• ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    ปฏิทินผักตามฤดูกาล: เคล็ดลับเลือกผักให้เหมาะกับช่วงเวลาการเลือกผักตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะเราจะได้ผักที่สดใหม่ เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติที่ดีที่สุด!ฤดูร้อน: • แนะนำผักที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศร้อน เช่น แตงกวา, บวบ, ฟักฤดูฝน: • ช่วงนี้เหมาะกับผักใบที่ชอบน้ำ เช่น ผักบุ้ง, คะน้า, ถั่วฝักยาวฤดูหนาว: • ฤดูนี้ปลูกผักได้หลากหลาย โดยเฉพาะผักที่ชอบอากาศเย็น เช่น กะหล่ำปลี, ผักชี, ผักกาดขาว, ขึ้นฉ่ายข้อดีของการปลูกผักตามฤดูกาล: 1. ลดการใช้สารเคมี เพราะผักเติบโตตามธรรมชาติ 2. ประหยัดต้นทุน ลดค่าแรงและการดูแลรักษา 3. เพิ่มรายได้ เพราะผักที่มีคุณภาพดีย่อมขายได้ราคาสูงลองเลือกปลูกผักตามฤดูกาลที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพอากาศ แล้วเราจะได้ผลผลิตที่คุ้มค่าและยั่งยืน! 🌱#เกษตรน้อย #ร้านเกษตรน้อย #ผักตามฤดูกาล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง////////////////////วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง" และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่า มีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดเป็นฝนตกได้ ดังนั้น ตั้งแต่พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราชหฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้า กระทั่งในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก ต่อมา ได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
    14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง////////////////////วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้น วิจัย หาวิธีการทำฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 เฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ในฐานะทรงเป็น "พระบิดาแห่งฝนหลวง" และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และจารึกไว้เป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ โครงการพระราชดำริฝนหลวง เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทำให้ทรงพบเห็นว่า ภาวะแห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นตามลำดับ เพราะการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสาเหตุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน ทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสังเกตเห็นว่า มีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดเป็นฝนตกได้ ดังนั้น ตั้งแต่พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราชหฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้า กระทั่งในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก ต่อมา ได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่20ตุลาคมนี้ ให้ข้อมูลความรู้ปรากฏการณ์เมฆระเบิด กรณีอุทกภัยจากฝนตกหนักที่พื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เนื้อหาดังต่อไปนี้

    เมฆระเบิด(Cloudburst) ทำให้เกิดฝนกระ หน่ำ(RainBomb)หนัก จะเกิดขึ้นบ่อยที่ประเทศไทยในทุกฤดูฝน

    1.กรณีที่เกิดฝนตกอย่างหนัก4ชั่วโมงริมเชิงเขา เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมหนักในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เกิดความเสียหายมหาศาลอาจเกิดมาจากปรากฎการณ์ CloudburstและRain Bomb

    2 สภาวะการเกิดเมฆระเบิด (Cloudburst)
    ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ใกล้เชิงเขาในกรณีที่อากาศบนพื้นดินและอากาศบนยอดเขามีอุณหภูมิที่แตกต่างกันค่อนข้างมากทำให้อากาศร้อนหรือมวลความกดอากาศต่ำที่อยู่ใกล้เชิงเขาจะพัดเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งไปยังยอดเขาซึ่งมีอากาศเย็นกว่าอย่างกะ ทันหัน ทำให้สภาพภูมิอากาศใกล้พื้นโลกเย็นลงอย่างรวดเร็ว เกิดความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นและความชื้นรวมตัวกันเป็นเมฆฝนมากขึ้น นอกจากนี้ลมที่พัดในแนวราบได้พัดพานำเมฆที่กระจัดกระจายมารวมกันอยู่ที่เชิงเขารวมตัวกันเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่มีความชื้นสูง เมื่อมีมวลอากาศเย็นจากมหา สมุทรพัดหรือจากแผ่นดินใหญ่พัดเข้ามาปะทะจึงทำให้เกิดปรากฎการณ์เมฆระเบิดเกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และกลายเป็นฝนที่ตกลงมากระหน่ำหรือRain Bombทำอาจให้เกิดน้ำท่วมอย่างกะทันหันได้

    3.จากนี้เป็นต้นไปการเกิดเมฆระเบิด และการเกิดฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้น ที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศต่างกันเช่น เป็นภูเขาสูงที่มีป่าไม้หนาแน่นหรือในเมืองที่มีตึกและอาคารค่อนข้างสูงจะทำ ให้อุณหภูมิระหว่างพื้นดินกับระดับความสูงขึ้นไปเกิดความแตกต่างกันมากขึ้น การเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวจะคาดการณ์ได้ค่อนข้างยากเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่รุน แรงขึ้นทำให้เกิดอากาศแปรปรวนและทำ ให้น้ำในมหาสมุทรและทะเลระเหยขึ้นไปรวมกันเป็นความชื้นในอากาศมากกว่าปรก ติ นอกจากนี้ยังทำให้อุณหภูมิเกิดความแตกต่างกันมากขึ้นระหว่างระดับพื้นดินและระดับที่สูงขึ้นไป ดังนั้นการเกิดสภาวะเมฆระเบิดและฝนตกกระหน่ำจึงคาดเดาได้ยากแต่มักจะเกิดในช่วงที่มีร่องมรสุมความกดอากาศต่ำพัดผ่านและช่วงที่มวล อากาศเย็นพัดจากแผ่นดินใหญ่หรือทะเลมหาสมุทรมาปะทะ

    4. คาดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนมวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจากแผ่นดินใหญ่จะพัดลงมารุนแรงมากขึ้นและร่องมร สุมจะเคลื่อนที่ลงสู่ภาคใต้ตอนล่างจะทำ ให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดลดน้อลง..แต่มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาซึ่งเป็นความกดอากาศสูงจะกดทับอากาศบนพื้นโลกไว้ ทำให้การระบายอากาศ จากแหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆบนพื้นโลกในแนวดิ่งจะระบายได้น้อยลง ..ฝุ่น PM2.5 จะเริ่มกลับมา..

    ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02PiJQCYxCAuMQ8nxg2gUkukfixV5TA7Zz4iC2SQShyvBeXdgwH5bK8JVqpUqefBQUl&id=100000260097650

    #Thaitimes
    ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่20ตุลาคมนี้ ให้ข้อมูลความรู้ปรากฏการณ์เมฆระเบิด กรณีอุทกภัยจากฝนตกหนักที่พื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เนื้อหาดังต่อไปนี้ เมฆระเบิด(Cloudburst) ทำให้เกิดฝนกระ หน่ำ(RainBomb)หนัก จะเกิดขึ้นบ่อยที่ประเทศไทยในทุกฤดูฝน 1.กรณีที่เกิดฝนตกอย่างหนัก4ชั่วโมงริมเชิงเขา เกิดน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมหนักในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เกิดความเสียหายมหาศาลอาจเกิดมาจากปรากฎการณ์ CloudburstและRain Bomb 2 สภาวะการเกิดเมฆระเบิด (Cloudburst) ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ใกล้เชิงเขาในกรณีที่อากาศบนพื้นดินและอากาศบนยอดเขามีอุณหภูมิที่แตกต่างกันค่อนข้างมากทำให้อากาศร้อนหรือมวลความกดอากาศต่ำที่อยู่ใกล้เชิงเขาจะพัดเคลื่อนที่ขึ้นในแนวดิ่งไปยังยอดเขาซึ่งมีอากาศเย็นกว่าอย่างกะ ทันหัน ทำให้สภาพภูมิอากาศใกล้พื้นโลกเย็นลงอย่างรวดเร็ว เกิดความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นและความชื้นรวมตัวกันเป็นเมฆฝนมากขึ้น นอกจากนี้ลมที่พัดในแนวราบได้พัดพานำเมฆที่กระจัดกระจายมารวมกันอยู่ที่เชิงเขารวมตัวกันเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่มีความชื้นสูง เมื่อมีมวลอากาศเย็นจากมหา สมุทรพัดหรือจากแผ่นดินใหญ่พัดเข้ามาปะทะจึงทำให้เกิดปรากฎการณ์เมฆระเบิดเกิดการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และกลายเป็นฝนที่ตกลงมากระหน่ำหรือRain Bombทำอาจให้เกิดน้ำท่วมอย่างกะทันหันได้ 3.จากนี้เป็นต้นไปการเกิดเมฆระเบิด และการเกิดฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้น ที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศต่างกันเช่น เป็นภูเขาสูงที่มีป่าไม้หนาแน่นหรือในเมืองที่มีตึกและอาคารค่อนข้างสูงจะทำ ให้อุณหภูมิระหว่างพื้นดินกับระดับความสูงขึ้นไปเกิดความแตกต่างกันมากขึ้น การเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวจะคาดการณ์ได้ค่อนข้างยากเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่รุน แรงขึ้นทำให้เกิดอากาศแปรปรวนและทำ ให้น้ำในมหาสมุทรและทะเลระเหยขึ้นไปรวมกันเป็นความชื้นในอากาศมากกว่าปรก ติ นอกจากนี้ยังทำให้อุณหภูมิเกิดความแตกต่างกันมากขึ้นระหว่างระดับพื้นดินและระดับที่สูงขึ้นไป ดังนั้นการเกิดสภาวะเมฆระเบิดและฝนตกกระหน่ำจึงคาดเดาได้ยากแต่มักจะเกิดในช่วงที่มีร่องมรสุมความกดอากาศต่ำพัดผ่านและช่วงที่มวล อากาศเย็นพัดจากแผ่นดินใหญ่หรือทะเลมหาสมุทรมาปะทะ 4. คาดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนมวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจากแผ่นดินใหญ่จะพัดลงมารุนแรงมากขึ้นและร่องมร สุมจะเคลื่อนที่ลงสู่ภาคใต้ตอนล่างจะทำ ให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดลดน้อลง..แต่มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาซึ่งเป็นความกดอากาศสูงจะกดทับอากาศบนพื้นโลกไว้ ทำให้การระบายอากาศ จากแหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆบนพื้นโลกในแนวดิ่งจะระบายได้น้อยลง ..ฝุ่น PM2.5 จะเริ่มกลับมา.. ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02PiJQCYxCAuMQ8nxg2gUkukfixV5TA7Zz4iC2SQShyvBeXdgwH5bK8JVqpUqefBQUl&id=100000260097650 #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำตกปาโจ ตั้งอยู่ที่บ้านปาโจ ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ สถานที่ท่องเที่ยวอันลือชื่อแห่งหนึ่งของ จ.นราธิวาส เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน แห่งชาติบูโด – สุไหงปาดี น้ำตกปาโจ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าบูโดที่มีน้ำตลอดปี แต่ในหน้าแล้งน้ำค่อนข้างน้อย ตัวน้ำตกมี 4 ชั้น ชั้นแรกมีขนาดใหญ่และสวยที่สุด สายน้ำไหลตกจากลานผาหินกว้าง สูง 60 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำใหญ่ มีเส้นทางเดินไปยังน้ำตกบาโจ ประมาณ 300 เมตร เป็นเส้นทางเดินปูนที่ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจี เมื่อใกล้ถึงตัวน้ำตกมีการจัดทำสะพานไม้เป็นทางเดินทอดยาว

    ระหว่างทางมีจุดพักชมวิว ที่สามารถยืนมองน้ำตกได้ในอีกมุมหนึ่ง แต่ละชั้นจะมีกระแสน้ำไหลลัดเลาะมาตามก้อนหินเล็กใหญ่ และมีแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่ให้ได้เลือกเล่นน้ำตามใจชอบ

    น้ำตกชั้นที่ 1 ได้รับความนิยมและสวยงามที่สุด มีสายน้ำที่ไหลจากผาสูงประมาณ 60 เมตร มาเที่ยวในช่วงฤดูแล้วน้ำค่อนข้างน้อย จินตนาการว่าถ้าช่วงฤดูฝน มีน้ำเยอะกว่านี้คงสวยมาก บริเวณตัวน้ำตกมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่จารึกลายพระหัตถ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยสิริกิติ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยเสด็จมาเที่ยวน้ำตกปาโจ

    จุดสนใจอีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้คือการมี ใบไม้สีทองหรือ ย่านดาโอ๊ะ พันธุ์ไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในโลกที่นี่ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ใบไม้สีทองเป็นไม้เลื้อย มีลักษณะใบคล้ายใบชงโคหรือใบเสี้ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก บางใบใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก มีขอบหยักเว้าเข้าทั้งที่โคนใบ และปลายใบ ลักษณะคล้ายวงรีสองอันอยู่ติดกัน ทุกส่วนของใบจะปกคลุมด้วยขนกำมะหยี่เนียนนุ่ม มีสีทองหรือสีทองแดงเหลือบรุ้งเป็นประกายงดงามยามต้องแสงอาทิตย์ สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล สามารถพบเห็นได้บริเวณด้านหน้าของน้ำตกอีกด้วย


    น้ำตกปาโจ ตั้งอยู่ที่บ้านปาโจ ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ สถานที่ท่องเที่ยวอันลือชื่อแห่งหนึ่งของ จ.นราธิวาส เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน แห่งชาติบูโด – สุไหงปาดี น้ำตกปาโจ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าบูโดที่มีน้ำตลอดปี แต่ในหน้าแล้งน้ำค่อนข้างน้อย ตัวน้ำตกมี 4 ชั้น ชั้นแรกมีขนาดใหญ่และสวยที่สุด สายน้ำไหลตกจากลานผาหินกว้าง สูง 60 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำใหญ่ มีเส้นทางเดินไปยังน้ำตกบาโจ ประมาณ 300 เมตร เป็นเส้นทางเดินปูนที่ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจี เมื่อใกล้ถึงตัวน้ำตกมีการจัดทำสะพานไม้เป็นทางเดินทอดยาว ระหว่างทางมีจุดพักชมวิว ที่สามารถยืนมองน้ำตกได้ในอีกมุมหนึ่ง แต่ละชั้นจะมีกระแสน้ำไหลลัดเลาะมาตามก้อนหินเล็กใหญ่ และมีแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่ให้ได้เลือกเล่นน้ำตามใจชอบ น้ำตกชั้นที่ 1 ได้รับความนิยมและสวยงามที่สุด มีสายน้ำที่ไหลจากผาสูงประมาณ 60 เมตร มาเที่ยวในช่วงฤดูแล้วน้ำค่อนข้างน้อย จินตนาการว่าถ้าช่วงฤดูฝน มีน้ำเยอะกว่านี้คงสวยมาก บริเวณตัวน้ำตกมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่จารึกลายพระหัตถ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยสิริกิติ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยเสด็จมาเที่ยวน้ำตกปาโจ จุดสนใจอีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้คือการมี ใบไม้สีทองหรือ ย่านดาโอ๊ะ พันธุ์ไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในโลกที่นี่ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ใบไม้สีทองเป็นไม้เลื้อย มีลักษณะใบคล้ายใบชงโคหรือใบเสี้ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก บางใบใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก มีขอบหยักเว้าเข้าทั้งที่โคนใบ และปลายใบ ลักษณะคล้ายวงรีสองอันอยู่ติดกัน ทุกส่วนของใบจะปกคลุมด้วยขนกำมะหยี่เนียนนุ่ม มีสีทองหรือสีทองแดงเหลือบรุ้งเป็นประกายงดงามยามต้องแสงอาทิตย์ สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล สามารถพบเห็นได้บริเวณด้านหน้าของน้ำตกอีกด้วย
    Like
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌧️ ฝนตกแบบนี้ อย่าให้ราน้ำค้างมาเล่นงานเมล่อนของเรา! 🍈

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวสวนเมล่อน! 👋 อากาศช่วงนี้แปรปรวนสุดๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ทำเอาเมล่อนของเราสับสนไปหมด 😅 แถมยังเป็นสภาพที่ราน้ำค้างชอบมากๆ ด้วย! แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เรามีวิธีรับมือแบบเด็ดๆ มาฝาก

    🦸‍♂️ ซุปเปอร์ฮีโร่ของเรา: ไตรโคบิวพลัส!
    วิธีใช้ง่ายๆ แบบมืออาชีพ:
    1. ป้องกัน: พ่นทุกๆ 5 วัน สม่ำเสมอ
    2. กำจัด: ถ้าเจอการระบาด ให้พ่นถี่ขึ้นเป็นทุก 3 วัน

    💡 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย:
    • พ่นตอนเช้าหรือเย็น จะได้ผลดีที่สุด
    • อย่าลืมพ่นใต้ใบด้วยนะ ราน้ำค้างชอบหลบอยู่ตรงนั้น
    • ถ้าฝนตกหนัก อาจต้องพ่นซ้ำ เพราะอาจโดนชะล้างไป

    🌈 ข้อดีของไตรโคบิวพลัส:
    • ปลอดภัย ไม่มีสารเคมีตกค้าง
    • ใช้ได้ทั้งป้องกันและกำจัด
    • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และแมลงที่เป็นประโยชน์

    👨‍🌾 คำแนะนำจากใจ ลิตเติ้ลฟาร์ม:
    "อย่าประมาทกับราน้ำค้างนะครับ มันแพร่กระจายเร็วมาก! การป้องกันไว้ก่อน ดีกว่ามารักษาทีหลังเยอะเลย"

    🛒 สนใจ ไตรโคบิวพลัส ของแท้ คุณภาพเยี่ยม:
    • แชทมาคุยกันได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาฟรี!
    • หรือโทร: 093-696-2692 (สายด่วน สวนเมล่อน 😉)

    มาสู้กับราน้ำค้างไปด้วยกันนะครับ! 💪 เมล่อนของเราต้องรอด! 🍈✨

    #ราน้ำค้าง #เมล่อน #ไตรโคบิวพลัส #เกษตรปลอดภัย #ลิตเติ้ลฟาร์ม #ฤดูฝน
    🌧️ ฝนตกแบบนี้ อย่าให้ราน้ำค้างมาเล่นงานเมล่อนของเรา! 🍈 สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวสวนเมล่อน! 👋 อากาศช่วงนี้แปรปรวนสุดๆ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน ทำเอาเมล่อนของเราสับสนไปหมด 😅 แถมยังเป็นสภาพที่ราน้ำค้างชอบมากๆ ด้วย! แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เรามีวิธีรับมือแบบเด็ดๆ มาฝาก 🦸‍♂️ ซุปเปอร์ฮีโร่ของเรา: ไตรโคบิวพลัส! วิธีใช้ง่ายๆ แบบมืออาชีพ: 1. ป้องกัน: พ่นทุกๆ 5 วัน สม่ำเสมอ 2. กำจัด: ถ้าเจอการระบาด ให้พ่นถี่ขึ้นเป็นทุก 3 วัน 💡 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: • พ่นตอนเช้าหรือเย็น จะได้ผลดีที่สุด • อย่าลืมพ่นใต้ใบด้วยนะ ราน้ำค้างชอบหลบอยู่ตรงนั้น • ถ้าฝนตกหนัก อาจต้องพ่นซ้ำ เพราะอาจโดนชะล้างไป 🌈 ข้อดีของไตรโคบิวพลัส: • ปลอดภัย ไม่มีสารเคมีตกค้าง • ใช้ได้ทั้งป้องกันและกำจัด • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และแมลงที่เป็นประโยชน์ 👨‍🌾 คำแนะนำจากใจ ลิตเติ้ลฟาร์ม: "อย่าประมาทกับราน้ำค้างนะครับ มันแพร่กระจายเร็วมาก! การป้องกันไว้ก่อน ดีกว่ามารักษาทีหลังเยอะเลย" 🛒 สนใจ ไตรโคบิวพลัส ของแท้ คุณภาพเยี่ยม: • แชทมาคุยกันได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาฟรี! • หรือโทร: 093-696-2692 (สายด่วน สวนเมล่อน 😉) มาสู้กับราน้ำค้างไปด้วยกันนะครับ! 💪 เมล่อนของเราต้องรอด! 🍈✨ #ราน้ำค้าง #เมล่อน #ไตรโคบิวพลัส #เกษตรปลอดภัย #ลิตเติ้ลฟาร์ม #ฤดูฝน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 38 0 รีวิว
  • 🌧️ เตรียมรับมือฤดูฝน! ป้องกันราน้ำค้างในเมล่อนอย่างไรให้ได้ผล

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวสวนเมล่อน 👋 ฤดูฝนมาแล้ว! หลายคนคงกังวลเรื่องโรคราน้ำค้างใช่ไหมครับ? วันนี้ผมมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน 🌱

    ทำไมฤดูฝนถึงต้องระวังเป็นพิเศษ? 🤔
    • ฝนตกบ่อย อากาศปิด
    • ความชื้นสูงสุดๆ
    • เชื้อราชอบมาก! เป็นสวรรค์ของมันเลย 😅

    👨‍🌾 วิธีรับมือแบบมืออาชีพ:
    1. ป้องกันก่อนปลูก (สำคัญมาก!)
    • พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงเรือน 5-7 วันก่อนปลูก
    • คิดซะว่าเป็นการ "Big Cleaning" บ้านให้เมล่อนของเรา 🏠

    2. ระหว่างปลูก
    • พ่นไตรโคบิวพลัสสม่ำเสมอ - เจ้านี่เป็นซูเปอร์ฮีโร่เลยครับ! 🦸‍♂️
    • สังเกตอาการผิดปกติทุกวัน

    🔄 ถ้าเจอปัญหาซ้ำๆ ทุกรอบการปลูก ต้องปรับ 3 อย่าง:
    1. ระบบให้น้ำ - บางทีให้น้ำมากไป น้อยไป หรือผิดเวลา
    2. การใช้ชีวภัณฑ์ - อาจต้องปรับสูตร หรือความถี่
    3. พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรอบๆ โรงเรือนด้วย - ป้องกันศัตรูจากภายนอก

    💡 เกร็ดความรู้: การระบายอากาศที่ดีช่วยลดความชื้นได้เยอะมาก! ลองปรับมุ้งข้างโรงเรือนดูนะครับ

    🏆 ที่ลิตเติ้ลฟาร์ม เรามีครบ:
    • ปุ๋ย AB คุณภาพเยี่ยม - สูตรพิเศษสำหรับเมล่อนโดยเฉพาะ
    • ธาตุอาหารครบครัน
    • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลงที่ผ่านการทดสอบแล้ว

    ✨ พิเศษ! เรามีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการปลูก เหมือนมีโค้ชส่วนตัวคอยดูแลสวนเมล่อนของคุณ

    📞 อยากปรึกษาเรื่องการปลูกเมล่อน หรือสนใจสินค้า:
    • แชทมาคุยกันได้เลย
    • หรือโทร: 093-696-2691

    มาสู้กับฤดูฝนไปด้วยกันนะครับ! 💪🌈

    #เมล่อน #โรคพืช #เกษตรอัจฉริยะ #ลิตเติ้ลฟาร์ม #ฤดูฝน
    🌧️ เตรียมรับมือฤดูฝน! ป้องกันราน้ำค้างในเมล่อนอย่างไรให้ได้ผล สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวสวนเมล่อน 👋 ฤดูฝนมาแล้ว! หลายคนคงกังวลเรื่องโรคราน้ำค้างใช่ไหมครับ? วันนี้ผมมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน 🌱 ทำไมฤดูฝนถึงต้องระวังเป็นพิเศษ? 🤔 • ฝนตกบ่อย อากาศปิด • ความชื้นสูงสุดๆ • เชื้อราชอบมาก! เป็นสวรรค์ของมันเลย 😅 👨‍🌾 วิธีรับมือแบบมืออาชีพ: 1. ป้องกันก่อนปลูก (สำคัญมาก!) • พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงเรือน 5-7 วันก่อนปลูก • คิดซะว่าเป็นการ "Big Cleaning" บ้านให้เมล่อนของเรา 🏠 2. ระหว่างปลูก • พ่นไตรโคบิวพลัสสม่ำเสมอ - เจ้านี่เป็นซูเปอร์ฮีโร่เลยครับ! 🦸‍♂️ • สังเกตอาการผิดปกติทุกวัน 🔄 ถ้าเจอปัญหาซ้ำๆ ทุกรอบการปลูก ต้องปรับ 3 อย่าง: 1. ระบบให้น้ำ - บางทีให้น้ำมากไป น้อยไป หรือผิดเวลา 2. การใช้ชีวภัณฑ์ - อาจต้องปรับสูตร หรือความถี่ 3. พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรอบๆ โรงเรือนด้วย - ป้องกันศัตรูจากภายนอก 💡 เกร็ดความรู้: การระบายอากาศที่ดีช่วยลดความชื้นได้เยอะมาก! ลองปรับมุ้งข้างโรงเรือนดูนะครับ 🏆 ที่ลิตเติ้ลฟาร์ม เรามีครบ: • ปุ๋ย AB คุณภาพเยี่ยม - สูตรพิเศษสำหรับเมล่อนโดยเฉพาะ • ธาตุอาหารครบครัน • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลงที่ผ่านการทดสอบแล้ว ✨ พิเศษ! เรามีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการปลูก เหมือนมีโค้ชส่วนตัวคอยดูแลสวนเมล่อนของคุณ 📞 อยากปรึกษาเรื่องการปลูกเมล่อน หรือสนใจสินค้า: • แชทมาคุยกันได้เลย • หรือโทร: 093-696-2691 มาสู้กับฤดูฝนไปด้วยกันนะครับ! 💪🌈 #เมล่อน #โรคพืช #เกษตรอัจฉริยะ #ลิตเติ้ลฟาร์ม #ฤดูฝน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชลประทานแปดริ้ว ไม่กังวลปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองสียัด มีประมาณ 203.4 ล้าน ลบ.ม. เผยยังเหลือเวลาฤดูฝนอีก 20 วันซึ่งเป็นช่วงมรสุมเชื่อเติมน้ำเข้าอ่างฯได้อีกกว่า 60 ล้าน ลบ.ม. เพียงพอบริหารจัดการในช่วงฤดูแล้ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000096538

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ชลประทานแปดริ้ว ไม่กังวลปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองสียัด มีประมาณ 203.4 ล้าน ลบ.ม. เผยยังเหลือเวลาฤดูฝนอีก 20 วันซึ่งเป็นช่วงมรสุมเชื่อเติมน้ำเข้าอ่างฯได้อีกกว่า 60 ล้าน ลบ.ม. เพียงพอบริหารจัดการในช่วงฤดูแล้ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000096538 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2453 มุมมอง 0 รีวิว
  • ให้ AI ช่วยประเมินจากสถิติ และข้อมูลทั้งหมดตอนนี้ โอกาสที่น้ำจะท่วมในเขตกรุงเทพฯ พร้อม % propobilty ตามนี้
    --------------------------

    จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานครในปี 2567 นี่คือการจัดอันดับ 10 เขตที่มีโอกาสน้ำท่วมมากที่สุด พร้อมตัวเลข % โอกาส:

    1. **เขตดอนเมือง** - 85%
    2. **เขตสายไหม** - 80%
    3. **เขตบางเขน** - 75%
    4. **เขตหลักสี่** - 70%
    5. **เขตจตุจักร** - 65%
    6. **เขตบางกะปิ** - 60%
    7. **เขตคลองสามวา** - 55%
    8. **เขตมีนบุรี** - 50%
    9. **เขตหนองจอก** - 45%
    10. **เขตลาดกระบัง** - 40%

    เหตุผลที่เขตเหล่านี้มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระดับต่ำและมีระบบระบายน้ำที่ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงมีปริมาณฝนตกหนักในช่วงฤดูฝน
    -------------------

    จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในประเทศไทยในปี 2567 นี่คือการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 สำหรับ เขตบางเขน และ จตุจักร

    ### เขตบางเขน
    ในเขตบางเขน ถนนที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง ได้แก่:
    1. **ถนนแจ้งวัฒนะ** ขาเข้าวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 20-30 ซม.
    2. **ถนนรามอินทรา** ขาเข้าวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 5 ซม.
    3. **ถนนพหลโยธิน** ขาออกจากวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 5-10 ซม.
    4. **ถนนสุขาภิบาล 5** - ระดับน้ำ 15-20 ซม.
    5. **ถนนรามอินทรา** หน้าสนามมวยลุมพินี - ระดับน้ำ 5-10 ซม.

    ### เขตจตุจักร
    ในเขตจตุจักร ถนนที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง ได้แก่:
    1. **ถนนรัชดาภิเษก** - น้ำท่วมสูงเกือบ 50 ซม.
    2. **ถนนวิภาวดีรังสิต** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.
    3. **ถนนพหลโยธิน** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.
    4. **ห้าแยกลาดพร้าว** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.
    5. **หน้าเมเจอร์รัชโยธิน** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.³(https://www.thaipost.net/general-news/216528/)⁴(https://www.prachachat.net/general/news-1041326)
    --------------------------
    จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครในปี 2567 มีความเป็นไปได้สูงที่พื้นที่หน้าเมเจอร์รัชโยธิน, แยกรัชโยธิน และซอยพหลโยธิน 30 จะเกิดน้ำท่วม หากมีฝนตกหนักต่อเนื่องและระบบระบายน้ำไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้เพียงพอ¹

    ### พื้นที่ที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง
    1. **หน้าเมเจอร์รัชโยธิน**: มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำและมีการจราจรหนาแน่น
    2. **แยกรัชโยธิน**: เป็นจุดที่มีการระบายน้ำช้าและมีโอกาสน้ำท่วมสูง²
    3. **ซอยพหลโยธิน 30**: มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นซอยที่มีการระบายน้ำไม่ดี³

    ### การเตรียมความพร้อม
    เพื่อเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบจากน้ำท่วม ควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงหากมีการแจ้งเตือนน้ำท่วม.
    ให้ AI ช่วยประเมินจากสถิติ และข้อมูลทั้งหมดตอนนี้ โอกาสที่น้ำจะท่วมในเขตกรุงเทพฯ พร้อม % propobilty ตามนี้ -------------------------- จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานครในปี 2567 นี่คือการจัดอันดับ 10 เขตที่มีโอกาสน้ำท่วมมากที่สุด พร้อมตัวเลข % โอกาส: 1. **เขตดอนเมือง** - 85% 2. **เขตสายไหม** - 80% 3. **เขตบางเขน** - 75% 4. **เขตหลักสี่** - 70% 5. **เขตจตุจักร** - 65% 6. **เขตบางกะปิ** - 60% 7. **เขตคลองสามวา** - 55% 8. **เขตมีนบุรี** - 50% 9. **เขตหนองจอก** - 45% 10. **เขตลาดกระบัง** - 40% เหตุผลที่เขตเหล่านี้มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระดับต่ำและมีระบบระบายน้ำที่ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงมีปริมาณฝนตกหนักในช่วงฤดูฝน ------------------- จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในประเทศไทยในปี 2567 นี่คือการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567 สำหรับ เขตบางเขน และ จตุจักร ### เขตบางเขน ในเขตบางเขน ถนนที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง ได้แก่: 1. **ถนนแจ้งวัฒนะ** ขาเข้าวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 20-30 ซม. 2. **ถนนรามอินทรา** ขาเข้าวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 5 ซม. 3. **ถนนพหลโยธิน** ขาออกจากวงเวียนบางเขน - ระดับน้ำ 5-10 ซม. 4. **ถนนสุขาภิบาล 5** - ระดับน้ำ 15-20 ซม. 5. **ถนนรามอินทรา** หน้าสนามมวยลุมพินี - ระดับน้ำ 5-10 ซม. ### เขตจตุจักร ในเขตจตุจักร ถนนที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง ได้แก่: 1. **ถนนรัชดาภิเษก** - น้ำท่วมสูงเกือบ 50 ซม. 2. **ถนนวิภาวดีรังสิต** - น้ำท่วมสูง 20 ซม. 3. **ถนนพหลโยธิน** - น้ำท่วมสูง 20 ซม. 4. **ห้าแยกลาดพร้าว** - น้ำท่วมสูง 20 ซม. 5. **หน้าเมเจอร์รัชโยธิน** - น้ำท่วมสูง 20 ซม.³(https://www.thaipost.net/general-news/216528/)⁴(https://www.prachachat.net/general/news-1041326) -------------------------- จากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครในปี 2567 มีความเป็นไปได้สูงที่พื้นที่หน้าเมเจอร์รัชโยธิน, แยกรัชโยธิน และซอยพหลโยธิน 30 จะเกิดน้ำท่วม หากมีฝนตกหนักต่อเนื่องและระบบระบายน้ำไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้เพียงพอ¹ ### พื้นที่ที่มีโอกาสน้ำท่วมสูง 1. **หน้าเมเจอร์รัชโยธิน**: มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำและมีการจราจรหนาแน่น 2. **แยกรัชโยธิน**: เป็นจุดที่มีการระบายน้ำช้าและมีโอกาสน้ำท่วมสูง² 3. **ซอยพหลโยธิน 30**: มีโอกาสน้ำท่วมสูงเนื่องจากเป็นซอยที่มีการระบายน้ำไม่ดี³ ### การเตรียมความพร้อม เพื่อเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบจากน้ำท่วม ควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงหากมีการแจ้งเตือนน้ำท่วม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตุลาคมเหนื่อยต่อเนื่อง ฝนไม่ทันหมด ฝุ่นพิษกำลังก่อตัว
    .
    ถ้าว่ากันด้วยเรื่องสภาพอากาศของประเทศไทยในช่วงเวลานี้เปรียบได้กับ "ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากยังไม่ทันทีฤดูฝนจะหมดไป และคนส่วนใหญ่ยังต้องระทึกกันว่าจะมีมวลน้ำมาเยี่ยมถึงหน้าบ้านหรือไม่ ปรากฎว่ากำลังมาเจอกับแรงปะทะครั้งใหม่จากปัญหาคุณภาพอากาศที่เลวร้าย ภายหลังกรมควบคุมพลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่ กทม.และปริมณฑล เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจพบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เกินมาตรฐาน (37.5 มคก./ลบ.ม.) หลายพื้นที่
    .
    ไม่ว่าจะเป็นบริเวณจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครปฐม รวมไปถึงกรุงเทพมหานครในหลายพื้นที่ เช่น เขตทุ่งครุ เขตบางบอน เขตหนองแขม เขตภาษีเจริญ เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน เขตธนบุรี เขตบางนา เขตสาทร เขตบางรัก เขตสัมพันธวงศ์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตราชเทวี เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางคอแหลม เขตบางขุนเทียน เขตบางพลัด เขตจอมทอง เขตบึงกุ่ม เขตปทุมวัน
    .
    สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 8 - 16 ตุลาคม การระบายอากาศ ที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ดี อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเกิดฝนตกตลอดช่วง และเนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนตอนใต้ ทำให้เกิดภาวะที่อากาศด้านบนกดทับอากาศด้านล่าง ส่งผลให้มลพิษไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และลมที่พัดเบา ประกอบกับชั้นอากาศที่สามารถผสมกันได้มีความสูงน้อย จึงทำให้อัตราการระบายอากาศไม่ดีและมลพิษสะสมอยู่ในอากาศเพิ่มขึ้น
    .
    ด้วยเหตุนี้ จึงได้ประกาศให้ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น
    ...............
    Sondhi X
    ตุลาคมเหนื่อยต่อเนื่อง ฝนไม่ทันหมด ฝุ่นพิษกำลังก่อตัว . ถ้าว่ากันด้วยเรื่องสภาพอากาศของประเทศไทยในช่วงเวลานี้เปรียบได้กับ "ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากยังไม่ทันทีฤดูฝนจะหมดไป และคนส่วนใหญ่ยังต้องระทึกกันว่าจะมีมวลน้ำมาเยี่ยมถึงหน้าบ้านหรือไม่ ปรากฎว่ากำลังมาเจอกับแรงปะทะครั้งใหม่จากปัญหาคุณภาพอากาศที่เลวร้าย ภายหลังกรมควบคุมพลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่ กทม.และปริมณฑล เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจพบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เกินมาตรฐาน (37.5 มคก./ลบ.ม.) หลายพื้นที่ . ไม่ว่าจะเป็นบริเวณจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครปฐม รวมไปถึงกรุงเทพมหานครในหลายพื้นที่ เช่น เขตทุ่งครุ เขตบางบอน เขตหนองแขม เขตภาษีเจริญ เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน เขตธนบุรี เขตบางนา เขตสาทร เขตบางรัก เขตสัมพันธวงศ์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตราชเทวี เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางคอแหลม เขตบางขุนเทียน เขตบางพลัด เขตจอมทอง เขตบึงกุ่ม เขตปทุมวัน . สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 8 - 16 ตุลาคม การระบายอากาศ ที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ดี อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเกิดฝนตกตลอดช่วง และเนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนตอนใต้ ทำให้เกิดภาวะที่อากาศด้านบนกดทับอากาศด้านล่าง ส่งผลให้มลพิษไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และลมที่พัดเบา ประกอบกับชั้นอากาศที่สามารถผสมกันได้มีความสูงน้อย จึงทำให้อัตราการระบายอากาศไม่ดีและมลพิษสะสมอยู่ในอากาศเพิ่มขึ้น . ด้วยเหตุนี้ จึงได้ประกาศให้ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ............... Sondhi X
    Sad
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 926 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันจันทร์ที่เริ่มมีแสงแดด ปลายฤดูฝนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
    วันจันทร์ที่เริ่มมีแสงแดด ปลายฤดูฝนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฤดูฝนเขียวไปหมด แต่ต้องขยันตัดหญ้ามากหน่อย # บ้านไร่บุญระเบียบ เกษตรอินทรีย์
    ฤดูฝนเขียวไปหมด แต่ต้องขยันตัดหญ้ามากหน่อย # บ้านไร่บุญระเบียบ เกษตรอินทรีย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • "🌧️ #เคล็ดลับรับมือฤดูฝน: ดูแลเมล่อนอย่างมือโปร! 🍈

    วันนี้ที่ Silver Valley - เมล่อนเอมเมอรัล อันดามันของเรากำลังติดผล! 🌱

    👨‍🌾 วิธีจัดการสวนช่วงฝนตกทุกบ่าย:
    1. ตัดแต่งใบล่าง 5-6 ใบ เพื่อให้โคนต้นโปร่ง
    2. เพิ่มการระบายอากาศ ลดความเสี่ยงโรคเชื้อรา
    3. หลังตัดแต่ง พ่น #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันเชื้อราที่แผล

    💪 #ผลลัพธ์ที่ได้:
    • ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ใบใหญ่
    • ไม่พบโรคไวรัส เชื้อรา หรือแมลงรบกวน
    • ป้องกันโรคราน้ำค้างได้ดีเยี่ยม

    🔑 #เคล็ดลับความสำเร็จ:
    พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5 วันตลอดการปลูก

    🐐 Fun Fact: เศษยอด ใบ และแขนงที่ตัดแต่ง เราให้เป็นอาหารสัตว์:
    • เฉาก๊วย • นมสด • มอคค่า • ลาเต้
    ปลอดสารพิษ 100% แพะ แกะ และนกกระจอกเทศกินได้อย่างปลอดภัย!

    🌟 ลิตเติ้ลฟาร์ม พร้อมสนับสนุนการปลูกเมล่อนของคุณ:
    • ปุ๋ย AB เมล่อนคุณภาพสูง
    • ธาตุอาหารบำรุงต้น
    • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลง
    • คำปรึกษาฟรีตลอดการปลูก!

    📞 สนใจสอบถาม: 093-696-2691
    💬 หรือทัก Inbox ได้เลยครับ

    #เมล่อนชีวภัณฑ์ #เกษตรปลอดสาร #SilverValley #ลิตเติ้ลฟาร์ม"
    "🌧️ #เคล็ดลับรับมือฤดูฝน: ดูแลเมล่อนอย่างมือโปร! 🍈 วันนี้ที่ Silver Valley - เมล่อนเอมเมอรัล อันดามันของเรากำลังติดผล! 🌱 👨‍🌾 วิธีจัดการสวนช่วงฝนตกทุกบ่าย: 1. ตัดแต่งใบล่าง 5-6 ใบ เพื่อให้โคนต้นโปร่ง 2. เพิ่มการระบายอากาศ ลดความเสี่ยงโรคเชื้อรา 3. หลังตัดแต่ง พ่น #ไตรโคบิวพลัส ป้องกันเชื้อราที่แผล 💪 #ผลลัพธ์ที่ได้: • ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ใบใหญ่ • ไม่พบโรคไวรัส เชื้อรา หรือแมลงรบกวน • ป้องกันโรคราน้ำค้างได้ดีเยี่ยม 🔑 #เคล็ดลับความสำเร็จ: พ่น #ไตรโคบิวพลัส ทุก 5 วันตลอดการปลูก 🐐 Fun Fact: เศษยอด ใบ และแขนงที่ตัดแต่ง เราให้เป็นอาหารสัตว์: • เฉาก๊วย • นมสด • มอคค่า • ลาเต้ ปลอดสารพิษ 100% แพะ แกะ และนกกระจอกเทศกินได้อย่างปลอดภัย! 🌟 ลิตเติ้ลฟาร์ม พร้อมสนับสนุนการปลูกเมล่อนของคุณ: • ปุ๋ย AB เมล่อนคุณภาพสูง • ธาตุอาหารบำรุงต้น • ชีวภัณฑ์ป้องกันโรคและแมลง • คำปรึกษาฟรีตลอดการปลูก! 📞 สนใจสอบถาม: 093-696-2691 💬 หรือทัก Inbox ได้เลยครับ #เมล่อนชีวภัณฑ์ #เกษตรปลอดสาร #SilverValley #ลิตเติ้ลฟาร์ม"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • 》》วันเดย์ทริป พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    》》วันเดย์ทริป พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    Yay
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1917 มุมมอง 859 0 รีวิว
  • โครงการปรับปรุงถนนเส้นทางภูทับเบิก – บ้านนาสะอุ้ง – บ้านหมากแข้ง
    กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องปัญหาของเส้นทางสัญจรช่วง ภูทับเบิก - บ้านนาสะอุ้ง - บ้านหมากแข้ง ที่มีความชำรุดเสียหายมาเป็นเวลานานทำให้ยากลำบากในการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนทำให้เส้นทางดังกล่าวไม่สามารถสัญจรได้ นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว จากบ้านภูทับเบิก �อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ไปยังอุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยปัจจุบันต้องใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชั่วโมง

    ในการนี้ ผบ.ทบ. จึงมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกองทัพบกได้ดำเนินโครงการปรับปรุงเส้นทางภูทับเบิก - บ.นาสะอุ้ง - บ.หมากแข้ง ร่วมกับกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และขอรับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากภาคเอกชนและประชาชนจิตอาสา กองทัพบกมอบให้กองทัพภาคที่ 3 โดยกองพลพัฒนาที่ 3 ดำเนินการส่งทหารช่างพร้อมยุทโธปกรณ์ ปรับปรุงเส้นทางตั้งแต่วัดป่าภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ถึง บ้านหมากแข้ง ต.กกสะทอน �อ.ด่านซ้าย ระยะทาง 14.2 กม. เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ก.พ.-พ.ค.67

    การดำเนินการโครงการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรและใช้เส้นทางขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและอื่น ๆ อำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐใช้เป็นเส้นทางในการดูแลรักษาป่าและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ให้มีความสะดวกมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลของกองทัพบก และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการแสดงความจงรักภักดีตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกองทัพบกและปวงชนซาวไทย

    #สยามโสภา #สื่อมวลชน #ปรับปรุงถนน #บ้านหมากแข้ง #ภูทับเบิก #เลย #กองทัพบก #thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    โครงการปรับปรุงถนนเส้นทางภูทับเบิก – บ้านนาสะอุ้ง – บ้านหมากแข้ง กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก เกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องปัญหาของเส้นทางสัญจรช่วง ภูทับเบิก - บ้านนาสะอุ้ง - บ้านหมากแข้ง ที่มีความชำรุดเสียหายมาเป็นเวลานานทำให้ยากลำบากในการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนทำให้เส้นทางดังกล่าวไม่สามารถสัญจรได้ นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว จากบ้านภูทับเบิก �อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ไปยังอุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยปัจจุบันต้องใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชั่วโมง ในการนี้ ผบ.ทบ. จึงมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกองทัพบกได้ดำเนินโครงการปรับปรุงเส้นทางภูทับเบิก - บ.นาสะอุ้ง - บ.หมากแข้ง ร่วมกับกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และขอรับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากภาคเอกชนและประชาชนจิตอาสา กองทัพบกมอบให้กองทัพภาคที่ 3 โดยกองพลพัฒนาที่ 3 ดำเนินการส่งทหารช่างพร้อมยุทโธปกรณ์ ปรับปรุงเส้นทางตั้งแต่วัดป่าภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ถึง บ้านหมากแข้ง ต.กกสะทอน �อ.ด่านซ้าย ระยะทาง 14.2 กม. เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ก.พ.-พ.ค.67 การดำเนินการโครงการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสัญจรและใช้เส้นทางขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและอื่น ๆ อำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐใช้เป็นเส้นทางในการดูแลรักษาป่าและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ให้มีความสะดวกมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลของกองทัพบก และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการแสดงความจงรักภักดีตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกองทัพบกและปวงชนซาวไทย #สยามโสภา #สื่อมวลชน #ปรับปรุงถนน #บ้านหมากแข้ง #ภูทับเบิก #เลย #กองทัพบก #thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1058 มุมมอง 213 0 รีวิว
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ●●●●●●●●●●●●●●
    ☆ชมวีดีโอฉบับเต็มของทริป
    EP.1
    》》
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=-LreFZ0odWwF-ACJ
    EP.2
    》》
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=TZjEs1ZZjguAQnYk
    EP.3
    》》
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=xhEyXnCAM7ma5AUa
    ●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ●●●●●●●●●●●●●● ☆ชมวีดีโอฉบับเต็มของทริป EP.1 》》 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=-LreFZ0odWwF-ACJ EP.2 》》 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=TZjEs1ZZjguAQnYk EP.3 》》 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=xhEyXnCAM7ma5AUa ●●●●●●●●●●●●●●●● ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1951 มุมมอง 502 0 รีวิว
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■
    ☆ชมวีดีโอช่วงออกเดินทางถึงคลอง3
    》》
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=GvgJ2tgO99Ap5kbN

    ☆ชมวีดีโอช่วงคลอง 3 ไปน้ำตกชั้น 5
    》》
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=cqdoUpKu2TBYJpFC

    ☆ชมวีดีโอช่วงน้ำตกชั้น5ไป 7 และ ขาลง
    》》
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=Wp-f9O13sj71XX3v
    ■■■■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■ ☆ชมวีดีโอช่วงออกเดินทางถึงคลอง3 》》 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=GvgJ2tgO99Ap5kbN ☆ชมวีดีโอช่วงคลอง 3 ไปน้ำตกชั้น 5 》》 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=cqdoUpKu2TBYJpFC ☆ชมวีดีโอช่วงน้ำตกชั้น5ไป 7 และ ขาลง 》》 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=Wp-f9O13sj71XX3v ■■■■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1794 มุมมอง 361 0 รีวิว
  • 》》น้ำตกโกรกอีดกชั้น2《《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesmanowjourney
    》》น้ำตกโกรกอีดกชั้น2《《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesmanowjourney
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1420 มุมมอง 326 0 รีวิว
  • รีวิว พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■■■■■■
    ♡ชมวีดีโอฉลับเต็ม
    》Ep.1
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=rTWVhVPm9jhJagXS
    》Ep.2
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=kvGAvQdR8OJbYXK0
    》Ep.3
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=DBkghkVrLVzdZjYp
    ■■■■■■■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesjourney #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    รีวิว พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■■■■■■ ♡ชมวีดีโอฉลับเต็ม 》Ep.1 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=rTWVhVPm9jhJagXS 》Ep.2 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=kvGAvQdR8OJbYXK0 》Ep.3 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=DBkghkVrLVzdZjYp ■■■■■■■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesjourney #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1298 มุมมอง 275 0 รีวิว
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    Like
    Love
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันอังคารที่๑๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗
    วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
    อุโบสถ ที่ ๔ ฤดูฝน

    คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
    ร่วมกับคณะสงฆ์วัดแหลมทองลงพระอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์ จำนวน ๓๓รูป
    องค์แสดงพระปาติโมกข์ : พระมหาณรงค์ศักดิ์
    จิตวิริโย

    เพื่อทบทวนสิกขาบทที่พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยตลอดปีทุกกึ่งเดือน เพื่อความพร้อมเพรียงความงดงามของหมู่คณะสงฆ์

    การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น

    พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ

    การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ
    เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์นาถธมฺโม
    วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง
    วันอังคารที่๑๗ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ อุโบสถ ที่ ๔ ฤดูฝน คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง) ร่วมกับคณะสงฆ์วัดแหลมทองลงพระอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์ จำนวน ๓๓รูป องค์แสดงพระปาติโมกข์ : พระมหาณรงค์ศักดิ์ จิตวิริโย เพื่อทบทวนสิกขาบทที่พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยตลอดปีทุกกึ่งเดือน เพื่อความพร้อมเพรียงความงดงามของหมู่คณะสงฆ์ การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์นาถธมฺโม วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทยานฯภูหินร่องกล้า อดีตพื้นที่ "สีแดง" ปัจุบันมีแต่ความงามสีเขียว

    ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 “ภูหินร่องกล้า” หรือ “ภูร่องกล้า” นอกจากจะเป็นป่าเขารกชัฏแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ "สีแดง" ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายระหว่างการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) กับ ฝ่ายความมั่นคง

    บทสรุปของการสู้รบไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะ เพราะสุดท้ายฝ่ายความมั่นคงประกาศนโยบาย 66/2523 และ 65/2525 ที่ใช้การเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสให้เหล่านักศึกษาประชาชนที่หนีเข้าป่า กลับคืนสู่เมืองมาช่วยกันพัฒนาชาติไทย
    หลังจากนั้นมาดินแดนภูหินร่องกล้าก็ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 48 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ก.ค. 2527 มีพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เลย(อ.ด่านซ้าย) เพชรบูรณ์(อ.หล่มสัก) และ พิษณุโลก(อ.นครไทย)

    นับแต่นั้นมาอีกไม่นานจากดินแดนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ ก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ น้ำตก ภูผา หินรูปร่างแปลกตา และรอยอดีตแห่งประวัติศาสตร์ในยุคสมรภูมิเดือด ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้ภูหินร่องกล้าได้แสดงศักยภาพแห่งป่าไพรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกฉ่ำฝนที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามแล้ว บางวันยังมีสายหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัสกันอย่างจุใจ

    ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา(ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.)
    ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป

    ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก

    นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภูหินร่องกล้ายังโดดเด่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด

    “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลท์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา
    นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณะเฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไมเหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

    “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่

    ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977 และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพิษณุโลก(พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก,เพชรบูรณ์) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907

    #ภูหินร่องกล้า
    #พิษณุโลก
    #ท่องเที่ยว

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    https://mgronline.com/travel/detail/9600000072287
    อุทยานฯภูหินร่องกล้า อดีตพื้นที่ "สีแดง" ปัจุบันมีแต่ความงามสีเขียว ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 “ภูหินร่องกล้า” หรือ “ภูร่องกล้า” นอกจากจะเป็นป่าเขารกชัฏแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ "สีแดง" ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายระหว่างการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) กับ ฝ่ายความมั่นคง บทสรุปของการสู้รบไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะ เพราะสุดท้ายฝ่ายความมั่นคงประกาศนโยบาย 66/2523 และ 65/2525 ที่ใช้การเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสให้เหล่านักศึกษาประชาชนที่หนีเข้าป่า กลับคืนสู่เมืองมาช่วยกันพัฒนาชาติไทย หลังจากนั้นมาดินแดนภูหินร่องกล้าก็ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 48 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ก.ค. 2527 มีพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เลย(อ.ด่านซ้าย) เพชรบูรณ์(อ.หล่มสัก) และ พิษณุโลก(อ.นครไทย) นับแต่นั้นมาอีกไม่นานจากดินแดนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ ก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ น้ำตก ภูผา หินรูปร่างแปลกตา และรอยอดีตแห่งประวัติศาสตร์ในยุคสมรภูมิเดือด ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้ภูหินร่องกล้าได้แสดงศักยภาพแห่งป่าไพรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกฉ่ำฝนที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามแล้ว บางวันยังมีสายหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัสกันอย่างจุใจ ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา(ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.) ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภูหินร่องกล้ายังโดดเด่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลท์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณะเฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไมเหมือนใครและไม่มีใครเหมือน “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977 และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพิษณุโลก(พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก,เพชรบูรณ์) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907 #ภูหินร่องกล้า #พิษณุโลก #ท่องเที่ยว ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://mgronline.com/travel/detail/9600000072287
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม หยิบหมอก หยอกกระเจียว เที่ยวผาสุดแผ่นดิน🌷

    สายฝนเริ่มโปรยปรายเราเลยจะชวนทุกคนไปเที่ยวหน้าฝน ชมดอกกระเจียวสวย ๆ กันที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ป่าไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด ก่อนจะวางแผนเดินทางไปเที่ยวกัน มารู้จักกับเรื่องน่ารู้ของอุทยานแห่งชาติป่าหินงามก่อนดีกว่า

    อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย อยู่ในพื้นที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ประมาณ 62,437.50 ไร่ หรือ 99.9 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสัก มีสภาพป่าสมบูรณ์ ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ ทำให้มีความหลากหลายของระบบนิเวศ และมีไม้ดอกจำพวกดุสิตา เอนอ้า และกล้วยไม้ ขึ้นอยู่จำนวนมาก รวมถึงมีสัตว์ป่านานาพรรณ ที่สำคัญยังมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะ “ทุ่งดอกกระเจียว” ซึ่งจะบานสะพรั่งสวยงามในราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี

    ทุ่งดอกกระเจียว ดอกกระเจียว หรือดอกบัวสวรรค์ ราชินีแห่งมวลไม้ในขุนเขา เป็นพืชล้มลุกประเภทหัว จำพวกขิง-ข่า พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน รวมเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมความสวยงามของดอกกระเจียวที่เบ่งบานผลิดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มทั่วผืนป่า คือในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทั้งนี้ ดอกกระเจียวที่บานในอุทยานค้นพบทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ปทุมมา สายพันธุ์กระเจียวดิน และสายพันธุ์กระเจียวขาว

    ลานหินงาม เป็นบริเวณลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตากระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งโขดหินดังกล่าวเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเป็นการกัดเซาะเนื้อดินและหินในส่วนที่จับตัวกันอย่างเบาบางหลุดออกไป นานวันเข้าจึงเกิดโขดหินที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน สามารถจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ เช่น ตะปู เรด้าร์ แม่ไก่ รูปสัตว์ ปราสาทโบราณ หินรูปถ้วยรางวัลฟุตบอลโลก รูปดอกเห็ด เป็นต้น สำหรับลานหินงามนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติมีทางรถยนต์เข้าถึง

    สุดแผ่นดิน หน้าผาสูงชันและจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย อยู่ทางด้านทิศเหนือห่างจากที่ทำการอุทยาน ประมาณ 2 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร เป็นแนวหน้าผาซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน ที่จุดชมวิวสุดแผ่นดินจะมองเห็นทิวทัศน์สันเขาพังเหยและเขตพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา และมีสายลมพัดเย็นสบายตลอดวัน จึงเป็นจุดชมวิวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูสายหมอกตอนเช้าและพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมถึงแวะมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย

    #ป่าหินงาม
    #ชัยภูมิ
    #ดอกกระเจียว


    อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม หยิบหมอก หยอกกระเจียว เที่ยวผาสุดแผ่นดิน🌷 สายฝนเริ่มโปรยปรายเราเลยจะชวนทุกคนไปเที่ยวหน้าฝน ชมดอกกระเจียวสวย ๆ กันที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ป่าไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด ก่อนจะวางแผนเดินทางไปเที่ยวกัน มารู้จักกับเรื่องน่ารู้ของอุทยานแห่งชาติป่าหินงามก่อนดีกว่า อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย อยู่ในพื้นที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ประมาณ 62,437.50 ไร่ หรือ 99.9 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำชีและแม่น้ำป่าสัก มีสภาพป่าสมบูรณ์ ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ ทำให้มีความหลากหลายของระบบนิเวศ และมีไม้ดอกจำพวกดุสิตา เอนอ้า และกล้วยไม้ ขึ้นอยู่จำนวนมาก รวมถึงมีสัตว์ป่านานาพรรณ ที่สำคัญยังมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะ “ทุ่งดอกกระเจียว” ซึ่งจะบานสะพรั่งสวยงามในราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทุ่งดอกกระเจียว ดอกกระเจียว หรือดอกบัวสวรรค์ ราชินีแห่งมวลไม้ในขุนเขา เป็นพืชล้มลุกประเภทหัว จำพวกขิง-ข่า พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตั้งแต่ลานหินงามไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน รวมเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมความสวยงามของดอกกระเจียวที่เบ่งบานผลิดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มทั่วผืนป่า คือในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ของทุกปี ทั้งนี้ ดอกกระเจียวที่บานในอุทยานค้นพบทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ปทุมมา สายพันธุ์กระเจียวดิน และสายพันธุ์กระเจียวขาว ลานหินงาม เป็นบริเวณลานหินที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตากระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งโขดหินดังกล่าวเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเป็นการกัดเซาะเนื้อดินและหินในส่วนที่จับตัวกันอย่างเบาบางหลุดออกไป นานวันเข้าจึงเกิดโขดหินที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกัน สามารถจินตนาการเป็นรูปต่าง ๆ เช่น ตะปู เรด้าร์ แม่ไก่ รูปสัตว์ ปราสาทโบราณ หินรูปถ้วยรางวัลฟุตบอลโลก รูปดอกเห็ด เป็นต้น สำหรับลานหินงามนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติมีทางรถยนต์เข้าถึง สุดแผ่นดิน หน้าผาสูงชันและจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหย อยู่ทางด้านทิศเหนือห่างจากที่ทำการอุทยาน ประมาณ 2 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร เป็นแนวหน้าผาซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน ที่จุดชมวิวสุดแผ่นดินจะมองเห็นทิวทัศน์สันเขาพังเหยและเขตพื้นที่ป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา และมีสายลมพัดเย็นสบายตลอดวัน จึงเป็นจุดชมวิวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดูสายหมอกตอนเช้าและพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมถึงแวะมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วย #ป่าหินงาม #ชัยภูมิ #ดอกกระเจียว
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 533 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันพระแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙
    อุโบสถ ที่ ๓ ฤดูฝน

    วันจันทร์ที่๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗
    คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)
    ร่วมกับคณะสงฆ์วัดแหลมทองลงพระอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์ จำนวน ๓๒ รูป
    องค์แสดงพระปาติโมกข์ : พระมหาศรวุฒิ สิริวณฺโณ
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง)

    เพื่อทบทวนสิกขาบทที่พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยตลอดปีทุกกึ่งเดือน เพื่อความพร้อมเพรียงความงดงามของหมู่คณะสงฆ์

    การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น

    พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ

    การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ
    เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์นาถธมฺโม

    วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง
    วันพระแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ อุโบสถ ที่ ๓ ฤดูฝน วันจันทร์ที่๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ คณะสงฆ์วัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง) ร่วมกับคณะสงฆ์วัดแหลมทองลงพระอุโบสถทบทวนพระปาติโมกข์ จำนวน ๓๒ รูป องค์แสดงพระปาติโมกข์ : พระมหาศรวุฒิ สิริวณฺโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม (พระอารามหลวง) เพื่อทบทวนสิกขาบทที่พระศาสดาทรงบัญญัติพระวินัยตลอดปีทุกกึ่งเดือน เพื่อความพร้อมเพรียงความงดงามของหมู่คณะสงฆ์ การสวดปาฏิโมกข์ เป็นการทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุ โดยจะมีการสวดทุก ๑๕ วัน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ในเดือนเต็ม หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจของสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้สวดปาฏิโมกข์โดยมีคฤหัสถ์ปนอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุสงฆ์ หมายความว่าไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีคฤหัสถ์ปนอยู่ด้วย รูปใดสวดต้องอาบัติทุกกฏ การฟังปาฏิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตถบาสต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ใหม่ เพราะเป็นสังฆกรรมวิบัติ เครดิตรูปภาพ : พระมหาวรสถิตย์นาถธมฺโม วัดพัฒนาราม พระอารามหลวง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมร่มของญี่ปุ่นส่วนมากเป็นร่มใส่โปร่งแสง

    ฤดูฝนในญี่ปุ่นมาพร้อมกับช่วงซากุระบานในเดือนมีนาคมถึงเมษายน และเข้าสู่ช่วงพายุฝนในเดือนพฤษภาคม ฤดูมรสุมในเดือนมิถุนายน และไต้ฝุ่นในเดือนกรกฎาคมและตุลาคม ในช่วงเวลาเหล่านี้เองที่จะมีทั้ง ฝนโปรย ฝนปรอย ๆ และ ฝนตกหนัก ไปจนถึงฝนที่ตกมาเป็นช่วง ๆ ในระหว่างวัน

    จึงไม่แปลกเลยที่คนญี่ปุ่นจะพกร่ม แต่สิ่งที่แปลกสำหรับคนต่างชาติอย่างเรา ๆ ไม่ใช่การพกร่ม หากแต่เป็นร่มที่โปร่งใส ที่กันแดดก็ไม่ได้ และไม่ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นแฟชั่นแต่อย่างใด แต่การทำร่มใส่นี้ มีที่มา

    ร่มใสที่ว่านี้ เริ่มผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1958 และความนิยมในการใช้ร่มใสนี้ก็เพิ่มขึ้นในช่วงการจัดโอลิมปิกในปีค.ศ. 1964

    ร่มชนิดนี้ในตอนแรกเป็นร่มที่ทำด้วยมือ มีวางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปที่เรียกว่า コンビニエンスストア คนบินิเอนซุสโตอะ (ก็ คอนวีเนียนสโตร์ นี่ล่ะ) เรียกสั้น ๆ ว่า คนบินิ ถามว่าร้านแบบนี้สะดวกแค่ไหน ก็สะดวกชนิดที่ว่ามีร้านประเภทนี้อยู่ทุก 200 เมตร (เป็นคำเปรียบเปรยว่ามีเยอะมากทั่วไป)

    สาเหตุที่ร่มของญี่ปุ่นเป็นร่มใส ก็เพื่อประโยชน์ในการใช้งานล้วน ๆ นั่นคือ

    เพื่อไม่ให้ร่ม บังทัศนียภาพผู้อื่น (อึ้งกับความคิดเพื่อสาธารณะประโยชน์ของเขาไหมล่ะ)

    เพราะหากเวลาที่คนจำนวนมากถือร่มในชุมชน โอกาสที่จะมองไม่เห็นทางข้างหน้าและชนกันย่อมเกิดขึ้นได้มาก หากเป็นร่มทึบ ร่มชนิดนี้เรียกว่า คาซะ มาจากคำว่า วาคาซะ (ที่เป็นร่มกระดาษแบบร่มบ่อสร้างบ้านเรา ปัจจุบันเรามักเห็นการใช่ร่มกระดาษเวลาที่เขาสวมชุดประจำชาติกัน)

    สิ่งที่ทำให้ร่ม คาซะ เป็นที่นิยม ไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็น ราคา และ ความสบายใจในการพกพา นั่นคือ นอกจากมันจะมีราคาถูก คันล่ะราว ๆ 300-500 เยน หรือราวๆ 60 - 100 บาทเศษ ๆ ดังนั้น ถ้าพกพาไปแล้วหลงลืมทำหาย ก็จะไม่เสียดายมากนักนั่นเอง

    Vee Chirasreshtha
    ทำไมร่มของญี่ปุ่นส่วนมากเป็นร่มใส่โปร่งแสง ฤดูฝนในญี่ปุ่นมาพร้อมกับช่วงซากุระบานในเดือนมีนาคมถึงเมษายน และเข้าสู่ช่วงพายุฝนในเดือนพฤษภาคม ฤดูมรสุมในเดือนมิถุนายน และไต้ฝุ่นในเดือนกรกฎาคมและตุลาคม ในช่วงเวลาเหล่านี้เองที่จะมีทั้ง ฝนโปรย ฝนปรอย ๆ และ ฝนตกหนัก ไปจนถึงฝนที่ตกมาเป็นช่วง ๆ ในระหว่างวัน จึงไม่แปลกเลยที่คนญี่ปุ่นจะพกร่ม แต่สิ่งที่แปลกสำหรับคนต่างชาติอย่างเรา ๆ ไม่ใช่การพกร่ม หากแต่เป็นร่มที่โปร่งใส ที่กันแดดก็ไม่ได้ และไม่ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นแฟชั่นแต่อย่างใด แต่การทำร่มใส่นี้ มีที่มา ร่มใสที่ว่านี้ เริ่มผลิตขึ้นในปีค.ศ. 1958 และความนิยมในการใช้ร่มใสนี้ก็เพิ่มขึ้นในช่วงการจัดโอลิมปิกในปีค.ศ. 1964 ร่มชนิดนี้ในตอนแรกเป็นร่มที่ทำด้วยมือ มีวางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปที่เรียกว่า コンビニエンスストア คนบินิเอนซุสโตอะ (ก็ คอนวีเนียนสโตร์ นี่ล่ะ) เรียกสั้น ๆ ว่า คนบินิ ถามว่าร้านแบบนี้สะดวกแค่ไหน ก็สะดวกชนิดที่ว่ามีร้านประเภทนี้อยู่ทุก 200 เมตร (เป็นคำเปรียบเปรยว่ามีเยอะมากทั่วไป) สาเหตุที่ร่มของญี่ปุ่นเป็นร่มใส ก็เพื่อประโยชน์ในการใช้งานล้วน ๆ นั่นคือ เพื่อไม่ให้ร่ม บังทัศนียภาพผู้อื่น (อึ้งกับความคิดเพื่อสาธารณะประโยชน์ของเขาไหมล่ะ) เพราะหากเวลาที่คนจำนวนมากถือร่มในชุมชน โอกาสที่จะมองไม่เห็นทางข้างหน้าและชนกันย่อมเกิดขึ้นได้มาก หากเป็นร่มทึบ ร่มชนิดนี้เรียกว่า คาซะ มาจากคำว่า วาคาซะ (ที่เป็นร่มกระดาษแบบร่มบ่อสร้างบ้านเรา ปัจจุบันเรามักเห็นการใช่ร่มกระดาษเวลาที่เขาสวมชุดประจำชาติกัน) สิ่งที่ทำให้ร่ม คาซะ เป็นที่นิยม ไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็น ราคา และ ความสบายใจในการพกพา นั่นคือ นอกจากมันจะมีราคาถูก คันล่ะราว ๆ 300-500 เยน หรือราวๆ 60 - 100 บาทเศษ ๆ ดังนั้น ถ้าพกพาไปแล้วหลงลืมทำหาย ก็จะไม่เสียดายมากนักนั่นเอง Vee Chirasreshtha
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts