• Google Aluminium OS: ระบบปฏิบัติการใหม่

    Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อแทนที่ ChromeOS ในอนาคต และรองรับอุปกรณ์หลายประเภทตั้งแต่โน้ตบุ๊กไปจนถึงแท็บเล็ต

    จากประกาศรับสมัครงานล่าสุด Aluminium OS ถูกระบุว่าเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐาน Android แต่จะถูกออกแบบให้ทำงานได้กับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Laptop, Detachable Notebook, Tablet และ Mini-PCs จุดเด่นคือการรวมความสามารถของ Android ที่มี ecosystem แข็งแกร่ง เข้ากับ ChromeOS ที่เคยถูกใช้ใน Chromebook เพื่อสร้างแพลตฟอร์มเดียวที่ครอบคลุมมากขึ้น

    โครงสร้างและการแบ่งระดับ
    Aluminium OS จะมีหลายระดับ ได้แก่ Entry, Mass Premium และ Premium ซึ่งคล้ายกับการแบ่งชั้นบริการ subscription แม้ยังไม่ชัดเจนว่ามีความหมายเชิงฟีเจอร์หรือราคา แต่สะท้อนว่า Google อาจต้องการสร้างระบบที่ยืดหยุ่นและปรับใช้ได้ตามกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกัน

    เป้าหมายระยะยาว
    แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ Aluminium OS ถูกมองว่าเป็นการวางรากฐานเพื่อ แทนที่ ChromeOS ในอนาคต โดยในช่วงแรกจะยังคงมีการใช้งานคู่กันไปก่อน การเปลี่ยนผ่านนี้คล้ายกับการที่ Google ใช้ชื่อโครงการจากตารางธาตุ เช่น Chromium และ Aluminium เพื่อสื่อถึงการสร้างเทคโนโลยีใหม่ที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด
    หาก Aluminium OS เปิดตัวจริง จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานและใช้งานแอป Android ได้อย่างราบรื่นบน Chromebook และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้ ecosystem ของ Google แข็งแกร่งขึ้น และแข่งขันกับ Apple ที่มีระบบปฏิบัติการแบบ unified ระหว่าง iOS และ macOS ได้มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Aluminium OS คือระบบใหม่จาก Google
    รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน

    รองรับหลายอุปกรณ์
    Laptop, Tablet, Detachable Notebook, Mini-PCs

    มีการแบ่งระดับระบบ
    Entry, Mass Premium, Premium

    เป้าหมายระยะยาว
    แทนที่ ChromeOS และสร้าง ecosystem ที่แข็งแกร่งขึ้น

    ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน
    Google ยังไม่ประกาศ timeline หรือฟีเจอร์ที่แน่นอน

    https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os/
    💻 Google Aluminium OS: ระบบปฏิบัติการใหม่ Google กำลังพัฒนา Aluminium OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อแทนที่ ChromeOS ในอนาคต และรองรับอุปกรณ์หลายประเภทตั้งแต่โน้ตบุ๊กไปจนถึงแท็บเล็ต จากประกาศรับสมัครงานล่าสุด Aluminium OS ถูกระบุว่าเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐาน Android แต่จะถูกออกแบบให้ทำงานได้กับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Laptop, Detachable Notebook, Tablet และ Mini-PCs จุดเด่นคือการรวมความสามารถของ Android ที่มี ecosystem แข็งแกร่ง เข้ากับ ChromeOS ที่เคยถูกใช้ใน Chromebook เพื่อสร้างแพลตฟอร์มเดียวที่ครอบคลุมมากขึ้น 🔧 โครงสร้างและการแบ่งระดับ Aluminium OS จะมีหลายระดับ ได้แก่ Entry, Mass Premium และ Premium ซึ่งคล้ายกับการแบ่งชั้นบริการ subscription แม้ยังไม่ชัดเจนว่ามีความหมายเชิงฟีเจอร์หรือราคา แต่สะท้อนว่า Google อาจต้องการสร้างระบบที่ยืดหยุ่นและปรับใช้ได้ตามกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกัน 🚀 เป้าหมายระยะยาว แม้ Google ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ Aluminium OS ถูกมองว่าเป็นการวางรากฐานเพื่อ แทนที่ ChromeOS ในอนาคต โดยในช่วงแรกจะยังคงมีการใช้งานคู่กันไปก่อน การเปลี่ยนผ่านนี้คล้ายกับการที่ Google ใช้ชื่อโครงการจากตารางธาตุ เช่น Chromium และ Aluminium เพื่อสื่อถึงการสร้างเทคโนโลยีใหม่ที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้และตลาด หาก Aluminium OS เปิดตัวจริง จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานและใช้งานแอป Android ได้อย่างราบรื่นบน Chromebook และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้ ecosystem ของ Google แข็งแกร่งขึ้น และแข่งขันกับ Apple ที่มีระบบปฏิบัติการแบบ unified ระหว่าง iOS และ macOS ได้มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Aluminium OS คือระบบใหม่จาก Google ➡️ รวม Android และ ChromeOS เข้าด้วยกัน ✅ รองรับหลายอุปกรณ์ ➡️ Laptop, Tablet, Detachable Notebook, Mini-PCs ✅ มีการแบ่งระดับระบบ ➡️ Entry, Mass Premium, Premium ✅ เป้าหมายระยะยาว ➡️ แทนที่ ChromeOS และสร้าง ecosystem ที่แข็งแกร่งขึ้น ‼️ ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน ⛔ Google ยังไม่ประกาศ timeline หรือฟีเจอร์ที่แน่นอน https://securityonline.info/googles-new-merged-os-revealed-job-listing-points-to-aluminium-os/
    SECURITYONLINE.INFO
    Google’s New Merged OS Revealed? Job Listing Points to ‘Aluminium OS’
    A job posting revealed the codename 'Aluminium OS' for Google's project to merge Android and ChromeOS into a single platform for laptops, tablets, and mini-PCs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • การกลับมาของ JPEG-XL บน Chromium

    Google กำลังพิจารณานำฟีเจอร์ JPEG-XL กลับมาใน Chromium หลังจากที่ Apple ได้เพิ่มการรองรับใน Safari และ iPhone 16 Pro ซึ่งอาจทำให้ฟอร์แมตนี้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภาพดิจิทัล

    JPEG-XL เป็นฟอร์แมตภาพรุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ JPEG โดยมีจุดเด่นคือ การบีบอัดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และยังคงความเข้ากันได้กับไฟล์ JPEG เดิมได้ดี Google เคยทดสอบและนำมาใช้ใน Chromium ตั้งแต่ปี 2021 แต่ในปี 2023 ได้ตัดสินใจลบออกเนื่องจาก "ขาดความสนใจจาก ecosystem" อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Apple นำ JPEG-XL มาใช้ใน Safari และเพิ่มตัวเลือกถ่ายภาพ JPEG-XL ใน iPhone 16 Pro ทำให้ Google ต้องกลับมาเปิดการถกเถียงอีกครั้ง

    Apple จุดประกายให้ JPEG-XL กลับมา
    การที่ Apple นำ JPEG-XL มาใช้จริงถือเป็นแรงผลักดันสำคัญ เพราะ ecosystem ของ Apple มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล การรองรับใน Safari และ iPhone ทำให้ JPEG-XL มีโอกาสกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการภาพดิจิทัล หาก Google ตัดสินใจนำกลับมาใน Chromium จะส่งผลให้เบราว์เซอร์หลัก ๆ อย่าง Chrome, Edge, Brave, Vivaldi และ Opera รองรับพร้อมกันทันที

    สถานะปัจจุบันและอนาคต
    ตอนนี้ Google เพียงแค่ เปิด issue เดิมใน Chromium เพื่อเริ่มต้นการถกเถียงใหม่ ยังไม่มีการประกาศ timeline ที่ชัดเจนว่าจะนำกลับมาเมื่อไร ขณะเดียวกัน Firefox ก็กำลังทดสอบการรองรับ JPEG-XL ผ่านคอมโพเนนต์ที่เขียนด้วย Rust หากทั้ง Google และ Mozilla ตัดสินใจเดินหน้า JPEG-XL จะกลายเป็นฟอร์แมตที่มีการรองรับเกือบทุกเบราว์เซอร์หลัก รวมถึงหาก Windows และ Linux เพิ่มการรองรับในระบบปฏิบัติการ ก็จะทำให้ JPEG-XL มีโอกาสกลายเป็นมาตรฐานสากล

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การรองรับ JPEG-XL หมายถึง ไฟล์ภาพที่เล็กลงแต่คุณภาพสูงขึ้น และสามารถแชร์หรือเก็บข้อมูลได้สะดวกกว่าเดิม ส่วนสำหรับนักพัฒนาเว็บและแอปพลิเคชัน การรองรับฟอร์แมตนี้จะช่วยลดภาระด้าน bandwidth และ storage ได้มาก หากกลายเป็นมาตรฐานจริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    JPEG-XL ถูกนำกลับมาถกเถียงใน Chromium
    Google เปิด issue เดิมเพื่อพิจารณาการรองรับอีกครั้ง

    Apple นำ JPEG-XL มาใช้จริง
    Safari และ iPhone 16 Pro รองรับการถ่ายภาพและแสดงผล JPEG-XL

    หาก Chromium รองรับ จะกระทบ ecosystem ใหญ่
    Chrome, Edge, Brave, Vivaldi และ Opera จะรองรับพร้อมกัน

    Firefox กำลังทดสอบการรองรับด้วย Rust
    หากสำเร็จจะทำให้เบราว์เซอร์หลักเกือบทั้งหมดรองรับ JPEG-XL

    ยังไม่มี timeline ที่ชัดเจนจาก Google
    ผู้ใช้ Chrome ยังไม่สามารถดูภาพ JPEG-XL ได้ในตอนนี้

    การเปลี่ยนมาตรฐานต้องอาศัยการรองรับจาก OS
    หาก Windows และ Linux ยังไม่รองรับ อาจทำให้การใช้งานไม่แพร่หลายเต็มที่

    https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it/
    🖼️ การกลับมาของ JPEG-XL บน Chromium Google กำลังพิจารณานำฟีเจอร์ JPEG-XL กลับมาใน Chromium หลังจากที่ Apple ได้เพิ่มการรองรับใน Safari และ iPhone 16 Pro ซึ่งอาจทำให้ฟอร์แมตนี้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภาพดิจิทัล JPEG-XL เป็นฟอร์แมตภาพรุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่ JPEG โดยมีจุดเด่นคือ การบีบอัดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และยังคงความเข้ากันได้กับไฟล์ JPEG เดิมได้ดี Google เคยทดสอบและนำมาใช้ใน Chromium ตั้งแต่ปี 2021 แต่ในปี 2023 ได้ตัดสินใจลบออกเนื่องจาก "ขาดความสนใจจาก ecosystem" อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ Apple นำ JPEG-XL มาใช้ใน Safari และเพิ่มตัวเลือกถ่ายภาพ JPEG-XL ใน iPhone 16 Pro ทำให้ Google ต้องกลับมาเปิดการถกเถียงอีกครั้ง 🍏 Apple จุดประกายให้ JPEG-XL กลับมา การที่ Apple นำ JPEG-XL มาใช้จริงถือเป็นแรงผลักดันสำคัญ เพราะ ecosystem ของ Apple มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล การรองรับใน Safari และ iPhone ทำให้ JPEG-XL มีโอกาสกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการภาพดิจิทัล หาก Google ตัดสินใจนำกลับมาใน Chromium จะส่งผลให้เบราว์เซอร์หลัก ๆ อย่าง Chrome, Edge, Brave, Vivaldi และ Opera รองรับพร้อมกันทันที 🔧 สถานะปัจจุบันและอนาคต ตอนนี้ Google เพียงแค่ เปิด issue เดิมใน Chromium เพื่อเริ่มต้นการถกเถียงใหม่ ยังไม่มีการประกาศ timeline ที่ชัดเจนว่าจะนำกลับมาเมื่อไร ขณะเดียวกัน Firefox ก็กำลังทดสอบการรองรับ JPEG-XL ผ่านคอมโพเนนต์ที่เขียนด้วย Rust หากทั้ง Google และ Mozilla ตัดสินใจเดินหน้า JPEG-XL จะกลายเป็นฟอร์แมตที่มีการรองรับเกือบทุกเบราว์เซอร์หลัก รวมถึงหาก Windows และ Linux เพิ่มการรองรับในระบบปฏิบัติการ ก็จะทำให้ JPEG-XL มีโอกาสกลายเป็นมาตรฐานสากล 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา สำหรับผู้ใช้ทั่วไป การรองรับ JPEG-XL หมายถึง ไฟล์ภาพที่เล็กลงแต่คุณภาพสูงขึ้น และสามารถแชร์หรือเก็บข้อมูลได้สะดวกกว่าเดิม ส่วนสำหรับนักพัฒนาเว็บและแอปพลิเคชัน การรองรับฟอร์แมตนี้จะช่วยลดภาระด้าน bandwidth และ storage ได้มาก หากกลายเป็นมาตรฐานจริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ JPEG-XL ถูกนำกลับมาถกเถียงใน Chromium ➡️ Google เปิด issue เดิมเพื่อพิจารณาการรองรับอีกครั้ง ✅ Apple นำ JPEG-XL มาใช้จริง ➡️ Safari และ iPhone 16 Pro รองรับการถ่ายภาพและแสดงผล JPEG-XL ✅ หาก Chromium รองรับ จะกระทบ ecosystem ใหญ่ ➡️ Chrome, Edge, Brave, Vivaldi และ Opera จะรองรับพร้อมกัน ✅ Firefox กำลังทดสอบการรองรับด้วย Rust ➡️ หากสำเร็จจะทำให้เบราว์เซอร์หลักเกือบทั้งหมดรองรับ JPEG-XL ‼️ ยังไม่มี timeline ที่ชัดเจนจาก Google ⛔ ผู้ใช้ Chrome ยังไม่สามารถดูภาพ JPEG-XL ได้ในตอนนี้ ‼️ การเปลี่ยนมาตรฐานต้องอาศัยการรองรับจาก OS ⛔ หาก Windows และ Linux ยังไม่รองรับ อาจทำให้การใช้งานไม่แพร่หลายเต็มที่ https://securityonline.info/chromium-reopens-jpeg-xl-debate-will-google-reinstate-support-after-apple-adopted-it/
    SECURITYONLINE.INFO
    Chromium Reopens JPEG-XL Debate: Will Google Reinstate Support After Apple Adopted It?
    After removing JPEG-XL support in 2023, Chromium has reopened the debate on reinstating the format, driven by Apple's recent adoption in Safari and the iPhone 16 Pro.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Coinbase ถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ – Insider Threat และการเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์”

    ในเดือนมกราคม 2025 มีผู้ใช้ Coinbase รายหนึ่งถูกโจมตีด้วยอีเมลและโทรศัพท์ที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายป้องกันการฉ้อโกงของบริษัท โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประกันสังคม ยอดคงเหลือ Bitcoin และรายละเอียดบัญชีที่ไม่ควรเปิดเผยได้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าการโจมตีไม่ได้เป็นเพียง Phishing ธรรมดา แต่เป็นการใช้ข้อมูลภายในที่ถูกขโมยมาอย่างชัดเจน

    ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2025 Coinbase ได้รับอีเมลจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างว่ามีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก พร้อมเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูล บริษัทเลือกที่จะไม่จ่ายเงิน แต่กลับแจ้งต่อสาธารณะและยื่นรายงานต่อ SEC โดยยืนยันว่ามีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ภาพบัตรประชาชน และประวัติธุรกรรม

    สิ่งที่น่ากังวลคือการโจมตีครั้งนี้เกิดจากการที่พนักงาน Outsource ในต่างประเทศถูกติดสินบนให้เปิดเผยข้อมูลภายในระบบบริการลูกค้า การรั่วไหลเช่นนี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างการหลอกลวงที่สมจริงมากขึ้น เช่น โทรศัพท์ปลอมที่ดูเหมือนจาก Coinbase และอีเมลที่มีการตรวจสอบ DKIM ผ่าน ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อได้ง่าย

    แม้ Coinbase จะยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย แต่ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ในอนาคต เช่น การหลอกให้ผู้ใช้ย้ายเงินไปยัง Wallet ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ หรือการโจมตีแบบ SIM-swap เพื่อยึดการยืนยันตัวตนสองชั้น เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญว่าการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่แค่การป้องกันระบบ แต่ต้องควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรด้วย

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์การโจมตีและการรั่วไหลข้อมูล
    เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โดยมีการใช้ข้อมูลภายในโจมตีผู้ใช้
    Coinbase เปิดเผยอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2025 หลังถูกเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์
    มีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงชื่อ เบอร์โทร อีเมล และภาพบัตรประชาชน

    การตอบสนองของ Coinbase
    ปฏิเสธการจ่ายค่าไถ่ และเลือกเปิดเผยต่อสาธารณะ
    เสนอเงินรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุมผู้โจมตี
    ยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย

    ความเสี่ยงและคำเตือนต่อผู้ใช้
    ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้
    ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกหลอกให้ย้ายเงินไปยัง Wallet ของแฮกเกอร์
    การโจมตีแบบ SIM-swap และการปลอมแปลงอีเมล/โทรศัพท์ยังคงเป็นภัยที่ต้องระวัง

    https://jonathanclark.com/posts/coinbase-breach-timeline.html
    🛡️ “Coinbase ถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ – Insider Threat และการเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์” ในเดือนมกราคม 2025 มีผู้ใช้ Coinbase รายหนึ่งถูกโจมตีด้วยอีเมลและโทรศัพท์ที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายป้องกันการฉ้อโกงของบริษัท โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประกันสังคม ยอดคงเหลือ Bitcoin และรายละเอียดบัญชีที่ไม่ควรเปิดเผยได้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าการโจมตีไม่ได้เป็นเพียง Phishing ธรรมดา แต่เป็นการใช้ข้อมูลภายในที่ถูกขโมยมาอย่างชัดเจน ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2025 Coinbase ได้รับอีเมลจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างว่ามีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก พร้อมเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูล บริษัทเลือกที่จะไม่จ่ายเงิน แต่กลับแจ้งต่อสาธารณะและยื่นรายงานต่อ SEC โดยยืนยันว่ามีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ภาพบัตรประชาชน และประวัติธุรกรรม สิ่งที่น่ากังวลคือการโจมตีครั้งนี้เกิดจากการที่พนักงาน Outsource ในต่างประเทศถูกติดสินบนให้เปิดเผยข้อมูลภายในระบบบริการลูกค้า การรั่วไหลเช่นนี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างการหลอกลวงที่สมจริงมากขึ้น เช่น โทรศัพท์ปลอมที่ดูเหมือนจาก Coinbase และอีเมลที่มีการตรวจสอบ DKIM ผ่าน ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อได้ง่าย แม้ Coinbase จะยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย แต่ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ในอนาคต เช่น การหลอกให้ผู้ใช้ย้ายเงินไปยัง Wallet ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ หรือการโจมตีแบบ SIM-swap เพื่อยึดการยืนยันตัวตนสองชั้น เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญว่าการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่แค่การป้องกันระบบ แต่ต้องควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรด้วย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์การโจมตีและการรั่วไหลข้อมูล ➡️ เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โดยมีการใช้ข้อมูลภายในโจมตีผู้ใช้ ➡️ Coinbase เปิดเผยอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2025 หลังถูกเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ ➡️ มีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงชื่อ เบอร์โทร อีเมล และภาพบัตรประชาชน ✅ การตอบสนองของ Coinbase ➡️ ปฏิเสธการจ่ายค่าไถ่ และเลือกเปิดเผยต่อสาธารณะ ➡️ เสนอเงินรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุมผู้โจมตี ➡️ ยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ ⛔ ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกหลอกให้ย้ายเงินไปยัง Wallet ของแฮกเกอร์ ⛔ การโจมตีแบบ SIM-swap และการปลอมแปลงอีเมล/โทรศัพท์ยังคงเป็นภัยที่ต้องระวัง https://jonathanclark.com/posts/coinbase-breach-timeline.html
    JONATHANCLARK.COM
    Coinbase Data Breach Timeline Doesn't Add Up
    I have recordings and emails showing attacks months before Coinbase's 'discovery'. Timeline, headers, and audio evidence.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • “KDE Gear 25.08.3 มาแล้ว! แก้บั๊กหลายจุด – เตรียมพบเวอร์ชัน 25.12 วันที่ 11 ธันวาคมนี้”
    ถ้าคุณใช้แอปจาก KDE อยู่เป็นประจำ เช่น Dolphin, NeoChat หรือ Kdenlive ข่าวนี้คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด! KDE Gear 25.08.3 ได้ถูกปล่อยออกมาแล้วในฐานะอัปเดตสุดท้ายของซีรีส์ 25.08 โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรของแอปยอดนิยมในระบบ KDE

    ในเวอร์ชันนี้มีการแก้ไขปัญหาหลายจุด เช่น:
    Dolphin ไม่แครชเมื่อเปิดพรีวิววิดีโอ
    NeoChat แก้ปัญหาการสืบทอดห้องสนทนา
    Merkuro แก้ปุ่ม “Today” ที่เคยใช้งานไม่ได้

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง KItinerary ให้รองรับการแยกข้อมูลจากตั๋วเดินทางหลายรูปแบบ เช่น Flixbus, RyanAir, NH Hotels และ Wiener Linien รวมถึงการปรับปรุง Kdenlive ให้รองรับ SVG และแก้ไขพรีวิว timeline, subtitle styles และเอฟเฟกต์ resize

    KDE ยังประกาศว่าเวอร์ชันถัดไปคือ KDE Gear 25.12 จะเปิดตัวในวันที่ 11 ธันวาคม 2025 ซึ่งอาจมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการรองรับฮาร์ดแวร์ AI PC ที่กำลังมาแรง

    KDE Gear 25.08.3 เป็นอัปเดตสุดท้ายของซีรีส์ 25.08
    เน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียร
    ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ แต่ปรับปรุงหลายแอปหลัก

    แอปที่ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชันนี้
    Dolphin: แก้ปัญหาแครชเมื่อเปิดพรีวิววิดีโอ
    NeoChat: แก้การสืบทอดห้องสนทนา
    Merkuro: แก้ปุ่ม “Today” ที่เคยเสีย
    Kdenlive: รองรับ SVG และแก้ subtitle styles

    KItinerary รองรับการแยกข้อมูลจากตั๋วเดินทางหลายรูปแบบ
    เพิ่มสคริปต์สำหรับ citycity.se, CFR, Comboios de Portugal และ Wiener Linien
    ปรับปรุงการแยกข้อมูลจาก RyanAir และ NH Hotels

    KDE Gear 25.12 จะเปิดตัววันที่ 11 ธันวาคม 2025
    คาดว่าจะมีฟีเจอร์ใหม่และรองรับ AI PC มากขึ้น
    อาจแยกเวอร์ชันสำหรับ Snapdragon X2 และ x86

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    KDE Gear คือชุดแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย KDE เช่น Dolphin, Kate, Okular, Kdenlive
    การอัปเดต Gear มักออกทุก 4 เดือน โดยมีอัปเดตย่อยเพื่อแก้บั๊ก
    KDE เป็นหนึ่งใน desktop environment ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก Linux

    https://9to5linux.com/kde-gear-25-08-3-is-out-with-more-bug-fixes-kde-gear-25-12-coming-december-11th
    🧰 “KDE Gear 25.08.3 มาแล้ว! แก้บั๊กหลายจุด – เตรียมพบเวอร์ชัน 25.12 วันที่ 11 ธันวาคมนี้” ถ้าคุณใช้แอปจาก KDE อยู่เป็นประจำ เช่น Dolphin, NeoChat หรือ Kdenlive ข่าวนี้คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด! KDE Gear 25.08.3 ได้ถูกปล่อยออกมาแล้วในฐานะอัปเดตสุดท้ายของซีรีส์ 25.08 โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียรของแอปยอดนิยมในระบบ KDE ในเวอร์ชันนี้มีการแก้ไขปัญหาหลายจุด เช่น: 🎗️ Dolphin ไม่แครชเมื่อเปิดพรีวิววิดีโอ 🎗️ NeoChat แก้ปัญหาการสืบทอดห้องสนทนา 🎗️ Merkuro แก้ปุ่ม “Today” ที่เคยใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง KItinerary ให้รองรับการแยกข้อมูลจากตั๋วเดินทางหลายรูปแบบ เช่น Flixbus, RyanAir, NH Hotels และ Wiener Linien รวมถึงการปรับปรุง Kdenlive ให้รองรับ SVG และแก้ไขพรีวิว timeline, subtitle styles และเอฟเฟกต์ resize KDE ยังประกาศว่าเวอร์ชันถัดไปคือ KDE Gear 25.12 จะเปิดตัวในวันที่ 11 ธันวาคม 2025 ซึ่งอาจมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และการรองรับฮาร์ดแวร์ AI PC ที่กำลังมาแรง ✅ KDE Gear 25.08.3 เป็นอัปเดตสุดท้ายของซีรีส์ 25.08 ➡️ เน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงความเสถียร ➡️ ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ แต่ปรับปรุงหลายแอปหลัก ✅ แอปที่ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชันนี้ ➡️ Dolphin: แก้ปัญหาแครชเมื่อเปิดพรีวิววิดีโอ ➡️ NeoChat: แก้การสืบทอดห้องสนทนา ➡️ Merkuro: แก้ปุ่ม “Today” ที่เคยเสีย ➡️ Kdenlive: รองรับ SVG และแก้ subtitle styles ✅ KItinerary รองรับการแยกข้อมูลจากตั๋วเดินทางหลายรูปแบบ ➡️ เพิ่มสคริปต์สำหรับ citycity.se, CFR, Comboios de Portugal และ Wiener Linien ➡️ ปรับปรุงการแยกข้อมูลจาก RyanAir และ NH Hotels ✅ KDE Gear 25.12 จะเปิดตัววันที่ 11 ธันวาคม 2025 ➡️ คาดว่าจะมีฟีเจอร์ใหม่และรองรับ AI PC มากขึ้น ➡️ อาจแยกเวอร์ชันสำหรับ Snapdragon X2 และ x86 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ KDE Gear คือชุดแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย KDE เช่น Dolphin, Kate, Okular, Kdenlive ➡️ การอัปเดต Gear มักออกทุก 4 เดือน โดยมีอัปเดตย่อยเพื่อแก้บั๊ก ➡️ KDE เป็นหนึ่งใน desktop environment ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก Linux https://9to5linux.com/kde-gear-25-08-3-is-out-with-more-bug-fixes-kde-gear-25-12-coming-december-11th
    9TO5LINUX.COM
    KDE Gear 25.08.3 Is Out with More Bug Fixes, KDE Gear 25.12 Coming December 11th - 9to5Linux
    KDE Gear 25.08.3 open-source software suite is out now with more bug fixes and improvements for your favorite KDE applications.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • Shotcut 25.10 มาแล้ว! เพิ่มฟีเจอร์บันทึกหน้าจอและเอฟเฟกต์พิมพ์ดีดสำหรับข้อความในวิดีโอ

    Shotcut โปรแกรมตัดต่อวิดีโอแบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยม ปล่อยเวอร์ชัน 25.10 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ ได้แก่ การบันทึกหน้าจอในตัว และเอฟเฟกต์ข้อความแบบ “พิมพ์ดีด” ที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับวิดีโอของคุณ

    Shotcut 25.10 เปิดตัวเมื่อปลายตุลาคม 2025 โดยเน้นเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอแบบมืออาชีพโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเสริม

    ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น:

    Screen Recording (บันทึกหน้าจอ) ผู้ใช้สามารถบันทึกหน้าจอได้โดยตรงจาก Shotcut โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมภายนอก เช่น OBS หรือ SimpleScreenRecorder เหมาะสำหรับการทำวิดีโอสอน, รีวิวซอฟต์แวร์ หรือการนำเสนอ

    Typewriter Text Effect (เอฟเฟกต์พิมพ์ดีด) เพิ่มลูกเล่นให้ข้อความในวิดีโอปรากฏทีละตัวเหมือนพิมพ์ดีด เหมาะสำหรับการเน้นคำพูด, ใส่คำบรรยาย หรือสร้างความน่าสนใจในวิดีโอสั้น

    ปรับปรุง UI และประสิทธิภาพ มีการปรับปรุงการจัดการ timeline, การแสดงผล preview และการเรนเดอร์ให้เร็วขึ้น รวมถึงแก้บั๊กที่เกี่ยวกับการ export และการใช้งาน filter บางตัว

    รองรับหลายแพลตฟอร์ม Shotcut รองรับ Windows, macOS และ Linux โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์หลัก

    https://9to5linux.com/shotcut-25-10-video-editor-released-with-screen-recording-typewriter-text-effect
    🖥️✂️ Shotcut 25.10 มาแล้ว! เพิ่มฟีเจอร์บันทึกหน้าจอและเอฟเฟกต์พิมพ์ดีดสำหรับข้อความในวิดีโอ Shotcut โปรแกรมตัดต่อวิดีโอแบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยม ปล่อยเวอร์ชัน 25.10 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ ได้แก่ การบันทึกหน้าจอในตัว และเอฟเฟกต์ข้อความแบบ “พิมพ์ดีด” ที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับวิดีโอของคุณ Shotcut 25.10 เปิดตัวเมื่อปลายตุลาคม 2025 โดยเน้นเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอแบบมืออาชีพโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเสริม ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น: 🎗️ Screen Recording (บันทึกหน้าจอ) ผู้ใช้สามารถบันทึกหน้าจอได้โดยตรงจาก Shotcut โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมภายนอก เช่น OBS หรือ SimpleScreenRecorder เหมาะสำหรับการทำวิดีโอสอน, รีวิวซอฟต์แวร์ หรือการนำเสนอ 🎗️ Typewriter Text Effect (เอฟเฟกต์พิมพ์ดีด) เพิ่มลูกเล่นให้ข้อความในวิดีโอปรากฏทีละตัวเหมือนพิมพ์ดีด เหมาะสำหรับการเน้นคำพูด, ใส่คำบรรยาย หรือสร้างความน่าสนใจในวิดีโอสั้น 🎗️ ปรับปรุง UI และประสิทธิภาพ มีการปรับปรุงการจัดการ timeline, การแสดงผล preview และการเรนเดอร์ให้เร็วขึ้น รวมถึงแก้บั๊กที่เกี่ยวกับการ export และการใช้งาน filter บางตัว 🎗️ รองรับหลายแพลตฟอร์ม Shotcut รองรับ Windows, macOS และ Linux โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์หลัก https://9to5linux.com/shotcut-25-10-video-editor-released-with-screen-recording-typewriter-text-effect
    9TO5LINUX.COM
    Shotcut 25.10 Video Editor Released with Screen Recording, Typewriter Text Effect - 9to5Linux
    Shotcut 25.10 open-source video editor is now available for download with screen recording. Typewriter text effect, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Tachyum Prodigy เลื่อนอีกครั้ง แต่เพิ่มเป็น 256 คอร์ต่อชิปเล็ต” — พร้อมดีล 500 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนยุโรป

    Tachyum ประกาศอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับชิป Prodigy ที่ตั้งเป้าเป็นโปรเซสเซอร์อเนกประสงค์สำหรับงาน AI และ HPC โดยเพิ่มจำนวนคอร์ต่อชิปเล็ตจากเดิม 192 เป็น 256 คอร์ เพื่อผลักดันประสิทธิภาพให้สูงขึ้นถึง 3 เท่าของซีพียู x86 ชั้นนำ และ 6 เท่าของ GPGPU สำหรับงาน HPC

    แม้จะมีความคืบหน้าเรื่องสเปก แต่ Prodigy ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอน tape-out และยังไม่มีการล็อกสเปกสุดท้าย ทำให้การผลิตเชิงพาณิชย์น่าจะเริ่มได้ในปี 2027 ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่ากำหนดเดิมหลายปี

    Tachyum ได้รับเงินลงทุน Series C จำนวน 220 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนยุโรป และยังได้รับคำสั่งซื้อ Prodigy มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนรายเดียวกัน โดยเงินทุนนี้จะใช้ในการเร่งขั้นตอน tape-out และการออกแบบขั้นสุดท้าย

    บริษัทคาดว่าจะได้ซิลิคอนตัวแรกในช่วงต้นปี 2026 และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะเริ่มส่งมอบเชิงพาณิชย์ได้ในกลางปี 2027 ซึ่งอาจสอดคล้องกับแผนการ IPO ของ Tachyum

    ข้อมูลในข่าว
    Tachyum เพิ่มจำนวนคอร์ใน Prodigy เป็น 256 คอร์ต่อชิปเล็ต
    เป้าหมายคือประสิทธิภาพสูงกว่า x86 และ GPGPU ชั้นนำ
    ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอน tape-out และยังไม่ล็อกสเปกสุดท้าย
    ได้รับเงินลงทุน Series C จำนวน 220 ล้านดอลลาร์
    ได้รับคำสั่งซื้อ Prodigy มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนยุโรป
    คาดว่าจะได้ซิลิคอนตัวแรกในต้นปี 2026
    การส่งมอบเชิงพาณิชย์น่าจะเริ่มกลางปี 2027
    อาจสอดคล้องกับแผนการ IPO ของบริษัท
    ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 5nm-class จาก TSMC
    การพัฒนา Prodigy ใช้เวลานานกว่า 10 ปี

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    Prodigy ยังไม่เข้าสู่ tape-out ทำให้ประสิทธิภาพจริงยังไม่สามารถวัดได้
    การเปลี่ยนแปลงสเปกระหว่างการพัฒนาอาจทำให้ timeline ล่าช้า
    การพึ่งพา TSMC อาจมีความเสี่ยงด้าน supply chain
    การพัฒนา 10 ปีอาจทำให้เทคโนโลยีบางส่วนล้าสมัยเมื่อเปิดตัว
    หาก validation ล่าช้า การส่งมอบอาจเลื่อนออกไปอีก
    การตั้งเป้าประสิทธิภาพสูงเกินไปอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเมื่อผลิตจริง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tachyums-general-purpose-prodigy-chip-delayed-again-now-with-256-cores-per-chiplet-and-a-usd500-million-purchase-order-from-eu-investor
    🧠 “Tachyum Prodigy เลื่อนอีกครั้ง แต่เพิ่มเป็น 256 คอร์ต่อชิปเล็ต” — พร้อมดีล 500 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนยุโรป Tachyum ประกาศอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับชิป Prodigy ที่ตั้งเป้าเป็นโปรเซสเซอร์อเนกประสงค์สำหรับงาน AI และ HPC โดยเพิ่มจำนวนคอร์ต่อชิปเล็ตจากเดิม 192 เป็น 256 คอร์ เพื่อผลักดันประสิทธิภาพให้สูงขึ้นถึง 3 เท่าของซีพียู x86 ชั้นนำ และ 6 เท่าของ GPGPU สำหรับงาน HPC แม้จะมีความคืบหน้าเรื่องสเปก แต่ Prodigy ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอน tape-out และยังไม่มีการล็อกสเปกสุดท้าย ทำให้การผลิตเชิงพาณิชย์น่าจะเริ่มได้ในปี 2027 ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่ากำหนดเดิมหลายปี Tachyum ได้รับเงินลงทุน Series C จำนวน 220 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนยุโรป และยังได้รับคำสั่งซื้อ Prodigy มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนรายเดียวกัน โดยเงินทุนนี้จะใช้ในการเร่งขั้นตอน tape-out และการออกแบบขั้นสุดท้าย บริษัทคาดว่าจะได้ซิลิคอนตัวแรกในช่วงต้นปี 2026 และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะเริ่มส่งมอบเชิงพาณิชย์ได้ในกลางปี 2027 ซึ่งอาจสอดคล้องกับแผนการ IPO ของ Tachyum ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Tachyum เพิ่มจำนวนคอร์ใน Prodigy เป็น 256 คอร์ต่อชิปเล็ต ➡️ เป้าหมายคือประสิทธิภาพสูงกว่า x86 และ GPGPU ชั้นนำ ➡️ ยังไม่เข้าสู่ขั้นตอน tape-out และยังไม่ล็อกสเปกสุดท้าย ➡️ ได้รับเงินลงทุน Series C จำนวน 220 ล้านดอลลาร์ ➡️ ได้รับคำสั่งซื้อ Prodigy มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์จากนักลงทุนยุโรป ➡️ คาดว่าจะได้ซิลิคอนตัวแรกในต้นปี 2026 ➡️ การส่งมอบเชิงพาณิชย์น่าจะเริ่มกลางปี 2027 ➡️ อาจสอดคล้องกับแผนการ IPO ของบริษัท ➡️ ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 5nm-class จาก TSMC ➡️ การพัฒนา Prodigy ใช้เวลานานกว่า 10 ปี ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ Prodigy ยังไม่เข้าสู่ tape-out ทำให้ประสิทธิภาพจริงยังไม่สามารถวัดได้ ⛔ การเปลี่ยนแปลงสเปกระหว่างการพัฒนาอาจทำให้ timeline ล่าช้า ⛔ การพึ่งพา TSMC อาจมีความเสี่ยงด้าน supply chain ⛔ การพัฒนา 10 ปีอาจทำให้เทคโนโลยีบางส่วนล้าสมัยเมื่อเปิดตัว ⛔ หาก validation ล่าช้า การส่งมอบอาจเลื่อนออกไปอีก ⛔ การตั้งเป้าประสิทธิภาพสูงเกินไปอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเมื่อผลิตจริง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tachyums-general-purpose-prodigy-chip-delayed-again-now-with-256-cores-per-chiplet-and-a-usd500-million-purchase-order-from-eu-investor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GStreamer 1.26.7 — อัปเดตใหม่เพื่อ Jetson AV1 พร้อมฟีเจอร์เสียงและวิดีโอที่แม่นยำยิ่งขึ้น”

    GStreamer 1.26.7 ได้รับการปล่อยออกมาแล้วในฐานะอัปเดตบำรุงรักษาชุดที่ 7 ของซีรีส์ 1.26 โดยมีการปรับปรุงสำคัญเพื่อรองรับการเข้ารหัส AV1 บน NVIDIA Jetson ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับงาน AI และวิดีโอแบบ embedded

    การอัปเดตนี้ปรับปรุง rtpbasepay2 ให้สามารถใช้ PTS เดิมซ้ำได้เมื่อจำเป็น และเพิ่มความสามารถให้ rtspsrc ส่ง keepalive ผ่าน TCP/interleaved ซึ่งช่วยให้การสตรีม RTSP มีความเสถียรมากขึ้น

    นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มตัวจัดการ payload สำหรับเสียงแบบ linear (L8, L16, L24), ปรับปรุงการจัดการเสียงรอบทิศทางใน qtdemux, และเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นวิดีโอจาก GoPro

    ยังมีการแก้ไขปัญหา CUDA 13.0 ในการคอมไพล์เคอร์เนล, ปรับปรุงการจัดการหน่วยความจำใน cea608overlay, และเพิ่มการรองรับ buffer ขนาดใหญ่ใน unixfd ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถจัดการข้อมูลวิดีโอที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น

    GStreamer 1.26.7 เป็นอัปเดตบำรุงรักษาชุดที่ 7 ของซีรีส์ 1.26
    เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียร

    ปรับปรุงการรองรับ NVIDIA Jetson AV1 encoder
    โดยปรับ rtpbasepay2 ให้ใช้ PTS เดิมซ้ำได้

    rtspsrc รองรับการส่ง keepalive ผ่าน TCP/interleaved
    เพิ่มความเสถียรในการสตรีม RTSP

    เพิ่ม RTP payloaders/depayloaders สำหรับเสียงแบบ linear (L8, L16, L24)
    รองรับการใช้งานเสียงที่แม่นยำมากขึ้น

    ปรับปรุง qtdemux ให้จัดการเสียงรอบทิศทางได้ดีขึ้น
    เหมาะสำหรับงานมัลติมีเดียที่ซับซ้อน

    เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นวิดีโอจาก GoPro
    ลด latency และเพิ่มความลื่นไหล

    แก้ไขการคอมไพล์ CUDA 13.0 และปรับปรุง cea608overlay
    รองรับหน่วยความจำที่ไม่ใช่ระบบได้ดีขึ้น

    unixfd รองรับ buffer ขนาดใหญ่
    เหมาะสำหรับการจัดการข้อมูลวิดีโอความละเอียดสูง

    อัปเดต Meson เป็นเวอร์ชัน 1.9.0 เพื่อรองรับ Xcode 26
    เพิ่มความเข้ากันได้กับ macOS รุ่นใหม่

    ปรับปรุง GESTimeline ให้เคารพการ discard จาก signal
    เพิ่มความแม่นยำในการจัดการ timeline

    https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-7-improves-support-for-the-nvidia-jetson-av1-encoder
    🎥 “GStreamer 1.26.7 — อัปเดตใหม่เพื่อ Jetson AV1 พร้อมฟีเจอร์เสียงและวิดีโอที่แม่นยำยิ่งขึ้น” GStreamer 1.26.7 ได้รับการปล่อยออกมาแล้วในฐานะอัปเดตบำรุงรักษาชุดที่ 7 ของซีรีส์ 1.26 โดยมีการปรับปรุงสำคัญเพื่อรองรับการเข้ารหัส AV1 บน NVIDIA Jetson ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับงาน AI และวิดีโอแบบ embedded การอัปเดตนี้ปรับปรุง rtpbasepay2 ให้สามารถใช้ PTS เดิมซ้ำได้เมื่อจำเป็น และเพิ่มความสามารถให้ rtspsrc ส่ง keepalive ผ่าน TCP/interleaved ซึ่งช่วยให้การสตรีม RTSP มีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มตัวจัดการ payload สำหรับเสียงแบบ linear (L8, L16, L24), ปรับปรุงการจัดการเสียงรอบทิศทางใน qtdemux, และเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นวิดีโอจาก GoPro ยังมีการแก้ไขปัญหา CUDA 13.0 ในการคอมไพล์เคอร์เนล, ปรับปรุงการจัดการหน่วยความจำใน cea608overlay, และเพิ่มการรองรับ buffer ขนาดใหญ่ใน unixfd ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถจัดการข้อมูลวิดีโอที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น ✅ GStreamer 1.26.7 เป็นอัปเดตบำรุงรักษาชุดที่ 7 ของซีรีส์ 1.26 ➡️ เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพและความเสถียร ✅ ปรับปรุงการรองรับ NVIDIA Jetson AV1 encoder ➡️ โดยปรับ rtpbasepay2 ให้ใช้ PTS เดิมซ้ำได้ ✅ rtspsrc รองรับการส่ง keepalive ผ่าน TCP/interleaved ➡️ เพิ่มความเสถียรในการสตรีม RTSP ✅ เพิ่ม RTP payloaders/depayloaders สำหรับเสียงแบบ linear (L8, L16, L24) ➡️ รองรับการใช้งานเสียงที่แม่นยำมากขึ้น ✅ ปรับปรุง qtdemux ให้จัดการเสียงรอบทิศทางได้ดีขึ้น ➡️ เหมาะสำหรับงานมัลติมีเดียที่ซับซ้อน ✅ เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นวิดีโอจาก GoPro ➡️ ลด latency และเพิ่มความลื่นไหล ✅ แก้ไขการคอมไพล์ CUDA 13.0 และปรับปรุง cea608overlay ➡️ รองรับหน่วยความจำที่ไม่ใช่ระบบได้ดีขึ้น ✅ unixfd รองรับ buffer ขนาดใหญ่ ➡️ เหมาะสำหรับการจัดการข้อมูลวิดีโอความละเอียดสูง ✅ อัปเดต Meson เป็นเวอร์ชัน 1.9.0 เพื่อรองรับ Xcode 26 ➡️ เพิ่มความเข้ากันได้กับ macOS รุ่นใหม่ ✅ ปรับปรุง GESTimeline ให้เคารพการ discard จาก signal ➡️ เพิ่มความแม่นยำในการจัดการ timeline https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-7-improves-support-for-the-nvidia-jetson-av1-encoder
    9TO5LINUX.COM
    GStreamer 1.26.7 Improves Support for the NVIDIA Jetson AV1 Encoder - 9to5Linux
    GStreamer 1.26.7 open-source multimedia framework is now available for download with various improvements and bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD เปิดเกมรุก! ส่ง MI450 บนเทคโนโลยี 2nm ล้ำหน้า Nvidia — OpenAI เตรียมรับล็อตแรกกลางปีหน้า”

    AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Instinct MI450 ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AMD ใช้กระบวนการผลิตระดับนี้กับชิป AI โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับ OpenAI ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ตามข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวที่ครอบคลุมถึง 6 กิกะวัตต์ของกำลังประมวลผล

    MI450 ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และเป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ รองรับรูปแบบข้อมูลและคำสั่งที่เหมาะกับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ในด้านฮาร์ดแวร์ AMD เตรียมเปิดตัว Helios rack ที่บรรจุ MI450 ถึง 72 ตัว พร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์สูงถึง 1,400 TB/s ซึ่งเหนือกว่า Nvidia Rubin NVL144 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm และมี HBM4 เพียง 21TB กับแบนด์วิดธ์ 936 TB/s อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังมีจุดแข็งด้าน FP4 performance ที่สูงกว่า (3,600 PFLOPS เทียบกับ 1,440 PFLOPS ของ AMD)

    ข้อตกลงกับ OpenAI ยังรวมถึงการออก warrant ให้ซื้อหุ้น AMD ได้สูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยจะทยอย vest ตาม milestone เช่น การติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์ และการบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์

    Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า “นี่คือการรวมพลังของทั้งสองบริษัทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ขณะที่ Sam Altman จาก OpenAI กล่าวว่า “AMD จะช่วยเราสร้างความก้าวหน้าใน AI ได้เร็วขึ้น และนำประโยชน์ไปสู่ทุกคน”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เปิดตัว Instinct MI450 บนเทคโนโลยี 2nm จาก TSMC
    ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ
    ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ลดการใช้พลังงานได้ 25–30% และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ 15%
    Helios rack มี MI450 จำนวน 72 ตัว พร้อม HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์ 1,400 TB/s
    Nvidia Rubin NVL144 มี HBM4 21TB และแบนด์วิดธ์ 936 TB/s แต่ FP4 performance สูงกว่า
    OpenAI จะได้รับ MI450 ล็อตแรกในครึ่งหลังของปี 2026
    ข้อตกลงรวมการออก warrant ให้ OpenAI ซื้อหุ้น AMD สูงสุด 160 ล้านหุ้น
    การ vest ขึ้นอยู่กับ milestone เช่น การติดตั้งครบ 1GW และเป้าหมายด้านเทคนิค

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TSMC N2 เป็นเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2nm ที่ใช้ GAA transistor เป็นครั้งแรก
    GAA transistor ช่วยลด leakage และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบชิป
    HBM4 เป็นหน่วยความจำความเร็วสูงที่ใช้ในงาน AI และ HPC
    FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่ใช้ในการฝึกโมเดล LLM ขนาดใหญ่
    การออก warrant เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้สร้างพันธมิตรระยะยาว

    คำเตือนและข้อจำกัด
    MI450 ยังมี FP4 performance ต่ำกว่า Nvidia Rubin NVL144 อย่างชัดเจน
    การเชื่อมต่อแบบ UALink ยังไม่แน่นอนว่าจะ scale ได้ดีใน MI450
    การผลิตชิป 2nm มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง อาจกระทบ timeline
    การ vest หุ้นของ OpenAI ขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขที่อาจไม่บรรลุ
    การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยังต้องรอผลการใช้งานจริงใน data center

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-could-beat-nvidia-to-launching-ai-gpus-on-the-cutting-edge-2nm-node-instinct-mi450-is-officially-the-first-amd-gpu-to-launch-with-tsmcs-finest-tech
    ⚙️ “AMD เปิดเกมรุก! ส่ง MI450 บนเทคโนโลยี 2nm ล้ำหน้า Nvidia — OpenAI เตรียมรับล็อตแรกกลางปีหน้า” AMD ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่ Instinct MI450 ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AMD ใช้กระบวนการผลิตระดับนี้กับชิป AI โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับ OpenAI ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ตามข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวที่ครอบคลุมถึง 6 กิกะวัตต์ของกำลังประมวลผล MI450 ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และเป็น GPU ที่ออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ รองรับรูปแบบข้อมูลและคำสั่งที่เหมาะกับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around (GAA) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้ถึง 25–30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในด้านฮาร์ดแวร์ AMD เตรียมเปิดตัว Helios rack ที่บรรจุ MI450 ถึง 72 ตัว พร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์สูงถึง 1,400 TB/s ซึ่งเหนือกว่า Nvidia Rubin NVL144 ที่ใช้เทคโนโลยี 3nm และมี HBM4 เพียง 21TB กับแบนด์วิดธ์ 936 TB/s อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังมีจุดแข็งด้าน FP4 performance ที่สูงกว่า (3,600 PFLOPS เทียบกับ 1,440 PFLOPS ของ AMD) ข้อตกลงกับ OpenAI ยังรวมถึงการออก warrant ให้ซื้อหุ้น AMD ได้สูงสุด 160 ล้านหุ้น โดยจะทยอย vest ตาม milestone เช่น การติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์ และการบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์ Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า “นี่คือการรวมพลังของทั้งสองบริษัทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ขณะที่ Sam Altman จาก OpenAI กล่าวว่า “AMD จะช่วยเราสร้างความก้าวหน้าใน AI ได้เร็วขึ้น และนำประโยชน์ไปสู่ทุกคน” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เปิดตัว Instinct MI450 บนเทคโนโลยี 2nm จาก TSMC ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม CDNA 5 และออกแบบมาเพื่องาน AI โดยเฉพาะ ➡️ ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 25–30% และเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ 15% ➡️ Helios rack มี MI450 จำนวน 72 ตัว พร้อม HBM4 ขนาด 51TB และแบนด์วิดธ์ 1,400 TB/s ➡️ Nvidia Rubin NVL144 มี HBM4 21TB และแบนด์วิดธ์ 936 TB/s แต่ FP4 performance สูงกว่า ➡️ OpenAI จะได้รับ MI450 ล็อตแรกในครึ่งหลังของปี 2026 ➡️ ข้อตกลงรวมการออก warrant ให้ OpenAI ซื้อหุ้น AMD สูงสุด 160 ล้านหุ้น ➡️ การ vest ขึ้นอยู่กับ milestone เช่น การติดตั้งครบ 1GW และเป้าหมายด้านเทคนิค ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TSMC N2 เป็นเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2nm ที่ใช้ GAA transistor เป็นครั้งแรก ➡️ GAA transistor ช่วยลด leakage และเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบชิป ➡️ HBM4 เป็นหน่วยความจำความเร็วสูงที่ใช้ในงาน AI และ HPC ➡️ FP4 เป็นรูปแบบการประมวลผลที่ใช้ในการฝึกโมเดล LLM ขนาดใหญ่ ➡️ การออก warrant เป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่ใช้สร้างพันธมิตรระยะยาว ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ MI450 ยังมี FP4 performance ต่ำกว่า Nvidia Rubin NVL144 อย่างชัดเจน ⛔ การเชื่อมต่อแบบ UALink ยังไม่แน่นอนว่าจะ scale ได้ดีใน MI450 ⛔ การผลิตชิป 2nm มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง อาจกระทบ timeline ⛔ การ vest หุ้นของ OpenAI ขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขที่อาจไม่บรรลุ ⛔ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยังต้องรอผลการใช้งานจริงใน data center https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-could-beat-nvidia-to-launching-ai-gpus-on-the-cutting-edge-2nm-node-instinct-mi450-is-officially-the-first-amd-gpu-to-launch-with-tsmcs-finest-tech
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Welder Keyboard — คีย์บอร์ดจอสัมผัสพับได้ที่อาจแทนที่แล็ปท็อป สำหรับสายสร้างสรรค์ที่ต้องการพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด”

    ในยุคที่การทำงานแบบมัลติทาสก์กลายเป็นเรื่องปกติ และอุปกรณ์พกพาต้องตอบโจทย์ทั้งความคล่องตัวและประสิทธิภาพ Welder Keyboard ได้เปิดตัวในฐานะ “คีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัส” ที่อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่เปลี่ยนวิธีทำงานของผู้ใช้ไปโดยสิ้นเชิง

    Welder มาพร้อมแป้นพิมพ์กลไกแบบ 84 ปุ่มที่รองรับการเปลี่ยนสวิตช์ได้ (hot-swappable) และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทานและสัมผัสที่ดีขึ้น ด้านบนของคีย์บอร์ดคือหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 720 พิกเซล เป็น IPS panel ที่รองรับการสัมผัสแบบ 10 จุด พร้อมความสว่าง 300 cd/m² และมุมมอง 89 องศาทุกด้าน

    จุดเด่นคือการออกแบบให้พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC ที่แข็งแรงและน้ำหนักประมาณ 1.5 กก. แม้จะดูหนัก แต่เมื่อเทียบกับการได้ทั้งคีย์บอร์ดกลไก จอสัมผัส และฮับเชื่อมต่อในเครื่องเดียว ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า

    Welder รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C สองช่อง และ USB-A หนึ่งช่อง ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android โดยสามารถใช้เป็นจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊ก หรือแปลงสมาร์ทโฟน USB-C ให้กลายเป็นเวิร์กสเตชันขนาดย่อมได้ทันที

    นอกจากนี้ยังมีโหมดไฟ RGB ถึง 108 แบบที่เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์เสริม เหมาะกับทั้งสายเกมเมอร์และสายงานสร้างสรรค์ที่ต้องการบรรยากาศเฉพาะตัว

    แม้จะดูเหมือน “แล็ปท็อปปลอม” แต่ Welder ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วใน Kickstarter โดยระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่าในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้ใช้ที่มองหาอุปกรณ์ไฮบริดที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Welder Keyboard เป็นคีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว
    หน้าจอ IPS ความละเอียด 1920 x 720 รองรับสัมผัส 10 จุด และมีมุมมอง 89 องศาทุกด้าน
    รองรับการเปลี่ยนสวิตช์และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทาน
    พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC น้ำหนักประมาณ 1.5 กก.
    รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C x2 และ USB-A x1 สำหรับพลังงาน ข้อมูล และภาพเสียง
    ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android
    ใช้เป็นจอที่สอง หรือแปลงสมาร์ทโฟนให้เป็นเวิร์กสเตชันได้ทันที
    มีโหมดไฟ RGB 108 แบบ เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์
    ระดมทุนใน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Welder สามารถใช้จอสัมผัสเป็นแผงควบคุม Photoshop, timeline ตัดต่อ หรือหน้าต่างแชต
    การออกแบบให้พับได้ช่วยให้พกพาเหมือนแล็ปท็อป แต่ใช้งานได้หลากหลายกว่า
    จอสัมผัสแบบ laminated glass ช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มความคมชัด
    RGB lighting มีโหมดตอบสนองต่อการพิมพ์ เช่น reactive touch และ breathing effect
    ใช้ได้กับสมาร์ทโฟน USB-C ที่รองรับ DisplayPort Alt Mode เช่น Samsung Galaxy และ Pixel

    https://www.techradar.com/pro/i-think-i-found-the-perfect-fake-laptop-for-my-projects-i-only-need-to-find-a-mouse-with-a-built-in-pc
    ⌨️ “Welder Keyboard — คีย์บอร์ดจอสัมผัสพับได้ที่อาจแทนที่แล็ปท็อป สำหรับสายสร้างสรรค์ที่ต้องการพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด” ในยุคที่การทำงานแบบมัลติทาสก์กลายเป็นเรื่องปกติ และอุปกรณ์พกพาต้องตอบโจทย์ทั้งความคล่องตัวและประสิทธิภาพ Welder Keyboard ได้เปิดตัวในฐานะ “คีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัส” ที่อาจกลายเป็นอุปกรณ์เสริมที่เปลี่ยนวิธีทำงานของผู้ใช้ไปโดยสิ้นเชิง Welder มาพร้อมแป้นพิมพ์กลไกแบบ 84 ปุ่มที่รองรับการเปลี่ยนสวิตช์ได้ (hot-swappable) และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทานและสัมผัสที่ดีขึ้น ด้านบนของคีย์บอร์ดคือหน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 720 พิกเซล เป็น IPS panel ที่รองรับการสัมผัสแบบ 10 จุด พร้อมความสว่าง 300 cd/m² และมุมมอง 89 องศาทุกด้าน จุดเด่นคือการออกแบบให้พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC ที่แข็งแรงและน้ำหนักประมาณ 1.5 กก. แม้จะดูหนัก แต่เมื่อเทียบกับการได้ทั้งคีย์บอร์ดกลไก จอสัมผัส และฮับเชื่อมต่อในเครื่องเดียว ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า Welder รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C สองช่อง และ USB-A หนึ่งช่อง ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android โดยสามารถใช้เป็นจอที่สองสำหรับโน้ตบุ๊ก หรือแปลงสมาร์ทโฟน USB-C ให้กลายเป็นเวิร์กสเตชันขนาดย่อมได้ทันที นอกจากนี้ยังมีโหมดไฟ RGB ถึง 108 แบบที่เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์เสริม เหมาะกับทั้งสายเกมเมอร์และสายงานสร้างสรรค์ที่ต้องการบรรยากาศเฉพาะตัว แม้จะดูเหมือน “แล็ปท็อปปลอม” แต่ Welder ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วใน Kickstarter โดยระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่าในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้ใช้ที่มองหาอุปกรณ์ไฮบริดที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Welder Keyboard เป็นคีย์บอร์ดกลไกพับได้พร้อมจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ➡️ หน้าจอ IPS ความละเอียด 1920 x 720 รองรับสัมผัส 10 จุด และมีมุมมอง 89 องศาทุกด้าน ➡️ รองรับการเปลี่ยนสวิตช์และใช้ keycap แบบ PBT เพื่อความทนทาน ➡️ พับได้ 180 องศา พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียม CNC น้ำหนักประมาณ 1.5 กก. ➡️ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C x2 และ USB-A x1 สำหรับพลังงาน ข้อมูล และภาพเสียง ➡️ ใช้งานได้กับ Windows, macOS, Linux และ Android ➡️ ใช้เป็นจอที่สอง หรือแปลงสมาร์ทโฟนให้เป็นเวิร์กสเตชันได้ทันที ➡️ มีโหมดไฟ RGB 108 แบบ เปลี่ยนได้ด้วยปุ่มลัดโดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์ ➡️ ระดมทุนใน Kickstarter ได้เกินเป้าหมายถึง 13 เท่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Welder สามารถใช้จอสัมผัสเป็นแผงควบคุม Photoshop, timeline ตัดต่อ หรือหน้าต่างแชต ➡️ การออกแบบให้พับได้ช่วยให้พกพาเหมือนแล็ปท็อป แต่ใช้งานได้หลากหลายกว่า ➡️ จอสัมผัสแบบ laminated glass ช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มความคมชัด ➡️ RGB lighting มีโหมดตอบสนองต่อการพิมพ์ เช่น reactive touch และ breathing effect ➡️ ใช้ได้กับสมาร์ทโฟน USB-C ที่รองรับ DisplayPort Alt Mode เช่น Samsung Galaxy และ Pixel https://www.techradar.com/pro/i-think-i-found-the-perfect-fake-laptop-for-my-projects-i-only-need-to-find-a-mouse-with-a-built-in-pc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รัสเซียเปิดแผนสร้างเครื่อง EUV Lithography แบบใหม่ถึงปี 2037 — หวังล้ม ASML ด้วยเทคโนโลยี 11.2nm ที่ไม่เหมือนใคร”

    สถาบันฟิสิกส์โครงสร้างจุลภาคแห่ง Russian Academy of Sciences ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาเครื่อง EUV Lithography แบบใหม่ที่ใช้ความยาวคลื่น 11.2 นาโนเมตร ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ใช้ 13.5 นาโนเมตรของ ASML โดยแผนนี้ครอบคลุมตั้งแต่ปี 2026 ถึง 2037 และแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ตั้งเป้าสร้างเครื่องผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงแต่ต้นทุนต่ำ เพื่อใช้ในโรงงานขนาดเล็กและตลาดที่ถูกกีดกันจากระบบของ ASML

    สิ่งที่โดดเด่นคือ รัสเซียเลือกใช้เลเซอร์แบบ solid-state ร่วมกับพลาสมาจากแก๊สซีนอน แทนการใช้หยดดีบุกแบบ ASML ซึ่งช่วยลดเศษซากที่ทำลาย photomask และลดความซับซ้อนของระบบ โดยใช้กระจกสะท้อนแสงที่ทำจากรูทีเนียมและเบริลเลียม ซึ่งสามารถสะท้อนแสงที่ความยาวคลื่น 11.2nm ได้ดี

    แผนพัฒนาแบ่งเป็น 3 ระยะ:

    ปี 2026–2028: เครื่องรุ่นแรก รองรับการผลิตที่ระดับ 40nm ใช้กระจก 2 ชิ้น ความแม่นยำ 10nm throughput 5 แผ่นต่อชั่วโมง
    ปี 2029–2032: เครื่องรุ่นสอง รองรับ 28nm (อาจถึง 14nm) ใช้กระจก 4 ชิ้น ความแม่นยำ 5nm throughput 50 แผ่นต่อชั่วโมง
    ปี 2033–2036: เครื่องรุ่นสาม รองรับต่ำกว่า 10nm ใช้กระจก 6 ชิ้น ความแม่นยำ 2nm throughput 100 แผ่นต่อชั่วโมง

    แม้แผนนี้จะดูทะเยอทะยาน แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริง และยังต้องสร้าง ecosystem ใหม่ทั้งหมด เช่น กระจกเฉพาะ, เครื่องขัด, photoresist, และซอฟต์แวร์ออกแบบชิปที่รองรับความยาวคลื่น 11.2nm

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัสเซียเปิดแผนพัฒนาเครื่อง EUV Lithography ความยาวคลื่น 11.2nm ถึงปี 2037
    ใช้เลเซอร์ solid-state และพลาสมาจากแก๊สซีนอน แทนหยดดีบุกแบบ ASML
    ใช้กระจกสะท้อนแสงจากรูทีเนียมและเบริลเลียม (Ru/Be)
    เครื่องรุ่นแรก (2026–2028) รองรับ 40nm ความแม่นยำ 10nm throughput 5 แผ่น/ชม.
    เครื่องรุ่นสอง (2029–2032) รองรับ 28nm ความแม่นยำ 5nm throughput 50 แผ่น/ชม.
    เครื่องรุ่นสาม (2033–2036) รองรับต่ำกว่า 10nm ความแม่นยำ 2nm throughput 100 แผ่น/ชม.
    ระบบนี้ไม่ใช้ immersion fluid และ multi-patterning เหมือน DUV
    ตั้งเป้าให้เครื่องมีต้นทุนต่ำกว่า ASML Twinscan NXE และ EXE
    เหมาะกับโรงงานขนาดเล็กและตลาดที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบของ ASML

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV รายเดียวในโลกที่ใช้ความยาวคลื่น 13.5nm
    การใช้ความยาวคลื่น 11.2nm อาจเพิ่มความละเอียดได้ถึง 20%
    การใช้แก๊สซีนอนช่วยลดการปนเปื้อนและยืดอายุ photomask และ pellicle
    เครื่องรุ่นต้นแบบของรัสเซียตั้งเป้าผลิต 60 แผ่นขนาด 200mm ต่อชั่วโมง และ 300mm ในอนาคต2
    การสร้าง ecosystem ใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี และยังไม่มี timeline ที่ชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/russia-outlines-euv-litho-chipmaking-tool-roadmap-through-2037-country-eyes-replacing-duv-with-euv-but-plans-appear-unrealistic
    🔬 “รัสเซียเปิดแผนสร้างเครื่อง EUV Lithography แบบใหม่ถึงปี 2037 — หวังล้ม ASML ด้วยเทคโนโลยี 11.2nm ที่ไม่เหมือนใคร” สถาบันฟิสิกส์โครงสร้างจุลภาคแห่ง Russian Academy of Sciences ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาเครื่อง EUV Lithography แบบใหม่ที่ใช้ความยาวคลื่น 11.2 นาโนเมตร ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ใช้ 13.5 นาโนเมตรของ ASML โดยแผนนี้ครอบคลุมตั้งแต่ปี 2026 ถึง 2037 และแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ตั้งเป้าสร้างเครื่องผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงแต่ต้นทุนต่ำ เพื่อใช้ในโรงงานขนาดเล็กและตลาดที่ถูกกีดกันจากระบบของ ASML สิ่งที่โดดเด่นคือ รัสเซียเลือกใช้เลเซอร์แบบ solid-state ร่วมกับพลาสมาจากแก๊สซีนอน แทนการใช้หยดดีบุกแบบ ASML ซึ่งช่วยลดเศษซากที่ทำลาย photomask และลดความซับซ้อนของระบบ โดยใช้กระจกสะท้อนแสงที่ทำจากรูทีเนียมและเบริลเลียม ซึ่งสามารถสะท้อนแสงที่ความยาวคลื่น 11.2nm ได้ดี แผนพัฒนาแบ่งเป็น 3 ระยะ: 🗝️ ปี 2026–2028: เครื่องรุ่นแรก รองรับการผลิตที่ระดับ 40nm ใช้กระจก 2 ชิ้น ความแม่นยำ 10nm throughput 5 แผ่นต่อชั่วโมง 🗝️ ปี 2029–2032: เครื่องรุ่นสอง รองรับ 28nm (อาจถึง 14nm) ใช้กระจก 4 ชิ้น ความแม่นยำ 5nm throughput 50 แผ่นต่อชั่วโมง 🗝️ ปี 2033–2036: เครื่องรุ่นสาม รองรับต่ำกว่า 10nm ใช้กระจก 6 ชิ้น ความแม่นยำ 2nm throughput 100 แผ่นต่อชั่วโมง แม้แผนนี้จะดูทะเยอทะยาน แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถใช้งานเชิงพาณิชย์ได้จริง และยังต้องสร้าง ecosystem ใหม่ทั้งหมด เช่น กระจกเฉพาะ, เครื่องขัด, photoresist, และซอฟต์แวร์ออกแบบชิปที่รองรับความยาวคลื่น 11.2nm ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัสเซียเปิดแผนพัฒนาเครื่อง EUV Lithography ความยาวคลื่น 11.2nm ถึงปี 2037 ➡️ ใช้เลเซอร์ solid-state และพลาสมาจากแก๊สซีนอน แทนหยดดีบุกแบบ ASML ➡️ ใช้กระจกสะท้อนแสงจากรูทีเนียมและเบริลเลียม (Ru/Be) ➡️ เครื่องรุ่นแรก (2026–2028) รองรับ 40nm ความแม่นยำ 10nm throughput 5 แผ่น/ชม. ➡️ เครื่องรุ่นสอง (2029–2032) รองรับ 28nm ความแม่นยำ 5nm throughput 50 แผ่น/ชม. ➡️ เครื่องรุ่นสาม (2033–2036) รองรับต่ำกว่า 10nm ความแม่นยำ 2nm throughput 100 แผ่น/ชม. ➡️ ระบบนี้ไม่ใช้ immersion fluid และ multi-patterning เหมือน DUV ➡️ ตั้งเป้าให้เครื่องมีต้นทุนต่ำกว่า ASML Twinscan NXE และ EXE ➡️ เหมาะกับโรงงานขนาดเล็กและตลาดที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบของ ASML ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV รายเดียวในโลกที่ใช้ความยาวคลื่น 13.5nm ➡️ การใช้ความยาวคลื่น 11.2nm อาจเพิ่มความละเอียดได้ถึง 20% ➡️ การใช้แก๊สซีนอนช่วยลดการปนเปื้อนและยืดอายุ photomask และ pellicle ➡️ เครื่องรุ่นต้นแบบของรัสเซียตั้งเป้าผลิต 60 แผ่นขนาด 200mm ต่อชั่วโมง และ 300mm ในอนาคต2 ➡️ การสร้าง ecosystem ใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี และยังไม่มี timeline ที่ชัดเจน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/russia-outlines-euv-litho-chipmaking-tool-roadmap-through-2037-country-eyes-replacing-duv-with-euv-but-plans-appear-unrealistic
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Pezy SC4s: เมื่อ CPU ไม่ใช่แค่สมองกลาง แต่กลายเป็น “เครือข่ายของหมู่บ้านที่คิดเองได้”

    ในงาน Hot Chips 2025 บริษัท Pezy Computing จากญี่ปุ่นได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ชื่อว่า SC4s ซึ่งใช้แนวคิด MIMD (Multiple Instructions, Multiple Data) แทนที่จะเป็น SIMD หรือ SIMT แบบที่ CPU ทั่วไปใช้กัน

    Pezy เปรียบเทียบสถาปัตยกรรมของตัวเองกับ “สังคมของรัฐ จังหวัด เมือง และหมู่บ้าน” ที่แต่ละหน่วยสามารถตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องรอคำสั่งจากศูนย์กลาง ซึ่งต่างจาก CPU ทั่วไปที่มักใช้การประมวลผลแบบ lockstep หรือควบคุมจาก instruction เดียว

    SC4s ถูกผลิตบนเทคโนโลยี 5nm ของ TSMC และมีขนาด die ใหญ่ถึง 556mm² ซึ่งถือว่า “มหึมา” เมื่อเทียบกับ CPU ทั่วไป แต่ Pezy ไม่สนใจเรื่องพื้นที่ซิลิคอน เพราะเป้าหมายคือการทดสอบว่า “การขยายขนาดแบบสุดโต่ง” จะให้ประสิทธิภาพที่คุ้มค่าหรือไม่

    แม้จะยังไม่มีชิปจริงออกมา แต่ Pezy ได้เผยผลการจำลองการทำงานของ SC4s ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในการประมวลผล DGEMM (matrix multiplication) ชิปนี้มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่า SC3 ถึง 2 เท่า และในการรันอัลกอริธึม Smith-Waterman สำหรับ genome alignment ก็เร็วขึ้นถึง 4 เท่า

    Pezy ยังประกาศว่ากำลังพัฒนา SC5 ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี 3nm หรือเล็กกว่านั้น และตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2027 แม้จะรู้ดีว่า timeline แบบนี้มักจะเปลี่ยนได้ตลอด

    สถาปัตยกรรม MIMD ของ Pezy SC4s
    ใช้แนวคิด “หลายคำสั่ง หลายข้อมูล” แทน “คำสั่งเดียว หลายข้อมูล”
    เหมาะกับงานที่มี thread อิสระจำนวนมาก เช่น genome alignment หรือ AI inference
    เปรียบเทียบกับสังคมที่แต่ละหน่วยตัดสินใจเอง ไม่ต้องรอศูนย์กลาง

    ข้อมูลทางเทคนิคของ SC4s
    ผลิตบน TSMC 5nm
    ขนาด die ประมาณ 556mm² ใหญ่กว่าชิปทั่วไป
    ไม่เน้นลดพื้นที่ แต่เน้นทดสอบประสิทธิภาพจากการขยายขนาด

    ผลการจำลองประสิทธิภาพ
    DGEMM: ประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่า SC3 ถึง 2 เท่า
    Smith-Waterman: เร็วขึ้นเกือบ 4 เท่า
    ยังไม่มีผลการทดสอบจากชิปจริง

    แผนการพัฒนาในอนาคต
    SC5 จะใช้เทคโนโลยี 3nm หรือเล็กกว่า
    ตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2027
    ยังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบและจำลอง

    https://www.techradar.com/pro/security/states-prefectures-cities-and-villages-how-one-tiny-japanese-cpu-maker-is-taking-a-radically-different-route-to-making-processors-with-thousands-of-cores
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Pezy SC4s: เมื่อ CPU ไม่ใช่แค่สมองกลาง แต่กลายเป็น “เครือข่ายของหมู่บ้านที่คิดเองได้” ในงาน Hot Chips 2025 บริษัท Pezy Computing จากญี่ปุ่นได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ชื่อว่า SC4s ซึ่งใช้แนวคิด MIMD (Multiple Instructions, Multiple Data) แทนที่จะเป็น SIMD หรือ SIMT แบบที่ CPU ทั่วไปใช้กัน Pezy เปรียบเทียบสถาปัตยกรรมของตัวเองกับ “สังคมของรัฐ จังหวัด เมือง และหมู่บ้าน” ที่แต่ละหน่วยสามารถตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องรอคำสั่งจากศูนย์กลาง ซึ่งต่างจาก CPU ทั่วไปที่มักใช้การประมวลผลแบบ lockstep หรือควบคุมจาก instruction เดียว SC4s ถูกผลิตบนเทคโนโลยี 5nm ของ TSMC และมีขนาด die ใหญ่ถึง 556mm² ซึ่งถือว่า “มหึมา” เมื่อเทียบกับ CPU ทั่วไป แต่ Pezy ไม่สนใจเรื่องพื้นที่ซิลิคอน เพราะเป้าหมายคือการทดสอบว่า “การขยายขนาดแบบสุดโต่ง” จะให้ประสิทธิภาพที่คุ้มค่าหรือไม่ แม้จะยังไม่มีชิปจริงออกมา แต่ Pezy ได้เผยผลการจำลองการทำงานของ SC4s ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในการประมวลผล DGEMM (matrix multiplication) ชิปนี้มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่า SC3 ถึง 2 เท่า และในการรันอัลกอริธึม Smith-Waterman สำหรับ genome alignment ก็เร็วขึ้นถึง 4 เท่า Pezy ยังประกาศว่ากำลังพัฒนา SC5 ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี 3nm หรือเล็กกว่านั้น และตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2027 แม้จะรู้ดีว่า timeline แบบนี้มักจะเปลี่ยนได้ตลอด ✅ สถาปัตยกรรม MIMD ของ Pezy SC4s ➡️ ใช้แนวคิด “หลายคำสั่ง หลายข้อมูล” แทน “คำสั่งเดียว หลายข้อมูล” ➡️ เหมาะกับงานที่มี thread อิสระจำนวนมาก เช่น genome alignment หรือ AI inference ➡️ เปรียบเทียบกับสังคมที่แต่ละหน่วยตัดสินใจเอง ไม่ต้องรอศูนย์กลาง ✅ ข้อมูลทางเทคนิคของ SC4s ➡️ ผลิตบน TSMC 5nm ➡️ ขนาด die ประมาณ 556mm² ใหญ่กว่าชิปทั่วไป ➡️ ไม่เน้นลดพื้นที่ แต่เน้นทดสอบประสิทธิภาพจากการขยายขนาด ✅ ผลการจำลองประสิทธิภาพ ➡️ DGEMM: ประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่า SC3 ถึง 2 เท่า ➡️ Smith-Waterman: เร็วขึ้นเกือบ 4 เท่า ➡️ ยังไม่มีผลการทดสอบจากชิปจริง ✅ แผนการพัฒนาในอนาคต ➡️ SC5 จะใช้เทคโนโลยี 3nm หรือเล็กกว่า ➡️ ตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2027 ➡️ ยังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบและจำลอง https://www.techradar.com/pro/security/states-prefectures-cities-and-villages-how-one-tiny-japanese-cpu-maker-is-taking-a-radically-different-route-to-making-processors-with-thousands-of-cores
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อการคอมไพล์ไม่ใช่แค่รันคำสั่ง: เครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้เห็น “เบื้องหลัง” การ build โปรแกรมแบบเรียลไทม์

    Daniel Hooper นักพัฒนาผู้หลงใหลในการทำงานของระบบปฏิบัติการ ได้สร้างเครื่องมือชื่อว่า “What the Fork” เพื่อช่วยให้เห็นภาพการ build โปรแกรมแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ใช้ build system อย่าง make, cargo, gradle, หรือ xcodebuild

    แนวคิดคือ การ build โปรแกรมคือการรันคำสั่งจำนวนมากที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งบางครั้งก็มีขั้นตอนที่ไม่จำเป็นหรือซ้ำซ้อน เช่น การเรียก cmake หลายรอบ หรือการไม่ใช้ parallelism ทั้งที่มี CPU หลายคอร์ว่างอยู่

    “What the Fork” จะแสดงผลเป็นกล่อง ๆ บน timeline โดยแต่ละกล่องแทน process ที่ถูกเรียกขึ้นมา พร้อมข้อมูลว่าใช้เวลานานแค่ไหน, รันคำสั่งอะไร, และอยู่ใน directory ไหน ซึ่งช่วยให้เห็นว่า build ใช้ทรัพยากรอย่างไร และตรงไหนที่ควรปรับปรุง

    ที่น่าสนใจคือ เครื่องมือนี้ไม่ได้จำกัดแค่การ build โปรแกรมเท่านั้น เพราะมันใช้การดักฟัง system call อย่าง fork, exec, และ exit ซึ่งหมายความว่าเราสามารถใช้มันวิเคราะห์โปรแกรมใด ๆ ที่เรียก subprocess ได้เช่นกัน

    จุดเด่นของเครื่องมือ What the Fork
    แสดงภาพการ build โปรแกรมแบบเรียลไทม์ด้วย UI ที่เข้าใจง่าย
    รองรับทุกภาษาและ build system เช่น make, cargo, gradle, npm, zig, xcodebuild
    ใช้ system call (fork, exec, exit) ในการติดตาม process ที่ถูกเรียก

    วิธีใช้งานเบื้องต้น
    พิมพ์คำสั่ง wtf นำหน้าคำสั่ง build เช่น wtf make หรือ wtf cargo build
    UI จะแสดงกล่องของแต่ละ process ตามลำดับเวลา พร้อมข้อมูลประกอบ

    ตัวอย่างปัญหาที่พบจากการใช้งานจริง
    cargo ไม่ใช้ parallelism แม้มี CPU หลายคอร์ ทำให้ build ช้ากว่าที่ควร
    cmake เรียกคำสั่งซ้ำซ้อน เช่น ตรวจสอบ path และ OS version หลายสิบครั้ง
    xcodebuild มีช่วง idle หลายนาที ทั้งที่ยังมีงานให้ทำ
    zig build สุ่มลำดับการ build dependency ทำให้บางครั้ง parallelism หายไป

    ประโยชน์ที่เกินกว่าแค่การ build
    สามารถใช้วิเคราะห์โปรแกรมอื่นที่เรียก subprocess ได้ เช่น CI/CD pipeline หรือ server startup
    ช่วยให้ทีม dev เห็นภาพรวมของการทำงาน และปรับปรุงประสิทธิภาพได้ตรงจุด

    https://danielchasehooper.com/posts/syscall-build-snooping/
    🧠 เมื่อการคอมไพล์ไม่ใช่แค่รันคำสั่ง: เครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้เห็น “เบื้องหลัง” การ build โปรแกรมแบบเรียลไทม์ Daniel Hooper นักพัฒนาผู้หลงใหลในการทำงานของระบบปฏิบัติการ ได้สร้างเครื่องมือชื่อว่า “What the Fork” เพื่อช่วยให้เห็นภาพการ build โปรแกรมแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่ใช้ build system อย่าง make, cargo, gradle, หรือ xcodebuild แนวคิดคือ การ build โปรแกรมคือการรันคำสั่งจำนวนมากที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งบางครั้งก็มีขั้นตอนที่ไม่จำเป็นหรือซ้ำซ้อน เช่น การเรียก cmake หลายรอบ หรือการไม่ใช้ parallelism ทั้งที่มี CPU หลายคอร์ว่างอยู่ “What the Fork” จะแสดงผลเป็นกล่อง ๆ บน timeline โดยแต่ละกล่องแทน process ที่ถูกเรียกขึ้นมา พร้อมข้อมูลว่าใช้เวลานานแค่ไหน, รันคำสั่งอะไร, และอยู่ใน directory ไหน ซึ่งช่วยให้เห็นว่า build ใช้ทรัพยากรอย่างไร และตรงไหนที่ควรปรับปรุง ที่น่าสนใจคือ เครื่องมือนี้ไม่ได้จำกัดแค่การ build โปรแกรมเท่านั้น เพราะมันใช้การดักฟัง system call อย่าง fork, exec, และ exit ซึ่งหมายความว่าเราสามารถใช้มันวิเคราะห์โปรแกรมใด ๆ ที่เรียก subprocess ได้เช่นกัน ✅ จุดเด่นของเครื่องมือ What the Fork ➡️ แสดงภาพการ build โปรแกรมแบบเรียลไทม์ด้วย UI ที่เข้าใจง่าย ➡️ รองรับทุกภาษาและ build system เช่น make, cargo, gradle, npm, zig, xcodebuild ➡️ ใช้ system call (fork, exec, exit) ในการติดตาม process ที่ถูกเรียก ✅ วิธีใช้งานเบื้องต้น ➡️ พิมพ์คำสั่ง wtf นำหน้าคำสั่ง build เช่น wtf make หรือ wtf cargo build ➡️ UI จะแสดงกล่องของแต่ละ process ตามลำดับเวลา พร้อมข้อมูลประกอบ ✅ ตัวอย่างปัญหาที่พบจากการใช้งานจริง ➡️ cargo ไม่ใช้ parallelism แม้มี CPU หลายคอร์ ทำให้ build ช้ากว่าที่ควร ➡️ cmake เรียกคำสั่งซ้ำซ้อน เช่น ตรวจสอบ path และ OS version หลายสิบครั้ง ➡️ xcodebuild มีช่วง idle หลายนาที ทั้งที่ยังมีงานให้ทำ ➡️ zig build สุ่มลำดับการ build dependency ทำให้บางครั้ง parallelism หายไป ✅ ประโยชน์ที่เกินกว่าแค่การ build ➡️ สามารถใช้วิเคราะห์โปรแกรมอื่นที่เรียก subprocess ได้ เช่น CI/CD pipeline หรือ server startup ➡️ ช่วยให้ทีม dev เห็นภาพรวมของการทำงาน และปรับปรุงประสิทธิภาพได้ตรงจุด https://danielchasehooper.com/posts/syscall-build-snooping/
    DANIELCHASEHOOPER.COM
    I Made A Real-Time Build Visualizer
    Sometimes software takes a long time to compile just due to how much code it has, like in the LLVM project. But often a build is slower than it could be for dumb, fixable reasons. I’ve had the suspicion that most builds are doing dumb stuff, but I had no way to see it. So I’ve been working on a cross-platform tool to help visualize builds, and you can try it!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Timeline of Thailand Cambodia
    border conflict. Cambodia opened fire on Thailand first, targeting Thai civilians.

    เปิดไทม์ไลน์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกัมพูชาเปิดฉากปะทะไทย ตั้งใจยิงใส่ประชาชน ช่วยกันเเชร์ให้ชาวโลกรู้ไทยไม่ได้เริ่ม

    #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #Cambodiaopenedfirefirst #CambodiaStartedTheWar
    #Sondhitalk #SondhiX #sondhiapp #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #เขมรละเมิดหยุดยิง #ความจริงจากไทย #Shorts
    The Timeline of Thailand Cambodia border conflict. Cambodia opened fire on Thailand first, targeting Thai civilians. เปิดไทม์ไลน์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกัมพูชาเปิดฉากปะทะไทย ตั้งใจยิงใส่ประชาชน ช่วยกันเเชร์ให้ชาวโลกรู้ไทยไม่ได้เริ่ม #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #Cambodiaopenedfirefirst #CambodiaStartedTheWar #Sondhitalk #SondhiX #sondhiapp #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #เขมรละเมิดหยุดยิง #ความจริงจากไทย #Shorts
    Like
    9
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2291 มุมมอง 0 1 รีวิว
  • เวลาตื่นรู้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง จะเหลือแต่คนที่เข้มแข็งทางร่างกายและจิตวิญญาณ
    ตื่นรู้ทางโลกคือรู้ทันเกมส์ ว่า นอกจาก2ตระกูลที่สร้างเรื่องนี้ก็มียังมีเบื้องลึกคือพวกไซออนนิส/รัฐลึกของพวกอีลูมินาติที่มี Agenda 2030 สงครามคือหนึ่งในแผนถัดจากโรคระบาดที่สร้างขึ้นมา พวกเขาต้องการให้ยีดเยื้อสงครามขยายวงกว้างไปสู่ภูมิภาคให้ได้เพื่อจะนำเข้าสู่ WW3 เพื่อให้เป็นรัฐบาลโลกคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ให้รู้ให้เข้าใจไม่เป็นหมากให้เขาเล่น ส่งพลังที่เป็นบวกไป ไม่ส่งพลังงานลบไป เพราะจะเป็นอาหารของพวกเขา เพื่อให้ TimeLine เปลี่ยนเป็นสงครามยุติแล้วกลับเป็นโลกที่สงบสุข
    ตื่นรู้ทางธรรมหรือจิตวิญญาณด้วยการยกจิตให้สูง ตามความถี่โลกที่ปรับสูงขึ้น คนที่ยังติดกับดักความโกรธเกลียดจะมีความถี่ต่ำที่จะถูกฉุดรั้งจิตวิญญาณ และไม่ได้ไปต่อ ให้รู้ให้เข้าใจว่าทุกดวงจิตมาจากที่เดียวกัน Oneness ลงมาเกิดหลายรูปแบบ บ้างลงมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ บ้างลงมาทำแบบทดสอบเดิมๆที่เคยทำแต่ไม่ผ่าน เกิดมามีหน้าที่บทบาทเพื่อมาเรียนรู้ บ้างอาสามาเป็นตัวร้ายเพื่อทดสอบผู้อื่น บ้างก็เขียน SoulPlan ว่าจะมาตายในช่วงเวลานี้ เมื่อเข้าใจจิตจะได้ไม่ไหลลงต่ำ เปลี่ยนความเศร้า ความสงสาร โกรธหรือเกลียดให้เป็นความเข้าใจ ให้เป็นความรักไร้เงื่อนไขให้ได้ นั่นคือสอบผ่าน
    ด้วยจิตบริสุทธิ์ค่อยๆเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ
    เวลาตื่นรู้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง จะเหลือแต่คนที่เข้มแข็งทางร่างกายและจิตวิญญาณ ตื่นรู้ทางโลกคือรู้ทันเกมส์ ว่า นอกจาก2ตระกูลที่สร้างเรื่องนี้ก็มียังมีเบื้องลึกคือพวกไซออนนิส/รัฐลึกของพวกอีลูมินาติที่มี Agenda 2030 สงครามคือหนึ่งในแผนถัดจากโรคระบาดที่สร้างขึ้นมา พวกเขาต้องการให้ยีดเยื้อสงครามขยายวงกว้างไปสู่ภูมิภาคให้ได้เพื่อจะนำเข้าสู่ WW3 เพื่อให้เป็นรัฐบาลโลกคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ให้รู้ให้เข้าใจไม่เป็นหมากให้เขาเล่น ส่งพลังที่เป็นบวกไป ไม่ส่งพลังงานลบไป เพราะจะเป็นอาหารของพวกเขา เพื่อให้ TimeLine เปลี่ยนเป็นสงครามยุติแล้วกลับเป็นโลกที่สงบสุข ตื่นรู้ทางธรรมหรือจิตวิญญาณด้วยการยกจิตให้สูง ตามความถี่โลกที่ปรับสูงขึ้น คนที่ยังติดกับดักความโกรธเกลียดจะมีความถี่ต่ำที่จะถูกฉุดรั้งจิตวิญญาณ และไม่ได้ไปต่อ ให้รู้ให้เข้าใจว่าทุกดวงจิตมาจากที่เดียวกัน Oneness ลงมาเกิดหลายรูปแบบ บ้างลงมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ บ้างลงมาทำแบบทดสอบเดิมๆที่เคยทำแต่ไม่ผ่าน เกิดมามีหน้าที่บทบาทเพื่อมาเรียนรู้ บ้างอาสามาเป็นตัวร้ายเพื่อทดสอบผู้อื่น บ้างก็เขียน SoulPlan ว่าจะมาตายในช่วงเวลานี้ เมื่อเข้าใจจิตจะได้ไม่ไหลลงต่ำ เปลี่ยนความเศร้า ความสงสาร โกรธหรือเกลียดให้เป็นความเข้าใจ ให้เป็นความรักไร้เงื่อนไขให้ได้ นั่นคือสอบผ่าน ด้วยจิตบริสุทธิ์ค่อยๆเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ 😍🥰😍🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • Hun Manet deceived the world. The attack began at 4:44 AM. !![ฮุนมาเน็ตโกหกโลก โจมตีไทยพนมดงรักตั้งแต่ตี 4:44 น.] [27/7/68]

    #HunManetโกหกโลก
    #เริ่มโจมตีตี444
    #พนมดงรักถูกยิงก่อน
    #CambodiaAttackTimeline
    #หลักฐานชี้ชัด
    #โกหกประชาคมโลก
    #ThaiBorderTruth
    #ThaiDefensiveLine
    #ThaiCambodianConflict
    #กัมพูชายิงก่อน
    #柬埔寨先开火 (จีน)
    #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น)
    #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี)
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #CambodiaOpenedFire
    #thaitimes
    #news1
    #shorts
    Hun Manet deceived the world. The attack began at 4:44 AM. !!🔥[ฮุนมาเน็ตโกหกโลก โจมตีไทยพนมดงรักตั้งแต่ตี 4:44 น.] [27/7/68] #HunManetโกหกโลก #เริ่มโจมตีตี444 #พนมดงรักถูกยิงก่อน #CambodiaAttackTimeline #หลักฐานชี้ชัด #โกหกประชาคมโลก #ThaiBorderTruth #ThaiDefensiveLine #ThaiCambodianConflict #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Hun Manet deceived the world. The attack began at 4:44 AM.!! [ฮุนมาเน็ตโกหกโลก โจมตีไทยพนมดงรักตั้งแต่ตี 4:44 น.] [27/7/68]

    #HunManetโกหกโลก
    #เริ่มโจมตีตี444
    #พนมดงรักถูกยิงก่อน
    #CambodiaAttackTimeline
    #หลักฐานชี้ชัด
    #โกหกประชาคมโลก
    #ThaiBorderTruth
    #ThaiDefensiveLine
    #ThaiCambodianConflict
    #กัมพูชายิงก่อน
    #柬埔寨先开火 (จีน)
    #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น)
    #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี)
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #CambodiaOpenedFire
    #thaitimes
    #news1
    #shorts
    Hun Manet deceived the world. The attack began at 4:44 AM.!! [ฮุนมาเน็ตโกหกโลก โจมตีไทยพนมดงรักตั้งแต่ตี 4:44 น.] [27/7/68] #HunManetโกหกโลก #เริ่มโจมตีตี444 #พนมดงรักถูกยิงก่อน #CambodiaAttackTimeline #หลักฐานชี้ชัด #โกหกประชาคมโลก #ThaiBorderTruth #ThaiDefensiveLine #ThaiCambodianConflict #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 648 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: 7 แอปจดโน้ตที่นักพัฒนาไม่ควรมองข้าม

    ในโลกของนักพัฒนา การจดโน้ตไม่ใช่แค่การเขียนไอเดีย แต่เป็นการจัดการโค้ด snippets, เอกสารเทคนิค, และความรู้ที่ต้องใช้ซ้ำในหลายโปรเจกต์ แอปจดโน้ตทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะนักพัฒนาต้องการฟีเจอร์เฉพาะ เช่น Markdown, syntax highlighting, การเชื่อมโยงโน้ต และการทำงานแบบ cross-platform

    บทความนี้แนะนำ 7 แอปที่โดดเด่นสำหรับนักพัฒนา ได้แก่:

    1️⃣ Notion – ครบเครื่องทั้งจดโน้ตและจัดการโปรเจกต์

    ข้อดี
    รองรับ Markdown และ syntax กว่า 60 ภาษา
    ใช้จัดการโปรเจกต์ได้ดี (kanban, database, timeline)
    เชื่อมต่อกับ Trello, Slack, GitHub ได้
    สร้าง template และระบบอัตโนมัติได้

    ข้อเสีย
    ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึง
    UI อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น
    ไม่เหมาะกับการเขียนโค้ดแบบ real-time

    2️⃣ Obsidian – เน้นความยืดหยุ่นและการทำงานแบบออฟไลน์

    ข้อดี
    ทำงานออฟไลน์ได้เต็มรูปแบบ
    รองรับ Markdown และ backlinking แบบ Zettelkasten
    ปรับแต่งได้ผ่านปลั๊กอินจำนวนมาก
    เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย local storage

    ข้อเสีย
    ไม่มีระบบ collaboration ในตัว
    ต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง
    UI ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบระบบ drag-and-drop

    3️⃣ Boost Note – โอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อโค้ดโดยเฉพาะ

    ข้อดี
    โอเพ่นซอร์สและฟรี
    รองรับ Markdown + code block พร้อม syntax
    มี tagging และ diagram (Mermaid, PlantUML)
    ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม (Windows, macOS, Linux, iOS, Android)

    ข้อเสีย
    ฟีเจอร์ collaboration ยังไม่สมบูรณ์
    UI ยังไม่ polished เท่าแอปเชิงพาณิชย์
    ต้องใช้เวลาในการตั้งค่า workspace

    4️⃣ OneNote – เหมาะกับการจัดการข้อมูลแบบมัลติมีเดีย

    ข้อดี
    รองรับ multimedia เช่น รูป เสียง วิดีโอ
    มีโครงสร้าง notebook/section/page ที่ชัดเจน
    รองรับการทำงานร่วมกันแบบ real-time
    ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม

    ข้อเสีย
    ไม่รองรับ Markdown โดยตรง
    ไม่มีแอปสำหรับ Linux
    ไม่เหมาะกับการจัดการโค้ดหรือ syntax

    5️⃣ Quiver – สำหรับผู้ใช้ macOS ที่ต้องการรวมโค้ด, Markdown และ LaTeX

    ข้อดี
    รองรับ Markdown, LaTeX, และ syntax กว่า 120 ภาษา
    โครงสร้างแบบเซลล์ (text + code + diagram)
    มีระบบลิงก์ภายในโน้ตแบบ wiki
    ซื้อครั้งเดียว ไม่มี subscription

    ข้อเสีย
    ใช้ได้เฉพาะ macOS
    ไม่มีระบบ sync cloud หรือ collaboration
    UI ค่อนข้างเก่าเมื่อเทียบกับแอปใหม่ ๆ

    6️⃣ CherryTree – โครงสร้างแบบ tree สำหรับการจัดการข้อมูลเชิงลึก

    ข้อดี
    โครงสร้างแบบ tree เหมาะกับโปรเจกต์ซับซ้อน
    รองรับ rich text + syntax highlight
    ใช้งานแบบ portable ได้ (USB drive)
    มีระบบ auto-save และ backup

    ข้อเสีย
    ไม่มีระบบ cloud sync
    UI ค่อนข้างเก่า
    ไม่เหมาะกับการทำงานร่วมกัน

    7️⃣ Sublime Text – ใช้ปลั๊กอินเสริมให้กลายเป็นเครื่องมือจดโน้ตที่ทรงพลัง

    ข้อดี
    เร็ว เบา และปรับแต่งได้สูง
    รองรับ MarkdownEditing, SnippetStore, CodeMap
    ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม
    เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการรวมโค้ดกับโน้ต

    ข้อเสีย
    ไม่ใช่แอปจดโน้ตโดยตรง ต้องติดตั้งปลั๊กอิน
    ไม่มีระบบจัดการโน้ตแบบ notebook หรือ tagging
    ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชำนาญการตั้งค่า editor

    https://medium.com/@theo-james/top-7-note-taking-apps-every-developer-should-use-fc3905c954be
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: 7 แอปจดโน้ตที่นักพัฒนาไม่ควรมองข้าม ในโลกของนักพัฒนา การจดโน้ตไม่ใช่แค่การเขียนไอเดีย แต่เป็นการจัดการโค้ด snippets, เอกสารเทคนิค, และความรู้ที่ต้องใช้ซ้ำในหลายโปรเจกต์ แอปจดโน้ตทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะนักพัฒนาต้องการฟีเจอร์เฉพาะ เช่น Markdown, syntax highlighting, การเชื่อมโยงโน้ต และการทำงานแบบ cross-platform บทความนี้แนะนำ 7 แอปที่โดดเด่นสำหรับนักพัฒนา ได้แก่: 1️⃣ Notion – ครบเครื่องทั้งจดโน้ตและจัดการโปรเจกต์ ✅ ➡️ ข้อดี ✅ รองรับ Markdown และ syntax กว่า 60 ภาษา ✅ ใช้จัดการโปรเจกต์ได้ดี (kanban, database, timeline) ✅ เชื่อมต่อกับ Trello, Slack, GitHub ได้ ✅ สร้าง template และระบบอัตโนมัติได้ ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึง ⛔ UI อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น ⛔ ไม่เหมาะกับการเขียนโค้ดแบบ real-time 2️⃣ Obsidian – เน้นความยืดหยุ่นและการทำงานแบบออฟไลน์ ✅ ➡️ ข้อดี ✅ ทำงานออฟไลน์ได้เต็มรูปแบบ ✅ รองรับ Markdown และ backlinking แบบ Zettelkasten ✅ ปรับแต่งได้ผ่านปลั๊กอินจำนวนมาก ✅ เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย local storage ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ไม่มีระบบ collaboration ในตัว ⛔ ต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง ⛔ UI ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบระบบ drag-and-drop 3️⃣ Boost Note – โอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อโค้ดโดยเฉพาะ ✅ ➡️ ข้อดี ✅ โอเพ่นซอร์สและฟรี ✅ รองรับ Markdown + code block พร้อม syntax ✅ มี tagging และ diagram (Mermaid, PlantUML) ✅ ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม (Windows, macOS, Linux, iOS, Android) ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ฟีเจอร์ collaboration ยังไม่สมบูรณ์ ⛔ UI ยังไม่ polished เท่าแอปเชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องใช้เวลาในการตั้งค่า workspace 4️⃣ OneNote – เหมาะกับการจัดการข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ✅ ➡️ ข้อดี ✅ รองรับ multimedia เช่น รูป เสียง วิดีโอ ✅ มีโครงสร้าง notebook/section/page ที่ชัดเจน ✅ รองรับการทำงานร่วมกันแบบ real-time ✅ ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ไม่รองรับ Markdown โดยตรง ⛔ ไม่มีแอปสำหรับ Linux ⛔ ไม่เหมาะกับการจัดการโค้ดหรือ syntax 5️⃣ Quiver – สำหรับผู้ใช้ macOS ที่ต้องการรวมโค้ด, Markdown และ LaTeX ✅ ➡️ ข้อดี ✅ รองรับ Markdown, LaTeX, และ syntax กว่า 120 ภาษา ✅ โครงสร้างแบบเซลล์ (text + code + diagram) ✅ มีระบบลิงก์ภายในโน้ตแบบ wiki ✅ ซื้อครั้งเดียว ไม่มี subscription ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ใช้ได้เฉพาะ macOS ⛔ ไม่มีระบบ sync cloud หรือ collaboration ⛔ UI ค่อนข้างเก่าเมื่อเทียบกับแอปใหม่ ๆ 6️⃣ CherryTree – โครงสร้างแบบ tree สำหรับการจัดการข้อมูลเชิงลึก ✅ ➡️ ข้อดี ✅ โครงสร้างแบบ tree เหมาะกับโปรเจกต์ซับซ้อน ✅ รองรับ rich text + syntax highlight ✅ ใช้งานแบบ portable ได้ (USB drive) ✅ มีระบบ auto-save และ backup ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ไม่มีระบบ cloud sync ⛔ UI ค่อนข้างเก่า ⛔ ไม่เหมาะกับการทำงานร่วมกัน 7️⃣ Sublime Text – ใช้ปลั๊กอินเสริมให้กลายเป็นเครื่องมือจดโน้ตที่ทรงพลัง ✅ ➡️ ข้อดี ✅ เร็ว เบา และปรับแต่งได้สูง ✅ รองรับ MarkdownEditing, SnippetStore, CodeMap ✅ ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม ✅ เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการรวมโค้ดกับโน้ต ⛔ ➡️ ข้อเสีย ⛔ ไม่ใช่แอปจดโน้ตโดยตรง ต้องติดตั้งปลั๊กอิน ⛔ ไม่มีระบบจัดการโน้ตแบบ notebook หรือ tagging ⛔ ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชำนาญการตั้งค่า editor https://medium.com/@theo-james/top-7-note-taking-apps-every-developer-should-use-fc3905c954be
    MEDIUM.COM
    Top 7 Note-Taking Apps Every Developer Should Use
    Keeping track of ideas, code snippets, and project details is essential for developers juggling multiple frameworks and languages. The right note-taking app can streamline workflows, boost…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ

    ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก

    Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์

    แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่

    จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน

    หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย

    อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย

    ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith
    เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ

    ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ
    เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน

    สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน
    เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต

    สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่
    อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน

    CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน
    กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล

    Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่
    ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์

    ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
    AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ

    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง
    เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต

    การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง
    โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก

    การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง
    ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

    https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์ แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่ จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย ✅ ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith ➡️ เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ ✅ ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ ➡️ เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน ✅ สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน ➡️ เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต ✅ สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่ ➡️ อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน ✅ CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน ➡️ กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล ✅ Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่ ➡️ ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์ ‼️ ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ⛔ AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ ‼️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง ⛔ เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต ‼️ การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง ⛔ โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ‼️ การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง ⛔ ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US rail industry still exposed to decade-old hacking threat, experts warn
    The vulnerability was discovered in 2012 by independent researcher Neil Smith, who found that the communication protocol linking the front and rear of freight trains – technically...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้ไหมครับว่า CUDA คืออะไร? มันคือแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนา AI และการประมวลผลหนัก ๆ ที่ NVIDIA ผูกขาดไว้ — คนเขียนโปรแกรมด้วย CUDA จะใช้ได้แค่บนการ์ดจอของ NVIDIA เท่านั้น → ทำให้เกิดล็อกอิน (vendor lock-in) ขนาดใหญ่ในโลก AI

    แต่ ZLUDA ซึ่งเป็นโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส เคยมีความหวังว่าจะ "เป็นสะพานเชื่อม" ให้คนที่เขียนโค้ดด้วย CUDA อยู่แล้ว สามารถรันบน GPU ของ Intel หรือ AMD ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนโค้ด → ตอนแรก Intel สนับสนุน แต่ก็มือหลุด → AMD รับช่วงต่อได้ไม่นาน...ก็ถอนตัวเพราะ "ประเด็นทางกฎหมาย" → สุดท้าย ZLUDA ถูกหยุดพัฒนาไปชั่วคราว

    ล่าสุด! ZLUDA กลับมาอีกครั้ง พร้อมนักพัฒนา 2 คนที่กำลัง ผลักดันให้มันกลายเป็นระบบ multi-vendor เต็มตัว → ทำให้รันโค้ด CUDA ได้แม่นยำระดับ “bit-accurate” บน GPU แบรนด์อื่น → และเริ่มทดลองเพิ่มการรองรับ PhysX (ระบบฟิสิกส์ของ NVIDIA ด้วย)

    ZLUDA คือไลบรารีโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้รันโค้ด CUDA ได้บน GPU ที่ไม่ใช่ของ NVIDIA  
    • เดิมรองรับ Intel, AMD พยายามใช้แต่ถอนตัวไป  
    • ล่าสุดกลับมาอีกครั้งในเวอร์ชัน “multi-vendor”

    ตอนนี้มีนักพัฒนา 2 คนประจำ กำลังเร่งพัฒนาให้เสถียรขึ้นอย่างต่อเนื่อง  
    • ทำให้การพัฒนาเร็วขึ้น  
    • รองรับฟีเจอร์ใหม่ เช่น bit-accurate CUDA execution, การทดลองรองรับ PhysX

    เป้าหมายคือการ “ลดอำนาจผูกขาดของ CUDA” และทำให้ AI–HPC ยืดหยุ่นมากขึ้น

    ไม่มี timeline ชัดเจนว่าจะเปิดใช้งานจริงเมื่อไหร่  
    • แต่ชุมชนโอเพ่นซอร์สให้ความสนใจสูง

    https://wccftech.com/zluda-sees-major-progress-in-bringing-nvidia-cuda-code-to-other-gpus/
    รู้ไหมครับว่า CUDA คืออะไร? มันคือแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนา AI และการประมวลผลหนัก ๆ ที่ NVIDIA ผูกขาดไว้ — คนเขียนโปรแกรมด้วย CUDA จะใช้ได้แค่บนการ์ดจอของ NVIDIA เท่านั้น → ทำให้เกิดล็อกอิน (vendor lock-in) ขนาดใหญ่ในโลก AI แต่ ZLUDA ซึ่งเป็นโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส เคยมีความหวังว่าจะ "เป็นสะพานเชื่อม" ให้คนที่เขียนโค้ดด้วย CUDA อยู่แล้ว สามารถรันบน GPU ของ Intel หรือ AMD ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนโค้ด → ตอนแรก Intel สนับสนุน แต่ก็มือหลุด → AMD รับช่วงต่อได้ไม่นาน...ก็ถอนตัวเพราะ "ประเด็นทางกฎหมาย" → สุดท้าย ZLUDA ถูกหยุดพัฒนาไปชั่วคราว ล่าสุด! ZLUDA กลับมาอีกครั้ง พร้อมนักพัฒนา 2 คนที่กำลัง ผลักดันให้มันกลายเป็นระบบ multi-vendor เต็มตัว → ทำให้รันโค้ด CUDA ได้แม่นยำระดับ “bit-accurate” บน GPU แบรนด์อื่น → และเริ่มทดลองเพิ่มการรองรับ PhysX (ระบบฟิสิกส์ของ NVIDIA ด้วย) ✅ ZLUDA คือไลบรารีโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้รันโค้ด CUDA ได้บน GPU ที่ไม่ใช่ของ NVIDIA   • เดิมรองรับ Intel, AMD พยายามใช้แต่ถอนตัวไป   • ล่าสุดกลับมาอีกครั้งในเวอร์ชัน “multi-vendor” ✅ ตอนนี้มีนักพัฒนา 2 คนประจำ กำลังเร่งพัฒนาให้เสถียรขึ้นอย่างต่อเนื่อง   • ทำให้การพัฒนาเร็วขึ้น   • รองรับฟีเจอร์ใหม่ เช่น bit-accurate CUDA execution, การทดลองรองรับ PhysX ✅ เป้าหมายคือการ “ลดอำนาจผูกขาดของ CUDA” และทำให้ AI–HPC ยืดหยุ่นมากขึ้น ✅ ไม่มี timeline ชัดเจนว่าจะเปิดใช้งานจริงเมื่อไหร่   • แต่ชุมชนโอเพ่นซอร์สให้ความสนใจสูง https://wccftech.com/zluda-sees-major-progress-in-bringing-nvidia-cuda-code-to-other-gpus/
    WCCFTECH.COM
    Open-Source Library ZLUDA Sees Major Progress in Bringing NVIDIA's CUDA Code to Other GPUs; Doubles Developer Count
    ZLUDA has made massive headlines in the past with their "code porting" library, and it looks like the developers are geared up once again.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • #timeline #ขายชาติ #พลังงาน #ผลประโยชน์ส่วนตน ทุก #รัฐบาล #อธิปไตยไทย #กระทรวงการต่างประเทศ #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ทหารไืทย #MOU2543 #MOU2544 #ชายแดน #ไทยกัมพูชา #แผนที่ #ดินแดนไืทย #แผ่นดินไืทย #ประเทศไทย #ขัดพระบรมราชโองการ #ในหลวง#รัชกาลที่9 #อาณาเขตไทย #อาณาจักรไทย #
    https://youtu.be/eQ49hODhMTQ
    #timeline #ขายชาติ #พลังงาน #ผลประโยชน์ส่วนตน ทุก #รัฐบาล #อธิปไตยไทย #กระทรวงการต่างประเทศ #กองทัพไทย #กองทัพบกไทย #กองทัพเรือไทย #กองทัพอากาศไทย #ทหารไืทย #MOU2543 #MOU2544 #ชายแดน #ไทยกัมพูชา #แผนที่ #ดินแดนไืทย #แผ่นดินไืทย #ประเทศไทย #ขัดพระบรมราชโองการ #ในหลวง#รัชกาลที่9 #อาณาเขตไทย #อาณาจักรไทย # https://youtu.be/eQ49hODhMTQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 873 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ.ปานเทพ ลำดับ timeline และนางทำตามที่พูด ว่าจะทำตามที่ขอ ตามกฎหมายไทย นางคือไส้ศึก
    https://www.youtube.com/live/8g_vvxNv1Ak?si=Xu7UjCvOjNjZMNUW
    อ.ปานเทพ ลำดับ timeline และนางทำตามที่พูด ว่าจะทำตามที่ขอ ตามกฎหมายไทย นางคือไส้ศึก https://www.youtube.com/live/8g_vvxNv1Ak?si=Xu7UjCvOjNjZMNUW
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ทดสอบหรือร่วมกันเรียกร้องแบบจีนก็ได้,ทุกๆประเทศทั่วโลก,ในแต่ละผู้นำของแต่ละประเทศทั้งโลกร่วมกันออกมาประกาศอย่างเป็นทางการในนามรัฐบาลของแต่ละประเทศ,เรียกร้องให้อิสราเอลและอิหร่านทำการหยุดยิงทันทีแล้วไปสู่โต๊ะเจรจาสงบศึกเพื่อยุติสงครามระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อจะได้ไม่ให้ใครเอามาอ้างให้ชาติอื่นๆมาช่วยเหลือตนจะทั้งอิสราเอลที่มีอเมริกาเป็นแม่งานพร้อมคนฝรั่งทั่วยุโรปและอิหร่านเองจะจีนหรือและรัสเชียเป็นแม่งานสนับสนุนหลังฉากก็ตาม,เพื่อร่วมกันตัดตอนหายนะต่อโลกนี้ timelineใดๆจะเป็นแบบไหนก็ตามแต่ในปัจจุบันเวลานี้เราสามารถร่วมกันกำหนดอนาคตของโลกให้สงบสุขสันติได้,หรือไม่ให้ใครปั่นกระแสสงครามให้เกิดขึ้นง่ายๆได้สะดวกนั้นเองแม้อิสราเอลยั่วยุยิงระเบิดก่อนก็ตามและอิสราเอลต้องถูกลงโทษเมื่อพ้นไปจากนี้โดยมหาอำนาจโลกต้องให้บทเรียนของคนไม่เคารพชาติอื่นเกเรลงมือตีคนอื่นก่อน,อาจสั่งให้ปิดบ้านตนเองสำนึกผิดสัก5-10ปีก็ว่าไป,คว่ำบาตรทางการเมืองยึดอำนาจผู้นำอิสราเอลละลายพฤติกรรมไม่ดีทั่งหมด,นำพาคนอิสราเอลสู่แสงสว่างทางที่ถูกต้อง.

    JUST IN: ประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง เรียกร้องให้หยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านโดยทันที

    ..ทดสอบหรือร่วมกันเรียกร้องแบบจีนก็ได้,ทุกๆประเทศทั่วโลก,ในแต่ละผู้นำของแต่ละประเทศทั้งโลกร่วมกันออกมาประกาศอย่างเป็นทางการในนามรัฐบาลของแต่ละประเทศ,เรียกร้องให้อิสราเอลและอิหร่านทำการหยุดยิงทันทีแล้วไปสู่โต๊ะเจรจาสงบศึกเพื่อยุติสงครามระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อจะได้ไม่ให้ใครเอามาอ้างให้ชาติอื่นๆมาช่วยเหลือตนจะทั้งอิสราเอลที่มีอเมริกาเป็นแม่งานพร้อมคนฝรั่งทั่วยุโรปและอิหร่านเองจะจีนหรือและรัสเชียเป็นแม่งานสนับสนุนหลังฉากก็ตาม,เพื่อร่วมกันตัดตอนหายนะต่อโลกนี้ timelineใดๆจะเป็นแบบไหนก็ตามแต่ในปัจจุบันเวลานี้เราสามารถร่วมกันกำหนดอนาคตของโลกให้สงบสุขสันติได้,หรือไม่ให้ใครปั่นกระแสสงครามให้เกิดขึ้นง่ายๆได้สะดวกนั้นเองแม้อิสราเอลยั่วยุยิงระเบิดก่อนก็ตามและอิสราเอลต้องถูกลงโทษเมื่อพ้นไปจากนี้โดยมหาอำนาจโลกต้องให้บทเรียนของคนไม่เคารพชาติอื่นเกเรลงมือตีคนอื่นก่อน,อาจสั่งให้ปิดบ้านตนเองสำนึกผิดสัก5-10ปีก็ว่าไป,คว่ำบาตรทางการเมืองยึดอำนาจผู้นำอิสราเอลละลายพฤติกรรมไม่ดีทั่งหมด,นำพาคนอิสราเอลสู่แสงสว่างทางที่ถูกต้อง. JUST IN: 🇨🇳 ประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง เรียกร้องให้หยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านโดยทันที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • Primetime Exposes How Pfizer Bullies and Blackmails Countries for Shots

    We present before you the 6 key points on the Pfizer contracts that were revealed.

    1.” Pfizer Reserves the Right to Silence Governments – Pfizer is silencing the governments through its contracts. It has forced countries not to talk about the deals they strike for shots.

    2. Pfizer Controls Distribution of Shots – Pfizer controls the donations of the shots, not the country that buys them. Pfizer will decide where the shots go.

    3. Pfizer Secured an “IP Waiver” for Itself – If Pfizer is accused of intellectual property theft, governments will pay not the company.

    4. Private Arbitrators, not Public Courts, Decide Disputes in Secret – If there are disputes, private arbitrators and not public courts will decide on them

    5. Pfizer Can Go After State Assets – Pfizer can go after state assets to secure its compensation.

    6. Pfizer Calls the Shots on Key Decisions – Pfizer decides delivery timeline and more.”
    Primetime Exposes How Pfizer Bullies and Blackmails Countries for Shots We present before you the 6 key points on the Pfizer contracts that were revealed. 1.” Pfizer Reserves the Right to Silence Governments – Pfizer is silencing the governments through its contracts. It has forced countries not to talk about the deals they strike for shots. 2. Pfizer Controls Distribution of Shots – Pfizer controls the donations of the shots, not the country that buys them. Pfizer will decide where the shots go. 3. Pfizer Secured an “IP Waiver” for Itself – If Pfizer is accused of intellectual property theft, governments will pay not the company. 4. Private Arbitrators, not Public Courts, Decide Disputes in Secret – If there are disputes, private arbitrators and not public courts will decide on them 5. Pfizer Can Go After State Assets – Pfizer can go after state assets to secure its compensation. 6. Pfizer Calls the Shots on Key Decisions – Pfizer decides delivery timeline and more.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รีวิวเที่ยว #ตุรกี 9วัน 7คืน
    เดินทาง 26 เม.ย. - 04 พ.ค. 68
    ขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจ etravelway.com นะคะ

    ดูทัวร์ตุรกี|ตุรเคีย|ทูร์เคียทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/e0b7f6

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์ตุรกี #ทัวร์ตุรเคีย #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา
    #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    ✨รีวิวเที่ยว #ตุรกี 9วัน 7คืน เดินทาง 26 เม.ย. - 04 พ.ค. 68 ขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจ etravelway.com นะคะ 🥰❤️ ดูทัวร์ตุรกี|ตุรเคีย|ทูร์เคียทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/e0b7f6 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ตุรกี #ทัวร์ตุรเคีย #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1239 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • รีวิวเที่ยว #อียิปต์ #จอร์แดน 8วัน 5คืน
    เดินทาง 10 - 17 เม.ย. 68
    ขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจ etravelway.com นะคะ

    ดูทัวร์อียิปต์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/cfda4b

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์อียิปต์ #ทัวร์อียิปต์ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา
    #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    ✨รีวิวเที่ยว #อียิปต์ #จอร์แดน 8วัน 5คืน เดินทาง 10 - 17 เม.ย. 68 ขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจ etravelway.com นะคะ 🥰❤️ ดูทัวร์อียิปต์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/cfda4b LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์อียิปต์ #ทัวร์อียิปต์ #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1242 มุมมอง 6 0 รีวิว
Pages Boosts