• เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 2 : “ขวาง 2”

    คงเห็นชัดเจนแล้วว่าอังกฤษเป็นโรคแพ้ทางรถไฟ โดยเฉพาะสาย Berlin Bagdad ซึ่งสร้างโดยเยอรมัน อนุญาตโดยออตโตมาน อังกฤษจะแก้อาการแพ้ทางรถไฟนี้อย่างไร อังกฤษตั้งใจใช้ไม้เสี้ยม หวังให้รางรถไฟแหกโค้ง ตกเขาจบสิ้นไป แต่ถ้าเอาแว่นขยายส่องอีกหน่อย เราจะเห็นความเหี้ยมของอังกฤษว่า ไม่ใช่แค่เสี้ยมให้ทางรถไฟแหกโค้งตกเขา แล้วเรื่องจะจบ อาการแพ้จะหายไป นั่นมันง่ายไป และใจดีไปสำหรับชาวเกาะ มันต้องมีอะไรซับซ้อนซ่อนมากกว่านั้น เกินจิตนาการ เล่าแล้วเหมือนจะทำลายหัวใจ พวกที่นิยมบูชาฝรั่ง

    เริ่มจาก ค.ศ. 1873 เป็นต้นมา ความเจริญทางเศรษฐกิจระหว่างอังกฤษกับเยอรมัน ดูเหมือนจะใช้อัตราและขนาด ทิ้งห่างกันออกไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงระดับที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 ต้องถูกจุดให้เกิดระเบิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1914 แต่สาเหตุแท้จริงของการจุดให้เกิดสงครามโลก ได้ถูกซ่อนลึก จนแทบจะไม่มีใครได้รู้จนเวลาผ่านพ้นไปนานพอสมควร

    ประมาณปลายศตวรรษที่ 19 กลุ่มธุรกิจ การเงิน นักการเมือง และพวกอีลิตของชาวเกาะอังกฤษ เริ่มออกอาการ เนื่องจากเห็นความเปลี่ยนแปลง ของพวกอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของทวีปยุโรป ที่ดูจะคึกคักผิดปรกติ

    การเกิดของกองเรือขนส่งสินค้าของเยอรมัน ที่ทำท่าว่ากำลังทำมาค้าขึ้น ข่าวเรื่องการก่อสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ที่จะวิ่งไปตามเส้นทาง ที่จะทำให้ อินเดีย กล่องดวงใจ ของรักของหวงของชาวเกาะ มีโอกาสล่อแหลมที่จะถูกฉกไปเชยชม แบบนี้ชาวเกาะจะไม่รู้สึกว่า มีอาการของกรดไหลย้อนขึ้นมาละหรือ

    ในช่วง ค.ศ. 1890 อุตสาหกรรมของอังกฤษ ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ รวมทั้งด้านการเกษตร นำหน้าเยอรมันหลายช่วงตัว เรียกว่าเหลียวหลังหันกลับไปมองจนคอจะเคล็ดตาย ยังไม่เห็นแม้เงาราง ๆ ของเยอรมันวิ่งตามมา อังกฤษเจ้าแห่งนักล่าอาณานิคม มองเยอรมันเหมือนคนป่าเถื่อน เทอะทะ เฟอะฟะ พูดจาเหมือนออกมาจากดงดิบ ดีว่าตัวขาวผมทอง ไม่งั้นคงถูกเหมาว่ามาจากแถบอื่น ไม่ใช่ชาวยุโรป
    เมื่อ ค.ศ. 1850 อังกฤษยังเพลิดเพลินและโดดเด่นในการล่าอาณานิคม ขยายอาณาเขตของตัวเองกว้างไกลไปไม่หยุด เพื่อไปขโมยเอาทรัพยากรของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ อังกฤษทำเพราะส่วนหนึ่งเกาะตัวเองใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จะเอาเนื้อที่ส่วนไหนมาให้ประชาชนทำมาหากิน ปลูกผักปลูกหญ้า แถมทรัพยากรสำคัญก็ไม่มี มีแต่ถ่านหินที่พอเชิดหน้าชูตาได้ จะกินเข้าไปได้หรือถ่านหินน่ะ อังกฤษจึงใช้ความคิดกับปากเป็นอาวุธสำคัญในการล่าอาณานิคม แต่อาวุธกับปากมันไปเองไม่ได้ จึงต้องมีกองทัพเรืออันยิ่งใหญ่ เพื่อไปหลอก ไปต้ม ไปเสี้ยม ไปล่า ไปเอาอาณานิคมมาเกือบทั้งโลก ก็ต้องยอมรับว่า วิทยายุทธการล่าเหยื่อของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยเท้าซ้ายนี้สูงส่งนัก

    แผนการหนึ่งของการล่า คือทำให้เหยื่อเปิดประตูบ้าน ให้นักล่าเข้านอกออกใน และหลังจากนั้น นักล่าชาวเกาะใหญ่นี้ จะได้ไปถอดกลอนประตูบ้านเขาให้ เปิดกว้าง สู่การค้าเสรี การค้าเสรี นักล่ารุ่นเก่าเขาก็ทำนะ อย่านึกว่ามีแต่รุ่นใหม่ มีอะไรเอามาขายให้หมด (ในราคาถูก) เพื่อแลกกับของแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่อังกฤษนักล่า เอาไปหลอกขาย คิดดูแล้ว ก็เหมือนพ่อค้าเร่ขายยา มีของอยู่เต็มท้ายรถ ไปถึงก็หลอกชาวบ้าน โดยฉายหนังกลางแปลง ชาวบ้านก็หอบลูกจูงหลานมาดู หนังเลิก ก็อดซื้ออะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นติดไม้ติดมือกลับ บ้านไปไม่ได้ พ่อค้าซื้อมาถูกๆ มาขายต่อราคาแพง ๆ กับชาวบ้านต่างถิ่นไกลโพ้น ที่ไม่มีโอกาสเห็นโลกกว้าง เออ! หลอกต้มแบบนี้มาตั้งกะสมัยปู่ย่า ถึงสมัยลูกหลานก็ยังโดนหลอกอยู่เหมือนเดิม

    สินค้าที่พ่อค้าเร่ขายยา นักล่ารุ่นเก่าชอบเอามาหลอกเหยื่อสมัยนั้น ส่วนมากก็เป็นพวกเครื่องมือ เครื่องใช้สมัยใหม่ วิทยาการใหม่ทางวิทยาศาตร์ เช่น โทรเลข โทรศัพท์ รถไฟ รถราง และเครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นต้น

    แล้วเหยื่อส่วนใหญ่ก็กินเบ็ด เพราะไม่เคยมี ก็อยากมี แต่ไม่มีทุนพอซื้อหรือสร้าง นักล่าบอกไม่เป็นไร มีแผนสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้ ได้เลย เดี๋ยวไอจัดการให้ ไอหาเงินกู้ดอกถูกมาให้สร้างเสาโทรเลขดีไหม จะได้ไม่ต้องขี่อูฐกันไป 3 เดือนกว่าจะรู้เรื่อง กดแต๊ก แต๊ก แต๊ก เดี๋ยวเดียว ก็รู้แล้วว่าไอ้คนที่เจ้านายส่งไปดูแลหัวเมืองน่ะ มันทำงาน หรือกลับบ้านไปนอนกลางวันทุกวัน นี่มันคิดหลอกกันแบบนี้ เป็นร้อยปีมากแล้ว แต่ยังใช้ได้อยู่ ลุงนิทานเล่าซ้ำซากด้วยความอ่อนใจ

    เหยื่อส่วนใหญ่ก็ตกลง ให้นักล่าจัดการสร้างโน่น ติดตั้งนี้ ไปเรื่อย ๆ ด้วยเงินกู้ที่นักล่าจัดการให้ แล้วเหยื่อก็เป็นหนี้บานทะโล่ไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งที่ออตโตมานเจ๊ง ถูกเรียกว่าเป็นคนป่วยก็มาจากเหตุนี้แหละ ถูกต้ม ให้ซื้อ ให้ทำสงคราม ให้สร้างกองทัพ ฯลฯ ส่วนนักล่าเมื่อได้เงินมา ส่วนหนึ่งก็ซื้อสินค้าพื้นเมืองราคาถูก กลับไปขายแพงที่บ้าน มีกำไรดี แต่เงินส่วนใหญ่กลับไปหานายธนาคารผู้สนับสนุน ทั้งการเดินทาง และการสร้างของเล่นให้เหยื่อ ทำแบบนี้เหมือนอังกฤษน่าจะรวย แต่ ค.ศ. 1870 อังกฤษเกิดอาการเศรษฐกิจตกสะเก็ด เงินไปกระจุกตัวอยู่ที่นายธนาคารผู้ให้กู้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีกิน
    เยอรมันบอกวิธีนี้ ถ้าเราทำตาม เราก็คงเจ็งตาม เยอรมันจึงเปลี่ยนวิธีการพัฒนาประเทศตนเองใหม่ เน้นหนักทางด้านอุตสาหกรรม

    ค.ศ. 1890 เยอรมันผลิตถ่านหินได้ 88 ล้านตัน ส่วนอังกฤษผลิตได้ 182 ล้านตัน

    ค.ศ. 1910 การผลิตถ่านหินของเยอรมัน พุ่งขึ้นเป็น 219 ล้านตัน ส่วนอังกฤษผลิตได้ 264 ล้านตัน ความห่างของปริมาณการผลิตเริ่มแคบเข้ามาเรื่อย ๆ
    ค.ศ. 1914 เรือบรรทุกสินค้าของเยอรมัน ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่อังกฤษ เป็นการปรับตัวขยายที่รวดเร็วมาก เยอรมันเปลี่ยนตัวถังเรือจากไม้เป็นเหล็ก และเปลี่ยนเป็นใช้เครื่องจักรกลขับเคลื่อนเรือ ทำให้ขนาดเรือบรรทุกสินค้าใหญ่ขึ้น บรรทุกสินค้าได้มากขึ้น และวิ่งเร็วขึ้น เยอรมันกลับกลายเป็นลูกพี่ในการขนส่งสินค้าทางทะเล

    การขนส่งสินค้าทางเรือบรรทุกของเยอรมัน นอกจากเพิ่มจำนวนสินค้าแล้ว ยังมีการประกันภัยสินค้าด้วย ระบบที่ครบถ้วนของเยอรมัน เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการมาก ขนาดฝรั่งเศส คู่หูอังกฤษเอง ยังออกปากว่า การขนส่งสินค้าทางเรือของเยอรมัน ไม่ได้วางระบบให้วิ่งไปหาการค้า แต่วิธีดำเนินการของเยอรมัน ทำให้การค้าวิ่งมาหาเอง มันเหนือกว่าที่เคย ๆ ทำ

    เอะ ! ฝรั่งเศสหมายถึงใคร พูดชมใคร พูดแดกใคร ! แค่เยอรมันเริ่มทาบรัศมีการขนส่งทางเรือ อังกฤษก็ขัดใจแย่แล้ว นี่คู่หูดันไปชื่นชมอีก แบบนี้มันยิ่งกว่าขัดใจ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 2 : “ขวาง 2” คงเห็นชัดเจนแล้วว่าอังกฤษเป็นโรคแพ้ทางรถไฟ โดยเฉพาะสาย Berlin Bagdad ซึ่งสร้างโดยเยอรมัน อนุญาตโดยออตโตมาน อังกฤษจะแก้อาการแพ้ทางรถไฟนี้อย่างไร อังกฤษตั้งใจใช้ไม้เสี้ยม หวังให้รางรถไฟแหกโค้ง ตกเขาจบสิ้นไป แต่ถ้าเอาแว่นขยายส่องอีกหน่อย เราจะเห็นความเหี้ยมของอังกฤษว่า ไม่ใช่แค่เสี้ยมให้ทางรถไฟแหกโค้งตกเขา แล้วเรื่องจะจบ อาการแพ้จะหายไป นั่นมันง่ายไป และใจดีไปสำหรับชาวเกาะ มันต้องมีอะไรซับซ้อนซ่อนมากกว่านั้น เกินจิตนาการ เล่าแล้วเหมือนจะทำลายหัวใจ พวกที่นิยมบูชาฝรั่ง เริ่มจาก ค.ศ. 1873 เป็นต้นมา ความเจริญทางเศรษฐกิจระหว่างอังกฤษกับเยอรมัน ดูเหมือนจะใช้อัตราและขนาด ทิ้งห่างกันออกไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ถึงระดับที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 ต้องถูกจุดให้เกิดระเบิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1914 แต่สาเหตุแท้จริงของการจุดให้เกิดสงครามโลก ได้ถูกซ่อนลึก จนแทบจะไม่มีใครได้รู้จนเวลาผ่านพ้นไปนานพอสมควร ประมาณปลายศตวรรษที่ 19 กลุ่มธุรกิจ การเงิน นักการเมือง และพวกอีลิตของชาวเกาะอังกฤษ เริ่มออกอาการ เนื่องจากเห็นความเปลี่ยนแปลง ของพวกอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของทวีปยุโรป ที่ดูจะคึกคักผิดปรกติ การเกิดของกองเรือขนส่งสินค้าของเยอรมัน ที่ทำท่าว่ากำลังทำมาค้าขึ้น ข่าวเรื่องการก่อสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ที่จะวิ่งไปตามเส้นทาง ที่จะทำให้ อินเดีย กล่องดวงใจ ของรักของหวงของชาวเกาะ มีโอกาสล่อแหลมที่จะถูกฉกไปเชยชม แบบนี้ชาวเกาะจะไม่รู้สึกว่า มีอาการของกรดไหลย้อนขึ้นมาละหรือ ในช่วง ค.ศ. 1890 อุตสาหกรรมของอังกฤษ ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ รวมทั้งด้านการเกษตร นำหน้าเยอรมันหลายช่วงตัว เรียกว่าเหลียวหลังหันกลับไปมองจนคอจะเคล็ดตาย ยังไม่เห็นแม้เงาราง ๆ ของเยอรมันวิ่งตามมา อังกฤษเจ้าแห่งนักล่าอาณานิคม มองเยอรมันเหมือนคนป่าเถื่อน เทอะทะ เฟอะฟะ พูดจาเหมือนออกมาจากดงดิบ ดีว่าตัวขาวผมทอง ไม่งั้นคงถูกเหมาว่ามาจากแถบอื่น ไม่ใช่ชาวยุโรป เมื่อ ค.ศ. 1850 อังกฤษยังเพลิดเพลินและโดดเด่นในการล่าอาณานิคม ขยายอาณาเขตของตัวเองกว้างไกลไปไม่หยุด เพื่อไปขโมยเอาทรัพยากรของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ อังกฤษทำเพราะส่วนหนึ่งเกาะตัวเองใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย จะเอาเนื้อที่ส่วนไหนมาให้ประชาชนทำมาหากิน ปลูกผักปลูกหญ้า แถมทรัพยากรสำคัญก็ไม่มี มีแต่ถ่านหินที่พอเชิดหน้าชูตาได้ จะกินเข้าไปได้หรือถ่านหินน่ะ อังกฤษจึงใช้ความคิดกับปากเป็นอาวุธสำคัญในการล่าอาณานิคม แต่อาวุธกับปากมันไปเองไม่ได้ จึงต้องมีกองทัพเรืออันยิ่งใหญ่ เพื่อไปหลอก ไปต้ม ไปเสี้ยม ไปล่า ไปเอาอาณานิคมมาเกือบทั้งโลก ก็ต้องยอมรับว่า วิทยายุทธการล่าเหยื่อของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยเท้าซ้ายนี้สูงส่งนัก แผนการหนึ่งของการล่า คือทำให้เหยื่อเปิดประตูบ้าน ให้นักล่าเข้านอกออกใน และหลังจากนั้น นักล่าชาวเกาะใหญ่นี้ จะได้ไปถอดกลอนประตูบ้านเขาให้ เปิดกว้าง สู่การค้าเสรี การค้าเสรี นักล่ารุ่นเก่าเขาก็ทำนะ อย่านึกว่ามีแต่รุ่นใหม่ มีอะไรเอามาขายให้หมด (ในราคาถูก) เพื่อแลกกับของแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่อังกฤษนักล่า เอาไปหลอกขาย คิดดูแล้ว ก็เหมือนพ่อค้าเร่ขายยา มีของอยู่เต็มท้ายรถ ไปถึงก็หลอกชาวบ้าน โดยฉายหนังกลางแปลง ชาวบ้านก็หอบลูกจูงหลานมาดู หนังเลิก ก็อดซื้ออะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นติดไม้ติดมือกลับ บ้านไปไม่ได้ พ่อค้าซื้อมาถูกๆ มาขายต่อราคาแพง ๆ กับชาวบ้านต่างถิ่นไกลโพ้น ที่ไม่มีโอกาสเห็นโลกกว้าง เออ! หลอกต้มแบบนี้มาตั้งกะสมัยปู่ย่า ถึงสมัยลูกหลานก็ยังโดนหลอกอยู่เหมือนเดิม สินค้าที่พ่อค้าเร่ขายยา นักล่ารุ่นเก่าชอบเอามาหลอกเหยื่อสมัยนั้น ส่วนมากก็เป็นพวกเครื่องมือ เครื่องใช้สมัยใหม่ วิทยาการใหม่ทางวิทยาศาตร์ เช่น โทรเลข โทรศัพท์ รถไฟ รถราง และเครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นต้น แล้วเหยื่อส่วนใหญ่ก็กินเบ็ด เพราะไม่เคยมี ก็อยากมี แต่ไม่มีทุนพอซื้อหรือสร้าง นักล่าบอกไม่เป็นไร มีแผนสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้ ได้เลย เดี๋ยวไอจัดการให้ ไอหาเงินกู้ดอกถูกมาให้สร้างเสาโทรเลขดีไหม จะได้ไม่ต้องขี่อูฐกันไป 3 เดือนกว่าจะรู้เรื่อง กดแต๊ก แต๊ก แต๊ก เดี๋ยวเดียว ก็รู้แล้วว่าไอ้คนที่เจ้านายส่งไปดูแลหัวเมืองน่ะ มันทำงาน หรือกลับบ้านไปนอนกลางวันทุกวัน นี่มันคิดหลอกกันแบบนี้ เป็นร้อยปีมากแล้ว แต่ยังใช้ได้อยู่ ลุงนิทานเล่าซ้ำซากด้วยความอ่อนใจ เหยื่อส่วนใหญ่ก็ตกลง ให้นักล่าจัดการสร้างโน่น ติดตั้งนี้ ไปเรื่อย ๆ ด้วยเงินกู้ที่นักล่าจัดการให้ แล้วเหยื่อก็เป็นหนี้บานทะโล่ไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งที่ออตโตมานเจ๊ง ถูกเรียกว่าเป็นคนป่วยก็มาจากเหตุนี้แหละ ถูกต้ม ให้ซื้อ ให้ทำสงคราม ให้สร้างกองทัพ ฯลฯ ส่วนนักล่าเมื่อได้เงินมา ส่วนหนึ่งก็ซื้อสินค้าพื้นเมืองราคาถูก กลับไปขายแพงที่บ้าน มีกำไรดี แต่เงินส่วนใหญ่กลับไปหานายธนาคารผู้สนับสนุน ทั้งการเดินทาง และการสร้างของเล่นให้เหยื่อ ทำแบบนี้เหมือนอังกฤษน่าจะรวย แต่ ค.ศ. 1870 อังกฤษเกิดอาการเศรษฐกิจตกสะเก็ด เงินไปกระจุกตัวอยู่ที่นายธนาคารผู้ให้กู้ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีกิน เยอรมันบอกวิธีนี้ ถ้าเราทำตาม เราก็คงเจ็งตาม เยอรมันจึงเปลี่ยนวิธีการพัฒนาประเทศตนเองใหม่ เน้นหนักทางด้านอุตสาหกรรม ค.ศ. 1890 เยอรมันผลิตถ่านหินได้ 88 ล้านตัน ส่วนอังกฤษผลิตได้ 182 ล้านตัน ค.ศ. 1910 การผลิตถ่านหินของเยอรมัน พุ่งขึ้นเป็น 219 ล้านตัน ส่วนอังกฤษผลิตได้ 264 ล้านตัน ความห่างของปริมาณการผลิตเริ่มแคบเข้ามาเรื่อย ๆ ค.ศ. 1914 เรือบรรทุกสินค้าของเยอรมัน ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่อังกฤษ เป็นการปรับตัวขยายที่รวดเร็วมาก เยอรมันเปลี่ยนตัวถังเรือจากไม้เป็นเหล็ก และเปลี่ยนเป็นใช้เครื่องจักรกลขับเคลื่อนเรือ ทำให้ขนาดเรือบรรทุกสินค้าใหญ่ขึ้น บรรทุกสินค้าได้มากขึ้น และวิ่งเร็วขึ้น เยอรมันกลับกลายเป็นลูกพี่ในการขนส่งสินค้าทางทะเล การขนส่งสินค้าทางเรือบรรทุกของเยอรมัน นอกจากเพิ่มจำนวนสินค้าแล้ว ยังมีการประกันภัยสินค้าด้วย ระบบที่ครบถ้วนของเยอรมัน เป็นที่พอใจของผู้ใช้บริการมาก ขนาดฝรั่งเศส คู่หูอังกฤษเอง ยังออกปากว่า การขนส่งสินค้าทางเรือของเยอรมัน ไม่ได้วางระบบให้วิ่งไปหาการค้า แต่วิธีดำเนินการของเยอรมัน ทำให้การค้าวิ่งมาหาเอง มันเหนือกว่าที่เคย ๆ ทำ เอะ ! ฝรั่งเศสหมายถึงใคร พูดชมใคร พูดแดกใคร ! แค่เยอรมันเริ่มทาบรัศมีการขนส่งทางเรือ อังกฤษก็ขัดใจแย่แล้ว นี่คู่หูดันไปชื่นชมอีก แบบนี้มันยิ่งกว่าขัดใจ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”

    ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 3”

    Hussein Bin Ali, Sharif of Hejaz และของ Mecca นครศักดิ์สิทธิ ท่าน Sharif และลูกชาย 2 คน Faisal และ Abduellah กำลังเบื่อหน่ายเต็มทีกับการปกครองของพวกออตโตมาน มีความฝันที่จะสร้างรัฐอาหรับยาวจากภูเขา Taurus ทางภาคใต้ของตุรกี ไปจนถึงทะเลแดง และจากเมดิเตอริเรเนียน ไปจนถึงเขตแดนของอิหร่าน Sir Henry McMahon ข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอียิปต์ ได้เริ่มติดต่อกับ Sharif ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1915 เป็นต้นมา และเป็นที่รู้จักกันในนาม McMahon Hussein Correspondence

    เดือนตุลาคม ค.ศ. 1915 McMahon เขียนจดหมายไปหา Hussein บอกว่าเดินหน้าได้เลย อังกฤษรับรู้และพร้อมที่จะสนับสนุนการมีอิสรภาพของเหล่าอาหรับ ภายใต้เงื่อนไข ข้อจำกัดบางประการ และมีอาณาเขตตามที่ Sharif of Mecca ได้เสนอไป

    พวกอาหรับรักษาคำมั่นของพวกเขา มีนาคม 1916 Sharif Hussein เริ่มปฏิบัติการเป็นหัวหน้านำกลุ่ม ชนเผ่าพื้นเมืองติดอาวุธ (Bedouin) ประกาศตัวต่อต้าน ออตโตมาน ภายในเวลาไม่กี่เดือน ชาวอาหรับที่แสดงการขัดขืนต่อต้านออตโตมาน ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นไปตามเมืองต่าง ๆ ในแดน Hejaz รวมทั้งใน Jeddah และ Makkah โดยการช่วยเหลือของกองทัพบกและกองทัพเรือของอังกฤษ นอกจากนั้นอังกฤษยังส่ง นาย Thomas Edward Lawrence ผู้ชำนาญด้านโบราณคดี ประจำอยู่ฝ่ายปฏิบัติการ (จารกรรม) ของอังกฤษ ให้ไปฝั่งตัวอยู่ในกลุ่มพวกอาหรับอีกด้วย

    อังกฤษในตอนแรก แม้ว่าจะได้ตกลงกับ Hussein ไปแล้ว แต่ลึก ๆ ก็ยังไม่เชื่อว่าพวกอาหรับจะสามารถทำอะไรได้จริง แต่จดหมายจากนาย Lawrence ส่งถึงเจ้านายเมื่อประมาณ ต้นปี ค.ศ. 1916 บอกอะไรหลายอย่าง ที่ทำให้อังกฤษ ปรับแนวคิดเกี่ยวกับพวกอาหรับ นาย Lawrence บอกว่า “พวกอาหรับจะเดินตามแนวทางที่เราต้องการ และจะสามารถ “ทลาย” กลุ่มอิสลามที่ผนึกตัวกันได้ และจะสามารถเอาชนะ และทำให้ออตโตมานปั่นป่วนได้ แต่อังกฤษอย่าได้คิดเลยว่า ความฝันของ Hussein ที่จะรวมตัวพวกอาหรับเข้าด้วยกันได้ จะเป็นความจริง และถ้ารัฐอาหรับของ Sharif สามารถตั้งขึ้นได้เพื่อเอาชนะออตโตมานจริง ก็จะเป็นอันตรายกับทางอังกฤษต่อไป พวกอาหรับอารมณ์ไม่มั่นคงและไม่อยู่กับร่องกับรอย ยิ่งกว่าพวกเตอร์กเสียอีก แต่ถ้าเราดำเนินการอย่างถูกต้อง รัฐอาหรับนี้จะกลายเป็นรัฐเล็ก ๆ ที่แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง ยากแก่การรวมตัว ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเราอย่างมหาศาลต่อไป (เหมือนเราวางไม้เสี้ยมถาวรไว้ ไม่ต้องทำอะไรเลย ให้พวกเขาทะเลาะกันเอง ! น่าสนใจนะ สมันน้อย)

    เล่ามาถึงตรงนี้ ขอแถมซักหน่อยว่า ไอ้หมอนี่ผู้แนะนำให้อังกฤษ วางไม้เสี้ยมถาวรไว้ คือคนที่เรารู้จักกันในนามของ Lawrence of Arabia หนังใหญ่ยาว 4 ชม.กว่า แสดงโดย Peter O’Toole ออกฉายเมื่อประมาณ 40 ปีมานี้ บางท่านที่เกิดทันอาจจะร้อง อ๋อ ถ้าจะให้ดี ลองไปเอาหนังเรื่องนี้มาดู จะเห็นภาพบางอย่างชัดขึ้น แต่หนังก็คือหนัง มันไม่ได้บอกอะไรหมด แถมใส่สีใส่บทเพิ่มเติมกว่าความเป็นจริง ที่สำคัญมันผิดความเป็นจริงอย่างยิ่ง อยู่หลายส่วน โดยเฉพาะเกี่ยวกับบทบาทของนาย Lawrence และแผนซ้อนของอังกฤษ แต่กระนั้นก็น่าเอามาดูกันครับ จะได้ซึ้งกับความเป็น Hollywood สื่อฟอกย้อมชิ้นสำคัญของนักล่า !

    เมื่อสงครามโลกยึดเยื้อไปถึงปี ค.ศ. 1917 และ ค.ศ. 1918 กลุ่มกบฏอาหรับยึดได้เมืองสำคัญหลายเมืองของออตโตมาน ส่วนอังกฤษก็รุกเข้าไปถึง ปาเลสไตน์ และอิรัค ยึดเมือง เยรูซาเร็ม และแบกแดดได้ กลุ่มกบฎอาหรับช่วยให้กองทัพอังกฤษยึดเมืองอัมมานและดามัสคัสได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม กลุ่มกบฎอาหรับนี้ ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือเห็นพ้องจากกลุ่มอาหรับส่วนใหญ่ มันเป็นเพียงขบวนการของกลุ่มข้างน้อย ซึ่งมีหัวหน้าไม่กี่คน พวกอาหรับส่วนใหญ่ยังแยกตัวเอง ออกจากความขัดแย้ง และไม่สนับสนุนพวกกบฎหรือทางออตโตมาน แม้จะมีคนสนับสนุนไม่มาก แต่ความฝันของ Sharif Hussein ก็ชัดเจนว่า เขาอยากจะให้มีอาณาจักรอาหรับและมาถึงตอนนี้ ความฝันก็ดูใกล้ที่จะเป็นจริง ถ้าอังกฤษจะไม่ได้หักหลัง โดยไปมีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น กับใครอื่นเสียก่อนแล้ว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ส.ค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 3” Hussein Bin Ali, Sharif of Hejaz และของ Mecca นครศักดิ์สิทธิ ท่าน Sharif และลูกชาย 2 คน Faisal และ Abduellah กำลังเบื่อหน่ายเต็มทีกับการปกครองของพวกออตโตมาน มีความฝันที่จะสร้างรัฐอาหรับยาวจากภูเขา Taurus ทางภาคใต้ของตุรกี ไปจนถึงทะเลแดง และจากเมดิเตอริเรเนียน ไปจนถึงเขตแดนของอิหร่าน Sir Henry McMahon ข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอียิปต์ ได้เริ่มติดต่อกับ Sharif ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1915 เป็นต้นมา และเป็นที่รู้จักกันในนาม McMahon Hussein Correspondence เดือนตุลาคม ค.ศ. 1915 McMahon เขียนจดหมายไปหา Hussein บอกว่าเดินหน้าได้เลย อังกฤษรับรู้และพร้อมที่จะสนับสนุนการมีอิสรภาพของเหล่าอาหรับ ภายใต้เงื่อนไข ข้อจำกัดบางประการ และมีอาณาเขตตามที่ Sharif of Mecca ได้เสนอไป พวกอาหรับรักษาคำมั่นของพวกเขา มีนาคม 1916 Sharif Hussein เริ่มปฏิบัติการเป็นหัวหน้านำกลุ่ม ชนเผ่าพื้นเมืองติดอาวุธ (Bedouin) ประกาศตัวต่อต้าน ออตโตมาน ภายในเวลาไม่กี่เดือน ชาวอาหรับที่แสดงการขัดขืนต่อต้านออตโตมาน ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นไปตามเมืองต่าง ๆ ในแดน Hejaz รวมทั้งใน Jeddah และ Makkah โดยการช่วยเหลือของกองทัพบกและกองทัพเรือของอังกฤษ นอกจากนั้นอังกฤษยังส่ง นาย Thomas Edward Lawrence ผู้ชำนาญด้านโบราณคดี ประจำอยู่ฝ่ายปฏิบัติการ (จารกรรม) ของอังกฤษ ให้ไปฝั่งตัวอยู่ในกลุ่มพวกอาหรับอีกด้วย อังกฤษในตอนแรก แม้ว่าจะได้ตกลงกับ Hussein ไปแล้ว แต่ลึก ๆ ก็ยังไม่เชื่อว่าพวกอาหรับจะสามารถทำอะไรได้จริง แต่จดหมายจากนาย Lawrence ส่งถึงเจ้านายเมื่อประมาณ ต้นปี ค.ศ. 1916 บอกอะไรหลายอย่าง ที่ทำให้อังกฤษ ปรับแนวคิดเกี่ยวกับพวกอาหรับ นาย Lawrence บอกว่า “พวกอาหรับจะเดินตามแนวทางที่เราต้องการ และจะสามารถ “ทลาย” กลุ่มอิสลามที่ผนึกตัวกันได้ และจะสามารถเอาชนะ และทำให้ออตโตมานปั่นป่วนได้ แต่อังกฤษอย่าได้คิดเลยว่า ความฝันของ Hussein ที่จะรวมตัวพวกอาหรับเข้าด้วยกันได้ จะเป็นความจริง และถ้ารัฐอาหรับของ Sharif สามารถตั้งขึ้นได้เพื่อเอาชนะออตโตมานจริง ก็จะเป็นอันตรายกับทางอังกฤษต่อไป พวกอาหรับอารมณ์ไม่มั่นคงและไม่อยู่กับร่องกับรอย ยิ่งกว่าพวกเตอร์กเสียอีก แต่ถ้าเราดำเนินการอย่างถูกต้อง รัฐอาหรับนี้จะกลายเป็นรัฐเล็ก ๆ ที่แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง ยากแก่การรวมตัว ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเราอย่างมหาศาลต่อไป (เหมือนเราวางไม้เสี้ยมถาวรไว้ ไม่ต้องทำอะไรเลย ให้พวกเขาทะเลาะกันเอง ! น่าสนใจนะ สมันน้อย) เล่ามาถึงตรงนี้ ขอแถมซักหน่อยว่า ไอ้หมอนี่ผู้แนะนำให้อังกฤษ วางไม้เสี้ยมถาวรไว้ คือคนที่เรารู้จักกันในนามของ Lawrence of Arabia หนังใหญ่ยาว 4 ชม.กว่า แสดงโดย Peter O’Toole ออกฉายเมื่อประมาณ 40 ปีมานี้ บางท่านที่เกิดทันอาจจะร้อง อ๋อ ถ้าจะให้ดี ลองไปเอาหนังเรื่องนี้มาดู จะเห็นภาพบางอย่างชัดขึ้น แต่หนังก็คือหนัง มันไม่ได้บอกอะไรหมด แถมใส่สีใส่บทเพิ่มเติมกว่าความเป็นจริง ที่สำคัญมันผิดความเป็นจริงอย่างยิ่ง อยู่หลายส่วน โดยเฉพาะเกี่ยวกับบทบาทของนาย Lawrence และแผนซ้อนของอังกฤษ แต่กระนั้นก็น่าเอามาดูกันครับ จะได้ซึ้งกับความเป็น Hollywood สื่อฟอกย้อมชิ้นสำคัญของนักล่า ! เมื่อสงครามโลกยึดเยื้อไปถึงปี ค.ศ. 1917 และ ค.ศ. 1918 กลุ่มกบฏอาหรับยึดได้เมืองสำคัญหลายเมืองของออตโตมาน ส่วนอังกฤษก็รุกเข้าไปถึง ปาเลสไตน์ และอิรัค ยึดเมือง เยรูซาเร็ม และแบกแดดได้ กลุ่มกบฎอาหรับช่วยให้กองทัพอังกฤษยึดเมืองอัมมานและดามัสคัสได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม กลุ่มกบฎอาหรับนี้ ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือเห็นพ้องจากกลุ่มอาหรับส่วนใหญ่ มันเป็นเพียงขบวนการของกลุ่มข้างน้อย ซึ่งมีหัวหน้าไม่กี่คน พวกอาหรับส่วนใหญ่ยังแยกตัวเอง ออกจากความขัดแย้ง และไม่สนับสนุนพวกกบฎหรือทางออตโตมาน แม้จะมีคนสนับสนุนไม่มาก แต่ความฝันของ Sharif Hussein ก็ชัดเจนว่า เขาอยากจะให้มีอาณาจักรอาหรับและมาถึงตอนนี้ ความฝันก็ดูใกล้ที่จะเป็นจริง ถ้าอังกฤษจะไม่ได้หักหลัง โดยไปมีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น กับใครอื่นเสียก่อนแล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • ตอนแถมของนิทาน เรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว ตอนที่ 3
    ตอนแถมของนิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”

    ตอนที่ 3/3

    เมื่อสงครามโลกคร้ังที่ 2 มาถึง ตุรกีนิ่งอยูนาน วางตัวเป็นกลาง เพราะความช้ำจาก สงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่จาง แต่ด้วยบริเวณประเทศที่มีอาณาเขตติดกับเหล่านักเล่นสงคราม ถึง 8 ประเทศ ในที่สุด ตุรกี ก็ถูกบีบ ให้เข้ากับฝ่ายสัมพันธมิตร ที่มีอังกฤษ และรัสเซีย บีบตุรกี อยู่ตรงกลางเหมือนเดิม!

    สงครามโลกคร้ังที่ 1 ตุรกี ถูกบังคับ ให้เลือกข้าง ตุรกีต้องไปอยู่กับข้างที่ไม่ชนะ
    สงครามโลกคร้ังที่ 2 ตุรกี ถูกบีบ ไม่ให้เป็นกลาง ตุรกีถูกผลักให้มาอยู่ข้างไม่แพ้ แต่ตุรกีเหมือนแพ้เพราะมีเชือกผูกคอ ต่อมาถึง 60 ปี

    มาถึงตอนนี้ กลิ่นของสงครามโลกคร้ังที่ 3 กำลังโชยมา ตุรกีก็ยังเดินไต่ลวดเหมือนเดิม และตุรกีกำลังถูกบีบเหมือนเดิมให้เลือกข้าง ระหว่างค่ายอเมริกากับพวก กับ ค่ายพวกไม่เอาอเมริกา ที่มีทั้งมิตรใหม่เช่นอาเฮีย และสตรูเก่าอย่างรัสเซีย ( ซึ่งมาบัดนี้ น่าจะคิดออกแล้ว ว่าสตรูตัวจริงของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นใคร) ร่วมกลุ่มกัน

    ตุรกีคงไม่น่าต้องคิดหนัก

    หลังจากอเมริกา รับไม้ต่อจากอังกฤษ ผูกมิตรกับตุรกี ก็ใช่ว่าเป็นสัมพันธ์ฉันท์มิตรรักแท้จริง อเมริกาต้องการใช้ตุรกี เป็นหมากไว้เดินระหว่างยุโรปกับ ตะวันออกกลาง มันเป็นการ “ใช้” ไม่ต่างกับที่อังกฤษเคยทำ อังกฤษหลอกใช้ตุรกีมา 100 ปี แล้วก็ส่ง ตุรกีมาให้ อเมริกาหลอกใช้ต่ออีก 60 ปี

    คงถึงเวลาแล้วที่ตุรกีจะตัดสินใจได้เสียที ว่าจะให้เขาถีบทิ้งตกจากลวด เหมือนเดิมอีก หรือไหนๆ ถ้าจะต้องตกลงมา ก็ตัดสินใจเตรียมอุปกรณ์การโดดลงมาเสียเอง ไม่ใช่ถูกถีบหัวทิ่มแบบไม่รู้ตัว

    และถ้าตุรกี ตัดสินใจตัดเชือกที่ผูกมา 60 ปี ไปร่วมกับฝ่ายตรงกันข้าม บอกได้เลยว่าสถานการณ์โลกคงร้อนระอุใกล้เดือด เดือนสิงหาคมนี้ อุณหภูมิการเมืองโลกคงสูงใกล้ปรอทแตก หวังว่า คุณสมชายคงจะรู้ ว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ให้สมันน้อย ร้อน จนไหม้เกรียม
    แล้วสมันน้อย หรือเด็กชายสยามของคุณครูผู้ปกครอง มีอะไรเหมือน หรือต่างกับ เด็กชายตุรกีบ้าง ต่างก็ต้ังอยู่ในทำเลทอง พร้อมที่จะใช้ประโยชน์ต่อรองได้ และก็พร้อมที่จะซวยได้เช่นกันเพราะเป็น ทำเลที่มีแต่คนอยากได้ หรือไม่ก้อ ไม่อยากให้อีกฝ่ายได้!

    สำหรับเรื่องเด็กชายสยามของคุณครูผู้ปกครอง จะเดินตามแนวเด็กชายตุรกีหรือเปล่านี่ ผมต้องขอติดค้าง วันนี้ใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือเล่านิทาน ที่คุณหมอออกให้ชั่วคราว หมดเวลาเสียแล้ว ผมจะกลับมาเขียนต่อ หลังซ่อมแซมเครื่อง ออกจากอู่เรียบร้อยแล้ว

    ขอส่งใบลาป่วยสักพักนะครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 สค. 2557
    ตอนแถมของนิทาน เรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว ตอนที่ 3 ตอนแถมของนิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 3/3 เมื่อสงครามโลกคร้ังที่ 2 มาถึง ตุรกีนิ่งอยูนาน วางตัวเป็นกลาง เพราะความช้ำจาก สงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่จาง แต่ด้วยบริเวณประเทศที่มีอาณาเขตติดกับเหล่านักเล่นสงคราม ถึง 8 ประเทศ ในที่สุด ตุรกี ก็ถูกบีบ ให้เข้ากับฝ่ายสัมพันธมิตร ที่มีอังกฤษ และรัสเซีย บีบตุรกี อยู่ตรงกลางเหมือนเดิม! สงครามโลกคร้ังที่ 1 ตุรกี ถูกบังคับ ให้เลือกข้าง ตุรกีต้องไปอยู่กับข้างที่ไม่ชนะ สงครามโลกคร้ังที่ 2 ตุรกี ถูกบีบ ไม่ให้เป็นกลาง ตุรกีถูกผลักให้มาอยู่ข้างไม่แพ้ แต่ตุรกีเหมือนแพ้เพราะมีเชือกผูกคอ ต่อมาถึง 60 ปี มาถึงตอนนี้ กลิ่นของสงครามโลกคร้ังที่ 3 กำลังโชยมา ตุรกีก็ยังเดินไต่ลวดเหมือนเดิม และตุรกีกำลังถูกบีบเหมือนเดิมให้เลือกข้าง ระหว่างค่ายอเมริกากับพวก กับ ค่ายพวกไม่เอาอเมริกา ที่มีทั้งมิตรใหม่เช่นอาเฮีย และสตรูเก่าอย่างรัสเซีย ( ซึ่งมาบัดนี้ น่าจะคิดออกแล้ว ว่าสตรูตัวจริงของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นใคร) ร่วมกลุ่มกัน ตุรกีคงไม่น่าต้องคิดหนัก หลังจากอเมริกา รับไม้ต่อจากอังกฤษ ผูกมิตรกับตุรกี ก็ใช่ว่าเป็นสัมพันธ์ฉันท์มิตรรักแท้จริง อเมริกาต้องการใช้ตุรกี เป็นหมากไว้เดินระหว่างยุโรปกับ ตะวันออกกลาง มันเป็นการ “ใช้” ไม่ต่างกับที่อังกฤษเคยทำ อังกฤษหลอกใช้ตุรกีมา 100 ปี แล้วก็ส่ง ตุรกีมาให้ อเมริกาหลอกใช้ต่ออีก 60 ปี คงถึงเวลาแล้วที่ตุรกีจะตัดสินใจได้เสียที ว่าจะให้เขาถีบทิ้งตกจากลวด เหมือนเดิมอีก หรือไหนๆ ถ้าจะต้องตกลงมา ก็ตัดสินใจเตรียมอุปกรณ์การโดดลงมาเสียเอง ไม่ใช่ถูกถีบหัวทิ่มแบบไม่รู้ตัว และถ้าตุรกี ตัดสินใจตัดเชือกที่ผูกมา 60 ปี ไปร่วมกับฝ่ายตรงกันข้าม บอกได้เลยว่าสถานการณ์โลกคงร้อนระอุใกล้เดือด เดือนสิงหาคมนี้ อุณหภูมิการเมืองโลกคงสูงใกล้ปรอทแตก หวังว่า คุณสมชายคงจะรู้ ว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ให้สมันน้อย ร้อน จนไหม้เกรียม แล้วสมันน้อย หรือเด็กชายสยามของคุณครูผู้ปกครอง มีอะไรเหมือน หรือต่างกับ เด็กชายตุรกีบ้าง ต่างก็ต้ังอยู่ในทำเลทอง พร้อมที่จะใช้ประโยชน์ต่อรองได้ และก็พร้อมที่จะซวยได้เช่นกันเพราะเป็น ทำเลที่มีแต่คนอยากได้ หรือไม่ก้อ ไม่อยากให้อีกฝ่ายได้! สำหรับเรื่องเด็กชายสยามของคุณครูผู้ปกครอง จะเดินตามแนวเด็กชายตุรกีหรือเปล่านี่ ผมต้องขอติดค้าง วันนี้ใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือเล่านิทาน ที่คุณหมอออกให้ชั่วคราว หมดเวลาเสียแล้ว ผมจะกลับมาเขียนต่อ หลังซ่อมแซมเครื่อง ออกจากอู่เรียบร้อยแล้ว ขอส่งใบลาป่วยสักพักนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 สค. 2557
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 7 – ครู
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 7 “ครู”
    Fethullah Gulen เป็นใคร เส้นชีวิตเขาน่าสนใจไม่เบา เก็บจากรายงานการวิเคราะห์สัมพันธ์ภาพระหว่างอเมริกากับตุรกี ที่ทำโดย CFR เมื่อค.ศ. 2012 ได้ความว่า Fethullah Gulen เป็นชาวตุรกี เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1941 ที่ Koruchuk หมู่บ้านเล็ก ๆ ของ Ezurum ซึ่งเป็นเมืองอยู่ทางชายแดนด้านตะวันออกของตุรกี การเรียนของเขาไม่ค่อยโดดเด่น เนื่องจากครอบครัวอพยพ ย้ายที่ไปเรื่อย ๆ แต่เขาเป็นคนใฝ่ดี สนใจ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ และปรัญชา โดยเฉพาะปรัญชาของทางฝั่งตะวันตก เช่น Albert Camus และ Jean-Paul Sartre เขาศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามด้วยตนเอง โดยการสวดและท่องจำ (อืม ! ประวัติแบบนี้ คนเขียนแต่งได้น่าสนใจจริง)
    ปี ค.ศ. 1966 เขาได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนทางศาสนาที่ Ismir เขาใช้วิธีสอน โดยเอาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ มาผสมผสานกับด้านศาสนา ซึ่งเขาบอกว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Said Nursi ซึ่งเป็นนักปฎิรูปใหญ่ของอิสลาม Nursi เป็นผู้ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ตัวยง ส่วน Gulen เอง ก็มีแนวโน้มไปในทางเป็นนายทุน คงเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาคบกับอเมริกาได้อย่างไม่ขัดเขิน
    ปัจจุบัน Gulen เป็นหัวหน้ากลุ่ม Hizmet ซึ่งเป็นขบวนการทางศาสนาและเกี่ยว ข้องกับการเมือง มีเครือข่ายทั่วโลก เป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนสอนศาสนา สื่อและองค์กรการกุศล มูลค่ารวมประมาณกว่า 20 พันล้านเหรียญ !
    Hizmet มีสาวกเฉพาะในตุรกีถึง 3 ล้านคน นี่ยังไม่ได้นับในอเมริกาและส่วนอื่นของโลก Hizmet เน้นที่จะสร้างอิสลามยุคใหม่ เพื่อรัฐตุรกีใหม่ เป็นอิสลามที่มีการศึกษา เขาให้คุณค่ากับคนชั้นกลางที่ทำ งานวิชาชีพ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกซ์ นอกจากนี้เขายังสนับสนุน พวกทำงานให้รัฐ เช่น ผู้พิพากษาและตำรวจ เป็นกลุ่มคนที่เขาบอกว่าเหมาะสมที่จะสร้างสังคมใหม่ของอิสลาม ที่มองเห็นคุณค่าของศาสนาต่างกับของเดิม (มันเขียนพิมพ์เขียว สร้างรูปแบบใกล้เคียงกันหมด แม้กระทั่งในบ้านเรา!)
    กลุ่มผู้สนับสนุน Gulen กับสนับสนุน พรรค AKP ของนาย Erdogan ก็เกือบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และในช่วงแรกดูเหมือน นาย Gulen กับพวกหัวหน้าของ AKP รวมทั้งตัวนาย Erdogan ก็ดูจะไปกันได้ดี เพราะมีแนวทางที่จะปฏิรูปศาสนาให้ทันสมัยขึ้นและนำมาปรับใช้ให้สอดคล้อง กับการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นแนวทุนนิยมเสรี (ชัดเจนดี)
    แต่ไป ๆ มา ๆ อิทธิพลของนาย Gulen ชักจะแพร่กระจายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตำรวจ ข้าราชการฝ่ายตุลาการและผู้พิพากษา (นี่ มันเรื่องในตุรกีนะครับ ขอย้ำอีกที) ในการเทศน์ออกโทรทัศน์ เมื่อ ค.ศ. 1999 นาย Gulen กล่าวว่า
    “พวกท่านจะต้องเจาะเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ของระบบ โดยไม่ให้มีการไหวตัว ถึงความมีอยู่และการกระทำของท่าน จนกว่าท่านจะเข้าไปถึงอำนาจที่อยู่ในใจกลาง… ท่านจะต้องคอย จนเมื่อท่านได้อำนาจของรัฐทั้งหมด มาอยู่ในมือแล้ว และเมื่อนั้นท่านจะได้อำนาจทั้งหมด ตามรัฐธรรมนูญของตุรกี” (ยังไงไม่ทราบ ผมเขียนข้อความนี้ แล้วทำให้นึกถึงเสียงและหน้าของยายนกแสก ทำไมมันให้ความรู้สึกเดียวกัน ! ?)
    หลังจากการเทศน์อันเด็ดดวง นาย Gulen ก็เก็บของอพยพไปอยู่อเมริกาในปีนั้นเอง โดยอ้างว่าจะไปรักษาตัว (ข้ออ้างสูตรสำเร็จ) แม้ว่าตอนนั้น จะยังไม่มีทีท่าว่าจะโดนจับ หรือโดนขู่แต่อย่างไร
    เขาอยู่อเมริกามาตั้งแต่ ค.ศ. 1999 จนถึงบัดนี้ก็ยังอยู่ ในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารบริเวณกว้างขวาง ที่ Saylosburg ทางตะวันออกของมลรัฐ Pennsylvania มีรั้วรอบขอบชิด มียามท่าทางขึงขัง ตลอดแนวบริเวณอาณาเขต
    ครูสอนศาสนาจากบ้านนอกของตุรกีมาได้ไกลถึงเพียงนี้ แถมอเมริกา ต้อนรับขับสู้อย่างดี ขาดแต่ปูพรมแดงรับ น่าจะมีเบื้องหลัง เบื้องหน้ามากกว่าที่ CFR เอามาเล่า
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
21 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 7 – ครู นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 7 “ครู” Fethullah Gulen เป็นใคร เส้นชีวิตเขาน่าสนใจไม่เบา เก็บจากรายงานการวิเคราะห์สัมพันธ์ภาพระหว่างอเมริกากับตุรกี ที่ทำโดย CFR เมื่อค.ศ. 2012 ได้ความว่า Fethullah Gulen เป็นชาวตุรกี เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1941 ที่ Koruchuk หมู่บ้านเล็ก ๆ ของ Ezurum ซึ่งเป็นเมืองอยู่ทางชายแดนด้านตะวันออกของตุรกี การเรียนของเขาไม่ค่อยโดดเด่น เนื่องจากครอบครัวอพยพ ย้ายที่ไปเรื่อย ๆ แต่เขาเป็นคนใฝ่ดี สนใจ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ และปรัญชา โดยเฉพาะปรัญชาของทางฝั่งตะวันตก เช่น Albert Camus และ Jean-Paul Sartre เขาศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามด้วยตนเอง โดยการสวดและท่องจำ (อืม ! ประวัติแบบนี้ คนเขียนแต่งได้น่าสนใจจริง) ปี ค.ศ. 1966 เขาได้เป็นผู้บริหารโรงเรียนทางศาสนาที่ Ismir เขาใช้วิธีสอน โดยเอาความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ มาผสมผสานกับด้านศาสนา ซึ่งเขาบอกว่าเขาได้รับอิทธิพลมาจาก Said Nursi ซึ่งเป็นนักปฎิรูปใหญ่ของอิสลาม Nursi เป็นผู้ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ตัวยง ส่วน Gulen เอง ก็มีแนวโน้มไปในทางเป็นนายทุน คงเป็นเส้นทางที่ทำให้เขาคบกับอเมริกาได้อย่างไม่ขัดเขิน ปัจจุบัน Gulen เป็นหัวหน้ากลุ่ม Hizmet ซึ่งเป็นขบวนการทางศาสนาและเกี่ยว ข้องกับการเมือง มีเครือข่ายทั่วโลก เป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนสอนศาสนา สื่อและองค์กรการกุศล มูลค่ารวมประมาณกว่า 20 พันล้านเหรียญ ! Hizmet มีสาวกเฉพาะในตุรกีถึง 3 ล้านคน นี่ยังไม่ได้นับในอเมริกาและส่วนอื่นของโลก Hizmet เน้นที่จะสร้างอิสลามยุคใหม่ เพื่อรัฐตุรกีใหม่ เป็นอิสลามที่มีการศึกษา เขาให้คุณค่ากับคนชั้นกลางที่ทำ งานวิชาชีพ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกซ์ นอกจากนี้เขายังสนับสนุน พวกทำงานให้รัฐ เช่น ผู้พิพากษาและตำรวจ เป็นกลุ่มคนที่เขาบอกว่าเหมาะสมที่จะสร้างสังคมใหม่ของอิสลาม ที่มองเห็นคุณค่าของศาสนาต่างกับของเดิม (มันเขียนพิมพ์เขียว สร้างรูปแบบใกล้เคียงกันหมด แม้กระทั่งในบ้านเรา!) กลุ่มผู้สนับสนุน Gulen กับสนับสนุน พรรค AKP ของนาย Erdogan ก็เกือบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และในช่วงแรกดูเหมือน นาย Gulen กับพวกหัวหน้าของ AKP รวมทั้งตัวนาย Erdogan ก็ดูจะไปกันได้ดี เพราะมีแนวทางที่จะปฏิรูปศาสนาให้ทันสมัยขึ้นและนำมาปรับใช้ให้สอดคล้อง กับการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นแนวทุนนิยมเสรี (ชัดเจนดี) แต่ไป ๆ มา ๆ อิทธิพลของนาย Gulen ชักจะแพร่กระจายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตำรวจ ข้าราชการฝ่ายตุลาการและผู้พิพากษา (นี่ มันเรื่องในตุรกีนะครับ ขอย้ำอีกที) ในการเทศน์ออกโทรทัศน์ เมื่อ ค.ศ. 1999 นาย Gulen กล่าวว่า “พวกท่านจะต้องเจาะเข้าไปในเส้นเลือดใหญ่ของระบบ โดยไม่ให้มีการไหวตัว ถึงความมีอยู่และการกระทำของท่าน จนกว่าท่านจะเข้าไปถึงอำนาจที่อยู่ในใจกลาง… ท่านจะต้องคอย จนเมื่อท่านได้อำนาจของรัฐทั้งหมด มาอยู่ในมือแล้ว และเมื่อนั้นท่านจะได้อำนาจทั้งหมด ตามรัฐธรรมนูญของตุรกี” (ยังไงไม่ทราบ ผมเขียนข้อความนี้ แล้วทำให้นึกถึงเสียงและหน้าของยายนกแสก ทำไมมันให้ความรู้สึกเดียวกัน ! ?) หลังจากการเทศน์อันเด็ดดวง นาย Gulen ก็เก็บของอพยพไปอยู่อเมริกาในปีนั้นเอง โดยอ้างว่าจะไปรักษาตัว (ข้ออ้างสูตรสำเร็จ) แม้ว่าตอนนั้น จะยังไม่มีทีท่าว่าจะโดนจับ หรือโดนขู่แต่อย่างไร เขาอยู่อเมริกามาตั้งแต่ ค.ศ. 1999 จนถึงบัดนี้ก็ยังอยู่ ในคฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬารบริเวณกว้างขวาง ที่ Saylosburg ทางตะวันออกของมลรัฐ Pennsylvania มีรั้วรอบขอบชิด มียามท่าทางขึงขัง ตลอดแนวบริเวณอาณาเขต ครูสอนศาสนาจากบ้านนอกของตุรกีมาได้ไกลถึงเพียงนี้ แถมอเมริกา ต้อนรับขับสู้อย่างดี ขาดแต่ปูพรมแดงรับ น่าจะมีเบื้องหลัง เบื้องหน้ามากกว่าที่ CFR เอามาเล่า สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
21 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 242 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 2 “เด็กในอุปถัมภ์”
    ตุรกีกับอเมริกาผูกสัมพันธ์แน่นหนา ในฐานะพันธมิตรมาประมาณ 60 ปีแล้ว
เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1947 ตาม Truman Doctrine ซึ่งต้องการจะปิดล้อมสหภาพโซเวียต ก่อนหน้านั้น ตุรกีอยู่ในอุปถัมภ์ของอังกฤษในด้านการทหาร หลังสงครามครั้งที่ 2 จบ อังกฤษบอกอย่าว่าแต่จะดูแลตุรกีต่อเลย ตูเองก็จะไปไม่รอด อเมริกายี่ต๊อกดูแล้วน่าจะเกินคุ้มทุน เลยรับโอบอุ้มตุรกีแทน อเมริกาให้การฟูมฟักสนับสนุนดูแลตุรกีทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่จัดการให้เป็นเด็กเส้นยัดเข้าไปอยู่ใน NATO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 พร้อมทั้งให้การสนับสนุนด้านความมั่นคง ด้านการทหาร และด้านเศรษฐกิจ แบบเต็มอัตรา
    ช่วงนั้นบรรดานายพลของตุรกี และหน่วยงานต่าง ๆ เดินเข้าออกในวอชิงตันเหมือนเป็นบ้านตัวเอง อเมริกาลงทุนกับตุรกีมากมาย และตุรกีก็รับใช้อเมริกามากมาย เช่นเดียวกัน
    สัมพันธ์ตุรกี อเมริกาแน่นหนามากอยู่แล้ว แต่ NATOทำให้แน่นมากขึ้น เพราะเหตุว่าตุรกีตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ ซึ่งเป็นจุดร้อนระอุอยู่เสมอ ตั้งแต่ก่อนและหลังสงครามเย็น NATO จึงใช้ตุรกีเป็นสถานีขนส่ง อาวุธยุทโธปกรณ์ สินค้า รวมทั้งหน่วยปฎิบัติการต่าง ๆ สำหรับทั้งอเมริกาและ NATO ศูนย์บัญชาการทางอากาศของ NATO ซึ่งตั้งอยู่ที่ Izmir ของตุรกี มีความสำคัญมากสำหรับชาว NATO
    ในปี ค.ศ. 2011 ตุรกีตกลงทำสัญญากับอเมริกา ยินยอมให้อเมริกา ติดตั้งเรดาร์จับสัญญาณของ NATO Active Layered Theatre Ballistic Missile Defense (ALTBMD) สำหรับบริเวณยุโรป การที่ตุรกียินยอมให้ติดตั้งเครื่อง ALTBMD ในบ้านตัว เหมือนเป็นการแสดงความเห็นพ้องแนวเดียวกันกับอเมริกา ยุโรป และ NATO เกี่ยวกับประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน
    อเมริกาสร้างฐานทัพไว้ในตุรกีหลายแห่ง ฐานใหญ่ที่สุด อยู่ที่ Incirlik เป็นฐานทัพอากาศอยู่ทางใต้ของเมือง Adana มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 1,500 คน รวมกับที่ตุรกีจ้างไว้อีก 3,500 คน นับตั้งแต่สงครามเย็นเลิก Incirlik ได้ใช้เป็นฐานสำหรับการปฎิบัติภาระกิจที่ Iraq, Bosnia – Herzegovina, Kosovo และ Afghanistan ที่ Incirlik นี้ มีเครื่องบินรบของอเมริกาประจำการณ์อยู่ประมาณ 60-70 ลำ และมีเครื่องบินบรรทุก B61 สำหรับบรรทุกระเบิดนิวเคลียร์ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ NATO อีกด้วย
    ตุรกีมีสิทธิที่จะยกเลิกการให้อเมริกาเข้าใช้ฐานทัพที่Incirlik นี้ โดยการบอกล่วงหน้า 3 วัน
    ตั้งแต่ คศ 1948 จนถึงปัจจุบัน อเมริกาให้การสนับสนุนด้านการทหารแก่ตุรกี คิดเป็นเงินประมาณ 13.8 พันล้านเหรียญ นี่ยังไม่นับรวมงบ ทางการศึกษาและอบรม ที่อเมริกาให้เป็นรายปีอีกต่างหาก
    คุณนาย Condoleezza Rice เคยพูดไว้เมื่อ ค.ศ. 2008 ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่จำเป็นและสำคัญยิ่งสำหรับอเมริกา นาย Paul Wolfowitz พูดย้ำอยู่บ่อย ๆ ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่เราขาดไม่ได้และหาแทนกันไม่ได้ รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา เมื่อได้รับตำแหน่งใหม่ ในการเดินสายเที่ยวแรก เพื่อไปจับมือแนะนำตัว กับมิตรประเทศ เกรด เอ จะต้องมีตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่ “ต้อง” ไปเยี่ยมเสมอ
    สำหรับโลกใต้ดิน ตุรกีไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วน ที่อเมริกาขาดไม่ได้เท่านั้น ตุรกี คือ CIA สาขา 2 หรืออาจจะเท่าเทียมกับสำนักงานใหญ่ที่ Langley ก็ได้ งานใต้ดินเกือบทั้งหมดในโลกฝั่งยุโรป อาฟริกา ตะวันออก เอเซียเหนือ เอเซียกลาง และแม้แต่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พูดยาวไปทำไม เอาว่างานใต้ดินเกือบทั้งหมด เริ่มต้นที่ตุรกี ใช้หน้าฉากของตุรกี ใช้ทีมที่ตุรกีจัดหา ใช้ตุรกีเป็นเส้นทางผ่านทาง บนดิน ใต้ดิน บนฟ้า และที่สำคัญใช้ตุรกีเป็นฐานใหญ่ สถานฑูตอเมริกาที่อียิปต์อาจจะใหญ่จริง แต่การปฎิบัติการใต้ดินผ่านตุรกีใหญ่กว่าและแยะกว่า ทั้งในด้านจำนวนคน อาวุธ และงบประมาณ รวมทั้งเครื่องมือในการจารกรรม
    ในรายงานของฝ่ายวิเคราะห์ของสภาสูงอเมริกา Congressional Research Service (CRS) สมุดพกรายงานความประพฤติของเด็กชายตุรกี ฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2014 อเมริกาบอกว่า ความสำคัญของตุรกีต่ออเมริกา เป็นเช่นเดียวกับ อินเดีย บราซิล และอินโดนีเซีย คือ เป็นประเทศที่มีน้ำหนัก “มากทั้งด้านอาณาเขต พลเมือง และเศรษฐกิจ” อเมริกาเรียกประเทศพวกนี้ว่า “global swing state” ประเทศพวกนี้เข้ากับฝ่ายไหน แน่นอนฝ่ายนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทันที นี่ถ้าเข้าข้างไหนพร้อมกัน ซัก 2,3 ประเทศ ตาชั่งอาจคว่ำ ฮา !
    แค่คิดว่า ใครจะเหวี่ยงน้ำหนักไปอยู่ข้างไหน มันก็เป็นเรื่องหนักใจสำหรับอเมริกาแล้ว แต่สำหรับตุรกีจะเอียงไปข้างไหน มันยิ่งกว่าเป็นเรื่องหนักใจ มันเป็นการกระทบยุทธศาตร์ของอเมริกา ในภูมิภาคนั้นอย่างสำคัญยิ่ง เพราะตำแหน่งที่ตั้งของตุรกีคือจุดที่ได้เปรียบ นักวิเคราะห์การเมืองบอกว่า ตุรกีเป็นศูนย์กลางของบริเวณที่กำลังวิกฤติที่สุดของในโลก ในขณะนี้ (Turkey is at the centre of one of the most critical regions of the world)
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 2 “เด็กในอุปถัมภ์” ตุรกีกับอเมริกาผูกสัมพันธ์แน่นหนา ในฐานะพันธมิตรมาประมาณ 60 ปีแล้ว
เริ่มมาตั้งแต่ ค.ศ. 1947 ตาม Truman Doctrine ซึ่งต้องการจะปิดล้อมสหภาพโซเวียต ก่อนหน้านั้น ตุรกีอยู่ในอุปถัมภ์ของอังกฤษในด้านการทหาร หลังสงครามครั้งที่ 2 จบ อังกฤษบอกอย่าว่าแต่จะดูแลตุรกีต่อเลย ตูเองก็จะไปไม่รอด อเมริกายี่ต๊อกดูแล้วน่าจะเกินคุ้มทุน เลยรับโอบอุ้มตุรกีแทน อเมริกาให้การฟูมฟักสนับสนุนดูแลตุรกีทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่จัดการให้เป็นเด็กเส้นยัดเข้าไปอยู่ใน NATO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952 พร้อมทั้งให้การสนับสนุนด้านความมั่นคง ด้านการทหาร และด้านเศรษฐกิจ แบบเต็มอัตรา ช่วงนั้นบรรดานายพลของตุรกี และหน่วยงานต่าง ๆ เดินเข้าออกในวอชิงตันเหมือนเป็นบ้านตัวเอง อเมริกาลงทุนกับตุรกีมากมาย และตุรกีก็รับใช้อเมริกามากมาย เช่นเดียวกัน สัมพันธ์ตุรกี อเมริกาแน่นหนามากอยู่แล้ว แต่ NATOทำให้แน่นมากขึ้น เพราะเหตุว่าตุรกีตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ ซึ่งเป็นจุดร้อนระอุอยู่เสมอ ตั้งแต่ก่อนและหลังสงครามเย็น NATO จึงใช้ตุรกีเป็นสถานีขนส่ง อาวุธยุทโธปกรณ์ สินค้า รวมทั้งหน่วยปฎิบัติการต่าง ๆ สำหรับทั้งอเมริกาและ NATO ศูนย์บัญชาการทางอากาศของ NATO ซึ่งตั้งอยู่ที่ Izmir ของตุรกี มีความสำคัญมากสำหรับชาว NATO ในปี ค.ศ. 2011 ตุรกีตกลงทำสัญญากับอเมริกา ยินยอมให้อเมริกา ติดตั้งเรดาร์จับสัญญาณของ NATO Active Layered Theatre Ballistic Missile Defense (ALTBMD) สำหรับบริเวณยุโรป การที่ตุรกียินยอมให้ติดตั้งเครื่อง ALTBMD ในบ้านตัว เหมือนเป็นการแสดงความเห็นพ้องแนวเดียวกันกับอเมริกา ยุโรป และ NATO เกี่ยวกับประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน อเมริกาสร้างฐานทัพไว้ในตุรกีหลายแห่ง ฐานใหญ่ที่สุด อยู่ที่ Incirlik เป็นฐานทัพอากาศอยู่ทางใต้ของเมือง Adana มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 1,500 คน รวมกับที่ตุรกีจ้างไว้อีก 3,500 คน นับตั้งแต่สงครามเย็นเลิก Incirlik ได้ใช้เป็นฐานสำหรับการปฎิบัติภาระกิจที่ Iraq, Bosnia – Herzegovina, Kosovo และ Afghanistan ที่ Incirlik นี้ มีเครื่องบินรบของอเมริกาประจำการณ์อยู่ประมาณ 60-70 ลำ และมีเครื่องบินบรรทุก B61 สำหรับบรรทุกระเบิดนิวเคลียร์ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ NATO อีกด้วย ตุรกีมีสิทธิที่จะยกเลิกการให้อเมริกาเข้าใช้ฐานทัพที่Incirlik นี้ โดยการบอกล่วงหน้า 3 วัน ตั้งแต่ คศ 1948 จนถึงปัจจุบัน อเมริกาให้การสนับสนุนด้านการทหารแก่ตุรกี คิดเป็นเงินประมาณ 13.8 พันล้านเหรียญ นี่ยังไม่นับรวมงบ ทางการศึกษาและอบรม ที่อเมริกาให้เป็นรายปีอีกต่างหาก คุณนาย Condoleezza Rice เคยพูดไว้เมื่อ ค.ศ. 2008 ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่จำเป็นและสำคัญยิ่งสำหรับอเมริกา นาย Paul Wolfowitz พูดย้ำอยู่บ่อย ๆ ว่า ตุรกีเป็นหุ้นส่วนที่เราขาดไม่ได้และหาแทนกันไม่ได้ รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา เมื่อได้รับตำแหน่งใหม่ ในการเดินสายเที่ยวแรก เพื่อไปจับมือแนะนำตัว กับมิตรประเทศ เกรด เอ จะต้องมีตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่ “ต้อง” ไปเยี่ยมเสมอ สำหรับโลกใต้ดิน ตุรกีไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วน ที่อเมริกาขาดไม่ได้เท่านั้น ตุรกี คือ CIA สาขา 2 หรืออาจจะเท่าเทียมกับสำนักงานใหญ่ที่ Langley ก็ได้ งานใต้ดินเกือบทั้งหมดในโลกฝั่งยุโรป อาฟริกา ตะวันออก เอเซียเหนือ เอเซียกลาง และแม้แต่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พูดยาวไปทำไม เอาว่างานใต้ดินเกือบทั้งหมด เริ่มต้นที่ตุรกี ใช้หน้าฉากของตุรกี ใช้ทีมที่ตุรกีจัดหา ใช้ตุรกีเป็นเส้นทางผ่านทาง บนดิน ใต้ดิน บนฟ้า และที่สำคัญใช้ตุรกีเป็นฐานใหญ่ สถานฑูตอเมริกาที่อียิปต์อาจจะใหญ่จริง แต่การปฎิบัติการใต้ดินผ่านตุรกีใหญ่กว่าและแยะกว่า ทั้งในด้านจำนวนคน อาวุธ และงบประมาณ รวมทั้งเครื่องมือในการจารกรรม ในรายงานของฝ่ายวิเคราะห์ของสภาสูงอเมริกา Congressional Research Service (CRS) สมุดพกรายงานความประพฤติของเด็กชายตุรกี ฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2014 อเมริกาบอกว่า ความสำคัญของตุรกีต่ออเมริกา เป็นเช่นเดียวกับ อินเดีย บราซิล และอินโดนีเซีย คือ เป็นประเทศที่มีน้ำหนัก “มากทั้งด้านอาณาเขต พลเมือง และเศรษฐกิจ” อเมริกาเรียกประเทศพวกนี้ว่า “global swing state” ประเทศพวกนี้เข้ากับฝ่ายไหน แน่นอนฝ่ายนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทันที นี่ถ้าเข้าข้างไหนพร้อมกัน ซัก 2,3 ประเทศ ตาชั่งอาจคว่ำ ฮา ! แค่คิดว่า ใครจะเหวี่ยงน้ำหนักไปอยู่ข้างไหน มันก็เป็นเรื่องหนักใจสำหรับอเมริกาแล้ว แต่สำหรับตุรกีจะเอียงไปข้างไหน มันยิ่งกว่าเป็นเรื่องหนักใจ มันเป็นการกระทบยุทธศาตร์ของอเมริกา ในภูมิภาคนั้นอย่างสำคัญยิ่ง เพราะตำแหน่งที่ตั้งของตุรกีคือจุดที่ได้เปรียบ นักวิเคราะห์การเมืองบอกว่า ตุรกีเป็นศูนย์กลางของบริเวณที่กำลังวิกฤติที่สุดของในโลก ในขณะนี้ (Turkey is at the centre of one of the most critical regions of the world) สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
19 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • เรื่อง บันทึกวันฉลอง
    “บันทึกวันฉลอง”
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม
    ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง
    ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน)
    นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ)
    อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย
    (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ)
    สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้
    อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย
    พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ
    ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก
    ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง
    พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง
    สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป)
    สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง)
    สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
    นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart
    มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้)
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้)
    ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง)
    ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน)
    ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น
    ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ)
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO
    เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ)
    เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก)
    ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา)
    คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี
    หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ)
    เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง )
    จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว
    เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา
    ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767
    มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง
    อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี
    สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    เรื่อง บันทึกวันฉลอง “บันทึกวันฉลอง” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นวันฉลองประกาศอิสรภาพ ( จากการเป็นลูกกระเป๋งของอังกฤษ) ของประเทศที่ประกาศตัว เป็นผู้นำโลกหมายเลขหนึ่ง เป็นจักรวรรดิยุคใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวันสำคัญของโลกเชียวนะ ผมจะไม่เขียนอะไรถึง ในฐานะคนใกล้ชิด ติดตามเขียนถึงเกือบทุกวัน มันจะดูใจจืดไป แต่บังเอิญยังไม่มีเวลา ช้าไปหน่อยคงไม่เป็นไร ให้คุณนายกุ้งแห้งพักให้หายเหนื่อยจากการรับแขก บรรดาเพื่อนรัก ร่วมนิสัย ร่วมสันดาน ที่คุณนายเชิญมางานฉลองก่อน ท่านใดที่ไม่ได้รับเชิญ ผมว่าน่าจะเป็นโชคดี ที่ไม่ต้องไปยืนทำหน้าปูเลี่ยนใส่กัน ส่วนมันจะเป็นการสำแดงอะไรในการเชิญ ไม่เชิญ ประเทศที่มีอารยะธรรม วัฒนธรรม สืบทอดย้อนไปได้เป็นพันปีอย่างเรา ย่อมมองออก และ รอเวลา ดำเนินการที่เหมาะสม ในฐานะคนใกล้ชิด ผมมองจักรวรรดิอเมริกาอย่างไร ขอถือโอกาสขยายบันทึกต่อไปนี้ เป็นการสดุดีในวันฉลอง ชื่อ: ตามใบเกิดใช้ชื่อว่า สหรัฐอเมริกา มี ชื่อ เล่น ว่า ไอ้กัน หรือ เมกา
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ ที่ถูกเรียกบ่อยตามความประพฤติ ว่า Ugly America และยังมีชื่อ ที่บางคน บางพวก เรียก ด้วยความเอียน ว่า จิ๊กโก๋ปากซอย (ตามพฤติกรรมเทียบเคียงอีกเช่นกัน) นามแฝง: นักล่า (น่าจะมีรูปถ่ายแบบ หน้าตรง และหน้าข้างประกอบ แต่ทำไม่เป็นครับ) อุปนิสัยเด่น: เหมือนคนที่โตแต่ตัว แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า โตแต่ตัว สมองเท่าเม็ดถัวเขียว แยกแยะดีชั่วไม่ออก เรื่องควรทำไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ ดันทำ ถ้ามีวุฒิภาวะ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ สมดังที่เขาเรียกว่าพี่เบิ้ม โลกคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่
อีกนิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นมิตรเฉพาะกับผู้ที่ตนได้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ ก็สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ขาดกับมิตร รวมไปถึงการ กำจัด และ ทำลาย โดยไม่มีเหนียมอาย ถ้าเป็นบุคคล ก็เรียกว่า เป็นประเภทเพื่อนกิน เออ มันก็เป็นเพื่อนกินจริงๆแหละ กินแบบตะกรามเสียด้วย (เข้าใจว่า ไม่เคยอ่านหนังสือกำลังภายใน ที่โด่งดัง อยู่อีกฝั่งของโลก จึงไม่รู้จัก คำสอนที่หนังสือกำลังภายในพวกนี้ เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์เสมอว่า บุญคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องชำระ คงมีพวกลูกหาบคุยให้ฟัง แต่จับความได้แค่ ท่อนหลัง คนอื่น เขาก็จำท่อนหลังได้เหมือนกันนะ) สันดาน: กร่าง อวดดี ชอบข่มขู่ ทั้งทางกิริยา วาจา และอาวุธ และยังมีสันดานที่ถ้าเป็นบุคคล เขาก็เรียกว่าเป็นประเภท มือถือสากปากถือศีล ตัวเองทำได้ ห้ามใครด่า แต่ถ้าคนอื่นทำบ้าง ไม่ใช่แค่ด่า มันทั้งประณาม และคว่ำบาตรเป็นการแถม ถ้ายังไม่สาแก่ใจ พร้อมที่จะยกทัพกรีฑา ไปบดขยี้ อาณาเขตประเทศ: ขณะนี้ มีเนื้อที่ประมาณ 9.83 ล้าน ตารางกิโลเมตร กว้างใหญ่มากกกก แต่ยังใหญไม่พอ จึงมีความต้ังใจ ว่า จะครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบให้ได้ ถ้ามีโลกมากกว่า 1 ก็คงหวังจะครองทั้งหมดด้วย นี่ก็ได้ข่าวว่า จะเปฺิดให้ตีตั๋วจองไปท่องเที่ยวดาวอังคาร และมีแผนจะไปอมดวงจันทร์ ทำตัวดั่งเป็นพระราหู ถ้าจะเจ๋งจริง ต้องอมดวงอาทิตย์ด้วยนะ ดูๆไปแล้วเหมือนเป็นคนขี้โม้ ถ้าเป็นบุคคล น่าจะเข้าข่ายดาวพุธเสีย ปากหาเรื่อง พูดจาหาความจริงได้ยาก ถึงเดี๋ยวนี้ยังมีคนไม่เช่ือเรื่องไปดวงจันทร์
เม้นท์มาถามลุงนิทาน ว่า ตกลงเมกาไปดวงจันทร์จริงหรือเปล่าคับ เล่นเอาลุงนิทาน อึ้งไป ตอบไม่ได้เหมือนกันหลานเอ๋ย พลเมือง: ของแท้ดั้งเดิมเรียกว่า อินเดียนแดง แต่พวกที่มาไล่ล่าฆ่า อินเดียนแดง และแย่งถิ่นที่อยู่เขาไปและเรียกตัวเองว่าคนอเมริกัน นั้น มีสาระพัดสายพันธ์ และสาระพัดสีผิว แต่ก็มีคนพยายามที่จะคัดสายพันธ์ใหม่ เอาสีเข้มๆออกไป สงสัยไม่ถูกโฉลก ให้เหลือแต่ผิวสีขาว และผมทอง แต่เท่าที่สังเกตดู แผนนี้ไม่น่าสำเร็จ แต่ไอ้ชั่วจอมโหดยังไม่ล้มเลิกแผน ใช้ทั้งวิธีคุม วิธีตอน ทั้งอาหาร ทั้งยา และเขื้อโรคเหลืออย่างเดียว อย่าให้พูดต่อเลย เสียวน่ะ ผู้นำประเทศ: เรียกว่า ประธานาธิบดี มาจากการเลือกต้ัง ที่ไม่จำกัดอาชีวะ
ดังนั้น ผู้นำประเทศ จึงมีต้ังแต่ นักคิด นักรบ นักรัก นักเลง นักแสดง คนขายของ ขายถั่ว ขายน้ำมัน เป็นต้น แต่คนปัจจุบัน ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แม้แต่สื่อนอก พวกกันเองยังด่าขรม จะว่าเป็นนักพูด ก็ไม่เชิงเพราะพูดจา ไม่เอาเหนียง ซ้ำชาก แถมพักหลังนี่ เลอะเทอะชอบกล ไม่อยากวิจารณ์มาก เอาว่า คงกำลังดวงตก ระบอบการปกครอง: อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่มีข้อมูลมากมาย บอกว่า ไม่จริงหรอก
ประชาธิปไตยบ้าบออะไร มันเป็นเป็นเผด็จการทุนนิยมต่างหาก ซึ่งกำกับ สับโขก ดูแลโดยนายทุนข้ามชาติที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ หลายโรง พรรคการเมือง: มี 2 พรรคผูกขาด แต่ พรรคไหนชนะ ก็ไม่มีความหมาย เพราะการเลือกต้ัง มีเพื่อเป็นการฝึกพูด ฝึกหาเสียง ฝึกประท้วง สร้างการจ้างงาน กระจายรายได้ แถมให้สื่อยักษ์ มีงานทำ เพราะ เจ้าของโรงพิมพ์แบงค์ เป็นเจ้าของสื่อ และ เป็นเจ้าของนักการเมือง ทั้ง 2 พรรค ที่สำคัญ เป็นการทดสอบ การโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบอบการปกครอง สินค้าออกสำคัญ บัญชี 1: ทุนนิยมเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ น่าจะเป็นของปลอมเกือบทั้งหมด เพราะ บรรดาผู้นำเข้าสินค้า ไม่ว่าจะสมัครใจ เพราะเคลิ้มตามโฆษณาชวนเชื่อ หรือถูกบังคับให้นำเข้าไปใช้ ก็ตาม แต่ปรากฏผล ไม่น่าพอใจ เหมือนกัน คือ ฉ ห กันถ้วนหน้า แต่ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองหัวแม่เท้าทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้น คือ พวกที่ ฉ ห มีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่า ฉ ห เพราะอะไร โถ โถ) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 2: แนวทางการศึกษา และ ความคิดทางวิชาการ
(หมายเหตุ: สินค้่าส่งออกบัญชีนี้ มีส่วนสัมพันธ์กับบัญชี 1 เมื่อใดที่ การส่งออกบัญชีนี้ลดลง หรือไม่ได้ผล การส่งออกตามบัญชี 1 จะลดลง ตามไปด้วย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสินค้า ที่ส่งออกมาเป็นเวลานาน ฝังรากลงลึก และมีผู้คนหลายประเภท ติดกับ นอนสบาย พุงปลิ้น อยู่ในคอก มันคงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากคอกยากหน่อย แต่ไม่มีอะไรคงทนถาวรตลอดกาล เป็นหลักสัจธรรม คอยดูกันไป) สินค้าส่งออกสำคัญ บัญชี 3: วัฒนธรรมอเมริกา ผ่าน การบันเทิง และสื่อทุกประเภท
(หมายเหตุ: สินค้าส่งออกบัญชีนี้ มีผู้สนใจมาก แม้จะเน่าเละแค่ไหน แต่ผู้ใช้เสพติดกันมาก ถือเป็นความสำเร็จ แท้จริงของการส่งออก หนังหลายเรื่องสนุกดีครับ ลุงนิทานก็ชอบดู โกหกได้เก่งจัง แต่ให้เลิกดูก็ไม่ถึงกับลงแเดง) สินค้านำเข้าสำคัญ: หมายถึงสินค้า ที่เป็นที่ต้องการอย่างที่สุด โดยการเป็นเจ้าของ หรือครอบครอง ไม่ว่าโดยวิธีการใด
อันดับ 1 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 2 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ
อันดับ 3 คือ พลังงาน และแร่ธาตุที่สำคัญ นโยบายต่างประเทศ: ดู ภาพ ประกอบ us foreign policy flow chart มิตรประเทศ: ประเทศที่มีพลังงาน และ แร่ธาตุ (หลอกล่อให้คบ แล้ว ขะโมยของเขาได้) ประเทศที่ไม่เป็นมิตร: ประเทศที่มีพลังงาน และแร่ธาตุ (เขาไม่คบด้วย และยังขะโมยของเขาไม่ได้) ประเทศลูกพี่: อังกฤษ (ถึงจะประกาศอิสรภาพต้ังหลายร้อยปี จนจัดงานฉลองหลอกตัวเอง แต่อิสระ ไม่จริงนี่หว่า แน่จริงตัดขาดให้ดูหน่อย แล้วค่อยทำกร่าง) ประเทศที่ถือเป็นก๊วน: อังกฤษ ฝรั่งเศส ( ผลัดกันเล่น ผลัดกันกิน มันไม่ตัดขาดกันจริงหรอก ดูไปก็แล้วกัน) ประเทศลูกน้อง: ทั้งโลก ยกเว้น กลุ่ม BRICS และพวก และ 2 ประเภทข้างต้น ประเทศที่ไม่เป็นมิตรอย่างถาวร : เกาหลีเหนือ ( เข้าใจว่าเหตุผลสำคัญ คือ ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบัน หน้าไม่รับ กับผมทรงบังคับของเกาหลีเหนือ) เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 1: UN, World Bank, IMF, NATO เครื่องมือหากินที่ขาดไม่ได้ และควบคุมได้ บัญชี 2: หน่วยงาน ประเภทสถาบัน มูลนิธิ องค์กรไม่ค้ากำไร (NGO) ที่ให้ทุนการศึกษาทุกระดับ การวิจัย การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน (หน่วยงานพวกนี้ มีความสำคัญมาก เป็นเฟืองสำคัญ ที่ทำให้กลไกเกือบทุกอย่าง ของอเมริกา เดิน โดยแทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะ ไม่รู้ว่าองค์กรเหล่านี้ คือตัวเฟืองสำคัญ และเป็นหน่วยงานสังกัด ฝ่ายความมั่นคง หรือข่าวกรอง พูดง่ายๆ ว่า เป็น พวก CIA ปลอมตัวนั่นแหละ) เครื่องมือหากินที่สำคัญ ยังควบคุมไม่ได้หมด แต่พยายามอยู่: EU ( เป็นรายการต้มตุ๋น ลวงโลกของจริง ทั้งต้มกันเอง และ ต้มชาวโลก) ผู้แทนประเทศ: ทูต ผู้แทนการค้า นักธุรกิจ ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักเขียน นักสอนศาสนา นักท่องเที่ยว สื่อ โดยเฉพาะ พวกที่แฝงตัวคลุกอยู่กับคนท้องถิ่น ตัวดีนักทำได้เนียนมาก พวกนี้เรียกว่า มาปฏิบัติภาระกิจ ( พูดง่ายๆ ว่า เป็นพวก CIA ปลอมตัว อีกเข่นกัน วุ้ย ทำไมมันมากันแยะนัก ไหนว่า แค่อยากได้ตั้กกะแตน ทำไมต้องถึงกับขี่ช้างมา) คุณสมบัติของผู้แทนประเทศ: ไม่ใช้วิจารณญาณ ไม่มีมารยาท มีความสามารถในการหาข่าวเชิงลึก มีความรู้และสามารถเรื่องอาวุธและการใช้ ถนัดในการแปลงสาสน์ และใช้กลวิธีการเสี้ยม มากกว่าวิธีทางการทูต การค้า การสอน การเขียน ฯลฯ แล้วแต่กรณี หน่วยงานนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่สำคัญ: นอกเหนือจาก องค์กรเปิดเผย เช่นสถานทูต หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานให้ความช่วยเหลือ เช่น USAID , Chamber of commerce แล้วหน่วยงานเอกชน อีก 3 ประเภท ที่ทำหน้าที่สำคัญ คือ สำนักงานตรวจสอบบัญชีระหว่างประเทศ และ สำนักงานกฏหมายระหว่างประเทศ บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศ ซึ่งจะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศเป้าหมาย ส่งกลับไปให้สำนักใหญ่ที่อเมริกา ดังนั้น คุณสมบัติ ของบุคคลากร ที่ส่งไปประจำในสำนักงานเหล่านี้ในหลายประเทศ ทำงานประสานกับหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าวกรอง ของอเมริกา ( พวก C ปลอมตัว อีกแล้ว นี่ อย่านึกว่าผมพูดเล่น แล้วไม่ใช่เรื่องจริงนะ) เครื่องทุ่นแรง: บรรดา “เด็กดี” ทั้งหลายที่อยู่ในท้องถิ่น ที่ อเมริกา สนับสนุน ไม่ว่าโดยการศึกษา หน้าที่การงาน การสนับสนุนทางสังคม ทางการเมือง โดยทางตรง หรือ ทางอ้อม คนเล่านี้ใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ หรือคอก ที่อเมริกาสร้างให้อยู่ ทางความคิด เขาเล่าน้ัน มีทุกสาขาอาขีพ ทุกเพศ ทุกวัย มีความเชื่อมั่นว่าอเมริกาเท่าน้ัน คือศิวิไลซ์ และ วิถีทุนนิยมเสรี คือวิถีที่นำความเจริญมาให้ประเทศตนเอง เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่พาประเทศของตนติดอยู่ในกับดักมากขึ้น แต่ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยจดจำ จึงเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่อเมริกาเสาะแสวงหา เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา มิให้ขาดรุ่น ขาดจำนวน
จุดแข็ง: การใช้สื่อ ทุกรูปแบบ เพื่อฟอกย้อมความคิด ความเห็น ของพวกโลกสวย และจิตอ่อน (เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ว่าทำไมถึงว่าง่ายนักหนา กับสื่อฟอก มันบอกอะไรละเชื่อหมด ธรรมะ ของพระพุทธองค์ พระราโชวาท ของพระเจ้าอยู่หัว ทำไมถึง ไม่จดจำ ไม่เขื่อถือ นำไปปฏิบัติบ้าง ) จุดอ่อน: ออกอาการง่าย เวลามีอารมณ์ เช่น น้ำลายเยิ้มไปหมด เวลา อยากได้ อยากกิน ขอแนะนำว่า ใช้ผ้าเข็ดที่มุมปากแบบผู้ดีบ่อยๆ น่าจะช่วยได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่เป็น คงต้องเข้าไปหลักสูตรฝึกอบรม ความอดกลั้น อันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของผู้ที่เจริญแล้ว เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด: เป็นเครื่องมือที่ใช้จารกรรมข้อมูลทั้งสื้น รวมทั้ง เครื่องมือที่ใช้เขียนอยู่นี้ และที่ท่านทั้งหลายกำลังใช้อ่านกัน ฮา ชาตะ: วันที่ 4 กรกฎาคม คศ 1767 มรณะ: มันต้องมีสักวันน่า อาจจะจวนแล้วก็ได้ จักรวรรดิยิ่งใหญ่ทุกราย มีวันล่มสลาย โรมันว่ายิ่งใหญ่จบแบบไหน ยกตัวอย่างไกลไป เอาใกล้สุด จักรภพอังกฤษ ใหญ่ และกร่างขนาดไหน วันนี้เหลือเป็นแค่เกาะเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยข้างซ้าย แถมถูกต่างชาติ โดยเฉพาะพวกที่เคยเป็นขี้ข้า เข้าไปซื้อทรัพย์สินในกรุง จนคนอังกฤษเองต้องย้ายครัว ไปอยู่ชนบทกันหมด ไอ้ที่สะใจ คือต้องไปยืนกุมรับคำสั่ง จากคนที่ตัวเองเคยดูถูกกดขี่ ตอนนี้ยังกัดฟัน ทำซ่า เบ่งขวา ขู่ซ้าย จมไม่ลง อเมริกา จงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ คุณนายกุ้งแห้ง ควรต้ังใจอ่านบันทึกนี้ ไม่มีใครเขาจะเตือนสติกันตรงๆ อย่างนี้หรอก มีแต่คนป้อยอ ให้หัวทิ่มก้นโด่งทั้งนั้น ท่าน้ันเซลฟี่ลำบากหน่อยนะคุณนาย แล้วอย่าลืมรายงานตรงไปตรงมา ไปยังนายใหญ่ จะให้ดีส่งไปที่ หน่วย CRS ของ Congress ให้ทำหนังสือแปะหน้า ส่งเข้าสภาสูงเลย ว่ามีคนเขาเขียนบันทึกสดุดีเตือนใจไว้อย่างไร กลัวแต่ว่า ไอ้พวกเสมียนที่จ้างไว้ จะไม่มีปัญญาแปลสำนวนลุงนิทานละซี เอาไปให้พี่เจฟฟรี่ แปลก็แล้วกัน ถึงจะเป็นฝรั่งแต่ภาษาไทยเก่งพอตัว ไม่เสียแรงส่งมาฝังตัวใกล้ชิดเสียนานหลายสิบปี สวัสดีครับอเมริกา หวังว่าปีหน้ายังมีวันฉลอง !
คนเล่านิทาน
6 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 357 Views 0 Reviews
  • ..ศาลการเมืองโลกผีบ้า.

    ..นี้ถือว่ามิตรที่ดีใจยุคนั้น ส่วนจะแลกมากับอะไรเราก็มิรู้ได้.
    #ไต้หวันพิพากษาให้เป็นของไทย
    #อาร์เจนตินาพิพากษาให้เป็นของไทย
    #ออสเตรเลียพิพากษาให้เป็นของไทย

    ..นี้คือศัตรูไทยของแท้ พร้อมทำลายชาติไทยตลอดเวลาที่มีโอกาสและถือว่าคือชาติที่ชั่วเลวทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น.

    #ญี่ปุ่นพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #รัสเซียพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #ฝรั่งเศสพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อังกฤษพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อียิปต์พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #เปรูพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #อิตาลีพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #โปแลนด์เป็นประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา
    #ปานามาเป็นรองประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา



    วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา

    ผู้พิพากษา
    ผู้พิพากษามีทั้งหมด 14 ท่าน คะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และ คะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลา ส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณและปราสาทหรือบริเวณเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา

    โบดาน วินิอาร์สกิ (Bohdan Winiarski) : ชาวโปแลนด์ เป็นประธาน— พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    ริคาร์โด อาลฟาโร (Ricardo Alfaro) : ชาวปานามา เป็นรองประธาน — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    ลูซิโอ มอเรโน กินตานา (Lucio Moreno Quintana) : ชาวอาร์เจนตินา — พิพากษาให้เป็นของไทย

    เวลลิงตัน คู (Wellington Koo) : ชาวจีนไต้หวัน — พิพากษาให้เป็นของไทย

    เซอร์ เพอร์ซี สเปนเดอร์ (Percy Spender) : ชาวออสเตรเลีย — พิพากษาให้เป็นของไทย

    จูลส์ บาเดอวังต์ (Jules Basdevant) : ชาวฝรั่งเศส — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    อับดุล บาดาวี (Abdul Badawi) : ชาวอียิปต์ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    เซอร์ เจรัลด์ ฟิตซ์มอริส (Sir Gerald Fitzmaurice) : ชาวอังกฤษ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    วลาดิเมียร์ คอเรดสกี (Vladimir Koretsky) : ชาวรัสเซีย — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    โคะทะโระ ทะนะกะ (Kotaro Tanaka) : ชาวญี่ปุ่น — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    โจเซ่ บุสตามันเต อี ริเบโร (José Bustamante y Rivero) : ชาวเปรู — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    เกตาโน มอเรลลี (Gaetano Morelli) : ชาวอิตาลี — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา

    สปีโรปูลอส (Jean Spiropoulos) : ชาวกรีก — งดออกเสียง (ป่วย)

    โรแบร์โต คอร์โดวา (Roberto Cordova) : ชาวเม็กซิโก — งดออกเสียง (ป่วย)

    ฟิลิป เจสซัป (Philip Jessup) : ชาวอเมริกา (ทนายฝ่ายไทย)

    กานเย กวนเยต์ (Garnier-Coignet) : นายทะเบียนศาล


    ..ศาลการเมืองโลกผีบ้า. ..นี้ถือว่ามิตรที่ดีใจยุคนั้น ส่วนจะแลกมากับอะไรเราก็มิรู้ได้. #ไต้หวันพิพากษาให้เป็นของไทย #อาร์เจนตินาพิพากษาให้เป็นของไทย #ออสเตรเลียพิพากษาให้เป็นของไทย ..นี้คือศัตรูไทยของแท้ พร้อมทำลายชาติไทยตลอดเวลาที่มีโอกาสและถือว่าคือชาติที่ชั่วเลวทำเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท่านั้น. #ญี่ปุ่นพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #รัสเซียพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #ฝรั่งเศสพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อังกฤษพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อียิปต์พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #เปรูพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #อิตาลีพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #โปแลนด์เป็นประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา #ปานามาเป็นรองประธานพิพากษาให้เป็นของกัมพูชา วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ผู้พิพากษา ผู้พิพากษามีทั้งหมด 14 ท่าน คะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ตัดสินว่าปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา และ คะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลา ส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณและปราสาทหรือบริเวณเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชา โบดาน วินิอาร์สกิ (Bohdan Winiarski) : ชาวโปแลนด์ เป็นประธาน— พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา ริคาร์โด อาลฟาโร (Ricardo Alfaro) : ชาวปานามา เป็นรองประธาน — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา ลูซิโอ มอเรโน กินตานา (Lucio Moreno Quintana) : ชาวอาร์เจนตินา — พิพากษาให้เป็นของไทย เวลลิงตัน คู (Wellington Koo) : ชาวจีนไต้หวัน — พิพากษาให้เป็นของไทย เซอร์ เพอร์ซี สเปนเดอร์ (Percy Spender) : ชาวออสเตรเลีย — พิพากษาให้เป็นของไทย จูลส์ บาเดอวังต์ (Jules Basdevant) : ชาวฝรั่งเศส — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา อับดุล บาดาวี (Abdul Badawi) : ชาวอียิปต์ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา เซอร์ เจรัลด์ ฟิตซ์มอริส (Sir Gerald Fitzmaurice) : ชาวอังกฤษ — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา วลาดิเมียร์ คอเรดสกี (Vladimir Koretsky) : ชาวรัสเซีย — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา โคะทะโระ ทะนะกะ (Kotaro Tanaka) : ชาวญี่ปุ่น — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา โจเซ่ บุสตามันเต อี ริเบโร (José Bustamante y Rivero) : ชาวเปรู — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา เกตาโน มอเรลลี (Gaetano Morelli) : ชาวอิตาลี — พิพากษาให้เป็นของกัมพูชา สปีโรปูลอส (Jean Spiropoulos) : ชาวกรีก — งดออกเสียง (ป่วย) โรแบร์โต คอร์โดวา (Roberto Cordova) : ชาวเม็กซิโก — งดออกเสียง (ป่วย) ฟิลิป เจสซัป (Philip Jessup) : ชาวอเมริกา (ทนายฝ่ายไทย) กานเย กวนเยต์ (Garnier-Coignet) : นายทะเบียนศาล
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 9 ฝันสลาย

    ภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับพลังงานของรัสเซีย เริ่มสำแดงรังสี เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2003 ขณะที่อเมริกากำลังเล่นเอาทหารเข้าไปตั้งแคมป์อยู่เมือง Iraq และตะวันออกกลาง คุณพี่ปูตินออกคำสั่งจับ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Milkhail Khodorkovsky โทษฐานหนีภาษีและอายัดหุ้นที่ นาย Kho ถืออยู่ในบริษัทนำมันยักษ์ใหญ่ Yukos Oil Group เตรียมยึดเป็นของหลวง

    โลกช็อคกับการออกคำสั่งของคุณพี่ ปู CNN ออกข่าว เผด็จการกำลังสำแดงอำนาจ (ประโยคหากินของ CNN) เหตุผลของการสั่งจับ นาย Kho เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากมีรายงานที่ไม่เปิดเผยบอก ว่า นาย Kho ได้ไปพบ รองประธานาธิบดี **** Cheney ที่วอชิงตันในเดือน ก.ค. หลังจากคุยกับนาย Cheney นาย Kho ก็เริ่มเดินสายคุยกับ Exxon Mobil และ Chevron Texaco เกี่ยวกับการซื้อหุ้น ประมาณ 40% ของ Yukos พูดง่าย ๆ นาย Kho กำลังเป็นตัวกลางเจรจาแทนวอชิงตัน เพื่อซื้อหุ้น Yukos นี่มันเป็นการหักหลัง หรือกบฎต่อคุณพี่ปูตินเลยเชียวนะ

    40% ของหุ้นในบริษัท Yukos ของรัสเซีย จะทำให้วอชิงตัน มีอำนาจ (ผ่านบริษัทน้ำมันหน้าม้าทั้งหลาย) ในการกำหนดอนาคตของรัสเซีย ในการเจรจาเกี่ยวกับท่อก๊าซและน้ำมัน ก่อนหน้าการจับกุมไม่เท่าไหร่ นาย Kho ได้ต้อนรับ นายบุชคนพ่อ ที่มา Moscow ในฐานะตัวแทนของ Carlyle Group เพื่อมาหารือ เรื่องที่ฝ่ายอเมริกาจะซื้อหุ้น Yukos (หลังจากเกิดเรื่อง นาย Bush ได้แอบยื่นใบลาออกจาก Carlyle !) รายงานบอกด้วยว่า นาย Kho นี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Carlyle Group ด้วย
    Carlyle Group ยังมีหุ้นส่วนสำคัญคือ. อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ชื่อ Frank Carlucci นอกเหนือจากอดีตรัฐมนตรี ตปท. คือ นาย James Baker III ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า สนิทกับใครบ้างในดินแดนของสมันน้อย

    ขณะที่ นาย Kho ถูกจับ บริษัท Yukos กำลังเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นของ Sibneft กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซี ย ถ้ารวม Yukos กับ Sibneft เข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณ 19.5 พันล้าน barrel ของน้ำมันและแก๊ซ จะทำให้ Yukos-Sibneft มีปริมาณน้ำมันและแก๊ซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Exxon Mobil การแอบซื้อหุ้น Yukos -Sibneft จะโดย Exxon หรือ Chevron ก็ตาม มันเหมือนเป็นการทำรัฐประหารยึดอำนาจทางวงการน้ำมันที่ใหญ่ ที่สุด Cheney รู้เรื่องนี้ Bush รู้เรื่องนี้ นาย Kho รู้เรื่องนี้ และที่สำคัญ คุณพี่ปูตินก็รู้เรื่องนี้ และตัดสินใจลงมือจัดการระงับการขายชาติอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว (ผมฝันว่า จะได้เห็น การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้ เกิดขึ้นในบ้านเรานะครับ ! )

    ในราวปลายปี ค.ศ. 2004 มอสโคว์มองเห็นชัดเจนแล้วว่า สงครามเย็นครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว สงครามเย็นครั้งนี้สาเหตุมาจากรัสเซียมีทรัพยากรพลังงานมากเกินไป บอกแล้ว คุณพี่ปูติน ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าคุณพี่ แต่คุณพี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามหน้ารัสเซียอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของคุณพี่ปูตินครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่เป็นการรุกกลับ และรุกคืบ โดยการใช้ท่อส่งน้ำมันและแก็ซเป็นอาวุธ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง (แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมเชียร์คุณพี่ปูติน ออกนอกหน้าได้ยังไง)

    เมื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในปี ค.ศ. 2004 ก็อยู่ในสภาพธรรมดา ไม่หรูหรา แต่ถ้ามองกันที่สภาพของประเทศ ต้องบอกว่ารัสเซียอู้ฟู้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ในแง่เขตแดนก็ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สุดสายตา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหนึ่ง ชนมหาสมุทรแปซิฟิค อีกด้านชนหน้าประตูของยุโรป ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีทรัพยากรมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะมีแก๊ซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลก ที่อาจจะมีกำลังทหารพอฟัดกับอเมริกา แม้ว่าจะสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่เลือดนักสู้เก่าด้านการทหารไม่ได้สลายตามไปด้วย
    รัสเซียมีบ่อน้ำมันมากกว่า 130,000 บ่อ และมีน้ำมันและแก๊ซ (deposits) อีกประมาณ 2,000 แหล่ง มี oil reserves ประมาณ 150 พันล้านบาเรล เช่นเดียวกับ Iraq หรืออาจจะมากกว่า เพราะยังไม่ได้ขุดสำรวจหมดเนื่องจากอยู่ไกลแถวขั้วโลก

    เครือข่ายท่อส่งน้ำมันและแก๊ซเป็น ของรัฐบาล ยาวประมาณ 150,000 กิโลเมตรข้ามประเทศ ตามกฎหมาย Gazprom ซึ่งเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิใช้ท่อส่ง ท่อส่งน้ำมันและแก๊ซนี้เป็นทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย ยิ่งกว่าตัวน้ำมันและแก๊ซเอง และนี่คือหัวใจของการใช้ยุทธศาสตร์พลังงานของคุณพี่ปูตินในการรักษาประเทศไว้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 9 ฝันสลาย ภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับพลังงานของรัสเซีย เริ่มสำแดงรังสี เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2003 ขณะที่อเมริกากำลังเล่นเอาทหารเข้าไปตั้งแคมป์อยู่เมือง Iraq และตะวันออกกลาง คุณพี่ปูตินออกคำสั่งจับ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Milkhail Khodorkovsky โทษฐานหนีภาษีและอายัดหุ้นที่ นาย Kho ถืออยู่ในบริษัทนำมันยักษ์ใหญ่ Yukos Oil Group เตรียมยึดเป็นของหลวง โลกช็อคกับการออกคำสั่งของคุณพี่ ปู CNN ออกข่าว เผด็จการกำลังสำแดงอำนาจ (ประโยคหากินของ CNN) เหตุผลของการสั่งจับ นาย Kho เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากมีรายงานที่ไม่เปิดเผยบอก ว่า นาย Kho ได้ไปพบ รองประธานาธิบดี Dick Cheney ที่วอชิงตันในเดือน ก.ค. หลังจากคุยกับนาย Cheney นาย Kho ก็เริ่มเดินสายคุยกับ Exxon Mobil และ Chevron Texaco เกี่ยวกับการซื้อหุ้น ประมาณ 40% ของ Yukos พูดง่าย ๆ นาย Kho กำลังเป็นตัวกลางเจรจาแทนวอชิงตัน เพื่อซื้อหุ้น Yukos นี่มันเป็นการหักหลัง หรือกบฎต่อคุณพี่ปูตินเลยเชียวนะ 40% ของหุ้นในบริษัท Yukos ของรัสเซีย จะทำให้วอชิงตัน มีอำนาจ (ผ่านบริษัทน้ำมันหน้าม้าทั้งหลาย) ในการกำหนดอนาคตของรัสเซีย ในการเจรจาเกี่ยวกับท่อก๊าซและน้ำมัน ก่อนหน้าการจับกุมไม่เท่าไหร่ นาย Kho ได้ต้อนรับ นายบุชคนพ่อ ที่มา Moscow ในฐานะตัวแทนของ Carlyle Group เพื่อมาหารือ เรื่องที่ฝ่ายอเมริกาจะซื้อหุ้น Yukos (หลังจากเกิดเรื่อง นาย Bush ได้แอบยื่นใบลาออกจาก Carlyle !) รายงานบอกด้วยว่า นาย Kho นี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Carlyle Group ด้วย Carlyle Group ยังมีหุ้นส่วนสำคัญคือ. อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ชื่อ Frank Carlucci นอกเหนือจากอดีตรัฐมนตรี ตปท. คือ นาย James Baker III ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า สนิทกับใครบ้างในดินแดนของสมันน้อย ขณะที่ นาย Kho ถูกจับ บริษัท Yukos กำลังเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นของ Sibneft กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซี ย ถ้ารวม Yukos กับ Sibneft เข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณ 19.5 พันล้าน barrel ของน้ำมันและแก๊ซ จะทำให้ Yukos-Sibneft มีปริมาณน้ำมันและแก๊ซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Exxon Mobil การแอบซื้อหุ้น Yukos -Sibneft จะโดย Exxon หรือ Chevron ก็ตาม มันเหมือนเป็นการทำรัฐประหารยึดอำนาจทางวงการน้ำมันที่ใหญ่ ที่สุด Cheney รู้เรื่องนี้ Bush รู้เรื่องนี้ นาย Kho รู้เรื่องนี้ และที่สำคัญ คุณพี่ปูตินก็รู้เรื่องนี้ และตัดสินใจลงมือจัดการระงับการขายชาติอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว (ผมฝันว่า จะได้เห็น การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้ เกิดขึ้นในบ้านเรานะครับ ! ) ในราวปลายปี ค.ศ. 2004 มอสโคว์มองเห็นชัดเจนแล้วว่า สงครามเย็นครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว สงครามเย็นครั้งนี้สาเหตุมาจากรัสเซียมีทรัพยากรพลังงานมากเกินไป บอกแล้ว คุณพี่ปูติน ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าคุณพี่ แต่คุณพี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามหน้ารัสเซียอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของคุณพี่ปูตินครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่เป็นการรุกกลับ และรุกคืบ โดยการใช้ท่อส่งน้ำมันและแก็ซเป็นอาวุธ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง (แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมเชียร์คุณพี่ปูติน ออกนอกหน้าได้ยังไง) เมื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในปี ค.ศ. 2004 ก็อยู่ในสภาพธรรมดา ไม่หรูหรา แต่ถ้ามองกันที่สภาพของประเทศ ต้องบอกว่ารัสเซียอู้ฟู้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ในแง่เขตแดนก็ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สุดสายตา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหนึ่ง ชนมหาสมุทรแปซิฟิค อีกด้านชนหน้าประตูของยุโรป ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีทรัพยากรมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะมีแก๊ซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลก ที่อาจจะมีกำลังทหารพอฟัดกับอเมริกา แม้ว่าจะสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่เลือดนักสู้เก่าด้านการทหารไม่ได้สลายตามไปด้วย รัสเซียมีบ่อน้ำมันมากกว่า 130,000 บ่อ และมีน้ำมันและแก๊ซ (deposits) อีกประมาณ 2,000 แหล่ง มี oil reserves ประมาณ 150 พันล้านบาเรล เช่นเดียวกับ Iraq หรืออาจจะมากกว่า เพราะยังไม่ได้ขุดสำรวจหมดเนื่องจากอยู่ไกลแถวขั้วโลก เครือข่ายท่อส่งน้ำมันและแก๊ซเป็น ของรัฐบาล ยาวประมาณ 150,000 กิโลเมตรข้ามประเทศ ตามกฎหมาย Gazprom ซึ่งเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิใช้ท่อส่ง ท่อส่งน้ำมันและแก๊ซนี้เป็นทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย ยิ่งกว่าตัวน้ำมันและแก๊ซเอง และนี่คือหัวใจของการใช้ยุทธศาสตร์พลังงานของคุณพี่ปูตินในการรักษาประเทศไว้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 296 Views 0 Reviews
  • รู้แล้วว่าทำไมญี่ปุ่นไม่จัดการเขมรเรื่องวางกับระเบิดใส่แผ่นดินไทยเสียทีและเด็ดขาดจริงจังกับเขมรในบทลงโทษเขมรเพราะญี่ปุ่นมีผลประโยชน์ในเขมรมากมายนั้นเอง.ตลอดญี่ปุ่นขี้ข้าฝรั่งเศสอเมริกาตัวจริงด้วยหมายแทรกแซงไทยอยากได้ทรัพยากรน้ำมันในอ่าวไทยกว่า20ล้านล้านบาทไปแบ่งกับเขมรด้วย,จึงตาเหลือกเข้าข้างช่วยเขมรเช่นกรณีเปิดด่านจนลืมปิดบังตัวตนสิ้นเหมือนในอดีตที่หลบซ่อนเสียนาน,
    ..อยากเห็นเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธถล่มญี่ปุ่นจริงๆ ไทยจะได้บอกญี่ปุ่นอย่าตอบโต้เขมรแบบไทยนะหรือแบนเกาหลีเหนือก็ว่า.,ญี่ปุ่นตัวร้ายให้ไทยเราสูญเสียพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ โดนไม่ช่วยห่าอะไรเลยก็ด้วย.,กะทำสงครามยึดบุกไปทั่ว,มักใหญ่ใฝ่สูงโดยสันดานทั้งประเทศ คือบุกรุกรานเอาเปรียบคนอื่นเมื่อตนได้เปรียบเขาแบบทำกับจีน เด็กๆจีนอย่างทารุนโหดเหี้ยมซึ่งเด็กๆไม่เกี่ยวอะไรเลย,ในการขยายอาณาเขตตนผ่านสงคราม สันดานเดียวกับเขมรแดง เด็กๆฆ่าไม่เว้น,จึงไม่แปลกใจที่ช่วยเหลือเขมร,มิตรไส้ศึกตัวพ่อประจำประเทศไทย อยู่ไทยเป็นสายให้อเมริกาเขมรว่าไทยคบจีนตนจะเดือดร้อนอะไร,ล็อบบี้รัฐบาลไทยบ๋อยอเมริกาจัดการจีน,บางทีรัฐบาลไทยก็ทำไม่ได้ จึงฟรีภาษีจีนนำเข้าก็มากทั้งจีนกดดันด้วยก็ไม่ปาน,
    ..เดอะแก๊งฝรั่งฝังตัวในไทยเป็นอันมาก,บางทีเราอาจต้องประสานจีนช่วยกำจัดเทาๆฝรั่งและเทาๆจีนด้วย อาจขายข้อมูลจีนให้ฝรั่งเทาๆนีัจากจีนเทาๆฆ่าจีนแท้ในไทยก็ด้วย.
    ..

    ..https://youtube.com/watch?v=0AcZ34sVKMg&si=o7OYI4WWChxptkxL
    รู้แล้วว่าทำไมญี่ปุ่นไม่จัดการเขมรเรื่องวางกับระเบิดใส่แผ่นดินไทยเสียทีและเด็ดขาดจริงจังกับเขมรในบทลงโทษเขมรเพราะญี่ปุ่นมีผลประโยชน์ในเขมรมากมายนั้นเอง.ตลอดญี่ปุ่นขี้ข้าฝรั่งเศสอเมริกาตัวจริงด้วยหมายแทรกแซงไทยอยากได้ทรัพยากรน้ำมันในอ่าวไทยกว่า20ล้านล้านบาทไปแบ่งกับเขมรด้วย,จึงตาเหลือกเข้าข้างช่วยเขมรเช่นกรณีเปิดด่านจนลืมปิดบังตัวตนสิ้นเหมือนในอดีตที่หลบซ่อนเสียนาน, ..อยากเห็นเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธถล่มญี่ปุ่นจริงๆ ไทยจะได้บอกญี่ปุ่นอย่าตอบโต้เขมรแบบไทยนะหรือแบนเกาหลีเหนือก็ว่า.,ญี่ปุ่นตัวร้ายให้ไทยเราสูญเสียพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ โดนไม่ช่วยห่าอะไรเลยก็ด้วย.,กะทำสงครามยึดบุกไปทั่ว,มักใหญ่ใฝ่สูงโดยสันดานทั้งประเทศ คือบุกรุกรานเอาเปรียบคนอื่นเมื่อตนได้เปรียบเขาแบบทำกับจีน เด็กๆจีนอย่างทารุนโหดเหี้ยมซึ่งเด็กๆไม่เกี่ยวอะไรเลย,ในการขยายอาณาเขตตนผ่านสงคราม สันดานเดียวกับเขมรแดง เด็กๆฆ่าไม่เว้น,จึงไม่แปลกใจที่ช่วยเหลือเขมร,มิตรไส้ศึกตัวพ่อประจำประเทศไทย อยู่ไทยเป็นสายให้อเมริกาเขมรว่าไทยคบจีนตนจะเดือดร้อนอะไร,ล็อบบี้รัฐบาลไทยบ๋อยอเมริกาจัดการจีน,บางทีรัฐบาลไทยก็ทำไม่ได้ จึงฟรีภาษีจีนนำเข้าก็มากทั้งจีนกดดันด้วยก็ไม่ปาน, ..เดอะแก๊งฝรั่งฝังตัวในไทยเป็นอันมาก,บางทีเราอาจต้องประสานจีนช่วยกำจัดเทาๆฝรั่งและเทาๆจีนด้วย อาจขายข้อมูลจีนให้ฝรั่งเทาๆนีัจากจีนเทาๆฆ่าจีนแท้ในไทยก็ด้วย. .. ..https://youtube.com/watch?v=0AcZ34sVKMg&si=o7OYI4WWChxptkxL
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • กรมราชทัณฑ์ เผยประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดอาณาเขตเรือนจำกลางคลองเปรมใหม่คืนพื้นที่จาก รพ.ราชทัณฑ์ หลังโควิดไม่ระบาดแล้ว-จำนวนนักโทษมากขึ้น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087767

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    กรมราชทัณฑ์ เผยประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดอาณาเขตเรือนจำกลางคลองเปรมใหม่คืนพื้นที่จาก รพ.ราชทัณฑ์ หลังโควิดไม่ระบาดแล้ว-จำนวนนักโทษมากขึ้น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087767 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 454 Views 0 Reviews
  • "สมชาย แสวงการ" จี้ "รมว.ยุติธรรม - อธิบดีกรมราชทัณฑ์" ชี้แจงกรณีปรับอาณาเขตเรือนจำคลองเปรมเพิ่มใหม่เข้าไปในพื้นที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่ 5 ก.ย. 68 สอดรับกับศาลฎีกาอ่านคำสั่งบังคับคดีชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย. ตั้งข้อสงสัยเอื้อนักโทษ VVIP หรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086998

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "สมชาย แสวงการ" จี้ "รมว.ยุติธรรม - อธิบดีกรมราชทัณฑ์" ชี้แจงกรณีปรับอาณาเขตเรือนจำคลองเปรมเพิ่มใหม่เข้าไปในพื้นที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่ 5 ก.ย. 68 สอดรับกับศาลฎีกาอ่านคำสั่งบังคับคดีชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย. ตั้งข้อสงสัยเอื้อนักโทษ VVIP หรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000086998 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    2 Comments 0 Shares 510 Views 0 Reviews
  • ทวี สอดส่อง ลงนาม 5 ก.ย.68 เรื่อง กำหนดอาณาเขตเรือนจำกลางคลองเปรม
    https://www.thai-tai.tv/news/21391/
    .
    #ไทยไท #ทวีสอดส่อง #กระทรวงยุติธรรม #เรือนจำกลางคลองเปรม #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ทวี สอดส่อง ลงนาม 5 ก.ย.68 เรื่อง กำหนดอาณาเขตเรือนจำกลางคลองเปรม https://www.thai-tai.tv/news/21391/ . #ไทยไท #ทวีสอดส่อง #กระทรวงยุติธรรม #เรือนจำกลางคลองเปรม #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews


  • จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร หรือ จังหวัดเกาะกง

    เมืองปัจจันตคิรีเขตร
    เมือง
    พ.ศ. 2398 – 2447
    ยุคทางประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์
    • ก่อตั้ง
    พ.ศ. 2398
    • ฝรั่งเศสไม่ยอมคืนดินแดน
    30 ธันวาคม พ.ศ. 2447

    เมืองตราด
    กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส
    ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ กัมพูชา
    จังหวัดปัจจันตคิรีเขตรChoawalit Chotwattanaphong หรือบางเอกสารจะเรียกว่า ปัตจันตคีรีเขตร์ บ้าง ประจันต์คิรีเขตต์ บ้าง[2] เป็นเมืองเดิมของราชอาณาจักรสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีความสำคัญเทียบเท่าจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ในอดีต มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะกง เขตจังหวัดเกาะกงในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน ดินแดนจังหวัดนี้ตกเป็นของฝรั่งเศสพร้อมกับหัวเมืองฝั่งขวาแม่น้ำโขง คือ แขวงไชยบุรีและแขวงจำปาศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2447

    ประวัติ

    Map of Siam in 1900
    แต่เดิมมาเกาะกงเป็นจังหวัดของราชอาณาจักรเขมร แต่มาถึงสมัยที่เขมรตกเป็นประเทศราชอยู่ในอำนาจของสยาม พระเจ้ากรุงสยามก็มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกงให้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองตราด

    เมื่อปี พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกง โดยพระราชทานนามเมืองนี้ว่า เมืองปัจจันตคีรีเขตต์ เพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่มีเขตติดต่อกับเขมรและญวน

    เหตุที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานนามเกาะกงว่า ปัจจันตคิรีเขตร ก็เพื่อให้คล้องจองกับชื่อเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ทางด้านภาคตะวันตกของไทย ซึ่งตั้งอยู่ในแนวรุ้ง (Latitude) เดียวกัน[3]

    ถึง พ.ศ. 2422 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์จัดตั้งสถานีทหารเรือขึ้นตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกที่เมืองชลบุรี บางพระ อำเภอบางละมุง เมืองระยอง เมืองแกลง เมืองจันทบุรี อำเภอขลุง เมืองตราด เมืองปัจจันตคิรีเขตร และเกาะเสม็ดนอก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากฝรั่งเศสทางทะเล

    ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2435 ฝรั่งเศสได้เริ่มดำเนินการทางทหารใช้กำลังเข้าบีบบังคับสยาม โดยยกกองทัพมาเข้าขับไล่ทหารไทยให้ถอยร่นออกจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ทำให้ความยุ่งยากทางชายแดนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการปรึกษาการป้องกันพระราชอาณาเขตขึ้น และจัดกองบัญชาการทัพอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลแต่ละด้านขึ้นด้วย

    ในปี พ.ศ. 2436 รัฐบาลสยามได้แต่งตั้งให้นายพลเรือจัตวาพระยาชลยุทธโยธินทร์ (André du Plésis de Richelieu) เป็นผู้จัดการป้องกันพระราชอาณาเขตทางหัวเมืองฝ่ายตะวันออก ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีคำสั่งมายังผู้ว่าราชการเมืองแถบนี้ ซึ่งรวมทั้งเมืองตราดและเมืองปัจจันตคิรีเขตรด้วย ให้ช่วยพระยาชลยุทธโยธินทร์จัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับการป้องกันพระราชอาณาเขต

    การเสียดินแดนจังหวัดปัจจันตคิรีเขตร

    การส่งมอบตราดให้กับฝรั่งเศส
    วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรือรบฝรั่งเศสสามารถฝ่าแนวป้องกันของสยามเข้ามาทอดสมอในกรุงเทพฯ ได้ ฝ่ายฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามเมื่อ 20 กรกฎาคม โดยให้เวลาตอบ 48 ชั่วโมง ฝ่ายไทยได้ตอบข้อเรียกร้องเมื่อ 22 กรกฎาคม แต่ไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายฝรั่งเศส ดังนั้นในวันที่ 24 กรกฎาคม ฝรั่งเศสจึงประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย สองวันถัดมา (26 กรกฎาคม) ฝรั่งเศสได้สั่งให้ผู้บัญชาการกองเรือภาคตะวันออกไกลที่ไซ่ง่อนปิดล้อมอ่าวไทย ตั้งแต่แหลมเจ้าลายถึงบริเวณแหลมกระบัง และในวันที่ 29 กรกฎาคม ฝรั่งเศสได้ประกาศปิดล้อมอ่าวไทยครั้งที่ 2 โดยขยายเขตเพิ่มบริเวณเกาะเสม็ด จนถึงแหลมสิง รวม 2 เขต ฝ่ายไทยจำต้องยอมรับคำขาดของฝรั่งเศสที่ยื่นไว้แต่เดิมในวันเดียวกันนั้นเอง แต่ในวันรุ่งขึ้นฝรั่งเศสถือโอกาสยื่นคำขาดเพิ่มเติมอีก โดยประกาศยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน และบังคับให้ไทยถอนตัวออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงอีกด้วย ไทยจำเป็นต้องยอมรับโดยไม่มีทางเลือก เมื่อฝ่ายไทยปฏิบัติตามคำขาดนั้นแล้ว ฝรั่งเศสจึงได้ยกเลิกการปิดอ่าวในวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 12.00 น. แต่การยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรียังคงยึดไว้ตามเดิม

    ต่อมาได้มีการทำสัญญาสงบศึกกันโดยหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ในหนังสือสัญญาฉบับนี้ มีข้อความระบุไว้ในอนุสัญญาผนวกต่อท้ายหนังสือสัญญาข้อ 6 ว่า "คอนเวอนแมนต์ (Government - รัฐบาล) ฝรั่งเศสจะได้ตั้งอยู่ต่อไปที่เมืองจันทบุรี จนกว่าจะได้ทำการสำเร็จแล้วตามข้อความในหนังสือสัญญานี้…"

    แม้ทางฝ่ายไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสบีบบังคับทุกอย่าง ฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอมถอนทหาร ยังคงยึดจันทบุรีไว้อีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี เป็นเหตุให้ต้องมีการตกลงทำสัญญาขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่งคือ อนุสัญญาลงวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2445 แต่หนังสือฉบับนี้ฝรั่งเศสไม่ยอมให้สัตยาบันและไม่ถอนกำลังออกจากจันทบุรี จึงได้ตกลงมีสัญญาอีกฉบับหนึ่ง คือ สัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 คราวนี้ฝรั่งเศสจึงถอนกำลังออกจากจันทบุรี แต่ได้เข้ายึดครองเมืองตราดและบรรดาเกาะทั้งหลายภายใต้แหลมสิงลงไปซึ่งรวมถึงเกาะกงแทน ฝ่ายไทยจำต้องมอบเมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตให้แก่ฝรั่งเศส ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447

    พื้นที่ดังกล่าวได้ตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศส จนถึงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 จึงได้มีการตกลงทำหนังสือสัญญาขึ้นอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า "หนังสือสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับเปรสสิเดนต์แห่งรีปัปลิคฝรั่งเศส" ฝรั่งเศสจึงคืนเมืองตราดให้ไทยตามเดิม แต่ฝ่ายไทยจะต้องยอมยกดินแดนเขมรส่วนใน (มณฑลบูรพา) คือ เมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน แต่ปรากฏว่าเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) นั้นฝรั่งเศสมิได้คืนให้ไทยแต่ประการใด ปัจจุบันเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาไปโดยปริยาย[4]

    การสูญเสียแผ่นดินเกาะกงในสมัยนั้น ประวัติศาสตร์ของชาติไทยมิได้มีบันทึกการเสียดินแดนเกาะกงไว้แต่อย่างใด คงกล่าวโดยรวมในกรณีของดินแดนจังหวัดตราดเท่านั้น เพราะในขณะนั้นไทยต้องการดินแดนเขมรสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือดินแดนอีสานตอนใต้ในปัจจุบัน โดยให้ยึดทิวเขาพนมดงรักเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งฝรั่งเศสก็ยินยอม



    จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร หรือ จังหวัดเกาะกง เมืองปัจจันตคิรีเขตร เมือง พ.ศ. 2398 – 2447 ยุคทางประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ • ก่อตั้ง พ.ศ. 2398 • ฝรั่งเศสไม่ยอมคืนดินแดน 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447 เมืองตราด กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ กัมพูชา จังหวัดปัจจันตคิรีเขตร[1] หรือบางเอกสารจะเรียกว่า ปัตจันตคีรีเขตร์ บ้าง ประจันต์คิรีเขตต์ บ้าง[2] เป็นเมืองเดิมของราชอาณาจักรสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีความสำคัญเทียบเท่าจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ในอดีต มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เกาะกง เขตจังหวัดเกาะกงในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน ดินแดนจังหวัดนี้ตกเป็นของฝรั่งเศสพร้อมกับหัวเมืองฝั่งขวาแม่น้ำโขง คือ แขวงไชยบุรีและแขวงจำปาศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2447 ประวัติ Map of Siam in 1900 แต่เดิมมาเกาะกงเป็นจังหวัดของราชอาณาจักรเขมร แต่มาถึงสมัยที่เขมรตกเป็นประเทศราชอยู่ในอำนาจของสยาม พระเจ้ากรุงสยามก็มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกงให้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองตราด เมื่อปี พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้ตั้งเกาะกง โดยพระราชทานนามเมืองนี้ว่า เมืองปัจจันตคีรีเขตต์ เพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่มีเขตติดต่อกับเขมรและญวน เหตุที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานนามเกาะกงว่า ปัจจันตคิรีเขตร ก็เพื่อให้คล้องจองกับชื่อเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ทางด้านภาคตะวันตกของไทย ซึ่งตั้งอยู่ในแนวรุ้ง (Latitude) เดียวกัน[3] ถึง พ.ศ. 2422 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์จัดตั้งสถานีทหารเรือขึ้นตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกที่เมืองชลบุรี บางพระ อำเภอบางละมุง เมืองระยอง เมืองแกลง เมืองจันทบุรี อำเภอขลุง เมืองตราด เมืองปัจจันตคิรีเขตร และเกาะเสม็ดนอก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากฝรั่งเศสทางทะเล ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2435 ฝรั่งเศสได้เริ่มดำเนินการทางทหารใช้กำลังเข้าบีบบังคับสยาม โดยยกกองทัพมาเข้าขับไล่ทหารไทยให้ถอยร่นออกจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ทำให้ความยุ่งยากทางชายแดนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการปรึกษาการป้องกันพระราชอาณาเขตขึ้น และจัดกองบัญชาการทัพอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลแต่ละด้านขึ้นด้วย ในปี พ.ศ. 2436 รัฐบาลสยามได้แต่งตั้งให้นายพลเรือจัตวาพระยาชลยุทธโยธินทร์ (André du Plésis de Richelieu) เป็นผู้จัดการป้องกันพระราชอาณาเขตทางหัวเมืองฝ่ายตะวันออก ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีคำสั่งมายังผู้ว่าราชการเมืองแถบนี้ ซึ่งรวมทั้งเมืองตราดและเมืองปัจจันตคิรีเขตรด้วย ให้ช่วยพระยาชลยุทธโยธินทร์จัดการทุกอย่างที่เกี่ยวกับการป้องกันพระราชอาณาเขต การเสียดินแดนจังหวัดปัจจันตคิรีเขตร การส่งมอบตราดให้กับฝรั่งเศส วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรือรบฝรั่งเศสสามารถฝ่าแนวป้องกันของสยามเข้ามาทอดสมอในกรุงเทพฯ ได้ ฝ่ายฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามเมื่อ 20 กรกฎาคม โดยให้เวลาตอบ 48 ชั่วโมง ฝ่ายไทยได้ตอบข้อเรียกร้องเมื่อ 22 กรกฎาคม แต่ไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายฝรั่งเศส ดังนั้นในวันที่ 24 กรกฎาคม ฝรั่งเศสจึงประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย สองวันถัดมา (26 กรกฎาคม) ฝรั่งเศสได้สั่งให้ผู้บัญชาการกองเรือภาคตะวันออกไกลที่ไซ่ง่อนปิดล้อมอ่าวไทย ตั้งแต่แหลมเจ้าลายถึงบริเวณแหลมกระบัง และในวันที่ 29 กรกฎาคม ฝรั่งเศสได้ประกาศปิดล้อมอ่าวไทยครั้งที่ 2 โดยขยายเขตเพิ่มบริเวณเกาะเสม็ด จนถึงแหลมสิง รวม 2 เขต ฝ่ายไทยจำต้องยอมรับคำขาดของฝรั่งเศสที่ยื่นไว้แต่เดิมในวันเดียวกันนั้นเอง แต่ในวันรุ่งขึ้นฝรั่งเศสถือโอกาสยื่นคำขาดเพิ่มเติมอีก โดยประกาศยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน และบังคับให้ไทยถอนตัวออกจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงอีกด้วย ไทยจำเป็นต้องยอมรับโดยไม่มีทางเลือก เมื่อฝ่ายไทยปฏิบัติตามคำขาดนั้นแล้ว ฝรั่งเศสจึงได้ยกเลิกการปิดอ่าวในวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 12.00 น. แต่การยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรียังคงยึดไว้ตามเดิม ต่อมาได้มีการทำสัญญาสงบศึกกันโดยหนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ในหนังสือสัญญาฉบับนี้ มีข้อความระบุไว้ในอนุสัญญาผนวกต่อท้ายหนังสือสัญญาข้อ 6 ว่า "คอนเวอนแมนต์ (Government - รัฐบาล) ฝรั่งเศสจะได้ตั้งอยู่ต่อไปที่เมืองจันทบุรี จนกว่าจะได้ทำการสำเร็จแล้วตามข้อความในหนังสือสัญญานี้…" แม้ทางฝ่ายไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ฝรั่งเศสบีบบังคับทุกอย่าง ฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอมถอนทหาร ยังคงยึดจันทบุรีไว้อีกเป็นเวลานานถึง 10 ปี เป็นเหตุให้ต้องมีการตกลงทำสัญญาขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่งคือ อนุสัญญาลงวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2445 แต่หนังสือฉบับนี้ฝรั่งเศสไม่ยอมให้สัตยาบันและไม่ถอนกำลังออกจากจันทบุรี จึงได้ตกลงมีสัญญาอีกฉบับหนึ่ง คือ สัญญาลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 คราวนี้ฝรั่งเศสจึงถอนกำลังออกจากจันทบุรี แต่ได้เข้ายึดครองเมืองตราดและบรรดาเกาะทั้งหลายภายใต้แหลมสิงลงไปซึ่งรวมถึงเกาะกงแทน ฝ่ายไทยจำต้องมอบเมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตให้แก่ฝรั่งเศส ในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2447 พื้นที่ดังกล่าวได้ตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศส จนถึงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 จึงได้มีการตกลงทำหนังสือสัญญาขึ้นอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า "หนังสือสัญญาระหว่างสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามกับเปรสสิเดนต์แห่งรีปัปลิคฝรั่งเศส" ฝรั่งเศสจึงคืนเมืองตราดให้ไทยตามเดิม แต่ฝ่ายไทยจะต้องยอมยกดินแดนเขมรส่วนใน (มณฑลบูรพา) คือ เมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน แต่ปรากฏว่าเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) นั้นฝรั่งเศสมิได้คืนให้ไทยแต่ประการใด ปัจจุบันเมืองปัจจันตคิรีเขตร (เกาะกง) จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาไปโดยปริยาย[4] การสูญเสียแผ่นดินเกาะกงในสมัยนั้น ประวัติศาสตร์ของชาติไทยมิได้มีบันทึกการเสียดินแดนเกาะกงไว้แต่อย่างใด คงกล่าวโดยรวมในกรณีของดินแดนจังหวัดตราดเท่านั้น เพราะในขณะนั้นไทยต้องการดินแดนเขมรสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งก็คือดินแดนอีสานตอนใต้ในปัจจุบัน โดยให้ยึดทิวเขาพนมดงรักเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งฝรั่งเศสก็ยินยอม
    0 Comments 1 Shares 400 Views 0 Reviews
  • ยุทธการกบกระโดด ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    บทสรุป
    อันที่จริงเราแทบไม่ต้องรอดูเลยว่า National Security Strategy ของอเมริกา ประจำปี ค.ศ. 2014 จะบอกว่าอย่างไร และอเมริกาจะเลือก การบริหารจัดการกับฐานทัพของตน ที่สร้างไว้ทั่วโลกอย่างไร
    กระบวนยุทธของอเมริกาในช่วง 2-3 ปีนี้ มันฟ้องออกมาแล้วว่าอเมริกาไม่มีวันเลิก
สันดานนักล่า และเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง จะกระเป๋าขาดแค่ไหน ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะอเมริกาสามารถแต่งเรื่อง พิมพ์เงินกระดาษออกมาได้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว
แต่ที่จะปล่อยให้มีนักล่าหน้าใหม่ ขึ้นมาชิงตำแหน่งหมายเลขหนึ่งนั้น เป็นเรื่องยอมกันไม่ได้ นอกจากนั้น ในทศวรรษนี้ อเมริกาต้องตามล่าหาน้ำมันและก๊าซ เพื่อสนองความต้องการของตนเอง และที่สำคัญกว่านั้น เพื่อชิงไม่ให้ใครได้ไป เพราะน้ำมันเป็นอาวุธเลี้ยงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและกองทัพของทุกประเทศ
และอเมริกาไม่มีทางปล่อยให้จีนโตไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่ว่าทางเศรษฐกิจหรือทางกองทัพ
    เพราะฉะนั้นการย้ายฐานทัพ ไม่ว่าใหญ่ไม่ว่าเล็ก โดยเฉพาะฐานทัพใบบัวกบกระโดดมาทาง AsiaPacific นี้ คือการล้อมกรอบจีน (containment) ทางทะเลอย่างสมบูรณ์แบบ
    นอกจากนี้ทะเลจีนใต้ มีความสำคัญกับอเมริกาไม่ต่างกับจีน ฝ่ายใดคุมทะเลจีนใต้ ฝ่ายนั้นก็ได้เปรียบ
    – ทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางสัญจรทางทะเลที่คับคั่งอันดับ 2 ของโลก
    – ทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมัน 1 ใน 3 ของโลก และขนส่งก๊าซครึ่งหนึ่งของโลก
การขนส่งผ่านมาทางช่องแคบมะละกา และอ่าวไทย ภายหลังวิกฤติ Fukushima ที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นต้องสั่งก๊าซเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ขนส่งมาตามเส้นทางนี้ อเมริกาจะปล่อยให้ญี่ปุ่นเสี่ยงกับการ black out ทั้งเกาะไหวไหม ?
    – ความขัดแย้งเกี่ยวกับสิทธิ บนพื้นที่เกาะบริเวณทะเลจีนใต้กำลังเข้มข้นระหว่างจีนกับ
เหล่าลูกหาบของอเมริกา สิทธิบนพื้นที่ยอมโยงกับทรัพยากรใต้พื้นที่ อเมริกาจะยืนดูลูกหาบทำสงครามแย่งชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ โดยไม่เข้าไปกำกับการแสดงหรือ ผิดสันดานไปหน่อย
    – ทะเลจีนใต้เป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซที่อุดมสมบูรณ์มากมาก ตามรายงานของ
IEA (US Energy Information Administration)
    – จีนเพิ่งประกาศ Air Defense Identification Zone (ADIZ) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ.2013 นี่เอง โดยไม่บอกกล่าวเล่าสิบแก่ใคร สำหรับจีนการประกาศ ADIZ นี้เป็นครั้งแรก แต่สำหรับอเมริกาทำมาแล้ว ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาบอกว่า จีนกำลังขยายสิทธิในอาณาเขตของตัวเองออกไป เพื่อยื่นขาไปเตะญี่ปุ่นให้ออกไปจากหมู่เกาะ ที่ญี่ปุ่นเรียก Senkakuแต่จีนเรียก Diaoyu
    การประกาศ ADIZ ของจีน ทำให้นักล่ากำลังสะอึก นึกไม่ถึง สั่งให้สมุนออกมา
ช่วยกันประนามจีน ว่ากำลังทำเกิน โดยไม่ปรึกษาหรือขออนุญาตใคร แต่จีนก็ทำ แล้วถามว่าต้องถามใคร ? กำลังเป็นเรื่องที่น่าติดตามปฎิกิริยาของนักล่าและลูกหาบและสมุน
    ส่วนสมันน้อยมีทางเลือกอะไร เซ็นสัญญาเสียอธิปไตยในส่วนนี้ไปแล้ว ตั้งแต่ปีมะโว้ ควร
จะมีการเจรจาแก้ไขกันมานานแล้ว แต่ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาล และทหารหาญทั้งหลาย คงยืนโก้งโค้งมอง ถึงได้เห็นผลลัพท์กลับหัวกลับหาง ไม่มีใครเจรจาแก้ไข ปล่อยมาถึงทุกวันนี้ วันที่สนามประลองเขี้ยวนักล่ากำลังฝุ่นตลบ ไหน ๆ ก็จะปฎิรูปประเทศแล้ว มวลมหาประชาชนก็ลองศึกษาเรื่องนี้ดูกันบ้าง จะแก้ไข หรือปล่อยคาไว้อีก 50 ปี!
    ขอจบด้วยการเล่าเรื่องฐานทัพอเมริกาที่ Okinawa ดูผ่าน ๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับ สมันน้อย แต่มันอาจจะเกี่ยว และน่าสนใจ อยากเล่าครับ
    ญี่ปุ่นที่เคยอยู่แต่ในโอวาทของอเมริกา เกิดมีปัญหาขัดใจ เรื่องฐานทัอากาศ
Futenma ที่ตั้งอยู่ที่เกาะ Okinawa
ปี ค.ศ. 1995 ทหารอเมริกัน 3 คน ไปลักพาเด็กนักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่น
อายุสิบสอง ไปรุมข่มขืนและทิ้งให้เด็กหญิงนอนอยู่ข้างถนน แล้วทหาร 3 คน ก็หนีกลับเข้าฐานทัพ
ชาวญี่ปุ่นประท้วงอยู่นาน กว่ากองทัพอเมริกาจะยอมดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิด
แม้จะได้ตัวคนทำความผิดมาแล้ว ตอนแรกอเมริกาก็คิดจะนำกลับไปดำเนินคดีในบ้านตัวเอง เพราะมีข้อตกลงในเรื่องนี้กันไว้แล้วกับญี่ปุ่น (เช่นเดียวกับที่อเมริกาเคยทำสัญญากับราชอาณาจักรไทยสมัยสงครามเวียตนาม ทำให้เราเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต) แต่ชาวญี่ปุ่นไม่ยอม ทั้งประนามและประท้วงอย่างรุนแรง ให้มีการดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น และยื่นคำขาดให้อเมริกาย้ายฐานทัพออกไปจากเกาะ Okinawa
    ทั้งอเมริกาและรัฐบาลญี่ปุ่นถ่วงการเจรจาอยู่ 17 ปี เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นมองในแง่เศรษฐกิจว่า การมีฐานทัพอยู่ในบริเวณนั้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่ญี่ปุ่น และที่สำคัญภายใต้สัญญา Treaty of Mutual Cooperation ที่ญี่ปุ่นทำไว้กับอเมริกา (ประเภทสัญญาทาสเหมือนกัน !)
ถ้ามีการย้ายฐานทัพอเมริกาออกไปจาก Okinawa ซึ่งเป็นบริเวณที่อเมริกาเจาะจงเลือก เนื่องจากอยู่ใกล้กับจีนและเกาหลีเหนือที่สุด ญี่ปุ่นจะต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายบางส่วนในการย้ายฐานทัพ ให้แก่อเมริกา (ไม่ใช่ย้ายทิ้ง แค่ย้ายที่ยังต้องจ่าย มันโหดจริง ๆ)
ปี ค.ศ. 2006 อเมริกากับญี่ปุ่นได้ข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะปิดฐานทัพนี้ และย้ายไปอยู่ทางเหนือของเกาะแทน แล้วเรื่องก็ค้างคา (อย่างจงใจจากรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย)
    ล่าสุด เพิ่งมาตกลงกันได้ เมื่อปลายปี ค.ศ. 2013 โดยญี่ปุ่นจะต้องจ่ายเงินมหาศาลให้แก่อเมริกาเป็นค่าย้าย โดยปี ค.ศ. 2014 ต้องจ่ายเงินประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญ หลังจากนั้นจ่ายเป็นรายปี อีกปีละ 2.85 พันล้านเหรียญ จนถึงปี ค.ศ. 2021 ญี่ปุ่นซึ่งกำลังกรอบจากเศรษฐกิจและวิกฤติ Fukushima จะมีปัญญาจ่ายไหม ?
    นอกจากนี้ ตามข้อตกลงใหม่ ฐานใหม่จะไปสร้างที่อ่าว Nago ทางเหนือของ Okinawa
ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีของ Nago ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาในตำแหน่ง เมื่อเดือนมกรานี้เอง หลังจากประกาศตอนหาเสียงว่า จะทำทุกอย่างไม่ให้อเมริกามาตั้งฐานทัพที่ Nago
ข่าวนี้ทำให้ทั้งวอชิงตันและนายกรัฐมนตรี Abe ออกมาโต้ นายกเทศมนตรีหมาด ๆ ว่าเป็นแค่นายกฯ เมืองเล็ก ๆ จะทะลึ่งมาล้มแผนย้ายฐานทัพได้อย่างไร นายกเล็ก บอกว่าล้มแผนได้หรือไม่ ไม่รู้ แต่นายกเล็ก มีสิทธิ สั่งห้ามการใช้ถนนและสาธารณูปโภคทั้งปวงของเมือง Nago ได้
    เป็นการต่อต้านการสร้างฐานทัพ ที่น่าสนใจครับ และน่าสนใจว่าการย้ายฐานทัพจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ? ! ?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 กพ 57
    ยุทธการกบกระโดด ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” บทสรุป อันที่จริงเราแทบไม่ต้องรอดูเลยว่า National Security Strategy ของอเมริกา ประจำปี ค.ศ. 2014 จะบอกว่าอย่างไร และอเมริกาจะเลือก การบริหารจัดการกับฐานทัพของตน ที่สร้างไว้ทั่วโลกอย่างไร กระบวนยุทธของอเมริกาในช่วง 2-3 ปีนี้ มันฟ้องออกมาแล้วว่าอเมริกาไม่มีวันเลิก
สันดานนักล่า และเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง จะกระเป๋าขาดแค่ไหน ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะอเมริกาสามารถแต่งเรื่อง พิมพ์เงินกระดาษออกมาได้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว
แต่ที่จะปล่อยให้มีนักล่าหน้าใหม่ ขึ้นมาชิงตำแหน่งหมายเลขหนึ่งนั้น เป็นเรื่องยอมกันไม่ได้ นอกจากนั้น ในทศวรรษนี้ อเมริกาต้องตามล่าหาน้ำมันและก๊าซ เพื่อสนองความต้องการของตนเอง และที่สำคัญกว่านั้น เพื่อชิงไม่ให้ใครได้ไป เพราะน้ำมันเป็นอาวุธเลี้ยงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและกองทัพของทุกประเทศ
และอเมริกาไม่มีทางปล่อยให้จีนโตไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่ว่าทางเศรษฐกิจหรือทางกองทัพ เพราะฉะนั้นการย้ายฐานทัพ ไม่ว่าใหญ่ไม่ว่าเล็ก โดยเฉพาะฐานทัพใบบัวกบกระโดดมาทาง AsiaPacific นี้ คือการล้อมกรอบจีน (containment) ทางทะเลอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ทะเลจีนใต้ มีความสำคัญกับอเมริกาไม่ต่างกับจีน ฝ่ายใดคุมทะเลจีนใต้ ฝ่ายนั้นก็ได้เปรียบ – ทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางสัญจรทางทะเลที่คับคั่งอันดับ 2 ของโลก – ทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมัน 1 ใน 3 ของโลก และขนส่งก๊าซครึ่งหนึ่งของโลก
การขนส่งผ่านมาทางช่องแคบมะละกา และอ่าวไทย ภายหลังวิกฤติ Fukushima ที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นต้องสั่งก๊าซเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ขนส่งมาตามเส้นทางนี้ อเมริกาจะปล่อยให้ญี่ปุ่นเสี่ยงกับการ black out ทั้งเกาะไหวไหม ? – ความขัดแย้งเกี่ยวกับสิทธิ บนพื้นที่เกาะบริเวณทะเลจีนใต้กำลังเข้มข้นระหว่างจีนกับ
เหล่าลูกหาบของอเมริกา สิทธิบนพื้นที่ยอมโยงกับทรัพยากรใต้พื้นที่ อเมริกาจะยืนดูลูกหาบทำสงครามแย่งชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ โดยไม่เข้าไปกำกับการแสดงหรือ ผิดสันดานไปหน่อย – ทะเลจีนใต้เป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซที่อุดมสมบูรณ์มากมาก ตามรายงานของ
IEA (US Energy Information Administration) – จีนเพิ่งประกาศ Air Defense Identification Zone (ADIZ) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ.2013 นี่เอง โดยไม่บอกกล่าวเล่าสิบแก่ใคร สำหรับจีนการประกาศ ADIZ นี้เป็นครั้งแรก แต่สำหรับอเมริกาทำมาแล้ว ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาบอกว่า จีนกำลังขยายสิทธิในอาณาเขตของตัวเองออกไป เพื่อยื่นขาไปเตะญี่ปุ่นให้ออกไปจากหมู่เกาะ ที่ญี่ปุ่นเรียก Senkakuแต่จีนเรียก Diaoyu การประกาศ ADIZ ของจีน ทำให้นักล่ากำลังสะอึก นึกไม่ถึง สั่งให้สมุนออกมา
ช่วยกันประนามจีน ว่ากำลังทำเกิน โดยไม่ปรึกษาหรือขออนุญาตใคร แต่จีนก็ทำ แล้วถามว่าต้องถามใคร ? กำลังเป็นเรื่องที่น่าติดตามปฎิกิริยาของนักล่าและลูกหาบและสมุน ส่วนสมันน้อยมีทางเลือกอะไร เซ็นสัญญาเสียอธิปไตยในส่วนนี้ไปแล้ว ตั้งแต่ปีมะโว้ ควร
จะมีการเจรจาแก้ไขกันมานานแล้ว แต่ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาล และทหารหาญทั้งหลาย คงยืนโก้งโค้งมอง ถึงได้เห็นผลลัพท์กลับหัวกลับหาง ไม่มีใครเจรจาแก้ไข ปล่อยมาถึงทุกวันนี้ วันที่สนามประลองเขี้ยวนักล่ากำลังฝุ่นตลบ ไหน ๆ ก็จะปฎิรูปประเทศแล้ว มวลมหาประชาชนก็ลองศึกษาเรื่องนี้ดูกันบ้าง จะแก้ไข หรือปล่อยคาไว้อีก 50 ปี! ขอจบด้วยการเล่าเรื่องฐานทัพอเมริกาที่ Okinawa ดูผ่าน ๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับ สมันน้อย แต่มันอาจจะเกี่ยว และน่าสนใจ อยากเล่าครับ ญี่ปุ่นที่เคยอยู่แต่ในโอวาทของอเมริกา เกิดมีปัญหาขัดใจ เรื่องฐานทัอากาศ
Futenma ที่ตั้งอยู่ที่เกาะ Okinawa
ปี ค.ศ. 1995 ทหารอเมริกัน 3 คน ไปลักพาเด็กนักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่น
อายุสิบสอง ไปรุมข่มขืนและทิ้งให้เด็กหญิงนอนอยู่ข้างถนน แล้วทหาร 3 คน ก็หนีกลับเข้าฐานทัพ
ชาวญี่ปุ่นประท้วงอยู่นาน กว่ากองทัพอเมริกาจะยอมดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิด
แม้จะได้ตัวคนทำความผิดมาแล้ว ตอนแรกอเมริกาก็คิดจะนำกลับไปดำเนินคดีในบ้านตัวเอง เพราะมีข้อตกลงในเรื่องนี้กันไว้แล้วกับญี่ปุ่น (เช่นเดียวกับที่อเมริกาเคยทำสัญญากับราชอาณาจักรไทยสมัยสงครามเวียตนาม ทำให้เราเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต) แต่ชาวญี่ปุ่นไม่ยอม ทั้งประนามและประท้วงอย่างรุนแรง ให้มีการดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น และยื่นคำขาดให้อเมริกาย้ายฐานทัพออกไปจากเกาะ Okinawa ทั้งอเมริกาและรัฐบาลญี่ปุ่นถ่วงการเจรจาอยู่ 17 ปี เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นมองในแง่เศรษฐกิจว่า การมีฐานทัพอยู่ในบริเวณนั้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่ญี่ปุ่น และที่สำคัญภายใต้สัญญา Treaty of Mutual Cooperation ที่ญี่ปุ่นทำไว้กับอเมริกา (ประเภทสัญญาทาสเหมือนกัน !)
ถ้ามีการย้ายฐานทัพอเมริกาออกไปจาก Okinawa ซึ่งเป็นบริเวณที่อเมริกาเจาะจงเลือก เนื่องจากอยู่ใกล้กับจีนและเกาหลีเหนือที่สุด ญี่ปุ่นจะต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายบางส่วนในการย้ายฐานทัพ ให้แก่อเมริกา (ไม่ใช่ย้ายทิ้ง แค่ย้ายที่ยังต้องจ่าย มันโหดจริง ๆ)
ปี ค.ศ. 2006 อเมริกากับญี่ปุ่นได้ข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะปิดฐานทัพนี้ และย้ายไปอยู่ทางเหนือของเกาะแทน แล้วเรื่องก็ค้างคา (อย่างจงใจจากรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย) ล่าสุด เพิ่งมาตกลงกันได้ เมื่อปลายปี ค.ศ. 2013 โดยญี่ปุ่นจะต้องจ่ายเงินมหาศาลให้แก่อเมริกาเป็นค่าย้าย โดยปี ค.ศ. 2014 ต้องจ่ายเงินประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญ หลังจากนั้นจ่ายเป็นรายปี อีกปีละ 2.85 พันล้านเหรียญ จนถึงปี ค.ศ. 2021 ญี่ปุ่นซึ่งกำลังกรอบจากเศรษฐกิจและวิกฤติ Fukushima จะมีปัญญาจ่ายไหม ? นอกจากนี้ ตามข้อตกลงใหม่ ฐานใหม่จะไปสร้างที่อ่าว Nago ทางเหนือของ Okinawa
ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีของ Nago ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาในตำแหน่ง เมื่อเดือนมกรานี้เอง หลังจากประกาศตอนหาเสียงว่า จะทำทุกอย่างไม่ให้อเมริกามาตั้งฐานทัพที่ Nago
ข่าวนี้ทำให้ทั้งวอชิงตันและนายกรัฐมนตรี Abe ออกมาโต้ นายกเทศมนตรีหมาด ๆ ว่าเป็นแค่นายกฯ เมืองเล็ก ๆ จะทะลึ่งมาล้มแผนย้ายฐานทัพได้อย่างไร นายกเล็ก บอกว่าล้มแผนได้หรือไม่ ไม่รู้ แต่นายกเล็ก มีสิทธิ สั่งห้ามการใช้ถนนและสาธารณูปโภคทั้งปวงของเมือง Nago ได้ เป็นการต่อต้านการสร้างฐานทัพ ที่น่าสนใจครับ และน่าสนใจว่าการย้ายฐานทัพจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ? ! ? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 กพ 57
    0 Comments 0 Shares 372 Views 0 Reviews
  • มทภ.2 ย้ำรั้วลวดหนามคืออาณาเขตไทย จะอยู่ชั่วกัลปาวสาน ปราสาทตาเมือนธมปิดแล้วปิดเลย เขมรอยากขึ้นมาต้องใช้วีซ่า-พาสปอร์ต เรื่องในอดีตไม่ขอวิจารณ์ อาจเป็นช่วงความสัมพันธ์ที่ดีหยวนๆ กัน พร้อมเผย 2 วิธีทวงคืนปราสาทพระวิหาร ย้ำยึดภูมะเขือเพราะอยู่ในอธิปไตยไทย แม้มีผู้ใหญ่ถามรุกแผ่นดินเขาหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000083965

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    มทภ.2 ย้ำรั้วลวดหนามคืออาณาเขตไทย จะอยู่ชั่วกัลปาวสาน ปราสาทตาเมือนธมปิดแล้วปิดเลย เขมรอยากขึ้นมาต้องใช้วีซ่า-พาสปอร์ต เรื่องในอดีตไม่ขอวิจารณ์ อาจเป็นช่วงความสัมพันธ์ที่ดีหยวนๆ กัน พร้อมเผย 2 วิธีทวงคืนปราสาทพระวิหาร ย้ำยึดภูมะเขือเพราะอยู่ในอธิปไตยไทย แม้มีผู้ใหญ่ถามรุกแผ่นดินเขาหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000083965 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 463 Views 0 Reviews
  • กำลังใจสำคัญมาก,เสมือนสะท้อนไปถึงทั้งกองทัพว่าประเทศไทยและประชาชนคนไทยเราไม่ทิ้งทหารไทยเราทุกๆคน.,และจะปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นทั่วอาณาเขตไทยที่กำลังพลที่มีหน้าที่รับผิดชอบนี้ต่อสู้เพื่อชาติไทยเรา แผ่นดินไทยเรา จะเกิดที่ภาคเหนือภาคใต้ตะวันออกตะวันตกอีสานเหนือหรือของจริงที่อีสานใต้เรา..คนไทยจะไม่ทิ้งครอบครัวทหารหาญเราที่เสียสละชีพเพื่อชาติเพื่อประชาชนคนในประเทศไทยเราทั้งหมด,จะต้องไม่เหี้ยแบบการปกครองยุคในอดีตผู้นำผู้ปกครองยุคในอดีตที่รังแกทหารไทยมากอย่างยาวนาน.,ด้อยค่ามองข้ามก็ได้,หรือสนใจน้อยเกินไปนั้นเอง.

    https://youtube.com/shorts/4gcjUqhwDGg?si=EN3B8Uu21fU2T8MZ
    กำลังใจสำคัญมาก,เสมือนสะท้อนไปถึงทั้งกองทัพว่าประเทศไทยและประชาชนคนไทยเราไม่ทิ้งทหารไทยเราทุกๆคน.,และจะปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นทั่วอาณาเขตไทยที่กำลังพลที่มีหน้าที่รับผิดชอบนี้ต่อสู้เพื่อชาติไทยเรา แผ่นดินไทยเรา จะเกิดที่ภาคเหนือภาคใต้ตะวันออกตะวันตกอีสานเหนือหรือของจริงที่อีสานใต้เรา..คนไทยจะไม่ทิ้งครอบครัวทหารหาญเราที่เสียสละชีพเพื่อชาติเพื่อประชาชนคนในประเทศไทยเราทั้งหมด,จะต้องไม่เหี้ยแบบการปกครองยุคในอดีตผู้นำผู้ปกครองยุคในอดีตที่รังแกทหารไทยมากอย่างยาวนาน.,ด้อยค่ามองข้ามก็ได้,หรือสนใจน้อยเกินไปนั้นเอง. https://youtube.com/shorts/4gcjUqhwDGg?si=EN3B8Uu21fU2T8MZ
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านโอดอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็ว เข้าไปทำกินในพื้นที่ตัวเองไม่ได้ ด้าน กต.ยืนยันอยู่ในอาณาเขตของไทย เคยยื่นหนังสือประท้วงหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080251

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านโอดอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็ว เข้าไปทำกินในพื้นที่ตัวเองไม่ได้ ด้าน กต.ยืนยันอยู่ในอาณาเขตของไทย เคยยื่นหนังสือประท้วงหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080251 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 545 Views 0 Reviews
  • กัมพูชาใช้ชาวบ้าน รุกล้ำอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE]

    พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยกรณีชาวกัมพูชาร้องเรียนเรื่องการวางรั้วลวดหนามของทหารไทยบริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว อ้างว่าเป็นดินแดนของตน แท้จริงเป็นอาณาเขตของไทย รอยต่อแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 โดยในอดีตเมื่อเกิดสงครามภายในกัมพูชา พ.ศ.2520 รัฐบาลไทยให้ราษฎรกัมพูชาอพยพมาอยู่ในเขตไทยชั่วคราว เพื่อแสดงน้ำใจ แต่เมื่อกลับสู่ภาวะปกติ ราษฎรกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมกลับประเทศ การตั้งแนวรั้วลวดหนามเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กำลังพล ป้องกันการลักลอบเข้ามาใช้ทุ่นระเบิดทำร้ายฝ่ายไทย พบ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ์ สนับสนุนให้ราษฎรสร้างถิ่นฐานถาวร มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทหาร มีการวางแผนเป็นระบบ หากไทยดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด จะนำไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือไทย เพื่อขอความเห็นใจสังคมโลกอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

    -ตรวจระเบิดแล้วกว่า 800 จุด

    -ไม่ต้องซื้อโหวต 10 กิโล

    -เร่งแก้กฎหมายอี-โดเนชัน

    -กัมพูชาสวมรอยสินค้าไทย
    กัมพูชาใช้ชาวบ้าน รุกล้ำอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE] พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยกรณีชาวกัมพูชาร้องเรียนเรื่องการวางรั้วลวดหนามของทหารไทยบริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว อ้างว่าเป็นดินแดนของตน แท้จริงเป็นอาณาเขตของไทย รอยต่อแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 โดยในอดีตเมื่อเกิดสงครามภายในกัมพูชา พ.ศ.2520 รัฐบาลไทยให้ราษฎรกัมพูชาอพยพมาอยู่ในเขตไทยชั่วคราว เพื่อแสดงน้ำใจ แต่เมื่อกลับสู่ภาวะปกติ ราษฎรกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมกลับประเทศ การตั้งแนวรั้วลวดหนามเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กำลังพล ป้องกันการลักลอบเข้ามาใช้ทุ่นระเบิดทำร้ายฝ่ายไทย พบ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ์ สนับสนุนให้ราษฎรสร้างถิ่นฐานถาวร มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทหาร มีการวางแผนเป็นระบบ หากไทยดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด จะนำไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือไทย เพื่อขอความเห็นใจสังคมโลกอย่างที่เห็นในปัจจุบัน -ตรวจระเบิดแล้วกว่า 800 จุด -ไม่ต้องซื้อโหวต 10 กิโล -เร่งแก้กฎหมายอี-โดเนชัน -กัมพูชาสวมรอยสินค้าไทย
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 483 Views 0 0 Reviews
  • #หมาหวงกระดูกประจำภาคตะวันออกเครื่องตัดหัวหมาต้องมีของท่านเปา.
    ..คณะยามเฝ้าแผ่นดินเราหรืออาสนธิฟ้องแม่ทัพภาค1เลยฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่บวก119ด้วย.หลักฐานชัดเจนมากจาก อ.วีระตรึมและกูรูคนเก่งทั่วไทยเรา,แบบชาวขอนแก่นฟ้องภูมิธรรม,ยื่นทั่วไทยเดินขึ้นศาลทั่วแต่ละจังหวัดคนละกรรมคนละบท ฟ้องนายพลทั้งอดีตถึงปัจจุบันด้วย คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราต้องออกมาสนับสนุนแสดงจุดยืนร่วมกันและเปิดเผยบนเวทีในที่สาธารณะด้วยเลย เพราะความจริงค่าจริงทั้งนั้น,คนชั่วเลวต้องไม่มีที่ยืนบนแผ่นดินไทยเราอีกต่อไป,,จริงๆเห็นความผิดปกตินี้แปลกๆก็ว่า,ผีบ้าอะไรเขายึดถีบยิงสนั่นตรึมผลักเขมร ยึดคืนทุกๆยุทธวิถี,หนองจานเสือกเงียบผิดปกติ เข้าใจว่าคงยึดได้เหมือนแม่ทัพภาค2 ผลักดันเขมรออกไปหมดแบบสะดวกง่ายๆไม่ลำบากแบบอีสานใต้เพราะแนวราบไร้ภูเขาอะไร ,หลักเขตแดนก็ทำชัดเจนหมด,ลุกล้ำมาก็ผลักดันง่าย ทหารเขมรเห็นชัดว่าผิดตามแนวหลักเขตแดน จะมามุกแบบอีสานใต้ไม่ได้,ตลอดพรมแดนหลัก28ถึง50หรือ73ต้องห้ามคนเขมรยืนเหยียบพื้นที่ทุกๆตารางนิ้วในเวลานี้,กฎเจรจาหยุดยิงใช้ไม่ได้ด้วยเพราะเขตแดนไทยชัดเจน เขมรต้องออกจากพื้นที่ไทยอย่างเดียวเพราะถือว่ายืนลุกล้ำบนอาณาเขตไทย ภาค1ต้องถีบเขมรออกไปทั้งหมด รั้วลวดหนามก็ต้องเร่งรีบวางรั้วลวดหนามตามเขตหลักเสาแดนที่ชัดเจนนั้น อาจติดเสา บวกลบไม่เกิน1เมตรได้เข้ามาฝั่งดินแดนตนมิใช่ผีบ้าปัญญาอ่อนเสือกนั่งในราชการทหารได้แบบนั้นไม่วางรั้วลวดหนามโคตรพ่อโคตรแมร่งบรมโคตรมรึงเหรอห่างจากหลักเสาหลักเขตแดนกว่า500เมตรตามอาสนธิกล่าว.,นี้โทษประหารชัดเจน มีเจตนาชัดเจนหมายมุ่งประสงค์ให้ประเทศไทยตนสูญเสียดินแดนอธิปไตยไทยไป,ทุกๆคนที่บัญชาการสั่งการและเกี่ยวข้องมีความผิดต่ออธิปไตยชาติและกฎทหารชัดเจนมาก,คณะประชาชนคนไทยที่รักชาติบ้านเมืองแบบชาวขอนแก่นที่ฟ้องศาลต่อภูมิธรรม น่าจะสามารถฟ้องดำเนินคดีพวกทหารชั่วเลวนี้ได้ด้วย,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยและยามเฝ้าแผ่นดินเราก็น่าจะนำทีมคณะทนายสภาแห่งชาติยื่นฟ้องศาลไว้ก่อนด้วยเลย,สภาทนายความประเทศไทยมีไว้ทำไม,ถ้าเห็นขนาดนี้ไม่ทำหน้าที่ทนายของประเทศก็ยุบไปเถอะ,ตั้งขึ้นใหม่ว่าเพื่อออกใบอนุญาตให้คนเป็นทนายเท่านั่นก็พอ,รกประเทศ.
    #หมาหวงกระดูกประจำภาคตะวันออกเครื่องตัดหัวหมาต้องมีของท่านเปา. ..คณะยามเฝ้าแผ่นดินเราหรืออาสนธิฟ้องแม่ทัพภาค1เลยฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่บวก119ด้วย.หลักฐานชัดเจนมากจาก อ.วีระตรึมและกูรูคนเก่งทั่วไทยเรา,แบบชาวขอนแก่นฟ้องภูมิธรรม,ยื่นทั่วไทยเดินขึ้นศาลทั่วแต่ละจังหวัดคนละกรรมคนละบท ฟ้องนายพลทั้งอดีตถึงปัจจุบันด้วย คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราต้องออกมาสนับสนุนแสดงจุดยืนร่วมกันและเปิดเผยบนเวทีในที่สาธารณะด้วยเลย เพราะความจริงค่าจริงทั้งนั้น,คนชั่วเลวต้องไม่มีที่ยืนบนแผ่นดินไทยเราอีกต่อไป,,จริงๆเห็นความผิดปกตินี้แปลกๆก็ว่า,ผีบ้าอะไรเขายึดถีบยิงสนั่นตรึมผลักเขมร ยึดคืนทุกๆยุทธวิถี,หนองจานเสือกเงียบผิดปกติ เข้าใจว่าคงยึดได้เหมือนแม่ทัพภาค2 ผลักดันเขมรออกไปหมดแบบสะดวกง่ายๆไม่ลำบากแบบอีสานใต้เพราะแนวราบไร้ภูเขาอะไร ,หลักเขตแดนก็ทำชัดเจนหมด,ลุกล้ำมาก็ผลักดันง่าย ทหารเขมรเห็นชัดว่าผิดตามแนวหลักเขตแดน จะมามุกแบบอีสานใต้ไม่ได้,ตลอดพรมแดนหลัก28ถึง50หรือ73ต้องห้ามคนเขมรยืนเหยียบพื้นที่ทุกๆตารางนิ้วในเวลานี้,กฎเจรจาหยุดยิงใช้ไม่ได้ด้วยเพราะเขตแดนไทยชัดเจน เขมรต้องออกจากพื้นที่ไทยอย่างเดียวเพราะถือว่ายืนลุกล้ำบนอาณาเขตไทย ภาค1ต้องถีบเขมรออกไปทั้งหมด รั้วลวดหนามก็ต้องเร่งรีบวางรั้วลวดหนามตามเขตหลักเสาแดนที่ชัดเจนนั้น อาจติดเสา บวกลบไม่เกิน1เมตรได้เข้ามาฝั่งดินแดนตนมิใช่ผีบ้าปัญญาอ่อนเสือกนั่งในราชการทหารได้แบบนั้นไม่วางรั้วลวดหนามโคตรพ่อโคตรแมร่งบรมโคตรมรึงเหรอห่างจากหลักเสาหลักเขตแดนกว่า500เมตรตามอาสนธิกล่าว.,นี้โทษประหารชัดเจน มีเจตนาชัดเจนหมายมุ่งประสงค์ให้ประเทศไทยตนสูญเสียดินแดนอธิปไตยไทยไป,ทุกๆคนที่บัญชาการสั่งการและเกี่ยวข้องมีความผิดต่ออธิปไตยชาติและกฎทหารชัดเจนมาก,คณะประชาชนคนไทยที่รักชาติบ้านเมืองแบบชาวขอนแก่นที่ฟ้องศาลต่อภูมิธรรม น่าจะสามารถฟ้องดำเนินคดีพวกทหารชั่วเลวนี้ได้ด้วย,คณะรวมพลังแผ่นดินไทยและยามเฝ้าแผ่นดินเราก็น่าจะนำทีมคณะทนายสภาแห่งชาติยื่นฟ้องศาลไว้ก่อนด้วยเลย,สภาทนายความประเทศไทยมีไว้ทำไม,ถ้าเห็นขนาดนี้ไม่ทำหน้าที่ทนายของประเทศก็ยุบไปเถอะ,ตั้งขึ้นใหม่ว่าเพื่อออกใบอนุญาตให้คนเป็นทนายเท่านั่นก็พอ,รกประเทศ.
    สนธิเล่าเรื่อง 18-8-68

    คลิก https://m.youtube.com/watch?v=OuGhcEyX39k
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews

  • ตอน 18
    อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ
    และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว
    จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ
    คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น
    มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ
    จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น
    อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ
    ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม!
    หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก
    พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ
    แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย
    ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร
    ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ
    แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก)
    มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ…
    แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง!
    ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย
    ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ
    บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่
    แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก
    คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ
    คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ
    ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด
    แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ
    แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม
    แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง
    พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก

    คนเล่านิทาน
     ตอน 18 อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม! หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก) มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ… แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง! ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่ แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 589 Views 0 Reviews
  • ตอน 17
    ปลายปี พ.ศ.2552/ค.ศ.2009 มีรายงานของทูตอเมริกันในไทยระบุว่า เป็นครั้งแรกที่จิ๊กโก๋๋เสียตำแหน่งThailand ‘s top export ให้แก่จีน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จิ๊กโก๋๋ครองมาอยู่หลายสิบปี และเป็นไปได้ว่า ปีหน้าอาเฮียก็จะได้ตำแหน่งนี้ต่อไป….หน้าแตกละซิ
    ตัวเลขส่งออกของไทยกับอาเฮีย ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 115%
    ตัวเลขส่งออกของไทย กับสหรัฐ ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.56 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13%
    และมีที่ท่าว่า ตัวเลขการเพิ่มขึ้น ระหว่างจีนกับสหรัฐ จะห่างกันมากขึ้น มากขึ้น ทุกปี ที่ปวดกระดอง จิ๊กโก๋๋ หนักเข้าไปอีกคือ รมว คลัง และผู้ว่า ธปท. ของไทยสมัยนั้น ต่างก็ชื่นชมยินดีกับการค้าขายกับจีน ว่า เป็นไปด้วยสันถวไมตรีอันดียิ่ง
    นอกเหนือจากเรื่องค้าขาย (ทุน) แล้ว เรื่องอำนาจ ก็ทำท่าจะแผ่ว
    ช่วงที่เกิดรัฐประหาร ในไทยปี พ.ศ. 2549 /ค.ศ.2006 อเมริกาก็ทำโทษไทย ยกเลิก การเงินทุนสนับ สนุน ทางทหารทุกรายการ เป็นจำนวน 24 ล้านเหรียญ
    พอเห็นสมันน้อย คอตกเพราะถูกพี่เบิ้มทำโทษ อาเฮียก็ถลามาปลอบใจ ให้สินเชื่อช่วยเหลือแก่กองทัพไทย จำนวน 49 ล้านเหรียญ
    การเอาใจสมันน้อยของจีน เป็นที่ฮือฮากัน ถึงขนาดได้ยินไปถึงหูพี่เบิ้มว่า ทหารใหญ่ท่านหนึ่งของไทย (อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะ ตอนนี้รู้สึก มีคนอยากชวนไปเที่ยวหลายคนแล้ว!) บอกว่า คุยกับจีนสบายใจกว่าอเมริกาที่เอาแต่พูดเรื่องที่ตัวสนใจเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมประชาธิปไตย
    นี่ ยังไม่นับ เรื่องการซื้ออาวุธที่สมันน้อย ทำเป็นลืมสัญญา ไปจับมือกับเจ้าอื่นแทน ช่วงที่พี่เบิ้มตัดทุนสนับสนุน แหม เรื่องมัน เดิมๆ ซ้ำซาก แล้วยังงี้ จิ๊กโก๋๋จะทนทำเฉย ไหวหรือ
    รู้จักภูมิศาสตร์ของจีนก่อน นักอ่านนิทานครับ จะอ่านนิทานตอนนี้ให้ภาพชัด ต้องไปหาแผนที่มาดูประกอบ
    จีนตั้งอยู่บนเอเซียตะวันออก ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่บนบกใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (ใครเป็นอันดับ 1 ไปเปิดกูเกิลหาเอาเอง) มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอื่นๆ 14 ประเทศได้แก่ เวียตนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฐาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ
    เอ แล้วไม่เห็นมันติดกับไทยแลนด์ตรงไหนเลยนี่ แล้วพวกจิ๊กโก๋๋จะเข้าไปล่วงตับจีนผ่านไทยได้ยังไงหว่า น่าสงสัยนะ
    ก็น่าสงสัยอยู่หรอก ถ้ามัวแต่ดูข่าวจากช่องที่ถนัดแต่ เอาละคร เรื่องคุณชาย เรื่องแม่ลำยง ลำยอง มาเล่นฯลฯ มันจะไปรู้ได้ยังไง ต้องอ่านนิทานของเรานี่แหละ ถึงจะได้เห็นโลกกว้าง ทางลึกกันบ้าง
    กลับมาดูประเทศไทย อาณาเขตติดกับประเทศอะไรบ้าง อันนี้ถ้าไม่รู้ เลิกเล่านิทานจริงๆ นะ ลองถามตัวเองดู หลังจากเห็นภูมิศาสตร์อาณาเขตประเทศจีน และประเทศไทยดูแล้ว ทำไมสหรัฐถึงจำเป็นต้องมานั่งประทับทรงอยู่ในไทยแลนด์
    ย้อนดูจีนอีกที ไอ้14 ประเทศที่ติดกับจีนน่ะ มีส่วนที่ติดกับ พวกแก๊ง BRICS คือ อินเดีย รัสเซีย และจิ๊กโก๋๋ที่ตัวเล็ก แต่พูดกันไม่รู้เรื่องคือเกาหลีเหนือ อยู่ด้วย
    เพราะฉะนั้น ไปยุ่งกับประเทศแถวนั้นเขาได้ไหม หาเรื่องใส่ตัว เอาพวกที่ที่เหลือที่ปั่นหัวง่ายไม่ ดีหรือ ก็คือ เวียตนาม ลาว พม่า ลาวนั้นอเมริกาครอบงำ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม แล้วไม่เคยปล่อยฝาครอบอีกเลย แทรกแซงตะแบงอุ้มสารพัด จนทุกวันนี้ยังตามเรื่องลาวอพยพ หรือมั้ง ที่อเมริกามาฝากไทยดูแลไว้ ตั้งแต่หลังสงครามเวียตนาม ก็ยังไม่จบสิ้น ขณะนี้พวกม้ง อพยพนี้ ขึ้นกับใครเป็นภาระของใคร ต้องไปถาม กอ.รมน.
    ส่วนเวียตนามนั้น มันก็เหลือเชื่อ จากที่รบกันจะเป็นจะตาย ฉิบหายกระเป๋าฉีกบ้านช่องวินาศสันตะโรกันไปค่อนโลกกว่า 15 ปี ตอนนี้หันมาจูบปากค้าขายกันเรียบร้อย แล้วพวกเราไม่สงสัยกันบ้างหรือจ้ะว่ามันอะไรกัน รบจริง รักจริง
    แบบนี้พวกสมันน้อยไม่ทันเขาหร๊อก! หมดห่วงเรื่องลาวกับเวียตนาม ก็เหลือพม่า
    เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่อเมริกาเริ่มจะกลับมาภูมิภาคนี้ เพื่อมาเฝ้าระวังจีน หนทางที่จะเข้าพม่าไม่มีเลย คุณน้าอองซานได้แต่เอาดอกไม้แซมผม นั่งเอี้ยมเฟี้ยมถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วจิ๊กโก๋๋จะไปคุยกับใคร
    อ้า! มาแล้ว งั้นก็ต้องคุยกับไทยแลนด์ ที่มีดินแดนติดทั้ง เขมร ลาว และพม่าไง เข้าใจหรือยัง ย้อนไปอ่านตอนต้น ที่เล่าสมัยเหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็เหมือนกันเป๊ะ
    ไอ้จิ๊กโก๋๋รุ่นเก๋า อังกฤษ ฝรั่งเศส คิดยังไง ทำยังไง จิ๊กโก๋๋รุ่นใหม่ ก็คิดเหมือนเดิมนั่นแหละ ก็บอกแล้ว มัน3 เกลอหัวแข็ง ผลัดกันเล่น ผลัดกันตี ลืมไปแล้วหรือไร ไม่มีอะไรแปลกใหม่
    ถ้าอเมริกามาประทับทรงคุมทุกอย่างในไทยแลนด์ได้เหมือนเดิม การจะจับตามอง ส่องกล้องดูอาเฮีย ขยับแข้งรำมวยจีน มันก็ไม่น่ามีปัญหา อาเฮียก็ต้องคิดหนักนะ อย่าลืมเรื่องมณฑลยูนาน ดอยตุง ดาวเทียมไทยคม อู่ตะเภา 4 เรื่องนี่มันเกี่ยวกันนะ เล่ามากกว่านี้เดี๋ยวถูกจับ
    เมื่อปี ค.ศ.1999 สมัยรัฐบาลบุช (Bush) ตัวพ่อ อเมริกาเห็นจีนเริ่มโต ชักไม่พอใจ แต่ตัวเองกำลังกระเป๋าแฟบ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังอยากต้มให้จีนมาลงทุนใช้เป็นตลาด เพราะฉะนั้น นโยบายสหรัฐกับจีน ช่วงนั้นก็ยังเป็นคบๆ ค้าๆ อะไรทำนองนั้น แต่ภาษาการทูตของเขาก็บอกเฝ้าระวัง ช่างใช้คำพูดจริง
    ผ่านไป 10 ปี อาเฮีย รัศมีเงินจับ มีพลเมืองเป็นเศรษฐีเพิ่มขึ้น จนพวกหัวทองชักอิจฉาเปลี่ยนจากตาสีฟ้าเป็นตาสีเขียว อาเฮียเริ่มสร้างบ้าน แปลงเมือง ปรับปรุงกองทัพ พัฒนาการกว้างไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้
    แล้วจิ๊กโก๋๋จะทนได้ไง แบบนี้ไอ้คบๆ ค้าๆ มันก็ต้องเปลี่ยนเป็น ค้าๆ คุมๆ ยิ่งวันก็ยิ่งหนักไปทางคุมเข้ม นโยบายสูตร containment ก็เริ่มเข้มขึ้นเพราะฉะนั้น แค่เอาพวกมาฝึกคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) กับไทยแลนด์เฉยๆ น่ะ มันถ้าจะไม่พอแล้วมั้ง

    คนเล่านิทาน
    ตอน 17 ปลายปี พ.ศ.2552/ค.ศ.2009 มีรายงานของทูตอเมริกันในไทยระบุว่า เป็นครั้งแรกที่จิ๊กโก๋๋เสียตำแหน่งThailand ‘s top export ให้แก่จีน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จิ๊กโก๋๋ครองมาอยู่หลายสิบปี และเป็นไปได้ว่า ปีหน้าอาเฮียก็จะได้ตำแหน่งนี้ต่อไป….หน้าแตกละซิ ตัวเลขส่งออกของไทยกับอาเฮีย ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 115% ตัวเลขส่งออกของไทย กับสหรัฐ ในปีนั้น เป็นจำนวน 1.56 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% และมีที่ท่าว่า ตัวเลขการเพิ่มขึ้น ระหว่างจีนกับสหรัฐ จะห่างกันมากขึ้น มากขึ้น ทุกปี ที่ปวดกระดอง จิ๊กโก๋๋ หนักเข้าไปอีกคือ รมว คลัง และผู้ว่า ธปท. ของไทยสมัยนั้น ต่างก็ชื่นชมยินดีกับการค้าขายกับจีน ว่า เป็นไปด้วยสันถวไมตรีอันดียิ่ง นอกเหนือจากเรื่องค้าขาย (ทุน) แล้ว เรื่องอำนาจ ก็ทำท่าจะแผ่ว ช่วงที่เกิดรัฐประหาร ในไทยปี พ.ศ. 2549 /ค.ศ.2006 อเมริกาก็ทำโทษไทย ยกเลิก การเงินทุนสนับ สนุน ทางทหารทุกรายการ เป็นจำนวน 24 ล้านเหรียญ พอเห็นสมันน้อย คอตกเพราะถูกพี่เบิ้มทำโทษ อาเฮียก็ถลามาปลอบใจ ให้สินเชื่อช่วยเหลือแก่กองทัพไทย จำนวน 49 ล้านเหรียญ การเอาใจสมันน้อยของจีน เป็นที่ฮือฮากัน ถึงขนาดได้ยินไปถึงหูพี่เบิ้มว่า ทหารใหญ่ท่านหนึ่งของไทย (อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยนะ ตอนนี้รู้สึก มีคนอยากชวนไปเที่ยวหลายคนแล้ว!) บอกว่า คุยกับจีนสบายใจกว่าอเมริกาที่เอาแต่พูดเรื่องที่ตัวสนใจเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมประชาธิปไตย นี่ ยังไม่นับ เรื่องการซื้ออาวุธที่สมันน้อย ทำเป็นลืมสัญญา ไปจับมือกับเจ้าอื่นแทน ช่วงที่พี่เบิ้มตัดทุนสนับสนุน แหม เรื่องมัน เดิมๆ ซ้ำซาก แล้วยังงี้ จิ๊กโก๋๋จะทนทำเฉย ไหวหรือ รู้จักภูมิศาสตร์ของจีนก่อน นักอ่านนิทานครับ จะอ่านนิทานตอนนี้ให้ภาพชัด ต้องไปหาแผนที่มาดูประกอบ จีนตั้งอยู่บนเอเซียตะวันออก ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่บนบกใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (ใครเป็นอันดับ 1 ไปเปิดกูเกิลหาเอาเอง) มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศอื่นๆ 14 ประเทศได้แก่ เวียตนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฐาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ เอ แล้วไม่เห็นมันติดกับไทยแลนด์ตรงไหนเลยนี่ แล้วพวกจิ๊กโก๋๋จะเข้าไปล่วงตับจีนผ่านไทยได้ยังไงหว่า น่าสงสัยนะ ก็น่าสงสัยอยู่หรอก ถ้ามัวแต่ดูข่าวจากช่องที่ถนัดแต่ เอาละคร เรื่องคุณชาย เรื่องแม่ลำยง ลำยอง มาเล่นฯลฯ มันจะไปรู้ได้ยังไง ต้องอ่านนิทานของเรานี่แหละ ถึงจะได้เห็นโลกกว้าง ทางลึกกันบ้าง กลับมาดูประเทศไทย อาณาเขตติดกับประเทศอะไรบ้าง อันนี้ถ้าไม่รู้ เลิกเล่านิทานจริงๆ นะ ลองถามตัวเองดู หลังจากเห็นภูมิศาสตร์อาณาเขตประเทศจีน และประเทศไทยดูแล้ว ทำไมสหรัฐถึงจำเป็นต้องมานั่งประทับทรงอยู่ในไทยแลนด์ ย้อนดูจีนอีกที ไอ้14 ประเทศที่ติดกับจีนน่ะ มีส่วนที่ติดกับ พวกแก๊ง BRICS คือ อินเดีย รัสเซีย และจิ๊กโก๋๋ที่ตัวเล็ก แต่พูดกันไม่รู้เรื่องคือเกาหลีเหนือ อยู่ด้วย เพราะฉะนั้น ไปยุ่งกับประเทศแถวนั้นเขาได้ไหม หาเรื่องใส่ตัว เอาพวกที่ที่เหลือที่ปั่นหัวง่ายไม่ ดีหรือ ก็คือ เวียตนาม ลาว พม่า ลาวนั้นอเมริกาครอบงำ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม แล้วไม่เคยปล่อยฝาครอบอีกเลย แทรกแซงตะแบงอุ้มสารพัด จนทุกวันนี้ยังตามเรื่องลาวอพยพ หรือมั้ง ที่อเมริกามาฝากไทยดูแลไว้ ตั้งแต่หลังสงครามเวียตนาม ก็ยังไม่จบสิ้น ขณะนี้พวกม้ง อพยพนี้ ขึ้นกับใครเป็นภาระของใคร ต้องไปถาม กอ.รมน. ส่วนเวียตนามนั้น มันก็เหลือเชื่อ จากที่รบกันจะเป็นจะตาย ฉิบหายกระเป๋าฉีกบ้านช่องวินาศสันตะโรกันไปค่อนโลกกว่า 15 ปี ตอนนี้หันมาจูบปากค้าขายกันเรียบร้อย แล้วพวกเราไม่สงสัยกันบ้างหรือจ้ะว่ามันอะไรกัน รบจริง รักจริง แบบนี้พวกสมันน้อยไม่ทันเขาหร๊อก! หมดห่วงเรื่องลาวกับเวียตนาม ก็เหลือพม่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่อเมริกาเริ่มจะกลับมาภูมิภาคนี้ เพื่อมาเฝ้าระวังจีน หนทางที่จะเข้าพม่าไม่มีเลย คุณน้าอองซานได้แต่เอาดอกไม้แซมผม นั่งเอี้ยมเฟี้ยมถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วจิ๊กโก๋๋จะไปคุยกับใคร อ้า! มาแล้ว งั้นก็ต้องคุยกับไทยแลนด์ ที่มีดินแดนติดทั้ง เขมร ลาว และพม่าไง เข้าใจหรือยัง ย้อนไปอ่านตอนต้น ที่เล่าสมัยเหตุการณ์ ร.ศ.112 ก็เหมือนกันเป๊ะ ไอ้จิ๊กโก๋๋รุ่นเก๋า อังกฤษ ฝรั่งเศส คิดยังไง ทำยังไง จิ๊กโก๋๋รุ่นใหม่ ก็คิดเหมือนเดิมนั่นแหละ ก็บอกแล้ว มัน3 เกลอหัวแข็ง ผลัดกันเล่น ผลัดกันตี ลืมไปแล้วหรือไร ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ถ้าอเมริกามาประทับทรงคุมทุกอย่างในไทยแลนด์ได้เหมือนเดิม การจะจับตามอง ส่องกล้องดูอาเฮีย ขยับแข้งรำมวยจีน มันก็ไม่น่ามีปัญหา อาเฮียก็ต้องคิดหนักนะ อย่าลืมเรื่องมณฑลยูนาน ดอยตุง ดาวเทียมไทยคม อู่ตะเภา 4 เรื่องนี่มันเกี่ยวกันนะ เล่ามากกว่านี้เดี๋ยวถูกจับ เมื่อปี ค.ศ.1999 สมัยรัฐบาลบุช (Bush) ตัวพ่อ อเมริกาเห็นจีนเริ่มโต ชักไม่พอใจ แต่ตัวเองกำลังกระเป๋าแฟบ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังอยากต้มให้จีนมาลงทุนใช้เป็นตลาด เพราะฉะนั้น นโยบายสหรัฐกับจีน ช่วงนั้นก็ยังเป็นคบๆ ค้าๆ อะไรทำนองนั้น แต่ภาษาการทูตของเขาก็บอกเฝ้าระวัง ช่างใช้คำพูดจริง ผ่านไป 10 ปี อาเฮีย รัศมีเงินจับ มีพลเมืองเป็นเศรษฐีเพิ่มขึ้น จนพวกหัวทองชักอิจฉาเปลี่ยนจากตาสีฟ้าเป็นตาสีเขียว อาเฮียเริ่มสร้างบ้าน แปลงเมือง ปรับปรุงกองทัพ พัฒนาการกว้างไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ แล้วจิ๊กโก๋๋จะทนได้ไง แบบนี้ไอ้คบๆ ค้าๆ มันก็ต้องเปลี่ยนเป็น ค้าๆ คุมๆ ยิ่งวันก็ยิ่งหนักไปทางคุมเข้ม นโยบายสูตร containment ก็เริ่มเข้มขึ้นเพราะฉะนั้น แค่เอาพวกมาฝึกคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) กับไทยแลนด์เฉยๆ น่ะ มันถ้าจะไม่พอแล้วมั้ง คนเล่านิทาน
    2 Comments 0 Shares 472 Views 0 Reviews
  • ตอน 14
    เล่าเรื่องชาว บ้านซะหลายมื้อ กลับเข้ามาบ้านเราต่อดีกว่า เดี๋ยวท่านผู้อ่านจะงง มันจะเล่าเรื่องอะไรกันแน่นะ ก็แหมมันต้องให้เห็นภาพ บอกแล้วอย่าดูแต่สิ่งที่เห็นข้างหน้าอย่างเดียว หัดมองภาพกว้าง ภาพลึก 3 มิติบ้าง
    จิ๊กโก๋๋ไปหากินอยู่ซอยอื่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 จนเดี๋ยวนี้ยังพล่านอยู่ เพราะฉะนั้นตั้งแต่รัฐบาลคุณป๋าจ๊อกกี้ จนมาถึงคุณน้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ บ้านเราจึงแบ่งกันกินแย่งกันกัด โดยไม่มีจิ๊กโก๋๋ต่างถิ่นมาขัดคอ
    มาเกิดเหตุบังเอิญ ตอนคุณน้าขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ แกจัดงานเลี้ยงบุพเฟ่ต์บ่อยไปหน่อย แถมอาหารแต่ละจาน มันก็มีพวกจิ๊กโก๋๋อยากร่วมวงรับประทานกินด้วย เรื่องบังเอิญมันถึงได้เกิด ไทยแลนด์แดนสยาม จึงมีนายกชื่อ คุณน้านัน จำได้ใช่ไหมครับ
    พอคุณน้านันเป็นนายก นอกจากจะจัดสรรเมนูอาหารให้ถูกปากแล้ว รัฐบาลคุณน้านัน ยังเป็นรัฐบาลที่ออกกฎหมาย เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ธุรกรรมการเงิน อีกมากมาย รวมทั้งการเปิดเสรีทางการเงินอีกด้วย พร้อมทั้งจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญและเลือกตั้งใหม่ เราต้องเป็นประชาธิปไตย เราต้องมีธรรมาภิบาล ฯลฯ นโยบายของคุณน้านันนี่ ถ้าไม่เขียนออกมาเป็นภาษาไทยว่า นโยบายนายกอานันท์นี่ เผลอๆ ท่านผู้อ่านจะนึกว่ากำลังอ่าน Doctrine ต่างๆ ของพี่เบิ้มอเมริกา
    เลือกตั้งแล้ว เราก็ได้รัฐบาลปี๋ชวนเชื่องช้า รัฐบาลป๋าเติ้งปลาโหลตัวสั้นแลบลิ้นแผล็บๆ รัฐบาลน้าจิ๋วจอมมั่ว แล้วก็กลับมาปี๋ชวนเชื่องช้าอีก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนสมัยรัฐบาลทหาร พอเป็นรัฐบาลพลเรือน ก็ไม่ต่างกัน แบ่งกันกินแย่งกันกัดเหมือนเดิม
    แล้วไง จิ๊กโก๋๋ก็ยังไปวุ่นอยู่ซอยอื่น เพราะคิดว่า สมันน้อยมันเหลือแต่กระดูกแล้ว ไม่มีความหมายแล้ว สมันแดนอื่นมันน่าหม่ำกว่าแยะ
    พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997) ช่วงรัฐบาลน้าจิ๋วจอมมั่ว เป็นนายก บริหารเก่งจนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ดังไปทั่วโลก น้อยใจยุบสภากลับบ้าน ไปนอนซบน้าเครือตู้ทองเคลื่อนที่ดีกว่า ปี๋ชวนเชื่องช้ากลับเข้ามาเป็นรัฐบาล ไทยแลนด์กระเป๋าฉีกขาดกระจุย เงินคงคลังเหลือแต่คลัง ไม่มีเงินคงเหลือ อ้ายน้อยธารินทร์รมว.คลังที่ทุกคนรอคอยยังกะเทวดามาโปรด นักเรียนเก่าฮาร์วาร์ด บอกอย่ากระนั้นเลย เราต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าสถาบันเดียวกัน จิ๊กโก๋๋แถววอชิงตันน่าจะช่วยเราได้
    เป็นไปตามคาด (ไม่รู้ใครคาด) จิ๊กโก๋๋วอชิงตันบอกเสียใจนะ อ้ายน้อย ไอให้ยูยืมเงินไม่ได้หรอก แต่ไอก็ไม่ทิ้งยู ยูไปเข้าโปรแกรม IMF ล่ะกันนะ ไอจะแนะนำไปให้ อ้ายน้อยเดินหน้าขรึมกลับบ้าน บอกปี๋ชวน เขาช่วยเราโดยให้ไปกู้ IMF 5 5 5
    เงินกู้ IMF มาพร้อมกับเงื่อนไข 508 ประการ เช่นการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ที่สำคัญเกิด ปรากฏการณ์ปิด 56 ไฟแนนซ์ (เบื้องหลังการปิดไฟแนนซ์นี่ ถ้าจะต้องไปตามอ่านจากเพจคุณThanong Fanclub น่าจะดีกว่า!)
    เจ้าสัวทั้งหลายแทบจะเดินเอากระจาดปิดก้นกันเป็นแถว พ่อค้าจีนไทยเจ๊ง ตลาดหุ้นเจ๊ง ธุรกิจพัง อสังหาริม ทรัพย์ร้าง ขนาดอาเฮียนักการเงินเดินหน้าแห้งบอก ตูไปขายแซนด์วิชดีกว่า
    อืม เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เขียนเหมือนสนุก แต่มันเจ็บลึก เจ็บจริงๆ นี่ยังไม่นับเรื่องการซื้อขายทรัพย์สินของ ปรส. นะ
    ภารกิจ IMF นี่มันซับซ้อนต้องเล่ากันยาว แต่เล่ามาเท่านี้ นักฟังนิทานก็น่าจะพอเดากันออกบ้างว่า มันวางไลน์กันอย่างไร
    ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่า ไทยเคยเสียอธิปไตยให้แก่อเมริกาครั้งแรก เมื่อคราวปี พ.ศ.2505 -2515 สมัยสงครามเวียตนาม อเมริกาใช้ไทยเป็นฐานทัพ โดยไม่มีเอกสารสัญญาเป็นเรื่องเป็นราว การปฏิบัติการรบทางอากาศที่อาศัยฐานทัพ 7 แห่งในบ้านเรา อนุมัติโดยอเมริกา และทหารอเมริกันมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ไม่ต้องขึ้นศาลไทย
    แต่ไทยก็ไม่เคยรู้ซึ้ง ถึงเล่ห์รักของเพื่อน เชื่อใจเขา จนถึงปี พ.ศ.2540 ไทยก็เสียอธิปไตยอีกครั้ง ครั้งนี้จากการปฎิเสธความช่วยเหลือไทยของประธานาธิบดีคลินตัน โดยให้ไทยเข้าโครงการ IMF แทน!
    ผลของโครงการ IMF เปิดทางให้ต่างชาติ ครอบงำธุรกิจไทยเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่สำคัญสถาบันการเงินไทย ถูกต่างชาติเข้ามาครอบงำ จนทุกวันนี้ มีธนาคารชื่อไทย แต่ไส้เป็นของต่าง ชาติกี่ธนาคาร คำตอบคือ เกือบหมด ไปหารายงานของตลาดหลักทรัพย์หรือธนาคารแห่งประเทศไทยอ่านซะบ้าง จะได้รู้สภาพประเทศตัวเองเป็นอย่างไร อย่าหลงเทิดทูนหัวทองตาสีฟ้ากันมากนัก เทิดทูนจนถึงกับฟอกผม ฟอกผิวนี่นะ มันยิ่งกว่างี่เง่าอีกนะ
    แต่วิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง เงินกู้ IMF ก็ไม่ทำให้สมันน้อยรู้ตัว
    ถ้าเราเคยดูหนังสารคดี discovery เราจะเห็นนิสัยของสัตว์อ่อนแอ พวกนี้ชัดเจน
    พวกมันเคยวิ่งข้ามแม่น้ำนี้แล้ว โดนจระเข้กัด ขึ้นบกเจอสิงโตตะปบ มากี่ฤดู ก็ทำมันซ้ำซากอยู่นั่น ไม่เคยคิดเปลี่ยนเส้นทาง แต่มันก็เป็นเพียงสมันน้อย ไม่มีสมองเหมือนมนุษย์
    ชนชาวไทยเคยเป็นนักสู้ บรรพบุรุษกู้บ้านรักษาเมืองมาตลอด เราถึงมีบ้านเมืองเหลืออยู่จนทุกวันนี้ มาสมัยนี้ เรามีแต่สมันน้อยกลัวภัย เซ่อกิน ไม่คิดต่อสู้ป้องกันตัวเลย รู้ว่าจระเข้คอยอยู่ในน้ำ สิงโตคอยอยู่บนฝั่ง ก็ยังดันวิ่งเข้าไปใส่ นิทานเรื่องนี้มันสอนอะไรได้บ้างไหมหนอ
    เขาว่า โชคร้ายมักมาซ้ำสอง หลังจากปี๋ชวนกะอ้ายน้อย โดนจิ๊กโก๋๋วอซิงตันหักหลังจนเดินไม่เป็น ลี้กายหายวับ ก็เกิดมีอัศวินควายดำโผล่ขึ้นมา อัศวินควายดำหน้าเหลี่ยมใช้เล่ห์ และขนมหลายพันล้านห่อ จัดการจนตัวเองได้เป็นรัฐบาล พอเป็นรัฐบาลไม่เท่าไหร่ก็ประกาศศักดา UN ไม่ใช่พ่อ (แต่เป็นปู่ ฮา ฮา) จะใช้หนี้ IMF ให้หมด ไทยจะได้เป็นไทแก่ตัว ไม่ต้องเป็นหนี้เขา ว่าแล้วก็อัดนโยบายประชานิยม มาให้ดินแดนแห่งสมันน้อยเต็มพิกัด
    สมันน้อยแค่จะคิดเอาตัวรอดไปวันๆ ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ก็คิดไม่เก่งน่ะนะ ยังมาเจอเหลี่ยมอัศวินควายดำ จะไปเหลืออะไร โอ้ย! เขาเก่งนะ เขารวยแล้วไม่โกง ฮา 500 หน
    แล้วอัศวินควายดำนี่ชาญฉลาดมาจากไหน อยู่ดีๆ ก็โผล่จากรูมาหรือไร อันนี้ต้องไปหาหนังสือประเภทรู้ทันเหลี่ยม 1,2,3,4,5 ถึง 100 มาอ่าน ก็จะได้พอรู้ประวัติ รู้พัฒนาการเล่ห์ของเหลี่ยมเขา แต่นิทานเรื่องนี้จะเล่าเรื่องที่หนังสือรู้ทัน ไม่ได้เขียนไว้ดีไหม

    คนเล่านิทาน
    ตอน 14 เล่าเรื่องชาว บ้านซะหลายมื้อ กลับเข้ามาบ้านเราต่อดีกว่า เดี๋ยวท่านผู้อ่านจะงง มันจะเล่าเรื่องอะไรกันแน่นะ ก็แหมมันต้องให้เห็นภาพ บอกแล้วอย่าดูแต่สิ่งที่เห็นข้างหน้าอย่างเดียว หัดมองภาพกว้าง ภาพลึก 3 มิติบ้าง จิ๊กโก๋๋ไปหากินอยู่ซอยอื่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 จนเดี๋ยวนี้ยังพล่านอยู่ เพราะฉะนั้นตั้งแต่รัฐบาลคุณป๋าจ๊อกกี้ จนมาถึงคุณน้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ บ้านเราจึงแบ่งกันกินแย่งกันกัด โดยไม่มีจิ๊กโก๋๋ต่างถิ่นมาขัดคอ มาเกิดเหตุบังเอิญ ตอนคุณน้าขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ แกจัดงานเลี้ยงบุพเฟ่ต์บ่อยไปหน่อย แถมอาหารแต่ละจาน มันก็มีพวกจิ๊กโก๋๋อยากร่วมวงรับประทานกินด้วย เรื่องบังเอิญมันถึงได้เกิด ไทยแลนด์แดนสยาม จึงมีนายกชื่อ คุณน้านัน จำได้ใช่ไหมครับ พอคุณน้านันเป็นนายก นอกจากจะจัดสรรเมนูอาหารให้ถูกปากแล้ว รัฐบาลคุณน้านัน ยังเป็นรัฐบาลที่ออกกฎหมาย เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ธุรกรรมการเงิน อีกมากมาย รวมทั้งการเปิดเสรีทางการเงินอีกด้วย พร้อมทั้งจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญและเลือกตั้งใหม่ เราต้องเป็นประชาธิปไตย เราต้องมีธรรมาภิบาล ฯลฯ นโยบายของคุณน้านันนี่ ถ้าไม่เขียนออกมาเป็นภาษาไทยว่า นโยบายนายกอานันท์นี่ เผลอๆ ท่านผู้อ่านจะนึกว่ากำลังอ่าน Doctrine ต่างๆ ของพี่เบิ้มอเมริกา เลือกตั้งแล้ว เราก็ได้รัฐบาลปี๋ชวนเชื่องช้า รัฐบาลป๋าเติ้งปลาโหลตัวสั้นแลบลิ้นแผล็บๆ รัฐบาลน้าจิ๋วจอมมั่ว แล้วก็กลับมาปี๋ชวนเชื่องช้าอีก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนสมัยรัฐบาลทหาร พอเป็นรัฐบาลพลเรือน ก็ไม่ต่างกัน แบ่งกันกินแย่งกันกัดเหมือนเดิม แล้วไง จิ๊กโก๋๋ก็ยังไปวุ่นอยู่ซอยอื่น เพราะคิดว่า สมันน้อยมันเหลือแต่กระดูกแล้ว ไม่มีความหมายแล้ว สมันแดนอื่นมันน่าหม่ำกว่าแยะ พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997) ช่วงรัฐบาลน้าจิ๋วจอมมั่ว เป็นนายก บริหารเก่งจนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ดังไปทั่วโลก น้อยใจยุบสภากลับบ้าน ไปนอนซบน้าเครือตู้ทองเคลื่อนที่ดีกว่า ปี๋ชวนเชื่องช้ากลับเข้ามาเป็นรัฐบาล ไทยแลนด์กระเป๋าฉีกขาดกระจุย เงินคงคลังเหลือแต่คลัง ไม่มีเงินคงเหลือ อ้ายน้อยธารินทร์รมว.คลังที่ทุกคนรอคอยยังกะเทวดามาโปรด นักเรียนเก่าฮาร์วาร์ด บอกอย่ากระนั้นเลย เราต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าสถาบันเดียวกัน จิ๊กโก๋๋แถววอชิงตันน่าจะช่วยเราได้ เป็นไปตามคาด (ไม่รู้ใครคาด) จิ๊กโก๋๋วอชิงตันบอกเสียใจนะ อ้ายน้อย ไอให้ยูยืมเงินไม่ได้หรอก แต่ไอก็ไม่ทิ้งยู ยูไปเข้าโปรแกรม IMF ล่ะกันนะ ไอจะแนะนำไปให้ อ้ายน้อยเดินหน้าขรึมกลับบ้าน บอกปี๋ชวน เขาช่วยเราโดยให้ไปกู้ IMF 5 5 5 เงินกู้ IMF มาพร้อมกับเงื่อนไข 508 ประการ เช่นการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ที่สำคัญเกิด ปรากฏการณ์ปิด 56 ไฟแนนซ์ (เบื้องหลังการปิดไฟแนนซ์นี่ ถ้าจะต้องไปตามอ่านจากเพจคุณThanong Fanclub น่าจะดีกว่า!) เจ้าสัวทั้งหลายแทบจะเดินเอากระจาดปิดก้นกันเป็นแถว พ่อค้าจีนไทยเจ๊ง ตลาดหุ้นเจ๊ง ธุรกิจพัง อสังหาริม ทรัพย์ร้าง ขนาดอาเฮียนักการเงินเดินหน้าแห้งบอก ตูไปขายแซนด์วิชดีกว่า อืม เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เขียนเหมือนสนุก แต่มันเจ็บลึก เจ็บจริงๆ นี่ยังไม่นับเรื่องการซื้อขายทรัพย์สินของ ปรส. นะ ภารกิจ IMF นี่มันซับซ้อนต้องเล่ากันยาว แต่เล่ามาเท่านี้ นักฟังนิทานก็น่าจะพอเดากันออกบ้างว่า มันวางไลน์กันอย่างไร ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่า ไทยเคยเสียอธิปไตยให้แก่อเมริกาครั้งแรก เมื่อคราวปี พ.ศ.2505 -2515 สมัยสงครามเวียตนาม อเมริกาใช้ไทยเป็นฐานทัพ โดยไม่มีเอกสารสัญญาเป็นเรื่องเป็นราว การปฏิบัติการรบทางอากาศที่อาศัยฐานทัพ 7 แห่งในบ้านเรา อนุมัติโดยอเมริกา และทหารอเมริกันมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ไม่ต้องขึ้นศาลไทย แต่ไทยก็ไม่เคยรู้ซึ้ง ถึงเล่ห์รักของเพื่อน เชื่อใจเขา จนถึงปี พ.ศ.2540 ไทยก็เสียอธิปไตยอีกครั้ง ครั้งนี้จากการปฎิเสธความช่วยเหลือไทยของประธานาธิบดีคลินตัน โดยให้ไทยเข้าโครงการ IMF แทน! ผลของโครงการ IMF เปิดทางให้ต่างชาติ ครอบงำธุรกิจไทยเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่สำคัญสถาบันการเงินไทย ถูกต่างชาติเข้ามาครอบงำ จนทุกวันนี้ มีธนาคารชื่อไทย แต่ไส้เป็นของต่าง ชาติกี่ธนาคาร คำตอบคือ เกือบหมด ไปหารายงานของตลาดหลักทรัพย์หรือธนาคารแห่งประเทศไทยอ่านซะบ้าง จะได้รู้สภาพประเทศตัวเองเป็นอย่างไร อย่าหลงเทิดทูนหัวทองตาสีฟ้ากันมากนัก เทิดทูนจนถึงกับฟอกผม ฟอกผิวนี่นะ มันยิ่งกว่างี่เง่าอีกนะ แต่วิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง เงินกู้ IMF ก็ไม่ทำให้สมันน้อยรู้ตัว ถ้าเราเคยดูหนังสารคดี discovery เราจะเห็นนิสัยของสัตว์อ่อนแอ พวกนี้ชัดเจน พวกมันเคยวิ่งข้ามแม่น้ำนี้แล้ว โดนจระเข้กัด ขึ้นบกเจอสิงโตตะปบ มากี่ฤดู ก็ทำมันซ้ำซากอยู่นั่น ไม่เคยคิดเปลี่ยนเส้นทาง แต่มันก็เป็นเพียงสมันน้อย ไม่มีสมองเหมือนมนุษย์ ชนชาวไทยเคยเป็นนักสู้ บรรพบุรุษกู้บ้านรักษาเมืองมาตลอด เราถึงมีบ้านเมืองเหลืออยู่จนทุกวันนี้ มาสมัยนี้ เรามีแต่สมันน้อยกลัวภัย เซ่อกิน ไม่คิดต่อสู้ป้องกันตัวเลย รู้ว่าจระเข้คอยอยู่ในน้ำ สิงโตคอยอยู่บนฝั่ง ก็ยังดันวิ่งเข้าไปใส่ นิทานเรื่องนี้มันสอนอะไรได้บ้างไหมหนอ เขาว่า โชคร้ายมักมาซ้ำสอง หลังจากปี๋ชวนกะอ้ายน้อย โดนจิ๊กโก๋๋วอซิงตันหักหลังจนเดินไม่เป็น ลี้กายหายวับ ก็เกิดมีอัศวินควายดำโผล่ขึ้นมา อัศวินควายดำหน้าเหลี่ยมใช้เล่ห์ และขนมหลายพันล้านห่อ จัดการจนตัวเองได้เป็นรัฐบาล พอเป็นรัฐบาลไม่เท่าไหร่ก็ประกาศศักดา UN ไม่ใช่พ่อ (แต่เป็นปู่ ฮา ฮา) จะใช้หนี้ IMF ให้หมด ไทยจะได้เป็นไทแก่ตัว ไม่ต้องเป็นหนี้เขา ว่าแล้วก็อัดนโยบายประชานิยม มาให้ดินแดนแห่งสมันน้อยเต็มพิกัด สมันน้อยแค่จะคิดเอาตัวรอดไปวันๆ ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ก็คิดไม่เก่งน่ะนะ ยังมาเจอเหลี่ยมอัศวินควายดำ จะไปเหลืออะไร โอ้ย! เขาเก่งนะ เขารวยแล้วไม่โกง ฮา 500 หน แล้วอัศวินควายดำนี่ชาญฉลาดมาจากไหน อยู่ดีๆ ก็โผล่จากรูมาหรือไร อันนี้ต้องไปหาหนังสือประเภทรู้ทันเหลี่ยม 1,2,3,4,5 ถึง 100 มาอ่าน ก็จะได้พอรู้ประวัติ รู้พัฒนาการเล่ห์ของเหลี่ยมเขา แต่นิทานเรื่องนี้จะเล่าเรื่องที่หนังสือรู้ทัน ไม่ได้เขียนไว้ดีไหม คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 538 Views 0 Reviews
  • ธาตุแท้อเมริกามาแล้วจริงๆ,จะยุคสมัยไหน สรุปเชื่อใจฝรั่งตาขาวตาฟ้าตาแดงนี้ไม่ได้,ตอแหลปลิ้นปล้อนเหมือนเขมรนี้ล่ะ เผ่าพันธุ์เดียวกันจึงคุ้มครองกันเอง ไม่สนใจความไร้มนุษยธรรมที่รัฐบาลที่นำโดยฮุนเซนจะเกณฑ์ประชาชนเด็กน้อยๆเยาวชนชายหญิง คนชราแก่เฒ่าไปรบไปตายในสนาม อเมริกาสนับสนุนการไร้มนุษยธรรมของจริง ข้ออ้างสวยหรูว่าเพื่อยุติการหยุดยิงแต่มอบอาวุธและปืนระเบิดให้,อเมริกาสมควรถูกกำจัดออกไปจากโลก อิทธิพลแบบอเมริกาคือสไตล์คนพาลคนเลวของจริง มิน่าชนอินเดียแดงจึงบอกว่าเผ่าพันธุ์ฝรั่งแดนอเมริกาเป็นพวกตระบัดสัตย์ไม่ซื่อ คตในวาจา ตอแหลมึนด้านหนาไม่ต่างกันกับชนเผ่าเขมรแบบฮุนเซนและฮุนมาเนตนี้,ทรัมป์ก็เหี้ยไม่ต่างจากไบเดนห่าเหวนั้น,หรือโอบามาก็ด้วย ควายๆรับใข้อีลิทซาตานเหมือนกัน,เผลอๆทหารอเมริกาลักพาตัวเด็กๆในประเทศเขมรไปให้อีลิทdeep stateเอาไปต้มไปแดกไปปรุงรสชาดสาระพัดอีกหรือทรมานทารุนทำอะดริโนโครมเองก็ด้วย,ประชาชนเขมรอาจถูกลักพาตัวไปมากมาย หายตัวไปมากมายระหว่างอพยพหนีภาวะสงครามนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดใช้อ้างคนหาย หายสาปสูญได้สนิทใจ ตายระหว่างอพยพหนีตาย หายระหว่างหนีตาย ทิ้งเด็กๆมากมายไว้ในบ้าน เพราะพ่อแม่พี่น้องคนชรามีชีวิตถูกจับไปใส่ชุดทหารหมด,เผด็จการฮุนเซนฮุนมาเนตตะจัดการเหยื่อตาทบ้านประชาชนได้สะดวกหมดล่ะเพราะพ่อแม่ญาติพี่น้องไม่เหลือสักคนนั้นเอง,สิ่งนี้จึงค้ำประกันถึงบริบทที่ชั่วเลวของอเมริกาไปในตัวที่ไปสนับสนุนจับมือกับฮุนเซน เสือกเจาะจงเรื่องอาวุธเทคโนโลยี ไม่พูดหาไม่บอกไม่ตบหัวฮุนเซนว่าอย่าเกณฑ์เด็กคนชราผู้หญิงประชาชนธรรมดาไปเป็นทหารสู้รบ,ไม่บอกฮุนเซนสักแอะว่าฮุนเซนไปเก็บศพทหารในสนามรบคืนมาให้ญาติทำพิธีให้หมด,มิใช่แบบกูในสงครามเวียดนามเก็บไม่ได้เพราะไม่ใช่ท้องถิ่นกูจริงเขตอาณาเขตสนามสงครามกูภายในประเทศแบบดินแดนเขมรภายในเขตเขมรเองของมรึงจริงแบบปัจจุบัน สามารถเข้าเก็บศพทหารตนเองบนประเทศตนเองแท้ได้ตลอดเวลา มรึงต้องไปทำก่อนกูอเมริกาจึงค่อยสนับสนุนเทคโนโลยีหรือใดๆแก่มรึงเขมรเพื่อความสงบสันติในการหยุดยิงนี้,อเมริกาจึงชัดเจนว่าสนับสนุนสงครามจริง,ไร้มนุษยธรรมจริง,อเมริกาสมควรสิ้นสถานะความเป็นประเทศด้วย,50รัฐอเมริกาสมควรแยกตนเองปกครองตนเองได้แล้ว,เป็นประเทศเอกราชตนเอง,พื้นที่ดินแดนมากมายคนอเมริกันทำไมโง่บัดสบทั้งทวีปแบบนั้น,สนับสนุนสงครามผ่าน50รัฐด้วย,โง่และชั่วเลวในเวลาเดียวกัน,จะตัดตอนมิให้ทรัมป์หรือใครๆไปมีอิทธิป่าเถื่อนไปทั่วโลกด้วย,รัฐใดอย่างทำสงครามก็ตามสบายเพราะเงินสนับสนุนจะจบแล้วเพราะแยกขาดเป็นประเทศของใครของมันแล้วนั้นเอง,50รัฐ ในรัฐประเทศใดประเทศหนึ่งเสมือนตัดตอนทุนอีลิทdeep stateรุ่นagendaด้วยก็ได้,เอกเทศใครมันปฏิเสธสงครามทุกๆกรณีได้ที่ไร้มนุษยธรรมแบบทรัมป์กำลังทำอยู่,ปฏิเสธวัคซีนโควิดทางตรงผ่านประเทศตนได้ที่แยกตัวเป็นประเทศใครมันทั้ง50รัฐแล้ว ไม่ผีบ้าต้องมาปฏิบัติตามคำสั่งประธานาธิบดีแบบผีบ้าไบเดนหรือป่วยจิตแบบทรัมป์ไม่สืบหาความจริงว่าเขมรฮุนเซนไร้มนุษยธรรมแก่ชนคนเขมรภายในประเทศแบบใดๆเลย ปิดหูปิดตาโคตรบรมโง่ทั้งทหารกองทัพอเมริกาจริงๆเก่งแค่ขโมยหรือขายโลกทรยศโลกตกลงกับต่างดาวชั่วแลกเทคโนโลยีเท่านั้นล่ะ,
    ..คนอเมริกาสมควรยื่นแบ่งแยกประเทศเถอะ,เวลารัสเชียเวลาจีนหรืออิหร่านยิงขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์จะได้ไม่เคลียร์พื้นที่ประเทศรัฐนั้นๆที่แยกตัวเป็นประเทศตนเองอิสระออกมาจากอเมริกาเดิมแล้ว,ประกาศตนเป็นกลาง จีนกับรัสเชียและอิหร่านจะล็อกพิกัดgpsจุดตกขีปนาวุธนิวเคลียร์ใหม่แทนตกที่ใหม่แทน,
    ..ยุโรปและอเมริกา ชาติฝรั่งพวกนี้สมควรหายไปจากโลกจริงๆ,ตลอดระยะเวลายาวนานนี้ พวกฝรั่งนี้ล่ะปล้นชิงชาวโลกไปทั่ว สร้างความไม่สงบสุขเป็นวงกว้างโดยมาเพียงเพราะโลภอยากได้ทรัพยากรเขาหรือแดกเขาก็ด้วยในเผ่าพันธุ์แรปทีเลี่ยนที่แดกมนุษย์เป็นปกติอยู่แล้ว.
    ธาตุแท้อเมริกามาแล้วจริงๆ,จะยุคสมัยไหน สรุปเชื่อใจฝรั่งตาขาวตาฟ้าตาแดงนี้ไม่ได้,ตอแหลปลิ้นปล้อนเหมือนเขมรนี้ล่ะ เผ่าพันธุ์เดียวกันจึงคุ้มครองกันเอง ไม่สนใจความไร้มนุษยธรรมที่รัฐบาลที่นำโดยฮุนเซนจะเกณฑ์ประชาชนเด็กน้อยๆเยาวชนชายหญิง คนชราแก่เฒ่าไปรบไปตายในสนาม อเมริกาสนับสนุนการไร้มนุษยธรรมของจริง ข้ออ้างสวยหรูว่าเพื่อยุติการหยุดยิงแต่มอบอาวุธและปืนระเบิดให้,อเมริกาสมควรถูกกำจัดออกไปจากโลก อิทธิพลแบบอเมริกาคือสไตล์คนพาลคนเลวของจริง มิน่าชนอินเดียแดงจึงบอกว่าเผ่าพันธุ์ฝรั่งแดนอเมริกาเป็นพวกตระบัดสัตย์ไม่ซื่อ คตในวาจา ตอแหลมึนด้านหนาไม่ต่างกันกับชนเผ่าเขมรแบบฮุนเซนและฮุนมาเนตนี้,ทรัมป์ก็เหี้ยไม่ต่างจากไบเดนห่าเหวนั้น,หรือโอบามาก็ด้วย ควายๆรับใข้อีลิทซาตานเหมือนกัน,เผลอๆทหารอเมริกาลักพาตัวเด็กๆในประเทศเขมรไปให้อีลิทdeep stateเอาไปต้มไปแดกไปปรุงรสชาดสาระพัดอีกหรือทรมานทารุนทำอะดริโนโครมเองก็ด้วย,ประชาชนเขมรอาจถูกลักพาตัวไปมากมาย หายตัวไปมากมายระหว่างอพยพหนีภาวะสงครามนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดใช้อ้างคนหาย หายสาปสูญได้สนิทใจ ตายระหว่างอพยพหนีตาย หายระหว่างหนีตาย ทิ้งเด็กๆมากมายไว้ในบ้าน เพราะพ่อแม่พี่น้องคนชรามีชีวิตถูกจับไปใส่ชุดทหารหมด,เผด็จการฮุนเซนฮุนมาเนตตะจัดการเหยื่อตาทบ้านประชาชนได้สะดวกหมดล่ะเพราะพ่อแม่ญาติพี่น้องไม่เหลือสักคนนั้นเอง,สิ่งนี้จึงค้ำประกันถึงบริบทที่ชั่วเลวของอเมริกาไปในตัวที่ไปสนับสนุนจับมือกับฮุนเซน เสือกเจาะจงเรื่องอาวุธเทคโนโลยี ไม่พูดหาไม่บอกไม่ตบหัวฮุนเซนว่าอย่าเกณฑ์เด็กคนชราผู้หญิงประชาชนธรรมดาไปเป็นทหารสู้รบ,ไม่บอกฮุนเซนสักแอะว่าฮุนเซนไปเก็บศพทหารในสนามรบคืนมาให้ญาติทำพิธีให้หมด,มิใช่แบบกูในสงครามเวียดนามเก็บไม่ได้เพราะไม่ใช่ท้องถิ่นกูจริงเขตอาณาเขตสนามสงครามกูภายในประเทศแบบดินแดนเขมรภายในเขตเขมรเองของมรึงจริงแบบปัจจุบัน สามารถเข้าเก็บศพทหารตนเองบนประเทศตนเองแท้ได้ตลอดเวลา มรึงต้องไปทำก่อนกูอเมริกาจึงค่อยสนับสนุนเทคโนโลยีหรือใดๆแก่มรึงเขมรเพื่อความสงบสันติในการหยุดยิงนี้,อเมริกาจึงชัดเจนว่าสนับสนุนสงครามจริง,ไร้มนุษยธรรมจริง,อเมริกาสมควรสิ้นสถานะความเป็นประเทศด้วย,50รัฐอเมริกาสมควรแยกตนเองปกครองตนเองได้แล้ว,เป็นประเทศเอกราชตนเอง,พื้นที่ดินแดนมากมายคนอเมริกันทำไมโง่บัดสบทั้งทวีปแบบนั้น,สนับสนุนสงครามผ่าน50รัฐด้วย,โง่และชั่วเลวในเวลาเดียวกัน,จะตัดตอนมิให้ทรัมป์หรือใครๆไปมีอิทธิป่าเถื่อนไปทั่วโลกด้วย,รัฐใดอย่างทำสงครามก็ตามสบายเพราะเงินสนับสนุนจะจบแล้วเพราะแยกขาดเป็นประเทศของใครของมันแล้วนั้นเอง,50รัฐ ในรัฐประเทศใดประเทศหนึ่งเสมือนตัดตอนทุนอีลิทdeep stateรุ่นagendaด้วยก็ได้,เอกเทศใครมันปฏิเสธสงครามทุกๆกรณีได้ที่ไร้มนุษยธรรมแบบทรัมป์กำลังทำอยู่,ปฏิเสธวัคซีนโควิดทางตรงผ่านประเทศตนได้ที่แยกตัวเป็นประเทศใครมันทั้ง50รัฐแล้ว ไม่ผีบ้าต้องมาปฏิบัติตามคำสั่งประธานาธิบดีแบบผีบ้าไบเดนหรือป่วยจิตแบบทรัมป์ไม่สืบหาความจริงว่าเขมรฮุนเซนไร้มนุษยธรรมแก่ชนคนเขมรภายในประเทศแบบใดๆเลย ปิดหูปิดตาโคตรบรมโง่ทั้งทหารกองทัพอเมริกาจริงๆเก่งแค่ขโมยหรือขายโลกทรยศโลกตกลงกับต่างดาวชั่วแลกเทคโนโลยีเท่านั้นล่ะ, ..คนอเมริกาสมควรยื่นแบ่งแยกประเทศเถอะ,เวลารัสเชียเวลาจีนหรืออิหร่านยิงขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์จะได้ไม่เคลียร์พื้นที่ประเทศรัฐนั้นๆที่แยกตัวเป็นประเทศตนเองอิสระออกมาจากอเมริกาเดิมแล้ว,ประกาศตนเป็นกลาง จีนกับรัสเชียและอิหร่านจะล็อกพิกัดgpsจุดตกขีปนาวุธนิวเคลียร์ใหม่แทนตกที่ใหม่แทน, ..ยุโรปและอเมริกา ชาติฝรั่งพวกนี้สมควรหายไปจากโลกจริงๆ,ตลอดระยะเวลายาวนานนี้ พวกฝรั่งนี้ล่ะปล้นชิงชาวโลกไปทั่ว สร้างความไม่สงบสุขเป็นวงกว้างโดยมาเพียงเพราะโลภอยากได้ทรัพยากรเขาหรือแดกเขาก็ด้วยในเผ่าพันธุ์แรปทีเลี่ยนที่แดกมนุษย์เป็นปกติอยู่แล้ว.
    รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาเปิดเผย สหรัฐฯจะจับตาสถานการณ์ด้วยความกระตือรือร้น เพื่อรับประกันความสำเร็จและประสิทธิผลของการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมยืนยันวอชิงตันจะมอบแรงสนับสนุนทั้งทางโลจิสติกและทางเทคนิค แก่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074763

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    0 Comments 0 Shares 381 Views 0 Reviews
  • ตอน 8
    พ.ศ.2506 คุณป๋าสฤษดิ์ก็หมดบุญ น้าหนอมของป้าจงก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 อีกครั้งหนึ่ง พี่เบิ้มบอกว่า น้าหนอมน่าเอ็นดู แต่เด็ดไม่ขาด ไม่มีบารมี การสั่งการจากที่เคยคุยแต่กับคุณป๋าคนเดียวก็รู้เรื่อง ที่นี้ก็ต้องคุยเป็นพวง ถนอม ประภาส จิตติ ทวี กฤษณ์ฯลฯ
    แล้วไง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง คุย 1 คน จ่าย 100 คุย 5 คน ก็เอา 5 คูณ
    พี่เบิ้มถึงจะรวยก็ขี้เหนียวนะ มาเล่นวิ่งผลัด 100 x 5 กับไอนี่ ไอไม่ชอบนะ
    ช่วงนั้นสถานการณ์ด้านการรบก็กำลังเข้ม การบริหารประเทศไทยแลนด์ของยูก็ไม่มีเอกภาพ แบ่งชามข้าวกันอยู่นั้น เอ้า! พจน์ สารสิน (อีกแล้ว!) ยูมาคุมกระทรวงพัฒนาแห่งชาติหน่อย อย่างน้อยไอก็ไม่ต้องปวดหมองด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ เดี๋ยวเงินไหลเข้าไหลออกมันจะสะดุด แล้วพจน์ ยูก็มาทำหน้า ที่เป็นกระบอกเสียงระหว่างน้าหนอมกับไอด้วยนะ เวลาพี่เบิ้มจะเอาอะไรก็บอก good boy ชื่อ พจน์ พจน์ก็ไปบอกน้าหนอม ไม่งั้นสั่งอะไรน้าหนอมก็พยักหน้าอย่างเดียว ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือเปล่า
    สถานการณ์วิ่งผลัดก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขาเข้ามาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพทั้งบก เรือ อากาศ นี่ดีว่าไม่มีเรือดำนำนะ ถามว่า ภายใต้พันธะอะไร ข้อตกลงอะไร เคยรู้กันบ้างไหมว่า เขาเข้ามากันเปล่าๆ ไม่เคยมีสัญญาข้อตกลงเป็นรูปธรรมเลยระหว่างสหรัฐกับไทย ก็มันสมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย สหรัฐก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของตัวเอง ไทยก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของไทย เพราะทุกอย่างอยู่ในกำมือ บอกแล้วเงินช่วย เหลือเข้ามา ก็คนละหนุบละหนับ เขียนแล้วมันเศร้าใจ
    ทหารอเมริกันก็ไม่ต้องขึ้นศาลไทย เครื่องบินจะบินขึ้นไปทิ้งบอมบ์เขาก็เป็นคนอนุมัติ เขาจะขนทหารเข้ามาเท่าไหร่ เราก็ o.k, o.k
    นี่คือสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ยุคสงครามเวียตนาม แล้วนึกว่าหมดแล้วหรือ เปล่าเลยแล้วให้จำสัญญาJUSMAC ปี ค.ศ.1950 ที่ท่านนายพลคนแปลก เป็นผู้ลงนามไว้ บอกไว้แล้วว่า สัญญานั้นยังมีชีวิตอยู่ สัญญานี้มีผลอย่างไร เกี่ยวกับปัจจุบันหรือไม่ โปรดติดตาม อย่าได้ขาดตอนเชียว
    ช่วงปี พ.ศ.2507 – 2511 คอมมิวนิสต์เริ่มรุกเข้าอีสานบ้านเรา พี่เบิ้มก็ทุ่มเงินใส่ให้พัฒนาหมู่บ้านและตชด. กับตำรวจภูธรเพื่อดูแลหมู่บ้าน ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมเขาต้องตั้งตชด.และตั้งตำรวจ ภูธรให้เรา ทหารนั้นเอาไว้ไปรบกับเวียดกง โว้ย! สั่งทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยนะ
    เงินที่พี่เบิ้มให้มาผ่านโครงการ MAP (Military Assistance Program) โดยให้ผ่านหน่วยงาน USIS และ USOM ปีละตั้งหลาย (ประมาณ 100 ล้านเหรียญต่อปีพี่เบิ้มเขาก็เป็นห่วงว่าเงิน MAP นี่มันจะไปใช้สนับสนุนกีฬาวิ่งผลัด 100 x 5 เท่าไหร่ จะถึงตชด.เท่าไหร่  เขาเลยเข้ามาวางแผนเข้าไปถึงระบบพัฒนาหมู่บ้านเราเอง จัดสรรงบเอง เพื่อไม่ให้กีฬาวิ่งผลัดเบิกบานเกินไป และเพื่อให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ สามารถรับใช้การปฏิบัติงานของเจ้าของเงินได้อย่างราบรื่น พี่เบิ้มก็ต้องการให้ไทยแลนด์มีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เสียที เพราะว่า ค่าใช้จ่ายกีฬาวิ่งผลัดมันชักจะสูงไปแล้วนะ แทน ที่จะคุยกับนักกีฬาวิ่งผลัด คุยกับรัฐบาลมันน่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายไอมากกว่านะ แต่ต้องเป็นรัฐบาลจากพรรคที่ไอเลือกให้ เป็นรัฐบาลนะ
    คิดกลับไปกลับมา พี่เบิ้มก็ปวดหัวว่าจะใช้บริการของใครดีหนอ น้าหนอมน่าจะดีที่สุด ท่าทางนอนง่ายสอนง่าย ไม่ค่อยมีพยศ รายงานของ CIA ระบุว่า สหรัฐมีแผนที่จะให้กลุ่มถนอมเป็นผู้บริหารประเทศไทยต่อไป ดังนั้นจึงมีการเจรจากับทูตอเมริกันนามว่าคุณมาร์ติน ให้อเมริกาสนับสนุนการตั้งพรรคของ กลุ่มถนอม
    ได้ยินเสียงตัวแทนฝ่ายไทย คล้ายๆ เสียงนายพจน์ สารสิน บอกเลือกตั้งน่ะนะ มันต้องใช้ทุนแยะอยู่ ถ้ายูช่วยพวกไอก็จะดี จะได้ไม่ต้องไปเอาจากพ่อค้า ซึ่งส่วนมากเป็นคนจีน มันยากจะเดาว่าจะเอียงหน้าไปอยู่ข้างไหน
    รายงาน CIA บอกว่าทูตมาร์ตินนำเรื่องนี้ไปเสนอต่อ 303 Committee ปรากฏว่าทางวอชิงตัน (Washington) ก็ถามกลับมาว่า คุ้มแน่นะ คำตอบก็อยู่ในสายลมที่พัดไป แล้วก็เงียบหาย ระหว่างนั้นไทยแลนด์ก็เลยมีข่าวลือว่า จะมีการปฎิวัติน้าหนอมโดยกลุ่มทวี จิตติ กฤษณ์บ้าง ลุงตุ๊บ้าง แต่ระยะหลังข่าวปฎิวัติโดยลุงตุ๊มาแรง แหม มันประจวบเหมาะอะไรเช่นนั้น บังเอิญจริงนะ
    ช่วงข่าวปฏิวัติโดยลุงตุ๊ ทูตมาร์ตินก็หมดวาระกลับบ้าน ทูตอังเกอร์ (Unger) มาแทน คุณ good boy นามพจน์ ก็ไปเตือนทูตใหม่อีกว่า ยูจะเอายังไง ข่าวปฎิวัติมาแรงนะ ถ้ายูจะให้ถนอมเป็นนายกนี่ต้องเร่งๆ หน่อย เราจะตั้งพรรคแล้วหนา เงินที่ว่าจะช่วยยังไม่มาเลย
    ทูตตั้งคำถาม 20 คำถาม แล้วก็มีประโยคทองตอบไปเป็นเกียรติประวัติว่า “Trust us-We know what to do” เชื่อเราน่า เรารู้ว่าจะต้องทำยังไง …ไอรวยจะตาย ยูไม่ต้องห่วง ธุรกิจแยะไปหมด น้ำดำไทยแลนด์นี่ก็ของไอนะ (ไม่ได้ค่าโฆษณาไม่เขียนให้รอบสอง!)
    ทูตอังเกอร์ (Unger) ได้ยินประโยคทอง แล้วก็อ่อนระทวยเขียนรายงานชื่อว่า “Lotus Project” ส่งด่วนจี๋ไปยังวอชิงตัน (Washington) ทันทีอีกรอบ การเลือกตั้งในวันที่ 11 ก.พ. พ.ศ.2512 ปรากฏว่า พรรคสหประชาไทยของน้าหนอม ได้รับชัยชนะเฉียดฉิวมากคือ 75 ที่นั่งจากสส.ทั้งหมด 215 คน เก่งจังเลย!
    การเลือกตั้งครั้งนี้สมควร บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่าอำนวยการสร้างโดย CIA ของแท้ ภายใต้ชื่อว่า Lotus Project  มีนายพจน์ สารสินเป็น project manger ทั้งนี้เพราะพี่เบิ้มกลัวว่า ถ้าการเมืองไทยไม่นิ่ง Pax Americana ที่วางไว้ซับซ้อนก็จะ ฉ.ห. ดังนั้นพรรคสหประชาไทย ภายใต้การดำเนินงานของนายพจน์ จึงเกิด ขึ้น และชนะการเลือกตั้งและได้นายกชื่อ พล.อ. ถนอม!
    ไอ้ที่เขียนเกี่ยวกับ Lotus Project มาทั้งหมดนี้นี้ อยู่ในรายงานลับของทูตมาร์ติน และทูตอังเกอร์ เองนะ ไม่ ได้ยกเมฆ แหม ลับยังไงก็หลุดมาได้น่า สีมือระดับนี่แล้ว เดี๋ยวว่าคุย (ฮา)
    โม้มาก สงสัย คงมีพวกซีมาคอยรับตัวไปเที่ยวแน่
    Lotus Project ใช้เงินหลวงของพี่เบิ้มอุดหนุน ภายใต้การพิจารณาอนุมัติของ Committer 303 ไปหาดูแล้วกัน ไอ้ Committee นี้มันทำอะไร แล้วอย่ามาพูดอีกนะ ยูต้องเป็นประชาธิปไตย เหม็นขี้ฟันจริงๆ


    คนเล่านิทาน
    ตอน 8 พ.ศ.2506 คุณป๋าสฤษดิ์ก็หมดบุญ น้าหนอมของป้าจงก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 อีกครั้งหนึ่ง พี่เบิ้มบอกว่า น้าหนอมน่าเอ็นดู แต่เด็ดไม่ขาด ไม่มีบารมี การสั่งการจากที่เคยคุยแต่กับคุณป๋าคนเดียวก็รู้เรื่อง ที่นี้ก็ต้องคุยเป็นพวง ถนอม ประภาส จิตติ ทวี กฤษณ์ฯลฯ แล้วไง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง คุย 1 คน จ่าย 100 คุย 5 คน ก็เอา 5 คูณ พี่เบิ้มถึงจะรวยก็ขี้เหนียวนะ มาเล่นวิ่งผลัด 100 x 5 กับไอนี่ ไอไม่ชอบนะ ช่วงนั้นสถานการณ์ด้านการรบก็กำลังเข้ม การบริหารประเทศไทยแลนด์ของยูก็ไม่มีเอกภาพ แบ่งชามข้าวกันอยู่นั้น เอ้า! พจน์ สารสิน (อีกแล้ว!) ยูมาคุมกระทรวงพัฒนาแห่งชาติหน่อย อย่างน้อยไอก็ไม่ต้องปวดหมองด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ เดี๋ยวเงินไหลเข้าไหลออกมันจะสะดุด แล้วพจน์ ยูก็มาทำหน้า ที่เป็นกระบอกเสียงระหว่างน้าหนอมกับไอด้วยนะ เวลาพี่เบิ้มจะเอาอะไรก็บอก good boy ชื่อ พจน์ พจน์ก็ไปบอกน้าหนอม ไม่งั้นสั่งอะไรน้าหนอมก็พยักหน้าอย่างเดียว ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือเปล่า สถานการณ์วิ่งผลัดก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขาเข้ามาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพทั้งบก เรือ อากาศ นี่ดีว่าไม่มีเรือดำนำนะ ถามว่า ภายใต้พันธะอะไร ข้อตกลงอะไร เคยรู้กันบ้างไหมว่า เขาเข้ามากันเปล่าๆ ไม่เคยมีสัญญาข้อตกลงเป็นรูปธรรมเลยระหว่างสหรัฐกับไทย ก็มันสมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย สหรัฐก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของตัวเอง ไทยก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของไทย เพราะทุกอย่างอยู่ในกำมือ บอกแล้วเงินช่วย เหลือเข้ามา ก็คนละหนุบละหนับ เขียนแล้วมันเศร้าใจ ทหารอเมริกันก็ไม่ต้องขึ้นศาลไทย เครื่องบินจะบินขึ้นไปทิ้งบอมบ์เขาก็เป็นคนอนุมัติ เขาจะขนทหารเข้ามาเท่าไหร่ เราก็ o.k, o.k นี่คือสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ยุคสงครามเวียตนาม แล้วนึกว่าหมดแล้วหรือ เปล่าเลยแล้วให้จำสัญญาJUSMAC ปี ค.ศ.1950 ที่ท่านนายพลคนแปลก เป็นผู้ลงนามไว้ บอกไว้แล้วว่า สัญญานั้นยังมีชีวิตอยู่ สัญญานี้มีผลอย่างไร เกี่ยวกับปัจจุบันหรือไม่ โปรดติดตาม อย่าได้ขาดตอนเชียว ช่วงปี พ.ศ.2507 – 2511 คอมมิวนิสต์เริ่มรุกเข้าอีสานบ้านเรา พี่เบิ้มก็ทุ่มเงินใส่ให้พัฒนาหมู่บ้านและตชด. กับตำรวจภูธรเพื่อดูแลหมู่บ้าน ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมเขาต้องตั้งตชด.และตั้งตำรวจ ภูธรให้เรา ทหารนั้นเอาไว้ไปรบกับเวียดกง โว้ย! สั่งทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยนะ เงินที่พี่เบิ้มให้มาผ่านโครงการ MAP (Military Assistance Program) โดยให้ผ่านหน่วยงาน USIS และ USOM ปีละตั้งหลาย (ประมาณ 100 ล้านเหรียญต่อปีพี่เบิ้มเขาก็เป็นห่วงว่าเงิน MAP นี่มันจะไปใช้สนับสนุนกีฬาวิ่งผลัด 100 x 5 เท่าไหร่ จะถึงตชด.เท่าไหร่  เขาเลยเข้ามาวางแผนเข้าไปถึงระบบพัฒนาหมู่บ้านเราเอง จัดสรรงบเอง เพื่อไม่ให้กีฬาวิ่งผลัดเบิกบานเกินไป และเพื่อให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ สามารถรับใช้การปฏิบัติงานของเจ้าของเงินได้อย่างราบรื่น พี่เบิ้มก็ต้องการให้ไทยแลนด์มีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เสียที เพราะว่า ค่าใช้จ่ายกีฬาวิ่งผลัดมันชักจะสูงไปแล้วนะ แทน ที่จะคุยกับนักกีฬาวิ่งผลัด คุยกับรัฐบาลมันน่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายไอมากกว่านะ แต่ต้องเป็นรัฐบาลจากพรรคที่ไอเลือกให้ เป็นรัฐบาลนะ คิดกลับไปกลับมา พี่เบิ้มก็ปวดหัวว่าจะใช้บริการของใครดีหนอ น้าหนอมน่าจะดีที่สุด ท่าทางนอนง่ายสอนง่าย ไม่ค่อยมีพยศ รายงานของ CIA ระบุว่า สหรัฐมีแผนที่จะให้กลุ่มถนอมเป็นผู้บริหารประเทศไทยต่อไป ดังนั้นจึงมีการเจรจากับทูตอเมริกันนามว่าคุณมาร์ติน ให้อเมริกาสนับสนุนการตั้งพรรคของ กลุ่มถนอม ได้ยินเสียงตัวแทนฝ่ายไทย คล้ายๆ เสียงนายพจน์ สารสิน บอกเลือกตั้งน่ะนะ มันต้องใช้ทุนแยะอยู่ ถ้ายูช่วยพวกไอก็จะดี จะได้ไม่ต้องไปเอาจากพ่อค้า ซึ่งส่วนมากเป็นคนจีน มันยากจะเดาว่าจะเอียงหน้าไปอยู่ข้างไหน รายงาน CIA บอกว่าทูตมาร์ตินนำเรื่องนี้ไปเสนอต่อ 303 Committee ปรากฏว่าทางวอชิงตัน (Washington) ก็ถามกลับมาว่า คุ้มแน่นะ คำตอบก็อยู่ในสายลมที่พัดไป แล้วก็เงียบหาย ระหว่างนั้นไทยแลนด์ก็เลยมีข่าวลือว่า จะมีการปฎิวัติน้าหนอมโดยกลุ่มทวี จิตติ กฤษณ์บ้าง ลุงตุ๊บ้าง แต่ระยะหลังข่าวปฎิวัติโดยลุงตุ๊มาแรง แหม มันประจวบเหมาะอะไรเช่นนั้น บังเอิญจริงนะ ช่วงข่าวปฏิวัติโดยลุงตุ๊ ทูตมาร์ตินก็หมดวาระกลับบ้าน ทูตอังเกอร์ (Unger) มาแทน คุณ good boy นามพจน์ ก็ไปเตือนทูตใหม่อีกว่า ยูจะเอายังไง ข่าวปฎิวัติมาแรงนะ ถ้ายูจะให้ถนอมเป็นนายกนี่ต้องเร่งๆ หน่อย เราจะตั้งพรรคแล้วหนา เงินที่ว่าจะช่วยยังไม่มาเลย ทูตตั้งคำถาม 20 คำถาม แล้วก็มีประโยคทองตอบไปเป็นเกียรติประวัติว่า “Trust us-We know what to do” เชื่อเราน่า เรารู้ว่าจะต้องทำยังไง …ไอรวยจะตาย ยูไม่ต้องห่วง ธุรกิจแยะไปหมด น้ำดำไทยแลนด์นี่ก็ของไอนะ (ไม่ได้ค่าโฆษณาไม่เขียนให้รอบสอง!) ทูตอังเกอร์ (Unger) ได้ยินประโยคทอง แล้วก็อ่อนระทวยเขียนรายงานชื่อว่า “Lotus Project” ส่งด่วนจี๋ไปยังวอชิงตัน (Washington) ทันทีอีกรอบ การเลือกตั้งในวันที่ 11 ก.พ. พ.ศ.2512 ปรากฏว่า พรรคสหประชาไทยของน้าหนอม ได้รับชัยชนะเฉียดฉิวมากคือ 75 ที่นั่งจากสส.ทั้งหมด 215 คน เก่งจังเลย! การเลือกตั้งครั้งนี้สมควร บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่าอำนวยการสร้างโดย CIA ของแท้ ภายใต้ชื่อว่า Lotus Project  มีนายพจน์ สารสินเป็น project manger ทั้งนี้เพราะพี่เบิ้มกลัวว่า ถ้าการเมืองไทยไม่นิ่ง Pax Americana ที่วางไว้ซับซ้อนก็จะ ฉ.ห. ดังนั้นพรรคสหประชาไทย ภายใต้การดำเนินงานของนายพจน์ จึงเกิด ขึ้น และชนะการเลือกตั้งและได้นายกชื่อ พล.อ. ถนอม! ไอ้ที่เขียนเกี่ยวกับ Lotus Project มาทั้งหมดนี้นี้ อยู่ในรายงานลับของทูตมาร์ติน และทูตอังเกอร์ เองนะ ไม่ ได้ยกเมฆ แหม ลับยังไงก็หลุดมาได้น่า สีมือระดับนี่แล้ว เดี๋ยวว่าคุย (ฮา) โม้มาก สงสัย คงมีพวกซีมาคอยรับตัวไปเที่ยวแน่ Lotus Project ใช้เงินหลวงของพี่เบิ้มอุดหนุน ภายใต้การพิจารณาอนุมัติของ Committer 303 ไปหาดูแล้วกัน ไอ้ Committee นี้มันทำอะไร แล้วอย่ามาพูดอีกนะ ยูต้องเป็นประชาธิปไตย เหม็นขี้ฟันจริงๆ คนเล่านิทาน
    9 Comments 0 Shares 517 Views 0 Reviews
  • ตอน 7
    ไม่ช้าไม่นาน สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) สภาพัฒน์ฯ ควรบันทึกไว้ด้วยว่า เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ คนแรก ชื่อนายพจน์ สารสิน (พจน์ อีกแล้ว!)
    อย่างที่เล่าไว้ตอนแรกๆ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 1 ได้ถูกทำขึ้นโดยใช้วิธีแปลรายงานของธนาคารโลก (World Bank) ทั้งฉบับเป็นภาษาไทย ฝ่ายไทยไม่ต้องออกแรงเปลืองหัวสมองเท่าเม็ดถั่ว แค่แปลแล้วนำก็มาใช้เป็นแผนแม่ บทของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เท่านั้นเอง
    รายการที่ไทยแลนด์ต้องพัฒนาเป็นการด่วน คือระบบสาธารณูปโภค ด้านไฟฟ้า น้ำประปา ปรับปรุงระบบขน ส่ง สร้างถนน สร้างท่าเรือ สร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และสร้างสนามบิน! ฟังดูดี๊ดีนะครับ แต่ลองสังเกตอีกที  สิ่งที่พี่เบิ้มเขาให้เราทำน่ะ มันอะไรกันแน่
    แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาปรับปรุงระบบต่างๆ มาก่อสร้างตามรายการ และระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน มันเกินกว่างบประมาณไปหลายจี๋นะ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นคนเคยรวยเร็วไปหน่อยมั้ย คุณป๋ารำพึงดังๆ
    แน่นอน พีเบิ้มหูไว ก็ติดเครื่องดักฟังไว้ทั่วราชอาณาจักรไทย ได้ยินดังนั้นก็บอกว่า สมันน้อยไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอจัดให้ !
    ไอหาเงินกู้ดอกถูกไว้ให้ยูแล้ว ของธนาคารโลก ไงล่ะ สำรวจเอง เขียนเอง ให้กู้เอง ไม่รู้สึกแปลกกันบ้างเหรอไง ว่าแล้วชาวเราก็กระโดดลงหม้อตุ๋นด้วยความขอบคุณ
    โปรดรับทราบว่า ไทยสร้างสนามบินตามแผนพัฒนาฯ ด้วยเงินกู้ทั้งหมด 7 แห่ง คือ อู่ตะเภา ตาคลี อุบล อุดร โคราช น้ำพอง และนครพนม พัฒนาประเทศไทยจริงๆ ชาวบ้านยังขี่สองล้อ สามล้อกันอยู่เลย คุณพ่อให้สร้างสนามบิน เฮ้อ เกินจะบรรยาย มันจะให้กู ขี้สามล้อ วิ่งเล่นในสนามบินหรือไงนะเนี่ย
    สาธารณูปโภคที่สร้างก็อยู่ในจังหวัดที่สร้างสนามบินหรือใกล้เคียง นั่นแหละเช่น ถนนสายอู่ตะเภา โคราช สายพิษณุโลกขอนแก่น ถนนพวกนี้ตามรายงานของ ซีไอเอ เขาเรียกว่า ถนนยุทธศาสตร์! พัฒนาประเทศไทยจริงๆ
    นอกจากนี้ยังสร้าง สถานีเรดาร์ที่อุดร อุบล ศรีราชา ฯลฯ
    สถานีเรดาร์ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อุดร ชื่อสถานีรามสูร มีอุปกรณ์ตรวจสอบครบเครื่อง บริเวณกว้างขวางขนาดมีสนามกอล์ฟ 9 หลุม สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิคฯลฯ มีพนักงานชาวอเมริกัน 1,000 คนและลูกจ้างชาวไทยอีก1,400 คน รวมพนักงานทั้งหมด 2,400 คน มันจะเอาไว้ดักฟังสัญญาณดาวอังคารหรือไงวุ้ย
    ที่สำคัญ สถานีนี้ไม่อนุญาตให้คนไทยทั่วไปเข้าในบริเวณ แล้วมันอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ได้ไงเนี่ย
    หลังสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาถอนทัพออกจากประเทศไทย แต่ลืมถอนสถานีรามสูรกลับไปด้วย ยังฝากไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เอาไว้ดักฟังหนุ่มสาวไทยจีบกันหรือไงไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องที่เรากระซิบกันน่ะ พี่เขารู้หมดน่ะ เรื่องนี้ ผมเล่าแล้วก็เสี่ยงกับการกลายเป็นมนุษย์ล่องหนอย่างยิ่ง
    คิดออก มองเห็นหรือยัง อเมริกามหามิตรมอบของขวัญแบบไหนให้ไทยแลนด์ ประเภทล้วงกระเป๋าเรา เอาไปซื้อของของขวัญให้เราน่ะ หลงดีใจจนเนื้อเต้น
    ที่นี้เข้าใจหรือยัง ไอ้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ น่ะ มันวางไว้ก่อนแล้ว มันเตรียมการพัฒนาบ้านเรา เพื่อใช้บ้านเราเป็นฐานไปรบกับคอมมี่ที่เวียตนาม จะเอารถบรรทุกทหารหัวทองวิ่งมาบนท้องนาได้ไง บางแห่งถนนยังไม่มี มีแต่ทางเกวียน สนุกจริงๆ
    อย่าลืมถนนมิตรภาพ ที่อเมริกาสร้างให้ไทย ที่คนไทยภูมิใจหนักหนาด้วยล่ะ  วันเปิดถนนทำพิธีใหญ่โต ไปยืนตบมือกันเปาะแปะ เอารถไปทดลองวิ่งกันเป็นแถว แหม! มันเรียบดีนะ เอาถ้วยกาแฟวางหน้ารถไม่หกเลยจ๊ะ เฮ้ย! ไม่ทันคิดว่าถนนนี้เป็นเส้นทางหลักที่พี่เบิ้มเขาจะใช้ในการลำเลียงพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ไปรบกะเวียตนาม
    มันคล้ายๆ บ้านเรายังกินข้าวด้วยมือเปิบอยู่ แต่วันดีคืนร้าย ดันมีคนให้ของขวัญ เราก็ดีใจเปิดกล่องของขวัญออกมา อ้าวตาย กลายเป็น มีดกับส้อม เขาบอกว่า…เอาไว้ใช้เวลาไอมาทานข้าวบ้านยูไง ของขวัญแบบนั่นน่ะ เข้าใจไหมครับ
    หลังจากเตรียมการเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยแลนด์แดนสวรรค์มีถนน มีน้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี (แต่ยังไม่มีงานทำ 555) สนามบินก็สร้างแล้ว ตำรวจสารพัดนึกก็มีแล้ว เหลืออะไรล่ะที่เรายังไม่ได้ให้ไทยแลนด์ทำกองทัพไงจ้ะ ไทยแลนด์ต้องมีกองทัพอันเกรียงไกร เอาไว้ป้องกันประเทศ เอาไว้กันไม่ให้พวกคอมมี่ มันขยายตัวแหลมหัวเข้ามาแถวนี้
    ตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึง พ.ศ.2515 ตลอดเวลาที่อเมริกา นำทัพสู้ในสงครามเวียตนาม ไทยมีส่วนสำคัญ ในการรบเคียงขาเคียงบ่าเคียงไหล่กับอเมริกา รวมไปถึงการรบในลาวและกัมพูชา ตลอดเวลาดังกล่าว มีทหารอเมริกันอยู่ในประเทศไทย น้อยสุด 50,000 นาย และมากสุดถึง 200,000 นาย มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งหมดไม่น้อยกว่า 70, 000 เที่ยว บินไปปฏิบัติการรบทั้งที่ เวียตนาม ลาวและกัมพูชา
    ที่น่าสนใจ การที่อเมริกาเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพ โจมตีเวียตนามและเพื่อนบ้าน อเมริกาไม่เคยทำข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมกับไทย มันเป็นความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายอเมริกาก็ไม่ต้องการมีข้อผูกมัด แค่มาใช้บ้านเขาเฉยๆ เอง มาเมื่อไหร่ ไปเมื่อไหร่ ไม่มีข้อผูกพัน… ฝ่ายเจ้าของบ้านคือรัฐบาลก็ O.K งุบๆ งิบๆ อย่างนี้ดีกว่า …ไม่มีใครรู้เงินช่วยเหลือเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนไหนของวัด ส่วนไหนของกรรมการ อู้ฟู้กันเป็นแถวๆ
    และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น พี่เบิ้มอ้างว่า ปฏิบัติการที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพน่ะ เป็นปฏิบัติการลับเสีย 99% เพราะฉะนั้นเกือบทุกครั้งที่เครื่องบินรบของพี่เขาจะบินขึ้นจากฐานทัพ (ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย) พี่เขาไม่ต้องขออนุญาตไทย …ไทยแลนด์ยูไม่ต้องยุ่ง… เดี๋ยวความลับรั่วไหลเหมือนท่อน้ำประปาบ้านยู
    ทหารไทยก็ใจกว้าง ตกลงงั้นไอมอบอำนาจให้ยูอนุมัติบินได้เลยนะ ทูตอเมริกันประจำไทย ขณะนั้น นายมาร์ติน (Martin) จึงเป็นคนอนุมัติ กดปุ่ม O.K.!
    สิทธิสภาพนอกอาณาเขตยุคสงครามเวียตนาม ประชาชนคนไทยรู้ไหมเป็นเมืองขึ้นเขาไปแล้ว! แล้วจะไม่บอกว่า ทหารไทยนี่เป็นยอดดวงใจของพี่เบิ้มอเมริกาได้ยังไง ยังไม่จบเรื่องยอดดวงใจนี้ มีหลายภาค ค่อยๆ อ่านไป
    เห็นชัดหรือยังครับ ลองเรียบเรียงดูการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) แผนพัฒนาเศรษฐกิจ การตั้งสภาพัฒน์ การพัฒนาประเทศ การให้ความช่วยเหลือโดย CIA แก่กรมตำรวจ การให้ความช่วยเหลือแก่กอง ทัพไทย การควบ คุมจัดตั้งการเลือกตั้ง การควบคุมการเมืองไทยทั้งทางตรงทางอ้อม มันโยงกันไหมและทำเพื่ออะไร ผลประ โยชน์ของใคร อาจมีผู้เห็นแย้งว่า ไทยก็ได้ประโยชน์ ป้องกันไม่ให้ระบอบคอม มิวนิสต์เข้ายึดครองประเทศไทย แต่ถามว่า แล้วเรามีวิธีป้องกันด้วยวิธีอื่นหรือไม่ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนประ เทศกลับหัวกลับหางหกคะเมนตีลังกาเช่นนี้
    เมื่ออเมริกาถอนฐานทัพออกไปจากไทยเมื่อปี พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974) ประเทศไทยมีสภาพเป็นอย่างไร ผู้ที่เกิดไม่ทันสมัยนั้น ลองไปหาประวัติศาสตร์อ่านกันดูหน่อย รีบๆ ทำความรู้จักไว้ เพราะเหตุการณ์เช่น สงครามเวียตนาม ฐานทัพ และวัฒนธรรมอเมริกัน การควบคุมชีวิตของคนไทยโดยการเมืองและกองทัพของอเมริกา อาจกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ถ้ากลับมาอีก ไทยเรายังจะมีประเทศเหลือหรือเปล่า ไม่แน่ใจ
    หยิบกระดาษมา 1 แผ่น ด้านซ้ายเขียนต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ ด้านขวาเขียนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ เพื่อนำเข้าทุนนิยมเสรี เปลี่ยนประเทศทำเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรม ดูทีละด้าน ก็ไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกัน แต่ลองเอามาร้อยเรียงกัน เหมือนต่อจิกซอว์ เราน่าจะเห็นว่า นี่มันคือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่แนบเนียน ชนิดถ้าไม่ทำ CSI ก็จับผู้ร้ายไม่ได้เด็ดขาด
    ชาวไทยที่รักทั้งหลาย จงอย่างดูอะไรที่ละด้าน ที่ละชิ้น …หัดมองภาพรวม หัดต่อภาพให้เป็น แล้วจะได้เห็นภาพใหญ่ พวกสื่อเขาไม่ทำให้เราหรอกครับ เขาเสนอทีละภาพ ทีละเหตุการณ์ จิกซอว์ที่ละตัว เราก็เห็นก็ตามเท่าที่เขาเสนอให้ดู แล้วยิ่งถ้ามันเสนอแบบฟอกย้อมล่ะ จะรู้ได้ยังไง ว่าที่สีฟ้าๆ น่ะ มันน้ำหรือท้องฟ้า สีเขียว ๆ น่ะมันดอลลาร์ หรือใบตองที่แน่สีทองๆ อย่านึกว่าเป็นทอง อาจเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ
    ภายใต้ Pax Americana หรือการขยายระบบทุนนิยมของอเมริกา ไทยแลนด์แดนเนรมิต ต้องแต่งตัวใหม่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อให้ทุนนิยมอุตสาหกรรมเข้ามาในบ้านเราได้เต็มที่ พี่เบิ้มจึงทั้งบีบทั้งบี้ ถึงขนาดขู่ว่า ถ้าไม่เป็นเด็กดีจะตัดงบช่วยเหลือ พวก good boy เลย ต้องออกพรบ.ให้พี่เบิ้มเต็มพิกัดในพ.ศ.2505 เช่น พรบ.ส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม เป็นการจูงใจให้นักลง ทุน ต ด (แปลว่าต่างด้าว) เต็มที่ พรบ.งบประมาณ และตั้งสนง.งบประมาณ ไทยแลนด์ ยูจะได้ไม่เอาเงินช่วยเหลือไปใช้จ่ายรุ่ยร่าย เงินของไอนะ พรบ.ธนาคารพาณิชย์ จะได้เข้ามาตรฐาน ต ด (ต่างด้าว) เปิดทางให้ ต ด มาลงทุน
    แล้วดูตอนนี้ซิ ลงทุนกันไปถึงไหน ธนาคารชื่อไทยน่ะ ทุนไทยเหลือแค่ไหน เป็นของฝรั่งตาน้ำข้าวหัวทอง ตาตี่หัวดำ อย่างสิงคโปร์ขี้ข้าฝรั่งเข้าไปเท่าไหร่ ถ้าอยากรู้ตัวเลขจริงๆ ทำใจแข็งไปขอดูรายงานของ ธปท.เลยครับ รู้แล้วอย่าเป็นลมก็แล้วกัน!
    เรื่องนี้ ถ้าเล่าขบวนการสมคบอันชั่วร้ายของขบวนการทุนนิยมเสรีแล้ว
    ท่านผู้อ่านอาจอยากเปลี่ยนใจไปใช้เงินพดด้วง!
    นอกจากนี้พี้เบิ้มยังแนะนำ (บังคับ!) ให้สมันน้อยยกเลิกรัฐวิสาหกิจ 150 แห่ง ที่ตั้งมาตั้งกะสมัยคณะราษฎร (อันนี้มันส์พะยะค่ะ เล่นเอาพวกปล้นเจ้า หน้าจ๋อยไปเลย) เพราะว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ หมายความว่า รัฐเป็นผู้ดำเนินกิจการเอง ควบคุมเอง ทุนต่างด้าว ทุนนิยมเสรีจะเข้ามาค้าแล้วรวยได้อย่างไร มันก็เหมือนเล่นไพ่กับเจ้ามือ มันจะไปได้กินเจ้ามืออย่างไร ดังนั้นพี่เบิ้มเลยบังคับให้มีทั้งการตัด การตอนรัฐวิสาหกิจให้หดและหายไปในที่สุด …ไอ้ทฤษฏีตอนไม่ให้โตน่ะ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็ยังใช้เล่นต่อ เนื่องมาถึงทุกวันนี้ เห็นฤทธิ์ทุนนิยมเสรีหรือยัง มันมาทั้งได้ในรูปทุนนิยมต่างด้าว และทุนนิยมเผด็จการไทย
    ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็มีแต่จนแห้งตายซาก ทั้งขึ้น ทั้งล่อง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 7 ไม่ช้าไม่นาน สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) สภาพัฒน์ฯ ควรบันทึกไว้ด้วยว่า เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ คนแรก ชื่อนายพจน์ สารสิน (พจน์ อีกแล้ว!) อย่างที่เล่าไว้ตอนแรกๆ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 1 ได้ถูกทำขึ้นโดยใช้วิธีแปลรายงานของธนาคารโลก (World Bank) ทั้งฉบับเป็นภาษาไทย ฝ่ายไทยไม่ต้องออกแรงเปลืองหัวสมองเท่าเม็ดถั่ว แค่แปลแล้วนำก็มาใช้เป็นแผนแม่ บทของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เท่านั้นเอง รายการที่ไทยแลนด์ต้องพัฒนาเป็นการด่วน คือระบบสาธารณูปโภค ด้านไฟฟ้า น้ำประปา ปรับปรุงระบบขน ส่ง สร้างถนน สร้างท่าเรือ สร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และสร้างสนามบิน! ฟังดูดี๊ดีนะครับ แต่ลองสังเกตอีกที  สิ่งที่พี่เบิ้มเขาให้เราทำน่ะ มันอะไรกันแน่ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาปรับปรุงระบบต่างๆ มาก่อสร้างตามรายการ และระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน มันเกินกว่างบประมาณไปหลายจี๋นะ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นคนเคยรวยเร็วไปหน่อยมั้ย คุณป๋ารำพึงดังๆ แน่นอน พีเบิ้มหูไว ก็ติดเครื่องดักฟังไว้ทั่วราชอาณาจักรไทย ได้ยินดังนั้นก็บอกว่า สมันน้อยไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอจัดให้ ! ไอหาเงินกู้ดอกถูกไว้ให้ยูแล้ว ของธนาคารโลก ไงล่ะ สำรวจเอง เขียนเอง ให้กู้เอง ไม่รู้สึกแปลกกันบ้างเหรอไง ว่าแล้วชาวเราก็กระโดดลงหม้อตุ๋นด้วยความขอบคุณ โปรดรับทราบว่า ไทยสร้างสนามบินตามแผนพัฒนาฯ ด้วยเงินกู้ทั้งหมด 7 แห่ง คือ อู่ตะเภา ตาคลี อุบล อุดร โคราช น้ำพอง และนครพนม พัฒนาประเทศไทยจริงๆ ชาวบ้านยังขี่สองล้อ สามล้อกันอยู่เลย คุณพ่อให้สร้างสนามบิน เฮ้อ เกินจะบรรยาย มันจะให้กู ขี้สามล้อ วิ่งเล่นในสนามบินหรือไงนะเนี่ย สาธารณูปโภคที่สร้างก็อยู่ในจังหวัดที่สร้างสนามบินหรือใกล้เคียง นั่นแหละเช่น ถนนสายอู่ตะเภา โคราช สายพิษณุโลกขอนแก่น ถนนพวกนี้ตามรายงานของ ซีไอเอ เขาเรียกว่า ถนนยุทธศาสตร์! พัฒนาประเทศไทยจริงๆ นอกจากนี้ยังสร้าง สถานีเรดาร์ที่อุดร อุบล ศรีราชา ฯลฯ สถานีเรดาร์ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อุดร ชื่อสถานีรามสูร มีอุปกรณ์ตรวจสอบครบเครื่อง บริเวณกว้างขวางขนาดมีสนามกอล์ฟ 9 หลุม สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิคฯลฯ มีพนักงานชาวอเมริกัน 1,000 คนและลูกจ้างชาวไทยอีก1,400 คน รวมพนักงานทั้งหมด 2,400 คน มันจะเอาไว้ดักฟังสัญญาณดาวอังคารหรือไงวุ้ย ที่สำคัญ สถานีนี้ไม่อนุญาตให้คนไทยทั่วไปเข้าในบริเวณ แล้วมันอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ได้ไงเนี่ย หลังสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาถอนทัพออกจากประเทศไทย แต่ลืมถอนสถานีรามสูรกลับไปด้วย ยังฝากไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เอาไว้ดักฟังหนุ่มสาวไทยจีบกันหรือไงไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องที่เรากระซิบกันน่ะ พี่เขารู้หมดน่ะ เรื่องนี้ ผมเล่าแล้วก็เสี่ยงกับการกลายเป็นมนุษย์ล่องหนอย่างยิ่ง คิดออก มองเห็นหรือยัง อเมริกามหามิตรมอบของขวัญแบบไหนให้ไทยแลนด์ ประเภทล้วงกระเป๋าเรา เอาไปซื้อของของขวัญให้เราน่ะ หลงดีใจจนเนื้อเต้น ที่นี้เข้าใจหรือยัง ไอ้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ น่ะ มันวางไว้ก่อนแล้ว มันเตรียมการพัฒนาบ้านเรา เพื่อใช้บ้านเราเป็นฐานไปรบกับคอมมี่ที่เวียตนาม จะเอารถบรรทุกทหารหัวทองวิ่งมาบนท้องนาได้ไง บางแห่งถนนยังไม่มี มีแต่ทางเกวียน สนุกจริงๆ อย่าลืมถนนมิตรภาพ ที่อเมริกาสร้างให้ไทย ที่คนไทยภูมิใจหนักหนาด้วยล่ะ  วันเปิดถนนทำพิธีใหญ่โต ไปยืนตบมือกันเปาะแปะ เอารถไปทดลองวิ่งกันเป็นแถว แหม! มันเรียบดีนะ เอาถ้วยกาแฟวางหน้ารถไม่หกเลยจ๊ะ เฮ้ย! ไม่ทันคิดว่าถนนนี้เป็นเส้นทางหลักที่พี่เบิ้มเขาจะใช้ในการลำเลียงพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ไปรบกะเวียตนาม มันคล้ายๆ บ้านเรายังกินข้าวด้วยมือเปิบอยู่ แต่วันดีคืนร้าย ดันมีคนให้ของขวัญ เราก็ดีใจเปิดกล่องของขวัญออกมา อ้าวตาย กลายเป็น มีดกับส้อม เขาบอกว่า…เอาไว้ใช้เวลาไอมาทานข้าวบ้านยูไง ของขวัญแบบนั่นน่ะ เข้าใจไหมครับ หลังจากเตรียมการเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยแลนด์แดนสวรรค์มีถนน มีน้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี (แต่ยังไม่มีงานทำ 555) สนามบินก็สร้างแล้ว ตำรวจสารพัดนึกก็มีแล้ว เหลืออะไรล่ะที่เรายังไม่ได้ให้ไทยแลนด์ทำกองทัพไงจ้ะ ไทยแลนด์ต้องมีกองทัพอันเกรียงไกร เอาไว้ป้องกันประเทศ เอาไว้กันไม่ให้พวกคอมมี่ มันขยายตัวแหลมหัวเข้ามาแถวนี้ ตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึง พ.ศ.2515 ตลอดเวลาที่อเมริกา นำทัพสู้ในสงครามเวียตนาม ไทยมีส่วนสำคัญ ในการรบเคียงขาเคียงบ่าเคียงไหล่กับอเมริกา รวมไปถึงการรบในลาวและกัมพูชา ตลอดเวลาดังกล่าว มีทหารอเมริกันอยู่ในประเทศไทย น้อยสุด 50,000 นาย และมากสุดถึง 200,000 นาย มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งหมดไม่น้อยกว่า 70, 000 เที่ยว บินไปปฏิบัติการรบทั้งที่ เวียตนาม ลาวและกัมพูชา ที่น่าสนใจ การที่อเมริกาเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพ โจมตีเวียตนามและเพื่อนบ้าน อเมริกาไม่เคยทำข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมกับไทย มันเป็นความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายอเมริกาก็ไม่ต้องการมีข้อผูกมัด แค่มาใช้บ้านเขาเฉยๆ เอง มาเมื่อไหร่ ไปเมื่อไหร่ ไม่มีข้อผูกพัน… ฝ่ายเจ้าของบ้านคือรัฐบาลก็ O.K งุบๆ งิบๆ อย่างนี้ดีกว่า …ไม่มีใครรู้เงินช่วยเหลือเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนไหนของวัด ส่วนไหนของกรรมการ อู้ฟู้กันเป็นแถวๆ และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น พี่เบิ้มอ้างว่า ปฏิบัติการที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพน่ะ เป็นปฏิบัติการลับเสีย 99% เพราะฉะนั้นเกือบทุกครั้งที่เครื่องบินรบของพี่เขาจะบินขึ้นจากฐานทัพ (ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย) พี่เขาไม่ต้องขออนุญาตไทย …ไทยแลนด์ยูไม่ต้องยุ่ง… เดี๋ยวความลับรั่วไหลเหมือนท่อน้ำประปาบ้านยู ทหารไทยก็ใจกว้าง ตกลงงั้นไอมอบอำนาจให้ยูอนุมัติบินได้เลยนะ ทูตอเมริกันประจำไทย ขณะนั้น นายมาร์ติน (Martin) จึงเป็นคนอนุมัติ กดปุ่ม O.K.! สิทธิสภาพนอกอาณาเขตยุคสงครามเวียตนาม ประชาชนคนไทยรู้ไหมเป็นเมืองขึ้นเขาไปแล้ว! แล้วจะไม่บอกว่า ทหารไทยนี่เป็นยอดดวงใจของพี่เบิ้มอเมริกาได้ยังไง ยังไม่จบเรื่องยอดดวงใจนี้ มีหลายภาค ค่อยๆ อ่านไป เห็นชัดหรือยังครับ ลองเรียบเรียงดูการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) แผนพัฒนาเศรษฐกิจ การตั้งสภาพัฒน์ การพัฒนาประเทศ การให้ความช่วยเหลือโดย CIA แก่กรมตำรวจ การให้ความช่วยเหลือแก่กอง ทัพไทย การควบ คุมจัดตั้งการเลือกตั้ง การควบคุมการเมืองไทยทั้งทางตรงทางอ้อม มันโยงกันไหมและทำเพื่ออะไร ผลประ โยชน์ของใคร อาจมีผู้เห็นแย้งว่า ไทยก็ได้ประโยชน์ ป้องกันไม่ให้ระบอบคอม มิวนิสต์เข้ายึดครองประเทศไทย แต่ถามว่า แล้วเรามีวิธีป้องกันด้วยวิธีอื่นหรือไม่ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนประ เทศกลับหัวกลับหางหกคะเมนตีลังกาเช่นนี้ เมื่ออเมริกาถอนฐานทัพออกไปจากไทยเมื่อปี พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974) ประเทศไทยมีสภาพเป็นอย่างไร ผู้ที่เกิดไม่ทันสมัยนั้น ลองไปหาประวัติศาสตร์อ่านกันดูหน่อย รีบๆ ทำความรู้จักไว้ เพราะเหตุการณ์เช่น สงครามเวียตนาม ฐานทัพ และวัฒนธรรมอเมริกัน การควบคุมชีวิตของคนไทยโดยการเมืองและกองทัพของอเมริกา อาจกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ถ้ากลับมาอีก ไทยเรายังจะมีประเทศเหลือหรือเปล่า ไม่แน่ใจ หยิบกระดาษมา 1 แผ่น ด้านซ้ายเขียนต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ ด้านขวาเขียนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ เพื่อนำเข้าทุนนิยมเสรี เปลี่ยนประเทศทำเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรม ดูทีละด้าน ก็ไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกัน แต่ลองเอามาร้อยเรียงกัน เหมือนต่อจิกซอว์ เราน่าจะเห็นว่า นี่มันคือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่แนบเนียน ชนิดถ้าไม่ทำ CSI ก็จับผู้ร้ายไม่ได้เด็ดขาด ชาวไทยที่รักทั้งหลาย จงอย่างดูอะไรที่ละด้าน ที่ละชิ้น …หัดมองภาพรวม หัดต่อภาพให้เป็น แล้วจะได้เห็นภาพใหญ่ พวกสื่อเขาไม่ทำให้เราหรอกครับ เขาเสนอทีละภาพ ทีละเหตุการณ์ จิกซอว์ที่ละตัว เราก็เห็นก็ตามเท่าที่เขาเสนอให้ดู แล้วยิ่งถ้ามันเสนอแบบฟอกย้อมล่ะ จะรู้ได้ยังไง ว่าที่สีฟ้าๆ น่ะ มันน้ำหรือท้องฟ้า สีเขียว ๆ น่ะมันดอลลาร์ หรือใบตองที่แน่สีทองๆ อย่านึกว่าเป็นทอง อาจเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ ภายใต้ Pax Americana หรือการขยายระบบทุนนิยมของอเมริกา ไทยแลนด์แดนเนรมิต ต้องแต่งตัวใหม่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อให้ทุนนิยมอุตสาหกรรมเข้ามาในบ้านเราได้เต็มที่ พี่เบิ้มจึงทั้งบีบทั้งบี้ ถึงขนาดขู่ว่า ถ้าไม่เป็นเด็กดีจะตัดงบช่วยเหลือ พวก good boy เลย ต้องออกพรบ.ให้พี่เบิ้มเต็มพิกัดในพ.ศ.2505 เช่น พรบ.ส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม เป็นการจูงใจให้นักลง ทุน ต ด (แปลว่าต่างด้าว) เต็มที่ พรบ.งบประมาณ และตั้งสนง.งบประมาณ ไทยแลนด์ ยูจะได้ไม่เอาเงินช่วยเหลือไปใช้จ่ายรุ่ยร่าย เงินของไอนะ พรบ.ธนาคารพาณิชย์ จะได้เข้ามาตรฐาน ต ด (ต่างด้าว) เปิดทางให้ ต ด มาลงทุน แล้วดูตอนนี้ซิ ลงทุนกันไปถึงไหน ธนาคารชื่อไทยน่ะ ทุนไทยเหลือแค่ไหน เป็นของฝรั่งตาน้ำข้าวหัวทอง ตาตี่หัวดำ อย่างสิงคโปร์ขี้ข้าฝรั่งเข้าไปเท่าไหร่ ถ้าอยากรู้ตัวเลขจริงๆ ทำใจแข็งไปขอดูรายงานของ ธปท.เลยครับ รู้แล้วอย่าเป็นลมก็แล้วกัน! เรื่องนี้ ถ้าเล่าขบวนการสมคบอันชั่วร้ายของขบวนการทุนนิยมเสรีแล้ว ท่านผู้อ่านอาจอยากเปลี่ยนใจไปใช้เงินพดด้วง! นอกจากนี้พี้เบิ้มยังแนะนำ (บังคับ!) ให้สมันน้อยยกเลิกรัฐวิสาหกิจ 150 แห่ง ที่ตั้งมาตั้งกะสมัยคณะราษฎร (อันนี้มันส์พะยะค่ะ เล่นเอาพวกปล้นเจ้า หน้าจ๋อยไปเลย) เพราะว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ หมายความว่า รัฐเป็นผู้ดำเนินกิจการเอง ควบคุมเอง ทุนต่างด้าว ทุนนิยมเสรีจะเข้ามาค้าแล้วรวยได้อย่างไร มันก็เหมือนเล่นไพ่กับเจ้ามือ มันจะไปได้กินเจ้ามืออย่างไร ดังนั้นพี่เบิ้มเลยบังคับให้มีทั้งการตัด การตอนรัฐวิสาหกิจให้หดและหายไปในที่สุด …ไอ้ทฤษฏีตอนไม่ให้โตน่ะ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็ยังใช้เล่นต่อ เนื่องมาถึงทุกวันนี้ เห็นฤทธิ์ทุนนิยมเสรีหรือยัง มันมาทั้งได้ในรูปทุนนิยมต่างด้าว และทุนนิยมเผด็จการไทย ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็มีแต่จนแห้งตายซาก ทั้งขึ้น ทั้งล่อง คนเล่านิทาน
    3 Comments 0 Shares 679 Views 0 Reviews
More Results