• หลายคนไปวิเคราะห์ว่าอีลอนมาร์คจะเลิกพัฒนารถ EV แล้ว ไปพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนแทน

    จริงๆแล้วไม่น่าจะใช่ ที่เขาบอกว่า เลิกพัฒนา EV หมายถึงไม่พัฒนา EV ราคาถูกที่ใช้คนขับ (และหรืออาจจะมีฟีเจอร์ขับรถอัตโนมัติ) เพราะว่าจะทำให้โรโบแท็กซี่ ที่กำลังจะเป็นเทรนใหม่ ของบริษัท ขาดเหตุผลสนับสนุน ในการใช้งาน เหมือนกับการที่กระแส EV เป็นที่นิยมเพราะเหตุผลราคาน้ำมันแพง ลองคิดว่าถ้ารถยนต์EVส่วนบุคคลราคาถูก คนเหล่านั้นจะมีเหตุผลอะไรที่มากพอจะไปขึ้น ไปใช้บริการ โรโบแท็กซี่จริงไหมครับ
    #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม
    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    #ThaiTimes
    หลายคนไปวิเคราะห์ว่าอีลอนมาร์คจะเลิกพัฒนารถ EV แล้ว ไปพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนแทน จริงๆแล้วไม่น่าจะใช่ ที่เขาบอกว่า เลิกพัฒนา EV หมายถึงไม่พัฒนา EV ราคาถูกที่ใช้คนขับ (และหรืออาจจะมีฟีเจอร์ขับรถอัตโนมัติ) เพราะว่าจะทำให้โรโบแท็กซี่ ที่กำลังจะเป็นเทรนใหม่ ของบริษัท ขาดเหตุผลสนับสนุน ในการใช้งาน เหมือนกับการที่กระแส EV เป็นที่นิยมเพราะเหตุผลราคาน้ำมันแพง ลองคิดว่าถ้ารถยนต์EVส่วนบุคคลราคาถูก คนเหล่านั้นจะมีเหตุผลอะไรที่มากพอจะไปขึ้น ไปใช้บริการ โรโบแท็กซี่จริงไหมครับ #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี #ThaiTimes
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิโตรเลียมเกาะกูด น้ำมันแพงเหมือนเดิม

    มีคำกล่าวว่า "ข่าวลือมักจะมาก่อนข่าวจริงเสมอ" ประเด็นเกาะกูดเกิดขึ้นจากข่าวลือแบบปากต่อปากว่า นักการเมืองรายหนึ่งจะยกเกาะกูดให้เขมร กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักการลงโทษจากคดีทุจริตไปแสดงวิสัยทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ OCA (Overlapping Claims Area) อ้างว่ากัมพูชาลากเส้นจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลแล้วเกยกัน ถือว่าเป็นเขตทับซ้อน ถ้ามีทรัพยากรอยู่ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง

    แม้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 แต่เมื่อปี 2515 กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลฝ่ายเดียว โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด ไปผ่ากลางครึ่งหนึ่งของเกาะกูด แต่ก็มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยในปี 2516 โดยแบ่งครึ่งมุมจากหลักเขตที่ 73 ระหว่างเกาะกูดและเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล คือ บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 แต่กัมพูชายังคงยึดถือเขตไหล่ทวีปของตนเอง หนำซ้ำรัฐบาลทักษิณไปเซ็น MOU 2544 ทำให้นายทักษิณอ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน

    ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ควบคุมค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตและน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองประเทศขัดแย้งทางการทูตและความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตย ทำให้การเจรจาหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2544

    แม้เรื่องเกาะกูดจะไม่โด่งดัง แต่ก็เป็นที่พูดถึงในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กังวลว่าไทยจะเสียสิทธิ์ทางทะเล และเสียดินแดนเช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนรัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นพวกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมกันนำพลังงานขึ้นมาใช้ แต่สุดท้ายคนไทยใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม เพราะอ้างอิงราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ แถมต้นทุนโรงกลั่นในไทยสูงกว่าสิงค์โปร์ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังจำกัดอยู่ที่รายใหญ่ เชื่อไม่ได้ว่าค่าไฟฟ้าจะถูกลง คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือนักการเมือง กับกลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มเท่านั้น

    #Newskit #เกาะกูด
    ปิโตรเลียมเกาะกูด น้ำมันแพงเหมือนเดิม มีคำกล่าวว่า "ข่าวลือมักจะมาก่อนข่าวจริงเสมอ" ประเด็นเกาะกูดเกิดขึ้นจากข่าวลือแบบปากต่อปากว่า นักการเมืองรายหนึ่งจะยกเกาะกูดให้เขมร กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักการลงโทษจากคดีทุจริตไปแสดงวิสัยทัศน์ให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับกัมพูชา หรือ OCA (Overlapping Claims Area) อ้างว่ากัมพูชาลากเส้นจากไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเลแล้วเกยกัน ถือว่าเป็นเขตทับซ้อน ถ้ามีทรัพยากรอยู่ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่ง แม้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 แต่เมื่อปี 2515 กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย 200 ไมล์ทะเลฝ่ายเดียว โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 จ.ตราด ไปผ่ากลางครึ่งหนึ่งของเกาะกูด แต่ก็มีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยในปี 2516 โดยแบ่งครึ่งมุมจากหลักเขตที่ 73 ระหว่างเกาะกูดและเกาะกง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล คือ บทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. 1958 แต่กัมพูชายังคงยึดถือเขตไหล่ทวีปของตนเอง หนำซ้ำรัฐบาลทักษิณไปเซ็น MOU 2544 ทำให้นายทักษิณอ้างว่าเป็นเขตทับซ้อน ต่อมาวันที่ 10 ต.ค. 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายทักษิณ จะเริ่มเจรจากับกัมพูชาอีกครั้ง เพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เนื่องจากต้องการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ควบคุมค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายนำเข้าเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น คาดว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตและน้ำมันดิบ 300 ล้านบาร์เรล แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทั้งสองประเทศขัดแย้งทางการทูตและความอ่อนไหวเรื่องอธิปไตย ทำให้การเจรจาหยุดชะงักตั้งแต่ปี 2544 แม้เรื่องเกาะกูดจะไม่โด่งดัง แต่ก็เป็นที่พูดถึงในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กังวลว่าไทยจะเสียสิทธิ์ทางทะเล และเสียดินแดนเช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ส่วนรัฐบาลตอบโต้ว่าเป็นพวกคลั่งชาติ ทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมกันนำพลังงานขึ้นมาใช้ แต่สุดท้ายคนไทยใช้น้ำมันแพงเหมือนเดิม เพราะอ้างอิงราคาน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ แถมต้นทุนโรงกลั่นในไทยสูงกว่าสิงค์โปร์ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติยังจำกัดอยู่ที่รายใหญ่ เชื่อไม่ได้ว่าค่าไฟฟ้าจะถูกลง คนที่ได้ประโยชน์ตัวจริงคือนักการเมือง กับกลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มเท่านั้น #Newskit #เกาะกูด
    Like
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 500 มุมมอง 0 รีวิว
  • มันน่าจะใกล้ถึง จุดระเบิด เต็มที!!!...สำหรับความเป็นไปของโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะดูจากแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ทะเลจีนใต้ก็ตามที แต่สำหรับ บ้านเรา นั้น ใครต่อใครดูๆ จะหันไปสนใจหนักไปทางเรื่องดิไอค่ง ไอคอน เรื่องบอสโน่น บอสนี่ซะเป็นหลัก ส่วนจะก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลต่อส่วนรวม ต่อสังคมมาก-น้อยขนาดไหน อันนั้นคงต้องว่าไปตาม รสนิยม ของใคร-ของมันก็แล้วกัน...

    แต่สำหรับผู้ที่รักบ้าน-รักเมือง ห่วงบ้าน-ห่วงเมือง...ก็น่าที่จะเริ่มคิดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าโอกาสที่ ผลกระทบ ต่างๆ นานา มันจะอุบัติขึ้นมาในรูปไหน? แบบไหน? ควรที่จะเตรียมตัวรับมือ รับสภาพ กันในลักษณะไหน? อย่างไร? เพราะเอาแค่เฉพาะ ราคาน้ำมัน ที่อาจเตลิดเปิดเปิงไปเป็นร้อยๆ ดอลลาร์

    120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างที่ใครๆ เขาว่า แค่นี้ก็น่าจะรากเขียว-รากเหลือง อ้วกแตก-อ้วกแตน ไปพอสมควรแล้ว แต่ก็อย่างที่เคยมีผู้อุปมา-อุปไมยถึงความเป็นไปของสังคมไทย ของ ระบบ-ระบอบ ในบ้านเมือง ที่อาจไม่ต่างไปจากกองฟืนแห้งๆ ที่ถูกวางสุมเอาไว้ทั่วทุกซอก ทุกมุม โอกาสที่ ประกายไฟ จากไฟสงคราม มันจะกลายเป็นตัวจุดปะทุให้แต่ละสิ่ง-แต่ละอย่าง ต้องมีอัน เตร๊งเตรง...เตร่งต๋อย ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย...

    โดยสิ่งที่ต้องถือว่าเป็น สิ่งสำคัญ เอามากๆ ไม่ว่าสำหรับบ้านไหน-เมืองไหน ในการรับมือกับผลกระทบต่างๆ นานา ก็คงหนีไม่พ้นไปจากความร่วมมือ-ร่วมใจ หรือสิ่งที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ท่านทรงเรียกว่า ความรู้รัก-สามัคคี นั่นเอง และเป็นสิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย ว่าค่อนข้างจะเหือดหาย แห้งแล้ง เอามากๆ สำหรับสังคมไทย โดยเฉพาะนับแต่ช่วง ทศวรรษแห่งความมืดมน หรือเมื่อกว่าสิบๆ ปีที่แล้วเป็นต้นมา ยิ่งเมื่อต้องเจอกับความ ก้าวหน้า-ก้าวไกล ทางเทคโนโลยี ที่สามารถฉีกกระชากสังคมแต่ละสังคม ให้ย่อยแยก แตกกระจาย ไปเป็นชิ้นๆ เกิด ช่องว่างระหว่างวัย ชนิดต่อยังไงก็แทบต่อไม่ติด โอกาสที่จะร่วมแรง-ร่วมใจ ก้าวผ่าน วิกฤต ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ มันจึงออกจะยากเย็น แสนเข็ญ อยู่พอสมควร...

    และด้วยเหตุเท่าที่ผ่านมา...จะโดยเพราะ ตบะ-บารมี ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 หรือ พระสยามเทวาธิราช ก็แล้วแต่จะคิด หลายต่อหลายวิกฤต จึงถูกคลี่คลาย ผ่อนคลาย จากหนักไปเป็นเบา ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจเอามากๆ ชนิดแม้แต่คนต่างบ้าน-ต่างเมือง ยังอด อัศจรรย์ใจ ต่อความยืดหยุ่น ประนีประนอม แห่ง ความเป็นไทย ภายในสังคมไทย ขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะการให้ความยอมรับ การยินยอม พร้อมใจ ต่อ ศูนย์รวมจิตใจ ที่อุบัติขึ้นมาโดย พระบารมี ไม่ใช่ด้วย พระราชอำนาจ และได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตต่างๆ นานา ได้อย่างเป็นมรรค เป็นผล...

    แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ต้องสิ้นสุด ยุติ ลงไปตาม กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ...อะไร??? ที่จะเข้ามาเป็นสิ่งทดแทน เป็นตัวช่วยประคับประคอง ในแต่ละห้วง แต่ละระยะ ที่เกิดวิกฤต อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องช่วยกันคิด ช่วยกันตระเตรียมรับมือเอาไว้ในแต่ละด้าน โดยไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะออกไปทาง อนุรักษนิยม หรือ เสรีนิยม ก็ตาม แต่ถ้าสามารถช่วยประคับประคอง ช่วยคลี่คลายวิกฤตแต่ละรูป แต่ละแบบ ย่อมต้องถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีราคา ไปด้วยกันทั้งนั้น อันเป็นสิ่งที่บรรดาผู้รักบ้านรักเมือง ห่วงบ้าน ห่วงเมือง ทั้งหลาย ไม่ควรคิดที่จะปฏิเสธ...

    การสร้าง ความรู้รัก-สามัคคี ภายใต้สังคมสมัยใหม่ ที่เต็มไปด้วยความย่อยแยก แตกกระจาย ย่อมเป็นอะไรที่ยากเย็น แสนเข็ญ เอามากๆ และยิ่งภายใต้ภาวะวิกฤตที่เข้ามากระหน่ำ ซ้ำเติม ยิ่งแทบทำให้ไม่เห็นทางออก-ทางไป เอาเลยก็ว่าได้ แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้น ที่พอจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ช่วยประคับประคองสังคมแต่ละสังคมให้พอรอดพ้นปากเหยี่ยว-ปากกาได้มั่ง ดังนั้น...ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ไม่ว่ายังแทบมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ถ้ามุ่งมั่น และเพียรพยายาม พร้อมที่จะสืบทอด ต่อยอด ในสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงได้บำเพ็ญเพียร ได้ทรงแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ตัวอย่าง ไว้แล้ว อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้บ้านเมืองไม่ถึงกับต้อง แตกสลาย ลงไปต่อหน้า-ต่อตา.

    https://www.thaipost.net/columnist-people/676550/

    #Thaitimes
    มันน่าจะใกล้ถึง จุดระเบิด เต็มที!!!...สำหรับความเป็นไปของโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะดูจากแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ทะเลจีนใต้ก็ตามที แต่สำหรับ บ้านเรา นั้น ใครต่อใครดูๆ จะหันไปสนใจหนักไปทางเรื่องดิไอค่ง ไอคอน เรื่องบอสโน่น บอสนี่ซะเป็นหลัก ส่วนจะก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลต่อส่วนรวม ต่อสังคมมาก-น้อยขนาดไหน อันนั้นคงต้องว่าไปตาม รสนิยม ของใคร-ของมันก็แล้วกัน... แต่สำหรับผู้ที่รักบ้าน-รักเมือง ห่วงบ้าน-ห่วงเมือง...ก็น่าที่จะเริ่มคิดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าโอกาสที่ ผลกระทบ ต่างๆ นานา มันจะอุบัติขึ้นมาในรูปไหน? แบบไหน? ควรที่จะเตรียมตัวรับมือ รับสภาพ กันในลักษณะไหน? อย่างไร? เพราะเอาแค่เฉพาะ ราคาน้ำมัน ที่อาจเตลิดเปิดเปิงไปเป็นร้อยๆ ดอลลาร์ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างที่ใครๆ เขาว่า แค่นี้ก็น่าจะรากเขียว-รากเหลือง อ้วกแตก-อ้วกแตน ไปพอสมควรแล้ว แต่ก็อย่างที่เคยมีผู้อุปมา-อุปไมยถึงความเป็นไปของสังคมไทย ของ ระบบ-ระบอบ ในบ้านเมือง ที่อาจไม่ต่างไปจากกองฟืนแห้งๆ ที่ถูกวางสุมเอาไว้ทั่วทุกซอก ทุกมุม โอกาสที่ ประกายไฟ จากไฟสงคราม มันจะกลายเป็นตัวจุดปะทุให้แต่ละสิ่ง-แต่ละอย่าง ต้องมีอัน เตร๊งเตรง...เตร่งต๋อย ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย... โดยสิ่งที่ต้องถือว่าเป็น สิ่งสำคัญ เอามากๆ ไม่ว่าสำหรับบ้านไหน-เมืองไหน ในการรับมือกับผลกระทบต่างๆ นานา ก็คงหนีไม่พ้นไปจากความร่วมมือ-ร่วมใจ หรือสิ่งที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ท่านทรงเรียกว่า ความรู้รัก-สามัคคี นั่นเอง และเป็นสิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย ว่าค่อนข้างจะเหือดหาย แห้งแล้ง เอามากๆ สำหรับสังคมไทย โดยเฉพาะนับแต่ช่วง ทศวรรษแห่งความมืดมน หรือเมื่อกว่าสิบๆ ปีที่แล้วเป็นต้นมา ยิ่งเมื่อต้องเจอกับความ ก้าวหน้า-ก้าวไกล ทางเทคโนโลยี ที่สามารถฉีกกระชากสังคมแต่ละสังคม ให้ย่อยแยก แตกกระจาย ไปเป็นชิ้นๆ เกิด ช่องว่างระหว่างวัย ชนิดต่อยังไงก็แทบต่อไม่ติด โอกาสที่จะร่วมแรง-ร่วมใจ ก้าวผ่าน วิกฤต ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ มันจึงออกจะยากเย็น แสนเข็ญ อยู่พอสมควร... และด้วยเหตุเท่าที่ผ่านมา...จะโดยเพราะ ตบะ-บารมี ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 หรือ พระสยามเทวาธิราช ก็แล้วแต่จะคิด หลายต่อหลายวิกฤต จึงถูกคลี่คลาย ผ่อนคลาย จากหนักไปเป็นเบา ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจเอามากๆ ชนิดแม้แต่คนต่างบ้าน-ต่างเมือง ยังอด อัศจรรย์ใจ ต่อความยืดหยุ่น ประนีประนอม แห่ง ความเป็นไทย ภายในสังคมไทย ขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะการให้ความยอมรับ การยินยอม พร้อมใจ ต่อ ศูนย์รวมจิตใจ ที่อุบัติขึ้นมาโดย พระบารมี ไม่ใช่ด้วย พระราชอำนาจ และได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตต่างๆ นานา ได้อย่างเป็นมรรค เป็นผล... แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ต้องสิ้นสุด ยุติ ลงไปตาม กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ...อะไร??? ที่จะเข้ามาเป็นสิ่งทดแทน เป็นตัวช่วยประคับประคอง ในแต่ละห้วง แต่ละระยะ ที่เกิดวิกฤต อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องช่วยกันคิด ช่วยกันตระเตรียมรับมือเอาไว้ในแต่ละด้าน โดยไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะออกไปทาง อนุรักษนิยม หรือ เสรีนิยม ก็ตาม แต่ถ้าสามารถช่วยประคับประคอง ช่วยคลี่คลายวิกฤตแต่ละรูป แต่ละแบบ ย่อมต้องถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีราคา ไปด้วยกันทั้งนั้น อันเป็นสิ่งที่บรรดาผู้รักบ้านรักเมือง ห่วงบ้าน ห่วงเมือง ทั้งหลาย ไม่ควรคิดที่จะปฏิเสธ... การสร้าง ความรู้รัก-สามัคคี ภายใต้สังคมสมัยใหม่ ที่เต็มไปด้วยความย่อยแยก แตกกระจาย ย่อมเป็นอะไรที่ยากเย็น แสนเข็ญ เอามากๆ และยิ่งภายใต้ภาวะวิกฤตที่เข้ามากระหน่ำ ซ้ำเติม ยิ่งแทบทำให้ไม่เห็นทางออก-ทางไป เอาเลยก็ว่าได้ แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้น ที่พอจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ช่วยประคับประคองสังคมแต่ละสังคมให้พอรอดพ้นปากเหยี่ยว-ปากกาได้มั่ง ดังนั้น...ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ไม่ว่ายังแทบมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ถ้ามุ่งมั่น และเพียรพยายาม พร้อมที่จะสืบทอด ต่อยอด ในสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงได้บำเพ็ญเพียร ได้ทรงแสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง ตัวอย่าง ไว้แล้ว อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้บ้านเมืองไม่ถึงกับต้อง แตกสลาย ลงไปต่อหน้า-ต่อตา. https://www.thaipost.net/columnist-people/676550/ #Thaitimes
    WWW.THAIPOST.NET
    ศูนย์รวมจิตใจในยาม 'วิกฤต'
    มันน่าจะใกล้ถึง จุดระเบิด เต็มที!!!...สำหรับความเป็นไปของโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าจะดูจากแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ทะเลจีนใต้ก็ตามที แต่สำหรับ บ้านเรา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงถึง ๔๐๐ ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล, ทำลายเศรษฐกิจโลกและทำให้เกิดความอดอยากทั่วโลก - สถาบันวิจัยตุรกี
    .
    ⚡️BREAKING

    A regional war in the Middle East could send oil prices soaring to $400 a barrel, destroying the global economy and causing famine around the world - Turkish think tank
    .
    8:52 PM · Oct 16, 2024 · 166.1K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1846549787203551598
    สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงถึง ๔๐๐ ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล, ทำลายเศรษฐกิจโลกและทำให้เกิดความอดอยากทั่วโลก - สถาบันวิจัยตุรกี . ⚡️BREAKING A regional war in the Middle East could send oil prices soaring to $400 a barrel, destroying the global economy and causing famine around the world - Turkish think tank . 8:52 PM · Oct 16, 2024 · 166.1K Views https://x.com/IranObserver0/status/1846549787203551598
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอลลาร์สหรัฐจะเสื่อมค่าลง ถึงแม้จะพยายามก่อสงครามและโรคระบาดก็ตาม / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อ ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การพิมพ์แบงค์ก่อหนี้ไม่หยุดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ และ 2. การยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ทำให้ทั่วโลกกำลังหาสินทรัพย์อย่างอื่น

    อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงได้ต่อไป ก็ยิ่งทำให้เงินทั่วโลกเทขายพันธบัตรและเงินดอลลาร์หันไปลงทุนสินทรัพย์อย่างอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย (ซึ่งแปลงเป็นเงินสกุลอื่น) คริปโตเคอเรนซี่ และทองคำ ประเทศใดไม่ทันระวังตัว หลงเพลินกับดัชนีราคาหุ้นที่สูงขึ้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเสื่อมค่าลงด้วยเพราะดอลลาร์ที่ท่วมในทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังเสื่อมค่าลงเช่นกั

    ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ก็มีแนวโน้มจะซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศให้มั่นคง กว่าการมีสินทรัพย์ที่มีเงินดอลลาร์มากเกินไป

    ด้วยเหตุผลนี้ทองคำมีแนวโน้มจะมีราคาสูงขึ้นต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

    ดังนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับความเสียหาย อีกทั้งต้องสั่งซื้อวัคซีนและยารักษาโรคในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา และยุโรป

    การก่อหนี้สาธารณอันมหาศาลเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในการหาซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ รวมถึงการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายประเทศต่อก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่ขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้ว ก็ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มากขึ้น

    และการที่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือโรคระบาดที่ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น ก็คือการรักษาความต้องการเงินดอลลาร์ให้ยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกแลกมาด้วยการสูบทรัพยากรจากประเทศลูกหนี้เหล่านั้นให้มาชดใช้หนี้ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและยุโรป

    และนี่คือเหตุผลสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องออกมาปล่อยข่าวปลอมในการใส่ร้ายและทำลายวัคซีนจากจีน เพื่อต้องการสูบความมั่งคั่งจากทั่วโลกให้มาเพิ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป

    อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะดำรงได้ต่อไป จึงถูกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบคั้นให้ลดอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป

    แต่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็แลกกลับมาด้วยเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ไปสู่สินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งทองคำ เงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ หุ้นในประเทศในเอเชีย

    ส่งผลทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ

    เมื่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาดอลลาร์อย่างสันติวิธีได้ ประชาคมโลกจึงมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เร่งทำสงครามให้บานปลายมากขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงการก่อโรคระบาดใหม่ได้มากขึ้น

    เพราะการก่อสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญความเสี่ยงในการสูญเสียในสมรภูมิสงครามโดยตรง ทำให้หลายประเทศต้องซื้ออาวุธสงครามด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น

    และการปฏิบัติการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่อสู้กันนั้น ก็ย่อมทำให้ต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้น ย่อมทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ทำกำไรมากขึ้น และรักษาเงินดอลลาร์ได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้สหรัฐอเมริการมีรายได้มาช่วยชำระหนี้มากขึ้น

    ยังไม่นับความเสี่ยงประเทศคู่กรณีกับสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะถูกประเทศสหรัฐอเมริกาชักดาบ ไม่ต้องชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ และยึดทุนสำรองระหว่างประเทศมาชดใช้หนี้ให้สหรัฐอเมริการหรือให้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ด้วย

    กรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าฝ่ายรักษาเงินดอลลาร์ที่ได้ทำลายการขนส่งก๊าซของรัสเซียในยุโรปก็ดี การมีเป้าหมายทำลายบ่อน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านก็ดี มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายปิโตรเลียมของชาติอื่นๆ ที่จะไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน(ปิโตรดอลลาร์) เพื่อหวังจะทำให้ปิโตรเลียมที่ค้าขายด้วยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่จะครองสัดส่วนหลักของโลกได้ต่อไป ซึ่งเป็นวิธีดิ้นเฮือกสุดท้ายที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการเดิมพันเพื่อรักษาเงินดอลลาร์เอาไว้ให้ได้

    นั่นหมายความว่า “ราคาน้ำมัน” มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปด้วย

    ดังนั้นลักษณะสงครามโลก หรือหากจะมีสงครามโรคเพื่อรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ”ไม่ให้เป็นสงครามที่มีผลกระทบต่อแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา

    แต่ก็ใช่ว่าแนวทางรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแบบนี้จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะประเทศคู่กรณีอย่างจีน รัสเซีย ที่มีสมาชิก BRICS เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดน้อยลง

    จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน อินเดีย ซึ่งกำลังทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่างมีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ไม่เพียงจะไม่แพ้สหรัฐอเมริกาและยุโรปเท่านั้น แต่ยังอาจจะเหนือกว่าสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย

    ดังนั้นการทำสงครามแบบ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ” อาจถูกโต้กลับด้วยแสนยานุภาพทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้เช่นกัน

    ในขณะที่การทำสงครามโรคระบาดก็อาจจะไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะหลังจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 เริ่มทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึงความเสียหายรอบด้าน และมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น ทั้งยารักษาโรค การพึ่งพาตัวเองได้สมุนไพร การเร่งรัดงานวิจัย หรือแม้กระทั่งการผลิตวัคซีน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนได้ถ่วงอำนาจทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ด้วยการปล่อยกู้และลงทุนอันมหาศาลให้กับหลายประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังขยายบทบาทการพึ่งพาทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศทั่วโลกมากกว่าสหรัฐอเมริกา และทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงไปด้วย และยังลงทุนก่อสร้างไปในธุรกิจพลังงาน และเหมืองแร่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นตัวเปลี่ยนเทคโนโลยีของจีน ที่เหนือกว่าการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ

    จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐจะไม่สามารถรักษามูลค่าต่อไปได้ ต่อให้ปั่นกระแสข่าวการทำสงคราม การขึ้นภาษีกีดกันทางการค้า ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยแสนยานุภาพของประเทศมหาอำนาจคู่กรณี

    ในสถานการณ์เช่นนี้ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้

    1.ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ให้ทันพลวัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    2.ต้องมีการบริหารจัดการรักษา “เสถียรภาพ” ค่าเงินบาทไม่ให้เกิดการ “ผันผวน” ผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กับความสามารถในการแข่งขันในเวทีการส่งออกและการนำเข้าระหว่างประเทศ

    3.ต้องบริหารจัดการให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมโซลาร์เซลล์ และรถไฟฟ้าทั่วไทยอย่างจริงจัง

    4.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พึ่งพาตัวเองได้ ในภาวะสงครามทั่วโลก

    5.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางยาด้านสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก

    แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลได้ตระหนักหรือมีวิสัยทัศน์กับปัญหาเหล่านี้เลย

    คงเหลือแต่ประชาชนเท่านั้นที่ได้อ่านบทความนี้ต้องเริ่มแสวงหาแนวทางการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน อาหาร และสมุนไพร หรือปรัชญาพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    10 ตุลาคม 2567
    ดอลลาร์สหรัฐจะเสื่อมค่าลง ถึงแม้จะพยายามก่อสงครามและโรคระบาดก็ตาม / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อ ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การพิมพ์แบงค์ก่อหนี้ไม่หยุดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ และ 2. การยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ทำให้ทั่วโลกกำลังหาสินทรัพย์อย่างอื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงได้ต่อไป ก็ยิ่งทำให้เงินทั่วโลกเทขายพันธบัตรและเงินดอลลาร์หันไปลงทุนสินทรัพย์อย่างอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย (ซึ่งแปลงเป็นเงินสกุลอื่น) คริปโตเคอเรนซี่ และทองคำ ประเทศใดไม่ทันระวังตัว หลงเพลินกับดัชนีราคาหุ้นที่สูงขึ้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเสื่อมค่าลงด้วยเพราะดอลลาร์ที่ท่วมในทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังเสื่อมค่าลงเช่นกั ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ก็มีแนวโน้มจะซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศให้มั่นคง กว่าการมีสินทรัพย์ที่มีเงินดอลลาร์มากเกินไป ด้วยเหตุผลนี้ทองคำมีแนวโน้มจะมีราคาสูงขึ้นต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ดังนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับความเสียหาย อีกทั้งต้องสั่งซื้อวัคซีนและยารักษาโรคในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา และยุโรป การก่อหนี้สาธารณอันมหาศาลเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในการหาซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ รวมถึงการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายประเทศต่อก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่ขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้ว ก็ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มากขึ้น และการที่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือโรคระบาดที่ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น ก็คือการรักษาความต้องการเงินดอลลาร์ให้ยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกแลกมาด้วยการสูบทรัพยากรจากประเทศลูกหนี้เหล่านั้นให้มาชดใช้หนี้ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและยุโรป และนี่คือเหตุผลสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องออกมาปล่อยข่าวปลอมในการใส่ร้ายและทำลายวัคซีนจากจีน เพื่อต้องการสูบความมั่งคั่งจากทั่วโลกให้มาเพิ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะดำรงได้ต่อไป จึงถูกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบคั้นให้ลดอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป แต่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็แลกกลับมาด้วยเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ไปสู่สินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งทองคำ เงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ หุ้นในประเทศในเอเชีย ส่งผลทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ เมื่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาดอลลาร์อย่างสันติวิธีได้ ประชาคมโลกจึงมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เร่งทำสงครามให้บานปลายมากขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงการก่อโรคระบาดใหม่ได้มากขึ้น เพราะการก่อสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญความเสี่ยงในการสูญเสียในสมรภูมิสงครามโดยตรง ทำให้หลายประเทศต้องซื้ออาวุธสงครามด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น และการปฏิบัติการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่อสู้กันนั้น ก็ย่อมทำให้ต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้น ย่อมทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ทำกำไรมากขึ้น และรักษาเงินดอลลาร์ได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้สหรัฐอเมริการมีรายได้มาช่วยชำระหนี้มากขึ้น ยังไม่นับความเสี่ยงประเทศคู่กรณีกับสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะถูกประเทศสหรัฐอเมริกาชักดาบ ไม่ต้องชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ และยึดทุนสำรองระหว่างประเทศมาชดใช้หนี้ให้สหรัฐอเมริการหรือให้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ด้วย กรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าฝ่ายรักษาเงินดอลลาร์ที่ได้ทำลายการขนส่งก๊าซของรัสเซียในยุโรปก็ดี การมีเป้าหมายทำลายบ่อน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านก็ดี มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายปิโตรเลียมของชาติอื่นๆ ที่จะไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน(ปิโตรดอลลาร์) เพื่อหวังจะทำให้ปิโตรเลียมที่ค้าขายด้วยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่จะครองสัดส่วนหลักของโลกได้ต่อไป ซึ่งเป็นวิธีดิ้นเฮือกสุดท้ายที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการเดิมพันเพื่อรักษาเงินดอลลาร์เอาไว้ให้ได้ นั่นหมายความว่า “ราคาน้ำมัน” มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปด้วย ดังนั้นลักษณะสงครามโลก หรือหากจะมีสงครามโรคเพื่อรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ”ไม่ให้เป็นสงครามที่มีผลกระทบต่อแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ใช่ว่าแนวทางรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแบบนี้จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะประเทศคู่กรณีอย่างจีน รัสเซีย ที่มีสมาชิก BRICS เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดน้อยลง จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน อินเดีย ซึ่งกำลังทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่างมีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ไม่เพียงจะไม่แพ้สหรัฐอเมริกาและยุโรปเท่านั้น แต่ยังอาจจะเหนือกว่าสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย ดังนั้นการทำสงครามแบบ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ” อาจถูกโต้กลับด้วยแสนยานุภาพทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้เช่นกัน ในขณะที่การทำสงครามโรคระบาดก็อาจจะไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะหลังจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 เริ่มทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึงความเสียหายรอบด้าน และมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น ทั้งยารักษาโรค การพึ่งพาตัวเองได้สมุนไพร การเร่งรัดงานวิจัย หรือแม้กระทั่งการผลิตวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนได้ถ่วงอำนาจทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ด้วยการปล่อยกู้และลงทุนอันมหาศาลให้กับหลายประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังขยายบทบาทการพึ่งพาทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศทั่วโลกมากกว่าสหรัฐอเมริกา และทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงไปด้วย และยังลงทุนก่อสร้างไปในธุรกิจพลังงาน และเหมืองแร่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นตัวเปลี่ยนเทคโนโลยีของจีน ที่เหนือกว่าการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐจะไม่สามารถรักษามูลค่าต่อไปได้ ต่อให้ปั่นกระแสข่าวการทำสงคราม การขึ้นภาษีกีดกันทางการค้า ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยแสนยานุภาพของประเทศมหาอำนาจคู่กรณี ในสถานการณ์เช่นนี้ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้ 1.ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ให้ทันพลวัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 2.ต้องมีการบริหารจัดการรักษา “เสถียรภาพ” ค่าเงินบาทไม่ให้เกิดการ “ผันผวน” ผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กับความสามารถในการแข่งขันในเวทีการส่งออกและการนำเข้าระหว่างประเทศ 3.ต้องบริหารจัดการให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมโซลาร์เซลล์ และรถไฟฟ้าทั่วไทยอย่างจริงจัง 4.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พึ่งพาตัวเองได้ ในภาวะสงครามทั่วโลก 5.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางยาด้านสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลได้ตระหนักหรือมีวิสัยทัศน์กับปัญหาเหล่านี้เลย คงเหลือแต่ประชาชนเท่านั้นที่ได้อ่านบทความนี้ต้องเริ่มแสวงหาแนวทางการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน อาหาร และสมุนไพร หรือปรัชญาพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 10 ตุลาคม 2567
    Like
    Love
    Yay
    104
    4 ความคิดเห็น 9 การแบ่งปัน 1658 มุมมอง 5 รีวิว
  • ชีวิตผู้นำของพี่ปู……ความวัวไม่ทันหาย……ความแอร์ไลน์เข้ามาแทรก……ติ่งแสนจะเหนื่อยใจแทนจริงจิ๊งงงงง……!!

    ตอนยี่สิบสี่……คดีที่โยนกลองกันไปมา……ป่านนี้ยังหาที่ลงไม่ได้……!!!

    การแลกเปลี่ยนการสอยร่วงระหว่างยูเครนและรัสเซียที่เหมือนกับการแลกหมัดนั้น……
    วันที่ 17 กรกฏาคม 2014 ได้เกิดโศกนาฏกรรมของเครื่องบิน Malaysia Airways Boeing 777 ที่มีผู้โดยสาร 283 คนพร้อมลูกเรือ อีก 15 คน จากแอมสเตอร์ดัม สู่ กัวลาลัมเปอร์
    ร่วงลงสู่พื้นดิน ในเขตแนว 50 ไมล์ ชายแดน ยูเครน-รัสเซีย
    ในเขต Donetsk (การตกอยู่ในดินแดนของยูเครน)
    สาเหตุ จากการสันนิษฐานชั้นแรก คือ โดนขีปนาวุธ Buk 9M83 ที่เป็นของรัสเซียที่ส่งยิงมาจากทางภาคพื้นดิน

    ปูตินที่เพิ่งกลับจากการประชุมฟีฟ่าที่บราซิล ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆในเรื่องนี้ แต่เขาได้ให้ความเห็นว่า……
    “สายการบินควรจะเลี่ยงเส้นทางที่เป็นแนวของการสู้รบ และการเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้…ไม่ควรเอามาเป็นการป้ายสีกันทางการเมือง ควรที่จะให้ความสำคัญกับผู้ที่สูญเสียและครอบครัวของเขาก่อนจะดีกว่า……”
    แต่……สื่อที่ออกมาที่ส่วนใหญ่คือสื่อทางตะวันตก ได้ต่างออกมาตำหนิรัสเซียไปแล้ว
    สื่ออังกฤษ……พาดหัวว่า เป็นเพราะขีปนาวุธของฆาตกรปูติน……

    ความแตกร้าวระหว่างรัสเซียกับตะวันตกได้ขยายแยกออกห่างขึ้น ……อเมริกาได้ถือข้อนี้ ยืดเวลาการแซงชั่นยึดทรัพย์ออกไปอีก
    เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มสั่นคลอน ค่าเงินรูเบิ้ลตก ราคาน้ำมันถูกกด……ทางตะวันตกเริ่มยิ้มเยาะอย่างสะใจ เพราะมันเหมือนกับตีถูกที่หน้าแข้งให้รัสเซียคุกเข่าลงได้
    ปูตินเชื่อว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่าง สหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย……

    ยังไม่ทันที่จะได้คิดอ่านทำอะไร ไม่กี่วันต่อมาจากการเกิดโศกนาฏกรรมนั้น
    ศาลโลกที่กรุงเฮกได้รีบตัดสินคดีที่ Mikhail Khodorkovsky (ในนามของบริษัท Yukos) ที่ฟ้องรัฐบาลรัสเซีย……ศาลได้ตัดสินให้รัสเซียจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ ห้าหมื่นล้านเหรียญ
    ปูตินได้บอกกับเพื่อนสนิทในกลุ่มว่า ……จากนี้ไป เขาจะไม่แคร์เลยว่าทางตะวันตกจะคิดอย่างไรกับรัสเซีย เพราะหน้าฉากที่งานโอลิมปิกที่คุยกันแสนหวาน สมัครสมานสามัคคี กลมเกลียวชื่นมื่น……
    แต่……เมื่อถึงจังหวะที่เปิดหน้ากาก………พวกเขามาพร้อมมีดที่พร้อมจะปักลงที่กลางหลัง

    ปูตินเป็นคนที่ยิ่งตี……ก็ยิ่งโต เขารู้สึกดีใจที่ได้จัดการกับไครเมียและยูเครนตะวันออกไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เพราะอย่างไรเสีย……รัสเซียก็คือผู้ร้ายในสายตาของใครต่อใครอยู่แล้ว ในยามที่กองทัพยูเครนได้ทำทารุณกรรรมต่อประชาชน
    ชายขอบ……มีทั้งพวกนีโอนาซีที่ออกมาตบตี ตบทรัพย์นักท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ………ทุกคนไม่ปริปาก……

    กลุ่มที่ต่อต้านปูติน เริ่มฉวยโอกาสนี้ไหวตัวกันอีกครั้ง เช่น
    Alexsei Navalny, Pavel Durov (หรือ Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย), Boris Berezovsky, Boris Nemtov และคนที่เพิ่งได้รับอภัยโทษไปหมาดๆคือ Mikhail Khodorovsky ที่ไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์
    ในวันที่ 31 กรกฏาคม เหล่ามหาเศรษฐีอีกหลายๆคนที่ถือเอาโอกาสนี้ไปรวมตัว…ประชุมแบบลับๆที่ ศูนย์อำนวยการฟุตบอล, มอสโคว์ เพื่อที่จะพบปะหารือปรับทุกข์กันในเรื่องการที่ยึดไครเมีย จนเกิดการแซงชั่นทางธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม……ที่พวกเขาจะพลอยเดือดร้อน……
    หนึ่งในนั้น คือ Vladimir Yakunin ประธานรถไฟ Moskva
    ทุกคนได้เริ่มสาธยายความอึดอัดที่ต้องผจญกับอุปสรรคต่างๆ
    เพราะตะวันตกไม่ยอมรับการเข้ายึดไครเมีย
    หลายคนเริ่มตำหนิปูติน….
    แต่ยาคุนิน ได้ลุกขึ้นยืนกล่าวเป็นคนสุดท้ายด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า……
    “ ใช่……ประเทศเรากำลังถูกเขาแซงชั่น……ประธานาธิบดีของเรากำลังยืนหยัดสู้อย่างกล้าหาญ แต่พวกคุณที่เสียผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยช่างทุกข์ร้อนกันเกินเหตุ เรื่องที่จะโดนอะไรมากกว่านี้จากตะวันตกที่พวกคุณกังวลกัน……
    ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า ……เขาทำแน่ ไม่ว่ารัสเซียจะทำอะไร
    พวกเขาก็หาเหตุจนได้ ต่อให้พวกคุณไปคุกเข่าขอความปรานี
    เขาก็จะถีบคุณออกมา……ดังนั้น แทนที่จะมาก่นด่ากัน……หันมาสนับสนุนชาติของตัวเองอย่างพลเมืองที่ดี……ดีกว่าไหม ?”

    คนที่เคลื่อนไหวต่อต้านในทุกอย่างที่เป็นปูติน คือ Boris Nemtsov นักการเมืองฝ่ายลิเบอรัล ที่เคยเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีสมัยเยลซิน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งที่ปูตินได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก ที่เขาดำเนินการต่อต้านทั้งใต้ดินและบนดิน
    ไม่ว่าจะมีการประท้วงในครั้งไหน หรือ เรื่องอะไร เนมซอฟจะเดินนำหน้าเสียงดังฟังชัดเสมอ
    เรื่อง Sochi……เขาได้ทำเอกสารแจกนักข่าวถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องการก่อสร้างและงบประมาณ
    เมื่อมาถึงไครเมีย และ ยูเครน เนมซอฟ……จะเข้าข้างทางฝั่งยูเครนแบบเต็มตัว เขาเริ่มใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขึ้นทุกที
    พอมาถึง เรื่องเครื่องบินตก……เขาออกโรงด่าปูตินแบบไม่ไว้หน้า ทั้งๆที่การพิสูจน์หลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น

    เขารับงานสัมภาษณ์ในทุกสื่อตะวันตกที่เปิดโอกาสให้โจมตีรัฐบาลรัสเซีย
    ที่สุดๆคือ ในการสัมภาษณ์ของเขาในเดือนเมษายน 2014 ที่เขาเรียกปูตินเป็นคนโรคจิต เอางบประมาณไปละลายกับเชเชน……และ…ใครจะรู้ว่าเท่าไหร่…นอกจากพระอัลเลาะห์เจ้า…!!!
    ต้องเรียกว่า……นั่นคือการให้สัมภาษณ์แบบผีเจาะปากมาพูดแท้ๆ เพราะข้อความนี้ได้ไปสร้างความดือดดาลให้กับพวกนักรบเชเชน……

    วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 23:31 ในขณะที่เนมซอฟกำลังเดินทอดน่องเกี่ยวแขนไปกับแฟนสาว Anna Durytka บนสะพานหน้าพระราชวังเครมลิน
    มีรถยนต์วิ่งผ่านมา…;เสียงปืนลั่นมาแปดนัด……เนมซอฟล้มลง สิ้นใจ
    แต่แฟนสาว……ที่เคียงข้าง……ปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ
    (มืออาชีพจริงๆ……)

    การตายของเนมซอฟเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
    เดือนมีนาคม ทางตำรวจได้จับกุมมือปืนได้สองคน คือ Anzor Gubashev และ Zaur Dadaev ทั้งคู่เป็นชาวมุสลิม จากทางเหนือของคอเคซัส
    ข่าวจากรัสเซีย……ว่า จำเลยยอมรับสารภาพว่า โกรธที่หมิ่นพระอัลเลาะห์ และหยามกองทัพเชเชน
    ข่าวจากตะวันตก……ว่า……ทั้งคู่รับจ้างวานมาเป็นเงินจำนวนสิบห้าล้านรูเบิ้ล

    หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ปูตินได้หายไปจากหน้าสื่อถึงสิบวัน
    ทีเล่นเอาทุกคนสงสัยไปหมด ว่า เขาไปไหน……อะไรเกิดขึ้น……
    ป่วย……หรือโดนปฎิวัติเงียบ……??
    ข่าวนี้มาพร้อมกับข่าวที่ Alina Kaayeva ได้เพิ่งคลอดลูก
    แต่เสียงจากวงในได้แย้มออกมาว่า เขาได้พักรักษาหลังและไหล่ (จากการเล่นยูโดมานาน)

    แต่ที่แน่ๆ คือ การพิสูจน์หลักฐานของการตกของสายการบิน Malaysia Airlines ยังไม่จบในทุกวันนี้ คาดว่า ศาลจะตัดสินว่าใครผิดใครถูกในปลายปี 2022 นี้……
    ทางรัสเซีย……ได้อ้างว่า เขาได้ส่งข้อความไปยังสายการบินพานิชย์ต่างๆแล้วว่า ขอให้เลี่ยงการใช้เส้นทางผ่านดินแดนที่เป็นกรณีพิพาท หรือจะต้องบินสูงกว่า สามหมื่นหกพันฟุต
    และที่เกิดเหตุ……ไม่ใช่ในรัสเซีย แต่เป็นยูเครน
    ส่วนขีปนาวุธที่ต้องสงสัย คือ Buk นั้น มีใช้ทั้งรัสเซียและยูเครน

    ทางยูเครน…บอกว่า เป็นฝีมือของรัสเซีย เพราะหลังจากที่เกิดเหตุ มีวิทยุจากฝ่ายรัสเซียที่โห่ร้องว่า ได้สอย AN-26 ของยูเครนไปอีกหนึ่งลำ (คงเข้าใจว่าเป็น AN-26)

    ส่วนทางตะวันตก……ต่างขานรับเข้าข้างยูเครนไปทั้งหมดแล้ว…!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ชีวิตผู้นำของพี่ปู……ความวัวไม่ทันหาย……ความแอร์ไลน์เข้ามาแทรก……ติ่งแสนจะเหนื่อยใจแทนจริงจิ๊งงงงง……!! ตอนยี่สิบสี่……คดีที่โยนกลองกันไปมา……ป่านนี้ยังหาที่ลงไม่ได้……!!! การแลกเปลี่ยนการสอยร่วงระหว่างยูเครนและรัสเซียที่เหมือนกับการแลกหมัดนั้น…… วันที่ 17 กรกฏาคม 2014 ได้เกิดโศกนาฏกรรมของเครื่องบิน Malaysia Airways Boeing 777 ที่มีผู้โดยสาร 283 คนพร้อมลูกเรือ อีก 15 คน จากแอมสเตอร์ดัม สู่ กัวลาลัมเปอร์ ร่วงลงสู่พื้นดิน ในเขตแนว 50 ไมล์ ชายแดน ยูเครน-รัสเซีย ในเขต Donetsk (การตกอยู่ในดินแดนของยูเครน) สาเหตุ จากการสันนิษฐานชั้นแรก คือ โดนขีปนาวุธ Buk 9M83 ที่เป็นของรัสเซียที่ส่งยิงมาจากทางภาคพื้นดิน ปูตินที่เพิ่งกลับจากการประชุมฟีฟ่าที่บราซิล ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆในเรื่องนี้ แต่เขาได้ให้ความเห็นว่า…… “สายการบินควรจะเลี่ยงเส้นทางที่เป็นแนวของการสู้รบ และการเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้…ไม่ควรเอามาเป็นการป้ายสีกันทางการเมือง ควรที่จะให้ความสำคัญกับผู้ที่สูญเสียและครอบครัวของเขาก่อนจะดีกว่า……” แต่……สื่อที่ออกมาที่ส่วนใหญ่คือสื่อทางตะวันตก ได้ต่างออกมาตำหนิรัสเซียไปแล้ว สื่ออังกฤษ……พาดหัวว่า เป็นเพราะขีปนาวุธของฆาตกรปูติน…… ความแตกร้าวระหว่างรัสเซียกับตะวันตกได้ขยายแยกออกห่างขึ้น ……อเมริกาได้ถือข้อนี้ ยืดเวลาการแซงชั่นยึดทรัพย์ออกไปอีก เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มสั่นคลอน ค่าเงินรูเบิ้ลตก ราคาน้ำมันถูกกด……ทางตะวันตกเริ่มยิ้มเยาะอย่างสะใจ เพราะมันเหมือนกับตีถูกที่หน้าแข้งให้รัสเซียคุกเข่าลงได้ ปูตินเชื่อว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่าง สหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย…… ยังไม่ทันที่จะได้คิดอ่านทำอะไร ไม่กี่วันต่อมาจากการเกิดโศกนาฏกรรมนั้น ศาลโลกที่กรุงเฮกได้รีบตัดสินคดีที่ Mikhail Khodorkovsky (ในนามของบริษัท Yukos) ที่ฟ้องรัฐบาลรัสเซีย……ศาลได้ตัดสินให้รัสเซียจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ ห้าหมื่นล้านเหรียญ ปูตินได้บอกกับเพื่อนสนิทในกลุ่มว่า ……จากนี้ไป เขาจะไม่แคร์เลยว่าทางตะวันตกจะคิดอย่างไรกับรัสเซีย เพราะหน้าฉากที่งานโอลิมปิกที่คุยกันแสนหวาน สมัครสมานสามัคคี กลมเกลียวชื่นมื่น…… แต่……เมื่อถึงจังหวะที่เปิดหน้ากาก………พวกเขามาพร้อมมีดที่พร้อมจะปักลงที่กลางหลัง ปูตินเป็นคนที่ยิ่งตี……ก็ยิ่งโต เขารู้สึกดีใจที่ได้จัดการกับไครเมียและยูเครนตะวันออกไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เพราะอย่างไรเสีย……รัสเซียก็คือผู้ร้ายในสายตาของใครต่อใครอยู่แล้ว ในยามที่กองทัพยูเครนได้ทำทารุณกรรรมต่อประชาชน ชายขอบ……มีทั้งพวกนีโอนาซีที่ออกมาตบตี ตบทรัพย์นักท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ………ทุกคนไม่ปริปาก…… กลุ่มที่ต่อต้านปูติน เริ่มฉวยโอกาสนี้ไหวตัวกันอีกครั้ง เช่น Alexsei Navalny, Pavel Durov (หรือ Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย), Boris Berezovsky, Boris Nemtov และคนที่เพิ่งได้รับอภัยโทษไปหมาดๆคือ Mikhail Khodorovsky ที่ไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 31 กรกฏาคม เหล่ามหาเศรษฐีอีกหลายๆคนที่ถือเอาโอกาสนี้ไปรวมตัว…ประชุมแบบลับๆที่ ศูนย์อำนวยการฟุตบอล, มอสโคว์ เพื่อที่จะพบปะหารือปรับทุกข์กันในเรื่องการที่ยึดไครเมีย จนเกิดการแซงชั่นทางธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม……ที่พวกเขาจะพลอยเดือดร้อน…… หนึ่งในนั้น คือ Vladimir Yakunin ประธานรถไฟ Moskva ทุกคนได้เริ่มสาธยายความอึดอัดที่ต้องผจญกับอุปสรรคต่างๆ เพราะตะวันตกไม่ยอมรับการเข้ายึดไครเมีย หลายคนเริ่มตำหนิปูติน…. แต่ยาคุนิน ได้ลุกขึ้นยืนกล่าวเป็นคนสุดท้ายด้วยเสียงที่ดังฟังชัดว่า…… “ ใช่……ประเทศเรากำลังถูกเขาแซงชั่น……ประธานาธิบดีของเรากำลังยืนหยัดสู้อย่างกล้าหาญ แต่พวกคุณที่เสียผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยช่างทุกข์ร้อนกันเกินเหตุ เรื่องที่จะโดนอะไรมากกว่านี้จากตะวันตกที่พวกคุณกังวลกัน…… ผมขอบอกตรงนี้เลยว่า ……เขาทำแน่ ไม่ว่ารัสเซียจะทำอะไร พวกเขาก็หาเหตุจนได้ ต่อให้พวกคุณไปคุกเข่าขอความปรานี เขาก็จะถีบคุณออกมา……ดังนั้น แทนที่จะมาก่นด่ากัน……หันมาสนับสนุนชาติของตัวเองอย่างพลเมืองที่ดี……ดีกว่าไหม ?” คนที่เคลื่อนไหวต่อต้านในทุกอย่างที่เป็นปูติน คือ Boris Nemtsov นักการเมืองฝ่ายลิเบอรัล ที่เคยเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีสมัยเยลซิน ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่สมัยเมื่อครั้งที่ปูตินได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในสมัยแรก ที่เขาดำเนินการต่อต้านทั้งใต้ดินและบนดิน ไม่ว่าจะมีการประท้วงในครั้งไหน หรือ เรื่องอะไร เนมซอฟจะเดินนำหน้าเสียงดังฟังชัดเสมอ เรื่อง Sochi……เขาได้ทำเอกสารแจกนักข่าวถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องการก่อสร้างและงบประมาณ เมื่อมาถึงไครเมีย และ ยูเครน เนมซอฟ……จะเข้าข้างทางฝั่งยูเครนแบบเต็มตัว เขาเริ่มใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขึ้นทุกที พอมาถึง เรื่องเครื่องบินตก……เขาออกโรงด่าปูตินแบบไม่ไว้หน้า ทั้งๆที่การพิสูจน์หลักฐานยังไม่เสร็จสิ้น เขารับงานสัมภาษณ์ในทุกสื่อตะวันตกที่เปิดโอกาสให้โจมตีรัฐบาลรัสเซีย ที่สุดๆคือ ในการสัมภาษณ์ของเขาในเดือนเมษายน 2014 ที่เขาเรียกปูตินเป็นคนโรคจิต เอางบประมาณไปละลายกับเชเชน……และ…ใครจะรู้ว่าเท่าไหร่…นอกจากพระอัลเลาะห์เจ้า…!!! ต้องเรียกว่า……นั่นคือการให้สัมภาษณ์แบบผีเจาะปากมาพูดแท้ๆ เพราะข้อความนี้ได้ไปสร้างความดือดดาลให้กับพวกนักรบเชเชน…… วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 23:31 ในขณะที่เนมซอฟกำลังเดินทอดน่องเกี่ยวแขนไปกับแฟนสาว Anna Durytka บนสะพานหน้าพระราชวังเครมลิน มีรถยนต์วิ่งผ่านมา…;เสียงปืนลั่นมาแปดนัด……เนมซอฟล้มลง สิ้นใจ แต่แฟนสาว……ที่เคียงข้าง……ปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ (มืออาชีพจริงๆ……) การตายของเนมซอฟเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เดือนมีนาคม ทางตำรวจได้จับกุมมือปืนได้สองคน คือ Anzor Gubashev และ Zaur Dadaev ทั้งคู่เป็นชาวมุสลิม จากทางเหนือของคอเคซัส ข่าวจากรัสเซีย……ว่า จำเลยยอมรับสารภาพว่า โกรธที่หมิ่นพระอัลเลาะห์ และหยามกองทัพเชเชน ข่าวจากตะวันตก……ว่า……ทั้งคู่รับจ้างวานมาเป็นเงินจำนวนสิบห้าล้านรูเบิ้ล หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ปูตินได้หายไปจากหน้าสื่อถึงสิบวัน ทีเล่นเอาทุกคนสงสัยไปหมด ว่า เขาไปไหน……อะไรเกิดขึ้น…… ป่วย……หรือโดนปฎิวัติเงียบ……?? ข่าวนี้มาพร้อมกับข่าวที่ Alina Kaayeva ได้เพิ่งคลอดลูก แต่เสียงจากวงในได้แย้มออกมาว่า เขาได้พักรักษาหลังและไหล่ (จากการเล่นยูโดมานาน) แต่ที่แน่ๆ คือ การพิสูจน์หลักฐานของการตกของสายการบิน Malaysia Airlines ยังไม่จบในทุกวันนี้ คาดว่า ศาลจะตัดสินว่าใครผิดใครถูกในปลายปี 2022 นี้…… ทางรัสเซีย……ได้อ้างว่า เขาได้ส่งข้อความไปยังสายการบินพานิชย์ต่างๆแล้วว่า ขอให้เลี่ยงการใช้เส้นทางผ่านดินแดนที่เป็นกรณีพิพาท หรือจะต้องบินสูงกว่า สามหมื่นหกพันฟุต และที่เกิดเหตุ……ไม่ใช่ในรัสเซีย แต่เป็นยูเครน ส่วนขีปนาวุธที่ต้องสงสัย คือ Buk นั้น มีใช้ทั้งรัสเซียและยูเครน ทางยูเครน…บอกว่า เป็นฝีมือของรัสเซีย เพราะหลังจากที่เกิดเหตุ มีวิทยุจากฝ่ายรัสเซียที่โห่ร้องว่า ได้สอย AN-26 ของยูเครนไปอีกหนึ่งลำ (คงเข้าใจว่าเป็น AN-26) ส่วนทางตะวันตก……ต่างขานรับเข้าข้างยูเครนไปทั้งหมดแล้ว…!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงตรึงเงินดอลลาร์ได้ ยิ่งเร่งสงครามโลกและสงครามโรคเร็วขึ้น/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    ความขัดแย้งกันในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์นั้น ต้องพิจารณาในยุคนี้ด้วยว่า นอกจากมาตรการตอบโต้กันทางด้านการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สงครรามทุนระหว่างประเทศ สงครามค่าเงิน ถึงขนาดที่เรียกว่าเรื่องนี้อาจมีจุดจบที่ต้องมีฝ่ายใดแพ้หรือฝ่ายใดชนะกันไปข้างหนึ่ง

    โดยเฉพาะสถานภาพของเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถดำรงสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายปิโตรเลียมที่ไม่ได้ยึถถือเงินสกุลดอลลาร์ (ปิโตรดอลลาร์)แต่เพียงสกุลเดียวได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็เลือกหนทางในการทำให้เกิดการโจมตีแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช่พันธมิตรอเมริกาทั่วโลก เพื่อให้ราคาปิโตรเลียมของธุรกิจในเครือสหรัฐอเมริกายังคงดำรงสถานภาพปิโตรดอลลาร์ต่อไป

    อย่างไรก็ตามการเปลี่ยแปลงเงินสกุลหลักของโลกแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแบบยืดเยื้อ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ยังคงใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือเป็นเงินกู้เข้าแทรกแซงช่วยเหลืออยู่หลายประเทศ โดยสถานภาพของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเจ้าหนี้ของประเทศต่างๆที่มีพันธะผูกพันจำนวน 94 ประเทศ มีมูลค่าหนี้คงค้างกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ[1]

    นอกจากนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกยังคงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกามากถึงร้อยละ 54.06[2] โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ออกพันธบัตรก่อหนี้มหาศาลมากถึง 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว[3] โดยยังไม่เพียงแค่ปัญหาว่าสหรัฐอเมริกาจะมีทางว่าจะชำระหนี้คืนได้อย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร

    การที่สหรัฐอเมริกาก่อหนี้อย่างมหาศาล อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ปริมาณอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐล้นระบบเกินความต้องการของอุปสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน และทำให้ธนาคารกลางได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลของคู่ค้าประเทศอื่นๆและทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้คือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น” ในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ก่อหนี้ไม่หยุด หรือไม่หยุดการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง

    ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพง และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้ยังคงรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นที่ต้องการในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป

    แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงของสหรัฐอเมริกา กลับทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ด้วยเพราะทำให้ธุรกิจเอกชนในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้สินครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การก่อหนี้เสีย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานภาพธนาคารในสหรัฐอเมริกาด้วย

    ปรากฏการณ์เพียงแค่ธนาคารกลางผ่อนปรนลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาคารกลางลงเท่านั้น เม็ดเงินทั่วโลกก็ได้ทยอยเทขายทรัพย์สินในเงินดอลลาร์สหรัฐไหลไปสู่ทรัพย์สินที่มั่นคงกว่าทันที และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงฉับพลันและยังมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องด้วย

    และนั่นทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และทำให้ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลหลายประเทศในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น

    โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับโลก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็นเป้าหมายในการลงทุนไปด้วย ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นทะยานต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเงินดอลลาร์ที่กำลังเสื่อมค่าถูกนำมาแปลงสภาพผ่านทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าในตลาดหุ้น กองทุน หรือพันธบัตรในเอเชีย ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนกลับยิ่งมีเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

    ราคาทองคำจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

    และเมื่อมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะตั้งเป้าโจมตีทำลายแหล่งปิโตรเลียมอิหร่าน ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกพยายามจะได้พยายามลดการถือครองพันธบัตร เพื่อหวังจะทำให้การเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศจากเงินดอลลาร์สหรัฐให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ หรือทองคำนั้นให้มากขึ้นนั้น เป็นการคิดพร้อมๆกันของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้หลายประเทศไม่สามารถจะเปลี่ยนได้ตามใจชอบ

    อย่างไรก็ตามประเทศใดมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นถือครองทรัพย์สินที่อ่อนค่าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ย่อมทำให้สกุลเงินในประเทศที่มีทรัพย์สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าไปด้วยอยู่ดี

    เมื่อถึงสถานการณ์ที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางกลายเป็นข้อจำกัด และถูกบีบให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสหรัฐอเมริกาจะยังคงสถานภาพเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อต้องบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด

    สถานการณ์ใกล้ตีบตันแล้ว จึงเหลือหนทางแค่ 2 ทางเท่านั้น

    หนทางที่หนึ่ง คือ “ก่อสงคราม” เพื่อทำให้ประเทศที่มีสงครามต้องสั่งซื้อ สั่งผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้น และเมื่ออาวุธ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ขายในรูปของดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นผลทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งมีความต้องการเงินดอลลาร์ศหรัฐมากขึ้น

    การสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดสงครามยังจะเป็นผลทำให้ราคาปิโตรเลียมทั่วโลกราคาสูงขึ้น และทำให้ดึงความมั่งคั่งของโลกมาซื้อทรัพยากรปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกามากขึ้น

    ตัวอย่างสมรภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริการสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทั้งจากธุรกิจอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดสนับสนุนอิสราเอลเพื่อก่อสงครามในตะวันออกลาง ก็เพื่อเร่งการซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มากขึ้น

    อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพของมหาอำนาจหลายขั้วอยู่ในระดับที่ไม่แพ้กัน ทำให้การก่อสงครามด้วยสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะของการจำกัดพื้นที่ ”ในประเทศอื่นๆ“ และให้มีความยืดเยื้อ และมีเป้าหมายในการทำลายแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ

    หนทางที่สอง “ก่อโรคระบาดใหม่” เพื่อทำให้ทุกประเทศต้องก่อหนี้สินมหาศาลในการช่วยเหลือประชาชน หากล้มละลาย และยังเป็นการดูดความมั่งคั่งเหล่านี้ไปซื้อวัคซีน และยารักษาโรคจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป

    หากประเทศเหล่านั้นยากจนเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหนทางในการบีบให้ต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศนั้นๆอยู่ดี

    และเป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์สหรัฐ ย่อมเท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยสูงในการรักษาการยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา “แบบสันติวิธี” ได้นานกว่านี้ได้แล้ว

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐได้พิสูจน์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับที่ก่อสงคราม หรือการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้เกิดการก่อหนี้อันมหาศาลของหลายประเทศนั้น ได้ส่งผลดำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และยังคงเป็นยุทธวิธีที่ดำรงสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐได้[4]

    โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง[4] สถานการณ์นี้เป็นตัวนบีบเงื่อนไขในรักษาเงินดอลลาร์ “มีเวลาน้อยลง” เรื่อยๆ

    ดังนั้นโลกกำลังเข้าสู่ความเสี่ยงในการเร่งทำสงครามจำกัดพื้นที่แต่ยืดเยื้ออย่างชัดเจนขึ้น โดยมีเป้าหมายในการทำลาายแหล่งปิโตรเลียมของประเทศที่ออกจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ

    แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ประเทศที่ถูกอิสราเอลหรือนาโต้จะรับได้ ทั้งต่อประเทศในตะวันออกกลางคู่ขัดแย้งกับอิสราเอล หรือ การทำสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม “ความยืดเยื้อ” ในระหว่างประเทศอาจถูกทำให้ยุติ ได้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงและเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย

    ซึ่งเชื่อว่าประเทศมหาอำนาจทั่วโลกพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์​

    เพราะหากถึงจุดนั้น ก็เท่ากับสงครามต้อง “หมดยก” และต้องยุติลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง และทำให้สงครามเศรษฐกิจที่เพิ่มความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐต้องยุติลงฉับพลันเช่นกัน

    เมื่อสถานการณ์การเร่งสถานการณ์สงครามมีความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจในมิติการก่อสงคราม จึงเหลืออีกหนทางหนึ่งคือ “การก่อโรคระบาด” ที่อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้ทั่วโลกต้องมาหาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาซื้อวัคซีนหรือยารักษาโรคที่มีราคาแพงจากสหรัฐอเมริกา

    ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์-เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะมีผู้นำที่มาชี้นำทางความคิดในการเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณสงครามโลก สงครามโรค ในสงครามความโลภทั้งหลาย

    โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทางด้าน ”ความมั่นคงทางพลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางยาสมุนไพรเพื่อการพี่งพาตนเอง“

    เอาจริงๆแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้เลย

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    4 ตุลาคม 2567

    อ้างอิง
    [1] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Total IMF Credit Outstanding �Movement From September 01, 2024 to October 01
    https://www.imf.org/external/np/fin/tad/balmov2.aspx?type=TOTAL

    [2] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserve (COFER), World allocated Reserves by Currency for 2023 Q2
    https://data.imf.org/?sk=e6a5f467-c14b-4aa8-9f6d-5a09ec4e62a4

    [3] Peterson G. Foundation, What is the National Debt Today?,
    https://www.pgpf.org/national-debt-clock?gad_source=1&gbraid=0AAAAABdefgYCJ8Ko6Ivna9fcfHx0Y_lqt&gclid=EAIaIQobChMIhbGExczxiAMVyqpLBR2NuhvEEAAYASAAEgJXjvD_BwE

    [4] marketwatch, US Dollar Index(DXY)
    https://www.marketwatch.com/investing/index/dxy
    ยิ่งไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงตรึงเงินดอลลาร์ได้ ยิ่งเร่งสงครามโลกและสงครามโรคเร็วขึ้น/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ความขัดแย้งกันในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์นั้น ต้องพิจารณาในยุคนี้ด้วยว่า นอกจากมาตรการตอบโต้กันทางด้านการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สงครรามทุนระหว่างประเทศ สงครามค่าเงิน ถึงขนาดที่เรียกว่าเรื่องนี้อาจมีจุดจบที่ต้องมีฝ่ายใดแพ้หรือฝ่ายใดชนะกันไปข้างหนึ่ง โดยเฉพาะสถานภาพของเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถดำรงสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายปิโตรเลียมที่ไม่ได้ยึถถือเงินสกุลดอลลาร์ (ปิโตรดอลลาร์)แต่เพียงสกุลเดียวได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็เลือกหนทางในการทำให้เกิดการโจมตีแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช่พันธมิตรอเมริกาทั่วโลก เพื่อให้ราคาปิโตรเลียมของธุรกิจในเครือสหรัฐอเมริกายังคงดำรงสถานภาพปิโตรดอลลาร์ต่อไป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยแปลงเงินสกุลหลักของโลกแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแบบยืดเยื้อ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ยังคงใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือเป็นเงินกู้เข้าแทรกแซงช่วยเหลืออยู่หลายประเทศ โดยสถานภาพของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเจ้าหนี้ของประเทศต่างๆที่มีพันธะผูกพันจำนวน 94 ประเทศ มีมูลค่าหนี้คงค้างกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ[1] นอกจากนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกยังคงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกามากถึงร้อยละ 54.06[2] โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ออกพันธบัตรก่อหนี้มหาศาลมากถึง 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว[3] โดยยังไม่เพียงแค่ปัญหาว่าสหรัฐอเมริกาจะมีทางว่าจะชำระหนี้คืนได้อย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร การที่สหรัฐอเมริกาก่อหนี้อย่างมหาศาล อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ปริมาณอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐล้นระบบเกินความต้องการของอุปสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน และทำให้ธนาคารกลางได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลของคู่ค้าประเทศอื่นๆและทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้คือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น” ในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ก่อหนี้ไม่หยุด หรือไม่หยุดการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพง และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้ยังคงรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นที่ต้องการในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงของสหรัฐอเมริกา กลับทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ด้วยเพราะทำให้ธุรกิจเอกชนในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้สินครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การก่อหนี้เสีย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานภาพธนาคารในสหรัฐอเมริกาด้วย ปรากฏการณ์เพียงแค่ธนาคารกลางผ่อนปรนลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาคารกลางลงเท่านั้น เม็ดเงินทั่วโลกก็ได้ทยอยเทขายทรัพย์สินในเงินดอลลาร์สหรัฐไหลไปสู่ทรัพย์สินที่มั่นคงกว่าทันที และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงฉับพลันและยังมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องด้วย และนั่นทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และทำให้ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลหลายประเทศในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับโลก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็นเป้าหมายในการลงทุนไปด้วย ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นทะยานต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเงินดอลลาร์ที่กำลังเสื่อมค่าถูกนำมาแปลงสภาพผ่านทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าในตลาดหุ้น กองทุน หรือพันธบัตรในเอเชีย ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนกลับยิ่งมีเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ราคาทองคำจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และเมื่อมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะตั้งเป้าโจมตีทำลายแหล่งปิโตรเลียมอิหร่าน ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกพยายามจะได้พยายามลดการถือครองพันธบัตร เพื่อหวังจะทำให้การเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศจากเงินดอลลาร์สหรัฐให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ หรือทองคำนั้นให้มากขึ้นนั้น เป็นการคิดพร้อมๆกันของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้หลายประเทศไม่สามารถจะเปลี่ยนได้ตามใจชอบ อย่างไรก็ตามประเทศใดมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นถือครองทรัพย์สินที่อ่อนค่าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ย่อมทำให้สกุลเงินในประเทศที่มีทรัพย์สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าไปด้วยอยู่ดี เมื่อถึงสถานการณ์ที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางกลายเป็นข้อจำกัด และถูกบีบให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสหรัฐอเมริกาจะยังคงสถานภาพเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อต้องบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด สถานการณ์ใกล้ตีบตันแล้ว จึงเหลือหนทางแค่ 2 ทางเท่านั้น หนทางที่หนึ่ง คือ “ก่อสงคราม” เพื่อทำให้ประเทศที่มีสงครามต้องสั่งซื้อ สั่งผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้น และเมื่ออาวุธ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ขายในรูปของดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นผลทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งมีความต้องการเงินดอลลาร์ศหรัฐมากขึ้น การสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดสงครามยังจะเป็นผลทำให้ราคาปิโตรเลียมทั่วโลกราคาสูงขึ้น และทำให้ดึงความมั่งคั่งของโลกมาซื้อทรัพยากรปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกามากขึ้น ตัวอย่างสมรภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริการสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทั้งจากธุรกิจอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดสนับสนุนอิสราเอลเพื่อก่อสงครามในตะวันออกลาง ก็เพื่อเร่งการซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพของมหาอำนาจหลายขั้วอยู่ในระดับที่ไม่แพ้กัน ทำให้การก่อสงครามด้วยสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะของการจำกัดพื้นที่ ”ในประเทศอื่นๆ“ และให้มีความยืดเยื้อ และมีเป้าหมายในการทำลายแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หนทางที่สอง “ก่อโรคระบาดใหม่” เพื่อทำให้ทุกประเทศต้องก่อหนี้สินมหาศาลในการช่วยเหลือประชาชน หากล้มละลาย และยังเป็นการดูดความมั่งคั่งเหล่านี้ไปซื้อวัคซีน และยารักษาโรคจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป หากประเทศเหล่านั้นยากจนเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหนทางในการบีบให้ต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศนั้นๆอยู่ดี และเป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์สหรัฐ ย่อมเท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยสูงในการรักษาการยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา “แบบสันติวิธี” ได้นานกว่านี้ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐได้พิสูจน์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับที่ก่อสงคราม หรือการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้เกิดการก่อหนี้อันมหาศาลของหลายประเทศนั้น ได้ส่งผลดำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และยังคงเป็นยุทธวิธีที่ดำรงสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐได้[4] โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง[4] สถานการณ์นี้เป็นตัวนบีบเงื่อนไขในรักษาเงินดอลลาร์ “มีเวลาน้อยลง” เรื่อยๆ ดังนั้นโลกกำลังเข้าสู่ความเสี่ยงในการเร่งทำสงครามจำกัดพื้นที่แต่ยืดเยื้ออย่างชัดเจนขึ้น โดยมีเป้าหมายในการทำลาายแหล่งปิโตรเลียมของประเทศที่ออกจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ประเทศที่ถูกอิสราเอลหรือนาโต้จะรับได้ ทั้งต่อประเทศในตะวันออกกลางคู่ขัดแย้งกับอิสราเอล หรือ การทำสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม “ความยืดเยื้อ” ในระหว่างประเทศอาจถูกทำให้ยุติ ได้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงและเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย ซึ่งเชื่อว่าประเทศมหาอำนาจทั่วโลกพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์​ เพราะหากถึงจุดนั้น ก็เท่ากับสงครามต้อง “หมดยก” และต้องยุติลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง และทำให้สงครามเศรษฐกิจที่เพิ่มความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐต้องยุติลงฉับพลันเช่นกัน เมื่อสถานการณ์การเร่งสถานการณ์สงครามมีความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจในมิติการก่อสงคราม จึงเหลืออีกหนทางหนึ่งคือ “การก่อโรคระบาด” ที่อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้ทั่วโลกต้องมาหาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาซื้อวัคซีนหรือยารักษาโรคที่มีราคาแพงจากสหรัฐอเมริกา ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์-เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะมีผู้นำที่มาชี้นำทางความคิดในการเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณสงครามโลก สงครามโรค ในสงครามความโลภทั้งหลาย โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทางด้าน ”ความมั่นคงทางพลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางยาสมุนไพรเพื่อการพี่งพาตนเอง“ เอาจริงๆแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้เลย ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 4 ตุลาคม 2567 อ้างอิง [1] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Total IMF Credit Outstanding �Movement From September 01, 2024 to October 01 https://www.imf.org/external/np/fin/tad/balmov2.aspx?type=TOTAL [2] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserve (COFER), World allocated Reserves by Currency for 2023 Q2 https://data.imf.org/?sk=e6a5f467-c14b-4aa8-9f6d-5a09ec4e62a4 [3] Peterson G. Foundation, What is the National Debt Today?, https://www.pgpf.org/national-debt-clock?gad_source=1&gbraid=0AAAAABdefgYCJ8Ko6Ivna9fcfHx0Y_lqt&gclid=EAIaIQobChMIhbGExczxiAMVyqpLBR2NuhvEEAAYASAAEgJXjvD_BwE [4] marketwatch, US Dollar Index(DXY) https://www.marketwatch.com/investing/index/dxy
    Like
    Love
    Yay
    85
    7 ความคิดเห็น 5 การแบ่งปัน 1912 มุมมอง 1 รีวิว
  • ไม่อยากให้รถบัสติดตั้งแก้ส เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไฟไหม้ ไม่ยากนะ ทำราคาน้ำมันให้มันถูกต้อง เป็นธรรม สิ ไม่ต้องให้เท่ามาเลเซียก็ได้
    เครดิต:เพจผีเสื้อกระพือปีก
    ไม่อยากให้รถบัสติดตั้งแก้ส เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไฟไหม้ ไม่ยากนะ ทำราคาน้ำมันให้มันถูกต้อง เป็นธรรม สิ ไม่ต้องให้เท่ามาเลเซียก็ได้ เครดิต:เพจผีเสื้อกระพือปีก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇲🇮🇱🇮🇷 สหรัฐฯและอิสราเอลกำลังหารือถึงทางเลือกในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย – บลูมเบิร์ก

    *หากพวกเขาทำเช่นนี้, น้ำมันจะไม่ไหลออกจากตะวันออกกลางแม้แต่หยดเดียว, ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันอย่างหนักในยุโรป และราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
    .
    BREAKING:

    🇺🇲🇮🇱🇮🇷 The United States and Israel are discussing the option of striking Iran's oil infrastructure in the Persian Gulf – Bloomberg

    *If they do this, not a drop of oil will leave the Middle East anymore, causing a massive oil shortage in Europe and a huge spike in the price.
    .
    10:07 PM · Oct 3, 2024 · 1.1M Views
    https://x.com/Megatron_ron/status/1841857671864987995
    🇺🇲🇮🇱🇮🇷 สหรัฐฯและอิสราเอลกำลังหารือถึงทางเลือกในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย – บลูมเบิร์ก *หากพวกเขาทำเช่นนี้, น้ำมันจะไม่ไหลออกจากตะวันออกกลางแม้แต่หยดเดียว, ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันอย่างหนักในยุโรป และราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก . BREAKING: 🇺🇲🇮🇱🇮🇷 The United States and Israel are discussing the option of striking Iran's oil infrastructure in the Persian Gulf – Bloomberg *If they do this, not a drop of oil will leave the Middle East anymore, causing a massive oil shortage in Europe and a huge spike in the price. . 10:07 PM · Oct 3, 2024 · 1.1M Views https://x.com/Megatron_ron/status/1841857671864987995
    Wow
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥วันพุธเมื่อวาน ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกยังทรงตัว
    ราคาน้ำมันได้พุ่งสูงขึ้น นักลงทุนกังวลสถานการณ์
    ในตะวันออกกลางระหว่าง อิหร่านและอิสราเอล

    🚩โดยดัชนีหุ้นทั่วโลก ลดลงเล็กน้อยในวันพุธ
    โดยที่ดอลลาร์สหรัฐได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันลดลง
    จากช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจ
    ของสหรัฐฯ และรอคอยการตอบสนองของอิสราเอลต่อการโจมตี
    ด้วยขีปนาวุธของอิหร่านในวันก่อนหน้า

    🚩ส่วนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความกังวลว่าสถานการณ์
    ตึงเครียดเพิ่มเติมในตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบ
    ต่ออุปทานน้ำมันจากภูมิภาคผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
    แต่การเพิ่มขึ้นนี้ถูกจำกัดด้วยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ
    ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    🚩ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์
    เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากรายงานการจ้างงานระดับชาติ
    ของ ADP แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ
    เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีข้อมูล
    การจ้างงานที่จะประกาศในวันศุกร์ที่จะถึงนี้

    ที่มา : Reuters

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥💥วันพุธเมื่อวาน ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกยังทรงตัว ราคาน้ำมันได้พุ่งสูงขึ้น นักลงทุนกังวลสถานการณ์ ในตะวันออกกลางระหว่าง อิหร่านและอิสราเอล 🚩โดยดัชนีหุ้นทั่วโลก ลดลงเล็กน้อยในวันพุธ โดยที่ดอลลาร์สหรัฐได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันลดลง จากช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ และรอคอยการตอบสนองของอิสราเอลต่อการโจมตี ด้วยขีปนาวุธของอิหร่านในวันก่อนหน้า 🚩ส่วนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความกังวลว่าสถานการณ์ ตึงเครียดเพิ่มเติมในตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบ ต่ออุปทานน้ำมันจากภูมิภาคผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่การเพิ่มขึ้นนี้ถูกจำกัดด้วยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก 🚩ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากรายงานการจ้างงานระดับชาติ ของ ADP แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีข้อมูล การจ้างงานที่จะประกาศในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!!

    ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!!

    หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน
    วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย
    แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น
    ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ
    เครื่องบินส่วนตัว
    รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร
    โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน
    บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่
    แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น……
    คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี
    ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด

    เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง
    แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้
    และให้ข้อคิดว่า……
    “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี
    จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……”
    ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า
    “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น
    และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……”

    ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก
    นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ
    และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ
    เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009

    โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ
    ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า
    จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง
    ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง
    หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า
    จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!!

    ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่
    ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล

    ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline
    ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน
    เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular
    อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน
    และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า
    หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา………
    เขาไม่ทำ…………!!!
    ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร??

    แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้
    เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ
    ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ

    กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม
    ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ
    เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ
    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า ……
    ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง
    บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก

    จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน
    กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…?
    ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า…
    แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!!
    (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…)

    จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ
    นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย
    รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ
    เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย……
    ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด
    และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น
    ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม
    เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน……
    แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้…
    เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ ……
    แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น…
    ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ……
    ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด………
    คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย
    (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น)

    ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!!
    วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย
    ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป
    จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก……
    ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ……
    แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า
    “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……”

    ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่

    แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี
    ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม
    ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff
    ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……”
    ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า
    “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……”
    การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก

    ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง”
    จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม
    สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…)
    จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา……

    เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    งานประธานาธิบดีพี่เค้าก็ทำมาแล้ว……แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พี่ปูเขาทำ………หนักกว่าเป็นสองเท่าค่าาาา ติ่งขาาาาา…!!!! ตอนสิบเก้า………เส้นทางที่หวาดเสียวกับการล่มจม……ผ่านมาได้อย่างสวยงามเพราะยึดหลักว่า……ต้องพึ่งตัวเอง………!!! หลังจากที่ทุกคนเป็นปลื้มกับความอู้ฟู่อยู่ได้ไม่นาน วันที่ 5 กันยายน 2008 เป็นวันที่บริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกา Lehman Brothers ล้มละลายพังครืนลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่ดึงเศรษฐกิจโลกอ่อนยวบไปด้วย แม้แต่รัสเซียก็ไม่พ้น น้ำมันราคาตกต่ำกว่า $100 หุ้นร่วงลงติดพื้น ภายในสองเดือนของวิกฤติ เงินได้ไหลออกจากประเทศเป็นแสนล้าน เหล่ามหาเศรษฐีชิงกันขายรถหรู ขายเรือสำราญ เครื่องบินส่วนตัว รัฐบาลถอนเงินจากกองทุนต่างๆมาอุด แต่แทบไม่ได้ช่วยอะไร โรงงานปิดรายวัน คนงานไม่ได้รับเงินเดือน บารมีของปูตินที่เพิ่งใสสว่างราวดวงตะวัน……หม่นแสงลงอย่างดึงไว้ไม่อยู่ แปดปี……ที่เขาเป็นประธานาธิบดี เวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น…… คนที่รับหน้าในชั้นแรกคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในยามนี้ หมายถึงว่า เขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเองทั้งหมด เดือนตุลาคม……เขาเรียกประชุมสภา พร้อมเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน (ฝ่ายซ้าย) ที่หัวหน้าคือ Gennady Zyuganov ที่รอโอกาสที่จะเชือดเขาให้เป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ หรือ รอโอกาสที่จะขอข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นผลบวกกับพรรคของตัวเอง แต่ครั้งนี้ Gennady กลับมาแปลก……เขาวางข้อขัดแย้งไว้ และให้ข้อคิดว่า…… “เมื่อครั้งที่เกิดเศรษฐกิจล่มสลายในปี 1929 (ตลาดหุ้นอเมริกาพังพินาศ หรือ the Great Depression ล่มต่อเนื่องไปหลายปี จนต่อมาประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ได้ส่งทีมกู้เศรษฐกิจมารัสเซีย เพื่อดูลาดเลา และ มาดูความเป็นไปของเรา เพราะทางรัสเซียไม่มีผลกระทบอะไร……” ปูตินจึงได้สติ……เขาตอบว่า “จริงซิ……เพราะเราไม่เอาเงินของเราไปผูกกับตลาดหุ้นบ้าๆนั่น และ เราไม่ได้ใช้เงิน หรือ ลงทุนตามเขา……” ปูตินและทีมเศรษฐกิจจึงรีบหารือกันในการอุดรอยรั่วเป็นอันดับแรก นั่นคือ การที่เงินไหลออกเพราะเหล่าพ่อค้ามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เอาเงินไปไว้ตามเกาะต่างๆ และ ธนาคารต่างประเทศ และมาฉวยโอกาสโมเมทำเป็นจนตามน้ำในตอนขาลงของสภาพคล่องของประเทศ เพราะโรงงานต่างๆกันปิดตัวระนาว…ในช่วงต้นปี 2009 โดยเฉพาะในเดือนกรกฏาคม ที่เมืองอุตสาหกรรม Pikalevo ที่เป็นโรงงานอะลูมิเนียมส่วนใหญ่ที่มีแรงงานหลายหมื่นคน ที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ที่กำลังจะเกิดการจลาจลอยู่รอมร่อ ปูตินและคณะบุกไปถึงที่……เขาเรียกเหล่าเจ้าของทั้งหมดมาประชุม และเตรียมสัญญามาให้ลงชื่อ……ว่า จะต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานทุกคนภายใน 24 ชั่วโมง ที่เหลือ…ถ้ายังอยากอยู่ในธุรกิจ ต้องเข้ามารับนโยบายจากรัฐถ้าไม่เปิดโรงงาน………รัฐบาลจะเข้ามาบริหารเอง หนึ่งในกลุ่มเจ้าของโรงงานนั้น คือ Oleg Deripaska ที่เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของปูตินมาแต่ไหนแต่ไร ที่ปูตินก็ไม่ไว้หน้า จิกตัวมาให้เซ็นชื่อ….และทวงปากกาคืนจาก Oleg!!! ~~มีวีดีโอบันทึกภาพจากเหตุการณ์จริง แต่ในความเห็นส่วนตัว ดิฉันคิดว่าเป็นการทำโปรประกันดาของปูติน เพื่อลดกระแสกดดันจากภาคประชาชนชาวแรงงานที่ชุมนุมรออยู่ ข้างนอก ลุ้นว่าจะได้รับเงินเดือนหรือเปล่า…ปูตินคงคุยนอกรอบกับพวกเจ้าของนี้แล้ว เมื่อตกลงกันได้ เลยต้องออกข่าวเรียกคืนเครดิตให้รัฐบาล ปูตินที่เหมือนกับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ ประธานาธิบดีในเงา…ใช้เวลาทำงานทั้งหมดเกี่ยวกับสางกิจการเหล่าโรงงานอันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในรัสเซีย อย่างแร่ Nepheline ที่เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ที่โรงงานจะต้องใช้เกิดขาดแคลน เขาสั่งขบวนเที่ยวรถไฟด่วน ลำเลียงมาจาก Kola Peninsular อัดฉีดเงินช่วยเหลือประชาชน และแทนที่เขาจะทำการเปิดตลาดเพื่อที่จะจะดูดเงินจากการค้า หรือทำสัญญาซื้อขายแบบยอมเสียเปรียบเพื่อที่จะได้เงินเข้าประเทศกับกลุ่มยุโรปหรืออเมริกา……… เขาไม่ทำ…………!!! ใครต่อใครต่างพากันประหลาดใจ……เพราะถ้าไม่ทำก็มองไม่เห็นทางรอด พวกเขาไม่เข้าใจว่าปูตินจะพาชาติพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร?? แต่ปูตินเขาเห็นว่า….ที่ประเทศได้รับผลกระทบอย่างแรงเช่นนี้ เพราะอเมริกาได้เดินหมากผิด (หรืออาจตั้งใจ) ทำให้ใครต่อเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนแทบจะสิ้นชาติ ฉะนั้น…เขาเลือกที่จะปิดตลาดการค้าทางฝั่งตะวันตก ค้าขายแต่กับกลุ่มเบลารุส และกลุ่มคาซัคสถาน แบบพอให้การเคลื่อนไหวของกระแสเงินไปในทิศทางที่ปลอดภัย และไม่เสียเปรียบ กลางปี 2009 ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมา หุ้นก็ขึ้นตาม ทุกอย่างกลับขึ้นมาเป็นเกือบปรกติ เมื่อมาถึง 2010 อะไรที่เคยหาย เคยพร่องไป กลับหลั่งไหลเข้ามาเต็มคลังอีกครั้ง ดีเกินหน้ายุโรปและอเมริกาด้วยซ้ำ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น……ได้บอกกับปูตินว่า …… ถ้ามาถึงเรื่องเงิน…ต้องไม่ฝากอนาคตไว้กับใครเลย ต้องถือเอง บริการเอง เอาประโยชน์ของชาติและคนในชาติเป็นหลัก จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรัสเซียนี้ เมื่อการประชุม WTO (World Trade Organization) จึงได้เชิญรัสเซียเข้าร่วมประชุมด้วย ปูตินตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า เขาจะไปเป็นคณะ ไม่ใช่ไปคนเดียว คณะที่ว่านั้น คือ ตัวแทนจากเบลารุส และ คาซัคสถาน กรรมาธิการหลายคนไม่เข้าใจ…ว่า ทำไม…? ในเมื่อรัสเซียจะต้องทำการซื้อขายกับทางตะวันตกมากกว่า… แต่ปูตินยืนยันว่า….จะต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น…!! (เพราะเมื่อตกอับก็ยังอยู่เคียงข้างกัน พอได้โอกาสค้าขาย ก็ต้องไปด้วยกัน…) จากนั้น ปูตินจึงหันมาทำงานในเรื่องการก่อสร้างที่ Sochi อย่างเต็มตัว เพราะเขาทุ่มเงินกว่าสามพันล้านหรียญ ที่จะสร้างให้ออกมาสวยงามสมใจ นอกจากพื้นที่แข่งสกีแล้ว เขาได้สร้างอีกหลายอาคารสำหรับเป็นที่แข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัย และหมู่บ้านนักกีฬาที่ทันสมัย รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงเส้นทางรถไฟ Baikal-Amur Mainline ที่พาดยาว จาก Moscow ถึง ฝั่งตะวันออก Vladivostok ให้ทันสมัยและเป็นสายท่องเที่ยวที่จะดึงดูดความสนใจ เขาทุ่มเทกับเรื่องโอลิมปิกนี้มาก เพราะการก่อสร้างได้ชะงักงันไปในช่วงฝืดเคือง พอกลับมาจับทำต่อ……ก็ต้องงบประมาณการก่อสร้างบานปลาย…… ที่ปูตินเรียกทุกฝ่ายมารายงานการใช้เงินกันอย่างละเอียด และทุกฝ่ายที่ว่ามานั้น……ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักคนสนิทแทบทั้งสิ้น ในช่วงนี้คือช่วงที่มีการแฉโพยในเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลอย่างหนาหูจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นการสร้างเมกะโปรเจ็คหลายๆงานพร้อมกัน…… แต่ปูติน…ยังคงทำเฉยกับข่าวเหล่านี้… เพราะในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ที่เกิดไฟป่าขึ้นที่ชายขอบมอสโคว์ ที่เริ่มรุนแรงขึ้น ประชาชนเดือดร้อนจนถึงขนาดตำหนิรัฐบาลออกสื่ออย่างไม่เกรงใจ ในเรื่องการล่าช้าของการดำเนินการดับไฟ และ เรื่องคอรัปชั่นที่กำลังเป็นข่าว เนื่องจากรัฐบาลเมดเวเดฟ กำลังสร้างศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่ทันสมัยใหญ่อลังการ …… แต่ประชาชนถามถึง……รถดับเพลิง ที่ควรจะมีมากกว่าศูนย์บ้าบออะไรนั่น… ปธน. เมดเวเดฟ ยังอยู่ในช่วงพักร้อนที่ทะเลดำ…… ปูตินเป็นพระเอกอีกแล้ว เขาเตรียมตัวพร้อม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับนักบินที่บินออกไปเป็นฝูงตั๊กแตน บัญชาการดับไฟ โปรยน้ำและสารเคมีติดต่อกันสองวัน……คุมไฟป่าได้อย่างหมดจด……… คราวนี้……เสียงคะแนนนิยมจากหมู่สาวๆมาแบบถล่มทะลาย (เพราะอินเตอร์เน็ต) ทุกคนมองเห็นปูตินวัย 58 เป็นไอดอลที่สุดเซ็กซี่……กลายเป็นชายในฝัน (ซะงั้น) ชายในฝันที่ว่านี้…ก็ไม่ใช่เบา……!!! วันหนึ่งในการประชุมที่ กรุงเคียฟ เกี่ยวกับเรื่องการรวมทุนของสายการบินยูเครนเข้ากับ United Aviation Co. ของรัสเซีย ทุกคนสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของปูตินที่ออกในทีวี แน่นไปด้วยเมคอัพ แต่น่าจะเป็นการให้แสง……เลยดูเปลี่ยนไป จนนักข่าวแอบมาเม้าท์กันว่า มีรอยช้ำที่ขอบตา……ผมหนาขึ้น…ตีนกาหายไป……หน้าผากตึงขึ้น……หางตาไม่ตก…… ว้าววววว………นี่ไปศัลย์มาชัดๆ…… แต่ทุกคนก็ยังชื่นชม เพราะ เขาบอกว่า “ใครๆก็อยากได้ผู้นำที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้นแหละ……” ส่วนประธานาธิบดี เมดเวเดฟ……ที่มีนโยบาย Forward Russia…!! นั้น ก็ทำงานส่วนใหญ่กับการประสานกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา เพราะค่อนข้างจะคุยกันรู้เรื่องในเรื่องของนิวเคลียร์เพื่อสันติ…รวมทั้งโปรเจ็คในการค้าขายที่ไม่ค่อยเป็นข่าว นอกจากอ่านแถลงการณ์โน่นนี่ แต่การเล่นละครก็”ต้องมี”ให้ชาวโลกเห็นว่า ประธานาธิบดีรัสเซียก็มี”ปาก”เหมือนกัน…คือ ในวันตัดสินคดีของอภิมหาเศรษฐีรูปงาม Mikhail Khodorkovsky (หรือที่เคยเรียกย่อว่า MK) ที่ถูกจำคุกเกือบปี ก่อนวันขึ้นศาล ปูตินได้โทรศัพท์ออกทีวี ในวันที่ 16 ธันวาคม ให้ความเห็นในเรื่องนี้อย่างดุเดือดว่า ……เป็นโจรก็ต้องติดคุก ยิ่งเป็นมหาโจรที่ปล้นทรัพยากรไปจากแผ่นดิน……มันก็ต้องรับโทษให้สาสม เหมือนอย่างนักลงทุนอเมริกัน Bernard Madoff ที่ศาลในอเมริกาได้ตัดสินให้จำคุก 150 ปี……” ปูตินกล่าวต่อไปด้วยอารมณ์โกรธที่ระงับไม่อยู่……ว่า “ไอ้หมอนี่ เป็นคนสั่งการในการสังหารนายกเทศมนตรีเมือง Nefteyugansk (ที่ควบคุมเขตโรงกลั่นน้ำมันของ Yukos ของ MK) และ ผู้หญิงคนหนึ่งในมอสโคว์ที่ไม่ยอมเซ็นโฉนดที่ดินให้……มันกำจัดคนที่ขวางทางทุกคนด้วยวิธีที่ทารุณสุดโหด……” การกร้าวของปูตินในฐานะนายกรัฐมนตรีคราวนี้ มันออกจะ”ล้ำ” ไป เพราะแพร่ออกไปทุกมุมโลก ต่อมา…เมดเวเดฟ ต้องรีบแก้สถานะการณ์โดยการแสดงเป็นฝ่ายตรงข้ามกับปูติน……เขาไม่เห็นด้วยกับการที่ “ใครคนหนึ่ง” จะเที่ยวไปพิพากษาความผิดของใครได้ นอกเหนือไปจากศาลสถิตยุติธรรม สรุปว่า MK ได้ถูกตัดสินจำคุก 13 ปี (แต่ติดจริงๆแค่ไม่กี่ปี เพราะต้องยอมซื้ออิสรภาพเพื่อที่จะได้ออกไปนอกประเทศด้วยทรัพย์สินที่มีแทบทั้งหมดในรัสเซีย…) จึงจัดได้ว่า…MK ที่มีที่อยู่ทั่วไปในยุโรปและอเมริกา…… เขาคือ ศัตรูนอกประเทศที่ชัดเจนของปูตินในทุกวันนี้……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวเลี้ยวแห่งความเป็นใหญ่……หัวต่อแห่งความโหดร้าย………
    ติ่งขา……พี่ปูแบกไว้ทั้งหมด……!!

    ตอนสิบสี่………ปีแห่งประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกและจดจำ…….!!!

    หลังจากที่ปูตินได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย
    วันที่ 1 กันยายน 2004 ได้เดินทางไปที่ Sochi อีกครั้งเพื่อหวังว่าจะได้พักร่าง พักสมอง เพราะที่ผ่านมาต้องพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆจนไม่มีเวลาพักผ่อน เช่น กับ Jacques Chirac (ฝรั่งเศส) Gerhard Schröder (เยอรมัน)
    ผู้คนส่วนใหญ่จะพักร้อนกันในเดือนสิงหาคม……แต่ปูตินไม่ได้พักเลยเพราะกลุ่มกบฏในเชเชนได้ก่อตัวขึ้นในการปฎิบัติการก่อการร้ายที่หนักข้อขึ้นทุกวัน โดยมีตัวการเป็นหญิงสาวสี่คน คือ Rosa Nagayeva และน้องสาว Amanat….โดยมีเพื่อนสาว Satsita Dzhbirkhanova และ Maryam Taburova ที่ร่วมมือกันวางระเบิดก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่

    ในวันที่ปิดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น ได้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาจเปรียบเสมือนลางร้ายของผู้นำคนใหม่ นั่นคือ ไฟไหม้ที่ อาคาร Manezh ที่ตั้งอยู่ใน Alexsandr Gardens ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตรงข้ามกับเครมลิน ไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนทะลายลงมาทั้งหลัง
    ปูตินได้ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ที่ขั้นบนของสภา การกล่าวคำปราศรัยต้องเลื่อนออกไป เพราะไม่เช่นนั้นฉากหลังของการปราศรัยจะเป็นฉากที่เพลิงลุกไหม้ที่พร่าชีวิตของนักดับเพลิงไปสองนาย……

    เพื่อแสดงสปิริตของความเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เขาจึงลดกระแสด้วยการปล่อยตัว MK ให้มาสู้คดีหลังจากที่อยู่ในที่คุมขังประมาณห้าเดือน
    และ……นั่นคือการเปิดศึกระหว่าง ผู้ที่มีอำนาจกับผู้ที่มีเงิน (จนถึงทุกวันนี้)

    เป็นช่วงเดียวกันกับที่ปูตินกำลังก้าวขึ้นมาในเส้นทางของนักการเมืองเต็มตัว โดยที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยประกบเหมือนเมื่อก่อน (เยลซิน)
    และนับว่าเป็นปีทดสอบความเป็นผู้นำที่แสนโหด และแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตัวและชาติรอดมาได้อย่างไร..…?!!
    เริ่มจาก กระแสความเคลื่อนไหวในการจับกุม MK อภิมหาเศรษฐีคนดัง
    ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีของเขาเอง Mikhaïl Kesyanov ก็ยังแสดงความไม่พอใจ ถึงกับไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ว่า MK ไม่ได้โกงภาษี…เพียงแต่ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น……

    อย่างไรก็ตาม……ไม่ได้มีใครสนใจกับข้อโต้แย้งของเขานัก เพราะทั้งรัสเซียกำลังตื่นเต้นกับ ราคาน้ำมันส่งออกทะยานขึ้นเกินสิบเท่าของที่เคยได้ จาก หกพันล้าน พุ่งขึ้นมาเป็น แปดหมื่นล้านเหรียญ
    และรัสเซียได้กลายมาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าซาอุดิ อะเรเบีย
    และสินค้าอื่นๆเริ่มมีใบสั่งเข้ามายาวเป็นหางว่าว……
    แต่ปูตินไม่ได้ปล่อยให้ความคิดเห็นคัดค้านของนายกฯผ่านไป
    วันที่ 23 กุมภาพันธุ์ หลังจากการประชุมบอร์ดผ่านไป ปูตินให้ นายกฯ
    คาเซียนอฟ เข้ามาพบ และพูดสั้นๆว่า……
    “ต่อไปนี้……คุณหมดหน้าที่แล้วนะ” เป็นการไล่ออกแบบง่ายๆที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง……
    และ……ไม่มีการประกาศว่า ใครจะมาแทน…ผู้คนก็เดากันไปต่างๆนานา
    ว่าอาจจะเป็นคนนั้นคนนี้ จนอาทิตย์หนึ่งผ่านไป ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่ง คือ
    Mikhaïl Fradkov ที่แสน”โนเนม”จากปีเตอร์สเบอร์ก

    แต่ไม่โนเนมสำหรับปูติน เพราะ MF (Mikhaïl Fradkov) คนนี้เคยเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในสมัยเยลซิน เป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายภาษา เป็นคนตรง…สมถะ และ ไม่สนใจในการเมือง
    ในขณะที่ปูตินติดต่อไปให้มารับตำแหน่ง ตอนนั้น MF อยู่ที่ Brussels กำลังทำหน้าที่เป็นทูตพานิชย์รัสเซียประจำ EU
    เมื่อเขาบินมาถึงมอสโคว์ในวันต่อมา เพื่อเข้ารับตำแหน่ง นัดข่าวได้ถามถึงนโยบายในการทำงาน เขาตอบสั้นๆว่า
    “ก็ทำตามนโยบายของท่านประธานาธิบดี……”

    วันที่ 1 กันยายน เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกลับเข้าโรงเรียน ที่มีธรรมเนียมที่น่ารัก คือเด็กๆแต่งตัวกันสวยงาม เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆไปสวัสดีคุณครู
    ผู้ปกครองพากันตื่นเต้น จูงลูก พาหลานไปพบปะสังสรรกันที่หอประชุมโรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรก
    ที่เมือง Beslan, North-Ossetia (คอเคซัส) ก็เช่นกัน เหตุการณ์ที่ควรจะเป็นภาพสวยงามนี้ ได้กลายมาเป็นโศกนาฏกรรม

    ผู้คนประมาณหลายร้อยคนได้ชุมนุมกันที่ลานหน้าโรงเรียน ทันใดนั้น ได้มีรถบรรทุกวิ่งผ่าเข้ามา……ผ่าใบคลุมหลังรถได้เปิดออก กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ตะโกนเรียกพระนาม แล้วกระโดดลงมาพร้อมอาวุธ
    ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน กลุ่มกบฎได้ต้อนทุกคนเข้าไปอยู่ในโรงยิม ……
    กลุ่มกบฏ……มีผู้หญิงสองคนรวมอยู่ด้วย นั่นคือ Maryam Taburova และ Rosa Negayeva

    เป็นการกระทำที่อุกอาจที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาที่ผ่านมา……ที่เป็นวันฉลองชัยชนะของรัสเซีย ประธานาธิบดีเชเชน Akhmad Kadyrov ที่เพิ่งรับตำแหน่งสดๆร้อนๆได้ไปเป็นประธานในพิธี ได้ถูกลอบวางระเบิดที่กลางงานจนเสียชีวิต เหลือไว้คือลูกชายวัย 27 Ramzan ที่มีเลือดพ่อเต็มร้อย พร้อมลงสานต่อ แต่อายุยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นผู้นำ
    จึงต้องคอยไปก่อน ปูตินแต่งตั้งให้ Aslan Maskhadov ขึ้นมาแทนไปก่อน
    แต่กลุ่มกบฏ……ก็ได้ให้คำเตือนมาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า……Ramzan จะเป็นรายต่อไป…เมื่อมีโอกาส…!!

    คราวนี้ที่ Beslan ที่ฝ่ายกบฏได้ยื่นความประสงค์กับปูตินว่า
    กองทัพรัสเซียจะต้องออกไปจากพื้นที่ และประกาศให้เชเชนเป็นเอกราช ซึ่งเชเชนจะร่วมเป็นพันธมิตรและยังคงใช้รูเบิ้ลเป็นสกุลเงินตรา
    เชเชนจะร่วมมือกับรัสเซียในการพัฒนากองกำลังและฟื้นฟูประเทศ (ที่เป็นเอกราช)

    ในนามของพระเจ้า
    ลงชื่อ Shamil Basayev

    ซึ่ง ชามิลตัวหัวหน้า……มาแต่เพียงในนาม ไม่ได้อยู่รวมในกลุ่ม และข้อเสนอนั้น ……เป็นไปไม่ได้ที่ทางรัสเซียจะยอมรับ

    การกักตัวผู้คนจำนวนหลายร้อยในที่ที่จำกัด ได้สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเด็กๆอย่างแสนสาหัส เพราะไม่มีอาการ ไม่มีน้ำ
    ผู้ที่ขัดขืนได้ถูกยิงทิ้ง แล้วนำศพโยนออกมาทางหน้าต่าง……จำนวนหลายศพ

    ในที่สุด วันที่สองของการควบคุมตัว ได้มีการเจรจาขอให้ปล่อยเด็กเล็กกว่าสามสิบคนออกมาได้

    วันที่สาม……ฝ่ายเจรจาขอให้มีการนำรถพยาบาลเข้าไปรับศพที่เริ่มบวมออกมาจากสถานที่
    ในเวลาตีหนึ่ง ที่หน่วยพยาบาลสี่คนได้เข้าไปพร้อมรถตามกำหนดการ
    เมื่อไปถึง……เพียงสองนาทีผ่านไป…..ได้เกิดระเบิดขึ้น ที่ทำให้ผนังของโรงยิมได้เปิดออก หลังคาเปิง
    คราวนี้……ฝ่ายกบฏได้เปิดฉากยิงมั่วซั่ว ขว้างระเบิดมือท่ามกลางฝุ่นที่ตลบคลุ้ง
    เป็นการโกลาหลจนสุดบรรยาย เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นเชลยไม่อยู่ในสภาพที่จะหลบหนีได้ พวกเขาอ่อนเปลี้ยจนเกินไป

    เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ทั้งหมดในนั้นเสียชีวิต จำนวนเชลย 334 คน (เด็กโต 186 คน) คอมมานโด 10 คน ผู้ก่อการ 30 คน (ผู้หญิง 2)
    อันเป็นข่าวที่น่าสลดใจไปยังรอบโลก ที่มีการค้นหาความจริง ว่า
    ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น มาจากระเบิดที่ทางฝ่ายคณะผู้ก่อการได้วางสายเอาไว้แล้วเกิดการผิดพลาด…จนเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหมู่
    ปูติน..พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้มีการสูญเสีย เพราะประสบการณ์จากโรงละครที่ทำให้เขาไม่ยอมใช้วิธีการยาสลบพ่นเข้าไป
    เขาหวังในการเจรจา……ที่ควรจะมีการต่อรองกับ Shamil โดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง
    แต่นั่นหมายถึงว่า แม้ว่าเขาจะเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียครั้งใหญ่เขายังต้องตอบคำถามที่หลั่งไหลเข้ามาจากนักข่าว
    โดยเฉพาะฝ่ายศัตรูที่คอยเล่นงานทิ่มแทง

    วันที่ 13 กันยายน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญโลกที่ Beslan
    พวกที่นั่งในสภา 150 ที่นั่งที่ได้รับเลือกตั้งมา (จากต่างพรรค)
    ที่ปูตินเรียกสัมภาษณ์รายคน ถึง จุดมุ่งหมายในความคิดและนโยบายที่มีต่อประเทศ แต่ละรายเพ้อเจ้อในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตยที่เอนเอียงไปในทางที่จะให้เอกราชกับเชเชน…

    ปูตินจีงประกาศสั่งระงับการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือ นายกเทศมนตรี ทุกอย่างขะงักกึก………
    เท่ากับว่า มอสโคว์คือศูนย์กลางของการปกครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เปรียบได้ว่าการปกครองได้กลับเข้าไปสู่ยุคของคอมมิวนิสต์
    เพราะเขาได้ประกาศว่า……
    “ประชากรชาวรัสเชี่ยนของเรา ยังมีความคิดล้าหลัง ยังไม่ปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยที่มาถึงพร้อมกับความชั่วร้าย ……เราต้องใช้เวลากับการทำความรู้จักกับมัน……เพราะสิ่งที่จะใช้ได้ผลที่สุดในยามนี้
    คือการยืนค่อนไปทางซ้าย..(ระบอบคอมมิวนิสต์)”

    พรรคฝ่ายซ้ายขานรับกันจ้าละหวั่น และ เสนอตัวกันอย่างแข็งขันในการร่วมมือ …

    ~~~หลังจากการก่อการร้ายของ Shamil Basayev ที่ได้สร้างความเขย่าขวัญนานหลายปี ตั้งแต่วางแผนจับตัวประกันที่โรงละคร และ ที่โรงเรียน
    รวมทั้งที่อื่นๆทั่วรัสเซียนานกว่าสิบปี
    ฝ่าย FSB ได้ถือว่า ชามิล คือ อาชญากรที่ทางแารรัสเซียต้องการตัวที่สุด
    ในที่สุด การ”ล่อซื้อ” ได้เกิดขึ้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2006 นั่นคือ การค้าขายอาวุธให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่เป็นล๊อตขนาดใหญ่ ที่มีจุดรับของที่หมู่บ้าน Ekazhevo
    ชามิล และคณะมารอรับ และเมื่อรถบรรทุกอาวุธที่ว่ามาถึง ระหว่างที่มีการตรวจคุณภาพของกัน รถบรรทุกได้เกิดระเบิดขึ้น คร่าชีวิตของชามิลและคณะนับสิบคน…ตามวัตถุประสงค์ของ FSB ……!!!

    Wiwanda W. Vichit
    หัวเลี้ยวแห่งความเป็นใหญ่……หัวต่อแห่งความโหดร้าย……… ติ่งขา……พี่ปูแบกไว้ทั้งหมด……!! ตอนสิบสี่………ปีแห่งประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกและจดจำ…….!!! หลังจากที่ปูตินได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย วันที่ 1 กันยายน 2004 ได้เดินทางไปที่ Sochi อีกครั้งเพื่อหวังว่าจะได้พักร่าง พักสมอง เพราะที่ผ่านมาต้องพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆจนไม่มีเวลาพักผ่อน เช่น กับ Jacques Chirac (ฝรั่งเศส) Gerhard Schröder (เยอรมัน) ผู้คนส่วนใหญ่จะพักร้อนกันในเดือนสิงหาคม……แต่ปูตินไม่ได้พักเลยเพราะกลุ่มกบฏในเชเชนได้ก่อตัวขึ้นในการปฎิบัติการก่อการร้ายที่หนักข้อขึ้นทุกวัน โดยมีตัวการเป็นหญิงสาวสี่คน คือ Rosa Nagayeva และน้องสาว Amanat….โดยมีเพื่อนสาว Satsita Dzhbirkhanova และ Maryam Taburova ที่ร่วมมือกันวางระเบิดก่อความไม่สงบในหลายพื้นที่ ในวันที่ปิดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น ได้มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาจเปรียบเสมือนลางร้ายของผู้นำคนใหม่ นั่นคือ ไฟไหม้ที่ อาคาร Manezh ที่ตั้งอยู่ใน Alexsandr Gardens ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ตรงข้ามกับเครมลิน ไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนทะลายลงมาทั้งหลัง ปูตินได้ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ที่ขั้นบนของสภา การกล่าวคำปราศรัยต้องเลื่อนออกไป เพราะไม่เช่นนั้นฉากหลังของการปราศรัยจะเป็นฉากที่เพลิงลุกไหม้ที่พร่าชีวิตของนักดับเพลิงไปสองนาย…… เพื่อแสดงสปิริตของความเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เขาจึงลดกระแสด้วยการปล่อยตัว MK ให้มาสู้คดีหลังจากที่อยู่ในที่คุมขังประมาณห้าเดือน และ……นั่นคือการเปิดศึกระหว่าง ผู้ที่มีอำนาจกับผู้ที่มีเงิน (จนถึงทุกวันนี้) เป็นช่วงเดียวกันกับที่ปูตินกำลังก้าวขึ้นมาในเส้นทางของนักการเมืองเต็มตัว โดยที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยประกบเหมือนเมื่อก่อน (เยลซิน) และนับว่าเป็นปีทดสอบความเป็นผู้นำที่แสนโหด และแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตัวและชาติรอดมาได้อย่างไร..…?!! เริ่มจาก กระแสความเคลื่อนไหวในการจับกุม MK อภิมหาเศรษฐีคนดัง ที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีของเขาเอง Mikhaïl Kesyanov ก็ยังแสดงความไม่พอใจ ถึงกับไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ว่า MK ไม่ได้โกงภาษี…เพียงแต่ใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น…… อย่างไรก็ตาม……ไม่ได้มีใครสนใจกับข้อโต้แย้งของเขานัก เพราะทั้งรัสเซียกำลังตื่นเต้นกับ ราคาน้ำมันส่งออกทะยานขึ้นเกินสิบเท่าของที่เคยได้ จาก หกพันล้าน พุ่งขึ้นมาเป็น แปดหมื่นล้านเหรียญ และรัสเซียได้กลายมาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าซาอุดิ อะเรเบีย และสินค้าอื่นๆเริ่มมีใบสั่งเข้ามายาวเป็นหางว่าว…… แต่ปูตินไม่ได้ปล่อยให้ความคิดเห็นคัดค้านของนายกฯผ่านไป วันที่ 23 กุมภาพันธุ์ หลังจากการประชุมบอร์ดผ่านไป ปูตินให้ นายกฯ คาเซียนอฟ เข้ามาพบ และพูดสั้นๆว่า…… “ต่อไปนี้……คุณหมดหน้าที่แล้วนะ” เป็นการไล่ออกแบบง่ายๆที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง…… และ……ไม่มีการประกาศว่า ใครจะมาแทน…ผู้คนก็เดากันไปต่างๆนานา ว่าอาจจะเป็นคนนั้นคนนี้ จนอาทิตย์หนึ่งผ่านไป ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่ง คือ Mikhaïl Fradkov ที่แสน”โนเนม”จากปีเตอร์สเบอร์ก แต่ไม่โนเนมสำหรับปูติน เพราะ MF (Mikhaïl Fradkov) คนนี้เคยเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในสมัยเยลซิน เป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายภาษา เป็นคนตรง…สมถะ และ ไม่สนใจในการเมือง ในขณะที่ปูตินติดต่อไปให้มารับตำแหน่ง ตอนนั้น MF อยู่ที่ Brussels กำลังทำหน้าที่เป็นทูตพานิชย์รัสเซียประจำ EU เมื่อเขาบินมาถึงมอสโคว์ในวันต่อมา เพื่อเข้ารับตำแหน่ง นัดข่าวได้ถามถึงนโยบายในการทำงาน เขาตอบสั้นๆว่า “ก็ทำตามนโยบายของท่านประธานาธิบดี……” วันที่ 1 กันยายน เป็นช่วงเวลาที่เด็กๆกลับเข้าโรงเรียน ที่มีธรรมเนียมที่น่ารัก คือเด็กๆแต่งตัวกันสวยงาม เตรียมของขวัญเล็กๆน้อยๆไปสวัสดีคุณครู ผู้ปกครองพากันตื่นเต้น จูงลูก พาหลานไปพบปะสังสรรกันที่หอประชุมโรงเรียนในวันเปิดเทอมวันแรก ที่เมือง Beslan, North-Ossetia (คอเคซัส) ก็เช่นกัน เหตุการณ์ที่ควรจะเป็นภาพสวยงามนี้ ได้กลายมาเป็นโศกนาฏกรรม ผู้คนประมาณหลายร้อยคนได้ชุมนุมกันที่ลานหน้าโรงเรียน ทันใดนั้น ได้มีรถบรรทุกวิ่งผ่าเข้ามา……ผ่าใบคลุมหลังรถได้เปิดออก กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ตะโกนเรียกพระนาม แล้วกระโดดลงมาพร้อมอาวุธ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน กลุ่มกบฎได้ต้อนทุกคนเข้าไปอยู่ในโรงยิม …… กลุ่มกบฏ……มีผู้หญิงสองคนรวมอยู่ด้วย นั่นคือ Maryam Taburova และ Rosa Negayeva เป็นการกระทำที่อุกอาจที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาที่ผ่านมา……ที่เป็นวันฉลองชัยชนะของรัสเซีย ประธานาธิบดีเชเชน Akhmad Kadyrov ที่เพิ่งรับตำแหน่งสดๆร้อนๆได้ไปเป็นประธานในพิธี ได้ถูกลอบวางระเบิดที่กลางงานจนเสียชีวิต เหลือไว้คือลูกชายวัย 27 Ramzan ที่มีเลือดพ่อเต็มร้อย พร้อมลงสานต่อ แต่อายุยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นผู้นำ จึงต้องคอยไปก่อน ปูตินแต่งตั้งให้ Aslan Maskhadov ขึ้นมาแทนไปก่อน แต่กลุ่มกบฏ……ก็ได้ให้คำเตือนมาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า……Ramzan จะเป็นรายต่อไป…เมื่อมีโอกาส…!! คราวนี้ที่ Beslan ที่ฝ่ายกบฏได้ยื่นความประสงค์กับปูตินว่า กองทัพรัสเซียจะต้องออกไปจากพื้นที่ และประกาศให้เชเชนเป็นเอกราช ซึ่งเชเชนจะร่วมเป็นพันธมิตรและยังคงใช้รูเบิ้ลเป็นสกุลเงินตรา เชเชนจะร่วมมือกับรัสเซียในการพัฒนากองกำลังและฟื้นฟูประเทศ (ที่เป็นเอกราช) ในนามของพระเจ้า ลงชื่อ Shamil Basayev ซึ่ง ชามิลตัวหัวหน้า……มาแต่เพียงในนาม ไม่ได้อยู่รวมในกลุ่ม และข้อเสนอนั้น ……เป็นไปไม่ได้ที่ทางรัสเซียจะยอมรับ การกักตัวผู้คนจำนวนหลายร้อยในที่ที่จำกัด ได้สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเด็กๆอย่างแสนสาหัส เพราะไม่มีอาการ ไม่มีน้ำ ผู้ที่ขัดขืนได้ถูกยิงทิ้ง แล้วนำศพโยนออกมาทางหน้าต่าง……จำนวนหลายศพ ในที่สุด วันที่สองของการควบคุมตัว ได้มีการเจรจาขอให้ปล่อยเด็กเล็กกว่าสามสิบคนออกมาได้ วันที่สาม……ฝ่ายเจรจาขอให้มีการนำรถพยาบาลเข้าไปรับศพที่เริ่มบวมออกมาจากสถานที่ ในเวลาตีหนึ่ง ที่หน่วยพยาบาลสี่คนได้เข้าไปพร้อมรถตามกำหนดการ เมื่อไปถึง……เพียงสองนาทีผ่านไป…..ได้เกิดระเบิดขึ้น ที่ทำให้ผนังของโรงยิมได้เปิดออก หลังคาเปิง คราวนี้……ฝ่ายกบฏได้เปิดฉากยิงมั่วซั่ว ขว้างระเบิดมือท่ามกลางฝุ่นที่ตลบคลุ้ง เป็นการโกลาหลจนสุดบรรยาย เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นเชลยไม่อยู่ในสภาพที่จะหลบหนีได้ พวกเขาอ่อนเปลี้ยจนเกินไป เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป ทั้งหมดในนั้นเสียชีวิต จำนวนเชลย 334 คน (เด็กโต 186 คน) คอมมานโด 10 คน ผู้ก่อการ 30 คน (ผู้หญิง 2) อันเป็นข่าวที่น่าสลดใจไปยังรอบโลก ที่มีการค้นหาความจริง ว่า ระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น มาจากระเบิดที่ทางฝ่ายคณะผู้ก่อการได้วางสายเอาไว้แล้วเกิดการผิดพลาด…จนเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหมู่ ปูติน..พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้มีการสูญเสีย เพราะประสบการณ์จากโรงละครที่ทำให้เขาไม่ยอมใช้วิธีการยาสลบพ่นเข้าไป เขาหวังในการเจรจา……ที่ควรจะมีการต่อรองกับ Shamil โดยตรง ไม่ผ่านตัวกลาง แต่นั่นหมายถึงว่า แม้ว่าเขาจะเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียครั้งใหญ่เขายังต้องตอบคำถามที่หลั่งไหลเข้ามาจากนักข่าว โดยเฉพาะฝ่ายศัตรูที่คอยเล่นงานทิ่มแทง วันที่ 13 กันยายน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญโลกที่ Beslan พวกที่นั่งในสภา 150 ที่นั่งที่ได้รับเลือกตั้งมา (จากต่างพรรค) ที่ปูตินเรียกสัมภาษณ์รายคน ถึง จุดมุ่งหมายในความคิดและนโยบายที่มีต่อประเทศ แต่ละรายเพ้อเจ้อในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตยที่เอนเอียงไปในทางที่จะให้เอกราชกับเชเชน… ปูตินจีงประกาศสั่งระงับการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือ นายกเทศมนตรี ทุกอย่างขะงักกึก……… เท่ากับว่า มอสโคว์คือศูนย์กลางของการปกครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เปรียบได้ว่าการปกครองได้กลับเข้าไปสู่ยุคของคอมมิวนิสต์ เพราะเขาได้ประกาศว่า…… “ประชากรชาวรัสเชี่ยนของเรา ยังมีความคิดล้าหลัง ยังไม่ปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยที่มาถึงพร้อมกับความชั่วร้าย ……เราต้องใช้เวลากับการทำความรู้จักกับมัน……เพราะสิ่งที่จะใช้ได้ผลที่สุดในยามนี้ คือการยืนค่อนไปทางซ้าย..(ระบอบคอมมิวนิสต์)” พรรคฝ่ายซ้ายขานรับกันจ้าละหวั่น และ เสนอตัวกันอย่างแข็งขันในการร่วมมือ … ~~~หลังจากการก่อการร้ายของ Shamil Basayev ที่ได้สร้างความเขย่าขวัญนานหลายปี ตั้งแต่วางแผนจับตัวประกันที่โรงละคร และ ที่โรงเรียน รวมทั้งที่อื่นๆทั่วรัสเซียนานกว่าสิบปี ฝ่าย FSB ได้ถือว่า ชามิล คือ อาชญากรที่ทางแารรัสเซียต้องการตัวที่สุด ในที่สุด การ”ล่อซื้อ” ได้เกิดขึ้น ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2006 นั่นคือ การค้าขายอาวุธให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่เป็นล๊อตขนาดใหญ่ ที่มีจุดรับของที่หมู่บ้าน Ekazhevo ชามิล และคณะมารอรับ และเมื่อรถบรรทุกอาวุธที่ว่ามาถึง ระหว่างที่มีการตรวจคุณภาพของกัน รถบรรทุกได้เกิดระเบิดขึ้น คร่าชีวิตของชามิลและคณะนับสิบคน…ตามวัตถุประสงค์ของ FSB ……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ

    ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/

    ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก

    ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ

    สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ

    1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก
    สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

    2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน

    ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ

    1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น

    2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า
    การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น

    3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น
    การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย

    4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง
    การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก

    5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์
    ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด

    ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้

    1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
    เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ

    2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก
    การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

    การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น

    IMCT News

    ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/ ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ 2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ 1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น 2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น 3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย 4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก 5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์ ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้ 1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ 2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น IMCT News ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    BHATTANDJOSHIASSOCIATES.COM
    Saudi Arabia’s Petrodollar Exit: Enhancing Diplomatic and Economic Leverage - Bhatt & Joshi Associates
    Explore the impact of Saudi Arabia’s petrodollar exit on global diplomacy, trade dynamics, and economic stability.
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1804 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.7 ตอน "WORLD BALANCE REAL?" ตราชั่งมาแย้ว! กฎหมาหลบไป กฎหมายสนั่นโลก! JOHN KIM เซงเป็ด สัส! อาวุธกูมีเยอะเกิน ใช้ 10 ปี ยังไม่หมด ขนาดผลิตส่งทั่วโลก ยังเหลือบาน ยิงไฮเปอร์โซนิคโชว์เล่นซะงั้น อีโสมขาว อียุ่นปี่ ไบ้แดร๊ก มีเยอะแบ่งให้กูบ้างก็ได้? ปักกิ่งสั่งโชว์ เตรียมต้อนรับเหี้ยอาละวาด เรือรบมรึงน่ะ หายไปไหนหมด เอามาดิ กูกำลังหาเป้าซ้อมมือเล่นอยู่? ละครปาหี่ทำเนียบขาว อีทรัมปป์แรงเกินชิมิ? จับดีเบต เพื่อลดกระแส หายโง่ เพิ่งตาสว่าง อีกมลาแค่เล่นตามสคริปต์ ฉากนี้ ฮอลีวู๊ดจัดให้ หลอกไอ้ควายหน้าโง่มะกันทั้งแผ่นดิน โพลเหรอ? คะแนนนิยมเหรอ FAKE ทั้งนั้น แค่แผนเตรียมแตกอเมริกา จบน่ะ? ปูตินสั่งลุยจริง เคียฟแตก เรือรบเหี้ยมะกันหายวับ 8 ลำ ที่เหลือเผ่นหางจุกตูด กระจอกซะไม่มี ควายอับอายแทน! ของจริงไม่พูดเยอะ ไอ้ที่มรึงเข้ามาได้เนี่ย เค้าเปิดทางล่อให้มรึงเข้ามาตาย ไอ้ควาย! มรึงยิงใส่มอสโคว์ได้แค่ปาหี่ ผิวเผิน เพราะเค้าต้องการให้มรึงติดหล่มยาวไป เหี้ย C มีเหรอไม่รู้ แต่เพื่อรักษาหน้า ถึงแพ้ยับ ก็ต้องบุกต่อ เพราะดอลล่าร์ค้ำคอ หยุดสู้คือดอลล่าร์ตายทันที เกมส์มันมีแค่นี้แหละ ไม่ต้องคิดเยอะ? กลุ่ม BRICS ปักหลักสู้ กลัวที่ไหน? เหี้ยขี้ขลาด ตาขาว ไม่กล้าเข้าใกล้รัศมีขีปนาวุธ เรือบรรทุกเครื่องบินจากอดีตแม่ทัพแนวหน้าเหี้ย ตอนนี้ กลายเป็นขนมกรุบของขั้วใหม่ ยิงทิ้งกันเมามันส์ เป้าใหญ่ขนาดนี้ หลับตายิงยังโดน จะรอดยังไง? เมื่อเรือธงเข้าอู๋ซ่อมซะเยอะ มรึงยังจะเหลือเรือธงไหนมาสู้ได้อีก จะล่อขีปนาวุธแข่งกับเค้า มีเหลือกี่ลูก ลูกนึงราคาเท่าไหร่ ขั้วใหม่มีเป็น 1000000 ลูก ยิง 100 ลูก เท่ากับของมรึงลูกเดียว นี่คือความแตกต่าง สงครามคือใช้เงิน มรึงยิงได้เท่าไหร่กัน จ่ายพอมั้ย? ผลิตของห่วยแต่ตั้งราคาโคตรแพง ใช้งานจริงไม่ได้ นี่แหละ "กระจอกขั้นเทพของจริง" แปซิฟิค ไม่ใช่ของมรึงอีกต่อไป 5 ทวีปเดินตามขั้วใหม่หมดแล้ว มรึงเหลือใครกัน? อียิวคลั่งจัด ไม่เหลือชิ้นดีอะไรอีกแล้ว ความชั่วเด่นชัด ความระยำมาเต็ม แก้ผ้าล่อนจ้อน ถอดหมดเปลือก สันดานสัดเดรัจฉาน ใจหมา ไล่ยิงกราดไปทั่ว ไม่เว้นแม่แต่เจ้าหน้าที่ UN กูละชอบฉิงๆ บทจะเหี้ย เหี้ยได้ใจควายแท้ทรู! แล้วเป็นไง ถูกสอยร่วงระนาว ข่าวไม่เปิดเผย สื่อไม่รายงาน กูสรุปให้ฟังสั้นๆ ชัดๆ ไปเลย เหี้ยยิวและขี้ข้า ตายห่าวันละ 3000 ตัว ทั้งสมรภูมิเยรูซาเล็ม และยูเครน อีกไม่นาน สมรภูมิจะย้ายเข้าอีโปลเต็มตัวแล้ว เพราะนั่นคือเฟด 2 ดอกนี้แหละ คือประตูเปิดทางให้ปูตินเขมือบครึ่งยุโรป เชื่อมท่อแก็สอาร์คติคฉลุย ยูเครนแค่น้ำจิ้ม เนื้อชิ้นใหญ่อยู่ที่ตอนเหนือต่างหากล่ะ ที่มาว่าทำไม อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน ต้องไปพร้อมกันหมด ไม่ต้องมาหา เดี๋ยวกูไปหามรึงเอง? ดูข่าววันนี้ แล้วปอดตับ หากใช้สมองคิดซักกะหน่อย ควายคงจะมีน้อยกว่านี้ ถล่มค่ายทหาร ถล่มโรงไฟฟ้า ถล่มโครงสร้างพื้นฐาน ถล่มศูนย์บัญชาการ ถล่มคลังแสง ถล่มอีกมากมาย แต่ยังหน้าด้านบอก ตาย 6 ตาย 7 เจ็บ 10 กูเกิดมาก็เพิ่งรู้น่ะเนี่ย ค่ายทหาร คลังแสง ศูนย์บัญชาการรบ มีคนไม่ถึง 10 คน เอาที่มรึงสบายใจ สมองกลวงกันหมดทั้งโลกแล้วเน๊าะ! ยามนี้ ขั้วใหม่ปรับแผนใหม่แล้ว เดินเกมส์เร่ง เร็วขึ้น ขยายอิทธิพลแบบปูพรม ดาหน้าท้ารบแบบไม่มีกั๊ก กล้าก็ออกมา ดีออก? ขี้ข้าเงียบกริบ ช่วงแรกดีแต่เห่า แต่ช่วงนี้ เห่าไม่ออก? ของจริงไม่พูดเยอะ ขนกันออกมาโชว์ให้โลกรับรู้ ว่าอำนาจเปลี่ยนมือแล้ว แค่กองเรือรัสเซีย-จีน ออกมายืดเส้น ยืดสาย ไอ้สัส นี่มันท่วมมหาสมุทรเลยน่ะเนี่ย? มาเป็น 100 ลำ เหี้ยเห็นยังจุกอก แหม! เจ้ามือใหม่ เปิดตัวทั้งที มันต้องขยี้ของเก่าให้จมกองตรีนสิจ๊ะ? AI จีน แม่งสุดติ่ง แมลงหุ่นรบ AI ความสามารถเกินคาดเดา ถามแค่ว่า มรึงต้องใช้กระสุนกี่นัด ถึงจะยิงโดนหุ่นยนต์ AI แมลง 1 ตัว เท่าที่รู้ มันเข้าไปทำลายระบบสื่อสาร เชื่อมต่อ และชี้เป้า นำทาง นำร่องขีปนาวุธทุกชนิด รวมทั้งระเบิดตัวเองได้ กูเห็นแล้วยังรู้เลยว่า "กำจัดโคตรยาก" เหมือนในหนัง บัญญัติ 10 ประการ ฝูงตั๊กกะแตนยงโย่ มากันเป็นล้านตัว ทุกอย่างหายเรียบวุธ สยดสยองฉิบหาย? ยิ่งรัสเซีย ยิ่งแล้วใหญ่ หุ่นยนต์รบ AI อย่างกะในหนัง THE TERMINATOR ไอ้สัส ขนาด JOHN CONNOR ยังต้องเผ่น? อีกไม่นาน มรึงจะได้เห็นเข้าสู่สงคราม STAR WARS แน่นอน แฟนหนังไม่ต้องจินตนาการ ล่อของจริงกันไปเลย? เตรียมกูจะเตรียมดาบไลท์เซเบอร์เตรียมไปตัดหัวเหี้ยเล่น? AMAZING THAILAND ไทยรับมอบรถไฟเก่าอียุ่นปี่ 10 คัน เอามาปรับแต่งใหม่ หรูหราหมาเห่า อียุ่นปี่เห็นยังตาค้าง ไอ้สัส! นี่มันสวรรค์ชัดๆ ช่างไทยแม่งระดับจักรวาล คนไทยมีดีมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครบอกมรึง? อยากรู้ไปดูเอง คนไทยหากทำอะไรจริงจัง แม้แต่สวรรค์ ยังต้องหันมามอง? "SRT ROYAL BLOSSOM" งานฝีมือ ฝรั่งแค่ขี้ตรีนคนไทย แต่มันทำให้มรึงด้อยค่าตัวเอง ใครโง่กันล่ะ? ล่าสุด รัสเซียขอบคุณ เหี้ยไอ้อีหน้าโง่ทั้งหลาย ในที่สุด มรึงก็ให้ใบเสร็จกูได้ใช้นุ๊กรสชาเขียวได้ซักกะที หลังเหี้ยมะกัน เหี้ยสิงโตง้อย สั่งยูเครนให้ใช้ขีปนาวุธระยะไกลโจมตีรัสเซียได้ ถามจริง มรึงเหลือกี่ลูก มรึงยิงถึงป่ะ? และที่สำคัญ ปูตินไม่ได้สนยูเครน เพราะมันตายห่าไปนานแล้ว แต่ดีใจที่จะได้ถล่มวอชิงตัน ลอนดอน ให้ราบคาบซักกะที แค่ตอนนี้ แม่งก็จะแตกกันอยู่แล้ว ลงไปดอก รับรอง ถึงใจอีช้อยทั้งโลกชัวร์! ปูติน ไม่ใช่เพื่อนเล่นมรึง! พูดจริง ทำจริง เคยบอกไปแล้วว่า จะไม่มีเตือนครั้งที่ 3 ก่อนจะถึงนายใหญ่ อีโปล อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง ต้องไปหมดเกลี้ยงซะก่อน แล้วค่อยปิดฉาก ปิดเกมส์ที่ แผ่นดินแม่เหี้ยจ๊ะ สคริปเค้าจัดมาตามนี้ กูแอบไปเปิดโพยดูมาก่อนแล้ว?

    ปล.เผยวงใน เกจิดัง นักวิชาการ อดีตผู้พิพากษา รู้จุดจบของละครบ้านทรายทองกันหมดแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย เอาสั้นๆ "มอ 112" คือจุดตายอีเหลี่ยมชั่ว โอนที่ดินและคุณสมบัตินายกฯคือจุดตายอีลูกสาวร่าน ทำไมต้องรอ 6 เดือน คำตอบคือ "มันจะมาพร้อมกันหมดทุกคดีความขายชาติ" เค้าเรียกล้มกระดานทั้งแผง แฝงบีบจ่ายเงินคืนแผ่นดิน แล้วไสหัวไปซะ เจรจาใต้น้ำกันมันส์หยดติ๋งๆ ด้านขั้วใหม่หนุนหลังสุดตัว ที่มาเหี้ยยังไง ก็ไม่โง่พอที่จะไม่เอาตัวรอด ไม่อิงราคาน้ำมันตลาดโลก เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน พร้อมอุ้ม ถึงได้บอกไงล่ะว่า เหี้ยแค่ไหนก็เปลี่ยนได้ เพราะไม่มีทางเลือก กลียุค คือความไม่แน่นอน ใครที่ยังสงสัยว่าเหี้ยเกาะกินแผ่นดินนี้มายาวนาน มันจะสลัดออกยังไง? เตรียมตัวดู เตรียมใจชมได้เลย อย่าดูถูกพลังแห่งแสง เข้าที่ไหน สะอาดหมดเปลือก ไร้คราบเหี้ยทันที ศาลนำร่อง ทหารนำทาง วังนำหน้า ไม่มีแผ่นดินไหนจะอยู่รอดได้ หากไม่คงไว้ซึ่ง "คุณธรรม" ชี้เป้า 50 ปี เหี้ย เวลาล้างบางแค่ปีเดียว มันจะไปไวมาก โปรดเตรียมกล้องถ่ายสโลโมชั่นไว้ด้วย จะได้ย้อนมาดูรายละเอียดย้อนหลังได้ ภาพศรีธนญชัย 2024 มันเริ่มปรากฎเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ธุรกรรมต่างชาติขั้วใหม่ เข้ามามีบทบาทนำมากขึ้น ยิ่งเข้า BRICS ยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็ว เงินบาทจะเป็นที่ต้องการของทั้งโลก! โรงงานผลิตโลก สาขาอาเซียน มันจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ? เพราะทุกอย่างมันจะมารวมอยู่ที่นี่ "ประเทศไทย" ยามเมื่อสงครามใหญ่เปิดหน้าแลก อาเซียนจะจับมือกัน "เป็นกลาง" จะช่วยเฉพาะด้านมนุษยธรรม ยารักษา อาหาร เครื่องมือช่วยเหลือ แต่จะไม่กระโดดเข้าสงคราม แต่อาเซียนจะพร้อมรับมือ หากใครล้ำเส้น ทั้งหมดเป็นแผนที่รัสเซีย จีน วางตัวอาเซียนให้อยู่วงนอก แค่อย่าแตกแถว อย่าเสือกเข้ามาในเกมส์นี้พอ ที่มาว่าทำไม อีปินส์ อาจถูกอัปเปหิในไม่ช้า หากมรึงยังไม่เปลี่ยนหัวผู้นำใหม่ให้ทันก่อนจะสาย เพราะดูเตอร์เต้ สายเอียงจีนอยู่แล้ว รอเสียบ รอแยกดินแดน มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า มีแต่เหี้ย C ที่แทรกแซงชาติขี้ข้าได้ ขั้วใหม่ไม่ได้โง่ มือตรีนมี เค้าก็มีคนที่ส่งไปเสี้ยมขี้ข้าให้หักหลังนายใหญ่อีกทีเช่นกัน ถามสั้นๆ มรึงพร้อมจะตายไปกับมันมั้ยล่ะ? จับตา อีป้อม เตรียมงัดไม้เด้ด เอาคืนอีเหลี่ยม อย่าลืมว่า รัฐบาลผสม มันไม่มีทางเสถียรดอก คดีความแต่ละพรรคที่จะโดน มันถึงขั้นยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมือง อีส้มเน่าตายก่อน อีแดงตามมา แล้วจะเหลือใครจัดตั้งรัฐบาล หากไม่ใช่อดีตพรรคร่วม หมากเกมส์นี้ ปชป.พลาดอย่างแรง ที่กระโดดงับเหยื่อ แต่ใครจะไปรู้ เค้าอาจจะซ้อนแผนอีเหลี่ยมชั่วไว้อีกชั้น เมื่อร่วมรัฐบาลได้ ก็ถอนตัวออกได้เช่นกัน การเมืองมันไม่มีดอกสำเร็จรูป เขี้ยวตันทั้งนั้น ใครจะปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนมาแดร๊กงบแผ่นดินฟรีกันล่ะ? ทหารเค้าปล่อยให้พวกมรึงเข่นฆ่ากันเอง เอาให้สุด แล้วจบที่ "ปฎิวัติ" รัฐบาลแห่งชาติต้องมา รัฐธรรมนูญใหม่ต้องมี นักการเมืองเก่าจะตายห่ากันหมดยกคอก ม้วนเดียวจบ หลังเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ต้นตอของปัญหาคือฝ่ายการเมือง เมื่อปิดจุดตายได้ ทุกอย่างมันจะเดินหน้าของมันเอง งานนี้ "อีป้อม สู้สุดใจขาดดิ้น" เสือเฒ่าไม่ทิ้งลาย ยังไงหากกูไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ กูจะลากแม่งลงมาให้หมด ทั้งกระดาน!

    หมี CNN(ใกล้สิ้นปี ใกล้วันตัดสิน ใกล้จุดแตกหัก ใกล้ความเป็นจริง ผู้ที่จะอยู่รอดได้ หากไม่รักษามั่นในคุณงามความดี จะถูกแสงชำระล้างไปจนหมดสิ้น แสงไม่เลือกว่ามรึงเป็นใคร แสงเลือกที่มรึงทำอะไรเอาไว้? เหี้ยกลับใจ จะได้เห็น เหี้ยสุดติ่ง แต่ย้ายขั้วจะได้ชม ไม่มีทางรอดอื่น นอกจากย้ายขั้ว ไม่ว่าเกมส์ไทย เกมส์โลก คีย์เดียวกัน เลือกข้างผิด ชีวิตเปลี่ยนทันที วัดสิ)
    13 กย. 67
    11.48 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172620400552978014

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    13-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.7 ตอน "WORLD BALANCE REAL?" ตราชั่งมาแย้ว! กฎหมาหลบไป กฎหมายสนั่นโลก! JOHN KIM เซงเป็ด สัส! อาวุธกูมีเยอะเกิน ใช้ 10 ปี ยังไม่หมด ขนาดผลิตส่งทั่วโลก ยังเหลือบาน ยิงไฮเปอร์โซนิคโชว์เล่นซะงั้น อีโสมขาว อียุ่นปี่ ไบ้แดร๊ก มีเยอะแบ่งให้กูบ้างก็ได้? ปักกิ่งสั่งโชว์ เตรียมต้อนรับเหี้ยอาละวาด เรือรบมรึงน่ะ หายไปไหนหมด เอามาดิ กูกำลังหาเป้าซ้อมมือเล่นอยู่? ละครปาหี่ทำเนียบขาว อีทรัมปป์แรงเกินชิมิ? จับดีเบต เพื่อลดกระแส หายโง่ เพิ่งตาสว่าง อีกมลาแค่เล่นตามสคริปต์ ฉากนี้ ฮอลีวู๊ดจัดให้ หลอกไอ้ควายหน้าโง่มะกันทั้งแผ่นดิน โพลเหรอ? คะแนนนิยมเหรอ FAKE ทั้งนั้น แค่แผนเตรียมแตกอเมริกา จบน่ะ? ปูตินสั่งลุยจริง เคียฟแตก เรือรบเหี้ยมะกันหายวับ 8 ลำ ที่เหลือเผ่นหางจุกตูด กระจอกซะไม่มี ควายอับอายแทน! ของจริงไม่พูดเยอะ ไอ้ที่มรึงเข้ามาได้เนี่ย เค้าเปิดทางล่อให้มรึงเข้ามาตาย ไอ้ควาย! มรึงยิงใส่มอสโคว์ได้แค่ปาหี่ ผิวเผิน เพราะเค้าต้องการให้มรึงติดหล่มยาวไป เหี้ย C มีเหรอไม่รู้ แต่เพื่อรักษาหน้า ถึงแพ้ยับ ก็ต้องบุกต่อ เพราะดอลล่าร์ค้ำคอ หยุดสู้คือดอลล่าร์ตายทันที เกมส์มันมีแค่นี้แหละ ไม่ต้องคิดเยอะ? กลุ่ม BRICS ปักหลักสู้ กลัวที่ไหน? เหี้ยขี้ขลาด ตาขาว ไม่กล้าเข้าใกล้รัศมีขีปนาวุธ เรือบรรทุกเครื่องบินจากอดีตแม่ทัพแนวหน้าเหี้ย ตอนนี้ กลายเป็นขนมกรุบของขั้วใหม่ ยิงทิ้งกันเมามันส์ เป้าใหญ่ขนาดนี้ หลับตายิงยังโดน จะรอดยังไง? เมื่อเรือธงเข้าอู๋ซ่อมซะเยอะ มรึงยังจะเหลือเรือธงไหนมาสู้ได้อีก จะล่อขีปนาวุธแข่งกับเค้า มีเหลือกี่ลูก ลูกนึงราคาเท่าไหร่ ขั้วใหม่มีเป็น 1000000 ลูก ยิง 100 ลูก เท่ากับของมรึงลูกเดียว นี่คือความแตกต่าง สงครามคือใช้เงิน มรึงยิงได้เท่าไหร่กัน จ่ายพอมั้ย? ผลิตของห่วยแต่ตั้งราคาโคตรแพง ใช้งานจริงไม่ได้ นี่แหละ "กระจอกขั้นเทพของจริง" แปซิฟิค ไม่ใช่ของมรึงอีกต่อไป 5 ทวีปเดินตามขั้วใหม่หมดแล้ว มรึงเหลือใครกัน? อียิวคลั่งจัด ไม่เหลือชิ้นดีอะไรอีกแล้ว ความชั่วเด่นชัด ความระยำมาเต็ม แก้ผ้าล่อนจ้อน ถอดหมดเปลือก สันดานสัดเดรัจฉาน ใจหมา ไล่ยิงกราดไปทั่ว ไม่เว้นแม่แต่เจ้าหน้าที่ UN กูละชอบฉิงๆ บทจะเหี้ย เหี้ยได้ใจควายแท้ทรู! แล้วเป็นไง ถูกสอยร่วงระนาว ข่าวไม่เปิดเผย สื่อไม่รายงาน กูสรุปให้ฟังสั้นๆ ชัดๆ ไปเลย เหี้ยยิวและขี้ข้า ตายห่าวันละ 3000 ตัว ทั้งสมรภูมิเยรูซาเล็ม และยูเครน อีกไม่นาน สมรภูมิจะย้ายเข้าอีโปลเต็มตัวแล้ว เพราะนั่นคือเฟด 2 ดอกนี้แหละ คือประตูเปิดทางให้ปูตินเขมือบครึ่งยุโรป เชื่อมท่อแก็สอาร์คติคฉลุย ยูเครนแค่น้ำจิ้ม เนื้อชิ้นใหญ่อยู่ที่ตอนเหนือต่างหากล่ะ ที่มาว่าทำไม อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน ต้องไปพร้อมกันหมด ไม่ต้องมาหา เดี๋ยวกูไปหามรึงเอง? ดูข่าววันนี้ แล้วปอดตับ หากใช้สมองคิดซักกะหน่อย ควายคงจะมีน้อยกว่านี้ ถล่มค่ายทหาร ถล่มโรงไฟฟ้า ถล่มโครงสร้างพื้นฐาน ถล่มศูนย์บัญชาการ ถล่มคลังแสง ถล่มอีกมากมาย แต่ยังหน้าด้านบอก ตาย 6 ตาย 7 เจ็บ 10 กูเกิดมาก็เพิ่งรู้น่ะเนี่ย ค่ายทหาร คลังแสง ศูนย์บัญชาการรบ มีคนไม่ถึง 10 คน เอาที่มรึงสบายใจ สมองกลวงกันหมดทั้งโลกแล้วเน๊าะ! ยามนี้ ขั้วใหม่ปรับแผนใหม่แล้ว เดินเกมส์เร่ง เร็วขึ้น ขยายอิทธิพลแบบปูพรม ดาหน้าท้ารบแบบไม่มีกั๊ก กล้าก็ออกมา ดีออก? ขี้ข้าเงียบกริบ ช่วงแรกดีแต่เห่า แต่ช่วงนี้ เห่าไม่ออก? ของจริงไม่พูดเยอะ ขนกันออกมาโชว์ให้โลกรับรู้ ว่าอำนาจเปลี่ยนมือแล้ว แค่กองเรือรัสเซีย-จีน ออกมายืดเส้น ยืดสาย ไอ้สัส นี่มันท่วมมหาสมุทรเลยน่ะเนี่ย? มาเป็น 100 ลำ เหี้ยเห็นยังจุกอก แหม! เจ้ามือใหม่ เปิดตัวทั้งที มันต้องขยี้ของเก่าให้จมกองตรีนสิจ๊ะ? AI จีน แม่งสุดติ่ง แมลงหุ่นรบ AI ความสามารถเกินคาดเดา ถามแค่ว่า มรึงต้องใช้กระสุนกี่นัด ถึงจะยิงโดนหุ่นยนต์ AI แมลง 1 ตัว เท่าที่รู้ มันเข้าไปทำลายระบบสื่อสาร เชื่อมต่อ และชี้เป้า นำทาง นำร่องขีปนาวุธทุกชนิด รวมทั้งระเบิดตัวเองได้ กูเห็นแล้วยังรู้เลยว่า "กำจัดโคตรยาก" เหมือนในหนัง บัญญัติ 10 ประการ ฝูงตั๊กกะแตนยงโย่ มากันเป็นล้านตัว ทุกอย่างหายเรียบวุธ สยดสยองฉิบหาย? ยิ่งรัสเซีย ยิ่งแล้วใหญ่ หุ่นยนต์รบ AI อย่างกะในหนัง THE TERMINATOR ไอ้สัส ขนาด JOHN CONNOR ยังต้องเผ่น? อีกไม่นาน มรึงจะได้เห็นเข้าสู่สงคราม STAR WARS แน่นอน แฟนหนังไม่ต้องจินตนาการ ล่อของจริงกันไปเลย? เตรียมกูจะเตรียมดาบไลท์เซเบอร์เตรียมไปตัดหัวเหี้ยเล่น? AMAZING THAILAND ไทยรับมอบรถไฟเก่าอียุ่นปี่ 10 คัน เอามาปรับแต่งใหม่ หรูหราหมาเห่า อียุ่นปี่เห็นยังตาค้าง ไอ้สัส! นี่มันสวรรค์ชัดๆ ช่างไทยแม่งระดับจักรวาล คนไทยมีดีมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครบอกมรึง? อยากรู้ไปดูเอง คนไทยหากทำอะไรจริงจัง แม้แต่สวรรค์ ยังต้องหันมามอง? "SRT ROYAL BLOSSOM" งานฝีมือ ฝรั่งแค่ขี้ตรีนคนไทย แต่มันทำให้มรึงด้อยค่าตัวเอง ใครโง่กันล่ะ? ล่าสุด รัสเซียขอบคุณ เหี้ยไอ้อีหน้าโง่ทั้งหลาย ในที่สุด มรึงก็ให้ใบเสร็จกูได้ใช้นุ๊กรสชาเขียวได้ซักกะที หลังเหี้ยมะกัน เหี้ยสิงโตง้อย สั่งยูเครนให้ใช้ขีปนาวุธระยะไกลโจมตีรัสเซียได้ ถามจริง มรึงเหลือกี่ลูก มรึงยิงถึงป่ะ? และที่สำคัญ ปูตินไม่ได้สนยูเครน เพราะมันตายห่าไปนานแล้ว แต่ดีใจที่จะได้ถล่มวอชิงตัน ลอนดอน ให้ราบคาบซักกะที แค่ตอนนี้ แม่งก็จะแตกกันอยู่แล้ว ลงไปดอก รับรอง ถึงใจอีช้อยทั้งโลกชัวร์! ปูติน ไม่ใช่เพื่อนเล่นมรึง! พูดจริง ทำจริง เคยบอกไปแล้วว่า จะไม่มีเตือนครั้งที่ 3 ก่อนจะถึงนายใหญ่ อีโปล อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง ต้องไปหมดเกลี้ยงซะก่อน แล้วค่อยปิดฉาก ปิดเกมส์ที่ แผ่นดินแม่เหี้ยจ๊ะ สคริปเค้าจัดมาตามนี้ กูแอบไปเปิดโพยดูมาก่อนแล้ว? ปล.เผยวงใน เกจิดัง นักวิชาการ อดีตผู้พิพากษา รู้จุดจบของละครบ้านทรายทองกันหมดแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย เอาสั้นๆ "มอ 112" คือจุดตายอีเหลี่ยมชั่ว โอนที่ดินและคุณสมบัตินายกฯคือจุดตายอีลูกสาวร่าน ทำไมต้องรอ 6 เดือน คำตอบคือ "มันจะมาพร้อมกันหมดทุกคดีความขายชาติ" เค้าเรียกล้มกระดานทั้งแผง แฝงบีบจ่ายเงินคืนแผ่นดิน แล้วไสหัวไปซะ เจรจาใต้น้ำกันมันส์หยดติ๋งๆ ด้านขั้วใหม่หนุนหลังสุดตัว ที่มาเหี้ยยังไง ก็ไม่โง่พอที่จะไม่เอาตัวรอด ไม่อิงราคาน้ำมันตลาดโลก เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน พร้อมอุ้ม ถึงได้บอกไงล่ะว่า เหี้ยแค่ไหนก็เปลี่ยนได้ เพราะไม่มีทางเลือก กลียุค คือความไม่แน่นอน ใครที่ยังสงสัยว่าเหี้ยเกาะกินแผ่นดินนี้มายาวนาน มันจะสลัดออกยังไง? เตรียมตัวดู เตรียมใจชมได้เลย อย่าดูถูกพลังแห่งแสง เข้าที่ไหน สะอาดหมดเปลือก ไร้คราบเหี้ยทันที ศาลนำร่อง ทหารนำทาง วังนำหน้า ไม่มีแผ่นดินไหนจะอยู่รอดได้ หากไม่คงไว้ซึ่ง "คุณธรรม" ชี้เป้า 50 ปี เหี้ย เวลาล้างบางแค่ปีเดียว มันจะไปไวมาก โปรดเตรียมกล้องถ่ายสโลโมชั่นไว้ด้วย จะได้ย้อนมาดูรายละเอียดย้อนหลังได้ ภาพศรีธนญชัย 2024 มันเริ่มปรากฎเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ธุรกรรมต่างชาติขั้วใหม่ เข้ามามีบทบาทนำมากขึ้น ยิ่งเข้า BRICS ยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็ว เงินบาทจะเป็นที่ต้องการของทั้งโลก! โรงงานผลิตโลก สาขาอาเซียน มันจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ? เพราะทุกอย่างมันจะมารวมอยู่ที่นี่ "ประเทศไทย" ยามเมื่อสงครามใหญ่เปิดหน้าแลก อาเซียนจะจับมือกัน "เป็นกลาง" จะช่วยเฉพาะด้านมนุษยธรรม ยารักษา อาหาร เครื่องมือช่วยเหลือ แต่จะไม่กระโดดเข้าสงคราม แต่อาเซียนจะพร้อมรับมือ หากใครล้ำเส้น ทั้งหมดเป็นแผนที่รัสเซีย จีน วางตัวอาเซียนให้อยู่วงนอก แค่อย่าแตกแถว อย่าเสือกเข้ามาในเกมส์นี้พอ ที่มาว่าทำไม อีปินส์ อาจถูกอัปเปหิในไม่ช้า หากมรึงยังไม่เปลี่ยนหัวผู้นำใหม่ให้ทันก่อนจะสาย เพราะดูเตอร์เต้ สายเอียงจีนอยู่แล้ว รอเสียบ รอแยกดินแดน มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า มีแต่เหี้ย C ที่แทรกแซงชาติขี้ข้าได้ ขั้วใหม่ไม่ได้โง่ มือตรีนมี เค้าก็มีคนที่ส่งไปเสี้ยมขี้ข้าให้หักหลังนายใหญ่อีกทีเช่นกัน ถามสั้นๆ มรึงพร้อมจะตายไปกับมันมั้ยล่ะ? จับตา อีป้อม เตรียมงัดไม้เด้ด เอาคืนอีเหลี่ยม อย่าลืมว่า รัฐบาลผสม มันไม่มีทางเสถียรดอก คดีความแต่ละพรรคที่จะโดน มันถึงขั้นยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมือง อีส้มเน่าตายก่อน อีแดงตามมา แล้วจะเหลือใครจัดตั้งรัฐบาล หากไม่ใช่อดีตพรรคร่วม หมากเกมส์นี้ ปชป.พลาดอย่างแรง ที่กระโดดงับเหยื่อ แต่ใครจะไปรู้ เค้าอาจจะซ้อนแผนอีเหลี่ยมชั่วไว้อีกชั้น เมื่อร่วมรัฐบาลได้ ก็ถอนตัวออกได้เช่นกัน การเมืองมันไม่มีดอกสำเร็จรูป เขี้ยวตันทั้งนั้น ใครจะปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนมาแดร๊กงบแผ่นดินฟรีกันล่ะ? ทหารเค้าปล่อยให้พวกมรึงเข่นฆ่ากันเอง เอาให้สุด แล้วจบที่ "ปฎิวัติ" รัฐบาลแห่งชาติต้องมา รัฐธรรมนูญใหม่ต้องมี นักการเมืองเก่าจะตายห่ากันหมดยกคอก ม้วนเดียวจบ หลังเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ต้นตอของปัญหาคือฝ่ายการเมือง เมื่อปิดจุดตายได้ ทุกอย่างมันจะเดินหน้าของมันเอง งานนี้ "อีป้อม สู้สุดใจขาดดิ้น" เสือเฒ่าไม่ทิ้งลาย ยังไงหากกูไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ กูจะลากแม่งลงมาให้หมด ทั้งกระดาน! หมี CNN(ใกล้สิ้นปี ใกล้วันตัดสิน ใกล้จุดแตกหัก ใกล้ความเป็นจริง ผู้ที่จะอยู่รอดได้ หากไม่รักษามั่นในคุณงามความดี จะถูกแสงชำระล้างไปจนหมดสิ้น แสงไม่เลือกว่ามรึงเป็นใคร แสงเลือกที่มรึงทำอะไรเอาไว้? เหี้ยกลับใจ จะได้เห็น เหี้ยสุดติ่ง แต่ย้ายขั้วจะได้ชม ไม่มีทางรอดอื่น นอกจากย้ายขั้ว ไม่ว่าเกมส์ไทย เกมส์โลก คีย์เดียวกัน เลือกข้างผิด ชีวิตเปลี่ยนทันที วัดสิ) 13 กย. 67 11.48 น. https://linevoom.line.me/post/1172620400552978014 https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 872 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.7

    01. เพิ่งคิดได้ไอ้สัส! ไทยเตรียมเลิกอิงราคาน้ำมันตลาดโลก อย่าเพิ่งรีบดีใจ แค่สลับร่าง สั่งของถูก มากินส่วนต่างอีกที ใครล่ะ ก็จีน รัสเซีย? แปลว่า?
    02. รัสเซีย จีน อิหร่าน ผนึกกำลังซ้อมรบ 5 ทวีป มรึงเห็นภาพชัดพอยังล่ะ?
    03. เป็นไปตามเนื้อผ้า รัสเซียไล่ยึดสบายตรีน อียูเครน หมอบแล้ว จะสู้เพื่อ?
    04. กูล่ะชอบ ตรรกะอีทรัมปป์ เก็บภาษีเพิ่ม 100% คือโดดเดี่ยวอเมริกา โง่ดี
    05. ฉิบหายแล้ว แม้แต่ชาติเล็กๆ ในตะวันออกกลางยังมีไฮเปอร์โซนิค ยิวอึ้ง
    06. EU ช่างหัวแม่งแล้ว ตัวใครตัวมัน แยกย้าย หนาวมา กอดรัสเซียแน่นขึ้น?
    07. จุดจบกาลกิณี อัยกวยช่วยไม่ไหว พ่อโดนมอ112 ยาวเป็นหางว่าว พ่วงทูลเท็จ ลูกโดนที่ดิน โกงสอบกับคุณสมบัติต่ำตมไม่ผ่าน ศาลสะสมแต้มอยู่
    08. ล่าสุดสนามบินโซล ร้างนักท่องเที่ยว บทเรียนราคาแพง อีกามินถูกถอด
    09. กูบอกแล้วไง เหี้ยมันเก่งแต่ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ สู้กับทหารแพ้อย่างหมา ตามสูตร ถล่มโรงเรียน ทำได้แค่นี้ แต่เยเมนจัดหนักกว่า
    10. แบนมาแบนกลับไม่มีโกง อียุ่นปี่เสี้ยนแบนชิปจีน จีนสวนหมัดกลับทันที กูไม่ส่งแร่ให้มรึง เชิญไปหาเองนอกโลก ดีออก? ชะตาขาดยังไม่รู้ตัวอีก สัส
    11. อีแคนเสี้ยนต่อ ขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสั่งตัดนำเข้าคาโนลา รายได้หลักอีแคน วัตถุดิบผลิตน้ำมันพืชปรุงอาหาร ภาคเกษตรอีแคนดิ้น ใครจะสั่งกูเนี่ย?
    12. ไอ้สัส! เอากันให้ตายไปข้าง? BYD เตรียมนำแบตเจนใหม่ ฆ่าคู่แข่งตาย
    13. การละครเหี้ยมะกัน อีลา อีช้าง แค่ตัวหมาก แผนแตกอเมริกาเกิดภายใน
    14. น้ำท่วม นักการเมืองเคยช่วยมรึงได้จริงมุย? จ้องจะเบิกงบหาแดร๊ก ถึงปล่อยให้ท่วมไงล่ะ? มันรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ แต่ปล่อย ประชาธิปไตยหอมหวล
    15. มรึงดู ข่าวเหี้ยปล่อย อีลอน มัสก์ จะรวยล้านล้าน แต่เทสล่ากำลังจะเจ๊ง
    16. ผบ.หน่วยตายเกลื่อน นายพลสิ้นชื่อ อียิว กำลังจนตรอก โดนทุกชั่วโมง
    17. ไอ้สัส! แค่ซ้อมรบ แคตตาล็อกมาเต็ม ทั้งโลกแห่จอง งวดนี้ ใหม่ ดุ เข้ม
    18. จริงดิ! จีนเตรียมกองทัพ AI ทั้งนักรบ และแมลงหลากสายพันธุ์ ล้ำเกิน
    19. หมายังดูออก แผนเสี้ยมไทยแตกขะแมร์ เหยียบธนบัตร ทหารรู้ทัน โดน
    20. 14 ล้านเสียงควายบัดซบ อับอายขายขี้หน้า อีส้มโชว์โง่ไม่เว้นวัน ควาย

    หมายเหตุ : โมเมตั่มมันนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ เจ้าเก่าไม่มีทางเลือก ตายคือตาย ไม่ตายก็แตกไม่ได้ ไม่ตายก็ปลดล็อคไม่ได้ สันติสุขคือเรื่องตอแหล จินตหราสิของจริง! เหี้ยยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ แพ้แต่ไม่ยอมตายฟรี ต้องสาหัสทั้งโลก นี่คือใบสั่งเยรูซาเล็ม เกมส์จะแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น เพื่อนำไปสู่จุดจบ นั่นคือ "มินิคุ๊กกี้รสชาเขียว" ทำไมรัสเซีย จีน อิหร่าน จะมองไม่ออก ว่าเหี้ยมันจ้องจะทำอะไร? อีทรัมปป์มาเพื่อโดดเดี่ยวอเมริกา มันถึงจะรอดจากอียิวได้แท้จริง คือแยกดินแดน แบ่งกันไปเลย ย่ออเมริกา อังกฤษ ให้เล็กลง เพื่อทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ ก่อนสิ้นชาติสูญพันธุ์ ด้านเอเซีย แปซิฟิคต้องระอุ จีนพร้อม แต่เหี้ยยังไม่พร้อม ยิ่งนานวัน จีนกลืนหมดทุกสรรพสิ่ง งานนี้ อีแพะบูชายันต์คงไม่รอด อีปินส์ อีลอดช่อง หาทางลงอยู่ ขืนเข้าเกมส์นี้ ตายสิ้นชาติชัวร์ อาเซียนคือเกราะกำบัง จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ แหกด่าน แหกกลุ่มคือสิ้นชาติ! สุดท้าย ขั้วใหม่ได้ไปทั้งหมด

    หมี CNN(ละครบ้านทรายทองจะจบยังไง ขึ้นอยู่กับเกมส์โลกกำหนดบทบาท แสงส่องเข้ามาแล้ว อะไรก็หยุดไม่อยู่ การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้วจะเกิดขึ้น เหี้ยจะหนีตาย เพราะแสงทำงานไวมาก ศาลไคฟงคือทางรอดของชาติ วังคือสิ่งยึดเหนี่ยว กองทัพคือหัวใจ ประชาชนและควาย คือตัวแปร แสงจะล้างสิ่งโสมมออกจนหมดเกลี้ยง ใครคิดว่าอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จะเกิดขึ้น คอรัปชั่นจะกลายเป็นตราบาปคนชั่ว ยุคใหม่ เปลี่ยนแนวคิดใหม่หมด มันเริ่มขึ้นมาแล้ว มันจะเดินหน้าต่อไป ไม่มีหยุดยั้ง อำนาจคู่กับศรัทธา นี่คือคีย์)
    12 กันยายน 67
    09.50 น.
    https://linevoom.line.me/post/1172610929449175909
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    12-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.7 01. เพิ่งคิดได้ไอ้สัส! ไทยเตรียมเลิกอิงราคาน้ำมันตลาดโลก อย่าเพิ่งรีบดีใจ แค่สลับร่าง สั่งของถูก มากินส่วนต่างอีกที ใครล่ะ ก็จีน รัสเซีย? แปลว่า? 02. รัสเซีย จีน อิหร่าน ผนึกกำลังซ้อมรบ 5 ทวีป มรึงเห็นภาพชัดพอยังล่ะ? 03. เป็นไปตามเนื้อผ้า รัสเซียไล่ยึดสบายตรีน อียูเครน หมอบแล้ว จะสู้เพื่อ? 04. กูล่ะชอบ ตรรกะอีทรัมปป์ เก็บภาษีเพิ่ม 100% คือโดดเดี่ยวอเมริกา โง่ดี 05. ฉิบหายแล้ว แม้แต่ชาติเล็กๆ ในตะวันออกกลางยังมีไฮเปอร์โซนิค ยิวอึ้ง 06. EU ช่างหัวแม่งแล้ว ตัวใครตัวมัน แยกย้าย หนาวมา กอดรัสเซียแน่นขึ้น? 07. จุดจบกาลกิณี อัยกวยช่วยไม่ไหว พ่อโดนมอ112 ยาวเป็นหางว่าว พ่วงทูลเท็จ ลูกโดนที่ดิน โกงสอบกับคุณสมบัติต่ำตมไม่ผ่าน ศาลสะสมแต้มอยู่ 08. ล่าสุดสนามบินโซล ร้างนักท่องเที่ยว บทเรียนราคาแพง อีกามินถูกถอด 09. กูบอกแล้วไง เหี้ยมันเก่งแต่ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ สู้กับทหารแพ้อย่างหมา ตามสูตร ถล่มโรงเรียน ทำได้แค่นี้ แต่เยเมนจัดหนักกว่า 10. แบนมาแบนกลับไม่มีโกง อียุ่นปี่เสี้ยนแบนชิปจีน จีนสวนหมัดกลับทันที กูไม่ส่งแร่ให้มรึง เชิญไปหาเองนอกโลก ดีออก? ชะตาขาดยังไม่รู้ตัวอีก สัส 11. อีแคนเสี้ยนต่อ ขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสั่งตัดนำเข้าคาโนลา รายได้หลักอีแคน วัตถุดิบผลิตน้ำมันพืชปรุงอาหาร ภาคเกษตรอีแคนดิ้น ใครจะสั่งกูเนี่ย? 12. ไอ้สัส! เอากันให้ตายไปข้าง? BYD เตรียมนำแบตเจนใหม่ ฆ่าคู่แข่งตาย 13. การละครเหี้ยมะกัน อีลา อีช้าง แค่ตัวหมาก แผนแตกอเมริกาเกิดภายใน 14. น้ำท่วม นักการเมืองเคยช่วยมรึงได้จริงมุย? จ้องจะเบิกงบหาแดร๊ก ถึงปล่อยให้ท่วมไงล่ะ? มันรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ แต่ปล่อย ประชาธิปไตยหอมหวล 15. มรึงดู ข่าวเหี้ยปล่อย อีลอน มัสก์ จะรวยล้านล้าน แต่เทสล่ากำลังจะเจ๊ง 16. ผบ.หน่วยตายเกลื่อน นายพลสิ้นชื่อ อียิว กำลังจนตรอก โดนทุกชั่วโมง 17. ไอ้สัส! แค่ซ้อมรบ แคตตาล็อกมาเต็ม ทั้งโลกแห่จอง งวดนี้ ใหม่ ดุ เข้ม 18. จริงดิ! จีนเตรียมกองทัพ AI ทั้งนักรบ และแมลงหลากสายพันธุ์ ล้ำเกิน 19. หมายังดูออก แผนเสี้ยมไทยแตกขะแมร์ เหยียบธนบัตร ทหารรู้ทัน โดน 20. 14 ล้านเสียงควายบัดซบ อับอายขายขี้หน้า อีส้มโชว์โง่ไม่เว้นวัน ควาย หมายเหตุ : โมเมตั่มมันนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ เจ้าเก่าไม่มีทางเลือก ตายคือตาย ไม่ตายก็แตกไม่ได้ ไม่ตายก็ปลดล็อคไม่ได้ สันติสุขคือเรื่องตอแหล จินตหราสิของจริง! เหี้ยยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ แพ้แต่ไม่ยอมตายฟรี ต้องสาหัสทั้งโลก นี่คือใบสั่งเยรูซาเล็ม เกมส์จะแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น เพื่อนำไปสู่จุดจบ นั่นคือ "มินิคุ๊กกี้รสชาเขียว" ทำไมรัสเซีย จีน อิหร่าน จะมองไม่ออก ว่าเหี้ยมันจ้องจะทำอะไร? อีทรัมปป์มาเพื่อโดดเดี่ยวอเมริกา มันถึงจะรอดจากอียิวได้แท้จริง คือแยกดินแดน แบ่งกันไปเลย ย่ออเมริกา อังกฤษ ให้เล็กลง เพื่อทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ ก่อนสิ้นชาติสูญพันธุ์ ด้านเอเซีย แปซิฟิคต้องระอุ จีนพร้อม แต่เหี้ยยังไม่พร้อม ยิ่งนานวัน จีนกลืนหมดทุกสรรพสิ่ง งานนี้ อีแพะบูชายันต์คงไม่รอด อีปินส์ อีลอดช่อง หาทางลงอยู่ ขืนเข้าเกมส์นี้ ตายสิ้นชาติชัวร์ อาเซียนคือเกราะกำบัง จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ แหกด่าน แหกกลุ่มคือสิ้นชาติ! สุดท้าย ขั้วใหม่ได้ไปทั้งหมด หมี CNN(ละครบ้านทรายทองจะจบยังไง ขึ้นอยู่กับเกมส์โลกกำหนดบทบาท แสงส่องเข้ามาแล้ว อะไรก็หยุดไม่อยู่ การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้วจะเกิดขึ้น เหี้ยจะหนีตาย เพราะแสงทำงานไวมาก ศาลไคฟงคือทางรอดของชาติ วังคือสิ่งยึดเหนี่ยว กองทัพคือหัวใจ ประชาชนและควาย คือตัวแปร แสงจะล้างสิ่งโสมมออกจนหมดเกลี้ยง ใครคิดว่าอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จะเกิดขึ้น คอรัปชั่นจะกลายเป็นตราบาปคนชั่ว ยุคใหม่ เปลี่ยนแนวคิดใหม่หมด มันเริ่มขึ้นมาแล้ว มันจะเดินหน้าต่อไป ไม่มีหยุดยั้ง อำนาจคู่กับศรัทธา นี่คือคีย์) 12 กันยายน 67 09.50 น. https://linevoom.line.me/post/1172610929449175909 https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1836 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ลุงพีดับเครื่องChon
    พีระพันธุ์ไม่สนนายทุน ใช้กม.ห้ามขึ้นราคาน้ำมันตามใจชอบ แต่ต้องฝ่าด่านกลุ่มทุนน้ำมัน ที่เตรียมแทรกแซงแก้ไขร่างกฎหมาย
    คนไทยต้องเอาใจช่วยลุงพีละครับ
    ยืนเดี่ยวกับเสือสิงห์รอบตัว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ลุงพีดับเครื่องChon พีระพันธุ์ไม่สนนายทุน ใช้กม.ห้ามขึ้นราคาน้ำมันตามใจชอบ แต่ต้องฝ่าด่านกลุ่มทุนน้ำมัน ที่เตรียมแทรกแซงแก้ไขร่างกฎหมาย คนไทยต้องเอาใจช่วยลุงพีละครับ ยืนเดี่ยวกับเสือสิงห์รอบตัว #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พีระพันธุ์ไม่สนนายทุน ใช้กม.ห้ามขึ้นราคาน้ำมันตามใจชอบ แต่ต้องฝ่าด่านกลุ่มทุนน้ำมัน ที่เตรียมแทรกแซงแก้ไขร่างกฎหมาย
    #7ดอกจิก
    ♣ พีระพันธุ์ไม่สนนายทุน ใช้กม.ห้ามขึ้นราคาน้ำมันตามใจชอบ แต่ต้องฝ่าด่านกลุ่มทุนน้ำมัน ที่เตรียมแทรกแซงแก้ไขร่างกฎหมาย #7ดอกจิก
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 324 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11/09/24 - แนวโน้มน้ำมัน

    • G95 : 80.21 (-1.38)
    • D10ppm : 82.80 (-1.21)
    ค่าเงินบาท (฿/$) : 34.03 (+0.06)
    ค่าการตลาด (฿/L)
    • GH95 : 3.29 (+0.02)
    • B7 : 2.31 (+0.17)
    • เฉลี่ยรายเดือนทุกกลุ่ม : 2.55 (+0.03)
    - - - - - - - - - - - - -
    กลุ่มเบนซิน :
    • ค่าการตลาดค่อนข้างทรงตัว
    ✳️ หน้าปั๊มวันนี้คาดว่ายังไม่ปรับ
    ✳️ กบน. คาดว่าไม่ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเช่นกัน
    - - - - - - - - - - - - -
    กลุ่มดีเซล :
    • มติ ครม. ตรึงราคาไม่เกิน 33 ฿/L “ถึง 31/10/24” โดยใช้กลไกกองทุนน้ำมัน
    • ค่าการตลาดขึ้นมาสูงกว่า 2.00 ฿/L ระดับหนึ่ง กองทุนน้ำมันเก็บอยู่ที่ +2.76 ฿/L
    ✳️ กบน. มีโอกาสปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุน คาดว่าประมาณ 0.41 ฿/L (+/-)
    - - - - - - - - - - - - -
    Note:
    • สถานะกองทุนน้ำมัน -105,121 ล้านบาท (เริ่มติดลบลดลงเรื่อยๆ สภาพคล่องเริ่มกลับเข้ากองทุนอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ติดลบของกองทุนยังน่าเป็นห่วง)
    #ราคาน้ำมัน
    11/09/24 - แนวโน้มน้ำมัน • G95 : 80.21 (-1.38) • D10ppm : 82.80 (-1.21) ค่าเงินบาท (฿/$) : 34.03 (+0.06) ค่าการตลาด (฿/L) • GH95 : 3.29 (+0.02) • B7 : 2.31 (+0.17) • เฉลี่ยรายเดือนทุกกลุ่ม : 2.55 (+0.03) - - - - - - - - - - - - - กลุ่มเบนซิน : • ค่าการตลาดค่อนข้างทรงตัว ✳️ หน้าปั๊มวันนี้คาดว่ายังไม่ปรับ ✳️ กบน. คาดว่าไม่ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเช่นกัน - - - - - - - - - - - - - กลุ่มดีเซล : • มติ ครม. ตรึงราคาไม่เกิน 33 ฿/L “ถึง 31/10/24” โดยใช้กลไกกองทุนน้ำมัน • ค่าการตลาดขึ้นมาสูงกว่า 2.00 ฿/L ระดับหนึ่ง กองทุนน้ำมันเก็บอยู่ที่ +2.76 ฿/L ✳️ กบน. มีโอกาสปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุน คาดว่าประมาณ 0.41 ฿/L (+/-) - - - - - - - - - - - - - Note: • สถานะกองทุนน้ำมัน -105,121 ล้านบาท (เริ่มติดลบลดลงเรื่อยๆ สภาพคล่องเริ่มกลับเข้ากองทุนอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ติดลบของกองทุนยังน่าเป็นห่วง) #ราคาน้ำมัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ศิริกัญญา โยนบาปให้การลดภาษีราคาน้ำมัน ลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ขึ้นภาษีบุหรี่ เป็นต้นเหตุรัฐขาดรายได้ ต้องตัดงบฯ ปี68
    #7ดอกจิก
    #ศิริกัญญา
    ♣ ศิริกัญญา โยนบาปให้การลดภาษีราคาน้ำมัน ลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และไม่ขึ้นภาษีบุหรี่ เป็นต้นเหตุรัฐขาดรายได้ ต้องตัดงบฯ ปี68 #7ดอกจิก #ศิริกัญญา
    Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานสร้างภาพขายฝัน ตุ๋ยจะมา แต่งานโดนด่าเรื่องราคา ต้องประกาศหาตัว ราคาน้ำมันคืองานสำนักนายกฯ???
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ประกาศ
    #ตามหาคนหาย
    #ตุ๋ยพีระพันธ์ุ
    งานสร้างภาพขายฝัน ตุ๋ยจะมา แต่งานโดนด่าเรื่องราคา ต้องประกาศหาตัว ราคาน้ำมันคืองานสำนักนายกฯ??? #คิงส์โพธิ์แดง #ประกาศ #ตามหาคนหาย #ตุ๋ยพีระพันธ์ุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว