• เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 7”
    สงครามโลกครั้งที่ 1 ในสายตาของผู้ดูละคร หรือแม้แต่ผู้ร่วมเล่นละครสงครามฉากนี้ด้วยกัน ก็อาจจะไม่รู้ว่า สงครามโลกนั้น มันเป็นฉากบังหน้าของการเข้าไปแย่งชิงน้ำมัน มันเป็นสงครามชิงน้ำมันครั้งแรก และแน่นอนไม่ใช่ครั้งสุดท้าย น้ำมันจึงกลายเป็นอาวุธสำคัญ ที่ตัดสินการแพ้ชนะของสงครามโลกครั้งนั้น และในสงครามโลกครั้งต่อๆไป อีกด้วยเช่นกัน

ในระหว่างที่ทำสงครามช่วง ค.ศ. 1914 ถึง 1918 กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ต่างวางแผนที่จะเข้าไปชิงน้ำมัน เพื่อเอามาใช้ในการต่อสู้ เยอรมันสั่งผนึกท่อส่งน้ำมันในพวกตัวเองผ่านรูมาเนีย และการรบที่ Dardanelles ก็เป็นสนามรบที่มุ่งหมายจะชิงน้ำมันกันทั้ง 2 ฝ่าย
    สำหรับด้านออตโตมานและเยอรมัน Dardanelles เป็นทางไปสู่รัสเซีย ที่มีน้ำมันอยู่ที่ Baku ปิดช่องทางนี้ อังกฤษก็ขึ้นไปเอาน้ำมันไม่ได้ รัสเซียก็เอาน้ำมันลงมาส่งพรรคพวกไม่ได้เช่นกัน
    เช่นเดียวกับอังกฤษ ก็หวังทะลวงผ่านช่องทางนี้ เพื่อไปเอาน้ำมันที่รัสเซีย และสกัดการควบคุมของออตโตมาน เยอรมัน ดังนั้นการสู้รบที่ Dardanelles จึงเข้มข้นสาหัส
    เมื่ออังกฤษผ่านด่าน Dardanelles ไม่ได้ เหยื่อที่ต้องรับกรรมไปเต็ม ๆ จึงเป็นพวกอาหรับของ Sharif of Hejaz ที่ถูกหลอกให้มาตายแทนพวกฝรั่ง ที่พวกเขานึกว่าจะมาช่วยปลดปล่อยพวกเขา จากการปกครองของพวกเตอร์ก ที่พวกเขาแสนจะระอา แต่มันคงเจ็บช้ำหนักหนาสาหัสกว่า ถ้าพวกอาหรับรู้ว่า พวกเขาถูกหลอกให้มารบแทน และตายแทน พวกนักล่าอาณานิคม ที่กำลังจะมาขโมยน้ำมัน ทรัพยากรอันมีค่าที่เลี้ยงชีวิตพวกเขาด้วยซ้ำ มันเป็นการหลอกลวง ที่ผลของมันทำลายยิ่งกว่าความฝัน แต่เป็นการทำลายให้หัวใจสลายไปด้วย
    นอกเหนือจากการทำลาย และการเฉือนอาณาจักรออตโตมาน แบ่งกันเองในระหว่างผู้ชนะแล้ว ในการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง อังกฤษยังต้มคู่หู คู่กัด ที่หลอกมาให้ช่วยรบ คือ ฝรั่งเศส จนเปื่อยยุ่ยอีกด้วย
    ตามสัญญาสุดชั่ว Sykes-Picot ฝรั่งเศสจะต้องได้ Mosul แหล่งน้ำมันใหญ่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือไปด้วย ก็ Mosul ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ใน CNN ทุกวัน ๆ ละ 24 ชั่วโมงนั่นแหละ ซึ่งตอนนั้นได้มีการให้สัมปทานน้ำมันแก่ Turkish Petroleum ซึ่งถือหุ้นโดย Deutsche Bank ไปแล้ว มาบัดนี้เป็นที่ประจักษ์เกินชัด แล้วว่า Mosul นั้นอุดมน้ำมัน ขนาดไหน ตอนนี้ใครกำลังแย่งชิงกับใคร อย่างได้หลงประเด็นเกี่ยวกับ Mosul ที่ CNN กำลังย้อมสีข่าวเป็นอันขาดเชียว
อังกฤษกลับไปต่อรองกับฝรั่งเศสใหม่ใน ค.ศ. 1918 ขณะนั้นฝรั่งเศสกำลังโทรมจัดจากการรบ อังกฤษก็ใช่ว่าจะอยู่ในสภาพที่ ดีกว่า แต่เพื่อฉากสำคัญ ลงทุนรบมา 4 ปี เตรียมตัวล่วงหน้ามาหลายปี ก็เพื่อจะมาเอารางวัลใหญ่ ที่ชื่อ Mosul นี่แหละ จะให้หลุดมือได้อย่างไร
    อังกฤษใช้บทเดิมกับฝรั่งเศษ เรื่อง Mosul อังกฤษบอก ที่ฝรั่งเศส เลือก Mosul ไว้น่ะ มันเป็นถิ่นที่ยังไม่เจริญนะ ไม่เหมือนซีเรีย ถึงมีข่าวว่ามีน้ำมัน ก็แสนจะเลื่อนลอย เพื่อนกำลังผอมโซอย่างนี้ เอาอะไรที่มันแน่นอน จากเยอรมันไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องลงแรงมาก เราจะช่วยสนับสนุน ถ้าฝรั่งเศสไม่เอา Mosul เราจะยอมลงแรงขุดหาน้ำมันให้เอง และถ้าโชคดีเจอ เราจะแบ่งรายได้ จากการขุดน้ำมันให้
    งานข่าวกรองของฝรั่งเศส คงจะทำงานสู้ของอังกฤษไม่ได้ ฝรั่งเศสเสียค่าโง่ตามเคย ยอมยก Mosul ให้อังกฤษ ถึง 100 ปีผ่านไป ฝรั่งเศสก็คงยังไม่หายกระอักโลหิต !
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 7” สงครามโลกครั้งที่ 1 ในสายตาของผู้ดูละคร หรือแม้แต่ผู้ร่วมเล่นละครสงครามฉากนี้ด้วยกัน ก็อาจจะไม่รู้ว่า สงครามโลกนั้น มันเป็นฉากบังหน้าของการเข้าไปแย่งชิงน้ำมัน มันเป็นสงครามชิงน้ำมันครั้งแรก และแน่นอนไม่ใช่ครั้งสุดท้าย น้ำมันจึงกลายเป็นอาวุธสำคัญ ที่ตัดสินการแพ้ชนะของสงครามโลกครั้งนั้น และในสงครามโลกครั้งต่อๆไป อีกด้วยเช่นกัน

ในระหว่างที่ทำสงครามช่วง ค.ศ. 1914 ถึง 1918 กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ต่างวางแผนที่จะเข้าไปชิงน้ำมัน เพื่อเอามาใช้ในการต่อสู้ เยอรมันสั่งผนึกท่อส่งน้ำมันในพวกตัวเองผ่านรูมาเนีย และการรบที่ Dardanelles ก็เป็นสนามรบที่มุ่งหมายจะชิงน้ำมันกันทั้ง 2 ฝ่าย สำหรับด้านออตโตมานและเยอรมัน Dardanelles เป็นทางไปสู่รัสเซีย ที่มีน้ำมันอยู่ที่ Baku ปิดช่องทางนี้ อังกฤษก็ขึ้นไปเอาน้ำมันไม่ได้ รัสเซียก็เอาน้ำมันลงมาส่งพรรคพวกไม่ได้เช่นกัน เช่นเดียวกับอังกฤษ ก็หวังทะลวงผ่านช่องทางนี้ เพื่อไปเอาน้ำมันที่รัสเซีย และสกัดการควบคุมของออตโตมาน เยอรมัน ดังนั้นการสู้รบที่ Dardanelles จึงเข้มข้นสาหัส เมื่ออังกฤษผ่านด่าน Dardanelles ไม่ได้ เหยื่อที่ต้องรับกรรมไปเต็ม ๆ จึงเป็นพวกอาหรับของ Sharif of Hejaz ที่ถูกหลอกให้มาตายแทนพวกฝรั่ง ที่พวกเขานึกว่าจะมาช่วยปลดปล่อยพวกเขา จากการปกครองของพวกเตอร์ก ที่พวกเขาแสนจะระอา แต่มันคงเจ็บช้ำหนักหนาสาหัสกว่า ถ้าพวกอาหรับรู้ว่า พวกเขาถูกหลอกให้มารบแทน และตายแทน พวกนักล่าอาณานิคม ที่กำลังจะมาขโมยน้ำมัน ทรัพยากรอันมีค่าที่เลี้ยงชีวิตพวกเขาด้วยซ้ำ มันเป็นการหลอกลวง ที่ผลของมันทำลายยิ่งกว่าความฝัน แต่เป็นการทำลายให้หัวใจสลายไปด้วย นอกเหนือจากการทำลาย และการเฉือนอาณาจักรออตโตมาน แบ่งกันเองในระหว่างผู้ชนะแล้ว ในการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง อังกฤษยังต้มคู่หู คู่กัด ที่หลอกมาให้ช่วยรบ คือ ฝรั่งเศส จนเปื่อยยุ่ยอีกด้วย ตามสัญญาสุดชั่ว Sykes-Picot ฝรั่งเศสจะต้องได้ Mosul แหล่งน้ำมันใหญ่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือไปด้วย ก็ Mosul ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ใน CNN ทุกวัน ๆ ละ 24 ชั่วโมงนั่นแหละ ซึ่งตอนนั้นได้มีการให้สัมปทานน้ำมันแก่ Turkish Petroleum ซึ่งถือหุ้นโดย Deutsche Bank ไปแล้ว มาบัดนี้เป็นที่ประจักษ์เกินชัด แล้วว่า Mosul นั้นอุดมน้ำมัน ขนาดไหน ตอนนี้ใครกำลังแย่งชิงกับใคร อย่างได้หลงประเด็นเกี่ยวกับ Mosul ที่ CNN กำลังย้อมสีข่าวเป็นอันขาดเชียว
อังกฤษกลับไปต่อรองกับฝรั่งเศสใหม่ใน ค.ศ. 1918 ขณะนั้นฝรั่งเศสกำลังโทรมจัดจากการรบ อังกฤษก็ใช่ว่าจะอยู่ในสภาพที่ ดีกว่า แต่เพื่อฉากสำคัญ ลงทุนรบมา 4 ปี เตรียมตัวล่วงหน้ามาหลายปี ก็เพื่อจะมาเอารางวัลใหญ่ ที่ชื่อ Mosul นี่แหละ จะให้หลุดมือได้อย่างไร อังกฤษใช้บทเดิมกับฝรั่งเศษ เรื่อง Mosul อังกฤษบอก ที่ฝรั่งเศส เลือก Mosul ไว้น่ะ มันเป็นถิ่นที่ยังไม่เจริญนะ ไม่เหมือนซีเรีย ถึงมีข่าวว่ามีน้ำมัน ก็แสนจะเลื่อนลอย เพื่อนกำลังผอมโซอย่างนี้ เอาอะไรที่มันแน่นอน จากเยอรมันไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องลงแรงมาก เราจะช่วยสนับสนุน ถ้าฝรั่งเศสไม่เอา Mosul เราจะยอมลงแรงขุดหาน้ำมันให้เอง และถ้าโชคดีเจอ เราจะแบ่งรายได้ จากการขุดน้ำมันให้ งานข่าวกรองของฝรั่งเศส คงจะทำงานสู้ของอังกฤษไม่ได้ ฝรั่งเศสเสียค่าโง่ตามเคย ยอมยก Mosul ให้อังกฤษ ถึง 100 ปีผ่านไป ฝรั่งเศสก็คงยังไม่หายกระอักโลหิต ! สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 6”
    รัสเซียเองก็มีความฝัน ฝันของรัสเซียยิ่งเฟื่องจัดกว่าฝรั่งเศส รัสเซียอยากสร้างทางรถไฟสาย Trans-Siberian ยาว 5,400 กิโลเมตร ยาวที่สุดที่มีใครเคยคิด ผู้ที่เสนอความคิดนี้คือ Count Sergei Witte รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย เส้นทางนี้จะเริ่มที่เมือง Vladivostok วิ่งข้ามภูเขา เขตแดนโซบีเรียไปจบที่จีน โดยปลอดจากการมีส่วนร่วม อิทธิพล และการขัดขวางของอังกฤษ

เค้าท์ Witte บอกว่ารัสเซียควรจะเปลี่ยนสภาพจากการเป็น “ตะกร้าขนมปัง” (bread basket) ให้กับอังกฤษเสียที รัสเซียได้แต่ทำหน้าที่ส่งแป้งสาลีให้อังกฤษมากี่นานแล้ว เปลี่ยนมาทำให้ประเทศของตนเองรวยบ้างเถิด ลืมบอกไป เค้าท์ Witte นี้ ก็เป็นสหายรักกับนาย Hanotaux นักฝันเฟื่องเพื่อให้ประเทศเฟื่องฟูด้วยกัน
    ข่าวเรื่องทางรถไฟ Trans Siberian แน่นอนต้องหลุดไปถึงหูของอังก ฤษ คนแพ้ทางรถไฟ เส้นทาง Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 กิโลเมตร อังกฤษแพ้ขนาดไหน นี่มัน 5,400 กิโลเมตร อาการแพ้ก็ต้องมากกว่า ยิ่งรู้ว่าคนช่วยคิดมันเป็นกลุ่ม ไหน อังกฤษนั่งไม่ติด คันไปหมดทั้งตัว ยิ่งกว่าลมพิษขึ้น มันเป็นพิษของความอิจฉา ที่แรงกว่าพิษใดๆ ยกเว้นลมพิษหึง ตามตำราเขาว่างั้นครับ
    สื่อใหญ่ชื่อ นาย A Colqhum ออกมาแสดงความเห็นทุกวัน “เส้นทางนี้ คงจะเป็นเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกจะเคยรู้จัก และแน่นอนมันจะเป็นอาวุธทรงอานุภาพในมือของรัสเซีย ซึ่งมีอำนาจและมีความหมายอย่างยากที่จะประเมิน มันจะทำให้รัสเซียเพียงชาติเดียวลำพัง ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าน Dardanelles หรือคลองสุเอช (ที่อังกฤษควบคุม) มันจะทำให้รัสเซียเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในความกดดันของใคร เข้มแข็งอย่างชนิดที่รัสเซียไม่เคยฝันว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้” โอ้โห ช่างสรรหาถ้อยคำมาพูดจริง พูดออกข่าวทุกวันแบบนี้ ชาวเกาะอยู่เฉยได้ให้มันรู้ไป
    เป็นเวลาหลาย ๆ สิบปีมาแล้ว ที่อังกฤษจัดการวางไม้เสี้ยมและไม้ขวาง เพื่อดุลยอำนาจในยุโรป เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อังกฤษขวางทางความเจริญของเยอรมันทางด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนตุรกีให้ควบคุม Dardanelles ทางที่รัสเซียจะเข้าไปยังแหล่งน้ำอุ่น และแม้ตุรกีจะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับอังกฤษในการใช้เป็นสนามเล่นวิทยายุทธแม่ไม้ต่าง ๆ แต่เมื่อเยอรมันโตเกิน เกินกว่าที่อังกฤษจะเล่นลำพังได้ อย่างที่เคยเล่าไว้แล้ว อังกฤษจึงจำเป็นต้องมีเพื่อน (หรือเหยื่อ) มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน
    อังกฤษพยายามจะขวางการสร้างทางรถไฟสายไซบีเรียนี้ สาระพัดไม้ที่จะวาง แต่เส้นทางมันไกลกัน ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง ไปไม่ถึง รัสเซียสร้างทางนี้เกือบสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1903 และอังกฤษก็ฉวยโอกาส ขณะที่รัสเซียกำลังหน้าแตก ช้ำใจแพ้ญี่ปุ่นในสงคราม Russo – Japan ค.ศ. 1905 อังกฤษ ผู้ชำนาญในการทูตแบบตวัดลิ้น จึงกลับไปเกี้ยวรัสเซีย ให้มาถล่มเยอรมันด้วยกัน โดยยอมถีบออตโตมานทิ้ง และพร้อมจะยกออตโตมานให้รัสเซีย แต่รัสเซียไม่รู้เลยว่า อังกฤษนั้นอยู่ข้างญี่ปุ่นและสนับสนุนญี่ปุ่นในการสู้รบกับรัสเซีย
    ค.ศ. 1905 เค้าท์ Witte ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และผู้มาแทนเขา แนะนำพระเจ้าชาร์นิโคลัสให้ยอมรับ กลับไปสมานไมตรีกับอังกฤษ โดยรัสเซียบอกเพื่อแสดงไมตรีอันดียิ่ง เราขอยกอาฟกานิสถานและบริเวณส่วนใหญ่ของเปอร์เซียให้แก่อังกฤษ และรับปากว่าจะลดความอยากในเอเซียของรัสเซียลงไปหลายส่วน
    หลังจากนั้นสัญญา 3 ฝ่าย ระหว่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ก็มีการทำขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1907 ผนึกประเทศทั้ง 3 ไว้ด้วยกัน ด้วยกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน เป็นการเตรียมพร้อม ในการปฎิบัติการขยี้เยอรมัน ให้แหลกไปจากเส้นทางเดินเข้าไปกินเค้ก ชิ้นโอชะที่ชื่อ ตะวันออกกลาง
    หลังจากอังกฤษใช้ ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง และกาว สำเร็จตามเป้าหมาย ฉากละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ดูเหมือนพร้อมที่จะลงโรง
    ละครฉากแรก เปิดฉากเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1914 เป็นเวลาเพียง 3 เดือน หลังจากการใช้กาวทาเรียบร้อย อาร์คดยุก เฟอร์ดินานท์ มงกุฎราชกุมารของออสเตรีย ก็ถูกยิงกลางแดด โดยพวกเซิร์บ ละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มต้นแสดง
    การทะยานขึ้นมาทาบรัศมีของเยอ รมัน โดยความเจริญทางอุตสาหกรรม กองเรือขนส่งสินค้า กองทัพเรือ ทางรถไฟ ข้ามตะวันออกกลาง โดยเฉพาะรางรถไฟ ซึ่งวิ่งผ่านแหล่งน้ำมัน ที่อังกฤษ ไม่อยากให้ใครมาชิงตัดหน้าไปก่อน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่แข่ง เป็นสิ่งที่อังกฤษ ชาติมหาอำนาจ นักล่าอาณานิคมหมายเลขหนึ่ง แม้จะเป็นชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อย แต่ฝีมือสูงส่ง นอกเหนือจากการเสี้ยมแล้ว ฝีมือการขวางยิ่งล้ำเลิศ อังกฤษจึงต้อง ทั้งขัด และขวาง ไม่ให้เยอรมันแซงหน้าไปได้
    อังกฤษพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายจาก โปรออตโตมาน ขวางรัสเซีย เป็นโปรรัสเซีย ขวางเยอรมัน ได้อย่างง่ายดาย เหมือนพลิกฝ่ามือ นโยบายการทูตของอังกฤษแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยคิดถึงน้ำใจไมตรีที่แท้จริง อังกฤษ มีแต่คำว่า ผลประโยชน์และผลประโยชน์
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 6” รัสเซียเองก็มีความฝัน ฝันของรัสเซียยิ่งเฟื่องจัดกว่าฝรั่งเศส รัสเซียอยากสร้างทางรถไฟสาย Trans-Siberian ยาว 5,400 กิโลเมตร ยาวที่สุดที่มีใครเคยคิด ผู้ที่เสนอความคิดนี้คือ Count Sergei Witte รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย เส้นทางนี้จะเริ่มที่เมือง Vladivostok วิ่งข้ามภูเขา เขตแดนโซบีเรียไปจบที่จีน โดยปลอดจากการมีส่วนร่วม อิทธิพล และการขัดขวางของอังกฤษ

