• ด่วน!
    ศาลฎีกาสหรัฐฯ ตัดสินให้ TikTok ต้องยุติการให้บริการทั่วประเทศตามกฎหมายของไบเดน

    แอปดังกล่าวจะไม่สามารถดาวโหลดเพื่อใช้งานได้อีกในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม เว้นแต่ทรัมป์จะสั่งไปยังกระทรวงยุติธรรมไม่ให้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว
    ด่วน! ศาลฎีกาสหรัฐฯ ตัดสินให้ TikTok ต้องยุติการให้บริการทั่วประเทศตามกฎหมายของไบเดน แอปดังกล่าวจะไม่สามารถดาวโหลดเพื่อใช้งานได้อีกในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม เว้นแต่ทรัมป์จะสั่งไปยังกระทรวงยุติธรรมไม่ให้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

    จรรยาบรรณแพทย์

    ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ
    ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม

    ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ
    ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น
    ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน
    ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

    ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม
    ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น

    ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง
    ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย

    ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ
    ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ

    ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ
    ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ

    ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม
    ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ
    ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ
    ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ
    อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่

    ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ
    ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง
    ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้

    ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล
    ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่

    ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้
    ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้

    ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย
    ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้
    เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ

    ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ
    ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ

    ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย
    ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้
    แก้วสรร อติโพธิ
    14 ม.ค. 2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง “ความรับผิดชอบ”ในคดีชั้น ๑๔ โดยมีเนื้อหา ดังนี้ จรรยาบรรณแพทย์ ถาม ๑๕ มกราคม นี้ ถึงกำหนดที่ฝ่ายแพทย์ ทั้ง รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ต้องส่งเวชระเบียน ให้อนุกรรมการสอบสวนของ แพทยสภาแล้ว ขอทราบว่า แพทยสภาเขาจะไปเอาทำอะไรครับ ตอบ ไปตรวจว่ามีหมอคนไหน ทำผิดจรรยาบรรณ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่หรือไม่ เช่นรายงานเท็จ ปั้นแต่งให้ความเห็นโดยไม่ใช้วิชาชีพ อย่างนี้ถ้าพบว่ามีจริงก็ลงโทษผิดจรรยาบรรณ คือ พักใช้หรือยึดใบประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้ไม่ว่าหมอคนนั้นจะอยู่ในราชการหรือไม่ก็ตาม ถาม แล้วหมอคนที่ผิดจรรยาบรรณนั้น ไม่ติดคุกหรือครับ ตอบ ถ้าอยู่ในราชการ ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องไปติดคุกเพราะกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกฐานความผิดหนึ่ง ถาม ถ้า รพ.ตำรวจ รับทักษิณไว้ โดยไม่มีการตรวจโรคเลย แล้วหมอก็ผ่าไหล่ให้ตามคำสั่ง ผอ.เท่านั้น ตอบ หมอที่ผ่าก็ไม่ผิดอะไรในทางจรรยาบรรณ จะผิดก็ตรง ผอ.โรงพยาบาลที่รับนักโทษ ให้ มาอยู่อาศัยราวกับเป็นโรงแรมเท่านั้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เช่นกัน ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ถาม ถ้าเขาบอกแพทยสภาว่าไม่ให้เวชระเบียน เพราะผู้ป่วยไม่ยินยอม จะได้ไหม ตอบ ไม่ได้ครับ นี่เป็นคำสั่งเพื่อทำการตามหน้าที่ใ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายวิชาชีพเวชกรรม จะอ้างสิทธิคนป่วยมาหวงกันเวชระเบียนไว้ไม่ได้ กฎหมายสุขภาพชัดเจนว่า ให้ปฏิเสธได้แต่เฉพาะการขอทราบโดยอ้างสิทธิสาธารณะชน ตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารเท่านั้น ถาม เห็น พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรียุติธรรม บอกว่า รพ.ตำรวจ น่าจะส่งเวชระเบียนจากหมอสิงค์โปร์ ให้แพทยสภาเขาไปซะ จะได้หมดเรื่อง ตอบ อย่ามั่วครับท่าน…แพทยสภาไทย เขาตรวจหมอไทยครับ ว่าตรวจสุขภาพ นช.ทักษิณ และให้ความเห็นถูกต้องไหมในกระบวนการส่งตัวและรับตัวทั้งหมดระหว่างเรือนจำ และ รพ.ตำรวจ ส่วนรายงานแพทย์จากสิงค์โปร์นั้นไม่เกี่ยวอะไรเลย ถาม พ.ต.อ.ทวี ยังพูดในสภาว่า ได้เคยเห็นรายงานผ่าไหล่และ ผล MRI ของ นักโทษ ในรายงานของเรือนจำด้วยตาตนเองเลยนะครับ ตอบ ประเด็นในคดี มันอยู่ตรงที่ว่า ป่วยหนักจน รพ.ราชทัณฑ์ รักษาไม่ได้จริงหรือไม่ เรื่องผ่าไหล่นั่นไม่เกี่ยวเลย ส่งไปนอนเล่นอยู่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วมีผ่าไหล่แถมให้ก็ได้ ผ่าแบบนี้อยู่โรงพยาบาลวันสองวันก็กลับเรือนจำได้แล้ว มิหนำซ้ำพวกหมอเขาบอกว่า ถ้าป่วยวิกฤตแล้ว ทำMRI ก็ไม่ได้ ดมยาสลบก็ไม่ได้นะครับ ถาม รัฐมนตรีอาจพูดเพื่อให้ตัวเองดูสุจริตก็ได้นะครับ ตอบ ถ้าในรายงานจากเรือนจำ ชัดเจนว่าไม่มีการตรวจร่างกาย และไม่มีคำสั่งส่งตัวรับตัว ด้วยเหตุป่วยวิกฤตอยู่เลย ตรงนี้ก็แสดงว่า ระดับล่างทำงานบกพร่อง ละเว้นหน้าที่ชัดเจนแล้ว รายงานบกพร่องอย่างนี้ทำไมระดับบน ทั้ง อธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีไม่เห็น ไม่ท้วงติง เพียงแค่นี้ผมก็ว่ามีมูลให้ ปปช.ตั้งข้อหา เจ้าหน้าที่ระดับบน เพิ่มได้แล้วครับ ถาม ถ้า รพ.ตำรวจและเรือนจำ ทำนิ่งเฉยไม่ส่งเวชระเบียน หรือตอบว่าไม่มี จะได้ไหม ตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้น ความตามปากคำพยานบุคคล คือ พลตำรวจเอกเสรี ที่เห็นด้วยตาว่า ทักษิณไม่ป่วยจริง ก็จะมีน้ำหนักฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาทันที จะโดน ๑๕๗ กันหมดทั้ง ผบ.เรือนจำและ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ ถาม ในมติ ปปช.เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีมูลความผิด ถึง ๑๒ คน ครับ ตอบ ๑๒ คน นั้นเป็นคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าได้เวชระเบียนมาตรวจสอบ หรือได้ปากคำจนความจริงครบถ้วน ใน ๑๒ คนนี้ก็น่าจะมีคนพ้นข้อสงสัยไปได้ ที่วันนี้โดนสงสัยกันหมดเพราะไม่ยอมให้ปากคำและเวชระเบียนใดๆเลย จริงๆนั้น มาถึงชั้นนี้ มันต้องตัวใครตัวมันกันแล้วครับ อำนาจศาลยุติธรรม ออกหมายจำคุกใหม่ ถาม คำพืพากษาจำคุกมีแล้ว ออกหมายจำคุกแล้ว แล้วนักโทษถูกปล่อยไปนอนเล่นโรงพยาบาล อย่างนี้จะเอาตัวมาขังใหม่ได้ไหมครับ ตอบ เรื่องการบังคับตามคำพิพากษษคดีอาญานี้ มีมาตรา ๒๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาระบุว่า ถ้านักโทษป่วยและอยู่ในคุกแล้วจะมีอันตรายถึงชีวิต ก็ให้ศาลสั่งทุเลาโทษ คือไปรักษาตัวนอกเรือนจำโดยหยุดไม่นับเวลาคุมขังได้ แต่กระทรวงยุติธรรมกลับมาออกกฎกระทรวงให้อำนาจราชทัณฑ์ส่งนักโทษไปรักษานอกเรือนจำได้เองจนยาวไปเลย โดยมีการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาจากรายงานเป็นระยะเท่านั้นเอง ตรงนี้ ก็นับเป็นปัญหาทางนิติบัญญัติที่ต้องทบทวนกันให้ชัดเจนต่อไปว่าจะเอายังไงกันแน่ ที่จริงนั้นก็ควรจะให้ราชทัณฑ์ส่งตัวโดยไม่ผ่านศาลได้ เฉพาะที่เป็นการฉุกเฉินเท่านั้น แล้วค่อยให้มาขอศาลอีกทีเมื่อเกิน ๓๐ วัน ไปแล้วก็ได้ ถาม แล้วคดี นช.ทักษิณจะทำอย่างไร เมื่อได้ส่งตัวไปแล้วโดยไม่ผ่านศาล ตอบ ก็ต้องถือตามกฎกระทรวงครับ แต่เงื่อนไขว่าต้องเจ็บป่วยวิกฤตถึงชีวิต ยังคงดำรงอยู่ ถาม แล้วศาลจะมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างไรครับ ในเมื่อนักโทษเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว พ้นโทษไปแล้วอย่างนี้ ตอบ อำนาจตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามหมายจำคุกนั้นยังมีอยู่เสมอไป มาตรา ๒๔๖ เป็นมาตราที่ยืนยันความมีอยู๋ของอำนาจนี้ว่า ราชทัณฑ์จะเห็นหมายศาลที่ให้จำคุกเป็นกระดาษเช็ดก้นไม่ได้ ถาม แล้วเรื่องจะไปสู่ศาล ให้ศาลตรวจสอบว่านักโทษป่วยวิกฤตจริงไหม ได้อย่างไร ใครจะร้องได้บ้างว่า นักโทษไม่ได้ติดคุกเลย ตอบ ก็ต้องเอานิติวิธีที่ใช้กฎหมายเทียบเคียงมาช่วยครับ โดยเทียบกับ มาตรา ๒๔๖ ดูสิครับว่ามาตรานี้ใครร้องได้บ้าง มาคดีนี้ก็น่าจะร้องได้อย่างนั้นเหมือนกัน ดูซึ่งผมว่าต้องร้องได้ทั้งราชทัณฑ์เอง หรือศาลเห็นเอง ก็ได้ เริ่มจากรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าพึ่งรู้ว่าผิดพลาด จะสั่งราชทัณฑ์ให้ร้องศาลก็ได้ หรือศาลจะเห็นเองก็ได้ ซึ่งวันนี้คดีนี้ก็มีข้อสงสัยถึงขั้น ปปช.สั่งมีมูลแล้ว แพทยสภาขอเวชระเบียนแล้วก็ยังเบี้ยวไม่ยอมให้ เพียงเท่านี้ก็พอให้ศาลสั่งไต่สวนได้แล้วครับ ถาม ศาลลงมือไต่สวนได้โดยไม่ต้องรอ ผล ปปช. หรือ แพทยสภา ใช่ไหมครับ ตอบ ไม่ต้องรอแน่นอนครับ โดยหลักกฎหมายนั้น เรามีแต่ห้ามองค์กรใดพิจารณาแข่งกับศาลไม่มีเลยที่ให้ศาลรอผลองค์กรอื่น และยิ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาว่าเบี้ยวคำพิพากษาศาลหรือไม่ด้วยแล้ว ศาลจะมานั่งรอเห็นตามคนอื่นไม่ได้หรอกครับ ถาม เห็นมีข่าวว่า ศาลส่วนหนึ่งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง ตนจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว กลายเป็น “คู่กรณี” ด้วย ตอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องความยุติธรรมในบ้านเมือง ที่ประชาชนได้ยอมรับเห็นศาลเป็นเสาหลักมาสี่ชั่วคนแล้ว ถ้าวันนี้คนในสถาบันไม่รู้สำนึกในหน้าที่นี้ บ้านเมืองก็ต้องชิบหายต่อไปอีก จนในที่สุดก็หายไปหมดทั้งศาลและประชาชนบนแผ่นดินนี้ แก้วสรร อติโพธิ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" พร้อมทีมงาน 4 ราย เข้าพบดีเอสไอให้ข้อมูลปม "แตงโม" ตกเรือเสียชีวิต ก่อนพิสูจน์ความจริงวันที่ 15-16 ม.ค. ยันจะเอาผิดข้อหาใหม่

    วันนี้ (14 ม.ค.) เวลา 09.00 น. ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ พร้อม นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ , ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการขับเรือ และ โปรแกรมเมอร์ รวม 4 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ หลังเคยเข้ามายื่นเรื่องกับทางกระทรวงยุติธรรม เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา

    นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้มาเปิดคดีแตงโมกับดีเอสไอ จึงนำพยานมา 4 ปาก คือ ตนเอง , หมอธวัชชัย , ผู้เชี่ยวชาญขับเรือซึ่งเคยขึ้นเบิกความที่ศาลอาญา และ ผู้วิเคราะห์ GPS (โปรแกรมเมอร์) เพื่อหาความเชื่อมโยงแต่ไม่เคยขึ้นศาลมาก่อน มาพูดคุยกับดีเอสไอทุกประเด็นเพื่อให้พิจารณารับเป็นเลขสืบสวนสอบสวน แต่วันสำคัญเป็นวันที่ 15 ม.ค. จะมีการซักซ้อมเหตุการณ์ ถึงเวลาเที่ยงคืน ส่วนวันที่ 16 ม.ค.นี้ จะมีการจำลองเหตุการณ์จริงใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ มีโดรนบินจับภาพบนอากาศและมีเครื่องถ่ายภาพใต้น้ำ บนเรือมีการจับภาพทั้งหมด โดยมีพนักงานสอบสวนดีเอสไอร่วมสังเกตการณ์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004008

    #MGROnline #อัจฉริยะ #หมอธวัชชัย #ดีเอสไอ #แตงโม
    "อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" พร้อมทีมงาน 4 ราย เข้าพบดีเอสไอให้ข้อมูลปม "แตงโม" ตกเรือเสียชีวิต ก่อนพิสูจน์ความจริงวันที่ 15-16 ม.ค. ยันจะเอาผิดข้อหาใหม่ • วันนี้ (14 ม.ค.) เวลา 09.00 น. ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ พร้อม นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ , ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการขับเรือ และ โปรแกรมเมอร์ รวม 4 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดี "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ หลังเคยเข้ามายื่นเรื่องกับทางกระทรวงยุติธรรม เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา • นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้มาเปิดคดีแตงโมกับดีเอสไอ จึงนำพยานมา 4 ปาก คือ ตนเอง , หมอธวัชชัย , ผู้เชี่ยวชาญขับเรือซึ่งเคยขึ้นเบิกความที่ศาลอาญา และ ผู้วิเคราะห์ GPS (โปรแกรมเมอร์) เพื่อหาความเชื่อมโยงแต่ไม่เคยขึ้นศาลมาก่อน มาพูดคุยกับดีเอสไอทุกประเด็นเพื่อให้พิจารณารับเป็นเลขสืบสวนสอบสวน แต่วันสำคัญเป็นวันที่ 15 ม.ค. จะมีการซักซ้อมเหตุการณ์ ถึงเวลาเที่ยงคืน ส่วนวันที่ 16 ม.ค.นี้ จะมีการจำลองเหตุการณ์จริงใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ มีโดรนบินจับภาพบนอากาศและมีเครื่องถ่ายภาพใต้น้ำ บนเรือมีการจับภาพทั้งหมด โดยมีพนักงานสอบสวนดีเอสไอร่วมสังเกตการณ์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004008 • #MGROnline #อัจฉริยะ #หมอธวัชชัย #ดีเอสไอ #แตงโม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการลาออกของ สมิธ ถูกระบุเอาไว้ในฟุตโน้ตของเอกสารดังกล่าว โดยบอกว่า สมิธ ได้ทำงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว และส่งรายงานชั้นความลับฉบับสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ก่อนที่จะ "แยกทาง" กับกระทรวงยุติธรรมสกรัฐฯ ในวันที่ 10 ม.ค.

    อดีตอัยการคดีอาชญากรรมสงครามผู้นี้ได้เป็นผู้สั่งฟ้อง ทรัมป์ ในคดีอาญา 2 จาก 4 คดีที่ ทรัมป์ ตกเป็นจำเลยหลังพ้นตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในปี 2021 ทว่าคดีทั้งสองก็ต้องหยุดชะงักไปหลังผู้พิพากษาฟลอริดาที่ได้รับการแต่งตั้งโดย ทรัมป์ ตัดสินยกฟ้องไปหนึ่ง และศาลสูงสุดสหรัฐฯ ที่มีผู้พิพากษา 3 คนที่ถูกแต่งตั้งโดย ทรัมป์ วินิจฉัยว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯ ทุกคนมีสิทธิคุ้มกันจากการถูกดำเนินคดีในการกระทำภายใต้อำนาจหน้าที่ (official acts) ทำให้ทั้ง 2 คดีนี้ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนเลย

    หลังจากที่ ทรัมป์ เอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ปีที่แล้ว สมิธ ได้ประกาศยกฟ้อง ทรัมป์ ทั้ง 2 คดี โดยอ้างถึงจุดยืนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธการดำเนินคดีกับประธานาธิบดีในตำแหน่ง

    ในเอกสารคำร้องขอให้ศาลยกฟ้อง ทีมงานของ สมิธ ยังคงยืนยันว่าคดีเหล่านี้มีคุณค่า (merits) สมควรแก่การไต่สวน ทว่าการกลับขึ้นมามีอำนาจของ ทรัมป์ เท่านั้นที่ทำให้คดีไปต่อไม่ได้

    ด้านว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความยินดีกับข่าวการลาออกของ สมิธ ในวันอาทิตย์ (12) โดยโพสต์ Truth Social ว่า สมิธ ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง และยังกล่าวหาอัยการผู้นี้ว่า "ทำลายชีวิตของผู้คนและครอบครัวจำนวนมากมาย"

    ทั้งนี้ การลาออกของ สมิธ จากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่หลายคนคาดหมายอยู่แล้ว เนื่องจาก ทรัมป์ ซึ่งออกมาด่าอัยการพิเศษผู้นี้ว่าเป็นพวก "วิกลจริต" (deranged) ประกาศชัดเจนว่าจะไล่ สมิธ ออกทันทีที่สาบานตนเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. แถมยังขู่จะไล่เบี้ยแก้แค้นทั้ง สมิธ และบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนในการสอบสวนตนด้วย

    เมื่อปี 2023 ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งอดีตและในตำแหน่งคนแรกที่ถูกฟ้องคดีอาญา เริ่มจากคดีที่นิวยอร์กซึ่งเขาถูกตั้งข้อหาพยายามปกปิดเรื่องการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ในช่วงก่อนศึกเลือกตั้งปี 2016 จากนั้นก็ตามมาด้วยคำสั่งฟ้องของอัยการ สมิธ จากกรณีที่ ทรัมป์ เก็บเอกสารชั้นความลับไว้กับตัวอย่างผิดกฎหมายหลังพ้นตำแหน่งประธานาธิบดี และพยายามล้มผลเลือกตั้งปี 2020 ซึ่งเป็นชนวนนำมาสู่เหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาในวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021

    อัยการในรัฐจอร์เจียยังมีการตั้งข้อหาเอาผิด ทรัมป์ ฐานพยายามล้มผลเลือกตั้งในรัฐดังกล่าวที่เขาเป็นฝ่ายแพ้ด้วย

    ที่มา : รอยเตอร์
    https://mgronline.com/around/detail/9680000003502?tbref=hp
    ข้อมูลเกี่ยวกับการลาออกของ สมิธ ถูกระบุเอาไว้ในฟุตโน้ตของเอกสารดังกล่าว โดยบอกว่า สมิธ ได้ทำงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว และส่งรายงานชั้นความลับฉบับสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ก่อนที่จะ "แยกทาง" กับกระทรวงยุติธรรมสกรัฐฯ ในวันที่ 10 ม.ค. อดีตอัยการคดีอาชญากรรมสงครามผู้นี้ได้เป็นผู้สั่งฟ้อง ทรัมป์ ในคดีอาญา 2 จาก 4 คดีที่ ทรัมป์ ตกเป็นจำเลยหลังพ้นตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในปี 2021 ทว่าคดีทั้งสองก็ต้องหยุดชะงักไปหลังผู้พิพากษาฟลอริดาที่ได้รับการแต่งตั้งโดย ทรัมป์ ตัดสินยกฟ้องไปหนึ่ง และศาลสูงสุดสหรัฐฯ ที่มีผู้พิพากษา 3 คนที่ถูกแต่งตั้งโดย ทรัมป์ วินิจฉัยว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯ ทุกคนมีสิทธิคุ้มกันจากการถูกดำเนินคดีในการกระทำภายใต้อำนาจหน้าที่ (official acts) ทำให้ทั้ง 2 คดีนี้ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนเลย หลังจากที่ ทรัมป์ เอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ปีที่แล้ว สมิธ ได้ประกาศยกฟ้อง ทรัมป์ ทั้ง 2 คดี โดยอ้างถึงจุดยืนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธการดำเนินคดีกับประธานาธิบดีในตำแหน่ง ในเอกสารคำร้องขอให้ศาลยกฟ้อง ทีมงานของ สมิธ ยังคงยืนยันว่าคดีเหล่านี้มีคุณค่า (merits) สมควรแก่การไต่สวน ทว่าการกลับขึ้นมามีอำนาจของ ทรัมป์ เท่านั้นที่ทำให้คดีไปต่อไม่ได้ ด้านว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความยินดีกับข่าวการลาออกของ สมิธ ในวันอาทิตย์ (12) โดยโพสต์ Truth Social ว่า สมิธ ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง และยังกล่าวหาอัยการผู้นี้ว่า "ทำลายชีวิตของผู้คนและครอบครัวจำนวนมากมาย" ทั้งนี้ การลาออกของ สมิธ จากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่หลายคนคาดหมายอยู่แล้ว เนื่องจาก ทรัมป์ ซึ่งออกมาด่าอัยการพิเศษผู้นี้ว่าเป็นพวก "วิกลจริต" (deranged) ประกาศชัดเจนว่าจะไล่ สมิธ ออกทันทีที่สาบานตนเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. แถมยังขู่จะไล่เบี้ยแก้แค้นทั้ง สมิธ และบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนในการสอบสวนตนด้วย เมื่อปี 2023 ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งอดีตและในตำแหน่งคนแรกที่ถูกฟ้องคดีอาญา เริ่มจากคดีที่นิวยอร์กซึ่งเขาถูกตั้งข้อหาพยายามปกปิดเรื่องการจ่ายเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ในช่วงก่อนศึกเลือกตั้งปี 2016 จากนั้นก็ตามมาด้วยคำสั่งฟ้องของอัยการ สมิธ จากกรณีที่ ทรัมป์ เก็บเอกสารชั้นความลับไว้กับตัวอย่างผิดกฎหมายหลังพ้นตำแหน่งประธานาธิบดี และพยายามล้มผลเลือกตั้งปี 2020 ซึ่งเป็นชนวนนำมาสู่เหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาในวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021 อัยการในรัฐจอร์เจียยังมีการตั้งข้อหาเอาผิด ทรัมป์ ฐานพยายามล้มผลเลือกตั้งในรัฐดังกล่าวที่เขาเป็นฝ่ายแพ้ด้วย ที่มา : รอยเตอร์ https://mgronline.com/around/detail/9680000003502?tbref=hp
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาประกาศนิรโทษกรรมล่วงหน้าให้บุคคลต่างๆ ที่อาจตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ทรัมป์ ซึ่งเอาชนะ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 เตรียมหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวในวันที่ 20 มกราคมนี้
    .
    "มันยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่มีการตัดสินใจ" ไบเดน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.) ตอบคำถามหนึ่งในเรื่องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะนิรโทษกรรมล่วงหน้า
    .
    ไบเดน ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 ในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความกังวลที่โผล่ขึ้นมาภายในพรรคเดโมแครต ตามหลังผลงานการดีเบตกับทรัมป์ ที่ก่อความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนพรรค ท้ายที่สุดแล้วเขาก็หันไปรับรองแฮร์ริส แต่ว่าเธอก็พ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้ทรัมป์
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงถึงเจตนาจะเอาผิดกับทุกคนที่เขามองเป็นศัตรู "ในนั้นรวมถึงแฮร์ริส และโจ ไบเดน บุคคลที่เขามองว่าเป็นประธานาธิบดีคอร์รัปชันเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา รวมถึงครอบครัวอาชญากรของเขาด้วย"
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวิพากษ์วิจารณ์ไบเดน สำหรับกรณีนิรโทษกรรมให้ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายตนเองในเดือนธันวาคม กลับลำจากที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ทำเช่นนนั้น ทั้งนี้ ไบเดน อภัยโทษให้ ฮันเตอร์ แม้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนธันวาคม
    .
    ทรัมป์ เรียกการตัดสินใจดังกล่าวว่าเป็น "การบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" และหยิบยกเรื่องนี้พาดพิงถึงบรรดาผู้สนับสนุนของเขาที่ถูกจำคุกฐานก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 "การนิรโทษกรรมที่ไบเดนมอบให้ฮันเตอร์ ได้นับรวมกลุ่ม J-6 Hostages ด้วยหรือเปล่า เวลานี้พวกเขาถูกคุมขังมานานหลายปีแล้ว มันเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม!" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล
    .
    นอกจากนี้ ว่าที่ประธานาธิบดียังเรียกร้องให้สืบสวนอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา และลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกัน ที่ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์มาตลอด
    .
    ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ทรัมป์ขู่ดำเนินคดีอย่างที่ไม่มีมาก่อน กับบุคคลต่างๆ ที่เขากล่าวหาว่าโกงเลือกตั้ง "ขอให้ทราบว่าความเสี่ยงถูกดำเนินการทางกฎหมายนี้ ครอบคลุมถึงพวกทนายความ พวกผู้ใช้อุบายในทางการเมือง บรรดาผู้บริจาค ผู้ใช้สิทธิใช้เสียงแบบผิดกฎหมายและพวกเจ้าหน้าที่เลือกตั้งที่คอร์รัปชัน" ทรัมป์โพสต์บนทรัสต์โซเชียล หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางในปี 2020
    .
    ทรัมป์ ยังได้เน้นย้ำเมื่อปีที่แล้ว ว่าเขาจะไล่ออก แจ็ค สมิธ ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแลการสืบสวนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกันรายนี้ จนกระทั่ง สมิธ ตัดสินใจลาออกเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.)
    .
    เมื่อถามว่าเขาจะนิรโทษกรรมให้ตนเองหรือไม่ ทาง ไบเดน ปฏิเสธความคิดนี้ โดยบอกว่า "ผมไม่ได้ทำอะไรผิด"
    .
    มีความเป็นไปได้ว่าประธานาธิบดีอาจมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะประกาศนิรโทษกรรมล่วงหน้าอย่างกว้างขวาง ต่อการกระทำผิดใดๆ ตามกฎหมายรัฐบาลกลางในอดีตที่ผ่านมา แม้กระทั่งยังไม่ถูกยื่นฟ้องดำเนินคดีก็ตาม อย่างไรก็ตาม อำนาจนี้ไม่สามารถใช้กับความผิดทางอาญาตามกฎหมายในแต่ละรัฐหรือความผิดใดๆ ในอนาคต
    .
    ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่ารูปแบบการนิรโทษกรรมที่ไบเดนกำลังพิจารณาอยู่นั้น น่าจะเป็นการนิรโทษกรรมภายใต้ขอบเขตอำนาจพิเศษของประธานาธิบดี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003513
    ..............
    Sondhi X
    โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาประกาศนิรโทษกรรมล่วงหน้าให้บุคคลต่างๆ ที่อาจตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . ทรัมป์ ซึ่งเอาชนะ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 เตรียมหวนคืนสู่เก้าอี้ทำเนียบขาวในวันที่ 20 มกราคมนี้ . "มันยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่มีการตัดสินใจ" ไบเดน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.) ตอบคำถามหนึ่งในเรื่องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะนิรโทษกรรมล่วงหน้า . ไบเดน ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 ในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความกังวลที่โผล่ขึ้นมาภายในพรรคเดโมแครต ตามหลังผลงานการดีเบตกับทรัมป์ ที่ก่อความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนพรรค ท้ายที่สุดแล้วเขาก็หันไปรับรองแฮร์ริส แต่ว่าเธอก็พ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งให้ทรัมป์ . ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงถึงเจตนาจะเอาผิดกับทุกคนที่เขามองเป็นศัตรู "ในนั้นรวมถึงแฮร์ริส และโจ ไบเดน บุคคลที่เขามองว่าเป็นประธานาธิบดีคอร์รัปชันเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา รวมถึงครอบครัวอาชญากรของเขาด้วย" . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวิพากษ์วิจารณ์ไบเดน สำหรับกรณีนิรโทษกรรมให้ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายตนเองในเดือนธันวาคม กลับลำจากที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ทำเช่นนนั้น ทั้งนี้ ไบเดน อภัยโทษให้ ฮันเตอร์ แม้ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และศาลมีกำหนดตัดสินระวางโทษในเดือนธันวาคม . ทรัมป์ เรียกการตัดสินใจดังกล่าวว่าเป็น "การบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" และหยิบยกเรื่องนี้พาดพิงถึงบรรดาผู้สนับสนุนของเขาที่ถูกจำคุกฐานก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 "การนิรโทษกรรมที่ไบเดนมอบให้ฮันเตอร์ ได้นับรวมกลุ่ม J-6 Hostages ด้วยหรือเปล่า เวลานี้พวกเขาถูกคุมขังมานานหลายปีแล้ว มันเป็นการละเมิดและบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม!" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล . นอกจากนี้ ว่าที่ประธานาธิบดียังเรียกร้องให้สืบสวนอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา และลิซ เชนีย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรครีพับลิกัน ที่ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์มาตลอด . ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ทรัมป์ขู่ดำเนินคดีอย่างที่ไม่มีมาก่อน กับบุคคลต่างๆ ที่เขากล่าวหาว่าโกงเลือกตั้ง "ขอให้ทราบว่าความเสี่ยงถูกดำเนินการทางกฎหมายนี้ ครอบคลุมถึงพวกทนายความ พวกผู้ใช้อุบายในทางการเมือง บรรดาผู้บริจาค ผู้ใช้สิทธิใช้เสียงแบบผิดกฎหมายและพวกเจ้าหน้าที่เลือกตั้งที่คอร์รัปชัน" ทรัมป์โพสต์บนทรัสต์โซเชียล หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางในปี 2020 . ทรัมป์ ยังได้เน้นย้ำเมื่อปีที่แล้ว ว่าเขาจะไล่ออก แจ็ค สมิธ ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแลการสืบสวนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกันรายนี้ จนกระทั่ง สมิธ ตัดสินใจลาออกเมื่อวันศุกร์ (10 ม.ค.) . เมื่อถามว่าเขาจะนิรโทษกรรมให้ตนเองหรือไม่ ทาง ไบเดน ปฏิเสธความคิดนี้ โดยบอกว่า "ผมไม่ได้ทำอะไรผิด" . มีความเป็นไปได้ว่าประธานาธิบดีอาจมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะประกาศนิรโทษกรรมล่วงหน้าอย่างกว้างขวาง ต่อการกระทำผิดใดๆ ตามกฎหมายรัฐบาลกลางในอดีตที่ผ่านมา แม้กระทั่งยังไม่ถูกยื่นฟ้องดำเนินคดีก็ตาม อย่างไรก็ตาม อำนาจนี้ไม่สามารถใช้กับความผิดทางอาญาตามกฎหมายในแต่ละรัฐหรือความผิดใดๆ ในอนาคต . ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่ารูปแบบการนิรโทษกรรมที่ไบเดนกำลังพิจารณาอยู่นั้น น่าจะเป็นการนิรโทษกรรมภายใต้ขอบเขตอำนาจพิเศษของประธานาธิบดี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003513 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 941 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11ม.ค.2568 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงทิศทางการจัดกิจกรรม “ปีเช็คบิลป่วยทิพย์ชั้น 14 แพทยสภาถึงเวลารักษาความยุติธรรม หยุด-ระบอบชินวัตร หยุด-เอ็มโอยู 44 หยุด-บ่อนคาสิโน” ว่า จากที่เราประกาศชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเด็ก จนถึงวันนี้เราชุมนุมครอบรอบ 1 ปีพอดี การต่อสู้กับระบอบชินวัตรที่ผ่านมาของพวกเรา เห็นผลได้ชัดเจนจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติในการมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงค์ชาติ) ผ่านมาจนปีนี้มีเรื่องที่เราต้องติดตาม ตนอยากชวนให้ทุกคนเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม ปีนี้เราจะเช็คบิลเทวดาชั้น 14 เพื่อสร้างระบบนิติรัฐ
    นิติธรรม

    นายพิชิต กล่าวต่อว่า เรามี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ไปช่วยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยการลาออก 2.เรียกร้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ลาออก จากกรณีเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์แบงค์ชาติ จนไม่ผ่านคุณสมบัติ ขณะที่ 5 เรื่องที่ต้องคัดค้าน คือ 1.ยกเลิก MOU44 2.คัดค้านบ่อนคาสิโน 3.คัดค้านพนันออนไลน์ 4.เช่าที่ 99 ปี ที่เป็นการขายชาติ และ 5.คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ประเทศเสียหาย

    ส่วน 2 เรื่องที่ต้องให้กำลังใจ คือ 1.ให้กำลังใจป.ป.ช. เดินหน้าเอานักโทษมาติดคุกให้ได้ และ 2.ให้กำลังใจแพทยสภาในการเรียกเวชระเบียนมาตรวจสอบเพื่อผดุงจรรยาบรรณทางการแพทย์ แพทยสภาต้องฉีดยาความจริงให้ประเทศ อย่าไปเอื้อแพทย์ด้วยกันที่ทำผิด ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ขอให้ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อทวงถามเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจ และวันที่ 15 ม.ค. จะเดินทางไปที่แพทยสภา ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจในการทวงถามเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันอาการป่วยของนายทักษิณ แต่ถ้าในวันดังกล่าวแพทยสภาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เราก็จะพร้อมใส่รองเท้าผ้าใบมาทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาล

    นายพิชิต กล่าวว่า และอีก 1 เรื่องต้องจับตาที่จะเป็นชนวนในการเช็คบิลนายทักษิณ คือการที่นายทักษิณประกาศพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาว กลับบ้านในเดือนเม.ย.นี้ ถ้ากลับมาแล้วเป็นนักโทษนางฟ้าเหมือนพี่ชาย เราก็เตรียมออกมาไล่รัฐบาลของน.ส.แพทองธารได้ทันที อย่างไรก็ตาม เรามีสิ่งต้องตามทวงถาม โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นอกเหนือจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังทำลายประเทศเราด้วย ด้วยการที่มีบุคคลหนึ่งทำลายเสาหลักของระบบนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากที่แพทยสภาแล้ว ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้ส่งเวชระเบียนนายทักษิณไปที่ป.ป.ช.ที่มีการเรียกขอมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะตามหลักการแล้วหลักฐานอยู่ในมือตำรวจก็ต้องมาแสดง แต่ถ้ากลับทำลายหลักฐานเสียเอง หรือยับนิ่งเฉย ผบ.ตร.ก็ต้องลาออกด้วย

    นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจเหนือรัฐ เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไปประกาศว่า จะนำกำลังไปบุกประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศทุบค่าไฟ ใช้อำนาจอะไรสั่งการ วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจ มีอำนาจเหนือรัฐ นายทักษิณใช้อำนาจเต็มที่ กลายเป็นรัฐบาลไม่กล้าใช้อำนาจรัฐ ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันเด็ก มีเด็กๆไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตนบอกว่าเรามีเด็กนั่งเป็นนายกฯมานานหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่เด็กไปนั่งเก้าอี้นายกฯเลย ทุกวันนี้นายกฯยังเป็นนั่งอยู่ในเก้าอี้อยู่เลย นายกฯไม่มีผลงานอะไรเด่นเลยสักเรื่อง มีเด่นอยู่อย่างเดียว คือแต่งตัวให้ถูกเขาด่าได้ทุกวันทั้งประเทศ

    นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ที่นายทักษิณ บอกว่าเป็นโรคเอ็นเปื่อย ทางการแพทย์ไม่มีระบุ มันมีที่ไหน มันไม่ใช่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย คนเป็นโรคเอ็นเปื่อยจะไปตีกอล์ฟออกแรงสวิงได้อย่างไร คนป่วยติดเตียง 180 วันออกมามันจะแข็งแรงได้อย่างไร และที่นายทักษิณ บอกว่ายังไงก็เอาเขากลับเข้าเรือนจำไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฎ แนวร่วมเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกองกฐินที่มาเรื่อยๆจะมาไหลรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล มันหนีไม่ออก น.ส.แพทองธาร ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วยเช่นกัน

    “ที่นายทักษิณบอกว่าให้นำพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส บอกว่าสามารถทำได้ ทักษิณพูดรัฐมนตรีทำแบบนี้ไม่เรียกสั่งการครอบงำได้อย่างไร คนเห็นทั้งประเทศ ที่มองไม่เห็นอยู่ 5 คนคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. วันนี้กกต.เริ่มพูด การหาเสียงท้องถิ่นหากไปพูดนโยบายรัฐ สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เข้าข่ายการซื้อเสียงผ่านนโยบายรัฐหรือไม่ เราก็ไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ตามสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ พอเข้าไปตรวจสอบ ก็หาว่าก่อความวุ่นวาย ตกลงจะให้เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกคุณโกงกันหรือไง พอเข้าไปตรวจสอบตามระบบ ก็บอกว่าจะฟ้องกลับ ผมก็ยินดี คดีผมเยอะแล้ว เพิ่มอีกคดีไม่เห็นเป็นอะไร“ แกนนำคปท. กล่าว

    ที่มา : แนวหน้า
    https://www.naewna.com/politic/852717?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR19m8JG0ju8L-nNUgU4KBHxiBlnVnUyNAETuDlRU-38FCSvoWDScdrkQ5A_aem_xZPNNwpQAvULZKuNZxIqKQ#nwrsmlxrnogt5ygxo7xkpqorilo2jdzh
    11ม.ค.2568 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงทิศทางการจัดกิจกรรม “ปีเช็คบิลป่วยทิพย์ชั้น 14 แพทยสภาถึงเวลารักษาความยุติธรรม หยุด-ระบอบชินวัตร หยุด-เอ็มโอยู 44 หยุด-บ่อนคาสิโน” ว่า จากที่เราประกาศชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเด็ก จนถึงวันนี้เราชุมนุมครอบรอบ 1 ปีพอดี การต่อสู้กับระบอบชินวัตรที่ผ่านมาของพวกเรา เห็นผลได้ชัดเจนจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติในการมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงค์ชาติ) ผ่านมาจนปีนี้มีเรื่องที่เราต้องติดตาม ตนอยากชวนให้ทุกคนเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม ปีนี้เราจะเช็คบิลเทวดาชั้น 14 เพื่อสร้างระบบนิติรัฐ นิติธรรม นายพิชิต กล่าวต่อว่า เรามี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ไปช่วยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยการลาออก 2.เรียกร้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ลาออก จากกรณีเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์แบงค์ชาติ จนไม่ผ่านคุณสมบัติ ขณะที่ 5 เรื่องที่ต้องคัดค้าน คือ 1.ยกเลิก MOU44 2.คัดค้านบ่อนคาสิโน 3.คัดค้านพนันออนไลน์ 4.เช่าที่ 99 ปี ที่เป็นการขายชาติ และ 5.คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ประเทศเสียหาย ส่วน 2 เรื่องที่ต้องให้กำลังใจ คือ 1.ให้กำลังใจป.ป.ช. เดินหน้าเอานักโทษมาติดคุกให้ได้ และ 2.ให้กำลังใจแพทยสภาในการเรียกเวชระเบียนมาตรวจสอบเพื่อผดุงจรรยาบรรณทางการแพทย์ แพทยสภาต้องฉีดยาความจริงให้ประเทศ อย่าไปเอื้อแพทย์ด้วยกันที่ทำผิด ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ขอให้ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อทวงถามเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจ และวันที่ 15 ม.ค. จะเดินทางไปที่แพทยสภา ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจในการทวงถามเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันอาการป่วยของนายทักษิณ แต่ถ้าในวันดังกล่าวแพทยสภาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เราก็จะพร้อมใส่รองเท้าผ้าใบมาทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต กล่าวว่า และอีก 1 เรื่องต้องจับตาที่จะเป็นชนวนในการเช็คบิลนายทักษิณ คือการที่นายทักษิณประกาศพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาว กลับบ้านในเดือนเม.ย.นี้ ถ้ากลับมาแล้วเป็นนักโทษนางฟ้าเหมือนพี่ชาย เราก็เตรียมออกมาไล่รัฐบาลของน.ส.แพทองธารได้ทันที อย่างไรก็ตาม เรามีสิ่งต้องตามทวงถาม โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นอกเหนือจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังทำลายประเทศเราด้วย ด้วยการที่มีบุคคลหนึ่งทำลายเสาหลักของระบบนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากที่แพทยสภาแล้ว ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้ส่งเวชระเบียนนายทักษิณไปที่ป.ป.ช.ที่มีการเรียกขอมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะตามหลักการแล้วหลักฐานอยู่ในมือตำรวจก็ต้องมาแสดง แต่ถ้ากลับทำลายหลักฐานเสียเอง หรือยับนิ่งเฉย ผบ.ตร.ก็ต้องลาออกด้วย นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจเหนือรัฐ เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไปประกาศว่า จะนำกำลังไปบุกประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศทุบค่าไฟ ใช้อำนาจอะไรสั่งการ วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจ มีอำนาจเหนือรัฐ นายทักษิณใช้อำนาจเต็มที่ กลายเป็นรัฐบาลไม่กล้าใช้อำนาจรัฐ ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันเด็ก มีเด็กๆไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตนบอกว่าเรามีเด็กนั่งเป็นนายกฯมานานหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่เด็กไปนั่งเก้าอี้นายกฯเลย ทุกวันนี้นายกฯยังเป็นนั่งอยู่ในเก้าอี้อยู่เลย นายกฯไม่มีผลงานอะไรเด่นเลยสักเรื่อง มีเด่นอยู่อย่างเดียว คือแต่งตัวให้ถูกเขาด่าได้ทุกวันทั้งประเทศ นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ที่นายทักษิณ บอกว่าเป็นโรคเอ็นเปื่อย ทางการแพทย์ไม่มีระบุ มันมีที่ไหน มันไม่ใช่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย คนเป็นโรคเอ็นเปื่อยจะไปตีกอล์ฟออกแรงสวิงได้อย่างไร คนป่วยติดเตียง 180 วันออกมามันจะแข็งแรงได้อย่างไร และที่นายทักษิณ บอกว่ายังไงก็เอาเขากลับเข้าเรือนจำไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฎ แนวร่วมเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกองกฐินที่มาเรื่อยๆจะมาไหลรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล มันหนีไม่ออก น.ส.แพทองธาร ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วยเช่นกัน “ที่นายทักษิณบอกว่าให้นำพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส บอกว่าสามารถทำได้ ทักษิณพูดรัฐมนตรีทำแบบนี้ไม่เรียกสั่งการครอบงำได้อย่างไร คนเห็นทั้งประเทศ ที่มองไม่เห็นอยู่ 5 คนคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. วันนี้กกต.เริ่มพูด การหาเสียงท้องถิ่นหากไปพูดนโยบายรัฐ สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เข้าข่ายการซื้อเสียงผ่านนโยบายรัฐหรือไม่ เราก็ไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ตามสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ พอเข้าไปตรวจสอบ ก็หาว่าก่อความวุ่นวาย ตกลงจะให้เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกคุณโกงกันหรือไง พอเข้าไปตรวจสอบตามระบบ ก็บอกว่าจะฟ้องกลับ ผมก็ยินดี คดีผมเยอะแล้ว เพิ่มอีกคดีไม่เห็นเป็นอะไร“ แกนนำคปท. กล่าว ที่มา : แนวหน้า https://www.naewna.com/politic/852717?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR19m8JG0ju8L-nNUgU4KBHxiBlnVnUyNAETuDlRU-38FCSvoWDScdrkQ5A_aem_xZPNNwpQAvULZKuNZxIqKQ#nwrsmlxrnogt5ygxo7xkpqorilo2jdzh
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดรับอาสาสมัคร คนเหมือน “แตงโม” และ “แซน”ด่วน !!!

    เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือตอบคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 กรณีคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้ทำหนังสือมาว่าพบพยานหลักฐานใหม่อันเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้ว

    ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนัดหมายกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

    โดยการทดสอบจำลองสถานการณ์จำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่มีความใกล้เคียงกับคุณแตงโม และคุณแซนในวันเกิดเหตุ ทั้ง “รูปร่างลักษณะ” และ “ชุดแต่งกาย” แต่จะต้องมีความพร้อมของร่างกายที่แข็งแรงและว่ายน้ำได้ดีด้วย เพราะต้องทดลองการนั่งท้ายเรือ และการตกน้ำที่กาบเรือด้านซ้ายด้วย

    จึงขอเปิดรับอาสาสมัคร เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการร่วมกันหาความจริงในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ดังต่อไปนี้

    1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

    2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

    ใครสนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทรในข้อความแฟนเพจนี้ หรือส่งไปรษณีย์หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200

    หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โทร 093-1532423

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ กดไลค์ และช่วยกันแชร์หาคนเหมือนแตงโมและแซนด้วยครับ

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 มกราคม 2568

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1129018321925200&id=100044511276276
    เปิดรับอาสาสมัคร คนเหมือน “แตงโม” และ “แซน”ด่วน !!! เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือตอบคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 กรณีคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้ทำหนังสือมาว่าพบพยานหลักฐานใหม่อันเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้ว ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนัดหมายกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย โดยการทดสอบจำลองสถานการณ์จำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่มีความใกล้เคียงกับคุณแตงโม และคุณแซนในวันเกิดเหตุ ทั้ง “รูปร่างลักษณะ” และ “ชุดแต่งกาย” แต่จะต้องมีความพร้อมของร่างกายที่แข็งแรงและว่ายน้ำได้ดีด้วย เพราะต้องทดลองการนั่งท้ายเรือ และการตกน้ำที่กาบเรือด้านซ้ายด้วย จึงขอเปิดรับอาสาสมัคร เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการร่วมกันหาความจริงในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ดังต่อไปนี้ 1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง 2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง ใครสนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทรในข้อความแฟนเพจนี้ หรือส่งไปรษณีย์หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200 หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โทร 093-1532423 จึงเรียนมาเพื่อทราบ กดไลค์ และช่วยกันแชร์หาคนเหมือนแตงโมและแซนด้วยครับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 มกราคม 2568 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1129018321925200&id=100044511276276
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศจาก อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    เปิดรับอาสาสมัคร คนเหมือน “แตงโม” และ “แซน”ด่วน !!!

    เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือตอบคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 กรณีคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้ทำหนังสือมาว่าพบพยานหลักฐานใหม่อันเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้ว

    ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนัดหมายกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

    โดยการทดสอบจำลองสถานการณ์จำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่มีความใกล้เคียงกับคุณแตงโม และคุณแซนในวันเกิดเหตุ ทั้ง “รูปร่างลักษณะ” และ “ชุดแต่งกาย” แต่จะต้องมีความพร้อมของร่างกายที่แข็งแรงและว่ายน้ำได้ดีด้วย เพราะต้องทดลองการนั่งท้ายเรือ และการตกน้ำที่กาบเรือด้านซ้ายด้วย

    จึงขอเปิดรับอาสาสมัคร เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการร่วมกันหาความจริงในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ดังต่อไปนี้

    1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

    2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

    ใครสนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทรในข้อความแฟนเพจนี้ หรือส่งไปรษณีย์หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200

    หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โทร 093-1532423

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ กดไลค์ และช่วยกันแชร์หาคนเหมือนแตงโมและแซนด้วยครับ

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 มกราคม 2568

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1129018321925200&id=100044511276276
    ประกาศจาก อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เปิดรับอาสาสมัคร คนเหมือน “แตงโม” และ “แซน”ด่วน !!! เนื่องด้วยทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือตอบคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 กรณีคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่ได้ทำหนังสือมาว่าพบพยานหลักฐานใหม่อันเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ส่งเรื่องนี้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแล้ว ทั้งนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีนัดหมายกับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย โดยการทดสอบจำลองสถานการณ์จำเป็นต้องมีอาสาสมัครที่มีความใกล้เคียงกับคุณแตงโม และคุณแซนในวันเกิดเหตุ ทั้ง “รูปร่างลักษณะ” และ “ชุดแต่งกาย” แต่จะต้องมีความพร้อมของร่างกายที่แข็งแรงและว่ายน้ำได้ดีด้วย เพราะต้องทดลองการนั่งท้ายเรือ และการตกน้ำที่กาบเรือด้านซ้ายด้วย จึงขอเปิดรับอาสาสมัคร เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการร่วมกันหาความจริงในคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ดังต่อไปนี้ 1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง 2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง ใครสนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทรในข้อความแฟนเพจนี้ หรือส่งไปรษณีย์หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200 หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โทร 093-1532423 จึงเรียนมาเพื่อทราบ กดไลค์ และช่วยกันแชร์หาคนเหมือนแตงโมและแซนด้วยครับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 มกราคม 2568 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1129018321925200&id=100044511276276
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • Credit: @พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์
    คนมีมลทินราคีติดหนี้ล้มละลายอย่าหมายบรรพชา
    มาบวชอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา
    คนมั่วธรรม มนุษย์บางพวก (กเฬวราก จำนวนมาก)
    ยังนิยมชื่นชมเอาไว้ ก็หมายถึงว่า “รอด” อยู่ในช่วงหนึ่ง
    แต่เทวดาสัมมาทิฐิไม่นิยมเอาไว้ก็หมายถึงว่า “จอด” ทันที
    ทองเทียม แม้ไม่ถูกไฟลน นานไปมันก็กลายเป็นตะกั่ว
    เพราะความชั่วมันชอบโชว์เปิดเผยตัวของมันเสียเอง

    ก่อนข้าพเจ้าจะเขียนอธิบายขยายความที่จั่วหัวข้อแรกไว้ ปรารถนาให้ท่านสาธุชนทั้งหลายได้อ่านความอัศจรรย์ของพระพุทธศาสนาเปรียบเป็นมหาสมุทรข้อที่ ๓ สักหน่อย ดังนี้ : -

    “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว ซากศพที่ตายแล้วใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนำซากศพที่ตาย แล้วนั้นไปสู่ฝั่ง ซัดขึ้นบกโดยพลัน
    บุคคลนั้นใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรมหยาบช้าลามก (ชอบออกกูออกมึง กูๆ มึงๆ) มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารีปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายในโชกชุ่มด้วยกิเลส ผู้เศร้าหมองก็เหมือนกัน สงฆ์ย่อมไม่ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอเสียโดยพลัน
    ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอชื่อว่าไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ ข้อที่บุคคลนั้นใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรมหยาบช้าลามก (ชอบออกกูออกมึง กูๆ มึงๆ) มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะ ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารีปฏิญาณ ว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายใน โชกชุ่มด้วยกิเลส ผู้เศร้าหมอง สงฆ์ย่อมไม่ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอเสียโดยพลัน ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอชื่อว่าไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ
    แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็นข้อที่ ๓ ที่ภิกษุทั้งหลายพบเห็นแล้วพากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ”
    วิ.จุ. ๒/๑๘๔/๔๕๙-๔๖๑

    คนมีมลทินราคีติดหนี้ล้มละลายในข้อกฎหมายคดีความทางโลกก็มีนัย (อ่านว่า “นัย (ะ) ไม่ควรเขียนเป็น “นัยยะ” คำนี้จะแปลว่า “ผู้ที่แนะนำพร่ำสอนได้คือ เนยยบุคคล”) อันเดียวกันกับกฎหมายพระวินัยบัญญัติคดีความทางธรรม ถูกต้องทุกประการด้วย

    ข้าพเจ้าขอพิมพ์ข้อความที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ประกาศอย่างเป็นทางการให้สาธารณชนทราบโดยทั่วกัน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันในข้อเท็จจริงนี้

    ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
    เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
    คดีหมายเลขแดงที่.... กองบังคับคดีล้มละลาย ๑
    กรมบังคับคดี
    กระทรวงยุติธรรม

    ด้วย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนาย....จำเลย เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๕๘๓ แล้ว

    จำเลย เลขประจำตัวประชาชน........มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่.....

    ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ และบุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๔/๑ แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท ตามมาตรา ๑๗๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓

    อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีนี้....และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔

    ประกาศ ณ วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
    เบญจา สุภานนท์
    เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

    ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
    เรื่อง คำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย

    คดีหมายเลขแดงที่.... กองบังคับคดีล้มละลาย ๑
    ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี
    กระทรวงยุติธรรม

    ด้วยคดีเรื่องนี้ ศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้นาย....ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๕
    ผู้ล้มละลาย เลขประจำตัวประชาชน....มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่....

    ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕
    อุโรวษา เพชรวารี
    เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

    จากข้อความที่ทางการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาว่า

    “บุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ....ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๔/๑ แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท...”

    คำเตือนที่ข้าพเจ้าเขียนบอกไว้ในบทความหนึ่งว่า
    “ระวังไว้ด้วยนะครับ จะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนหางเลขกับเขาไปด้วย”
    และในเวลาต่อมาไม่นาน ข้าพเจ้าก็เขียนโพสต์ไว้ในหน้าวอลล์ว่า
    “ไม่มาเข้าคอร์สก็น่าจะได้ไปเข้าคุก”
    ส่อเค้าว่าจะเป็นจริง เห็นแสงรำไรๆ อยู่ในคุกที่จองจำนั้นเสียแล้ว

    เมื่อเย็นวานนี้ทนายความท่านหนึ่งได้โทรมาคุยสนทนากับข้าพเจ้าในเรื่องนี้ พร้อมกับส่งหลักฐานในราชกิจจานุเบกษามาให้ และเมื่อเช้าของวันนี้ในเวลา 10:00 น. ทนายความอีกท่านหนึ่งก็โทรมาคุยกับข้าพเจ้า และยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ตรงกับทนายความท่านแรก ทนายความสองท่านนี้ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้ว
    ข้าพเจ้าแสดงหลักฐานคดีความทางโลกให้เห็นปรากฏชัดเรียบร้อยแล้ว ก็จะเขียนเข้าสู่คดีความทางธรรม กฎหมายทางธรรม พระวินัยบัญญัติ ว่า มีข้อกำหนดอย่างไรกับผู้ติดคดีทางโลกมีหนี้สินท่วมหัว จนกระทั่งทางการต้องประกาศให้เป็นผู้ล้มละลาย ต่อจากนี้เขาก็ไม่สามารถทำธุรกิจ ธุรกรรม (เปิดรับบริจาค) ได้อีกแล้ว คนที่ไปบริจาคทรัพย์ให้แก่นายผู้ล้มละลายคนนี้ก็ดี คนที่ไปรับทรัพย์จากนายผู้ล้มละลายคนนี้ก็ดี ก็จะตกอยู่ในข่ายความผิดต้องโทษลักษณะเดียวกันไปโดยปริยาย
    กล่าวคือมีคติเป็น ๒ ไม่ถูกปรับก็ถูกจำ หรือทั้งปรับทั้งจำ

    พระวินัยบัญญัติกำหนดให้กุลบุตรผู้เป็นอุปสัมปทาเปกขะ (ต้องการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ) หากต้องโทษข้อใดข้อหนึ่ง ใน ๑๓ ข้อเหล่านี้ มิให้มาอยู่ในเพศของพระภิกษุในร่มเงาของพระพุทธศาสนา
    ถ้าหากว่าแอบเข้ามาบรรพชาอุปสมบททรงเพศเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ทราบในภายหลัง สงฆ์ก็ต้องสั่งให้สิกขาลาพรต ว่า “สิกฺขํ ปจฺจกฺขาหิ เธอจงบอกคืนสิกขาบทเสียเถิด”
    กรณีตัวอย่างคือ นาคจำแลงแปลงกายเป็นมาณพมาขอบวชเป็นพระภิกษุกับพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งอยู่ในป่า พอคืนร่างเป็นนาคตามเดิม ความทราบไปถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็รับสั่งให้ภิกษุผู้เป็นนาคจำแลงแปลงกายนั้นบอกคืนสิกขาบท คือให้ลาสิกขาทันที

    ในทุกกรณีของผู้ที่ต้องอันตรายิกธรรมข้อใดข้อหนึ่ง เช่น ทราบในภายหลังว่าเป็นบัณเฑาะก์ คือ ไม่ใช่บุรุษเพศชาย (ผู้ชายเต็มตัว) ก็สั่งให้ลาสิกขาเช่นเดียวกัน ให้อยู่ในเพศของพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นบุคคลอันตราย จะสร้างความเสียหายให้แก่พระพุทธศาสนาแก่พระสงฆ์องค์สามเณร (ข้าพเจ้าเขียนอธิบายในโพสต์ก่อนแล้ว ร่างเป็นผู้ชายแต่ใจเป็นผู้หญิงก็จะกวนพระกวนเณรไม่ให้อยู่เป็นสุข)

    ถ้าผู้นั้นเป็นบัณเฑาะก์และรู้ว่าตนก็เป็นบัณเฑาะก์แท้ๆ แต่ปกปิดความเป็นบัณเฑาะก์ทรงเพศของพระภิกษุผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในพระพุทธศาสนานี้ไว้ ถือว่าอยู่ในฐานะผู้หลอกลวง ลักขโมยเคี้ยวกลืนกินบิณฑะก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น ท่านเรียกเป็นภาษาพระวินัยว่า “ลักเพศ” คือ ลักขโมยเพศของพระภิกษุ ลักขโมยอุดมเพศที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ธงชัยของพระอรหันต์

    เขาจะสั่งสมบาปอกุศลเอาไว้อยู่เรื่อยๆ สุดท้ายเห็นได้ชัดใช่ไหมว่า บัณเฑาะก์ผู้นั้นที่ลักขโมยเพศพระภิกษุแอบอาศัยอยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนานี้มาเป็นเวลายาวนาน ก็แพ้ภัยตัวเอง กระเด็นออกไปจากพระพุทธศาสนา เปรียบเหมือนกเฬวราก ซากศพเน่า ต้องถูกคลื่นของมหาสมุทรซัดออกมาเกยตื้นติดอยู่กับฝั่งทะเล ฉะนั้น

    อันตรายิกธรรมเหล่านี้ คือ
    “โรคเรื้อน ฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู เจ้าเป็นมนุษย์หรือ เป็นชายหรือ เป็นไทหรือ ไม่มีหนี้สินหรือ มิใช่ราชภัฏหรือ มารดาบิดาอนุญาตแล้วหรือ มีปีครบ ๒๐ แล้วหรือ บาตรจีวรของเจ้ามีครบแล้วหรือ เจ้าชื่ออะไร อุปัชฌาย์ของเจ้าชื่ออะไร”
    วิ.ม. ๑/๑๕๔/๑๔๒

    ปรากฏอยู่ในอุปสัมปทาวิธีว่า

    พระคู่สวดถาม สามเณรตอบ
    กุฏฐัง นัตถิ ภันเต
    คัณโฑ นัตถิ ภันเต
    กิลาโส นัตถิ ภันเต
    โสโส นัตถิ ภันเต
    อะปะมาโร นัตถิ ภันเต
    มะนุสโสสิ๊ อามะ ภันเต
    ปุริโสสิ๊ อามะ ภันเต
    ภุชิสโสสิ๊ อามะ ภันเต
    อะนะโณสิ๊ อามะ ภันเต
    นะสิ๊ราชะภะโฏ อามะ ภันเต
    อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ อามะ ภันเต
    ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊ อามะ ภันเต
    ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง อามะ ภันเต
    กินนาโมสิ อะหัง ภันเต...(๑)....นามะ
    โก นามะ เต อุปัชฌาโย อุปัชฌาโย เมภันเต อายัสมา.... (๒).นามะ

    (๑) บอกฉายาของตนเอง
    (๒) บอกฉายาของพระอุปัชฌาย์

    ในคำตอบของสามเณร (นาค) หากผิดไปจาก อามะ ภันเต จาก นัตถิ ภันเต แม้ข้อเดียว เช่น “ปุริโสสิ๊ เจ้าเป็นบุรุษเพศชายจริงหรือเปล่า” นาคตอบว่า “นัตถิ ภันเต ไม่ใช่ครับ” “อะนะโณสิ๊ เธอไม่มีหนี้สินใช่ไหม” นาคตอบว่า “นัตถิ ภันเต ไม่ใช่ครับ” พระคู่สวดอาจจะต้องถามย้ำอีกสัก ๒ - ๓ ครั้ง นาคก็ยังตอบอยู่ในคำเดิม คือ นัตถิ ภันเต อุปสัมปทาวิธีก็ต้องล้มไป ยุติพิธีอุปสมบท ทันที อาจถึงกับขับไล่ผู้ต้องอันตรายิกธรรมข้อใดข้อหนึ่งนี้ออกจากสีมา (เขตแดน) ของพระอุโบสถหลังนั้นไปเลย
    “อย่าแหลมหน้ามาขอบวชอีกเชียวนะ”.
    Credit: @พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์ คนมีมลทินราคีติดหนี้ล้มละลายอย่าหมายบรรพชา มาบวชอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา คนมั่วธรรม มนุษย์บางพวก (กเฬวราก จำนวนมาก) ยังนิยมชื่นชมเอาไว้ ก็หมายถึงว่า “รอด” อยู่ในช่วงหนึ่ง แต่เทวดาสัมมาทิฐิไม่นิยมเอาไว้ก็หมายถึงว่า “จอด” ทันที ทองเทียม แม้ไม่ถูกไฟลน นานไปมันก็กลายเป็นตะกั่ว เพราะความชั่วมันชอบโชว์เปิดเผยตัวของมันเสียเอง ก่อนข้าพเจ้าจะเขียนอธิบายขยายความที่จั่วหัวข้อแรกไว้ ปรารถนาให้ท่านสาธุชนทั้งหลายได้อ่านความอัศจรรย์ของพระพุทธศาสนาเปรียบเป็นมหาสมุทรข้อที่ ๓ สักหน่อย ดังนี้ : - “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว ซากศพที่ตายแล้วใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนำซากศพที่ตาย แล้วนั้นไปสู่ฝั่ง ซัดขึ้นบกโดยพลัน บุคคลนั้นใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรมหยาบช้าลามก (ชอบออกกูออกมึง กูๆ มึงๆ) มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารีปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายในโชกชุ่มด้วยกิเลส ผู้เศร้าหมองก็เหมือนกัน สงฆ์ย่อมไม่ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอเสียโดยพลัน ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอชื่อว่าไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ ข้อที่บุคคลนั้นใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรมหยาบช้าลามก (ชอบออกกูออกมึง กูๆ มึงๆ) มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ ปิดบังการกระทำ มิใช่สมณะ ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารีปฏิญาณ ว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายใน โชกชุ่มด้วยกิเลส ผู้เศร้าหมอง สงฆ์ย่อมไม่ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอเสียโดยพลัน ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอชื่อว่าไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็นข้อที่ ๓ ที่ภิกษุทั้งหลายพบเห็นแล้วพากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ” วิ.จุ. ๒/๑๘๔/๔๕๙-๔๖๑ คนมีมลทินราคีติดหนี้ล้มละลายในข้อกฎหมายคดีความทางโลกก็มีนัย (อ่านว่า “นัย (ะ) ไม่ควรเขียนเป็น “นัยยะ” คำนี้จะแปลว่า “ผู้ที่แนะนำพร่ำสอนได้คือ เนยยบุคคล”) อันเดียวกันกับกฎหมายพระวินัยบัญญัติคดีความทางธรรม ถูกต้องทุกประการด้วย ข้าพเจ้าขอพิมพ์ข้อความที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ประกาศอย่างเป็นทางการให้สาธารณชนทราบโดยทั่วกัน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันในข้อเท็จจริงนี้ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด คดีหมายเลขแดงที่.... กองบังคับคดีล้มละลาย ๑ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ด้วย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของนาย....จำเลย เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๕๘๓ แล้ว จำเลย เลขประจำตัวประชาชน........มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่..... ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ และบุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา ๒๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๔/๑ แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท ตามมาตรา ๑๗๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีนี้....และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ ประกาศ ณ วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เบญจา สุภานนท์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย คดีหมายเลขแดงที่.... กองบังคับคดีล้มละลาย ๑ ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ด้วยคดีเรื่องนี้ ศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้นาย....ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ ผู้ล้มละลาย เลขประจำตัวประชาชน....มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่.... ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ อุโรวษา เพชรวารี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จากข้อความที่ทางการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาว่า “บุคคลผู้เป็นหนี้ลูกหนี้หรือมีทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่ในครอบครอง มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหนี้หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ....ซึ่งผู้ใดมีหน้าที่ตามมาตรา ๒๔/๑ แล้วไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดต้องระวังโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท...” คำเตือนที่ข้าพเจ้าเขียนบอกไว้ในบทความหนึ่งว่า “ระวังไว้ด้วยนะครับ จะพลอยฟ้าพลอยฝนโดนหางเลขกับเขาไปด้วย” และในเวลาต่อมาไม่นาน ข้าพเจ้าก็เขียนโพสต์ไว้ในหน้าวอลล์ว่า “ไม่มาเข้าคอร์สก็น่าจะได้ไปเข้าคุก” ส่อเค้าว่าจะเป็นจริง เห็นแสงรำไรๆ อยู่ในคุกที่จองจำนั้นเสียแล้ว เมื่อเย็นวานนี้ทนายความท่านหนึ่งได้โทรมาคุยสนทนากับข้าพเจ้าในเรื่องนี้ พร้อมกับส่งหลักฐานในราชกิจจานุเบกษามาให้ และเมื่อเช้าของวันนี้ในเวลา 10:00 น. ทนายความอีกท่านหนึ่งก็โทรมาคุยกับข้าพเจ้า และยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ตรงกับทนายความท่านแรก ทนายความสองท่านนี้ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าแสดงหลักฐานคดีความทางโลกให้เห็นปรากฏชัดเรียบร้อยแล้ว ก็จะเขียนเข้าสู่คดีความทางธรรม กฎหมายทางธรรม พระวินัยบัญญัติ ว่า มีข้อกำหนดอย่างไรกับผู้ติดคดีทางโลกมีหนี้สินท่วมหัว จนกระทั่งทางการต้องประกาศให้เป็นผู้ล้มละลาย ต่อจากนี้เขาก็ไม่สามารถทำธุรกิจ ธุรกรรม (เปิดรับบริจาค) ได้อีกแล้ว คนที่ไปบริจาคทรัพย์ให้แก่นายผู้ล้มละลายคนนี้ก็ดี คนที่ไปรับทรัพย์จากนายผู้ล้มละลายคนนี้ก็ดี ก็จะตกอยู่ในข่ายความผิดต้องโทษลักษณะเดียวกันไปโดยปริยาย กล่าวคือมีคติเป็น ๒ ไม่ถูกปรับก็ถูกจำ หรือทั้งปรับทั้งจำ พระวินัยบัญญัติกำหนดให้กุลบุตรผู้เป็นอุปสัมปทาเปกขะ (ต้องการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ) หากต้องโทษข้อใดข้อหนึ่ง ใน ๑๓ ข้อเหล่านี้ มิให้มาอยู่ในเพศของพระภิกษุในร่มเงาของพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าแอบเข้ามาบรรพชาอุปสมบททรงเพศเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ทราบในภายหลัง สงฆ์ก็ต้องสั่งให้สิกขาลาพรต ว่า “สิกฺขํ ปจฺจกฺขาหิ เธอจงบอกคืนสิกขาบทเสียเถิด” กรณีตัวอย่างคือ นาคจำแลงแปลงกายเป็นมาณพมาขอบวชเป็นพระภิกษุกับพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งอยู่ในป่า พอคืนร่างเป็นนาคตามเดิม ความทราบไปถึงพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็รับสั่งให้ภิกษุผู้เป็นนาคจำแลงแปลงกายนั้นบอกคืนสิกขาบท คือให้ลาสิกขาทันที ในทุกกรณีของผู้ที่ต้องอันตรายิกธรรมข้อใดข้อหนึ่ง เช่น ทราบในภายหลังว่าเป็นบัณเฑาะก์ คือ ไม่ใช่บุรุษเพศชาย (ผู้ชายเต็มตัว) ก็สั่งให้ลาสิกขาเช่นเดียวกัน ให้อยู่ในเพศของพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นบุคคลอันตราย จะสร้างความเสียหายให้แก่พระพุทธศาสนาแก่พระสงฆ์องค์สามเณร (ข้าพเจ้าเขียนอธิบายในโพสต์ก่อนแล้ว ร่างเป็นผู้ชายแต่ใจเป็นผู้หญิงก็จะกวนพระกวนเณรไม่ให้อยู่เป็นสุข) ถ้าผู้นั้นเป็นบัณเฑาะก์และรู้ว่าตนก็เป็นบัณเฑาะก์แท้ๆ แต่ปกปิดความเป็นบัณเฑาะก์ทรงเพศของพระภิกษุผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในพระพุทธศาสนานี้ไว้ ถือว่าอยู่ในฐานะผู้หลอกลวง ลักขโมยเคี้ยวกลืนกินบิณฑะก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น ท่านเรียกเป็นภาษาพระวินัยว่า “ลักเพศ” คือ ลักขโมยเพศของพระภิกษุ ลักขโมยอุดมเพศที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ธงชัยของพระอรหันต์ เขาจะสั่งสมบาปอกุศลเอาไว้อยู่เรื่อยๆ สุดท้ายเห็นได้ชัดใช่ไหมว่า บัณเฑาะก์ผู้นั้นที่ลักขโมยเพศพระภิกษุแอบอาศัยอยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนานี้มาเป็นเวลายาวนาน ก็แพ้ภัยตัวเอง กระเด็นออกไปจากพระพุทธศาสนา เปรียบเหมือนกเฬวราก ซากศพเน่า ต้องถูกคลื่นของมหาสมุทรซัดออกมาเกยตื้นติดอยู่กับฝั่งทะเล ฉะนั้น อันตรายิกธรรมเหล่านี้ คือ “โรคเรื้อน ฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ ลมบ้าหมู เจ้าเป็นมนุษย์หรือ เป็นชายหรือ เป็นไทหรือ ไม่มีหนี้สินหรือ มิใช่ราชภัฏหรือ มารดาบิดาอนุญาตแล้วหรือ มีปีครบ ๒๐ แล้วหรือ บาตรจีวรของเจ้ามีครบแล้วหรือ เจ้าชื่ออะไร อุปัชฌาย์ของเจ้าชื่ออะไร” วิ.ม. ๑/๑๕๔/๑๔๒ ปรากฏอยู่ในอุปสัมปทาวิธีว่า พระคู่สวดถาม สามเณรตอบ กุฏฐัง นัตถิ ภันเต คัณโฑ นัตถิ ภันเต กิลาโส นัตถิ ภันเต โสโส นัตถิ ภันเต อะปะมาโร นัตถิ ภันเต มะนุสโสสิ๊ อามะ ภันเต ปุริโสสิ๊ อามะ ภันเต ภุชิสโสสิ๊ อามะ ภันเต อะนะโณสิ๊ อามะ ภันเต นะสิ๊ราชะภะโฏ อามะ ภันเต อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ อามะ ภันเต ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ๊ อามะ ภันเต ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง อามะ ภันเต กินนาโมสิ อะหัง ภันเต...(๑)....นามะ โก นามะ เต อุปัชฌาโย อุปัชฌาโย เมภันเต อายัสมา.... (๒).นามะ (๑) บอกฉายาของตนเอง (๒) บอกฉายาของพระอุปัชฌาย์ ในคำตอบของสามเณร (นาค) หากผิดไปจาก อามะ ภันเต จาก นัตถิ ภันเต แม้ข้อเดียว เช่น “ปุริโสสิ๊ เจ้าเป็นบุรุษเพศชายจริงหรือเปล่า” นาคตอบว่า “นัตถิ ภันเต ไม่ใช่ครับ” “อะนะโณสิ๊ เธอไม่มีหนี้สินใช่ไหม” นาคตอบว่า “นัตถิ ภันเต ไม่ใช่ครับ” พระคู่สวดอาจจะต้องถามย้ำอีกสัก ๒ - ๓ ครั้ง นาคก็ยังตอบอยู่ในคำเดิม คือ นัตถิ ภันเต อุปสัมปทาวิธีก็ต้องล้มไป ยุติพิธีอุปสมบท ทันที อาจถึงกับขับไล่ผู้ต้องอันตรายิกธรรมข้อใดข้อหนึ่งนี้ออกจากสีมา (เขตแดน) ของพระอุโบสถหลังนั้นไปเลย “อย่าแหลมหน้ามาขอบวชอีกเชียวนะ”.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.ยุติธรรม แจง ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ต้องโทษ 4 ปี เตรียมใช้ต้นปี 68 กลุ่มผู้ต้องขังเปราะบาง คดี "ยิ่งลักษณ์" ไม่เข้าเงื่อนไข มีโทษสูงเกินกำหนด

    วันนี้ (29 ธ.ค.) ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าหลักเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำ ว่า ขณะนี้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเสร็จแล้วโดยประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว อาจไม่มีการแก้ไขอะไร ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมาก บางที่เราอาจต้องให้เขาออกไปอยู่ข้างนอก โดยอาจเป็นที่คุมขังอื่นแต่จะอยู่ได้แค่ในที่นั้น เพียงไม่ให้เกิดความแออัดในเรือนจำ เช่น คนเป็นโรคไตวาย จะไว้ในเรือนจำไม่ได้ อีกทั้งโรงพยาบาลทัณฑสถานเองก็เล็ก คาดว่าจะได้ใช้ระเบียบดังกล่าวแล้ว

    พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เดิมคิดน่าจะแล้วเสร็จก่อนช่วงปีใหม่ หลังทำประชาพิจารณ์เสร็จ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 เนื่องจากระเบียบดังกล่าวมีขั้นตอนเยอะ มีคณะกรรมการระดับกรม ผบ.เรือนจำ องค์กรที่เข้ามาช่วยดู และที่สำคัญผู้ที่ออกไปคุมขังอื่นต้องติดกล้องเพื่อให้ดูได้ บางส่วนอาจติดกำไล EM รวมถึงมีการจำกัดพื้นที่ คาดว่าบังคับใช้หลังเดือน ม.ค. โดยโทษส่วนใหญ่จะเป็นโทษเล็กน้อย ตั้งแต่ 4 ปีลงมา หากเรือนจำไหนพร้อมก็จะทำ โดยจะต้องดูเรื่องของสุขภาพและมีความผิดน้อยก่อน ส่วนการเตรียมรับมือ เนื่องจากหลายคนมองว่าระเบียบดังกล่าวถูกข้อครหาว่าจะทำเพื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ อีกทั้งมีโทษสูงกว่าที่กำหนด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000124872

    #MGROnline #ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ #ยิ่งลักษณ์ชินวัตร
    รมว.ยุติธรรม แจง ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ต้องโทษ 4 ปี เตรียมใช้ต้นปี 68 กลุ่มผู้ต้องขังเปราะบาง คดี "ยิ่งลักษณ์" ไม่เข้าเงื่อนไข มีโทษสูงเกินกำหนด • วันนี้ (29 ธ.ค.) ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าหลักเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำ ว่า ขณะนี้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเสร็จแล้วโดยประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว อาจไม่มีการแก้ไขอะไร ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมาก บางที่เราอาจต้องให้เขาออกไปอยู่ข้างนอก โดยอาจเป็นที่คุมขังอื่นแต่จะอยู่ได้แค่ในที่นั้น เพียงไม่ให้เกิดความแออัดในเรือนจำ เช่น คนเป็นโรคไตวาย จะไว้ในเรือนจำไม่ได้ อีกทั้งโรงพยาบาลทัณฑสถานเองก็เล็ก คาดว่าจะได้ใช้ระเบียบดังกล่าวแล้ว • พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เดิมคิดน่าจะแล้วเสร็จก่อนช่วงปีใหม่ หลังทำประชาพิจารณ์เสร็จ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 เนื่องจากระเบียบดังกล่าวมีขั้นตอนเยอะ มีคณะกรรมการระดับกรม ผบ.เรือนจำ องค์กรที่เข้ามาช่วยดู และที่สำคัญผู้ที่ออกไปคุมขังอื่นต้องติดกล้องเพื่อให้ดูได้ บางส่วนอาจติดกำไล EM รวมถึงมีการจำกัดพื้นที่ คาดว่าบังคับใช้หลังเดือน ม.ค. โดยโทษส่วนใหญ่จะเป็นโทษเล็กน้อย ตั้งแต่ 4 ปีลงมา หากเรือนจำไหนพร้อมก็จะทำ โดยจะต้องดูเรื่องของสุขภาพและมีความผิดน้อยก่อน ส่วนการเตรียมรับมือ เนื่องจากหลายคนมองว่าระเบียบดังกล่าวถูกข้อครหาว่าจะทำเพื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ อีกทั้งมีโทษสูงกว่าที่กำหนด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000124872 • #MGROnline #ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ #ยิ่งลักษณ์ชินวัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online - รมว.ยธ. แจง "แบงค์ เลสเตอร์" ดื่มเหล้าหนักจนเสียชีวิตแลกคอนเทนต์หรือค่าตอบแทน มอบ "คุ้มครองสิทธิฯ" พิจารณาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ในคดีอาญา ชี้เป็นอาชญากรรมอุบัติใหม่ยังไม่มีกฎหมายควบคุม

    วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยถึงประเด็นการถ่ายคลิปทำคอนเทนต์ “แบงค์ เลสเตอร์” หรือ นายธนาคาร คันธี อายุ 27 ปี จนล่าสุดเสียชีวิตจากการดื่มสุราหนักและมีการกลั่นแกล้งลดทอนความเป็นมนุษย์ ว่า ตนมองว่าเป็นอาชญากรรมอุบัติใหม่ แม้แต่การกระทำต่อเด็ก อาทิ ภาพลามกหรือถูกกระทำรุนแรง ซึ่งในประเทศไทยไม่มีการล็อคระบบโซเชียลมีเดีย ซึ่งบางประเทศมีการออกกฎหมายควบคุม โดยขณะนี้มีการเสนอกฎหมายเรื่องการปล่อยสื่อลามกหรือยั่วยุกระทำผิดต่อเด็ก แต่บางส่วนสังคมต้องช่วยกัน ส่วนกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้วต้องตรวจสอบว่าสามารถที่จะควบคุมเป็นตัวอย่างไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้หรือไม่

    พ.ต.อ.ทวี เผยว่า ส่วนการเยียวยากรณี “แบงค์ เลสเตอร์” จะเข้าตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) หรือไม่นั้น เนื่องจากอาจมีการว่าจ้างทำคอนเทนต์หรือให้เงินเป็นค่าตอบแทน เบื้องต้นต้องตรวจสอบว่าเข้าฐานความผิดต่อชีวิต ร่างกายและเพศหรือไม่ โดยจะมอบหมาย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ดำเนินการ ส่วนใช้เงินจ้างนั้นจะตรวจสอบข้อมูลก่อน หากมีเจตนาประสงค์ต่อผล บีบบังคับให้ฆ่าตัวตาย ก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง รวมทั้ง ให้ยุติธรรมจังหวัดช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต

    #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์
    MGR Online - รมว.ยธ. แจง "แบงค์ เลสเตอร์" ดื่มเหล้าหนักจนเสียชีวิตแลกคอนเทนต์หรือค่าตอบแทน มอบ "คุ้มครองสิทธิฯ" พิจารณาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ในคดีอาญา ชี้เป็นอาชญากรรมอุบัติใหม่ยังไม่มีกฎหมายควบคุม • วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยถึงประเด็นการถ่ายคลิปทำคอนเทนต์ “แบงค์ เลสเตอร์” หรือ นายธนาคาร คันธี อายุ 27 ปี จนล่าสุดเสียชีวิตจากการดื่มสุราหนักและมีการกลั่นแกล้งลดทอนความเป็นมนุษย์ ว่า ตนมองว่าเป็นอาชญากรรมอุบัติใหม่ แม้แต่การกระทำต่อเด็ก อาทิ ภาพลามกหรือถูกกระทำรุนแรง ซึ่งในประเทศไทยไม่มีการล็อคระบบโซเชียลมีเดีย ซึ่งบางประเทศมีการออกกฎหมายควบคุม โดยขณะนี้มีการเสนอกฎหมายเรื่องการปล่อยสื่อลามกหรือยั่วยุกระทำผิดต่อเด็ก แต่บางส่วนสังคมต้องช่วยกัน ส่วนกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้วต้องตรวจสอบว่าสามารถที่จะควบคุมเป็นตัวอย่างไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้หรือไม่ • พ.ต.อ.ทวี เผยว่า ส่วนการเยียวยากรณี “แบงค์ เลสเตอร์” จะเข้าตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) หรือไม่นั้น เนื่องจากอาจมีการว่าจ้างทำคอนเทนต์หรือให้เงินเป็นค่าตอบแทน เบื้องต้นต้องตรวจสอบว่าเข้าฐานความผิดต่อชีวิต ร่างกายและเพศหรือไม่ โดยจะมอบหมาย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ดำเนินการ ส่วนใช้เงินจ้างนั้นจะตรวจสอบข้อมูลก่อน หากมีเจตนาประสงค์ต่อผล บีบบังคับให้ฆ่าตัวตาย ก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง รวมทั้ง ให้ยุติธรรมจังหวัดช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต • #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online - รมว.ยธ. เผย การประตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาทำได้ช่วยลดแออัดในเรือนจำ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล ส่วนกรณี "ดีเจแมน" ศาลยกฟ้อง พร้อมเยียวยา หากคดีถึงที่สุด

    วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดี หลัง นายพัฒนพล กุญชร หรือ "ดีเจแมน" ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่งผลกระทบต่อประวัติ ชื่อเสียงและหน้าที่การงาน ว่า กระทรวงยุติธรรมมีการส่งเสริมให้ได้รับการประกันตัวอยู่แล้วเพราะผู้ต้องขังในเรือนจำ มึมากกว่า 3 แสนราย และคดีระหว่างพิจารณามีประมาณ 6 หมื่นคดี ซึ่งสิทธิการได้รับการประกันตัวเป็นตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่ทางศาลอาจมีดุลยพินิจในการให้ประกันตัว ทราบว่าขณะนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องและอยู่ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์คดีของพนักงานอัยการ ทั้งนี้ หากอัยการไม่อุทธรณ์จะส่งหนังสือมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากเห็นด้วยก็จบ แต่มีความเห็นแย้งต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด

    เมื่อถามกรณี "ดีเจแมน" ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาจจะกระทบถึงคดี "ดิไอคอน" หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า กระทรวงยุติธรรม มีกฎหมาย พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) กรณีศาลยกฟ้องเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย ติดคุกฟรี แม้เงินอาจไม่มากนักแต่ก็แสดงว่าหน่วยงานรัฐต้องการขอโทษหากคดีเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆ หลังจากนี้จะมีการพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐานนำคนเข้าคุกแล้วศาลมีการยกฟ้อง ต้องชี้แจงว่าในส่วนของพนักงานสอบสวนเรื่องการประกันตัวอยู่ในดุลยพินิจของศาล ส่วนศาลไม่ให้ประกันน่าจะมีเหตุผล

    #MGROnline #ดีเจแมน
    MGR Online - รมว.ยธ. เผย การประตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาทำได้ช่วยลดแออัดในเรือนจำ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล ส่วนกรณี "ดีเจแมน" ศาลยกฟ้อง พร้อมเยียวยา หากคดีถึงที่สุด • วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดี หลัง นายพัฒนพล กุญชร หรือ "ดีเจแมน" ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่งผลกระทบต่อประวัติ ชื่อเสียงและหน้าที่การงาน ว่า กระทรวงยุติธรรมมีการส่งเสริมให้ได้รับการประกันตัวอยู่แล้วเพราะผู้ต้องขังในเรือนจำ มึมากกว่า 3 แสนราย และคดีระหว่างพิจารณามีประมาณ 6 หมื่นคดี ซึ่งสิทธิการได้รับการประกันตัวเป็นตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่ทางศาลอาจมีดุลยพินิจในการให้ประกันตัว ทราบว่าขณะนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องและอยู่ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์คดีของพนักงานอัยการ ทั้งนี้ หากอัยการไม่อุทธรณ์จะส่งหนังสือมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากเห็นด้วยก็จบ แต่มีความเห็นแย้งต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด • เมื่อถามกรณี "ดีเจแมน" ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาจจะกระทบถึงคดี "ดิไอคอน" หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า กระทรวงยุติธรรม มีกฎหมาย พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) กรณีศาลยกฟ้องเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย ติดคุกฟรี แม้เงินอาจไม่มากนักแต่ก็แสดงว่าหน่วยงานรัฐต้องการขอโทษหากคดีเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆ หลังจากนี้จะมีการพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐานนำคนเข้าคุกแล้วศาลมีการยกฟ้อง ต้องชี้แจงว่าในส่วนของพนักงานสอบสวนเรื่องการประกันตัวอยู่ในดุลยพินิจของศาล ส่วนศาลไม่ให้ประกันน่าจะมีเหตุผล • #MGROnline #ดีเจแมน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”, ฉายานายกฯ “แพทองโพย“ 7 รมต.ติดโผ ”บิ๊กอ้วน,อนุทิน,ทวี“ - พ่วง3รมต.โลกลืม
    .
    เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้
    .
    ฉายารัฐบาล รัฐบาล“พ่อ“เลี้ยง
    ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA
    เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ "พ่อคิด ลูกทำ"
    และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง "มาม่า" พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย
    .
    1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
    ฉายา แพทองโพย
    ล้อมาจากชื่อของนายกฯ
    “แพทองธาร” กับประเด็นดรามา "ไอแพด" คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่
    .
    2.นายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​ และ​รมว.กลาโหม
    ฉายา สหายใหญ่ใส่บู๊ต
    รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ไม่ขาด
    “สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ "บิ๊กอ้วน" แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่
    "ท็อปบูต"นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ "นายกฯอิ๊งค์" อีกด้วย
    .
    3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย
    ฉายา ภูมิใจขวาง
    นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่างพ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจาก
    พรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้“รมต.หนู“จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร
    .
    4. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน
    ฉายา พีระพัง
    พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์“คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน
    ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี“คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ”ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน
    .
    5.พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​รมว.ยุติธรรม
    ฉายา ทวีไอพี
    ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี
    ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ
    แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง“ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว
    .
    6.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    ฉายา ประชาธิเป๋
    แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆมาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน
    .
    7.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม
    ฉายา รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ
    เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า "ขิง เอกนัฏ" คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ"คนชินวัตร“ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก
    วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน
    .
    8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
    ฉายา จิราพอ(ล)
    จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. )แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ
    สังคมมาถึงบางอ้อว่ารมต.น้ำ นั่งคุมสคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์
    .
    กลุ่ม “รมต.โลกลืม”
    นายสุชาติ ชมกลิ่นรมช.พาณิชย์
    พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ
    นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์
    ทั้ง3คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต.ที่เป็นประตูปูทาง
    สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม
    .
    วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”
    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม
    นายกฯชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ”ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ
    .
    คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่งสส.มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัดๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯกลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจ บินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู
    .
    ขึ้นศักราชใหม่ หัวหน้ารัฐบาลประกาศ “โอกาสไทย ทำได้จริง” เป็นคำมั่นที่ประชาชน รอติดตาม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122816
    ..............
    Sondhi X
    สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายา ปี67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง”, ฉายานายกฯ “แพทองโพย“ 7 รมต.ติดโผ ”บิ๊กอ้วน,อนุทิน,ทวี“ - พ่วง3รมต.โลกลืม . เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้ . ฉายารัฐบาล รัฐบาล“พ่อ“เลี้ยง ด้วยความเป็น “พ่อ” ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ "ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ "พ่อคิด ลูกทำ" และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง "มาม่า" พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัพที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย . 1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฉายา แพทองโพย ล้อมาจากชื่อของนายกฯ “แพทองธาร” กับประเด็นดรามา "ไอแพด" คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่ . 2.นายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​ และ​รมว.กลาโหม ฉายา สหายใหญ่ใส่บู๊ต รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ไม่ขาด “สหายใหญ่” ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ "บิ๊กอ้วน" แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่ "ท็อปบูต"นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ "นายกฯอิ๊งค์" อีกด้วย . 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ฉายา ภูมิใจขวาง นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน “รัฐบาลแพทองธาร” สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่างพ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจาก พรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้“รมต.หนู“จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร . 4. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ฉายา พีระพัง พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม “ชินวัตร“ ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์“คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน ด้านงานการเมืองยุค “หัวหน้าพี“คุมบังเหียน “รวมไทยสร้างชาติ”ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน . 5.พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง​รมว.ยุติธรรม ฉายา ทวีไอพี ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า “นายใหญ่” ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น “ชั้น 14” ครองเตียง “วีไอพี” แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ “วีไอพีหญิง“ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว . 6.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉายา ประชาธิเป๋ แปะยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆมาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ “เพื่อไทย” กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆยังไม่ชัดเจน . 7.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ฉายา รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า "ขิง เอกนัฏ" คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ"คนชินวัตร“ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน . 8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฉายา จิราพอ(ล) จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. )แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ สังคมมาถึงบางอ้อว่ารมต.น้ำ นั่งคุมสคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์ . กลุ่ม “รมต.โลกลืม” นายสุชาติ ชมกลิ่นรมช.พาณิชย์ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์ ทั้ง3คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต.ที่เป็นประตูปูทาง สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม . วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม นายกฯชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ”ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ . คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่งสส.มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัดๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯกลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจ บินลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู . ขึ้นศักราชใหม่ หัวหน้ารัฐบาลประกาศ “โอกาสไทย ทำได้จริง” เป็นคำมั่นที่ประชาชน รอติดตาม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000122816 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    8
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1062 มุมมอง 1 รีวิว
  • ข่าวในหน้านี้เกี่ยวกับการที่ศาลสูงสหรัฐฯ ตัดสินใจรับฟังคำอุทธรณ์ของ TikTok เพื่อยับยั้งการห้ามใช้งานแอปพลิเคชันในสหรัฐฯ

    กฎหมายที่กำหนดให้ TikTok ต้องขายกิจการหรือถูกห้ามใช้งานในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 19 มกราคม เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อ้างว่า TikTok อาจถูกใช้ในการสอดแนมหรือควบคุมเนื้อหา, ซึ่ง TikTok ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

    การตัดสินใจของศาลสูงสหรัฐฯ จะมีผลกระทบต่ออนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ และอาจกำหนดแนวทางในการควบคุมแอปพลิเคชันที่มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติในอนาคต

    https://techstartups.com/2024/12/19/tiktoks-fight-isnt-over-supreme-court-steps-in-to-hear-case-against-looming-ban/
    ข่าวในหน้านี้เกี่ยวกับการที่ศาลสูงสหรัฐฯ ตัดสินใจรับฟังคำอุทธรณ์ของ TikTok เพื่อยับยั้งการห้ามใช้งานแอปพลิเคชันในสหรัฐฯ กฎหมายที่กำหนดให้ TikTok ต้องขายกิจการหรือถูกห้ามใช้งานในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 19 มกราคม เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อ้างว่า TikTok อาจถูกใช้ในการสอดแนมหรือควบคุมเนื้อหา, ซึ่ง TikTok ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ การตัดสินใจของศาลสูงสหรัฐฯ จะมีผลกระทบต่ออนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ และอาจกำหนดแนวทางในการควบคุมแอปพลิเคชันที่มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติในอนาคต https://techstartups.com/2024/12/19/tiktoks-fight-isnt-over-supreme-court-steps-in-to-hear-case-against-looming-ban/
    TECHSTARTUPS.COM
    TikTok’s survival hopes rise as U.S. Supreme Court steps in to hear case against looming ban
    TikTok's hope of survival rose on Thursday as the U.S. Supreme Court agreed to hear its bid to block the looming ban. The U.S. Supreme Court announced Wednesday it will review TikTok’s appeal against a law set to force the app’s sale by January 19 or ban it outright over national security concerns. This decision to
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัจฉริยะยื่น รมว.ยุติธรรม รื้อคดีแตงโม (19/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง # รื้อคดีแตงโม #พยานหลักฐานใหม่คดีแตงโม #กระทรวงยุติธรรม
    อัจฉริยะยื่น รมว.ยุติธรรม รื้อคดีแตงโม (19/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง # รื้อคดีแตงโม #พยานหลักฐานใหม่คดีแตงโม #กระทรวงยุติธรรม
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 849 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    วันที่ 18 ธ.ค. 67 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สนามบินน้ำ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตแกนนำเสื้อเหลือง และอดีตแกนนำเสื้อแดงประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายคมสัน โพธิ์คง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายประพันธ์ คูณมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายแซมดิน เลิศบุศย์ นายเสน่ห์ หงษ์ทอง น.ส.นีรนุช จิตต์สม นายมานพ เกื้อรัตน์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว นายใจเพชร กล้าจน นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ คอนเทนต์แนะนำพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาทำกิจกรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือให้กำลังใจป.ป.ช. ภายหลังมีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ปมนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้ และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ โดยมีนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือ โดยนายพิชิต​ ได้อ่านแถลงการณ์ ดังนี้​ ข้อ​ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏ หลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาต ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวง ทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกัน โดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน ข้อ​ 2 คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่า​ นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่างจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษ มาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายาม ปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่ง ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​ สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กับหลีกเลี่ยงแสงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ พร้อมกับย้ำว่านี่คือหายนะ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝากปปช ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง​ขณะเดียวกัน​ ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ ทั้ง​พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม และ​ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​ จากนั้นนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่ ป.ป.ช.มีมติสั่งสอบ 12 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าพวกเรามาบีบบังคับแล้วท่านก็คล้อยตามพวกเรา โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น ในฐานะนักกฎหมาย และเคยตรวจสอบยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว ก็อยากจะบอกว่างานนี้ทั้งหลักฐานและข้อกฎหมายมันชัดเจนเห็นตรงกันว่ามีมูล และ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่มาแล้ว ในฐานะที่ตนเคยตรวจสอบมาพออ่านเกมออก งานนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจมีหลักฐานว่าป่วยจริงก็แค่เอามาให้ ป.ป.ช. ซึ่งก็จะไม่มามาถึงวันนี้แน่นอน แต่การที่กลบหลักฐาน ไม่ยอมให้หลักฐานอะไรเลย รวมถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บอกว่าเห็นนายทักษิณนั่งยิ้มกินข้าวเหนียวมะม่วง แถมออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ใส่ปลอกคอแค่พักเดียว ก็เดินไปทั่วประเทศ เพียงเท่านี้ก็มีมูลชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ นายแก้วสรร กล่าวว่า ดังนั้นวันนี้ตนมั่นใจใน ป.ป.ช. ว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร งานนี้ไม่ใช่งานการเมือง แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่สร้างขึ้นมา วันนี้ ป.ป.ช.กำลังเจอกับกระบวนการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นกำลังใจจึงสำคัญ ตนและประชาชนขอให้ท่านเดินหน้าเต็มที่ ใครไม่ผิดก็ปล่อยเขาไป แต่ใครที่เป็นตัวการจริงๆ และให้ความเห็นว่าหากนายทักษิณอยู่เรือนจำต้องต้องตายแน่ ถามว่ามีหรือไม่ และหมอคนนั้นคือใคร ขอให้นำหลักฐานมา เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ต่อไปเมื่อไต่สวนคดี สิ่งที่เราจะเห็นคืออำนาจเด็ดขาด หากไม่ให้เอกสาร ไม่ให้ปากคำจะต้องติดคุก แค่ถามว่าป่วยจริงไหม ใครเกี่ยวข้อง ใครให้ความเห็นเท่านั้น เรื่องจะไม่ช้าแน่นอน เมื่อตรวจสอบเพียงพอแล้วต้องสรุปข้อกล่าวหาส่งให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ใครเห็นว่าไม่ทุจริตก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องตั้งข้อกล่าวหา แต่ใครที่นั่งเงียบๆ แล้วหลักฐานไปถึง ขอให้เรียกเข้ามาตั้งข้อหาเพิ่ม จากนั้นแจ้งข้อหาให้มีการต่อสู้ เชื่อว่างานนี้จะไม่นาน นายแก้วสรร กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรกับนายทักษิณ ในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังแล้วไม่มีการขังตามหมาย ก็ต้องออกหมายใหม่ เพื่อให้กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจ ของศาลคดีอาญาทางการเมือง ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอผลคดีนี้ ที่เป็นคดีของเจ้าหน้าที่ว่าปล่อยตัวให้ไปรักษาถูกต้องหรือไม่ และมีใครทุจริตหรือไม่ ส่วนการขังที่ไม่เกิดขึ้นนั้นไม่ว่าจะมีคนทุจริตกี่คนหรือทุจริตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้นนายทักษิณเตรียมตัวได้ ด้านนายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบ เพราะนายทักษิณไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ส่วนเรื่องเวชระเบียน หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้ ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. โรงพยาบาลตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้การทำการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นเยอะ ณ วันนี้เรามาด้วยความหวัง และให้กำลังใจ ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่ในจำนวน 12 คนนี้ ถ้าใครไม่ผิดก็คือไม่ผิด แต่ถ้าใครผิดก็ว่าตามผิด วันนี้ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว หรือขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาทำให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไม่เช่นนั้นเราจะมีความหวังได้อย่างไร เพราะฉะนั้นตนฝากไปถึงเลขา ป.ป.ช.ตนวาดหวังว่า ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจการไต่สวน จนกว่าจะมีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยแล้วว่าได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่วน นพ.วรงค์ กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษในช่วง 6 เดือนหลัง ถือว่านักโทษอายุเกิน 70 ปีต้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และนักโทษคนนี้ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสังคม หรือโอกาสที่จะทำผิดซ้ำนั้นมีน้อยมาก ถามว่าแล้ววันนี้เป็นอย่างไร ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสังคม สังคมจะกลียุคและฆ่ากันตาย ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องรีบดำเนินการ และยืนยันว่าการพักโทษกรณีนี้ไม่ได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัว ทั้งนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่อิสระอย่างแท้จริง ต้องตรวจสอบและถ่วงดุล เพราะสภาฯทำหน้าที่ไม่ได้ จึงต้องมาอาศัย ป.ป.ช. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อให้ประเทศอยู่ได้และประชาธิปไตยอยู่รอด ถ้า ป.ป.ช.ไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน ประเทศก็จะอยู่ไม่ได้ และ ป.ป.ช.ก็จะไม่มีอีกต่อไป ขณะที่เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งองค์คณะได้ตั้งไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ในการดำเนินการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติค่อนข้างชัดเจนว่า หากไต่สวนพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามความคาดหวังของประชาชน และความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าในส่วนของ ป.ป.ช. เราทำหน้าที่ไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงเป็นหลัก ดังนั้นในบางเรื่องอาจจะไม่ตรงตามใจที่ประชาชนรับทราบข้อมูลจากสื่อโซเชียลต่างๆ เพราะการพิจารณาต้องดูพยานหลักฐานเป็นหลัก และพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 574 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาดี อัลไวซี (Shadi Alwaisi) รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ของซีเรีย ต้องการใช้กฎหมายชารีอะห์ในซีเรีย

    เขากล่าวว่า ผู้หญิงไม่สามารถเป็นผู้พิพากษาได้ และศาลจะมีแต่ผู้ชายเป็นผู้นำ คดีทั้งหมดในปัจจุบันที่นำโดยผู้พิพากษาหญิงจะต้องมอบให้แก่ผู้พิพากษาชายเป็นผู้ตัดสิน
    ชาดี อัลไวซี (Shadi Alwaisi) รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ของซีเรีย ต้องการใช้กฎหมายชารีอะห์ในซีเรีย เขากล่าวว่า ผู้หญิงไม่สามารถเป็นผู้พิพากษาได้ และศาลจะมีแต่ผู้ชายเป็นผู้นำ คดีทั้งหมดในปัจจุบันที่นำโดยผู้พิพากษาหญิงจะต้องมอบให้แก่ผู้พิพากษาชายเป็นผู้ตัดสิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ต่อกรณีพยายามบังคับใช้กฎอัยการศึกแต่ล้มเหลว จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมรายหนึ่งในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) ท่ามกลางเสียงเรียกร้องดังขึ้นขอให้ถอดถอนเขาหรือไม่ก็ลาออกจากตำแหน่ง และวิกฤตความเป็นผู้นำที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ประธานาธิบดียุน ออกมาขอโทษต่อความพยายามดังกล่าวและบอกว่าจะปล่อยให้ชะตากรรมทางการเมืองและทางกฎหมายของตนเอง ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) พรรคการเมืองของเขา แต่ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่เวลานี้ผู้นำรายนี้อยู่ภายใต้การสืบสวนทางอาญา ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น
    .
    ในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) กระทรวงกลาโหมระบุว่า ยุน ยังคงผู้บัญชาการสูงสุดตามกฎหมาย แต่ด้วยมีความเห็นไม่ลงรอยมากขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงเกี่ยวกับตัวประธานาธิบดี มันจึงก่อคำถามเกี่ยวกับอำนาจที่อยู่ในมือของผู้นำรายนี้
    .
    โอ ดอง-วูน หัวหน้าสำนักงานสืบสวนคอร์รัปชัน สำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง เปิดเผยว่าเขาห้าม ยุน เดินทางออกไปยังต่างแดน ครั้งที่เข้าให้ปากคำกับรัฐสภา ว่าจะใช้มาตรการใดบ้างกับประธานาธิบดี
    .
    เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมรายหนึ่ง บอกกับคณะกรรมาธิการเช่นกัน ว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งห้ามเดินทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    คณะกรรมาธิการชุดนี้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2021 เพื่อสืบสวนเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูง ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดี และสมาชิกในครอบครัว แต่ไม่มีอำนาจในการดำเนินคดีกับประธานาธิดี โดยกฎหมายบังคับให้ทางคณะกรรมาธิการส่งต่อเรื่องดังกล่าวต่อไปยังสำนักงานอัยการ
    .
    แม้ ยุน รอดพ้นจากการลงมติถอดถอนในรัฐสภาเมื่อวันเสาร์ (7 ธ.ค.) แต่การที่พรรคของเขาตัดสินใจถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีไปยังนายกรัฐมนตรี ได้ผลักให้พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ แห่งนี้เข้าสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญ
    .
    ยุน ปฏิเสธเสียงเรียกร้อง ในนั้นบางส่วนมาจากผู้คนภายในพรรคของเขาเอง ที่ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่อนาคตของเขาดูเหมือนจะไม่แน่นอนยิ่งขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อสำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่าเขาถูกสืบสวนทางอาญาสำหรับคำกล่าวหาก่อกบฏ
    .
    ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) อัยการได้จับกุม คิม ยอง-ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ตามคำกล่าวหาเกี่ยวกับบทบาทของเขาในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม
    .
    ประธานาธิบดียุน มอบอำนาจอย่างกว้างขวางแก่กองทัพในวันที่ 3 ธันวาคม อ้างว่าเพื่อขุดรากถอนโคนในสิ่งที่เขาเรียกว่า "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงาน โดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง" แต่เขากลับลำถอนคำสั่งดังกล่าวในอีก 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากรัฐสภาลงมติคัดค้าน
    .
    ท่ามกลางกระแสตีกลับ พวกเจ้าหน้าที่ทหารหลายคน ในนั้นรวมถึงรักษาการรัฐมนตรีกลาโหม บอกว่พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามใดๆ หากมีการออกคำสั่งบังคับใช้กฎอัยการศึกอีกรอบ
    .
    พรรคประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้านหลัก (ดีพี) เรียกร้องให้ปลดอำนาจของยุนที่มีเหนือกองทัพ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้จับกุมยุนและเจ้าหน้าที่ทหารรายใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอัยการศึกที่ล้มเหลว
    .
    ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ฮัน ดง-ฮูน หัวหน้าพรรคพีพีพี บอกว่าประธานาธิบดีจะถูกกันจากกิจการต่างประเทศและกิจการรัฐอื่นๆ โดยที่นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อค-ซู จะเข้ารับผิดชอบกิจการรัฐบาลแทน
    .
    อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้าน ที่บอกว่ามันไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ พวกเขาระบุว่า ยุน ต้องโดนถอดถอนหรือไม่ก็ต้องลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับเผชิญกับการดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ พวกเขายังมีแผนยื่นถอดถอนผู้นำรายนี้อีกรอบในวันเสาร์ (14 ธ.ค.)
    .
    การตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึกของยุน โหมกระพือการประท้วงบนท้องถนน และก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรทั้งหลายของโซล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ
    .
    ความยุ่งเหยิงของโซล เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในภูมิภาค หลังมีรายงานข่าวว่าเกาหลีเหนือส่งทหารเข้าไปยังรัสเซีย เพื่อช่วยมอสโกทำสงครามกับยูเครน ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ
    .
    โช แทย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ แนะนำเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงของเขาว่า "เราต้องมุ่งมั่นไม่หยุดยั้งในความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่นของบรรดาพันธมิตรของเขา และเป็นอีกครั้งที่ต้องยกระดับทำให้ได้ตามความคาดหวังของประชาคมนานาชาติที่มีต่อเกาหลีใต้"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118434
    ..............
    Sondhi X
    ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ต่อกรณีพยายามบังคับใช้กฎอัยการศึกแต่ล้มเหลว จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมรายหนึ่งในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) ท่ามกลางเสียงเรียกร้องดังขึ้นขอให้ถอดถอนเขาหรือไม่ก็ลาออกจากตำแหน่ง และวิกฤตความเป็นผู้นำที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ . ประธานาธิบดียุน ออกมาขอโทษต่อความพยายามดังกล่าวและบอกว่าจะปล่อยให้ชะตากรรมทางการเมืองและทางกฎหมายของตนเอง ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) พรรคการเมืองของเขา แต่ไม่ลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่เวลานี้ผู้นำรายนี้อยู่ภายใต้การสืบสวนทางอาญา ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น . ในวันจันทร์ (9 ธ.ค.) กระทรวงกลาโหมระบุว่า ยุน ยังคงผู้บัญชาการสูงสุดตามกฎหมาย แต่ด้วยมีความเห็นไม่ลงรอยมากขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงเกี่ยวกับตัวประธานาธิบดี มันจึงก่อคำถามเกี่ยวกับอำนาจที่อยู่ในมือของผู้นำรายนี้ . โอ ดอง-วูน หัวหน้าสำนักงานสืบสวนคอร์รัปชัน สำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูง เปิดเผยว่าเขาห้าม ยุน เดินทางออกไปยังต่างแดน ครั้งที่เข้าให้ปากคำกับรัฐสภา ว่าจะใช้มาตรการใดบ้างกับประธานาธิบดี . เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมรายหนึ่ง บอกกับคณะกรรมาธิการเช่นกัน ว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งห้ามเดินทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . คณะกรรมาธิการชุดนี้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2021 เพื่อสืบสวนเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูง ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดี และสมาชิกในครอบครัว แต่ไม่มีอำนาจในการดำเนินคดีกับประธานาธิดี โดยกฎหมายบังคับให้ทางคณะกรรมาธิการส่งต่อเรื่องดังกล่าวต่อไปยังสำนักงานอัยการ . แม้ ยุน รอดพ้นจากการลงมติถอดถอนในรัฐสภาเมื่อวันเสาร์ (7 ธ.ค.) แต่การที่พรรคของเขาตัดสินใจถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีไปยังนายกรัฐมนตรี ได้ผลักให้พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ แห่งนี้เข้าสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญ . ยุน ปฏิเสธเสียงเรียกร้อง ในนั้นบางส่วนมาจากผู้คนภายในพรรคของเขาเอง ที่ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่อนาคตของเขาดูเหมือนจะไม่แน่นอนยิ่งขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อสำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่าเขาถูกสืบสวนทางอาญาสำหรับคำกล่าวหาก่อกบฏ . ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) อัยการได้จับกุม คิม ยอง-ฮยุน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ตามคำกล่าวหาเกี่ยวกับบทบาทของเขาในการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม . ประธานาธิบดียุน มอบอำนาจอย่างกว้างขวางแก่กองทัพในวันที่ 3 ธันวาคม อ้างว่าเพื่อขุดรากถอนโคนในสิ่งที่เขาเรียกว่า "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงาน โดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง" แต่เขากลับลำถอนคำสั่งดังกล่าวในอีก 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากรัฐสภาลงมติคัดค้าน . ท่ามกลางกระแสตีกลับ พวกเจ้าหน้าที่ทหารหลายคน ในนั้นรวมถึงรักษาการรัฐมนตรีกลาโหม บอกว่พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามใดๆ หากมีการออกคำสั่งบังคับใช้กฎอัยการศึกอีกรอบ . พรรคประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้านหลัก (ดีพี) เรียกร้องให้ปลดอำนาจของยุนที่มีเหนือกองทัพ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้จับกุมยุนและเจ้าหน้าที่ทหารรายใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอัยการศึกที่ล้มเหลว . ในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ฮัน ดง-ฮูน หัวหน้าพรรคพีพีพี บอกว่าประธานาธิบดีจะถูกกันจากกิจการต่างประเทศและกิจการรัฐอื่นๆ โดยที่นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อค-ซู จะเข้ารับผิดชอบกิจการรัฐบาลแทน . อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้าน ที่บอกว่ามันไม่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ พวกเขาระบุว่า ยุน ต้องโดนถอดถอนหรือไม่ก็ต้องลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับเผชิญกับการดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ พวกเขายังมีแผนยื่นถอดถอนผู้นำรายนี้อีกรอบในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) . การตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึกของยุน โหมกระพือการประท้วงบนท้องถนน และก่อความกังวลแก่บรรดาพันธมิตรทั้งหลายของโซล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ . ความยุ่งเหยิงของโซล เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในภูมิภาค หลังมีรายงานข่าวว่าเกาหลีเหนือส่งทหารเข้าไปยังรัสเซีย เพื่อช่วยมอสโกทำสงครามกับยูเครน ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ . โช แทย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ แนะนำเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงของเขาว่า "เราต้องมุ่งมั่นไม่หยุดยั้งในความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่นของบรรดาพันธมิตรของเขา และเป็นอีกครั้งที่ต้องยกระดับทำให้ได้ตามความคาดหวังของประชาคมนานาชาติที่มีต่อเกาหลีใต้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118434 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 762 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ปรึกษา ยธ. รับ "ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ" อยู่ขั้นตอนรับฟังความเห็นภาคประชาชนก่อนนำไปใช้ ยืนยันไม่ได้ช่วย "ยิ่งลักษณ์" พ้นคุก

    วันนี้ (6 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พร้อม ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงการบังคับใช้ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566

    นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เผยว่า กรมราชทัณฑ์ ได้ประกาศใช้ ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ พ.ศ.2566 ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.66 แล้ว แต่ยังต้องมีการจัดทำข้อปฏิบัติ หลักการปฏิบัติ และขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชน ตามประกาศตั้งแต่วันที่ 2- 17 ธ.ค.67 โดยแสดงความความคิดเห็นได้ที่ระบบกลางทางกฎหมาย (Law.go.th) จากนั้นจะนำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อพิจารณาเสนอ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงนาม แต่ก็ต้องมีการประชุมคณะกรรมการกรมราชทัณฑ์ เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติอีกครั้ง ยืนยันไม่ใช่หลักเกณฑ์เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

    "ทั้งนี้ ระเบียบฯ ดังกล่าวเพื่อช่วยผู้ต้องขังปรับปรุงพัฒนาพฤตินิสัยกลับเข้าสู่สังคม เป็นการบริหารสถานที่คุมขัง เนื่องจากความแออัดภายในเรือนจำฯ และตามหลักการสากลที่หลายประเทศใช้อยู่ ขอยืนยันว่าไม่ได้ให้สิทธิผู้ต้องขัง ส่วนระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำที่กำหนดอายุโทษไม่เกิน 4 ปี แต่ท่านอดีตนายกฯมีโทษจำคุกมากกว่า​ ก็ต้องอยู่ในเรือนจำระยะเวลาหนึ่ง​ แต่ทุกอย่างมันยังอยู่ระหว่างการดำเนินการมีแก้ไขได้อีก​ หลังรับฟังความเห็น​"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117483

    #MGROnline #ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ
    ที่ปรึกษา ยธ. รับ "ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ" อยู่ขั้นตอนรับฟังความเห็นภาคประชาชนก่อนนำไปใช้ ยืนยันไม่ได้ช่วย "ยิ่งลักษณ์" พ้นคุก • วันนี้ (6 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พร้อม ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงการบังคับใช้ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 • นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เผยว่า กรมราชทัณฑ์ ได้ประกาศใช้ ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ พ.ศ.2566 ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.66 แล้ว แต่ยังต้องมีการจัดทำข้อปฏิบัติ หลักการปฏิบัติ และขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชน ตามประกาศตั้งแต่วันที่ 2- 17 ธ.ค.67 โดยแสดงความความคิดเห็นได้ที่ระบบกลางทางกฎหมาย (Law.go.th) จากนั้นจะนำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อพิจารณาเสนอ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงนาม แต่ก็ต้องมีการประชุมคณะกรรมการกรมราชทัณฑ์ เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติอีกครั้ง ยืนยันไม่ใช่หลักเกณฑ์เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง • "ทั้งนี้ ระเบียบฯ ดังกล่าวเพื่อช่วยผู้ต้องขังปรับปรุงพัฒนาพฤตินิสัยกลับเข้าสู่สังคม เป็นการบริหารสถานที่คุมขัง เนื่องจากความแออัดภายในเรือนจำฯ และตามหลักการสากลที่หลายประเทศใช้อยู่ ขอยืนยันว่าไม่ได้ให้สิทธิผู้ต้องขัง ส่วนระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำที่กำหนดอายุโทษไม่เกิน 4 ปี แต่ท่านอดีตนายกฯมีโทษจำคุกมากกว่า​ ก็ต้องอยู่ในเรือนจำระยะเวลาหนึ่ง​ แต่ทุกอย่างมันยังอยู่ระหว่างการดำเนินการมีแก้ไขได้อีก​ หลังรับฟังความเห็น​" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117483 • #MGROnline #ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ยธ.-ราชทัณฑ์" แถลงพักโทษผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว เผยกรรมการออกเสียง 8 ต่อ 0 ให้ "เสี่ยเปี๋ยง" เข้าเกณฑ์กรณีพิเศษ เพราะอายุ 70 ปี ป่วยร้ายแรง 7 โรค ไตวายเรื้อรังเสี่ยงเสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังคนแรกที่ได้ผ่าตัดเปลี่ยนไต ส่วน "บุญทรง-ภูมิ สารผล" เข้าเกณฑ์ปกติ รับโทษมาแล้ว 2 ใน 3

    วันนี้ (6 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พร้อม ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงประเด็นการปล่อยตัว พักการลงโทษของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" ซึ่งเป็นกระแสข่าวที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอยู่ในขณะนี้ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจร่วมกัน

    พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า การพิจารณาการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ มี 2 รูปแบบ โดยแบบปกติเป็นนักโทษชั้นกลาง ชั้นดีเยี่ยม การจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 ขอกำหนดโทษ ส่วนแบบพิเศษเป็นการจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 รวมทั้งมีอาการป่วยรุนแรงและเฉพาะกฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจะมีการพิจารณาเสนอรายชื่อจากทางเรือนจำและคณะกรรมการ 8 ราย เข้าอนุกรรมการกรมราชทัณฑ์ 19 ราย ประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ แพทย์ ศาล กรม ประพฤติ โดยมีปลัด ยธ. เป็นประธาน ทั้งนี้ ในปี 66 มีการพักโทษแบบปกติ 10,552 คน แบบพิเศษ 1,776 คน รวม 12,328 คน ส่วนปี 67 มีการพักโทษแบบปกติ 6,792 คน แบบพิเศษ 1,320 คน รวมทั้งสิ้น 8,112 คน ข้อมูล ณ วันที่ 5 ม.ค.67

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117450

    #MGROnline #ราชทัณฑ์ #พักโทษ #ผู้ต้องขัง #คดีจำนำข้าว #เสี่ยเปี๋ยง
    "ยธ.-ราชทัณฑ์" แถลงพักโทษผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว เผยกรรมการออกเสียง 8 ต่อ 0 ให้ "เสี่ยเปี๋ยง" เข้าเกณฑ์กรณีพิเศษ เพราะอายุ 70 ปี ป่วยร้ายแรง 7 โรค ไตวายเรื้อรังเสี่ยงเสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังคนแรกที่ได้ผ่าตัดเปลี่ยนไต ส่วน "บุญทรง-ภูมิ สารผล" เข้าเกณฑ์ปกติ รับโทษมาแล้ว 2 ใน 3 • วันนี้ (6 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พร้อม ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงประเด็นการปล่อยตัว พักการลงโทษของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" ซึ่งเป็นกระแสข่าวที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอยู่ในขณะนี้ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจร่วมกัน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า การพิจารณาการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ มี 2 รูปแบบ โดยแบบปกติเป็นนักโทษชั้นกลาง ชั้นดีเยี่ยม การจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 ขอกำหนดโทษ ส่วนแบบพิเศษเป็นการจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 รวมทั้งมีอาการป่วยรุนแรงและเฉพาะกฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งจะมีการพิจารณาเสนอรายชื่อจากทางเรือนจำและคณะกรรมการ 8 ราย เข้าอนุกรรมการกรมราชทัณฑ์ 19 ราย ประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ แพทย์ ศาล กรม ประพฤติ โดยมีปลัด ยธ. เป็นประธาน ทั้งนี้ ในปี 66 มีการพักโทษแบบปกติ 10,552 คน แบบพิเศษ 1,776 คน รวม 12,328 คน ส่วนปี 67 มีการพักโทษแบบปกติ 6,792 คน แบบพิเศษ 1,320 คน รวมทั้งสิ้น 8,112 คน ข้อมูล ณ วันที่ 5 ม.ค.67 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117450 • #MGROnline #ราชทัณฑ์ #พักโทษ #ผู้ต้องขัง #คดีจำนำข้าว #เสี่ยเปี๋ยง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมคุก แจงกรณีผู้เสียหาย ถูกหลอกเรียกรับเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งปม 3 ประเด็นลวงเหยื่อ

    วันนี้ (5 ธ.ค.) กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสาร โดยระบุว่า "จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
นำผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำโดยอ้างมีกลุ่มมิจฉาชีพ ตัวย่อ ท. หลอกลวงขณะอยู่เรือนจำ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน นั้น

    กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก นายปัญญา กาลเศรษฐี กับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนให้การช่วยเหลือ และรู้เห็นเกี่ยวกับการที่ผู้ต้องขังรายนี้กระทำการหลอกลวงฉ้อโกงหรือไม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117179

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #กระทรวงยุติธรรม
    กรมคุก แจงกรณีผู้เสียหาย ถูกหลอกเรียกรับเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งปม 3 ประเด็นลวงเหยื่อ • วันนี้ (5 ธ.ค.) กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสาร โดยระบุว่า "จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
นำผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำโดยอ้างมีกลุ่มมิจฉาชีพ ตัวย่อ ท. หลอกลวงขณะอยู่เรือนจำ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน นั้น • กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก นายปัญญา กาลเศรษฐี กับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนให้การช่วยเหลือ และรู้เห็นเกี่ยวกับการที่ผู้ต้องขังรายนี้กระทำการหลอกลวงฉ้อโกงหรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117179 • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #กระทรวงยุติธรรม
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเจออุปสรรคอีกครั้ง เมื่อ พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) (รูปที่1) ผู้ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของทรัมป์ ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการดื่มสุราเกินขนาดและการปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนรู้สึกไม่สบายใจที่จะสนับสนุนเฮกเซธ และเริ่มมีข้อเรียกร้องให้ถอดชื่อของเฮกเซธออก

    แม้ว่าอดีตพิธีกรของ Fox News จะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันกลับมาให้การสนับสนุนเขาอีกครั้ง

    ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าทรัมป์กำลังพิจารณาให้ รอน เดอแซนติส (Ron DeSantis) (รุูปที่2) เข้ามาแทนที่เฮกเซธในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม

    .
    ก่อนหน้านี้ แมตต์ เกตซ์ (Matt Gaetz) (รูปที่3) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากฟลอริดา เป็นคนแรกที่ต้องถอนตัวออกจากการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดสหรัฐ (Attorney General of the United States) หรือตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา หลังจากต้องเผชิญกับข้อกล่าวหา กระผิดทางเพศและใช้ยาเสพติด
    รัฐบาลใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเจออุปสรรคอีกครั้ง เมื่อ พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) (รูปที่1) ผู้ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของทรัมป์ ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการดื่มสุราเกินขนาดและการปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนรู้สึกไม่สบายใจที่จะสนับสนุนเฮกเซธ และเริ่มมีข้อเรียกร้องให้ถอดชื่อของเฮกเซธออก แม้ว่าอดีตพิธีกรของ Fox News จะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันกลับมาให้การสนับสนุนเขาอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าทรัมป์กำลังพิจารณาให้ รอน เดอแซนติส (Ron DeSantis) (รุูปที่2) เข้ามาแทนที่เฮกเซธในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม . ก่อนหน้านี้ แมตต์ เกตซ์ (Matt Gaetz) (รูปที่3) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากฟลอริดา เป็นคนแรกที่ต้องถอนตัวออกจากการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดสหรัฐ (Attorney General of the United States) หรือตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา หลังจากต้องเผชิญกับข้อกล่าวหา กระผิดทางเพศและใช้ยาเสพติด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28 พฤศจิกายน 2567- TNNWorldNews รายงานข่าว ดรามาการเมืองฟิลิปปินส์กำลังร้อนแรงอย่างหนัก เมื่อประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีไม่ลงรอยกัน จนถึงขั้น “ขู่สังหาร” Summary - รองประธานาธิบดีซาร่า ดูแตร์เต ลูกสาวอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ที่จับมือประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์​ ชนะการเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลายเมื่อปี 2565- แต่ความสัมพันธ์ 2 ตระกูลเริ่มร้าวฉาน เพราะดูแตร์เตหนุนจีน - ส่วนมาร์กอส จูเนียร์​หนุนสหรัฐฯ อย่างเปิดเผย นำมาสู่การเผชิญหน้ากับจีนในทะเลจีนใต้บ่อยครั้ง- รองปธน.ซาร่า ดูแตร์เต เคยประกาศว่าได้สั่งคนไปเก็บปธน.มาร์กอส จูเนียร์​ หากเธอถูกลอบสังหาร🔴 แรกเริ่มความสัมพันธ์ย้อนความกลับไปเมื่อปี 2565 ซาร่า ดูแตร์เต ลูกสาวคนโตของอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ผู้นำผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความดุเด็ดเผ็ดมันในทุกเรื่อง ได้ผันตัวจากนักกฎหมายเข้าสู่สนามการเมือง  และควงแขนประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ คว้าใจประชาชน เอาชนะมาได้อย่างถล่มทลาย ด้วยนโยบายหาเสียง “เน้นความสามัคคีในชาติ”​เธอมีอารมณ์ร้อน และวาทุดุเดือดไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ และมักจะมีการปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่บ่อยครั้ง แต่ความที่มีนามสกุล “ดูแตร์เต”​ ซึ่งยังมีคนนิยมชมชอบในความแข็งกร้าวอยู่ ก็ทำให้เธอยังคงได้ฐานเสียงสำคัญ และเป็นที่รักของประชาชน (กลุ่มหนึ่ง) อยู่🔴 ความสัมพันธ์ส่อร้าวแม้จับจับมือกันหวานชื่นเมื่อสมัยเลือกตั้ง แต่หลังจากที่ปธน.มาร์กอส จูเนียร์​ นั่งเก้าอี้ผู้นำได้เพียง 2 ปี ก็ได้เปิดฉากการตรวจสอบเรื่อง “สงครามปราบปรามยาเสพติด” ขนานใหญ่ของอดีตปธน.ดูแตร์เต ด้วยการใช้กลไลสภาในการตรวจสอบการเสียชีวิตของผู้คนนับพัน จึงกลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ ของผู้นำและรองผู้นำแห่งฟิลิปปินส์​ เริ่มเกิดรอยร้าวขึ้นมาร์กอส จูเนียร์ ยังกล่าวหาว่ารองปธน.ใช้งบประมาณโดยมิชอบ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาธิการอีกด้วยเมื่อความหอมหวาน กลายเป็นความขมขื่น ซาร่า ดูแตร์เต จึงได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ว่า เธออยากจะบั่นศีรษะประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์​ และอยากแม้กระทั่งไปขุดเอาซากกระดูกของ “เฟอร์ดินาน มาร์กอส” อดีตผู้นำเผด็จการ ขึ้นมาและเอาไปโปรยในทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตกอีกด้วย🔴 คิดบัญชีกันและกันและจนกระทั่งล่าสุด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (24 พฤศจิกายน)​ ซาร่า ดูแตร์เต ก็ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เธอได้สั่งให้คนไปลอบสังหารมาร์กอส จูเนียร์​ - ภริยา และประธานสภาผู้แทนราษฎร “หากว่าตัวเธอถูกลอบสังหารไปก่อน” เรื่องนี้ก็ร้อนถึงประธานาธิบดีที่ต้องตอบโต้ทันที ว่าพร้อมที่จะสู้กลับ และ “หากการลอบสังหารประธานาธิบดีมันง่ายขนาดนั้น..​แล้วประชาชนคนธรรมดาจะเป็นอย่างไร ดังนั้น อย่าได้มองข้ามการวางแผนก่ออาชญากรรมเช่นนี้”และล่าสุดวันพุธ (27 พฤศจิกายน)​ ตำรวจฟิลิปปินส์ได้ยื่นฟ้องอาญาต่อ “ซาร่า ดูแตร์เต” รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยของเธอ ฐานทำร้ายร่างกาย และละเมิดคำสั่งของทางการจากเหตุทะเลาะวิวาทในรัฐสภาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ก็เคยกล่าวในเชิงข่มขู่ว่าจะเกิดรัฐประหารด้วยว่า “ธรรมมาภิบาลที่แตกร้าว มีเพียง ‘ทหาร’ ที่จะสามารถเยียวยาได้” และทำให้กระทรวงยุติธรรมกำลังตรวจสอบว่าเป็นความพยายามก่อรัฐประหารของอดีตผู้นำผู้ทรงอิทธิพลหรือไม่?นับเป็นการดำเนินการทางกฎหมายของรัฐบาล “มาร์กอส จูเนียร์” ต่อ “ดูแตร์เต” ที่กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่สำคัญของ 2 ตระกูลดังทางการเมืองที่ทรงอำนาจที่สุดในฟิลิปปินส์ในเวลานี้ ภาพ: Reutersที่มา TNNWorldNews 
    28 พฤศจิกายน 2567- TNNWorldNews รายงานข่าว ดรามาการเมืองฟิลิปปินส์กำลังร้อนแรงอย่างหนัก เมื่อประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีไม่ลงรอยกัน จนถึงขั้น “ขู่สังหาร” Summary - รองประธานาธิบดีซาร่า ดูแตร์เต ลูกสาวอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ที่จับมือประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์​ ชนะการเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลายเมื่อปี 2565- แต่ความสัมพันธ์ 2 ตระกูลเริ่มร้าวฉาน เพราะดูแตร์เตหนุนจีน - ส่วนมาร์กอส จูเนียร์​หนุนสหรัฐฯ อย่างเปิดเผย นำมาสู่การเผชิญหน้ากับจีนในทะเลจีนใต้บ่อยครั้ง- รองปธน.ซาร่า ดูแตร์เต เคยประกาศว่าได้สั่งคนไปเก็บปธน.มาร์กอส จูเนียร์​ หากเธอถูกลอบสังหาร🔴 แรกเริ่มความสัมพันธ์ย้อนความกลับไปเมื่อปี 2565 ซาร่า ดูแตร์เต ลูกสาวคนโตของอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ผู้นำผู้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความดุเด็ดเผ็ดมันในทุกเรื่อง ได้ผันตัวจากนักกฎหมายเข้าสู่สนามการเมือง  และควงแขนประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ คว้าใจประชาชน เอาชนะมาได้อย่างถล่มทลาย ด้วยนโยบายหาเสียง “เน้นความสามัคคีในชาติ”​เธอมีอารมณ์ร้อน และวาทุดุเดือดไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ และมักจะมีการปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่บ่อยครั้ง แต่ความที่มีนามสกุล “ดูแตร์เต”​ ซึ่งยังมีคนนิยมชมชอบในความแข็งกร้าวอยู่ ก็ทำให้เธอยังคงได้ฐานเสียงสำคัญ และเป็นที่รักของประชาชน (กลุ่มหนึ่ง) อยู่🔴 ความสัมพันธ์ส่อร้าวแม้จับจับมือกันหวานชื่นเมื่อสมัยเลือกตั้ง แต่หลังจากที่ปธน.มาร์กอส จูเนียร์​ นั่งเก้าอี้ผู้นำได้เพียง 2 ปี ก็ได้เปิดฉากการตรวจสอบเรื่อง “สงครามปราบปรามยาเสพติด” ขนานใหญ่ของอดีตปธน.ดูแตร์เต ด้วยการใช้กลไลสภาในการตรวจสอบการเสียชีวิตของผู้คนนับพัน จึงกลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ ของผู้นำและรองผู้นำแห่งฟิลิปปินส์​ เริ่มเกิดรอยร้าวขึ้นมาร์กอส จูเนียร์ ยังกล่าวหาว่ารองปธน.ใช้งบประมาณโดยมิชอบ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาธิการอีกด้วยเมื่อความหอมหวาน กลายเป็นความขมขื่น ซาร่า ดูแตร์เต จึงได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ว่า เธออยากจะบั่นศีรษะประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์​ และอยากแม้กระทั่งไปขุดเอาซากกระดูกของ “เฟอร์ดินาน มาร์กอส” อดีตผู้นำเผด็จการ ขึ้นมาและเอาไปโปรยในทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตกอีกด้วย🔴 คิดบัญชีกันและกันและจนกระทั่งล่าสุด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (24 พฤศจิกายน)​ ซาร่า ดูแตร์เต ก็ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เธอได้สั่งให้คนไปลอบสังหารมาร์กอส จูเนียร์​ - ภริยา และประธานสภาผู้แทนราษฎร “หากว่าตัวเธอถูกลอบสังหารไปก่อน” เรื่องนี้ก็ร้อนถึงประธานาธิบดีที่ต้องตอบโต้ทันที ว่าพร้อมที่จะสู้กลับ และ “หากการลอบสังหารประธานาธิบดีมันง่ายขนาดนั้น..​แล้วประชาชนคนธรรมดาจะเป็นอย่างไร ดังนั้น อย่าได้มองข้ามการวางแผนก่ออาชญากรรมเช่นนี้”และล่าสุดวันพุธ (27 พฤศจิกายน)​ ตำรวจฟิลิปปินส์ได้ยื่นฟ้องอาญาต่อ “ซาร่า ดูแตร์เต” รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยของเธอ ฐานทำร้ายร่างกาย และละเมิดคำสั่งของทางการจากเหตุทะเลาะวิวาทในรัฐสภาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ก็เคยกล่าวในเชิงข่มขู่ว่าจะเกิดรัฐประหารด้วยว่า “ธรรมมาภิบาลที่แตกร้าว มีเพียง ‘ทหาร’ ที่จะสามารถเยียวยาได้” และทำให้กระทรวงยุติธรรมกำลังตรวจสอบว่าเป็นความพยายามก่อรัฐประหารของอดีตผู้นำผู้ทรงอิทธิพลหรือไม่?นับเป็นการดำเนินการทางกฎหมายของรัฐบาล “มาร์กอส จูเนียร์” ต่อ “ดูแตร์เต” ที่กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่สำคัญของ 2 ตระกูลดังทางการเมืองที่ทรงอำนาจที่สุดในฟิลิปปินส์ในเวลานี้ ภาพ: Reutersที่มา TNNWorldNews 
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเยาะเย้ยระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ หลังจากกระทรวงยุติธรรมยกเลิกข้อกล่าวหาทางอาญาต่อทรัมป์

    การตัดสินใจของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่จะยอมความในคดีอาญาทั้งหมดนอกศาลต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ มี "ลักษณะวงจรที่น่าทึ่ง", โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา กล่าว

    “เพราะคุณได้คิดมันออกแล้ว, ใช่ไหม? ความยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ มีลักษณะเป็นวัฏจักรที่น่าทึ่ง - ทุกๆ ๔ ปี, ความยุติธรรมจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน ลำดับแรก, ก่อนการเลือกตั้ง, และทันทีหลังจากนั้น, ผลลัพธ์ก็ออกมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงถึงสองครั้ง นี่คือสิ่งที่ประชาธิปไตยของสหรัฐฯเป็น,” ซาคาโรวา กล่าวบน Telegram

    ก่อนหน้านี้ แจ็ค สมิธ อัยการพิเศษของสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงประจำเขตโคลัมเบียให้ยกฟ้องคดีที่นายทรัมป์ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อปี ๒๐๒๑ ซึ่งทำให้นายทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกที่ถูกสอบสวนและถูกตัดสินว่ามีความผิด
    .
    RUSSIA'S FM SPOKESWOMAN MOCKS US JUSTICE SYSTEM AFTER DOJ DROPS CRIMINAL CHARGES AGAINST TRUMP

    The US Department of Justice's (DOJ) decision to settle all federal offenses out of court against US President-elect Donald Trump demonstrates the "amazing cyclical nature" of US justice, Russian Foreign Ministry spokeswoman Maria Zakharova said.

    "Because you have figured it out, right? US democratic justice has an amazing cyclical nature - every 4 years, it demonstrates absolute impartiality. First, before the election, and then immediately after, with two completely different results. This is what US democracy is all about," Zakharova said on Telegram.

    US Special Counsel Jack Smith has earlier asked the District Court for the District of Columbia to dismiss the case against Trump regarding his alleged role in the Capitol riot of 2021. This makes Trump the first US president-elect into whom probes have been launched and against whom a verdict has been returned.
    .
    2:08 PM · Nov 26, 2024 · 2,448 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861306036516221164
    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเยาะเย้ยระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ หลังจากกระทรวงยุติธรรมยกเลิกข้อกล่าวหาทางอาญาต่อทรัมป์ การตัดสินใจของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่จะยอมความในคดีอาญาทั้งหมดนอกศาลต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ มี "ลักษณะวงจรที่น่าทึ่ง", โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา กล่าว “เพราะคุณได้คิดมันออกแล้ว, ใช่ไหม? ความยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ มีลักษณะเป็นวัฏจักรที่น่าทึ่ง - ทุกๆ ๔ ปี, ความยุติธรรมจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน ลำดับแรก, ก่อนการเลือกตั้ง, และทันทีหลังจากนั้น, ผลลัพธ์ก็ออกมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงถึงสองครั้ง นี่คือสิ่งที่ประชาธิปไตยของสหรัฐฯเป็น,” ซาคาโรวา กล่าวบน Telegram ก่อนหน้านี้ แจ็ค สมิธ อัยการพิเศษของสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงประจำเขตโคลัมเบียให้ยกฟ้องคดีที่นายทรัมป์ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อปี ๒๐๒๑ ซึ่งทำให้นายทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกที่ถูกสอบสวนและถูกตัดสินว่ามีความผิด . RUSSIA'S FM SPOKESWOMAN MOCKS US JUSTICE SYSTEM AFTER DOJ DROPS CRIMINAL CHARGES AGAINST TRUMP The US Department of Justice's (DOJ) decision to settle all federal offenses out of court against US President-elect Donald Trump demonstrates the "amazing cyclical nature" of US justice, Russian Foreign Ministry spokeswoman Maria Zakharova said. "Because you have figured it out, right? US democratic justice has an amazing cyclical nature - every 4 years, it demonstrates absolute impartiality. First, before the election, and then immediately after, with two completely different results. This is what US democracy is all about," Zakharova said on Telegram. US Special Counsel Jack Smith has earlier asked the District Court for the District of Columbia to dismiss the case against Trump regarding his alleged role in the Capitol riot of 2021. This makes Trump the first US president-elect into whom probes have been launched and against whom a verdict has been returned. . 2:08 PM · Nov 26, 2024 · 2,448 Views https://x.com/SputnikInt/status/1861306036516221164
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 591 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงยุติธรรมยกเลิกคดีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์

    สตีเวน เชียง, ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของประธานาธิบดีคนใหม่, ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการยืนยันว่า คดีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกยกเลิกแล้ว
    .
    ⚡️ BREAKING

    DOJ DROPS ALL FEDERAL CASES AGAINST TRUMP

    Steven Cheung, the president-elect's communications director, issued an official statement confirming that all federal cases against Donald Trump have been dropped.
    .
    3:23 AM · Nov 26, 2024 · 2,614 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861143756851871783
    กระทรวงยุติธรรมยกเลิกคดีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ สตีเวน เชียง, ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของประธานาธิบดีคนใหม่, ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการยืนยันว่า คดีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกยกเลิกแล้ว . ⚡️ BREAKING DOJ DROPS ALL FEDERAL CASES AGAINST TRUMP Steven Cheung, the president-elect's communications director, issued an official statement confirming that all federal cases against Donald Trump have been dropped. . 3:23 AM · Nov 26, 2024 · 2,614 Views https://x.com/SputnikInt/status/1861143756851871783
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts