เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: 7 แอปจดโน้ตที่นักพัฒนาไม่ควรมองข้าม
ในโลกของนักพัฒนา การจดโน้ตไม่ใช่แค่การเขียนไอเดีย แต่เป็นการจัดการโค้ด snippets, เอกสารเทคนิค, และความรู้ที่ต้องใช้ซ้ำในหลายโปรเจกต์ แอปจดโน้ตทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะนักพัฒนาต้องการฟีเจอร์เฉพาะ เช่น Markdown, syntax highlighting, การเชื่อมโยงโน้ต และการทำงานแบบ cross-platform
บทความนี้แนะนำ 7 แอปที่โดดเด่นสำหรับนักพัฒนา ได้แก่:
1️⃣ Notion – ครบเครื่องทั้งจดโน้ตและจัดการโปรเจกต์
ข้อดี
รองรับ Markdown และ syntax กว่า 60 ภาษา
ใช้จัดการโปรเจกต์ได้ดี (kanban, database, timeline)
เชื่อมต่อกับ Trello, Slack, GitHub ได้
สร้าง template และระบบอัตโนมัติได้
ข้อเสีย
ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึง
UI อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น
ไม่เหมาะกับการเขียนโค้ดแบบ real-time
2️⃣ Obsidian – เน้นความยืดหยุ่นและการทำงานแบบออฟไลน์
ข้อดี
ทำงานออฟไลน์ได้เต็มรูปแบบ
รองรับ Markdown และ backlinking แบบ Zettelkasten
ปรับแต่งได้ผ่านปลั๊กอินจำนวนมาก
เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย local storage
ข้อเสีย
ไม่มีระบบ collaboration ในตัว
ต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง
UI ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบระบบ drag-and-drop
3️⃣ Boost Note – โอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อโค้ดโดยเฉพาะ
ข้อดี
โอเพ่นซอร์สและฟรี
รองรับ Markdown + code block พร้อม syntax
มี tagging และ diagram (Mermaid, PlantUML)
ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม (Windows, macOS, Linux, iOS, Android)
ข้อเสีย
ฟีเจอร์ collaboration ยังไม่สมบูรณ์
UI ยังไม่ polished เท่าแอปเชิงพาณิชย์
ต้องใช้เวลาในการตั้งค่า workspace
4️⃣ OneNote – เหมาะกับการจัดการข้อมูลแบบมัลติมีเดีย
ข้อดี
รองรับ multimedia เช่น รูป เสียง วิดีโอ
มีโครงสร้าง notebook/section/page ที่ชัดเจน
รองรับการทำงานร่วมกันแบบ real-time
ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม
ข้อเสีย
ไม่รองรับ Markdown โดยตรง
ไม่มีแอปสำหรับ Linux
ไม่เหมาะกับการจัดการโค้ดหรือ syntax
5️⃣ Quiver – สำหรับผู้ใช้ macOS ที่ต้องการรวมโค้ด, Markdown และ LaTeX
ข้อดี
รองรับ Markdown, LaTeX, และ syntax กว่า 120 ภาษา
โครงสร้างแบบเซลล์ (text + code + diagram)
มีระบบลิงก์ภายในโน้ตแบบ wiki
ซื้อครั้งเดียว ไม่มี subscription
ข้อเสีย
ใช้ได้เฉพาะ macOS
ไม่มีระบบ sync cloud หรือ collaboration
UI ค่อนข้างเก่าเมื่อเทียบกับแอปใหม่ ๆ
6️⃣ CherryTree – โครงสร้างแบบ tree สำหรับการจัดการข้อมูลเชิงลึก
ข้อดี
โครงสร้างแบบ tree เหมาะกับโปรเจกต์ซับซ้อน
รองรับ rich text + syntax highlight
ใช้งานแบบ portable ได้ (USB drive)
มีระบบ auto-save และ backup
ข้อเสีย
ไม่มีระบบ cloud sync
UI ค่อนข้างเก่า
ไม่เหมาะกับการทำงานร่วมกัน
7️⃣ Sublime Text – ใช้ปลั๊กอินเสริมให้กลายเป็นเครื่องมือจดโน้ตที่ทรงพลัง
ข้อดี
เร็ว เบา และปรับแต่งได้สูง
รองรับ MarkdownEditing, SnippetStore, CodeMap
ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม
เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการรวมโค้ดกับโน้ต
ข้อเสีย
ไม่ใช่แอปจดโน้ตโดยตรง ต้องติดตั้งปลั๊กอิน
ไม่มีระบบจัดการโน้ตแบบ notebook หรือ tagging
ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชำนาญการตั้งค่า editor
https://medium.com/@theo-james/top-7-note-taking-apps-every-developer-should-use-fc3905c954be
ในโลกของนักพัฒนา การจดโน้ตไม่ใช่แค่การเขียนไอเดีย แต่เป็นการจัดการโค้ด snippets, เอกสารเทคนิค, และความรู้ที่ต้องใช้ซ้ำในหลายโปรเจกต์ แอปจดโน้ตทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะนักพัฒนาต้องการฟีเจอร์เฉพาะ เช่น Markdown, syntax highlighting, การเชื่อมโยงโน้ต และการทำงานแบบ cross-platform
บทความนี้แนะนำ 7 แอปที่โดดเด่นสำหรับนักพัฒนา ได้แก่:
1️⃣ Notion – ครบเครื่องทั้งจดโน้ตและจัดการโปรเจกต์
ข้อดี
รองรับ Markdown และ syntax กว่า 60 ภาษา
ใช้จัดการโปรเจกต์ได้ดี (kanban, database, timeline)
เชื่อมต่อกับ Trello, Slack, GitHub ได้
สร้าง template และระบบอัตโนมัติได้
ข้อเสีย
ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึง
UI อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น
ไม่เหมาะกับการเขียนโค้ดแบบ real-time
2️⃣ Obsidian – เน้นความยืดหยุ่นและการทำงานแบบออฟไลน์
ข้อดี
ทำงานออฟไลน์ได้เต็มรูปแบบ
รองรับ Markdown และ backlinking แบบ Zettelkasten
ปรับแต่งได้ผ่านปลั๊กอินจำนวนมาก
เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย local storage
ข้อเสีย
ไม่มีระบบ collaboration ในตัว
ต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง
UI ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบระบบ drag-and-drop
3️⃣ Boost Note – โอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อโค้ดโดยเฉพาะ
ข้อดี
โอเพ่นซอร์สและฟรี
รองรับ Markdown + code block พร้อม syntax
มี tagging และ diagram (Mermaid, PlantUML)
ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม (Windows, macOS, Linux, iOS, Android)
ข้อเสีย
ฟีเจอร์ collaboration ยังไม่สมบูรณ์
UI ยังไม่ polished เท่าแอปเชิงพาณิชย์
ต้องใช้เวลาในการตั้งค่า workspace
4️⃣ OneNote – เหมาะกับการจัดการข้อมูลแบบมัลติมีเดีย
ข้อดี
รองรับ multimedia เช่น รูป เสียง วิดีโอ
มีโครงสร้าง notebook/section/page ที่ชัดเจน
รองรับการทำงานร่วมกันแบบ real-time
ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม
ข้อเสีย
ไม่รองรับ Markdown โดยตรง
ไม่มีแอปสำหรับ Linux
ไม่เหมาะกับการจัดการโค้ดหรือ syntax
5️⃣ Quiver – สำหรับผู้ใช้ macOS ที่ต้องการรวมโค้ด, Markdown และ LaTeX
ข้อดี
รองรับ Markdown, LaTeX, และ syntax กว่า 120 ภาษา
โครงสร้างแบบเซลล์ (text + code + diagram)
มีระบบลิงก์ภายในโน้ตแบบ wiki
ซื้อครั้งเดียว ไม่มี subscription
ข้อเสีย
ใช้ได้เฉพาะ macOS
ไม่มีระบบ sync cloud หรือ collaboration
UI ค่อนข้างเก่าเมื่อเทียบกับแอปใหม่ ๆ
6️⃣ CherryTree – โครงสร้างแบบ tree สำหรับการจัดการข้อมูลเชิงลึก
ข้อดี
โครงสร้างแบบ tree เหมาะกับโปรเจกต์ซับซ้อน
รองรับ rich text + syntax highlight
ใช้งานแบบ portable ได้ (USB drive)
มีระบบ auto-save และ backup
ข้อเสีย
ไม่มีระบบ cloud sync
UI ค่อนข้างเก่า
ไม่เหมาะกับการทำงานร่วมกัน
7️⃣ Sublime Text – ใช้ปลั๊กอินเสริมให้กลายเป็นเครื่องมือจดโน้ตที่ทรงพลัง
ข้อดี
เร็ว เบา และปรับแต่งได้สูง
รองรับ MarkdownEditing, SnippetStore, CodeMap
ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม
เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการรวมโค้ดกับโน้ต
ข้อเสีย
ไม่ใช่แอปจดโน้ตโดยตรง ต้องติดตั้งปลั๊กอิน
ไม่มีระบบจัดการโน้ตแบบ notebook หรือ tagging
ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชำนาญการตั้งค่า editor
https://medium.com/@theo-james/top-7-note-taking-apps-every-developer-should-use-fc3905c954be
🎙️ เรื่องเล่าจากโลกนักพัฒนา: 7 แอปจดโน้ตที่นักพัฒนาไม่ควรมองข้าม
ในโลกของนักพัฒนา การจดโน้ตไม่ใช่แค่การเขียนไอเดีย แต่เป็นการจัดการโค้ด snippets, เอกสารเทคนิค, และความรู้ที่ต้องใช้ซ้ำในหลายโปรเจกต์ แอปจดโน้ตทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะนักพัฒนาต้องการฟีเจอร์เฉพาะ เช่น Markdown, syntax highlighting, การเชื่อมโยงโน้ต และการทำงานแบบ cross-platform
บทความนี้แนะนำ 7 แอปที่โดดเด่นสำหรับนักพัฒนา ได้แก่:
1️⃣ Notion – ครบเครื่องทั้งจดโน้ตและจัดการโปรเจกต์
✅ ➡️ ข้อดี
✅ รองรับ Markdown และ syntax กว่า 60 ภาษา
✅ ใช้จัดการโปรเจกต์ได้ดี (kanban, database, timeline)
✅ เชื่อมต่อกับ Trello, Slack, GitHub ได้
✅ สร้าง template และระบบอัตโนมัติได้
⛔ ➡️ ข้อเสีย
⛔ ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าถึง
⛔ UI อาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น
⛔ ไม่เหมาะกับการเขียนโค้ดแบบ real-time
2️⃣ Obsidian – เน้นความยืดหยุ่นและการทำงานแบบออฟไลน์
✅ ➡️ ข้อดี
✅ ทำงานออฟไลน์ได้เต็มรูปแบบ
✅ รองรับ Markdown และ backlinking แบบ Zettelkasten
✅ ปรับแต่งได้ผ่านปลั๊กอินจำนวนมาก
✅ เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย local storage
⛔ ➡️ ข้อเสีย
⛔ ไม่มีระบบ collaboration ในตัว
⛔ ต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับแต่ง
⛔ UI ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบระบบ drag-and-drop
3️⃣ Boost Note – โอเพ่นซอร์สที่ออกแบบมาเพื่อโค้ดโดยเฉพาะ
✅ ➡️ ข้อดี
✅ โอเพ่นซอร์สและฟรี
✅ รองรับ Markdown + code block พร้อม syntax
✅ มี tagging และ diagram (Mermaid, PlantUML)
✅ ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม (Windows, macOS, Linux, iOS, Android)
⛔ ➡️ ข้อเสีย
⛔ ฟีเจอร์ collaboration ยังไม่สมบูรณ์
⛔ UI ยังไม่ polished เท่าแอปเชิงพาณิชย์
⛔ ต้องใช้เวลาในการตั้งค่า workspace
4️⃣ OneNote – เหมาะกับการจัดการข้อมูลแบบมัลติมีเดีย
✅ ➡️ ข้อดี
✅ รองรับ multimedia เช่น รูป เสียง วิดีโอ
✅ มีโครงสร้าง notebook/section/page ที่ชัดเจน
✅ รองรับการทำงานร่วมกันแบบ real-time
✅ ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม
⛔ ➡️ ข้อเสีย
⛔ ไม่รองรับ Markdown โดยตรง
⛔ ไม่มีแอปสำหรับ Linux
⛔ ไม่เหมาะกับการจัดการโค้ดหรือ syntax
5️⃣ Quiver – สำหรับผู้ใช้ macOS ที่ต้องการรวมโค้ด, Markdown และ LaTeX
✅ ➡️ ข้อดี
✅ รองรับ Markdown, LaTeX, และ syntax กว่า 120 ภาษา
✅ โครงสร้างแบบเซลล์ (text + code + diagram)
✅ มีระบบลิงก์ภายในโน้ตแบบ wiki
✅ ซื้อครั้งเดียว ไม่มี subscription
⛔ ➡️ ข้อเสีย
⛔ ใช้ได้เฉพาะ macOS
⛔ ไม่มีระบบ sync cloud หรือ collaboration
⛔ UI ค่อนข้างเก่าเมื่อเทียบกับแอปใหม่ ๆ
6️⃣ CherryTree – โครงสร้างแบบ tree สำหรับการจัดการข้อมูลเชิงลึก
✅ ➡️ ข้อดี
✅ โครงสร้างแบบ tree เหมาะกับโปรเจกต์ซับซ้อน
✅ รองรับ rich text + syntax highlight
✅ ใช้งานแบบ portable ได้ (USB drive)
✅ มีระบบ auto-save และ backup
⛔ ➡️ ข้อเสีย
⛔ ไม่มีระบบ cloud sync
⛔ UI ค่อนข้างเก่า
⛔ ไม่เหมาะกับการทำงานร่วมกัน
7️⃣ Sublime Text – ใช้ปลั๊กอินเสริมให้กลายเป็นเครื่องมือจดโน้ตที่ทรงพลัง
✅ ➡️ ข้อดี
✅ เร็ว เบา และปรับแต่งได้สูง
✅ รองรับ MarkdownEditing, SnippetStore, CodeMap
✅ ใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม
✅ เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการรวมโค้ดกับโน้ต
⛔ ➡️ ข้อเสีย
⛔ ไม่ใช่แอปจดโน้ตโดยตรง ต้องติดตั้งปลั๊กอิน
⛔ ไม่มีระบบจัดการโน้ตแบบ notebook หรือ tagging
⛔ ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชำนาญการตั้งค่า editor
https://medium.com/@theo-james/top-7-note-taking-apps-every-developer-should-use-fc3905c954be
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
67 มุมมอง
0 รีวิว