• FD เพิ่มเที่ยวบินสุวรรณภูมิ ส่งรูทเชียงใหม่ชิงไทเป-ซัปโปโร

    ช่วงนี้สายการบินไทยแอร์เอเชีย (FD) ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV มีความเคลื่อนไหวหลายอย่าง เริ่มจากการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 6 ลำ โดยเครื่องบินใหม่ลำแรกทะเบียน HS-EAU จากโรงงานแอร์บัสที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี มาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อเวลา 05.44 น. วันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา นำมาให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มี.ค.เที่ยวบิน FD3437 ดอนเมือง-เชียงใหม่ ส่วนที่เหลืออีก 5 ลำจะทยอยส่งมอบต่อไป ซึ่งจะทำให้ไทยแอร์เอเชียมีฝูงบินรวมกัน 66 ลำ

    อย่างต่อมา คือ การเพิ่มเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งเป็นฮับของไทยแอร์เอเชีย ตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ชูจุดขายบินในประเทศเลือกได้ 2 สนามบิน นอกจากเส้นทางยอดนิยมอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และหาดใหญ่แล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาได้เพิ่มเส้นทางขอนแก่น และอุดรธานี ล่าสุดประกาศว่าได้เพิ่มเส้นทางสุราษฎร์ธานี นราธิวาส และบุรีรีมย์ (ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป รวมเส้นทางจากสุวรณภูมิทั้งสิ้น 9 เส้นทาง ขณะเดียวกัน AAV มีแผนที่จะเพิ่มเส้นทางไปพิษณุโลก อุบลราชธานี นครพนม ลำปาง และการกลับมาของเชียงราย

    ก่อนหน้านี้การบินไทยยกเลิกเส้นทางสุวรรณภูมิ-นราธิวาส เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2567 ทำให้ท่าอากาศยานนราธิวาส มีเพียงเที่ยวบินไทยแอร์เอเชีย ดอนเมือง-นราธิวาสเพียงวันละ 1-2 เที่ยวบิน ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกแก่ผู้โดยสารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2564 ไทยแอร์เอเชียเคยบินตรงสุวรรณภูมิไปน่านและนครศรีธรรมราช แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    อีกด้านหนึ่ง คือ การเปิดเส้นทางใหม่ เชียงใหม่-ไทเป-ซัปโปโร ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยใช้สิทธิทางการบินที่ 5 (Fifth Freedom) ต่อจากดอนเมือง-ไทเป-โอกินาว่า และดอนเมือง-เกาสง-โตเกียว (นาริตะ) เชื่อมระหว่างประเทศไทย ไปยังไต้หวันและญี่ปุ่น เจาะตลาดนักท่องเที่ยวไต้หวันไปญี่ปุ่น ซึ่งต้องแข่งขันกับคู่แข่งอีก 5 ราย ได้แก่ สกู๊ตที่ใช้สิทธิในเส้นทางสิงคโปร์-ไทเป-ซัปโปโร ไทเกอร์แอร์ อีวีเอแอร์ ไชน่าแอร์ไลน์ และสตาร์ลักซ์แอร์ไลน์ที่บินตรง ส่วนชาวไทยจากเชียงใหม่ไปซัปโปโรได้โดยไม่ต้องไปต่อเครื่องที่ดอนเมือง

    นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มบริการเที่ยวบินพร้อมรถรับส่ง พัทยา-อินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป โดยจุดจอดท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่ที่อาคาร Service Hall และพัทยารถจอดที่ห้างเซ็นทรัลพัทยา ชั้น 1 ประตู 5 ข้างซอยพัทยา 9

    #Newskit
    FD เพิ่มเที่ยวบินสุวรรณภูมิ ส่งรูทเชียงใหม่ชิงไทเป-ซัปโปโร ช่วงนี้สายการบินไทยแอร์เอเชีย (FD) ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV มีความเคลื่อนไหวหลายอย่าง เริ่มจากการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 6 ลำ โดยเครื่องบินใหม่ลำแรกทะเบียน HS-EAU จากโรงงานแอร์บัสที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี มาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อเวลา 05.44 น. วันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา นำมาให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มี.ค.เที่ยวบิน FD3437 ดอนเมือง-เชียงใหม่ ส่วนที่เหลืออีก 5 ลำจะทยอยส่งมอบต่อไป ซึ่งจะทำให้ไทยแอร์เอเชียมีฝูงบินรวมกัน 66 ลำ อย่างต่อมา คือ การเพิ่มเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งเป็นฮับของไทยแอร์เอเชีย ตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ชูจุดขายบินในประเทศเลือกได้ 2 สนามบิน นอกจากเส้นทางยอดนิยมอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และหาดใหญ่แล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาได้เพิ่มเส้นทางขอนแก่น และอุดรธานี ล่าสุดประกาศว่าได้เพิ่มเส้นทางสุราษฎร์ธานี นราธิวาส และบุรีรีมย์ (ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป รวมเส้นทางจากสุวรณภูมิทั้งสิ้น 9 เส้นทาง ขณะเดียวกัน AAV มีแผนที่จะเพิ่มเส้นทางไปพิษณุโลก อุบลราชธานี นครพนม ลำปาง และการกลับมาของเชียงราย ก่อนหน้านี้การบินไทยยกเลิกเส้นทางสุวรรณภูมิ-นราธิวาส เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2567 ทำให้ท่าอากาศยานนราธิวาส มีเพียงเที่ยวบินไทยแอร์เอเชีย ดอนเมือง-นราธิวาสเพียงวันละ 1-2 เที่ยวบิน ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกแก่ผู้โดยสารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2564 ไทยแอร์เอเชียเคยบินตรงสุวรรณภูมิไปน่านและนครศรีธรรมราช แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อีกด้านหนึ่ง คือ การเปิดเส้นทางใหม่ เชียงใหม่-ไทเป-ซัปโปโร ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยใช้สิทธิทางการบินที่ 5 (Fifth Freedom) ต่อจากดอนเมือง-ไทเป-โอกินาว่า และดอนเมือง-เกาสง-โตเกียว (นาริตะ) เชื่อมระหว่างประเทศไทย ไปยังไต้หวันและญี่ปุ่น เจาะตลาดนักท่องเที่ยวไต้หวันไปญี่ปุ่น ซึ่งต้องแข่งขันกับคู่แข่งอีก 5 ราย ได้แก่ สกู๊ตที่ใช้สิทธิในเส้นทางสิงคโปร์-ไทเป-ซัปโปโร ไทเกอร์แอร์ อีวีเอแอร์ ไชน่าแอร์ไลน์ และสตาร์ลักซ์แอร์ไลน์ที่บินตรง ส่วนชาวไทยจากเชียงใหม่ไปซัปโปโรได้โดยไม่ต้องไปต่อเครื่องที่ดอนเมือง นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มบริการเที่ยวบินพร้อมรถรับส่ง พัทยา-อินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป โดยจุดจอดท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่ที่อาคาร Service Hall และพัทยารถจอดที่ห้างเซ็นทรัลพัทยา ชั้น 1 ประตู 5 ข้างซอยพัทยา 9 #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • 🙏✨พระปิดตาเนื้อผงยาจินดามณี รุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อเกษมเขมมะโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง จัดสร้างในปีพ.ศ.2538 จำนวน2,000 องค์โดยหลวงพ่อเกษมท่าน อธิษฐานจิตเป็นพิเศษถึงสี่วาระ

    ว่ากันว่า ยาจินดามณีนั้นมีพุทธคุณเหลือคณา ทั้งรักษาสารพัดโรค แช่น้ำอาบแก้เสนียดจัญไร แก้คุณไสย แคล้วคลาดปลอดภัย ขณะเดียวกันก็เป็นเลิศด้านเมดตามหานิยมยิ่งนัก.
    🙏✨พระปิดตาเนื้อผงยาจินดามณี รุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อเกษมเขมมะโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง จัดสร้างในปีพ.ศ.2538 จำนวน2,000 องค์โดยหลวงพ่อเกษมท่าน อธิษฐานจิตเป็นพิเศษถึงสี่วาระ ว่ากันว่า ยาจินดามณีนั้นมีพุทธคุณเหลือคณา ทั้งรักษาสารพัดโรค แช่น้ำอาบแก้เสนียดจัญไร แก้คุณไสย แคล้วคลาดปลอดภัย ขณะเดียวกันก็เป็นเลิศด้านเมดตามหานิยมยิ่งนัก.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 271 Views 5 0 Reviews
  • จากเชียงใหม่ไปเวียงจันทน์ เส้นทางใหม่ R11 เพียง 11 ชั่วโมง

    เปิดใช้อย่างเป็นทางการ สำหรับทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 11 (R11) เชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา มีพิธีเปิดทางหลวง R11 จากเมืองสังทอง นครหลวงเวียงจันทน์ ถึงบ้านครกข้าวดอ เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) และกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว

    สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานว่า ทางหลวง R11 เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างไทย-ลาว ออกแบบเป็น 2 ช่องจราจร ตามมาตรฐานทางหลวงอาเซียน เริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ก่อนจะเข้าสู่จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ เข้าสู่เมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี เมืองสังทอง สิ้นสุดที่นครหลวงเวียงจันทน์ รวมระยะทางในประเทศไทย 391 กิโลเมตร และในประเทศลาว 238 กิโลเมตร

    ก่อนหน้านี้การเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปนครหลวงเวียงจันทน์ ต้องออกไปทางด่านพรมแดนหนองคาย ระยะทาง 863 กิโลเมตร ใช้เวลา 14 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เส้นทางนี้จะมีระยะทาง 629 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 10-11 ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการเดินทางในเส้นทางตรงที่ไม่มีสันภู หรือทางลาดชัน ช่วยให้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาสองประเทศ

    ที่ผ่านมา NEDA ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ก่อสร้างและพัฒนาถนน รวม 3 โครงการ ได้แก่

    1. ก่อสร้างถนนจากด่านภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ถึงเมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงิน 718 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค. 2555 แล้วเสร็จเดือน มิ.ย. 2557

    2. พัฒนาถนน R11 ช่วงบ้านตาดทอง-น้ำสัง และเมืองสังทอง ระยะทาง 82 กิโลเมตร วงเงิน 1,392 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค. 2554 แล้วเสร็จเดือน ก.ค. 2557

    3. พัฒนาถนน R11 ช่วงครกข้าวดอ-บ้านโนนสะหวัน-สานะคาม-บ้านวัง-บ้านน้ำสัง ระยะทาง 124 กิโลเมตร วงเงิน 1,826.50 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค. 2562 แล้วเสร็จเตือน ก.ค. 2566

    สำหรับจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 160 กิโลเมตร เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. การนำรถยนต์เข้าประเทศลาว ต้องมีหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ (พาสปอร์ตรถ) ใบรับรองการตรวจสภาพรถ ทะเบียนรถที่แปลเป็นทะเบียนสากลในรูปแบบกระดาษ A4 สติกเกอร์สัญลักษณ์ตัว T และต้องทำประกันภัยรถยนต์บุคคล 3 ของ สปป.ลาวด้วย ซึ่งมีทั้งแบบ 7 วัน 3 เดือน และรายปี

    #Newskit
    จากเชียงใหม่ไปเวียงจันทน์ เส้นทางใหม่ R11 เพียง 11 ชั่วโมง เปิดใช้อย่างเป็นทางการ สำหรับทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 11 (R11) เชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา มีพิธีเปิดทางหลวง R11 จากเมืองสังทอง นครหลวงเวียงจันทน์ ถึงบ้านครกข้าวดอ เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) และกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานว่า ทางหลวง R11 เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างไทย-ลาว ออกแบบเป็น 2 ช่องจราจร ตามมาตรฐานทางหลวงอาเซียน เริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ก่อนจะเข้าสู่จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ เข้าสู่เมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี เมืองสังทอง สิ้นสุดที่นครหลวงเวียงจันทน์ รวมระยะทางในประเทศไทย 391 กิโลเมตร และในประเทศลาว 238 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้การเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปนครหลวงเวียงจันทน์ ต้องออกไปทางด่านพรมแดนหนองคาย ระยะทาง 863 กิโลเมตร ใช้เวลา 14 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เส้นทางนี้จะมีระยะทาง 629 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 10-11 ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการเดินทางในเส้นทางตรงที่ไม่มีสันภู หรือทางลาดชัน ช่วยให้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาสองประเทศ ที่ผ่านมา NEDA ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ก่อสร้างและพัฒนาถนน รวม 3 โครงการ ได้แก่ 1. ก่อสร้างถนนจากด่านภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ถึงเมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงิน 718 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค. 2555 แล้วเสร็จเดือน มิ.ย. 2557 2. พัฒนาถนน R11 ช่วงบ้านตาดทอง-น้ำสัง และเมืองสังทอง ระยะทาง 82 กิโลเมตร วงเงิน 1,392 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค. 2554 แล้วเสร็จเดือน ก.ค. 2557 3. พัฒนาถนน R11 ช่วงครกข้าวดอ-บ้านโนนสะหวัน-สานะคาม-บ้านวัง-บ้านน้ำสัง ระยะทาง 124 กิโลเมตร วงเงิน 1,826.50 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค. 2562 แล้วเสร็จเตือน ก.ค. 2566 สำหรับจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 160 กิโลเมตร เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. การนำรถยนต์เข้าประเทศลาว ต้องมีหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ (พาสปอร์ตรถ) ใบรับรองการตรวจสภาพรถ ทะเบียนรถที่แปลเป็นทะเบียนสากลในรูปแบบกระดาษ A4 สติกเกอร์สัญลักษณ์ตัว T และต้องทำประกันภัยรถยนต์บุคคล 3 ของ สปป.ลาวด้วย ซึ่งมีทั้งแบบ 7 วัน 3 เดือน และรายปี #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 337 Views 0 Reviews
  • การเดินทางของ "พระแก้วมรกต"

    เชียงราย ประดิษฐานถึงปี พ.ศ. 1990 (ไม่ปรากฏปีสร้าง)
    ลำปาง พ.ศ.1990-2022 ระยะเวลา 32 ปี
    เชียงใหม่ พ.ศ.2022-2091 ระยะเวลา 69 ปี
    หลวงพระบาง พ.ศ.2091-2103 ระยะเวลา 12 ปี
    เวียงจันทร์ พ.ศ.2103-2322 ระยะวลา 219 ปี
    ธนบุรี พ.ศ.2322-2325 ระยะเวลา 3 ปี
    รัตนโกสินทร์ พ.ศ.2325-ปัจจุบัน ระยะเวลา 243 ปี

    เมื่อวานนี้ 14 มีนาคม 2568 พระแก้วมรกตเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน ได้มีโอกาสอ่านการเดินทางของพระแก้ว ที่ทางเพจโบราณนานมา เรียบเรียงไว้ เห็นว่าน่าสนใจ จึงขอเอามาโพสต์ให้อ่านกัน

    ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เพจโบราณนานมา
    การเดินทางของ "พระแก้วมรกต" เชียงราย ประดิษฐานถึงปี พ.ศ. 1990 (ไม่ปรากฏปีสร้าง) ลำปาง พ.ศ.1990-2022 ระยะเวลา 32 ปี เชียงใหม่ พ.ศ.2022-2091 ระยะเวลา 69 ปี หลวงพระบาง พ.ศ.2091-2103 ระยะเวลา 12 ปี เวียงจันทร์ พ.ศ.2103-2322 ระยะวลา 219 ปี ธนบุรี พ.ศ.2322-2325 ระยะเวลา 3 ปี รัตนโกสินทร์ พ.ศ.2325-ปัจจุบัน ระยะเวลา 243 ปี เมื่อวานนี้ 14 มีนาคม 2568 พระแก้วมรกตเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน ได้มีโอกาสอ่านการเดินทางของพระแก้ว ที่ทางเพจโบราณนานมา เรียบเรียงไว้ เห็นว่าน่าสนใจ จึงขอเอามาโพสต์ให้อ่านกัน ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เพจโบราณนานมา
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ]
    .
    เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต”
    .
    ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้
    .
    ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต”
    .
    เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี
    .
    ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง
    .
    หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี
    .
    ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา
    .
    ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม
    .
    ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว”
    .
    ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น
    .
    การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น
    .
    ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย
    .
    อ้างอิง
    (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑.
    (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง
    (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘.
    (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓.
    (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).
    [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ] . เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต” . ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้ . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต” . เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง . หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี . ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา . ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม . ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว” . ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น . การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น . ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย . อ้างอิง (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑. (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘. (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓. (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ ยัน..ไม่มีชุลมุนภายในทัณฑสถานจนมีผู้ต้องขังบาดเจ็บ 15 ราย บอกแค่ผู้ต้องขังคนเชียงใหม่กับลำปาง ขัดแย้งชกต่อยกันธรรมดา ไม่มีการใช้อาวุธ-ทุกอย่างปกติแล้ว พร้อมให้ จนท.จัดระเบียบ-แยกคนก่อเหตุไว้คนละห้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022768

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ ยัน..ไม่มีชุลมุนภายในทัณฑสถานจนมีผู้ต้องขังบาดเจ็บ 15 ราย บอกแค่ผู้ต้องขังคนเชียงใหม่กับลำปาง ขัดแย้งชกต่อยกันธรรมดา ไม่มีการใช้อาวุธ-ทุกอย่างปกติแล้ว พร้อมให้ จนท.จัดระเบียบ-แยกคนก่อเหตุไว้คนละห้อง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000022768 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    10
    0 Comments 0 Shares 814 Views 0 Reviews
  • ลำปาง - นักศึกษาสุดทนพฤติกรรมของครูวิทยาลัยแห่งหนึ่งในลำปาง ใช้คำพูดสุดหยาบ-ด่าเด็กลั่นห้องเรียน แถมเคยใช้ผรุสวาทวาจากับ นศ.โรคซึมเศร้า-ไล่ไปโดดตึกตาย จนเครียดจัดกลับบ้านไปกินยาฆ่าตัวตาย โชคดีเพื่อนแจ้งทางบ้านนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมท้าให้ไปฟ้อง บอกถูกร้องมา 17ปีก็ยังอยู่ได้ไม่กลัวใครทั้งนั้น

    นักศึกษาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ได้ส่งคลิปเสียงที่แอบบันทึกในห้องเรียนหลังจากที่ถูกครูคนหนึ่งด่าและใช้คำพูดสุดหยาบกับนักศึกษาในห้อง ส่งมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว..ซึ่งเสียงที่บันทึกนั้นเป็นเสียงของผู้ที่อ้างตนเองว่าครู กำลังด่านักศึกษาอย่างหยาบคาย เหมือนกับโกรธโมโหและไม่พอใจเด็กในชั้นเรียนทั้งห้องที่ไม่ได้ลงขันเพื่อซื้อของไปถวายวัดและไปร่วมงานที่วัด แต่นักศึกษาไม่ยอมแจ้งให้ทราบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000021119

    #MGROnline #จังหวัดลำปาง
    ลำปาง - นักศึกษาสุดทนพฤติกรรมของครูวิทยาลัยแห่งหนึ่งในลำปาง ใช้คำพูดสุดหยาบ-ด่าเด็กลั่นห้องเรียน แถมเคยใช้ผรุสวาทวาจากับ นศ.โรคซึมเศร้า-ไล่ไปโดดตึกตาย จนเครียดจัดกลับบ้านไปกินยาฆ่าตัวตาย โชคดีเพื่อนแจ้งทางบ้านนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมท้าให้ไปฟ้อง บอกถูกร้องมา 17ปีก็ยังอยู่ได้ไม่กลัวใครทั้งนั้น • นักศึกษาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ได้ส่งคลิปเสียงที่แอบบันทึกในห้องเรียนหลังจากที่ถูกครูคนหนึ่งด่าและใช้คำพูดสุดหยาบกับนักศึกษาในห้อง ส่งมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว..ซึ่งเสียงที่บันทึกนั้นเป็นเสียงของผู้ที่อ้างตนเองว่าครู กำลังด่านักศึกษาอย่างหยาบคาย เหมือนกับโกรธโมโหและไม่พอใจเด็กในชั้นเรียนทั้งห้องที่ไม่ได้ลงขันเพื่อซื้อของไปถวายวัดและไปร่วมงานที่วัด แต่นักศึกษาไม่ยอมแจ้งให้ทราบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000021119 • #MGROnline #จังหวัดลำปาง
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • เตรียมพยาน 1000 ปาก 'ดีเอสไอ' พร้อมลุยสอบฮั้ว ส.ว. วุฒิสภา เตรียมซักฟอกกลับ
    .
    ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกส.ว.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะยังต้องรอความชัดเจนจากการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน แต่ปรากฎว่าเวลานี้มีการเผยแพร่เอกสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นรายชื่อพยานมากกว่า 100 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมนำมาให้ข้อมูลแล้ว
    .
    ทั้งนี้มีรายงานจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อกว่า 1,200 รายที่ปรากฏในโพยพยานของดีเอสไอ มีทั้งในส่วนของผู้สมัครสมาชิก สว. และผู้ได้รับเลือกเป็น สว. อาทิ พื้นที่ จ.กระบี่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาทชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เป็นต้น
    .
    ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า สำหรับรายชื่อกว่า 1,200 ชื่อ ที่ปรากฏชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้ว สว.67 นั้น หากในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมหารือครั้งที่ 2 เพื่อเอาคำตอบสุดท้ายของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ในการมีมติในที่ประชุมว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ หากผลมติในที่ประชุมขอให้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทยอยออกหมายเรียกพยานกว่า 1,200 ราย เข้าให้ปากคำและสอบสวนดำเนินการต่อเนื่อง
    .
    ขณะที่ ความเคลื่อนของส.ว. ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 4 มี.ค. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ
    .
    สาระของญัตติที่เสนอดังกล่าวมีการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐมีมาตรฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพบว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ทำคดีล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษอย่างแท้จริง รวมถึงไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่เป็นปัญหายาวนานและทวีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
    .
    นอกจากนี้ ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้อภิปรายระดมความคิดเห็นเพื่อพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย และเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับวุฒิสภา ข้อ 35
    ...........
    Sondhi X
    เตรียมพยาน 1000 ปาก 'ดีเอสไอ' พร้อมลุยสอบฮั้ว ส.ว. วุฒิสภา เตรียมซักฟอกกลับ . ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการตรวจสอบการเลือกส.ว.นั้น แม้ด้านหนึ่งจะยังต้องรอความชัดเจนจากการพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษในวันที่ 6 มี.ค.นี้ก่อน แต่ปรากฎว่าเวลานี้มีการเผยแพร่เอกสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นรายชื่อพยานมากกว่า 100 รายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมนำมาให้ข้อมูลแล้ว . ทั้งนี้มีรายงานจากดีเอสไอระบุว่า รายชื่อกว่า 1,200 รายที่ปรากฏในโพยพยานของดีเอสไอ มีทั้งในส่วนของผู้สมัครสมาชิก สว. และผู้ได้รับเลือกเป็น สว. อาทิ พื้นที่ จ.กระบี่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาทชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครนายก นครพนม นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี นราธิวาส น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง พิจิตร เพชรบุรี แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุบลราชธานี เป็นต้น . ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า สำหรับรายชื่อกว่า 1,200 ชื่อ ที่ปรากฏชื่อว่าจะเป็นบุคคลที่ดีเอสไอเตรียมเรียกสอบปากคำในฐานะพยานในคดีฮั้ว สว.67 นั้น หากในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมหารือครั้งที่ 2 เพื่อเอาคำตอบสุดท้ายของคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ในการมีมติในที่ประชุมว่าจะรับหรือไม่รับคดีฮั้ว สว.67 เป็นคดีพิเศษ หากผลมติในที่ประชุมขอให้รับไว้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปก็จะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนและขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิด ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทยอยออกหมายเรียกพยานกว่า 1,200 ราย เข้าให้ปากคำและสอบสวนดำเนินการต่อเนื่อง . ขณะที่ ความเคลื่อนของส.ว. ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 4 มี.ค. นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจคือ การเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ส.ว.กลุ่มกฎหมาย และคณะ . สาระของญัตติที่เสนอดังกล่าวมีการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้รัฐพึงจัดระบบการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรมทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และให้รัฐมีมาตรฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยเคร่งครัด ปราศจากการแทรกแซงหรือครอบงำ แต่ที่ผ่านมาพบว่ากระบวนการยุติธรรมไทยขาดประสิทธิภาพ และมีการแทรกแซง ครอบงำจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินคดีพิเศษของกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งพบว่าที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ทำคดีล่าช้า ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษอย่างแท้จริง รวมถึงไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เช่น การดำเนินคดีกับนายทุนชาวจีนสีเทาในข้อหายาเสพติดฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การดำเนินคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ที่เป็นปัญหายาวนานและทวีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ . นอกจากนี้ ในการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมยังเป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น กรณีการให้สิทธิแก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้ต้องขังบางคนได้รับสิทธิในการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่พิเศษกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้อภิปรายระดมความคิดเห็นเพื่อพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย และเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการตามข้อบังคับวุฒิสภา ข้อ 35 ........... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    8
    0 Comments 0 Shares 1996 Views 0 Reviews
  • ชื่อหลุดว่อนเน็ต! ถูกดีเอสไอเรียกสอบปม “ฮั้วเลือก สว.” เป็นโหวตเตอร์นับพันราย แหล่งข่าวยันตรงเกือบ 100% พร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้องรอบนอกด้วย

    วันที่ (2 มี.ค.) ความคืบหน้าคดีสอบฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา ปี 2567 ล่าสุด มีรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อข้อมูลที่อ้างว่าเป็นรายชื่อของผู้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เตรียมเรียกสอบ ซึ่งเป็นเอกสารจำนวนกว่า 5 หน้ากระดาษมากกว่า 1,000 รายชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สมัคร สว. บรรดาโหวตเตอร์ในจังหวัดต่างๆ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กระบี่ ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท เชียงราย ตรัง ตราด นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พังงา พิจิตร เพชรบุรี ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ยะลา ระนอง ราชบุรี ลำปาง เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุทัยธานี และอุบลราชธานี

    แหล่งข่าวจากดีเอสไอ ระบุว่า จากตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้ว พบว่า รายชื่อส่วนใหญ่จากเอกสารที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น ตรงกับที่พนักงานสอบสวนเตรียมเรียกมาสอบเกือบ 100% แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวนเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องรอบนอกที่ไม่ใช่เฉพาะโหวตเตอร์มาสอบด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000020319

    #MGROnline #ดีเอสไอ
    ชื่อหลุดว่อนเน็ต! ถูกดีเอสไอเรียกสอบปม “ฮั้วเลือก สว.” เป็นโหวตเตอร์นับพันราย แหล่งข่าวยันตรงเกือบ 100% พร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้องรอบนอกด้วย • วันที่ (2 มี.ค.) ความคืบหน้าคดีสอบฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา ปี 2567 ล่าสุด มีรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อข้อมูลที่อ้างว่าเป็นรายชื่อของผู้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เตรียมเรียกสอบ ซึ่งเป็นเอกสารจำนวนกว่า 5 หน้ากระดาษมากกว่า 1,000 รายชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สมัคร สว. บรรดาโหวตเตอร์ในจังหวัดต่างๆ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กระบี่ ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท เชียงราย ตรัง ตราด นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ บึงกาฬ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พังงา พิจิตร เพชรบุรี ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ยะลา ระนอง ราชบุรี ลำปาง เลย ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุทัยธานี และอุบลราชธานี • แหล่งข่าวจากดีเอสไอ ระบุว่า จากตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้ว พบว่า รายชื่อส่วนใหญ่จากเอกสารที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น ตรงกับที่พนักงานสอบสวนเตรียมเรียกมาสอบเกือบ 100% แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวนเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องรอบนอกที่ไม่ใช่เฉพาะโหวตเตอร์มาสอบด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000020319 • #MGROnline #ดีเอสไอ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 649 Views 0 Reviews
  • กรมอนามัย ลงพื้นที่เชียงใหม่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่น

    วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย
    แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการ
    ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และทีมงานกรมอนามัย ได้ลงพื้นที่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย
    และมุ้งสู้ฝุ่นให้แก่กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และพี่น้องประชาชน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
    แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ที่พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐานในระดับสีแดง คือ มากกว่า 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดกันหลายวัน และคาดว่าจะยาวนานจนถึงวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเขตสุขภาพที่ 1 ทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ในปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารับบริการแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคอัมพาตฉับพลัน (Stroke) และโรคหืด (Asthma) ที่เกิดจากการได้รับฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น

    ด้าน แพทย์หญิงนงนุช รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม รองรับภาวะฉุกเฉินกรมอนามัย (HPEHOC) ให้เตรียมรับมือในการดูแลสุขภาพประชาชน กรมอนามัยจึงได้จัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ โดยส่งเสริมให้เกิดห้องปลอดฝุ่น และมุ้งสู้ฝุ่น ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้แก่การให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม อาทิ 1) การปิดประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่บ้านเรือน
    2) กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการสูดฝุ่นละอองขนาดเล็ก และหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในช่วงวิกฤตฝุ่นควัน 3) หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ คือ หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 4) งดออกกำลังกาย หรือทำงานหนักกลางแจ้ง ในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบต่อสุขภาพ 5) ลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยลดการเผาทุกชนิด 6) การทำความสะอาดบ้านเพื่อลดความเข้มข้นของฝุ่น โดยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ แทนการใช้ไม้กวาดที่จะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย กรมอนามัยมีความห่วงใยประชาชน จึงลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มอบ หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย ให้กับกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ และ มอบมุ้งสู้ฝุ่นให้กับกลุ่มเปราะบางเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5
    @Say_May
    กรมอนามัย / 21 กุมภาพันธ์ 2568
    กรมอนามัย ลงพื้นที่เชียงใหม่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่น วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และทีมงานกรมอนามัย ได้ลงพื้นที่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่นให้แก่กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และพี่น้องประชาชน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ที่พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐานในระดับสีแดง คือ มากกว่า 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดกันหลายวัน และคาดว่าจะยาวนานจนถึงวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเขตสุขภาพที่ 1 ทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ในปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารับบริการแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคอัมพาตฉับพลัน (Stroke) และโรคหืด (Asthma) ที่เกิดจากการได้รับฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น ด้าน แพทย์หญิงนงนุช รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม รองรับภาวะฉุกเฉินกรมอนามัย (HPEHOC) ให้เตรียมรับมือในการดูแลสุขภาพประชาชน กรมอนามัยจึงได้จัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ โดยส่งเสริมให้เกิดห้องปลอดฝุ่น และมุ้งสู้ฝุ่น ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้แก่การให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม อาทิ 1) การปิดประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่บ้านเรือน 2) กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการสูดฝุ่นละอองขนาดเล็ก และหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในช่วงวิกฤตฝุ่นควัน 3) หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ คือ หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 4) งดออกกำลังกาย หรือทำงานหนักกลางแจ้ง ในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบต่อสุขภาพ 5) ลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยลดการเผาทุกชนิด 6) การทำความสะอาดบ้านเพื่อลดความเข้มข้นของฝุ่น โดยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ แทนการใช้ไม้กวาดที่จะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย กรมอนามัยมีความห่วงใยประชาชน จึงลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มอบ หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย ให้กับกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ และ มอบมุ้งสู้ฝุ่นให้กับกลุ่มเปราะบางเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 @Say_May กรมอนามัย / 21 กุมภาพันธ์ 2568
    0 Comments 0 Shares 589 Views 0 Reviews
  • สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น

    📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️

    การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️

    🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568
    การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่

    ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร
    - มีสัญชาติไทย 🇹🇭
    - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ
    - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥
    - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน
    - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓

    🚨 ข้อกำหนดพิเศษ
    - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨
    - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน

    📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป

    🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร
    ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน
    ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
    ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง
    ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว
    ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี
    ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี
    ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล

    📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท

    🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ

    🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ

    📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568
    การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่
    📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน
    - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน
    - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ!

    📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน
    -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร

    🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน
    เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร

    📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568
    🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์:
    ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com
    📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง

    🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร
    ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸
    ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔
    ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠
    ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓
    ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง
    ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖

    📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB

    💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ
    - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท
    - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท
    📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้

    📍 ช่องทางชำระเงิน:
    - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦
    - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲
    - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย
    🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น!

    📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
    📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่
    📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com

    🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน!
    🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน
    📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า
    🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย

    🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง
    ✅ ท่องศัพท์
    ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า
    ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ

    🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ
    🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง

    🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ
    😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ

    🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀

    📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่
    🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568

    📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น 📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️ การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️ 🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568 การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร - มีสัญชาติไทย 🇹🇭 - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥 - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓 🚨 ข้อกำหนดพิเศษ - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨ - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน 📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป 🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล 📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร 🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท 🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ 🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ 📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568 การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่ 📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ! 📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร 🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร 📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568 🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์: ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com 📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง 🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸 ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔 ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠 ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓 ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖 📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB 💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท 📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้ 📍 ช่องทางชำระเงิน: - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦 - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲 - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย 🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น! 📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ 📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่ 📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com 🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน! 🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน 📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า 🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย 🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง ✅ ท่องศัพท์ ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ 🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ 🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง 🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ 😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ 🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀 📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่ 🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568 📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    0 Comments 0 Shares 1617 Views 0 Reviews
  • แม่ฮ่องสอน - เปิดบันทึกอดีตปลัดอำเภอฯ ที่สมัครใจบรรจุใหม่ที่ปาย..40 ปีก่อน จนถึงวันนี้ ชุมชนท่องเที่ยวบนดอยสูงหลากชาติพันธุ์ ทั้งไต-คนเมือง-อดีตทหารกองพล 93 รวมถึงกะเหรี่ยง ม้ง ลีซอ ลาหู่หรือมูเซอร์ ว้า ฝรั่งแห่เข้ามานาน ก่อนยิวนิยมมาพักผ่อนระหว่างพักรบปาเลสไตน์ จากหลักร้อยเป็นหลักพัน จนมาอยู่อาศัย-ทำมาหากิน ตั้งโบสถ์ กระทั่งปายมีทั้งยิว-อิสลาม

    พันธุ์ชัย วัฒนชัย อดีตปลัดอำเภอปาย แม่ฮ่องสอน เมื่อ 40 กว่าปีก่อน (2522-2525) ได้เล่าเรื่องเมืองปายที่สัมผัสสมัยที่บรรจุเป็นข้าราชการใหม่ ว่า ชาวบ้านมีทั้งชาวไตหรือไทใหญ่ มีจำนวนมากที่สุด, รองมา ก็คนเมืองหรือไตยวน, จีนฮ่อหรือจีนยูนนาน (เช่นอดีตทหารกองพล 93 ของเจียงไคเช็กและลูกหลาน ที่เคยสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน นับถืออิสลาม และลัทธิขงจื๊อ เต๋า พุทธ), กลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น ปกาเกอะญอหรือกะเหรี่ยง ม้ง ลีซอ ลาหู่หรือมูเซอร์ ลัวะหรือว้า (ชนเผ่าดั้งเดิมของล้านนา ถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษสายหนึ่งของเจ้าผู้ครองนครในล้านนาก็ว่าได้ เช่นเชื้อสายเจ้าเจ็ดตน จากลำปาง หรือราชวงศ์ทิพย์จักร) และชาวไทยภาคกลาง

    สมัยนั้นจะมีฝรั่งมาเที่ยวบ้าง ขึ้นดอย หาฝิ่นสูบ เที่ยวชมธรรมชาติ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าถนนก่อนเข้าปาย ขึ้นดอย มีที่หนึ่ง เรียกว่า กิ่วแหม่ม หมายถึงคนขับรถรับจ้างข่มขืนแหม่มฝรั่งตรงกิ่วนั้น กิ่วแปลว่าช่องเขาแคบๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000016798

    #MGROnline #แม่ฮ่องสอน #อดีตปลัดอำเภอฯ #ปาย #ชุมชนท่องเที่ยว #ดอยสูง #หลากชาติพันธุ์
    แม่ฮ่องสอน - เปิดบันทึกอดีตปลัดอำเภอฯ ที่สมัครใจบรรจุใหม่ที่ปาย..40 ปีก่อน จนถึงวันนี้ ชุมชนท่องเที่ยวบนดอยสูงหลากชาติพันธุ์ ทั้งไต-คนเมือง-อดีตทหารกองพล 93 รวมถึงกะเหรี่ยง ม้ง ลีซอ ลาหู่หรือมูเซอร์ ว้า ฝรั่งแห่เข้ามานาน ก่อนยิวนิยมมาพักผ่อนระหว่างพักรบปาเลสไตน์ จากหลักร้อยเป็นหลักพัน จนมาอยู่อาศัย-ทำมาหากิน ตั้งโบสถ์ กระทั่งปายมีทั้งยิว-อิสลาม • พันธุ์ชัย วัฒนชัย อดีตปลัดอำเภอปาย แม่ฮ่องสอน เมื่อ 40 กว่าปีก่อน (2522-2525) ได้เล่าเรื่องเมืองปายที่สัมผัสสมัยที่บรรจุเป็นข้าราชการใหม่ ว่า ชาวบ้านมีทั้งชาวไตหรือไทใหญ่ มีจำนวนมากที่สุด, รองมา ก็คนเมืองหรือไตยวน, จีนฮ่อหรือจีนยูนนาน (เช่นอดีตทหารกองพล 93 ของเจียงไคเช็กและลูกหลาน ที่เคยสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน นับถืออิสลาม และลัทธิขงจื๊อ เต๋า พุทธ), กลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น ปกาเกอะญอหรือกะเหรี่ยง ม้ง ลีซอ ลาหู่หรือมูเซอร์ ลัวะหรือว้า (ชนเผ่าดั้งเดิมของล้านนา ถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษสายหนึ่งของเจ้าผู้ครองนครในล้านนาก็ว่าได้ เช่นเชื้อสายเจ้าเจ็ดตน จากลำปาง หรือราชวงศ์ทิพย์จักร) และชาวไทยภาคกลาง • สมัยนั้นจะมีฝรั่งมาเที่ยวบ้าง ขึ้นดอย หาฝิ่นสูบ เที่ยวชมธรรมชาติ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าถนนก่อนเข้าปาย ขึ้นดอย มีที่หนึ่ง เรียกว่า กิ่วแหม่ม หมายถึงคนขับรถรับจ้างข่มขืนแหม่มฝรั่งตรงกิ่วนั้น กิ่วแปลว่าช่องเขาแคบๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000016798 • #MGROnline #แม่ฮ่องสอน #อดีตปลัดอำเภอฯ #ปาย #ชุมชนท่องเที่ยว #ดอยสูง #หลากชาติพันธุ์
    0 Comments 0 Shares 589 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระสยามเทวาธิราช วัดเทพศิรินทร์ กทม. ปี2515
    เหรียญพระสยามเทวาธิราช หลัง นวม. (ผิวปีกแมลงทับ เหรียญสวยมาก) วัดเทพศิรินทร์ กทม. ปี2515 //พระดีพิธีใหญ๋ พิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดบวรนิเวศฯ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสก ยังได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมอีก 9 พิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พระเลื่ยมกรอบเก่า เลื่ยมโบราณแบบคลาสสิค สวยพร้อมใช้ >>

    ** พุทธคุณขจัดทุกข์ โรคภัยความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อยให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความ เจริญและยศ มีอายุยืน >>

    ** เหรียญพระสยามเทวาธิราช นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดบวรนิเวศฯ โดยมีสมเด็จพระวันรัต(ปุ่น ปุณณสิริ)
    เป็นประธานสงฆ์ พระเถราจารย์เข้าร่วมพิธีดังนี้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต สมเด็จพระสังฆราช(วาส)ในขณะที่ยังทรงดำรงสมณศักดิ์ที่พระพุทธโฆษาจารย์ หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ พระธรรมไตรโลกาจารย์ รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2515

    ** นอกจากนั้นยังได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมอีก 9 พิธีดังนี้ >>

    1. เสาร์ที่ 16 ก.พ. 2516 โดยท่านพระศีลขันธโสภณ เป็นผู้นำเข้าพิธี ที่วัดเทพศิรินทร์
    2. เสาร์ที่ 7 เม.ษ. 2516 เข้าพิธีเสาร์ห้า ที่ วัดศีลขันธ์ อ่างทอง พร้อมกับสมเด็จสายรุ้ง
    3. พุธที่ 11 เม.ษ. 2516 พิธีพุทธาภิเษกที่วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ มีพระเถราจารย์เข้าร่วมดังนี้ หลวงปู่สิม หลวงปู่คำแสน หลวงปู่คำมี หลวงปู่ตื้อ
    4. พุธที่ 23 และพฤหัส ที่ 24 ต.ค. 2517 หลวงปู่สิมปลุกเสกเดี่ยว
    5. เสาร์ที่ 30 พ.ย. 2517 ร่วมพิธีพร้อมพระปิดตาอุตตมะและเหรียญของคุณถนอมศักดิ์ อนุกูล โดย หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ลำปาง
    6. พุธที่ 25 ถึงศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 2517 หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต ปลุกเสกเดี่ยว
    7. ศุกร์ที่ 14 ก.พ. 2518 หลวงพ่อสาลี่ เจ้าอาวาสวัดห้วยยาง ชลบุรี ปลุกเสกเดี่ยวด้วยคาถาชินบัญชร
    8. เสาร์ที่ 15 ก.พ. 2518 หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสกเดี่ยว
    9. อาทตย์ที่ 16 ก.พ. 2518 หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ปลุกเสกเดี่ยว... >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131

    เหรียญพระสยามเทวาธิราช วัดเทพศิรินทร์ กทม. ปี2515 เหรียญพระสยามเทวาธิราช หลัง นวม. (ผิวปีกแมลงทับ เหรียญสวยมาก) วัดเทพศิรินทร์ กทม. ปี2515 //พระดีพิธีใหญ๋ พิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดบวรนิเวศฯ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสก ยังได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมอีก 9 พิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พระเลื่ยมกรอบเก่า เลื่ยมโบราณแบบคลาสสิค สวยพร้อมใช้ >> ** พุทธคุณขจัดทุกข์ โรคภัยความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อยให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความ เจริญและยศ มีอายุยืน >> ** เหรียญพระสยามเทวาธิราช นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดบวรนิเวศฯ โดยมีสมเด็จพระวันรัต(ปุ่น ปุณณสิริ) เป็นประธานสงฆ์ พระเถราจารย์เข้าร่วมพิธีดังนี้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต สมเด็จพระสังฆราช(วาส)ในขณะที่ยังทรงดำรงสมณศักดิ์ที่พระพุทธโฆษาจารย์ หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ พระธรรมไตรโลกาจารย์ รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2515 ** นอกจากนั้นยังได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมอีก 9 พิธีดังนี้ >> 1. เสาร์ที่ 16 ก.พ. 2516 โดยท่านพระศีลขันธโสภณ เป็นผู้นำเข้าพิธี ที่วัดเทพศิรินทร์ 2. เสาร์ที่ 7 เม.ษ. 2516 เข้าพิธีเสาร์ห้า ที่ วัดศีลขันธ์ อ่างทอง พร้อมกับสมเด็จสายรุ้ง 3. พุธที่ 11 เม.ษ. 2516 พิธีพุทธาภิเษกที่วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ มีพระเถราจารย์เข้าร่วมดังนี้ หลวงปู่สิม หลวงปู่คำแสน หลวงปู่คำมี หลวงปู่ตื้อ 4. พุธที่ 23 และพฤหัส ที่ 24 ต.ค. 2517 หลวงปู่สิมปลุกเสกเดี่ยว 5. เสาร์ที่ 30 พ.ย. 2517 ร่วมพิธีพร้อมพระปิดตาอุตตมะและเหรียญของคุณถนอมศักดิ์ อนุกูล โดย หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ลำปาง 6. พุธที่ 25 ถึงศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 2517 หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต ปลุกเสกเดี่ยว 7. ศุกร์ที่ 14 ก.พ. 2518 หลวงพ่อสาลี่ เจ้าอาวาสวัดห้วยยาง ชลบุรี ปลุกเสกเดี่ยวด้วยคาถาชินบัญชร 8. เสาร์ที่ 15 ก.พ. 2518 หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสกเดี่ยว 9. อาทตย์ที่ 16 ก.พ. 2518 หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ปลุกเสกเดี่ยว... >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 373 Views 0 Reviews
  • พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล เนื้อเงิน รุ่นแรก วัดเขากง จ.นราธิวาส ปี2511

    พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล รุ่นแรก เนื้อเงิน ( กริ่งดัง สวยเดิมๆ ) วัดเขากง จ.นราธิวาส ปี2511 //พระดีพิธีใหญ่ มวลสารศักดิ์สิทธิ์ชนวนวัตถุมงคลเก่าตลอดทั้งตะกรุด ของพระเกจิ อาจารย์จำนวนมาก มาหลอมในพิธีเททอง // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง เนื้อแห้ง พระเก่ายุคแรก พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ บนได้ ไหว์รับ ครอบคลุมทุกด้าน เดช อำนาจ บารมี เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัยขยันทำมาหากิน เงินทองไหลมาเทมา ค้าขายร่ำรวย เหลือกิน เหลือเก็บเหลือใช้ ดีครบถ้วน ..

    พระดีพิธีใหญ่ เนื้อหาจากชนวนวัตถุมงคลเก่าตลอดทั้งตะกรุด ของพระเกจิ อาจารย์จำนวนมาก มาหลอมในพิธีเททอง เพื่อเป็นชนวนโลหะศักดิ์สิทธิ์ ในขณะหลอม แผ่นยันต์ ของพระเกจิอาจารย์ 3 ท่าน ด้วยกัน หลอมไม่ละลาย คือแผ่นยันต์ของ พ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย , พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ , พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา ทำให้ต้องตักแผ่นยันต์ นั้นขึ้นมาใหม่ และทำพิธีใหม่ แล้วจึงหลอมละลายได้ จากนั้นจึง เอาโลหะ ที่หลอมนั้นไปทำการสร้างวัตถุมงคล

    .........รายนามพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสก
    1.พ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย จ.สงขลา
    2.พ่อท่านแสง วัดคลองน้ำเจ็ด จ.ตรัง
    3.พ่อท่านเมือง วัดท่าแหน ลำปาง
    4.หลวงปู่นาค วัดระฆัง กทม.
    5.พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง
    6.พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
    7.หลวงพ่อดำ วัดตุยง จ.ปัตตานี
    8.พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
    9.พ่อท่านเขียว วัดหลงบล
    10.ฆราวาสสายเขาอ้อ ท่านขุนพันธุ์ฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ฯลฯ


    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง เนื้อแห้ง พระเก่ายุคแรก พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล เนื้อเงิน รุ่นแรก วัดเขากง จ.นราธิวาส ปี2511 พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล รุ่นแรก เนื้อเงิน ( กริ่งดัง สวยเดิมๆ ) วัดเขากง จ.นราธิวาส ปี2511 //พระดีพิธีใหญ่ มวลสารศักดิ์สิทธิ์ชนวนวัตถุมงคลเก่าตลอดทั้งตะกรุด ของพระเกจิ อาจารย์จำนวนมาก มาหลอมในพิธีเททอง // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง เนื้อแห้ง พระเก่ายุคแรก พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ บนได้ ไหว์รับ ครอบคลุมทุกด้าน เดช อำนาจ บารมี เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัยขยันทำมาหากิน เงินทองไหลมาเทมา ค้าขายร่ำรวย เหลือกิน เหลือเก็บเหลือใช้ ดีครบถ้วน .. พระดีพิธีใหญ่ เนื้อหาจากชนวนวัตถุมงคลเก่าตลอดทั้งตะกรุด ของพระเกจิ อาจารย์จำนวนมาก มาหลอมในพิธีเททอง เพื่อเป็นชนวนโลหะศักดิ์สิทธิ์ ในขณะหลอม แผ่นยันต์ ของพระเกจิอาจารย์ 3 ท่าน ด้วยกัน หลอมไม่ละลาย คือแผ่นยันต์ของ พ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย , พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ , พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา ทำให้ต้องตักแผ่นยันต์ นั้นขึ้นมาใหม่ และทำพิธีใหม่ แล้วจึงหลอมละลายได้ จากนั้นจึง เอาโลหะ ที่หลอมนั้นไปทำการสร้างวัตถุมงคล .........รายนามพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสก 1.พ่อท่านเส้ง วัดแหลมทราย จ.สงขลา 2.พ่อท่านแสง วัดคลองน้ำเจ็ด จ.ตรัง 3.พ่อท่านเมือง วัดท่าแหน ลำปาง 4.หลวงปู่นาค วัดระฆัง กทม. 5.พ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก จ.พัทลุง 6.พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี 7.หลวงพ่อดำ วัดตุยง จ.ปัตตานี 8.พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง 9.พ่อท่านเขียว วัดหลงบล 10.ฆราวาสสายเขาอ้อ ท่านขุนพันธุ์ฯ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ฯลฯ ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง เนื้อแห้ง พระเก่ายุคแรก พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 434 Views 0 Reviews
  • เล่าเริ่องTikTok@kinnomchomwanglampang #กินนมชมวัง #ท่องเที่ยว #ไทย #ลำปาง #ว่างว่างก็แวะมา
    เล่าเริ่องTikTok@kinnomchomwanglampang #กินนมชมวัง #ท่องเที่ยว #ไทย #ลำปาง #ว่างว่างก็แวะมา
    0 Comments 0 Shares 283 Views 4 0 Reviews
  • 23/1/68

    PM 2.5 หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เช็ก 4 อาการเสี่ยงระดับรุนแรง

    ฝุ่น PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยกรมอนามัย ระบุ ผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะสั้น ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน ระคายเคืองตา แสบตา ตาแดง ส่วนผลกระทบระยะยาว ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง ,ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,เบาหวาน, มะเร็งปอด ,เสี่ยงแท้ง/คลอดก่อนกำหนด ,กระทบต่อพัฒนาการ/ระบบสมองของทารกและทารกแรกคลอดผิดปกติ/น้ำหนักน้อย

    4 อาการ เสี่ยงระดับรุนแรง
    การประเมินตนเองผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ หากมีอาการ 1 ใน 4 รายการนี้เพียง 1 ข้อ ถือว่าอยู่ในระดับรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่

    แน่นหน้าอก หายใจลำบาก

    หอบ หายใจเสียงดังวี๊ด

    เจ็บหน้าอก

    เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักหรือทำงานไม่ได้

    ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายเซลล์หลอดเลือด

    พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น

    การได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่กังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต
    “ผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 เข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย”พญ.ฉันทนากล่าว

    หากเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งอาจจะต้องดูระยะยาว ต้องติดตาม

    พญ.ฉันทนา กล่าวอีกว่า มะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่ก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ปัจจุบันคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่ทำวิจัย ส่วนในประเทศไทย กำลังมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่าเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น

    ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน

    เสี่ยง โรคหัวใจ-สมองขาดเลือดเฉียบพลัน
    ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ค่า PM2.5 ที่บ้านริมน้ำวัดได้สูงสุดตอนเจ็ดโมงเช้าที่ 102.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ค่ารายชั่วโมงที่ 75 มคก./ลบ.ม. สำหรับคนทั่วไปอาจจะถึงขั้น เจ็บได้ คือ แสบจมูกและคอ ระคายเคืองตาและผิวหนัง

    แต่ถ้าขึ้นไปถึง 150 มคก./ลบ.ม. อาจตายได้ จากโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ค่าเจ็บได้จะอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. จากโรคหืดและโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้กำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบ โรคหัวใจและสมองกำเริบ ส่วนค่าที่อาจตายได้จะอยู่ที่ 75 มคก./ลบ.ม. หรือเอาง่าย ๆ คือ ครึ่งหนึ่งของคนปกติ

    มะเร็งปอดภาคเหนือสูง
    ดังที่ทราบว่าภาคเหนือมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 มานานนับ 10 ปี การศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ในการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ

    นอกจากนี้ งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ยังบ่งบอกหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับมะเร็ง โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่ โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจ เปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ต่ำ ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนมีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ในอนาคต
    23/1/68 PM 2.5 หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เช็ก 4 อาการเสี่ยงระดับรุนแรง ฝุ่น PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยกรมอนามัย ระบุ ผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะสั้น ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน ระคายเคืองตา แสบตา ตาแดง ส่วนผลกระทบระยะยาว ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง ,ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,เบาหวาน, มะเร็งปอด ,เสี่ยงแท้ง/คลอดก่อนกำหนด ,กระทบต่อพัฒนาการ/ระบบสมองของทารกและทารกแรกคลอดผิดปกติ/น้ำหนักน้อย 4 อาการ เสี่ยงระดับรุนแรง การประเมินตนเองผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ หากมีอาการ 1 ใน 4 รายการนี้เพียง 1 ข้อ ถือว่าอยู่ในระดับรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หอบ หายใจเสียงดังวี๊ด เจ็บหน้าอก เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักหรือทำงานไม่ได้ ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายเซลล์หลอดเลือด พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น การได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่กังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต “ผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 เข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย”พญ.ฉันทนากล่าว หากเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งอาจจะต้องดูระยะยาว ต้องติดตาม พญ.ฉันทนา กล่าวอีกว่า มะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่ก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ปัจจุบันคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่ทำวิจัย ส่วนในประเทศไทย กำลังมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่าเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน เสี่ยง โรคหัวใจ-สมองขาดเลือดเฉียบพลัน ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ค่า PM2.5 ที่บ้านริมน้ำวัดได้สูงสุดตอนเจ็ดโมงเช้าที่ 102.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ค่ารายชั่วโมงที่ 75 มคก./ลบ.ม. สำหรับคนทั่วไปอาจจะถึงขั้น เจ็บได้ คือ แสบจมูกและคอ ระคายเคืองตาและผิวหนัง แต่ถ้าขึ้นไปถึง 150 มคก./ลบ.ม. อาจตายได้ จากโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ค่าเจ็บได้จะอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. จากโรคหืดและโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้กำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบ โรคหัวใจและสมองกำเริบ ส่วนค่าที่อาจตายได้จะอยู่ที่ 75 มคก./ลบ.ม. หรือเอาง่าย ๆ คือ ครึ่งหนึ่งของคนปกติ มะเร็งปอดภาคเหนือสูง ดังที่ทราบว่าภาคเหนือมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 มานานนับ 10 ปี การศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ในการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ นอกจากนี้ งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ยังบ่งบอกหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับมะเร็ง โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่ โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจ เปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ต่ำ ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนมีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ในอนาคต
    0 Comments 0 Shares 911 Views 0 Reviews
  • สายธรรมแห่งล้านนา
    โดย... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล

    ฮื้อฮือ...
เสียงลมจางพัดผ่านห้วยหนอง
บนฟากฟ้าแมกไม้หมอกหม่น
ดุจดังธรรมะพร่ำพรอดเอ่ย
ให้จิตใจเราเงียบสงบ

    โอ้หลวงพ่อผู้เป็นดั่งแสง
นำพาธรรมแห่งล้านนา
รอยธุดงค์ผ่านป่าเขา
ใจสละสิ้นโลกีย์สุขา
    
เจ้าเกษม ณ ลำปาง
ผู้เดินทางสายธรรมะ
แสงจันทร์เดือนยี่แว่ววังเวง
เรือนใจใสห่มด้วยเมตตา

    แรมสิบเอ็ดค่ำ เดือนสองปีกุน
นับจากวันที่ท่านนิพพาน
พุทธศาสน์ยังคงแสงเรืองรอง
จากคำสอนที่ท่านสืบไว้

    เจ้าเกษม เรืองชื่อลือนาม

    ธุดงค์วิปัสสนาสายวิเวกเอย
ลำปางสะท้านพลิ้วสำนึกใน
แม้ล่วงลับธรรมยังยืนยง
ชื่อท่านดำรงเป็นปณิธาน

    สุสานไตรลักษณ์นี้ยังตราตรึง
หลวงพ่อเกษม ผู้ย่ำใจ
โอ้ล้านนา... ธรรมแห่งท่าน
จะส่งแสงชั่วกาลนาน…

    150931 ม.ค. 2568
    สายธรรมแห่งล้านนา โดย... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล ฮื้อฮือ...
เสียงลมจางพัดผ่านห้วยหนอง
บนฟากฟ้าแมกไม้หมอกหม่น
ดุจดังธรรมะพร่ำพรอดเอ่ย
ให้จิตใจเราเงียบสงบ โอ้หลวงพ่อผู้เป็นดั่งแสง
นำพาธรรมแห่งล้านนา
รอยธุดงค์ผ่านป่าเขา
ใจสละสิ้นโลกีย์สุขา 
เจ้าเกษม ณ ลำปาง
ผู้เดินทางสายธรรมะ
แสงจันทร์เดือนยี่แว่ววังเวง
เรือนใจใสห่มด้วยเมตตา แรมสิบเอ็ดค่ำ เดือนสองปีกุน
นับจากวันที่ท่านนิพพาน
พุทธศาสน์ยังคงแสงเรืองรอง
จากคำสอนที่ท่านสืบไว้ เจ้าเกษม เรืองชื่อลือนาม ธุดงค์วิปัสสนาสายวิเวกเอย
ลำปางสะท้านพลิ้วสำนึกใน
แม้ล่วงลับธรรมยังยืนยง
ชื่อท่านดำรงเป็นปณิธาน สุสานไตรลักษณ์นี้ยังตราตรึง
หลวงพ่อเกษม ผู้ย่ำใจ
โอ้ล้านนา... ธรรมแห่งท่าน
จะส่งแสงชั่วกาลนาน… 150931 ม.ค. 2568
    0 Comments 0 Shares 312 Views 38 0 Reviews
  • 29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง

    ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย

    ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม
    "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย

    บรรพชาในวัยเยาว์
    ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474

    อุปสมบท
    ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม”

    หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ

    วิถีแห่งวิปัสสนา
    หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ

    ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง

    พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง
    ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง

    ศรัทธาประชาชน
    ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง

    ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน

    ปณิธานแห่งความเรียบง่าย
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น

    มรดกธรรมที่ยังคงอยู่
    แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568

    #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    29 ปี สิ้น “หลวงพ่อเกษม เขมโก” เจ้าแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร พระมหาเถราจารย์ สายวิปัสสนานครลำปาง ย้อนไปเมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ถือเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อหลวงพ่อเกษม เขมโก พระมหาเถราจารย์ ผู้เป็นที่เคารพรัก ได้ละสังขารลงอย่างสงบ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง สิริอายุ 83 ปี หลังจากที่พักรักษาอาการอาพาธ มาเป็นเวลานาน การจากไปของท่าน ไม่เพียงแต่สร้างความเศร้าโศก ให้กับชาวจังหวัดลำปางเท่านั้น แต่ยังส่งผลสะเทือน ต่อผู้เคารพศรัทธา ทั่วประเทศไทย ต้นกำเนิดหลวงพ่อเกษม "หลวงพ่อเกษม เขมโก" หรือชื่อเดิม "เจ้าเกษม ณ ลำปาง" เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ตรงกับวันพุธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ. 131 ท่านเป็นบุตรของ เจ้าน้อยหนู ณ ลำปาง (ซึ่งภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น "มณีอรุณ") ผู้รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอ และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านาย ในราชวงศ์ทิพย์จักร โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก ยังเป็นราชปนัดดา (หลานเหลน) ของ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงผู้ครองนครลำปาง องค์สุดท้าย บรรพชาในวัยเยาว์ ในวัยเด็ก หลวงพ่อเกษม เขมโก ถูกเล่าขานว่า เป็นเด็กที่ซุกซนแต่ฉลาดเฉลียว มีครั้งหนึ่ง ท่านเคยปีนต้นฝรั่ง แล้วพลัดตก จนเกิดแผลเป็นที่ศีรษะ ซึ่งกลายเป็น เครื่องหมายแห่งความทรงจำ ในวัยเยาว์ เมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรครั้งแรก ที่วัดป่าดั๊ว เพื่อบวชหน้าไฟเจ้าอาวาส ที่มรณภาพ หลังจากนั้น 7 วันจึงลาสิกขา ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี ท่านบรรพชาอีกครั้ง และจำวัด ที่วัดบุญยืน จังหวัดลำปาง ในช่วงเวลานี้ ท่านได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม อย่างจริงจัง และสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ในปี พ.ศ. 2474 อุปสมบท ในปี พ.ศ. 2475 ขณะที่ท่านอายุ 20 ปี หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดบุญวาทย์วิหาร โดยมี พระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอาวาสวัดบุญวาทย์วิหาร และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้รับฉายาว่า “เขมโก” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้มีธรรมอันเกษม” หลังอุปสมบท ท่านเริ่มศึกษาภาษาบาลี ที่วัดศรีล้อม และต่อมาย้ายไปศึกษาในแผนกนักธรรม ที่วัดเชียงราย ท่านสามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2479 พร้อมความรู้เชี่ยวชาญ ด้านการเขียน และแปลภาษาบาลีอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่สอบ เอาวุฒิทางวิชาการสูง ๆ ก็ตาม เนื่องจากเป้าหมายของท่าน คือการศึกษาค้นคว้าธรรมะ เพื่อนำไปปฏิบัติ วิถีแห่งวิปัสสนา หลังจากสำเร็จการศึกษา ด้านปริยัติธรรม หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้แสวงหาครูบาอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญในสายวิปัสสนาธุระ จนกระทั่งท่านได้พบกับ "ครูบาแก่น สุมโน" พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเริ่มออกธุดงค์ไปยังป่าลึก เพื่อแสวงหาความวิเวก และปฏิบัติธรรม ในสถานที่สงบเงียบ ในระหว่างการปฏิบัติธรรม ท่านมีความเคร่งครัด ในธุดงควัตร (ข้อปฏิบัติสำหรับพระธุดงค์) โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ การฝึกสมาธิ และการเจริญวิปัสสนาของท่าน เน้นการปฏิบัติจริง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง พระสายวิปัสสนาธุระแห่งลำปาง ในช่วงชีวิตที่เหลือ "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้ตัดสินใจปลีกวิเวก และปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่ง หรือยศศักดิ์ใด ๆ แม้กระทั่งตำแหน่ง เจ้าอาวาสที่วัดบุญยืน ซึ่งท่านได้รับแต่งตั้ง ท่านก็ได้ลาออก เพื่อมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของท่านเอง ศรัทธาประชาชน ด้วยความสมถะ และการปฏิบัติที่เคร่งครัด "หลวงพ่อเกษม เขมโก" ได้รับความเคารพนับถือ จากประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ไทย เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยเสด็จ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม ด้วยพระองค์เอง ละสังขารปาฏิหาริย์สรีระ หลวงพ่อเกษม เขมโก ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19:40 น. ณ โรงพยาบาลลำปาง สร้างความอาลัยอย่างยิ่ง ให้กับสานุศิษย์ทั่วประเทศ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ สรีระของหลวงพ่อเกษม ไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพสมบูรณ์ ทำให้ผู้ที่เคารพศรัทธา ยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระของท่าน ณ สุสานไตรลักษณ์ จนถึงปัจจุบัน ปณิธานแห่งความเรียบง่าย คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เน้นความเรียบง่ายในชีวิต และการยึดมั่นในธรรมะ ท่านสอนให้พุทธศาสนิกชน ละความยึดติดกับวัตถุ และกิเลส รวมถึงการเจริญวิปัสสนา เพื่อความสงบสุข และหลุดพ้น มรดกธรรมที่ยังคงอยู่ แม้จะผ่านมา 29 ปีแล้ว หลังการละสังขารของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แต่ความศรัทธา และคำสอนของท่าน ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน ท่านเป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นสมบัติล้ำค่า ของพระพุทธศาสนาไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 150927 ม.ค. 2568 #หลวงพ่อเกษมเขมโก #พระเกจิอาจารย์ #สายวิปัสสนา #ศรัทธา #ปาฏิหาริย์ #ลำปาง #พระมหาเถราจารย์ #ธรรมะ #พุทธศาสนาไทย #ประวัติศาสตร์
    0 Comments 0 Shares 866 Views 0 Reviews
  • ♣ ขอแสดงความยินดี ไม่แต่งตอนนี้ จะไปแต่งตอนไหน เพราะไม่ต้องทำศึกชิงนายก อบจ.ลำปาง พรรคประชาชนไม่ส่งแข่งเพื่อไทย ถ้าแข่งคงยังไม่แต่ง
    #7ดอกจิก
    ♣ ขอแสดงความยินดี ไม่แต่งตอนนี้ จะไปแต่งตอนไหน เพราะไม่ต้องทำศึกชิงนายก อบจ.ลำปาง พรรคประชาชนไม่ส่งแข่งเพื่อไทย ถ้าแข่งคงยังไม่แต่ง #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • ลำปาง - ผู้ใหญ่บ้านหลิ่งก้าน เมืองรถม้า เผย..“เบิร์ด วันว่างๆ” สมัยเด็กลำบากตระเวนไปกับพ่อพักอยู่บ้านพักคนงานในสวนพ่อเลี้ยงลำปาง แทบไม่เชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกัน

    นายเส็ง วงค์ต่อม ผญบ.หลิ่งก้าน ม.3 ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ได้นำผู้สื่อข่าวลุยถนนดินแดงเข้าไปดูอดีตที่เคยเป็นสวนของพ่อเลี้ยงธง พ่อเลี้ยงลำปาง ที่พ่อของ “เบิร์ด วันว่างๆ” เคยพาเบิร์ดมาพักอาศัยและทำงานเป็นคนสวนอยู่ที่นี่เมื่อกว่า 20 ปีก่อน สมัยเบิร์ดเป็นเด็ก

    ซึ่งปัจจุบันสวนดังกล่าว กลายเป็นสวนร้าง เนื่องจากพ่อเลี้ยงธงได้เสียชีวิตไปแล้วและบุตรหลานได้ขายสวนแห่งนี้ให้กับเจ้าของใหม่ แต่ก็ยังเหลือบ้านพักคนงานที่ปล่อยร้างไว้อยู่

    ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าพื้นเพเดิมก็ไม่รู้ว่าพ่อลูกคู่นี้มาจากไหน แต่พ่อของเบิร์ดก็พาเบิร์ดตระเวนทำงาน เป็นคนงานทำสวนของพ่อเลี้ยงธงหลายปี เบิร์ดก็เรียนหนังสือชั้นประถมจนถึงชั้นประถม6 ที่โรงเรียนหลิ่งก้านแห่งนี้ ซึ่งก็ถือว่าลำบากไม่มีบ้านอยู่

    พ่อเบิร์ดชอบกินเหล้าจนสุดท้ายหน้าหนาวจำปีไม่ได้ เขากินเหล้าจนตาย ก็นำศพมาทำพิธีที่วัด จากนั้นเบิร์ดก็อาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงธง ระยะหนึ่งจนพ่อเลี้ยงธงเสียและมีการขายที่ดินแห่งนี้ไปจากนั้นก็ไม่เห็นหน้าอีกเลย จนกระทั่งเป็นข่าวก็กว่า 20 ปี คือแทบจำหน้าไม่ได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000124876

    #MGROnline #ลำปาง #ผู้ใหญ่บ้าน #เบิร์ดวันว่างๆ
    ลำปาง - ผู้ใหญ่บ้านหลิ่งก้าน เมืองรถม้า เผย..“เบิร์ด วันว่างๆ” สมัยเด็กลำบากตระเวนไปกับพ่อพักอยู่บ้านพักคนงานในสวนพ่อเลี้ยงลำปาง แทบไม่เชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกัน • นายเส็ง วงค์ต่อม ผญบ.หลิ่งก้าน ม.3 ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ได้นำผู้สื่อข่าวลุยถนนดินแดงเข้าไปดูอดีตที่เคยเป็นสวนของพ่อเลี้ยงธง พ่อเลี้ยงลำปาง ที่พ่อของ “เบิร์ด วันว่างๆ” เคยพาเบิร์ดมาพักอาศัยและทำงานเป็นคนสวนอยู่ที่นี่เมื่อกว่า 20 ปีก่อน สมัยเบิร์ดเป็นเด็ก • ซึ่งปัจจุบันสวนดังกล่าว กลายเป็นสวนร้าง เนื่องจากพ่อเลี้ยงธงได้เสียชีวิตไปแล้วและบุตรหลานได้ขายสวนแห่งนี้ให้กับเจ้าของใหม่ แต่ก็ยังเหลือบ้านพักคนงานที่ปล่อยร้างไว้อยู่ • ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าพื้นเพเดิมก็ไม่รู้ว่าพ่อลูกคู่นี้มาจากไหน แต่พ่อของเบิร์ดก็พาเบิร์ดตระเวนทำงาน เป็นคนงานทำสวนของพ่อเลี้ยงธงหลายปี เบิร์ดก็เรียนหนังสือชั้นประถมจนถึงชั้นประถม6 ที่โรงเรียนหลิ่งก้านแห่งนี้ ซึ่งก็ถือว่าลำบากไม่มีบ้านอยู่ • พ่อเบิร์ดชอบกินเหล้าจนสุดท้ายหน้าหนาวจำปีไม่ได้ เขากินเหล้าจนตาย ก็นำศพมาทำพิธีที่วัด จากนั้นเบิร์ดก็อาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงธง ระยะหนึ่งจนพ่อเลี้ยงธงเสียและมีการขายที่ดินแห่งนี้ไปจากนั้นก็ไม่เห็นหน้าอีกเลย จนกระทั่งเป็นข่าวก็กว่า 20 ปี คือแทบจำหน้าไม่ได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000124876 • #MGROnline #ลำปาง #ผู้ใหญ่บ้าน #เบิร์ดวันว่างๆ
    0 Comments 0 Shares 481 Views 0 Reviews
  • นครชัยแอร์เปิดนครสวรรค์ เชื่อมเหนือ-กทม.-ตะวันออก

    นับตั้งแต่ที่กลุ่มของนายคีรี กาญจนพาสน์ รับช่วงต่อกิจการเดินรถ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด จากครอบครัววงศ์เบญจรัตน์ มาตั้งแต่ปี 2566 ได้พยายามเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เปิดสาขานครราชสีมา พร้อมกับห้องรับรองผู้โดยสาร เปิดให้สำรองที่นั่งช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และเปิดบริการรถเชื่อมต่อจากอุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สกลนคร ไปชลบุรี อ่าวอุดม พัทยา และระยอง โดยเปลี่ยนรถที่นครราชสีมา

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 เปิดสาขานครสวรรค์ อยู่ในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมกับห้องรับรองผู้โดยสาร และเปิดให้สำรองที่นั่งช่วงกรุงเทพฯ-นครสวรรค์ 5 เที่ยว รวมทั้งผู้โดยสารจากนครสวรรค์สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ หรือไปยังปลายทางภาคเหนือ ได้แก่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เด่นชัย ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ งาว ม.พะเยา พะเยา แม่ใจ พาน เชียงราย และภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี อ่าวอุดม พัทยา บ้านฉาง ระยอง เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00​ ถึง 02.30 น.

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นรถเป็นรถผ่านเข้ารับ สำรองที่นั่งได้ทาง Call Center 1624 เปิดเวลา 07.00-22.00 น. หรือ NCA Social Booking ผ่านไลน์และเฟซบุ๊ก เปิดเวลา 09.00-18.00 น. และเคาน์เตอร์นครชัยแอร์ทุกสาขา เปิดเวลา 08.00-22.00 น. ส่วนบางเส้นทางต้องซื้อวันต่อวันเท่านั้น ที่หน้าช่องขายตั๋วก่อนรถออก 1 ชั่วโมง

    กรุงเทพฯ ไปนครสวรรค์ มีเที่ยวเวลา 08.30, 09.00 (First Class), 10.00 (First Class), 18.30 และ 20.31 น. ส่วนนครสวรรค์ไปกรุงเทพฯ มีเที่ยวเวลา 14.05 (First Class), 15.15, 16.37 (First Class), 01.55 และ 02.50 น. ค่าโดยสาร Gold Class 252 บาท และ First Class 336 บาท

    นครสวรรค์ไปชลบุรี อ่าวอุดม พัทยา บ้านฉาง ระยอง มีเที่ยวเวลา 11.00, 23.40, 23.45, 01.18, 01.51 และ 02.48 น. ค่าโดยสาร Gold Class ไประยอง 458 บาท ไปชลบุรี อ่าวอุดม พัทยา 372 บาท

    นครสวรรค์ไปเชียงใหม่ มีเที่ยวเวลา 12.05, 13.45 (First Class), 22.05, 23.56, 00.00 และ 01.00 น. ค่าโดยสาร Gold Class 473 บาท และ First Class 630 บาท

    นครสวรรค์ไปเชียงราย มีเที่ยวเวลา 00.30 น. ค่าโดยสาร 536 บาท

    นครสวรรค์ไปลำปาง มีเที่ยวเวลา 12.52 (First Class), 00.00 และ 01.00 น. ค่าโดยสาร Gold Class 385 บาท และ First Class 504 บาท

    นครสวรรค์ไปอุตรดิตถ์ มีเที่ยวเวลา 00.00, 00.30, 01.00 และ 03.00 น. ค่าโดยสาร Gold Class 254 บาท

    นครสวรรค์ไปพิษณุโลก มีเที่ยวเวลา 15.50, 00.00, 00.30, 01.00 และ 01.55 น. ค่าโดยสาร Gold Class 147 บาท

    #Newskit
    นครชัยแอร์เปิดนครสวรรค์ เชื่อมเหนือ-กทม.-ตะวันออก นับตั้งแต่ที่กลุ่มของนายคีรี กาญจนพาสน์ รับช่วงต่อกิจการเดินรถ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด จากครอบครัววงศ์เบญจรัตน์ มาตั้งแต่ปี 2566 ได้พยายามเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เปิดสาขานครราชสีมา พร้อมกับห้องรับรองผู้โดยสาร เปิดให้สำรองที่นั่งช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา และเปิดบริการรถเชื่อมต่อจากอุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สกลนคร ไปชลบุรี อ่าวอุดม พัทยา และระยอง โดยเปลี่ยนรถที่นครราชสีมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 เปิดสาขานครสวรรค์ อยู่ในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมกับห้องรับรองผู้โดยสาร และเปิดให้สำรองที่นั่งช่วงกรุงเทพฯ-นครสวรรค์ 5 เที่ยว รวมทั้งผู้โดยสารจากนครสวรรค์สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ หรือไปยังปลายทางภาคเหนือ ได้แก่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เด่นชัย ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ งาว ม.พะเยา พะเยา แม่ใจ พาน เชียงราย และภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี อ่าวอุดม พัทยา บ้านฉาง ระยอง เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00​ ถึง 02.30 น. อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นรถเป็นรถผ่านเข้ารับ สำรองที่นั่งได้ทาง Call Center 1624 เปิดเวลา 07.00-22.00 น. หรือ NCA Social Booking ผ่านไลน์และเฟซบุ๊ก เปิดเวลา 09.00-18.00 น. และเคาน์เตอร์นครชัยแอร์ทุกสาขา เปิดเวลา 08.00-22.00 น. ส่วนบางเส้นทางต้องซื้อวันต่อวันเท่านั้น ที่หน้าช่องขายตั๋วก่อนรถออก 1 ชั่วโมง กรุงเทพฯ ไปนครสวรรค์ มีเที่ยวเวลา 08.30, 09.00 (First Class), 10.00 (First Class), 18.30 และ 20.31 น. ส่วนนครสวรรค์ไปกรุงเทพฯ มีเที่ยวเวลา 14.05 (First Class), 15.15, 16.37 (First Class), 01.55 และ 02.50 น. ค่าโดยสาร Gold Class 252 บาท และ First Class 336 บาท นครสวรรค์ไปชลบุรี อ่าวอุดม พัทยา บ้านฉาง ระยอง มีเที่ยวเวลา 11.00, 23.40, 23.45, 01.18, 01.51 และ 02.48 น. ค่าโดยสาร Gold Class ไประยอง 458 บาท ไปชลบุรี อ่าวอุดม พัทยา 372 บาท นครสวรรค์ไปเชียงใหม่ มีเที่ยวเวลา 12.05, 13.45 (First Class), 22.05, 23.56, 00.00 และ 01.00 น. ค่าโดยสาร Gold Class 473 บาท และ First Class 630 บาท นครสวรรค์ไปเชียงราย มีเที่ยวเวลา 00.30 น. ค่าโดยสาร 536 บาท นครสวรรค์ไปลำปาง มีเที่ยวเวลา 12.52 (First Class), 00.00 และ 01.00 น. ค่าโดยสาร Gold Class 385 บาท และ First Class 504 บาท นครสวรรค์ไปอุตรดิตถ์ มีเที่ยวเวลา 00.00, 00.30, 01.00 และ 03.00 น. ค่าโดยสาร Gold Class 254 บาท นครสวรรค์ไปพิษณุโลก มีเที่ยวเวลา 15.50, 00.00, 00.30, 01.00 และ 01.55 น. ค่าโดยสาร Gold Class 147 บาท #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 984 Views 0 Reviews
  • ช่วงนี้..จ.เชียงใหม่ หมอก ลงจัด เปิดไฟตัดหมอก
    ระมัด ระวัง กันให้ มากๆ.. นะคะ
    (ภาพ) ถนนซุปเปอร์เชียงใหม่-ลำปาง
    หน้าโรงเรียนช่องฟ้าซินเซิงวาณิชบำรุง
    https://maps.app.goo.gl/nauKdYSfv8LysLiU7
    ช่วงนี้..จ.เชียงใหม่ หมอก ลงจัด เปิดไฟตัดหมอก ระมัด ระวัง กันให้ มากๆ.. นะคะ (ภาพ) ถนนซุปเปอร์เชียงใหม่-ลำปาง หน้าโรงเรียนช่องฟ้าซินเซิงวาณิชบำรุง https://maps.app.goo.gl/nauKdYSfv8LysLiU7
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • ลำปาง – เกิดอุบัติเหตุหมู่สุดสลด..คาดคนขับหลบใน รถตู้เสียหลักชนต้นไม้ร่องกลางถนนลำปาง-งาว จนพังเละทั้งคัน คนขับ-คนโดยสาร ดับแล้ว 3 เจ็บอีก 10 ราย เป็นทหารค่ายขุนเจืองฯกลับจากแข่งเรือปทุมธานี 8 นาย พลเรือน 2 คาดเป็นแม่-ลูก

    วันนี้(6 ธ.ค.) พ.ต.ท.อรัณทรี สูติสงกรานต์ พงส.เวร สภ.งาว จ.ลำปาง ได้รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ตู้เสียหลักหลักพุงชนต้นไม้ร่องกลางถนน มีคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับ พ.ต.ท.มนตรี แก้วสุริยะ รอง ผกก.(สอบสวน)หน.งานสอบสวน

    ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ ยี่ห้อ โตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน นค 1291 เชียงราย ที่พุ่งชนกับต้นไม้ที่ร้องกลางถนน ได้รับความเสียหายทั้งคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุหลายราย โดยมีรถกู้ภัย และรถโรงพยาบาลงาว ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

    เบื้องต้น ทราบว่ารถยนต์คันที่เกิดเหตุผู้โดยสารส่วนมากเป็นข้าราชการทหาร สังกัดค่ายขุนเจืองธรรมมิกราช จ.พะเยา ซึ่งเดินทางกลับมาจากกการไปแข่งขันเรือที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายอภิชัย อินต๊ะวิชัย เป็นคนขับ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งเล็กน้อย คนขับอาจจะหลับใน ทำให้รถพุ่งชนต้นไม้กลางถนน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000117372

    #MGROnline #ลำปาง #อุบัติเหตุ #ทหารค่ายขุนเจืองฯ #แข่งเรือ #ปทุมธานี
    ลำปาง – เกิดอุบัติเหตุหมู่สุดสลด..คาดคนขับหลบใน รถตู้เสียหลักชนต้นไม้ร่องกลางถนนลำปาง-งาว จนพังเละทั้งคัน คนขับ-คนโดยสาร ดับแล้ว 3 เจ็บอีก 10 ราย เป็นทหารค่ายขุนเจืองฯกลับจากแข่งเรือปทุมธานี 8 นาย พลเรือน 2 คาดเป็นแม่-ลูก • วันนี้(6 ธ.ค.) พ.ต.ท.อรัณทรี สูติสงกรานต์ พงส.เวร สภ.งาว จ.ลำปาง ได้รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ตู้เสียหลักหลักพุงชนต้นไม้ร่องกลางถนน มีคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับ พ.ต.ท.มนตรี แก้วสุริยะ รอง ผกก.(สอบสวน)หน.งานสอบสวน • ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ ยี่ห้อ โตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน นค 1291 เชียงราย ที่พุ่งชนกับต้นไม้ที่ร้องกลางถนน ได้รับความเสียหายทั้งคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุหลายราย โดยมีรถกู้ภัย และรถโรงพยาบาลงาว ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล • เบื้องต้น ทราบว่ารถยนต์คันที่เกิดเหตุผู้โดยสารส่วนมากเป็นข้าราชการทหาร สังกัดค่ายขุนเจืองธรรมมิกราช จ.พะเยา ซึ่งเดินทางกลับมาจากกการไปแข่งขันเรือที่จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายอภิชัย อินต๊ะวิชัย เป็นคนขับ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งเล็กน้อย คนขับอาจจะหลับใน ทำให้รถพุ่งชนต้นไม้กลางถนน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000117372 • #MGROnline #ลำปาง #อุบัติเหตุ #ทหารค่ายขุนเจืองฯ #แข่งเรือ #ปทุมธานี
    0 Comments 0 Shares 507 Views 0 Reviews
  • น.สพ.ดร.ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากที่ ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ได้เดินทางจากประเทศศรีลังกา มาถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2566 และครบกำหนดกักตัว เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 และย้ายเข้ามาตรวจรักษาอาการป่วย บาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลช้างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จังหวัดลำปาง จนถึงปัจจุบันครบรอบ 1 ปี 4 เดือนแล้ว อาการป่วยของช้างยังมีอาการขาหน้าด้านซ้าย มีอาการเหยียดตึงอย่างเห็นได้ชัด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/travel/detail/9670000111719

    #MGROnline #ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย #สถาบันคชบาลแห่งชาติ #ลำปาง #ช้าง #พลายศักดิ์สุรินทร์
    น.สพ.ดร.ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากที่ ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ได้เดินทางจากประเทศศรีลังกา มาถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2566 และครบกำหนดกักตัว เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 และย้ายเข้ามาตรวจรักษาอาการป่วย บาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลช้างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จังหวัดลำปาง จนถึงปัจจุบันครบรอบ 1 ปี 4 เดือนแล้ว อาการป่วยของช้างยังมีอาการขาหน้าด้านซ้าย มีอาการเหยียดตึงอย่างเห็นได้ชัด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9670000111719 • #MGROnline #ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย #สถาบันคชบาลแห่งชาติ #ลำปาง #ช้าง #พลายศักดิ์สุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 624 Views 0 Reviews
  • #Himcoffee เมล็ดกาแฟไทยแท้ 100%
    ไม่ยัดใส้ ไม่มั่วแหล่ง ไม่ปนของนอก ผลผลิตของเกษตรกรไทย ในท้องถิ่นเมืองปาน จ.ลำปาง

    จำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วทุกชนิด ปลีก/ส่ง
    จำหน่ายสารกาแฟคุณภาพ ทุกชนิด
    รับผลิตงานสั่ง OEM ทุกชนิด

    ติดต่อสอบถาม
    Tel.088-443 5266
    Line@himcoffee

    ดูข้อมูลสินค้า ได้ทุกช่องทางออนไลน์

    #กินของไทยใช้ของดี #ไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ #ไทยยั่งยืน

    #เมล็ดกาแฟ #กาแฟลำปาง #Himcoffeestory #specialtycoffee #singleorigin #ส่งออกกาแฟไทย #myroadmycoffee #โรงคั่วกาแฟลำปาง #กาแฟพิเศษไทย #Himcoffeefarmers #specialprocess #arabicathailand #กาแฟสด #ร้านกาแฟลำปาง #คาเฟ่ลำปาง #คั่วกลางเข้ม #สู้นม #ขายส่งเมล็ดกาแฟ

    ช่วยกันสนับสนุน #เกษตรกรไทย #ผลักดันสินค้าไทย #เศรษฐกิจไทย จะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
    #Himcoffee เมล็ดกาแฟไทยแท้ 100% ไม่ยัดใส้ ไม่มั่วแหล่ง ไม่ปนของนอก ผลผลิตของเกษตรกรไทย ในท้องถิ่นเมืองปาน จ.ลำปาง จำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วทุกชนิด ปลีก/ส่ง จำหน่ายสารกาแฟคุณภาพ ทุกชนิด รับผลิตงานสั่ง OEM ทุกชนิด ติดต่อสอบถาม Tel.088-443 5266 Line@himcoffee ดูข้อมูลสินค้า ได้ทุกช่องทางออนไลน์ #กินของไทยใช้ของดี #ไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ #ไทยยั่งยืน #เมล็ดกาแฟ #กาแฟลำปาง #Himcoffeestory #specialtycoffee #singleorigin #ส่งออกกาแฟไทย #myroadmycoffee #โรงคั่วกาแฟลำปาง #กาแฟพิเศษไทย #Himcoffeefarmers #specialprocess #arabicathailand #กาแฟสด #ร้านกาแฟลำปาง #คาเฟ่ลำปาง #คั่วกลางเข้ม #สู้นม #ขายส่งเมล็ดกาแฟ ช่วยกันสนับสนุน #เกษตรกรไทย #ผลักดันสินค้าไทย #เศรษฐกิจไทย จะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
    0 Comments 0 Shares 1484 Views 0 Reviews
More Results