เค้าท์ Witte บอกว่ารัสเซียควรจะเปลี่ยนสภาพจากการเป็น “ตะกร้าขนมปัง” (bread basket) ให้กับอังกฤษเสียที รัสเซียได้แต่ทำหน้าที่ส่งแป้งสาลีให้อังกฤษมากี่นานแล้ว เปลี่ยนมาทำให้ประเทศของตนเองรวยบ้างเถิด ลืมบอกไป เค้าท์ Witte นี้ ก็เป็นสหายรักกับนาย Hanotaux นักฝันเฟื่องเพื่อให้ประเทศเฟื่องฟูด้วยกัน ข่าวเรื่องทางรถไฟ Trans Siberian แน่นอนต้องหลุดไปถึงหูของอังก ฤษ คนแพ้ทางรถไฟ เส้นทาง Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 กิโลเมตร อังกฤษแพ้ขนาดไหน นี่มัน 5,400 กิโลเมตร อาการแพ้ก็ต้องมากกว่า ยิ่งรู้ว่าคนช่วยคิดมันเป็นกลุ่ม ไหน อังกฤษนั่งไม่ติด คันไปหมดทั้งตัว ยิ่งกว่าลมพิษขึ้น มันเป็นพิษของความอิจฉา ที่แรงกว่าพิษใดๆ ยกเว้นลมพิษหึง ตามตำราเขาว่างั้นครับ สื่อใหญ่ชื่อ นาย A Colqhum ออกมาแสดงความเห็นทุกวัน “เส้นทางนี้ คงจะเป็นเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกจะเคยรู้จัก และแน่นอนมันจะเป็นอาวุธทรงอานุภาพในมือของรัสเซีย ซึ่งมีอำนาจและมีความหมายอย่างยากที่จะประเมิน มันจะทำให้รัสเซียเพียงชาติเดียวลำพัง ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าน Dardanelles หรือคลองสุเอช (ที่อังกฤษควบคุม) มันจะทำให้รัสเซียเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในความกดดันของใคร เข้มแข็งอย่างชนิดที่รัสเซียไม่เคยฝันว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้” โอ้โห ช่างสรรหาถ้อยคำมาพูดจริง พูดออกข่าวทุกวันแบบนี้ ชาวเกาะอยู่เฉยได้ให้มันรู้ไป เป็นเวลาหลาย ๆ สิบปีมาแล้ว ที่อังกฤษจัดการวางไม้เสี้ยมและไม้ขวาง เพื่อดุลยอำนาจในยุโรป เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อังกฤษขวางทางความเจริญของเยอรมันทางด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนตุรกีให้ควบคุม Dardanelles ทางที่รัสเซียจะเข้าไปยังแหล่งน้ำอุ่น และแม้ตุรกีจะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับอังกฤษในการใช้เป็นสนามเล่นวิทยายุทธแม่ไม้ต่าง ๆ แต่เมื่อเยอรมันโตเกิน เกินกว่าที่อังกฤษจะเล่นลำพังได้ อย่างที่เคยเล่าไว้แล้ว อังกฤษจึงจำเป็นต้องมีเพื่อน (หรือเหยื่อ) มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน อังกฤษพยายามจะขวางการสร้างทางรถไฟสายไซบีเรียนี้ สาระพัดไม้ที่จะวาง แต่เส้นทางมันไกลกัน ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง ไปไม่ถึง รัสเซียสร้างทางนี้เกือบสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1903 และอังกฤษก็ฉวยโอกาส ขณะที่รัสเซียกำลังหน้าแตก ช้ำใจแพ้ญี่ปุ่นในสงคราม Russo – Japan ค.ศ. 1905 อังกฤษ ผู้ชำนาญในการทูตแบบตวัดลิ้น จึงกลับไปเกี้ยวรัสเซีย ให้มาถล่มเยอรมันด้วยกัน โดยยอมถีบออตโตมานทิ้ง และพร้อมจะยกออตโตมานให้รัสเซีย แต่รัสเซียไม่รู้เลยว่า อังกฤษนั้นอยู่ข้างญี่ปุ่นและสนับสนุนญี่ปุ่นในการสู้รบกับรัสเซีย ค.ศ. 1905 เค้าท์ Witte ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และผู้มาแทนเขา แนะนำพระเจ้าชาร์นิโคลัสให้ยอมรับ กลับไปสมานไมตรีกับอังกฤษ โดยรัสเซียบอกเพื่อแสดงไมตรีอันดียิ่ง เราขอยกอาฟกานิสถานและบริเวณส่วนใหญ่ของเปอร์เซียให้แก่อังกฤษ และรับปากว่าจะลดความอยากในเอเซียของรัสเซียลงไปหลายส่วน หลังจากนั้นสัญญา 3 ฝ่าย ระหว่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ก็มีการทำขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1907 ผนึกประเทศทั้ง 3 ไว้ด้วยกัน ด้วยกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน เป็นการเตรียมพร้อม ในการปฎิบัติการขยี้เยอรมัน ให้แหลกไปจากเส้นทางเดินเข้าไปกินเค้ก ชิ้นโอชะที่ชื่อ ตะวันออกกลาง หลังจากอังกฤษใช้ ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง และกาว สำเร็จตามเป้าหมาย ฉากละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ดูเหมือนพร้อมที่จะลงโรง ละครฉากแรก เปิดฉากเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1914 เป็นเวลาเพียง 3 เดือน หลังจากการใช้กาวทาเรียบร้อย อาร์คดยุก เฟอร์ดินานท์ มงกุฎราชกุมารของออสเตรีย ก็ถูกยิงกลางแดด โดยพวกเซิร์บ ละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มต้นแสดง การทะยานขึ้นมาทาบรัศมีของเยอ รมัน โดยความเจริญทางอุตสาหกรรม กองเรือขนส่งสินค้า กองทัพเรือ ทางรถไฟ ข้ามตะวันออกกลาง โดยเฉพาะรางรถไฟ ซึ่งวิ่งผ่านแหล่งน้ำมัน ที่อังกฤษ ไม่อยากให้ใครมาชิงตัดหน้าไปก่อน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่แข่ง เป็นสิ่งที่อังกฤษ ชาติมหาอำนาจ นักล่าอาณานิคมหมายเลขหนึ่ง แม้จะเป็นชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อย แต่ฝีมือสูงส่ง นอกเหนือจากการเสี้ยมแล้ว ฝีมือการขวางยิ่งล้ำเลิศ อังกฤษจึงต้อง ทั้งขัด และขวาง ไม่ให้เยอรมันแซงหน้าไปได้ อังกฤษพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายจาก โปรออตโตมาน ขวางรัสเซีย เป็นโปรรัสเซีย ขวางเยอรมัน ได้อย่างง่ายดาย เหมือนพลิกฝ่ามือ นโยบายการทูตของอังกฤษแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยคิดถึงน้ำใจไมตรีที่แท้จริง อังกฤษ มีแต่คำว่า ผลประโยชน์และผลประโยชน์ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 5”
    ความโตเร็วของเยอรมัน เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ ค.ศ. 1890 ทำให้อังกฤษทนนั่งดูอยู่เฉยไม่ไหว อังกฤษเตรียมปรับแผนยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่กับพันธมิตรในยุโรป เป็นการปรับชนิด กลับหลัง ตลบหน้า รุนแรงถึงขนาด ปักหมุดให้พันธมิตรเดินตามที่อังกฤษต้องการ หรือหยุดเดินไปในทิศทางที่อังกฤษไม่ต้องการ

เหตุการณ์ที่อียิปต์ Fashoda Crisis คงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด แต่เดิมที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกอดคอเฮฮานั่งกินเหล้าด้วยกันที่อียิปต์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองสุเอช แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา กองทัพอังกฤษที่อียิปต์เหมือนจะงอกมากขึ้นเหมือนเห็ดในฤดูฝน และทำท่าว่าไม่ใช่งอกชั่วฤดูกาล แต่ออกอาการว่าจะอยู่ถาวร แถมอังกฤษแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ เข้าไปสั่งการกับรัฐบาลอียิปต์อีกด้วย ฝรั่งเศษตีโจทย์ไม่ออก นี่มันจะมาไม้ไหน อังกฤษบอกกับฝรั่งเศสว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเราทั้งสองนะ
    แต่นาย Theophile Déclassé รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการอาณานิคมของฝรั่งเศสไม่ยอมคล้อยตาม เขามองว่าอังกฤษกำลังจะฉวยโอกาสฮุบสุเอชและอียิปต์ไว้ฝ่ายเดียว เขาจึงสั่งให้มีการเคลื่อนพล ยกทัพมาจากฝรั่งเศส ข้ามทะเลทรายซาฮาร่า ในปี ค.ศ. 1898 เพื่อไปเผชิญหน้า เตรียมปะทะกับอังกฤษที่รออยู่ที่แม่น้ำไนล์ ให้รู้หมูรู้เสือ
    แค่เงื้อดาบ ยังไม่ทันได้ฟันกัน กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถูกนายเหนือสั่งให้หยุดการ (เกือบ) ปะทะไว้ชั่วคราว เฮ้ย หยุด หยุด นายเขากำลังเจรจากัน
    ผลการเจรจา ฝรั่งเศสตกหลุมอังกฤษ ยอมถอยทัพ และเสียโอกาสมหาศาล ที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในอาฟริกา นาย Déclassé สั่งเคลื่อนพล โดยไม่ได้หารือ ไม่รู้ถึงแผนลับของรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งป่วยอยู่ในขณะนั้น
    รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส นาย Gabriel Hanotaux มีชื่อเสียงว่า ไม่ชอบหน้าอังกฤษอย่างยิ่ง หรือใช้ว่า เกลียด อาจจะตรงกว่า มีนโยบายที่จะปรับปรุงและสร้างแหล่งอุตสาหกรรมในอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่อยู่ในอาฟริกา นาย Hanotaux ตั้งใจจะผนึกฝรั่งเศสกับอาฟริกาให้แน่นแฟ้น โดยสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่าง Dakar ใน French Senegal มาจนถึง Djibouti ที่ทะเลแดง มันจะเป็นการเชื่อมอาฟริกาตะวันออกถึงตะวันตกโดย “Trans-Sahara Railway Project” (ทางรถไฟอีกแล้ว!)
    เส้นทางรถไฟนี้ ถ้าสำเร็จจะเป็นการขวาง ไม่ให้อังกฤษแต่ฝ่ายเดียว ที่หวังจะเป็นผู้ควบคุมอาฟริกา ทั้งหมดผ่าน อียิปต์ ไปจนถึง อินเดีย นาย Hanotaux ได้แอบปรึกษากับเยอรมัน บอก ทางรถไฟเส้นทางนี้ จะเป็นยากัน การขยายอิทธิพลของอังกฤษอย่างชงัด เรามาปรุงยานี้กันไหม ?
    ค.ศ. 1896 ฝรั่งเศสและเยอรมันหารือกันอีกรอบ “เราควรจะแสดงอิทธิฤทธิให้อังกฤษเห็นบ้างว่า ไม่ใช่อังกฤษฝ่ายเดียว ที่จะเป็นคนตัดสินใจและได้ทุกอย่างไป”
    แต่แล้วก็ เกิดเหตุ Dreyfus Affair สื่อฝรั่งเศสตีข่าวกันใหญ่ว่า นายทหารระดับร้อยเอกของกองทัพฝรั่งเศส ชื่อ Dreyfus ถูกจับข้อหากระทำการจารกรรมต่อเยอรมัน เป็นเรื่องใหญ่นะ ทำให้การเจรจาระหว่าง Hanotaux กับเยอรมันสดุด การปรุงยาชะงักลง เขาต้องออกมาหน้าเครียดแก้ข่าวและเตือนสื่อว่า อย่าใส่สีมากนัก มันจะพาไปสู่สงครามกับเยอรมันได้ อยากได้อย่างนั้นหรือ
    ในที่สุดร้อยเอก Dreyfus ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อมีการสืบสวน จนได้ความชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างหลักฐานปลอมใส่ Dreyfus โดย Count Ferdinand Walsin – Esterhazy (ชื่อยาวจัง !) ซึ่งได้รับจ้างให้ทำเรื่องนี้ ส่วนผู้จ้างคือตระกูล Rothschild ที่ทำธุรกิจธนาคารอยู่ที่ปารีส เรื่องนี้ เล่นกันเองแรงดี ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม้ขวางอันนี้ อภินันทนาการจาก Rothschild
    ค.ศ. 1898 Hanotaux ก็พ้นจากตำแหน่ง และผู้มาแทนเขาก็คือ Déclassé เงินใหญ่ จ้างผีระดับไหน ให้โม่แป้งก็ได้!
    หลังจากเหตุการณ์ Fachoda จบลง อังกฤษก็สามารถปักหมุด ฉุด และจูง ให้ฝรั่งเศส ล้มเลิกแผนการปรับปรุงอาณานิคมในอาฟริกา และลดความสนใจในอียิปต์ลงไปได้ อังกฤษบอกแก่ฝรั่งเศส นี่ เพื่อน อย่าไปมัวสนใจอะไร ที่มันเลื่อนลอยเหมือนความฝันเลย อาฟริกานี่ไม่ใช่หมูนะ ไกลบ้านด้วย เพื่อนไปเอาอะไรที่จับต้องได้ ไม่ดีกว่าหรือ เช่นหล็กที่ Alsace- Lorraine ของเยอรมันยังไงล่ะ ดีกว่านะ เราจะสนับสนุนเพื่อนให้ได้เอง แล้วฝรั่งเศษก็ตกหลุมของอังกฤษอีกพลั่ก
    นาย Hanotaux ได้กล่าวภายหลังว่า มันชัดเจนว่าทุกครั้งที่ฝรั่งเศสขยับตัว อังกฤษก็จะเกิดอาการผวา เหมือนเด็กเห็นเงา นึกว่าผีหลอกและเข้ามาขัดขวาง เพราะคิดว่าการดำเนินการของทุกคนนั้น ขัดประโยชน์ของอังกฤษทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่กรณี อียิปต์ ตูนีเซีย มาดาร์กัสการ์ อินโดจีน แม้กระทั่งที่คองโก อังกฤษจะต้องถือไม้ออกมาวางขวางเสมอ
    จากเหตุการณ์ Fachodo อังกฤษกับฝรั่งเศส จึงกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง โดยทำสัญญาลับให้ไว้ต่อกัน มีกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน ทาคู่หูให้ติดกันไว้ นาย Hanotaux บอกว่าอังกฤษเก่งมาก ที่แยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกัน เป็นกลยุทธสุดยอดอีกอันหนึ่งของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย (ของเท้าซ้าย)
    ฝรั่งเศสคงไม่ใช่เป็นรายเดียวที่ต้องถูกปักหมุด ให้เดิน หรือเลิกเดิน และใช้กาวยี่ห้อขวางเยอรมันทาติดเอาไว้ รัสเซียเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 5” ความโตเร็วของเยอรมัน เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ ค.ศ. 1890 ทำให้อังกฤษทนนั่งดูอยู่เฉยไม่ไหว อังกฤษเตรียมปรับแผนยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่กับพันธมิตรในยุโรป เป็นการปรับชนิด กลับหลัง ตลบหน้า รุนแรงถึงขนาด ปักหมุดให้พันธมิตรเดินตามที่อังกฤษต้องการ หรือหยุดเดินไปในทิศทางที่อังกฤษไม่ต้องการ

เหตุการณ์ที่อียิปต์ Fashoda Crisis คงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด แต่เดิมที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกอดคอเฮฮานั่งกินเหล้าด้วยกันที่อียิปต์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองสุเอช แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา กองทัพอังกฤษที่อียิปต์เหมือนจะงอกมากขึ้นเหมือนเห็ดในฤดูฝน และทำท่าว่าไม่ใช่งอกชั่วฤดูกาล แต่ออกอาการว่าจะอยู่ถาวร แถมอังกฤษแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ เข้าไปสั่งการกับรัฐบาลอียิปต์อีกด้วย ฝรั่งเศษตีโจทย์ไม่ออก นี่มันจะมาไม้ไหน อังกฤษบอกกับฝรั่งเศสว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเราทั้งสองนะ แต่นาย Theophile Déclassé รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการอาณานิคมของฝรั่งเศสไม่ยอมคล้อยตาม เขามองว่าอังกฤษกำลังจะฉวยโอกาสฮุบสุเอชและอียิปต์ไว้ฝ่ายเดียว เขาจึงสั่งให้มีการเคลื่อนพล ยกทัพมาจากฝรั่งเศส ข้ามทะเลทรายซาฮาร่า ในปี ค.ศ. 1898 เพื่อไปเผชิญหน้า เตรียมปะทะกับอังกฤษที่รออยู่ที่แม่น้ำไนล์ ให้รู้หมูรู้เสือ แค่เงื้อดาบ ยังไม่ทันได้ฟันกัน กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถูกนายเหนือสั่งให้หยุดการ (เกือบ) ปะทะไว้ชั่วคราว เฮ้ย หยุด หยุด นายเขากำลังเจรจากัน ผลการเจรจา ฝรั่งเศสตกหลุมอังกฤษ ยอมถอยทัพ และเสียโอกาสมหาศาล ที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในอาฟริกา นาย Déclassé สั่งเคลื่อนพล โดยไม่ได้หารือ ไม่รู้ถึงแผนลับของรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งป่วยอยู่ในขณะนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส นาย Gabriel Hanotaux มีชื่อเสียงว่า ไม่ชอบหน้าอังกฤษอย่างยิ่ง หรือใช้ว่า เกลียด อาจจะตรงกว่า มีนโยบายที่จะปรับปรุงและสร้างแหล่งอุตสาหกรรมในอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่อยู่ในอาฟริกา นาย Hanotaux ตั้งใจจะผนึกฝรั่งเศสกับอาฟริกาให้แน่นแฟ้น โดยสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่าง Dakar ใน French Senegal มาจนถึง Djibouti ที่ทะเลแดง มันจะเป็นการเชื่อมอาฟริกาตะวันออกถึงตะวันตกโดย “Trans-Sahara Railway Project” (ทางรถไฟอีกแล้ว!) เส้นทางรถไฟนี้ ถ้าสำเร็จจะเป็นการขวาง ไม่ให้อังกฤษแต่ฝ่ายเดียว ที่หวังจะเป็นผู้ควบคุมอาฟริกา ทั้งหมดผ่าน อียิปต์ ไปจนถึง อินเดีย นาย Hanotaux ได้แอบปรึกษากับเยอรมัน บอก ทางรถไฟเส้นทางนี้ จะเป็นยากัน การขยายอิทธิพลของอังกฤษอย่างชงัด เรามาปรุงยานี้กันไหม ? ค.ศ. 1896 ฝรั่งเศสและเยอรมันหารือกันอีกรอบ “เราควรจะแสดงอิทธิฤทธิให้อังกฤษเห็นบ้างว่า ไม่ใช่อังกฤษฝ่ายเดียว ที่จะเป็นคนตัดสินใจและได้ทุกอย่างไป” แต่แล้วก็ เกิดเหตุ Dreyfus Affair สื่อฝรั่งเศสตีข่าวกันใหญ่ว่า นายทหารระดับร้อยเอกของกองทัพฝรั่งเศส ชื่อ Dreyfus ถูกจับข้อหากระทำการจารกรรมต่อเยอรมัน เป็นเรื่องใหญ่นะ ทำให้การเจรจาระหว่าง Hanotaux กับเยอรมันสดุด การปรุงยาชะงักลง เขาต้องออกมาหน้าเครียดแก้ข่าวและเตือนสื่อว่า อย่าใส่สีมากนัก มันจะพาไปสู่สงครามกับเยอรมันได้ อยากได้อย่างนั้นหรือ ในที่สุดร้อยเอก Dreyfus ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อมีการสืบสวน จนได้ความชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างหลักฐานปลอมใส่ Dreyfus โดย Count Ferdinand Walsin – Esterhazy (ชื่อยาวจัง !) ซึ่งได้รับจ้างให้ทำเรื่องนี้ ส่วนผู้จ้างคือตระกูล Rothschild ที่ทำธุรกิจธนาคารอยู่ที่ปารีส เรื่องนี้ เล่นกันเองแรงดี ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม้ขวางอันนี้ อภินันทนาการจาก Rothschild ค.ศ. 1898 Hanotaux ก็พ้นจากตำแหน่ง และผู้มาแทนเขาก็คือ Déclassé เงินใหญ่ จ้างผีระดับไหน ให้โม่แป้งก็ได้! หลังจากเหตุการณ์ Fachoda จบลง อังกฤษก็สามารถปักหมุด ฉุด และจูง ให้ฝรั่งเศส ล้มเลิกแผนการปรับปรุงอาณานิคมในอาฟริกา และลดความสนใจในอียิปต์ลงไปได้ อังกฤษบอกแก่ฝรั่งเศส นี่ เพื่อน อย่าไปมัวสนใจอะไร ที่มันเลื่อนลอยเหมือนความฝันเลย อาฟริกานี่ไม่ใช่หมูนะ ไกลบ้านด้วย เพื่อนไปเอาอะไรที่จับต้องได้ ไม่ดีกว่าหรือ เช่นหล็กที่ Alsace- Lorraine ของเยอรมันยังไงล่ะ ดีกว่านะ เราจะสนับสนุนเพื่อนให้ได้เอง แล้วฝรั่งเศษก็ตกหลุมของอังกฤษอีกพลั่ก นาย Hanotaux ได้กล่าวภายหลังว่า มันชัดเจนว่าทุกครั้งที่ฝรั่งเศสขยับตัว อังกฤษก็จะเกิดอาการผวา เหมือนเด็กเห็นเงา นึกว่าผีหลอกและเข้ามาขัดขวาง เพราะคิดว่าการดำเนินการของทุกคนนั้น ขัดประโยชน์ของอังกฤษทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่กรณี อียิปต์ ตูนีเซีย มาดาร์กัสการ์ อินโดจีน แม้กระทั่งที่คองโก อังกฤษจะต้องถือไม้ออกมาวางขวางเสมอ จากเหตุการณ์ Fachodo อังกฤษกับฝรั่งเศส จึงกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง โดยทำสัญญาลับให้ไว้ต่อกัน มีกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน ทาคู่หูให้ติดกันไว้ นาย Hanotaux บอกว่าอังกฤษเก่งมาก ที่แยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกัน เป็นกลยุทธสุดยอดอีกอันหนึ่งของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย (ของเท้าซ้าย) ฝรั่งเศสคงไม่ใช่เป็นรายเดียวที่ต้องถูกปักหมุด ให้เดิน หรือเลิกเดิน และใช้กาวยี่ห้อขวางเยอรมันทาติดเอาไว้ รัสเซียเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SiPearl เปิดตัว Athena1 — โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรป 80 คอร์ สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมวางจำหน่ายปี 2027”

    ในยุคที่ความมั่นคงทางไซเบอร์และอธิปไตยด้านเทคโนโลยีกลายเป็นประเด็นระดับชาติ SiPearl บริษัทออกแบบโปรเซสเซอร์จากฝรั่งเศสที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป ได้เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีของยุโรป

    Athena1 พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์รุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ exascale โดย Athena1 จะมีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ บนสถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัสขั้นสูง รองรับงานที่ต้องการความมั่นคง เช่น การสื่อสารลับ, การวิเคราะห์ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะทางทหาร และเครือข่ายยุทธวิธี

    แม้จะไม่มีหน่วยความจำ HBM2E เหมือน Rhea1 เนื่องจาก Athena1 ไม่เน้นงาน AI หรือ HPC แต่ยังคงใช้เทคโนโลยี DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์ที่สูงพอสำหรับงานด้านกลาโหมและการประมวลผลภาคสนาม โดยมีจำนวนทรานซิสเตอร์มากถึง 61 พันล้านตัว

    การผลิตชิปจะดำเนินโดย TSMC ในไต้หวัน และมีแผนย้ายขั้นตอนการบรรจุชิปกลับมายังยุโรปในอนาคต เพื่อสร้างระบบอุตสาหกรรมภายในภูมิภาคให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดย Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SiPearl เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม
    ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 พร้อมตัวเลือกคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์
    พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ JUPITER
    รองรับงานด้านความมั่นคง เช่น การเข้ารหัส, ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะ
    ไม่มี HBM2E แต่ใช้ DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์สูง
    มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 61 พันล้านตัว ผลิตโดย TSMC
    ขั้นตอนการบรรจุชิปจะย้ายกลับมาในยุโรปเพื่อเสริมอุตสาหกรรมภายใน
    วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุโรปในการสร้างอธิปไตยด้านเทคโนโลยี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Arm Neoverse V1 เปิดตัวในปี 2020 และใช้ในงานเซิร์ฟเวอร์และ edge computing
    Rhea1 ใช้ใน JUPITER ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ exascale แห่งแรกของยุโรป
    HBM2E เหมาะกับงาน HPC และ AI แต่ไม่จำเป็นสำหรับงานด้านกลาโหม
    การใช้ PCIe 5.0 ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
    การผลิตโดย TSMC ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ แต่ยังต้องพึ่งพา supply chain ต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/sipearl-unveils-europes-first-dual-use-sovereign-processor-with-80-cores-expected-in-2027-for-government-aerospace-and-defense-applications
    🛡️ “SiPearl เปิดตัว Athena1 — โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรป 80 คอร์ สำหรับงานพลเรือนและกลาโหม พร้อมวางจำหน่ายปี 2027” ในยุคที่ความมั่นคงทางไซเบอร์และอธิปไตยด้านเทคโนโลยีกลายเป็นประเด็นระดับชาติ SiPearl บริษัทออกแบบโปรเซสเซอร์จากฝรั่งเศสที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป ได้เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั้งพลเรือนและกลาโหม โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีของยุโรป Athena1 พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์รุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ระดับ exascale โดย Athena1 จะมีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ บนสถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 และมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัสขั้นสูง รองรับงานที่ต้องการความมั่นคง เช่น การสื่อสารลับ, การวิเคราะห์ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะทางทหาร และเครือข่ายยุทธวิธี แม้จะไม่มีหน่วยความจำ HBM2E เหมือน Rhea1 เนื่องจาก Athena1 ไม่เน้นงาน AI หรือ HPC แต่ยังคงใช้เทคโนโลยี DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์ที่สูงพอสำหรับงานด้านกลาโหมและการประมวลผลภาคสนาม โดยมีจำนวนทรานซิสเตอร์มากถึง 61 พันล้านตัว การผลิตชิปจะดำเนินโดย TSMC ในไต้หวัน และมีแผนย้ายขั้นตอนการบรรจุชิปกลับมายังยุโรปในอนาคต เพื่อสร้างระบบอุตสาหกรรมภายในภูมิภาคให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดย Athena1 มีกำหนดวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2027 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SiPearl เปิดตัว Athena1 โปรเซสเซอร์อธิปไตยยุโรปสำหรับงานพลเรือนและกลาโหม ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Arm Neoverse V1 พร้อมตัวเลือกคอร์ตั้งแต่ 16 ถึง 80 คอร์ ➡️ พัฒนาต่อยอดจาก Rhea1 ที่ใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ JUPITER ➡️ รองรับงานด้านความมั่นคง เช่น การเข้ารหัส, ข่าวกรอง, การประมวลผลในยานพาหนะ ➡️ ไม่มี HBM2E แต่ใช้ DDR5 และ PCIe 5.0 เพื่อรองรับแบนด์วิดธ์สูง ➡️ มีจำนวนทรานซิสเตอร์ 61 พันล้านตัว ผลิตโดย TSMC ➡️ ขั้นตอนการบรรจุชิปจะย้ายกลับมาในยุโรปเพื่อเสริมอุตสาหกรรมภายใน ➡️ วางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังของปี 2027 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุโรปในการสร้างอธิปไตยด้านเทคโนโลยี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Arm Neoverse V1 เปิดตัวในปี 2020 และใช้ในงานเซิร์ฟเวอร์และ edge computing ➡️ Rhea1 ใช้ใน JUPITER ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ exascale แห่งแรกของยุโรป ➡️ HBM2E เหมาะกับงาน HPC และ AI แต่ไม่จำเป็นสำหรับงานด้านกลาโหม ➡️ การใช้ PCIe 5.0 ช่วยให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ➡️ การผลิตโดย TSMC ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพ แต่ยังต้องพึ่งพา supply chain ต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/sipearl-unveils-europes-first-dual-use-sovereign-processor-with-80-cores-expected-in-2027-for-government-aerospace-and-defense-applications
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "จ่าเอ็ม" จำเลยคดียิง "ลิม กิมยา" นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิตย่านถนนข้าวสาร พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ภรรยา 1.79 ล้านบาท ส่วนคนขับรถรับจ้างไปส่งที่คลองหาด จ.สระแก้ว ศาลยกฟ้อง เพราะไม่ปรากฎว่ามีเจตนาพิเศษ และค่าจ้างไปส่งเป็นราคาสมเหตุสมผล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000094654

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลอาญาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "จ่าเอ็ม" จำเลยคดียิง "ลิม กิมยา" นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิตย่านถนนข้าวสาร พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ภรรยา 1.79 ล้านบาท ส่วนคนขับรถรับจ้างไปส่งที่คลองหาด จ.สระแก้ว ศาลยกฟ้อง เพราะไม่ปรากฎว่ามีเจตนาพิเศษ และค่าจ้างไปส่งเป็นราคาสมเหตุสมผล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000094654 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • กุนเชียงปลาอร่อยมากนะ…รู้ยัง… กุนเชียงปลาแบบแท่งยาว ทอดทานอร่อยอร่อยกับข้าวสวยร้อนร้อน หรือลูกค้าจะทานกับข้าวเหนียว ข้าวต้ม บอกเลยข้าวหมดจานแน่นอน … เป็นสินค้าขายดีที่อยากแนะนำค่ะ ถ้าไม่เคยลองกดสั่งด่วนเลย

    ฝากกดติดตามร้านด้วยนะคะ ร้านกินจุ๊บจิ๊บค่ะ ส่งเร็วส่งไวของใหม่อร่อยทุกอย่างเลย

    กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ

    ⭕️

    กุนเชียงหมู ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/

    กุนเชียงหมู ใน Shopee
    https://th.shp.ee/icytTqn

    กุนเชียงปลา ใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/

    กุนเชียงปลา ใน Shopee
    https://th.shp.ee/UP94YQL

    เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง
    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_

    เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง


    #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #กุนเชียง #กิมสั่วงา #ปลาไล้กอตากแห้ง
    กุนเชียงปลาอร่อยมากนะ…รู้ยัง… กุนเชียงปลาแบบแท่งยาว ทอดทานอร่อยอร่อยกับข้าวสวยร้อนร้อน หรือลูกค้าจะทานกับข้าวเหนียว ข้าวต้ม บอกเลยข้าวหมดจานแน่นอน … เป็นสินค้าขายดีที่อยากแนะนำค่ะ ถ้าไม่เคยลองกดสั่งด่วนเลย ฝากกดติดตามร้านด้วยนะคะ ร้านกินจุ๊บจิ๊บค่ะ ส่งเร็วส่งไวของใหม่อร่อยทุกอย่างเลย กดสั่งซื้อในตะกร้าด้านล่างได้เลยค่ะ 🌶️♨️⭕️ กุนเชียงหมู 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYbDdHr/ กุนเชียงหมู 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/icytTqn กุนเชียงปลา 🐟🐠 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMYgRyc2/ กุนเชียงปลา 🐠🐟 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/UP94YQL เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_ เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #กุนเชียงหมู #กุนเชียงปลา #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิว #หมึกกะตอยแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #กุนเชียง #กิมสั่วงา #ปลาไล้กอตากแห้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • วิธีปลุกประชาชนตื่นรับรู้ กระตือรือร้นในการรับรู้ มันมีหลายวิธี คือยึดก่อนที่เป็นของไทย บนแผ่นดินไทยก็ส่วนหนึ่ง แบบยึดปราสาทนั้นล่ะ หรือ ทำลายทิ้งทันทีแบบบ่อนคาสิโนจึงค่อยรายงานทีหลัง,หรือแบบตาควายทำลายเลยเพราะดินแดนของเรา สร้างใหม่ได้ เขมรมาใช้ตาควายเป็นตัวประกันฝันสลายเลย,เพราะวัตถุธาตุเราสร้างใหม่ซ่อมแซมได้,การปล่อยศัตรูมิใช่วิสัยสนามรบ,
    ..กองทัพไทยเรา มีปัญหาภายในจริงๆ,ระหว่างกองทัพบูรพาพยัคฆ์ที่โหนเจ้ามานาน โหนชื่อว่าทหารพระราชินี ถือว่าเสียพระเกียรติมาก,สมควรยุบขบวนการชื่อนี้ทิ้งทันที มันสร้างวิถีแตกแยกในกองทัพไทยได้ ไม่เป็นปึกแผ่นใจเดียวกันเลย,แม่ทัพภาค2สู้เขมรเอาเป็นเอาตาย,หันมาดูแม่ทัพภาค1.เสือกนิ่งเฉยตลอดทั้งภาคตะวันออก สุดท้ายแต่ละเรื่องที่สื่อและกูรูแฉตัวตนออกมาของทั้งกองทัพภาค1ถือว่าเสมือนเป็นภัยความมั่นคงต่ออธิปไตยไทยชาติไทยตนเองทั้งสิ้น บ่อนคาสิโนเขมรในจังหวัดตราดคือรากเหง้าชัดเจน,ทหารดีๆภายในกองทัพภาค1ต้องเสื่อมเสียเกียรติไปด้วย,ศาลทหารไทยไม่ทำหน้าที่,มีการเมืองภายในศาลทหารชัดเจน เสื่อมเสียเกียรติภูมิมากของศาลทหาร ที่ไม่ยอมจัดการผู้บังคับบัญชาชั่วเลวในกองทัพตนเองเลย ปล่อยปละละเลยทั้งที่การข่าวตนมีโคตรๆมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว,เป็นสายให้ทหารตำรวจก็สายไปแต่เสือกปล่อยลักษณะสร้างบ่อนคาสิโน ถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา เน็ต จนครบวงจร หน่วยข่าวกรองทหาร ศาลทหารเราละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กำจัดคนชั่วเลวในกองทัพตนเสียเอง.
    ..วงการทหารและกองทัพไทยตนกวาดล้างกำจัดทำความสะอาดภายในกองทัพตนอย่างใหญ่หลวงจริงๆ,ประชาชนแบบเราๆสนับสนุนทหารน้ำดีทำการกวาดล้างทหารชั่วนายพลชั่วอดีตผู้นำกองทัพชั่วทันทีทั้งหมด,ตลอดรมต.กลาโหมทุกๆคนในอดีตที่ผ่านมาด้วยที่สร้างหายนะใหญ่หลวงต่อพิบัติภัยอธิปไตยดินแดนไทยแผ่นดินไทยเรานี้,พวกนี้ต้องถือกำจัดและลงโทษทุกๆคน.

    https://youtube.com/shorts/WgCWNsy-rQM?si=hkAZzSlpCUeSZayb

    วิธีปลุกประชาชนตื่นรับรู้ กระตือรือร้นในการรับรู้ มันมีหลายวิธี คือยึดก่อนที่เป็นของไทย บนแผ่นดินไทยก็ส่วนหนึ่ง แบบยึดปราสาทนั้นล่ะ หรือ ทำลายทิ้งทันทีแบบบ่อนคาสิโนจึงค่อยรายงานทีหลัง,หรือแบบตาควายทำลายเลยเพราะดินแดนของเรา สร้างใหม่ได้ เขมรมาใช้ตาควายเป็นตัวประกันฝันสลายเลย,เพราะวัตถุธาตุเราสร้างใหม่ซ่อมแซมได้,การปล่อยศัตรูมิใช่วิสัยสนามรบ, ..กองทัพไทยเรา มีปัญหาภายในจริงๆ,ระหว่างกองทัพบูรพาพยัคฆ์ที่โหนเจ้ามานาน โหนชื่อว่าทหารพระราชินี ถือว่าเสียพระเกียรติมาก,สมควรยุบขบวนการชื่อนี้ทิ้งทันที มันสร้างวิถีแตกแยกในกองทัพไทยได้ ไม่เป็นปึกแผ่นใจเดียวกันเลย,แม่ทัพภาค2สู้เขมรเอาเป็นเอาตาย,หันมาดูแม่ทัพภาค1.เสือกนิ่งเฉยตลอดทั้งภาคตะวันออก สุดท้ายแต่ละเรื่องที่สื่อและกูรูแฉตัวตนออกมาของทั้งกองทัพภาค1ถือว่าเสมือนเป็นภัยความมั่นคงต่ออธิปไตยไทยชาติไทยตนเองทั้งสิ้น บ่อนคาสิโนเขมรในจังหวัดตราดคือรากเหง้าชัดเจน,ทหารดีๆภายในกองทัพภาค1ต้องเสื่อมเสียเกียรติไปด้วย,ศาลทหารไทยไม่ทำหน้าที่,มีการเมืองภายในศาลทหารชัดเจน เสื่อมเสียเกียรติภูมิมากของศาลทหาร ที่ไม่ยอมจัดการผู้บังคับบัญชาชั่วเลวในกองทัพตนเองเลย ปล่อยปละละเลยทั้งที่การข่าวตนมีโคตรๆมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว,เป็นสายให้ทหารตำรวจก็สายไปแต่เสือกปล่อยลักษณะสร้างบ่อนคาสิโน ถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา เน็ต จนครบวงจร หน่วยข่าวกรองทหาร ศาลทหารเราละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กำจัดคนชั่วเลวในกองทัพตนเสียเอง. ..วงการทหารและกองทัพไทยตนกวาดล้างกำจัดทำความสะอาดภายในกองทัพตนอย่างใหญ่หลวงจริงๆ,ประชาชนแบบเราๆสนับสนุนทหารน้ำดีทำการกวาดล้างทหารชั่วนายพลชั่วอดีตผู้นำกองทัพชั่วทันทีทั้งหมด,ตลอดรมต.กลาโหมทุกๆคนในอดีตที่ผ่านมาด้วยที่สร้างหายนะใหญ่หลวงต่อพิบัติภัยอธิปไตยดินแดนไทยแผ่นดินไทยเรานี้,พวกนี้ต้องถือกำจัดและลงโทษทุกๆคน. https://youtube.com/shorts/WgCWNsy-rQM?si=hkAZzSlpCUeSZayb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ้าว ทูตจีนรับปากซื้อข้าวไทย 2.8 แสนตัน ตั้งแต่กุมภา
    รมต.ใหม่มา ออกข่าวฉ่ำเลย
    อ๋อ แค่ขอบคุณไม่ได้เคลม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    อ้าว ทูตจีนรับปากซื้อข้าวไทย 2.8 แสนตัน ตั้งแต่กุมภา รมต.ใหม่มา ออกข่าวฉ่ำเลย อ๋อ แค่ขอบคุณไม่ได้เคลม #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูตินถูกนักข่าวถามว่า "เหตุใดสหรัฐฯถึงสามารถซื้อแร่ยูเรเนียมจากรัสเซียได้ แต่สหรัฐกลับห้ามประเทศอื่นซื้อพลังงานจากรัสเซีย"

    ปูตินตอบกลับว่า "สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้ วัวจะทำไม่ได้" (Что позволено Юпитеру, то не позволено быку) ซึ่งเป็นคำพูดเปรียบเปรยที่มาจากภาษาละตินว่า ("Quod licet Iovi, non licet bovi")
    .
    หากแปลคำพูดของปูติน เขากำลังเสียดสีสหรัฐว่ามี "สองมาตรฐาน"
    "Quod licet Iovi" (สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้) = สหรัฐ โดยที่ "จูปิเตอร์" หมายถึงดาวพฤหัสที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้มีอำนาจ หรือ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโรมัน (เทียบเท่ากับซุสของกรีก) ในที่นี้ก็คือ สหรัฐ ซึ่งเป็นมหาอำนาจบนเวทีโลก สามารถ "ยกเว้นตนเอง" ออกจากกฎเกณฑ์ที่ตนเองตั้งขึ้นมาได้ (เช่น กฎการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่การพึ่งพายูเรเนียมของรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่ง

    ในขณะที่ "non licet bovi" (วัวทำไม่ได้/ห้ามทำ) ในที่นี้คือ ประเทศ อื่นๆ ซึ่งถูกสหรัฐฯกดดันและห้ามปรามไม่ให้ซื้อน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
    ปูตินถูกนักข่าวถามว่า "เหตุใดสหรัฐฯถึงสามารถซื้อแร่ยูเรเนียมจากรัสเซียได้ แต่สหรัฐกลับห้ามประเทศอื่นซื้อพลังงานจากรัสเซีย" ปูตินตอบกลับว่า "สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้ วัวจะทำไม่ได้" (Что позволено Юпитеру, то не позволено быку) ซึ่งเป็นคำพูดเปรียบเปรยที่มาจากภาษาละตินว่า ("Quod licet Iovi, non licet bovi") . หากแปลคำพูดของปูติน เขากำลังเสียดสีสหรัฐว่ามี "สองมาตรฐาน" 👉"Quod licet Iovi" (สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้) = สหรัฐ โดยที่ "จูปิเตอร์" หมายถึงดาวพฤหัสที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้มีอำนาจ หรือ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโรมัน (เทียบเท่ากับซุสของกรีก) ในที่นี้ก็คือ สหรัฐ ซึ่งเป็นมหาอำนาจบนเวทีโลก สามารถ "ยกเว้นตนเอง" ออกจากกฎเกณฑ์ที่ตนเองตั้งขึ้นมาได้ (เช่น กฎการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่การพึ่งพายูเรเนียมของรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่ง 👉ในขณะที่ "non licet bovi" (วัวทำไม่ได้/ห้ามทำ) ในที่นี้คือ ประเทศ อื่นๆ ซึ่งถูกสหรัฐฯกดดันและห้ามปรามไม่ให้ซื้อน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “Jim Keller ชี้ Intel ยังไม่พร้อมเต็มที่สำหรับชิประดับ 2nm — แต่มีโอกาสเป็นผู้เล่นหลัก หากปรับแผนผลิตให้แข็งแรง”

    Jim Keller สุดยอดนักออกแบบชิประดับตำนาน ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ AMD, Apple, Tesla และ Intel ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ถึงความคืบหน้าของ Intel Foundry โดยระบุว่า Intel กำลังถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm สำหรับบริษัทของเขา Tenstorrent ซึ่งกำลังพัฒนา AI accelerator บนสถาปัตยกรรม RISC-V

    แม้ Keller จะมองว่า Intel มีศักยภาพสูง แต่ก็ยังต้อง “ทำงานอีกมาก” เพื่อให้เทคโนโลยีของตนพร้อมสำหรับการผลิตในระดับปริมาณมาก โดยเฉพาะในแง่ของ roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ซึ่งยังตามหลังคู่แข่งอย่าง TSMC, Samsung และ Rapidus อยู่พอสมควร

    Tenstorrent กำลังพูดคุยกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกเทคโนโลยี 2nm ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น TSMC, Samsung, Rapidus และ Intel โดย Keller ย้ำว่าเขาไม่ปิดโอกาสให้ Intel แต่ต้องการเห็นความชัดเจนในแผนการผลิตและความสามารถในการส่งมอบจริง

    Intel ได้เปิดตัวกระบวนการผลิตใหม่อย่าง 18A และ 14A ซึ่งใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia โดยมีแผนจะผลิตชิปให้กับลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia และ Qualcomm ในอนาคต หากสามารถพิสูจน์ความเสถียรได้

    ในขณะเดียวกัน Rapidus จากญี่ปุ่นก็เร่งสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่เมือง Chitose และร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี EUV lithography โดยมีแผนเริ่มผลิตจริงในปี 2027 ซึ่งอาจกลายเป็นคู่แข่งใหม่ที่น่าจับตามองในตลาด foundry ระดับโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jim Keller กล่าวว่า Intel ยังต้องปรับปรุง roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต
    Tenstorrent กำลังพิจารณา Intel เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm
    Intel เปิดตัวกระบวนการผลิต 18A และ 14A พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia
    Intel มีแผนผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia, Qualcomm
    Tenstorrent เป็นบริษัท AI ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และกำลังพัฒนา accelerator แบบ multi-chiplet
    Rapidus จากญี่ปุ่นร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่จะเปิดในปี 2027
    Keller เคยทำงานกับ AMD, Apple, Tesla และ Intel จึงมีอิทธิพลสูงในวงการออกแบบชิป
    Intel ต้องการเปลี่ยนจากการผลิตภายในเป็นการให้บริการ foundry แบบเปิด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    18A และ 14A ของ Intel ใช้โครงสร้าง GAA transistor ที่เรียกว่า RibbonFET
    PowerVia เป็นเทคโนโลยีส่งไฟฟ้าจากด้านหลังของชิป ช่วยลดความซับซ้อนของ routing
    Rapidus เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและมีเป้าหมายเป็น foundry ระดับโลก
    TSMC และ Samsung เป็นผู้นำในตลาด 2nm แต่ยังมีปัญหาเรื่อง yield และต้นทุน
    การแข่งขันในตลาด foundry กำลังเปลี่ยนจาก “ขนาดเล็กที่สุด” ไปสู่ “ความเสถียรและความยืดหยุ่นในการผลิต”

    https://wccftech.com/chip-expert-jim-keller-says-intel-is-being-considered-for-cutting-edge-chips/
    🔧 “Jim Keller ชี้ Intel ยังไม่พร้อมเต็มที่สำหรับชิประดับ 2nm — แต่มีโอกาสเป็นผู้เล่นหลัก หากปรับแผนผลิตให้แข็งแรง” Jim Keller สุดยอดนักออกแบบชิประดับตำนาน ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ AMD, Apple, Tesla และ Intel ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ถึงความคืบหน้าของ Intel Foundry โดยระบุว่า Intel กำลังถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm สำหรับบริษัทของเขา Tenstorrent ซึ่งกำลังพัฒนา AI accelerator บนสถาปัตยกรรม RISC-V แม้ Keller จะมองว่า Intel มีศักยภาพสูง แต่ก็ยังต้อง “ทำงานอีกมาก” เพื่อให้เทคโนโลยีของตนพร้อมสำหรับการผลิตในระดับปริมาณมาก โดยเฉพาะในแง่ของ roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ซึ่งยังตามหลังคู่แข่งอย่าง TSMC, Samsung และ Rapidus อยู่พอสมควร Tenstorrent กำลังพูดคุยกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกเทคโนโลยี 2nm ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น TSMC, Samsung, Rapidus และ Intel โดย Keller ย้ำว่าเขาไม่ปิดโอกาสให้ Intel แต่ต้องการเห็นความชัดเจนในแผนการผลิตและความสามารถในการส่งมอบจริง Intel ได้เปิดตัวกระบวนการผลิตใหม่อย่าง 18A และ 14A ซึ่งใช้เทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia โดยมีแผนจะผลิตชิปให้กับลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia และ Qualcomm ในอนาคต หากสามารถพิสูจน์ความเสถียรได้ ในขณะเดียวกัน Rapidus จากญี่ปุ่นก็เร่งสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่เมือง Chitose และร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี EUV lithography โดยมีแผนเริ่มผลิตจริงในปี 2027 ซึ่งอาจกลายเป็นคู่แข่งใหม่ที่น่าจับตามองในตลาด foundry ระดับโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jim Keller กล่าวว่า Intel ยังต้องปรับปรุง roadmap และความเสถียรของกระบวนการผลิต ➡️ Tenstorrent กำลังพิจารณา Intel เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิประดับ 2nm ➡️ Intel เปิดตัวกระบวนการผลิต 18A และ 14A พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia ➡️ Intel มีแผนผลิตชิปให้ลูกค้าภายนอก เช่น Microsoft และอาจรวมถึง Nvidia, Qualcomm ➡️ Tenstorrent เป็นบริษัท AI ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และกำลังพัฒนา accelerator แบบ multi-chiplet ➡️ Rapidus จากญี่ปุ่นร่วมมือกับ IBM และ imec เพื่อสร้างโรงงานผลิต 2nm ที่จะเปิดในปี 2027 ➡️ Keller เคยทำงานกับ AMD, Apple, Tesla และ Intel จึงมีอิทธิพลสูงในวงการออกแบบชิป ➡️ Intel ต้องการเปลี่ยนจากการผลิตภายในเป็นการให้บริการ foundry แบบเปิด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 18A และ 14A ของ Intel ใช้โครงสร้าง GAA transistor ที่เรียกว่า RibbonFET ➡️ PowerVia เป็นเทคโนโลยีส่งไฟฟ้าจากด้านหลังของชิป ช่วยลดความซับซ้อนของ routing ➡️ Rapidus เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและมีเป้าหมายเป็น foundry ระดับโลก ➡️ TSMC และ Samsung เป็นผู้นำในตลาด 2nm แต่ยังมีปัญหาเรื่อง yield และต้นทุน ➡️ การแข่งขันในตลาด foundry กำลังเปลี่ยนจาก “ขนาดเล็กที่สุด” ไปสู่ “ความเสถียรและความยืดหยุ่นในการผลิต” https://wccftech.com/chip-expert-jim-keller-says-intel-is-being-considered-for-cutting-edge-chips/
    WCCFTECH.COM
    ‘Iconic’ Chip Expert Jim Keller Says Intel Is Being Considered For Cutting-Edge Chips, But They Have a Lot to Do to Deliver a Solid Product
    The legendary chip architect Jim Keller has shared his thoughts on Intel's processes, claiming that they need to refine the 'foundry game'.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Com Laude ซื้อกิจการ Markmonitor มูลค่า $450 ล้าน — Newfold Digital หันไปโฟกัส Bluehost และ Network Solutions เต็มตัว”

    ในโลกของการจัดการโดเมนองค์กรที่มักถูกมองข้าม แต่มีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงของแบรนด์ออนไลน์ ล่าสุดเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อ Com Laude บริษัทจากลอนดอนที่เชี่ยวชาญด้านบริการโดเมนสำหรับองค์กร ได้เข้าซื้อกิจการ Markmonitor จาก Newfold Digital ด้วยมูลค่าประมาณ 450 ล้านดอลลาร์

    Markmonitor ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมือง Boise ให้บริการจัดการโดเมนแก่ลูกค้ากว่า 2,000 รายใน 80 ประเทศ โดยเน้นการปกป้องแบรนด์และความปลอดภัยของทรัพย์สินดิจิทัล การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ Com Laude ขยายขอบเขตการให้บริการทั่วโลก พร้อมพัฒนาเครื่องมือใหม่ที่ใช้ AI เพื่อเสริมความสามารถในการปกป้องแบรนด์ออนไลน์

    ด้าน Newfold Digital ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เว็บโฮสติ้งชื่อดังอย่าง Bluehost และ Network Solutions ได้ตัดสินใจขาย Markmonitor เพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรไปยังธุรกิจหลัก โดยเฉพาะการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการสร้างตัวตนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และโดเมน โดยใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

    การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของตลาดที่กำลังเปลี่ยนจากการให้บริการแบบเฉพาะกลุ่ม ไปสู่การขยายฐานลูกค้าในระดับ mass-market ซึ่งแม้จะมีการแข่งขันสูงจากผู้ให้บริการฟรีและราคาถูก แต่ Newfold เชื่อว่าการโฟกัสที่ Bluehost และ Network Solutions จะช่วยเร่งการเติบโตและสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าได้มากขึ้นในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Com Laude เข้าซื้อกิจการ Markmonitor จาก Newfold Digital มูลค่า $450 ล้าน
    Markmonitor มีลูกค้ากว่า 2,000 รายใน 80 ประเทศ เน้นการปกป้องแบรนด์และความปลอดภัย
    การควบรวมจะช่วยให้ Com Laude ขยายบริการทั่วโลก พร้อมพัฒนาเครื่องมือ AI ใหม่
    Newfold Digital ตัดสินใจขาย Markmonitor เพื่อโฟกัสที่ Bluehost และ Network Solutions
    Bluehost ให้บริการแก่ผู้ใช้ WordPress กว่า 5 ล้านราย
    Network Solutions เป็นผู้นำด้านโดเมนและการสร้างตัวตนออนไลน์สำหรับ SMB
    Newfold เน้นการใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อรองรับลูกค้ารายย่อย
    การขายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ปรับโครงสร้างธุรกิจของ Newfold

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Com Laude เป็นผู้ให้บริการโดเมนองค์กรที่มีชื่อเสียงด้านบริการแบบ “white glove”
    Markmonitor เคยเป็นผู้นำในตลาด corporate registrar และมีบทบาทสำคัญในการปกป้องแบรนด์ระดับโลก
    ตลาด domain registrar สำหรับองค์กรมีมูลค่าสูงแต่ไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
    การใช้ AI ในการจัดการโดเมนช่วยตรวจจับการละเมิดแบรนด์และการโจมตีแบบฟิชชิ่งได้ดีขึ้น
    การควบรวมกิจการในตลาดนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาเครื่องมือแบบครบวงจรสำหรับองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/bluehost-owner-offloads-business-domain-registrar-markmonitor-to-focus-on-its-web-hosting-segment-and-its-seven-million-customers
    🌐 “Com Laude ซื้อกิจการ Markmonitor มูลค่า $450 ล้าน — Newfold Digital หันไปโฟกัส Bluehost และ Network Solutions เต็มตัว” ในโลกของการจัดการโดเมนองค์กรที่มักถูกมองข้าม แต่มีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงของแบรนด์ออนไลน์ ล่าสุดเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อ Com Laude บริษัทจากลอนดอนที่เชี่ยวชาญด้านบริการโดเมนสำหรับองค์กร ได้เข้าซื้อกิจการ Markmonitor จาก Newfold Digital ด้วยมูลค่าประมาณ 450 ล้านดอลลาร์ Markmonitor ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมือง Boise ให้บริการจัดการโดเมนแก่ลูกค้ากว่า 2,000 รายใน 80 ประเทศ โดยเน้นการปกป้องแบรนด์และความปลอดภัยของทรัพย์สินดิจิทัล การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ Com Laude ขยายขอบเขตการให้บริการทั่วโลก พร้อมพัฒนาเครื่องมือใหม่ที่ใช้ AI เพื่อเสริมความสามารถในการปกป้องแบรนด์ออนไลน์ ด้าน Newfold Digital ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เว็บโฮสติ้งชื่อดังอย่าง Bluehost และ Network Solutions ได้ตัดสินใจขาย Markmonitor เพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรไปยังธุรกิจหลัก โดยเฉพาะการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการสร้างตัวตนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และโดเมน โดยใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงแนวโน้มของตลาดที่กำลังเปลี่ยนจากการให้บริการแบบเฉพาะกลุ่ม ไปสู่การขยายฐานลูกค้าในระดับ mass-market ซึ่งแม้จะมีการแข่งขันสูงจากผู้ให้บริการฟรีและราคาถูก แต่ Newfold เชื่อว่าการโฟกัสที่ Bluehost และ Network Solutions จะช่วยเร่งการเติบโตและสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าได้มากขึ้นในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Com Laude เข้าซื้อกิจการ Markmonitor จาก Newfold Digital มูลค่า $450 ล้าน ➡️ Markmonitor มีลูกค้ากว่า 2,000 รายใน 80 ประเทศ เน้นการปกป้องแบรนด์และความปลอดภัย ➡️ การควบรวมจะช่วยให้ Com Laude ขยายบริการทั่วโลก พร้อมพัฒนาเครื่องมือ AI ใหม่ ➡️ Newfold Digital ตัดสินใจขาย Markmonitor เพื่อโฟกัสที่ Bluehost และ Network Solutions ➡️ Bluehost ให้บริการแก่ผู้ใช้ WordPress กว่า 5 ล้านราย ➡️ Network Solutions เป็นผู้นำด้านโดเมนและการสร้างตัวตนออนไลน์สำหรับ SMB ➡️ Newfold เน้นการใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อรองรับลูกค้ารายย่อย ➡️ การขายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ปรับโครงสร้างธุรกิจของ Newfold ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Com Laude เป็นผู้ให้บริการโดเมนองค์กรที่มีชื่อเสียงด้านบริการแบบ “white glove” ➡️ Markmonitor เคยเป็นผู้นำในตลาด corporate registrar และมีบทบาทสำคัญในการปกป้องแบรนด์ระดับโลก ➡️ ตลาด domain registrar สำหรับองค์กรมีมูลค่าสูงแต่ไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ➡️ การใช้ AI ในการจัดการโดเมนช่วยตรวจจับการละเมิดแบรนด์และการโจมตีแบบฟิชชิ่งได้ดีขึ้น ➡️ การควบรวมกิจการในตลาดนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาเครื่องมือแบบครบวงจรสำหรับองค์กร https://www.techradar.com/pro/bluehost-owner-offloads-business-domain-registrar-markmonitor-to-focus-on-its-web-hosting-segment-and-its-seven-million-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบจริยธรรม — สร้างเพลงร่วมกับนักดนตรีเสมือนที่ได้รับค่าตอบแทนจริง”

    ในยุคที่เพลงจาก AI กำลังท่วมแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และปัญหาลิขสิทธิ์กลายเป็นประเด็นร้อน Aiode ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่พลิกแนวคิดการสร้างเพลงด้วย AI โดยเน้น “จริยธรรม” และ “ความร่วมมือกับมนุษย์” เป็นหัวใจหลัก

    Aiode เป็นแอปเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ที่ให้ผู้ใช้สร้างเพลงร่วมกับ “นักดนตรีเสมือน” ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง โดยนักดนตรีเหล่านี้มีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรี แนวเพลง และลักษณะการเล่นของโมเดล และที่สำคัญคือได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน

    ผู้ใช้สามารถเลือกนักดนตรีเสมือนที่ต้องการ แล้วให้พวกเขาเล่นท่อนโซโลหรือคอรัสใหม่ โดยไม่ต้องแก้ไขทั้งเพลง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากการทดสอบแบบปิดก่อนเปิดตัวจริง นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งสไตล์ การเล่น และโครงสร้างของเพลงได้อย่างละเอียด

    Aiode ยังเน้นความโปร่งใสในการฝึกโมเดล โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และมีระบบ “clean room” ที่แยกข้อมูลฝึกออกจากระบบอื่น เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์กลับไปยังศิลปินต้นฉบับผ่านกลไก royalty pool

    แม้จะใช้เวลามากกว่าการพิมพ์ prompt แล้วรอเพลงจากแพลตฟอร์มอย่าง Suno หรือ Udio แต่ Aiode ให้ความสำคัญกับการควบคุมและความแม่นยำในการสร้างเพลงมากกว่า โดยเปรียบเสมือนการทำงานร่วมกับนักดนตรีจริงในสตูดิโอ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์
    ใช้ “นักดนตรีเสมือน” ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง
    นักดนตรีต้นฉบับมีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรีและแนวเพลงของโมเดล
    ได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งท่อนเพลงเฉพาะ เช่น คอรัสหรือโซโล โดยไม่ต้องแก้ทั้งเพลง
    ใช้ระบบ clean room และข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นในการฝึกโมเดล
    มีระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์ผ่าน royalty pool กลับไปยังศิลปินต้นฉบับ
    เน้นการควบคุมและความแม่นยำมากกว่าการสร้างเพลงแบบ prompt-based
    เปิดตัวหลังจากทดสอบแบบปิดนานกว่า 1 ปี และได้รับเงินทุน $5.5M เพื่อขยายแพลตฟอร์ม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Suno และ Udio เป็นแพลตฟอร์ม AI ดนตรีที่เน้นการสร้างเพลงจากข้อความแบบรวดเร็ว
    ปัญหาลิขสิทธิ์ในวงการ AI ดนตรีกำลังทวีความรุนแรง โดยมีการฟ้องร้องหลายกรณี
    การฝึกโมเดลด้วยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย
    นักดนตรีสามารถใช้ Aiode เพื่อเข้าใจสไตล์ของตัวเองผ่านโมเดลเสมือน
    การใช้ AI แบบจริยธรรมอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการสร้างสรรค์

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/musicians-meet-your-ethical-ai-bandmates
    🎼 “Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบจริยธรรม — สร้างเพลงร่วมกับนักดนตรีเสมือนที่ได้รับค่าตอบแทนจริง” ในยุคที่เพลงจาก AI กำลังท่วมแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และปัญหาลิขสิทธิ์กลายเป็นประเด็นร้อน Aiode ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่พลิกแนวคิดการสร้างเพลงด้วย AI โดยเน้น “จริยธรรม” และ “ความร่วมมือกับมนุษย์” เป็นหัวใจหลัก Aiode เป็นแอปเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ที่ให้ผู้ใช้สร้างเพลงร่วมกับ “นักดนตรีเสมือน” ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง โดยนักดนตรีเหล่านี้มีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรี แนวเพลง และลักษณะการเล่นของโมเดล และที่สำคัญคือได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน ผู้ใช้สามารถเลือกนักดนตรีเสมือนที่ต้องการ แล้วให้พวกเขาเล่นท่อนโซโลหรือคอรัสใหม่ โดยไม่ต้องแก้ไขทั้งเพลง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากการทดสอบแบบปิดก่อนเปิดตัวจริง นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งสไตล์ การเล่น และโครงสร้างของเพลงได้อย่างละเอียด Aiode ยังเน้นความโปร่งใสในการฝึกโมเดล โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และมีระบบ “clean room” ที่แยกข้อมูลฝึกออกจากระบบอื่น เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์กลับไปยังศิลปินต้นฉบับผ่านกลไก royalty pool แม้จะใช้เวลามากกว่าการพิมพ์ prompt แล้วรอเพลงจากแพลตฟอร์มอย่าง Suno หรือ Udio แต่ Aiode ให้ความสำคัญกับการควบคุมและความแม่นยำในการสร้างเพลงมากกว่า โดยเปรียบเสมือนการทำงานร่วมกับนักดนตรีจริงในสตูดิโอ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ➡️ ใช้ “นักดนตรีเสมือน” ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง ➡️ นักดนตรีต้นฉบับมีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรีและแนวเพลงของโมเดล ➡️ ได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งท่อนเพลงเฉพาะ เช่น คอรัสหรือโซโล โดยไม่ต้องแก้ทั้งเพลง ➡️ ใช้ระบบ clean room และข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นในการฝึกโมเดล ➡️ มีระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์ผ่าน royalty pool กลับไปยังศิลปินต้นฉบับ ➡️ เน้นการควบคุมและความแม่นยำมากกว่าการสร้างเพลงแบบ prompt-based ➡️ เปิดตัวหลังจากทดสอบแบบปิดนานกว่า 1 ปี และได้รับเงินทุน $5.5M เพื่อขยายแพลตฟอร์ม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Suno และ Udio เป็นแพลตฟอร์ม AI ดนตรีที่เน้นการสร้างเพลงจากข้อความแบบรวดเร็ว ➡️ ปัญหาลิขสิทธิ์ในวงการ AI ดนตรีกำลังทวีความรุนแรง โดยมีการฟ้องร้องหลายกรณี ➡️ การฝึกโมเดลด้วยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย ➡️ นักดนตรีสามารถใช้ Aiode เพื่อเข้าใจสไตล์ของตัวเองผ่านโมเดลเสมือน ➡️ การใช้ AI แบบจริยธรรมอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการสร้างสรรค์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/musicians-meet-your-ethical-ai-bandmates
    WWW.TECHRADAR.COM
    New AI music platform Aiode pays artists for the digital clones collaborating on new songs.
    Aiode's AI-powered music studio pays the people inspiring its virtual session players
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Micron เปิดตัว HBM4 แรงทะลุ 2.8TB/s — พร้อมแผน HBM4E แบบปรับแต่งได้สำหรับ Nvidia และ AMD”

    Micron ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในตลาดหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM) ด้วยการเปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 2.8TB/s และความเร็วต่อพินเกิน 11Gbps ซึ่งสูงกว่ามาตรฐาน JEDEC ที่กำหนดไว้ที่ 2TB/s และ 8Gbps อย่างชัดเจน โดยเริ่มส่งมอบตัวอย่างให้ลูกค้าแล้ว และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานจริงในแพลตฟอร์ม AI ระดับองค์กร

    HBM4 รุ่นใหม่ของ Micron ใช้เทคโนโลยี 1-gamma DRAM, ฐาน CMOS ที่พัฒนาเอง และการบรรจุชิปแบบใหม่ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัว HBM4E ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่มีการเสนอ “base logic die” แบบปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า เช่น Nvidia และ AMD เพื่อให้สามารถออกแบบ accelerator ที่มี latency ต่ำและการจัดการข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น

    Micron ร่วมมือกับ TSMC ในการผลิต base die สำหรับ HBM4E โดยคาดว่าจะสามารถสร้างความแตกต่างในตลาดได้อย่างชัดเจน และเพิ่ม margin ให้กับผลิตภัณฑ์แบบปรับแต่งได้มากกว่ารุ่นมาตรฐาน

    ในไตรมาสล่าสุด Micron รายงานรายได้จาก HBM สูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นอัตรารายได้ต่อปีที่ 8 พันล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าจะครองส่วนแบ่งในตลาด HBM ที่มีมูลค่ารวมกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Micron เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 2.8TB/s และความเร็วต่อพินเกิน 11Gbps
    สูงกว่ามาตรฐาน JEDEC ที่กำหนดไว้ที่ 2TB/s และ 8Gbps
    ใช้เทคโนโลยี 1-gamma DRAM, ฐาน CMOS ที่พัฒนาเอง และการบรรจุชิปแบบใหม่
    เริ่มส่งมอบตัวอย่าง HBM4 ให้ลูกค้าแล้ว
    เตรียมเปิดตัว HBM4E ที่สามารถปรับแต่ง base logic die ได้ตามความต้องการ
    พัฒนา HBM4E ร่วมกับ TSMC เพื่อรองรับการใช้งานใน accelerator ของ Nvidia และ AMD
    HBM4E แบบปรับแต่งจะมี margin สูงกว่ารุ่นมาตรฐาน
    Micron รายงานรายได้จาก HBM สูงถึง $2B ในไตรมาสล่าสุด
    ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งในตลาด HBM มูลค่า $100B

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำแบบ stacked ที่ใช้ในงาน AI และ GPU ระดับสูง
    JEDEC เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานด้านหน่วยความจำในอุตสาหกรรม
    การปรับแต่ง base die ช่วยให้ accelerator มี latency ต่ำและ routing ที่แม่นยำ
    TSMC เป็นผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลก และเป็นพันธมิตรสำคัญของ Micron
    Nvidia และ AMD ต้องการหน่วยความจำที่เร็วขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของ compute die

    https://www.techradar.com/pro/micron-takes-the-hbm-lead-with-fastest-ever-hbm4-memory-with-a-2-8tb-s-bandwidth-putting-it-ahead-of-samsung-and-sk-hynix
    🚀 “Micron เปิดตัว HBM4 แรงทะลุ 2.8TB/s — พร้อมแผน HBM4E แบบปรับแต่งได้สำหรับ Nvidia และ AMD” Micron ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในตลาดหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM) ด้วยการเปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 2.8TB/s และความเร็วต่อพินเกิน 11Gbps ซึ่งสูงกว่ามาตรฐาน JEDEC ที่กำหนดไว้ที่ 2TB/s และ 8Gbps อย่างชัดเจน โดยเริ่มส่งมอบตัวอย่างให้ลูกค้าแล้ว และเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานจริงในแพลตฟอร์ม AI ระดับองค์กร HBM4 รุ่นใหม่ของ Micron ใช้เทคโนโลยี 1-gamma DRAM, ฐาน CMOS ที่พัฒนาเอง และการบรรจุชิปแบบใหม่ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัว HBM4E ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่มีการเสนอ “base logic die” แบบปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า เช่น Nvidia และ AMD เพื่อให้สามารถออกแบบ accelerator ที่มี latency ต่ำและการจัดการข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น Micron ร่วมมือกับ TSMC ในการผลิต base die สำหรับ HBM4E โดยคาดว่าจะสามารถสร้างความแตกต่างในตลาดได้อย่างชัดเจน และเพิ่ม margin ให้กับผลิตภัณฑ์แบบปรับแต่งได้มากกว่ารุ่นมาตรฐาน ในไตรมาสล่าสุด Micron รายงานรายได้จาก HBM สูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นอัตรารายได้ต่อปีที่ 8 พันล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าจะครองส่วนแบ่งในตลาด HBM ที่มีมูลค่ารวมกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Micron เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 2.8TB/s และความเร็วต่อพินเกิน 11Gbps ➡️ สูงกว่ามาตรฐาน JEDEC ที่กำหนดไว้ที่ 2TB/s และ 8Gbps ➡️ ใช้เทคโนโลยี 1-gamma DRAM, ฐาน CMOS ที่พัฒนาเอง และการบรรจุชิปแบบใหม่ ➡️ เริ่มส่งมอบตัวอย่าง HBM4 ให้ลูกค้าแล้ว ➡️ เตรียมเปิดตัว HBM4E ที่สามารถปรับแต่ง base logic die ได้ตามความต้องการ ➡️ พัฒนา HBM4E ร่วมกับ TSMC เพื่อรองรับการใช้งานใน accelerator ของ Nvidia และ AMD ➡️ HBM4E แบบปรับแต่งจะมี margin สูงกว่ารุ่นมาตรฐาน ➡️ Micron รายงานรายได้จาก HBM สูงถึง $2B ในไตรมาสล่าสุด ➡️ ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งในตลาด HBM มูลค่า $100B ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HBM (High Bandwidth Memory) เป็นหน่วยความจำแบบ stacked ที่ใช้ในงาน AI และ GPU ระดับสูง ➡️ JEDEC เป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานด้านหน่วยความจำในอุตสาหกรรม ➡️ การปรับแต่ง base die ช่วยให้ accelerator มี latency ต่ำและ routing ที่แม่นยำ ➡️ TSMC เป็นผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลก และเป็นพันธมิตรสำคัญของ Micron ➡️ Nvidia และ AMD ต้องการหน่วยความจำที่เร็วขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของ compute die https://www.techradar.com/pro/micron-takes-the-hbm-lead-with-fastest-ever-hbm4-memory-with-a-2-8tb-s-bandwidth-putting-it-ahead-of-samsung-and-sk-hynix
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Excel ครบรอบ 40 ปี — จากเครื่องมือบัญชีสู่เวทีแข่งขันระดับโลก แต่ Google Sheets กำลังเบียดขึ้นแท่น”

    Microsoft Excel เพิ่งครบรอบ 40 ปีอย่างเงียบ ๆ แม้จะเป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ที่เปลี่ยนโลกการทำงานอย่างมหาศาล ตั้งแต่การจัดการบัญชีไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลระดับองค์กร Excel เริ่มต้นในปี 1985 บน Macintosh ด้วยอินเทอร์เฟซแบบกราฟิก ซึ่งถือว่าแหวกแนวจากคู่แข่งที่ยังใช้แบบข้อความอยู่ในยุคนั้น ก่อนจะถูกพอร์ตมาสู่ Windows และกลายเป็นผู้นำตลาดอย่างรวดเร็วในยุค 90 โดยเฉพาะหลังจากแซงหน้า Lotus 1-2-3 และ Quattro Pro

    ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา Excel ได้เพิ่มฟีเจอร์มากมาย เช่น VBA สำหรับเขียนฟังก์ชันเอง, Pivot Table, แผนภูมิ 3D และ Ribbon Interface ที่เปลี่ยนวิธีการใช้งานไปโดยสิ้นเชิง ล่าสุด Excel ยังได้เสริมพลังด้วย AI ผ่าน Copilot และ Agent Mode ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างตารางหรือวิเคราะห์ข้อมูลผ่านคำสั่งธรรมดาได้ทันที

    แต่ในยุคที่การทำงานย้ายเข้าสู่ระบบคลาวด์ Google Sheets กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด ด้วยความสามารถในการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์, ใช้งานฟรี, และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใด ๆ ทำให้กลุ่มผู้ใช้รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในโรงเรียนและธุรกิจขนาดเล็ก หันมาใช้ Google Sheets เป็นหลัก

    แม้ Excel จะยังครองใจองค์กรขนาดใหญ่และงานที่ต้องการความซับซ้อนสูง แต่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคออนไลน์และการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์กำลังท้าทายตำแหน่งผู้นำของ Excel อย่างจริงจัง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Excel ครบรอบ 40 ปี โดยเริ่มต้นบน Macintosh ในปี 1985
    แซงหน้า Lotus 1-2-3 และ Quattro Pro จนกลายเป็นผู้นำตลาดในยุค 90
    เพิ่มฟีเจอร์สำคัญ เช่น VBA, Pivot Table, Ribbon Interface
    ล่าสุดมี AI Copilot และ Agent Mode ที่ช่วยสร้างตารางผ่านคำสั่งธรรมดา
    Excel ถูกใช้ในงานหลากหลาย ตั้งแต่บัญชีไปจนถึงงานศิลปะและเกม
    มีการแข่งขัน Excel World Championship ที่จัดในลาสเวกัส
    Google Sheets กลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ด้วยระบบคลาวด์และการทำงานร่วมกัน
    Excel บนเว็บพยายามตอบโต้ด้วยฟีเจอร์คล้าย Google Sheets

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    VisiCalc คือโปรแกรม spreadsheet ตัวแรกในปี 1979 บน Apple II
    VBA (Visual Basic for Applications) เป็นภาษาสคริปต์ที่ใช้ใน Excel ตั้งแต่ยุค 90
    Google Sheets ใช้ Google Apps Script ซึ่งคล้ายกับ VBA สำหรับงานอัตโนมัติ
    Excel มีความสามารถในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ได้ดีกว่า Sheets
    Google Sheets เหมาะกับงานที่ต้องการความร่วมมือและการเข้าถึงจากหลายอุปกรณ์

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-excel-turned-40-and-almost-nobody-noticed-worlds-most-popular-spreadsheet-now-faces-tough-competition-from-google-sheets-after-crushing-lotus-1-2-3-and-borland-quattro-pro
    📊 “Excel ครบรอบ 40 ปี — จากเครื่องมือบัญชีสู่เวทีแข่งขันระดับโลก แต่ Google Sheets กำลังเบียดขึ้นแท่น” Microsoft Excel เพิ่งครบรอบ 40 ปีอย่างเงียบ ๆ แม้จะเป็นหนึ่งในซอฟต์แวร์ที่เปลี่ยนโลกการทำงานอย่างมหาศาล ตั้งแต่การจัดการบัญชีไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลระดับองค์กร Excel เริ่มต้นในปี 1985 บน Macintosh ด้วยอินเทอร์เฟซแบบกราฟิก ซึ่งถือว่าแหวกแนวจากคู่แข่งที่ยังใช้แบบข้อความอยู่ในยุคนั้น ก่อนจะถูกพอร์ตมาสู่ Windows และกลายเป็นผู้นำตลาดอย่างรวดเร็วในยุค 90 โดยเฉพาะหลังจากแซงหน้า Lotus 1-2-3 และ Quattro Pro ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา Excel ได้เพิ่มฟีเจอร์มากมาย เช่น VBA สำหรับเขียนฟังก์ชันเอง, Pivot Table, แผนภูมิ 3D และ Ribbon Interface ที่เปลี่ยนวิธีการใช้งานไปโดยสิ้นเชิง ล่าสุด Excel ยังได้เสริมพลังด้วย AI ผ่าน Copilot และ Agent Mode ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างตารางหรือวิเคราะห์ข้อมูลผ่านคำสั่งธรรมดาได้ทันที แต่ในยุคที่การทำงานย้ายเข้าสู่ระบบคลาวด์ Google Sheets กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด ด้วยความสามารถในการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์, ใช้งานฟรี, และเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใด ๆ ทำให้กลุ่มผู้ใช้รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในโรงเรียนและธุรกิจขนาดเล็ก หันมาใช้ Google Sheets เป็นหลัก แม้ Excel จะยังครองใจองค์กรขนาดใหญ่และงานที่ต้องการความซับซ้อนสูง แต่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคออนไลน์และการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์กำลังท้าทายตำแหน่งผู้นำของ Excel อย่างจริงจัง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Excel ครบรอบ 40 ปี โดยเริ่มต้นบน Macintosh ในปี 1985 ➡️ แซงหน้า Lotus 1-2-3 และ Quattro Pro จนกลายเป็นผู้นำตลาดในยุค 90 ➡️ เพิ่มฟีเจอร์สำคัญ เช่น VBA, Pivot Table, Ribbon Interface ➡️ ล่าสุดมี AI Copilot และ Agent Mode ที่ช่วยสร้างตารางผ่านคำสั่งธรรมดา ➡️ Excel ถูกใช้ในงานหลากหลาย ตั้งแต่บัญชีไปจนถึงงานศิลปะและเกม ➡️ มีการแข่งขัน Excel World Championship ที่จัดในลาสเวกัส ➡️ Google Sheets กลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ด้วยระบบคลาวด์และการทำงานร่วมกัน ➡️ Excel บนเว็บพยายามตอบโต้ด้วยฟีเจอร์คล้าย Google Sheets ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ VisiCalc คือโปรแกรม spreadsheet ตัวแรกในปี 1979 บน Apple II ➡️ VBA (Visual Basic for Applications) เป็นภาษาสคริปต์ที่ใช้ใน Excel ตั้งแต่ยุค 90 ➡️ Google Sheets ใช้ Google Apps Script ซึ่งคล้ายกับ VBA สำหรับงานอัตโนมัติ ➡️ Excel มีความสามารถในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ได้ดีกว่า Sheets ➡️ Google Sheets เหมาะกับงานที่ต้องการความร่วมมือและการเข้าถึงจากหลายอุปกรณ์ https://www.techradar.com/pro/microsoft-excel-turned-40-and-almost-nobody-noticed-worlds-most-popular-spreadsheet-now-faces-tough-competition-from-google-sheets-after-crushing-lotus-1-2-3-and-borland-quattro-pro
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Klopatra: มัลแวร์ Android ตัวใหม่ปลอมเป็นแอป VPN/IPTV — ขโมยเงินแม้ตอนหน้าจอดับ พร้อมหลบแอนตี้ไวรัสแบบเหนือชั้น”

    นักวิจัยจาก Cleafy ได้เปิดโปงมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ “Klopatra” ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่พูดภาษาตุรกี และมีความสามารถเหนือกว่ามัลแวร์ทั่วไปอย่างชัดเจน โดย Klopatra ถูกปล่อยผ่านแอปปลอมชื่อ “Modpro IP TV + VPN” ที่ไม่ได้อยู่บน Google Play Store แต่ถูกแจกจ่ายผ่านเว็บไซต์อันตรายโดยตรง

    เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปนี้ มัลแวร์จะขอสิทธิ์ Accessibility Services ซึ่งเปิดทางให้มันควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เช่น อ่านหน้าจอ, จำลองการแตะ, ขโมยรหัสผ่าน, และแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์ขณะหน้าจอดับผ่านโหมด VNC แบบ “หน้าจอดำ” ที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลยว่ามีการใช้งานอยู่

    Klopatra ยังมีความสามารถในการตรวจสอบว่าเครื่องกำลังชาร์จหรือหน้าจอดับ เพื่อเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้สงสัย และสามารถจำลองการแตะ, ปัด, กดค้าง เพื่อทำธุรกรรมธนาคารหรือขโมยคริปโตได้แบบเรียลไทม์

    เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ มัลแวร์ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสด้วย NP Manager, การใช้ native libraries แทน Java/Kotlin, การฝัง Virbox ซึ่งเป็นระบบป้องกันโค้ดระดับเชิงพาณิชย์ และมีระบบตรวจจับ emulator, anti-debugging, และ integrity check เพื่อป้องกันนักวิจัยไม่ให้วิเคราะห์ได้ง่าย

    จนถึงตอนนี้ Klopatra ถูกพัฒนาไปแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีการพบครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2025 และมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 รายในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแคมเปญนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Klopatra เป็นมัลแวร์ Android ที่ปลอมตัวเป็นแอป IPTV และ VPN
    แจกจ่ายผ่านเว็บไซต์อันตราย ไม่ใช่ Google Play Store
    ขอสิทธิ์ Accessibility Services เพื่อควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ
    ใช้โหมด VNC แบบหน้าจอดำเพื่อควบคุมเครื่องขณะผู้ใช้ไม่รู้ตัว
    ตรวจสอบสถานะการชาร์จและหน้าจอเพื่อเลือกเวลาที่เหมาะสมในการโจมตี
    ใช้ Virbox, NP Manager, native libraries และเทคนิค anti-debugging เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ถูกพัฒนาไปแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025
    มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 รายในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี
    กลุ่มผู้พัฒนาเป็นแฮกเกอร์ที่พูดภาษาตุรกี และมีโครงสร้าง C2 ที่ซับซ้อน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Accessibility Services เป็นช่องทางที่มัลแวร์นิยมใช้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ Android
    Virbox เป็นระบบป้องกันโค้ดที่ใช้ในซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ เช่น เกมหรือแอปที่ต้องการป้องกันการแครก
    VNC (Virtual Network Computing) เป็นระบบควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลที่ใช้ในงาน IT แต่ถูกนำมาใช้ในมัลแวร์
    NP Manager เป็นเครื่องมือที่ใช้เข้ารหัส string เพื่อหลบเลี่ยงการวิเคราะห์โค้ด
    การใช้ native libraries แทน Java/Kotlin ช่วยลดการตรวจจับจากระบบวิเคราะห์มัลแวร์อัตโนมัติ

    https://www.techradar.com/pro/security/this-dangerous-new-android-malware-disguises-itself-as-a-vpn-or-iptv-app-so-be-on-your-guard
    📱💀 “Klopatra: มัลแวร์ Android ตัวใหม่ปลอมเป็นแอป VPN/IPTV — ขโมยเงินแม้ตอนหน้าจอดับ พร้อมหลบแอนตี้ไวรัสแบบเหนือชั้น” นักวิจัยจาก Cleafy ได้เปิดโปงมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ “Klopatra” ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่พูดภาษาตุรกี และมีความสามารถเหนือกว่ามัลแวร์ทั่วไปอย่างชัดเจน โดย Klopatra ถูกปล่อยผ่านแอปปลอมชื่อ “Modpro IP TV + VPN” ที่ไม่ได้อยู่บน Google Play Store แต่ถูกแจกจ่ายผ่านเว็บไซต์อันตรายโดยตรง เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปนี้ มัลแวร์จะขอสิทธิ์ Accessibility Services ซึ่งเปิดทางให้มันควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ เช่น อ่านหน้าจอ, จำลองการแตะ, ขโมยรหัสผ่าน, และแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์ขณะหน้าจอดับผ่านโหมด VNC แบบ “หน้าจอดำ” ที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลยว่ามีการใช้งานอยู่ Klopatra ยังมีความสามารถในการตรวจสอบว่าเครื่องกำลังชาร์จหรือหน้าจอดับ เพื่อเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้สงสัย และสามารถจำลองการแตะ, ปัด, กดค้าง เพื่อทำธุรกรรมธนาคารหรือขโมยคริปโตได้แบบเรียลไทม์ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ มัลแวร์ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสด้วย NP Manager, การใช้ native libraries แทน Java/Kotlin, การฝัง Virbox ซึ่งเป็นระบบป้องกันโค้ดระดับเชิงพาณิชย์ และมีระบบตรวจจับ emulator, anti-debugging, และ integrity check เพื่อป้องกันนักวิจัยไม่ให้วิเคราะห์ได้ง่าย จนถึงตอนนี้ Klopatra ถูกพัฒนาไปแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีการพบครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2025 และมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 รายในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแคมเปญนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Klopatra เป็นมัลแวร์ Android ที่ปลอมตัวเป็นแอป IPTV และ VPN ➡️ แจกจ่ายผ่านเว็บไซต์อันตราย ไม่ใช่ Google Play Store ➡️ ขอสิทธิ์ Accessibility Services เพื่อควบคุมเครื่องแบบเต็มรูปแบบ ➡️ ใช้โหมด VNC แบบหน้าจอดำเพื่อควบคุมเครื่องขณะผู้ใช้ไม่รู้ตัว ➡️ ตรวจสอบสถานะการชาร์จและหน้าจอเพื่อเลือกเวลาที่เหมาะสมในการโจมตี ➡️ ใช้ Virbox, NP Manager, native libraries และเทคนิค anti-debugging เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ถูกพัฒนาไปแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 ➡️ มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 รายในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ➡️ กลุ่มผู้พัฒนาเป็นแฮกเกอร์ที่พูดภาษาตุรกี และมีโครงสร้าง C2 ที่ซับซ้อน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Accessibility Services เป็นช่องทางที่มัลแวร์นิยมใช้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ Android ➡️ Virbox เป็นระบบป้องกันโค้ดที่ใช้ในซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ เช่น เกมหรือแอปที่ต้องการป้องกันการแครก ➡️ VNC (Virtual Network Computing) เป็นระบบควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลที่ใช้ในงาน IT แต่ถูกนำมาใช้ในมัลแวร์ ➡️ NP Manager เป็นเครื่องมือที่ใช้เข้ารหัส string เพื่อหลบเลี่ยงการวิเคราะห์โค้ด ➡️ การใช้ native libraries แทน Java/Kotlin ช่วยลดการตรวจจับจากระบบวิเคราะห์มัลแวร์อัตโนมัติ https://www.techradar.com/pro/security/this-dangerous-new-android-malware-disguises-itself-as-a-vpn-or-iptv-app-so-be-on-your-guard
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Hostinger เปิดตัว Link-in-Bio Builder — สร้างเพจขายของผ่านโซเชียลได้ฟรี พร้อมขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบ”

    Hostinger ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ชื่อดัง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด “Link-in-Bio Builder” ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Instagram, TikTok หรือ X โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างหน้าเพจแบบ mobile-first ที่รวมลิงก์สำคัญทั้งหมดไว้ในที่เดียว พร้อมรองรับการขายสินค้าโดยไม่ต้องมีร้านค้าเต็มรูปแบบ

    ฟีเจอร์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกออนไลน์ — มีแพลตฟอร์มอย่าง Linktree และ Beacons ที่ทำหน้าที่คล้ายกัน แต่ Hostinger ได้ยกระดับด้วยการผสานเข้ากับระบบ Website Builder และ WordPress ecosystem โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นจากเพจเล็ก ๆ แล้วขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ในอนาคต

    ผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า ปรับแต่งสี ฟอนต์ รูปภาพ และเพิ่มลิงก์หรือสินค้าได้สูงสุดถึง 600 รายการ รองรับการชำระเงินมากกว่า 100 ช่องทาง และไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามยอดคลิก ยอดขาย และการเก็บอีเมลเพื่อทำการตลาดต่อยอด

    ที่สำคัญคือ Hostinger เปิดให้ใช้งานฟีเจอร์นี้ฟรีสำหรับผู้ใช้ที่มีแผนบริการอยู่แล้ว และสามารถเลือกโดเมนส่วนตัวเพื่อเผยแพร่เพจได้ทันที ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับครีเอเตอร์ นักธุรกิจรายย่อย หรือใครก็ตามที่ต้องการสร้างตัวตนออนไลน์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Hostinger เปิดตัวฟีเจอร์ Link-in-Bio Builder สำหรับผู้ใช้โซเชียลมีเดีย
    สร้างหน้าเพจแบบ mobile-first ที่รวมลิงก์ทั้งหมดไว้ใน URL เดียว
    รองรับการขายสินค้าโดยไม่ต้องมีร้านค้าเต็มรูปแบบ
    ผสานเข้ากับระบบ Website Builder และ WordPress ecosystem
    ผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตและปรับแต่งได้ตามต้องการ
    รองรับสินค้าสูงสุด 600 รายการ และช่องทางชำระเงินกว่า 100 แบบ
    ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงในการทำธุรกรรม
    มีระบบติดตามยอดคลิก ยอดขาย และการเก็บอีเมล
    ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ที่มีแผนบริการ Hostinger อยู่แล้ว
    สามารถขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Link-in-Bio เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ใช้ Instagram และ TikTok ที่มีข้อจำกัดด้านลิงก์
    แพลตฟอร์มอย่าง Linktree, Beacons, และ Stan Store เป็นคู่แข่งในตลาดนี้
    การรวมระบบ ecommerce เข้ากับ Link-in-Bio ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มขายได้ทันที
    การใช้ AI ในการสร้างเว็บไซต์ช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการออกแบบ
    การมีโดเมนส่วนตัวช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการจดจำแบรนด์

    https://www.techradar.com/pro/website-building/hostinger-rolls-out-link-in-bio-builder
    📱 “Hostinger เปิดตัว Link-in-Bio Builder — สร้างเพจขายของผ่านโซเชียลได้ฟรี พร้อมขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบ” Hostinger ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ชื่อดัง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด “Link-in-Bio Builder” ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Instagram, TikTok หรือ X โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างหน้าเพจแบบ mobile-first ที่รวมลิงก์สำคัญทั้งหมดไว้ในที่เดียว พร้อมรองรับการขายสินค้าโดยไม่ต้องมีร้านค้าเต็มรูปแบบ ฟีเจอร์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกออนไลน์ — มีแพลตฟอร์มอย่าง Linktree และ Beacons ที่ทำหน้าที่คล้ายกัน แต่ Hostinger ได้ยกระดับด้วยการผสานเข้ากับระบบ Website Builder และ WordPress ecosystem โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นจากเพจเล็ก ๆ แล้วขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ในอนาคต ผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า ปรับแต่งสี ฟอนต์ รูปภาพ และเพิ่มลิงก์หรือสินค้าได้สูงสุดถึง 600 รายการ รองรับการชำระเงินมากกว่า 100 ช่องทาง และไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามยอดคลิก ยอดขาย และการเก็บอีเมลเพื่อทำการตลาดต่อยอด ที่สำคัญคือ Hostinger เปิดให้ใช้งานฟีเจอร์นี้ฟรีสำหรับผู้ใช้ที่มีแผนบริการอยู่แล้ว และสามารถเลือกโดเมนส่วนตัวเพื่อเผยแพร่เพจได้ทันที ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับครีเอเตอร์ นักธุรกิจรายย่อย หรือใครก็ตามที่ต้องการสร้างตัวตนออนไลน์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Hostinger เปิดตัวฟีเจอร์ Link-in-Bio Builder สำหรับผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ➡️ สร้างหน้าเพจแบบ mobile-first ที่รวมลิงก์ทั้งหมดไว้ใน URL เดียว ➡️ รองรับการขายสินค้าโดยไม่ต้องมีร้านค้าเต็มรูปแบบ ➡️ ผสานเข้ากับระบบ Website Builder และ WordPress ecosystem ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตและปรับแต่งได้ตามต้องการ ➡️ รองรับสินค้าสูงสุด 600 รายการ และช่องทางชำระเงินกว่า 100 แบบ ➡️ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงในการทำธุรกรรม ➡️ มีระบบติดตามยอดคลิก ยอดขาย และการเก็บอีเมล ➡️ ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ที่มีแผนบริการ Hostinger อยู่แล้ว ➡️ สามารถขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Link-in-Bio เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ใช้ Instagram และ TikTok ที่มีข้อจำกัดด้านลิงก์ ➡️ แพลตฟอร์มอย่าง Linktree, Beacons, และ Stan Store เป็นคู่แข่งในตลาดนี้ ➡️ การรวมระบบ ecommerce เข้ากับ Link-in-Bio ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มขายได้ทันที ➡️ การใช้ AI ในการสร้างเว็บไซต์ช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการออกแบบ ➡️ การมีโดเมนส่วนตัวช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการจดจำแบรนด์ https://www.techradar.com/pro/website-building/hostinger-rolls-out-link-in-bio-builder
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hostinger rolls out link-in-bio builder
    Create simple mobile-first landing pages
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Red Hat ถูกเจาะ GitHub — แฮกเกอร์อ้างขโมยข้อมูลลูกค้า 800 ราย รวมถึงหน่วยงานรัฐสหรัฐฯ”

    กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ Crimson Collective ได้ออกมาอ้างว่าเจาะระบบ GitHub ส่วนตัวของ Red Hat และขโมยข้อมูลไปกว่า 570GB จากโปรเจกต์ภายในกว่า 28,000 รายการ โดยหนึ่งในข้อมูลที่ถูกกล่าวถึงคือเอกสาร Customer Engagement Records (CERs) จำนวนกว่า 800 ชุด ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้ในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าองค์กร และมักมีข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างระบบ, การตั้งค่าเครือข่าย, token สำหรับเข้าถึงระบบ, และคำแนะนำการใช้งานที่อาจนำไปใช้โจมตีต่อได้

    Red Hat ยืนยันว่ามีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยเกิดขึ้นจริงในส่วนของธุรกิจที่ปรึกษา แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูล CERs ถูกขโมยไปตามที่แฮกเกอร์กล่าวอ้างหรือไม่ และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อบริการหรือผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัท

    Crimson Collective ยังอ้างว่าได้เข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานของลูกค้าบางรายแล้ว โดยใช้ token และ URI ที่พบในเอกสาร CERs และโค้ดภายใน GitHub ซึ่งรวมถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก เช่น Bank of America, T-Mobile, AT&T, Fidelity, Mayo Clinic, Walmart, กองทัพเรือสหรัฐฯ, FAA และหน่วยงานรัฐบาลอื่น ๆ

    แม้ Red Hat จะเริ่มดำเนินการแก้ไขแล้ว แต่การที่แฮกเกอร์เผยแพร่รายการไฟล์และตัวอย่างเอกสารบน Telegram ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นหนึ่งในการรั่วไหลของซอร์สโค้ดและข้อมูลลูกค้าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการโอเพ่นซอร์ส

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Crimson Collective อ้างว่าเจาะ GitHub ส่วนตัวของ Red Hat และขโมยข้อมูล 570GB
    ข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากกว่า 28,000 โปรเจกต์ภายใน
    มี CERs กว่า 800 ชุดที่อาจมีข้อมูลโครงสร้างระบบ, token, และคำแนะนำการใช้งาน
    Red Hat ยืนยันเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยในธุรกิจที่ปรึกษา แต่ไม่ยืนยันการขโมย CERs
    ข้อมูลที่ถูกอ้างว่ารั่วไหลมี URI ฐานข้อมูล, token, และข้อมูลที่เข้าถึงลูกค้า downstream
    รายชื่อองค์กรที่อาจได้รับผลกระทบรวมถึง Bank of America, T-Mobile, AT&T, FAA และหน่วยงานรัฐ
    แฮกเกอร์เผยแพร่รายการไฟล์และ CERs บน Telegram พร้อมตัวอย่างเอกสาร
    Red Hat ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่น และมั่นใจในความปลอดภัยของซัพพลายเชนซอฟต์แวร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    CERs เป็นเอกสารที่ปรึกษาภายในที่มักมีข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับระบบของลูกค้า
    การรั่วไหลของ token และ URI อาจนำไปสู่การเข้าถึงระบบของลูกค้าโดยตรง
    GitHub ส่วนตัวขององค์กรมักมีโค้ดที่ยังไม่เปิดเผย, สคริปต์อัตโนมัติ, และข้อมูลการตั้งค่าระบบ
    การเจาะระบบผ่าน GitHub เป็นหนึ่งในช่องทางที่นิยมในกลุ่มแฮกเกอร์ยุคใหม่
    การโจมตีลักษณะนี้อาจนำไปสู่การโจมตี supply chain ที่กระทบต่อหลายองค์กรพร้อมกัน

    https://www.techradar.com/pro/security/red-hat-confirms-major-data-breach-after-hackers-claim-mega-haul
    🧨 “Red Hat ถูกเจาะ GitHub — แฮกเกอร์อ้างขโมยข้อมูลลูกค้า 800 ราย รวมถึงหน่วยงานรัฐสหรัฐฯ” กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ Crimson Collective ได้ออกมาอ้างว่าเจาะระบบ GitHub ส่วนตัวของ Red Hat และขโมยข้อมูลไปกว่า 570GB จากโปรเจกต์ภายในกว่า 28,000 รายการ โดยหนึ่งในข้อมูลที่ถูกกล่าวถึงคือเอกสาร Customer Engagement Records (CERs) จำนวนกว่า 800 ชุด ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้ในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าองค์กร และมักมีข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างระบบ, การตั้งค่าเครือข่าย, token สำหรับเข้าถึงระบบ, และคำแนะนำการใช้งานที่อาจนำไปใช้โจมตีต่อได้ Red Hat ยืนยันว่ามีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยเกิดขึ้นจริงในส่วนของธุรกิจที่ปรึกษา แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อมูล CERs ถูกขโมยไปตามที่แฮกเกอร์กล่าวอ้างหรือไม่ และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อบริการหรือผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัท Crimson Collective ยังอ้างว่าได้เข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานของลูกค้าบางรายแล้ว โดยใช้ token และ URI ที่พบในเอกสาร CERs และโค้ดภายใน GitHub ซึ่งรวมถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก เช่น Bank of America, T-Mobile, AT&T, Fidelity, Mayo Clinic, Walmart, กองทัพเรือสหรัฐฯ, FAA และหน่วยงานรัฐบาลอื่น ๆ แม้ Red Hat จะเริ่มดำเนินการแก้ไขแล้ว แต่การที่แฮกเกอร์เผยแพร่รายการไฟล์และตัวอย่างเอกสารบน Telegram ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นหนึ่งในการรั่วไหลของซอร์สโค้ดและข้อมูลลูกค้าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการโอเพ่นซอร์ส ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Crimson Collective อ้างว่าเจาะ GitHub ส่วนตัวของ Red Hat และขโมยข้อมูล 570GB ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากกว่า 28,000 โปรเจกต์ภายใน ➡️ มี CERs กว่า 800 ชุดที่อาจมีข้อมูลโครงสร้างระบบ, token, และคำแนะนำการใช้งาน ➡️ Red Hat ยืนยันเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยในธุรกิจที่ปรึกษา แต่ไม่ยืนยันการขโมย CERs ➡️ ข้อมูลที่ถูกอ้างว่ารั่วไหลมี URI ฐานข้อมูล, token, และข้อมูลที่เข้าถึงลูกค้า downstream ➡️ รายชื่อองค์กรที่อาจได้รับผลกระทบรวมถึง Bank of America, T-Mobile, AT&T, FAA และหน่วยงานรัฐ ➡️ แฮกเกอร์เผยแพร่รายการไฟล์และ CERs บน Telegram พร้อมตัวอย่างเอกสาร ➡️ Red Hat ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่น และมั่นใจในความปลอดภัยของซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ CERs เป็นเอกสารที่ปรึกษาภายในที่มักมีข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับระบบของลูกค้า ➡️ การรั่วไหลของ token และ URI อาจนำไปสู่การเข้าถึงระบบของลูกค้าโดยตรง ➡️ GitHub ส่วนตัวขององค์กรมักมีโค้ดที่ยังไม่เปิดเผย, สคริปต์อัตโนมัติ, และข้อมูลการตั้งค่าระบบ ➡️ การเจาะระบบผ่าน GitHub เป็นหนึ่งในช่องทางที่นิยมในกลุ่มแฮกเกอร์ยุคใหม่ ➡️ การโจมตีลักษณะนี้อาจนำไปสู่การโจมตี supply chain ที่กระทบต่อหลายองค์กรพร้อมกัน https://www.techradar.com/pro/security/red-hat-confirms-major-data-breach-after-hackers-claim-mega-haul
    WWW.TECHRADAR.COM
    Red Hat confirms major data breach after hackers claim mega haul
    Red Hat breach is confirmed, but not claims of data theft
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Shadow AI ระบาดในองค์กร — ผู้บริหารใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่ได้รับอนุญาตมากที่สุด พร้อมแชร์ข้อมูลลับโดยไม่รู้ตัว”

    ผลสำรวจล่าสุดจาก Cybernews เผยให้เห็นภาพที่น่ากังวลของการใช้ AI ในที่ทำงาน โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร หรือที่เรียกว่า “Shadow AI” ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในหลายบริษัททั่วโลก

    กว่า 59% ของพนักงานยอมรับว่าใช้เครื่องมือ AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ และที่น่าตกใจคือ 75% ของคนกลุ่มนี้เคยแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น ข้อมูลลูกค้า เอกสารภายใน รหัสโปรแกรม หรือแม้แต่ข้อมูลด้านกฎหมายและการเงิน โดยไม่รู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกเก็บไว้โดยระบบ AI ที่ไม่มีการควบคุม

    ที่น่าประหลาดใจคือ ผู้บริหารระดับสูงกลับเป็นกลุ่มที่ใช้ Shadow AI มากที่สุดถึง 93% ตามมาด้วยผู้จัดการ 73% และพนักงานทั่วไป 62% ซึ่งสะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการขาดความรู้เท่านั้น แต่ยังเกิดจากการขาดเครื่องมือที่ตอบโจทย์จริง ๆ เพราะแม้จะมีองค์กรถึง 52% ที่จัดหาเครื่องมือ AI ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ แต่มีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานที่รู้สึกว่าเครื่องมือเหล่านั้นตอบโจทย์การทำงาน

    ข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่าน Shadow AI มีตั้งแต่ข้อมูลพนักงาน (35%) ข้อมูลลูกค้า (32%) เอกสารภายใน (27%) ไปจนถึงโค้ดและอัลกอริธึมเฉพาะของบริษัท (20%) ทั้งที่ 89% ของพนักงานรู้ว่า AI มีความเสี่ยง และ 64% ยอมรับว่าการใช้ Shadow AI อาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูล

    แม้หลายคนจะบอกว่าจะหยุดใช้ทันทีหากเกิดเหตุรั่วไหล แต่ในความเป็นจริง มีเพียงไม่กี่องค์กรที่มีนโยบายควบคุมการใช้ AI อย่างจริงจัง โดย 23% ยังไม่มีนโยบาย AI เลย และอีกหลายแห่งยังไม่สามารถให้เครื่องมือที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    59% ของพนักงานใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร
    75% ของผู้ใช้ Shadow AI เคยแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ
    ผู้บริหารระดับสูงใช้ Shadow AI มากที่สุดถึง 93%
    ข้อมูลที่ถูกแชร์มีทั้งข้อมูลพนักงาน ลูกค้า เอกสารภายใน และโค้ดเฉพาะ
    89% ของพนักงานรู้ว่า AI มีความเสี่ยง และ 64% ยอมรับว่าอาจเกิดการรั่วไหล
    57% บอกว่าจะหยุดใช้หากเกิดเหตุรั่วไหล แต่ยังไม่มีมาตรการป้องกัน
    23% ขององค์กรยังไม่มีนโยบาย AI อย่างเป็นทางการ
    มีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานที่รู้สึกว่าเครื่องมือ AI ที่องค์กรจัดให้ตอบโจทย์การทำงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Shadow AI คือการใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT หรือฝ่ายความปลอดภัย
    เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ ChatGPT, Claude, Grammarly, Jasper และ Perplexity
    การใช้ AI ในงานเขียน วิเคราะห์ข้อมูล และการวิจัยเป็นที่นิยมมากที่สุด
    ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงเครื่องมือ AI ทำให้พนักงานบางกลุ่มต้องหาทางใช้เอง
    การใช้ AI โดยไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่การละเมิดลิขสิทธิ์และความเสี่ยงด้านความมั่นคง

    https://www.techradar.com/pro/many-workers-are-using-unapproved-ai-tools-at-work-and-sharing-a-lot-of-private-data-they-really-shouldnt
    🕵️‍♀️ “Shadow AI ระบาดในองค์กร — ผู้บริหารใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่ได้รับอนุญาตมากที่สุด พร้อมแชร์ข้อมูลลับโดยไม่รู้ตัว” ผลสำรวจล่าสุดจาก Cybernews เผยให้เห็นภาพที่น่ากังวลของการใช้ AI ในที่ทำงาน โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร หรือที่เรียกว่า “Shadow AI” ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในหลายบริษัททั่วโลก กว่า 59% ของพนักงานยอมรับว่าใช้เครื่องมือ AI ที่องค์กรไม่ได้อนุมัติ และที่น่าตกใจคือ 75% ของคนกลุ่มนี้เคยแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น ข้อมูลลูกค้า เอกสารภายใน รหัสโปรแกรม หรือแม้แต่ข้อมูลด้านกฎหมายและการเงิน โดยไม่รู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นอาจถูกเก็บไว้โดยระบบ AI ที่ไม่มีการควบคุม ที่น่าประหลาดใจคือ ผู้บริหารระดับสูงกลับเป็นกลุ่มที่ใช้ Shadow AI มากที่สุดถึง 93% ตามมาด้วยผู้จัดการ 73% และพนักงานทั่วไป 62% ซึ่งสะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการขาดความรู้เท่านั้น แต่ยังเกิดจากการขาดเครื่องมือที่ตอบโจทย์จริง ๆ เพราะแม้จะมีองค์กรถึง 52% ที่จัดหาเครื่องมือ AI ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ แต่มีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานที่รู้สึกว่าเครื่องมือเหล่านั้นตอบโจทย์การทำงาน ข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่าน Shadow AI มีตั้งแต่ข้อมูลพนักงาน (35%) ข้อมูลลูกค้า (32%) เอกสารภายใน (27%) ไปจนถึงโค้ดและอัลกอริธึมเฉพาะของบริษัท (20%) ทั้งที่ 89% ของพนักงานรู้ว่า AI มีความเสี่ยง และ 64% ยอมรับว่าการใช้ Shadow AI อาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูล แม้หลายคนจะบอกว่าจะหยุดใช้ทันทีหากเกิดเหตุรั่วไหล แต่ในความเป็นจริง มีเพียงไม่กี่องค์กรที่มีนโยบายควบคุมการใช้ AI อย่างจริงจัง โดย 23% ยังไม่มีนโยบาย AI เลย และอีกหลายแห่งยังไม่สามารถให้เครื่องมือที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ 59% ของพนักงานใช้เครื่องมือ AI ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กร ➡️ 75% ของผู้ใช้ Shadow AI เคยแชร์ข้อมูลที่เป็นความลับ ➡️ ผู้บริหารระดับสูงใช้ Shadow AI มากที่สุดถึง 93% ➡️ ข้อมูลที่ถูกแชร์มีทั้งข้อมูลพนักงาน ลูกค้า เอกสารภายใน และโค้ดเฉพาะ ➡️ 89% ของพนักงานรู้ว่า AI มีความเสี่ยง และ 64% ยอมรับว่าอาจเกิดการรั่วไหล ➡️ 57% บอกว่าจะหยุดใช้หากเกิดเหตุรั่วไหล แต่ยังไม่มีมาตรการป้องกัน ➡️ 23% ขององค์กรยังไม่มีนโยบาย AI อย่างเป็นทางการ ➡️ มีเพียง 1 ใน 3 ของพนักงานที่รู้สึกว่าเครื่องมือ AI ที่องค์กรจัดให้ตอบโจทย์การทำงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Shadow AI คือการใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT หรือฝ่ายความปลอดภัย ➡️ เครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ ChatGPT, Claude, Grammarly, Jasper และ Perplexity ➡️ การใช้ AI ในงานเขียน วิเคราะห์ข้อมูล และการวิจัยเป็นที่นิยมมากที่สุด ➡️ ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงเครื่องมือ AI ทำให้พนักงานบางกลุ่มต้องหาทางใช้เอง ➡️ การใช้ AI โดยไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่การละเมิดลิขสิทธิ์และความเสี่ยงด้านความมั่นคง https://www.techradar.com/pro/many-workers-are-using-unapproved-ai-tools-at-work-and-sharing-a-lot-of-private-data-they-really-shouldnt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft ทุ่ม 33 พันล้านดอลลาร์ให้ ‘Neoclouds’ — ดึง GPU จาก Nebius 100,000 ตัว เพื่อเร่งสร้าง AI Copilot รุ่นถัดไป”

    ในยุคที่ความต้องการพลังประมวลผล AI พุ่งทะยานจนศูนย์ข้อมูลทั่วโลกแทบไม่พอใช้งาน Microsoft ตัดสินใจเดินเกมใหม่ด้วยการลงทุนกว่า 33 พันล้านดอลลาร์ กับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหน้าใหม่ที่เรียกว่า “neoclouds” เช่น Nebius, CoreWeave, Nscale และ Lambda เพื่อเร่งขยายกำลังการผลิตโมเดล AI และบริการ Copilot ให้ทันกับความต้องการทั่วโลก

    ดีลที่ใหญ่ที่สุดคือการจับมือกับ Nebius มูลค่า 19.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ Microsoft ได้สิทธิ์เข้าถึง Nvidia GB300 GPU มากกว่า 100,000 ตัว โดยใช้สำหรับงานภายใน เช่น การฝึกโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) และผู้ช่วย AI สำหรับผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงทีม CoreAI ที่อยู่เบื้องหลัง GitHub Copilot และ Copilot+ บน Windows

    Nebius ซึ่งมีรากจาก Yandex และปัจจุบันตั้งอยู่ในเนเธอร์แลนด์ ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia โดยตรง และมีศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ต่างจาก hyperscaler รายใหญ่ที่ต้องรองรับงานทั่วไปด้วย

    กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Microsoft สามารถ “ปลดล็อก” ศูนย์ข้อมูลของตัวเองเพื่อให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น โดยย้ายงานฝึกโมเดลไปยัง neoclouds เช่น CoreWeave ที่เคยใช้ฝึกโมเดลของ OpenAI ใกล้เมืองพอร์ตแลนด์ และ Nscale ที่จะใช้สำหรับงาน inference ในยุโรป

    ขณะเดียวกัน Microsoft ก็ยังลงทุนในศูนย์ข้อมูลของตัวเอง เช่นโครงการใน Wisconsin ที่จะใช้พื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ พร้อมไฟเบอร์ที่ยาวพอจะพันรอบโลก 4.5 รอบ และระบบพลังงานแบบ self-sustaining เพื่อรองรับการเติบโตของ AI ในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft ลงทุนกว่า $33B กับ neoclouds เพื่อขยายกำลังประมวลผล AI
    ดีลกับ Nebius มูลค่า $19.4B ให้สิทธิ์ใช้ Nvidia GB300 GPU มากกว่า 100,000 ตัว
    ใช้สำหรับงานภายใน เช่น การฝึก LLM และผู้ช่วย AI สำหรับผู้บริโภค
    ทีม CoreAI อยู่เบื้องหลัง GitHub Copilot และ Copilot+
    Nebius เป็น neocloud ที่ออกแบบศูนย์ข้อมูลเพื่อ AI โดยเฉพาะ
    CoreWeave ใช้ฝึกโมเดลของ OpenAI ใกล้เมืองพอร์ตแลนด์
    Nscale จะใช้สำหรับ inference ในยุโรป
    Microsoft สร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ใน Wisconsin พร้อมระบบพลังงานอิสระ
    การใช้ neoclouds ช่วยให้ Microsoft ปลดล็อกศูนย์ข้อมูลของตัวเองเพื่อให้บริการลูกค้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GB300 คือ GPU ระดับเซิร์ฟเวอร์รุ่นล่าสุดจาก Nvidia สำหรับงาน AI ขนาดใหญ่
    Neoclouds คือผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ไม่ใช่ hyperscaler แบบดั้งเดิม
    การใช้ neoclouds ช่วยลดเวลาในการจัดหาไฟและชิป ซึ่งเป็นอุปสรรคหลักของ hyperscaler
    Microsoft ใช้กลยุทธ์ “land-grab” เพื่อไม่ให้ถูกจำกัดด้วยกำลังประมวลผล
    Meta และ Google ยังไม่ลงทุนกับ neoclouds ในระดับเดียวกับ Microsoft

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-inks-usd33-billion-in-deals-with-neoclouds-like-nebius-coreweave-nebius-deal-alone-secures-100-000-nvidia-gb300-chips-for-internal-use
    🌐 “Microsoft ทุ่ม 33 พันล้านดอลลาร์ให้ ‘Neoclouds’ — ดึง GPU จาก Nebius 100,000 ตัว เพื่อเร่งสร้าง AI Copilot รุ่นถัดไป” ในยุคที่ความต้องการพลังประมวลผล AI พุ่งทะยานจนศูนย์ข้อมูลทั่วโลกแทบไม่พอใช้งาน Microsoft ตัดสินใจเดินเกมใหม่ด้วยการลงทุนกว่า 33 พันล้านดอลลาร์ กับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหน้าใหม่ที่เรียกว่า “neoclouds” เช่น Nebius, CoreWeave, Nscale และ Lambda เพื่อเร่งขยายกำลังการผลิตโมเดล AI และบริการ Copilot ให้ทันกับความต้องการทั่วโลก ดีลที่ใหญ่ที่สุดคือการจับมือกับ Nebius มูลค่า 19.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ Microsoft ได้สิทธิ์เข้าถึง Nvidia GB300 GPU มากกว่า 100,000 ตัว โดยใช้สำหรับงานภายใน เช่น การฝึกโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) และผู้ช่วย AI สำหรับผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงทีม CoreAI ที่อยู่เบื้องหลัง GitHub Copilot และ Copilot+ บน Windows Nebius ซึ่งมีรากจาก Yandex และปัจจุบันตั้งอยู่ในเนเธอร์แลนด์ ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia โดยตรง และมีศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ต่างจาก hyperscaler รายใหญ่ที่ต้องรองรับงานทั่วไปด้วย กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Microsoft สามารถ “ปลดล็อก” ศูนย์ข้อมูลของตัวเองเพื่อให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น โดยย้ายงานฝึกโมเดลไปยัง neoclouds เช่น CoreWeave ที่เคยใช้ฝึกโมเดลของ OpenAI ใกล้เมืองพอร์ตแลนด์ และ Nscale ที่จะใช้สำหรับงาน inference ในยุโรป ขณะเดียวกัน Microsoft ก็ยังลงทุนในศูนย์ข้อมูลของตัวเอง เช่นโครงการใน Wisconsin ที่จะใช้พื้นที่กว่า 315 เอเคอร์ พร้อมไฟเบอร์ที่ยาวพอจะพันรอบโลก 4.5 รอบ และระบบพลังงานแบบ self-sustaining เพื่อรองรับการเติบโตของ AI ในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft ลงทุนกว่า $33B กับ neoclouds เพื่อขยายกำลังประมวลผล AI ➡️ ดีลกับ Nebius มูลค่า $19.4B ให้สิทธิ์ใช้ Nvidia GB300 GPU มากกว่า 100,000 ตัว ➡️ ใช้สำหรับงานภายใน เช่น การฝึก LLM และผู้ช่วย AI สำหรับผู้บริโภค ➡️ ทีม CoreAI อยู่เบื้องหลัง GitHub Copilot และ Copilot+ ➡️ Nebius เป็น neocloud ที่ออกแบบศูนย์ข้อมูลเพื่อ AI โดยเฉพาะ ➡️ CoreWeave ใช้ฝึกโมเดลของ OpenAI ใกล้เมืองพอร์ตแลนด์ ➡️ Nscale จะใช้สำหรับ inference ในยุโรป ➡️ Microsoft สร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ใน Wisconsin พร้อมระบบพลังงานอิสระ ➡️ การใช้ neoclouds ช่วยให้ Microsoft ปลดล็อกศูนย์ข้อมูลของตัวเองเพื่อให้บริการลูกค้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GB300 คือ GPU ระดับเซิร์ฟเวอร์รุ่นล่าสุดจาก Nvidia สำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ ➡️ Neoclouds คือผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ไม่ใช่ hyperscaler แบบดั้งเดิม ➡️ การใช้ neoclouds ช่วยลดเวลาในการจัดหาไฟและชิป ซึ่งเป็นอุปสรรคหลักของ hyperscaler ➡️ Microsoft ใช้กลยุทธ์ “land-grab” เพื่อไม่ให้ถูกจำกัดด้วยกำลังประมวลผล ➡️ Meta และ Google ยังไม่ลงทุนกับ neoclouds ในระดับเดียวกับ Microsoft https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-inks-usd33-billion-in-deals-with-neoclouds-like-nebius-coreweave-nebius-deal-alone-secures-100-000-nvidia-gb300-chips-for-internal-use
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft inks $33 billion in deals with 'neoclouds' like Nebius, CoreWeave — Nebius deal alone secures 100,000 Nvidia GB300 chips for internal use
    Microsoft is renting external GPU data centers for internal use so it can, in turn, rent out its own facilities to other customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Ampinel: อุปกรณ์ $95 ที่อาจช่วยชีวิตการ์ดจอ RTX ของคุณ — แก้ปัญหา 16-pin ละลายด้วยระบบบาลานซ์ไฟที่ Nvidia ลืมใส่”

    ตั้งแต่การ์ดจอซีรีส์ RTX 40 ของ Nvidia เปิดตัวพร้อมหัวต่อไฟแบบ 16-pin (12VHPWR) ก็มีรายงานปัญหาหัวละลายและสายไหม้ตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรุ่น RTX 4090 และ 5090 ซึ่งดึงไฟสูงถึง 600W แต่ไม่มีระบบกระจายโหลดไฟฟ้าในตัว ต่างจาก RTX 3090 Ti ที่ยังมีวงจรบาลานซ์ไฟอยู่

    ล่าสุด Aqua Computer จากเยอรมนีเปิดตัวอุปกรณ์ชื่อว่า Ampinel ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ด้วยการใส่ระบบ active load balancing ที่สามารถตรวจสอบและกระจายกระแสไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ผ่านสาย 12V ทั้ง 6 เส้นในหัวต่อ 16-pin หากพบว่ามีสายใดเกิน 7.5A ซึ่งเป็นค่าที่ปลอดภัยต่อคอนแทค Ampinel จะปรับโหลดทันทีเพื่อป้องกันความร้อนสะสม

    Ampinel ยังมาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดเล็กที่แสดงค่ากระแสไฟแต่ละเส้น, ระบบแจ้งเตือนด้วยเสียง 85 dB และไฟ RGB ที่เปลี่ยนสีตามสถานะการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์ Aquasuite เพื่อกำหนดพฤติกรรมเมื่อเกิดเหตุ เช่น ปิดแอปที่ใช้ GPU หนัก, สั่ง shutdown เครื่อง หรือแม้แต่ตัดสัญญาณ sense บนการ์ดจอเพื่อหยุดจ่ายไฟทันที

    อุปกรณ์นี้ใช้แผงวงจร 6 ชั้นที่ทำจากทองแดงหนา 70 ไมครอน พร้อมบอดี้อะลูมิเนียมที่ช่วยระบายความร้อน และระบบ MCU ที่ควบคุม MOSFET แบบ low-resistance เพื่อให้การกระจายโหลดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อ USB หรือซอฟต์แวร์ตลอดเวลา

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ampinel เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับหัวต่อ 16-pin ที่มีระบบ active load balancing
    ตรวจสอบสายไฟ 6 เส้นแบบเรียลไทม์ และปรับโหลดทันทีเมื่อเกิน 7.5A
    มีหน้าจอ OLED แสดงค่ากระแสไฟ, ไฟ RGB แจ้งเตือน และเสียงเตือน 85 dB
    ใช้แผงวงจร 6 ชั้นทองแดงหนา พร้อมบอดี้อะลูมิเนียมช่วยระบายความร้อน
    สามารถตั้งค่าผ่าน Aquasuite ให้สั่งปิดแอป, shutdown หรือหยุดจ่ายไฟ
    ระบบแจ้งเตือนแบ่งเป็น 8 ระดับ ตั้งค่าได้ทั้งภาพ เสียง และการตอบสนอง
    ไม่ต้องพึ่งพา USB หรือซอฟต์แวร์ในการทำงานหลัก
    ราคาประมาณ $95 หรือ €79.90 เริ่มส่งกลางเดือนพฤศจิกายน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    หัวต่อ 16-pin มี safety margin ต่ำกว่าหัว 8-pin PCIe เดิมถึง 40%
    ปัญหาหัวละลายเกิดจากการกระจายโหลดไม่เท่ากันในสายไฟ
    RTX 3090 Ti ไม่มีปัญหาเพราะยังมีวงจรบาลานซ์ไฟในตัว
    MOSFET แบบ low-RDS(on) ช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม
    การตัดสัญญาณ sense บนการ์ดจอคือวิธีหยุดจ่ายไฟแบบฉุกเฉินที่ปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-16-pin-time-bomb-could-be-defused-by-this-usd95-gadget-ampinel-offers-load-balancing-that-nvidia-forgot-to-include
    🔥 “Ampinel: อุปกรณ์ $95 ที่อาจช่วยชีวิตการ์ดจอ RTX ของคุณ — แก้ปัญหา 16-pin ละลายด้วยระบบบาลานซ์ไฟที่ Nvidia ลืมใส่” ตั้งแต่การ์ดจอซีรีส์ RTX 40 ของ Nvidia เปิดตัวพร้อมหัวต่อไฟแบบ 16-pin (12VHPWR) ก็มีรายงานปัญหาหัวละลายและสายไหม้ตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรุ่น RTX 4090 และ 5090 ซึ่งดึงไฟสูงถึง 600W แต่ไม่มีระบบกระจายโหลดไฟฟ้าในตัว ต่างจาก RTX 3090 Ti ที่ยังมีวงจรบาลานซ์ไฟอยู่ ล่าสุด Aqua Computer จากเยอรมนีเปิดตัวอุปกรณ์ชื่อว่า Ampinel ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ ด้วยการใส่ระบบ active load balancing ที่สามารถตรวจสอบและกระจายกระแสไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ผ่านสาย 12V ทั้ง 6 เส้นในหัวต่อ 16-pin หากพบว่ามีสายใดเกิน 7.5A ซึ่งเป็นค่าที่ปลอดภัยต่อคอนแทค Ampinel จะปรับโหลดทันทีเพื่อป้องกันความร้อนสะสม Ampinel ยังมาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดเล็กที่แสดงค่ากระแสไฟแต่ละเส้น, ระบบแจ้งเตือนด้วยเสียง 85 dB และไฟ RGB ที่เปลี่ยนสีตามสถานะการใช้งาน นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์ Aquasuite เพื่อกำหนดพฤติกรรมเมื่อเกิดเหตุ เช่น ปิดแอปที่ใช้ GPU หนัก, สั่ง shutdown เครื่อง หรือแม้แต่ตัดสัญญาณ sense บนการ์ดจอเพื่อหยุดจ่ายไฟทันที อุปกรณ์นี้ใช้แผงวงจร 6 ชั้นที่ทำจากทองแดงหนา 70 ไมครอน พร้อมบอดี้อะลูมิเนียมที่ช่วยระบายความร้อน และระบบ MCU ที่ควบคุม MOSFET แบบ low-resistance เพื่อให้การกระจายโหลดมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อ USB หรือซอฟต์แวร์ตลอดเวลา ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ampinel เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับหัวต่อ 16-pin ที่มีระบบ active load balancing ➡️ ตรวจสอบสายไฟ 6 เส้นแบบเรียลไทม์ และปรับโหลดทันทีเมื่อเกิน 7.5A ➡️ มีหน้าจอ OLED แสดงค่ากระแสไฟ, ไฟ RGB แจ้งเตือน และเสียงเตือน 85 dB ➡️ ใช้แผงวงจร 6 ชั้นทองแดงหนา พร้อมบอดี้อะลูมิเนียมช่วยระบายความร้อน ➡️ สามารถตั้งค่าผ่าน Aquasuite ให้สั่งปิดแอป, shutdown หรือหยุดจ่ายไฟ ➡️ ระบบแจ้งเตือนแบ่งเป็น 8 ระดับ ตั้งค่าได้ทั้งภาพ เสียง และการตอบสนอง ➡️ ไม่ต้องพึ่งพา USB หรือซอฟต์แวร์ในการทำงานหลัก ➡️ ราคาประมาณ $95 หรือ €79.90 เริ่มส่งกลางเดือนพฤศจิกายน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ หัวต่อ 16-pin มี safety margin ต่ำกว่าหัว 8-pin PCIe เดิมถึง 40% ➡️ ปัญหาหัวละลายเกิดจากการกระจายโหลดไม่เท่ากันในสายไฟ ➡️ RTX 3090 Ti ไม่มีปัญหาเพราะยังมีวงจรบาลานซ์ไฟในตัว ➡️ MOSFET แบบ low-RDS(on) ช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม ➡️ การตัดสัญญาณ sense บนการ์ดจอคือวิธีหยุดจ่ายไฟแบบฉุกเฉินที่ปลอดภัย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-16-pin-time-bomb-could-be-defused-by-this-usd95-gadget-ampinel-offers-load-balancing-that-nvidia-forgot-to-include
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Phison เตือนวิกฤต NAND อาจลากยาว 10 ปี — ยุค ‘Memory Supercycle’ มาแล้ว และปี 2026 จะขาดแคลนหนัก”

    ในขณะที่โลกกำลังหมุนไปด้วยพลังของ AI และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ กลับมีคำเตือนจาก Pua Khein-Seng ซีอีโอของ Phison Electronics ว่าโลกอาจกำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลน NAND flash ที่ยาวนานถึง 10 ปี ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์เดิมที่มองว่าเป็นเพียง “ภาวะขาดแคลนชั่วคราว” ในปี 2026

    Pua ระบุว่าอุตสาหกรรม NAND เคยลงทุนหนักในอดีต แต่ราคากลับตกจนไม่คุ้มทุน ทำให้ผู้ผลิตชะลอการลงทุนตั้งแต่ปี 2019–2020 และเมื่อถึงปี 2023 บริษัทใหญ่อย่าง Micron และ SK Hynix ก็หันไปทุ่มงบกับ HBM (High Bandwidth Memory) แทน เพราะมีกำไรสูงกว่า ส่งผลให้การลงทุนใน NAND ลดลงอย่างมาก

    แต่ในปี 2025 ความต้องการ NAND กลับพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากการเติบโตของ AI โดยเฉพาะการใช้งานด้าน inference ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล เช่น การเก็บเวอร์ชันโมเดลเก่า, คำถามจากผู้ใช้, และข้อมูลที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อย (nearline storage) ซึ่งต่างจากการฝึกโมเดลที่ใช้ HBM เป็นหลัก

    Pua เชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า การลงทุนของบริษัท cloud จะเน้นไปที่การขยายพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าการซื้อ GPU เพราะ “ผู้ใช้คือรายได้ และข้อมูลจากผู้ใช้ต้องถูกเก็บไว้” ซึ่งหมายความว่า flash storage จะกลายเป็นหัวใจของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Phison เตือนว่า NAND flash จะขาดแคลนต่อเนื่องนานถึง 10 ปี เริ่มจากปี 2026
    การลงทุนใน NAND ลดลงตั้งแต่ปี 2019–2020 เพราะราคาตกและไม่คุ้มทุน
    Micron และ SK Hynix หันไปลงทุนใน HBM แทน NAND ในปี 2023
    ความต้องการ NAND พุ่งขึ้นจากการใช้งานด้าน inference ใน AI
    Nearline storage กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเก็บข้อมูล AI ที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อย
    Pua คาดว่า cloud providers จะลงทุนใน storage มากกว่า GPU ในอนาคต
    SSD จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่แทน HDD ภายใน 5–8 ปี
    สัดส่วน SSD ในศูนย์ข้อมูลเพิ่มจาก 10% เป็น 20% และอาจแตะ 80–100% ในอนาคต
    Morgan Stanley ก็ออกรายงานสนับสนุนแนวโน้ม “Memory Supercycle” เช่นกัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HBM เหมาะกับงานฝึกโมเดล AI เพราะมีแบนด์วิดธ์สูง แต่ราคาแพง
    NAND flash เหมาะกับการเก็บข้อมูลระยะยาวและการใช้งานทั่วไป
    Nearline storage คือระดับกลางระหว่าง hot storage (เรียกใช้บ่อย) และ cold storage (เก็บไว้นาน)
    SSD แบบ QLC (Quad-Level Cell) กำลังได้รับความนิยมในตลาด enterprise
    การเปลี่ยนจาก HDD เป็น SSD จะช่วยลดเวลาเข้าถึงข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/phison-ceo-claims-nand-shortage-could-last-a-staggering-10-years-says-memory-supercycle-imminent-and-severe-2026-shortages-are-at-hand
    💾 “Phison เตือนวิกฤต NAND อาจลากยาว 10 ปี — ยุค ‘Memory Supercycle’ มาแล้ว และปี 2026 จะขาดแคลนหนัก” ในขณะที่โลกกำลังหมุนไปด้วยพลังของ AI และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ กลับมีคำเตือนจาก Pua Khein-Seng ซีอีโอของ Phison Electronics ว่าโลกอาจกำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลน NAND flash ที่ยาวนานถึง 10 ปี ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์เดิมที่มองว่าเป็นเพียง “ภาวะขาดแคลนชั่วคราว” ในปี 2026 Pua ระบุว่าอุตสาหกรรม NAND เคยลงทุนหนักในอดีต แต่ราคากลับตกจนไม่คุ้มทุน ทำให้ผู้ผลิตชะลอการลงทุนตั้งแต่ปี 2019–2020 และเมื่อถึงปี 2023 บริษัทใหญ่อย่าง Micron และ SK Hynix ก็หันไปทุ่มงบกับ HBM (High Bandwidth Memory) แทน เพราะมีกำไรสูงกว่า ส่งผลให้การลงทุนใน NAND ลดลงอย่างมาก แต่ในปี 2025 ความต้องการ NAND กลับพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากการเติบโตของ AI โดยเฉพาะการใช้งานด้าน inference ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมหาศาล เช่น การเก็บเวอร์ชันโมเดลเก่า, คำถามจากผู้ใช้, และข้อมูลที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อย (nearline storage) ซึ่งต่างจากการฝึกโมเดลที่ใช้ HBM เป็นหลัก Pua เชื่อว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า การลงทุนของบริษัท cloud จะเน้นไปที่การขยายพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่าการซื้อ GPU เพราะ “ผู้ใช้คือรายได้ และข้อมูลจากผู้ใช้ต้องถูกเก็บไว้” ซึ่งหมายความว่า flash storage จะกลายเป็นหัวใจของศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Phison เตือนว่า NAND flash จะขาดแคลนต่อเนื่องนานถึง 10 ปี เริ่มจากปี 2026 ➡️ การลงทุนใน NAND ลดลงตั้งแต่ปี 2019–2020 เพราะราคาตกและไม่คุ้มทุน ➡️ Micron และ SK Hynix หันไปลงทุนใน HBM แทน NAND ในปี 2023 ➡️ ความต้องการ NAND พุ่งขึ้นจากการใช้งานด้าน inference ใน AI ➡️ Nearline storage กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเก็บข้อมูล AI ที่ไม่ถูกเรียกใช้บ่อย ➡️ Pua คาดว่า cloud providers จะลงทุนใน storage มากกว่า GPU ในอนาคต ➡️ SSD จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่แทน HDD ภายใน 5–8 ปี ➡️ สัดส่วน SSD ในศูนย์ข้อมูลเพิ่มจาก 10% เป็น 20% และอาจแตะ 80–100% ในอนาคต ➡️ Morgan Stanley ก็ออกรายงานสนับสนุนแนวโน้ม “Memory Supercycle” เช่นกัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HBM เหมาะกับงานฝึกโมเดล AI เพราะมีแบนด์วิดธ์สูง แต่ราคาแพง ➡️ NAND flash เหมาะกับการเก็บข้อมูลระยะยาวและการใช้งานทั่วไป ➡️ Nearline storage คือระดับกลางระหว่าง hot storage (เรียกใช้บ่อย) และ cold storage (เก็บไว้นาน) ➡️ SSD แบบ QLC (Quad-Level Cell) กำลังได้รับความนิยมในตลาด enterprise ➡️ การเปลี่ยนจาก HDD เป็น SSD จะช่วยลดเวลาเข้าถึงข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/phison-ceo-claims-nand-shortage-could-last-a-staggering-10-years-says-memory-supercycle-imminent-and-severe-2026-shortages-are-at-hand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Harvard–MIT สร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่รันต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง — แก้ปัญหา atom loss ด้วยเลเซอร์ล้ำยุค พร้อมเปิดทางสู่ระบบที่รัน ‘ตลอดกาล’ ภายใน 3 ปี”

    ในโลกของควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่เคยถูกจำกัดด้วยเวลาใช้งานเพียงไม่กี่วินาที ทีมวิจัยจาก Harvard และ MIT ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ — ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถรันต่อเนื่องได้มากกว่า 2 ชั่วโมง โดยไม่ต้องรีสตาร์ทหรือโหลดข้อมูลใหม่ ถือเป็นการเพิ่มระยะเวลาการทำงานมากกว่า 55,000% เมื่อเทียบกับระบบเดิมที่รันได้เพียงไม่กี่มิลลิวินาที

    หัวใจของความสำเร็จนี้คือการแก้ปัญหา “atom loss” ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ล่มเร็ว โดยทีมวิจัยได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่ใช้เลเซอร์ควบคุมอะตอม ได้แก่ “optical lattice conveyor belts” และ “optical tweezers” เพื่อเติมอะตอมใหม่เข้าไปในระบบอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทำลายข้อมูลเดิมที่เก็บไว้ใน qubit

    ระบบใหม่นี้สามารถเติมอะตอมได้ถึง 300,000 ตัวต่อวินาที และรองรับ qubit ได้มากถึง 3,000 ตัว ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถรันได้ “ตลอดกาล” โดยนักวิจัยคาดว่าจะสามารถสร้างระบบที่รันได้ไม่จำกัดภายใน 3 ปีข้างหน้า จากเดิมที่เคยประเมินว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี

    แม้จะยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงานทั่วไป แต่เทคโนโลยีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงวงการวิทยาศาสตร์ การเงิน การแพทย์ และการเข้ารหัสข้อมูลอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อระบบสามารถรักษาข้อมูลควอนตัมได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Harvard และ MIT สร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่รันต่อเนื่องได้มากกว่า 2 ชั่วโมง
    ใช้เทคนิค optical lattice conveyor belts และ optical tweezers เพื่อเติมอะตอมใหม่
    ระบบรองรับ qubit ได้มากถึง 3,000 ตัว และเติมอะตอมได้ 300,000 ตัวต่อวินาที
    แก้ปัญหา atom loss ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการล่มของระบบควอนตัม
    นักวิจัยคาดว่าจะสร้างระบบที่รันได้ “ตลอดกาล” ภายใน 3 ปี
    ระบบนี้ใช้ neutral atoms ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีเสถียรภาพสูง
    การทดลองนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature และได้รับการยอมรับในวงการ
    ทีมวิจัยร่วมมือกับ QuEra Computing ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพจาก Harvard–MIT

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Qubit คือหน่วยข้อมูลในควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถอยู่ในสถานะ 0 และ 1 พร้อมกัน
    Quantum entanglement ทำให้การเพิ่ม qubit ส่งผลต่อพลังการประมวลผลแบบทวีคูณ
    Optical tweezers คือเลเซอร์ที่ใช้จับและจัดเรียงอะตอมในตำแหน่งที่แม่นยำ
    Optical lattice คือคลื่นแสงที่สร้างโครงสร้างคล้ายตะแกรงเพื่อวางอะตอม
    ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีศักยภาพในการแก้ปัญหาที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำได้ เช่น การจำลองโมเลกุลหรือการเข้ารหัสระดับสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/harvard-researchers-hail-quantum-computing-breakthrough-with-machine-that-can-run-for-two-hours-atomic-loss-quashed-by-experimental-design-systems-that-can-run-forever-just-3-years-away
    🧠⚛️ “Harvard–MIT สร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่รันต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง — แก้ปัญหา atom loss ด้วยเลเซอร์ล้ำยุค พร้อมเปิดทางสู่ระบบที่รัน ‘ตลอดกาล’ ภายใน 3 ปี” ในโลกของควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่เคยถูกจำกัดด้วยเวลาใช้งานเพียงไม่กี่วินาที ทีมวิจัยจาก Harvard และ MIT ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ — ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถรันต่อเนื่องได้มากกว่า 2 ชั่วโมง โดยไม่ต้องรีสตาร์ทหรือโหลดข้อมูลใหม่ ถือเป็นการเพิ่มระยะเวลาการทำงานมากกว่า 55,000% เมื่อเทียบกับระบบเดิมที่รันได้เพียงไม่กี่มิลลิวินาที หัวใจของความสำเร็จนี้คือการแก้ปัญหา “atom loss” ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ล่มเร็ว โดยทีมวิจัยได้พัฒนาเทคนิคใหม่ที่ใช้เลเซอร์ควบคุมอะตอม ได้แก่ “optical lattice conveyor belts” และ “optical tweezers” เพื่อเติมอะตอมใหม่เข้าไปในระบบอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทำลายข้อมูลเดิมที่เก็บไว้ใน qubit ระบบใหม่นี้สามารถเติมอะตอมได้ถึง 300,000 ตัวต่อวินาที และรองรับ qubit ได้มากถึง 3,000 ตัว ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถรันได้ “ตลอดกาล” โดยนักวิจัยคาดว่าจะสามารถสร้างระบบที่รันได้ไม่จำกัดภายใน 3 ปีข้างหน้า จากเดิมที่เคยประเมินว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี แม้จะยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานในบ้านหรือสำนักงานทั่วไป แต่เทคโนโลยีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงวงการวิทยาศาสตร์ การเงิน การแพทย์ และการเข้ารหัสข้อมูลอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อระบบสามารถรักษาข้อมูลควอนตัมได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่สูญเสียความแม่นยำ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Harvard และ MIT สร้างควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่รันต่อเนื่องได้มากกว่า 2 ชั่วโมง ➡️ ใช้เทคนิค optical lattice conveyor belts และ optical tweezers เพื่อเติมอะตอมใหม่ ➡️ ระบบรองรับ qubit ได้มากถึง 3,000 ตัว และเติมอะตอมได้ 300,000 ตัวต่อวินาที ➡️ แก้ปัญหา atom loss ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการล่มของระบบควอนตัม ➡️ นักวิจัยคาดว่าจะสร้างระบบที่รันได้ “ตลอดกาล” ภายใน 3 ปี ➡️ ระบบนี้ใช้ neutral atoms ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีเสถียรภาพสูง ➡️ การทดลองนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature และได้รับการยอมรับในวงการ ➡️ ทีมวิจัยร่วมมือกับ QuEra Computing ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพจาก Harvard–MIT ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Qubit คือหน่วยข้อมูลในควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่สามารถอยู่ในสถานะ 0 และ 1 พร้อมกัน ➡️ Quantum entanglement ทำให้การเพิ่ม qubit ส่งผลต่อพลังการประมวลผลแบบทวีคูณ ➡️ Optical tweezers คือเลเซอร์ที่ใช้จับและจัดเรียงอะตอมในตำแหน่งที่แม่นยำ ➡️ Optical lattice คือคลื่นแสงที่สร้างโครงสร้างคล้ายตะแกรงเพื่อวางอะตอม ➡️ ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีศักยภาพในการแก้ปัญหาที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำได้ เช่น การจำลองโมเลกุลหรือการเข้ารหัสระดับสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/harvard-researchers-hail-quantum-computing-breakthrough-with-machine-that-can-run-for-two-hours-atomic-loss-quashed-by-experimental-design-systems-that-can-run-forever-just-3-years-away
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Lego Game Boy กลายเป็น Game Boy จริง — โมดิฟายด้วย PCB แท้ เล่นตลับจริงได้ใน 24 ชั่วโมง!”

    เมื่อ Lego เปิดตัวชุดโมเดล Game Boy เพื่อเป็นของสะสมสำหรับแฟน ๆ เกมยุค 90 หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่ของตั้งโชว์ แต่สำหรับ Natalie the Nerd นักโมดิฟายจากออสเตรเลีย มันคือ “โอกาสที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง” เธอใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันหลังชุด Lego วางขาย ก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็น Game Boy ที่เล่นตลับจริงได้

    จุดเริ่มต้นคือช่องว่างด้านหลังหน้าจอของโมเดล ซึ่งออกแบบมาให้ใส่ตลับปลอมได้ Natalie ใช้ช่องนั้นเป็นจุดติดตั้ง PCB ที่เธอออกแบบเอง โดยใช้ชิป MGB (Game Boy Pocket) ที่มี RAM ในตัว ทำให้ประหยัดพื้นที่และไม่ต้องใช้ VRAM แยกแบบรุ่น DMG ดั้งเดิม

    เธอยังติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ที่ Lego ให้มา และเชื่อมต่อ USB-C พร้อมปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ที่เธอออกแบบเอง แม้ปุ่มจะยังไม่ทำงานได้จริง แต่เธอวางแผนจะพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ได้ในอนาคต

    ผลลัพธ์คือ Game Boy ที่สามารถใส่ตลับจริงได้ — แม้ในวิดีโอจะยังเห็นแค่การบูตเข้าเกม Tetris แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนของเล่นให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมจริง และเธอยังประกาศว่าจะปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ทุกคนสามารถแปลง Lego Game Boy ของตัวเองได้ในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Natalie the Nerd โมดิฟาย Lego Game Boy ให้เล่นตลับจริงได้ภายใน 24 ชั่วโมง
    ใช้ชิป MGB (Pocket) ที่มี RAM ในตัวเพื่อประหยัดพื้นที่
    PCB ที่ออกแบบมีขนาดเล็กกว่าตลับ DMG จริง
    ติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ของ Lego
    เชื่อมต่อ USB-C และปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed
    ปุ่มกดยังไม่ทำงานจริง แต่มีแผนพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB
    สามารถบูตเกม Tetris จากตลับจริงได้แล้ว
    Natalie เคยสร้าง Game Boy โปร่งใสจากศูนย์มาก่อน
    มีแผนปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถแปลงชุด Lego ได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    MGB CPU มี VRAM ในตัว ต่างจาก DMG ที่ต้องใช้ VRAM แยก
    Lego Game Boy ถูกออกแบบร่วมกับ Nintendo เพื่อเป็นของสะสม ไม่ใช่เครื่องเล่นจริง
    การใช้ 3D printing ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อปุ่มและพอร์ตได้แม้โครงสร้างเป็น Lego
    PCB ของ Game Boy มีโครงสร้างง่าย: CPU, RAM, ตัวกรองไฟ และตัวควบคุมเสียง
    โมดิฟายนี้ไม่ใช้ FPGA หรือการจำลอง แต่เป็นการใช้ชิ้นส่วน Game Boy จริง

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/ingenious-modder-turns-lego-game-boy-into-an-actual-game-boy-that-can-run-real-cartridges-new-lego-set-gets-outfitted-with-custom-pcb-in-less-than-a-day-3d-printing-required-for-future-button-support
    🎮 “Lego Game Boy กลายเป็น Game Boy จริง — โมดิฟายด้วย PCB แท้ เล่นตลับจริงได้ใน 24 ชั่วโมง!” เมื่อ Lego เปิดตัวชุดโมเดล Game Boy เพื่อเป็นของสะสมสำหรับแฟน ๆ เกมยุค 90 หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่ของตั้งโชว์ แต่สำหรับ Natalie the Nerd นักโมดิฟายจากออสเตรเลีย มันคือ “โอกาสที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง” เธอใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันหลังชุด Lego วางขาย ก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็น Game Boy ที่เล่นตลับจริงได้ จุดเริ่มต้นคือช่องว่างด้านหลังหน้าจอของโมเดล ซึ่งออกแบบมาให้ใส่ตลับปลอมได้ Natalie ใช้ช่องนั้นเป็นจุดติดตั้ง PCB ที่เธอออกแบบเอง โดยใช้ชิป MGB (Game Boy Pocket) ที่มี RAM ในตัว ทำให้ประหยัดพื้นที่และไม่ต้องใช้ VRAM แยกแบบรุ่น DMG ดั้งเดิม เธอยังติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ที่ Lego ให้มา และเชื่อมต่อ USB-C พร้อมปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ที่เธอออกแบบเอง แม้ปุ่มจะยังไม่ทำงานได้จริง แต่เธอวางแผนจะพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ได้ในอนาคต ผลลัพธ์คือ Game Boy ที่สามารถใส่ตลับจริงได้ — แม้ในวิดีโอจะยังเห็นแค่การบูตเข้าเกม Tetris แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนของเล่นให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมจริง และเธอยังประกาศว่าจะปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ทุกคนสามารถแปลง Lego Game Boy ของตัวเองได้ในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Natalie the Nerd โมดิฟาย Lego Game Boy ให้เล่นตลับจริงได้ภายใน 24 ชั่วโมง ➡️ ใช้ชิป MGB (Pocket) ที่มี RAM ในตัวเพื่อประหยัดพื้นที่ ➡️ PCB ที่ออกแบบมีขนาดเล็กกว่าตลับ DMG จริง ➡️ ติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่สุดในตลาดแทน lenticular card ของ Lego ➡️ เชื่อมต่อ USB-C และปุ่มกดผ่านชิ้นส่วน 3D-printed ➡️ ปุ่มกดยังไม่ทำงานจริง แต่มีแผนพัฒนาให้เชื่อมต่อกับ PCB ➡️ สามารถบูตเกม Tetris จากตลับจริงได้แล้ว ➡️ Natalie เคยสร้าง Game Boy โปร่งใสจากศูนย์มาก่อน ➡️ มีแผนปล่อยไฟล์โมดิฟายให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถแปลงชุด Lego ได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ MGB CPU มี VRAM ในตัว ต่างจาก DMG ที่ต้องใช้ VRAM แยก ➡️ Lego Game Boy ถูกออกแบบร่วมกับ Nintendo เพื่อเป็นของสะสม ไม่ใช่เครื่องเล่นจริง ➡️ การใช้ 3D printing ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อปุ่มและพอร์ตได้แม้โครงสร้างเป็น Lego ➡️ PCB ของ Game Boy มีโครงสร้างง่าย: CPU, RAM, ตัวกรองไฟ และตัวควบคุมเสียง ➡️ โมดิฟายนี้ไม่ใช้ FPGA หรือการจำลอง แต่เป็นการใช้ชิ้นส่วน Game Boy จริง https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/ingenious-modder-turns-lego-game-boy-into-an-actual-game-boy-that-can-run-real-cartridges-new-lego-set-gets-outfitted-with-custom-pcb-in-less-than-a-day-3d-printing-required-for-future-button-support
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GPU มูลค่า 568 ล้านดอลลาร์ถูกใช้ขุดคริปโตแทนฝึก AI — EU สอบสวน Northern Data ฐานเลี่ยงภาษีและฟอกเงิน”

    ยุโรปกำลังสั่นสะเทือน เมื่อหน่วยงานอัยการของสหภาพยุโรป (EPPO) เปิดการสอบสวนบริษัท Northern Data AG จากเยอรมนี หลังพบว่า GPU ประสิทธิภาพสูงกว่า 10,000 ตัวที่ซื้อมาในนามการลงทุนด้าน AI อาจถูกนำไปใช้ขุดคริปโตแทน ซึ่งขัดต่อเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สวีเดนมอบให้กับธุรกิจ AI

    ในปี 2023 Northern Data ได้ซื้อ Nvidia H100 GPU มูลค่ารวมกว่า €400 ล้าน โดยได้รับการยกเว้น VAT ประมาณ €100 ล้านจากนโยบายสนับสนุน AI ของสวีเดน แต่หลังจากนโยบายเปลี่ยนไปในปีเดียวกัน โดยยกเลิกสิทธิประโยชน์สำหรับธุรกิจขุดคริปโต บริษัทจึงหันมาอ้างว่าใช้ GPU เหล่านี้เพื่อการประมวลผล AI

    อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่า GPU เหล่านี้อาจถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลที่เคยใช้ขุดคริปโตมาก่อน และมีพฤติกรรมที่ส่อว่าไม่ได้ใช้เพื่อฝึกโมเดล AI จริง ๆ ซึ่งนำไปสู่การสอบสวนในข้อหาเลี่ยงภาษีและฟอกเงิน โดยมีการบุกค้นสำนักงานในแฟรงก์เฟิร์ตและโบเดน พร้อมควบคุมตัวบุคคล 4 ราย และสอบสวนพนักงานระดับสูงในสวีเดน

    ที่น่าสนใจคือ H100 GPU ไม่เหมาะกับการขุดคริปโตเลย — ราคาสูงมาก, ประสิทธิภาพต่อวัตต์ต่ำ และไม่รองรับอัลกอริธึมที่ใช้ใน Bitcoin หรือ Ethereum หลังปี 2022 ซึ่งทำให้ข้อกล่าวหานี้ดูขัดแย้งกับหลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน แต่หากบริษัทมี GPU เหล่านี้อยู่แล้วและมีไฟราคาถูก ก็อาจใช้ขุดเหรียญเล็ก ๆ แบบฉวยโอกาสได้

    Northern Data ยืนยันว่าโครงสร้างพื้นฐานของตนถูกใช้เพื่อ cloud computing เท่านั้น และปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาฟอกเงิน ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า Tether ซึ่งเป็นเจ้าของหลักของ Northern Data กำลังเจรจาขอซื้อกิจการผ่านดีลหุ้นมูลค่ากว่า 1.17 พันล้านดอลลาร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Northern Data ถูกสอบสวนฐานเลี่ยงภาษีและฟอกเงินจากการใช้ GPU ผิดวัตถุประสงค์
    ซื้อ Nvidia H100 จำนวน 10,000 ตัว มูลค่ารวม €400 ล้าน พร้อมรับสิทธิยกเว้น VAT €100 ล้าน
    GPU ถูกอ้างว่าใช้เพื่อ AI แต่ถูกสงสัยว่าใช้ขุดคริปโตแทน
    EPPO บุกค้นสำนักงานในแฟรงก์เฟิร์ตและโบเดน พร้อมควบคุมตัว 4 ราย
    สอบสวนพนักงานระดับสูงในสวีเดน และตรวจสอบ 3 บริษัทลูกระหว่างปี 2021–2024
    Northern Data เคยมีประวัติใช้ GPU ขุด Ethereum ก่อนที่ระบบจะเปลี่ยนในปี 2022
    บริษัทยืนยันว่าใช้ GPU เพื่อ cloud computing และไม่ตอบข้อกล่าวหาฟอกเงิน
    Tether เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีข่าวว่า Rumble กำลังเจรจาซื้อกิจการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    H100 GPU ถูกออกแบบเพื่องาน AI เช่น training LLMs และไม่เหมาะกับการขุดคริปโต
    อัลกอริธึมขุดคริปโต เช่น SHA-256 และ Ethash ใช้การประมวลผลแบบ integer ไม่ใช่ tensor
    ASIC คืออุปกรณ์ที่เหมาะกับการขุด Bitcoin มากกว่า GPU
    Ethereum เปลี่ยนเป็น proof-of-stake ในปี 2022 ทำให้ GPU ไม่จำเป็นอีกต่อไป
    การใช้ GPU ขุดเหรียญเล็ก ๆ อาจทำได้ในระยะสั้น หากมีไฟราคาถูกและอุปกรณ์ว่าง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/usd568-million-of-gpus-allegedly-misused-for-crypto-mining-caught-in-tax-evasion-and-money-laundering-probe-eu-claims-10-000-nvidia-h100-units-acquired-by-northern-data-may-not-have-been-used-for-ai
    💸 “GPU มูลค่า 568 ล้านดอลลาร์ถูกใช้ขุดคริปโตแทนฝึก AI — EU สอบสวน Northern Data ฐานเลี่ยงภาษีและฟอกเงิน” ยุโรปกำลังสั่นสะเทือน เมื่อหน่วยงานอัยการของสหภาพยุโรป (EPPO) เปิดการสอบสวนบริษัท Northern Data AG จากเยอรมนี หลังพบว่า GPU ประสิทธิภาพสูงกว่า 10,000 ตัวที่ซื้อมาในนามการลงทุนด้าน AI อาจถูกนำไปใช้ขุดคริปโตแทน ซึ่งขัดต่อเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สวีเดนมอบให้กับธุรกิจ AI ในปี 2023 Northern Data ได้ซื้อ Nvidia H100 GPU มูลค่ารวมกว่า €400 ล้าน โดยได้รับการยกเว้น VAT ประมาณ €100 ล้านจากนโยบายสนับสนุน AI ของสวีเดน แต่หลังจากนโยบายเปลี่ยนไปในปีเดียวกัน โดยยกเลิกสิทธิประโยชน์สำหรับธุรกิจขุดคริปโต บริษัทจึงหันมาอ้างว่าใช้ GPU เหล่านี้เพื่อการประมวลผล AI อย่างไรก็ตาม นักวิจัยพบว่า GPU เหล่านี้อาจถูกใช้ในศูนย์ข้อมูลที่เคยใช้ขุดคริปโตมาก่อน และมีพฤติกรรมที่ส่อว่าไม่ได้ใช้เพื่อฝึกโมเดล AI จริง ๆ ซึ่งนำไปสู่การสอบสวนในข้อหาเลี่ยงภาษีและฟอกเงิน โดยมีการบุกค้นสำนักงานในแฟรงก์เฟิร์ตและโบเดน พร้อมควบคุมตัวบุคคล 4 ราย และสอบสวนพนักงานระดับสูงในสวีเดน ที่น่าสนใจคือ H100 GPU ไม่เหมาะกับการขุดคริปโตเลย — ราคาสูงมาก, ประสิทธิภาพต่อวัตต์ต่ำ และไม่รองรับอัลกอริธึมที่ใช้ใน Bitcoin หรือ Ethereum หลังปี 2022 ซึ่งทำให้ข้อกล่าวหานี้ดูขัดแย้งกับหลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน แต่หากบริษัทมี GPU เหล่านี้อยู่แล้วและมีไฟราคาถูก ก็อาจใช้ขุดเหรียญเล็ก ๆ แบบฉวยโอกาสได้ Northern Data ยืนยันว่าโครงสร้างพื้นฐานของตนถูกใช้เพื่อ cloud computing เท่านั้น และปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาฟอกเงิน ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า Tether ซึ่งเป็นเจ้าของหลักของ Northern Data กำลังเจรจาขอซื้อกิจการผ่านดีลหุ้นมูลค่ากว่า 1.17 พันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Northern Data ถูกสอบสวนฐานเลี่ยงภาษีและฟอกเงินจากการใช้ GPU ผิดวัตถุประสงค์ ➡️ ซื้อ Nvidia H100 จำนวน 10,000 ตัว มูลค่ารวม €400 ล้าน พร้อมรับสิทธิยกเว้น VAT €100 ล้าน ➡️ GPU ถูกอ้างว่าใช้เพื่อ AI แต่ถูกสงสัยว่าใช้ขุดคริปโตแทน ➡️ EPPO บุกค้นสำนักงานในแฟรงก์เฟิร์ตและโบเดน พร้อมควบคุมตัว 4 ราย ➡️ สอบสวนพนักงานระดับสูงในสวีเดน และตรวจสอบ 3 บริษัทลูกระหว่างปี 2021–2024 ➡️ Northern Data เคยมีประวัติใช้ GPU ขุด Ethereum ก่อนที่ระบบจะเปลี่ยนในปี 2022 ➡️ บริษัทยืนยันว่าใช้ GPU เพื่อ cloud computing และไม่ตอบข้อกล่าวหาฟอกเงิน ➡️ Tether เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีข่าวว่า Rumble กำลังเจรจาซื้อกิจการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ H100 GPU ถูกออกแบบเพื่องาน AI เช่น training LLMs และไม่เหมาะกับการขุดคริปโต ➡️ อัลกอริธึมขุดคริปโต เช่น SHA-256 และ Ethash ใช้การประมวลผลแบบ integer ไม่ใช่ tensor ➡️ ASIC คืออุปกรณ์ที่เหมาะกับการขุด Bitcoin มากกว่า GPU ➡️ Ethereum เปลี่ยนเป็น proof-of-stake ในปี 2022 ทำให้ GPU ไม่จำเป็นอีกต่อไป ➡️ การใช้ GPU ขุดเหรียญเล็ก ๆ อาจทำได้ในระยะสั้น หากมีไฟราคาถูกและอุปกรณ์ว่าง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/usd568-million-of-gpus-allegedly-misused-for-crypto-mining-caught-in-tax-evasion-and-money-laundering-probe-eu-claims-10-000-nvidia-h100-units-acquired-by-northern-data-may-not-have-been-used-for-ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • “LatentCSI: เปลี่ยนสัญญาณ Wi-Fi ให้กลายเป็นภาพห้องแบบสมจริง — AI วาดภาพจากคลื่นที่มองไม่เห็น”

    นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์โตเกียวได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า LatentCSI ซึ่งสามารถใช้สัญญาณ Wi-Fi ที่อยู่รอบตัวเราในการสร้างภาพความละเอียดสูงของห้องหรือพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ โดยอาศัยโมเดล AI แบบ diffusion ที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้า เช่น Stable Diffusion 3

    หลักการทำงานคือการใช้ข้อมูล Wi-Fi CSI (Channel State Information) ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกิดจากการสะท้อนของคลื่น Wi-Fi กับวัตถุต่าง ๆ ในห้อง เช่น ผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่คน แล้วนำข้อมูลนั้นไปแปลงเป็น “latent space” แทนที่จะเป็น “pixel space” แบบภาพทั่วไป จากนั้น AI จะเติมรายละเอียดที่ขาดหายไป และสร้างภาพที่สมจริงออกมา

    สิ่งที่ทำให้ LatentCSI แตกต่างจากเทคโนโลยีเดิมคือความเร็วและความแม่นยำ เพราะไม่ต้องใช้การประมวลผลหนักแบบ GAN หรือการวิเคราะห์ภาพแบบเดิม ๆ อีกต่อไป โดยใช้ encoder ที่ถูกปรับแต่งให้รับข้อมูล Wi-Fi แทนภาพ และสามารถสร้างภาพได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า

    อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังต้องใช้โมเดลที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้าด้วยภาพจริงของพื้นที่นั้น ๆ ก่อน จึงจะสามารถสร้างภาพจาก Wi-Fi ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถใช้กับพื้นที่ที่ไม่เคยถูกฝึกไว้ได้ทันที และยังมีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว หากเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ทั่วไป เช่น เราเตอร์หรือโมเด็มที่มีฟีเจอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    LatentCSI ใช้ข้อมูล Wi-Fi CSI เพื่อสร้างภาพห้องแบบสมจริง
    ข้อมูล CSI เกิดจากการสะท้อนคลื่น Wi-Fi กับวัตถุในพื้นที่
    ระบบแปลง CSI เป็น latent space แล้วใช้ AI เติมรายละเอียด
    ใช้ Stable Diffusion 3 ที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้าในการสร้างภาพ
    Encoder ถูกปรับให้รับข้อมูล Wi-Fi แทนภาพทั่วไป
    LatentCSI ทำงานเร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมที่ใช้ GAN
    สามารถตรวจจับตำแหน่งคนและวัตถุในห้องได้แบบเรียลไทม์
    ใช้ภาพจริงในการฝึกโมเดลก่อนนำไปใช้กับ Wi-Fi CSI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wi-Fi CSI ถูกใช้ในงานวิจัยด้าน motion sensing และ indoor mapping มานาน
    Latent space คือการแทนภาพในรูปแบบที่บีบอัดและเข้าใจง่ายสำหรับ AI
    Stable Diffusion เป็นโมเดลสร้างภาพที่ได้รับความนิยมสูงในงาน generative AI
    เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ใน smart home, robotics หรือระบบรักษาความปลอดภัย
    การใช้ latent diffusion ช่วยลดภาระการประมวลผลและเพิ่มความเร็วในการสร้างภาพ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/wi-fi-signals-can-now-create-accurate-images-of-a-room-with-the-help-of-pre-trained-ai-latentcsi-leverages-stable-diffusion-3-to-turn-wi-fi-data-into-a-digital-paintbrush
    📡 “LatentCSI: เปลี่ยนสัญญาณ Wi-Fi ให้กลายเป็นภาพห้องแบบสมจริง — AI วาดภาพจากคลื่นที่มองไม่เห็น” นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์โตเกียวได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า LatentCSI ซึ่งสามารถใช้สัญญาณ Wi-Fi ที่อยู่รอบตัวเราในการสร้างภาพความละเอียดสูงของห้องหรือพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ โดยอาศัยโมเดล AI แบบ diffusion ที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้า เช่น Stable Diffusion 3 หลักการทำงานคือการใช้ข้อมูล Wi-Fi CSI (Channel State Information) ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกิดจากการสะท้อนของคลื่น Wi-Fi กับวัตถุต่าง ๆ ในห้อง เช่น ผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่คน แล้วนำข้อมูลนั้นไปแปลงเป็น “latent space” แทนที่จะเป็น “pixel space” แบบภาพทั่วไป จากนั้น AI จะเติมรายละเอียดที่ขาดหายไป และสร้างภาพที่สมจริงออกมา สิ่งที่ทำให้ LatentCSI แตกต่างจากเทคโนโลยีเดิมคือความเร็วและความแม่นยำ เพราะไม่ต้องใช้การประมวลผลหนักแบบ GAN หรือการวิเคราะห์ภาพแบบเดิม ๆ อีกต่อไป โดยใช้ encoder ที่ถูกปรับแต่งให้รับข้อมูล Wi-Fi แทนภาพ และสามารถสร้างภาพได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังต้องใช้โมเดลที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้าด้วยภาพจริงของพื้นที่นั้น ๆ ก่อน จึงจะสามารถสร้างภาพจาก Wi-Fi ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถใช้กับพื้นที่ที่ไม่เคยถูกฝึกไว้ได้ทันที และยังมีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว หากเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ทั่วไป เช่น เราเตอร์หรือโมเด็มที่มีฟีเจอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ LatentCSI ใช้ข้อมูล Wi-Fi CSI เพื่อสร้างภาพห้องแบบสมจริง ➡️ ข้อมูล CSI เกิดจากการสะท้อนคลื่น Wi-Fi กับวัตถุในพื้นที่ ➡️ ระบบแปลง CSI เป็น latent space แล้วใช้ AI เติมรายละเอียด ➡️ ใช้ Stable Diffusion 3 ที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้าในการสร้างภาพ ➡️ Encoder ถูกปรับให้รับข้อมูล Wi-Fi แทนภาพทั่วไป ➡️ LatentCSI ทำงานเร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมที่ใช้ GAN ➡️ สามารถตรวจจับตำแหน่งคนและวัตถุในห้องได้แบบเรียลไทม์ ➡️ ใช้ภาพจริงในการฝึกโมเดลก่อนนำไปใช้กับ Wi-Fi CSI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wi-Fi CSI ถูกใช้ในงานวิจัยด้าน motion sensing และ indoor mapping มานาน ➡️ Latent space คือการแทนภาพในรูปแบบที่บีบอัดและเข้าใจง่ายสำหรับ AI ➡️ Stable Diffusion เป็นโมเดลสร้างภาพที่ได้รับความนิยมสูงในงาน generative AI ➡️ เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ใน smart home, robotics หรือระบบรักษาความปลอดภัย ➡️ การใช้ latent diffusion ช่วยลดภาระการประมวลผลและเพิ่มความเร็วในการสร้างภาพ https://www.tomshardware.com/tech-industry/wi-fi-signals-can-now-create-accurate-images-of-a-room-with-the-help-of-pre-trained-ai-latentcsi-leverages-stable-diffusion-3-to-turn-wi-fi-data-into-a-digital-paintbrush
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts