• คุณอนุทินและลูกชายคุณเนวิน ตอนเป็นฝ่ายค้านแป๊บนึง พูดว่าไทยต้องทำกำแพงล้อมรั้ว100%&อีกคนบอกต้องยกเลิก"MOU43-44..เพราะเป็นปัญหาให้ประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชาเป็นชนวนความขัดแย้งก่อให้เกิดความสูญเสียมากมายทั้งชีวิตและทรัพย์สินประเมินค่ามิได้"แต่พอเข้ามาเข้ามาเป็นรัฐบาลกับรีบเจรจาเปิดด่านอ้างปากท้องประชาชนแน่รึปากท้องนักการเมืองมากกว่า#ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาอีกทำไมให้เสียเวลา เหตุปัจจัยปัจจุบันที่เห็นอยู่ยังไม่พออีกหรือที่จะตัดสินใจยกเลิก ความสูญเสียที่เกิดขึ้นคราวนี้ถ้าไม่รีบจัดการยุติก็ต้องเป็นปัญหาให้ลูกหลานไทยในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน STOP..เจรจากับกัมพูชาควรหยุดเพราะพูดกันคนละภาษา มันพูดอย่างทำอย่างเราจะเชื่อถืออะไรได้ ให้เร่งเปิดด่านอ้างสารพัด บลาๆๆๆจะถอนกำลังหนักออกไปแต่มันเสริมกำลังเข้ามาตลอดแล้วกองกำลัง BHQ..มันเสริมเข้ามาพร้อมอาวุธหนักเข้ามาประชิดชายแดนไทยทำไม คนชาตินี้หาสัจจะในคำพูดไม่ได้ เช้านั่งกินข้าวด้วยกันเย็นวางระเบิดทหารไทยขาขาด พวกคุณรู้ทุกอย่างอยู่กับข้อมูล หรือมีอะไรตื้นลึกหนาบางที่ประชาชนยังไม่รู้อีก?#พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่๙ พระองค์มีพระบรมราชโองการออกมาแล้วและเขียนแผนที่ให้เห็นชัดเจนทั้งหมด ไม่มีพื้นที่ส่วนใดในประเทศไทยที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนแต่อย่างใดเลย "สยามได้ทำแผนที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์พร้อมมีหลักเขตแดน #ก่อนจะมีประเทศกัมพูชากำเนิดขึ้นมาด้วยซ้ำ"..แล้วจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาหรือทำประชามติอีกทำไมให้เสียเวลาแล้วปัญหานี้จะดึงเวลาไปอีกเท่าไหร่ชาตินี้ไหม๊หรือภพชาติหน้า♾&แล้วคำถามในประชามติจะระบุว่าอะไร"คำถามเชิงชี้นำ?&หรือเชิงวิเคราะห์.."แหมตอนไปทำไม่ถามประชาชนสักคำแต่พอจะยกเลิกกับจะมาเห็นหัวประชาชนขึ้นมาซะงั้นต้องถามประชาชนก่อนว่าเห็นด้วยกับการยกเลิกMOU43-44 ไหมหัวเราะไม่ออกจริงๆก็เห็นๆอยู่ว่ากัมพูชาไปยึดแผนที่1:200,000 "มันไม่ได้จะมาขีดเองตามใจไม่ได้การทำแผนที่ในปัจจุบันด้วยดาวเทียมมีความละเอียดสูงพิกัดชัดเจน1:50,000#🙏🏿พ่อหลวง ร.9 พระองค์ก็เขียนไว้ให้แล้ว❤#ตอนวุ้นเส้นบัญชาการรบก็ใช้แผนที่1:50,000เห็นกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นจะมาอ้างว่าไม่มีเจตนายิงใส่บ้านพลเรือนจึงฟังไม่ขึ้น ไปหลอกเด็กไป่มันละเมิดสนธิสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจนเจตนาฆ่าพลเรือน&ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาแอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทำให้ทหารไทยขาขาดพิการไปจำนวนมากทุกวันนี้ก็ยังวางอยู่ ไทยตรวจจับกู้มาได้ตลอดเวลา ความเจ็บปวดของเพื่อนร่วมชาติพวกคุณไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไม่ต้องเจรจาแล้วลิ้นสองแฉกคบไม่ได้#นักการเมืองพวกคุณไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ระวังประชาชนจะเปลี่ยนคุณเองอย่าคิดนะว่าไทยจะไม่เป็นแบบเนปาลมันก็ไม่แน่หรอก..ไม่ได้เห็นด้วยกับความรุนแรงเผาบ้านเผาเมืองขนาดนั้นแต่ไม่ไปตัดสินเขาเพราะเราไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าเขาเจออะไรมาบ้าง#ถ้ามันเกิดเป็น โดมิโน่ขึ้นมาล่ะ พวกคุณต้องรับผิดชอบนะ คุณมีโอกาสทำให้ดีแล้วไม่ทำก็จะไม่มีโอกาส"เห็นไหมภาคเหนือน้ำท่วมซ้ำซากบริหารจัดการกันอย่างไร ชาวบ้านทุกข์ยากลำบากไปมองเขาบ้างไหมบ้านหายไปทั้งหลัง ท่วมติดๆกันต่อเนื่องทุกปีเขาจะตั้งตัวยังไง งบประมาณบริหารจัดการน้ำไปทำอะไรได้บ้าง คนเราจะมีบ้านสักหลังอาจต้องทำงานทั้งชีวิตตายก็ยังผ่อนไม่หมดเลย ต่อให้ไทยพบแหล่งพลังงานจำนวนมากแค่ไหน คนไทยจะได้อะไร?เพราะทุกวันนี้คนไทยก็ใช้พลังงานในราคาแพงมากๆอยู่แล้วมันคือต้นทุนของค่าครองชีพทุกอย่างสูงไปตามกัน ไทยมีน้ำมันส่งออกไปขาย ตปท.ได้ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้เกินความต้องการของคนในประเทศคือมันล้นแต่คนไทยก็ใช้ไฟแพงอยู่ดี เพราะฉะนั้นจะพบแหล่งพลังงานขุดหรือไม่ขุดขึ้นมาค่ามันต่างกันตรงไหนไม่ทราบ "ขนาดค่าอัตราไฟฟ้าผันแปร'FT(Fuel Adjustment Charge.ประชาชนต้องแบกรับอ้างเป็นต้นทุนการผลิตที่ควบคุมไม่ได้ "#แต่เวลากำไรกับรับไปเต็มๆมันผลิตเกินความต้องการของคนใช้ภายในประเทศมันควรจะถูกมากๆไม่ใช่แพงขนาดนี้#ชีวิตหรูหราของนักการเมืองใช้ของกินอยู่กันแบบไฮโซคิดว่าประชาชนเขาไม่เห็นหรือไงคะ...เข้ามาระยะสั้นๆทำอะไรฝากไว้เป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีไม่ดีกว่าหรือคะ คนเราตายได้ทุกลมหายใจเข้าออกนะอย่าคิดว่ามีเวลาเยอะยังไงก็ไม่เกิน3หมื่นวัน.จะให้คนจดจำคุณแบบใดฯลฯ&‍‍If's up to you to do.(อยู่ที่คุณทำ)
    คุณอนุทินและลูกชายคุณเนวิน ตอนเป็นฝ่ายค้านแป๊บนึง พูดว่าไทยต้องทำกำแพงล้อมรั้ว100%&อีกคนบอกต้องยกเลิก"MOU43-44..เพราะเป็นปัญหาให้ประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชาเป็นชนวนความขัดแย้งก่อให้เกิดความสูญเสียมากมายทั้งชีวิตและทรัพย์สินประเมินค่ามิได้"แต่พอเข้ามาเข้ามาเป็นรัฐบาลกับรีบเจรจาเปิดด่านอ้างปากท้องประชาชนแน่รึ🙄🔊ปากท้องนักการเมืองมากกว่า#ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาอีกทำไมให้เสียเวลา เหตุปัจจัยปัจจุบันที่เห็นอยู่ยังไม่พออีกหรือที่จะตัดสินใจยกเลิก ความสูญเสียที่เกิดขึ้นคราวนี้ถ้าไม่รีบจัดการยุติก็ต้องเป็นปัญหาให้ลูกหลานไทยในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน 🤚STOP..เจรจากับกัมพูชาควรหยุดเพราะพูดกันคนละภาษา มันพูดอย่างทำอย่างเราจะเชื่อถืออะไรได้ ให้เร่งเปิดด่านอ้างสารพัด บลาๆๆๆจะถอนกำลังหนักออกไปแต่มันเสริมกำลังเข้ามาตลอดแล้วกองกำลัง BHQ..มันเสริมเข้ามาพร้อมอาวุธหนักเข้ามาประชิดชายแดนไทยทำไม คนชาตินี้หาสัจจะในคำพูดไม่ได้ เช้านั่งกินข้าวด้วยกันเย็นวางระเบิดทหารไทยขาขาด พวกคุณรู้ทุกอย่างอยู่กับข้อมูล หรือมีอะไรตื้นลึกหนาบางที่ประชาชนยังไม่รู้อีก?#พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่๙ พระองค์มีพระบรมราชโองการออกมาแล้วและเขียนแผนที่ให้เห็นชัดเจนทั้งหมด ไม่มีพื้นที่ส่วนใดในประเทศไทยที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนแต่อย่างใดเลย "สยามได้ทำแผนที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์พร้อมมีหลักเขตแดน #ก่อนจะมีประเทศกัมพูชากำเนิดขึ้นมาด้วยซ้ำ"..แล้วจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาหรือทำประชามติอีกทำไมให้เสียเวลาแล้วปัญหานี้จะดึงเวลาไปอีกเท่าไหร่ชาตินี้ไหม๊😔หรือภพชาติหน้า♾&แล้วคำถามในประชามติจะระบุว่าอะไร"คำถามเชิงชี้นำ?&หรือเชิงวิเคราะห์.."แหมตอนไปทำไม่ถามประชาชนสักคำแต่พอจะยกเลิกกับจะมาเห็นหัวประชาชนขึ้นมาซะงั้นต้องถามประชาชนก่อนว่าเห็นด้วยกับการยกเลิกMOU43-44 ไหมหัวเราะไม่ออกจริงๆก็เห็นๆอยู่ว่ากัมพูชาไปยึดแผนที่1:200,000 "มันไม่ได้จะมาขีดเองตามใจไม่ได้การทำแผนที่ในปัจจุบันด้วยดาวเทียมมีความละเอียดสูงพิกัดชัดเจน1:50,000#💛🙏🏿พ่อหลวง ร.9 พระองค์ก็เขียนไว้ให้แล้ว🔆❤🇹🇭❤#ตอนวุ้นเส้นบัญชาการรบก็ใช้แผนที่1:50,000เห็นกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นจะมาอ้างว่าไม่มีเจตนายิงใส่บ้านพลเรือนจึงฟังไม่ขึ้น ไปหลอกเด็กไป่👉มันละเมิดสนธิสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจนเจตนาฆ่าพลเรือน&ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาแอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทำให้ทหารไทยขาขาดพิการไปจำนวนมากทุกวันนี้ก็ยังวางอยู่ ไทยตรวจจับกู้มาได้ตลอดเวลา ความเจ็บปวดของเพื่อนร่วมชาติพวกคุณไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไม่ต้องเจรจาแล้วลิ้นสองแฉกคบไม่ได้#นักการเมืองพวกคุณไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ระวังประชาชนจะเปลี่ยนคุณเองอย่าคิดนะว่าไทยจะไม่เป็นแบบเนปาลมันก็ไม่แน่หรอก..ไม่ได้เห็นด้วยกับความรุนแรงเผาบ้านเผาเมืองขนาดนั้นแต่ไม่ไปตัดสินเขาเพราะเราไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าเขาเจออะไรมาบ้าง#ถ้ามันเกิดเป็น โดมิโน่ขึ้นมาล่ะ พวกคุณต้องรับผิดชอบนะ คุณมีโอกาสทำให้ดีแล้วไม่ทำก็จะไม่มีโอกาส"เห็นไหมภาคเหนือน้ำท่วมซ้ำซากบริหารจัดการกันอย่างไร ชาวบ้านทุกข์ยากลำบากไปมองเขาบ้างไหมบ้านหายไปทั้งหลัง ท่วมติดๆกันต่อเนื่องทุกปีเขาจะตั้งตัวยังไง งบประมาณบริหารจัดการน้ำไปทำอะไรได้บ้าง คนเราจะมีบ้านสักหลังอาจต้องทำงานทั้งชีวิตตายก็ยังผ่อนไม่หมดเลย ต่อให้ไทยพบแหล่งพลังงานจำนวนมากแค่ไหน คนไทยจะได้อะไร?เพราะทุกวันนี้คนไทยก็ใช้พลังงานในราคาแพงมากๆอยู่แล้วมันคือต้นทุนของค่าครองชีพทุกอย่างสูงไปตามกัน ไทยมีน้ำมันส่งออกไปขาย ตปท.ได้ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้เกินความต้องการของคนในประเทศคือมันล้นแต่คนไทยก็ใช้ไฟแพงอยู่ดี เพราะฉะนั้นจะพบแหล่งพลังงานขุดหรือไม่ขุดขึ้นมาค่ามันต่างกันตรงไหนไม่ทราบ "ขนาดค่าอัตราไฟฟ้าผันแปร'FT(Fuel Adjustment Charge.ประชาชนต้องแบกรับอ้างเป็นต้นทุนการผลิตที่ควบคุมไม่ได้ "#แต่เวลากำไรกับรับไปเต็มๆมันผลิตเกินความต้องการของคนใช้ภายในประเทศมันควรจะถูกมากๆไม่ใช่แพงขนาดนี้#ชีวิตหรูหราของนักการเมืองใช้ของกินอยู่กันแบบไฮโซคิดว่าประชาชนเขาไม่เห็นหรือไงคะ...เข้ามาระยะสั้นๆทำอะไรฝากไว้เป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีไม่ดีกว่าหรือคะ คนเราตายได้ทุกลมหายใจเข้าออกนะอย่าคิดว่ามีเวลาเยอะยังไงก็ไม่เกิน3หมื่นวัน.จะให้คนจดจำคุณแบบใดฯลฯ👹&🧚‍♀️🧚‍♂️If's up to you to do.(อยู่ที่คุณทำ)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณยอมแพ้หนึ่งตา เพื่อตีฝ่าทั้งกระดาน

    ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริต 3 คดี เป็นเวลา 1 ปีตามพระบรมราชโองการ หลังพบว่าการบังคับโทษเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย้ายนายทักษิณออกจากเรือนจำไปยังห้องพักพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ อีกทั้งนายทักษิณปฎิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่เลือกผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำให้กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักโทษไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่สามารถนำระยะเวลาพักรักษาตัว 180 วันมาหักเป็นวันคุมขังได้

    ด้านทีมงานนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า แม้ทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร แต่วันนี้ขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่านายทักษิณไม่มีทางหนีกระแสสังคม เพราะกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณนอนห้องพิเศษถูกตีแผ่ สั่นสะเทือนทุกวงการ และแพทยสภาตัดสินให้แพทย์ 3 คนมีความผิด ภาวะผู้นำลูกผู้ชายไม่อาจใช้กับนายทักษิณได้ เพราะถ้าสำนึกผิดจริง 2 ปีที่แล้วต้องยอมติดคุก ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษทั่วไป จึงจะได้ใจจากสังคมกลับมา

    อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและบริวารยังคงไม่วางมือทางการเมือง ก่อนหน้านี้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนกลับประเทศไทยเมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งพบว่ามีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณกลับมาด้วย ว่ากันว่าอาจจะผลักดัน นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายนายสมชายและนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณฝากดูแล สั่งจัดทัพผู้สมัคร สส. 400 เขต ภายในกลางเดือน ต.ค. พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ส่วน สส. งูเห่า 9 เสียงจะให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาลงโทษ

    นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่แสดงความรับผิดชอบเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา ยอมรับว่านายทักษิณคิดถูกที่กลับมารับโทษ แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียว เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้แค่นั้น แต่ความเสียหายเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้านบาท

    #Newskit
    ทักษิณยอมแพ้หนึ่งตา เพื่อตีฝ่าทั้งกระดาน ในที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริต 3 คดี เป็นเวลา 1 ปีตามพระบรมราชโองการ หลังพบว่าการบังคับโทษเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย้ายนายทักษิณออกจากเรือนจำไปยังห้องพักพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน มีเพียงโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรักษาได้ อีกทั้งนายทักษิณปฎิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจ และโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่เลือกผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ขวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ทำให้กระบวนการบังคับโทษรวมทั้งการพักโทษไม่มีผลตามกฎหมาย และไม่สามารถนำระยะเวลาพักรักษาตัว 180 วันมาหักเป็นวันคุมขังได้ ด้านทีมงานนายทักษิณ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า แม้ทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร แต่วันนี้ขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง ตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่านายทักษิณไม่มีทางหนีกระแสสังคม เพราะกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณนอนห้องพิเศษถูกตีแผ่ สั่นสะเทือนทุกวงการ และแพทยสภาตัดสินให้แพทย์ 3 คนมีความผิด ภาวะผู้นำลูกผู้ชายไม่อาจใช้กับนายทักษิณได้ เพราะถ้าสำนึกผิดจริง 2 ปีที่แล้วต้องยอมติดคุก ใช้ชีวิตเหมือนนักโทษทั่วไป จึงจะได้ใจจากสังคมกลับมา อย่างไรก็ตาม นายทักษิณและบริวารยังคงไม่วางมือทางการเมือง ก่อนหน้านี้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนกลับประเทศไทยเมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งพบว่ามีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณกลับมาด้วย ว่ากันว่าอาจจะผลักดัน นายยศนันท์ วงศ์สวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายนายสมชายและนางเยาวภา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นายทักษิณฝากดูแล สั่งจัดทัพผู้สมัคร สส. 400 เขต ภายในกลางเดือน ต.ค. พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ส่วน สส. งูเห่า 9 เสียงจะให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาลงโทษ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่แสดงความรับผิดชอบเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา ยอมรับว่านายทักษิณคิดถูกที่กลับมารับโทษ แต่ประเทศไทยไม่คุ้ม ติดคุกปีเดียว เป็นเรื่องที่กฎหมายทำได้แค่นั้น แต่ความเสียหายเป็นหมื่นล้านถึงแสนล้านบาท #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว


  • จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร หรือ จังหวัดเกาะกง

    เมืองปัจจันตคิรีเขตร
    เมือง
    พ.ศ. 2398 – 2447
    ยุคทางประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์
    • ก่อตั้ง
    พ.ศ. 2398
    • ฝรั่งเศสไม่ยอมคืนดินแดน
    30 ธันวาคม พ.ศ. 2447

    เมืองตราด
    กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส
    ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ กัมพูชา
    จังหวัดปัจจันตคิรีเขตรChoawalit Chotwattanaphong หรือบางเอกสารจะเรียกว่า ปัตจันตคีรีเขตร์ บ้าง ประจันต์คิรีเขตต์ บ้าง[2] เป็นเมืองเดิมของราชอาณาจักรสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีความสำคัญเทียบเท่าจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ในอดีต มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะกง เขตจังหวัดเกาะกงในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน ดินแดนจังหวัดนี้ตกเป็นของฝรั่งเศสพร้อมกับหัวเมืองฝั่งขวาแม่น้ำโขง คือ แขวงไชยบุรีและแขวงจำปาศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2447

    ประวัติ

    Map of Siam in 1900
    แต่เดิมมาเกาะกงเป็นจังหวัดของราชอาณาจักรเขมร แต่มาถึงสมัยที่เขมรตกเป็นประเทศราชอยู่ในอำนาจของสยาม พระเจ้ากรุงสยามก็มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกงให้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองตราด

    เมื่อปี พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกง โดยพระราชทานนามเมืองนี้ว่า เมืองปัจจันตคีรีเขตต์ เพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่มีเขตติดต่อกับเขมรและญวน

    เหตุที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานนามเกาะกงว่า ปัจจันตคิรีเขตร ก็เพื่อให้คล้องจองกับชื่อเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ทางด้านภาคตะวันตกของไทย ซึ่งตั้งอยู่ในแนวรุ้ง (Latitude) เดียวกัน[3]

    ถึง พ.ศ. 2422 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์จัดตั้งสถานีทหารเรือขึ้นตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกที่เมืองชลบุรี บางพระ อำเภอบางละมุง เมืองระยอง เมืองแกลง เมืองจันทบุรี อำเภอขลุง เมืองตราด เมืองปัจจันตคิรีเขตร และเกาะเสม็ดนอก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากฝรั่งเศสทางทะเล

    ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2435 ฝรั่งเศสได้เริ่มดำเนินการทางทหารใช้กำลังเข้าบีบบังคับสยาม โดยยกกองทัพมาเข้าขับไล่ทหารไทยให้ถอยร่นออกจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ทำให้ความยุ่งยากทางชายแดนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการปรึกษาการป้องกันพระราชอาณาเขตขึ้น และจัดกองบัญชาการทัพอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลแต่ละด้านขึ้นด้วย

    ในปี พ.ศ. 2436 รัฐบาลสยามได้แต่งตั้งให้นายพลเรือจัตวาพระยาชลยุทธโยธินทร์ (André du Plésis de Richelieu) เป็นผู้จัดการป้องกันพระราชอาณาเขตทางหัวเมืองฝ่ายตะวันออก ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีคำสั่งมายังผู้ว่าราชการเมืองแถบนี้ ซึ่งรวมทั้งเมืองตราดและเมืองปัจจันตคิรีเขตรด้วย ให้ช่วยพระยาชลยุทธโยธินทร์จัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับการป้องกันพระราชอาณาเขต

    การเสียดินแดนจังหวัดปัจจันตคิรีเขตร

    การส่งมอบตราดให้กับฝรั่งเศส
    วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรือรบฝรั่งเศสสามารถฝ่าแนวป้องกันของสยามเข้ามาทอดสมอในกรุงเทพฯ ได้ ฝ่ายฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามเมื่อ 20 กรกฎาคม โดยให้เวลาตอบ 48 ชั่วโมง ฝ่ายไทยได้ตอบข้อเรียกร้องเมื่อ 22 กรกฎาคม แต่ไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายฝรั่งเศส ดังนั้นในวันที่ 24 กรกฎาคม ฝรั่งเศสจึงประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย สองวันถัดมา (26 กรกฎาคม) ฝรั่งเศสได้สั่งให้ผู้บัญชาการกองเรือภาคตะวันออกไกลที่ไซ่ง่อนปิดล้อมอ่าวไทย ตั้งแต่แหลมเจ้าลายถึงบริเวณแหลมกระบัง และในวันที่ 29 กรกฎาคม ฝรั่งเศสได้ประกาศปิดล้อมอ่าวไทยครั้งที่ 2 โดยขยายเขตเพิ่มบริเวณเกาะเสม็ด จนถึงแหลมสิง รวม 2 เขต ฝ่ายไทยจำต้องยอมรับคำขาดของฝรั่งเศสที่ยื่นไว้แต่เดิมในวันเดียวกันนั้นเอง แต่ในวันรุ่งขึ้นฝรั่งเศสถือโอกาสยื่นคำขาดเพิ่มเติมอีก โดยประกาศยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน และบังคับให้ไทยถอนตัวออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงอีกด้วย ไทยจำเป็นต้องยอมรับโดยไม่มีทางเลือก เมื่อฝ่ายไทยปฏิบัติตามคำขาดนั้นแล้ว ฝรั่งเศสจึงได้ยกเลิกการปิดอ่าวในวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 12.00 น. แต่การยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรียังคงยึดไว้ตามเดิม

    ต่อมาได้มีการทำสัญญาสงบศึกกันโดยหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ในหนังสือสัญญาฉบับนี้ มีข้อความระบุไว้ในอนุสัญญาผนวกต่อท้ายหนังสือสัญญาข้อ 6 ว่า "คอนเวอนแมนต์ (Government - รัฐบาล) ฝรั่งเศสจะได้ตั้งอยู่ต่อไปที่เมืองจันทบุรี จนกว่าจะได้ทำการสำเร็จแล้วตามข้อความในหนังสือสัญญานี้…"

    แม้ทางฝ่ายไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสบีบบังคับทุกอย่าง ฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอมถอนทหาร ยังคงยึดจันทบุรีไว้อีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี เป็นเหตุให้ต้องมีการตกลงทำสัญญาขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่งคือ อนุสัญญาลงวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2445 แต่หนังสือฉบับนี้ฝรั่งเศสไม่ยอมให้สัตยาบันและไม่ถอนกำลังออกจากจันทบุรี จึงได้ตกลงมีสัญญาอีกฉบับหนึ่ง คือ สัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 คราวนี้ฝรั่งเศสจึงถอนกำลังออกจากจันทบุรี แต่ได้เข้ายึดครองเมืองตราดและบรรดาเกาะทั้งหลายภายใต้แหลมสิงลงไปซึ่งรวมถึงเกาะกงแทน ฝ่ายไทยจำต้องมอบเมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตให้แก่ฝรั่งเศส ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447

    พื้นที่ดังกล่าวได้ตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศส จนถึงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 จึงได้มีการตกลงทำหนังสือสัญญาขึ้นอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า "หนังสือสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับเปรสสิเดนต์แห่งรีปัปลิคฝรั่งเศส" ฝรั่งเศสจึงคืนเมืองตราดให้ไทยตามเดิม แต่ฝ่ายไทยจะต้องยอมยกดินแดนเขมรส่วนใน (มณฑลบูรพา) คือ เมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน แต่ปรากฏว่าเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) นั้นฝรั่งเศสมิได้คืนให้ไทยแต่ประการใด ปัจจุบันเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาไปโดยปริยาย[4]

    การสูญเสียแผ่นดินเกาะกงในสมัยนั้น ประวัติศาสตร์ของชาติไทยมิได้มีบันทึกการเสียดินแดนเกาะกงไว้แต่อย่างใด คงกล่าวโดยรวมในกรณีของดินแดนจังหวัดตราดเท่านั้น เพราะในขณะนั้นไทยต้องการดินแดนเขมรสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือดินแดนอีสานตอนใต้ในปัจจุบัน โดยให้ยึดทิวเขาพนมดงรักเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งฝรั่งเศสก็ยินยอม



    จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร หรือ จังหวัดเกาะกง เมืองปัจจันตคิรีเขตร เมือง พ.ศ. 2398 – 2447 ยุคทางประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ • ก่อตั้ง พ.ศ. 2398 • ฝรั่งเศสไม่ยอมคืนดินแดน 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447 เมืองตราด กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ กัมพูชา จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร[1] หรือบางเอกสารจะเรียกว่า ปัตจันตคีรีเขตร์ บ้าง ประจันต์คิรีเขตต์ บ้าง[2] เป็นเมืองเดิมของราชอาณาจักรสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีความสำคัญเทียบเท่าจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ในอดีต มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะกง เขตจังหวัดเกาะกงในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน ดินแดนจังหวัดนี้ตกเป็นของฝรั่งเศสพร้อมกับหัวเมืองฝั่งขวาแม่น้ำโขง คือ แขวงไชยบุรีและแขวงจำปาศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2447 ประวัติ Map of Siam in 1900 แต่เดิมมาเกาะกงเป็นจังหวัดของราชอาณาจักรเขมร แต่มาถึงสมัยที่เขมรตกเป็นประเทศราชอยู่ในอำนาจของสยาม พระเจ้ากรุงสยามก็มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกงให้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองตราด เมื่อปี พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกง โดยพระราชทานนามเมืองนี้ว่า เมืองปัจจันตคีรีเขตต์ เพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่มีเขตติดต่อกับเขมรและญวน เหตุที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานนามเกาะกงว่า ปัจจันตคิรีเขตร ก็เพื่อให้คล้องจองกับชื่อเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ทางด้านภาคตะวันตกของไทย ซึ่งตั้งอยู่ในแนวรุ้ง (Latitude) เดียวกัน[3] ถึง พ.ศ. 2422 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์จัดตั้งสถานีทหารเรือขึ้นตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกที่เมืองชลบุรี บางพระ อำเภอบางละมุง เมืองระยอง เมืองแกลง เมืองจันทบุรี อำเภอขลุง เมืองตราด เมืองปัจจันตคิรีเขตร และเกาะเสม็ดนอก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากฝรั่งเศสทางทะเล ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2435 ฝรั่งเศสได้เริ่มดำเนินการทางทหารใช้กำลังเข้าบีบบังคับสยาม โดยยกกองทัพมาเข้าขับไล่ทหารไทยให้ถอยร่นออกจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ทำให้ความยุ่งยากทางชายแดนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการปรึกษาการป้องกันพระราชอาณาเขตขึ้น และจัดกองบัญชาการทัพอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลแต่ละด้านขึ้นด้วย ในปี พ.ศ. 2436 รัฐบาลสยามได้แต่งตั้งให้นายพลเรือจัตวาพระยาชลยุทธโยธินทร์ (André du Plésis de Richelieu) เป็นผู้จัดการป้องกันพระราชอาณาเขตทางหัวเมืองฝ่ายตะวันออก ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีคำสั่งมายังผู้ว่าราชการเมืองแถบนี้ ซึ่งรวมทั้งเมืองตราดและเมืองปัจจันตคิรีเขตรด้วย ให้ช่วยพระยาชลยุทธโยธินทร์จัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับการป้องกันพระราชอาณาเขต การเสียดินแดนจังหวัดปัจจันตคิรีเขตร การส่งมอบตราดให้กับฝรั่งเศส วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรือรบฝรั่งเศสสามารถฝ่าแนวป้องกันของสยามเข้ามาทอดสมอในกรุงเทพฯ ได้ ฝ่ายฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามเมื่อ 20 กรกฎาคม โดยให้เวลาตอบ 48 ชั่วโมง ฝ่ายไทยได้ตอบข้อเรียกร้องเมื่อ 22 กรกฎาคม แต่ไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายฝรั่งเศส ดังนั้นในวันที่ 24 กรกฎาคม ฝรั่งเศสจึงประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย สองวันถัดมา (26 กรกฎาคม) ฝรั่งเศสได้สั่งให้ผู้บัญชาการกองเรือภาคตะวันออกไกลที่ไซ่ง่อนปิดล้อมอ่าวไทย ตั้งแต่แหลมเจ้าลายถึงบริเวณแหลมกระบัง และในวันที่ 29 กรกฎาคม ฝรั่งเศสได้ประกาศปิดล้อมอ่าวไทยครั้งที่ 2 โดยขยายเขตเพิ่มบริเวณเกาะเสม็ด จนถึงแหลมสิง รวม 2 เขต ฝ่ายไทยจำต้องยอมรับคำขาดของฝรั่งเศสที่ยื่นไว้แต่เดิมในวันเดียวกันนั้นเอง แต่ในวันรุ่งขึ้นฝรั่งเศสถือโอกาสยื่นคำขาดเพิ่มเติมอีก โดยประกาศยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน และบังคับให้ไทยถอนตัวออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงอีกด้วย ไทยจำเป็นต้องยอมรับโดยไม่มีทางเลือก เมื่อฝ่ายไทยปฏิบัติตามคำขาดนั้นแล้ว ฝรั่งเศสจึงได้ยกเลิกการปิดอ่าวในวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 12.00 น. แต่การยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรียังคงยึดไว้ตามเดิม ต่อมาได้มีการทำสัญญาสงบศึกกันโดยหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ในหนังสือสัญญาฉบับนี้ มีข้อความระบุไว้ในอนุสัญญาผนวกต่อท้ายหนังสือสัญญาข้อ 6 ว่า "คอนเวอนแมนต์ (Government - รัฐบาล) ฝรั่งเศสจะได้ตั้งอยู่ต่อไปที่เมืองจันทบุรี จนกว่าจะได้ทำการสำเร็จแล้วตามข้อความในหนังสือสัญญานี้…" แม้ทางฝ่ายไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสบีบบังคับทุกอย่าง ฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอมถอนทหาร ยังคงยึดจันทบุรีไว้อีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี เป็นเหตุให้ต้องมีการตกลงทำสัญญาขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่งคือ อนุสัญญาลงวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2445 แต่หนังสือฉบับนี้ฝรั่งเศสไม่ยอมให้สัตยาบันและไม่ถอนกำลังออกจากจันทบุรี จึงได้ตกลงมีสัญญาอีกฉบับหนึ่ง คือ สัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 คราวนี้ฝรั่งเศสจึงถอนกำลังออกจากจันทบุรี แต่ได้เข้ายึดครองเมืองตราดและบรรดาเกาะทั้งหลายภายใต้แหลมสิงลงไปซึ่งรวมถึงเกาะกงแทน ฝ่ายไทยจำต้องมอบเมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตให้แก่ฝรั่งเศส ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447 พื้นที่ดังกล่าวได้ตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศส จนถึงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 จึงได้มีการตกลงทำหนังสือสัญญาขึ้นอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า "หนังสือสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับเปรสสิเดนต์แห่งรีปัปลิคฝรั่งเศส" ฝรั่งเศสจึงคืนเมืองตราดให้ไทยตามเดิม แต่ฝ่ายไทยจะต้องยอมยกดินแดนเขมรส่วนใน (มณฑลบูรพา) คือ เมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน แต่ปรากฏว่าเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) นั้นฝรั่งเศสมิได้คืนให้ไทยแต่ประการใด ปัจจุบันเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาไปโดยปริยาย[4] การสูญเสียแผ่นดินเกาะกงในสมัยนั้น ประวัติศาสตร์ของชาติไทยมิได้มีบันทึกการเสียดินแดนเกาะกงไว้แต่อย่างใด คงกล่าวโดยรวมในกรณีของดินแดนจังหวัดตราดเท่านั้น เพราะในขณะนั้นไทยต้องการดินแดนเขมรสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือดินแดนอีสานตอนใต้ในปัจจุบัน โดยให้ยึดทิวเขาพนมดงรักเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งฝรั่งเศสก็ยินยอม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (7 ก.ย. 2568) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด นายอนุทินเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หลังสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตามรัฐธรรมนูญ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000085512

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วันนี้ (7 ก.ย. 2568) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด นายอนุทินเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หลังสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตามรัฐธรรมนูญ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000085512 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 587 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีบดูด่วน! เปิดพระบรมราชโองการ ที่อยู่เหนือ นกม. MOU43-44 (24/8/68)

    #TruthFromThailand
    #MOU43
    #MOU44
    #พระบรมราชโองการ
    #ThailandPolitics
    #scambodia
    #CambodiaEncroachingThailand
    #SAVEThailand
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ชายแดนไทย
    #ข่าวการเมือง
    #กองทัพไทย
    รีบดูด่วน! เปิดพระบรมราชโองการ ที่อยู่เหนือ นกม. MOU43-44 (24/8/68) #TruthFromThailand #MOU43 #MOU44 #พระบรมราชโองการ #ThailandPolitics #scambodia #CambodiaEncroachingThailand #SAVEThailand #ThaiTimes #news1 #shorts #ชายแดนไทย #ข่าวการเมือง #กองทัพไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ด่วนมาก ต้องรีบดู! พระบรมราชโองการ ร.9 ที่อยู่เหนือ MOU นักการเมือง [10/08/68]
    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #Hunsenfiredfirst
    #MOU43
    #MOU44
    #พระบรมราชโองการ
    #thaitimes
    #news1
    #shorts
    ด่วนมาก ต้องรีบดู! พระบรมราชโองการ ร.9 ที่อยู่เหนือ MOU นักการเมือง [10/08/68] #TruthFromThailand #scambodia #Hunsenfiredfirst #MOU43 #MOU44 #พระบรมราชโองการ #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ท่าน รมต. ช่วย กลาโหม ครับ MOU 2543 มันไม่มีประโยชน์ในข้ออ้างตามที่ท่านพูด มาตราส่วน 1ต่อ50000 และ มี พระบรมราชโองการ เรื่องพระราชอาณาจักร และยังมีสนธิสัญญาที่ญี่ปุ่น ถ้าจะกรุณา ลาออกจาก จากทุกตำแหน่ง จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง ไทยเสียเหลี่ยมศัตรูเพราะมันมีคนอย่างพระยาจักรี และคำพูดที่ไม่มี.. ฟังให้ได้ยินกับหู ว่า 2568 ไทยมีไส้ศึกรึเปล่า https://www.youtube.com/live/QWz5oMsSBf4?si=wPUpNgmknNz0Rs1Y.
    ท่าน รมต. ช่วย กลาโหม ครับ MOU 2543 มันไม่มีประโยชน์ในข้ออ้างตามที่ท่านพูด มาตราส่วน 1ต่อ50000 และ มี พระบรมราชโองการ เรื่องพระราชอาณาจักร และยังมีสนธิสัญญาที่ญี่ปุ่น ถ้าจะกรุณา ลาออกจาก จากทุกตำแหน่ง จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง ไทยเสียเหลี่ยมศัตรูเพราะมันมีคนอย่างพระยาจักรี และคำพูดที่ไม่มี.. ฟังให้ได้ยินกับหู ว่า 2568 ไทยมีไส้ศึกรึเปล่า https://www.youtube.com/live/QWz5oMsSBf4?si=wPUpNgmknNz0Rs1Y.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบรมราชโองการ ประกาศ : มอบหมายผู้ดูแลรักษาและจัดการผลประโยชน์ทรัพย์สินในพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่าตามที่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เป็นผู้ดูแลรักษาและจัดการผลประโยชน์ทรัพย์สินส่วนพระองค์ และพระราชทานมอบอำนาจให้จัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ ตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๐ และต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๖๘ ให้เปลี่ยนชื่อ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็น สำนักงานพระคลังข้างที่ และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ และภาระผูกพันของสำนักพระราชวัง เฉพาะส่วนของสำนักงานพระคลังข้างที่ ไปเป็นของสำนักงานพระคลังข้างที่ นั้นบัดนี้ ทรงมีพระราชดำริว่า เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย และเหมาะสมกับการดูแลทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ของสำนักงานพระคลังข้างที่ สมควรมอบหมายผู้ดูแลรักษาและจัดการผลประโยชน์ทรัพย์สินในพระองค์อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ประกอบมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๖๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมมอบหมายให้ สำนักงานพระคลังข้างที่ เป็น ผู้ดูแลรักษาและจัดการผลประโยชน์ทรัพย์สินในพระองค์ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชกาลปัจจุบัน
    พระบรมราชโองการ ประกาศ : มอบหมายผู้ดูแลรักษาและจัดการผลประโยชน์ทรัพย์สินในพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่าตามที่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เป็นผู้ดูแลรักษาและจัดการผลประโยชน์ทรัพย์สินส่วนพระองค์ และพระราชทานมอบอำนาจให้จัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ ตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๐ และต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๖๘ ให้เปลี่ยนชื่อ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็น สำนักงานพระคลังข้างที่ และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ และภาระผูกพันของสำนักพระราชวัง เฉพาะส่วนของสำนักงานพระคลังข้างที่ ไปเป็นของสำนักงานพระคลังข้างที่ นั้นบัดนี้ ทรงมีพระราชดำริว่า เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย และเหมาะสมกับการดูแลทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ของสำนักงานพระคลังข้างที่ สมควรมอบหมายผู้ดูแลรักษาและจัดการผลประโยชน์ทรัพย์สินในพระองค์อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ประกอบมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๖๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมมอบหมายให้ สำนักงานพระคลังข้างที่ เป็น ผู้ดูแลรักษาและจัดการผลประโยชน์ทรัพย์สินในพระองค์ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชกาลปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการ สถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ 81 รูป
    https://www.thai-tai.tv/news/20298/
    .
    #ราชกิจจานุเบกษา #สมณศักดิ์ #พระภิกษุ #พระราชโองการ #ศาสนาพุทธ #คณะสงฆ์ #ข่าวในพระราชสำนัก
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการ สถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ 81 รูป https://www.thai-tai.tv/news/20298/ . #ราชกิจจานุเบกษา #สมณศักดิ์ #พระภิกษุ #พระราชโองการ #ศาสนาพุทธ #คณะสงฆ์ #ข่าวในพระราชสำนัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการสถาปนาสมณศักดิ์และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์พระ 81 รูป เหตุปรากฏข่าวพระภิกษุประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป และพระราชาคณะกระทำผิดพระธรรมวินัย เป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชนได้รับผลกระทบต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000066622

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการสถาปนาสมณศักดิ์และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์พระ 81 รูป เหตุปรากฏข่าวพระภิกษุประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป และพระราชาคณะกระทำผิดพระธรรมวินัย เป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชนได้รับผลกระทบต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000066622 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 605 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการ สถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ 81 รูป ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค. หลังพบข่าวพระภิกษุประพฤติตนไม่เหมาะสม พระราชาคณะทำผิดพระธรรมวินัย ทำพุทธศาสนิกชนได้รับผลกระทบต่อจิตใจ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000066606

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกาศยกเลิกพระบรมราชโองการ สถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ 81 รูป ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค. หลังพบข่าวพระภิกษุประพฤติตนไม่เหมาะสม พระราชาคณะทำผิดพระธรรมวินัย ทำพุทธศาสนิกชนได้รับผลกระทบต่อจิตใจ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000066606 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1134 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เปลี่ยนนายก #ยุบสภา #แก้ปัญหาไม่ได้ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ผลประโยชน์ส่วนตนและพวก #พรรคการเมือง #นักการเมือง #ทุนพลังงาน #นายทุน #ขายชาติ #บ่อน #กาสิโน #ฮุนเซ็น #ส่วย #เลว #ชั่ว #ขายชาติ #ยกเลิก #MOU2543 #MOU2544 #ขัดพระบรมราชโองการ #ในหลวง #รัชกาลที่9 #เปลี่ยนแปลงราชอาณาเขต #แผ่นดินไทย #ดินแดนไทย #รัฐบาล และ #ทหารไทย #กองทัพไทย ต้องยึดถือและใช้บังคับ #แผนที่ หนึ่งต่อห้าหมื่น เท่านั้น #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    https://youtu.be/VMpcBqF0wqk
    #เปลี่ยนนายก #ยุบสภา #แก้ปัญหาไม่ได้ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ผลประโยชน์ส่วนตนและพวก #พรรคการเมือง #นักการเมือง #ทุนพลังงาน #นายทุน #ขายชาติ #บ่อน #กาสิโน #ฮุนเซ็น #ส่วย #เลว #ชั่ว #ขายชาติ #ยกเลิก #MOU2543 #MOU2544 #ขัดพระบรมราชโองการ #ในหลวง #รัชกาลที่9 #เปลี่ยนแปลงราชอาณาเขต #แผ่นดินไทย #ดินแดนไทย #รัฐบาล และ #ทหารไทย #กองทัพไทย ต้องยึดถือและใช้บังคับ #แผนที่ หนึ่งต่อห้าหมื่น เท่านั้น #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ https://youtu.be/VMpcBqF0wqk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • #timeline #ขายชาติ #พลังงาน #ผลประโยชน์ส่วนตน ทุก #รัฐบาล #อธิปไตยไทย #กระทรวงการต่างประเทศ #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ทหารไืทย #MOU2543 #MOU2544 #ชายแดน #ไทยกัมพูชา #แผนที่ #ดินแดนไืทย #แผ่นดินไืทย #ประเทศไทย #ขัดพระบรมราชโองการ #ในหลวง#รัชกาลที่9 #อาณาเขตไทย #อาณาจักรไทย #
    https://youtu.be/eQ49hODhMTQ
    #timeline #ขายชาติ #พลังงาน #ผลประโยชน์ส่วนตน ทุก #รัฐบาล #อธิปไตยไทย #กระทรวงการต่างประเทศ #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ทหารไืทย #MOU2543 #MOU2544 #ชายแดน #ไทยกัมพูชา #แผนที่ #ดินแดนไืทย #แผ่นดินไืทย #ประเทศไทย #ขัดพระบรมราชโองการ #ในหลวง#รัชกาลที่9 #อาณาเขตไทย #อาณาจักรไทย # https://youtu.be/eQ49hODhMTQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 539 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะลงนามใน #MOU2543 ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า:
    “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา”

    เมื่อ MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น”

    ที่มา : เปิด #เอกสาร#เบื้องหลัง ” ที่มาของ MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์
    https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657

    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    ขณะลงนามใน #MOU2543 ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า: “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” เมื่อ MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น” ที่มา : เปิด #เอกสาร “ #เบื้องหลัง ” ที่มาของ MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    MGRONLINE.COM
    เปิดเอกสาร “เบื้องหลัง” ที่มาของ MOU 2543!?
    รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้เคยพยายามอธิบายว่าบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 หรือ MOU 2543 นั้นมีความสำคัญเพราะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ปัญหาเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น ยังคงจำกัดอยู่ในการเจรจาระดับทวิภาคี หรือการเจรจาจะจำกัดอยู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 748 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะลงนามใน #MOU2543 #ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า:
    “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา”

    เมื่อ MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU 2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น”

    ที่มา : เปิด #เอกสาร#เบื้องหลัง ” ที่มาของ MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์
    https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657

    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    ขณะลงนามใน #MOU2543 #ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า: “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” เมื่อ MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU 2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น” ที่มา : เปิด #เอกสาร “ #เบื้องหลัง ” ที่มาของ MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    MGRONLINE.COM
    เปิดเอกสาร “เบื้องหลัง” ที่มาของ MOU 2543!?
    รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้เคยพยายามอธิบายว่าบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 หรือ MOU 2543 นั้นมีความสำคัญเพราะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ปัญหาเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น ยังคงจำกัดอยู่ในการเจรจาระดับทวิภาคี หรือการเจรจาจะจำกัดอยู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 741 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะลงนามใน #MOU2543 #ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า:
    “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา”

    เมื่อ #MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU 2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น”

    ที่มา : เปิด #เอกสาร#เบื้องหลัง ” ที่มาของ #MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์
    https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657

    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    ขณะลงนามใน #MOU2543 #ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า: “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” เมื่อ #MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU 2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น” ที่มา : เปิด #เอกสาร “ #เบื้องหลัง ” ที่มาของ #MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    MGRONLINE.COM
    เปิดเอกสาร “เบื้องหลัง” ที่มาของ MOU 2543!?
    รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้เคยพยายามอธิบายว่าบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 หรือ MOU 2543 นั้นมีความสำคัญเพราะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ปัญหาเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น ยังคงจำกัดอยู่ในการเจรจาระดับทวิภาคี หรือการเจรจาจะจำกัดอยู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 737 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะลงนามใน #MOU2543 #ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า:
    “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา”

    เมื่อ #MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU 2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น”

    ที่มา : เปิด #เอกสาร#เบื้องหลัง ” ที่มาของ #MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์
    https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657

    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    ขณะลงนามใน #MOU2543 #ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า: “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” เมื่อ #MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU 2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น” ที่มา : เปิด #เอกสาร “ #เบื้องหลัง ” ที่มาของ #MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    MGRONLINE.COM
    เปิดเอกสาร “เบื้องหลัง” ที่มาของ MOU 2543!?
    รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้เคยพยายามอธิบายว่าบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 หรือ MOU 2543 นั้นมีความสำคัญเพราะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ปัญหาเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น ยังคงจำกัดอยู่ในการเจรจาระดับทวิภาคี หรือการเจรจาจะจำกัดอยู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 735 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะลงนามใน #MOU2543 #ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า:
    “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา”

    เมื่อ #MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU 2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น”

    ที่มา : เปิด #เอกสาร#เบื้องหลัง ” ที่มาของ #MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์
    https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657

    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    ขณะลงนามใน #MOU2543 #ประเทศไทย มีการใช้ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 บัญญัติเอาไว้ชัดเจน ใน #มาตรา224 ว่า: “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก และสัญญาอื่น กับนานาประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หนังสือสัญญาใด มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามสัญญา ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” เมื่อ #MOU2543 #ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และ #ปราศจากพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องถือว่า MOU 2543 นั้น #ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา224 ของ #รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ #เป็นโมฆะ มาตั้งแต่ตอนต้น” ที่มา : เปิด #เอกสาร “ #เบื้องหลัง ” ที่มาของ #MOU2543 !? เผยแพร่: 22 มี.ค. 2554 โดย: #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ https://mgronline.com/daily/detail/9540000036657 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #อธิปไตยไทย #แผ่นดินไทย #อาณาเขต #ชายแดนไทยเขมร #ราชอาณาจักรไทย #พระบรมราชโองการ #แผ่นที่ #หนึ่งต่อห้าหมื่น #ประเทศไทย #ดินแดนไทย #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ข้าราชการไทย #ตำรวจไทย #พลเมืองไทย #คนไทย #ประชาชนของพระราชา #ชาติศาสน์กษัตริย์ไทย
    MGRONLINE.COM
    เปิดเอกสาร “เบื้องหลัง” ที่มาของ MOU 2543!?
    รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้เคยพยายามอธิบายว่าบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 หรือ MOU 2543 นั้นมีความสำคัญเพราะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ปัญหาเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น ยังคงจำกัดอยู่ในการเจรจาระดับทวิภาคี หรือการเจรจาจะจำกัดอยู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 723 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เผย 'กองทัพเรือ' ยึดมั่น 'พระบรมราชโองการปี 16' ย้ำไม่มีพื้นที่ทับซ้อน
    https://www.thai-tai.tv/news/19494/
    'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เผย 'กองทัพเรือ' ยึดมั่น 'พระบรมราชโองการปี 16' ย้ำไม่มีพื้นที่ทับซ้อน https://www.thai-tai.tv/news/19494/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลโทหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงดำรงตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลเอก) และพระราชทานพระยศเป็น “พลเอกหญิง”

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลโทหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงดำรงตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลเอก) และพระราชทานพระยศเป็น “พลเอกหญิง” ขอพระองค์ทรงพระเจริญ🧡 ยิ่งยืนนาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลโทหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงดำรงตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลเอก) และพระราชทานพระยศเป็น “พลเอกหญิง”

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลโทหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงดำรงตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตรา พลเอก) และพระราชทานพระยศเป็น “พลเอกหญิง” ขอพระองค์ทรงพระเจริญ🧡 ยิ่งยืนนาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร เป็นนายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ และนายตำรวจราชองครักษ์ในพระองค์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000034934

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร เป็นนายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ และนายตำรวจราชองครักษ์ในพระองค์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000034934 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 773 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออธิบายให้ความรู้นิดนึงนะครับในหลวงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ครูที่เสียชีวิต ไม่ทอดทิ้งนักเรียน เมื่อรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ จำนวนสามท่านไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ!!!! อันนี้ชัดเจนว่า หน่วยราชการหรือรัฐบาลไม่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานให้จึงเป็นราชการส่วนพระองค์ (Royal affair) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 15 ต้องไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่ใช่ราชการแผ่นดิน (Government affair) ซึ่งต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ครูสามท่านนี้ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง เป็นการส่วนพระองค์ ให้แก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ไม่ใช่ว่ารัฐบาลหรือกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กราบบังคมทูลพระมหากรุณาขอพระราชทานให้นับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ที่ในหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้เป็นส่วนพระองค์ ด้วยพระองค์เอง แสดงว่าทรงเห็นคนเล็กคนน้อย ที่ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเทในหน้าที่ ไม่ทอดทิ้งหน้าที่ จึงทรงอยากจะยกย่อง พระราชทานเกียรติยศให้ด้วยพระองค์เอง ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่คนไทยควรรู้ฟ้ามีตา แผ่นดินมีใจขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก Arnold Sakworawich
    ขออธิบายให้ความรู้นิดนึงนะครับในหลวงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ครูที่เสียชีวิต ไม่ทอดทิ้งนักเรียน เมื่อรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ จำนวนสามท่านไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ!!!! อันนี้ชัดเจนว่า หน่วยราชการหรือรัฐบาลไม่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานให้จึงเป็นราชการส่วนพระองค์ (Royal affair) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 15 ต้องไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการไม่ใช่ราชการแผ่นดิน (Government affair) ซึ่งต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ครูสามท่านนี้ จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง เป็นการส่วนพระองค์ ให้แก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ไม่ใช่ว่ารัฐบาลหรือกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กราบบังคมทูลพระมหากรุณาขอพระราชทานให้นับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และครอบครัว ที่ในหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้เป็นส่วนพระองค์ ด้วยพระองค์เอง แสดงว่าทรงเห็นคนเล็กคนน้อย ที่ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเทในหน้าที่ ไม่ทอดทิ้งหน้าที่ จึงทรงอยากจะยกย่อง พระราชทานเกียรติยศให้ด้วยพระองค์เอง ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่คนไทยควรรู้ฟ้ามีตา แผ่นดินมีใจขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก Arnold Sakworawich
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ประชาไท...กับการแทรกแซงสถาบันฯ โดยไร้ความเข้าใจ"

    นับเป็นอีกครั้งที่ "ประชาไท" ก้าวล้ำเส้นแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ จนกลายเป็นการแทรกแซงพระราชอำนาจอย่างไม่เหมาะสม ภายใต้หน้ากากสื่อเสรีนิยม ที่อ้างตนว่าทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่แท้จริงแล้วกลับละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เสียเอง

    กรณีการนำเสนอข่าวพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศทางทหารแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมตั้งข้อสงสัยถึงความถูกต้องชอบธรรม เพราะไม่มีผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการนั้น เป็นตัวอย่างชัดเจนของความเขลาในกฎหมาย หรืออาจมากกว่านั้นคือเจตนาเบี่ยงเบนประเด็นสู่การลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของพระราชอำนาจ

    ในเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ได้แบ่งแยกอำนาจไว้อย่างชัดเจนว่า "ราชการแผ่นดิน" (government affair) ต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามมาตรา 182 แต่ "ราชการส่วนพระองค์" (royal affair) ซึ่งรวมถึงการพระราชทานยศ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือการแต่งตั้งในพระบรมราชสำนัก ตามมาตรา 15 ไม่จำเป็นต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

    การที่ประชาไทนำเรื่องนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ จึงไม่ใช่เพียงความผิดพลาดทางข้อเท็จจริง แต่ยังสะท้อนท่าทีอันอันตรายของ "วาระซ่อนเร้น" ในการบ่อนเซาะความมั่นคงของสถาบันหลักของประเทศด้วยการสร้างความสับสนแก่ประชาชน เสมือนจงใจปลูกฝังความเข้าใจผิดว่า สถาบันฯ กระทำสิ่งใดโดยปราศจากกลไกตรวจสอบ ทั้งที่ในความเป็นจริง กลไกต่าง ๆ ถูกออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างรัดกุมและแยบยล

    คำถามคือ... หากประชาไทมีความเข้าใจในรัฐธรรมนูญจริง เหตุใดจึงเสนอข่าวในลักษณะที่บิดเบือน? หรือแท้จริงแล้วนี่คือแผนปฏิบัติการ "ทำลายศรัทธา" ผ่านเครื่องมือสื่อ โดยการใช้วาทกรรมกึ่งกฎหมายมาห่มคลุมเจตนาทางการเมือง
    และท้ายที่สุด การกระทำเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เสรีภาพในการสื่อสาร หากแต่เป็นการใช้เสรีภาพอย่างเกินขอบเขต จนกลายเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยและมั่นคงของชาติ

    บางครั้งการ "ไม่รู้" อาจให้อภัยได้ แต่การ "แกล้งไม่รู้" เพื่อละเมิด...สังคมย่อมต้องพิจารณาอย่างจริงจังว่า ยังควรปล่อยผ่านหรือไม่

    .
    https://web.facebook.com/share/p/198SXPzwkk/
    "ประชาไท...กับการแทรกแซงสถาบันฯ โดยไร้ความเข้าใจ" นับเป็นอีกครั้งที่ "ประชาไท" ก้าวล้ำเส้นแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ จนกลายเป็นการแทรกแซงพระราชอำนาจอย่างไม่เหมาะสม ภายใต้หน้ากากสื่อเสรีนิยม ที่อ้างตนว่าทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่แท้จริงแล้วกลับละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เสียเอง กรณีการนำเสนอข่าวพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศทางทหารแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมตั้งข้อสงสัยถึงความถูกต้องชอบธรรม เพราะไม่มีผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการนั้น เป็นตัวอย่างชัดเจนของความเขลาในกฎหมาย หรืออาจมากกว่านั้นคือเจตนาเบี่ยงเบนประเด็นสู่การลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของพระราชอำนาจ ในเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ได้แบ่งแยกอำนาจไว้อย่างชัดเจนว่า "ราชการแผ่นดิน" (government affair) ต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามมาตรา 182 แต่ "ราชการส่วนพระองค์" (royal affair) ซึ่งรวมถึงการพระราชทานยศ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือการแต่งตั้งในพระบรมราชสำนัก ตามมาตรา 15 ไม่จำเป็นต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ การที่ประชาไทนำเรื่องนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ จึงไม่ใช่เพียงความผิดพลาดทางข้อเท็จจริง แต่ยังสะท้อนท่าทีอันอันตรายของ "วาระซ่อนเร้น" ในการบ่อนเซาะความมั่นคงของสถาบันหลักของประเทศด้วยการสร้างความสับสนแก่ประชาชน เสมือนจงใจปลูกฝังความเข้าใจผิดว่า สถาบันฯ กระทำสิ่งใดโดยปราศจากกลไกตรวจสอบ ทั้งที่ในความเป็นจริง กลไกต่าง ๆ ถูกออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างรัดกุมและแยบยล คำถามคือ... หากประชาไทมีความเข้าใจในรัฐธรรมนูญจริง เหตุใดจึงเสนอข่าวในลักษณะที่บิดเบือน? หรือแท้จริงแล้วนี่คือแผนปฏิบัติการ "ทำลายศรัทธา" ผ่านเครื่องมือสื่อ โดยการใช้วาทกรรมกึ่งกฎหมายมาห่มคลุมเจตนาทางการเมือง และท้ายที่สุด การกระทำเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เสรีภาพในการสื่อสาร หากแต่เป็นการใช้เสรีภาพอย่างเกินขอบเขต จนกลายเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยและมั่นคงของชาติ บางครั้งการ "ไม่รู้" อาจให้อภัยได้ แต่การ "แกล้งไม่รู้" เพื่อละเมิด...สังคมย่อมต้องพิจารณาอย่างจริงจังว่า ยังควรปล่อยผ่านหรือไม่ . https://web.facebook.com/share/p/198SXPzwkk/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts