• ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก:

    ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ**
    - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
    - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน

    ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่**
    - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
    - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง

    ### 3. **ตลาดทองคำ**
    - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง
    - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ

    ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ**
    - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น
    - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง
    - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์
    - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย

    ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก**
    - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก
    - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต

    ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ทองคำมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญในปัจจุบัน ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทองคำกับการเงินโลก: ### 1. **ประวัติศาสตร์ของทองคำ** - **มาตรฐานทองคำ (Gold Standard)**: ในอดีต หลายประเทศใช้มาตรฐานทองคำ ซึ่งหมายความว่าค่าเงินของประเทศนั้นๆ ผูกติดกับปริมาณทองคำที่ประเทศนั้นถือครอง ระบบนี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ - **การยกเลิกมาตรฐานทองคำ**: ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรฐานทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรฐานทองคำอย่างสมบูรณ์ในปี 1971 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ### 2. **บทบาทของทองคำในระบบการเงินสมัยใหม่** - **ทุนสำรองระหว่างประเทศ**: ทองคำยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศของหลายประเทศ ทองคำช่วยเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพทางการเงินของประเทศและสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ - **การลงทุน**: ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินมีความไม่แน่นอน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ - **เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ**: ทองคำมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าของเงินกระดาษลดลง ### 3. **ตลาดทองคำ** - **ตลาดฟิสิคัล**: ตลาดทองคำฟิสิคัลมีการซื้อขายทองคำในรูปแบบของแท่งทองคำ เหรียญทองคำ และเครื่องประดับ ตลาดสำคัญได้แก่ อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง - **ตลาดอนุพันธ์**: ตลาดอนุพันธ์เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) และตัวเลือก (Options) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ ### 4. **ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ** - **ภาวะเศรษฐกิจโลก**: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น - **อัตราดอกเบี้ย**: อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำลดลง - **ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ**: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ - **ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์**: ความขัดแย้งหรือความตึงเครียดทางการเมืองมักจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย ### 5. **อนาคตของทองคำในระบบการเงินโลก** - **การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี**: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจส่งผลต่อบทบาทของทองคำในระบบการเงินโลก - **ความยั่งยืน**: การทำเหมืองทองคำและการผลิตทองคำมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำในอนาคต ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก ทั้งในแง่ของการลงทุน การป้องกันความเสี่ยง และการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ การเข้าใจบทบาทและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำจะช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกี่ยวกับคะแนนนิยม 57% ที่เซเลนสกีใช้ตอบโต้ทรัมป์ เป็นผลสำรวจที่จัดทำขึ้นโดย สถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv หรือ KIIS ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID และสำหรับการทำโพลครั้งนี้ เป็นดารจัดทำขึ้นโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ


    ทางด้าน อีลอน มัสก์ ได้โพสต์ข้อความว่า :
    "น่าเสียดายที่ CommunityNotes ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลและสื่อกระแสหลักมากขึ้นเรื่อยๆ
    เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ มันควรจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า โพลที่ควบคุมโดยเซเลนสกีเกี่ยวกับคะแนนนิยมของตัวเองนั้นไม่น่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง!!

    ถ้าเซเลนสกีได้รับความรักจากประชาชนยูเครนจริง เขาคงจัดการเลือกตั้งไปแล้ว แต่เขารู้ดีว่าเขาจะแพ้อย่างย่อยยับ แม้จะเข้ายึดการควบคุมสื่อทั้งหมดของยูเครนไปแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการเลือกตั้ง

    ความจริงก็คือ ประชาชนยูเครนรังเกียจเขา และนั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง ผมท้าให้เซเลนสกีจัดการเลือกตั้งเพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ แต่เขาจะไม่ทำ

    ประธานาธิบดีทรัมป์คิดถูกที่ไม่สนใจเขา และหาทางยุติสงครามโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระบบคอร์รัปชันขนาดมหึมาที่แสวงหาผลประโยชน์จากศพของทหารยูเครน"


    ข้อกล่าวอ้างว่าเซเลนสกีมีคะแนนนิยม 57% มาจากสถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv (KIIS) ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID สำหรับการทำโพล นอกจากนี้ สถาบันนี้ยังดำเนินการโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ
    เกี่ยวกับคะแนนนิยม 57% ที่เซเลนสกีใช้ตอบโต้ทรัมป์ เป็นผลสำรวจที่จัดทำขึ้นโดย สถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv หรือ KIIS ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID และสำหรับการทำโพลครั้งนี้ เป็นดารจัดทำขึ้นโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ ทางด้าน อีลอน มัสก์ ได้โพสต์ข้อความว่า : "น่าเสียดายที่ CommunityNotes ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลและสื่อกระแสหลักมากขึ้นเรื่อยๆ เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ มันควรจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า โพลที่ควบคุมโดยเซเลนสกีเกี่ยวกับคะแนนนิยมของตัวเองนั้นไม่น่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง!! ถ้าเซเลนสกีได้รับความรักจากประชาชนยูเครนจริง เขาคงจัดการเลือกตั้งไปแล้ว แต่เขารู้ดีว่าเขาจะแพ้อย่างย่อยยับ แม้จะเข้ายึดการควบคุมสื่อทั้งหมดของยูเครนไปแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการเลือกตั้ง ความจริงก็คือ ประชาชนยูเครนรังเกียจเขา และนั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง ผมท้าให้เซเลนสกีจัดการเลือกตั้งเพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ แต่เขาจะไม่ทำ ประธานาธิบดีทรัมป์คิดถูกที่ไม่สนใจเขา และหาทางยุติสงครามโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระบบคอร์รัปชันขนาดมหึมาที่แสวงหาผลประโยชน์จากศพของทหารยูเครน" ข้อกล่าวอ้างว่าเซเลนสกีมีคะแนนนิยม 57% มาจากสถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv (KIIS) ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID สำหรับการทำโพล นอกจากนี้ สถาบันนี้ยังดำเนินการโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    เซเลนสกี พบกับคีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ประจำยูเครน

    ตามกำหนดการ หลังการประชุมจบลงในวันนี้ จะมีการแถลงข่าวร่วมกัน แต่ถูกยกเลิกกะทันหันตามคำสั่งรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์และเซเลนสกีมีการตอบโต้กันไปมา
    2/ เซเลนสกี พบกับคีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ประจำยูเครน ตามกำหนดการ หลังการประชุมจบลงในวันนี้ จะมีการแถลงข่าวร่วมกัน แต่ถูกยกเลิกกะทันหันตามคำสั่งรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์และเซเลนสกีมีการตอบโต้กันไปมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • 1/
    เซเลนสกี พบกับคีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ประจำยูเครน

    ตามกำหนดการ หลังการประชุมจบลงในวันนี้ จะมีการแถลงข่าวร่วมกัน แต่ถูกยกเลิกกะทันหันตามคำสั่งรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์และเซเลนสกีมีการตอบโต้กันไปมา
    1/ เซเลนสกี พบกับคีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ ประจำยูเครน ตามกำหนดการ หลังการประชุมจบลงในวันนี้ จะมีการแถลงข่าวร่วมกัน แต่ถูกยกเลิกกะทันหันตามคำสั่งรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์และเซเลนสกีมีการตอบโต้กันไปมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social ยกย่องตัวเองว่าเป็น “กษัตริย์” หลังจากยกเลิกโครงการเก็บ “ค่าธรรมเนียมรถติด” (Congestion pricing) ในนครนิวยอร์ก โดยทรัมป์ กล่าวว่าค่าธรรมเนียมรถติดตายแล้ว ทำให้ แมนฮัตตันและทั่วทั้งนิวยอร์กปลอดภัยและลงท้ายว่า “LONG LIVE THE KING!" ปรากฏว่าในXบัญชีThe White House ของทำเนียบขาวถือโอกาสเชียร์ สร้างภาพทรัมป์สวมมงกุฎพระราชาภายในกรอบแดง เลียนแบบหน้าปกของนิตยสารไทม์ โดยพาดว่า “LONG LIVE THE KING”โดยต่อยอดคำพูดยกยอตัวเองของทรัมป์เผยแพร่ออกไป ทำให้คำว่า “LONG LIVE THE KING” ติดเทรนด์ยอดนิยมบน X ในสหรัฐฯ สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ บางสำนักกล่าวว่าการโพสต์จากบัญชีทางการของทำเนียบขาวที่แปลก ๆทรัมป์เกิดขึ้นในยุคทรัมป์ครองอำนาจประธานาธิบดีที่อยากเป็น "กษัตริย์แห่งอเมริกา"
    โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social ยกย่องตัวเองว่าเป็น “กษัตริย์” หลังจากยกเลิกโครงการเก็บ “ค่าธรรมเนียมรถติด” (Congestion pricing) ในนครนิวยอร์ก โดยทรัมป์ กล่าวว่าค่าธรรมเนียมรถติดตายแล้ว ทำให้ แมนฮัตตันและทั่วทั้งนิวยอร์กปลอดภัยและลงท้ายว่า “LONG LIVE THE KING!" ปรากฏว่าในXบัญชีThe White House ของทำเนียบขาวถือโอกาสเชียร์ สร้างภาพทรัมป์สวมมงกุฎพระราชาภายในกรอบแดง เลียนแบบหน้าปกของนิตยสารไทม์ โดยพาดว่า “LONG LIVE THE KING”โดยต่อยอดคำพูดยกยอตัวเองของทรัมป์เผยแพร่ออกไป ทำให้คำว่า “LONG LIVE THE KING” ติดเทรนด์ยอดนิยมบน X ในสหรัฐฯ สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ บางสำนักกล่าวว่าการโพสต์จากบัญชีทางการของทำเนียบขาวที่แปลก ๆทรัมป์เกิดขึ้นในยุคทรัมป์ครองอำนาจประธานาธิบดีที่อยากเป็น "กษัตริย์แห่งอเมริกา"
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk อัด Volodymyr Zelenskyy ผู้นำยูเครนแบบจุกๆ สามดอกเน้นๆ
    .
    ผู้ใช้รายหนึ่งบนแพลตฟอร์ม X เขียนว่า "Zelenskyy ไม่ต้องการสันติภาพ เขาต้องการเงินและอำนาจ"
    ซึ่ง Musk ตอบกลับด้วยอีโมจิ "100" เพื่อแสดงถึงความเห็นด้วย
    .
    ต่อมาเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแถลงการณ์ของประธานาธิบดี Zelenskyy ยูเครนว่าคะแนนความนิยมของเขาอยู่ที่ 57%
    Musk โพสต์ข้อความตอบกลับว่า "ถ้าอย่างนั้น เขาคงดีใจกับความคิดที่จะมีการเลือกตั้ง ถ้าเขาเป็นที่นิยมขนาดนั้น!"
    .
    ปิดท้ายด้วยการตอบกลับข้อความความของ Rapid Response 47 ที่ว่า
    "ในอเมริกา เราจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุก 4 ปี แม้แต่ในยามสงคราม
    เราจัดการเลือกตั้งระหว่างสงครามกลางเมือง
    เราจัดการเลือกตั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
    ก่อนที่ประธานาธิบดี Zelenskyy จะมาสั่งสอนประธานาธิบดีอเมริกันอีก เขาควรจัดการเลือกตั้งด้วย"
    Musk สนับสนุนว่า "Zelenskyy ไม่สามารถอ้างว่าเป็นตัวแทนเจตนารมณ์ของประชาชนยูเครนได้ ถ้าไม่ฟื้นฟูเสรีภาพสื่อและยังคงยกเลิกการเลือกตั้ง!"
    พรุ่งนี้ถ้า Elon Musk จะเดินไปปิด Starlink ของยูเครนก็คงไม่แปลกใจแล้วล่ะ
    Elon Musk อัด Volodymyr Zelenskyy ผู้นำยูเครนแบบจุกๆ สามดอกเน้นๆ . ผู้ใช้รายหนึ่งบนแพลตฟอร์ม X เขียนว่า "Zelenskyy ไม่ต้องการสันติภาพ เขาต้องการเงินและอำนาจ" ซึ่ง Musk ตอบกลับด้วยอีโมจิ "100" เพื่อแสดงถึงความเห็นด้วย . ต่อมาเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแถลงการณ์ของประธานาธิบดี Zelenskyy ยูเครนว่าคะแนนความนิยมของเขาอยู่ที่ 57% Musk โพสต์ข้อความตอบกลับว่า "ถ้าอย่างนั้น เขาคงดีใจกับความคิดที่จะมีการเลือกตั้ง ถ้าเขาเป็นที่นิยมขนาดนั้น!" . ปิดท้ายด้วยการตอบกลับข้อความความของ Rapid Response 47 ที่ว่า "ในอเมริกา เราจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุก 4 ปี แม้แต่ในยามสงคราม เราจัดการเลือกตั้งระหว่างสงครามกลางเมือง เราจัดการเลือกตั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนที่ประธานาธิบดี Zelenskyy จะมาสั่งสอนประธานาธิบดีอเมริกันอีก เขาควรจัดการเลือกตั้งด้วย" Musk สนับสนุนว่า "Zelenskyy ไม่สามารถอ้างว่าเป็นตัวแทนเจตนารมณ์ของประชาชนยูเครนได้ ถ้าไม่ฟื้นฟูเสรีภาพสื่อและยังคงยกเลิกการเลือกตั้ง!" พรุ่งนี้ถ้า Elon Musk จะเดินไปปิด Starlink ของยูเครนก็คงไม่แปลกใจแล้วล่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ม็อบชาวนา บุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือนายกฯ เรียกร้องช่วยเหลือราคาข้าวตกต่ำ และให้ยกเลิกมาตรการห้ามเผา
    https://www.thai-tai.tv/news/17247/
    ม็อบชาวนา บุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือนายกฯ เรียกร้องช่วยเหลือราคาข้าวตกต่ำ และให้ยกเลิกมาตรการห้ามเผา https://www.thai-tai.tv/news/17247/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์รู้ดีว่า หากไม่เร่งให้มีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครน การเจรจาสันติภาพ อาจเกิดการสะดุดจนไปต่อไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ปูตินตั้งไว้

    นอกจากตำแหน่งประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับของยูเครนที่เซเลนสกีลงนามไว้ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเจรจา ซึ่งยูเครนต้องการ "ประธานาธิบดีตัวจริง" เพื่อยกเลิกกฎหมายเหล่านี้ เช่น:

    - เมื่อปี 2022 เซเลนสกี ลงนามคำสั่งห้ามการเจรจากับสหพันธรัฐรัสเซียตราบใดที่วลาดิมีร์ ปูตินยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหพันธรัฐรัสเซีย นั่นเท่ากับว่า ยูเครนจะไม่สามารถเจรจากับปูตินได้จนกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2030

    - นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการห้ามการเจรจากับรัสเซีย เช่น คำสั่งประกาศให้รัสเซียเป็นรัฐก่อการร้าย คำสั่งตัดสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมทั้งหมดกับรัสเซีย การประกาศใช้กฎหมายของยูเครนกับประเทศที่ไม่เป็นมิตร
    ทรัมป์รู้ดีว่า หากไม่เร่งให้มีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครน การเจรจาสันติภาพ อาจเกิดการสะดุดจนไปต่อไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ปูตินตั้งไว้ นอกจากตำแหน่งประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับของยูเครนที่เซเลนสกีลงนามไว้ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเจรจา ซึ่งยูเครนต้องการ "ประธานาธิบดีตัวจริง" เพื่อยกเลิกกฎหมายเหล่านี้ เช่น: - เมื่อปี 2022 เซเลนสกี ลงนามคำสั่งห้ามการเจรจากับสหพันธรัฐรัสเซียตราบใดที่วลาดิมีร์ ปูตินยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหพันธรัฐรัสเซีย นั่นเท่ากับว่า ยูเครนจะไม่สามารถเจรจากับปูตินได้จนกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2030 - นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการห้ามการเจรจากับรัสเซีย เช่น คำสั่งประกาศให้รัสเซียเป็นรัฐก่อการร้าย คำสั่งตัดสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมทั้งหมดกับรัสเซีย การประกาศใช้กฎหมายของยูเครนกับประเทศที่ไม่เป็นมิตร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เลิกสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี PhysX รุ่น 32 บิตบน GPU รุ่น RTX 50 อย่างเงียบ ๆ โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการในฟอรัมของ Nvidia เอง การยกเลิกนี้เกิดขึ้นจากการที่ Nvidia เลิกสนับสนุนแอปพลิเคชัน CUDA รุ่น 32 บิตตั้งแต่ GPU รุ่น RTX 50 เป็นต้นไป

    PhysX เป็นเทคโนโลยีที่เคยได้รับการโปรโมทอย่างมากในช่วงปี 2000 และ 2010 โดยเป็นชุดพัฒนาการจำลองฟิสิกส์ที่สามารถประมวลผลวัตถุภายในเกม เช่น ร่างกายของตัวละคร การจำลองการเคลื่อนที่ของผ้า อนุภาคต่าง ๆ และของไหล โดยปกติจะทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลกราฟิกสูงขึ้นเมื่อการคำนวณฟิสิกส์ถูกส่งไปประมวลผลที่ GPU แทนการประมวลผลที่ CPU

    ถึงแม้ว่า PhysX เคยถูกใช้งานในเกม AAA หลายเกม เช่น ซีรีส์ Batman Arkham, Borderlands 2, Metro: Last Light และ The Witcher 3 แต่การใช้งานก็เริ่มลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากมีการพัฒนาโซลูชันอื่นที่ยืดหยุ่นมากกว่า

    ปัญหาหลักของ PhysX คือการที่ต้องใช้ GPU ของ Nvidia เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานบน GPU ของคู่แข่งหรือคอนโซลอื่น ๆ ได้ และ Nvidia เองก็เริ่มลดการสนับสนุนฟีเจอร์ของ PhysX ในช่วงปลายอายุการใช้งานของมัน

    สำหรับคนที่ยังต้องการใช้งาน PhysX บน GPU รุ่น RTX 50 ขึ้นไป จะต้องติดตั้งการ์ดจอรุ่น RTX 40 หรือต่ำกว่ามาใช้เป็นการ์ดสำรองในการประมวลผล PhysX เท่านั้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/physx-quietly-retired-on-rtx-50-series-gpus-nvidia-ends-32-bit-cuda-app-support
    Nvidia ได้เลิกสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี PhysX รุ่น 32 บิตบน GPU รุ่น RTX 50 อย่างเงียบ ๆ โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการในฟอรัมของ Nvidia เอง การยกเลิกนี้เกิดขึ้นจากการที่ Nvidia เลิกสนับสนุนแอปพลิเคชัน CUDA รุ่น 32 บิตตั้งแต่ GPU รุ่น RTX 50 เป็นต้นไป PhysX เป็นเทคโนโลยีที่เคยได้รับการโปรโมทอย่างมากในช่วงปี 2000 และ 2010 โดยเป็นชุดพัฒนาการจำลองฟิสิกส์ที่สามารถประมวลผลวัตถุภายในเกม เช่น ร่างกายของตัวละคร การจำลองการเคลื่อนที่ของผ้า อนุภาคต่าง ๆ และของไหล โดยปกติจะทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลกราฟิกสูงขึ้นเมื่อการคำนวณฟิสิกส์ถูกส่งไปประมวลผลที่ GPU แทนการประมวลผลที่ CPU ถึงแม้ว่า PhysX เคยถูกใช้งานในเกม AAA หลายเกม เช่น ซีรีส์ Batman Arkham, Borderlands 2, Metro: Last Light และ The Witcher 3 แต่การใช้งานก็เริ่มลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากมีการพัฒนาโซลูชันอื่นที่ยืดหยุ่นมากกว่า ปัญหาหลักของ PhysX คือการที่ต้องใช้ GPU ของ Nvidia เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานบน GPU ของคู่แข่งหรือคอนโซลอื่น ๆ ได้ และ Nvidia เองก็เริ่มลดการสนับสนุนฟีเจอร์ของ PhysX ในช่วงปลายอายุการใช้งานของมัน สำหรับคนที่ยังต้องการใช้งาน PhysX บน GPU รุ่น RTX 50 ขึ้นไป จะต้องติดตั้งการ์ดจอรุ่น RTX 40 หรือต่ำกว่ามาใช้เป็นการ์ดสำรองในการประมวลผล PhysX เท่านั้น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/physx-quietly-retired-on-rtx-50-series-gpus-nvidia-ends-32-bit-cuda-app-support
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    PhysX quietly retired on RTX 50 series GPUs: Nvidia ends 32-bit CUDA app support
    With no 64-bit games using PhysX (that we are aware of), the technology is now end-of-life.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีบั๊กด้านความปลอดภัยใน OpenSSH ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลในการสื่อสารระยะไกลและการโอนถ่ายข้อมูลผ่านเครือข่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ ล่าสุดพบว่ามีช่องโหว่สองตัวที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ OpenSSH นับตั้งแต่เวอร์ชันที่ออกมาเมื่อสิบปีที่แล้ว

    ช่องโหว่แรกคือการโจมตีแบบ "man-in-the-middle" (MitM) ซึ่งถูกตรวจพบใน OpenSSH เวอร์ชัน 6.8p1 โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นเมื่อมีการเปิดใช้ตัวเลือก 'VerifyHostKeyDNS' ที่สามารถทำให้แฮกเกอร์สวมรอยเซิร์ฟเวอร์ปลอมและขโมยข้อมูลจากการเชื่อมต่อ SSH ได้ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-26465

    ช่องโหว่ที่สองคือการโจมตีแบบ "denial of service" (DoS) ที่เกิดขึ้นใน OpenSSH เวอร์ชัน 9.5p1 ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการหน่วยความจำที่ไม่เหมาะสมในกระบวนการแลกเปลี่ยนกุญแจ ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งข้อความขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-26466

    OpenSSH ได้ปล่อยอัปเดตเวอร์ชัน 9.9p2 เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งสองนี้ โดยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบทำการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที และยกเลิกการใช้ตัวเลือก 'VerifyHostKeyDNS' หากไม่จำเป็น

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-openssh-flaws-expose-ssh-servers-to-mitm-and-dos-attacks/
    มีบั๊กด้านความปลอดภัยใน OpenSSH ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลในการสื่อสารระยะไกลและการโอนถ่ายข้อมูลผ่านเครือข่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ ล่าสุดพบว่ามีช่องโหว่สองตัวที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ OpenSSH นับตั้งแต่เวอร์ชันที่ออกมาเมื่อสิบปีที่แล้ว ช่องโหว่แรกคือการโจมตีแบบ "man-in-the-middle" (MitM) ซึ่งถูกตรวจพบใน OpenSSH เวอร์ชัน 6.8p1 โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นเมื่อมีการเปิดใช้ตัวเลือก 'VerifyHostKeyDNS' ที่สามารถทำให้แฮกเกอร์สวมรอยเซิร์ฟเวอร์ปลอมและขโมยข้อมูลจากการเชื่อมต่อ SSH ได้ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-26465 ช่องโหว่ที่สองคือการโจมตีแบบ "denial of service" (DoS) ที่เกิดขึ้นใน OpenSSH เวอร์ชัน 9.5p1 ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการหน่วยความจำที่ไม่เหมาะสมในกระบวนการแลกเปลี่ยนกุญแจ ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งข้อความขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามภายใต้รหัส CVE-2025-26466 OpenSSH ได้ปล่อยอัปเดตเวอร์ชัน 9.9p2 เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งสองนี้ โดยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบทำการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที และยกเลิกการใช้ตัวเลือก 'VerifyHostKeyDNS' หากไม่จำเป็น https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-openssh-flaws-expose-ssh-servers-to-mitm-and-dos-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New OpenSSH flaws expose SSH servers to MiTM and DoS attacks
    OpenSSH has released security updates addressing two vulnerabilities, a man-in-the-middle (MitM) and a denial of service flaw, with one of the flaws introduced over a decade ago.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้แจ้งเตือนผู้ดูแลระบบ IT อีกครั้งว่าการซิงโครไนซ์ไดรเวอร์ใน Windows Server Update Services (WSUS) จะถูกยกเลิกในวันที่ 18 เมษายน ซึ่งเหลือเวลาเพียง 60 วันเท่านั้นครับ หลังจากยกเลิกไปแล้ว Microsoft แนะนำให้องค์กรต่างๆ ใช้โซลูชันบนคลาวด์สำหรับการอัปเดตไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์ เช่น Windows Autopatch, Azure Update Manager, และ Microsoft Intune

    จากการประกาศใน Windows Message Center ระบุว่า สำหรับการใช้งานในระบบที่ตั้งอยู่ภายในองค์กร ไดรเวอร์จะยังคงมีอยู่ใน Microsoft Update catalog แต่จะไม่สามารถนำเข้าไปใน WSUS ได้ ดังนั้นผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องใช้โซลูชันทางเลือกอื่น ๆ เช่น Device Driver Packages หรือเปลี่ยนไปใช้บริการไดรเวอร์บนคลาวด์ เช่น Microsoft Intune และ Windows Autopatch

    คำเตือนนี้เป็นคำเตือนที่สามนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 โดยก่อนหน้านี้ Microsoft ได้ประกาศการยกเลิกการซิงโครไนซ์ไดรเวอร์ WSUS และส่งเสริมให้ลูกค้าใช้บริการไดรเวอร์บนคลาวด์ของบริษัท

    นอกจากนี้ในเดือนกันยายน 2024 Microsoft ยังเปิดเผยว่า WSUS จะถูกยกเลิก แต่ยังคงเผยแพร่อัปเดตผ่านช่องทาง WSUS และคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการทำงานที่มีอยู่ทั้งหมด

    WSUS เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ Software Update Services (SUS) ในปี 2005 ทำให้ผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการและกระจายการอัปเดตสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ได้จากเซิร์ฟเวอร์เดียวแทนที่จะต้องให้แต่ละเครื่องดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft

    การประกาศครั้งนี้ยังมาในขณะที่ Microsoft ได้เลิกใช้โปรโตคอลการตรวจสอบความถูกต้องของ Windows NTLM และแนะนำให้นักพัฒนาย้ายไปใช้โปรโตคอล Kerberos หรือ Negotiation เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

    https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/microsoft-reminds-admins-to-prepare-for-wsus-driver-sync-deprecation/
    Microsoft ได้แจ้งเตือนผู้ดูแลระบบ IT อีกครั้งว่าการซิงโครไนซ์ไดรเวอร์ใน Windows Server Update Services (WSUS) จะถูกยกเลิกในวันที่ 18 เมษายน ซึ่งเหลือเวลาเพียง 60 วันเท่านั้นครับ หลังจากยกเลิกไปแล้ว Microsoft แนะนำให้องค์กรต่างๆ ใช้โซลูชันบนคลาวด์สำหรับการอัปเดตไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์ เช่น Windows Autopatch, Azure Update Manager, และ Microsoft Intune จากการประกาศใน Windows Message Center ระบุว่า สำหรับการใช้งานในระบบที่ตั้งอยู่ภายในองค์กร ไดรเวอร์จะยังคงมีอยู่ใน Microsoft Update catalog แต่จะไม่สามารถนำเข้าไปใน WSUS ได้ ดังนั้นผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องใช้โซลูชันทางเลือกอื่น ๆ เช่น Device Driver Packages หรือเปลี่ยนไปใช้บริการไดรเวอร์บนคลาวด์ เช่น Microsoft Intune และ Windows Autopatch คำเตือนนี้เป็นคำเตือนที่สามนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 โดยก่อนหน้านี้ Microsoft ได้ประกาศการยกเลิกการซิงโครไนซ์ไดรเวอร์ WSUS และส่งเสริมให้ลูกค้าใช้บริการไดรเวอร์บนคลาวด์ของบริษัท นอกจากนี้ในเดือนกันยายน 2024 Microsoft ยังเปิดเผยว่า WSUS จะถูกยกเลิก แต่ยังคงเผยแพร่อัปเดตผ่านช่องทาง WSUS และคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการทำงานที่มีอยู่ทั้งหมด WSUS เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ Software Update Services (SUS) ในปี 2005 ทำให้ผู้ดูแลระบบ IT สามารถจัดการและกระจายการอัปเดตสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ได้จากเซิร์ฟเวอร์เดียวแทนที่จะต้องให้แต่ละเครื่องดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft การประกาศครั้งนี้ยังมาในขณะที่ Microsoft ได้เลิกใช้โปรโตคอลการตรวจสอบความถูกต้องของ Windows NTLM และแนะนำให้นักพัฒนาย้ายไปใช้โปรโตคอล Kerberos หรือ Negotiation เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/microsoft-reminds-admins-to-prepare-for-wsus-driver-sync-deprecation/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Microsoft reminds admins to prepare for WSUS driver sync deprecation
    Microsoft once again reminded IT administrators that driver synchronization in Windows Server Update Services (WSUS) will be deprecated on April 18, just 60 days from now.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม เลิกจ้างบรรดาอัยการอเมริกาในยุคของไบเดน ที่ยังเหลือยู่ทั้งหมด อ้างว่ากระทรวงแห่งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    .
    "เราต้องทำความสะอาดบ้านในทันที และฟื้นฟูความชื่อมั่น ยุคทองของอเมริกาจำเป็นต้องมีระบบยุติธรรมที่ยุติธรรม และมันเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล
    .
    สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่กระทรวงยุติธรรมยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว
    .
    เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังอัยการสหรัฐฯ หลายคนทั่วประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และล่าสุดในวันจันทร์ (17 ก.พ.) อัยการสหรัฐฯ หลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากไบเดน แถลงว่ากำลังลาออก ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกจากรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
    .
    แม้ตามธรรรมเนียมแล้ว บรรดาอัยการหรัฐฯ จะลาออกหลังมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานประธานาธิบดี แต่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่กำลังเข้ารับตำแหน่งจะร้องขอให้พวกเขาลาออกจากตำแหน่งอย่างละมุนละม่อมและไม่ออกหนังสือเลิกจ้างที่ใช้ถ้อยคำกะทัดรัดเช่นนี้ จากความเห็นของอดีตทนายความทั้งในอดีตและปัจจุบันของกระทรวงยุติธรรม
    .
    การเลิกจ้างบรรดาอัยการสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางระดับสูงสุด ตามเขตต่างๆ ของอัยการรายนั้นๆ ถือเป็นการยกเครื่องล่าสุดภายในกระทรวงยุติธรรม นับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนที่แล้ว
    .
    แม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ที่มีอาชีพการเงินในกระทรวงยุติธรรม ที่ปกติแล้วจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม แต่คราวนี้มีพวกเขาหลายสิบคนในเมืองต่างๆ อย่างเช่นวอชิงตันและนิวยอร์ก ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไป นับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ
    .
    ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะยุติการใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในสิ่งที่เขากล่าวอ้างว่าถูกใช้เล่นงานเขา ในช่วงหลายขวบปีที่พ้นจากอำนาจไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016385
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม เลิกจ้างบรรดาอัยการอเมริกาในยุคของไบเดน ที่ยังเหลือยู่ทั้งหมด อ้างว่ากระทรวงแห่งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน . "เราต้องทำความสะอาดบ้านในทันที และฟื้นฟูความชื่อมั่น ยุคทองของอเมริกาจำเป็นต้องมีระบบยุติธรรมที่ยุติธรรม และมันเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล . สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่กระทรวงยุติธรรมยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว . เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังอัยการสหรัฐฯ หลายคนทั่วประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และล่าสุดในวันจันทร์ (17 ก.พ.) อัยการสหรัฐฯ หลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากไบเดน แถลงว่ากำลังลาออก ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกจากรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว . แม้ตามธรรรมเนียมแล้ว บรรดาอัยการหรัฐฯ จะลาออกหลังมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานประธานาธิบดี แต่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่กำลังเข้ารับตำแหน่งจะร้องขอให้พวกเขาลาออกจากตำแหน่งอย่างละมุนละม่อมและไม่ออกหนังสือเลิกจ้างที่ใช้ถ้อยคำกะทัดรัดเช่นนี้ จากความเห็นของอดีตทนายความทั้งในอดีตและปัจจุบันของกระทรวงยุติธรรม . การเลิกจ้างบรรดาอัยการสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางระดับสูงสุด ตามเขตต่างๆ ของอัยการรายนั้นๆ ถือเป็นการยกเครื่องล่าสุดภายในกระทรวงยุติธรรม นับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนที่แล้ว . แม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ที่มีอาชีพการเงินในกระทรวงยุติธรรม ที่ปกติแล้วจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม แต่คราวนี้มีพวกเขาหลายสิบคนในเมืองต่างๆ อย่างเช่นวอชิงตันและนิวยอร์ก ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไป นับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ . ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะยุติการใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในสิ่งที่เขากล่าวอ้างว่าถูกใช้เล่นงานเขา ในช่วงหลายขวบปีที่พ้นจากอำนาจไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016385 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1496 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17 กุมภาพันธ์ พ ศ 2498
    วันประหารชีวิต สามนักโทษกรณีสวรรคต

    หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า

    “มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน พยายามสื่อสารให้เข้าใจว่า รัชกาลที่เก้าเป็นผู้ปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8”

    ————

    "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด"


    ผู้เขียนขอนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด

    เพราะมีสื่อต่างๆที่นำเสนอข้อมูลบางตอนที่ “อาจจะ” ทำให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน หากไม่อ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน

    สื่อต่างๆที่ว่านี้ ได้แก่

    1. THE STANDARD TEAM เรื่อง “17 กุมภาพันธ์ 2498 – ประหารชีวิต ชิต, บุศย์, เฉลียว จำเลยคดีสวรรคตในหลวง ร.8” เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความดังนี้:

    “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2478 ขณะมีพระชนมพรรษาเพียง 9 พรรษา พระองค์สวรรคตด้วยพระแสงปืนอย่างมีเงื่อนงำเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489

    ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คน คือ เฉลียว ปทุมรส, ชิต สิงหเสนี และ บุศย์ ปัทมศริน อ้างอิงจากแถลงการณ์กระทรวงมหาดไทย ดังนี้

    แถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทย ตามที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายเฉลียว ปทุมรส นายชิต สิงหเสนีย์ และนายบุศย์ ปัทมะศิรินทร์ จำเลยในคดีต้องหาว่าประทุษร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และจำเลยทั้งสามได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น

    บัดนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสามเสีย

    ทางราชทัณฑ์จึงได้นำตัวจำเลยทั้งสาม ไปประหารชีวิตตามคำพิพากษา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498 เวลา 05.00 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง ต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางเป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายแพทย์เชื้อ พัฒนเจริญ และนายหลอม บุญอ่อน รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุมเรือนจำกลางบางขวางเป็นกรรมการ ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเป็นการเสร็จไปแล้ว จึงขอแถลงมาให้ทราบทั่วกันกระทรวงมหาดไทย วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498”

    ................

    2. สถาบันปรีดี พนมยงค์ เรื่อง “สามจำเลยผู้บริสุทธิ์” โดย สุพจน์ ด่านตระกูล เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความบางตอนดังนี้

    “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสามคน เมื่อ 12 ตุลาคม 2497 แล้ว ต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2497 จำเลยทั้งสามได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด

    เกี่ยวกับการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้งสามนั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. 2519 มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้

    ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถาม จอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. 2498-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต

    ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว

    ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ

    แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ทนจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น

    ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า 647)

    และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุดตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้เพิ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์’”

    ..................

    3. “ปัจฉิมวาจาของ ๓ นักโทษประหาร” มีข้อความบางตอนดังนี้:

    “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง ๓ คน เมื่อ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗ แล้วต่อมาในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๗ จำเลยทั้ง ๓ ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด

    เกี่ยวกับการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้ง ๓ นั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ "จอมพล ป. พิบูลสงคราม" พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้

    ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถามจอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. ๒๔๙๘-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ท่านจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า ๖๘๗)

    และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุด ตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้พึ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนรัชต์’”

    ----------

    ผู้เขียนได้สืบค้นเงื่อนไขการขอพระราชทานอภัยโทษในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ พบว่า บทบัญญัติแห่งธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 นั้น ทำให้พระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ต้องถูกลิดรอนลงจากเดิม

    จากการใช้พระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระมาสู่การใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญแล้ว

    ยังทำให้แนวความคิดและรูปแบบของการใช้พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย

    ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อพุทธศักราช 2477 โดยได้กำหนดรูปแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษไว้ในภาค 7 ว่าด้วยอภัยโทษเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบา และลดโทษมาตรา 259 ถึงมาตรา 267 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ถวายความเห็นและคำแนะนำเท่านั้น

    ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ

    แม้ว่าในบางกรณีความเห็นของกระทรวงมหาดไทยขัดแย้งกับความเห็นของคณะรัฐมนตรีก็ตาม (สรุปและเรียบเรียงจากหัวข้อ พระราชทานอภัยโทษ ฐานข้อมูล สถาบันพระปกเกล้า)

    ………

    ในการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย

    —————-

    ผู้เขียนได้ไปสืบค้นรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ ๘๕/๒๔๙๗ วันพุธที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๙๗ มีข้อความทั้งหมดที่เกี่ยวกับกรณีการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ดังนี้:


    “๙. เรื่อง นักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน ขอพระราชทานอภัยลดโทษ (กระทรวงมหาดไทยนำส่งฎีกาพร้อมด้วยเอกสารการสอบสวนของนักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน เรือนจำกลาง บางขวาง ต้องโทษฐานสมคบกันกระทำการประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล) กำหนดโทษประหารชีวิต ขอพระราชทานชีวิตให้คงไว้ มา

    น.ช. เฉลียว ฯ อ้างว่า ตนยังมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดไป ไม่เคยคิดที่จะหมิ่มพระบรมเดชานุภาพอย่างใด ขณะนี้ครอบครัวขาดผู้อุปการะ

    น.ช. ชิต ฯ อ้างว่า บรรพบุรุษในตระกูลของตน ซึ่งมีเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นต้นตระกูล ตลอดจนบิดา ได้เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต

    ส่วน น.ช. บุศย์ ฯ อ้างว่า ชีวิตของตนได้เติบโตขึ้นมาก็โดยความอุปการะในพระบรมราชตระกูลที่ได้ทรงชุบเลี้ยง การเข้ารับราชการจึงเป็นไปด้วยความจงรักภักดี

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (จอมพล ป พิบูลสงคราม) ได้สอบสวนพิจารณาแล้ว ไม่เห็นควรขอพระราชทานอภัยลดโทษได้ให้โดยอ้างว่า เรื่องนี้เป็นการประทุษร้ายแก่บุคคลสำคัญของประเทศตามหลักการของกระทรวงมหาดไทย

    ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วยแล้วนั้น จะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้ ควรยกฎีกาเสีย)

    มติ - เห็นชอบด้วยตามกระทรวงมหาดไทย ให้นำความกราบบังคมทูลได้.”

    (นอกจาก จอมพล ป จะเป็น รมต มหาดไทยแล้ว ยังเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย)

    ------------

    จากข้อความในรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีข้างต้นและจากการเปลี่ยนแปลงพระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่ถูกลิดรอนลงจากเดิมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

    พระมหากษัตริย์จึงไม่มีพระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระ

    แต่ทรงใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญ

    ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ

    ขณะเดียวกัน จากคำบอกเล่าของ พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม ที่กล่าวถึง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้เป็นบิดาว่า “…ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง…”

    ……….

    ผู้เขียนใคร่เรียนขอว่า ถ้ามีใครมีหลักฐานการขอพระราชอภัยโทษอีกสองครั้ง โปรดกรุณานำมาเผยแพร่ด้วย

    จักเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์และต่อสาธารณชน

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

    ป ล หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้รัชกาลที่เก้าเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษ

    ที่มา : เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn
    ของ ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร
    17 กุมภาพันธ์ พ ศ 2498 วันประหารชีวิต สามนักโทษกรณีสวรรคต หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า “มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน พยายามสื่อสารให้เข้าใจว่า รัชกาลที่เก้าเป็นผู้ปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8” ———— "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด" ผู้เขียนขอนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด เพราะมีสื่อต่างๆที่นำเสนอข้อมูลบางตอนที่ “อาจจะ” ทำให้ผู้รับสารเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน หากไม่อ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน สื่อต่างๆที่ว่านี้ ได้แก่ 1. THE STANDARD TEAM เรื่อง “17 กุมภาพันธ์ 2498 – ประหารชีวิต ชิต, บุศย์, เฉลียว จำเลยคดีสวรรคตในหลวง ร.8” เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความดังนี้: “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2478 ขณะมีพระชนมพรรษาเพียง 9 พรรษา พระองค์สวรรคตด้วยพระแสงปืนอย่างมีเงื่อนงำเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คน คือ เฉลียว ปทุมรส, ชิต สิงหเสนี และ บุศย์ ปัทมศริน อ้างอิงจากแถลงการณ์กระทรวงมหาดไทย ดังนี้ แถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทย ตามที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตนายเฉลียว ปทุมรส นายชิต สิงหเสนีย์ และนายบุศย์ ปัทมะศิรินทร์ จำเลยในคดีต้องหาว่าประทุษร้ายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และจำเลยทั้งสามได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น บัดนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสามเสีย ทางราชทัณฑ์จึงได้นำตัวจำเลยทั้งสาม ไปประหารชีวิตตามคำพิพากษา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498 เวลา 05.00 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง ต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวางเป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายแพทย์เชื้อ พัฒนเจริญ และนายหลอม บุญอ่อน รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุมเรือนจำกลางบางขวางเป็นกรรมการ ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยเป็นการเสร็จไปแล้ว จึงขอแถลงมาให้ทราบทั่วกันกระทรวงมหาดไทย วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2498” ................ 2. สถาบันปรีดี พนมยงค์ เรื่อง “สามจำเลยผู้บริสุทธิ์” โดย สุพจน์ ด่านตระกูล เผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 มีข้อความบางตอนดังนี้ “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสามคน เมื่อ 12 ตุลาคม 2497 แล้ว ต่อมาในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2497 จำเลยทั้งสามได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด เกี่ยวกับการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้งสามนั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. 2519 มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้ ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถาม จอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. 2498-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ทนจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า 647) และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุดตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้เพิ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์’” .................. 3. “ปัจฉิมวาจาของ ๓ นักโทษประหาร” มีข้อความบางตอนดังนี้: “หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง ๓ คน เมื่อ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๙๗ แล้วต่อมาในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๗ จำเลยทั้ง ๓ ได้ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ฎีกาดังกล่าวได้ตกไปในที่สุด เกี่ยวกับการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้ง ๓ นั้น พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (บุตรชายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม) ได้เขียนไว้ในหนังสือ "จอมพล ป. พิบูลสงคราม" พิมพ์ที่โรงพิมพ์ศูนย์การพิมพ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ มีความตอนหนึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม (ผู้เขียน) กับจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้นลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศญี่ปุ่นว่าดังนี้ ‘...ข้าพเจ้าจึงระงับใจไม่ได้ที่ต้องเรียนถามจอมพล ป. พิบูลสงคราม วันหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ในฐานะที่เวลานั้น (พ.ศ. ๒๔๙๘-ผู้เขียน) ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ เหตุใดท่านจึงไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้จำเลยสามคนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง ได้พยายามทำหน้าที่ของพ่อจนถึงที่สุดแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา มีน้อยครั้งที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเสียใจบ้างเมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นครั้งใดที่ท่านจะเสียใจหนักยิ่งไปกว่าที่ข้าพเจ้ากำลังเห็นท่านครั้งนั้น ขณะเมื่อได้ตอบคำถามของข้าพเจ้าจบ ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและสนเท่ห์ใจไม่เปลี่ยนแปลง’ (จากหนังสือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หน้า ๖๘๗) และก็สอดคล้องกับหนังสือแจกงานศพของนายชิต สิงหเสนี ที่บุตรสาวของท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือนั้น มีความว่า ‘ภายหลังที่พ่อถูกประหารชีวิตแล้ว จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ส่งนายฉาย วิโรจน์ศิริ เลขานุการส่วนตัวของท่านไปหาพวกเรา แจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลยินดีจะให้การอุปการะความเป็นอยู่การศึกษาแก่พวกเราทุกประการ พวกเราปรึกษาหารือกัน และในที่สุด ตกลงรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในความบริสุทธิ์ของพ่อ รัฐบาลจึงให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา ความช่วยเหลือนี้พึ่งมายกเลิกในสมัยรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ธนรัชต์’” ---------- ผู้เขียนได้สืบค้นเงื่อนไขการขอพระราชทานอภัยโทษในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ พบว่า บทบัญญัติแห่งธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 นั้น ทำให้พระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ต้องถูกลิดรอนลงจากเดิม จากการใช้พระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระมาสู่การใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญแล้ว ยังทำให้แนวความคิดและรูปแบบของการใช้พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย ต่อมาเมื่อมีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเมื่อพุทธศักราช 2477 โดยได้กำหนดรูปแบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษไว้ในภาค 7 ว่าด้วยอภัยโทษเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบา และลดโทษมาตรา 259 ถึงมาตรา 267 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ถวายความเห็นและคำแนะนำเท่านั้น ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ แม้ว่าในบางกรณีความเห็นของกระทรวงมหาดไทยขัดแย้งกับความเห็นของคณะรัฐมนตรีก็ตาม (สรุปและเรียบเรียงจากหัวข้อ พระราชทานอภัยโทษ ฐานข้อมูล สถาบันพระปกเกล้า) ……… ในการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย —————- ผู้เขียนได้ไปสืบค้นรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ ๘๕/๒๔๙๗ วันพุธที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๙๗ มีข้อความทั้งหมดที่เกี่ยวกับกรณีการขอพระราชทานอภัยลดโทษของนักโทษคดีสวรรคตรัชกาลที่แปด ดังนี้: “๙. เรื่อง นักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน ขอพระราชทานอภัยลดโทษ (กระทรวงมหาดไทยนำส่งฎีกาพร้อมด้วยเอกสารการสอบสวนของนักโทษเด็ดขาดชาย เฉลียว ปทุมรส นักโทษเด็ดขาดชาย ชิต สิงหเสนี และนักโทษเด็ดขาดชาย บุศย์ ปัทมศริน เรือนจำกลาง บางขวาง ต้องโทษฐานสมคบกันกระทำการประทุษร้ายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล) กำหนดโทษประหารชีวิต ขอพระราชทานชีวิตให้คงไว้ มา น.ช. เฉลียว ฯ อ้างว่า ตนยังมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดไป ไม่เคยคิดที่จะหมิ่มพระบรมเดชานุภาพอย่างใด ขณะนี้ครอบครัวขาดผู้อุปการะ น.ช. ชิต ฯ อ้างว่า บรรพบุรุษในตระกูลของตน ซึ่งมีเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เป็นต้นตระกูล ตลอดจนบิดา ได้เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต ส่วน น.ช. บุศย์ ฯ อ้างว่า ชีวิตของตนได้เติบโตขึ้นมาก็โดยความอุปการะในพระบรมราชตระกูลที่ได้ทรงชุบเลี้ยง การเข้ารับราชการจึงเป็นไปด้วยความจงรักภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (จอมพล ป พิบูลสงคราม) ได้สอบสวนพิจารณาแล้ว ไม่เห็นควรขอพระราชทานอภัยลดโทษได้ให้โดยอ้างว่า เรื่องนี้เป็นการประทุษร้ายแก่บุคคลสำคัญของประเทศตามหลักการของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วยแล้วนั้น จะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้ ควรยกฎีกาเสีย) มติ - เห็นชอบด้วยตามกระทรวงมหาดไทย ให้นำความกราบบังคมทูลได้.” (นอกจาก จอมพล ป จะเป็น รมต มหาดไทยแล้ว ยังเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย) ------------ จากข้อความในรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีข้างต้นและจากการเปลี่ยนแปลงพระราชฐานะและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่ถูกลิดรอนลงจากเดิมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระมหากษัตริย์จึงไม่มีพระราชอำนาจที่เด็ดขาดและเป็นอิสระ แต่ทรงใช้พระราชอำนาจตามขอบเขตในรัฐธรรมนูญ ซึ่งพระมหากษัตริย์/ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มักลงมติให้อภัยโทษหรือระงับฎีกาตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีเสมอ ขณะเดียวกัน จากคำบอกเล่าของ พล.ต. อนันต์ พิบูลสงคราม ที่กล่าวถึง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้เป็นบิดาว่า “…ท่านตอบข้าพเจ้าทันทีอย่างหนักแน่นว่า พ่อได้ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไปถึงสามครั้ง…” ………. ผู้เขียนใคร่เรียนขอว่า ถ้ามีใครมีหลักฐานการขอพระราชอภัยโทษอีกสองครั้ง โปรดกรุณานำมาเผยแพร่ด้วย จักเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์และต่อสาธารณชน ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ ป ล หลังจากศึกษาค้นคว้าข้อมูลแล้ว เห็นว่า มีผู้จงใจทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้รัชกาลที่เก้าเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิเสธการขอพระราชทานอภัยลดโทษประหารชีวิตของสามนักโทษ ที่มา : เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ของ ศาสตราจารย์ ไชยันต์ ไชยพร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่าเซเลนสกีได้ยกเลิกการเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียอย่างกะทันหัน โดยเขาจะเดินทางออกจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เพื่อกลับเคียฟทันที

    หลังจากทราบว่าการเจรจาระหว่างจากรัสเซียสหรัฐอเมริกาเสร็จสิ้นลง ไม่มีท่าทีเชิญให้เขาเข้าร่วมอีกครั้ง

    “เราไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับเรา ผมไม่ชอบเรื่องบังเอิญ ดังนั้น ผมคิดว่าจะไม่ไปซาอุดีอาระเบีย” เซเลนสกีกล่าวระหว่างการบรรยายสรุปหลังการประชุมกับประธานาธิบดีเรเซป เออร์โดกันของตุรกี
    มีรายงานว่าเซเลนสกีได้ยกเลิกการเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียอย่างกะทันหัน โดยเขาจะเดินทางออกจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เพื่อกลับเคียฟทันที หลังจากทราบว่าการเจรจาระหว่างจากรัสเซียสหรัฐอเมริกาเสร็จสิ้นลง ไม่มีท่าทีเชิญให้เขาเข้าร่วมอีกครั้ง “เราไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับเรา ผมไม่ชอบเรื่องบังเอิญ ดังนั้น ผมคิดว่าจะไม่ไปซาอุดีอาระเบีย” เซเลนสกีกล่าวระหว่างการบรรยายสรุปหลังการประชุมกับประธานาธิบดีเรเซป เออร์โดกันของตุรกี
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยผลการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้:
    - มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าฝ่ายอเมริกาเริ่มรับฟังจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น: การสนทนามีประโยชน์มาก

    - ทั้งสองตกลงที่จะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตเข้ามาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต

    - ตกลงที่จะขจัดอุปสรรคที่รัฐบาลไบเดนสร้างขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดขวางการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตของทั้งสอง

    - อุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยรัฐบาลของไบเดน ซึ่งทำให้การทำงานของนักการทูตประสบความยากลำบากนั้น จะต้องได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง

    - ตกลงที่จะจัดตั้งกระบวนการแก้ไขข้อขัดแย้งในยูเครน โดยจะมีการแต่งตั้งทีมเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงยูเครนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ

    - ตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการฟื้นคืนความร่วมมือทวิภาคีควบคู่ไปกับการแก้ไขวิกฤตยูเครน

    - รัสเซียแจ้งโดยตรงต่อสหรัฐว่า การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO คือภัยคุกคามโดยตรง และการมีทหารจากประเทศสมาชิก NATO แม้จะอยู่ภายใต้ธงประเทศในสหภาพยุโรปหรือธงอื่นๆ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

    - สหรัฐอเมริกา ต้องการให้ยกเลิกเป้าหมายในการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานทั้งในรัสเซียและยูเครนในช่วงระหว่างขั้นตอนการเจรจา

    - แต่ละประเทศล้วนชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติของตนเอง ทำให้ความเข้าใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐในบางเรื่อง อาจมีความเห็นต่างกัน สิ่งสำคัญคือการหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยผลการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ดังนี้: - มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าฝ่ายอเมริกาเริ่มรับฟังจุดยืนของรัสเซียมากขึ้น: การสนทนามีประโยชน์มาก - ทั้งสองตกลงที่จะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตเข้ามาทำหน้าที่อย่างรวดเร็วเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต - ตกลงที่จะขจัดอุปสรรคที่รัฐบาลไบเดนสร้างขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดขวางการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตของทั้งสอง - อุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างโดยรัฐบาลของไบเดน ซึ่งทำให้การทำงานของนักการทูตประสบความยากลำบากนั้น จะต้องได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งรวมถึงการยึดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง - ตกลงที่จะจัดตั้งกระบวนการแก้ไขข้อขัดแย้งในยูเครน โดยจะมีการแต่งตั้งทีมเจรจาในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงยูเครนอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ - ตกลงที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการฟื้นคืนความร่วมมือทวิภาคีควบคู่ไปกับการแก้ไขวิกฤตยูเครน - รัสเซียแจ้งโดยตรงต่อสหรัฐว่า การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO คือภัยคุกคามโดยตรง และการมีทหารจากประเทศสมาชิก NATO แม้จะอยู่ภายใต้ธงประเทศในสหภาพยุโรปหรือธงอื่นๆ ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ - สหรัฐอเมริกา ต้องการให้ยกเลิกเป้าหมายในการโจมตีโครงสร้างด้านพลังงานทั้งในรัสเซียและยูเครนในช่วงระหว่างขั้นตอนการเจรจา - แต่ละประเทศล้วนชี้นำโดยผลประโยชน์ของชาติของตนเอง ทำให้ความเข้าใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐในบางเรื่อง อาจมีความเห็นต่างกัน สิ่งสำคัญคือการหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ
    ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ
    สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของทำเนียบขาว
    ร่วมกันเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับการเจรจาครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐและรัสเซีย:

    - การเจรจากับรัสเซียในซาอุดีอาระเบียถือเป็น "ก้าวสำคัญที่พัฒนาไปข้างหน้า"

    - ทั้งสองประเทศตกลงที่จะวางรากฐานสำหรับความร่วมมือในอนาคตในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และโอกาสการลงทุนเมื่อความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง

    - สหรัฐและรัสเซีย ให้คำมั่นที่จะมีส่วนร่วมเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการดำเนินไปอย่างทันท่วงทีและสร้างสรรค์

    - การทำงานเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครนจะต้องใช้ "การทูตที่ซับซ้อนและเข้มข้น" และต้องใช้ระยะเวลา "ซึ่งต้องอาศัยการประนีประนอมจากทุกฝ่าย" (พุ่งเป้าไปที่รัสเซีย) และเงื่อนไขจะต้อง "ยอมรับได้"

    - ยังไม่ได้มีการกำหนดวัน ของการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสอง แต่เชื่อว่าประธานาธิบดีทั้งสองได้สนทนากันถึงการพบกันแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้พบกันในที่สุด - ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐกล่าว

    - อนาคตของการเจรจาขึ้นอยู่กับความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายที่จะ "ทำตามสัญญา" ซึ่งเป็นการทดสอบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

    - ทรัมป์ตั้งเป้าหมายที่จะหาทางแก้ไขอย่างยุติธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาสร้างความขัดแย้งในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า

    - การฟื้นฟูทางการทูตระหว่างกันอาจทำได้ในเร็วๆนี้ หลังจากไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันอย่างมีนัยสำคัญมาเกือบสามปีแล้ว

    - มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นผลจากความขัดแย้ง และอาจยกเลิกได้เมื่อความขัดแย้งสิ้นสุดลง
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษประจำตะวันออกกลางของทำเนียบขาว ร่วมกันเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับการเจรจาครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐและรัสเซีย: - การเจรจากับรัสเซียในซาอุดีอาระเบียถือเป็น "ก้าวสำคัญที่พัฒนาไปข้างหน้า" - ทั้งสองประเทศตกลงที่จะวางรากฐานสำหรับความร่วมมือในอนาคตในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และโอกาสการลงทุนเมื่อความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง - สหรัฐและรัสเซีย ให้คำมั่นที่จะมีส่วนร่วมเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการดำเนินไปอย่างทันท่วงทีและสร้างสรรค์ - การทำงานเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครนจะต้องใช้ "การทูตที่ซับซ้อนและเข้มข้น" และต้องใช้ระยะเวลา "ซึ่งต้องอาศัยการประนีประนอมจากทุกฝ่าย" (พุ่งเป้าไปที่รัสเซีย) และเงื่อนไขจะต้อง "ยอมรับได้" - ยังไม่ได้มีการกำหนดวัน ของการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสอง แต่เชื่อว่าประธานาธิบดีทั้งสองได้สนทนากันถึงการพบกันแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้พบกันในที่สุด - ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐกล่าว - อนาคตของการเจรจาขึ้นอยู่กับความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายที่จะ "ทำตามสัญญา" ซึ่งเป็นการทดสอบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า - ทรัมป์ตั้งเป้าหมายที่จะหาทางแก้ไขอย่างยุติธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาสร้างความขัดแย้งในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า - การฟื้นฟูทางการทูตระหว่างกันอาจทำได้ในเร็วๆนี้ หลังจากไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันอย่างมีนัยสำคัญมาเกือบสามปีแล้ว - มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นผลจากความขัดแย้ง และอาจยกเลิกได้เมื่อความขัดแย้งสิ้นสุดลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหภาพยุโรปจะไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย แม้ว่าสหรัฐฯ จะยกเลิกก็ตาม

    "วาลดิส ดอมบรอฟสกี้" หนึ่งในคณะกรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจ กล่าวที่กรุงบรัสเซลส์ว่า สหภาพยุโรปไม่มีแผนยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย แม้ว่าสหรัฐฯ จะตัดสินใจยกเลิกก็ตาม

    นอกจากนี้ สหภาพยุโรปกำลังดำเนินการจัดทำมาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 16 ต่อไป
    สหภาพยุโรปจะไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย แม้ว่าสหรัฐฯ จะยกเลิกก็ตาม "วาลดิส ดอมบรอฟสกี้" หนึ่งในคณะกรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจ กล่าวที่กรุงบรัสเซลส์ว่า สหภาพยุโรปไม่มีแผนยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย แม้ว่าสหรัฐฯ จะตัดสินใจยกเลิกก็ตาม นอกจากนี้ สหภาพยุโรปกำลังดำเนินการจัดทำมาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 16 ต่อไป
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับความพยายามของมูลนิธิ WordPress ที่ต้องการควบคุมเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" ให้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายที่มากขึ้นสำหรับ Matt Mullenweg ซีอีโอของมูลนิธิ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 WordPress ภายใต้การนำของ Mullenweg ได้มีความขัดแย้งกับ WP Engine เกี่ยวกับใบอนุญาตและการมีส่วนร่วมในชุมชน WordPress โดย Mullenweg ได้บล็อก WP Engine จากทรัพยากรโอเพ่นซอร์สซึ่งในเวลาต่อมาได้มีคำสั่งศาลให้เปิดการเข้าถึงและยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ

    มูลนิธิ WordPress ยังพยายามจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" แต่ได้ถูกคำขอให้ยกเลิกจาก Unprotected.org เว็บไซต์ที่วิจารณ์ Mullenweg จนทำให้สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐ (USPTO) ต้องการการปฏิเสธคำขอจดทะเบียนในตอนแรก แม้ว่าการร้องขอครั้งนี้จะไม่ใช่การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

    การกระทำเหล่านี้ทำให้มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของ Mullenweg โดยเฉพาะเมื่อพนักงานของ Automatic (บริษัทที่ Mullenweg บริหาร) กว่า 159 คนได้ลาออกเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการบริหารของเขา

    การที่มูลนิธิ WordPress พยายามควบคุมเครื่องหมายการค้าดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการโฮสต์หลายรายกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์โฮสต์ WordPress ของพวกเขาและความเป็นไปได้ที่จะถูกมูลนิธิ WordPress ดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการละเมิดเครื่องหมายการค้า นอกจากนี้มีบางคนยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำของ WordPress โดยเสนอชื่อ Joost de Valk ผู้พัฒนา Yoast SEO เป็นผู้ที่ควรเข้ามาแทนที่ Mullenweg

    สถานการณ์นี้มีความหมายต่ออนาคตของแพลตฟอร์ม WordPress ที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งมากกว่า 43% ของเว็บไซต์ทั่วโลก แต่หากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งพัฒนาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น จำนวนการใช้งาน WordPress อาจลดลงในอนาคต

    เหตุการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยในการเผยแพร่ข้อมูล แต่ความเป็นผู้นำเดียวสามารถสร้างความขัดแย้งได้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงผู้นำอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อให้ชุมชน WordPress แข็งแกร่งและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/website-hosting/wordpress-foundation-bid-for-greater-trademark-control-halted-adding-to-more-legal-setbacks-for-ceo-matt-mullenweg
    ข่าวนี้เกี่ยวกับความพยายามของมูลนิธิ WordPress ที่ต้องการควบคุมเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" ให้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายที่มากขึ้นสำหรับ Matt Mullenweg ซีอีโอของมูลนิธิ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 WordPress ภายใต้การนำของ Mullenweg ได้มีความขัดแย้งกับ WP Engine เกี่ยวกับใบอนุญาตและการมีส่วนร่วมในชุมชน WordPress โดย Mullenweg ได้บล็อก WP Engine จากทรัพยากรโอเพ่นซอร์สซึ่งในเวลาต่อมาได้มีคำสั่งศาลให้เปิดการเข้าถึงและยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ มูลนิธิ WordPress ยังพยายามจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" แต่ได้ถูกคำขอให้ยกเลิกจาก Unprotected.org เว็บไซต์ที่วิจารณ์ Mullenweg จนทำให้สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐ (USPTO) ต้องการการปฏิเสธคำขอจดทะเบียนในตอนแรก แม้ว่าการร้องขอครั้งนี้จะไม่ใช่การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด การกระทำเหล่านี้ทำให้มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของ Mullenweg โดยเฉพาะเมื่อพนักงานของ Automatic (บริษัทที่ Mullenweg บริหาร) กว่า 159 คนได้ลาออกเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการบริหารของเขา การที่มูลนิธิ WordPress พยายามควบคุมเครื่องหมายการค้าดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการโฮสต์หลายรายกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์โฮสต์ WordPress ของพวกเขาและความเป็นไปได้ที่จะถูกมูลนิธิ WordPress ดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการละเมิดเครื่องหมายการค้า นอกจากนี้มีบางคนยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำของ WordPress โดยเสนอชื่อ Joost de Valk ผู้พัฒนา Yoast SEO เป็นผู้ที่ควรเข้ามาแทนที่ Mullenweg สถานการณ์นี้มีความหมายต่ออนาคตของแพลตฟอร์ม WordPress ที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งมากกว่า 43% ของเว็บไซต์ทั่วโลก แต่หากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งพัฒนาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น จำนวนการใช้งาน WordPress อาจลดลงในอนาคต เหตุการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยในการเผยแพร่ข้อมูล แต่ความเป็นผู้นำเดียวสามารถสร้างความขัดแย้งได้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงผู้นำอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อให้ชุมชน WordPress แข็งแกร่งและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/website-hosting/wordpress-foundation-bid-for-greater-trademark-control-halted-adding-to-more-legal-setbacks-for-ceo-matt-mullenweg
    WWW.TECHRADAR.COM
    WordPress Foundation bid for greater trademark control halted, adding to more legal setbacks for CEO Matt Mullenweg
    WordPress Foundation requested to disclaim rights to Hosted WordPress and Managed WordPress
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส พลิกหงายท้องหลังลงจอดกระแทกที่สนามบินโทรอนโต เพียร์สัน ในแคนาดา ท่ามกลางลมแรง สืบเนื่องจากพายุหิมะ ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย จากทั้งหมด 80 คนบนเครื่องบิน ตามการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่
    .
    ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น มีอยู่ 3 รายที่อาการสาหัส ในนั้นมีเด็กรวมอยู่ด้วย 1 คน
    .
    สายการบินเดลตา เปิดเผยว่าเครื่องบิน CRJ900 ที่ปฏิบัติการโดยสายการบินลูก "เอ็นเดเวอร์แอร์" เป็นเครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุ โดยมันบรรทุกผู้โดยสาร 76 คนและลูกเรือ 4 คน ทั้งนี้ CRJ900 ผลิตโดยบริษัทบอมบาร์เดียร์ของแคนาดา บรรทุกได้สูงสุด 90 คน
    .
    สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ผู้ใช้บนสื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งโพสต์วิดีโอหลังเกิดเหตุ เป็นภาพรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเข้าใส่เครื่องบิน ที่พลิกหงายท้องอยู่บนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
    .
    "เราอยู่ในโทรอนโต เราเพิ่งลงจอด เครื่องบินของเรากระแทกและมันพลิกหงายท้อง หน่วยดับเพลิงอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว แม้พลิกหงายท้อง แต่ทุกๆ คน ผู้คนเกือบทั้งหมดปลอดภัยดี เรากำลังออกไป มีควันคลุ้งออกมาบ้าง" จอห์น เบลสัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งบรรยายภาพในวิดีโอ
    .
    ท่าอากาศยานเพียร์สัน บอกก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่ากำลังรับมือกับลมแรงและอุณหภูมิเย็นยะเยือก ส่วนสายการบินต่างๆ ก็พยายามบริหารจัดการกับเที่ยวบินต่างๆ ที่ต้องยกเลิก หลังจากพายุหิมะในช่วงสุดสัปดาห์ ที่เทหิมะลงมาหนาถึง 22 เซนติเมตร บริเวณสนามบิน
    .
    ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย มีอยู่ 2 คนที่ถูกลำเลียงทางอากาศไปยังศูนย์อุบัติเหตุ ส่วนเด็กถูกพาไปยังโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง ขณะที่อีก 12 ที่เหลือ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล "เราไม่มีผู้เสียชีวิต และเราพบตัวลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมดแล้ว" หัวหน้าหน่วยการแพทย์ฉุกเฉินระบุ
    .
    สนามบินโทรอนโต ต้องปิดทำการเป็นเวลา 90 นาที ก่อนกลับมาเปิดปฏิบัติการทั้งเที่ยวบินขาเข้าและขาออกหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม มันทำให้หลายเที่ยวบินต้องเบี่ยงไปลงจอดที่ท่าอากาศยานอื่นๆ และก่อปัญหาดีเลย์ตามสนามบินนั้นๆ ในนั้นรวมถึงสนามบินทรูโด ในมอนทรีออล ที่เผยว่ากำลังเตรียมพร้อมรองรับอีกหลายเที่ยวบินที่ต้องเบี่ยงมาลงจอด ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจก่อปัญหาล่าช้าเพิ่มเติม
    .
    คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งของแคนาดา (TSB) เผยว่ากำลังส่งคณะทำงานลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวน ส่วนคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่าทีมสืบสวนของพวกเขาจะเข้าข่วยเหลือทีมงานของ TSB ด้วยเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015977
    ..............
    Sondhi X
    เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส พลิกหงายท้องหลังลงจอดกระแทกที่สนามบินโทรอนโต เพียร์สัน ในแคนาดา ท่ามกลางลมแรง สืบเนื่องจากพายุหิมะ ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย จากทั้งหมด 80 คนบนเครื่องบิน ตามการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่ . ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น มีอยู่ 3 รายที่อาการสาหัส ในนั้นมีเด็กรวมอยู่ด้วย 1 คน . สายการบินเดลตา เปิดเผยว่าเครื่องบิน CRJ900 ที่ปฏิบัติการโดยสายการบินลูก "เอ็นเดเวอร์แอร์" เป็นเครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุ โดยมันบรรทุกผู้โดยสาร 76 คนและลูกเรือ 4 คน ทั้งนี้ CRJ900 ผลิตโดยบริษัทบอมบาร์เดียร์ของแคนาดา บรรทุกได้สูงสุด 90 คน . สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ผู้ใช้บนสื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งโพสต์วิดีโอหลังเกิดเหตุ เป็นภาพรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเข้าใส่เครื่องบิน ที่พลิกหงายท้องอยู่บนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ . "เราอยู่ในโทรอนโต เราเพิ่งลงจอด เครื่องบินของเรากระแทกและมันพลิกหงายท้อง หน่วยดับเพลิงอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว แม้พลิกหงายท้อง แต่ทุกๆ คน ผู้คนเกือบทั้งหมดปลอดภัยดี เรากำลังออกไป มีควันคลุ้งออกมาบ้าง" จอห์น เบลสัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งบรรยายภาพในวิดีโอ . ท่าอากาศยานเพียร์สัน บอกก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่ากำลังรับมือกับลมแรงและอุณหภูมิเย็นยะเยือก ส่วนสายการบินต่างๆ ก็พยายามบริหารจัดการกับเที่ยวบินต่างๆ ที่ต้องยกเลิก หลังจากพายุหิมะในช่วงสุดสัปดาห์ ที่เทหิมะลงมาหนาถึง 22 เซนติเมตร บริเวณสนามบิน . ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย มีอยู่ 2 คนที่ถูกลำเลียงทางอากาศไปยังศูนย์อุบัติเหตุ ส่วนเด็กถูกพาไปยังโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง ขณะที่อีก 12 ที่เหลือ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล "เราไม่มีผู้เสียชีวิต และเราพบตัวลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมดแล้ว" หัวหน้าหน่วยการแพทย์ฉุกเฉินระบุ . สนามบินโทรอนโต ต้องปิดทำการเป็นเวลา 90 นาที ก่อนกลับมาเปิดปฏิบัติการทั้งเที่ยวบินขาเข้าและขาออกหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม มันทำให้หลายเที่ยวบินต้องเบี่ยงไปลงจอดที่ท่าอากาศยานอื่นๆ และก่อปัญหาดีเลย์ตามสนามบินนั้นๆ ในนั้นรวมถึงสนามบินทรูโด ในมอนทรีออล ที่เผยว่ากำลังเตรียมพร้อมรองรับอีกหลายเที่ยวบินที่ต้องเบี่ยงมาลงจอด ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจก่อปัญหาล่าช้าเพิ่มเติม . คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งของแคนาดา (TSB) เผยว่ากำลังส่งคณะทำงานลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวน ส่วนคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่าทีมสืบสวนของพวกเขาจะเข้าข่วยเหลือทีมงานของ TSB ด้วยเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015977 .............. Sondhi X
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1546 มุมมอง 1 รีวิว
  • สว แรนด์ พอลเชิญให้อีลอน มัสก์ตรวนสอบทองคำสำรองที่Fort Knox
    18-2-2025
    วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ได้เชิญอีลอน มัสก์ มายังรัฐเคนทักกีของเขา เพื่อตรวจสอบทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
    บัญชี X ของสว. พอล ที่มีผู้ติดตาม 2 ล้านคน ได้ขอให้หัวหน้าหน่วยงาน Department of Government Efficiency (DOGE) เล็งไปที่ Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำสำรองของสหรัฐฯ ยังอยู่ในที่เก็บหรือไม่
    มัสก์ตั้งคำถามว่าทำไมไม่มีการตรวจสอบทองคำสำรองทุกปี ซึ่งทำให้เกิดการคาดคะเนว่าเขาอาจจะเข้าไปตรวจสอบฐานทัพที่มีห้องนิรภัยที่บรรจุทองคำสำรองของสหรัฐฯ
    ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งและแต่งตั้งมัสก์ให้มีอำนาจในวอชิงตัน มหาเศรษฐีคนนี้ก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดงบประมาณในหลายหน่วยงานที่ทั้งคู่เห็นว่าจะช่วยลด "การใช้งบประมาณที่สิ้นเปลือง" ของรัฐบาลกลาง รวมท้ังกำจัดการคอรัปชั่น
    มัสก์ช่วยยกเลิก USAID อย่างสมบูรณ์ โดยไล่พนักงานหรือทำให้พนักงานกว่า 10,000 คนตกอยู่ในสภาพที่ไม่แน่นอน และยังตัดงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ในหน่วยงานเช่นกระทรวงศึกษาธิการ และไล่เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของ FEMA ออกสี่คน
    "คงจะเป็นการดีถ้าอีลอน มัสก์ สามารถเข้าไปดูภายใน Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำ 4,580 ตันของสหรัฐฯ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่" Zero Hedge โพสต์บน X "ครั้งสุดท้ายที่มีคนตรวจสอบคือ 50 ปีที่แล้วในปี 1974"
    มัสก์ตอบกลับโพสต์นี้ด้วยคำถามว่า "แน่นอนว่ามันควรถูกตรวจสอบอย่างน้อยทุกปีใช่ไหม?"
    แต่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน แรนด์ พอล จากเคนทักกี ตอบว่า "ไม่" และเชิญชวนมัสก์ให้ "ทำเลย" โดยให้ทีม DOGE ของเขาดำเนินการตรวจสอบทองคำสำรองที่ฐานทัพ Fort Knox
    ห้องนิรภัย Bullion Depository เก็บทองคำประมาณ 147 ล้านทรอยออนซ์ ซึ่งคิดเป็นกว่า 56.35% ของทองคำทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง
    ตำรวจ U.S. Mint มีหน้าที่ปกป้องทองคำสำรองนี้
    ทองคำสำรองในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับทองคำสำรองทั่วไป ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเสถียรภาพในระบบการเงินต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทองเก็บมูลค่าที่จับต้องได้และช่วยป้องกันอัตราเงินเฟ้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในสกุลเงินของประเทศ แม้ว่ามาตรฐานทองคำจะไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้วก็ตาม
    ในขณะที่โพสต์บน X ระบุว่าการตรวจสอบทองคำครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1974 แต่ก็มีการตรวจสอบอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2017 เมื่อวุฒิสมาชิกมิทช์ แมคคอนเนลล์ จากเคนทักกี นำกลุ่มเล็กๆ รวมถึงรัฐมนตรีคลังสตีเวน มนูชิน ในขณะนั้น เข้าไปในห้องนิรภัย
    หลังจากนั้น มีภาพขาวดำคุณภาพต่ำของมนูชินในห้องนิรภัยถูกเผยแพร่ โดยมีทองคำแท่งอยู่เบื้องหลัง
    มนูชินเป็นหัวหน้ากระทรวงการคลังคนแรกที่เข้าไปเยี่ยมชมห้องนิรภัยนี้ตั้งแต่ปี 1948
    การตรวจสอบครั้งแรกของห้องนิรภัยเกิดขึ้นในปี 1943 โดยประธานาธิบดีแฟรงคลิน โรสเวลต์ หลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
    การตรวจสอบในปี 1974 ที่กล่าวถึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่กระจายในเวลานั้น ซึ่งอ้างว่าชนชั้นนำได้ลักลอบนำทองคำออกไปและห้องนิรภัยว่างเปล่า
    สมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชนได้ร่วมทัวร์นำโดยผู้อำนวยการ U.S. Mint ในขณะนั้น เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่าทองคำยังอยู่ที่นั่น
    อย่างไรก็ดี ไม่เคยมีการตรวจนับทองคำแท่งในตู้นิรภัยอย่างจริงๆจังๆโดยหน่วยงานอิสระ
    ที่มา
    https://www.dailymail.co.uk/.../gold-reserve-doge-audit...
    สว แรนด์ พอลเชิญให้อีลอน มัสก์ตรวนสอบทองคำสำรองที่Fort Knox 18-2-2025 วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ได้เชิญอีลอน มัสก์ มายังรัฐเคนทักกีของเขา เพื่อตรวจสอบทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ บัญชี X ของสว. พอล ที่มีผู้ติดตาม 2 ล้านคน ได้ขอให้หัวหน้าหน่วยงาน Department of Government Efficiency (DOGE) เล็งไปที่ Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำสำรองของสหรัฐฯ ยังอยู่ในที่เก็บหรือไม่ มัสก์ตั้งคำถามว่าทำไมไม่มีการตรวจสอบทองคำสำรองทุกปี ซึ่งทำให้เกิดการคาดคะเนว่าเขาอาจจะเข้าไปตรวจสอบฐานทัพที่มีห้องนิรภัยที่บรรจุทองคำสำรองของสหรัฐฯ ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งและแต่งตั้งมัสก์ให้มีอำนาจในวอชิงตัน มหาเศรษฐีคนนี้ก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดงบประมาณในหลายหน่วยงานที่ทั้งคู่เห็นว่าจะช่วยลด "การใช้งบประมาณที่สิ้นเปลือง" ของรัฐบาลกลาง รวมท้ังกำจัดการคอรัปชั่น มัสก์ช่วยยกเลิก USAID อย่างสมบูรณ์ โดยไล่พนักงานหรือทำให้พนักงานกว่า 10,000 คนตกอยู่ในสภาพที่ไม่แน่นอน และยังตัดงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ในหน่วยงานเช่นกระทรวงศึกษาธิการ และไล่เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของ FEMA ออกสี่คน "คงจะเป็นการดีถ้าอีลอน มัสก์ สามารถเข้าไปดูภายใน Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำ 4,580 ตันของสหรัฐฯ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่" Zero Hedge โพสต์บน X "ครั้งสุดท้ายที่มีคนตรวจสอบคือ 50 ปีที่แล้วในปี 1974" มัสก์ตอบกลับโพสต์นี้ด้วยคำถามว่า "แน่นอนว่ามันควรถูกตรวจสอบอย่างน้อยทุกปีใช่ไหม?" แต่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน แรนด์ พอล จากเคนทักกี ตอบว่า "ไม่" และเชิญชวนมัสก์ให้ "ทำเลย" โดยให้ทีม DOGE ของเขาดำเนินการตรวจสอบทองคำสำรองที่ฐานทัพ Fort Knox ห้องนิรภัย Bullion Depository เก็บทองคำประมาณ 147 ล้านทรอยออนซ์ ซึ่งคิดเป็นกว่า 56.35% ของทองคำทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง ตำรวจ U.S. Mint มีหน้าที่ปกป้องทองคำสำรองนี้ ทองคำสำรองในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับทองคำสำรองทั่วไป ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเสถียรภาพในระบบการเงินต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทองเก็บมูลค่าที่จับต้องได้และช่วยป้องกันอัตราเงินเฟ้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในสกุลเงินของประเทศ แม้ว่ามาตรฐานทองคำจะไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้วก็ตาม ในขณะที่โพสต์บน X ระบุว่าการตรวจสอบทองคำครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1974 แต่ก็มีการตรวจสอบอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2017 เมื่อวุฒิสมาชิกมิทช์ แมคคอนเนลล์ จากเคนทักกี นำกลุ่มเล็กๆ รวมถึงรัฐมนตรีคลังสตีเวน มนูชิน ในขณะนั้น เข้าไปในห้องนิรภัย หลังจากนั้น มีภาพขาวดำคุณภาพต่ำของมนูชินในห้องนิรภัยถูกเผยแพร่ โดยมีทองคำแท่งอยู่เบื้องหลัง มนูชินเป็นหัวหน้ากระทรวงการคลังคนแรกที่เข้าไปเยี่ยมชมห้องนิรภัยนี้ตั้งแต่ปี 1948 การตรวจสอบครั้งแรกของห้องนิรภัยเกิดขึ้นในปี 1943 โดยประธานาธิบดีแฟรงคลิน โรสเวลต์ หลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การตรวจสอบในปี 1974 ที่กล่าวถึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่กระจายในเวลานั้น ซึ่งอ้างว่าชนชั้นนำได้ลักลอบนำทองคำออกไปและห้องนิรภัยว่างเปล่า สมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชนได้ร่วมทัวร์นำโดยผู้อำนวยการ U.S. Mint ในขณะนั้น เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่าทองคำยังอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ดี ไม่เคยมีการตรวจนับทองคำแท่งในตู้นิรภัยอย่างจริงๆจังๆโดยหน่วยงานอิสระ ที่มา https://www.dailymail.co.uk/.../gold-reserve-doge-audit...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • “องค์การค้า สกสค.” ถอย! ยกเลิกประกาศผู้ชนะ งานพิมพ์แบบเรียนปี 68 “ก.บัญชีกลาง” ชี้ไม่สมบูรณ์
    .
    “องค์การค้า สกสค.” จ๋อย! ถูก “กรมบัญชีกลาง” สั่งยกเลิกประกาศผู้ชนะงานพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน ที่เพิ่งประกาศให้ “วรรณชาติเพรส” ผู้ยื่นประมูลรายเดียวกวาดเรียบ 145 รายการ ชี้การแข่งขันไม่สมบูรณ์ เผย “รมว.ศธ.” เคยสั่งให้ยกเลิกแล้ว เหตุมีปัญหาในระบบจัดซื้อฯ แต่องค์การค้าฯกลับเดินหน้าต่อ จนถูก “กรมบัญชีกลาง” เบรกหัวทิ่ม
    .
    จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เปิดประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,060 ล้านบาท ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เมื่อวันที่ 28 ม.ค.68 และต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 ได้ประกาศให้ บริษัท วรรณชาติเพรส (2020) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ยื่นเสนอราคาเพียงรายเดียว เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างพิมพ์ฯทั้ง 145 รายการนั้น
    .
    วันนี้ (17 ก.พ.68) องค์การค้าของ สกสค.ได้ออกประกาศเรื่อง ยกเลิกประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคา จ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ลงนามโดย นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ รองเลขาธิการ สกสค. รักษาการแทนเลขาธิการ สกสค.
    .
    โดยเนื้อหาระบุว่า ตามประกาศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสติภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เรื่อง ประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ตามเอกสารประกวดราคาเลขที่ D64.1/2567 ลงวันที่ 25 ธ.ค.67 ซึ่งกำหนดยื่นเสนอราคาในวันที่ 28 ม.ค.68 ปรากฏว่ามีผู้ยื่นเอกสารเสนอราคาเพียงรายเดียว และได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 7 ก.พ.68
    .
    องค์การค้าของ สกสค.พิจารณาตามหนังสือ
    คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด
    ที่ กค (กวจ) 0405.3/ว350 ลงวันที่ 23 ก.ค.62 ประกอบหนังสือคณะกรรมการวิวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/5774 ลงวันที่ 11 ก.พ.68 โดยเห็นควรยกเลิกเนื่องจากเห็นว่าเป็นการแข่งขันไม่สมบูรณ์ องค์การค้าของ สกสค. จึงขอยกเลิกประกาศผู้ชนะการเสนอราคาดังกล่าว ประกาศ ณ วันที่ 17 ก.พ.68
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ ก็ได้แนวทางการดำเนินการหลังทราบว่า มีผู้ยื่นเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 เพียงรายเดียวว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการยกเลิกประกวดราคาฯครั้งนี้ เพื่อความโปร่งใส เนื่องจากเกิดจากปัญหาในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมีรายงานว่า องค์การค้าของ สกสค. ได้ทำหนังสือสอบถาม กรมบัญชีกลาง เพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องของการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนประจำปี 2568 ที่มีผู้ยื่นเสนอราคาเพียงรายเดียวด้วย
    .
    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 องค์การค้าของ สกสค. กลับออกมีประกาศลงนามโดย นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ให้ บริษัท วรรณชาติเพรส (2020) จำกัด เป็นผู้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ กระทั่ง คณะกรรมการวิวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ได้มีหลังสือลงวันที่ 11 ก.พ.68 เห็นควรยกเลิก เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแข่งขันไม่สมบูรณ์ทางองค์การค้าของ สกสค.จึงออกประกาศยกเลิกในที่สุด.
    ..............
    Sondhi X
    “องค์การค้า สกสค.” ถอย! ยกเลิกประกาศผู้ชนะ งานพิมพ์แบบเรียนปี 68 “ก.บัญชีกลาง” ชี้ไม่สมบูรณ์ . “องค์การค้า สกสค.” จ๋อย! ถูก “กรมบัญชีกลาง” สั่งยกเลิกประกาศผู้ชนะงานพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน ที่เพิ่งประกาศให้ “วรรณชาติเพรส” ผู้ยื่นประมูลรายเดียวกวาดเรียบ 145 รายการ ชี้การแข่งขันไม่สมบูรณ์ เผย “รมว.ศธ.” เคยสั่งให้ยกเลิกแล้ว เหตุมีปัญหาในระบบจัดซื้อฯ แต่องค์การค้าฯกลับเดินหน้าต่อ จนถูก “กรมบัญชีกลาง” เบรกหัวทิ่ม . จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เปิดประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินงบประมาณ 1,060 ล้านบาท ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เมื่อวันที่ 28 ม.ค.68 และต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 ได้ประกาศให้ บริษัท วรรณชาติเพรส (2020) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ยื่นเสนอราคาเพียงรายเดียว เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างพิมพ์ฯทั้ง 145 รายการนั้น . วันนี้ (17 ก.พ.68) องค์การค้าของ สกสค.ได้ออกประกาศเรื่อง ยกเลิกประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคา จ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ลงนามโดย นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ รองเลขาธิการ สกสค. รักษาการแทนเลขาธิการ สกสค. . โดยเนื้อหาระบุว่า ตามประกาศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสติภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เรื่อง ประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ตามเอกสารประกวดราคาเลขที่ D64.1/2567 ลงวันที่ 25 ธ.ค.67 ซึ่งกำหนดยื่นเสนอราคาในวันที่ 28 ม.ค.68 ปรากฏว่ามีผู้ยื่นเอกสารเสนอราคาเพียงรายเดียว และได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 7 ก.พ.68 . องค์การค้าของ สกสค.พิจารณาตามหนังสือ คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.3/ว350 ลงวันที่ 23 ก.ค.62 ประกอบหนังสือคณะกรรมการวิวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/5774 ลงวันที่ 11 ก.พ.68 โดยเห็นควรยกเลิกเนื่องจากเห็นว่าเป็นการแข่งขันไม่สมบูรณ์ องค์การค้าของ สกสค. จึงขอยกเลิกประกาศผู้ชนะการเสนอราคาดังกล่าว ประกาศ ณ วันที่ 17 ก.พ.68 . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ ก็ได้แนวทางการดำเนินการหลังทราบว่า มีผู้ยื่นเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 เพียงรายเดียวว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการยกเลิกประกวดราคาฯครั้งนี้ เพื่อความโปร่งใส เนื่องจากเกิดจากปัญหาในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมีรายงานว่า องค์การค้าของ สกสค. ได้ทำหนังสือสอบถาม กรมบัญชีกลาง เพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องของการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนประจำปี 2568 ที่มีผู้ยื่นเสนอราคาเพียงรายเดียวด้วย . อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 ก.พ.68 องค์การค้าของ สกสค. กลับออกมีประกาศลงนามโดย นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ให้ บริษัท วรรณชาติเพรส (2020) จำกัด เป็นผู้ชนะการเสนอราคาประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ กระทั่ง คณะกรรมการวิวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ได้มีหลังสือลงวันที่ 11 ก.พ.68 เห็นควรยกเลิก เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแข่งขันไม่สมบูรณ์ทางองค์การค้าของ สกสค.จึงออกประกาศยกเลิกในที่สุด. .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1279 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้พบปะกับบรรดาผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศ รวมถึงแจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปักกิ่งกำลังพยายามฟื้นฟูธุรกิจเอกชนและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

    สีจิ้นผิงได้กล่าว "สุนทรพจน์สำคัญ" ในงานประชุมที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของจีน หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนธุรกิจ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐ

    หม่าได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงร่วมกับโรบิน เจิ้ง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำ และหวาง ซิง หัวหน้าบริษัท Meituan ซึ่งสื่อของรัฐรายงานนั้นว่าเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท Huawei และเล่ย จุน หัวหน้าบริษัท Xiaomi ได้กล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง

    โพนี่ หม่า หัวหน้าบริษัท Tencent และหวาง ชวนฟู่ ประธานบริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และหวาง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทหุ่นยนต์ Unitree เข้าร่วมงานด้วย

    ปักกิ่งได้พยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในจีนและเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากดำเนินแคมเปญมาหลายปีเพื่อควบคุมอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ

    หม่าเป็นเหยื่อรายสำคัญที่สุดในการปราบปรามเทคโนโลยีของปักกิ่ง และส่วนใหญ่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาแทรกแซงอย่างดุเดือดในช่วงปลายปี 2020 เพื่อยกเลิกการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกของ Ant Financial Group ตามแผน

    การที่หม่าเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันจันทร์ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์จากปักกิ่งเพื่อยืนยันทัศนคติเชิงบวกมากขึ้นต่อภาคเอกชน นักวิเคราะห์กล่าว

    จาง เซียวหยาน ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยชิงหัวกล่าวในการประชุมที่สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงินแห่งเอเชียในฮ่องกง

    เธอเสริมว่ารัฐบาลต้องการ "สร้างความเชื่อมั่น" ให้กับบริษัทจีน

    การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอกชน ขณะที่ผู้บริหารต้องเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการทุจริตที่ถูกกล่าวหาและการกักขังหลายครั้งโดยหน่วยงานท้องถิ่น
    ในอดีต สี จิ้นผิงเคยใช้การประชุมกับผู้นำธุรกิจเพื่อสัญญาว่าจะลดหย่อนภาษีและให้โอกาสกับรัฐวิสาหกิจอย่างเท่าเทียมกัน

    การเกิดขึ้นของโมเดลปัญญาประดิษฐ์อันล้ำสมัยจากสตาร์ทอัพ DeepSeek ช่วยกระตุ้นความสนใจในเทคโนโลยีของจีนอีกครั้ง และจุดประกายให้ตลาดกระทิงเป็นดัชนีอ้างอิงหลักของหุ้นเทคโนโลยีของประเทศ

    ดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 30 แห่งที่จดทะเบียนในฮ่องกง เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากนักลงทุนตอบรับต่อความก้าวหน้าของ DeepSeek และข้อความเชิงบวกของปักกิ่งต่อภาคเทคโนโลยี

    https://www.ft.com/content/ac8da614-6bd4-4328-a522-a1712986d73f
    ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้พบปะกับบรรดาผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศ รวมถึงแจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปักกิ่งกำลังพยายามฟื้นฟูธุรกิจเอกชนและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สีจิ้นผิงได้กล่าว "สุนทรพจน์สำคัญ" ในงานประชุมที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของจีน หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนธุรกิจ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐ หม่าได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงร่วมกับโรบิน เจิ้ง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำ และหวาง ซิง หัวหน้าบริษัท Meituan ซึ่งสื่อของรัฐรายงานนั้นว่าเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท Huawei และเล่ย จุน หัวหน้าบริษัท Xiaomi ได้กล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง โพนี่ หม่า หัวหน้าบริษัท Tencent และหวาง ชวนฟู่ ประธานบริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และหวาง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทหุ่นยนต์ Unitree เข้าร่วมงานด้วย ปักกิ่งได้พยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในจีนและเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากดำเนินแคมเปญมาหลายปีเพื่อควบคุมอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ หม่าเป็นเหยื่อรายสำคัญที่สุดในการปราบปรามเทคโนโลยีของปักกิ่ง และส่วนใหญ่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาแทรกแซงอย่างดุเดือดในช่วงปลายปี 2020 เพื่อยกเลิกการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกของ Ant Financial Group ตามแผน การที่หม่าเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันจันทร์ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์จากปักกิ่งเพื่อยืนยันทัศนคติเชิงบวกมากขึ้นต่อภาคเอกชน นักวิเคราะห์กล่าว จาง เซียวหยาน ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยชิงหัวกล่าวในการประชุมที่สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงินแห่งเอเชียในฮ่องกง เธอเสริมว่ารัฐบาลต้องการ "สร้างความเชื่อมั่น" ให้กับบริษัทจีน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอกชน ขณะที่ผู้บริหารต้องเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการทุจริตที่ถูกกล่าวหาและการกักขังหลายครั้งโดยหน่วยงานท้องถิ่น ในอดีต สี จิ้นผิงเคยใช้การประชุมกับผู้นำธุรกิจเพื่อสัญญาว่าจะลดหย่อนภาษีและให้โอกาสกับรัฐวิสาหกิจอย่างเท่าเทียมกัน การเกิดขึ้นของโมเดลปัญญาประดิษฐ์อันล้ำสมัยจากสตาร์ทอัพ DeepSeek ช่วยกระตุ้นความสนใจในเทคโนโลยีของจีนอีกครั้ง และจุดประกายให้ตลาดกระทิงเป็นดัชนีอ้างอิงหลักของหุ้นเทคโนโลยีของประเทศ ดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 30 แห่งที่จดทะเบียนในฮ่องกง เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากนักลงทุนตอบรับต่อความก้าวหน้าของ DeepSeek และข้อความเชิงบวกของปักกิ่งต่อภาคเทคโนโลยี https://www.ft.com/content/ac8da614-6bd4-4328-a522-a1712986d73f
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • พาสปอร์ตรถไฟไทย นักเดินทางของมันต้องมี

    หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้จัดทำตราประทับของแต่ละสถานี พร้อมข้อความ "ตรวจสอบความถูกต้อง" ประทับบนตั๋วโดยสาร เพื่อยืนยันว่าตั๋วโดยสารที่ซื้อจากสถานีรถไฟนั้นๆ ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่าแต่ละสถานีออกแบบโดยนำเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม และสถานที่สำคัญในพื้นที่ของแต่ละสถานีมาเป็นลวดลายบนตราประทับดังกล่าว ทำให้เริ่มมีผู้โดยสารนิยมสะสมตราประทับของแต่ละสถานี เพื่อบันทึกความทรงจำในการเดินทางด้วยรถไฟ

    ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ (Passport to Thailand National Park) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 156 แห่งทั่วประเทศ มีรางวัลแก่ผู้ที่สะสมตราประทับครบทุกแห่ง ด้วยการให้สิทธิ์เข้าอุทยานแห่งชาติฟรี 1 ปี และพักฟรี 2 ครั้ง แต่เนื่องจากอินฟลูเอนเซอร์ดัง "พี่จอง คัลเลน" นำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติมาโชว์ในคลิป ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก

    มาถึงการเดินทางด้วยรถไฟ เมื่อมีนักท่องเที่ยวและนักเดินทางสนใจตราประทับของแต่ละสถานี จึงเริ่มมีผู้สะสมตราประทับ และเริ่มมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรถไฟจัดทำหนังสือเดินทางขึ้น

    เริ่มจากพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย โดยมูลนิธิรถไฟไทย จัดทำหนังสือเดินทางรถไฟไทย (Thailand Railway Passport) ปกสีน้ำตาล คล้ายหนังสือเดินทางประเทศไทย จำหน่ายในราคาเล่มละ 120 บาท ซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย ด้านหน้าสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เปิดทำการ วันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมากนับพันเล่ม จึงทำให้ต้องมีการลงชื่อสั่งจองล่วงหน้า และจำกัดการซื้อเฉพาะวอล์กอินจากต่างจังหวัดคนละ 1 เล่ม

    ด้านบุรฉัตรมูลนิธิ และฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ร.ฟ.ท. ได้จัดทำหนังสือเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (Thailand Railway Passport) ลวดลายประเทศไทย ธงชาติ ปกสีครีม จำหน่ายในราคาเล่มละ 100 บาท ซื้อได้ที่ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ หรือศูนย์ประชาสัมพันธ์ ตึกบัญชาการรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย ตรงข้ามโรงเรียนเทพศิรินทร์ หรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณห้องจำหน่ายตั๋ว และต่างจังหวัดติดต่อได้ที่สถานีรถไฟต่างๆ ทั่วประเทศ

    สิ่งที่ต้องระวังสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง หากเผลอนำตราประทับของสถานีรถไฟ ประทับลงในหนังสือเดินทาง "ฉบับจริง" ที่ยังไม่หมดอายุ หรือยังไม่ได้ยกเลิกใช้งาน ถือว่า "หนังสือเดินทางชำรุด" ต้องทำเล่มใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกประเทศหรือดินแดนปลายทางปฎิเสธเข้าประเทศ

    #Newskit
    พาสปอร์ตรถไฟไทย นักเดินทางของมันต้องมี หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้จัดทำตราประทับของแต่ละสถานี พร้อมข้อความ "ตรวจสอบความถูกต้อง" ประทับบนตั๋วโดยสาร เพื่อยืนยันว่าตั๋วโดยสารที่ซื้อจากสถานีรถไฟนั้นๆ ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่าแต่ละสถานีออกแบบโดยนำเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม และสถานที่สำคัญในพื้นที่ของแต่ละสถานีมาเป็นลวดลายบนตราประทับดังกล่าว ทำให้เริ่มมีผู้โดยสารนิยมสะสมตราประทับของแต่ละสถานี เพื่อบันทึกความทรงจำในการเดินทางด้วยรถไฟ ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ (Passport to Thailand National Park) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 156 แห่งทั่วประเทศ มีรางวัลแก่ผู้ที่สะสมตราประทับครบทุกแห่ง ด้วยการให้สิทธิ์เข้าอุทยานแห่งชาติฟรี 1 ปี และพักฟรี 2 ครั้ง แต่เนื่องจากอินฟลูเอนเซอร์ดัง "พี่จอง คัลเลน" นำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติมาโชว์ในคลิป ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก มาถึงการเดินทางด้วยรถไฟ เมื่อมีนักท่องเที่ยวและนักเดินทางสนใจตราประทับของแต่ละสถานี จึงเริ่มมีผู้สะสมตราประทับ และเริ่มมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรถไฟจัดทำหนังสือเดินทางขึ้น เริ่มจากพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย โดยมูลนิธิรถไฟไทย จัดทำหนังสือเดินทางรถไฟไทย (Thailand Railway Passport) ปกสีน้ำตาล คล้ายหนังสือเดินทางประเทศไทย จำหน่ายในราคาเล่มละ 120 บาท ซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย ด้านหน้าสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เปิดทำการ วันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมากนับพันเล่ม จึงทำให้ต้องมีการลงชื่อสั่งจองล่วงหน้า และจำกัดการซื้อเฉพาะวอล์กอินจากต่างจังหวัดคนละ 1 เล่ม ด้านบุรฉัตรมูลนิธิ และฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ร.ฟ.ท. ได้จัดทำหนังสือเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (Thailand Railway Passport) ลวดลายประเทศไทย ธงชาติ ปกสีครีม จำหน่ายในราคาเล่มละ 100 บาท ซื้อได้ที่ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ หรือศูนย์ประชาสัมพันธ์ ตึกบัญชาการรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย ตรงข้ามโรงเรียนเทพศิรินทร์ หรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณห้องจำหน่ายตั๋ว และต่างจังหวัดติดต่อได้ที่สถานีรถไฟต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งที่ต้องระวังสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง หากเผลอนำตราประทับของสถานีรถไฟ ประทับลงในหนังสือเดินทาง "ฉบับจริง" ที่ยังไม่หมดอายุ หรือยังไม่ได้ยกเลิกใช้งาน ถือว่า "หนังสือเดินทางชำรุด" ต้องทำเล่มใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกประเทศหรือดินแดนปลายทางปฎิเสธเข้าประเทศ #Newskit
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในข่าวนี้มีการรายงานว่า Arm กำลังดึงตัวผู้บริหารและพนักงานจากลูกค้าของตน เพื่อช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตชิป Arm ซึ่งเคยขายคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ RISC ภายใต้แบรนด์ Acorn Computers มีรายได้จากการให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรมกับนักออกแบบชิปทั่วโลก

    แหล่งข่าวจาก Reuters เปิดเผยว่า Arm ได้ส่งข้อความถึงผู้บริหารของลูกค้าบางรายเพื่อชักชวนให้มาร่วมงาน โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนธุรกิจจากการให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรมมาเป็นการผลิตและจำหน่ายชิปของตนเอง ซึ่งเน้นการประมวลผล AI ในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ

    หนึ่งในความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงนี้คือการคาดการณ์ว่าธุรกิจการผลิตชิปของ Arm อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมชิปทั้งหมด เนื่องจาก Arm เคยเป็นผู้เล่นที่มีสถานะกลางในตลาด ดังนั้นการตัดสินใจผลิตชิปของตนเองอาจทำให้ตลาดชิปมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

    นอกจากนี้ ในปี 2022 Arm ได้มีการยื่นฟ้อง Qualcomm เพื่อยกเลิกข้อตกลงการให้สิทธิ์ใช้งาน แต่ภายหลังถูกบังคับให้ยกเลิกคดีความนี้ การฟ้องร้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Arm กำลังพยายามดึงผู้บริหารจากลูกค้าของตนเข้ามาร่วมงาน

    การตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจของ Arm อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิปทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดและผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปรายอื่น ๆ เช่น Broadcom และ Qualcomm

    https://www.techspot.com/news/106778-arm-poaching-executives-clients-build-own-chips.html
    ในข่าวนี้มีการรายงานว่า Arm กำลังดึงตัวผู้บริหารและพนักงานจากลูกค้าของตน เพื่อช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตชิป Arm ซึ่งเคยขายคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ RISC ภายใต้แบรนด์ Acorn Computers มีรายได้จากการให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรมกับนักออกแบบชิปทั่วโลก แหล่งข่าวจาก Reuters เปิดเผยว่า Arm ได้ส่งข้อความถึงผู้บริหารของลูกค้าบางรายเพื่อชักชวนให้มาร่วมงาน โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนธุรกิจจากการให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรมมาเป็นการผลิตและจำหน่ายชิปของตนเอง ซึ่งเน้นการประมวลผล AI ในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ หนึ่งในความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงนี้คือการคาดการณ์ว่าธุรกิจการผลิตชิปของ Arm อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมชิปทั้งหมด เนื่องจาก Arm เคยเป็นผู้เล่นที่มีสถานะกลางในตลาด ดังนั้นการตัดสินใจผลิตชิปของตนเองอาจทำให้ตลาดชิปมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ในปี 2022 Arm ได้มีการยื่นฟ้อง Qualcomm เพื่อยกเลิกข้อตกลงการให้สิทธิ์ใช้งาน แต่ภายหลังถูกบังคับให้ยกเลิกคดีความนี้ การฟ้องร้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Arm กำลังพยายามดึงผู้บริหารจากลูกค้าของตนเข้ามาร่วมงาน การตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจของ Arm อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิปทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดและผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปรายอื่น ๆ เช่น Broadcom และ Qualcomm https://www.techspot.com/news/106778-arm-poaching-executives-clients-build-own-chips.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Arm said to be poaching executives from clients to build its own chips
    Arm Holdings is currently on a recruiting spree, with the ultimate goal of entering the chip production industry independently. Reuters has quoted several sources familiar with the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🪭สามหนังสือหกพิธีการ 🪭

    สวัสดีค่ะ Storyฯ ขอต้อนรับวันแห่งความรักด้วยบทความเกี่ยวกับการแต่งงาน

    เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> คงได้ผ่านตาฉากที่ว่าหลิ่วเหมียนถางได้รับการสู่ขอจากบุตรชายตระกูลซู ที่หอบสินสอดมาไว้ให้ที่เรือนสกุลเฉียวพร้อมเจรจาสู่ขอ และหลิ่วเหมียนถางบอกให้ตาของนางรีบคืนสินสอดนั้นไป โดยบอกว่า “ตามกฎหมายของต้าฉี ต้องมีการเขียนหนังสือก่อนแล้วจึงให้สินสอด การหมั้นหมายจำเป็นต้องให้ทั้งสองฝ่ายลงนามในหนังสือสมรส ไม่เช่นนั้นก็ถือเป็นการบังคับแต่งงาน”
    (หมายเหตุ คำแปลจากซับไทย)

    เพื่อนเพจหลายท่านน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ (三书六礼) มาบ้าง เพราะมีบทความภาษาไทยหลายบทความที่กล่าวถึง แต่อาจไม่ค่อยกระจ่างว่าสามหนังสือที่ว่านี้มันอยู่ในขั้นตอนใดของหกพิธีการ จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ ว่าต้องมีการเขียนหนังสือก่อนให้สินสอดตามที่กล่าวมาในเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> นี้อย่างไร วันนี้เลยมาลงรายละเอียดให้ฟัง

    ก่อนอื่นขออธิบายโดยย่อว่า ขั้นตอนการแต่งงานในจีนโบราณแบ่งได้เป็นสามช่วง ช่วงแรกคือก่อนพิธีมงคลสมรส ช่วงสองคือพิธีมงคลสมรสและเข้าหอและช่วงสามคือหลังเข้าหอ เรื่อง ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ เป็นขั้นตอนปฏิบัติในช่วงแรก ครอบคลุมขั้นตอนการทาบทามสู่ขอ การหมั้นหมายและการรับตัวเจ้าสาว โดยถูกกำหนดไว้แต่โบราณในบันทึกหลี่จี้ ซึ่งเป็นบันทึกโบราณที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยฮั่นว่าด้วยพิธีการต่างๆ สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก

    ขั้นตอนตามสามหนังสือหกพิธีการก็คือ เริ่มจากให้แม่สื่อไปทาบทาม (พิธีการสู่ขอ ‘น่าไฉ่’/纳采) ถ้าฝ่ายหญิงเห็นดีเห็นงามด้วย ก็แลกเปลี่ยนเวลาตกฟากวันเดือนปีเกิดของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวโดยบันทึกอย่างละเอียดลงในเอกสารเรียกว่า ‘เกิงเถี่ย’ (庚帖) หรือในสมัยซ่งเรียกว่า ‘เฉาเถี่ยจือ’ (草帖子) นี่คือพิธีการที่สอง (พิธีการสอบถาม ‘เวิ่นหมิง’/问名) ซึ่งในช่วงสองพิธีการนี้ ในทางปฏิบัติจะมีโอกาสให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายฝ่ายหญิงได้เจอหน้าค่าตาพูดคุยกัน สอบถามประวัติตระกูลเพราะในสมัยโบราณการแต่งงานถือเป็นการผูกสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวไม่ใช่เรื่องระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพียงสองคน รวมถึงสอบถามชัดเจนว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นลูกภรรยาเอกหรืออนุภรรยา และอาจเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ได้พบเห็นว่าที่คู่สมรสของอีกฝ่ายได้ (เช่น บุรุษมาเยือนทำความเคารพผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง หรือสตรีผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงมาเจอหน้าว่าที่เจ้าสาว) อันนี้แล้วแต่จะจัดนัดหมายกัน ถ้าไม่แฮปปี้กันก็จะไม่มีการแลกเปลี่ยนวันเวลาเกิดกัน

    จากนั้นฝ่ายชายก็นำวันเวลาเกิดดังกล่าวไปดูดวงสมพงษ์ นับเป็นพิธีการที่สาม (พีธีการดูดวงสมพงษ์ ‘น่าจี๋’/纳吉) แล้วแจ้งผลไปยังฝ่ายหญิง ถ้าคู่บ่าวสาวดวงสมพงษ์กันก็จะเริ่มเจรจาเตรียมการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ จนนำมาถึงพิธีการที่สี่ซึ่งก็คือฝ่ายชายนำสินสอดมามอบให้ฝ่ายหญิง (พิธีการมอบสินสอดและหมั้นหมาย ‘น่าเจิง’/纳征) ซึ่งในช่วงสองพิธีการนี้มีสอง ‘หนังสือ’ ที่เกี่ยวข้อง คือ ‘หนังสือหมั้น’ (พิ่นซู/聘书หรือในสมัยซ่งเรียกว่า ซี่เถี่ยจือ/细帖子) และ ‘หนังสือสินสอด’ (หลี่ซู/礼书) โดยหนังสือหมั้นคือเอกสารที่บุรุษระบุคำมั่นสัญญาที่จะแต่งสตรี และหนังสือสินสอดคือเอกสารแจกแจงรายการสินทรัพย์ที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิงเป็นสินสอดทั้งหมด

    คำถาม ณ จุดนี้คือ หนังสือฉบับไหนให้เมื่อไหร่และใครเป็นคนให้?

    ธรรมเนียมปฏิบัติจริงแตกต่างไปตามยุคสมัย และ ‘น่าเจิง’ จริงแล้วหมายรวมว่าได้ดำเนินการสองเรื่องแล้วเสร็จ คือการส่งมอบสินสอด (น่า) และการยืนยันความประสงค์ที่จะแต่งงาน (เจิง) ดังนั้น ขั้นตอนที่รวบยอดที่สุดคือคุยกันนอกรอบแล้วฝ่ายชายเดินทางมาหาฝ่ายหญิงเพื่อทำการส่งมอบสินสอดและหลักฐานการหมั้นพร้อมด้วยสองหนังสือดังกล่าวในคราวเดียวกัน

    แต่ในหลายครั้งก็จัดทำสองเรื่องนี้แยกกัน โดยส่งมอบหนังสือหมั้นทันทีที่ตกลงหมั้นซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อตรวจดวงสมพงษ์แล้วเสร็จได้ผลเป็นที่พอใจ ในบางยุคสมัยแบ่งออกเป็นหนังสือแสดงเจตจำนงจากฝ่ายชายที่จะแต่งงาน ตามด้วยหนังสือตอบรับยินดีที่จะแต่งงานจากฝ่ายหญิง ใช้รวมกันเป็นหนังสือหมั้น ตัวอย่างเอกสารโบราณจากสมัยถังเป็นเช่นนี้ จากนั้นค่อยมีการนำส่งสินสอดและหนังสือสินสอดในภายหลัง

    เมื่อได้รับสินสอดจากฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงก็ต้องมีของขวัญตอบแทน ซึ่งแน่นอนว่ามีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าแต่ละขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น (ไม่ว่าจะเป็นของขวัญ ของตอบแทนหรือสินสอด) ควรประกอบด้วยของอะไรบ้างแต่ Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด

    เมื่อผ่านทั้งสี่ขั้นตอนข้างต้นแล้ว ก็เป็นขั้นตอนที่ห้า คือฝ่ายชายหาฤกษ์แต่งและหารือ/แจ้งกับฝ่ายหญิง (พิธีการแจ้งฤกษ์ ‘ฉิ่งชี’/请期) เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่างฝ่ายต่างเตรียมการงานแต่ง และสุดท้ายคือฝ่ายชายมารับตัวเจ้าสาวไปบ้านฝ่ายชายเพื่อกราบไหว้ฟ้าดิน (พิธีการรับตัวเจ้าสาว ‘ชินอิ๋ง’/ 亲迎) โดยฝ่ายเจ้าบ่าวจะมอบ ‘หนังสือรับตัวเจ้าสาว’ (อิ๋งซู/迎书) ให้แก่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวเมื่อมาถึงบ้านเจ้าสาวเพื่อรับตัวเจ้าสาว

    และนี่คือสามหนังสือหกพิธีการ แน่นอนว่าพิธีการเหล่านี้ถูกย่อลงไปตามการเวลา ในสมัยซ่งลดเหลือเพียงสามพิธีการคือ สู่ขอ (‘น่าไฉ่’ มอบหนังสือ เฉ๋าเถี่ยจือ) หมั้นหมาย (‘น่าเจิง’ มอบหนังสือซี่เถี่ยจือ) และรับตัว (‘อิ๋งชิน’ มอบหนังสืออิ๋งซู) แต่ในทางปฏิบัติยังคงรวมกิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว

    นอกจากนี้ ในหลายนิยายและซีรีส์มักกล่าวถึงหนังสือที่เป็นหลักฐานการสมรสหรือที่เรียกว่า ‘หนังสือสมรส’ (ฮุนซู/婚书) แต่... ในสมัยโบราณไม่มีทะเบียนสมรสที่ออกโดยทางการแม้ว่าจะมีการไปรายงานและลงทะเบียนกับที่ว่าการท้องถิ่นเพื่อยืนยันการแต่งงานระหว่างชายหญิง จึงเป็นที่ข้องใจอีกว่า แล้วหนังสือฮุนซูที่ว่านี้คืออะไร? เรามาทำความเข้าใจมันจากกฎหมายที่เกี่ยวกับการยกเลิกการแต่งงานในสมัยถังกันค่ะ

    กฎหมายสมัยถังระบุว่า ผู้ที่ได้รายงานและขึ้นทะเบียนหนังสือสมรส (ฮุนซู) ต่อทางการแล้วและฝ่ายหนึ่งยกเลิกการแต่งงานโดยอีกฝ่ายไม่ยินยอมหรือรับรู้ก็จะมีบทลงโทษ ทั้งนี้ หากไม่มีหนังสือยืนยันความประสงค์แต่งงานแต่มีการรับสินสอดให้ถือเสมือนว่ามีการให้คำมั่นที่จะแต่งงานแล้วด้วยเช่นกัน สรุปบทลงโทษได้ดังนี้
    - ฝ่ายหญิงยกเลิกการแต่งงาน ให้โบยหกสิบครั้งและยังต้องแต่งงานตามเดิม
    - ฝ่ายหญิงยกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นแต่ยังแต่งไม่สำเร็จ ให้โบยหนึ่งร้อยครั้ง และยังต้องแต่งงานกับคู่หมั้นเดิม แต่ถ้าคู่หมั้นเดิมไม่ต้องการแต่งด้วยแล้ว ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดให้กับคู่หมั้นเดิมจึงจะไปแต่งงานกับผู้อื่นได้
    - ฝ่ายหญิงยกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นและได้แต่งไปเรียบร้อยแล้ว ให้โบยหนึ่งร้อยครั้ง ทำงานหนักหนึ่งปีครึ่ง การแต่งงานเป็นโมฆะและฝ่ายหญิงต้องกลับมาแต่งกับคู่หมั้นเดิม แต่ถ้าคู่หมั้นเดิมไม่ต้องการแต่งด้วยแล้ว ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดให้กับคู่หมั้นเดิมจึงจะอยู่กับสามีที่แต่งงานกันไปแล้วได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
    - ฝ่ายชายยกเลิกการแต่งงาน ไม่มีการลงทัณฑ์แต่ให้สละสิทธิ์ในสินสอดที่มอบให้ฝ่ายหญิงไปแล้ว

    ฟังดูเหมือนบทลงทัณฑ์เอนเอียงและให้โทษกับฝ่ายหญิงมากกว่า แต่นั่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโกหกปอกลอกทรัพย์สินสอด ทั้งนี้ บทลงทัณฑ์ข้างต้นไม่เพียงใช้กับคู่บ่าวสาว หากแต่หมายรวมถึงผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นด้วยเพราะถือว่าพิธีการต่างๆ ของการแต่งงานต้องดำเนินการผ่านผู้ใหญ่ และมีเหตุการณ์ที่อนุโลมให้ยกเลิกการแต่งงานได้เช่นในกรณีอีกฝ่ายถูกพิพากษาเป็นนักโทษ ฯลฯ

    กฎหมายว่าด้วยเรื่องยกเลิกการแต่งงานและบทลงโทษเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแต่ยังอยู่ภายใต้กรอบแนวทางคล้ายคลึงกัน และจากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เราจะเห็นได้ว่าหนังสือสมรสก็คือหนังสือที่แสดงเจตนารมณ์ที่จะแต่งงานโดยยังไม่ได้มีการรับส่งตัวเจ้าสาว เปรียบได้เป็นหนังสือหมั้นนั่นเอง ซึ่งในบางยุคสมัยจะหมายรวมการตอบรับโดยฝ่ายเจ้าสาวด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเคยผ่านตาว่าบุรุษอาจเรียกคู่หมั้นว่า ‘ภรรยาที่ยังไม่แต่งข้ามเรือนมา’ ทั้งนี้ เป็นเพราะการหมั้นในสมัยโบราณมีความหนักแน่นเสมือนแต่งงานกันแล้ว และเมื่อผ่านการหมั้นแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายสามารถเรียกซึ่งกันและกันว่า ‘ชิ่นเจีย’ (亲家) ได้เลย ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้เรียกพ่อแม่ของเขย-สะใภ้

    และบทความที่กล่าวมาข้างต้นจึงอธิบายบริบทของสังคมใน <ซ่อนรักชายาลับ> ที่ระบุว่าต้องมีการทำหนังสือสมรสร่วมกันก่อนแล้วค่อยมอบสินสอดได้จึงจะถูกต้อง และหากรับสินสอดโดยไม่มีการทำหนังสือหมั้นก็ถือได้ว่าต้องแต่งงานเหมือนกัน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g62051067/are-you-the-one-ending/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://bjgy.bjcourt.gov.cn/article/detail/2020/12/id/5676081.shtml
    https://www.gmw.cn/guoxue/2018-04/11/content_28279045.htm
    https://www.gz.gov.cn/zlgz/whgz/content/post_8071815.html
    https://www.gushiwen.cn/guwen/bookv_46653FD803893E4F126BD3881FD42A2C.aspx
    https://newspaper.jcrb.com/2023/20230607/20230607_007/20230607_007_3.htm

    #ซ่อนรักชายาลับ #สามหนังสือหกพิธีการ #ซานซูลิ่วหลี่ #หนังสือแต่งงาน #การถอนหมั้น #สาระจีน
    🪭สามหนังสือหกพิธีการ 🪭 สวัสดีค่ะ Storyฯ ขอต้อนรับวันแห่งความรักด้วยบทความเกี่ยวกับการแต่งงาน เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> คงได้ผ่านตาฉากที่ว่าหลิ่วเหมียนถางได้รับการสู่ขอจากบุตรชายตระกูลซู ที่หอบสินสอดมาไว้ให้ที่เรือนสกุลเฉียวพร้อมเจรจาสู่ขอ และหลิ่วเหมียนถางบอกให้ตาของนางรีบคืนสินสอดนั้นไป โดยบอกว่า “ตามกฎหมายของต้าฉี ต้องมีการเขียนหนังสือก่อนแล้วจึงให้สินสอด การหมั้นหมายจำเป็นต้องให้ทั้งสองฝ่ายลงนามในหนังสือสมรส ไม่เช่นนั้นก็ถือเป็นการบังคับแต่งงาน” (หมายเหตุ คำแปลจากซับไทย) เพื่อนเพจหลายท่านน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ (三书六礼) มาบ้าง เพราะมีบทความภาษาไทยหลายบทความที่กล่าวถึง แต่อาจไม่ค่อยกระจ่างว่าสามหนังสือที่ว่านี้มันอยู่ในขั้นตอนใดของหกพิธีการ จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ของ Storyฯ ว่าต้องมีการเขียนหนังสือก่อนให้สินสอดตามที่กล่าวมาในเรื่อง <ซ่อนรักชายาลับ> นี้อย่างไร วันนี้เลยมาลงรายละเอียดให้ฟัง ก่อนอื่นขออธิบายโดยย่อว่า ขั้นตอนการแต่งงานในจีนโบราณแบ่งได้เป็นสามช่วง ช่วงแรกคือก่อนพิธีมงคลสมรส ช่วงสองคือพิธีมงคลสมรสและเข้าหอและช่วงสามคือหลังเข้าหอ เรื่อง ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ เป็นขั้นตอนปฏิบัติในช่วงแรก ครอบคลุมขั้นตอนการทาบทามสู่ขอ การหมั้นหมายและการรับตัวเจ้าสาว โดยถูกกำหนดไว้แต่โบราณในบันทึกหลี่จี้ ซึ่งเป็นบันทึกโบราณที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยฮั่นว่าด้วยพิธีการต่างๆ สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก ขั้นตอนตามสามหนังสือหกพิธีการก็คือ เริ่มจากให้แม่สื่อไปทาบทาม (พิธีการสู่ขอ ‘น่าไฉ่’/纳采) ถ้าฝ่ายหญิงเห็นดีเห็นงามด้วย ก็แลกเปลี่ยนเวลาตกฟากวันเดือนปีเกิดของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวโดยบันทึกอย่างละเอียดลงในเอกสารเรียกว่า ‘เกิงเถี่ย’ (庚帖) หรือในสมัยซ่งเรียกว่า ‘เฉาเถี่ยจือ’ (草帖子) นี่คือพิธีการที่สอง (พิธีการสอบถาม ‘เวิ่นหมิง’/问名) ซึ่งในช่วงสองพิธีการนี้ ในทางปฏิบัติจะมีโอกาสให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายฝ่ายหญิงได้เจอหน้าค่าตาพูดคุยกัน สอบถามประวัติตระกูลเพราะในสมัยโบราณการแต่งงานถือเป็นการผูกสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวไม่ใช่เรื่องระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพียงสองคน รวมถึงสอบถามชัดเจนว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นลูกภรรยาเอกหรืออนุภรรยา และอาจเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ได้พบเห็นว่าที่คู่สมรสของอีกฝ่ายได้ (เช่น บุรุษมาเยือนทำความเคารพผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง หรือสตรีผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงมาเจอหน้าว่าที่เจ้าสาว) อันนี้แล้วแต่จะจัดนัดหมายกัน ถ้าไม่แฮปปี้กันก็จะไม่มีการแลกเปลี่ยนวันเวลาเกิดกัน จากนั้นฝ่ายชายก็นำวันเวลาเกิดดังกล่าวไปดูดวงสมพงษ์ นับเป็นพิธีการที่สาม (พีธีการดูดวงสมพงษ์ ‘น่าจี๋’/纳吉) แล้วแจ้งผลไปยังฝ่ายหญิง ถ้าคู่บ่าวสาวดวงสมพงษ์กันก็จะเริ่มเจรจาเตรียมการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ จนนำมาถึงพิธีการที่สี่ซึ่งก็คือฝ่ายชายนำสินสอดมามอบให้ฝ่ายหญิง (พิธีการมอบสินสอดและหมั้นหมาย ‘น่าเจิง’/纳征) ซึ่งในช่วงสองพิธีการนี้มีสอง ‘หนังสือ’ ที่เกี่ยวข้อง คือ ‘หนังสือหมั้น’ (พิ่นซู/聘书หรือในสมัยซ่งเรียกว่า ซี่เถี่ยจือ/细帖子) และ ‘หนังสือสินสอด’ (หลี่ซู/礼书) โดยหนังสือหมั้นคือเอกสารที่บุรุษระบุคำมั่นสัญญาที่จะแต่งสตรี และหนังสือสินสอดคือเอกสารแจกแจงรายการสินทรัพย์ที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิงเป็นสินสอดทั้งหมด คำถาม ณ จุดนี้คือ หนังสือฉบับไหนให้เมื่อไหร่และใครเป็นคนให้? ธรรมเนียมปฏิบัติจริงแตกต่างไปตามยุคสมัย และ ‘น่าเจิง’ จริงแล้วหมายรวมว่าได้ดำเนินการสองเรื่องแล้วเสร็จ คือการส่งมอบสินสอด (น่า) และการยืนยันความประสงค์ที่จะแต่งงาน (เจิง) ดังนั้น ขั้นตอนที่รวบยอดที่สุดคือคุยกันนอกรอบแล้วฝ่ายชายเดินทางมาหาฝ่ายหญิงเพื่อทำการส่งมอบสินสอดและหลักฐานการหมั้นพร้อมด้วยสองหนังสือดังกล่าวในคราวเดียวกัน แต่ในหลายครั้งก็จัดทำสองเรื่องนี้แยกกัน โดยส่งมอบหนังสือหมั้นทันทีที่ตกลงหมั้นซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อตรวจดวงสมพงษ์แล้วเสร็จได้ผลเป็นที่พอใจ ในบางยุคสมัยแบ่งออกเป็นหนังสือแสดงเจตจำนงจากฝ่ายชายที่จะแต่งงาน ตามด้วยหนังสือตอบรับยินดีที่จะแต่งงานจากฝ่ายหญิง ใช้รวมกันเป็นหนังสือหมั้น ตัวอย่างเอกสารโบราณจากสมัยถังเป็นเช่นนี้ จากนั้นค่อยมีการนำส่งสินสอดและหนังสือสินสอดในภายหลัง เมื่อได้รับสินสอดจากฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงก็ต้องมีของขวัญตอบแทน ซึ่งแน่นอนว่ามีรายละเอียดเพิ่มเติมว่าแต่ละขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น (ไม่ว่าจะเป็นของขวัญ ของตอบแทนหรือสินสอด) ควรประกอบด้วยของอะไรบ้างแต่ Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด เมื่อผ่านทั้งสี่ขั้นตอนข้างต้นแล้ว ก็เป็นขั้นตอนที่ห้า คือฝ่ายชายหาฤกษ์แต่งและหารือ/แจ้งกับฝ่ายหญิง (พิธีการแจ้งฤกษ์ ‘ฉิ่งชี’/请期) เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่างฝ่ายต่างเตรียมการงานแต่ง และสุดท้ายคือฝ่ายชายมารับตัวเจ้าสาวไปบ้านฝ่ายชายเพื่อกราบไหว้ฟ้าดิน (พิธีการรับตัวเจ้าสาว ‘ชินอิ๋ง’/ 亲迎) โดยฝ่ายเจ้าบ่าวจะมอบ ‘หนังสือรับตัวเจ้าสาว’ (อิ๋งซู/迎书) ให้แก่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวเมื่อมาถึงบ้านเจ้าสาวเพื่อรับตัวเจ้าสาว และนี่คือสามหนังสือหกพิธีการ แน่นอนว่าพิธีการเหล่านี้ถูกย่อลงไปตามการเวลา ในสมัยซ่งลดเหลือเพียงสามพิธีการคือ สู่ขอ (‘น่าไฉ่’ มอบหนังสือ เฉ๋าเถี่ยจือ) หมั้นหมาย (‘น่าเจิง’ มอบหนังสือซี่เถี่ยจือ) และรับตัว (‘อิ๋งชิน’ มอบหนังสืออิ๋งซู) แต่ในทางปฏิบัติยังคงรวมกิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว นอกจากนี้ ในหลายนิยายและซีรีส์มักกล่าวถึงหนังสือที่เป็นหลักฐานการสมรสหรือที่เรียกว่า ‘หนังสือสมรส’ (ฮุนซู/婚书) แต่... ในสมัยโบราณไม่มีทะเบียนสมรสที่ออกโดยทางการแม้ว่าจะมีการไปรายงานและลงทะเบียนกับที่ว่าการท้องถิ่นเพื่อยืนยันการแต่งงานระหว่างชายหญิง จึงเป็นที่ข้องใจอีกว่า แล้วหนังสือฮุนซูที่ว่านี้คืออะไร? เรามาทำความเข้าใจมันจากกฎหมายที่เกี่ยวกับการยกเลิกการแต่งงานในสมัยถังกันค่ะ กฎหมายสมัยถังระบุว่า ผู้ที่ได้รายงานและขึ้นทะเบียนหนังสือสมรส (ฮุนซู) ต่อทางการแล้วและฝ่ายหนึ่งยกเลิกการแต่งงานโดยอีกฝ่ายไม่ยินยอมหรือรับรู้ก็จะมีบทลงโทษ ทั้งนี้ หากไม่มีหนังสือยืนยันความประสงค์แต่งงานแต่มีการรับสินสอดให้ถือเสมือนว่ามีการให้คำมั่นที่จะแต่งงานแล้วด้วยเช่นกัน สรุปบทลงโทษได้ดังนี้ - ฝ่ายหญิงยกเลิกการแต่งงาน ให้โบยหกสิบครั้งและยังต้องแต่งงานตามเดิม - ฝ่ายหญิงยกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นแต่ยังแต่งไม่สำเร็จ ให้โบยหนึ่งร้อยครั้ง และยังต้องแต่งงานกับคู่หมั้นเดิม แต่ถ้าคู่หมั้นเดิมไม่ต้องการแต่งด้วยแล้ว ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดให้กับคู่หมั้นเดิมจึงจะไปแต่งงานกับผู้อื่นได้ - ฝ่ายหญิงยกเลิกเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นและได้แต่งไปเรียบร้อยแล้ว ให้โบยหนึ่งร้อยครั้ง ทำงานหนักหนึ่งปีครึ่ง การแต่งงานเป็นโมฆะและฝ่ายหญิงต้องกลับมาแต่งกับคู่หมั้นเดิม แต่ถ้าคู่หมั้นเดิมไม่ต้องการแต่งด้วยแล้ว ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดให้กับคู่หมั้นเดิมจึงจะอยู่กับสามีที่แต่งงานกันไปแล้วได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย - ฝ่ายชายยกเลิกการแต่งงาน ไม่มีการลงทัณฑ์แต่ให้สละสิทธิ์ในสินสอดที่มอบให้ฝ่ายหญิงไปแล้ว ฟังดูเหมือนบทลงทัณฑ์เอนเอียงและให้โทษกับฝ่ายหญิงมากกว่า แต่นั่นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโกหกปอกลอกทรัพย์สินสอด ทั้งนี้ บทลงทัณฑ์ข้างต้นไม่เพียงใช้กับคู่บ่าวสาว หากแต่หมายรวมถึงผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นด้วยเพราะถือว่าพิธีการต่างๆ ของการแต่งงานต้องดำเนินการผ่านผู้ใหญ่ และมีเหตุการณ์ที่อนุโลมให้ยกเลิกการแต่งงานได้เช่นในกรณีอีกฝ่ายถูกพิพากษาเป็นนักโทษ ฯลฯ กฎหมายว่าด้วยเรื่องยกเลิกการแต่งงานและบทลงโทษเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแต่ยังอยู่ภายใต้กรอบแนวทางคล้ายคลึงกัน และจากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เราจะเห็นได้ว่าหนังสือสมรสก็คือหนังสือที่แสดงเจตนารมณ์ที่จะแต่งงานโดยยังไม่ได้มีการรับส่งตัวเจ้าสาว เปรียบได้เป็นหนังสือหมั้นนั่นเอง ซึ่งในบางยุคสมัยจะหมายรวมการตอบรับโดยฝ่ายเจ้าสาวด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเคยผ่านตาว่าบุรุษอาจเรียกคู่หมั้นว่า ‘ภรรยาที่ยังไม่แต่งข้ามเรือนมา’ ทั้งนี้ เป็นเพราะการหมั้นในสมัยโบราณมีความหนักแน่นเสมือนแต่งงานกันแล้ว และเมื่อผ่านการหมั้นแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายสามารถเรียกซึ่งกันและกันว่า ‘ชิ่นเจีย’ (亲家) ได้เลย ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้เรียกพ่อแม่ของเขย-สะใภ้ และบทความที่กล่าวมาข้างต้นจึงอธิบายบริบทของสังคมใน <ซ่อนรักชายาลับ> ที่ระบุว่าต้องมีการทำหนังสือสมรสร่วมกันก่อนแล้วค่อยมอบสินสอดได้จึงจะถูกต้อง และหากรับสินสอดโดยไม่มีการทำหนังสือหมั้นก็ถือได้ว่าต้องแต่งงานเหมือนกัน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.cosmopolitan.com/tw/entertainment/movies/g62051067/are-you-the-one-ending/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://bjgy.bjcourt.gov.cn/article/detail/2020/12/id/5676081.shtml https://www.gmw.cn/guoxue/2018-04/11/content_28279045.htm https://www.gz.gov.cn/zlgz/whgz/content/post_8071815.html https://www.gushiwen.cn/guwen/bookv_46653FD803893E4F126BD3881FD42A2C.aspx https://newspaper.jcrb.com/2023/20230607/20230607_007/20230607_007_3.htm #ซ่อนรักชายาลับ #สามหนังสือหกพิธีการ #ซานซูลิ่วหลี่ #หนังสือแต่งงาน #การถอนหมั้น #สาระจีน
    WWW.COSMOPOLITAN.COM
    陸劇《柳舟記》結局!崔眠夫婦歸隱江湖,張晚意願當王楚然的小嬌夫!帝后CP先婚後愛好嗑,敲碗番外篇
    《柳舟記》劇情從頭到尾都在線!而且除了崔眠夫婦好嗑,帝后CP也很讓人愛啊~
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts