• เครื่องหั่นกล้วยดิบ (Potato Slicer) สำหรับธุรกิจอาหารและผลิตภัณฑ์แปรรูปกล้วยดิบ
    หั่นกล้วยดิบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ! เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการหั่นกล้วยดิบ ไม่ว่าจะเป็นการทำกล้วยทอด กล้วยตาก หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้กล้วยเป็นส่วนประกอบหลัก!

    คุณสมบัติเด่น:
    ใช้ไฟฟ้า 220V มอเตอร์ 1 แรงม้า ประหยัดพลังงาน
    กำลังการผลิตสูง 100-300 กก./ชั่วโมง
    ขนาดกะทัดรัด 468 x 572 x 690 MM น้ำหนักเพียง 43 กก.
    หั่นได้หลายรูปแบบ ทั้งแผ่น เส้น หรือแท่ง
    ปรับความหนาบางได้ ตามความต้องการ พร้อมใบมีด 3 ขนาด

    เหมาะสำหรับ:
    ร้านขายกล้วยทอด หรือธุรกิจแปรรูปกล้วย
    โรงงานผลิตขนมจากกล้วย เช่น กล้วยตาก กล้วยฉาบ
    ผู้ที่ต้องการเครื่องมือทำอาหารที่ทนทานและใช้งานง่าย

    สนใจสินค้าหรือทดลองใช้เครื่องหั่นกล้วยดิบ สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลย
    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    เสาร์ เวลา 8.00-16.00

    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    สนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามเพิ่มเติม:
    โทร: 02-215 3515-9 / 081-318 9098
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า)
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    แชทเลย: m.me/yonghahheng
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    อย่ารอช้า! เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณด้วยเครื่องหั่นกล้วยดิบคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจของคุณ!
    #เครื่องหั่นกล้วยดิบ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นอาหาร #ธุรกิจแปรรูปกล้วย #กล้วยทอด #กล้วยตาก #กล้วยฉาบ #เครื่องใช้ในครัว #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องจักรอาหาร #สินค้าคุณภาพ #เครื่องครัวมืออาชีพ #ร้านอาหารต้องมี #อุปกรณ์แปรรูปอาหาร #ร้านกล้วยทอด #เครื่องหั่นอุตสาหกรรม #เครื่องหั่นผัก #อาหารอร่อย #ธุรกิจอาหาร #ผลิตภัณฑ์จากกล้วย #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ✨ เครื่องหั่นกล้วยดิบ (Potato Slicer) สำหรับธุรกิจอาหารและผลิตภัณฑ์แปรรูปกล้วยดิบ 🍌🍴 🎯 หั่นกล้วยดิบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ! เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการหั่นกล้วยดิบ ไม่ว่าจะเป็นการทำกล้วยทอด กล้วยตาก หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้กล้วยเป็นส่วนประกอบหลัก! 💥 คุณสมบัติเด่น: 🔌 ใช้ไฟฟ้า 220V มอเตอร์ 1 แรงม้า ประหยัดพลังงาน ⚡ กำลังการผลิตสูง 100-300 กก./ชั่วโมง 📏 ขนาดกะทัดรัด 468 x 572 x 690 MM น้ำหนักเพียง 43 กก. ✂️ หั่นได้หลายรูปแบบ ทั้งแผ่น เส้น หรือแท่ง 🛠️ ปรับความหนาบางได้ ตามความต้องการ พร้อมใบมีด 3 ขนาด 🎉 เหมาะสำหรับ: ร้านขายกล้วยทอด หรือธุรกิจแปรรูปกล้วย โรงงานผลิตขนมจากกล้วย เช่น กล้วยตาก กล้วยฉาบ ผู้ที่ต้องการเครื่องมือทำอาหารที่ทนทานและใช้งานง่าย 📍 สนใจสินค้าหรือทดลองใช้เครื่องหั่นกล้วยดิบ สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลย ⏰ เวลาเปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 เสาร์ เวลา 8.00-16.00 📌 แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 📞 สนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามเพิ่มเติม: โทร: 02-215 3515-9 / 081-318 9098 LINE Business ID: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com แชทเลย: m.me/yonghahheng E-mail: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com 📢 อย่ารอช้า! เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณด้วยเครื่องหั่นกล้วยดิบคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจของคุณ! #เครื่องหั่นกล้วยดิบ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นอาหาร #ธุรกิจแปรรูปกล้วย #กล้วยทอด #กล้วยตาก #กล้วยฉาบ #เครื่องใช้ในครัว #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องจักรอาหาร #สินค้าคุณภาพ #เครื่องครัวมืออาชีพ #ร้านอาหารต้องมี #อุปกรณ์แปรรูปอาหาร #ร้านกล้วยทอด #เครื่องหั่นอุตสาหกรรม #เครื่องหั่นผัก #อาหารอร่อย #ธุรกิจอาหาร #ผลิตภัณฑ์จากกล้วย #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีมีหอยเกือบตาย เมื่อคิดจะไปมาเลเซีย

    เมื่อวันก่อน สถานีมีหอย ร้านซีฟูดชื่อดังภายใต้การนำของสองหนุ่ม ดี-วีระศักดิ์ มะสะอาว นายแบบ เอ็มซีงานอีเวนต์ และ ว่าว-ศราวุธ ศิริเพชร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา นายแบบ ให้บริการวันแรกเมื่อ 2 เม.ย. 2559 ใช้เมนูหอยเป็นจุดขาย และใช้ความถนัดทางด้านสร้างสีสัน สร้างความบันเทิง ทำให้คนมีความสุข โดยมีจุดเด่นตรงที่มีพ่อค้าเซ็กซี่ คอยเอนเตอร์เทนลูกค้าอย่างสนุกสนาน เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน กำลังจะปิดตำนานที่ตลาดหัวมุม ย่านเกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ เพราะเดือน ก.ค.2568 จะให้บริการเป็นเดือนสุดท้าย และจะปิดตัวลงในเดือน ส.ค.2568 เนื่องจากตลาดหัวมุมสิ้นสุดสัญญาเช่า จึงต้องย้ายสถานที่ใหม่ หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 9 ปี 4 เดือน

    แม้ไวรัลดังกล่าวคนไทยจะให้ความสนใจน้อย แต่กลายเป็นที่ฮือฮาของสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะตระกูล Foodie สื่อด้านอาหารของมาเลเซีย ในฐานะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยเป็นอันดับสองรองจากจีน และชาวมาเลเซียบางคนก็เคยสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่มาแล้วเช่นกัน ที่ตื่นเต้นไปอีกก็คือ สองหนุ่มดีกับว่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "9 ปีในตลาดกลางคืนหัวมุมนั้นเหลือเชื่อมาก ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทั้งหมดที่ทุกคนมอบให้ เรามีแผนที่ยิ่งใหญ่กว่าในใจ ตอนนี้สถานที่ในกรุงเทพฯ จะถูกเบรกไว้ก่อนจนกว่าจะได้สถานที่ใหม่ นอกจากนี้ ข่าวดีก็คือเราจะมองหาสถานที่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เรากำลังขยายไปยังกัวลาลัมเปอร์สถานที่แรก คุณพร้อมหรือยัง"

    หลังสื่อมาเลเซียเสนอข่าว กลายเป็นที่วิจารณ์ของชาวมาเลเซียทั้งตื่นเต้นและต่อต้าน ในฐานะประเทศที่มีชาวมุสลิมมากถึง 60% ไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และมีกฎหมายลงโทษรุนแรงสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน

    สุดท้ายดีและว่าวต้องชี้แจงว่า จากที่พิจารณาจะเปิดร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พวกเราชอบมาเลเซียมาก แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดร้านอาหารแนวเต้นรำ แนวคิดเต้นรำนำความสุขมาสู่ลูกค้าของเราเมื่อพวกเขามาเยือนกรุงเทพฯ ประเทศไทย แต่รับรองว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นที่มาเลเซีย ในประเทศไทย ร้านสถานีมีหอยจะยังคงดำเนินการต่อไป เมื่อได้สถานที่ที่เหมาะสม และในมาเลเซีย แนวคิดของเราคือการนำอาหารไทยแท้ที่มีชื่อเสียงมาเสิร์ฟในมาเลเซีย เนื่องจากดี (วีระศักดิ์) ชอบทำอาหารมาก จึงมีความฝันที่จะเปิดร้านอาหารในต่างประเทศเพื่อแบ่งปันอาหารไทยไปทั่วโลก และจุดหมายแรกคือกัวลาลัมเปอร์ เราเคารพวัฒนธรรมมาเลเซียในปัจจุบัน และจะรักมาเลเซียตลอดไป ดังนั้นโปรดมั่นใจว่า เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราหรือมาเลเซีย

    #Newskit
    สถานีมีหอยเกือบตาย เมื่อคิดจะไปมาเลเซีย เมื่อวันก่อน สถานีมีหอย ร้านซีฟูดชื่อดังภายใต้การนำของสองหนุ่ม ดี-วีระศักดิ์ มะสะอาว นายแบบ เอ็มซีงานอีเวนต์ และ ว่าว-ศราวุธ ศิริเพชร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา นายแบบ ให้บริการวันแรกเมื่อ 2 เม.ย. 2559 ใช้เมนูหอยเป็นจุดขาย และใช้ความถนัดทางด้านสร้างสีสัน สร้างความบันเทิง ทำให้คนมีความสุข โดยมีจุดเด่นตรงที่มีพ่อค้าเซ็กซี่ คอยเอนเตอร์เทนลูกค้าอย่างสนุกสนาน เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน กำลังจะปิดตำนานที่ตลาดหัวมุม ย่านเกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ เพราะเดือน ก.ค.2568 จะให้บริการเป็นเดือนสุดท้าย และจะปิดตัวลงในเดือน ส.ค.2568 เนื่องจากตลาดหัวมุมสิ้นสุดสัญญาเช่า จึงต้องย้ายสถานที่ใหม่ หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 9 ปี 4 เดือน แม้ไวรัลดังกล่าวคนไทยจะให้ความสนใจน้อย แต่กลายเป็นที่ฮือฮาของสื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะตระกูล Foodie สื่อด้านอาหารของมาเลเซีย ในฐานะประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยเป็นอันดับสองรองจากจีน และชาวมาเลเซียบางคนก็เคยสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่มาแล้วเช่นกัน ที่ตื่นเต้นไปอีกก็คือ สองหนุ่มดีกับว่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "9 ปีในตลาดกลางคืนหัวมุมนั้นเหลือเชื่อมาก ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทั้งหมดที่ทุกคนมอบให้ เรามีแผนที่ยิ่งใหญ่กว่าในใจ ตอนนี้สถานที่ในกรุงเทพฯ จะถูกเบรกไว้ก่อนจนกว่าจะได้สถานที่ใหม่ นอกจากนี้ ข่าวดีก็คือเราจะมองหาสถานที่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เรากำลังขยายไปยังกัวลาลัมเปอร์สถานที่แรก คุณพร้อมหรือยัง" หลังสื่อมาเลเซียเสนอข่าว กลายเป็นที่วิจารณ์ของชาวมาเลเซียทั้งตื่นเต้นและต่อต้าน ในฐานะประเทศที่มีชาวมุสลิมมากถึง 60% ไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และมีกฎหมายลงโทษรุนแรงสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน สุดท้ายดีและว่าวต้องชี้แจงว่า จากที่พิจารณาจะเปิดร้านอาหารในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พวกเราชอบมาเลเซียมาก แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดร้านอาหารแนวเต้นรำ แนวคิดเต้นรำนำความสุขมาสู่ลูกค้าของเราเมื่อพวกเขามาเยือนกรุงเทพฯ ประเทศไทย แต่รับรองว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นที่มาเลเซีย ในประเทศไทย ร้านสถานีมีหอยจะยังคงดำเนินการต่อไป เมื่อได้สถานที่ที่เหมาะสม และในมาเลเซีย แนวคิดของเราคือการนำอาหารไทยแท้ที่มีชื่อเสียงมาเสิร์ฟในมาเลเซีย เนื่องจากดี (วีระศักดิ์) ชอบทำอาหารมาก จึงมีความฝันที่จะเปิดร้านอาหารในต่างประเทศเพื่อแบ่งปันอาหารไทยไปทั่วโลก และจุดหมายแรกคือกัวลาลัมเปอร์ เราเคารพวัฒนธรรมมาเลเซียในปัจจุบัน และจะรักมาเลเซียตลอดไป ดังนั้นโปรดมั่นใจว่า เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราหรือมาเลเซีย #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมดปัญหากุ้งแห้งไม่ละเอียด! BONNY PIN MILL 30B บดให้เนียนได้ใจ
    BONNY PIN MILL รุ่น 30B – เครื่องบดแห้งขั้นสุดยอดจาก หจก.ย.ย่งฮะเฮง!
    ทำไมต้อง BONNY PIN MILL รุ่น 30B?
    ละเอียดกว่าที่เคย!: บดได้ถึง 0.1 มม.! ผงกุ้งแห้งเนียนนุ่มดุจแป้ง การันตีคุณภาพระดับพรีเมียม!
    บดได้หมด!: กากใยเยอะแค่ไหนก็เอาอยู่! เหมาะสุดๆ กับกุ้งแห้ง และวัตถุดิบไฟเบอร์สูง!
    ผลิตไว แรงเยอะ!: กำลังผลิต 100-200 กก./ชม.! มอเตอร์ 7 แรงม้า! บดได้รัวๆ ไม่ต้องรอนาน!
    ไม่ร้อน ไม่เสียกลิ่น!: มี ระบบหล่อเย็น ในห้องบด! คงความหอมสดใหม่ของกุ้งแห้งไว้เต็มๆ!
    ปลอดภัยหายห่วง!: ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเปิดประตูห้องบด! ใช้งานง่าย สบายใจ!
    สเตนเลส 304: สะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย สำหรับอาหารโดยเฉพาะ!
    ใครควรมี?
    ผู้ผลิตน้ำพริกกุ้ง/ผงปรุงรส
    ธุรกิจอาหารที่ต้องการคุณภาพสูงสุด
    ผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

    BONNY PIN MILL รุ่น 30B คือการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อรสชาติที่เหนือกว่าและผลกำไรที่เติบโต!

    สนใจสั่งซื้อ/สอบถาม? ทักเลย!
    แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    มาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่ ย่งฮะเฮง!
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    เปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.

    #PinMill #เครื่องบดแห้ง #เครื่องบดละเอียด #เครื่องบดกุ้งแห้ง #ผงกุ้งแห้ง #BONNY #Yoryonghahheng #เครื่องจักรอาหาร #SME #คุณภาพคับแก้ว #ธุรกิจอาหาร #อาหารแปรรูป #โรงงานขนาดเล็ก #ผลิตเอง #เครื่องใช้ในครัวเชิงพาณิชย์ #อาหารไทย #วัตถุดิบคุณภาพ #นวัตกรรมการผลิต #เครื่องจักรแปรรูป #FoodProcessing #IndustrialGrinder #เครื่องบดยา #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดข้าว #เครื่องบดน้ำตาล
    หมดปัญหากุ้งแห้งไม่ละเอียด! ✨ BONNY PIN MILL 30B บดให้เนียนได้ใจ BONNY PIN MILL รุ่น 30B – เครื่องบดแห้งขั้นสุดยอดจาก หจก.ย.ย่งฮะเฮง! 📌 ทำไมต้อง BONNY PIN MILL รุ่น 30B? 📌 ✅ ละเอียดกว่าที่เคย!: บดได้ถึง 0.1 มม.! 🤩 ผงกุ้งแห้งเนียนนุ่มดุจแป้ง การันตีคุณภาพระดับพรีเมียม! ✅ บดได้หมด!: กากใยเยอะแค่ไหนก็เอาอยู่! เหมาะสุดๆ กับกุ้งแห้ง และวัตถุดิบไฟเบอร์สูง! 💪 ✅ ผลิตไว แรงเยอะ!: กำลังผลิต 100-200 กก./ชม.! 🚀 มอเตอร์ 7 แรงม้า! บดได้รัวๆ ไม่ต้องรอนาน! ✅ ไม่ร้อน ไม่เสียกลิ่น!: มี ระบบหล่อเย็น ในห้องบด! 🌬️ คงความหอมสดใหม่ของกุ้งแห้งไว้เต็มๆ! ✅ ปลอดภัยหายห่วง!: ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเปิดประตูห้องบด! 🛡️ ใช้งานง่าย สบายใจ! ✅ สเตนเลส 304: สะอาด ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย 💯 สำหรับอาหารโดยเฉพาะ! 🎯 ใครควรมี? 🎯 ✔️ ผู้ผลิตน้ำพริกกุ้ง/ผงปรุงรส ✔️ ธุรกิจอาหารที่ต้องการคุณภาพสูงสุด ✔️ ผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต BONNY PIN MILL รุ่น 30B คือการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อรสชาติที่เหนือกว่าและผลกำไรที่เติบโต! ✨ 📞 สนใจสั่งซื้อ/สอบถาม? ทักเลย! 📞 ✅ แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 📞โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📍 มาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่ ย่งฮะเฮง! 📍 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 เปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น. #PinMill #เครื่องบดแห้ง #เครื่องบดละเอียด #เครื่องบดกุ้งแห้ง #ผงกุ้งแห้ง #BONNY #Yoryonghahheng #เครื่องจักรอาหาร #SME #คุณภาพคับแก้ว #ธุรกิจอาหาร #อาหารแปรรูป #โรงงานขนาดเล็ก #ผลิตเอง #เครื่องใช้ในครัวเชิงพาณิชย์ #อาหารไทย #วัตถุดิบคุณภาพ #นวัตกรรมการผลิต #เครื่องจักรแปรรูป #FoodProcessing #IndustrialGrinder #เครื่องบดยา #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดข้าว #เครื่องบดน้ำตาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ในการสัมภาษณ์กับทักเกอร์ คาร์ลสัน ประธานาธิบดีอิหร่าน เปเซชเคียน ยืนยันอีกครั้งว่า "อิหร่านไม่ได้กำลังทำสงครามหรือสร้างอาวุธนิวเคลียร์"

    และเน้นย้ำว่าภาพลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างหลอกลวงเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ "เป็นการวางแผนที่ชั่วร้ายของเนทันยาฮูและระบอบการปกครองของไซออนิสต์ของอิสราเอล"
    ในการสัมภาษณ์กับทักเกอร์ คาร์ลสัน ประธานาธิบดีอิหร่าน เปเซชเคียน ยืนยันอีกครั้งว่า "อิหร่านไม่ได้กำลังทำสงครามหรือสร้างอาวุธนิวเคลียร์" และเน้นย้ำว่าภาพลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างหลอกลวงเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ "เป็นการวางแผนที่ชั่วร้ายของเนทันยาฮูและระบอบการปกครองของไซออนิสต์ของอิสราเอล"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กต.เขมรโต้กลับ ยันไทยละเมิด MOU 43 ซ้ำซาก เตรียมวิ่งแจ้นฟ้องศาลโลก เหตุกลไกทวิภาคีไร้ผล
    https://www.thai-tai.tv/news/20100/
    .
    #กัมพูชา #ไทย #MOU43 #เขตแดน #ศาลโลก #ICJ #กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา #กระทรวงการต่างประเทศไทย #JBC #แผนที่สยามฝรั่งเศส #ข้อพิพาทชายแดน #กฎหมายระหว่างประเทศ #อธิปไตย #การเมืองระหว่างประเทศ
    กต.เขมรโต้กลับ ยันไทยละเมิด MOU 43 ซ้ำซาก เตรียมวิ่งแจ้นฟ้องศาลโลก เหตุกลไกทวิภาคีไร้ผล https://www.thai-tai.tv/news/20100/ . #กัมพูชา #ไทย #MOU43 #เขตแดน #ศาลโลก #ICJ #กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา #กระทรวงการต่างประเทศไทย #JBC #แผนที่สยามฝรั่งเศส #ข้อพิพาทชายแดน #กฎหมายระหว่างประเทศ #อธิปไตย #การเมืองระหว่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮุนเซน” ถือโอกาส รมช.ต่างประเทศอินเดียเข้าพบ หยิบปัญหาชายแดนกับไทยขึ้นมาพูดคุย อ้างสาเหตุเป็นเพราะฝ่ายไทยอ้างอิงแผนที่ที่เขียนขึ้นฝ่ายเดียวแล้วข้ามแดนไปยิงทหารเขมรตาย หลังจากนั้นก็ปิดพรมแดน ทำสถานการณ์ตึงเครียด เขมรไม่อยากทำสงครามจึงนำเรื่องขึ้นศาลโลก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000063939

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ฮุนเซน” ถือโอกาส รมช.ต่างประเทศอินเดียเข้าพบ หยิบปัญหาชายแดนกับไทยขึ้นมาพูดคุย อ้างสาเหตุเป็นเพราะฝ่ายไทยอ้างอิงแผนที่ที่เขียนขึ้นฝ่ายเดียวแล้วข้ามแดนไปยิงทหารเขมรตาย หลังจากนั้นก็ปิดพรมแดน ทำสถานการณ์ตึงเครียด เขมรไม่อยากทำสงครามจึงนำเรื่องขึ้นศาลโลก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000063939 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'อดีต มทภ.2' เปิดหลักฐานชัด! 'ปราสาทตาเมือนธม' อยู่เขตไทย แต่ถูกรื้อทิ้งยุคยิ่งลักษณ์ หวังกระชับสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา หลังสู้รบปี 54
    https://www.thai-tai.tv/news/20090/
    .
    #พลทกนกเนตระคะเวสนะ #อดีตมทภ2 #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาเมือนโต๊ด #ปราสาทตาควาย #ชายแดนไทยกัมพูชา #แผนที่กองทัพไทย #รั้วชายแดน #ยิ่งลักษณ์ชินวัตร #ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา #การสู้รบปี54 #การท่องเที่ยวชายแดน
    'อดีต มทภ.2' เปิดหลักฐานชัด! 'ปราสาทตาเมือนธม' อยู่เขตไทย แต่ถูกรื้อทิ้งยุคยิ่งลักษณ์ หวังกระชับสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา หลังสู้รบปี 54 https://www.thai-tai.tv/news/20090/ . #พลทกนกเนตระคะเวสนะ #อดีตมทภ2 #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาเมือนโต๊ด #ปราสาทตาควาย #ชายแดนไทยกัมพูชา #แผนที่กองทัพไทย #รั้วชายแดน #ยิ่งลักษณ์ชินวัตร #ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา #การสู้รบปี54 #การท่องเที่ยวชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พล.ท.กนก" อดีต ผบ.กกล.สุรนารี เผยภาพรั้วกั้น "ปราสาทตาเมือนธม" รื้อทิ้งสมัย "ยิ่งลักษณ์" ยืนยันทั้ง 3 ปราสาทอยู่ในไทย ยึดตามแผนที่ 1 ต่อ 50,000
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063857

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "พล.ท.กนก" อดีต ผบ.กกล.สุรนารี เผยภาพรั้วกั้น "ปราสาทตาเมือนธม" รื้อทิ้งสมัย "ยิ่งลักษณ์" ยืนยันทั้ง 3 ปราสาทอยู่ในไทย ยึดตามแผนที่ 1 ต่อ 50,000 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063857 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1004 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เทพมนตรี” โชว์หลักฐานยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ตามแผนที่ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1901 รับรองโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1904 ปรากฏในหนังสือ “ปราสาทพระวิหาร” ที่กัมพูชาจัดพิมพ์ร่วมกับยูเนสโก และวงวิชาการศิลปเขมรชอบนำไปอ้างอิง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000063617

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “เทพมนตรี” โชว์หลักฐานยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ตามแผนที่ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1901 รับรองโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1904 ปรากฏในหนังสือ “ปราสาทพระวิหาร” ที่กัมพูชาจัดพิมพ์ร่วมกับยูเนสโก และวงวิชาการศิลปเขมรชอบนำไปอ้างอิง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000063617 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Wow
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เทพมนตรี” โชว์หลักฐานยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ตามแผนที่ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1901 รับรองโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1904 ปรากฏในหนังสือ “ปราสาทพระวิหาร” ที่กัมพูชาจัดพิมพ์ร่วมกับยูเนสโก และวงวิชาการศิลปเขมรชอบนำไปอ้างอิง

    วันนี้(6 ก.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทตาเมือนธม ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชาและเป็น 1 ในพื้นที่พิพาทกับไทย 4 จุดที่กัมพูชานำไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ)

    นายเทพมนตรี ได้ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ให้ทุกคนช่วยกันเผยแพร่พร้อมกับแท็กหานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000063617

    #Thaitimes #MGROnline #ปราสาทพระวิหาร #กัมพูชา
    “เทพมนตรี” โชว์หลักฐานยันปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ตามแผนที่ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1901 รับรองโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1904 ปรากฏในหนังสือ “ปราสาทพระวิหาร” ที่กัมพูชาจัดพิมพ์ร่วมกับยูเนสโก และวงวิชาการศิลปเขมรชอบนำไปอ้างอิง • วันนี้(6 ก.ค.) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบในเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทตาเมือนธม ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชาและเป็น 1 ในพื้นที่พิพาทกับไทย 4 จุดที่กัมพูชานำไปฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ICJ) • นายเทพมนตรี ได้ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ให้ทุกคนช่วยกันเผยแพร่พร้อมกับแท็กหานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000063617 • #Thaitimes #MGROnline #ปราสาทพระวิหาร #กัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อตกลง jbc ครั้งล่าสุด คือการจัดทำแผนที่ทางอากาศให้สอดคล้องกับแผนที่ 1 : 200000

    คนไทยจะรักษาดินแดนได้อย่างไร ในเมื่อนักการเมืองไปทำข้อตกลงกันโดยไม่บอก ไม่อธิบาย

    (1) Approval of the outcome of the 4th Meeting of the Thailand - Cambodia Joint Technical Sub-Committee (JTSC) on 14 July 2024 in Siem Reap. Both sides agreed on the result of fact finding mission for 74 BPs, in which the location of 45 boundary pillars mutually agreed upon and also agreed to use LiDAR technology for the production of Orthophoto Maps to expedite the survey and demarcation process,

    1. รับรองผลการประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิค (JTSC) ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้น ณ เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567

    * ยอมรับผลภารกิจภาคสนาม (Fact-Finding Mission) สำหรับเสาหลักเขตแดน 74 จุด

    * ตกลงร่วมกันได้แล้ว 45 จุด วางตำแหน่งเสาเขตแดนโดยมีความเห็นตรงกัน

    * เห็นชอบให้ ใช้เทคโนโลยี LiDAR สำหรับจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto Maps) เพื่อเร่งขั้นตอนการสำรวจและปักปัน


    (2) Approval of the Amendment of 2003 Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia, (TOR 2003) to incorporate LiDAR technology into the Orthophoto Maps production step.

    2. เห็นชอบการแก้ไข TOR ปี 2003 (Terms of Reference)
    ปรับแผนแม่บท (Master Plan) เพื่อ บรรจุการใช้เทคโนโลยี LiDAR ในขั้นตอนจัดทำแผนที่ Orthophoto อย่างเป็นทางการ

    (3) Tasking the JTSC with drafting Technical Instructions (Technical Instruction: TI), agreement to empower the JTSC to prepare TI to guide the Joint Survey Team to conduct survey and demarcation work on the terrain where boundary pillars location have been agreed,

    3. มอบหมาย JTSC จัดทำ “ข้อกำหนดทางเทคนิค” (Technical Instruction: TI)

    เพื่อใช้เป็นคู่มือให้แก่ทีมสำรวจร่วม (Joint Survey Team)

    สำหรับการปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้ตกลงตำแหน่งเสาหลักเขตแดนแล้ว


    (4) Agreement on Technical Preparation for Sector 6, to assign the JTSC to prepare technical instructions for the survey works in Section 6 (from Satta Som mountain to BP 1 at Chong Sangam, Sisaket Province), which has been pending since 2011, along with the production of Orthophoto Maps.


    4. เห็นชอบการเตรียมงานด้านเทคนิคสำหรับ “Sector 6”

    มอบหมาย JTSC จัดทำคำสั่งทางเทคนิค พร้อมแผนที่ Orthophoto

    พื้นที่ Sector 6 ครอบคลุมแนวจาก ภูสัตตะสุม (Satta Som) ถึง เสาหลัก BP 1 ณ ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ

    พื้นที่นี้ค้างการดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2554


    แม้ว่ารัฐบาลจะแจ้งกับสื่อว่าไม่ยอมรับแผนที่ 1 : 200000 แต่ก็เป็นท่าทีที่ย้อนแย้งับเอกสารในกรอบการเจรจาและข้อตกลงในการประชุม JBC ที่อ้างถึง TOR2003 ซึ่งเป็นการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 อย่างเป็นทางการ

    ที่สำคัญคือ ทั้ง 4 ข้อไม่ใช่เพียงข้อตกลงร่วมเฉยๆ แต่มันได้ถูกดำเนินการจนแล้วเสร็จหมดแล้วต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศษฐา

    คนไทยเหลือความหวังเดียวในขั้นตอน TI ที่เกี่ยวเนื่องกับแผนทางอากาศ GPS แผนที่ Orthophoto ที่จะต้องสอดคล้องกับแผนที่ 1 : 200000 และจะกลายเป็นแผนที่และดินแดนในอนาคตที่ไทยต้องสูญเสียกลุ่มปราสาทตาเหมือน อย่างไม่มีวันได้กลับมา หากไม่ดำเนินการยับยั้งการลงนาม TI ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

    จะต้องสูญเสียอีกเท่าไหร่ไทยถึงจะเรียนรู้
    ข้อตกลง jbc ครั้งล่าสุด คือการจัดทำแผนที่ทางอากาศให้สอดคล้องกับแผนที่ 1 : 200000 คนไทยจะรักษาดินแดนได้อย่างไร ในเมื่อนักการเมืองไปทำข้อตกลงกันโดยไม่บอก ไม่อธิบาย (1) Approval of the outcome of the 4th Meeting of the Thailand - Cambodia Joint Technical Sub-Committee (JTSC) on 14 July 2024 in Siem Reap. Both sides agreed on the result of fact finding mission for 74 BPs, in which the location of 45 boundary pillars mutually agreed upon and also agreed to use LiDAR technology for the production of Orthophoto Maps to expedite the survey and demarcation process, 1. รับรองผลการประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิค (JTSC) ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้น ณ เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 * ยอมรับผลภารกิจภาคสนาม (Fact-Finding Mission) สำหรับเสาหลักเขตแดน 74 จุด * ตกลงร่วมกันได้แล้ว 45 จุด วางตำแหน่งเสาเขตแดนโดยมีความเห็นตรงกัน * เห็นชอบให้ ใช้เทคโนโลยี LiDAR สำหรับจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto Maps) เพื่อเร่งขั้นตอนการสำรวจและปักปัน (2) Approval of the Amendment of 2003 Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia, (TOR 2003) to incorporate LiDAR technology into the Orthophoto Maps production step. 2. เห็นชอบการแก้ไข TOR ปี 2003 (Terms of Reference) ปรับแผนแม่บท (Master Plan) เพื่อ บรรจุการใช้เทคโนโลยี LiDAR ในขั้นตอนจัดทำแผนที่ Orthophoto อย่างเป็นทางการ (3) Tasking the JTSC with drafting Technical Instructions (Technical Instruction: TI), agreement to empower the JTSC to prepare TI to guide the Joint Survey Team to conduct survey and demarcation work on the terrain where boundary pillars location have been agreed, 3. มอบหมาย JTSC จัดทำ “ข้อกำหนดทางเทคนิค” (Technical Instruction: TI) เพื่อใช้เป็นคู่มือให้แก่ทีมสำรวจร่วม (Joint Survey Team) สำหรับการปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้ตกลงตำแหน่งเสาหลักเขตแดนแล้ว (4) Agreement on Technical Preparation for Sector 6, to assign the JTSC to prepare technical instructions for the survey works in Section 6 (from Satta Som mountain to BP 1 at Chong Sangam, Sisaket Province), which has been pending since 2011, along with the production of Orthophoto Maps. 4. เห็นชอบการเตรียมงานด้านเทคนิคสำหรับ “Sector 6” มอบหมาย JTSC จัดทำคำสั่งทางเทคนิค พร้อมแผนที่ Orthophoto พื้นที่ Sector 6 ครอบคลุมแนวจาก ภูสัตตะสุม (Satta Som) ถึง เสาหลัก BP 1 ณ ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ พื้นที่นี้ค้างการดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2554 แม้ว่ารัฐบาลจะแจ้งกับสื่อว่าไม่ยอมรับแผนที่ 1 : 200000 แต่ก็เป็นท่าทีที่ย้อนแย้งับเอกสารในกรอบการเจรจาและข้อตกลงในการประชุม JBC ที่อ้างถึง TOR2003 ซึ่งเป็นการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 อย่างเป็นทางการ ที่สำคัญคือ ทั้ง 4 ข้อไม่ใช่เพียงข้อตกลงร่วมเฉยๆ แต่มันได้ถูกดำเนินการจนแล้วเสร็จหมดแล้วต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศษฐา คนไทยเหลือความหวังเดียวในขั้นตอน TI ที่เกี่ยวเนื่องกับแผนทางอากาศ GPS แผนที่ Orthophoto ที่จะต้องสอดคล้องกับแผนที่ 1 : 200000 และจะกลายเป็นแผนที่และดินแดนในอนาคตที่ไทยต้องสูญเสียกลุ่มปราสาทตาเหมือน อย่างไม่มีวันได้กลับมา หากไม่ดำเนินการยับยั้งการลงนาม TI ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ จะต้องสูญเสียอีกเท่าไหร่ไทยถึงจะเรียนรู้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • IT คือขั้นตอนสุดท้ายของเกมขายชาติ
    "TI" หรือ Technical Instructions 2003 (คำแนะนำทางเทคนิค ปี 2003) ที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชา ไม่ใช่แค่เอกสารเทคนิคธรรมดา หากพิจารณาเชิงยุทธศาสตร์ ถือว่าเป็น จุดเปลี่ยนที่สุ่มเสี่ยงต่อการยอมรับการเสียดินแดนโดยปริยาย
    ต่อไปนี้คือการอธิบายแบบเจาะลึก:


    ---

    TI คืออะไร?

    TI คือ “คำแนะนำทางเทคนิค” ที่ใช้ในการจัดทำแผนที่ร่วมไทย–กัมพูชา
    โดยระบุให้ใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Colonial-era maps) เป็น “ฐานเทียบ” ในบางกรณี
    นอกจากนี้ยังเปลี่ยนเทคโนโลยีการสำรวจจาก Orthophoto + GPS เป็น LiDAR (LIDAR) ซึ่งแม่นยำแต่มีปัญหาเชิงนิติศาสตร์หากอิงแผนที่เก่า


    ---

    ความเสี่ยงที่ตามมา

    1. การยอมรับเส้นแผนที่ที่อาจไม่เป็นธรรม

    แผนที่ 1:200,000 เป็นของฝรั่งเศสที่ทำขึ้นขณะล่าอาณานิคม

    หลายจุด “กินแดนไทยเข้าไป” โดยเฉพาะแนวชายแดนภาคอีสานและตะวันออก



    2. กลายเป็นหลักฐานผูกพันในอนาคต

    หากไทยร่วมจัดทำโดยไม่คัดค้านอย่างชัดเจน จะกลายเป็นพฤติกรรมยอมรับโดยพฤตินัย

    เสี่ยงต่อการ “ใช้แผนที่ที่เสียเปรียบ” เป็นบรรทัดฐานในอนาคต



    3. รัฐบาลไทยอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือยืนยันความชอบธรรมของกัมพูชา

    กัมพูชาสามารถอ้างได้ว่า "ไทยเห็นชอบแล้ว" กับแนวเส้นที่จัดทำใหม่

    โดยเฉพาะหากมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในพื้นที่พิพาทเพิ่มเติม





    ---

    พื้นที่เสี่ยงเฉพาะ

    ช่องสายตะกู (จ.บุรีรัมย์)

    ตาพระยา (จ.สระแก้ว)

    เชียงแสน–สามเหลี่ยมทองคำ (จ.เชียงราย)

    บริเวณรอบเขาพระวิหาร



    ---

    บทบาทของรัฐบาลแพทองธาร

    เป็นรัฐบาลแรกที่ “อนุมัติการแก้ TOR ปี 2003” และให้เดินหน้าจัดทำแผนที่ร่วมโดยใช้ LiDAR

    การแก้ TOR อาจดูทันสมัยในมุมเทคนิค แต่หากไม่มี “หลักประกันการรักษาอธิปไตย” จะยิ่งอันตราย

    หากไม่ได้ใส่ “ข้อสงวน” (Reservation) ว่า ไม่ยอมรับผลหากกระทบเขตแดน จะเป็นดาบสองคม และจะถือว่าไทยลงนามยามรับในแผนที่ใหม่ โดยที่คนไทยไม่รู้เรื่อง
    IT คือขั้นตอนสุดท้ายของเกมขายชาติ "TI" หรือ Technical Instructions 2003 (คำแนะนำทางเทคนิค ปี 2003) ที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชา ไม่ใช่แค่เอกสารเทคนิคธรรมดา หากพิจารณาเชิงยุทธศาสตร์ ถือว่าเป็น จุดเปลี่ยนที่สุ่มเสี่ยงต่อการยอมรับการเสียดินแดนโดยปริยาย ต่อไปนี้คือการอธิบายแบบเจาะลึก: --- 📌 TI คืออะไร? TI คือ “คำแนะนำทางเทคนิค” ที่ใช้ในการจัดทำแผนที่ร่วมไทย–กัมพูชา โดยระบุให้ใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Colonial-era maps) เป็น “ฐานเทียบ” ในบางกรณี นอกจากนี้ยังเปลี่ยนเทคโนโลยีการสำรวจจาก Orthophoto + GPS เป็น LiDAR (LIDAR) ซึ่งแม่นยำแต่มีปัญหาเชิงนิติศาสตร์หากอิงแผนที่เก่า --- ⚠️ ความเสี่ยงที่ตามมา 1. การยอมรับเส้นแผนที่ที่อาจไม่เป็นธรรม แผนที่ 1:200,000 เป็นของฝรั่งเศสที่ทำขึ้นขณะล่าอาณานิคม หลายจุด “กินแดนไทยเข้าไป” โดยเฉพาะแนวชายแดนภาคอีสานและตะวันออก 2. กลายเป็นหลักฐานผูกพันในอนาคต หากไทยร่วมจัดทำโดยไม่คัดค้านอย่างชัดเจน จะกลายเป็นพฤติกรรมยอมรับโดยพฤตินัย เสี่ยงต่อการ “ใช้แผนที่ที่เสียเปรียบ” เป็นบรรทัดฐานในอนาคต 3. รัฐบาลไทยอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือยืนยันความชอบธรรมของกัมพูชา กัมพูชาสามารถอ้างได้ว่า "ไทยเห็นชอบแล้ว" กับแนวเส้นที่จัดทำใหม่ โดยเฉพาะหากมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในพื้นที่พิพาทเพิ่มเติม --- 🧨 พื้นที่เสี่ยงเฉพาะ ช่องสายตะกู (จ.บุรีรัมย์) ตาพระยา (จ.สระแก้ว) เชียงแสน–สามเหลี่ยมทองคำ (จ.เชียงราย) บริเวณรอบเขาพระวิหาร --- 👩‍💼 บทบาทของรัฐบาลแพทองธาร เป็นรัฐบาลแรกที่ “อนุมัติการแก้ TOR ปี 2003” และให้เดินหน้าจัดทำแผนที่ร่วมโดยใช้ LiDAR การแก้ TOR อาจดูทันสมัยในมุมเทคนิค แต่หากไม่มี “หลักประกันการรักษาอธิปไตย” จะยิ่งอันตราย หากไม่ได้ใส่ “ข้อสงวน” (Reservation) ว่า ไม่ยอมรับผลหากกระทบเขตแดน จะเป็นดาบสองคม และจะถือว่าไทยลงนามยามรับในแผนที่ใหม่ โดยที่คนไทยไม่รู้เรื่อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้:


    ---

    ช่วงการลงนาม TOR 2003

    18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003)

    นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ:
    นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย

    ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย:
    นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น)



    ---

    ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

    รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี

    เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003



    ---

    JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554)

    นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

    รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์

    ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
    นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ)

    JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)
    นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน
    จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง

    ---

    JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด
    นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
    รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี)

    ประธาน JBC ฝ่ายไทย:
    นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ


    สรุป:
    ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ”
    โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI
    ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร)


    --พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย:


    ---

    วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา

    1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ


    2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto


    3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม”


    4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ




    ---

    สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”:

    ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย

    1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000
    2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN
    3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม”
    4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง
    5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน



    ---

    ความเสี่ยง:

    หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ
    → จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว”

    หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล

    เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก


    TOR 2003 และการประชุม JBC ที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา มีผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องดังนี้: --- 📌 ช่วงการลงนาม TOR 2003 📅 18 มิถุนายน 2546 (พ.ศ. 2003) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร 🕴️ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ: นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย 📌 ผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทย: นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล – เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา (ในขณะนั้น) --- 📌 ช่วง JBC ระยอง (พ.ย. 2551) – รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายสมพงษ์ สระกวี 🧾 เป็นการประชุมที่ยืนยันดำเนินการตาม TOR 2003 --- 📌 JBC ช่วงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (2552–2554) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: นายกษิต ภิรมย์ 🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย: นายธานี ทองภักดี (ในบางช่วงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ) 📌 JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567) 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: นายเศษฐา ทวีสิน จุดเริ่มต้นการผลักดันและนำ JTSC JWG TOR2003 กลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง --- 📌 JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) – ล่าสุด 🧑‍⚖️ นายกรัฐมนตรี: น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 🕴️ รมว.ต่างประเทศ: ยังไม่เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการ (อาจเปลี่ยนมือระหว่างปี) 🎙️ ประธาน JBC ฝ่ายไทย: นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย – ที่ปรึกษาด้านเขตแดน กระทรวงการต่างประเทศ 📍 สรุป: ช่วงรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ “ฟื้นฟูการดำเนินการ JTSC อย่างเป็นทางการ” โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการยอมรับผลการสำรวจ 45 จุด และเปิดทางให้จัดทำ TI ซึ่งจะมีผลทางกฎหมายในรัฐบาลถัดมา (แพทองธาร) --พฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง การดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน และใช้เครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อยืนยันสิทธิในดินแดนโดย: --- ✅ วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านมา 1. ใช้ TOR 2003 เป็นฐานเจรจา โดยไม่เปลี่ยนกรอบการตีความ 2. พยายามบรรจุแนวเขตตามแผนที่ 1:200,000 ลงในกระบวนการทางเทคนิค เช่น TI / Orthophoto 3. ยืนยันพิกัดรายหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ไทย “ลงนามรับรองร่วม” 4. เก็บหลักฐานการยอมรับจากฝ่ายไทย เพื่อนำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ --- 📌 สิ่งที่ “กัมพูชาอาจทำต่อไป”: ลำดับ กลยุทธ์ที่เป็นไปได้ เป้าหมาย 1 เร่งผลักดันให้ไทยลงนาม TI อย่างเป็นทางการ ล็อกแนวเขตให้สอดคล้องกับแผนที่ 1:200,000 2 จัดเก็บข้อมูลพิกัดที่ไทยร่วมลงนามไว้เป็นหลักฐาน ใช้ยืนยันต่อ ICJ หรือในเวที UN 3 ขอให้ไทยร่วมแผนปักเสาเขตร่วมในพื้นที่พิพาท สร้าง “แนวเส้นที่เกิดจากการรับรองร่วม” 4 ไม่หารือในพื้นที่สำคัญ เช่น ปราสาทตาเมือนฯ ผ่าน JBC เพื่อบังคับไทยเข้าสู่ ICJ ในภายหลัง 5 ขอความช่วยเหลือจากชาติสมาชิกอาเซียน / UNESCO ใช้ soft power หนุนสถานะทางประวัติศาสตร์และสิทธิในดินแดน --- 🚨 ความเสี่ยง: หากไทย “ลงนามรับรอง TI / พิกัด” โดยไม่เปิดเผยให้รัฐสภา-ประชาชนตรวจสอบ → จะถูกตีความว่า “ยอมรับเขตแดนร่วมแล้ว” หากไทยเงียบและไม่แสดงจุดยืน → กัมพูชาจะใช้ “หลักฐานความนิ่งเฉย” โจมตีในเวทีสากล เมื่อแนวเขตปรากฏในเอกสารระหว่างประเทศ → ไทยจะฟ้องกลับภายหลัง ยากมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้คำสั่งทางเทคนิค หรือ TI
    TI ย่อมาจาก “Technical Instructions” (ข้อกำหนดทางเทคนิค)
    เป็นเอกสารที่ คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมไทย–กัมพูชา (JTSC) ใช้ร่างขึ้นเพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติของ “ชุดสำรวจร่วม” ในการวัดพิกัด เส้นเขตแดน และการจัดทำแผนที่ในแต่ละพื้นที่


    ---

    ทำไม TI สำคัญ?

    เพราะ TI คือ “คู่มือภาคสนาม” ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า:

    จะใช้ พิกัดจากระบบใด (GPS / Lidar / Orthophoto)

    จะวางแนวเขตตาม เส้นตรง, ลำน้ำ, หรือ แผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 ตาม TOR 2003

    จะให้ตำแหน่งของหลักเขตอยู่ที่ใด

    จะยอมรับ “ภาพถ่ายจากมุมสูง” หรือ “การตีเส้นแนวใหม่” อย่างไร

    และหากไม่มี ข้อสงวนสิทธิของไทย — จะกลายเป็นหลักฐานที่ “อาจใช้ฟ้องไทยในเวทีโลก” ได้



    ---

    ความเสี่ยงของ TI ถ้าคนไทยไม่รู้

    ประเด็น ความเสี่ยง

    TI ยึดแนวแผนที่ 1:200,000 (ฝรั่งเศสทำ) อาจยอมรับแนวเขตที่ “กินเข้ามาในฝั่งไทย” โดยไม่รู้ตัว
    หาก TI ไม่มีข้อสงวน จะถูกตีความว่า “ไทยยอมรับแนวเขตนั้น” โดยสมัครใจ
    TI ไม่ผ่านรัฐสภา ขัด ม.178 → แต่ ยังมีผลจริงในภาคสนาม หาก JTSC ลงนามและ JBC รับรอง
    ประชาชนไม่รู้ ทำให้ เกิดการเสียสิทธิโดยเงียบ ไม่สามารถทักท้วงได้ทันเวลา



    ---

    คนไทยควรรู้อะไรเกี่ยวกับ TI?

    1. TI กำหนดอนาคตของพรมแดนไทยแบบเงียบ ๆ


    2. TI ที่ไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ = เสี่ยงต่อการตัดสินใจแบบไม่โปร่งใส


    3. หากประชาชนไม่จับตา → ไทยอาจถูกลดเขตแดนทีละส่วน โดยไม่มีเสียงคัดค้าน




    ---

    บทสรุป:

    > “TI ไม่ใช่แค่เอกสารทางเทคนิค — แต่มันคือแผนที่อนาคตของชาติ”
    หากร่างโดยยอมรับแผนที่ที่ไม่เป็นธรรม = เรากำลังยอมมอบแผ่นดินให้โดยไม่รู้ตัว


    45 จุดที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างไทย–กัมพูชาแล้วในการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) และได้รับ การรับรองใน JBC ครั้งที่ 6 (14 มิถุนายน 2568) ถือเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ที่คนไทย ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะ:


    ---

    45 จุดนั้นคืออะไร?

    คือ จุดหลักเขตแดน (Boundary Pillars หรือ BPs) ที่คณะเทคนิคไทย–กัมพูชาได้ “ลงสำรวจภาคสนามร่วมกัน”

    ใช้ Orthophoto (ภาพถ่ายทางอากาศ) ผสานกับ LiDAR + GPS → แล้ว "ตีพิกัดร่วม"

    จุดที่เห็นพ้อง = ถือเป็นจุดที่อ้างอิงเขตแดนได้ในทางปฏิบัติ



    ---

    ความเสี่ยงจาก 45 จุดนี้

    ประเด็น ความเสี่ยง

    รับรองพิกัด หมายถึง ไทย–กัมพูชา ยอมรับร่วมกันแล้วว่า จุดนี้คือ “เขตแดน”
    ผูกพันตาม TI หาก TI ถูกเขียนทีหลัง โดยอิงกับ TOR2003 (แผนที่ 1:200,000) → จุดเหล่านี้จะผูกกับแนวเขตที่ อาจเข้าข้างแผนที่ฝรั่งเศส
    ไม่ผ่านรัฐสภา หากรับรองใน JBC แล้ว แต่ ไม่เข้าสภาตาม ม.178 → อาจผิดรัฐธรรมนูญ
    ไม่เผยแพร่แผนที่จริง ประชาชนยังไม่เห็นว่า “ทั้ง 45 จุดอยู่ตรงไหน” → เสี่ยงที่เราจะ “เสียทีละจุด” โดยไม่รู้ตัว
    บางจุดอยู่ในพื้นที่พิพาท เช่น บริเวณปราสาทตาเมือนธม / ปราสาทตาควาย / เขาสัตตะโสม ฯลฯ → หากตีพิกัดผิด = อธิปไตยอาจหลุดมือ



    ---

    ข้อเท็จจริงที่คุณต้องรู้

    การเห็นพ้องใน 45 จุด ไม่ได้หมายถึง “ตกลงเส้นเขตแดนทั้งเส้น”

    แต่ “หากมีการเขียน TI ต่อ” โดยไม่มี ข้อสงวน หรือ การนำเข้าสภา → 45 จุดนี้จะกลายเป็น “แนวเขตถาวรโดยพฤตินัย”



    ---

    คุณจะทำอะไรได้ตอนนี้?

    1. เรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ 45 จุดบนเว็บไซต์ของรัฐ


    2. ขอดู TI ที่กำลังร่าง จาก JTSC → ต้องเปิดเผยก่อนเข้าสู่ JBC ครั้งหน้า


    3. ยื่นผ่าน ส.ส. ให้ตั้ง กมธ.ตรวจสอบ


    4. ส่งต่อข้อมูลนี้ให้คนไทยรู้ ว่า “เราอาจยอมรับแนวเขต 45 จุด โดยไม่รู้ตัว”




    ---

    > “จุดที่เราไม่ทันระวัง คือจุดที่เราจะเสียแผ่นดิน”
    — นี่คือเหตุผลที่คุณตื่นรู้แล้วต้องไม่หยุดเคลื่อนไหว


    การใช้คำสั่งทางเทคนิค หรือ TI TI ย่อมาจาก “Technical Instructions” (ข้อกำหนดทางเทคนิค) เป็นเอกสารที่ คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมไทย–กัมพูชา (JTSC) ใช้ร่างขึ้นเพื่อกำหนดรายละเอียดวิธีปฏิบัติของ “ชุดสำรวจร่วม” ในการวัดพิกัด เส้นเขตแดน และการจัดทำแผนที่ในแต่ละพื้นที่ --- 📌 ทำไม TI สำคัญ? เพราะ TI คือ “คู่มือภาคสนาม” ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า: ✅ จะใช้ พิกัดจากระบบใด (GPS / Lidar / Orthophoto) ✅ จะวางแนวเขตตาม เส้นตรง, ลำน้ำ, หรือ แผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 ตาม TOR 2003 ✅ จะให้ตำแหน่งของหลักเขตอยู่ที่ใด ✅ จะยอมรับ “ภาพถ่ายจากมุมสูง” หรือ “การตีเส้นแนวใหม่” อย่างไร ❌ และหากไม่มี ข้อสงวนสิทธิของไทย — จะกลายเป็นหลักฐานที่ “อาจใช้ฟ้องไทยในเวทีโลก” ได้ --- ⚠️ ความเสี่ยงของ TI ถ้าคนไทยไม่รู้ ประเด็น ความเสี่ยง TI ยึดแนวแผนที่ 1:200,000 (ฝรั่งเศสทำ) อาจยอมรับแนวเขตที่ “กินเข้ามาในฝั่งไทย” โดยไม่รู้ตัว หาก TI ไม่มีข้อสงวน จะถูกตีความว่า “ไทยยอมรับแนวเขตนั้น” โดยสมัครใจ TI ไม่ผ่านรัฐสภา ขัด ม.178 → แต่ ยังมีผลจริงในภาคสนาม หาก JTSC ลงนามและ JBC รับรอง ประชาชนไม่รู้ ทำให้ เกิดการเสียสิทธิโดยเงียบ ไม่สามารถทักท้วงได้ทันเวลา --- 🎯 คนไทยควรรู้อะไรเกี่ยวกับ TI? 1. TI กำหนดอนาคตของพรมแดนไทยแบบเงียบ ๆ 2. TI ที่ไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ = เสี่ยงต่อการตัดสินใจแบบไม่โปร่งใส 3. หากประชาชนไม่จับตา → ไทยอาจถูกลดเขตแดนทีละส่วน โดยไม่มีเสียงคัดค้าน --- 📣 บทสรุป: > “TI ไม่ใช่แค่เอกสารทางเทคนิค — แต่มันคือแผนที่อนาคตของชาติ” หากร่างโดยยอมรับแผนที่ที่ไม่เป็นธรรม = เรากำลังยอมมอบแผ่นดินให้โดยไม่รู้ตัว 45 จุดที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างไทย–กัมพูชาแล้วในการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 (14 กรกฎาคม 2567) และได้รับ การรับรองใน JBC ครั้งที่ 6 (14 มิถุนายน 2568) ถือเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ที่คนไทย ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะ: --- 📌 45 จุดนั้นคืออะไร? คือ จุดหลักเขตแดน (Boundary Pillars หรือ BPs) ที่คณะเทคนิคไทย–กัมพูชาได้ “ลงสำรวจภาคสนามร่วมกัน” ใช้ Orthophoto (ภาพถ่ายทางอากาศ) ผสานกับ LiDAR + GPS → แล้ว "ตีพิกัดร่วม" จุดที่เห็นพ้อง = ถือเป็นจุดที่อ้างอิงเขตแดนได้ในทางปฏิบัติ --- ⚠️ ความเสี่ยงจาก 45 จุดนี้ ประเด็น ความเสี่ยง ✅ รับรองพิกัด หมายถึง ไทย–กัมพูชา ยอมรับร่วมกันแล้วว่า จุดนี้คือ “เขตแดน” ❗ ผูกพันตาม TI หาก TI ถูกเขียนทีหลัง โดยอิงกับ TOR2003 (แผนที่ 1:200,000) → จุดเหล่านี้จะผูกกับแนวเขตที่ อาจเข้าข้างแผนที่ฝรั่งเศส ❗ ไม่ผ่านรัฐสภา หากรับรองใน JBC แล้ว แต่ ไม่เข้าสภาตาม ม.178 → อาจผิดรัฐธรรมนูญ ❗ ไม่เผยแพร่แผนที่จริง ประชาชนยังไม่เห็นว่า “ทั้ง 45 จุดอยู่ตรงไหน” → เสี่ยงที่เราจะ “เสียทีละจุด” โดยไม่รู้ตัว ❗ บางจุดอยู่ในพื้นที่พิพาท เช่น บริเวณปราสาทตาเมือนธม / ปราสาทตาควาย / เขาสัตตะโสม ฯลฯ → หากตีพิกัดผิด = อธิปไตยอาจหลุดมือ --- 🛑 ข้อเท็จจริงที่คุณต้องรู้ การเห็นพ้องใน 45 จุด ไม่ได้หมายถึง “ตกลงเส้นเขตแดนทั้งเส้น” แต่ “หากมีการเขียน TI ต่อ” โดยไม่มี ข้อสงวน หรือ การนำเข้าสภา → 45 จุดนี้จะกลายเป็น “แนวเขตถาวรโดยพฤตินัย” --- ✊ คุณจะทำอะไรได้ตอนนี้? 1. เรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ 45 จุดบนเว็บไซต์ของรัฐ 2. ขอดู TI ที่กำลังร่าง จาก JTSC → ต้องเปิดเผยก่อนเข้าสู่ JBC ครั้งหน้า 3. ยื่นผ่าน ส.ส. ให้ตั้ง กมธ.ตรวจสอบ 4. ส่งต่อข้อมูลนี้ให้คนไทยรู้ ว่า “เราอาจยอมรับแนวเขต 45 จุด โดยไม่รู้ตัว” --- > 📣 “จุดที่เราไม่ทันระวัง คือจุดที่เราจะเสียแผ่นดิน” — นี่คือเหตุผลที่คุณตื่นรู้แล้วต้องไม่หยุดเคลื่อนไหว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลไทย “ปฏิเสธวาจา” แต่ “ยอมรับโดยการกระทำ”

    (พูดไม่เอาแผนที่ 1:200,000 แต่ดันใช้ TOR 2003 ที่อิงแผนที่นั้นโดยตรง)


    ---

    สรุปความย้อนแย้งแบบชัด ๆ:

    สิ่งที่รัฐบาลพูด สิ่งที่รัฐบาลทำจริง

    “ไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Annex I Map)” แต่ยังคงใช้ TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดว่าแผนที่พื้นฐานคือ 1:200,000
    “ไทยยึดหลักสันปันน้ำ ไม่ใช่เส้นแผนที่” แต่ไม่มีการแนบ ข้อสงวนสิทธิ (reservation) ใด ๆ ต่อ TOR
    “จะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามใช้แผนที่ฝรั่งเศสมากำหนดเขตแดน” แต่ในการประชุม JBC/JWG/JTSC ทุกครั้ง ไม่มีการคัดค้านการใช้แนวแผนที่ 1:200,000



    ---

    ทำไมจึงอันตราย?

    1. TOR 2003 กลายเป็น “ข้อตกลงหลักฐาน” ที่รัฐบาลไทยหลายชุดใช้ต่อเนื่อง
    → เสมือนการ “ยอมรับแนว Annex I Map โดยพฤตินัย”


    2. หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ฝ่ายกัมพูชาจะสามารถใช้ TOR นี้ + แผนที่ LiDAR ใหม่
    → ยืนยันว่า “ไทยได้ลงนามไว้เองแล้วตั้งแต่ปี 2003”


    3. ศาลโลกหรือเวทีระหว่างประเทศอาจมองว่าไทย “ตีสองหน้า”
    → กล่าวไม่ยอมรับ แต่ในทางเทคนิคกลับทำเองทุกอย่าง (แผนที่ ร่วมวาด ร่วมวัด)




    ---

    คำแนะนำเชิงยุทธศาสตร์

    ต้องจัดทำ “คำชี้แจงตีความข้อ 1.1.3” หรือ “แนบข้อสงวนสิทธิ” ต่อ TOR 2003 โดยเร็วที่สุด

    ควรกำหนดแนวทางว่าการใช้ TOR นี้ ใช้เพื่อการสำรวจ แต่ไม่ใช่เพื่อยอมรับแนวแผนที่ Annex I

    รัฐสภา/ประชาชนต้องร่วมเรียกร้องให้รัฐบาล “เลิกนิ่ง” และ “ปกป้องอธิปไตยอย่างโปร่งใส”
    🎯 รัฐบาลไทย “ปฏิเสธวาจา” แต่ “ยอมรับโดยการกระทำ” (พูดไม่เอาแผนที่ 1:200,000 แต่ดันใช้ TOR 2003 ที่อิงแผนที่นั้นโดยตรง) --- 📌 สรุปความย้อนแย้งแบบชัด ๆ: สิ่งที่รัฐบาลพูด สิ่งที่รัฐบาลทำจริง “ไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Annex I Map)” แต่ยังคงใช้ TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดว่าแผนที่พื้นฐานคือ 1:200,000 “ไทยยึดหลักสันปันน้ำ ไม่ใช่เส้นแผนที่” แต่ไม่มีการแนบ ข้อสงวนสิทธิ (reservation) ใด ๆ ต่อ TOR “จะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามใช้แผนที่ฝรั่งเศสมากำหนดเขตแดน” แต่ในการประชุม JBC/JWG/JTSC ทุกครั้ง ไม่มีการคัดค้านการใช้แนวแผนที่ 1:200,000 --- ⚠️ ทำไมจึงอันตราย? 1. TOR 2003 กลายเป็น “ข้อตกลงหลักฐาน” ที่รัฐบาลไทยหลายชุดใช้ต่อเนื่อง → เสมือนการ “ยอมรับแนว Annex I Map โดยพฤตินัย” 2. หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ฝ่ายกัมพูชาจะสามารถใช้ TOR นี้ + แผนที่ LiDAR ใหม่ → ยืนยันว่า “ไทยได้ลงนามไว้เองแล้วตั้งแต่ปี 2003” 3. ศาลโลกหรือเวทีระหว่างประเทศอาจมองว่าไทย “ตีสองหน้า” → กล่าวไม่ยอมรับ แต่ในทางเทคนิคกลับทำเองทุกอย่าง (แผนที่ ร่วมวาด ร่วมวัด) --- 🛡️ คำแนะนำเชิงยุทธศาสตร์ ต้องจัดทำ “คำชี้แจงตีความข้อ 1.1.3” หรือ “แนบข้อสงวนสิทธิ” ต่อ TOR 2003 โดยเร็วที่สุด ควรกำหนดแนวทางว่าการใช้ TOR นี้ ใช้เพื่อการสำรวจ แต่ไม่ใช่เพื่อยอมรับแนวแผนที่ Annex I รัฐสภา/ประชาชนต้องร่วมเรียกร้องให้รัฐบาล “เลิกนิ่ง” และ “ปกป้องอธิปไตยอย่างโปร่งใส”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มยุค พ่อ สำเร็จ ยุคลูก

    “ความเชื่อมโยงระหว่าง TOR การปักปันเขตแดน – การใช้แผนที่ – และความเสี่ยงเรื่องอธิปไตยของชาติ”

    สรุปพื้นฐานก่อน: TOR2003 กับการใช้แผนที่ 1:200,000

    1. TOR2003 (Terms of Reference ปี 2546)
    เป็นข้อตกลงที่ไทยใช้ในการเจรจาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา
    โดยกำหนดว่า:

    “ให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นแผนที่หลักสำหรับอ้างอิงการปักปันเขตแดน”

    หลักการนี้ถูกใช้เพื่ออ้างอิงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาเดิมและแนวปฏิบัติเดิม (เช่น สนธิสัญญาสมัยฝรั่งเศส)



    2. “แผนที่ทางอากาศ”
    มีความละเอียดสูง ใช้ในยุคปัจจุบันเพื่อการสำรวจภาพถ่ายดาวเทียม ระบบ GIS และแผนที่ 3D

    > แต่ยัง ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานทางกฎหมายหลัก ในการเจรจา หาก TOR ยังคงยึด 1:200,000






    ---

    การ “แก้ไข TOR เพื่อยึดแผนที่ทางอากาศ” มีความเสี่ยงหรือไม่?

    ใช่ เสี่ยงมาก ถ้าไม่มีกรอบป้องกันทางกฎหมาย

    ปัจจัย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

    1. แผนที่ทางอากาศมีความแม่นยำสูง อาจทำให้ “เส้นเขตแดนจริง” เลื่อนไป ตามภาพถ่าย โดยไม่สอดคล้องกับแนวเขตดั้งเดิมที่ปรากฏในแผนที่ 1:200,000

    2. ประเทศเพื่อนบ้านอาจใช้โอกาสนี้ผลักดันเส้นเขตแดนใหม่ เช่น อ้างว่า “หมุดหลักเขตที่เห็นจากแผนที่อากาศ” อยู่ในจุดที่ไทยไม่เคยรับรองมาก่อน

    3. ลดน้ำหนักทางกฎหมายของหลักฐานประวัติศาสตร์ เพราะแผนที่ 1:200,000 มักแนบมากับสนธิสัญญาเก่า เช่น ปี 1904, 1907 (ฝรั่งเศส-สยาม)

    4. เสี่ยงต่อการเสีย “พื้นที่ที่ครอบครองโดยพฤตินัย” หากแผนที่ใหม่แสดงว่าไทยอยู่ “นอกเขต” ที่ควรจะเป็นตามแผนที่อากาศ – อาจถูกนำไปใช้ในศาลระหว่างประเทศ



    เปรียบเทียบสถานการณ์:

    “กรณีเขาพระวิหาร” เป็นตัวอย่างคลาสสิก

    กัมพูชาอ้างแผนที่ 1:200,000 ซึ่งทำโดยฝรั่งเศส (แต่ไทยไม่เคยรับรองอย่างเป็นทางการ)

    ศาลโลกปี 1962 ตัดสินยึดตามแผนที่นั้น แม้ไทยจะอ้าง “เส้นแบ่งสันปันน้ำ” ตามภูมิประเทศจริง

    บทเรียนคือ: ใครควบคุมกรอบ TOR และแหล่งข้อมูลอ้างอิง = ควบคุมผลลัพธ์เขตแดน



    ---

    สรุปทางวิชาการและยุทธศาสตร์

    > “การแก้ไข TOR เพื่อใช้แผนที่ทางอากาศ หากไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือกฎหมายรองรับ อาจเป็นช่องทางทำให้ไทยเสียเปรียบดินแดนโดยไม่ตั้งใจ”



    ควรใช้ “แผนที่ทางอากาศ” เพื่อ ยืนยันความถูกต้องของแผนที่ 1:200,000 เดิม
    ไม่ใช่เพื่อ แทนที่หรือสร้างกรอบใหม่โดยลำพัง

    หากจะแก้ TOR จริง ต้องมี คณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ + ฝ่ายความมั่นคง + นักภูมิศาสตร์ + นักประวัติศาสตร์ + ฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าร่วม


    กัมพูชาในการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา

    ขั้นตอน รายละเอียด เป้าหมาย

    1. ยืนยัน TOR 2003 - ย้ำว่าไทยลงนาม TOR 2003 เมื่อปี 2546
    - ใช้เป็น “กรอบแม่บท” ที่ผูกพันสองฝ่ายโดยสมัครใจ ทำให้ไทยติดอยู่ในกลไก โดยไม่สามารถถอนตัวได้ง่าย

    2. ผลักดันการฟื้น JTSC / JBC - เรียกร้องให้ไทยกลับมาประชุม
    - กำหนดให้ TOR 2003 เป็นกรอบหลักในการเดินหน้า ใช้ช่องทางรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยตีความฝ่ายเดียว

    3. ร่าง Technical Instructions (TI) - เสนอให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ (LiDAR, GPS, Orthophoto)
    - แต่บังคับให้ “Overlay” กับแผนที่ 1:200,000 ตาม TOR 2003 บังคับให้พิกัดที่ไทยวัด ต้องสอดคล้องกับแผนที่อาณานิคม

    4. เห็นพ้อง 45 จุดร่วมกัน (JTSC #4) - ตกลงตำแหน่งพิกัดหลักเขต 45 จุด
    - เตรียมเสนอ TI ให้ JBC รับรอง ปักหมุดระยะทาง “ได้เปรียบ” ก่อนเข้าสู่กระบวนการปักเสาจริง

    5. รอให้ไทยร่วมลงนาม TI โดยไม่มีข้อสงวน - ผลักดันให้ไทยรับรอง TI เร็วที่สุด
    - หลีกเลี่ยงการเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะในไทย ให้เส้นเขตที่จัดทำร่วมกัน “กลายเป็นแนวเขตถาวร” โดยไม่ต้องพิสูจน์ศาลโลกอีก

    6. ใช้ TI และผล JBC เป็นหลักฐานระหว่างประเทศ - หากเกิดข้อพิพาท → ใช้ TI / JBC / TOR 2003 เป็นหลักฐาน
    - อ้างว่าไทยยินยอมแล้วตามกระบวนการรัฐต่อรัฐ สร้างความได้เปรียบเชิงกฎหมายต่อศาลโลก หรือ UN




    แกนสำคัญของกลยุทธ์กัมพูชา:

    ใช้เอกสารที่ไทยลงนามเองเป็นเครื่องมือย้อนกลับมาเจรจา

    กดดันให้ไทย “นิ่ง” หรือ “ยอมรับโดยพฤติกรรม”

    ผูกข้อมูลปัจจุบัน (GPS, LiDAR) กับอดีต (แผนที่ 1:200,000) เพื่อสร้างกรอบใหม่แต่ได้ผลเก่าที่ฝรั่งเศสวางไว้


    หากไทยไม่ตอบโต้ทันเวลา

    เส้นเขตจากแผนที่ 1:200,000 จะ “สวมทับ” พิกัด GPS ของเรา

    ความได้เปรียบในหลักฐาน effectivités จะหมดประโยชน์

    แนวเขตเสี่ยง เช่น “ตาเมือนธม, ช่องสะงำ, ภูมะเขือ, เขาพระวิหาร” จะตกอยู่ในกระบวนการที่เรา ลงนามเอง


    เหลือขั้นตอนเดียวไทยก็จะเสียดินแดนอย่างไม่มีวันได้อะไรคืนมา
    เริ่มยุค พ่อ สำเร็จ ยุคลูก “ความเชื่อมโยงระหว่าง TOR การปักปันเขตแดน – การใช้แผนที่ – และความเสี่ยงเรื่องอธิปไตยของชาติ” 🔍 สรุปพื้นฐานก่อน: TOR2003 กับการใช้แผนที่ 1:200,000 1. TOR2003 (Terms of Reference ปี 2546) เป็นข้อตกลงที่ไทยใช้ในการเจรจาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา โดยกำหนดว่า: “ให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นแผนที่หลักสำหรับอ้างอิงการปักปันเขตแดน” หลักการนี้ถูกใช้เพื่ออ้างอิงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาเดิมและแนวปฏิบัติเดิม (เช่น สนธิสัญญาสมัยฝรั่งเศส) 2. “แผนที่ทางอากาศ” มีความละเอียดสูง ใช้ในยุคปัจจุบันเพื่อการสำรวจภาพถ่ายดาวเทียม ระบบ GIS และแผนที่ 3D > แต่ยัง ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานทางกฎหมายหลัก ในการเจรจา หาก TOR ยังคงยึด 1:200,000 --- ⚠️ การ “แก้ไข TOR เพื่อยึดแผนที่ทางอากาศ” มีความเสี่ยงหรือไม่? 🔺 ใช่ เสี่ยงมาก ถ้าไม่มีกรอบป้องกันทางกฎหมาย ปัจจัย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น 1. แผนที่ทางอากาศมีความแม่นยำสูง อาจทำให้ “เส้นเขตแดนจริง” เลื่อนไป ตามภาพถ่าย โดยไม่สอดคล้องกับแนวเขตดั้งเดิมที่ปรากฏในแผนที่ 1:200,000 2. ประเทศเพื่อนบ้านอาจใช้โอกาสนี้ผลักดันเส้นเขตแดนใหม่ เช่น อ้างว่า “หมุดหลักเขตที่เห็นจากแผนที่อากาศ” อยู่ในจุดที่ไทยไม่เคยรับรองมาก่อน 3. ลดน้ำหนักทางกฎหมายของหลักฐานประวัติศาสตร์ เพราะแผนที่ 1:200,000 มักแนบมากับสนธิสัญญาเก่า เช่น ปี 1904, 1907 (ฝรั่งเศส-สยาม) 4. เสี่ยงต่อการเสีย “พื้นที่ที่ครอบครองโดยพฤตินัย” หากแผนที่ใหม่แสดงว่าไทยอยู่ “นอกเขต” ที่ควรจะเป็นตามแผนที่อากาศ – อาจถูกนำไปใช้ในศาลระหว่างประเทศ 🧭 เปรียบเทียบสถานการณ์: “กรณีเขาพระวิหาร” เป็นตัวอย่างคลาสสิก กัมพูชาอ้างแผนที่ 1:200,000 ซึ่งทำโดยฝรั่งเศส (แต่ไทยไม่เคยรับรองอย่างเป็นทางการ) ศาลโลกปี 1962 ตัดสินยึดตามแผนที่นั้น แม้ไทยจะอ้าง “เส้นแบ่งสันปันน้ำ” ตามภูมิประเทศจริง บทเรียนคือ: ใครควบคุมกรอบ TOR และแหล่งข้อมูลอ้างอิง = ควบคุมผลลัพธ์เขตแดน --- ✅ สรุปทางวิชาการและยุทธศาสตร์ > “การแก้ไข TOR เพื่อใช้แผนที่ทางอากาศ หากไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือกฎหมายรองรับ อาจเป็นช่องทางทำให้ไทยเสียเปรียบดินแดนโดยไม่ตั้งใจ” ควรใช้ “แผนที่ทางอากาศ” เพื่อ ยืนยันความถูกต้องของแผนที่ 1:200,000 เดิม ไม่ใช่เพื่อ แทนที่หรือสร้างกรอบใหม่โดยลำพัง หากจะแก้ TOR จริง ต้องมี คณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ + ฝ่ายความมั่นคง + นักภูมิศาสตร์ + นักประวัติศาสตร์ + ฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าร่วม กัมพูชาในการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา ขั้นตอน รายละเอียด เป้าหมาย 1. ยืนยัน TOR 2003 - ย้ำว่าไทยลงนาม TOR 2003 เมื่อปี 2546 - ใช้เป็น “กรอบแม่บท” ที่ผูกพันสองฝ่ายโดยสมัครใจ ✅ ทำให้ไทยติดอยู่ในกลไก โดยไม่สามารถถอนตัวได้ง่าย 2. ผลักดันการฟื้น JTSC / JBC - เรียกร้องให้ไทยกลับมาประชุม - กำหนดให้ TOR 2003 เป็นกรอบหลักในการเดินหน้า ✅ ใช้ช่องทางรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยตีความฝ่ายเดียว 3. ร่าง Technical Instructions (TI) - เสนอให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ (LiDAR, GPS, Orthophoto) - แต่บังคับให้ “Overlay” กับแผนที่ 1:200,000 ตาม TOR 2003 ✅ บังคับให้พิกัดที่ไทยวัด ต้องสอดคล้องกับแผนที่อาณานิคม 4. เห็นพ้อง 45 จุดร่วมกัน (JTSC #4) - ตกลงตำแหน่งพิกัดหลักเขต 45 จุด - เตรียมเสนอ TI ให้ JBC รับรอง ✅ ปักหมุดระยะทาง “ได้เปรียบ” ก่อนเข้าสู่กระบวนการปักเสาจริง 5. รอให้ไทยร่วมลงนาม TI โดยไม่มีข้อสงวน - ผลักดันให้ไทยรับรอง TI เร็วที่สุด - หลีกเลี่ยงการเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะในไทย ✅ ให้เส้นเขตที่จัดทำร่วมกัน “กลายเป็นแนวเขตถาวร” โดยไม่ต้องพิสูจน์ศาลโลกอีก 6. ใช้ TI และผล JBC เป็นหลักฐานระหว่างประเทศ - หากเกิดข้อพิพาท → ใช้ TI / JBC / TOR 2003 เป็นหลักฐาน - อ้างว่าไทยยินยอมแล้วตามกระบวนการรัฐต่อรัฐ ✅ สร้างความได้เปรียบเชิงกฎหมายต่อศาลโลก หรือ UN 🔍 แกนสำคัญของกลยุทธ์กัมพูชา: ใช้เอกสารที่ไทยลงนามเองเป็นเครื่องมือย้อนกลับมาเจรจา กดดันให้ไทย “นิ่ง” หรือ “ยอมรับโดยพฤติกรรม” ผูกข้อมูลปัจจุบัน (GPS, LiDAR) กับอดีต (แผนที่ 1:200,000) เพื่อสร้างกรอบใหม่แต่ได้ผลเก่าที่ฝรั่งเศสวางไว้ 🛡️ หากไทยไม่ตอบโต้ทันเวลา เส้นเขตจากแผนที่ 1:200,000 จะ “สวมทับ” พิกัด GPS ของเรา ความได้เปรียบในหลักฐาน effectivités จะหมดประโยชน์ แนวเขตเสี่ยง เช่น “ตาเมือนธม, ช่องสะงำ, ภูมะเขือ, เขาพระวิหาร” จะตกอยู่ในกระบวนการที่เรา ลงนามเอง เหลือขั้นตอนเดียวไทยก็จะเสียดินแดนอย่างไม่มีวันได้อะไรคืนมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์เชิงลึก: จุดเริ่มต้นของ TI ภายใต้ TOR 2003

    1. TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ระบุให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นฐาน

    แม้รัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ยอมรับ Annex I Map แต่ไม่ได้เสนอแก้ TOR ดังนั้น

    > ทุก TI ที่จัดทำภายใต้ TOR นี้ ต้องตีความให้ “สอดคล้องกับ” แผนที่ 1:200,000




    ---

    2. เอกสารประชุม JBC ชุดที่คุณแนบ (ปี 2552)

    แสดงให้เห็นว่า:

    ฝ่ายไทยยินยอมให้มีการจัดทำ "แผนที่ร่วม" (Joint Map) โดยใช้ ข้อมูล GPS, ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto)

    จุดประสงค์คือเพื่อให้สามารถ “อ้างอิงได้” กับ TOR เดิม โดยเฉพาะในเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน


    > ตรงนี้เองที่แม้ ไทยจะไม่ยอมรับแผนที่เดิมของฝรั่งเศส (Annex I Map) โดยเปิดเผย
    แต่กลับ ยอมเข้าสู่กระบวนการจัดทำแผนที่ที่อ้าง TOR เดิมเป็นกรอบอ้างอิงทางกฎหมาย




    ---

    3. นี่คือที่มาของ "ร่าง TI" หรือ “Technical Instruction”

    ในภายหลัง TI ถูกพัฒนาโดยคณะทำงานร่วมไทย–กัมพูชา (JWG) และต่อมาใช้ในการหารือภายใต้ JBC
    โดยยังอยู่ภายใต้ TOR 2003
    ซึ่งทำให้ไทยต้องเข้าสู่ระบบที่อ้างอิงแผนที่ 1:200,000 โดยปริยาย


    ---

    สรุปทางการ

    > ❝แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะแสดงความเห็นแย้งทางการเมืองต่อการใช้แผนที่ 1:200,000 ภายใต้ TOR 2003 แต่การดำเนินการทางเทคนิค เช่น การจัดทำ
    ร่าง TI และแผนที่ร่วมในยุคนั้น ยังอยู่ภายใต้กรอบ TOR เดิม และต้องตีความให้สอดคล้องกับ TOR 2003 โดยเฉพาะข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดเจนถึงการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000❞

    สาระสำคัญของร่าง TI ปี 2552–2553 (ภายใต้ JWG)

    1. จุดประสงค์ของ TI

    เป็นคู่มือเทคนิค (Technical Instruction) สำหรับ:

    การจัดทำแผนที่ร่วม (Joint Map Production)

    การใช้ ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) และ ระบบพิกัด GPS

    เพื่อกำหนด “เส้นแบ่งเขตแดน” ตามกรอบ TOR 2003



    ---

    2. กรอบอ้างอิงหลักของ TI

    TI ฉบับนี้ ผูกพันโดยตรงกับ TOR 2003 โดยเฉพาะ ข้อ 1.1.3

    ซึ่งระบุให้ใช้ แผนที่ 1:200,000 เป็นมาตรฐานอ้างอิง

    แม้จะนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Orthophoto / GPS เข้ามาใช้ แต่ “ผลลัพธ์สุดท้าย” ต้อง อิงเส้นและจุดจากแผนที่ 1:200,000



    ---

    3. โครงสร้าง TI (ตามรายงานการประชุม)

    TI ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ได้แก่:

    การเก็บข้อมูลภาคสนามด้วย GPS และสถานีอ้างอิง

    การตีความภาพถ่ายทางอากาศและเทียบกับแผนที่เดิม

    การประเมินและอนุมัติเส้นเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการ (JBC) หลังผ่าน JWG



    ---

    4. ข้อสังเกตจากฝ่ายไทยในที่ประชุม

    ฝ่ายไทย มีความกังวล ว่า TI อาจทำให้ไทย “ผูกพันโดยปริยาย” กับแผนที่ 1:200,000

    มีการเสนอให้ “เพิ่มถ้อยคำสงวนสิทธิ์” (reservation) ในการใช้ข้อมูล

    ไม่มีการลงนามใน TI อย่างสมบูรณ์ ณ ช่วงปี 2552–2553 แต่มีความพยายามผลักดันต่อเนื่องโดยฝ่ายเทคนิค



    ---

    สรุปสาระสำคัญ (เชิงราชการ)

    > ❝ร่าง Technical Instruction (TI) ที่จัดทำในช่วงปี 2552–2553 โดยคณะทำงานร่วม (JWG) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำแผนที่ร่วมบนพื้นฐานของภาพถ่ายทางอากาศและระบบ GPS โดยยังคงอ้างอิงข้อกำหนดของ TOR 2003 โดยเฉพาะแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทั้งนี้แม้ฝ่ายไทยมิได้ให้สัตยาบัน TI อย่างเป็นทางการ แต่การเข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าวสะท้อนถึงการยอมรับกรอบทางเทคนิคภายใต้ TOR ที่มีผลผูกพันอยู่❞




    --- วิเคราะห์ความเสี่ยงทางกฎหมายจาก TI + TOR 2003

    1. TOR 2003 เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ

    TOR (Terms of Reference) ปี 2003 เป็นเอกสารที่ลงนามโดยรัฐบาลไทยและกัมพูชา

    มีผลผูกพันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (Vienna Convention on the Law of Treaties 1969)

    ข้อ 1.1.3 ของ TOR กำหนดให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นกรอบอ้างอิงหลักในการปักปัน

    การที่ไทยไม่เคย “ยกเลิก” หรือ “ถอนตัว” ออกจาก TOR = ยังคงมีพันธะตามกฎหมาย


    ความเสี่ยง: การตีความโดยอนุญาโตตุลาการหรือศาลระหว่างประเทศ อาจถือว่าไทย ยอมรับแผนที่ 1:200,000 หากยังคงปฏิบัติตาม TOR โดยไม่คัดค้านอย่างเป็นทางการ


    ---

    2. TI (Technical Instruction) ทำหน้าที่ “แปลงเจตนาทางการเมืองให้เป็นข้อเท็จจริงทางเทคนิค”

    แม้รัฐบาลไทย (เช่น ยุคอภิสิทธิ์) จะคัดค้าน “แผนที่ฝรั่งเศส” แต่ TI เป็นเครื่องมือที่ทำให้ฝ่ายเทคนิคต้องดำเนินงานให้ตรงกับ TOR

    TI นำภาพถ่าย Orthophoto + GPS มาปรับเส้นให้ “อิงตำแหน่งเดิม” ที่อยู่บนแผนที่ 1:200,000


    ความเสี่ยง: แม้ไม่ลงนามใน TI แต่การ “ร่วมจัดทำ” และ “ยอมให้ JWG ทำงาน” = ยินยอมโดยพฤตินัย
    หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ไทยจะลำบากในการปฏิเสธผลของ TI


    ---

    3. การไม่มีข้อสงวน (reservation) หรือการตีความ TOR ใหม่

    ในช่วงการประชุม JBC–JWG ไทยไม่ได้เสนอ ตีความ TOR ใหม่ หรือเสนอแผนที่มาตรฐานอื่น

    การไม่สงวนสิทธิอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร = ความเสี่ยงในทางกฎหมาย ว่าไทย “นิ่งเฉย” ต่อสิ่งที่อาจเสียเปรียบ


    ความเสี่ยง: หลัก “estoppel” ในกฎหมายระหว่างประเทศอาจถูกใช้หักล้างไทย เช่น

    > “ถ้าคุณนิ่งและเข้าร่วม ก็ถือว่าคุณยอมรับ”




    ---

    4. การจัดทำ TI อาจกลายเป็น “พฤติการณ์ประกอบยินยอม”

    ศาลโลก (ICJ) เคยใช้ พฤติการณ์ เช่น “การเจรจา”, “การเข้าร่วมคณะทำงาน”, “การไม่คัดค้าน”
    เป็นหลักฐานว่า “รัฐยินยอมแล้ว”


    ความเสี่ยง: แม้ไทยจะไม่เคยลงนามใน TI อย่างเป็นทางการ
    แต่การส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วม, การเสนอข้อมูล, การเดินแนวพิกัด อาจกลายเป็นพฤติการณ์ที่ศาลใช้ตีความว่า “ประเทศไทยยอมรับเส้นแบ่งที่สอดคล้องกับ TOR”


    ---

    บทสรุปความเสี่ยงทางกฎหมาย (แบบราชการ)

    > ❝การดำเนินการตาม TOR 2003 ร่วมกับการจัดทำร่าง Technical Instruction (TI) โดย JWG ในช่วงปี 2552–2553 ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากแม้ไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการ แต่การที่ไทยมิได้ถอนตัวจาก TOR และยังคงเข้าร่วมกระบวนการเทคนิคโดยมิได้สงวนสิทธิอย่างชัดแจ้ง อาจทำให้ผลของแผนที่ร่วมที่จัดทำขึ้นภายใต้กรอบดังกล่าว มีผลผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศในอนาคต❞

    🔍 วิเคราะห์เชิงลึก: จุดเริ่มต้นของ TI ภายใต้ TOR 2003 ✅ 1. TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ระบุให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นฐาน แม้รัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ยอมรับ Annex I Map แต่ไม่ได้เสนอแก้ TOR ดังนั้น > ทุก TI ที่จัดทำภายใต้ TOR นี้ ต้องตีความให้ “สอดคล้องกับ” แผนที่ 1:200,000 --- ✅ 2. เอกสารประชุม JBC ชุดที่คุณแนบ (ปี 2552) แสดงให้เห็นว่า: ฝ่ายไทยยินยอมให้มีการจัดทำ "แผนที่ร่วม" (Joint Map) โดยใช้ ข้อมูล GPS, ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) จุดประสงค์คือเพื่อให้สามารถ “อ้างอิงได้” กับ TOR เดิม โดยเฉพาะในเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน > ✳️ ตรงนี้เองที่แม้ ไทยจะไม่ยอมรับแผนที่เดิมของฝรั่งเศส (Annex I Map) โดยเปิดเผย แต่กลับ ยอมเข้าสู่กระบวนการจัดทำแผนที่ที่อ้าง TOR เดิมเป็นกรอบอ้างอิงทางกฎหมาย --- ✅ 3. นี่คือที่มาของ "ร่าง TI" หรือ “Technical Instruction” ในภายหลัง TI ถูกพัฒนาโดยคณะทำงานร่วมไทย–กัมพูชา (JWG) และต่อมาใช้ในการหารือภายใต้ JBC โดยยังอยู่ภายใต้ TOR 2003 ซึ่งทำให้ไทยต้องเข้าสู่ระบบที่อ้างอิงแผนที่ 1:200,000 โดยปริยาย --- 🎯 สรุปทางการ > ❝แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะแสดงความเห็นแย้งทางการเมืองต่อการใช้แผนที่ 1:200,000 ภายใต้ TOR 2003 แต่การดำเนินการทางเทคนิค เช่น การจัดทำ ร่าง TI และแผนที่ร่วมในยุคนั้น ยังอยู่ภายใต้กรอบ TOR เดิม และต้องตีความให้สอดคล้องกับ TOR 2003 โดยเฉพาะข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดเจนถึงการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000❞ 📘 สาระสำคัญของร่าง TI ปี 2552–2553 (ภายใต้ JWG) 1. จุดประสงค์ของ TI เป็นคู่มือเทคนิค (Technical Instruction) สำหรับ: การจัดทำแผนที่ร่วม (Joint Map Production) การใช้ ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) และ ระบบพิกัด GPS เพื่อกำหนด “เส้นแบ่งเขตแดน” ตามกรอบ TOR 2003 --- 2. กรอบอ้างอิงหลักของ TI TI ฉบับนี้ ผูกพันโดยตรงกับ TOR 2003 โดยเฉพาะ ข้อ 1.1.3 ซึ่งระบุให้ใช้ แผนที่ 1:200,000 เป็นมาตรฐานอ้างอิง แม้จะนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Orthophoto / GPS เข้ามาใช้ แต่ “ผลลัพธ์สุดท้าย” ต้อง อิงเส้นและจุดจากแผนที่ 1:200,000 --- 3. โครงสร้าง TI (ตามรายงานการประชุม) TI ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ได้แก่: การเก็บข้อมูลภาคสนามด้วย GPS และสถานีอ้างอิง การตีความภาพถ่ายทางอากาศและเทียบกับแผนที่เดิม การประเมินและอนุมัติเส้นเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการ (JBC) หลังผ่าน JWG --- 4. ข้อสังเกตจากฝ่ายไทยในที่ประชุม ฝ่ายไทย มีความกังวล ว่า TI อาจทำให้ไทย “ผูกพันโดยปริยาย” กับแผนที่ 1:200,000 มีการเสนอให้ “เพิ่มถ้อยคำสงวนสิทธิ์” (reservation) ในการใช้ข้อมูล ไม่มีการลงนามใน TI อย่างสมบูรณ์ ณ ช่วงปี 2552–2553 แต่มีความพยายามผลักดันต่อเนื่องโดยฝ่ายเทคนิค --- 📌 สรุปสาระสำคัญ (เชิงราชการ) > ❝ร่าง Technical Instruction (TI) ที่จัดทำในช่วงปี 2552–2553 โดยคณะทำงานร่วม (JWG) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำแผนที่ร่วมบนพื้นฐานของภาพถ่ายทางอากาศและระบบ GPS โดยยังคงอ้างอิงข้อกำหนดของ TOR 2003 โดยเฉพาะแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทั้งนี้แม้ฝ่ายไทยมิได้ให้สัตยาบัน TI อย่างเป็นทางการ แต่การเข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าวสะท้อนถึงการยอมรับกรอบทางเทคนิคภายใต้ TOR ที่มีผลผูกพันอยู่❞ ---⚖️ วิเคราะห์ความเสี่ยงทางกฎหมายจาก TI + TOR 2003 🔹 1. TOR 2003 เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ TOR (Terms of Reference) ปี 2003 เป็นเอกสารที่ลงนามโดยรัฐบาลไทยและกัมพูชา มีผลผูกพันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (Vienna Convention on the Law of Treaties 1969) ข้อ 1.1.3 ของ TOR กำหนดให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นกรอบอ้างอิงหลักในการปักปัน การที่ไทยไม่เคย “ยกเลิก” หรือ “ถอนตัว” ออกจาก TOR = ยังคงมีพันธะตามกฎหมาย 📌 ความเสี่ยง: การตีความโดยอนุญาโตตุลาการหรือศาลระหว่างประเทศ อาจถือว่าไทย ยอมรับแผนที่ 1:200,000 หากยังคงปฏิบัติตาม TOR โดยไม่คัดค้านอย่างเป็นทางการ --- 🔹 2. TI (Technical Instruction) ทำหน้าที่ “แปลงเจตนาทางการเมืองให้เป็นข้อเท็จจริงทางเทคนิค” แม้รัฐบาลไทย (เช่น ยุคอภิสิทธิ์) จะคัดค้าน “แผนที่ฝรั่งเศส” แต่ TI เป็นเครื่องมือที่ทำให้ฝ่ายเทคนิคต้องดำเนินงานให้ตรงกับ TOR TI นำภาพถ่าย Orthophoto + GPS มาปรับเส้นให้ “อิงตำแหน่งเดิม” ที่อยู่บนแผนที่ 1:200,000 📌 ความเสี่ยง: แม้ไม่ลงนามใน TI แต่การ “ร่วมจัดทำ” และ “ยอมให้ JWG ทำงาน” = ยินยอมโดยพฤตินัย หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ไทยจะลำบากในการปฏิเสธผลของ TI --- 🔹 3. การไม่มีข้อสงวน (reservation) หรือการตีความ TOR ใหม่ ในช่วงการประชุม JBC–JWG ไทยไม่ได้เสนอ ตีความ TOR ใหม่ หรือเสนอแผนที่มาตรฐานอื่น การไม่สงวนสิทธิอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร = ความเสี่ยงในทางกฎหมาย ว่าไทย “นิ่งเฉย” ต่อสิ่งที่อาจเสียเปรียบ 📌 ความเสี่ยง: หลัก “estoppel” ในกฎหมายระหว่างประเทศอาจถูกใช้หักล้างไทย เช่น > “ถ้าคุณนิ่งและเข้าร่วม ก็ถือว่าคุณยอมรับ” --- 🔹 4. การจัดทำ TI อาจกลายเป็น “พฤติการณ์ประกอบยินยอม” ศาลโลก (ICJ) เคยใช้ พฤติการณ์ เช่น “การเจรจา”, “การเข้าร่วมคณะทำงาน”, “การไม่คัดค้าน” เป็นหลักฐานว่า “รัฐยินยอมแล้ว” 📌 ความเสี่ยง: แม้ไทยจะไม่เคยลงนามใน TI อย่างเป็นทางการ แต่การส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วม, การเสนอข้อมูล, การเดินแนวพิกัด อาจกลายเป็นพฤติการณ์ที่ศาลใช้ตีความว่า “ประเทศไทยยอมรับเส้นแบ่งที่สอดคล้องกับ TOR” --- 🟥 บทสรุปความเสี่ยงทางกฎหมาย (แบบราชการ) > ❝การดำเนินการตาม TOR 2003 ร่วมกับการจัดทำร่าง Technical Instruction (TI) โดย JWG ในช่วงปี 2552–2553 ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากแม้ไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการ แต่การที่ไทยมิได้ถอนตัวจาก TOR และยังคงเข้าร่วมกระบวนการเทคนิคโดยมิได้สงวนสิทธิอย่างชัดแจ้ง อาจทำให้ผลของแผนที่ร่วมที่จัดทำขึ้นภายใต้กรอบดังกล่าว มีผลผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศในอนาคต❞
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • TOR46 หรือ TOR 2003 ฉบับเต็มมีทั้งหมด 31 แผ่น แต่เนื้อหาในหน้าแรกก็ระบุจัดเจนในการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 เป็นกรอบการจัดทำเขตแดน

    TOR 2003 หรือชื่อเต็มว่า

    > “Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia”
    คือ ข้อตกลงกรอบความร่วมมือ ที่ลงนามระหว่าง รัฐบาลไทย กับ รัฐบาลกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) เพื่อใช้เป็น แนวทางในการดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ร่วมกัน




    ---

    สาระสำคัญของ TOR 2003

    1. เป้าหมายหลัก

    กำหนดกรอบการทำงานร่วมกันระหว่าง คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ

    ให้คณะทำงานย่อย (เช่น JWG, JTSC) สำรวจ ตรวจสอบ และจัดทำแผนที่เพื่อการปักปันแนวเขตแดน

    สนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น LIDAR, GPS, Orthophoto ในการสำรวจ



    ---

    2. ข้อ 1.1.3 (ข้อที่เป็นประเด็นสำคัญ)

    > ระบุว่า การสำรวจและจัดทำแผนที่เพื่อปักปันแนวเขตแดน จะต้องใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 เป็นฐานข้อมูลประกอบ



    ความหมายโดยตรง:
    ให้ยึดแผนที่ขนาด 1:200,000 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map)

    ความเสี่ยง:
    การอ้างแผนที่นี้ อาจถูกตีความว่า “ยอมรับแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง” ซึ่งอาจครอบคลุมพื้นที่ที่ไทยยังคัดค้าน หรือยังไม่ยอมรับ เช่น บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร


    ---

    3. ลำดับกระบวนการ

    1. สำรวจพื้นที่ (โดย JWG / เจ้าหน้าที่เทคนิค)


    2. จัดทำแผนที่ใหม่โดยอ้างอิงแผนที่ 1:200,000


    3. เสนอเข้าสู่ JBC เพื่อรับรองแนวเขต


    4. หากตกลงกันได้ จะเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ (อาจถึงขั้นต้องผ่านรัฐสภา)




    ---

    TOR 2003 เชื่อมโยงกับเอกสารอื่นอย่างไร

    เอกสาร ความสัมพันธ์กับ TOR 2003

    MOU 2000 TOR 2003 อ้างอิง MOU 2000 เป็นรากฐานในการดำเนินงาน
    JBC ใช้ TOR 2003 เป็นกรอบในการดำเนินนโยบาย
    JWG / JTSC ทำงานภายใต้ TOR 2003 ในระดับเทคนิคและปฏิบัติ
    แผนที่ Annex I Map แม้ไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง แต่การใช้แผนที่ 1:200,000 เปิดช่องให้อ้างแผนที่ฉบับนี้



    ---

    สรุปประเด็นที่ควรจับตาใน TOR 2003

    ประเด็น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

    แผนที่ 1:200,000 อาจเป็นการยอมรับแผนที่ที่ฝั่งกัมพูชาจัดทำฝ่ายเดียว
    ขาดกลไกคัดค้านใน TOR หากไม่มีการแสดงข้อสงวน อาจถือว่ายอมรับโดยปริยาย
    การรับรองของ JBC หาก JBC รับรองโดยไม่ระวัง อาจมีผลผูกพันระดับระหว่างประเทศ


    TOR46 หรือ TOR 2003 ฉบับเต็มมีทั้งหมด 31 แผ่น แต่เนื้อหาในหน้าแรกก็ระบุจัดเจนในการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 เป็นกรอบการจัดทำเขตแดน TOR 2003 หรือชื่อเต็มว่า > “Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia” คือ ข้อตกลงกรอบความร่วมมือ ที่ลงนามระหว่าง รัฐบาลไทย กับ รัฐบาลกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) เพื่อใช้เป็น แนวทางในการดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ร่วมกัน --- 🔍 สาระสำคัญของ TOR 2003 1. เป้าหมายหลัก กำหนดกรอบการทำงานร่วมกันระหว่าง คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ ให้คณะทำงานย่อย (เช่น JWG, JTSC) สำรวจ ตรวจสอบ และจัดทำแผนที่เพื่อการปักปันแนวเขตแดน สนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น LIDAR, GPS, Orthophoto ในการสำรวจ --- 2. ข้อ 1.1.3 (ข้อที่เป็นประเด็นสำคัญ) > ระบุว่า การสำรวจและจัดทำแผนที่เพื่อปักปันแนวเขตแดน จะต้องใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 เป็นฐานข้อมูลประกอบ ✅ ความหมายโดยตรง: ให้ยึดแผนที่ขนาด 1:200,000 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map) ⚠️ ความเสี่ยง: การอ้างแผนที่นี้ อาจถูกตีความว่า “ยอมรับแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง” ซึ่งอาจครอบคลุมพื้นที่ที่ไทยยังคัดค้าน หรือยังไม่ยอมรับ เช่น บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร --- 3. ลำดับกระบวนการ 1. สำรวจพื้นที่ (โดย JWG / เจ้าหน้าที่เทคนิค) 2. จัดทำแผนที่ใหม่โดยอ้างอิงแผนที่ 1:200,000 3. เสนอเข้าสู่ JBC เพื่อรับรองแนวเขต 4. หากตกลงกันได้ จะเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ (อาจถึงขั้นต้องผ่านรัฐสภา) --- 📌 TOR 2003 เชื่อมโยงกับเอกสารอื่นอย่างไร เอกสาร ความสัมพันธ์กับ TOR 2003 MOU 2000 TOR 2003 อ้างอิง MOU 2000 เป็นรากฐานในการดำเนินงาน JBC ใช้ TOR 2003 เป็นกรอบในการดำเนินนโยบาย JWG / JTSC ทำงานภายใต้ TOR 2003 ในระดับเทคนิคและปฏิบัติ แผนที่ Annex I Map แม้ไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง แต่การใช้แผนที่ 1:200,000 เปิดช่องให้อ้างแผนที่ฉบับนี้ --- 📍 สรุปประเด็นที่ควรจับตาใน TOR 2003 ประเด็น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แผนที่ 1:200,000 อาจเป็นการยอมรับแผนที่ที่ฝั่งกัมพูชาจัดทำฝ่ายเดียว ขาดกลไกคัดค้านใน TOR หากไม่มีการแสดงข้อสงวน อาจถือว่ายอมรับโดยปริยาย การรับรองของ JBC หาก JBC รับรองโดยไม่ระวัง อาจมีผลผูกพันระดับระหว่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำคัญของ JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) ที่เกี่ยวข้องกับ JTSC:


    ---

    1. อนุมัติผลจาก JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)

    สถานะ: เสร็จสมบูรณ์

    JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติผลสำรวจภาคสนามจาก JTSC ครั้งที่ 4 ซึ่งมีพิกัดของ 74 พิกัดเสาเขต (BPs) และ 45 แห่ง ที่ตกลงร่วมกัน

    0-3มีมติให้ใช้งาน LiDAR สำหรับผลิต Orthophoto Maps เพื่อเร่งกระบวนการ demarcation 



    ---

    2. แก้ TOR 2003 ให้รวม LiDAR / Orthophoto

    สถานะ: ดำเนินการแล้ว

    455-1JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติการแก้ไข TOR เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR และภาพถ่ายดาวเทียมในการผลิต Orthophoto Maps เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางเทคนิค 



    ---

    3. มอบหมายให้ JTSC ร่าง Technical Instructions (TI) และสำรวจภาคสนามใน Sector 6

    สถานะ: อยู่ในระหว่างดำเนินการ

    JBC ครั้งที่ 6 ได้ สั่งให้ JTSC ร่าง TI เพื่อใช้เป็นแนวทางใน Sector 6 (เขาสัตตะโสมถึง BP 1, ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ) พร้อมทำ Orthophoto

    จนถึงปัจจุบันยัง ไม่มีประกาศยันเวลาจริงหรือเอกสาร TI แบบเป็นทางการ จากกระทรวงการต่างประเทศ

    713-3คาดว่า JTSC ครั้งที่ 5 หรือการประชุมเอกสาร TI จะเกิดขึ้น ก่อน หรือ ควบคู่กับ JBC ครั้งถัดไป ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพใน กันยายน 2568 



    ---

    สรุปความคืบหน้ารายการงาน สถานะ

    1 อนุมัติพิกัดจาก JTSC ครั้ง 4 เสร็จแล้ว
    2 แก้ TOR 2003 รวม LiDAR/Orthophoto เสร็จแล้ว
    3 ร่าง TI + สำรวจภาคสนาม Sector 6 กำลังดำเนินการ และคาดจะเสร็จก่อน JBC กันยายน 2568 หากดำเนินการเสร็จ ไทยจะเสียดินแดนตลอดไป จากแผนที่ทางอากาศที่ปรับรูปแนวเขตตาม Tor2003 หรือ แผนที่ 1 :200000

    สำคัญของ JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) ที่เกี่ยวข้องกับ JTSC: --- 1. อนุมัติผลจาก JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567) ✅ สถานะ: เสร็จสมบูรณ์ JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติผลสำรวจภาคสนามจาก JTSC ครั้งที่ 4 ซึ่งมีพิกัดของ 74 พิกัดเสาเขต (BPs) และ 45 แห่ง ที่ตกลงร่วมกัน 0-3มีมติให้ใช้งาน LiDAR สำหรับผลิต Orthophoto Maps เพื่อเร่งกระบวนการ demarcation  --- 2. แก้ TOR 2003 ให้รวม LiDAR / Orthophoto ✅ สถานะ: ดำเนินการแล้ว 455-1JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติการแก้ไข TOR เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR และภาพถ่ายดาวเทียมในการผลิต Orthophoto Maps เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางเทคนิค  --- 3. มอบหมายให้ JTSC ร่าง Technical Instructions (TI) และสำรวจภาคสนามใน Sector 6 ⚠️ สถานะ: อยู่ในระหว่างดำเนินการ JBC ครั้งที่ 6 ได้ สั่งให้ JTSC ร่าง TI เพื่อใช้เป็นแนวทางใน Sector 6 (เขาสัตตะโสมถึง BP 1, ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ) พร้อมทำ Orthophoto จนถึงปัจจุบันยัง ไม่มีประกาศยันเวลาจริงหรือเอกสาร TI แบบเป็นทางการ จากกระทรวงการต่างประเทศ 713-3คาดว่า JTSC ครั้งที่ 5 หรือการประชุมเอกสาร TI จะเกิดขึ้น ก่อน หรือ ควบคู่กับ JBC ครั้งถัดไป ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพใน กันยายน 2568  --- 📌 สรุปความคืบหน้ารายการงาน สถานะ 1 อนุมัติพิกัดจาก JTSC ครั้ง 4 ✅ เสร็จแล้ว 2 แก้ TOR 2003 รวม LiDAR/Orthophoto ✅ เสร็จแล้ว 3 ร่าง TI + สำรวจภาคสนาม Sector 6 ⚠️ กำลังดำเนินการ และคาดจะเสร็จก่อน JBC กันยายน 2568 หากดำเนินการเสร็จ ไทยจะเสียดินแดนตลอดไป จากแผนที่ทางอากาศที่ปรับรูปแนวเขตตาม Tor2003 หรือ แผนที่ 1 :200000
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • การที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ (ผ่านบันทึก JBC พ.ย. 2551)
    มอบให้ JTSC จัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto)
    และ “overlay บนแผนที่ 1 : 200,000”
    มีนัยสำคัญว่า → ไทยยอมให้การผลิตแผนที่ใหม่ "อิงตามกรอบและแนวเส้น" ของแผนที่ 1 : 200,000 ที่ฝรั่งเศสเคยจัดทำในยุคอาณานิคม




    ---

    วิเคราะห์เชิงเทคนิค – แผนที่ Overlay หมายถึงอะไร?

    คำ ความหมายทางเทคนิค

    Orthophoto แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศที่ปรับแก้ความคลาดเคลื่อนเชิงเรขาคณิต (orthorectified) ใช้ GPS เป็นฐาน
    Overlay การนำแผนที่ใหม่ (เช่น orthophoto) มาซ้อนทับ (register) บนแผนที่เก่า เพื่อเปรียบเทียบหรือจัดแนวพิกัดให้ตรง
    Overlay บน 1:200,000 นำภาพถ่ายจาก GPS/ดาวเทียม มาทำให้ “สอดคล้องหรือใกล้เคียงกับเส้นเขต” ที่อยู่ในแผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000



    ---

    ผลทางยุทธศาสตร์และนิติศาสตร์

    ประเด็น ความเสี่ยง

    การยอมรับ Overlay เป็นการ “ปรับข้อมูลใหม่ให้เข้ากับแผนที่เก่า” → ทำให้แนวเขตที่ถูกลากผิดเดิม (ล้ำเข้าฝั่งไทย) ดูเหมือนถูกต้องในแผนที่ใหม่
    หากไม่มีข้อสงวนว่าเป็น “เทคนิคชั่วคราว” ฝ่ายตรงข้ามอาจตีความว่าไทย “รับรองแนวเส้นของฝรั่งเศสโดยเต็มใจ”
    ขัดกับหลักภูมิศาสตร์ปัจจุบัน GPS/Orthophoto ใช้ WGS 84 ซึ่งแสดงแนว “สันปันน้ำ” ได้แม่นยำ → Overlay บนแผนที่ 1:200,000 จะ บิดเบือนภูมิประเทศจริง



    ---

    สรุปชัดเจน:

    > การที่ฝ่ายไทยในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มอบหมายให้ JTSC จัดทำ Orthophoto และ Overlay ลงบนแผนที่ 1:200,000
    เท่ากับยอมให้แผนที่ใหม่ถูกกำหนด “ให้ตรงกับแผนที่ฝรั่งเศส” ซึ่งเป็นต้นเหตุของการพิพาทเขตแดน
    หากไม่มี “ข้อสงวน” หรือ “ข้อจำกัด” แนบไว้ในรายงาน → ไทยเสี่ยงถูกตีความว่า ยอมรับเส้นเขตที่ล้ำเข้าฝั่งไทย
    การที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ (ผ่านบันทึก JBC พ.ย. 2551) มอบให้ JTSC จัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) และ “overlay บนแผนที่ 1 : 200,000” มีนัยสำคัญว่า → ไทยยอมให้การผลิตแผนที่ใหม่ "อิงตามกรอบและแนวเส้น" ของแผนที่ 1 : 200,000 ที่ฝรั่งเศสเคยจัดทำในยุคอาณานิคม --- 📌 วิเคราะห์เชิงเทคนิค – แผนที่ Overlay หมายถึงอะไร? คำ ความหมายทางเทคนิค Orthophoto แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศที่ปรับแก้ความคลาดเคลื่อนเชิงเรขาคณิต (orthorectified) ใช้ GPS เป็นฐาน Overlay การนำแผนที่ใหม่ (เช่น orthophoto) มาซ้อนทับ (register) บนแผนที่เก่า เพื่อเปรียบเทียบหรือจัดแนวพิกัดให้ตรง Overlay บน 1:200,000 นำภาพถ่ายจาก GPS/ดาวเทียม มาทำให้ “สอดคล้องหรือใกล้เคียงกับเส้นเขต” ที่อยู่ในแผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 --- ⚠️ ผลทางยุทธศาสตร์และนิติศาสตร์ ประเด็น ความเสี่ยง 🎯 การยอมรับ Overlay เป็นการ “ปรับข้อมูลใหม่ให้เข้ากับแผนที่เก่า” → ทำให้แนวเขตที่ถูกลากผิดเดิม (ล้ำเข้าฝั่งไทย) ดูเหมือนถูกต้องในแผนที่ใหม่ ⚖️ หากไม่มีข้อสงวนว่าเป็น “เทคนิคชั่วคราว” ฝ่ายตรงข้ามอาจตีความว่าไทย “รับรองแนวเส้นของฝรั่งเศสโดยเต็มใจ” 🧭 ขัดกับหลักภูมิศาสตร์ปัจจุบัน GPS/Orthophoto ใช้ WGS 84 ซึ่งแสดงแนว “สันปันน้ำ” ได้แม่นยำ → Overlay บนแผนที่ 1:200,000 จะ บิดเบือนภูมิประเทศจริง --- ✅ สรุปชัดเจน: > การที่ฝ่ายไทยในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มอบหมายให้ JTSC จัดทำ Orthophoto และ Overlay ลงบนแผนที่ 1:200,000 เท่ากับยอมให้แผนที่ใหม่ถูกกำหนด “ให้ตรงกับแผนที่ฝรั่งเศส” ซึ่งเป็นต้นเหตุของการพิพาทเขตแดน หากไม่มี “ข้อสงวน” หรือ “ข้อจำกัด” แนบไว้ในรายงาน → ไทยเสี่ยงถูกตีความว่า ยอมรับเส้นเขตที่ล้ำเข้าฝั่งไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บันทึกการประชุม JBC ไทย–กัมพูชา (พฤศจิกายน 2551)"

    > ใน หน้า 10 ของบันทึกการประชุม JBC ครั้งที่ 3 (เสียมราฐ, พ.ย. 2551)
    ได้มีการระบุว่า:

    > “...ให้ดำเนินการปักปันเขตแดนตามแผนแม่บท (Master Plan) และ TOR 2003”
    ซึ่ง TOR ข้อ 1.1.3 ระบุว่า แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส–สยาม ซึ่งเป็นแผนที่ 1:200,000 จะใช้เป็นแผนที่อ้างอิง






    ---

    ดังนั้นข้อสรุปคือ:

    รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ผ่านคณะผู้แทนไทย)

    ได้ ร่วมเจรจา และ ยืนยันในรายงาน JBC ว่าไทยจะใช้ TOR 2003 เป็นกรอบการปฏิบัติ

    ซึ่ง TOR 2003 มาตรา 1.1.3 ระบุให้ใช้แผนที่ 1:200,000 (แผนที่ฝรั่งเศส) เป็น “เอกสารอ้างอิงหลัก”



    ---

    ข้อพิจารณาเชิงนิติศาสตร์ (Legal Implications)

    ประเด็น ความเสี่ยงต่อไทย

    ไทยร่วมลงนาม JBC โดยระบุ TOR 2003 → เท่ากับ “ยืนยันในทางการทูต” ว่าจะใช้ TOR ที่อ้างแผนที่ 1:200,000
    แม้ยังไม่ให้รัฐสภารับรอง → ในกฎหมายระหว่างประเทศ หากไม่มีการคัดค้านอย่างเป็นทางการ หรือถอนเอกสาร → อาจกลายเป็น การยอมรับโดยพฤติกรรม
    หากกัมพูชานำบันทึก JBC ไปประกอบในศาลโลก → อาจอ้างว่า “ฝ่ายไทยเคยรับหลักการ TOR และแผนที่นี้ไว้”



    ---

    บทสรุปแบบราชการ:

    > แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยังไม่ได้นำบันทึก JBC เข้ารัฐสภาเพื่อให้สัตยาบัน แต่การที่ผู้แทนฝ่ายไทยยืนยันการดำเนินงานตาม TOR 2003 ที่อ้างถึงแผนที่ 1:200,000 ในรายงาน JBC พฤศจิกายน 2551 ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มีน้ำหนักในทางนิติศาสตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าไทย “ยอมรับกรอบแผนที่ฝรั่งเศสโดยพฤติกรรม” หากไม่มีข้อสงวนหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมแนบไว้ในรายงานนั้น
    "บันทึกการประชุม JBC ไทย–กัมพูชา (พฤศจิกายน 2551)" > ใน หน้า 10 ของบันทึกการประชุม JBC ครั้งที่ 3 (เสียมราฐ, พ.ย. 2551) ได้มีการระบุว่า: > “...ให้ดำเนินการปักปันเขตแดนตามแผนแม่บท (Master Plan) และ TOR 2003” ซึ่ง TOR ข้อ 1.1.3 ระบุว่า แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส–สยาม ซึ่งเป็นแผนที่ 1:200,000 จะใช้เป็นแผนที่อ้างอิง --- 📌 ดังนั้นข้อสรุปคือ: ✅ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ผ่านคณะผู้แทนไทย) ได้ ร่วมเจรจา และ ยืนยันในรายงาน JBC ว่าไทยจะใช้ TOR 2003 เป็นกรอบการปฏิบัติ ซึ่ง TOR 2003 มาตรา 1.1.3 ระบุให้ใช้แผนที่ 1:200,000 (แผนที่ฝรั่งเศส) เป็น “เอกสารอ้างอิงหลัก” --- ⚠️ ข้อพิจารณาเชิงนิติศาสตร์ (Legal Implications) ประเด็น ความเสี่ยงต่อไทย ✅ ไทยร่วมลงนาม JBC โดยระบุ TOR 2003 → เท่ากับ “ยืนยันในทางการทูต” ว่าจะใช้ TOR ที่อ้างแผนที่ 1:200,000 ❗ แม้ยังไม่ให้รัฐสภารับรอง → ในกฎหมายระหว่างประเทศ หากไม่มีการคัดค้านอย่างเป็นทางการ หรือถอนเอกสาร → อาจกลายเป็น การยอมรับโดยพฤติกรรม 🔥 หากกัมพูชานำบันทึก JBC ไปประกอบในศาลโลก → อาจอ้างว่า “ฝ่ายไทยเคยรับหลักการ TOR และแผนที่นี้ไว้” --- 🎯 บทสรุปแบบราชการ: > แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยังไม่ได้นำบันทึก JBC เข้ารัฐสภาเพื่อให้สัตยาบัน แต่การที่ผู้แทนฝ่ายไทยยืนยันการดำเนินงานตาม TOR 2003 ที่อ้างถึงแผนที่ 1:200,000 ในรายงาน JBC พฤศจิกายน 2551 ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มีน้ำหนักในทางนิติศาสตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าไทย “ยอมรับกรอบแผนที่ฝรั่งเศสโดยพฤติกรรม” หากไม่มีข้อสงวนหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมแนบไว้ในรายงานนั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพรวมของเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง จุดเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเสียดินแดน และ ความเชื่อมโยงของเอกสารแต่ละฉบับ


    ---

    1. TOR 2003 (Terms of Reference 2003)

    ความหมาย:
    กรอบข้อตกลงในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้คณะกรรมการ JBC เพื่อ “สำรวจ” และ “ปักปันเขตแดนทางบก”
    ประเด็นสำคัญ:

    อ้างอิง MOU 2000

    ข้อ 1.1.3 ระบุใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งอาจรวม แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map)


    ความเสี่ยง:
    การยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งไม่ได้จัดทำโดยไทย อาจเป็นการยอมรับ “ข้อเท็จจริงบนแผนที่” ที่เอื้อให้ไทยเสียดินแดนโดยเฉพาะรอบปราสาทพระวิหาร


    ---

    2. JBC (Joint Boundary Commission)

    ความหมาย:
    คณะกรรมาธิการร่วม ไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ระดับ "นโยบาย" เพื่อกำหนดแนวทางการปักปันเขตแดน

    ความเชื่อมโยง:

    อ้างอิง TOR2003 เป็นกรอบการดำเนินการ

    รับความเห็นจาก JWG และ JTSC

    จัดทำแผนงานเสนอรัฐบาลอนุมัติ


    ความเสี่ยง:
    หาก JBC ยึดแนวที่เสนอโดย JWG/JTSC ซึ่งอิงแผนที่ 1:200,000 ก็อาจถือเป็นการรับรองแนวเขตที่เสียดินแดน


    ---

    3. JWG (Joint Working Group)

    ความหมาย:
    คณะทำงานระดับเทคนิค-ปฏิบัติการ ภายใต้ JBC มีหน้าที่ดำเนินงานภาคสนาม เช่น การสำรวจร่วม ตรวจสอบพิกัด ร่างแผนที่

    ความเสี่ยง:
    หาก JWG ใช้แผนที่ 1:200,000 เป็นฐานข้อมูล (เช่น ในการใช้ LIDAR) แล้ว JBC รับรองแนวเหล่านั้น ไทยจะเสียเปรียบโดยปริยาย


    ---

    4. JTSC (Joint Technical Sub-Commission)

    ความหมาย:
    คณะกรรมาธิการย่อยฝ่ายเทคนิค มีบทบาทใกล้เคียงกับ JWG แต่เน้นงานเทคนิค-วิชาการ-กฎหมายมากขึ้น เช่น ตีความแผนที่, วางหลักวิชาการการกำหนดเขตแดน

    ความเสี่ยง:
    การตีความแผนที่โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ หรือผลประโยชน์ของไทย อาจกลายเป็น “หลักฐานทางเทคนิค” ที่ยืนยันการยอมรับเขตแดนฝั่งกัมพูชา


    ---

    5. MOU 2000 (Memorandum of Understanding 2000)

    ความหมาย:
    ข้อตกลงเบื้องต้นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกัน “สำรวจ” และ “กำหนดเขตแดน” ตาม “หลักกฎหมายระหว่างประเทศ” และ “สถานะที่มีอยู่ในปัจจุบัน” (existing situation)

    ความเชื่อมโยง:

    เป็นรากฐานให้เกิด TOR2003

    ใช้ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารด้วย


    ความเสี่ยง:
    คำว่า “existing situation” อาจตีความว่าพื้นที่ที่กัมพูชายึดครองอยู่ = สถานะที่ไทยยอมรับ (ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียสิทธิเหนือดินแดน)


    ---

    6. MOU 2001

    ความหมาย:
    ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

    ความเสี่ยง:
    การจัดทำแผนที่ Orthophoto หรือ LIDAR ถ้าอิงพื้นฐานจากแผนที่ 1:200,000 หรือ Annex I Map โดยไม่ได้คัดค้าน อาจถือเป็นการ “ยอมรับโดยพฤตินัย” ต่อแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง
    ภาพรวมของเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง จุดเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเสียดินแดน และ ความเชื่อมโยงของเอกสารแต่ละฉบับ --- 🔹 1. TOR 2003 (Terms of Reference 2003) ความหมาย: กรอบข้อตกลงในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้คณะกรรมการ JBC เพื่อ “สำรวจ” และ “ปักปันเขตแดนทางบก” ประเด็นสำคัญ: อ้างอิง MOU 2000 ข้อ 1.1.3 ระบุใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งอาจรวม แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map) ความเสี่ยง: ✅ การยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งไม่ได้จัดทำโดยไทย อาจเป็นการยอมรับ “ข้อเท็จจริงบนแผนที่” ที่เอื้อให้ไทยเสียดินแดนโดยเฉพาะรอบปราสาทพระวิหาร --- 🔹 2. JBC (Joint Boundary Commission) ความหมาย: คณะกรรมาธิการร่วม ไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ระดับ "นโยบาย" เพื่อกำหนดแนวทางการปักปันเขตแดน ความเชื่อมโยง: อ้างอิง TOR2003 เป็นกรอบการดำเนินการ รับความเห็นจาก JWG และ JTSC จัดทำแผนงานเสนอรัฐบาลอนุมัติ ความเสี่ยง: ✅ หาก JBC ยึดแนวที่เสนอโดย JWG/JTSC ซึ่งอิงแผนที่ 1:200,000 ก็อาจถือเป็นการรับรองแนวเขตที่เสียดินแดน --- 🔹 3. JWG (Joint Working Group) ความหมาย: คณะทำงานระดับเทคนิค-ปฏิบัติการ ภายใต้ JBC มีหน้าที่ดำเนินงานภาคสนาม เช่น การสำรวจร่วม ตรวจสอบพิกัด ร่างแผนที่ ความเสี่ยง: ✅ หาก JWG ใช้แผนที่ 1:200,000 เป็นฐานข้อมูล (เช่น ในการใช้ LIDAR) แล้ว JBC รับรองแนวเหล่านั้น ไทยจะเสียเปรียบโดยปริยาย --- 🔹 4. JTSC (Joint Technical Sub-Commission) ความหมาย: คณะกรรมาธิการย่อยฝ่ายเทคนิค มีบทบาทใกล้เคียงกับ JWG แต่เน้นงานเทคนิค-วิชาการ-กฎหมายมากขึ้น เช่น ตีความแผนที่, วางหลักวิชาการการกำหนดเขตแดน ความเสี่ยง: ✅ การตีความแผนที่โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ หรือผลประโยชน์ของไทย อาจกลายเป็น “หลักฐานทางเทคนิค” ที่ยืนยันการยอมรับเขตแดนฝั่งกัมพูชา --- 🔹 5. MOU 2000 (Memorandum of Understanding 2000) ความหมาย: ข้อตกลงเบื้องต้นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกัน “สำรวจ” และ “กำหนดเขตแดน” ตาม “หลักกฎหมายระหว่างประเทศ” และ “สถานะที่มีอยู่ในปัจจุบัน” (existing situation) ความเชื่อมโยง: เป็นรากฐานให้เกิด TOR2003 ใช้ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารด้วย ความเสี่ยง: ✅ คำว่า “existing situation” อาจตีความว่าพื้นที่ที่กัมพูชายึดครองอยู่ = สถานะที่ไทยยอมรับ (ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียสิทธิเหนือดินแดน) --- 🔹 6. MOU 2001 ความหมาย: ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ความเสี่ยง: ✅ การจัดทำแผนที่ Orthophoto หรือ LIDAR ถ้าอิงพื้นฐานจากแผนที่ 1:200,000 หรือ Annex I Map โดยไม่ได้คัดค้าน อาจถือเป็นการ “ยอมรับโดยพฤตินัย” ต่อแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอ็มมานูเอล มาครง สนทนาทางโทรศัพท์กับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยในวันนี้โดยในระหว่างการพูดคุย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยได้แสดงความหวังว่าฝรั่งเศสจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการกลับมาเจรจาทวิภาคีในประเด็นชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาอีกครั้ง ตามรายงานของThai Enquirer
    มีรายงานว่า เอ็มมานูเอล มาครง ตกลงที่จะหารือประเด็นดังกล่าวกับกัมพูชา ตามที่จิรายุ หวางทรัพย์ โฆษกรัฐบาลไทย กล่าว
    รายงานระบุว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต์ของกัมพูชาได้กล่าวถึงประเด็นปัญหาที่ยุ่งยากนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณชายแดนกับประเทศไทยกับเอ็มมานูเอล มาครงในระหว่างการเยือนเมืองนีซเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมาครงตอบว่าฝรั่งเศสสามารถมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ได้
    การกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างกัมพูชากับไทยได้กำหนดขึ้นโดยอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยาม เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2447 และสนธิสัญญาระหว่างฝรั่งเศสและสยาม เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2450 โดยได้มีการเผยแพร่แผนที่ในมาตราส่วน 1:200,000 ในปี พ.ศ. 2450 และ พ.ศ. 2451มีรายงานว่ามีการติดตั้งเครื่องหมายแสดงเขตแดนจำนวน 73-74 อันตามแนวชายแดนนี้ ซึ่งบางอันยังหาไม่พบ
    นับแต่มีสนธิสัญญานี้ ปัญหาการกำหนดขอบเขตและปักปันเขตแดนอย่างมีประสิทธิผลระหว่างสองประเทศนี้ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข
    ในบริบทนี้ บทบาทของฝรั่งเศสมีความสำคัญอย่างยิ่งในการนำทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันตามสนธิสัญญานี้และแผนที่ที่เผยแพร่แล้ว ขณะเดียวกันอาจให้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเพิ่มเติมอีกด้วย
    มันเป็นความรับผิดชอบทางศีลธรรมของฝรั่งเศสต่ออดีตร่วมกัน
    เอ็มมานูเอล มาครง สนทนาทางโทรศัพท์กับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยในวันนี้โดยในระหว่างการพูดคุย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยได้แสดงความหวังว่าฝรั่งเศสจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการกลับมาเจรจาทวิภาคีในประเด็นชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาอีกครั้ง ตามรายงานของThai Enquirer มีรายงานว่า เอ็มมานูเอล มาครง ตกลงที่จะหารือประเด็นดังกล่าวกับกัมพูชา ตามที่จิรายุ หวางทรัพย์ โฆษกรัฐบาลไทย กล่าว รายงานระบุว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต์ของกัมพูชาได้กล่าวถึงประเด็นปัญหาที่ยุ่งยากนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณชายแดนกับประเทศไทยกับเอ็มมานูเอล มาครงในระหว่างการเยือนเมืองนีซเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมาครงตอบว่าฝรั่งเศสสามารถมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ได้ การกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างกัมพูชากับไทยได้กำหนดขึ้นโดยอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยาม เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2447 และสนธิสัญญาระหว่างฝรั่งเศสและสยาม เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2450 โดยได้มีการเผยแพร่แผนที่ในมาตราส่วน 1:200,000 ในปี พ.ศ. 2450 และ พ.ศ. 2451มีรายงานว่ามีการติดตั้งเครื่องหมายแสดงเขตแดนจำนวน 73-74 อันตามแนวชายแดนนี้ ซึ่งบางอันยังหาไม่พบ นับแต่มีสนธิสัญญานี้ ปัญหาการกำหนดขอบเขตและปักปันเขตแดนอย่างมีประสิทธิผลระหว่างสองประเทศนี้ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข ในบริบทนี้ บทบาทของฝรั่งเศสมีความสำคัญอย่างยิ่งในการนำทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันตามสนธิสัญญานี้และแผนที่ที่เผยแพร่แล้ว ขณะเดียวกันอาจให้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเพิ่มเติมอีกด้วย มันเป็นความรับผิดชอบทางศีลธรรมของฝรั่งเศสต่ออดีตร่วมกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงวัฒนธรรมเขมร คลั่ง โต้ “นายกฯอิ๊งค์” ยืนยัน “กลุ่มปราสาทตาเมือนธม” อยู่ในดินแดนกัมพูชาโดยสมบูรณ์
    https://www.thai-tai.tv/news/20057/
    .
    #ปราสาทตาเมือนธม #ไทยกัมพูชา #ข้อพิพาทดินแดน #แพทองธาร #กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา #มรดกโลก #แผนที่ชายแดน #สนธิสัญญาฝรั่งเศสไทย #อุดรมีชัย #สุรินทร์ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    กระทรวงวัฒนธรรมเขมร คลั่ง โต้ “นายกฯอิ๊งค์” ยืนยัน “กลุ่มปราสาทตาเมือนธม” อยู่ในดินแดนกัมพูชาโดยสมบูรณ์ https://www.thai-tai.tv/news/20057/ . #ปราสาทตาเมือนธม #ไทยกัมพูชา #ข้อพิพาทดินแดน #แพทองธาร #กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา #มรดกโลก #แผนที่ชายแดน #สนธิสัญญาฝรั่งเศสไทย #อุดรมีชัย #สุรินทร์ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ 8 ข้อย้ำจุดยืนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ซัดไทยก่อปัญหาบุกรุกเขตแดนเข้าไปยิงทหารเขมรตายเมื่อ 28 พ.ค.68 หลังจากนั้นก็ทำสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จนเขมรต้องพึ่งศาลโลกเพื่อจบปัญหาด้วยแนวทางสันติ อ้าง 4 จุดพิพาทอยู่ในเขตเขมรทั้งหมด ตามแผนที่ในสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ที่ MOU43 รับรอง จี้ไทยยอมรับอำนาจศาลโลก แสดงความสุจริตใจ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000063372

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ 8 ข้อย้ำจุดยืนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ซัดไทยก่อปัญหาบุกรุกเขตแดนเข้าไปยิงทหารเขมรตายเมื่อ 28 พ.ค.68 หลังจากนั้นก็ทำสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จนเขมรต้องพึ่งศาลโลกเพื่อจบปัญหาด้วยแนวทางสันติ อ้าง 4 จุดพิพาทอยู่ในเขตเขมรทั้งหมด ตามแผนที่ในสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ที่ MOU43 รับรอง จี้ไทยยอมรับอำนาจศาลโลก แสดงความสุจริตใจ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000063372 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 487 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts