• คนละครึ่งพลัสยุคอนุทิน หวังเศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม

    หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการทันที แม้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะประกาศให้เป็นนโยบายเรือธงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่นายเอกนิติยอมรับว่า วัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม เพราะทิศทางมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4% ของจีดีพี

    โครงการนี้ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท กับงบฉุกเฉิน 19,000 ล้านบาท ให้ประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 20 ล้านสิทธิ สแกนจ่ายผ่าน G Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" กับร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุน 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,000 บาท

    ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. หรือจนกว่าจะครบ 20 ล้านสิทธิ จากนั้นเติมเงินเข้า G Wallet และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ​

    สำหรับร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ร้านค้าธงฟ้าฯ ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสหกรณ์ รวมทั้งร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขได้ที่เมนู "คนละครึ่งพลัส" บนแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยอดขายน้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยสมัครร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทย และสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส

    อนึ่ง โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 36,704.80 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,696.10 ล้านบาท เงินที่รัฐร่วมจ่าย 18,008.70 ล้านบาท โดยพบว่าใช้จ่ายร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 41.72% รองลงมาคือร้านค้าทั่วไป 31.51% ร้านธงฟ้าฯ 20.21% ร้านโอทอป 4.82% ร้านบริการ 1.62% และกิจการขนส่งสาธารณะ 0.13%

    #Newskit
    คนละครึ่งพลัสยุคอนุทิน หวังเศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่ม หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการคนละครึ่งพลัส ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงข่าวเปิดตัวโครงการทันที แม้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะประกาศให้เป็นนโยบายเรือธงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่นายเอกนิติยอมรับว่า วัตถุประสงค์หลักเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม เพราะทิศทางมีแนวโน้มติดลบ ขยายตัวชะลอลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4% ของจีดีพี โครงการนี้ใช้งบประมาณ 44,000 ล้านบาท โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท กับงบฉุกเฉิน 19,000 ล้านบาท ให้ประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 20 ล้านสิทธิ สแกนจ่ายผ่าน G Wallet บนแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" กับร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลสนับสนุน 50% สูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน โดยผู้ที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะได้รับสิทธิสนับสนุน 2,000 บาท ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 20-26 ต.ค. หรือจนกว่าจะครบ 20 ล้านสิทธิ จากนั้นเติมเงินเข้า G Wallet และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี ใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 11 พ.ย. ก่อนเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ​ สำหรับร้านค้าถุงเงินที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 5 (ปี 2565) ร้านค้าธงฟ้าฯ ของบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสหกรณ์ รวมทั้งร้านค้าโครงการกรุงเทพแผงลอย ที่ผ่านเกณฑ์ตามเงื่อนไขโครงการ ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ สามารถกดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขได้ที่เมนู "คนละครึ่งพลัส" บนแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ส่วนร้านค้าใหม่ รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยอดขายน้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยสมัครร้านค้าถุงเงินของธนาคารกรุงไทย และสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส อนึ่ง โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เมื่อปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 24.02 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 36,704.80 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 18,696.10 ล้านบาท เงินที่รัฐร่วมจ่าย 18,008.70 ล้านบาท โดยพบว่าใช้จ่ายร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด 41.72% รองลงมาคือร้านค้าทั่วไป 31.51% ร้านธงฟ้าฯ 20.21% ร้านโอทอป 4.82% ร้านบริการ 1.62% และกิจการขนส่งสาธารณะ 0.13% #Newskit
    1 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลต้องกล้าหาญยกเลิก MOU หัวใจเขมร : คนเคาะข่าว 07-10-68
    : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    คลิก https://m.youtube.com/watch?v=qIGKE-BJJM0&pp=0gcJCfwJAYcqIYzv
    รัฐบาลต้องกล้าหาญยกเลิก MOU หัวใจเขมร : คนเคาะข่าว 07-10-68 : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ • คลิก https://m.youtube.com/watch?v=qIGKE-BJJM0&pp=0gcJCfwJAYcqIYzv
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 4
    ซาอุดิอาราเบีย เหมือนสามล้อถูกหวย อยู่ดีๆเงินหล่นใส่หัว ตั้งตัวไม่ทัน นับเงินไม่ถูก เดี๋ยวๆก็เงินขาดมือ กษัตริย์ซาอุดิ ก็เลยต้องขอให้อเมริกาจ่ายเงินค่าสัมปทานล่วงหน้าอยู่เรื่อย อเมริกาก็หงุดหงิด แต่ไม่กล้าออกอาการ เดี๋ยวสัมปทานหลุดมือ
    ค.ศ.1937 บริษัทน้ำมันอเมริกา วิ่งไปหารัฐบาลอเมริกา บอกว่า เราต้องสร้างสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับซาอุดิเสียทีแล้ว จะได้ช่วยดูแลธุรกิจและคนอเมริกัน ที่เข้าไปทำงานขุดน้ำมันอยู่ในซาอุดิ ยังกะเป็นเมืองอเมริกันเล็กๆอยู่ในนั้นแล้วนะ กระทรวงต่างประเทศอเมริกาบอก ยังก่อน !
    ค.ศ.1939 กษัตริย์ซาอุ ฉลองการก่อสร้างท่อน้ำมันยาว 49 ไมล์ จากแคมป์ของบริษัทน้ำมันอเมริกันยาวไปถึงอ่าวเปอร์เซีย ในวันฉลอง ฝ่ายอเมริกันมีแต่เจ้าหน้าที่บริษัท ไม่มีตัวแทนของรัฐบาลมาด้วย แต่กษัตริย์บอกไม่เป็นไร เราก็ไม่ชอบคุยกับพวกรัฐบาล เราเข็ดจากพวกรัฐบาลของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยิ่งไม่หาย เรารังเกียจอังกฤษกับฝรั่งเศสอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงเราไม่ชอบคนตะวันตกทั้งนั้นแหละ ที่เราให้สัมปทานกับอเมริกา ก็เพราะท่านยื่นประมูลได้สูงถึงใจเราเท่านั้น
    เมื่อกระทรวงต่าง ประเทศอเมริกา ยังไม่เปิดสัมพันธ์กับทางซาอุดิอารเบียเต็มรูปแบบ ยังใช้เมืองไคโร อิยิปต์ เป็นสถานกงสุลคอยประสานงาน บริษัทน้ำมันคิดว่า น่าจะใช้วิธีเดียวกับอังกฤษ ( ที่ตั้ง บริษัท East India ดูแลกิจการในอาณานิคม) จึงตั้งหน่วยงานของตนเองชื่อ “Government Relations Organization (GRO) ขึ้น หน่วยงานนี้เป็นตัวกลางคอยประสานงานระหว่างซาอุดิอารเบีย รัฐบาลอเมริกา และบริษัทน้ำมัน ในที่สุด GRO ก็ได้กลายเป็นที่ปรึกษาใหญ่ ของซาอุดิอารเบีย ในการสร้างทางรถไฟและด้านเกษตรกรรม
    ระหว่างที่อเมริกากำลังป้อนอาหารให้ซาอุดิ อังกฤษก็ไม่ยอมปล่อยมือ อังกฤษ แว่วว่า กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋ารั่วบ่อย คอยตามข่าว หาโอกาส ที่จะป้อนอาหารบ้าง ปี ค.ศ.1941 กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋าขาดอีก ไม่มีเงินจ่ายสำหรับงบประมาณในปีนั้น กษัตริย์ซาอุดิขอให้ California-Arabian ช่วยหาเงินจำนวน 6 ล้านเหรียญให้ เพื่อมาอุดรูขาด
    California-Arabian แบกไม่ไหว ขอให้รัฐบาลอเมริกาช่วย ในตอนแรกประธานาธิบดี Roosevelt ปฏิเสธ แต่พอถึงเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ อเมริกาเห็นความจำเป็นของการมีบ่อน้ำมันไว้ข้างตัว คราวนี้กระทรวงต่างประเทศอเมริกา รีบแต่งตัวมาจับมือกับกษัตริย์ซาอุดิ แล้วเปิดสถานฑูตอเมริกา อย่างเป็นทางการที่เมือง Jidda ในปี ค.ศ.1942
    สถาน ฑูตอเมริกาตกลงจ่ายค่ากระเป๋ารั่วให้กษัตริย์ซาอุดิ และกลายมาเป็นผู้บริหารซาอุดิอารเบียในยามสงคราม อเมริกาอ้างว่าเพื่อดูแลบ่อน้ำมัน จำเป็นต้องนำกองทัพมาปกป้อง อังกฤษพยายามแทรกตัวเข้ามา แต่คราวนี้ไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศ เท่านั้นที่ขวาง กระทรวงกลาโหมอเมริกา ก็ร่วมขวางด้วย และร่วมมือกันป้อนอาหาร อเมริกาขนเสบียงมูลค่า 20 ล้านเหรียญ ลงเรือบรรทุกมาให้ซาอุดิอารเบียในยามสงคราม รวมทั้งส่งเครื่องบินบรรทุกเครื่องเวชภัณท์มาให้เป็นพิเศษ
    ถึงตอน นี้ ประธานาธิบดี Roosevelt ตั้งหน่วยงานชื่อ Petroleum Reserves Coperation (PRC) สำหรับดูแลเหยื่อชื่อ ซาอุดิอารเบีย โดยเฉพาะ ค.ศ.1944 PRC เสนอให้มีการสร้างท่อส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียข้ามไปยังเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อประโยชน์ทางการหทาร ซาอุดิก็ไม่ขัดใจ ตราบใดที่…อิ่ม
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 4 ซาอุดิอาราเบีย เหมือนสามล้อถูกหวย อยู่ดีๆเงินหล่นใส่หัว ตั้งตัวไม่ทัน นับเงินไม่ถูก เดี๋ยวๆก็เงินขาดมือ กษัตริย์ซาอุดิ ก็เลยต้องขอให้อเมริกาจ่ายเงินค่าสัมปทานล่วงหน้าอยู่เรื่อย อเมริกาก็หงุดหงิด แต่ไม่กล้าออกอาการ เดี๋ยวสัมปทานหลุดมือ ค.ศ.1937 บริษัทน้ำมันอเมริกา วิ่งไปหารัฐบาลอเมริกา บอกว่า เราต้องสร้างสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับซาอุดิเสียทีแล้ว จะได้ช่วยดูแลธุรกิจและคนอเมริกัน ที่เข้าไปทำงานขุดน้ำมันอยู่ในซาอุดิ ยังกะเป็นเมืองอเมริกันเล็กๆอยู่ในนั้นแล้วนะ กระทรวงต่างประเทศอเมริกาบอก ยังก่อน ! ค.ศ.1939 กษัตริย์ซาอุ ฉลองการก่อสร้างท่อน้ำมันยาว 49 ไมล์ จากแคมป์ของบริษัทน้ำมันอเมริกันยาวไปถึงอ่าวเปอร์เซีย ในวันฉลอง ฝ่ายอเมริกันมีแต่เจ้าหน้าที่บริษัท ไม่มีตัวแทนของรัฐบาลมาด้วย แต่กษัตริย์บอกไม่เป็นไร เราก็ไม่ชอบคุยกับพวกรัฐบาล เราเข็ดจากพวกรัฐบาลของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยิ่งไม่หาย เรารังเกียจอังกฤษกับฝรั่งเศสอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงเราไม่ชอบคนตะวันตกทั้งนั้นแหละ ที่เราให้สัมปทานกับอเมริกา ก็เพราะท่านยื่นประมูลได้สูงถึงใจเราเท่านั้น เมื่อกระทรวงต่าง ประเทศอเมริกา ยังไม่เปิดสัมพันธ์กับทางซาอุดิอารเบียเต็มรูปแบบ ยังใช้เมืองไคโร อิยิปต์ เป็นสถานกงสุลคอยประสานงาน บริษัทน้ำมันคิดว่า น่าจะใช้วิธีเดียวกับอังกฤษ ( ที่ตั้ง บริษัท East India ดูแลกิจการในอาณานิคม) จึงตั้งหน่วยงานของตนเองชื่อ “Government Relations Organization (GRO) ขึ้น หน่วยงานนี้เป็นตัวกลางคอยประสานงานระหว่างซาอุดิอารเบีย รัฐบาลอเมริกา และบริษัทน้ำมัน ในที่สุด GRO ก็ได้กลายเป็นที่ปรึกษาใหญ่ ของซาอุดิอารเบีย ในการสร้างทางรถไฟและด้านเกษตรกรรม ระหว่างที่อเมริกากำลังป้อนอาหารให้ซาอุดิ อังกฤษก็ไม่ยอมปล่อยมือ อังกฤษ แว่วว่า กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋ารั่วบ่อย คอยตามข่าว หาโอกาส ที่จะป้อนอาหารบ้าง ปี ค.ศ.1941 กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋าขาดอีก ไม่มีเงินจ่ายสำหรับงบประมาณในปีนั้น กษัตริย์ซาอุดิขอให้ California-Arabian ช่วยหาเงินจำนวน 6 ล้านเหรียญให้ เพื่อมาอุดรูขาด California-Arabian แบกไม่ไหว ขอให้รัฐบาลอเมริกาช่วย ในตอนแรกประธานาธิบดี Roosevelt ปฏิเสธ แต่พอถึงเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ อเมริกาเห็นความจำเป็นของการมีบ่อน้ำมันไว้ข้างตัว คราวนี้กระทรวงต่างประเทศอเมริกา รีบแต่งตัวมาจับมือกับกษัตริย์ซาอุดิ แล้วเปิดสถานฑูตอเมริกา อย่างเป็นทางการที่เมือง Jidda ในปี ค.ศ.1942 สถาน ฑูตอเมริกาตกลงจ่ายค่ากระเป๋ารั่วให้กษัตริย์ซาอุดิ และกลายมาเป็นผู้บริหารซาอุดิอารเบียในยามสงคราม อเมริกาอ้างว่าเพื่อดูแลบ่อน้ำมัน จำเป็นต้องนำกองทัพมาปกป้อง อังกฤษพยายามแทรกตัวเข้ามา แต่คราวนี้ไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศ เท่านั้นที่ขวาง กระทรวงกลาโหมอเมริกา ก็ร่วมขวางด้วย และร่วมมือกันป้อนอาหาร อเมริกาขนเสบียงมูลค่า 20 ล้านเหรียญ ลงเรือบรรทุกมาให้ซาอุดิอารเบียในยามสงคราม รวมทั้งส่งเครื่องบินบรรทุกเครื่องเวชภัณท์มาให้เป็นพิเศษ ถึงตอน นี้ ประธานาธิบดี Roosevelt ตั้งหน่วยงานชื่อ Petroleum Reserves Coperation (PRC) สำหรับดูแลเหยื่อชื่อ ซาอุดิอารเบีย โดยเฉพาะ ค.ศ.1944 PRC เสนอให้มีการสร้างท่อส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียข้ามไปยังเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อประโยชน์ทางการหทาร ซาอุดิก็ไม่ขัดใจ ตราบใดที่…อิ่ม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • 'อนุทิน' ปัดล้วงลูกคดี 'ทักษิณ' ยันรัฐบาลใหม่ไม่เกี่ยว ปม 'ทวี สอดส่อง' ลงนามยกฎีกาอภัยโทษเดิม
    https://www.thai-tai.tv/news/21794/
    .
    #อนุทินชาญวีรกูล #ทักษิณชินวัตร #ยกฎีกาอภัยโทษ #พ.ต.อ.ทวีสอดส่อง #กระทรวงยุติธรรม #การเมืองไทย #ดีเอสไอ #การโยกย้ายข้าราชการ

    'อนุทิน' ปัดล้วงลูกคดี 'ทักษิณ' ยันรัฐบาลใหม่ไม่เกี่ยว ปม 'ทวี สอดส่อง' ลงนามยกฎีกาอภัยโทษเดิม https://www.thai-tai.tv/news/21794/ . #อนุทินชาญวีรกูล #ทักษิณชินวัตร #ยกฎีกาอภัยโทษ #พ.ต.อ.ทวีสอดส่อง #กระทรวงยุติธรรม #การเมืองไทย #ดีเอสไอ #การโยกย้ายข้าราชการ
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • ครม.ไฟเขียว ‘คนละครึ่ง พลัส’ เตรียมเริ่มปลายเดือน ต.ค. นี้ รองนายกฯ-รมว.คลัง จะแถลงรายละเอียดที่ทำเนียบรัฐบาล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095847

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ครม.ไฟเขียว ‘คนละครึ่ง พลัส’ เตรียมเริ่มปลายเดือน ต.ค. นี้ รองนายกฯ-รมว.คลัง จะแถลงรายละเอียดที่ทำเนียบรัฐบาล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095847 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • “อนุทิน” โยนถาม รมว.ยุติธรรมปมย้ายขรก. ยันไม่ล้วงลูก ชี้ยกฎีกา “ทักษิณ” เกิดสมัย “ทวี” ไม่เกี่ยวรัฐบาลนี้ ไม่ทราบขอพระราชทานอภัยโทษได้อีกหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095872

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “อนุทิน” โยนถาม รมว.ยุติธรรมปมย้ายขรก. ยันไม่ล้วงลูก ชี้ยกฎีกา “ทักษิณ” เกิดสมัย “ทวี” ไม่เกี่ยวรัฐบาลนี้ ไม่ทราบขอพระราชทานอภัยโทษได้อีกหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095872 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญา สั่งจำคุก "วีระ-จตุพร- ณัฐวุฒิ- หมอเหวง -อดิศร" 5 แกนนำ นปช.ขุมนุมไล่รัฐบาล "อภิสิทธิ์" เมื่อปี 52 คนละ 4 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา รอลุ้นประกันตัว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095821

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ศาลอาญา สั่งจำคุก "วีระ-จตุพร- ณัฐวุฒิ- หมอเหวง -อดิศร" 5 แกนนำ นปช.ขุมนุมไล่รัฐบาล "อภิสิทธิ์" เมื่อปี 52 คนละ 4 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา รอลุ้นประกันตัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095821 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • คปท. คัดค้านแลนด์บริดจ์-ศูนย์กลางการเงิน-ต่างชาติเช่าที่ 99 ปี จี้รัฐบาลดำเนินการไล่ข้าราชการช่วย 'ทักษิณ'
    https://www.thai-tai.tv/news/21793/
    .
    #คปท #ทำเนียบรัฐบาล #อนุทินชาญวีรกูล #MOU43-44 #แลนด์บริดจ์ #กาสิโน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทักษิณชินวัตร #ประชามติ #บ้านหนองจาน

    คปท. คัดค้านแลนด์บริดจ์-ศูนย์กลางการเงิน-ต่างชาติเช่าที่ 99 ปี จี้รัฐบาลดำเนินการไล่ข้าราชการช่วย 'ทักษิณ' https://www.thai-tai.tv/news/21793/ . #คปท #ทำเนียบรัฐบาล #อนุทินชาญวีรกูล #MOU43-44 #แลนด์บริดจ์ #กาสิโน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทักษิณชินวัตร #ประชามติ #บ้านหนองจาน
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • คดีฮั้ว ส.ว. สะเทือนรัฐบาลใหม่ “อนุทิน” เจอแรงเสียดทานจังเบ้อเร่อ ปมตั้งทีมดีเอสไอร่วมคณะทำงาน “ยุติธรรม” ถูกมองแทรกแซงคดีอ่อนไหว สังคมจับตา พูดแล้วต้องทำ โปร่งใสจริงหรือแค่คำพูดสวยหรู

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095730

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    คดีฮั้ว ส.ว. สะเทือนรัฐบาลใหม่ “อนุทิน” เจอแรงเสียดทานจังเบ้อเร่อ ปมตั้งทีมดีเอสไอร่วมคณะทำงาน “ยุติธรรม” ถูกมองแทรกแซงคดีอ่อนไหว สังคมจับตา พูดแล้วต้องทำ โปร่งใสจริงหรือแค่คำพูดสวยหรู อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095730 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 151 Views 0 Reviews
  • “Bruno Le Maire ยุติบทบาทที่ ASML หลังรัฐบาลฝรั่งเศสล่ม — สะเทือนวงการชิปยุโรป”

    Bruno Le Maire อดีตรัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส ได้ยุติบทบาทที่ปรึกษาพิเศษของบริษัท ASML ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก Le Maire ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลใหม่ของฝรั่งเศส แต่รัฐบาลดังกล่าวกลับล่มภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการแต่งตั้ง

    Le Maire ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมการบริหาร ASML ตั้งแต่ปี 2024 โดยมีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำด้านการลงทุนเพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศของอุตสาหกรรมชิปในยุโรป ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสหภาพยุโรปในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ และจีน

    ASML เพิ่งลงทุนกว่า 1.3 พันล้านยูโรในบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ของฝรั่งเศสชื่อ Mistral AI ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบปี และสะท้อนถึงความพยายามของยุโรปในการผลักดันเทคโนโลยีล้ำหน้าให้เติบโตภายในภูมิภาค

    แม้ ASML จะปฏิเสธให้ความเห็นว่า Le Maire จะกลับมารับตำแหน่งอีกหรือไม่หลังจากการล่มของรัฐบาล แต่การถอนตัวครั้งนี้ก็สร้างคำถามถึงเสถียรภาพของการผลักดันนโยบายเทคโนโลยีในยุโรป และบทบาทของนักการเมืองระดับสูงในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงระดับโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Bruno Le Maire ยุติบทบาทที่ปรึกษาพิเศษของ ASML
    เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส และถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกลาโหม
    รัฐบาลฝรั่งเศสชุดใหม่ล่มภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการแต่งตั้ง
    Le Maire ได้รับตำแหน่งที่ ASML ตั้งแต่ปี 2024 เพื่อให้คำแนะนำด้านการลงทุน
    ASML เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก
    ASML ลงทุน 1.3 พันล้านยูโรในบริษัท Mistral AI ของฝรั่งเศส
    การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เสริมสร้างระบบชิปในยุโรป
    ASML ปฏิเสธให้ความเห็นว่า Le Maire จะกลับมารับตำแหน่งอีกหรือไม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ASML เป็นบริษัทเดียวในโลกที่ผลิตเครื่อง EUV lithography ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตชิประดับ 3 นาโนเมตร
    Mistral AI เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลฝรั่งเศสเพื่อแข่งขันกับ OpenAI และ Anthropic
    การพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศทำให้ยุโรปต้องเร่งสร้างความมั่นคงด้านชิป
    Le Maire เคยผลักดันโครงการ European Chips Act เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปภายในภูมิภาค
    การล่มของรัฐบาลฝรั่งเศสอาจส่งผลต่อความต่อเนื่องของนโยบายเทคโนโลยีระดับชาติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/bruno-le-maire-no-longer-advising-asml-company-says
    🇪🇺 “Bruno Le Maire ยุติบทบาทที่ ASML หลังรัฐบาลฝรั่งเศสล่ม — สะเทือนวงการชิปยุโรป” Bruno Le Maire อดีตรัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส ได้ยุติบทบาทที่ปรึกษาพิเศษของบริษัท ASML ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก Le Maire ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลใหม่ของฝรั่งเศส แต่รัฐบาลดังกล่าวกลับล่มภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการแต่งตั้ง Le Maire ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมการบริหาร ASML ตั้งแต่ปี 2024 โดยมีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำด้านการลงทุนเพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศของอุตสาหกรรมชิปในยุโรป ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสหภาพยุโรปในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ และจีน ASML เพิ่งลงทุนกว่า 1.3 พันล้านยูโรในบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ของฝรั่งเศสชื่อ Mistral AI ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบปี และสะท้อนถึงความพยายามของยุโรปในการผลักดันเทคโนโลยีล้ำหน้าให้เติบโตภายในภูมิภาค แม้ ASML จะปฏิเสธให้ความเห็นว่า Le Maire จะกลับมารับตำแหน่งอีกหรือไม่หลังจากการล่มของรัฐบาล แต่การถอนตัวครั้งนี้ก็สร้างคำถามถึงเสถียรภาพของการผลักดันนโยบายเทคโนโลยีในยุโรป และบทบาทของนักการเมืองระดับสูงในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงระดับโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Bruno Le Maire ยุติบทบาทที่ปรึกษาพิเศษของ ASML ➡️ เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส และถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ➡️ รัฐบาลฝรั่งเศสชุดใหม่ล่มภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการแต่งตั้ง ➡️ Le Maire ได้รับตำแหน่งที่ ASML ตั้งแต่ปี 2024 เพื่อให้คำแนะนำด้านการลงทุน ➡️ ASML เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก ➡️ ASML ลงทุน 1.3 พันล้านยูโรในบริษัท Mistral AI ของฝรั่งเศส ➡️ การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เสริมสร้างระบบชิปในยุโรป ➡️ ASML ปฏิเสธให้ความเห็นว่า Le Maire จะกลับมารับตำแหน่งอีกหรือไม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ASML เป็นบริษัทเดียวในโลกที่ผลิตเครื่อง EUV lithography ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตชิประดับ 3 นาโนเมตร ➡️ Mistral AI เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลฝรั่งเศสเพื่อแข่งขันกับ OpenAI และ Anthropic ➡️ การพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศทำให้ยุโรปต้องเร่งสร้างความมั่นคงด้านชิป ➡️ Le Maire เคยผลักดันโครงการ European Chips Act เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปภายในภูมิภาค ➡️ การล่มของรัฐบาลฝรั่งเศสอาจส่งผลต่อความต่อเนื่องของนโยบายเทคโนโลยีระดับชาติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/bruno-le-maire-no-longer-advising-asml-company-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Bruno Le Maire no longer advising ASML, company says
    (Reuters) -France's former finance minister Bruno Le Maire is no longer an advisor at ASML, a spokesperson for the Dutch chip equipment maker told Reuters on Monday.
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • “เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงกว่า 500,000 จุด — พลังงานสะอาดที่ใครก็เข้าถึงได้”

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เยอรมนีได้พลิกโฉมการใช้พลังงานสะอาดด้วยการผลักดัน “Balkonkraftwerk” หรือระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กที่ติดตั้งบนระเบียง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟภายในบ้านได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการติดตั้งซับซ้อนหรือเป็นเจ้าของบ้านเอง

    ระบบนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 เพียงปีเดียวมีการติดตั้งมากกว่า 275,000 จุด และในปี 2024 ตัวเลขรวมทะลุ 550,000 จุดทั่วประเทศ โดยแต่ละชุดมีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จแล็ปท็อปหรือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก

    ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่เรียบง่าย ราคาที่เข้าถึงได้ (ประมาณ 500–700 ยูโรต่อชุด) และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาต การอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน และการออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกเจ้าของบ้านขัดขวางการติดตั้ง

    แม้ระบบจะผลิตไฟฟ้าได้ไม่มากนัก — เฉลี่ยประมาณ 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี — แต่ผู้ใช้งานจำนวนมากมองว่าเป็น “การกระทำเล็ก ๆ ที่มีความหมาย” ทั้งในแง่ของการลดค่าไฟ และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ

    ผู้ใช้งานหลายคนยังกล่าวว่า การติดตั้งโซลาร์ระเบียงทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักถึงการใช้พลังงานมากขึ้น เช่น การเลือกเวลาซักผ้าให้ตรงกับช่วงแดดจัด หรือการติดตามปริมาณพลังงานที่ผลิตผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมที่สร้างความภูมิใจและแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงมากกว่า 550,000 จุดทั่วประเทศ
    ระบบ Balkonkraftwerk มีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ และเชื่อมต่อผ่านปลั๊กไฟบ้าน
    ราคาต่อชุดประมาณ 500–700 ยูโร และติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของบ้าน
    รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกขัดขวางการติดตั้ง
    มีการลดขั้นตอนการขออนุญาตและอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน
    ระบบผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี
    ผู้ใช้งานสามารถติดตามการผลิตพลังงานผ่านแอปพลิเคชัน
    การติดตั้งช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงการใช้พลังงานและวางแผนการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
    เป็นการมีส่วนร่วมเล็ก ๆ ที่ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ในปี 2024 เยอรมนีผ่าน “Solarpaket 1” เพื่อสนับสนุนโซลาร์ระเบียงอย่างเป็นระบบ
    ระบบโซลาร์ระเบียงสามารถคืนทุนได้ภายใน 3–5 ปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและทิศทางของแสง
    ประเทศอื่นในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และเบลเยียม กำลังนำแนวทางนี้ไปใช้
    ระบบแบบ plug-and-play ช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งและเพิ่มการเข้าถึง
    การผลิตพลังงานในระดับครัวเรือนช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้ากลาง

    https://grist.org/buildings/how-germany-outfitted-half-a-million-balconies-with-solar-panels/
    ☀️ “เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงกว่า 500,000 จุด — พลังงานสะอาดที่ใครก็เข้าถึงได้” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เยอรมนีได้พลิกโฉมการใช้พลังงานสะอาดด้วยการผลักดัน “Balkonkraftwerk” หรือระบบโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กที่ติดตั้งบนระเบียง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟภายในบ้านได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการติดตั้งซับซ้อนหรือเป็นเจ้าของบ้านเอง ระบบนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 เพียงปีเดียวมีการติดตั้งมากกว่า 275,000 จุด และในปี 2024 ตัวเลขรวมทะลุ 550,000 จุดทั่วประเทศ โดยแต่ละชุดมีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จแล็ปท็อปหรือใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ความสำเร็จนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่เรียบง่าย ราคาที่เข้าถึงได้ (ประมาณ 500–700 ยูโรต่อชุด) และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาต การอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน และการออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกเจ้าของบ้านขัดขวางการติดตั้ง แม้ระบบจะผลิตไฟฟ้าได้ไม่มากนัก — เฉลี่ยประมาณ 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี — แต่ผู้ใช้งานจำนวนมากมองว่าเป็น “การกระทำเล็ก ๆ ที่มีความหมาย” ทั้งในแง่ของการลดค่าไฟ และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ผู้ใช้งานหลายคนยังกล่าวว่า การติดตั้งโซลาร์ระเบียงทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักถึงการใช้พลังงานมากขึ้น เช่น การเลือกเวลาซักผ้าให้ตรงกับช่วงแดดจัด หรือการติดตามปริมาณพลังงานที่ผลิตผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมที่สร้างความภูมิใจและแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เยอรมนีติดตั้งโซลาร์เซลล์บนระเบียงมากกว่า 550,000 จุดทั่วประเทศ ➡️ ระบบ Balkonkraftwerk มีขนาดไม่เกิน 800 วัตต์ และเชื่อมต่อผ่านปลั๊กไฟบ้าน ➡️ ราคาต่อชุดประมาณ 500–700 ยูโร และติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของบ้าน ➡️ รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้ถูกขัดขวางการติดตั้ง ➡️ มีการลดขั้นตอนการขออนุญาตและอนุญาตให้ใช้ปลั๊ก Schuko มาตรฐาน ➡️ ระบบผลิตไฟฟ้าเฉลี่ย 500–600 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ➡️ ผู้ใช้งานสามารถติดตามการผลิตพลังงานผ่านแอปพลิเคชัน ➡️ การติดตั้งช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงการใช้พลังงานและวางแผนการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เป็นการมีส่วนร่วมเล็ก ๆ ที่ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ในปี 2024 เยอรมนีผ่าน “Solarpaket 1” เพื่อสนับสนุนโซลาร์ระเบียงอย่างเป็นระบบ ➡️ ระบบโซลาร์ระเบียงสามารถคืนทุนได้ภายใน 3–5 ปี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและทิศทางของแสง ➡️ ประเทศอื่นในยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และเบลเยียม กำลังนำแนวทางนี้ไปใช้ ➡️ ระบบแบบ plug-and-play ช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งและเพิ่มการเข้าถึง ➡️ การผลิตพลังงานในระดับครัวเรือนช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้ากลาง https://grist.org/buildings/how-germany-outfitted-half-a-million-balconies-with-solar-panels/
    GRIST.ORG
    How Germany outfitted half a million balconies with solar panels
    Meet balkonkraftwerk, the simple technology putting solar power in the hands of renters and nudging Germany toward its clean energy goals.
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • “พบช่องโหว่ร้ายแรงใน IBM Security Verify Access — ผู้ใช้ทั่วไปสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที!”

    IBM ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤตในผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการสิทธิ์เข้าถึงขององค์กร ได้แก่ IBM Security Verify Access และ IBM Verify Identity Access โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-36356 ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบ ซึ่งทำให้บางกระบวนการภายในผลิตภัณฑ์ทำงานด้วยสิทธิ์สูงเกินความจำเป็น (violating least privilege principle) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบได้ทั้งหมด รวมถึงฐานข้อมูลผู้ใช้และนโยบายการเข้าถึง

    นอกจากนั้นยังมีช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

    CVE-2025-36355: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันสามารถรันสคริปต์จากภายนอกระบบได้
    CVE-2025-36354: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนสามารถรันคำสั่งด้วยสิทธิ์ระดับต่ำได้

    ช่องโหว่ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อทั้งเวอร์ชัน container และ appliance ของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0 ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร หน่วยงานรัฐบาล และบริษัท Fortune 500

    IBM ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1 พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันทีผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry เพื่อป้องกันการถูกโจมตีในระบบที่ใช้งานจริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-36356 เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น root
    เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบของ IBM Security Verify Access
    คะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 ถือเป็นระดับวิกฤต
    ส่งผลกระทบต่อทั้ง container และ appliance deployment
    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0
    IBM ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1
    ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ CVE-2025-36355 และ CVE-2025-36354
    ผู้ดูแลระบบสามารถอัปเดตผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IBM Security Verify Access เป็นระบบจัดการสิทธิ์เข้าถึงที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก
    ช่องโหว่แบบ privilege escalation สามารถนำไปสู่การควบคุมระบบทั้งหมด
    หลัก least privilege คือแนวทางสำคัญในการออกแบบระบบที่ปลอดภัย
    การรันสคริปต์จากภายนอกอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ client-side injection
    การตรวจสอบ input ที่ไม่รัดกุมอาจนำไปสู่การรันคำสั่งโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://securityonline.info/critical-flaw-cve-2025-36356-cvss-9-3-in-ibm-security-verify-access-allows-root-privilege-escalation/
    🔐 “พบช่องโหว่ร้ายแรงใน IBM Security Verify Access — ผู้ใช้ทั่วไปสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที!” IBM ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ความปลอดภัยระดับวิกฤตในผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการสิทธิ์เข้าถึงขององค์กร ได้แก่ IBM Security Verify Access และ IBM Verify Identity Access โดยช่องโหว่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ CVE-2025-36356 ซึ่งมีคะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบ ซึ่งทำให้บางกระบวนการภายในผลิตภัณฑ์ทำงานด้วยสิทธิ์สูงเกินความจำเป็น (violating least privilege principle) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบได้ทั้งหมด รวมถึงฐานข้อมูลผู้ใช้และนโยบายการเข้าถึง นอกจากนั้นยังมีช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 🔰 CVE-2025-36355: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันสามารถรันสคริปต์จากภายนอกระบบได้ 🔰 CVE-2025-36354: เปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตนสามารถรันคำสั่งด้วยสิทธิ์ระดับต่ำได้ ช่องโหว่ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อทั้งเวอร์ชัน container และ appliance ของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในเวอร์ชัน 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0 ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร หน่วยงานรัฐบาล และบริษัท Fortune 500 IBM ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1 พร้อมแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันทีผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry เพื่อป้องกันการถูกโจมตีในระบบที่ใช้งานจริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-36356 เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปยกระดับสิทธิ์เป็น root ➡️ เกิดจากการจัดการสิทธิ์ที่ผิดพลาดในระบบของ IBM Security Verify Access ➡️ คะแนน CVSS สูงถึง 9.3/10 ถือเป็นระดับวิกฤต ➡️ ส่งผลกระทบต่อทั้ง container และ appliance deployment ➡️ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ 10.0.0.0 – 10.0.9.0-IF2 และ 11.0.0.0 – 11.0.1.0 ➡️ IBM ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 10.0.9.0-IF3 และ 11.0.1.0-IF1 ➡️ ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ CVE-2025-36355 และ CVE-2025-36354 ➡️ ผู้ดูแลระบบสามารถอัปเดตผ่าน IBM Fix Central หรือ container registry ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IBM Security Verify Access เป็นระบบจัดการสิทธิ์เข้าถึงที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ➡️ ช่องโหว่แบบ privilege escalation สามารถนำไปสู่การควบคุมระบบทั้งหมด ➡️ หลัก least privilege คือแนวทางสำคัญในการออกแบบระบบที่ปลอดภัย ➡️ การรันสคริปต์จากภายนอกอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ client-side injection ➡️ การตรวจสอบ input ที่ไม่รัดกุมอาจนำไปสู่การรันคำสั่งโดยไม่ได้รับอนุญาต https://securityonline.info/critical-flaw-cve-2025-36356-cvss-9-3-in-ibm-security-verify-access-allows-root-privilege-escalation/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Flaw CVE-2025-36356 (CVSS 9.3) in IBM Security Verify Access Allows Root Privilege Escalation
    IBM patched a Critical (CVSS 9.3) LPE flaw (CVE-2025-36356) in Verify Access/Identity Access that allows locally authenticated users to escalate privileges to root. Update to v10.0.9.0-IF3 now.
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • “มหาวิทยาลัยอังกฤษโดนแฮก 91% ธุรกิจ 43% — ภัยไซเบอร์ระบาดหนักทั่วสหราชอาณาจักรในปี 2025”

    ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์อย่างรุนแรง โดยผลสำรวจจากรัฐบาลเผยว่า 91% ของมหาวิทยาลัย และ 43% ของธุรกิจที่ถูกสำรวจ ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบ การเรียกค่าไถ่ หรือการขโมยข้อมูล

    กรณีที่โดดเด่นคือการโจมตี Jaguar Land Rover (JLR) ที่ทำให้บริษัทต้องหยุดดำเนินงานหลายสัปดาห์ และขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงการปลดพนักงาน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อซัพพลายเออร์หลายพันรายที่พึ่งพา JLR เป็นลูกค้าหลัก

    แม้ธุรกิจจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สถาบันการศึกษากลับเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ โดย 85% ของวิทยาลัย, 60% ของโรงเรียนมัธยม และ 44% ของโรงเรียนประถมก็ถูกโจมตีเช่นกัน รวมถึงกรณีล่าสุดที่เครือโรงเรียนอนุบาลถูกแฮกและนำภาพเด็กไปใช้เป็นเครื่องมือแบล็กเมล์

    ที่น่าตกใจคือการโจมตีจำนวนมากไม่ได้มาจากต่างประเทศ แต่เกิดจากแฮกเกอร์วัยรุ่นในอังกฤษเอง ซึ่งเช่าระบบ ransomware จากกลุ่มรัสเซีย แล้วใช้โจมตีเป้าหมายที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างชื่อเสียงในวงการใต้ดิน

    ผู้เชี่ยวชาญจาก Royal United Services Institute ระบุว่า แฮกเกอร์กลุ่มนี้ไม่ได้หวังผลทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการ “แสดงฝีมือ” และได้รับการยอมรับในชุมชนแฮกเกอร์ ซึ่งทำให้เป้าหมายกลายเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงมากกว่าระบบที่อ่อนแอ

    รัฐบาลอังกฤษหวังว่าการเผยแพร่ผลสำรวจนี้จะกระตุ้นให้หน่วยงานต่าง ๆ ปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพราะหลายแห่งยังไม่มีระบบป้องกันที่ทันสมัย และกลายเป็น “ผลไม้ที่ห้อยต่ำ” ที่แฮกเกอร์เลือกโจมตีก่อน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    91% ของมหาวิทยาลัยในอังกฤษถูกโจมตีทางไซเบอร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
    43% ของธุรกิจที่ถูกสำรวจได้รับผลกระทบจากการโจมตี
    JLR ถูกโจมตีจนต้องหยุดดำเนินงานและขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล
    85% ของวิทยาลัย, 60% ของโรงเรียนมัธยม, 44% ของโรงเรียนประถมถูกโจมตี
    มีกรณีโรงเรียนอนุบาลถูกแฮกและนำภาพเด็กไปใช้แบล็กเมล์
    แฮกเกอร์วัยรุ่นในอังกฤษเช่าระบบ ransomware จากกลุ่มรัสเซีย
    เป้าหมายหลักคือองค์กรที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างชื่อในวงการแฮกเกอร์
    รัฐบาลหวังผลสำรวจจะกระตุ้นให้ปรับปรุงระบบความปลอดภัย
    หลายองค์กรยังไม่มีมาตรการป้องกันที่ทันสมัย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2025 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคการศึกษา
    Ransomware เป็นภัยที่ทำให้ระบบหยุดชะงักและเรียกค่าไถ่สูง
    การโจมตีแบบ supply chain ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง
    การใช้ AI ในการสร้าง phishing email ทำให้การหลอกลวงมีความสมจริงมากขึ้น
    การขาดบุคลากรด้าน cybersecurity เป็นปัญหาใหญ่ในองค์กรขนาดเล็ก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/cyberattacks-hit-91-percent-of-universities-and-43-percent-of-businesses-in-last-12-months-in-the-uk-survey-suggests-more-than-600-000-businesses-61-000-charities-affected
    🛡️ “มหาวิทยาลัยอังกฤษโดนแฮก 91% ธุรกิจ 43% — ภัยไซเบอร์ระบาดหนักทั่วสหราชอาณาจักรในปี 2025” ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์อย่างรุนแรง โดยผลสำรวจจากรัฐบาลเผยว่า 91% ของมหาวิทยาลัย และ 43% ของธุรกิจที่ถูกสำรวจ ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบ การเรียกค่าไถ่ หรือการขโมยข้อมูล กรณีที่โดดเด่นคือการโจมตี Jaguar Land Rover (JLR) ที่ทำให้บริษัทต้องหยุดดำเนินงานหลายสัปดาห์ และขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงการปลดพนักงาน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อซัพพลายเออร์หลายพันรายที่พึ่งพา JLR เป็นลูกค้าหลัก แม้ธุรกิจจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่สถาบันการศึกษากลับเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ โดย 85% ของวิทยาลัย, 60% ของโรงเรียนมัธยม และ 44% ของโรงเรียนประถมก็ถูกโจมตีเช่นกัน รวมถึงกรณีล่าสุดที่เครือโรงเรียนอนุบาลถูกแฮกและนำภาพเด็กไปใช้เป็นเครื่องมือแบล็กเมล์ ที่น่าตกใจคือการโจมตีจำนวนมากไม่ได้มาจากต่างประเทศ แต่เกิดจากแฮกเกอร์วัยรุ่นในอังกฤษเอง ซึ่งเช่าระบบ ransomware จากกลุ่มรัสเซีย แล้วใช้โจมตีเป้าหมายที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างชื่อเสียงในวงการใต้ดิน ผู้เชี่ยวชาญจาก Royal United Services Institute ระบุว่า แฮกเกอร์กลุ่มนี้ไม่ได้หวังผลทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการ “แสดงฝีมือ” และได้รับการยอมรับในชุมชนแฮกเกอร์ ซึ่งทำให้เป้าหมายกลายเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงมากกว่าระบบที่อ่อนแอ รัฐบาลอังกฤษหวังว่าการเผยแพร่ผลสำรวจนี้จะกระตุ้นให้หน่วยงานต่าง ๆ ปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพราะหลายแห่งยังไม่มีระบบป้องกันที่ทันสมัย และกลายเป็น “ผลไม้ที่ห้อยต่ำ” ที่แฮกเกอร์เลือกโจมตีก่อน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ 91% ของมหาวิทยาลัยในอังกฤษถูกโจมตีทางไซเบอร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ➡️ 43% ของธุรกิจที่ถูกสำรวจได้รับผลกระทบจากการโจมตี ➡️ JLR ถูกโจมตีจนต้องหยุดดำเนินงานและขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ➡️ 85% ของวิทยาลัย, 60% ของโรงเรียนมัธยม, 44% ของโรงเรียนประถมถูกโจมตี ➡️ มีกรณีโรงเรียนอนุบาลถูกแฮกและนำภาพเด็กไปใช้แบล็กเมล์ ➡️ แฮกเกอร์วัยรุ่นในอังกฤษเช่าระบบ ransomware จากกลุ่มรัสเซีย ➡️ เป้าหมายหลักคือองค์กรที่มีชื่อเสียงเพื่อสร้างชื่อในวงการแฮกเกอร์ ➡️ รัฐบาลหวังผลสำรวจจะกระตุ้นให้ปรับปรุงระบบความปลอดภัย ➡️ หลายองค์กรยังไม่มีมาตรการป้องกันที่ทันสมัย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2025 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคการศึกษา ➡️ Ransomware เป็นภัยที่ทำให้ระบบหยุดชะงักและเรียกค่าไถ่สูง ➡️ การโจมตีแบบ supply chain ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ➡️ การใช้ AI ในการสร้าง phishing email ทำให้การหลอกลวงมีความสมจริงมากขึ้น ➡️ การขาดบุคลากรด้าน cybersecurity เป็นปัญหาใหญ่ในองค์กรขนาดเล็ก https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/cyberattacks-hit-91-percent-of-universities-and-43-percent-of-businesses-in-last-12-months-in-the-uk-survey-suggests-more-than-600-000-businesses-61-000-charities-affected
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5”
    อิหร่าน 2
ความทารุณโหดร้าย และการดูถูกเหยียดหยามของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อชาวอิหร่าน เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1905 ตั้งแต่อังกฤษเริ่มย่างก้าวแรกเข้ามาในอิหร่านนั่นแหละ ชาวอิหร่านทนไม่ไหวลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ในที่สุด Shah ผู้ปกครองรัฐอิหร่านก็ยินยอมให้มีรัฐธรรมนูญ และล้มเลิกระบบที่กษัตริย์เป็นผู้มีสิทธิในการปกครองแต่ผู้เดียว
    แต่การปกครองโดยรัฐธรรมนูญนี้ ก็อยู่ไม่ได้นาน ค.ศ. 1908 Shah ได้นำกองทหาร Cossack จากรัสเซียมาช่วยขับไล่รัฐบาล Majlis ออกไป แต่ชาวอิหร่านก็ยังไม่ยอมหยุด ในที่สุดเมื่ออังกฤษกับรัสเซีย จับมือกันตามแผนถล่มออตโตมาน กองทัพอังกฤษและรัสเซียก็เป็นผู้ปฏิบัติการ กวาดล้าง และปิดตายรัฐสภาประชาชน จับขังฝ่ายรัฐบาล และอุ้มเอา Shah ขึ้นมาเป็น (หุ่น) ผู้ปกครองประเทศมีอำนาจบริหารแต่ผู้เดียว ต่อไปใหม่อีกรอบ
    ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ 1 อิหร่านก็ต้องเข้าฉากร่วมเล่นสงครามด้วย แม้จะไม่ได้บทเป็นตัวเอก แต่เนื่องจากมีบ่อน้ำมัน กองทัพอังกฤษจึงยกพลกันมาเต็ม อิหร่าน เพื่อปกป้องบ่อน้ำมันอิหร่าน ที่อังกฤษถือว่าตนเองเป็นเจ้าของ
    ตามข้อตกลงหลอกเหยื่อ อังกฤษกล่อมรัสเซียให้มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน และออตโตมาน โดยตกลงจะยกออตโตมานให้รัสเซีย และทำสัญญาสุดชั่ว Syke-Picot แบ่งเค้กออตโตมานตะวันออกกลาง แต่เมื่อสงครามโลกจบ รัสเซียมีการปฏิวัติโดยพวกบอลเชวิก ฝ่ายปฎิวัติบอกไม่สนใจข้อตกลงที่พวกซาร์ไปทำไว้กับอังกฤษ ฝ่ายปฏวัติกลับสนับสนุนชาวอิหร่านให้ต่อต้านการครอบครอง ของพวกนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ และพร้อมที่จะสนับสนุนชาวอิหร่านให้ได้อิสรภาพ
    อังกฤษทนไม่ได้ ถลาเข้ามาแก้ตัวจนลิ้นพันกัน พร้อมเริ่มขบวนการโฆษณาชวนเชื่อในอิหร่าน บรรยายความเลวร้ายของลัทธิคอมมิวนิสต์ออกสื่อทุกวัน เพื่อกันไม่ให้พวกบอลเชวิก เข้ามาในอิหร่าน โดยเฉพาะทางด้านเหนือที่ติดกับเขตแดนของรัสเซีย
    ในที่สุด อังกฤษตัดสินใจเลิกใช้ไม้นวม เข้าไปควบคุมสถานการณ์ในอิหร่าน โดยคว้าข้อมืออิหร่าน จับให้ทำสัญญา Anglo – Persian Agreement
    เมื่อ ค.ศ. 1919 ให้อังกฤษมีสิทธิควบคุมเหนืออิหร่าน ในด้านกองทัพ การคลัง และระบบการขนส่งทั้งหมด และเพื่อให้แน่ใจว่าอำนาจอยู่ในมือเต็มทั้ง 2 มือ อังกฤษประกาศกฎอัยการศึก และเริ่มให้มีการใช้ธนบัตรในการซื้อขาย
    โอ้โห นี่ขนาดเพิ่งต้มตุ๋น ได้น้ำมันมาบ่อเดียวนะ ยังปฏิบัติการเฉียบขนาดนี้เลย นี่ถ้ามี หลายบ่อ หลายหลุม เรียงกันเป็นพรึด มันจะคุมประเทศเขาเข้มขนาดไหนหนอ..
    แต่ชาวอิหร่านก็ดูเหมือนจะไม่ได้พร้อมใจ จะอยู่ใต้อุ้งมือของชาวเกาะใหญ่ฯ พวกเขาพยายามต่อต้าน แต่แล้วใน ค.ศ. 1921 เมื่อการต่อต้านรุนแรงขึ้น แถมศึกชิงน้ำมันของกลุ่มนักล่าหน้าใหม่จากอีกฝั่งหนึ่ง ของ มหาสมุทรแอตแลนติก เริ่มดุเดือดเลือดพล่านขึ้น อังกฤษปรับแผนใหม่อีกรอบ
    สนับสนุนให้มีการปฏิวัติโดย Reza Khan ซึ่งภายหลังประกาศตั้งตัวเองเป็น Shah คนใหม่ ในปี ค.ศ. 1926 เป็นต้นราชวงศ์ Pahlevi หุ่นเชิดของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย
Shah ใช้ความเหี้ยมโหด ข่มเหง กดขี่ ประชาชนต่อไป ภายใต้การหนุน และชักใยของนักล่าชาวเกาะฯ แหม ! แผมใหม่นี่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ยุซ้าย เสี้ยมขวา ให้พวกมันก็ตีกันเอง แล้วเราก็ขุดน้ำมันรวยไป เรื่อย ๆ สบายใจดี ฮ่า ฮ่า อร่อยนุ่ม เคี้ยวเพลิน !
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5” อิหร่าน 2
ความทารุณโหดร้าย และการดูถูกเหยียดหยามของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อชาวอิหร่าน เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1905 ตั้งแต่อังกฤษเริ่มย่างก้าวแรกเข้ามาในอิหร่านนั่นแหละ ชาวอิหร่านทนไม่ไหวลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ในที่สุด Shah ผู้ปกครองรัฐอิหร่านก็ยินยอมให้มีรัฐธรรมนูญ และล้มเลิกระบบที่กษัตริย์เป็นผู้มีสิทธิในการปกครองแต่ผู้เดียว แต่การปกครองโดยรัฐธรรมนูญนี้ ก็อยู่ไม่ได้นาน ค.ศ. 1908 Shah ได้นำกองทหาร Cossack จากรัสเซียมาช่วยขับไล่รัฐบาล Majlis ออกไป แต่ชาวอิหร่านก็ยังไม่ยอมหยุด ในที่สุดเมื่ออังกฤษกับรัสเซีย จับมือกันตามแผนถล่มออตโตมาน กองทัพอังกฤษและรัสเซียก็เป็นผู้ปฏิบัติการ กวาดล้าง และปิดตายรัฐสภาประชาชน จับขังฝ่ายรัฐบาล และอุ้มเอา Shah ขึ้นมาเป็น (หุ่น) ผู้ปกครองประเทศมีอำนาจบริหารแต่ผู้เดียว ต่อไปใหม่อีกรอบ ระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ 1 อิหร่านก็ต้องเข้าฉากร่วมเล่นสงครามด้วย แม้จะไม่ได้บทเป็นตัวเอก แต่เนื่องจากมีบ่อน้ำมัน กองทัพอังกฤษจึงยกพลกันมาเต็ม อิหร่าน เพื่อปกป้องบ่อน้ำมันอิหร่าน ที่อังกฤษถือว่าตนเองเป็นเจ้าของ ตามข้อตกลงหลอกเหยื่อ อังกฤษกล่อมรัสเซียให้มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน และออตโตมาน โดยตกลงจะยกออตโตมานให้รัสเซีย และทำสัญญาสุดชั่ว Syke-Picot แบ่งเค้กออตโตมานตะวันออกกลาง แต่เมื่อสงครามโลกจบ รัสเซียมีการปฏิวัติโดยพวกบอลเชวิก ฝ่ายปฎิวัติบอกไม่สนใจข้อตกลงที่พวกซาร์ไปทำไว้กับอังกฤษ ฝ่ายปฏวัติกลับสนับสนุนชาวอิหร่านให้ต่อต้านการครอบครอง ของพวกนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ และพร้อมที่จะสนับสนุนชาวอิหร่านให้ได้อิสรภาพ อังกฤษทนไม่ได้ ถลาเข้ามาแก้ตัวจนลิ้นพันกัน พร้อมเริ่มขบวนการโฆษณาชวนเชื่อในอิหร่าน บรรยายความเลวร้ายของลัทธิคอมมิวนิสต์ออกสื่อทุกวัน เพื่อกันไม่ให้พวกบอลเชวิก เข้ามาในอิหร่าน โดยเฉพาะทางด้านเหนือที่ติดกับเขตแดนของรัสเซีย ในที่สุด อังกฤษตัดสินใจเลิกใช้ไม้นวม เข้าไปควบคุมสถานการณ์ในอิหร่าน โดยคว้าข้อมืออิหร่าน จับให้ทำสัญญา Anglo – Persian Agreement เมื่อ ค.ศ. 1919 ให้อังกฤษมีสิทธิควบคุมเหนืออิหร่าน ในด้านกองทัพ การคลัง และระบบการขนส่งทั้งหมด และเพื่อให้แน่ใจว่าอำนาจอยู่ในมือเต็มทั้ง 2 มือ อังกฤษประกาศกฎอัยการศึก และเริ่มให้มีการใช้ธนบัตรในการซื้อขาย โอ้โห นี่ขนาดเพิ่งต้มตุ๋น ได้น้ำมันมาบ่อเดียวนะ ยังปฏิบัติการเฉียบขนาดนี้เลย นี่ถ้ามี หลายบ่อ หลายหลุม เรียงกันเป็นพรึด มันจะคุมประเทศเขาเข้มขนาดไหนหนอ.. แต่ชาวอิหร่านก็ดูเหมือนจะไม่ได้พร้อมใจ จะอยู่ใต้อุ้งมือของชาวเกาะใหญ่ฯ พวกเขาพยายามต่อต้าน แต่แล้วใน ค.ศ. 1921 เมื่อการต่อต้านรุนแรงขึ้น แถมศึกชิงน้ำมันของกลุ่มนักล่าหน้าใหม่จากอีกฝั่งหนึ่ง ของ มหาสมุทรแอตแลนติก เริ่มดุเดือดเลือดพล่านขึ้น อังกฤษปรับแผนใหม่อีกรอบ สนับสนุนให้มีการปฏิวัติโดย Reza Khan ซึ่งภายหลังประกาศตั้งตัวเองเป็น Shah คนใหม่ ในปี ค.ศ. 1926 เป็นต้นราชวงศ์ Pahlevi หุ่นเชิดของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย
Shah ใช้ความเหี้ยมโหด ข่มเหง กดขี่ ประชาชนต่อไป ภายใต้การหนุน และชักใยของนักล่าชาวเกาะฯ แหม ! แผมใหม่นี่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ยุซ้าย เสี้ยมขวา ให้พวกมันก็ตีกันเอง แล้วเราก็ขุดน้ำมันรวยไป เรื่อย ๆ สบายใจดี ฮ่า ฮ่า อร่อยนุ่ม เคี้ยวเพลิน ! สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5”
    อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ
    เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร
    ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก
    สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ
    แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง
    อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย
    แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม
    เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ )
    แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ
    แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน
    เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ :
    “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ…
    ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …”
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 5 – อิหร่าน 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 5” อิหร่าน 1
อิหร่านตกเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่าสาระพัดสัญชาติ มากว่า 100 ปีแล้ว ตั้งแต่ข่าวเรื่องนายD’Arcy ถูกนักล่า จากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ เอาลงหม้อตุ๋น เล็ดรอดไปเข้าหู หน่วยสืบราชการลับของชาติต่าง ๆ เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 19 อิหร่านยังเป็นประเทศที่ล้าหลังอยู่มาก ชาวบ้านซึ่งมีหลายเผ่าพันธ์ ยังอาศัยอยู่แถวนอกเมือง และทำงานประเภทอาบเหงื่อแทนน้ำ พวกเขานับถือศาสนาเดียวกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัด และมีการปกครองโดยผู้ครองนคร ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา อิหร่านโดนต่างชาติบุก และยึดครองดินแดนอยู่เสมอโดยพวกตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและรัสเซีย การแย่งชิงอิหร่านระหว่าง 2 คู่ชิง หนักข้อขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีเรื่องน้ำมันมาเกี่ยวข้อง มันมีสาเหตุ มาจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอิหร่านเป็นหลัก สำหรับอังกฤษ อิหร่านเป็นเส้นทางสำคัญ ที่เชื่อมอังกฤษชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กับอินเดีย กล่องดวงใจ และเป็นที่เหมาะ สำหรับจะวางไม้ขวาง กันไม่ให้รัสเซียขยายอำนาจเข้ามา ส่วนรัสเซียก็มองว่าอิหร่านเป็นด่านสำคัญ ที่จะไม่ให้ใครแหลมเข้ามาในรัฐเล็ก รัฐน้อยของตัวเอง ที่อยู่ทางภาคใต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะพวกหน้าซีดเหมือนปลาตาย ทิ้งค้างอยู่บนเกาะ แม้อังกฤษจะพยายามปิดข่าว เรื่องการไปตั้งหม้อต้มตุ๋นคนกันเอง อย่างนายD’Arcy เพื่อซื้อสัมปทานน้ำมันในราคาถูก แต่ความลับยิ่งปิด ก็ยิ่งรั่ว ข่าวการต้มตุ๋นคนกันเอง กระฉ่อนไปเข้าหูนักล่าทุกสัญชาติ ต่างก็พากัน พกมีด เตรียมไม้ มุ่งหน้ามาอิหร่านเป็นแถว หวังจะได้เหยื่อ ส้มหล่นแบบอังกฤษบ้าง อังกฤษกับรัสเซีย เขม่นหน้ากันมานาน แต่เมื่ออังกฤษมีแผนจะถล่มออตโตมาน และต้องการรัสเซียมาร่วมเข้าฉาก ค.ศ.1907 อังกฤษกัดฟันตกลงกับรัสเซีย ทำสัญญาลับ “Convention of St. Petersburg ที่จะแบ่งอิหร่านระหว่างกัน รัสเซียจับไม้สั้นได้ส่วนเหนือ อังกฤษจับไม้ยาวได้ส่วนใต้ แต่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จับไม้ไหน รัสเซียก็คงได้ส่วนเหนือของอิหร่านทั้งนั่นแหละ ก็อังกฤษเป็นฝ่ายเตรียมไม้ให้จับเอง ทางใต้ของอิหร่าน ที่อังกฤษล๊อกเอามาปรากฎว่าเต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน การจับไม้สั้นไม้ยาวนี้ เป็นการจับกันเองระหว่างพวกตะวันตก รัฐบาลอิหร่านไม่รู้เรื่องด้วย ยิ่งชาวอิหร่านยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ ยังนอนหลับฝันร้ายกลางทะเลทรายอยู่เลย แล้ว Anglo Persian ก็เริ่มผลิตน้ำมันได้ในปี ค.ศ. 1908 อิหร่านเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลาง ที่สามารถผลิตน้ำมันขายได้ แต่รายได้ค่าน้ำมันไปอยู่ที่ไหน ต้องแจงกันไหม เมื่ออังกฤษสามารถเปลี่ยนให้กองทัพเรือ มาใช้น้ำมันเป็นพลังงานแทนถ่านหิน น้ำมันยิ่งกลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้กองทัพเรืออังกฤษก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าแห่งทะเลอย่างเต็มภาคภูมิ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงโดยเยอรมันแพ้ลุ่ย อังกฤษ ถึงกับประกาศว่าฝ่ายสัมพันธมิตร ลอยตัวไปบนน้ำมันสู่ชัยชนะ (ไอ้พวกชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ นี่ ทั้งขี้โกง ขี้โม้ น้ำมันต้มเขามา น่าจะบอกให้ครบ ) แต่น้ำมันไม่ใช้เป็นอาวุธหรือส่วนสำคัญ ในการชนะสงครามเท่านั้น น้ำมันกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขัน สู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของการครองโลกไปด้วย ตะวันออกกลาง จึงกลายเป็นเหมือนชุมทางโจร เป็นแหล่งล่าเหยื่อ ที่สร้างอนาคตใหม่ให้เหล่านักล่า อย่างเหลือเชื่อ หลอด Churchill ถึงกับบอกว่า น้ำมันอิหร่านเหมือนเป็นของขวัญที่เทวดาประทานให้ เกินความนึกฝันจริง ๆ แต่ความเป็นอยู่ของเจ้าของแผ่นดิน ช่างต่างกับผู้ได้รับของขวัญ อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน เจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านที่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมัน Anglo – Persian นาย Manucher Farmfarmaian ได้เขียนเล่าถึง โลกของผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินกับผู้ได้รับของขวัญไว้ดังนี้ : “ค่าแรงคือวันละ 50 เซ็นต์ ต่อวัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อน ไม่มีการให้ลาป่วย ไม่มีค่าชดเชยหากพิการ คนงานอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ Kaqhazabad โดยไม่มีน้ำและไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงของฟุ่มเฟื่อย เช่น น้ำแข็ง หรือพัดลม หน้าหนาวน้ำจะท่วมพื้นดิน ค้าง บริเวณกว้าง เหมือนเป็นทะเลสาบ โคลนในเมืองสูงเท่าหัวเข่า และต้องใช้เรือขนส่ง แล่นไปตามถนน ที่เต็มไปด้วยน้ำเพื่อขนส่ง หน้าร้อนยิ่งแย่กว่า ที่พักซึ่งถูกเขม่าน้ำมันเกาะกันเป็นแผ่นหนาเตอะ ทำให้กระท่อมร้อนระอุเหมือนเตาอบ และมีกลิ่นเหม็นหื่นของน้ำมันเผาเก่า ๆ… ส่วนที่พักของชาวอังกฤษอยู่ใน Abadn เป็นบ้านใหญ่โต มีสนามสวยงาม มีแปลงดอกกุหลาบ สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ และสโมสร แต่ที่ Kaqhazabad ไม่มีอะไรเช่นนั้น ไม่มี… ไม่มีแม้แต่ที่อาบน้ำ ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น …” สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
14 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • ประชามติ MOU ผลักภาระให้ประชาชน รัฐบาลไม่รับผิดชอบ : ข่าวลึกปมลับ 06-10-68
    ประชามติ MOU ผลักภาระให้ประชาชน รัฐบาลไม่รับผิดชอบ : ข่าวลึกปมลับ 06-10-68
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 0 Reviews
  • รัฐบาลเขมรสูง มอบอำนาจ "วรภัค" รมช.คลัง หนึ่งในผู้บริหารแบงก์ BIC Group ในกัมพูชา ให้กำกับดูแล สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ซึ่งอาจมีแผนรื้อฟื้นการสนับสนุนให้เงินสร้างถนนสร้างสะพานแก่กัมพูชาใหม่ หลังจากถูกสั่งระงับไปช่วยสู้รบกับไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    รัฐบาลเขมรสูง มอบอำนาจ "วรภัค" รมช.คลัง หนึ่งในผู้บริหารแบงก์ BIC Group ในกัมพูชา ให้กำกับดูแล สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ซึ่งอาจมีแผนรื้อฟื้นการสนับสนุนให้เงินสร้างถนนสร้างสะพานแก่กัมพูชาใหม่ หลังจากถูกสั่งระงับไปช่วยสู้รบกับไทย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 1 Shares 126 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลอย่าเนียน จะทำประชามติปชช.ต้องรู้ก่อน!! (6/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #รัฐบาลไทย
    #ประชามติ
    #การเมืองไทย
    #รัฐธรรมนูญ
    รัฐบาลอย่าเนียน จะทำประชามติปชช.ต้องรู้ก่อน!! (6/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #รัฐบาลไทย #ประชามติ #การเมืองไทย #รัฐธรรมนูญ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 0 Reviews
  • ..เอาแล้วเริ่มออกลายแล้ว,รั้วลวดหนามถ้ารัฐบาลไม่สร้างตลอดแนว ทหารไม่สร้างตลอดแนวตามหลักเขตแดน73เสาหลักปักตำตาแล้ว,ถือว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อชาติต่อประชาชนคนไทย,การสร้างรั้วกำแพงลวดหนามถาวร เราสามารถสร้างทันทีได้เลยในอัตรา1:50,000หรือขยับเข้ามาสัก20-30เมตร ห่างจากเสาเขตแดนที่ปักกับเขมรสมัยตกลงกับฝรั่งเศสได้,สร้างตลอดแนวให้เสร็จสมบูรณ์ถาวรเลย ปิดช่องทางธรรมชาติมิให้ใครเข้าออกตามพรมแดนธรรมชาติได้อีก,จากนั้นมาเคลียร์จุดตรงแนวเสาเขตแดนของจริงอีกครั้ง,ทำรั้วลวดหนามชั่วคราวอีกชั้นว่าแนวนี้คือแนวเขตแดนจริงที่เป็นเส้นแบ่งของจริง ปักตอเสาเข็มอัดแรงตลอด800กม. ระยะห่างของเสาเข็มแต่ละต้นทุกๆ500เมตรเลย,มันจะขุดด้วยรถขุดยากแน่นอน กั้นรั้วชุดแรกได้ตามแนวเขตแดนจริง แม้มันพยายามปีนรั้วชั้นแรกเข้ามาได้ เราก็มีรั้วถาวรชั้นที่สองสร้างถาวรจริงในเขตแผ่นดินไทยเราด้วย ห่างจากรั้วชั่วคราวแนวพรมแดนเพียง20-30เมตร เราออกลาดตะเวนจุดนี้ได้อีก,เขาเรียกพื้นที่ฟรีโซนสำหรับทหารไทยเราด้วย,มันคนเขมรเข้ามาในเขตฟรีโซนเดทโซนเรา ยืนเหยียบเขตนี้เรา เรายิงทิ้งได้ทันที แล้วค่อยขี่รถไปเก็บศพส่งคืนทีหลังได้.,ข้อหาเข้ามาผีบ้าในแผ่นดินไทย.
    ..รั้วลวดหนามถาวร เราสร้างได้ทันที ไม่จำเป็นต้องตรงแนวเขตแดนเสาหมุกสยามฝรั่งเศสก็ได้.

    https://youtu.be/0-cjk-edJRY?si=Mzeb-KU6CcTDs2nb
    ..เอาแล้วเริ่มออกลายแล้ว,รั้วลวดหนามถ้ารัฐบาลไม่สร้างตลอดแนว ทหารไม่สร้างตลอดแนวตามหลักเขตแดน73เสาหลักปักตำตาแล้ว,ถือว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อชาติต่อประชาชนคนไทย,การสร้างรั้วกำแพงลวดหนามถาวร เราสามารถสร้างทันทีได้เลยในอัตรา1:50,000หรือขยับเข้ามาสัก20-30เมตร ห่างจากเสาเขตแดนที่ปักกับเขมรสมัยตกลงกับฝรั่งเศสได้,สร้างตลอดแนวให้เสร็จสมบูรณ์ถาวรเลย ปิดช่องทางธรรมชาติมิให้ใครเข้าออกตามพรมแดนธรรมชาติได้อีก,จากนั้นมาเคลียร์จุดตรงแนวเสาเขตแดนของจริงอีกครั้ง,ทำรั้วลวดหนามชั่วคราวอีกชั้นว่าแนวนี้คือแนวเขตแดนจริงที่เป็นเส้นแบ่งของจริง ปักตอเสาเข็มอัดแรงตลอด800กม. ระยะห่างของเสาเข็มแต่ละต้นทุกๆ500เมตรเลย,มันจะขุดด้วยรถขุดยากแน่นอน กั้นรั้วชุดแรกได้ตามแนวเขตแดนจริง แม้มันพยายามปีนรั้วชั้นแรกเข้ามาได้ เราก็มีรั้วถาวรชั้นที่สองสร้างถาวรจริงในเขตแผ่นดินไทยเราด้วย ห่างจากรั้วชั่วคราวแนวพรมแดนเพียง20-30เมตร เราออกลาดตะเวนจุดนี้ได้อีก,เขาเรียกพื้นที่ฟรีโซนสำหรับทหารไทยเราด้วย,มันคนเขมรเข้ามาในเขตฟรีโซนเดทโซนเรา ยืนเหยียบเขตนี้เรา เรายิงทิ้งได้ทันที แล้วค่อยขี่รถไปเก็บศพส่งคืนทีหลังได้.,ข้อหาเข้ามาผีบ้าในแผ่นดินไทย. ..รั้วลวดหนามถาวร เราสร้างได้ทันที ไม่จำเป็นต้องตรงแนวเขตแดนเสาหมุกสยามฝรั่งเศสก็ได้. https://youtu.be/0-cjk-edJRY?si=Mzeb-KU6CcTDs2nb
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • โฆษกกระทรวงแรงงานฯกัมพูชา อ้างว่าพวกฝ่ายต่อต้านในต่างแดน บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการประท้วงของแรงงานของบริษัททาราล พร้อมประณามมันว่ามีเจตนายุยงปลุกปั่นกัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และทำลายรัฐบาล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095268

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    โฆษกกระทรวงแรงงานฯกัมพูชา อ้างว่าพวกฝ่ายต่อต้านในต่างแดน บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการประท้วงของแรงงานของบริษัททาราล พร้อมประณามมันว่ามีเจตนายุยงปลุกปั่นกัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และทำลายรัฐบาล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095268 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • “Social Cooling — เมื่อคะแนนดิจิทัลกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้สังคมเย็นชา”

    ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของเศรษฐกิจดิจิทัล เว็บไซต์ SocialCooling.com ได้เปิดเผยผลกระทบที่ซ่อนอยู่ของ Big Data ต่อพฤติกรรมมนุษย์ โดยเปรียบเทียบว่า “น้ำมันทำให้โลกร้อน แต่ข้อมูลทำให้สังคมเย็น” เพราะเมื่อเรารู้ว่ากำลังถูกจับตามอง เราจะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม — ลดความกล้า เสี่ยงน้อยลง และเซ็นเซอร์ตัวเองมากขึ้น

    แนวคิด “Social Cooling” หมายถึงผลกระทบระยะยาวจากการใช้ระบบคะแนนดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้าง “คะแนนชื่อเสียง” ที่บริษัทหรือรัฐบาลใช้ตัดสินคุณค่าของบุคคล โดยอิงจากพฤติกรรมออนไลน์ เช่น การกดไลก์ การซื้อสินค้า หรือแม้แต่เพื่อนที่คุณมีในโซเชียลมีเดีย

    ข้อมูลของคุณถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ระบบรู้จักมากกว่า เพื่อคาดเดาว่าคุณอาจเป็นคนแบบไหน เช่น มีแนวโน้มเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้า เป็นผู้วางแผนมีลูก หรือแม้แต่เป็นเจ้าของปืน โดยที่คุณไม่เคยเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เลย

    ผลลัพธ์คือผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดีขึ้น เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่กล้าคลิกลิงก์ที่อาจดูไม่ดี หรือแม้แต่แพทย์ที่หลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะกลัวคะแนนต่ำจากอัตราการเสียชีวิต

    ในประเทศจีน ระบบ “Social Credit Score” ถูกใช้จริง โดยวัดพฤติกรรมของประชาชนจากการซื้อของ การโพสต์บนโซเชียล และแม้แต่คะแนนของเพื่อน หากคะแนนต่ำจะถูกจำกัดสิทธิ์ เช่น ไม่สามารถสมัครงานราชการ ขอวีซ่า หรือแม้แต่หาคู่ทางออนไลน์

    คำถามใหญ่ที่ตามมาคือ — เรากำลังกลายเป็นคนดีขึ้น หรือแค่ “เชื่องขึ้น”? และในโลกที่ทุกการกระทำถูกเก็บไว้ตลอดกาล เราจะยังมีสิทธิ์ “ผิดพลาด” ได้อีกหรือไม่?

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Social Cooling คือผลกระทบจากระบบคะแนนดิจิทัลที่ทำให้คนเซ็นเซอร์ตัวเอง
    ข้อมูลของผู้ใช้ถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นเพื่อคาดเดาพฤติกรรมที่ไม่เปิดเผย
    ตัวอย่างการคาดเดา ได้แก่ แนวโน้มทางเพศ ภาวะสุขภาพ ความเห็นทางการเมือง
    ผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดี เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นหรือคลิกลิงก์
    แพทย์บางคนหลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายเพราะกลัวคะแนนต่ำ
    ประเทศจีนใช้ระบบ Social Credit Score เพื่อควบคุมพฤติกรรมประชาชน
    คะแนนต่ำส่งผลต่อสิทธิ์ในการทำงาน ขอวีซ่า หรือแม้แต่การหาคู่
    ระบบนี้สร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัว ความเชื่อง และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Databrokers คือบริษัทที่รวบรวมข้อมูลเพื่อขายให้กับองค์กรต่าง ๆ
    ระบบคะแนนชื่อเสียงถูกใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Tinder, LinkedIn, Amazon
    Cambridge Analytica เคยใช้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวพฤติกรรมการลงคะแนนเสียง
    การคืนสินค้าบ่อยอาจทำให้คุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ
    บริษัทประกันสุขภาพบางแห่งใช้ข้อมูลไลฟ์สไตล์ในการประเมินเบี้ยประกัน

    https://www.socialcooling.com/
    🧊 “Social Cooling — เมื่อคะแนนดิจิทัลกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้สังคมเย็นชา” ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นเชื้อเพลิงของเศรษฐกิจดิจิทัล เว็บไซต์ SocialCooling.com ได้เปิดเผยผลกระทบที่ซ่อนอยู่ของ Big Data ต่อพฤติกรรมมนุษย์ โดยเปรียบเทียบว่า “น้ำมันทำให้โลกร้อน แต่ข้อมูลทำให้สังคมเย็น” เพราะเมื่อเรารู้ว่ากำลังถูกจับตามอง เราจะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม — ลดความกล้า เสี่ยงน้อยลง และเซ็นเซอร์ตัวเองมากขึ้น แนวคิด “Social Cooling” หมายถึงผลกระทบระยะยาวจากการใช้ระบบคะแนนดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้าง “คะแนนชื่อเสียง” ที่บริษัทหรือรัฐบาลใช้ตัดสินคุณค่าของบุคคล โดยอิงจากพฤติกรรมออนไลน์ เช่น การกดไลก์ การซื้อสินค้า หรือแม้แต่เพื่อนที่คุณมีในโซเชียลมีเดีย ข้อมูลของคุณถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ระบบรู้จักมากกว่า เพื่อคาดเดาว่าคุณอาจเป็นคนแบบไหน เช่น มีแนวโน้มเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้า เป็นผู้วางแผนมีลูก หรือแม้แต่เป็นเจ้าของปืน โดยที่คุณไม่เคยเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เลย ผลลัพธ์คือผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดีขึ้น เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่กล้าคลิกลิงก์ที่อาจดูไม่ดี หรือแม้แต่แพทย์ที่หลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพราะกลัวคะแนนต่ำจากอัตราการเสียชีวิต ในประเทศจีน ระบบ “Social Credit Score” ถูกใช้จริง โดยวัดพฤติกรรมของประชาชนจากการซื้อของ การโพสต์บนโซเชียล และแม้แต่คะแนนของเพื่อน หากคะแนนต่ำจะถูกจำกัดสิทธิ์ เช่น ไม่สามารถสมัครงานราชการ ขอวีซ่า หรือแม้แต่หาคู่ทางออนไลน์ คำถามใหญ่ที่ตามมาคือ — เรากำลังกลายเป็นคนดีขึ้น หรือแค่ “เชื่องขึ้น”? และในโลกที่ทุกการกระทำถูกเก็บไว้ตลอดกาล เราจะยังมีสิทธิ์ “ผิดพลาด” ได้อีกหรือไม่? ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Social Cooling คือผลกระทบจากระบบคะแนนดิจิทัลที่ทำให้คนเซ็นเซอร์ตัวเอง ➡️ ข้อมูลของผู้ใช้ถูกเปรียบเทียบกับคนอื่นเพื่อคาดเดาพฤติกรรมที่ไม่เปิดเผย ➡️ ตัวอย่างการคาดเดา ได้แก่ แนวโน้มทางเพศ ภาวะสุขภาพ ความเห็นทางการเมือง ➡️ ผู้คนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดี เช่น ไม่กล้าแสดงความเห็นหรือคลิกลิงก์ ➡️ แพทย์บางคนหลีกเลี่ยงการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้ายเพราะกลัวคะแนนต่ำ ➡️ ประเทศจีนใช้ระบบ Social Credit Score เพื่อควบคุมพฤติกรรมประชาชน ➡️ คะแนนต่ำส่งผลต่อสิทธิ์ในการทำงาน ขอวีซ่า หรือแม้แต่การหาคู่ ➡️ ระบบนี้สร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัว ความเชื่อง และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Databrokers คือบริษัทที่รวบรวมข้อมูลเพื่อขายให้กับองค์กรต่าง ๆ ➡️ ระบบคะแนนชื่อเสียงถูกใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Tinder, LinkedIn, Amazon ➡️ Cambridge Analytica เคยใช้ข้อมูลเพื่อโน้มน้าวพฤติกรรมการลงคะแนนเสียง ➡️ การคืนสินค้าบ่อยอาจทำให้คุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ ➡️ บริษัทประกันสุขภาพบางแห่งใช้ข้อมูลไลฟ์สไตล์ในการประเมินเบี้ยประกัน https://www.socialcooling.com/
    WWW.SOCIALCOOLING.COM
    Social Cooling - big data's unintended side effect
    Thousands of hidden scores influence your chance to get a job, a loan, insurance or even a date. Social Cooling describes how this increases pressure to conform, and asks how this will change society.
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูล NIRS ทำลายระบบคลาวด์ G-Drive ของรัฐบาลเกาหลีใต้ — ข้อมูลข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร”

    เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลของ National Information Resources Service (NIRS) ณ เมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งส่งผลให้ระบบคลาวด์ G-Drive ที่ใช้เก็บเอกสารงานของข้าราชการกว่า 750,000 คนถูกทำลายทั้งหมด โดยไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ทำให้ข้อมูลสูญหายอย่างถาวร

    G-Drive เป็นระบบที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อให้ข้าราชการจัดเก็บเอกสารงานในคลาวด์แทนการเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว โดยให้พื้นที่เก็บข้อมูลประมาณ 30GB ต่อคน และมีการบังคับใช้ในหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงบริหารบุคคลที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้

    ไฟไหม้ครั้งนี้ทำลายระบบสำคัญถึง 96 ระบบ รวมถึง G-Drive ซึ่งมีโครงสร้างแบบ “ความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ” ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ และแม้จะมีการสำรองข้อมูลภายในศูนย์ข้อมูลเดียวกัน แต่ก็ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด

    ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังพยายามกู้คืนข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ไฟล์ที่เก็บไว้ในเครื่องส่วนตัว อีเมล เอกสารทางราชการ และระบบ Onnara ซึ่งใช้เก็บเอกสารที่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดยหวังว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลบางส่วนได้เมื่อระบบ Onnara กลับมาใช้งานได้

    เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการดำเนินงานของภาครัฐ และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดการข้อมูลของรัฐบาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการออกแบบระบบที่ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอกสำหรับระบบสำคัญเช่น G-Drive

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกิดไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล NIRS เมืองแทจอน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025
    ระบบ G-Drive ถูกทำลายทั้งหมด ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก
    ข้อมูลของข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร
    G-Drive ให้พื้นที่เก็บข้อมูล 30GB ต่อคน และใช้แทนการเก็บในเครื่องส่วนตัว
    กระทรวงบริหารบุคคลได้รับผลกระทบหนักที่สุด
    ระบบสำคัญ 96 ระบบถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้
    ข้อมูลบางส่วนอาจกู้คืนได้จากระบบ Onnara และไฟล์ในเครื่องส่วนตัว
    ระบบ G-Drive มีโครงสร้างแบบความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    G-Drive ถูกออกแบบมาเพื่อให้ข้าราชการทำงานจากระยะไกลและแชร์เอกสารได้สะดวก
    ข้อมูลใน G-Drive มีขนาดรวมกว่า 858TB เทียบเท่ากระดาษ A4 กว่า 274.6 พันล้านแผ่น
    เหตุไฟไหม้เกิดจากแบตเตอรี่ลิเธียมระเบิดระหว่างการเปลี่ยนในห้องเซิร์ฟเวอร์
    รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งศูนย์บัญชาการฟื้นฟูระบบที่เมืองแทกูเพื่อย้ายระบบที่เสียหาย
    มีการฟื้นฟูระบบออนไลน์แล้ว 15.6% และตั้งบริการทดแทนสำหรับระบบที่ยังไม่ฟื้น

    https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-10-01/national/socialAffairs/NIRS-fire-destroys-governments-cloud-storage-system-no-backups-available/2412936
    🔥 “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูล NIRS ทำลายระบบคลาวด์ G-Drive ของรัฐบาลเกาหลีใต้ — ข้อมูลข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร” เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลของ National Information Resources Service (NIRS) ณ เมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งส่งผลให้ระบบคลาวด์ G-Drive ที่ใช้เก็บเอกสารงานของข้าราชการกว่า 750,000 คนถูกทำลายทั้งหมด โดยไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ทำให้ข้อมูลสูญหายอย่างถาวร G-Drive เป็นระบบที่รัฐบาลเกาหลีใต้ใช้มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อให้ข้าราชการจัดเก็บเอกสารงานในคลาวด์แทนการเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว โดยให้พื้นที่เก็บข้อมูลประมาณ 30GB ต่อคน และมีการบังคับใช้ในหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงบริหารบุคคลที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้ ไฟไหม้ครั้งนี้ทำลายระบบสำคัญถึง 96 ระบบ รวมถึง G-Drive ซึ่งมีโครงสร้างแบบ “ความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ” ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ และแม้จะมีการสำรองข้อมูลภายในศูนย์ข้อมูลเดียวกัน แต่ก็ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังพยายามกู้คืนข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ไฟล์ที่เก็บไว้ในเครื่องส่วนตัว อีเมล เอกสารทางราชการ และระบบ Onnara ซึ่งใช้เก็บเอกสารที่ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการ โดยหวังว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลบางส่วนได้เมื่อระบบ Onnara กลับมาใช้งานได้ เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการดำเนินงานของภาครัฐ และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดการข้อมูลของรัฐบาลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการออกแบบระบบที่ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอกสำหรับระบบสำคัญเช่น G-Drive ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกิดไฟไหม้ที่ศูนย์ข้อมูล NIRS เมืองแทจอน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 ➡️ ระบบ G-Drive ถูกทำลายทั้งหมด ไม่มีการสำรองข้อมูลภายนอก ➡️ ข้อมูลของข้าราชการกว่า 750,000 คนสูญหายถาวร ➡️ G-Drive ให้พื้นที่เก็บข้อมูล 30GB ต่อคน และใช้แทนการเก็บในเครื่องส่วนตัว ➡️ กระทรวงบริหารบุคคลได้รับผลกระทบหนักที่สุด ➡️ ระบบสำคัญ 96 ระบบถูกทำลายจากเหตุไฟไหม้ ➡️ ข้อมูลบางส่วนอาจกู้คืนได้จากระบบ Onnara และไฟล์ในเครื่องส่วนตัว ➡️ ระบบ G-Drive มีโครงสร้างแบบความจุสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ไม่สามารถสำรองข้อมูลภายนอกได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ G-Drive ถูกออกแบบมาเพื่อให้ข้าราชการทำงานจากระยะไกลและแชร์เอกสารได้สะดวก ➡️ ข้อมูลใน G-Drive มีขนาดรวมกว่า 858TB เทียบเท่ากระดาษ A4 กว่า 274.6 พันล้านแผ่น ➡️ เหตุไฟไหม้เกิดจากแบตเตอรี่ลิเธียมระเบิดระหว่างการเปลี่ยนในห้องเซิร์ฟเวอร์ ➡️ รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งศูนย์บัญชาการฟื้นฟูระบบที่เมืองแทกูเพื่อย้ายระบบที่เสียหาย ➡️ มีการฟื้นฟูระบบออนไลน์แล้ว 15.6% และตั้งบริการทดแทนสำหรับระบบที่ยังไม่ฟื้น https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-10-01/national/socialAffairs/NIRS-fire-destroys-governments-cloud-storage-system-no-backups-available/2412936
    KOREAJOONGANGDAILY.JOINS.COM
    NIRS fire destroys government's cloud storage system, no backups available
    A fire at the National Information Resources Service (NIRS) Daejeon headquarters destroyed the government’s G-Drive cloud storage system, erasing work files saved individually by some 750,000 civil servants.
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68
    .
    เช้าวันจันทร์หลังจากประชุม และรับประทานอาหารกับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ เมนูเป็นข้าวคลุกกะปิ คุณสนธิกับ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ก็พูดคุยประเด็นร้อนแรงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การยกเลิก MOU 2543-2544 และการรุกล้ำดินแดนไทยของกัมพูชาที่ยังไม่ได้ข้อเสียที แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนจาก "รัฐบาลอังเคิลฮุน" มาเป็น "รัฐบาลหนู อนุทิน" แล้วก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่คุณสนธิจะนำมาเล่าสู่กันฟังในรายการสนธิเล่าเรื่องวันนี้ เช่น เรื่องราคาทองคำ , เรื่องการแทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. ของพรรคภูมิใจไทยด้วย
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #MOU2543 #รัฐบาลอนุทิน #ทรงฤทธิ์โพนเงิน #ราคาทองคำ #เขากระโดง #ฮั้วสว
    สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68 . เช้าวันจันทร์หลังจากประชุม และรับประทานอาหารกับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ เมนูเป็นข้าวคลุกกะปิ คุณสนธิกับ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ก็พูดคุยประเด็นร้อนแรงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การยกเลิก MOU 2543-2544 และการรุกล้ำดินแดนไทยของกัมพูชาที่ยังไม่ได้ข้อเสียที แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนจาก "รัฐบาลอังเคิลฮุน" มาเป็น "รัฐบาลหนู อนุทิน" แล้วก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่คุณสนธิจะนำมาเล่าสู่กันฟังในรายการสนธิเล่าเรื่องวันนี้ เช่น เรื่องราคาทองคำ , เรื่องการแทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. ของพรรคภูมิใจไทยด้วย . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #MOU2543 #รัฐบาลอนุทิน #ทรงฤทธิ์โพนเงิน #ราคาทองคำ #เขากระโดง #ฮั้วสว
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • ทั้งหมดเกิดจากวิถีปกครองของนักการเมืองบวกคนข้าราชการไทยทั้งระบบ ต่างคนต่างทำหน้าที่พะนะ อย่ามายุ่งเกี่ยวหน้าที่ข้าราชการกูนะ,มันจึงบรรลัยไง,ต่อมเอะเกิดคนข้าราชการต้องเชื่อมโยงจัดการสิ่งเป็นภัยบนบ้านบนเมืองตนร่วมกันได้ ยุ่งเกี่ยวกันได้หากฝ่ายข้าราชการนั้นมันบัดสบทัังระดับพื้นๆถึงระดับบัดสบรรุนแรง,กฎหมายมากมายเอื้ออำนวยคนต่างชาติเสียเกินเหตุ เต็มบ้านเต็มเมืองไทย หากจะยึดประเทศไทยมันรวมหัวกันได้เลย แบบไส้ศึกในอดีตที่มีคนอื่นในเมืองในกองทัพตนมากเกินไป,
    ..เราต้องคัดกรอกคนเข้าเมืองแล้ว ต้องมีวีซ่าระดับปลอดภัยจริง,ตาสีตาสา ฝรั่งต่างชาติคนคุณภาพต่ำก็สามารถเข้าประเทศไทยได้แบบนี้ใช้ไม่ได้,การตรวจสอบคุณภาพคนต่างประเทศเข้าเมืองไทยต้องคัดกรอกกันใหม่,โดยผลักดันออกจากประเทศไทยทั้งหมด สแกนคนเถื่อนคนต่างด้าวคนต่างถิ่นทุกๆตารางนิ้วทั่วไทย ใครให้ที่หลบซ่อนติดคุกไม่รอลงอาญาทันที,อย่างน้อย1อาทิตย์ห้ามประกันตัว,หากสืบส่วนพบว่าจงใจนำเข้าคนต่างด้าว จงใจฝ่าฝืนรัฐบาลสั่งการห้ามให้ที่พักพิงคนต่างชาติต่างด้าวกรณีนโยบายผลักดันทุกๆคนต่างถิ่นต่างชาติออกจากประเทศไทยทั้งหมดเพื่อเคลียร์ความมั่นคงทางด้านความปลอดภัยของคนไทยทุกๆมิติก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญต่อบ้านเมืองเราในยุคสมัยเวลานี้,คนไทยต้องถูกปกป้องเต็มที่ก่อน,เรา..ประเทศไทยจะเหลือคนไทยเพรียวๆ หากเกินเหตุชั่วเลวใดๆอีกการกำจัดคนไทยที่มีสันดานใฝ่ชั่วเลวก็จะง่ายขึ้นไปอีก,ไร้มือที่สามต่างชาติต่างด้าวใดๆมาแทรกแซงนั้นเอง.
    ..เรา..ประเทศไทยต้องเด็ดขาดจริงๆ ยิ่งวัคซีนโควิดสามารถกระตุ้นจิตใจผู้คนให้ผิดปกติผ่านคลื่น5Gได้ด้วยผ่านนาโนบอทที่ฉีดเข้าไปร่วมิกับวัคซีนโควิด,ที่คนทั่วไปอาจเรียกว่าพวกโรคประสาท,แต่แท้จริง คนพวกนี้กำลังจะกลายพันธุ์เป็นซอมบี้แบบไม่รู้ตัว .แดกมนุษย์ด้วยกันเองแบบไม่รู้ตัวในช่วงแรก,เหมือนๆใครสั่งให้ทำประมาณนั้นที่มันๆแก้ตัวกัน,นี้ไม่รวมแก๊งค้ามนุษย์ค้าอวัยวะจริงๆโดยมาจากแก๊งสแกมเมอร์นี้ล่ะที่หลอกลวงเหยื่อมาทำงาน จากนั้นทรมาน ทำงานให้มัน ทั้งหลอกคนอื่นๆต่อไป บังคับค้ากาม เมื่อทั้งหมด หมดสภาพก็ฆ่าทิ้งชำแหละค้าอวัยวะมนุษย์ขายต่อไป,รัฐบาลไทยและอาเชียนทำห่าอะไรอยู่ ชาติอาเชียนทำไมกากขนาดนี้ ไม่ร่วมกันกำจัดสิ่งเหล่านี้จริงจัง รวมทั้งชาติเอเชียเราด้วย เหี้ยทั้งเอเชีย บ้าบอทำสงครามมหาอำนาจชาติหมามัน,เขมร พม่า ในเวลานี้คือแหล่งอาชญากรรมค้ามนุษย์สากลระดับโลก แต่เหี้ยไม่จัดการเด็ดหัวพวกนี้เลย, คนจีนชั่วเลวก็มากมาย,ไทยเราต้องส่งกลับคนจีนทุกๆหมดออกจากประเทศก่อนเช่นกัน เจาะจงเพราะวีระกรรมจีนชั่วจีนเทามันไง,คนจีนจะเข้าประเทศไทยได้ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนก่อน,หากกระทำผิดชั่วเลวใดๆ,รัฐบาลจีนต้องรับผิดชอบทั้งหมดที่ก่อเหตุชั่วในไทยเรา เป็นต้น นี้ต้องสแกนคุณภาพคนเข้าประเทศไทยแบบนี้ อย่างเป็นทางการ,เราปกครองผิดวิธีแล้วในตอนนี้.


    https://youtube.com/shorts/0VpGOC6JfjI?si=pw6BSbIuHlWGpFpf
    ทั้งหมดเกิดจากวิถีปกครองของนักการเมืองบวกคนข้าราชการไทยทั้งระบบ ต่างคนต่างทำหน้าที่พะนะ อย่ามายุ่งเกี่ยวหน้าที่ข้าราชการกูนะ,มันจึงบรรลัยไง,ต่อมเอะเกิดคนข้าราชการต้องเชื่อมโยงจัดการสิ่งเป็นภัยบนบ้านบนเมืองตนร่วมกันได้ ยุ่งเกี่ยวกันได้หากฝ่ายข้าราชการนั้นมันบัดสบทัังระดับพื้นๆถึงระดับบัดสบรรุนแรง,กฎหมายมากมายเอื้ออำนวยคนต่างชาติเสียเกินเหตุ เต็มบ้านเต็มเมืองไทย หากจะยึดประเทศไทยมันรวมหัวกันได้เลย แบบไส้ศึกในอดีตที่มีคนอื่นในเมืองในกองทัพตนมากเกินไป, ..เราต้องคัดกรอกคนเข้าเมืองแล้ว ต้องมีวีซ่าระดับปลอดภัยจริง,ตาสีตาสา ฝรั่งต่างชาติคนคุณภาพต่ำก็สามารถเข้าประเทศไทยได้แบบนี้ใช้ไม่ได้,การตรวจสอบคุณภาพคนต่างประเทศเข้าเมืองไทยต้องคัดกรอกกันใหม่,โดยผลักดันออกจากประเทศไทยทั้งหมด สแกนคนเถื่อนคนต่างด้าวคนต่างถิ่นทุกๆตารางนิ้วทั่วไทย ใครให้ที่หลบซ่อนติดคุกไม่รอลงอาญาทันที,อย่างน้อย1อาทิตย์ห้ามประกันตัว,หากสืบส่วนพบว่าจงใจนำเข้าคนต่างด้าว จงใจฝ่าฝืนรัฐบาลสั่งการห้ามให้ที่พักพิงคนต่างชาติต่างด้าวกรณีนโยบายผลักดันทุกๆคนต่างถิ่นต่างชาติออกจากประเทศไทยทั้งหมดเพื่อเคลียร์ความมั่นคงทางด้านความปลอดภัยของคนไทยทุกๆมิติก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญต่อบ้านเมืองเราในยุคสมัยเวลานี้,คนไทยต้องถูกปกป้องเต็มที่ก่อน,เรา..ประเทศไทยจะเหลือคนไทยเพรียวๆ หากเกินเหตุชั่วเลวใดๆอีกการกำจัดคนไทยที่มีสันดานใฝ่ชั่วเลวก็จะง่ายขึ้นไปอีก,ไร้มือที่สามต่างชาติต่างด้าวใดๆมาแทรกแซงนั้นเอง. ..เรา..ประเทศไทยต้องเด็ดขาดจริงๆ ยิ่งวัคซีนโควิดสามารถกระตุ้นจิตใจผู้คนให้ผิดปกติผ่านคลื่น5Gได้ด้วยผ่านนาโนบอทที่ฉีดเข้าไปร่วมิกับวัคซีนโควิด,ที่คนทั่วไปอาจเรียกว่าพวกโรคประสาท,แต่แท้จริง คนพวกนี้กำลังจะกลายพันธุ์เป็นซอมบี้แบบไม่รู้ตัว .แดกมนุษย์ด้วยกันเองแบบไม่รู้ตัวในช่วงแรก,เหมือนๆใครสั่งให้ทำประมาณนั้นที่มันๆแก้ตัวกัน,นี้ไม่รวมแก๊งค้ามนุษย์ค้าอวัยวะจริงๆโดยมาจากแก๊งสแกมเมอร์นี้ล่ะที่หลอกลวงเหยื่อมาทำงาน จากนั้นทรมาน ทำงานให้มัน ทั้งหลอกคนอื่นๆต่อไป บังคับค้ากาม เมื่อทั้งหมด หมดสภาพก็ฆ่าทิ้งชำแหละค้าอวัยวะมนุษย์ขายต่อไป,รัฐบาลไทยและอาเชียนทำห่าอะไรอยู่ ชาติอาเชียนทำไมกากขนาดนี้ ไม่ร่วมกันกำจัดสิ่งเหล่านี้จริงจัง รวมทั้งชาติเอเชียเราด้วย เหี้ยทั้งเอเชีย บ้าบอทำสงครามมหาอำนาจชาติหมามัน,เขมร พม่า ในเวลานี้คือแหล่งอาชญากรรมค้ามนุษย์สากลระดับโลก แต่เหี้ยไม่จัดการเด็ดหัวพวกนี้เลย, คนจีนชั่วเลวก็มากมาย,ไทยเราต้องส่งกลับคนจีนทุกๆหมดออกจากประเทศก่อนเช่นกัน เจาะจงเพราะวีระกรรมจีนชั่วจีนเทามันไง,คนจีนจะเข้าประเทศไทยได้ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีนก่อน,หากกระทำผิดชั่วเลวใดๆ,รัฐบาลจีนต้องรับผิดชอบทั้งหมดที่ก่อเหตุชั่วในไทยเรา เป็นต้น นี้ต้องสแกนคุณภาพคนเข้าประเทศไทยแบบนี้ อย่างเป็นทางการ,เราปกครองผิดวิธีแล้วในตอนนี้. https://youtube.com/shorts/0VpGOC6JfjI?si=pw6BSbIuHlWGpFpf
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • “ญี่ปุ่นใช้โดรนเลเซอร์ป้องกันฟาร์มไก่ — เทคโนโลยีใหม่จาก NTT หวังหยุดการระบาดของไข้หวัดนก”

    ในช่วงต้นปี 2025 จังหวัดชิบะของญี่ปุ่นเผชิญกับการระบาดของไข้หวัดนกอย่างรุนแรง จนต้องทำการคัดไก่กว่า 3.3 ล้านตัวเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง NTT ร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทในเครือ NTT e-Drone Technology พัฒนาโดรนรุ่นใหม่ชื่อว่า “BB102” ที่ติดตั้งระบบเลเซอร์เพื่อไล่นกป่า เช่น อีกาและนกพิราบ ซึ่งเป็นพาหะสำคัญของไวรัส

    โดรน BB102 ใช้เลเซอร์สีแดงและเขียวที่ถูกออกแบบให้กระจายเป็นลำแสงหลายทิศทาง พร้อมระบบกระพริบแบบสุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้นกปรับตัวหรือหลบเลี่ยงได้ง่าย โดยสามารถบินอัตโนมัติครอบคลุมพื้นที่ฟาร์มขนาดใหญ่ และตรวจสอบหลังคาหรือจุดสูงที่มนุษย์เข้าถึงยาก

    การใช้โดรนเลเซอร์นี้ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้เสียงหรือสารเคมี และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นผ่านเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการติดตั้งระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์และมนุษย์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 ที่มีความรุนแรงสูง

    นอกจากการป้องกันโรคแล้ว BB102 ยังสามารถใช้ตรวจสอบโครงสร้างฟาร์มและพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ ได้อีกด้วย ถือเป็นการผสานเทคโนโลยีการบินอัตโนมัติเข้ากับการควบคุมโรคในระดับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NTT พัฒนาโดรน BB102 ติดตั้งเลเซอร์เพื่อไล่นกป่าจากฟาร์มไก่
    ใช้เลเซอร์สีแดงและเขียวแบบกระจาย พร้อมระบบกระพริบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    โดรนสามารถบินอัตโนมัติและตรวจสอบพื้นที่สูงได้
    เป้าหมายคือป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1
    จังหวัดชิบะเคยต้องคัดไก่กว่า 3.3 ล้านตัวในช่วงต้นปี 2025
    โครงการได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อช่วยเกษตรกร
    BB102 ยังสามารถใช้ตรวจสอบโครงสร้างฟาร์มและพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ
    โดรนนี้เป็นการพัฒนาร่วมระหว่าง NTT e-Drone Technology และ NTT East Japan

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ไข้หวัดนกสามารถแพร่จากนกป่าผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือมูลที่ปนเปื้อน
    เลเซอร์สีแดงและเขียวเป็นคลื่นแสงที่สัตว์ป่าหลายชนิดไวต่อการรับรู้
    การใช้โดรนแทนแรงงานคนช่วยลดภาระและเพิ่มความปลอดภัยในฟาร์ม
    เทคโนโลยีเลเซอร์แบบ speckle noise ช่วยป้องกันการปรับตัวของนก
    โดรน BB102 เป็นโดรนเลเซอร์ป้องกันสัตว์รุ่นแรกที่ผลิตในญี่ปุ่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/japanese-tech-giant-deploys-laser-drones-to-protect-chickens-drones-are-hoped-to-prevent-the-spread-of-avian-flu
    🦠 “ญี่ปุ่นใช้โดรนเลเซอร์ป้องกันฟาร์มไก่ — เทคโนโลยีใหม่จาก NTT หวังหยุดการระบาดของไข้หวัดนก” ในช่วงต้นปี 2025 จังหวัดชิบะของญี่ปุ่นเผชิญกับการระบาดของไข้หวัดนกอย่างรุนแรง จนต้องทำการคัดไก่กว่า 3.3 ล้านตัวเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง NTT ร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทในเครือ NTT e-Drone Technology พัฒนาโดรนรุ่นใหม่ชื่อว่า “BB102” ที่ติดตั้งระบบเลเซอร์เพื่อไล่นกป่า เช่น อีกาและนกพิราบ ซึ่งเป็นพาหะสำคัญของไวรัส โดรน BB102 ใช้เลเซอร์สีแดงและเขียวที่ถูกออกแบบให้กระจายเป็นลำแสงหลายทิศทาง พร้อมระบบกระพริบแบบสุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้นกปรับตัวหรือหลบเลี่ยงได้ง่าย โดยสามารถบินอัตโนมัติครอบคลุมพื้นที่ฟาร์มขนาดใหญ่ และตรวจสอบหลังคาหรือจุดสูงที่มนุษย์เข้าถึงยาก การใช้โดรนเลเซอร์นี้ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้เสียงหรือสารเคมี และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นผ่านเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการติดตั้งระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์และมนุษย์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 ที่มีความรุนแรงสูง นอกจากการป้องกันโรคแล้ว BB102 ยังสามารถใช้ตรวจสอบโครงสร้างฟาร์มและพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ ได้อีกด้วย ถือเป็นการผสานเทคโนโลยีการบินอัตโนมัติเข้ากับการควบคุมโรคในระดับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NTT พัฒนาโดรน BB102 ติดตั้งเลเซอร์เพื่อไล่นกป่าจากฟาร์มไก่ ➡️ ใช้เลเซอร์สีแดงและเขียวแบบกระจาย พร้อมระบบกระพริบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ โดรนสามารถบินอัตโนมัติและตรวจสอบพื้นที่สูงได้ ➡️ เป้าหมายคือป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 ➡️ จังหวัดชิบะเคยต้องคัดไก่กว่า 3.3 ล้านตัวในช่วงต้นปี 2025 ➡️ โครงการได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อช่วยเกษตรกร ➡️ BB102 ยังสามารถใช้ตรวจสอบโครงสร้างฟาร์มและพื้นที่เกษตรกรรมอื่น ๆ ➡️ โดรนนี้เป็นการพัฒนาร่วมระหว่าง NTT e-Drone Technology และ NTT East Japan ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ไข้หวัดนกสามารถแพร่จากนกป่าผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือมูลที่ปนเปื้อน ➡️ เลเซอร์สีแดงและเขียวเป็นคลื่นแสงที่สัตว์ป่าหลายชนิดไวต่อการรับรู้ ➡️ การใช้โดรนแทนแรงงานคนช่วยลดภาระและเพิ่มความปลอดภัยในฟาร์ม ➡️ เทคโนโลยีเลเซอร์แบบ speckle noise ช่วยป้องกันการปรับตัวของนก ➡️ โดรน BB102 เป็นโดรนเลเซอร์ป้องกันสัตว์รุ่นแรกที่ผลิตในญี่ปุ่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/japanese-tech-giant-deploys-laser-drones-to-protect-chickens-drones-are-hoped-to-prevent-the-spread-of-avian-flu
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
More Results