• 📚 Wikipedia ระงับฟีเจอร์สรุปบทความด้วย AI หลังถูกต่อต้านจากบรรณาธิการ
    Wikimedia Foundation ได้ ระงับการทดลองใช้ AI-generated summaries บน Wikipedia หลังจากได้รับ เสียงคัดค้านอย่างหนักจากบรรณาธิการอาสาสมัคร โดยฟีเจอร์นี้ใช้ Aya ซึ่งเป็นโมเดล AI จาก Cohere

    การทดลองนี้ เปิดให้ใช้งานแบบ opt-in บนเวอร์ชันมือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่บรรณาธิการ Wikipedia แสดงความกังวลว่าฟีเจอร์นี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Wikipedia ทดลองใช้ AI-generated summaries โดยใช้โมเดล Aya จาก Cohere
    - การทดลองเปิดให้ใช้งานแบบ opt-in บนเวอร์ชันมือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์
    - บรรณาธิการ Wikipedia คัดค้านอย่างหนัก โดยให้เหตุผลว่าฟีเจอร์นี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือ
    - บรรณาธิการบางคนกังวลว่า AI จะทำให้ Wikipedia สูญเสียรูปแบบการแก้ไขร่วมกันของมนุษย์
    - Wikimedia Foundation ระบุว่าจะไม่เปิดตัวฟีเจอร์นี้โดยไม่มีการมีส่วนร่วมจากบรรณาธิการ

    🔥 ความกังวลเกี่ยวกับ AI-generated summaries
    บรรณาธิการ Wikipedia กลัวว่า AI อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาด เช่นเดียวกับกรณีของ Google AI Overviews ที่เคยแนะนำให้ใส่กาวบนพิซซ่า หรือ Apple AI ที่เคยแจ้งข่าวผิดพลาดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุคคล

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI-generated summaries อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาดและส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ Wikipedia
    - บรรณาธิการกังวลว่า AI อาจทำให้ Wikipedia สูญเสียรูปแบบการแก้ไขร่วมกันของมนุษย์
    - ต้องติดตามว่า Wikimedia Foundation จะพัฒนา AI summaries ให้มีระบบตรวจสอบที่ดีขึ้นหรือไม่
    - Wikipedia อาจต้องหาวิธีใช้ AI โดยไม่กระทบต่อหลักการความเป็นกลางของเนื้อหา

    https://www.neowin.net/news/wikipedia-suffers-backlash-from-human-editors-over-ai-summaries-prompting-feature-pause/
    📚 Wikipedia ระงับฟีเจอร์สรุปบทความด้วย AI หลังถูกต่อต้านจากบรรณาธิการ Wikimedia Foundation ได้ ระงับการทดลองใช้ AI-generated summaries บน Wikipedia หลังจากได้รับ เสียงคัดค้านอย่างหนักจากบรรณาธิการอาสาสมัคร โดยฟีเจอร์นี้ใช้ Aya ซึ่งเป็นโมเดล AI จาก Cohere การทดลองนี้ เปิดให้ใช้งานแบบ opt-in บนเวอร์ชันมือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่บรรณาธิการ Wikipedia แสดงความกังวลว่าฟีเจอร์นี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Wikipedia ทดลองใช้ AI-generated summaries โดยใช้โมเดล Aya จาก Cohere - การทดลองเปิดให้ใช้งานแบบ opt-in บนเวอร์ชันมือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์ - บรรณาธิการ Wikipedia คัดค้านอย่างหนัก โดยให้เหตุผลว่าฟีเจอร์นี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือ - บรรณาธิการบางคนกังวลว่า AI จะทำให้ Wikipedia สูญเสียรูปแบบการแก้ไขร่วมกันของมนุษย์ - Wikimedia Foundation ระบุว่าจะไม่เปิดตัวฟีเจอร์นี้โดยไม่มีการมีส่วนร่วมจากบรรณาธิการ 🔥 ความกังวลเกี่ยวกับ AI-generated summaries บรรณาธิการ Wikipedia กลัวว่า AI อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาด เช่นเดียวกับกรณีของ Google AI Overviews ที่เคยแนะนำให้ใส่กาวบนพิซซ่า หรือ Apple AI ที่เคยแจ้งข่าวผิดพลาดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุคคล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI-generated summaries อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาดและส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ Wikipedia - บรรณาธิการกังวลว่า AI อาจทำให้ Wikipedia สูญเสียรูปแบบการแก้ไขร่วมกันของมนุษย์ - ต้องติดตามว่า Wikimedia Foundation จะพัฒนา AI summaries ให้มีระบบตรวจสอบที่ดีขึ้นหรือไม่ - Wikipedia อาจต้องหาวิธีใช้ AI โดยไม่กระทบต่อหลักการความเป็นกลางของเนื้อหา https://www.neowin.net/news/wikipedia-suffers-backlash-from-human-editors-over-ai-summaries-prompting-feature-pause/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wikipedia suffers backlash from human editors over AI summaries, prompting feature pause
    Wikipedia was testing an AI summaries feature similar to Google's AI Overviews but has now paused it following editor outcry.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥 Mozilla ปิดบริการ Firefox หลายตัว รวมถึง Pocket และ Orbit
    Mozilla กำลัง ปรับโครงสร้างธุรกิจ โดย ยุติบริการหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับ Firefox เพื่อ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเบราว์เซอร์หลัก ซึ่งรวมถึง Pocket, Fakespot, Deep Fake Detector และ Orbit

    Pocket ซึ่งเป็น บริการบันทึกบทความเพื่ออ่านภายหลัง จะ หยุดให้บริการในวันที่ 8 กรกฎาคม 2025 และผู้ใช้มีเวลาถึง 8 ตุลาคม 2025 ในการดาวน์โหลดข้อมูลก่อนถูกลบถาวร

    Orbit ซึ่งเป็น เครื่องมือ AI ที่ช่วยสรุปบทความและตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาเว็บ จะ หยุดให้บริการในวันที่ 26 มิถุนายน 2025 โดย Mozilla แนะนำให้ผู้ใช้ เปลี่ยนไปใช้แถบด้านข้างใหม่ของ Firefox ที่รองรับ ChatGPT และ Gemini

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Mozilla ปิดบริการ Pocket, Fakespot, Deep Fake Detector และ Orbit
    - Pocket จะหยุดให้บริการในวันที่ 8 กรกฎาคม 2025 และข้อมูลจะถูกลบในวันที่ 8 ตุลาคม 2025
    - Deep Fake Detector ซึ่งใช้ ApolloDFT และ ZipPy จะหยุดให้บริการในวันที่ 26 มิถุนายน 2025
    - Orbit ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ที่เน้นความเป็นส่วนตัว จะถูกแทนที่ด้วยแถบด้านข้างใหม่ของ Firefox
    - Mozilla ระบุว่าการปิดบริการเหล่านี้เป็นไปเพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่ Firefox

    🔥 ผลกระทบต่อผู้ใช้
    การปิดบริการเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะ Orbit ซึ่ง ใช้โมเดล Mistral 7B ภายในระบบของ Mozilla โดยไม่แชร์ข้อมูลกับบริษัทอื่น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ Pocket ต้องดาวน์โหลดข้อมูลก่อนวันที่ 8 ตุลาคม 2025 มิฉะนั้นข้อมูลจะถูกลบถาวร
    - Orbit ถูกแทนที่ด้วยแถบด้านข้างใหม่ของ Firefox ซึ่งเชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Gemini
    - Mozilla อาจปิดบริการอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต หากไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ใหม่
    - ต้องติดตามว่า Firefox จะสามารถแข่งขันกับเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้ดีขึ้นหลังการปรับโครงสร้างนี้หรือไม่

    https://www.neowin.net/news/mozilla-shuts-down-even-more-firefox-services-you-might-still-be-using/
    🔥 Mozilla ปิดบริการ Firefox หลายตัว รวมถึง Pocket และ Orbit Mozilla กำลัง ปรับโครงสร้างธุรกิจ โดย ยุติบริการหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับ Firefox เพื่อ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเบราว์เซอร์หลัก ซึ่งรวมถึง Pocket, Fakespot, Deep Fake Detector และ Orbit Pocket ซึ่งเป็น บริการบันทึกบทความเพื่ออ่านภายหลัง จะ หยุดให้บริการในวันที่ 8 กรกฎาคม 2025 และผู้ใช้มีเวลาถึง 8 ตุลาคม 2025 ในการดาวน์โหลดข้อมูลก่อนถูกลบถาวร Orbit ซึ่งเป็น เครื่องมือ AI ที่ช่วยสรุปบทความและตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาเว็บ จะ หยุดให้บริการในวันที่ 26 มิถุนายน 2025 โดย Mozilla แนะนำให้ผู้ใช้ เปลี่ยนไปใช้แถบด้านข้างใหม่ของ Firefox ที่รองรับ ChatGPT และ Gemini ✅ ข้อมูลจากข่าว - Mozilla ปิดบริการ Pocket, Fakespot, Deep Fake Detector และ Orbit - Pocket จะหยุดให้บริการในวันที่ 8 กรกฎาคม 2025 และข้อมูลจะถูกลบในวันที่ 8 ตุลาคม 2025 - Deep Fake Detector ซึ่งใช้ ApolloDFT และ ZipPy จะหยุดให้บริการในวันที่ 26 มิถุนายน 2025 - Orbit ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ที่เน้นความเป็นส่วนตัว จะถูกแทนที่ด้วยแถบด้านข้างใหม่ของ Firefox - Mozilla ระบุว่าการปิดบริการเหล่านี้เป็นไปเพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่ Firefox 🔥 ผลกระทบต่อผู้ใช้ การปิดบริการเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะ Orbit ซึ่ง ใช้โมเดล Mistral 7B ภายในระบบของ Mozilla โดยไม่แชร์ข้อมูลกับบริษัทอื่น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ Pocket ต้องดาวน์โหลดข้อมูลก่อนวันที่ 8 ตุลาคม 2025 มิฉะนั้นข้อมูลจะถูกลบถาวร - Orbit ถูกแทนที่ด้วยแถบด้านข้างใหม่ของ Firefox ซึ่งเชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Gemini - Mozilla อาจปิดบริการอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต หากไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ใหม่ - ต้องติดตามว่า Firefox จะสามารถแข่งขันกับเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้ดีขึ้นหลังการปรับโครงสร้างนี้หรือไม่ https://www.neowin.net/news/mozilla-shuts-down-even-more-firefox-services-you-might-still-be-using/
    WWW.NEOWIN.NET
    Mozilla shuts down even more Firefox services you might still be using
    Mozilla has announced the shutdown of several Firefox services as it shifts its focus and resources back to the core Firefox browser.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1/3 รวบรวมข้อมูล นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    เฟสบุ๊ก : นิลฉงน นลเฉลย https://www.facebook.com/nilchangonnolchaloey

    ช่องยูทูป : https://www.youtube.com/@atapolhuawei4894/videos

    ทวิตเตอร์ : https://twitter.com/ASNID2?t=ziV183C0Yol_cpFjSMHaTQ&s=09

    ไทยไทมส์ : https://thaitimes.co/Atapol

    ติ๊กต็อก
    1. https://www.tiktok.com/@atapol01?is_from_webapp=1&sender_device=pc
    2. https://www.tiktok.com/@atapolhuawei?is_from_webapp=1&sender_device=pc

    เทเลแกรม https://t.me/DrAtapolFC

    ติดตามบทความได้ที่ substack Atapol’s Newsletter (https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/igg-iga?r=1g73ro&utm_campaign=post&utm_medium=web)
    https://atapol616246.substack.com/archive?sort=top

    ✍️สิทธิในตน
    https://t.me/DrAtapolFC/125
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_7
    ✍️ก้าวแรกเพื่อก้าวต่อๆไป
    https://t.me/DrAtapolFC/128
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_14
    ✍️นโยบายการจัดการกับโควิด -๑๙ ของประเทศไทยหลังการรับวัคซีนกับข้อเท็จจริงที่ถูกมองข้าม
    https://t.me/DrAtapolFC/23
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_3
    ✍️90%ของแพทย์ในญี่ปุ่น ไม่แนะนำการฉีดว-ซ-ให้แก่เด็กเล็ก
    https://t.me/DrAtapolFC/135
    https://atapol616246.substack.com/p/90
    ✍️มาตรการแก้ หรือ มาตรการให้กลัว
    https://t.me/DrAtapolFC/139
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_17
    ✍️วัคซีนโควิด จำเป็นสำหรับเด็กๆจริงหรือ?...
    https://t.me/DrAtapolFC/42
    https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/02/
    ✍️การตัดสินใจที่ย้อนกลับไม่ได้
    https://t.me/DrAtapolFC/46
    https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/02/
    ✍️เหตุผลที่ยาฉีด mRNA ไม่ใช่วัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/61
    https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/03/
    ✍️ยาฉีด RNA ไม่ใช่ mRNA อย่างที่หมอส่วนใหญ่เข้าใจ
    https://t.me/DrAtapolFC/111
    https://atapol616246.substack.com/p/rna-mrna
    ✍️สิทธิตามรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการบังคับฉีดวัคซีนและการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด
    https://t.me/DrAtapolFC/74
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_16
    ✍️การวิเคราะห์งานวิจัยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาฉีดไฟฯในเด็กอายุ 5-11 ปี
    https://t.me/DrAtapolFC/63
    https://rookon.com/post/1935
    ✍️Sunday April 03, 2022
    https://t.me/DrAtapolFC/144
    https://atapol616246.substack.com/p/fb-aprils-fool-day
    ✍️ระบบภูมิคุ้มกันมนุษย์
    https://t.me/DrAtapolFC/146
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_5
    ✍️การป้องกันขั้นทุติยภูมิกับการแก้ปัญหาโควิด
    https://t.me/DrAtapolFC/147
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_79
    ✍️ADE คือ อะไร? ทำไมเราควรรู้จัก
    https://t.me/DrAtapolFC/150
    https://atapol616246.substack.com/p/ade
    ✍️โควิด คือ อะไร ใครอยากรู้บ้าง?
    https://t.me/DrAtapolFC/153
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_6
    ✍️จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอย.8เม.ย.2565
    https://t.me/DrAtapolFC/95
    https://atapol616246.substack.com/p/email-paisarnpomgmail
    ✍️ปัญหาของใบยินยอมให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์
    https://t.me/DrAtapolFC/91
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_19
    ✍️ทำไมอัตราตายในจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนมากจึงสูงกว่าจังหวัดที่มีอัตราการฉีดวัคซีนน้อย?
    https://t.me/DrAtapolFC/81
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_26
    ✍️ปัญหาของใบยินยอมให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับนักเรียนก่อนประถมและชั้นประถม
    https://t.me/DrAtapolFC/158
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_6
    ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น
    https://t.me/DrAtapolFC/97
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post
    ✍️จดหมายเปิดผนึก ถึงชาวไทยทุกท่าน
    https://t.me/DrAtapolFC/163
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_4
    ✍️จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ /สธ 4พ.ค.2565
    https://t.me/DrAtapolFC/107
    https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_61
    ✍️ทบทวน immunology 101
    https://t.me/DrAtapolFC/109
    https://atapol616246.substack.com/p/immunology-101
    ✍️เรื่องเล่าหลังเข็ม 4
    https://t.me/DrAtapolFC/166
    https://atapol616246.substack.com/p/4
    ✍️เอกสารกำกับยา ของโคเมอร์เนตี เอกสารที่หมอและพ่อแม่ควรอ่าน
    https://t.me/DrAtapolFC/169
    https://atapol616246.substack.com/p/-
    ✍️งานวิจัยศึกษาปัญหาหัวใจอักเสบจากวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กไทย
    https://t.me/DrAtapolFC/176
    https://atapol616246.substack.com/p/c7c
    ✍️เอมิช ชุมชนอนุรักษ์นิยม ที่ปฏิเสธวัคซีน
    นอกจากปัญหาการระบาดจบ เศรษฐกิจยังดีขึ้นด้วย
    https://t.me/DrAtapolFC/182
    https://atapol616246.substack.com/p/--834
    ✍️วัคซีนสำหรับเด็กจำเป็นแค่ไหน
    https://t.me/DrAtapolFC/183
    https://youtu.be/jbccrBNKpMI
    https://atapol616246.substack.com/p/1a6
    ✍️วัคซีนไฟเซอร์ทำให้เกิดความผิดปกติของหัวใจมากกว่าที่อ้าง
    https://t.me/DrAtapolFC/184
    https://atapol616246.substack.com/p/674
    ✍️ปัญหาหัวใจอักเสบในเด็กจากไฟเซอร์
    https://t.me/DrAtapolFC/186
    https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/a48?utm_campaign=post&utm_medium=web
    ✍️สถิติที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนChoawalit Chotwattanaphong ,[2]
    https://t.me/DrAtapolFC/187
    https://atapol616246.substack.com/p/12
    ✍️คนที่ตายเพราะโควิด ไม่ได้ตายเพราะติดเชื้อ
    https://t.me/DrAtapolFC/190
    https://atapol616246.substack.com/p/--1f4
    ✍️ไขข้อสงสัยเรื่องภูมิคุ้มกันกับวัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/191
    https://atapol616246.substack.com/p/cd0
    ✍️EUA คืออะไร ต่างจากการขึ้นทะเบียนยาตามปกติอย่างไร
    https://t.me/DrAtapolFC/114
    https://atapol616246.substack.com/p/eua-
    ✍️นพ.อรรถพล ให้สัมภาษณ์ จส 100 เรื่องวัคซีน 16ก.ย.2565
    https://t.me/DrAtapolFC/194
    https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/100?utm_campaign=post&utm_medium=web
    https://atapol616246.substack.com/p/100
    ✍️คำถามเกี่ยวกับมาตรฐานในการแนะนำแนวทางการรักษาโควิดของกรมการแพทย์
    https://t.me/DrAtapolFC/195
    https://atapol616246.substack.com/p/caf
    ✍️ผลเสียของหน้ากากต่อพัฒนาการของเด็ก
    https://t.me/DrAtapolFC/197
    https://atapol616246.substack.com/p/d36
    ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น
    https://t.me/DrAtapolFC/199
    https://atapol616246.substack.com/p/db2
    ✍️เมื่อศูนย์ต้านข่าวปลอม ปล่อยข่าวปลอมซะเอง
    https://t.me/DrAtapolFC/213
    https://atapol616246.substack.com/p/61b
    ✍️EUA ของไทย หรือการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรค
    https://t.me/DrAtapolFC/215
    https://atapol616246.substack.com/p/eua
    ✍️Excess Death ทำไมคนตายมากขึ้น?
    https://t.me/DrAtapolFC/224
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death
    ✍️ทำไมคนไทยตายมากขึ้น
    Excess death ในหลายประเทศทั่วโลก
    https://t.me/DrAtapolFC/234
    https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/00d?utm_campaign=post&utm_medium=web
    https://atapol616246.substack.com/p/00d
    ✍️เหตุผล ๑๐ ประการที่ ไม่ ควรฉีดวัคซีน mRNA ให้เด็กๆ
    https://t.me/DrAtapolFC/236
    https://atapol616246.substack.com/p/mrna
    ✍️การทดลองที่เอามาใช้ในการพิจารณาอนุญาตให้ฉีดไฟเซอร์ ในเด็กเล็ก 6 เดือนถึง 5 ปี
    https://t.me/DrAtapolFC/5
    https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/03/rna-mrna.html
    ✍️แอนตี้บอดี้ IgG กับ IgA ต่างกันอย่างไร
    https://t.me/DrAtapolFC/4
    https://atapol616246.substack.com/p/igg-iga?r=1g73ro&utm_campaign=post&utm_medium=web&triedRedirect=true
    ✍️รายงานของวุฒิสภาอเมริกันระบุว่า เชื้อโควิดไม่ได้มาจากธรรมชาติ
    https://t.me/DrAtapolFC/237
    https://atapol616246.substack.com/p/5dc
    ✍️งานวิจัยจากเคมปริดจ์ พบว่าบูสเตอร์ทำให้ภูมิคุ้มกันตก!!
    https://t.me/DrAtapolFC/238
    https://atapol616246.substack.com/p/7c6
    ✍️Excess death เดือนตุลา 65 คนไทยตายมากกว่าตุลา 64 !!!
    https://t.me/DrAtapolFC/241
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-65-64
    ✍️ต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิด ซารส์โควีทู (SARS CoV2)
    https://t.me/DrAtapolFC/249
    https://atapol616246.substack.com/p/sars-cov2
    ✍️ไวรัสโควิด (ซาร์สคอฟ ทู, SARS-CoV 2) เกิดจากฝีมือมนุษย์ไหม? อ่านให้จบจะได้คำตอบ
    https://t.me/DrAtapolFC/256
    https://atapol616246.substack.com/p/sars-cov-2
    ✍️ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ที่เอามาฉีดเด็ก
    https://t.me/DrAtapolFC/261
    https://atapol616246.substack.com/p/b96
    ✍️บริษัท​ไฟเซอร์​ ไม่ได้ทดสอบว่า​ วัคซีน​ของตน​​ป้องกัน​การติดเชื้อ​ได้หรือไม่​ ​​ก่อนวางขาย​วัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/264
    https://atapol616246.substack.com/p/e7a
    ✍️รัฐสภาสหราชอาณาจักรอังกฤษเริ่มการสอบสวนความปลอดภัยของวัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/270
    https://atapol616246.substack.com/p/e1c
    ✍️ตอบ สธ กรณี excess death
    https://t.me/DrAtapolFC/278
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-45f
    ✍️ใบกำกับยาของวัคซีนไฟเซอร์ Comirnaty ฝาสีแดง สำหรับเด็กเล็กอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่เปิดเผย?
    https://t.me/DrAtapolFC/289
    https://atapol616246.substack.com/p/comirnaty
    ✍️Infection Fatality Rate อัตราเสียชีวิตในผู้ที่ติดเชื้อโควิด
    https://t.me/DrAtapolFC/295
    https://atapol616246.substack.com/p/infection-fatality-rate
    ✍️วัคซีนสำหรับเด็กจำเป็นแค่ไหน
    https://t.me/DrAtapolFC/183
    https://youtu.be/jbccrBNKpMI
    https://atapol616246.substack.com/p/1a6
    ✍️วัคซีนไฟเซอร์ทำให้เกิดความผิดปกติของหัวใจมากกว่าที่อ้าง
    https://t.me/DrAtapolFC/184
    https://atapol616246.substack.com/p/674
    ✍️ปัญหาหัวใจอักเสบในเด็กจากไฟเซอร์
    https://t.me/DrAtapolFC/186
    https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/a48?utm_campaign=post&utm_medium=web
    ✍️สถิติที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนChoawalit Chotwattanaphong ,[2]
    https://t.me/DrAtapolFC/187
    https://atapol616246.substack.com/p/12
    ✍️คนที่ตายเพราะโควิด ไม่ได้ตายเพราะติดเชื้อ
    https://t.me/DrAtapolFC/190
    https://atapol616246.substack.com/p/--1f4
    ✍️ไขข้อสงสัยเรื่องภูมิคุ้มกันกับวัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/191
    https://atapol616246.substack.com/p/cd0
    ✍️EUA คืออะไร ต่างจากการขึ้นทะเบียนยาตามปกติอย่างไร
    https://t.me/DrAtapolFC/114
    https://atapol616246.substack.com/p/eua-
    ✍️นพ.อรรถพล ให้สัมภาษณ์ จส 100 เรื่องวัคซีน 16ก.ย.2565
    https://t.me/DrAtapolFC/194
    https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/100?utm_campaign=post&utm_medium=web
    https://atapol616246.substack.com/p/100
    ✍️คำถามเกี่ยวกับมาตรฐานในการแนะนำแนวทางการรักษาโควิดของกรมการแพทย์
    https://t.me/DrAtapolFC/195
    https://atapol616246.substack.com/p/caf
    ✍️ผลเสียของหน้ากากต่อพัฒนาการของเด็ก
    https://t.me/DrAtapolFC/197
    https://atapol616246.substack.com/p/d36
    ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น
    https://t.me/DrAtapolFC/199
    https://atapol616246.substack.com/p/db2
    ✍️เมื่อศูนย์ต้านข่าวปลอม ปล่อยข่าวปลอมซะเอง
    https://t.me/DrAtapolFC/213
    https://atapol616246.substack.com/p/61b
    ✍️EUA ของไทย หรือการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรค
    https://t.me/DrAtapolFC/215
    https://atapol616246.substack.com/p/eua
    ✍️Excess Death ทำไมคนตายมากขึ้น?
    https://t.me/DrAtapolFC/224
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death
    ✍️ทำไมคนไทยตายมากขึ้น
    Excess death ในหลายประเทศทั่วโลก
    https://t.me/DrAtapolFC/234
    https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/00d?utm_campaign=post&utm_medium=web
    https://atapol616246.substack.com/p/00d
    ✍️เหตุผล ๑๐ ประการที่ ไม่ ควรฉีดวัคซีน mRNA ให้เด็กๆ
    https://t.me/DrAtapolFC/236
    https://atapol616246.substack.com/p/mrna
    ✍️การทดลองที่เอามาใช้ในการพิจารณาอนุญาตให้ฉีดไฟเซอร์ ในเด็กเล็ก 6 เดือนถึง 5 ปี
    https://t.me/DrAtapolFC/5
    https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/03/rna-mrna.html
    ✍️แอนตี้บอดี้ IgG กับ IgA ต่างกันอย่างไร
    https://t.me/DrAtapolFC/4
    https://atapol616246.substack.com/p/igg-iga?r=1g73ro&utm_campaign=post&utm_medium=web&triedRedirect=true
    ✍️รายงานของวุฒิสภาอเมริกันระบุว่า เชื้อโควิดไม่ได้มาจากธรรมชาติ
    https://t.me/DrAtapolFC/237
    https://atapol616246.substack.com/p/5dc
    ✍️งานวิจัยจากเคมปริดจ์ พบว่าบูสเตอร์ทำให้ภูมิคุ้มกันตก!!
    https://t.me/DrAtapolFC/238
    https://atapol616246.substack.com/p/7c6
    ✍️Excess death เดือนตุลา 65 คนไทยตายมากกว่าตุลา 64 !!!
    https://t.me/DrAtapolFC/241
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-65-64
    ✍️ต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิด ซารส์โควีทู (SARS CoV2)
    https://t.me/DrAtapolFC/249
    https://atapol616246.substack.com/p/sars-cov2
    ✍️ไวรัสโควิด (ซาร์สคอฟ ทู, SARS-CoV 2) เกิดจากฝีมือมนุษย์ไหม? อ่านให้จบจะได้คำตอบ
    https://t.me/DrAtapolFC/256
    https://atapol616246.substack.com/p/sars-cov-2
    ✍️ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ที่เอามาฉีดเด็ก
    https://t.me/DrAtapolFC/261
    https://atapol616246.substack.com/p/b96
    ✍️บริษัท​ไฟเซอร์​ ไม่ได้ทดสอบว่า​ วัคซีน​ของตน​​ป้องกัน​การติดเชื้อ​ได้หรือไม่​ ​​ก่อนวางขาย​วัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/264
    https://atapol616246.substack.com/p/e7a
    ✍️รัฐสภาสหราชอาณาจักรอังกฤษเริ่มการสอบสวนความปลอดภัยของวัคซีน
    https://t.me/DrAtapolFC/270
    https://atapol616246.substack.com/p/e1c
    ✍️ตอบ สธ กรณี excess death
    https://t.me/DrAtapolFC/278
    https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-45f
    ✍️ใบกำกับยาของวัคซีนไฟเซอร์ Comirnaty ฝาสีแดง สำหรับเด็กเล็กอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่เปิดเผย?
    https://t.me/DrAtapolFC/289
    https://atapol616246.substack.com/p/comirnaty
    ✍️Infection Fatality Rate อัตราเสียชีวิตในผู้ที่ติดเชื้อโควิด
    https://t.me/DrAtapolFC/295
    https://atapol616246.substack.com/p/infection-fatality-rate
    มีต่อ
    1/3 รวบรวมข้อมูล นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฟสบุ๊ก : นิลฉงน นลเฉลย https://www.facebook.com/nilchangonnolchaloey ช่องยูทูป : https://www.youtube.com/@atapolhuawei4894/videos ทวิตเตอร์ : https://twitter.com/ASNID2?t=ziV183C0Yol_cpFjSMHaTQ&s=09 ไทยไทมส์ : https://thaitimes.co/Atapol ติ๊กต็อก 1. https://www.tiktok.com/@atapol01?is_from_webapp=1&sender_device=pc 2. https://www.tiktok.com/@atapolhuawei?is_from_webapp=1&sender_device=pc เทเลแกรม https://t.me/DrAtapolFC ติดตามบทความได้ที่ substack Atapol’s Newsletter (https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/igg-iga?r=1g73ro&utm_campaign=post&utm_medium=web) https://atapol616246.substack.com/archive?sort=top ✍️สิทธิในตน https://t.me/DrAtapolFC/125 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_7 ✍️ก้าวแรกเพื่อก้าวต่อๆไป https://t.me/DrAtapolFC/128 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_14 ✍️นโยบายการจัดการกับโควิด -๑๙ ของประเทศไทยหลังการรับวัคซีนกับข้อเท็จจริงที่ถูกมองข้าม https://t.me/DrAtapolFC/23 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_3 ✍️90%ของแพทย์ในญี่ปุ่น ไม่แนะนำการฉีดว-ซ-ให้แก่เด็กเล็ก https://t.me/DrAtapolFC/135 https://atapol616246.substack.com/p/90 ✍️มาตรการแก้ หรือ มาตรการให้กลัว https://t.me/DrAtapolFC/139 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_17 ✍️วัคซีนโควิด จำเป็นสำหรับเด็กๆจริงหรือ?... https://t.me/DrAtapolFC/42 https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/02/ ✍️การตัดสินใจที่ย้อนกลับไม่ได้ https://t.me/DrAtapolFC/46 https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/02/ ✍️เหตุผลที่ยาฉีด mRNA ไม่ใช่วัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/61 https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/03/ ✍️ยาฉีด RNA ไม่ใช่ mRNA อย่างที่หมอส่วนใหญ่เข้าใจ https://t.me/DrAtapolFC/111 https://atapol616246.substack.com/p/rna-mrna ✍️สิทธิตามรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการบังคับฉีดวัคซีนและการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด https://t.me/DrAtapolFC/74 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_16 ✍️การวิเคราะห์งานวิจัยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาฉีดไฟฯในเด็กอายุ 5-11 ปี https://t.me/DrAtapolFC/63 https://rookon.com/post/1935 ✍️Sunday April 03, 2022 https://t.me/DrAtapolFC/144 https://atapol616246.substack.com/p/fb-aprils-fool-day ✍️ระบบภูมิคุ้มกันมนุษย์ https://t.me/DrAtapolFC/146 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_5 ✍️การป้องกันขั้นทุติยภูมิกับการแก้ปัญหาโควิด https://t.me/DrAtapolFC/147 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_79 ✍️ADE คือ อะไร? ทำไมเราควรรู้จัก https://t.me/DrAtapolFC/150 https://atapol616246.substack.com/p/ade ✍️โควิด คือ อะไร ใครอยากรู้บ้าง? https://t.me/DrAtapolFC/153 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_6 ✍️จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอย.8เม.ย.2565 https://t.me/DrAtapolFC/95 https://atapol616246.substack.com/p/email-paisarnpomgmail ✍️ปัญหาของใบยินยอมให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ https://t.me/DrAtapolFC/91 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_19 ✍️ทำไมอัตราตายในจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนมากจึงสูงกว่าจังหวัดที่มีอัตราการฉีดวัคซีนน้อย? https://t.me/DrAtapolFC/81 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_26 ✍️ปัญหาของใบยินยอมให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับนักเรียนก่อนประถมและชั้นประถม https://t.me/DrAtapolFC/158 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_6 ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น https://t.me/DrAtapolFC/97 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post ✍️จดหมายเปิดผนึก ถึงชาวไทยทุกท่าน https://t.me/DrAtapolFC/163 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_4 ✍️จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ /สธ 4พ.ค.2565 https://t.me/DrAtapolFC/107 https://atapol616246.substack.com/p/blog-post_61 ✍️ทบทวน immunology 101 https://t.me/DrAtapolFC/109 https://atapol616246.substack.com/p/immunology-101 ✍️เรื่องเล่าหลังเข็ม 4 https://t.me/DrAtapolFC/166 https://atapol616246.substack.com/p/4 ✍️เอกสารกำกับยา ของโคเมอร์เนตี เอกสารที่หมอและพ่อแม่ควรอ่าน https://t.me/DrAtapolFC/169 https://atapol616246.substack.com/p/- ✍️งานวิจัยศึกษาปัญหาหัวใจอักเสบจากวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กไทย https://t.me/DrAtapolFC/176 https://atapol616246.substack.com/p/c7c ✍️เอมิช ชุมชนอนุรักษ์นิยม ที่ปฏิเสธวัคซีน นอกจากปัญหาการระบาดจบ เศรษฐกิจยังดีขึ้นด้วย https://t.me/DrAtapolFC/182 https://atapol616246.substack.com/p/--834 ✍️วัคซีนสำหรับเด็กจำเป็นแค่ไหน https://t.me/DrAtapolFC/183 https://youtu.be/jbccrBNKpMI https://atapol616246.substack.com/p/1a6 ✍️วัคซีนไฟเซอร์ทำให้เกิดความผิดปกติของหัวใจมากกว่าที่อ้าง https://t.me/DrAtapolFC/184 https://atapol616246.substack.com/p/674 ✍️ปัญหาหัวใจอักเสบในเด็กจากไฟเซอร์ https://t.me/DrAtapolFC/186 https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/a48?utm_campaign=post&utm_medium=web ✍️สถิติที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของวัคซีน[1],[2] https://t.me/DrAtapolFC/187 https://atapol616246.substack.com/p/12 ✍️คนที่ตายเพราะโควิด ไม่ได้ตายเพราะติดเชื้อ https://t.me/DrAtapolFC/190 https://atapol616246.substack.com/p/--1f4 ✍️ไขข้อสงสัยเรื่องภูมิคุ้มกันกับวัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/191 https://atapol616246.substack.com/p/cd0 ✍️EUA คืออะไร ต่างจากการขึ้นทะเบียนยาตามปกติอย่างไร https://t.me/DrAtapolFC/114 https://atapol616246.substack.com/p/eua- ✍️นพ.อรรถพล ให้สัมภาษณ์ จส 100 เรื่องวัคซีน 16ก.ย.2565 https://t.me/DrAtapolFC/194 https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/100?utm_campaign=post&utm_medium=web https://atapol616246.substack.com/p/100 ✍️คำถามเกี่ยวกับมาตรฐานในการแนะนำแนวทางการรักษาโควิดของกรมการแพทย์ https://t.me/DrAtapolFC/195 https://atapol616246.substack.com/p/caf ✍️ผลเสียของหน้ากากต่อพัฒนาการของเด็ก https://t.me/DrAtapolFC/197 https://atapol616246.substack.com/p/d36 ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น https://t.me/DrAtapolFC/199 https://atapol616246.substack.com/p/db2 ✍️เมื่อศูนย์ต้านข่าวปลอม ปล่อยข่าวปลอมซะเอง https://t.me/DrAtapolFC/213 https://atapol616246.substack.com/p/61b ✍️EUA ของไทย หรือการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรค https://t.me/DrAtapolFC/215 https://atapol616246.substack.com/p/eua ✍️Excess Death ทำไมคนตายมากขึ้น? https://t.me/DrAtapolFC/224 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death ✍️ทำไมคนไทยตายมากขึ้น Excess death ในหลายประเทศทั่วโลก https://t.me/DrAtapolFC/234 https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/00d?utm_campaign=post&utm_medium=web https://atapol616246.substack.com/p/00d ✍️เหตุผล ๑๐ ประการที่ ไม่ ควรฉีดวัคซีน mRNA ให้เด็กๆ https://t.me/DrAtapolFC/236 https://atapol616246.substack.com/p/mrna ✍️การทดลองที่เอามาใช้ในการพิจารณาอนุญาตให้ฉีดไฟเซอร์ ในเด็กเล็ก 6 เดือนถึง 5 ปี https://t.me/DrAtapolFC/5 https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/03/rna-mrna.html ✍️แอนตี้บอดี้ IgG กับ IgA ต่างกันอย่างไร https://t.me/DrAtapolFC/4 https://atapol616246.substack.com/p/igg-iga?r=1g73ro&utm_campaign=post&utm_medium=web&triedRedirect=true ✍️รายงานของวุฒิสภาอเมริกันระบุว่า เชื้อโควิดไม่ได้มาจากธรรมชาติ https://t.me/DrAtapolFC/237 https://atapol616246.substack.com/p/5dc ✍️งานวิจัยจากเคมปริดจ์ พบว่าบูสเตอร์ทำให้ภูมิคุ้มกันตก!! https://t.me/DrAtapolFC/238 https://atapol616246.substack.com/p/7c6 ✍️Excess death เดือนตุลา 65 คนไทยตายมากกว่าตุลา 64 !!! https://t.me/DrAtapolFC/241 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-65-64 ✍️ต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิด ซารส์โควีทู (SARS CoV2) https://t.me/DrAtapolFC/249 https://atapol616246.substack.com/p/sars-cov2 ✍️ไวรัสโควิด (ซาร์สคอฟ ทู, SARS-CoV 2) เกิดจากฝีมือมนุษย์ไหม? อ่านให้จบจะได้คำตอบ https://t.me/DrAtapolFC/256 https://atapol616246.substack.com/p/sars-cov-2 ✍️ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ที่เอามาฉีดเด็ก https://t.me/DrAtapolFC/261 https://atapol616246.substack.com/p/b96 ✍️บริษัท​ไฟเซอร์​ ไม่ได้ทดสอบว่า​ วัคซีน​ของตน​​ป้องกัน​การติดเชื้อ​ได้หรือไม่​ ​​ก่อนวางขาย​วัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/264 https://atapol616246.substack.com/p/e7a ✍️รัฐสภาสหราชอาณาจักรอังกฤษเริ่มการสอบสวนความปลอดภัยของวัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/270 https://atapol616246.substack.com/p/e1c ✍️ตอบ สธ กรณี excess death https://t.me/DrAtapolFC/278 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-45f ✍️ใบกำกับยาของวัคซีนไฟเซอร์ Comirnaty ฝาสีแดง สำหรับเด็กเล็กอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่เปิดเผย? https://t.me/DrAtapolFC/289 https://atapol616246.substack.com/p/comirnaty ✍️Infection Fatality Rate อัตราเสียชีวิตในผู้ที่ติดเชื้อโควิด https://t.me/DrAtapolFC/295 https://atapol616246.substack.com/p/infection-fatality-rate ✍️วัคซีนสำหรับเด็กจำเป็นแค่ไหน https://t.me/DrAtapolFC/183 https://youtu.be/jbccrBNKpMI https://atapol616246.substack.com/p/1a6 ✍️วัคซีนไฟเซอร์ทำให้เกิดความผิดปกติของหัวใจมากกว่าที่อ้าง https://t.me/DrAtapolFC/184 https://atapol616246.substack.com/p/674 ✍️ปัญหาหัวใจอักเสบในเด็กจากไฟเซอร์ https://t.me/DrAtapolFC/186 https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/a48?utm_campaign=post&utm_medium=web ✍️สถิติที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของวัคซีน[1],[2] https://t.me/DrAtapolFC/187 https://atapol616246.substack.com/p/12 ✍️คนที่ตายเพราะโควิด ไม่ได้ตายเพราะติดเชื้อ https://t.me/DrAtapolFC/190 https://atapol616246.substack.com/p/--1f4 ✍️ไขข้อสงสัยเรื่องภูมิคุ้มกันกับวัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/191 https://atapol616246.substack.com/p/cd0 ✍️EUA คืออะไร ต่างจากการขึ้นทะเบียนยาตามปกติอย่างไร https://t.me/DrAtapolFC/114 https://atapol616246.substack.com/p/eua- ✍️นพ.อรรถพล ให้สัมภาษณ์ จส 100 เรื่องวัคซีน 16ก.ย.2565 https://t.me/DrAtapolFC/194 https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/100?utm_campaign=post&utm_medium=web https://atapol616246.substack.com/p/100 ✍️คำถามเกี่ยวกับมาตรฐานในการแนะนำแนวทางการรักษาโควิดของกรมการแพทย์ https://t.me/DrAtapolFC/195 https://atapol616246.substack.com/p/caf ✍️ผลเสียของหน้ากากต่อพัฒนาการของเด็ก https://t.me/DrAtapolFC/197 https://atapol616246.substack.com/p/d36 ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น https://t.me/DrAtapolFC/199 https://atapol616246.substack.com/p/db2 ✍️เมื่อศูนย์ต้านข่าวปลอม ปล่อยข่าวปลอมซะเอง https://t.me/DrAtapolFC/213 https://atapol616246.substack.com/p/61b ✍️EUA ของไทย หรือการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการระบาดใหญ่ของโรค https://t.me/DrAtapolFC/215 https://atapol616246.substack.com/p/eua ✍️Excess Death ทำไมคนตายมากขึ้น? https://t.me/DrAtapolFC/224 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death ✍️ทำไมคนไทยตายมากขึ้น Excess death ในหลายประเทศทั่วโลก https://t.me/DrAtapolFC/234 https://open.substack.com/pub/atapol616246/p/00d?utm_campaign=post&utm_medium=web https://atapol616246.substack.com/p/00d ✍️เหตุผล ๑๐ ประการที่ ไม่ ควรฉีดวัคซีน mRNA ให้เด็กๆ https://t.me/DrAtapolFC/236 https://atapol616246.substack.com/p/mrna ✍️การทดลองที่เอามาใช้ในการพิจารณาอนุญาตให้ฉีดไฟเซอร์ ในเด็กเล็ก 6 เดือนถึง 5 ปี https://t.me/DrAtapolFC/5 https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/03/rna-mrna.html ✍️แอนตี้บอดี้ IgG กับ IgA ต่างกันอย่างไร https://t.me/DrAtapolFC/4 https://atapol616246.substack.com/p/igg-iga?r=1g73ro&utm_campaign=post&utm_medium=web&triedRedirect=true ✍️รายงานของวุฒิสภาอเมริกันระบุว่า เชื้อโควิดไม่ได้มาจากธรรมชาติ https://t.me/DrAtapolFC/237 https://atapol616246.substack.com/p/5dc ✍️งานวิจัยจากเคมปริดจ์ พบว่าบูสเตอร์ทำให้ภูมิคุ้มกันตก!! https://t.me/DrAtapolFC/238 https://atapol616246.substack.com/p/7c6 ✍️Excess death เดือนตุลา 65 คนไทยตายมากกว่าตุลา 64 !!! https://t.me/DrAtapolFC/241 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-65-64 ✍️ต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิด ซารส์โควีทู (SARS CoV2) https://t.me/DrAtapolFC/249 https://atapol616246.substack.com/p/sars-cov2 ✍️ไวรัสโควิด (ซาร์สคอฟ ทู, SARS-CoV 2) เกิดจากฝีมือมนุษย์ไหม? อ่านให้จบจะได้คำตอบ https://t.me/DrAtapolFC/256 https://atapol616246.substack.com/p/sars-cov-2 ✍️ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ที่เอามาฉีดเด็ก https://t.me/DrAtapolFC/261 https://atapol616246.substack.com/p/b96 ✍️บริษัท​ไฟเซอร์​ ไม่ได้ทดสอบว่า​ วัคซีน​ของตน​​ป้องกัน​การติดเชื้อ​ได้หรือไม่​ ​​ก่อนวางขาย​วัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/264 https://atapol616246.substack.com/p/e7a ✍️รัฐสภาสหราชอาณาจักรอังกฤษเริ่มการสอบสวนความปลอดภัยของวัคซีน https://t.me/DrAtapolFC/270 https://atapol616246.substack.com/p/e1c ✍️ตอบ สธ กรณี excess death https://t.me/DrAtapolFC/278 https://atapol616246.substack.com/p/excess-death-45f ✍️ใบกำกับยาของวัคซีนไฟเซอร์ Comirnaty ฝาสีแดง สำหรับเด็กเล็กอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่เปิดเผย? https://t.me/DrAtapolFC/289 https://atapol616246.substack.com/p/comirnaty ✍️Infection Fatality Rate อัตราเสียชีวิตในผู้ที่ติดเชื้อโควิด https://t.me/DrAtapolFC/295 https://atapol616246.substack.com/p/infection-fatality-rate มีต่อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความมีอยู่ว่า
    ...กว่าโจวเซิงเฉินจะกลับมาถึง สองผนังของหออักษรก็ถูกนางเขียนจนเต็ม... โจวเซิงเฉินเดินหาทั่วจวนหวาง จนกระทั่งเดินถึงชั้นบนของหออักษร จึงเห็นดรุณีที่ก่อนหน้านี้ยกน้ำชาอย่างเรียบร้อยเพื่อกราบตนเป็นอาจารย์ บัดนี้กลับเขียนบท “ซ่างหลินฟู่” ของซือหม่าเซียงหรูอยู่บนผนัง
    ชัดเจนต่อเนื่อง ไม่ตกหล่นแม้เพียงอักษรเดียว
    เพียงแต่ชะงักหยุดตรงวรรคที่เกี่ยวกับความรักหญิงชาย: คิ้วยาวเรียวงาม เบาบางดุจฝ้าย...
    ...เขายิ้มเอ่ย “วรรคต่อคือ: นัยน์ตาสื่อรัก ใจประสานใจ”...
    - จากเรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า
    (หมายเหตุ บทความ Storyฯ แปลเอง ยกเว้นวรรคสุดท้ายยกมาจากซับไทยในละครจ้า)

    เพื่อนเพจที่ได้ดูละคร/อ่านนิยาย <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> จะคุ้นตากับบทประพันธ์ชื่อว่า “ซ่างหลินฟู่” ที่ดูจะมีบทบาทช่วยเดินเรื่อง เคยมีคนเขียนเกี่ยวกับบทประพันธ์นี้ไปบ้างแล้ว แต่ Storyฯ ยังหวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้ได้ในอีกแง่มุม

    “ซ่างหลินฟู่” (上林赋) เป็นบทประพันธ์โดยซือหม่าเซียงหรู (779 – 117 ปีก่อนคริสตกาล) ศิลปินเอกในยุคสมัยองค์ฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่เรียกเขาว่า ‘ศิลปิน’ เพราะเชี่ยวชาญทั้งด้านอักษรและการดนตรี เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ยินชื่อของเขาจากเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพิณ “หงส์ตามหาคู่”

    “ซ่างหลินฟู่” เป็นหนึ่งในสองวรรณกรรมที่ถูกยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของซือหม่าเซียงหรูและเป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่มีคุณค่าทางการศึกษามาตลอดทุกยุคสมัย ตั้งแต่ฮั่น ผ่านถัง ซ่ง หมิง ฯลฯ จวบจนปัจจุบัน จัดเป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่อ่านยากที่สุดของจีน ยาวประมาณสี่พันอักษร (ภาพประกอบเป็นฉบับแปลเป็นภาษาปัจจุบันแล้ว)

    ทีแรก Storyฯ เข้าใจจากเนื้อเรื่องละครว่า “ซ่างหลินฟู่” คงเป็นกลอนรัก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ

    “ซ่างหลินฟู่” เป็นเรื่องราวประพาสล่าสัตว์ของฮ่องเต้และบรรยายถึงความอลังการของอุทยานซ่างหลิน (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของนครฉางอัน) เล่าผ่านเรื่องราวและตัวละครที่ไม่มีตัวตนจริงเช่น กษัตริย์แห่งแคว้นฉู่ เป็นบทความที่องค์ฮั่นอู่ตี้ทรงขอและซือหม่าเซียงหรูใช้เวลา 10 ปีกว่าจะนำบทประพันธ์นี้ถวาย

    เพราะอะไรจึงเป็นบทประพันธ์ที่มีคุณค่าทางการศึกษา? Storyฯ สรุปสั้นๆ ได้ดังนี้ค่ะ
    1. รูปแบบ - “ฟู่” เป็นวรรณกรรมซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนโคลงกลอน ลักษณะเหมือนการเขียนเรื่องสั้น หากแต่ภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆ ซ่างหลินฟู่เป็นต้นแบบของวรรณกรรมจีนโบราณที่โด่งดังอีกหลายบทในรูปแบบ “ฟู่” นี้
    2. ภาษา - ดีกรีความ ‘เข้มข้น’ สูงมาก ไพเราะสละสลวย วรรคสั้นแต่มีนัยแฝงลึกซึ้ง ใช้คำที่แปลก (คำหลายคำไม่มีในพจนานุกรมจีนปัจจุบันแล้ว) Storyฯ เห็นในเพจต่างๆ ต้องมีการตีความและอธิบายความหมายจากจีนเป็นจีนเกือบทุกวรรค (วรรคละ3-4 อักษร) เพื่อนๆ ลองนึกภาพเอาแล้วกันว่ายากแค่ไหน
    3. สาระ - สอดแทรกปรัชญาและคุณธรรมการปกครองบ้านเมืองผ่านบทสนทนาโต้ตอบกันของตัวละครในเรื่อง ชนรุ่นหลังถึงกับมีคนวิเคราะห์ว่าเป็นการเสียดสีการปกครองในเวลานั้นหรือไม่

    ประโยคที่กล่าวถึงความรักลึกซึ้งในข้อความที่ยกมาจากนิยายนั้น จริงๆ แล้วเป็นวรรคที่ยกมาจากตอนที่กล่าวเตือนใจให้ผู้ที่ปกครองบ้านเมืองอย่ามัวเมาในเรื่องของหญิงชายจนลืมกิจการบ้านเมือง (ขออภัยหากข้อมูลนี้ทำให้ลดทอนความโรแมนติคของละคร/นิยายเรื่องนี้ไป)

    ทำให้ Storyฯ อดรู้สึกไม่ได้ว่า ละครเรื่องนี้ไม่เพียงเล่าถึงความรักลึกซึ้งระหว่างพระนาง แต่ยังสอดแทรกความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อประเทศชาติที่สะท้อนผ่านปรัชญาชีวิตของตัวละครเอกโจวเซิงเฉิน เพื่อนเพจที่เคยดู/อ่านเรื่องนี้ คิดเหมือนกันบ้างไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.163.com/dy/article/GIB87TR80524M8IF.html
    https://m.cngwzj.com/gushitp/LiangHan/68357/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.jianshu.com/p/4437a2086012
    https://www.liuxue86.com/a/3552681.html
    https://www.kekeshici.com/shiciwenzhang/shicirumen/2093.html

    #ทุกชาติภพกระดูกงดงาม #สืออี๋ #โจวเซินเฉิน #กวีจีน #ซ่างหลินฟู่ #ซือหม่าเซียงหรู
    ความมีอยู่ว่า ...กว่าโจวเซิงเฉินจะกลับมาถึง สองผนังของหออักษรก็ถูกนางเขียนจนเต็ม... โจวเซิงเฉินเดินหาทั่วจวนหวาง จนกระทั่งเดินถึงชั้นบนของหออักษร จึงเห็นดรุณีที่ก่อนหน้านี้ยกน้ำชาอย่างเรียบร้อยเพื่อกราบตนเป็นอาจารย์ บัดนี้กลับเขียนบท “ซ่างหลินฟู่” ของซือหม่าเซียงหรูอยู่บนผนัง ชัดเจนต่อเนื่อง ไม่ตกหล่นแม้เพียงอักษรเดียว เพียงแต่ชะงักหยุดตรงวรรคที่เกี่ยวกับความรักหญิงชาย: คิ้วยาวเรียวงาม เบาบางดุจฝ้าย... ...เขายิ้มเอ่ย “วรรคต่อคือ: นัยน์ตาสื่อรัก ใจประสานใจ”... - จากเรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (หมายเหตุ บทความ Storyฯ แปลเอง ยกเว้นวรรคสุดท้ายยกมาจากซับไทยในละครจ้า) เพื่อนเพจที่ได้ดูละคร/อ่านนิยาย <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> จะคุ้นตากับบทประพันธ์ชื่อว่า “ซ่างหลินฟู่” ที่ดูจะมีบทบาทช่วยเดินเรื่อง เคยมีคนเขียนเกี่ยวกับบทประพันธ์นี้ไปบ้างแล้ว แต่ Storyฯ ยังหวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้ได้ในอีกแง่มุม “ซ่างหลินฟู่” (上林赋) เป็นบทประพันธ์โดยซือหม่าเซียงหรู (779 – 117 ปีก่อนคริสตกาล) ศิลปินเอกในยุคสมัยองค์ฮั่นอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ที่เรียกเขาว่า ‘ศิลปิน’ เพราะเชี่ยวชาญทั้งด้านอักษรและการดนตรี เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ยินชื่อของเขาจากเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพิณ “หงส์ตามหาคู่” “ซ่างหลินฟู่” เป็นหนึ่งในสองวรรณกรรมที่ถูกยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของซือหม่าเซียงหรูและเป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่มีคุณค่าทางการศึกษามาตลอดทุกยุคสมัย ตั้งแต่ฮั่น ผ่านถัง ซ่ง หมิง ฯลฯ จวบจนปัจจุบัน จัดเป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่อ่านยากที่สุดของจีน ยาวประมาณสี่พันอักษร (ภาพประกอบเป็นฉบับแปลเป็นภาษาปัจจุบันแล้ว) ทีแรก Storyฯ เข้าใจจากเนื้อเรื่องละครว่า “ซ่างหลินฟู่” คงเป็นกลอนรัก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ “ซ่างหลินฟู่” เป็นเรื่องราวประพาสล่าสัตว์ของฮ่องเต้และบรรยายถึงความอลังการของอุทยานซ่างหลิน (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของนครฉางอัน) เล่าผ่านเรื่องราวและตัวละครที่ไม่มีตัวตนจริงเช่น กษัตริย์แห่งแคว้นฉู่ เป็นบทความที่องค์ฮั่นอู่ตี้ทรงขอและซือหม่าเซียงหรูใช้เวลา 10 ปีกว่าจะนำบทประพันธ์นี้ถวาย เพราะอะไรจึงเป็นบทประพันธ์ที่มีคุณค่าทางการศึกษา? Storyฯ สรุปสั้นๆ ได้ดังนี้ค่ะ 1. รูปแบบ - “ฟู่” เป็นวรรณกรรมซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนโคลงกลอน ลักษณะเหมือนการเขียนเรื่องสั้น หากแต่ภาษาสวยงามผสมผสานคำคล้องจองลงไปเป็นช่วงๆ ซ่างหลินฟู่เป็นต้นแบบของวรรณกรรมจีนโบราณที่โด่งดังอีกหลายบทในรูปแบบ “ฟู่” นี้ 2. ภาษา - ดีกรีความ ‘เข้มข้น’ สูงมาก ไพเราะสละสลวย วรรคสั้นแต่มีนัยแฝงลึกซึ้ง ใช้คำที่แปลก (คำหลายคำไม่มีในพจนานุกรมจีนปัจจุบันแล้ว) Storyฯ เห็นในเพจต่างๆ ต้องมีการตีความและอธิบายความหมายจากจีนเป็นจีนเกือบทุกวรรค (วรรคละ3-4 อักษร) เพื่อนๆ ลองนึกภาพเอาแล้วกันว่ายากแค่ไหน 3. สาระ - สอดแทรกปรัชญาและคุณธรรมการปกครองบ้านเมืองผ่านบทสนทนาโต้ตอบกันของตัวละครในเรื่อง ชนรุ่นหลังถึงกับมีคนวิเคราะห์ว่าเป็นการเสียดสีการปกครองในเวลานั้นหรือไม่ ประโยคที่กล่าวถึงความรักลึกซึ้งในข้อความที่ยกมาจากนิยายนั้น จริงๆ แล้วเป็นวรรคที่ยกมาจากตอนที่กล่าวเตือนใจให้ผู้ที่ปกครองบ้านเมืองอย่ามัวเมาในเรื่องของหญิงชายจนลืมกิจการบ้านเมือง (ขออภัยหากข้อมูลนี้ทำให้ลดทอนความโรแมนติคของละคร/นิยายเรื่องนี้ไป) ทำให้ Storyฯ อดรู้สึกไม่ได้ว่า ละครเรื่องนี้ไม่เพียงเล่าถึงความรักลึกซึ้งระหว่างพระนาง แต่ยังสอดแทรกความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อประเทศชาติที่สะท้อนผ่านปรัชญาชีวิตของตัวละครเอกโจวเซิงเฉิน เพื่อนเพจที่เคยดู/อ่านเรื่องนี้ คิดเหมือนกันบ้างไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.163.com/dy/article/GIB87TR80524M8IF.html https://m.cngwzj.com/gushitp/LiangHan/68357/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.jianshu.com/p/4437a2086012 https://www.liuxue86.com/a/3552681.html https://www.kekeshici.com/shiciwenzhang/shicirumen/2093.html #ทุกชาติภพกระดูกงดงาม #สืออี๋ #โจวเซินเฉิน #กวีจีน #ซ่างหลินฟู่ #ซือหม่าเซียงหรู
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP.2 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร

    ประวัติศาสตร์ในสถานศึกษาจะสอนเราว่าไทยเสียดินแดน 14 ครั้ง ทำไมแอดถึงบอกว่าเราเสียดินแดนถึง 16 ครั้ง

    เสียดินแดน 1 - 14 ทุกคนคงหาได้ในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว แอดจะไม่กล่าวถึง

    แต่ครั้งที่ 15 คือวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร นั่นหมายถึง ตัวปราสาทพระวิหาร และดินแดนที่อยู่ใต้ตัวปราสาท

    ในวันที่ “เขาพระวิหาร” ตกเป็นของเขมร ทหารไทยเชิญ “เสาธงชาติไทย” จากเขาพระวิหาร โดย “ไม่มีการลดธง” แม้แต่นิดเดียว ]
    .
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (องค์ต้นราชสกุล “ชุมพล”) ทรงค้นพบปราสาทแห่งนี้เมื่อปี ๒๔๔๒ แล้วทรงจารึกพระนาม และปีที่ค้นพบไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า “๑๑๘ สรรพสิทธิ” และ “ปราสาทพระวิหาร” เป็นปราสาทที่ได้ชื่อประทานจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว พระองค์มีรับสั่งว่าปราสาทองค์นี้เหมือนปราสาทที่เทพสร้าง จึงเรียกว่า “ปราสาทเทพพระวิหาร” ซึ่งต่อมาเรียกกันทั่วไปว่า “ปราสาทพระวิหาร” คนกัมพูชาออกเสียงเป็น “เปรี๊ยะวิเฮียร์” เรียกตามคนไทยมาตลอด
    .
    เนื่องจากปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ตรงรอยต่อของไทยกับกัมพูชา ซึ่งผลัดกันยึดครองดินแดนแถบนี้จนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไทยได้ส่งทหารเข้ายึดครองพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร กษัตริย์สีหนุ จึงยื่นฟ้องต่อศาลโลกเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๐๒
    .
    การไต่สวนพิจารณาคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง ๓ ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด ๗๓ ครั้ง จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน ๙ ต่อ ๓ เสียง ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง ๒ ข้อของกัมพูชา นับเป็นการเสียดินแดนครั้งล่าสุดของประเทศไทยในยุครัตนโกสินทร์ เสียพื้นที่ไปทั้งหมดประมาณ ๑๕๐ ไร่
    .
    ค่ำคืนวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๕ หลังศาลโลกตัดสินให้ ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ ๒๐ วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร
    .
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ พลโทประภาส จารุเสถียร (ยศในขณะนั้น) บอกว่า “...ถ้าเราไปชักธงชาติลง และพับธงเดินกลับมา จะเป็นการเสียเกียรติยศประเทศไทยซึ่งเคยปกครองเขาพระวิหารมาเป็นเวลานาน...”
    .
    จึงได้ให้ทหารและตำรวจตระเวนชายแดน เชิญเสาธงชาติไทยจากเขาพระวิหาร บนยอดผาเป้ยตาดี ยกเสาธงทั้งต้นลงมา โดยไม่มีการลดธงแม้แต่นิดเดียว ซึ่งทำให้กัมพูชาไม่พอใจอย่างมาก เหมือนกับว่าไทยประชดคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งทางเราก็ตอบโต้ว่า “...เป็นสิทธิของเรา...”

    ครั้งที่ 16 คือ 11 พ.ย. 2556 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ได้พิพากษาให้กัมพูชาเป็นผู้มีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่รอบๆ ตัวปราสาทพระวิหาร อันตั้งอยู่ตรงชายแดนติดต่อกับประเทศไทย ในคำตัดสินครั้งสำคัญซึ่งมุ่งหมายยุติข้อพิพาทอันยืดเยื้อหลายสิบปี ทั้งนี้ ศาลสูงสุดของสหประชาชาติแห่งนี้ ยังได้สั่งให้รัฐบาลไทยถอนกำลังรักษาความมั่นคงของตนออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

    คำตัดสินคราวนี้ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเส้นพรมแดนของทั้งสองประเทศในบริเวณรอบๆ ปราสาทพระวิหารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วแห่งนี้ จึงเป็นการปฏิเสธข้ออ้างของฝ่ายกัมพูชาที่ว่า ตนเองเป็นมีอำนาจอธิปไตยเหนือภูเขาพนมตรวบ หรือภูมะเขือที่อยู่ใกล้ๆ กับปราสาท

    แต่เพราะ นายนพดล ปัทมะ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เคยลงนามคำแถลงการณ์ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีนายสมัคร ยินยอมให้เขมรนำปราสาทพระวิหารขึ้นเป็นมรดกพร้อมแนบแผนที่บริเวรบริหารจัดการให้เขมรไปด้วยเกือบพันไร่ นั่นคือที่เราสูญเสียในครั้งที่ 16

    บทความบางตอนจากเพจโบราณนานมา และ มเหนทรบรรพต
    EP.2 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร ประวัติศาสตร์ในสถานศึกษาจะสอนเราว่าไทยเสียดินแดน 14 ครั้ง ทำไมแอดถึงบอกว่าเราเสียดินแดนถึง 16 ครั้ง เสียดินแดน 1 - 14 ทุกคนคงหาได้ในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว แอดจะไม่กล่าวถึง แต่ครั้งที่ 15 คือวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร นั่นหมายถึง ตัวปราสาทพระวิหาร และดินแดนที่อยู่ใต้ตัวปราสาท ในวันที่ “เขาพระวิหาร” ตกเป็นของเขมร ทหารไทยเชิญ “เสาธงชาติไทย” จากเขาพระวิหาร โดย “ไม่มีการลดธง” แม้แต่นิดเดียว ] . พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (องค์ต้นราชสกุล “ชุมพล”) ทรงค้นพบปราสาทแห่งนี้เมื่อปี ๒๔๔๒ แล้วทรงจารึกพระนาม และปีที่ค้นพบไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า “๑๑๘ สรรพสิทธิ” และ “ปราสาทพระวิหาร” เป็นปราสาทที่ได้ชื่อประทานจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว พระองค์มีรับสั่งว่าปราสาทองค์นี้เหมือนปราสาทที่เทพสร้าง จึงเรียกว่า “ปราสาทเทพพระวิหาร” ซึ่งต่อมาเรียกกันทั่วไปว่า “ปราสาทพระวิหาร” คนกัมพูชาออกเสียงเป็น “เปรี๊ยะวิเฮียร์” เรียกตามคนไทยมาตลอด . เนื่องจากปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ตรงรอยต่อของไทยกับกัมพูชา ซึ่งผลัดกันยึดครองดินแดนแถบนี้จนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไทยได้ส่งทหารเข้ายึดครองพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร กษัตริย์สีหนุ จึงยื่นฟ้องต่อศาลโลกเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๐๒ . การไต่สวนพิจารณาคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง ๓ ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด ๗๓ ครั้ง จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน ๙ ต่อ ๓ เสียง ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง ๒ ข้อของกัมพูชา นับเป็นการเสียดินแดนครั้งล่าสุดของประเทศไทยในยุครัตนโกสินทร์ เสียพื้นที่ไปทั้งหมดประมาณ ๑๕๐ ไร่ . ค่ำคืนวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๕ หลังศาลโลกตัดสินให้ ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ ๒๐ วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ พลโทประภาส จารุเสถียร (ยศในขณะนั้น) บอกว่า “...ถ้าเราไปชักธงชาติลง และพับธงเดินกลับมา จะเป็นการเสียเกียรติยศประเทศไทยซึ่งเคยปกครองเขาพระวิหารมาเป็นเวลานาน...” . จึงได้ให้ทหารและตำรวจตระเวนชายแดน เชิญเสาธงชาติไทยจากเขาพระวิหาร บนยอดผาเป้ยตาดี ยกเสาธงทั้งต้นลงมา โดยไม่มีการลดธงแม้แต่นิดเดียว ซึ่งทำให้กัมพูชาไม่พอใจอย่างมาก เหมือนกับว่าไทยประชดคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งทางเราก็ตอบโต้ว่า “...เป็นสิทธิของเรา...” ครั้งที่ 16 คือ 11 พ.ย. 2556 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ได้พิพากษาให้กัมพูชาเป็นผู้มีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่รอบๆ ตัวปราสาทพระวิหาร อันตั้งอยู่ตรงชายแดนติดต่อกับประเทศไทย ในคำตัดสินครั้งสำคัญซึ่งมุ่งหมายยุติข้อพิพาทอันยืดเยื้อหลายสิบปี ทั้งนี้ ศาลสูงสุดของสหประชาชาติแห่งนี้ ยังได้สั่งให้รัฐบาลไทยถอนกำลังรักษาความมั่นคงของตนออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย คำตัดสินคราวนี้ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเส้นพรมแดนของทั้งสองประเทศในบริเวณรอบๆ ปราสาทพระวิหารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วแห่งนี้ จึงเป็นการปฏิเสธข้ออ้างของฝ่ายกัมพูชาที่ว่า ตนเองเป็นมีอำนาจอธิปไตยเหนือภูเขาพนมตรวบ หรือภูมะเขือที่อยู่ใกล้ๆ กับปราสาท แต่เพราะ นายนพดล ปัทมะ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เคยลงนามคำแถลงการณ์ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีนายสมัคร ยินยอมให้เขมรนำปราสาทพระวิหารขึ้นเป็นมรดกพร้อมแนบแผนที่บริเวรบริหารจัดการให้เขมรไปด้วยเกือบพันไร่ นั่นคือที่เราสูญเสียในครั้งที่ 16 บทความบางตอนจากเพจโบราณนานมา และ มเหนทรบรรพต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • วันนี้คุยต่อเรื่องเกี่ยวกับองครักษ์เสื้อแพรตามคำขอจากเพื่อนเพจ
    ความมีอยู่ว่า
    ...แขนของถงอวี่ถูกจินเซี่ยขวางไว้ สีหน้าจึงเครียดขึ้น “ข้าบอกกล่าวต่อเจ้า มันผู้นี้เป็นคนที่องครักษ์เสื้อแพรต้องการ ผู้ใดตั้งใจขัดขวางเหนี่ยวรั้ง นับเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เจ้ามีอำนาจขัดขวาง?”...
    - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ
    (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เวลาดูละครเรามักจะเห็นภาพขององครักษ์เสื้อแพรที่มีอำนาจสูง อยากทำอะไรก็ได้ เป็นอย่างนั้นจริงหรือ? วันนี้เราคุยเรื่องหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพร

    ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักองค์รักษ์เสื้อแพรโดยคร่าว มันเป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นโดยปฐมกษัตริย์จูหยวนจางแห่งราชวงศ์หมิงเมื่อประมาณปีค.ศ. 1368 เป็นการรวมสองหน่วยงานเข้าด้วยกันคือ ‘ชิงจวินตูเว่ยฝู่’ (亲军都尉府) คือหน่วยราชองครักษ์และ ‘อี๋หลวนซือ’ (仪鸾司) ที่รับผิดชอบงานขบวนราชพิธี ก่อนที่จะมาเป็นที่รู้จักในนาม ‘จิ่นอีเว่ย’ หรือองครักษ์เสื้อแพรที่เรารู้จักกันดี

    สองชื่อนี้บ่งบอกถึงสองหน้าที่หลักเมื่อตอนก่อตั้งหน่วยงาน ซึ่งก็คือเป็นราชองรักษ์ และยามที่ฮ่องเต้เสด็จไปยังที่ต่างๆ (ดูจากรูป ในชุดมัจฉาบินสีแดง) พวกเขาเป็นทั้งผู้ดูแลพิธีการและความถูกต้องของขบวนเสด็จและเป็นผู้ตามเสด็จ

    เพราะได้รับความไว้วางพระทัยและเพราะฮ่องเต้ในเกือบทุกรัชสมัยมีความระแวงสูง ต่อมาจึงมีการขยายขอบเขตหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพรให้รวมถึงสอดแนมและสืบสวนขุนนาง ขึ้นตรงต่อองค์ฮ่องเต้ไม่ผ่านกรมกระทรวงใด มีคุกหลวงใต้อาณัติ จึงเป็นที่มาของหน้าที่สืบสวนสอบสวนที่เราเห็นในนิยายหลายเรื่อง

    แต่จริงๆ แล้วองครักษ์เสื้อแพรไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างที่เห็นจากภาพลักษณ์ในละคร

    จากข้อมูลในบันทึกเกร็ดประวัติศาสตร์รัชสมัยองค์ว่านลี่ (万历野获编) การจับกุมคนต้องมีหมายจับที่ออกตามพระราชโองการของฮ่องเต้เท่านั้น การเสนอให้ออกหมายจับต้องผ่านการลงนามเห็นชอบโดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองสืบสวนสอบสวนซึ่งเป็นอีกหน่วยงานหนึ่ง และหมายจับต้องระบุชื่อคนที่จะจับอย่างชัดเจน หนึ่งหมายจับต่อหนึ่งคน และหากต้องนำจับนอกพื้นที่ยังต้องมีการประทับตราจากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเช่นกันเพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร นอกจากนี้การลงทัณฑ์นักโทษก็ต้องได้รับพระบรมราชานุญาตก่อน เพียงแต่มีอิสระในวิธีและรูปแบบการสอบสวน (เป็นที่ล่ำลือว่าคุกหลวงในอาณัติขององครักษ์เสื้อแพรมีวิธีการที่โหดร้ายที่สุด)

    หน่วยงานนี้มีฐานประจำการอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น หากมีคดีที่ต้องติดตามนอกเมืองหลวงต้องมีคำสั่งปฏิบัติงานนอกพื้นที่ มีการขออนุมัติและเบิกค่าใช้จ่ายล่วงหน้าชัดเจน แต่โดยปกติจะว่าจ้างคนหาข่าวในพื้นที่ต่างๆ ไม่ต้องทำเองทั้งหมด

    ดังนั้น สำหรับหน่วยงานที่มีคนหลายหมื่น (ในบางยุคสมัยมีเจ้าหน้าที่รวมเกือบหกหมื่นคน) โดยปกติจึงมีคนมากกว่างานหลักที่กล่าวมาข้างต้น เลยต้องมีงานอย่างอื่นทำนอกเหนือจากสามหน้าที่หลักที่กล่าวมาแล้ว ทั้งหน้าที่ประจำและงานสัพเพเหระตามแต่ฮ่องเต้จะมีพระบัญชา เท่าที่อ่านเจอมีดังนี้
     หาข่าวสารในช่วงสงคราม: อันนี้เป็นการเฉพาะกิจ เคยถูกใช้เป็นหน่วยสอดแนมให้กองทัพ
     เฝ้าประตูวัง: รับผิดชอบดูแลเฉพาะประตูหลักของวังหลวงหรือที่เรียกว่า ‘อู่เหมิน’ (คือประตูที่ใช้โดยฮ่องเต้เท่านั้น หรือเฉพาะคนที่ได้รับพระบรมราชานุญาตในโอกาสพิเศษ) ถือว่าเป็นหน่วยราชองครักษ์ที่มี ‘หน้าตา’ กว่าราชองครักษ์กองอื่น
     ดูแลความสะอาด: อันนี้แปลก แต่เนื่องจากมีระดับชั้นผู้น้อยที่ไม่ได้เป็นขุนนางติดยศเป็นจำนวนมากและไม่มีหน้าที่ลาดตระเวน จึงถูกใช้ดูแลความสะอาดของเมืองหลวง เช่นกวาดถนนและคูน้ำต่างๆ ฯลฯ
     เลี้ยงช้าง: อันนี้ยิ่งแปลก แต่ในสมัยโบราณมีการใช้ช้างในขบวนราชพิธี ตัวอย่างจาก “หมิงสื่อ /明史” หรือบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง มีพูดถึงขบวนเสด็จราชพิธีบวงสรวงว่าที่มีเสือและช้างเดินนำ การดูแลทำความสะอาดและเลี้ยงช้างเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพร

    ขออภัยหากข้อมูลข้างต้นลดทอนภาพลักษณ์อันหน้าเกรงขามของเหล่าองครักษ์เสื้อแพร

    และด้วยหน้าที่ที่หลากหลายขององครักษ์เสื้อแพร Storyฯ เลยอยากจะเตือนความทรงจำของเพื่อนเพจถึงบทความที่ Storyฯ เคยเขียนไปก่อนหน้านี้ว่า ไม่ใช่องครักษ์เสื้อแพรทุกคนที่ใส่ชุดมัจฉาบินและติดดาบซิ่วชุนได้ เนื่องจากทั้งสองสิ่งเป็นของพระราชทานสำหรับขุนนางติดยศเท่านั้น

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://k.sina.cn/article_1229799315_494d3f9300100l3br.html

    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.52shijing.com/zgls/123948.html
    http://www.360doc.com/content/17/1108/21/18848094_702172237.shtml
    https://ppfocus.com/sg/0/hi2ce1da4.html
    http://www.manyanu.com/new/c67503edffe34e4eb5fa46ac96bc834e

    #ใต้เท้าลู่ #องครักษ์เสื้อแพร #จิ่นอีเว่ย #ราชวงศ์หมิง #ประวัติศาสตร์จีน
    วันนี้คุยต่อเรื่องเกี่ยวกับองครักษ์เสื้อแพรตามคำขอจากเพื่อนเพจ ความมีอยู่ว่า ...แขนของถงอวี่ถูกจินเซี่ยขวางไว้ สีหน้าจึงเครียดขึ้น “ข้าบอกกล่าวต่อเจ้า มันผู้นี้เป็นคนที่องครักษ์เสื้อแพรต้องการ ผู้ใดตั้งใจขัดขวางเหนี่ยวรั้ง นับเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เจ้ามีอำนาจขัดขวาง?”... - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เวลาดูละครเรามักจะเห็นภาพขององครักษ์เสื้อแพรที่มีอำนาจสูง อยากทำอะไรก็ได้ เป็นอย่างนั้นจริงหรือ? วันนี้เราคุยเรื่องหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพร ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักองค์รักษ์เสื้อแพรโดยคร่าว มันเป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นโดยปฐมกษัตริย์จูหยวนจางแห่งราชวงศ์หมิงเมื่อประมาณปีค.ศ. 1368 เป็นการรวมสองหน่วยงานเข้าด้วยกันคือ ‘ชิงจวินตูเว่ยฝู่’ (亲军都尉府) คือหน่วยราชองครักษ์และ ‘อี๋หลวนซือ’ (仪鸾司) ที่รับผิดชอบงานขบวนราชพิธี ก่อนที่จะมาเป็นที่รู้จักในนาม ‘จิ่นอีเว่ย’ หรือองครักษ์เสื้อแพรที่เรารู้จักกันดี สองชื่อนี้บ่งบอกถึงสองหน้าที่หลักเมื่อตอนก่อตั้งหน่วยงาน ซึ่งก็คือเป็นราชองรักษ์ และยามที่ฮ่องเต้เสด็จไปยังที่ต่างๆ (ดูจากรูป ในชุดมัจฉาบินสีแดง) พวกเขาเป็นทั้งผู้ดูแลพิธีการและความถูกต้องของขบวนเสด็จและเป็นผู้ตามเสด็จ เพราะได้รับความไว้วางพระทัยและเพราะฮ่องเต้ในเกือบทุกรัชสมัยมีความระแวงสูง ต่อมาจึงมีการขยายขอบเขตหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพรให้รวมถึงสอดแนมและสืบสวนขุนนาง ขึ้นตรงต่อองค์ฮ่องเต้ไม่ผ่านกรมกระทรวงใด มีคุกหลวงใต้อาณัติ จึงเป็นที่มาของหน้าที่สืบสวนสอบสวนที่เราเห็นในนิยายหลายเรื่อง แต่จริงๆ แล้วองครักษ์เสื้อแพรไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างที่เห็นจากภาพลักษณ์ในละคร จากข้อมูลในบันทึกเกร็ดประวัติศาสตร์รัชสมัยองค์ว่านลี่ (万历野获编) การจับกุมคนต้องมีหมายจับที่ออกตามพระราชโองการของฮ่องเต้เท่านั้น การเสนอให้ออกหมายจับต้องผ่านการลงนามเห็นชอบโดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองสืบสวนสอบสวนซึ่งเป็นอีกหน่วยงานหนึ่ง และหมายจับต้องระบุชื่อคนที่จะจับอย่างชัดเจน หนึ่งหมายจับต่อหนึ่งคน และหากต้องนำจับนอกพื้นที่ยังต้องมีการประทับตราจากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเช่นกันเพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร นอกจากนี้การลงทัณฑ์นักโทษก็ต้องได้รับพระบรมราชานุญาตก่อน เพียงแต่มีอิสระในวิธีและรูปแบบการสอบสวน (เป็นที่ล่ำลือว่าคุกหลวงในอาณัติขององครักษ์เสื้อแพรมีวิธีการที่โหดร้ายที่สุด) หน่วยงานนี้มีฐานประจำการอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น หากมีคดีที่ต้องติดตามนอกเมืองหลวงต้องมีคำสั่งปฏิบัติงานนอกพื้นที่ มีการขออนุมัติและเบิกค่าใช้จ่ายล่วงหน้าชัดเจน แต่โดยปกติจะว่าจ้างคนหาข่าวในพื้นที่ต่างๆ ไม่ต้องทำเองทั้งหมด ดังนั้น สำหรับหน่วยงานที่มีคนหลายหมื่น (ในบางยุคสมัยมีเจ้าหน้าที่รวมเกือบหกหมื่นคน) โดยปกติจึงมีคนมากกว่างานหลักที่กล่าวมาข้างต้น เลยต้องมีงานอย่างอื่นทำนอกเหนือจากสามหน้าที่หลักที่กล่าวมาแล้ว ทั้งหน้าที่ประจำและงานสัพเพเหระตามแต่ฮ่องเต้จะมีพระบัญชา เท่าที่อ่านเจอมีดังนี้  หาข่าวสารในช่วงสงคราม: อันนี้เป็นการเฉพาะกิจ เคยถูกใช้เป็นหน่วยสอดแนมให้กองทัพ  เฝ้าประตูวัง: รับผิดชอบดูแลเฉพาะประตูหลักของวังหลวงหรือที่เรียกว่า ‘อู่เหมิน’ (คือประตูที่ใช้โดยฮ่องเต้เท่านั้น หรือเฉพาะคนที่ได้รับพระบรมราชานุญาตในโอกาสพิเศษ) ถือว่าเป็นหน่วยราชองครักษ์ที่มี ‘หน้าตา’ กว่าราชองครักษ์กองอื่น  ดูแลความสะอาด: อันนี้แปลก แต่เนื่องจากมีระดับชั้นผู้น้อยที่ไม่ได้เป็นขุนนางติดยศเป็นจำนวนมากและไม่มีหน้าที่ลาดตระเวน จึงถูกใช้ดูแลความสะอาดของเมืองหลวง เช่นกวาดถนนและคูน้ำต่างๆ ฯลฯ  เลี้ยงช้าง: อันนี้ยิ่งแปลก แต่ในสมัยโบราณมีการใช้ช้างในขบวนราชพิธี ตัวอย่างจาก “หมิงสื่อ /明史” หรือบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง มีพูดถึงขบวนเสด็จราชพิธีบวงสรวงว่าที่มีเสือและช้างเดินนำ การดูแลทำความสะอาดและเลี้ยงช้างเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพร ขออภัยหากข้อมูลข้างต้นลดทอนภาพลักษณ์อันหน้าเกรงขามของเหล่าองครักษ์เสื้อแพร และด้วยหน้าที่ที่หลากหลายขององครักษ์เสื้อแพร Storyฯ เลยอยากจะเตือนความทรงจำของเพื่อนเพจถึงบทความที่ Storyฯ เคยเขียนไปก่อนหน้านี้ว่า ไม่ใช่องครักษ์เสื้อแพรทุกคนที่ใส่ชุดมัจฉาบินและติดดาบซิ่วชุนได้ เนื่องจากทั้งสองสิ่งเป็นของพระราชทานสำหรับขุนนางติดยศเท่านั้น (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://k.sina.cn/article_1229799315_494d3f9300100l3br.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.52shijing.com/zgls/123948.html http://www.360doc.com/content/17/1108/21/18848094_702172237.shtml https://ppfocus.com/sg/0/hi2ce1da4.html http://www.manyanu.com/new/c67503edffe34e4eb5fa46ac96bc834e #ใต้เท้าลู่ #องครักษ์เสื้อแพร #จิ่นอีเว่ย #ราชวงศ์หมิง #ประวัติศาสตร์จีน
    同样是锦衣卫造型,朱亚文“厂里厂气”,任嘉伦却赞苏断腿
    近期的古装剧一部接着一部,不知大家注意了没有,有两部戏都是以明朝为背景的。这两部戏就是汤唯、朱亚文主演的《大明风华》以及谭松韵、任嘉伦主演的《锦衣之下》。而且剧
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🕹️ การเสื่อมถอยของเกมแนววางแผน (Strategy): สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมและพฤติกรรมผู้เล่น

    เกมประเภทวางแผนหรือ Strategy เคยยืนอยู่แถวหน้าในโลกของวิดีโอเกม โดยเฉพาะในช่วงยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 ซึ่งเต็มไปด้วยเกมระดับตำนานอย่าง Age of Empires, StarCraft, Command & Conquer, และ Civilization ที่ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ความสนุกเร้าใจ แต่ยังฝึกฝนทักษะสำคัญ เช่น การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการบริหารจัดการทรัพยากร

    อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้เล่นในยุคดิจิทัล ความนิยมของเกมแนว Strategy กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คำถามเกิดขึ้นว่า "เหตุใดเกมแนวที่เคยรุ่งโรจน์จึงเริ่มถูกลืม?" บทความนี้จะพาไปสำรวจต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทักษะของผู้เล่น และแนวทางในการฟื้นฟูเกมแนว Strategy ให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง

    🌚 สาเหตุหลักที่ทำให้เกมแนว Strategy เสื่อมความนิยม
    1️⃣ การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเล่น
    การเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟนและเกมบนแพลตฟอร์มมือถือได้เปลี่ยนรูปแบบการบริโภคความบันเทิงของผู้เล่นอย่างสิ้นเชิง เกมแนว Action, MOBA, Battle Royale และเกมกดเล่นเร็ว (Casual Games) กลายเป็นกระแสหลัก เนื่องจากสามารถเข้าถึงง่าย เล่นจบไว และให้ความรู้สึกตื่นเต้นทันใจ

    ในทางกลับกัน เกมแนว Strategy มักต้องอาศัยอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง, หน้าจอขนาดใหญ่, และเวลาเล่นยาวนาน ซึ่งขัดกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็วและสะดวกสบาย ส่งผลให้เกมแนวนี้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดมือถือที่โตอย่างรวดเร็วได้

    2️⃣ ความซับซ้อนและข้อจำกัดด้านเวลา
    เกมแนว Strategy โดยธรรมชาติแล้วต้องการเวลาในการเรียนรู้ระบบเกม รวมถึงใช้สมาธิในการวางแผน คาดการณ์ และบริหารจัดการ ซึ่งต่างจากเกมแนวอื่นที่สามารถเข้าใจและสนุกได้ทันทีหลังเริ่มเล่น

    สำหรับผู้เล่นยุคใหม่ที่มีเวลาว่างจำกัดและต้องการความบันเทิงแบบ "เข้าใจง่าย-จบเร็ว" เกมแนว Strategy จึงมักถูกมองว่าเข้าถึงยากและไม่คุ้มค่าเวลา

    3️⃣ ทิศทางการตลาดที่เปลี่ยนไป
    อุตสาหกรรมเกมในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยโมเดลการทำกำไรระยะสั้น เช่น ระบบ microtransactions, loot boxes, และ battle passes ซึ่งเน้นการดึงดูดผู้เล่นให้ใช้จ่ายภายในเกมอย่างต่อเนื่อง

    ในขณะที่เกมแนว Strategy มักไม่มีระบบเหล่านี้ หรือมีในลักษณะที่จำกัด ทำให้ผู้พัฒนาหลายรายเลือกไม่ลงทุนสร้างเกมประเภทนี้ และหันไปพัฒนาเกมที่ "ขายได้ง่าย" แทน ส่งผลให้เกม Strategy ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพลดน้อยลง และฐานผู้เล่นใหม่ก็หายไปพร้อมกัน

    🌏 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลดลงของเกมแนว Strategy
    1️⃣ การถดถอยของทักษะการคิดวิเคราะห์และการวางแผนระยะยาว
    เกมแนว Strategy มีจุดเด่นในการส่งเสริมทักษะด้านตรรกะ การวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจท่ามกลางความไม่แน่นอน และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นทักษะที่มีคุณค่ามหาศาลทั้งในชีวิตจริงและโลกการทำงาน

    การที่เกมแนวนี้ลดบทบาทลง อาจหมายถึงช่องทางการฝึกฝนทักษะเหล่านี้ผ่านเกมลดน้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เติบโตมากับเกมแนวสั้น ๆ เร้าใจแต่ขาดการกระตุ้นเชิงปัญญา

    2️⃣ การขาดโอกาสในการฝึกฝนการจัดการทรัพยากร
    หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเกม Strategy คือการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดสรรเงิน, วัตถุดิบ, กำลังพล และเวลาให้เหมาะสมตามสถานการณ์ในเกม ซึ่งสะท้อนถึงทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการวางแผนชีวิต การเงิน และการบริหารองค์กร

    การขาดเกมที่ส่งเสริมแนวคิดนี้เท่ากับการขาดสภาพแวดล้อมจำลองที่ให้ผู้เล่นได้ฝึกทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงในชีวิตจริง

    3️⃣ การลดลงของความอดทนและทักษะการทำงานร่วมกัน
    เกม Strategy หลายเกมโดยเฉพาะแบบ multiplayer ต้องอาศัยการวางแผนร่วมกัน การประสานงานระหว่างสมาชิกในทีม และความอดทนรอจังหวะที่เหมาะสมในการลงมือ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคมจริง

    ในขณะที่เกมแนวใหม่มักส่งเสริมการแข่งขันแบบทันทีทันใด และเน้นผลลัพธ์ระยะสั้น การสูญเสียเกมที่ฝึกความอดทนและความร่วมมืออาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้เล่นในระยะยาว

    ✅ แนวทางการฟื้นฟูเกม Strategy ให้กลับมามีบทบาท
    - การพัฒนาเกมให้เหมาะกับแพลตฟอร์มใหม่: นักพัฒนาอาจต้องปรับปรุงเกม Strategy ให้เข้ากับมือถือและแท็บเล็ต โดยเน้น UI ที่เข้าใจง่าย ระบบเล่นสั้นได้แต่มีความลึกในระยะยาว หรือใช้ระบบ cloud gaming เพื่อรองรับการประมวลผล

    - สร้างการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน: การรีแบรนด์เกม Strategy ให้ดูทันสมัย และชูจุดเด่นด้านการพัฒนาทักษะชีวิต อาจช่วยดึงดูดผู้เล่นรุ่นใหม่ให้หันกลับมาสนใจ

    - รวมฟีเจอร์ social และระบบ co-op: การผสมผสานเกม Strategy เข้ากับระบบการเล่นแบบร่วมมือหรือแข่งขันเชิงกลยุทธ์ อาจช่วยเพิ่มความสนุก และขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ผู้เล่นที่ชื่นชอบการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม

    ℹ️ℹ️ สรุป ℹ️ℹ️
    ความเสื่อมความนิยมของเกมแนว Strategy ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนรสนิยมของตลาด แต่ยังสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้เล่นและโครงสร้างอุตสาหกรรมเกมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของเกมประเภทนี้ในฐานะเครื่องมือฝึกทักษะเชิงปัญญาและการบริหารจัดการยังไม่เสื่อมคลาย

    หากผู้พัฒนาเกมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถปรับตัวและออกแบบประสบการณ์เกมที่เหมาะสมกับยุคสมัยได้ เกมแนว Strategy ก็ยังมีโอกาสกลับมายืนในแถวหน้าอีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างสรรค์สังคมของผู้เล่นที่เก่งคิด เก่งวางแผน และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกจริงได้อย่างมั่นใจ
    🕹️ การเสื่อมถอยของเกมแนววางแผน (Strategy): สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเกมและพฤติกรรมผู้เล่น เกมประเภทวางแผนหรือ Strategy เคยยืนอยู่แถวหน้าในโลกของวิดีโอเกม โดยเฉพาะในช่วงยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 ซึ่งเต็มไปด้วยเกมระดับตำนานอย่าง Age of Empires, StarCraft, Command & Conquer, และ Civilization ที่ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ความสนุกเร้าใจ แต่ยังฝึกฝนทักษะสำคัญ เช่น การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และการบริหารจัดการทรัพยากร อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้เล่นในยุคดิจิทัล ความนิยมของเกมแนว Strategy กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คำถามเกิดขึ้นว่า "เหตุใดเกมแนวที่เคยรุ่งโรจน์จึงเริ่มถูกลืม?" บทความนี้จะพาไปสำรวจต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้ พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทักษะของผู้เล่น และแนวทางในการฟื้นฟูเกมแนว Strategy ให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง 🌚 สาเหตุหลักที่ทำให้เกมแนว Strategy เสื่อมความนิยม 1️⃣ การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเล่น การเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟนและเกมบนแพลตฟอร์มมือถือได้เปลี่ยนรูปแบบการบริโภคความบันเทิงของผู้เล่นอย่างสิ้นเชิง เกมแนว Action, MOBA, Battle Royale และเกมกดเล่นเร็ว (Casual Games) กลายเป็นกระแสหลัก เนื่องจากสามารถเข้าถึงง่าย เล่นจบไว และให้ความรู้สึกตื่นเต้นทันใจ ในทางกลับกัน เกมแนว Strategy มักต้องอาศัยอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง, หน้าจอขนาดใหญ่, และเวลาเล่นยาวนาน ซึ่งขัดกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็วและสะดวกสบาย ส่งผลให้เกมแนวนี้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดมือถือที่โตอย่างรวดเร็วได้ 2️⃣ ความซับซ้อนและข้อจำกัดด้านเวลา เกมแนว Strategy โดยธรรมชาติแล้วต้องการเวลาในการเรียนรู้ระบบเกม รวมถึงใช้สมาธิในการวางแผน คาดการณ์ และบริหารจัดการ ซึ่งต่างจากเกมแนวอื่นที่สามารถเข้าใจและสนุกได้ทันทีหลังเริ่มเล่น สำหรับผู้เล่นยุคใหม่ที่มีเวลาว่างจำกัดและต้องการความบันเทิงแบบ "เข้าใจง่าย-จบเร็ว" เกมแนว Strategy จึงมักถูกมองว่าเข้าถึงยากและไม่คุ้มค่าเวลา 3️⃣ ทิศทางการตลาดที่เปลี่ยนไป อุตสาหกรรมเกมในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยโมเดลการทำกำไรระยะสั้น เช่น ระบบ microtransactions, loot boxes, และ battle passes ซึ่งเน้นการดึงดูดผู้เล่นให้ใช้จ่ายภายในเกมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เกมแนว Strategy มักไม่มีระบบเหล่านี้ หรือมีในลักษณะที่จำกัด ทำให้ผู้พัฒนาหลายรายเลือกไม่ลงทุนสร้างเกมประเภทนี้ และหันไปพัฒนาเกมที่ "ขายได้ง่าย" แทน ส่งผลให้เกม Strategy ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพลดน้อยลง และฐานผู้เล่นใหม่ก็หายไปพร้อมกัน 🌏 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลดลงของเกมแนว Strategy 1️⃣ การถดถอยของทักษะการคิดวิเคราะห์และการวางแผนระยะยาว เกมแนว Strategy มีจุดเด่นในการส่งเสริมทักษะด้านตรรกะ การวิเคราะห์ข้อมูล การตัดสินใจท่ามกลางความไม่แน่นอน และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นทักษะที่มีคุณค่ามหาศาลทั้งในชีวิตจริงและโลกการทำงาน การที่เกมแนวนี้ลดบทบาทลง อาจหมายถึงช่องทางการฝึกฝนทักษะเหล่านี้ผ่านเกมลดน้อยลงตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่เติบโตมากับเกมแนวสั้น ๆ เร้าใจแต่ขาดการกระตุ้นเชิงปัญญา 2️⃣ การขาดโอกาสในการฝึกฝนการจัดการทรัพยากร หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเกม Strategy คือการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดสรรเงิน, วัตถุดิบ, กำลังพล และเวลาให้เหมาะสมตามสถานการณ์ในเกม ซึ่งสะท้อนถึงทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการวางแผนชีวิต การเงิน และการบริหารองค์กร การขาดเกมที่ส่งเสริมแนวคิดนี้เท่ากับการขาดสภาพแวดล้อมจำลองที่ให้ผู้เล่นได้ฝึกทักษะโดยไม่ต้องเสี่ยงในชีวิตจริง 3️⃣ การลดลงของความอดทนและทักษะการทำงานร่วมกัน เกม Strategy หลายเกมโดยเฉพาะแบบ multiplayer ต้องอาศัยการวางแผนร่วมกัน การประสานงานระหว่างสมาชิกในทีม และความอดทนรอจังหวะที่เหมาะสมในการลงมือ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคมจริง ในขณะที่เกมแนวใหม่มักส่งเสริมการแข่งขันแบบทันทีทันใด และเน้นผลลัพธ์ระยะสั้น การสูญเสียเกมที่ฝึกความอดทนและความร่วมมืออาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้เล่นในระยะยาว ✅ แนวทางการฟื้นฟูเกม Strategy ให้กลับมามีบทบาท - การพัฒนาเกมให้เหมาะกับแพลตฟอร์มใหม่: นักพัฒนาอาจต้องปรับปรุงเกม Strategy ให้เข้ากับมือถือและแท็บเล็ต โดยเน้น UI ที่เข้าใจง่าย ระบบเล่นสั้นได้แต่มีความลึกในระยะยาว หรือใช้ระบบ cloud gaming เพื่อรองรับการประมวลผล - สร้างการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน: การรีแบรนด์เกม Strategy ให้ดูทันสมัย และชูจุดเด่นด้านการพัฒนาทักษะชีวิต อาจช่วยดึงดูดผู้เล่นรุ่นใหม่ให้หันกลับมาสนใจ - รวมฟีเจอร์ social และระบบ co-op: การผสมผสานเกม Strategy เข้ากับระบบการเล่นแบบร่วมมือหรือแข่งขันเชิงกลยุทธ์ อาจช่วยเพิ่มความสนุก และขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ผู้เล่นที่ชื่นชอบการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม ℹ️ℹ️ สรุป ℹ️ℹ️ ความเสื่อมความนิยมของเกมแนว Strategy ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนรสนิยมของตลาด แต่ยังสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้เล่นและโครงสร้างอุตสาหกรรมเกมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของเกมประเภทนี้ในฐานะเครื่องมือฝึกทักษะเชิงปัญญาและการบริหารจัดการยังไม่เสื่อมคลาย หากผู้พัฒนาเกมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถปรับตัวและออกแบบประสบการณ์เกมที่เหมาะสมกับยุคสมัยได้ เกมแนว Strategy ก็ยังมีโอกาสกลับมายืนในแถวหน้าอีกครั้ง พร้อมทั้งสร้างสรรค์สังคมของผู้เล่นที่เก่งคิด เก่งวางแผน และพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกจริงได้อย่างมั่นใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • พูดถึงองครักษ์เสื้อแพรไปมากพอสมควร วันนี้เราเลยมาคุยกันถึงอีกหน่วยงานหนึ่งที่ปรากฎให้เห็นในละครจีนโบราณหลายเรื่อง ซึ่งก็คือ ‘ลิ่วซ่านเหมิน’ (六扇门)

    ความมีอยู่ว่า
    ...จินเซี่ยคอตกหมุนกายกลับมา ชำเลืองมองหยางเฉิงว่าน “หัวหน้า ท่านยอมมันเกินไปแล้ว ท่านว่ามันเป็นคนของใคร? คดีของลิ่วซ่านเหมินไม่เหลียวแล แต่กลับส่งมอบคนออกไป ใครบ้างไม่รู้ว่ามันกำลังพยายามประจบองครักษ์เสื้อแพร?”... “โอรสสวรรค์ปราบปรามลงทัณฑ์คนผิด มีซานฝ่าซึก็เพียงพอแล้ว ยังต้องตั้งองครักษ์เสื้อแพรมาทำให้วุ่นวายเป็นอุปสรรค แล้วยังจะมีซานฝ่าซึไว้ทำอันใด มีเหมือนไม่มี!”
    - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ
    (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ลิ่วซ่านเหมินฟังดูเป็นหน่วยมือปราบ แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วลิ่วซ่านเหมินไม่ใช่องค์กรใดองค์กรหนึ่ง (!?)

    ชื่อเรียกที่ถูกต้องเป็นทางการของมันคือ ‘ซานฝ่าซึ’ (三法司) ที่เกริ่นถึงในบทความข้างต้น เป็นการเรียกรวมของสามหน่วยงานที่เกี่ยวกับกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย เริ่มปรากฎในสมัยราชวงศ์ฉิน (221-206 ก่อนคริสตกาล) เมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงตั้งตำแหน่งสำคัญมากขึ้นสามตำแหน่งเรียกรวมว่า ‘ซานกง’ หรือสามพระยา คือเฉิงเซี่ยง (อำมาตย์ผู้ช่วย บริหารงานราชการทั่วไป) ไท่เว่ย (มหาเสนาบดี ดูแลฝ่ายทหาร) และอวี้สื่อต้าฟู (ตุลาการสูงสุด เป็นผู้ตรวจสอบ)
    ต่อมาในแต่ละสมัยมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่และชื่อเรียกของหน่วยงานต่างๆ แต่ยังคงหลักการเดิมว่ามีสามหน่วยงานหลักที่ร่วมผดุงกฎหมาย เรียกรวมว่า ‘ซันฝ่าซึ’

    ในสมัยราชวงศ์หมิง สามหน่วยงานนี้คือ สิงปู้ (刑部 รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน) ต้าหลี่ซึ (大理寺 ไว้พิพากษา) ตูฉาย่วน (都察院 ไว้กำกับตรวจสอบ) หากมีคดีใหญ่จะไต่สวนและพิพากษาร่วมกัน

    แล้วทำไมจึงเรียกว่า ลิ่วซ่านเหมิน’?

    แฟนละครจีนโบราณคงคุ้นเคยว่าเวลาเกิดเรื่องอะไร ชาวบ้านจะวิ่งไปฟ้องร้องที่สถานที่หนึ่ง ศาลก็ไม่ใช่ สำนักมือปราบก็ไม่เชิง หน้าตาคล้ายที่ว่าการอำเภอ สถานที่นี้เรียกว่า ‘หยาเหมิน’ (衙门) ไม่แน่ใจว่าในนิยาย/ละครแปลไทยว่าอย่างไร แต่มันก็คือที่ว่าการท้องถิ่น ว่าการโดยข้าราชการสูงสุดผู้ดูแลพื้นที่ ไม่ระบุตายตัวว่าต้องสังกัดหน่วยงานใด

    ‘ลิ่วซ่านเหมิน’ ก็คือชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของหยาเหมิน แปลชื่อตรงตัวว่า ‘ประตูหกบาน’ ที่มาก็คือว่า ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ หยาเหมินจะมีรูปทรงอาคารเดียวกัน คือมีช่องประตูเพียงสามช่อง หันหน้าทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตก หนึ่งทิศหนึ่งช่อง ประตูหลักที่ใช้เข้าออกทั่วไปจะหันหน้าทิศใต้ ช่องประตูที่ว่านี้ก่อตั้งขึ้นเป็นอาคารประตูใหญ่มีหลังคา (ดูรูปขวาล่าง) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ไม่ได้ ต้องเป็นที่ทำการของหลวงเท่านั้นจึงจะใช้ได้ แต่ละช่องประตูจะมีสองบาน รวมเป็นประตูหกบาน

    ดังนั้น จริงๆ แล้ว คนของลิ่วซ่านเหมินจะหมายรวมถึงทุกคนที่ทำงานในหยาเหมิน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานด้านสอบสวน ดูแลคุก เสมียนกฎหมาย ฯลฯ และมาจากหน่วยงานต่างๆ ที่เรียกรวมว่าซานฝ่าซึนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.twoeggz.com/news/8249892.html
    https://www.wenshigu.com/shbt/lishiju/221015.html
    https://www.52lishi.com/article/40895.html
    https://k.sina.cn/article_1346138855_503c72e700100tjeb.html
    https://m.52lishi.com/article/64869.html

    #จินเซี่ย #ลิ่วซ่านเหมิน #มือปราบจีนโบราณ #ราชวงศ์หมิง #หยาเหมิน #ซันฝ่าซึ #ซานฝ่าซึ
    พูดถึงองครักษ์เสื้อแพรไปมากพอสมควร วันนี้เราเลยมาคุยกันถึงอีกหน่วยงานหนึ่งที่ปรากฎให้เห็นในละครจีนโบราณหลายเรื่อง ซึ่งก็คือ ‘ลิ่วซ่านเหมิน’ (六扇门) ความมีอยู่ว่า ...จินเซี่ยคอตกหมุนกายกลับมา ชำเลืองมองหยางเฉิงว่าน “หัวหน้า ท่านยอมมันเกินไปแล้ว ท่านว่ามันเป็นคนของใคร? คดีของลิ่วซ่านเหมินไม่เหลียวแล แต่กลับส่งมอบคนออกไป ใครบ้างไม่รู้ว่ามันกำลังพยายามประจบองครักษ์เสื้อแพร?”... “โอรสสวรรค์ปราบปรามลงทัณฑ์คนผิด มีซานฝ่าซึก็เพียงพอแล้ว ยังต้องตั้งองครักษ์เสื้อแพรมาทำให้วุ่นวายเป็นอุปสรรค แล้วยังจะมีซานฝ่าซึไว้ทำอันใด มีเหมือนไม่มี!” - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ (หมายเหตุ ละครเรื่องยอดองค์รักษ์เสื้อแพรดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ลิ่วซ่านเหมินฟังดูเป็นหน่วยมือปราบ แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วลิ่วซ่านเหมินไม่ใช่องค์กรใดองค์กรหนึ่ง (!?) ชื่อเรียกที่ถูกต้องเป็นทางการของมันคือ ‘ซานฝ่าซึ’ (三法司) ที่เกริ่นถึงในบทความข้างต้น เป็นการเรียกรวมของสามหน่วยงานที่เกี่ยวกับกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย เริ่มปรากฎในสมัยราชวงศ์ฉิน (221-206 ก่อนคริสตกาล) เมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงตั้งตำแหน่งสำคัญมากขึ้นสามตำแหน่งเรียกรวมว่า ‘ซานกง’ หรือสามพระยา คือเฉิงเซี่ยง (อำมาตย์ผู้ช่วย บริหารงานราชการทั่วไป) ไท่เว่ย (มหาเสนาบดี ดูแลฝ่ายทหาร) และอวี้สื่อต้าฟู (ตุลาการสูงสุด เป็นผู้ตรวจสอบ) ต่อมาในแต่ละสมัยมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่และชื่อเรียกของหน่วยงานต่างๆ แต่ยังคงหลักการเดิมว่ามีสามหน่วยงานหลักที่ร่วมผดุงกฎหมาย เรียกรวมว่า ‘ซันฝ่าซึ’ ในสมัยราชวงศ์หมิง สามหน่วยงานนี้คือ สิงปู้ (刑部 รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน) ต้าหลี่ซึ (大理寺 ไว้พิพากษา) ตูฉาย่วน (都察院 ไว้กำกับตรวจสอบ) หากมีคดีใหญ่จะไต่สวนและพิพากษาร่วมกัน แล้วทำไมจึงเรียกว่า ลิ่วซ่านเหมิน’? แฟนละครจีนโบราณคงคุ้นเคยว่าเวลาเกิดเรื่องอะไร ชาวบ้านจะวิ่งไปฟ้องร้องที่สถานที่หนึ่ง ศาลก็ไม่ใช่ สำนักมือปราบก็ไม่เชิง หน้าตาคล้ายที่ว่าการอำเภอ สถานที่นี้เรียกว่า ‘หยาเหมิน’ (衙门) ไม่แน่ใจว่าในนิยาย/ละครแปลไทยว่าอย่างไร แต่มันก็คือที่ว่าการท้องถิ่น ว่าการโดยข้าราชการสูงสุดผู้ดูแลพื้นที่ ไม่ระบุตายตัวว่าต้องสังกัดหน่วยงานใด ‘ลิ่วซ่านเหมิน’ ก็คือชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของหยาเหมิน แปลชื่อตรงตัวว่า ‘ประตูหกบาน’ ที่มาก็คือว่า ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ หยาเหมินจะมีรูปทรงอาคารเดียวกัน คือมีช่องประตูเพียงสามช่อง หันหน้าทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตก หนึ่งทิศหนึ่งช่อง ประตูหลักที่ใช้เข้าออกทั่วไปจะหันหน้าทิศใต้ ช่องประตูที่ว่านี้ก่อตั้งขึ้นเป็นอาคารประตูใหญ่มีหลังคา (ดูรูปขวาล่าง) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ไม่ได้ ต้องเป็นที่ทำการของหลวงเท่านั้นจึงจะใช้ได้ แต่ละช่องประตูจะมีสองบาน รวมเป็นประตูหกบาน ดังนั้น จริงๆ แล้ว คนของลิ่วซ่านเหมินจะหมายรวมถึงทุกคนที่ทำงานในหยาเหมิน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานด้านสอบสวน ดูแลคุก เสมียนกฎหมาย ฯลฯ และมาจากหน่วยงานต่างๆ ที่เรียกรวมว่าซานฝ่าซึนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.twoeggz.com/news/8249892.html https://www.wenshigu.com/shbt/lishiju/221015.html https://www.52lishi.com/article/40895.html https://k.sina.cn/article_1346138855_503c72e700100tjeb.html https://m.52lishi.com/article/64869.html #จินเซี่ย #ลิ่วซ่านเหมิน #มือปราบจีนโบราณ #ราชวงศ์หมิง #หยาเหมิน #ซันฝ่าซึ #ซานฝ่าซึ
    PPnix - Watch TV Shows Online, Watch Movies Online
    Watch PPnix movies & TV shows online or stream right to your smart TV, game console, PC, Mac, mobile, tablet and more.
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖥️ Microsoft โปรโมต Intel vPro สำหรับ Windows 11 Pro แต่ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO
    Microsoft ได้เผยแพร่ โฆษณาใหม่เกี่ยวกับ Windows 11 Pro โดยเน้นไปที่ Intel vPro แต่ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าบริษัทอาจมีแนวโน้มสนับสนุน Intel มากกว่า AMD

    Microsoft ได้เผยแพร่โฆษณาในช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ Windows โดยใช้ชื่อ "Right side of risk | Windows 11 Pro and Intel" ซึ่งเน้นไปที่ การอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 Pro พร้อมกับ โปรโมต Intel vPro เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร

    ในคำอธิบายวิดีโอ Microsoft ระบุว่า "Windows 10 support ends October 14. Stay on the right side of risk—upgrade now to the power of Windows 11 Pro PCs with Intel vPro®." ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึง การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 และ แนะนำให้ผู้ใช้เลือก Intel vPro สำหรับการอัปเกรด

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Microsoft เผยแพร่โฆษณาใหม่เกี่ยวกับ Windows 11 Pro โดยเน้น Intel vPro
    - ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO ในโฆษณา
    - โฆษณาใช้ชื่อ "Right side of risk | Windows 11 Pro and Intel"
    - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้ธุรกิจอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 Pro
    - Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Microsoft อาจมีโฆษณาสำหรับ AMD Ryzen PRO ในอนาคต แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล
    - การโปรโมต Intel vPro อาจทำให้ผู้ใช้มองว่า Microsoft มีแนวโน้มสนับสนุน Intel มากกว่า AMD
    - ต้องติดตามว่าการโปรโมตนี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กรที่ใช้ AMD Ryzen PRO หรือไม่
    - AMD มีบทความสนับสนุนเกี่ยวกับ Windows 11 และ Ryzen PRO แต่ไม่ได้รับการกล่าวถึงในโฆษณาของ Microsoft

    การโปรโมต Intel vPro ในโฆษณาของ Microsoft อาจส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กรที่กำลังพิจารณาอัปเกรดเป็น Windows 11 Pro อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะมีโฆษณาสำหรับ AMD Ryzen PRO ในอนาคตหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/intel-vs-amd-microsoft-seemingly-has-a-clear-recommendation-for-windows-11-pro-pc-upgrade/
    🖥️ Microsoft โปรโมต Intel vPro สำหรับ Windows 11 Pro แต่ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO Microsoft ได้เผยแพร่ โฆษณาใหม่เกี่ยวกับ Windows 11 Pro โดยเน้นไปที่ Intel vPro แต่ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าบริษัทอาจมีแนวโน้มสนับสนุน Intel มากกว่า AMD Microsoft ได้เผยแพร่โฆษณาในช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ Windows โดยใช้ชื่อ "Right side of risk | Windows 11 Pro and Intel" ซึ่งเน้นไปที่ การอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 Pro พร้อมกับ โปรโมต Intel vPro เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร ในคำอธิบายวิดีโอ Microsoft ระบุว่า "Windows 10 support ends October 14. Stay on the right side of risk—upgrade now to the power of Windows 11 Pro PCs with Intel vPro®." ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึง การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 และ แนะนำให้ผู้ใช้เลือก Intel vPro สำหรับการอัปเกรด ✅ ข้อมูลจากข่าว - Microsoft เผยแพร่โฆษณาใหม่เกี่ยวกับ Windows 11 Pro โดยเน้น Intel vPro - ไม่มีการกล่าวถึง AMD Ryzen PRO ในโฆษณา - โฆษณาใช้ชื่อ "Right side of risk | Windows 11 Pro and Intel" - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้ธุรกิจอัปเกรดจาก Windows 10 เป็น Windows 11 Pro - Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Microsoft อาจมีโฆษณาสำหรับ AMD Ryzen PRO ในอนาคต แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล - การโปรโมต Intel vPro อาจทำให้ผู้ใช้มองว่า Microsoft มีแนวโน้มสนับสนุน Intel มากกว่า AMD - ต้องติดตามว่าการโปรโมตนี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กรที่ใช้ AMD Ryzen PRO หรือไม่ - AMD มีบทความสนับสนุนเกี่ยวกับ Windows 11 และ Ryzen PRO แต่ไม่ได้รับการกล่าวถึงในโฆษณาของ Microsoft การโปรโมต Intel vPro ในโฆษณาของ Microsoft อาจส่งผลต่อการตัดสินใจขององค์กรที่กำลังพิจารณาอัปเกรดเป็น Windows 11 Pro อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะมีโฆษณาสำหรับ AMD Ryzen PRO ในอนาคตหรือไม่ https://www.neowin.net/news/intel-vs-amd-microsoft-seemingly-has-a-clear-recommendation-for-windows-11-pro-pc-upgrade/
    WWW.NEOWIN.NET
    Intel vs AMD? Microsoft seemingly has a clear recommendation for Windows 11 Pro PC upgrade
    Microsoft has published a new ad about upgrading Windows 10 PCs to Windows 11 Pro. However, in it, the tech giant seems to have a clear recommendation for one over the other between AMD and Intel.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับหนึ่งในสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้จีน
    ความมีอยู่ว่า
    ...หวางซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันเกรงว่าปี้เซี่ยจะทรงใกล้ชิดกับพวกนาง จึงต้องกราบทูลรายงาน แต่กวนเจียมิทรงตรัสอันใด กลับทรงมีพระบัญชาให้หม่อมฉันนำพระราชดำรัสมาประกาศ ให้พระสนมทั้งสองออกจากวังโดยพลัน พระองค์ตรัสเสร็จพระอัสสุชลก็รินไหล”...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อความง่ายในการเข้าใจ Storyฯ ขอไม่เน้นราชาศัพท์ในบทความข้างล่างนะคะ

    เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณเสียงภาษาจีนต้องเคยได้ยินสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปี้เซี่ย หวงตี้ จินซ่าง เทียนจื่อ ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้มักมีความหมายเกี่ยวโยงราชบัลลังก์ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือสวรรค์ ที่ฟังดูสูงเกินเอื้อมของปุถุชนคนธรรมดา

    แต่หากใครได้ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> จะได้ยินการเรียกขานฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แปลกในความรู้สึกของ Storyฯ เพราะแปลความหมายได้ประมาณว่า ‘สำนักราชการ’ (กวน = ขุนนาง เจีย = บ้านหรือกลุ่มองค์กร) Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลทำความเข้าใจ

    คำว่า ‘กวนเจีย’ มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เพียงแต่ในสมัยนั้น ไม่ได้เป็นการเรียกเจ้าผู้ปกครองประเทศ หากแต่เป็นการเรียกรวมหมายถึงเหล่าขุนนางและหน่วยงานข้าราชการ หรือเป็นการเรียกขานผู้ที่เป็นขุนนางอย่างยกย่อง

    ว่ากันว่ามีการใช้สรรพนามนี้ขานเรียกฮ่องเต้ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากฟังดูไม่สูงศักดิ์และอาจทำให้สับสนเพราะยังหมายถึงเหล่าข้าราชการได้อีกด้วย จวบจนเริ่มยุคสมัยราชวงศ์ซ่งจึงใช้คำว่า ‘กวนเจีย’ เรียกฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ

    เพราะอะไร?

    ท่านที่พอจะทราบประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่า เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ถังก็เข้าสู่ยุคที่แตกเป็นห้าราชวงศ์สิบแคว้น จากนั้นจึงเกิดเป็นราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเหตุการณ์การก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ. 960 เมื่อเจ้าผู้ปกครองราชวงศ์โฮ่วโจว (โจวยุคหลัง หนึ่งในห้าราชวงศ์) สวรรคตลง ทำให้เกิดความระส่ำระสายในสายทหารเพราะผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นเด็ก อยู่มาวันหนึ่งผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายพร้อมใจกันเอาชุดเหลืองลายมังกรแบบเฉพาะของฮ่องเต้มาคลุมกายให้แก่จอมทัพเจ้าควงอิ้น เพื่อขอให้เขาขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโฮ่วโจวแทน (ดูรูปขวาบนและล่าง และอ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ได้เพิ่มเติมที่เพจศิลปวัฒนธรรมตามลิ้งค์ข้างล่าง)

    เจ้าควงอิ้นเมื่อขึ้นครองราชย์ก็สถานปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์ซ่ง และตั้งใจคัดเฟ้นสรรพนามเรียกขานตนที่เหมาะสมขึ้นใหม่ เพราะเขาตระหนักว่าตนเองเป็นเชื้อสายตระกูลทหาร ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ จึงเกรงว่าหากใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าเขาขึ้นครองราชย์อย่างไม่ชอบธรรม

    จึงมาลงเอยที่คำว่า ‘กวนเจีย’ นี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรัชญาคำสอนการปกครองจากยุคสมัยชุนชิว และถูกยกมาจากวรรคที่ว่า ‘สามราชาดูแลทั่วหล้า ห้าจักรพรรดิมีใต้นภาเป็นครอบครัว’ (ซานหวงกวนเทียเซี่ย อู่ตี้เจียเทียนเซี่ย / 三皇官天下,五帝家天下) ซึ่งเป็นการเท้าความถึง ‘สามราชาห้าจักรพรรดิ’ ในตำนานปรำปราที่ปกครองดูแลประชาชนอย่าง ‘เข้าถึง’ และมีคุณธรรม โดยในบริบทนี้คำว่า ‘กวนเจีย’ ถูกเลือกมาใช้เพื่อให้สะท้อนความนัยว่า เป็นการปกครองโดยคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ทำโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลและเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน

    ดังนั้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชนจะเรียกข้าราชการว่า ‘กวนเจีย’ ไม่ได้อีกต่อไป และมีการกำหนดให้คำนี้มีเพียงความหมายเดียวคือแปลว่าฮ่องเต้ (แต่จะใช้คำอื่นเช่น ปี้เซี่ย เรียกฮ่องเต้ก็ยังได้อยู่) ไม่ได้หมายรวมถึงเหล่าข้าราชการอีกต่อไป

    นอกจากคำที่พูดถึงมาข้างต้นแล้ว เพื่อนเพจยังเคยผ่านหูคำเรียกขานฮ่องเต้ว่าอย่างอื่นอีกไหมคะ? Storyฯ นึกได้อีกหลายคำเลย

    หมายเหตุ 1: ‘สามราชา’ บ้างว่าหมายถึงเทพเจ้าผู้สร้างและดูแลมนุษย์ในตำนานคือฟู่ซี หนี่ว์วา และเหยียนตี้ และบ้างว่าหมายถึงราชาแห่งแผ่นฟ้า ผืนดินและมนุษย์ชาติ ส่วน ‘ห้าจักรพรรดิ’ นั้นหมายถึงองค์หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) และฮ่องเต้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อมาอีกสี่พระองค์
    หมายเหตุ 2: ในเรื่อง <วังเดียวดาย> เป็นยุคสมัยของฮ่องเต้เหรินจง เป็นฮ่องเต้องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ซ่ง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://kknews.cc/zh-my/history/2vgm4n9.html
    https://dramakaffe.wordpress.com/2020/05/16/serenade-of-peaceful-joy/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/133862973
    https://www.thehour.cn/news/363118.html
    https://www.gugong.net/zhongguo/songchao/18033.html
    https://kknews.cc/history/g48mr58.html

    #ราชวงศ์ซ่ง #ฮ่องเต้จีน #เจ้าควงอิ้น #ชิงผิงเยวี่ย #กวนเจีย #ประวัติศาสตร์จีน
    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับหนึ่งในสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้จีน ความมีอยู่ว่า ...หวางซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หม่อมฉันเกรงว่าปี้เซี่ยจะทรงใกล้ชิดกับพวกนาง จึงต้องกราบทูลรายงาน แต่กวนเจียมิทรงตรัสอันใด กลับทรงมีพระบัญชาให้หม่อมฉันนำพระราชดำรัสมาประกาศ ให้พระสนมทั้งสองออกจากวังโดยพลัน พระองค์ตรัสเสร็จพระอัสสุชลก็รินไหล”... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อความง่ายในการเข้าใจ Storyฯ ขอไม่เน้นราชาศัพท์ในบทความข้างล่างนะคะ เพื่อนเพจที่ดูละครจีนโบราณเสียงภาษาจีนต้องเคยได้ยินสรรพนามเรียกขานฮ่องเต้ที่แตกต่างกันไป เช่น ปี้เซี่ย หวงตี้ จินซ่าง เทียนจื่อ ฯลฯ ซึ่งคำเหล่านี้มักมีความหมายเกี่ยวโยงราชบัลลังก์ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือสวรรค์ ที่ฟังดูสูงเกินเอื้อมของปุถุชนคนธรรมดา แต่หากใครได้ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> จะได้ยินการเรียกขานฮ่องเต้ว่า ‘กวนเจีย’ ซึ่งเป็นคำเรียกที่แปลกในความรู้สึกของ Storyฯ เพราะแปลความหมายได้ประมาณว่า ‘สำนักราชการ’ (กวน = ขุนนาง เจีย = บ้านหรือกลุ่มองค์กร) Storyฯ จึงต้องไปหาข้อมูลทำความเข้าใจ คำว่า ‘กวนเจีย’ มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เพียงแต่ในสมัยนั้น ไม่ได้เป็นการเรียกเจ้าผู้ปกครองประเทศ หากแต่เป็นการเรียกรวมหมายถึงเหล่าขุนนางและหน่วยงานข้าราชการ หรือเป็นการเรียกขานผู้ที่เป็นขุนนางอย่างยกย่อง ว่ากันว่ามีการใช้สรรพนามนี้ขานเรียกฮ่องเต้ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ค.ศ. 420-589) แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากฟังดูไม่สูงศักดิ์และอาจทำให้สับสนเพราะยังหมายถึงเหล่าข้าราชการได้อีกด้วย จวบจนเริ่มยุคสมัยราชวงศ์ซ่งจึงใช้คำว่า ‘กวนเจีย’ เรียกฮ่องเต้อย่างเป็นทางการ เพราะอะไร? ท่านที่พอจะทราบประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่า เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ถังก็เข้าสู่ยุคที่แตกเป็นห้าราชวงศ์สิบแคว้น จากนั้นจึงเกิดเป็นราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเหตุการณ์การก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ. 960 เมื่อเจ้าผู้ปกครองราชวงศ์โฮ่วโจว (โจวยุคหลัง หนึ่งในห้าราชวงศ์) สวรรคตลง ทำให้เกิดความระส่ำระสายในสายทหารเพราะผู้สืบทอดราชบัลลังก์เป็นเด็ก อยู่มาวันหนึ่งผู้นำเหล่าทัพทั้งหลายพร้อมใจกันเอาชุดเหลืองลายมังกรแบบเฉพาะของฮ่องเต้มาคลุมกายให้แก่จอมทัพเจ้าควงอิ้น เพื่อขอให้เขาขึ้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโฮ่วโจวแทน (ดูรูปขวาบนและล่าง และอ่านเรื่องราวเหตุการณ์นี้ได้เพิ่มเติมที่เพจศิลปวัฒนธรรมตามลิ้งค์ข้างล่าง) เจ้าควงอิ้นเมื่อขึ้นครองราชย์ก็สถานปนาราชวงศ์ใหม่คือราชวงศ์ซ่ง และตั้งใจคัดเฟ้นสรรพนามเรียกขานตนที่เหมาะสมขึ้นใหม่ เพราะเขาตระหนักว่าตนเองเป็นเชื้อสายตระกูลทหาร ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ จึงเกรงว่าหากใช้คำที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชสันตติวงศ์ จะทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าเขาขึ้นครองราชย์อย่างไม่ชอบธรรม จึงมาลงเอยที่คำว่า ‘กวนเจีย’ นี้ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากปรัชญาคำสอนการปกครองจากยุคสมัยชุนชิว และถูกยกมาจากวรรคที่ว่า ‘สามราชาดูแลทั่วหล้า ห้าจักรพรรดิมีใต้นภาเป็นครอบครัว’ (ซานหวงกวนเทียเซี่ย อู่ตี้เจียเทียนเซี่ย / 三皇官天下,五帝家天下) ซึ่งเป็นการเท้าความถึง ‘สามราชาห้าจักรพรรดิ’ ในตำนานปรำปราที่ปกครองดูแลประชาชนอย่าง ‘เข้าถึง’ และมีคุณธรรม โดยในบริบทนี้คำว่า ‘กวนเจีย’ ถูกเลือกมาใช้เพื่อให้สะท้อนความนัยว่า เป็นการปกครองโดยคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ทำโดยหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลและเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชน ดังนั้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ประชาชนจะเรียกข้าราชการว่า ‘กวนเจีย’ ไม่ได้อีกต่อไป และมีการกำหนดให้คำนี้มีเพียงความหมายเดียวคือแปลว่าฮ่องเต้ (แต่จะใช้คำอื่นเช่น ปี้เซี่ย เรียกฮ่องเต้ก็ยังได้อยู่) ไม่ได้หมายรวมถึงเหล่าข้าราชการอีกต่อไป นอกจากคำที่พูดถึงมาข้างต้นแล้ว เพื่อนเพจยังเคยผ่านหูคำเรียกขานฮ่องเต้ว่าอย่างอื่นอีกไหมคะ? Storyฯ นึกได้อีกหลายคำเลย หมายเหตุ 1: ‘สามราชา’ บ้างว่าหมายถึงเทพเจ้าผู้สร้างและดูแลมนุษย์ในตำนานคือฟู่ซี หนี่ว์วา และเหยียนตี้ และบ้างว่าหมายถึงราชาแห่งแผ่นฟ้า ผืนดินและมนุษย์ชาติ ส่วน ‘ห้าจักรพรรดิ’ นั้นหมายถึงองค์หวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) และฮ่องเต้ผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อมาอีกสี่พระองค์ หมายเหตุ 2: ในเรื่อง <วังเดียวดาย> เป็นยุคสมัยของฮ่องเต้เหรินจง เป็นฮ่องเต้องค์ที่สี่แห่งราชวงศ์ซ่ง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://kknews.cc/zh-my/history/2vgm4n9.html https://dramakaffe.wordpress.com/2020/05/16/serenade-of-peaceful-joy/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/133862973 https://www.thehour.cn/news/363118.html https://www.gugong.net/zhongguo/songchao/18033.html https://kknews.cc/history/g48mr58.html #ราชวงศ์ซ่ง #ฮ่องเต้จีน #เจ้าควงอิ้น #ชิงผิงเยวี่ย #กวนเจีย #ประวัติศาสตร์จีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่าทีแข็งกร้าวของตระกูลฮุน กับการรับมือแบบปุยนุ่นของตระกูลชิน

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000052937
    ท่าทีแข็งกร้าวของตระกูลฮุน กับการรับมือแบบปุยนุ่นของตระกูลชิน บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000052937
    MGRONLINE.COM
    ท่าทีแข็งกร้าวของตระกูลฮุน กับการรับมือแบบปุยนุ่นของตระกูลชิน
    แม้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฮุนกับตระกูลชินจะเหมือนเครือญาติที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาโต้ยกระดับการยั่วยุอีกครั้ง ด้วยการประกาศ ทะเลดำและทะเลบอลติกถือเป็นเขต "ความรับผิดชอบ" เชิงยุทธศาสตร์ ของนาโต้ มาร์ค รุตเต้ เลขาธิการนาโต้ กล่าว

    ในการประชุม NATO DefMin ที่บรัสเซลส์ รุตเต้ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการส่งเสริมท่าทีการป้องกันของฝ่ายพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีกตะวันออกของนาโต้ และทะเลดำซึ่งเป็นศูนย์กลางของความมั่นคงของยูโร-แอตแลนติก ในบริบทความมั่นคงในปัจจุบัน การแบ่งปันภาระมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์

    รุตเต้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากเรือบรรทุกน้ำมันของกองเรือเงาของรัสเซีย ซึ่งประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและพันธมิตรกำลังทำการคว่ำบาตรและเข้ายึดครอง

    นอกจากนี้ รุตเต้ยังพูดถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคบอลติก หลังจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายเคเบิลสื่อสารใต้น้ำที่ได้รับความเสียหาย ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา “เมื่อพูดถึงภูมิภาคบอลติก เรื่องนี้ก็ใช้ได้กับทะเลดำและพื้นที่อื่นๆ ของนาโต้เช่นกัน โครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำที่สำคัญของเรามักถูกโจมตีอยู่เสมอ” รุตเต้กล่าว

    นอกจากนี้ เขายังขู่ด้วยว่า NATO จะตอบโต้อย่างรุนแรง หากเกิดการโจมตีอย่างหนักจากรัสเซียในภูมิภาคบอลติก
    นาโต้ยกระดับการยั่วยุอีกครั้ง ด้วยการประกาศ ทะเลดำและทะเลบอลติกถือเป็นเขต "ความรับผิดชอบ" เชิงยุทธศาสตร์ ของนาโต้ มาร์ค รุตเต้ เลขาธิการนาโต้ กล่าว ในการประชุม NATO DefMin ที่บรัสเซลส์ รุตเต้ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการส่งเสริมท่าทีการป้องกันของฝ่ายพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีกตะวันออกของนาโต้ และทะเลดำซึ่งเป็นศูนย์กลางของความมั่นคงของยูโร-แอตแลนติก ในบริบทความมั่นคงในปัจจุบัน การแบ่งปันภาระมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ รุตเต้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากเรือบรรทุกน้ำมันของกองเรือเงาของรัสเซีย ซึ่งประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและพันธมิตรกำลังทำการคว่ำบาตรและเข้ายึดครอง นอกจากนี้ รุตเต้ยังพูดถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคบอลติก หลังจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายเคเบิลสื่อสารใต้น้ำที่ได้รับความเสียหาย ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา “เมื่อพูดถึงภูมิภาคบอลติก เรื่องนี้ก็ใช้ได้กับทะเลดำและพื้นที่อื่นๆ ของนาโต้เช่นกัน โครงสร้างพื้นฐานใต้น้ำที่สำคัญของเรามักถูกโจมตีอยู่เสมอ” รุตเต้กล่าว นอกจากนี้ เขายังขู่ด้วยว่า NATO จะตอบโต้อย่างรุนแรง หากเกิดการโจมตีอย่างหนักจากรัสเซียในภูมิภาคบอลติก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุญคุณระหว่างทักษิณกับฮุนเซน

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000052493
    บุญคุณระหว่างทักษิณกับฮุนเซน บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000052493
    MGRONLINE.COM
    บุญคุณระหว่างทักษิณกับฮุนเซน
    ความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณและฮุนเซนเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้น มีทั้งหนี้บุญคุณจากการช่วยเหลือในช่วงวิกฤตทางการเมือง และผลประโยชน์ร่วมกันในด้านเศรษฐกิจและการทูตที่ฮุนเซนมีต่อทักษิณ เพราะเมื่อเผชิญวิกฤตการเมืองในประเทศทั้งทักษิณและยิ่งลั
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • ละครสมัยราชวงศ์ชิงที่ออกฉายในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีหลายเรื่องที่ดูจะมีความเนี้ยบด้านเสื้อผ้าหน้าผม วันนี้เลยเอารูปมาเปรียบเทียบให้ดู เพราะทุกเรื่องมีทั้งส่วนที่สมจริงและที่ไม่สมจริง แต่ความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ ที่จะพูดถึงในวันนี้คือการทาปากของสาวๆ ในละครเหล่านี้ที่ดูจะเข้มข้นแตกต่างกันไป

    เพื่อนเพจหลายท่านอาจทราบอยู่แล้วว่า วัฒนธรรมจีนโบราณมีค่านิยมว่า ปากที่สวยต้องเล็ก ดังบทความข้างล่างว่า
    ...เว่ยอิงหลัวอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงสด แป้งผัดเบาบางดุจสายลมมาลูบไล้ด้วยหิมะ แก้มแดงระเรื่อดุจท้องฟ้าถูกเกลี่ยด้วยแสงอัสดง ส่วนริมฝีปากนั้นเล่า แต้มแดงชาดเพียงจุดเดียว โดดเด่นไม่อาจมองข้าม หากบุรุษบ้านใดได้แต่งเจ้าสาวงดงามเยี่ยงนี้ คงดีใจจนบ้าคลั่ง...
    - จากเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ผู้แต่ง เซี่ยวเหลี่ยนเม้า
    (หมายเหตุ ชื่อเรื่องตามชื่อแปลอย่างเป็นทางการโดยช่อง 3 ของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    แฟชั่นทาปากแบบไม่เต็มริมฝีปากหรือที่เรียกว่า “เตี่ยนฉุน” (点唇 หรือริมฝีปากแต้มจุดเดียว) นั้น มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (เห็นได้จากภาพที่แปะมาให้ดู) พอถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังนิยมวาดเป็นดอกไม้ ถูกเปรียบเปรยในบทกวีในสมัยนั้นด้วยวลีที่ว่า “อิงเถาเสียวโข่ว” (樱桃小口) หรือปากเล็กดุจเชอร์รี่

    มีบันทึกเกร็ดชีวิตประจำวันโบราณสมัยปลายหมิงถึงชิง “เสียนฉิงโอ่วจี้” (闲情偶记) โดยหลี่อวี๋ (ค.ศ. 1611-1680) บรรยายถึงวิธีการทาปากไว้ว่า “การแต้มปากนั้น ใช้เพียงแตะเป็นจุดเดียว คล้ายผลเชอร์รี่ หากยังวาดต่อทำได้อีกเพียงสองสามแต้ม สลับยาวสั้นกว้างแคบ ประกอบเป็นพวงดอกเชอร์รี่ มิใช่เป็นรูปก้อนกลม”

    แต่อย่างที่เห็นจากรูปประกอบ รูปทรงของการทาปากเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในสมัยราชวงศ์ชิงมีสามแบบหลักด้วยกัน คือ 1) ทาริมฝีปากบน ส่วนริมฝีปากล่างแต้มเพียงเล็กน้อย หรือ 2) วาดเป็นรูปกลีบดอกเชอรี่ (ห้ากลีบ) หรือ 3) เป็นแบบในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> คือทาริมฝีปากล่างแต่ไม่ทาริมฝีปากบน เรียกว่า “เตี่ยนเจี้ยงฉุน” (点绛唇) แบบหลังนี้มีหลักฐานเห็นชัดในรูปภาพวาดต่างๆ เช่นที่นำมาแปะให้ดูคือภาพของซูเฟย หนึ่งในพระชายาของเฉียนหลงฮ่องเต้ (ภาพแรกขวาบน)

    เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนอาจเหมือน Storyฯ ที่เข้าใจตามละครสมัยราชวงศ์ชิงหลายเรื่องว่าสมัยนั้นเน้นการแต่งหน้าเข้มควบคู่ไปกับการแต่งองค์ทรงเครื่องที่หรูหรา โดยเฉพาะสาวในวัง แต่จริงๆ แล้วนิยามความงามสตรีในยุคสมัยนั้นคือ คิ้วโก่งบาง ไม่แต่งหน้าเข้ม และทาปากอ่อนๆ จึงนับว่าละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> เป็นเรื่องที่แต่งหน้าได้ค่อนข้างตรงกับประวัติศาสตร์จริงพอสมควร (เฉพาะเรื่องแต่งหน้านะคะ เรื่องอื่นมีคนเคยวิจารณ์เปรียบเทียบว่ามีผิดเพี้ยนบ้างเหมือนกัน)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.elle.com/tw/entertainment/drama/g35859439/china-drama-the-legend-of-zhenhuan/
    https://www.baobuzz.com/info/621726.html
    https://www.sohu.com/a/253010194_100213042
    https://new.qq.com/omn/20200203/20200203A0MHAR00.html
    https://imod-fms.csu.edu.tw/sysdata/doc/7/716d03a5b1b4e483/pdf.pdf
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_9398854
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://new.qq.com/omn/20200203/20200203A0MHAR00.html
    https://kknews.cc/fashion/qy55rgb.html
    http://www.guoxue123.com/biji/qing2/xqoj/014.htm
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/29773775

    #ตำหนักเหยียนสี่ #เว่ยอิงหลัว #หรูอี้ #เจินหวน #ราชวงศ์ชิง #แต่งหน้าจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ
    ละครสมัยราชวงศ์ชิงที่ออกฉายในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีหลายเรื่องที่ดูจะมีความเนี้ยบด้านเสื้อผ้าหน้าผม วันนี้เลยเอารูปมาเปรียบเทียบให้ดู เพราะทุกเรื่องมีทั้งส่วนที่สมจริงและที่ไม่สมจริง แต่ความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ ที่จะพูดถึงในวันนี้คือการทาปากของสาวๆ ในละครเหล่านี้ที่ดูจะเข้มข้นแตกต่างกันไป เพื่อนเพจหลายท่านอาจทราบอยู่แล้วว่า วัฒนธรรมจีนโบราณมีค่านิยมว่า ปากที่สวยต้องเล็ก ดังบทความข้างล่างว่า ...เว่ยอิงหลัวอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงสด แป้งผัดเบาบางดุจสายลมมาลูบไล้ด้วยหิมะ แก้มแดงระเรื่อดุจท้องฟ้าถูกเกลี่ยด้วยแสงอัสดง ส่วนริมฝีปากนั้นเล่า แต้มแดงชาดเพียงจุดเดียว โดดเด่นไม่อาจมองข้าม หากบุรุษบ้านใดได้แต่งเจ้าสาวงดงามเยี่ยงนี้ คงดีใจจนบ้าคลั่ง... - จากเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ผู้แต่ง เซี่ยวเหลี่ยนเม้า (หมายเหตุ ชื่อเรื่องตามชื่อแปลอย่างเป็นทางการโดยช่อง 3 ของละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) แฟชั่นทาปากแบบไม่เต็มริมฝีปากหรือที่เรียกว่า “เตี่ยนฉุน” (点唇 หรือริมฝีปากแต้มจุดเดียว) นั้น มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (เห็นได้จากภาพที่แปะมาให้ดู) พอถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังนิยมวาดเป็นดอกไม้ ถูกเปรียบเปรยในบทกวีในสมัยนั้นด้วยวลีที่ว่า “อิงเถาเสียวโข่ว” (樱桃小口) หรือปากเล็กดุจเชอร์รี่ มีบันทึกเกร็ดชีวิตประจำวันโบราณสมัยปลายหมิงถึงชิง “เสียนฉิงโอ่วจี้” (闲情偶记) โดยหลี่อวี๋ (ค.ศ. 1611-1680) บรรยายถึงวิธีการทาปากไว้ว่า “การแต้มปากนั้น ใช้เพียงแตะเป็นจุดเดียว คล้ายผลเชอร์รี่ หากยังวาดต่อทำได้อีกเพียงสองสามแต้ม สลับยาวสั้นกว้างแคบ ประกอบเป็นพวงดอกเชอร์รี่ มิใช่เป็นรูปก้อนกลม” แต่อย่างที่เห็นจากรูปประกอบ รูปทรงของการทาปากเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในสมัยราชวงศ์ชิงมีสามแบบหลักด้วยกัน คือ 1) ทาริมฝีปากบน ส่วนริมฝีปากล่างแต้มเพียงเล็กน้อย หรือ 2) วาดเป็นรูปกลีบดอกเชอรี่ (ห้ากลีบ) หรือ 3) เป็นแบบในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> คือทาริมฝีปากล่างแต่ไม่ทาริมฝีปากบน เรียกว่า “เตี่ยนเจี้ยงฉุน” (点绛唇) แบบหลังนี้มีหลักฐานเห็นชัดในรูปภาพวาดต่างๆ เช่นที่นำมาแปะให้ดูคือภาพของซูเฟย หนึ่งในพระชายาของเฉียนหลงฮ่องเต้ (ภาพแรกขวาบน) เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนอาจเหมือน Storyฯ ที่เข้าใจตามละครสมัยราชวงศ์ชิงหลายเรื่องว่าสมัยนั้นเน้นการแต่งหน้าเข้มควบคู่ไปกับการแต่งองค์ทรงเครื่องที่หรูหรา โดยเฉพาะสาวในวัง แต่จริงๆ แล้วนิยามความงามสตรีในยุคสมัยนั้นคือ คิ้วโก่งบาง ไม่แต่งหน้าเข้ม และทาปากอ่อนๆ จึงนับว่าละครเรื่อง <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> เป็นเรื่องที่แต่งหน้าได้ค่อนข้างตรงกับประวัติศาสตร์จริงพอสมควร (เฉพาะเรื่องแต่งหน้านะคะ เรื่องอื่นมีคนเคยวิจารณ์เปรียบเทียบว่ามีผิดเพี้ยนบ้างเหมือนกัน) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.elle.com/tw/entertainment/drama/g35859439/china-drama-the-legend-of-zhenhuan/ https://www.baobuzz.com/info/621726.html https://www.sohu.com/a/253010194_100213042 https://new.qq.com/omn/20200203/20200203A0MHAR00.html https://imod-fms.csu.edu.tw/sysdata/doc/7/716d03a5b1b4e483/pdf.pdf https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_9398854 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://new.qq.com/omn/20200203/20200203A0MHAR00.html https://kknews.cc/fashion/qy55rgb.html http://www.guoxue123.com/biji/qing2/xqoj/014.htm https://zhuanlan.zhihu.com/p/29773775 #ตำหนักเหยียนสี่ #เว่ยอิงหลัว #หรูอี้ #เจินหวน #ราชวงศ์ชิง #แต่งหน้าจีนโบราณ #วัฒนธรรมจีนโบราณ
    WWW.ELLE.COM
    《後宮甄嬛傳》前傳確定開拍!作者親揭《德妃傳》5大看點,比《如懿傳》更值得期待
    繼孫儷《甄嬛傳》、周迅《如懿傳》之後,同系列宮鬥劇又有一部衍生作品啦!
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน: การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ กับการรีดความสามารถผ่านการเขียนโค้ด

    ในยุคปัจจุบัน เกมคอมพิวเตอร์ได้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านกราฟิกที่สมจริงราวกับภาพยนตร์ โลกเปิดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การจำลองฟิสิกส์ขั้นสูงหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าเหล่านี้มาพร้อมกับความต้องการทรัพยากรระบบที่สูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU หรือหน่วยความจำที่ต้องทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกมที่ดีควรพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังเพียงอย่างเดียว หรือควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุด? บทความนี้จะวิเคราะห์ทั้งสองแนวทาง พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และมองไปยังอนาคตของการพัฒนาเกม

    1️⃣ การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่แรงขึ้น
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เช่น GPU และ CPU รุ่นใหม่ ๆ ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่าง NVIDIA RTX ที่รองรับ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้แสง สะท้อน และเงาในเกมสมจริงยิ่งขึ้น หรือ CPU ที่มีจำนวนคอร์และเธรดมากขึ้นเพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน เช่น AI Physics ในเกม AAA (เกมที่มีงบประมาณสูง) ตัวอย่างเช่น Cyberpunk 2077 หรือ Starfield ที่ใช้ทรัพยากรระบบมหาศาลเพื่อสร้างประสบการณ์ภาพที่ตระการตา

    นักพัฒนาเกม AAA มักเลือกแนวทาง “ปล่อยให้ฮาร์ดแวร์จัดการ” โดยอาศัยพลังของเครื่องรุ่นใหม่เพื่อลดความซับซ้อนในการพัฒนา

    ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้คือ:
    - การพัฒนาเกมเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลา optimize มาก
    - สามารถใช้ฟีเจอร์สมัยใหม่ เช่น Ray Tracing หรือ AI-driven NPC
    - กราฟิกที่สวยงามและสมจริง ตรงตามความคาดหวังของผู้เล่น

    ❌ ข้อเสีย:
    - ผู้เล่นที่ใช้เครื่องระดับกลางหรือล่างอาจไม่สามารถเล่นได้ หรือต้องลดกราฟิกลงจนเสียประสบการณ์
    - การใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น อาจทำให้เครื่องร้อนหรือสิ้นเปลืองพลังงาน
    - ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดฮาร์ดแวร์สูงสำหรับผู้เล่น

    2️⃣ การรีดประสิทธิภาพผ่านการเขียนโค้ด
    ในทางตรงกันข้าม การเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพหรือ optimization เป็นหัวใจสำคัญของเกมที่ต้องการให้เล่นได้ลื่นไหลบนเครื่องหลากหลายระดับ เทคนิคที่นิยมใช้ ได้แก่:
    - ลด Draw Calls: ลดจำนวนครั้งที่ GPU ต้องวาดวัตถุในฉาก
    - Occlusion Culling: ตัดการประมวลผลวัตถุที่อยู่นอกมุมมองของผู้เล่น
    - Level of Detail (LOD): ปรับความละเอียดของโมเดลตามระยะห่างจากกล้อง
    - Multithreading: กระจายงานไปยังคอร์ CPU หลายตัวเพื่อประมวลผลพร้อมกัน
    - ตัวอย่างเกมอินดี้ เช่น Hollow Knight หรือ Stardew Valley แสดงให้เห็นว่า การ optimize ที่ดีสามารถสร้างเกมที่ลื่นไหลและสวยงามได้ แม้จะใช้ทรัพยากรน้อย

    ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้:
    - รองรับเครื่องสเปคหลากหลาย ทำให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้น
    - ระหยัดพลังงานและลดความร้อนของเครื่อง
    - มีเสถียรภาพสูง ลดปัญหาค้างหรือกระตุก

    ❌ ข้อเสีย:
    - ใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนานานขึ้น
    - ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ของนักพัฒนาในระดับสูง

    3️⃣ ตัวอย่างเปรียบเทียบ
    ลองเปรียบเทียบเกม AAA เช่น Cyberpunk 2077 ที่ต้องการสเปคสูง (เช่น RTX 3080 เพื่อ Ray Tracing เต็มรูปแบบ) กับเกมอินดี้อย่าง Hollow Knight ที่ใช้ทรัพยากรน้อยแต่ให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม:

    👉 ความลื่นไหล: Cyberpunk 2077 อาจกระตุกบนเครื่องสเปคต่ำ แม้ลดกราฟิกแล้ว ส่วน Hollow Knight ลื่นไหลแม้บนเครื่องเก่า
    👉 ความร้อนของเครื่อง: เกม AAA มักทำให้เครื่องร้อนและพัดลมทำงานหนัก ขณะที่เกมอินดี้ใช้พลังงานน้อยกว่า
    👉 ความเสถียร: เกมที่ optimize ดีมักมีบั๊กน้อยกว่าและรันได้นานโดยไม่ crash

    ประสบการณ์ของผู้เล่นจึงขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเครื่องที่แรงพอหรือไม่ และนักพัฒนาให้ความสำคัญกับ optimization มากน้อยเพียงใด

    4️⃣ สรุปและมุมมองอนาคต
    นักพัฒนาในปัจจุบันต้องเผชิญกับทางเลือกที่ท้าทาย: ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ทรงพลังเพื่อสร้างเกมที่อลังการ หรือทุ่มเทให้กับการ optimize เพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นทุกกลุ่ม? เกมเอนจินอย่าง Unreal Engine และ Unity ช่วยลดช่องว่างนี้ โดยมีเครื่องมือในตัวที่ช่วยทั้งด้านกราฟิกและ optimization เช่น การจัดการ LOD หรือการเรนเดอร์ที่มีประสิทธิภาพ

    ในอนาคต การบาลานซ์ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะสำคัญยิ่งขึ้น นักพัฒนาควรคำนึงถึง ประสบการณ์ของผู้เล่น เป็นหลัก ไม่ใช่แค่กราฟิกที่สวยงาม การ optimize ที่ดีจะช่วยให้เกมเข้าถึงผู้เล่นได้กว้างขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเครื่องใหม่เสมอไป

    ℹ️ℹ️ บทส่งท้าย ℹ️ℹ️
    การพัฒนาเกมในอนาคตไม่ควรยึดติดที่กราฟิกหรือพลังของฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรเน้นที่ ประสบการณ์ที่สมดุล นักพัฒนาควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกมสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลบนเครื่องทุกระดับ สร้างความพึงพอใจให้ผู้เล่นโดยไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ราคาแพง การ optimize ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือกุญแจสู่การสร้างเกมที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
    เกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน: การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ กับการรีดความสามารถผ่านการเขียนโค้ด ในยุคปัจจุบัน เกมคอมพิวเตอร์ได้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านกราฟิกที่สมจริงราวกับภาพยนตร์ โลกเปิดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การจำลองฟิสิกส์ขั้นสูงหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าเหล่านี้มาพร้อมกับความต้องการทรัพยากรระบบที่สูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU หรือหน่วยความจำที่ต้องทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกมที่ดีควรพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังเพียงอย่างเดียว หรือควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุด? บทความนี้จะวิเคราะห์ทั้งสองแนวทาง พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และมองไปยังอนาคตของการพัฒนาเกม 1️⃣ การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่แรงขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เช่น GPU และ CPU รุ่นใหม่ ๆ ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่าง NVIDIA RTX ที่รองรับ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้แสง สะท้อน และเงาในเกมสมจริงยิ่งขึ้น หรือ CPU ที่มีจำนวนคอร์และเธรดมากขึ้นเพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน เช่น AI Physics ในเกม AAA (เกมที่มีงบประมาณสูง) ตัวอย่างเช่น Cyberpunk 2077 หรือ Starfield ที่ใช้ทรัพยากรระบบมหาศาลเพื่อสร้างประสบการณ์ภาพที่ตระการตา นักพัฒนาเกม AAA มักเลือกแนวทาง “ปล่อยให้ฮาร์ดแวร์จัดการ” โดยอาศัยพลังของเครื่องรุ่นใหม่เพื่อลดความซับซ้อนในการพัฒนา ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้คือ: - การพัฒนาเกมเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลา optimize มาก - สามารถใช้ฟีเจอร์สมัยใหม่ เช่น Ray Tracing หรือ AI-driven NPC - กราฟิกที่สวยงามและสมจริง ตรงตามความคาดหวังของผู้เล่น ❌ ข้อเสีย: - ผู้เล่นที่ใช้เครื่องระดับกลางหรือล่างอาจไม่สามารถเล่นได้ หรือต้องลดกราฟิกลงจนเสียประสบการณ์ - การใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น อาจทำให้เครื่องร้อนหรือสิ้นเปลืองพลังงาน - ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดฮาร์ดแวร์สูงสำหรับผู้เล่น 2️⃣ การรีดประสิทธิภาพผ่านการเขียนโค้ด ในทางตรงกันข้าม การเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพหรือ optimization เป็นหัวใจสำคัญของเกมที่ต้องการให้เล่นได้ลื่นไหลบนเครื่องหลากหลายระดับ เทคนิคที่นิยมใช้ ได้แก่: - ลด Draw Calls: ลดจำนวนครั้งที่ GPU ต้องวาดวัตถุในฉาก - Occlusion Culling: ตัดการประมวลผลวัตถุที่อยู่นอกมุมมองของผู้เล่น - Level of Detail (LOD): ปรับความละเอียดของโมเดลตามระยะห่างจากกล้อง - Multithreading: กระจายงานไปยังคอร์ CPU หลายตัวเพื่อประมวลผลพร้อมกัน - ตัวอย่างเกมอินดี้ เช่น Hollow Knight หรือ Stardew Valley แสดงให้เห็นว่า การ optimize ที่ดีสามารถสร้างเกมที่ลื่นไหลและสวยงามได้ แม้จะใช้ทรัพยากรน้อย ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้: - รองรับเครื่องสเปคหลากหลาย ทำให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้น - ระหยัดพลังงานและลดความร้อนของเครื่อง - มีเสถียรภาพสูง ลดปัญหาค้างหรือกระตุก ❌ ข้อเสีย: - ใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนานานขึ้น - ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ของนักพัฒนาในระดับสูง 3️⃣ ตัวอย่างเปรียบเทียบ ลองเปรียบเทียบเกม AAA เช่น Cyberpunk 2077 ที่ต้องการสเปคสูง (เช่น RTX 3080 เพื่อ Ray Tracing เต็มรูปแบบ) กับเกมอินดี้อย่าง Hollow Knight ที่ใช้ทรัพยากรน้อยแต่ให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม: 👉 ความลื่นไหล: Cyberpunk 2077 อาจกระตุกบนเครื่องสเปคต่ำ แม้ลดกราฟิกแล้ว ส่วน Hollow Knight ลื่นไหลแม้บนเครื่องเก่า 👉 ความร้อนของเครื่อง: เกม AAA มักทำให้เครื่องร้อนและพัดลมทำงานหนัก ขณะที่เกมอินดี้ใช้พลังงานน้อยกว่า 👉 ความเสถียร: เกมที่ optimize ดีมักมีบั๊กน้อยกว่าและรันได้นานโดยไม่ crash ประสบการณ์ของผู้เล่นจึงขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเครื่องที่แรงพอหรือไม่ และนักพัฒนาให้ความสำคัญกับ optimization มากน้อยเพียงใด 4️⃣ สรุปและมุมมองอนาคต นักพัฒนาในปัจจุบันต้องเผชิญกับทางเลือกที่ท้าทาย: ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ทรงพลังเพื่อสร้างเกมที่อลังการ หรือทุ่มเทให้กับการ optimize เพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นทุกกลุ่ม? เกมเอนจินอย่าง Unreal Engine และ Unity ช่วยลดช่องว่างนี้ โดยมีเครื่องมือในตัวที่ช่วยทั้งด้านกราฟิกและ optimization เช่น การจัดการ LOD หรือการเรนเดอร์ที่มีประสิทธิภาพ ในอนาคต การบาลานซ์ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะสำคัญยิ่งขึ้น นักพัฒนาควรคำนึงถึง ประสบการณ์ของผู้เล่น เป็นหลัก ไม่ใช่แค่กราฟิกที่สวยงาม การ optimize ที่ดีจะช่วยให้เกมเข้าถึงผู้เล่นได้กว้างขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเครื่องใหม่เสมอไป ℹ️ℹ️ บทส่งท้าย ℹ️ℹ️ การพัฒนาเกมในอนาคตไม่ควรยึดติดที่กราฟิกหรือพลังของฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรเน้นที่ ประสบการณ์ที่สมดุล นักพัฒนาควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกมสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลบนเครื่องทุกระดับ สร้างความพึงพอใจให้ผู้เล่นโดยไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ราคาแพง การ optimize ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือกุญแจสู่การสร้างเกมที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ภาพวาด 24 กตัญญู**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’

    ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย

    เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง

    24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ):

    1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

    2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา

    3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป

    4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป

    5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ

    6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก

    7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม

    8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา

    9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง

    10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา

    11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น

    12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป

    13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้

    14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว

    15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป

    16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน

    17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย

    18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย

    19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย

    20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด

    21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่

    22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย

    23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ

    24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน

    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm
    http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html

    #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ภาพวาด 24 กตัญญู** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’ ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง 24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ): 1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป 2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา 3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป 4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป 5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ 6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก 7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม 8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา 9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง 10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา 11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น 12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป 13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้ 14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว 15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป 16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน 17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย 18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย 19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย 20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด 21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่ 22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย 23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ 24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00 http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    NEWS.QQ.COM
    《九重紫》暴露了他好身材,长相人畜无害,却脱衣有肉穿衣显瘦_腾讯新闻
    由孟子义、李昀锐主演的电视剧《九重紫》,自开播以来,热度迅速攀升,播到15集,站内热度破了29000,有望展望30000了。 这个成绩在今年古装剧中是相当牛了,要知道,腾讯今年的古装剧热度....
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง
    ----------------------------
    สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า
    นี่เป็นคำพยากรณ์...
    .
    อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น
    .
    แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น..
    .
    ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน.
    .
    เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
    และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง
    .
    คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง.
    .
    วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า
    .
    สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง..
    .
    ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ
    .
    ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป"..
    .
    งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ.
    .
    กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย.
    .
    ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้..
    .
    แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง
    .
    แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง.
    .
    นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป!
    .
    หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง
    .
    ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค.
    .
    นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต
    นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร?
    .
    ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น..
    .
    หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้.
    .
    แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา
    .
    พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย
    มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
    .
    ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา -
    .
    อัพเดทข้อมูลในปี 2566
    --------------------------
    - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ
    - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่
    - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก
    --------------------------
    บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง ---------------------------- สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า นี่เป็นคำพยากรณ์... . อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น . แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น.. . ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน. . เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง . คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง. . วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า . สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง.. . ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ . ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป".. . งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ. . กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย. . ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้.. . แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง . แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง. . นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป! . หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง . ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค. . นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร? . ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น.. . หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้. . แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา . พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด . ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - . อัพเดทข้อมูลในปี 2566 -------------------------- - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก --------------------------
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报)
    ความมีอยู่ว่า
    ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว”
    หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง

    คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา

    เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด?

    ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ

    จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ

    ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ

    ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน

    จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ

    ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

    ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html
    https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html
    http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml
    http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm
    https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html

    #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报) ความมีอยู่ว่า ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว” หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด? ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 419 มุมมอง 0 รีวิว
  • โอกาสที่ทักษิณกลับไปติดคุกสูง

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000050199
    โอกาสที่ทักษิณกลับไปติดคุกสูง บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000050199
    MGRONLINE.COM
    โอกาสที่ทักษิณกลับไปติดคุกสูง
    ทักษิณจะกลับมาติดคุกหรือไม่ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีความสงสัยเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของการบังคับโทษและสั่งให้ดำเนินการไต่สวนด้วยตนเองเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการบังคับโทษของทักษิณนั้นชอบหรือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล
    .
    คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี
    .
    พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม
    .
    โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม?
    .
    ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง?
    .
    แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา)
    .
    โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา...
    .
    มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน
    .
    - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น
    - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง
    .
    - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ
    - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า
    .
    อธิบายสักรอบ..
    .
    เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป..
    .
    ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้
    .
    ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง
    .
    นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น
    .
    พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้
    .
    ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย
    .
    ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม
    .
    ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้
    .
    ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด
    .
    ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล . คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี . พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม . โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม? . ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง? . แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา) . โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา... . มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน . - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง . - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า . อธิบายสักรอบ.. . เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป.. . ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้ . ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง . นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น . พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้ . ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย . ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม . ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้ . ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด . ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้ . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอปโกงด้วย AI กำลังแพร่หลาย – ควรหยุดถกเถียงเรื่องจริยธรรมหรือไม่?

    บทความนี้กล่าวถึง การใช้ AI เพื่อโกงในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การสัมภาษณ์งาน, การสอบ และการขายสินค้า โดยมีกรณีของ นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่ถูกพักการเรียนหลังจากพัฒนาแอปโกงด้วย AI ซึ่งสามารถ ช่วยให้ผู้ใช้โกงข้อสอบและการสัมภาษณ์งานผ่านหน้าต่างลับในเบราว์เซอร์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแอปโกงด้วย AI
    ✅ นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียถูกพักการเรียนหลังจากพัฒนาแอปโกงด้วย AI
    - แอปนี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโกงข้อสอบ, การสัมภาษณ์งาน และการขายสินค้า

    ✅ แอปใช้หน้าต่างลับในเบราว์เซอร์ที่ผู้สัมภาษณ์หรือผู้คุมสอบมองไม่เห็น
    - ทำให้ สามารถใช้ AI ตอบคำถามแบบเรียลไทม์โดยไม่มีใครจับได้

    ✅ นักศึกษารายนี้สามารถระดมทุนได้กว่า 5.3 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุน
    - แม้ว่าแอปจะมีข้อบกพร่อง แต่แนวคิดของ "Cheating as a Service" กำลังได้รับความสนใจ

    ✅ การใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ AI ทำให้การโกงง่ายขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น
    - เช่นเดียวกับ การใช้หนังสือเปิดในข้อสอบที่อาจนำไปสู่การโกงในรูปแบบอื่น ๆ

    ✅ ผลสำรวจพบว่า 90% ของนักศึกษามหาวิทยาลัยใช้ AI ช่วยทำการบ้านตั้งแต่ปี 2023
    - แสดงให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการศึกษา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/27/opinion-ai-cheating-apps-are-already-here---lets-not-argue-about-ethics
    แอปโกงด้วย AI กำลังแพร่หลาย – ควรหยุดถกเถียงเรื่องจริยธรรมหรือไม่? บทความนี้กล่าวถึง การใช้ AI เพื่อโกงในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การสัมภาษณ์งาน, การสอบ และการขายสินค้า โดยมีกรณีของ นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่ถูกพักการเรียนหลังจากพัฒนาแอปโกงด้วย AI ซึ่งสามารถ ช่วยให้ผู้ใช้โกงข้อสอบและการสัมภาษณ์งานผ่านหน้าต่างลับในเบราว์เซอร์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแอปโกงด้วย AI ✅ นักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบียถูกพักการเรียนหลังจากพัฒนาแอปโกงด้วย AI - แอปนี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโกงข้อสอบ, การสัมภาษณ์งาน และการขายสินค้า ✅ แอปใช้หน้าต่างลับในเบราว์เซอร์ที่ผู้สัมภาษณ์หรือผู้คุมสอบมองไม่เห็น - ทำให้ สามารถใช้ AI ตอบคำถามแบบเรียลไทม์โดยไม่มีใครจับได้ ✅ นักศึกษารายนี้สามารถระดมทุนได้กว่า 5.3 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุน - แม้ว่าแอปจะมีข้อบกพร่อง แต่แนวคิดของ "Cheating as a Service" กำลังได้รับความสนใจ ✅ การใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ AI ทำให้การโกงง่ายขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น - เช่นเดียวกับ การใช้หนังสือเปิดในข้อสอบที่อาจนำไปสู่การโกงในรูปแบบอื่น ๆ ✅ ผลสำรวจพบว่า 90% ของนักศึกษามหาวิทยาลัยใช้ AI ช่วยทำการบ้านตั้งแต่ปี 2023 - แสดงให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการศึกษา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/27/opinion-ai-cheating-apps-are-already-here---lets-not-argue-about-ethics
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ประเทศอื่นเขาเจอหิมะตก Storyฯ เลยอยากชวนคุยเกี่ยวกับหนึ่งในวิธีที่ทำให้อุ่นในสมัยโบราณ ซึ่งก็คือวางเตาถ่านไว้ในห้องใกล้ตัว แต่เกิดความเอ๊ะเกี่ยวกับถ่านที่มีชื่อว่า ‘ถ่านหงหลัว’ (红箩炭)

    ความมีอยู่ว่า
    ฮ่องเต้ตรัสด้วยสุรเสียงเอื่อย ราวกับว่ากำลังรับสั่งถึงเรื่องที่ไม่สำคัญ “อันใด? เราจำได้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อเริ่มหนาวก็ได้สั่งเจ้าไว้แล้วว่า ในวังนี้มีแต่เพียงไห่ฉางจ้ายและหว่านตาอิ้งไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้ ยังกังวลว่าถ่านดำจะมีควันรบกวนพวกนาง...ของไห่ฉางจ้ายให้เจ้าเจียดจากตำหนักเจ้าให้นาง...”
    - จากเรื่อง <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> ผู้แต่ง หลิวเลี่ยนจื่อ
    (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    บทความข้างต้นเป็นเรื่องราวในสมัยขององค์เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง กล่าวถึงเรื่องที่พระสนมไห่หลันถูกกล่าวหาว่าขโมยถ่านหงหลัว และจากบทความจะเห็นว่าพระสนมระดับล่างอย่างฉางจ้ายและตาอิ้งจะไม่มีสิทธิ์ใช้ถ่านชนิดนี้

    ถ่านหงหลัวคืออะไร Storyฯ หาชื่อแปลเป็นไทยไม่มี ขออธิบายลักษณะของมันว่าเป็นถ่านที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง โดยไม้เนื้อแข็งดังกล่าวต้องเป็นไม้จากแถบดินแดนตอนเหนือ (มณฑลเหอเป่ย) ไม่ไกลจากนครปักกิ่ง เช่นจัวโจว ทงโจว จี้โจว ฯลฯ ไม้เหล่านี้จะถูกตัดเป็นท่อนสม่ำเสมอ เผาจนกลายเป็นถ่าน บรรจุไว้ในตะกร้าเคลือบด้วยดินแดง (เป็นที่มาของชื่อว่า ‘หงหลัว’ ซึ่งแปลตรงตัวว่าเคลือบด้วยสีแดง) ก่อนจะลำเลียงส่งไปเมืองหลวง ในนครปักกิ่งมีถนนสายหนึ่งเรียกว่า ‘ถนนต้าหงหลัวฉ่าง’ (大红罗厂街) มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์หมิง เป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงถ่านนี้เข้าวัง (ดูรูปแรกขวาล่าง)

    คุณสมบัติเด่นของถ่านหงหลัวก็คือ เผาได้นาน ไม่มีควัน เถ้าไม่กระจายและไม่แตก และในตอนเผายังมีกลิ่นหอมจาง

    ถ่าน เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการกำกับดูแลมาหลายยุคสมัยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ในวังยังมีกองกรมรับผิดชอบการเก็บและจัดสรรถ่าน ถ่านหงหลัวเป็นถ่านที่ผลิตได้ในปริมาณที่น้อยและด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของมัน จึงมีการจำกัดการใช้งาน จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยขององค์เฉียนหลงฮ่องเต้นั้น ทุกตำหนักในวังจะได้รับการจัดสรรถ่านในปริมาณที่ต่างกันไปตามยศศักดิ์และฤดูกาล รายละเอียด Storyฯ รวบรวมเป็นตารางให้ดูในรูปที่สองสำหรับวังหลัง จะเห็นว่า ฉางจ้าย และ ตาอิ้ง ซึ่งเป็นสนมระดับล่างสุดจะไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้เลย

    ใครได้ติดตามนิยาย/ละครเรื่องนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นแล้วนะคะว่า ทำไมแค่เรื่องถ่าน ในวังหลังยังเอามาเป็นเหตุการต่อสู้ทางอำนาจกันได้

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.uni-hankyu.com.tw/huaxu/153491887715333.html
    http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570
    https://www.xuehua.us/a/5eb6fd5186ec4d0bd8cbf5f9
    https://www.gushiciku.cn/dl/0f0zv/zh-hk

    #หรูอี้ #ไห่หลัน #ถ่านหงหลัว #ราชวงศ์ชิง #จีนโบราณ #สู้ความหนาว #ถ่านจีน #ถ่านในวัง #ถ่าน
    ตอนนี้ประเทศอื่นเขาเจอหิมะตก Storyฯ เลยอยากชวนคุยเกี่ยวกับหนึ่งในวิธีที่ทำให้อุ่นในสมัยโบราณ ซึ่งก็คือวางเตาถ่านไว้ในห้องใกล้ตัว แต่เกิดความเอ๊ะเกี่ยวกับถ่านที่มีชื่อว่า ‘ถ่านหงหลัว’ (红箩炭) ความมีอยู่ว่า ฮ่องเต้ตรัสด้วยสุรเสียงเอื่อย ราวกับว่ากำลังรับสั่งถึงเรื่องที่ไม่สำคัญ “อันใด? เราจำได้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อเริ่มหนาวก็ได้สั่งเจ้าไว้แล้วว่า ในวังนี้มีแต่เพียงไห่ฉางจ้ายและหว่านตาอิ้งไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้ ยังกังวลว่าถ่านดำจะมีควันรบกวนพวกนาง...ของไห่ฉางจ้ายให้เจ้าเจียดจากตำหนักเจ้าให้นาง...” - จากเรื่อง <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> ผู้แต่ง หลิวเลี่ยนจื่อ (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) บทความข้างต้นเป็นเรื่องราวในสมัยขององค์เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง กล่าวถึงเรื่องที่พระสนมไห่หลันถูกกล่าวหาว่าขโมยถ่านหงหลัว และจากบทความจะเห็นว่าพระสนมระดับล่างอย่างฉางจ้ายและตาอิ้งจะไม่มีสิทธิ์ใช้ถ่านชนิดนี้ ถ่านหงหลัวคืออะไร Storyฯ หาชื่อแปลเป็นไทยไม่มี ขออธิบายลักษณะของมันว่าเป็นถ่านที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง โดยไม้เนื้อแข็งดังกล่าวต้องเป็นไม้จากแถบดินแดนตอนเหนือ (มณฑลเหอเป่ย) ไม่ไกลจากนครปักกิ่ง เช่นจัวโจว ทงโจว จี้โจว ฯลฯ ไม้เหล่านี้จะถูกตัดเป็นท่อนสม่ำเสมอ เผาจนกลายเป็นถ่าน บรรจุไว้ในตะกร้าเคลือบด้วยดินแดง (เป็นที่มาของชื่อว่า ‘หงหลัว’ ซึ่งแปลตรงตัวว่าเคลือบด้วยสีแดง) ก่อนจะลำเลียงส่งไปเมืองหลวง ในนครปักกิ่งมีถนนสายหนึ่งเรียกว่า ‘ถนนต้าหงหลัวฉ่าง’ (大红罗厂街) มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์หมิง เป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงถ่านนี้เข้าวัง (ดูรูปแรกขวาล่าง) คุณสมบัติเด่นของถ่านหงหลัวก็คือ เผาได้นาน ไม่มีควัน เถ้าไม่กระจายและไม่แตก และในตอนเผายังมีกลิ่นหอมจาง ถ่าน เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการกำกับดูแลมาหลายยุคสมัยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ในวังยังมีกองกรมรับผิดชอบการเก็บและจัดสรรถ่าน ถ่านหงหลัวเป็นถ่านที่ผลิตได้ในปริมาณที่น้อยและด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของมัน จึงมีการจำกัดการใช้งาน จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยขององค์เฉียนหลงฮ่องเต้นั้น ทุกตำหนักในวังจะได้รับการจัดสรรถ่านในปริมาณที่ต่างกันไปตามยศศักดิ์และฤดูกาล รายละเอียด Storyฯ รวบรวมเป็นตารางให้ดูในรูปที่สองสำหรับวังหลัง จะเห็นว่า ฉางจ้าย และ ตาอิ้ง ซึ่งเป็นสนมระดับล่างสุดจะไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้เลย ใครได้ติดตามนิยาย/ละครเรื่องนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นแล้วนะคะว่า ทำไมแค่เรื่องถ่าน ในวังหลังยังเอามาเป็นเหตุการต่อสู้ทางอำนาจกันได้ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.uni-hankyu.com.tw/huaxu/153491887715333.html http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570 https://www.xuehua.us/a/5eb6fd5186ec4d0bd8cbf5f9 https://www.gushiciku.cn/dl/0f0zv/zh-hk #หรูอี้ #ไห่หลัน #ถ่านหงหลัว #ราชวงศ์ชิง #จีนโบราณ #สู้ความหนาว #ถ่านจีน #ถ่านในวัง #ถ่าน
    係?如懿傳海蘭是好人還是壞人?海蘭和如懿是什麼關係?由周迅、霍建華領銜主演的古裝清宮劇《如懿傳》正在騰訊視頻熱播中,雖然目前該劇收視並不理想,但依然還是值得追的,畢竟都是實力派演員出演,如懿傳劇情中出現了很多的人物,雖然是後宮嬪妃都是爭寵,但是也有著關係非常好的人,那么海蘭是好人還是壞人?海蘭和如懿是什麼關係?下面就來看看吧。如懿傳海蘭是好人還是壞人?海蘭和
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง

    ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล

    ChatGPT in the ASEAN Market

    Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent.

    In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users.

    Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics.

    To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups.

    Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment.

    Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล ChatGPT in the ASEAN Market Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent. In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users. Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics. To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups. Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment. Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต

    แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะมีแผนจัดการวิกฤตอยู่แล้ว แต่การนำทีมผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินต้องอาศัยมากกว่าขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยบทความนี้นำเสนอ 7 กฎสำคัญที่ช่วยให้ผู้นำสามารถจัดการวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    🔍 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต
    ✅ ความยืดหยุ่นต้องมาพร้อมกับความสงบ ไม่ใช่ความเงียบ
    - ผู้นำต้อง แจ้งข้อมูลให้ทีมและลูกค้าทราบอย่างตรงไปตรงมา
    - การปิดบังข้อมูล ทำให้เกิดความสับสนและความไม่ไว้วางใจ

    ✅ แนวคิดเชิงรุกช่วยให้ทีมเรียนรู้ร่วมกัน
    - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยลดความสับสนและสร้างความมั่นใจ
    - การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง

    ✅ การสื่อสารที่เปิดเผยทำให้ทีมมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา
    - การตอบสนองแบบปิดกั้น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ
    - การแจ้งปัญหาอย่างรวดเร็ว ช่วยรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร

    ✅ ความโปร่งใสและการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาสร้างความไว้วางใจ
    - การซ่อนปัญหา ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
    - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยให้ทีมสามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น

    ✅ ทีมที่อยู่ภายใต้ความกดดันต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง
    - หากผู้นำไม่มีความมั่นคง ทีมจะเกิดความสับสนและตัดสินใจผิดพลาด
    - ความไว้วางใจในผู้นำ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการวิกฤต

    ✅ องค์กรที่เตรียมพร้อมสามารถรับมือกับแรงกดดันได้ดีขึ้น
    - การกำหนดบทบาทล่วงหน้า ช่วยให้ทีมสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
    - การฝึกซ้อมเป็นประจำ ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ

    ✅ การตัดสินใจต้องอาศัยข้อมูลที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่ความเร่งด่วน
    - การตอบสนองโดยไม่มีข้อมูล อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง
    - การใช้ข้อมูลข่าวกรองช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.csoonline.com/article/3992768/the-7-unwritten-rules-of-leading-through-crisis.html
    7 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะมีแผนจัดการวิกฤตอยู่แล้ว แต่การนำทีมผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินต้องอาศัยมากกว่าขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยบทความนี้นำเสนอ 7 กฎสำคัญที่ช่วยให้ผู้นำสามารถจัดการวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔍 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต ✅ ความยืดหยุ่นต้องมาพร้อมกับความสงบ ไม่ใช่ความเงียบ - ผู้นำต้อง แจ้งข้อมูลให้ทีมและลูกค้าทราบอย่างตรงไปตรงมา - การปิดบังข้อมูล ทำให้เกิดความสับสนและความไม่ไว้วางใจ ✅ แนวคิดเชิงรุกช่วยให้ทีมเรียนรู้ร่วมกัน - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยลดความสับสนและสร้างความมั่นใจ - การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง ✅ การสื่อสารที่เปิดเผยทำให้ทีมมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา - การตอบสนองแบบปิดกั้น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ - การแจ้งปัญหาอย่างรวดเร็ว ช่วยรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร ✅ ความโปร่งใสและการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาสร้างความไว้วางใจ - การซ่อนปัญหา ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยให้ทีมสามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น ✅ ทีมที่อยู่ภายใต้ความกดดันต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง - หากผู้นำไม่มีความมั่นคง ทีมจะเกิดความสับสนและตัดสินใจผิดพลาด - ความไว้วางใจในผู้นำ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการวิกฤต ✅ องค์กรที่เตรียมพร้อมสามารถรับมือกับแรงกดดันได้ดีขึ้น - การกำหนดบทบาทล่วงหน้า ช่วยให้ทีมสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว - การฝึกซ้อมเป็นประจำ ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ ✅ การตัดสินใจต้องอาศัยข้อมูลที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่ความเร่งด่วน - การตอบสนองโดยไม่มีข้อมูล อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง - การใช้ข้อมูลข่าวกรองช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.csoonline.com/article/3992768/the-7-unwritten-rules-of-leading-through-crisis.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 7 unwritten rules of leading through crisis
    Your crisis management playbook may look fail-proof on paper, but leadership and culture offer intangibles that can make or break execution when emergency strikes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26 พฤษภาคม 2568
    ครบรอบ 6 ปี การถึงแก่อสัญกรรมของ "ป๋าเปรม" ฯพณฯ รัฐบุรุษ

    ด้วยความระลึกถึงท่าน และความที่ท่านเป็นสัญลักษณ์ของ "การต้านโกง" มาอย่างยาวนาน ผมจึงขอนำบทความที่เคยเขียนไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาให้ได้อ่านกันอีกครั้งหนึ่งครับ

    ---------

    "...อีกประเด็นสำคัญที่อาจารย์ Shimomura ได้ชี้ให้เห็นก็คือ รัฐบาลป๋าเปรมดำเนินโครงการ Eastern Seaboard จนสำเร็จได้โดย "ปราศจากการทุจริต" แม้องค์กรระหว่างประเทศจะเคยประเมินว่า คะแนนด้านธรรมาภิบาลของไทยไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน ในช่วงต้นทศวรรษ 1980

    คำถามคือ รัฐบาลป๋าเปรม ดำเนินโครงการ Eastern Seaboard ให้สำเร็จ โดยปราศจากการทุจริตมาได้อย่างไร?..."

    ---------

    อ่านต่อ
    https://sites.google.com/view/weerapat-articles/homepage/thai-econ-history/special-ep
    26 พฤษภาคม 2568 ครบรอบ 6 ปี การถึงแก่อสัญกรรมของ "ป๋าเปรม" ฯพณฯ รัฐบุรุษ ด้วยความระลึกถึงท่าน และความที่ท่านเป็นสัญลักษณ์ของ "การต้านโกง" มาอย่างยาวนาน ผมจึงขอนำบทความที่เคยเขียนไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาให้ได้อ่านกันอีกครั้งหนึ่งครับ --------- "...อีกประเด็นสำคัญที่อาจารย์ Shimomura ได้ชี้ให้เห็นก็คือ รัฐบาลป๋าเปรมดำเนินโครงการ Eastern Seaboard จนสำเร็จได้โดย "ปราศจากการทุจริต" แม้องค์กรระหว่างประเทศจะเคยประเมินว่า คะแนนด้านธรรมาภิบาลของไทยไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 คำถามคือ รัฐบาลป๋าเปรม ดำเนินโครงการ Eastern Seaboard ให้สำเร็จ โดยปราศจากการทุจริตมาได้อย่างไร?..." --------- อ่านต่อ https://sites.google.com/view/weerapat-articles/homepage/thai-econ-history/special-ep
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts