• บทความกฎหมาย EP.50

    ข่าวกรองคือกระบวนการทางปัญญาที่มีความหมายลึกซึ้งกว่าเพียงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทั่วไปเพราะในทางกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของรัฐข่าวกรองเปรียบเสมือนพยานหลักฐานที่ผ่านการกลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้องมาอย่างเป็นระบบเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นมีน้ำหนักน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจในระดับยุทธศาสตร์ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของความมั่นคงข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบย่อมถือเป็นเพียงข่าวลือหรือข่าวสารดิบที่ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเป็นฐานในการใช้อำนาจตามกฎหมายได้การที่หน่วยงานรัฐจะดำเนินมาตรการใดๆที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนหรือการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศจำเป็นต้องอาศัยข่าวกรองที่มีความแม่นยำสูงมีแหล่งที่มาที่ชัดเจนและได้รับการยืนยันผ่านกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์หรือการสืบสวนเชิงลึกเพื่อให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรมที่กำหนดว่าการใช้อำนาจรัฐต้องตั้งอยู่บนฐานของข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วเท่านั้นกระบวนการเปลี่ยนข่าวสารให้กลายเป็นข่าวกรองจึงถือเป็นพันธกิจหลักที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและการยึดมั่นในระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อส่วนรวมหรือการละเมิดสิทธิของบุคคลโดยมิชอบ

    ในมิติด้านกฎหมายมหาชนและการตีความพยานหลักฐานการนิยามว่าข่าวกรองคือข่าวที่ได้รับการตรวจสอบหลักฐานแล้วว่าเชื่อถือได้สะท้อนถึงมาตรฐานการพิสูจน์ที่เข้มงวดคล้ายคลึงกับหลักการรับฟังพยานหลักฐานในชั้นศาลซึ่งต้องมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงและความสมเหตุสมผลของข้อมูลในทุกมิติข่าวกรองที่มีคุณภาพจึงต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญคือความถูกต้องความทันสมัยและความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โดยมีกฎหมายรองรับบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริงภายใต้ขอบเขตที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้การทำหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองทหารหรือหน่วยงานความมั่นคงจึงไม่ใช่เพียงการรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดแต่คือการวิเคราะห์แยกแยะระหว่างความจริงกับความลวงโดยใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีและสติปัญญาของมนุษย์ผสมผสานกันเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสรุปที่มีพยานหลักฐานสนับสนุนอย่างแน่นหนาความน่าเชื่อถือของข่าวกรองจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รัฐสามารถพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าและยับยั้งภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักการป้องกันก่อนเกิดเหตุซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักรและการคุ้มครองอธิปไตยของชาติในโลกยุคข้อมูลข่าวสารที่เต็มไปด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง

    โดยสรุปแล้วข่าวกรองจึงมิใช่เพียงคำจำกัดความของการรู้แจ้งเห็นจริงในเหตุการณ์ต่างๆเท่านั้นแต่เป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดินที่ให้ความสำคัญกับการพิสูจน์ทราบความจริงก่อนการตัดสินใจดำเนินการใดๆในนามของรัฐการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการข่าวกรองจึงเท่ากับการรักษามาตรฐานความยุติธรรมและความปลอดภัยของสังคมโดยรวมเพราะเมื่อข่าวกรองมีความชัดเจนและปราศจากข้อสงสัยย่อมทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเป็นธรรมและมีพยานหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ซึ่งจะส่งผลให้รัฐสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนานาชาติได้อย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของความจริงที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นระบบและสมบูรณ์ที่สุดในฐานะที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความมั่นคงของชาติในทุกมิติ
    บทความกฎหมาย EP.50 ข่าวกรองคือกระบวนการทางปัญญาที่มีความหมายลึกซึ้งกว่าเพียงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทั่วไปเพราะในทางกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของรัฐข่าวกรองเปรียบเสมือนพยานหลักฐานที่ผ่านการกลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้องมาอย่างเป็นระบบเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นมีน้ำหนักน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจในระดับยุทธศาสตร์ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของความมั่นคงข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบย่อมถือเป็นเพียงข่าวลือหรือข่าวสารดิบที่ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเป็นฐานในการใช้อำนาจตามกฎหมายได้การที่หน่วยงานรัฐจะดำเนินมาตรการใดๆที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนหรือการดำเนินนโยบายระหว่างประเทศจำเป็นต้องอาศัยข่าวกรองที่มีความแม่นยำสูงมีแหล่งที่มาที่ชัดเจนและได้รับการยืนยันผ่านกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์หรือการสืบสวนเชิงลึกเพื่อให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรมที่กำหนดว่าการใช้อำนาจรัฐต้องตั้งอยู่บนฐานของข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วเท่านั้นกระบวนการเปลี่ยนข่าวสารให้กลายเป็นข่าวกรองจึงถือเป็นพันธกิจหลักที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและการยึดมั่นในระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อส่วนรวมหรือการละเมิดสิทธิของบุคคลโดยมิชอบ ในมิติด้านกฎหมายมหาชนและการตีความพยานหลักฐานการนิยามว่าข่าวกรองคือข่าวที่ได้รับการตรวจสอบหลักฐานแล้วว่าเชื่อถือได้สะท้อนถึงมาตรฐานการพิสูจน์ที่เข้มงวดคล้ายคลึงกับหลักการรับฟังพยานหลักฐานในชั้นศาลซึ่งต้องมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงและความสมเหตุสมผลของข้อมูลในทุกมิติข่าวกรองที่มีคุณภาพจึงต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญคือความถูกต้องความทันสมัยและความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โดยมีกฎหมายรองรับบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริงภายใต้ขอบเขตที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้การทำหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองทหารหรือหน่วยงานความมั่นคงจึงไม่ใช่เพียงการรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดแต่คือการวิเคราะห์แยกแยะระหว่างความจริงกับความลวงโดยใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีและสติปัญญาของมนุษย์ผสมผสานกันเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสรุปที่มีพยานหลักฐานสนับสนุนอย่างแน่นหนาความน่าเชื่อถือของข่าวกรองจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รัฐสามารถพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าและยับยั้งภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักการป้องกันก่อนเกิดเหตุซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในราชอาณาจักรและการคุ้มครองอธิปไตยของชาติในโลกยุคข้อมูลข่าวสารที่เต็มไปด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยสรุปแล้วข่าวกรองจึงมิใช่เพียงคำจำกัดความของการรู้แจ้งเห็นจริงในเหตุการณ์ต่างๆเท่านั้นแต่เป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดินที่ให้ความสำคัญกับการพิสูจน์ทราบความจริงก่อนการตัดสินใจดำเนินการใดๆในนามของรัฐการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการข่าวกรองจึงเท่ากับการรักษามาตรฐานความยุติธรรมและความปลอดภัยของสังคมโดยรวมเพราะเมื่อข่าวกรองมีความชัดเจนและปราศจากข้อสงสัยย่อมทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเป็นธรรมและมีพยานหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ซึ่งจะส่งผลให้รัฐสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนานาชาติได้อย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของความจริงที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นระบบและสมบูรณ์ที่สุดในฐานะที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความมั่นคงของชาติในทุกมิติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง แตกคอ แตกคอ
    “แตกคอ แตกคอก”
    ตอน 1
    กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เหตุการณ์แถวบ้านยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่วงพนันแถวบ้านผม เขาเอียงไปทางออกก้อยมากกว่านะ เอะ พูดถึงใครกันลุง ก็จะใครเสียอีกล่ะ เสี่ยปั๊มคนใหญ่ คนถูกข่าวลือเล่นใส่นั่นไงครับ วันนี้มาอีกแล้ว สื่ออังกฤษยังเล่นไม่เลิก บอกว่าพระญาติพระวงศ์กำลังร่วมกันทำหนังสือ เสนอให้ปลดกษัตริย์ ซาลมาน จากตำแหน่งกษัตริย์ คราวนี้ในหนังสือบอกชื่อมาเลยว่า ต้องการใครมาแทน แน่จริงๆ แถม 2 วันนี้ ยังเพิ่มข่าวให้อีกว่า มีเจ้าชายชาวซาอุดิ หลานกษัตริย์ ถูกจับที่เลบานอน เพราะขนยาบ้าหนักกว่า 2 ตัน มาในเครื่องบินส่วนตัว
    เล่นกันแรงจริง กลัวคุณพี่ปูตินเขาจะฉกเอาปั๊มไปครองก่อนหรือครับ
    ตะวันออกกลางกำลังระส่ำจริงๆ เอาแค่เฉพาะพวกที่ลากกันมาจับมือ เมื่อปี ค.ศ.1981 ต้ังก๊วนชาวอ่าว the Gulf Cooperation Council (GCC) กันไม่ให้ใครออกอ่าวไปลำพัง ดูเผินๆ เหมือนรักกันจัง แต่เขาว่า นั้นมันหน้าฉาก ของจริงไม่ใช่อย่างที่ภาพออกมาหรอก
    ก๊วนริมอ่าวมีกัน 6 ประเทศ ลูกพี่ใหญ่ หรือปั๊มใหญ่สุด ก็ซาอุดิอารเบียนั่นเอง ที่มีเพื่อนรักในก๊วนอีกราย เป็นเหมือนลูกกระเดือกติดคอหอยคือ บาห์เรน 2 เสี่ยปั๊มนี่ เกลียดอิหร่านอย่างที่สุด มองว่าอิหร่านคือ นักล่า… อ้าว นั่นมันสมญาคู่รักคู่ขุด ของเสี่ยเองนะครับ อย่าไปปนกัน เดี๋ยวงอนผิดคน (ฮา) 2 เสี่ยปั๊มใหญ่บอกว่า อิหร่านเป็นตัวร้าย ความปั่นป่วนในตะวันกลางน่ะ มาจากฝีมือของอิหร่านทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ลง ถึงขนาดนั้นเอาเลย
    ซาอุดิ ถูกหลอนทั้งเวลาหลับเวลาตื่นว่า อิหร่านคู่แข่งตัวสำคัญ ในตะวันออกกลาง ทำทุกอย่างเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ในตะวันออกกลางไปจากซาอุดิอารเบีย ยิ่งอเมริกาไปเสียเวลามากมาย ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซาอุก็มองว่า อเมริกากำลังอ่อนข้อ แถมเสียเชิงให้อิหร่านไปแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยปั๊มใหญ่งอนกับอเมริกา จนถูกนินทาไปค่อนโลก
    แต่ชาวอ่าวอีก 3 รายคือ โอมาน การ์ตา และเอมิเรต ดูไบ บอกว่า เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนะ อิหร่านตกลงหยุดผลิตนิวเคลียร์ ก็ดีกับพวกเราไม่ใช่หรือ เราน่าคุยกับอิหร่านดีๆ ยังไงก็เป็นชาวตะวันออกกลางด้วยกัน จับมือกัน ทำการค้าด้วยกัน แบ่งพลังงานกันใช้ (ฮั่นแน่..) และร่วมมือกันเรื่องความมั่นคง
    ตั้งแต่มีกลุ่ม Islamic State หรือ IS เกิดขึ้นในอิรัคและซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการคุกคาม ทั้งฝ่ายก๊วนชาวอ่าว ทั้งฝ่ายอิหร่าน ก็ทำให้บางประเทศในก๊วนชาวอ่าวเอง พยายามหาทางจับมือคุยกับอิหร่าน แหม ใครจะอยากเปิดศึกมันทุกด้าน
    เมื่อ ฮัสซัน รูฮานี่ Hassan Rouhani เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปี ค.ศ.2013 เขาบอกว่าภาระกิจสำคัญอันดับแรกของเขาคือ การพยายามที่จะคุยกับประเทศเล็กๆในก๊วนชาวอ่าว ให้มาร่วมมือกับอิหร่าน ในการแก้ปัญหาความมั่นคงของภูมิภาค และคูเวต เป็นประเทศแรกใน
ก๊วนชาวอ่าว ที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านไปเยี่ยม หลังจากเสร็จการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับกลุ่มพี่เบิ้ม แต่ถ้าดูแผนที่ ว่าคูเวต ตั้งอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อิหร่านคิดไกล…
    อิหร่านบอกกับคูเวตว่า ประเทศเดียวจะแก้ปัญหาของภูมิภาคไม่ได้หรอก มันต้องร่วมมือกัน และต้องถือว่าการคุกคามประเทศใด คือการคุกคามทั้งภูมิภาค เราจึงต้องร่วมต่อสู้ด้วยกัน
    แต่การบอกกล่าวแบบนี้ของอิหร่าน กลับเจอศอกกลับ จากบางเสี้ยวของก๊วนชาวอ่าว ที่ซัดกลับว่า อิหร่านต่างหาก เป็นผู้สนับสนุนอาวุธ และให้การฝึกกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ที่กำลังแซะความมั่นคงของบางประเทศในก๊วนชาวอ่าว แล้วแบบนี้จะพูดกันรู้เรื่องไหม อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันเลย
    และอเมริกาก็คงยิ้มอยู่ในหน้า โอกาสเอาแต่ปั้มไม่เอาคน ยิ่งใกล้ความเป็นจริง … ถ้ารัสเซียไม่โผล่เข้ามาแทรกเรื่องซีเรียเสียก่อน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตื่นไม่ทัน
    ###############
ตอน 2
    เมื่อซาอุดิอารเบีย เกิดอาการหน้ามืด ขานชื่อเรียกรวมพล เพื่อถล่มเยเมน ในปลายเดือนมีนาคม ต้นปี ค.ศ.2015 นั้น มีก๊วนชาวอ่าว 1 ราย คือ โอมาน ไม่มาร่วมรายการด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมาก มันทำให้เห็นว่า แม้ในตะวันออกกลางเอง ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขั้วอำนาจ
    โอมานเป็นประเทศไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่โดยสภาพภูมิศาสตร์ถือว่า อยู่ในจุดที่ทั้งสำคัญและอันตราย เพราะโอมานอยู่ตรงปากอ่าวโอมาน ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน คุมเชิงช่องแคบฮอร์มุส เส้นทางเดินของน้ำมัน ที่แออัดที่สุดในโลกด้วยกัน
    โอมาน แม้จะสังกัดก๊วนชาวอ่าว แต่การที่โอมานอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กับปากอิหร่าน โอมานจึงมีสภาพเหมือนคนขี่รถจักรยานสองล้อ ถีบอยู่ตรงกลาง ระหว่างรถสิบล้อ 2 คัน ที่กำลังวิ่งแข่งกัน รักษาระยะไม่ดี มีหวังถูกเบียดบี้แหลกคาถนน แต่โอมาน ก็ดูเหมือนจะรักษาระยะได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากเกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่เสี่ยปั้มใหญ่ซาอุดิอารเบีย พยายามบีบมือชาวอ่าวตัวเล็กๆให้แน่นขึ้น เพราะไม่ไว้ใจ กลัวจะหลุดมือไปอิงฝั่งอิหร่าน ถึงขนาดยอมควักกระเป๋าหลายหน เพื่อสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านเศรษฐกิจให้ชาวอ่าวตัวเล็กๆ
    แต่โอมาน ถึงจะไม่รวย และเหมือนอยู่ใต้มือของซาอุ และแถมยังเป็นเพื่อนกับอเมริกาอีกด้วย แต่โอมานน่าจะขี่จักรยานระหว่างทางแคบเก่ง จึงยังคงค้าขาย และผูกสัมพันธ์กับอิหร่านไว้สม่ำเสมอ แม้อเมริกาจะพยายามทัดทาน ไม่ให้โอมานไปมีสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ดูเหมือนอเมริกาก็จะห้ามไม่สำเร็จ ยิ่งจะไปถามว่า เมื่อไหร่โอมานจะเป็นประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง อเมริกาคงไม่กล้าเสือก เพราะอะไร ก็ลองนึกดูกันนะครับ ใครมีของดี ก็ต้องรู้ตัว รู้จักใช้
    เพราะฉะนั้นใครที่ว่าอเมริกายิ่งใหญ่ เป็นพี่เบิ้ม แห่งค่ายประชาธิปไตย ใครไม่เป็นประชาธิปไตย กูคว่ำบาตรหมด ผมว่าน่าทุเรศครับ ถ้ามีใครมาเสือกยุ่ง ถามว่า เมื่อไหร่แดนสยามเราจะมีการเลือกตั้ง ฝากลุงตู่ศอกกลับด้วยนะครับ ว่า ไอ้ 6 ประเทศชาวอ่าว นอกจากไม่มีเลือกตั้ง ไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ยังใช้การปกครองแบบ ที่ผู้มีอำนาจปกครอง เป็นกษัตริย์ หรือสุลต่าน มีอำนาจสูงสุด ยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก ทำไมพวกมีงไม่ชวนกันไปคว่ำบาตรให้หมด มายุ่งอะไรกับประเทศผม
    จากข้อมูลของ Oil and Gas Journal ระบุว่า โอมานมีแหล่งพลังงานมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แต่โอมานเอาไว้ขายเป็นรายได้ให้ประเทศ มากกว่าจะเอามาใช้ในประเทศ ย้อนไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.2005 โอมานเรื่มซื้อแก๊สจากอิหร่านแล้ว และในปี ค.ศ.2007 โอมานก็ซื้อแก๊ส LNG จากอิหร่านด้วย ในช่วงนั้น โอมานเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่ยังคงค้าขายกับอิหร่าน ขี่จักรยานในทางแคบไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจการกดดันของอเมริกา ที่จะให้โอมานไปซื้อแก๊สจากการ์ตาแทน
    และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า โอมานกับอิหร่านกำลังเดินหน้า ที่จะร่วมมือกันสร้างท่อส่งแก๊ส วิ่งตรงระหว่าง 2 ประเทศ ยาว 173 ไมล์ รอดใต้ทะเล เรื่องนี้เป็นข่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2013 ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ แต่ยังไม่ได้ลงมือ
    แค่ไม่กี่วันหลังจาก การลงนามเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ โอมานก็ทำบันทึกข้อตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านประมาณ 20 ล้านคิวบิกเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 25 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ! และตัวเลขนี้คงมีการเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อท่อส่งแก๊สสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2018 ค่าก่อสร้างท่อประมาณมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของโอมาน ที่เหมือนโอมานตัดสินใจโหนสิบล้อยี่ห้ออิหร่านไปแล้ว
    ###############
ตอน 3
    ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียขายทั้งน้ำมันและแก๊สให้แก่โอมาน มูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญต่อปี ไม่มีการลดราคา ไม่มีการแบ่งส่วนกำไร เสี่ยปั๊มใหญ่ หน้าใหญ่จริงเพื่อความมั่นคงของตัว แต่เค็มจังเวลาค้าขาย โอมานคงคิดแล้วว่า จ่ายค่าน้ำมันแก๊สทุกปีอย่างนี้ให้ลูกพี่ใหญ่ ก็คงอยู่เท่านี้ แต่ข้อเสนอของอิหร่าน เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทที่จะตั้งร่วมกัน เพื่อขายแก็สอิหร่านที่ส่งมาตามท่อส่ง กำไรจากการขายแก๊สก็แบ่งกัน ด้วยวิธีนี้ โอมานจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายแก๊ส และมีแก๊สพอใช้ในประเทศด้วย
    สรุปว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน ใช้แผนยุทธศาสตร์ สู่ด้วยท่อส่งเหมือนกัน ท่อส่งไปที่ไหน เจ้าของบริเวณที่ท่อส่งไปถึง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ก็ต้องช่วยดูแลให้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบบนี้ น่าจะดีกว่า สร้างขบวนการจราจล การแตกแยกขึ้นในประเทศเขา ระหว่างเขารบกัน ก็ถือโอกาสปล้นทรัพยากรเขาไปจนเกลี้ยง
    การที่โอมานไปตกลงกับอิหร่านแบบนี้ แน่นอน คงยิ่งทำให้ซาอุดิอารเบียหงุดหงิด อาการหลอนเรื่องอิหร่าน ยิ่งกำเริบหนัก แต่หลอนเรื่องอิหร่านจะเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะไม่น่าเสียวไส้เท่าเรื่อง กระเป๋าเสี่ยปั๊มใหญ่จะเบาหวิว…
    หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยปั๊มใหญ่ถือว่ามีน้ำมันแยะ ขยายตลาดไปทั่ว และในราคาที่สูงลิ่ว ไม่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เสี่ยปั๊มใหญ่เล่นเต็มอัตรา ถือว่าน้ำกำลังขึ้น แต่วันนี้ ดูเหมือนน้ำจะเริ่มลงเสียแล้ว น้ำมันเหลือประมาณ 44.2 และ 46.65 ต่อบาเรล (เป็นราคาที่แสดงของ ICE และ NYMEX ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลลงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผมอ่าน ครับ) และทำให้ บัญชีรายรับของซาอุดิอารเบีย เริ่มแสดงรายการ ขาดทุน !!!
    แต่น้ำมันและแก๊สของอิหร่าน กำลังจะมีตลาดเพิ่มขึ้น (ขณะนี้ EU ยกเลิก การคว่ำบาตร ให้ผู้ผลิตน้ำมันของอิหร่านไป 2 รายแล้ว) ไม่ใช่แค่ว่า จะเป็นการเข้ามาเบียดตลาดของซาอุดิอารเบียเท่านั้น ถ้าอิหร่านยังสามารถรักษา ราคาขายที่ต่ำในระดับนี้ได้ต่อไปอีก ซาอุดิอารเบียมีหวังกระอัก และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย อย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจของซาอุ พึ่งอยู่กับการขายน้ำมันอย่างเดียว และตอนนี้ เริ่มมีนักวิเคราะห์ ประเมินสถานะของซาอุแล้วว่า ถ้าสภาพตลาดน้ำมันยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 2 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงได้เห็นเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบีย ล้มละลายแน่นอน….ฮู้ย….เดี๋ยวได้ขายอูฐแน่
    การจับมือระหว่างโอมานกับอิหร่าน สร้างท่อส่งแก๊ส จึงเหมือนหมัดชกใส่หน้าเสี่ยปั๊มใหญ่ แม้ไม่คว่ำ แต่ทำให้เซเหมือนกัน โอมาน เป็นที่ยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ในความเป็นกลาง แต่ตอนนี้ เหมือนโอมาน จะเอียงออกมานอกกลุ่มชาวอ่าวค่อนข้างชัด เมื่อตอนที่เสี่ยปั๊มใหญ่เรียก ระดมพลไปถล่มเยเมน โอมานไม่ไปร่วม พอมีข้ออ้างได้ว่า โอมานเป็นกลาง ไม่อยากเข้าไปยุ่งในกิจการบ้านคนอื่น แต่การที่โอมานตกลงจับมือกับอิหร่าน เพื่อสร้างท่อส่งเแก๊ส นี่ เหมือนโอมานกำลังบอกใครว่า การคบกับอิหร่าน นอกจากไม่เป็นการคุกคามบ้านตัวแล้ว ดูเหมือนจะดีกับเศรษฐกิจของบ้านตัวเองเสียอีกด้วย
    เรื่องโอมาน คงไม่ทำให้ซาอุดิอารเบียกลุ้มใจรายเดียว คู่รักคู่ขุด ก็น่าจะกลุ้มใจด้วย ถ้าโอมานเอียงไปจับมือกับอิหร่าน โอกาสที่อเมริกาจะควบคุม ช่องแคบฮอร์มุส คงแทบจะเป็นเรื่องเพ้อ และเรื่องกลับเข้าไปใหญ่ในตะวันออกกลาง อาจจะเป็นเรื่องหลอนอเมริกาบ้าง คราวนี้ จะได้สมเป็นคู่รักคู่หลอนกันเลย ฮาจังวุ้ย
    แค่เรื่องโอมานนี่ ก็ทำให้เสียปั้มใหญ่เซแล้วนะ แต่เขาว่าข่าวร้ายเวลามา มันไม่มาเรื่องเดียวหรอก
    การ์ตา เสี่ยปั้มซ่าหนุ่มสำอางค์ ตอนแรกทำคึกคักไปร่วมกับเสี่ยปั้มใหญ่ ไล่ถล่มซีเรียจนเละ มาวันนี้ วันที่คุณพี่ปูตินเดินท่าหล่อ พากองทัพเรือ บก อากาศ ยาตราเข้าเข้ามาในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า ที่กำลังถูกรุมทึ้ง เขาว่า ตอนนี้การ์ตาเอง ก็กำลังเตรียมกลับลำ แอบไปเจรจากับอิหร่านแล้ว
    …พี่ครับ หลุมแก๊สเราหลุมเดียวกันนะครับ ลงทุนทำท่อส่งแก๊สร่วมกัน รวยด้วยกัน แทนที่จะรบกัน ดีไหมครับ เอาแบบ แฟร์ แฟร์ เลยนะพี่นะ ( นี่ผมเดาเอานะ ว่า เสี่ยรุ่นใหม่เขาคงจะพูดแบบนี้)
    ส่วน อินเดีย อีนี่ ก็มีข่าวว่า กำลังเจรจากับอิหร่านและโอมาน ให้ต่อท่อส่งแก๊ส ยาวไปถึงฝั่งอินเดียเสียด้วยเลย ตัดหน้าปากีสถาน ที่ก็มีแผนสร้างท่อส่งเหมือนกัน
    โอ้ย… ตอนนี้ใครไม่รู้จักยุทธศาสตร์ท่อส่ง โน่น ไปอยู่หลังเขา กับค่ายประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งได้เลย เชยฉิบหาย โลกหมุนไปทุกวัน มึงคิดได้แต่ทวงเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง….
    ซาอุดิอารเบีย ส่งน้ำมันให้อินเดียประมาณ ปีละ 29.2 พันล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ อาจหายไปจากบัญชีรายรับของเสี่ยปั้มใหญ่ และก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซาอุ อ๋อ…. มิน่า เสี่ยปั๊มใหญ่ถึงไม่พอใจ ดิ้นเร้าๆ ….. ผมนี่คิดช้าจัง ถ้าเขาตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันได้ และมีการยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านก็ติดปีก ยึดตลาดพลังงาน ซาอุดิอารเบีย ก็คงถลาลงดิน และอีก อ๋อ… มิน่า ตอนนี้อเมริกา ถึงเอาใจอีนี่แขกอินเดียจัง แต่เรื่องแขกอินเดียนี่ สุภาษิตไทยว่าไว้อย่างไร อเมริกาคงไม่รู้จัก ฮา อีกแล้ว แหม เขียนเรื่องนี้สนุกดีจัง เห็นความฉลาดของคุณพ่ออเมริกาของใครไม่รู้ หายเหี้ยนเลย
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซาอุดิอารเบียกล่าวหาว่าอิหร่านยุแยงเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง นี่ถ้าเรื่องการ์ตาจะไปจับมือกับอิหร่าน เป็นจริง อาจมีชาวอ่าว ทะยอยแตกคอก ออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องประสาทหลอนแล้ว เรื่องหลอนจะกลายเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆ การที่รัสเซียเดินเข้ามายืนเคียงอิหร่านในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า และอื่นๆ ผมว่า แค่นี้ก็คงทำให้เสี่ยปั๊มใหญ่ ระทมอยู่ในอกเอาเรื่อง นอกจากไม่มีเพื่อนรัก คู่รักมายืนเคียงแล้ว ยังมีแต่ข่าวลือ ข่าวร้ายออกมาเพิ่มไม่จบ เสี่ยปั๊มใหญ่จะทนระทมต่อไปไหวหรือครับ เป็นผมมีคู่รักใจจืดใส่ ยามยากแบบนี้ ถีบให้ตกเตียงไปเลยครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 ต.ค. 2558
    เรื่อง แตกคอ แตกคอ “แตกคอ แตกคอก” ตอน 1 กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน เหตุการณ์แถวบ้านยังไม่รู้จะออกหัวออกก้อย แต่วงพนันแถวบ้านผม เขาเอียงไปทางออกก้อยมากกว่านะ เอะ พูดถึงใครกันลุง ก็จะใครเสียอีกล่ะ เสี่ยปั๊มคนใหญ่ คนถูกข่าวลือเล่นใส่นั่นไงครับ วันนี้มาอีกแล้ว สื่ออังกฤษยังเล่นไม่เลิก บอกว่าพระญาติพระวงศ์กำลังร่วมกันทำหนังสือ เสนอให้ปลดกษัตริย์ ซาลมาน จากตำแหน่งกษัตริย์ คราวนี้ในหนังสือบอกชื่อมาเลยว่า ต้องการใครมาแทน แน่จริงๆ แถม 2 วันนี้ ยังเพิ่มข่าวให้อีกว่า มีเจ้าชายชาวซาอุดิ หลานกษัตริย์ ถูกจับที่เลบานอน เพราะขนยาบ้าหนักกว่า 2 ตัน มาในเครื่องบินส่วนตัว เล่นกันแรงจริง กลัวคุณพี่ปูตินเขาจะฉกเอาปั๊มไปครองก่อนหรือครับ ตะวันออกกลางกำลังระส่ำจริงๆ เอาแค่เฉพาะพวกที่ลากกันมาจับมือ เมื่อปี ค.ศ.1981 ต้ังก๊วนชาวอ่าว the Gulf Cooperation Council (GCC) กันไม่ให้ใครออกอ่าวไปลำพัง ดูเผินๆ เหมือนรักกันจัง แต่เขาว่า นั้นมันหน้าฉาก ของจริงไม่ใช่อย่างที่ภาพออกมาหรอก ก๊วนริมอ่าวมีกัน 6 ประเทศ ลูกพี่ใหญ่ หรือปั๊มใหญ่สุด ก็ซาอุดิอารเบียนั่นเอง ที่มีเพื่อนรักในก๊วนอีกราย เป็นเหมือนลูกกระเดือกติดคอหอยคือ บาห์เรน 2 เสี่ยปั๊มนี่ เกลียดอิหร่านอย่างที่สุด มองว่าอิหร่านคือ นักล่า… อ้าว นั่นมันสมญาคู่รักคู่ขุด ของเสี่ยเองนะครับ อย่าไปปนกัน เดี๋ยวงอนผิดคน (ฮา) 2 เสี่ยปั๊มใหญ่บอกว่า อิหร่านเป็นตัวร้าย ความปั่นป่วนในตะวันกลางน่ะ มาจากฝีมือของอิหร่านทั้งนั้น เชื่อถือไม่ได้ ไว้ใจไม่ลง ถึงขนาดนั้นเอาเลย ซาอุดิ ถูกหลอนทั้งเวลาหลับเวลาตื่นว่า อิหร่านคู่แข่งตัวสำคัญ ในตะวันออกกลาง ทำทุกอย่างเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ ในตะวันออกกลางไปจากซาอุดิอารเบีย ยิ่งอเมริกาไปเสียเวลามากมาย ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซาอุก็มองว่า อเมริกากำลังอ่อนข้อ แถมเสียเชิงให้อิหร่านไปแล้วด้วย ทำเอาเสี่ยปั๊มใหญ่งอนกับอเมริกา จนถูกนินทาไปค่อนโลก แต่ชาวอ่าวอีก 3 รายคือ โอมาน การ์ตา และเอมิเรต ดูไบ บอกว่า เรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนะ อิหร่านตกลงหยุดผลิตนิวเคลียร์ ก็ดีกับพวกเราไม่ใช่หรือ เราน่าคุยกับอิหร่านดีๆ ยังไงก็เป็นชาวตะวันออกกลางด้วยกัน จับมือกัน ทำการค้าด้วยกัน แบ่งพลังงานกันใช้ (ฮั่นแน่..) และร่วมมือกันเรื่องความมั่นคง ตั้งแต่มีกลุ่ม Islamic State หรือ IS เกิดขึ้นในอิรัคและซีเรีย ซึ่งนับว่าเป็นการคุกคาม ทั้งฝ่ายก๊วนชาวอ่าว ทั้งฝ่ายอิหร่าน ก็ทำให้บางประเทศในก๊วนชาวอ่าวเอง พยายามหาทางจับมือคุยกับอิหร่าน แหม ใครจะอยากเปิดศึกมันทุกด้าน เมื่อ ฮัสซัน รูฮานี่ Hassan Rouhani เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เมื่อปี ค.ศ.2013 เขาบอกว่าภาระกิจสำคัญอันดับแรกของเขาคือ การพยายามที่จะคุยกับประเทศเล็กๆในก๊วนชาวอ่าว ให้มาร่วมมือกับอิหร่าน ในการแก้ปัญหาความมั่นคงของภูมิภาค และคูเวต เป็นประเทศแรกใน
ก๊วนชาวอ่าว ที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านไปเยี่ยม หลังจากเสร็จการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับกลุ่มพี่เบิ้ม แต่ถ้าดูแผนที่ ว่าคูเวต ตั้งอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า อิหร่านคิดไกล… อิหร่านบอกกับคูเวตว่า ประเทศเดียวจะแก้ปัญหาของภูมิภาคไม่ได้หรอก มันต้องร่วมมือกัน และต้องถือว่าการคุกคามประเทศใด คือการคุกคามทั้งภูมิภาค เราจึงต้องร่วมต่อสู้ด้วยกัน แต่การบอกกล่าวแบบนี้ของอิหร่าน กลับเจอศอกกลับ จากบางเสี้ยวของก๊วนชาวอ่าว ที่ซัดกลับว่า อิหร่านต่างหาก เป็นผู้สนับสนุนอาวุธ และให้การฝึกกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ที่กำลังแซะความมั่นคงของบางประเทศในก๊วนชาวอ่าว แล้วแบบนี้จะพูดกันรู้เรื่องไหม อย่าว่าแต่จะร่วมมือกันเลย และอเมริกาก็คงยิ้มอยู่ในหน้า โอกาสเอาแต่ปั้มไม่เอาคน ยิ่งใกล้ความเป็นจริง … ถ้ารัสเซียไม่โผล่เข้ามาแทรกเรื่องซีเรียเสียก่อน อย่างไม่ทันรู้ตัว ตื่นไม่ทัน ###############
ตอน 2 เมื่อซาอุดิอารเบีย เกิดอาการหน้ามืด ขานชื่อเรียกรวมพล เพื่อถล่มเยเมน ในปลายเดือนมีนาคม ต้นปี ค.ศ.2015 นั้น มีก๊วนชาวอ่าว 1 ราย คือ โอมาน ไม่มาร่วมรายการด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมาก มันทำให้เห็นว่า แม้ในตะวันออกกลางเอง ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับขั้วอำนาจ โอมานเป็นประเทศไม่ใหญ่ ไม่เล็ก แต่โดยสภาพภูมิศาสตร์ถือว่า อยู่ในจุดที่ทั้งสำคัญและอันตราย เพราะโอมานอยู่ตรงปากอ่าวโอมาน ฝั่งตรงกันข้ามกับอิหร่าน คุมเชิงช่องแคบฮอร์มุส เส้นทางเดินของน้ำมัน ที่แออัดที่สุดในโลกด้วยกัน โอมาน แม้จะสังกัดก๊วนชาวอ่าว แต่การที่โอมานอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กับปากอิหร่าน โอมานจึงมีสภาพเหมือนคนขี่รถจักรยานสองล้อ ถีบอยู่ตรงกลาง ระหว่างรถสิบล้อ 2 คัน ที่กำลังวิ่งแข่งกัน รักษาระยะไม่ดี มีหวังถูกเบียดบี้แหลกคาถนน แต่โอมาน ก็ดูเหมือนจะรักษาระยะได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากเกิดเทศกาลอาหรับสปริง ที่เสี่ยปั้มใหญ่ซาอุดิอารเบีย พยายามบีบมือชาวอ่าวตัวเล็กๆให้แน่นขึ้น เพราะไม่ไว้ใจ กลัวจะหลุดมือไปอิงฝั่งอิหร่าน ถึงขนาดยอมควักกระเป๋าหลายหน เพื่อสนับสนุนทั้งด้านอาวุธและด้านเศรษฐกิจให้ชาวอ่าวตัวเล็กๆ แต่โอมาน ถึงจะไม่รวย และเหมือนอยู่ใต้มือของซาอุ และแถมยังเป็นเพื่อนกับอเมริกาอีกด้วย แต่โอมานน่าจะขี่จักรยานระหว่างทางแคบเก่ง จึงยังคงค้าขาย และผูกสัมพันธ์กับอิหร่านไว้สม่ำเสมอ แม้อเมริกาจะพยายามทัดทาน ไม่ให้โอมานไปมีสัมพันธ์กับอิหร่าน แต่ดูเหมือนอเมริกาก็จะห้ามไม่สำเร็จ ยิ่งจะไปถามว่า เมื่อไหร่โอมานจะเป็นประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง อเมริกาคงไม่กล้าเสือก เพราะอะไร ก็ลองนึกดูกันนะครับ ใครมีของดี ก็ต้องรู้ตัว รู้จักใช้ เพราะฉะนั้นใครที่ว่าอเมริกายิ่งใหญ่ เป็นพี่เบิ้ม แห่งค่ายประชาธิปไตย ใครไม่เป็นประชาธิปไตย กูคว่ำบาตรหมด ผมว่าน่าทุเรศครับ ถ้ามีใครมาเสือกยุ่ง ถามว่า เมื่อไหร่แดนสยามเราจะมีการเลือกตั้ง ฝากลุงตู่ศอกกลับด้วยนะครับ ว่า ไอ้ 6 ประเทศชาวอ่าว นอกจากไม่มีเลือกตั้ง ไม่รู้จักรัฐธรรมนูญ ยังใช้การปกครองแบบ ที่ผู้มีอำนาจปกครอง เป็นกษัตริย์ หรือสุลต่าน มีอำนาจสูงสุด ยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก ทำไมพวกมีงไม่ชวนกันไปคว่ำบาตรให้หมด มายุ่งอะไรกับประเทศผม จากข้อมูลของ Oil and Gas Journal ระบุว่า โอมานมีแหล่งพลังงานมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แต่โอมานเอาไว้ขายเป็นรายได้ให้ประเทศ มากกว่าจะเอามาใช้ในประเทศ ย้อนไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.2005 โอมานเรื่มซื้อแก๊สจากอิหร่านแล้ว และในปี ค.ศ.2007 โอมานก็ซื้อแก๊ส LNG จากอิหร่านด้วย ในช่วงนั้น โอมานเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่ยังคงค้าขายกับอิหร่าน ขี่จักรยานในทางแคบไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจการกดดันของอเมริกา ที่จะให้โอมานไปซื้อแก๊สจากการ์ตาแทน และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่า โอมานกับอิหร่านกำลังเดินหน้า ที่จะร่วมมือกันสร้างท่อส่งแก๊ส วิ่งตรงระหว่าง 2 ประเทศ ยาว 173 ไมล์ รอดใต้ทะเล เรื่องนี้เป็นข่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ.2013 ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ทำบันทึกความเข้าใจกันไว้ แต่ยังไม่ได้ลงมือ แค่ไม่กี่วันหลังจาก การลงนามเรื่องอิหร่านนิวเคลียร์ โอมานก็ทำบันทึกข้อตกลงที่จะซื้อแก๊สจากอิหร่านประมาณ 20 ล้านคิวบิกเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 25 ปี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ! และตัวเลขนี้คงมีการเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อท่อส่งแก๊สสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2018 ค่าก่อสร้างท่อประมาณมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ เป็นการลงทุนของโอมาน ที่เหมือนโอมานตัดสินใจโหนสิบล้อยี่ห้ออิหร่านไปแล้ว ###############
ตอน 3 ปัจจุบัน ซาอุดิอารเบียขายทั้งน้ำมันและแก๊สให้แก่โอมาน มูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญต่อปี ไม่มีการลดราคา ไม่มีการแบ่งส่วนกำไร เสี่ยปั๊มใหญ่ หน้าใหญ่จริงเพื่อความมั่นคงของตัว แต่เค็มจังเวลาค้าขาย โอมานคงคิดแล้วว่า จ่ายค่าน้ำมันแก๊สทุกปีอย่างนี้ให้ลูกพี่ใหญ่ ก็คงอยู่เท่านี้ แต่ข้อเสนอของอิหร่าน เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทที่จะตั้งร่วมกัน เพื่อขายแก็สอิหร่านที่ส่งมาตามท่อส่ง กำไรจากการขายแก๊สก็แบ่งกัน ด้วยวิธีนี้ โอมานจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายแก๊ส และมีแก๊สพอใช้ในประเทศด้วย สรุปว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน ใช้แผนยุทธศาสตร์ สู่ด้วยท่อส่งเหมือนกัน ท่อส่งไปที่ไหน เจ้าของบริเวณที่ท่อส่งไปถึง ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ก็ต้องช่วยดูแลให้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบบนี้ น่าจะดีกว่า สร้างขบวนการจราจล การแตกแยกขึ้นในประเทศเขา ระหว่างเขารบกัน ก็ถือโอกาสปล้นทรัพยากรเขาไปจนเกลี้ยง การที่โอมานไปตกลงกับอิหร่านแบบนี้ แน่นอน คงยิ่งทำให้ซาอุดิอารเบียหงุดหงิด อาการหลอนเรื่องอิหร่าน ยิ่งกำเริบหนัก แต่หลอนเรื่องอิหร่านจะเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง ดูเหมือนจะไม่น่าเสียวไส้เท่าเรื่อง กระเป๋าเสี่ยปั๊มใหญ่จะเบาหวิว… หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยปั๊มใหญ่ถือว่ามีน้ำมันแยะ ขยายตลาดไปทั่ว และในราคาที่สูงลิ่ว ไม่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เสี่ยปั๊มใหญ่เล่นเต็มอัตรา ถือว่าน้ำกำลังขึ้น แต่วันนี้ ดูเหมือนน้ำจะเริ่มลงเสียแล้ว น้ำมันเหลือประมาณ 44.2 และ 46.65 ต่อบาเรล (เป็นราคาที่แสดงของ ICE และ NYMEX ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลลงวันที่ 6 ตุลาคมที่ผมอ่าน ครับ) และทำให้ บัญชีรายรับของซาอุดิอารเบีย เริ่มแสดงรายการ ขาดทุน !!! แต่น้ำมันและแก๊สของอิหร่าน กำลังจะมีตลาดเพิ่มขึ้น (ขณะนี้ EU ยกเลิก การคว่ำบาตร ให้ผู้ผลิตน้ำมันของอิหร่านไป 2 รายแล้ว) ไม่ใช่แค่ว่า จะเป็นการเข้ามาเบียดตลาดของซาอุดิอารเบียเท่านั้น ถ้าอิหร่านยังสามารถรักษา ราคาขายที่ต่ำในระดับนี้ได้ต่อไปอีก ซาอุดิอารเบียมีหวังกระอัก และจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย อย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจของซาอุ พึ่งอยู่กับการขายน้ำมันอย่างเดียว และตอนนี้ เริ่มมีนักวิเคราะห์ ประเมินสถานะของซาอุแล้วว่า ถ้าสภาพตลาดน้ำมันยังเป็นอยู่เช่นนี้ต่อไปอีก 2 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงได้เห็นเสี่ยปั๊มใหญ่ ซาอุดิอารเบีย ล้มละลายแน่นอน….ฮู้ย….เดี๋ยวได้ขายอูฐแน่ การจับมือระหว่างโอมานกับอิหร่าน สร้างท่อส่งแก๊ส จึงเหมือนหมัดชกใส่หน้าเสี่ยปั๊มใหญ่ แม้ไม่คว่ำ แต่ทำให้เซเหมือนกัน โอมาน เป็นที่ยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ในความเป็นกลาง แต่ตอนนี้ เหมือนโอมาน จะเอียงออกมานอกกลุ่มชาวอ่าวค่อนข้างชัด เมื่อตอนที่เสี่ยปั๊มใหญ่เรียก ระดมพลไปถล่มเยเมน โอมานไม่ไปร่วม พอมีข้ออ้างได้ว่า โอมานเป็นกลาง ไม่อยากเข้าไปยุ่งในกิจการบ้านคนอื่น แต่การที่โอมานตกลงจับมือกับอิหร่าน เพื่อสร้างท่อส่งเแก๊ส นี่ เหมือนโอมานกำลังบอกใครว่า การคบกับอิหร่าน นอกจากไม่เป็นการคุกคามบ้านตัวแล้ว ดูเหมือนจะดีกับเศรษฐกิจของบ้านตัวเองเสียอีกด้วย เรื่องโอมาน คงไม่ทำให้ซาอุดิอารเบียกลุ้มใจรายเดียว คู่รักคู่ขุด ก็น่าจะกลุ้มใจด้วย ถ้าโอมานเอียงไปจับมือกับอิหร่าน โอกาสที่อเมริกาจะควบคุม ช่องแคบฮอร์มุส คงแทบจะเป็นเรื่องเพ้อ และเรื่องกลับเข้าไปใหญ่ในตะวันออกกลาง อาจจะเป็นเรื่องหลอนอเมริกาบ้าง คราวนี้ จะได้สมเป็นคู่รักคู่หลอนกันเลย ฮาจังวุ้ย แค่เรื่องโอมานนี่ ก็ทำให้เสียปั้มใหญ่เซแล้วนะ แต่เขาว่าข่าวร้ายเวลามา มันไม่มาเรื่องเดียวหรอก การ์ตา เสี่ยปั้มซ่าหนุ่มสำอางค์ ตอนแรกทำคึกคักไปร่วมกับเสี่ยปั้มใหญ่ ไล่ถล่มซีเรียจนเละ มาวันนี้ วันที่คุณพี่ปูตินเดินท่าหล่อ พากองทัพเรือ บก อากาศ ยาตราเข้าเข้ามาในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า ที่กำลังถูกรุมทึ้ง เขาว่า ตอนนี้การ์ตาเอง ก็กำลังเตรียมกลับลำ แอบไปเจรจากับอิหร่านแล้ว …พี่ครับ หลุมแก๊สเราหลุมเดียวกันนะครับ ลงทุนทำท่อส่งแก๊สร่วมกัน รวยด้วยกัน แทนที่จะรบกัน ดีไหมครับ เอาแบบ แฟร์ แฟร์ เลยนะพี่นะ ( นี่ผมเดาเอานะ ว่า เสี่ยรุ่นใหม่เขาคงจะพูดแบบนี้) ส่วน อินเดีย อีนี่ ก็มีข่าวว่า กำลังเจรจากับอิหร่านและโอมาน ให้ต่อท่อส่งแก๊ส ยาวไปถึงฝั่งอินเดียเสียด้วยเลย ตัดหน้าปากีสถาน ที่ก็มีแผนสร้างท่อส่งเหมือนกัน โอ้ย… ตอนนี้ใครไม่รู้จักยุทธศาสตร์ท่อส่ง โน่น ไปอยู่หลังเขา กับค่ายประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งได้เลย เชยฉิบหาย โลกหมุนไปทุกวัน มึงคิดได้แต่ทวงเมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง…. ซาอุดิอารเบีย ส่งน้ำมันให้อินเดียประมาณ ปีละ 29.2 พันล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ อาจหายไปจากบัญชีรายรับของเสี่ยปั้มใหญ่ และก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับซาอุ อ๋อ…. มิน่า เสี่ยปั๊มใหญ่ถึงไม่พอใจ ดิ้นเร้าๆ ….. ผมนี่คิดช้าจัง ถ้าเขาตกลงเรื่องนิวเคลียร์กันได้ และมีการยกเลิกการคว่ำบาตร อิหร่านก็ติดปีก ยึดตลาดพลังงาน ซาอุดิอารเบีย ก็คงถลาลงดิน และอีก อ๋อ… มิน่า ตอนนี้อเมริกา ถึงเอาใจอีนี่แขกอินเดียจัง แต่เรื่องแขกอินเดียนี่ สุภาษิตไทยว่าไว้อย่างไร อเมริกาคงไม่รู้จัก ฮา อีกแล้ว แหม เขียนเรื่องนี้สนุกดีจัง เห็นความฉลาดของคุณพ่ออเมริกาของใครไม่รู้ หายเหี้ยนเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซาอุดิอารเบียกล่าวหาว่าอิหร่านยุแยงเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ในตะวันออกกลาง นี่ถ้าเรื่องการ์ตาจะไปจับมือกับอิหร่าน เป็นจริง อาจมีชาวอ่าว ทะยอยแตกคอก ออกไปอีก มันไม่ใช่เรื่องประสาทหลอนแล้ว เรื่องหลอนจะกลายเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยๆ การที่รัสเซียเดินเข้ามายืนเคียงอิหร่านในตะวันออกกลาง เพื่อช่วยซีเรียเพื่อนเก่า และอื่นๆ ผมว่า แค่นี้ก็คงทำให้เสี่ยปั๊มใหญ่ ระทมอยู่ในอกเอาเรื่อง นอกจากไม่มีเพื่อนรัก คู่รักมายืนเคียงแล้ว ยังมีแต่ข่าวลือ ข่าวร้ายออกมาเพิ่มไม่จบ เสี่ยปั๊มใหญ่จะทนระทมต่อไปไหวหรือครับ เป็นผมมีคู่รักใจจืดใส่ ยามยากแบบนี้ ถีบให้ตกเตียงไปเลยครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
30 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน)
    ตอนสุดท้าย 1
    ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร
    ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ
    ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน
    ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น
    ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า
    และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง
    คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร
    จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน
    เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน
    เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง)
    สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ
    มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้
    รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี
    กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป
    ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah
    การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย
    คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน) ตอนสุดท้าย 1 ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง) สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้ รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำถามสำหรับการออกเสียงประชามติ เพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกำหนดคำถามว่า “ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่”
    .
    รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า การออกเสียงประชามติจะจัดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างคุ้มค่า ลดภาระงบประมาณ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนใช้สิทธิในคราวเดียว
    .
    ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำข้อมูลประกอบการออกเสียงประชามติให้มีความชัดเจน ก่อนส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเผยแพร่ตามขั้นตอนของกฎหมาย
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121864
    .
    #News1live #News1 #ครม #ประชามติ #รัฐธรรมนูญใหม่ #เลือกตั้ง2569 #การเมืองไทย
    คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำถามสำหรับการออกเสียงประชามติ เพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกำหนดคำถามว่า “ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” . รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า การออกเสียงประชามติจะจัดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างคุ้มค่า ลดภาระงบประมาณ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนใช้สิทธิในคราวเดียว . ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำข้อมูลประกอบการออกเสียงประชามติให้มีความชัดเจน ก่อนส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเผยแพร่ตามขั้นตอนของกฎหมาย . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121864 . #News1live #News1 #ครม #ประชามติ #รัฐธรรมนูญใหม่ #เลือกตั้ง2569 #การเมืองไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อนุทิน” เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำถามประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว และได้ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาดำเนินการต่อไป โดยย้ำต้องทำให้ถูกต้องตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันปัญหาการตีความในภายหลัง
    .
    นายอนุทิน ระบุว่า ครม.อยากให้การทำประชามติเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้ง สส. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อความสะดวกและช่วยประหยัดงบประมาณ ซึ่งคาดว่าจะประหยัดได้ราว 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต.
    .
    ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยอมรับว่า หากไม่สามารถทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 ได้ในช่วงนี้ พรรคภูมิใจไทยอาจนำประเด็นดังกล่าวไปใช้เป็นนโยบายหาเสียง เนื่องจากเป็นจุดยืนของพรรคมาโดยตลอด
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121814
    .
    #News1live #News1 #อนุทิน #ครม #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #เลือกตั้ง2569 #ภูมิใจไทย #MOU43 #MOU44
    “อนุทิน” เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำถามประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว และได้ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาดำเนินการต่อไป โดยย้ำต้องทำให้ถูกต้องตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันปัญหาการตีความในภายหลัง . นายอนุทิน ระบุว่า ครม.อยากให้การทำประชามติเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้ง สส. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่อความสะดวกและช่วยประหยัดงบประมาณ ซึ่งคาดว่าจะประหยัดได้ราว 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต. . ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยอมรับว่า หากไม่สามารถทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 ได้ในช่วงนี้ พรรคภูมิใจไทยอาจนำประเด็นดังกล่าวไปใช้เป็นนโยบายหาเสียง เนื่องจากเป็นจุดยืนของพรรคมาโดยตลอด . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121814 . #News1live #News1 #อนุทิน #ครม #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #เลือกตั้ง2569 #ภูมิใจไทย #MOU43 #MOU44
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาพิพากษาจำคุก พฤทธิกร สาระกุล อดีตทีมงานก้าวหน้า รวม 20 ปี จากคดีโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันผ่านสื่อสังคมออนไลน์รวม 10 ครั้ง เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
    .
    ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ การกระทำของจำเลยไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการใส่ร้ายดูหมิ่นอย่างร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร
    .
    คดีนี้จำเลยหลบหนีระหว่างการพิจารณา ศาลจึงสั่งออกหมายจับและอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย พร้อมดำเนินกระบวนการตามกฎหมายต่อไป
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121760
    .
    #News1live #News1 #ศาลอาญา #หมิ่นสถาบัน #มาตรา112 #คดีความมั่นคง #กฎหมายไทย
    ศาลอาญาพิพากษาจำคุก พฤทธิกร สาระกุล อดีตทีมงานก้าวหน้า รวม 20 ปี จากคดีโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันผ่านสื่อสังคมออนไลน์รวม 10 ครั้ง เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ . ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ การกระทำของจำเลยไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการใส่ร้ายดูหมิ่นอย่างร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร . คดีนี้จำเลยหลบหนีระหว่างการพิจารณา ศาลจึงสั่งออกหมายจับและอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย พร้อมดำเนินกระบวนการตามกฎหมายต่อไป . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121760 . #News1live #News1 #ศาลอาญา #หมิ่นสถาบัน #มาตรา112 #คดีความมั่นคง #กฎหมายไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไหวเหรอยศชนัน ลูกสมชายเจ๊แดง

    การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในช่วงการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากกระแสสังคมจะเงียบเชียบแล้ว แคนดิเดต 3 คนที่เสนอมา สองคนแรกไม่มีอะไรใหม่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีผลงานโดดเด่น แม้สมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่กระทรวงเกรดเอ ในตำแหน่ง รมช.คลัง หนำซ้ำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทก็ล้มเหลว ส่วนนายสุุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนที่ติดตามการเมืองมานานจะร้องยี้ เพราะเวียนวนเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่คุมกระทรวงคมนาคม หนำซ้ำยังถูกเคลือบแคลงสงสัยกรณี CTX9000

    จะมีหน้าใหม่อยู่คนเดียว คือ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ เชน แม้จะมีโปร์ไฟล์เป็นถึงอดีตรองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลงานวิจัยมากมาย แต่สังคมไม่ได้สนใจเท่ากับเป็นลูกชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงถูกจับตามองทันทีว่าสืบทอดอำนาจทางการเมืองในตระกูลชินวัตรหรือไม่ หลังครอบครัวและเครือญาติตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีโทษจำคุกคดีโครงการรับจำนำข้าว และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงนายฮุน เซน แห่งกัมพูชา

    พรรคเพื่อไทยพยายามยกเครื่องพรรคเพื่อสลัดภาพความเป็นพรรครากหญ้า พรรคประชานิยมแจกแหลก ด้วยวาทกรรม "ยกเครื่องประเทศไทย" ออกแบบด้วยวิทยาศาสตร์และเหตุผล ไปสู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพรรคประชาชน แต่ก็ยังมีนโยบายประชานิยมติดมาด้วย ทั้งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ถูกตั้งคำถามว่าจะยั่งยืนหรือไม่ รวมไปถึงนโยบายล้างหนี้ให้คนไทย สูงสุด 100,000 บาท แต่ไม่พูดถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นบาดแผลของพรรค รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลชินวัตร กับครอบครัวนายฮุน เซน

    อีกด้านหนึ่ง พรรคเพื่อไทยยังคงเลือดไหลไม่หยุด สส. มากกว่า 10 คน เห็นท่าไม่ดีย้ายไปพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลชินวัตร แม้นายทักษิณที่เป็นศาสดาของพรรค จะถูกจำคุกในคดีทุจริต รวมทั้งคดีมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดสั่งให้อุทธรณ์ แถมยังแพ้คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ 1.76 หมื่นล้านบาท กลายเป็นมีดปักหลังตระกูลการเมืองผู้มั่งคั่ง ที่หากดึงออกเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น ความล้มเหลวของรัฐบาลแพทองธาร รวมทั้งข้อกล่าวหาขายชาติ อาจทำให้หาเสียงยากที่สุด จึงกลายเป็นคำถามว่า ทั้งคนทั้งพรรคจะเข็นกันไหวหรือ?

    #Newskit
    ไหวเหรอยศชนัน ลูกสมชายเจ๊แดง การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในช่วงการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากกระแสสังคมจะเงียบเชียบแล้ว แคนดิเดต 3 คนที่เสนอมา สองคนแรกไม่มีอะไรใหม่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีผลงานโดดเด่น แม้สมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะอยู่กระทรวงเกรดเอ ในตำแหน่ง รมช.คลัง หนำซ้ำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทก็ล้มเหลว ส่วนนายสุุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนที่ติดตามการเมืองมานานจะร้องยี้ เพราะเวียนวนเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่คุมกระทรวงคมนาคม หนำซ้ำยังถูกเคลือบแคลงสงสัยกรณี CTX9000 จะมีหน้าใหม่อยู่คนเดียว คือ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ เชน แม้จะมีโปร์ไฟล์เป็นถึงอดีตรองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลงานวิจัยมากมาย แต่สังคมไม่ได้สนใจเท่ากับเป็นลูกชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงถูกจับตามองทันทีว่าสืบทอดอำนาจทางการเมืองในตระกูลชินวัตรหรือไม่ หลังครอบครัวและเครือญาติตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีโทษจำคุกคดีโครงการรับจำนำข้าว และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง กรณีคลิปเสียงนายฮุน เซน แห่งกัมพูชา พรรคเพื่อไทยพยายามยกเครื่องพรรคเพื่อสลัดภาพความเป็นพรรครากหญ้า พรรคประชานิยมแจกแหลก ด้วยวาทกรรม "ยกเครื่องประเทศไทย" ออกแบบด้วยวิทยาศาสตร์และเหตุผล ไปสู้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพรรคประชาชน แต่ก็ยังมีนโยบายประชานิยมติดมาด้วย ทั้งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ถูกตั้งคำถามว่าจะยั่งยืนหรือไม่ รวมไปถึงนโยบายล้างหนี้ให้คนไทย สูงสุด 100,000 บาท แต่ไม่พูดถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นบาดแผลของพรรค รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างตระกูลชินวัตร กับครอบครัวนายฮุน เซน อีกด้านหนึ่ง พรรคเพื่อไทยยังคงเลือดไหลไม่หยุด สส. มากกว่า 10 คน เห็นท่าไม่ดีย้ายไปพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับตระกูลชินวัตร แม้นายทักษิณที่เป็นศาสดาของพรรค จะถูกจำคุกในคดีทุจริต รวมทั้งคดีมาตรา 112 ที่อัยการสูงสุดสั่งให้อุทธรณ์ แถมยังแพ้คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ 1.76 หมื่นล้านบาท กลายเป็นมีดปักหลังตระกูลการเมืองผู้มั่งคั่ง ที่หากดึงออกเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น ความล้มเหลวของรัฐบาลแพทองธาร รวมทั้งข้อกล่าวหาขายชาติ อาจทำให้หาเสียงยากที่สุด จึงกลายเป็นคำถามว่า ทั้งคนทั้งพรรคจะเข็นกันไหวหรือ? #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครม.รักษาการณ์ชะลอโครงการ 'คนละครึ่งพลัส' เฟสสอง อ้างติดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญช่วงยุบสภา หวั่นเป็นการสร้างภาระผูกพันให้รัฐบาลชุดใหม่ ต้องรอหลังเลือกตั้งเพื่อเดินหน้าต่อ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121268

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ครม.รักษาการณ์ชะลอโครงการ 'คนละครึ่งพลัส' เฟสสอง อ้างติดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญช่วงยุบสภา หวั่นเป็นการสร้างภาระผูกพันให้รัฐบาลชุดใหม่ ต้องรอหลังเลือกตั้งเพื่อเดินหน้าต่อ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121268 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครม.รักษาการณ์เบรกหัวทิ่มประชามติยกเลิก MOU ไทย-เขมร กฤษฎีกาชี้ขัดรัฐธรรมนูญทำไม่ได้ ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญโยนให้ กกต. ชี้ขาดว่าจะจัดพร้อมวันเลือกตั้งหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121266

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ครม.รักษาการณ์เบรกหัวทิ่มประชามติยกเลิก MOU ไทย-เขมร กฤษฎีกาชี้ขัดรัฐธรรมนูญทำไม่ได้ ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญโยนให้ กกต. ชี้ขาดว่าจะจัดพร้อมวันเลือกตั้งหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000121266 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.46

    การเจรจาซึ่งถูกนิยามว่าเป็นกระบวนการหารือเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งหรือเพื่อจัดทำข้อตกลงนั้น มิได้เป็นเพียงทักษะทางสังคมหรือการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในทางนิติศาสตร์และระบบกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ การเจรจาในบริบททางกฎหมายนั้นมีความซับซ้อนและมีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอธิปไตย หรือการทำสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย การเจรจาในระดับรัฐต่อรัฐ (State-to-State Negotiation) ตามภาพที่นำเสนอ ซึ่งมีบริบททางทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นการสะท้อนถึงเดิมพันที่สูงยิ่งและความจำเป็นในการใช้ความรอบคอบทางกฎหมายอย่างสูงสุด หลักการพื้นฐานของการเจรจาระหว่างประเทศ เช่น หลักความสุจริต (Pacta Sunt Servanda) ที่หมายถึงการที่คู่เจรจาทุกฝ่ายต้องดำเนินการเจรจาด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์และมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมและปฏิบัติได้จริงตามกฎหมายสนธิสัญญา นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงหลักความเสมอภาคแห่งรัฐอธิปไตย (Sovereign Equality) ซึ่งเป็นรากฐานของการยอมรับในศักดิ์ศรีและความเป็นอิสระของแต่ละฝ่าย ทำให้ไม่มีรัฐใดมีอำนาจเหนือกว่าอีกรัฐหนึ่งในทางกฎหมาย การเจรจาจึงต้องเป็นไปบนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนและการประนีประนอมอย่างเท่าเทียมกัน ในกรณีที่มีกองทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจหมายถึงการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางอาณาเขต ข้อพิพาทเรื่องทรัพยากร หรือการยุติสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งจำเป็นต้องอ้างอิงและปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) และข้อตกลงว่าด้วยการควบคุมอาวุธ การมีอยู่ของทหารมิได้เป็นอุปสรรคต่อการเจรจา แต่เป็นการเน้นย้ำถึงความตึงเครียดและระดับความจริงจังของประเด็นที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งทำให้ทุกถ้อยคำและเงื่อนไขที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนภายใต้กรอบของพันธกรณีทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม การเจรจาในระดับนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุย แต่เป็นการสร้างหรือเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ การร่างสนธิสัญญา (Treaty Drafting) ถือเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยทุกฝ่ายต้องมั่นใจว่าภาษาที่ใช้ในข้อตกลงนั้นมีความชัดเจน ไม่กำกวม และสะท้อนเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลอย่างถูกต้องตามหลักการตีความสนธิสัญญาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

    เนื้อหาของการเจรจาในบริบททางกฎหมาย มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การยุติข้อพิพาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายใหม่ การจัดทำเขตแดน การกำหนดสิทธิและหน้าที่ทางการค้า การลงทุน หรือแม้กระทั่งการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ความสำเร็จของการเจรจาจึงวัดได้จากความสามารถในการแปลงความต้องการทางการเมืองให้เป็นถ้อยคำทางกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ได้จริงและมีเสถียรภาพ ในทางปฏิบัติ การเจรจายังต้องคำนึงถึงอำนาจในการให้สัตยาบัน (Ratification) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศ หลังจากที่ผู้แทนลงนามในข้อตกลงแล้ว ข้อตกลงนั้นยังไม่ถือว่ามีผลสมบูรณ์จนกว่าจะผ่านกระบวนการอนุมัติภายในประเทศ เช่น การให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นสอดคล้องกับกฎหมายและผลประโยชน์สูงสุดของชาติ การเจรจาจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างมิติทางการทูต มิติทางกฎหมายระหว่างประเทศ และมิติทางกฎหมายรัฐธรรมนูญภายในประเทศเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก ในกรณีที่การเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ หรือเกิดการละเมิดข้อตกลงภายหลังการลงนาม กลไกทางกฎหมายก็ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้ง เช่น การใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการไกล่เกลี่ย การประนอมข้อพิพาท หรือการนำข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือศาลอนุญาโตตุลาการ (Arbitration Tribunal) ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กฎหมายก็ยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ การเจรจาที่มีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยผู้เจรจาที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักการและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐตนเองในขณะเดียวกันก็เคารพในกฎเกณฑ์และพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีเสถียรภาพในประชาคมโลก

    ดังนั้น การเจรจาจึงเป็นมากกว่าการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนและทรงพลังที่สุดในการบริหารจัดการความขัดแย้งและสร้างพันธกรณีระหว่างประเทศ การบรรลุข้อตกลงที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต้องอาศัยความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหลักความสุจริต หลักความเสมอภาค และการเคารพต่อระบบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด แม้ในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางและมีแรงกดดันทางการทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง การเจรจาจึงเป็นเครื่องมือที่สะท้อนถึงอารยธรรมและความมุ่งมั่นของมนุษย์ที่จะใช้เหตุผลและกฎหมายเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกัน มากกว่าการใช้กำลังหรือการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการเปลี่ยนความขัดแย้งที่ยุ่งเหยิงให้กลายเป็นข้อตกลงที่ชัดเจนและมีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อสร้างเสถียรภาพและความสงบสุขในระยะยาว การเจรจาที่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดคือการก่อรูปของกฎหมายที่ยอมรับร่วมกัน
    บทความกฎหมาย EP.46 การเจรจาซึ่งถูกนิยามว่าเป็นกระบวนการหารือเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งหรือเพื่อจัดทำข้อตกลงนั้น มิได้เป็นเพียงทักษะทางสังคมหรือการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในทางนิติศาสตร์และระบบกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ การเจรจาในบริบททางกฎหมายนั้นมีความซับซ้อนและมีหลักการที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอธิปไตย หรือการทำสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย การเจรจาในระดับรัฐต่อรัฐ (State-to-State Negotiation) ตามภาพที่นำเสนอ ซึ่งมีบริบททางทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นการสะท้อนถึงเดิมพันที่สูงยิ่งและความจำเป็นในการใช้ความรอบคอบทางกฎหมายอย่างสูงสุด หลักการพื้นฐานของการเจรจาระหว่างประเทศ เช่น หลักความสุจริต (Pacta Sunt Servanda) ที่หมายถึงการที่คู่เจรจาทุกฝ่ายต้องดำเนินการเจรจาด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์และมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมและปฏิบัติได้จริงตามกฎหมายสนธิสัญญา นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงหลักความเสมอภาคแห่งรัฐอธิปไตย (Sovereign Equality) ซึ่งเป็นรากฐานของการยอมรับในศักดิ์ศรีและความเป็นอิสระของแต่ละฝ่าย ทำให้ไม่มีรัฐใดมีอำนาจเหนือกว่าอีกรัฐหนึ่งในทางกฎหมาย การเจรจาจึงต้องเป็นไปบนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนและการประนีประนอมอย่างเท่าเทียมกัน ในกรณีที่มีกองทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจหมายถึงการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางอาณาเขต ข้อพิพาทเรื่องทรัพยากร หรือการยุติสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งจำเป็นต้องอ้างอิงและปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) และข้อตกลงว่าด้วยการควบคุมอาวุธ การมีอยู่ของทหารมิได้เป็นอุปสรรคต่อการเจรจา แต่เป็นการเน้นย้ำถึงความตึงเครียดและระดับความจริงจังของประเด็นที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งทำให้ทุกถ้อยคำและเงื่อนไขที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนภายใต้กรอบของพันธกรณีทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม การเจรจาในระดับนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพูดคุย แต่เป็นการสร้างหรือเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ การร่างสนธิสัญญา (Treaty Drafting) ถือเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยทุกฝ่ายต้องมั่นใจว่าภาษาที่ใช้ในข้อตกลงนั้นมีความชัดเจน ไม่กำกวม และสะท้อนเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลอย่างถูกต้องตามหลักการตีความสนธิสัญญาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เนื้อหาของการเจรจาในบริบททางกฎหมาย มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การยุติข้อพิพาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายใหม่ การจัดทำเขตแดน การกำหนดสิทธิและหน้าที่ทางการค้า การลงทุน หรือแม้กระทั่งการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ความสำเร็จของการเจรจาจึงวัดได้จากความสามารถในการแปลงความต้องการทางการเมืองให้เป็นถ้อยคำทางกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ได้จริงและมีเสถียรภาพ ในทางปฏิบัติ การเจรจายังต้องคำนึงถึงอำนาจในการให้สัตยาบัน (Ratification) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศ หลังจากที่ผู้แทนลงนามในข้อตกลงแล้ว ข้อตกลงนั้นยังไม่ถือว่ามีผลสมบูรณ์จนกว่าจะผ่านกระบวนการอนุมัติภายในประเทศ เช่น การให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นสอดคล้องกับกฎหมายและผลประโยชน์สูงสุดของชาติ การเจรจาจึงเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างมิติทางการทูต มิติทางกฎหมายระหว่างประเทศ และมิติทางกฎหมายรัฐธรรมนูญภายในประเทศเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก ในกรณีที่การเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ หรือเกิดการละเมิดข้อตกลงภายหลังการลงนาม กลไกทางกฎหมายก็ยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้ง เช่น การใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการไกล่เกลี่ย การประนอมข้อพิพาท หรือการนำข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือศาลอนุญาโตตุลาการ (Arbitration Tribunal) ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด กฎหมายก็ยังคงเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ การเจรจาที่มีประสิทธิภาพจึงต้องอาศัยผู้เจรจาที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักการและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐตนเองในขณะเดียวกันก็เคารพในกฎเกณฑ์และพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีเสถียรภาพในประชาคมโลก ดังนั้น การเจรจาจึงเป็นมากกว่าการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนและทรงพลังที่สุดในการบริหารจัดการความขัดแย้งและสร้างพันธกรณีระหว่างประเทศ การบรรลุข้อตกลงที่ยั่งยืนและเป็นธรรมต้องอาศัยความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหลักความสุจริต หลักความเสมอภาค และการเคารพต่อระบบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด แม้ในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางและมีแรงกดดันทางการทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง การเจรจาจึงเป็นเครื่องมือที่สะท้อนถึงอารยธรรมและความมุ่งมั่นของมนุษย์ที่จะใช้เหตุผลและกฎหมายเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกัน มากกว่าการใช้กำลังหรือการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือการเปลี่ยนความขัดแย้งที่ยุ่งเหยิงให้กลายเป็นข้อตกลงที่ชัดเจนและมีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อสร้างเสถียรภาพและความสงบสุขในระยะยาว การเจรจาที่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดคือการก่อรูปของกฎหมายที่ยอมรับร่วมกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ออกมาโต้ความเห็นของ “บวรศักดิ์ อุวรรโณ” กรณีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญควบคู่กับการเลือกตั้ง สส. โดยชี้ชัดว่าทำไม่ได้ในทางกฎหมาย เนื่องจากกรอบเวลาตาม พ.ร.บ.ประชามติ ไม่สอดคล้องกับวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้
    สมชัยระบุว่า หาก ครม.มีมติจัดทำประชามติ ต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ซึ่งวันเร็วที่สุดจะเลยวันเลือกตั้งไปแล้ว พร้อมเตือนแรงว่า หากฝืนดำเนินการ อาจถูกฟ้องจนทำให้ประชามติเป็นโมฆะ และเสี่ยงสูญเสียงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120566
    .
    #News1live #News1 #การเมือง #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #เลือกตั้ง #สมชัยศรีสุทธิยากร #บวรศักดิ์อุวรรโณ
    “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ออกมาโต้ความเห็นของ “บวรศักดิ์ อุวรรโณ” กรณีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญควบคู่กับการเลือกตั้ง สส. โดยชี้ชัดว่าทำไม่ได้ในทางกฎหมาย เนื่องจากกรอบเวลาตาม พ.ร.บ.ประชามติ ไม่สอดคล้องกับวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้ สมชัยระบุว่า หาก ครม.มีมติจัดทำประชามติ ต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ซึ่งวันเร็วที่สุดจะเลยวันเลือกตั้งไปแล้ว พร้อมเตือนแรงว่า หากฝืนดำเนินการ อาจถูกฟ้องจนทำให้ประชามติเป็นโมฆะ และเสี่ยงสูญเสียงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120566 . #News1live #News1 #การเมือง #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #เลือกตั้ง #สมชัยศรีสุทธิยากร #บวรศักดิ์อุวรรโณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 2
    กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย
    อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012
    The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี
    ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ
    มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ
    อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ
    ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย
    ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย
    ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่”
    นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้
    พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 2 กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012 The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่” นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้ พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุบสภาองศาเดือด การเมืองป่วน การบ้านวุ่น เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง?, อนุทิน ชาญวีรกูล ตัดสินใจยุบสภา เปิดเกมเลือกตั้งใหม่ท่ามกลางศึกการเมืองร้อน ปมแก้รัฐธรรมนูญ–แรงกดดันอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลายเป็นชนวนรีเซตอำนาจ เดินหน้าสู่สนามเลือกตั้งใน 45–60 วัน

    อ่านต่อ…..https://news1live.com/detail/9680000120048

    #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #ยุบสภา #การเมืองไทย #เลือกตั้ง
    ยุบสภาองศาเดือด การเมืองป่วน การบ้านวุ่น เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง?, อนุทิน ชาญวีรกูล ตัดสินใจยุบสภา เปิดเกมเลือกตั้งใหม่ท่ามกลางศึกการเมืองร้อน ปมแก้รัฐธรรมนูญ–แรงกดดันอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลายเป็นชนวนรีเซตอำนาจ เดินหน้าสู่สนามเลือกตั้งใน 45–60 วัน • อ่านต่อ…..https://news1live.com/detail/9680000120048 • #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #ยุบสภา #การเมืองไทย #เลือกตั้ง
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.44

    อำนาจอธิปไตยของปวงชน: การเลือกตั้งโดยตรงกับที่มาของสมาชิกสภา

    ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจนิติบัญญัติในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาของไทยนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรู้บทบาทของประชาชนในการปกครองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับที่มาและอำนาจของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสองสภาหลัก คือ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) ตามหลักการทางกฎหมายรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยสากล ข้อความที่กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎร และ สภาสูง มีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนนั้น จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไทยปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว "สภาผู้แทนราษฎร" เป็นองค์กรที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนโดยตรงอย่างไม่มีข้อสงสัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศมาจากการเลือกตั้งทั่วไปในระบบเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และระบบบัญชีรายชื่อแบบสัดส่วนผสม ซึ่งเป็นกลไกที่รับรองหลักการที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน และต้องใช้อำนาจผ่านทางผู้แทนที่ตนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส. จึงเป็นตัวแทนโดยตรงของประชาชนในการเสนอกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญของประเทศชาติอย่างแท้จริง การเลือกตั้ง ส.ส. โดยตรงจึงเป็นเสาหลักของประชาธิปไตยที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิออกเสียงเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศ ทว่า ในทางกลับกัน สำหรับ "สภาสูง" หรือ "วุฒิสภา" นั้น บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศและแต่ละช่วงเวลาในประเทศไทยได้กำหนดที่มาของสมาชิกแตกต่างกันไปตามบริบทและเจตนารมณ์ของการจัดตั้ง วุฒิสภามักถูกออกแบบมาให้เป็นสภาที่ทำหน้าที่กลั่นกรอง ตรวจสอบกฎหมาย ถ่วงดุลอำนาจ และเป็นตัวแทนของกลุ่มวิชาชีพหรือผู้ทรงคุณวุฒิ มากกว่าที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนในเชิงพื้นที่หรือจำนวนประชากรโดยตรงเหมือนสภาผู้แทนราษฎร ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามีความหลากหลายอย่างยิ่ง บางช่วงมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารหรือผู้มีอำนาจ บางช่วงมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมโดยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือการคัดเลือกจากกลุ่มอาชีพ และบางช่วงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน แต่ตามโครงสร้างปัจจุบันภายใต้รัฐธรรมนูญบางฉบับ ที่มาของ ส.ว. อาจไม่ได้เป็นไปตามหลักการ "เลือกตั้งโดยตรง" จากประชาชนอย่างสมบูรณ์ สมาชิกวุฒิสภาอาจมาจากการคัดเลือกกันเองของกลุ่มบุคคลในสังคมที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากการหย่อนบัตรเลือกตั้งแบบที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคย การใช้คำว่า "สภาสูงมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน" จึงอาจไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางกฎหมายในทุกกรณีเสมอไป และเป็นจุดที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาแต่ละประเภทตามกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย

    ดังนั้น การแยกแยะความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างที่มาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งยึดโยงกับการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนตามหลักการพื้นฐานของระบอบตัวแทน กับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีรูปแบบที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจการใช้อำนาจอธิปไตยผ่านกลไกรัฐสภา ในแง่ของนิติศาสตร์ การที่ ส.ส. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทำให้พวกเขามีความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างชัดเจนที่สุด ในขณะที่ความชอบธรรมของ ส.ว. มักจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ หรือการเป็นกลไกตรวจสอบถ่วงดุลทางเทคนิคตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแข่งขันทางการเมืองในวงกว้างเหมือนการเลือกตั้ง ส.ส. การตีความบทบัญญัติเรื่องที่มาของสมาชิกรัฐสภาจึงต้องทำอย่างเคร่งครัดตามถ้อยคำของกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพื่อให้การทำงานของทั้งสองสภาเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการทางกฎหมายและธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพและประสิทธิภาพของการใช้อำนาจนิติบัญญัติ

    ในที่สุดแล้ว การทำความเข้าใจอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเด็นที่มาของสมาชิกรัฐสภาทั้งสองสภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เป็นหัวใจสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบประชาธิปไตย ความเข้าใจที่ชัดเจนว่า สภาผู้แทนราษฎรมีที่มาจาก "การเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน" อย่างแน่นอนและเป็นหลักการที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วนที่มาของสภาสูงนั้น ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายสูงสุดในแต่ละห้วงเวลาอย่างละเอียด จะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและติดตามการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตระหนักถึงอำนาจและสิทธิของตนในการเลือกผู้แทนเข้าไปใช้อำนาจอธิปไตยแทนตน การรับรู้และแยกแยะความแตกต่างเหล่านี้จะนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต หากพบว่าที่มาของสภาสูงไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยโดยตรง การยึดมั่นในหลักการที่ว่าอำนาจเป็นของปวงชนและต้องใช้อำนาจผ่านผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงอย่างแท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนการเมืองการปกครองของประเทศ.
    บทความกฎหมาย EP.44 อำนาจอธิปไตยของปวงชน: การเลือกตั้งโดยตรงกับที่มาของสมาชิกสภา ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจนิติบัญญัติในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาของไทยนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรู้บทบาทของประชาชนในการปกครองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับที่มาและอำนาจของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสองสภาหลัก คือ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) ตามหลักการทางกฎหมายรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยสากล ข้อความที่กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎร และ สภาสูง มีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนนั้น จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไทยปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว "สภาผู้แทนราษฎร" เป็นองค์กรที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนโดยตรงอย่างไม่มีข้อสงสัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศมาจากการเลือกตั้งทั่วไปในระบบเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และระบบบัญชีรายชื่อแบบสัดส่วนผสม ซึ่งเป็นกลไกที่รับรองหลักการที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน และต้องใช้อำนาจผ่านทางผู้แทนที่ตนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส. จึงเป็นตัวแทนโดยตรงของประชาชนในการเสนอกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญของประเทศชาติอย่างแท้จริง การเลือกตั้ง ส.ส. โดยตรงจึงเป็นเสาหลักของประชาธิปไตยที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิออกเสียงเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศ ทว่า ในทางกลับกัน สำหรับ "สภาสูง" หรือ "วุฒิสภา" นั้น บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศและแต่ละช่วงเวลาในประเทศไทยได้กำหนดที่มาของสมาชิกแตกต่างกันไปตามบริบทและเจตนารมณ์ของการจัดตั้ง วุฒิสภามักถูกออกแบบมาให้เป็นสภาที่ทำหน้าที่กลั่นกรอง ตรวจสอบกฎหมาย ถ่วงดุลอำนาจ และเป็นตัวแทนของกลุ่มวิชาชีพหรือผู้ทรงคุณวุฒิ มากกว่าที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนในเชิงพื้นที่หรือจำนวนประชากรโดยตรงเหมือนสภาผู้แทนราษฎร ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามีความหลากหลายอย่างยิ่ง บางช่วงมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารหรือผู้มีอำนาจ บางช่วงมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมโดยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือการคัดเลือกจากกลุ่มอาชีพ และบางช่วงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน แต่ตามโครงสร้างปัจจุบันภายใต้รัฐธรรมนูญบางฉบับ ที่มาของ ส.ว. อาจไม่ได้เป็นไปตามหลักการ "เลือกตั้งโดยตรง" จากประชาชนอย่างสมบูรณ์ สมาชิกวุฒิสภาอาจมาจากการคัดเลือกกันเองของกลุ่มบุคคลในสังคมที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากการหย่อนบัตรเลือกตั้งแบบที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคย การใช้คำว่า "สภาสูงมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน" จึงอาจไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางกฎหมายในทุกกรณีเสมอไป และเป็นจุดที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาแต่ละประเภทตามกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ดังนั้น การแยกแยะความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างที่มาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งยึดโยงกับการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนตามหลักการพื้นฐานของระบอบตัวแทน กับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีรูปแบบที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจการใช้อำนาจอธิปไตยผ่านกลไกรัฐสภา ในแง่ของนิติศาสตร์ การที่ ส.ส. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทำให้พวกเขามีความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างชัดเจนที่สุด ในขณะที่ความชอบธรรมของ ส.ว. มักจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ หรือการเป็นกลไกตรวจสอบถ่วงดุลทางเทคนิคตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแข่งขันทางการเมืองในวงกว้างเหมือนการเลือกตั้ง ส.ส. การตีความบทบัญญัติเรื่องที่มาของสมาชิกรัฐสภาจึงต้องทำอย่างเคร่งครัดตามถ้อยคำของกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพื่อให้การทำงานของทั้งสองสภาเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการทางกฎหมายและธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพและประสิทธิภาพของการใช้อำนาจนิติบัญญัติ ในที่สุดแล้ว การทำความเข้าใจอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเด็นที่มาของสมาชิกรัฐสภาทั้งสองสภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เป็นหัวใจสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบประชาธิปไตย ความเข้าใจที่ชัดเจนว่า สภาผู้แทนราษฎรมีที่มาจาก "การเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน" อย่างแน่นอนและเป็นหลักการที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วนที่มาของสภาสูงนั้น ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายสูงสุดในแต่ละห้วงเวลาอย่างละเอียด จะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและติดตามการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตระหนักถึงอำนาจและสิทธิของตนในการเลือกผู้แทนเข้าไปใช้อำนาจอธิปไตยแทนตน การรับรู้และแยกแยะความแตกต่างเหล่านี้จะนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต หากพบว่าที่มาของสภาสูงไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยโดยตรง การยึดมั่นในหลักการที่ว่าอำนาจเป็นของปวงชนและต้องใช้อำนาจผ่านผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงอย่างแท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนการเมืองการปกครองของประเทศ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุบสภาผู้แทนฯ กระทบวุฒิสภาโดยตรง “เลขาธิการวุฒิสภา” ออกหนังสือด่วน แจ้งสมาชิก สว. ยกเลิกการประชุมวุฒิสภา วันที่ 15 และ 16 ธันวาคมนี้ หลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568
    .
    หนังสือระบุชัด ระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเปิดประชุมวุฒิสภาได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 จึงจำเป็นต้องยกเลิกการประชุมทั้งสองวันโดยอัตโนมัติ
    .
    อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119728
    .
    #News1Live #News1 #ยุบสภา #วุฒิสภา #สว #การเมืองไทย #รัฐสภา
    ยุบสภาผู้แทนฯ กระทบวุฒิสภาโดยตรง “เลขาธิการวุฒิสภา” ออกหนังสือด่วน แจ้งสมาชิก สว. ยกเลิกการประชุมวุฒิสภา วันที่ 15 และ 16 ธันวาคมนี้ หลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 . หนังสือระบุชัด ระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเปิดประชุมวุฒิสภาได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 จึงจำเป็นต้องยกเลิกการประชุมทั้งสองวันโดยอัตโนมัติ . อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119728 . #News1Live #News1 #ยุบสภา #วุฒิสภา #สว #การเมืองไทย #รัฐสภา
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุบสภาผู้แทนฯ กระทบวุฒิสภาโดยตรง “เลขาธิการวุฒิสภา” ออกหนังสือด่วน แจ้งสมาชิก สว. ยกเลิกการประชุมวุฒิสภา วันที่ 15 และ 16 ธันวาคมนี้ หลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568
    .
    หนังสือระบุชัด ระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเปิดประชุมวุฒิสภาได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 จึงจำเป็นต้องยกเลิกการประชุมทั้งสองวันโดยอัตโนมัติ
    .
    อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119728
    .
    #News1Live #News1 #ยุบสภา #วุฒิสภา #สว #การเมืองไทย #รัฐสภา #news1
    ยุบสภาผู้แทนฯ กระทบวุฒิสภาโดยตรง “เลขาธิการวุฒิสภา” ออกหนังสือด่วน แจ้งสมาชิก สว. ยกเลิกการประชุมวุฒิสภา วันที่ 15 และ 16 ธันวาคมนี้ หลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 . หนังสือระบุชัด ระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเปิดประชุมวุฒิสภาได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 126 จึงจำเป็นต้องยกเลิกการประชุมทั้งสองวันโดยอัตโนมัติ . อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119728 . #News1Live #News1 #ยุบสภา #วุฒิสภา #สว #การเมืองไทย #รัฐสภา #news1
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ก่อนร่วมพูดคุยกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในเวลา 21.20 น. คืนนี้ ย้ำแม้ยุบสภาแล้ว แต่รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญในการดูแลความมั่นคงและเจรจาระหว่างประเทศ
    .
    นายกฯ ระบุ การพูดคุยกับผู้นำต่างชาติเป็นเพียงการอัปเดตสถานการณ์ ยืนยันการตัดสินใจเรื่องชายแดนเป็นอำนาจรัฐบาลไทยที่มอบหมายให้กองทัพ พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวสมคบคิดกับ “ฮุน เซน” หลังยุบสภาเชื่อมโยงหยุดยิง ย้ำเหตุยุบสภาเกิดจากการที่หัวหน้าพรรคประชาชนขอให้ยุบ
    .
    อ่านรายละเอียด:
    https://news1live.com/detail/9680000119448
    .
    #News1live #News1 #อนุทิน #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพไทย #ทรัมป์ #อันวาร์ #การเมืองไทย
    “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ก่อนร่วมพูดคุยกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในเวลา 21.20 น. คืนนี้ ย้ำแม้ยุบสภาแล้ว แต่รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญในการดูแลความมั่นคงและเจรจาระหว่างประเทศ . นายกฯ ระบุ การพูดคุยกับผู้นำต่างชาติเป็นเพียงการอัปเดตสถานการณ์ ยืนยันการตัดสินใจเรื่องชายแดนเป็นอำนาจรัฐบาลไทยที่มอบหมายให้กองทัพ พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวสมคบคิดกับ “ฮุน เซน” หลังยุบสภาเชื่อมโยงหยุดยิง ย้ำเหตุยุบสภาเกิดจากการที่หัวหน้าพรรคประชาชนขอให้ยุบ . อ่านรายละเอียด: https://news1live.com/detail/9680000119448 . #News1live #News1 #อนุทิน #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพไทย #ทรัมป์ #อันวาร์ #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ยุบสภา บทพิสูจน์ความอ่อนหัดพรรคประชาชน
    ดันทุรังต่อรองอำนาจแก้รัฐธรรมนูญ ท้ายุบสภาจนได้สมใจ
    #7ดอกจิก
    ♣ ยุบสภา บทพิสูจน์ความอ่อนหัดพรรคประชาชน ดันทุรังต่อรองอำนาจแก้รัฐธรรมนูญ ท้ายุบสภาจนได้สมใจ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ยุบสภาตามคำขอ "เท้ง" : [THE MESSAGE]

    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยถึงเหตุผลการยุบสภา เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน พรรคภูมิใจไทย มี MOA มาเป็นรัฐบาลได้เพราะพรรคประชาชนให้มาเป็น การพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำมาตลอด ใน MOA ทั้ง 4-5 ข้อ พรรคภูมิใจไทยก็ปฏิบัติมาตลอด ส่วนปัญหามาตรา 256/28 ไม่เคยพูดกันไว้ใน MOA แต่หัวหน้าพรรคประชาชนแถลงในรัฐสภาว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่โหวตตามที่พรรคประชาชนต้องการ พรรคประชาชนก็จะไม่สนับสนุน ขอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา ผมก็ทำตามท่าน เป็นไปตามมารยาทที่ควรจะเป็น เราทำทุกอย่างแล้ว มาจนถึงรัฐธรรมนูญโหวตวาระ 1-2 แล้ว ไปติดอยู่ 1 มาตรา ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจ สว. ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่สามารถกดดัน บังคับ โน้มน้าว สว. ให้ลงมติตามที่พรรคประชาชนต้องการได้ ยืนยัน ไม่มีการหักหลัง ใน MOA 4-5 ข้อ ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับ สว.เลย ส่วนในอนาคตจะจับมือกับพรรคประชาชนได้หรือไม่ "ทุกอย่างเป็นไปได้หมดครับ"
    ยุบสภาตามคำขอ "เท้ง" : [THE MESSAGE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยถึงเหตุผลการยุบสภา เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน พรรคภูมิใจไทย มี MOA มาเป็นรัฐบาลได้เพราะพรรคประชาชนให้มาเป็น การพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำมาตลอด ใน MOA ทั้ง 4-5 ข้อ พรรคภูมิใจไทยก็ปฏิบัติมาตลอด ส่วนปัญหามาตรา 256/28 ไม่เคยพูดกันไว้ใน MOA แต่หัวหน้าพรรคประชาชนแถลงในรัฐสภาว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่โหวตตามที่พรรคประชาชนต้องการ พรรคประชาชนก็จะไม่สนับสนุน ขอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา ผมก็ทำตามท่าน เป็นไปตามมารยาทที่ควรจะเป็น เราทำทุกอย่างแล้ว มาจนถึงรัฐธรรมนูญโหวตวาระ 1-2 แล้ว ไปติดอยู่ 1 มาตรา ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจ สว. ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่สามารถกดดัน บังคับ โน้มน้าว สว. ให้ลงมติตามที่พรรคประชาชนต้องการได้ ยืนยัน ไม่มีการหักหลัง ใน MOA 4-5 ข้อ ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับ สว.เลย ส่วนในอนาคตจะจับมือกับพรรคประชาชนได้หรือไม่ "ทุกอย่างเป็นไปได้หมดครับ"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.43

    การยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นกลไกสำคัญภายใต้ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาของประเทศไทย มักถูกเรียกอย่างย่อว่า "ยุบสภา" แต่ในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญนั้น กระบวนการนี้มีที่มา อำนาจ และขอบเขตที่ชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากการสิ้นสุดวาระตามปกติ โดยสาระสำคัญแล้ว การยุบสภาคือการที่ฝ่ายบริหาร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ริเริ่มและรับผิดชอบ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีผลเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองกลับคืนสู่ประชาชนผ่านการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็วที่สุด การยุบสภาจึงไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง หรือเพื่อแสวงหาฉันทามติใหม่จากประชาชนเมื่อรัฐบาลประสบภาวะไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ด้วยความชอบธรรมทางเสียงสนับสนุนในสภา หรือในยามที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเมืองให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพมากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ โดยอำนาจในการยุบสภานี้เป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีในการเสนอต่อพระมหากษัตริย์ และเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการมีพระบรมราชโองการให้ยุบสภาตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ให้เป็นอำนาจที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ดังนั้น ในทางปฏิบัติ จึงเป็นไปตามการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจทางการเมืองที่ต้องรับผิดชอบต่อสาธารณชน

    ในประเด็นทางกฎหมายที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ขอบเขตของการยุบสภานั้นตามประเพณีการปกครองและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะจำกัดอยู่เพียง สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เท่านั้น ไม่ได้รวมถึง วุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งถือเป็นความแตกต่างทางโครงสร้างและหน้าที่อย่างชัดเจนระหว่างสภาทั้งสอง สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี และมีบทบาทหลักในการออกกฎหมาย การควบคุมฝ่ายบริหาร และการให้ความเห็นชอบต่างๆ การยุบสภาจึงเป็นกลไกที่ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด คือประมาณสี่สิบห้าถึงหกสิบวัน เพื่อให้ได้สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ในทางตรงกันข้าม วุฒิสภาอาจมีที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อม การสรรหา หรือการแต่งตั้งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ มีวาระการดำรงตำแหน่งที่แตกต่างกัน และมีบทบาทหลักในการกลั่นกรองกฎหมาย ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน และดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางประเภท ด้วยเหตุนี้ โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ที่แตกต่างกัน ทำให้วุฒิสภาไม่ได้ถูกยุบไปด้วยกับการยุบสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาจึงยังคงอยู่ในตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งของตนเองตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เว้นแต่รัฐธรรมนูญฉบับใดจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ซึ่งโดยหลักการประชาธิปไตยส่วนใหญ่จะคงไว้ซึ่งการยุบเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนโดยตรงของประชาชน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่โยงกับความชอบธรรมของฝ่ายบริหารที่มาจากฐานเสียงของสภาผู้แทนราษฎรนั่นเอง การดำเนินการยุบสภานั้นจะส่งผลให้คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันต้องกลายเป็นคณะรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งมีข้อจำกัดในการใช้อำนาจและอนุมัติโครงการหรือการอนุมัติงบประมาณขนาดใหญ่ จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ารับหน้าที่หลังการเลือกตั้ง

    สรุปได้ว่า การยุบสภาผู้แทนราษฎรคือกระบวนการทางรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจเพื่อขจัดวิกฤตการณ์ทางการเมืองหรือเพื่อแสวงหาความชอบธรรมใหม่จากประชาชน โดยเป็นการใช้อำนาจเสนอขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยุบเฉพาะส่วนของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสภาที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับฐานอำนาจของรัฐบาลและที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขณะที่วุฒิสภายังคงอยู่ตามวาระที่กำหนดไว้ การทำความเข้าใจความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎรกับการคงอยู่ของวุฒิสภาจึงเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองภายใต้หลักการของกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย
    บทความกฎหมาย EP.43 การยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นกลไกสำคัญภายใต้ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาของประเทศไทย มักถูกเรียกอย่างย่อว่า "ยุบสภา" แต่ในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญนั้น กระบวนการนี้มีที่มา อำนาจ และขอบเขตที่ชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากการสิ้นสุดวาระตามปกติ โดยสาระสำคัญแล้ว การยุบสภาคือการที่ฝ่ายบริหาร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ริเริ่มและรับผิดชอบ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีผลเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองกลับคืนสู่ประชาชนผ่านการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็วที่สุด การยุบสภาจึงไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง หรือเพื่อแสวงหาฉันทามติใหม่จากประชาชนเมื่อรัฐบาลประสบภาวะไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ด้วยความชอบธรรมทางเสียงสนับสนุนในสภา หรือในยามที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเมืองให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพมากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ โดยอำนาจในการยุบสภานี้เป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีในการเสนอต่อพระมหากษัตริย์ และเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการมีพระบรมราชโองการให้ยุบสภาตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี ตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ให้เป็นอำนาจที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ดังนั้น ในทางปฏิบัติ จึงเป็นไปตามการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจทางการเมืองที่ต้องรับผิดชอบต่อสาธารณชน ในประเด็นทางกฎหมายที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ขอบเขตของการยุบสภานั้นตามประเพณีการปกครองและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะจำกัดอยู่เพียง สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เท่านั้น ไม่ได้รวมถึง วุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งถือเป็นความแตกต่างทางโครงสร้างและหน้าที่อย่างชัดเจนระหว่างสภาทั้งสอง สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี และมีบทบาทหลักในการออกกฎหมาย การควบคุมฝ่ายบริหาร และการให้ความเห็นชอบต่างๆ การยุบสภาจึงเป็นกลไกที่ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด คือประมาณสี่สิบห้าถึงหกสิบวัน เพื่อให้ได้สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ในทางตรงกันข้าม วุฒิสภาอาจมีที่มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อม การสรรหา หรือการแต่งตั้งตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ มีวาระการดำรงตำแหน่งที่แตกต่างกัน และมีบทบาทหลักในการกลั่นกรองกฎหมาย ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน และดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางประเภท ด้วยเหตุนี้ โครงสร้างและอำนาจหน้าที่ที่แตกต่างกัน ทำให้วุฒิสภาไม่ได้ถูกยุบไปด้วยกับการยุบสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาจึงยังคงอยู่ในตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งของตนเองตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เว้นแต่รัฐธรรมนูญฉบับใดจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ซึ่งโดยหลักการประชาธิปไตยส่วนใหญ่จะคงไว้ซึ่งการยุบเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนโดยตรงของประชาชน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่โยงกับความชอบธรรมของฝ่ายบริหารที่มาจากฐานเสียงของสภาผู้แทนราษฎรนั่นเอง การดำเนินการยุบสภานั้นจะส่งผลให้คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันต้องกลายเป็นคณะรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งมีข้อจำกัดในการใช้อำนาจและอนุมัติโครงการหรือการอนุมัติงบประมาณขนาดใหญ่ จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ารับหน้าที่หลังการเลือกตั้ง สรุปได้ว่า การยุบสภาผู้แทนราษฎรคือกระบวนการทางรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจเพื่อขจัดวิกฤตการณ์ทางการเมืองหรือเพื่อแสวงหาความชอบธรรมใหม่จากประชาชน โดยเป็นการใช้อำนาจเสนอขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยุบเฉพาะส่วนของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสภาที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับฐานอำนาจของรัฐบาลและที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขณะที่วุฒิสภายังคงอยู่ตามวาระที่กำหนดไว้ การทำความเข้าใจความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎรกับการคงอยู่ของวุฒิสภาจึงเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองภายใต้หลักการของกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกม ยุบสภา รัฐบาลมิกกี้เมาส์ คิดมาดีแล้ว
    .
    1.เรื่องชายแดน ทหารมีอำนาจเต็มที่ตามกฎหมายแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไร
    .
    2.ทรัมป์ โทรมา ก็อ้างได้ว่า “รัฐบาลรักษาการมีข้อจำกัด” ป้องกัน อเมริกา ที่ต้องการแทรกแซง (ช่วย เขมร)
    .
    3.ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ที่มีพวกสันดานชั่ว จ้องจะแก้ไข หมวด 1 หมวด 2 (เรื่องรัฐเดี่ยวและสถาบันพระมหากษัตริย์)
    .
    4.ไม่ต้องรอแพ้ผลโหวตในการอภิปราย เพราะเสียงน้อยกว่า
    .
    5.รัฐบาลรักษาการ จะได้เป็นนานกว่าที่คนทั่วไปคิดไว้เยอะ
    ...
    ...
    คราวนี้คอยดูว่า ไอ้พวกขี้ข้าไซออนิสต์ มันจะออกมาโหยหวนยังไง...???
    เกม ยุบสภา รัฐบาลมิกกี้เมาส์ คิดมาดีแล้ว . 1.เรื่องชายแดน ทหารมีอำนาจเต็มที่ตามกฎหมายแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไร . 2.ทรัมป์ โทรมา ก็อ้างได้ว่า “รัฐบาลรักษาการมีข้อจำกัด” ป้องกัน อเมริกา ที่ต้องการแทรกแซง (ช่วย เขมร) . 3.ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ที่มีพวกสันดานชั่ว จ้องจะแก้ไข หมวด 1 หมวด 2 (เรื่องรัฐเดี่ยวและสถาบันพระมหากษัตริย์) . 4.ไม่ต้องรอแพ้ผลโหวตในการอภิปราย เพราะเสียงน้อยกว่า . 5.รัฐบาลรักษาการ จะได้เป็นนานกว่าที่คนทั่วไปคิดไว้เยอะ ... ... คราวนี้คอยดูว่า ไอ้พวกขี้ข้าไซออนิสต์ มันจะออกมาโหยหวนยังไง...???
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • โง่ชิบหาย...!!!
    .
    ทำตัวเป็นเด็กยังไม่อย่านม ลงไปนอนกลิ้งจะเอาของเล่น
    .
    ประเทศชาติมีศึกสงคราม ไอ้พรรคการเมืองเหี้ยนี่ คิดอย่างเดียวจะแก้รัฐธรรมนูญ
    .
    กูจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ด้วย...!!!
    ....
    ....
    หมวดที่ 1 บททั่วไป กำหนดหลักการพื้นฐาน
    .
    ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว และมีการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    หมวดที่ 2 พระมหากษัตริย์ กำหนดสถานะและบทบาทของพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ
    ....
    ....
    พวกมึงอยากจะแก้เหี้ยอะไร
    .
    จะแก้หมวด 1 หรือมึงอยากจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐ แบ่งแยกดินแดนให้ BRN รึไง...???
    .
    จะแก้หมวด 2 หมวดพระมหากษัตริย์ มึงจะแก้ไขสถานะพระมหากษัตริย์เหรอ...???
    ...
    ...
    ทุกลมหายใจคิดแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ คิดแต่จะจัดการสถาบันพระมหากษัตริย์
    .
    เค้ารบกับ มึงก็ค้านดะ หาว่าทหารจะหาซีนหาแสง ห้ามมีกระแสชาตินิยมในประเทศไทยเด็ดขาด
    .
    ไปนั่งตรวจสอบทหาร ตรวจสอบคนบริจาคช่วยทหาร...
    .
    คิดว่าตัวเองคะแนนเสียงเยอะ ไม่พอใจก็โวยวายขู่จะอภิปราย ท้าให้เขายุบสภา
    .
    เขาเลยยุบสภาฟาดหน้ามึง...!!!
    .
    ทีนี้ทำยังไง...???
    .
    ไอ้หน้าโง่เอ้ย...!!!
    .
    ไก่อ่อน...
    .
    ถ้าประเทศชาติในยามสงครามได้พวกมึงมาบริหาร...
    .
    ไม่แคล้ว ได้หยุดสงคราม กราบตีน เขมร ลาก ไอ้ทรัมป์ มาเสือกอีกแน่นอน...
    .
    โง่แล้ว โง่อยู่ โง่ต่อไป...!!!
    โง่ชิบหาย...!!! . ทำตัวเป็นเด็กยังไม่อย่านม ลงไปนอนกลิ้งจะเอาของเล่น . ประเทศชาติมีศึกสงคราม ไอ้พรรคการเมืองเหี้ยนี่ คิดอย่างเดียวจะแก้รัฐธรรมนูญ . กูจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ด้วย...!!! .... .... หมวดที่ 1 บททั่วไป กำหนดหลักการพื้นฐาน . ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว และมีการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . หมวดที่ 2 พระมหากษัตริย์ กำหนดสถานะและบทบาทของพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ .... .... พวกมึงอยากจะแก้เหี้ยอะไร . จะแก้หมวด 1 หรือมึงอยากจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐ แบ่งแยกดินแดนให้ BRN รึไง...??? . จะแก้หมวด 2 หมวดพระมหากษัตริย์ มึงจะแก้ไขสถานะพระมหากษัตริย์เหรอ...??? ... ... ทุกลมหายใจคิดแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ คิดแต่จะจัดการสถาบันพระมหากษัตริย์ . เค้ารบกับ มึงก็ค้านดะ หาว่าทหารจะหาซีนหาแสง ห้ามมีกระแสชาตินิยมในประเทศไทยเด็ดขาด . ไปนั่งตรวจสอบทหาร ตรวจสอบคนบริจาคช่วยทหาร... . คิดว่าตัวเองคะแนนเสียงเยอะ ไม่พอใจก็โวยวายขู่จะอภิปราย ท้าให้เขายุบสภา . เขาเลยยุบสภาฟาดหน้ามึง...!!! . ทีนี้ทำยังไง...??? . ไอ้หน้าโง่เอ้ย...!!! . ไก่อ่อน... . ถ้าประเทศชาติในยามสงครามได้พวกมึงมาบริหาร... . ไม่แคล้ว ได้หยุดสงคราม กราบตีน เขมร ลาก ไอ้ทรัมป์ มาเสือกอีกแน่นอน... . โง่แล้ว โง่อยู่ โง่ต่อไป...!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครรอ คนละครึ่งเฟส 2 อยู่ เสียใจด้วยนะครับ
    .
    พรรคส้มงอแง ว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ (ตามเงื่อนไขของมัน) จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
    .
    รัฐบาลเสียงข้างน้อย อภิปรายไปก็แพ้โหวต
    .
    ดังนั้น เขาเลยยุบสภา ครับ
    .
    จบข่าว...
    .
    ใครรอ คนละครึ่งเฟส 2 อยู่ เสียใจด้วยนะครับ . พรรคส้มงอแง ว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ (ตามเงื่อนไขของมัน) จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล . รัฐบาลเสียงข้างน้อย อภิปรายไปก็แพ้โหวต . ดังนั้น เขาเลยยุบสภา ครับ . จบข่าว... . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วนกลางดึก-นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพื่อเปิดทางสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ หลังสูตรการเมืองเปลี่ยนขั้วชั่วข้ามคืน
    .
    การยุบสภาฯ เกิดขึ้นทันทีหลังรัฐสภามีมติให้มาตรา 256/28 ต้องได้เสียงเห็นชอบจาก สว. อย่างน้อยหนึ่งในสาม ทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไม่ได้ ขณะที่พรรคประชาชน—ผู้หนุนอนุทินเป็นนายกฯ—ย้ำชัดว่า หากโหวตแพ้จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะทันที
    .
    “ภราดร ปริศนานันทกุล” ชี้แจงตรงไปตรงมา—พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถไปสั่ง สว. ให้ตัดอำนาจของตัวเองได้ และหากตัดอำนาจ สว. ก็จะไม่ผ่านวาระสาม ส่งผลให้การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับล้มทั้งระบบ
    .
    สุดท้าย นายอนุทินเลือกยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และทำตามข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลเดิมว่า หากแก้รัฐธรรมนูญไปต่อไม่ได้ ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสิน.
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000119265
    .
    #News1live #News1 #ยุบสภา #อนุทิน #การเมืองไทย #เลือกตั้งใหม่ #สภาผู้แทนราษฎร #เกมการเมือง
    ด่วนกลางดึก-นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพื่อเปิดทางสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ หลังสูตรการเมืองเปลี่ยนขั้วชั่วข้ามคืน . การยุบสภาฯ เกิดขึ้นทันทีหลังรัฐสภามีมติให้มาตรา 256/28 ต้องได้เสียงเห็นชอบจาก สว. อย่างน้อยหนึ่งในสาม ทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไม่ได้ ขณะที่พรรคประชาชน—ผู้หนุนอนุทินเป็นนายกฯ—ย้ำชัดว่า หากโหวตแพ้จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะทันที . “ภราดร ปริศนานันทกุล” ชี้แจงตรงไปตรงมา—พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถไปสั่ง สว. ให้ตัดอำนาจของตัวเองได้ และหากตัดอำนาจ สว. ก็จะไม่ผ่านวาระสาม ส่งผลให้การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับล้มทั้งระบบ . สุดท้าย นายอนุทินเลือกยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และทำตามข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลเดิมว่า หากแก้รัฐธรรมนูญไปต่อไม่ได้ ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสิน. . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000119265 . #News1live #News1 #ยุบสภา #อนุทิน #การเมืองไทย #เลือกตั้งใหม่ #สภาผู้แทนราษฎร #เกมการเมือง
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัญญาณยุบสภามาแรง "อนุทิน" พยักหน้ารับเตรียมพร้อมแล้ว ขณะที่พรรคประชาชนไม่ติดใจ ขอเพียงรัฐธรรมนูญใหม่ยังเดินหน้าตามข้อตกลง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118884

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สัญญาณยุบสภามาแรง "อนุทิน" พยักหน้ารับเตรียมพร้อมแล้ว ขณะที่พรรคประชาชนไม่ติดใจ ขอเพียงรัฐธรรมนูญใหม่ยังเดินหน้าตามข้อตกลง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000118884 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts