• จินตนาการดูนะครับว่าเด็กคนนึงรู้สึกเหงา ไม่มีเพื่อนคุย หรืออยากระบายสิ่งที่อายเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟัง — เขาเลยเข้าไปในแอป AI และพูดได้ทุกอย่างโดยไม่มีใครตัดสิน

    น่าฟังใช่ไหมครับ? แต่นั่นแหละคือช่องที่น่ากังวล

    เพราะแชตบอตพวกนี้ ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเด็ก และอาจตอบกลับด้วยเนื้อหาที่ผิด, รุนแรง หรือไม่เหมาะสมโดยไม่ได้ตั้งใจ — บางครั้งถึงขั้นมี เรื่องเพศรุนแรงหรือคำแนะนำอันตราย ก็เกิดขึ้นแล้วในหลายกรณี

    ที่น่าห่วงคือ เด็ก ๆ โดยเฉพาะวัยรุ่นจะมีลักษณะ “เชื่อมโยงกับบอต” แบบ parasocial — คือรู้สึกผูกพันกับสิ่งที่ไม่ใช่คนจริง ๆ ได้ง่าย เพราะพวกเขา ยังแยกไม่ชัดว่าอะไรจริง–อะไรเสมือน โดยเฉพาะเมื่อบอตพูดจานุ่มนวล เข้าใจ และไม่ตัดสิน

    บางคนถึงขั้นคิดว่าแชตบอตคือ “เพื่อนแท้” คนเดียวของเขาในโลก ซึ่งแน่นอนว่า...บอตไม่มีหัวใจ ไม่มีความรับผิดชอบ และไม่สามารถเป็นที่พึ่งทางอารมณ์อย่างแท้จริงได้

    ✅ AI แชตบอตเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเด็กและวัยรุ่น — ใช้คุยเพื่อความบันเทิงหรือความเหงา  
    • มีพฤติกรรมคล้ายมนุษย์ ใช้น้ำเสียงเป็นมิตร เข้าใจง่าย  
    • บางแพลตฟอร์มมี “บอตเพื่อน” แบบมีบุคลิกเฉพาะตัว (Companion AI)

    ✅ AI ไม่ได้ถูกออกแบบให้รองรับจริยธรรมและการปกป้องเด็กโดยเฉพาะ  
    • อาจตอบคำถามผิด หรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ได้ตั้งใจ  
    • ไม่มีความรับผิดชอบทางอารมณ์หรือจริยธรรมแบบมนุษย์

    ✅ เด็กบางคนสร้างความผูกพันระดับสูงกับแชตบอต (parasocial relationship)  
    • เพราะเด็กยังไม่มีวิจารณญาณพอจะประเมินว่าอีกฝั่งคือ AI  
    • อาจเริ่มปิดใจจากคนจริง และถ่ายทอดเรื่องส่วนตัวกับบอตมากเกินไป

    ✅ AI ไม่สามารถทำหน้าที่แทน “ความสัมพันธ์ที่มั่นคงในชีวิตจริง” ได้  
    • ไม่มีความรับผิดชอบ, ไม่เข้าใจชีวิตของเด็กจริง ๆ, ไม่รู้บริบทของแต่ละคน

    ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ:
    • พ่อแม่ควรถามลูกว่าเคยใช้แชตบอตไหม ใช้อย่างไร เคยเจออะไรแปลกหรือไม่  
    • ควรเปิดบทสนทนาอย่างนุ่มนวล–ไม่ดุหรือสั่งห้ามทันที  
    • หากเห็นข้อความน่าสงสัยในแชต คุยกันว่า “บอตตอบแบบนี้เพราะอะไร”
    • เน้นย้ำว่าชีวิตจริงต้องมีเพื่อนและคนจริงที่พร้อมรับฟัง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/24/opinion-are-ai-chatbots-safe-for-kids
    จินตนาการดูนะครับว่าเด็กคนนึงรู้สึกเหงา ไม่มีเพื่อนคุย หรืออยากระบายสิ่งที่อายเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟัง — เขาเลยเข้าไปในแอป AI และพูดได้ทุกอย่างโดยไม่มีใครตัดสิน น่าฟังใช่ไหมครับ? แต่นั่นแหละคือช่องที่น่ากังวล เพราะแชตบอตพวกนี้ ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเด็ก และอาจตอบกลับด้วยเนื้อหาที่ผิด, รุนแรง หรือไม่เหมาะสมโดยไม่ได้ตั้งใจ — บางครั้งถึงขั้นมี เรื่องเพศรุนแรงหรือคำแนะนำอันตราย ก็เกิดขึ้นแล้วในหลายกรณี ที่น่าห่วงคือ เด็ก ๆ โดยเฉพาะวัยรุ่นจะมีลักษณะ “เชื่อมโยงกับบอต” แบบ parasocial — คือรู้สึกผูกพันกับสิ่งที่ไม่ใช่คนจริง ๆ ได้ง่าย เพราะพวกเขา ยังแยกไม่ชัดว่าอะไรจริง–อะไรเสมือน โดยเฉพาะเมื่อบอตพูดจานุ่มนวล เข้าใจ และไม่ตัดสิน บางคนถึงขั้นคิดว่าแชตบอตคือ “เพื่อนแท้” คนเดียวของเขาในโลก ซึ่งแน่นอนว่า...บอตไม่มีหัวใจ ไม่มีความรับผิดชอบ และไม่สามารถเป็นที่พึ่งทางอารมณ์อย่างแท้จริงได้ ✅ AI แชตบอตเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเด็กและวัยรุ่น — ใช้คุยเพื่อความบันเทิงหรือความเหงา   • มีพฤติกรรมคล้ายมนุษย์ ใช้น้ำเสียงเป็นมิตร เข้าใจง่าย   • บางแพลตฟอร์มมี “บอตเพื่อน” แบบมีบุคลิกเฉพาะตัว (Companion AI) ✅ AI ไม่ได้ถูกออกแบบให้รองรับจริยธรรมและการปกป้องเด็กโดยเฉพาะ   • อาจตอบคำถามผิด หรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ได้ตั้งใจ   • ไม่มีความรับผิดชอบทางอารมณ์หรือจริยธรรมแบบมนุษย์ ✅ เด็กบางคนสร้างความผูกพันระดับสูงกับแชตบอต (parasocial relationship)   • เพราะเด็กยังไม่มีวิจารณญาณพอจะประเมินว่าอีกฝั่งคือ AI   • อาจเริ่มปิดใจจากคนจริง และถ่ายทอดเรื่องส่วนตัวกับบอตมากเกินไป ✅ AI ไม่สามารถทำหน้าที่แทน “ความสัมพันธ์ที่มั่นคงในชีวิตจริง” ได้   • ไม่มีความรับผิดชอบ, ไม่เข้าใจชีวิตของเด็กจริง ๆ, ไม่รู้บริบทของแต่ละคน ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: • พ่อแม่ควรถามลูกว่าเคยใช้แชตบอตไหม ใช้อย่างไร เคยเจออะไรแปลกหรือไม่   • ควรเปิดบทสนทนาอย่างนุ่มนวล–ไม่ดุหรือสั่งห้ามทันที   • หากเห็นข้อความน่าสงสัยในแชต คุยกันว่า “บอตตอบแบบนี้เพราะอะไร” • เน้นย้ำว่าชีวิตจริงต้องมีเพื่อนและคนจริงที่พร้อมรับฟัง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/24/opinion-are-ai-chatbots-safe-for-kids
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Are AI chatbots safe for kids?
    Artificial intelligence chatbots are now a part of daily life for many families.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทคโนโลยี AI กับแนวทางศาสนาพุทธ: จุดบรรจบและความขัดแย้ง

    ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับหลักปรัชญาและจริยธรรมของพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งจำเป็น รายงานฉบับนี้จะสำรวจจุดที่ AI สามารถเสริมสร้างและสอดคล้องกับพุทธธรรม รวมถึงประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรม เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนาและใช้ AI อย่างมีสติและเป็นประโยชน์สูงสุด

    ☸️☸️ หลักการพื้นฐานของพุทธศาสนา: แก่นธรรมเพื่อความเข้าใจ
    พุทธศาสนามุ่งเน้นการพ้นทุกข์ โดยสอนให้เข้าใจธรรมชาติของทุกข์และหนทางดับทุกข์ผ่านหลักอริยสัจสี่ (ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค) หนทางแห่งมรรคประกอบด้วยองค์แปดประการ แก่นธรรมสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ไตรลักษณ์ (อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา) การปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานของไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา) การพัฒนาปัญญาต้องอาศัยสติ, โยนิโสมนสิการ, และปัญญา กฎแห่งกรรมและปฏิจจสมุปบาทเป็นหลักการสำคัญที่อธิบายความสัมพันธ์เชิงเหตุผล พุทธศาสนาเชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองจากกฎธรรมชาติ 5 ประการ หรือนิยาม 5 พรหมวิหารสี่ (เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา) เป็นคุณธรรมที่ส่งเสริมความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต เป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำถึงทางสายกลาง โดยมอง AI เป็นเพียง "เครื่องมือ" หรือ "แพ" สอดคล้องกับทางสายกลางนี้  

    🤖 มิติที่ AI สอดคล้องกับพุทธธรรม: ศักยภาพเพื่อประโยชน์สุข
    AI มีศักยภาพมหาศาลในการเป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมการเผยแผ่ การศึกษา และการปฏิบัติธรรม

    การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเผยแผ่พระธรรม
    AI มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น "พระสงฆ์ AI" หรือ "พระโพธิสัตว์ AI" อย่าง Mindar ในญี่ปุ่น และ "เสียนเอ๋อร์" ในจีน การใช้ AI ในการแปลงพระไตรปิฎกเป็นดิจิทัลและการแปลพระคัมภีร์ด้วยเครื่องมืออย่าง DeepL ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำ ทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นทั่วโลก AI ช่วยให้การเผยแผ่ธรรม "สะดวก มีประสิทธิภาพ และน่าดึงดูดมากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตการเข้าถึงให้เกินกว่าข้อจำกัดทางพื้นที่และเวลาแบบดั้งเดิม" ซึ่งสอดคล้องกับหลัก กรุณา  

    👓 สื่อใหม่และประสบการณ์เสมือนจริง: การสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้และปฏิบัติ
    การนำเทคโนโลยีสื่อใหม่ เช่น จอ AI, VR และ AR มาใช้ในการสร้างประสบการณ์พุทธศาสนาเสมือนจริง เช่น "Journey to the Land of Buddha" ของวัดฝอกวงซัน ช่วยดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ เทคโนโลยี VR ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้าง "ความเห็นอกเห็นใจ" การพัฒนาแพลตฟอร์มการบูชาออนไลน์และพิธีกรรมทางไซเบอร์ เช่น "Light Up Lamps Online" และเกม "Fo Guang GO" ช่วยให้ผู้ศรัทธาสามารถปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาและเยี่ยมชมวัดเสมือนจริงได้จากทุกที่ การใช้ VR/AR เพื่อ "ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ" และ "Sati-AI" สำหรับการทำสมาธิเจริญสติ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่เอื้อต่อการทำสมาธิและสติได้  

    🙆‍♂️ AI ในฐานะเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติและพัฒนาตน
    แอปพลิเคชัน AI เช่น NORBU, Buddha Teachings, Buddha Wisdom App ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่มีคุณค่าในการศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยให้การเข้าถึงคลังข้อความพุทธศาสนาขนาดใหญ่, บทเรียนส่วนบุคคล, คำแนะนำในการทำสมาธิ, และการติดตามความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ แชทบอทเหล่านี้มีความสามารถในการตอบคำถามและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง AI สามารถทำให้การเข้าถึงข้อมูลและคำแนะนำเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ช่วยให้บุคคลสามารถศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเองได้อย่างมีพลังมากขึ้น สิ่งนี้สอดคล้องกับหลักธรรมของพุทธศาสนาเรื่อง อัตตา หิ อัตตโน นาโถ (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)  

    🧪 การวิจัยและเข้าถึงข้อมูลพระธรรม: การเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึก
    AI ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, ค้นหารูปแบบ, และสร้างแบบจำลองเพื่อทำความเข้าใจพระคัมภีร์และหลักธรรมได้เร็วขึ้นและดีขึ้น สามารถใช้ AI ในการค้นหาอ้างอิง, เปรียบเทียบข้อความข้ามภาษา, และให้บริบท ด้วยการทำให้งานวิจัยเป็นไปโดยอัตโนมัติ AI ช่วยให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติสามารถใช้เวลามากขึ้นในการทำโยนิโสมนสิการ  

    ☸️ หลักจริยธรรมพุทธกับการพัฒนา AI
    ข้อกังวลทางจริยธรรมที่กว้างที่สุดคือ AI ควรสอดคล้องกับหลักอหิงสา (ไม่เบียดเบียน) ของพุทธศาสนา นักวิชาการ Somparn Promta และ Kenneth Einar Himma แย้งว่าการพัฒนา AI สามารถถือเป็นสิ่งที่ดีในเชิงเครื่องมือเท่านั้น พวกเขาเสนอว่าเป้าหมายที่สำคัญกว่าคือการก้าวข้ามความปรารถนาและสัญชาตญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการเอาชีวิตรอด การกล่าวถึง "อหิงสา" และ "การลดความทุกข์" เสนอหลักการเหล่านี้เป็นพารามิเตอร์การออกแบบภายในสำหรับ AI  

    นักคิด Thomas Doctor และคณะ เสนอให้นำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่จะบรรเทาความทุกข์ของสรรพสัตว์ มาเป็นหลักการชี้นำในการออกแบบระบบ AI แนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" (intelligence as care) ได้รับแรงบันดาลใจจากปณิธานพระโพธิสัตว์ โดยวางตำแหน่ง AI ให้เป็นเครื่องมือในการแสดงความห่วงใยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด  

    พุทธศาสนาเน้นย้ำว่าสรรพสิ่งล้วน "เกิดขึ้นพร้อมอาศัยกัน" (ปฏิจจสมุปบาท) และ "ไม่มีตัวตน" (อนัตตา) ซึ่งนำไปสู่การยืนยันถึง "ความสำคัญอันดับแรกของความสัมพันธ์" แนวคิด "กรรม" อธิบายถึงการทำงานร่วมกันของเหตุและผลหลายทิศทาง การนำสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้กับ AI หมายถึงการตระหนักว่าระบบ AI เป็น "ศูนย์รวมของการเปลี่ยนแปลงเชิงสัมพันธ์ภายในเครือข่ายของการกระทำที่มีนัยสำคัญทางศีลธรรม" การ "วิวัฒน์ร่วม" ของมนุษย์และ AI บ่งชี้ว่าเส้นทางการพัฒนาของ AI นั้นเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับของมนุษยชาติ ดังนั้น "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" จึงไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเชิงกรรม

    ‼️ มิติที่ AI ขัดแย้งกับพุทธธรรม: ความท้าทายเชิงปรัชญาและจริยธรรม
    แม้ AI จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรมที่สำคัญกับพุทธธรรม

    👿 ปัญหาเรื่องจิตสำนึกและอัตตา
    คำถามสำคัญคือระบบ AI สามารถถือเป็นสิ่งมีชีวิต (sentient being) ตามคำจำกัดความของพุทธศาสนาได้หรือไม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องจิตสำนึก (consciousness) และการเกิดใหม่ (rebirth) "คุณภาพของควาเลีย" (qualia quality) หรือความสามารถในการรับรู้และรู้สึกนั้นยังระบุได้ยากใน AI การทดลองทางความคิด "ห้องจีน" แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการพิจารณาว่าปัญญาที่ไม่ใช่ชีวภาพสามารถมีจิตสำนึกได้หรือไม่ หาก AI ไม่สามารถประสบกับความทุกข์หรือบ่มเพาะปัญญาได้ ก็ไม่สามารถเดินตามหนทางสู่การตรัสรู้ได้อย่างแท้จริง  

    🛣️ เจตจำนงเสรีและกฎแห่งกรรม
    ความตั้งใจ (volition) ใน AI ซึ่งมักแสดงออกในรูปแบบของคำสั่ง "ถ้า...แล้ว..." นั้น แทบจะไม่มีลักษณะของเจตจำนงเสรีหรือแม้แต่ทางเลือกที่จำกัด ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ทางเลือกที่จำกัดเป็นสิ่งจำเป็นขั้นต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (deterministic behavior) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ หาก AI ขาดทางเลือกที่แท้จริง ก็ไม่สามารถสร้างกรรมได้ในลักษณะเดียวกับสิ่งมีชีวิต  

    🍷 ความยึดมั่นถือมั่นและมายา
    แนวคิดของการรวมร่างกับ AI เพื่อประโยชน์ที่รับรู้ได้ เช่น การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความน่าดึงดูดใจ อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งว่าการรวมร่างดังกล่าวอาจเป็น "กับดัก" หรือ "นรก" เนื่องจากความยึดมั่นถือมั่นและการขาดความสงบ กิเลสของมนุษย์ (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) และกลไกตลาดก็ยังคงสามารถนำไปสู่ความทุกข์ได้แม้ในสภาวะ AI ขั้นสูง การแสวงหา "การอัปเกรด" ที่ขับเคลื่อนด้วยตัณหา สามารถทำให้วัฏจักรแห่งความทุกข์ดำเนินต่อไปได้  

    🤥 ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและการบิดเบือนพระธรรม
    มีความเสี่ยงที่ AI จะสร้างข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดและ "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ดังที่เห็นได้จากกรณีของ Suzuki Roshi Bot AI ขาด "บริบทระดับที่สอง" และความสามารถในการยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้มันเป็นเพียง "นกแก้วที่ฉลาดมาก" ความสามารถของ AI ในการสร้าง "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ก่อให้เกิดความท้าทายต่อสัมมาทิฏฐิและสัมมาวาจา  

    นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพที่ "Strong AI" จะก่อให้เกิดวิกฤตทางจริยธรรมและนำไปสู่ "ลัทธิวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" "เทคโนโลยี-ธรรมชาติ" (techno-naturalism) ลดทอนปัญญามนุษย์ให้เหลือเพียงกระแสข้อมูล ซึ่งขัดแย้งกับพุทธศาสนาแบบมนุษยนิยมที่เน้นความเป็นมนุษย์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต สิ่งนี้สร้างความขัดแย้งกับประเพณีการปฏิบัติที่เน้น "ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต"  

    สุดท้ายนี้ มีอันตรายที่การนำ AI มาใช้ในการปฏิบัติพุทธศาสนาอาจเปลี่ยนจุดเน้นจากการบ่มเพาะทางจิตวิญญาณที่แท้จริงไปสู่ผลประโยชน์นิยมหรือการมีส่วนร่วมที่ผิวเผิน

    จากข้อพิจารณาทั้งหมดนี้ การเดินทางบน "ทางสายกลาง" จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการเผชิญหน้ากับยุค AI สำหรับพุทธศาสนา การดำเนินการนี้ต้องอาศัย:  

    1️⃣ การพัฒนา AI ที่มีรากฐานทางจริยธรรม: AI ควรถูกออกแบบและพัฒนาโดยยึดมั่นในหลักการอหิงสา และการลดความทุกข์ ควรนำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" และแนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" มาเป็นพิมพ์เขียว  

    2️⃣ การตระหนักถึง "ความเป็นเครื่องมือ" ของ AI: พุทธศาสนาควรมอง AI เป็นเพียง "แพ" หรือ "เครื่องมือ" ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่การหลุดพ้น ไม่ใช่จุดหมายปลายทางในตัวเอง  

    3️⃣ การบ่มเพาะปัญญามนุษย์และสติ: แม้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลมหาศาล แต่ไม่สามารถทดแทนปัญญาที่แท้จริง จิตสำนึก หรือเจตจำนงเสรีของมนุษย์ได้ การปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการใช้โยนิโสมนสิการยังคงเป็นสิ่งจำเป็น  

    4️⃣ การส่งเสริม "ค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่ง": การแก้ไข "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" ของ AI จำเป็นต้องมีการบ่มเพาะค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่งในหมู่มนุษยชาติ ซึ่งมีรากฐานมาจากความเมตตาและปัญญา  

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    เทคโนโลยี AI กับแนวทางศาสนาพุทธ: จุดบรรจบและความขัดแย้ง ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง AI กับหลักปรัชญาและจริยธรรมของพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งจำเป็น รายงานฉบับนี้จะสำรวจจุดที่ AI สามารถเสริมสร้างและสอดคล้องกับพุทธธรรม รวมถึงประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรม เพื่อนำเสนอแนวทางในการพัฒนาและใช้ AI อย่างมีสติและเป็นประโยชน์สูงสุด ☸️☸️ หลักการพื้นฐานของพุทธศาสนา: แก่นธรรมเพื่อความเข้าใจ พุทธศาสนามุ่งเน้นการพ้นทุกข์ โดยสอนให้เข้าใจธรรมชาติของทุกข์และหนทางดับทุกข์ผ่านหลักอริยสัจสี่ (ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค) หนทางแห่งมรรคประกอบด้วยองค์แปดประการ แก่นธรรมสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ไตรลักษณ์ (อนิจจัง, ทุกขัง, อนัตตา) การปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานของไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา) การพัฒนาปัญญาต้องอาศัยสติ, โยนิโสมนสิการ, และปัญญา กฎแห่งกรรมและปฏิจจสมุปบาทเป็นหลักการสำคัญที่อธิบายความสัมพันธ์เชิงเหตุผล พุทธศาสนาเชื่อว่าโลกนี้เกิดขึ้นเองจากกฎธรรมชาติ 5 ประการ หรือนิยาม 5 พรหมวิหารสี่ (เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา) เป็นคุณธรรมที่ส่งเสริมความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต เป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นความดับทุกข์โดยสิ้นเชิง พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำถึงทางสายกลาง โดยมอง AI เป็นเพียง "เครื่องมือ" หรือ "แพ" สอดคล้องกับทางสายกลางนี้   🤖 มิติที่ AI สอดคล้องกับพุทธธรรม: ศักยภาพเพื่อประโยชน์สุข AI มีศักยภาพมหาศาลในการเป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมการเผยแผ่ การศึกษา และการปฏิบัติธรรม การประยุกต์ใช้ AI เพื่อการเผยแผ่พระธรรม AI มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น "พระสงฆ์ AI" หรือ "พระโพธิสัตว์ AI" อย่าง Mindar ในญี่ปุ่น และ "เสียนเอ๋อร์" ในจีน การใช้ AI ในการแปลงพระไตรปิฎกเป็นดิจิทัลและการแปลพระคัมภีร์ด้วยเครื่องมืออย่าง DeepL ช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำ ทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นทั่วโลก AI ช่วยให้การเผยแผ่ธรรม "สะดวก มีประสิทธิภาพ และน่าดึงดูดมากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตการเข้าถึงให้เกินกว่าข้อจำกัดทางพื้นที่และเวลาแบบดั้งเดิม" ซึ่งสอดคล้องกับหลัก กรุณา   👓 สื่อใหม่และประสบการณ์เสมือนจริง: การสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้และปฏิบัติ การนำเทคโนโลยีสื่อใหม่ เช่น จอ AI, VR และ AR มาใช้ในการสร้างประสบการณ์พุทธศาสนาเสมือนจริง เช่น "Journey to the Land of Buddha" ของวัดฝอกวงซัน ช่วยดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ เทคโนโลยี VR ช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้าง "ความเห็นอกเห็นใจ" การพัฒนาแพลตฟอร์มการบูชาออนไลน์และพิธีกรรมทางไซเบอร์ เช่น "Light Up Lamps Online" และเกม "Fo Guang GO" ช่วยให้ผู้ศรัทธาสามารถปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาและเยี่ยมชมวัดเสมือนจริงได้จากทุกที่ การใช้ VR/AR เพื่อ "ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ" และ "Sati-AI" สำหรับการทำสมาธิเจริญสติ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่เอื้อต่อการทำสมาธิและสติได้   🙆‍♂️ AI ในฐานะเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติและพัฒนาตน แอปพลิเคชัน AI เช่น NORBU, Buddha Teachings, Buddha Wisdom App ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมทางที่มีคุณค่าในการศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยให้การเข้าถึงคลังข้อความพุทธศาสนาขนาดใหญ่, บทเรียนส่วนบุคคล, คำแนะนำในการทำสมาธิ, และการติดตามความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ แชทบอทเหล่านี้มีความสามารถในการตอบคำถามและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง AI สามารถทำให้การเข้าถึงข้อมูลและคำแนะนำเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ช่วยให้บุคคลสามารถศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเองได้อย่างมีพลังมากขึ้น สิ่งนี้สอดคล้องกับหลักธรรมของพุทธศาสนาเรื่อง อัตตา หิ อัตตโน นาโถ (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน)   🧪 การวิจัยและเข้าถึงข้อมูลพระธรรม: การเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึก AI ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่, ค้นหารูปแบบ, และสร้างแบบจำลองเพื่อทำความเข้าใจพระคัมภีร์และหลักธรรมได้เร็วขึ้นและดีขึ้น สามารถใช้ AI ในการค้นหาอ้างอิง, เปรียบเทียบข้อความข้ามภาษา, และให้บริบท ด้วยการทำให้งานวิจัยเป็นไปโดยอัตโนมัติ AI ช่วยให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติสามารถใช้เวลามากขึ้นในการทำโยนิโสมนสิการ   ☸️ หลักจริยธรรมพุทธกับการพัฒนา AI ข้อกังวลทางจริยธรรมที่กว้างที่สุดคือ AI ควรสอดคล้องกับหลักอหิงสา (ไม่เบียดเบียน) ของพุทธศาสนา นักวิชาการ Somparn Promta และ Kenneth Einar Himma แย้งว่าการพัฒนา AI สามารถถือเป็นสิ่งที่ดีในเชิงเครื่องมือเท่านั้น พวกเขาเสนอว่าเป้าหมายที่สำคัญกว่าคือการก้าวข้ามความปรารถนาและสัญชาตญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการเอาชีวิตรอด การกล่าวถึง "อหิงสา" และ "การลดความทุกข์" เสนอหลักการเหล่านี้เป็นพารามิเตอร์การออกแบบภายในสำหรับ AI   นักคิด Thomas Doctor และคณะ เสนอให้นำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่จะบรรเทาความทุกข์ของสรรพสัตว์ มาเป็นหลักการชี้นำในการออกแบบระบบ AI แนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" (intelligence as care) ได้รับแรงบันดาลใจจากปณิธานพระโพธิสัตว์ โดยวางตำแหน่ง AI ให้เป็นเครื่องมือในการแสดงความห่วงใยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด   พุทธศาสนาเน้นย้ำว่าสรรพสิ่งล้วน "เกิดขึ้นพร้อมอาศัยกัน" (ปฏิจจสมุปบาท) และ "ไม่มีตัวตน" (อนัตตา) ซึ่งนำไปสู่การยืนยันถึง "ความสำคัญอันดับแรกของความสัมพันธ์" แนวคิด "กรรม" อธิบายถึงการทำงานร่วมกันของเหตุและผลหลายทิศทาง การนำสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้กับ AI หมายถึงการตระหนักว่าระบบ AI เป็น "ศูนย์รวมของการเปลี่ยนแปลงเชิงสัมพันธ์ภายในเครือข่ายของการกระทำที่มีนัยสำคัญทางศีลธรรม" การ "วิวัฒน์ร่วม" ของมนุษย์และ AI บ่งชี้ว่าเส้นทางการพัฒนาของ AI นั้นเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับของมนุษยชาติ ดังนั้น "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" จึงไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเชิงกรรม ‼️ มิติที่ AI ขัดแย้งกับพุทธธรรม: ความท้าทายเชิงปรัชญาและจริยธรรม แม้ AI จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีประเด็นความขัดแย้งเชิงปรัชญาและจริยธรรมที่สำคัญกับพุทธธรรม 👿 ปัญหาเรื่องจิตสำนึกและอัตตา คำถามสำคัญคือระบบ AI สามารถถือเป็นสิ่งมีชีวิต (sentient being) ตามคำจำกัดความของพุทธศาสนาได้หรือไม่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องจิตสำนึก (consciousness) และการเกิดใหม่ (rebirth) "คุณภาพของควาเลีย" (qualia quality) หรือความสามารถในการรับรู้และรู้สึกนั้นยังระบุได้ยากใน AI การทดลองทางความคิด "ห้องจีน" แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการพิจารณาว่าปัญญาที่ไม่ใช่ชีวภาพสามารถมีจิตสำนึกได้หรือไม่ หาก AI ไม่สามารถประสบกับความทุกข์หรือบ่มเพาะปัญญาได้ ก็ไม่สามารถเดินตามหนทางสู่การตรัสรู้ได้อย่างแท้จริง   🛣️ เจตจำนงเสรีและกฎแห่งกรรม ความตั้งใจ (volition) ใน AI ซึ่งมักแสดงออกในรูปแบบของคำสั่ง "ถ้า...แล้ว..." นั้น แทบจะไม่มีลักษณะของเจตจำนงเสรีหรือแม้แต่ทางเลือกที่จำกัด ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ทางเลือกที่จำกัดเป็นสิ่งจำเป็นขั้นต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (deterministic behavior) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ หาก AI ขาดทางเลือกที่แท้จริง ก็ไม่สามารถสร้างกรรมได้ในลักษณะเดียวกับสิ่งมีชีวิต   🍷 ความยึดมั่นถือมั่นและมายา แนวคิดของการรวมร่างกับ AI เพื่อประโยชน์ที่รับรู้ได้ เช่น การมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความน่าดึงดูดใจ อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งว่าการรวมร่างดังกล่าวอาจเป็น "กับดัก" หรือ "นรก" เนื่องจากความยึดมั่นถือมั่นและการขาดความสงบ กิเลสของมนุษย์ (ความโลภ ความโกรธ ความหลง) และกลไกตลาดก็ยังคงสามารถนำไปสู่ความทุกข์ได้แม้ในสภาวะ AI ขั้นสูง การแสวงหา "การอัปเกรด" ที่ขับเคลื่อนด้วยตัณหา สามารถทำให้วัฏจักรแห่งความทุกข์ดำเนินต่อไปได้   🤥 ความเสี่ยงด้านจริยธรรมและการบิดเบือนพระธรรม มีความเสี่ยงที่ AI จะสร้างข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดและ "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ดังที่เห็นได้จากกรณีของ Suzuki Roshi Bot AI ขาด "บริบทระดับที่สอง" และความสามารถในการยืนยันข้อเท็จจริง ทำให้มันเป็นเพียง "นกแก้วที่ฉลาดมาก" ความสามารถของ AI ในการสร้าง "ความเหลวไหลที่สอดคล้องกัน" ก่อให้เกิดความท้าทายต่อสัมมาทิฏฐิและสัมมาวาจา   นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพที่ "Strong AI" จะก่อให้เกิดวิกฤตทางจริยธรรมและนำไปสู่ "ลัทธิวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" "เทคโนโลยี-ธรรมชาติ" (techno-naturalism) ลดทอนปัญญามนุษย์ให้เหลือเพียงกระแสข้อมูล ซึ่งขัดแย้งกับพุทธศาสนาแบบมนุษยนิยมที่เน้นความเป็นมนุษย์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต สิ่งนี้สร้างความขัดแย้งกับประเพณีการปฏิบัติที่เน้น "ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกายและจิต"   สุดท้ายนี้ มีอันตรายที่การนำ AI มาใช้ในการปฏิบัติพุทธศาสนาอาจเปลี่ยนจุดเน้นจากการบ่มเพาะทางจิตวิญญาณที่แท้จริงไปสู่ผลประโยชน์นิยมหรือการมีส่วนร่วมที่ผิวเผิน จากข้อพิจารณาทั้งหมดนี้ การเดินทางบน "ทางสายกลาง" จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการเผชิญหน้ากับยุค AI สำหรับพุทธศาสนา การดำเนินการนี้ต้องอาศัย:   1️⃣ การพัฒนา AI ที่มีรากฐานทางจริยธรรม: AI ควรถูกออกแบบและพัฒนาโดยยึดมั่นในหลักการอหิงสา และการลดความทุกข์ ควรนำ "ปณิธานพระโพธิสัตว์" และแนวคิด "ปัญญาแห่งการดูแล" มาเป็นพิมพ์เขียว   2️⃣ การตระหนักถึง "ความเป็นเครื่องมือ" ของ AI: พุทธศาสนาควรมอง AI เป็นเพียง "แพ" หรือ "เครื่องมือ" ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่การหลุดพ้น ไม่ใช่จุดหมายปลายทางในตัวเอง   3️⃣ การบ่มเพาะปัญญามนุษย์และสติ: แม้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลมหาศาล แต่ไม่สามารถทดแทนปัญญาที่แท้จริง จิตสำนึก หรือเจตจำนงเสรีของมนุษย์ได้ การปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการใช้โยนิโสมนสิการยังคงเป็นสิ่งจำเป็น   4️⃣ การส่งเสริม "ค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่ง": การแก้ไข "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการจัดเรียงคุณค่า" ของ AI จำเป็นต้องมีการบ่มเพาะค่านิยมร่วมที่แข็งแกร่งในหมู่มนุษยชาติ ซึ่งมีรากฐานมาจากความเมตตาและปัญญา   #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิบัติการโจมตีฐานทัพสหรัฐในกาตาร์สิ้นสุดลงแล้ว

    อิหร่านยิงขีปนาวุธชุดเล็กๆรวม 14 ลูก

    กาตาร์และอิหร่านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้ว่าโดฮาจะมีฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ อยู่ก็ตาม

    ประเด็นสำคัญคือทรัมป์ทำให้ความปลอดภัยของพันธมิตรอาหรับของเขาเสียหาย
    ปฏิบัติการโจมตีฐานทัพสหรัฐในกาตาร์สิ้นสุดลงแล้ว อิหร่านยิงขีปนาวุธชุดเล็กๆรวม 14 ลูก กาตาร์และอิหร่านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้ว่าโดฮาจะมีฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ อยู่ก็ตาม ประเด็นสำคัญคือทรัมป์ทำให้ความปลอดภัยของพันธมิตรอาหรับของเขาเสียหาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพิ่มเติม รวมลิงค์คลิปดีๆจากโค๊ชนาตาลี
    ✍️วิธีดูนิสัยเพื่อปรับพลังงานจักระ
    https://www.youtube.com/watch?v=59IvOIZzLSk
    ✍️12 วิธีบาลานซ์จักระราก พื้นฐานสำคัญของชีวิต
    https://www.youtube.com/watch?v=HHIviG2eS1s
    ✍️15 วิธีกำจัดสิ่งอุดตันจักระที่ 2 Sacral Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=dMFv_3GVGW0
    ✍️12 วิธีกลับมารักและเห็นคุณค่าในตัวเอง เยียวยาจักระที่ 3 Solar Plexus
    https://www.youtube.com/watch?v=lCny-83ctuY&t=1509s
    ✍️14 วิธีกลับมารักตัวเอง บาลานซ์จักระที่ 4 Heart Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=XXdbi8cXpwU&t=799s✍️การไม่กล้าพูดกับโรคไทรอยด์ ต้องแก้ที่จักระ 5 Throat Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=gYaFOO0aIqk&t=168s
    ✍️อยากมีญาณทิพย์ และความจำดี ต้องปรับที่จักระที่ 6 Third Eye Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=H12ZKu_L21Y
    ✍️อยากอยากสื่อกับพลังจักรวาลได้ ต้องเปิดจักระที่ 7 Crown Chakra
    https://www.youtube.com/watch?v=o7laeVgU-yk


    ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง! ต้องทำยังไง? ดูคลิปนี้
    https://youtu.be/peJhQGXnw_0
    ✍️มะเร็งกลับมารอบ 2 ทำยังไง!? ประสบการณ์ตรงของโค้ชนาตาลี
    https://youtu.be/m36XYSpuuMc
    ✍️ผลข้างเคียงยาต้านฮอร์โมน ที่หมออาจไม่เคยบอกคุณ!
    https://youtu.be/q95ryAqsnJs
    ✍️ไม่ทานยาต้านฮอร์โมนได้ไหม?
    https://youtu.be/t_YUAmJt1G8
    ✍️ทำไมบางคนดีท็อกซ์แล้วอาการแย่ลง?
    https://youtu.be/uZCfJ91R-0c
    ✍️Brain Tumors เนื้องอกสมองทำให้ยุบได้ไหม?
    https://youtu.be/bwe49infoyc
    ✍️รับคีโม-พุ่งเป้ามา ร่างกายไม่มีแรง ฟื้นฟูอย่างไร?
    https://youtu.be/EZaAgRUNamQ
    ✍️หลังรับ วซ มา ประจำเดือนขาด-มาไม่ปกติ ทำอย่างไร?
    https://youtu.be/soUK8PmWX8E?si=oMwYhTvl7M1YkxK-
    ✍️3 สิ่งที่สำคัญที่สุด! ที่ทำให้พิชิตมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ใน 2 เดือน!
    https://youtu.be/bIU-LwShS5g
    ✍️การรักษาโรคด้วยเทคโนโลยีในยุคสมัยใหม่
    https://www.youtube.com/live/SZQiJ0FXkss
    ✍️คุณคือพลาซีโบ By ดร.โจ ดิสเพนซา ตอน: ความคิดเปลี่ยนแปลงสมอง & ร่างกายได้อย่างไร?
    https://www.youtube.com/watch?v=qPd1frafNWE&t=847s
    ✍️ผลข้างเคียงของยาต้านฮอร์โมน และประสบการณ์ตรงของโค้ชนาตาลี
    https://www.youtube.com/watch?v=scUdQxqKFH8
    ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโมที่หมอไม่บอกคุณ !! แชร์ประสบการณ์ตรง
    https://www.youtube.com/watch?v=81Wiox18Y_A
    ✍️3 ขั้นตอนปรับจิตและสมองที่มีประสิทธิภาพที่สุด ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ
    https://www.youtube.com/watch?v=5r-Lnoqz4Cg
    ✍️Ep.1 ความสัมพันธ์ของโรคต่างๆกับสมอง - Neocortex
    https://www.youtube.com/watch?v=XnPFoRDT6aE&t=46s
    ✍️Ep.2 ความสัมพันธ์ของความกลัวและโรคต่างๆกับสมองส่วนกลาง Limbic System
    https://www.youtube.com/watch?v=IDtKHRcAlLo
    ✍️Ep.3 6 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Reptilian Brain
    https://www.youtube.com/watch?v=2aTl-g3SCbI
    ✍️Ep.4 การทำงานของต่อมไพเนียล และต่อมใต้สมอง กับฮอร์โมนแห่งความสุข
    https://www.youtube.com/watch?v=Er49qcZiZ5U
    ✍️Ep.5 วิธีเปลี่ยนคลื่นสมองกำจัดโรค และเปลี่ยนยีนได้ภายใน 4 วัน
    https://www.youtube.com/watch?v=f7RwEmOmdtQ
    เพิ่มเติม รวมลิงค์คลิปดีๆจากโค๊ชนาตาลี ✍️วิธีดูนิสัยเพื่อปรับพลังงานจักระ https://www.youtube.com/watch?v=59IvOIZzLSk ✍️12 วิธีบาลานซ์จักระราก พื้นฐานสำคัญของชีวิต https://www.youtube.com/watch?v=HHIviG2eS1s ✍️15 วิธีกำจัดสิ่งอุดตันจักระที่ 2 Sacral Chakra https://www.youtube.com/watch?v=dMFv_3GVGW0 ✍️12 วิธีกลับมารักและเห็นคุณค่าในตัวเอง เยียวยาจักระที่ 3 Solar Plexus https://www.youtube.com/watch?v=lCny-83ctuY&t=1509s ✍️14 วิธีกลับมารักตัวเอง บาลานซ์จักระที่ 4 Heart Chakra https://www.youtube.com/watch?v=XXdbi8cXpwU&t=799s✍️การไม่กล้าพูดกับโรคไทรอยด์ ต้องแก้ที่จักระ 5 Throat Chakra https://www.youtube.com/watch?v=gYaFOO0aIqk&t=168s ✍️อยากมีญาณทิพย์ และความจำดี ต้องปรับที่จักระที่ 6 Third Eye Chakra https://www.youtube.com/watch?v=H12ZKu_L21Y ✍️อยากอยากสื่อกับพลังจักรวาลได้ ต้องเปิดจักระที่ 7 Crown Chakra https://www.youtube.com/watch?v=o7laeVgU-yk ✍️เพิ่งรู้ว่าเป็นมะเร็ง! ต้องทำยังไง? ดูคลิปนี้ https://youtu.be/peJhQGXnw_0 ✍️มะเร็งกลับมารอบ 2 ทำยังไง!? ประสบการณ์ตรงของโค้ชนาตาลี https://youtu.be/m36XYSpuuMc ✍️ผลข้างเคียงยาต้านฮอร์โมน ที่หมออาจไม่เคยบอกคุณ! https://youtu.be/q95ryAqsnJs ✍️ไม่ทานยาต้านฮอร์โมนได้ไหม? https://youtu.be/t_YUAmJt1G8 ✍️ทำไมบางคนดีท็อกซ์แล้วอาการแย่ลง? https://youtu.be/uZCfJ91R-0c ✍️Brain Tumors เนื้องอกสมองทำให้ยุบได้ไหม? https://youtu.be/bwe49infoyc ✍️รับคีโม-พุ่งเป้ามา ร่างกายไม่มีแรง ฟื้นฟูอย่างไร? https://youtu.be/EZaAgRUNamQ ✍️หลังรับ วซ มา ประจำเดือนขาด-มาไม่ปกติ ทำอย่างไร? https://youtu.be/soUK8PmWX8E?si=oMwYhTvl7M1YkxK- ✍️3 สิ่งที่สำคัญที่สุด! ที่ทำให้พิชิตมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ใน 2 เดือน! https://youtu.be/bIU-LwShS5g ✍️การรักษาโรคด้วยเทคโนโลยีในยุคสมัยใหม่ https://www.youtube.com/live/SZQiJ0FXkss ✍️คุณคือพลาซีโบ By ดร.โจ ดิสเพนซา ตอน: ความคิดเปลี่ยนแปลงสมอง & ร่างกายได้อย่างไร? https://www.youtube.com/watch?v=qPd1frafNWE&t=847s ✍️ผลข้างเคียงของยาต้านฮอร์โมน และประสบการณ์ตรงของโค้ชนาตาลี https://www.youtube.com/watch?v=scUdQxqKFH8 ✍️ผลข้างเคียงของยาคีโมที่หมอไม่บอกคุณ !! แชร์ประสบการณ์ตรง https://www.youtube.com/watch?v=81Wiox18Y_A ✍️3 ขั้นตอนปรับจิตและสมองที่มีประสิทธิภาพที่สุด ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ https://www.youtube.com/watch?v=5r-Lnoqz4Cg ✍️Ep.1 ความสัมพันธ์ของโรคต่างๆกับสมอง - Neocortex https://www.youtube.com/watch?v=XnPFoRDT6aE&t=46s ✍️Ep.2 ความสัมพันธ์ของความกลัวและโรคต่างๆกับสมองส่วนกลาง Limbic System https://www.youtube.com/watch?v=IDtKHRcAlLo ✍️Ep.3 6 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพ Reptilian Brain https://www.youtube.com/watch?v=2aTl-g3SCbI ✍️Ep.4 การทำงานของต่อมไพเนียล และต่อมใต้สมอง กับฮอร์โมนแห่งความสุข https://www.youtube.com/watch?v=Er49qcZiZ5U ✍️Ep.5 วิธีเปลี่ยนคลื่นสมองกำจัดโรค และเปลี่ยนยีนได้ภายใน 4 วัน https://www.youtube.com/watch?v=f7RwEmOmdtQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 23-6-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ คุณสนธิมีเรื่องมาเล่าหลายเรื่องอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ไทย-เขมร, การชุมนุมปกป้องอธิปไตยของชาติในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่มีพรรคบางพรรค คนบางคนทำตัวเป็น "งักปุกคุ้ง" วิญญูชนจอมปลอม ปล่อยข่าวว่าจะสร้างเงื่อนไขโน่นนี่ให้ แพทองธาร ชินวัตร ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้วคือ เกมการต่อรองทางการเมืองเท่านั้น รวมไปถึงเรื่องต่างประเทศที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ สงครามระหว่างอิสราเอล-สหรัฐฯ และอิหร่าน ...
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=mZl6YYRUNEY
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    สนธิเล่าเรื่อง 23-6-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ คุณสนธิมีเรื่องมาเล่าหลายเรื่องอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ไทย-เขมร, การชุมนุมปกป้องอธิปไตยของชาติในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 รวมไปถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่มีพรรคบางพรรค คนบางคนทำตัวเป็น "งักปุกคุ้ง" วิญญูชนจอมปลอม ปล่อยข่าวว่าจะสร้างเงื่อนไขโน่นนี่ให้ แพทองธาร ชินวัตร ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้วคือ เกมการต่อรองทางการเมืองเท่านั้น รวมไปถึงเรื่องต่างประเทศที่ร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ คือ สงครามระหว่างอิสราเอล-สหรัฐฯ และอิหร่าน ... . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=mZl6YYRUNEY . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเขียนบทความนี้ทุกตัวอักษรจากหัวใจล้วนๆ ไม่มีอ้างอิงข้อมูลใดๆ ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวคิดว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเรียก "สติ" กัน แม้ว่าการส่งเสียงผ่านกลุ่มนี้ อาจจะเงียบกริบ แต่อย่างน้อยๆ คนที่แวะผ่านมาเห็น ขอจงโปรดใช้วิจารณญานในการ ค.ว.ย. กรณีตระกูลฮุน

    ผมหมายถึง "คิด . วิเคระห์ . แยกแยะ" โปรดอย่างคิดเป็นอื่น

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งได้ทำลงเป็น เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรอภัยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้ายอย่างใด สิ่งที่ทำลงไป ไม่อาจเรียกว่าเป็น "การกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว" ได้เลย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่ทุกๆ การกระทำ คือสิ่งแสดงสถานะตัวแทนและผู้นำประเทศ และไม่ว่าจะด้วยการกล่าวอ้างใดๆ ของคนที่เห็นว่านายกฯ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งช่วย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ยังไม่มีวุฒิภาวะ และความสามารถเพียงพอใจการเป็นผู้นำประเทศ

    โดยเฉพาะการนำเรื่อง "ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ" ไปคุยผ่าน "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไม่ว่าคนที่คุยด้วยนั้น จะเป็นผู้นำประเทศคู่กรณีตัวจริง หรือ ตัวจริง ก็ตาม (ผมหมายถึง เป็นโดยตำแหน่ง หรือเป็นโดยการยอมรับ) หรือแม้กระทั่ง เป็นการคุยเพื่อหวังดีต่อประเทศจริงๆ หรือเพียงหวังดีต่อเก้าอี้ตนเองก็ตาม

    นี่คือเรื่องของ "ประเทศ" ที่ไม่ใช่ "ธุรกิจส่วนตัว" ที่ไปคุยกันบนกรีนสนามกอล์ฟ หรือจบที่คลับหรือเลานจ์สักที่่ คุยนอกรอบให้ลงตัว แล้วค่อยไปจบในห้องประชุม การพูดคุยในฐานะประเทศ ต่อให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็พึงมีคนระวังหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่ ก็ต้องมีคนช่วยเวลาคุย ไม่ใช่ กำลังจะนอนแล้ว โทรหาอังเคิลซะหน่อย เผื่อเคลียร์ได้

    ผมไม่เคยเชื่อว่าระหว่าง Donald Trump และ Vladimir Putin จะโทรคุยกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ระหว่าง Vladimir Putin กับ 习近平 (สีจิ้นผิง) จะคุยกันบนความสัมพันธ์ส่วนตัว

    และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เปลี่ยนการพูดคุยที่ควรจะมีแบบแผนและจริงจัง เป็นวาทกรรมก่อนนอน ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อคู่สนทนา จริงจังในทุกๆ บริบท

    สรุป ไม่ว่าสายซัพพอร์ตของ น้องอิ๊ง จะพยายามแก้ต่างด้วยเหตุความหวังดีต่อประเทศอย่างไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า น้องอิ๊ง ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอยู่ดี - รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เมื่อบทสนทนาหนักๆ กลายเป็นเรื่องคุยก่อนนอน

    แต่!!

    สิ่งที่น่ากลัวกว่าท่านนายกฯ ก็คือ ท่านพ่อนายกฯ ที่ไม่ใช่พ่อนายกฯ เมืองไทย แต่เป็นพ่อนายกฯ เขมร ผู้นำตระกูลฮุน ที่กำลัง "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกไปทุกวัน ดูจากสิ่งที่กำลังตามต่อมาจากหลังจาก คลิปเสียงเวอร์ชั่นเต็ม 17 นาทีถูกปล่อยออกมา

    สิ่งที่ท่านผู้นำฮุนกระทำ และบัญชาการให้องคาพยบของเหล่าชนชั้นนำของกัมพูชาทำก็คือ การเขย่าประเทศไทยให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพื่อสร้างแต้มต่อไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดให้กับการต่ออายุการกดขี่ข่มเหงคนกัมพูชาให้นานที่สุด

    โดยมีเป้าหมายในการเป็น "คิมอิลซุง" หรือ "คิมจองอิล" ของราชวงศ์กัมพูชาให้จงได้ โดยอาศัยเพียงความชาตินิยมของคนกัมพูชา ที่ยังไม่หลุดพ้นจากภาพจำของการตกเป็นเมืองขึ้นของสยามตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นครวัดนครธมถูกอโยธยาเผา เรื่อยมาจนกระทั่งเขมรได้รับการปลดปล่อยจากไทย ด้วยปลายกระบอกปืนของฝรั่งเศส แต่ก็ถูกกดโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ที่คอยยกไทยให้เป็นศัตรูผ่านตำราเรียนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทย ยังคงตอกย้ำการเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้งมาโดยตลอด

    ยังดีที่คนไทย ได้รับโอกาสมากกว่า เราจึงหลุดพ้นการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากผู้ปกครองได้มากกว่าคนกัมพูชา แม้ว่าไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ ทางด้านประชาธิปไตยมาตลอด 92 ปี จนถึงวันที่เขียนเรื่องนี้

    แต่คนกัมพูชา ยังไม่หลุดพ้นจากเรื่องนั้น ทั้งปัญหาสงครามกลางเมืองและการช่วงชิงอำนาจที่พึ่งยุติไปเมื่อก่อนโลโซปกแดงไม่กี่ปี แถมซ้ำด้วยการที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศกัมพูขากดหัวประชาชนตัวเองต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งทำให้คนกัมพูชายังมองภาพรวมไม่ออก

    ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างกันคนไทยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีเสรีมากกว่าในการพูด พรรคฝ่ายค้านของประเทศเรา ก็ยังด่ารัฐบาลได้ทุกวัน ไม่ต้องติดคุก หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไหน

    ดูได้จาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ "ไทย" ได้ดิบได้ดี ชาวกัมพูชาบางส่วน ก็จะแปลงสัญชาติเป็น "เคลมโบเดีย" ทันที และเป็นกับไทย และไทยเท่านั้น ไม่มีลาว ไม่มีเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกัน และเจริญกว่ากัมพูชาเหมือนกันแม้แต่น้อย

    ตราบใดก็ตามที่ คนกัมพูชา ยังไม่หลุดกับดักของชนชั้้นนำ ที่พยายามเอาเรื่องความรู้สึกต่ำต้อยทางเชื่อชาติเมื่อเทียบกับไทย มาเป็นอาวุธเหนี่ยวไกฝังกระสุนลงหัวประชาชนกัมพูชา ตราบนั้น การที่ตระกูลฮุน และชนชั้นนำของกัมพูชา จะใช้ไทยเป็นเครื่องมือก็จะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น

    และวันนี้ คนไทย กำลังเล่นเกมตระกูลฮุนอยู่

    เรากำลังเสริมภาพลักษณ์ให้ "ฮุนเซน" กลายเป็นรัฐบุรุษแห่งชาติกัมพูชา ดังที่คนกัมพูชากำลังได้ชม "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" (หรือบางคนเรียกว่า "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ") ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กัมพูชาในทุกวัน

    คนไทยเรา แค่ต้องฟังเพลง "เราจะทำตามสัญญา" ก็ปิดทีวี เปิด YouTube หรือ Netflix ดูกันหมดแล้ว แต่นี่ละครทั้งเรื่อง คนกัมพูชามีทางเลือกอะไรบ้าง?

    สิ่งที่เราควรทำในนาทีนี้คือ Status Quo หรือ ตรึงทุกอย่างไว้กับที่ให้นานที่สุด เพราะตระกูลฮุน กำลังเล่นเกมที่เรียกว่า Rally Round the Flag หรือการสร้างภาพการคลั่งชาติ ประคองคะแนนนิยม

    ยิ่งฝ่ายตรงข้ามในเกม ร้อนระอุเท่าไหร่ ตระกูลฮุน ก็จะยิ่งได้ ได้ และ ได้ ได้โดยไม่หยุดหย่อน และหากผันเกมให้เป็นความบาดหมางระหว่างเชื้อชาติได้ ตระกูลฮุนจะยิ่งครอง และกดหัวคนกัมพูชาไปได้อีกหลาย Generation

    และเราก็จะเดือดร้อนไปอีกหลาย Generation เช่นกัน และไม่เพียงแต่ชีวิตประชาชนและทหารหาญที่จะต้องเสียไปในวันนี้ หากการปั่นกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตระกูลฮุน จุดติดขึ้นมาจริงๆ ประชาชนและทหารหาญที่ คนรักอิ๊ง นำมากล่าวอ้างว่า ต้องการปกป้องนัก ปกป้องหนา ก็จะยิ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับสงครามทีจะไม่มีวันสิ้นสุด

    ไม่ต่างจาก ฉนวนกาซ่า ที่ ปาเลสไตน์ ปะทะกับ อิสราเอล ตามที่ ฮุนเซน กล่าวและหวังไว้ว่ามันจะเกิด

    สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้จึงควรเป็นการตั้งสติอย่างมาก และมากที่สุด หยุดเต้นตามเพลงกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร้องเพลง เต้นรำ ปิดปราสาทในเขตพื้นที่พิพาท หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งทหารไทยที่กำลังได้รับแรงเชียร์อย่างมหาศาลให้รบ ก็ควรทิ้งกระบอกปืนไว้ที่ต้้ง แล้วจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็ต้องทน

    ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้กระสุนไทย ฝังในร่างกายคนกัมพูชาได้เท่าไร่

    ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้หมัดทหารไทย อัดหน้านักแสดงตุ๊กตาทองรักชาติกัมพูชาที่พยายามยั่วยุในพื้นที่พิพาทรายวันได้เท่าไหร่

    ฮุนเซนก็จะยิ่งอึดอัดกับกระแสที่จะค่อยๆ ตีกลับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    เมื่อใดก็ตามที่คนไทยสามารถสร้างภาพให้คนกัมพูชาเห็นได้ว่า ฮุนเซน ไม่เท่าไหร่ ไม่ได้ดี ไม่ได้เจ๋ง ซ้ำยังอ่อนด้อย เพราะไม่เคยสร้างความเจริญใดๆ ให้ประเทศเค้าเอง นอกจากความมั่งคั่งของตัวเอง และเป็นเพียงนายใหม่ที่มากดหัวคนกัมพูชามากกว่า สยามในประวัติศาสตร์ และฝรั่งเศสในอดีต

    เพราะฮุนเซนเป็นคนชาติเดียวกันกับคนกัมพูชา ที่ต้องระเหเร่ร่อนมาหางานทำในเมืองไทยเพื่อชีวิตที่่ดีกว่า ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีในประเทศตัวเองได้

    ยิ่งภาพความ "ไร้สมรรถภาพ" และ "ไร้ฝีมือ" เกิดขึ้นกับ ฮุนเซน และตระกูลฮุนมากเท่าไหร่ ...เราก็จะใกล้กับความสงบมากขึ้นเท่านั้น

    ณ เวลานี้ จึงไม่ใช่เวลา ส่งทหารเป็นผู้มีอำนาจ หรือต่อให้ส่งอำนาจให้ทหาร ก็ไม่ใช่เวลาที่ทหารจะใช้อำนาจ แต่ต้องเป็นการใช้โอบกอดคนกัมพูชา

    ถ้าเค้าส่งคมมาร้องรำ เราก็เนียนร้องเพลงไทยไปข้างๆ เขาเลย ถือธงชาติ 2 ประเทศเคียงกัน ทำให้รู้สึกว่า คนที่อยู่บริเวณนั้น คือ "คน" เหมือนๆ กัน ที่ต่างก็พูดเขมรได้ พูดไทยเป็นด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ทำผิดพลาดไป ในตอนนี้ จะลงดาบประหารเลย หรือว่าจะเก็บเอาไว้ด่าเล่นเพลินๆ ก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา

    แต่ได้โปรด อย่าหยิบยื่นกระสุนให้ทหารเลย

    หวังว่าเสียงนี้จะเพียงพอที่จะทำให้คนที่แวะเข้ามาอ่าน ได้หยุดความสะใจ และเลือกทางเดินให้กับประเทศอย่างมีวิจารณญาน
    วันนี้เป็นครั้งแรกที่จะเขียนบทความนี้ทุกตัวอักษรจากหัวใจล้วนๆ ไม่มีอ้างอิงข้อมูลใดๆ ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม เพราะส่วนตัวคิดว่า คงถึงเวลาที่เราต้องเรียก "สติ" กัน แม้ว่าการส่งเสียงผ่านกลุ่มนี้ อาจจะเงียบกริบ แต่อย่างน้อยๆ คนที่แวะผ่านมาเห็น ขอจงโปรดใช้วิจารณญานในการ ค.ว.ย. กรณีตระกูลฮุน ผมหมายถึง "คิด . วิเคระห์ . แยกแยะ" โปรดอย่างคิดเป็นอื่น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งได้ทำลงเป็น เป็นความผิดพลาดที่ไม่สมควรอภัยอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้ายอย่างใด สิ่งที่ทำลงไป ไม่อาจเรียกว่าเป็น "การกระทำที่ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว" ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่ทุกๆ การกระทำ คือสิ่งแสดงสถานะตัวแทนและผู้นำประเทศ และไม่ว่าจะด้วยการกล่าวอ้างใดๆ ของคนที่เห็นว่านายกฯ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ยิ่งช่วย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ของคุณทักษิณ ยังไม่มีวุฒิภาวะ และความสามารถเพียงพอใจการเป็นผู้นำประเทศ โดยเฉพาะการนำเรื่อง "ประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ" ไปคุยผ่าน "ความสัมพันธ์ส่วนตัว" ไม่ว่าคนที่คุยด้วยนั้น จะเป็นผู้นำประเทศคู่กรณีตัวจริง หรือ ตัวจริง ก็ตาม (ผมหมายถึง เป็นโดยตำแหน่ง หรือเป็นโดยการยอมรับ) หรือแม้กระทั่ง เป็นการคุยเพื่อหวังดีต่อประเทศจริงๆ หรือเพียงหวังดีต่อเก้าอี้ตนเองก็ตาม นี่คือเรื่องของ "ประเทศ" ที่ไม่ใช่ "ธุรกิจส่วนตัว" ที่ไปคุยกันบนกรีนสนามกอล์ฟ หรือจบที่คลับหรือเลานจ์สักที่่ คุยนอกรอบให้ลงตัว แล้วค่อยไปจบในห้องประชุม การพูดคุยในฐานะประเทศ ต่อให้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็พึงมีคนระวังหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่ ก็ต้องมีคนช่วยเวลาคุย ไม่ใช่ กำลังจะนอนแล้ว โทรหาอังเคิลซะหน่อย เผื่อเคลียร์ได้ ผมไม่เคยเชื่อว่าระหว่าง Donald Trump และ Vladimir Putin จะโทรคุยกันโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือแม้แต่ระหว่าง Vladimir Putin กับ 习近平 (สีจิ้นผิง) จะคุยกันบนความสัมพันธ์ส่วนตัว และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เปลี่ยนการพูดคุยที่ควรจะมีแบบแผนและจริงจัง เป็นวาทกรรมก่อนนอน ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา เมื่อคู่สนทนา จริงจังในทุกๆ บริบท สรุป ไม่ว่าสายซัพพอร์ตของ น้องอิ๊ง จะพยายามแก้ต่างด้วยเหตุความหวังดีต่อประเทศอย่างไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า น้องอิ๊ง ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำอยู่ดี - รู้สึกอย่างไรบ้างครับ เมื่อบทสนทนาหนักๆ กลายเป็นเรื่องคุยก่อนนอน แต่!! สิ่งที่น่ากลัวกว่าท่านนายกฯ ก็คือ ท่านพ่อนายกฯ ที่ไม่ใช่พ่อนายกฯ เมืองไทย แต่เป็นพ่อนายกฯ เขมร ผู้นำตระกูลฮุน ที่กำลัง "เซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยบนเวทีโลกไปทุกวัน ดูจากสิ่งที่กำลังตามต่อมาจากหลังจาก คลิปเสียงเวอร์ชั่นเต็ม 17 นาทีถูกปล่อยออกมา สิ่งที่ท่านผู้นำฮุนกระทำ และบัญชาการให้องคาพยบของเหล่าชนชั้นนำของกัมพูชาทำก็คือ การเขย่าประเทศไทยให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เพื่อสร้างแต้มต่อไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดให้กับการต่ออายุการกดขี่ข่มเหงคนกัมพูชาให้นานที่สุด โดยมีเป้าหมายในการเป็น "คิมอิลซุง" หรือ "คิมจองอิล" ของราชวงศ์กัมพูชาให้จงได้ โดยอาศัยเพียงความชาตินิยมของคนกัมพูชา ที่ยังไม่หลุดพ้นจากภาพจำของการตกเป็นเมืองขึ้นของสยามตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นครวัดนครธมถูกอโยธยาเผา เรื่อยมาจนกระทั่งเขมรได้รับการปลดปล่อยจากไทย ด้วยปลายกระบอกปืนของฝรั่งเศส แต่ก็ถูกกดโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ที่คอยยกไทยให้เป็นศัตรูผ่านตำราเรียนอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทย ยังคงตอกย้ำการเสียกรุงให้พม่า 2 ครั้งมาโดยตลอด ยังดีที่คนไทย ได้รับโอกาสมากกว่า เราจึงหลุดพ้นการกดขี่และเรียกร้องสิทธิเสรีภาพจากผู้ปกครองได้มากกว่าคนกัมพูชา แม้ว่าไทยจะลุ่มๆ ดอนๆ ทางด้านประชาธิปไตยมาตลอด 92 ปี จนถึงวันที่เขียนเรื่องนี้ แต่คนกัมพูชา ยังไม่หลุดพ้นจากเรื่องนั้น ทั้งปัญหาสงครามกลางเมืองและการช่วงชิงอำนาจที่พึ่งยุติไปเมื่อก่อนโลโซปกแดงไม่กี่ปี แถมซ้ำด้วยการที่กลุ่มชนชั้นนำของประเทศกัมพูขากดหัวประชาชนตัวเองต่อเนื่องยาวนาน ยิ่งทำให้คนกัมพูชายังมองภาพรวมไม่ออก ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างกันคนไทยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ เราก็มีเสรีมากกว่าในการพูด พรรคฝ่ายค้านของประเทศเรา ก็ยังด่ารัฐบาลได้ทุกวัน ไม่ต้องติดคุก หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ไหน ดูได้จาก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ "ไทย" ได้ดิบได้ดี ชาวกัมพูชาบางส่วน ก็จะแปลงสัญชาติเป็น "เคลมโบเดีย" ทันที และเป็นกับไทย และไทยเท่านั้น ไม่มีลาว ไม่มีเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชาเหมือนกัน และเจริญกว่ากัมพูชาเหมือนกันแม้แต่น้อย ตราบใดก็ตามที่ คนกัมพูชา ยังไม่หลุดกับดักของชนชั้้นนำ ที่พยายามเอาเรื่องความรู้สึกต่ำต้อยทางเชื่อชาติเมื่อเทียบกับไทย มาเป็นอาวุธเหนี่ยวไกฝังกระสุนลงหัวประชาชนกัมพูชา ตราบนั้น การที่ตระกูลฮุน และชนชั้นนำของกัมพูชา จะใช้ไทยเป็นเครื่องมือก็จะไม่มีวันจบไม่มีวันสิ้น และวันนี้ คนไทย กำลังเล่นเกมตระกูลฮุนอยู่ เรากำลังเสริมภาพลักษณ์ให้ "ฮุนเซน" กลายเป็นรัฐบุรุษแห่งชาติกัมพูชา ดังที่คนกัมพูชากำลังได้ชม "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" (หรือบางคนเรียกว่า "ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ") ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กัมพูชาในทุกวัน คนไทยเรา แค่ต้องฟังเพลง "เราจะทำตามสัญญา" ก็ปิดทีวี เปิด YouTube หรือ Netflix ดูกันหมดแล้ว แต่นี่ละครทั้งเรื่อง คนกัมพูชามีทางเลือกอะไรบ้าง? สิ่งที่เราควรทำในนาทีนี้คือ Status Quo หรือ ตรึงทุกอย่างไว้กับที่ให้นานที่สุด เพราะตระกูลฮุน กำลังเล่นเกมที่เรียกว่า Rally Round the Flag หรือการสร้างภาพการคลั่งชาติ ประคองคะแนนนิยม ยิ่งฝ่ายตรงข้ามในเกม ร้อนระอุเท่าไหร่ ตระกูลฮุน ก็จะยิ่งได้ ได้ และ ได้ ได้โดยไม่หยุดหย่อน และหากผันเกมให้เป็นความบาดหมางระหว่างเชื้อชาติได้ ตระกูลฮุนจะยิ่งครอง และกดหัวคนกัมพูชาไปได้อีกหลาย Generation และเราก็จะเดือดร้อนไปอีกหลาย Generation เช่นกัน และไม่เพียงแต่ชีวิตประชาชนและทหารหาญที่จะต้องเสียไปในวันนี้ หากการปั่นกระแสเพื่อรักษาอำนาจของตระกูลฮุน จุดติดขึ้นมาจริงๆ ประชาชนและทหารหาญที่ คนรักอิ๊ง นำมากล่าวอ้างว่า ต้องการปกป้องนัก ปกป้องหนา ก็จะยิ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับสงครามทีจะไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ต่างจาก ฉนวนกาซ่า ที่ ปาเลสไตน์ ปะทะกับ อิสราเอล ตามที่ ฮุนเซน กล่าวและหวังไว้ว่ามันจะเกิด สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้จึงควรเป็นการตั้งสติอย่างมาก และมากที่สุด หยุดเต้นตามเพลงกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร้องเพลง เต้นรำ ปิดปราสาทในเขตพื้นที่พิพาท หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม แม้กระทั่งทหารไทยที่กำลังได้รับแรงเชียร์อย่างมหาศาลให้รบ ก็ควรทิ้งกระบอกปืนไว้ที่ต้้ง แล้วจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะทนไม่ได้ ทนไม่ไหว ก็ต้องทน ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้กระสุนไทย ฝังในร่างกายคนกัมพูชาได้เท่าไร่ ยิ่งฮุนเซน ไม่สามารถบีบให้หมัดทหารไทย อัดหน้านักแสดงตุ๊กตาทองรักชาติกัมพูชาที่พยายามยั่วยุในพื้นที่พิพาทรายวันได้เท่าไหร่ ฮุนเซนก็จะยิ่งอึดอัดกับกระแสที่จะค่อยๆ ตีกลับมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่คนไทยสามารถสร้างภาพให้คนกัมพูชาเห็นได้ว่า ฮุนเซน ไม่เท่าไหร่ ไม่ได้ดี ไม่ได้เจ๋ง ซ้ำยังอ่อนด้อย เพราะไม่เคยสร้างความเจริญใดๆ ให้ประเทศเค้าเอง นอกจากความมั่งคั่งของตัวเอง และเป็นเพียงนายใหม่ที่มากดหัวคนกัมพูชามากกว่า สยามในประวัติศาสตร์ และฝรั่งเศสในอดีต เพราะฮุนเซนเป็นคนชาติเดียวกันกับคนกัมพูชา ที่ต้องระเหเร่ร่อนมาหางานทำในเมืองไทยเพื่อชีวิตที่่ดีกว่า ไม่สามารถมีชีวิตที่ดีในประเทศตัวเองได้ ยิ่งภาพความ "ไร้สมรรถภาพ" และ "ไร้ฝีมือ" เกิดขึ้นกับ ฮุนเซน และตระกูลฮุนมากเท่าไหร่ ...เราก็จะใกล้กับความสงบมากขึ้นเท่านั้น ณ เวลานี้ จึงไม่ใช่เวลา ส่งทหารเป็นผู้มีอำนาจ หรือต่อให้ส่งอำนาจให้ทหาร ก็ไม่ใช่เวลาที่ทหารจะใช้อำนาจ แต่ต้องเป็นการใช้โอบกอดคนกัมพูชา ถ้าเค้าส่งคมมาร้องรำ เราก็เนียนร้องเพลงไทยไปข้างๆ เขาเลย ถือธงชาติ 2 ประเทศเคียงกัน ทำให้รู้สึกว่า คนที่อยู่บริเวณนั้น คือ "คน" เหมือนๆ กัน ที่ต่างก็พูดเขมรได้ พูดไทยเป็นด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ทำผิดพลาดไป ในตอนนี้ จะลงดาบประหารเลย หรือว่าจะเก็บเอาไว้ด่าเล่นเพลินๆ ก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา แต่ได้โปรด อย่าหยิบยื่นกระสุนให้ทหารเลย หวังว่าเสียงนี้จะเพียงพอที่จะทำให้คนที่แวะเข้ามาอ่าน ได้หยุดความสะใจ และเลือกทางเดินให้กับประเทศอย่างมีวิจารณญาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิปเสียงเรื่องร้ายแรง ปั่น 2 ชาติแตกแยก : [NEWS UPDATE]

    นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยกรณีคลิปเสียงหลุดทำลายความเชื่อใจระหว่างกันอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศ และความพยายามใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ปัญหาตามแนวปฏิบัติสากล เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ทั้งนี้ กัมพูชาใช้การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ เพื่อปลุกระดมความนิยมจากประชาชน สร้างความแตกแยกให้สังคมของทั้งสองประเทศหรือประเทศอื่น แสดงถึงการไม่เคารพหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี การกระทำเช่นนี้ไม่ควรได้รับการยอมรับ และความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศ

    -สยบลือปฏิวัติรัฐประหาร

    -ไม่เคยขอโควตาเพิ่ม

    -ไม่ผลีผลามสละเรือ

    -กัมพูชาเสียมากกว่าได้
    คลิปเสียงเรื่องร้ายแรง ปั่น 2 ชาติแตกแยก : [NEWS UPDATE] นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยกรณีคลิปเสียงหลุดทำลายความเชื่อใจระหว่างกันอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศ และความพยายามใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ปัญหาตามแนวปฏิบัติสากล เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ทั้งนี้ กัมพูชาใช้การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ เพื่อปลุกระดมความนิยมจากประชาชน สร้างความแตกแยกให้สังคมของทั้งสองประเทศหรือประเทศอื่น แสดงถึงการไม่เคารพหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี การกระทำเช่นนี้ไม่ควรได้รับการยอมรับ และความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศ -สยบลือปฏิวัติรัฐประหาร -ไม่เคยขอโควตาเพิ่ม -ไม่ผลีผลามสละเรือ -กัมพูชาเสียมากกว่าได้
    Like
    Haha
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหา ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เมื่อปรากฏฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจไม่เคารพกันและกัน

    วันนี้ (19มิ.ย.) นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30น วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยทุกการดำเนินการเป็นไป ภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งนี้เจตนาดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม

    รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000057731

    #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหา ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เมื่อปรากฏฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจไม่เคารพกันและกัน • วันนี้ (19มิ.ย.) นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30น วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยทุกการดำเนินการเป็นไป ภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งนี้เจตนาดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม • รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000057731 • #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • กต.เรียกทูตกัมพูชารับหนังสือประท้วง “ฮุนเซน” ปล่อยคลิปเสียงคุย “อุ๊งอิ๊งค์” ชี้ขัดจรรยามารยาทพื้นฐาน ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเพื่อนบ้าน ไม่เคารพแนวปฏิบัติสากล ย้ำเป็นปัญหาระหว่างรัฐ ไม่เกี่ยวกับประชาชน แต่กัมพูชากลับปลุกระดมหาความนิยม สร้างความแตกแยก

    วันนี้(19 มิ.ย.) เวลาประมาณ 12.00 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาว่า ตามที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาต่อสาธารณชนเมื่อบ่ายวานนี้ โดยฝ่ายกัมพูชา

    ฝ่ายไทยเห็นว่าการกระทําดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นการทําลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้ง 2 ฝ่าย ตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000057732

    #MGROnline #ทูตกัมพูชา #ฮุนเซน #คลิปเสียง #อุ๊งอิ๊งค์
    กต.เรียกทูตกัมพูชารับหนังสือประท้วง “ฮุนเซน” ปล่อยคลิปเสียงคุย “อุ๊งอิ๊งค์” ชี้ขัดจรรยามารยาทพื้นฐาน ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเพื่อนบ้าน ไม่เคารพแนวปฏิบัติสากล ย้ำเป็นปัญหาระหว่างรัฐ ไม่เกี่ยวกับประชาชน แต่กัมพูชากลับปลุกระดมหาความนิยม สร้างความแตกแยก • วันนี้(19 มิ.ย.) เวลาประมาณ 12.00 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาว่า ตามที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาต่อสาธารณชนเมื่อบ่ายวานนี้ โดยฝ่ายกัมพูชา • ฝ่ายไทยเห็นว่าการกระทําดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นการทําลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้ง 2 ฝ่าย ตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000057732 • #MGROnline #ทูตกัมพูชา #ฮุนเซน #คลิปเสียง #อุ๊งอิ๊งค์
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหา ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เมื่อปรากฏฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจไม่เคารพกันและกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000057731

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหา ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เมื่อปรากฏฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจไม่เคารพกันและกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000057731 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..แหล่งน้ำมันดิบอย่างไรก็สำคัญเสมอหากเกิดสงคราม,ไทยเราจึงต้องยึดคืนบ่อน้ำมันทั้งหมดจากต่างชาติทุกๆกรณี,ห้ามปล่อยให้สัมปทานอีกแก่คนต่างชาติต่างประเทศ.
    ..น้ำมันอิหร่านราคาไม่แพงถูกด้วย,อีลิทdeep stateควบคุมอิหร่านไม่ได้,หลายชาติทั่วโลกที่อีลิทdeep stateข้ามโลกเข้ายึดครองควบคุมได้แบบไทยเราที่กากที่มีคนทรยศระดับผู้นำผู้ปกครองผู้มีอำนาจถูกควบคุมได้เป็นขี้ข้าสมุนรับใช้อีลิทเหล่านี้จนประเทศไทยสูญเสียอธิปไตยบ่อน้ำมันตนไปจนหมดสิ้น,ขายน้ำมันภายในประเทศไทยตนเองก็แพงโคตรๆต่างจากอิหร่านที่ยังแข็งแกร่งจริงกว่าไทยซึ่งไทยเรากากกระจอกจริงๆ,อิหร่านขายภายในประเทศอิหร่านเองแค่ลิตรละ1-2บาท,ไทยเสือก3ลิตร100บาทเบนซินลิตรละ40-50บาทในบางยุคหรือปัจจุบันเบนซินเพียวๆไม่ผสมเอทานอลยังเกินลิตรละ40บาทอยู่เลย,อี20ที่เป็นรุ่นผสมแท้ๆของอีลิทยังขายเกินลิตรละ30บาทเลย,ไทยคือทาสอีลิทจริงๆ.
    ..🇨🇳 ‘จีนเตรียมการรุกรานไต้หวัน’🇹🇼
    ในไม่ช้านี้

    และสหรัฐฯ จะเข้าไปเกี่ยวข้องในความขัดแย้งกับอิหร่าน
    จีนจะมองว่านี่เป็นการยั่วยุครั้งใหญ่
    ทำไมน่ะหรือ?
    จีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของน้ำมันอิหร่าน โรงกลั่นน้ำมันเอกชนของประเทศซื้อน้ำมันดิบอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตรส่วนใหญ่
    ทั้งสองฝ่ายได้สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
    ทั้งนี้ แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านอยู่ก็ตาม
    ฉันเชื่อมั่นว่าอิสราเอลและสหรัฐฯ จะทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งหมายความว่าจีนจะไม่สามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้อีกต่อไป.
    ..แหล่งน้ำมันดิบอย่างไรก็สำคัญเสมอหากเกิดสงคราม,ไทยเราจึงต้องยึดคืนบ่อน้ำมันทั้งหมดจากต่างชาติทุกๆกรณี,ห้ามปล่อยให้สัมปทานอีกแก่คนต่างชาติต่างประเทศ. ..น้ำมันอิหร่านราคาไม่แพงถูกด้วย,อีลิทdeep stateควบคุมอิหร่านไม่ได้,หลายชาติทั่วโลกที่อีลิทdeep stateข้ามโลกเข้ายึดครองควบคุมได้แบบไทยเราที่กากที่มีคนทรยศระดับผู้นำผู้ปกครองผู้มีอำนาจถูกควบคุมได้เป็นขี้ข้าสมุนรับใช้อีลิทเหล่านี้จนประเทศไทยสูญเสียอธิปไตยบ่อน้ำมันตนไปจนหมดสิ้น,ขายน้ำมันภายในประเทศไทยตนเองก็แพงโคตรๆต่างจากอิหร่านที่ยังแข็งแกร่งจริงกว่าไทยซึ่งไทยเรากากกระจอกจริงๆ,อิหร่านขายภายในประเทศอิหร่านเองแค่ลิตรละ1-2บาท,ไทยเสือก3ลิตร100บาทเบนซินลิตรละ40-50บาทในบางยุคหรือปัจจุบันเบนซินเพียวๆไม่ผสมเอทานอลยังเกินลิตรละ40บาทอยู่เลย,อี20ที่เป็นรุ่นผสมแท้ๆของอีลิทยังขายเกินลิตรละ30บาทเลย,ไทยคือทาสอีลิทจริงๆ. ..🇨🇳 ‘จีนเตรียมการรุกรานไต้หวัน’🇹🇼 ในไม่ช้านี้ และสหรัฐฯ จะเข้าไปเกี่ยวข้องในความขัดแย้งกับอิหร่าน จีนจะมองว่านี่เป็นการยั่วยุครั้งใหญ่ ทำไมน่ะหรือ? จีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของน้ำมันอิหร่าน โรงกลั่นน้ำมันเอกชนของประเทศซื้อน้ำมันดิบอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตรส่วนใหญ่ ทั้งสองฝ่ายได้สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านอยู่ก็ตาม ฉันเชื่อมั่นว่าอิสราเอลและสหรัฐฯ จะทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งหมายความว่าจีนจะไม่สามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้อีกต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทัพภาค 2 ฝั่งตรงข้าม แค่เทคนิคเจรจา : [NEWS UPDATE]

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยกรณีคลิปเสียงโทรศัพท์คุยกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นคลิปจริง คุยกันวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทราบจากล่ามว่า สมเด็จฮุนเซนโกรธแม่ทัพภาคที่ 2 เราก็เข้าใจและบอกว่าทั้งไทยกับกัมพูชาก็เป็นฝั่งตรงข้ามปะทะกันอยู่แล้ว ขออย่าถือสากัน แม่ทัพภาคสองปล่อยให้เขาพูดเท่ๆ ไปเถอะ ซึ่งเป็นเทคนิคเจรจาต่อรอง พูดหลังไมค์หลังบ้าน ส่วนเรื่องด่านรู้สึกทำไมไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าความต้องการจริงๆ เป็นคะแนนนิยมในประเทศ โดยไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ขอคุยส่วนตัวแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องการไว้ใจ

    กระจายผลไม้เขมรปิดด่าน

    โวยไทยตั้งทีมส่องเฟซบุ๊ก

    งบไม่ผ่านจบเห่กันหมด

    ชักปลั๊กขยะพิษ 8,000 ตัน
    แม่ทัพภาค 2 ฝั่งตรงข้าม แค่เทคนิคเจรจา : [NEWS UPDATE] น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยกรณีคลิปเสียงโทรศัพท์คุยกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นคลิปจริง คุยกันวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทราบจากล่ามว่า สมเด็จฮุนเซนโกรธแม่ทัพภาคที่ 2 เราก็เข้าใจและบอกว่าทั้งไทยกับกัมพูชาก็เป็นฝั่งตรงข้ามปะทะกันอยู่แล้ว ขออย่าถือสากัน แม่ทัพภาคสองปล่อยให้เขาพูดเท่ๆ ไปเถอะ ซึ่งเป็นเทคนิคเจรจาต่อรอง พูดหลังไมค์หลังบ้าน ส่วนเรื่องด่านรู้สึกทำไมไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าความต้องการจริงๆ เป็นคะแนนนิยมในประเทศ โดยไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ขอคุยส่วนตัวแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องการไว้ใจ กระจายผลไม้เขมรปิดด่าน โวยไทยตั้งทีมส่องเฟซบุ๊ก งบไม่ผ่านจบเห่กันหมด ชักปลั๊กขยะพิษ 8,000 ตัน
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 523 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • นายกอิ๊งหลังไมค์ฮุนเซน เบื้องหลังคลิปหลุด : [THE MESSAGE]

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยกรณีคลิปเสียงโทรศัพท์พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยอมรับเป็นคลิปจริงคุยกันสัปดาห์ที่ผ่านมาวันอาทิตย์ เป็นเทคนิคในการคุยเจรจาต่อรอง ในการพูดหลังไมค์ หลังบ้าน ท่านย้ำเรื่องเปิดด่าน ดิฉันก็ไม่กล้ารับปากเพราะไม่แน่ใจว่ากองทัพพร้อมหรือไม่ ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าความต้องการจริงๆ ของ เป็นคะแนนนิยมในประเทศ โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร ส่วนที่ว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเรา เป็นเทคนิคในการสนทนา ไม่ใช่พวกเราหมายถึงประเทศไทยกับกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว
    นายกอิ๊งหลังไมค์ฮุนเซน เบื้องหลังคลิปหลุด : [THE MESSAGE] น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยกรณีคลิปเสียงโทรศัพท์พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยอมรับเป็นคลิปจริงคุยกันสัปดาห์ที่ผ่านมาวันอาทิตย์ เป็นเทคนิคในการคุยเจรจาต่อรอง ในการพูดหลังไมค์ หลังบ้าน ท่านย้ำเรื่องเปิดด่าน ดิฉันก็ไม่กล้ารับปากเพราะไม่แน่ใจว่ากองทัพพร้อมหรือไม่ ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าความต้องการจริงๆ ของ เป็นคะแนนนิยมในประเทศ โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร ส่วนที่ว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเรา เป็นเทคนิคในการสนทนา ไม่ใช่พวกเราหมายถึงประเทศไทยกับกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 29 1 รีวิว
  • Microsoft เพิ่งยกระดับความสามารถของระบบความปลอดภัย Microsoft Defender XDR ด้วยการใส่ “TITAN” เข้าไปเป็นมันสมองของ Copilot ในฟีเจอร์ที่เรียกว่า Guided Response ซึ่งแต่เดิมทำหน้าที่แนะนำนักวิเคราะห์ความปลอดภัยให้รับมือกับภัยคุกคามแบบทีละขั้น แต่พอผนวก TITAN เข้าไปแล้ว ทุกอย่างยิ่งแกร่งขึ้นหลายเท่า

    TITAN คือกราฟปัญญาประดิษฐ์ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นมาให้ฉลาดในการจับสัญญาณภัยร้ายก่อนที่มันจะลงมือ โดยมันจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็น IP แปลก ๆ อีเมลที่ไม่น่าไว้ใจ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ “ดูมีพิรุธ” ของอุปกรณ์ในระบบ ตัวระบบจะใช้หลัก “guilt-by-association” หรือแปลคร่าว ๆ ว่า “ถ้าแวดล้อมคุณไม่ดี คุณก็อาจไม่น่าไว้ใจเช่นกัน” ในการวิเคราะห์พฤติกรรม

    ยกตัวอย่าง: ถ้าอุปกรณ์หนึ่งเคยเชื่อมต่อกับ IP ที่มีประวัติไม่ดี TITAN จะขึ้นสถานะเตือนเพื่อให้นักวิเคราะห์เข้าตรวจสอบหรือสั่งกักกันทันที ฟังดูเหมือน AI มีประสาทสัมผัสที่หกเลยใช่ไหมครับ?

    และจากการทดสอบภายใน Microsoft เขาพบว่าระบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจถึง 8% และยังลดเวลาการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อีกด้วย

    ✅ Microsoft Defender XDR อัปเกรดด้วย TITAN  
    • ทำให้ฟีเจอร์ Guided Response ฉลาดยิ่งขึ้น โดยแนะนำการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์  
    • วิเคราะห์ข้อมูลแบบ adaptive ผ่านกราฟภัยคุกคามที่อิงพฤติกรรมและเครือข่ายความสัมพันธ์

    ✅ คุณสมบัติของ TITAN  
    • ใช้เทคนิค guilt-by-association วิเคราะห์ภัยที่ยังไม่ถูกระบุอย่างเป็นทางการ  
    • รวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Microsoft Defender for Threat Intelligence และ feedback จากลูกค้า  
    • แสดงคำแนะนำแบบ “อธิบายได้” เพิ่มความมั่นใจให้นักวิเคราะห์ในการดำเนินการ

    ✅ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน TITAN  
    • เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยภัยคุกคามขึ้น 8%  
    • ลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์  
    • มีคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับ IP address, IP range และ email sender ที่น่าสงสัย

    ‼️ คำเตือนเรื่องการตีความผลลัพธ์ของ TITAN  
    • แม้ TITAN จะฉลาด แต่การตัดสินใจ “เหมารวม” อุปกรณ์หรือผู้ใช้งานจากความเกี่ยวข้องอาจทำให้เกิด false positives (แจ้งเตือนผิดพลาด)  
    • จำเป็นต้องมีนักวิเคราะห์ตรวจสอบก่อนดำเนินการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

    ‼️ ความท้าทายในการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติด้านความปลอดภัย  
    • ระบบ AI แม้จะลดภาระงานได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมและปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสม  
    • การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป อาจเปิดช่องว่างให้ภัยคุกคามระดับสูงใช้หลบเลี่ยงหรือทำการโจมตีแบบแอบแฝง

    https://www.neowin.net/news/microsoft-defender-xdr-gets-titan-powered-security-copilot-recommendations/
    Microsoft เพิ่งยกระดับความสามารถของระบบความปลอดภัย Microsoft Defender XDR ด้วยการใส่ “TITAN” เข้าไปเป็นมันสมองของ Copilot ในฟีเจอร์ที่เรียกว่า Guided Response ซึ่งแต่เดิมทำหน้าที่แนะนำนักวิเคราะห์ความปลอดภัยให้รับมือกับภัยคุกคามแบบทีละขั้น แต่พอผนวก TITAN เข้าไปแล้ว ทุกอย่างยิ่งแกร่งขึ้นหลายเท่า TITAN คือกราฟปัญญาประดิษฐ์ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นมาให้ฉลาดในการจับสัญญาณภัยร้ายก่อนที่มันจะลงมือ โดยมันจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็น IP แปลก ๆ อีเมลที่ไม่น่าไว้ใจ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ “ดูมีพิรุธ” ของอุปกรณ์ในระบบ ตัวระบบจะใช้หลัก “guilt-by-association” หรือแปลคร่าว ๆ ว่า “ถ้าแวดล้อมคุณไม่ดี คุณก็อาจไม่น่าไว้ใจเช่นกัน” ในการวิเคราะห์พฤติกรรม ยกตัวอย่าง: ถ้าอุปกรณ์หนึ่งเคยเชื่อมต่อกับ IP ที่มีประวัติไม่ดี TITAN จะขึ้นสถานะเตือนเพื่อให้นักวิเคราะห์เข้าตรวจสอบหรือสั่งกักกันทันที ฟังดูเหมือน AI มีประสาทสัมผัสที่หกเลยใช่ไหมครับ? และจากการทดสอบภายใน Microsoft เขาพบว่าระบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจถึง 8% และยังลดเวลาการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อีกด้วย ✅ Microsoft Defender XDR อัปเกรดด้วย TITAN   • ทำให้ฟีเจอร์ Guided Response ฉลาดยิ่งขึ้น โดยแนะนำการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์   • วิเคราะห์ข้อมูลแบบ adaptive ผ่านกราฟภัยคุกคามที่อิงพฤติกรรมและเครือข่ายความสัมพันธ์ ✅ คุณสมบัติของ TITAN   • ใช้เทคนิค guilt-by-association วิเคราะห์ภัยที่ยังไม่ถูกระบุอย่างเป็นทางการ   • รวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Microsoft Defender for Threat Intelligence และ feedback จากลูกค้า   • แสดงคำแนะนำแบบ “อธิบายได้” เพิ่มความมั่นใจให้นักวิเคราะห์ในการดำเนินการ ✅ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน TITAN   • เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยภัยคุกคามขึ้น 8%   • ลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์   • มีคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับ IP address, IP range และ email sender ที่น่าสงสัย ‼️ คำเตือนเรื่องการตีความผลลัพธ์ของ TITAN   • แม้ TITAN จะฉลาด แต่การตัดสินใจ “เหมารวม” อุปกรณ์หรือผู้ใช้งานจากความเกี่ยวข้องอาจทำให้เกิด false positives (แจ้งเตือนผิดพลาด)   • จำเป็นต้องมีนักวิเคราะห์ตรวจสอบก่อนดำเนินการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ‼️ ความท้าทายในการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติด้านความปลอดภัย   • ระบบ AI แม้จะลดภาระงานได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมและปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสม   • การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป อาจเปิดช่องว่างให้ภัยคุกคามระดับสูงใช้หลบเลี่ยงหรือทำการโจมตีแบบแอบแฝง https://www.neowin.net/news/microsoft-defender-xdr-gets-titan-powered-security-copilot-recommendations/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Defender XDR gets TITAN-powered Security Copilot recommendations
    Microsoft has announced an improvement to Security Copilot Guided Response in Defender XDR called TITAN which aims to flag threats before they've done anything wrong.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศก.ทก. ไหวไหมทีมไทยแลนด์

    เมื่อนายกฯ ฟันน้ำนม แพทองธาร ชินวัตร ถูกสังคมก่นด่าที่ไทยเสียท่ากัมพูชาต่อปัญหาชายแดนหลายครั้ง แบบไม่ทันเกมไม่ทันใจ มีอะไรเคลือบแคลงสงสัย ที่สุดแล้วจึงตัดสินใจใช้บริการน้องรักลุงตู่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ เพื่อย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้านหนึ่งหวังให้คนกลุ่มหนึ่งคลายความหวาดระแวง ที่ตระกูลชินวัตรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตระกูลฮุนของกัมพูชา อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนว่า แพทองธารทำงานไม่เป็น ฮุน เซนเย้ยหยันว่าคุมกองทัพไม่ได้

    ในที่สุดทีมไทยแลนด์ของบิ๊กเล็กจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศก.ทก) ประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตอนเช้า ยกเว้นวันประชุม ครม. จะประชุมตอนบ่าย แล้วแถลงข่าวถ่ายทอดสดทางช่องเอ็นบีที เหมือนสมัยรัฐบาลลุงตู่รายงานสถานการณ์โควิด-19 เปี๊ยบ เพียงแต่วันเสาร์-อาทิตย์ไม่มีประชุม ถ้ามีอะไรให้ทุกคนสแตนบายคุยผ่านออนไลน์แทน ส่วนกรอบการทำงานเน้นบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะและสนับสนุนงานระยะยาว แต่ย้ำว่าไม่ใช่ส่วนการบังคับบัญชา ทำงานระบบโต๊ะกลม เมื่อถึงเวลาก็จะจบภารกิจ

    ศก.ทก. มีบทบาทให้ข้อเสนอแนะ ข้อพิจารณา และประสานการสื่อสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างไทยและกัมพูชา จะเร่งกำหนดแนวทางที่ชัดเจน กำหนดเวลาเผยแพร่ข่าวสารอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สื่อมวลชนและสาธารณชนได้รับข้อมูลตรงกัน ลดความสับสนที่อาจส่งผลต่อความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน

    พล.อ.ณัฐพล ยังเห็นว่าในอนาคตอยากให้จัดเวทีสัมมนา ประสานงานกับสมาคมสื่อฯ เชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศทาง รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนเชื่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำตามนักวิชาการก็ถูกต่อว่า จึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายคนมาเป็นข้อสรุป เพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน นำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป

    อย่างไรก็ตาม บทบาทของบิ๊กเล็กในช่วงที่ผ่านมาไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่เคยจำขี้ปากนายใหญ่ว่าแผ่นดินไทยคือ No Man's Land มาแล้ว นับจากนี้ต้องดูว่าการทำงานจะราบรื่นและสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ด้วยความหวังว่าสุดท้าย ศก.ทก. จะไม่กลายเป็นศูนย์โศกทุกข์ เพราะไทยแพ้คดีและเสียดินแดน

    #Newskit
    ศก.ทก. ไหวไหมทีมไทยแลนด์ เมื่อนายกฯ ฟันน้ำนม แพทองธาร ชินวัตร ถูกสังคมก่นด่าที่ไทยเสียท่ากัมพูชาต่อปัญหาชายแดนหลายครั้ง แบบไม่ทันเกมไม่ทันใจ มีอะไรเคลือบแคลงสงสัย ที่สุดแล้วจึงตัดสินใจใช้บริการน้องรักลุงตู่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ เพื่อย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้านหนึ่งหวังให้คนกลุ่มหนึ่งคลายความหวาดระแวง ที่ตระกูลชินวัตรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตระกูลฮุนของกัมพูชา อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนว่า แพทองธารทำงานไม่เป็น ฮุน เซนเย้ยหยันว่าคุมกองทัพไม่ได้ ในที่สุดทีมไทยแลนด์ของบิ๊กเล็กจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ศูนย์เฉพาะกิจสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศก.ทก) ประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตอนเช้า ยกเว้นวันประชุม ครม. จะประชุมตอนบ่าย แล้วแถลงข่าวถ่ายทอดสดทางช่องเอ็นบีที เหมือนสมัยรัฐบาลลุงตู่รายงานสถานการณ์โควิด-19 เปี๊ยบ เพียงแต่วันเสาร์-อาทิตย์ไม่มีประชุม ถ้ามีอะไรให้ทุกคนสแตนบายคุยผ่านออนไลน์แทน ส่วนกรอบการทำงานเน้นบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะและสนับสนุนงานระยะยาว แต่ย้ำว่าไม่ใช่ส่วนการบังคับบัญชา ทำงานระบบโต๊ะกลม เมื่อถึงเวลาก็จะจบภารกิจ ศก.ทก. มีบทบาทให้ข้อเสนอแนะ ข้อพิจารณา และประสานการสื่อสารให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างไทยและกัมพูชา จะเร่งกำหนดแนวทางที่ชัดเจน กำหนดเวลาเผยแพร่ข่าวสารอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สื่อมวลชนและสาธารณชนได้รับข้อมูลตรงกัน ลดความสับสนที่อาจส่งผลต่อความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน พล.อ.ณัฐพล ยังเห็นว่าในอนาคตอยากให้จัดเวทีสัมมนา ประสานงานกับสมาคมสื่อฯ เชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศทาง รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนเชื่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำตามนักวิชาการก็ถูกต่อว่า จึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายคนมาเป็นข้อสรุป เพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน นำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป อย่างไรก็ตาม บทบาทของบิ๊กเล็กในช่วงที่ผ่านมาไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่เคยจำขี้ปากนายใหญ่ว่าแผ่นดินไทยคือ No Man's Land มาแล้ว นับจากนี้ต้องดูว่าการทำงานจะราบรื่นและสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ด้วยความหวังว่าสุดท้าย ศก.ทก. จะไม่กลายเป็นศูนย์โศกทุกข์ เพราะไทยแพ้คดีและเสียดินแดน #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล

    ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด

    "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง"

    ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง

    นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน

    #Newskit
    นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง" ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนบ้านที่ดีต้องไม่ขู่ กัมพูชาเมินคุย 4 พื้นที่ : [NEWS UPDATE]

    นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กัมพูชาเลือกไม่หารือพื้นที่ 4 จุด ได้แก่ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ในการประชุมเจบีซี ซึ่งไทยผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะประเด็นเขตแดนทั้งหมดอยู่ในขอบเขตการทำงานของเจบีซี พร้อมรับมือกัมพูชาร้องศาลโลก การเป็นเพื่อนบ้านที่ดีจะไม่ยื่นคำขาดโดยไม่หารือ มอง การนำเรื่องไปสู่ฝ่ายที่สาม มิใช่หนทางดีที่สุดที่จะรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างรัฐไว้ได้

    -ชี้แจงทูตต่างประเทศ

    -เปิดแผนอพยพแรงงาน

    -ตรึงน้ำมันสู้สงคราม

    -อาหารอีสานกู้เศรษฐกิจ
    เพื่อนบ้านที่ดีต้องไม่ขู่ กัมพูชาเมินคุย 4 พื้นที่ : [NEWS UPDATE] นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กัมพูชาเลือกไม่หารือพื้นที่ 4 จุด ได้แก่ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ในการประชุมเจบีซี ซึ่งไทยผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะประเด็นเขตแดนทั้งหมดอยู่ในขอบเขตการทำงานของเจบีซี พร้อมรับมือกัมพูชาร้องศาลโลก การเป็นเพื่อนบ้านที่ดีจะไม่ยื่นคำขาดโดยไม่หารือ มอง การนำเรื่องไปสู่ฝ่ายที่สาม มิใช่หนทางดีที่สุดที่จะรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างรัฐไว้ได้ -ชี้แจงทูตต่างประเทศ -เปิดแผนอพยพแรงงาน -ตรึงน้ำมันสู้สงคราม -อาหารอีสานกู้เศรษฐกิจ
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 38 0 รีวิว
  • ดราม่ากลาง Paris Air Show 2025 บูธอิสราเอลถูกปิดกั้น ฝรั่งเศสสั่งถอดยุทโธปกรณ์- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - .งานแสดงอากาศยานระดับโลก “Paris Air Show 2025” เปิดฉากด้วยกระแสดราม่า เมื่อบูธของบริษัทด้านกลาโหมจากอิสราเอลถูกเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสสั่งปิดล้อมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า พร้อมข้อจำกัดในการจัดแสดงยุทโธปกรณ์บางรายการ ส่งผลให้บริษัทใหญ่ทั้ง Israel Aerospace Industries (IAI), Rafael และ Elbit Systems ประกาศถอนตัวจากงานทันที.โบอาซ เลวี ซีอีโอของ IAI ระบุว่า หลังจากตั้งบูธเสร็จในคืนก่อนเปิดงาน ทางการฝรั่งเศสกลับมีคำสั่งให้ถอดอาวุธบางระบบออก และเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็พบว่าบูธถูกกั้นด้วยกำแพงผ้าสีดำโดยไม่มีคำชี้แจง พร้อมกล่าวเปรียบเทียบว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนภาพ “ความแบ่งแยกทางประวัติศาสตร์” ที่ชาวยิวเคยเผชิญในยุโรป.ด้านบริษัท Rafael ผู้อยู่เบื้องหลังระบบ Iron Dome ก็ประสบเหตุการณ์เดียวกัน โดยทีมงานพบบูธถูกปิดล้อมและไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ “ไม่มีคำเตือน ไม่มีการสื่อสาร” ตัวแทนบริษัทกล่าว พร้อมเผยว่ากำลังพิจารณาแนวทางทางกฎหมายเพื่อท้าทายคำสั่งดังกล่าว.Elbit Systems ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจในยุโรปอย่างกว้างขวางก็ถูกจำกัดพื้นที่จัดแสดงเช่นกัน โดยซีอีโอกล่าวว่า ความสำเร็จของบริษัทในตลาดยุโรปอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงกดดันจากภายในประเทศเจ้าภาพเอง.แม้ผู้จัดงานจะยืนยันว่าทำตามคำสั่งรัฐบาลฝรั่งเศสและอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อหาทางออก แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนความตึงเครียดเชิงการเมืองที่เริ่มแทรกซึมสู่วงการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอาจส่งผลระยะยาวต่อความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับยุโรปในอนาคต. https://www.facebook.com/share/p/1FuCJsrYuE/?mibextid=wwXIfr
    ดราม่ากลาง Paris Air Show 2025 บูธอิสราเอลถูกปิดกั้น ฝรั่งเศสสั่งถอดยุทโธปกรณ์- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - .งานแสดงอากาศยานระดับโลก “Paris Air Show 2025” เปิดฉากด้วยกระแสดราม่า เมื่อบูธของบริษัทด้านกลาโหมจากอิสราเอลถูกเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสสั่งปิดล้อมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า พร้อมข้อจำกัดในการจัดแสดงยุทโธปกรณ์บางรายการ ส่งผลให้บริษัทใหญ่ทั้ง Israel Aerospace Industries (IAI), Rafael และ Elbit Systems ประกาศถอนตัวจากงานทันที.โบอาซ เลวี ซีอีโอของ IAI ระบุว่า หลังจากตั้งบูธเสร็จในคืนก่อนเปิดงาน ทางการฝรั่งเศสกลับมีคำสั่งให้ถอดอาวุธบางระบบออก และเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็พบว่าบูธถูกกั้นด้วยกำแพงผ้าสีดำโดยไม่มีคำชี้แจง พร้อมกล่าวเปรียบเทียบว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนภาพ “ความแบ่งแยกทางประวัติศาสตร์” ที่ชาวยิวเคยเผชิญในยุโรป.ด้านบริษัท Rafael ผู้อยู่เบื้องหลังระบบ Iron Dome ก็ประสบเหตุการณ์เดียวกัน โดยทีมงานพบบูธถูกปิดล้อมและไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ “ไม่มีคำเตือน ไม่มีการสื่อสาร” ตัวแทนบริษัทกล่าว พร้อมเผยว่ากำลังพิจารณาแนวทางทางกฎหมายเพื่อท้าทายคำสั่งดังกล่าว.Elbit Systems ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจในยุโรปอย่างกว้างขวางก็ถูกจำกัดพื้นที่จัดแสดงเช่นกัน โดยซีอีโอกล่าวว่า ความสำเร็จของบริษัทในตลาดยุโรปอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงกดดันจากภายในประเทศเจ้าภาพเอง.แม้ผู้จัดงานจะยืนยันว่าทำตามคำสั่งรัฐบาลฝรั่งเศสและอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อหาทางออก แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนความตึงเครียดเชิงการเมืองที่เริ่มแทรกซึมสู่วงการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอาจส่งผลระยะยาวต่อความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับยุโรปในอนาคต. https://www.facebook.com/share/p/1FuCJsrYuE/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุ๊งอิ๊งค์-ฮุน เซน กินในที่ลับไขในที่แจ้ง

    ท่าทีของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต เพื่อนรักเพื่อนสนิท ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หลังไทยเสียท่ากับกัมพูชา จากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กัมพูชาปล่อยข่าวมีการหารือแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทำคนไทยทั้งประเทศเดือดดาลมาแล้ว ซ้ำด้วยการยื่นคำขาดของ ฮุน เซน ให้ไทยเปิดด่าน ไม่งั้นจะปิดด่านกลับ ไม่มีอะไรใหม่นอกจากทำตัวเป็นนางเอก อ้างว่าปล่อยข่าวแบบนี้ไม่เป็นผลดีทั้งสองประเทศ

    แพทองธารอ้างว่าคุยกันหลังไมค์มีแน่นอน แต่ที่กัมพูชาสื่อสารผ่านโซเชียลฯ ที่นอกกรอบ พูดไทยคำอังกฤษคำ ไม่เป็นโปรเฟสชันแนล เกิดผลลบทั้งสองประเทศ แต่ก็ทำได้แค่ส่งข้อความไปหา ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลูกชาย ฮุน เซน ให้จัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระดับกองทัพไปเลยไหม และว่าเคยตกลงกันแล้วว่าอย่าเพิ่งปล่อยข่าว เพราะต้องคุยกันก่อนว่าเอาอย่างไร เพราะคนหน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสารคนละคนกัน

    แต่ที่แพทองธารพูดให้คนกัมพูชาที่สนับสนุน ฮุน เซน ด่ากลับ คือ วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกา ก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก เพราะทุกวันนี้ชาวเขมรพยายามท้าทาย หาเรื่องไทยให้ขึ้นศาลโลก กรณีพื้นที่ 3 ปราสาท 1 ดินแดนที่ไทยจะเสียดินแดน ขณะที่ ฮุน เซน ข่มหลานสาวเพื่อนรักทักษิณแบบเรียบๆ เข้าใจสถานการณ์ในไทย นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่มีอำนาจเปิด-ปิดด่านชายแดน แต่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มที่ ตั้งแต่รัฐสภาและวุฒิสภา ไปจนถึงฝ่ายบริหารทุกระดับและกองทัพ

    แพทองธารตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมสายบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ และย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่คนไทยมากกว่าครึ่งหวาดระแวงรัฐบาล จากความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลฮุนของกัมพูชา และตระกูลชินวัตรของประเทศไทย มีแต่คนไว้ใจกองทัพแต่ไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่เชื่อว่าจะรักษาดินแดนอธิปไตยไว้ได้

    ที่น่าสนใจคือ กรณีที่ ฮุน เซน ตอบโต้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ ปรากฎว่าพ่วงด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดงในลักษณะทวงบุญคุณ เคยให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี การส่งสัญญาณของ ฮุน เซน แสดงให้เห็นว่าทำไมช่วงนี้เพื่อนรักที่ชื่อทักษิณ บิดานายกฯ แพทองธาร ไม่กล้าขยับปากเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อย ฮุน เซน กำความลับของทักษิณเอาไว้ หากวันใดสัมพันธ์ขาดสะบั้น พร้อมส่งสัญญาณ "ไขในที่แจ้ง" ตลอดเวลา

    #Newskit
    อุ๊งอิ๊งค์-ฮุน เซน กินในที่ลับไขในที่แจ้ง ท่าทีของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต เพื่อนรักเพื่อนสนิท ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หลังไทยเสียท่ากับกัมพูชา จากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กัมพูชาปล่อยข่าวมีการหารือแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทำคนไทยทั้งประเทศเดือดดาลมาแล้ว ซ้ำด้วยการยื่นคำขาดของ ฮุน เซน ให้ไทยเปิดด่าน ไม่งั้นจะปิดด่านกลับ ไม่มีอะไรใหม่นอกจากทำตัวเป็นนางเอก อ้างว่าปล่อยข่าวแบบนี้ไม่เป็นผลดีทั้งสองประเทศ แพทองธารอ้างว่าคุยกันหลังไมค์มีแน่นอน แต่ที่กัมพูชาสื่อสารผ่านโซเชียลฯ ที่นอกกรอบ พูดไทยคำอังกฤษคำ ไม่เป็นโปรเฟสชันแนล เกิดผลลบทั้งสองประเทศ แต่ก็ทำได้แค่ส่งข้อความไปหา ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลูกชาย ฮุน เซน ให้จัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระดับกองทัพไปเลยไหม และว่าเคยตกลงกันแล้วว่าอย่าเพิ่งปล่อยข่าว เพราะต้องคุยกันก่อนว่าเอาอย่างไร เพราะคนหน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสารคนละคนกัน แต่ที่แพทองธารพูดให้คนกัมพูชาที่สนับสนุน ฮุน เซน ด่ากลับ คือ วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกา ก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก เพราะทุกวันนี้ชาวเขมรพยายามท้าทาย หาเรื่องไทยให้ขึ้นศาลโลก กรณีพื้นที่ 3 ปราสาท 1 ดินแดนที่ไทยจะเสียดินแดน ขณะที่ ฮุน เซน ข่มหลานสาวเพื่อนรักทักษิณแบบเรียบๆ เข้าใจสถานการณ์ในไทย นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่มีอำนาจเปิด-ปิดด่านชายแดน แต่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มที่ ตั้งแต่รัฐสภาและวุฒิสภา ไปจนถึงฝ่ายบริหารทุกระดับและกองทัพ แพทองธารตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมสายบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี สร้าง "ทีมไทยแลนด์" มอนิเตอร์ข่าวสารทั้งหมดและดำเนินการต่างๆ และย้ำว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่คนไทยมากกว่าครึ่งหวาดระแวงรัฐบาล จากความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลฮุนของกัมพูชา และตระกูลชินวัตรของประเทศไทย มีแต่คนไว้ใจกองทัพแต่ไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่เชื่อว่าจะรักษาดินแดนอธิปไตยไว้ได้ ที่น่าสนใจคือ กรณีที่ ฮุน เซน ตอบโต้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ ปรากฎว่าพ่วงด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดงในลักษณะทวงบุญคุณ เคยให้ข้าวให้น้ำ เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี การส่งสัญญาณของ ฮุน เซน แสดงให้เห็นว่าทำไมช่วงนี้เพื่อนรักที่ชื่อทักษิณ บิดานายกฯ แพทองธาร ไม่กล้าขยับปากเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อย ฮุน เซน กำความลับของทักษิณเอาไว้ หากวันใดสัมพันธ์ขาดสะบั้น พร้อมส่งสัญญาณ "ไขในที่แจ้ง" ตลอดเวลา #Newskit
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐสภาอิหร่านเพิ่งประชุมด่วนวันนี้เพื่ออนุมัติ "ข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมรอบด้านกับรัสเซีย"

    👉ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ของอิหร่านได้ลงนามในระดับผู้นำประเทศของทั้งสองฝ่ายในสนธิสัญญาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมรอบด้านเมื่อวันที่17 ม.ค. 2025 

    👉หลังจากนั้นสภาดูมาของรัสเซีย (สภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่าง) ได้มีมติอนุมัติสนธิสัญญาฉบับดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2025

    👉ต่อมาสภาสหพันธรัฐ (วุฒิสภา หรือสภาสูง) มีมติอนุมัติสนธิสัญญาดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2025

    👉แต่ทางอิหร่านที่นำโดยประธานาธิบดีเปเซชเคียน ไม่มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการส่งเรื่องต่อให้รัฐสภาอิหร่านอนุมัติสนธิสัญญาดังกล่าว

    👉หลังจากอิหร่านถูกโจมตีจากอิสราเอลมาได้สามวัน จนกระทั่งวันนี้จึงได้มีการนัดประชุมวาระเร่งด่วนเพื่อให้สภาอนุมัติสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว

    👉หลังการลงนามในระดับผู้นำทั้งสองเมื่อเดือนม.ค. ปธน.ปูตินได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสนธิสัญญาดังกล่าว ซึ่งระบุถึง “เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่” ในการกระชับความร่วมมือในระยะยาว พร้อมกับเสริมว่าสนธิสัญญาดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างเงื่อนไขที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของทั้งสองชาติและของภูมิภาคยูเรเชียทั้งหมด

    👉เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวไว้เมื่อเดือนเมษายนว่า “ปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิหร่านคือสนธิสัญญาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุมระหว่างรัสเซียและอิหร่าน สนธิสัญญาดังกล่าวจะยืนยันความปรารถนาของทั้งสองฝ่ายในการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในด้านการป้องกันประเทศและการโต้ตอบเพื่อผลประโยชน์ของสันติภาพและความมั่นคงในระดับภูมิภาคและระดับโลก”

    👉ภายใต้สนธิสัญญาดังกล่าว จะเป็นการกระชับและขยายความสัมพันธ์ในทุก ๆ ด้านที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ รวมถึงประสานงานกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างใกล้ชิด โดยสอดคล้องกับความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านในระยะยาว



    รัฐสภาอิหร่านเพิ่งประชุมด่วนวันนี้เพื่ออนุมัติ "ข้อตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมรอบด้านกับรัสเซีย" 👉ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ของอิหร่านได้ลงนามในระดับผู้นำประเทศของทั้งสองฝ่ายในสนธิสัญญาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมรอบด้านเมื่อวันที่17 ม.ค. 2025  👉หลังจากนั้นสภาดูมาของรัสเซีย (สภาผู้แทนราษฎร หรือสภาล่าง) ได้มีมติอนุมัติสนธิสัญญาฉบับดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2025 👉ต่อมาสภาสหพันธรัฐ (วุฒิสภา หรือสภาสูง) มีมติอนุมัติสนธิสัญญาดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2025 👉แต่ทางอิหร่านที่นำโดยประธานาธิบดีเปเซชเคียน ไม่มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการส่งเรื่องต่อให้รัฐสภาอิหร่านอนุมัติสนธิสัญญาดังกล่าว 👉หลังจากอิหร่านถูกโจมตีจากอิสราเอลมาได้สามวัน จนกระทั่งวันนี้จึงได้มีการนัดประชุมวาระเร่งด่วนเพื่อให้สภาอนุมัติสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว 👉หลังการลงนามในระดับผู้นำทั้งสองเมื่อเดือนม.ค. ปธน.ปูตินได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสนธิสัญญาดังกล่าว ซึ่งระบุถึง “เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่” ในการกระชับความร่วมมือในระยะยาว พร้อมกับเสริมว่าสนธิสัญญาดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างเงื่อนไขที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของทั้งสองชาติและของภูมิภาคยูเรเชียทั้งหมด 👉เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวไว้เมื่อเดือนเมษายนว่า “ปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิหร่านคือสนธิสัญญาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุมระหว่างรัสเซียและอิหร่าน สนธิสัญญาดังกล่าวจะยืนยันความปรารถนาของทั้งสองฝ่ายในการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในด้านการป้องกันประเทศและการโต้ตอบเพื่อผลประโยชน์ของสันติภาพและความมั่นคงในระดับภูมิภาคและระดับโลก” 👉ภายใต้สนธิสัญญาดังกล่าว จะเป็นการกระชับและขยายความสัมพันธ์ในทุก ๆ ด้านที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ รวมถึงประสานงานกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างใกล้ชิด โดยสอดคล้องกับความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านในระยะยาว
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌍 การตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติ
    รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขยายมาตรการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่า ส่งผลให้หลายคนต้องลบโพสต์หรือปรับแต่งโปรไฟล์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

    ✅ รายละเอียดมาตรการใหม่
    - นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการวีซ่าจะถูกตรวจสอบ โพสต์บน Facebook, X และแพลตฟอร์มอื่นๆ
    - การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ที่เข้มงวดขึ้น
    - มีการระงับการนัดหมายวีซ่าชั่วคราวเพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบ
    - นักศึกษาจาก แอฟริกาและเอเชีย ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการนี้

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - โพสต์เก่าอาจถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธวีซ่า แม้ว่าจะไม่มีเจตนาไม่ดี
    - การแสดงความเห็นทางการเมืองอาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่า โดยเฉพาะความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ
    - การลบโซเชียลมีเดียอาจไม่ช่วยเสมอไป เพราะข้อมูลที่เคยโพสต์อาจถูกบันทึกไว้แล้ว

    🔍 ผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก
    ✅ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักศึกษา
    - นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะ ลบโพสต์หรือปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    - มีความกังวลว่า การตรวจสอบนี้อาจส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงออก
    - นักศึกษาบางคนรู้สึกว่า ถูกจับตามองตลอดเวลา และต้องระมัดระวังทุกโพสต์ที่เผยแพร่

    ‼️ ข้อควรระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย
    - ควรตรวจสอบโพสต์เก่าที่อาจมีเนื้อหาที่อ่อนไหว ก่อนสมัครวีซ่า
    - หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่อาจถูกตีความผิด โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
    - ควรใช้โซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบในอนาคต

    🛡️ แนวโน้มและข้อกังวลในอนาคต
    ✅ การขยายมาตรการไปยังประเทศอื่น
    - นักวิเคราะห์คาดว่า ประเทศอื่นอาจนำมาตรการนี้มาใช้ ในอนาคต
    - การตรวจสอบโซเชียลมีเดียอาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการพิจารณาวีซ่า
    - มีข้อเสนอให้ กำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับนโยบายนี้
    - อาจเกิดการเลือกปฏิบัติ โดยพิจารณาวีซ่าจากความคิดเห็นทางการเมือง
    - อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีนักศึกษาจำนวนมากในสหรัฐฯ
    - ต้องมีการตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/16/foreign-students-scrub-social-media-as-us-expands-visa-vetting
    🌍 การตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขยายมาตรการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่า ส่งผลให้หลายคนต้องลบโพสต์หรือปรับแต่งโปรไฟล์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ✅ รายละเอียดมาตรการใหม่ - นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการวีซ่าจะถูกตรวจสอบ โพสต์บน Facebook, X และแพลตฟอร์มอื่นๆ - การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ที่เข้มงวดขึ้น - มีการระงับการนัดหมายวีซ่าชั่วคราวเพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบ - นักศึกษาจาก แอฟริกาและเอเชีย ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการนี้ ‼️ ข้อควรระวัง - โพสต์เก่าอาจถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธวีซ่า แม้ว่าจะไม่มีเจตนาไม่ดี - การแสดงความเห็นทางการเมืองอาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่า โดยเฉพาะความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ - การลบโซเชียลมีเดียอาจไม่ช่วยเสมอไป เพราะข้อมูลที่เคยโพสต์อาจถูกบันทึกไว้แล้ว 🔍 ผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก ✅ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักศึกษา - นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะ ลบโพสต์หรือปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา - มีความกังวลว่า การตรวจสอบนี้อาจส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงออก - นักศึกษาบางคนรู้สึกว่า ถูกจับตามองตลอดเวลา และต้องระมัดระวังทุกโพสต์ที่เผยแพร่ ‼️ ข้อควรระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย - ควรตรวจสอบโพสต์เก่าที่อาจมีเนื้อหาที่อ่อนไหว ก่อนสมัครวีซ่า - หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่อาจถูกตีความผิด โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ - ควรใช้โซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบในอนาคต 🛡️ แนวโน้มและข้อกังวลในอนาคต ✅ การขยายมาตรการไปยังประเทศอื่น - นักวิเคราะห์คาดว่า ประเทศอื่นอาจนำมาตรการนี้มาใช้ ในอนาคต - การตรวจสอบโซเชียลมีเดียอาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการพิจารณาวีซ่า - มีข้อเสนอให้ กำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับนโยบายนี้ - อาจเกิดการเลือกปฏิบัติ โดยพิจารณาวีซ่าจากความคิดเห็นทางการเมือง - อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีนักศึกษาจำนวนมากในสหรัฐฯ - ต้องมีการตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/16/foreign-students-scrub-social-media-as-us-expands-visa-vetting
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Foreign students scrub social media as US expands visa vetting
    As the US halts student visa interviews, applicants are censoring their online presence for fear of being denied entry.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฐมบท ไทยเสียดินแดน?

    7 โมงเช้า 15 มิ.ย. พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก เพื่อขอแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต อาศัยวันที่ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหารเมื่อ 63 ปีก่อน อ้างว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนซึ่งเสี่ยงที่จะปะทะด้วยอาวุธ กลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขได้ และอ้างว่าขอความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนและขอบเขตกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่คนรุ่นหลังจะไม่มีปัญหากันอีกต่อไป

    ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นอกจากจะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อแล้ว นายลัม เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมาธิการชายแดนร่วมกัมพูชา ยังกล่าวว่า กัมพูชาจะนำข้อพิพาทชายแดนทั้ง 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก แม้ไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกก็ตาม โดยจะไม่นำมาเป็นหัวข้อในการหารือภายใต้กรอบ JBC อีกต่อไป อีกทั้งนโยบายรัฐบาลกัมพูชายังยึดถือ MOU 2543 โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 และไม่ยอมรับแผนที่ฝ่ายไทยวาดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว

    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของไทย อ้างว่ามิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก โดยมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด

    พรมแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีระยะทาง 798 กิโลเมตร ปักปันเขตแดนแล้ว 603 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ถึงบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด รวม 73 หลัก แต่ยังไม่ปักปันเขตแดน 195 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ ถึงช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำหนดให้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก แต่ไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ กัมพูชาใช้แผนที่ 1:200,000 ที่มีมาตราส่วนหยาบ คลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด คลาดเคลื่อนหลักเขตแดนมากถึง 200 เมตร ขณะที่ไทยถือแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร มีความละเอียดของเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน เห็นแนวสันเขา ร่องน้ำที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานทางภูมิศาสตร์

    ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาทำสงครามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กลับไม่มีท่าทีใดๆ ออกมาชัดเจน ท่ามกลางสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนของกัมพูชา และความไม่ไว้วางใจของประชาชนชาวไทย ที่ประเทศไทยกำลังจะเสียดินแดนอีกครั้งต่อจากเขาพระวิหาร

    #Newskit
    ปฐมบท ไทยเสียดินแดน? 7 โมงเช้า 15 มิ.ย. พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก เพื่อขอแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต อาศัยวันที่ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหารเมื่อ 63 ปีก่อน อ้างว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนซึ่งเสี่ยงที่จะปะทะด้วยอาวุธ กลไกทวิภาคีไม่สามารถแก้ไขได้ และอ้างว่าขอความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนและขอบเขตกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อที่คนรุ่นหลังจะไม่มีปัญหากันอีกต่อไป ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นอกจากจะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อแล้ว นายลัม เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมาธิการชายแดนร่วมกัมพูชา ยังกล่าวว่า กัมพูชาจะนำข้อพิพาทชายแดนทั้ง 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก แม้ไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกก็ตาม โดยจะไม่นำมาเป็นหัวข้อในการหารือภายใต้กรอบ JBC อีกต่อไป อีกทั้งนโยบายรัฐบาลกัมพูชายังยึดถือ MOU 2543 โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 และไม่ยอมรับแผนที่ฝ่ายไทยวาดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของไทย อ้างว่ามิได้มีการหารือในประเด็นที่กัมพูชาจะนำพื้นที่ 4 จุด เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก โดยมิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด พรมแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีระยะทาง 798 กิโลเมตร ปักปันเขตแดนแล้ว 603 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ถึงบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด รวม 73 หลัก แต่ยังไม่ปักปันเขตแดน 195 กิโลเมตร ตั้งแต่ช่องสะงำ ถึงช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กำหนดให้เป็นไปตามสันปันน้ำของเทือกเขาพนมดงรัก แต่ไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ กัมพูชาใช้แผนที่ 1:200,000 ที่มีมาตราส่วนหยาบ คลาดเคลื่อนจากเส้นสันปันน้ำจริงหลายจุด คลาดเคลื่อนหลักเขตแดนมากถึง 200 เมตร ขณะที่ไทยถือแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ที่จัดทำโดยกรมแผนที่ทหาร มีความละเอียดของเส้นแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน เห็นแนวสันเขา ร่องน้ำที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานทางภูมิศาสตร์ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาทำสงครามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กลับไม่มีท่าทีใดๆ ออกมาชัดเจน ท่ามกลางสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุนของกัมพูชา และความไม่ไว้วางใจของประชาชนชาวไทย ที่ประเทศไทยกำลังจะเสียดินแดนอีกครั้งต่อจากเขาพระวิหาร #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านเป็นประเทศแรกที่ให้การยอมรับปากีสถานในปี 2490 (1947)

    อิหร่านและปากีสถานสถาปนาความสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 1947 ซึ่งเป็นวันประกาศเอกราชของปากีสถาน โดยอิหร่านเป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองปากีสถาน
    อิหร่านเป็นประเทศแรกที่ให้การยอมรับปากีสถานในปี 2490 (1947) อิหร่านและปากีสถานสถาปนาความสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 1947 ซึ่งเป็นวันประกาศเอกราชของปากีสถาน โดยอิหร่านเป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองปากีสถาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูตินและทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กินเวลา 50 นาที ประเด็นสำคัญ:

    ➡️การสนทนาได้รับการชี้แจงว่าเป็นไปในทางสร้างสรรค์

    ➡️ปูตินแจ้งความคืบหน้าการแลกเปลี่ยนนักโทษกับยูเครนให้ทรัมป์ทราบและยืนยันว่ารัสเซียพร้อมที่จะเจรจากับยูเครนต่อหลังวันที่ 22 มิถุนายน

    ➡️ทรัมป์ยืนยันความสนใจที่จะยุติความขัดแย้งในยูเครนโดยเร็ว

    ➡️ปูตินประณามการโจมตีอิหร่านโดยอิสราเอล

    ➡️ทรัมป์ตอบกลับว่าสถานการณ์ในภูมิภาคนี้ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน เป็นสถานการณ์ที่ "น่าวิตกมาก"

    ➡️ประธานาธิบดีรัสเซียแสดงความพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน

    ➡️ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลมีประสิทธิภาพมาก

    ➡️ทรัมป์กล่าวกับปูตินว่า ผู้เจรจาของสหรัฐพร้อมจะกลับมาทำงานร่วมกับอิหร่านในประเด็นนิวเคลียร์ตามเงื่อนไขของสหรัฐอีกครั้ง

    ➡️ทั้งประธานาธิบดีรัสเซียและสหรัฐฯ ต่างไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

    ➡️ปูตินและทรัมป์กล่าวถึงความเป็นพี่น้องร่วมรบระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง

    ➡️ผู้นำทั้งสองแสดงความพอใจกับ “ความสัมพันธ์ส่วนตัวในเชิงบวก” ของพวกเขา

    ➡️ช่วงสุดท้าย ปูตินแสดงความยินดีกับทรัมป์ในวันเกิดของเขา
    ปูตินและทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กินเวลา 50 นาที ประเด็นสำคัญ: ➡️การสนทนาได้รับการชี้แจงว่าเป็นไปในทางสร้างสรรค์ ➡️ปูตินแจ้งความคืบหน้าการแลกเปลี่ยนนักโทษกับยูเครนให้ทรัมป์ทราบและยืนยันว่ารัสเซียพร้อมที่จะเจรจากับยูเครนต่อหลังวันที่ 22 มิถุนายน ➡️ทรัมป์ยืนยันความสนใจที่จะยุติความขัดแย้งในยูเครนโดยเร็ว ➡️ปูตินประณามการโจมตีอิหร่านโดยอิสราเอล ➡️ทรัมป์ตอบกลับว่าสถานการณ์ในภูมิภาคนี้ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน เป็นสถานการณ์ที่ "น่าวิตกมาก" ➡️ประธานาธิบดีรัสเซียแสดงความพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ➡️ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลมีประสิทธิภาพมาก ➡️ทรัมป์กล่าวกับปูตินว่า ผู้เจรจาของสหรัฐพร้อมจะกลับมาทำงานร่วมกับอิหร่านในประเด็นนิวเคลียร์ตามเงื่อนไขของสหรัฐอีกครั้ง ➡️ทั้งประธานาธิบดีรัสเซียและสหรัฐฯ ต่างไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ➡️ปูตินและทรัมป์กล่าวถึงความเป็นพี่น้องร่วมรบระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ➡️ผู้นำทั้งสองแสดงความพอใจกับ “ความสัมพันธ์ส่วนตัวในเชิงบวก” ของพวกเขา ➡️ช่วงสุดท้าย ปูตินแสดงความยินดีกับทรัมป์ในวันเกิดของเขา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สมิทธ์ ตุงคะสมิต รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต แสดงทัศนะผ่านเฟซบุ๊ก ถึงความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ชี้ประชาชนสองฝ่ายไร้ชาตินิยมสุดโต่ง แต่กลับเป็น "สองตระกูล" ที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ต่างตอบแทน จนทำให้ทั้งสองประเทศต้องประสบปัญหา ถึงกระนั้น ประชาชนยังคงยึดมั่นในความสัมพันธ์อันดีและหวังเห็นความสงบสุขร่วมกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000056011

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ดร.สมิทธ์ ตุงคะสมิต รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต แสดงทัศนะผ่านเฟซบุ๊ก ถึงความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ชี้ประชาชนสองฝ่ายไร้ชาตินิยมสุดโต่ง แต่กลับเป็น "สองตระกูล" ที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ต่างตอบแทน จนทำให้ทั้งสองประเทศต้องประสบปัญหา ถึงกระนั้น ประชาชนยังคงยึดมั่นในความสัมพันธ์อันดีและหวังเห็นความสงบสุขร่วมกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000056011 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 538 มุมมอง 1 รีวิว
Pages Boosts