Rivian เปิดตัว Custom Silicon และแพลตฟอร์ม Autonomy ใหม่
Rivian ประกาศความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในงาน Autonomy and AI Day โดยเปิดเผยว่าได้พัฒนา custom silicon ของตัวเองเพื่อใช้ในระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์และลดการพึ่งพาชิปจากผู้ผลิตรายอื่น. การพัฒนาซิลิคอนเองถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Rivian สามารถควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างใกล้ชิด.
นอกจากนี้ Rivian ยังเผย แผนงาน LiDAR สำหรับรถรุ่น R2 ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ โดย LiDAR จะถูกผสานเข้ากับกล้องและเรดาร์เพื่อสร้างระบบ perception ที่ครบถ้วนและปลอดภัยมากขึ้น. สิ่งนี้สะท้อนถึงการลงทุนอย่างจริงจังในเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อรองรับการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ.
อีกหนึ่งไฮไลต์คือการเปิดตัว Universal Hands-Free ซึ่งเป็นระบบช่วยขับที่สามารถใช้งานได้บนถนนหลากหลายประเภท ไม่จำกัดเฉพาะทางหลวงที่มีการทำแผนที่ไว้ล่วงหน้า. ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย โดยยังคงมีการตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับอยู่ตลอดเวลา.
แพลตฟอร์ม autonomy ใหม่ยังมาพร้อมการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ต่อเนื่อง ทำให้ Rivian สามารถส่งฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้ผ่าน OTA (over-the-air updates). สิ่งนี้ทำให้รถยนต์ Rivian ไม่เพียงแต่เป็นยานพาหนะ แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาได้ตลอดอายุการใช้งาน.
สรุปประเด็นสำคัญ
Custom Silicon ของ Rivian
พัฒนาชิปเองเพื่อรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติ
ลดการพึ่งพาผู้ผลิตภายนอกและเพิ่มประสิทธิภาพ
LiDAR Roadmap สำหรับ R2
เพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม
ผสานกับกล้องและเรดาร์เพื่อ perception ที่ครบถ้วน
Universal Hands-Free
ใช้งานได้บนถนนหลายประเภท ไม่จำกัดเฉพาะทางหลวง
ตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับเพื่อความปลอดภัย
Next-Gen Autonomy Platform
อัปเดตซอฟต์แวร์ OTA อย่างต่อเนื่อง
ยกระดับรถยนต์ Rivian ให้เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยี
ข้อควรระวังและความท้าทาย
ระบบ hands-free ยังต้องพึ่งพาการตรวจสอบผู้ขับ
การพัฒนา LiDAR และชิปเองต้องใช้ต้นทุนสูงและเวลานาน
https://riviantrackr.com/news/rivian-unveils-custom-silicon-r2-lidar-roadmap-universal-hands-free-and-its-next-gen-autonomy-platform/
Rivian ประกาศความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในงาน Autonomy and AI Day โดยเปิดเผยว่าได้พัฒนา custom silicon ของตัวเองเพื่อใช้ในระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์และลดการพึ่งพาชิปจากผู้ผลิตรายอื่น. การพัฒนาซิลิคอนเองถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Rivian สามารถควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างใกล้ชิด.
นอกจากนี้ Rivian ยังเผย แผนงาน LiDAR สำหรับรถรุ่น R2 ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ โดย LiDAR จะถูกผสานเข้ากับกล้องและเรดาร์เพื่อสร้างระบบ perception ที่ครบถ้วนและปลอดภัยมากขึ้น. สิ่งนี้สะท้อนถึงการลงทุนอย่างจริงจังในเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อรองรับการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ.
อีกหนึ่งไฮไลต์คือการเปิดตัว Universal Hands-Free ซึ่งเป็นระบบช่วยขับที่สามารถใช้งานได้บนถนนหลากหลายประเภท ไม่จำกัดเฉพาะทางหลวงที่มีการทำแผนที่ไว้ล่วงหน้า. ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย โดยยังคงมีการตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับอยู่ตลอดเวลา.
แพลตฟอร์ม autonomy ใหม่ยังมาพร้อมการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ต่อเนื่อง ทำให้ Rivian สามารถส่งฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้ผ่าน OTA (over-the-air updates). สิ่งนี้ทำให้รถยนต์ Rivian ไม่เพียงแต่เป็นยานพาหนะ แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาได้ตลอดอายุการใช้งาน.
สรุปประเด็นสำคัญ
Custom Silicon ของ Rivian
พัฒนาชิปเองเพื่อรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติ
ลดการพึ่งพาผู้ผลิตภายนอกและเพิ่มประสิทธิภาพ
LiDAR Roadmap สำหรับ R2
เพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม
ผสานกับกล้องและเรดาร์เพื่อ perception ที่ครบถ้วน
Universal Hands-Free
ใช้งานได้บนถนนหลายประเภท ไม่จำกัดเฉพาะทางหลวง
ตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับเพื่อความปลอดภัย
Next-Gen Autonomy Platform
อัปเดตซอฟต์แวร์ OTA อย่างต่อเนื่อง
ยกระดับรถยนต์ Rivian ให้เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยี
ข้อควรระวังและความท้าทาย
ระบบ hands-free ยังต้องพึ่งพาการตรวจสอบผู้ขับ
การพัฒนา LiDAR และชิปเองต้องใช้ต้นทุนสูงและเวลานาน
https://riviantrackr.com/news/rivian-unveils-custom-silicon-r2-lidar-roadmap-universal-hands-free-and-its-next-gen-autonomy-platform/
🚙 Rivian เปิดตัว Custom Silicon และแพลตฟอร์ม Autonomy ใหม่
Rivian ประกาศความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในงาน Autonomy and AI Day โดยเปิดเผยว่าได้พัฒนา custom silicon ของตัวเองเพื่อใช้ในระบบขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์และลดการพึ่งพาชิปจากผู้ผลิตรายอื่น. การพัฒนาซิลิคอนเองถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Rivian สามารถควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างใกล้ชิด.
นอกจากนี้ Rivian ยังเผย แผนงาน LiDAR สำหรับรถรุ่น R2 ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ โดย LiDAR จะถูกผสานเข้ากับกล้องและเรดาร์เพื่อสร้างระบบ perception ที่ครบถ้วนและปลอดภัยมากขึ้น. สิ่งนี้สะท้อนถึงการลงทุนอย่างจริงจังในเทคโนโลยีเซ็นเซอร์เพื่อรองรับการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ.
อีกหนึ่งไฮไลต์คือการเปิดตัว Universal Hands-Free ซึ่งเป็นระบบช่วยขับที่สามารถใช้งานได้บนถนนหลากหลายประเภท ไม่จำกัดเฉพาะทางหลวงที่มีการทำแผนที่ไว้ล่วงหน้า. ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับสามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย โดยยังคงมีการตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับอยู่ตลอดเวลา.
แพลตฟอร์ม autonomy ใหม่ยังมาพร้อมการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ต่อเนื่อง ทำให้ Rivian สามารถส่งฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้ผ่าน OTA (over-the-air updates). สิ่งนี้ทำให้รถยนต์ Rivian ไม่เพียงแต่เป็นยานพาหนะ แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สามารถพัฒนาได้ตลอดอายุการใช้งาน.
📌 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ Custom Silicon ของ Rivian
➡️ พัฒนาชิปเองเพื่อรองรับระบบขับขี่อัตโนมัติ
➡️ ลดการพึ่งพาผู้ผลิตภายนอกและเพิ่มประสิทธิภาพ
✅ LiDAR Roadmap สำหรับ R2
➡️ เพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม
➡️ ผสานกับกล้องและเรดาร์เพื่อ perception ที่ครบถ้วน
✅ Universal Hands-Free
➡️ ใช้งานได้บนถนนหลายประเภท ไม่จำกัดเฉพาะทางหลวง
➡️ ตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับเพื่อความปลอดภัย
✅ Next-Gen Autonomy Platform
➡️ อัปเดตซอฟต์แวร์ OTA อย่างต่อเนื่อง
➡️ ยกระดับรถยนต์ Rivian ให้เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยี
‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย
⛔ ระบบ hands-free ยังต้องพึ่งพาการตรวจสอบผู้ขับ
⛔ การพัฒนา LiDAR และชิปเองต้องใช้ต้นทุนสูงและเวลานาน
https://riviantrackr.com/news/rivian-unveils-custom-silicon-r2-lidar-roadmap-universal-hands-free-and-its-next-gen-autonomy-platform/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
32 มุมมอง
0 รีวิว