• เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถหุ้มเกราะของ อส.อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ซึ่งเดินทางไปรับถุงยังชีพจากศาลากลางจังหวัดปัตตานีเพื่อมาส่งให้ที่ อบต.ปากู และกำลังจะเดินทางกลับเข้าอำเภอ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000038199

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถหุ้มเกราะของ อส.อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ซึ่งเดินทางไปรับถุงยังชีพจากศาลากลางจังหวัดปัตตานีเพื่อมาส่งให้ที่ อบต.ปากู และกำลังจะเดินทางกลับเข้าอำเภอ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000038199 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • ..บ่อน้ำมันไทยที่ข้าราชการประจำระดับนั่งตำแหน่งสูงๆมากมายทั่วประเทศไม่มีความกล้าหาญนำพาคืนความมั่งคั่งแก่ประชาชนคนไทยได้,ผู้ว่าฯและนายอำเภอแต่ละจังหวัดแต่ละท้องที่ตนที่รู้เห็นความจริงทุกๆอย่างยังปิดตาลงได้&ไม่เคยลงประกาศประชุมพูดคุยบอกเล่าความจริงแก่ประชาชนอย่างจริงใจแบบจัดประชุมคืน&มอบโฉนดที่ดินคืนสิทธิ์แก่ประชาชนเลย,บ่อน้ำมันเป็นอะไรยิ่งกว่าที่ดินประชาชนเช่นกันมันคือการพ้นยากจนคนไทยได้ มีสิทธิในการทำกินสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ทุกๆคนในประเทศไทยได้เหมือนมีที่ดินทำกินสร้างสุขปากท้องคนนั้นเอง,ไม่รวมบ่อทองคำแหล่งทรัพยากรผูกขาดต่างๆที่เสียสิทธิไปเช่นบ่อน้ำมัน.,และแม้ทหารยึดอำนาจเองก็ไม่เคยคิดอ่านประกาศความจริง&จริงใจจริงต่อคนไทยทั้งประเทศ,ขาติเราเจริญวัตถุเพื่อตอบสนองโคตรเหง้าไม่กี่ตระกูลให้มั่งคั่งร่ำรวยอย่างบ้าคลั่งชนิดเห็นแก่ตัวโคตรๆมาอย่างยาวนานจริงๆและพร้อมทำลายขายชาติขายแผ่นดินไทยสมคบคิดต่างชาติก่อชั่วใส่แผ่นดินและประชาชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง.,คือวิถีปกครองที่ชั่วเลวยิ่งนักในคราบเผด็จการประชาธิปไตยส่งออกของฝรั่งร่วมกับคณะกบฎ2475.

    ....ทวนราคาน้ำมันในอดีตยุค2565ที่เบนซิน95แบบไม่ผสมเอทานอลลิตรละ52-53กว่าบาทต่อลิตร ถือว่าแพงมากเช่นกัน.

    ราคาน้ำมันวันนี้ 6 มิถุนายน 2565 เช็กราคาทุกชนิด ล่าสุดลิตรละกี่บาทแล้ว

    Date Time: 6 มิ.ย. 2565 10:00 น.

    "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน
    "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน
    วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานการอัปเดตราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน, แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ล่าสุด จากเว็บไซต์ บมจ.บางจากปิโตรเลียม, เว็บไซต์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), เว็บไซต์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และ Esso Thailand โดยมีราคาดังนี้

    ราคาน้ำมันปั๊ม "เชลล์"
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.54 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.38 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.65 บาท/ลิตร

    เชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 53.14 บาท/ลิตร

    เชลล์ ดีเซล B20 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล B7 อยู่ที่ 49.39 บาท/ลิตร



    ราคาน้ำมันปั๊ม "เอสโซ่"
    เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.34 บาท/ลิตร
    เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.18 บาท/ลิตร
    ซูเปอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.45 บาท/ลิตร
    ดีเซล อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร
    ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร

    ซูพรีมพลัส แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 52.94 บาท/ลิตร

    ซูพรีมพลัส ดีเซล B7 อยู่ที่ 47.66 บาท/ลิตร



    ราคาน้ำมันปั๊ม "ปตท."
    ดีเซลพรีเมียม B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร
    ดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ดีเซล อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ดีเซล B20 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร

    เบนซิน อยู่ที่ 52.06 บาท/ลิตร

    แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร


    ราคาน้ำมันปั๊ม "บางจาก"
    แก๊สโซฮอล์ 95S EVO อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ 91S EV อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E20S EVO อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E85S EVO อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล B20S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮพรีเมียมดีเซล S B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร


    อย่างไรก็ตาม ราคาข้างต้นเป็นราคากลางที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งอาจมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่.



    ..บ่อน้ำมันไทยที่ข้าราชการประจำระดับนั่งตำแหน่งสูงๆมากมายทั่วประเทศไม่มีความกล้าหาญนำพาคืนความมั่งคั่งแก่ประชาชนคนไทยได้,ผู้ว่าฯและนายอำเภอแต่ละจังหวัดแต่ละท้องที่ตนที่รู้เห็นความจริงทุกๆอย่างยังปิดตาลงได้&ไม่เคยลงประกาศประชุมพูดคุยบอกเล่าความจริงแก่ประชาชนอย่างจริงใจแบบจัดประชุมคืน&มอบโฉนดที่ดินคืนสิทธิ์แก่ประชาชนเลย,บ่อน้ำมันเป็นอะไรยิ่งกว่าที่ดินประชาชนเช่นกันมันคือการพ้นยากจนคนไทยได้ มีสิทธิในการทำกินสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ทุกๆคนในประเทศไทยได้เหมือนมีที่ดินทำกินสร้างสุขปากท้องคนนั้นเอง,ไม่รวมบ่อทองคำแหล่งทรัพยากรผูกขาดต่างๆที่เสียสิทธิไปเช่นบ่อน้ำมัน.,และแม้ทหารยึดอำนาจเองก็ไม่เคยคิดอ่านประกาศความจริง&จริงใจจริงต่อคนไทยทั้งประเทศ,ขาติเราเจริญวัตถุเพื่อตอบสนองโคตรเหง้าไม่กี่ตระกูลให้มั่งคั่งร่ำรวยอย่างบ้าคลั่งชนิดเห็นแก่ตัวโคตรๆมาอย่างยาวนานจริงๆและพร้อมทำลายขายชาติขายแผ่นดินไทยสมคบคิดต่างชาติก่อชั่วใส่แผ่นดินและประชาชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง.,คือวิถีปกครองที่ชั่วเลวยิ่งนักในคราบเผด็จการประชาธิปไตยส่งออกของฝรั่งร่วมกับคณะกบฎ2475. ....ทวนราคาน้ำมันในอดีตยุค2565ที่เบนซิน95แบบไม่ผสมเอทานอลลิตรละ52-53กว่าบาทต่อลิตร ถือว่าแพงมากเช่นกัน. ราคาน้ำมันวันนี้ 6 มิถุนายน 2565 เช็กราคาทุกชนิด ล่าสุดลิตรละกี่บาทแล้ว Date Time: 6 มิ.ย. 2565 10:00 น. "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานการอัปเดตราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน, แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ล่าสุด จากเว็บไซต์ บมจ.บางจากปิโตรเลียม, เว็บไซต์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), เว็บไซต์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และ Esso Thailand โดยมีราคาดังนี้ ราคาน้ำมันปั๊ม "เชลล์" เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.54 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.38 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.65 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 53.14 บาท/ลิตร เชลล์ ดีเซล B20 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล B7 อยู่ที่ 49.39 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "เอสโซ่" เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.34 บาท/ลิตร เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.18 บาท/ลิตร ซูเปอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.45 บาท/ลิตร ดีเซล อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร ซูพรีมพลัส แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 52.94 บาท/ลิตร ซูพรีมพลัส ดีเซล B7 อยู่ที่ 47.66 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "ปตท." ดีเซลพรีเมียม B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร ดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ดีเซล อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ดีเซล B20 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร เบนซิน อยู่ที่ 52.06 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "บางจาก" แก๊สโซฮอล์ 95S EVO อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91S EV อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E20S EVO อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E85S EVO อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร ไฮดีเซล B20S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮดีเซล S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮพรีเมียมดีเซล S B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร อย่างไรก็ตาม ราคาข้างต้นเป็นราคากลางที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งอาจมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • พระยอดขุนพล วัดถ้ำยะลา
    พระยอดขุนพล ผสมมวลสารเก่า วัดหน้าถ้ำ วัดคูหาภิมุข วัดถ้ำยะลา //พระดีพิธีใหญ๋ ปลุกเสกโดยเกจิสายหลวงพ่อทวด และ เกจิสายเขาอ้ออีกหลายท่าน พระเก่า พ.ศ. ลึก พระประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย หายาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณโดดเด่นทางด้าน"แคล้วคาดปลอดภัย" มหาอุตน์ เมตตาหานิยม มหาโภคทรัพย์ คุ้มครองป้องกันภัย มีโชคมีลาภ สุดยอดแห่งนิรันตราย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >>

    ** วัดหน้าถ้ำ หรือ วัดคูหาภิมุข เป็นวัดที่สำคัญและเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดยะลา ภายในวัดมีถ้ำใหญ่ ประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ พระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ นอกจากนี้ยังมีหินงอกหินย้อยสวยงาม และน้ำใสสะอาดไหลรินจากโขดหิน >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระยอดขุนพล วัดถ้ำยะลา พระยอดขุนพล ผสมมวลสารเก่า วัดหน้าถ้ำ วัดคูหาภิมุข วัดถ้ำยะลา //พระดีพิธีใหญ๋ ปลุกเสกโดยเกจิสายหลวงพ่อทวด และ เกจิสายเขาอ้ออีกหลายท่าน พระเก่า พ.ศ. ลึก พระประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย หายาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณโดดเด่นทางด้าน"แคล้วคาดปลอดภัย" มหาอุตน์ เมตตาหานิยม มหาโภคทรัพย์ คุ้มครองป้องกันภัย มีโชคมีลาภ สุดยอดแห่งนิรันตราย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >> ** วัดหน้าถ้ำ หรือ วัดคูหาภิมุข เป็นวัดที่สำคัญและเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดยะลา ภายในวัดมีถ้ำใหญ่ ประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ พระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ นอกจากนี้ยังมีหินงอกหินย้อยสวยงาม และน้ำใสสะอาดไหลรินจากโขดหิน >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเดินสายซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ - เยียวยาผู้ประสบภัยอัคคีภัย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และ มอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง
    .
    วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ.2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ซอยโรงธูป อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รวมจำนวน 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมจำนวน 17 ชุด รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งสิ้น 214,000 บาท โดยมี นายนรสิงห์ อรุณบรรเจิดกุล ปลัดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง พร้อมด้วย คณะมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และ คณะอาสาสมัครเฉพาะกิจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หลังจากนั้น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 7 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 140,000 บาท
    .
    รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งสองเหตุเป็นเงินทั้งสิ้น 354,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้ง และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้
    .
    เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการเชิงรุกอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งด้านงานบรรเทาสาธารณภัย และงานสังคมสงเคราะห์ ดังเช่น เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดส่งทีมสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลที่ทำการอพยพและเปิดรับบริจาคสิ่งของ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ทั้งชาวไทยและเมียนมา รวมมูลค่าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงติดตามและเข้ามอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่อไป
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    กว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเดินสายซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ - เยียวยาผู้ประสบภัยอัคคีภัย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และ มอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง . วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ.2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ซอยโรงธูป อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รวมจำนวน 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมจำนวน 17 ชุด รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งสิ้น 214,000 บาท โดยมี นายนรสิงห์ อรุณบรรเจิดกุล ปลัดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง พร้อมด้วย คณะมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และ คณะอาสาสมัครเฉพาะกิจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หลังจากนั้น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 7 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 140,000 บาท . รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งสองเหตุเป็นเงินทั้งสิ้น 354,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้ง และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้ . เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการเชิงรุกอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งด้านงานบรรเทาสาธารณภัย และงานสังคมสงเคราะห์ ดังเช่น เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดส่งทีมสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลที่ทำการอพยพและเปิดรับบริจาคสิ่งของ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ทั้งชาวไทยและเมียนมา รวมมูลค่าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงติดตามและเข้ามอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่อไป . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . กว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • *พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทนประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน*

    “มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น

    ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป

    งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโครตรอนประกอบขึ้นเป็นเซ็นเซอร์ด้วยกระบวนการลิโทกราฟี** โดยภาพจากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแสดงให้เห็นซิงค์ออกไซด์ที่ผลิตได้มีรูปร่างเป็นแท่งหกเหลี่ยมวางตัวตามแนวตั้ง ซึ่งแต่ละแท่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ไมโครเมตร และมีขนาดหน้าตัดประมาณ 50 นาโนเมตร

    คณะวิจัยศึกษาประสิทธิการตอบสนองของเซ็นเซอร์ที่ผลิตได้สำหรับแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิต่างๆ โดยเทคนิคการวัดการดูดกลืนรังสีเอกซ์แบบอินซิทู (in-situ X-ray absorption spectroscopy) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นสามารถตรวจวัดแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ที่ความเข้มข้นแก๊สสูงสุด 10% โดยปริมาตร ใช้เวลาในการตอบสนองต่อแก๊สมีเทน 4 วินาที และใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นผิว 6 วินาที

    งานวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซ็นเซอร์ที่เตรียมขึ้นได้นี้มีค่าการตอบสนองต่อแก๊สมีเทนได้ดี และสามารถส่งสัญญาณการตอบสนองของแก๊สมีเทนได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานได้จริง เพื่อตรวจจับแก๊สมีเทนแบบเรียลไทม์ต่อไปในอนาคต

    หมายเหตุ
    * เทคนิคสปัตเตอริง (Sputtering) เป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเคลือบฟิล์มบาง เนื่องจากจะได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอ
    ** ลิโธกราฟี (Lithography) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถใช้แสงซินโครตรอนในการสร้างลวดลายเซนเซอร์
    *พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทนประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน* “มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโครตรอนประกอบขึ้นเป็นเซ็นเซอร์ด้วยกระบวนการลิโทกราฟี** โดยภาพจากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแสดงให้เห็นซิงค์ออกไซด์ที่ผลิตได้มีรูปร่างเป็นแท่งหกเหลี่ยมวางตัวตามแนวตั้ง ซึ่งแต่ละแท่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ไมโครเมตร และมีขนาดหน้าตัดประมาณ 50 นาโนเมตร คณะวิจัยศึกษาประสิทธิการตอบสนองของเซ็นเซอร์ที่ผลิตได้สำหรับแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิต่างๆ โดยเทคนิคการวัดการดูดกลืนรังสีเอกซ์แบบอินซิทู (in-situ X-ray absorption spectroscopy) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นสามารถตรวจวัดแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ที่ความเข้มข้นแก๊สสูงสุด 10% โดยปริมาตร ใช้เวลาในการตอบสนองต่อแก๊สมีเทน 4 วินาที และใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นผิว 6 วินาที งานวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซ็นเซอร์ที่เตรียมขึ้นได้นี้มีค่าการตอบสนองต่อแก๊สมีเทนได้ดี และสามารถส่งสัญญาณการตอบสนองของแก๊สมีเทนได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานได้จริง เพื่อตรวจจับแก๊สมีเทนแบบเรียลไทม์ต่อไปในอนาคต หมายเหตุ * เทคนิคสปัตเตอริง (Sputtering) เป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเคลือบฟิล์มบาง เนื่องจากจะได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอ ** ลิโธกราฟี (Lithography) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถใช้แสงซินโครตรอนในการสร้างลวดลายเซนเซอร์
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • ChatGPT รุ่น GPT-4.5 ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการผ่าน Turing Test ซึ่งเป็นการทดสอบที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของเครื่องจักรในการเลียนแบบมนุษย์ โดยในงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก พบว่า 73% ของผู้เข้าร่วมการทดลองเชื่อว่า AI เป็นมนุษย์หลังจากสนทนาเป็นเวลา 5 นาที ซึ่ง GPT-4.5 ยังสามารถทำได้ดีกว่าผู้เข้าร่วมที่เป็นมนุษย์บางคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AI

    ✅ GPT-4.5 ผ่าน Turing Test ด้วยความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์
    - AI ถูกออกแบบให้มีบุคลิกเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ตและมีอารมณ์ขันแบบแห้ง
    - การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการสร้างบทสนทนาที่เหมือนมนุษย์

    ✅ ผลการทดลองแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างเมื่อไม่มีการตั้งค่าบุคลิกภาพ
    - เมื่อ AI ไม่มีการตั้งค่าบุคลิกภาพ ความสามารถในการหลอกลวงลดลงเหลือ 36%

    ✅ Turing Test ไม่ได้วัดความรู้สึกหรือความตระหนักรู้ของ AI
    - GPT-4.5 เป็นเพียงโมเดลภาษาที่ทำงานตามคำสั่งและไม่ได้มีความรู้สึกหรือความตระหนักรู้

    ✅ ผลกระทบต่อการพัฒนา AI ในอนาคต
    - การผ่าน Turing Test อาจกระตุ้นการพัฒนา AI ที่มีความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์มากขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-crosses-a-new-ai-threshold-by-beating-the-turing-test
    ChatGPT รุ่น GPT-4.5 ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการผ่าน Turing Test ซึ่งเป็นการทดสอบที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของเครื่องจักรในการเลียนแบบมนุษย์ โดยในงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก พบว่า 73% ของผู้เข้าร่วมการทดลองเชื่อว่า AI เป็นมนุษย์หลังจากสนทนาเป็นเวลา 5 นาที ซึ่ง GPT-4.5 ยังสามารถทำได้ดีกว่าผู้เข้าร่วมที่เป็นมนุษย์บางคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AI ✅ GPT-4.5 ผ่าน Turing Test ด้วยความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์ - AI ถูกออกแบบให้มีบุคลิกเป็นคนหนุ่มสาวที่มีความรู้ด้านอินเทอร์เน็ตและมีอารมณ์ขันแบบแห้ง - การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการสร้างบทสนทนาที่เหมือนมนุษย์ ✅ ผลการทดลองแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างเมื่อไม่มีการตั้งค่าบุคลิกภาพ - เมื่อ AI ไม่มีการตั้งค่าบุคลิกภาพ ความสามารถในการหลอกลวงลดลงเหลือ 36% ✅ Turing Test ไม่ได้วัดความรู้สึกหรือความตระหนักรู้ของ AI - GPT-4.5 เป็นเพียงโมเดลภาษาที่ทำงานตามคำสั่งและไม่ได้มีความรู้สึกหรือความตระหนักรู้ ✅ ผลกระทบต่อการพัฒนา AI ในอนาคต - การผ่าน Turing Test อาจกระตุ้นการพัฒนา AI ที่มีความสามารถในการเลียนแบบมนุษย์มากขึ้น https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-crosses-a-new-ai-threshold-by-beating-the-turing-test
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตตได้พัฒนา สติกเกอร์อัจฉริยะ ที่สามารถตรวจจับอารมณ์ที่แท้จริงของผู้ใช้ได้ โดยอุปกรณ์นี้สามารถวัดสัญญาณสำคัญของร่างกาย เช่น อุณหภูมิผิว ความชื้น อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) พร้อมทั้งใช้ AI วิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าร่วมกับข้อมูลทางกายภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ

    ✅ สติกเกอร์สามารถตรวจจับอารมณ์ได้แบบเรียลไทม์
    - ใช้เซ็นเซอร์แยกส่วนและโมดูลไร้สายในการวัดข้อมูล
    - ออกแบบให้สวมใส่สบายและมีขนาดกะทัดรัด

    ✅ AI วิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าร่วมกับข้อมูลทางกายภาพ
    - ทดสอบกับอาสาสมัครที่แสดงอารมณ์ 6 แบบ เช่น ความสุข ความกลัว และความโกรธ
    - AI สามารถระบุอารมณ์ที่แสดงออกได้ถูกต้องถึง 96.28% และอารมณ์ที่แท้จริง 88.83%

    ✅ ช่วยในการตรวจสอบสุขภาพจิตและการแพทย์ทางไกล
    - ส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์มือถือและคลาวด์เพื่อการติดตามระยะไกล
    - มีศักยภาพในการตรวจจับความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าในระยะแรก

    ✅ การใช้งานที่หลากหลายนอกเหนือจากสุขภาพจิต
    - ช่วยผู้ป่วยที่ไม่สามารถสื่อสารได้
    - ติดตามสัญญาณเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อม
    - ใช้ในกีฬาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

    https://www.neowin.net/news/scientists-invent-sticker-said-to-reveal-your-true-emotions-no-matter-how-hard-you-hide-it/
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตตได้พัฒนา สติกเกอร์อัจฉริยะ ที่สามารถตรวจจับอารมณ์ที่แท้จริงของผู้ใช้ได้ โดยอุปกรณ์นี้สามารถวัดสัญญาณสำคัญของร่างกาย เช่น อุณหภูมิผิว ความชื้น อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด (SpO₂) พร้อมทั้งใช้ AI วิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าร่วมกับข้อมูลทางกายภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ✅ สติกเกอร์สามารถตรวจจับอารมณ์ได้แบบเรียลไทม์ - ใช้เซ็นเซอร์แยกส่วนและโมดูลไร้สายในการวัดข้อมูล - ออกแบบให้สวมใส่สบายและมีขนาดกะทัดรัด ✅ AI วิเคราะห์การแสดงออกทางสีหน้าร่วมกับข้อมูลทางกายภาพ - ทดสอบกับอาสาสมัครที่แสดงอารมณ์ 6 แบบ เช่น ความสุข ความกลัว และความโกรธ - AI สามารถระบุอารมณ์ที่แสดงออกได้ถูกต้องถึง 96.28% และอารมณ์ที่แท้จริง 88.83% ✅ ช่วยในการตรวจสอบสุขภาพจิตและการแพทย์ทางไกล - ส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์มือถือและคลาวด์เพื่อการติดตามระยะไกล - มีศักยภาพในการตรวจจับความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าในระยะแรก ✅ การใช้งานที่หลากหลายนอกเหนือจากสุขภาพจิต - ช่วยผู้ป่วยที่ไม่สามารถสื่อสารได้ - ติดตามสัญญาณเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อม - ใช้ในกีฬาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ https://www.neowin.net/news/scientists-invent-sticker-said-to-reveal-your-true-emotions-no-matter-how-hard-you-hide-it/
    WWW.NEOWIN.NET
    Scientists invent 'sticker' said to reveal your true emotions no matter how hard you hide it
    Reading the actual emotions of people can be a real hard task if not an impossible one, but not any more. Thanks to science, we now have a sticker that can identify real emotions.
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • มาเลย์ถกไทย ทำรถไฟแพนเอเชีย

    หลังจากการมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ล่าสุด นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย มีกำหนดพบกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ในวันที่ 2 พ.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับการสร้างโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย (PARN) และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีในภาคการขนส่ง

    โดยโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการหารือ ได้แก่ การก่อสร้างสะพานสุไหงโก-ลกแห่งที่ 2 ระหว่างด่าน ICQS รันเตาปันยัง รัฐกลันตัน กับด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส การก่อสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างด่าน ICQS บูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดะห์ กับด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา ถนนเชื่อมต่อระหว่างด่านปะลิสกับจังหวัดสตูล ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นในการพัฒนาทางรถไฟทั่วโลก โดยตระหนักถึงโอกาสสำคัญของทางรถไฟในแต่ละประเทศ และบทบาทในการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค

    การประชุมครั้งถัดไปจะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความร่วมมือในภาคส่วนรถไฟระหว่างสองประเทศ ซึ่งขณะนี้จำกัดอยู่เพียงการใช้งานภายในประเทศเท่านั้น แม้จะมีความร่วมมือระหว่างการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) กับการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว แต่การยกระดับความร่วมมือนี้จะนำไปสู่ระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อให้การพัฒนาระบบรถไฟเชิงยุทธศาสตร์เกิดขึ้นได้ การเชื่อมโยงเครือข่ายรถไฟระหว่างมาเลเซียและไทย จะสามารถเปิดเส้นทางข้ามอาเซียนและจีนได้ นำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลให้กับภูมิภาคอาเซียน

    มีรายงานว่า มาเลเซียกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการค้าฮาลาลระหว่างมาเลเซียและจีน ระหว่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานนี้ ยังสนับสนุนโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพในการเปิดตลาดในจีนตะวันตก โดยเฉพาะในภูมิภาคมองโกเลียใน ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว มาเลเซียร่วมกับไทยและพันธมิตรจากจีน เปิดตัวโครงการ Asean Express นำร่องขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังเมืองฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ผ่านประเทศไทยและลาว โดยใช้เวลาเพียง 9 วัน

    สำหรับโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย มีจุดเริ่มต้นจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน แบ่งเป็น 3 สาย ได้แก่ 1. คุนหมิง–ต้าหลี่-รุ่ยลี่-ย่างกุ้ง-กรุงเทพฯ 2. คุนหมิง–ยวี่ซี-โม่หาน-เวียงจันทน์–กรุงเทพฯ 3. คุนหมิง–ยวี่ซี–เหอโขว่-ฮานอย-โฮจิมินห์-พนมเปญ-กรุงเทพฯ จากนั้นลงสู่ทางใต้ ผ่านประเทศมาเลเซีย ปลายทางประเทศสิงคโปร์

    #Newskit
    มาเลย์ถกไทย ทำรถไฟแพนเอเชีย หลังจากการมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ล่าสุด นายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย มีกำหนดพบกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ในวันที่ 2 พ.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับการสร้างโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย (PARN) และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีในภาคการขนส่ง โดยโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการหารือ ได้แก่ การก่อสร้างสะพานสุไหงโก-ลกแห่งที่ 2 ระหว่างด่าน ICQS รันเตาปันยัง รัฐกลันตัน กับด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส การก่อสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างด่าน ICQS บูกิตกายูฮีตัม รัฐเคดะห์ กับด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา ถนนเชื่อมต่อระหว่างด่านปะลิสกับจังหวัดสตูล ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นในการพัฒนาทางรถไฟทั่วโลก โดยตระหนักถึงโอกาสสำคัญของทางรถไฟในแต่ละประเทศ และบทบาทในการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค การประชุมครั้งถัดไปจะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความร่วมมือในภาคส่วนรถไฟระหว่างสองประเทศ ซึ่งขณะนี้จำกัดอยู่เพียงการใช้งานภายในประเทศเท่านั้น แม้จะมีความร่วมมือระหว่างการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) กับการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว แต่การยกระดับความร่วมมือนี้จะนำไปสู่ระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล เพื่อให้การพัฒนาระบบรถไฟเชิงยุทธศาสตร์เกิดขึ้นได้ การเชื่อมโยงเครือข่ายรถไฟระหว่างมาเลเซียและไทย จะสามารถเปิดเส้นทางข้ามอาเซียนและจีนได้ นำมาซึ่งประโยชน์มหาศาลให้กับภูมิภาคอาเซียน มีรายงานว่า มาเลเซียกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการค้าฮาลาลระหว่างมาเลเซียและจีน ระหว่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน เยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานนี้ ยังสนับสนุนโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพในการเปิดตลาดในจีนตะวันตก โดยเฉพาะในภูมิภาคมองโกเลียใน ก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว มาเลเซียร่วมกับไทยและพันธมิตรจากจีน เปิดตัวโครงการ Asean Express นำร่องขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังเมืองฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ผ่านประเทศไทยและลาว โดยใช้เวลาเพียง 9 วัน สำหรับโครงข่ายรถไฟสายแพนเอเชีย มีจุดเริ่มต้นจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน แบ่งเป็น 3 สาย ได้แก่ 1. คุนหมิง–ต้าหลี่-รุ่ยลี่-ย่างกุ้ง-กรุงเทพฯ 2. คุนหมิง–ยวี่ซี-โม่หาน-เวียงจันทน์–กรุงเทพฯ 3. คุนหมิง–ยวี่ซี–เหอโขว่-ฮานอย-โฮจิมินห์-พนมเปญ-กรุงเทพฯ จากนั้นลงสู่ทางใต้ ผ่านประเทศมาเลเซีย ปลายทางประเทศสิงคโปร์ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • ขอรีวิวร้านกาแฟ แกะกล่องใจกลางเมืองลพบุรี อยู่ข้างๆสถานีรถไฟจังหวัดลพบุรี อยู่ข้างหลังร้านสกายเวย์ พลอยพบกับมิติใหม่ขอกาแฟเร็วๆนี้เจอกันบริหารโดยลูกสาวคนเล็ก ของเฮียศิริชัย อัมพร คอกาแฟอย่าพลาด ที่นี่แว่วมาว่าการชงเข้มข้น หวานมัน ต้องที่นี่ที่เดียวเร็วๆนี้ที่เมืองลพบุรีเท่านั้น ที่นี่มีของอร่อยมากมาย
    ขอรีวิวร้านกาแฟ แกะกล่องใจกลางเมืองลพบุรี อยู่ข้างๆสถานีรถไฟจังหวัดลพบุรี อยู่ข้างหลังร้านสกายเวย์ พลอยพบกับมิติใหม่ขอกาแฟเร็วๆนี้เจอกันบริหารโดยลูกสาวคนเล็ก ของเฮียศิริชัย อัมพร คอกาแฟอย่าพลาด ที่นี่แว่วมาว่าการชงเข้มข้น หวานมัน ต้องที่นี่ที่เดียวเร็วๆนี้ที่เมืองลพบุรีเท่านั้น ที่นี่มีของอร่อยมากมาย
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 0 Reviews
  • สามจังหวัดชายแดนใต้ ของไทย เป็นดินแดนพุทธศาสนา และพราหมณ์มาก่อน ..หลีกฐานทางประวัติศาสตร์มีครบสมบูรณ์
    ลังกาสุกะเป็นนครรัฐตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 รุ่งเรืองยาวนานถึง 1,400 ปี จึงเสื่อมสลายไป[3] ไม่ใช่เพราะถูกอำนาจใดเข้าตี หากแต่ทะเลถอยห่างตัวเมืองออกไปทุกที จนผู้คนพากันทิ้งเมือง ซ้ำโดนน้ำท่วมโคลนถมทับตัวเมืองแทบหมด เพิ่งขุดเจอซากไม่นานมานี้ เชื่อกันว่าคนในหมู่บ้านกาแลจิน อ.เมืองปัตตานีปัจจุบันคือผู้สืบเชื้อสายชาวเมืองลังกาสุกะ ที่เป็นลูกครึ่งชาวจีนกับคนพื้นเมืองที่ต้องทิ้งเมืองเก่ามาอยู่ในปัตตานีเมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว

    อาณาจักรโบราณยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่ามีพื้นที่คลุมไปถึงตอนเหนือมาเลเซีย เพราะพบสิ่ง ก่อสร้างโบราณ แบบเดียวกับที่พบในปัตตานีแถวริมฝั่งแม่น้ำบูจังและปาดังลาวาส (ปากแม่น้ำลาวาส) ในรัฐเคดาห์ หนังสือเหล่านั้นเรียกอย่างจืดชืดไม่ดึงดูดใจสักนิดว่า "เมืองโบราณยะรัง" เพราะซากเมืองเก่าพบที่ อ.ยะรัง ทั้งที่มีความเก่าแก่รุ่งเรืองมาก่อน อาณาจักรศรีวิชัยและอาณาจักรทวาราวดีตั้ง 500 ปี ศรีวิชัยและทวาราวดีตั้งในพุทธศตวรรษที่ 12 ลังกาสุกะเป็นนครรัฐที่โลกตะวันตกตะวันออก รู้จักกันแล้ว ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 เมืองโบราณยะรังจึงไม่ใช่เมืองเก่าธรรมดา หากแต่เป็นเมืองท่านครรัฐยิ่งใหญ่ สมัยโบราณเก๋ากึ๊กในภูมิภาคนี้โดยแท้

    เมืองโบราณที่ กรมศิลปากร กำลังขุดแต่งอยู่ที่ อำเภอยะรัง ในขณะนี้คือ ศูนย์การปกครอง อาณาจักรลังกาสุกะ ในเมื่อบันทึก ชาวอินเดียและ ชาวอาหรับ ที่เรียกเมืองนี้ว่า "ลังกาสุกะ" กับบันทึก ของชาวจีนที่เรียก "หลาง หย่า ซุ่ย" ล้วนระบุทิศทางและ ที่ตั้งตรงกันหมด น.ส.พรทิพย์ พันธุโกวิท หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ โบราณคดี ผู้ควบคุมการขุดแต่งและ บูรณะมาตั้งแต่แรกถึง 16 ปี อธิบายว่า ปัตตานีวันนี้คือ ดินแดนเกิดใหม่ เมื่อทะเลถอย ห่างฝั่งออกไปทุกที ลังกาสุกะเลยกลายเป็น เมืองภายในแผ่นดิน อยู่ห่างชายฝั่งทะเล ในวันนี้เกือบ 25 กม. ชายฝั่งบริเวณท่าเรือใหญ่ครั้งโน้น ปัจจุบันนี้คือ คลองปาเละหมู่บ้านกาแลบูซา (ท่าเรือใหญ่) หมู่บ้านเทียระยา (หมู่บ้านเสากระโดงเรือ) ต.ตันหยงลูโละ อ.เมือง ปัตตานี

    ร่องรอยทางโบราณคดี ชี้ให้เห็นว่ามีลักษณะเป็นเมืองเรียงกันถึง 3 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมืองที่กำลังขุดอยู่ที่บ้านวัด บ้านจาเละ และบ้านปราแว (พระราชวัง) อำเภอยะรัง บ้านปราแวอยู่ริมทะเล มีลักษณะ ค่ายคูประตูหอรบตามมุมเมือง คาดว่าน่าจะเป็นประชาคม 3 แห่ง ที่อยู่ร่วมกันมากกว่าเมือง โดยรวมแล้วพื้นที่ดังกล่าวนี้ พบร่องรอยทางโบราณคดีถึงกว่า 40 แห่ง ลงมือขุดไปเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ชิ้นใหญ่ ๆ ที่กำลังขุดอยู่เป็นศาสนสถานใน ศาสนาพราหมณ์และ พุทธศาสนา ทั้งพบคำจารึกภาษาปัลลวะอินเดียโบราณและภาษาสันสกฤตด้วย บ่งบอกอย่างเด่นชัด แรกเริ่มนั้นชาวลังกาสุกะนับถือศาสนาพราหมณ์ เปลี่ยนมาถือพุทธ แล้วเปลี่ยนมาเป็นอิสลามตามลำดับ

    ลังกาสุกะเฟื่องเนื่องมาจากที่ตั้งเป็นกึ่งกลางเส้นทางค้าขายโลกตะวันตกและตะวันออก เป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและศูนย์ค้าเครื่องเทศสินค้าสำคัญของภูมิภาคนี้ ที่ดังที่สุด ได้แก่ไม้หอม และกำยาน ซึ่งอินเดีย อาหรับยันยุโรปต่างต้องการอย่างมาก น่าเชื่อว่ากำยานชั้นดีที่สุดเป็นกำยานลังกาสุกะ เพราะเครื่องหอมทำจากกำยานที่โลกอาหรับ และชาติมุสลิมใช้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นเครื่องหอม ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เจือปนไม่ผิด หลักทางศาสนาที่ชื่อว่า "ไซมีส เบนโซอีน" ที่ยังใช้กันมาจนทุกวันนี้ ลังกาสุกะเป็นท่าเรือ ส่งออกที่ใหญ่มาก

    ลังกาสุกะอาจเป็นอาณาจักรเดียวในโลกที่ล่มสลายไปไม่ใช่เพราะการสงครามหรือโรคระบาด หากเกิดจากทะเลถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เมื่อไม่สามารถทำมาหากินได้เหมือนเดิม ผู้คนก็อพยพทิ้งบ้านทิ้งเมืองไปอยู่ที่อื่นกันหมด พร้อม ๆ กับอาณาจักรอื่นใกล้เคียงเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่
    สามจังหวัดชายแดนใต้ ของไทย เป็นดินแดนพุทธศาสนา และพราหมณ์มาก่อน ..หลีกฐานทางประวัติศาสตร์มีครบสมบูรณ์ ลังกาสุกะเป็นนครรัฐตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 รุ่งเรืองยาวนานถึง 1,400 ปี จึงเสื่อมสลายไป[3] ไม่ใช่เพราะถูกอำนาจใดเข้าตี หากแต่ทะเลถอยห่างตัวเมืองออกไปทุกที จนผู้คนพากันทิ้งเมือง ซ้ำโดนน้ำท่วมโคลนถมทับตัวเมืองแทบหมด เพิ่งขุดเจอซากไม่นานมานี้ เชื่อกันว่าคนในหมู่บ้านกาแลจิน อ.เมืองปัตตานีปัจจุบันคือผู้สืบเชื้อสายชาวเมืองลังกาสุกะ ที่เป็นลูกครึ่งชาวจีนกับคนพื้นเมืองที่ต้องทิ้งเมืองเก่ามาอยู่ในปัตตานีเมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว อาณาจักรโบราณยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่ามีพื้นที่คลุมไปถึงตอนเหนือมาเลเซีย เพราะพบสิ่ง ก่อสร้างโบราณ แบบเดียวกับที่พบในปัตตานีแถวริมฝั่งแม่น้ำบูจังและปาดังลาวาส (ปากแม่น้ำลาวาส) ในรัฐเคดาห์ หนังสือเหล่านั้นเรียกอย่างจืดชืดไม่ดึงดูดใจสักนิดว่า "เมืองโบราณยะรัง" เพราะซากเมืองเก่าพบที่ อ.ยะรัง ทั้งที่มีความเก่าแก่รุ่งเรืองมาก่อน อาณาจักรศรีวิชัยและอาณาจักรทวาราวดีตั้ง 500 ปี ศรีวิชัยและทวาราวดีตั้งในพุทธศตวรรษที่ 12 ลังกาสุกะเป็นนครรัฐที่โลกตะวันตกตะวันออก รู้จักกันแล้ว ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 เมืองโบราณยะรังจึงไม่ใช่เมืองเก่าธรรมดา หากแต่เป็นเมืองท่านครรัฐยิ่งใหญ่ สมัยโบราณเก๋ากึ๊กในภูมิภาคนี้โดยแท้ เมืองโบราณที่ กรมศิลปากร กำลังขุดแต่งอยู่ที่ อำเภอยะรัง ในขณะนี้คือ ศูนย์การปกครอง อาณาจักรลังกาสุกะ ในเมื่อบันทึก ชาวอินเดียและ ชาวอาหรับ ที่เรียกเมืองนี้ว่า "ลังกาสุกะ" กับบันทึก ของชาวจีนที่เรียก "หลาง หย่า ซุ่ย" ล้วนระบุทิศทางและ ที่ตั้งตรงกันหมด น.ส.พรทิพย์ พันธุโกวิท หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ โบราณคดี ผู้ควบคุมการขุดแต่งและ บูรณะมาตั้งแต่แรกถึง 16 ปี อธิบายว่า ปัตตานีวันนี้คือ ดินแดนเกิดใหม่ เมื่อทะเลถอย ห่างฝั่งออกไปทุกที ลังกาสุกะเลยกลายเป็น เมืองภายในแผ่นดิน อยู่ห่างชายฝั่งทะเล ในวันนี้เกือบ 25 กม. ชายฝั่งบริเวณท่าเรือใหญ่ครั้งโน้น ปัจจุบันนี้คือ คลองปาเละหมู่บ้านกาแลบูซา (ท่าเรือใหญ่) หมู่บ้านเทียระยา (หมู่บ้านเสากระโดงเรือ) ต.ตันหยงลูโละ อ.เมือง ปัตตานี ร่องรอยทางโบราณคดี ชี้ให้เห็นว่ามีลักษณะเป็นเมืองเรียงกันถึง 3 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมืองที่กำลังขุดอยู่ที่บ้านวัด บ้านจาเละ และบ้านปราแว (พระราชวัง) อำเภอยะรัง บ้านปราแวอยู่ริมทะเล มีลักษณะ ค่ายคูประตูหอรบตามมุมเมือง คาดว่าน่าจะเป็นประชาคม 3 แห่ง ที่อยู่ร่วมกันมากกว่าเมือง โดยรวมแล้วพื้นที่ดังกล่าวนี้ พบร่องรอยทางโบราณคดีถึงกว่า 40 แห่ง ลงมือขุดไปเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ชิ้นใหญ่ ๆ ที่กำลังขุดอยู่เป็นศาสนสถานใน ศาสนาพราหมณ์และ พุทธศาสนา ทั้งพบคำจารึกภาษาปัลลวะอินเดียโบราณและภาษาสันสกฤตด้วย บ่งบอกอย่างเด่นชัด แรกเริ่มนั้นชาวลังกาสุกะนับถือศาสนาพราหมณ์ เปลี่ยนมาถือพุทธ แล้วเปลี่ยนมาเป็นอิสลามตามลำดับ ลังกาสุกะเฟื่องเนื่องมาจากที่ตั้งเป็นกึ่งกลางเส้นทางค้าขายโลกตะวันตกและตะวันออก เป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและศูนย์ค้าเครื่องเทศสินค้าสำคัญของภูมิภาคนี้ ที่ดังที่สุด ได้แก่ไม้หอม และกำยาน ซึ่งอินเดีย อาหรับยันยุโรปต่างต้องการอย่างมาก น่าเชื่อว่ากำยานชั้นดีที่สุดเป็นกำยานลังกาสุกะ เพราะเครื่องหอมทำจากกำยานที่โลกอาหรับ และชาติมุสลิมใช้อย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นเครื่องหอม ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เจือปนไม่ผิด หลักทางศาสนาที่ชื่อว่า "ไซมีส เบนโซอีน" ที่ยังใช้กันมาจนทุกวันนี้ ลังกาสุกะเป็นท่าเรือ ส่งออกที่ใหญ่มาก ลังกาสุกะอาจเป็นอาณาจักรเดียวในโลกที่ล่มสลายไปไม่ใช่เพราะการสงครามหรือโรคระบาด หากเกิดจากทะเลถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ เมื่อไม่สามารถทำมาหากินได้เหมือนเดิม ผู้คนก็อพยพทิ้งบ้านทิ้งเมืองไปอยู่ที่อื่นกันหมด พร้อม ๆ กับอาณาจักรอื่นใกล้เคียงเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • ตามที่ เกิดเหตุคนร้ายประทุษร้ายสามเณร ณ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อวันอังคาร ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๘ ทำให้มีสามเณรถึงมรณภาพ ๑ รูป และอาพาธ ๑ รูป ความทราบตามข่าวสารที่ปรากฏแล้ว นั้นเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปลงธรรมสังเวชและโปรดประทานผ้าไตร ๑ ไตร พร้อมไม้จันทน์ ๑ ช่อ สำหรับการฌาปนกิจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เจ้าภาพศพสามเณรพงษ์กร ชูมาปาน เพื่อช่วยการบำเพ็ญกุศล อนึ่ง โปรดประทานเหรียญพระรูปแก่สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เป็นคิลานปัจจัยทั้งนี้ มีพระบัญชาโปรดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เชิญสิ่งของและกัปปิยภัณฑ์ประทานไปถวายแด่เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เพื่อมอบแก่เจ้าภาพศพและสามเณรผู้อาพาธอนึ่ง มีรับสั่งประทานกำลังใจแก่ครอบครัว ญาติมิตรของผู้ถึงมรณภาพ ให้ทุเลาความโศก และความหม่นหมอง อีกทั้งโปรดประทานพรให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประสบเหตุ และผู้ตระหนกเสียขวัญจงถึงพร้อมด้วยขันติ สติ และปัญญาอันเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ความสงบร่มเย็นของชาติ และความสถาพรของพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยให้ดำรงมั่นคงอยู่สืบไป
    ตามที่ เกิดเหตุคนร้ายประทุษร้ายสามเณร ณ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อวันอังคาร ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๘ ทำให้มีสามเณรถึงมรณภาพ ๑ รูป และอาพาธ ๑ รูป ความทราบตามข่าวสารที่ปรากฏแล้ว นั้นเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปลงธรรมสังเวชและโปรดประทานผ้าไตร ๑ ไตร พร้อมไม้จันทน์ ๑ ช่อ สำหรับการฌาปนกิจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เจ้าภาพศพสามเณรพงษ์กร ชูมาปาน เพื่อช่วยการบำเพ็ญกุศล อนึ่ง โปรดประทานเหรียญพระรูปแก่สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เป็นคิลานปัจจัยทั้งนี้ มีพระบัญชาโปรดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เชิญสิ่งของและกัปปิยภัณฑ์ประทานไปถวายแด่เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เพื่อมอบแก่เจ้าภาพศพและสามเณรผู้อาพาธอนึ่ง มีรับสั่งประทานกำลังใจแก่ครอบครัว ญาติมิตรของผู้ถึงมรณภาพ ให้ทุเลาความโศก และความหม่นหมอง อีกทั้งโปรดประทานพรให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประสบเหตุ และผู้ตระหนกเสียขวัญจงถึงพร้อมด้วยขันติ สติ และปัญญาอันเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ความสงบร่มเย็นของชาติ และความสถาพรของพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยให้ดำรงมั่นคงอยู่สืบไป
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ร้านก๋วยเตี๋ยวอาหารตามสั่ง #วัดหน้าพระเมรุ #อยุธยา #กินอะไรดี #ของดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #eating #noodles #food #streetfood #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านก๋วยเตี๋ยวอาหารตามสั่ง #วัดหน้าพระเมรุ #อยุธยา #กินอะไรดี #ของดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #eating #noodles #food #streetfood #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 114 Views 6 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อทองใบ วัดอบทม ปี2536
    เหรียญหลวงพ่อทองใบ เนื้ออัลปาก้า (ตอกโค๊ด) วัดอบทม ปี2536 // รุ่นปฏิสังขรณ์อุโบสถ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >

    ** พุทธคุณโดดเด่น ด้านแคล้วคลาด มหาลาภ เมตตามหานิยม "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >>

    ** หลวงพ่อทองใบ เป็นชาวแม่กลอง นิสัยเป็นคนพูดเสียงดัง ไม่กลัวใครแต่มีใจโอบอ้อมอารี เป็นศิษย์หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ และนับถือหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ มรณภาพ ปี 2548 สิริอายุ 95 ปี (หลวงพ่อมรณะภาพกว่า ๒๐ปี สังขารไม่เน่าเปื่อย ผมและเล็บยังงอกอยู่ ) >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทองใบ วัดอบทม ปี2536 เหรียญหลวงพ่อทองใบ เนื้ออัลปาก้า (ตอกโค๊ด) วัดอบทม ปี2536 // รุ่นปฏิสังขรณ์อุโบสถ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ > ** พุทธคุณโดดเด่น ด้านแคล้วคลาด มหาลาภ เมตตามหานิยม "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง >> ** หลวงพ่อทองใบ เป็นชาวแม่กลอง นิสัยเป็นคนพูดเสียงดัง ไม่กลัวใครแต่มีใจโอบอ้อมอารี เป็นศิษย์หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ และนับถือหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ มรณภาพ ปี 2548 สิริอายุ 95 ปี (หลวงพ่อมรณะภาพกว่า ๒๐ปี สังขารไม่เน่าเปื่อย ผมและเล็บยังงอกอยู่ ) >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • พระสังกัจจายน์ เนื้อว่านพิมพ์ใหญ่ (พิมพ์หายาก) วัดเมืองยะลา ปี2505 // พระดีพิธิใหญ่ เนื้อว่านยุคแรกๆ ปลุกเสกพร้อมหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปี2505 //พระสถาพสวย พระสถาพเดิมๆผิวหิ้ง หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแก้ปัญหาต่างๆ นำไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆ และประสบโชคลาภ ร่ำรวย ความอุดมสมบูรณ์ มีโชค มีลาภ ความมั่งคั่ง ความสำเร็จ: ในหน้าที่การงานและธุรกิจ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >>

    ** พระสังกัจจายน์ วัดเมืองยะลา ปี2505 นับเป็นพระเนื้อว่านยุคแรกๆ สร้างในปี ๒๕๐๕ โดย พระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาสวัดช้างให้ และพ่อท่านฉิ้น ท่านทั้งสองเป็นสหธรรมิกที่มีความสนิทสนมกันมาก มวลสารเนื้อว่านที่ใช้ในการสร้าง ผสม เนื้อว่านหลวงพ่อทวด รุ่นแรก ของวัดช้างให้ เมื่อปี ๒๔๙๗ ผสมอยู่มาก .....พระดี พิธีใหญ๋ พิธีปลุกเสก มี ๒ วาระ คือ ปลุกเสกครั้งแรกโดย พระอาจารย์ทิม ที่วัดเมืองยะลา เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๐๕ พิธีครั้งที่ ๒ โดยนำเข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่สุดของวัดช้างให้ คือ พิธีพุทธาภิเษก พระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังเตารีด และหลังตัวหนังสือ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ซึ่งเป็นพิธีครั้งที่ยิ่งใหญ่มากของวัดช้างให้ >>

    ** พระสถาพสวย พระสถาพเดิมๆผิวหิ้ง หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระสังกัจจายน์ เนื้อว่านพิมพ์ใหญ่ (พิมพ์หายาก) วัดเมืองยะลา ปี2505 // พระดีพิธิใหญ่ เนื้อว่านยุคแรกๆ ปลุกเสกพร้อมหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปี2505 //พระสถาพสวย พระสถาพเดิมๆผิวหิ้ง หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแก้ปัญหาต่างๆ นำไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆ และประสบโชคลาภ ร่ำรวย ความอุดมสมบูรณ์ มีโชค มีลาภ ความมั่งคั่ง ความสำเร็จ: ในหน้าที่การงานและธุรกิจ เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >> ** พระสังกัจจายน์ วัดเมืองยะลา ปี2505 นับเป็นพระเนื้อว่านยุคแรกๆ สร้างในปี ๒๕๐๕ โดย พระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาสวัดช้างให้ และพ่อท่านฉิ้น ท่านทั้งสองเป็นสหธรรมิกที่มีความสนิทสนมกันมาก มวลสารเนื้อว่านที่ใช้ในการสร้าง ผสม เนื้อว่านหลวงพ่อทวด รุ่นแรก ของวัดช้างให้ เมื่อปี ๒๔๙๗ ผสมอยู่มาก .....พระดี พิธีใหญ๋ พิธีปลุกเสก มี ๒ วาระ คือ ปลุกเสกครั้งแรกโดย พระอาจารย์ทิม ที่วัดเมืองยะลา เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๐๕ พิธีครั้งที่ ๒ โดยนำเข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่สุดของวัดช้างให้ คือ พิธีพุทธาภิเษก พระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังเตารีด และหลังตัวหนังสือ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ซึ่งเป็นพิธีครั้งที่ยิ่งใหญ่มากของวัดช้างให้ >> ** พระสถาพสวย พระสถาพเดิมๆผิวหิ้ง หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ 100 คัน พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

    วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวม 100 คันพร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 290,000 บาท (สองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิตและเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ โดยมี นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ มูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
    .
    โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม โดยการมอบรถเข็นวีลแชร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมูลนิธิฯ ได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่างๆของประเทศไทยเรื่อยมา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ 100 คัน พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวม 100 คันพร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 290,000 บาท (สองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิตและเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ โดยมี นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ มูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม . โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม โดยการมอบรถเข็นวีลแชร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมูลนิธิฯ ได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่างๆของประเทศไทยเรื่อยมา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ 100 คัน พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

    วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวม 100 คันพร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 290,000 บาท (สองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิตและเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ โดยมี นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ มูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
    .
    โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม โดยการมอบรถเข็นวีลแชร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมูลนิธิฯ ได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่างๆของประเทศไทยเรื่อยมา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ 100 คัน พร้อมค่าพาหนะแก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม รวม 100 คันพร้อมค่าพาหนะ คนละ 500 บาท ในโครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 290,000 บาท (สองแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) เพื่อบรรเทาความยากลำบากในการดำรงชีวิตและเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตนเองได้ โดยมี นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ มูลนิธิมหาสารคามการกุศล “เต็กก่า” จีเสียงเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม . โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม โดยการมอบรถเข็นวีลแชร์นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมูลนิธิฯ ได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่างๆของประเทศไทยเรื่อยมา ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • เกียวโดนิวส์​ (22​ เม.ย.)​ ราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมใหม่ในใจกลางกรุงโตเกียวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ในปี 2567 จากปีก่อนหน้าสู่ระดับสูงสุดที่ 116.32 ล้านเยน ซึ่งทะลุ 100 ล้านเยนเป็นปีที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางต้นทุนวัสดุและแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น

    ท่ามกลางราคาที่พุ่งสูงขึ้น ผู้ขายยังคงมุ่งเป้าไปที่ผู้ซื้อที่มีฐานะร่ำรวยด้วยการเสนออสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่สะดวก เช่น ใกล้สถานีรถไฟหลัก

    ราคาเฉลี่ยในเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากปีก่อนอยู่ที่ 81.35 ล้านเยน ทำลายสถิติสูงสุดครั้งก่อนเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

    จำนวนคอนโดมิเนียมที่มีอุปทานคงเหลือในพื้นที่ลดลงร้อยละ 17.0 เหลือ 22,239 ยูนิต ลดลงเป็นปีที่สามติดต่อกัน

    เมื่อจำแนกตามจังหวัด ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 เป็น 58.93 ล้านเยนในไซตามะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เป็น 56.04 ล้านเยนในชิบะ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เป็น 65.87 ล้านเยนในคานากาวะ

    ข้อมูลระบุว่า ราคาเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นทั่วทั้ง 6 ภูมิภาค รวมถึง 23 เขตของโตเกียวและจังหวัดโดยรอบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/japan/detail/9680000037669

    #MGROnline #คอนโดมิเนียมใหม่ #กรุงโตเกียว
    เกียวโดนิวส์​ (22​ เม.ย.)​ ราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมใหม่ในใจกลางกรุงโตเกียวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ในปี 2567 จากปีก่อนหน้าสู่ระดับสูงสุดที่ 116.32 ล้านเยน ซึ่งทะลุ 100 ล้านเยนเป็นปีที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางต้นทุนวัสดุและแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น • ท่ามกลางราคาที่พุ่งสูงขึ้น ผู้ขายยังคงมุ่งเป้าไปที่ผู้ซื้อที่มีฐานะร่ำรวยด้วยการเสนออสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่สะดวก เช่น ใกล้สถานีรถไฟหลัก • ราคาเฉลี่ยในเมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากปีก่อนอยู่ที่ 81.35 ล้านเยน ทำลายสถิติสูงสุดครั้งก่อนเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน • จำนวนคอนโดมิเนียมที่มีอุปทานคงเหลือในพื้นที่ลดลงร้อยละ 17.0 เหลือ 22,239 ยูนิต ลดลงเป็นปีที่สามติดต่อกัน • เมื่อจำแนกตามจังหวัด ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 เป็น 58.93 ล้านเยนในไซตามะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เป็น 56.04 ล้านเยนในชิบะ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เป็น 65.87 ล้านเยนในคานากาวะ • ข้อมูลระบุว่า ราคาเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นทั่วทั้ง 6 ภูมิภาค รวมถึง 23 เขตของโตเกียวและจังหวัดโดยรอบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/japan/detail/9680000037669 • #MGROnline #คอนโดมิเนียมใหม่ #กรุงโตเกียว
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • จิตนี้ครอบโลกธาตุแล้ว 15/05/2493 ฟ้าดินถล่มหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์
    จิตนี้ครอบโลกธาตุแล้ว 15/05/2493 ฟ้าดินถล่มหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์
    1 Comments 0 Shares 67 Views 5 0 Reviews
  • ศาสตราจารย์ ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์

    ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้แดนอาทิตย์อุทัยติดตามเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมญี่ปุ่นอยู่ตลอดเวลาคงเคยได้ยินเรื่องวันสิ้นโลกซึ่ง คุณเรียว ทะสึคิ (たつき諒) ซึ่งเป็นนามปากกาของนักวาดการ์ตูนญี่ปุ่นสายมังงะ (漫画) ซึ่งปัจจุบันท่านอายุย่าง 71 ปีเกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1954 ที่จังหวัดคะนะงะวะ (神奈川県) มีพรสวรรค์ในการวาดภาพตั้งแต่เด็ก

    ในช่วงแรกของการใช้ชีวิต คุณ เรียว ก็ดำเนินชีวิตตามปกติอย่างเด็กญี่ปุ่นทั่วไปจนกระทั่งประสบอุบัติเหตุตอนอายุ 17 ปี แม้จะโชคดีที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลร้ายถึงขั้นเสียชีวิตแต่กระนั้น ความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกลับสร้างปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นกับตัวเธอนั้นคือ เธอมักจะมองเห็นอนาคตจากความฝัน เริ่มจากสิ่งเล็กน้อยในชีวิตประจำวันจนลามไปถึงเหตุการณ์สำคัญระดับโลกรวมทั้งภัยพิบัติประเภทต่างๆ ข้อดีของคุณ เรียว คือเธอเป็นนักจดบันทึกที่ลงในรายละเอียดประกอบกับมีทักษะพิเศษในการวาดภาพ เลยเกิดเป็นการทำนายเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่านหนังสือมังงะที่ใช้ชื่อว่า “อนาคตที่ฉันมองเห็น (私が見た未来)” ซึ่งเป็นการนำเอาไดอารี่ที่มีการจดบันทึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวในรูปแบบของการ์ตูน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/daily/detail/9680000037620

    #MGROnline #เรียวทะสึคิ #たつき諒 #นักวาดการ์ตูนญี่ปุ่น #สายมังงะ
    ศาสตราจารย์ ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ • ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้แดนอาทิตย์อุทัยติดตามเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมญี่ปุ่นอยู่ตลอดเวลาคงเคยได้ยินเรื่องวันสิ้นโลกซึ่ง คุณเรียว ทะสึคิ (たつき諒) ซึ่งเป็นนามปากกาของนักวาดการ์ตูนญี่ปุ่นสายมังงะ (漫画) ซึ่งปัจจุบันท่านอายุย่าง 71 ปีเกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1954 ที่จังหวัดคะนะงะวะ (神奈川県) มีพรสวรรค์ในการวาดภาพตั้งแต่เด็ก • ในช่วงแรกของการใช้ชีวิต คุณ เรียว ก็ดำเนินชีวิตตามปกติอย่างเด็กญี่ปุ่นทั่วไปจนกระทั่งประสบอุบัติเหตุตอนอายุ 17 ปี แม้จะโชคดีที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลร้ายถึงขั้นเสียชีวิตแต่กระนั้น ความโชคร้ายที่เกิดขึ้นกลับสร้างปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นกับตัวเธอนั้นคือ เธอมักจะมองเห็นอนาคตจากความฝัน เริ่มจากสิ่งเล็กน้อยในชีวิตประจำวันจนลามไปถึงเหตุการณ์สำคัญระดับโลกรวมทั้งภัยพิบัติประเภทต่างๆ ข้อดีของคุณ เรียว คือเธอเป็นนักจดบันทึกที่ลงในรายละเอียดประกอบกับมีทักษะพิเศษในการวาดภาพ เลยเกิดเป็นการทำนายเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่านหนังสือมังงะที่ใช้ชื่อว่า “อนาคตที่ฉันมองเห็น (私が見た未来)” ซึ่งเป็นการนำเอาไดอารี่ที่มีการจดบันทึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวในรูปแบบของการ์ตูน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/daily/detail/9680000037620 • #MGROnline #เรียวทะสึคิ #たつき諒 #นักวาดการ์ตูนญี่ปุ่น #สายมังงะ
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • เนื้อว่านหลวงพ่อแดง รุ่นแรก วัดภูเขาหลัก จ.นครศรีธรรมราช
    หลวงพ่อแดง รุ่นแรก เนื้อผงผสมว่าน108 วัดภูเขาหลัก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ปี2509 //พระดีพิธีใหญ๋ ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ //พระสถาพสวย พระสถาพเดิมๆผิวหิ้ง หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด จังงัง มหาอุด คงกระพัน เมตตามหานิยม โชคลาภ เจรจาค้าขาย เสริมชีวิตให้เจริญรุ่งเรือง >>

    ** หลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน )พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี หลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ท่านศึกษา เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เนื้อว่านหลวงพ่อแดง รุ่นแรก วัดภูเขาหลัก จ.นครศรีธรรมราช หลวงพ่อแดง รุ่นแรก เนื้อผงผสมว่าน108 วัดภูเขาหลัก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ปี2509 //พระดีพิธีใหญ๋ ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ //พระสถาพสวย พระสถาพเดิมๆผิวหิ้ง หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด จังงัง มหาอุด คงกระพัน เมตตามหานิยม โชคลาภ เจรจาค้าขาย เสริมชีวิตให้เจริญรุ่งเรือง >> ** หลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน )พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี หลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ท่านศึกษา เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • งัดข้อผลตรวจเหล็ก ไม่ผ่านเพราะเครื่องมือ : [NEWS UPDATE]

    นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เผยถึงการตรวจคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งต้องน้อยกว่า 0.0008% และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาบริษัทยื่นขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิม ผลก็ยังไม่ผ่านมาตรฐาน การทดสอบทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ มอก. บริษัทจึงขอให้ตรวจซ้ำครั้งที่สามที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 มอง การนำเหล็กที่ใช้แล้วไปตรวจผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มีความพยายามชี้นำว่า เหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ส่วนการเสียภาษีของบริษัทใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท ยืนยัน เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐาน

    -ใช้คนงานเป็นนอมินี

    -เร่งลดความสูงถึงชั้น 1

    -ดาวศุกร์สว่างสุดท้ายในรอบปี

    -เตือนอย่าร่วมสหรัฐหักหลังจีน
    งัดข้อผลตรวจเหล็ก ไม่ผ่านเพราะเครื่องมือ : [NEWS UPDATE] นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เผยถึงการตรวจคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งต้องน้อยกว่า 0.0008% และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาบริษัทยื่นขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิม ผลก็ยังไม่ผ่านมาตรฐาน การทดสอบทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ มอก. บริษัทจึงขอให้ตรวจซ้ำครั้งที่สามที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 มอง การนำเหล็กที่ใช้แล้วไปตรวจผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มีความพยายามชี้นำว่า เหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ส่วนการเสียภาษีของบริษัทใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท ยืนยัน เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐาน -ใช้คนงานเป็นนอมินี -เร่งลดความสูงถึงชั้น 1 -ดาวศุกร์สว่างสุดท้ายในรอบปี -เตือนอย่าร่วมสหรัฐหักหลังจีน
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 353 Views 22 0 Reviews
  • วัดหน้าพระเมรุราชิการาม (พระอารามหลวง) #อยุธยา #ท่องเที่ยว #ไหว้พระ #วัดไทย #สิ่งศักดิ์สิทธิ์ #travel #amulet #thailand #thaitimes #kaiaminute
    วัดหน้าพระเมรุราชิการาม (พระอารามหลวง) #อยุธยา #ท่องเที่ยว #ไหว้พระ #วัดไทย #สิ่งศักดิ์สิทธิ์ #travel #amulet #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 Comments 0 Shares 97 Views 6 0 Reviews
  • การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว:

    ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม**
    - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
    - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ
    - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า

    ### 2. **สมดุลทางสังคม**
    - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล
    - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม
    - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

    ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ**
    - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ
    - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน
    - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง

    ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี**
    - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ
    - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล
    - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล

    ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ**
    - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
    - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
    - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน

    ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง**
    - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform
    - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์
    - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม

    ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง**
    - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน
    - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์

    ### บทสรุป
    สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว: ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม** - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า ### 2. **สมดุลทางสังคม** - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ** - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี** - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ** - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง** - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์ - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง** - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์ ### บทสรุป สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • วัดชีพจร SME ผ่านภารกิจ บสย.ช่วยแก้หนี้ : คนเคาะข่าว 21-04-68
    : สิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    #คนเคาะข่าว #SMEไทย #บสย #แก้หนี้SME #เศรษฐกิจฐานราก #ธุรกิจขนาดย่อม #สินเชื่อธุรกิจ #สิทธิกรดิเรกสุนทร #นงวดีถนิมมาลย์ #ข่าวเศรษฐกิจ #thaitimes #ฟื้นฟูธุรกิจ #การเงินเพื่อSME #มาตรการช่วยเหลือ #วิเคราะห์เศรษฐกิจไทย
    วัดชีพจร SME ผ่านภารกิจ บสย.ช่วยแก้หนี้ : คนเคาะข่าว 21-04-68 : สิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #SMEไทย #บสย #แก้หนี้SME #เศรษฐกิจฐานราก #ธุรกิจขนาดย่อม #สินเชื่อธุรกิจ #สิทธิกรดิเรกสุนทร #นงวดีถนิมมาลย์ #ข่าวเศรษฐกิจ #thaitimes #ฟื้นฟูธุรกิจ #การเงินเพื่อSME #มาตรการช่วยเหลือ #วิเคราะห์เศรษฐกิจไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 166 Views 1 0 Reviews
More Results