหญ่ โดยการศึกษานี้ให้ข้อมูลว่าอัตราการเสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis mortality rate ratio, MMRR) จากกลุ่มที่ฉีดวัคซีนสูงกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับประชากรทั่วไปในช่วง 3 ปีที่มีการระบาดหนักของโควิด พบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในกลุ่มผู้ป่วยเด็กมากกว่ากลุ่มที่ติดเชื้อชัดเจนจากข้อมูลประชากรเกิน 1,000,000 คน ทั้ง mRNA และ vaccine-derived spike protein สามารถพบในหัวใจทั้งผู้ป่วยและเสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สรุปจากการศึกษานี้คือการติดเชื้อโควิดไม่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดอาการร้ายแรงกว่ามาก รายละเอียดเพิ่มเติมดูใน reference Chontavat Suvanpiyasiri. MD, PhD Reference : https://publichealthpolicyjournal.com/letter-to-the-editor-long-term-prognosis-of-patients-with-myocarditis-attributed-to-covid-19-mrna-vaccination-sars-cov-2-infection-or-conventional-etiologies/?utm_source=substack&utm_medium=email
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • วลีจีน วิญญาณผู้กล้าหวนคืนมาตุภูมิ

    สวัสดีค่ะ Storyฯ เคยเขียนหลายบทความถึง ‘วลีเด็ด’ จากบทกวีจีนโบราณและวรรณกรรมจีนโบราณที่ถูกนำมาใช้ในหลายซีรีส์และนวนิยายจีน แต่จริงๆ แล้วก็มี ‘วลีเด็ด’ จากยุคปัจจุบันที่เคยถูกยกไปใช้ในซีรีส์หรือนิยายจีนโบราณด้วยเหมือนกัน

    วันนี้เรามาคุยกันถึงตัวอย่างหนึ่งจากซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> เพื่อนเพจที่ได้ดูอาจพอจำได้ว่าในระหว่างการเดินทางของคณะฑูตแคว้นอู๋ไปยังแคว้นอันเพื่อช่วยกษัตริย์แคว้นอู๋นั้น พวกเขาพบซากศพและป้ายห้อยคอประจำตัวของเหล่าทหารจากหน่วยหกวิถีที่พลีชีพก่อนหน้านี้ในศึกที่แคว้นอู๋พ่ายแพ้ และได้จัดพิธีเผาศพให้กับพวกเขา (รูปประกอบ1) ในฉากนี้ หลี่อ๋องเซ่นสุราและกล่าวออกมาประโยคหนึ่งว่า “ดวงวิญญาณจงกลับมา อย่าได้โศกเศร้าไปชั่วนิรันดร์” (หมายเหตุ คำแปลตามซับไทย)

    ประโยคดังกล่าว ต้นฉบับภาษาจีนคือ ‘魂兮归来 维莫永伤 (หุนซีกุยหลาย เหวยม่อหย่งซัง)’ เป็นประโยคที่มาจากสุทรพจน์เมื่อปี 2021 เพื่อสดุดีทหารอาสาสมัครจีน โดยวรรคแรกถูกยกมาจากบทประพันธ์โบราณ

    ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา’ วรรคนี้มาจากบทประพันธ์ที่มีชื่อว่า ‘เรียกดวงวิญญาณ’ (招魂 /จาวหุน) บ้างว่าเป็นผลงานของชวีหยวน ขุนนางและกวีแคว้นฉู่ในสมัยจ้านกั๋วหรือยุครณรัฐที่เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินชื่อจากตำนานบ๊ะจ่าง บ้างว่าเป็นผลงานของซ่งอวี้ ขุนนางจากแคว้นฉู่เช่นกัน

    บทประพันธ์ ‘เรียกดวงวิญญาณ’ เป็นบทประพันธ์ที่ยาวมาก ลักษณะคล้ายเล่านิทาน ใจความของบทประพันธ์เป็นการเรียกและหว่านล้อมดวงวิญญาณให้กลับมาบ้าน อย่าได้ไปหยุดรั้งอยู่ในดินแดน ณ ทิศต่างๆ โดยบรรยายถึงภยันตรายและความยากลำบากในดินแดนนั้นๆ ที่อาจทำให้ดวงวิญญาณอาจดับสูญได้ และกล่าวถึงความคิดถึงของคนที่บ้านที่รอคอยให้ดวงวิญญาณนั้นหวนคืนมา ซึ่งสะท้อนถึงธรรมเนียมโบราณที่ต้องทำพิธีเรียกดวงวิญญาณของผู้ที่ตายในต่างแดนให้กลับบ้าน

    ว่ากันว่าบทประพันธ์ ‘เรียกดวงวิญญาณ’ นี้มีที่มาจากเรื่องราวของกษัตริย์ฉู่หวยหวางที่เสียท่าให้กับกุศโลบายของแคว้นฉิน ถูกจับเป็นตัวประกันหลังพ่ายศึกและพลีชีพที่นั่น ต่อมาสามปีให้หลังเมื่อสองแคว้นสงบศึกกันแล้วจึงมีการจัดพิธีศพให้แต่กษัตริย์ฉู่หวยหวาง และแม้ว่ากษัตริย์ฉู่หวยหวางจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด แต่ในช่วงที่ถูกจับเป็นตัวประกันนั้นได้แสดงถึงความกล้าหาญยอมหักไม่ยอมงอ บทกวีนี้จึงถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงจิตวิญญาณอันหาญกล้าของผู้ที่พลีชีพในต่างแดนเพื่อแผ่นดินเกิด

    และวลี ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา’ ได้ถูกนำมาใช้ในสุนทรพจน์สดุดีทหารจีนในงานพิธีฝังศพทหารอาสาสมัครจีนชุดที่ 8 จำนวน 109 นายที่พลีชีพในสงครามเกาหลีเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้วและเพิ่งได้รับการส่งคืนจากเกาหลีใต้ในเดือนกันยายน 2021 มันเป็นสุนทรพจน์ของนายซุนส้าวเฉิงในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการทหารผ่านศึก (Ministry of Veteran Affairs) ในสมัยนั้น โดยประโยคเต็ม ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา อย่าได้โศกเศร้าไปชั่วนิรันดร์’ นี้คือประโยคจบของสุนทรพจน์ (รูปประกอบ2)

    บทสุนทรพจน์ดังกล่าวยาวและใช้ทักษะภาษาชั้นสูงถ้อยคำงดงาม ใจความโดยสรุปคือยกย่องเหล่าทหารอาสาสมัครที่ออกไปร่วบรบเพื่อเสถียรภาพของสาธารณรัฐจีนที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นใหม่ สดุดีความกล้าหาญของพวกเขาที่ต้องเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธสงครามที่ร้ายกาจ สุดท้ายพลีชีพอยู่ต่างแดนไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเกิดจวบจนวันนี้ ขอให้เหล่าดวงวิญญาณกลับมาสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของประชาชนที่รักเขาและยังไม่ลืมความเสียสละของพวกเขา ได้กลับมาเห็นความเจริญเข้มแข็งของประเทศที่เขาพลีกายปกปักษ์รักษา ขอเหล่าวิญญาณผู้กล้าจงกลับคืนสู่มาตุภูมิ กลับมาสู่ความสงบ ไม่ต้องเจ็บช้ำหรือโศกเศร้าอีกต่อไป

    สุนทรพจน์นี้ได้รับการยกย่องด้วยภาษาที่งดงามและความหมายลึกซึ้งกินใจ ไม่เพียงสดุดีความกล้าหาญ แต่ยังกระตุ้นอารมณ์รักและเคารพในผู้ฟังอีกด้วย และประโยคนี้เป็นคำพูดในยุคจีนปัจจุบันที่สะท้อนวัฒนธรรมที่สั่งสมผ่านกาลเวลาจากวลีจีนโบราณ กลายมาเป็นอีกประโยคหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/584621129_114988
    http://www.81.cn/tp_207717/10086482.html
    https://mgronline.com/china/detail/9670000114488
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://m.shangshiwen.com/71990.html
    https://www.gushiwen.cn/mingju_991.aspx
    https://baike.baidu.com/item/招魂/8176058
    http://www.81.cn/tp_207717/10086482.html

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #เรียกดวงวิญญาณ #ชวีหยวน #ทหารอาสาสมัครจีน #สาระจีน
    วลีจีน วิญญาณผู้กล้าหวนคืนมาตุภูมิ สวัสดีค่ะ Storyฯ เคยเขียนหลายบทความถึง ‘วลีเด็ด’ จากบทกวีจีนโบราณและวรรณกรรมจีนโบราณที่ถูกนำมาใช้ในหลายซีรีส์และนวนิยายจีน แต่จริงๆ แล้วก็มี ‘วลีเด็ด’ จากยุคปัจจุบันที่เคยถูกยกไปใช้ในซีรีส์หรือนิยายจีนโบราณด้วยเหมือนกัน วันนี้เรามาคุยกันถึงตัวอย่างหนึ่งจากซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> เพื่อนเพจที่ได้ดูอาจพอจำได้ว่าในระหว่างการเดินทางของคณะฑูตแคว้นอู๋ไปยังแคว้นอันเพื่อช่วยกษัตริย์แคว้นอู๋นั้น พวกเขาพบซากศพและป้ายห้อยคอประจำตัวของเหล่าทหารจากหน่วยหกวิถีที่พลีชีพก่อนหน้านี้ในศึกที่แคว้นอู๋พ่ายแพ้ และได้จัดพิธีเผาศพให้กับพวกเขา (รูปประกอบ1) ในฉากนี้ หลี่อ๋องเซ่นสุราและกล่าวออกมาประโยคหนึ่งว่า “ดวงวิญญาณจงกลับมา อย่าได้โศกเศร้าไปชั่วนิรันดร์” (หมายเหตุ คำแปลตามซับไทย) ประโยคดังกล่าว ต้นฉบับภาษาจีนคือ ‘魂兮归来 维莫永伤 (หุนซีกุยหลาย เหวยม่อหย่งซัง)’ เป็นประโยคที่มาจากสุทรพจน์เมื่อปี 2021 เพื่อสดุดีทหารอาสาสมัครจีน โดยวรรคแรกถูกยกมาจากบทประพันธ์โบราณ ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา’ วรรคนี้มาจากบทประพันธ์ที่มีชื่อว่า ‘เรียกดวงวิญญาณ’ (招魂 /จาวหุน) บ้างว่าเป็นผลงานของชวีหยวน ขุนนางและกวีแคว้นฉู่ในสมัยจ้านกั๋วหรือยุครณรัฐที่เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินชื่อจากตำนานบ๊ะจ่าง บ้างว่าเป็นผลงานของซ่งอวี้ ขุนนางจากแคว้นฉู่เช่นกัน บทประพันธ์ ‘เรียกดวงวิญญาณ’ เป็นบทประพันธ์ที่ยาวมาก ลักษณะคล้ายเล่านิทาน ใจความของบทประพันธ์เป็นการเรียกและหว่านล้อมดวงวิญญาณให้กลับมาบ้าน อย่าได้ไปหยุดรั้งอยู่ในดินแดน ณ ทิศต่างๆ โดยบรรยายถึงภยันตรายและความยากลำบากในดินแดนนั้นๆ ที่อาจทำให้ดวงวิญญาณอาจดับสูญได้ และกล่าวถึงความคิดถึงของคนที่บ้านที่รอคอยให้ดวงวิญญาณนั้นหวนคืนมา ซึ่งสะท้อนถึงธรรมเนียมโบราณที่ต้องทำพิธีเรียกดวงวิญญาณของผู้ที่ตายในต่างแดนให้กลับบ้าน ว่ากันว่าบทประพันธ์ ‘เรียกดวงวิญญาณ’ นี้มีที่มาจากเรื่องราวของกษัตริย์ฉู่หวยหวางที่เสียท่าให้กับกุศโลบายของแคว้นฉิน ถูกจับเป็นตัวประกันหลังพ่ายศึกและพลีชีพที่นั่น ต่อมาสามปีให้หลังเมื่อสองแคว้นสงบศึกกันแล้วจึงมีการจัดพิธีศพให้แต่กษัตริย์ฉู่หวยหวาง และแม้ว่ากษัตริย์ฉู่หวยหวางจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด แต่ในช่วงที่ถูกจับเป็นตัวประกันนั้นได้แสดงถึงความกล้าหาญยอมหักไม่ยอมงอ บทกวีนี้จึงถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงจิตวิญญาณอันหาญกล้าของผู้ที่พลีชีพในต่างแดนเพื่อแผ่นดินเกิด และวลี ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา’ ได้ถูกนำมาใช้ในสุนทรพจน์สดุดีทหารจีนในงานพิธีฝังศพทหารอาสาสมัครจีนชุดที่ 8 จำนวน 109 นายที่พลีชีพในสงครามเกาหลีเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้วและเพิ่งได้รับการส่งคืนจากเกาหลีใต้ในเดือนกันยายน 2021 มันเป็นสุนทรพจน์ของนายซุนส้าวเฉิงในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการทหารผ่านศึก (Ministry of Veteran Affairs) ในสมัยนั้น โดยประโยคเต็ม ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา อย่าได้โศกเศร้าไปชั่วนิรันดร์’ นี้คือประโยคจบของสุนทรพจน์ (รูปประกอบ2) บทสุนทรพจน์ดังกล่าวยาวและใช้ทักษะภาษาชั้นสูงถ้อยคำงดงาม ใจความโดยสรุปคือยกย่องเหล่าทหารอาสาสมัครที่ออกไปร่วบรบเพื่อเสถียรภาพของสาธารณรัฐจีนที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นใหม่ สดุดีความกล้าหาญของพวกเขาที่ต้องเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธสงครามที่ร้ายกาจ สุดท้ายพลีชีพอยู่ต่างแดนไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเกิดจวบจนวันนี้ ขอให้เหล่าดวงวิญญาณกลับมาสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของประชาชนที่รักเขาและยังไม่ลืมความเสียสละของพวกเขา ได้กลับมาเห็นความเจริญเข้มแข็งของประเทศที่เขาพลีกายปกปักษ์รักษา ขอเหล่าวิญญาณผู้กล้าจงกลับคืนสู่มาตุภูมิ กลับมาสู่ความสงบ ไม่ต้องเจ็บช้ำหรือโศกเศร้าอีกต่อไป สุนทรพจน์นี้ได้รับการยกย่องด้วยภาษาที่งดงามและความหมายลึกซึ้งกินใจ ไม่เพียงสดุดีความกล้าหาญ แต่ยังกระตุ้นอารมณ์รักและเคารพในผู้ฟังอีกด้วย และประโยคนี้เป็นคำพูดในยุคจีนปัจจุบันที่สะท้อนวัฒนธรรมที่สั่งสมผ่านกาลเวลาจากวลีจีนโบราณ กลายมาเป็นอีกประโยคหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/584621129_114988 http://www.81.cn/tp_207717/10086482.html https://mgronline.com/china/detail/9670000114488 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://m.shangshiwen.com/71990.html https://www.gushiwen.cn/mingju_991.aspx https://baike.baidu.com/item/招魂/8176058 http://www.81.cn/tp_207717/10086482.html #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #เรียกดวงวิญญาณ #ชวีหยวน #ทหารอาสาสมัครจีน #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความ: เส้นโลหิตหัวใจตีบ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนวทางป้องกันที่คุณทำได้

    💔 เส้นโลหิตหัวใจตีบคืออะไร และทำไมถึงอันตราย?
    เส้นโลหิตหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) เกิดจากการสะสมของไขมันและพลัค (plaque) ในผนังหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง จนเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่เพียงพอ อาการที่พบบ่อยคือเจ็บหน้าอก (Angina) หายใจไม่อิ่ม และในบางกรณีอาจนำไปสู่อาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

    🍎 แนวทางป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจตีบที่คุณทำได้
    1. ปรับอาหารการกิน: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารทอด เนื้อสัตว์แปรรูป และของหวาน เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วต่างๆ
    2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน
    3. เลิกบุหรี่: บุหรี่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและตีบตัน
    4. ควบคุมน้ำหนักและความดันโลหิต: รักษาค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม
    5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อประเมินระดับคอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต

    🌟 อาหารเสริมคอเลสเตอรอลบาลานซ์จาก USA: ตัวช่วยที่คุณควรรู้
    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมเฉพาะ เช่น Plant Sterols/Stanols, Omega-3 Fatty Acids, หรือ Red Yeast Rice อาจช่วยลดระดับ LDL คอเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำงานผ่านกลไกการยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ และเสริมการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

    ผลิตภัณฑ์คอเลสเตอรอลบาลานซ์ Made in USA ผ่านการรับรองมาตรฐาน และมีงานวิจัยรองรับว่าเมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย สามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อย่างมีนัยสำคัญ

    📢 :
    “สุขภาพดีเริ่มต้นที่เรา 💪 ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป 🫀✨ #เส้นโลหิตหัวใจตีบ #ป้องกันได้ #หมอสาวเล่าเรื่อง #HealthyLiving #CholesterolBalanceMadeInUSA”

    #หัวใจแข็งแรง #โรคหัวใจรู้ทันป้องกันได้ #สุขภาพดีที่สร้างได้ #คอเลสเตอรอลบาลานซ์

    การดูแลหัวใจ เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้!

    Article: Coronary Artery Disease – The Hidden Danger and How to Prevent It

    💔 What is Coronary Artery Disease, and Why is it Dangerous?
    Coronary Artery Disease (CAD) occurs when fatty deposits and plaque build up in the walls of the coronary arteries, narrowing them and reducing blood flow to the heart. This condition can lead to chest pain (angina), shortness of breath, and in severe cases, heart attacks. If left untreated, it can be life-threatening and significantly impact your quality of life.

    🍎 How to Prevent Coronary Artery Disease
    1. Adopt a Heart-Healthy Diet: Avoid foods high in saturated fats, such as fried foods, processed meats, and sugary treats. Instead, focus on vegetables, fruits, whole grains, and plant-based proteins like legumes and nuts.
    2. Exercise Regularly: Aim for at least 150 minutes of moderate-intensity exercise per week, such as brisk walking, swimming, or cycling.
    3. Quit Smoking: Smoking damages blood vessels and accelerates plaque buildup, increasing the risk of heart disease.
    4. Manage Weight and Blood Pressure: Maintain a healthy BMI and reduce salt intake to control blood pressure.
    5. Get Regular Health Checkups: Monitor your cholesterol levels, blood sugar, and blood pressure to catch potential issues early.

    🌟 Cholesterol Balance Supplements from the USA: Your Extra Defense
    High-quality cholesterol balance supplements made in the USA, containing ingredients like Plant Sterols/Stanols, Omega-3 Fatty Acids, or Red Yeast Rice, can effectively lower LDL cholesterol levels. These supplements work by reducing cholesterol absorption in the intestines and promoting fat metabolism in the body.

    Backed by scientific research, these supplements are an excellent complement to a healthy diet and lifestyle, helping to reduce the risk of coronary artery disease significantly.

    📢 :
    “A healthy heart starts with you 💪 Lower your cholesterol and protect your heart before it’s too late 🫀✨ #CoronaryArteryDisease #PreventionIsKey #DoctorTales #HealthyLiving #CholesterolBalanceUSA”

    #HeartHealthMatters #PreventHeartDisease #WellnessJourney #CholesterolBalance

    Start taking care of your heart today!
    บทความ: เส้นโลหิตหัวใจตีบ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนวทางป้องกันที่คุณทำได้ 💔 เส้นโลหิตหัวใจตีบคืออะไร และทำไมถึงอันตราย? เส้นโลหิตหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) เกิดจากการสะสมของไขมันและพลัค (plaque) ในผนังหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง จนเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่เพียงพอ อาการที่พบบ่อยคือเจ็บหน้าอก (Angina) หายใจไม่อิ่ม และในบางกรณีอาจนำไปสู่อาการหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที 🍎 แนวทางป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจตีบที่คุณทำได้ 1. ปรับอาหารการกิน: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารทอด เนื้อสัตว์แปรรูป และของหวาน เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วต่างๆ 2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน 3. เลิกบุหรี่: บุหรี่เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและตีบตัน 4. ควบคุมน้ำหนักและความดันโลหิต: รักษาค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม 5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อประเมินระดับคอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต 🌟 อาหารเสริมคอเลสเตอรอลบาลานซ์จาก USA: ตัวช่วยที่คุณควรรู้ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมเฉพาะ เช่น Plant Sterols/Stanols, Omega-3 Fatty Acids, หรือ Red Yeast Rice อาจช่วยลดระดับ LDL คอเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำงานผ่านกลไกการยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้ และเสริมการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ผลิตภัณฑ์คอเลสเตอรอลบาลานซ์ Made in USA ผ่านการรับรองมาตรฐาน และมีงานวิจัยรองรับว่าเมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย สามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อย่างมีนัยสำคัญ 📢 : “สุขภาพดีเริ่มต้นที่เรา 💪 ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป 🫀✨ #เส้นโลหิตหัวใจตีบ #ป้องกันได้ #หมอสาวเล่าเรื่อง #HealthyLiving #CholesterolBalanceMadeInUSA” #หัวใจแข็งแรง #โรคหัวใจรู้ทันป้องกันได้ #สุขภาพดีที่สร้างได้ #คอเลสเตอรอลบาลานซ์ การดูแลหัวใจ เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้! Article: Coronary Artery Disease – The Hidden Danger and How to Prevent It 💔 What is Coronary Artery Disease, and Why is it Dangerous? Coronary Artery Disease (CAD) occurs when fatty deposits and plaque build up in the walls of the coronary arteries, narrowing them and reducing blood flow to the heart. This condition can lead to chest pain (angina), shortness of breath, and in severe cases, heart attacks. If left untreated, it can be life-threatening and significantly impact your quality of life. 🍎 How to Prevent Coronary Artery Disease 1. Adopt a Heart-Healthy Diet: Avoid foods high in saturated fats, such as fried foods, processed meats, and sugary treats. Instead, focus on vegetables, fruits, whole grains, and plant-based proteins like legumes and nuts. 2. Exercise Regularly: Aim for at least 150 minutes of moderate-intensity exercise per week, such as brisk walking, swimming, or cycling. 3. Quit Smoking: Smoking damages blood vessels and accelerates plaque buildup, increasing the risk of heart disease. 4. Manage Weight and Blood Pressure: Maintain a healthy BMI and reduce salt intake to control blood pressure. 5. Get Regular Health Checkups: Monitor your cholesterol levels, blood sugar, and blood pressure to catch potential issues early. 🌟 Cholesterol Balance Supplements from the USA: Your Extra Defense High-quality cholesterol balance supplements made in the USA, containing ingredients like Plant Sterols/Stanols, Omega-3 Fatty Acids, or Red Yeast Rice, can effectively lower LDL cholesterol levels. These supplements work by reducing cholesterol absorption in the intestines and promoting fat metabolism in the body. Backed by scientific research, these supplements are an excellent complement to a healthy diet and lifestyle, helping to reduce the risk of coronary artery disease significantly. 📢 : “A healthy heart starts with you 💪 Lower your cholesterol and protect your heart before it’s too late 🫀✨ #CoronaryArteryDisease #PreventionIsKey #DoctorTales #HealthyLiving #CholesterolBalanceUSA” #HeartHealthMatters #PreventHeartDisease #WellnessJourney #CholesterolBalance Start taking care of your heart today!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • Steven Walton จาก TechSpot ได้ทำการรีวิวการ์ดจอ Intel Arc B580 อีกครั้ง โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างคอมพิวเตอร์เก่าและใหม่

    การ์ดจอ Arc B580 เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นการ์ดจอที่คุ้มค่าที่สุดในราคา $250 แต่พบว่าประสิทธิภาพที่ดีนั้นจำกัดเฉพาะกับ CPU รุ่นใหม่เท่านั้น จากการทดสอบใหม่พบว่า Arc B580 มีปัญหาด้านประสิทธิภาพเมื่อใช้กับ CPU ที่ช้ากว่า เช่น Ryzen 5 5600 โดยเฟรมเรตเฉลี่ยลดลงอย่างมากในเกมที่ต้องการ CPU สูง เช่น Warhammer 40,000: Space Marine 2 และ Cyberpunk 2077 อย่างไรก็ตาม ในเกมอื่นๆ เช่น Alan Wake 2 และ Doom Eternal การ์ดจอยังคงให้ประสิทธิภาพที่ดี

    การทดสอบยังชี้ให้เห็นว่าการ์ดจอ Arc B580 ต้องการการสนับสนุน ReBAR และ Smart Access Memory (SAM) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด Intel แนะนำให้ใช้ CPU รุ่น 10th-gen Core หรือใหม่กว่า หรือ AMD Ryzen 3000 series หรือใหม่กว่า

    ในบทความนี้ยังมีการเปรียบเทียบการ์ดจอ Arc B580 กับ RTX 4060 และ Radeon 7600 โดยพบว่า Arc B580 มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเมื่อใช้กับ CPU ที่เร็วกว่า แต่เมื่อใช้กับ CPU ที่ช้ากว่า ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมาก

    สำหรับผู้ที่สนใจการ์ดจอ Arc B580 ควรพิจารณาใช้กับ CPU ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด หากไม่สามารถซื้อการ์ดจอ Arc B580 ในราคาที่ต่ำกว่า $250 ควรพิจารณาการ์ดจอ Radeon RX 7600 แทน

    https://www.techspot.com/review/2940-intel-arc-b580-rereview/
    Steven Walton จาก TechSpot ได้ทำการรีวิวการ์ดจอ Intel Arc B580 อีกครั้ง โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างคอมพิวเตอร์เก่าและใหม่ การ์ดจอ Arc B580 เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นการ์ดจอที่คุ้มค่าที่สุดในราคา $250 แต่พบว่าประสิทธิภาพที่ดีนั้นจำกัดเฉพาะกับ CPU รุ่นใหม่เท่านั้น จากการทดสอบใหม่พบว่า Arc B580 มีปัญหาด้านประสิทธิภาพเมื่อใช้กับ CPU ที่ช้ากว่า เช่น Ryzen 5 5600 โดยเฟรมเรตเฉลี่ยลดลงอย่างมากในเกมที่ต้องการ CPU สูง เช่น Warhammer 40,000: Space Marine 2 และ Cyberpunk 2077 อย่างไรก็ตาม ในเกมอื่นๆ เช่น Alan Wake 2 และ Doom Eternal การ์ดจอยังคงให้ประสิทธิภาพที่ดี การทดสอบยังชี้ให้เห็นว่าการ์ดจอ Arc B580 ต้องการการสนับสนุน ReBAR และ Smart Access Memory (SAM) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด Intel แนะนำให้ใช้ CPU รุ่น 10th-gen Core หรือใหม่กว่า หรือ AMD Ryzen 3000 series หรือใหม่กว่า ในบทความนี้ยังมีการเปรียบเทียบการ์ดจอ Arc B580 กับ RTX 4060 และ Radeon 7600 โดยพบว่า Arc B580 มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเมื่อใช้กับ CPU ที่เร็วกว่า แต่เมื่อใช้กับ CPU ที่ช้ากว่า ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมาก สำหรับผู้ที่สนใจการ์ดจอ Arc B580 ควรพิจารณาใช้กับ CPU ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด หากไม่สามารถซื้อการ์ดจอ Arc B580 ในราคาที่ต่ำกว่า $250 ควรพิจารณาการ์ดจอ Radeon RX 7600 แทน https://www.techspot.com/review/2940-intel-arc-b580-rereview/
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel Arc B580 GPU Re-Review: Old PC vs New PC Test
    Intel's Arc B580 debuted as a budget-friendly GPU champion, but new data reveals performance struggles with older CPUs. Our re-review dives deep into benchmarks, CPU limitations, and...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kerry Wan เป็น Senior Reviews Editor ของ ZDNET ได้เขียนบทความนำเสนอ 3 ผลิตภัณฑ์ ที่เขาประทับใจและน่าซื้อที่สุดจากงาน CES 2025 ครับ

    ในงาน CES 2025 ที่เพิ่งจบลงไป มีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายอย่างที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงาน หนึ่งในนั้นคือ Mcon MagSafe phone controller ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับโทรศัพท์มือถือที่ใช้เทคโนโลยี MagSafe เพื่อเปลี่ยนโทรศัพท์ให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถเชื่อมต่อผ่าน USB-C หรือ Bluetooth

    อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือ Kirin electric salt spoon ซึ่งเป็นช้อนที่ใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อเพิ่มรสเค็มให้กับอาหาร โดยไม่ต้องเพิ่มเกลือจริงๆ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคโซเดียม

    สุดท้ายคือ LG indoor gardening appliance ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับปลูกพืชในบ้านที่มีไฟ LED ปรับระดับได้ และสามารถปลูกพืชได้หลากหลายชนิด เช่น ผักใบเขียว สมุนไพร ดอกไม้ และผลไม้

    https://www.zdnet.com/article/three-ces-2025-products-id-buy-as-soon-as-theyd-take-my-money/
    Kerry Wan เป็น Senior Reviews Editor ของ ZDNET ได้เขียนบทความนำเสนอ 3 ผลิตภัณฑ์ ที่เขาประทับใจและน่าซื้อที่สุดจากงาน CES 2025 ครับ ในงาน CES 2025 ที่เพิ่งจบลงไป มีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายอย่างที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงาน หนึ่งในนั้นคือ Mcon MagSafe phone controller ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับโทรศัพท์มือถือที่ใช้เทคโนโลยี MagSafe เพื่อเปลี่ยนโทรศัพท์ให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถเชื่อมต่อผ่าน USB-C หรือ Bluetooth อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือ Kirin electric salt spoon ซึ่งเป็นช้อนที่ใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อเพิ่มรสเค็มให้กับอาหาร โดยไม่ต้องเพิ่มเกลือจริงๆ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการบริโภคโซเดียม สุดท้ายคือ LG indoor gardening appliance ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับปลูกพืชในบ้านที่มีไฟ LED ปรับระดับได้ และสามารถปลูกพืชได้หลากหลายชนิด เช่น ผักใบเขียว สมุนไพร ดอกไม้ และผลไม้ https://www.zdnet.com/article/three-ces-2025-products-id-buy-as-soon-as-theyd-take-my-money/
    WWW.ZDNET.COM
    Three CES 2025 products I'd buy as soon as they'd take my money
    As this year's most influential tech event comes to a close, I'm reflecting on the products that left the biggest impression on me - and that I'd spend my own money on.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! "

    Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว
    กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน
    นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น?
    ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง?

    ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน
    โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้

    นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน
    ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา"

    การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน
    แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ

    ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า"
    หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป
    เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล
    โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น
    เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ

    ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต

    (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! " Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น? ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง? ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้ นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา" การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า" หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 มกราคม 2568-คุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เขียนบทความเรื่อง ระเบียบโลกใหม่ WEF WHO และDeep State โรคระบาดกับวัคซีน มีเนื้อหาดังนี้
    “ถึงเวลาเปิดโปงรับรู้และต่อต้าน ระเบียบโลกใหม่ ให้ มนุษย์อยู่ใต้อำนาจหนึ่งเดียว

    ระเบียบโลกใหม่ great reset โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย และสั่งให้ จงมีความสุข
    Own nothing and be happy

    รัฐบาลสหรัฐใหม่ ลุยตีโต้กลับ ระเบียบสร้างโลกหนึ่งเดียว ที่ ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ ตาม world economic forum (WEF) deep state BlackRock State Street Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มอีลีท elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และมีเครือข่ายในบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer Moderna GSK Sanofi และอื่นๆ

    และในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุมได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่พาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ WEF ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้และเป้าหมาย รายละเอียด ของ WEF ได้ ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เป็นเกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้นแต่ครอบคลุมความมั่นคงเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา

    องค์การอนามัยโลก ถือเป็นหน่วยงานสำคัญส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบโลกนี้ และผ่านเครือข่าย CDC FDA เป็นต้น ในการครอบคลุม global health care ทั้งนี้โดยยึดจุดอ่อนของประเทศต่างๆที่เคยชิน ทำตามคำสั่งของกลุ่มเหล่านี้มาตลอด รวมทั้งประเทศไทย

    WEF ได้ประกาศในวันที่ 9 มกราคม 2024 world health care initiative เปิดตัวในความริเริ่มที่จะใช้ ระบบดิจิตอล และปัญญาประดิษฐ์เพื่อหลอม ระบบดูแลสุขภาพทั้งโลก โดยที่ต้องทำ
    ตามอย่างเคร่งครัด และอีกหัวข้อที่สำคัญคือการจัดการประชากรล้นโลก โดยมีเป้าหมายให้ประชากรลดลง 10 ถึง 15% (depopulation agenda)

    WEF ได้รับการสนับสนุน และทำงานร่วมกับ Boston consulting group (BCG) ที่ทุนใหญ่ ทางการเงิน คือ จาก Bill & Melinda Gates foundation

    การต่อต้านสนธิสัญญา WHO treaty ต้องทำทันที มิฉะนั้น องค์การอนามัยโลก สามารถประกาศโรคระบาดลามโลก (อาจจะยังไม่อันตรายหรือระบาดจริง?) และสั่งให้สำรองวัคซีนสำหรับโรคใหม่และสั่งให้ฉีดทุกคนในโลกนี้ และสามารถสั่งการปิดประเทศ รวมทั้งจัดการให้มีบัตรประจำตัวดิจิตอลสุขภาพที่แสดงว่าได้รับวัคซีนหรือไม่ถ้าไม่ได้ตามที่กำหนดจะถูกจำกัดสิทธิ์รวมทั้งการเดินทางไปยังที่ต่างๆ

    ประเด็นที่กำลังพยายามให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็คือ ฝีดาษลิง ซึ่ง องค์การอนามัยโลกและผ่านทางองค์กรในรัฐบาลสหรัฐเก่า ในระยะเวลาที่ผ่านมา พยายามให้มีการฉีดวัคซีนฝีดาษลิง ทั้งๆที่ การระบาดลุกลาม และการเสียชีวิตไม่ได้กว้างขวางนัก และให้อังกฤษและสหรัฐ และสหภาพยุโรป สำรองวัคซีนฝีดาษลิง
    ความพยายามในเรื่องไข้หวัดนก H5N1 จากการวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีการประกาศว่าระบาดและมีการสั่งให้พัฒนาวัคซีน mRNA ไข้หวัดนก และเป้าหมายจะฉีดทั่วโลก
    กลุ่มคนไทยและแพทย์พิทักษ์สิทธิ์ รวมทั้งสมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยมากกว่า 60,000 คนได้ลงชื่อและยื่นต่อรัฐบาลไทยไม่ให้อยู่ในสนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกนี้แล้ว
    รายงาน ที่มาและกำเนิดของไวรัสไข้หวัดนก ในปัจจุบัน The Proximal Origin of Epidemic Highly Pathogenic Avian Influenza H5N1 Clade 2.3.4.4b and Spread by Migratory water fowl วารสาร Waterfowl Poultry, Fisheries & Wildlife Sciences 2024
    • มีความเป็นไปได้ ที่อาจมีที่มา ไม่ธรรมดา ของhighly pathogenic avian influenza HPAI H5N1 clade 2.3.4.4b genotype B3.13 ที่มีการติดเชื้อข้ามจากนก มาเป็ด ไก่ วัว หมู และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วน่าแปลกใจ
    • การวิเคราะห์ดังในรายงานดังกล่าว ทางรหัสพันธุกรรมพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับการสร้างไวรัสใหม่ ที่ USDA Southeast Poultry Research Laboratory (SEPRL) ใน Athens, Georgia, และ the Erasmus medical center in Rotterdam, the Netherlands

    • การตรวจพบเชื้อ HPAI H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b ครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ในปี 2020 ทำให้เกิดข้อกังวลทันที ว่าเกี่ยวกับการวิจัย สร้างไวรัสใหม่ gain of function ในช่วงก่อนหน้านี้ (Erasmus ประเทศเนเธอร์แลนด์) และสถาบันมีรายงานความสำเร็จในการสร้างไวรัสใหม่ในปี 2012 ถึงกับสร้าง ให้สามารถแพร่ทางอากาศได้
    • การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมบ่งชี้ว่ามีจีโนไทป์B3.13 ซึ่งปรากฏในปี 2024 และเชื่อมโยงกับจีโนไทป์ B1.2 ซึ่งมีต้นกำเนิดในจอร์เจียในเดือนมกราคม 2022 หลังจากเริ่มการทดลองการ เพาะเชื้อผ่านแบบต่อเนื่อง (serial passage) กับเชื้อ H5Nx กลุ่ม 2.3.4.4 ในเป็ดแมลลาร์ดที่ SEPRL ในเอเธนส์ จอร์เจีย
    • ในเดือนเมษายน 2021 พบจีโนไทป์ B1.2 ในปลาโลมาหัวขวด
    • ในเดือนมีนาคม 2022 ในฟลอริดา ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับตัวใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
    • ยีน NP ของเชื้อ H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b (จีโนไทป์B3.13) มีแนวโน้มว่ามาจากไวรัสไข้หวัดนกชนิด A ในเป็ดแมลลาร์ด
    • การกลายพันธุ์ที่สำคัญที่พบในกรณีของมนุษย์เมื่อไม่นานนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับการทดลองการผ่านไวรัสแบบต่อเนื่อง
    • อย่างไรก็ตามแม้ว่าไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่นี้จะสามารถปรับตัวข้ามสปีชีส์ของสัตว์และมาคนได้ “แต่ไม่พบความรุนแรง” นั่นก็คือไม่มีการแสดงอาการของโรคและการตายเช่นไวรัส ไข้หวัด นกก่อนหน้านี้
    ดังนั้นประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับ CDC FDA และหน่วยงานเกษตรของสหรัฐ ที่แจ้งว่าไข้หวัดนกมีการลุกลามอย่างมากและจำเป็นต้องมีการใช้วัคซีนด่วนและสำหรับทั่วโลกด้วย
    เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานของการระบาดลุกลามนั้นเป็นการตรวจพีซีอาร์ รวมทั้งการตรวจในน้ำเสียที่ปล่อยทิ้งและพบสารพันธุกรรมเยอะขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความรุนแรงที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นในสัตว์หรือในมนุษย์เอง
    • ตัวอย่างโรคระบาดเหล่านี้รวมถึงโควิดที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลใหม่สหรัฐ ประกาศยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลกโดยประธานาธิบดีใหม่ได้กล่าวปราศรัยว่าเป็นองค์กรที่ทุจริตและมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ และถึงกับแทรกตัวเข้าไปในองค์กรที่ตั้งตรวจสอบยาและวัคซีนของสหรัฐ FDA CDC โดยจะมีการปลด และทำการรื้อองค์กรใหม่พร้อมกับประกาศสอบความเชื่อมโยงกับแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ซึ่งได้รับผลประโยชน์ทางด้านการได้รับทุนวิจัยรวมทั้งสินบน เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการขายโดยให้ใช้ในประชาชนทั่วโลกผ่านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคระบาด และรัฐบาลใหม่ประกาศจุดยืนต้าน deep state
    ในประเทศไทยมีคนในระดับผู้นำองค์กรเป็นสมาชิก WEF และเริ่มมีประกาศสนับสนุนแนวทางสร้างโลกหนึ่งเดียว โดยมนุษย์โลกต้องอยู่ให้ได้ภายใต้กรอบเข้มงวด อย่าง
    (ดูเหมือน)มีความสุข

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และ
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    (เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์สุขภาพหรรษา วันที่ 5 และ 12 มกราคม 2025)
    12 มกราคม 2568-คุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เขียนบทความเรื่อง ระเบียบโลกใหม่ WEF WHO และDeep State โรคระบาดกับวัคซีน มีเนื้อหาดังนี้ “ถึงเวลาเปิดโปงรับรู้และต่อต้าน ระเบียบโลกใหม่ ให้ มนุษย์อยู่ใต้อำนาจหนึ่งเดียว ระเบียบโลกใหม่ great reset โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย และสั่งให้ จงมีความสุข Own nothing and be happy รัฐบาลสหรัฐใหม่ ลุยตีโต้กลับ ระเบียบสร้างโลกหนึ่งเดียว ที่ ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ ตาม world economic forum (WEF) deep state BlackRock State Street Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มอีลีท elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และมีเครือข่ายในบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer Moderna GSK Sanofi และอื่นๆ และในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุมได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่พาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ WEF ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้และเป้าหมาย รายละเอียด ของ WEF ได้ ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เป็นเกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้นแต่ครอบคลุมความมั่นคงเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา องค์การอนามัยโลก ถือเป็นหน่วยงานสำคัญส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบโลกนี้ และผ่านเครือข่าย CDC FDA เป็นต้น ในการครอบคลุม global health care ทั้งนี้โดยยึดจุดอ่อนของประเทศต่างๆที่เคยชิน ทำตามคำสั่งของกลุ่มเหล่านี้มาตลอด รวมทั้งประเทศไทย WEF ได้ประกาศในวันที่ 9 มกราคม 2024 world health care initiative เปิดตัวในความริเริ่มที่จะใช้ ระบบดิจิตอล และปัญญาประดิษฐ์เพื่อหลอม ระบบดูแลสุขภาพทั้งโลก โดยที่ต้องทำ ตามอย่างเคร่งครัด และอีกหัวข้อที่สำคัญคือการจัดการประชากรล้นโลก โดยมีเป้าหมายให้ประชากรลดลง 10 ถึง 15% (depopulation agenda) WEF ได้รับการสนับสนุน และทำงานร่วมกับ Boston consulting group (BCG) ที่ทุนใหญ่ ทางการเงิน คือ จาก Bill & Melinda Gates foundation การต่อต้านสนธิสัญญา WHO treaty ต้องทำทันที มิฉะนั้น องค์การอนามัยโลก สามารถประกาศโรคระบาดลามโลก (อาจจะยังไม่อันตรายหรือระบาดจริง?) และสั่งให้สำรองวัคซีนสำหรับโรคใหม่และสั่งให้ฉีดทุกคนในโลกนี้ และสามารถสั่งการปิดประเทศ รวมทั้งจัดการให้มีบัตรประจำตัวดิจิตอลสุขภาพที่แสดงว่าได้รับวัคซีนหรือไม่ถ้าไม่ได้ตามที่กำหนดจะถูกจำกัดสิทธิ์รวมทั้งการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ประเด็นที่กำลังพยายามให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็คือ ฝีดาษลิง ซึ่ง องค์การอนามัยโลกและผ่านทางองค์กรในรัฐบาลสหรัฐเก่า ในระยะเวลาที่ผ่านมา พยายามให้มีการฉีดวัคซีนฝีดาษลิง ทั้งๆที่ การระบาดลุกลาม และการเสียชีวิตไม่ได้กว้างขวางนัก และให้อังกฤษและสหรัฐ และสหภาพยุโรป สำรองวัคซีนฝีดาษลิง ความพยายามในเรื่องไข้หวัดนก H5N1 จากการวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีการประกาศว่าระบาดและมีการสั่งให้พัฒนาวัคซีน mRNA ไข้หวัดนก และเป้าหมายจะฉีดทั่วโลก กลุ่มคนไทยและแพทย์พิทักษ์สิทธิ์ รวมทั้งสมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยมากกว่า 60,000 คนได้ลงชื่อและยื่นต่อรัฐบาลไทยไม่ให้อยู่ในสนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกนี้แล้ว รายงาน ที่มาและกำเนิดของไวรัสไข้หวัดนก ในปัจจุบัน The Proximal Origin of Epidemic Highly Pathogenic Avian Influenza H5N1 Clade 2.3.4.4b and Spread by Migratory water fowl วารสาร Waterfowl Poultry, Fisheries & Wildlife Sciences 2024 • มีความเป็นไปได้ ที่อาจมีที่มา ไม่ธรรมดา ของhighly pathogenic avian influenza HPAI H5N1 clade 2.3.4.4b genotype B3.13 ที่มีการติดเชื้อข้ามจากนก มาเป็ด ไก่ วัว หมู และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วน่าแปลกใจ • การวิเคราะห์ดังในรายงานดังกล่าว ทางรหัสพันธุกรรมพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับการสร้างไวรัสใหม่ ที่ USDA Southeast Poultry Research Laboratory (SEPRL) ใน Athens, Georgia, และ the Erasmus medical center in Rotterdam, the Netherlands • การตรวจพบเชื้อ HPAI H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b ครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ในปี 2020 ทำให้เกิดข้อกังวลทันที ว่าเกี่ยวกับการวิจัย สร้างไวรัสใหม่ gain of function ในช่วงก่อนหน้านี้ (Erasmus ประเทศเนเธอร์แลนด์) และสถาบันมีรายงานความสำเร็จในการสร้างไวรัสใหม่ในปี 2012 ถึงกับสร้าง ให้สามารถแพร่ทางอากาศได้ • การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมบ่งชี้ว่ามีจีโนไทป์B3.13 ซึ่งปรากฏในปี 2024 และเชื่อมโยงกับจีโนไทป์ B1.2 ซึ่งมีต้นกำเนิดในจอร์เจียในเดือนมกราคม 2022 หลังจากเริ่มการทดลองการ เพาะเชื้อผ่านแบบต่อเนื่อง (serial passage) กับเชื้อ H5Nx กลุ่ม 2.3.4.4 ในเป็ดแมลลาร์ดที่ SEPRL ในเอเธนส์ จอร์เจีย • ในเดือนเมษายน 2021 พบจีโนไทป์ B1.2 ในปลาโลมาหัวขวด • ในเดือนมีนาคม 2022 ในฟลอริดา ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับตัวใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน • ยีน NP ของเชื้อ H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b (จีโนไทป์B3.13) มีแนวโน้มว่ามาจากไวรัสไข้หวัดนกชนิด A ในเป็ดแมลลาร์ด • การกลายพันธุ์ที่สำคัญที่พบในกรณีของมนุษย์เมื่อไม่นานนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับการทดลองการผ่านไวรัสแบบต่อเนื่อง • อย่างไรก็ตามแม้ว่าไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่นี้จะสามารถปรับตัวข้ามสปีชีส์ของสัตว์และมาคนได้ “แต่ไม่พบความรุนแรง” นั่นก็คือไม่มีการแสดงอาการของโรคและการตายเช่นไวรัส ไข้หวัด นกก่อนหน้านี้ ดังนั้นประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับ CDC FDA และหน่วยงานเกษตรของสหรัฐ ที่แจ้งว่าไข้หวัดนกมีการลุกลามอย่างมากและจำเป็นต้องมีการใช้วัคซีนด่วนและสำหรับทั่วโลกด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานของการระบาดลุกลามนั้นเป็นการตรวจพีซีอาร์ รวมทั้งการตรวจในน้ำเสียที่ปล่อยทิ้งและพบสารพันธุกรรมเยอะขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความรุนแรงที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นในสัตว์หรือในมนุษย์เอง • ตัวอย่างโรคระบาดเหล่านี้รวมถึงโควิดที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลใหม่สหรัฐ ประกาศยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลกโดยประธานาธิบดีใหม่ได้กล่าวปราศรัยว่าเป็นองค์กรที่ทุจริตและมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ และถึงกับแทรกตัวเข้าไปในองค์กรที่ตั้งตรวจสอบยาและวัคซีนของสหรัฐ FDA CDC โดยจะมีการปลด และทำการรื้อองค์กรใหม่พร้อมกับประกาศสอบความเชื่อมโยงกับแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ซึ่งได้รับผลประโยชน์ทางด้านการได้รับทุนวิจัยรวมทั้งสินบน เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการขายโดยให้ใช้ในประชาชนทั่วโลกผ่านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคระบาด และรัฐบาลใหม่ประกาศจุดยืนต้าน deep state ในประเทศไทยมีคนในระดับผู้นำองค์กรเป็นสมาชิก WEF และเริ่มมีประกาศสนับสนุนแนวทางสร้างโลกหนึ่งเดียว โดยมนุษย์โลกต้องอยู่ให้ได้ภายใต้กรอบเข้มงวด อย่าง (ดูเหมือน)มีความสุข ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต (เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์สุขภาพหรรษา วันที่ 5 และ 12 มกราคม 2025)
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียไม่ได้แค่ร้อนแรงเพราะไฟเท่านั้น แต่การเมืองก็ลุกเป็นไฟเหมือนกัน เพราะคนต่างพากันโทษนโยบาย DEI หรือความหลากหลายเท่าเทียมของภาครัฐและประชาชนในรัฐเอง โดยเฉพาะนโยบายผลักดันความหลากหลายให้กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มีนักดับเพลิงหญิงและ LGTV มากขึ้น กลับส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานจนไฟป่าลุกลามจนเกินควบคุมในขณะนี้
    .
    ในช่วงที่ผ่านมาทางการแคลิฟอร์เนียซึ่งครองอำนาจโดยพรรคเดโมแครทส์ ใช้งบประมาณมหาศาลในการผลักดันนโยบาย DEI ในภาคส่วนต่าง ๆ และตอนนี้ประชาชนก็เริ่มตั้งคำถามแล้วว่างบประมาณมหาศาลเหล่านี้นำไปใช้ตรงจุดใดบ้าง
    .
    แน่นอนว่าหน่วยงานที่ถูกโจมตีหนักคือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมี Kristin Crowley หญิง LGTV เป็นผู้บัญชาการสูงสุดอยู่ นอกจากตัวเธอเองแล้วปัจจุบันหน่วยดับเพลิงของรัฐยังเต็มไปด้วยนักดับเพลิงหญิง, LGTV และกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มน้อยที่ได้รับการบรรจุเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีมานี้ตามนโยบาย DEI
    .
    แม้ว่านักดับเพลิงจะกำลังทำงานอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ แต่ประชาชนก็ยังรุมวิจารณ์พวกเขาว่าปล่อยให้ไฟป่าลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร อีกทั้งการแจ้งเตือนล่วงหน้าและการอพยพผู้คนก็ทำได้อย่างย่ำแย่ด้วย
    .
    นอกจากนี้เว็บไซต์ Pride ดอทคอม ซึ่งเป็นเว็บข่าวสนับสนุน LGTV ไม่รู้คิดยังไง เขียนบทความยกย่อง Kristin Crowley พร้อมพาดหัวว่า "ท่ามกลางเพลิงที่ Palisades นั้น หัวหน้าหน่วยดับเพลิง Los Angeles ซึ่งเป็นชาว LGTVHD+ คนแรกกำลังแสดงให้เห็นว่าชาวเลสเบี้ยนก็ทำงานได้ดีเช่นกัน" กลายเป็นทำให้กระแสตีกลับและโดนวิจารณ์หนักขึ้นอีกว่าทำงานไม่ได้เรื่องจนไฟลามขนาดนี้ยังจะกล้าอวยกันเองอีก
    .
    งานนี้อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประชาชนแคลิฟอร์เนียเริ่มเบื่อหน่ายกับนโยบาย DEI ก็ได้ แม้ว่ารัฐนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่ง woke มายาวนานก็ตาม แต่ถ้าลองความเดือดร้อนมาถึงตัวขนาดนี้ก็ต้องมีโมโหกันบ้างล่ะ

    .
    https://www.facebook.com/share/p/1HJ18HhSDD/
    สถานการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียไม่ได้แค่ร้อนแรงเพราะไฟเท่านั้น แต่การเมืองก็ลุกเป็นไฟเหมือนกัน เพราะคนต่างพากันโทษนโยบาย DEI หรือความหลากหลายเท่าเทียมของภาครัฐและประชาชนในรัฐเอง โดยเฉพาะนโยบายผลักดันความหลากหลายให้กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มีนักดับเพลิงหญิงและ LGTV มากขึ้น กลับส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานจนไฟป่าลุกลามจนเกินควบคุมในขณะนี้ . ในช่วงที่ผ่านมาทางการแคลิฟอร์เนียซึ่งครองอำนาจโดยพรรคเดโมแครทส์ ใช้งบประมาณมหาศาลในการผลักดันนโยบาย DEI ในภาคส่วนต่าง ๆ และตอนนี้ประชาชนก็เริ่มตั้งคำถามแล้วว่างบประมาณมหาศาลเหล่านี้นำไปใช้ตรงจุดใดบ้าง . แน่นอนว่าหน่วยงานที่ถูกโจมตีหนักคือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมี Kristin Crowley หญิง LGTV เป็นผู้บัญชาการสูงสุดอยู่ นอกจากตัวเธอเองแล้วปัจจุบันหน่วยดับเพลิงของรัฐยังเต็มไปด้วยนักดับเพลิงหญิง, LGTV และกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มน้อยที่ได้รับการบรรจุเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีมานี้ตามนโยบาย DEI . แม้ว่านักดับเพลิงจะกำลังทำงานอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ แต่ประชาชนก็ยังรุมวิจารณ์พวกเขาว่าปล่อยให้ไฟป่าลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร อีกทั้งการแจ้งเตือนล่วงหน้าและการอพยพผู้คนก็ทำได้อย่างย่ำแย่ด้วย . นอกจากนี้เว็บไซต์ Pride ดอทคอม ซึ่งเป็นเว็บข่าวสนับสนุน LGTV ไม่รู้คิดยังไง เขียนบทความยกย่อง Kristin Crowley พร้อมพาดหัวว่า "ท่ามกลางเพลิงที่ Palisades นั้น หัวหน้าหน่วยดับเพลิง Los Angeles ซึ่งเป็นชาว LGTVHD+ คนแรกกำลังแสดงให้เห็นว่าชาวเลสเบี้ยนก็ทำงานได้ดีเช่นกัน" กลายเป็นทำให้กระแสตีกลับและโดนวิจารณ์หนักขึ้นอีกว่าทำงานไม่ได้เรื่องจนไฟลามขนาดนี้ยังจะกล้าอวยกันเองอีก . งานนี้อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประชาชนแคลิฟอร์เนียเริ่มเบื่อหน่ายกับนโยบาย DEI ก็ได้ แม้ว่ารัฐนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่ง woke มายาวนานก็ตาม แต่ถ้าลองความเดือดร้อนมาถึงตัวขนาดนี้ก็ต้องมีโมโหกันบ้างล่ะ . https://www.facebook.com/share/p/1HJ18HhSDD/
    Haha
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่ออดีตนักโทษโกงชาติใกล้ตาย มีอำนาจเหนือใครในประเทศนี้

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000002627
    เมื่ออดีตนักโทษโกงชาติใกล้ตาย มีอำนาจเหนือใครในประเทศนี้ บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000002627
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts