• เปิดความระxำ เขมรตั้งหมู่บ้านที่ “ช่องอานม้า” ก่อนทบ.ไทกลบ ล้อมรั้วยึดคืน100% (7/8/68)
    Exposed: Khmer built a village at Chong An Ma inside Thai territory before the Thai army fenced it off and reclaimed it 100%.

    #TruthFromThailand
    #scambodia
    #Hunsenfiredfirst
    #CambodianDeception
    #กัมพูชายิงก่อน
    #ไทยรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #news1
    #thaitimes
    #shorts
    #ชายแดนไทยกัมพูชา
    #ช่องอานม้า
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวดัง
    #ข่าวการเมือง
    #ทหารไทย
    เปิดความระxำ เขมรตั้งหมู่บ้านที่ “ช่องอานม้า” ก่อนทบ.ไทกลบ ล้อมรั้วยึดคืน100% (7/8/68) Exposed: Khmer built a village at Chong An Ma inside Thai territory before the Thai army fenced it off and reclaimed it 100%. #TruthFromThailand #scambodia #Hunsenfiredfirst #CambodianDeception #กัมพูชายิงก่อน #ไทยรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #news1 #thaitimes #shorts #ชายแดนไทยกัมพูชา #ช่องอานม้า #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ข่าวการเมือง #ทหารไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อ.ปานเทพเจาะลึก “ของ” กองทัพเขมร [31/7/68]
    (Parnthep exposes what’s inside Cambodia’s military)

    #อาจารย์ปานเทพ #เจาะลึกเขมร #ของลับกองทัพเขมร #ข้อมูลวงในเขมร #ParnthepAnalysis #CambodianMilitarySecrets
    #เปิดโปงเขมร #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวด่วนชายแดน
    #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst
    #thaitimes #news1 #shorts
    อ.ปานเทพเจาะลึก “ของ” กองทัพเขมร [31/7/68] (Parnthep exposes what’s inside Cambodia’s military) #อาจารย์ปานเทพ #เจาะลึกเขมร #ของลับกองทัพเขมร #ข้อมูลวงในเขมร #ParnthepAnalysis #CambodianMilitarySecrets #เปิดโปงเขมร #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวด่วนชายแดน #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #CambodiaNoCeasefire #TruthFromThailand #Hunsenfiredfirst #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Excel: ฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยนการทำงานให้ลื่นไหลและแม่นยำกว่าเดิม

    Microsoft ได้เปิดตัวชุดฟีเจอร์ใหม่ใน Excel ที่ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล, การทำงานร่วมกัน และการรักษาความถูกต้องของสูตรคำนวณในไฟล์เก่าและใหม่

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือ Compatibility Versions ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกเวอร์ชันของสูตรคำนวณได้ระหว่างแบบเก่า (Version 1) และแบบใหม่ (Version 2) โดย Version 2 จะกลายเป็นค่าเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2026 สำหรับไฟล์ใหม่ทั้งหมด

    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอยอย่าง Auto Refresh สำหรับ PivotTables การรีเฟรชข้อมูลจาก Power Query บน Excel เวอร์ชันเว็บ, การดูหลายชีตพร้อมกันบน Mac, และการขอสิทธิ์แก้ไขไฟล์บน Excel for the Web ได้โดยตรง

    Compatibility Versions: เลือกเวอร์ชันของสูตรคำนวณได้ตามต้องการ
    Version 1 ใช้พฤติกรรมการคำนวณแบบเดิมสำหรับไฟล์เก่า
    Version 2 มีการปรับปรุงสูตร เช่น รองรับอีโมจิ และจะเป็นค่าเริ่มต้นในไฟล์ใหม่ตั้งแต่ ม.ค. 2026

    Auto Refresh สำหรับ PivotTables (เฉพาะผู้ใช้ Insiders บน Windows และ Mac)
    PivotTables จะอัปเดตอัตโนมัติเมื่อข้อมูลต้นทางเปลี่ยน
    ไม่ต้องคลิก Refresh ด้วยตนเองอีกต่อไป

    Get Data Dialog ใหม่บน Windows พร้อมเชื่อมต่อ OneLake Catalog
    ช่วยให้ค้นหาและเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลภายนอกได้ง่ายขึ้น
    รองรับการเชื่อมต่อกับข้อมูลจาก Microsoft Fabric โดยตรง

    Excel for Mac รองรับการเปิดหลายชีตและหลายหน้าต่างพร้อมกัน
    มีฟีเจอร์ Synchronous Scrolling เพื่อเลื่อนดูข้อมูลพร้อมกัน
    เหมาะสำหรับการเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างชีตหรือไฟล์

    Excel for the Web รองรับการรีเฟรชข้อมูลจาก Power Query โดยตรง
    ไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์มาเปิดใน Excel Desktop เพื่อรีเฟรชอีกต่อไป
    รองรับการจัดการข้อมูลจากแหล่งที่ต้องยืนยันตัวตน เช่น SharePoint, SQL Server

    ผู้ใช้ Enterprise สามารถขอสิทธิ์แก้ไขไฟล์ได้โดยตรงใน Excel for the Web
    ไม่ต้องออกจากไฟล์เพื่อส่งอีเมลขอสิทธิ์อีกต่อไป
    เพิ่มความสะดวกในการทำงานร่วมกันในองค์กร

    https://www.neowin.net/news/here-are-all-the-new-features-microsoft-added-to-excel-in-july-2025/
    📊 เรื่องเล่าจาก Excel: ฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยนการทำงานให้ลื่นไหลและแม่นยำกว่าเดิม Microsoft ได้เปิดตัวชุดฟีเจอร์ใหม่ใน Excel ที่ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล, การทำงานร่วมกัน และการรักษาความถูกต้องของสูตรคำนวณในไฟล์เก่าและใหม่ หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือ Compatibility Versions ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกเวอร์ชันของสูตรคำนวณได้ระหว่างแบบเก่า (Version 1) และแบบใหม่ (Version 2) โดย Version 2 จะกลายเป็นค่าเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2026 สำหรับไฟล์ใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอยอย่าง Auto Refresh สำหรับ PivotTables การรีเฟรชข้อมูลจาก Power Query บน Excel เวอร์ชันเว็บ, การดูหลายชีตพร้อมกันบน Mac, และการขอสิทธิ์แก้ไขไฟล์บน Excel for the Web ได้โดยตรง ✅ Compatibility Versions: เลือกเวอร์ชันของสูตรคำนวณได้ตามต้องการ ➡️ Version 1 ใช้พฤติกรรมการคำนวณแบบเดิมสำหรับไฟล์เก่า ➡️ Version 2 มีการปรับปรุงสูตร เช่น รองรับอีโมจิ และจะเป็นค่าเริ่มต้นในไฟล์ใหม่ตั้งแต่ ม.ค. 2026 ✅ Auto Refresh สำหรับ PivotTables (เฉพาะผู้ใช้ Insiders บน Windows และ Mac) ➡️ PivotTables จะอัปเดตอัตโนมัติเมื่อข้อมูลต้นทางเปลี่ยน ➡️ ไม่ต้องคลิก Refresh ด้วยตนเองอีกต่อไป ✅ Get Data Dialog ใหม่บน Windows พร้อมเชื่อมต่อ OneLake Catalog ➡️ ช่วยให้ค้นหาและเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลภายนอกได้ง่ายขึ้น ➡️ รองรับการเชื่อมต่อกับข้อมูลจาก Microsoft Fabric โดยตรง ✅ Excel for Mac รองรับการเปิดหลายชีตและหลายหน้าต่างพร้อมกัน ➡️ มีฟีเจอร์ Synchronous Scrolling เพื่อเลื่อนดูข้อมูลพร้อมกัน ➡️ เหมาะสำหรับการเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างชีตหรือไฟล์ ✅ Excel for the Web รองรับการรีเฟรชข้อมูลจาก Power Query โดยตรง ➡️ ไม่ต้องดาวน์โหลดไฟล์มาเปิดใน Excel Desktop เพื่อรีเฟรชอีกต่อไป ➡️ รองรับการจัดการข้อมูลจากแหล่งที่ต้องยืนยันตัวตน เช่น SharePoint, SQL Server ✅ ผู้ใช้ Enterprise สามารถขอสิทธิ์แก้ไขไฟล์ได้โดยตรงใน Excel for the Web ➡️ ไม่ต้องออกจากไฟล์เพื่อส่งอีเมลขอสิทธิ์อีกต่อไป ➡️ เพิ่มความสะดวกในการทำงานร่วมกันในองค์กร https://www.neowin.net/news/here-are-all-the-new-features-microsoft-added-to-excel-in-july-2025/
    WWW.NEOWIN.NET
    Here are all the new features Microsoft added to Excel in July 2025
    Microsoft Excel grabbed a lot of very useful features this month, such as the ability to auto refresh PivotTables.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสมุดโน้ตดิจิทัล: เมื่อ OneNote ฟังเสียงผู้ใช้และปรับปรุงให้ตรงใจ

    หลายปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ OneNote ต้องเจอกับข้อจำกัดที่น่าหงุดหงิด เช่น ไม่สามารถรวมเซลล์ในตารางได้เหมือน Excel หรือ Word และเมื่อคัดลอกข้อความจากเว็บหรืออีเมล ก็จะติดฟอร์แมตแปลก ๆ มาด้วย ทำให้โน้ตดูรกและไม่เป็นระเบียบ

    แต่ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ได้ปล่อยฟีเจอร์ใหม่สองอย่างที่ตอบโจทย์ผู้ใช้โดยตรง:

    1️⃣ Merge Table Cells – รวมเซลล์ในตารางได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อจัดโครงสร้างข้อมูลให้ดูดีและเข้าใจง่าย

    2️⃣ Paste Text Only Shortcut – วางข้อความแบบไม่มีฟอร์แมตด้วย Ctrl+Shift+V (Windows) หรือ Cmd+Shift+V (Mac) เพื่อให้โน้ตสะอาดและเป็นระเบียบ

    ฟีเจอร์เหล่านี้เปิดให้ใช้งานแล้วในเวอร์ชัน Insider บน Windows, Mac และ iPad ส่วน iPhone, Android และเว็บยังรองรับแค่การแสดงผล merged cells แต่ยังสร้างไม่ได้

    OneNote เพิ่มฟีเจอร์ Merge Table Cells ที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน
    รวมเซลล์ได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง
    ใช้งานผ่านคลิกขวา หรือเมนู Table บน ribbon

    รองรับการรวมเซลล์บน Windows, Mac และ iPad แล้ว
    iPhone, Android และเว็บสามารถแสดง merged cells ได้ แต่ยังสร้างไม่ได้
    ฟีเจอร์กำลังทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไป

    เพิ่มทางลัด Paste Text Only เพื่อวางข้อความแบบไม่มีฟอร์แมต
    ใช้ Ctrl+Shift+V (Windows) หรือ Cmd+Shift+V (Mac)
    มีให้เลือกในเมนูคลิกขวา และเมนู Home > Paste > Keep Text Only

    ข้อความที่วางจะรับฟอร์แมตจาก OneNote ไม่ใช่จากต้นทาง
    ลดปัญหาฟอนต์ไม่ตรง สีพื้นหลังแปลก ๆ หรือลิงก์ไม่พึงประสงค์
    เหมาะกับการรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งให้ดูสะอาดและสอดคล้องกัน

    ฟีเจอร์ทั้งสองเป็นการตอบสนองเสียงผู้ใช้โดยตรง
    Microsoft ยืนยันว่าเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับการร้องขอมากที่สุด
    เปิดให้ทดลองใช้งานในกลุ่ม Insider ก่อนปล่อยสู่ผู้ใช้ทั่วไป

    https://www.neowin.net/news/onenote-is-finally-getting-two-highly-requested-features/
    📝 เรื่องเล่าจากสมุดโน้ตดิจิทัล: เมื่อ OneNote ฟังเสียงผู้ใช้และปรับปรุงให้ตรงใจ หลายปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ OneNote ต้องเจอกับข้อจำกัดที่น่าหงุดหงิด เช่น ไม่สามารถรวมเซลล์ในตารางได้เหมือน Excel หรือ Word และเมื่อคัดลอกข้อความจากเว็บหรืออีเมล ก็จะติดฟอร์แมตแปลก ๆ มาด้วย ทำให้โน้ตดูรกและไม่เป็นระเบียบ แต่ในเดือนกรกฎาคม 2025 Microsoft ได้ปล่อยฟีเจอร์ใหม่สองอย่างที่ตอบโจทย์ผู้ใช้โดยตรง: 1️⃣ Merge Table Cells – รวมเซลล์ในตารางได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อจัดโครงสร้างข้อมูลให้ดูดีและเข้าใจง่าย 2️⃣ Paste Text Only Shortcut – วางข้อความแบบไม่มีฟอร์แมตด้วย Ctrl+Shift+V (Windows) หรือ Cmd+Shift+V (Mac) เพื่อให้โน้ตสะอาดและเป็นระเบียบ ฟีเจอร์เหล่านี้เปิดให้ใช้งานแล้วในเวอร์ชัน Insider บน Windows, Mac และ iPad ส่วน iPhone, Android และเว็บยังรองรับแค่การแสดงผล merged cells แต่ยังสร้างไม่ได้ ✅ OneNote เพิ่มฟีเจอร์ Merge Table Cells ที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน ➡️ รวมเซลล์ได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ➡️ ใช้งานผ่านคลิกขวา หรือเมนู Table บน ribbon ✅ รองรับการรวมเซลล์บน Windows, Mac และ iPad แล้ว ➡️ iPhone, Android และเว็บสามารถแสดง merged cells ได้ แต่ยังสร้างไม่ได้ ➡️ ฟีเจอร์กำลังทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไป ✅ เพิ่มทางลัด Paste Text Only เพื่อวางข้อความแบบไม่มีฟอร์แมต ➡️ ใช้ Ctrl+Shift+V (Windows) หรือ Cmd+Shift+V (Mac) ➡️ มีให้เลือกในเมนูคลิกขวา และเมนู Home > Paste > Keep Text Only ✅ ข้อความที่วางจะรับฟอร์แมตจาก OneNote ไม่ใช่จากต้นทาง ➡️ ลดปัญหาฟอนต์ไม่ตรง สีพื้นหลังแปลก ๆ หรือลิงก์ไม่พึงประสงค์ ➡️ เหมาะกับการรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งให้ดูสะอาดและสอดคล้องกัน ✅ ฟีเจอร์ทั้งสองเป็นการตอบสนองเสียงผู้ใช้โดยตรง ➡️ Microsoft ยืนยันว่าเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับการร้องขอมากที่สุด ➡️ เปิดให้ทดลองใช้งานในกลุ่ม Insider ก่อนปล่อยสู่ผู้ใช้ทั่วไป https://www.neowin.net/news/onenote-is-finally-getting-two-highly-requested-features/
    WWW.NEOWIN.NET
    OneNote is finally getting two highly requested features
    Microsoft is bringing two important features to OneNote, but they are currently exclusive to Insiders on certain platforms only.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากหน้าจอ: เมื่อ Copilot เข้ามาแทนที่ MSN ใน Windows 11

    Microsoft กำลังปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน Widgets ใน Windows 11 โดยเปลี่ยนจากการแสดงข่าวจาก MSN แบบเดิม ไปใช้ระบบใหม่ชื่อว่า Copilot Discover ซึ่งมีความสามารถดังนี้:

    ระบบ AI ที่เข้าใจผู้ใช้
    - Copilot Discover ใช้ AI วิเคราะห์ความสนใจของผู้ใช้
    - คัดเลือกข่าวที่ตรงกับพฤติกรรมการอ่านและการโต้ตอบ
    - ผู้ใช้สามารถ upvote/downvote, ติดตามหรือบล็อกแหล่งข่าว และ bookmark ข่าวได้

    การออกแบบใหม่ที่เน้น UX
    - กล่องข่าวมีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวอักษรใหญ่ขึ้น อ่านง่าย
    - วิดีโอในข่าวเล่นอัตโนมัติเมื่อ hover
    - มีปุ่ม Notifications สำหรับข่าวด่วนและความเคลื่อนไหวตลาดหุ้น
    - สามารถปรับแต่งหรือปิดการแจ้งเตือนได้

    การเปลี่ยนแปลงใน Widgets Board
    - Widgets ถูกย้ายไปอยู่ในแท็บเฉพาะ
    - ไม่สามารถขยายเต็มหน้าจอได้อีก
    - Weather widget ไม่สามารถย้ายหรือปรับขนาดได้
    - ข่าวบางเรื่องเปิดอ่านได้ในแผง Widgets โดยตรง ไม่ต้องไปที่ MSN

    แม้ระบบจะใช้ Copilot Discover ในการจัดเรียงข่าว แต่เนื้อหายังคงมาจาก MSN เช่นเดิม และการเปลี่ยนแปลงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ อาจมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในเวอร์ชัน Insider ของ Windows 11

    https://www.neowin.net/news/microsoft-planning-to-replace-msn-feed-in-windows-11-widgets-with-copilot-discover/
    🎙️ เรื่องเล่าจากหน้าจอ: เมื่อ Copilot เข้ามาแทนที่ MSN ใน Windows 11 Microsoft กำลังปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน Widgets ใน Windows 11 โดยเปลี่ยนจากการแสดงข่าวจาก MSN แบบเดิม ไปใช้ระบบใหม่ชื่อว่า Copilot Discover ซึ่งมีความสามารถดังนี้: 🧠 ระบบ AI ที่เข้าใจผู้ใช้ - Copilot Discover ใช้ AI วิเคราะห์ความสนใจของผู้ใช้ - คัดเลือกข่าวที่ตรงกับพฤติกรรมการอ่านและการโต้ตอบ - ผู้ใช้สามารถ upvote/downvote, ติดตามหรือบล็อกแหล่งข่าว และ bookmark ข่าวได้ 📱 การออกแบบใหม่ที่เน้น UX - กล่องข่าวมีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวอักษรใหญ่ขึ้น อ่านง่าย - วิดีโอในข่าวเล่นอัตโนมัติเมื่อ hover - มีปุ่ม Notifications สำหรับข่าวด่วนและความเคลื่อนไหวตลาดหุ้น - สามารถปรับแต่งหรือปิดการแจ้งเตือนได้ 🧭 การเปลี่ยนแปลงใน Widgets Board - Widgets ถูกย้ายไปอยู่ในแท็บเฉพาะ - ไม่สามารถขยายเต็มหน้าจอได้อีก - Weather widget ไม่สามารถย้ายหรือปรับขนาดได้ - ข่าวบางเรื่องเปิดอ่านได้ในแผง Widgets โดยตรง ไม่ต้องไปที่ MSN แม้ระบบจะใช้ Copilot Discover ในการจัดเรียงข่าว แต่เนื้อหายังคงมาจาก MSN เช่นเดิม และการเปลี่ยนแปลงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ อาจมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในเวอร์ชัน Insider ของ Windows 11 https://www.neowin.net/news/microsoft-planning-to-replace-msn-feed-in-windows-11-widgets-with-copilot-discover/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft planning to replace MSN feed in Windows 11 widgets with Copilot Discover
    It appears that Microsoft is testing a new UX for the Widgets board in Windows 11, powered by Copilot Discover.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังของ AI ที่เชื่อมต่อทุกอย่าง: เมื่อ MCP กลายเป็นช่องโหว่ใหม่ของโลก agentic AI

    MCP ทำหน้าที่คล้าย API โดยเป็นตัวกลางระหว่าง AI agent กับแหล่งข้อมูล เช่น PayPal, Zapier, Shopify หรือระบบภายในองค์กร เพื่อให้ AI ดึงข้อมูลหรือสั่งงานได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเชื่อมต่อเอง

    แต่การเปิด MCP server โดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดช่องโหว่ร้ายแรง เช่น:
    - การเข้าถึงข้อมูลข้าม tenant
    - การโจมตีแบบ prompt injection ที่แฝงมากับคำขอจากผู้ใช้
    - การใช้ MCP server ปลอมที่มีคำสั่งอันตรายฝังอยู่
    - การขโมย token และ takeover บัญชี
    - การใช้ MCP server ที่เชื่อมต่อกันแบบ “composability chaining” เพื่อหลบการตรวจจับ

    นักวิจัยจากหลายองค์กร เช่น UpGuard, Invariant Labs, CyberArk และ Palo Alto Networks ได้แสดงตัวอย่างการโจมตีจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และเตือนว่าองค์กรต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น:
    - ตรวจสอบ source ของ MCP server
    - ใช้ least privilege และ human-in-the-loop
    - ตรวจสอบข้อความที่ส่งไปยัง LLM อย่างละเอียด
    - ไม่เปิด MCP server ให้ใช้งานภายนอกโดยไม่มีการยืนยันตัวตน

    10 อันดับช่องโหว่ของ MCP ที่องค์กรต้องระวัง
    1. Cross-tenant data exposure
    ผู้ใช้จาก tenant หนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลของ tenant อื่นได้ หากไม่มีการแยกสิทธิ์อย่างชัดเจน
    ข้อมูลภายในองค์กรอาจรั่วไปยังลูกค้า หรือพันธมิตรโดยไม่ตั้งใจ
    ต้องใช้การแยก tenant และ least privilege อย่างเข้มงวด

    2. Living off AI attacks
    แฮกเกอร์แฝง prompt injection ในคำขอที่ดู harmless แล้วส่งผ่านมนุษย์ไปยัง AI agent
    AI อาจรันคำสั่งอันตรายโดยไม่รู้ตัว
    ต้องมีการตรวจสอบข้อความก่อนส่งไปยัง LLM และใช้ human-in-the-loop

    3. Tool poisoning
    MCP server ปลอมอาจมีคำสั่งอันตรายฝังใน metadata เช่น function name หรือ error message
    การติดตั้ง server โดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาเสี่ยงต่อการโดน “rug pull”
    ต้องตรวจสอบ source, permissions และ source code ก่อนใช้งาน

    4. Toxic agent flows via trusted platforms
    ใช้แพลตฟอร์มที่ดูปลอดภัย เช่น GitHub เป็นช่องทางแฝง prompt injection
    AI agent อาจรันคำสั่งจาก public repo โดยไม่รู้ว่ามีคำสั่งอันตราย
    ต้องมีการยืนยัน tool call และตรวจสอบข้อความจากแหล่งภายนอก

    5. Token theft and account takeover
    หาก token ถูกเก็บแบบไม่เข้ารหัสใน config file อาจถูกขโมยและใช้สร้าง MCP server ปลอม
    การเข้าถึง Gmail หรือระบบอื่นผ่าน token จะไม่ถูกตรวจจับว่าเป็นการ login ผิดปกติ
    ต้องเข้ารหัส token และตรวจสอบการใช้งาน API อย่างสม่ำเสมอ

    6. Composability chaining
    MCP server ปลอมอาจเชื่อมต่อกับ server อื่นที่มีคำสั่งอันตราย แล้วรวมผลลัพธ์ส่งให้ AI
    แม้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับ server ปลอมโดยตรง ก็ยังถูกโจมตีได้
    ต้องตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่ MCP server ใช้ และจำกัดการเชื่อมต่อแบบ chain

    7. User consent fatigue
    ผู้ใช้ถูกขออนุมัติหลายครั้งจนเริ่มกด “อนุมัติ” โดยไม่อ่าน
    คำขออันตรายอาจแฝงมากับคำขอ harmless
    ต้องออกแบบระบบอนุมัติให้มี context และจำกัดคำขอซ้ำซ้อน

    8. Admin bypass
    MCP server ไม่ตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ ทำให้ AI agent เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์
    อาจเกิดจาก insider หรือผู้ใช้ภายนอกที่เข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ทุกคำขอ และจำกัดการเข้าถึงตาม role

    9. Command injection
    MCP server ส่ง input ไปยังระบบอื่นโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้เกิดการ inject คำสั่ง
    คล้าย SQL injection แต่เกิดในระบบ AI agent
    ต้องใช้ input validation และ parameterized commands

    10. Tool shadowing
    MCP server ปลอม redirect ข้อมูลจาก server จริงไปยังผู้โจมตี
    การโจมตีอาจไม่ปรากฏใน audit log และตรวจจับได้ยาก
    ต้องตรวจสอบการใช้งานของ AI agent และจำกัดการเข้าถึง MCP หลายตัวพร้อมกัน

    https://www.csoonline.com/article/4023795/top-10-mcp-vulnerabilities.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังของ AI ที่เชื่อมต่อทุกอย่าง: เมื่อ MCP กลายเป็นช่องโหว่ใหม่ของโลก agentic AI MCP ทำหน้าที่คล้าย API โดยเป็นตัวกลางระหว่าง AI agent กับแหล่งข้อมูล เช่น PayPal, Zapier, Shopify หรือระบบภายในองค์กร เพื่อให้ AI ดึงข้อมูลหรือสั่งงานได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเชื่อมต่อเอง แต่การเปิด MCP server โดยไม่ระวัง อาจทำให้เกิดช่องโหว่ร้ายแรง เช่น: - การเข้าถึงข้อมูลข้าม tenant - การโจมตีแบบ prompt injection ที่แฝงมากับคำขอจากผู้ใช้ - การใช้ MCP server ปลอมที่มีคำสั่งอันตรายฝังอยู่ - การขโมย token และ takeover บัญชี - การใช้ MCP server ที่เชื่อมต่อกันแบบ “composability chaining” เพื่อหลบการตรวจจับ นักวิจัยจากหลายองค์กร เช่น UpGuard, Invariant Labs, CyberArk และ Palo Alto Networks ได้แสดงตัวอย่างการโจมตีจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และเตือนว่าองค์กรต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น: - ตรวจสอบ source ของ MCP server - ใช้ least privilege และ human-in-the-loop - ตรวจสอบข้อความที่ส่งไปยัง LLM อย่างละเอียด - ไม่เปิด MCP server ให้ใช้งานภายนอกโดยไม่มีการยืนยันตัวตน 🧠 10 อันดับช่องโหว่ของ MCP ที่องค์กรต้องระวัง 1. ✅ Cross-tenant data exposure ➡️ ผู้ใช้จาก tenant หนึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลของ tenant อื่นได้ หากไม่มีการแยกสิทธิ์อย่างชัดเจน ‼️ ข้อมูลภายในองค์กรอาจรั่วไปยังลูกค้า หรือพันธมิตรโดยไม่ตั้งใจ ⛔ ต้องใช้การแยก tenant และ least privilege อย่างเข้มงวด 2. ✅ Living off AI attacks ➡️ แฮกเกอร์แฝง prompt injection ในคำขอที่ดู harmless แล้วส่งผ่านมนุษย์ไปยัง AI agent ‼️ AI อาจรันคำสั่งอันตรายโดยไม่รู้ตัว ⛔ ต้องมีการตรวจสอบข้อความก่อนส่งไปยัง LLM และใช้ human-in-the-loop 3. ✅ Tool poisoning ➡️ MCP server ปลอมอาจมีคำสั่งอันตรายฝังใน metadata เช่น function name หรือ error message ‼️ การติดตั้ง server โดยไม่ตรวจสอบแหล่งที่มาเสี่ยงต่อการโดน “rug pull” ⛔ ต้องตรวจสอบ source, permissions และ source code ก่อนใช้งาน 4. ✅ Toxic agent flows via trusted platforms ➡️ ใช้แพลตฟอร์มที่ดูปลอดภัย เช่น GitHub เป็นช่องทางแฝง prompt injection ‼️ AI agent อาจรันคำสั่งจาก public repo โดยไม่รู้ว่ามีคำสั่งอันตราย ⛔ ต้องมีการยืนยัน tool call และตรวจสอบข้อความจากแหล่งภายนอก 5. ✅ Token theft and account takeover ➡️ หาก token ถูกเก็บแบบไม่เข้ารหัสใน config file อาจถูกขโมยและใช้สร้าง MCP server ปลอม ‼️ การเข้าถึง Gmail หรือระบบอื่นผ่าน token จะไม่ถูกตรวจจับว่าเป็นการ login ผิดปกติ ⛔ ต้องเข้ารหัส token และตรวจสอบการใช้งาน API อย่างสม่ำเสมอ 6. ✅ Composability chaining ➡️ MCP server ปลอมอาจเชื่อมต่อกับ server อื่นที่มีคำสั่งอันตราย แล้วรวมผลลัพธ์ส่งให้ AI ‼️ แม้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับ server ปลอมโดยตรง ก็ยังถูกโจมตีได้ ⛔ ต้องตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่ MCP server ใช้ และจำกัดการเชื่อมต่อแบบ chain 7. ✅ User consent fatigue ➡️ ผู้ใช้ถูกขออนุมัติหลายครั้งจนเริ่มกด “อนุมัติ” โดยไม่อ่าน ‼️ คำขออันตรายอาจแฝงมากับคำขอ harmless ⛔ ต้องออกแบบระบบอนุมัติให้มี context และจำกัดคำขอซ้ำซ้อน 8. ✅ Admin bypass ➡️ MCP server ไม่ตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ ทำให้ AI agent เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์ ‼️ อาจเกิดจาก insider หรือผู้ใช้ภายนอกที่เข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ⛔ ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ทุกคำขอ และจำกัดการเข้าถึงตาม role 9. ✅ Command injection ➡️ MCP server ส่ง input ไปยังระบบอื่นโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้เกิดการ inject คำสั่ง ‼️ คล้าย SQL injection แต่เกิดในระบบ AI agent ⛔ ต้องใช้ input validation และ parameterized commands 10. ✅ Tool shadowing ➡️ MCP server ปลอม redirect ข้อมูลจาก server จริงไปยังผู้โจมตี ‼️ การโจมตีอาจไม่ปรากฏใน audit log และตรวจจับได้ยาก ⛔ ต้องตรวจสอบการใช้งานของ AI agent และจำกัดการเข้าถึง MCP หลายตัวพร้อมกัน https://www.csoonline.com/article/4023795/top-10-mcp-vulnerabilities.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Top 10 MCP vulnerabilities: The hidden risks of AI integrations
    Model Context Protocol (MCP) use is increasing in popularity for connecting AI agents to data sources, and other services. But so too are vulnerabilities that bring unique risks to agentic systems.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%
    ////////////////



    พยากรณ์อากาศ ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%
    ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%

    พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
    สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
    อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “วิภา”แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 68 ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
    ภาคเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
    นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
    นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
    ภาคกลาง

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สระบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
    ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    กรุงเทพและปริมณฑล

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.




    #ฝนตกหนัก, #น้ำท่วม, #น้ำป่า, #พยากรณ์อากาศ
    ข่าวสืบสวน
    #LinFeilong
    #NanthapatWongyai #Inside
    #หลินเฟยหล林飛龍
    ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% //////////////// พยากรณ์อากาศ ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “วิภา”แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 68 ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สระบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. #ฝนตกหนัก, #น้ำท่วม, #น้ำป่า, #พยากรณ์อากาศ ข่าวสืบสวน #LinFeilong #NanthapatWongyai #Inside #หลินเฟยหล林飛龍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง!

    เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering

    ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ
    - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท
    - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา

    ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M
    • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน  
    • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”  
    • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน

    ผู้ต้องหา:  
    • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro  
    • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา

    กลยุทธ์ลวงตา:  
    • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ  
    • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล  
    • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก

    ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้  
    • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider

    ข้อหาที่ได้รับ:  
    • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)  
    • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา

    ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง

    https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง! เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน   • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”   • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน ✅ ผู้ต้องหา:   • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro   • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา ✅ กลยุทธ์ลวงตา:   • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ   • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล   • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก ✅ ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้   • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider ✅ ข้อหาที่ได้รับ:   • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)   • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา ✅ ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DOJ charges two men over $650 million crypto Ponzi scheme that promised 300% returns
    The DoJ writes that an indictment was unsealed yesterday in the District of Puerto Rico charging two men for their alleged roles in operating and promoting OmegaPro.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • หากหุ่นยนต์กำลังหาไขควงที่อยู่ในลิ้นชักรก ๆ หรือของที่ซุกอยู่ในกล่องปิดมิดชิด โดยปกติอาจต้องใช้กล้องหรือจับดูเอง → แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จาก MIT ที่ชื่อ mmNorm ช่วยให้หุ่นยนต์ “มองทะลุสิ่งของ” ด้วย คลื่นมิลลิเมตรเวฟ (mmWave) ซึ่งใกล้เคียงกับความถี่ Wi-Fi

    จุดสำคัญคือ มันไม่แค่วัด “ตำแหน่งที่คลื่นสะท้อนกลับมา” → แต่สามารถประเมินได้ว่า พื้นผิวด้านใน “เอียง” หรือ “โค้ง” ยังไง ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า specularity-based surface normal estimation → ทำให้หุ่นยนต์สร้าง “ภาพสามมิติ” ของสิ่งที่ซ่อนอยู่ เช่น แยกได้ระหว่างช้อนกับมีดที่อยู่ในกล่อง

    แม่นขนาดไหน? → ทดสอบกับของ 60 ชิ้น พบว่าแม่นยำ 96% เทียบกับเรดาร์เดิมที่ได้แค่ 78% → ใช้ได้กับไม้, พลาสติก, แก้ว, ยาง — ยกเว้นโลหะหนา ๆ ยังมีปัญหาบ้าง

    นักวิจัยมองว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้ได้ในหลายวงการ เช่น
    - หุ่นยนต์ค้นหาผู้รอดชีวิต (ค้นใต้ซาก)
    - หุ่นยนต์ดูแลบ้านผู้สูงอายุ (หาของหาย)
    - เครื่องสแกนความปลอดภัย (สแกนในกระเป๋าโดยไม่ต้องเปิด)

    MIT พัฒนาเทคนิคชื่อ mmNorm ใช้คลื่น mmWave (ระดับ Wi-Fi) ช่วยให้หุ่นยนต์มองเห็นวัตถุที่ถูกปิดบัง  
    • เช่น เห็นของในกล่อง, ลิ้นชัก, หรือหลังกำแพง  
    • ใช้ได้โดยไม่ต้องสัมผัสวัตถุ

    วิธีใหม่ไม่ใช้ back-projection แบบเก่า → แต่ใช้การคำนวณ surface normal แบบสะท้อนกระจก (specular reflection)  
    • รวมสัญญาณจากหลายเสาอากาศ  
    • เหมือนให้ทุกเสา “โหวต” ว่าพื้นผิวนั้นน่าจะหันไปทางไหน

    ทำความแม่นยำได้ 96% (จากการทดสอบกับของ 60 ชิ้น)  
    • ดีกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้า 18%  
    • แยกวัตถุคล้ายกันได้ เช่น แยกช้อน–ส้อม–มีดในกล่องเดียวกัน

    ใช้งานได้กับวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก, แก้ว, ยาง, ไม้

    มีศักยภาพใช้ในหุ่นยนต์ AI สาย logistics, กู้ภัย, ผู้ช่วยส่วนตัว, และระบบสแกนความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/wi-fi-signals-could-be-used-by-ai-driven-robots-to-identify-objects-inside-boxes-or-even-tools-hidden-in-a-drawer
    หากหุ่นยนต์กำลังหาไขควงที่อยู่ในลิ้นชักรก ๆ หรือของที่ซุกอยู่ในกล่องปิดมิดชิด โดยปกติอาจต้องใช้กล้องหรือจับดูเอง → แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จาก MIT ที่ชื่อ mmNorm ช่วยให้หุ่นยนต์ “มองทะลุสิ่งของ” ด้วย คลื่นมิลลิเมตรเวฟ (mmWave) ซึ่งใกล้เคียงกับความถี่ Wi-Fi จุดสำคัญคือ มันไม่แค่วัด “ตำแหน่งที่คลื่นสะท้อนกลับมา” → แต่สามารถประเมินได้ว่า พื้นผิวด้านใน “เอียง” หรือ “โค้ง” ยังไง ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า specularity-based surface normal estimation → ทำให้หุ่นยนต์สร้าง “ภาพสามมิติ” ของสิ่งที่ซ่อนอยู่ เช่น แยกได้ระหว่างช้อนกับมีดที่อยู่ในกล่อง แม่นขนาดไหน? → ทดสอบกับของ 60 ชิ้น พบว่าแม่นยำ 96% เทียบกับเรดาร์เดิมที่ได้แค่ 78% → ใช้ได้กับไม้, พลาสติก, แก้ว, ยาง — ยกเว้นโลหะหนา ๆ ยังมีปัญหาบ้าง นักวิจัยมองว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้ได้ในหลายวงการ เช่น - หุ่นยนต์ค้นหาผู้รอดชีวิต (ค้นใต้ซาก) - หุ่นยนต์ดูแลบ้านผู้สูงอายุ (หาของหาย) - เครื่องสแกนความปลอดภัย (สแกนในกระเป๋าโดยไม่ต้องเปิด) ✅ MIT พัฒนาเทคนิคชื่อ mmNorm ใช้คลื่น mmWave (ระดับ Wi-Fi) ช่วยให้หุ่นยนต์มองเห็นวัตถุที่ถูกปิดบัง   • เช่น เห็นของในกล่อง, ลิ้นชัก, หรือหลังกำแพง   • ใช้ได้โดยไม่ต้องสัมผัสวัตถุ ✅ วิธีใหม่ไม่ใช้ back-projection แบบเก่า → แต่ใช้การคำนวณ surface normal แบบสะท้อนกระจก (specular reflection)   • รวมสัญญาณจากหลายเสาอากาศ   • เหมือนให้ทุกเสา “โหวต” ว่าพื้นผิวนั้นน่าจะหันไปทางไหน ✅ ทำความแม่นยำได้ 96% (จากการทดสอบกับของ 60 ชิ้น)   • ดีกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้า 18%   • แยกวัตถุคล้ายกันได้ เช่น แยกช้อน–ส้อม–มีดในกล่องเดียวกัน ✅ ใช้งานได้กับวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก, แก้ว, ยาง, ไม้ ✅ มีศักยภาพใช้ในหุ่นยนต์ AI สาย logistics, กู้ภัย, ผู้ช่วยส่วนตัว, และระบบสแกนความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/wi-fi-signals-could-be-used-by-ai-driven-robots-to-identify-objects-inside-boxes-or-even-tools-hidden-in-a-drawer
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว

    ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น

    ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย:
    - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย
    - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN)
    - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง

    นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ

    Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password  
    • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง  
    • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน

    Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)  
    • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin  
    • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello

    มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต

    Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”  
    • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025  
    • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน

    https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    ใครเคยเบื่อกับการจำรหัสผ่านยาว ๆ หรือรำคาญเวลาต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ทุก 90 วันบ้างครับ? ตอนนี้ Microsoft กำลังจะทำให้เรื่องพวกนั้นกลายเป็นอดีต เพราะ Windows 11 เริ่มรองรับการใช้ Passkey แบบเต็มรูปแบบผ่านแอป 1Password แล้ว ก่อนหน้านี้ แม้เราจะได้ยินเรื่อง passkey จาก Google, Apple, หรือ FIDO2 มาสักพัก แต่ในฝั่ง Windows กลับยังใช้ยาก ต้องอาศัยการตั้งค่าผ่านแอปอื่นหรือใช้กับเว็บไซต์บางเจ้าเท่านั้น ล่าสุด Microsoft เปิดให้ทดสอบฟีเจอร์นี้ในเวอร์ชัน Insider Preview โดย: - ผู้ใช้สามารถเก็บและใช้ passkey ที่ผูกกับบัญชี Windows ได้เลย - รองรับการยืนยันตัวตนด้วย Windows Hello (เช่น สแกนลายนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือ PIN) - ปลดล็อกให้ 1Password มาเป็น “ตัวจัดการ passkey” แทนรหัสผ่านปกติได้โดยตรง นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบ login แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless) ที่ปลอดภัยและลื่นไหลที่สุดตั้งแต่มี Windows มาเลยครับ ✅ Windows 11 รองรับ Passkey แบบเต็มตัวผ่านการร่วมมือกับ 1Password   • ผู้ใช้สามารถเก็บ–ใช้ passkey จาก 1Password ได้ในระบบ Windows โดยตรง   • ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อยืนยันตัวตน ✅ Microsoft ปล่อยฟีเจอร์ใน Windows 11 Insider Build 26200.5670 (KB5060838)   • ต้องเปิดใช้ผ่าน Settings > Passkeys > Advanced > Credential Manager Plugin   • จากนั้นเปิดใช้งานและยืนยันตนผ่าน Windows Hello ✅ มี Credential Manager API ใหม่สำหรับให้ password manager รายอื่นพัฒนา integration กับ Windows ได้ในอนาคต ✅ Microsoft กำลังทยอยเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมดเป็น “passkey-first”   • เริ่มจาก Microsoft Authenticator ที่จะลบการเก็บรหัสผ่านในเดือนสิงหาคม 2025   • สร้างบัญชี Microsoft ใหม่จะไม่ให้ใช้ password แต่ใช้ passkey แทน https://www.techradar.com/pro/security/its-about-time-microsoft-finally-rolls-out-better-passkey-integration-in-windows
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร
    แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46

    ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า

    1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย]

    วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า:

    "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม"

    เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ

    2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม

    , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้

    3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย

    Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร

    กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC"

    Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2)

    Bora Touch ทนายความ

    The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates:

    1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.

    Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises:

    "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam"

    Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ.

    Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia.

    Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid.

    Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand.

    Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land.

    Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC."

    Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46 ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า 1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า: "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม" เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ 2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้ 3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC" Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2) Bora Touch ทนายความ The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates: 1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand].. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand] (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand]. Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises: "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand] set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam" Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ. Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia. Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid. Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand. Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land. Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC." Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 674 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนรู้สึกว่า “แม้เครื่องแรง แต่ระบบกลับหน่วง” โดยเฉพาะตอนเปิด Start Menu, Task View หรือสลับ Virtual Desktop ซึ่งดูเหมือนว่าแอนิเมชันที่สวยงามใน Windows 11 จะเป็นตัวฉุดความรู้สึกให้ช้าลง

    แต่ผู้ใช้งานที่ลอง “ปิดแอนิเมชันทั้งหมด” กลับพบว่า UI กลับมาลื่นปื๊ด! ทุกอย่างตอบสนองไวขึ้นแบบรู้สึกได้ทันที — เหมือนถอดเบรกออกจากอินเทอร์เฟซเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสลับ Desktop ที่เคยกระตุก ตอนนี้แทบไม่มีดีเลย์

    สามารถปิดแอนิเมชันได้ 2 วิธี:
    - เข้า Settings > Accessibility > Visual Effects แล้วปิด Animation effects
    - หรือกด Win + R พิมพ์ sysdm.cpl ไปที่แท็บ Advanced → กดปุ่ม Settings ในหัวข้อ Performance แล้วติ๊กออกที่:  
    • Animate controls and elements inside windows  
    • Animate windows when minimizing and maximizing  
    • Animations in the taskbar

    แม้วิธีนี้จะไม่ได้เพิ่ม FPS ในเกมหรือความเร็วการประมวลผล แต่ช่วยให้ระบบตอบสนองได้ไวขึ้นมาก ซึ่งอาจช่วยลดความหงุดหงิดตอนใช้งานได้ดีทีเดียว

    https://www.neowin.net/news/this-hidden-windows-11-setting-makes-the-system-feel-a-lot-faster/
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนรู้สึกว่า “แม้เครื่องแรง แต่ระบบกลับหน่วง” โดยเฉพาะตอนเปิด Start Menu, Task View หรือสลับ Virtual Desktop ซึ่งดูเหมือนว่าแอนิเมชันที่สวยงามใน Windows 11 จะเป็นตัวฉุดความรู้สึกให้ช้าลง แต่ผู้ใช้งานที่ลอง “ปิดแอนิเมชันทั้งหมด” กลับพบว่า UI กลับมาลื่นปื๊ด! ทุกอย่างตอบสนองไวขึ้นแบบรู้สึกได้ทันที — เหมือนถอดเบรกออกจากอินเทอร์เฟซเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสลับ Desktop ที่เคยกระตุก ตอนนี้แทบไม่มีดีเลย์ สามารถปิดแอนิเมชันได้ 2 วิธี: - เข้า Settings > Accessibility > Visual Effects แล้วปิด Animation effects - หรือกด Win + R พิมพ์ sysdm.cpl ไปที่แท็บ Advanced → กดปุ่ม Settings ในหัวข้อ Performance แล้วติ๊กออกที่:   • Animate controls and elements inside windows   • Animate windows when minimizing and maximizing   • Animations in the taskbar แม้วิธีนี้จะไม่ได้เพิ่ม FPS ในเกมหรือความเร็วการประมวลผล แต่ช่วยให้ระบบตอบสนองได้ไวขึ้นมาก ซึ่งอาจช่วยลดความหงุดหงิดตอนใช้งานได้ดีทีเดียว https://www.neowin.net/news/this-hidden-windows-11-setting-makes-the-system-feel-a-lot-faster/
    WWW.NEOWIN.NET
    This hidden Windows 11 setting makes the system feel a lot faster
    If you feel like Windows 11's UI is a bit too slow, this simple feature could help speed things up significantly.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • Common Grammar Mistakes You May Be Making

    It’s no secret that English is a tough and pretty weird language to learn. There are so many grammar rules and exceptions that even the best of us make mistakes every now and then. However, some grammar mistakes are more common than others. In fact, you might be making some simple grammar mistakes without even knowing it. To do our part in helping everybody become a grammar great, we’ve put together a list that will help solve some of the most common grammar mistakes out there. Keep this list handy before you turn in your next paper or hit send on that important email to be the boss!

    Mistake 1: who or whom?
    Let’s start with a biggie: who and whom are a pair of commonly confused pronouns that are often used to ask questions or refer to unknown people. In short, who is a subject pronoun while whom is an object pronoun. This means that you would use who as you would use I, he, she, and they, and you would use whom in the same places as me, him, them, and us. For example:

    Who (subject) ate my lunch?
    You went to the beach with whom (object)?
    But interrogative sentences often jumble word order around, and many writers hesitate to place the object whom at the beginning of the sentence. Although correct, it just seems odd. For example:

    Whom (object) did you (subject) ask questions to?
    All of that said, in informal speech and writing, speakers will often opt for who where whom has traditionally been used. To learn much more about the differences between who and whom, check out our guide When Do You Use “Who” vs. “Whom”?

    Mistake 2: who or that?
    Who is back again to confuse us. Who and that are another pair of pronouns that can be easily mixed up. Generally speaking, who is used to refer to people (and possibly named animals) and that is used to refer to non-living things (and possibly unnamed animals). For example:

    Who lives here? (refers to a person or people)
    I never want to see that again. (refers to a thing or unnamed animal)
    Both who and that can also be used as relative pronouns to introduce relative clauses that describe nouns. As before, who is typically used to refer to people while that is used to refer to objects.

    I sat by the girl (person) who was wearing a hat.
    Kelly bought a car (object) that has good gas mileage.
    That being said, that is often used to describe people in informal writing. For example:

    He just met the girl that moved in next door.
    Most style guides recommend avoiding using that in this way in formal writing.

    Mistake 3: commas—all the commas
    We move from the apostrophe to possibly the most dreaded punctuation mark of all: the comma. It is hard to know where to even begin with commas, as they are the source of many, many grammar errors. To really master commas, you are best off checking out our amazing guide to proper comma usage. For now, we’ll just look at a couple of common comma mistakes to avoid:

    Common comma mistake: the splice
    This mistake occurs when a comma appears where it shouldn’t. When joining two independent clauses, a comma needs to be followed by a conjunction. But using a comma by itself (as in the first sentence below) is considered an error.

    Mistake: I like strawberry ice cream, my sister doesn’t.
    Fixed: I like strawberry ice cream, but my sister doesn’t.

    Common comma mistake: tricky subordinate clauses
    Subordinate clauses do not require a comma, and it is considered a mistake to use one.

    Mistake: Luke avoids cats, because he is allergic to them.
    Fixed: Luke avoids cats because he is allergic to them.

    Subordinate clauses begin with subordinating conjunctions, such as because, after, before, since, or although.

    Mistake 4: its or it’s?
    Only a single apostrophe separates the frustrating duo if its and it’s. The word its is a possessive pronoun that is used like the words my, his, her, and our. The word it’s is a contraction for the phrase “it is” or “it has.” Despite how similar they look, its and it’s have completely different meanings and usage. For example:

    The door fell off its (possessive) hinges.
    The idea is really bad but it’s (“it is”) the only one we have.
    This common mistake likely has to do with the fact that an apostrophe is used to form the possessive of nouns such as Dave’s or Canada’s. As weird as it looks, its is in fact a possessive despite not using an apostrophe.

    If you are still a little lost, our thorough guide to its and it’s can provide more assistance in separating these two very similar words.

    Mistake 5: their, there, and they’re? (And what about your or you’re?)
    Their, there, and they’re are a trio of homophones that frequently get mistaken for one another. However, they all have different, unique meanings. Let’s look at each one.

    Their is the possessive form of they, and it can be used in place of either the singular or plural they to express ownership or possession. For example:

    The scientists put on their lab coats.
    They’re is a contraction of they are and fills in for it to shorten sentences. For example:

    Becky and Jayden were supposed to be here already, but they’re (“they are”) late.
    There is a word that usually means “that place” as in Tokyo looks so exciting; I wish I could go there. It has a few other meanings, but it isn’t a synonym of either their or they’re.

    Your and you’re are another pair of homophones that commonly get mixed up. Like their, your is the possessive form of the singular and plural you. Like they’re, you’re is a contraction that stands for “you are.” Here are examples of how we use these two similar words:

    I like your jacket. (possession)
    You’re (“you are”) smarter than you think.

    Mistake 6: me or I?
    At first glance, me and I seem simple enough: I is a subject pronoun and me is an object pronoun. We use I as the subject of sentences/clauses and me as the object. For example:

    I (subject) went to sleep.
    Erica likes me (object).
    However, it can be easy to forget these rules when sentences get more complicated, and it gets harder to figure out if something is a subject or object.

    Chris, Daniela, and I (compound subject) played soccer.
    Dad sent birthday presents to my sister and me (compound object).
    The main source of this confusion might be the word than, which can be used as either a conjunction or a preposition. Because of this, both of the following sentences are correct:

    Nobody sings karaoke better than I.
    Nobody sings karaoke better than me.

    Mistake 7: dangling modifiers
    When we use modifiers such as adverbial or participial phrases, we typically want to place them as close to the word they modify as possible. Otherwise, a sentence may end up with a type of mistake called a “dangling modifier.” A dangling modifier is a phrase or clause that either appears to modify the wrong things or seems to modify nothing at all. This common grammar mistake can result in confusing or unintentionally funny sentences. To fix these misplaced modifiers, you’ll want to place them close to the word they modify and make it clear which word or part of the sentence they modify. For example:

    Mistake: While driving, a bear walked in front of my car. (Is a bear driving something?)
    Fixed: While I was driving my car, a bear walked in front of me.

    Mistake: Rubbing their hands together, the winter weather was harsh and cold. (Whoever is rubbing their hands is missing.)
    Fixed: Rubbing their hands together, the explorers tried to stay warm in the harsh and cold winter weather.

    Mistake: Yesterday, I found a stray dog in my underpants. (Was the dog hiding inside your underpants?)
    Fixed: While wearing just my underpants, I found a stray dog yesterday.

    Mistake 8: pronoun antecedents
    When we use pronouns, they must agree in number with their antecedents. The antecedent is the noun that a pronoun is filling in for. It is a mistake to use a plural pronoun with a singular antecedent and a singular pronoun with a plural antecedent. For example:

    Mistake: The bees hid in its hive.
    Fixed: The bees hid in their hive.

    Additionally, we wouldn’t use its to refer to a person, nor would we use personal pronouns to refer to non-living things.

    Mistake: The zoo that Amanda owns is having her grand opening tomorrow.
    Fixed: The zoo that Amanda owns is having its grand opening tomorrow.

    At the same time, it should be clear in a sentence what a pronoun’s antecedent actually is. Avoid making the mistake of having missing or unclear antecedents.

    Missing antecedent: I looked everywhere but couldn’t find her. (Who is her?)
    Unclear antecedent: The toaster was next to the sink when it broke. (What broke? Does “it” refer to the toaster or the sink?)

    To learn a lot more about pronouns and how to use them, check out our great guide to pronouns here.

    Mistake 9: semicolons
    For many, the semicolon is not a punctuation mark that sees a lot of use, which may explain why people make mistakes when trying to use it. As it turns out, semicolons are fairly simple to use. The main thing to remember when using a semicolon is that the sentence following the semicolon doesn’t begin with a capital letter unless it begins with a proper noun. For example:

    I love cats; they are cute and smart.
    Jack and Jill went up a hill; Jill made it up first.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Common Grammar Mistakes You May Be Making It’s no secret that English is a tough and pretty weird language to learn. There are so many grammar rules and exceptions that even the best of us make mistakes every now and then. However, some grammar mistakes are more common than others. In fact, you might be making some simple grammar mistakes without even knowing it. To do our part in helping everybody become a grammar great, we’ve put together a list that will help solve some of the most common grammar mistakes out there. Keep this list handy before you turn in your next paper or hit send on that important email to be the boss! Mistake 1: who or whom? Let’s start with a biggie: who and whom are a pair of commonly confused pronouns that are often used to ask questions or refer to unknown people. In short, who is a subject pronoun while whom is an object pronoun. This means that you would use who as you would use I, he, she, and they, and you would use whom in the same places as me, him, them, and us. For example: Who (subject) ate my lunch? You went to the beach with whom (object)? But interrogative sentences often jumble word order around, and many writers hesitate to place the object whom at the beginning of the sentence. Although correct, it just seems odd. For example: Whom (object) did you (subject) ask questions to? All of that said, in informal speech and writing, speakers will often opt for who where whom has traditionally been used. To learn much more about the differences between who and whom, check out our guide When Do You Use “Who” vs. “Whom”? Mistake 2: who or that? Who is back again to confuse us. Who and that are another pair of pronouns that can be easily mixed up. Generally speaking, who is used to refer to people (and possibly named animals) and that is used to refer to non-living things (and possibly unnamed animals). For example: Who lives here? (refers to a person or people) I never want to see that again. (refers to a thing or unnamed animal) Both who and that can also be used as relative pronouns to introduce relative clauses that describe nouns. As before, who is typically used to refer to people while that is used to refer to objects. I sat by the girl (person) who was wearing a hat. Kelly bought a car (object) that has good gas mileage. That being said, that is often used to describe people in informal writing. For example: He just met the girl that moved in next door. Most style guides recommend avoiding using that in this way in formal writing. Mistake 3: commas—all the commas We move from the apostrophe to possibly the most dreaded punctuation mark of all: the comma. It is hard to know where to even begin with commas, as they are the source of many, many grammar errors. To really master commas, you are best off checking out our amazing guide to proper comma usage. For now, we’ll just look at a couple of common comma mistakes to avoid: Common comma mistake: the splice This mistake occurs when a comma appears where it shouldn’t. When joining two independent clauses, a comma needs to be followed by a conjunction. But using a comma by itself (as in the first sentence below) is considered an error. ❌ Mistake: I like strawberry ice cream, my sister doesn’t. ✅ Fixed: I like strawberry ice cream, but my sister doesn’t. Common comma mistake: tricky subordinate clauses Subordinate clauses do not require a comma, and it is considered a mistake to use one. ❌ Mistake: Luke avoids cats, because he is allergic to them. ✅ Fixed: Luke avoids cats because he is allergic to them. Subordinate clauses begin with subordinating conjunctions, such as because, after, before, since, or although. Mistake 4: its or it’s? Only a single apostrophe separates the frustrating duo if its and it’s. The word its is a possessive pronoun that is used like the words my, his, her, and our. The word it’s is a contraction for the phrase “it is” or “it has.” Despite how similar they look, its and it’s have completely different meanings and usage. For example: The door fell off its (possessive) hinges. The idea is really bad but it’s (“it is”) the only one we have. This common mistake likely has to do with the fact that an apostrophe is used to form the possessive of nouns such as Dave’s or Canada’s. As weird as it looks, its is in fact a possessive despite not using an apostrophe. If you are still a little lost, our thorough guide to its and it’s can provide more assistance in separating these two very similar words. Mistake 5: their, there, and they’re? (And what about your or you’re?) Their, there, and they’re are a trio of homophones that frequently get mistaken for one another. However, they all have different, unique meanings. Let’s look at each one. Their is the possessive form of they, and it can be used in place of either the singular or plural they to express ownership or possession. For example: The scientists put on their lab coats. They’re is a contraction of they are and fills in for it to shorten sentences. For example: Becky and Jayden were supposed to be here already, but they’re (“they are”) late. There is a word that usually means “that place” as in Tokyo looks so exciting; I wish I could go there. It has a few other meanings, but it isn’t a synonym of either their or they’re. Your and you’re are another pair of homophones that commonly get mixed up. Like their, your is the possessive form of the singular and plural you. Like they’re, you’re is a contraction that stands for “you are.” Here are examples of how we use these two similar words: I like your jacket. (possession) You’re (“you are”) smarter than you think. Mistake 6: me or I? At first glance, me and I seem simple enough: I is a subject pronoun and me is an object pronoun. We use I as the subject of sentences/clauses and me as the object. For example: I (subject) went to sleep. Erica likes me (object). However, it can be easy to forget these rules when sentences get more complicated, and it gets harder to figure out if something is a subject or object. Chris, Daniela, and I (compound subject) played soccer. Dad sent birthday presents to my sister and me (compound object). The main source of this confusion might be the word than, which can be used as either a conjunction or a preposition. Because of this, both of the following sentences are correct: Nobody sings karaoke better than I. Nobody sings karaoke better than me. Mistake 7: dangling modifiers When we use modifiers such as adverbial or participial phrases, we typically want to place them as close to the word they modify as possible. Otherwise, a sentence may end up with a type of mistake called a “dangling modifier.” A dangling modifier is a phrase or clause that either appears to modify the wrong things or seems to modify nothing at all. This common grammar mistake can result in confusing or unintentionally funny sentences. To fix these misplaced modifiers, you’ll want to place them close to the word they modify and make it clear which word or part of the sentence they modify. For example: ❌ Mistake: While driving, a bear walked in front of my car. (Is a bear driving something?) ✅ Fixed: While I was driving my car, a bear walked in front of me. ❌ Mistake: Rubbing their hands together, the winter weather was harsh and cold. (Whoever is rubbing their hands is missing.) ✅ Fixed: Rubbing their hands together, the explorers tried to stay warm in the harsh and cold winter weather. ❌ Mistake: Yesterday, I found a stray dog in my underpants. (Was the dog hiding inside your underpants?) ✅ Fixed: While wearing just my underpants, I found a stray dog yesterday. Mistake 8: pronoun antecedents When we use pronouns, they must agree in number with their antecedents. The antecedent is the noun that a pronoun is filling in for. It is a mistake to use a plural pronoun with a singular antecedent and a singular pronoun with a plural antecedent. For example: ❌ Mistake: The bees hid in its hive. ✅ Fixed: The bees hid in their hive. Additionally, we wouldn’t use its to refer to a person, nor would we use personal pronouns to refer to non-living things. ❌ Mistake: The zoo that Amanda owns is having her grand opening tomorrow. ✅ Fixed: The zoo that Amanda owns is having its grand opening tomorrow. At the same time, it should be clear in a sentence what a pronoun’s antecedent actually is. Avoid making the mistake of having missing or unclear antecedents. Missing antecedent: I looked everywhere but couldn’t find her. (Who is her?) Unclear antecedent: The toaster was next to the sink when it broke. (What broke? Does “it” refer to the toaster or the sink?) To learn a lot more about pronouns and how to use them, check out our great guide to pronouns here. Mistake 9: semicolons For many, the semicolon is not a punctuation mark that sees a lot of use, which may explain why people make mistakes when trying to use it. As it turns out, semicolons are fairly simple to use. The main thing to remember when using a semicolon is that the sentence following the semicolon doesn’t begin with a capital letter unless it begins with a proper noun. For example: I love cats; they are cute and smart. Jack and Jill went up a hill; Jill made it up first. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 678 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot Notebooks ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Copilot Chat, ไฟล์, โน้ต และลิงก์ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลูกค้าองค์กร ที่มี Microsoft 365 Copilot, SharePoint หรือ OneDrive licenses และสามารถใช้งานได้บน OneNote เวอร์ชัน 2504 (Build 18827.20128) หรือใหม่กว่า

    สรุปเนื้อหาข่าว
    Microsoft 365 Copilot Notebooks ถูกผนวกเข้ากับ OneNote บน Windows เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    ผู้ใช้สามารถสร้าง Copilot Notebook ได้โดยไปที่ Home > Create Copilot Notebook หรือ New notebook และสามารถเพิ่มเอกสารอ้างอิง เช่น OneNote pages, .docx, .pptx, .xlsx, .pdf หรือ .loop files เพื่อให้ Copilot มีบริบทในการให้คำตอบที่แม่นยำขึ้น
    ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เอกสาร และสร้างเนื้อหาเสียง ได้
    มีข้อจำกัดบางประการ เช่น สามารถเพิ่มไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 20 ไฟล์ และสามารถเพิ่มได้เฉพาะ หน้า OneNote แต่ไม่สามารถเพิ่ม sections หรือ notebooks ได้
    ฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ยังไม่สามารถใช้งานได้ใน Copilot Notebooks เช่น tags, section groups, inking, templates, password protection, Immersive Reader และ offline support
    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ Insider Preview ซึ่ง Microsoft อาจปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    AI ในการทำงาน: การใช้ AI เช่น Copilot ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยลดเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหา
    แนวโน้มของ AI ในองค์กร: หลายองค์กรเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น: Copilot Notebooks มีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือจัดการข้อมูลอื่น ๆ เช่น Notion หรือ Evernote แต่มีการผสานรวมกับ Microsoft 365 ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Microsoft

    ข้อจำกัดของฟีเจอร์: ผู้ใช้ควรทราบว่า Copilot Notebooks ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น จำนวนไฟล์ที่สามารถเพิ่มได้ และฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ที่ยังไม่รองรับ
    การใช้งานในองค์กร: เนื่องจากฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงได้
    ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายการใช้งานของ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-notebooks-now-integrated-in-onenote-on-windows/
    Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot Notebooks ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Copilot Chat, ไฟล์, โน้ต และลิงก์ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลูกค้าองค์กร ที่มี Microsoft 365 Copilot, SharePoint หรือ OneDrive licenses และสามารถใช้งานได้บน OneNote เวอร์ชัน 2504 (Build 18827.20128) หรือใหม่กว่า สรุปเนื้อหาข่าว ✅ Microsoft 365 Copilot Notebooks ถูกผนวกเข้ากับ OneNote บน Windows เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ผู้ใช้สามารถสร้าง Copilot Notebook ได้โดยไปที่ Home > Create Copilot Notebook หรือ New notebook และสามารถเพิ่มเอกสารอ้างอิง เช่น OneNote pages, .docx, .pptx, .xlsx, .pdf หรือ .loop files เพื่อให้ Copilot มีบริบทในการให้คำตอบที่แม่นยำขึ้น ✅ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เอกสาร และสร้างเนื้อหาเสียง ได้ ✅ มีข้อจำกัดบางประการ เช่น สามารถเพิ่มไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 20 ไฟล์ และสามารถเพิ่มได้เฉพาะ หน้า OneNote แต่ไม่สามารถเพิ่ม sections หรือ notebooks ได้ ✅ ฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ยังไม่สามารถใช้งานได้ใน Copilot Notebooks เช่น tags, section groups, inking, templates, password protection, Immersive Reader และ offline support ✅ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ Insider Preview ซึ่ง Microsoft อาจปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ✅ AI ในการทำงาน: การใช้ AI เช่น Copilot ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยลดเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหา ✅ แนวโน้มของ AI ในองค์กร: หลายองค์กรเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ✅ การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น: Copilot Notebooks มีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือจัดการข้อมูลอื่น ๆ เช่น Notion หรือ Evernote แต่มีการผสานรวมกับ Microsoft 365 ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Microsoft ‼️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์: ผู้ใช้ควรทราบว่า Copilot Notebooks ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น จำนวนไฟล์ที่สามารถเพิ่มได้ และฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ที่ยังไม่รองรับ ‼️ การใช้งานในองค์กร: เนื่องจากฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ ‼️ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายการใช้งานของ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-notebooks-now-integrated-in-onenote-on-windows/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 Copilot Notebooks now integrated in OneNote on Windows
    Microsoft has announced the availability of Microsoft 365 Copilot Notebooks in OneNote for Windows as an Insider preview for Enterprise customers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลโกง Bitcoin ATM: วิธีใหม่ในการหลอกลวงทางการเงิน
    Bitcoin ATM กำลังกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของมิจฉาชีพ โดยใช้ กลยุทธ์หลอกลวงทางโทรศัพท์ เพื่อให้เหยื่อ ถอนเงินสดและฝากเข้า Bitcoin ATM ซึ่งทำให้เงินหายไปโดยไม่สามารถติดตามได้

    วิธีการหลอกลวงที่พบในสหรัฐฯ
    มิจฉาชีพใช้โทรศัพท์หลอกเหยื่อให้ถอนเงินสด
    - เหยื่อได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจาก Apple หรือธนาคาร
    - ถูกข่มขู่ว่าบัญชีของตนมีธุรกรรมผิดกฎหมาย เช่น การซื้อสื่อลามกอนาจาร
    - มิจฉาชีพอ้างว่าเงินจะถูกยึดหากไม่รีบถอนและฝากเข้า “บัญชีตัวแทน” ผ่าน Bitcoin ATM

    Bitcoin ATM ถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
    - เครื่องเหล่านี้ไม่สามารถถอนเงินสดได้ แต่รับเงินสดเพื่อแลกเป็นคริปโตเคอร์เรนซี
    - เงินที่ฝากเข้าไปจะถูกโอนไปยังบัญชีที่ไม่สามารถติดตามได้
    - มีการฟ้องร้องบริษัทผู้ให้บริการ Bitcoin ATM ในหลายรัฐ เช่น นิวเจอร์ซีย์และไอโอวา

    มูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - จากปี 2020 ถึง 2023 ความเสียหายจากการหลอกลวงผ่าน Bitcoin ATM เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า
    - ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการเงิน
    Bitcoin ATM อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินและฉ้อโกง
    - มิจฉาชีพสามารถใช้เครื่องเหล่านี้เพื่อรับเงินจากเหยื่อโดยไม่สามารถติดตามได้

    การหลอกลวงทางโทรศัพท์กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น
    - การปลอมหมายเลขโทรศัพท์ (spoofing) ทำให้เหยื่อเชื่อว่ากำลังคุยกับบริษัทจริง

    กฎหมายเกี่ยวกับ Bitcoin ATM ยังไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ
    - บางรัฐเริ่มพิจารณาห้ามการติดตั้ง Bitcoin ATM เพื่อป้องกันการฉ้อโกง

    แนวทางป้องกันและอนาคตของ Bitcoin ATM
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน
    - หากได้รับโทรศัพท์ที่น่าสงสัย ควรติดต่อธนาคารโดยตรงเพื่อยืนยัน

    หน่วยงานกำกับดูแลควรเพิ่มมาตรการป้องกันการฉ้อโกง
    - ควรมีระบบตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติและแจ้งเตือนผู้ใช้

    ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายควบคุม Bitcoin ATM หรือไม่
    - บางรัฐกำลังพิจารณาห้ามการติดตั้งเครื่องเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/14/she-got-a-phone-call-to-deposit-her-money-the-terrifying-scam-inside-bitcoin-atms-in-the-us
    ⚠️ กลโกง Bitcoin ATM: วิธีใหม่ในการหลอกลวงทางการเงิน Bitcoin ATM กำลังกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของมิจฉาชีพ โดยใช้ กลยุทธ์หลอกลวงทางโทรศัพท์ เพื่อให้เหยื่อ ถอนเงินสดและฝากเข้า Bitcoin ATM ซึ่งทำให้เงินหายไปโดยไม่สามารถติดตามได้ 🔍 วิธีการหลอกลวงที่พบในสหรัฐฯ ✅ มิจฉาชีพใช้โทรศัพท์หลอกเหยื่อให้ถอนเงินสด - เหยื่อได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจาก Apple หรือธนาคาร - ถูกข่มขู่ว่าบัญชีของตนมีธุรกรรมผิดกฎหมาย เช่น การซื้อสื่อลามกอนาจาร - มิจฉาชีพอ้างว่าเงินจะถูกยึดหากไม่รีบถอนและฝากเข้า “บัญชีตัวแทน” ผ่าน Bitcoin ATM ✅ Bitcoin ATM ถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน - เครื่องเหล่านี้ไม่สามารถถอนเงินสดได้ แต่รับเงินสดเพื่อแลกเป็นคริปโตเคอร์เรนซี - เงินที่ฝากเข้าไปจะถูกโอนไปยังบัญชีที่ไม่สามารถติดตามได้ - มีการฟ้องร้องบริษัทผู้ให้บริการ Bitcoin ATM ในหลายรัฐ เช่น นิวเจอร์ซีย์และไอโอวา ✅ มูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - จากปี 2020 ถึง 2023 ความเสียหายจากการหลอกลวงผ่าน Bitcoin ATM เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า - ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 🔥 ผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการเงิน ‼️ Bitcoin ATM อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินและฉ้อโกง - มิจฉาชีพสามารถใช้เครื่องเหล่านี้เพื่อรับเงินจากเหยื่อโดยไม่สามารถติดตามได้ ‼️ การหลอกลวงทางโทรศัพท์กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น - การปลอมหมายเลขโทรศัพท์ (spoofing) ทำให้เหยื่อเชื่อว่ากำลังคุยกับบริษัทจริง ‼️ กฎหมายเกี่ยวกับ Bitcoin ATM ยังไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ - บางรัฐเริ่มพิจารณาห้ามการติดตั้ง Bitcoin ATM เพื่อป้องกันการฉ้อโกง 🚀 แนวทางป้องกันและอนาคตของ Bitcoin ATM ✅ ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน - หากได้รับโทรศัพท์ที่น่าสงสัย ควรติดต่อธนาคารโดยตรงเพื่อยืนยัน ✅ หน่วยงานกำกับดูแลควรเพิ่มมาตรการป้องกันการฉ้อโกง - ควรมีระบบตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติและแจ้งเตือนผู้ใช้ ✅ ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายควบคุม Bitcoin ATM หรือไม่ - บางรัฐกำลังพิจารณาห้ามการติดตั้งเครื่องเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/14/she-got-a-phone-call-to-deposit-her-money-the-terrifying-scam-inside-bitcoin-atms-in-the-us
    WWW.THESTAR.COM.MY
    She got a phone call to deposit her money. The terrifying scam inside bitcoin ATMs in the US
    Bitcoin ATMs – generally found at convenience stores, gas stations and other high-traffic areas – have increasingly become the latest tool to separate people from their money.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • GeeFarce 5027 POS: เมื่อ NUC ถูกฝังใน GPU
    CherryTree Inc. ได้สร้าง GeeFarce 5027 POS ซึ่งเป็น การนำ NUC มาฝังไว้ในกราฟิกการ์ด โดยใช้ Gigabyte RTX 20-series รุ่นเก่า และติดตั้ง Asus NUC 13 Pro ที่มาพร้อม Intel Core i7-1360P

    วิธีการทำงานของ GeeFarce 5027 POS
    CherryTree ถอดชิป GPU ออก และแทนที่ด้วย NUC 13 Pro ซึ่งมี 12 คอร์ / 16 เธรด และ กราฟิก Iris Xe พร้อม 64GB DDR4-3200 SO-DIMM และ SSD 2TB PCIe 3.0

    ข้อมูลจากข่าว
    - CherryTree สร้าง GeeFarce 5027 POS โดยฝัง NUC 13 Pro ลงในกราฟิกการ์ด
    - ใช้ Gigabyte RTX 20-series รุ่นเก่าเป็นโครงสร้างหลัก
    - NUC 13 Pro มี Intel Core i7-1360P พร้อม 12 คอร์ / 16 เธรด
    - มาพร้อม 64GB DDR4-3200 SO-DIMM และ SSD 2TB PCIe 3.0
    - สามารถติดตั้งในช่อง PCIe ได้ แต่ไม่ได้ใช้การเชื่อมต่อ PCIe จริง

    ประสิทธิภาพและข้อจำกัด
    แม้ว่า GeeFarce 5027 POS จะสามารถรันเกมบางเกมได้ เช่น Doom และ Quantum Break แต่ Iris Xe iGPU ยังไม่สามารถเทียบกับ RTX 2070 Super ได้

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - PCIe บนกราฟิกการ์ดไม่สามารถใช้งานได้จริง
    - ต้องใช้แหล่งจ่ายไฟแยกผ่านอะแดปเตอร์จากเต้ารับ
    - Iris Xe iGPU มีประสิทธิภาพต่ำกว่ากราฟิกการ์ดแยก
    - GeeFarce 5027 POS เป็นเพียงโปรเจคทดลอง และไม่มีจำหน่ายจริง

    https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/custom-pc-company-stuffs-a-nuc-inside-a-gpu-geefarce-5027-pos-packs-2x-more-memory-than-nvidias-rtx-5090
    🖥️ GeeFarce 5027 POS: เมื่อ NUC ถูกฝังใน GPU CherryTree Inc. ได้สร้าง GeeFarce 5027 POS ซึ่งเป็น การนำ NUC มาฝังไว้ในกราฟิกการ์ด โดยใช้ Gigabyte RTX 20-series รุ่นเก่า และติดตั้ง Asus NUC 13 Pro ที่มาพร้อม Intel Core i7-1360P 🔍 วิธีการทำงานของ GeeFarce 5027 POS CherryTree ถอดชิป GPU ออก และแทนที่ด้วย NUC 13 Pro ซึ่งมี 12 คอร์ / 16 เธรด และ กราฟิก Iris Xe พร้อม 64GB DDR4-3200 SO-DIMM และ SSD 2TB PCIe 3.0 ✅ ข้อมูลจากข่าว - CherryTree สร้าง GeeFarce 5027 POS โดยฝัง NUC 13 Pro ลงในกราฟิกการ์ด - ใช้ Gigabyte RTX 20-series รุ่นเก่าเป็นโครงสร้างหลัก - NUC 13 Pro มี Intel Core i7-1360P พร้อม 12 คอร์ / 16 เธรด - มาพร้อม 64GB DDR4-3200 SO-DIMM และ SSD 2TB PCIe 3.0 - สามารถติดตั้งในช่อง PCIe ได้ แต่ไม่ได้ใช้การเชื่อมต่อ PCIe จริง 🔥 ประสิทธิภาพและข้อจำกัด แม้ว่า GeeFarce 5027 POS จะสามารถรันเกมบางเกมได้ เช่น Doom และ Quantum Break แต่ Iris Xe iGPU ยังไม่สามารถเทียบกับ RTX 2070 Super ได้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - PCIe บนกราฟิกการ์ดไม่สามารถใช้งานได้จริง - ต้องใช้แหล่งจ่ายไฟแยกผ่านอะแดปเตอร์จากเต้ารับ - Iris Xe iGPU มีประสิทธิภาพต่ำกว่ากราฟิกการ์ดแยก - GeeFarce 5027 POS เป็นเพียงโปรเจคทดลอง และไม่มีจำหน่ายจริง https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/custom-pc-company-stuffs-a-nuc-inside-a-gpu-geefarce-5027-pos-packs-2x-more-memory-than-nvidias-rtx-5090
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่องเรือสำราญผ่านธารน้ำแข็ง ชมความงดงามของธรรมชาติ และน้ำทะเลที่มีเงินสะท้อนของภูเขาสูงเสียดฟ้า นับเป็นมุมที่สวยที่สุดของการล่องเรือ ก่อนแวะจอดที่แวนคูเวอร์ เมืองหลวงของอลาสก้า

    ทัวร์ ล่องเรืออลาสก้า พักบนเรือสำราญ Serenade of the Seas 12 วัน 9 คืน

    เส้นทาง แวนคูเวอร์ - จูโน่ - สแก็กเวย์ - ธารน้ำแข็ง inside passage - ซิตก้า - เที่ยวนครแวนคูเวอร์ - ช้อปปิ้ง McArthur Glen Premium Outlet

    วันที่ วันที่ 18 - 29 ก.ค. 68

    ราคาเริ่มต้น : ฿199,900

    พักแวนคูเวอร์ 2 คืน
    พักเรือสำราญ 7 คืน
    รวมทัวร์ล่องเรือชมปลาวาฬ
    รวมทัวร์รถไฟไวท์พาส
    รวมค่าวีซ่าแคนาดา

    รหัสแพคเกจทัวร์ : ROYT-CI-12D9N-YVR-YVR-2507181
    คลิกดูโปรแกรม PDF : 78s.me/e42f6e

    ดูเรือ Royal Caribean ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/648705

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือRoyalCaribean #SerenadeoftheSeas #Alaska #Juneau #MendenhallGlacier #Skagway #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ✨ ล่องเรือสำราญผ่านธารน้ำแข็ง ชมความงดงามของธรรมชาติ และน้ำทะเลที่มีเงินสะท้อนของภูเขาสูงเสียดฟ้า นับเป็นมุมที่สวยที่สุดของการล่องเรือ ก่อนแวะจอดที่แวนคูเวอร์ เมืองหลวงของอลาสก้า 🗻 🐳 ทัวร์ ล่องเรืออลาสก้า พักบนเรือสำราญ Serenade of the Seas 12 วัน 9 คืน 📍 เส้นทาง แวนคูเวอร์ - จูโน่ - สแก็กเวย์ - ธารน้ำแข็ง inside passage - ซิตก้า - เที่ยวนครแวนคูเวอร์ - ช้อปปิ้ง McArthur Glen Premium Outlet 📆 วันที่ วันที่ 18 - 29 ก.ค. 68 💥 ราคาเริ่มต้น : ฿199,900 ✅ พักแวนคูเวอร์ 2 คืน ✅ พักเรือสำราญ 7 คืน ✅ รวมทัวร์ล่องเรือชมปลาวาฬ ✅ รวมทัวร์รถไฟไวท์พาส ✅ รวมค่าวีซ่าแคนาดา ➡️ รหัสแพคเกจทัวร์ : ROYT-CI-12D9N-YVR-YVR-2507181 คลิกดูโปรแกรม PDF : 78s.me/e42f6e ดูเรือ Royal Caribean ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/648705 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือRoyalCaribean #SerenadeoftheSeas #Alaska #Juneau #MendenhallGlacier #Skagway #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 509 มุมมอง 0 รีวิว
  • FDA เปิดตัว Elsa: AI ที่ถูกมองว่าเร่งเปิดตัวเกินไป
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ได้เปิดตัว Elsa ซึ่งเป็น แพลตฟอร์ม AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พนักงานภายใน FDA บางส่วนมองว่าการเปิดตัวนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และระบบยังไม่พร้อมใช้งานจริง

    Elsa ถูกสร้างขึ้นบน Amazon GovCloud และสามารถ วิเคราะห์ข้อมูลภายใน, สร้างสรุป, ร่างอีเมล และช่วยตรวจสอบเอกสาร โดย FDA ระบุว่า Elsa สามารถเปรียบเทียบโปรโตคอลการทดลองทางคลินิกและตรวจจับความผิดปกติในรายงานการตรวจสอบ

    ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ FDA ได้ใช้ Elsa หลายพันครั้ง และ ผู้บริหารของ FDA ยกย่องว่าโครงการนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่คาดไว้

    ข้อมูลจากข่าว
    - FDA เปิดตัว Elsa ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI สำหรับช่วยงานภายในองค์กร
    - Elsa ถูกสร้างขึ้นบน Amazon GovCloud และช่วยวิเคราะห์ข้อมูล, ร่างเอกสาร และตรวจสอบรายงาน
    - สามารถเปรียบเทียบโปรโตคอลการทดลองทางคลินิกและตรวจจับความผิดปกติในรายงานการตรวจสอบ
    - FDA ระบุว่า Elsa ถูกใช้งานหลายพันครั้งตั้งแต่เดือนมกราคม
    - ผู้บริหาร FDA ยกย่องว่าโครงการนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่คาดไว้

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - พนักงานภายใน FDA บางส่วนมองว่า Elsa ยังมีข้อบกพร่องและไม่สามารถทำงานพื้นฐานได้ เช่น คัดลอกและวางข้อความ หรือเปิดลิงก์
    - การเปิดตัว Elsa เกิดขึ้นเร็วเกินไป และทีมงานภายในไม่ได้รับข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับการประกาศสู่สาธารณะ
    - บางคนมองว่าการเปิดตัว Elsa เป็นเพียงกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์มากกว่าการเปิดตัวที่พร้อมใช้งานจริง
    - FDA ระบุว่า Elsa จะได้รับการปรับปรุงผ่านความคิดเห็นของผู้ใช้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการพัฒนาในอนาคต
    - Elsa ถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะภายใน FDA และไม่ได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลของบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล

    แม้ว่า Elsa จะเป็นก้าวสำคัญในการนำ AI มาใช้ในหน่วยงานรัฐบาล แต่การเปิดตัวที่เร่งรีบอาจทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสและประสิทธิภาพของระบบ อย่างไรก็ตาม หาก FDA สามารถปรับปรุง Elsa ให้มีความสามารถมากขึ้น อาจช่วยให้หน่วยงานสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108205-fda-claims-victory-elsa-rollout-but-insiders-ai.html
    🏛️ FDA เปิดตัว Elsa: AI ที่ถูกมองว่าเร่งเปิดตัวเกินไป สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ได้เปิดตัว Elsa ซึ่งเป็น แพลตฟอร์ม AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พนักงานภายใน FDA บางส่วนมองว่าการเปิดตัวนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และระบบยังไม่พร้อมใช้งานจริง Elsa ถูกสร้างขึ้นบน Amazon GovCloud และสามารถ วิเคราะห์ข้อมูลภายใน, สร้างสรุป, ร่างอีเมล และช่วยตรวจสอบเอกสาร โดย FDA ระบุว่า Elsa สามารถเปรียบเทียบโปรโตคอลการทดลองทางคลินิกและตรวจจับความผิดปกติในรายงานการตรวจสอบ ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ FDA ได้ใช้ Elsa หลายพันครั้ง และ ผู้บริหารของ FDA ยกย่องว่าโครงการนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่คาดไว้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - FDA เปิดตัว Elsa ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI สำหรับช่วยงานภายในองค์กร - Elsa ถูกสร้างขึ้นบน Amazon GovCloud และช่วยวิเคราะห์ข้อมูล, ร่างเอกสาร และตรวจสอบรายงาน - สามารถเปรียบเทียบโปรโตคอลการทดลองทางคลินิกและตรวจจับความผิดปกติในรายงานการตรวจสอบ - FDA ระบุว่า Elsa ถูกใช้งานหลายพันครั้งตั้งแต่เดือนมกราคม - ผู้บริหาร FDA ยกย่องว่าโครงการนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดและใช้งบประมาณต่ำกว่าที่คาดไว้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - พนักงานภายใน FDA บางส่วนมองว่า Elsa ยังมีข้อบกพร่องและไม่สามารถทำงานพื้นฐานได้ เช่น คัดลอกและวางข้อความ หรือเปิดลิงก์ - การเปิดตัว Elsa เกิดขึ้นเร็วเกินไป และทีมงานภายในไม่ได้รับข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับการประกาศสู่สาธารณะ - บางคนมองว่าการเปิดตัว Elsa เป็นเพียงกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์มากกว่าการเปิดตัวที่พร้อมใช้งานจริง - FDA ระบุว่า Elsa จะได้รับการปรับปรุงผ่านความคิดเห็นของผู้ใช้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการพัฒนาในอนาคต - Elsa ถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะภายใน FDA และไม่ได้รับการฝึกฝนจากข้อมูลของบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล แม้ว่า Elsa จะเป็นก้าวสำคัญในการนำ AI มาใช้ในหน่วยงานรัฐบาล แต่การเปิดตัวที่เร่งรีบอาจทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสและประสิทธิภาพของระบบ อย่างไรก็ตาม หาก FDA สามารถปรับปรุง Elsa ให้มีความสามารถมากขึ้น อาจช่วยให้หน่วยงานสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต https://www.techspot.com/news/108205-fda-claims-victory-elsa-rollout-but-insiders-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FDA claims victory with "Elsa" AI tool launch, but insiders call it half-baked
    The Food and Drug Administration has officially launched "Elsa," a generative artificial intelligence platform designed to help staff across the agency work more efficiently. However, internal critics...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟันของเรามีต้นกำเนิดจากเกราะของปลายุคโบราณ!
    นักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยชิคาโก ค้นพบว่า เนื้อเยื่อที่ไวต่อความเย็นในฟันของเรา มีต้นกำเนิดมาจาก เกราะของปลายุคโบราณ ซึ่งใช้ในการรับรู้สภาพแวดล้อมแทนการเคี้ยวอาหาร

    งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature ยืนยันว่า เดนทีน (Dentine) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของฟัน ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการเคี้ยวในช่วงแรกของวิวัฒนาการ แต่กลับมีบทบาทในการช่วยให้ปลายุคโบราณ ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำรอบตัว

    นักวิจัยใช้ Synchrotron Scanning ซึ่งเป็นเทคนิคการถ่ายภาพขั้นสูงเพื่อศึกษาฟอสซิลของ Anatolepis heintzi ซึ่งเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุด เนื่องจากมีโครงสร้างคล้ายฟัน

    แต่ผลการสแกนพบว่า Anatolepis ไม่ได้มีเดนทีน แต่มี โครงสร้างรับความรู้สึกที่คล้ายกับสัตว์จำพวกกุ้งและปู ซึ่งช่วยให้พวกมันตรวจจับสภาพแวดล้อม

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิทยาศาสตร์พบว่าเนื้อเยื่อไวต่อความเย็นในฟันมีต้นกำเนิดจากเกราะของปลายุคโบราณ
    - เดนทีนในยุคแรกไม่ได้ใช้ในการเคี้ยว แต่ช่วยให้ปลาตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำ
    - Anatolepis heintzi เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุด
    - Synchrotron Scanning เผยว่า Anatolepis ไม่มีเดนทีน แต่มีโครงสร้างรับความรู้สึกคล้ายสัตว์จำพวกกุ้งและปู
    - นักวิจัยพบว่า Eriptychius ซึ่งเป็นปลายุค Ordovician มีเดนทีนในเกราะของมัน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีหลักฐานใหม่ แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีวิวัฒนาการของฟัน
    - การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
    - ต้องติดตามว่าการศึกษานี้จะส่งผลต่อการวิจัยด้านชีววิทยาและทันตกรรมอย่างไร
    - นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันระหว่างทฤษฎี "Inside-Out" และ "Outside-In" เกี่ยวกับวิวัฒนาการของฟัน

    การค้นพบนี้ช่วยให้เราเข้าใจ วิวัฒนาการของฟันในมุมมองใหม่ และอาจนำไปสู่ การพัฒนาเทคโนโลยีทางทันตกรรมที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการศึกษานี้จะส่งผลต่อแนวคิดทางชีววิทยาในอนาคตอย่างไร

    https://www.neowin.net/news/that-sharp-cold-toothache-you-dread-its-origins-trace-back-to-ancient-unexpected-purpose/
    🦷 ฟันของเรามีต้นกำเนิดจากเกราะของปลายุคโบราณ! นักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยชิคาโก ค้นพบว่า เนื้อเยื่อที่ไวต่อความเย็นในฟันของเรา มีต้นกำเนิดมาจาก เกราะของปลายุคโบราณ ซึ่งใช้ในการรับรู้สภาพแวดล้อมแทนการเคี้ยวอาหาร งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Nature ยืนยันว่า เดนทีน (Dentine) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของฟัน ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการเคี้ยวในช่วงแรกของวิวัฒนาการ แต่กลับมีบทบาทในการช่วยให้ปลายุคโบราณ ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำรอบตัว นักวิจัยใช้ Synchrotron Scanning ซึ่งเป็นเทคนิคการถ่ายภาพขั้นสูงเพื่อศึกษาฟอสซิลของ Anatolepis heintzi ซึ่งเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุด เนื่องจากมีโครงสร้างคล้ายฟัน แต่ผลการสแกนพบว่า Anatolepis ไม่ได้มีเดนทีน แต่มี โครงสร้างรับความรู้สึกที่คล้ายกับสัตว์จำพวกกุ้งและปู ซึ่งช่วยให้พวกมันตรวจจับสภาพแวดล้อม ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิทยาศาสตร์พบว่าเนื้อเยื่อไวต่อความเย็นในฟันมีต้นกำเนิดจากเกราะของปลายุคโบราณ - เดนทีนในยุคแรกไม่ได้ใช้ในการเคี้ยว แต่ช่วยให้ปลาตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของน้ำ - Anatolepis heintzi เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เก่าแก่ที่สุด - Synchrotron Scanning เผยว่า Anatolepis ไม่มีเดนทีน แต่มีโครงสร้างรับความรู้สึกคล้ายสัตว์จำพวกกุ้งและปู - นักวิจัยพบว่า Eriptychius ซึ่งเป็นปลายุค Ordovician มีเดนทีนในเกราะของมัน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีหลักฐานใหม่ แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีวิวัฒนาการของฟัน - การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์มีกระดูกสันหลัง - ต้องติดตามว่าการศึกษานี้จะส่งผลต่อการวิจัยด้านชีววิทยาและทันตกรรมอย่างไร - นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันระหว่างทฤษฎี "Inside-Out" และ "Outside-In" เกี่ยวกับวิวัฒนาการของฟัน การค้นพบนี้ช่วยให้เราเข้าใจ วิวัฒนาการของฟันในมุมมองใหม่ และอาจนำไปสู่ การพัฒนาเทคโนโลยีทางทันตกรรมที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการศึกษานี้จะส่งผลต่อแนวคิดทางชีววิทยาในอนาคตอย่างไร https://www.neowin.net/news/that-sharp-cold-toothache-you-dread-its-origins-trace-back-to-ancient-unexpected-purpose/
    WWW.NEOWIN.NET
    That sharp cold toothache you dread? Its origins trace back to ancient, unexpected purpose
    That cold toothache you dread? Its origins trace back to an interesting ancient adaptation, one that served purposes far beyond chewing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • Notepad อัปเดตใหม่: รองรับตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown
    Microsoft ได้เพิ่ม ฟีเจอร์การจัดรูปแบบข้อความ ให้กับ Notepad บน Windows 11 ซึ่งทำให้แอปนี้เริ่มมีลักษณะคล้าย โปรแกรมประมวลผลคำ มากขึ้น

    Notepad เวอร์ชันใหม่สำหรับ Windows Insiders ใน Canary และ Dev channels มาพร้อมกับ แถบเครื่องมือสำหรับจัดรูปแบบข้อความ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ใช้ตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown-style formatting ได้

    นอกจากนี้ Notepad ยังรองรับ ไฮเปอร์ลิงก์และรายการ bullet-point พร้อมปุ่ม toggle ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สลับระหว่าง Markdown ที่จัดรูปแบบแล้วกับโค้ด Markdown ดิบ

    ข้อมูลจากข่าว
    - Notepad บน Windows 11 รองรับตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown-style formatting
    - Windows Insiders ใน Canary และ Dev channels สามารถทดลองใช้ฟีเจอร์นี้ได้แล้ว
    - รองรับไฮเปอร์ลิงก์และรายการ bullet-point
    - มีปุ่ม toggle สำหรับสลับระหว่าง Markdown ที่จัดรูปแบบแล้วกับโค้ด Markdown ดิบ
    - ผู้ใช้สามารถปิดการจัดรูปแบบและกลับไปใช้โหมด plaintext ได้ในเมนูการตั้งค่า

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ
    - ต้องติดตามว่า Microsoft จะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น การรองรับตาราง หรือการแก้ไขแบบ collaborative หรือไม่
    - Notepad อาจเริ่มแข่งขันกับแอปอื่น ๆ เช่น Notepad++, Sublime Text และ Visual Studio Code
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นผลมาจากการเลิกสนับสนุน WordPad ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกกลางระหว่าง Notepad และ Microsoft Word

    การอัปเดตนี้ทำให้ Notepad มีความสามารถมากขึ้นในการจัดการเอกสาร และอาจช่วยให้ผู้ใช้ ไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมประมวลผลคำอื่น ๆ สำหรับงานพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ อีกหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108132-notepad-gets-bold-italics-markdown-support-latest-update.html
    📝 Notepad อัปเดตใหม่: รองรับตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown Microsoft ได้เพิ่ม ฟีเจอร์การจัดรูปแบบข้อความ ให้กับ Notepad บน Windows 11 ซึ่งทำให้แอปนี้เริ่มมีลักษณะคล้าย โปรแกรมประมวลผลคำ มากขึ้น Notepad เวอร์ชันใหม่สำหรับ Windows Insiders ใน Canary และ Dev channels มาพร้อมกับ แถบเครื่องมือสำหรับจัดรูปแบบข้อความ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ใช้ตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown-style formatting ได้ นอกจากนี้ Notepad ยังรองรับ ไฮเปอร์ลิงก์และรายการ bullet-point พร้อมปุ่ม toggle ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สลับระหว่าง Markdown ที่จัดรูปแบบแล้วกับโค้ด Markdown ดิบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Notepad บน Windows 11 รองรับตัวหนา, ตัวเอียง และ Markdown-style formatting - Windows Insiders ใน Canary และ Dev channels สามารถทดลองใช้ฟีเจอร์นี้ได้แล้ว - รองรับไฮเปอร์ลิงก์และรายการ bullet-point - มีปุ่ม toggle สำหรับสลับระหว่าง Markdown ที่จัดรูปแบบแล้วกับโค้ด Markdown ดิบ - ผู้ใช้สามารถปิดการจัดรูปแบบและกลับไปใช้โหมด plaintext ได้ในเมนูการตั้งค่า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ - ต้องติดตามว่า Microsoft จะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น การรองรับตาราง หรือการแก้ไขแบบ collaborative หรือไม่ - Notepad อาจเริ่มแข่งขันกับแอปอื่น ๆ เช่น Notepad++, Sublime Text และ Visual Studio Code - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นผลมาจากการเลิกสนับสนุน WordPad ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกกลางระหว่าง Notepad และ Microsoft Word การอัปเดตนี้ทำให้ Notepad มีความสามารถมากขึ้นในการจัดการเอกสาร และอาจช่วยให้ผู้ใช้ ไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมประมวลผลคำอื่น ๆ สำหรับงานพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Microsoft จะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ อีกหรือไม่ https://www.techspot.com/news/108132-notepad-gets-bold-italics-markdown-support-latest-update.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Notepad gets bold, italics, and Markdown support in latest update
    Windows Insiders can now access a formatting toolbar in Notepad to apply text styling. This feature is currently available in the Canary and Dev channels, and past...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุปงาน Microsoft Build 2025 (จัดขึ้นวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองซีแอตเทิล) นำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่เน้น AI และระบบ Agentic โดยมีไฮไลต์ดังนี้:
    1️⃣ Microsoft 365 Copilot และ Copilot Studio:
    - Copilot Tuning: ปรับแต่ง AI ให้ทำงานตามสไตล์และรูปแบบขององค์กร เช่น สร้างเอกสาร สรุปเนื้อหา หรือตอบคำถามเฉพาะด้าน
    - Multi-Agent Orchestration: รองรับการทำงานร่วมกันของ AI Agent หลายตัว ผสานทักษะเฉพาะเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น (อยู่ในช่วง Preview)
    - Agent Store: แพลตฟอร์มสำหรับสร้างและเผยแพร่ AI Agent สำหรับ Microsoft 365 Copilot
    - ฟีเจอร์ใหม่ใน Outlook: สรุปอีเมลอัตโนมัติ, แปลงข้อความเป็นงาน, เสนอการตอบกลับตามบริบท, และแนะนำเวลานัดประชุม
    - Copilot Notebooks: เปลี่ยนข้อมูลเป็นข้อมูลเชิงลึกและการดำเนินการทันที (ใช้งานทั่วไปแล้ว)
    - Copilot Search และ Memory: เริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายน 2568
    - ฟีเจอร์ใน Loop และ OneNote: สรุป AI, Checklist แบบไดนามิก, และการติดแท็กตามบริบท
    2️⃣ Microsoft Edge:
    - AI APIs และ Copilot Chat: เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและการแปลเอกสาร PDF
    - Web Filtering: ฟรีสำหรับองค์กร ช่วยบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เหมาะสำหรับการศึกษาและหน่วยงาน
    - กลายเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ผสาน AI และความปลอดภัย
    3️⃣ Azure AI และโครงสร้างพื้นฐาน:
    - Azure AI Foundry: แพลตฟอร์มสำหรับพัฒนา AI Agent และแอปพลิเคชันแบบ end-to-end
    - Agentic DevOps: ช่วยนักพัฒนาสร้างระบบอัตโนมัติด้วย AI-native workflows
    - Microsoft Discovery: แพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ Agent AI เพื่อยกระดับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
    4️⃣ Power Platform:
    - Power Apps และ Power Pages: รองรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI Agent อย่างชาญฉลาด
    - Dynamics 365: ปรับปรุงด้วย AI เพื่อยกระดับแอปพลิเคชันธุรกิจ
    - SDK ตัวเชื่อมต่อ: ช่วยพัฒนาตัวเชื่อมต่อ Power Platform ที่เร็วขึ้นและรองรับข้อมูลที่มีโครงสร้าง
    5️⃣ GitHub และ Coding Agent:
    - Coding Agent: ตัวช่วยเขียนโค้ดสำหรับนักพัฒนา ใช้ AI ในการเขียน, แก้ไข, และบำรุงรักษาโค้ด
    - GitHub Copilot: ใช้งานโดยนักพัฒนากว่า 15 ล้านคน ช่วยเขียนโค้ดและเพิ่มประสิทธิภาพ
    6️⃣ Microsoft Defender:
    - อัปเดตฟีเจอร์ป้องกันมัลแวร์, การป้องกันเว็บ, และแจ้งเตือนความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ รองรับ iOS, Android, Windows, และ Mac (ต้องสมัครสมาชิก Microsoft 365 Personal หรือ Family)
    7️⃣ Windows และ Notepad:
    - AI Write ใน Notepad: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Windows Insiders ช่วยเขียนและปรับปรุงข้อความด้วย AI
    - Windows ถูกพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับนักพัฒนาในยุค AI
    8️⃣ Office 2024:
    - เวอร์ชันซื้อขาด (LTSC) เน้นการใช้งานแบบออฟไลน์ ไม่มีฟีเจอร์ AI เช่น Copilot มีการอัปเดตความปลอดภัย 5 ปี
    - ฟีเจอร์ใหม่: รองรับ OpenDocument Format 1.4, ฟังก์ชันข้อความและอาร์เรย์ใหม่ใน Excel, การกู้คืนเซสชันใน Word, และการออกแบบ Fluent Design

    สรุป: Microsoft Build 2025 เน้นการพัฒนา AI Agent, การผสาน AI เข้ากับทุกแพลตฟอร์ม (Microsoft 365, Azure, Edge, Power Platform, GitHub) และการสร้างระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาดเพื่อยกระดับทั้งนักพัฒนาและองค์กร
    สรุปงาน Microsoft Build 2025 (จัดขึ้นวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองซีแอตเทิล) นำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่เน้น AI และระบบ Agentic โดยมีไฮไลต์ดังนี้: 1️⃣ Microsoft 365 Copilot และ Copilot Studio: - Copilot Tuning: ปรับแต่ง AI ให้ทำงานตามสไตล์และรูปแบบขององค์กร เช่น สร้างเอกสาร สรุปเนื้อหา หรือตอบคำถามเฉพาะด้าน - Multi-Agent Orchestration: รองรับการทำงานร่วมกันของ AI Agent หลายตัว ผสานทักษะเฉพาะเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น (อยู่ในช่วง Preview) - Agent Store: แพลตฟอร์มสำหรับสร้างและเผยแพร่ AI Agent สำหรับ Microsoft 365 Copilot - ฟีเจอร์ใหม่ใน Outlook: สรุปอีเมลอัตโนมัติ, แปลงข้อความเป็นงาน, เสนอการตอบกลับตามบริบท, และแนะนำเวลานัดประชุม - Copilot Notebooks: เปลี่ยนข้อมูลเป็นข้อมูลเชิงลึกและการดำเนินการทันที (ใช้งานทั่วไปแล้ว) - Copilot Search และ Memory: เริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายน 2568 - ฟีเจอร์ใน Loop และ OneNote: สรุป AI, Checklist แบบไดนามิก, และการติดแท็กตามบริบท 2️⃣ Microsoft Edge: - AI APIs และ Copilot Chat: เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและการแปลเอกสาร PDF - Web Filtering: ฟรีสำหรับองค์กร ช่วยบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เหมาะสำหรับการศึกษาและหน่วยงาน - กลายเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ผสาน AI และความปลอดภัย 3️⃣ Azure AI และโครงสร้างพื้นฐาน: - Azure AI Foundry: แพลตฟอร์มสำหรับพัฒนา AI Agent และแอปพลิเคชันแบบ end-to-end - Agentic DevOps: ช่วยนักพัฒนาสร้างระบบอัตโนมัติด้วย AI-native workflows - Microsoft Discovery: แพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ Agent AI เพื่อยกระดับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ 4️⃣ Power Platform: - Power Apps และ Power Pages: รองรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI Agent อย่างชาญฉลาด - Dynamics 365: ปรับปรุงด้วย AI เพื่อยกระดับแอปพลิเคชันธุรกิจ - SDK ตัวเชื่อมต่อ: ช่วยพัฒนาตัวเชื่อมต่อ Power Platform ที่เร็วขึ้นและรองรับข้อมูลที่มีโครงสร้าง 5️⃣ GitHub และ Coding Agent: - Coding Agent: ตัวช่วยเขียนโค้ดสำหรับนักพัฒนา ใช้ AI ในการเขียน, แก้ไข, และบำรุงรักษาโค้ด - GitHub Copilot: ใช้งานโดยนักพัฒนากว่า 15 ล้านคน ช่วยเขียนโค้ดและเพิ่มประสิทธิภาพ 6️⃣ Microsoft Defender: - อัปเดตฟีเจอร์ป้องกันมัลแวร์, การป้องกันเว็บ, และแจ้งเตือนความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ รองรับ iOS, Android, Windows, และ Mac (ต้องสมัครสมาชิก Microsoft 365 Personal หรือ Family) 7️⃣ Windows และ Notepad: - AI Write ใน Notepad: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Windows Insiders ช่วยเขียนและปรับปรุงข้อความด้วย AI - Windows ถูกพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับนักพัฒนาในยุค AI 8️⃣ Office 2024: - เวอร์ชันซื้อขาด (LTSC) เน้นการใช้งานแบบออฟไลน์ ไม่มีฟีเจอร์ AI เช่น Copilot มีการอัปเดตความปลอดภัย 5 ปี - ฟีเจอร์ใหม่: รองรับ OpenDocument Format 1.4, ฟังก์ชันข้อความและอาร์เรย์ใหม่ใน Excel, การกู้คืนเซสชันใน Word, และการออกแบบ Fluent Design ℹ️ℹ️ สรุป: Microsoft Build 2025 เน้นการพัฒนา AI Agent, การผสาน AI เข้ากับทุกแพลตฟอร์ม (Microsoft 365, Azure, Edge, Power Platform, GitHub) และการสร้างระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาดเพื่อยกระดับทั้งนักพัฒนาและองค์กร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 582 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการพิมพ์ 3D ภายในร่างกายมนุษย์

    ทีมนักวิจัยจาก California Institute of Technology (Caltech) นำโดย ศาสตราจารย์ Wei Gao ได้พัฒนาเทคนิค Deep Tissue In Vivo Sound Printing (DISP) ซึ่งช่วยให้สามารถพิมพ์โครงสร้างไฮโดรเจลภายในร่างกายมนุษย์ได้โดยตรง

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเทคนิค DISP
    ใช้คลื่นเสียงเพื่อกระตุ้นการปล่อยสารเคมีจากไลโปโซม
    - ไลโปโซม เป็นอนุภาคไขมันที่บรรจุสารเคมีที่ช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการพิมพ์

    สามารถสร้างโครงสร้างไฮโดรเจลที่กำหนดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
    - ใช้ อัลตราซาวด์เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในพื้นที่เป้าหมายประมาณ 5°C

    มีศักยภาพในการพัฒนาอวัยวะเทียมและการรักษาโรคภายในร่างกาย
    - อาจช่วย ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายหรือสร้างอวัยวะใหม่

    สามารถใช้เพื่อตรวจสอบสัญญาณชีวภาพภายในร่างกาย
    - อาจช่วย ติดตามอาการของโรคและพัฒนาการรักษาโรคมะเร็ง

    มีแผนใช้ AI เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการพิมพ์ในอวัยวะที่เคลื่อนไหว เช่น หัวใจ
    - ช่วยให้ สามารถพิมพ์โครงสร้างที่ซับซ้อนในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/3d-printing-directly-inside-the-human-body
    นักวิจัยสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการพิมพ์ 3D ภายในร่างกายมนุษย์ ทีมนักวิจัยจาก California Institute of Technology (Caltech) นำโดย ศาสตราจารย์ Wei Gao ได้พัฒนาเทคนิค Deep Tissue In Vivo Sound Printing (DISP) ซึ่งช่วยให้สามารถพิมพ์โครงสร้างไฮโดรเจลภายในร่างกายมนุษย์ได้โดยตรง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเทคนิค DISP ✅ ใช้คลื่นเสียงเพื่อกระตุ้นการปล่อยสารเคมีจากไลโปโซม - ไลโปโซม เป็นอนุภาคไขมันที่บรรจุสารเคมีที่ช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการพิมพ์ ✅ สามารถสร้างโครงสร้างไฮโดรเจลที่กำหนดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ - ใช้ อัลตราซาวด์เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในพื้นที่เป้าหมายประมาณ 5°C ✅ มีศักยภาพในการพัฒนาอวัยวะเทียมและการรักษาโรคภายในร่างกาย - อาจช่วย ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายหรือสร้างอวัยวะใหม่ ✅ สามารถใช้เพื่อตรวจสอบสัญญาณชีวภาพภายในร่างกาย - อาจช่วย ติดตามอาการของโรคและพัฒนาการรักษาโรคมะเร็ง ✅ มีแผนใช้ AI เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการพิมพ์ในอวัยวะที่เคลื่อนไหว เช่น หัวใจ - ช่วยให้ สามารถพิมพ์โครงสร้างที่ซับซ้อนในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/3d-printing-directly-inside-the-human-body
    WWW.THESTAR.COM.MY
    3D printing directly inside the human body
    For the first time, researchers in the US have succeeded in printing solid hydrogel structures directly inside the human body.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft นำโปรแกรมแก้ไขข้อความ MS-DOS กลับมาในรูปแบบใหม่

    Microsoft เปิดตัวโปรแกรมแก้ไขข้อความแบบบรรทัดคำสั่ง (CLI) ใหม่สำหรับ Windows 11 ซึ่งเป็นการนำ MS-DOS Editor กลับมาในรูปแบบที่ทันสมัย โดยโปรแกรมนี้ถูกพัฒนาให้มี ขนาดเล็กเพียง 250KB และสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ MS-DOS Editor เวอร์ชันใหม่
    โปรแกรมแก้ไขข้อความใหม่ถูกพัฒนาโดยใช้ภาษา Rust
    - ช่วยให้ มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงขึ้น

    รองรับฟีเจอร์ที่ทันสมัย เช่น การค้นหาและแทนที่ข้อความ, การแก้ไขหลายไฟล์พร้อมกัน และการใช้เมาส์
    - แตกต่างจาก MS-DOS Editor ดั้งเดิมที่ไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้

    มีขนาดเล็กเพียง 250KB และสามารถรวมอยู่ในไฟล์ ISO ของ Windows 11 ได้ง่าย
    - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโปรแกรมแก้ไขข้อความแบบ CLI

    Microsoft วางแผนเปิดตัวโปรแกรมนี้ให้กับผู้ใช้ Windows Insider ก่อน
    - คาดว่า จะเปิดตัวพร้อมกับ Windows 11 เวอร์ชันเสถียรในอนาคต

    โครงการนี้เป็นโอเพ่นซอร์ส และสามารถเข้าถึงได้ผ่าน GitHub
    - ผู้ใช้สามารถ ดาวน์โหลดและทดลองใช้งานได้ทันที

    https://www.techspot.com/news/108003-microsoft-brings-ms-dos-text-editor-back-dead.html
    Microsoft นำโปรแกรมแก้ไขข้อความ MS-DOS กลับมาในรูปแบบใหม่ Microsoft เปิดตัวโปรแกรมแก้ไขข้อความแบบบรรทัดคำสั่ง (CLI) ใหม่สำหรับ Windows 11 ซึ่งเป็นการนำ MS-DOS Editor กลับมาในรูปแบบที่ทันสมัย โดยโปรแกรมนี้ถูกพัฒนาให้มี ขนาดเล็กเพียง 250KB และสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ MS-DOS Editor เวอร์ชันใหม่ ✅ โปรแกรมแก้ไขข้อความใหม่ถูกพัฒนาโดยใช้ภาษา Rust - ช่วยให้ มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงขึ้น ✅ รองรับฟีเจอร์ที่ทันสมัย เช่น การค้นหาและแทนที่ข้อความ, การแก้ไขหลายไฟล์พร้อมกัน และการใช้เมาส์ - แตกต่างจาก MS-DOS Editor ดั้งเดิมที่ไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้ ✅ มีขนาดเล็กเพียง 250KB และสามารถรวมอยู่ในไฟล์ ISO ของ Windows 11 ได้ง่าย - ทำให้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโปรแกรมแก้ไขข้อความแบบ CLI ✅ Microsoft วางแผนเปิดตัวโปรแกรมนี้ให้กับผู้ใช้ Windows Insider ก่อน - คาดว่า จะเปิดตัวพร้อมกับ Windows 11 เวอร์ชันเสถียรในอนาคต ✅ โครงการนี้เป็นโอเพ่นซอร์ส และสามารถเข้าถึงได้ผ่าน GitHub - ผู้ใช้สามารถ ดาวน์โหลดและทดลองใช้งานได้ทันที https://www.techspot.com/news/108003-microsoft-brings-ms-dos-text-editor-back-dead.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft brings the MS-DOS text editor back from the dead, sort of
    Microsoft is reviving the classic MS-DOS Edit utility with a new open-source text editor built for Windows 11. Microsoft developers designed it to provide a native command-line...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ AI ใน File Explorer แต่ผู้ใช้ยังคงไม่พอใจ

    Microsoft เพิ่มฟีเจอร์ "AI Actions" ในเมนูคลิกขวาของ File Explorer ใน Windows 11 โดยเริ่มเปิดให้ทดลองใช้ใน Windows Insider Preview Build 26200.5603 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้หลายคนยังคงไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงของ File Explorer

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AI Actions ใน Windows 11
    AI Actions ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพได้โดยตรงจากเมนูคลิกขวา
    - รวมถึง Blur Background, Erase Objects และ Remove Background

    Bing Visual Search ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาภาพที่คล้ายกันบนอินเทอร์เน็ต
    - รองรับ ไฟล์ JPG และ PNG

    Microsoft วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ AI Actions ที่ใช้ Copilot ในอนาคต
    - เช่น Summarize สำหรับเอกสาร Word, PDF และ TXT บน OneDrive และ SharePoint

    ฟีเจอร์ "Create an FAQ" ใช้ AI สร้างรายการคำถาม-คำตอบจากเอกสาร
    - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ง่ายขึ้น

    Microsoft ยังคงผลักดัน AI ไปยังทุกส่วนของ Windows 11
    - คาดว่า Windows ในอนาคตจะมี AI ฝังอยู่ในทุกฟีเจอร์หลัก

    https://www.techspot.com/news/107994-microsoft-incorporates-new-ai-actions-windows-11-context.html
    Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ AI ใน File Explorer แต่ผู้ใช้ยังคงไม่พอใจ Microsoft เพิ่มฟีเจอร์ "AI Actions" ในเมนูคลิกขวาของ File Explorer ใน Windows 11 โดยเริ่มเปิดให้ทดลองใช้ใน Windows Insider Preview Build 26200.5603 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้หลายคนยังคงไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงของ File Explorer 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AI Actions ใน Windows 11 ✅ AI Actions ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพได้โดยตรงจากเมนูคลิกขวา - รวมถึง Blur Background, Erase Objects และ Remove Background ✅ Bing Visual Search ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาภาพที่คล้ายกันบนอินเทอร์เน็ต - รองรับ ไฟล์ JPG และ PNG ✅ Microsoft วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ AI Actions ที่ใช้ Copilot ในอนาคต - เช่น Summarize สำหรับเอกสาร Word, PDF และ TXT บน OneDrive และ SharePoint ✅ ฟีเจอร์ "Create an FAQ" ใช้ AI สร้างรายการคำถาม-คำตอบจากเอกสาร - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ง่ายขึ้น ✅ Microsoft ยังคงผลักดัน AI ไปยังทุกส่วนของ Windows 11 - คาดว่า Windows ในอนาคตจะมี AI ฝังอยู่ในทุกฟีเจอร์หลัก https://www.techspot.com/news/107994-microsoft-incorporates-new-ai-actions-windows-11-context.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows 11 File Explorer keeps getting worse, now with added AI
    Microsoft's revamp of the Windows 11 File Explorer context menu hid or removed many helpful features, sparking a boom in third-party tools to restore the old interface....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังพัฒนาเครื่องมือโอนย้ายไฟล์แบบไร้สายสำหรับ Windows 11

    Microsoft เตรียมนำฟีเจอร์ "Windows Easy Transfer" กลับมาใน Windows 11 ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เคยมีใน Windows 7 และช่วยให้ผู้ใช้สามารถ โอนย้ายไฟล์, แอป, การตั้งค่า และข้อมูลรับรองไปยังพีซีเครื่องใหม่ผ่านเครือข่าย Wi-Fi

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเครื่องมือโอนย้ายไฟล์แบบไร้สาย
    Windows Backup จะรองรับการโอนย้ายไฟล์ไปยังพีซีเครื่องใหม่ผ่านเครือข่าย Wi-Fi
    - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถตั้งค่าพีซีใหม่ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้ USB หรือฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก

    กระบวนการโอนย้ายต้องใช้รหัสผ่านเพื่อความปลอดภัย
    - ป้องกัน การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ฟีเจอร์นี้ถูกพบใน Windows Insider Build 26200.5600 และ Beta 26120.3964
    - คาดว่า จะเปิดตัวในอัปเดต Windows 11 เวอร์ชันถัดไป

    Windows Backup ยังคงรองรับการโอนย้ายข้อมูลไปยัง OneDrive
    - แต่ OneDrive ให้พื้นที่ฟรีเพียง 5GB ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้บางราย

    ผู้ใช้บางคนต้องการตัวเลือกในการโอนย้ายข้อมูลผ่าน USB เนื่องจากเครือข่าย Wi-Fi อาจไม่เสถียร
    - ปัจจุบัน ยังไม่มีตัวเลือกสำหรับการโอนย้ายแบบออฟไลน์

    https://www.techspot.com/news/107974-microsoft-working-new-wireless-file-transfer-option-windows.html
    Microsoft กำลังพัฒนาเครื่องมือโอนย้ายไฟล์แบบไร้สายสำหรับ Windows 11 Microsoft เตรียมนำฟีเจอร์ "Windows Easy Transfer" กลับมาใน Windows 11 ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เคยมีใน Windows 7 และช่วยให้ผู้ใช้สามารถ โอนย้ายไฟล์, แอป, การตั้งค่า และข้อมูลรับรองไปยังพีซีเครื่องใหม่ผ่านเครือข่าย Wi-Fi 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเครื่องมือโอนย้ายไฟล์แบบไร้สาย ✅ Windows Backup จะรองรับการโอนย้ายไฟล์ไปยังพีซีเครื่องใหม่ผ่านเครือข่าย Wi-Fi - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถตั้งค่าพีซีใหม่ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้ USB หรือฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก ✅ กระบวนการโอนย้ายต้องใช้รหัสผ่านเพื่อความปลอดภัย - ป้องกัน การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ ฟีเจอร์นี้ถูกพบใน Windows Insider Build 26200.5600 และ Beta 26120.3964 - คาดว่า จะเปิดตัวในอัปเดต Windows 11 เวอร์ชันถัดไป ✅ Windows Backup ยังคงรองรับการโอนย้ายข้อมูลไปยัง OneDrive - แต่ OneDrive ให้พื้นที่ฟรีเพียง 5GB ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้บางราย ✅ ผู้ใช้บางคนต้องการตัวเลือกในการโอนย้ายข้อมูลผ่าน USB เนื่องจากเครือข่าย Wi-Fi อาจไม่เสถียร - ปัจจุบัน ยังไม่มีตัวเลือกสำหรับการโอนย้ายแบบออฟไลน์ https://www.techspot.com/news/107974-microsoft-working-new-wireless-file-transfer-option-windows.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft is working on a new wireless file transfer option for Windows 11
    There was a time when Windows 7 users could easily transfer files and folders between PCs using the "Windows Easy Transfer" tool. Microsoft later removed this useful...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts