• "ถ้าเป็นคนที่มีจิตวิญญาณคงทำไม่ได้"
    หลอกทำข้อตกลงหยุดยิง
    ชาวปาเลสไตน์ที่ลี้ภัยสงครามทะยอยกลับเข้ากาซา
    แน่นอนว่าสมาชิกฮามาสกลับเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่อิสราเอลรู้ดีอยู่แล้ว
    โจมตีอย่างรุนแรงโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพื่อทำลายสมาชิกฮามาส โดยการแลกชีวิตชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ รายงานล่าสุด เสียชีวิต 354 ราย เป็นเด็กเล็ก 50 ราย ผู้หญิงอีก 30 ราย

    การโจมตีของอิสราเอลครั้งนี้ สามารถทำลายแกนนำระดับสูงของกลุ่มฮามาสลงได้ รวมถึงนายยาสเซอร์ ฮาร์บ สมาชิกสำนักงานการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐบาล

    นอกจากนี้ ยังมีนายเอสซัม อัล-ดาลิส หัวหน้าคณะกรรมการติดตามการทำงานของกลุ่มฮามาส นายอาเหม็ด อัล-ฮัตตา ปลัดกระทรวงยุติธรรมของกลุ่มฮามาส นายมะห์มูด อาบู วัตฟา ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายบาห์จัต อาบู สุลต่าน อธิบดีกรมความมั่นคงภายใน

    คำถามง่ายๆคือ กลุ่มฮามาสจะสูญสลายไปหรือไม่ ในเมื่อหลายฝ่ายออกมาเตือนอิสราเอลตั้งแต่เริ่มต้นทำสงครามแล้วว่า ฮามาสไม่ใช่บุคคล แต่พวกเขาคือเป็นจิตวิญญาณ แม้การทำลายสมาชิกระดับแกนนำ แต่พวกเข้าก็สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ตลอด และแสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริง
    "ถ้าเป็นคนที่มีจิตวิญญาณคงทำไม่ได้" หลอกทำข้อตกลงหยุดยิง ชาวปาเลสไตน์ที่ลี้ภัยสงครามทะยอยกลับเข้ากาซา แน่นอนว่าสมาชิกฮามาสกลับเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่อิสราเอลรู้ดีอยู่แล้ว โจมตีอย่างรุนแรงโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพื่อทำลายสมาชิกฮามาส โดยการแลกชีวิตชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ รายงานล่าสุด เสียชีวิต 354 ราย เป็นเด็กเล็ก 50 ราย ผู้หญิงอีก 30 ราย การโจมตีของอิสราเอลครั้งนี้ สามารถทำลายแกนนำระดับสูงของกลุ่มฮามาสลงได้ รวมถึงนายยาสเซอร์ ฮาร์บ สมาชิกสำนักงานการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีนายเอสซัม อัล-ดาลิส หัวหน้าคณะกรรมการติดตามการทำงานของกลุ่มฮามาส นายอาเหม็ด อัล-ฮัตตา ปลัดกระทรวงยุติธรรมของกลุ่มฮามาส นายมะห์มูด อาบู วัตฟา ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายบาห์จัต อาบู สุลต่าน อธิบดีกรมความมั่นคงภายใน คำถามง่ายๆคือ กลุ่มฮามาสจะสูญสลายไปหรือไม่ ในเมื่อหลายฝ่ายออกมาเตือนอิสราเอลตั้งแต่เริ่มต้นทำสงครามแล้วว่า ฮามาสไม่ใช่บุคคล แต่พวกเขาคือเป็นจิตวิญญาณ แม้การทำลายสมาชิกระดับแกนนำ แต่พวกเข้าก็สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ตลอด และแสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิ" เผย ตร.ชุดทำคดีแตงโม ปฏิเสธ หลังดีเอสไอเชิญสอบ อ้างไม่มีอำนาจ แนะ ดีเอสไอยังไม่รื้อคดี แค่สอบสำนวนไหนที่บอกพร้อง คาดอาจโดน ม.157

    นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องของคดีกังวลมีความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ว่า สำหรับเรื่องนี้มีความคืบหน้าแต่ในเรื่องของรายละเอียด ตนไม่รู้คนที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีที่สุดคืออาจารย์ปานเทพ เพราะว่าตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องนี้ตนทำหน้าที่เป็นเพียงแค่แบ็คให้เขา ในกรณีที่เขาถูกแรงกดดันมากแล้วเขารับไม่ไหว แล้วตนจะยื่นมือเข้าไป ส่วนข้อเท็จจริงลึกลึกแล้วอย่าไปเข้าใจผิดตนไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะว่าตนให้เกียรติเขา หากตนเรียกเขามาถามมันก็จะไม่ดี ตนรู้แต่เพียงว่า ดีเอสไอเขาทำไว้เยอะแล้ว เขาคงจะมีอะไรหลายหลายอย่างเท่าที่ตนสังเกต แต่ว่าทางดีเอสไอเขาไม่พูดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นตนจึงคิดว่าควรจะเย็นไว้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านได้ยืนยันว่าท่านไม่ทิ้งเรื่องแตงโม ถ้าไปให้สุดซอยก็คือต้องไปสุดซอย คนที่มีปัญหาคือ พวกทีมงานตำรวจโดยเฉพาะทีมงานตำรวจภูธรภาค 1 ที่ทำคดีนี้ตั้งแต่ต้น ถึงกับปฏิเสธเรียกตัว ซึ่งทางดีเอสไอได้เชิญตัวมาให้ปากคำ แต่เขาบอกว่าดีเอสไอมีอำนาจ มันก็คงจะมีความขัดแย้งในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000025369

    #MGROnline #สนธิลิ้มทองกุล #ดีเอสไอ #ตำรวจภูธรภาค1
    "สนธิ" เผย ตร.ชุดทำคดีแตงโม ปฏิเสธ หลังดีเอสไอเชิญสอบ อ้างไม่มีอำนาจ แนะ ดีเอสไอยังไม่รื้อคดี แค่สอบสำนวนไหนที่บอกพร้อง คาดอาจโดน ม.157 • นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องของคดีกังวลมีความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ว่า สำหรับเรื่องนี้มีความคืบหน้าแต่ในเรื่องของรายละเอียด ตนไม่รู้คนที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีที่สุดคืออาจารย์ปานเทพ เพราะว่าตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องนี้ตนทำหน้าที่เป็นเพียงแค่แบ็คให้เขา ในกรณีที่เขาถูกแรงกดดันมากแล้วเขารับไม่ไหว แล้วตนจะยื่นมือเข้าไป ส่วนข้อเท็จจริงลึกลึกแล้วอย่าไปเข้าใจผิดตนไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะว่าตนให้เกียรติเขา หากตนเรียกเขามาถามมันก็จะไม่ดี ตนรู้แต่เพียงว่า ดีเอสไอเขาทำไว้เยอะแล้ว เขาคงจะมีอะไรหลายหลายอย่างเท่าที่ตนสังเกต แต่ว่าทางดีเอสไอเขาไม่พูดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นตนจึงคิดว่าควรจะเย็นไว้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านได้ยืนยันว่าท่านไม่ทิ้งเรื่องแตงโม ถ้าไปให้สุดซอยก็คือต้องไปสุดซอย คนที่มีปัญหาคือ พวกทีมงานตำรวจโดยเฉพาะทีมงานตำรวจภูธรภาค 1 ที่ทำคดีนี้ตั้งแต่ต้น ถึงกับปฏิเสธเรียกตัว ซึ่งทางดีเอสไอได้เชิญตัวมาให้ปากคำ แต่เขาบอกว่าดีเอสไอมีอำนาจ มันก็คงจะมีความขัดแย้งในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000025369 • #MGROnline #สนธิลิ้มทองกุล #ดีเอสไอ #ตำรวจภูธรภาค1
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์จอมแสบ! ใส่รูปลายเซ็นต์ที่เกิดจากการเซ็นต์อัตโนมัติ แทนที่รูปของไบเดน

    ก่อนหน้านี้ เพิ่งมีการเปิดเผยว่าไบเดนใช้ 'ลายเซ็นอัตโนมัติ' เพื่อลงนามในเอกสารของฝ่ายบริหาร "ทุกฉบับ" เท่าที่หน่วยงานกำกับดูแลสามารถค้นหาและวิเคราะห์ได้ ทำให้เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายของคำสั่งของเขา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทางปัญญา (Cognitive Health) ของเขาในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

    ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการตั้งคำถามมากมายว่า แท้จริงแล้วใครเป็นผู้รับผิดชอบนโยบายของสหรัฐฯ ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

    แอนดรูว์ เบลีย์ อัยการสูงสุดของรัฐมิสซูรีต้องการให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนอย่างเป็นทางการ ถึงการใช้ลายเซ็นอัตโนมัติของไบเดน ว่ามีใครได้ประโยชน์จากการบริหารราชการของไบเดน และอาจหมายรวมถึงการ ผลักดันนโยบายสุดโต่งโดยที่ไบเดนอาจไม่รู้และอาจไม่ได้เห็นชอบหรือไม่ ซึ่งอาจถือเป็นการโมฆะทางกฎหมาย ตามมุมมองของเบลีย์
    ทรัมป์จอมแสบ! ใส่รูปลายเซ็นต์ที่เกิดจากการเซ็นต์อัตโนมัติ แทนที่รูปของไบเดน ก่อนหน้านี้ เพิ่งมีการเปิดเผยว่าไบเดนใช้ 'ลายเซ็นอัตโนมัติ' เพื่อลงนามในเอกสารของฝ่ายบริหาร "ทุกฉบับ" เท่าที่หน่วยงานกำกับดูแลสามารถค้นหาและวิเคราะห์ได้ ทำให้เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายของคำสั่งของเขา รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทางปัญญา (Cognitive Health) ของเขาในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการตั้งคำถามมากมายว่า แท้จริงแล้วใครเป็นผู้รับผิดชอบนโยบายของสหรัฐฯ ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แอนดรูว์ เบลีย์ อัยการสูงสุดของรัฐมิสซูรีต้องการให้กระทรวงยุติธรรมสอบสวนอย่างเป็นทางการ ถึงการใช้ลายเซ็นอัตโนมัติของไบเดน ว่ามีใครได้ประโยชน์จากการบริหารราชการของไบเดน และอาจหมายรวมถึงการ ผลักดันนโยบายสุดโต่งโดยที่ไบเดนอาจไม่รู้และอาจไม่ได้เห็นชอบหรือไม่ ซึ่งอาจถือเป็นการโมฆะทางกฎหมาย ตามมุมมองของเบลีย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทวี" เผยคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน ที่มาจากฮั้ว สว. ร่วมทำงานหลายหน่วยงาน แย้มมี สว.กว่า 140 คน จ่อถูกเรียกสอบ วางกรอบ 3 เดือนแล้วเสร็จ

    วันนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีฟอกเงิน ที่มาจากคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า หลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการต้องมีการประชุมร่วมกัน และเสนอแผนการสอบสวน ซึ่งทราบว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะทำหนังสือไปถึงอัยการสูงสุด ในการประสานงาน และสำนักงานอัยการสูงสุด ก็จะตั้งเป็นคณะทำงาน เพราะคดีนี้ มีพยานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน ส่วนกรอบระยะเวลาจะให้เสร็จโดยเร็ว ตนก็คาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 เดือน หากมีคนผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และหากจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ ก็อาจจะใช้เวลามากกว่านั้นนิดหน่อย

    พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า การตั้งคณะพนักงานสอบสวน 41 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ ไม่ใช่มีบุคลากรหน่วยงานเดียว แต่จะมีเจ้าหน้าที่จากอัยการ และหลังจากนี้จะใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ตั้งบุคคลภายนอก เช่น ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023920

    #MGROnline #พนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน
    "ทวี" เผยคณะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน ที่มาจากฮั้ว สว. ร่วมทำงานหลายหน่วยงาน แย้มมี สว.กว่า 140 คน จ่อถูกเรียกสอบ วางกรอบ 3 เดือนแล้วเสร็จ • วันนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีฟอกเงิน ที่มาจากคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า หลังจากรับเป็นคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการต้องมีการประชุมร่วมกัน และเสนอแผนการสอบสวน ซึ่งทราบว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะทำหนังสือไปถึงอัยการสูงสุด ในการประสานงาน และสำนักงานอัยการสูงสุด ก็จะตั้งเป็นคณะทำงาน เพราะคดีนี้ มีพยานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของพยานหลักฐาน ส่วนกรอบระยะเวลาจะให้เสร็จโดยเร็ว ตนก็คาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 เดือน หากมีคนผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และหากจะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ ก็อาจจะใช้เวลามากกว่านั้นนิดหน่อย • พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า การตั้งคณะพนักงานสอบสวน 41 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ ไม่ใช่มีบุคลากรหน่วยงานเดียว แต่จะมีเจ้าหน้าที่จากอัยการ และหลังจากนี้จะใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ตั้งบุคคลภายนอก เช่น ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023920 • #MGROnline #พนักงานสอบสวนคดีฟอกเงิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DoJ) ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่สอง กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับ Google โดยมุ่งหวังที่จะให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome ออกไป เนื่องจากมองว่า Google มีการผูกขาดตลาดค้นหาออนไลน์และการโฆษณา โดยการควบคุมผ่าน Chrome ส่งผลให้คู่แข่งไม่สามารถแข่งขันได้เต็มที่

    DoJ ชี้ว่าพฤติกรรมที่ผูกขาดของ Google ไม่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในตลาด ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของอเมริกา การควบรวมกันระหว่าง Chrome และระบบค้นหาของ Google ทำให้เกิดการครอบงำตลาดค้นหาและเพิ่มต้นทุนโฆษณาให้สูงขึ้น

    นอกจากนี้ หาก Chrome ถูกบังคับให้ขายออกไป อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดเบราว์เซอร์ปัจจุบันที่ Chrome ครองตลาดเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เบราว์เซอร์อื่น เช่น Microsoft Edge ก็ยังต้องพึ่งพาระบบ Chromium ที่มาจาก Google มีเพียง Mozilla Firefox ที่ไม่ใช้ระบบเดียวกัน แต่ก็ยังต้องพึ่งพารายได้จาก Google ทำให้การครอบงำยังคงอยู่

    ขณะเดียวกัน Google ได้ยืนยันว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินและเสนอมาตรการอื่นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้พันธมิตร โดยไม่ต้องขาย Chrome ออกไป

    ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ DoJ กดดันให้ Google ขาย Chrome ทางฝ่ายเดียวกันก็ได้ลดความเข้มงวดต่อการลงทุนใน AI ของ Google โดยเพียงกำหนดให้แจ้งล่วงหน้าก่อนทำการลงทุน เพื่อยังคงควบคุมได้

    สุดท้าย เหตุการณ์นี้จะมีการตัดสินชี้ขาดในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งหากเกิดการเปลี่ยนแปลง จะมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคต

    https://www.zdnet.com/article/trumps-doj-keeps-pushing-for-google-to-get-rid-of-chrome/
    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DoJ) ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่สอง กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับ Google โดยมุ่งหวังที่จะให้ Google ขายเบราว์เซอร์ Chrome ออกไป เนื่องจากมองว่า Google มีการผูกขาดตลาดค้นหาออนไลน์และการโฆษณา โดยการควบคุมผ่าน Chrome ส่งผลให้คู่แข่งไม่สามารถแข่งขันได้เต็มที่ DoJ ชี้ว่าพฤติกรรมที่ผูกขาดของ Google ไม่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในตลาด ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของอเมริกา การควบรวมกันระหว่าง Chrome และระบบค้นหาของ Google ทำให้เกิดการครอบงำตลาดค้นหาและเพิ่มต้นทุนโฆษณาให้สูงขึ้น นอกจากนี้ หาก Chrome ถูกบังคับให้ขายออกไป อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดเบราว์เซอร์ปัจจุบันที่ Chrome ครองตลาดเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เบราว์เซอร์อื่น เช่น Microsoft Edge ก็ยังต้องพึ่งพาระบบ Chromium ที่มาจาก Google มีเพียง Mozilla Firefox ที่ไม่ใช้ระบบเดียวกัน แต่ก็ยังต้องพึ่งพารายได้จาก Google ทำให้การครอบงำยังคงอยู่ ขณะเดียวกัน Google ได้ยืนยันว่าจะอุทธรณ์คำตัดสินและเสนอมาตรการอื่นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้พันธมิตร โดยไม่ต้องขาย Chrome ออกไป ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ DoJ กดดันให้ Google ขาย Chrome ทางฝ่ายเดียวกันก็ได้ลดความเข้มงวดต่อการลงทุนใน AI ของ Google โดยเพียงกำหนดให้แจ้งล่วงหน้าก่อนทำการลงทุน เพื่อยังคงควบคุมได้ สุดท้าย เหตุการณ์นี้จะมีการตัดสินชี้ขาดในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งหากเกิดการเปลี่ยนแปลง จะมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคต https://www.zdnet.com/article/trumps-doj-keeps-pushing-for-google-to-get-rid-of-chrome/
    WWW.ZDNET.COM
    Trump's DoJ keeps pushing for Google to get rid of Chrome
    Some companies - SpaceX, Starlink, Meta - are doing well under the current administration. Google, not so much.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายวีรศักดิ์ ทนายความเผยนิติเวชจุฬาฯ ส่งผลเลือดและชิ้นเนื้อของอดีต “ผกก.โจ้” ไปตรวจแล้ว คาดจะทราบผลภายใน 3 สัปดาห์

    วันนี้ (10 มี.ค.) นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต ผกก.โจ้ เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จะส่งผลเลือดและชิ้นเนื้อไปตรวจที่สถาบันพยาธิวิทยา และสถาบันพิษวิทยาอีกทีและจะมีการทำรายงานแจ้งไปทางพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนที่ สน.ประชาชื่นอีกครั้ง คาดว่าน่าจะรู้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ซึ่งเบื้องต้นวันนี้ทางครอบครัวและทนายความได้พูดคุยกับทางแพทย์เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากประกอบพิธีทางศาสนาเสร็จจะไม่มีการนำร่างชันสูตรที่ใดต่อแล้วทางญาติจะเก็บร่างไว้ก่อน

    ส่วนจะมีความคล้ายคลึงกับผลชันสูตรจากที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จ.ปทุมธานีหรือไม่นั้น นายวีรศักดิ์ ย้ำว่า ต้องทำรายงานและจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวนก่อน ยังพูดอะไรไม่ได้ โดยวันนี้ทางครอบครัวมาฟังข้อมูลเพิ่มเติม และแพทย์ก็ได้อธิบายว่าจะมีการตรวจอย่างไร รวมถึงก่อนหน้านี้มีการตรวจอย่างไรมาแล้วบ้าง ซึ่งทางแพทย์ก็จะดูรายละเอียดหลังจากนี้ และประเด็นที่ทางกรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจงเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (9 มี.ค.) ทางครอบครัวและตนเห็นแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023126

    #MGROnline #ผู้กำกับโจ้
    นายวีรศักดิ์ ทนายความเผยนิติเวชจุฬาฯ ส่งผลเลือดและชิ้นเนื้อของอดีต “ผกก.โจ้” ไปตรวจแล้ว คาดจะทราบผลภายใน 3 สัปดาห์ • วันนี้ (10 มี.ค.) นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีต ผกก.โจ้ เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จะส่งผลเลือดและชิ้นเนื้อไปตรวจที่สถาบันพยาธิวิทยา และสถาบันพิษวิทยาอีกทีและจะมีการทำรายงานแจ้งไปทางพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนที่ สน.ประชาชื่นอีกครั้ง คาดว่าน่าจะรู้ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ซึ่งเบื้องต้นวันนี้ทางครอบครัวและทนายความได้พูดคุยกับทางแพทย์เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากประกอบพิธีทางศาสนาเสร็จจะไม่มีการนำร่างชันสูตรที่ใดต่อแล้วทางญาติจะเก็บร่างไว้ก่อน • ส่วนจะมีความคล้ายคลึงกับผลชันสูตรจากที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จ.ปทุมธานีหรือไม่นั้น นายวีรศักดิ์ ย้ำว่า ต้องทำรายงานและจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวนก่อน ยังพูดอะไรไม่ได้ โดยวันนี้ทางครอบครัวมาฟังข้อมูลเพิ่มเติม และแพทย์ก็ได้อธิบายว่าจะมีการตรวจอย่างไร รวมถึงก่อนหน้านี้มีการตรวจอย่างไรมาแล้วบ้าง ซึ่งทางแพทย์ก็จะดูรายละเอียดหลังจากนี้ และประเด็นที่ทางกรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจงเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (9 มี.ค.) ทางครอบครัวและตนเห็นแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000023126 • #MGROnline #ผู้กำกับโจ้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหาต่อบุคคล 12 คน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการโจมตีไซเบอร์ต่อองค์กรและหน่วยงานกว่า 100 แห่งในสหรัฐฯ รวมถึงกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ (US Treasury) คดีนี้เผยให้เห็นถึงการโจมตีของแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐบาลจีน ซึ่งอาจมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการควบคุมและเซ็นเซอร์ในประเด็น "เสรีภาพในการแสดงออก" และ "ศาสนา"

    ในกลุ่มบุคคลที่ถูกตั้งข้อหา มีสองคนที่เชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกว่า Silk Typhoon ซึ่ง Microsoft ระบุว่าเป็นผู้โจมตีหลักในเหตุการณ์แฮกกระทรวงการคลังช่วงปลายปี 2024 การโจมตีครั้งนั้นถูกมองว่าเป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้กลยุทธ์แบบ "รัฐสนับสนุน" ในการขโมยข้อมูลสำคัญระดับประเทศ

    ผู้กระทำผิดบางรายทำงานในลักษณะของ แฮกเกอร์รับจ้าง โดยถูกว่าจ้างจากองค์กร Anxum Information Technology Co. Ltd. (หรือที่เรียกกันว่า “i-Soon”) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (MPS) และกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ (MSS) ของจีน ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับการตอบแทนสูงถึง 75,000 ดอลลาร์ต่ออีเมลที่ถูกแฮกสำเร็จ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแหล่งเงินทุนที่รัฐบาลจีนมอบให้กับการดำเนินการไซเบอร์นี้

    FBI และหน่วยงานอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ยังคงทำงานอย่างหนักในการปกป้องระบบไซเบอร์ของประเทศ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ Bryan Vorndran จากฝ่ายไซเบอร์ของ FBI ได้กล่าวถึงความสำคัญในการป้องกันภัยคุกคามจากต่างประเทศ พร้อมทั้งเสนอรางวัลสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์สำหรับผู้ที่ให้ข้อมูลนำไปสู่การจับกุมแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง

    สิ่งที่น่ากังวลคือ การโจมตีครั้งนี้ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อองค์กรหรือรัฐบาลในเชิงเทคนิค แต่ยังเกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงระดับโลกอีกด้วย การเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเป็นสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกต้องร่วมมือกันในด้านกฎหมายและเทคโนโลยี เพื่อรับมือกับปัญหาในระดับสากล

    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-who-targeted-key-us-infrastructure-charged-by-justice-department
    กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหาต่อบุคคล 12 คน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการโจมตีไซเบอร์ต่อองค์กรและหน่วยงานกว่า 100 แห่งในสหรัฐฯ รวมถึงกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ (US Treasury) คดีนี้เผยให้เห็นถึงการโจมตีของแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐบาลจีน ซึ่งอาจมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการควบคุมและเซ็นเซอร์ในประเด็น "เสรีภาพในการแสดงออก" และ "ศาสนา" ในกลุ่มบุคคลที่ถูกตั้งข้อหา มีสองคนที่เชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ที่เรียกว่า Silk Typhoon ซึ่ง Microsoft ระบุว่าเป็นผู้โจมตีหลักในเหตุการณ์แฮกกระทรวงการคลังช่วงปลายปี 2024 การโจมตีครั้งนั้นถูกมองว่าเป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้กลยุทธ์แบบ "รัฐสนับสนุน" ในการขโมยข้อมูลสำคัญระดับประเทศ ผู้กระทำผิดบางรายทำงานในลักษณะของ แฮกเกอร์รับจ้าง โดยถูกว่าจ้างจากองค์กร Anxum Information Technology Co. Ltd. (หรือที่เรียกกันว่า “i-Soon”) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (MPS) และกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ (MSS) ของจีน ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับการตอบแทนสูงถึง 75,000 ดอลลาร์ต่ออีเมลที่ถูกแฮกสำเร็จ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแหล่งเงินทุนที่รัฐบาลจีนมอบให้กับการดำเนินการไซเบอร์นี้ FBI และหน่วยงานอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ยังคงทำงานอย่างหนักในการปกป้องระบบไซเบอร์ของประเทศ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ Bryan Vorndran จากฝ่ายไซเบอร์ของ FBI ได้กล่าวถึงความสำคัญในการป้องกันภัยคุกคามจากต่างประเทศ พร้อมทั้งเสนอรางวัลสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์สำหรับผู้ที่ให้ข้อมูลนำไปสู่การจับกุมแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่น่ากังวลคือ การโจมตีครั้งนี้ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อองค์กรหรือรัฐบาลในเชิงเทคนิค แต่ยังเกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงระดับโลกอีกด้วย การเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐเป็นสัญญาณเตือนให้ทั่วโลกต้องร่วมมือกันในด้านกฎหมายและเทคโนโลยี เพื่อรับมือกับปัญหาในระดับสากล https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-who-targeted-key-us-infrastructure-charged-by-justice-department
    WWW.TECHRADAR.COM
    Chinese hackers who targeted key US infrastructure charged by Justice Department
    12 individuals accused of playing a ‘key role’ in recent cyberattacks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้พยายามโน้มน้าวกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Trump ให้ละเว้นแผนการแยกส่วนบริษัท โดยอ้างว่าอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ การพูดคุยนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ DoJ ภายใต้การบริหารของ Biden เคยดำเนินการตรวจสอบ Google และตัดสินว่า Google ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด (antitrust laws) ด้วยข้อตกลงการค้นหาของตน

    Google ได้เสนอการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการค้นหากับพันธมิตรทางเทคโนโลยีเพื่อจำกัดมาตรการแก้ไขที่ DoJ คิดไว้ และในขณะนี้ Google กำลังพยายามโน้มน้าวกระทรวงยุติธรรมภายใต้การบริหารของ Trump ให้มีแนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้นต่อข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาด

    Peter Schottenfels โฆษกของ Google ได้กล่าวว่า การแยกส่วนธุรกิจของ Google จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ Google กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

    แนวทางของ Google สอดคล้องกับการแถลงล่าสุดของประธานาธิบดี Trump และ VP JD Vance ที่ต่อต้านการกำกับดูแลที่มากเกินไปจากรัฐบาล โดยทำเนียบขาวเคยชี้ให้เห็นว่านโยบายของยุโรปเกี่ยวกับการผูกขาดเทคโนโลยีและเรื่องต่างๆ ทางเศรษฐกิจ เช่น Digital Markets Act และ Digital Services Act กำลังพยายามเปลี่ยนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ให้เป็นแหล่งรายได้

    Google กำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการแยกส่วนบริษัทและรักษาสถานะการผูกขาดของตน โดยการพึ่งพาความสัมพันธ์ที่ดีกับการบริหารของ Trump และการอ้างถึงความมั่นคงแห่งชาติเป็นเครื่องมือในการโน้มน้าว

    https://www.techspot.com/news/107036-google-asks-trump-administration-avoid-tearing-company-apart.html
    Google ได้พยายามโน้มน้าวกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Trump ให้ละเว้นแผนการแยกส่วนบริษัท โดยอ้างว่าอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ การพูดคุยนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ DoJ ภายใต้การบริหารของ Biden เคยดำเนินการตรวจสอบ Google และตัดสินว่า Google ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด (antitrust laws) ด้วยข้อตกลงการค้นหาของตน Google ได้เสนอการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงการค้นหากับพันธมิตรทางเทคโนโลยีเพื่อจำกัดมาตรการแก้ไขที่ DoJ คิดไว้ และในขณะนี้ Google กำลังพยายามโน้มน้าวกระทรวงยุติธรรมภายใต้การบริหารของ Trump ให้มีแนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้นต่อข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาด Peter Schottenfels โฆษกของ Google ได้กล่าวว่า การแยกส่วนธุรกิจของ Google จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ Google กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ แนวทางของ Google สอดคล้องกับการแถลงล่าสุดของประธานาธิบดี Trump และ VP JD Vance ที่ต่อต้านการกำกับดูแลที่มากเกินไปจากรัฐบาล โดยทำเนียบขาวเคยชี้ให้เห็นว่านโยบายของยุโรปเกี่ยวกับการผูกขาดเทคโนโลยีและเรื่องต่างๆ ทางเศรษฐกิจ เช่น Digital Markets Act และ Digital Services Act กำลังพยายามเปลี่ยนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ให้เป็นแหล่งรายได้ Google กำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการแยกส่วนบริษัทและรักษาสถานะการผูกขาดของตน โดยการพึ่งพาความสัมพันธ์ที่ดีกับการบริหารของ Trump และการอ้างถึงความมั่นคงแห่งชาติเป็นเครื่องมือในการโน้มน้าว https://www.techspot.com/news/107036-google-asks-trump-administration-avoid-tearing-company-apart.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google presses Trump's DOJ to abandon breakup plans, citing national security
    Google is trying to convince the Trump administration that breaking up the company could have chilling effects on US national security. Quoting unnamed sources familiar with the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ส. ร่วมภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 3 ทลายเครือข่ายส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินรวม มูลค่า 80 ล้านบาท

    วันนี้ (5 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. , พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย 2 จุด/ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/ จ.สุพรรณบุรี 2 จุด/ จ.อ่างทอง 2 จุด/ จ.สุโขทัย 1 จุด / จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน

    พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021390

    #MGROnline #ตัดไฟแต่ต้นลม
    ป.ป.ส. ร่วมภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 3 ทลายเครือข่ายส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินรวม มูลค่า 80 ล้านบาท • วันนี้ (5 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. , พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย 2 จุด/ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/ จ.สุพรรณบุรี 2 จุด/ จ.อ่างทอง 2 จุด/ จ.สุโขทัย 1 จุด / จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน • พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021390 • #MGROnline #ตัดไฟแต่ต้นลม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผย คกพ.พิจารณาไม่เลื่อนคดีฮั้ว สว.วันที่ 6 มี.ค.นี้ ยืนยันไม่มีธงไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนความเห็นอนุฯ ไม่ได้ผูกโยงกับคณะกรรมการฯ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021038

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผย คกพ.พิจารณาไม่เลื่อนคดีฮั้ว สว.วันที่ 6 มี.ค.นี้ ยืนยันไม่มีธงไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนความเห็นอนุฯ ไม่ได้ผูกโยงกับคณะกรรมการฯ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021038 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 719 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กัณวีร์” โต้ “ทวี” หยุดด้อยค่าหลักฐานจดหมายอุยกูร์ แล้วพูดความจริง เดือดจัดนัดสื่อพรุ่งนี้โชว์เอกสารเต็มตอนเที่ยง เล็งขอเปิดชวเลขบันทึกถ้อยคำหน่วยงานเกี่ยวข้อง บอกเองมีประเทศไหนบ้างรอรับเป็นประเทศที่ 3 ลั่น ดูซิใครพูดความจริง แจงเพิ่งออกมาแฉเพราะกังวลความสัมพันธ์กับ ตม. กลัวเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้

    วันที่ 3 มี.ค. 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่าจดหมายของชาวอุยกูร์ไม่เคยออกมาจากราชทัณฑ์ ว่า เป็นการพยายามบิดเบือนประเด็นที่สำคัญที่สุด เกี่ยวกับการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศ ตอนนี้มีความพยายามชี้แจงของทางราชการ โดยบอกว่าเขามีความสมัครใจกลับต้นทาง ซึ่งตามมาตรฐานสากลจะต้องมีหลักฐานว่าเขาสมัครใจเอง เราต้องจำเป็นที่จะได้รับฟังจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะตอนนี้ ไม่รู้ว่า 40 คนอยู่ไหนแล้ว มันเป็นการพูดข้างเดียวของฝ่ายรัฐบาลไทยและจีน ซึ่งฝ่ายจีนเขาก็ไม่ได้พูดด้วยว่าสมัครใจ เขาบอกว่าประเทศไทยส่งกลับ เพราะกลุ่มคนพวกนี้ถูกอาชญากรรมข้ามชาติพาเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่ไทยบอกว่าเขาสมัครใจกลับเอง

    “คุณทวี พยายามจะด้อยค่าหลักฐานที่พี่มีจริง กระดาษที่มีลายน้ำของกรมราชทัณฑ์คลองเปรม มันไม่ได้ออกมาจากกรมราชทัณฑ์ พี่ไม่เคยบอกว่ากรมราชทัณฑ์ออกหนังสือฉบับนี้ออกมา คุณเป็นถึงรัฐมนตรี คุณผิดประเด็นอย่างนี้ได้อย่างไร นี่คือเรื่องใหญ่เรื่องโต ที่เวทีระหว่างประเทศเขามองอยู่ คุณมาเก็บเรื่องสารัตถะอย่างนี้ พยายามด้อยค่าเอกสารของพี่ฉบับนี้ โดยที่พี่มีหลักฐานตัวจริง พรุ่งนี้พี่จะนำไปเสนอที่สภา มีการจัดเสวนาขึ้น พี่จะเอาฉบับตัวจริงไปยื่นให้กับทุกคนได้เห็น เชิญพี่น้องสื่อมวลชนไปดูด้วยว่าพรุ่งนี้ ก่อนเที่ยง จะเอามาโชว์” นายกัณวีร์ กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000020602

    #MGROnline #จดหมายอุยกูร์
    “กัณวีร์” โต้ “ทวี” หยุดด้อยค่าหลักฐานจดหมายอุยกูร์ แล้วพูดความจริง เดือดจัดนัดสื่อพรุ่งนี้โชว์เอกสารเต็มตอนเที่ยง เล็งขอเปิดชวเลขบันทึกถ้อยคำหน่วยงานเกี่ยวข้อง บอกเองมีประเทศไหนบ้างรอรับเป็นประเทศที่ 3 ลั่น ดูซิใครพูดความจริง แจงเพิ่งออกมาแฉเพราะกังวลความสัมพันธ์กับ ตม. กลัวเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ • วันที่ 3 มี.ค. 2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่าจดหมายของชาวอุยกูร์ไม่เคยออกมาจากราชทัณฑ์ ว่า เป็นการพยายามบิดเบือนประเด็นที่สำคัญที่สุด เกี่ยวกับการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศ ตอนนี้มีความพยายามชี้แจงของทางราชการ โดยบอกว่าเขามีความสมัครใจกลับต้นทาง ซึ่งตามมาตรฐานสากลจะต้องมีหลักฐานว่าเขาสมัครใจเอง เราต้องจำเป็นที่จะได้รับฟังจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะตอนนี้ ไม่รู้ว่า 40 คนอยู่ไหนแล้ว มันเป็นการพูดข้างเดียวของฝ่ายรัฐบาลไทยและจีน ซึ่งฝ่ายจีนเขาก็ไม่ได้พูดด้วยว่าสมัครใจ เขาบอกว่าประเทศไทยส่งกลับ เพราะกลุ่มคนพวกนี้ถูกอาชญากรรมข้ามชาติพาเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่ไทยบอกว่าเขาสมัครใจกลับเอง • “คุณทวี พยายามจะด้อยค่าหลักฐานที่พี่มีจริง กระดาษที่มีลายน้ำของกรมราชทัณฑ์คลองเปรม มันไม่ได้ออกมาจากกรมราชทัณฑ์ พี่ไม่เคยบอกว่ากรมราชทัณฑ์ออกหนังสือฉบับนี้ออกมา คุณเป็นถึงรัฐมนตรี คุณผิดประเด็นอย่างนี้ได้อย่างไร นี่คือเรื่องใหญ่เรื่องโต ที่เวทีระหว่างประเทศเขามองอยู่ คุณมาเก็บเรื่องสารัตถะอย่างนี้ พยายามด้อยค่าเอกสารของพี่ฉบับนี้ โดยที่พี่มีหลักฐานตัวจริง พรุ่งนี้พี่จะนำไปเสนอที่สภา มีการจัดเสวนาขึ้น พี่จะเอาฉบับตัวจริงไปยื่นให้กับทุกคนได้เห็น เชิญพี่น้องสื่อมวลชนไปดูด้วยว่าพรุ่งนี้ ก่อนเที่ยง จะเอามาโชว์” นายกัณวีร์ กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000020602 • #MGROnline #จดหมายอุยกูร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมพยาน 1000 ปาก 'ดีเอสไอ' พร้อมลุยสอบฮั้ว ส.ว. วุฒิสภา เตรียมซักฟอกกลับ
    .
    ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกส.ว.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะยังต้องรอความชัดเจนจากการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน แต่ปรากฎว่าเวลานี้มีการเผยแพร่เอกสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นรายชื่อพยานมากกว่า 100 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมนำมาให้ข้อมูลแล้ว
    .
    ทั้งนี้มีรายงานจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อกว่า 1,200 รายที่ปรากฏในโพยพยานของดีเอสไอ มีทั้งในส่วนของผู้สมัครสมาชิก สว. และผู้ได้รับเลือกเป็น สว. อาทิ พื้นที่ จ.กระบี่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาทชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เป็นต้น
    .
    ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า สำหรับรายชื่อกว่า 1,200 ชื่อ ที่ปรากฏชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้ว สว.67 นั้น หากในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมหารือครั้งที่ 2 เพื่อเอาคำตอบสุดท้ายของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ในการมีมติในที่ประชุมว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ หากผลมติในที่ประชุมขอให้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทยอยออกหมายเรียกพยานกว่า 1,200 ราย เข้าให้ปากคำและสอบสวนดำเนินการต่อเนื่อง
    .
    ขณะที่ ความเคลื่อนของส.ว. ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 4 มี.ค. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ
    .
    สาระของญัตติที่เสนอดังกล่าวมีการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐมีมาตรฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพบว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ทำคดีล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษอย่างแท้จริง รวมถึงไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่เป็นปัญหายาวนานและทวีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
    .
    นอกจากนี้ ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้อภิปรายระดมความคิดเห็นเพื่อพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย และเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับวุฒิสภา ข้อ 35
    ...........
    Sondhi X
    เตรียมพยาน 1000 ปาก 'ดีเอสไอ' พร้อมลุยสอบฮั้ว ส.ว. วุฒิสภา เตรียมซักฟอกกลับ . ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกส.ว.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะยังต้องรอความชัดเจนจากการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน แต่ปรากฎว่าเวลานี้มีการเผยแพร่เอกสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นรายชื่อพยานมากกว่า 100 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมนำมาให้ข้อมูลแล้ว . ทั้งนี้มีรายงานจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อกว่า 1,200 รายที่ปรากฏในโพยพยานของดีเอสไอ มีทั้งในส่วนของผู้สมัครสมาชิก สว. และผู้ได้รับเลือกเป็น สว. อาทิ พื้นที่ จ.กระบี่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาทชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เป็นต้น . ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า สำหรับรายชื่อกว่า 1,200 ชื่อ ที่ปรากฏชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้ว สว.67 นั้น หากในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมหารือครั้งที่ 2 เพื่อเอาคำตอบสุดท้ายของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ในการมีมติในที่ประชุมว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ หากผลมติในที่ประชุมขอให้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทยอยออกหมายเรียกพยานกว่า 1,200 ราย เข้าให้ปากคำและสอบสวนดำเนินการต่อเนื่อง . ขณะที่ ความเคลื่อนของส.ว. ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 4 มี.ค. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ . สาระของญัตติที่เสนอดังกล่าวมีการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐมีมาตรฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพบว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ทำคดีล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษอย่างแท้จริง รวมถึงไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่เป็นปัญหายาวนานและทวีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ . นอกจากนี้ ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้อภิปรายระดมความคิดเห็นเพื่อพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย และเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับวุฒิสภา ข้อ 35 ........... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1994 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากการสำรวจนิด้าโพลเมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.58 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.00 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 12.82 ระบุว่า พอใจมาก ด้านความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.76 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.28 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 13.36 ระบุว่า พอใจมาก สำหรับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 36.41 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 25.04 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น และร้อยละ 12.29 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานในแต่ละกระทรวงของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า กระทรวงสาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 32.45 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.16 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 19.08 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 17.02 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.29 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตัวอย่าง ร้อยละ 32.14 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.25 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 17.02 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 15.04 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 8.55 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงพลังงาน ตัวอย่าง ร้อยละ 32.98 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.31 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 14.11 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 1.76 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการคลัง ตัวอย่าง ร้อยละ 33.82 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.79 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.75 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 13.59 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.05 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวอย่าง ร้อยละ 30.38 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.47 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 21.14 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 13.44 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 5.57 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตัวอย่าง ร้อยละ 32.29 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.39 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 13.21 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 6.41 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.48 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.46 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 8.24 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 29.92 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 28.55 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 18.09 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.52 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 10.92 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวอย่าง ร้อยละ 34.35 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 28.70 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.14 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.29 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.52 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงวัฒนธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 31.53 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.54 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 17.94 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.29 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 8.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงศึกษาธิการ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.04 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 30.08 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 19.08 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.29 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 3.51 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงมหาดไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 36.03 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 24.27 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 11.91 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวอย่าง ร้อยละ 32.82 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 30.00 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 21.99 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 11.91 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 3.28 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงอุตสาหกรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 30.92 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.01 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 11.68 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 8.55 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงยุติธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 32.90 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.02 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 24.50 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 11.53 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 4.05 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงคมนาคม ตัวอย่าง ร้อยละ 36.03 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.47 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 21.37 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 10.92 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.21 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง ร้อยละ 33.44 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.00 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 19.69 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 10.76 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 5.11 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงแรงงาน ตัวอย่าง ร้อยละ 35.80 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 25.65 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 25.42 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 10.53 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงกลาโหม ตัวอย่าง ร้อยละ 36.56 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 28.63 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 21.60 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 10.31 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.90 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.95 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 26.49 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 25.80 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 9.39 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.37 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
    จากการสำรวจนิด้าโพลเมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.58 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.00 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 12.82 ระบุว่า พอใจมาก ด้านความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 32.60 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.76 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.28 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 13.36 ระบุว่า พอใจมาก สำหรับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 36.41 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 25.04 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น และร้อยละ 12.29 ระบุว่า เชื่อมั่นมาก ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานในแต่ละกระทรวงของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ในรอบ 6 เดือน พบว่า กระทรวงสาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 32.45 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.16 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 19.08 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 17.02 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.29 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตัวอย่าง ร้อยละ 32.14 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.25 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 17.02 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 15.04 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 8.55 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงพลังงาน ตัวอย่าง ร้อยละ 32.98 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.31 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 14.11 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 1.76 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการคลัง ตัวอย่าง ร้อยละ 33.82 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.79 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.75 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 13.59 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.05 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตัวอย่าง ร้อยละ 30.38 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.47 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 21.14 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 13.44 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 5.57 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตัวอย่าง ร้อยละ 32.29 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.39 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 13.21 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 6.41 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.48 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 20.46 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.98 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 8.24 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 29.92 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 28.55 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 18.09 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.52 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 10.92 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวอย่าง ร้อยละ 34.35 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 28.70 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.14 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.29 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.52 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงวัฒนธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 31.53 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.54 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 17.94 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.29 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 8.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงศึกษาธิการ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.04 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 30.08 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 19.08 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 12.29 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 3.51 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงมหาดไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 36.03 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 24.27 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 11.91 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 1.53 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวอย่าง ร้อยละ 32.82 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 30.00 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 21.99 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 11.91 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 3.28 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงอุตสาหกรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 30.92 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.01 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 11.68 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 8.55 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงยุติธรรม ตัวอย่าง ร้อยละ 32.90 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 27.02 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 24.50 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 11.53 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 4.05 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงคมนาคม ตัวอย่าง ร้อยละ 36.03 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.47 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 21.37 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 10.92 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.21 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง ร้อยละ 33.44 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 31.00 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 19.69 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 10.76 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 5.11 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงแรงงาน ตัวอย่าง ร้อยละ 35.80 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 25.65 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 25.42 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 10.53 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงกลาโหม ตัวอย่าง ร้อยละ 36.56 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 28.63 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 21.60 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 10.31 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.90 ระบุว่า ไม่มีข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.95 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 26.49 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 25.80 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 9.39 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.37 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • สว. ยื่น ปธ.วุฒิฯ ส่งต่อ ป.ป.ช. สอบ “ทวี-อธ.ดีเอสไอ” ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ “ฉัตรวรรษ” ถามกลับ “บอร์ด คกก.คดีพิเศษ” ไม่กล้าลงมติเพราะ “ฮั้ว” ไม่เสร็จหรือ กล่าวหาแรง “ล้มล้างการปกครอง” กระทำการขัด รธน. “มงคล” ตอบห้วน เป็นเรื่องอนาคต-เป็นสิทธิ

    วันที่ (27 ก.พ. 2568) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา สมาชิกวุฒิสภานำโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและสมาชิกวุฒิสภา เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อบรรจุญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงยุติธรรม พร้อมขอให้ประธานวุฒิสภายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบและฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม

    โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเพื่อน สว.เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ และมีความเห็นว่าควรดำเนินการสอบสวนพิจารณาในส่วนที่เรากล่าวหา จากการเลื่อนการพิจารณาของบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เรื่องการได้มาซึ่ง สว.เป็นอั้งยี่ซ่องโจรและผิดกฎหมายฟอกเงิน โดยอ้างว่ารอการพิจารณาของบอร์ดกลั่นกรอง รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาชี้แจง ซึ่งจะมาหรือไม่ ไม่มีปัญหา แต่ตนมองว่าข้อกล่าวหาไม่มีอะไรชัดเจนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ระบุว่ามีพยานหลักฐาน สามารถยืนยันได้ ตนอยากถามกลับว่าที่บอร์ดไม่กล้าลงมติเป็นเพราะยังฮั้วกันไม่เสร็จหรือไม่ หากดูตามภาพข่าวมีบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องไปนั่งควบคุมการพิจารณาของบอร์ด ตนมองว่าการดำเนินการทั้งหมดนั้นเป็นการจงใจ กลั่นแกล้งวุฒิสภา ซึ่งเป็นเสาหลักในการบริหารบ้านเมืองที่ได้มาตามรัฐธรรมนูญเสียหาย แต่ทำไมดีเอสไอถึงบังคับใช้แค่กฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง ถึงได้ดำเนินการข้ามแดน ตนมองว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นล้มล้างการปกครอง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000019485

    #MGROnline #สมาชิกวุฒิสภา
    สว. ยื่น ปธ.วุฒิฯ ส่งต่อ ป.ป.ช. สอบ “ทวี-อธ.ดีเอสไอ” ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ “ฉัตรวรรษ” ถามกลับ “บอร์ด คกก.คดีพิเศษ” ไม่กล้าลงมติเพราะ “ฮั้ว” ไม่เสร็จหรือ กล่าวหาแรง “ล้มล้างการปกครอง” กระทำการขัด รธน. “มงคล” ตอบห้วน เป็นเรื่องอนาคต-เป็นสิทธิ • วันที่ (27 ก.พ. 2568) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา สมาชิกวุฒิสภานำโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและสมาชิกวุฒิสภา เข้ายื่นหนังสือ ต่อนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อบรรจุญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงยุติธรรม พร้อมขอให้ประธานวุฒิสภายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบและฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม • โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเพื่อน สว.เห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ และมีความเห็นว่าควรดำเนินการสอบสวนพิจารณาในส่วนที่เรากล่าวหา จากการเลื่อนการพิจารณาของบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เรื่องการได้มาซึ่ง สว.เป็นอั้งยี่ซ่องโจรและผิดกฎหมายฟอกเงิน โดยอ้างว่ารอการพิจารณาของบอร์ดกลั่นกรอง รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาชี้แจง ซึ่งจะมาหรือไม่ ไม่มีปัญหา แต่ตนมองว่าข้อกล่าวหาไม่มีอะไรชัดเจนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ระบุว่ามีพยานหลักฐาน สามารถยืนยันได้ ตนอยากถามกลับว่าที่บอร์ดไม่กล้าลงมติเป็นเพราะยังฮั้วกันไม่เสร็จหรือไม่ หากดูตามภาพข่าวมีบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องไปนั่งควบคุมการพิจารณาของบอร์ด ตนมองว่าการดำเนินการทั้งหมดนั้นเป็นการจงใจ กลั่นแกล้งวุฒิสภา ซึ่งเป็นเสาหลักในการบริหารบ้านเมืองที่ได้มาตามรัฐธรรมนูญเสียหาย แต่ทำไมดีเอสไอถึงบังคับใช้แค่กฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง ถึงได้ดำเนินการข้ามแดน ตนมองว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นล้มล้างการปกครอง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000019485 • #MGROnline #สมาชิกวุฒิสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • -รายงานข่าว 21 กุมภาพันธ์ 2568-พอวันพฤหัสบดีได้รับโหวตจากสภาเซเนทด้วยมติชนะ 51:49 ศุกร์วันนี้ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นายแคช ปาเทล (Kash Patel) ก็เดินทางไปสาบาลตนเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเอฟบีไอ คนที่ 9 ทันที โดยมีหัวหน้าใหญ่คือคุณ แพม บอนดิ อัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางเทียบเท่ารัฐมนตรีของกระทรวงยุติธรรม เจ้านายเขา เป็นผู้นำกล่าวคำสาบานตนให้กับเขา แคช ปาเทล อายุ 45 ปี เป็นหัวหน้าสำนักงานเอฟบีไอคนแรกที่มีเชื้อสายเป็นคนอินเดีย อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าใหญ่เอฟบีไอคนแรกที่เป็นคนชาติพันธุ์เอเซียอีกด้วย พ่อแม่เขาเป็นคนอินเดียย้ายไปทำมาหากินที่ประเทศอูกานด้า แล้วหนีภ้ยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากอีดี้ อามิน ผู้นำเผด็จการไปแคนาดาก่อน แล้วอพยพเข้ามาอเมริกาอาศัยอยู่ที่เมืองการ์เด้น ซิตี้ เขตลองไอแลนด์รัฐนิวยอร์ค เขาเกิดและเติบโตที่นิวยอร์ค จบการศึกษาปริญญาตรีด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์รัฐเวอร์จิเนีย ไปต่อด้านกฏหมายอีกที่อังกฤษ แล้วมาต่อปริญญาโทด้านกฏหมายที่ Pace University งานแรกทำงานเป็นทนายช่วยคนจน Public Defend Lawyer ให้กับศาลไมอามีรัฐฟลอริด้า แล้วย้ายมาว่าความให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางที่วอชิงตัน ดี.ซี.ช่วงทรัมป์ 1.0 เทอมแรกปี 2016 เขาช่วยทำงานด้านต่อต้านผู้ก่อการร้ายให้กับทรัมป์ในหน่วยงานสภาความมั่นคง ต่อมาได้ตำแหน่งเป็น Chief of Staff กับรัฐมนตรีกลาโหม เขาช่วยเหลือทรัมป์อย่างเด็ดเดี่ยวในช่วงวิกฤติ Jan6 ปี 2021 มาตลอด อยู่เคียงข้างทรัมป์เสมอมา พอสมัยทรัมป์ 2.0 เขาได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ มีอำนาจสืบสวนและสอบสวนทั่วประเทศ ทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติตอนช่วง Senate Confirmation Hearing มีการพิจารณาไต่สวนอย่างดุเดือดเผ็ดร้อนจากวุฒิสมาชิกสายพรรคเดโมแครตฝ่ายตรงข้าม เขาโต้ตอบคำถามอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน และยังบอกอีกว่ารายชื่อ Enemy List 60 คน ที่อยู่ในหนังสือที่เขาเขียน Government Gangster เขาจะตามล่าให้ถึงที่สุด ตรงนี้นี่เองที่ทำให้พวก Deep State สายเดโมแครตถึงกับโกรธควันออกหูหลังจบการไต่สวนของวุฒิสมาชิกสมาชิก เขาเอ่ยวลีเป็นภาฮินดีว่า...Jai Shri Krishna ขออวยชัยให้กับพระองค์กฤษณะด้วยเทอญ
    -รายงานข่าว 21 กุมภาพันธ์ 2568-พอวันพฤหัสบดีได้รับโหวตจากสภาเซเนทด้วยมติชนะ 51:49 ศุกร์วันนี้ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นายแคช ปาเทล (Kash Patel) ก็เดินทางไปสาบาลตนเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเอฟบีไอ คนที่ 9 ทันที โดยมีหัวหน้าใหญ่คือคุณ แพม บอนดิ อัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางเทียบเท่ารัฐมนตรีของกระทรวงยุติธรรม เจ้านายเขา เป็นผู้นำกล่าวคำสาบานตนให้กับเขา แคช ปาเทล อายุ 45 ปี เป็นหัวหน้าสำนักงานเอฟบีไอคนแรกที่มีเชื้อสายเป็นคนอินเดีย อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าใหญ่เอฟบีไอคนแรกที่เป็นคนชาติพันธุ์เอเซียอีกด้วย พ่อแม่เขาเป็นคนอินเดียย้ายไปทำมาหากินที่ประเทศอูกานด้า แล้วหนีภ้ยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากอีดี้ อามิน ผู้นำเผด็จการไปแคนาดาก่อน แล้วอพยพเข้ามาอเมริกาอาศัยอยู่ที่เมืองการ์เด้น ซิตี้ เขตลองไอแลนด์รัฐนิวยอร์ค เขาเกิดและเติบโตที่นิวยอร์ค จบการศึกษาปริญญาตรีด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์รัฐเวอร์จิเนีย ไปต่อด้านกฏหมายอีกที่อังกฤษ แล้วมาต่อปริญญาโทด้านกฏหมายที่ Pace University งานแรกทำงานเป็นทนายช่วยคนจน Public Defend Lawyer ให้กับศาลไมอามีรัฐฟลอริด้า แล้วย้ายมาว่าความให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางที่วอชิงตัน ดี.ซี.ช่วงทรัมป์ 1.0 เทอมแรกปี 2016 เขาช่วยทำงานด้านต่อต้านผู้ก่อการร้ายให้กับทรัมป์ในหน่วยงานสภาความมั่นคง ต่อมาได้ตำแหน่งเป็น Chief of Staff กับรัฐมนตรีกลาโหม เขาช่วยเหลือทรัมป์อย่างเด็ดเดี่ยวในช่วงวิกฤติ Jan6 ปี 2021 มาตลอด อยู่เคียงข้างทรัมป์เสมอมา พอสมัยทรัมป์ 2.0 เขาได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ มีอำนาจสืบสวนและสอบสวนทั่วประเทศ ทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติตอนช่วง Senate Confirmation Hearing มีการพิจารณาไต่สวนอย่างดุเดือดเผ็ดร้อนจากวุฒิสมาชิกสายพรรคเดโมแครตฝ่ายตรงข้าม เขาโต้ตอบคำถามอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน และยังบอกอีกว่ารายชื่อ Enemy List 60 คน ที่อยู่ในหนังสือที่เขาเขียน Government Gangster เขาจะตามล่าให้ถึงที่สุด ตรงนี้นี่เองที่ทำให้พวก Deep State สายเดโมแครตถึงกับโกรธควันออกหูหลังจบการไต่สวนของวุฒิสมาชิกสมาชิก เขาเอ่ยวลีเป็นภาฮินดีว่า...Jai Shri Krishna ขออวยชัยให้กับพระองค์กฤษณะด้วยเทอญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 0 รีวิว
  • -รายงานข่าว 20 กุมภาพันธ์ 2568-

    วันนี้ครบรอบ 1 เดือน (20 มกราคม-20 กุมภาพันธ์ 2568) ของการบริหารงานของนายโดนัล เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา นางคาโรไลน์ เลวิทท์ โฆษกทำเนียบขาว ออกมารายงานผลความคืบหน้าของทรัมป์ 2.0 ว่า มีคำสั่งอำนาจบริหารออกมารวม 73 ฉบับ มากกว่ายุคไบเดนและยุคโอบามา 2-3 เท่า...ครม.ของทรัมป์ยุคนี้ได้รับการไว้วางใจโวตยอมรับจากสภาสูงซีเนทมากถึง 18 คน มากกว่ายุคโอบามาปี 2009 และยุคไบเดนปี 2021...และนายทรัมป์จะประชุมคณะรัฐมนตรีทั้งหมดในวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้ โดยที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะมาเยือนในวันจันทร์ ตามด้วยนายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันพฤหัสบดี...ขณะรายงานข่าวทำเนียบขาวนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวง Homeland Security ที่ปรึกษากฏหมายฝ่ายเศรษฐกิจแห่งชาติ และที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย นายไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติหรือ National Security Advisor ตอบคำถามผู้สื่อข่าวประเด็นยุติสงครามในยูเครนว่า สงครามยูเครนต้องจบแน่นอน เพราะสหรัฐฯไม่ต้องการนำเงินภาษีของคนอเมริกันไปช่วยเหลือสงครามยูเครนอีกต่อไปแล้ว โดยสหรัฐฯจะเข้าไปเจรจากับนายปูตินผู้นำรัสเซียในเร็ววันนี้..ข่าวล่าสุดในวันนี้ เมื่อตอนบ่าย สภาสูงหรือซีเนทของคองเกรส ได้ลงมติด้วยคะแนนชนะ 51:49 ให้นายแคช ปาเทล (Kash Patel) ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเอฟบีไอ หรือสำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง ดูแลงานการสอบสวนและปราบปรามได้ทั่วประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรมของคุณ แพม บอนดิ และเอฟบีไอยังต้องรายงานข่าวโดยตรงให้กับผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติกับคุณ ทุลซี แก็บบาร์ด ให้รับทราบอีกด้วย
    -รายงานข่าว 20 กุมภาพันธ์ 2568- วันนี้ครบรอบ 1 เดือน (20 มกราคม-20 กุมภาพันธ์ 2568) ของการบริหารงานของนายโดนัล เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา นางคาโรไลน์ เลวิทท์ โฆษกทำเนียบขาว ออกมารายงานผลความคืบหน้าของทรัมป์ 2.0 ว่า มีคำสั่งอำนาจบริหารออกมารวม 73 ฉบับ มากกว่ายุคไบเดนและยุคโอบามา 2-3 เท่า...ครม.ของทรัมป์ยุคนี้ได้รับการไว้วางใจโวตยอมรับจากสภาสูงซีเนทมากถึง 18 คน มากกว่ายุคโอบามาปี 2009 และยุคไบเดนปี 2021...และนายทรัมป์จะประชุมคณะรัฐมนตรีทั้งหมดในวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้ โดยที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะมาเยือนในวันจันทร์ ตามด้วยนายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันพฤหัสบดี...ขณะรายงานข่าวทำเนียบขาวนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวง Homeland Security ที่ปรึกษากฏหมายฝ่ายเศรษฐกิจแห่งชาติ และที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย นายไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติหรือ National Security Advisor ตอบคำถามผู้สื่อข่าวประเด็นยุติสงครามในยูเครนว่า สงครามยูเครนต้องจบแน่นอน เพราะสหรัฐฯไม่ต้องการนำเงินภาษีของคนอเมริกันไปช่วยเหลือสงครามยูเครนอีกต่อไปแล้ว โดยสหรัฐฯจะเข้าไปเจรจากับนายปูตินผู้นำรัสเซียในเร็ววันนี้..ข่าวล่าสุดในวันนี้ เมื่อตอนบ่าย สภาสูงหรือซีเนทของคองเกรส ได้ลงมติด้วยคะแนนชนะ 51:49 ให้นายแคช ปาเทล (Kash Patel) ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเอฟบีไอ หรือสำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง ดูแลงานการสอบสวนและปราบปรามได้ทั่วประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรมของคุณ แพม บอนดิ และเอฟบีไอยังต้องรายงานข่าวโดยตรงให้กับผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติกับคุณ ทุลซี แก็บบาร์ด ให้รับทราบอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม เลิกจ้างบรรดาอัยการอเมริกาในยุคของไบเดน ที่ยังเหลือยู่ทั้งหมด อ้างว่ากระทรวงแห่งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    .
    "เราต้องทำความสะอาดบ้านในทันที และฟื้นฟูความชื่อมั่น ยุคทองของอเมริกาจำเป็นต้องมีระบบยุติธรรมที่ยุติธรรม และมันเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล
    .
    สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่กระทรวงยุติธรรมยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว
    .
    เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังอัยการสหรัฐฯ หลายคนทั่วประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และล่าสุดในวันจันทร์ (17 ก.พ.) อัยการสหรัฐฯ หลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากไบเดน แถลงว่ากำลังลาออก ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกจากรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
    .
    แม้ตามธรรรมเนียมแล้ว บรรดาอัยการหรัฐฯ จะลาออกหลังมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานประธานาธิบดี แต่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่กำลังเข้ารับตำแหน่งจะร้องขอให้พวกเขาลาออกจากตำแหน่งอย่างละมุนละม่อมและไม่ออกหนังสือเลิกจ้างที่ใช้ถ้อยคำกะทัดรัดเช่นนี้ จากความเห็นของอดีตทนายความทั้งในอดีตและปัจจุบันของกระทรวงยุติธรรม
    .
    การเลิกจ้างบรรดาอัยการสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางระดับสูงสุด ตามเขตต่างๆ ของอัยการรายนั้นๆ ถือเป็นการยกเครื่องล่าสุดภายในกระทรวงยุติธรรม นับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนที่แล้ว
    .
    แม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ที่มีอาชีพการเงินในกระทรวงยุติธรรม ที่ปกติแล้วจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม แต่คราวนี้มีพวกเขาหลายสิบคนในเมืองต่างๆ อย่างเช่นวอชิงตันและนิวยอร์ก ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไป นับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ
    .
    ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะยุติการใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในสิ่งที่เขากล่าวอ้างว่าถูกใช้เล่นงานเขา ในช่วงหลายขวบปีที่พ้นจากอำนาจไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016385
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม เลิกจ้างบรรดาอัยการอเมริกาในยุคของไบเดน ที่ยังเหลือยู่ทั้งหมด อ้างว่ากระทรวงแห่งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน . "เราต้องทำความสะอาดบ้านในทันที และฟื้นฟูความชื่อมั่น ยุคทองของอเมริกาจำเป็นต้องมีระบบยุติธรรมที่ยุติธรรม และมันเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล . สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่กระทรวงยุติธรรมยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว . เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังอัยการสหรัฐฯ หลายคนทั่วประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และล่าสุดในวันจันทร์ (17 ก.พ.) อัยการสหรัฐฯ หลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากไบเดน แถลงว่ากำลังลาออก ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกจากรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว . แม้ตามธรรรมเนียมแล้ว บรรดาอัยการหรัฐฯ จะลาออกหลังมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานประธานาธิบดี แต่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่กำลังเข้ารับตำแหน่งจะร้องขอให้พวกเขาลาออกจากตำแหน่งอย่างละมุนละม่อมและไม่ออกหนังสือเลิกจ้างที่ใช้ถ้อยคำกะทัดรัดเช่นนี้ จากความเห็นของอดีตทนายความทั้งในอดีตและปัจจุบันของกระทรวงยุติธรรม . การเลิกจ้างบรรดาอัยการสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางระดับสูงสุด ตามเขตต่างๆ ของอัยการรายนั้นๆ ถือเป็นการยกเครื่องล่าสุดภายในกระทรวงยุติธรรม นับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนที่แล้ว . แม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ที่มีอาชีพการเงินในกระทรวงยุติธรรม ที่ปกติแล้วจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม แต่คราวนี้มีพวกเขาหลายสิบคนในเมืองต่างๆ อย่างเช่นวอชิงตันและนิวยอร์ก ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไป นับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ . ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะยุติการใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในสิ่งที่เขากล่าวอ้างว่าถูกใช้เล่นงานเขา ในช่วงหลายขวบปีที่พ้นจากอำนาจไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016385 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2320 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในที่สุด Tulsi Gabbard อดีต ส.ส.แห่งรัฐฮาวาย และเป็นนายทหารกล้าตายยศพันโทของกองทัพสหรัฐฯ ก็ไดรับโหวตจากสภาสูง(ซีเนท) ด้วยคะแนนชนะ 52:48 ได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติหรือ Director of National Intelligence (DNI) ต้องดูแลงานข่าวกรองย่อยอีกถึง 18 หน่วยงาน ในพิธีสาบานตนที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ คุณแพม บอนดิ อัยการสูงสุดหรือตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้กล่าวให้เธอสาบานตนรับใช้ชาติด้วยความสุจริต โดยมีสามีเธออยู่เคียงข้าง นายโดนัล เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 เป็นสักขีพยานและเซ็นลงนามในกฏหมายของอำนาจฝ่ายบริหารรับรู้กับการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ ทุลซี่ แก็บบาร์ด ใน ค.ร.ม.ชุดใหม่ของ ทรัมป์ 2.0
    ในที่สุด Tulsi Gabbard อดีต ส.ส.แห่งรัฐฮาวาย และเป็นนายทหารกล้าตายยศพันโทของกองทัพสหรัฐฯ ก็ไดรับโหวตจากสภาสูง(ซีเนท) ด้วยคะแนนชนะ 52:48 ได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติหรือ Director of National Intelligence (DNI) ต้องดูแลงานข่าวกรองย่อยอีกถึง 18 หน่วยงาน ในพิธีสาบานตนที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ คุณแพม บอนดิ อัยการสูงสุดหรือตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้กล่าวให้เธอสาบานตนรับใช้ชาติด้วยความสุจริต โดยมีสามีเธออยู่เคียงข้าง นายโดนัล เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 เป็นสักขีพยานและเซ็นลงนามในกฏหมายของอำนาจฝ่ายบริหารรับรู้กับการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ ทุลซี่ แก็บบาร์ด ใน ค.ร.ม.ชุดใหม่ของ ทรัมป์ 2.0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไอสอบ สมช.เพิ่มเติม เตรียมเคาะหารืออัยการออกหมายจับ"พ.อ.หม่อง ชิต ตู"ได้หรือไม่ 17 ก.พ.นี้

    มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เเละพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เดินทางไปสอบปากคำกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อสอบถามในประเด็นเกี่ยวกับกองกำลังของ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army: KNA) หรือในชื่อเดิมคือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force: BGF)

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000014448

    #MGROnline #ดีเอสไอ #หม่องชิตตู
    ดีเอสไอสอบ สมช.เพิ่มเติม เตรียมเคาะหารืออัยการออกหมายจับ"พ.อ.หม่อง ชิต ตู"ได้หรือไม่ 17 ก.พ.นี้ • มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เเละพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้เดินทางไปสอบปากคำกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อสอบถามในประเด็นเกี่ยวกับกองกำลังของ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army: KNA) หรือในชื่อเดิมคือกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force: BGF) • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000014448 • #MGROnline #ดีเอสไอ #หม่องชิตตู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษาสหรัฐฯรายหนึ่ง ตัดสินไฟเขียวชั่วคราวให้ลูกจ้างของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ราวๆ 2,700 คน ที่ถูกรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่ง "พักงาน" ให้กลับมาทำงาน ในความเคลื่อนไหวระงับแผนการหนึ่งๆที่เล็งเป้ายุบองค์กรดังกล่าว
    .
    ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ คาร์ล นิโคลส์ ในวอชิงตัน ซึ่งถูกเสนอชื่อโดยทรัมป์ครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรก อนุมัติบางส่วนคำร้องจากสภาพแรงงานลูกจ้างรัฐบาลใหญ่ที่ในสหรัฐฯและสมาคมแรงงานบริการต่างชาติแห่งหนึ่ง ที่ยื่นฟ้องความพยายามของรัฐบาลในการปิด USAID
    .
    คำสั่งของนิโคล ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นการขัดขวางรัฐบาลทรัมป์จากการดำเนินการตามแผนที่สั่ง "พักงาน" ลูกจ้างของ USAID ราวๆ 2,200 คน " เริ่มตั้งแต่วันเสาร์(8ก.พ.) และคืนสถานะลูกจ้างราวๆ 500 คน ที่ถูกให้ออกจากงาน นอกจากนี้แล้วคำพิพากษาของศาลยังห้ามรัฐบาลจากการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมของ USAID ที่ประจำการอยู่นอกสหรัฐฯ
    .
    รายงานข่าวระบุว่าผู้พิพากษา นิโคลส์ จะพิจารณาคำร้องหนึ่งๆที่ขอให้ระงับแผนของทรัมป์ในระยะยาว ระหว่างกระบวนพิจารณาที่จะมีขึ้นในวันพุธ(12ก.พ.) โดยผู้พิพากษานิโคลส์ เขียนในคำสั่งว่าสหภาพแรงงานแสดงให้เห็นว่าพวกลูกจ้างจะได้รับผลกระทบอย่างที่แก้ไขไม่ได้ หากว่าศาลไม่เข้าแทรกแซง
    .
    อย่างไรก็ตามผู้พิพากษานิโคลส์ปฏิเสธคำร้องอื่นๆจากสหภาพ ที่ขอกลับมาเปิดทำการอาคารของ USAID และคืนชีพเงินทุนต่างๆสำหรับเงินช่วยเหลือและสัญญาต่างๆที่ทางองค์กรแหงนี้อนุมัติไปแล้ว
    .
    รัฐบาลของทรัมป์ระบุในหนังสือแจ้งที่ส่งถึงคนงานขององค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศแห่งนี้เมื่อวันพฤหัสบดี(6ก.พ.) ว่าจะคงลูกจ้างที่จำเป็นของ USAID ไว้เพียง 611 ราย จากจำนวนที่มีทั้งหมดทั่วโลกมากกว่า 10,000 คน
    .
    "การลดพนักงานครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับการปิดสำนักงาน บีบบังคับโยกย้ายบุลคลต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นการกระทำภายใต้การใช้อำนาจบริหารที่เกินขอบเขต ละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจ" คาร์ลา กิลไบรด์ ทนายความของสหภาพแรงงาน บอกกับศาลระหว่างการพิจารณาคำร้องเมื่อวันศุกร์(7ก.พ.)
    .
    เบรตต์ ชูเมต เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม ให้ปากคำกับผู้พิพากษานิโคลส์ ว่าลูกจ้างราว 2,000 คนของ USAID จะถูกพักงานภายใต้แผนการต่างๆของรัฐบาล เพิ่มเติมจาก 500 คน ที่ถูกสั่งพักงานไปก่อนหน้านี้
    .
    ทรัมป์ โพสต์ข้อความเป็นทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเองในวันศุกร์(7ก.พ.) กล่าวหา USAID ว่าคอรัปชันและฉ้อฉลในการใช้จ่ายเงิน แต่ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ เขาบอกว่าการคอรัปชันใน USAID "อยู่ในระดับที่เคยพบเห็นมาก่อน ปิดมันซะ!"
    .
    ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์ ออกคำสั่งให้ระงับเงินช่วยเหลือทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบให้แก่ต่างประเทศ เพื่อรับประกันว่ามันจะสอดคล้องกับ "นโยบายอเมริกาต้องมาก่อน" ของเขา นับตั้งแต่นั้นความยุ่งเหยิงก็ห้อมล้อม USAID ซึ่งจัดสรรเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ทั่วโลก หลายพันล้านดอลลาร์
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯออกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติการทั่วโลก หลังทรัมป์มีคำสั่งบริหาร ผลก็คือระงับเงินช่วยเหลือทั้งหมดที่มอบแก่ต่างชาติ ยกเว้นแต่ความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านอาหาร มันทำให้โครงการต่างๆของ USAID ที่ครอบคลุมถึงความช่วยเหลือปกป้องชีวิตผู้คนทั่วโลกต้องหยุดชะงัก ในความเคลื่อนไหวที่พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจทำให้ผู้คนล้มตาย
    .
    การตรวจสอบหน่วยงานแห่งนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่พันธมิตรผู้ใกล้ชิดกับทรัมป์รายนี้ เป็นหัวหอกในความพยายามของประธานาธิบดี ในการความเทอะทะในงานราชการของรัฐบาลกลาง
    .
    ในปี 2023 สหรัฐฯใช้จ่ายเงิน 72,000 ล้านดอลลาร์ บางส่วนผ่าน USAID ในด้านความช่วยเหลือต่างๆทั่วโลก ไล่ตั้งแต่สุขภาพของพวกผู้หญิงในดินแดนความขัดแย้ง ไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษาโรคเอชไอวี/เอดส์ ความมั่นคงทางพลังงานและต่อต้านคอรัปชัน
    .
    ทั้งนี้ในปี 2024 ทาง USAID ได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่สหประชาชาติ (UN) ติดตามผลคิดเป็น 42% ของทั้งหมด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012937
    ..............
    Sondhi X
    ผู้พิพากษาสหรัฐฯรายหนึ่ง ตัดสินไฟเขียวชั่วคราวให้ลูกจ้างของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ราวๆ 2,700 คน ที่ถูกรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่ง "พักงาน" ให้กลับมาทำงาน ในความเคลื่อนไหวระงับแผนการหนึ่งๆที่เล็งเป้ายุบองค์กรดังกล่าว . ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ คาร์ล นิโคลส์ ในวอชิงตัน ซึ่งถูกเสนอชื่อโดยทรัมป์ครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรก อนุมัติบางส่วนคำร้องจากสภาพแรงงานลูกจ้างรัฐบาลใหญ่ที่ในสหรัฐฯและสมาคมแรงงานบริการต่างชาติแห่งหนึ่ง ที่ยื่นฟ้องความพยายามของรัฐบาลในการปิด USAID . คำสั่งของนิโคล ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นการขัดขวางรัฐบาลทรัมป์จากการดำเนินการตามแผนที่สั่ง "พักงาน" ลูกจ้างของ USAID ราวๆ 2,200 คน " เริ่มตั้งแต่วันเสาร์(8ก.พ.) และคืนสถานะลูกจ้างราวๆ 500 คน ที่ถูกให้ออกจากงาน นอกจากนี้แล้วคำพิพากษาของศาลยังห้ามรัฐบาลจากการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมของ USAID ที่ประจำการอยู่นอกสหรัฐฯ . รายงานข่าวระบุว่าผู้พิพากษา นิโคลส์ จะพิจารณาคำร้องหนึ่งๆที่ขอให้ระงับแผนของทรัมป์ในระยะยาว ระหว่างกระบวนพิจารณาที่จะมีขึ้นในวันพุธ(12ก.พ.) โดยผู้พิพากษานิโคลส์ เขียนในคำสั่งว่าสหภาพแรงงานแสดงให้เห็นว่าพวกลูกจ้างจะได้รับผลกระทบอย่างที่แก้ไขไม่ได้ หากว่าศาลไม่เข้าแทรกแซง . อย่างไรก็ตามผู้พิพากษานิโคลส์ปฏิเสธคำร้องอื่นๆจากสหภาพ ที่ขอกลับมาเปิดทำการอาคารของ USAID และคืนชีพเงินทุนต่างๆสำหรับเงินช่วยเหลือและสัญญาต่างๆที่ทางองค์กรแหงนี้อนุมัติไปแล้ว . รัฐบาลของทรัมป์ระบุในหนังสือแจ้งที่ส่งถึงคนงานขององค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศแห่งนี้เมื่อวันพฤหัสบดี(6ก.พ.) ว่าจะคงลูกจ้างที่จำเป็นของ USAID ไว้เพียง 611 ราย จากจำนวนที่มีทั้งหมดทั่วโลกมากกว่า 10,000 คน . "การลดพนักงานครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับการปิดสำนักงาน บีบบังคับโยกย้ายบุลคลต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นการกระทำภายใต้การใช้อำนาจบริหารที่เกินขอบเขต ละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจ" คาร์ลา กิลไบรด์ ทนายความของสหภาพแรงงาน บอกกับศาลระหว่างการพิจารณาคำร้องเมื่อวันศุกร์(7ก.พ.) . เบรตต์ ชูเมต เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม ให้ปากคำกับผู้พิพากษานิโคลส์ ว่าลูกจ้างราว 2,000 คนของ USAID จะถูกพักงานภายใต้แผนการต่างๆของรัฐบาล เพิ่มเติมจาก 500 คน ที่ถูกสั่งพักงานไปก่อนหน้านี้ . ทรัมป์ โพสต์ข้อความเป็นทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเองในวันศุกร์(7ก.พ.) กล่าวหา USAID ว่าคอรัปชันและฉ้อฉลในการใช้จ่ายเงิน แต่ไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ เขาบอกว่าการคอรัปชันใน USAID "อยู่ในระดับที่เคยพบเห็นมาก่อน ปิดมันซะ!" . ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์ ออกคำสั่งให้ระงับเงินช่วยเหลือทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบให้แก่ต่างประเทศ เพื่อรับประกันว่ามันจะสอดคล้องกับ "นโยบายอเมริกาต้องมาก่อน" ของเขา นับตั้งแต่นั้นความยุ่งเหยิงก็ห้อมล้อม USAID ซึ่งจัดสรรเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ทั่วโลก หลายพันล้านดอลลาร์ . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯออกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติการทั่วโลก หลังทรัมป์มีคำสั่งบริหาร ผลก็คือระงับเงินช่วยเหลือทั้งหมดที่มอบแก่ต่างชาติ ยกเว้นแต่ความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านอาหาร มันทำให้โครงการต่างๆของ USAID ที่ครอบคลุมถึงความช่วยเหลือปกป้องชีวิตผู้คนทั่วโลกต้องหยุดชะงัก ในความเคลื่อนไหวที่พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจทำให้ผู้คนล้มตาย . การตรวจสอบหน่วยงานแห่งนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่พันธมิตรผู้ใกล้ชิดกับทรัมป์รายนี้ เป็นหัวหอกในความพยายามของประธานาธิบดี ในการความเทอะทะในงานราชการของรัฐบาลกลาง . ในปี 2023 สหรัฐฯใช้จ่ายเงิน 72,000 ล้านดอลลาร์ บางส่วนผ่าน USAID ในด้านความช่วยเหลือต่างๆทั่วโลก ไล่ตั้งแต่สุขภาพของพวกผู้หญิงในดินแดนความขัดแย้ง ไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษาโรคเอชไอวี/เอดส์ ความมั่นคงทางพลังงานและต่อต้านคอรัปชัน . ทั้งนี้ในปี 2024 ทาง USAID ได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่สหประชาชาติ (UN) ติดตามผลคิดเป็น 42% ของทั้งหมด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012937 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1555 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่ DSI ส่งมอบโทรศัพท์มือถือของ "แตงโม นิดา" ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบและกู้ข้อมูล หลังได้รับคืนจาก "บังแจ็ค" ผ่านอดีตศัลยแพทย์ชื่อดัง ผู้เชี่ยวชาญเผย งานนี้ซับซ้อนกว่าปกติ เนื่องจากเวลาผ่านไปนานกว่า 3 ปี อาจมีข้อมูลเสียหายหรือถูกลบ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนสรุปผล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012474

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เจ้าหน้าที่ DSI ส่งมอบโทรศัพท์มือถือของ "แตงโม นิดา" ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบและกู้ข้อมูล หลังได้รับคืนจาก "บังแจ็ค" ผ่านอดีตศัลยแพทย์ชื่อดัง ผู้เชี่ยวชาญเผย งานนี้ซับซ้อนกว่าปกติ เนื่องจากเวลาผ่านไปนานกว่า 3 ปี อาจมีข้อมูลเสียหายหรือถูกลบ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนสรุปผล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012474 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 936 มุมมอง 0 รีวิว
  • แพม บอนดี (Pam Bondi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ มีคำสั่งปิดหน่วยงานเฉพาะกิจ ที่ใช้ต่อต้านรัสเซีย

    - Task Force KleptoCapture
    - The DOJ Kleptocracy Team
    - The DOJ Kleptocracy Asset Recovery Initiative

    หน่วยงานเหล่านี้ในยุคของไบเดนถูกให้ทำหน้าที่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรบุคคลสำคัญรวมทั้งนักธุรกิจของรัสเซีย ที่ผ่านมาสามารถยึด(ขโมย)ทรัพย์สินไปได้หลายพันล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2010

    โดยเฉพาะในช่วงปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียตั้งแต่ปี 2022 หน่วยงานเหล่านี้ ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินของกลุ่มผู้มีอำนาจตัดสินใจของรัสเซียกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เรือยอทช์ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์หรูหรา

    ที่ผ่านมาการอายัดทรัพย์สินของรัสเซียกลายเป็นส่วนหนึ่งในชนวนความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย

    เจ้าหน้าที่จะถูกมอบหมายหน้าที่ใหม่ไปที่การต่อสู้กับกลุ่มค้ายาและความปลอดภัยชายแดนแทน

    แพม บอนดี (Pam Bondi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ มีคำสั่งปิดหน่วยงานเฉพาะกิจ ที่ใช้ต่อต้านรัสเซีย - Task Force KleptoCapture - The DOJ Kleptocracy Team - The DOJ Kleptocracy Asset Recovery Initiative หน่วยงานเหล่านี้ในยุคของไบเดนถูกให้ทำหน้าที่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรบุคคลสำคัญรวมทั้งนักธุรกิจของรัสเซีย ที่ผ่านมาสามารถยึด(ขโมย)ทรัพย์สินไปได้หลายพันล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2010 โดยเฉพาะในช่วงปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียตั้งแต่ปี 2022 หน่วยงานเหล่านี้ ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินของกลุ่มผู้มีอำนาจตัดสินใจของรัสเซียกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เรือยอทช์ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์หรูหรา ที่ผ่านมาการอายัดทรัพย์สินของรัสเซียกลายเป็นส่วนหนึ่งในชนวนความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เจ้าหน้าที่จะถูกมอบหมายหน้าที่ใหม่ไปที่การต่อสู้กับกลุ่มค้ายาและความปลอดภัยชายแดนแทน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากถูก ส.ว.ฝ่ายเดโมแครตซักฟอกแบบลอกคราบในการไต่สวน Senate Confirmation Hearing ในที่สุด Pam Bondi ก็ได้รับการโหวตอนุมัติจากสภาสูงสหรัฐด้วยคะแนน ชนะ 54:46 ให้เป็นอัยการใหญ่ของรัฐบาลกลาง Attorney -General ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงยุติธรรมยุคทรัมป์ 2.0 ประธานาธิบดีคนที่ 47 ในตำแหน่งครั้งที่สองของนาย โดนัลด์ เจ.ทรัมป์ คุณแพม ยอนดิ เป็นนักกฏหมายรัฐฟลอริด้า รัฐสีแดงของพรรคริพับลิกันมาตลอด เธอจงรักภักดีนายทรัมป์เสมอมา เธอเคยมีส่วนช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายให้นายทรัมป์สมัยถูก Impeachment ครั้งที่สอง เธอใช้ความฉลาดในด้านกฏหมายฟาดฟันกับ ส.ส.และ ส.ว. พรรเดโมแครตในรัฐสภา แก้ต่างคดีให้นายทรัมป์จนรอดคดีในการถูกปลดออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ วันนี้นายทรัมป์จึงมอบตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมให้กับเธอเป็นการตอบแทน ในพิธีสาบานตนที่ทำเนียบขาว ผู้พิพากษาศาลฏีกานาย Clarence Thomas ที่พรรครีพับลิกันสมัยจอร์จ บุช(ผู้พ่อ)เป็นประธานาธิบดีแต่งตั้งให้เมื่อปี ค.ศ. 1991 เมื่อ 23 ปีที่แล้วเป็นผู้ทำพิธีสาบานตนให้กับเธอ
    หลังจากถูก ส.ว.ฝ่ายเดโมแครตซักฟอกแบบลอกคราบในการไต่สวน Senate Confirmation Hearing ในที่สุด Pam Bondi ก็ได้รับการโหวตอนุมัติจากสภาสูงสหรัฐด้วยคะแนน ชนะ 54:46 ให้เป็นอัยการใหญ่ของรัฐบาลกลาง Attorney -General ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงยุติธรรมยุคทรัมป์ 2.0 ประธานาธิบดีคนที่ 47 ในตำแหน่งครั้งที่สองของนาย โดนัลด์ เจ.ทรัมป์ คุณแพม ยอนดิ เป็นนักกฏหมายรัฐฟลอริด้า รัฐสีแดงของพรรคริพับลิกันมาตลอด เธอจงรักภักดีนายทรัมป์เสมอมา เธอเคยมีส่วนช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายให้นายทรัมป์สมัยถูก Impeachment ครั้งที่สอง เธอใช้ความฉลาดในด้านกฏหมายฟาดฟันกับ ส.ส.และ ส.ว. พรรเดโมแครตในรัฐสภา แก้ต่างคดีให้นายทรัมป์จนรอดคดีในการถูกปลดออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ วันนี้นายทรัมป์จึงมอบตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมให้กับเธอเป็นการตอบแทน ในพิธีสาบานตนที่ทำเนียบขาว ผู้พิพากษาศาลฏีกานาย Clarence Thomas ที่พรรครีพับลิกันสมัยจอร์จ บุช(ผู้พ่อ)เป็นประธานาธิบดีแต่งตั้งให้เมื่อปี ค.ศ. 1991 เมื่อ 23 ปีที่แล้วเป็นผู้ทำพิธีสาบานตนให้กับเธอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทวีจี้คดีแตงโมต้องทำให้เร็วเพราะสังคมสนใจ (28/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #รื้อคดีแตงโม #คดีพิเศษ #DSI #กระทรวงยุติธรรม
    ทวีจี้คดีแตงโมต้องทำให้เร็วเพราะสังคมสนใจ (28/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #รื้อคดีแตงโม #คดีพิเศษ #DSI #กระทรวงยุติธรรม
    Like
    Angry
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1019 มุมมอง 45 0 รีวิว
  • ศาล ยังไม่ไต่สวนทักษิณ 'เพื่อไทย' ล็อคคอ 'วิษณุ' ยันป่วยทิพย์ชั้น14 ไร้มลทิน
    .
    ปมประเด็นชั้น 14 ป่วยทิพย์ของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานอนุกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ไต่สวนกรณี กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไม่จัดการให้เป็นไปตามหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
    .
    ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลื่อนฟังคำสั่งคำร้องของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องขอให้ไต่สวน นำตัวนักโทษเทวดากลับเข้าคุก โดยจะแจ้งคำสั่งให้ทราบในภายหลัง และห้ามเผยแพร่คำร้องต่อสาธารณชน เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
    .
    ขณะที่ แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในกรณีโดยยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะผ่านการพิจารณาตรวจสอบจากนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯมาแล้ว
    .
    นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักร้องที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพิสูจน์เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน การพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่เกิดในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯขณะนั้น ทำหน้าที่ส่งไป และเป็นไปตามขั้นตอน ไม่น่าหนักใจอะไร
    .
    “นายวิษณุ ในฐานะมือกฎหมายคงจะพิจารณารายละเอียดเป็นอย่างดี การตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนนั้นเป็นไปตามกระบวนการการพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้สบายใจได้ ไม่มีเขย่าขวัญรัฐบาล เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ” นายวิสุทธิ์ กล่าว
    .............
    Sondhi X
    ศาล ยังไม่ไต่สวนทักษิณ 'เพื่อไทย' ล็อคคอ 'วิษณุ' ยันป่วยทิพย์ชั้น14 ไร้มลทิน . ปมประเด็นชั้น 14 ป่วยทิพย์ของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานอนุกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ไต่สวนกรณี กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไม่จัดการให้เป็นไปตามหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง . ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลื่อนฟังคำสั่งคำร้องของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องขอให้ไต่สวน นำตัวนักโทษเทวดากลับเข้าคุก โดยจะแจ้งคำสั่งให้ทราบในภายหลัง และห้ามเผยแพร่คำร้องต่อสาธารณชน เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน . ขณะที่ แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในกรณีโดยยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะผ่านการพิจารณาตรวจสอบจากนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯมาแล้ว . นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักร้องที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพิสูจน์เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน การพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่เกิดในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯขณะนั้น ทำหน้าที่ส่งไป และเป็นไปตามขั้นตอน ไม่น่าหนักใจอะไร . “นายวิษณุ ในฐานะมือกฎหมายคงจะพิจารณารายละเอียดเป็นอย่างดี การตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนนั้นเป็นไปตามกระบวนการการพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้สบายใจได้ ไม่มีเขย่าขวัญรัฐบาล เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ” นายวิสุทธิ์ กล่าว ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1588 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts