• กองกำลังป้องกันชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด เปิดปฏิบัติการ “ตราดปราบปรปักษ์” ประสานกองทัพอากาศ ใช้เครื่องบิน F-16 ปฏิบัติการโจมตีบ่อนกาสิโนในพื้นที่ตำบลทมอดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายอย่างหนัก
    .
    รายงานระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกตรวจพบว่าเป็นที่ตั้งของฐานปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ซึ่งเข้าข่ายเป็นเป้าหมายทางทหารตามสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน
    .
    ภายหลังการปฏิบัติการ พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มสแกมเมอร์ที่อยู่ในพื้นที่ เร่งอพยพอุปกรณ์และหลบหนีออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122629
    .
    #News1live #News1 #F16 #โพธิสัตว์ #บ่อนกาสิโน #สแกมเมอร์ #สถานการณ์ชายแดน
    กองกำลังป้องกันชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด เปิดปฏิบัติการ “ตราดปราบปรปักษ์” ประสานกองทัพอากาศ ใช้เครื่องบิน F-16 ปฏิบัติการโจมตีบ่อนกาสิโนในพื้นที่ตำบลทมอดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายอย่างหนัก . รายงานระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกตรวจพบว่าเป็นที่ตั้งของฐานปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ซึ่งเข้าข่ายเป็นเป้าหมายทางทหารตามสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน . ภายหลังการปฏิบัติการ พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มสแกมเมอร์ที่อยู่ในพื้นที่ เร่งอพยพอุปกรณ์และหลบหนีออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122629 . #News1live #News1 #F16 #โพธิสัตว์ #บ่อนกาสิโน #สแกมเมอร์ #สถานการณ์ชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีไซเบอร์ที่โยงถึง GRU

    รัฐบาลเยอรมนีประกาศว่ามีหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยง APT28 หรือ Fancy Bear ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ภายใต้ GRU กับการโจมตีระบบ Deutsche Flugsicherung บริษัทควบคุมการบินพลเรือนของเยอรมนีในปี 2024 แม้การบินไม่หยุดชะงัก แต่ระบบภายในและการสื่อสารได้รับผลกระทบอย่างหนัก

    การแทรกแซงการเลือกตั้ง
    อีกกรณีคือปฏิบัติการชื่อ Storm-1516 ที่พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งสหพันธรัฐเยอรมนีในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 โดยใช้ ดีปเฟกเสียงและวิดีโอ รวมถึงเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเป็นกลาง แต่ภายหลังถูกใช้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและสร้างความสับสนในสังคม

    ปฏิกิริยาทางการทูตและมาตรการตอบโต้
    เยอรมนีจึงเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบ พร้อมประกาศว่าจะมี มาตรการคว่ำบาตรและการตอบโต้ร่วมกับพันธมิตรยุโรป เช่น การอายัดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้อง การห้ามเดินทาง และการเพิ่มมาตรการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์
    เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า สงครามสมัยใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่ในสนามรบ แต่ขยายไปสู่โลกไซเบอร์ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การบินและการเลือกตั้ง สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศต้องลงทุนด้านความมั่นคงไซเบอร์มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีระบบการบินเยอรมนี
    APT28 หรือ Fancy Bear ถูกเชื่อมโยงกับ GRU ในการโจมตี Deutsche Flugsicherung

    การแทรกแซงการเลือกตั้ง
    ปฏิบัติการ Storm-1516 ใช้ดีปเฟกและเว็บไซต์บิดเบือนข้อมูล

    มาตรการตอบโต้ของเยอรมนี
    เรียกทูตรัสเซียเข้าพบ และเตรียมคว่ำบาตรร่วมกับพันธมิตรยุโรป

    บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์
    การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นภัยคุกคามระดับชาติ

    ความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐาน
    ระบบควบคุมการบินและการเลือกตั้งอาจถูกโจมตีซ้ำหากไม่เสริมความปลอดภัย

    การใช้เทคโนโลยีบิดเบือนข้อมูล
    ดีปเฟกและเว็บไซต์ปลอมสามารถสร้างความแตกแยกในสังคมและบ่อนทำลายประชาธิปไตย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/germany-summons-russian-ambassador-over-gru-linked-cyberattacks-on-atc-and-elections
    ⚔️ การโจมตีไซเบอร์ที่โยงถึง GRU รัฐบาลเยอรมนีประกาศว่ามีหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยง APT28 หรือ Fancy Bear ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ภายใต้ GRU กับการโจมตีระบบ Deutsche Flugsicherung บริษัทควบคุมการบินพลเรือนของเยอรมนีในปี 2024 แม้การบินไม่หยุดชะงัก แต่ระบบภายในและการสื่อสารได้รับผลกระทบอย่างหนัก 🗳️ การแทรกแซงการเลือกตั้ง อีกกรณีคือปฏิบัติการชื่อ Storm-1516 ที่พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งสหพันธรัฐเยอรมนีในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 โดยใช้ ดีปเฟกเสียงและวิดีโอ รวมถึงเว็บไซต์ที่ดูเหมือนเป็นกลาง แต่ภายหลังถูกใช้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและสร้างความสับสนในสังคม 🌍 ปฏิกิริยาทางการทูตและมาตรการตอบโต้ เยอรมนีจึงเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบ พร้อมประกาศว่าจะมี มาตรการคว่ำบาตรและการตอบโต้ร่วมกับพันธมิตรยุโรป เช่น การอายัดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้อง การห้ามเดินทาง และการเพิ่มมาตรการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 🔐 บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า สงครามสมัยใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่ในสนามรบ แต่ขยายไปสู่โลกไซเบอร์ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การบินและการเลือกตั้ง สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศต้องลงทุนด้านความมั่นคงไซเบอร์มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีระบบการบินเยอรมนี ➡️ APT28 หรือ Fancy Bear ถูกเชื่อมโยงกับ GRU ในการโจมตี Deutsche Flugsicherung ✅ การแทรกแซงการเลือกตั้ง ➡️ ปฏิบัติการ Storm-1516 ใช้ดีปเฟกและเว็บไซต์บิดเบือนข้อมูล ✅ มาตรการตอบโต้ของเยอรมนี ➡️ เรียกทูตรัสเซียเข้าพบ และเตรียมคว่ำบาตรร่วมกับพันธมิตรยุโรป ✅ บทเรียนด้านความมั่นคงไซเบอร์ ➡️ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นภัยคุกคามระดับชาติ ‼️ ความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ ระบบควบคุมการบินและการเลือกตั้งอาจถูกโจมตีซ้ำหากไม่เสริมความปลอดภัย ‼️ การใช้เทคโนโลยีบิดเบือนข้อมูล ⛔ ดีปเฟกและเว็บไซต์ปลอมสามารถสร้างความแตกแยกในสังคมและบ่อนทำลายประชาธิปไตย https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/germany-summons-russian-ambassador-over-gru-linked-cyberattacks-on-atc-and-elections
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Germany summons Russian ambassador over GRU-linked cyberattacks — air traffic control and elections systems targeted
    Berlin says it has clear evidence tying Russia’s military intelligence agency to a 2024 attack on aviation IT systems 2025 election interference.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต เป็นวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2498 โดยนางบี๋ แปลกฤทธิ์ และได้รับประกาศตั้งเป็นวัดอย่างเป็นทางการในปี 2500 เป็นวัดวิปัสสนากรรมฐานที่สร้างโดยหลวงปู่เทสก์ พระอาจารย์สายวิปัสสนา มีจุดเด่นคือบรรยากาศเงียบสงบ ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ต มีอุโบสถและศาลาที่สวยงาม รวมถึงบ่อน้ำขนาดใหญ่ให้สัตว์อาศัยอยู่.
    วัดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต เป็นวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2498 โดยนางบี๋ แปลกฤทธิ์ และได้รับประกาศตั้งเป็นวัดอย่างเป็นทางการในปี 2500 เป็นวัดวิปัสสนากรรมฐานที่สร้างโดยหลวงปู่เทสก์ พระอาจารย์สายวิปัสสนา มีจุดเด่นคือบรรยากาศเงียบสงบ ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ต มีอุโบสถและศาลาที่สวยงาม รวมถึงบ่อน้ำขนาดใหญ่ให้สัตว์อาศัยอยู่.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 7

    “ลองเชิง”
    ตอน 7
    ถึงกลางปี ค.ศ.2013 อัสซาดชักจะเซแล้ว แต่ก็ยังไม่ล้ม และกองทัพของซีเรียก็ยังไม่แตก เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน Bandar Bin Sultan แห่งซาอุดิอารเบีย ทำหน้าขรึมไปหาคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เจรจาว่า ซาอุดิอารเบีย พร้อมจะซื้ออาวุธของรัสเซีย พร้อมให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงกับรัสเซีย เกี่ยวการการเดินท่อส่งแก๊สของรัสเซีย จำนวนที่คุยรวมทั้งหมดเป็นวงเงิน 1 หมื่น 5 พันล้านเหรียญ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้รัสเซียเลิกอุ้มซีเรียเสียที
    นี่ ดูการทูตของพวกเสี่ยปั๊มใหญ่กันบ้าง (ลุงต้องรีบสะกดให้ถูก พิมพ์อย่างระวัง โดนเตือนมาแล้ว ว่า.. สะกด คำว่า ปั้ม ผิด ต้องเป็น ปั๊ม ค่ะ.. เพจนี้ดีจัง มีคนช่วยพิสูจน์อักษรแยะ อย่าลืม อ่านเอาเนื้อเรื่องด้วยนะครับ)
    เจ้าชายแถมท้ายว่า ถ้ารัสเซียไม่ให้ความร่วมมือ ผู้ก่อการร้ายชาวเช็คเช็น ที่รัสเซียกำลังเหม็นเบื่อ แต่เจ้าชาย “สั่งได้” อาจจะออกมาเพ่นพ่านกระจายเต็มรัสเซียก็ได้นะ ตอนนั้นรัสเซียกำลังเตรียมการ จัดงานกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว ที่จะมีปี ค.ศ.2014
    ดูเหมือนเจ้าชายจะไม่รู้ตัวว่า กำลังเอาคอไปวางอยู่ใต้เข่าของคุณพี่ปูติน แต่ คุณพี่ปูตินแค่เม้มปาก และชี้ประตูให้เจ้าชายเดินออกไป นับว่าปรานีมาก
    หลังจากการเอาคอไปวางใต้เข่าไม่นาน ก็มีข่าวกระจายไปทั่วโลกว่า ซีเรีย ใช้อาวุธเคมี ทำลายกลุ่มกบฏและประชาชน ที่เมืองกูตา Ghouta ในเดือน สิงหาคม ค.ศ.2013 นั่นเป็นข่าวจากสื่อฝรั่งตะวันตกกระจายออกมา
    แต่สื่อแถวตะวันออกกลางรายงานว่า เรื่องนี้น่าทุเรศมาก ความจริงเจ้าชายเจ้าของคอใต้เข่านั่นแหละ เป็นคนเอาอาวุธเคมีมาให้กองกำลังฝ่ายกบฏซีเรีย ที่เจ้าชายสนับสนุน กองกำลังพวกนี้ใช้ไม่เป็น เพราะได้รับการฝึกมาไม่พอ จึงเกิดระเบิด ชาวบ้านตายไป 300 คน แต่ข่าวก็ออกมาอย่างที่โลกได้ยินกัน ซีเรียสุดโหด ใช้อาวุธเคมี กับประชาชนของตัว
    หลังจากนั้น อเมริกาก็ส่งเสียงให้มีการระดมพลลูกหาบนานาชาติ เพื่อมาช่วยกันถล่มซีเรียสุดโหด
    แต่รัสเซียออกมาเสียงแข็ง บอกว่าไม่เห็นด้วย และพร้อมขัดขวาง
    ผลลัพท์ตามคาด ใบตองแห้งถอย ยังไม่พร้อมเข้าฉาก และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มอิสลามหัวรุนแรง เริ่มรู้ตัวว่า ถูกใบตองแห้งหลอกใช้ (อีกแล้ว) เช่นเดียวกับพวกอัลไคด้า แต่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงพวกนี้ไม่ถอย พวกเขายังคิดเดินหน้าที่จะสร้างรัฐอิสลาม โดยไม่ยุ่งเกี่ยว สนใจกับผู้สนับสนุนเก่า คือ อเมริกา และซาอุดิ อารเบีย เรียกว่าตัดขาดกันไป
    แต่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงพวกนี้ ไม่มีกระเป๋าใหญ่อย่าง บิน ลาเดน มาร่วม พวกเขาก็เลยจัดการหาเงินเอง และถ้าจำกันได้ เราได้ข่าวเรื่องที่พวกเขา ไปบุกเมืองโมซุลของอิรัค ที่ยังมีบ่อน้ำมันเหลือ พวกเขาสูบน้ำมันมาขายเป็นว่าเล่น ช่วงนั้นมีคนไปรับซื้อน้ำมันเถื่อนราคาถูกกันเต็ม นอกจากนั้น พวกเขาเปิดแบงค์ (ใช้ คำว่า “ถล่ม” น่าจะตรงกว่า) แล้วก็เอาเงิน เอาทองแท่งออกมาใช้ ซื้อเสบียง ซื้ออาวุธ ใครกล้าทำอะไรพวกเขาไหม ไอ้คนสร้างทั้งหลาย หายหัว หลบฉากกันหมด
    หลบฉากก็ยังไม่พ้น มันต้องมีคนโดนทำโทษด้วยซิ
    เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน หัวหน้าใหญ่ ที่รับหน้าที่ดูแลความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย อดีตทูตใหญ่ของซาอุ ที่ประจำอยู่ในอเมริกาเป็นเวลานาน มีความคุ้นเคยกับทุกระดับในอเมริกา เป็นคนไปรับปากกับอเมริกาว่า พวกนักรบอิสลามเหรอ ไม่มีปัญหา เราสั่งได้ เราคุมได้หมด และพวกนี้ก็ไม่เหมือน บิน ลา เดนนะ เขาไม่มีวันหันหลัง หรือหักหลังอเมริกาแน่นอน เพราะเราเป็นคนจ่ายเงินให้พวกนักรบอิสลามนี้เอง อ้อ อยู่นี่เอง
    หลังจากปฏิบัติการณ์ในซีเรียเหลว การเจรจากับรัสเซียล่ม เจ้าชายอดีตนักการทูต หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ก็ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่ง หน้าที่ และสิทธิพิเศษทั้งปวง ใช่ว่าเขาจะรับใช้อเมริกาไม่สำเร็จเท่านั้น ซาอุดิอารเบีย ยังหน้าแหกแตกไม่เหลือ เพราะเรื่องนี้อีกด้วย
    ส่วนพวกนักรบอิสลาม หรือไอซิส เมื่อไม่ต้องฟังคำสั่งใคร ไม่ต้องรอรับเงินใคร พวกเขาก็ยิ่งไปไกล กู่ไม่หัน และกลับเป็นศัตรูกับอดีตผู้ส่งเสียไปอีกด้วย
    ไม่ว่าจะเรียกว่าชื่อว่า ISIS, ISIL หรือ IS (Islam State รัฐอิสลาม) ก็ตาม จริงๆ พวกเขาเป็นพวกมุสลิม ที่หวังจะให้ตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นรัฐอิสลามที่เคร่ง และแม้พวกเขามาจากนิกายวาหะบีย์ของซาอุดิ แต่ความแตกแยกระหว่างพวกเขากับซาอุก็ลงลึก แต่ขณะเดียวกัน ราชวงศ์อัล ซาอูด เอง กลับให้การสนับสนุนพวกไอซิส มันถึงน้ำท่วมปาก วุ่นวายกันไปหมดอย่างนี้
    ส่วนอเมริกา บัดนี้คงรู้แล้วว่า ตัวเองได้เพาะพันธ์ุไอซิสที่พิษร้ายขึ้นมา ไม่ต่างกับที่อเมริกาสร้างอัลไคด้า และอเมริกาก็ยังหาวิธีถอนพิษ ถอนราก ถอนโคน ทั้งไอซิสและอัลไคด้าไม่ได้ หรืออเมริกาไม่ต้องการถอน…..
    แล้วตกลงอเมริกา ยังต้องการทำลายซีเรียหรือไม่ ถ้าต้องการทำลาย ทำไมอเมริกาไม่ยกพลไปบุกถล่มซีเรียให้ราบเลย เหมือนอย่างที่อเมริกาเคยทำกับอิรัค หรือทำกับลิเบียเลยล่ะ เออ น่าสงสัย
    แน่นอน อเมริกาต้องการทำลายซีเรียอย่างยิ่ง และต้องการมานานแล้วด้วย และอเมริกาก็เดินตามแผนชั่วนั้นมาตลอด เอะ มีคนทัก ไหนว่าลุงกำลังเขียนเรื่องลองเชิง นี่ลุงกลับมาบอก อเมริกากำลังเดินตามแผนชั่ว นั่นมันนิทานเรื่องก่อนนะ ลุงเมายาหรือเปล่า ไม่แน่ครับเรื่องเมายา แต่ไม่มั่วเรื่องเกี่ยวกับอเมริกาแน่นอน จับไปตรงไหน มันก็แผนชั่วเดียวกันทั้งนั้น แต่เราจะมองเห็นความต่อเนื่องของแผนมัน หรือเปล่า เท่านั้นเอง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 7 “ลองเชิง” ตอน 7 ถึงกลางปี ค.ศ.2013 อัสซาดชักจะเซแล้ว แต่ก็ยังไม่ล้ม และกองทัพของซีเรียก็ยังไม่แตก เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน Bandar Bin Sultan แห่งซาอุดิอารเบีย ทำหน้าขรึมไปหาคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เจรจาว่า ซาอุดิอารเบีย พร้อมจะซื้ออาวุธของรัสเซีย พร้อมให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงกับรัสเซีย เกี่ยวการการเดินท่อส่งแก๊สของรัสเซีย จำนวนที่คุยรวมทั้งหมดเป็นวงเงิน 1 หมื่น 5 พันล้านเหรียญ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้รัสเซียเลิกอุ้มซีเรียเสียที นี่ ดูการทูตของพวกเสี่ยปั๊มใหญ่กันบ้าง (ลุงต้องรีบสะกดให้ถูก พิมพ์อย่างระวัง โดนเตือนมาแล้ว ว่า.. สะกด คำว่า ปั้ม ผิด ต้องเป็น ปั๊ม ค่ะ.. เพจนี้ดีจัง มีคนช่วยพิสูจน์อักษรแยะ อย่าลืม อ่านเอาเนื้อเรื่องด้วยนะครับ) เจ้าชายแถมท้ายว่า ถ้ารัสเซียไม่ให้ความร่วมมือ ผู้ก่อการร้ายชาวเช็คเช็น ที่รัสเซียกำลังเหม็นเบื่อ แต่เจ้าชาย “สั่งได้” อาจจะออกมาเพ่นพ่านกระจายเต็มรัสเซียก็ได้นะ ตอนนั้นรัสเซียกำลังเตรียมการ จัดงานกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว ที่จะมีปี ค.ศ.2014 ดูเหมือนเจ้าชายจะไม่รู้ตัวว่า กำลังเอาคอไปวางอยู่ใต้เข่าของคุณพี่ปูติน แต่ คุณพี่ปูตินแค่เม้มปาก และชี้ประตูให้เจ้าชายเดินออกไป นับว่าปรานีมาก หลังจากการเอาคอไปวางใต้เข่าไม่นาน ก็มีข่าวกระจายไปทั่วโลกว่า ซีเรีย ใช้อาวุธเคมี ทำลายกลุ่มกบฏและประชาชน ที่เมืองกูตา Ghouta ในเดือน สิงหาคม ค.ศ.2013 นั่นเป็นข่าวจากสื่อฝรั่งตะวันตกกระจายออกมา แต่สื่อแถวตะวันออกกลางรายงานว่า เรื่องนี้น่าทุเรศมาก ความจริงเจ้าชายเจ้าของคอใต้เข่านั่นแหละ เป็นคนเอาอาวุธเคมีมาให้กองกำลังฝ่ายกบฏซีเรีย ที่เจ้าชายสนับสนุน กองกำลังพวกนี้ใช้ไม่เป็น เพราะได้รับการฝึกมาไม่พอ จึงเกิดระเบิด ชาวบ้านตายไป 300 คน แต่ข่าวก็ออกมาอย่างที่โลกได้ยินกัน ซีเรียสุดโหด ใช้อาวุธเคมี กับประชาชนของตัว หลังจากนั้น อเมริกาก็ส่งเสียงให้มีการระดมพลลูกหาบนานาชาติ เพื่อมาช่วยกันถล่มซีเรียสุดโหด แต่รัสเซียออกมาเสียงแข็ง บอกว่าไม่เห็นด้วย และพร้อมขัดขวาง ผลลัพท์ตามคาด ใบตองแห้งถอย ยังไม่พร้อมเข้าฉาก และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มอิสลามหัวรุนแรง เริ่มรู้ตัวว่า ถูกใบตองแห้งหลอกใช้ (อีกแล้ว) เช่นเดียวกับพวกอัลไคด้า แต่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงพวกนี้ไม่ถอย พวกเขายังคิดเดินหน้าที่จะสร้างรัฐอิสลาม โดยไม่ยุ่งเกี่ยว สนใจกับผู้สนับสนุนเก่า คือ อเมริกา และซาอุดิ อารเบีย เรียกว่าตัดขาดกันไป แต่กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงพวกนี้ ไม่มีกระเป๋าใหญ่อย่าง บิน ลาเดน มาร่วม พวกเขาก็เลยจัดการหาเงินเอง และถ้าจำกันได้ เราได้ข่าวเรื่องที่พวกเขา ไปบุกเมืองโมซุลของอิรัค ที่ยังมีบ่อน้ำมันเหลือ พวกเขาสูบน้ำมันมาขายเป็นว่าเล่น ช่วงนั้นมีคนไปรับซื้อน้ำมันเถื่อนราคาถูกกันเต็ม นอกจากนั้น พวกเขาเปิดแบงค์ (ใช้ คำว่า “ถล่ม” น่าจะตรงกว่า) แล้วก็เอาเงิน เอาทองแท่งออกมาใช้ ซื้อเสบียง ซื้ออาวุธ ใครกล้าทำอะไรพวกเขาไหม ไอ้คนสร้างทั้งหลาย หายหัว หลบฉากกันหมด หลบฉากก็ยังไม่พ้น มันต้องมีคนโดนทำโทษด้วยซิ เจ้าชายบันดาร์ บิน สุลต่าน หัวหน้าใหญ่ ที่รับหน้าที่ดูแลความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย อดีตทูตใหญ่ของซาอุ ที่ประจำอยู่ในอเมริกาเป็นเวลานาน มีความคุ้นเคยกับทุกระดับในอเมริกา เป็นคนไปรับปากกับอเมริกาว่า พวกนักรบอิสลามเหรอ ไม่มีปัญหา เราสั่งได้ เราคุมได้หมด และพวกนี้ก็ไม่เหมือน บิน ลา เดนนะ เขาไม่มีวันหันหลัง หรือหักหลังอเมริกาแน่นอน เพราะเราเป็นคนจ่ายเงินให้พวกนักรบอิสลามนี้เอง อ้อ อยู่นี่เอง หลังจากปฏิบัติการณ์ในซีเรียเหลว การเจรจากับรัสเซียล่ม เจ้าชายอดีตนักการทูต หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ก็ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่ง หน้าที่ และสิทธิพิเศษทั้งปวง ใช่ว่าเขาจะรับใช้อเมริกาไม่สำเร็จเท่านั้น ซาอุดิอารเบีย ยังหน้าแหกแตกไม่เหลือ เพราะเรื่องนี้อีกด้วย ส่วนพวกนักรบอิสลาม หรือไอซิส เมื่อไม่ต้องฟังคำสั่งใคร ไม่ต้องรอรับเงินใคร พวกเขาก็ยิ่งไปไกล กู่ไม่หัน และกลับเป็นศัตรูกับอดีตผู้ส่งเสียไปอีกด้วย ไม่ว่าจะเรียกว่าชื่อว่า ISIS, ISIL หรือ IS (Islam State รัฐอิสลาม) ก็ตาม จริงๆ พวกเขาเป็นพวกมุสลิม ที่หวังจะให้ตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นรัฐอิสลามที่เคร่ง และแม้พวกเขามาจากนิกายวาหะบีย์ของซาอุดิ แต่ความแตกแยกระหว่างพวกเขากับซาอุก็ลงลึก แต่ขณะเดียวกัน ราชวงศ์อัล ซาอูด เอง กลับให้การสนับสนุนพวกไอซิส มันถึงน้ำท่วมปาก วุ่นวายกันไปหมดอย่างนี้ ส่วนอเมริกา บัดนี้คงรู้แล้วว่า ตัวเองได้เพาะพันธ์ุไอซิสที่พิษร้ายขึ้นมา ไม่ต่างกับที่อเมริกาสร้างอัลไคด้า และอเมริกาก็ยังหาวิธีถอนพิษ ถอนราก ถอนโคน ทั้งไอซิสและอัลไคด้าไม่ได้ หรืออเมริกาไม่ต้องการถอน….. แล้วตกลงอเมริกา ยังต้องการทำลายซีเรียหรือไม่ ถ้าต้องการทำลาย ทำไมอเมริกาไม่ยกพลไปบุกถล่มซีเรียให้ราบเลย เหมือนอย่างที่อเมริกาเคยทำกับอิรัค หรือทำกับลิเบียเลยล่ะ เออ น่าสงสัย แน่นอน อเมริกาต้องการทำลายซีเรียอย่างยิ่ง และต้องการมานานแล้วด้วย และอเมริกาก็เดินตามแผนชั่วนั้นมาตลอด เอะ มีคนทัก ไหนว่าลุงกำลังเขียนเรื่องลองเชิง นี่ลุงกลับมาบอก อเมริกากำลังเดินตามแผนชั่ว นั่นมันนิทานเรื่องก่อนนะ ลุงเมายาหรือเปล่า ไม่แน่ครับเรื่องเมายา แต่ไม่มั่วเรื่องเกี่ยวกับอเมริกาแน่นอน จับไปตรงไหน มันก็แผนชั่วเดียวกันทั้งนั้น แต่เราจะมองเห็นความต่อเนื่องของแผนมัน หรือเปล่า เท่านั้นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 6

    “ลองเชิง”
    ตอน 6
    รู้จักหน้าตาภูมิหลังอย่างสังเขปของดาราใหญ่ ดาราเล็กในตะวันออกกลางกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าแต่ละรายนั้น เกี่ยวข้องกับซีเรีย ที่กำลังจะเป็นฉากสำคัญของโลกขนาดไหน พิษมากเผ็ดร้อน อย่างไร
    แน่นอน ตัวการใหญ่คงไม่พ้นอเมริกาหรอก ในช่วง 60 -70 ปีนี้ ความวิบัติฉิบหายในโลกนี้ รายการไหนบ้าง ที่ไม่มีอเมริกา มีส่วนสร้าง เสริม หรือเสี้ยม
    เมื่อแรกที่อเมริกาจับมือกับกษัตริย์ อับดุล อาซิส ผู้สถาปนาราชวงค์ อัล ซาอูดของซาอุดิอารเบีย ใน ช่วงประมาณปี ค.ศ.1930 กว่าๆนั้น อเมริกา ไม่ได้มีมุมมอง หรือมุมคิด เกี่ยวกับศาสนาอิสลามอยู่ในหัวเลย อเมริกาคิดแต่จะขุดน้ำมันซาอุมาขายให้รวยจ้ำบะไปเลยเท่านั้น กับ (จำใจ) รับปากจะช่วยดูแลด้านความมั่นคงของซาอุดิอารเบียให้ จริงๆก็คือ ดูแลบ่อน้ำมันซาอุ ไม่ให้มีใครมายุ่ง มาแย่งไปจากตัวเท่านั้นเอง และอเมริกาก็ทำอย่างนั้นมาหลายปี ทั้งเจ้าของบ่อ ทั้งคนขุด คนขาย ต่างก็มีความสุขเพลิดเพลินกับการนับกระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์
    อเมริกา ซาอุ นับกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์เพลินอยู่นานหลายสิบปี แม้ไม่รักกัน แต่ก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่ด้วยกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายจนถึงประมาณ ค.ศ.1990 กว่า รัสเซียดันเข้าใปเดินเล่นในอาฟกานิสถาน เอะ รัสเซียทะลึ่งเข้ามาทำไม อเมริกาทนไม่ได้ รัสเซียกำลังจะมาทำอะไรในอาฟกานิสาน จะมาคุกคามกันหรือไง จริงๆ อาฟกานิสถานก็ไกลกับบ้านอเมริกาแยะนะ แล้วก็ไม่ได้ใกล้กับบ่อน้ำมันของซาอุด้วย แต่ อเมริกาก็ไม่พอใจ แค่ได้ยินชื่อรัสเซีย อเมริกาก็ไม่พอใจแล้ว อย่าลืมว่า อาฟกานิสถานอุดมไปด้วยแหล่งแร่มีค่าขนาดไหน
    อเมริกาต้องหาทางไล่รัสเซียออกไปให้ได้ วิธีการไหนล่ะ ที่จะไล่รัสเซียได้
    อ้อ ลัทธิคอมมิวนิสม์ไง มันจะทำให้กระทบกับความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย ที่เคร่งศาสนาได้นะ อย่างนี้ ก็เข้าทาง นายซบิกเนียฟ เบรซินสกี้ Zbigniew Brzezinzki ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาขณะนั้น ที่ฝันจะสร้างแผนกินโลก ให้กับอเมริกามานานแล้ว
    เบรซินสกี้ เป็นคนที่เชื่อทฤษฏีครูแมค เรื่องการครองโลกโดยครองยูเรเซีย อย่างอย่างคลั่งไคล้ เขาเขียนถึงเรื่องยูเรเซียนี้ไว้ในหนังสือเรื่อง The Grand Chess Board กระดานหมากรุกโลก ซึ่งบอกแนวทางว่า อเมริกาจะต้องทำอย่างไร ในการจะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ หนึ่งในสิ่งที่อเมริกาจะต้องทำคือ หาทางและวางยุทธศาสตร์ที่จะครอบครองยูเรเซีย นักภูมิศาสตร์การเมืองระดับโลกถึงกับบอกกันว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ “ต้องอ่าน” และนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 เป็นต้นมา ก็ดูเหมือนจะไม่หลุดจากแนวความคิดของไอ้หมอนี่ และการรุกราน การปิดล้อม การดักเส้นทางรัดคอ ต่างๆ ที่ผมเอามาเล่าไว้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว” ก็มีรากฐานมาจากความคิดของเขาเป็นส่วนมาก เพราะฉะนั้น จำชื่อเขาไว้ให้ดีๆ จะเผาพริกเผ่าเกลือด่า จะได้ไม่ผิดตัว
    เบรซินสกี้วางแผน ตั้งกองกำลังนักรบพลีชีพ จีฮาร์ด รุ่นแรก โดยตระเวนคุยกับซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และอาฟกานิสถาน เขาบอกกับกลุ่มนักรบว่า พระเจ้าคงพอใจ ที่พวกคุณจะได้ทำลายพวกคอมมิวนิสต์รัสเซีย ที่กำลังจะเข้ามาทำลายศาสนาของคุณ
    จี้จุดกันแบบนี้ ซาอุ ก็ตาเหลือก รีบจัดส่งพระเอกมาให้เบรซินสกี้ทันที อูซซามะ บิน ลาเดน มหาเศรษฐีหนุ่มศรัทธาแรง แห่งซาอุดิอารเบีย บอกกับอเมริกาว่า ได้เลย เราพร้อมทุกรูปแบบ เราพร้อมที่จะทิ้งบ้านที่ใหญ่ยังกับวัง และทรัพย์สมบัติมหาศาลของเรา เพื่อทุ่มเททำงานให้ศาสดาของเรา
    แล้วอเมริกาก็จัดการฝึก บิน ลาเดน และพรรคพวกอย่างจัดเต็ม พร้อมส่งอาวุธครบเครื่อง และกลุ่มอัลไคด้า หรืออัลกออิดะ ก็ถือกำเนิด บิน ลาเดน รวบรวมอิสลามหัวรุนแรงนักสู้จากทั่วโลก สร้างกองกำลัง เพื่อต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ศัตรูของศาสนาอิสลาม ตามการแปลพระคัมภีร์ของพวกหัวรุนแรง หรือตามที่อเมริกายุ ผมไม่แน่ใจ
    เมื่ออเมริกา เตรียมทำสงครามพายุทะเลทราย Desert Storm เพื่อไล่ซัดดัม
    ที่ไปบุกคูเวต รัฐบาลซาอุ อนุญาตให้กองทัพอเมริกันเคลื่อนพล ผ่านเข้ามาในแผ่นดินซาอุดิอารเบียได้ ข่าวนี้ทำให้ บิน ลาเดน ขัดใจมาก พวกคริสเตียน จะมาเหยียบย่ำบนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ ของอิสลามได้อย่างไร
    บิน ลาเดน ประท้วงเรื่องนี้ต่อราชวงศ์ซาอุ ที่หนุนให้เขาไปทำงานกับอเมริกา ราชวงค์บอก ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ให้พวกนอกศาสนาก้าวเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ( คือ เมือง เมกกะ เมดินา และฮิจาส) และพวกเขาจะออกไปจากแผ่นดินเรา เมื่อการรบกับอิรัคเสร็จสิ้น
    แต่แล้ว ก็ไม่มีคำสั่งจากทางซาอุ ให้กองทัพอเมริกันถอนกลับออกไป และบิน ลาเดน กลับกลายเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่ให้เข้าซาอุดิอารเบียเสียเอง บิน ลาเดน กับพวก จึงเบนเป้าไปที่อเมริกาแทน จากเป็นเด็กฝึกของอเมริกา กลับกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของอเมริกา แต่ บิน ลาเดนไม่เดือดร้อน เขาใช้สมบัติมหาศาลของตัวเอง มาเป็นทุนสู้กับอเมริกาอีกต่ออย่างเข้มข้น
    และแม้ไม่มีใครรู้แน่ว่า การถล่มตึกเวิลด์เทรดเป็นฝีมือใคร อเมริกากับอัลไคด้า ก็ประกาศตัดขาดกัน และต่างก็ต่อสู้กันอย่างเต็มที่ ทั้งในอาฟกานิสถาน และอิรัค
    อเมริกาโง่เง่า หรือใหญ่ยิ่ง จนไม่สนใจใส่ใจกับศาสนา ประเพณี และความรู้สึกของผู้อื่น
    ในปี ค.ศ.2003 เมื่อกองทัพของอเมริกาบุกเข้าไปถึงเมืองนาจาฟ เมืองสำคัญทางศาสนาของมุสลิมชีอะ เมื่อรถถังอเมริกันเคลื่อนเข้ามา ชาวบ้านไชโยโห่ร้องต้อนรับ แต่รถถังของอเมริกาก็วิ่งไปเรื่อยๆ เข้าไปในเขตสุเหร่าของอิหม่ามสูงสุดของนิกายชีอะ แม้ชาวบ้านจะตะโกนห้าม รถถังก็ยังวิ่งต่อ ในที่สุดชาวบ้านทนไม่ไหว พากันโดดลงไปนอนขวางไม่ให้รถวิ่งต่อ นี่คืออเมริกา
    อเมริกาทำพลาดเรื่อง อัลไคด้ามาแล้ว แต่อเมริกาหัวทึบ ไม่รู้จักจำ หรือไม่สนใจจำ อเมริกาทำซ้ำอีก ไม่ว่าพวกอิสลามหัวรุนแรง จะเรียกตัวเองว่าอัลไคด้า ตาลีบัน ไอซิส อัล นัสรา มูจาฮีดีน วาห์ฮะบี หรือชื่อใดก็ตาม พวกเขาก็เหมือนกันทั้งนั้น พวกเขามาจากความเคร่ง และการแปลความของพระคัมภีร์ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีทั้งผู้สนับสนุน และเห็นต่าง
    ขบวนการต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ก็เช่นเดียวกัน มันเริ่มจากการรวมตัวกันหลวมๆ ของพวกมุสลิมเคร่งครัด ที่เกลียดซีเรีย ภายใต้การปกครองของ บาชาร์ อัล อัสซาด Bashar Al-Assad ที่กล่าวกันว่า ไม่เคร่งศาสนา แล้วพวกมุสลิมเคร่งครัด ก็มาจับมืออีกต่อหนึ่ง กับพวก ศัตรู ที่ดูเหมือนจะมีไม่น้อย ของ อัสซาดที่ปกครองซีเรีย ตั้งแต่คนพ่อมาถึงคนลูกในปัจจุบัน
    ใครบ้างล่ะ ที่เห็นอัสซาด พ่อ ลูก เป็นศัตรูตัวร้าย นอกเหนือจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงต่างๆ
    เริ่มมาตั้งแต่อิสราเอล (ที่ไม่พอใจซีเรีย ที่ไปให้การสนับสนุนกลุ่ม เฮสบอลเลาะห์ ที่เป็นศัตรูของอิสราเอล) เสี่ยปั้มใหญ่ปั้มเล็ก ( เพราะซีเรียเป็นเพื่อนซี้กับอิหร่าน ที่พวกเสี่ยปั้มเกลียด) ตุรกี ( เพราะความเข้มแข็งของซีเรีย ขวางเส้นทางสู่ความฝันของ เอร์โดกานที่หวังจะเป็นสุลต่านยุคใหม่แห่งตุรกี)
    และที่สำคัญ คือ กองกำลังร่วมที่ 14 มีนา ของพวกเลบานอน (ที่กล่าวหาว่า ซีเรีย มีส่วนในการลอบฆ่า ราฟิก อัล ฮาริริ Rafiq Al-Hariri อดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอน) กับ อีกกลุ่มที่แปลก คือ กลุ่มคริสเตียนขวาจัด ซึ่ง มาจับมือกับพวกนักรบมุสลิม
    ความหลากหลาย ของผู้ที่มารวมกลุ่มต่อต้านซีเรีย หรือซีเรียที่ปกครองโดย
    อัสซาด จึงสะท้อนให้เห็นเป้าหมายของการประท้วง ที่หลากหลายเช่นเดียวกัน
    คงมีใครทำให้พวกเขาเข้าใจว่า การต่อต้าน หรือการขับไล่อัสซาด คงใช้เวลาเวลาไม่นาน และเมื่ออัสซาดถูกขับไล่ไป กลุ่มมุสลิมก็จะได้มาปกครองซีเรียแทน พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว และเตรียมการณ์สำหรับการรบยืดเยื้อ และการแตกแยกในกลุ่มพวกกันเอง นับเป็นการประเมินอัสซาด และซีเรีย อย่างผิดพลาดยิ่งของผู้วางแผน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 6 “ลองเชิง” ตอน 6 รู้จักหน้าตาภูมิหลังอย่างสังเขปของดาราใหญ่ ดาราเล็กในตะวันออกกลางกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าแต่ละรายนั้น เกี่ยวข้องกับซีเรีย ที่กำลังจะเป็นฉากสำคัญของโลกขนาดไหน พิษมากเผ็ดร้อน อย่างไร แน่นอน ตัวการใหญ่คงไม่พ้นอเมริกาหรอก ในช่วง 60 -70 ปีนี้ ความวิบัติฉิบหายในโลกนี้ รายการไหนบ้าง ที่ไม่มีอเมริกา มีส่วนสร้าง เสริม หรือเสี้ยม เมื่อแรกที่อเมริกาจับมือกับกษัตริย์ อับดุล อาซิส ผู้สถาปนาราชวงค์ อัล ซาอูดของซาอุดิอารเบีย ใน ช่วงประมาณปี ค.ศ.1930 กว่าๆนั้น อเมริกา ไม่ได้มีมุมมอง หรือมุมคิด เกี่ยวกับศาสนาอิสลามอยู่ในหัวเลย อเมริกาคิดแต่จะขุดน้ำมันซาอุมาขายให้รวยจ้ำบะไปเลยเท่านั้น กับ (จำใจ) รับปากจะช่วยดูแลด้านความมั่นคงของซาอุดิอารเบียให้ จริงๆก็คือ ดูแลบ่อน้ำมันซาอุ ไม่ให้มีใครมายุ่ง มาแย่งไปจากตัวเท่านั้นเอง และอเมริกาก็ทำอย่างนั้นมาหลายปี ทั้งเจ้าของบ่อ ทั้งคนขุด คนขาย ต่างก็มีความสุขเพลิดเพลินกับการนับกระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์ อเมริกา ซาอุ นับกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์เพลินอยู่นานหลายสิบปี แม้ไม่รักกัน แต่ก็เหมือนคู่แต่งงาน ที่อยู่ด้วยกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายจนถึงประมาณ ค.ศ.1990 กว่า รัสเซียดันเข้าใปเดินเล่นในอาฟกานิสถาน เอะ รัสเซียทะลึ่งเข้ามาทำไม อเมริกาทนไม่ได้ รัสเซียกำลังจะมาทำอะไรในอาฟกานิสาน จะมาคุกคามกันหรือไง จริงๆ อาฟกานิสถานก็ไกลกับบ้านอเมริกาแยะนะ แล้วก็ไม่ได้ใกล้กับบ่อน้ำมันของซาอุด้วย แต่ อเมริกาก็ไม่พอใจ แค่ได้ยินชื่อรัสเซีย อเมริกาก็ไม่พอใจแล้ว อย่าลืมว่า อาฟกานิสถานอุดมไปด้วยแหล่งแร่มีค่าขนาดไหน อเมริกาต้องหาทางไล่รัสเซียออกไปให้ได้ วิธีการไหนล่ะ ที่จะไล่รัสเซียได้ อ้อ ลัทธิคอมมิวนิสม์ไง มันจะทำให้กระทบกับความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย ที่เคร่งศาสนาได้นะ อย่างนี้ ก็เข้าทาง นายซบิกเนียฟ เบรซินสกี้ Zbigniew Brzezinzki ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาขณะนั้น ที่ฝันจะสร้างแผนกินโลก ให้กับอเมริกามานานแล้ว เบรซินสกี้ เป็นคนที่เชื่อทฤษฏีครูแมค เรื่องการครองโลกโดยครองยูเรเซีย อย่างอย่างคลั่งไคล้ เขาเขียนถึงเรื่องยูเรเซียนี้ไว้ในหนังสือเรื่อง The Grand Chess Board กระดานหมากรุกโลก ซึ่งบอกแนวทางว่า อเมริกาจะต้องทำอย่างไร ในการจะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ หนึ่งในสิ่งที่อเมริกาจะต้องทำคือ หาทางและวางยุทธศาสตร์ที่จะครอบครองยูเรเซีย นักภูมิศาสตร์การเมืองระดับโลกถึงกับบอกกันว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ “ต้องอ่าน” และนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ.1990 เป็นต้นมา ก็ดูเหมือนจะไม่หลุดจากแนวความคิดของไอ้หมอนี่ และการรุกราน การปิดล้อม การดักเส้นทางรัดคอ ต่างๆ ที่ผมเอามาเล่าไว้ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว” ก็มีรากฐานมาจากความคิดของเขาเป็นส่วนมาก เพราะฉะนั้น จำชื่อเขาไว้ให้ดีๆ จะเผาพริกเผ่าเกลือด่า จะได้ไม่ผิดตัว เบรซินสกี้วางแผน ตั้งกองกำลังนักรบพลีชีพ จีฮาร์ด รุ่นแรก โดยตระเวนคุยกับซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และอาฟกานิสถาน เขาบอกกับกลุ่มนักรบว่า พระเจ้าคงพอใจ ที่พวกคุณจะได้ทำลายพวกคอมมิวนิสต์รัสเซีย ที่กำลังจะเข้ามาทำลายศาสนาของคุณ จี้จุดกันแบบนี้ ซาอุ ก็ตาเหลือก รีบจัดส่งพระเอกมาให้เบรซินสกี้ทันที อูซซามะ บิน ลาเดน มหาเศรษฐีหนุ่มศรัทธาแรง แห่งซาอุดิอารเบีย บอกกับอเมริกาว่า ได้เลย เราพร้อมทุกรูปแบบ เราพร้อมที่จะทิ้งบ้านที่ใหญ่ยังกับวัง และทรัพย์สมบัติมหาศาลของเรา เพื่อทุ่มเททำงานให้ศาสดาของเรา แล้วอเมริกาก็จัดการฝึก บิน ลาเดน และพรรคพวกอย่างจัดเต็ม พร้อมส่งอาวุธครบเครื่อง และกลุ่มอัลไคด้า หรืออัลกออิดะ ก็ถือกำเนิด บิน ลาเดน รวบรวมอิสลามหัวรุนแรงนักสู้จากทั่วโลก สร้างกองกำลัง เพื่อต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ศัตรูของศาสนาอิสลาม ตามการแปลพระคัมภีร์ของพวกหัวรุนแรง หรือตามที่อเมริกายุ ผมไม่แน่ใจ เมื่ออเมริกา เตรียมทำสงครามพายุทะเลทราย Desert Storm เพื่อไล่ซัดดัม ที่ไปบุกคูเวต รัฐบาลซาอุ อนุญาตให้กองทัพอเมริกันเคลื่อนพล ผ่านเข้ามาในแผ่นดินซาอุดิอารเบียได้ ข่าวนี้ทำให้ บิน ลาเดน ขัดใจมาก พวกคริสเตียน จะมาเหยียบย่ำบนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ ของอิสลามได้อย่างไร บิน ลาเดน ประท้วงเรื่องนี้ต่อราชวงศ์ซาอุ ที่หนุนให้เขาไปทำงานกับอเมริกา ราชวงค์บอก ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ให้พวกนอกศาสนาก้าวเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ( คือ เมือง เมกกะ เมดินา และฮิจาส) และพวกเขาจะออกไปจากแผ่นดินเรา เมื่อการรบกับอิรัคเสร็จสิ้น แต่แล้ว ก็ไม่มีคำสั่งจากทางซาอุ ให้กองทัพอเมริกันถอนกลับออกไป และบิน ลาเดน กลับกลายเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่ให้เข้าซาอุดิอารเบียเสียเอง บิน ลาเดน กับพวก จึงเบนเป้าไปที่อเมริกาแทน จากเป็นเด็กฝึกของอเมริกา กลับกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของอเมริกา แต่ บิน ลาเดนไม่เดือดร้อน เขาใช้สมบัติมหาศาลของตัวเอง มาเป็นทุนสู้กับอเมริกาอีกต่ออย่างเข้มข้น และแม้ไม่มีใครรู้แน่ว่า การถล่มตึกเวิลด์เทรดเป็นฝีมือใคร อเมริกากับอัลไคด้า ก็ประกาศตัดขาดกัน และต่างก็ต่อสู้กันอย่างเต็มที่ ทั้งในอาฟกานิสถาน และอิรัค อเมริกาโง่เง่า หรือใหญ่ยิ่ง จนไม่สนใจใส่ใจกับศาสนา ประเพณี และความรู้สึกของผู้อื่น ในปี ค.ศ.2003 เมื่อกองทัพของอเมริกาบุกเข้าไปถึงเมืองนาจาฟ เมืองสำคัญทางศาสนาของมุสลิมชีอะ เมื่อรถถังอเมริกันเคลื่อนเข้ามา ชาวบ้านไชโยโห่ร้องต้อนรับ แต่รถถังของอเมริกาก็วิ่งไปเรื่อยๆ เข้าไปในเขตสุเหร่าของอิหม่ามสูงสุดของนิกายชีอะ แม้ชาวบ้านจะตะโกนห้าม รถถังก็ยังวิ่งต่อ ในที่สุดชาวบ้านทนไม่ไหว พากันโดดลงไปนอนขวางไม่ให้รถวิ่งต่อ นี่คืออเมริกา อเมริกาทำพลาดเรื่อง อัลไคด้ามาแล้ว แต่อเมริกาหัวทึบ ไม่รู้จักจำ หรือไม่สนใจจำ อเมริกาทำซ้ำอีก ไม่ว่าพวกอิสลามหัวรุนแรง จะเรียกตัวเองว่าอัลไคด้า ตาลีบัน ไอซิส อัล นัสรา มูจาฮีดีน วาห์ฮะบี หรือชื่อใดก็ตาม พวกเขาก็เหมือนกันทั้งนั้น พวกเขามาจากความเคร่ง และการแปลความของพระคัมภีร์ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีทั้งผู้สนับสนุน และเห็นต่าง ขบวนการต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ก็เช่นเดียวกัน มันเริ่มจากการรวมตัวกันหลวมๆ ของพวกมุสลิมเคร่งครัด ที่เกลียดซีเรีย ภายใต้การปกครองของ บาชาร์ อัล อัสซาด Bashar Al-Assad ที่กล่าวกันว่า ไม่เคร่งศาสนา แล้วพวกมุสลิมเคร่งครัด ก็มาจับมืออีกต่อหนึ่ง กับพวก ศัตรู ที่ดูเหมือนจะมีไม่น้อย ของ อัสซาดที่ปกครองซีเรีย ตั้งแต่คนพ่อมาถึงคนลูกในปัจจุบัน ใครบ้างล่ะ ที่เห็นอัสซาด พ่อ ลูก เป็นศัตรูตัวร้าย นอกเหนือจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงต่างๆ เริ่มมาตั้งแต่อิสราเอล (ที่ไม่พอใจซีเรีย ที่ไปให้การสนับสนุนกลุ่ม เฮสบอลเลาะห์ ที่เป็นศัตรูของอิสราเอล) เสี่ยปั้มใหญ่ปั้มเล็ก ( เพราะซีเรียเป็นเพื่อนซี้กับอิหร่าน ที่พวกเสี่ยปั้มเกลียด) ตุรกี ( เพราะความเข้มแข็งของซีเรีย ขวางเส้นทางสู่ความฝันของ เอร์โดกานที่หวังจะเป็นสุลต่านยุคใหม่แห่งตุรกี) และที่สำคัญ คือ กองกำลังร่วมที่ 14 มีนา ของพวกเลบานอน (ที่กล่าวหาว่า ซีเรีย มีส่วนในการลอบฆ่า ราฟิก อัล ฮาริริ Rafiq Al-Hariri อดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอน) กับ อีกกลุ่มที่แปลก คือ กลุ่มคริสเตียนขวาจัด ซึ่ง มาจับมือกับพวกนักรบมุสลิม ความหลากหลาย ของผู้ที่มารวมกลุ่มต่อต้านซีเรีย หรือซีเรียที่ปกครองโดย อัสซาด จึงสะท้อนให้เห็นเป้าหมายของการประท้วง ที่หลากหลายเช่นเดียวกัน คงมีใครทำให้พวกเขาเข้าใจว่า การต่อต้าน หรือการขับไล่อัสซาด คงใช้เวลาเวลาไม่นาน และเมื่ออัสซาดถูกขับไล่ไป กลุ่มมุสลิมก็จะได้มาปกครองซีเรียแทน พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว และเตรียมการณ์สำหรับการรบยืดเยื้อ และการแตกแยกในกลุ่มพวกกันเอง นับเป็นการประเมินอัสซาด และซีเรีย อย่างผิดพลาดยิ่งของผู้วางแผน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อหลวงปู่ทวด วัดบ่อน้ำร้อน อ.เบตง จ.ยะลา
    รูปหล่อหลวงปู่ทวด รุ่นเทหน้าตัก เนื้อทองเหลืองรมดำ อุดกริ่ง (เสียงดังฟังชัด) วัดบ่อน้ำร้อน อ.เบตง จ.ยะลา // พระดีพิธีใหญ่ จัดสร้างจำนวนน้อย หายาก!! // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี **

    ** วัดบ่อน้ำร้อนตั้งขึ้นในชื่อ สำนักสงฆ์บ่อน้ำร้อน เมื่อ พ.ศ 2535 ก่อสร้างโดยกำลังศรัทธาของประชาชน มีปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ รูปปั้นองค์ใหญ่ของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นรูปปั้นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อหลวงปู่ทวด วัดบ่อน้ำร้อน อ.เบตง จ.ยะลา รูปหล่อหลวงปู่ทวด รุ่นเทหน้าตัก เนื้อทองเหลืองรมดำ อุดกริ่ง (เสียงดังฟังชัด) วัดบ่อน้ำร้อน อ.เบตง จ.ยะลา // พระดีพิธีใหญ่ จัดสร้างจำนวนน้อย หายาก!! // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี ** ** วัดบ่อน้ำร้อนตั้งขึ้นในชื่อ สำนักสงฆ์บ่อน้ำร้อน เมื่อ พ.ศ 2535 ก่อสร้างโดยกำลังศรัทธาของประชาชน มีปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ รูปปั้นองค์ใหญ่ของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นรูปปั้นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (11 ธ.ค.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก "Army Military Force" โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า "มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เครื่องบินรบขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยทิ้งระเบิดแรงสูงใส่เป้าหมายบ่อนคาสิโน ในย่านจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา
    .
    นอกจากนี้ ทหารไทยยังได้ระดมยิงปืนใหญ่สนับสนุนเข้าโจมตีใส่ คลังน้ำมันของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการใกล้ๆ กันกับ บ่อนคาสิโนในย่านจุ๊บโกกี ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
    .
    การโจมตีนี้มีขึ้นหลังพบว่า บ่อนคาสิโนและคลังน้ำมันดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ได้แก่ เป็นสถานที่ปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีทหารไทย, เป็นคลังเก็บอาวุธหนัก, และเป็นจุดเติมเชื้อเพลิงให้แก่รถยิงจรวด BM-21"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118877

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    วันนี้ (11 ธ.ค.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก "Army Military Force" โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า "มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เครื่องบินรบขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยทิ้งระเบิดแรงสูงใส่เป้าหมายบ่อนคาสิโน ในย่านจุ๊บโกกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา . นอกจากนี้ ทหารไทยยังได้ระดมยิงปืนใหญ่สนับสนุนเข้าโจมตีใส่ คลังน้ำมันของกัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการใกล้ๆ กันกับ บ่อนคาสิโนในย่านจุ๊บโกกี ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ . การโจมตีนี้มีขึ้นหลังพบว่า บ่อนคาสิโนและคลังน้ำมันดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ได้แก่ เป็นสถานที่ปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีทหารไทย, เป็นคลังเก็บอาวุธหนัก, และเป็นจุดเติมเชื้อเพลิงให้แก่รถยิงจรวด BM-21" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118877 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 4

    “ลองเชิง”
    ตอน 4
    ตุรกี นกหลายหัว จอมพริ้ว ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด จากเทศกาลอาหรับสปริง ก่อนปี ค.ศ.2011 ตุรกี ก็ไม่ค่อยมีปัญหากับเพื่อนบ้านเท่าไหร่ และตุรกีค่อยๆขยายฐานการเมือง การค้าขาย และวัฒนธรรมของตัวเองไปอย่างเงียบๆมาตลอดเวลา รับปากไปทั่ว และมักจะเลือกยืนถูกข้างในความขัดแย้ง คือข้างที่กำลังได้เปรียบ
    นายรอญับ ตอยยิบ เอร์โดกาน (Recep Tayyip Erdogan) ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของตุรกีขณะนั้น เป็นผู้นำต่างประเทศรายแรก ที่กระซิบดังๆ บอกให้ มูบารัค ของอิยิปต์ เก็บของลาออก กลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านได้แล้ว และเขายังเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกๆ อีกเหมือนกัน ที่หันหลังให้กับกัดดาฟี ของลิเบีย เมื่อกัดดาฟีถูกกลุ่มกบฏไล่ล่า ไม่ต่างกับที่เขาหันหลังให้อัสสาด ของซีเรียในตอนแรก เมื่อซีเรียเริ่มมีปัญหา
    แต่ เอร์โดกาน เป็นนักการเมืองที่เก๋า เขี้ยวยาว ไม่เสียชื่อเป็นนกหลายหัว เขาเริ่มค่อยๆถอยห่างจากอเมริกาสัก ประมาณ 2 ปีมานี้ และตั้งแต่ถอยห่าง การประท้วงสาระพัดในตุรกี ก็เกิดขึ้นตามสูตร แต่ตุรกีคงมองเห็นว่า ฝ่ายไหนกันแน่ที่กำลังจะได้เปรียบ ทั้งในซีเรีย และตะวันออกกลาง วันนี้ดูเหมือนเขาเลือกข้างแล้ว เป็นข้างที่ไม่ใช่อเมริกาเป็นผู้นำ แต่ก็ยังอึกอักว่าไม่รักอัสซาดของซีเรีย แต่ตอนนี้พวกลูกพี่ที่ตัวมาเกาะใหม่ เขากำลังจะมาช่วยอัสซาด ตุรกี จึงกำลังมึนหัว แต่สงสัยจะสายไปแล้วนะ จะกลับเป็นนกหลายหัวอีก อาจจะไม่เหลือสักหัว
    อีกรายที่ได้ประโยชน์ กระโดดข้ามมาอยู่แถวหน้า ทั้งๆที่เป็นประเทศเล็ก คือ การ์ต้า ซึ่งเริ่มเบ่งรัศมีของตนมาก่อน ค.ศ.2011 ไม่นาน ด้วยการยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศตัว และเมื่อน้ำมันบูม การ์ต้าที่พลเมืองน้อย แต่รวยน้ำมัน ก็เลยกระเป๋าบวมไปด้วย การ์ต้าใช้ความเป็นเสี่ยปั้มรุ่นเล็ก แต่มาแรง บวกกับการตั้งสื่อ อัลจาซีรา Al-Jazeera ของตน กระจายเสียง โฆษณาตัวเอง จนดังไปทั่วโลก คนวางแผนเก่งครับ
    รัฐบาลการ์ต้าเป็นรายแรกๆ ที่ขยับขาอ้าแขนรับเทศกาลอาหรับสปริง อัลจาซีรา รายงานแบบเอียงไปเอียงมา ไม่ต่างกับซีเอนเอน ในเรื่องของกัดดาฟีของลิเบียและอัสสาดของซีเรีย เขาเล่นตีกันเป็นระนาดวง กับซีเอนเอน บีบีซี เอาซะทั้ง กัดดาฟีและอัสซาด เป็นเผด็จการจอมโหดสมควรตาย
    แต่เมื่อบาห์เรนเพื่อนบ้านค่ายเดียวกัน มีปัญหาภายใน เรื่องราวก็คล้ายกัน อัลจาซีรา เกิดเป็นใบ้ หลอดขาด จานดาวเทียมส่งสัญญาณไม่ได้เสียอย่างนั้น ตอนอัลจาซีรา ตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ใครไม่อ้างแหล่งข่าวอัลจาซีรานี่เชยสะบั้น แต่ตอนนี้ ใครอ้างอัลจาซีรา ผมว่าไม่เชยนะ แต่ง่าวจัด
    ถึงจะเป็นประเทศเล็ก แต่เงินแยะ และมีสื่อใหญ่ระดับโลกอยู่ในมือ การ์ต้า จึงคิดพองตัว สนับสนุนทั้งเงินทุนและกองกำลัง ไปร่วมโค่นกัดดาฟี และโค่นรัฐบาลในตูนีเซีย หวังให้รัฐบาลใหม่ของ 2 ประเทศ นับตนเองเป็นลูกพี่ เรียนเร็วนะไอ้หนู
    ส่วนประเทศที่ย่อยยับ ไปกับเทศกาลอาหรับสปริง ไม่มีใครเกินอียิปต์ รองมาก็คือซีเรีย และอีกประเทศที่กำลังเหงื่อแตก รีบปรับกระบวนท่าของตัวเองคือ อิสราเอล
    อาหรับสปริง เป็นตัวอย่างของการเดินแผนของอเมริกาในตะวันออกกลาง ที่แย่ที่สุด หรือเยี่ยมที่สุด ที่เราจะต้องค่อยๆดูกันต่อไป
    อิยิปต์ นับเป็นมิตรระดับสำคัญของอเมริกามานานนับ 70 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถานทูตอเมริกาในอิยิปต์ ช่วงหนึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนไปก่อนนั้น อิยิปต์ก็มีความหมายมากกับมหา อำนาจตะวันตกอย่างอังกฤษ เช่นเดียวกัน ถึงเวลาหมดประโยชน์ หรือไม่ต้องการใช้ หรือมีแผนใหม่ อเมริกาก็ไล่ มูบารัค ประธานาธิบดีอิยิปต์ ที่อเมริกาใช้เหมือนพรมเช็ดเท้าให้เก็บของออกไปจากทำเนียบ ไม่ได้ออกไปกลับบ้าน แต่ออกไปนอนในคุกอีกด้วย รอดมาจากการโดนตัดสินประหารชีวิต นี่ก็บุญแล้ว แล้วอิยิปต์ ประเทศที่มีวัฒนธรรมอันยาวนาน เป็นประเทศในความฝันของคนที่อยากเห็นแหล่งอารยะธรรม ที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก็เหลือแต่ซาก กับกองขยะ ผลงานใครครับ
    ซีเรีย กำลังตามมาติดๆ แต่อิยิปต์กับซีเรียต่างกัน อิยิปต์ตกเป็นพรมเช็ดเท้า ถึงเวลาพวกพรมเช็ดเท้าด้วยกัน แทนที่จะช่วยประคอง ดันช่วยกันเหยียบซ้ำ ส่วนซีเรีย เลือกอยู่กับค่ายสู้ตาย จับมือกับลูกพี่อิหร่าน ต่อต้านอเมริกามาด้วยกัน วันนี้อิหร่านไม่มีทางทิ้งซีเรีย
    แต่มีไอ้บ้าน้ำลายฟูมปาก ออกมาทำท่าหน้าเครียดตาขึง พูดให้ชาวโลกฟังในที่ประชุมสหประชาติ เมื่อสามสี่วันก่อน ว่า ซีเรียเป็นอย่างนี้ เพราะมีผู้นำฆ่าประชาชนของตัวเอง แบบนี้เลวมาก เออ … แล้วผู้นำประเทศอื่น ที่ทั้งฆ่าประชาชนของประเทศอื่น และทำลายประเทศของเขา จนแทบไม่เหลือที่ให้ประชาชนซุกหัว กี่ประเทศแล้วมึง ไม่ผิด ไม่เลว งั้นหรือครับ พวกมึงมันเกินสัตว์นรก เกินกว่าผมจะหาคำมาด่าแล้ว...
    อิสราเอล แม้จะไม่มีปัญหาในบ้าน แต่เทศกาลอาหรับสปริง ก็ทำให้อิสราเอลเหนื่อยขึ้นแยะ แม้ว่าจะมีกองทัพที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งที่สุดในภูมิภาค เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากอเมริกา ก็เริ่มจะถูกโดดเดี่ยว นี่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ
    อิสราเอล เคยอาศัยอิยิปต์ เป็นทั้งกำแพงและตัวเชื่อมกับกลุ่มมุสลิม เมื่อ อิยิปต์ถูกจัดอันดับใหม่ ได้มุสลิมหัวรุนแรงมาปกครอง อิสราเอลก็ขาดตัวเชื่อม เป็นยิวอยู่ในดงมุสลิม ก็คงหาเพื่อนยาก ตุรกี ซึ่งเคยพอพูดกันได้ ก็ดันไปสนับสนุนกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood รัฐบาลใหม่ ของอิยิปต์ อิสราเอลเลยหมดผู้ที่จะไปพูดด้วยได้ในตะวันออกกลาง
    อย่างนี้ ต้องชื่นชมคนออกแบบอาหรับสปริง เลว ลึกซึ้งมาก
    นอกจากนี้ อาหรับสปริงยังทำให้กลุ่ม ฮามาส Hamas และฟัตตาห์ Fatah กองกำลังติดอาวุธในปาเลสไตน์ ได้อาวุธ ที่ใครไม่รู้ ยึดมาจากลิเบีย และเอามาแบ่งให้กลุ่มฮามาสด้วย 2 กลุ่มนี้ จึงเหมือนติดปีก พร้อมลุยอิสราเอล แถมกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่ขึ้นมาปกครองอียิปต์ต่อจากมูบารัค ยังทำท่าเห็นใจ สนับสนุน พวกฮามาส อีกด้วย แบบนี้ อิสราเอลก็ต้องลดความกร่าง กลับไปใช้ภาษาดอกไม้กับอเมริกามากขึ้น เกมนี้แน่จริงพี่
    มาถึงคู่แข่งสำคัญ อิหร่านกับซาอุดิอารเบีย ที่ไม่มีวันจะรักกัน ใหญ่กันอยู่คนละมุม ต่างก็ถูกกระทบจากเทศกาลอาหรับสปริง ทั้งทางลบและทางบวก
    ฝ่ายซาอุ กล่าวหาว่าอิหร่าน ฉวยโอกาส จากการระส่ำระสายจากเทศกาลอาหรับสปริง เข้าไปดูแลอิรัค ส่วนที่นับถือนิกายชีอะห์ด้วยกัน อิรัคที่ยังไม่ฟื้น จากการถูกอเมริกากระทืบ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของอิหร่าน ทำให้เครือข่ายชีอะห์ของอิหร่านขยายใหญ่ เป็นการกดดัน ซาอุ ทางอ้อม และ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ ซีเรียบวกอิรัค ยังเป็นแนวที่อิหร่านใช้ยันกับ อิสราเอล และซาอุดิอารเบียกับพวกเสี่ยปั้มสิงห์สำอางทั้งหลาย ได้อีกด้วย
    ข้อกล่าวหาของซาอุ ฟังขึ้น เพราะอิหร่านก็ดูเหมือนจะทำจริง นอกจากจะสนับสนุนอิรัคแล้ว
    อิหร่านยังสนับสนุน ทั้งกลุ่มฮามาส กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ พันธุ์ดุทั้งนั้น เอาไว้ต้านกลุ่มเสี่ยปั้ม และอิสราเอล หรือจริงๆ ก็เอาไว้ต้านอิทธิพลของอเมริกานั่นเอง
    นอกจากนี้ ทั้งอิหร่าน อิรัค ซีเรีย ตุรกี เลบานอน ยังเป็นแนวรอบนอก ที่ทำให้การเข้าไปถึงรัสเซียทาง ด้านนี้ยากขึ้นด้วย ส่วนอีก 2 ด้านสำคัญ ที่จะเข้าถึงรัสเซีย คือ ทางยูเครนและอาฟกานิสถาน และคงไม่ยากที่จะเข้าใจ ว่า ทำไมเรื่องยูเครนถึงยืดเยื้อ และเมื่อรัสเซียเข้ามาถึงซีเรีย ทางด้านอาฟกานิสถานก็อาจจะร้อนขึ้นมาอีก
    ด้วยความเกี่ยวพัน พึ่งพากันเช่นนี้ รัสเซียและอิหร่าน จึงคงเป็นเพื่อนที่จะไม่ทิ้งกันอีกคู่หนึ่ง
    ซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั้มใหญ่ ไม่ถนัดออกหน้า ถนัดแต่ชี้นิ้ว และขี้บ่น เขาว่าเป็นนิสัยประจำตัวของคนที่นึกว่ารวยแล้ว มีแต่คนง้อ คนเอาใจ แต่เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง และการมีบ่อน้ำมัน บางครั้งก็เหมือนมีลาภลอย แบบสามล้อถูกหวย ถ้าไม่รู้จักเก็บรักษาให้ดี ไม่ถูกปล้นจนหมดตัว ก็มือเติบใช้จนหมดตูด กลับไปถีบสามล้อเหมือนเดิม
    หลังอาหรับสปริง เมื่อมูบารัคของอียิปต์ถูกย้ายจากทำเนียบไปอยู่ในคุก บาห์เรน เสี่ยปั้มในค่ายเอาอเมริกาอีกรายก็เกิดเรื่อง เล่นเอาซาอุดิประสาทแดก รีบส่งกองกำลังเข้าไปในบาห์เรน พร้อมควักกระเป๋าอีก 2 หมื่นล้านเหรียญให้บาห์เรนกับโอมาน ไป “คุย” กับเยเมนให้รู้เรื่อง ในฐานะบ้านอยู่ติดกัน แถมมีสภาพคุมปากอ่าวเหมือนกัน และตอนนั้น เยเมนก็กำลังระส่ำไม่รู้ใครสร้าง
    เอะ เยเมนอยู่ปากอ่าว คุมเส้นทางส่งน้ำมันของซาอุ ที่จะออกมาทางมหาสมุทรอินเดีย เหมือนอิยิปต์ที่คุมเส้นทางส่งออกน้ำมันของซาอุไปทางเมดิเตอร์เรเนียน มองเห็นอะไรไหมครับ
    แต่ซาอุ คงอ่านไม่แตกฉาน ใช้เวลากับประสาทแดกเรื่องอิหร่านมากไปหน่อย แทนที่จะคิดสร้างความเข้มแข็งให้เกิดในประเทศตัว ไม่ใช่คอยแต่หวังพึ่งคนนอก ซาอุ ไม่ใช่รวยธรรมดา รวยน้ำมันที่สุดในโลกด้วย แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นสามล้อถูกหวย น่าเสียดาย
    น่าคิด และน่าสนใจไหมครับว่า ตลอดเวลาที่อเมริกาแซงชั้นอิหร่าน อิหร่านไม่ได้อยู่อย่างหรุหราสุขสบายอย่างพวกเสี่ยปั้มใหญ่ ปั้มเล็ก แต่อิหร่านอยู่ได้ และแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน มาถึงวันนี้ แกร่งถึงขนาด ตัดสินใจเข้าฉาก เล่นเรื่องซีเรีย เล่นฉากนี้เหมือนตั้งใจฉีกหน้าอเมริกาโดยตรง แสดงว่าอิหร่านต้องมีดี
    อิหร่านมีรัสเซีย และจีน เป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือยามยาก ในยามที่อิหร่านถูกแซงชั่น อย่างใจดำและเป็นเวลานาน เราคงพอมองเห็น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ มันต้องอดทน ทนอด ไม่ท้อถ้อยทั้งนั้น ไม่งั้นก็เป็นพรมเช็ดเท้าเขาไปตลอด
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 4 “ลองเชิง” ตอน 4 ตุรกี นกหลายหัว จอมพริ้ว ดูเหมือนจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด จากเทศกาลอาหรับสปริง ก่อนปี ค.ศ.2011 ตุรกี ก็ไม่ค่อยมีปัญหากับเพื่อนบ้านเท่าไหร่ และตุรกีค่อยๆขยายฐานการเมือง การค้าขาย และวัฒนธรรมของตัวเองไปอย่างเงียบๆมาตลอดเวลา รับปากไปทั่ว และมักจะเลือกยืนถูกข้างในความขัดแย้ง คือข้างที่กำลังได้เปรียบ นายรอญับ ตอยยิบ เอร์โดกาน (Recep Tayyip Erdogan) ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของตุรกีขณะนั้น เป็นผู้นำต่างประเทศรายแรก ที่กระซิบดังๆ บอกให้ มูบารัค ของอิยิปต์ เก็บของลาออก กลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านได้แล้ว และเขายังเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกๆ อีกเหมือนกัน ที่หันหลังให้กับกัดดาฟี ของลิเบีย เมื่อกัดดาฟีถูกกลุ่มกบฏไล่ล่า ไม่ต่างกับที่เขาหันหลังให้อัสสาด ของซีเรียในตอนแรก เมื่อซีเรียเริ่มมีปัญหา แต่ เอร์โดกาน เป็นนักการเมืองที่เก๋า เขี้ยวยาว ไม่เสียชื่อเป็นนกหลายหัว เขาเริ่มค่อยๆถอยห่างจากอเมริกาสัก ประมาณ 2 ปีมานี้ และตั้งแต่ถอยห่าง การประท้วงสาระพัดในตุรกี ก็เกิดขึ้นตามสูตร แต่ตุรกีคงมองเห็นว่า ฝ่ายไหนกันแน่ที่กำลังจะได้เปรียบ ทั้งในซีเรีย และตะวันออกกลาง วันนี้ดูเหมือนเขาเลือกข้างแล้ว เป็นข้างที่ไม่ใช่อเมริกาเป็นผู้นำ แต่ก็ยังอึกอักว่าไม่รักอัสซาดของซีเรีย แต่ตอนนี้พวกลูกพี่ที่ตัวมาเกาะใหม่ เขากำลังจะมาช่วยอัสซาด ตุรกี จึงกำลังมึนหัว แต่สงสัยจะสายไปแล้วนะ จะกลับเป็นนกหลายหัวอีก อาจจะไม่เหลือสักหัว อีกรายที่ได้ประโยชน์ กระโดดข้ามมาอยู่แถวหน้า ทั้งๆที่เป็นประเทศเล็ก คือ การ์ต้า ซึ่งเริ่มเบ่งรัศมีของตนมาก่อน ค.ศ.2011 ไม่นาน ด้วยการยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศตัว และเมื่อน้ำมันบูม การ์ต้าที่พลเมืองน้อย แต่รวยน้ำมัน ก็เลยกระเป๋าบวมไปด้วย การ์ต้าใช้ความเป็นเสี่ยปั้มรุ่นเล็ก แต่มาแรง บวกกับการตั้งสื่อ อัลจาซีรา Al-Jazeera ของตน กระจายเสียง โฆษณาตัวเอง จนดังไปทั่วโลก คนวางแผนเก่งครับ รัฐบาลการ์ต้าเป็นรายแรกๆ ที่ขยับขาอ้าแขนรับเทศกาลอาหรับสปริง อัลจาซีรา รายงานแบบเอียงไปเอียงมา ไม่ต่างกับซีเอนเอน ในเรื่องของกัดดาฟีของลิเบียและอัสสาดของซีเรีย เขาเล่นตีกันเป็นระนาดวง กับซีเอนเอน บีบีซี เอาซะทั้ง กัดดาฟีและอัสซาด เป็นเผด็จการจอมโหดสมควรตาย แต่เมื่อบาห์เรนเพื่อนบ้านค่ายเดียวกัน มีปัญหาภายใน เรื่องราวก็คล้ายกัน อัลจาซีรา เกิดเป็นใบ้ หลอดขาด จานดาวเทียมส่งสัญญาณไม่ได้เสียอย่างนั้น ตอนอัลจาซีรา ตั้งขึ้นมาใหม่ๆ ใครไม่อ้างแหล่งข่าวอัลจาซีรานี่เชยสะบั้น แต่ตอนนี้ ใครอ้างอัลจาซีรา ผมว่าไม่เชยนะ แต่ง่าวจัด ถึงจะเป็นประเทศเล็ก แต่เงินแยะ และมีสื่อใหญ่ระดับโลกอยู่ในมือ การ์ต้า จึงคิดพองตัว สนับสนุนทั้งเงินทุนและกองกำลัง ไปร่วมโค่นกัดดาฟี และโค่นรัฐบาลในตูนีเซีย หวังให้รัฐบาลใหม่ของ 2 ประเทศ นับตนเองเป็นลูกพี่ เรียนเร็วนะไอ้หนู ส่วนประเทศที่ย่อยยับ ไปกับเทศกาลอาหรับสปริง ไม่มีใครเกินอียิปต์ รองมาก็คือซีเรีย และอีกประเทศที่กำลังเหงื่อแตก รีบปรับกระบวนท่าของตัวเองคือ อิสราเอล อาหรับสปริง เป็นตัวอย่างของการเดินแผนของอเมริกาในตะวันออกกลาง ที่แย่ที่สุด หรือเยี่ยมที่สุด ที่เราจะต้องค่อยๆดูกันต่อไป อิยิปต์ นับเป็นมิตรระดับสำคัญของอเมริกามานานนับ 70 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สถานทูตอเมริกาในอิยิปต์ ช่วงหนึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลก ย้อนไปก่อนนั้น อิยิปต์ก็มีความหมายมากกับมหา อำนาจตะวันตกอย่างอังกฤษ เช่นเดียวกัน ถึงเวลาหมดประโยชน์ หรือไม่ต้องการใช้ หรือมีแผนใหม่ อเมริกาก็ไล่ มูบารัค ประธานาธิบดีอิยิปต์ ที่อเมริกาใช้เหมือนพรมเช็ดเท้าให้เก็บของออกไปจากทำเนียบ ไม่ได้ออกไปกลับบ้าน แต่ออกไปนอนในคุกอีกด้วย รอดมาจากการโดนตัดสินประหารชีวิต นี่ก็บุญแล้ว แล้วอิยิปต์ ประเทศที่มีวัฒนธรรมอันยาวนาน เป็นประเทศในความฝันของคนที่อยากเห็นแหล่งอารยะธรรม ที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก็เหลือแต่ซาก กับกองขยะ ผลงานใครครับ ซีเรีย กำลังตามมาติดๆ แต่อิยิปต์กับซีเรียต่างกัน อิยิปต์ตกเป็นพรมเช็ดเท้า ถึงเวลาพวกพรมเช็ดเท้าด้วยกัน แทนที่จะช่วยประคอง ดันช่วยกันเหยียบซ้ำ ส่วนซีเรีย เลือกอยู่กับค่ายสู้ตาย จับมือกับลูกพี่อิหร่าน ต่อต้านอเมริกามาด้วยกัน วันนี้อิหร่านไม่มีทางทิ้งซีเรีย แต่มีไอ้บ้าน้ำลายฟูมปาก ออกมาทำท่าหน้าเครียดตาขึง พูดให้ชาวโลกฟังในที่ประชุมสหประชาติ เมื่อสามสี่วันก่อน ว่า ซีเรียเป็นอย่างนี้ เพราะมีผู้นำฆ่าประชาชนของตัวเอง แบบนี้เลวมาก เออ … แล้วผู้นำประเทศอื่น ที่ทั้งฆ่าประชาชนของประเทศอื่น และทำลายประเทศของเขา จนแทบไม่เหลือที่ให้ประชาชนซุกหัว กี่ประเทศแล้วมึง ไม่ผิด ไม่เลว งั้นหรือครับ พวกมึงมันเกินสัตว์นรก เกินกว่าผมจะหาคำมาด่าแล้ว... อิสราเอล แม้จะไม่มีปัญหาในบ้าน แต่เทศกาลอาหรับสปริง ก็ทำให้อิสราเอลเหนื่อยขึ้นแยะ แม้ว่าจะมีกองทัพที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งที่สุดในภูมิภาค เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากอเมริกา ก็เริ่มจะถูกโดดเดี่ยว นี่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจ อิสราเอล เคยอาศัยอิยิปต์ เป็นทั้งกำแพงและตัวเชื่อมกับกลุ่มมุสลิม เมื่อ อิยิปต์ถูกจัดอันดับใหม่ ได้มุสลิมหัวรุนแรงมาปกครอง อิสราเอลก็ขาดตัวเชื่อม เป็นยิวอยู่ในดงมุสลิม ก็คงหาเพื่อนยาก ตุรกี ซึ่งเคยพอพูดกันได้ ก็ดันไปสนับสนุนกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด Muslim Brotherhood รัฐบาลใหม่ ของอิยิปต์ อิสราเอลเลยหมดผู้ที่จะไปพูดด้วยได้ในตะวันออกกลาง อย่างนี้ ต้องชื่นชมคนออกแบบอาหรับสปริง เลว ลึกซึ้งมาก นอกจากนี้ อาหรับสปริงยังทำให้กลุ่ม ฮามาส Hamas และฟัตตาห์ Fatah กองกำลังติดอาวุธในปาเลสไตน์ ได้อาวุธ ที่ใครไม่รู้ ยึดมาจากลิเบีย และเอามาแบ่งให้กลุ่มฮามาสด้วย 2 กลุ่มนี้ จึงเหมือนติดปีก พร้อมลุยอิสราเอล แถมกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ที่ขึ้นมาปกครองอียิปต์ต่อจากมูบารัค ยังทำท่าเห็นใจ สนับสนุน พวกฮามาส อีกด้วย แบบนี้ อิสราเอลก็ต้องลดความกร่าง กลับไปใช้ภาษาดอกไม้กับอเมริกามากขึ้น เกมนี้แน่จริงพี่ มาถึงคู่แข่งสำคัญ อิหร่านกับซาอุดิอารเบีย ที่ไม่มีวันจะรักกัน ใหญ่กันอยู่คนละมุม ต่างก็ถูกกระทบจากเทศกาลอาหรับสปริง ทั้งทางลบและทางบวก ฝ่ายซาอุ กล่าวหาว่าอิหร่าน ฉวยโอกาส จากการระส่ำระสายจากเทศกาลอาหรับสปริง เข้าไปดูแลอิรัค ส่วนที่นับถือนิกายชีอะห์ด้วยกัน อิรัคที่ยังไม่ฟื้น จากการถูกอเมริกากระทืบ ก็ย่อมไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของอิหร่าน ทำให้เครือข่ายชีอะห์ของอิหร่านขยายใหญ่ เป็นการกดดัน ซาอุ ทางอ้อม และ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ ซีเรียบวกอิรัค ยังเป็นแนวที่อิหร่านใช้ยันกับ อิสราเอล และซาอุดิอารเบียกับพวกเสี่ยปั้มสิงห์สำอางทั้งหลาย ได้อีกด้วย ข้อกล่าวหาของซาอุ ฟังขึ้น เพราะอิหร่านก็ดูเหมือนจะทำจริง นอกจากจะสนับสนุนอิรัคแล้ว อิหร่านยังสนับสนุน ทั้งกลุ่มฮามาส กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ พันธุ์ดุทั้งนั้น เอาไว้ต้านกลุ่มเสี่ยปั้ม และอิสราเอล หรือจริงๆ ก็เอาไว้ต้านอิทธิพลของอเมริกานั่นเอง นอกจากนี้ ทั้งอิหร่าน อิรัค ซีเรีย ตุรกี เลบานอน ยังเป็นแนวรอบนอก ที่ทำให้การเข้าไปถึงรัสเซียทาง ด้านนี้ยากขึ้นด้วย ส่วนอีก 2 ด้านสำคัญ ที่จะเข้าถึงรัสเซีย คือ ทางยูเครนและอาฟกานิสถาน และคงไม่ยากที่จะเข้าใจ ว่า ทำไมเรื่องยูเครนถึงยืดเยื้อ และเมื่อรัสเซียเข้ามาถึงซีเรีย ทางด้านอาฟกานิสถานก็อาจจะร้อนขึ้นมาอีก ด้วยความเกี่ยวพัน พึ่งพากันเช่นนี้ รัสเซียและอิหร่าน จึงคงเป็นเพื่อนที่จะไม่ทิ้งกันอีกคู่หนึ่ง ซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั้มใหญ่ ไม่ถนัดออกหน้า ถนัดแต่ชี้นิ้ว และขี้บ่น เขาว่าเป็นนิสัยประจำตัวของคนที่นึกว่ารวยแล้ว มีแต่คนง้อ คนเอาใจ แต่เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง และการมีบ่อน้ำมัน บางครั้งก็เหมือนมีลาภลอย แบบสามล้อถูกหวย ถ้าไม่รู้จักเก็บรักษาให้ดี ไม่ถูกปล้นจนหมดตัว ก็มือเติบใช้จนหมดตูด กลับไปถีบสามล้อเหมือนเดิม หลังอาหรับสปริง เมื่อมูบารัคของอียิปต์ถูกย้ายจากทำเนียบไปอยู่ในคุก บาห์เรน เสี่ยปั้มในค่ายเอาอเมริกาอีกรายก็เกิดเรื่อง เล่นเอาซาอุดิประสาทแดก รีบส่งกองกำลังเข้าไปในบาห์เรน พร้อมควักกระเป๋าอีก 2 หมื่นล้านเหรียญให้บาห์เรนกับโอมาน ไป “คุย” กับเยเมนให้รู้เรื่อง ในฐานะบ้านอยู่ติดกัน แถมมีสภาพคุมปากอ่าวเหมือนกัน และตอนนั้น เยเมนก็กำลังระส่ำไม่รู้ใครสร้าง เอะ เยเมนอยู่ปากอ่าว คุมเส้นทางส่งน้ำมันของซาอุ ที่จะออกมาทางมหาสมุทรอินเดีย เหมือนอิยิปต์ที่คุมเส้นทางส่งออกน้ำมันของซาอุไปทางเมดิเตอร์เรเนียน มองเห็นอะไรไหมครับ แต่ซาอุ คงอ่านไม่แตกฉาน ใช้เวลากับประสาทแดกเรื่องอิหร่านมากไปหน่อย แทนที่จะคิดสร้างความเข้มแข็งให้เกิดในประเทศตัว ไม่ใช่คอยแต่หวังพึ่งคนนอก ซาอุ ไม่ใช่รวยธรรมดา รวยน้ำมันที่สุดในโลกด้วย แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นสามล้อถูกหวย น่าเสียดาย น่าคิด และน่าสนใจไหมครับว่า ตลอดเวลาที่อเมริกาแซงชั้นอิหร่าน อิหร่านไม่ได้อยู่อย่างหรุหราสุขสบายอย่างพวกเสี่ยปั้มใหญ่ ปั้มเล็ก แต่อิหร่านอยู่ได้ และแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน มาถึงวันนี้ แกร่งถึงขนาด ตัดสินใจเข้าฉาก เล่นเรื่องซีเรีย เล่นฉากนี้เหมือนตั้งใจฉีกหน้าอเมริกาโดยตรง แสดงว่าอิหร่านต้องมีดี อิหร่านมีรัสเซีย และจีน เป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือยามยาก ในยามที่อิหร่านถูกแซงชั่น อย่างใจดำและเป็นเวลานาน เราคงพอมองเห็น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ มันต้องอดทน ทนอด ไม่ท้อถ้อยทั้งนั้น ไม่งั้นก็เป็นพรมเช็ดเท้าเขาไปตลอด สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!! F-16 และ Gripen ทิ้งไข่ซ้ำ บ่อนคาสิโนพื้นที่โอร์เสม็ด 10/12/68 #F-16 #Gripen #บ่อนคาสิโน #โอร์เสม็ด #TruthFromThailand #SaveThailand
    ด่วน!! F-16 และ Gripen ทิ้งไข่ซ้ำ บ่อนคาสิโนพื้นที่โอร์เสม็ด 10/12/68 #F-16 #Gripen #บ่อนคาสิโน #โอร์เสม็ด #TruthFromThailand #SaveThailand
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เผยเหตุ ซีเกมส์เขมรถอนตัว เพราะโปรโมท "กาสิNo" บนเสื้อวอร์ม เสร็จแล้ว
    ตั้งใจมาแข่งกีฬา ตั้งใจมาโปรโมทบ่อน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เผยเหตุ ซีเกมส์เขมรถอนตัว เพราะโปรโมท "กาสิNo" บนเสื้อวอร์ม เสร็จแล้ว ตั้งใจมาแข่งกีฬา❌ ตั้งใจมาโปรโมทบ่อน✔️ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 9

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 9
    รายได้ของเยเมนประมาณ 70% มาจากการขายน้ำมัน รัฐบาลเยเมน ซึ่งตั้งที่ทำการอยู่ที่
    เมืองซานะ เมืองหลวงของเยเมน แต่อยู่ ในเขตเยเมนเหนือ เป็นผู้ควบคุมรายได้จากน้ำมัน แต่บ่อน้ำมันดันอยู่ในเยเมนใต้ แบบนี้ก็เข้าทาง (ยังไม่รู้ทางใคร!?) เมื่อรัฐบาล Saleh แตกคอกับเยเมนใต้ Saleh ก็เสียงคงอ่อย ค่าขายน้ำมัน สงสัยจะส่งมาไม่ถึงเมืองซานะ
    เยเมน เหมือนจะยังถูกบีบไม่พอ อยู่ดีๆ ในเดือนมกราคม ค.ศ.2009 ก็เกิดมีประกาศในเวบไซท์
    ของอัลไคด้าว่า อัลไคด้าของบินลาเดน จะมาเปิดสาขาใหม่ใหญ่กว่าทุกแห่ง อยู่ในเยเมน เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับปฏิบัติการ ทั้งในเยเมน และซาอุดิอารเบีย
    เวบอัลไคด้า โดยหัวหน้าใหญ่ Nasir al-Wanayshi ประกาศรายชื่อ บรรดาหัวกะทิ ที่จะมาประจำอยู่เยเมน ซึ่งมีกะทิระดับที่เคยถูกจับไปอบรม อยู่ในค่ายกวนตานาโมของอเมริกาด้วยหลายคน ไม่ใช่ย่อยนะ แต่ เล่นคัดตัวแสดงแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็เดาออกหมด ว่า ใครอำนวยการสร้าง
    หลังจากนั้น al-Wanayshi ก็ทำวิดีโอออกสู่สาธารณะ เขาเริ่มเรื่องได้น่าหวาดเสียว ว่า
    …เราจะเริ่มต้นที่นี่ และเราจะพบกันที่อัลอัคซา We start from here and we will meet at al-Aqsa (คือโบสถ์ของชาวยิวในเยรูซาเรม)…
    วีดีโอนี้ ประกาศ ข่มขู่ ข่มขวัญ หัวหน้าใหญ่ของมุสลิมตั้งแต่ Saleh ในเยเมนเอง ราชวงศ์ของซาอุ ไปจนถึงประธานาธิบดี มูบารัค ของอียิปต์ อัลไคด้าบอกว่า เรากำลังจะไปต่อสู้อย่างพลีชีพ เพื่อเอาแผ่นดินศักดิ์สิทธิของมุสลิม ตั้งแต่ กาซ่า เยเมน ถึงอิสราเอล กลับคืนมา
    การตั้ง Southern Movement การประกาศตั้งฐานใหม่ของอัลไคด้าในเยเมน การออกมาข่มขวัญของอัลไคด้า แค่นี้ ก็เพียงพอให้อเมริกาใช้เป็นข้ออ้าง เพื่อยกทัพมาขยี้เยเมนแล้ว เยเมนไม่ใช่ซูดาน ที่ต้องใช้พระเอกเดินนำกล้อง ไม่ใช่คองโก ที่ต้องเอามือมีระดับมาจัดการ ไม่ต้องพูดถึงลิเบีย ที่ต้องขนกันมาครึ่งโลก เยเมนประเทศเล็กกระจ้อย อเมริกาตวาดทีเดียว ก็ราดเต็มกางเกงกันหมดแล้ว
    หลังจากบอกว่า เรื่องภายในประเทศเยเมน เป็นเรื่องของเยเมน แต่อเมริกาก็สั่งให้กองทัพของอ เมริกาบุกเยเมน เพื่อจัดการกับอัลไคด้า ซึ่งอเมริกาอ้างว่า เป็นเรื่องกระทบนานาชาติ ไม่ใช่เรื่องภายในของเยเมน เข้าใจไหม เข้าใจครับ เข้าใจครับ
    อเมริกาอ้างว่า การโจมตีของอเมริกา ในช่วง 17 ถึง 24 ธันวาคม ค.ศ.2009 อเมริกาได้กำจัดอัลไคด้า ระดับหัวหน้าไปแล้ว 3 คน แต่ไม่มีรายชื่อ ไม่มีหลักฐาน กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ใบเล็ก ไม่เห็นขุดมาเล่าให้ฟังบ้างเลย หลังจากนั้น อเมริกาบอกว่า จำเป็นต้องช่วย Saleh เกี่ยวกับเรื่องการกำจัดผู้ก่อการร้ายในเยเมน ให้หมดไปโดยเร็ว เลยจำเป็นต้องทิ้งกองกำลังไว้ในเยเมนต่อไป เฮ้อ…มาแบบเก่า ฟอร์มเดิม ผมเบื่อแล้วนะพี่ ต้องเขียนซ้ำๆ
    กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ รายงานเรื่องอัลไคด้า ที่อเมริกาอ้างว่าต้องยกพลไปถล่มอย่างเสียไม่ได้ แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น กระป๋องใส่สีย้อมข่าว เปลี่ยนไป รายงานเรื่อง สลัดโซมาเลีย โจมตีเรือขนส่งสินค้าในอ่าวเอเดน นอกฝั่งโซมาเลีย ตรงข้ามกับเยเมนใต้ และเล่นข่าวสลัดโซมาเลียอย่างใหญ่ โต แถมเล่นซ้ำทุกวัน ไม่ต้อง งง ครับ ตีข่าวเรื่องอัลไคด้า ตามบทจบด้วยกองทัพอเมริกา ไปอยู่ในเยเมน เรียบร้อยฉากแรกแล้ว ตอนนี้ต้องเปิดฉากสองต่อ
    วันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ.2009 สำนักข่าว RIA Novosti ของมอสโคว์ รายงานข่าวว่า สลัดโซมาเลีย ยึดเรือขนส่งสินค้าของกรีก ที่อ่าวเอเดน นอกฝั่งด้านโซมาเลีย
    ก่อนหน้านั้น เรือบรรทุกเคมีของอังกฤษ พร้อมลูกเรือ 26 คน โดนจับที่อ่าวเอเดน หัวหน้าสลัด Mohamed Shakir แน่มาก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอังกฤษ The Times ทางโทรศัพท์ว่า เป็นเรื่องจริง เรายึดเรืออังกฤษไปแล้ว
    รายการสลัดโซมาเลีย ปล้นเรือในช่วงปี 2009 พุ่งสูงมาก นับถึงวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ.2009 สลัดโซมาเลียโจมตีเรือไป 174 รายการ เรือ 35 ลำ ถูกยึด ลูกเรือ 587 คน ถูกเรียกค่าไถ่ การปฏิบัติการทุกรายการ ประสพผลสำเร็จ เยี่ยมจริงๆ
    คำถามคือ “ใคร” เป็นคนจัดส่งอาวุธให้สลัดโซมา เลีย รวมทั้งส่งเส้นทาง และตารางการเดินเรือ ของเรือสินค้านานาชาติ มันเป็นข้อมูลชั้นเยี่ยม จนทำให้การปล้น และการหลบจากการถูกจับ โดยเรือลาดตระเวนของนานาชาติ ของสลัดโซมาเลียสำเร็จทุกครั้ง
    น่านน้ำระหว่างเยเมนกับโซมาเลีย มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง มันเป็นบริเวณ ที่มีช่องแคบสำคัญอยู่ด้วยเรียกว่า Bab el-Mandab ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ของรายการช่องแคบสำคัญ ในเส้นทางขนส่งน้ำมัน ที่เรียกว่า choke points จุดรัดคอ!
    สำนักข้อมูลการพลังงานของอเมริกา รายงานว่า หากมีการปิดช่องแคบ Bab el-Mandab จะทำให้เรือขนส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซีย ไม่สามารถเข้าไปถึงคลองสุเอซและ ท่อส่งน้ำมัน Sumed ที่สุเอซ นอกจากแล่นอ้อมลงทางใต้ ผ่านปลายทวีปอาฟริกา ซึ่งเป็นการเพิ่มระยะทาง เวลา และค่าใช้จ่าย ช่องแคบ Bab จึงเป็นจุดที่สามารถ รัดคอ ตัดขาดเส้นทาง ระหว่างอาฟริกากับตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ก็เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญ หรือ จุดตัดขาด ระหว่างทะเลเมดิเตอเรเนียนกับมหาสมุทรอินเดีย มันเป็นจุดเป็น จุดตาย ของเส้นทางเดินของน้ำมัน จริงๆ
    นอกจากนี้ Bab el-Mandab ที่อยู่ระหว่าง เยเมน จิบูตี และอีริเตรีย ยังเป็นตัวเชื่อมทะเลแดงกับอ่าวเอเดน และทะเลอารบียน น้ำมันและเรือ จากอ่าวเปอร์เซียและมหาสมุทรอินเดีย จะต้องผ่านจุดนี้ ก่อนที่จะผ่านเข้าสุเอซไปสู่เมดิเตอเรเนียน เข้าไปสู่ยุโรป (โปรดดูแผนที่ประกอบนะครับ จะได้เห็นชัด และเข้าใจ)
    สรุปว่า การขนส่งน้ำมันจากทุกแหล่งในโลก ต้องขนส่งกันไปมา ผ่านน่านน้ำต่างๆนั้น ประมาณ 50% ของน้ำมันที่ขนส่งกัน ต้องผ่านช่องรัดคอ Bab นี้ ใครคุม คุณ Bab ก็เท่ากับคุมโลกไป 50%
    อเมริกาจะยอมให้สลัดโซมาเลียคุม หรือ อเมริกาจะปล่อยให้เยเมนประเทศเล็กๆคุม
    และประเทศเสี่ยปั้มกับพวก ที่ขายน้ำมัน จะปล่อยให้เยเมนและโซมาเลีย กำหนดเส้นทางส่งน้ำมันของเขาไหม ปั้มน้ำมันขึ้นมาได้ แต่ส่งไปขายไม่ได้ และประเทศที่ต้องการน้ำมันจากอาฟริกา จะให้นั่งตาลอย อยู่ในกำมือของใครก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ แล้วถ้าพวกเสี่ยปั้มซาอุกับพวก คุม เยเมน คุมคุณ Bab ได้ ผมว่า เสี่ยนิวเคลียร์สองลูก คงจะทำใจยาก ที่จะให้พวกเสี่ยปั้มขี่คอ...
    เยเมน จึงกลายเป็นประเทศ ที่ทุกฝ่ายพยายามเข้าไปคุมอำนาจ เพื่อคุมจุดรัดคอ คุมไม่ได้ก็ ต้องถ่วงอำนาจ ถ่วงไม่ได้ สงสัยเกิดรายการถล่ม
    เรื่องเยเมน จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก อเมริกาคงพยายามทุกทางที่จะคุม คุณ Bab จุดรัดคอ Bab el-Mandeb และเราคงได้ยิน เรื่องความไม่สงบในเยเมนอยู่ตลอดเวลา และเวลานี้การสู้รบในเยเมน จริงๆ ก็กำลังดำเนินอยู่อย่างดุเดือด แต่กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ เสนอข่าวน้อยมาก หรือแทบไม่เสนอเลย ก็ลองถอดรหัสกันดู ว่า แบบนี้แปลว่าใครกำลังเล่นอะไร ในเยเมน และใครกำลังได้เปรียบ เสียเปรียบ และโปรดอย่าลืมว่าเยเมนใต้ เคยชอบพอกับใคร เพื่อนกัน คงไม่ทิ้งกันง่ายๆ เยเมนใต้ อาจจะกลายเป็นสนามประลองกำลังตัวแทน proxy war ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
    และก็คอยตามข่าวกันหน่อย เรื่องแถวเยเมน นี่ อาจทำให้พอประเมินได้ว่า สงครามโลก ใกล้เข้ามาขนาดไหนแล้ว และ ฝ่ายไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบ เส้นทางขนส่งน้ำมัน เป็นปัจจัยสำคัญในการทำศึกสงครามครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 9 รายได้ของเยเมนประมาณ 70% มาจากการขายน้ำมัน รัฐบาลเยเมน ซึ่งตั้งที่ทำการอยู่ที่ เมืองซานะ เมืองหลวงของเยเมน แต่อยู่ ในเขตเยเมนเหนือ เป็นผู้ควบคุมรายได้จากน้ำมัน แต่บ่อน้ำมันดันอยู่ในเยเมนใต้ แบบนี้ก็เข้าทาง (ยังไม่รู้ทางใคร!?) เมื่อรัฐบาล Saleh แตกคอกับเยเมนใต้ Saleh ก็เสียงคงอ่อย ค่าขายน้ำมัน สงสัยจะส่งมาไม่ถึงเมืองซานะ เยเมน เหมือนจะยังถูกบีบไม่พอ อยู่ดีๆ ในเดือนมกราคม ค.ศ.2009 ก็เกิดมีประกาศในเวบไซท์ ของอัลไคด้าว่า อัลไคด้าของบินลาเดน จะมาเปิดสาขาใหม่ใหญ่กว่าทุกแห่ง อยู่ในเยเมน เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับปฏิบัติการ ทั้งในเยเมน และซาอุดิอารเบีย เวบอัลไคด้า โดยหัวหน้าใหญ่ Nasir al-Wanayshi ประกาศรายชื่อ บรรดาหัวกะทิ ที่จะมาประจำอยู่เยเมน ซึ่งมีกะทิระดับที่เคยถูกจับไปอบรม อยู่ในค่ายกวนตานาโมของอเมริกาด้วยหลายคน ไม่ใช่ย่อยนะ แต่ เล่นคัดตัวแสดงแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็เดาออกหมด ว่า ใครอำนวยการสร้าง หลังจากนั้น al-Wanayshi ก็ทำวิดีโอออกสู่สาธารณะ เขาเริ่มเรื่องได้น่าหวาดเสียว ว่า …เราจะเริ่มต้นที่นี่ และเราจะพบกันที่อัลอัคซา We start from here and we will meet at al-Aqsa (คือโบสถ์ของชาวยิวในเยรูซาเรม)… วีดีโอนี้ ประกาศ ข่มขู่ ข่มขวัญ หัวหน้าใหญ่ของมุสลิมตั้งแต่ Saleh ในเยเมนเอง ราชวงศ์ของซาอุ ไปจนถึงประธานาธิบดี มูบารัค ของอียิปต์ อัลไคด้าบอกว่า เรากำลังจะไปต่อสู้อย่างพลีชีพ เพื่อเอาแผ่นดินศักดิ์สิทธิของมุสลิม ตั้งแต่ กาซ่า เยเมน ถึงอิสราเอล กลับคืนมา การตั้ง Southern Movement การประกาศตั้งฐานใหม่ของอัลไคด้าในเยเมน การออกมาข่มขวัญของอัลไคด้า แค่นี้ ก็เพียงพอให้อเมริกาใช้เป็นข้ออ้าง เพื่อยกทัพมาขยี้เยเมนแล้ว เยเมนไม่ใช่ซูดาน ที่ต้องใช้พระเอกเดินนำกล้อง ไม่ใช่คองโก ที่ต้องเอามือมีระดับมาจัดการ ไม่ต้องพูดถึงลิเบีย ที่ต้องขนกันมาครึ่งโลก เยเมนประเทศเล็กกระจ้อย อเมริกาตวาดทีเดียว ก็ราดเต็มกางเกงกันหมดแล้ว หลังจากบอกว่า เรื่องภายในประเทศเยเมน เป็นเรื่องของเยเมน แต่อเมริกาก็สั่งให้กองทัพของอ เมริกาบุกเยเมน เพื่อจัดการกับอัลไคด้า ซึ่งอเมริกาอ้างว่า เป็นเรื่องกระทบนานาชาติ ไม่ใช่เรื่องภายในของเยเมน เข้าใจไหม เข้าใจครับ เข้าใจครับ อเมริกาอ้างว่า การโจมตีของอเมริกา ในช่วง 17 ถึง 24 ธันวาคม ค.ศ.2009 อเมริกาได้กำจัดอัลไคด้า ระดับหัวหน้าไปแล้ว 3 คน แต่ไม่มีรายชื่อ ไม่มีหลักฐาน กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ ใบเล็ก ไม่เห็นขุดมาเล่าให้ฟังบ้างเลย หลังจากนั้น อเมริกาบอกว่า จำเป็นต้องช่วย Saleh เกี่ยวกับเรื่องการกำจัดผู้ก่อการร้ายในเยเมน ให้หมดไปโดยเร็ว เลยจำเป็นต้องทิ้งกองกำลังไว้ในเยเมนต่อไป เฮ้อ…มาแบบเก่า ฟอร์มเดิม ผมเบื่อแล้วนะพี่ ต้องเขียนซ้ำๆ กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ รายงานเรื่องอัลไคด้า ที่อเมริกาอ้างว่าต้องยกพลไปถล่มอย่างเสียไม่ได้ แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น กระป๋องใส่สีย้อมข่าว เปลี่ยนไป รายงานเรื่อง สลัดโซมาเลีย โจมตีเรือขนส่งสินค้าในอ่าวเอเดน นอกฝั่งโซมาเลีย ตรงข้ามกับเยเมนใต้ และเล่นข่าวสลัดโซมาเลียอย่างใหญ่ โต แถมเล่นซ้ำทุกวัน ไม่ต้อง งง ครับ ตีข่าวเรื่องอัลไคด้า ตามบทจบด้วยกองทัพอเมริกา ไปอยู่ในเยเมน เรียบร้อยฉากแรกแล้ว ตอนนี้ต้องเปิดฉากสองต่อ วันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ.2009 สำนักข่าว RIA Novosti ของมอสโคว์ รายงานข่าวว่า สลัดโซมาเลีย ยึดเรือขนส่งสินค้าของกรีก ที่อ่าวเอเดน นอกฝั่งด้านโซมาเลีย ก่อนหน้านั้น เรือบรรทุกเคมีของอังกฤษ พร้อมลูกเรือ 26 คน โดนจับที่อ่าวเอเดน หัวหน้าสลัด Mohamed Shakir แน่มาก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอังกฤษ The Times ทางโทรศัพท์ว่า เป็นเรื่องจริง เรายึดเรืออังกฤษไปแล้ว รายการสลัดโซมาเลีย ปล้นเรือในช่วงปี 2009 พุ่งสูงมาก นับถึงวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ.2009 สลัดโซมาเลียโจมตีเรือไป 174 รายการ เรือ 35 ลำ ถูกยึด ลูกเรือ 587 คน ถูกเรียกค่าไถ่ การปฏิบัติการทุกรายการ ประสพผลสำเร็จ เยี่ยมจริงๆ คำถามคือ “ใคร” เป็นคนจัดส่งอาวุธให้สลัดโซมา เลีย รวมทั้งส่งเส้นทาง และตารางการเดินเรือ ของเรือสินค้านานาชาติ มันเป็นข้อมูลชั้นเยี่ยม จนทำให้การปล้น และการหลบจากการถูกจับ โดยเรือลาดตระเวนของนานาชาติ ของสลัดโซมาเลียสำเร็จทุกครั้ง น่านน้ำระหว่างเยเมนกับโซมาเลีย มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง มันเป็นบริเวณ ที่มีช่องแคบสำคัญอยู่ด้วยเรียกว่า Bab el-Mandab ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ของรายการช่องแคบสำคัญ ในเส้นทางขนส่งน้ำมัน ที่เรียกว่า choke points จุดรัดคอ! สำนักข้อมูลการพลังงานของอเมริกา รายงานว่า หากมีการปิดช่องแคบ Bab el-Mandab จะทำให้เรือขนส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซีย ไม่สามารถเข้าไปถึงคลองสุเอซและ ท่อส่งน้ำมัน Sumed ที่สุเอซ นอกจากแล่นอ้อมลงทางใต้ ผ่านปลายทวีปอาฟริกา ซึ่งเป็นการเพิ่มระยะทาง เวลา และค่าใช้จ่าย ช่องแคบ Bab จึงเป็นจุดที่สามารถ รัดคอ ตัดขาดเส้นทาง ระหว่างอาฟริกากับตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ก็เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญ หรือ จุดตัดขาด ระหว่างทะเลเมดิเตอเรเนียนกับมหาสมุทรอินเดีย มันเป็นจุดเป็น จุดตาย ของเส้นทางเดินของน้ำมัน จริงๆ นอกจากนี้ Bab el-Mandab ที่อยู่ระหว่าง เยเมน จิบูตี และอีริเตรีย ยังเป็นตัวเชื่อมทะเลแดงกับอ่าวเอเดน และทะเลอารบียน น้ำมันและเรือ จากอ่าวเปอร์เซียและมหาสมุทรอินเดีย จะต้องผ่านจุดนี้ ก่อนที่จะผ่านเข้าสุเอซไปสู่เมดิเตอเรเนียน เข้าไปสู่ยุโรป (โปรดดูแผนที่ประกอบนะครับ จะได้เห็นชัด และเข้าใจ) สรุปว่า การขนส่งน้ำมันจากทุกแหล่งในโลก ต้องขนส่งกันไปมา ผ่านน่านน้ำต่างๆนั้น ประมาณ 50% ของน้ำมันที่ขนส่งกัน ต้องผ่านช่องรัดคอ Bab นี้ ใครคุม คุณ Bab ก็เท่ากับคุมโลกไป 50% อเมริกาจะยอมให้สลัดโซมาเลียคุม หรือ อเมริกาจะปล่อยให้เยเมนประเทศเล็กๆคุม และประเทศเสี่ยปั้มกับพวก ที่ขายน้ำมัน จะปล่อยให้เยเมนและโซมาเลีย กำหนดเส้นทางส่งน้ำมันของเขาไหม ปั้มน้ำมันขึ้นมาได้ แต่ส่งไปขายไม่ได้ และประเทศที่ต้องการน้ำมันจากอาฟริกา จะให้นั่งตาลอย อยู่ในกำมือของใครก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ แล้วถ้าพวกเสี่ยปั้มซาอุกับพวก คุม เยเมน คุมคุณ Bab ได้ ผมว่า เสี่ยนิวเคลียร์สองลูก คงจะทำใจยาก ที่จะให้พวกเสี่ยปั้มขี่คอ... เยเมน จึงกลายเป็นประเทศ ที่ทุกฝ่ายพยายามเข้าไปคุมอำนาจ เพื่อคุมจุดรัดคอ คุมไม่ได้ก็ ต้องถ่วงอำนาจ ถ่วงไม่ได้ สงสัยเกิดรายการถล่ม เรื่องเยเมน จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก อเมริกาคงพยายามทุกทางที่จะคุม คุณ Bab จุดรัดคอ Bab el-Mandeb และเราคงได้ยิน เรื่องความไม่สงบในเยเมนอยู่ตลอดเวลา และเวลานี้การสู้รบในเยเมน จริงๆ ก็กำลังดำเนินอยู่อย่างดุเดือด แต่กระป๋องใส่สีย้อมข่าวใบใหญ่ เสนอข่าวน้อยมาก หรือแทบไม่เสนอเลย ก็ลองถอดรหัสกันดู ว่า แบบนี้แปลว่าใครกำลังเล่นอะไร ในเยเมน และใครกำลังได้เปรียบ เสียเปรียบ และโปรดอย่าลืมว่าเยเมนใต้ เคยชอบพอกับใคร เพื่อนกัน คงไม่ทิ้งกันง่ายๆ เยเมนใต้ อาจจะกลายเป็นสนามประลองกำลังตัวแทน proxy war ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และก็คอยตามข่าวกันหน่อย เรื่องแถวเยเมน นี่ อาจทำให้พอประเมินได้ว่า สงครามโลก ใกล้เข้ามาขนาดไหนแล้ว และ ฝ่ายไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบ เส้นทางขนส่งน้ำมัน เป็นปัจจัยสำคัญในการทำศึกสงครามครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ก.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ” เผยแพร่รายงาน “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ปี 2025” หรือ National Security Strategy (NSS) 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารที่รัฐบาลของทรัมป์ใช้กำหนดทิศทางประเทศทั้งด้านทหาร เศรษฐกิจ การต่างประเทศ และเทคโนโลยี

    รายละเอียดบางส่วนของรายงานนี้ระบุถึง "ศัตรู" สำคัญ ที่เป็นมหาอำนาจและคู่แข่งขันของสหรัฐคือ:
    จีน ถูกจัดให้อยู่ในลำดับสูงสุด! ที่กำลังขยายอำนาจในแถบอินโดแปซิฟิกอย่างจริงจัง
    รัสเซีย อันดับรองลงมา ถูกสหรัฐมองว่าใช้ความได้เปรียบด้านอำนาจทางทหารและไซเบอร์เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพยุโรป
    อิหร่าน + เกาหลีเหนือ เป็นภัยในด้านผู้เผยแพร่เทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธ

    ทางด้านยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของโลก:
    สหรัฐให้ความสำคัญภูมิภาค "อินโดแปซิฟิก" มากที่สุด เพื่อคานอำนาจของ "จีน" ในแถบทะเลจีนใต้ ด้วยการสร้างพันธมิตร “แถบปะการัง” ล้อมจีน เช่น ญี่ปุ่น–เกาหลี–ฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย
    .
    ความเห็นจาก Lyle Morris นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเรื่อง จีน

    ที่ผ่านมาตลอด 30 ปี สหรัฐวางนโยบายเกี่ยวกับจีนผิดพลาด โดยหวังว่าการเปิดตลาดให้จีนสู่โลกภายนอก และการอนุญาตให้ธุรกิจจากภายนอก เข้าไปลงทุนในจีน จะทำให้จีนมีค่านิยมเข้าหาระเบียบโลกใหม่แบบตะวันตกที่วางแผนไว้

    แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม จีนอาศัยโอกาสนี้ สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง และใช้ความได้เปรียบเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ขณะเดียวกัน ทำให้ยากต่อการควบคุมในที่สุด

    จนถึงยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มกลับทิศนโยบายด้วยการปรับเรื่องภาษีและการค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมการขยายอิทธิพลของจีน
    .
    https://www.whitehouse.gov/wp-content/uploads/2025/12/2025-National-Security-Strategy.pdf
    “สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ” เผยแพร่รายงาน “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ปี 2025” หรือ National Security Strategy (NSS) 2025 ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกสารที่รัฐบาลของทรัมป์ใช้กำหนดทิศทางประเทศทั้งด้านทหาร เศรษฐกิจ การต่างประเทศ และเทคโนโลยี รายละเอียดบางส่วนของรายงานนี้ระบุถึง "ศัตรู" สำคัญ ที่เป็นมหาอำนาจและคู่แข่งขันของสหรัฐคือ: 👉จีน ถูกจัดให้อยู่ในลำดับสูงสุด! ที่กำลังขยายอำนาจในแถบอินโดแปซิฟิกอย่างจริงจัง 👉รัสเซีย อันดับรองลงมา ถูกสหรัฐมองว่าใช้ความได้เปรียบด้านอำนาจทางทหารและไซเบอร์เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพยุโรป 👉อิหร่าน + เกาหลีเหนือ เป็นภัยในด้านผู้เผยแพร่เทคโนโลยีนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ทางด้านยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของโลก: 👉สหรัฐให้ความสำคัญภูมิภาค "อินโดแปซิฟิก" มากที่สุด เพื่อคานอำนาจของ "จีน" ในแถบทะเลจีนใต้ ด้วยการสร้างพันธมิตร “แถบปะการัง” ล้อมจีน เช่น ญี่ปุ่น–เกาหลี–ฟิลิปปินส์–ออสเตรเลีย . ความเห็นจาก Lyle Morris นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะเรื่อง จีน ที่ผ่านมาตลอด 30 ปี สหรัฐวางนโยบายเกี่ยวกับจีนผิดพลาด โดยหวังว่าการเปิดตลาดให้จีนสู่โลกภายนอก และการอนุญาตให้ธุรกิจจากภายนอก เข้าไปลงทุนในจีน จะทำให้จีนมีค่านิยมเข้าหาระเบียบโลกใหม่แบบตะวันตกที่วางแผนไว้ แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้าม จีนอาศัยโอกาสนี้ สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง และใช้ความได้เปรียบเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง ขณะเดียวกัน ทำให้ยากต่อการควบคุมในที่สุด จนถึงยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มกลับทิศนโยบายด้วยการปรับเรื่องภาษีและการค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อควบคุมการขยายอิทธิพลของจีน . https://www.whitehouse.gov/wp-content/uploads/2025/12/2025-National-Security-Strategy.pdf
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่”
    ตอน 1
    เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้ 
    คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก
    น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน...
    เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น
    รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร
    สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา
    บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา
    เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน
    ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ
    ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ
    
###############
ตอน 2
     
    เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน
     
    “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว
    เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น
    โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้
    และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม
    เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก
    ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา
    เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien
    นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้
    นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น
    นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น
    ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น
    เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน
    
###############
ตอน 3
    เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง
    นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม
    จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน
    แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา
    นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย
    เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม
    เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ!
    นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช
    ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
    ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน
    
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    เรื่อง ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่ นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยากูซ่า…ยังซ่าอยู่” ตอน 1 เพิ่งเล่าไปหมาดๆ ในนิทานเรื่องไม่ตกสะเก็ดว่า ยากูซ่าเป็นหมอตำแยทำคลอดพรรค LPD ของญี่ปุ่น ในคุกซุกาโมช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกใหม่ๆ หลังจากทำคลอด ยากูซ่าสาระพัดลาย ยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม ช่วยกันป้อนข้าว ป้อนน้ำอุ้มชูดูแล จนพรรค LDP โตไว กล้ามใหญ่ หน้าไหนจะกล้าขัดใจขวางทางเจ้าพ่อยากูซ่า ด้วยเหตุนี้ พรรค LDP จึงคุมการเมืองญี่ปุ่นอยู่มือ อยู่หมัด มาตลอด ตั้งแต่คลอด จนถึงเดี๋ยวนี้  คณะหมอตำแย ประกอบด้วย นายโคดามะ เจ้าพ่อใหญ่ของยากูซ่า หัวหน้าสมาคมมังกรดำ นายซาซากาวา หัวหน้ายากูซ่าอีกกลุ่มที่ ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเป็นมือสำคัญ มือหนึ่ง ที่อยู่ข้างหลังประเทศญี่ปุ่น และอีกหนึ่ง ที่เป็นคนประสานงานระหว่าง ฝ่ายยากูซ่า นักการเมืองญี่ปุ่นกับฝ่ายอเมริกา คือ นายคิชิ โนบูซุเกะ Kishi Nobusuke ตาของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายชินโซะ อาเบะ นั่นเอง ทีนี่ก็รู้กันแล้วว่า คุณอาเบะ นี่เป็นเด็กเลี้ยงของยากูซ่า อย่าไปขัดใจแกมากนัก น่าทึ่งนะครับ นึกถึงญี่ปุ่น อย่านึกถึงแต่ปลาดิบกับกิโมโน เดี๋ยวจะเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น…ผิดเพี้ยน... เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว สื่อฝรั่งต่างพากันลงข่าวว่า ยามากูชิ – กูมิ Yamagushi – gumi ยากูซ่า แก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขณะนี้ กำลังจะฉลองครบรอบ 100 ปี ของแก๊ง ด้วยการแตกคอกัน และอาจมีการยกพวกตีกันรุนแรง เป็นข่าวหลุดมาจากการประชุมใหญ่ของแก๊ง ที่สำนักงานใหญ่เมืองโกเบ เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม เขาว่ามันเป็นการเรียกประชุมด่วน บรรดาชายในชุดสูทดำ นิ้วก้อยสั้นทั้งหลาย ต่างทำหน้าเครียด รีบมาเข้าประชุมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวสีดำ กระจกติดฟิลม์ดำมืด รถยนต์มีแต่ยี่ห้อเมอร์ซิเดซเบนซ์ หรือโตโยต้าเล็กซัสเท่านั้น ยี่ห้ออื่นสงสัยจะไม่เข้ากับ สูทดำและนิ้วก้อยสั้น รายงานข่าวว่า ยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัดใกล้แตก พวกหนึ่ง ยังคงสน้บสนุนหัวหน้าใหญ่คนปัจจุบัน หนุ่มใหญ่วัย 73 นายชิโนดะ Kenichi Shinoda หรือที่รู้จักกันในนาม Shinobu Tsukasa ส่วนอีกพวก สนับสนุนคู่แข่งที่อยู่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น ข่าวไม่บอกว่าเป็นใคร สาเหตุที่แตกคอ มีเรื่องอ้างสาระพัด แต่เรื่องใหญ่เขาว่า น่าจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ที่เจ้าพ่อวัย 73 บอก ตามประเพณี ตั้งแต่ตั้งแก๊งมา เราไม่ค้ายา แต่ลูกแก๊งบอก ถ้าไม่ค้ายา เรารวยไม่พอนะ ค้าคน ค้าเงิน ค้าบ่อน ค้าของเมา ค้ากำลัง ฯลฯ มันไม่พอรวย เอ ค้ากำลังอาวุธ นี่ น่าจะพอนะ หรือ ส่วนแบ่งไม่ลงตัว อันนี้ผม ไม่กล้าเดา บางข่าว ยังมีเพิ่มเติมว่า หรือจะเป็นการเตรียมตัวกลับมา ของหัวหน้ายากูซ่าใหญ่อีกคนชื่อ นาย โกโตะ Goto Tadamasa ซึ่งเคยใหญ่มาก แต่ตอนหลังถูกขับออกจากแก๊ง ในปี ค.ศ.2008 หลังมีข่าวว่า กระด้างกระเดื่องแยะ และไปมีข้อตกลงกับ FBI ของอเมริกา เอาความในของพวกไปบอก เพื่อแลกกับการผ่าตัดเปลี่ยนตับของเขา หลังจากหายดี นายโกโตะไม่กลับญี่ปุ่น แต่ไปปักหลัก ฝั่งตัวอยู่ ในกัมพูชา เรื่องยามากูชิ-กูมิ กำลังร้าวจัด จวนแตกนี่ ทำให้ตำรวจญี่ปุ่น อยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ไม่กล้าง่วงไม่กล้าซึม เขาว่า เมื่อยากูซ่า แตกคอใหญ่ในปี ค.ศ.1984 พวกเขาตีกันไม่เลิกถึง 5 ปี มีการปาระเบิดกลางเมือง ยิงกราดกลางถนนเหมือนในหนัง ขับรถบรรทุกพุ่งใส่บ้านพังเป็นแถบๆ (บ้านเล็กน่าเอ็นดูของญี่ปุ่น ท่าทางพังง่ายอยู่แล้ว) คนตายไปหลายสิบ สมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้ ปืนกล กับปาระเบิดใส่กันจะๆ เป้าเจาะจง ไม่ใช่เป้าหว่าน แบบวางระเบิดใกล้สี่แยกเหมือนสมัยนี้ เป้ก็ยังไม่ใช้ วิกก็ไม่ใส่กัน ตำรวจญี่ปุ่นบอก ถ้าตีกันงวดนี้ จากพัฒนาการใช้อาวุธอุปกรณ์กันครบครัน ตำรวจก็ไม่กล้าคาดเดาว่า ญี่ปุ่นจะเละขนาดไหน ยากูซ่าในญี่ปุ่นมีประมาณ 24 แก๊งใหญ่ จำนวนยากูซ่าทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นกว่าคน ทั้งหมดมีรายได้รวมกันต่อปี อย่างน้อย 45 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยออกไหมครับ จำนวนมหึมามาก แก๊งใหญ่อันดับแรกคือ ยามากูชิ-กูมิ ซึ่งไม่ใช่แค่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เขาเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่ามาเฟียอิตาลี และอเมริกันอีกนะครับ ยามากูชิ-กูมิ มีสมาชิกทางการประมาณ 2 หมื่นกว่าคน แต่ตำรวจญี่ปุ่น บอก ตัวเลขจริงน่าจะใกล้ 4 หมื่นกว่าคน มีสาขาเกือบร้อยสาขา ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี และอเมริกา ไทยมีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เอาว่าไม่มี ดีกว่านะ แก๊งเจ้าพ่อรายนี้ มีบริษัทหน้าฉาก หลายร้อยบริษัท มีบริษัทตรวจสอบบัญชีนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ และมีพนักงานทำงานบริหารเป็นพันๆคน เจ้าพ่อเก็บข้อมูลบริษัทธุรกิจ ไว้ใช้ในการ “ทำธุรกิจ” มากมาย และมีข้อมูลส่วนบุคคล ประมาณ 3.2 ล้านคน เอาไว้ทำอะไร คงพอนึกกันออก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทนักสืบส่วนบุคคล ไว้ติดตามบุคคล ที่น่าตาม หรือ ต้องตามอีกแยะ 
###############
ตอน 2   เรื่องยากูซ่าแตกคอกัน นี่น่าสนใจไหม ผมให้ความสนใจ แต่ ไม่ใช่เรื่องเขาจะแตกคอกันผมสนใจเรื่อง “เวลา” ของการเป็นข่าว สนใจคนเขียนข่าว และสนใจเนื้อข่าว บางตอน   “เวลา” ของการเป็นข่าว น่าสนใจเพราะ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น หลานตาเพื่อนรักยากูซ่า กำลังจะบีบให้สภาสูงของญี่ปุ่นผ่านกฏหมาย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองกำลังของตัวเอง ร่อนไปทั่ว เพื่อช่วยแบกถาดบริการให้ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คอยดักตีห้วเพื่อนบ้าน แถบเอเซียแปซิฟิกได้คล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกคุณแม่กำลังไม่ยอม ไม่อยากให้ลูกไปทำสงคราม ไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพอย่างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ต้องการให้สภาผ่านกฏหมายนี้ และออกมาประท้วงกันแล้ว และอาจจะออกมาประท้วงกันอีก แต่ถ้ายากูซ่ายกพวกตีกัน กลางเมือง พวกคุณแม่คุณลูก ก็คงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงออกมาชุมนุม เผลอๆ อาจถูกลากไปอยู่ข้างไหนของยากูซ่าแบบไม่สมัครใจ หรือไม่ก็เอาข่าวยากูซ่าตีกัน มากลบข่าวเอากฏหมายแบกถาดเข้าสภา เรื่องสร้างข่าวหนึ่ง มากลบอีกข่าวหนึ่งนี่ ถนัดกันนัก ช่างเลือกเวลาให้ยากูซ่าทะเลาะกันจริงนะ หลานตา เรื่องคนเขียนข่าวนี่ก็แปลก สื่อฝรั่งระดับใหญ่อย่าง the Independent, Guardian, Telegraph, Washington Post ลงข่าวกันหมด แต่ดูไปลึกๆ ข่าวมาจากตอ ต้นเดียวกันทั้งนั้น เพราะเป็นข่าวที่เริ่มมาจาก นาย Jake Adelstien นายเจค Jake Adelstien นี่ก็แปลกเอาเรื่องอยู่ และก็มีคนสนใจความแปลกของเขา ขนาดจะเอาเรื่องเขาไปทำหนังแล้ว หนังชื่ออะไรไม่รู้ ผมเห็นข่าวแวบๆ จำได้แต่ว่าจะให้ เจ้าหนู ที่เล่นเป็น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่นเป็นตัวนายนักข่าวคนนี้ นาย เจค เป็นยิวอเมริกัน จากมิสซูรี เดินทางมาญี่ปุ่น เมื่อประมาณเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี 2 หลงไหลเรื่องญี่ปุ่น เลยขอย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ระหว่างเรียนก็ทำงานหาเงินเป็นค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน งานหนึ่ง ที่เขาเล่าว่า เขาทำก็คือ รับจ้างนวดคุณนายญี่ปุ่นที่ร่ำรวยแต่ขี้เหงา เออ ช่างหางานจริงไอ้หนู ระหว่างนั้น ก็มั่วสุมอยู่กับพวกยากูซ่า จนเกิดความสนใจ ศึกษาติดตามชีวิตยากูซ่า เมื่อเรียนจบ พูดเขียนญี่ปุ่นได้คล่อง เนียนไปกับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็ไปสมัครงานเป็นผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ยอดจำหน่ายสุงสุดของญี่ปุ่น นายเจค ทำข่าวเกี่ยวกับชีวิตชาวญี่ปุ่นในอีกโลกหนี่ง เป็นชีวิตสีดำของคนกลางคืน ส่วนใหญ่เป็นข่าวอาชญากรรม วันหนึ่ง ตำรวจญี่ปุ่นคุยให้เขาฟังว่า ยากูซ่าสมัยนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนยากูซ่าสมัยก่อน ที่เป็นสุภาพบุรุษ แม้จะสักลายพร้อยไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ยุ่ง ไม่ทำร้ายคนนอกยากูซ่า นอกจากมีแบล๊กเมล์ หรือทรมานบ้าง แต่ไม่ทำร้ายตำรวจ มาตอนหลัง เกิดยากูซ่าสายพันธ์ใหม่ เช่น พันธุ์ประเภท นายโกโตะ Goto Tadamasa นี่แหละ ยากูซ่าก็ เริ่มเหี้ยมโหด รุนแรงขึ้น เล่นนอกเส้นไปถึงชาวบ้าน จนเดือดร้อนกันไปหมด นายเจคฟังแล้วก็สนใจ คิดจะทำรายงานข่าวพิเศษ เกี่ยวกับนาย โกโตะ เขาว่างั้น ก่อนการสนทนานี่ไม่กี่วัน ลูกน้องนายโกโตะที่เข้าใจว่า แปรพักตร์หักหลังเขา ถูกยิงตายที่เมืองไทยของเรานี่เอง หมอนี่ หนีเจ้าพ่อโกโตะอยู่หลายปี แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น เรื่องการถูกยิงตายของยากูซ่าในเมืองไทยนี่เป็นข่าวอยู่ใน นสพ. เนชั่น เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2011 ว่าไกด์ไทยสารภาพว่า ยิงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตาย 1 บาดเจ็บสาหัส อีก 1 ระหว่างพาไปปืนเขาท่องเที่ยว อยู่แถวทางเหนือของเมืองไทย จริงๆ ญี่ปุ่นทั้ง 2 คนเป็นยากูซ่า หนีตายจากการรู้เห็นการเก็บกวาด ของยากูซ่าในญี่ปุ่น แต่หนีไม่พ้น ไกด์ไทยเลยงานเข้า เป็นข่าวที่เห็นถึงความไม่เข้าท่า หลายอย่างเหลือเกิน 
###############
ตอน 3 เมื่อ นายเจคได้กลิ่นเรื่อง เจ้าพ่อกาโตะ เขาตามติด แล้วนำมาเขียนรายงานข่าวว่า จริงๆเรื่องมันเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่นายกาโตะกำลังดำเนินการอยู่ นาย ก ดันเข้ามาขวางทาง นายกาโตะ จึงสั่งลูกน้องหมายเลข 1 ให้ จัดการนาย ก ผลปรากฏว่า นาย ก ถูกแทงตายกลางถนนแห่งหนึ่งแถว Aoyama เมื่อปี ค.ศ.2006 ตำรวจโตเกียว ใช้เวลาอยู่ 4 ปี ในปี ค.ศ.2009 จึงจับลูกน้องหมายเลข 1 ได้ แล้วออกหมายจับลูกน้องหมายเลข 2 ด้วย หมายเลข 1 ถูกพิพากษาติดคุก 13 ปี ส่วนหมายเลข 2 หนีหาย แต่ในที่สุดปรากฏมาถูกยิงตายอยู่ที่เมืองไทยในปี ค.ศ.2011 นั่นเอง นายเจค คุ้ยต่อ ได้เรื่องว่า นายกาโตะ เคยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ รพ UCLA Medical Center ในอเมริกา พร้อมลูกน้องอีก 2 คน ภายใต้การจัดการออก วีซ่า และอำนวยความสดวกของ FBI แถมลัดคิวไม่ต้องคอย ตัดหน้าคนที่ลงชื่อขอเปลี่ยนตับไปร้อยกว่าคน FBI บอก เราไม่ได้อะไรมากมายจากนายกาโตะหรอก อ้าว แล้วใจดีจัดการพา ยากูซ่ามาผ่าตัดเปลี่ยนตับ ตัดหน้าคนป่วยอเมริกันร้อยกว่าคนทำไม จากการคุ้ยแคะเรื่องนายกาโตะ นายเจคอ้างว่า ทำให้เขาโดนขู่ และโดนทำร้าย ลูกและเมียชาวญี่ปุ่นก็โดนขู่ด้วย แต่นายเจค ก็ยังคงอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาเขาลาออกจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri มาเป็นสื่ออิสระ แต่ก็ยังตามติดเรื่องยากูซ่า การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจของยากูซ่าต่อ ตัวเขาเองก็ใส่สูทดำ เหมือนพวกยากูซ่าส่วนใหญ่ แถมนั่งรถเมอร์ซิเดซเบนซ์ สีดำ มีคนขับเป็นอดีตยากูซ่านิ่วก้อยซ้ายสั้นหายไป 1 ข้อ เห็นชัด มีคนบอกว่า นายเจคเอง ก็น่าจะเป็น ซีไอเอ ไม่งั้นไม่รอดมาหรอก นายเจคไม่ตอบรับ หรือ ปฏิเสธ เขายังคลุกคลีอยู่กับยากูซ่า ตอนหลังเขาแยกทางกับเมีย ตัวเขายังอยู่ญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ ส่วนลูกเมียไปอยู่อเมริกา และมีตำรวจคอยคุ้มกัน แต่ นายเจค ยังไม่เลิกเล่น เขาเขียนเรื่องของนายโกโตะ กับ FBI ไปลงใน นสพ. Washington Post และ Los Angeles Times เขารายงานว่า หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนตับเรียบร้อย นายโกโตะ ก็กลับมาญี่ปุ่น บริหารกิจการยากูซ่าต่อ และในปี ค.ศ.2008 ก็ถูกขับออกจากแก๊งยากูซ่า จากนั้น นายกาโตะก็หนีไปอยู่ที่กัมพูชาพร้อมพรรคพวก ตัวนายกาโตะ บวชเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองในพุทธศาสนา นายเจคเขียนหนังสือ เกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของโตเกียวชื่อ “Tokyo Vice” ที่น่าจะเป็นต้นเรื่องของข่าว ที่ว่าจะมีการสร้างหนัง ส่วนนายกาโตะ ก็มาแบบยากูซ่า เขาบอกว่า แม้จะเขาจะบวชเป็นพระแล้ว ก็ใช่ว่า นายเจค จะได้อยู่สบาย หลังจากนั้น มีข่าวว่า ทนายที่นายเจค จ้างเอาไว้ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเขากับนายกาโตะ ไปพักผ่อนที่ฟิลิปปินส์ เช้าขึ้นมาพบว่านอนตายสนิทอยู่ในห้องพักของโรงแรม มีขวดยานอนหลับกับแก้วไวน์อยู่หัวเตียง ที่ข้อมือมีรอยเชือดยาว แต่ไม่ลึก มีกล่องใส่คัตเตอร์ขนาดต่างๆ วางอยู่ที่หัวเตียงด้วย ตำรวจฟิลิปปินส์ สรุปสำนวนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย วิธีการ การสรุปสำนวนไม่ต่างกับตำรวจไทย เล่าเรื่องยากูซ่าแตกคอให้ฟังแล้ว ดูเผินๆ เหมือนเรื่องไม่น่าเป็นเรื่อง มาออกข่าวกันทำไม แถมเรื่องก็ไม่เห็นมีอะไร ลุงนิทานเอามาเขียนทำไม เรื่องแบบนี้แหละ ที่คนช่างสงสัยอย่างผม อดคิดมากไม่ได้ ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ! นายเจค สาระพัดจะทำตัวคลุกกับยากูซ่า ตีข่าวเสียน่าสนใจ ว่ายากูซ่าจะแตกกัน ตีกัน แต่ตอนเขียนถึงสาเหตุ กลับแสนเบา ไม่มีน้ำหนัก ส่วนเรื่องนายกาโตะ ก็เช่นเดียวกัน ตีข่าวเรื่องเปลี่ยนตับ กับข้อตกลงกับ FBI เหมือนเร้าใจ แต่พอถูกไล่จากแก๊ง ดันไม่เจาะลึก ว่ามาจากสาเหตุอะไร และที่แปลก จนผมต้องเขียนถึงคือ เรื่องยากูซ่า ดันหนี ไปบวชเป็นพระอยู่ในเขมร ! มีที่ให้ไปตั้งแยะ เลือกไปอยู่เขมร มันไม่สงสัยไม่ได้ แถมช่วงเวลา ที่ ยากูซ่าไปอยู่เขมร ก็น่าสนใจสำหรับผม ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบก ผ่านมาทางใต้ของไทย ญี่ปุ่น ก็มาบวชเป็นพระอยู่ทางใต้ของเราอยู่นานหลายคน โดยเฉพาะตัว นายพล Tsuji Masanobu ผู้ที่จะมาบัญชาการรบในไทยก็บวช ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง การยึดราชประสงค์ และการซุ่มยิงทหารที่สี่แยกคอกวัว การบุกสถานที่ราชการและโรงพยาบาล ในปี พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010) ที่มีชายชุดดำ ซุ่มยิงทหาร วางระเบิด เผากรุงเทพฯ เสียวินาศสันตะโร ชายชุดดำมาจากไหนกัน ใครฝึก พฤติกรรมของชายชุดดำเป็นอย่างไร น่ารังเกียจ เหี้ยมโหดขนาดไหน ไม่ใช่พื้นฝอยหาตะเข็บ แต่เป็นเรื่องเจ็บแล้วต้องจำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ทำให้ผมนึก ไปได้อีกหลายเรื่องครับ เรื่องบังเอิญไม่มี เขมรกับไทย อยู่ไม่ไกลกัน เข้าง่ายออกง่าย มารถ มาเรือ มารถไฟได้ทั้งนั้น และญี่ปุ่นในไทยก็มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็เร่งฝึกแบกถาดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ ระวังกันบ้างก็แล้วกัน ไอ้ใบตองแห้งมันวางแผนเก่ง เรื่องล่อให้หลงทางนี่ กระจอกสำหรับมัน 
สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
7 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 867 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 20

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 20 (จบ)
    เรื่องญี่ปุ่น ตั้งแต่การปฏิรูปประเทศ การเข้าสู่สงคราม การแพ้สงคราม เหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ของประเทศที่ถูกรุกราน ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิรูป ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเขา การเข้าไปทำสงคราม ก็เหมือนเป็นไปโดยธรรมชาติอีกนั่นแหละ ก็เมื่อใหญ่โตขึ้นมา จะให้อยู่เฉยไงไหว พลเมืองก็เพิ่ม ทรัพยากรก็ขาด ก็ต้องไปบุก ไปรบ ไปปล้นหาเอามาจากบ้านเมืองอื่น ใครๆก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น ทำไมญี่ปุ่นจะทำมั่งไม่ได้ ถ้าเรามองแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องวิเคราะห์ วิตกวิจารณ์ โลกก็คงยังสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องเขียนนืทานกันให้เมื่อยมือ จริงๆ เมื่อยทั้งตัวเลยครับ
    แต่มันเป็นไปโดยธรรมชาติ อย่างนั้นจริงหรือ หรือมันเป็น “ธรรมชาติ” ที่ถูกจัดสร้าง ให้เหมือนจริงจนดูไม่ออกว่าเป็นการสร้าง เหมือนเกือบหลายๆเรื่อง ที่ดำเนินอยู่ในโลกใบนี้เป็นเวลานาน ไม่น้อยกว่าร้อยปีมานี้
    บางเรื่อง ถ้าเราดู ณ จุดใดจุดหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หนึ่ง มันอาจจะมองไม่เห็น หรือเห็นไม่ชัด อาจจะต้องดูทางตรงบ้าง ทางขวางบ้าง มองหลายเหตุการณ์ เอามาประกอบการพิจารณา ดูย้อนขึ้นบ้าง ดูย้อนลงมาบ้าง จึงอาจจะพอทำให้เห็น และเข้าใจมากขึ้น
    เมื่อญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม ภาพญี่ปุ่น ที่(ถูกทำให้) เห็นคือ ญี่ปุ่น ฉิบหายยับเยินจากสงคราม ทั้งด้านชีวิตผู้คน ที่โดนกินดอกเห็ดยักษ์เข้าไป และเศรษฐกิจของประเทศ จริงอยู่การทำสงครามก็ทำให้ทั้งทรัพยากร และ กระเป๋าญี่ปุ่นแห้งลงไป แต่ปรากฏว่า นักธุรกิจใหญ่ นายธนาคารของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ยังมีขนหน้าแข้งเต็ม กระเป๋าตุงกันทั้งนั้น แต่แอบซุกซ่อนกันอย่างมิดชิด เพราะพวกเขาร่วมเป็นนายทุน และร่วมปล้น ประเทศที่ญี่ปุ่นเข้าไปบุกทั้งนั้น
    ประมาณว่า แค่รายได้จากการค้าเฮโรอีนอย่างเดียว ภายใต้การอำนวยการผลิตของกองทัพที่แมนจูเรีย และการตลาดโดยนักธุรกิจใหญ่เหล่านั้น ก็มีมูลค่าเกินกว่า 3 พันล้านเหรียญ (ในสมัยนั้น) แล้ว นี่เป็นรายได้เฉพาะที่ขายกันเอเซีย ที่อื่นยังไม่ได้รวมบัญชี หักบัญชีกัน
    ก่อนที่ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้ไม่กี่วัน บรรดาบริษัทการค้าธุรกิจ ธนาคาร ต่างๆเหล่านั้น ก็พากันเผาเอกสาร ทำลายหลักฐาน ตัดเชือก ตัดใย ที่จะโยงพวกเขากับกองทัพอย่างเร่งรีบ ทางการเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี รัฐมนตรีคลัง รีบสั่งจ่ายเงินให้กับใบเรียกเก็บเงินที่เร่งออก เพื่อให้รีบจ่ายกันก่อนอเมริกันมาถึง ร่วมมือกันน่ารักดีมาก
    แต่คนที่รวยมหาศาลที่สุดจากสงครามญี่ปุ่น เขาว่า คือ เจ้าพ่อยากูซ่า โคดามะ Kodama Yoshio ซึ่งตลอดเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ายึด เข้าตี ที่ไหน เจ้าพ่อจะเป็นคนไปสำรวจเส้นทาง วางแผน ไม่ต่างกับเป็นผู้บัญชาการรบคนหนึ่ง ในที่สุดเจ้าพ่อ ก็ได้รับตำแหน่งจริงๆ โดยแม่ทัพเรือ Admiral Yonai ตั้งเจ้าพ่อให้เป็นนายพลเรือ เพื่อให้เจ้าพ่อใช้เรือรบญี่ปุ่นเดินทางไปมา ในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ขนของที่ยึดมาได้ ใส่เรือรบจนเพียบกลับญี่ปุ่น เขาว่า นอกเหนือจากทอง และเพชรแล้ว เจ้าพ่อได้แร่ทองคำขาวไปแยะ และแยกเก็บไว้เป็นส่วนของตัว
    ส่วนนายพลแมค เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ SCAP ในปี ค.ศ.1945 และได้รับใบสั่ง ให้จับหัวกะทินักธุรกิจ ที่วุ่นกับการทำสงคราม ใบสั่งบอก ให้เอามาตั้งแต่ชุดที่ไปบุกจีน ค.ศ.1937 นั่นเลยนะ เพราะมันควรจะเป็นของเรา เขาว่า ครั้งแรกเลย จับปลาใหญ่มาได้ 3 ตัว ตัวแรกคือ องค์ชาย Nashimoto อาของจักรพรรดิ แต่ดูเหมือน เป็นการ จับผิดตัว อามีหลายคน องค์ชายมีหลายคน ชื่อก็ กิกะอะไรไม่รู้ จำยากจะตาย ปลาตัวแรก เลยถูกจับฟรี หรือเป็นการขู่ ไม่แน่ใจ แต่อีก 2 ตัวที่จับได้ คนหนึ่งเป็นประธาน มิตซุบิชิ ซึ่งผลิตอาวุธให้กองทัพ อีกคนเป็นผู้จัดการใหญ่ของมิตซุย ที่ไม่ใช่ธรรมดา รากเหง้ายาวพอๆกับเกาะญี่ปุ่นเอง
    หลังจากการนั้นก็มีการคายความออกมา ว่า มีทองแท่งมูลค่าประมาณ 2 พันล้านเหรียญ (ในขณะนั้น) อยู่ในเรือ ที่ตั้งใจจมไว้ที่อ่าวหน้าเมืองโตเกียว เป็นทองที่ขนมาจากเกาหลีโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศญี่ปุ่น ภายใต้การบัญชาการของผู้ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ บรรจุไว้ในหีบทองแดง และทิ้งไว้ก้นทะเล เมื่อรู้ว่ารบไม่ชนะ
    ฝ่ายประสานงานของ SCAP บอกว่า จะขอกู้เอาทองขึ้นเอามาเก็บไว้ที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่น เพื่อเอาไว้ช่วยพัฒนาประเทศญี่ปุ่น นายพลแมคบอกไม่มีปัญหา เป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว ที่จะดูแลชาวญี่ปุ่น พูดได้หล่อ …. เมื่อนายพลแมคแจ้งไปทางวอชืงตัน มีฝรั่งออกงิ้วว่า ควรส่งทองมาเก็บไว้ที่วอชิงตัน เพื่อเป็นประกันหนี้ให้กลุ่มมอร์แกน ซึ่งญี่ปุ่นยังใช้หนี้ให้ ไม่หมดมากกว่า แต่นายพลแมคไม่เปลี่ยนใจ สรุปว่า จริงๆแล้ว ทองแท่งมีทั้งหมดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และในที่สุดเก็บไว้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ แต่น่าจะมีคนอมยิ้มพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
    ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีการปล่อยตัวท่านอา ประธานมิตซุบิชิ และผู้จัดการใหญ่มิตซุย ออกจากคุก พ้นข้อหาทั้งปวง
    แค่ จับปลา 3 ตัว ยังได้ผลขนาดนี้ คำสั่ง FEC-230 ก็ต้องรีบออกมาบีบจนหน้าเขียว ตามแผน
    แล้วเดือนธันวาคม ค.ศ.1948 SCAP ก็สั่งปล่อย นักโทษ A Class (โทษสูงสุด) 17 คน ใน 17 คน มี นาย คิชิ Kishi Nobusuke คงยังจำกัน ไอ้คนหัวแหลม ช่างคิดวิธีให้กองทัพญี่ปุ่น ที่แมนจูเรียหากินร่ำรวย และต่อมา เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ของญี่ปุ่น คนต่อมาคือ โคดามะ Kodama Yoshio เจ้าพ่อยากูซ่า และซาซากาวา Sasagawa Ryochi เจ้าพ่อ ยากูซ่าอีกราย
    ทั้ง 3 คนนี้ ต่อมา ร่วมกันตั้งพรรค รวมพรรค ซื้อนักการเมืองจากคอกอื่น มารวมอยู่ในพรรคที่พวกเขาร่วมกันสร้างคือ พรรค Liberal Democrat Party หรือ LDP และทั้ง 3 คนนี้ ก็เป็นมือที่ชักใย LDP ถึง 50 ปี หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เกือบทุกคน (90%) คือผู้ที่กลุ่ม 3 คนนี้ หรือผู้ที่สืบทอดอำนาจเขา เป็นผู้เลือก หรือ ให้ความเห็นชอบทั้งนั้น และคงไม่เกินไป ที่จะบอกว่า ด้วยวิธีการนี้ อเมริกาก็คือผู้ปกครองญี่ปุ่น ตั้งแต่วันปล่อยผีขึ้นมาจากนรกนั่นแหละ
    และคงพอจะทำให้เราเข้าใจว่า ทำไม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คนปัจจุบัน นาย ชินโซะ อาเบะ Shinzo Abe ถึงพร้อมใจรับหน้าที่แบกถาด ถ้ารู้ว่าเขาเป็นหลานตาแท้ๆ ของ นาย คิชิ คนเปิดประตูเมืองญี่ปุ่นให้อเมริกาเข้า และเขาไม่ใช่หลานธรรมดา แต่เป็นหลานรัก ที่ตาเลี้ยงอย่างใกล้ชิด และตั้งใจให้สืบทอดมรดก…
    ยังมีอีก 3 ใน 17 คนที่ออกมาด้วย คือ Sankichi Takahashi, Shumi Okawa และ Yoshihisa Kuzu
    Kuzu เป็นอดีตหัวหน้าใหญ่ของสมาคมมังกรดำ Black Dragon Society รุ่นใหญ่กว่าโคดามะ
    สมาคมมังกรดำ เป็นสมาคมขวาจัด ทำหน้าที่พิทักษ์จักรพรรดิ ที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น เน้นสร้างคนรุ่นหนุ่ม ให้มีความรักชาติและ จงรักภักดีต่อจักรพรรดิ เลือดลูกพระอาทิตย์เข้มข้น นาย Toyama Mitsuru ที่ลึกลับ และเป็นคนสนิทของราชวงศ์ และมีเครือข่ายสายลับทั่วญี่ปุ่น เป็นผู้ก่อตั้งสมาคมมังกรดำนี้ขึ้น เมื่อปี ค.ศ.1901 โตยาม่า เป็นหนึ่งในคนธรรมดาไม่กี่คน ที่เป็น แขกรับเชิญที่มีแต่พระราชวงศ์ และบุคคลชั้นสูง ในวันแต่งงานของจักรพรรดิฮิโฮิโตกับจักรพรรดินีนากาโน
    นายพล Takahashi ก็เป็นนายทหารใหญ่ ที่สังกัดมังกรดำ
    ส่วนนาย Shumi Okawa นั้น เป็นหัวหน้าสายลับ ที่ข่าวว่า สังกัดราชวงศ์เช่นกัน
    นายโคดามะ ภายหลัง ทำงานให้กับ CIA ของอเมริกา อย่างใกล้ชิด ผลงาน เข้าตา เมื่ออเมริกาคิดทำสงครามเกาหลี นายโคโดมะ เป็นผู้จัดกองกำลังพิเศษ ให้นายพลแมคไปรบที่เกาหลี แถมไปคุมกองกำลังด้วยตัวเอง ในฐานะผู้ชำนาญพื้นที่
    หลังจากความดีความชอบเรื่องสงครามเกาหลี CIA เปลี่ยนเป็นใช้บริการของโคดามะ แบบพนักงานประจำ ไม่ใช่พนักงานชั่วคราว ในเรื่องของการปราบปรามคอมมิวนิสต์ รวมถึงในปี ค.ศ.1949 CIA ให้เขานำกำลังไปช่วย นายพลเจียง ไคเช็ค ปราบชาวฟอร์โมซา ที่เกาะไต้หวัน จนตายเกลื่อน เมื่อออกมาประท้วงการยึดเกาะของกองทัพนายพลเจียง เขาว่า การปราบคราวนั้น มันก็โหดร้ายทารุณ ไม่แพ้เหตุการณ์ที่นานกิง แต่ CIA เก็บหลักฐานจนเกลี้ยงเกลา
    ส่วนในการไปรบเกาหลี ในปี ค.ศ.1950 นายพลแมค หอบเอา นาย Shiro Ishii อดีตหัวหน้าหน่วย 731 อันลือชื่อ พร้อมด้วยคณะทำงานไปเกาหลีด้วย ในช่วงสงครามเกาหลี ซึ่งจนถึงขณะนี้ สงครามยังไม่จบ แค่สงบศึกกันชั่วคราว นายพลแมค ให้ทดลองปล่อย แมงมุม ตัวหมัด แมลงสาระพัด ซึ่ง ใส่เชื้อโรคไว้ ส่งให้พลเมืองฝ่ายเกาหลีเหนือ ผลปรากฎว่า เกิดโรคระบาด ไข้เหลือง ไทฟอยด์ อหิวาต์ มีชาวบ้านเจ็บป่วยล้มตายเป็นอันมาก ทำให้หลายฝ่ายชื่นชมในผลงานในที่สุด นายชิโร นี่ นอกจากไม่ถูกลงโทษ เขาว่ายังได้เงินรางวัล แลกกับสูตรลับที่อเมริกา หรือร้อกกี้ the great เอาไปเล่นต่อ
    ส่วนนายซาซากาวา ได้บทใหม่เป็นเจ้าพ่อ ที่ด้านหนึ่ง คุมบ่อนการพนันทั้งเกาะญี่ปุ่น รวมทั้งการแข่งเรือยนตร์ ที่ทำรายได้มหาศาลให้เขา อีกด้าน เขาเดินงานของ MRA ต่อให้กับ CIA เกี่ยวกับเกาหลีใต้ และทำไปจนถึงเรื่อง ตะวันออกกลาง และกลายเป็นเพื่อนรักของอดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter และตัวแสบ Henry Kissinger อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา ซึ่งเป็นคนรับใช้ตัวจริงถาวรของร้อกกี้ the great
    Dean Atchson ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศ ที่พรรค Republican ส่งมาดูการทำงานของ SCAP ตั้งแต่ต้น เห็นการทำงานของ SCAP และการ กลับตาลปัตร ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เขารวบรวมเอกสารหลายลัง และตัดสินใจเดินทางกลับวอชิงตัน เพื่อรายงานรัฐบาลด้วยตนเอง เขาเดินทางพร้อมกับคณะทำงาน ด้วยเครื่องบินที่รัฐบาลอเมริกันจัดมาให้ เครื่องบิน เติมน้ำมันไว้เต็มถัง แต่ขณะที่เครื่องบิน บินอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างทางไปฮอนโนลูลู ผ่านเกาะ Johnston เครื่องบินเกิดน้ำมันหมดอย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างที่เครื่องบินดิ่งหัวลงทะเล คณะทำงานคนหนึ่งที่รอดตาย เห็น Atcheson ส่ายหน้า แล้วบอกว่า… มันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว….
    (ยังมีบทส่งท้าย นะครับ รออ่านหน่อย กำลังเร่งเครื่องเขียนอยู่ พบกัน พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าเหมือนเดิม)

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    31 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 20 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 20 (จบ) เรื่องญี่ปุ่น ตั้งแต่การปฏิรูปประเทศ การเข้าสู่สงคราม การแพ้สงคราม เหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ของประเทศที่ถูกรุกราน ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิรูป ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเขา การเข้าไปทำสงคราม ก็เหมือนเป็นไปโดยธรรมชาติอีกนั่นแหละ ก็เมื่อใหญ่โตขึ้นมา จะให้อยู่เฉยไงไหว พลเมืองก็เพิ่ม ทรัพยากรก็ขาด ก็ต้องไปบุก ไปรบ ไปปล้นหาเอามาจากบ้านเมืองอื่น ใครๆก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้น ทำไมญี่ปุ่นจะทำมั่งไม่ได้ ถ้าเรามองแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องวิเคราะห์ วิตกวิจารณ์ โลกก็คงยังสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องเขียนนืทานกันให้เมื่อยมือ จริงๆ เมื่อยทั้งตัวเลยครับ แต่มันเป็นไปโดยธรรมชาติ อย่างนั้นจริงหรือ หรือมันเป็น “ธรรมชาติ” ที่ถูกจัดสร้าง ให้เหมือนจริงจนดูไม่ออกว่าเป็นการสร้าง เหมือนเกือบหลายๆเรื่อง ที่ดำเนินอยู่ในโลกใบนี้เป็นเวลานาน ไม่น้อยกว่าร้อยปีมานี้ บางเรื่อง ถ้าเราดู ณ จุดใดจุดหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หนึ่ง มันอาจจะมองไม่เห็น หรือเห็นไม่ชัด อาจจะต้องดูทางตรงบ้าง ทางขวางบ้าง มองหลายเหตุการณ์ เอามาประกอบการพิจารณา ดูย้อนขึ้นบ้าง ดูย้อนลงมาบ้าง จึงอาจจะพอทำให้เห็น และเข้าใจมากขึ้น เมื่อญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม ภาพญี่ปุ่น ที่(ถูกทำให้) เห็นคือ ญี่ปุ่น ฉิบหายยับเยินจากสงคราม ทั้งด้านชีวิตผู้คน ที่โดนกินดอกเห็ดยักษ์เข้าไป และเศรษฐกิจของประเทศ จริงอยู่การทำสงครามก็ทำให้ทั้งทรัพยากร และ กระเป๋าญี่ปุ่นแห้งลงไป แต่ปรากฏว่า นักธุรกิจใหญ่ นายธนาคารของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ยังมีขนหน้าแข้งเต็ม กระเป๋าตุงกันทั้งนั้น แต่แอบซุกซ่อนกันอย่างมิดชิด เพราะพวกเขาร่วมเป็นนายทุน และร่วมปล้น ประเทศที่ญี่ปุ่นเข้าไปบุกทั้งนั้น ประมาณว่า แค่รายได้จากการค้าเฮโรอีนอย่างเดียว ภายใต้การอำนวยการผลิตของกองทัพที่แมนจูเรีย และการตลาดโดยนักธุรกิจใหญ่เหล่านั้น ก็มีมูลค่าเกินกว่า 3 พันล้านเหรียญ (ในสมัยนั้น) แล้ว นี่เป็นรายได้เฉพาะที่ขายกันเอเซีย ที่อื่นยังไม่ได้รวมบัญชี หักบัญชีกัน ก่อนที่ญี่ปุ่นจะประกาศยอมแพ้ไม่กี่วัน บรรดาบริษัทการค้าธุรกิจ ธนาคาร ต่างๆเหล่านั้น ก็พากันเผาเอกสาร ทำลายหลักฐาน ตัดเชือก ตัดใย ที่จะโยงพวกเขากับกองทัพอย่างเร่งรีบ ทางการเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี รัฐมนตรีคลัง รีบสั่งจ่ายเงินให้กับใบเรียกเก็บเงินที่เร่งออก เพื่อให้รีบจ่ายกันก่อนอเมริกันมาถึง ร่วมมือกันน่ารักดีมาก แต่คนที่รวยมหาศาลที่สุดจากสงครามญี่ปุ่น เขาว่า คือ เจ้าพ่อยากูซ่า โคดามะ Kodama Yoshio ซึ่งตลอดเวลาที่ญี่ปุ่นเข้ายึด เข้าตี ที่ไหน เจ้าพ่อจะเป็นคนไปสำรวจเส้นทาง วางแผน ไม่ต่างกับเป็นผู้บัญชาการรบคนหนึ่ง ในที่สุดเจ้าพ่อ ก็ได้รับตำแหน่งจริงๆ โดยแม่ทัพเรือ Admiral Yonai ตั้งเจ้าพ่อให้เป็นนายพลเรือ เพื่อให้เจ้าพ่อใช้เรือรบญี่ปุ่นเดินทางไปมา ในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ขนของที่ยึดมาได้ ใส่เรือรบจนเพียบกลับญี่ปุ่น เขาว่า นอกเหนือจากทอง และเพชรแล้ว เจ้าพ่อได้แร่ทองคำขาวไปแยะ และแยกเก็บไว้เป็นส่วนของตัว ส่วนนายพลแมค เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ SCAP ในปี ค.ศ.1945 และได้รับใบสั่ง ให้จับหัวกะทินักธุรกิจ ที่วุ่นกับการทำสงคราม ใบสั่งบอก ให้เอามาตั้งแต่ชุดที่ไปบุกจีน ค.ศ.1937 นั่นเลยนะ เพราะมันควรจะเป็นของเรา เขาว่า ครั้งแรกเลย จับปลาใหญ่มาได้ 3 ตัว ตัวแรกคือ องค์ชาย Nashimoto อาของจักรพรรดิ แต่ดูเหมือน เป็นการ จับผิดตัว อามีหลายคน องค์ชายมีหลายคน ชื่อก็ กิกะอะไรไม่รู้ จำยากจะตาย ปลาตัวแรก เลยถูกจับฟรี หรือเป็นการขู่ ไม่แน่ใจ แต่อีก 2 ตัวที่จับได้ คนหนึ่งเป็นประธาน มิตซุบิชิ ซึ่งผลิตอาวุธให้กองทัพ อีกคนเป็นผู้จัดการใหญ่ของมิตซุย ที่ไม่ใช่ธรรมดา รากเหง้ายาวพอๆกับเกาะญี่ปุ่นเอง หลังจากการนั้นก็มีการคายความออกมา ว่า มีทองแท่งมูลค่าประมาณ 2 พันล้านเหรียญ (ในขณะนั้น) อยู่ในเรือ ที่ตั้งใจจมไว้ที่อ่าวหน้าเมืองโตเกียว เป็นทองที่ขนมาจากเกาหลีโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศญี่ปุ่น ภายใต้การบัญชาการของผู้ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ บรรจุไว้ในหีบทองแดง และทิ้งไว้ก้นทะเล เมื่อรู้ว่ารบไม่ชนะ ฝ่ายประสานงานของ SCAP บอกว่า จะขอกู้เอาทองขึ้นเอามาเก็บไว้ที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่น เพื่อเอาไว้ช่วยพัฒนาประเทศญี่ปุ่น นายพลแมคบอกไม่มีปัญหา เป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว ที่จะดูแลชาวญี่ปุ่น พูดได้หล่อ …. เมื่อนายพลแมคแจ้งไปทางวอชืงตัน มีฝรั่งออกงิ้วว่า ควรส่งทองมาเก็บไว้ที่วอชิงตัน เพื่อเป็นประกันหนี้ให้กลุ่มมอร์แกน ซึ่งญี่ปุ่นยังใช้หนี้ให้ ไม่หมดมากกว่า แต่นายพลแมคไม่เปลี่ยนใจ สรุปว่า จริงๆแล้ว ทองแท่งมีทั้งหมดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ และในที่สุดเก็บไว้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ แต่น่าจะมีคนอมยิ้มพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีการปล่อยตัวท่านอา ประธานมิตซุบิชิ และผู้จัดการใหญ่มิตซุย ออกจากคุก พ้นข้อหาทั้งปวง แค่ จับปลา 3 ตัว ยังได้ผลขนาดนี้ คำสั่ง FEC-230 ก็ต้องรีบออกมาบีบจนหน้าเขียว ตามแผน แล้วเดือนธันวาคม ค.ศ.1948 SCAP ก็สั่งปล่อย นักโทษ A Class (โทษสูงสุด) 17 คน ใน 17 คน มี นาย คิชิ Kishi Nobusuke คงยังจำกัน ไอ้คนหัวแหลม ช่างคิดวิธีให้กองทัพญี่ปุ่น ที่แมนจูเรียหากินร่ำรวย และต่อมา เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ของญี่ปุ่น คนต่อมาคือ โคดามะ Kodama Yoshio เจ้าพ่อยากูซ่า และซาซากาวา Sasagawa Ryochi เจ้าพ่อ ยากูซ่าอีกราย ทั้ง 3 คนนี้ ต่อมา ร่วมกันตั้งพรรค รวมพรรค ซื้อนักการเมืองจากคอกอื่น มารวมอยู่ในพรรคที่พวกเขาร่วมกันสร้างคือ พรรค Liberal Democrat Party หรือ LDP และทั้ง 3 คนนี้ ก็เป็นมือที่ชักใย LDP ถึง 50 ปี หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เกือบทุกคน (90%) คือผู้ที่กลุ่ม 3 คนนี้ หรือผู้ที่สืบทอดอำนาจเขา เป็นผู้เลือก หรือ ให้ความเห็นชอบทั้งนั้น และคงไม่เกินไป ที่จะบอกว่า ด้วยวิธีการนี้ อเมริกาก็คือผู้ปกครองญี่ปุ่น ตั้งแต่วันปล่อยผีขึ้นมาจากนรกนั่นแหละ และคงพอจะทำให้เราเข้าใจว่า ทำไม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คนปัจจุบัน นาย ชินโซะ อาเบะ Shinzo Abe ถึงพร้อมใจรับหน้าที่แบกถาด ถ้ารู้ว่าเขาเป็นหลานตาแท้ๆ ของ นาย คิชิ คนเปิดประตูเมืองญี่ปุ่นให้อเมริกาเข้า และเขาไม่ใช่หลานธรรมดา แต่เป็นหลานรัก ที่ตาเลี้ยงอย่างใกล้ชิด และตั้งใจให้สืบทอดมรดก… ยังมีอีก 3 ใน 17 คนที่ออกมาด้วย คือ Sankichi Takahashi, Shumi Okawa และ Yoshihisa Kuzu Kuzu เป็นอดีตหัวหน้าใหญ่ของสมาคมมังกรดำ Black Dragon Society รุ่นใหญ่กว่าโคดามะ สมาคมมังกรดำ เป็นสมาคมขวาจัด ทำหน้าที่พิทักษ์จักรพรรดิ ที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น เน้นสร้างคนรุ่นหนุ่ม ให้มีความรักชาติและ จงรักภักดีต่อจักรพรรดิ เลือดลูกพระอาทิตย์เข้มข้น นาย Toyama Mitsuru ที่ลึกลับ และเป็นคนสนิทของราชวงศ์ และมีเครือข่ายสายลับทั่วญี่ปุ่น เป็นผู้ก่อตั้งสมาคมมังกรดำนี้ขึ้น เมื่อปี ค.ศ.1901 โตยาม่า เป็นหนึ่งในคนธรรมดาไม่กี่คน ที่เป็น แขกรับเชิญที่มีแต่พระราชวงศ์ และบุคคลชั้นสูง ในวันแต่งงานของจักรพรรดิฮิโฮิโตกับจักรพรรดินีนากาโน นายพล Takahashi ก็เป็นนายทหารใหญ่ ที่สังกัดมังกรดำ ส่วนนาย Shumi Okawa นั้น เป็นหัวหน้าสายลับ ที่ข่าวว่า สังกัดราชวงศ์เช่นกัน นายโคดามะ ภายหลัง ทำงานให้กับ CIA ของอเมริกา อย่างใกล้ชิด ผลงาน เข้าตา เมื่ออเมริกาคิดทำสงครามเกาหลี นายโคโดมะ เป็นผู้จัดกองกำลังพิเศษ ให้นายพลแมคไปรบที่เกาหลี แถมไปคุมกองกำลังด้วยตัวเอง ในฐานะผู้ชำนาญพื้นที่ หลังจากความดีความชอบเรื่องสงครามเกาหลี CIA เปลี่ยนเป็นใช้บริการของโคดามะ แบบพนักงานประจำ ไม่ใช่พนักงานชั่วคราว ในเรื่องของการปราบปรามคอมมิวนิสต์ รวมถึงในปี ค.ศ.1949 CIA ให้เขานำกำลังไปช่วย นายพลเจียง ไคเช็ค ปราบชาวฟอร์โมซา ที่เกาะไต้หวัน จนตายเกลื่อน เมื่อออกมาประท้วงการยึดเกาะของกองทัพนายพลเจียง เขาว่า การปราบคราวนั้น มันก็โหดร้ายทารุณ ไม่แพ้เหตุการณ์ที่นานกิง แต่ CIA เก็บหลักฐานจนเกลี้ยงเกลา ส่วนในการไปรบเกาหลี ในปี ค.ศ.1950 นายพลแมค หอบเอา นาย Shiro Ishii อดีตหัวหน้าหน่วย 731 อันลือชื่อ พร้อมด้วยคณะทำงานไปเกาหลีด้วย ในช่วงสงครามเกาหลี ซึ่งจนถึงขณะนี้ สงครามยังไม่จบ แค่สงบศึกกันชั่วคราว นายพลแมค ให้ทดลองปล่อย แมงมุม ตัวหมัด แมลงสาระพัด ซึ่ง ใส่เชื้อโรคไว้ ส่งให้พลเมืองฝ่ายเกาหลีเหนือ ผลปรากฎว่า เกิดโรคระบาด ไข้เหลือง ไทฟอยด์ อหิวาต์ มีชาวบ้านเจ็บป่วยล้มตายเป็นอันมาก ทำให้หลายฝ่ายชื่นชมในผลงานในที่สุด นายชิโร นี่ นอกจากไม่ถูกลงโทษ เขาว่ายังได้เงินรางวัล แลกกับสูตรลับที่อเมริกา หรือร้อกกี้ the great เอาไปเล่นต่อ ส่วนนายซาซากาวา ได้บทใหม่เป็นเจ้าพ่อ ที่ด้านหนึ่ง คุมบ่อนการพนันทั้งเกาะญี่ปุ่น รวมทั้งการแข่งเรือยนตร์ ที่ทำรายได้มหาศาลให้เขา อีกด้าน เขาเดินงานของ MRA ต่อให้กับ CIA เกี่ยวกับเกาหลีใต้ และทำไปจนถึงเรื่อง ตะวันออกกลาง และกลายเป็นเพื่อนรักของอดีตประธานาธิบดี Jimmy Carter และตัวแสบ Henry Kissinger อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา ซึ่งเป็นคนรับใช้ตัวจริงถาวรของร้อกกี้ the great Dean Atchson ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศ ที่พรรค Republican ส่งมาดูการทำงานของ SCAP ตั้งแต่ต้น เห็นการทำงานของ SCAP และการ กลับตาลปัตร ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เขารวบรวมเอกสารหลายลัง และตัดสินใจเดินทางกลับวอชิงตัน เพื่อรายงานรัฐบาลด้วยตนเอง เขาเดินทางพร้อมกับคณะทำงาน ด้วยเครื่องบินที่รัฐบาลอเมริกันจัดมาให้ เครื่องบิน เติมน้ำมันไว้เต็มถัง แต่ขณะที่เครื่องบิน บินอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างทางไปฮอนโนลูลู ผ่านเกาะ Johnston เครื่องบินเกิดน้ำมันหมดอย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างที่เครื่องบินดิ่งหัวลงทะเล คณะทำงานคนหนึ่งที่รอดตาย เห็น Atcheson ส่ายหน้า แล้วบอกว่า… มันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว…. (ยังมีบทส่งท้าย นะครับ รออ่านหน่อย กำลังเร่งเครื่องเขียนอยู่ พบกัน พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าเหมือนเดิม) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 31 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 895 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 16

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 16
    ในปี ค.ศ.1941 ธุรกิจต่างชาติในญี่ปุ่น อยู่ในมืออเมริกา ถึง 3 ใน 4 และ เจ้าพ่ออเมริกาในญี่ปุ่น ก่อนปี ค.ศ.1941 คือ เจ พี มอร์แกน กับกลุ่มทุนอเมริกัน ที่เป็นฉากหน้าให้กับ รอทไชลด์ Rothschild บรรดาฑูตอเมริกัน ประจำญี่ปุ่น ในช่วงนั้น ส่วนใหญ่มาจากสายของมอร์แกน เช่น W Camaron Forbes นอกจากเป็นฑูตแล้ว ยังเป็นกรรมการคนหนึ่ง ของมอร์แกน ด้วย ส่วนอีกคน ที่มีบทบาทมาก คือ Joseph Grew (ที่มีเมีย ดองกับเมีย Jack Mogan) จึงไม่แปลก ที่กลุ่มมอร์แกนและอังกฤษ จะครอบญี่ปุ่น โดยการจับมือกับกลุ่มมิตซุย Mitsui ตระกูลใหญ่มากของญี่ปุ่น ที่ครอบงำธุรกิจในญี่ปุ่นอยู่แล้ว
    แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ ซึ่งสร้างอาณาจักรจาก (การปล้น) ทรัพยากร ไม่ใช่ จากธุรกิจการ (ปล้น) เงินและทำอุตสาหกรรมอย่างมอร์แกน คงไม่นั่งเฉยๆ ปล่อยให้ มอร์แกนและพวกพ้องอังกฤษ คาบเอาเอเซียแปซิฟิกไปง่ายๆ เขาตั้งใจ ยืนยัน และมุ่งมั่นว่า อเมริกา แต่ผู้เดียวเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ครองโลก “โดยไม่แบ่งกับใคร” และมันต้องเป็นอเมริกา ภายใต้การครอบงำ ชักใยของเขาและพวกเท่านั้น ไม่ใช่ ใครอื่น
    และด้วยความตั้งใจ อย่างมุ่งมั่น เช่นนั้น ร้อกกี้เฟลเลอร์ ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อขยี้ และเขี่ย กลุ่มพันธมิตร ระหว่างมอร์แกน อังกฤษ (และมิตซุย ในกรณีของญี่ปุ่น) ให้แตกกระจุย
    สำหรับ การยึดเอเซียแปซิฟิก ร้อกกี้เฟลเลอร์ เริ่มต้นด้วยการใช้เครือข่ายของ Standard Oil ของเขา และมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่ไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่จีน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1913 และร่วมมือกับตระกูล Harriman เจ้าพ่อ ทางรถไฟ ที่ร่ำรวยจากสร้างทางรถไฟในอเมริกายังไม่พอ จึงไปบุกตลาดจีน ช่วงเวลาใกล้เคียงกับร้อกกี้เฟลเลอร์
    ตัวจักรใหญ่ ที่เดินสายจัดการตามแผนที่วางคือ สำนักงานฏหมายประจำตระกูลของร้อกกี้เฟลเลอร์ คือ Sullivan and Cromwell ท่านที่เคยอ่านนิทาน ต้มข้ามศตวรรษ คงพอจำได้ว่า ทางการของอเมริกา เจอบันทีก การจ่ายเงิน ของสำนักงานนี้ให้แก่ ซุนยัดเซ็น รวมทั้งข้อตกลงของซุนยัดเซ็น ที่จะมอบสัมปทานให้ เมื่อปฏิวัติจีนสำเร็จ
    หัวหน้าทนายใหญ่ ของสำนักงาน Sullivan and Cromwell คือ นาย John Foster Dulles ซึ่งต่อมา ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ สมัยประธานาธิบดี Eisenhower ไอเซนฮาว มีนโยบายคัดค้านระบอบคอมมิวนิสม์ อย่างชนิดหัวชนฝา มันคงพออธิบายให้เราได้บ้างเกี่ยวกับตอนจบของ ซุนยัดเซ็น และขอเพิ่มเติมว่า ซุนยัดเซ็นนั้น ในตอนท้ายที่ป่วยและเสียชีวิตนั้น เขาป่วย และเสียชีวิตที่เมืองจีน ในสถานพยาบาล ที่มูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์เป็นเจ้าของ ส่วนน้องชายของ John คือ Allan ก็ได้เป็นผู้อำนวยการ CIA สมัย Eisenhower เช่นเดียวกัน
    เรื่องของ Sullivan And Cromwell น่าจะมาเขียนเป็นเรื่องปล้น ภาคพิศดาร …
    การใช้สำนักงานกฏหมาย หรือตัวทนายความ ไม่ใช่เรื่องแปลก สมัยนี้ก็ยังใช้กันอยู่ ถ้าจำกันได้ ไอ้โจรร้ายบ้านเรา มันก็ใช้ทนายไปทำทุกเรื่อง โดยเฉพาะไอ้พวกขี้ลืม ชอบเอาห่อขนมก้อนใหญ่ๆ ไปลืมทิ้งไว้ที่โน่นที่นี่ ส่วนไอ้พวกนักล้อบบี้ฝรั่ง ที่ชอบมาสร้างเรื่องระยำในบ้านเรา ก็ทนายทั้งนั้นครับ น่าเสียดายจริงๆ เป็นวิชาชีพที่ช่วยคนได้มาก คนโบราณท่านถึงให้เกียรติเรียกหมอความ แต่ก็มีที่เอาอาชีพที่ดี มาช่วยคนชั่วกัน
    แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ นี่ ก็น่าจะเป็นเจ้าของโรงฟอกย้อมต้วจริง เขาคิดเครื่องมือฟอกย้อม soft power ได้อย่างฝั่งรากลึก แม้จะเป็นรากเทียม แต่ดูเหมือน เมื่อฝังลงไปแล้ว จะทำลายรากจริงได้ด้วยการสร้างรากเทียมของเขา ตั้งแต่การสร้างมหาวิทยาลัย การคิดหลักสูตร เจาะลึกไปในแต่ละท้องที่ ที่เรียกว่า area studies ให้รู้จุดอ่อน จุดแข็งของเหยื่อแต่ละราย และถ้าสังเกตกันให้ดี ขบวนการล้มเจ้า ทำลายความมั่นคงของประเทศเรา ส่วนใหญ่ ก็เริ่มมาจากไอ้พวกอาจารย์ ที่ไปเรียนวิชาเฉพาะ area studies และบางคน ก็ยังสอนวิชานี้อยู่ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เช่นอเมริกา และญี่ปุ่น เพราะอะไรหรือ เพราะสถาบันกษัตริย์ เป็นจุดแข็ง เป็นความมั่นคงอย่างสำคัญของประเทศเรา มันอยากจะกินเรา ครอบเรา มันก็ใช้วิธีการ บ่อนทำลายจุดแข็งนั้น
    และอีกวิธีการ ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ที่เรียกว่า consent management วิธีจัดการให้คนยินยอม และเห็นพ้องด้วย ตามเหตุผลที่เขา “สร้าง” ขึ้นมาให้เราหลงเชื่อ ผมเขียนเรื่องพวกนี้ไว้ในนิทานเรื่องแกะรอยนักล่า ช่วยประหยัดเวลาคนแก่ ไปเอามาอ่านกันหน่อย จะได้เข้าใจว่า เขาฝังรากเทียมให้เราอย่างไร ถึงแก้ยากแก้เย็นนัก จนลืมรากเหง้าของแท้ของเรากัน
    แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ ไม่ใช่นักการเงิน (แม้จะเป็นเจ้าของธนาคาร Chase Manhattan ที่เคยใหญ่คับโลก รวมทั้งในเมืองไทย ช่วงสงครามเวียตนาม และหลังจากนั้น ) เขาเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์ จึงค้นคิดสูตรครองโลกเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่ากลัวกว่า ด้านการเงิน การเงินพอแก้เกมกันได้ แต่ด้านวิทยาศาสตร์ เช่น การเกษตร พันธุ์ จีเอ็มโอ การตอนพันธุ์ การคัดสายพันธุ์มนุษย์ ซึ่งรวมถึงอาวุธร้ายรูปแบบต่างนั้น สร้างความเสียหายต่อชีวิต และบ้านเมืองสูงนัก การแก้ทำไม่ได้ง่าย (มีเขียนอยู่ในนิทานเรื่อง มายากลยุทธ) บ้านเรา ก็ขายเมล็ดพันธ์ทางเกษตร และผลผลิต แบบจีเอ็มโอ GMO ทั้งนั้น ซึ่งเป็นการทำลายสายพันธ์อย่างยิ่ง และต้นทุนสูง สร้างหนี้ให้เกษตรกรอย่างน่าสงสาร ขณะเดียวกัน ชีวิตและสุขภาพ ของกินผลิตผล ของจีเอ็มโอ ก็น่าเป็นห่วง ใครขาย ใครปล่อยให้ขาย จะทำลายกันถึงไหน…ใครมีดาบอาญาสิทธิ อยู่ในมือ ก็หันมาดูบ้าง เรื่องใหญ่นะครับ
    กลับมาที่ญี่ปุ่น ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น แม้อเมริกา จะมาทีหลังอังกฤษหลายสิบปี แต่อเมริกาก็สามารถแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ได้ผลอย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือฟอกย้อม แบบ ฝังรากเทียมนี่แหละ
    ก่อนที่จะมีหน่วยงานข่าวกรอง หรือหน่วยสืบราชการลับ การหาข่าว ข้อมูล หรือสร้างเครือข่ายในประเทศเป้าหมาย ก็มักจะทำโดยพระ ผู้สอนศาสนา มิชชั่นนารี หรือหน่วยงานที่มาในรูปของการให้ความร่วมมือ การส่งเสริมทางสังคม วัฒนธรรม การศึกษา
    ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อเมริกา ทดลองวิธีหาเหยื่อแบบใหม่ อเมริกา สร้าง Young Men’s Christian Association หรือ YMCA ส่งหนุ่มน้อยเดินสายไปทั่วทุกแห่ง เพื่อสังสรร และชวนเล่นกีฬา มีแต่คนเอ็นดู ทำให้อเมริกาได้ข้อมูล และสร้างเครือข่ายตามที่ต้องการ บ้านเราก็มีมาเหมือนกัน ท่านผู้อ่านนิทานคงเกิดไม่ทันกัน YMCA รุ่นแรก มาบ้านเราตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้ามาตั้งสำนักงานอยู่แถวถนนวรจักร พอสมัยสงครามเวียตนาม ก็ย้ายมาอยู่แถวถนนสาธร สถานที่กว้างขวาง มีคอร์ตเทนนิส โรงหนังโรงละคร ขนาดเล็ก เพื่อนำวัฒนธรรม หรือข้อมูล ที่อเมริกาต้องการฝังหัว ให้แก่สังคมไทย ส่วนที่อเมริกาเลือกแล้วว่า จะเป็นประโยชน์แก่ตัว หลังสงครามเวียตนาม เข้าใจว่า เปลี่ยนรูปแบบ ไม่ใช้ YMCA เพราะเชยไปแล้ว เปลี่ยนไปใช้แบบพันธ์ผสม มีตั้งแต่ สื่อ นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ จนมาถึงนักเคลื่อนไหว เอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษยชน ไปจนถึง คนคุมกำเนิด เฮ้อ..
    สำหรับท่านที่อ่านนิทาน ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว คงจำได้ว่า อเมริกาก็ส่ง YMCA เข้าไปในรัสเซีย ช่วงที่กำลังสร้างปฏิวัติให้รัสเซียในปี ค.ศ.1917 รวมทั้ง ส่งเข้าไปในจีน หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบใหม่ๆ แปลว่า อเมริกา มีแผนการ คิดกินรวบ ตั้งแต่รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และเอเซียแปซิฟิกมานานแล้ว ไม่ต่างกับอังกฤษ เพียงแต่อเมริกา รอเวลากิน โดยดูตัวอย่างการกินของอังกฤษ ที่แม้จะดูเฉียบคม แต่ก็ทำให้เหยื่อตื่นและเชื่องยาก อเมริกาจึงคิดวิธีกินเหยื่อแบบใหม่ ชนิดเหยื่อเปิดบ้านนอนรอ…
    คนที่ถือธง นำ YMCA เข้ามาที่ญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1917 ชื่อ Frank Buchman เขาเข้ามาทำความรู้จักกับสังคมญี่ปุ่น ส่วนที่กำลังเห่อฝรั่ง สมาชิก YMCA ญี่ปุ่น มีตั้งแต่ ตระกูลใหญ่ อย่างสุมิโตโม และ มิตซุย ซึ่งเป็นเจ้าพ่อ บรรษัทใหญ่ ที่ผูกขาดธุรกิจของญี่ปุ่น และ บารอน ไออิชิ ชิบุซาวะ Eiichi Shibusawa นักธุรกิจใหญ่อีกคน ซึ่งเป็นคริสเตียน ที่มีความสนิทสนม และมีเครือข่ายกับทั้งฝั่งอังกฤษ และอเมริกา เป็นหัวหน้าสหภาพการค้าของญี่ปุ่น และเป็นผู้ริเริ่มตั้งคณะนิติศาสตร์ ที่ใช้หลักกฏหมายของเยอรมันขึ้น ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว คุ้นๆ ไหมครับ
    เมื่อ ใช้ YMCA แทรกเข้าไปหาข้อมูล และสร้างเครือข่ายได้หลายปีกำลังดี นาย Frank Buchman ก็ไปจากญี่ปุ่น คราวนี้เขาไปตั้งสถาบันชื่อประหลาด Moral Rearmament Movement (MRA) เป็นขบวนการล้างสมองที่น่ากลัวมาก และกลับมาในญี่ปุ่นอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ.1920 คราวนี้ เครือข่าย MRA ในญี่ปุ่นขยายใหญ่กว่าสมัยเป็น YMCA กระทรวงต่างประเทศของอเมริกาให้การสนับสนุน MRA เต็มที่ และในที่สุด MRA ก็เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่ง ที่อเมริกา โดยร้อกกี้เฟลเลอร์ และ ซีไอเอ ใช้สร้างและควบคุม เครือข่ายของตนในญี่ปุ่น (ในปี คศ 1930 MRA มีเครือข่ายอยู่ใน 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น และเยอรมัน)
    MRA เริ่มเข้าไปสร้างเครือข่าย ในมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่มีนักศึกษาด้านกฏหมาย และเศรษฐศาสตร์ ตามทฤษฏีของ เยอรมัน และสร้างความคิดต่อต้านการเคลื่อนไหวของกรรมกร ผู้ที่สนับสนุนการต่อต้านกรรมกรอย่างเปิดเผย คือ นาย ซาซากาวา Sasagawa Ryoichi ซึ่งเป็นนักโทษร่วมรุ่น กับ นายคิชิ ที่คุก Sugamo และจูงมือออกจากคุกมาพร้อมกัน กับนายโคโดมะ ยากูซ่า
    นายซาซากาวา นั้น ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเคยไปร่วมประชุมกับฮิตเล่อร์ และมุสโสลินี ที่พยายามสร้างเครือข่ายการร่วมมือระหว่าง ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ และนาซี เยอรมัน เพื่อต่อต้านโซเวียต มันเป็นโปรแกรมเดียวกับที่ MRA เสนอ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแผนสลับข้าง
    และผู้ที่เป็นตัวเชื่อมสำคัญ ระหว่าง MRA หรืออเมริกากับกองทัพญี่ปุ่น ก็คือ
    นาย ซาซากาวา คนนี้เอง เขาเป็นพวกชาตินิยมหัวรุนแรง และได้ชื่อว่าเป็นมือที่มองไม่เห็น ชักใยประเทศญี่ปุ่นอยู่ถึง 50 ปี ตั้งแต่ช่วง ปี ค.ศ.1930 -1980
    ซาซากาวา เป็นชาวเมือง Minoo อยู่ใกล้ๆ กับ Osaka ร่ำรวยขึ้นมาจาการเก็งกำไรเรื่องข้าว ในปี ค.ศ.1927 ซาซากาวา ตั้งกลุ่มชื่อ Kokubosha หรือ National Defense Society และปี ค.ศ.1931 ตั้งอีกกลุ่มชื่อ Kokusui-Taihuto หรือ Mass Party of the Patriotic Peoples ทั้ง 2 สมาคม เป็นพวกขวาจัด ชาตินิยมรุนแรง
    นายซาซากาวา สร้างกองกำลังของตัวเองหลายหมื่นคน (น่าจะเป็นยากูซ่าแทบทั้งนั้น) นอกจากมีกองกำลังแล้ว เขายังมีเครื่องบินอีก 20 ลำ แถมลงทุนสร้างสนามบินส่วนตัวใกล้เมืองโอซากา ทั้งหมดเพื่อใช้ในการเข้าไปปฏืบัติการในจีน เพื่อปล้น และยึดทรัพยากร ขนทอง และเพชรจากจีนด้วยเครื่องบินของเขา เที่ยวละหลายสิบกระสอบ รวมทั้งฝิ่น หลายครั้ง 2 สมาคมของซาซากาวา ร่วมปฏิบัติการกับยากูซ่ากลุ่มมังกรดำ ที่นำโดย นายโคดามะ Yoshio Kodama ที่เป็นเพื่อนกัน และเป็นพวกขวาจัด และชาตินิยมเหมือนกัน
    กลุ่มชาตินิยมเหล่านี้ เข้าไปร่วมอยู่กับกองทัพญี่ปุ่นที่แมนจูเรีย และ มองโกเลีย โดยการรู้เห็นและสนับสนุนของกองทัพ รวมถึงรัฐบาลด้วย ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ มีส่วนกับพฤติกรรม ที่ทารุณโหดร้ายของกองทัพญี่ปุ่น มากน้อยแค่ไหน
    นาย ซาซากาวา นั้น เป็นผู้ที่มีเสียงดังฟังชัดว่า อยู่ฝ่ายประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับนายโคดามะ และในช่วงที่การเมืองญี่ปุ่นแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ในช่วงก่อนปี ค.ศ.1931 นักการเมืองระดับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพถูกเก็บเป็นว่าเล่น ข่าวว่า เป็นฝีมือกลุ่มในสังกัดของ นายซาซากาวา เกือบทั้งสิ้น และด้วยเงินทุนของนายซาซากาวา ที่ได้มาจากการปล้นจีน ทิศทางของรัฐบาลญี่ปุ่น ก็จึงยิ่งเอียงมาทางให้กองทัพญี่ปุ่น ยกกำลังลงมาทางใต้ และมาบุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    และในที่สุดกองทัพญี่ปุ่น ก็ตัดสินใจ ยกกำลังลงมาทางใต้ บุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จริงๆ มันเป็นการตัดสินใจภายใต้คำแนะนำ ของ นาย Tsuji Masanobu นักยุทธศาสตร์คนสำคัญประจำกองทัพ ความสำคัญของเขา น่าจะมีมากกว่าระดับกองทัพด้วยซ้ำ มีข่าวว่า ภายหลัง เขามาวางยุทธศาสตร์การรบและตั้งกองบัญชาการอยู่ทางใต้ของบ้านเรา
    มันเป็นการตัดสินใจที่สอดคล้อง และก็เป็นไปตามโครงการ War and Peace Studies ของ CFR ที่ทำการศึกษาวางแผน อยู่ถึง 2 ปี ในช่วง คศ 1939-1940 ภายใต้การอำนายการของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 16 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 16 ในปี ค.ศ.1941 ธุรกิจต่างชาติในญี่ปุ่น อยู่ในมืออเมริกา ถึง 3 ใน 4 และ เจ้าพ่ออเมริกาในญี่ปุ่น ก่อนปี ค.ศ.1941 คือ เจ พี มอร์แกน กับกลุ่มทุนอเมริกัน ที่เป็นฉากหน้าให้กับ รอทไชลด์ Rothschild บรรดาฑูตอเมริกัน ประจำญี่ปุ่น ในช่วงนั้น ส่วนใหญ่มาจากสายของมอร์แกน เช่น W Camaron Forbes นอกจากเป็นฑูตแล้ว ยังเป็นกรรมการคนหนึ่ง ของมอร์แกน ด้วย ส่วนอีกคน ที่มีบทบาทมาก คือ Joseph Grew (ที่มีเมีย ดองกับเมีย Jack Mogan) จึงไม่แปลก ที่กลุ่มมอร์แกนและอังกฤษ จะครอบญี่ปุ่น โดยการจับมือกับกลุ่มมิตซุย Mitsui ตระกูลใหญ่มากของญี่ปุ่น ที่ครอบงำธุรกิจในญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ ซึ่งสร้างอาณาจักรจาก (การปล้น) ทรัพยากร ไม่ใช่ จากธุรกิจการ (ปล้น) เงินและทำอุตสาหกรรมอย่างมอร์แกน คงไม่นั่งเฉยๆ ปล่อยให้ มอร์แกนและพวกพ้องอังกฤษ คาบเอาเอเซียแปซิฟิกไปง่ายๆ เขาตั้งใจ ยืนยัน และมุ่งมั่นว่า อเมริกา แต่ผู้เดียวเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ครองโลก “โดยไม่แบ่งกับใคร” และมันต้องเป็นอเมริกา ภายใต้การครอบงำ ชักใยของเขาและพวกเท่านั้น ไม่ใช่ ใครอื่น และด้วยความตั้งใจ อย่างมุ่งมั่น เช่นนั้น ร้อกกี้เฟลเลอร์ ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อขยี้ และเขี่ย กลุ่มพันธมิตร ระหว่างมอร์แกน อังกฤษ (และมิตซุย ในกรณีของญี่ปุ่น) ให้แตกกระจุย สำหรับ การยึดเอเซียแปซิฟิก ร้อกกี้เฟลเลอร์ เริ่มต้นด้วยการใช้เครือข่ายของ Standard Oil ของเขา และมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่ไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่จีน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1913 และร่วมมือกับตระกูล Harriman เจ้าพ่อ ทางรถไฟ ที่ร่ำรวยจากสร้างทางรถไฟในอเมริกายังไม่พอ จึงไปบุกตลาดจีน ช่วงเวลาใกล้เคียงกับร้อกกี้เฟลเลอร์ ตัวจักรใหญ่ ที่เดินสายจัดการตามแผนที่วางคือ สำนักงานฏหมายประจำตระกูลของร้อกกี้เฟลเลอร์ คือ Sullivan and Cromwell ท่านที่เคยอ่านนิทาน ต้มข้ามศตวรรษ คงพอจำได้ว่า ทางการของอเมริกา เจอบันทีก การจ่ายเงิน ของสำนักงานนี้ให้แก่ ซุนยัดเซ็น รวมทั้งข้อตกลงของซุนยัดเซ็น ที่จะมอบสัมปทานให้ เมื่อปฏิวัติจีนสำเร็จ หัวหน้าทนายใหญ่ ของสำนักงาน Sullivan and Cromwell คือ นาย John Foster Dulles ซึ่งต่อมา ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ สมัยประธานาธิบดี Eisenhower ไอเซนฮาว มีนโยบายคัดค้านระบอบคอมมิวนิสม์ อย่างชนิดหัวชนฝา มันคงพออธิบายให้เราได้บ้างเกี่ยวกับตอนจบของ ซุนยัดเซ็น และขอเพิ่มเติมว่า ซุนยัดเซ็นนั้น ในตอนท้ายที่ป่วยและเสียชีวิตนั้น เขาป่วย และเสียชีวิตที่เมืองจีน ในสถานพยาบาล ที่มูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์เป็นเจ้าของ ส่วนน้องชายของ John คือ Allan ก็ได้เป็นผู้อำนวยการ CIA สมัย Eisenhower เช่นเดียวกัน เรื่องของ Sullivan And Cromwell น่าจะมาเขียนเป็นเรื่องปล้น ภาคพิศดาร … การใช้สำนักงานกฏหมาย หรือตัวทนายความ ไม่ใช่เรื่องแปลก สมัยนี้ก็ยังใช้กันอยู่ ถ้าจำกันได้ ไอ้โจรร้ายบ้านเรา มันก็ใช้ทนายไปทำทุกเรื่อง โดยเฉพาะไอ้พวกขี้ลืม ชอบเอาห่อขนมก้อนใหญ่ๆ ไปลืมทิ้งไว้ที่โน่นที่นี่ ส่วนไอ้พวกนักล้อบบี้ฝรั่ง ที่ชอบมาสร้างเรื่องระยำในบ้านเรา ก็ทนายทั้งนั้นครับ น่าเสียดายจริงๆ เป็นวิชาชีพที่ช่วยคนได้มาก คนโบราณท่านถึงให้เกียรติเรียกหมอความ แต่ก็มีที่เอาอาชีพที่ดี มาช่วยคนชั่วกัน แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ นี่ ก็น่าจะเป็นเจ้าของโรงฟอกย้อมต้วจริง เขาคิดเครื่องมือฟอกย้อม soft power ได้อย่างฝั่งรากลึก แม้จะเป็นรากเทียม แต่ดูเหมือน เมื่อฝังลงไปแล้ว จะทำลายรากจริงได้ด้วยการสร้างรากเทียมของเขา ตั้งแต่การสร้างมหาวิทยาลัย การคิดหลักสูตร เจาะลึกไปในแต่ละท้องที่ ที่เรียกว่า area studies ให้รู้จุดอ่อน จุดแข็งของเหยื่อแต่ละราย และถ้าสังเกตกันให้ดี ขบวนการล้มเจ้า ทำลายความมั่นคงของประเทศเรา ส่วนใหญ่ ก็เริ่มมาจากไอ้พวกอาจารย์ ที่ไปเรียนวิชาเฉพาะ area studies และบางคน ก็ยังสอนวิชานี้อยู่ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เช่นอเมริกา และญี่ปุ่น เพราะอะไรหรือ เพราะสถาบันกษัตริย์ เป็นจุดแข็ง เป็นความมั่นคงอย่างสำคัญของประเทศเรา มันอยากจะกินเรา ครอบเรา มันก็ใช้วิธีการ บ่อนทำลายจุดแข็งนั้น และอีกวิธีการ ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ที่เรียกว่า consent management วิธีจัดการให้คนยินยอม และเห็นพ้องด้วย ตามเหตุผลที่เขา “สร้าง” ขึ้นมาให้เราหลงเชื่อ ผมเขียนเรื่องพวกนี้ไว้ในนิทานเรื่องแกะรอยนักล่า ช่วยประหยัดเวลาคนแก่ ไปเอามาอ่านกันหน่อย จะได้เข้าใจว่า เขาฝังรากเทียมให้เราอย่างไร ถึงแก้ยากแก้เย็นนัก จนลืมรากเหง้าของแท้ของเรากัน แต่ร้อกกี้เฟลเลอร์ ไม่ใช่นักการเงิน (แม้จะเป็นเจ้าของธนาคาร Chase Manhattan ที่เคยใหญ่คับโลก รวมทั้งในเมืองไทย ช่วงสงครามเวียตนาม และหลังจากนั้น ) เขาเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์ จึงค้นคิดสูตรครองโลกเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่ากลัวกว่า ด้านการเงิน การเงินพอแก้เกมกันได้ แต่ด้านวิทยาศาสตร์ เช่น การเกษตร พันธุ์ จีเอ็มโอ การตอนพันธุ์ การคัดสายพันธุ์มนุษย์ ซึ่งรวมถึงอาวุธร้ายรูปแบบต่างนั้น สร้างความเสียหายต่อชีวิต และบ้านเมืองสูงนัก การแก้ทำไม่ได้ง่าย (มีเขียนอยู่ในนิทานเรื่อง มายากลยุทธ) บ้านเรา ก็ขายเมล็ดพันธ์ทางเกษตร และผลผลิต แบบจีเอ็มโอ GMO ทั้งนั้น ซึ่งเป็นการทำลายสายพันธ์อย่างยิ่ง และต้นทุนสูง สร้างหนี้ให้เกษตรกรอย่างน่าสงสาร ขณะเดียวกัน ชีวิตและสุขภาพ ของกินผลิตผล ของจีเอ็มโอ ก็น่าเป็นห่วง ใครขาย ใครปล่อยให้ขาย จะทำลายกันถึงไหน…ใครมีดาบอาญาสิทธิ อยู่ในมือ ก็หันมาดูบ้าง เรื่องใหญ่นะครับ กลับมาที่ญี่ปุ่น ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น แม้อเมริกา จะมาทีหลังอังกฤษหลายสิบปี แต่อเมริกาก็สามารถแทรกเข้าไปในสังคม และการเมืองญี่ปุ่น ได้ผลอย่างเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเครื่องมือฟอกย้อม แบบ ฝังรากเทียมนี่แหละ ก่อนที่จะมีหน่วยงานข่าวกรอง หรือหน่วยสืบราชการลับ การหาข่าว ข้อมูล หรือสร้างเครือข่ายในประเทศเป้าหมาย ก็มักจะทำโดยพระ ผู้สอนศาสนา มิชชั่นนารี หรือหน่วยงานที่มาในรูปของการให้ความร่วมมือ การส่งเสริมทางสังคม วัฒนธรรม การศึกษา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อเมริกา ทดลองวิธีหาเหยื่อแบบใหม่ อเมริกา สร้าง Young Men’s Christian Association หรือ YMCA ส่งหนุ่มน้อยเดินสายไปทั่วทุกแห่ง เพื่อสังสรร และชวนเล่นกีฬา มีแต่คนเอ็นดู ทำให้อเมริกาได้ข้อมูล และสร้างเครือข่ายตามที่ต้องการ บ้านเราก็มีมาเหมือนกัน ท่านผู้อ่านนิทานคงเกิดไม่ทันกัน YMCA รุ่นแรก มาบ้านเราตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้ามาตั้งสำนักงานอยู่แถวถนนวรจักร พอสมัยสงครามเวียตนาม ก็ย้ายมาอยู่แถวถนนสาธร สถานที่กว้างขวาง มีคอร์ตเทนนิส โรงหนังโรงละคร ขนาดเล็ก เพื่อนำวัฒนธรรม หรือข้อมูล ที่อเมริกาต้องการฝังหัว ให้แก่สังคมไทย ส่วนที่อเมริกาเลือกแล้วว่า จะเป็นประโยชน์แก่ตัว หลังสงครามเวียตนาม เข้าใจว่า เปลี่ยนรูปแบบ ไม่ใช้ YMCA เพราะเชยไปแล้ว เปลี่ยนไปใช้แบบพันธ์ผสม มีตั้งแต่ สื่อ นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ จนมาถึงนักเคลื่อนไหว เอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษยชน ไปจนถึง คนคุมกำเนิด เฮ้อ.. สำหรับท่านที่อ่านนิทาน ต้มข้ามศตวรรษมาแล้ว คงจำได้ว่า อเมริกาก็ส่ง YMCA เข้าไปในรัสเซีย ช่วงที่กำลังสร้างปฏิวัติให้รัสเซียในปี ค.ศ.1917 รวมทั้ง ส่งเข้าไปในจีน หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบใหม่ๆ แปลว่า อเมริกา มีแผนการ คิดกินรวบ ตั้งแต่รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และเอเซียแปซิฟิกมานานแล้ว ไม่ต่างกับอังกฤษ เพียงแต่อเมริกา รอเวลากิน โดยดูตัวอย่างการกินของอังกฤษ ที่แม้จะดูเฉียบคม แต่ก็ทำให้เหยื่อตื่นและเชื่องยาก อเมริกาจึงคิดวิธีกินเหยื่อแบบใหม่ ชนิดเหยื่อเปิดบ้านนอนรอ… คนที่ถือธง นำ YMCA เข้ามาที่ญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1917 ชื่อ Frank Buchman เขาเข้ามาทำความรู้จักกับสังคมญี่ปุ่น ส่วนที่กำลังเห่อฝรั่ง สมาชิก YMCA ญี่ปุ่น มีตั้งแต่ ตระกูลใหญ่ อย่างสุมิโตโม และ มิตซุย ซึ่งเป็นเจ้าพ่อ บรรษัทใหญ่ ที่ผูกขาดธุรกิจของญี่ปุ่น และ บารอน ไออิชิ ชิบุซาวะ Eiichi Shibusawa นักธุรกิจใหญ่อีกคน ซึ่งเป็นคริสเตียน ที่มีความสนิทสนม และมีเครือข่ายกับทั้งฝั่งอังกฤษ และอเมริกา เป็นหัวหน้าสหภาพการค้าของญี่ปุ่น และเป็นผู้ริเริ่มตั้งคณะนิติศาสตร์ ที่ใช้หลักกฏหมายของเยอรมันขึ้น ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว คุ้นๆ ไหมครับ เมื่อ ใช้ YMCA แทรกเข้าไปหาข้อมูล และสร้างเครือข่ายได้หลายปีกำลังดี นาย Frank Buchman ก็ไปจากญี่ปุ่น คราวนี้เขาไปตั้งสถาบันชื่อประหลาด Moral Rearmament Movement (MRA) เป็นขบวนการล้างสมองที่น่ากลัวมาก และกลับมาในญี่ปุ่นอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ.1920 คราวนี้ เครือข่าย MRA ในญี่ปุ่นขยายใหญ่กว่าสมัยเป็น YMCA กระทรวงต่างประเทศของอเมริกาให้การสนับสนุน MRA เต็มที่ และในที่สุด MRA ก็เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่ง ที่อเมริกา โดยร้อกกี้เฟลเลอร์ และ ซีไอเอ ใช้สร้างและควบคุม เครือข่ายของตนในญี่ปุ่น (ในปี คศ 1930 MRA มีเครือข่ายอยู่ใน 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น และเยอรมัน) MRA เริ่มเข้าไปสร้างเครือข่าย ในมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่มีนักศึกษาด้านกฏหมาย และเศรษฐศาสตร์ ตามทฤษฏีของ เยอรมัน และสร้างความคิดต่อต้านการเคลื่อนไหวของกรรมกร ผู้ที่สนับสนุนการต่อต้านกรรมกรอย่างเปิดเผย คือ นาย ซาซากาวา Sasagawa Ryoichi ซึ่งเป็นนักโทษร่วมรุ่น กับ นายคิชิ ที่คุก Sugamo และจูงมือออกจากคุกมาพร้อมกัน กับนายโคโดมะ ยากูซ่า นายซาซากาวา นั้น ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเคยไปร่วมประชุมกับฮิตเล่อร์ และมุสโสลินี ที่พยายามสร้างเครือข่ายการร่วมมือระหว่าง ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ และนาซี เยอรมัน เพื่อต่อต้านโซเวียต มันเป็นโปรแกรมเดียวกับที่ MRA เสนอ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแผนสลับข้าง และผู้ที่เป็นตัวเชื่อมสำคัญ ระหว่าง MRA หรืออเมริกากับกองทัพญี่ปุ่น ก็คือ นาย ซาซากาวา คนนี้เอง เขาเป็นพวกชาตินิยมหัวรุนแรง และได้ชื่อว่าเป็นมือที่มองไม่เห็น ชักใยประเทศญี่ปุ่นอยู่ถึง 50 ปี ตั้งแต่ช่วง ปี ค.ศ.1930 -1980 ซาซากาวา เป็นชาวเมือง Minoo อยู่ใกล้ๆ กับ Osaka ร่ำรวยขึ้นมาจาการเก็งกำไรเรื่องข้าว ในปี ค.ศ.1927 ซาซากาวา ตั้งกลุ่มชื่อ Kokubosha หรือ National Defense Society และปี ค.ศ.1931 ตั้งอีกกลุ่มชื่อ Kokusui-Taihuto หรือ Mass Party of the Patriotic Peoples ทั้ง 2 สมาคม เป็นพวกขวาจัด ชาตินิยมรุนแรง นายซาซากาวา สร้างกองกำลังของตัวเองหลายหมื่นคน (น่าจะเป็นยากูซ่าแทบทั้งนั้น) นอกจากมีกองกำลังแล้ว เขายังมีเครื่องบินอีก 20 ลำ แถมลงทุนสร้างสนามบินส่วนตัวใกล้เมืองโอซากา ทั้งหมดเพื่อใช้ในการเข้าไปปฏืบัติการในจีน เพื่อปล้น และยึดทรัพยากร ขนทอง และเพชรจากจีนด้วยเครื่องบินของเขา เที่ยวละหลายสิบกระสอบ รวมทั้งฝิ่น หลายครั้ง 2 สมาคมของซาซากาวา ร่วมปฏิบัติการกับยากูซ่ากลุ่มมังกรดำ ที่นำโดย นายโคดามะ Yoshio Kodama ที่เป็นเพื่อนกัน และเป็นพวกขวาจัด และชาตินิยมเหมือนกัน กลุ่มชาตินิยมเหล่านี้ เข้าไปร่วมอยู่กับกองทัพญี่ปุ่นที่แมนจูเรีย และ มองโกเลีย โดยการรู้เห็นและสนับสนุนของกองทัพ รวมถึงรัฐบาลด้วย ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ มีส่วนกับพฤติกรรม ที่ทารุณโหดร้ายของกองทัพญี่ปุ่น มากน้อยแค่ไหน นาย ซาซากาวา นั้น เป็นผู้ที่มีเสียงดังฟังชัดว่า อยู่ฝ่ายประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับนายโคดามะ และในช่วงที่การเมืองญี่ปุ่นแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ในช่วงก่อนปี ค.ศ.1931 นักการเมืองระดับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพถูกเก็บเป็นว่าเล่น ข่าวว่า เป็นฝีมือกลุ่มในสังกัดของ นายซาซากาวา เกือบทั้งสิ้น และด้วยเงินทุนของนายซาซากาวา ที่ได้มาจากการปล้นจีน ทิศทางของรัฐบาลญี่ปุ่น ก็จึงยิ่งเอียงมาทางให้กองทัพญี่ปุ่น ยกกำลังลงมาทางใต้ และมาบุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และในที่สุดกองทัพญี่ปุ่น ก็ตัดสินใจ ยกกำลังลงมาทางใต้ บุกเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จริงๆ มันเป็นการตัดสินใจภายใต้คำแนะนำ ของ นาย Tsuji Masanobu นักยุทธศาสตร์คนสำคัญประจำกองทัพ ความสำคัญของเขา น่าจะมีมากกว่าระดับกองทัพด้วยซ้ำ มีข่าวว่า ภายหลัง เขามาวางยุทธศาสตร์การรบและตั้งกองบัญชาการอยู่ทางใต้ของบ้านเรา มันเป็นการตัดสินใจที่สอดคล้อง และก็เป็นไปตามโครงการ War and Peace Studies ของ CFR ที่ทำการศึกษาวางแผน อยู่ถึง 2 ปี ในช่วง คศ 1939-1940 ภายใต้การอำนายการของมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.35

    นิรโทษกรรม เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ลึกซึ้งและทรงพลังของรัฐ มีความหมายโดยแท้คือการออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด เพื่อลบล้างการกระทำผิดทางอาญาบางประเภทที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ โดยมีผลให้การกระทำนั้นๆ ถูกถือว่าไม่เคยเป็นความผิดทางกฎหมายมาตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว ซึ่งนี่คือสาระสำคัญที่แยกนิรโทษกรรมออกจากการพระราชทานอภัยโทษอย่างสิ้นเชิง การอภัยโทษเป็นเพียงการลดหย่อนหรือยกเว้นโทษที่ได้รับไปแล้วหรือที่กำลังจะได้รับให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง โดยที่ความผิดทางอาญายังคงอยู่และยังปรากฏในประวัติความประพฤติของผู้นั้น แต่สำหรับนิรโทษกรรมแล้ว ผลของกฎหมายจะย้อนหลังไปถึงตัวการกระทำเอง ทำให้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน การดำเนินคดีของพนักงานอัยการ หรือการพิจารณาของศาล ต้องยุติลงทั้งหมด และผู้ที่เคยถูกตัดสินลงโทษไปแล้วก็จะพ้นจากผลของการพิพากษานั้นทันที เป็นการคืนสถานะทางกฎหมายและเกียรติความเป็นมนุษย์กลับคืนมาโดยสมบูรณ์ กลไกนี้มักถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ประเทศเผชิญกับความแตกแยกทางการเมือง ความขัดแย้งทางความคิด หรือความไม่สงบครั้งใหญ่ เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ในการประนีประนอม โดยที่รัฐยอมสละอำนาจในการลงโทษเพื่อแลกกับการสมานฉันท์และความมั่นคงระยะยาวของคนในชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายทางหลักนิติธรรมในระดับสูงสุดที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าการลงโทษเป็นรายบุคคล

    ดังนั้น การพิจารณาการใช้กลไกนิรโทษกรรมจึงมิใช่แค่เรื่องของการ "ยกเว้นโทษ" ธรรมดา หากแต่เป็นการตัดสินใจเชิงหลักนิติธรรมและการเมืองในระดับสูงยิ่ง ที่ต้องชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดอ่อนระหว่างหลักการความยุติธรรมทางอาญา ซึ่งเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดต้องรับผลแห่งการกระทำ กับหลักการเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมุ่งเน้นการยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองในสังคมให้กลับคืนมา การกำหนดขอบเขตของการนิรโทษกรรมจึงมีความสำคัญสูงสุด ต้องระบุประเภทความผิด เวลาที่เกิดเหตุ และกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันมิให้กลไกอันศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกใช้เป็นช่องทางในการล้างความผิดให้กับความผิดร้ายแรงทางอาญาโดยมิชอบ หรือกลายเป็นเครื่องมือที่บ่อนทำลายหลักการปกครองด้วยกฎหมายที่ผดุงความยุติธรรมพื้นฐานเอาไว้ ความท้าทายที่แท้จริงจึงอยู่ที่การหาจุดสมดุลที่กฎหมายแห่งการลบล้างความผิดสามารถนำมาซึ่งการยอมรับและสันติสุขที่แท้จริง มิใช่การสร้างบาดแผลใหม่ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมในจิตใจของผู้เสียหายและสังคม

    ด้วยเหตุนี้เอง การนำมาตรการนิรโทษกรรมมาใช้อย่างรอบคอบภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและหลักการปกครองด้วยกฎหมาย จึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงออกถึงวุฒิภาวะของรัฐในการจัดการกับวิกฤตความขัดแย้งในอดีตอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทุกคนสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ร่วมกัน การนิรโทษกรรมจึงมิได้เป็นเพียงการยกโทษความผิด แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐที่จะ "ลืม" เพื่อ "สร้าง" อนาคตที่มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้พลังอำนาจแห่งกฎหมายเป็นสะพานเชื่อมรอยร้าวที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติอย่างมีวาทะและมีพลัง.
    บทความกฎหมาย EP.35 นิรโทษกรรม เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ลึกซึ้งและทรงพลังของรัฐ มีความหมายโดยแท้คือการออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด เพื่อลบล้างการกระทำผิดทางอาญาบางประเภทที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ โดยมีผลให้การกระทำนั้นๆ ถูกถือว่าไม่เคยเป็นความผิดทางกฎหมายมาตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว ซึ่งนี่คือสาระสำคัญที่แยกนิรโทษกรรมออกจากการพระราชทานอภัยโทษอย่างสิ้นเชิง การอภัยโทษเป็นเพียงการลดหย่อนหรือยกเว้นโทษที่ได้รับไปแล้วหรือที่กำลังจะได้รับให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง โดยที่ความผิดทางอาญายังคงอยู่และยังปรากฏในประวัติความประพฤติของผู้นั้น แต่สำหรับนิรโทษกรรมแล้ว ผลของกฎหมายจะย้อนหลังไปถึงตัวการกระทำเอง ทำให้คดีอาญาที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน การดำเนินคดีของพนักงานอัยการ หรือการพิจารณาของศาล ต้องยุติลงทั้งหมด และผู้ที่เคยถูกตัดสินลงโทษไปแล้วก็จะพ้นจากผลของการพิพากษานั้นทันที เป็นการคืนสถานะทางกฎหมายและเกียรติความเป็นมนุษย์กลับคืนมาโดยสมบูรณ์ กลไกนี้มักถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ประเทศเผชิญกับความแตกแยกทางการเมือง ความขัดแย้งทางความคิด หรือความไม่สงบครั้งใหญ่ เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ในการประนีประนอม โดยที่รัฐยอมสละอำนาจในการลงโทษเพื่อแลกกับการสมานฉันท์และความมั่นคงระยะยาวของคนในชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายทางหลักนิติธรรมในระดับสูงสุดที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าการลงโทษเป็นรายบุคคล ดังนั้น การพิจารณาการใช้กลไกนิรโทษกรรมจึงมิใช่แค่เรื่องของการ "ยกเว้นโทษ" ธรรมดา หากแต่เป็นการตัดสินใจเชิงหลักนิติธรรมและการเมืองในระดับสูงยิ่ง ที่ต้องชั่งน้ำหนักอย่างละเอียดอ่อนระหว่างหลักการความยุติธรรมทางอาญา ซึ่งเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดต้องรับผลแห่งการกระทำ กับหลักการเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและความมั่นคงของรัฐ ซึ่งมุ่งเน้นการยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองในสังคมให้กลับคืนมา การกำหนดขอบเขตของการนิรโทษกรรมจึงมีความสำคัญสูงสุด ต้องระบุประเภทความผิด เวลาที่เกิดเหตุ และกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันมิให้กลไกอันศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกใช้เป็นช่องทางในการล้างความผิดให้กับความผิดร้ายแรงทางอาญาโดยมิชอบ หรือกลายเป็นเครื่องมือที่บ่อนทำลายหลักการปกครองด้วยกฎหมายที่ผดุงความยุติธรรมพื้นฐานเอาไว้ ความท้าทายที่แท้จริงจึงอยู่ที่การหาจุดสมดุลที่กฎหมายแห่งการลบล้างความผิดสามารถนำมาซึ่งการยอมรับและสันติสุขที่แท้จริง มิใช่การสร้างบาดแผลใหม่ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมในจิตใจของผู้เสียหายและสังคม ด้วยเหตุนี้เอง การนำมาตรการนิรโทษกรรมมาใช้อย่างรอบคอบภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและหลักการปกครองด้วยกฎหมาย จึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงออกถึงวุฒิภาวะของรัฐในการจัดการกับวิกฤตความขัดแย้งในอดีตอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทุกคนสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ร่วมกัน การนิรโทษกรรมจึงมิได้เป็นเพียงการยกโทษความผิด แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐที่จะ "ลืม" เพื่อ "สร้าง" อนาคตที่มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้พลังอำนาจแห่งกฎหมายเป็นสะพานเชื่อมรอยร้าวที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติอย่างมีวาทะและมีพลัง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 6
    เล่าแต่เรื่องญี่ปุ่น ไม่เล่าถึงจีน ก็เหมือนดูหนังครึ่งจอ มันจะไปเห็นอะไรครบ แม้เรื่องมันดูเหมือนไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆแล้ว มันเกี่ยวโยงกันทั้งนั้น
    จีนเป็นประเทศที่มีบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล แถมร่ำรวยด้วยทรัพยากรหลากหลาย ในช่วงปลายๆของศตวรรษที่ 18 จีนมีประชากรประมาณ 450 ล้านคน อยู่ในประเทศที่มีอาณาบริเวณกว้างประมาณ 4 ล้านตารางไมล์ ชาติตะวันตก ต่างจ้องอยากจะกินจีนมานานแล้ว แต่ด้วยความเป็นชาติใหญ่ พลเมืองแยะ กินจีนคำเดียวคงกลืนยาก แถมจะติดคอหอยตายเอา แต่ละชาติ จึงใช้ยุทธศาสตร์เพื่อกินจีนต่างกัน มีทั้ง ร่วมมือกัน และหักหลังกันเอง
    อังกฤษ นักล่ารุ่นเก๋า เป็นพวกตะวันตกรุ่นแรกๆ ที่อยากได้จีน จนน้ำลายหกเต็มพื้น แต่อังกฤษ เป็นเกาะใหญ่ มีเนื้อที่แค่ปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จะกินจีนเข้าไปอย่างไร เหมือนงูเขียวคิดกลืนช้าง แต่ด้วยความเป็นนักล่ารุ่นเขี้ยวยาว จึงวางแผนล่าจีนอย่างมีขั้นตอน และใจเย็น สูตรสำเร็จตามสันดานของอังกฤษ ถ้าใช้อำนาจทางกองทัพและอาวุธ เข้าไปยึดเอามาทีเดียวไม่ได้ อังกฤษก็ใช้สูตร ทุบให้น่วมก่อน แล้วค่อยเข้ามาเคี้ยว ไม่ต่างกับวิธีการที่อังกฤษใช้กับจักรวรรดิออตโตมาน และจักรวรรดิรัสเซีย สำหรับจีน ก็เช่นเดียวกัน อังกฤษวางแผนที่จะทำให้จีนอ่อนแอจนน่วม ก่อนเข้าไปกิน
    ช่วงปี ค.ศ.1850 จีนปกครองโดยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นพวกแมนจู ที่รบชาวจีนชนะจึงปกครองจีนมาตั้งแต่ ประมาณปี ค.ศ.1644 จักรพรรดิแมนจู เปิดประเทศรูเล็กมาก สำหรับให้ต่างชาติแย่งกันรอดรูเข้ามาค้าขาย เพราะจีนเชื่อว่า ตนเองอยู่ได้เองโดยไม่ต้องพี่งต่างชาติ ไม่ว่าด้านสินค้า หรือด้านใด จีงเปิดทางเข้าอย่างเสียไม่ได้ ให้เพียงที่เดียว ที่ท่าเรือกวางตุ้ง
    อังกฤษเริ่มด้วยนำการค้าเข้ามาที่จีนก่อน แต่จีนบอก เราไม่ได้อยากได้อะไรจากพวกเจ้าเลย เราอยู่ของเราดีแล้ว ผ้าผ่อนแพรไหม กระเบื้องเครื่องใช้สวยงาม และแม้แต่ใบชาของเราก็ดีกว่าของพวกเจ้าทั้งนั้น
    แต่ชาวอังกฤษเอง ตอนนั้นเสพติด ต้องดื่มชาไปแล้ว เป็นอาการที่ติดเชื้อมาจากการที่ได้เหยื่อชื่ออินเดีย ใครที่ชอบดื่มชาอังกฤษ ถึงขนาดต้องจัดเทศกาลดื่มชาใน แดนสยาม ก็รู้ไว้ด้วยนะครับ ไม่ได้เดินตามก้นอังกฤษ แต่เดินตามก้นอาบัง ชาอินเดียมีแยะก็จริง แต่ชาของจีนก็ลือชื่อ มีตั้งแต่ชั้นดีหอมชื่นใจราคาแพง จนถึงชั้นเกือบดีและราคาไม่แพง พ่อค้าอังกฤษเลย ขนซื้อชา ผ้าไหม เครื่องกระเบื้องของจีน บรรทุกเต็มเรือ เอากลับไปขายได้กำไรบานที่อังกฤษ แต่ขามา เรือสินค้าอังกฤษว่างเปล่า เพราะคนจีนบอก ไม่เห็นมีอะไรของอังกฤษที่เราอยากได้เลย ยกเว้นแต่เงินแท่งอย่างดี ที่เราจะรับเป็นค่าชำระสินค้าให้เราเท่านั้น
    ค้าไปค้ามาแบบนี้อยู่พักใหญ่ อังกฤษ ที่ว่าจะมาล่าจีน ดูเหมือนจะถูกจีนล้วงกระเป๋าเสี ยละมากกว่า ตกลง อังกฤษรู้จักคำว่า เสียดุลยการค้า ตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 17 ปิดเงียบเลยนะ ไหนคุยว่า ชาวเกาะใหญ่ นักล่าหมายเลขหนึ่ง เป็นต้นตำรับการเงินการค้า ฮาจริง(โว้ย) อังกฤษก็เลยต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์
    สมัยนั้นเจ้านาย ขุนนางจีน หรือชนชั้นสูงของจีน ก็ต้องสูบฝิ่นกันทั้งนั้น ถือเป็นเครื่องหมายวัดความร่ำรวยอย่างหนึ่ง เหมือนสมัยนี้ ที่ชาวสยามในสังคมคนรวยต้องดื่มไวน์ ยิ่งรวย ก็ยิ่งต้องดื่มยี่ห้อดีราคาแพง ขวดละ 2 แสน เอามาดื่มอวดแข่งกัน (จะ 2 แสน หรือ 200 มันก็เมาเท่ากันแหละครับ ผมยืนยัน)
    คนที่นำฝิ่นเข้ามาในจีนคร้ังแรก ก็คือ พ่อค้าปอร์ตุเกส ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1620 แต่พอถึงปี ค.ศ.1770 กว่า อังกฤษแก้เกม จากการเสียหน้า เสียดุลยการค้ากับจีน (ขอ ฮาอีกที) และที่สำคัญ อังกฤษหิวจัด อยากเคี้ยวจีนเต็มแก่แล้ว ยิ่งเห็นจีนมีแต่ทองแท่ง เงินแท่งเต็มท้องพระคลัง สินค้าที่อังกฤษนำติดเรือเข้ามาขายที่จีน จึงเป็นฝิ่น ที่ขนมาจนเต็มเรือเป็นฝิ่นที่อังกฤษเอามาจากตุรกีเสียส่วนใหญ่ ตอนนั้นยัง(หลอกว่า) รักกับตุรกี หรือ ออโตมานสมัยนั้นอยู่ ฝิ่นที่อังกฤษนำมา มีทั้งของดีราคาแพงขายไว้คนรวยชั้นสูง กับขี้ฝิ่น เอาไว้ขายคนทั่วไปที่ยังไม่เคยเสพ
    ผ่านไปไม่กี่สิบปี คนจีนไม่ว่าชั้นสูง ชั้นไม่สูง ต่างติดฝิ่นกันงอม เพราะอังกฤษเร่งเครื่องด้วยการจ่ายค่าแรงกุลีที่ขนของเป็นขี้ฝิ่น ถึงปี ค.ศ.1838 เจ้าหน้าที่ทำรายงานไปถึงฮ่องเต้ว่า ที่กวางตุ้งและฟูเจี้ยน มีจำนวนคนติดฝิ่นสูงมาก และการติดฝิ่นนี้ลามไปถึงขุนนาง และกองทัพ ประมาณว่า คนจีน 9 ใน 10 ติดฝิ่น ในรายงานบอกว่า ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปอีกไม่กี่ปี เราคงไม่เหลือทหาร และประชาชน ที่แข็งแรงพร้อมรบ และไม่มีเงินจะบำรุงกองทัพ หรือสร้างกองทัพใหม่ด้วย
    จักรพรรดิตังกวง สั่งปิดท่าเรือทันที ห้ามไม่ให้ต่างชาติขนฝิ่นเข้ามาขายอีกต่อไป พร้อมทั้งสั่งยึดฝิ่นที่ฝรั่งขนมาทั้งหมด ให้เอาไปเผาทิ้ง และเพื่อให้แน่ใจว่า ฝิ่นจะต้องหมดไปจากจีน ฮ่องเต้ แต่งตั้ง หลินซื่อ ผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นคนซื่อสัตย์เอาจริง ให้ทำหน้าที่เป็นมือปราบฝิ่น
    ตัวแทนการค้าของอังกฤษ โดยบริษัทบริติชอีสท์อินเดีย ซึ่งจริงๆ คือตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษที่เป็นทั้งหูตามือตีน ขอเจรจากับหลินซื่อ ซี่งนอกจากไม่รับเจรจาด้วยแล้ว หลินซื่อยังสั่งทำลายโรงฝิ่น โกดังฝิ่น และควบคุมตัวพ่อค้าขายฝิ่น ให้มอบฝิ่นที่ซุกซ่อนออกมาทั้งหมด และนำมาเผาทิ้ง หลังจากนั้นสั่งปิดตายท่าเรือที่กวางตุ้ง
    อังกฤษควันออกทุกทวาร ประกาศว่า การที่จีนทำเช่นนี้เป็นการหยามหน้าอังกฤษ ว่าแล้วก็เอาเรือรบมาปิดปากน้ำของจีน เฮ้อ… เขียนมาถึงตรงนี้ แล้วคลื่นไส้จริงๆ มันเล่นเป็นแต่บทอย่างนี้หรือไง ไอ้พวกชาติมหาอำนาจ สร้างไมตรี สร้างการค้าขาย ที่เป็นธรรมจริงๆ ที่ไม่ใช่เป็นการเอาเปรียบและบ่อนทำลาย น่ะ ทำเป็นไหม(วะ)
    หลังจากนั้น เหตุการณ์ก็บานปลาย กลายเป็นสงคราม ที่เรียกว่าสงครามฝิ่น Opium War ครั้งที่ 1 ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1839-1842 เมื่ออังกฤษเอากองทัพเรือมาถล่มจีน และยกพลบุกจีนไล่ยึดเข้าไปถึงซินเกียงทางใต้ของจีน ซึ่งเป็นบริเวณปลูกข้าวที่กว้างใหญ่ของจีน อังกฤษอ้างว่า เป็นการสอนบทเรียนการค้าเสรีให้แก่จีน ถุด
    แล้วฮ่องเต้ ก็จำใจลงนามในสนธิสัญญานานกิง เปิดประตูกว้างให้ต่างชาติเข้ามาค้าขาย มาตั้งบ้านเรือนฝังรกฝังรากตามสบาย พร้อมกับเปิดท่าเรือเพิ่มให้เรือต่างชาติอีก 4 ท่า และเสียเกาะฮ่องกงให้แก่อังกฤษตั้งแต่บัดนั้น ครั่งของตราประทับในสัญญายังไม่ทันแห้งดี อังกฤษก็นำกองทัพพ่อค้า ขนฝิ่นเข้ามาขาย… มากกว่าเดิม
    หลังจากอังกฤษนำทัพทำสัญญา อเมริกา ฝรั่งเศสก็ตามติดมาทำสัญญาโรเนียว เงื่อนไขเดียวกับอังกฤษ แค่เปลี่ยนชื่อประเทศ แล้วราชวงศ์ชิง ก็มีขุนนางติดฝิ่น ค้าฝิ่น ราชสำนัก กองทัพ และประชาชาอ่อนแอลงเรื่อยๆ หลินซื่อ คนเดียว สู้ไม่ไหว แถมถูกย้ายเข้ากรุ โทษฐานทำงานไม่สำเร็จ
    เวลาผ่านไปไม่กี่ปี อังกฤษ ก็ได้โอกาสเล่นงานจีนอีก ในปี ค.ศ.1856 เป็นสงครามฝิ่นหมายเลข 2 คราวนี้อังกฤษไม่มาเดี่ยว จับมือเอาฝรั่งเศสมาเล่นด้วย บีบให้จีนทำสนธิสัญญาเทียนสิน ค.ศ.1858 ให้จีนเปิดท่าเรือเพิ่ม รวมทั้งให้สิทธิต่างชาติเดินทางเข้าไปถึงด้านในของประเทศ เปิดทางให้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ได้ทั่ว รวมทั้งถือครองที่ดินสร้างวัดได้ หลังจากนั้น อเมริกา และรัสเซียก็เรียงแถวตามมา
    การมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ถือเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมที่สุด ที่อังกฤษนำมาใช้กับจีน จีนที่ยิ่งใหญ่ถึงกับมืออ่อนขาอ่อน ยืนไม่อยู่ สมองเลิกทำงาน อยากแต่จะนอนซมดูดฝิ่น ผ่านมาร้อยกว่าปี การมอมเมาให้ประเทศชาติเป้าหมายอ่อนแอ ยังนำมาใช้กันอยู่ และใช้ได้แนบเนียนกว่าเดิม ขนาดคนถูกมอมเมา ไม่รู้ตัว น่าเศร้าใจครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 6 เล่าแต่เรื่องญี่ปุ่น ไม่เล่าถึงจีน ก็เหมือนดูหนังครึ่งจอ มันจะไปเห็นอะไรครบ แม้เรื่องมันดูเหมือนไม่เกี่ยวกัน แต่จริงๆแล้ว มันเกี่ยวโยงกันทั้งนั้น จีนเป็นประเทศที่มีบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล แถมร่ำรวยด้วยทรัพยากรหลากหลาย ในช่วงปลายๆของศตวรรษที่ 18 จีนมีประชากรประมาณ 450 ล้านคน อยู่ในประเทศที่มีอาณาบริเวณกว้างประมาณ 4 ล้านตารางไมล์ ชาติตะวันตก ต่างจ้องอยากจะกินจีนมานานแล้ว แต่ด้วยความเป็นชาติใหญ่ พลเมืองแยะ กินจีนคำเดียวคงกลืนยาก แถมจะติดคอหอยตายเอา แต่ละชาติ จึงใช้ยุทธศาสตร์เพื่อกินจีนต่างกัน มีทั้ง ร่วมมือกัน และหักหลังกันเอง อังกฤษ นักล่ารุ่นเก๋า เป็นพวกตะวันตกรุ่นแรกๆ ที่อยากได้จีน จนน้ำลายหกเต็มพื้น แต่อังกฤษ เป็นเกาะใหญ่ มีเนื้อที่แค่ปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จะกินจีนเข้าไปอย่างไร เหมือนงูเขียวคิดกลืนช้าง แต่ด้วยความเป็นนักล่ารุ่นเขี้ยวยาว จึงวางแผนล่าจีนอย่างมีขั้นตอน และใจเย็น สูตรสำเร็จตามสันดานของอังกฤษ ถ้าใช้อำนาจทางกองทัพและอาวุธ เข้าไปยึดเอามาทีเดียวไม่ได้ อังกฤษก็ใช้สูตร ทุบให้น่วมก่อน แล้วค่อยเข้ามาเคี้ยว ไม่ต่างกับวิธีการที่อังกฤษใช้กับจักรวรรดิออตโตมาน และจักรวรรดิรัสเซีย สำหรับจีน ก็เช่นเดียวกัน อังกฤษวางแผนที่จะทำให้จีนอ่อนแอจนน่วม ก่อนเข้าไปกิน ช่วงปี ค.ศ.1850 จีนปกครองโดยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นพวกแมนจู ที่รบชาวจีนชนะจึงปกครองจีนมาตั้งแต่ ประมาณปี ค.ศ.1644 จักรพรรดิแมนจู เปิดประเทศรูเล็กมาก สำหรับให้ต่างชาติแย่งกันรอดรูเข้ามาค้าขาย เพราะจีนเชื่อว่า ตนเองอยู่ได้เองโดยไม่ต้องพี่งต่างชาติ ไม่ว่าด้านสินค้า หรือด้านใด จีงเปิดทางเข้าอย่างเสียไม่ได้ ให้เพียงที่เดียว ที่ท่าเรือกวางตุ้ง อังกฤษเริ่มด้วยนำการค้าเข้ามาที่จีนก่อน แต่จีนบอก เราไม่ได้อยากได้อะไรจากพวกเจ้าเลย เราอยู่ของเราดีแล้ว ผ้าผ่อนแพรไหม กระเบื้องเครื่องใช้สวยงาม และแม้แต่ใบชาของเราก็ดีกว่าของพวกเจ้าทั้งนั้น แต่ชาวอังกฤษเอง ตอนนั้นเสพติด ต้องดื่มชาไปแล้ว เป็นอาการที่ติดเชื้อมาจากการที่ได้เหยื่อชื่ออินเดีย ใครที่ชอบดื่มชาอังกฤษ ถึงขนาดต้องจัดเทศกาลดื่มชาใน แดนสยาม ก็รู้ไว้ด้วยนะครับ ไม่ได้เดินตามก้นอังกฤษ แต่เดินตามก้นอาบัง ชาอินเดียมีแยะก็จริง แต่ชาของจีนก็ลือชื่อ มีตั้งแต่ชั้นดีหอมชื่นใจราคาแพง จนถึงชั้นเกือบดีและราคาไม่แพง พ่อค้าอังกฤษเลย ขนซื้อชา ผ้าไหม เครื่องกระเบื้องของจีน บรรทุกเต็มเรือ เอากลับไปขายได้กำไรบานที่อังกฤษ แต่ขามา เรือสินค้าอังกฤษว่างเปล่า เพราะคนจีนบอก ไม่เห็นมีอะไรของอังกฤษที่เราอยากได้เลย ยกเว้นแต่เงินแท่งอย่างดี ที่เราจะรับเป็นค่าชำระสินค้าให้เราเท่านั้น ค้าไปค้ามาแบบนี้อยู่พักใหญ่ อังกฤษ ที่ว่าจะมาล่าจีน ดูเหมือนจะถูกจีนล้วงกระเป๋าเสี ยละมากกว่า ตกลง อังกฤษรู้จักคำว่า เสียดุลยการค้า ตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 17 ปิดเงียบเลยนะ ไหนคุยว่า ชาวเกาะใหญ่ นักล่าหมายเลขหนึ่ง เป็นต้นตำรับการเงินการค้า ฮาจริง(โว้ย) อังกฤษก็เลยต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ สมัยนั้นเจ้านาย ขุนนางจีน หรือชนชั้นสูงของจีน ก็ต้องสูบฝิ่นกันทั้งนั้น ถือเป็นเครื่องหมายวัดความร่ำรวยอย่างหนึ่ง เหมือนสมัยนี้ ที่ชาวสยามในสังคมคนรวยต้องดื่มไวน์ ยิ่งรวย ก็ยิ่งต้องดื่มยี่ห้อดีราคาแพง ขวดละ 2 แสน เอามาดื่มอวดแข่งกัน (จะ 2 แสน หรือ 200 มันก็เมาเท่ากันแหละครับ ผมยืนยัน) คนที่นำฝิ่นเข้ามาในจีนคร้ังแรก ก็คือ พ่อค้าปอร์ตุเกส ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1620 แต่พอถึงปี ค.ศ.1770 กว่า อังกฤษแก้เกม จากการเสียหน้า เสียดุลยการค้ากับจีน (ขอ ฮาอีกที) และที่สำคัญ อังกฤษหิวจัด อยากเคี้ยวจีนเต็มแก่แล้ว ยิ่งเห็นจีนมีแต่ทองแท่ง เงินแท่งเต็มท้องพระคลัง สินค้าที่อังกฤษนำติดเรือเข้ามาขายที่จีน จึงเป็นฝิ่น ที่ขนมาจนเต็มเรือเป็นฝิ่นที่อังกฤษเอามาจากตุรกีเสียส่วนใหญ่ ตอนนั้นยัง(หลอกว่า) รักกับตุรกี หรือ ออโตมานสมัยนั้นอยู่ ฝิ่นที่อังกฤษนำมา มีทั้งของดีราคาแพงขายไว้คนรวยชั้นสูง กับขี้ฝิ่น เอาไว้ขายคนทั่วไปที่ยังไม่เคยเสพ ผ่านไปไม่กี่สิบปี คนจีนไม่ว่าชั้นสูง ชั้นไม่สูง ต่างติดฝิ่นกันงอม เพราะอังกฤษเร่งเครื่องด้วยการจ่ายค่าแรงกุลีที่ขนของเป็นขี้ฝิ่น ถึงปี ค.ศ.1838 เจ้าหน้าที่ทำรายงานไปถึงฮ่องเต้ว่า ที่กวางตุ้งและฟูเจี้ยน มีจำนวนคนติดฝิ่นสูงมาก และการติดฝิ่นนี้ลามไปถึงขุนนาง และกองทัพ ประมาณว่า คนจีน 9 ใน 10 ติดฝิ่น ในรายงานบอกว่า ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปอีกไม่กี่ปี เราคงไม่เหลือทหาร และประชาชน ที่แข็งแรงพร้อมรบ และไม่มีเงินจะบำรุงกองทัพ หรือสร้างกองทัพใหม่ด้วย จักรพรรดิตังกวง สั่งปิดท่าเรือทันที ห้ามไม่ให้ต่างชาติขนฝิ่นเข้ามาขายอีกต่อไป พร้อมทั้งสั่งยึดฝิ่นที่ฝรั่งขนมาทั้งหมด ให้เอาไปเผาทิ้ง และเพื่อให้แน่ใจว่า ฝิ่นจะต้องหมดไปจากจีน ฮ่องเต้ แต่งตั้ง หลินซื่อ ผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นคนซื่อสัตย์เอาจริง ให้ทำหน้าที่เป็นมือปราบฝิ่น ตัวแทนการค้าของอังกฤษ โดยบริษัทบริติชอีสท์อินเดีย ซึ่งจริงๆ คือตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษที่เป็นทั้งหูตามือตีน ขอเจรจากับหลินซื่อ ซี่งนอกจากไม่รับเจรจาด้วยแล้ว หลินซื่อยังสั่งทำลายโรงฝิ่น โกดังฝิ่น และควบคุมตัวพ่อค้าขายฝิ่น ให้มอบฝิ่นที่ซุกซ่อนออกมาทั้งหมด และนำมาเผาทิ้ง หลังจากนั้นสั่งปิดตายท่าเรือที่กวางตุ้ง อังกฤษควันออกทุกทวาร ประกาศว่า การที่จีนทำเช่นนี้เป็นการหยามหน้าอังกฤษ ว่าแล้วก็เอาเรือรบมาปิดปากน้ำของจีน เฮ้อ… เขียนมาถึงตรงนี้ แล้วคลื่นไส้จริงๆ มันเล่นเป็นแต่บทอย่างนี้หรือไง ไอ้พวกชาติมหาอำนาจ สร้างไมตรี สร้างการค้าขาย ที่เป็นธรรมจริงๆ ที่ไม่ใช่เป็นการเอาเปรียบและบ่อนทำลาย น่ะ ทำเป็นไหม(วะ) หลังจากนั้น เหตุการณ์ก็บานปลาย กลายเป็นสงคราม ที่เรียกว่าสงครามฝิ่น Opium War ครั้งที่ 1 ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1839-1842 เมื่ออังกฤษเอากองทัพเรือมาถล่มจีน และยกพลบุกจีนไล่ยึดเข้าไปถึงซินเกียงทางใต้ของจีน ซึ่งเป็นบริเวณปลูกข้าวที่กว้างใหญ่ของจีน อังกฤษอ้างว่า เป็นการสอนบทเรียนการค้าเสรีให้แก่จีน ถุด แล้วฮ่องเต้ ก็จำใจลงนามในสนธิสัญญานานกิง เปิดประตูกว้างให้ต่างชาติเข้ามาค้าขาย มาตั้งบ้านเรือนฝังรกฝังรากตามสบาย พร้อมกับเปิดท่าเรือเพิ่มให้เรือต่างชาติอีก 4 ท่า และเสียเกาะฮ่องกงให้แก่อังกฤษตั้งแต่บัดนั้น ครั่งของตราประทับในสัญญายังไม่ทันแห้งดี อังกฤษก็นำกองทัพพ่อค้า ขนฝิ่นเข้ามาขาย… มากกว่าเดิม หลังจากอังกฤษนำทัพทำสัญญา อเมริกา ฝรั่งเศสก็ตามติดมาทำสัญญาโรเนียว เงื่อนไขเดียวกับอังกฤษ แค่เปลี่ยนชื่อประเทศ แล้วราชวงศ์ชิง ก็มีขุนนางติดฝิ่น ค้าฝิ่น ราชสำนัก กองทัพ และประชาชาอ่อนแอลงเรื่อยๆ หลินซื่อ คนเดียว สู้ไม่ไหว แถมถูกย้ายเข้ากรุ โทษฐานทำงานไม่สำเร็จ เวลาผ่านไปไม่กี่ปี อังกฤษ ก็ได้โอกาสเล่นงานจีนอีก ในปี ค.ศ.1856 เป็นสงครามฝิ่นหมายเลข 2 คราวนี้อังกฤษไม่มาเดี่ยว จับมือเอาฝรั่งเศสมาเล่นด้วย บีบให้จีนทำสนธิสัญญาเทียนสิน ค.ศ.1858 ให้จีนเปิดท่าเรือเพิ่ม รวมทั้งให้สิทธิต่างชาติเดินทางเข้าไปถึงด้านในของประเทศ เปิดทางให้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ได้ทั่ว รวมทั้งถือครองที่ดินสร้างวัดได้ หลังจากนั้น อเมริกา และรัสเซียก็เรียงแถวตามมา การมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ถือเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมที่สุด ที่อังกฤษนำมาใช้กับจีน จีนที่ยิ่งใหญ่ถึงกับมืออ่อนขาอ่อน ยืนไม่อยู่ สมองเลิกทำงาน อยากแต่จะนอนซมดูดฝิ่น ผ่านมาร้อยกว่าปี การมอมเมาให้ประเทศชาติเป้าหมายอ่อนแอ ยังนำมาใช้กันอยู่ และใช้ได้แนบเนียนกว่าเดิม ขนาดคนถูกมอมเมา ไม่รู้ตัว น่าเศร้าใจครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 739 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง สู่ทางน้ำเชี่ยว 1 – 2

    “สู่ทางน้ำเชี่ยว”
    (1)
    วันนี้ขอคุยกับท่านผู้อ่าน แบบตรงไปตรงมา จากความรู้สึกในใจของผมหน่อยเถิด ไม่ชอบใจ ก็ปิดเครื่อง หรือเปลี่ยนไปอ่านเพจอื่น ไม่พอใจ อยากจะด่า ก็เชิญตามสบาย
    แต่อย่าแรงนักแล้วกัน คนแก่ตกใจง่าย
    ผมเขียนนิทานเรื่องจริงให้อ่านกันมาเกือบ 2 ปีแล้ว เอาข้อมูลเรื่องราวที่มองมาจากอีกมุมหนึ่ง รวมทั้งที่มองจากมุมเดิม ที่เห็นๆกันอยู่ซ้ำซาก แต่ผมมองลึกไปอีกแบบ มาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อม ทั้งในบ้านและนอกบ้าน แทบไม่เคยพูดถึง หรือพูดแบบใส่สีเข้มตามใบสั่งของ เจ้าของสื่อ จนไม่รู้ว่า มีความจริงน้อยมากแค่ไหน หรือพูดแบบ มั่ว คลุมเคลือ ไม่รู้ที่มาและที่จะไปต่อ หรือพูดแบบครึ่งใบ ที่เหลือให้เดาเอา หรือแต่งกันเองสนุกดี
    จากการอ่านและการวิเคราะห์ของผมเอง ผมเชื่อว่า อีกไม่เกิน 2 ถึง 3 ปี จากที่ผมเริ่มเขียนนิทานเรื่อง แรก เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2556 ก็แปลว่า จากนี้ไป ไม่เกิน 1 ปี โลกเราจะเริ่มเข้าสู่อาการ ถ้าเปรียบกันคน ก็เป็นคนต้องเกณท์เปลี่ยนชะตานั่นแหละ มันจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็ก สิ่งน้อย ซึ่งถ้าเราไม่ทันสังเกต หรือไม่สนใจติดตาม เราก็จะไม่รู้ว่า มันมีการเปลี่ยนไปแล้ว และการเปลี่ยนนั้น จะเปลี่ยนมากขึ้น ด้วยอัตราที่เร็วขึ้น จนเราเริ่มรู้สึก แต่ก็อาจจะยังไม่รู้เรื่อง รู้เหตุ รู้ผล อยู่ดี กว่าจะรู้เรื่อง ก็อาจจะทำอะไรไม่ทันแล้ว
    เราเคยชินกับการมีอเมริกา ที่ทำตัวเหมือนเป็นจิ๊กโก๋ปากซอยตัวแสบ เบ่งกล้าม คุมทั้งซอยอยู่คนเดียว มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นานถึง 70 ปี เชียวนะครับ ที่ไอ้จิ๊กโก๋มันคุมโลก จนตัวมันก็ “ชิน” กับการที่ไม่ใครมากล้าหือกับมัน และเราๆ ก็ดัน “ชิน” กับการคุมของมัน แถมบางพวก ก็ชอบที่จะอยู่ใต้อุ้งมืออุ้งตีนของไอ้จิ๊กโก๋ ก็ของมันเคย มันชิน แต่สำหรับพวกที่ไม่ชอบ ก็ต้องทนยอมมันไป (ก่อน) ก็มันวางกฏเกณท์ของทั้งโลกทั้ง ใบ หันไปทางไหน จะทำอะไร ก็เจอกฏ เจอระบบ ที่มันวางไว้ทั้งนั้น ขนาดจะแต่งตัว ตัดผม ดูหนัง ฟังเพลง บันเทิงใจ ชอบ ไม่ชอบอะไร ยังต้องเป็นแบบที่มันจัดยัดใส่หัวมาให้เลย ใครที่ไม่อยู่ในระบบ ในรูปแบบที่มันเห็นชอบ มันก็จัดการเก็บกวาดจนเหี้ยน ในที่สุด ชาวโลกส่วนใหญ่ ก็เลยจำยอมอยู่ในกำมือ ในกฏ กติกา ความเห็น ที่ไอ้จิ๊กโก๋มันสร้าง มันวางเอาไว้ น่าสมเพชไหมครับ ที่ต้องมีใครมาจูงเราทุกเรื่อง หรือชอบใจกัน ที่ไม่ต้องคิดมาก จูงไปทางไหน ก็ไปทางนั้น…
    แต่ประมาณ 15 ปี มานี้ เริ่มมีพวกที่อยากดำเนินชีวิต ตามระบบ ตามแบบของตัวเอง อยากกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ทุกอย่างต้องขึ้นกับจิ๊กโก๋ปากซอยสั่ง กูจะหิว กูจะกิน กูจะนอน ฯลฯ ให้มันเป็นไปตามใจกูบ้างได้มั้ย กูเบื่อที่จะถูกจูงแล้ว….
    จิ๊กโก๋ บอก ไม่ได้ กูไม่เชื่อว่าพวกมึงตัดสินใจเป็น และตัดสินใจถูก ขอโทษนะครับ ต้องเขียนด้วยสรรพนาม เช่นนี้ เพราะลักษณะที่เขาออกอาการกัน มันดูจะไม่ใช่เป็นการพูดแบบคุณครับขอรับกระผมกัน ที่นี้ เรื่องมันก็เลยเริ่มวุ่น และบานไปเรื่อยๆ
    มาถึงวันนี้ โลกแบ่งชัดเจนแล้ว อำนาจของโลก ที่เคยมีขั้วอำนาจขั้วเดียว ที่คุมโดย ไอ้จิ๊กโก๋ปากซอย อเมริกาและพวกลูกกระเป๋ง กำลังเปลี่ยนไป ขั้วอำนาจอีกขั้ว ที่นำโดยรัสเซียและจีน กำลังรวมตัว และปรากฏตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีจำนวนประเทศน้อยกว่า แต่ถ้านับเนื้อที่ของประเทศ กับจำนวนรวมของพลเมือง คงไม่ต่างกันมาก และขณะนี้ ทั้งสองขั้ว ต่างกำลังจ้องตาใส่กันอย่างไม่กระพริบ เพื่อค้นหา รวมไปถึงทดสอบ ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และศักยภาพทางอาวุธ ของขั้วที่ต่างกัน ว่าใครจะเหนือกว่าใคร
    เศรษฐกิจเป็นเกมที่ทางขั้วอำนา จอเมริกาถนัดนัก เล่นกลอยู่เสมอ เล่นมา 100 ปีแล้วนี่ ปั่นขึ้น ปั่นลง ได้ทุกอย่าง ก็เป็นคนคุมระบบทั้งหมด มันก็เหมือนเป็นเจ้ามือคุมบ่อน นั่นแหล่ะ แจกไพ่เอง ทำเครื่องหมายไพ่ ให้ยืมเงินมาเล่น ใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ไล่ออกจากวง คว่ำบาตรเสีย แบบนี้ เจ้ามือก็ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว (มีแต่ถูกเผาบ่อน หรือถูกยิง) เรื่องเศรษฐกิจ จึงเป็นเหมือนตัววัดตัวหนึ่ง เมื่อไหร่ที่เจ้ามือออกอาการ มีการใกล้จะล้มโต๊ะ เพราะเจ้ามือเล่นกลไม่ออก จะเพราะลูกมือเกิดดวงดี ดวงแข็ง หรือถูกลูกมือจับกลโกงของเจ้ามือได้ นั่นก็เป็นอาการที่เราๆ จะต้องระวัง แปลว่า เรื่องใหญ่ใกล้จะมา ดวงชะตาของโลกใกล้จะมีการเปลี่ยน
    เหตุการณ์ตลาดหุ้นจีน ที่เริ่มถูกปั่นลงดิ่ง ตั้งแต่เดือนมิถุนา กรกฏาคม จนแมงเม่าตาตี่ปีกหัก ร่วงผล่อยหล่นลงพื้นเต็มไปหมด แต่จีนก็ปล่อยให้เจ้ามือตาน้ำข้าวเล่นให้เพลิน ด้วยการปล่อยให้หล่นถึงพื้น และจีนก็ซื้อกลับ ส่วนเงินกองทุนของเจ้ามือตาน้ำข้าว รวมทั้งกำไรที่รวยมาจากเด็ดปีกแมงเม่าตาตี่ เจ้ามือตาน้ำข้าวเตรียมโอนกลับ บ้าน แต่จีนบอกรอแป๊บนึง อย่าเพิ่งใจร้อน รีบโอนกลับ ขอเราตรวจสอบก่อนว่า ทำผิดกฏอะไรบ้างหรือเปล่า ทำได้ไม่ไม่ใช่หรือ ก็ดันไปเปิดบ่อนเต๋าถ่วงที่บ้านคนอื่น โง่หรือฉลาด(วะ) ทุนก้อนใหญ่ เอาออกมาไม่ได้ ตลาดอื่นๆ ก็ค่อยๆร่วง ชาวบ้านนึกว่าร่วงเรื่องกรีซ ก็เพราะสื่อย้อมสีกับกองทุนตาน้ำข้าว มันบอกอย่างนั้น ก็เลยเชื่อกันอย่างนั้น…นี่การตรวจสอบจะนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้…. สื่อฟอกย้อม เรื่องนี้ ไม่ออกข่าวเลยนะ
    อเมริกาบอก โลกนี้หมุนด้วยน้ำมัน และมันต้องเป็นน้ำมัน ที่ค้าขายกันด้วยดอลล่าร์ (เปโตรดอลล่าร์) เท่านั้น โลกถึงจะหมุน วันนี้ จีนกับรัสเซียบอก ไม่จำเป็นนะ เปโตรหยวน หรือเปโตรรูเบิล ก็หมุนโลกได้เหมือนกัน
    อเมริกาบอก ระบบการเงินในโลก ต้องคุมด้วยระบบธนาคารกลางของอเมริกา จีนกับรัสเซียบอก ไม่จำเป็นนะ ถ้าเราสร้างระบบที่พวกเราเห็นพ้องกันว่ามันยุติธรรมได้ และตอนนี้ จีนกับรัสเซีย ก็กำลังค้าขายกันด้วยการแลกเปลี่ยนเงินสกุลของพวกเขา ตามค่าของเงินที่พวกเขาตกลงกันเอง อ้าว พวกเอ็งตกลงกันเองได้ พวกผมก็ตกลงกันได้เหมือนกัน มีปัญหาไหม
    อเมริกากับพวกสร้าง World Bank, IMF มาเป็นกลไกด้านการเงิน คุมโลกจนกระดิกแทบไม่ออก วันนี้ จีนกับรัสเซียและพวกสร้าง AIIB ขึ้นมาเป็นทางเลือก
    อเมริกาสร้างใอ้ 3 หมาไน เป็นตัววัดเครดิตเรตติ้งของธุรกิจ ของประเทศต่างๆ ตามหลักเกณท์ที่มีผู้ค้านมากมาย ว่าไม่เป็นธรรม วันนี้ จีนกับรัสเซีย ก็กำลังสร้างบริษัทวัดเครดิตเช่นนั้นเหมือนกัน และบอกว่าเป็นธรรมกว่า
    เราจะได้ยินเรื่องทำนองนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริง มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดี ที่มีการเพิ่มทางเลือกให้แก่มนุษยชาติ แต่ดูเหมือนอเมริกาไม่ยินดี นอกจากไม่ยินดีแล้ว อเมริกายังแสดงอาการ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วยว่า อเมริกาไม่พอใจอย่างยิ่ง อเมริกามองว่า การที่อีกฝ่าย และมนุษยชาติ มีทางเลือก มันเป็นการคุกคาม การเป็นผู้ครอบครองโลกใบนี้แต่ผู้เดียวของอเมริกา( America World Dominence) และ อเมริกาเท่านั้นนะ ที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาของโลก มันต้องเป็นไปตามเส้นทาง วิธีการ ระบบ ที่อเมริกาเลือก และเห็นชอบสิ เข้าใจไหม
    และเพราะอเมริกา มีแนวคิด และแนวปฏิบัติเข่นนี้ โลกนี้ถึงได้ยุ่งเหยิงอย่างไม่ควรจะเป็น เมื่อใดที่เรื่องอะไร ที่ไหน ที่ไม่เป็นไปตามแนวที่อเมริกาเห็นชอบ หรือเมื่ออเมริกาอยากได้สมบัติของเขา ประเทศเหล่านั้นก็ถูกสื่อที่เป็นมือตีนของอเมริกา ฟอกย้อมให้เป็นคนเลว เป็นเผด็จการ เป็นผู้ร้าย เป็นโจร เมื่อสื่อย้อมจนได้ที่ อเมริกาก็ยาตราใช้อำนาจของอาวุธของตัวเองเข้าไปตัดสิน และประเทศเหล่านั้น ก็ถึงแก่การกาลวิบัติ ฉิบหาย จนถึงสิ้นชาติ โลกนี้จึงอยู่ในกำมือของอเมริกา ที่ใช้มาตรฐานของตน ที่มีหลายระดับ หลายแบบ ตามสันดานจิ๊กโก๋เป็นเครื่องตัดสิน

    (2)
    แดนสยามของสมันน้อย กำลังถูกอเมริกาจับตามองอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่สมันน้อยเริ่มไม่ว่าง่าย เมื่อสมันน้อยทนมีรัฐบาลโคตรโกง ไม่ไหว ออกมาขับไล่ อเมริกายื่นหน้ามาถาม ไล่เขาทำไม เขามาจากการเลือกตั้ง เสือกไหม เสือกสิ ในความเห็นของผม ทำไมเอ็งต้องมาออกความเห็นเรื่องบ้านผมทุกเรื่อง วันนี้แดนสยาม มีทหารเป็นผู้ใช้อำนาจในการบริหาร โดยยังไม่มีการลือกตั้ง อเมริกาจะลงแดงตายเสียให้ได้ เมื่อไหร่ ไทยแลนด์จะมีการเลือกตั้ง อเมริการับไม่ได้กับการปฏิวัติ รับไม่ได้กับการไม่เลือกตั้ง รับไม่ได้กับการไม่เป็นประชาธิปไตย อเมริกาไม่ชอบ ไม่ชอบ และไม่ชอบ ทำไมไม่ลงไปดื้นเร่าๆกลิ้งกับพื้น ตอนด่าไทยแลนด์เลยละ (วะ) จะได้สมกับเป็นชาติมหาอำนาจใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก
    Wall Street Journal ลงบทความ เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคมนี้ เขียนโดย นาย Desmond Dalton ซึ่งเป็นนายทหารอเมริกัน ที่เกษียณแล้ว และเคยเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาในประเทศไทย บทความนั้นชื่อว่า ” Saving America’s Ties With Thailand” หลายท่านคงเห็นแล้ว และเข้าใจว่าสื่อไทยก็น่าจะลงแล้ว แต่ผมมีมุมมองของผม ที่อาจจะต่างไปบ้าง
    บทความดังกล่าว สรุปว่า อเมริกาไม่พอใจไทย ตั้งแต่มีการปฏิวัติเมื่อปี ค.ศ.2014 (ก็ปฏิวัติของลุงตู่นั่นแหละ) และความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับไทย ก็เสื่อมลงมากมายอย่างน่าใจหาย อเมริกาหันหลังให้กับรัฐบาลทหาร อย่างไม่ไว้หน้า แถมขู่ให้ไทยรีบมีการเลือกตั้งอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้น สัมพันธ์อเมริกาไทยก็จะยิ่งเสื่อมลงไปอีกเรื่อยๆ (จะให้เสื่อมลงถึงไหน นี่ยังไม่ถึงดินหรือไง สงสัยอยากได้สัมพันธ์แบบใต้ดิน แบบนั้น ต้องไปแถวประเทศที่ถนัดแบกถาด ฮา)
    คุณทหารอดีตที่ปรึกษา บอกว่า การที่อเมริกาปฏิบัติต่อไทยเช่นนี้ ทำให้อเมริกาเสียโอกาสในไทยอย่างยิ่ง และทำให้นโยบายของรัฐบาลโอบามา ที่คิดจะมาถ่วงดุลอำนาจ ในเอเซียแปซิฟิกจะกลายเป็นแค่ราคาคุย ไม่ใช่ว่า อเมริกาควรจะหลับหู หลับตา กับสิ่งที่ไทยทำ แต่เพื่อรักษาโอกาสของอเมริกา อเมริกาก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่สร้างศัตรูกับไทย ด้วยการด่าว่าทหารไทยอย่างเอิกเกริก ไปพูด (ด่า) กันเงียบๆก็ได้นะ แถมการที่อเมริกาตัดงบอาวุธ ตัดงบการอบรม สาระพัดกับไทย กลายเป็นการผลักให้ไทยหันไปสร้างสัมพันธ์กับชาติอื่น เช่นจีนแทน…
    ….และไทย ก็เลยปิดประตูทางเข้า ที่อเมริกาเคยเข้ามาใช้ไทยอย่างอิสระ สะดวกสบายไปเรียบร้อย และจากการตัดสินใจซื้ออาวุธล่าสุดของไทย แสดงให้เห็นว่า ไทยไม่คิดจะพึ่งพาอเมริกาด้านอาวุธเพียงรายเดียว นี่เป็นก้าวที่พลาดอย่างยิ่งของอเมริกา แม้ไทยจะเป็นเพียงประเทศขนาดกลาง มีพลเมือง ประมาณ 70 ล้านคน มีเศรษฐกิจเพียงอันดับที่ 22 ของโลก … แต่ไทย มีความหมายในเชิงยุทธศาสตร์อย่างยิ่งกับอเมริกา ……
    ….เส้นทางจากไทย เป็นเส้นทางเดียว ที่กองทัพอเมริกันเชื่อถือ ที่จะใช้เป็นจุดผ่านเข้าไปสู่แผ่นดินใหญ่ของเอเซีย…
    …It offers U.S forces the only reliable access point to mainland Asia…
    นอกจากนี้ อุตสาหกรรมด้านการผลิตอาวุธของอเมริกา ได้รับการอุดหนุนจากงบประมาณด้านความมั่นคงก้อนใหญ่ ของไทยทุกปี
    บทความที่เหลือ ก็เป็นการสรรเสริญ ถึงความเก่งกล้าสามารถด้านการทหารของไทย รวมทั้งด้านการเป็นผู้นำในภูมิภาคของไทย พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ให้อเมริกากลับมาเจรจาโดยใช้คำหวานกับไทยเสียใหม่ ให้ไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย และเพื่อที่อเมริกาจะได้ใช้ประโยชน์จากการมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้มากที่สุด…โดยทำผ่านการพูดคุยกับผู้นำทหาร นักวิชาการ และราษฎรที่มีชื่อเสียง….อืม..
    พอเห็นไหมครับ ว่าบทความนี้มันสื่ออะไรกับเราบ้าง
    มันไม่มีส่วนไหนเลย ที่แสดงถึงความเข้าใจ และเห็นใจประเทศไทย มันมีแต่ว่า เขาจะใช้ประโยชน์จากเราได้อย่างไรบ้าง และจะ “ทำอย่างไร” ที่จะกลับมาจิกหัวเรา ได้อย่างเดิม
    บทความนี้ เป็นการโยนหินถามทางที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะ คำแนะนำ ว่า อเมริกาควร “ทำอย่างไร” เพื่อจะกลับมา
    อเมริกา น่าจะรู้ตัวแล้วว่า อเมริกากำลังเดินหมากผิดจนน่าโขกหัวตัวเอง ในยามที่โลกแบ่งชัดเป็น 2 ขั้ว เมื่อจีนและรัสเซียอยู่คนละขั้วกับอเมริกา แต่อเมริกาดันถีบหมากชื่อไทยแลนด์ กระเด็นออกไปนอกกระดานของอเมริกา และก็เป็นการถีบทิ้งอย่างเอิกเกริก เล่นงานกันทุกทาง ไม่ว่าจะโดยแสดงด้วยกริยา อาการ หรือการแสดงด้วยวาจา การด่า การเขียน ทั้งทางตรง ทางอ้อม แม้กระทั่งในบทความของถังขยะความคิด ไม่ว่าถังไหน เมื่อพูดถึงอเมริกาและพวก จะไม่ปรากฏชื่อไทยแลนด์ แดนสยามของสมันน้อยแม้แต่ครั้งเดียว คบกันมา กว่า 70 ปี บทจะถีบทิ้ง ก็ไม่เหลือใย เหลือหน้ากันไว้ อย่างนี้จะกลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่ จะให้มองกันติดสนิทใจ จะใช้กาวยี่ห้อไหนดี(วะ)
    อเมริกา กำลังทดสอบไทย ตามสันดานจิ๊กโก๋ปากซอย ด้วยการบีบคั้นทุกรูปแบบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาใช้ hard power (อาวุธ) อเมริกาจึงใช้ soft power (อำนาจที่ไม่ต้องใช้อาวุธ เช่น การคว่ำบาตร การกีดกัน การระงับ โดยอ้างว่าไม่ได้มาตรฐานการ และใช้มากที่สุดคือ ใช้สื่อโจมตี) เราจึงได้เห็นตั้งแต่ การโจมตีเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ การเลื่อนการเลือกตั้ง เรื่องการไม่มีมนุษยธรรม ตั้งแต่โรฮิงญา มาจนถึงอุยกูร์ การที่บริษักการบินไทยไม่ได้มาตรฐาน เรื่องส่งออกอาหารไม่ผ่านมาตรฐาน ใช้แรงงานผิดมาตรฐาน ข่าวเรื่องอียู คว่ำบาตรไทย การจ่าหน้าซองผิด ฯลฯ ยังจะมีสาระพัด ตะหวักตะบวยเลวไปกว่านี้อีกมากมาย ที่มันจะสรรหา ยกขึ้นตามมาอีก การก่อกวนในรูปแบบต่างๆ ก็ยังจะเกิดขึ้นอีก และอาจจะรุนแรงขึ้น เป้าหมายก็เพื่อสั่นคลอนเรา พยายามทุกอย่างให้สมันน้อยปอดแหก จะได้ไม่กล้า แหกคอก
    มาถึงวันนี้ วันที่ต่างก็เริ่มเห็นชัดแล้ว ว่าอะไรคอยอยู่ข้างหน้า อเมริกา คิดตกหรือยัง ว่า จะตบหน้าเพื่อนเก่า 70 ปีต่อไปอีก โทษฐานคิดแหกคอก หรือ อเมริกาจะทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินกลับมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะชักสำนึกได้ว่า ถ้าจะใช้ไอ้พวกลูกกระเป๋ง มาแบกถาดถือปืน อาจจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด
    จิ๊กโก๋ทำได้ไหม ทำได้สบายมาก ถ้าจำเป็นจริงๆ อเมริกาก็หาวิธีกลับเข้ามาตบหลังลูบหัวไทยได้ ถ้าเดินเข้ามาตรงๆไม่ได้ หนอนในบ้าน ที่ยังเห็นอเมริกาเป็นพ่อ ยังมีอีกแยะ คงหาทางให้ สมันน้อยเดินจ๋อยๆกลับเข้าคอกเอง โดยนึกว่าอเมริกาไม่เกี่ยว แล้วเราจะว่ายังไงครับ….
    ตอนนี้ ลุงตู่กำลังทำหน้าที่เป็นกัปตัน พาเรือใหญ่ขนาดกลาง ขนคนประมาณ 70 ล้านคน มุ่งหน้าไปตามลำน้ำใหญ่ สายน้ำเริ่มเชี่ยวขึ้นทุกที แถมข้างหน้า มีวังน้ำวนเห็นอยู่ชัดๆ เรือจะผ่านวังน้ำวน ไปได้หรือเปล่ายังไม่รู้ ลุงตู่จะคัดท้าย นำเรือขนาดกลางนี้ ไปรอดไหม ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคัด ท้ายของลุงตู่เอง แต่อีกส่วน ก็ขึ้นอยู่กับผู้โดยสาร 70 ล้านคนนั่นด้วย จะเอาอย่างไรล่ะ จะให้กัปตันพาเรือเดินหน้า หรือเปลี่ยนใจ ไม่ไปต่อแล้ว กลัวน้ำวน กลัวโจรปล้น กลัวจิ๊กโก๋ขู่ ให้กัปตันทิ้งสมอ จอดมันริมฝั่งนั่นแหละ ใครจะมาเอาเรือก็เอาไป แล้วจะจอดฝั่งไหนล่ะ ฝั่งที่คุ้นๆกันมา 70 ปี เดี๋ยวดี เดียวด่า ทำเหมือนสมันน้อยเป็นขี้ข้า หรือจะจอดอีกฝั่ง จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เท่าที่ดู เขาว่าเป็นประเภทไม่ชอบเป็นขี้ข้าใคร แต่จะทิ้งสมอจอดเรือ ยามน้ำเชี่ยว ก็ใช่ว่าจะทำง่าย เผลอๆ ล่มตอนจอดนี่แหละ สมันน้อย ได้เป็นสมันน้ำ ลอยคอกันเป็นแถว
    เออ..แล้ว อยู่ๆ จะจอดเรือ ยกประเทศให้เขาเลยงั้นหรือ จะมีคนไม่ยอม หรือ จะมีคนอยากให้เขาจูงกลับเข้าคอก ผมตอบไม่ได้ รู้แต่ว่า หนอนในที่ชอบอยู่คอก และชอบถูกจูงยังมีอยู่
    แต่ถ้าเราจะเลือกเดินหน้า ผู้โดยสารก็ต้องทำความเข้าใจ และปรับชีวิตตัวเองบ้าง ต้องรับรู้ว่า กำลังนั่งเรือไปในทางน้ำเชี่ยว ก็ต้องนั่งให้มีสติ เตรียมอุปกรณ์ทั้งด้านส่วนตัวและ ด้านสติปัญญาให้พร้อม เริ่มฝึกตัวเองให้มีวินัย ช่วยเหลือตัวเองได้ นั่งเรือไป ไม่ใช่วีดว้าย กระตู้วู้ ไปตลอดทาง อะไรนิดก็โวย อะไรหน่อยก็ด่า ฟังอะไรมาไม่ได้ยังไม่ทันกรอง ก็แชร์กัน ไลน์กัน เหมือนคนมีแต่นิ้ว แต่ไม่มีสมอง เป็นมนุษย์พันธ์ใหม่ และอย่าเป็นประเภทชอบเอามือราน้ำ แบบนี้ ต่อให้กัปตันเก่งยังไง เรือก็อาจล่ม…
    บ้านเมืองมาถึงจุดสำคัญ ตื่นกันได้แล้วครับ ลดเรื่องไร้สาระลงเสียบ้าง เอาใจใส่บ้านเมืองกันหน่อย อย่างที่ผมเคยบอก ความเข้าใจและเห็นพ้องกัน ระหว่างผู้บริหารบ้านเมืองกับพลเมือง เป็นความมั่นคงของชาติอย่างหนึ่ง ปิดทางไม่ให้ศัตรูทั้งภายนอกและภายในเข้ามาทำร้าย และทำลายบ้านเมืองเราได้ เราจะได้ช่วยกัน พาเรือผ่านน้ำเชี่ยวไปได้ เป็นสิ่งที่เราทำให้บ้านเมืองของเราได้นะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 ก.ค. 2558
    เรื่อง สู่ทางน้ำเชี่ยว 1 – 2 “สู่ทางน้ำเชี่ยว” (1) วันนี้ขอคุยกับท่านผู้อ่าน แบบตรงไปตรงมา จากความรู้สึกในใจของผมหน่อยเถิด ไม่ชอบใจ ก็ปิดเครื่อง หรือเปลี่ยนไปอ่านเพจอื่น ไม่พอใจ อยากจะด่า ก็เชิญตามสบาย แต่อย่าแรงนักแล้วกัน คนแก่ตกใจง่าย ผมเขียนนิทานเรื่องจริงให้อ่านกันมาเกือบ 2 ปีแล้ว เอาข้อมูลเรื่องราวที่มองมาจากอีกมุมหนึ่ง รวมทั้งที่มองจากมุมเดิม ที่เห็นๆกันอยู่ซ้ำซาก แต่ผมมองลึกไปอีกแบบ มาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องราวที่สื่อฟอกย้อม ทั้งในบ้านและนอกบ้าน แทบไม่เคยพูดถึง หรือพูดแบบใส่สีเข้มตามใบสั่งของ เจ้าของสื่อ จนไม่รู้ว่า มีความจริงน้อยมากแค่ไหน หรือพูดแบบ มั่ว คลุมเคลือ ไม่รู้ที่มาและที่จะไปต่อ หรือพูดแบบครึ่งใบ ที่เหลือให้เดาเอา หรือแต่งกันเองสนุกดี จากการอ่านและการวิเคราะห์ของผมเอง ผมเชื่อว่า อีกไม่เกิน 2 ถึง 3 ปี จากที่ผมเริ่มเขียนนิทานเรื่อง แรก เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2556 ก็แปลว่า จากนี้ไป ไม่เกิน 1 ปี โลกเราจะเริ่มเข้าสู่อาการ ถ้าเปรียบกันคน ก็เป็นคนต้องเกณท์เปลี่ยนชะตานั่นแหละ มันจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็ก สิ่งน้อย ซึ่งถ้าเราไม่ทันสังเกต หรือไม่สนใจติดตาม เราก็จะไม่รู้ว่า มันมีการเปลี่ยนไปแล้ว และการเปลี่ยนนั้น จะเปลี่ยนมากขึ้น ด้วยอัตราที่เร็วขึ้น จนเราเริ่มรู้สึก แต่ก็อาจจะยังไม่รู้เรื่อง รู้เหตุ รู้ผล อยู่ดี กว่าจะรู้เรื่อง ก็อาจจะทำอะไรไม่ทันแล้ว เราเคยชินกับการมีอเมริกา ที่ทำตัวเหมือนเป็นจิ๊กโก๋ปากซอยตัวแสบ เบ่งกล้าม คุมทั้งซอยอยู่คนเดียว มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นานถึง 70 ปี เชียวนะครับ ที่ไอ้จิ๊กโก๋มันคุมโลก จนตัวมันก็ “ชิน” กับการที่ไม่ใครมากล้าหือกับมัน และเราๆ ก็ดัน “ชิน” กับการคุมของมัน แถมบางพวก ก็ชอบที่จะอยู่ใต้อุ้งมืออุ้งตีนของไอ้จิ๊กโก๋ ก็ของมันเคย มันชิน แต่สำหรับพวกที่ไม่ชอบ ก็ต้องทนยอมมันไป (ก่อน) ก็มันวางกฏเกณท์ของทั้งโลกทั้ง ใบ หันไปทางไหน จะทำอะไร ก็เจอกฏ เจอระบบ ที่มันวางไว้ทั้งนั้น ขนาดจะแต่งตัว ตัดผม ดูหนัง ฟังเพลง บันเทิงใจ ชอบ ไม่ชอบอะไร ยังต้องเป็นแบบที่มันจัดยัดใส่หัวมาให้เลย ใครที่ไม่อยู่ในระบบ ในรูปแบบที่มันเห็นชอบ มันก็จัดการเก็บกวาดจนเหี้ยน ในที่สุด ชาวโลกส่วนใหญ่ ก็เลยจำยอมอยู่ในกำมือ ในกฏ กติกา ความเห็น ที่ไอ้จิ๊กโก๋มันสร้าง มันวางเอาไว้ น่าสมเพชไหมครับ ที่ต้องมีใครมาจูงเราทุกเรื่อง หรือชอบใจกัน ที่ไม่ต้องคิดมาก จูงไปทางไหน ก็ไปทางนั้น… แต่ประมาณ 15 ปี มานี้ เริ่มมีพวกที่อยากดำเนินชีวิต ตามระบบ ตามแบบของตัวเอง อยากกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ทุกอย่างต้องขึ้นกับจิ๊กโก๋ปากซอยสั่ง กูจะหิว กูจะกิน กูจะนอน ฯลฯ ให้มันเป็นไปตามใจกูบ้างได้มั้ย กูเบื่อที่จะถูกจูงแล้ว…. จิ๊กโก๋ บอก ไม่ได้ กูไม่เชื่อว่าพวกมึงตัดสินใจเป็น และตัดสินใจถูก ขอโทษนะครับ ต้องเขียนด้วยสรรพนาม เช่นนี้ เพราะลักษณะที่เขาออกอาการกัน มันดูจะไม่ใช่เป็นการพูดแบบคุณครับขอรับกระผมกัน ที่นี้ เรื่องมันก็เลยเริ่มวุ่น และบานไปเรื่อยๆ มาถึงวันนี้ โลกแบ่งชัดเจนแล้ว อำนาจของโลก ที่เคยมีขั้วอำนาจขั้วเดียว ที่คุมโดย ไอ้จิ๊กโก๋ปากซอย อเมริกาและพวกลูกกระเป๋ง กำลังเปลี่ยนไป ขั้วอำนาจอีกขั้ว ที่นำโดยรัสเซียและจีน กำลังรวมตัว และปรากฏตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีจำนวนประเทศน้อยกว่า แต่ถ้านับเนื้อที่ของประเทศ กับจำนวนรวมของพลเมือง คงไม่ต่างกันมาก และขณะนี้ ทั้งสองขั้ว ต่างกำลังจ้องตาใส่กันอย่างไม่กระพริบ เพื่อค้นหา รวมไปถึงทดสอบ ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และศักยภาพทางอาวุธ ของขั้วที่ต่างกัน ว่าใครจะเหนือกว่าใคร เศรษฐกิจเป็นเกมที่ทางขั้วอำนา จอเมริกาถนัดนัก เล่นกลอยู่เสมอ เล่นมา 100 ปีแล้วนี่ ปั่นขึ้น ปั่นลง ได้ทุกอย่าง ก็เป็นคนคุมระบบทั้งหมด มันก็เหมือนเป็นเจ้ามือคุมบ่อน นั่นแหล่ะ แจกไพ่เอง ทำเครื่องหมายไพ่ ให้ยืมเงินมาเล่น ใครทำอะไรไม่ถูกใจ ก็ไล่ออกจากวง คว่ำบาตรเสีย แบบนี้ เจ้ามือก็ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว (มีแต่ถูกเผาบ่อน หรือถูกยิง) เรื่องเศรษฐกิจ จึงเป็นเหมือนตัววัดตัวหนึ่ง เมื่อไหร่ที่เจ้ามือออกอาการ มีการใกล้จะล้มโต๊ะ เพราะเจ้ามือเล่นกลไม่ออก จะเพราะลูกมือเกิดดวงดี ดวงแข็ง หรือถูกลูกมือจับกลโกงของเจ้ามือได้ นั่นก็เป็นอาการที่เราๆ จะต้องระวัง แปลว่า เรื่องใหญ่ใกล้จะมา ดวงชะตาของโลกใกล้จะมีการเปลี่ยน เหตุการณ์ตลาดหุ้นจีน ที่เริ่มถูกปั่นลงดิ่ง ตั้งแต่เดือนมิถุนา กรกฏาคม จนแมงเม่าตาตี่ปีกหัก ร่วงผล่อยหล่นลงพื้นเต็มไปหมด แต่จีนก็ปล่อยให้เจ้ามือตาน้ำข้าวเล่นให้เพลิน ด้วยการปล่อยให้หล่นถึงพื้น และจีนก็ซื้อกลับ ส่วนเงินกองทุนของเจ้ามือตาน้ำข้าว รวมทั้งกำไรที่รวยมาจากเด็ดปีกแมงเม่าตาตี่ เจ้ามือตาน้ำข้าวเตรียมโอนกลับ บ้าน แต่จีนบอกรอแป๊บนึง อย่าเพิ่งใจร้อน รีบโอนกลับ ขอเราตรวจสอบก่อนว่า ทำผิดกฏอะไรบ้างหรือเปล่า ทำได้ไม่ไม่ใช่หรือ ก็ดันไปเปิดบ่อนเต๋าถ่วงที่บ้านคนอื่น โง่หรือฉลาด(วะ) ทุนก้อนใหญ่ เอาออกมาไม่ได้ ตลาดอื่นๆ ก็ค่อยๆร่วง ชาวบ้านนึกว่าร่วงเรื่องกรีซ ก็เพราะสื่อย้อมสีกับกองทุนตาน้ำข้าว มันบอกอย่างนั้น ก็เลยเชื่อกันอย่างนั้น…นี่การตรวจสอบจะนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้…. สื่อฟอกย้อม เรื่องนี้ ไม่ออกข่าวเลยนะ อเมริกาบอก โลกนี้หมุนด้วยน้ำมัน และมันต้องเป็นน้ำมัน ที่ค้าขายกันด้วยดอลล่าร์ (เปโตรดอลล่าร์) เท่านั้น โลกถึงจะหมุน วันนี้ จีนกับรัสเซียบอก ไม่จำเป็นนะ เปโตรหยวน หรือเปโตรรูเบิล ก็หมุนโลกได้เหมือนกัน อเมริกาบอก ระบบการเงินในโลก ต้องคุมด้วยระบบธนาคารกลางของอเมริกา จีนกับรัสเซียบอก ไม่จำเป็นนะ ถ้าเราสร้างระบบที่พวกเราเห็นพ้องกันว่ามันยุติธรรมได้ และตอนนี้ จีนกับรัสเซีย ก็กำลังค้าขายกันด้วยการแลกเปลี่ยนเงินสกุลของพวกเขา ตามค่าของเงินที่พวกเขาตกลงกันเอง อ้าว พวกเอ็งตกลงกันเองได้ พวกผมก็ตกลงกันได้เหมือนกัน มีปัญหาไหม อเมริกากับพวกสร้าง World Bank, IMF มาเป็นกลไกด้านการเงิน คุมโลกจนกระดิกแทบไม่ออก วันนี้ จีนกับรัสเซียและพวกสร้าง AIIB ขึ้นมาเป็นทางเลือก อเมริกาสร้างใอ้ 3 หมาไน เป็นตัววัดเครดิตเรตติ้งของธุรกิจ ของประเทศต่างๆ ตามหลักเกณท์ที่มีผู้ค้านมากมาย ว่าไม่เป็นธรรม วันนี้ จีนกับรัสเซีย ก็กำลังสร้างบริษัทวัดเครดิตเช่นนั้นเหมือนกัน และบอกว่าเป็นธรรมกว่า เราจะได้ยินเรื่องทำนองนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริง มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดี ที่มีการเพิ่มทางเลือกให้แก่มนุษยชาติ แต่ดูเหมือนอเมริกาไม่ยินดี นอกจากไม่ยินดีแล้ว อเมริกายังแสดงอาการ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วยว่า อเมริกาไม่พอใจอย่างยิ่ง อเมริกามองว่า การที่อีกฝ่าย และมนุษยชาติ มีทางเลือก มันเป็นการคุกคาม การเป็นผู้ครอบครองโลกใบนี้แต่ผู้เดียวของอเมริกา( America World Dominence) และ อเมริกาเท่านั้นนะ ที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาของโลก มันต้องเป็นไปตามเส้นทาง วิธีการ ระบบ ที่อเมริกาเลือก และเห็นชอบสิ เข้าใจไหม และเพราะอเมริกา มีแนวคิด และแนวปฏิบัติเข่นนี้ โลกนี้ถึงได้ยุ่งเหยิงอย่างไม่ควรจะเป็น เมื่อใดที่เรื่องอะไร ที่ไหน ที่ไม่เป็นไปตามแนวที่อเมริกาเห็นชอบ หรือเมื่ออเมริกาอยากได้สมบัติของเขา ประเทศเหล่านั้นก็ถูกสื่อที่เป็นมือตีนของอเมริกา ฟอกย้อมให้เป็นคนเลว เป็นเผด็จการ เป็นผู้ร้าย เป็นโจร เมื่อสื่อย้อมจนได้ที่ อเมริกาก็ยาตราใช้อำนาจของอาวุธของตัวเองเข้าไปตัดสิน และประเทศเหล่านั้น ก็ถึงแก่การกาลวิบัติ ฉิบหาย จนถึงสิ้นชาติ โลกนี้จึงอยู่ในกำมือของอเมริกา ที่ใช้มาตรฐานของตน ที่มีหลายระดับ หลายแบบ ตามสันดานจิ๊กโก๋เป็นเครื่องตัดสิน (2) แดนสยามของสมันน้อย กำลังถูกอเมริกาจับตามองอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่สมันน้อยเริ่มไม่ว่าง่าย เมื่อสมันน้อยทนมีรัฐบาลโคตรโกง ไม่ไหว ออกมาขับไล่ อเมริกายื่นหน้ามาถาม ไล่เขาทำไม เขามาจากการเลือกตั้ง เสือกไหม เสือกสิ ในความเห็นของผม ทำไมเอ็งต้องมาออกความเห็นเรื่องบ้านผมทุกเรื่อง วันนี้แดนสยาม มีทหารเป็นผู้ใช้อำนาจในการบริหาร โดยยังไม่มีการลือกตั้ง อเมริกาจะลงแดงตายเสียให้ได้ เมื่อไหร่ ไทยแลนด์จะมีการเลือกตั้ง อเมริการับไม่ได้กับการปฏิวัติ รับไม่ได้กับการไม่เลือกตั้ง รับไม่ได้กับการไม่เป็นประชาธิปไตย อเมริกาไม่ชอบ ไม่ชอบ และไม่ชอบ ทำไมไม่ลงไปดื้นเร่าๆกลิ้งกับพื้น ตอนด่าไทยแลนด์เลยละ (วะ) จะได้สมกับเป็นชาติมหาอำนาจใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก Wall Street Journal ลงบทความ เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคมนี้ เขียนโดย นาย Desmond Dalton ซึ่งเป็นนายทหารอเมริกัน ที่เกษียณแล้ว และเคยเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของอเมริกาในประเทศไทย บทความนั้นชื่อว่า ” Saving America’s Ties With Thailand” หลายท่านคงเห็นแล้ว และเข้าใจว่าสื่อไทยก็น่าจะลงแล้ว แต่ผมมีมุมมองของผม ที่อาจจะต่างไปบ้าง บทความดังกล่าว สรุปว่า อเมริกาไม่พอใจไทย ตั้งแต่มีการปฏิวัติเมื่อปี ค.ศ.2014 (ก็ปฏิวัติของลุงตู่นั่นแหละ) และความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับไทย ก็เสื่อมลงมากมายอย่างน่าใจหาย อเมริกาหันหลังให้กับรัฐบาลทหาร อย่างไม่ไว้หน้า แถมขู่ให้ไทยรีบมีการเลือกตั้งอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้น สัมพันธ์อเมริกาไทยก็จะยิ่งเสื่อมลงไปอีกเรื่อยๆ (จะให้เสื่อมลงถึงไหน นี่ยังไม่ถึงดินหรือไง สงสัยอยากได้สัมพันธ์แบบใต้ดิน แบบนั้น ต้องไปแถวประเทศที่ถนัดแบกถาด ฮา) คุณทหารอดีตที่ปรึกษา บอกว่า การที่อเมริกาปฏิบัติต่อไทยเช่นนี้ ทำให้อเมริกาเสียโอกาสในไทยอย่างยิ่ง และทำให้นโยบายของรัฐบาลโอบามา ที่คิดจะมาถ่วงดุลอำนาจ ในเอเซียแปซิฟิกจะกลายเป็นแค่ราคาคุย ไม่ใช่ว่า อเมริกาควรจะหลับหู หลับตา กับสิ่งที่ไทยทำ แต่เพื่อรักษาโอกาสของอเมริกา อเมริกาก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่สร้างศัตรูกับไทย ด้วยการด่าว่าทหารไทยอย่างเอิกเกริก ไปพูด (ด่า) กันเงียบๆก็ได้นะ แถมการที่อเมริกาตัดงบอาวุธ ตัดงบการอบรม สาระพัดกับไทย กลายเป็นการผลักให้ไทยหันไปสร้างสัมพันธ์กับชาติอื่น เช่นจีนแทน… ….และไทย ก็เลยปิดประตูทางเข้า ที่อเมริกาเคยเข้ามาใช้ไทยอย่างอิสระ สะดวกสบายไปเรียบร้อย และจากการตัดสินใจซื้ออาวุธล่าสุดของไทย แสดงให้เห็นว่า ไทยไม่คิดจะพึ่งพาอเมริกาด้านอาวุธเพียงรายเดียว นี่เป็นก้าวที่พลาดอย่างยิ่งของอเมริกา แม้ไทยจะเป็นเพียงประเทศขนาดกลาง มีพลเมือง ประมาณ 70 ล้านคน มีเศรษฐกิจเพียงอันดับที่ 22 ของโลก … แต่ไทย มีความหมายในเชิงยุทธศาสตร์อย่างยิ่งกับอเมริกา …… ….เส้นทางจากไทย เป็นเส้นทางเดียว ที่กองทัพอเมริกันเชื่อถือ ที่จะใช้เป็นจุดผ่านเข้าไปสู่แผ่นดินใหญ่ของเอเซีย… …It offers U.S forces the only reliable access point to mainland Asia… นอกจากนี้ อุตสาหกรรมด้านการผลิตอาวุธของอเมริกา ได้รับการอุดหนุนจากงบประมาณด้านความมั่นคงก้อนใหญ่ ของไทยทุกปี บทความที่เหลือ ก็เป็นการสรรเสริญ ถึงความเก่งกล้าสามารถด้านการทหารของไทย รวมทั้งด้านการเป็นผู้นำในภูมิภาคของไทย พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ให้อเมริกากลับมาเจรจาโดยใช้คำหวานกับไทยเสียใหม่ ให้ไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย และเพื่อที่อเมริกาจะได้ใช้ประโยชน์จากการมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้มากที่สุด…โดยทำผ่านการพูดคุยกับผู้นำทหาร นักวิชาการ และราษฎรที่มีชื่อเสียง….อืม.. พอเห็นไหมครับ ว่าบทความนี้มันสื่ออะไรกับเราบ้าง มันไม่มีส่วนไหนเลย ที่แสดงถึงความเข้าใจ และเห็นใจประเทศไทย มันมีแต่ว่า เขาจะใช้ประโยชน์จากเราได้อย่างไรบ้าง และจะ “ทำอย่างไร” ที่จะกลับมาจิกหัวเรา ได้อย่างเดิม บทความนี้ เป็นการโยนหินถามทางที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะ คำแนะนำ ว่า อเมริกาควร “ทำอย่างไร” เพื่อจะกลับมา อเมริกา น่าจะรู้ตัวแล้วว่า อเมริกากำลังเดินหมากผิดจนน่าโขกหัวตัวเอง ในยามที่โลกแบ่งชัดเป็น 2 ขั้ว เมื่อจีนและรัสเซียอยู่คนละขั้วกับอเมริกา แต่อเมริกาดันถีบหมากชื่อไทยแลนด์ กระเด็นออกไปนอกกระดานของอเมริกา และก็เป็นการถีบทิ้งอย่างเอิกเกริก เล่นงานกันทุกทาง ไม่ว่าจะโดยแสดงด้วยกริยา อาการ หรือการแสดงด้วยวาจา การด่า การเขียน ทั้งทางตรง ทางอ้อม แม้กระทั่งในบทความของถังขยะความคิด ไม่ว่าถังไหน เมื่อพูดถึงอเมริกาและพวก จะไม่ปรากฏชื่อไทยแลนด์ แดนสยามของสมันน้อยแม้แต่ครั้งเดียว คบกันมา กว่า 70 ปี บทจะถีบทิ้ง ก็ไม่เหลือใย เหลือหน้ากันไว้ อย่างนี้จะกลับมาเป็นเพื่อนกันใหม่ จะให้มองกันติดสนิทใจ จะใช้กาวยี่ห้อไหนดี(วะ) อเมริกา กำลังทดสอบไทย ตามสันดานจิ๊กโก๋ปากซอย ด้วยการบีบคั้นทุกรูปแบบ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาใช้ hard power (อาวุธ) อเมริกาจึงใช้ soft power (อำนาจที่ไม่ต้องใช้อาวุธ เช่น การคว่ำบาตร การกีดกัน การระงับ โดยอ้างว่าไม่ได้มาตรฐานการ และใช้มากที่สุดคือ ใช้สื่อโจมตี) เราจึงได้เห็นตั้งแต่ การโจมตีเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ การเลื่อนการเลือกตั้ง เรื่องการไม่มีมนุษยธรรม ตั้งแต่โรฮิงญา มาจนถึงอุยกูร์ การที่บริษักการบินไทยไม่ได้มาตรฐาน เรื่องส่งออกอาหารไม่ผ่านมาตรฐาน ใช้แรงงานผิดมาตรฐาน ข่าวเรื่องอียู คว่ำบาตรไทย การจ่าหน้าซองผิด ฯลฯ ยังจะมีสาระพัด ตะหวักตะบวยเลวไปกว่านี้อีกมากมาย ที่มันจะสรรหา ยกขึ้นตามมาอีก การก่อกวนในรูปแบบต่างๆ ก็ยังจะเกิดขึ้นอีก และอาจจะรุนแรงขึ้น เป้าหมายก็เพื่อสั่นคลอนเรา พยายามทุกอย่างให้สมันน้อยปอดแหก จะได้ไม่กล้า แหกคอก มาถึงวันนี้ วันที่ต่างก็เริ่มเห็นชัดแล้ว ว่าอะไรคอยอยู่ข้างหน้า อเมริกา คิดตกหรือยัง ว่า จะตบหน้าเพื่อนเก่า 70 ปีต่อไปอีก โทษฐานคิดแหกคอก หรือ อเมริกาจะทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินกลับมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะชักสำนึกได้ว่า ถ้าจะใช้ไอ้พวกลูกกระเป๋ง มาแบกถาดถือปืน อาจจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด จิ๊กโก๋ทำได้ไหม ทำได้สบายมาก ถ้าจำเป็นจริงๆ อเมริกาก็หาวิธีกลับเข้ามาตบหลังลูบหัวไทยได้ ถ้าเดินเข้ามาตรงๆไม่ได้ หนอนในบ้าน ที่ยังเห็นอเมริกาเป็นพ่อ ยังมีอีกแยะ คงหาทางให้ สมันน้อยเดินจ๋อยๆกลับเข้าคอกเอง โดยนึกว่าอเมริกาไม่เกี่ยว แล้วเราจะว่ายังไงครับ…. ตอนนี้ ลุงตู่กำลังทำหน้าที่เป็นกัปตัน พาเรือใหญ่ขนาดกลาง ขนคนประมาณ 70 ล้านคน มุ่งหน้าไปตามลำน้ำใหญ่ สายน้ำเริ่มเชี่ยวขึ้นทุกที แถมข้างหน้า มีวังน้ำวนเห็นอยู่ชัดๆ เรือจะผ่านวังน้ำวน ไปได้หรือเปล่ายังไม่รู้ ลุงตู่จะคัดท้าย นำเรือขนาดกลางนี้ ไปรอดไหม ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคัด ท้ายของลุงตู่เอง แต่อีกส่วน ก็ขึ้นอยู่กับผู้โดยสาร 70 ล้านคนนั่นด้วย จะเอาอย่างไรล่ะ จะให้กัปตันพาเรือเดินหน้า หรือเปลี่ยนใจ ไม่ไปต่อแล้ว กลัวน้ำวน กลัวโจรปล้น กลัวจิ๊กโก๋ขู่ ให้กัปตันทิ้งสมอ จอดมันริมฝั่งนั่นแหละ ใครจะมาเอาเรือก็เอาไป แล้วจะจอดฝั่งไหนล่ะ ฝั่งที่คุ้นๆกันมา 70 ปี เดี๋ยวดี เดียวด่า ทำเหมือนสมันน้อยเป็นขี้ข้า หรือจะจอดอีกฝั่ง จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เท่าที่ดู เขาว่าเป็นประเภทไม่ชอบเป็นขี้ข้าใคร แต่จะทิ้งสมอจอดเรือ ยามน้ำเชี่ยว ก็ใช่ว่าจะทำง่าย เผลอๆ ล่มตอนจอดนี่แหละ สมันน้อย ได้เป็นสมันน้ำ ลอยคอกันเป็นแถว เออ..แล้ว อยู่ๆ จะจอดเรือ ยกประเทศให้เขาเลยงั้นหรือ จะมีคนไม่ยอม หรือ จะมีคนอยากให้เขาจูงกลับเข้าคอก ผมตอบไม่ได้ รู้แต่ว่า หนอนในที่ชอบอยู่คอก และชอบถูกจูงยังมีอยู่ แต่ถ้าเราจะเลือกเดินหน้า ผู้โดยสารก็ต้องทำความเข้าใจ และปรับชีวิตตัวเองบ้าง ต้องรับรู้ว่า กำลังนั่งเรือไปในทางน้ำเชี่ยว ก็ต้องนั่งให้มีสติ เตรียมอุปกรณ์ทั้งด้านส่วนตัวและ ด้านสติปัญญาให้พร้อม เริ่มฝึกตัวเองให้มีวินัย ช่วยเหลือตัวเองได้ นั่งเรือไป ไม่ใช่วีดว้าย กระตู้วู้ ไปตลอดทาง อะไรนิดก็โวย อะไรหน่อยก็ด่า ฟังอะไรมาไม่ได้ยังไม่ทันกรอง ก็แชร์กัน ไลน์กัน เหมือนคนมีแต่นิ้ว แต่ไม่มีสมอง เป็นมนุษย์พันธ์ใหม่ และอย่าเป็นประเภทชอบเอามือราน้ำ แบบนี้ ต่อให้กัปตันเก่งยังไง เรือก็อาจล่ม… บ้านเมืองมาถึงจุดสำคัญ ตื่นกันได้แล้วครับ ลดเรื่องไร้สาระลงเสียบ้าง เอาใจใส่บ้านเมืองกันหน่อย อย่างที่ผมเคยบอก ความเข้าใจและเห็นพ้องกัน ระหว่างผู้บริหารบ้านเมืองกับพลเมือง เป็นความมั่นคงของชาติอย่างหนึ่ง ปิดทางไม่ให้ศัตรูทั้งภายนอกและภายในเข้ามาทำร้าย และทำลายบ้านเมืองเราได้ เราจะได้ช่วยกัน พาเรือผ่านน้ำเชี่ยวไปได้ เป็นสิ่งที่เราทำให้บ้านเมืองของเราได้นะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 ก.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอบพระคุณท่านนายก ที่ให้ความสำคัญกับไม่ยอมเป็นไก่รองบ่อน ขอบพระคุณท่าน รมต.ศุภจี ที่หาตลาดใหม่ ไม่ยอมสหรัฐอเมริกา

    ท่านนายกฯ ครับ แค่นำสามจังหวัดกับหนึ่งเกาะ กลับมาสู่ราชอาณาจักร ไม่ต้องบุกพนมเปญ ให้เสียงบประมาณ ให้เสียศักดิ์ศรี

    https://www.youtube.com/live/0bOqR0aCli4?si=WaBEhszJsgYxncja
    ขอบพระคุณท่านนายก ที่ให้ความสำคัญกับไม่ยอมเป็นไก่รองบ่อน ขอบพระคุณท่าน รมต.ศุภจี ที่หาตลาดใหม่ ไม่ยอมสหรัฐอเมริกา ท่านนายกฯ ครับ แค่นำสามจังหวัดกับหนึ่งเกาะ กลับมาสู่ราชอาณาจักร ไม่ต้องบุกพนมเปญ ให้เสียงบประมาณ ให้เสียศักดิ์ศรี https://www.youtube.com/live/0bOqR0aCli4?si=WaBEhszJsgYxncja
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ต้องวัดใจกองทัพไทย ผบ.สส. ผบ.ทบ. ผบ.ทอ. ผบ.ทร. ผบ.ตร. เราว่ามีน้ำยา มีฝีมือ มีใจสร้างอธิปไตยความมั่นคงไทยเราของแท้มั้ย คือการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศเราทันทีไว้ก่อน ก่อนเขมรมันจะเปิดหรือเราชอบธรรมแล้วหลังเขมรทำทหารไทยเราขาขาดอีกโดยการยิงในลักษณะวางกับระเบิดใส่ทหารไทย ยิงทหารไทยเราก่อนอีกแล้ว เราสามารถเปิดก่อนปกป้องอธิปไตยชาติไทยเราได้ชัดเจนทันที.

    ..ทหารไทยจะกากจะกระจอก จะควบคุมความมั่นคงขาติไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จแท้จริงก่อนก็ต้องงานนี้ เพราะรัฐบาลไทยมันรบห่าเหวป้องกันประเทศเราไม่ได้หรอก ฝ่ายค้านหดหัวเก็บตูดหมด หัวหดตดหายหมด ไร้ราคานานแล้วด้วย ทหารไทยเกรงใจฝ่ายค้านต้องดูสีหน้าฝ่ายค้านก่อนด้วยเหรอ,ทหารไทยดูรัฐบาลหนูสิ ตอนอึมครึมมันยังมีหนังหน้าไปเซ็นต์ยกแร่เอิร์ธให้อเมริกาอ้างเพื่ออยากได้นวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิต คงแบบบ่อน้ำมันไทยเต็มประเทศไทยนั้นล่ะ เราไม่มีเทคโนโลยีการผลิตจึงต้องรีบยกสัมปทานให้มันไปก่อนเอาไปแดกก่อนอ้างเราเสียชาติเสียเปรียบไม่เป็นไร มันขายแพงๆให้คนไทยไม่เป็นไร,คงแบบนั้น ,เพราะจริงๆมันสามารถเรียนรู้กันได้ อนาคตเราก็ผลิตได้เอง เก็บไว้ก่อนจะเสียโคตรพ่อโคตรแมร่งมันอะไร,
    ..ทหารไทย ยังไม่ยึดอำนาจก็ได้แต่ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยท่านต้องทำทันที อย่ากากอย่าให้มันยิงระเบิดใส่คนไทยก่อน จึงมากระแดะประกาศทีหลังเพื่อรับมือ,เราเตรียมความพร้อมรับมือก่อนจะตายทั้งประเทศก็ให้มันรู้ไป ,ใครเสียหายก็ให้มันตายไป,กิจการมันจะพังก็ถีบมันย้ายไปที่อื่นเสีย,อย่ามาอ้างพังเพราะทหารไทยกูประกาศกฎอัยการศึกเพื่อปกป้องประเทศกูคนไทยทั้งประเทศเราเอง,ยิ่งต่างชาติมรึงจะหนีไปไหนก็ไป,คนร่ำรวยหากหนีบินออกไปก็อีก100ปีมรึงจึงค่อยบินมาได้จึงอนุญาตให้เข้าประเทศได้,บวกถอนสัญชาติไทยคนร่ำรวยนี้ที่หนีออกประเทศให้หมด สันดานอดีตเดิมๆ ย้ายตังไปต่างประเทศ สงบสุขจึงเข้ามาทำแดก เอารัดเอาเปรียบประชาชนคนธรรมดาต่อไป,แบบนักการเมืองฝ่ายค้านตอน24-28ก.ค.68เหี้ยหายหัวไปหมด,ด่าเขมรไม่มีสักแอะ,เพราะขี้ข้าลูกน้องหนีผ่านเขมรตลอด,จะฝ่ายรัฐจะฝ่ายค้านจึงเหี้ยหมด,ยึดอำนาจยังก่อน,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อน สามารถอายัด ยึดทรัพย์พวกชั่วเลวทั้งหมดได้ทันอีกด้วย หยุดกระแสเงินเทาเถื่อนห้ามออกนอกประเทศ เข้าประเทศด้วยกฎอัยการศึกก็ได้ ,ถ้าไม่ประกาศ ทหารและกองทัพไทยแหกตาประชาชนทั้งหมด,คาดหวังค่าจริงห่าเหวอะไรไม่ได้เพราะต้นเหตุคือตัดตอนต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อน,จะจัดการทุกๆมาตราการได้หมด ตลอดสัางตรวจสอบว่าใครกิจการไหนขนน้ำมันอาหารเสบียงให้เขมรย้อนหลังได้อีก,ใครองค์กรไหนไม่ตัดน้ำตัดไฟฟ้าตัดเน็ตเขมรจริง จับมาลงโทษได้หมดนี้คือข้อดีการจัดการปัญหาจริง ถ้าไม่ทำ อย่าคาดหวังทหารไทยและกองทัพไทยเราอีก,และสุดท้ายปาหี่แหกตาประชาชนก็ได้ ,ใช้ประชาชนมุกๆเดิมแบบนักการเมืองเพื่อเรียกมวลชนเอาประชาชนมาเป็นพวกแค่นั้นในฐานอำนาจปกครอง,เรา..ประชาชนต้องการอิสระภาพแห่งยิ้มสยามเรากลับคืนมันคือความสงบสุขในชนมวลประชาชน ครอบครัวคนไทยสุขกายสุขใจจึงสู่การปรากฎแห่งยิ้มสดใสอัตโนมัตของเราชาวสยามต่างหากเพราะร่มเย็นสันติสุขนั้นเองและมันมาจากจากเลือกเราประชาชนคนไทยร่วมใจกันสร้างทางรอดเราเอง.

    https://youtu.be/_F-iD-EjF38?si=F4PnFa0GBvIFFgRJ
    ตอนนี้ต้องวัดใจกองทัพไทย ผบ.สส. ผบ.ทบ. ผบ.ทอ. ผบ.ทร. ผบ.ตร. เราว่ามีน้ำยา มีฝีมือ มีใจสร้างอธิปไตยความมั่นคงไทยเราของแท้มั้ย คือการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศเราทันทีไว้ก่อน ก่อนเขมรมันจะเปิดหรือเราชอบธรรมแล้วหลังเขมรทำทหารไทยเราขาขาดอีกโดยการยิงในลักษณะวางกับระเบิดใส่ทหารไทย ยิงทหารไทยเราก่อนอีกแล้ว เราสามารถเปิดก่อนปกป้องอธิปไตยชาติไทยเราได้ชัดเจนทันที. ..ทหารไทยจะกากจะกระจอก จะควบคุมความมั่นคงขาติไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จแท้จริงก่อนก็ต้องงานนี้ เพราะรัฐบาลไทยมันรบห่าเหวป้องกันประเทศเราไม่ได้หรอก ฝ่ายค้านหดหัวเก็บตูดหมด หัวหดตดหายหมด ไร้ราคานานแล้วด้วย ทหารไทยเกรงใจฝ่ายค้านต้องดูสีหน้าฝ่ายค้านก่อนด้วยเหรอ,ทหารไทยดูรัฐบาลหนูสิ ตอนอึมครึมมันยังมีหนังหน้าไปเซ็นต์ยกแร่เอิร์ธให้อเมริกาอ้างเพื่ออยากได้นวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิต คงแบบบ่อน้ำมันไทยเต็มประเทศไทยนั้นล่ะ เราไม่มีเทคโนโลยีการผลิตจึงต้องรีบยกสัมปทานให้มันไปก่อนเอาไปแดกก่อนอ้างเราเสียชาติเสียเปรียบไม่เป็นไร มันขายแพงๆให้คนไทยไม่เป็นไร,คงแบบนั้น ,เพราะจริงๆมันสามารถเรียนรู้กันได้ อนาคตเราก็ผลิตได้เอง เก็บไว้ก่อนจะเสียโคตรพ่อโคตรแมร่งมันอะไร, ..ทหารไทย ยังไม่ยึดอำนาจก็ได้แต่ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยท่านต้องทำทันที อย่ากากอย่าให้มันยิงระเบิดใส่คนไทยก่อน จึงมากระแดะประกาศทีหลังเพื่อรับมือ,เราเตรียมความพร้อมรับมือก่อนจะตายทั้งประเทศก็ให้มันรู้ไป ,ใครเสียหายก็ให้มันตายไป,กิจการมันจะพังก็ถีบมันย้ายไปที่อื่นเสีย,อย่ามาอ้างพังเพราะทหารไทยกูประกาศกฎอัยการศึกเพื่อปกป้องประเทศกูคนไทยทั้งประเทศเราเอง,ยิ่งต่างชาติมรึงจะหนีไปไหนก็ไป,คนร่ำรวยหากหนีบินออกไปก็อีก100ปีมรึงจึงค่อยบินมาได้จึงอนุญาตให้เข้าประเทศได้,บวกถอนสัญชาติไทยคนร่ำรวยนี้ที่หนีออกประเทศให้หมด สันดานอดีตเดิมๆ ย้ายตังไปต่างประเทศ สงบสุขจึงเข้ามาทำแดก เอารัดเอาเปรียบประชาชนคนธรรมดาต่อไป,แบบนักการเมืองฝ่ายค้านตอน24-28ก.ค.68เหี้ยหายหัวไปหมด,ด่าเขมรไม่มีสักแอะ,เพราะขี้ข้าลูกน้องหนีผ่านเขมรตลอด,จะฝ่ายรัฐจะฝ่ายค้านจึงเหี้ยหมด,ยึดอำนาจยังก่อน,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อน สามารถอายัด ยึดทรัพย์พวกชั่วเลวทั้งหมดได้ทันอีกด้วย หยุดกระแสเงินเทาเถื่อนห้ามออกนอกประเทศ เข้าประเทศด้วยกฎอัยการศึกก็ได้ ,ถ้าไม่ประกาศ ทหารและกองทัพไทยแหกตาประชาชนทั้งหมด,คาดหวังค่าจริงห่าเหวอะไรไม่ได้เพราะต้นเหตุคือตัดตอนต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศก่อน,จะจัดการทุกๆมาตราการได้หมด ตลอดสัางตรวจสอบว่าใครกิจการไหนขนน้ำมันอาหารเสบียงให้เขมรย้อนหลังได้อีก,ใครองค์กรไหนไม่ตัดน้ำตัดไฟฟ้าตัดเน็ตเขมรจริง จับมาลงโทษได้หมดนี้คือข้อดีการจัดการปัญหาจริง ถ้าไม่ทำ อย่าคาดหวังทหารไทยและกองทัพไทยเราอีก,และสุดท้ายปาหี่แหกตาประชาชนก็ได้ ,ใช้ประชาชนมุกๆเดิมแบบนักการเมืองเพื่อเรียกมวลชนเอาประชาชนมาเป็นพวกแค่นั้นในฐานอำนาจปกครอง,เรา..ประชาชนต้องการอิสระภาพแห่งยิ้มสยามเรากลับคืนมันคือความสงบสุขในชนมวลประชาชน ครอบครัวคนไทยสุขกายสุขใจจึงสู่การปรากฎแห่งยิ้มสดใสอัตโนมัตของเราชาวสยามต่างหากเพราะร่มเย็นสันติสุขนั้นเองและมันมาจากจากเลือกเราประชาชนคนไทยร่วมใจกันสร้างทางรอดเราเอง. https://youtu.be/_F-iD-EjF38?si=F4PnFa0GBvIFFgRJ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 765 มุมมอง 0 รีวิว
  • วงการตำรวจในประเทศไทยสมควรถูกยุบทั้งหมดในเวลานี้,จากนั้นค่อยตั้งขึ้นใหม่เพื่อล้างอำนาจอิทธิทั้งหมดที่วางรากเหง้ากันมาอย่างยาวนานได้เบ็ดเสร็จ,ส่วยด่านต่างๆมากมายทั่วประเทศเต็มถนนจราจรไปหมดที่เห็นชัดเจนในคนใช้รถใช้ถนน.

    ..แยกหน้าที่จับโจร สืบสวนสอบสวน พิสูจน์หลักฐาน แยกขาดออกจากกันให้หมด ป้องกันใช้อำนาจหน้าที่ทางไม่ดีได้ดีกว่า, ด่านตรวจคนร้ายก็ด่านตรวจคนร้ายสกัดจับ,ด่านตรวจคนขับขี่ ก็ตรวจคนขับขี่ ระบุให้ชัดเจน,แบบสกัดแก๊งค้ามนุษย์ ลักพาตัวผู้คนและเด็กๆในไทยเราหรือทางผ่าน ตลอดดักสกัดจับพวกค้ายา ,หน่วยประสานตรวจสืบจับเส้นทางการเงินก็อิสระให้อำนาจเต็มสามารถเข้าตรวจสอบคนพวกนี้ได้ในกระแสเงินชั่วเลวผิดปกติทั้งหมดโอนเข้าโอนออก โอนไปบัญชีใครสามารถตามตรวจสืบสวนจับกุมได้อิสระในกิจกรรมธุรกรรมการกระทำผิดนั้น,ที่พักโรงแรมต้องเรียลไทม์ในการระบุตัวตนคนเข้าพักในวันนั้น,สายการบิน การเดินทางใดๆก็ด้วย,เพื่อปกป้องคนไทยด้านภายในประเทศที่สุด ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตำรวจไทยเราล้มเหลวมาก บ่อนการพนันกระจายเต็มกรุงเทพฯก็ปล่อยปละเลย ตืดสถานีตำรวจตามที่กูรูมากมายออกมาแฉอีก,แล้วประเทศไทยเราจะดำรงชาติไปทางที่ดีที่เจริญได้อย่างไรเมื่อตำรวจทำชั่วเลวเสียเอง,จึงสมควรยุบสำนักงานตำรวจไปเลย,ตั้งองค์กรใหม่เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมดล้างอำนาจฐานชั่วเลวเก่าทิ้งทั้งหมด,มันจะเสียขบวนและการควบคุมทันทีภายใต้อำนาจเก่าที่มันคิดว่าวางหมากวางคนไว้หมดแล้ว,อย่าเสียดาย ทุบทิ้งสำนักงานย้ายที่ทำการใหม่ก็ได้ หมดงบประมาณไม่มากหรอก ,คนดีคนใหม่เข้าประจำการ เจ้าของกิจการชั่วเลวใดๆติดสินบน ใส่ใต้โต๊ะในอนาคตมีโทษประหารทั้งผู้ให้และผู้รับกันเลย,บ้านเมืองเราที่เลวร้ายชั่วเลวล้วนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเราที่ชั่วเลวนี้ล่ะ,แค่คนๆเดียวนั่งเป็น ผบ.ตร.สูงสุดเสือกทำชั่วเสียเองก็เกินพอจะยุบหน่วยงานนี้ทิ้งได้แล้ว,ไม่เน่าที่ลูก เน่าภายในจนเละเก็บไว้ทำซากอะไร,ซื้อตำแหน่งกันเป็นว่าเล่น แค่สงสัยมูลด้านนี้,การยุบองค์กรทิ้งพวกใช้เงินซื้อขายตำแหน่งสูงๆจะดับอนาถทันทีพร้อมกวาดทิ้งทำความสะอาดอย่างดีไปในตัวได้ด้วย.


    https://youtu.be/AU5g2osJ9IM?si=bM9MpqgWDi5GehjL
    วงการตำรวจในประเทศไทยสมควรถูกยุบทั้งหมดในเวลานี้,จากนั้นค่อยตั้งขึ้นใหม่เพื่อล้างอำนาจอิทธิทั้งหมดที่วางรากเหง้ากันมาอย่างยาวนานได้เบ็ดเสร็จ,ส่วยด่านต่างๆมากมายทั่วประเทศเต็มถนนจราจรไปหมดที่เห็นชัดเจนในคนใช้รถใช้ถนน. ..แยกหน้าที่จับโจร สืบสวนสอบสวน พิสูจน์หลักฐาน แยกขาดออกจากกันให้หมด ป้องกันใช้อำนาจหน้าที่ทางไม่ดีได้ดีกว่า, ด่านตรวจคนร้ายก็ด่านตรวจคนร้ายสกัดจับ,ด่านตรวจคนขับขี่ ก็ตรวจคนขับขี่ ระบุให้ชัดเจน,แบบสกัดแก๊งค้ามนุษย์ ลักพาตัวผู้คนและเด็กๆในไทยเราหรือทางผ่าน ตลอดดักสกัดจับพวกค้ายา ,หน่วยประสานตรวจสืบจับเส้นทางการเงินก็อิสระให้อำนาจเต็มสามารถเข้าตรวจสอบคนพวกนี้ได้ในกระแสเงินชั่วเลวผิดปกติทั้งหมดโอนเข้าโอนออก โอนไปบัญชีใครสามารถตามตรวจสืบสวนจับกุมได้อิสระในกิจกรรมธุรกรรมการกระทำผิดนั้น,ที่พักโรงแรมต้องเรียลไทม์ในการระบุตัวตนคนเข้าพักในวันนั้น,สายการบิน การเดินทางใดๆก็ด้วย,เพื่อปกป้องคนไทยด้านภายในประเทศที่สุด ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตำรวจไทยเราล้มเหลวมาก บ่อนการพนันกระจายเต็มกรุงเทพฯก็ปล่อยปละเลย ตืดสถานีตำรวจตามที่กูรูมากมายออกมาแฉอีก,แล้วประเทศไทยเราจะดำรงชาติไปทางที่ดีที่เจริญได้อย่างไรเมื่อตำรวจทำชั่วเลวเสียเอง,จึงสมควรยุบสำนักงานตำรวจไปเลย,ตั้งองค์กรใหม่เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมดล้างอำนาจฐานชั่วเลวเก่าทิ้งทั้งหมด,มันจะเสียขบวนและการควบคุมทันทีภายใต้อำนาจเก่าที่มันคิดว่าวางหมากวางคนไว้หมดแล้ว,อย่าเสียดาย ทุบทิ้งสำนักงานย้ายที่ทำการใหม่ก็ได้ หมดงบประมาณไม่มากหรอก ,คนดีคนใหม่เข้าประจำการ เจ้าของกิจการชั่วเลวใดๆติดสินบน ใส่ใต้โต๊ะในอนาคตมีโทษประหารทั้งผู้ให้และผู้รับกันเลย,บ้านเมืองเราที่เลวร้ายชั่วเลวล้วนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเราที่ชั่วเลวนี้ล่ะ,แค่คนๆเดียวนั่งเป็น ผบ.ตร.สูงสุดเสือกทำชั่วเสียเองก็เกินพอจะยุบหน่วยงานนี้ทิ้งได้แล้ว,ไม่เน่าที่ลูก เน่าภายในจนเละเก็บไว้ทำซากอะไร,ซื้อตำแหน่งกันเป็นว่าเล่น แค่สงสัยมูลด้านนี้,การยุบองค์กรทิ้งพวกใช้เงินซื้อขายตำแหน่งสูงๆจะดับอนาถทันทีพร้อมกวาดทิ้งทำความสะอาดอย่างดีไปในตัวได้ด้วย. https://youtu.be/AU5g2osJ9IM?si=bM9MpqgWDi5GehjL
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 698 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยาเสพติดอันตราย,ตำรวจไทยไร้ปัญญาจัดการเพราะระดับ อดีตผบ.ตร.เสียเองทำชั่ว นั้นคือต้องระดับใหญ่กว่า อดีตผบ.ตร.ไทยด้วยที่ค้ำหัวคนพวกนี้ จึงมันสามารถลุแก่อำนาจ กล้าหาญขนยาเสพติดและเว็บพนันฟอกเงินด้วย.,ยาเสพติดและการพนัน บ่อนการพนันตลอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เน็ต พวกให้บริการเน็ตและธนาคารมันสุมหังคบคิดกันร่วมทำชั่วร่วมแน่นอน,มิใข่แค่นักการเมืองหรือข้าราชการไทยเจ้าสัวเจ้าของกิจการไทย,
    ..ยาสมุนไพรรักษาโรค ดีกว่ายาเสพติดแน่นอน.


    https://vm.tiktok.com/ZSH38Bus9uYSu-ipizT/
    ยาเสพติดอันตราย,ตำรวจไทยไร้ปัญญาจัดการเพราะระดับ อดีตผบ.ตร.เสียเองทำชั่ว นั้นคือต้องระดับใหญ่กว่า อดีตผบ.ตร.ไทยด้วยที่ค้ำหัวคนพวกนี้ จึงมันสามารถลุแก่อำนาจ กล้าหาญขนยาเสพติดและเว็บพนันฟอกเงินด้วย.,ยาเสพติดและการพนัน บ่อนการพนันตลอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เน็ต พวกให้บริการเน็ตและธนาคารมันสุมหังคบคิดกันร่วมทำชั่วร่วมแน่นอน,มิใข่แค่นักการเมืองหรือข้าราชการไทยเจ้าสัวเจ้าของกิจการไทย, ..ยาสมุนไพรรักษาโรค ดีกว่ายาเสพติดแน่นอน. https://vm.tiktok.com/ZSH38Bus9uYSu-ipizT/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารไทยจึงต้องจบต้องตัดตอนรัฐบาลคาบาลประจำประเทศไทยทันที ยึดอำนาจอำนาจคาบาลที่ปล้นชิงไปจากประเทศไทยเสีย ยึดคืนทรัพยากรวัตถุดิบธรรมชาติคืนมาจากคาบาลต่างชาติต่างประเทศทั้งหมด เราจะมีวัตถุดิบ100%ใช้พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้คนไทยเรามีความสุขกายสุขใจ ยกจิตยกใจจิตวิญญาณพลังงานบวกทางดีไม่ยาก,แล้วจะดึงดูดคตดีๆคนอยากเป็นคนดีตั้งใจเปลี่ยนตัวตนเพื่อความดีแก่คนตนเขาเข้ามาที่ประเทศไทยเอง,ประเทศไทยจะเป็นต้นแบบช่วยโลกผลิตมนุษย์จิตใจดีงามกระจายพลังงานบวกเต็มโลกไปยากหลังมาเยือนประเทศไทยเราแล้วกลับบ้านกลับเมืองท้องถิ่นเขา,จะประสานสัมพันธ์ช่วยเหลือกันและกันโดยง่ายอีก,มิตรภาพไมตรีจิตดีงามจะเต็มโลกเราอัตโนมัติ,
    ..เวลานี้บ้านเมืองมิอาจพึ่งพารูปการปกครองปกติของคาบาลได้,การยึดอำนาจคาบาลไซออนิสต์ในไทยคืนมาจึงถูกต้องที่สุด ระบบปกครองปนะชาธิปไตยนี้คาบาลมันเองคิดค้นและสร้างขึ้นแบบลูกผีลูกคนขายฝันมวลมนุษย์จอมปลอม.
    ..เศรษฐกิจพอเพียงพุทธสไตล์ไทยคือทางสมถะสายกลางรอดได้แน่นอน,กลมกลืนไปกับธรรมชาติของโลกของจักรวาลก็ง่าย,เรามีบ่อน้ำมันเต็มแผ่นดินไทย บ่อทองคำก็มี แร่เอิร์ธก็มี เราอยู่ได้สบาย,เอาคืนทรัพยากรวัตถุดิบเราคืน เศรษฐกิจจะฟื้นฟูทันที แค่ขายน้ำมันภายในประเทศลิตร1-2บาทแบบอิหร่าน ค่าใช้จ่ายมวลรวมต้นทุนภายในประเทศเราจะลดลงทันที,การปกครองในอดีตเราจึงสาระเลวชั่วจริงที่ๆผ่านมา,เราต้องเปลี่ยนแปลงมัน,ทหารไทยคือหนทางเดียวและทางออก หากไม่ทำ ประชาชนต้องยึดอำนาจปกครองเองแน่นอน.,ทหารเกณฑ์มาจากประชาชนไปเป็นทหารนะ,กองทัพประชาชนมันก็สร้างขึ้นได้เช่นกัน,อนาคตประชาชนสามารถสร้างกองทัพหุ่นยนต์ทีาซื่อสัตย์เองก็ได้,เรามีแร่ธาตุสร้างได้พร้อม.,ไม่น้อยหน้าชาติมหาอำนาจใดๆเลย,นี้ไม่รวมคนเหนือมนุษย์ที่กระจายทั่วไทยเราอีกนะ.ที่ยังปกปิดตัวตนอยู่.

    https://vm.tiktok.com/ZSH38L46SF8Vm-lIWKi/
    ทหารไทยจึงต้องจบต้องตัดตอนรัฐบาลคาบาลประจำประเทศไทยทันที ยึดอำนาจอำนาจคาบาลที่ปล้นชิงไปจากประเทศไทยเสีย ยึดคืนทรัพยากรวัตถุดิบธรรมชาติคืนมาจากคาบาลต่างชาติต่างประเทศทั้งหมด เราจะมีวัตถุดิบ100%ใช้พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้คนไทยเรามีความสุขกายสุขใจ ยกจิตยกใจจิตวิญญาณพลังงานบวกทางดีไม่ยาก,แล้วจะดึงดูดคตดีๆคนอยากเป็นคนดีตั้งใจเปลี่ยนตัวตนเพื่อความดีแก่คนตนเขาเข้ามาที่ประเทศไทยเอง,ประเทศไทยจะเป็นต้นแบบช่วยโลกผลิตมนุษย์จิตใจดีงามกระจายพลังงานบวกเต็มโลกไปยากหลังมาเยือนประเทศไทยเราแล้วกลับบ้านกลับเมืองท้องถิ่นเขา,จะประสานสัมพันธ์ช่วยเหลือกันและกันโดยง่ายอีก,มิตรภาพไมตรีจิตดีงามจะเต็มโลกเราอัตโนมัติ, ..เวลานี้บ้านเมืองมิอาจพึ่งพารูปการปกครองปกติของคาบาลได้,การยึดอำนาจคาบาลไซออนิสต์ในไทยคืนมาจึงถูกต้องที่สุด ระบบปกครองปนะชาธิปไตยนี้คาบาลมันเองคิดค้นและสร้างขึ้นแบบลูกผีลูกคนขายฝันมวลมนุษย์จอมปลอม. ..เศรษฐกิจพอเพียงพุทธสไตล์ไทยคือทางสมถะสายกลางรอดได้แน่นอน,กลมกลืนไปกับธรรมชาติของโลกของจักรวาลก็ง่าย,เรามีบ่อน้ำมันเต็มแผ่นดินไทย บ่อทองคำก็มี แร่เอิร์ธก็มี เราอยู่ได้สบาย,เอาคืนทรัพยากรวัตถุดิบเราคืน เศรษฐกิจจะฟื้นฟูทันที แค่ขายน้ำมันภายในประเทศลิตร1-2บาทแบบอิหร่าน ค่าใช้จ่ายมวลรวมต้นทุนภายในประเทศเราจะลดลงทันที,การปกครองในอดีตเราจึงสาระเลวชั่วจริงที่ๆผ่านมา,เราต้องเปลี่ยนแปลงมัน,ทหารไทยคือหนทางเดียวและทางออก หากไม่ทำ ประชาชนต้องยึดอำนาจปกครองเองแน่นอน.,ทหารเกณฑ์มาจากประชาชนไปเป็นทหารนะ,กองทัพประชาชนมันก็สร้างขึ้นได้เช่นกัน,อนาคตประชาชนสามารถสร้างกองทัพหุ่นยนต์ทีาซื่อสัตย์เองก็ได้,เรามีแร่ธาตุสร้างได้พร้อม.,ไม่น้อยหน้าชาติมหาอำนาจใดๆเลย,นี้ไม่รวมคนเหนือมนุษย์ที่กระจายทั่วไทยเราอีกนะ.ที่ยังปกปิดตัวตนอยู่. https://vm.tiktok.com/ZSH38L46SF8Vm-lIWKi/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิถีปกครองไทย ปกครองแบบทำให้ประชาชนยากจนและลำบาก กดขี่ประชาชนชัดเจน ไม่สนับสนุนประชาชนจริง,แย่งชิงสมบัติชาติสมบัติส่วนรวม ทรัพยากรมีค่าของชาติส่วนกลางแบบพลังงาน แบบคลื่นเน็ต ปล้นชิงปัจจัยชีวิตต้นทุนพื้นฐานไปจากประชาชน รัฐบาลไทยและเอกชนสร้างตนเองให้ร่ำรวยฝ่ายเดียว เอาเปรียบประชาชนชัดเจนมาก ,รัฐบาลปัจจุบันถึงอดีตที่ผ่านๆมามิใช่รัฐบาลประเทศไทยแต่เป็นรัฐบาลของต่างประเทศ มาปกครองประเทศไทย ควบคุมเบ็ดเสร็จแม้มาจากระบบเลือกตั้งจริงจากภาคประชาชนคนไทยภายในประเทศ แต่เมื่อมาใช้ระบบปกครองตน มันก็จะเป็นพวกเดียวกันทันทีในระบบมัน,การล้างสมองผ่านระบบนั้นเอง,คนไทยหากมองกันจริงๆ มันรัฐบาลไทยไม่สนใจใส่ใจจริงอะไรเพราะคนสั่งงานคือคนต่างชาติ จะเอาน้ำมันบ่อน้ำมันไทย มันก็สั่ง มันก็เข้ามายึด มาผูกขาด จากนั้นขายน้ำมันแพงๆคืนแก่คนไทยภายในประเทศเสีย หลอกลวงโกหกระดับชาติผ่านระบบรัฐบาลไทยตนเอง จงเชื่อกู กูคือคนปกครอง กูเป็นรัฐบาลประเทศไทยมรึงและมาจากการเลือกตั้งมรึงเองนะ,
    ..เพราะเป็นรัฐบาลไทยจริงๆมันจะเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเอง ผู้ปกครองผู้นำประเทศนั้นๆจะไม่ให้ต่างชาติมายึดบ่อน้ำมันตนเองหรอก,ผู้ปกครองเราขี้ขลาด โง่ และใจกากนั้นเอง จึงนำพาประชาชนคนไทยยากจนเต็มประเทศ ร่ำรวยในชนชั้นโคตรเหง้าบรมโคตรมันไม่กี่ตระกูล เด็กอุปถัมภ์เด็กฝากเด็กเส้น คนของใครตรึม,นี้คือการปกครองอุบาทก์เลวชั่วที่สุด,
    ..เราต้องเปลี่ยนแปลงมัน ทหารฝ่ายดีแบบใจรักษ์ชาติแบบบิ๊กกุ้งต้องร่วมกันยึดอำนาจ ขึ้นปกครองโดยทหารฝ่ายดีนี้ทันที,เราจะมาใช้ระบบปกติไม่ได้ คนตกเหว ต้องโยนเชือกให้มันจับขึ้นมาให้ได้ก่อน มิใช่สร้างบันไดลงไป,คนรอความช่วยเหลือเขามิอาจช่วยเหลือตนเองได้,เราต้องปล่อยน้ำทิ้งอย่างเดียวจากบ่อจากเขื่อนเลวชั่วนี้เมื่อเรามองเห็นทางช่วยนั้นเจอก่อนแล้วเฉพาะหน้า เขาปีนขึ้นเองไม่ได้ เหมือนคนโง่ถูกปิดตา ต้องตบหัวให้จับเชือกออกจากนั้นเดินตามเชือกนั้น ไม่ฟัง..ตบเลย บอกทางดีทางรอดได้ทำตาม ,การยึดอำนาจก็เช่นกัน อันเดียวกัน เพราะฝ่ายดีลงมือยึดอำนาจย่อมดีแน่นอน.,อย่าทำเสียของแบบยุคลุงผีบ้านะจ๊ะแบบนั้นมันพวกฝ่ายไม่ดี.ล้มระบบเลวชั่วก็ต้องล้ม,คณะกบฎ2475มันสร้างจะล้มไม่ได้เหรอผิดใคร,นี้คือประเทศไทยเรา.

    https://vm.tiktok.com/ZSH3eSm6cU6nS-CcPBJ/
    วิถีปกครองไทย ปกครองแบบทำให้ประชาชนยากจนและลำบาก กดขี่ประชาชนชัดเจน ไม่สนับสนุนประชาชนจริง,แย่งชิงสมบัติชาติสมบัติส่วนรวม ทรัพยากรมีค่าของชาติส่วนกลางแบบพลังงาน แบบคลื่นเน็ต ปล้นชิงปัจจัยชีวิตต้นทุนพื้นฐานไปจากประชาชน รัฐบาลไทยและเอกชนสร้างตนเองให้ร่ำรวยฝ่ายเดียว เอาเปรียบประชาชนชัดเจนมาก ,รัฐบาลปัจจุบันถึงอดีตที่ผ่านๆมามิใช่รัฐบาลประเทศไทยแต่เป็นรัฐบาลของต่างประเทศ มาปกครองประเทศไทย ควบคุมเบ็ดเสร็จแม้มาจากระบบเลือกตั้งจริงจากภาคประชาชนคนไทยภายในประเทศ แต่เมื่อมาใช้ระบบปกครองตน มันก็จะเป็นพวกเดียวกันทันทีในระบบมัน,การล้างสมองผ่านระบบนั้นเอง,คนไทยหากมองกันจริงๆ มันรัฐบาลไทยไม่สนใจใส่ใจจริงอะไรเพราะคนสั่งงานคือคนต่างชาติ จะเอาน้ำมันบ่อน้ำมันไทย มันก็สั่ง มันก็เข้ามายึด มาผูกขาด จากนั้นขายน้ำมันแพงๆคืนแก่คนไทยภายในประเทศเสีย หลอกลวงโกหกระดับชาติผ่านระบบรัฐบาลไทยตนเอง จงเชื่อกู กูคือคนปกครอง กูเป็นรัฐบาลประเทศไทยมรึงและมาจากการเลือกตั้งมรึงเองนะ, ..เพราะเป็นรัฐบาลไทยจริงๆมันจะเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเอง ผู้ปกครองผู้นำประเทศนั้นๆจะไม่ให้ต่างชาติมายึดบ่อน้ำมันตนเองหรอก,ผู้ปกครองเราขี้ขลาด โง่ และใจกากนั้นเอง จึงนำพาประชาชนคนไทยยากจนเต็มประเทศ ร่ำรวยในชนชั้นโคตรเหง้าบรมโคตรมันไม่กี่ตระกูล เด็กอุปถัมภ์เด็กฝากเด็กเส้น คนของใครตรึม,นี้คือการปกครองอุบาทก์เลวชั่วที่สุด, ..เราต้องเปลี่ยนแปลงมัน ทหารฝ่ายดีแบบใจรักษ์ชาติแบบบิ๊กกุ้งต้องร่วมกันยึดอำนาจ ขึ้นปกครองโดยทหารฝ่ายดีนี้ทันที,เราจะมาใช้ระบบปกติไม่ได้ คนตกเหว ต้องโยนเชือกให้มันจับขึ้นมาให้ได้ก่อน มิใช่สร้างบันไดลงไป,คนรอความช่วยเหลือเขามิอาจช่วยเหลือตนเองได้,เราต้องปล่อยน้ำทิ้งอย่างเดียวจากบ่อจากเขื่อนเลวชั่วนี้เมื่อเรามองเห็นทางช่วยนั้นเจอก่อนแล้วเฉพาะหน้า เขาปีนขึ้นเองไม่ได้ เหมือนคนโง่ถูกปิดตา ต้องตบหัวให้จับเชือกออกจากนั้นเดินตามเชือกนั้น ไม่ฟัง..ตบเลย บอกทางดีทางรอดได้ทำตาม ,การยึดอำนาจก็เช่นกัน อันเดียวกัน เพราะฝ่ายดีลงมือยึดอำนาจย่อมดีแน่นอน.,อย่าทำเสียของแบบยุคลุงผีบ้านะจ๊ะแบบนั้นมันพวกฝ่ายไม่ดี.ล้มระบบเลวชั่วก็ต้องล้ม,คณะกบฎ2475มันสร้างจะล้มไม่ได้เหรอผิดใคร,นี้คือประเทศไทยเรา. https://vm.tiktok.com/ZSH3eSm6cU6nS-CcPBJ/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลคาบาล โลกคาบาลไซออนิสต์คุมมันว่า โลกใบนี้เป็นของกูคาบาลไซออนิสต์มันว่า,รัฐบาลโลก ศัตรูของกลุ่มหมวกฟาง,จำอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์ทวีฐาได้นะ มันจำกัดเขตพื้นที่อนุญาตให้ใช้ตังภายใน4กิโลเมตรแบบประกาศเป็นทางการแบบจริงจังเลยนะ เพราะมันรัฐบาลทั่วโลกรวมทั้งไทย เป็นทาสคาบาลชัดเจน ค่อยรับคำสั่งคาบาลรัฐบาลโลกคาบาลไซออนิสต์ จำกัดการใช้ได้ใช้ตังไม่ได้ซึ่งมันทำจริงด้วย,แร่เอิร์ธ บ่อน้ำมันในไทยมันจึงเข้าใจว่าเป็นของมันแม้เป็นประเทศไทย มันจะเอาแบบไหนตอนไหนก็ได้,ปาหี่มุกให้ปกครองที่มันส่งออกทั้งประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์นั้นล่ะ มันล้วนคุมเองเป็นเจ้าของเองทั้งหมดด้วย.

    ..ชาวโลกเราขนาดวิ่งจะไปดูสำรวจกำแพงน้ำแข็งแค่นั้น ค่าจริงมันชูหัวมาปกป้องห้ามชาวโลกเราเข้าออกโน้น ทางน้ำทางอากาศ รัฐบาลโลกมันชัดเจนว่าต้องการห้ามเราออกไปนอกกำแพงนั้น.


    https://vm.tiktok.com/ZSH3JwPco4N9G-sWNA7/
    รัฐบาลคาบาล โลกคาบาลไซออนิสต์คุมมันว่า โลกใบนี้เป็นของกูคาบาลไซออนิสต์มันว่า,รัฐบาลโลก ศัตรูของกลุ่มหมวกฟาง,จำอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์ทวีฐาได้นะ มันจำกัดเขตพื้นที่อนุญาตให้ใช้ตังภายใน4กิโลเมตรแบบประกาศเป็นทางการแบบจริงจังเลยนะ เพราะมันรัฐบาลทั่วโลกรวมทั้งไทย เป็นทาสคาบาลชัดเจน ค่อยรับคำสั่งคาบาลรัฐบาลโลกคาบาลไซออนิสต์ จำกัดการใช้ได้ใช้ตังไม่ได้ซึ่งมันทำจริงด้วย,แร่เอิร์ธ บ่อน้ำมันในไทยมันจึงเข้าใจว่าเป็นของมันแม้เป็นประเทศไทย มันจะเอาแบบไหนตอนไหนก็ได้,ปาหี่มุกให้ปกครองที่มันส่งออกทั้งประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์นั้นล่ะ มันล้วนคุมเองเป็นเจ้าของเองทั้งหมดด้วย. ..ชาวโลกเราขนาดวิ่งจะไปดูสำรวจกำแพงน้ำแข็งแค่นั้น ค่าจริงมันชูหัวมาปกป้องห้ามชาวโลกเราเข้าออกโน้น ทางน้ำทางอากาศ รัฐบาลโลกมันชัดเจนว่าต้องการห้ามเราออกไปนอกกำแพงนั้น. https://vm.tiktok.com/ZSH3JwPco4N9G-sWNA7/
    @maygjgerol

    الأرض مسطحة ،اعترضت مدمرة .,تابعة للبحرية (سفينة هوبارت) فرقة باد بويز بالقرب من أستراليا..#australia #map #global #fyp #trnd earth is flaaat ✅ maps,🗺️

    ♬ الصوت الأصلي - الحقيقة The Truth 💫
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts