• O.P.K.
    เจาะลึก "ครุฑพาหนะเทพบุตร" : ทวารบาลแห่งธรรมะข้ามกาลเวลา

    ต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และมนุษย์

    การถือกำเนิดในคัมภีร์วิษณุปุราณะ

    ชื่อเต็ม: ครุฑพาหนะเทพบุตร
    ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นพาหนะแห่งเทวบุตร"
    อายุ:5,000 ปี (ร่างกาย), เป็นอมตะ (จิตวิญญาณ)
    สถานะ:ทวารบาลระดับสูงในพุทธศาสนา

    ```mermaid
    graph TB
    A[พระวิษณุ<br>ผู้สร้างจักรวาล] --> B[ประทานชีวิต<br>ให้ครุฑ]
    C[นางวินตา<br>มารดาแห่งนก] --> B
    B --> D[ครุฑพาหนะ<br>เทพบุตร]
    D --> E[ถวายตัว<br>เป็นพุทธบูชา]
    E --> F[ได้รับตำแหน่ง<br>ทวารบาลแห่งธรรมะ]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพอันโอฬาร

    · ปีก: กว้าง 1 กิโลเมตร เมื่อกางเต็มที่ สีทองอร่ามดุจดวงอาทิตย์
    · ร่างกาย: ครึ่งนกครึ่งมนุษย์ ใบหน้าเป็นเทวบุตรรูปงาม
    · ดวงตา: สีทองเรืองรอง มองเห็นได้ทั้งสามโลก
    · เกราะ: ทำจากวัชรธาตุ engraved ด้วยมนตร์พุทธะ
    · อาวุธ: คทาพระธรรมที่สร้างจากแสงแห่งปัญญา

    พลังพิเศษแห่งทวารบาล

    พุทธานุภาพระดับสูง

    ```python
    class GarudaPowers:
    def __init__(self):
    self.divine_abilities = {
    "dimensional_flight": "บินข้ามมิติและกาลเวลาได้",
    "truth_vision": "มองเห็นสัจธรรมและจิตใจสรรพชีวิต",
    "dharma_protection": "สร้างเขตคุ้มครองด้วยพุทธานุภาพ",
    "blessing_granting": "ประทานพรแก่ผู้มีศรัทธา"
    }

    self.combat_powers = {
    "wisdom_lightning": "สายฟ้าแห่งปัญญาที่ทำลายอวิชชา",
    "compassion_shield": "เกราะแห่งเมตตาที่กันภัยทั้งปวง",
    "karma_manipulation": "ปรับสมดุลแห่งกรรมในระดับหนึ่ง",
    "illusion_dispel": "ทำลายมายาทุกประเภท"
    }

    self.healing_abilities = {
    "soul_restoration": "ฟื้นฟูจิตวิญญาณที่บาดเจ็บ",
    "karmic_cleansing": "ชำระกรรมเบาบาง",
    "blessing_water": "สร้างน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์",
    "mental_peace": "ประทานความสงบทางใจ"
    }
    ```

    ข้อจำกัดแห่งทวารบาล

    ครุฑต้องปฏิบัติตามกฎแห่งธรรมะ:

    · ไม่สามารถขัดขวางกรรม: ได้โดยสมบูรณ์
    · ต้องเคารพเจตจำนงเสรี: ของมนุษย์
    · ช่วยได้เฉพาะผู้พร้อมรับ: เท่านั้น
    · ต้องไม่สร้างการพึ่งพา: ให้เกินควร

    ประวัติศาสตร์แห่งการคุ้มครองธรรมะ

    เหตุการณ์สำคัญในอดีต

    ครุฑได้คุ้มครองพุทธศาสนามาหลายยุคสมัย:

    ```mermaid
    graph LR
    A[สมัยพุทธกาล<br>คุ้มครองพระพุทธเจ้า] --> B[สมัยอาณาจักร<br>คุปตะและมงคล]
    B --> C[สมัยพุทธศาสนา<br>เผยแผ่สู่เอเชีย]
    C --> D[ปัจจุบัน<br>ฟื้นคืนชีพเพื่อยุคใหม่]
    ```

    บทบาทในสมัยพุทธกาล

    · คุ้มครองพระพุทธเจ้า: ระหว่างทรงประทับนั่งสมาธิ
    · ปราบมาร: ด้วยแสงแห่งธรรมะ
    · เป็นพาหนะ: นำพระสูตรสำคัญไปเผยแผ่

    การคุ้มครองในเอเชีย

    ครุฑเดินทางคุ้มครองพุทธศาสนาใน:

    · ศรีลังกา: คุ้มครองพระธาตุเขี้ยวแก้ว
    · ทิเบต: รักษาความรู้ตันตระ
    · ไทย: คุ้มครองพระพุทธรูปสำคัญ
    · ญี่ปุ่น: ปกป้องวัดในยุคสงคราม

    การหลับใหลและฟื้นคืนชีพ

    สาเหตุการหลับใหล

    ครุฑเข้าสู่ภาวะสมณธรรมเมื่อ 500 ปีก่อน เพราะ:

    · พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง: ไม่ต้องการการคุ้มครองเต็มที่
    · สะสมพลังงาน: เพื่อยุคสมัยที่ท้าทายยิ่งขึ้น
    · รอคอยสัญญาณ: แห่งการฟื้นคืนชีพ

    สัญญาณการตื่นนอน

    ครุฑตื่นนอนเมื่อตรวจพบ:

    ```python
    class AwakeningSignals:
    def __init__(self):
    self.spiritual_crisis = {
    "declining_morality": "ศีลธรรมในสังคมเสื่อมถอย",
    "commercialized_buddhism": "พุทธศาสนาถูกทำให้เป็นการค้า",
    "digital_distractions": "มนุษย์ติดเทคโนโลยีจนลืมธรรมะ",
    "false_teachings": "มีการสอนธรรมะผิดๆ มากมาย"
    }

    self.positive_signals = {
    "sincere_practitioners": "ยังมีผู้ปฏิบัติธรรมจริงอยู่",
    "dharma_technology": "เทคโนโลยีนำธรรมะสู่คนรุ่นใหม่",
    "global_mindfulness": "การมีสติแพร่หลายในระดับโลก",
    "interfaith_harmony": "ความร่วมมือระหว่างศาสนา"
    }
    ```

    พันธกิจ新型ในยุคดิจิตอล

    การปรับตัวสู่โลกสมัยใหม่

    ครุฑพัฒนาแนวทางใหม่ในการคุ้มครองธรรมะ:

    ```python
    class ModernMission:
    def __init__(self):
    self.digital_protection = {
    "cyber_dharma_guard": "คุ้มครองแพลตฟอร์มธรรมะออนไลน์",
    "anti_fake_teaching": "เปิดโปงผู้สอนธรรมะเท็จ",
    "mental_health_support": "สนับสนุนสุขภาพจิตผ่านดิจิตอล",
    "online_sangha": "สร้างชุมชนพุทธออนไลน์"
    }

    self.physical_protection = {
    "temple_energy_shields": "สร้างพลังงานคุ้มครองวัดสำคัญ",
    "monk_protection": "คุ้มครองพระนักเผยแผ่",
    "sacred_site_preservation": "รักษาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์",
    "artifact_guardianship": "ปกป้องพุทธวัตถุสำคัญ"
    }
    ```

    วิธีการทำงาน

    ครุฑใช้เทคนิคร่วมสมัย:

    · พลังงานดิจิตอล: สร้างเครือข่ายคุ้มครอง
    · การสื่อสารทางจิต: กับผู้มีบุญ
    · การทำงานแบบไม่เปิดเผย: เพื่อไม่ให้มนุษย์ตกใจ

    ความสัมพันธ์กับหนูดีและสิงห์

    การเป็นครูและนักเรียน

    ครุฑกับหนูดีมีความสัมพันธ์พิเศษ:

    · ครูสอนพลังงานศักดิ์สิทธิ์: ครุฑสอนหนูดีใช้พลังอย่างถูกต้อง
    · นักเรียนแห่งยุคใหม่: หนูดีสอนครุฑเข้าใจโลกสมัยใหม่
    · หุ้นส่วนทางจิตวิญญาณ: ร่วมกันปกป้องสมดุลโลก

    การร่วมงานกับ ร.ต.อ.สิงห์

    ครุฑให้ความเคารพสิงห์ในฐานะ:

    · ผู้ปกป้องความยุติธรรม: ในโลกมนุษย์
    · พ่อผู้เสียสละ: ที่เข้าใจจิตวิญญาณ
    · สะพานเชื่อม: ระหว่างกฎหมายและธรรมะ

    โครงการสำคัญสำหรับอนาคต

    แผนฟื้นฟูพุทธศาสนายุคใหม่

    ครุฑริเริ่มโครงการระยะยาว:

    ```python
    class DharmaRevivalProjects:
    def __init__(self):
    self.education_initiatives = {
    "digital_dhamma_university": "มหาวิทยาลัยธรรมะออนไลน์",
    "youth_meditation_camps": "ค่ายสมาธิสำหรับเยาวชน",
    "modern_sutta_interpretation": "ตีความพระสูตรให้ร่วมสมัย",
    "buddhist_science_dialogue": "สนทนาระหว่างพุทธกับวิทยาศาสตร์"
    }

    self.community_building = {
    "global_sangha_network": "เครือข่ายพุทธศาสนิกชนโลก",
    "interfaith_harmony_councils": "สภาสันติภาพระหว่างศาสนา",
    "dharma_entrepreneurs": "ส่งเสริมพุทธธุรกิจเชิงสร้างสรรค์",
    "mindful_technology": "พัฒนาเทคโนโลยีที่มีสติ"
    }
    ```

    ความสำเร็จและการยอมรับ

    การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

    หลังครุฑฟื้นคืนชีพและเริ่มปฏิบัติการ:

    ```python
    class Achievements:
    def __init__(self):
    self.spiritual_impact = [
    "ผู้คนหันมาสนใจปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น 45%",
    "เกิดชุมชนพุทธ 128 แห่งทั่วโลก",
    "การเรียนพระปริยัติธรรมเพิ่มขึ้นในเยาวชน"
    ]

    self.social_impact = [
    "อัตราการโกงทางจิตวิญญาณลดลง 60%",
    "ผู้สอนธรรมะเท็จถูกเปิดโปง 23 ราย",
    "โครงการสังคมสงเคราะห์เพิ่มขึ้นจากพลังศรัทธา"
    ]

    self.cultural_impact = [
    "ศิลปะพุทธเกิดขึ้น 356 ชิ้น",
    "วัด 89 แห่งถูกฟื้นฟูและพัฒนา",
    "เทศกาลพุทธได้รับความนิยม"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งปัญญาจากครุฑ

    "ธรรมะดุจปีกแห่งนก...
    เมื่อกางออกก็พาเราบินข้ามความทุกข์
    แต่ต้องฝึกฝนจึงจะบินได้อย่างคล่องแคล่ว

    และการคุ้มครองธรรมะ...
    ไม่ใช่การบังคับให้เชื่อ
    แต่คือการเปิดโอกาสให้พบความจริง"

    บทเรียนสำหรับมนุษย์ยุคใหม่

    ครุฑสอนว่า:

    · เทคโนโลยีกับธรรมะ: ไปด้วยกันได้ถ้าใช้อย่างมีสติ
    · การปฏิบัติธรรม: ต้องเข้าใจจิตใจสมัยใหม่
    · การเป็นพุทธ: ไม่ใช่การหนีโลก แต่คือการเข้าใจโลก

    อนาคตและวิสัยทัศน์

    เป้าหมายระยะยาว

    ครุฑวางแผนสำหรับ 100 ปีข้างหน้า:

    · สร้างพุทธศาสนาที่เข้าใจได้ทุก generation
    · พัฒนาระบบคุ้มครอง: แบบยั่งยืน
    · เป็นแบบอย่าง: แห่งการปรับตัวโดยไม่เสียแก่นแท้

    มรดกที่ต้องการทิ้งไว้

    ครุฑต้องการให้คนรุ่นหลังจดจำว่า:
    "พุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องเก่า...
    แต่คือภูมิปัญญาที่ทันสมัยเสมอ

    และผู้คุ้มครองธรรมะ...
    ย่อมปรับตัวตามยุคสมัย
    แต่ไม่เคยละทิ้งสัจธรรม"

    ---

    คำคมสุดท้ายจากครุฑพาหนะเทพบุตร:
    "บนปีกแห่งธรรมะ...
    เราบินนำทางผู้หลงทาง

    ในยุคแห่งดิจิตอล...
    เราคุ้มครองด้วยปัญญา

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร...
    สัจธรรมย่อมดำรงอยู่เสมอ

    เพราะธรรมะ...
    คือแสงสว่างที่ส่องทางในทุกยุคสมัย"

    พุทธพจน์แห่งครุฑ:
    "เราไม่ใช่ผู้ให้แสงสว่าง...
    แต่เป็นเพียงผู้สะท้อนแสงแห่งธรรมะ

    และไม่ใช่ผู้คุ้มครองธรรมะ...
    แต่เป็นเครื่องมือแห่งธรรมะ

    ในที่สุดแล้ว...
    ธรรมะเท่านั้นที่เป็นผู้คุ้มครองเราทั้งหมด"
    O.P.K. 🦅 เจาะลึก "ครุฑพาหนะเทพบุตร" : ทวารบาลแห่งธรรมะข้ามกาลเวลา 🌄 ต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และมนุษย์ 📖 การถือกำเนิดในคัมภีร์วิษณุปุราณะ ชื่อเต็ม: ครุฑพาหนะเทพบุตร ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นพาหนะแห่งเทวบุตร" อายุ:5,000 ปี (ร่างกาย), เป็นอมตะ (จิตวิญญาณ) สถานะ:ทวารบาลระดับสูงในพุทธศาสนา ```mermaid graph TB A[พระวิษณุ<br>ผู้สร้างจักรวาล] --> B[ประทานชีวิต<br>ให้ครุฑ] C[นางวินตา<br>มารดาแห่งนก] --> B B --> D[ครุฑพาหนะ<br>เทพบุตร] D --> E[ถวายตัว<br>เป็นพุทธบูชา] E --> F[ได้รับตำแหน่ง<br>ทวารบาลแห่งธรรมะ] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพอันโอฬาร · ปีก: กว้าง 1 กิโลเมตร เมื่อกางเต็มที่ สีทองอร่ามดุจดวงอาทิตย์ · ร่างกาย: ครึ่งนกครึ่งมนุษย์ ใบหน้าเป็นเทวบุตรรูปงาม · ดวงตา: สีทองเรืองรอง มองเห็นได้ทั้งสามโลก · เกราะ: ทำจากวัชรธาตุ engraved ด้วยมนตร์พุทธะ · อาวุธ: คทาพระธรรมที่สร้างจากแสงแห่งปัญญา 🔮 พลังพิเศษแห่งทวารบาล 💫 พุทธานุภาพระดับสูง ```python class GarudaPowers: def __init__(self): self.divine_abilities = { "dimensional_flight": "บินข้ามมิติและกาลเวลาได้", "truth_vision": "มองเห็นสัจธรรมและจิตใจสรรพชีวิต", "dharma_protection": "สร้างเขตคุ้มครองด้วยพุทธานุภาพ", "blessing_granting": "ประทานพรแก่ผู้มีศรัทธา" } self.combat_powers = { "wisdom_lightning": "สายฟ้าแห่งปัญญาที่ทำลายอวิชชา", "compassion_shield": "เกราะแห่งเมตตาที่กันภัยทั้งปวง", "karma_manipulation": "ปรับสมดุลแห่งกรรมในระดับหนึ่ง", "illusion_dispel": "ทำลายมายาทุกประเภท" } self.healing_abilities = { "soul_restoration": "ฟื้นฟูจิตวิญญาณที่บาดเจ็บ", "karmic_cleansing": "ชำระกรรมเบาบาง", "blessing_water": "สร้างน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์", "mental_peace": "ประทานความสงบทางใจ" } ``` 🛡️ ข้อจำกัดแห่งทวารบาล ครุฑต้องปฏิบัติตามกฎแห่งธรรมะ: · ไม่สามารถขัดขวางกรรม: ได้โดยสมบูรณ์ · ต้องเคารพเจตจำนงเสรี: ของมนุษย์ · ช่วยได้เฉพาะผู้พร้อมรับ: เท่านั้น · ต้องไม่สร้างการพึ่งพา: ให้เกินควร 📜 ประวัติศาสตร์แห่งการคุ้มครองธรรมะ 🕰️ เหตุการณ์สำคัญในอดีต ครุฑได้คุ้มครองพุทธศาสนามาหลายยุคสมัย: ```mermaid graph LR A[สมัยพุทธกาล<br>คุ้มครองพระพุทธเจ้า] --> B[สมัยอาณาจักร<br>คุปตะและมงคล] B --> C[สมัยพุทธศาสนา<br>เผยแผ่สู่เอเชีย] C --> D[ปัจจุบัน<br>ฟื้นคืนชีพเพื่อยุคใหม่] ``` 🏛️ บทบาทในสมัยพุทธกาล · คุ้มครองพระพุทธเจ้า: ระหว่างทรงประทับนั่งสมาธิ · ปราบมาร: ด้วยแสงแห่งธรรมะ · เป็นพาหนะ: นำพระสูตรสำคัญไปเผยแผ่ 🌏 การคุ้มครองในเอเชีย ครุฑเดินทางคุ้มครองพุทธศาสนาใน: · ศรีลังกา: คุ้มครองพระธาตุเขี้ยวแก้ว · ทิเบต: รักษาความรู้ตันตระ · ไทย: คุ้มครองพระพุทธรูปสำคัญ · ญี่ปุ่น: ปกป้องวัดในยุคสงคราม 💤 การหลับใหลและฟื้นคืนชีพ 😴 สาเหตุการหลับใหล ครุฑเข้าสู่ภาวะสมณธรรมเมื่อ 500 ปีก่อน เพราะ: · พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง: ไม่ต้องการการคุ้มครองเต็มที่ · สะสมพลังงาน: เพื่อยุคสมัยที่ท้าทายยิ่งขึ้น · รอคอยสัญญาณ: แห่งการฟื้นคืนชีพ 🔔 สัญญาณการตื่นนอน ครุฑตื่นนอนเมื่อตรวจพบ: ```python class AwakeningSignals: def __init__(self): self.spiritual_crisis = { "declining_morality": "ศีลธรรมในสังคมเสื่อมถอย", "commercialized_buddhism": "พุทธศาสนาถูกทำให้เป็นการค้า", "digital_distractions": "มนุษย์ติดเทคโนโลยีจนลืมธรรมะ", "false_teachings": "มีการสอนธรรมะผิดๆ มากมาย" } self.positive_signals = { "sincere_practitioners": "ยังมีผู้ปฏิบัติธรรมจริงอยู่", "dharma_technology": "เทคโนโลยีนำธรรมะสู่คนรุ่นใหม่", "global_mindfulness": "การมีสติแพร่หลายในระดับโลก", "interfaith_harmony": "ความร่วมมือระหว่างศาสนา" } ``` 🌟 พันธกิจ新型ในยุคดิจิตอล 💻 การปรับตัวสู่โลกสมัยใหม่ ครุฑพัฒนาแนวทางใหม่ในการคุ้มครองธรรมะ: ```python class ModernMission: def __init__(self): self.digital_protection = { "cyber_dharma_guard": "คุ้มครองแพลตฟอร์มธรรมะออนไลน์", "anti_fake_teaching": "เปิดโปงผู้สอนธรรมะเท็จ", "mental_health_support": "สนับสนุนสุขภาพจิตผ่านดิจิตอล", "online_sangha": "สร้างชุมชนพุทธออนไลน์" } self.physical_protection = { "temple_energy_shields": "สร้างพลังงานคุ้มครองวัดสำคัญ", "monk_protection": "คุ้มครองพระนักเผยแผ่", "sacred_site_preservation": "รักษาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์", "artifact_guardianship": "ปกป้องพุทธวัตถุสำคัญ" } ``` 🎯 วิธีการทำงาน ครุฑใช้เทคนิคร่วมสมัย: · พลังงานดิจิตอล: สร้างเครือข่ายคุ้มครอง · การสื่อสารทางจิต: กับผู้มีบุญ · การทำงานแบบไม่เปิดเผย: เพื่อไม่ให้มนุษย์ตกใจ 🤝 ความสัมพันธ์กับหนูดีและสิงห์ 💞 การเป็นครูและนักเรียน ครุฑกับหนูดีมีความสัมพันธ์พิเศษ: · ครูสอนพลังงานศักดิ์สิทธิ์: ครุฑสอนหนูดีใช้พลังอย่างถูกต้อง · นักเรียนแห่งยุคใหม่: หนูดีสอนครุฑเข้าใจโลกสมัยใหม่ · หุ้นส่วนทางจิตวิญญาณ: ร่วมกันปกป้องสมดุลโลก 🛡️ การร่วมงานกับ ร.ต.อ.สิงห์ ครุฑให้ความเคารพสิงห์ในฐานะ: · ผู้ปกป้องความยุติธรรม: ในโลกมนุษย์ · พ่อผู้เสียสละ: ที่เข้าใจจิตวิญญาณ · สะพานเชื่อม: ระหว่างกฎหมายและธรรมะ 📚 โครงการสำคัญสำหรับอนาคต 🌱 แผนฟื้นฟูพุทธศาสนายุคใหม่ ครุฑริเริ่มโครงการระยะยาว: ```python class DharmaRevivalProjects: def __init__(self): self.education_initiatives = { "digital_dhamma_university": "มหาวิทยาลัยธรรมะออนไลน์", "youth_meditation_camps": "ค่ายสมาธิสำหรับเยาวชน", "modern_sutta_interpretation": "ตีความพระสูตรให้ร่วมสมัย", "buddhist_science_dialogue": "สนทนาระหว่างพุทธกับวิทยาศาสตร์" } self.community_building = { "global_sangha_network": "เครือข่ายพุทธศาสนิกชนโลก", "interfaith_harmony_councils": "สภาสันติภาพระหว่างศาสนา", "dharma_entrepreneurs": "ส่งเสริมพุทธธุรกิจเชิงสร้างสรรค์", "mindful_technology": "พัฒนาเทคโนโลยีที่มีสติ" } ``` 🏆 ความสำเร็จและการยอมรับ 🌈 การเปลี่ยนแปลงเชิงบวก หลังครุฑฟื้นคืนชีพและเริ่มปฏิบัติการ: ```python class Achievements: def __init__(self): self.spiritual_impact = [ "ผู้คนหันมาสนใจปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น 45%", "เกิดชุมชนพุทธ 128 แห่งทั่วโลก", "การเรียนพระปริยัติธรรมเพิ่มขึ้นในเยาวชน" ] self.social_impact = [ "อัตราการโกงทางจิตวิญญาณลดลง 60%", "ผู้สอนธรรมะเท็จถูกเปิดโปง 23 ราย", "โครงการสังคมสงเคราะห์เพิ่มขึ้นจากพลังศรัทธา" ] self.cultural_impact = [ "ศิลปะพุทธเกิดขึ้น 356 ชิ้น", "วัด 89 แห่งถูกฟื้นฟูและพัฒนา", "เทศกาลพุทธได้รับความนิยม" ] ``` 💫 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งปัญญาจากครุฑ "ธรรมะดุจปีกแห่งนก... เมื่อกางออกก็พาเราบินข้ามความทุกข์ แต่ต้องฝึกฝนจึงจะบินได้อย่างคล่องแคล่ว และการคุ้มครองธรรมะ... ไม่ใช่การบังคับให้เชื่อ แต่คือการเปิดโอกาสให้พบความจริง" 🌟 บทเรียนสำหรับมนุษย์ยุคใหม่ ครุฑสอนว่า: · เทคโนโลยีกับธรรมะ: ไปด้วยกันได้ถ้าใช้อย่างมีสติ · การปฏิบัติธรรม: ต้องเข้าใจจิตใจสมัยใหม่ · การเป็นพุทธ: ไม่ใช่การหนีโลก แต่คือการเข้าใจโลก 🔮 อนาคตและวิสัยทัศน์ 🚀 เป้าหมายระยะยาว ครุฑวางแผนสำหรับ 100 ปีข้างหน้า: · สร้างพุทธศาสนาที่เข้าใจได้ทุก generation · พัฒนาระบบคุ้มครอง: แบบยั่งยืน · เป็นแบบอย่าง: แห่งการปรับตัวโดยไม่เสียแก่นแท้ 💝 มรดกที่ต้องการทิ้งไว้ ครุฑต้องการให้คนรุ่นหลังจดจำว่า: "พุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องเก่า... แต่คือภูมิปัญญาที่ทันสมัยเสมอ และผู้คุ้มครองธรรมะ... ย่อมปรับตัวตามยุคสมัย แต่ไม่เคยละทิ้งสัจธรรม" --- คำคมสุดท้ายจากครุฑพาหนะเทพบุตร: "บนปีกแห่งธรรมะ... เราบินนำทางผู้หลงทาง ในยุคแห่งดิจิตอล... เราคุ้มครองด้วยปัญญา และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร... สัจธรรมย่อมดำรงอยู่เสมอ เพราะธรรมะ... คือแสงสว่างที่ส่องทางในทุกยุคสมัย"🦅✨ พุทธพจน์แห่งครุฑ: "เราไม่ใช่ผู้ให้แสงสว่าง... แต่เป็นเพียงผู้สะท้อนแสงแห่งธรรมะ และไม่ใช่ผู้คุ้มครองธรรมะ... แต่เป็นเครื่องมือแห่งธรรมะ ในที่สุดแล้ว... ธรรมะเท่านั้นที่เป็นผู้คุ้มครองเราทั้งหมด"🌅
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //


    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา เนื้อว่านหลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา //พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยมีพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดหลายท่าน และ ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่วัด พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** เนื้อว่านหลวงปู่ทวด รุ่นแรก วัดวาลุการาม วัดคลองทรายใน จ.ยะลา พระดี พิธีใหญ่ โดยมีเกจิอาจารย์ดังนั่งปรกอธิฐานจิต ได้แก่ หลวงพ่อหวาน วัดสะบ้าย้อย พ่อท่านพล วัดนาประดู่ พระอาจารย์แดง วัดไร่บางตาวา และ พระสุนทรปริยัติภิธาน เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี นอกจากนั้น ได้มี ฤาษีสมพิศ ณาณโสภี จ.ปทุมธานี และฤาษีเกศแก้ว แห่งบ้านโคกกุง จ.หนองบัวลำภู ได้มาร่วมในพิธีปลุกเสกที่วัด พร้อมกันนี้ได้มอบเครื่องรางของขลัง ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยพิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้น ปลุกเสก 19-27 ส.ค 2553 >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อทับหลังหลวงพ่อรัศมี วัดปรางแก้ว จ.สงขลา
    เหรียญรุ่น2 หลวงพ่อทับหลังหลวงพ่อรัศมี วัดปรางแก้ว ต.ทุ่งลาน อ.หากใหญ่ จ.สงขลา // พระดีพิธีใหญ่ นานๆ จะพบเห็น เป็นพระประสบการณ์ดี ถือว่าเป็นเหรียญหลวงพ่อรัศมีที่นิยมหากันครับ หลวงพ่อทับ วัดปรางแก้ว ผู้สร้างตำนาน พระเครื่องพิมพ์หลวงพ่อรัศมีอันโด่งดัง //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง ดูง่าย หายากก น่าใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านมหาอำนาจ เหนียว แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นที่ประจักษ์ อยู่ยงคงกระพัน ไม่เป็นอันตรายจากศัตราวุธทั้งหลาย ช่วยให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ เมตตามหานิยม และโชคลาภ เป็นเลิศ >>

    ** วัดปรางแก้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2429 โดยพระครูวิสุทธิโมลี เจ้าคณะเมืองเป็นผู้ขนานนามวัดให้ ในการสร้างวัดมีพระอธิการคงแก้ว แห่งวัดบางศาลาได้มาเป็นประธานนำสร้างวัด ชาวบ้านมักเรียกนามวัดตามชื่อบ้านว่า “วัดบ้านพร้าว” วัดปรางแก้วได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2442 มีการเปิดสอนพระปริยัติธรรมตั้งแต่ พ.ศ.2507 นอกจากนี้ยังได้จัดสร้างโรงเรียนประถมศึกษาขึ้นในวัดเมื่อ พ.ศ.2496 พระครูสุตรัตนคุณ(อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อน) ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัดปรางแก้ว ไว้ใต้พระอุโบสถหลังใหม่ ข้าวของที่จัดแสดงส่วนใหญ่เป็นสมบัติวัดแต่เดิม ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่บริจาคให้แก่วัด เช่น เครื่องทองเหลือง เครื่องเคลือบ เครื่องมือทำมาหากิน เครื่องลายคราม เครื่องประดับ และเครื่องยาสมุนไพรสำหรับใช้ปรุงยาพรหมประสิทธิ์ >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง ดูง่าย หายากก น่าใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทับหลังหลวงพ่อรัศมี วัดปรางแก้ว จ.สงขลา เหรียญรุ่น2 หลวงพ่อทับหลังหลวงพ่อรัศมี วัดปรางแก้ว ต.ทุ่งลาน อ.หากใหญ่ จ.สงขลา // พระดีพิธีใหญ่ นานๆ จะพบเห็น เป็นพระประสบการณ์ดี ถือว่าเป็นเหรียญหลวงพ่อรัศมีที่นิยมหากันครับ หลวงพ่อทับ วัดปรางแก้ว ผู้สร้างตำนาน พระเครื่องพิมพ์หลวงพ่อรัศมีอันโด่งดัง //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง ดูง่าย หายากก น่าใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านมหาอำนาจ เหนียว แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นที่ประจักษ์ อยู่ยงคงกระพัน ไม่เป็นอันตรายจากศัตราวุธทั้งหลาย ช่วยให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ เมตตามหานิยม และโชคลาภ เป็นเลิศ >> ** วัดปรางแก้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2429 โดยพระครูวิสุทธิโมลี เจ้าคณะเมืองเป็นผู้ขนานนามวัดให้ ในการสร้างวัดมีพระอธิการคงแก้ว แห่งวัดบางศาลาได้มาเป็นประธานนำสร้างวัด ชาวบ้านมักเรียกนามวัดตามชื่อบ้านว่า “วัดบ้านพร้าว” วัดปรางแก้วได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2442 มีการเปิดสอนพระปริยัติธรรมตั้งแต่ พ.ศ.2507 นอกจากนี้ยังได้จัดสร้างโรงเรียนประถมศึกษาขึ้นในวัดเมื่อ พ.ศ.2496 พระครูสุตรัตนคุณ(อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อน) ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัดปรางแก้ว ไว้ใต้พระอุโบสถหลังใหม่ ข้าวของที่จัดแสดงส่วนใหญ่เป็นสมบัติวัดแต่เดิม ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่บริจาคให้แก่วัด เช่น เครื่องทองเหลือง เครื่องเคลือบ เครื่องมือทำมาหากิน เครื่องลายคราม เครื่องประดับ และเครื่องยาสมุนไพรสำหรับใช้ปรุงยาพรหมประสิทธิ์ >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง ดูง่าย หายากก น่าใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพระพุทธสิงห์1 รุ่นปาฏิหาริย์1 วัดแก่นเหนือ จ.เชียงราย ปี2539
    เหรียญพระพุทธสิงห์1 ที่ระลึกฉลองอุโบสถ หลังฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี รุ่นปาฏิหาริย์1 เนื้อทองแดงรมดำ วัดแก่นเหนือ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ปี2539 // พระดีพิธีใหญ่ ที่ระลึกฉลองอุโบสถ //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณเมตตามหานิยม ทำให้การงานราบรื่น แคล้วคลาดจากภัยอันตราย และเสริมสร้างสิริมงคล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและธุรกิจ การค้าขายรุ่งเรือง ช่วยเสริมบารมีและอำนาจให้แก่ผู้บูชา >>

    ** วัดแก่นเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านแก่นเหนือ ตำบลห้วยซ้อ มีมาช้านานแล้วแต่ประวัติความเป็นมาไม่ปรากฏ พระอุโบสถหลังปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 และดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2539 ด้วยศรัทธาของชาวบ้านแก่นเหนือ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย และมีจิตรกรรมฝาผนังอยู่ภายในเป็นเรื่องของการเทศน์มหาชาติ ด้านข้างพระอุโบสถมีขอนไม้คะเคียนโบราณอยู่แห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้เป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมประจำตำบลห้วยซ้อ >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญพระพุทธสิงห์1 รุ่นปาฏิหาริย์1 วัดแก่นเหนือ จ.เชียงราย ปี2539 เหรียญพระพุทธสิงห์1 ที่ระลึกฉลองอุโบสถ หลังฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี รุ่นปาฏิหาริย์1 เนื้อทองแดงรมดำ วัดแก่นเหนือ ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ปี2539 // พระดีพิธีใหญ่ ที่ระลึกฉลองอุโบสถ //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณเมตตามหานิยม ทำให้การงานราบรื่น แคล้วคลาดจากภัยอันตราย และเสริมสร้างสิริมงคล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและธุรกิจ การค้าขายรุ่งเรือง ช่วยเสริมบารมีและอำนาจให้แก่ผู้บูชา >> ** วัดแก่นเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านแก่นเหนือ ตำบลห้วยซ้อ มีมาช้านานแล้วแต่ประวัติความเป็นมาไม่ปรากฏ พระอุโบสถหลังปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 และดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2539 ด้วยศรัทธาของชาวบ้านแก่นเหนือ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย และมีจิตรกรรมฝาผนังอยู่ภายในเป็นเรื่องของการเทศน์มหาชาติ ด้านข้างพระอุโบสถมีขอนไม้คะเคียนโบราณอยู่แห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้เป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมประจำตำบลห้วยซ้อ >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรากฎการณ์พระร่วง กิเลสหนา-ไม่ทันโลก สีกากอล์ฟป่วนวงการสงฆ์ ตำรวจสอบเส้นทางเงิน 4 วัดดัง พบโอนกว่า 11 ล้านบาท ชี้ช่องโหว่ กม.เปิดทางพระรวยผิดปกติ แนะปฏิรูปการเรียนสงฆ์ เน้นปฏิบัติควบคู่ปริยัติ สกัดกิเลส-ทันโลกยุคใหม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065962

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ปรากฎการณ์พระร่วง กิเลสหนา-ไม่ทันโลก สีกากอล์ฟป่วนวงการสงฆ์ ตำรวจสอบเส้นทางเงิน 4 วัดดัง พบโอนกว่า 11 ล้านบาท ชี้ช่องโหว่ กม.เปิดทางพระรวยผิดปกติ แนะปฏิรูปการเรียนสงฆ์ เน้นปฏิบัติควบคู่ปริยัติ สกัดกิเลส-ทันโลกยุคใหม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065962 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ
    สัทธรรมลำดับที่ : 1042
    ชื่อบทธรรม :- การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1042
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลเปรียบด้วย เมฆฝน ๔ จำพวก เหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก.
    สี่ อย่างไรเล่า? สี่ คือ &บุคคลเปรียบเหมือนเมฆฝน
    http://etipitaka.com/read/pali/21/136/?keywords=วลาหกา
    ๑.ที่คำรามแล้วไม่ตก
    ๒.ที่ตกแต่ไม่คำราม
    ๓.ทั้งไม่คำรามและไม่ตก
    ๔.ทั้งคำรามทั้งตก
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เล่าเรียนธรรม คือ
    สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ
    แต่เขาไม่รู้ตามที่เป็นจริงว่า
    “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ ”
    ดังนี้
    : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่าเปรียบด้วยเมฆฝนที่คำรามแล้วไม่ตก.
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่ได้เล่าเรียนธรรม คือ
    สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ
    แต่เขารู้ชัดตามเป็นจริงว่า
    “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ”
    ดังนี้
    : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่าเปรียบด้วยเมฆฝนที่ตกแต่ไม่คำราม.
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่ได้เล่าเรียนธรรม คือ
    สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ
    และไม่รู้ชัดตามเป็นจริงว่า
    “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ”
    ดังนี้
    : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่าเปรียบด้วยเมฆฝนที่ทั้งไม่คำรามและไม่ตก.
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เล่าเรียนธรรม คือ
    สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ ด้วย;
    และเขารู้ชัดตามเป็นจริงว่า
    “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ,
    ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ”
    ดังนี้ด้วย
    : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่าเปรียบด้วยเมฆฝนที่ทั้งคำรามทั้งตก.-
    (
    ในสูตรอื่น (๒๑/๑๓๘/๑๐๓)
    http://etipitaka.com/read/pali/21/138/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%93
    ตรัสเปรียบลักษณะอาการสี่อย่างแห่งข้อความข้างบนนี้
    ด้วย &หม้อสี่ชนิด คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/21/138/?keywords=กุมฺภา
    หม้อเปล่า – ปิด เปรียบด้วยภิกษุ ไม่รู้อริยสัจแต่ มีสมณสารูป ;
    หม้อเต็ม – เปิด เปรียบด้วยภิกษุ รู้อริยสัจแต่ ไม่มีสมณสารูป ;
    หม้อเปล่า – เปิด เปรียบด้วยภิกษุ ไม่รู้อริยสัจและไม่มีสมณสารูป ;
    หม้อเต็ม – ปิด เปรียบด้วยภิกษุ รู้อริยสัจและมีสมณสารูป.

    --ในสูตรอื่น (๒๑/๑๔๐/๑๐๔)
    http://etipitaka.com/read/pali/21/140/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94
    ตรัสเปรียบด้วย &ห้วงน้ำสี่ชนิด คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/21/140/?keywords=อุทกรหทา
    ห้วงน้ำตื้น เงาลึก = ไม่รู้อริยสัจแต่มีสมณสารูป ;
    ห้วงน้ำลึก เงาตื้น = รู้อริยสัจ แต่ไม่มีสมณสารูป ;
    ห้วงน้ำตื้น เงาตื้น = ไม่รู้อริยสัจ และไม่มีสมณสารูป;
    ห้วงน้ำลึก เงาลึก = รู้อริยสัจและมีสมณสารูป.

    --ในสูตรอื่น (๒๑/๑๔๒/๑๐๕)
    http://etipitaka.com/read/pali/21/142/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%95
    ตรัสเปรียบด้วย &มะม่วงสี่ชนิด คือ
    http://etipitaka.com/read/pali/21/142/?keywords=อมฺพานิ
    มะม่วงดิบ สีเหมือนสุก ได้แก่ ไม่รู้อริยสัจ แต่มีสมณสารูป ;
    มะม่วงสุก สีเหมือนดิบ ได้แก่ รู้อริยสัจ แต่ไม่มีสมณสารูป;
    มะม่วงดิบ สีเหมือนดิบ ได้แก่ ไม่รู้อริยสัจและไม่มีสมณสารูป ;
    มะม่วงสุก สีเหมือนสุก ได้แก่ รู้อริยสัจและมีสมณสารูป.
    --ผู้สนใจในส่วนรายละเอียด ดูได้จากที่มานั้นๆ
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทสสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/103/102.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/103/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๓๖/๑๐๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/136/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1042
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1042
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91
    ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ สัทธรรมลำดับที่ : 1042 ชื่อบทธรรม :- การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1042 เนื้อความทั้งหมด :- --การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ --ภิกษุ ท. ! บุคคลเปรียบด้วย เมฆฝน ๔ จำพวก เหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. สี่ อย่างไรเล่า? สี่ คือ &บุคคลเปรียบเหมือนเมฆฝน http://etipitaka.com/read/pali/21/136/?keywords=วลาหกา ๑.ที่คำรามแล้วไม่ตก ๒.ที่ตกแต่ไม่คำราม ๓.ทั้งไม่คำรามและไม่ตก ๔.ทั้งคำรามทั้งตก --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ แต่เขาไม่รู้ตามที่เป็นจริงว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ ” ดังนี้ : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่าเปรียบด้วยเมฆฝนที่คำรามแล้วไม่ตก. --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่ได้เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ แต่เขารู้ชัดตามเป็นจริงว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่าเปรียบด้วยเมฆฝนที่ตกแต่ไม่คำราม. --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่ได้เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ และไม่รู้ชัดตามเป็นจริงว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่าเปรียบด้วยเมฆฝนที่ทั้งไม่คำรามและไม่ตก. --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ ด้วย; และเขารู้ชัดตามเป็นจริงว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ด้วย : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่าเปรียบด้วยเมฆฝนที่ทั้งคำรามทั้งตก.- ( ในสูตรอื่น (๒๑/๑๓๘/๑๐๓) http://etipitaka.com/read/pali/21/138/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%93 ตรัสเปรียบลักษณะอาการสี่อย่างแห่งข้อความข้างบนนี้ ด้วย &หม้อสี่ชนิด คือ http://etipitaka.com/read/pali/21/138/?keywords=กุมฺภา หม้อเปล่า – ปิด เปรียบด้วยภิกษุ ไม่รู้อริยสัจแต่ มีสมณสารูป ; หม้อเต็ม – เปิด เปรียบด้วยภิกษุ รู้อริยสัจแต่ ไม่มีสมณสารูป ; หม้อเปล่า – เปิด เปรียบด้วยภิกษุ ไม่รู้อริยสัจและไม่มีสมณสารูป ; หม้อเต็ม – ปิด เปรียบด้วยภิกษุ รู้อริยสัจและมีสมณสารูป. --ในสูตรอื่น (๒๑/๑๔๐/๑๐๔) http://etipitaka.com/read/pali/21/140/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94 ตรัสเปรียบด้วย &ห้วงน้ำสี่ชนิด คือ http://etipitaka.com/read/pali/21/140/?keywords=อุทกรหทา ห้วงน้ำตื้น เงาลึก = ไม่รู้อริยสัจแต่มีสมณสารูป ; ห้วงน้ำลึก เงาตื้น = รู้อริยสัจ แต่ไม่มีสมณสารูป ; ห้วงน้ำตื้น เงาตื้น = ไม่รู้อริยสัจ และไม่มีสมณสารูป; ห้วงน้ำลึก เงาลึก = รู้อริยสัจและมีสมณสารูป. --ในสูตรอื่น (๒๑/๑๔๒/๑๐๕) http://etipitaka.com/read/pali/21/142/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%95 ตรัสเปรียบด้วย &มะม่วงสี่ชนิด คือ http://etipitaka.com/read/pali/21/142/?keywords=อมฺพานิ มะม่วงดิบ สีเหมือนสุก ได้แก่ ไม่รู้อริยสัจ แต่มีสมณสารูป ; มะม่วงสุก สีเหมือนดิบ ได้แก่ รู้อริยสัจ แต่ไม่มีสมณสารูป; มะม่วงดิบ สีเหมือนดิบ ได้แก่ ไม่รู้อริยสัจและไม่มีสมณสารูป ; มะม่วงสุก สีเหมือนสุก ได้แก่ รู้อริยสัจและมีสมณสารูป. --ผู้สนใจในส่วนรายละเอียด ดูได้จากที่มานั้นๆ ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทสสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/103/102. http://etipitaka.com/read/thai/21/103/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๓๖/๑๐๒. http://etipitaka.com/read/pali/21/136/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1042 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1042 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91 ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ
    -การเรียนปริยัติ มิใช่การรู้อริยสัจ ภิกษุ ท. ! บุคคลเปรียบด้วย เมฆฝน ๔ จำพวก เหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. สี่ อย่างไรเล่า? สี่ คือ บุคคลเปรียบเหมือนเมฆฝนที่คำรามแล้วไม่ตก ๑ ที่ตกแต่ไม่คำราม ๑ ทั้งไม่คำรามและไม่ตก ๑ ทั้งคำรามทั้งตก ๑. ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ แต่เขาไม่รู้ตามที่เป็นจริงว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ ” ดังนี้ : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่า เปรียบด้วยเมฆฝนที่คำรามแล้วไม่ตก. ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่ได้เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ แต่เขารู้ชัดตามเป็นจริงว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่า เปรียบด้วยเมฆฝนที่ตกแต่ไม่คำราม. ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่ได้เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ และไม่รู้ชัดตามเป็นจริงว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่า เปรียบด้วยเมฆฝนที่ทั้งไม่คำรามและไม่ตก. ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ ด้วย; และเขารู้ชัดตามเป็นจริงว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขสมุทัย เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธ เป็นอย่างนี้ๆ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ด้วย : ภิกษุ ท. ! เราเรียก บุคคลนี้ ว่า เปรียบด้วยเมฆฝนที่ทั้งคำรามทั้งตก.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญแจกทานหน้าเลื่อน หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555
    เหรียญแจกทานหน้าเลื่อนสมณศักดิ์ เนื้อทองแดงรมดำ ( ตอกโค๊ตจม ๕๕ ) หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 //"เปิดของหายาก หนึ่งเดียวในเว็บ" !! พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกหลายวาระ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >>


    ** พระดี พิธีใหญ๋ พิธีมหาพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2555 ณ.อุโบสถวัดช้างให้

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง หลวงพ่อทวด รุ่นเสาร์ ๕ มหามงคล
    1.เพื่อน้อมรำลึกคุณูปการของอาจารย์ทิม
    2.จัดซื้อที่ดินขยายอาณาเขต วัดช้างให้
    3.บูรณปฏิสังขรณ์ซุ้มประตูรอบพระอุโบสถ วัดช้างให้
    4.สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรม แผนกบาลี ประจำจังหวัดปัตตานี
    5.ส่งเสริมศูนย์การศึกษาพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดช้างให้
    6.งานสาธารณประโยชน์ของทางราชการ และประชาชนทั่วไป

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญแจกทานหน้าเลื่อน หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 เหรียญแจกทานหน้าเลื่อนสมณศักดิ์ เนื้อทองแดงรมดำ ( ตอกโค๊ตจม ๕๕ ) หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 //"เปิดของหายาก หนึ่งเดียวในเว็บ" !! พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกหลายวาระ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >> ** พระดี พิธีใหญ๋ พิธีมหาพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2555 ณ.อุโบสถวัดช้างให้ วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง หลวงพ่อทวด รุ่นเสาร์ ๕ มหามงคล 1.เพื่อน้อมรำลึกคุณูปการของอาจารย์ทิม 2.จัดซื้อที่ดินขยายอาณาเขต วัดช้างให้ 3.บูรณปฏิสังขรณ์ซุ้มประตูรอบพระอุโบสถ วัดช้างให้ 4.สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรม แผนกบาลี ประจำจังหวัดปัตตานี 5.ส่งเสริมศูนย์การศึกษาพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดช้างให้ 6.งานสาธารณประโยชน์ของทางราชการ และประชาชนทั่วไป ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นฉลองสมณศักดิ์ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2548
    เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นฉลองสมณศักดิ์ ( เลื่อน48 ) วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2548 //พระดีพิธีใหญ่ (กะแสกำลังมาเเรง) #จำนวนจัดสร้าง 500 เหรียญน้อยมากๆ // พุทธาภิเษกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด -สายเขาอ้อ ร่วมปลุกเสกหลายท่าน //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านเมตตาหานิยม โภคทรัพย์ เรียกทรัพย์และคุ้มครองป้องกันภัย.จะเจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย โชคลาภ เรียกทรัพย์หนุนดวง โชคลาภมหาสมบัติค้าขายร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด >>

    ** เหรียญฉลองสมณศักดิ์ พ่อท่านหย่วน วัดช้างให้ ซึ่งท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์จากพระครูสังฆรักษ์สายัณต์ จนฺทสโร.เป็นพระครูปริยัติกิจโสภณเมื่อปี พ.ศ.2547.จึงได้จัดสร้างเหรียญเสมาเล็กแจกให้แก่พรเเละญาติโยมคนสนิทจำนวนหนึ่งต่อมาปี2548ได้จัดสร้างเหรียญฉลองสมณศักดิ์ (#เลื่อน48) ขึ้นมาเพื่อเเจกพระเณรชาวบ้านในพื้นที่เเละคนใกล้ชิดวัตถุประสงค์การสร้างดีสร้างเเจกไม่เปิดให้เช่าบูชาสร้างน้อยมากๆหายากจึงไม่เพียงพอความต้องการขอนักสะสมเป็นอีกรุ่นที่น่าสะสม

    ** เหรียญฉลองสมณศักดิ์2548 เป็นที่ห่วงเเหนของชาวบ้านเเละคนในพื้นที่เเละผู้ที่มีไว้ในครอบครองเป็นอย่างมากยากที่จะปล่อยให้หลุดมือปัจจุบันมีหมุนเวียนในตลาดน้อยมากๆจึงทำให้ราคาร้อนเเรงมากๆใครมีอยู่ในมือเก็บไว้ให้เเน่นนะครับอีกไม่นานคงพลิกเเผ่นดินหา ปัจจุบันนี้ราคายังจับต้องได้เเละยังพอมีให้เห็นหมุนเวียนในตลาดเก็บก่อนที่จะหาเก็บไม่ไม่ได้บางสิ่งบางอย่างมีเงินมากสักเเค่ไหนถ้าไม่มีคนขายท่านก็ซื้อไม่ได้ >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นฉลองสมณศักดิ์ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2548 เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นฉลองสมณศักดิ์ ( เลื่อน48 ) วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2548 //พระดีพิธีใหญ่ (กะแสกำลังมาเเรง) #จำนวนจัดสร้าง 500 เหรียญน้อยมากๆ // พุทธาภิเษกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด -สายเขาอ้อ ร่วมปลุกเสกหลายท่าน //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านเมตตาหานิยม โภคทรัพย์ เรียกทรัพย์และคุ้มครองป้องกันภัย.จะเจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย โชคลาภ เรียกทรัพย์หนุนดวง โชคลาภมหาสมบัติค้าขายร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด >> ** เหรียญฉลองสมณศักดิ์ พ่อท่านหย่วน วัดช้างให้ ซึ่งท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์จากพระครูสังฆรักษ์สายัณต์ จนฺทสโร.เป็นพระครูปริยัติกิจโสภณเมื่อปี พ.ศ.2547.จึงได้จัดสร้างเหรียญเสมาเล็กแจกให้แก่พรเเละญาติโยมคนสนิทจำนวนหนึ่งต่อมาปี2548ได้จัดสร้างเหรียญฉลองสมณศักดิ์ (#เลื่อน48) ขึ้นมาเพื่อเเจกพระเณรชาวบ้านในพื้นที่เเละคนใกล้ชิดวัตถุประสงค์การสร้างดีสร้างเเจกไม่เปิดให้เช่าบูชาสร้างน้อยมากๆหายากจึงไม่เพียงพอความต้องการขอนักสะสมเป็นอีกรุ่นที่น่าสะสม ** เหรียญฉลองสมณศักดิ์2548 เป็นที่ห่วงเเหนของชาวบ้านเเละคนในพื้นที่เเละผู้ที่มีไว้ในครอบครองเป็นอย่างมากยากที่จะปล่อยให้หลุดมือปัจจุบันมีหมุนเวียนในตลาดน้อยมากๆจึงทำให้ราคาร้อนเเรงมากๆใครมีอยู่ในมือเก็บไว้ให้เเน่นนะครับอีกไม่นานคงพลิกเเผ่นดินหา ปัจจุบันนี้ราคายังจับต้องได้เเละยังพอมีให้เห็นหมุนเวียนในตลาดเก็บก่อนที่จะหาเก็บไม่ไม่ได้บางสิ่งบางอย่างมีเงินมากสักเเค่ไหนถ้าไม่มีคนขายท่านก็ซื้อไม่ได้ >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหัวโตหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี รุ่นสร้างอนุสรณ์สถานตำรวจ ปี2556
    เหรียญหัวโตหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ( หมายเลขกำกับ ๑๒๑๙๓ หลังตอกโค็ด ) รุ่นสร้างอนุสรณ์สถานตำรวจ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2556 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ ร่วมปลุกเสกหลายท่าน แจกเจ้าหน้าที่ตำรวจสามจังหวัดชายแดนใต้ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>
    ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** พระดีพิธีใหญ่ เข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อเดือน สิงหาคม 2556 โดย ท่านเจ้าคุณหยวน (พระสุนทรปริยัติวิธาน) เจ้าอาวาสวัดช้างไห้ องค์ปัจจุบัน ผู้สืบสานตำนานหลวงปู่ทวด เป็นประธาน ปลุกเสกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน แจกเจ้าหน้าที่ตำรวจสามจังหวัดชายแดนใต้ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหัวโตหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี รุ่นสร้างอนุสรณ์สถานตำรวจ ปี2556 เหรียญหัวโตหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ( หมายเลขกำกับ ๑๒๑๙๓ หลังตอกโค็ด ) รุ่นสร้างอนุสรณ์สถานตำรวจ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2556 // พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ ร่วมปลุกเสกหลายท่าน แจกเจ้าหน้าที่ตำรวจสามจังหวัดชายแดนใต้ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** พระดีพิธีใหญ่ เข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อเดือน สิงหาคม 2556 โดย ท่านเจ้าคุณหยวน (พระสุนทรปริยัติวิธาน) เจ้าอาวาสวัดช้างไห้ องค์ปัจจุบัน ผู้สืบสานตำนานหลวงปู่ทวด เป็นประธาน ปลุกเสกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน แจกเจ้าหน้าที่ตำรวจสามจังหวัดชายแดนใต้ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรียนปริยัติได้แค่ความจำ
    เรียนปริยัติได้แค่ความจำ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ภาคปริยัติไม่หายสงสัย ภาคปฏิบัติหายสงสัย
    ภาคปริยัติไม่หายสงสัย ภาคปฏิบัติหายสงสัย
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • สัจธรรมพาเห็นจริง
    ยิ่งได้รู้ยิ่งซาบซึ้ง
    ไตรรัตน์คุณบุญที่พึ่ง
    จึ่งนอบน้อมมอบราบคาบ

    ปริยัติหัดเรียนทาง
    กลางเพียรได้ให้ซึมซาบ
    ปฏิเวธเหตุขวนขวาย

    ทำบ่อยบ่อยพลอยชำนาญ
    งานนอกในได้เสร็จง่าย
    ชำนาญเข้าออกก็ได้
    วางได้พลันนั่นทุกข์หาย

    ทั้งสติจิตตั้งมั่น
    ปัญญาญาณชำนาญใช้
    เจริญธรรมนำเชื่อใจ
    ให้เพียรหนุนคุณสมาน

    อิทังเม ญาตินังโหนตุ สุขิตาโหตุ ญาตะโย

    ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอบุญนี้จงสำเร็จ

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    สัจธรรมพาเห็นจริง ยิ่งได้รู้ยิ่งซาบซึ้ง ไตรรัตน์คุณบุญที่พึ่ง จึ่งนอบน้อมมอบราบคาบ ปริยัติหัดเรียนทาง กลางเพียรได้ให้ซึมซาบ ปฏิเวธเหตุขวนขวาย ทำบ่อยบ่อยพลอยชำนาญ งานนอกในได้เสร็จง่าย ชำนาญเข้าออกก็ได้ วางได้พลันนั่นทุกข์หาย ทั้งสติจิตตั้งมั่น ปัญญาญาณชำนาญใช้ เจริญธรรมนำเชื่อใจ ให้เพียรหนุนคุณสมาน อิทังเม ญาตินังโหนตุ สุขิตาโหตุ ญาตะโย ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอบุญนี้จงสำเร็จ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์ในนอก นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว

  • #วัดหนองป่าพง
    #อุบลราชธานี

    วัดหนองป่าพง – ย้อนรำลึกความหลัง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมได้มีโอกาสสัมผัส วัดหนองป่าพง ด้วยความไม่รู้ และไม่ลึกซึ้งถึงแวดวงพระพุทธศาสนา เลยทำให้การไปวัดหนองป่าพง ครั้งแรก ผมไม่ได้อะไรติดมือติดใจกลับมาเป็นวิทยาทานเลย จนเมื่อครั้งล่าสุดที่ไป ชีวิตมีประสบการณ์ และพอมีพื้นฐานพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นบ้าง ครั้งนี้ เป็นการใช้เวลาอยู่ที่วัดนานขึ้น พร้อมพกพาความรู้สึก ความประทับใจที่ต่างออกไป กลับออกมาด้วยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ล้อมวงมาฟังกันครับ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี (ยาวสักหน่อยนะครับ)

    คงจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวถึงวัดหนองป่าพง โดยไม่กล่าวถึง หลวงปู่ชา

    หลวงปู่ชา พระสำคัญผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ให้สามารถไปเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างไกล ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย หากแต่ไปไกลถึงสิบกว่าประเทศทั่วโลก หลวงปู่ชา พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบของพระป่าทั่วโลก ด้วยวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีต้นแบบจาก"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต"

    หลวงปู่ชา หรือ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน ในวัยเด็ก หลวงปู่ชาเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านก่อ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จนจบชั้นประถม 1 จึงขอลาออกเพื่อมาบวชเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยช่วงอายุ 13 ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษา โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น “สามเณรชา โชติช่วง” จนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในทางธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาพ่อแม่มาบวชเป็นพระ โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 เวลา 13.55 น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พระชา สุภทฺโท ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดก่อนอก 2 พรรษา ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรม ทั้งจากตำรับตำราและจากครูอาจารย์ จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสำนักวัดแห่งนี้ แต่โชคร้าย ช่วงนั้น หลวงพ่อชา ได้ว่างเว้นจากการศึกษา เพื่อไปดูแลโยมบิดาที่ป่วย แม้หลวงพ่อชา ก็เกิดความลังเลใจ พะว้าพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง ห่วงโยมบิดาก็ห่วง แต่ความห่วงผู้บังเกิดเกล้ามีน้ำหนักมากกว่า เพราะโยมบิดาเป็นผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น หลวงปู่จึงตัดสินใจกลับไปดูแลโยมพ่อทั้งที่วันสอบนักธรรมก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายกตัญญุตา โดยที่สุด มาอยู่เฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่อนับเป็นเวลา 13 วัน โยมพ่อจึงได้ถึงแก่กรรม (ปี 2483)

    หลังจากนั้น หลวงปู่ชา ก็ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ เช่น ที่สำนักของหลวงพ่อเภา วัดเขาวงกฏ จ.ลพบุรี และพระอาจารย์ชาวกัมพูชาที่เป็นพระธุดงค์ซึ่งได้พบกันที่วัดเขาวงกฏ หลวงปู่กินรี อาจารย์คำดี หลวงปู่ทองรัตน์ พระอาจารย์มั่น เป็นต้น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา

    กิจที่หลวงปู่ฯ โปรดปราน คือการได้ธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อโปรดสานุศิษย์และเผยแพร่พุทธศาสนา จนที่สุดเมื่อคณะศิษย์ และหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงชายดงป่าพง ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2497 จึงได้พากันเข้าสำรวจ สถานที่พักในดงป่านี้ และได้ช่วยกันดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง”

    จนภายหลังมีสานุศิษย์มากมายทั้งไทยและเทศ ขยายไปหลายสาขา ดังที่กล่าวไปข้างต้น และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ที่ วัดหนองป่าพง อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยความที่วัดหนองป่าพง มีพระสงฆ์ต่างชาติ เป็นจำนวนมาก เคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วจะสอนชาวต่างชาติได้อย่างไร หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า น้ำร้อน ที่ฝรั่งว่ากันว่า ฮ๊อตวอเตอร์ เอามือลงไปสัมผัส ทุกชาติก็รู้ว่าร้อน ไม่เห็นต้องรู้ภาษาก่อนเลย นัยว่า ธรรมะ เรียนรู้ได้จากการสัมผัส การปฏิบัติ มิใช่การอ่านเขียนเท่านั้น

    ปัจจุบัน แม้หลวงปู่ชาฯ จะละสังขารไปแล้วกว่าสามสิบปีกว่าปี คำสอนและวัตรปฏิบัติอันดีงาม ก็ยังอยู่ในความทรงจำสานุศิษย์ทั้งหลาย เห็นได้จากการที่กลับไปสัมผัส วัดหนองป่าพง อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสงบ และ ความเคร่งครัด แบบพระป่า ยังคงมีให้เห็นและสัมผัสได้ มีโอกาสได้แวะเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) โดยจะจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท มีเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูป และ เจดีย์ศรีโพธิญาณ เป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชาอีกด้วย จุดเด่นที่ประทับใจ คือ ป้าย คำสอนต่าง ๆ ที่ติดไว้ตามต้นไม้ อ่านแล้วทำให้เราได้นึกทบทวนชีวิตเราไปด้วยขณะเดินชมไปเงียบ ๆ นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปที่ อุโบสถด้านใน ทางเข้าเขตสังฆาวาส ที่พระสงฆ์ใช้ทำวัด ทำให้พอนึกเห็นภาพบรรยากาศเมื่อสมัยก่อน ที่หลวงปู่ ลงมาเทศนาธรรม

    รวม ๆ แล้วประทับใจมาก ครับ ผมกราบเรียนเชิญ ท่านที่มีโอกาสไป อุบลราชธานี อยากให้ไปสัมผัส วัดหนองป่าพง สักครั้งครับ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #วัดหนองป่าพง #อุบลราชธานี วัดหนองป่าพง – ย้อนรำลึกความหลัง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมได้มีโอกาสสัมผัส วัดหนองป่าพง ด้วยความไม่รู้ และไม่ลึกซึ้งถึงแวดวงพระพุทธศาสนา เลยทำให้การไปวัดหนองป่าพง ครั้งแรก ผมไม่ได้อะไรติดมือติดใจกลับมาเป็นวิทยาทานเลย จนเมื่อครั้งล่าสุดที่ไป ชีวิตมีประสบการณ์ และพอมีพื้นฐานพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นบ้าง ครั้งนี้ เป็นการใช้เวลาอยู่ที่วัดนานขึ้น พร้อมพกพาความรู้สึก ความประทับใจที่ต่างออกไป กลับออกมาด้วยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ล้อมวงมาฟังกันครับ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี (ยาวสักหน่อยนะครับ) คงจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวถึงวัดหนองป่าพง โดยไม่กล่าวถึง หลวงปู่ชา หลวงปู่ชา พระสำคัญผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ให้สามารถไปเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างไกล ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย หากแต่ไปไกลถึงสิบกว่าประเทศทั่วโลก หลวงปู่ชา พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบของพระป่าทั่วโลก ด้วยวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีต้นแบบจาก"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" หลวงปู่ชา หรือ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน ในวัยเด็ก หลวงปู่ชาเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านก่อ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จนจบชั้นประถม 1 จึงขอลาออกเพื่อมาบวชเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยช่วงอายุ 13 ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษา โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น “สามเณรชา โชติช่วง” จนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในทางธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาพ่อแม่มาบวชเป็นพระ โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 เวลา 13.55 น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พระชา สุภทฺโท ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดก่อนอก 2 พรรษา ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรม ทั้งจากตำรับตำราและจากครูอาจารย์ จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสำนักวัดแห่งนี้ แต่โชคร้าย ช่วงนั้น หลวงพ่อชา ได้ว่างเว้นจากการศึกษา เพื่อไปดูแลโยมบิดาที่ป่วย แม้หลวงพ่อชา ก็เกิดความลังเลใจ พะว้าพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง ห่วงโยมบิดาก็ห่วง แต่ความห่วงผู้บังเกิดเกล้ามีน้ำหนักมากกว่า เพราะโยมบิดาเป็นผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น หลวงปู่จึงตัดสินใจกลับไปดูแลโยมพ่อทั้งที่วันสอบนักธรรมก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายกตัญญุตา โดยที่สุด มาอยู่เฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่อนับเป็นเวลา 13 วัน โยมพ่อจึงได้ถึงแก่กรรม (ปี 2483) หลังจากนั้น หลวงปู่ชา ก็ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ เช่น ที่สำนักของหลวงพ่อเภา วัดเขาวงกฏ จ.ลพบุรี และพระอาจารย์ชาวกัมพูชาที่เป็นพระธุดงค์ซึ่งได้พบกันที่วัดเขาวงกฏ หลวงปู่กินรี อาจารย์คำดี หลวงปู่ทองรัตน์ พระอาจารย์มั่น เป็นต้น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา กิจที่หลวงปู่ฯ โปรดปราน คือการได้ธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อโปรดสานุศิษย์และเผยแพร่พุทธศาสนา จนที่สุดเมื่อคณะศิษย์ และหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงชายดงป่าพง ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2497 จึงได้พากันเข้าสำรวจ สถานที่พักในดงป่านี้ และได้ช่วยกันดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง” จนภายหลังมีสานุศิษย์มากมายทั้งไทยและเทศ ขยายไปหลายสาขา ดังที่กล่าวไปข้างต้น และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ที่ วัดหนองป่าพง อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยความที่วัดหนองป่าพง มีพระสงฆ์ต่างชาติ เป็นจำนวนมาก เคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วจะสอนชาวต่างชาติได้อย่างไร หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า น้ำร้อน ที่ฝรั่งว่ากันว่า ฮ๊อตวอเตอร์ เอามือลงไปสัมผัส ทุกชาติก็รู้ว่าร้อน ไม่เห็นต้องรู้ภาษาก่อนเลย นัยว่า ธรรมะ เรียนรู้ได้จากการสัมผัส การปฏิบัติ มิใช่การอ่านเขียนเท่านั้น ปัจจุบัน แม้หลวงปู่ชาฯ จะละสังขารไปแล้วกว่าสามสิบปีกว่าปี คำสอนและวัตรปฏิบัติอันดีงาม ก็ยังอยู่ในความทรงจำสานุศิษย์ทั้งหลาย เห็นได้จากการที่กลับไปสัมผัส วัดหนองป่าพง อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสงบ และ ความเคร่งครัด แบบพระป่า ยังคงมีให้เห็นและสัมผัสได้ มีโอกาสได้แวะเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) โดยจะจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท มีเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูป และ เจดีย์ศรีโพธิญาณ เป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชาอีกด้วย จุดเด่นที่ประทับใจ คือ ป้าย คำสอนต่าง ๆ ที่ติดไว้ตามต้นไม้ อ่านแล้วทำให้เราได้นึกทบทวนชีวิตเราไปด้วยขณะเดินชมไปเงียบ ๆ นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปที่ อุโบสถด้านใน ทางเข้าเขตสังฆาวาส ที่พระสงฆ์ใช้ทำวัด ทำให้พอนึกเห็นภาพบรรยากาศเมื่อสมัยก่อน ที่หลวงปู่ ลงมาเทศนาธรรม รวม ๆ แล้วประทับใจมาก ครับ ผมกราบเรียนเชิญ ท่านที่มีโอกาสไป อุบลราชธานี อยากให้ไปสัมผัส วัดหนองป่าพง สักครั้งครับ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2357 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปริยัตินำล่อง
    ต้องปฏิบัติ
    ฝึกให้ถนัด
    คัดกรองชำนาญ

    ปฏิเวธก่อเกิด
    เลิศเลอการงาน
    เข้าออกชำนาญ
    งานจิตจบดี

    จงอยู่เป็นสุข
    ทุกข์อย่าได้มี
    รู้กรรมชั่วดี
    ชีวีอาศัย

    อยู่ดีพ้องจอง
    ต้องกินต้องถ่าย
    มีลมหายใจ
    ใช้ฐานจิตกรรม

    จิตนี้สำคัญ
    ตั้งมั่นเป็นธรรม
    ไม่รู้หลงกรรม
    นำทุกข์เวียนว่าย

    มีคุณปัญญา
    ภาวนาไว้
    ดับร้อนพึ่งได้
    ได้ธรรมพึ่งตน

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน

    นิพพานะปัจจะโยโหตุ
    ปริยัตินำล่อง ต้องปฏิบัติ ฝึกให้ถนัด คัดกรองชำนาญ ปฏิเวธก่อเกิด เลิศเลอการงาน เข้าออกชำนาญ งานจิตจบดี จงอยู่เป็นสุข ทุกข์อย่าได้มี รู้กรรมชั่วดี ชีวีอาศัย อยู่ดีพ้องจอง ต้องกินต้องถ่าย มีลมหายใจ ใช้ฐานจิตกรรม จิตนี้สำคัญ ตั้งมั่นเป็นธรรม ไม่รู้หลงกรรม นำทุกข์เวียนว่าย มีคุณปัญญา ภาวนาไว้ ดับร้อนพึ่งได้ ได้ธรรมพึ่งตน ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน นิพพานะปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้

    เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน

    พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ

    ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา

    ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์

    เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์...

    #ราหูอมจันทร์ส่องหล้า

    #ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม

    #จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
    ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้ เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์ เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์... #ราหูอมจันทร์ส่องหล้า #ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม #จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1292 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้

    เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน

    พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ

    ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา

    ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์

    เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์...

    #ราหูอมจันทร์ส่องหล้า

    #ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม

    #จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
    ภิกษุที่เลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยเดรัจฉานวิชา ผลคือ ท่านจะไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เพราะการเลี้ยงชีพของภิกษุคือการขอ และเขาให้ด้วยศรัทธา ภิกษุจึงควรนำเวลาไปศึกษาปริยัติหรือปฏิบัติธรรม ซึ่งคือการทำธุระในพระพุทธศาสนา (คันถธุระและวิปัสสนาธุระ) หากท่านละเลยไม่นำเวลาไปปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ท่านจะห่างจากมรรคผลนิพพาน คือเดินไปคนละทางกับกิจที่ควรทำเพื่อมรรคผลนิพพาน โทษของภิกษุผู้เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาจึงมีแค่นี้ เดรัจฉานวิชาไม่ใช่อันตรายิกธรรมที่ขวางกั้นพระนิพพานนะ เพราะการขวางกั้นพระนิพพานหมายถึงชาตินี้นิพพานไม่ได้เลย มีเหตุขวางกั้น เช่น อนันตริยกรรม ผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่ว่าจะเพียงปฏิบัติเท่าไหร่ ก็บรรลุมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู แต่เดรัจฉานวิชาซึ่งภิกษุใช้เลี้ยงชีพ เพียงแค่ท่านเลิกเสียและหันมาปฏิบัติสติปัฏฐานท่านก็เข้าถึงพระนิพพานได้ ครูนัทจึงย้ำเสมอว่า ไม่ควรใช้คำว่า ขวางพระนิพพาน เดรัจฉานวิชาคือเป็นไปในทางขวาง เยี่ยงลำตัวสัตว์เดรัจฉาน ทางไปพระนิพานอยู่หัว ทางทำมาหากินอยู่หาง มันแค่เป็นคนละทางกัน พระพุทธเจ้าไม่เคยติเตียนภิกษุที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชาว่าเป็นโมฆะบุรุษ ไม่ทรงปรับอาบัติในเรื่องนี้ อาบัติจะปรับไปในเรื่องรับเงินรับทองที่เกิดจากการเลี้ยงชีพ ดังนั้นในส่วนของเดรัจฉานวิชาจึงไม่มีในส่วนของพระวินัยอาบัติ ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องนี้ เราจะรู้สึกเกลียดชังเกิดโทสะในใจ และออกมาด่าพระเหมือนที่เด็กและคนแก่คนเฒ่าอีกหลายคนทำ แนวคิดนี้ถูกปลูกฝังมาผิดๆ เนิ่นนานมาแล้วและยังคงสืบทอดต่อกันมา ด่าพระที่ท่านไม่ได้อาบัติถึงปาราชิก เป็นบาปกรรม เป็นโทษทางธรรมและโทษตามกฎหมาย ถ้ากราดไปหมดจะกลายเป็นดูหมิ่นคณะสงฆ์ เราควรยึดหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่ยึดหลักความพอใจ ผิดถูกอย่างไรควรใช้ใจที่เป็นธรรมวิพากษ์วิจารณ์... #ราหูอมจันทร์ส่องหล้า #ผู้เฒ่าตาเดียวกับคนหน้าเหลี่ยม #จากซาเล้งพ่วงข้างสู่หนทางพระนิพพาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1266 มุมมอง 0 รีวิว
  • 33 ปี สิ้น “หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง” พระเถราจารย์แห่งอุบลราชธานี ผู้สร้างวัดสาขาต่างประเทศมากมาย

    ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ และทั่วโลกต้องเศร้าโศก เมื่อหลวงปู่ชา สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พระเถราจารย์ผู้เป็นที่เคารพรัก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้ละสังขารอย่างสงบ หลังจากอาพาธ มายาวนาน

    หลวงปู่ชาไม่เพียงเป็น ผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่ยังเป็นบุคคลสำคัญ ที่ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปสู่ชาวต่างชาติ ผ่านการปฏิบัติธรรม และการสร้างวัดสาขามากมาย ทั้งในและนอกประเทศไทย แม้ว่าท่านจะพูดได้เพียงภาษาไทย แต่ด้วยคำสอน และวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย กลับสร้างแรงศรัทธา ให้แก่คนทั่วโลก

    วัยเยาว์หลวงปู่
    หลวงปู่ชา สุภัทโท เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ตามปฏิทินจันทรคติ ที่บ้านก่อ (เดิมชื่อบ้านก้นถ้วย) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดามารดาของท่านคือนายมา และนางพิมพ์ ช่วงโชติ หลวงปู่ชาเป็นบุตรคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 10 คน

    เริ่มต้นชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์
    เมื่อหลวงปู่ชามีอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาที่วัดบ้านก่อนอก ร่วมกับเพื่อนๆ หลายคน แต่ไม่นานท่านก็ลาสิกขาออกมา เพื่อช่วยครอบครัว อย่างไรก็ตาม ความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส ได้ผลักดันให้ท่าน หันกลับมาสู่เส้นทางธรรมอีกครั้ง

    เมื่ออายุครบ 21 ปี หลังทราบว่า ไม่ติดทหารเกณฑ์ หลวงปู่ชาจึงได้อุปสมบท เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 ณ วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ โดยมี พระครูอินทรสารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า "สุภัทโท" ซึ่งแปลว่า "ผู้เจริญด้วยดี"

    ธุดงค์พบทางธรรม
    หลวงปู่ชาได้ออกเดินธุดงค์ เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ผู้มีความรู้ทั้งด้านปริยัติ และปฏิบัติ โดยเดินทางไกล ผ่านหลายจังหวัดของประเทศไทย รวมถึงการไปศึกษาธรรมกับ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ สายวิปัสสนากรรมฐาน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น

    หลวงปู่ชาเล่าถึงความประทับใจ เมื่อได้พบหลวงปู่มั่นว่า การได้ฟังธรรมะจากท่าน ทำให้จิตใจของหลวงปู่ชา สงบลึกในทันที และทำให้เกิดความมั่นใจ ในแนวทางการปฏิบัติธรรม

    ตั้งวัดหนองป่าพง
    หลังจากธุดงค์ ยาวนานกว่า 8 ปี ในที่สุดหลวงปู่ชา ได้กลับมาที่บ้านเกิด และก่อตั้งวัดหนองป่าพง ขึ้นในปี พ.ศ. 2497 โดยพื้นที่ดั้งเดิมของวัด เป็นป่าอันเงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม หลวงปู่ชาใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย และเน้นการปฏิบัติ เพื่อสร้างแบบอย่างให้ศิษย์เห็น

    วัดหนองป่าพง เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่ในหมู่คนไทย แต่ยังรวมถึงชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาศึกษาธรรม กับหลวงปู่ชา

    เผยแผ่พุทธศาสนาไปต่างประเทศ
    หนึ่งในสิ่งที่น่าทึ่งที่สุด เกี่ยวกับหลวงปู่ชา คือความสามารถ ในการถ่ายทอดธรรมะ ให้แก่ชาวต่างชาติ แม้ว่าท่าน จะไม่ได้พูดภาษาอังกฤษก็ตาม ท่านสอนด้วยการกระทำเป็นหลัก โดยมักกล่าวว่า

    “น้ำร้อนก็มี น้ำฮ้อนก็มี ฮอตวอเตอร์ก็มี มันเป็นแต่ชื่อหรอก ถ้าเอามือจุ่มลงไป ก็ไม่ต้องใช้ภาษาหรอก คนชาติไหนก็รู้ได้เอง”

    วัดหนองป่าพง และวัดสาขาของหลวงปู่ชา กลายเป็นจุดหมายของชาวต่างชาติ ที่สนใจปฏิบัติธรรม ปัจจุบันวัดหนองป่าพง มีวัดสาขาทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศรวมกว่า 141 แห่ง โดยแบ่งเป็น 133 สาขา ในประเทศไทย และ 8 สาขา ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์

    คำสอนเรียบง่ายลึกซึ้ง
    คำสอนของหลวงปู่ชา เน้นไปที่การปฏิบัติจริง ในชีวิตประจำวัน ท่านสอนให้ศิษย์รักษาศีล เจริญสมาธิ และใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาในชีวิต โดยหลวงปู่ชาเคยกล่าวไว้ว่า

    “พึงทำตน ให้ตั้งอยู่ในคุณธรรม อันสมควรเสียก่อน จึงค่อยสอนผู้อื่นทีหลัง จึงจักไม่เป็นบัณฑิตทราม”

    ท่านยังเน้นย้ำว่า การปฏิบัติธรรมจะสำเร็จได้ ต้องเริ่มจากการรักษาศีล เพราะศีลจะนำไปสู่สมาธิ และสมาธิจะนำไปสู่ปัญญา ซึ่งทั้งสามส่วนนี้ ต้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

    บั้นปลายชีวิต
    ในปี พ.ศ. 2520 หลวงปู่ชาเริ่มอาพาธ และแม้ว่าท่าน จะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ แต่ท่านก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ และเผยแผ่ธรรมะจนถึงที่สุด

    หลวงปู่ชาได้ละสังขารเมื่อ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ณ วัดหนองป่าพง โดยทิ้งมรดกทางธรรม และวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย ให้แก่ศิษยานุศิษย์ทั่วโลก

    33 ปี หลังการละสังขารของหลวงปู่ชา คำสอนและวัตรปฏิบัติของท่าน ยังคงมีชีวิตอยู่ในใจ ของศิษยานุศิษย์ และผู้ปฏิบัติธรรมทั่วโลก วัดหนองป่าพง ยังคงเป็นศูนย์กลาง ของพระพุทธศาสนา และแหล่งเผยแผ่ธรรมะ ที่ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ขยายไปสู่ชาวต่างชาติ

    หลวงปู่ชาเป็นตัวอย่าง ของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้ใช้ชีวิตเรียบง่าย และยึดมั่นในคำสอน ของพระพุทธเจ้า อย่างแท้จริง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161017 ม.ค. 2568

    #หลวงปู่ชา #วัดหนองป่าพง #ธรรมะ #พระป่ากรรมฐาน #ปฏิบัติธรรม #ศาสนาพุทธ #คำสอนหลวงปู่ชา #พระพุทธศาสนา #ธรรมะอินเตอร์ #วัดสาขาต่างประเทศ
    33 ปี สิ้น “หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง” พระเถราจารย์แห่งอุบลราชธานี ผู้สร้างวัดสาขาต่างประเทศมากมาย ย้อนไปเมื่อ 33 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ และทั่วโลกต้องเศร้าโศก เมื่อหลวงปู่ชา สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พระเถราจารย์ผู้เป็นที่เคารพรัก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้ละสังขารอย่างสงบ หลังจากอาพาธ มายาวนาน หลวงปู่ชาไม่เพียงเป็น ผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่ยังเป็นบุคคลสำคัญ ที่ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปสู่ชาวต่างชาติ ผ่านการปฏิบัติธรรม และการสร้างวัดสาขามากมาย ทั้งในและนอกประเทศไทย แม้ว่าท่านจะพูดได้เพียงภาษาไทย แต่ด้วยคำสอน และวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย กลับสร้างแรงศรัทธา ให้แก่คนทั่วโลก วัยเยาว์หลวงปู่ หลวงปู่ชา สุภัทโท เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ตามปฏิทินจันทรคติ ที่บ้านก่อ (เดิมชื่อบ้านก้นถ้วย) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดามารดาของท่านคือนายมา และนางพิมพ์ ช่วงโชติ หลวงปู่ชาเป็นบุตรคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 10 คน เริ่มต้นชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อหลวงปู่ชามีอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาที่วัดบ้านก่อนอก ร่วมกับเพื่อนๆ หลายคน แต่ไม่นานท่านก็ลาสิกขาออกมา เพื่อช่วยครอบครัว อย่างไรก็ตาม ความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส ได้ผลักดันให้ท่าน หันกลับมาสู่เส้นทางธรรมอีกครั้ง เมื่ออายุครบ 21 ปี หลังทราบว่า ไม่ติดทหารเกณฑ์ หลวงปู่ชาจึงได้อุปสมบท เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 ณ วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ โดยมี พระครูอินทรสารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า "สุภัทโท" ซึ่งแปลว่า "ผู้เจริญด้วยดี" ธุดงค์พบทางธรรม หลวงปู่ชาได้ออกเดินธุดงค์ เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ผู้มีความรู้ทั้งด้านปริยัติ และปฏิบัติ โดยเดินทางไกล ผ่านหลายจังหวัดของประเทศไทย รวมถึงการไปศึกษาธรรมกับ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ สายวิปัสสนากรรมฐาน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น หลวงปู่ชาเล่าถึงความประทับใจ เมื่อได้พบหลวงปู่มั่นว่า การได้ฟังธรรมะจากท่าน ทำให้จิตใจของหลวงปู่ชา สงบลึกในทันที และทำให้เกิดความมั่นใจ ในแนวทางการปฏิบัติธรรม ตั้งวัดหนองป่าพง หลังจากธุดงค์ ยาวนานกว่า 8 ปี ในที่สุดหลวงปู่ชา ได้กลับมาที่บ้านเกิด และก่อตั้งวัดหนองป่าพง ขึ้นในปี พ.ศ. 2497 โดยพื้นที่ดั้งเดิมของวัด เป็นป่าอันเงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม หลวงปู่ชาใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย และเน้นการปฏิบัติ เพื่อสร้างแบบอย่างให้ศิษย์เห็น วัดหนองป่าพง เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่ในหมู่คนไทย แต่ยังรวมถึงชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาศึกษาธรรม กับหลวงปู่ชา เผยแผ่พุทธศาสนาไปต่างประเทศ หนึ่งในสิ่งที่น่าทึ่งที่สุด เกี่ยวกับหลวงปู่ชา คือความสามารถ ในการถ่ายทอดธรรมะ ให้แก่ชาวต่างชาติ แม้ว่าท่าน จะไม่ได้พูดภาษาอังกฤษก็ตาม ท่านสอนด้วยการกระทำเป็นหลัก โดยมักกล่าวว่า “น้ำร้อนก็มี น้ำฮ้อนก็มี ฮอตวอเตอร์ก็มี มันเป็นแต่ชื่อหรอก ถ้าเอามือจุ่มลงไป ก็ไม่ต้องใช้ภาษาหรอก คนชาติไหนก็รู้ได้เอง” วัดหนองป่าพง และวัดสาขาของหลวงปู่ชา กลายเป็นจุดหมายของชาวต่างชาติ ที่สนใจปฏิบัติธรรม ปัจจุบันวัดหนองป่าพง มีวัดสาขาทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศรวมกว่า 141 แห่ง โดยแบ่งเป็น 133 สาขา ในประเทศไทย และ 8 สาขา ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์ คำสอนเรียบง่ายลึกซึ้ง คำสอนของหลวงปู่ชา เน้นไปที่การปฏิบัติจริง ในชีวิตประจำวัน ท่านสอนให้ศิษย์รักษาศีล เจริญสมาธิ และใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาในชีวิต โดยหลวงปู่ชาเคยกล่าวไว้ว่า “พึงทำตน ให้ตั้งอยู่ในคุณธรรม อันสมควรเสียก่อน จึงค่อยสอนผู้อื่นทีหลัง จึงจักไม่เป็นบัณฑิตทราม” ท่านยังเน้นย้ำว่า การปฏิบัติธรรมจะสำเร็จได้ ต้องเริ่มจากการรักษาศีล เพราะศีลจะนำไปสู่สมาธิ และสมาธิจะนำไปสู่ปัญญา ซึ่งทั้งสามส่วนนี้ ต้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน บั้นปลายชีวิต ในปี พ.ศ. 2520 หลวงปู่ชาเริ่มอาพาธ และแม้ว่าท่าน จะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ แต่ท่านก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ และเผยแผ่ธรรมะจนถึงที่สุด หลวงปู่ชาได้ละสังขารเมื่อ วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ณ วัดหนองป่าพง โดยทิ้งมรดกทางธรรม และวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย ให้แก่ศิษยานุศิษย์ทั่วโลก 33 ปี หลังการละสังขารของหลวงปู่ชา คำสอนและวัตรปฏิบัติของท่าน ยังคงมีชีวิตอยู่ในใจ ของศิษยานุศิษย์ และผู้ปฏิบัติธรรมทั่วโลก วัดหนองป่าพง ยังคงเป็นศูนย์กลาง ของพระพุทธศาสนา และแหล่งเผยแผ่ธรรมะ ที่ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ขยายไปสู่ชาวต่างชาติ หลวงปู่ชาเป็นตัวอย่าง ของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้ใช้ชีวิตเรียบง่าย และยึดมั่นในคำสอน ของพระพุทธเจ้า อย่างแท้จริง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161017 ม.ค. 2568 #หลวงปู่ชา #วัดหนองป่าพง #ธรรมะ #พระป่ากรรมฐาน #ปฏิบัติธรรม #ศาสนาพุทธ #คำสอนหลวงปู่ชา #พระพุทธศาสนา #ธรรมะอินเตอร์ #วัดสาขาต่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1684 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง

    ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย

    ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม
    "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย

    บรรพชาในวัยเยาว์
    ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474

    อุปสมบท
    ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”

    หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ

    วิถีแห่งวิปัสสนา
    หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ

    ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง

    พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง
    ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง

    ศรัทธาประชาชน
    ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง

    ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน

    ปณิธานแห่งความเรียบง่าย
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น

    มรดกธรรมที่ยังคงอยู่
    แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568

    #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย บรรพชาในวัยเยาว์ ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474 อุปสมบท ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม” หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ วิถีแห่งวิปัสสนา หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง ศรัทธาประชาชน ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน ปณิธานแห่งความเรียบง่าย คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น มรดกธรรมที่ยังคงอยู่ แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568 #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1474 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่ดุลย์ อตุโล
    รุ่น กายทิพย์ ปี2521

    หลวงปู่ดุลย์ถือเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ยุคต้นๆจากได้ฟังธรรมเพียงครั้งเดียวของพระอาจารย์มั่น ก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง จึงได้เลิกศึกษาพระปริยัติแล้วออกธุดงค์ตามพระอาจารย์มั่น ไปยังที่ต่างๆหลายแห่ง
    ✨เหรียญหลวงปู่ดุลย์ อตุโล รุ่น กายทิพย์ ปี2521 หลวงปู่ดุลย์ถือเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ยุคต้นๆจากได้ฟังธรรมเพียงครั้งเดียวของพระอาจารย์มั่น ก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง จึงได้เลิกศึกษาพระปริยัติแล้วออกธุดงค์ตามพระอาจารย์มั่น ไปยังที่ต่างๆหลายแห่ง
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,635
    วันศุกร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๘ (10 January 2025)

    โอนเงินทำบุญ 30 แห่ง เป็นเงิน 600 บาท
    01. รร.งำเมืองวิทยาคม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68)
    02. รร.ชุมชนบ้านดู่ใต้ อ.เมือง จ.น่าน
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68)
    03. รร.บ้านโนนหอม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68)
    04. รร.บ้านป่ายางตะวันตก อ.สามเงา จ.ตาก
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68)
    05. รร.บ้านสมบูรณ์ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68)
    06. รร.วัดเขาราษฎร์บำรุง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 11 ม.ค.68)
    07. รร.วัดบ้านหมาก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 11 ม.ค.68)
    08. รร.บ้านชงโคสันติสุขวิทยาคาร อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 12 ม.ค.68)
    09. รร.ในเตาพิทยาคม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 13 ม.ค.68)
    10. รร.บ้านไร่เหนือ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี
    (ทอดผ้าป่าสามัคคี 13 ม.ค.68)
    11. วัดเกาะหินตั้ง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
    (สร้างอาคารปฏิบัติธรรม)
    12. วัดดอนชัย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    (สร้างศาลาปฏิบัติธรรม)
    13. วัดดวงรัตนประทีป อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
    (สร้างศาลาปฏิบัติธรรม)
    14. วัดกลางบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    (สร้างศาลาอเนกประสงค์)
    15. วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
    (สร้างอาคารปริยัติธรรม)
    16. วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา
    (สร้างอาคารเรียนสามเณร)
    17. วัดอุทุมพร อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
    (สร้างกุฏิสงฆ์)
    18. วัดกองเงินเวฬุวัน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
    (สร้างกุฏิสงฆ์)
    19. วัดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี
    (สร้างกุฏิสงฆ์)
    20. วัดป่าเทสรังสีแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
    (สร้างห้องพักสงฆ์)
    21. วัดนาคปรก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
    (สร้างห้องน้ำ)
    22. วัดตระพังทองหลาง อ.เมือง จ.สุโขทัย
    (สร้างห้องน้ำ)
    23. วัดเขาช่องประดู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
    (สร้างห้องน้ำ)
    24. วัดวังประดู่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
    (สร้างห้องน้ำ)
    25. วัดเขาเจริญธรรม อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์
    (สร้างห้องน้ำ)
    26. วัดบ้านหนองลาน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
    (สร้างห้องน้ำกุฏิพระสงฆ์)
    27. วัดโคกพิกุลเรียง อ.เมือง จ.ราชบุรี
    (สร้างศาลาธรรมสังเวช)
    28. วัดย่านขาด อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก
    (สร้างศาลาธรรมสังเวช)
    29. วัดพระธาตุวิสุทธิญาณ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
    (สร้างเมรุ)
    30. วัดตาสุด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ
    (สร้างหอฉัน)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 33 วัน (75 ปี)
    เพื่อหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ ภายในปี พ.ศ. ๕๐๐๐
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,635 วันศุกร์: ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะโรง วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๘ (10 January 2025) โอนเงินทำบุญ 30 แห่ง เป็นเงิน 600 บาท 01. รร.งำเมืองวิทยาคม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68) 02. รร.ชุมชนบ้านดู่ใต้ อ.เมือง จ.น่าน (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68) 03. รร.บ้านโนนหอม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68) 04. รร.บ้านป่ายางตะวันตก อ.สามเงา จ.ตาก (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68) 05. รร.บ้านสมบูรณ์ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ (ทอดผ้าป่าสามัคคี 10 ม.ค.68) 06. รร.วัดเขาราษฎร์บำรุง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ (ทอดผ้าป่าสามัคคี 11 ม.ค.68) 07. รร.วัดบ้านหมาก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี (ทอดผ้าป่าสามัคคี 11 ม.ค.68) 08. รร.บ้านชงโคสันติสุขวิทยาคาร อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี (ทอดผ้าป่าสามัคคี 12 ม.ค.68) 09. รร.ในเตาพิทยาคม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง (ทอดผ้าป่าสามัคคี 13 ม.ค.68) 10. รร.บ้านไร่เหนือ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี (ทอดผ้าป่าสามัคคี 13 ม.ค.68) 11. วัดเกาะหินตั้ง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย (สร้างอาคารปฏิบัติธรรม) 12. วัดดอนชัย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (สร้างศาลาปฏิบัติธรรม) 13. วัดดวงรัตนประทีป อ.วังทอง จ.พิษณุโลก (สร้างศาลาปฏิบัติธรรม) 14. วัดกลางบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (สร้างศาลาอเนกประสงค์) 15. วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา (สร้างอาคารปริยัติธรรม) 16. วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา (สร้างอาคารเรียนสามเณร) 17. วัดอุทุมพร อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ (สร้างกุฏิสงฆ์) 18. วัดกองเงินเวฬุวัน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี (สร้างกุฏิสงฆ์) 19. วัดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี (สร้างกุฏิสงฆ์) 20. วัดป่าเทสรังสีแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี (สร้างห้องพักสงฆ์) 21. วัดนาคปรก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ (สร้างห้องน้ำ) 22. วัดตระพังทองหลาง อ.เมือง จ.สุโขทัย (สร้างห้องน้ำ) 23. วัดเขาช่องประดู่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ (สร้างห้องน้ำ) 24. วัดวังประดู่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก (สร้างห้องน้ำ) 25. วัดเขาเจริญธรรม อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ (สร้างห้องน้ำ) 26. วัดบ้านหนองลาน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก (สร้างห้องน้ำกุฏิพระสงฆ์) 27. วัดโคกพิกุลเรียง อ.เมือง จ.ราชบุรี (สร้างศาลาธรรมสังเวช) 28. วัดย่านขาด อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก (สร้างศาลาธรรมสังเวช) 29. วัดพระธาตุวิสุทธิญาณ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ (สร้างเมรุ) 30. วัดตาสุด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ (สร้างหอฉัน) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่ยังเหลืออยู่ในชาตินี้ = 26 ปี 33 วัน (75 ปี) เพื่อหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ ภายในปี พ.ศ. ๕๐๐๐
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1731 มุมมอง 0 รีวิว
  • Credit : ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ กราบ กราบ กราบ เจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ท่านดำรัสถึงคนที่สอนธรรมทุกวันนี้ ขาดองค์ความรู้ ใช้วาทะ คารม ใช้อัตโนมติของตนเองกล่าวตู่พระพุทธพจน์ นับเป็นพฤติกรรมที่บ่อนทำลายพระพุทธศาสนาท่านยังฝากถึงผู้ศึกษารอบในพระปริยัติธรรม ช่วยกันกล่าวโต้แย้งบรรดานักพูดที่บิดเบือนพระธรรมวินัยด้วย ให้สมหน้าที่พุทธสาวกของพระบรมศาสดาสืบไป เกล้าดิฉัน น้อมกราบรับภาระหน้าที่ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมศาสดา จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไปhttps://youtu.be/W_o5TMPysx0?si=lv2ZksvhkhsefYp4
    Credit : ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ กราบ กราบ กราบ เจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ท่านดำรัสถึงคนที่สอนธรรมทุกวันนี้ ขาดองค์ความรู้ ใช้วาทะ คารม ใช้อัตโนมติของตนเองกล่าวตู่พระพุทธพจน์ นับเป็นพฤติกรรมที่บ่อนทำลายพระพุทธศาสนาท่านยังฝากถึงผู้ศึกษารอบในพระปริยัติธรรม ช่วยกันกล่าวโต้แย้งบรรดานักพูดที่บิดเบือนพระธรรมวินัยด้วย ให้สมหน้าที่พุทธสาวกของพระบรมศาสดาสืบไป เกล้าดิฉัน น้อมกราบรับภาระหน้าที่ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมศาสดา จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไปhttps://youtu.be/W_o5TMPysx0?si=lv2ZksvhkhsefYp4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 581 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงฆ์ เท่าที่เคยคุย กับระดับรักษาการเจ้าอาวาสวัดดัง..ใน กทม.เขาก็แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ปริยัติ แม่นมากสวดคล่อง พิธีการอะไรถนัด มียศตำแหน่ง กับ วิปัสสนา ทางนี้ไปทางปฏิบัติเลย ไม่สนตำแหน่งแห่งหน...ซึ่งประเภทนี้มีน้อยที่สุด..และ 3 ประกอบอาชีพ..เลี้ยงตนเอง และเลี้ยงผู้อื่น...ประเภทนี้ มีมากที่สุด (ผู้เล่ากล่าวแบบนั้นไม่ได้อุปมาเอง) เราก็เลยถามท่านว่า ท่านเข้าญาณอ่ะไร ขั้นไหนได้ไหม..ท่านตอบไม่อายว่า ไม่มีเลย..แต่ปริยัติท่านแม่นมาก.....เราถามต่อ แล้วพวกเสกอะไรทั้งหลายนั่นละ ท่านเคยรับรู้บ้างไหม ว่า อะไรจริง อะไรจัดฉาก ท่านก็ตอบว่า พอรู้บ้าง เอาแบบนี้นะ สงฆ์ก็มนุษย์ อายุมากเข้าก็อยากสบาย เจ็บไข้ได้ป่วยมีการรักษาที่ดี..ความเป็นอยู่ก็ดี ชื่อเสียงก็ดี เมื่อมีคนมีข้อเสนอมา มันก็ปฏิเสธยากนะ...และยุคนี้ เป็นยุคแข่งกันสร้าง สร้างเจดีย์ วิหารอ่ะไร ต้องอลังการ ต้องยิ่งใหญ่ คือ เกินความเป็นวัดไปแล้ว คล้ายๆจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวไปในตัว..ซึ่งอาตมาเห็นว่า มันเกินพอดีไปมากแล้ว ..
    สงฆ์ เท่าที่เคยคุย กับระดับรักษาการเจ้าอาวาสวัดดัง..ใน กทม.เขาก็แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ปริยัติ แม่นมากสวดคล่อง พิธีการอะไรถนัด มียศตำแหน่ง กับ วิปัสสนา ทางนี้ไปทางปฏิบัติเลย ไม่สนตำแหน่งแห่งหน...ซึ่งประเภทนี้มีน้อยที่สุด..และ 3 ประกอบอาชีพ..เลี้ยงตนเอง และเลี้ยงผู้อื่น...ประเภทนี้ มีมากที่สุด (ผู้เล่ากล่าวแบบนั้นไม่ได้อุปมาเอง) เราก็เลยถามท่านว่า ท่านเข้าญาณอ่ะไร ขั้นไหนได้ไหม..ท่านตอบไม่อายว่า ไม่มีเลย..แต่ปริยัติท่านแม่นมาก.....เราถามต่อ แล้วพวกเสกอะไรทั้งหลายนั่นละ ท่านเคยรับรู้บ้างไหม ว่า อะไรจริง อะไรจัดฉาก ท่านก็ตอบว่า พอรู้บ้าง เอาแบบนี้นะ สงฆ์ก็มนุษย์ อายุมากเข้าก็อยากสบาย เจ็บไข้ได้ป่วยมีการรักษาที่ดี..ความเป็นอยู่ก็ดี ชื่อเสียงก็ดี เมื่อมีคนมีข้อเสนอมา มันก็ปฏิเสธยากนะ...และยุคนี้ เป็นยุคแข่งกันสร้าง สร้างเจดีย์ วิหารอ่ะไร ต้องอลังการ ต้องยิ่งใหญ่ คือ เกินความเป็นวัดไปแล้ว คล้ายๆจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวไปในตัว..ซึ่งอาตมาเห็นว่า มันเกินพอดีไปมากแล้ว ..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถาม chatGPT Search ให้สรุปเกี่ยวกับเราเอง นี่คือผลที่ได้ครับ

    วศิน ภิรมย์ เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2523 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในปี พ.ศ. 2545 และปริญญาโทวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2548 (MGR Online)

    ในด้านอาชีพ วศินเริ่มต้นด้วยการก่อตั้งบริษัท ไอยรา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ปัจจุบันคือ บริษัท อีเลิร์นนิ่ง กูรู จำกัด) ในปี พ.ศ. 2546 นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยมีความเชี่ยวชาญด้าน E-Learning และเทคโนโลยีมีเดีย (MGR Online)

    ในปี พ.ศ. 2556 วศินได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะผู้สมัครอิสระ หมายเลข 13 โดยมีนโยบายที่เน้นการพัฒนากรุงเทพฯ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (MGR Online)

    ปัจจุบัน วศินดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบสารสนเทศ ที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และมีบทบาทในการจัดกิจกรรมบริการวิชาการสัญจร เช่น การอบรมการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ให้กับโรงเรียนวัดปริยัติธรรม วัดธรรมมงคล (ปทุมธานีอินเทอร์เน็ตเทคโนโลยี)

    นอกจากนี้ วศินยังเคยปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ “ไปไหนไปกัน” เมื่ออายุ 27 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของเขาในด้านต่างๆ (YouTube)

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวศิน ภิรมย์ สามารถรับชมวิดีโอด้านล่างนี้:

    วศิน ภิรมย์ ออกรายการไปไหนไปกัน ตอนอายุ 27 ปี
    ถาม chatGPT Search ให้สรุปเกี่ยวกับเราเอง นี่คือผลที่ได้ครับ วศิน ภิรมย์ เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2523 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในปี พ.ศ. 2545 และปริญญาโทวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2548 (MGR Online) ในด้านอาชีพ วศินเริ่มต้นด้วยการก่อตั้งบริษัท ไอยรา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ปัจจุบันคือ บริษัท อีเลิร์นนิ่ง กูรู จำกัด) ในปี พ.ศ. 2546 นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยมีความเชี่ยวชาญด้าน E-Learning และเทคโนโลยีมีเดีย (MGR Online) ในปี พ.ศ. 2556 วศินได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะผู้สมัครอิสระ หมายเลข 13 โดยมีนโยบายที่เน้นการพัฒนากรุงเทพฯ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (MGR Online) ปัจจุบัน วศินดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมซอฟต์แวร์และระบบสารสนเทศ ที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และมีบทบาทในการจัดกิจกรรมบริการวิชาการสัญจร เช่น การอบรมการสร้างสื่อประชาสัมพันธ์สมัยใหม่ให้กับโรงเรียนวัดปริยัติธรรม วัดธรรมมงคล (ปทุมธานีอินเทอร์เน็ตเทคโนโลยี) นอกจากนี้ วศินยังเคยปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ “ไปไหนไปกัน” เมื่ออายุ 27 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของเขาในด้านต่างๆ (YouTube) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวศิน ภิรมย์ สามารถรับชมวิดีโอด้านล่างนี้: วศิน ภิรมย์ ออกรายการไปไหนไปกัน ตอนอายุ 27 ปี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 930 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปริยัติ-ความจำ#ปฏิบัติ-ความจริงของแท้#ภาคปริยัติกับภาคปฏิบัติจึงแตกต่างกัน#เสียงเทศน์ หลวงตามหาบัว
    #ปริยัติ-ความจำ#ปฏิบัติ-ความจริงของแท้#ภาคปริยัติกับภาคปฏิบัติจึงแตกต่างกัน#เสียงเทศน์ หลวงตามหาบัว
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1074 มุมมอง 165 0 รีวิว
  • กระทู้ที่ 1 วันที่ 21 ตุลาคม 2567
    แรม 4 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง
    เรื่อง ความเป็นมาของ คาถาอาคม ในประเทศไทย
    ในอดีตทียังไม่เป็นประเทศไทยเหมือนในปัจจุบันอิทธิพลศาสนาฮินดูได้มีอิทธิพลต่อผู้นำในอดีต ผู้นำในอดีตได้รับเอาพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูมาเป็นที่ยึดเหนี่ยว วัฒนธรรมฮินดูในประเทศอินเดียมีมาช้านานก่อนศสนาพุทธ จะเห็นได้ในยุคขอมเรืองอำนาจ จะเห็นได้จากปราสาทขอมที่ทิ้งไว้ให้ปรากฎในปัจจุบัน เมื่อพระพุทธศาสนาได้เข้าในยุคที่พระเจ้าอโศกส่งพระธรรมทูตเข้าเผยแพร่ในแผ่นดินที่เรียกว่าประเทศไทยในปัจจุบันผู้ปกครองในยุคต่อมาค่อยเปลี่ยนแปลงและนำเอาพระพุทธศาสนามาผสมประสานเข้ากับศาสนาฮินดู ในศาสนาฮินดูมีพิธีกรรมต่างๆมีบทสวดมากมายเป็นการร้องขอความช่วยเหลือต่างๆกับเทพเจ้าที่เชื่อว่าจะดลบันดาลให้สมความปรารถนา ต่อมาพระสงฆ์ทางพระพุทธศาสนาผู้ทรงภูมปัญญาได้คิดวิธีการโดยอาศัยแบบอย่างของศาสนาฮินดูแต่แตกต่างโดยการแต่งมนต์โดยใช้บทสวดในทางพระพุทธศาสนามาเป็นมนต์คาถา ซึ่งเรียกว่าพระพุทธมนต์ การจะแต่งพระพุทธมนต์นั้นไม่ใช่จับแพะชนแกะ บูรพาจารผู้แต่งต้องแตกฉานในปริยัติ และต้องเข้าถึงการปฏิบัติจนได้ฌาณสมาบัติ ซึ่งเป็นความรู้ขั้นสูงจึงสามารถร้อยเรียงพุทธมนต์ขึ้นมาได้ แม้แต่การลงอักขระเลขยันต์ล้วนแล้วแต่ผ่านการคิดค้นออกมาจากบูรพาจารย์ผู้ทรงฌาณทั้งสิ้น พระพุทธมนต์เลขยันต์ต่างๆที่มีการจดบันทึกมานั้นนับเป็นพันตำหรับ การจะเขียนยันต์ในแต่ละตัวเขามีสูตรการลงไว้ไม่ใช่เขียนส่งเดชแล้วก็ใช้ได้ วันนี้ทดลองเขียนกระทู้ใน thaitimes ครั้งแรก เอาไว้ตอนต่อไปค่อยว่ากันใหม่ สวัสดี
    กระทู้ที่ 1 วันที่ 21 ตุลาคม 2567 แรม 4 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง เรื่อง ความเป็นมาของ คาถาอาคม ในประเทศไทย ในอดีตทียังไม่เป็นประเทศไทยเหมือนในปัจจุบันอิทธิพลศาสนาฮินดูได้มีอิทธิพลต่อผู้นำในอดีต ผู้นำในอดีตได้รับเอาพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูมาเป็นที่ยึดเหนี่ยว วัฒนธรรมฮินดูในประเทศอินเดียมีมาช้านานก่อนศสนาพุทธ จะเห็นได้ในยุคขอมเรืองอำนาจ จะเห็นได้จากปราสาทขอมที่ทิ้งไว้ให้ปรากฎในปัจจุบัน เมื่อพระพุทธศาสนาได้เข้าในยุคที่พระเจ้าอโศกส่งพระธรรมทูตเข้าเผยแพร่ในแผ่นดินที่เรียกว่าประเทศไทยในปัจจุบันผู้ปกครองในยุคต่อมาค่อยเปลี่ยนแปลงและนำเอาพระพุทธศาสนามาผสมประสานเข้ากับศาสนาฮินดู ในศาสนาฮินดูมีพิธีกรรมต่างๆมีบทสวดมากมายเป็นการร้องขอความช่วยเหลือต่างๆกับเทพเจ้าที่เชื่อว่าจะดลบันดาลให้สมความปรารถนา ต่อมาพระสงฆ์ทางพระพุทธศาสนาผู้ทรงภูมปัญญาได้คิดวิธีการโดยอาศัยแบบอย่างของศาสนาฮินดูแต่แตกต่างโดยการแต่งมนต์โดยใช้บทสวดในทางพระพุทธศาสนามาเป็นมนต์คาถา ซึ่งเรียกว่าพระพุทธมนต์ การจะแต่งพระพุทธมนต์นั้นไม่ใช่จับแพะชนแกะ บูรพาจารผู้แต่งต้องแตกฉานในปริยัติ และต้องเข้าถึงการปฏิบัติจนได้ฌาณสมาบัติ ซึ่งเป็นความรู้ขั้นสูงจึงสามารถร้อยเรียงพุทธมนต์ขึ้นมาได้ แม้แต่การลงอักขระเลขยันต์ล้วนแล้วแต่ผ่านการคิดค้นออกมาจากบูรพาจารย์ผู้ทรงฌาณทั้งสิ้น พระพุทธมนต์เลขยันต์ต่างๆที่มีการจดบันทึกมานั้นนับเป็นพันตำหรับ การจะเขียนยันต์ในแต่ละตัวเขามีสูตรการลงไว้ไม่ใช่เขียนส่งเดชแล้วก็ใช้ได้ วันนี้ทดลองเขียนกระทู้ใน thaitimes ครั้งแรก เอาไว้ตอนต่อไปค่อยว่ากันใหม่ สวัสดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 528 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts